Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ 265.1-267.2

ตอนที่ 265.1

 

 เพราะเสี่ยวเทียนเหยาและหลิน ชูจิ่วปรากฏตัวขึ้นในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง และหลิน ชูจิ่วที่เป็นถึงหวางเฟยถึงกับเป็นคนดูแลเด็กๆ ที่ถูกทอดทิ้งด้วยตัวเอง มันทำให้หลายคนจ้องมองไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง คนเหล่านั้นคิดว่าอาจมีบางสิ่งที่ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับมันอยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง มิฉะนั้นแล้วทำไมเสี่ยวหวางเย่และเสี่ยวหวางเฟยถึงได้สนใจเด็กๆ ที่ถูกทอดทิ้งเหล่านั้น?


       ในบรรดาคนเหล่านั้นก็รวมหมอหลวงฉินอยู่ด้วย แม้ว่าหมอหลวงฉินจะไม่สามารถยอมรับอาจารย์ของเขาได้ แต่เขาก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อเรื่องนี้ได้ เขาแน่ใจว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการโต้กลับของเสี่ยวหวางเย่ต่อหมอเทวดาโม่ เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเทียนเหยาและหลิน ชูจิ่วไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง หมอหลวงฉินก็ตวรจสอบเรื่องนี้ในทันที หลังจากตรวจสอบแล้ว เขาก็พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์มาก


       หมอหลวงฉินพบว่าไม่เพียงแต่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ที่อยู่ในเมืองหลวงเท่านั้นที่มีเพียงแต่เด็กพิการและทารกที่ผอมแห้ง แต่ทั่วแคว้นตะวันออก ต่างก็ไม่มีเด็กที่โตแล้วแม้แต่คนเดียวหรือเด็กที่มีสุขภาพดีอยู่ด้วยด้วย


       หมอหลวงฉินได้กลิ่นคาวบางอย่างจากเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบต่อไปและพบว่าเด็กที่โตแล้วและมีสุขภาพดีถูกขายออกไป นอกจากนี้เขายังพบว่าทุก ๆ สองสามปีหมอเทวดาโม่จะซื้อเด็กกลุ่มหนึ่งมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง หมอเทวดาโม่ มีลูกศิษย์อยู่มากมาย แล้วทำไมเขาถึงต้องซื้อเด็กๆ จำนวนมากมายมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังด้วย?


       แม้ว่าจะมีหลักฐานไม่เพียงพอ หมอหลวงฉินก็สรุปได้ว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ลับตาคนของเขา ไม่มีใครในโลกนี้ที่เป็นคนโง่อย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่ยังคงมีความสงสัยอยู่ในหัวใจของผู้คน หมอเทวดาโม่ ก็จะไม่สามารถแสร้งทำเป็นวีรบุรุษที่ชอบธรรมได้อีกต่อไป แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำ มันก็เป็นการยากที่จะไม่ทำให้ผู้คนเชื่อมต่อเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกันได้


       หมอหลวงฉินไม่ได้โจมตีหมอเทวดาโม่โดยตรง เขากลับยืมปากของผู้คนเพื่อเปิดเผยเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ความลับที่พวกเขาขายเด็กที่ถูกทอดทิ้งออกไป


       อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยที่เมืองหลวง แต่อยู่ในเมืองอื่นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงออกไป หลังจากข่าวถูกเปิดเผย มันก็ทำให้ผู้คนที่อยู่นอกเมืองหลวงตกใจมาก หลายคนตั้งคำถามต่อราชสำนักและเหล่าขุนนาง


       มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะดูแลเด็ก ๆ ที่ถูกทอดทิ้ง แต่เหตุใดราชสำนักถึงได้เรียกเก็บเงินเพื่อแลกกับการดูแลเด็ก ๆ เหล่านั้น พวกเขาไม่รู้สึกหนาวสั่นในกระดูกสันหลังของพวกเขาบ้างหรืออย่างไร?


       เป็นเวลาหลายปีที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ขายเด็กที่ถูกทอดทิ้งออกไป แต่ราชสำนักกลับไม่รู้เลย หากไม่ใช่เพราะเสี่ยวหวางเย่ไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เรื่องนี้จะถูกเปิดเผยหรือไม่?


       การขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเหล่าขุนนาง ทำให้ผู้คนจำนวนมากผิดหวัง … …


         ในขณะนี้ ที่ศาลเต็มไปด้วยคดีข้อกล่าวหา แม้ว่าจะไม่มีใครกล้าพูดถึงฮ่องเต้โดยตรง แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของผู้คนต่างก็พูดเป็นนัยถึงความไร้ความสามารถของฮ่องเต้ เหล่าขุนนางกินเพียงเนื้อสัตว์และดื่มเลือดของประชาชนเท่านั้น


       ฮ่องเต้โกรธมากและรำคาญจากข่าวนี้ เขาไม่เคยคิดว่าสถานที่เล็ก ๆ อย่างเช่นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง จะกระทบมาที่ใบหน้าของเขาถึงสองครั้ง ดังนั้นเขาจึงสั่งให้สอบสวนกรณีทั้งหมดในทันที …


       เขาไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่!


เด็กนับไม่ถ้วนถูกขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากหมอเทวดาโม่แล้ว หอนางโลมบางแห่งก็ยังมาซื้อเด็กบางคนจากในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เด็กที่เหลือจะถูกเลี้ยงดูอย่างลับๆและจะถูกขายให้กับตระกูลขุนนางในฐานะทาส


       เมื่อเจ้าหน้าที่บางคนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะได้กลิ่นบางอย่าง แล้วถ้าหากเด็กเหล่านั้นที่ถูกขายให้กับเหล่าขุนนาง ถูกเลี้ยงดูให้กลายมาเป็นสายลับเล่า?


       ไม่นานมานี้ เสี่ยวหวางเย่ได้ซื้อข้อมูลเกี่ยวกับความผิดของพวกเขาจากหอเถียนชาง แล้วถ้ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ล่ะ?


       เหล่าขุนนางเพิ่มความกล้าหาญให้กับตัวเองและทำการสอบสวนด้วยตัวเอง หลังจากตรวจสอบแล้ว พวกเขาก็พบบางสิ่งที่ผิดปกติกับคนรับใช้บางคนในบ้านของพวกเขา คนรับใช้เหล่านี้น่าจะเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง


       ยิ่งตรวจสอบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งพบว่ามีปัญหาใหญ่มากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับหลิน เซี่ยง หลังจากตรวจสอบแล้วเขาก็พบว่ามีคนรับใช้สองคนในบ้านของเขาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไปที่พระราชวังในทันทีและรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้

 

 

 


ตอนที่ 265.2

 

    ฮ่องเต้โกรธมากเมื่อได้รับข่าวอื้อฉาวของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เขาคิดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเสี่ยวเทียนเหยา ในการทำลายชื่อเสียงของพระราชวัง แต่หลังจากได้ยินรายงานของหลิน เซี่ยงแล้ว เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป


“ ตรวจสอบเรื่องนี้ในทันทีและรายงานกลับมาที่เจิ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังทำอะไรไปบ้าง? และใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เมื่อฮ่องเต้ได้ยินคำพูดของหลิน เซี่ยงเขาก็รู้สึกเย็นไปทั่วแผ่นหลังของเขา


       ภายใต้จมูกของเขา มีใครบางคนแอบซ่อนพลังอันแข็งแกร่งเอาไว้ แต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย? มันเลวร้ายมาก!


       ฮ่องเต้ไม่เพียงแต่รู้สึกแย่ แต่ยังโกรธเสี่ยวเทียนเหยาที่ค้นพบปัญหานี้ แต่เขากลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผู้คนที่อยู่ใต้เขานั้นไร้ประโยชน์มากจริงๆ


       หัวหน้าของหน่วยองครักษ์เงาถูกเรียกโดยฮ่องเต้ จริงๆ แล้วเขาต้องการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเองก่อน ขั้นตอนแรกคือการเรียกตัวองครักษ์เงาที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดออกมา


       แต่ในขณะนี้เมืองหลวงถูกปกคลุมไปด้วยความตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตระกูลขุนนางทุกคนต่างก็หวาดกลัว พวกเขากลัวว่าอาจมีสายลับซ่อนเร้นอยู่รอบๆ ตัวพวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะขายคนรับใช้เหล่านั้นออกไปได้ที่ไหน


       หมอเทวดาโม่ถูกขังอยู่ในคุก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอก แต่เขาก็ยังได้รับรู้ข้อมูลอยู่ตลอด เมื่อเขาได้รับข่าวเกี่ยวกับปัญหาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ที่ถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็ไม่มีกำลังที่จะทำอะไรทั้งนั้น


       ในไม่ช้าประเด็นเกี่ยวกับหมอเทวดาโม่ ที่ได้ซื้อเด็กที่ถูกทอดทิ้งจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เป็นจำนวนมากแพร่ออกมา เมืองหลวงทั้งหมดก็เกิดความโกลาหล หลังจากได้ยินเรื่องนี้ …


       อย่างไรก็ตาม ยิ่งบรรยากาศด้านนอกเริ่มตึงเครียดมากเท่าไร ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ก็ยิ่งสงบมากเท่านั้น ความสนใจของฮ่องเต้นั้นเน้นไปที่เรื่องเกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เขาไม่มีพลังที่จะมาคิดเกี่ยวกับเสี่ยวเทียนเหยาแม้แต่น้อย


“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าหมอหลวงฉินจะเปิดเผยเรื่องนี้ แต่มันช่วยให้เราประหยัดเวลาไปได้มาก” ซู่ฉาพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่มีความสุข ยิ่งปัญหาของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง กลายเป็นเรื่องใหญ่เร็วเท่าไหร่ ผู้บงการก็จะกระโดดออกมาจากฉากหลังเร็วเท่านั้น


       พวกเขาอยากรู้ว่าใครคือคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้


“จับตาดูไว้ให้ดี เปิ่นหวางไม่ต้องการที่จะพบกับเหตุไม่คาดคิดอีกครั้ง” การมีหมากสีดำชิ้นใหญ่เช่นนี้อยู่ด้านหลัง แม้ว่ามันจะไม่ใช่ศัตรูของเขา เขาก็จะต้องเอามันออกไป


“ มั่นใจได้ เมื่อมีการเคลื่อนไหว ข้าก็จะรู้” ซู่ฉายิ้ม แต่ใบหน้าของเขายังคงดูจริงจัง


       เมื่อเขาได้ยินถึงความมั่นใจของซู่ฉา เสี่ยวเทียนเหยาก็โล่งใจ แต่เขาก็ยังเตือนขึ้น “เตรียมการสำหรับเด็กสองคนนั้นโดยเร็วที่สุด องค์ชายจากแคว้นใต้ได้แอบเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว”


“องค์ชายจากแคว้นใต้แอบเข้ามาในเมืองหลวงแล้วหรือ?” ซู่ฉาดูประหลาดใจมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงด้วยความอับอาย“ข้าละเลยหน้าที่ของข้า ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์ชายคือใคร!”


“ องค์ชายผู้มาเป็นบุตรชายคนที่ห้าของฮ่องเต้แคว้นใต้กับหญิงแคว้ตะวันออก เขาดูเหมือนคนแคว้นตะวันออกมาก จับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด” อีกฝ่ายซ่อนตัวเอาไว้อย่างดี เสี่ยวเทียนเหยา ค้นพบมันด้วยความโชคดีเท่านั้น


       ซู่ฉาผู้มีใบหน้าที่สง่างามตอบอย่างจริงจังขึ้น“ข้าจะทำข้อตกลงกับเด็กสองคนในวันพรุ่งนี้พร้อมกับหวางเฟย”


       โจว เหอ นั้นอ่อนไหวต่อตัวตนของเขามาก และเป็นคนที่ระวังตัวมากต่อคนภายนอก จนถึงตอนนี้ก็มีเพียงหลิน ชูจิ่ว เท่านั้นที่ได้รับความไว้วางใจจากเขา


“อืมมม อย่าเตือนศัตรูให้รู้ตัว” การได้ยินซู่ฉากล่าวถึงชื่อของหลิน ชูจิ่วเขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและมองดูนาฬิกาทรายบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเวลานั้นล่วงเลยมานานแล้ว แต่ซู่ฉายังไม่มีทีท่าว่าจะจากไป เขาก็ถามขึ้น“เจ้ายังมีอะไรอีกหรือไม่”


“ท่านวางแผนที่จะจัดการกับตระกูลเมิ่งอย่างไร? ผู้นำตระกูลเมิ่ง อาจจะมาที่นี่ได้” ซู่ฉาก็รู้ว่าเขาคงจะดูน่ารำคาญในเรื่องนี้ แต่ก็มีหลายอย่างเกิดขึ้นเมื่อเขากับหลิวไป๋ออกไปข้างนอกเพื่อช่วยหมออู๋


“ ไม่มี ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาพูดคุยกับหลิน ชูจิ่วเสีย” เสี่ยวเทียนเหยาพูดแล้วก็ลุกขึ้น เขาสะบัดแขนเสื้อของเขาแล้วเดินจากไป


“ข้ายัง……” ซู่ฉาหันกลับมาเพื่อไล่ตามเสี่ยวเทียนเหยา แต่เสี่ยวเทียนเหยาก็หายตัวไปในทันที เขาช่วยไม่ได้นอกจากถอนหายใจออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวางเย่ทำไมท่านถึงได้รีบจากไปเช่นนี้

 

 

 


ตอนที่ 266.1

 

 เสี่ยวเทียนเหยา จากไปในเวลานี้มันเป็นธรรมชาติที่เขาจะไปพบหลิน ชูจิ่ว


       นับตั้งแต่การสนทนากันครั้งสุดท้ายของพวกเขาในรถม้า หลิน ชูจิ่วก็ออกจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แต่เช้าและกลับมาเย็นๆ ในขณะที่เขาเองก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องราวต่างๆของเขา หลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมา พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งทำให้เสี่ยวเทียนเหยาไม่พอใจมาก


       นี่เป็นวิธีที่เจ้าควรปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้หรือ? หลิน ชูจิ่ว เจ้าจะมากเกินไปแล้ว!


       วันนี้เสี่ยวเทียนเหยามาเร็วมาก เมื่อเขามาถึง หลิน ชูจิ่วก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ในขณะที่ซุยฉีเช็ดผมให้นางอยู่


       ด้านหลังของหลิน ชูจิ่วหันไปทางประตู ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นถึงการมาถึงของเสี่ยวเทียนเหยา แต่เธอสังเกตเห็นว่าซุยฉีเช็ดผมของเธอมาเป็นเวลานานแล้ว หลิน ชูจิ่วช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจในเรื่องนี้“ ถ้าหวางเย่อยู่ที่นี่……” ผมของเธอจะแห้งทันทีและเธอก็จะสามารถนอนหลับได้ในทันที


       “ถ้าเปิ่นหวาง อยู่ที่นี่แล้วอย่างไร มีเรื่องดีอะไรหรือ? “เสี่ยวเทียนเหยาก้าวไปข้างหน้าในขณะที่ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุข


       “ หวางเย่?” จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธอ หลิน ชูจิ่ว จึงตกใจ เธอลุกขึ้นในขณะที่มือของเธอสั่นด้วยความตกใจและกระจกในมือของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นจึงทำให้เกิดเสียงขึ้น


       ซุยฉี เองก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเสี่ยวเทียนเหยามาถึงแล้ว ดังนั้นเมื่อนางได้ยินเสียงของเขา นางจึงหันไปและแสดงความเคารพเขาขึ้นในทันที“หวางเย่……”


       “ อืม ออกไป” เสี่ยวเทียนเหยาไม่รอให้ซุยฉีพูดให้จบ


“ เจ้าค่ะ” ซุยฉีวางผ้าเช็ดผมลงแล้วรีบออกไปทันที แต่แน่นอนว่านางจะไม่ลืมที่จะปิดประตู


       ตอนนี้มีเพียงเสี่ยวเทียนเหยาและหลิน ชูจิ่วที่เหลืออยู่ในห้อง การเห็นเสี่ยวเทียนเหยา ที่อยู่ห่างจากเธอเพียงสามก้าว หลิน ชูจิ่วก็รู้สึกกดดันอย่างมากต่อการมาของเขา


       หลังจากวันนั้น เธอก็ไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา เสี่ยวเทียนเหยาเป็นคนที่ดึงดูดมาก เขาสามารถดึงดูดผู้หญิงจำนวนมากในเมืองหลวงได้ หลิน ชูจิ่วเองก็ยอมรับว่าเธอถูกดึงดูดโดยเขาเช่นกัน แต่……


       หลังจากได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก หลิน ชูจิ่ว ก็จดจำ ตอนนี้เธอกับเสี่ยวเทียนเหยาอยู่ในสถานะที่ถือว่าดี ตอนนี้พวกเขามีความเฉยเมยต่อกันลดลงเพียงเล็กน้อยและได้รับความไว้วางใจต่อกันเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันจะดีกว่าที่จะไม่ได้ใกล้ชิดกันมากเกินไป และจะดีกว่าที่จะรักษาระยะห่างที่เหมาะสมเอาไว้


       หลิน ชูจิ่ว ยุ่งมากในหลายวันที่ผ่านมา ตั้งแต่เช้าจรดค่ำเธอไม่เคยมีโอกาสได้พบกับเสี่ยวเทียนเหยาเลยแม้แต่น้อย เสี่ยวเทียนเหยา ก็ไม่ได้มาหาเธอด้วย เธอคิดว่าเขามีความคิดเช่นเดียวกับเธอเพิ่งแค่เข้ากันได้ก็น่าจะพอแล้ว แต่เธอไม่ได้คาดหวัง … …


       เสี่ยวเทียนเหยาจะมาพบเธอ


       คนสองคนยังคงนิ่งเงียบ แต่ในท้ายที่สุดหลิน ชูจิ่วก็ไม่สามารถทนอยู่ในบรรยากาศเช่นนี้ได้และเริ่มถามขึ้น“ หวางเย่ ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยหรือ?”


“อืม” เสี่ยวเทียนเหยาเข้ามาใกล้และจับไปที่ผมที่เปียกของหลิน ชูจิ่ว อย่างเบามือ“ เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงได้นึกถึงเปิ่นหวางได้?”


ลมหายใจที่อบอุ่นของมนุษย์ทำให้หูของหลิน ชูจิ่ว แดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ หลิน ชูจิ่ว อยากจะถอยหนีออกไปโดยสัญชาตญาณ แต่เธอพบว่าโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ข้างหน้าของเธอ เธอไม่มีทางหนีไปไหนได้ เธอทำได้แค่ขยับไปอีกหน่อยแล้วเพิ่มระยะห่างให้มากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พูดขึ้น“หวางเย่……” ท่านช่วยขยับออกไปอีกหน่อยได้หรือไม่?


“อะไร? ไม่ใช่เจ้าเพิ่งจะบอกว่าถ้าเปิ่นหวางอยู่ที่นี่หรอกหรือ? ตอนนี้ เปิ่นหวางก็มาแล้ว ทำไมเจ้าถึงได้เกิดกลัวขึ้นมา” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้พยายามเข้าใกล้มากขึ้น เมื่อเขาสังเกตว่าหลิน ชูจิ่วเริ่มต้องการที่จะเพิ่มระยะห่าง


“ข้าไม่ได้กลัว…” ข้าแค่รู้สึกอายมากเฉยๆ


       ในขณะนี้แก้มของหลิน ชูจิ่ว มีสีแดงและเธอดูเขินมาก เสี่ยวเทียนเหยา อดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นเช่นนี้“ ไม่ได้กลัว แล้วมันคืออะไร เหตุใดเจ้าถึงได้นึกถึงเปิ่นหวาง”


       นิ้วของเสี่ยวเทียนเหยา ขยับขึ้นไปตามแนวเส้นผมของหลิน ชูจิ่วและหยุดอยู่ที่แก้มของเธอ มันเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แต่หัวใจของหลิน ชูจิ่ว กลับเต้นเร็วมาก เธอหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ก่อนจะยิ้มอย่างแข็งทื่อขึ้นและพูดขึ้น“ ใช่ ข้าเพียงแค่คิดว่าถ้าหวางเย่อยู่ที่นี่ ……”

 

 

 


ตอนที่ 266.2

 

หลิน ชูจิ่วกลืนคำพูดที่เหลือของเธอกลับลงไป เพราะเธอก็มั่นใจว่าถ้าเธอบอกส่วนที่เหลือกับเสี่ยวเทียนเหยา เขาจะกินเธอทั้งเป็น


       แต่… …


       แม้ว่าหลิน ชูจิ่วจะไม่ได้พูดอะไร แต่เสี่ยวเทียนเหยา ก็รู้มาตลอด“ผู้หญิงที่ไม่จริงใจ……ไม่น่ารักเอาเสียเลย”


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ปล่อยหลิน ชูจิ่วไป เขากดไหล่ของเธอลงแล้วพูดขึ้น“เปิ่นหวางขี้เกียจเกินไปที่จะใส่ใจเจ้า นั่งลง”


       หลิน ชูจิ่ว ถูกบังคับให้นั่งบนเก้าอี้โดยเสี่ยวเทียนเหยา แต่ก่อนที่หลิน ชูจิ่ว จะสามารถตอบสนองอะไรได้ เสี่ยวเทียนเหยาก็หยิบผ้าเช็ดผมขึ้นมาแล้วก็เอามาคลุมไว้ที่ผมของเธอ……


       ความร้อนเพียงเล็กน้อยกระจายออกมาและผมของเธอก็แห้งในทันที หลิน ชูจิ่ว ช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับสิ่งนี้


       ในความเป็นจริงเสี่ยวหวางเย่ก็มีด้านที่น่ารักอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องประหม่ามากจนเกินไป


       เสี่ยวหวางเย่ดีกับเธอมากและผมของเธอก็แห้งในทันที


“ ทีนี่ เจ้าจะตอบแทนเปิ่นหวางได้อย่างไร?” เสี่ยวเทียนเหยาโน้มตัวไปข้างหน้าและกดตัวเองลงไปกลับแผ่นหลังของหลิน ชูจิ่ว


       หลิน ชูจิ่ว คิดว่าเธอเพิ่งจะถูกเสี่ยวเทียนเหยา แกล้ง เธอจึงโกรธมาก และก็พูดด้วยใบหน้าที่หนาๆ ขึ้น “จูบเป็นอย่างไร?”


       หลิน ชูจิ่วคิดว่าข้อความนี้จะทำให้เสี่ยวเทียนเหยา กลัวจนจากไป แต่ใครจะคิดว่าเขาจะจริงจังกับมัน“ เปิ่นหวางมีความลังเลที่จะกินความสูญเสียเช่นนั้น การจูบก็… .. ”


       เมื่อคำพูดของเขาหลุดออกมา เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้หลิน ชูจิ่วได้พูดอะไรอีก ก่อนจะอุ้มนางขึ้น


“ อ๊ะ…” หลิน ชูจิ่วตกใจ เธอกอดเสี่ยวเทียนเหยา โดยสัญชาตญาณในขณะที่ร่างของเธอหมุนไปรอบๆ เสี่ยวเทียนเหยากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และในขณะที่เธอเปลี่ยนมานั่งอยู่บนตักของเขา


“หวางเย่ …” หลิน ชูจิ่ว เพิ่งจะเปิดปากของเธอ แต่ก็ถูกปิดโดยริมฝีปากของเสี่ยวเทียนเหยา หลังจากเขาพูดขึ้น“ไม่ว่าการชดใช้จะเป็นการจูบหรือไม่ เปิ่นหวางจะเป็นคนตัดสินเอง”


“ อืม…” หลิน ชูจิ่วดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พบว่าร่างกายของเธอไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ เธอจึงตกลงไปในอ้อมแขนของเสี่ยวเทียนเหยาแทน


“ ดี…แค่ผ่อนคลาย” เสี่ยวเทียนเหยาจูบริมฝีปากของหลิน ชูจิ่วอีกครั้งจากนั้นเขาก็เปิดปากของหลิน ชูจิ่วด้วยลิ้นของเขาอย่างช้าๆแล้วพยายามแลกลิ้นกับเธอ


“ อืม…” หลิน ชูจิ่วผู้ซึ่งไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อนจึงถูกโจมตีโดยเสี่ยวเทียนเหยาได้อย่างง่ายดาย และด้วยการจุมพิตของเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่วจึงไม่สามารถต้านทานได้ เธอสามารถทำได้เพียงรอคอยความเมตตาจากเขาเท่านั้น


       ใครจะรู้ว่าพวกเขาจูบกันอยู่นานแค่ไหน แต่เมื่อหลิน ชูจิ่ว รู้สึกว่าเธอกำลังหายใจไม่ออก เธอก็คว้าไปที่ไหล่ของเสี่ยวเทียนเหยา โดยไม่รู้ตัวและจูบตอบเขาในทันที


       ด้วยการตอบสนองของหลิน ชูจิ่ว จึงทำให้เสี่ยวเทียนเหยา กลายเป็นคนเอาแต่ใจมากขึ้น …


       เมื่อหลิน ชูจิ่วกำลังจะตายจากการขาดอากาศหายใจ ในที่สุดเสี่ยวเทียนเหยาก็ปล่อยเธอ


       หลังจากที่จุมพิตหลิน ชูจิ่วก็สูญเสียพลังงานชีวิตทั้งหมดของเธอไป แก้มของเธอแดง ในขณะที่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ลึกลับ … …


       เมื่อมองไปที่ริมฝีปากที่บวมและชุ่มชื่นของหลิน ชูจิ่ว เสี่ยวเทียนเหยาก็ช่วยไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเบาๆ “เปิ่นหวางชอบของขวัญขอบคุณของเจ้ามาก แต่หลังจากนี้……อย่าใช้คำเหล่านั้นอีกเป็นอันขาด”


“ข้าจะไม่พูดอีก…” หลิน ชูจิ่วที่ไม่มีพละกำลังตอบขึ้นเบา ๆ และก้มหน้าลงไปหยิบหน้าอกของเสี่ยวเทียนเหยา เหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย เขาเหยียดแขนออกมาและเช็ดไปที่ริมฝีปากอันชุ่มชื่นของหลิน ชูจิ่ว จากนั้นเขาก็อุ้มนางขึ้น “นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว ไปที่ห้องนอนแล้วนอนกันเถอะ”


“นอนหรือ? ไม่ใช่ว่าท่านจะจากไปหรอกหรือ?” เมื่อหลิน ชูจิ่วได้ยินคำพูดของเขา สติของเธอก็กลับมาทันที


       เธอ เธอดูเหมือนจะประมาทและเรียกหมาป่าตัวใหญ่ออกมาเสียแล้ว


“เหตุใด? เปิ่นหวางต้องจากไปด้วย” เสี่ยวเทียนเหยาเดินต่อไปอย่างต่อเนื่องแล้ววางหลิน ชูจิ่วลงบนเตียง เมื่อเห็นการแสดงออกอันสับสนของหลิน ชูจิ่ว เขาก็พูดติดตลกขึ้น “ไม่ใช่ครั้งแรก ทำไมเจ้าถึงต้องเขินอาย”


“ ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? มันจะเป็นเช่นครั้งก่อนได้อย่างไร” เธอนอนหลับทุกครั้งที่เสี่ยวเทียนเหยามา เธอไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ …


       เธอดูเหมือนจะประหม่าเล็กน้อย!

 

 

 


ตอนที่ 267.1

 

 ความประหม่าของหลิน ชูจิ่ว นั้นชัดเจนมาก แต่… …


       เสี่ยวเทียนเหยา จะปล่อยหลิน ชูจิ่ว ไปเพราะเธอประหม่าหรือ?


       แน่นอนคำตอบคือไม่


“เจ้าจะชินกับมัน อย่าลืมพวกเราคือสามีภรรยา” เสี่ยวเทียนเหยา ถอดรองเท้าแล้วนอนลงไปบนเตียง ด้วยความแข็งแกร่งที่เต็มเปี่ยมเขาจึงกอดหลิน ชูจิ่วเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาได้อย่างง่ายดาย“ไม่ต้องหลบซ่อน”


       เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมบุตรขุนนางอย่างหลิน ชูจิ่ว จึงได้นอนหลับเหมือนเม่นและม้วนตัวเหมือนลูกบอล


“ ถ้าท่านกอดข้าไว้แบบนี้ ข้าจะได้หลับได้อย่างไร” อากาศกำลังอุ่นขึ้นเธอไม่ต้องการเครื่องทำความร้อนขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของเธอเลย มันร้อนเกินไป


“เจ้าจะไม่หลับได้อย่างไรในเมื่อเจ้าง่วง เปิ่นอย่างยังเคยนอนหลับอยู่ข้างๆ จากกองศพเลย”


“ ฮือ?” ประโยคสุดท้ายของเขาน่ากลัวมาก


       ร่างกายของหลิน ชูจิ่ว แข็งทื่อขึ้น เธอไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย


“ผ่อนคลาย” หลังจากเสี่ยวเทียนเหยาพูดจบ เขาก็หลับตาและตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็นอีก แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำอะไรกับหลิน ชูจิ่วด้วยเช่นดันดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงวางใจได้


       ผ่อนคลายหรือ?


       หลิน ชูจิ่ว ต้องการผ่อนคลาย แต่เธอไม่สามารถผ่อนคลายได้!


       ด้านในของห้องมืดสนิท คนสองคนที่อยู่ใกล้กัน กำลังนอนอยู่บนเตียง แสงจันทร์นอกเรือนก็ถูกปิดด้วยกั้นเช่นกัน หลิน ชูจิ่ว จ้องมองไปที่กำแพงอยู่เป็นเวลานาน


       หลังจากนั้นไม่นาน เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเสี่ยวเทียนเหยาก็ดังขึ้น…


       ร่างกายของหลิน ชูจิ่วก็ ผ่อนคลายขึ้นในพริบตา แต่เธอก็ยังไม่ง่วง หลิน ชูจิ่ว คิดว่าคืนนี้จะกลายเป็นคืนที่นอนไม่หลับ แต่เธอก็เพอหลับไปโดยไม่รู้ตัว


       เมื่อหลิน ชูจิ่วหลับไปแล้ว เสี่ยวเทียนเหยาคนที่ควรจะหลับใหลกลับลืมตาขึ้นมาและมองไปที่หญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขนของเขา ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยทำให้เขาพึงพอใจ


       แต่ถึงแม้ว่านางจะไม่ฉลาดและไม่แข็งแรงพอ เขาก็สบายใจยามที่ได้อยู่กับนาง


       หลังจากหลับตาลงและดมกลิ่นผมของหลิน ชูจิ่ว เสี่ยวเทียนเหยาก็ทิ้งความระมัดระวังของเขาลงและนอนหลับไป


       ในเช้าวันต่อมา หลิน ชูจิ่ว ผู้ที่ตื่นครึ่งไม่ตื่นครึ่ง ยังคงคิดว่าจะเผชิญหน้ากับ เสี่ยวเทียนเหยาได้อย่างไร แต่เธอก็พบว่าเสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้อยู่ข้างๆ เธออีกต่อไปแล้ว


       ข้างๆ เธอผ้าห่มนั้นเย็นแล้ว หลิน ชูจิ่วกลับช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ เธอนั่งอยู่บนเตียงและไม่ขยับเป็นเวลานาน


       เมื่อซุนฉีและฉิวฉี ได้ยินเสียงข้างใน พวกนางก็เรียกหลิน ชูจิ่วอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้น พวกนางก็ไม่รออนุญาตและเข้าไปทันที


       อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกนางเข้ามาข้างใน พวกนางก็พบว่าหลิน ชูจิ่วกำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยความงุนงง ทั้งสองช่วยไม่ได้ที่จะตกตะลึง แต่ฉิวฉี ก็เปิดปากถามขึ้น“ หวางเฟย ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าค่ะ”


       เมื่อหลิน ชูจิ่ว ค้นพบว่าซุนฉีและฉิวฉี เข้ามาข้างใน เธอก็ยังลังเลที่จะเคลื่อนไหว แต่เมื่อเธอได้ยินคำถามของฉิวฉี หลิน ชูจิ่วก็ส่ายหัวและยืนขึ้น


       ซุนฉีและฉิวฉี รู้ว่าหลิน ชูจิ่ว ไม่ต้องการพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นพวกนางจึงไม่กล้าถามอีก พวกนางจึงคอยรับใช้หลิน ชูจิ่ว อย่างระมัดระวังมากกว่าปกติ


       และก็เหมือนเมื่อก่อน มีชามข้าวต้มพร้อมเกี๊ยวและเครื่องเคียงอีกสี่อย่างบนโต๊ะ แต่วันนี้หลิน ชูจิ่วก็กินได้เพียงครึ่งเดียว


“ หวางเฟย ท่านควรรับอาหารเพิ่มอีกหน่อยนะเจ้าค่ะ วันนี้ท่านก็ต้องออกไปข้างนอกอีกครั้งไม่ใช่หรือเจ้าค่ะ” ฉิวฉี รู้ว่าหลิน ชูจิ่ว ยุ่งแค่ไหน นางจึงเป็นห่วงว่า หลิน ชูจิ่ว จะไม่สามารถทนได้ ดังนั้นนางจึงพยายามเกลี้ยกล่อมนางขึ้น


“ข้ากินอะไรไม่ลงแล้ว เพียงแค่เตรียมของขบเคี้ยวไปด้วย ถ้าข้าหิวข้าจะกินเอง”หลิน ชูจิ่วยอมรับว่าเธออยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีเพราะเสี่ยวเทียนเหยาจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย


       แม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันแล้ว แต่แน่นอนว่าสิ่งต่าง ๆ ในคืนที่ผ่านมาไม่เหมือนเดิม..!


       หลิน ชูจิ่ว รู้สึกเสมอว่าในสายตาของเสี่ยวเทียนเหยา เธอเป็นเหมือนลูกแมวหรือลูกสุนัข หากเสี่ยวเทียนเหยา มีความสุขเขาจะหยอกล้อเธอ แต่เมื่อเขาไม่มีความสุขเขาจะทิ้งเธอไว้ข้างหลัง


       มันช่างน่าหดหู่เหลือเกินที่จะคิดถึงมัน 

 

 


ตอนที่ 267.2

 

หลิน ชูจิ่ว ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบเดินออกไปที่ลานหน้าบ้านของเธอและเตรียมพร้อมที่จะออกจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่


ในเวลานี้ เธอต้องดูแลเด็กป่วยทุกคน แม้ว่าพ่อบ้านเฮ้าจะเชิญหมอหลายคนให้มาดูแลเด็กๆ แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนทางการแพทย์บางอย่างมีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถทำได้ เช่นการผ่าตัดเด็กที่มีปากกระต่าย


       มีเด็กไม่กี่คนที่มีริมฝีปากกระต่าย หลิน ชูจิ่ว รักษาเด็กคนหนึ่งในวันแรก เธอต้องการให้ทุกการผ่าตัดเสร็จสิ้นในวันนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


       จากเรือนของหลิน ชูจิ่วไปจนถึงตำหนักใหญ่ของเสี่ยวหวางฟู่ มีระยะทางไกลมาก ไม่สะดวกที่จะมาและไป พ่อบ้านเฮ้าจึง แนะนำให้หลิน ชูจิ่ว เปลี่ยนเรือนของเธอ แต่หลิน ชูจิ่วก็ปฏิเสธ


       ในความเห็นของหลิน ชูจิ่ว การเปลี่ยนเรือนจะถือเป็นการบอกคำใบ้ให้กับเสี่ยวเทียนเหยา เธอไม่ต้องการทำเช่นนั้นเพื่อเสี่ยวเทียนเหยาจะได้เห็นเธอเป็นตัวตลกในอนาคต  


       หลังจากเดินไปมาได้สักพัก หลิน ชูจิ่วก็มาถึงประตู หลิน ชูจิ่ว หายใจเข้าเล็กน้อย แต่เมื่อเธอพร้อมที่จะออกไปข้างนอก เธอก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอขึ้น“ หวางเฟย ช้าก่อน… .. ”


       เมื่อหลิน ชูจิ่วหันหลังกลับไป ก็เห็นว่าเป็นซู่ฉาที่กำลังวิ่งมา “ในที่สุดข้าก็มาถึงที่นี่ ข้าคิดว่าข้าจะมาช้าไปเสียแล้ว” ซู่ฉาเช็ดเหงื่อของเขา เขาสูดลมหายใจเข้าและดูเหนื่อยอยู่ไม่น้อย


“ท่านกำลังตามหาข้าหรือคุณชายซู่?” หลิน ชูจิ่วค่อนข้างสุภาพต่อซู่ฉา เพราะไม่ว่าจะอย่างไรซู่ฉานั้นก็ฉลาดกว่าหลิวไป๋มาก


       ซู่ฉาถอนหายใจและพูดขึ้น“หวางเย่พูดกับข้าเมื่อเช้านี้ ก่อนที่เขาจะจากไปเพื่อให้ข้าไปเป็นเพื่อนหวางเฟยในวันนี้”


“ หวางเย่จากไปแต่เช้าเลยหรือ?” ใครจะรู้ว่าทำไม แต่เมื่อหลิน ชูจิ่ว ได้ยินคำพูดของซู่ฉา เธอก็รู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก


“ ใช่ ดูเหมือนว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับการซุ่มโจมตีก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้จึบเรียกตัวหวางเย่เข้าวัง” ซู่ฉากล่าวอย่างคลุมเครือ หลิน ชูจิ่วเองก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เมื่อเธอรู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาจากไปเร็วเนื่องจากธุระของเขาหลิน ชูจิ่วจึงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เธอปล่อยให้ซู่ฉาตามเธอไปโดยไม่มีความไม่พอใจแต่อย่างใด


“ก่อนที่เราจะไปโรงหมอ เราจะไปที่ถนนจู้เชวี่ยก่อน” หลิน ชูจิ่ว ไม่พูดมากนัก เธอเชื่อว่าซู่ฉาคงจะรู้จักเด็กสองคนนั้นแล้ว


       ภารกิจของซู่ฉาคือการได้พบกับเด็กสองคนนั้น ดังนั้นจึงเป็นธรรมชาติที่เขาจะไม่พูดมากความอะไร“ข้าจะติดตามหวางเฟยไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน”


       หลิน ชูจิ่วยิ้ม แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมซู่ฉาจึงต้องติดตามเธอมาด้วย แต่เธอก็รู้ว่าเขาคงต้องมีสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำ ซู่ฉาไม่ได้พูดอะไร เธอก็ไม่ได้ถาม


       รถม้าวิ่งไปที่ถนนจู้เชวี่ย ด้วยความเร็วที่ไม่น้อย ในขณะที่อยู่บนถนน หลิน ชูจิ่วและซู่ฉาต่างก็ไม่ได้พูดคุยกัน แม้ว่าซู่ฉาจะพบว่ามันน่าเบื่อ แต่เขาก็กลัวว่าหลิน ชูจิ่วจะถามเขามากกว่า


       คนที่มีสายตาที่ฉลาดสามารถมองเห็นได้ เขาไม่ได้มาเพื่อปกป้องนางหรือเฝ้าดูนาง แต่ถ้าจะบอกว่าเขาไม่มีแรงจูงใจเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็จะไม่เชื่อ


       โชคดีที่เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกหลิน ชูจิ่ว มิฉะนั้นสิ่งต่างๆจะยุ่งยากมากขึ้นไปอีก


       เมื่อรถม้าหยุดที่ทางเข้าของโรงเตี้ยม หลิน ชูจิ่วก็ลงจากรถม้า ซู่ฉา ติดตามอยู่ข้างหลังเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดเล็กน้อย


       โจว เหอ และน้องชายที่ป่วยไม่ได้ออกไปข้างนอก เมื่อโจว เหอ ได้ยินเสียงเคาะประตูเขาก็รู้ทันทีว่าเป็นหลิน ชูจิ่ว ดังนั้นเขาจึงเปิดมันออกอย่างไม่ลังเล แต่แล้วเขาก็เห็นซู่ฉา แล้วโจว เหอ ก็เดินไปยืนอยู่หน้าประตู และไม่ยอมให้ซู่ฉา เข้าไปข้างในพร้อมกับถามขึ้น“ฮูหยินน้อย คนผู้นี้เป็นใคร?”


“เขาเป็นผู้ช่วยของข้า” หลิน ชูจิ่วค้นพบเหตุผลที่เหมาะสมสำหรับซู่ฉา โจว เหอมองไปที่ซู่ฉา อย่างตั้งใจ เมื่อเห็นซู่ฉามีใบหน้าที่อ่อนโยนและไม่มีทักษะศิลปะการต่อสู้ เขาจึงปล่อยให้ซู่ฉาเข้ามาพร้อมกับหลิน ชูจิ่ว


       ความตื่นตัวของโจว เหอ ทำให้หลิน ชูจิ่ว เข้าใจในทันที ตัวตนของโจว เหอ นั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนและซู่ฉา มากับเธอก็เพื่อพบเขา เธอไม่รู้ว่าโจว เหอคือใคร แต่ซู่ฉารู้อย่างแน่นอน……

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม