Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ 259.1-261.2
ตอนที่ 259.1
แม้หลังจากที่หลิน ชูจิ่วจากไปแล้ว ผู้คนบนถนนก็ยังไม่แยกย้ายกันไปไหนอยู่เป็นเวลานาน พวกเขาทั้งหมดแบ่งปันความสุขในการได้เห็นเสี่ยวเทียนเหยาในระยะใกล้ๆต่อกันและกัน
เมิ่ง ซิวเหยียนยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วนั่งรออยู่ซักพัก
ไม่มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อเมิ่ง ซิวเหยียน ออกไปข้างนอกและปรากฏตัวบนถนน ผู้คนก็จ้องกลับมาที่เขาอีกครั้ง เมิ่ง ซิวเหยียนคุ้นเคยกับมันมานานแล้วดังนั้นเขาจึงสงบ เขาไม่ได้ดูรำคาญ เขาเพียงแค่เดินขึ้นรถม้าไปอย่างสงบและมุ่งหน้าไปอีกฝั่งของถนนเท่านั้น
เมื่อเขามาถึงที่พักที่จัดเอาไว้ในแคว้นตะวันออกในเวลานั้นก็ดึกมากแล้ว แต่ผู้นำตระกูลเมิ่ง ก็ยังมาพบเขา“ซิวเหยียน เจ้าได้คิดทบทวนเกี่ยวกับมันหรือยัง?” เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถามความเห็นของเขาเกี่ยวกับข้อเสนอของหมอเทวดาโม่
เมิ่ง ซิวเหยียน พยักหน้า เขาแสดงให้เห็นว่าเขาคิด
“ อะไรคือการตัดสินใจของเจ้า” ผู้นำตระกูลเมิ่ง มักจะสงบนิ่งอยู่เสมอ แต่เขาต้องเร่งทำสิ่งต่าง ๆ ในวันนี้
เมิ่ง ซิวเหยียน ส่ายหัวโดยไม่ลังเล ข้าไม่ต้องการยอมรับ!
“ เจ้าปฏิเสธหรือ? หากเจ้าพลาดโอกาสนี้ เจ้าอาจจะไม่สามารถพูดได้อีกเลย” ผู้นำตระกูลเมิ่ง ต้องการเกลี้ยกล่อมบุตรชายของเขา แต่การตัดสินใจของเมิ่ง ซิวเหยียน นั้นมั่นคงนัก เขาส่ายหัวและขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีเสียงออกมา
“ซิวเหยียน เจ้าต้องการจะพูดอะไร” ผู้นำตระกูลเมิ่งรู้ถึงความภาคภูมิใจของบุตรชายของเขาเป็นอย่างดี บุตรชายของเขารู้วิธีการใช้ภาษามือ แต่เขาไม่เคยใช้มัน
เมิ่ง ซิวเหยียน ลุกขึ้นและค้นหาหมึกจากนั้นเขาก็เขียนคำบางคำลงไปบนกระดาษที่อยู่ด้านบนของโต๊ะ ‘สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ‘
“ เกิดอะไรขึ้นที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง?” ผู้นำตระกูลเมิ่ง รู้สึกงงงวย ความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องนี้กับการรักษาของหมอเทวดาโม่มันมาเกี่ยวอะไรกัน?
เมิ่ง ซิวเหยียน เขียนคำอีกคำลงไปบนกระดาษ:ตรวจสอบ!
“ เอาล่ะ ข้าจะลองไปตรวจดู เจ้าก็ลองพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง ข้าจะยังไม่ให้คำตอบกับเขา” ผู้นำตระกูลเมิ่งยังคงหวังว่าเมิ่ง ซิวเหยียน จะเปลี่ยนใจ แต่เมิ่ง ซิวเหยียน ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว มันก็ยากที่จะเปลี่ยน
หลิน ชูจิ่ว กำลังอุ้มเด็กทารถเมื่อเธอมาที่โรงหมอกับพ่อบ้านเฮ้า ลานของโรงหมอไม่ใหญ่ แต่สามารถรองรับเด็กทารถได้หลายสิบคน
คนรับใช้ของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ทำความสะอาดเรือน ทหารคุ้มกันหามเตียงที่เรียบง่ายออกมาและวางเสื่อนุ่ม ๆลงไป สาวใช้ต้มน้ำแล้วอาบน้ำเด็กทารถและเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเขา
ไม่มีเด็กทารถในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ จึงเป็นธรรมชาติที่จะไม่มีเสื้อผ้าเด็ก แม่บ้านที่ทำหน้าที่เย็บปักจึงไม่สามารถหาเสื้อผ้าที่เพียงพอได้ในเวลานี้ดังนั้นพวกเขาจึงห่อเด็กคนอื่น ๆ ด้วยผ้าขนาดใหญ่แทน เพียงพอที่พวกเขาจะสามารถทนต่อความหนาวเย็นได้
เด็ก ๆ ถูกชำระล้างทีละคนๆ จากนั้นพวกเขาก็ถูกนำตัวไปหาหลิน ชูจิ่วเพื่อตรวจสอบ หากเด็กมีไข้และเสมหะ พวกเขาจะถูกนำไปวางไว้ในอีกที่เพื่อที่จะได้ทำการรับษาต่อไป
ทันทีที่เด็ก ๆ ถูกแบ่งออกตามสภาพของพวกเขา หลิน ชูจิ่วก็เริ่มยุ่งมาก
ซุยฉีและฉิวฉี ถูยาลงไปตรงผื่นของเด็กๆ ในขณะที่หลิน ชูจิ่ว ให้ยาแก้ไข้สำหรับเด็กๆ
บางครั้งหลิน ชูจิ่วก็จะดูแลทารกที่เป็นโรคปอดบวม แต่ในท้ายที่สุดเธอสามารถวางเขาไว้ในห้องที่ติดเชื้อเท่านั้น มิฉะนั้นหากเธอพาเขาออกไปที่ห้องอื่นๆ เด็กคนอื่น ๆ ก็จะติดเชื้อไปด้วย
มีเด็กหลายสิบคน แต่มีหลิน ชูจิ่ว คนเดียวเท่านั้นที่รักษาพวกเขา ไม่มีหมอคนอื่นๆอยู่ ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงยุ่งมาก พ่อบ้านเฮ้าพยายามพูดคุยกับหลิน ชูจิ่วหลายครั้ง แต่หลิน ชูจิ่วก็ไม่สนใจเขา เมื่อเห็นว่าหวางเฟยของเขานั้นยุ่งแค่ไหนพ่อบ้านเฮ้าก็ดูเศร้าใจเป็นอย่างมาก
หวางเย่ของพวกเขาได้ถามเขาอยู่หลายครั้งแล้วว่าหลิน ชูจิ่ว จะกลับมาที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่หรือไม่ ตอนนี้หวางเย่ของพวกเขาคงต้องโกรธมากแน่ๆ
“หวางเฟย……” เมื่อหลิน ชูจิ่ว ดึงเข็มฉีดยาออกจากทารกที่เป็นโรคปอดบวมแล้ว ในที่สุดพ่อบ้านเฮ้า ก็ได้รับคำตอบของเขา“ พ่อบ้านเฮ้า ท่านมีอะไรจะพูดหรือ? ตอนนี้ข้ายุ่งมาก ไว้กลับไปค่อยคุยกัน”
หวางเฟย ข้ารู้ว่าท่านยุ่งมาก แต่…
“ หวางเฟย หวางเย่ ถามว่าเมื่อไหร่ท่านจะกลับขอรับ?” พ่อบ้านเฮ้า ไม่ได้พูดว่าหวางเย่ ของพวกเขาสั่งให้นางกลับไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ในทันที
ตอนที่ 259.2
“เมื่อไหร่นะหรือ? ข้าคิดว่าน่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม ข้ายังไม่สามารถจากไปได้ในตอนนี้ “หลิน ชูจิ่วรีบออกไปหลังจากทิ้งคำพูดเหล่านั้น
“ หวาง……” พ่อบ้านเฮ้า คนที่ไม่มีโอกาสได้พูด ได้แต่กลืนคำพูดของเขากลับลงไปเท่านั้น
หลิน ชูจิ่ว ยังไม่ได้กลับไป ดังนั้นพ่อบ้านเฮ้า ก็ไม่ได้กลับไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่เช่นกัน เขาอยู่กับหลิน ชูจิ่วที่โรงหมอต่อไป
ในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เสี่ยวเทียนเหยาคนที่กำลังรอให้หลิน ชูจิ่วกลับมา ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้หญิงโง่นั่น นางไม่รู้หรือว่าข้างนอกนั้นอันตราย นางยังคงกล้าที่จะไม่กลับมาอีกหรือ? นางรู้หรือไม่ว่านางเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
เมื่อเห็นใบหน้าของเสี่ยวเทียนเหยา เริ่มน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ ซู่ฉาก็ช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจและถามขึ้น “หวางเย่ หวางเฟยยังไม่กลับมาอีกหรือ?”
เสี่ยวเทียนเหยามองอย่างเย็นชาไปที่ซู่ฉา“ ถ้าเจ้ามีเวลามาวุ่นวายเรื่องของเปิ่นหวาง ทำไมเจ้าไม่หาสมุนไพรใหม่ๆ มาแทน”
“ โอ้……ท่านหมายถึงการปล้นสมุนไพรในวังนะหรือ” ซู่ฉาพูดขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ ขณะก้าวถอยหลังไป
เขาอยู่ห่างจากเสี่ยวเทียนเหยาไกลมากแล้ว เขารู้สึกปลอดภัยแล้ว
“หลังจากที่เจ้าปล้นสมุนไพรในวังแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องหาชุดใหม่อีกเลยหรือ?” เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่ซู่ฉาก่อนจะพูดขึ้น“ ทำไมเจ้าถึงได้โง่เช่นนี้”
“ข้า ข้าก็กำลังจะไปหาสมุนไพรชุดใหม่อยู่พอดี” หลังจากรู้ถึงอารมณ์เสี่ยวเทียนเหยา ซู่ฉาก็รีบจากไปอย่างรีบร้อน
เสี่ยวเทียนเหยาไม่เคลื่อนไหวใดๆ เขานั่งอยู่เพียงลำพังในห้องอักษรและรอให้หลิน ชูจิ่วกลับมา อย่างไรก็ตามเขาสามารถรอได้เพียงแค่หนึ่งชั่วยาม และเขาก็ไม่สามารถทนรอหลิน ชูจิ่วได้อีกต่อไป
หัวคิ้วของเสี่ยวเทียนเหยาขมวดขึ้นก่อนจะยืนขึ้น แล้วร่างของเขาก็หายไปในทันที ทำให้องครักษ์เงาถึงกับพูดไม่ออก
“ นายท่าน ถ้าท่านจะจากไปเร็วขนาดนี้ แล้วพวกเราจะตามทันได้อย่างไร!”
หลิน ชูจิ่วบอกว่าเธอจะกลับไปหลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วยาม ดังนั้นเธอจึงยุ่งมากอยู่เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเต็ม หลังจากให้คำแนะนำกับซุยฉีและฉิวฉี เกี่ยวกับวิธีดูแลเด็ก ๆ หลิน ชูจิ่วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอ และตามที่คาดไว้เธอกลับไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่พร้อมกับพ่อบ้านเฮ้า แต่…
ในขณะที่อยู่กลางถนน พวกเขาพบกับการซุ่มโจมตี!
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิด กลุ่มนักฆ่าชุดดำกลุ่มหนึ่งออกมาจากที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ เมื่อมือสังหารแน่ใจว่าหลิน ชูจิ่ว อยู่ในรถม้าพวกเขาก็รีบวิ่งไปพร้อมกับดาบ
“ ฆ่าเสี่ยวหวางเฟย!” นักฆ่าไม่สนใจดาบยาวของทหารคุ้มกันของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แม้แต่น้อย หลังจากทำลายการป้องกันลง พวกเขารีบไปที่รถม้าทันที
*ปัง*
เมื่อดาบตกลงมา รถม้าก็ถูกแยกออกจากตรงกลาง หลิน ชูจิ่ว กลิ้งไปด้านข้าง ดาบเกือบจะตัดหนังศีรษะของเธอไปแล้ว แต่ก็ทำให้เธอต้องเสียเส้นผมบางเส้นไป
นักฆ่าพลาดเป่าหมาย ดังนั้นเขาจึงยกดาบขึ้นอีกครั้ง……
“ ปกป้องหวางเฟย”หทารคุ้มกันฆ่ามือสังหารไปคนหนึ่งและตะโกนขึ้นหลังจากที่เขาแทงนักฆ่าแล้ว เขาก็ต้องการที่จะผลักคนออกไปเพื่อที่จะได้เข้าไปใกล้รถม้า แต่ดาบยาวเล่มหนึ่งก็หยุดเขาไว้ เขาเห็นมันกำลังพุ่งเข้าหาหลิน ชูจิ่ว
ใบหน้าของทหารคุ้มกันเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาต้องการฆ่านักฆ่า แต่นักฆ่าเหล่านั้นก็อยู่ไกลเกินไปและมันก็สายเกินไป
หลิน ชูจิ่ว มองดูดาบยาวๆ ที่เปล่งประกายซึ่งกำลังพุ่งเข้าหาหัวของเธอ เธอพูดกับตัวเองว่าเธอไม่กลัว แต่ตอนนี้ที่มันเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ เธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว แต่เธอก็ต้องหลบหนี!
หลังจากใช้มือทั้งสองจับไว้ที่หัวของเธอ หลิน ชูจิ่วก็รีบกลิ้งลงไปอีกครึ่งหนึ่งของรถม้า…
*ปัง*
ดาบถูกฟาดฟันลงไปบนไม้และหลิน ชูจิ่วก็ล้มลงไปใต้ม้าที่ลากรถม้ามา ม้าที่กำลังลากรถม้านั้นไม่สงบอยู่ในตอนนี้ สี่ขาของมันกระโดดย่ำอยู่กับบนพื้นอย่างต่อเนื่อง หลิน ชูจิ่ว เกือบจะถูกเหยียบลงไปบนหัวของเธอแล้ว
“ เสี่ยวหวางเฟยอยู่ใต้ม้า โจมตีม้าตัวนั้น!” นักฆ่าไม่ได้ให้โอกาสหลิน ชูจิ่วได้มีชีวิตรอด นักฆ่าอีกคนฟันไปที่ม้าพยายามที่จะทำให้มันโมโหและปล่อยให้หลิน ชูจิ่วเสียชีวิตภายใต้เกือกม้า……
ตอนที่ 260.1
จำนวนนักฆ่านั้นมีมากกว่าทหารคุ้มกันของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าตาจน พวกเขาสามารถตอบโต้การโจมตีของมือสังหารได้แต่พวกเขาไม่สามารถกำจัดพวกมันได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่เฝ้าดูหลิน ชูจิ่วที่กำลังถูกม้าโจมตีเท่านั้น
“ หวางเฟย หวางเฟย….โปรดระวังด้วย” พ่อบ้านเฮ้าพูดในขณะที่เขาม้วนตัวขึ้นจากภายในรถม้า ตะเกียงน้ำมันด้านในดับไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีไข่มุกรัตติกาลอยู่สองสามลูกภายในรถม้า พ่อบ้านเฮ้าก็จะไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลิน ชูจิ่ว อยู่ที่ไหน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นกรณีนั้นพ่อบ้านเฮ้า ก็ยังกล้าที่จะรีบเร่งออกไปและเพิ่มความวุ่นวายให้กับทหาร
ร่างของม้ามีขนาดใหญ่มาก จึงมองเห็นได้อย่างง่ายดาย นักฆ่าเพียงแค่ต้องยกดาบขึ้นเพื่อทำร้ายม้า เมื่อม้าบาดเจ็บและรู้สึกเจ็บปวดมันจึงวิ่งหนีไปอย่างรุนแรงเพื่อพยายามช่วยตัวเอง
“ แล้วเสี่ยวหวางเฟยเล่า?” ม้าที่ได้รับบาดเจ็บส่งเสียงร้องและวิ่งออกไปไกล ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าแม้ว่าหลิน ชูจิ่วจะพยายามซ่อนตัว นางก็จะถูกเหยียบครั้งหรือสองครั้ง ตราบใดที่นางได้รับบาดเจ็บจากเกือกม้า นางก็จะไม่สามารถหนีไปไหนได้ การฆ่านางจะง่ายมากขึ้น แต่… …
ม้าวิ่งออกไปไกลเกินกว่าสิบเมตรแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นหลิน ชูจิ่ว
“ เร็วเข้า เอาไฟมาแล้วออกไปตามหานาง ค้นดูว่านางไปอยู่ที่ไหน” แสงของมุกที่อยู่ใกล้ ๆ นั้นมีจำกัด มันไม่สามารถส่องแสงออกไปถึงระยะไกลๆ ได้
นักฆ่าจุดประกายคบเพลิงขึ้นและเดินไปรอบ ๆ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบหลิน ชูจิ่ว
“เสี่ยวหวางเฟยคงต้องกอดท้องม้าเอาไว้ แล้วซ่อนตัวอยู่ข้างใต้มัน”
ใช่เมื่อนักฆ่าเตรียมพร้อมที่จะทำร้ายม้า หลิน ชูจิ่วก็เครื่องไหวอย่างรวดเร็วและดึงเชือกรอบร่างของม้าเอาไว้ เธอโอบขาของเธอไปรอบ ๆ ท้องม้าแล้วซ่อนตัวอยู่ข้างใต้มัน
นักฆ่าไม่กล้าสนใจทหารคุ้มกันของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่อีกต่อไป พวกมันรีบวิ่งไล่ตามม้าออกไปทันที เมื่อพวกทหารได้ยิน พวกเขาก็ไล่ตามหลังม้าและตะโกนขึ้น
“หวางเฟย ปีนขึ้นไปบนหลังม้า คว้าสายบังเหียนแล้วกลับไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่”ทหารคุ้มกันกังวลว่าหลิน ชูจิ่วอาจจะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป เขาจึงแนะนำขึ้น แต่……
พวกเขายังเตือนนักฆ่าอีกด้วย
“ ฆ่าม้าซะ!” ถ้าไม่มีม้า หลิน ชูจิ่ว ซึ่งเป็นผู้หญิงอ่อนแอยอมไม่สามารถไปที่อื่นได้
“ ช่างทำตัวราวกับหมูตัวหนึ่งจริงๆ!” หลิน ชูจิ่ว ยังคงกอดท้องม้าเอาไว้ ตอนนี้มือของเธอรู้สึกเมื่อยล้าและเจ็บ แต่เธอก็ยังคงพยายามปีนขึ้นไป เธอไม่หวังที่จะประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเธอได้ยินบทสนทนาระหว่างทหารคุ้มกันและมือสังหาร
เป็นเวลาครู่หนึ่งที่หลิน ชูจิ่วรู้สึกขมขื่น
เธอไม่ได้โง่อย่างที่ทหารคุ้มกันคิดและเธอก็ไม่ต้องการการเตือน เธอรู้ว่าต้องทำอย่างไร
คราวนี้นักฆ่าหยุดไล่ตาม หลิน ชูจิ่ว เขาขว้างดาบของเขาเข้าหานางแทน เมื่อเห็นเท้าของหลิน ชูจิ่ว อยู่ที่หลังม้าและร่างของนางก็แขวนอยู่ที่ด้านข้าง นักฆ่าจึงไม่ลังเลที่จะโยนดาบเข้าหานาง
ใบมีดพุ่งตรงไปที่หลิน ชูจิ่ว…
“สารเลว!” หลิน ชูจิ่วช่วยไม่ได้ที่จะสาปแช่งขึ้น เธอพยายามอย่างหนักที่จะปีนขึ้นม้า แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปล่อย
ใช่ หลิน ชูจิ่ว ไม่ต้องการปล่อยม้า แต่เธอก็ต้องคลายมือของเธอออกและผลักตัวเองออกไปจากม้า……
การหลบหนีในขณะขี่ม้าเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้านั้นหมายถึงถ้าเธอมีโอกาส!
โดยไม่มีความลังเลใดๆ หลิน ชูจิ่ว ปล่อยมือของเธอ เธอหลับตาแล้วปล่อยให้ตัวเองตกลงไปบนพื้น……
ม้ายังคงวิ่งไปข้างหน้าแม้ความเร็วจะไม่เร็วมากนัก แต่ถ้าหากว่าเธอตกลงไปหลิน ชูจิ่วก็คงจะแขนหรือไม่ก็ขาหัก อย่างไรก็ตามโดยไม่คาดคิด … …
จู่ๆ ก็มีลมแรงพัดพรวดผ่านร่างเธอไปทางด้านหลัง เมื่อเธอได้สติกลับมา เธอก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น
เธอรอดแล้วหรือ!
หลิน ชูจิ่ว ลืมตาขึ้นและเห็นร่างของเสี่ยวเทียนเหยา “ หวางเย่? ท่าน..ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” จริง ๆ แล้วมันก็คือเสี่ยวเทียนเหยา… มันไม่น่าเชื่อจริงๆ
“ นอกเหนือจากเปิ่นหวางแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก?” เสี่ยวเทียนเหยาอุ้มหลิน ชูจิ่วและเตะดาบที่อยู่บนพื้น ดาบนั้นลอยขึ้นมาแล้วก็ตกลงมาบนมือของเขา จากนั้นเขาก็โยนมันไปข้างหลังของเขา ก่อนจะได้ยินเสียงร้องของนักฆ่าที่กำลังจะตาย และเขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้
ตอนที่ 260.2
“ หวางเย่มาแล้ว หวางเฟยจะไม่เป็นไร” พ่อบ้านเฮ้า ไม่ได้เห็นการปรากฏตัวของเสี่ยวเทียนเหยา แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงของหลิน ชูจิ่ว เขาก็หมดสติไปทันที
เขาแก่เกินไป เขาไม่สามารถทนกับเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ได้อีกต่อไป!
“ จับไว้แน่นๆ ” เสี่ยวเทียนเหยากอดหลิน ชูจิ่วไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเดินไปที่มือสังหารที่ตายแล้วด้วยดาบที่ยังติดอยู่ในร่างกายของเขา หลิน ชูจิ่ว ไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่เธอก็เห็นเพียงแค่เลือดกำลังกระเซ็นอยู่ตรงหน้าเธอ
ร่างของนักฆ่าตกลงมาทีละตัวๆ ภายใต้น้ำมือของเสี่ยวเทียนเหยา มือสังหารเหล่านั้นเป็นเหมือนไก่ อีกครั้งที่หลิน ชูจิ่ว เข้าใจว่าเสี่ยวเทียนเหยานั้นมีอำนาจมากเพียงใด
สามีของเธอแข็งแกร่งมากและแข็งแรงพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวเขา แต่ก็ทำให้คนรู้สึกสบายใจ
ระหว่างทาง เสี่ยวเทียนเหยาฆ่านักฆ่าทั้งหมดที่เขาพบ ไม่มีใครกล้าหยุดเขา เพราะไม่มีใครหยุดเขาได้
เมื่อทหารคุ้มกันของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่มาถึงเสี่ยวเทียนเหยาก็ขว้างดาบในมือของเขาออกไปแล้วพูดอย่างเย็นชาขึ้น “ทำความสะอาดสิ่งต่างๆและส่งร่างของพวกเขาไปที่ศาลในเช้าวันพรุ่งนี้”
นักฆ่าเหล่านั้นไม่ได้มาเพื่อสังหารเสี่ยวเทียนเหยา มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แต่เมื่อเขาปรากฏตัวเขาก็สามารถพูดได้ว่าพวกมันมาเพื่อฆ่าเขา ศาลจะต้องให้การสอบสวนอย่างชัดเจนแก่เขา
มือสังหารถูกจัดการในทันทีทันใด ทหารคุ้มกันรู้สึกละอายใจมาก
พวกเขาเป็นทหารคุ้มกันของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเขาในการปกป้องหวางเย่ของพวกเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วหวางเย่ของพวกเขาไม่ต้องการการปกป้อง แต่พวกเขากลับเป็นฝ่ายต้องการการปกป้องจากหวางเย่เสียเอง
พวกเขาเสียหน้าในฐานะหทารคุ้มกันตำหนักเสี่ยวหวางฟู่
“หารถม้า!” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ตำหนิเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ล้มเหลว เขารู้ดีถึงระดับความสามารถของทหารของเขา ไม่ใช่ว่าทหารของเขาไม่สามารถต่อสู้ได้ แต่เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป
พวกเขาล้มเหลวในการฆ่ามือสังหาร ดังนั้นพวกเขาจะต้องไม่ล้มเหลวในการหารถม้า
ทหารคุ้มกันพบรถม้าได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะไม่กว้างขวาง แต่ก็เพียงพอที่จะรองรับคนสองคนได้
เสี่ยวเทียนเหยาพาหลิน ชูจิ่วขึ้นไปบนรถม้า ในความเป็นจริงเสี่ยวเทียนเหยายังกอดหลิน ชูจิ่วอยู่ตั้งแต่ตอนที่เขาคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ หลิน ชูจิ่ว ดูเหมือนจะไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้
ทหารคุ้มกันพาพ่อบ้านเฮ้าและขับรถม้ากลับไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ (เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าของพบว่ารถม้าของเขาหายไปและพบเหรียญทองวางอยู่ที่นั่นแทน)
ภายในรถม้า เสี่ยวเทียนเหยากำลังจะวางหลิน ชูจิ่ว ลงแต่แล้วเขาก็ได้ยินหลิน ชูจิ่วร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องวางนางลงให้เบาที่สุด “เจ้าเจ็บตรงไหนหรือ?” เสียงของเขาเย็นชาราวกับว่าเขาโทษ หลิน ชูจิ่ว
“ข้าเพียงมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยที่หลังเท่านั้น ข้าจะใส่ยาเมื่อเรากลับไปถึงแล้ว มันไม่มีอะไรร้ายแรง” เมื่อเธอกลิ้งลงมาจากรถม้า เธอก็หล่นลงไปทางด้านหลังของเธอ
“ อืมมม” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ถามอะไรอีก
รถม้าที่ยืมมานั้นไม่มีไข่มุกรัตติกาล ดังนั้นภายในรถม้าจึงมืดมาก เสี่ยวเทียนเหยายังคงเห็นทุกอย่างชัดเจน แต่หลิน ชูจิ่วไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
หลังจากนั่งอย่างระมัดระวังในตำแหน่งที่สบายแล้วหลิน ชูจิ่วก็มองไปที่เสี่ยวเทียนเหยาและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ ขึ้น“ เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณ”
“ขอบคุณหรือ? เจ้ากำลังคิดว่าเปิ่นหวางเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้หรือ? เปิ่นหวางต้องช่วยเจ้าอีกสักกี่ครั้ง?” ในความมืดเสี่ยวเทียนเหยา สามารถเห็นหลิน ชูจิ่ว ได้ไม่ยาก ดังนั้นเขาจึงเห็นใบหน้าของเธอที่ดูเจ็บปวดเล็กน้อย แล้วเขาก็เปิดปากพูดขึ้นอีกเบา ๆ “ พูด เจ้าจะตอบแทนคุณอย่างไรในฐานะที่เปิ่นหวางเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้?”
เสี่ยวเทียนเหยา เน้นคำว่า “ผู้มีพระคุณ” โดยเฉพาะ หลิน ชูจิ่ว จึงไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรและแผนการของเขาคืออะไร ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะถามว่า“ ท่านต้องการให้ข้าตอบแทนคุณอย่างไร” ด้วยร่างกายของเธอนะหรือ? แต่เธอก็แต่งงานกับเขาแล้ว
“ เจ้าเป็นภรรยาของเปิ่นหวาง เจ้าจะตอบแทนอะไรได้บ้าง” ใบหน้าของเสี่ยวเทียนเหยานั้นดูไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้รอให้หลิน ชูจิ่วเปิดปากของเธอเขาก็พูดขึ้นก่อน“ ลืมมันเสีย เจ้าเคยช่วยเปิ่นหวางไว้ครั้งหนึ่ง เปิ่นหวางไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บัญชีของเจ้าทั้งหมดในเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะถูกหักล้างไป”
หลังจากที่เขาพูดจบ หูของเสี่ยวเทียนเหยาก็ค่อยๆ แดงขึ้น แต่เนื่องจากมันมืดหลิน ชูจิ่วจึงไม่เห็นมัน……
ตอนที่ 261.1
บัญชีทั้งหมดในเหตุการณ์ที่ผ่านมาหรือ?
เสี่ยวเทียเหยา กำลังขอการปรองดองหรือไม่?
หลิน ชูจิ่วเหล่ตาของเธอแล้วมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา ด้วยความงุนงง น่าเสียดายที่รถม้ามืดเกินไป หลิน ชูจิ่วจึงไม่เห็นอะไรเลยยกเว้นเงาที่คลุมเครือ
หรือเธอควรใช้ความคิดในการริเริ่มที่จะถาม!
“ หวางเย่ ท่าน……” หลิน ชูจิ่ว เพียงแค่เปิดปาก รถม้าก็ชนเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง รถม้าเสียหลักทำให้ หลิน ชูจิ่ว ผู้ที่เอนไปข้างหน้าจึงเกือบจะล้ม“ อ่า…”
หลิน ชูจิ่ว กลัวมากจนเธอร้องขึ้นเพราะร่างกายของเธอสั่นไหวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเธอคิดว่าเธอจะล้มลงไปอย่างรุนแรง มือใหญ่ก็โอบรอบเอวของเธอเอาไว้ เธอถูกบังคับให้เปลี่ยนทิศทาง แต่ไม่ปล่อยให้เธอล้มลงกับพื้น แต่……
เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเสี่ยวเทียนเหยา หรือจะพูดให้ถูกก็คือเธออยู่ในท่าทางเหมือนสุนัขกำลังกินอาหาร เธอนั่งอยู่บนต้นขาของเซียวเทียนเหยา
“ หวางเย่ หวางเฟย มีหลุมลึกอยู่บนท้องถนน ดังนั้นรถจึงชนนิดหน่อยขอรับ” ทหารคุ้มกันและคนขับรถม้ารีบบอกขึ้นทันที แต่พวกเขาก็ได้ยินเพียงเสี่ยวเทียนเหยากำลังฮัมเพลงอยู่เท่านั้น พวกเขาจึงยังคงขับรถต่อไป
“ โอ้…” แม้ว่าเธอจะล้มลงไปบนต้นขาของเสี่ยวเทียนเหยา แต่เธอก็ยังล้มลงไปแรงไม่น้อย หลิน ชูจิ่ว รู้สึกเจ็บ ดังนั้นใบหน้าของเธอจึงย่นลง เธอต้องการลุกขึ้น แต่เธอพบว่าแขนที่เอวของเธอนั้นแข็งแรงและหนักมาก เธอจึงไม่สามารถขยับได้
“ หวางเย่ …” ให้ข้าลุกขึ้นเถอะ!
“ งี่เง่า อย่าขยับ” เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ยินคำที่เขาต้องการ เขาก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าหลิน ชูจิวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ความหดหู่ของเขาหายไป
“ ข้า…” ข้าจะคิดเกี่ยวกับมัน
เสี่ยวเทียนเหยาไม่รอให้หลิน ชูจิ่วพูดจบ เขาก็ขัดคำพูดของเธอขึ้นอีกครั้ง“เจ้าบาดเจ็บที่หลัง ดังนั้นอย่าขยับอีก ถ้าเจ้าขยับเปิ่นหวางจะทำให้เจ้าเงียบลง”
“ แต่……” ข้ารู้สึกอึดอัดมาก
“ ไม่มีแต่ เปิ่นหวางช่วยเจ้าเอาไว้ ดังนั้นเจ้าต้องเชื่อฟังเท่านั้น”เสี่ยวเทียนเหยา พูดในขณะที่มืออีกข้างของเขาจับไปที่เอวของหลิน ชูจิ่ว พยายามผ่อนคลายอารมณ์ของเธอเหมือนลูกสุนัข” เจ้านั่งอยู่ในรถม้า แต่เจ้าก็เกือบจะฆ่าตัวตาย พูด เจ้าต้องเสียชีวิตไปกี่ครั้งแล้ว ถ้าเปิ่นหวางไม่ช่วยเอาไว้”
“นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ถ้ามันไม่ใช่เพราะท่าน ข้าจะถูกลอบสังหารหรือ” หลิน ชูจิ่ว พยายามต่อสู้อยู่หลายครั้ง แต่หลังจากล้มเหลวไปหลายครั้ง เธอก็แค่นั่งลงอย่างเงียบ ๆ
เสี่ยวเทียนเหยา พอใจกับการเชื่อฟังของหลิน ชูจิ่ว มาก ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นอีก“ คราวนี้เจ้านำความหายนะมาสู่ตัวเจ้าเอง นักฆ่าเหล่านั้นต้องการชีวิตเจ้า”
“ข้าหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าจะนำหายนะมาให้ตัวเองได้อย่างไร” หลิน ชูจิ่วไม่เชื่อ เธอต้องการลุกขึ้นและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับเสี่ยวเทียนเหยา อย่างไรก็ตามเธอเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง ก็ถูกกดลงไปโดยเสี่ยวเทียนเหยาแล้ว “ผู้บาดเจ็บควรทำตัวดีๆ”
“ข้าสร้างปัญหาอะไร” รถม้าชนเข้ากับบางสิ่งอีกครั้ง หลิน ชูจิ่ว รู้สึกไม่สบายตัวจริงๆ เธอรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในของเธอถูกกดทับ ดังนั้นเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายขึ้น หลิน ชูจิ่วจึงนอนลงไปบนตัวเสี่ยวเทียนเหยาและโอบแขนของเธอไปรอบแขนของเสี่ยวเทียนเหยาแทน
การกระทำนี้ทำให้เสี่ยวเทียนเหยา พอใจมาก เขาจึงอารมณ์ดีและยินดีที่จะไขข้อสงสัยของหลิน ชูจิ่ว อย่างมีน้ำใจ“เจ้าไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง และสัมผัสกับบางสิ่งที่ไม่สามารถแตะต้องได้”
“อะไรนะ? ท่านหมายถึงเด็กทารถที่ถูกทารุณและถูกทอดทิ้งนะหรือ?” เมื่อหลิน ชูจิ่วพูด ลมหายใจอันอบอุ่นของเธอก็ถูกพ่นลงไปบนแขนของเสี่ยวเทียนเหยา ร่างกายของเสี่ยวเทียนเหยา แข็งค้างและสูญเสียการควบคุ้มของเขาไปครู่หนึ่ง“เจ้าพูดอะไรออกมา?”
หลิน ชูจิ่วไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอจึงพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก จิตใจของเสี่ยวเทียนเหยา ยังคงหมกมุ่นอยู่ แต่เขาก็สามารถตอบได้โดยไม่ยาก
“ เด็กที่ถูกทารุณและถูกทอดทิ้งนั้นไม่นับว่าเป็นอะไร พวกเขาเป็นเพียงตัวเลขไม่กี่หลักเท่านั้น แต่เจ้าไม่สังเกตหรือว่าเด็กทุกคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง มีเพียงแค่เด็กตัวเล็ก ๆ และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กพิการ?” พวกเขาอ่อนแอและเห็นได้ชัดว่าน่าเกลียดมาก
“ ใช่ ข้าเองก็ประหลาดใจกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แล้วเด็กที่โตแล้วล่ะ มันเป็นเรื่องยากจริง ๆที่ทารกจะรอดชีวิตได้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง?” หลิน ชูจิ่วยุ่งมากในการช่วยเหลือเด็ก ๆ และไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ที่เสี่ยวเทียนเหยา พูดถึงมัน เธอก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เด็กทุกคนมีร่างกายอ่อนแอและป่วย
ตอนที่ 261.2
“ แน่นอนว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังได้รับเด็กจำนวนมากในทุกปี และพวกเขาก็ยังเติบโตขึ้นมา แต่เด็กๆ ที่เจ้าเห็นนั้นคือเด็กๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ทอดทิ้งเอง” เสี่ยวเทียนเหยาพูดในขณะที่เขาเล่นอยู่กับเส้นผมของหลิน ชูจิ่ว การกระทำของเขาอ่อนโยนมาก น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งสองกำลังจมอยู่ในหัวข้อดังกล่าว ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงไม่สังเกตเห็นมัน
หลิน ชูจิ่ว เมื่อได้ยินถึงสิ่งผิดปกติ ดังนั้นเธอจึงถามถึงอีกคำถาม“แล้วเด็กที่มีสุขภาพดีอยู่ที่ไหน?”
“ ในสถานที่ที่ต่างกันไป เด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นต่ำสุดคือสิ่งที่เจ้าเห็น เด็กชนชั้นกลางจะถูกเลี้ยงดูอย่างเป็นความลับจนกระทั่งอายุ 7 หรือ 8 จากนั้นพวกเขาจะถูกขาย หากพวกเขาเติบโตขึ้นมาดูดีหน่อย พวกเขาจะกลายเป็นทาสหรือนางโลม และในที่สุดเด็กที่แข็งแกร่งที่สุดจะถูกเลี้ยงดูมาเป็นนักฆ่า กลุ่มนักฆ่าที่เจ้าพบในคืนนี้เคยเป็นเด็กกำพร้าในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังมาก่อน”
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังมีอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว กิจกรรมภายในนั้นซับซ้อนมาก ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงข้อมูลเดียวที่เสี่ยวเทียนเหยา สามารถหาได้ แต่เขาก็ไม่ได้ปกปิดอะไรกับหลิน ชูจิ่ว
“ ใครเป็นคนดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง? เป็นฮ่องเต้ใช่หรือไม่” ใบหน้าของหลิน ชูจิ่วดูสง่างามมาก ในตอนนี้เธอลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าเธอยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเสี่ยวเทียนเหยา
“ ไม่ใช่ ฮ่องเต้จะไม่สนใจเด็กกลุ่มหนึ่งที่ถูกทอดทิ้ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น” แม้ว่าฮ่องเต้จะมีสายลับอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่บุคคลที่อยู่เพียงแค่ในวังเท่านั้นจะไม่สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้
“ เหตุใดฮ่องเต้ถึงไม่สนใจกลุ่มเด็กที่ถูกทอดทิ้ง? หากไม่มีใครกังวลเกี่ยวกับพวกเขา พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร” โชคดีที่หลิน ชูจิ่วอยู่ในอ้อมแขนของเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นจึงไม่มีใครมองเห็นความเจ็บปวดและความโศกเศร้าในสายตาของเธอ
เธอเศร้าใจกับเรื่องเด็ก ๆ ที่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นเครื่องมือ เธอดีใจที่เธอมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ดี
“ นั่นเป็นสาเหตุที่คนเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องต้องการฆ่าเจ้า ตราบใดที่เจ้ายังคงให้ความสนใจกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ต่อไปจะมีหลายคนที่คอยจับตามอง” ผลลัพธ์ก็คือคนเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องจะต้องหยุดกิจการของพวกเขา
“ข้า…ไม่ได้ตั้งใจ” แต่เธอดีใจที่เธอไป
“ เปิ่นหวาง รู้ว่าเจ้าไม่ได้ทำไปโดยเจตนา เจ้าโง่เขลา หากเจ้ามีสมอง เปิ่นหวางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับตัวเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยาพูดออกไปตามธรรมชาติ เขาเพิ่งจะรู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปก็ต่อเมื่อเขาพูดมันจบแล้วเท่านั้น
แน่นอนที่สุด ต่อหน้าของหลิน ชูจิ่ว เขาค่อย ๆ วางความระมัดระวังของเขาลง
หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าเธอสร้างปัญหาให้กับเสี่ยวเทียนเหยาแล้ว ดังนั้นเธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ ขึ้น “ในอนาคตข้าจะระมัดระวัง ข้าจะพยายามไม่ทำให้เกิดปัญหา”
ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อเสี่ยวเทียนเหยาได้ยินว่าเธออยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เขาก็รีบมาทันที และไม่แปลกใจเลยว่าถึงแม้เขาจะเกลียดสถานที่แห่งนั้น เขาก็ยังนั่งอยู่ที่นั่นและอยู่เป็นเพื่อนเธอ ตั้งแต่แรกก็เพื่อเป็นการปกป้องเธอและเตือนผู้คนที่กล้าโจมตีเธอ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้จมูกของหลิน ชูจิ่วก็แดงขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเสี่ยวเทียนเหยา ดีต่อเธอจริงๆ มันค่อนข้างอึดอัด แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณ
“ หวางเย่ ขอบคุณ” หลิน ชูจิ่วช่วยไม่ได้ที่จะกอดแขนของเสี่ยวเทียนเหยาเอาไว้แน่น แล้วฝังใบหน้าของเธอลงไป
“ เปิ่นหวาง ช่วยเจ้าไม่ใช่เพราะอยากได้ยินเจ้าพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’” แค่คำว่า“ ขอบคุณ” หลิน ชูจิ่วคงต้องฝันไป!
“ข้ารู้ หวางเย่พึ่งพูดว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกหักล้างไปแล้วดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องพูดคำว่า“ ขอบคุณ”
ตอกย้ำคำพูดของเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่วทำตัวราวกับเป็นผู้ใหญ่
“ ช่างฉลาดเหลือเกิน” เสี่ยวเทียนเหยาแกล้งทำเป็นโกรธและตีไปที่หัวของหลิน ชูจิ่วเบา ๆ
“อ่า เจ็บ……” หลิน ชูจิ่ว อุทานขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เกินจริง เสี่ยวเทียนเหยา ลูบหัวของหลิน ชูจิ่ว ก่อนจะถามขึ้น“ มันเจ็บจริง ๆ หรือ?” เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใช้แรงแม้แต่น้อย
“มันเจ็บมาก มันเจ็บจริงๆ!” หลิน ชูจิ่วส่งเสียงของเธอเกินจริงมากขึ้นไปอีก เสี่ยวเทียนเหยา เข้าใจทันทีว่ามันเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น แต่เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะลูบหัวของหลิน ชูจิ่วอีกครั้ง“ เจ้ากล้าที่จะล้อเล่นกับเปิ่นหวางเชียวหรือ!”
ฟังจากน้ำเสียงของเขา มันมีร่องรอยของความพอใจอยู่เล็กน้อย……
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น