Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ 246.2-249.2

ตอนที่ 246.2

 

“ได้” แม้ว่าซูฉาจะไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ของเสี่ยวเทียนเหยา ในการตรวจสอบองค์ชายเจ็ด แต่เสี่ยวเทียนเหยาย่อมต้องมีเหตุผลของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น


“ ส่งจดหมายนี้ไปที่โม่ ชิงเฟิง” เสี่ยวเทียนเหยาลุกขึ้นและคว้าจดหมายบนโต๊ะแล้วโยนมันไปที่หลิวไป๋


“ได้แล้วข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หลังจากรับจดหมายแล้วหลิวไป๋ก็รีบออกไป แต่ก่อนออกเดินทางเขาถามซูฉาขึ้น“เจ้าไม่ต้องการพบหมออู๋แล้วหรือ? เจ้าต้องการที่จะไปด้วยกันหรือไม่”


“ข้ายังมีงานต้องทำ เจ้าไปก่อนได้เลย” ถ้าเป็นวันธรรมดา เขาจะไปกับเขา แต่วันนี้……เขาต้องการลองเสี่ยงโชค


“เจ้ายังพูดไม่จบ? ยังมีอะไรที่จะต้องทำอีก?” หลิวไป๋กระซิบอย่างไม่ใส่ใจ


       เสี่ยวเทียนเหยาผู้ที่ทำกำลังทำความสะอาดมือของเขาก็มองไปที่ซูฉาและยกหัวคิ้วของเขาขึ้น เขาไม่ได้คาดหวังว่าซูฉาจะยังอยากอยู่ในตำหนักเสี่ยวหวางฟูของเขา ยังมีบางสิ่งที่เขาไม่รู้หรือ


       ซูฉาต้องการที่จะแอบหนีไป แต่หลิวไป๋ก็แทงเขาต่อหน้าของเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นซูฉาจึงไม่กล้าที่จะซ่อนอะไรอีก เขาจึงพูดขึ้น “เจ้าไม่เห็นหรือก่อนหน้านี้ หวางเฟยได้ให้การดูแลเป็นพิเศษแก่ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ ข้าแค่อยากเห็นมัน……ข้าไม่เคยเห็นการรักษาของนางมาก่อน แต่ตอนนี้ข้าจะลองเสี่ยงโชคและหวังว่าจะได้เห็นหวางเฟยรักษาบาดแผลของเฉินซาน”


       แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นทักษะการแพทย์ของหลิน ชูจิ่วในครั้งที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่คุ้มกันเหล่านั้นก็ชื่นชมนางเหมือนเทพเจ้า ซูฉาจึงต้องการที่จะดับความอยากรู้ของเขา


“ข้าก็ยังไม่เคยเห็นมันเช่นกัน” หลิวไป๋ แอบมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้โกรธ เขาก็พูดขึ้นอีก“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย หากเราพลาด เราจะออกเดินทางทันทีในวันพรุ่งนี้”


“ หลิวไป๋ เจ้าไม่ควรออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ การส่งจดหมายออกไปข้างนอกในเวลากลางคืนนั้นปลอดภัยกว่ามาก” ซูฉาไม่ต้องการไปดูกับหลิวไป๋ แม้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะไม่โกรธก็ตาม


“จดหมายของเปิ่นหวางต้องส่งในวันนี้” ถ้าเขาไม่ออกไปในคืนนี้ ไม่เพียงแต่การไปของเขาจะกลายเป็นเรื่องยากขึ้น แต่เขาอาจถูกค้นพบได้ เขาจะเผชิญกับอันตรายได้ง่ายมาก


“ธุระของข้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ข้าสามารถไปในวันพรุ่งนี้ได้” ซูฉาตบไหล่ของหลิวไป๋ แล้วพูดขึ้นอีก “เรามีวิธีที่แตกต่างกัน ข้าไปล่ะ”


       ซูฉารีบออกจาก ทิ้งหลิวไป๋ไว้ในห้องหนังสือต่อไป แต่มีคนที่เร็วกว่าเขามาก……


       หวางเย่ก็จากไปเช่นกัน!


       มันไม่ใช่ทางเดียวกันกับข้าใช่ไหม?


       ซูฉาไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่ตามหลังเสี่ยวเทียนเหยาไปอย่างเงียบๆ หลิวไป๋ ก็ตั้งใจที่จะตามไป แต่เมื่อเขาเห็นเสี่ยวเทียนเหยาอยู่ด้านหน้า เขาจึงทำได้เพียงดึงเท้าของเขากลับมาเท่านั้น


       เขาไม่ได้ฉลาดเท่าซูฉา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าและมองหาความตาย


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้วางแผนที่จะไปดูหลิน ชูจิ่ว แต่……


       เมื่อเขาได้ยินคำพูดของซูฉา สมองของเขาก็จะนึกภาพขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ถึงร่างที่ยืนอยู่ต่อหน้าผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยความสงบ เมื่อความรู้สึกของเขากลับมา เขาก็เห็นว่าซูฉากำลังตามหลังเขามาแล้ว


       ในกรณีนี้ เขายังคงสามารถหันกลับไปได้อยู่หรือไม่?


       ดังนั้น พวกเขาทั้งสองจึงเดินตามกันไปอย่างเงียบ ๆ ไปยังที่ที่ผู้บาดเจ็บอาศัยอยู่


       ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว แต่ก็มีแสงสว่างอยู่ทุกด้านของตำหนักเสี่ยวหวางฟู ดังนั้นแม้ว่ามันจะไม่สว่างเท่ากลางวัน แต่ทหารก็สามารถมองเห็นว่า หวางเย่ของพวกเขามาถึงแล้ว ทหารทีละคนรีบคำนับทันที “คารวะหวางเย่” ทำไมหวางเย่ของพวกเขาถึงมาถึงที่นี่อย่างฉับพลันเช่นนี้?


“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้กวาดสายตาของเขาไปที่ทหารด้วยซ้ำ เขายังคงเดินตรงไปที่ทางเดินต่อไป เมื่อเห็นอย่างนี้ทหารก็รู้ทันทีว่าเสี่ยวเทียนเหยามาหาหลิน ชูจิ่ว


“ หวางเย่มาพบหวางเฟยหรือ” เมื่อทหารเห็นเสี่ยวเทียนเหยา จากไปแล้ว หัวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นและกระซิบกับเพื่อนของเขาขึ้น อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้มีโอกาสที่จะเข้าไปใกล้กับเพื่อนของเขาด้วยซ้ำ เมื่อทันใดนั้นเสี่ยวเทียนเหยาก็หันกลับมา ทหารนายนั้นรู้สึกกลัวจนร่างกายแข็งทื่อและใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว ซูฉาเกือบจะหัวเราะกับฉากนี้


       ทหารที่มีหน้าตลก ๆ รีบคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที“ หวางเย่โปรดยกโทษให้ผู้ใต้บังคับบัญชานี้ด้วยขอรับ” เขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะโชคร้ายจริงๆจนถึงตอนนี้


“ลุกขึ้น” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้สนใจที่จะมองไปที่ทหารอีก ก่อนจะเดินหน้าต่อไป …

 

 

 


ตอนที่ 247.1

 

 การเคลื่อนไหวนอกบ้านไม่เบานัก ดังนั้นเมื่อพ่อบ้านเฮ้าได้ยินมัน เขาจึงรีบออกมาแต่ แต่เมื่อเขาเห็นเสี่ยวเทียนเหยาและซูฉามาพร้อมกัน ใบหน้าของพ่อบ้านเฮ้า ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็เรียกชื่อของพวกเขาขึ้นอย่างเคารพ “หวางเย่ คุณชายซู”


“ อืมมม” เสี่ยวเทียนเหยาตอบขึ้นเพียงสั้นๆ แล้วก็หยุดเดิน ซูฉาจึงเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะถามพ่อบ้านเฮ้าก่อน“หวางเฟยอยู่ข้างในหรือไม่? สถานการณ์ของเฉินซานเป็นอย่างไรบ้าง”


“ หวางเฟยกำลังยุ่งอยู่ข้างในขอรับ ส่วนบาดแผลของเฉินซานอยู่ในสภาพที่แย่มาก หวางเฟยกล่าวว่าเขามีการสัมผัสกับสนิมทองแดง นอกเหนือจากเฉินซานแล้ว ผู้ชายหลายคนต่างก็มีบาดแผลที่เน่าเปื่อย แต่ความรุนแรงนั้นไม่เหมือนกัน” เมื่อพ่อบ้านเฮ้าพูดจบ เขาก็ขมวดหัวคิ้วและพูดขึ้นอีก“ บ่าวชราผู้นี้กำลังเตรียมที่จะไปรายงานเรื่องนี้กับหวางเย่ แต่ยาที่ผสมกันกับสนิมทองแดงยังไม่ได้รับการระบุอย่างแน่นชัด และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบซึ่งทำให้บ่าวชราผู้นี้ต้องล่าช้าในการไปรายงานขอรับ ”


       ซูฉา รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ แต่เขายังคงมีทัศนคติที่ดี“มันเกิดอะไรขึ้น”


“ ยารักษาบาดแผลที่เราซื้อครั้งที่แล้วได้ผสมกับสนิมทองแดงขอรับ” พ่อบ้านเฮ้าเงยหน้าขึ้นมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา เมื่อเขาเห็นเขาลดระดับศีรษะของเขาลง พ่อบ้านเฮ้าก็รู้ว่าเขากำลังฟังอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ“ เดิมที ยานี้เป็นยาที่เราตั้งใจจะส่งไปยังแนวหน้า แต่เนื่องจากหวางเฟย ออกสูตรยาให้ใหม่ เราจึงทิ้งมันไว้ที่นี่ จากนั้นเราก็พบว่าสนิมทองแดงถูกปนอยู่กับยา แม้ว่าปริมาณจะค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังสามารถส่งผลกระทบต่อการหายของบาดแผลได้ขอรับ”


       พ่อบ้านเฮ้า ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะขอบคุณหรืออะไรดี …


       หากยากลุ่มนี้ที่มีสนิมทองแดงปนอยู่ถูกส่งไปยังแนวหน้า เห็นได้ว่ามันจะไม่ช่วยให้คนของพวกเขาฟื้นตัว แต่จะทำร้ายพวกเขามากกว่า


“ ตรวจสอบในทันที!” เสี่ยวเทียนเหยาก้าวไปข้างหน้าและทิ้งคำพูดเหล่านั้นเอาไว้ จากนั้นเขาก็เดินหน้าต่อไป


“ได้” ซูฉารู้อยู่แล้วว่าเขาจะไม่สามารถได้เห็นการแสดงที่ตระการตาที่สุดจากหลิน ชูจิ่วอีกต่อไป


       เขาเศร้ามาก หากเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาก็จะออกไปเที่ยวกับหลิวไป๋แทน  


       ซูฉามองอย่างไม่เต็มใจออกไปข้างหน้า ก่อนจะจากไปด้วยความเศร้าโศก


       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามาหลิน ชูจิ่ว ก็ยังคงทำความสะอาดตาของ เฉินซานต่อไป ตาซ้ายของเฉินซานนั้นเริ่มเน่าเสีย ดวงตาในเบ้าตาของเขาจะต้องถูกเอาออกอย่างสมบูรณ์


       ดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดของร่างกายมนุษย์ การเอาเนื้อเน่าออกเป็นงานที่ละเอียดอ่อนมาก แม้ว่าระบบการแพทย์กำลังช่วยหลิน ชูจิ่วอยู่เธอก็ยังต้องระวังให้มาก


       ในเวลานี้ การปรากฏตัวของหลิน ชูจิ่วนั้นไม่สอดคล้องกับผู้คนรอบตัวเธออย่างมาก เธอสวมเสื้อคลุมสีขาว หน้ากากสีเขียวและแว่นแปลก ๆ เธอแต่งตัวเป็นศัลยแพทย์ในห้องผ่าตัดในยุคปัจจุบันอย่างสมบูรณ์ แต่ยืนอยู่ในบ้านโบราณ รูปร่างหน้าตาของเธอดูค่อนข้างอึดอัด แต่… …


       ทันทีที่เธอเริ่มทำงานของเธอ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นความแตกต่างนี้อีกต่อไป ความสนใจของทุกคนอยู่ในมือของเธอ ทุกครั้งที่เธอขยับ พวกเขาทุกคนไม่สามารถช่วยได้ แต่ชื่นชมความฉลาดของเธอ!


       ใช่แล้ว นางกลายเป็นคนฉลาดเช่นนนี้ได้อย่างไร? นางหยุดการเคลื่อนไหวของนางในตำแหน่งที่ถูกต้องทุกครั้งได้อย่างไร


       ดวงตามีความบอบบาง แต่นางกล้าที่จะแทงมันด้วยมีด นี่มันต่างอะไรกับปาฏิหาริย์


       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามาครั้งแรก เขาก็ถูกดึงดูดโดยมือของหลิน ชูจิ่ว มือของเธอเคลื่อนไหวไม่เร็ว แต่ทุกการเคลื่อนไหวก็สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคน และทุกคนก็ไม่สามารถละสายตาไปได้ แต่… …


       ในไม่ช้า ความชื่นชมของเสี่ยวเทียนเหยา ก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ!


       ไอ้คนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นชื่ออะไร? เฉินซานหรือ?


       หัวของผู้บาดเจ็บที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอยู่ใกล้กับหน้าอกของหลิน ชูจิ่ว มาก เขาต้องการที่จะตายหรืออย่างไร?


       เสี่ยวเทียนเหยา กำหมัดของเขาแน่น จนนิ้วมือของเขาลั่นขึ้นเป็นเสียงดัง ในขณะที่เขากดแรงกระตุ้นของเขาเพื่อที่จะดึงคนทั้งสองออกจากกันเอาไว้


       อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าเมื่อเขาทำเช่นนั้นแล้ว หลิน ชูจิ่วจะไม่ยอมไว้หน้าเขาอีกต่อไป

 

 

 


ตอนที่ 247.2

 

ผู้หญิงคนนั้นเหมือนแมว นางดูเหมือนจะประพฤติตัวดี แต่ที่จริงแล้วนางเต็มไปด้วยความภูมิใจและหยิ่งเกินไป เมื่อนางถูกยั่วยุ นางจะโกรธอย่างแน่นอน


       แม้ว่าเขาจะไม่กลัวความโกรธของหลิน ชูจิ่ว และร่างกายของหลิน ชูจิ่วก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี ดังนั้นเขา……ต้องปล่อยนางไปก่อน


       ใช่ถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้กลัวความโกรธของหลิน ชูจิ่ว เขาเพียงแค่ปล่อยนางไปก่อนเท่านั้น!


       เสี่ยวเทียนเหยา สูดหายใจเข้าลึก ๆ และกดไอสังหารของเขาลงไป จากนั้นเขาก็ดึงเก้าอี้ออกมา แล้วนั่งลงตรงกลางห้อง


       ทันทีที่เสี่ยวเทียนเหยาเข้ามา ทหารที่บาดเจ็บก็พร้อมที่จะทำเคารพเสี่ยวเทียนเหยา แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำ เสี่ยวเทียนเหยาก็ปล่อยกลิ่นอายที่อันตรายราวกับว่าเขาพร้อมที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้ตลอดเวลา


       ทุกคนต่างก็หวาดกลัวและไม่กล้าเคลื่อนไหวอีกต่อไป เมื่อพวกเขาได้สติ เสี่ยวเทียนเหยาก็ได้นั่งลงตรงกลางแล้ว แต่เขายังคงมีกลิ่นอายที่เข้าถึงยากอยู่


       น่ากลัวมาก!


       ดังนั้น ในเวลานี้จึงไม่มีใครกล้าพูด ทหารที่บาดเจ็บบางคนนั่งหรือนอนอยู่เฉยๆ พวกเขาไม่กล้าที่จะมองดูหลิน ชูจิ่วแม้แต่น้อย ห้องนั้นเงียบมากแม้กระทั่งรูปแบบการหายใจของทหารก็ยังยากที่จะตรวจจับได้


       ข้างในห้องมีหลิน ชูจิ่วเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ หลิน ชูจิ่ว ไม่รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาเข้ามาด้วยซ้ำ การบาดเจ็บของเฉินซานไม่เพียงแต่ต้องใช้มือทั้งสอง แต่ยังต้องใส่ใจอย่างเต็มที่อีกด้วย ตราบใดที่เธอฟุ้งซ่าน เธออาจทำร้ายดวงตาของเฉินซานได้ ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงไม่ใส่ใจกับสภาพแวดล้อมของเธอ


       เวลาผ่านไป นับตั้งแต่ที่เสี่ยวเทียนเหยาเข้ามา หลิน ชูจิ่วเกือบจะกำจัดเนื้อเน่าเสียในดวงตาของเฉินซานเสร็จแล้ว เหลือเพียงเนื้อเน่าขนาดเท่าเล็บมือเท่านั้น


       แต่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ นี้ใช้เวลานานมาก หลิน ชูจิ่วใช้เวลาสองในสี่ของชั่วโมงเพื่อเอามันออก เมื่อหลิน ชูจิ่วลงมีดผ่าตัด เธอก็สูดลมหายใจยาวๆและพูดขึ้น“ ในที่สุดดวงตาของเจ้าก็ปลอดภัยแล้ว”


       แม้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะไม่มีความสุข แต่เมื่อเขาได้ยินถึงความสุขในน้ำเสียงของหลิน ชูจิ่ว เขาก็มีความสุข แต่เขาจะไม่ยอมรับมัน


“จริง ๆ หรือขอรับ?” หลิน ชูจิ่วให้ยาชาเฉพาะที่กับเฉินซาน ดังนั้นเฉินซานจึงไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย ในเวลานี้เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลิน ชู เขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาและแตะมัน แต่เขาก็ถูกหยุดโดยหลิน ชูจิ่วเสียก่อน “ อย่าแตะต้องมัน ข้าจะส่งกระจกให้”


       หลังจากหันกลับมาหลิน ชูจิ่ว ก็กำลังจะไปที่กล่องยาเพื่อนำกระจกมา แต่……


       เธอเพิ่งจะเห็นอะไร?


“ หวางเย่?” เสี่ยวเทียนเหยามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาถึงมานั่งอยู่กลางห้อง? เขากำลังต้องการพบเธอหรือ?


“ อืมมม” เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่ใบหน้าของหลิน ชูจิ่ว แต่เสียงของเขาเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความไม่พอใจอย่างมาก


“ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าค่ะ?” หลิน ชูจิ่วถามขึ้นและลืมไปว่ามือซ้ายของเธอยังคงถือปากคีมอยู่ ในขณะที่มือขวาถือแหนบ


       เสี่ยวเทียนเหยา ขมวดคิ้วและพูดขึ้น“ ไม่นานมานี้เอง”


“ โอ้…” หลิน ชูจิ่วพยักหน้าแล้วพบว่าเธอยังถือเครื่องมือผ่าตัดอยู่ ดังนั้นเธอจึงพูดอย่างรีบร้อนขึ้นทันที“ หวางเย่ ข้ากำลังยุ่งมากในตอนนี้ ไว้คุยกันทีหลังนะเจ้าค่ะ”


“สำคัญตัวมากไปแล้ว เปิ่นหวาง ไม่ได้มาหาเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยาเงยหน้าขึ้นและมองกลับไปที่หลิน ชูจิ่ว แต่ท่าทางของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง


“ ……” การแสดงออกทางสีหน้าของหลิน ชูจิ่ว ค่อนข้างแข็งทื่อ พ่อบ้านเฮ้ากลัวว่าหลิน ชูจิ่วจะโกรธ ดังนั้นเขาจึงสร้างประโยคขึ้นมาทันที“ หวางเย่ มาตรวจสอบสนิมทองแดงขอรับ”


“ โอ้…ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะไม่รบกวนหวางเย่” หลิน ชูจิ่วรู้สึกแปลก ๆ เสี่ยวเทียนเหยา จำเป็นต้องมาตรวจสอบสนิมทองแดงด้วยตนเองเลยหรือ? และทำไมเขาต้องมานั่งอยู่ตรงกลางห้องเช่นนั้น ถ้าเขามาตรวจสอบมัน


       อย่างไรก็ตามหลิน ชูจิ่ว ไม่ว่างมากในเวลานี้ ความคิดของเธอยังคงอยู่กับบาดแผลของผู้ป่วย ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาให้ความสนใจกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของเสี่ยวเทียนเหยา


       หลังจากแต่งแผลของเฉินซานเสร็จแล้ว หลิน ชูจิ่วก็ค้นพบว่าเธอลืมทำอะไรบางอย่างไป……

 

 

 


ตอนที่ 248.1

 

   หลิน ชูจิ่ว ได้ตระหนักว่าเธอลืมที่จะส่งกระจกให้เฉินซาน เพื่อให้เขาเห็นบาดแผลของตัวเอง


       หลิน ชูจิ่ว จึงขอโทษด้วยความจริงใจ“ข้าขอโทษ ข้าลืมส่งกระจกให้เจ้าตอนนี้บาดแผลของเจ้าได้ถูกพันไปเรียบร้อยแล้ว ข้าจะให้เจ้าดูมันในครั้งต่อไปเมื่อเราเปลี่ยนผ้าพันแผลตกลงหรือไม่?” หลิน ชูจิ่วไม่ควรถูกตำหนิ เพราะมันเป็นความผิดของเสี่ยวเทียนเหยา หากเขาไม่ปรากฏขึ้นในทันทีทันใด เธอก็จะไม่พะว้าพะวัง


       เฉินซานกลัวแทบตายในตอนนี้


       หวางเฟยของพวกเขาขอโทษเขา เขาได้ยินผิดไปใช่ไหม?


“ หวาง หวางเฟย …ไม่  ไม่  ข้าไม่ต้องการที่จะดูมันขอรับ” เฉินซานผู้ซึ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงตอบกลับไปอย่างโง่เขลา


       หลิน ชูจิ่ว ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก“ เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะถ้าเจ้าไม่สนใจ” อย่างเป็นวิสัยปกติ หลิน ชูจิ่วจึง ตบไหล่ของเฉินซาน เพื่อปลอบเขา“ พักผ่อนให้ดีๆ แผลของเจ้าจะหายในเร็ว ๆ นี้”


       สำหรับหลิน ชูจิ่วนี่เป็นเพียงการให้กำลังใจผู้ป่วย มันเป็นนิสัยที่พัฒนาขึ้นในโรงพยาบาล ไม่มีความหมายอื่น ๆ แต่……


       เสี่ยวเทียนเหยา และเฉินซานไม่รู้เรื่องนี้!


       เฉินซานรู้สึกงงงวยอีกครั้ง เขาไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ แต่เขารู้สึกเย็นบนหลังของเขา โดยสัญชาตญาณ เฉินซานจึงพยายามหลีกเลี่ยงหลิน ชูจิ่วอย่างรีบเร่งแล้วพูดขึ้น “หวางเฟย ข้า ข้าจะดูแลบาดแผลของข้าเองขอรับ” เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โปรดอยู่ห่างจากข้าเอาไว้ขอรับ


       แม้ว่าหลิน ชูจิ่วจะมีเส้นประสาทที่หนา แต่เธอก็สังเกตเห็นว่ามันผิดปกติ แต่เมื่อเธอหันกลับไป เสี่ยวเทียนเหยาก็กลับมาเป็นปกติ ดังนั้นเธอจึงไม่พบอะไรแปลกแม้แต่น้อย


       หลิน ชูจิ่วเก็บข้าวของของเธอและกล่าวลาเฉินซาน จากนั้นเธอก็หันไปรอบ ๆ เพื่อทำความสะอาดบาดแผลของคนอื่นๆ


       โชคดีที่มีผู้บาดเจ็บไม่มากในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ยาที่ซื้อมาก่อนหน้ายังไม่ได้ใช้ไปมากนัก มีคนในเรือนเพียงไม่ถึงสิบกว่าคนเท่านั้นที่ใช้ยานี้ที่ผสมกับสนิมทองแดง มิฉะนั้นหลิน ชูจิ่วจะต้องเหนื่อยมากกว่านี้จริงๆ


       หลังจากทำความสะอาดและเย็บแผลและมันก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร หลิน ชูจิ่ว จึงรักษาคนหนึ่งและต่อไปอีกคนหนึ่ง แต่ระบบการแพทย์นั้นให้คะแนนเพียงเล็กน้อย ซึ่งเธอพบว่าระบบนั้นค่อนข้างขี้เหนียวมาก


       โชคดีที่หลิน ชูจิ่ว ไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก เธอเพียงแค่รักษาผู้ป่วยตามความรุนแรงของพวกเขา เธอยุ่งมาก เธอทำทุกอย่างเสร็จประมาณเที่ยงคืน หลิน ชูจิ่ว ผู้เหนื่อยล้าและหิวมากจึงนั่งลงไปบนเก้าอี้ไม้และไม่ขยับไปไหน แต่เธอก็รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาก็ยังคงนั่งอยู่ในที่เดียวกัน หลิน ชูจิ่วจึงก้มหัวของเธอลงและไม่ได้พูดอะไร


       เขาบอกว่าเขาไม่ได้มาหาเธอ แล้วเขากำลังทำอะไรอยู่ที่นี่?


       หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้เคลื่อนไหว เสี่ยวเทียนเหยาเอง ก็ไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน พ่อบ้านเฮ้า ซึ่งค่อนข้างแก่แต่ก็ต้องนอนดึกพร้อมกับเจ้านายทั้งสองของเขา แต่การเฝ้าดูพวกเขาเช่นนี้ เขารู้สึกกดดันและรู้สึกเหนื่อยล้าจริงๆ


       และหลังจากที่รอมานาน ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้มีความคิดที่จะริเริ่มพูดคุยกัน พ่อบ้านเฮ้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปหาหลิน ชูจิ่ว และถามขึ้น“ หวางเฟย ท่านต้องการให้บ่าวชราผู้นี้จัดให้คนนำเกี้ยวมารับท่านหรือไม่ขอรับ”


       ในตอนกลางคืนเช่นนี้ ยังจะมีผู้คนจะมารับเธอและพาเธอกลับไปอีกหรือ?


“ ไม่จำเป็น” หลิน ชูจิ่ว ส่ายหัวของเธอ“ ข้าสามารถเดินไปเองได้” แม้ว่าเธอจะเหนื่อย แต่ก็ไม่ถึงจุดที่เธอไม่สามารถเดินไปด้วยตัวเองได้


       หากร่างของเธอไม่อยู่ในสภาพที่ไม่ดีและไม่มีพิษเรื้อรังอยู่ เธอคงจะไม่ต้องมาอับอายเช่นนี้ เธอเคยต้องยืนเป็นเวลาถึง 18 ชั่วโมงในการผ่าตัดครั้งสำคัญๆ


“ แต่…” ท่านดูไม่ค่อยดีนัก ท่านจะสามารถเดินไปได้ทั้งๆ แบบนี้จริง ๆหรือ?


       พ่อบ้านเฮ้า สงสัยมาก


“ข้าทำได้” หลิน ชูจิ่วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และลุกขึ้นยืน หลังจากเก็บสิ่งของของเธอแล้ว เธอก็พูดขึ้น“ แค่ให้คนยกกล่องยาของข้าไปก็พอ”


       พ่อบ้านเฮ้าจัดทหารสองคนมาทันที หลังจากที่ทหารทั้งสองทำความเคารพต่อเสี่ยวเทียนเหยาและหลิน ชูจิ่วแล้ว พวกเขาก็ยกกล่องยาขึ้นมาและยืนอยู่ข้างหลังของหลิน ชูจิ่ว


       ก่อนที่หลิน ชูจิ่ว จะจากไป เธอก็พูดกับเสี่ยวเทียนเหยาขึ้นอย่างสุภาพ“ หวางเย่ ข้าขอตัว”


       น่าเสียดายที่เสี่ยวเทียนเหยา ไม่แสดงความสนใจใดๆแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่เธอ หลิน ชูจิ่วไม่รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด เธอเพิ่งแค่เดินออกไปข้างนอกกับทหารเท่านั้น

 

 

 


ตอนที่ 248.2

 

   พ่อบ้านเฮ้ามองไปที่เสี่ยวเทียนเหยาผู้นั่งอยู่ทั้งคืน ในขณะที่ลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า แล้วจู่ๆ พ่อบ้านเฮ้าก็เห็นเสี่ยวเทียนเหยา ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ


       พ่อบ้านเฮ้า รีบปิดปากเงียบ……


       หากเจ้านายของพวกเขาอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดี พวกเขาก็จะโชคร้ายไปด้วย


       หลิน ชูจิ่ว เหนื่อยเกินไปเธอจึงอาบน้ำด้วยความช่วยเหลือของซุยฉีและฉิวฉี แล้วก็ปีนขึ้นไปบนเตียงของเธอ แต่สำหรับว่าเธอหลับไปอย่างไรนั้น หลิน ชูจิ่วก็ไม่รู้ เธอรู้เพียงแต่ว่าหลังจากที่ตื่นนอน เธอก็รู้สึกพึงพอใจและสบายใจ มาก เพียงแต่ว่า…


       ทำไมเธอถึงมีกลิ่นไม่ดี?


       ไม่มีสิ่งสกปรกบนร่างกายของเธอ ร่างกายของเธอถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเท่านั้น แต่เธอได้กลิ่นไม่ดีราวกับว่าเธอไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเวลาสามวัน


“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หลิน ชูจิ่วไม่เข้าใจ เธอหันหัวของเธอและมองไปที่ด้านของเขา แต่เธอก็ไม่พบร่องรอยของเสี่ยวเทียนเหยา นอนอยู่ข้างๆเธอ มันหมายความว่ากลิ่นเหม็นในร่างกายของเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอย่างนั้นหรือ?


       แต่นอกเหนือจากกลิ่นเหม็นนี้ก็ไม่มีความรู้สึกไม่สบายใด ๆ กับร่างกายของเธอ หลิน ชูจิ่ว เปิดใช้งานระบบการแพทย์โดยเฉพาะเพื่อตรวจสอบสภาพของเธอ แต่เธอพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติในร่างกายของเธอ แต่พิษเรื้อรังในร่างกายของเธอก็บรรเทาลงเล็กน้อย


“ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนว่าร่างกายนี้ได้รับการชำระให้สะอาดเหมือนในตำนาน” หลิน ชูจิ่ว รู้สึกเหมือนว่าเธอได้รับรางวัลใหญ่จริงๆ อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเธอก็ตระหนักว่ามันจะต้องเป็นเพราะผลไม้เย็นที่เสี่ยวเทียนเหยามอบให้เธออย่างแน่นอน


“กลับกลายเป็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดี” หัวใจของหลิน ชูจิ่ว รู้สึกคัน เธอไม่สามารถบอกถึงสิ่งที่เธอรู้สึกได้


       แม้ว่าทัศนคติของเสี่ยวเทียนเหยา นั้นจะแย่มาก เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธผลดีของผลไม้เย็นได้


       เสี่ยวเทียนเหยา ยังมีหัวใจ “ข้าควรจะขอบคุณเขากลับ”


       หลิน ชูจิ่ว พลิกตัวและลุกจากเตียง เมื่อซุยฉีและฉิวฉี ได้ยินเสียงพวกนางก็เคาะประตู ทันทีที่พวกนางได้รับอนุญาตจากหลิน ชูจิ่ว พวกนางก็เข้าไปข้างในเพื่อรับใช้เธอ


       ทั้งสองตกใจเมื่อพวกนางเห็นรูปลักษณ์ของหลิน ชูจิ่ว แต่พวกนางก็ไม่กล้าพูดอะไร พวกนางทำความสะอาดผ้าปูที่นอนและผ้าห่มอย่างเงียบ ๆ จากนั้นพวกนางก็เตรียมน้ำให้หลิน ชูจิ่วอาบ


       มันต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม ก่อนที่หลิน ชูจิ่ว จะออกไปทานอาหารเช้าได้ หลิน ชูจิ่ว ต้องการพบเสี่ยวเทียนเหยา แต่พ่อบ้านเฮ้า บอกเธอว่าเสี่ยวเทียนเหยาถูกฮ่องเต้ เรียกตัวเข้าวัง


       เป็นธรรมชาติที่คราวนี้ ฮ่องเต้จะเรียกเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามาในวังเพราะเรื่องของหมอเทวดาโม่


       แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แท้จริง แต่ฮ่องเต้ก็ตัดสินว่าเมื่อกรณีของหมอเทวดาโม่ถูกกระจายออกไปข้างนอก เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่สามารถหลุดรอดไปได้


       ฮ่องเต้ไม่ได้ตั้งใจที่จะปกป้องหมอเทวดาโม่ แต่เขาก็ไม่สามารถอนุญาตให้เสี่ยวเทียนเหยา สร้างปัญหาได้อีก เรื่องที่เกี่ยวกับหมอเทวดาโม่ นั้นค่อนข้างน่าอายอยู่แล้ว หากสิ่งต่าง ๆ ดำเนินต่อไป เขาจะไม่สามารถลบล้างมันได้อีกต่อไป เขาได้เรียกตัวหมอเทวดาโม่เข้ามาในวังซึ่งทำให้เขาดูแย่อยู่แล้ว


       ฮ่องเต้เรียกเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามาในวังเพื่อข่มเขาและปล่อยให้เขาหยุดการกระทำของเขา แต่ …


       ถึงวาระที่ฮ่องเต้จะต้องผิดหวัง เนื่องจากคำสั่งของเสี่ยวเทียนเหยา ได้รับการจัดเตรียมมานานแล้ว เขาจะไม่หยุดมันเพียงเพราะฮ่องเต้สั่งให้เขาหยุด


       ฮ่องเต้กล่าวเตือนอย่างมากกับเสี่ยวเทียนเหยา แต่เขาก็บอกชัดเจนว่าเขาจะไม่ปกป้องหมอเทวดาโม่ เพื่อที่เสี่ยวเทียนเหยา จะได้หยุดการกระทำของเขา ไม่ว่าจะอย่างไรการกระทำในปัจจุบันของหมอเทวดาโม่ก็เพียงพอที่จะผลักดันให้เขาไปสู้ความตายแล้ว


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้พูดอะไร ไม่ว่าฮ่องเต้จะพูดอะไร เขาแค่ตอบว่า“ อืมมม” ดูเหมือนว่าเขาไม่มีแผนการที่จะหักล้างความคิดของฮ่องเต้แม้แต่น้อย ราวกับว่าเขากำลังบอกฮ่องเต้ว่าเขาสามารถจัดการทุกอย่างได้


       เมื่อฮ่องเต้เห็นเสี่ยวเทียนเหนาดูเหมือนจะเชื่อฟัง เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะมีความสุข เพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจของเขาต่อเสี่ยวเทียนเหยา ฮ่องเต้จึงปล่อยให้เสี่ยวเทียนเหยาอยู่รับมื้อกลางวันกับเขา


       เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่ฮ่องเต้และไม่ได้ปฏิเสธ


       เขารอคอยมันเป็นอย่างมาก เขาต้องการที่จะเห็นการแสดงออกที่น่าเกลียดของฮ่องเต้ เมื่อการรักษาทางการแพทย์ที่เป็นความลับของหมอเทวดาโม่ ในหุบเขาทางใต้ถูกเปิดเผย …

 

 

 


ตอนที่ 249.1

 

   เมื่อจักรพรรดิได้เรียนรู้เกี่ยวกับหุบเขาที่ซ่อนอยู่ในภาคใต้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา …


       ยังไม่ต้องพูดถึง คนของเสี่ยวเทียนเหยา ยังไม่ได้ลงมือ แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำ ข่าวจะไม่แพร่ไปถึงตะวันออกอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้ยังต้องรออยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้


       ในช่วงอาหารกลางวัน เกิดความเงียบอย่างไม่น่าเชื่อขึ้น อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้แสดงความกลัวหรือความไม่สบายใจต่อหน้าฮ่องเต้แต่อย่างใด หลังจากที่เขากินเสร็จ โดยไม่คำนึงว่าฮ่องเต้จะยังคงกินข้าวอยู่หรือไม่ เสี่ยวเทียนเหยาก็วางตะเกียบลง ก่อนจะลุกขึ้นและจากไป โดยไม่สนใจที่จะไว้หน้าของฮ่องเต้อย่างสิ้นเชิง


       ฮ่องเต้เกือบจะระเบิดความโกรธออกมา แต่เขาจำได้ว่าเขาเพิ่งจะขอให้เสี่ยวเทียนเหยาหยุดการกระทำของเขา ดังนั้นในครั้งนี้ เขาจะไม่สร้างปัญหาต่อเสี่ยวเทียนเหยา เขาจะระงับความโกรธของเขาเอาไว้แทน


       หลังจากมื้ออาหารเสร็จสิ้น ฮ่องเต้ก็ไม่ต้องการเห็นหน้าของเสี่ยวเทียนเหยา อีกต่อไป เขาส่งเขาออกไปจากวังทันที


“น้องชายผู้นี้คงต้องขอตัว” เสี่ยวเทียนเหยาพูดแล้วก็หันหลังจากไป


       แต่ทันทีที่เขาออกมาจากห้องโถงใหญ่ เขาเห็นเสนาบดีกรมกลาโหมรีบตรงเข้ามาเมื่อเสนาบดีกรมกลาโหมกำลังจะชนเข้ากับเขา เสี่ยวเทียนเหยาก็เป็นฝ่ายหลบเขา


       เมื่อเสนาบดีกรมกลาโหมเกือบจะชนเข้ากับเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็ต้องการที่จะอ้าปากขอโทษ แต่เขากลับไม่ได้หยุดและยังคงรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่ต่อไป


       ตอนนี้มีปัญหาสำคัญกว่าการขอโทษเกิดขึ้น


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่โกรธแต่ริมฝีปากของเขากลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม


       เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนเหล่านั้นจะลงมือได้รวดเร็วขนาดนี้ ใบหน้าของฮ่องเต้คงจะต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก!


       ปัง!


       ฮ่องเต้กระแทกโต๊ะและยืนขึ้น “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ธัญพืชของเราถูกปล้น? และไม่มีใครรอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?”


“ใช่ ใช่แล้วพ่ะย่ะคะฝ่าบาท” เสนาบดีกรมกลาโหมผู้คุกเข่าลงไปบนพื้น กำลังจะร้องไห้


       มันเป็นความหายนะครั้งใหญ่


“ ใครในโลกนี้ที่กล้าที่จะปล้นธัญพืชของราชสำนัก?” ฮ่องเต้กำหมัดแน่น ในขณะที่ใบหน้าของเขากลายเป็นสีฟ้า เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก


“มันคือโจรภูเขาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ พวกมันได้รับรู้ถึงเส้นทางการขนส่งของเราและซุ่มโจมตี จากนั้นพวกมันก็ปล้นธัญพืชทั้งหมดของเราไปพ่ะย่ะค่ะ” ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้ เสนาบดีกรมกลาโหมเกือบจะเป็นลม แต่เนื่องจากการไหลเวียนของโลหิตของเขายังดีอยู่ เขาจึงไม่เป็นลมแต่อย่างใด


“โจรภูเขาปีศาจหรือ? พวกมันมีความกล้าอย่างมากจริงๆ” เมื่อได้ยินคำว่าโจร ใบหน้าของฮ่องเต้ก็ไม่น่าดูมากขึ้น


       เขาส่งทหารไปล้อมจับโจรเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่าในภูเขาปีศาจ แต่เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว ภูเขาปีศาจ นั้นล้อมได้ง่าย แต่ยากต่อการโจมตี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภูเขาปีศาจเหมาะกับชื่อของมันมาก ทหารที่เดินเข้าไปที่นั่น ราวกับว่ากำลังเดินไปบนกำแพงของปีศาจและไม่เคยออกมาอีกเลย


“ ฝ่าบาท ฝ่าบาท ……” เสนาบดีกรมกลาโหมที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นกลัวมาก ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ยังกล้าที่จะพูดขึ้นอีก“ แนวหน้าตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่ลำบาก เราต้องจัดกลุ่มคนอีกกลุ่มไป เพื่อขนส่งอาหารนะพ่ะย่ะค่ะ” พวกเขาขาดแคลนอาหาร แต่การขนส่งธัญพืชไปก็ไม่สะดวก


“ขนส่งธัญพืชไปอีกครั้งหรือ เจ้าสามารถสัญญาได้หรือว่าในครั้งนี้มันจะไม่ถูกปล้นไปโดยกลุ่มโจรอีกครั้ง” ฮ่องเต้เกือบจะแน่ใจว่าพวกโจรจากภูเขาปีศาจจะปล้นธัญพืชของราชสำนักอีกครั้งและเสี่ยวเทียนเหยาก็จะไม่สามารถกำจัดพวกเขาได้


       แต่หมอเทวดาโม่ได้คบคิดกับนิกายลับเพื่อปล้นธัญพืชและยาของเสี่ยวเทียนเหยา ตอนนี้ธัญพืชของราชสำนักก็ถูกปล้นโดยโจรจากภูเขาปีศาจ ดังนั้นหากใครจะบอกว่านี่ไม่ใช่การกระทำของเสี่ยวเทียนเหยา ฮ่องเต้จะไม่เชื่อมันอย่างเด็ดขาด


“ เรื่องนี่ๆ……เราควรจะส่งเสี่ยวหว่างเย่ไปเพื่อกำจัดโจรนะพ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาของเสนาบดีกรมกลาโหมกระพริบขึ้นและเขาจำได้ว่าเห็นเสี่ยวเทียนเหยามาก่อน ดังนั้นเขาจึงรีบพูดขึ้น


       ฮ่องเต้โกรธมาก“ โง่เขลา!” เขาไม่ต้องการให้เสี่ยวเทียนเหยา มีอำนาจทางทหารอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ที่โง่เขลาคนนี้กลับต้องการปล่อยเสี่ยวเทียนเหยาไป


       หากพวกเขาจะทำลายพวกโจร พวกเขาจะต้องส่งทหารออกไป เสี่ยวเทียนเหยาจะมีอำนาจทางทหารอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นเขาจะเอามันกลับมาได้อีกครั้งหรือ?

 

 

 


ตอนที่ 249.2

 

“ กระหม่อม…โง่เขล่ายิ่งนัก กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมกลาโหมร้องขอความเมตตา แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้สนใจเขา ฮ่องเต้สั่งให้ขันทีของเขาเรียกเสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวา เสนาบดีกรมพระคลังเข้าวังเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหานี้


       เสี่ยวเทียนเหยา มองผู้ทหารที่กำลังวิ่งออกไปนอกวัง ริมฝีปากของเขาก็มีรอยยิ้มขึ้น แต่รอยยิ้มนี้กลับไม่สามารถไปถึงดวงตาของเขาได้


       เขาจะทำให้ฮ่องเต้ชดใช้ไปทีละบัญชี


       เมื่อกลับมาที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ สิ่งแรกที่เสี่ยวเทียนเหยาถามก็คือ“ หวางเฟยมาพบข้าหรือไม่?” หลังจากคืนหนึ่ง ผู้หญิงโง่คนนั้น ในที่สุดก็ควรเข้าใจผลของผลไม้เย็น


       ถ้านางไม่มาขอบคุณเขา เขาจะบีบคอนางให้ตายไปเสีย!


“ใช่ขอรับ หวางเฟยมาพบหวางเย่ แต่เมื่อหวางเฟยรู้ว่าหวางเย่เข้าไปในวัง หวางเฟยก็ไปหาทหารที่ได้รับบาดเจ็บแทนขอรับ” พ่อบ้านเฮ้ารีบตามหลัง เสี่ยวเทียนเหยาไปและรายงานการเคลื่อนไหวของหลิน ชูจิ่ว ไปทีละอย่าง


       เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเทียนเหยายังไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พ่อบ้านเฮ้า ที่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความคิดของเสี่ยวเทียนยเหยาก็ถามอย่างกล้าหาญขึ้น“ หวางเย่ ท่านต้องการให้บ่าวชราผู้นี้ ไปตามหวางเฟยมาพบหรือไม่ขอ”


       พ่อบ้านเฮ้าต้องการทำให้เสี่ยวเทียนเหยา พอใจ แต่เขาไม่คาดหวังว่าเขาจะปฏิเสธ“ไม่จำเป็น” เขาจะรอให้ผู้หญิงโง่ ๆ คนนั้น มาหาเขาด้วยตัวเอง


       ซูฉารอคอยเสี่ยวเทียนเหยาอยู่ในห้องอักษรมานานแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังอยู่ข้างนอก เขาจึงริเริ่มที่จะเปิดประตูออกมาก่อน เพราะเขารู้ว่ามันคือเสี่ยวเทียนเหยา


       เสี่ยวเทียเหยา เข้ามาข้างใน พ่อบ้านเฮ้ารู้ว่าพวกเขาจะพูดคุยเรื่องสำคัญ ดังนั้นเขาจึงรีบจากไป


       ซูฉาปิดประตูและมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา ซึ่งนั่งอยู่ที่ด้านหลังของโต๊ะ เมื่อมองอย่างเคร่งขรึมแล้วเขาก็พูดขึ้น”หวางเย่ หมออู๋ประสบกับอุบัติเหตุที่นั่น”


“ พูด…” หัวคิวของเสี่ยวเทียนเหยาขมวดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจ


“ยาชุดใหม่ถูกผสมกับพิษ มันสายเกินไปเมื่อพวกเขาค้นพบมัน” หลังจากเขาจบ ซูฉาก็ก้มศีรษะลงทันที เขาไม่กล้ามองหน้าเสี่ยวเทียนเหยาแม้แต่น้อย


“ เจ้าขอให้เปิ่นหวางหยุด แต่เจ้ากลับไม่หยุด แน่นอนว่า……เจ้าต้องการที่จะรักษาบัลลังก์เอาไว้เป็นอย่างมาก” เสี่ยวเทียนเหยาวางมือไปบนที่วางแขนและเอนหลังไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ


“หวางเย่ แล้วพวกเราจะทำอย่างไรในตอนนี้” ทหารบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแนวหน้า แต่พวกเขากลับต้องสูญเสียยาซึ่งไม่สามารถจัดหาได้ในระยะเวลาอันสั้น


“ปล้น!” เสี่ยวเทียนเหยาเคาะราวด้วยนิ้วของเขา ดวงตาของเขาดูลึกราวกับสระของน้ำนิ่ง


       ซูฉาตกใจและกลืนน้ำลายของเขาลงไป ก่อนจะพูดขึ้น“ ปล้นอ่องเต้หรือ?”


“อืมมม สั่งให้คนในวังปีศาจเตรียมความพร้อม” เมื่อเสี่ยวเทียนเหยาออกคำสั่ง เขาก็ไม่ได้ขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย


“นี่จะไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ของเรากับวังปีศาจเหรอหรือ?” ซูฉาเป็นห่วงมากเกี่ยวกับเรื่องนี้


“ไม่” ฮ่องเต้เพิ่งจะถูกปล้น หากเขาถูกปล้นอีกครั้ง เขาจะสงสัยเฉพาะโจรจากภูเขาปีศาจเท่านั้น เขาจะไม่สงสัยเขา


“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะไปจัดการที่เหลือ” ซูฉาผู้ที่ดูเคร่งขรึมพยักหน้า แต่ก่อนจะจากไป เขาก็กล่าวอีกประโยคหนึ่งขึ้น“โอ้ใช่แล้ว พิษที่ผสมอยู่ในยาของเรานั้นมาจากหอเถียนชาง”


เสี่ยวเทียนเหยาถูกลดเกียรติหลายครั้งเนื่องจากหอเถียนชาง


“หอเถียนชาง ไม่กลัวความตายจริงๆ!” ดวงตาของเสี่ยวเทียนเหยาเปล่งประกายด้วยไอสังหารขึ้น


       ใครบางคนจะโชคร้าย


       ซูฉาพูดจากก้นบึ้งในหัวใจของเขา จากนั้นเขาก็ได้อธิษฐานขึ้นอย่างเงียบ ๆ เพื่อทูตพิเศษของหอเถียนชาง เขาหวังว่าเขาจะไม่ตายด้วยความทุกข์ทรมารเกินไป


       ซูฉากำลังเตรียมตัวจะจากไป แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงทหารด้านนอกพูดขึ้น “หวางเย่ หวางเฟยมาขอพบขอรับ”


       ในขณะนั้น ไอสังหารของเสี่ยวเทียนเหยา หายไปด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า อุณหภูมิภายในห้องก็เริ่มอุ่นขึ้น


       นี่มัน …


       คือการให้ความสำคัญกับคนรักมากกว่าเพื่อนชัดๆ!


       ซูฉาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นเสียก่อน“ เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ? หรือเจ้าต้องการให้เปิ่นหวางส่งเจ้าออกไปด้วยตัวเอง?”


“ ข้า…ข้ากำลังจะไปแล้ว!” ซูฉาต้องการที่จะอยู่และดูความสนุกต่อไป แต่……


       เขาไม่กล้า!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม