Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ 239.2-242.2

ตอนที่ 239.2

 

   เมื่อพ่อบ้านเฮ้า เห็นหลิน ชูจิ่ว ไม่โกรธ เขาก็รีบพูดอย่างรีบร้อนขึ้นทันที “ เพียงแค่ หวางเย่ได้พูดเอาไว้ว่า ถ้าหวางเฟยอยากออกไปข้างนอก หวางเฟยจะต้องนำทหารติดตัวไปด้วยขอรับ” แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนการเฝ้าระวัง แต่จริงๆ แล้วมันเพื่อปกป้องหลิน ชูจิ่ว


       ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนในเมืองหลวงที่สามารถออกไปวิ่งไปรอบ ๆ ได้หลังแต่งงานแล้ว เสี่ยวหวางเย่ ดีกับหลิน ชูจิ่วจริงๆ


       เมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัย หลิน ชูจิ่ว ก็คาดหวังเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยทันที


       ภายใต้ข้อตกลงของพ่อบ้านเฮ้า หลิน ชูจิ่ว จึงจากไปพร้อมกับรถม้าของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ที่ดูธรรมดามาก คนขับรถม้าของเธอเป็นผู้คุ้มกันที่จะปกป้องเธอ แต่หลังจากนั้นไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกไปจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ผู้คุ้มกันก็พูดขึ้น “หวางเฟย พวกเรากำลังถูกตามขอรับ”


       นี่ก็เป็นเหตุผลที่เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ต้องการให้หลิน ชูจิ่วออกไปข้างนอก มีหลายคนที่คอยเฝ้าดูตำหนักเสี่ยวหวางฟู่อยู่ข้างนอก และมันก็อันตรายสำหรับ หลิน ชูจิ่ว ที่จะออกไปข้างนอก


       หลิน ชูจิ่ว ไม่มีจุดประสงค์ที่จะออกไปข้างนอกในวันนี้ เธอแค่อยากออกมาและทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในเมืองหลวงเท่านั้น แต่ใครจะคิดเมื่อเธอออกมาเธอจะถูกจับตามอง? หลิน ชูจิ่ว ไม่โกรธเธอเพียงพูดขึ้นง่ายๆ “ไปที่ถนนหลัก ไม่ ไปยังทิศทางของศาล”


       หากพวกเขาต้องการติดตาม พวกเขาก็ควรวิ่งให้ดี พวกเขาสามารถติดตามเธอได้จนกว่าพวกเขาจะเหนื่อย … …


       เมื่อวานนี้หมอหลวงฉินทำหน้าที่ของเขาและพักอยู่ที่ตำหนักขององค์ชายสาม เขาเพิ่งจากไปเมื่อเช้านี้ เมื่อกลับไปที่สถานที่ของเขา เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เขารีบไปหาอาจารย์ของเขาเพื่อรายงานข่าวดี


“ท่านอาจารย์ฮองเฮายอมแพ้กับหมอเทวดาโม่แล้วขอรับ”หมอหลวงฉินรายงานด้วยความตื่นเต้น


       สำหรับวันนี้ที่จะถึง พวกเขาได้รอมานานหลายสิบปี… …


“ในที่สุด” จมูกของชายชราที่มีผมสีเงินเริ่มแดงขึ้นเมื่อน้ำตาของเขาไหลออกมา “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้”


       ชายชราคลุมหน้าของเขาและร้องไห้ขึ้นเสียงดัง ร่างกายของเขาสั่นเทา หมอหลวงฉินหมอบอยู่ที่ด้านข้างของชายชราและปลอบโยนเขา“ท่านอาจารย์ร่างกายของท่านไม่สามารถรับมือกับอารมณ์ที่มากเกินไปได้ อย่าตื่นเต้นมาก จนเกินไป นี่เป็นเหตุการณ์ที่มีความสุข ท่านไม่ควรร้องไห้!”


“ข้ามีความสุข ข้ามีความสุข” ชายชราเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเขาและค่อยๆสงบอารมณ์ลง “เจ้าพูดถูก ข้าไม่ควรตื่นเต้นจนเกินไป ข้าต้องรักษาร่างกายที่แตกสลายนี้เอาไว้และปล่อยให้ผู้ร้ายคนหน้าซื่อใจคดผู้นั้น ได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขาออกมา ”


       ดวงตาของชายชราส่องประกายแวววาวด้วยแสงอันแรงกล้าขึ้น “ไปที่ห้องของข้า และหยิบกล่องยาออกมา จากนั้นจัดคนให้แอบส่งข้าไปที่ซื่ออันถัง”


       กล่องยาเป็นของเก่าที่เป็นของส่วนตัวของชายชรา และซื่ออันถัง ก็เป็นสถานที่ที่เขาควรจะได้อยู่ตั้งแต่แรก ดังนั้นเมื่อหมอหลวงฉินได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาซีดลง “ท่านอาจารย์ ท่านกำลังจากไป”


“ ใช่แล้ว” ชายชราพยักหน้าแล้วเสริมขึ้น “ในตอนแรกข้าต้องการใช้โรคขององค์ชายสามเพื่อสร้างถนนสายสำคัญให้กับเจ้า โชคไม่ดีที่เสี่ยวหวางเย่ทำลายมัน อาจารย์ชราผู้นี้ไม่มีอะไรจะสอนเจ้าอีกแล้ว ความสัมพันธ์ของเราในฐานะอาจารย์และศิษย์จะสิ้นสุดลงที่นี่”


“อาจารย์……” หมอหลวงฉินส่ายหัวและคว้ามือของชายชราเอาไว้“ ท่านจะเป็นอาจารย์ของข้าเสมอ”


       ชายชราดึงมือของเขากลับมาอย่างแรง “เจ้าอาจเก็บอาจารย์ผู้นี้เอาไว้ในใจ แต่เมื่อข้าออกไปจากประตูนี้ เจ้าต้องลืมข้า เจ้าไม่ควรปล่อยให้ฮ่องเต้เรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของข้ากับเจ้า มิฉะนั้นเขาจะไม่เชื่อในตัวเจ้าอีก”


“ท่านอาจารย์ ขอบคุณ ขอบคุณ…” หมอหลวงฉิน รู้ว่าอาจารย์ของเขาสอนทักษะทางการแพทย์เพื่อจุดประสงค์ใด เขาปล่อยให้เขาเป็นหมอประจำวังเพื่อแก้แค้น ทุกสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่อาจารย์ของเขาก็ยังสอนทุกสิ่งที่เขารู้


       อาจารย์และศิษย์พูดอีกสองสามคำ จากนั้นหมอหลวงฉินก็ให้เงินแก่ชายชรามากมาย ชายชราไม่มีความลังเลใด ๆ เมื่อคนจากซื่ออันถังมาถึง เขาก็ขอให้พวกเขาส่งเขาไปที่ศาลยุติธรรม


       ต้องการที่จะร้องเรียนเกี่ยวกับหมอเทวดาโม่ เขาต้องการที่จะบอกพวกเขาว่าหมอเทวดาโม่ ได้ใส่ร้ายเขาและเกือบจะฆ่าเขาและยังปล้นภรรยาของเขา…

 

 

 


ตอนที่ 240.1

 

  หลิน ชูจิ่ว เพิ่งจะได้ใช้ประโยชน์จากการหายตัวไปของเสี่ยวเทียนเหยา เธอออกไปข้างนอกเพื่อดูรอบ ๆ แต่เธอก็ได้พบเหตุการณ์สำคัญโดยไม่คาดคิด


20 ปีที่แล้วลูกศิษย์อัจฉริยะผู้ที่ได้หลบหนีจากการทำบาปกรรมของเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและกล่าวหาว่าหมอเทวดาโม่ ได้วางแผนใส่ร้ายเขา พยายามฆ่าเขาและยังพาภรรยาของเขาไป


       ลูกศิษย์อัจฉริยะของหมอเทวดาโม่คนนี้เป็นชายชราที่มีผมสีเงิน เขาไม่เพียงแต่ร้องเรียนในศาลยุติธรรมเท่านั้น แต่เขายังเขียนจดหมายด้วยกระดาษแผ่นใหญ่ด้วยเลือด ผู้เข้าชมทั้งหมดสามารถมองเห็นได้ชัดเจน


       ศาลยุติธรรมอยู่ในย่านใจกลางเมือง มีคนไม่มากที่เข้าและออกในช่วงเวลาสงบเช่นนี้ อย่างไรก็ตามในวันนี้ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีคนจำนวนมากผ่านไปมา ในไม่ช้าชายชราผมเงินก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน มีหลายคนที่อยู่ข้างหน้าที่ค่อยจะชี้นิ้วไปที่นั่นบ้าง ที่นี่บ้าง


       ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา พวกเขาไม่รู้หนังสือ ดังนั้นพวกเขาจึงถามผู้คนรอบตัวพวกเขาเกี่ยวกับจดหมายฉบับใหญ่ คนที่มีความรู้บางคนช่วยอ่านให้พวกเขาฟัง แต่ …


“เจ้าช่วยอ่านให้มันฟังดูธรรมดาหน่อยได้ไหม ข้าไม่เข้าใจ” ผู้ที่ไม่รู้หนังสือไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูด


“ชายชราผู้นี้พูดว่าคนที่ฆ่าผู้อาวุโสของสำนักเหวินชางเมื่อ 20 ปีที่แล้วไม่ใช่เขา 20 ปีที่แล้วผู้อาวุโสของสำนักเหวินชาง ป่วยหนักและขอให้หมอเทวดาโม่ไปรักษาเขา เขาและหมอเทวดาโม่ไปที่ตระกูลเมิ่ง หลังจากวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยแล้ว พวกเขาทั้งสองก็มีมุมมองที่ต่างกันเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะรักษาต่อผู้อาวุโสเมิ่ง เขาเสนอวิธีการรักษาอย่างช้า ๆ เพื่อคืนพลังให้กับผู้อาวุโสเมิ่ง ในขณะที่หมอเทวดาโม่ เสนอให้ใช้อีกวิธีหนึ่ง เพื่อกระตุ้นพลังของ ผู้อาวุโสเมิ่งอย่างรวดเร็ว”


“ข้อถกเถียงระหว่างอาจารย์และศิษย์ไม่ได้สิ้นสุดลงที่นั่น เพื่อพิสูจน์ว่าวิธีการของเขาเป็นไปได้ ชายชราก็ขอให้หมอเทวดาโม่รอเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไปที่อาณาจักรกลางเพื่อค้นหายารักษาโรค แต่เขาบังเอิญพบจิตวิญญาณมังกร เขาไม่สามารถรอที่จะนำมันกลับมาโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อเขามาถึงผู้อาวุโสเมิ่งก็ตายไปแล้วและข่าวลือบอกว่าผู้อาวุโสเมิ่งเสียชีวิตในมือของเขาและเขาก็หนีไปเพราะบาปนี้”


“ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่เชื่อ เขาไม่กล้าที่จะไปพบหมอเทวดาโม่ เขากลับบ้านเพื่อถามภรรยาของเขาเผื่อว่านางจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่รู้ว่าภรรยาของเขาและหมอเทวดาโม่ได้สมรู้ร่วมคิดกันแล้ว ภรรยาของเขาแอบวางยาเขาและบอกหมดเทวดาโม่ถึงการมาถึงของเขา”


“หมอเทวดาโม่ไม่เพียงแต่เอาจิตวิญญาณมังกรของเขาไปเท่านั้น แต่ยังโยนเขาเข้าไปในฝูงหมาป่า หากเขาไม่ได้นำยาช่วยชีวิตที่เขาซื้อมาจากในอาณาจักรกลางเขาก็คงจะต้องตายภายใต้ปากของหมาป่าเหล่านั้นไปแล้ว แต่ในที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงกลายเป็นขยะ”


       หลังจากคำอธิบายของบัณฑิต ชายชราก็ยกกางเกงของเขาขึ้นและเผยให้เห็นขาของเขาที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง


       ในเวลาต่อมาผู้ชมต่างก็เข้าใจว่าต้นขาของชายชราถูกทำลาย เขาใช้ไม้เนื้อแข็งสองชิ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นขาของเขา เมื่อชายชรานำไม้เนื้อแข็งทั้งสองออกมา เขาก็ดูเหมือนท่อนไม้ที่นั่งอยู่บนรถเข็น


       ผู้คนมักจะเห็นอกเห็นใจผู้ที่อ่อนแอ และเมื่อมีอายุมากขึ้น พวกเขาก็ยิงจะเห็นอกเห็นใจมากขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อคำพูดของชายชราทันที


       นอกเหนือจากหนังสือเลือดของเขาแล้ว ชายชราก็หยิบเอาหนังสือเลือดออกมาอีกฉบับหนึ่ง ตัวอักษรเลือดนี้เป็นเลือดสีดำจะเห็นได้ว่ามันถูกเขียนมานานแล้ว


       จดหมายเลือดฉบับนี้ ไม่ได้พูดถึงความบริสุทธิ์ของเขา แต่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายของหมอเทวดาโม่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา


       ศึกษาร่างกายมนุษย์จากบุคคลที่มีชีวิตอยู่ ทดสอบยากับคนที่มีชีวิตอยู่ การใช้เลือดของมนุษย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยา การฉกฉวยผลงานของลูกศิษย์……ความชั่วร้ายเรียงรายจากหนึ่งไปเรื่อยๆ ถูกเขียนขึ้น แต่มันยากที่จะอ่านมาก


       ทุก ๆ ปี คนธรรมดานับไม่ถ้วนเสียชีวิตภายใต้เนื้อมือของหมอเทวดาโม่ หมอเทวดาโม่ จะรักษาผู้ที่สามารถจ่ายค่ารักษาได้เท่านั้น บางครั้งเขาจะรักษาคนธรรมดา แต่เพียงเพื่อทดลองใช้ยาที่คิดค้นขึ้นใหม่ของเขาเท่านั้น ..

 

 

 


ตอนที่ 240.2

 

 เหตุผลที่ชื่อเสียงของหมอเทวดาโม่ สูงมากเพราะมีใบสั่งยาใหม่ๆ ออกมาเสมอ แต่มันก็แลกกันมาตลอดกับชีวิตของคน


       จดหมายเลือดฉบับแรกกระตุ้นความเห็นอกเห็นใจของผู้ดูเหตุการณ์หลังจากอ่านมัน อย่างไรก็ตามจดหมายเลือดฉบับต่อมากระตุ้นความโกรธของผู้คนในบริเวณใกล้เคียงอย่างสมบูรณ์


       ในสายตาของพวกเขา หมอเทวดาโม่ปฏิบัติต่อคนธรรมดาราวกับมด แต่เขาลืมไปหรือว่ามดก็สามารถฆ่าช้างได้? เขาคิดว่ามีประชาชนทั่วไปอยู่กี่คนที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์แห่งนี้? เขาคิดว่ามีคนที่ไม่พอใจกับพฤติกรรมเช่นนี้ของเขากี่คนกัน?


“ ช่างน่าเสียใจ! คนประเภทนี้แม้ว่าเขาจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี เขาก็ไม่ควรอยู่ในสถานที่ของเรา”


“ เราควรตบหน้าเขาหลายล้านครั้ง มันเป็นเพียงโศกนาฏกรรมในการกับหมอเช่นนี้เอาไว้”


“เพื่อเพิ่มชื่อเสียงของเขา เขาใช้ชีวิตคนธรรมดาราวกับชีวิตไม่มีค่าอะไร คนเช่นนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”


       ท่ามกลางฝูงชน จู่ๆ ใครบางคนก็พูดขึ้น “ข้าได้ยินว่ามีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ข้างๆ หมอเทวดาโม่และตอนนี้เขาก็มีบุตรสาวที่งดงาม ข้าสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช่ภรรยาของลูกศิษย์ของเขาหรือไม่”


       เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา มันดึงดูดข้อโต้แย้งมากมายขึ้นทันที “ในฐานะอาจารย์ เขาไม่มีศีลธรรม เขาไม่คู่ควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์! “


“เหมือนพ่อ เหมือนลูก หมอเทวดาโม่ ไม่ใช่คนดี บุตรสาวของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่”


ยิ่งพูดก็ยิ่งมีความเห็นมากขึ้น พวกเขาก็ยิ่งโกรธ เมื่อเจ้าหน้าที่ของศาลยุติธรรมออกมา ความโกรธของผู้คนก็ได้สูงขึ้นแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถระงับพวกเขาได้อีกต่อไป


       เมื่อเจ้าหน้าที่พิจารณาคดีได้ยินว่ามีคนร้องเรียนหมอเทวดาโม่ เขาก็ไม่ต้องการรับคดี แต่เมื่อเขาได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสของสำนักเหวินชาง เขารีบออกไปข้างนอกและอยากจะระงับข่าว เขาไม่ต้องการให้คนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป


       เจ้าหน้าที่ของศาลได้สั่งให้คนของเขาเก็บตัวอย่างจดหมายเลือดเอาไว้พร้อมกับกักตัวชายชราสีเงินและขับไล่ผู้คนออกไป


       แต่อย่างใดก็ตาม ผู้ชมในวันนี้ต่างก็ปฏิเสธที่จะจากไป บางคนถึงกับตะโกนขึ้น“ท่านผู้พิพากษา ท่านต้องแก้ปัญหานี้ในที่สาธารณะ เราจะรอฟังมัน”


“ ท่านผู้พิพากษา จะมีการพิจารณาคดีนี้เมื่อไหร่? พวกเราจะมาฟังได้หรือไม่”


“ท่านผู้พิพากษา เราจะบอกข่าวนี้ให้กับสำนักเหวินชาง และตระกูลเมิ่ง อย่างแน่นอน เราขอให้ท่านมีความยุติธรรมกับผู้ตายด้วย”


       เมื่อเจ้าหน้าที่ของศาลได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็รู้สึกว่าศีรษะของเขาใหญ่ขึ้นเหมือนหัววัว เขายังรู้ว่ากรณีนี้ไม่เล็กและไม่ธรรมดา เขาต้องรับประกันกับประชาชนว่าทางศาลจะจัดการกับคดีนี้อย่างยุติธรรม แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหมอเทวดาโม่ที่มีชื่อเสียงก็ตาม


       หลังจากได้รับข่าว ผู้ชมก็ค่อยๆแยกย้ายกันไป แต่พวกเขายังคงรวมตัวกันเป็นสองหรือสามกลุ่มและยังคงพูดคุยกันเกี่ยวกับของหมอเทวดาโม่ต่อไป


       หลิน ชูจิ่ว กำลังนั่งอยู่ในรถม้า ในทันใดเธอก็สามารถบอกได้ว่ามีเพียงครึ่งเดียวของฝูงชนที่เป็นคนธรรมดา อีกครึ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า จุดประสงค์คือการทำให้สิ่งต่าง ๆ มีขนาดใหญ่และเพื่อจัดการกับหมอเทวดาโม่  


       สำนักเหวินชางมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นที่นิยม ที่นั่นรับสมัครลูกศิษย์จากทั้งสี่แคว้น แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในแคว้นใดแคว้นหนึ่ง พวกเขาเป็นกลุ่มอิสระ


       ลูกศิษย์ของสำนักเหวินชาง ไม่เคยเข้าร่วมการโต้เถียงใดๆ ในแคว้น พวกเขามีสมาธิกับการศึกษาของพวกเขาเท่านั้น สำนักเหวินชางได้ผลิตนักวิชาการขงจื้อจำนวนมาก ลูกศิษย์เหล่านี้หลายคนถูกพรากไปโดยอาณาจักรกลางโดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา


       ด้วยเหตุนี้ทั้งสี่แคว้นจึงมีความสุภาพเป็นพิเศษต่อสำนักเหวินชาง และลูกศิษย์ของสำนักเหวินชางก็เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงในแคว้นต่างๆ ด้วยความเกี่ยวข้องของหมอเทวดาโม่ ต่อการตายของผู้อาวุโสของสำนักเหวินชาง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเป็นตาบอดต่อคดีนี้ได้


       เมื่อเจ้าหน้าที่ของศาลได้รับจดหมายเลือด เขารีบไปที่วัง เขารายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ และขอให้ฮ่องเต้ตัดสินใจ……

 

 

 


ตอนที่ 241.1

 

   ฮ่องเต้ไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ วันหนึ่งจู่ๆ ก็มีใครบางคนไปที่ศาลยุติธรรมและร้องเรียนต่อหมอเทวดาโม่ มันเป็นวิธีการที่เรียบง่ายและยังโหดร้ายในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนกับพฤติกรรมของบุคคลผู้นั้น …


“ ไปตรวจสอบดูว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้” เมื่อเขาได้ยินว่ามีคนร้องเรียนหมอเทวาดโม่ ความกังวลแรกของฮ่องเต้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเรื่องของคดี แต่เป็นใครผีร้ายที่อยู่ข้างหลังมัน


       ห้องโถงของฮ่องเต้นั้นเงียบ ไม่มีใครตอบคำของฮ่องเต้ แต่เจ้าหน้าที่ของศาลยุติธรรมกลับรู้สึกเย็นที่หลังของเขา


       ในเวลานี้ ฮ่องเต้กำลังมีการหารือกับเจ้าหน้าที่ของฝ่ายยุติธรรมเป็นการส่วนตัวและดูรายงานบนโต๊ะ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฮ่องเต้ก็พูด“เจิ้นจะทำตามกฎราชสำนัก เจิ้นไม่ต้องการฟังความคิดเห็นใด ๆ จากคนของสำนักเหวินชาง”


“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เจ้าหน้าของศาลยุติธรรมเข้าใจว่าฮ่องเต้ได้ยอมแพ้ในตัวของหมอเทวดาโม่แล้ว “ฝ่าบาท หมอเทวดาโม่อยู่ในวัง กระหม่อมสงสัยว่ากระหม่อมจะขอให้หมอเทวดาโม่ไปที่ศาลยุติธรรมได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ” เช่นนี้ จะได้ไม่ได้ต้องกลับมาที่วังอีก


“ เจิ้นจะส่งบุคคลผู้นั้นให้กับเจ้า เจ้ากลับไปก่อน” ฮ่องเต้พูดขึ้นง่ายๆ เขาไม่ต้องการพูดกับเจ้าหน้าที่ของศาลยุติธรรมอีก บางสิ่งบางอย่างต้องตรวจสอบก่อน


       ความจริงที่ว่าจู่ๆ หมอเทวดาโม่ก็ถูกเปิดเผย มันดูฉลาดเกินไปในตอนที่เขาไม่ต้องการหมอเทวดาโม่แล้ว และตอนนี้เขาก็วางแผนที่จะส่งเขาออกไป ใครบางคนไปที่ศาลยุติธรรมและร้องเรียนเขา ผีร้ายตัวนั้นที่ลงมือ อาจจะรู้จักเขาดีมากหรือต้องเป็นใครสักคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเขา


       เมื่อเจ้าหน้าของศาลยุติธรรมจากไป ก็มีคนเข้ามารายงานขึ้น “ฝ่าบาท ตระกูลเมิ่งของสำนักเหวินชาง มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”


“ ตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินชางหรือ? มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือไม่?” มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากอีกหนึ่ง เป็นใครก็ช่วยไม่ได้ที่จะสงสัย


“ให้พวกเขาเข้ามา!”


       ไม่จำเป็นต้องถามว่าทำไมตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินชางจึงต้องการพบฮ่องเต้ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหวังว่าฮ่องเต้จะอนุญาตให้พวกเขาได้เผชิญหน้ากับหมอเทวดาโม่และลูกศิษย์ของเขา พวกเขาต้องการค้นหาว่าทำไมผู้อาวุโสของพวกเขาถึงตายในเวลานั้น


       การกระทำของตระกูลเมิ่ง นั้นสมเหตุสมผล พวกเขาเอาชื่อเสียงของพวกเขาเป็นเดิมพัน ดังนั้นฮ่องเต้จึงปฏิเสธไม่ได้ ฮ่องเต้ได้ทำตามคำขอของตระกูลเมิ่งและส่งพวกเขาไปยังศาลยุติธรรม


       เมื่อ หลิน ชูจิ่ว กำลังจะกลับ รถม้าของตระกูลเมิ่ง ก็กำลังตรงมาอย่างรีบร้อน แต่พวกไม่ได้แสดงฐานะที่แท้จริงและไม่เปิดเผยตัวตนของพวกเขา หลิน ชูจิ่ว ที่ไม่รู้จักตระกูลเมิ่ง ดังนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าใครกำลังมา


       รถม้าของพวกเขามาพบกันที่ถนน ผู้คุ้มกันของหลิน ชูจิ่ว ขับรถม้าไปด้านข้างและรอให้อีกฝ่ายผ่าน


       หลิน ชูจิ่วอยู่ข้างนอกทั้งวัน เมื่อเธอกลับไปมันก็เป็นตอนเย็นแล้ว พ่อบ้านจึงเริ่มเป็นกังวลและออกไปข้างนอกเพื่อรอหลิน ชูจิ่ว เขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง เขาจะอธิบายต่อหวางเย่ ของพวกเขาอย่างไรถ้ามีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น?


       พ่อบ้านเฮ้าขอให้หทารที่เฝ้าอยู่ที่ประตูค่อยดูเอาไว้ และมารายงานเขาทุกครึ่งชั่วยาม พ่อบ้านเฮ้ากลับไปข้างในและสวดอ้อนวอนขอให้หลิน ชูจิ่วกลับมาโดยเร็ว


       แต่หลิน ชูจิ่วก็เหมือนว่าม้าป่าที่วิ่งออกไปข้างนอกได้ เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว แต่เธอก็ยังไม่กลับมา


“ ทำไมหวางเฟย ถึงยังไม่กลับมาอีก” พ่อบ้านเฮ้า ถามเป็นครั้งที่ 100 ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู โค้งคำนับและไม่ได้พูดอะไร


       พ่อบ้านเฮ้าออกไปข้างนอกอีกครั้งและเดินกลับไปกลับมาอยู่ที่ประตู เขากลัวที่จะได้ยินข่าวร้ายเมื่อหลิน ชูจิ่วกลับมา  


“ ทำไมหวางเฟย ถึงยังไม่กลับอีก? โอ้สวรรค์ ได้โปรดอย่าให้หวางเฟยได้รับบาดเจ็บเลย หวางเย่จะต้องไม่ปล่อยข้าไปอย่างแน่นอน” พ่อบ้านเฮ้าหันไปทางประตู เจ้าหน้าที่ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พ่อบ้านเฮ้าเดินกลับไปกลับมาอยู่สองสามครั้ง เขาก็หันกลับมาถามคำถามเดียวกันอีกครั้ง


“ ทำไมหวางเฟย ถึงยังไม่กลับอีก? ข้าควรส่งคนไปตามหวางเฟยดีหรือไม่?” พ่อบ้านเฮ้าลังเล แต่แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นและเดินเข้าไปข้างใน เขาก้าวไปข้างหน้าแต่แล้วก็หยุดลง “ช้าก่อน ถ้าหวางเฟย รู้ว่าข้าส่งคนไปตามนาง นางอาจคิดว่าข้ากำลังต่อต้านนางและไม่เชื่อฟังนางก็ได้”

 

 

 


ตอนที่ 241.2

 

  พ่อบ้านเฮ้ากำจัดความกังวลของเขาออกไป จากนั้นเขาก็พูดกับทหารที่เฝ้าประตูขึ้น “พวกเจ้าคอยมองดูอยู่เรื่อย ๆ เมื่อไหร่ที่หวางเฟยกลับมาให้รีบมาบอกข้าทันที”


“ พ่อบ้านเฮาสบายใจได้ เมื่อไหร่ที่หวางเฟยกลับมา เราจะรีบไปรายงานให้ท่านรู้ในทันที” ทหารเฝ้าประตูก็พูดคำที่เขาพูดซ้ำหลายครั้งขึ้นอีกครั้ง


       พ่อบ้านเฮ้าพอใจมาก อย่างไรก็ตาม เขาเข้าไปด้านในได้ไม่นาน รถม้าของหลิน ชูจิ่วก็ปรากฏขึ้น เมื่อทหารเห็นรถม้าของหลิน ชูจิ่ว จากระยะไกลๆ เขาก็รีบไปรายงานพ่อบ้านเฮ้าในทันที


       พ่อบ้านเฮ้ารีบวิ่งไปที่หน้าตำหนัก เขารีบสูดเอาลมหายใจของเขาก่อนจะพูดขึ้น “หวางเฟย ในที่สุดท่านก็กลับมา” พ่อบ้านเฮ้าไม่สบายใจจริง ๆ เมื่อหลิน ชูจิ่วยังไม่กลับมา


“ เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เมื่อหลิน ชูจิ่วเห็นใบหน้าที่ดูเป็นกังวลของพ่อบ้านเฮ้า เธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้น


       พ่อบ้านเฮ้าส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้น “ ไม่มีอะไรขอรับ บ่าวชราผู้นี้เพียงแต่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหวางเฟย ที่ด้านนอกเท่านั้น ดีจริงๆ ที่หวางเฟยกลับมาอย่างปลอดภัย”


“เนื่องจากรากฐานของฮ่องเต้ กฎและระเบียบจึงค่อนข้างดี พ่อบ้านเฮ้าไม่ควรเป็นกังวล” หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าพ่อบ้านเฮ้าเป็นกังวลเรื่องอะไร แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ออกไปตลอดชีวิตของเธอเพียงเพราะพ่อบ้านเฮ้าเป็นกังวล


“ สิ่งที่หวางเฟย กล่าวมานั้นถูกต้องแล้วขอรับ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่าใต้รากฐานของฮ่องเต้” จริงๆแล้วมันฟังดูแปลก ถ้ามันปลอดภัยจริงๆทำไมหวางเย่และหวางเฟย ถึงถูกลอบสังหารในวันแต่งงานของพวกเขา?


       แต่แน่นอนว่ามันจะดีกว่าที่จะมองในด้านที่สว่าง


       พ่อบ้านเฮ้าเดินไปส่งหลิน ชูจิ่ว จนถึงเรือนของเธอ จากนั้นเขาสั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำร้อนและอาหาร เขาทำให้แน่ใจว่าหลิน ชูจิ่วจะพอใจมากกับการบริการของเขาเพื่อที่เธอจะได้ไม่ลังเลที่จะออกไปอีก


       เห็นการทำงานอย่างขยันขันแข็งของพ่อบ้านเฮ้า และเห็นความเป็นกังวลของเขา หลิน ชูจิ่วก็ช่วยไม่ได้ที่จะส่ายหัว ถ้าเธอออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราวและพ่อบ้านเฮ้าจะไม่สบายใจอยู่เสมอ เธอก็คงจะรู้สึกอายที่จะออกไปข้างนอกอีก


       หลังจากออกไปเดินอยู่ข้างนอกหนึ่งวันหลิน ชูจิ่วก็เหนื่อยมาก ภายใต้การบริการของซุนฉีและฉิวฉี หลิน ชูจิ่วก็ได้อาบน้ำและทานอาหารเย็นจนเสร็จ เธอเดินเล่นอยู่สองรอบแล้วจึงเข้านอน ส่วนเสี่ยวเทียนเหยา จะกลับมาคืนนี้หรือไม่? หลิน ชูจิ่วก็ไม่อยากรู้ เพราะเธอจะรู้คำตอบในวันพรุ่งนี้


       เมื่อหลิน ชูจิ่วตืนขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นก็ไม่มีร่องรอยใด ๆ ติดกับผ้าปูที่นอนเลย เธอจึงรู้ได้ในทันทีว่าเสี่ยวเทียนเหยายังไม่กลับมาเมื่อคืนนี้


       หลิน ชูจิ่ว ไม่กังวล เสี่ยวเทียนเหยาเป็นใครกัน เขาเป็นเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ ถ้าเขาตกอยู่ในอันตราย อีกฝ่ายจะตาย


       หลังจากหลิน ชูจิ่ว ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปที่ลานด้านหน้าเพื่อมองหาพ่อบ้านเฮ้า เธอต้องการสอบถามเกี่ยวกับกรณีของหมอเทวดาโม่  


       โชคไม่ดีที่กรณีนี้ได้รับการจัดการโดยฮ่องเต้ ดังนั้นพ่อบ้านเฮ้า จึงไม่ทราบข้อมูลมากนัก เขารู้แค่ว่าตระกูลเมิ่งแห่งสำหนักเหวินชางมา …


“หวางเฟย ท่านต้องการให้ข้าส่งคนออกไปสอบถามหรือไม่ขอรับ?” พ่อบ้านเฮ้า เห็นว่าหลิน ชูจิ่ว สนใจในกรณีนี้ ดังนั้นเขาจึงริเริ่มที่จะถามขึ้น


       อย่างไรก็ตาม หลิน ชูจิ่วส่ายหัวของเธอ “ ไม่จำเป็น แค่รอผลที่จะออกมาและมาบอกข้าก็พอ” มีคนจัดการคดีของหมอเทวดาโม่แล้ว และบุคคลผู้นั้นจะไม่ยอมปล่อยหมอเทวดาโม่ ไปอย่างแน่นอน เธอไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมความสนุกในครั้งนี้


       มีหลายคนที่เฝ้าดูคดีของหมอเทวดาโม่อยู่ และหมอหลวงฉินติดตามคดีนี้อยู่ คนเหล่านั้นที่อยู่นอกศาลยุติธรรมก็เป็นเขาที่จัดหามา อย่างไรก็ตาม การมาถึงที่แทบจะในเวลาของตระกูลเมิ่งนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย


       เมื่อหมอหลวงฉินได้ยินว่าตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินชางอยู่ในเมืองหลวง เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่


       หมอหลวงฉินอยู่กับฮ่องเต้มาหลายปีแล้ว เขารู้อย่างชัดเจนว่าไม่มีเรื่องบังเอิญอยู่ในโลกนี้


       หากไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วใครเป็นคนจัดฉากนี้ขึ้น


       เสี่ยวหวางเย่หรือ?


       เป็นไปไม่ได้!


       ตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินชาง อยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก เสี่ยวหวางเย่เพิ่งเรียนรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อกับตระกูลเมิ่งได้รวดเร็วเช่นนี้ แต่ถ้าไม่ใช่เสี่ยวหวางเย่แล้วจะเป็นใคร

 

 

 


ตอนที่ 242.1

 

   ฮ่องเต้เองก็อยากรู้ด้วยว่าทำไมตระกูลเมิ่งถึงได้ปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวงแห่งตะวันออก : ใครเป็นคนจัดการฉากนี้?


       ฮ่องเต้สงสัยในตอนแรกว่าเรื่องที่เกี่ยวกับหมอเทวดาโม่ ก็คือการกระทำของเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นการเยี่ยมชมอย่างฉับพลันของตระกูลเมิ่งจึงเป็นสิ่งที่เขาทำได้เช่นกัน แต่ …


       สายลับเงาของฮ่องเต้ได้รายงานการสอบสวนต่อเขาว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ลูกศิษย์ของหมอเทวดาโม่ มีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับเสี่ยวเทียนเหยา แต่การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของตระกูลเมิ่ง นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นนอน


       สายลับเงา ยังได้รายงานสาเหตุที่ทำให้ตระกูลเมิ่ง มาถึงแคว้นตะวันออก ตระกูลเมิ่งเดินทางมาที่แคว้นตะวันออกเพื่อค้นหาหมอเทวดาโม่เพื่อไปรับกษาคุณชายของตระกูลเมิ่ง เมิ่ง ซิวหยวน แต่เมื่อพวกเขาเข้ามาในเมืองหลวง พวกเขาได้ยินว่าคนที่ฆ่าผู้อาวุโสเมิ่งก็คือหมอเทวดาโม่


       ตระกูลเมิ่งโกรธมากจนถึงจุดที่พวกเขาไม่ต้องการพบหมอเทวดาโม่อีกต่อไป แล้วพวกเขาก็เดินทางตรงมายังวังหลวงเพื่อขอให้ฮ่องเต้เผชิญหน้ากับปัญหา


       ดังนั้นก็เกิดฉากที่ตระกูลเมิ่งเดินทางไปเยี่ยมฮ่องเต้


       อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ไม่สามารถยอมรับคำตอบนี้ได้ เขาไม่เชื่อว่ามีเรื่องบังเอิญเช่นนี้อยู่


“ตรวจอีกครั้ง!” ฮ่องเต้โยนข้อมูลทั้งหมดที่สายลับเงาได้สอบสวนลงไป


       กระดาษบางแผ่นตกลงมาบนพื้น แต่ในเวลานี้กระดาษดูหนักมาก สายลับเงาฝังศีรษะของเขาลงไป ก่อนจะได้ยินฮ่องเต้พูดขึ้น “ออกไป!” แล้วสายลับเงาก็หายไปอย่างรวดเร็ว


       ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ได้สัญญากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายตุลาการว่าเขาจะส่งหมอเทวดาโม่ไปยังศาลยุติธรรม ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถผิดสัญญานี้ได้ อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น เขาจำเป็นต้องถามหมอเทวดาโม่ ก่อนว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่


       ในขณะนี้หมอเทวดาโม่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับสาเหตุที่ฮ่องเต้เรียกตัวเขา เขายังวางแผนว่าเมื่อฮ่องเต้พูดจบเขาก็จะกล่าวคำอำลากับฮ่องเต้


       ร่างกายขององค์ชายสามเสี่ยว จื่ออัน ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ดีแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นนับตั้งแต่เขาได้รับข้อความจากลูกศิษย์ของเขา จิตใจของเขาก็ยังนึกถึงสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้นเป็นครั้งคราว


       ภายใต้การแนะนำของขันที หมอเทวดาโม่ก็ได้เดินเข้าไปในห้องโถงของฮ่องเต้และทำความเคารพขึ้น“ถวายบังคมฝ่าบาท”


       นี่ก็เป็นการแสดงถึงความเมตตาจากฮ่องเต้ที่มีต่อหมอเทวดาโม่ด้วยเช่นกัน เพราะเขาไม่จำเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา


       ฮ่องเต้มองหมอเทวดาโม่ แต่ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของความสุขหรือความโกรธ เขาเพียงแค่ยกม้วนรายงานขึ้น “หมอเทวดาโมนี่เป็นรายงานที่ได้รับมา จงดูด้วยตัวเจ้าเองเถิด”


       ขันทีก้าวไปข้างหน้าและหยิบรายงานมาด้วยสองมือ ก่อนจะนำมันไปต่อหน้าหมอเทวดาโม่ แล้วหัวใจของหมอเทวดาโม่ก็แทบจะกระโดดออกมา เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นรายงานม้วนนี้และเมื่อเขาเปิดมันออก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก……


“ นี่ นี่…จะเป็นไปได้อย่างไร” ปีศาจตนนั้นยังไม่ตายอีกหรือ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกหมาป่ากลืนกินและถูกลากออกไป ดังนั้นทำไมเขาถึงยังไม่ตาย


       ยิ่งหมอเทวดาโม่อ่านรายงานมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งซีดและไม่มีเลือดอยู่เท่านั้น เขาถึงกลับล้มลงไปที่พื้นและตัวสั่นขึ้น “ ฝ่าบาท ฝ่าบาท ……”


“ หมอเทวดาโม่ พูดมาว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่?” ฮ่องเต้พูดขึ้นเบา ๆ เขาไม่ได้ใส่ใจกับความอับอายของหมอเทวดาโม่แม้แต่น้อย


       ทักษะการแพทย์ของหมอเทวดาโม่ นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ดังนั้นแม้ว่า หมอเทวดาโม่จะมีข้อบกพร่องและเขาก็ตั้งใจที่จะละทิ้งเขา แต่เขาก็ยังวางแผนที่จะเลี้ยงดูเขาอยู่ แต่ …


       ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้!


       หากข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นจริง หมอเทวดาโม่ ซึ่งเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมก็ไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป


       หมอเทวดาโม่ไม่เพียงแต่ทำให้คนทั่วไปขุ่นเคือง แต่ยังมีตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินชางอีกด้วย หากลูกศิษย์ของสำนักเหวินชางทั่วแคว้นรู้ว่าเขากำลังปกป้องหมอเทวดาโม่ ลูกศิษย์เหล่านั้นคงต้องคิดว่าเขาเป็นผู้บงการในการฆ่า ผู้อาวุโสเมิ่ง เขาจะถูกโลกทั้งโลกละทิ้ง

 

 

 


ตอนที่ 242.2

 

“ ฝ่าบาท ฝ่าบาท……” สายตาของหมอเทวดาโม่ค่อยๆ มืดมัวขึ้น ผมสีขาวของเขากระจัดกระจาย เขาสูญเสียท่าทางที่สง่างามของเขาไปอย่างสิ้นเชิง


       เมื่อเห็นลักษณะที่ปรากฏของหมอหมอเทวดาโม่ ฮ่องเต้ก็รู้ทันทีว่าข้อกล่าวหาเป็นเรื่องจริง ความกลัวนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบ


       ฮ่องเต้ไม่สนใจท่าทางที่น่าสงสารของหมอเทวดาโม่ ตราบใดที่หมอเทวดาโม่มีพลังมากพอ เขาก็สามารถรุกรานคนที่ไม่ควรรุกรานได้ แต่ …


“เจ้า…เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เจิ้นเข้าใจ” ฮ่องเต้ถอนหายใจด้วยความเสียใจเล็กน้อย “ถ้าเจ้าแค่ใช้คนเหล่านั้นเพื่อลองยาของเจ้า เจิ้นจะไม่โทษเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าไม่สามารถซ่อนความตายของผู้อาวุโสเมิ่งได้อีกต่อไป ตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินฉางอยู่ในเมืองหลวงแล้ว และพวกเขาก็ต้องการเผชิญหน้ากับเจ้า คนที่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเหล่านี้”


       หมอเทวดาโม่ กักฟันของเขาและพูดขึ้น“ ฝ่าบาท นี่คือการสมรู้ร่วมคิด! การสมรู้ร่วมคิดอย่างเห็นๆ ! มีคนต้องการใส่ร้ายกระหม่อม การมาที่นี่ของกระกูลเมิ่งนั้นดูเหมาะเจาะเกินไป”


“ แม้ว่าจะมีใครบางคนกำลังใส่ร้ายเจ้า แล้วข้อกล่าวหาข้างต้นเป็นเท็จหรือไม่” ฮ่องเต้มองไปที่หมอเทวดาโม่อย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ


       มันตลกเกินไปที่จะทำสิ่งที่ไม่ดีด้วยมือของเจ้าเอง ปล่อยให้เป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อตัวเจ้าในภายหลัง แต่เขายังโทษคนอื่นที่ใช้เรื่องนี้มาต่อต้านเขา นี้มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ


“ฝ่าบาท สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นเป็นอุบัติเหตุ” หมอเทวดาโม่ ต้องการให้ฮ่องเต้ช่วยเขา แต่……


       หลังจากใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิใจมาหลายปี เขาก็ไม่สามารถเอ่ยปากพูดได้


“แม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุหรือเรื่องบังเอิญ เจิ้นก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ในตอนนี้ เมื่อคดีนี้ได้รับการยืนยันแล้ว เจ้าจะไม่ได้เป็นหมอที่มีชื่อเสียงในสี่แคว้นอีกต่อไป” ถ้าหมอเทวดาโม่ไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้ แล้วเช่นนั้น….


       หมอเทวดาโม่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะไม่มีใครออกมาและพูดแทนเขา


       หมอเทวดาโม่ ดูท้อใจมาก เขาสามารถทำได้เพียงแค่หลับตาลงอย่างหมดแรง“กระหม่อม……กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”


       หมอเทวดาโม่ตัวสั่น ในขณะที่พยายมลุกขึ้นจากพื้น ด้วยศักดิ์ศรีสุดท้ายของเขา เขาโค้งคำนับและพูดขึ้น“ ฝ่าบาท ทั้งหมดที่กระหม่อมทำในชีวิตนี้คือการมีประวัติทางการแพทย์เป็นของตัวเอง บันทึกนี้ยังไม่สำเร็จดี แต่กระหม่อมกลัวว่ากระหม่อมจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้แล้ว ในตอนนี้กระหม่อมต้องการที่จะยกหนังสือทางการแพทย์เล่นนี้ให้กับฝ่าบาท กระหม่อมหวังว่าฝ่าบาท จะสามารถกระจายความรู้นี้ออกไปพ่ะย่ะค่ะ”


       หมอเทวดาโม่หยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ ออกมาจากแขนเสื้อของเขา นี่คือบันทึกในการศึกษาของเขา


       เขาหวังว่าหนังสือทางการแพทย์เล่มนี้จะช่วยให้บุตรสาวของเขามีชีวิตที่สงบสุขในอนาคต


       ขันทีนำไปมอบให้ฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง ฮ่องเต้เปิดผ่านไปหลายหน้า หลังจากยืนยันว่ามันเป็นหนังสือทางการแพทย์ที่เขียนโดยเขาแล้ว เขาก็พูดขึ้น“เจ้าสามารถมั่นใจได้ แม้ว่าเจ้าจะก่ออาญาครั้งใหญ่ เจิ้นก็จะทำให้นางปลอดภัยและปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย”


“ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอให้พระองค์มีอายุยื่นหมื่นปีหมื่นๆ ปี” เดิมทีหมอเทวดาโม่ตั้งใจที่จะมองหากำลังให้กับบุตรสาวของเขา ก่อนที่เขาจะตาย แต่ตอนนี้ได้แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว


       เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ต้องการทำให้เรื่องใหญ่ เขาส่งหมอเทวดาโม่ออกไปอย่างเงียบ ๆ ในตอนเย็นโดยไม่ได้บอกใคร โม่อวี้เอ้อร์ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก จึงได้แต่ปล่อยให้บิดาของนางถูกพรากไป


       ในเวลาเดียวกันเสี่ยวเทียนเหยาก็เข้าสู่เมืองหลวง เขาแต่งกายด้วยผ้าคลุมสีแดงและเขากำลังขี่ม้าศึกที่เงางาม ดังนั้นจากระยะไกลๆ เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าประตูของเมืองหลวงก็รู้ว่ามันคือเสี่ยวหวางเย่


“ เร็วเข้ารีบหลีบไปด้านข้าง เสี่ยวหวางเย่จะเข้าสู่เมืองหลวงแล้ว! รีบหลบไปที่ด้านข้าง!” เจ้าหน้าที่ออกคำสั่ง ทำให้ผู้คนเข้าแถวอยู่ที่ด้านข้างและหลีกทางให้เสี่ยวเทียนเหยา


       ในเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เมื่อผู้คนที่เข้าแถวได้ยินว่าเสี่ยวหวางเย่จะเข้าสู่เมืองหลวง พวกเขาต่างก็รีบเปิดทางให้เขาทันที


       ไม่มีใครกล้าขวางทางของเสี่ยวเทียนเหยา ไม่นานม้าของเขาก็ผ่านประตูมาและหายไปในพริบตา คนที่มีดวงตาที่แหลมคมจะเห็นได้เพียงรูปร่างราวกับกระพริบตา และมีเพียงคนที่มีทักษะศิลปะการต่อสู้สูงเท่านั้นที่เห็นว่าเสี่ยวหวางเย่มีบางอย่างโป่งพองอยู่ในอ้อมแขนของเขา… …

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม