Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ 243.1-246.1

ตอนที่ 243.1

 

   ทันทีที่มีม้าศึกร่างดำเงาและร่างที่คลุมไปด้วยสีแดงปรากฏขึ้น ผู้คนในเมืองหลวงต่างก็หลบหลีกให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ และทุกคนที่เห็นรูปร่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจขึ้นด้วยความกลัว


       หลังจากครึ่งปี ในที่สุดพวกเขาก็เห็นเสี่ยวหวางเย่ขี่ม้าบนถนนอีกครั้ง ผู้คนในเมืองหลวงพบว่าตนเองชื่นชอบในฉากนี้มาก


“ เสี่ยวหวางเย่นั้นยังคงหยิ่งและดื้อดึง” ในหอน้ำชาชายคนหนึ่งสวมชุดสีเขียวใบไผ่และนั่งพิงอยู่ที่ขอบหน้าต่าง มองดูรูปร่างสีแดงที่กระพริบผ่านไปจากข้างล่าง ในขณะที่เขาพูดขึ้น


       ข้างหลังเขามีชายสวมชุดสีเทานั่งอยู่ด้วย แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่สามารถมองเห็นได้


       หากคน ๆ หนึ่งมองอย่างใกล้ชิด จะเห็นว่าบุคคลผู้นั้นที่พิงอยู่ที่ขอบหน้าต่างดูเหมือนว่าจะดูลึกซึ้งและมีความรู้มากกว่าบัณฑิตจากแคว้นตะวันออก น่าเสียดายที่ค่ำคืนได้มาถึงแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้


       เสี่ยวเทียนเหยาตรงไปยังตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เขาไม่หยุดแม้แต่ครึ่งนาที ผู้คนในเสี่ยวหวางฟู่ได้รับข่าวก่อนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดประตูทางเข้าหลักรอเอาไว้ เสี่ยวเทียนเหยาจึงตรงเข้ามาในตำหนักได้อย่างทันทีพร้อมกับม้า……


       เมื่อรูปร่างสีแดงผ่านประตูไป ประตูหนาๆ ทั้งสองก็ปิดลงทันที และด้วยเสียง “ปัง” ฉากข้างนอกก็ถูกปิดกั้นลง


       ทักษะการขี่ม้าที่ยอดเยี่ยมของเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ถูกจำกัดโดยบ้านเรือนและภูมิทัศน์ภายในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ความเร็วของเขาก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่ครึ่ง เขาขี่ม้าไปจนถึงคอกม้าอย่างรวดเร็ว


“ ดูแลมันให้ดี” เสี่ยวเทียนเหยาลูบม้าและกระโดดลงไปพร้อมกับห่อผ้าที่แขน


       ห่อผ้าไม่ได้มีขนาดใหญ่ และเมื่ออยู่ในมือของเสี่ยวเทียนเหยา มันก็แทบจะสังเกตไม่เห็นเลย


       เสี่ยวเทีนยเหยาก้าวยาวๆ ไปตลอดทางจนถึงห้องอักษรของเขา พ่อบ้านเฮ้าซึ่งตามหลังเสี่ยวเทียเหยามา กำลังเหงื่อไหลไปทั่วร่างกายของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าหยุด “หวางเย่ ในที่สุดท่านก็กลับมา หวางเฟยถามถึงท่านมาหลายครั้งแล้ว”


“เช่นนั้นหรือ?” เซียวเทียนเหยาเดินหน้าต่อไปริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มตื้น ๆ ออกมา แต่เขาก็เดินต่อไปราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย“ เกิดอะไรขึ้นในตำหนักในระหว่างที่เปิ่นหวางหายไป?”


       ฮะ?


       พ่อบ้านเฮ้าไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะถามคำถามแบบนี้ เขาออกไปข้างนอกเพียงแค่สามวัน แม้ว่าเขาจะออกไปข้างนอกเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่เคยถามสิ่งนี้เมื่อเขากลับมา ดังนั้นสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร


“ พูด…” เสียงฝีเท้าของเสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้หยุดและเสียงของเขาก็เย็นชาด้วยเช่นกัน


       พ่อบ้านเฮ้า เป็นคนฉลาด ดังนั้นสมองของเขาจึงทำงานในทันที จากนั้นเขาก็พูดขึ้น“ เมื่อวานซืนหวางเฟย ได้รับเชิญให้เข้าวัง เมื่อนางกลับมา อารมณ์ของนางก็แปลกไป นางไม่พูดอะไรเลย ดังนั้นบ่าวชราผู้นี้จึงไม่กล้าถาม ในขณะที่เมื่อวานนี้หวางเฟย ออกไปข้างนอก และใช้ในเวลาเพียงไม่นานนางก็ได้เห็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาโม่ กำลังร้องเรียนอาจารย์ของเขา วันนี้หวางเฟยไม่ได้ไปไหนนางกำลังรอให้หวางเย่กลับมาขอรับ” ประโยคสุดท้ายเป็นความคิดของพ่อบ้านเฮ้า


“ ดี” อุณหภูมิในร่างกายของเสี่ยวเสียนเหยาอุ่นขึ้นทันที พ่อบ้านเฮ้าแอบภูมิใจในตัวเองอย่างลับ ๆ : แน่นอนว่าข้าเข้าได้ถูกทางแล้วใช่ไหม


       ที่ทางเข้าห้องอักษร เสี่ยวเทียนเหยาหยุดลงและหันไปเผชิญหน้ากับพ่อบ้านเฮ้า“ ไปตามหวางเฟย เปิ่นหวางมีบางอย่างจะถามนาง”


“ขอรับ” พ่อบ้านเฮ้าเกลียดที่ตัวเองจะต้องวิ่งอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงมอบหมายงานนี้ให้คนอื่นแทน


       หลิน ชูจิ่วไม่ได้ออกไปข้างนอกวันนี้เธอเพียงแค่บอกให้ฉิวฉี ให้ไปหาหนังสือทางการแพทย์มาให้เธอ แล้วเธอก็นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง อย่างไรก็ตามองครักษ์เข้ามาและบอกว่าเสี่ยวเทียนเหยาต้องการพบเธอ ด้วยความประหลาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นและถามขึ้นแทน“ หวางเย่กลับมาแล้วหรือ?”


“ ขอรับ หวางเย่เพิ่งจะกลับมา” ในขณะที่หวางเย่ ของพวกเขาเพิ่งจะกลับมาเขาก็ต้องการพบหวางเฟยของพวกเขา หวางเย่ดีต่อหวางเฟย จริงๆ


“ โอ้” หลิน ชูจิ่ววางหนังสือลงแล้วลุกขึ้น จากนั้นเธอก็ออกไปข้างนอกพร้อมกับพูดขึ้น”ไปกันเถอะ”


“ หวางเฟย ท่านไม่ต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเจ้าค่ะ?” ฉิวฉีถามอย่างกล้าหาญเมื่อเห็นเสื้อผ้าเรียบง่ายของหลิน ชูจิ่ว


       หลิน ชูจิ่ว หันกลับมามองนางแล้วพูดขึ้น “ มันจำเป็นด้วยหรือ”


       แน่นอน!


       ผู้หญิงควรจะทำให้ตัวเองดูดี!


       อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ ฉิวฉีไม่กล้าพูดออกมาดัง ๆ ภายใต้การจ้องมองของ หลิน ชูจิ่ว นางจึงก้มศีรษะลงและไม่ได้เปิดปากอีก

 

 

 


ตอนที่ 243.2

 

เมื่อหลิน ชูจิ่วได้ยินว่าเสี่ยวเทียนเหยาอยากจะพบเธอในทันทีที่เขากลับมา เธอก็ไม่ได้ดูประหลาดใจแต่อย่างใด เธอไม่ได้แสดงถึงความยินดีในความกระตือรือร้นของหวางเย่ ที่ต้องการจะพบเธอ เธอเพิ่งแค่เดินไปอย่างเฉื่อยชา องค์รักษ์มองแอบชื่นชมพฤติกรรมที่สงบของหลน ชูจิ่ว แต่เขาก็วิตกกังวลเช่นกัน เขากลัวว่าหวางเย่ของพวกเขาจะไม่มีความสุขที่รอนานเกินไป


       เมื่อหลิน ชูจิ่วไปที่ห้องอักษรของเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว จากนั้นเขาก็รอให้หลิน ชูจิ่ว เข้ามาในห้องอักษร เมื่อเห็นหลิน ชูจิ่ว เข้ามาเสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่พอใจและพูดขึ้น“ ชักช้า”


       หลิน ชูจิ่ว ทำตัวเหมือนเธอไม่ได้ยินอะไร เธอย่อเข่าลงและทักทายเขาขึ้น“หวางเย่” จากนั้นเธอก็ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม รอให้เสี่ยวเทียนเหยาพูดอีกครั้ง


“นั่ง”เสี่ยวเทียนเหยาชี้นิ้วไปด้านข้าง เมื่อหลิน ชูจิ่ว นั่งลงเขาก็ถามขึ้น“ เกิดอะไรขึ้นในวัง?”


“ในวัง?” หลิน ชูจิ่วไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวเทียนเหยา ถึงได้ถามเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงส่ายหัวและพูดขึ้น “ไม่มีอะไรมาก ฮองเฮาเพียงแค่ให้คำเตือนด้วยวาจาเท่านั้น”


       เสี่ยวเทียนเหยา มองตาหลิน ชูจิ่ว เมื่อเห็นว่านางไม่ต้องการพูดมากกว่านี้ เขาก็ไม่ได้อะไรอีก ก่อนจะพูดขึ้นแทน“ในอนาคตเจ้าไม่ต้องไปแม้ว่าเจ้าจะถูกเรียกตัวก็ตาม”


“ได้” แต่ถ้าฮ่องเต้เรียกตัวเธอ เธอจะไปไม่ได้จริงๆหรือ


       เธอไม่ใช่เสี่ยวเทียนเหยา เธอไม่สามารถเพิกเฉยต่ออำนาจของฮ่องเต้ได้


“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงในเรื่องที่เกี่ยวกับหมอเทวดาโม่หมอตระกูลเมิ่งของสำนักเหวินชางอยู่ที่นี่ พวกเขาจะคอยตรวจสอบเรื่องนี้เอง เจ้าเพียงแค่รอดูผลเท่านั้น” เมื่อเห็นว่าหลิน ชูจิ่ว ดูเหมือนจะเชื่อฟังเสี่ยวเทียนเหยาก็โกรธจริง ๆ หลิน ชูจิ่ว ดูอ่อนลง แต่ที่จริงแล้วเธอไม่ฟังคำพูดของเขาเลย เธอปล่อยให้มันหลุดผ่านไปเสมอ


“ได้” อีกคำที่น่ายินดีก็ดังออกมา สิ่งต่างๆดำเนินไปอย่างราบรื่น ดังนั้นบุคคลคนหนึ่งจึงไม่สามารถโต้เถียงกันได้ จู่ๆ เสี่ยวเทียนเหยาก็สูญเสียความอดทนของเขา ก่อนจะโบกมือให้นางแล้วพูดขึ้น“ มานี่สิ”


“ หือ?” หลิน ชูจิ่วมองขึ้นและดวงตาของเธอก็แสดงร่องรอยของความโกรธออกมา


       เสี่ยวเทียนเหยา เรียกลูกสุนัขอยู่หรือไง?


“อะไร? เจ้าไม่ต้องการที่จะเชื่อฟังคำพูดของเปิ่นหวางหรือ? “ใบหน้าของเสี่ยวเทียนเหยาจมดิ่งลงในทันที อุณหภูมิภายในห้องลดลง หลิน ชูจิ่ว ถอนหายใจออกมาและเดินไปข้างหน้าโต๊ะ แต่……


       ดูเหมือนว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะไม่พอใจกับตำแหน่งนี้ เขาโบกมืออีกครั้งส่งสัญญาณให้หลิน ชูจิ่วเดินไปด้านข้างของเขา


       ไปหรือไม่ไป


       หลิน ชูจิ่วถามตัวเอง แล้วเธอมีทางเลือกอื่นหรือไม่?


หลิน ชูจิ่ว ยุ่งอยู่กับความคิดของตัวเองมาก


“เปิ่นหวางมีบางสิ่งสำหรับเจ้า ดังนั้นมานี่” เสี่ยวเทียนเหยา กระตุ้นขึ้นอีกครั้ง แต่ด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่ใช่คนที่จะให้อะไรบางอย่างกับใคร มันเป็นเหมือนการตำหนิเด็กที่ไม่เชื่อฟังมากกว่า


       หลิน ชูจิ่วกัดฟันยิ้มขึ้น แล้วเดินเข้ามาใกล้ แต่เธอก็หยุดอยู่ห่างจากเสี่ยวเทียนเหยาหนึ่งก้าว ถ้าเสี่ยวเทียนเหยา จะยื่นมือออกมาและคว้าเธอไว้ในอ้อมแขนมันก็ทำได้แต่น่าเสียดายที่เสี่ยวเทียนเหยา จะไม่ทำสิ่งเหล่านั้น …


       เสี่ยวเทียนเหยาหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาด้วยมือซ้ายแล้วโยนลงไปบนโต๊ะ มันดูเหมือนว่าเขาได้ทิ้งบางสิ่งบางอย่างมากกว่า “รับไป”


“ นี่คืออะไร?” ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่อยากรู้อยากเห็นเธอก็จะโกหก อย่างไรก็ตามเสี่ยวเทียนเหยา ไม่สนใจเธอ หลังจากขว้างมันเสร็จเขาก็หยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเริ่มเขียนสิ่งต่าง ๆ


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้พูดอะไรอีก ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงไม่ถามอีก เธอหยิบกล่องขึ้นมาและอยากจะออกไปให้เร็ว ๆ แต่… …


“ มันเย็นมาก!” ทันทีที่เธอสัมผัสกับกล่องเล็ก ๆ หลิน ชูจิ่วก็แข็งทื่อไปทันที


       เสี่ยวเทียนเหยาวางพู่กันลงแล้วหมึกก็กระจายออกมาบนกระดาษสีขาว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจมันเลย เขาหันไปเผชิญหน้ากับหลิน ชูจิ่ว และพูดขึ้นแทน “ โง่เขลา ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องเปิดมันก่อนหรือ?”


“ท่านไม่ได้บอกว่าจะต้องเปิดมันก่อน” แม้ว่าเธอจะมีความอดทนที่ยาวนาน แต่เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ควรจะมากเกินไป!


“ เจ้ากลายเป็นคนที่เชื่อฟังมากเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เปิ่นหวางไม่ได้ให้เจ้าออกไปข้างนอก แต่เจ้าก็ออกไปแบบนั้น? “เสี่ยวเทียนเหยาถากถางขึ้น


       หลิน ชูจิ่ว ขมวดคิ้วและถามขึ้น“ท่านโกรธเพราะข้าออกไปข้างนอกหรือ?”


       ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็อยากจะบอกว่าผู้ชายคนนี้ช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ … …

 

 

 


ตอนที่ 244.1

 

“ทำไม? เปิ่นหวางไม่ควรโกรธหรือ?” เมื่อเขาออกไปข้างนอกหลิน ชูจิ่วก็วิ่งออกไป ดังนั้นเขาไม่ควรโกรธหรือ?


“ทำไมท่านถึงต้องโกรธ? ข้ามีอิสระที่จะเข้าและออกจากตำหนักเสี่ยวหวางฟูได้ไม่ใช่หรือ?” หลิน ชูจิ่วไม่พอใจกับคำพูดของเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นความโกรธของเธอจึงเกิดขึ้นอีก : เขาจะกลับคำหรือ?


“ เจ้าได้รับอนุญาตให้ออกจากเสี่ยวหวางฟู่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไปได้ทุกที่ ทุกเวลา เจ้ายังต้องขออนุญาตจากเปิ่นหวางทุกครั้งที่เจ้าจะออกไปข้างนอก” หลิน ชูจิ่ว โง่มากจนถึงจุดที่นางไม่สามารถบอกถึงอันตรายจากภายนอกได้เลยหรือ?


       แคว้นเหนือ ใต้และตะวันตกกำลังจ้องมองแคว้นตะวันออกอยู่ ทุกคนต่างก็จ้องมองมาที่ขาที่เพิ่งหายของเขา การที่หลิน ชูจิ่วออกไปข้างนอกมันก็เป็นเพียงการออกไปเป็นเป้าหมายเท่านั้น


“ หืมม…” หลิน ชูจิ่วช่วยไม่ได้ที่จะส่งเสียงขึ้นคำลอ ก่อนจะพูดขึ้น “ หวางเย่ ท่านคงต้องกำลังล้อเล่นอยู่? ข้าสามารถออกไปได้ด้วยความยินยอมของท่านเท่านั้น? นี่เป็นสิ่งที่ท่านเรียกว่าอิสรภาพหรือ?”


“ มีเหตุผลใดที่เปิ่นหวางจะต้องล้อเล่นกับเจ้า เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ” เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่จริงจัง


“ท่าน…การให้อิสระที่เล็กน้อยเช่นนี้แก่ข้ามันจะมีประโยชน์อะไร” หลินชูจิ่วจ้องมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยาด้วยความโกรธ เสี่ยวเทียนเหยากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขา ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงมองไปที่เขาโดยตรงในขณะที่ยืนอยู่ อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่กลิ่นอายของเธอก็ยังด้อยมากเมื่อเทียบกับเสี่ยวเทียนเหยา


       ที่ด้านหน้าของดวงตาที่ลึกและเยือกเย็นของเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่วก็ไม่สามารถทนได้ ก่อนที่จะมองออกไปทางอื่นและพูดขึ้นแทน”ลืมมันไปซะ ข้าไม่ต้องการถกเถียงกับท่านอีกต่อไป”


“เปิ่นหวางไปถกเถียงกับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?” เขาจำเป็นต้องเถียงกับผู้หญิงคนหนึ่งหรือ? นั่นต้องเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน


“ ถ้าไม่มีอะไรอื่นอีก ข้าคงต้องขอตัว” เสี่ยวเทียนเหยาเริ่มทำตัวไม่น่าเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ หลิน ชูจิ่ว เป็นห่วงว่าเนื่องจากความโกรธของเธอ เธออาจจะตรงเข้าไปกัดเขาก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอก็หันหลังและกำลังจะจากไป แต่……


“ หยุด!” เสี่ยวเทียนเหยาตะโกนขึ้น “เปิ่นหวาง บอกให้เจ้าออกไปข้างนอกหรือ?”


“ หวางเย่ ท่านยังมีอะไรจะพูดอีกหรือ?” หลิน ชูจิ่ว หันกลับมาและถามขึ้นอย่างเฉยเมย


       ผู้ชายคนนี้มีความสามารถในการระบายความรู้สึกที่ดีของเธอออกไปจริงๆ


       แต่เดิมเนื่องจากกรณีของเสี่ยว จื่ออัน เธอได้เปลี่ยนความคิดของเธอที่มีต่อเขา แต่ตอนนี้……


       เธอเพียงต้องการที่จะรีบตรงเข้าไปฆ่าเสี่ยวเทียนเหยาเท่านั้น!


       เขาไม่ได้บอกกล่าวและหายไปเป็นเวลาสามวัน แต่เมื่อเขากลับมาเขาตะโกนใส่เธอ เธอไม่ใช่ถุงลมนิรภัยเสียหน่อย


“ เอาสิ่งนี้ออกไปด้วย” เสี่ยวเทียนเหยาชี้ไปที่กล่องเล็ก ๆ ที่อยู่บนโต๊ะ หลิน ชูจิ่ว มองดูมันแล้วปฏิเสธขึ้น “ข้าไม่สามารถรับของขวัญจากหวางเย่ได้” มันเย็นมากเธอไม่สามารถนำมันกลับไปได้


“ สิ่งที่เปิ่นหวางมอบให้จะไม่รับมันกลับ” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ยอมรับการปฏิเสธของหลิน ชูจิ่ว


“ ไม่ต้องการรับคืน เช่นนั้นหวางเย่ ท่านก็สามารถโยนมันทิ่งไปได้เลย ข้าไม่สนใจแม้แต่น้อย” ใครสนใจถ้าเขาจะโยนมันทิ้ง เธอเคยสนใจเสี่ยวเทียนเหยา มาก่อน แต่เขาก็ทิ้งเธอไป ตอนนี้เธอตัดสินใจที่จะเป็นคนเย็นชากับเขา แม้ว่าเธอจะไม่ชนะ แต่อย่างน้อยเธอก็สามารถที่จะทิ้งกลิ่นเหม็นเอาไว้ได้


       หลิน ชูจิ่ว เดินต่อไปเพื่อออกไปข้างนอก แต่เมื่อเธอแตะประตูเธอก็รู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งดึงเธอกลับมา ทำให้เธอแตะประตูไม่ได้… …


“ หวางเย่ ท่านกำลังทำอะไร?”หลิน ชูจิ่ว ต้องหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ


“รับสิ่งนี้ไป”


“ ข้าบอกว่า ข้าไม่ต้องการมัน” หลิน ชูจิ่ว ปฏิเสธอีกครั้ง เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่มองดูหลิน ชูจิ่วอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็โยนกระดาษที่เต็มไปด้วยหมึกที่กระจัดกระจายทิ้งไป เขาหยิบกระดาษใหม่ออกมาแล้วเขียนบางอย่างลงไป


       หลิน ชูจิ่ว รอสักครู่ แต่เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเทียนเหยา จดจ่ออยู่กับงานของเขา เธอก็พยายามเปิดประตูอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้นก็คือเมื่อเธอแตะประตูแล้วก็ถูกผลักออกมาด้วยพลังที่ลึกลับ


       หลิน ชูจิ่ว หันมาด้วยความไม่พอใจ“หวางเย่ ปล่อยข้าออกไปนะ”


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ใส่ใจหลิน ชูจิ่วแม้แต่น้อย

 

 

 


ตอนที่ 244.2

 

“ หวางเย่…ข้าต้องการที่จะออกไปข้างนอก” หลิน ชูจิ่วย้ำเสียงของเธออีกครั้ง แต่เสี่ยวเทียนเหยาก็ยังไม่สนใจเธอ


       ในเวลานี้แม้แต่นักบุญอย่างหลิน ชูจิ่ว ก็เริ่มโกรธเช่นกัน“ หวางเย่ ท่าน ต้องการอะไรกันแน่” นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว


“รับสิ่งนี้ไป” เขาต้องกลับไปกลับมาเป็นเวลาสามวันสองคืนเพื่อที่จะได้รับสิ่งนี้มา แต่หลิน ชูจิ่วกลับปฏิเสธ เขาจะยอมรับมันได้อย่างไร?


“ท่าน……” หลิน ชูจิ่วไม่เคยเห็นคนพาลเช่นเสี่ยวเทียนเหยามาก่อน เขาไม่ยอมรับการปฏิเสธ เขาไม่สนใจความคิดของคนอื่นแม้แต่น้อย


       หลังจากที่เขาพูดจบ เสี่ยวเทียนเหยาก็ยังคงทำงานไปอย่างต่อเนื่องและไม่สนใจหลิน ชูจิ่ว


       หลิน ชูจิ่วไม่มีตัวเลือกอื่น เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วระงับการระคายเคืองจากนั้นเธอก็เดินมาข้างหน้า อย่างไรก็ตามคราวนี้เธอไม่ได้คว้ากล่องแต่กลับเปิดมันออกแทน


“ นี่คืออะไร” น้ำแข็งที่มีควันสีขาวหรือ?


       มีน้ำแข็งชิ้นเดียวในกล่องเล็ก ๆ มันมีสีที่อ่อนกว่าน้ำแข็งธรรมดา แต่ความเย็นนั้นมากกว่ามาก


       หลิน ชูจิ่ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเทียนเหยา ถึงต้องมอบน้ำแข็งให้กับเธอ


“น้ำแข็ง” เสี่ยวเทียนเหยาวางพู่กันลงแล้วดันกระดาษที่เขาเขียนเสร็จออกไป แล้วรอให้มันแห้ง


“น้ำแข็ง? แล้วข้าจะสามารถทำอะไรกับมันได้บ้าง” เธอไม่สามารถแตะกล่องได้ ไม่ต้องพูดถึงการที่จะเอามันออกมา


“ งี่เง่า” เสี่ยวเทียนเหยามองดูหลิน ชูจิ่วราวกับว่านางโง่จริงๆ เขาไม่ได้สนใจน้ำแข็งที่เยือกเย็นและหยิบมันออกมาโดยตรง “ประเด็นไม่ใช่น้ำแข็ง แต่มีอะไรบางอย่างอยู่ในน้ำแข็ง” ทำไมนางถึงได้โง่เขลาเช่นนี้? นางเป็นบุตรสาวของสุนัขจิ้งจอกเฒ่าอย่างหลิน เซี่ยงจริงๆ หรือ เสี่ยวเทียนเหยารู้สึกสงสัยจริงๆ


       น้ำแข็งใสราวกับคริสตัล เธอสามารถมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่าว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างใน


       เสี่ยวเทียนเหยาเอาน้ำแข็งออกมา หลิน ชูจิ่วก็ไม่พบสิ่งพิเศษใดๆ จนกระทั่งเสี่ยวเทียนเหยา แบ่งน้ำแข็งออกเป็นสองส่วน หลิน ชูจิ่วถึงได้ค้นพบว่ามีผลไม้ขนาดเล็กเท่ากำปั้นสีขาวอยู่ตรงกลาง


       ผลไม้สีขาวราวกับน้ำนมวางอยู่บนน้ำแข็ง แต่ควันสีขาวก็ยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้อธิบาย เขาแค่พูดขึ้น “กินซะ”


“มันคืออะไร?” หลิน ชูจิ่วถามโดยสัญชาตญาณ แต่เธอไม่คาดหวังว่ามันจะทำให้เสี่ยวเทียนเหยา ไม่พอใจเป็นอย่างมาก“ ทำไมเจ้าถึงได้มีคำถามมากมายเช่นนี้? เจ้าคิดว่าเปิ่นหวาง จะวางยาพิษเจ้าหรือ? ถ้าเปิ่นหวาง อยากจะฆ่าเจ้าเปิ่นหวางจำเป็นต้องใช้พิษหรือไม่?”


“ข้าแค่อยากรู้ว่าในที่สุดแล้วข้ากินอะไรลงไป” หลิน ชูจิ่วรู้อย่างแน่นอนว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะไม่วางยาพิษของเธอ แต่มันผิดที่เธออยากจะถามว่ามันคืออะไรด้วยหรือ?


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ตอบคำถามของหลิน ชูจิ่ว แต่พูดขึ้นแทน“ ถ้าเจ้าไม่กินในเร็ว ๆ นี้มันจะละลาย” หลิน ชูจิ่ว ไม่ชอบที่จะกินของหายาก แต่ …


“ ข้า…จะกิน!” เธอไม่เคยเห็นชายคนหนึ่งที่น่ารำคาญไปได้มากกว่าเสี่ยวเทียนเหยาแล้ว


       หลิน ชูจิ่ว จับผลไม้สีขาวน้ำนมด้วยมือของเธอ ผลไม้สีขาวน้ำนมเย็นมาก เธอรู้สึกว่านิ้วมือของเธอเริ่มแข็ง ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าหยุดเธอรีบวางมันลงในปากอย่างรวดเร็ว หลิน ชูจิ่ว คิดว่าลำคอของเธอจะมีอาการบวมเป็นน้ำเหลือง แต่เธอไม่คาดหวังว่าผลไม้สีขาวจะละลายอย่างรวดเร็วและกลายเป็นของเหลว เธอกลืนมันลงไปก่อนจะได้ลิ้มรสอะไรเสียอีก


“รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง” เสี่ยวเทียนเหยาถามอย่างงุ่มง่ามขึ้น หลิน ชูจิ่ว ส่ายหัวและตอบด้วยความซื่อสัตย์“ข้าไม่ได้รู้สึกถึงรสชาติอะไรเลย”


“โบตั๋นน้ำแข็ง” เสี่ยวเทียนเหยาพูดด้วยความดูถูกบนใบหน้าของเขา“ มันต้องใช้เวลา 50 ปีในการปลูกผลไม้เย็นนี้ แต่หลังจากกินแล้วเจ้ากลับไม่รู้ถึงมันรสชาติของมันเลย? ช่างเป็นเรื่องที่เสียเปล่าจริงๆ”


       หลิน ชูจิ่ว เพิกเฉยต่อประโยคแรกของเสี่ยวเทียนเหยา โดยอัตโนมัติ เพราะเธอประหลาดใจมาก “ มันต้องใช้เวลาถึง 50 ปี มันมีค่าขนาดนั้นเลยหรือ?”


“ หืมม .. ” เสี่ยวเทียนเหยาพูดพลางชี้ไปที่ประตู “ทีนี้เจ้าก็ออกไปได้แล้ว!”


       เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง เสี่ยวเทียนเหยาก็รู้สึกรำคาญ ถ้าเขารู้ เขาจะไม่นำผลไม้เย็นนี้มาให้นาง มันเป็นเพียงแค่การทำให้เขาเสียเวลาเท่านั้น … 

 

 


ตอนที่ 245.1

 

  เสี่ยวเทียนเหยา ได้เขียนคำไว้บนใบหน้าของเขาว่า “เปิ่นหวางโกรธมาก” หลิน ชูจิ่ว อยากจะพูดคำสองคำที่ดีเพื่อเกลี้ยกล่อมเขาและขอบคุณเขาที่ให้ผลไม้เย็นแก่เธอ แต่……


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ให้โอกาสหลิน ชูจิ่ว ทันทีที่เธออ้าปากเสี่ยวเทียนเหยาก็บอกให้เธอหุบปากแล้วออกไปข้างนอกอีกครั้ง


“ หวางเย่ เรา……” เราจะไม่สามารถพูดดีๆ กันได้เลยหรือ?


“หุบปาก เปิ่นหวางไม่มีเวลามาคุยกับเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยาวางจดหมายที่เขาเขียนซึ่งเพิ่งแห้งลงไปในซองจดหมาย จากนั้นเขาก็หยิบม้วนงานขึ้นมาจากทางด้านข้างแล้วอ่านมัน หลังจากอ่านเสร็จ เขาก็เคาะโต๊ะสองครั้งเพื่อเรียกอันเหว่ยออกมา


“หวางเย่” อันเหว่ยไม่ได้หลีกเลี่ยงการดำรงอยู่ของหลิน ชูจิ่วและคุกเข่าลงไปต่อหน้าเสี่ยวเทียนเหยา


       ในระยะสั้นๆ เสี่ยวเทียนเหยา ยุ่งมาก เขายุ่งมากจนไม่มีเวลากวาดสายตาไปที่หลิน ชูจิ่ว หลิน ชูจิ่ว ไม่ต้องการที่จะเกิดความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงออกไปข้างนอก


       เขาไม่ได้ถามว่าเธอต้องการผลไม้เย็นนั้นหรือไม่ แล้วเขาก็มอบมันให้กับเธอ แต่ตอนนี้เสี่ยวเทียนเหยา กลับคาดหวังให้เธอขอบคุณเขาหรือ


       หลังจากออกไปข้างนอก หลิน ชูจิ่วก็ยังคงโกรธอยู่ ยิ่งเธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเสี่ยวเทียนเหยาน่ารำคาญมากเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เสมอที่จะพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูด


       เพียงแค่ออกมาจากเรือนของเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่วก็ได้พบกับพ่อบ้านเฮ้าซึ่งกำลังรีบเร่งอยู่ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“ พ่อบ้านเฮ้า มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?”


“หวางเฟย …” พ่อบ้านเฮ้า วิ่งเร็วมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สังเกตเห็นหลิน ชูจิ่ว เขาเพียงแค่หยุดเมื่อเขาได้ยินเสียงของหลิน ชูจิ่วเท่านั้น


“เกิดอะไรขึ้น?” หลิน ชูจิ่วเห็นใบหน้าที่เป็นกังวลของพ่อบ้านเฮ้า ดังนั้นเธอจึงช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้นอีกครั้ง


“หวางเฟย บ่าวอยากขอความช่วยเหลือจากท่าน…” พ่อบ้านเฮ้าดูเขินอายมากและลังเลเล็กน้อย


“มันเรื่องอะไร พูดมาก่อน?” หลิน ชูจิ่วรู้สึกว่าผู้คนของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แปลกจริงๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มองตัวตนของเธออย่างจริงจัง cแต่พวกเขาก็ยังคอยเก็บเรื่องเล็กน้อยจากเธอ


       พ่อบ้านเฮ้ายังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ยังอ้าปากขึ้นในที่สุด“ มีทหารบาดเจ็บ แผลของเขากำลังเน่าเสีย บ่าวกำลังพยายามหาหมออยู่”


       หมออู๋ไม่ได้อยู่ในตำหนัก มีหมอคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ไม่กล้ารักษาทหารคนนั้น เพราะแผลของเขาอยู่ในดวงตาของเขา หากพวกเขาไม่ระวังพอพวกเขาอาจจะทำลายดวงตาของผู้ป่วยก็ได้


       พ่อบ้านเฮ้า ไม่ได้ต้องการรบกวนหลิน ชูจิ่ว และด้วยตัวตนของนาง เขาจึงไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับนาง


“บาดแผลของเขาเน่าเสีย มันร้ายแรงหรือเปล่า ข้าจะไปดูหน่อย” หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้รอให้พ่อบ้านเฮ้าเปิดปาก แต่เป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง


“ ขอบคุณ หวางเฟย” พ่อบ้านเฮ้า ดูมีความสุขมากและจากนั้นเขาก็บอกสถานการณ์ให้หลิน ชูจิ่วรู้ “เฉินซานบาดเจ็บที่ดวงตาข้างซ้ายของเขา ดวงตาของเขาถลอก เขามักจะเปลี่ยนผ้าพันแผลของเขาอย่างระมัดระวัง แต่เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแผลของเขาก็เริ่มเน่า ตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่ามันจะจริงจังอะไร แต่แผลของเขาก็แย่ลงเรื่อยๆ หมอคนอื่นๆ ไม่กล้าแตะบาดแผลของเขา เพราะพวกเขากลัวที่จะทำลายดวงตาของเขา”


       ใบหน้าของหลิน ชูจิ่ว ดูภูมิฐานมากขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะเห็นบาดแผลเธอก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้ ดังนั้นเธอจึงพูดแค่ว่า “ช่วยไปนำกล่อยยาของข้ามา”


       เมื่อเธอนำกล่องยาของเธอเข้าไปในวัง เธอก็ไม่มีโอกาสได้นำเวชภัณฑ์ใด ๆออก คราวนี้สิ่งเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์


“ ขอรับ ” พ่อบ้านเฮ้า พูดด้วยเสียงที่ดังและจากนั้นเขาก็สั่งให้ใครบางคนไปนำกล่องยาของหลิน ชูจิ่วมา ในขณะที่เขานำหลิน ชูจิ่วไปยังทหารที่บาดเจ็บ


       ระหว่างทาง พวกเขาพบหลิวไป๋และซูฉา ซูฉาถามอย่างสุภาพขึ้นว่าหลิน ชูจิ่วจะไปที่ไหน หลิน ชูจิ่วไม่ได้เปิดปาก แต่พ่อบ้านเฮ้าก็รีบอธิบายสิ่งต่าง ๆขึ้น


“ฟังดูเลวร้ายมาก? ท่านต้องการให้พวกเราช่วยหรือไม่?” ซูฉาพูดขึ้นด้วยความกระตือรือร้น


       แน่นอนว่า เขาจะไม่ยอมรับว่าเขาอยากจะเห็นความสามารถทางการแพทย์ของหลิน ชูจิ่ว ครั้งที่แล้วเขาไม่เห็นว่านางรักษาบาดแผลอย่างไร


       หลิน ชูจิ่ว ตอบอย่างสุภาพขึ้น “ ไม่จำเป็น คุณชายซูมาเยี่ยมหวางเย่คงจะต้องมีสิ่งที่สำคัญเพื่อพูดคุย ข้าไม่กล้าถ่วงเวลางานของหวางเย่แต่อย่างใด”

 

 

 


ตอนที่ 245.2

 

    ซูฉายังคงต้องการที่จะยืนยัน แต่หลิวไป๋ เปิดปากของเขาก่อน “ หวางเฟยบอกว่านางไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา ดังนั้นจะมีอะไรให้ทำอีก” สิ่งที่ หลิวไป๋ พูดนั้นเป็นเรื่องจริง แต่……


       เมื่อฟังแล้ว เขากลับไม่ต้องการใส่มันไว้ในใจ


       เมื่อซูฉาเข้ามาในห้องอ่านหนังสือ เขาก็พบว่าบรรยากาศนั้นแปลกๆ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ได้แต่ปล่อยให้หลิวไป๋ก้าวไปข้างหน้าก่อน


       สมองของหลิวไป๋ ช้ากว่าซูฉา ดังนั้นก่อนที่เขาจะตอบสนองได้ เขาก็เดินไปข้างหน้าแล้ว


“ มีเรื่องอะไรหรือไม่?” เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เห็นพวกเขาสองคน ความโกรธของเขาก็ไม่ได้บรรเทาลงไปเลยสักนิด


       สายตาของหลิวไป๋ กวาดไปที่น้ำแข็งที่มุมของโต๊ะ ดังนั้นเขาจึงเดาได้ว่าความไม่พอใจของเสี่ยวเทียนเหยา จะต้องเกี่ยวข้องกับหลิน ชูจิ่วแน่นอน แต่……


       แม้ว่าเขาจะเดาถูกต้อง แต่เขาจะทำอะไรได้?


“ ใช่แล้ว มีเรื่อง…บางอย่าง จงจินล้มเหลวในการตามจับนายน้อยแห่งจวนพิทักษ์เวยไห่ ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปได้” หลิวไป๋ต้องการจะร้องไห้ ทุกครั้งที่เขาต้องการรายงานข่าวร้ายต่อเสี่ยวเทียนเหยาเมื่อเขาอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดี


“ ไร้ประโยชน์!” แน่นอนว่าเสี่ยวเทียนเหยาก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก เมื่อเขาได้ยินข่าว “ ส่งคนเพื่อไปค้นหาพวกเขา เปิ่นหวางไม่ต้องการได้ยินเรื่องที่ไม่คาดคิดอีก”


       หากพวกเขาไม่สามารถถอนรากของวัชพืช มันจะกลับมาเติบโตในฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง


“ได้” นอกจากรายงานแล้วหลิวไป๋ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก“แล้วข้าควรจะทำอย่างไรกับจงจิน?”


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ให้คำตอบ แต่ถามกลับขึ้น “จงจิง ล้มเหลวอย่างไร”


“จงจินได้รับจดหมายจากถังถัง น้องชายของเขา ถังถังกล่าวว่าเขาหลงทางและจะรอให้จงจินไปช่วยเขา จงจินจึงต้องทิ้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายน้อยไห่และไปหาน้องชายของเขา” หลิวไป๋ รู้สึกอายมากที่จะต้องรายงานเรื่องนี้


       ด้านนอกเมืองหลวงมีป่าเล็ก ๆ แต่ถังถังกลับหลงทาง นี่ช่างยอดเยี่ยมมาก


“ นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว” เสี่ยวเทียนเหยาไม่พอใจมาก แม้ว่าโศกนาฏกรรมครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นเพราะหลิน ชูจิ่วรีบออกมาก่อนเวลา มันก็เป็นเพราะจงจินล้มเหลวในการปรากฏตัวในเวลานั้น


“บอกจงจิน เขาเป็นหนี้เปิ่นหวางอีกครั้งแล้ว หากมีครั้งที่สาม เขาจะล้มเหลวในการเป็นมือสังหารในอนาคต”


“ข้าจะบอกจงจินในเรื่องนี้” สำหรับจงจินจะโกรธแค่ไหน นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องคิด “นอกเหนือจากเรื่องของนายน้อยไห่ ทุกอย่างก็จัดการได้ดี สิ่งต่างๆมากมายได้รับการแก้ไขแล้ว”


       มันเป็นเรื่องธรรมดาของพวกเขาที่จะรายงานข่าวร้ายก่อนแล้วก็ข่าวดี อย่างไรก็ตามเสี่ยวเทียนเหยา ไม่มีความสุขเมื่อเขาได้ยินข่าวดี เขาแค่พูดขึ้น“ จัดการคนเพื่อให้ส่งพวกเขากลับไปทันที”


“ได้” หลิวไป๋ตอบแล้วถอยกลับไป จากนั้นเขาก็ปล่อยให้ซูฉาก้าวไปข้างหน้า


       รายงานของซูฉา เกี่ยวข้องกับคดีของหมอเทวดาโม่ “ข้าได้เผยแพร่กรณีของหมอเทวดาโม่ไปแล้ว ในไม่ช้าทั้งสี่แคว้นจะได้เรียนรู้การกระทำที่ผิดของเขา นอกจากนี้เรายังพบหุบเขาที่หมอเทวดาโม่ ได้ทำการทดลองทางภาคใต้ มันจะถูกเปิดเผยเมื่อใดก็ได้”


       ตอนนี้เสี่ยวเทียนเหยา ได้ลงมือเอง แล้วหมอเทวดาโม่ จะยังคงมีโอกาสที่จะพลิกทุกอย่างได้อย่างไร? ตอนนี้แม้ว่าฮ่องเต้จะปล่อยเขาไป เขาก็ไม่สามารถตั้งหลักได้ในที่ใด ๆ ของสี่แคว้น


“ เกี่ยวกับตระกูลเมิ่งของสำนักเหวินชาง ที่ปรากฏตัวในเมืองหลวง จากข้อมูลดังกล่าวถือว่าเป็นอุบัติเหตุ นายน้อยของตระกูลเมิ่งเกิดความพิการทางสมอง หมดหลายคนได้เข้ามาดูกรณีของเขา แต่ก็ล้มเหลว”


       เนื่องจากการเสียชีวิตของผู้อาวุโสของตระกูลเมิ่ง ตระกูลเมิ่งจึงไม่พอใจอย่างมากกับหมอเทวดาโม่ แม้แต่บุตรชายของผู้อาวุโสเมิ่ง ในเวลานั้นยังได้พูดว่า พวกเขาจะไม่ขอความช่วยเหลือจากหมอเทวดาโม่และศิษย์ของเขาอีกเลย แต่คราวนี้เนื่องจากความเจ็บป่วยของลูกชายของเขา เขาก็พร้อมที่จะก้มศีรษะลงและขอคำแนะนำทางการแพทย์จากหมอเทวดาโม่  


       ดังนั้น หลังจากได้ยินว่าหมดเทวดาโม่ อยู่ในเมืองหลวงของแคว้นตะวันออก ผู้นำตระกูลเมิ่ง จึงได้พาบุตรชายของเขาไปหาคำแนะนำทางการแพทย์จากหมอเทวาดาโม่ เป็นการส่วนตัว แต่เขาไม่คาดหวังว่าเขาจะได้ยินข่าวดังกล่าวทันทีที่เขาเข้ามาในเมืองหลวง ผู้นำตระกูลเมิ่ง จึงโกรธมากและเดินทางตรงไปที่วัง……


       แผนการของเขาในการสอบถามคำแนะนำทางการแพทย์นั้นจึงหายไปโดยธรรมชาติ …

 

 

 


ตอนที่ 246.1

 

ซูฉาได้กล่าวถึงเจตนาของตระกูลเมิ่งในการเยี่ยมชมเมืองหลวงของแคว้นตะวันออก แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่การพูดคุยเกี่ยวกับข่าวลือ แต่เป็นเพราะเขาหวัง … …


“เจ้าช่วยให้หวางเฟย ตรวจดูคุณชายน้องของของตระกูลเมิ่งได้หรือไม่” หลังจากพูดประโยคนี้ ซูฉาก็รีบกระโดดไปด้านหลังของหลิวไป๋ทันที เขาไม่กล้ามองหน้าเสี่ยวเทียนเหยาแม้แต่น้อย


       ดังนั้นหลิวไป๋ผู้น่าสงสารเขาจึงถูกจ้องโดยเสี่ยวเทียนเหยาแทน


       หลิวไป๋ ตกตะลึงและต้องการที่จะดึงซูฉาที่อยู่ข้างหลังเขาออกมา แต่ตอนนี้เสี่ยวเทียนเหยากำลังโกรธอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ เขาจึงทำได้เพียงต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของเสี่ยวเทียนเหยาเท่านั้นและจากนั้น …


“ข้าคิดว่าคำแนะนำของซูฉานั้นค่อนข้างดี หวางเฟยมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์อย่างมาก ทักษะของนางไม่ได้เลวร้ายไปกว่าหมอหมอโม่” หลิวไป๋ไม่ได้ส่งเสริมหลิน ชูจิ่ว และไม่มองโลกในแง่ดี มันเป็นเพียงผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับในการรักษานายน้อยของตระกูลเมิ่งเท่านั้น ที่จะมีมากมายเกินกว่าที่จะนับได้ หากหลิน ชูจิ่ว ประสบความสำเร็จก็สามารถนำผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิดมาสู่เสี่ยวเทียนเหยา


       หลิวไป๋ คิดว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะไม่สูญเสียอะไรเลยหากเขาลอง


       เป็นธรรมชาติที่เสี่ยวเทียนเหยาจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่กลับผลประโยชน์บางอย่างที่ไม่สามารถหาได้ง่ายๆ หากความเจ็บป่วยของนายน้อยตระกูลเมิ่งสามารถรักษาให้หายขาดได้ ตระกูลเมิ่งจะไม่ยอมแพ้และมาที่เมืองหลวงเพื่อขอคำแนะนำทางการแพทย์จากหมอเทวดาโม่ ทุกคนรู้ว่าสำหรับคนที่รู้หนังสือ ชื่อเสียงและการรักษาสัญญานั้นสำคัญกว่าชีวิต


       ซูฉาสามารถเดาได้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา เป็นห่วงเรื่องอะไร ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปจากข้างหลังของหลิวไป๋ และพูดอย่างจริงจังขึ้น “เทียนเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นกังวล แต่ข้าคิดว่าเราสามารถดำเนินการบางอย่างได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ปล่อยให้ตระกูลเมิ่งเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะของพบหวางเฟยเอง” หากสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายจะไม่เป็นปฏิปักษ์กัน


“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าดำเนินการบางอย่าง มันจะมีอะไรมากไปกว่าการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของหลิน ชูจิ่ว นอกเหนือจากนี้เจ้ายังมีวิธีการอื่นอีกหรือ? “เสี่ยวเทียนเหยา มองไปที่ซูฉาอย่างไม่พอใจ เขาไม่คิดว่าวิธีนี้จะดี


       ซูฉาค่อนข้างเศร้าโศก “ทักษะการแพทย์ของหวางเฟยนั้นดีมาก แม้ว่าเราจะเผยแพร่มันออกไป จะก็จะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น”


“หลอกหลวงเกินไป เจ้าคิดว่าตระกูลเมิ่งเป็นคนโง่หรือ?” ตระกูลเมิ่งสามารถจัดการกับสำนักเหวินชางได้นานหลายปี ถ้าพวกเขาเป็นคนโง่จะทำได้เช่นนี้หรือ? นอกจากนี้พวกเขาไม่ได้ถูกควบคุมโดยสี่แคว้น ตระกูลเมิ่ง นั้นไม่ใช่ง่ายๆ และยากกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้


       แน่นอนว่าซูฉาคิดมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงก้มศีรษะของเขาลง “ถ้าความคิดของข้านั้นไร้ประโยชน์ก็แค่ปฏิบัติต่อมันเหมือนข้าไม่ได้พูดอะไร”


“วางเรื่องนี้ไว้ก่อน เปิ่นหวางจะคิดในภายหลัง” เสี่ยวเทียนเหยายอมรับว่าสิ่งนี้เป็นไปได้ แต่มันต้องเป็นไปอย่างธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่หลิน ชูจิ่วช่วยตระกูลโม่จากทางเหนือเอาไว้


       ซูฉาพยักหน้าและไม่กล้าที่จะผลักดันความคิดของเขาไปยังเสี่ยวเทียนเหยาอีกต่อไป เพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเสี่ยวเทียนเหยา เขาจึงพูดเรื่องอื่นแทน


       หลังจากครึ่งชั่วยาม ซูฉาและหลิวไป๋หมดธุระของพวกเขาและเตรียมที่จะจากไป อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวเทียนเหยาถามขึ้น“ เกิดอะไรขึ้นกับหลิน ชูจิ่ว ในวังในวันนั้น” ยิ่งหลิน ชูจิ่วปฏิเสธที่จะพูด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีปัญหาอยู่ข้างหลัง


“ ในวังหรือ? โอ้…ข้าจำได้ว่าหวางเฟยไม่พบปัญหาใด ๆ ในตำหนักฉิ่งเหอ เมื่อหวางเฟย ออกจากตำหนักฉิ่งเหอ ก็ไม่ได้พบปัญหาใดๆ พระสนมโจวได้ส่งหวางเฟยออกมา อย่างไรก็ตามหวางเฟยและฮองเฮาก็พบกันในวันนั้นในเรือนดอกไม้ มีเพียงคนเดียวที่อยู่คือแม่นมของฮองเฮา ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถรู้ได้ถึงสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน” ซูฉารายงานทุกสิ่งที่เขารู้


       เห็นได้ชัดว่าปัญหาอยู่กับฮองเฮา แต่นอกเหนือจากทั้งสามคน ก็ไม่มีใครรู้เนื้อหาของการสนทนาของพวกเขา เสี่ยวเทียนเหยา จำได้ว่าเห็นองค์ชายเจ็ดในตำหนักฉิ่งเหอมาก่อน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ตรวจสอบองค์ชายเจ็ด”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม