Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ 232.1-239.1

ตอนที่ 232.1

 

 หลังจากที่หลิน ชูจิ่ว เข้ามาในพระราชวัง สิ่งเดียวที่เธอทำก็คือใช้เข็มเงินฝังเข็มให้เสี่ยว จื่ออัน ตามคำสั่งของเสี่ยวเทียนเหยาเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก เห็นได้ชัดว่าเธอได้แต่เฝ้าดูเท่านั้น … …


       สำหรับหมอนี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก หลิน ชูจิ่วรู้สึกอยากกลับไปสู่อนาคตและซ่อมแซมระบบการแพทย์ เพราะโลกนี้มันน่ากลัวมาก


       อย่างไรก็ตาม ระบบการแพทย์ยังคงให้คะแนน 10 คะแนนแก่เธอในการช่วยชีวิตของเสี่ยว จื่ออันเอาไว้


       น่าอับอายจริงๆ!


       หลิน ชูจิ่ว รู้สึกไม่ค่อยมีความสุขจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงการต้องเสียใบ้ให้กับเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นหลังจากบรรจุสิ่งของเธอแล้ว เธอจึงถามขึ้น “องค์ชายสามไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้ว เราควรจะกลับได้หรือยัง?”


“อืมมม หมอหลวงฉิน สามารถทำส่วนที่เหลือได้ “เสี่ยวเทียนเหยา สังเกตเห็นพฤติกรรมของหลิน ชูจิ่ว แต่สถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวัง บางคำก็ไม่ควรพูด


       หมอหลวงฉิน รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา กำลังให้โอกาสเขาเพื่อชดเชยการเสียหน้าของเขาก่อนหน้านี้ ดังนั้นช่วงเวลาต่อไปเขาจึงตอบขึ้นอย่างสุภาพ “หมอผู้ต่ำต้อยผู้นี้จะดูแลองค์ชายสามต่อให้เอง”


“ไปกันเถอะ” หลิน ชูจิ่ว หยิบกล่องยาของเธอและมองไปที่เสี่ยว จื่ออัน ก่อนออกเดินทาง เสี่ยว จื่ออันยังไม่รู้สึกตัว แต่เขาดูสงบมากขึ้นกว่าเดิม


       กล่องยาหนักมาก หลิน ชูจิ่วต้องใช้กำลังเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากไม่กี่ก้าวเธอก็กลับไปเดินอยู่ด้านหลังของเสี่ยวเทียนเหยาและกลายเป็นเหมือนสาวใช้ตัวเล็ก ๆ ของเสี่ยวเทียนเหยาแทน


       หลังจากประตูเปิดออก เสี่ยวเทียนเหยา ก็เดินออกไปโดยไม่รอหลิน ชูจิ่ว


       ทันทีที่ฮ่องเต้และคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงฝีเท้า พวกเขาเดินตรงเข้ามา ทั้งสองฝ่ายได้พบกันที่ทางเดิน เสี่ยวเทียนเหยา ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ฝ่าบาท … … ”


“เทียนเหยา จื่ออันเป็นอย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้ถามขึ้น เพราะเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


       แม้ว่าเขาหวังว่าเสี่ยว จื่ออันจะไม่เป็นไร แต่นอกจากนี้เขายังอยากจะใช้โอกาสนี้ประณามเสี่ยวเทียนเหยาอีกด้วย  


“ยังไม่ตาย” เสี่ยวเทียนเหยา ตอบขึ้นอย่างหยิ่งยโสทันทีที่เขาเปิดปากของเขา ฮ่องเต้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ก็รู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อย เมื่อฮองเฮาได้ยินเรื่องนี้ นางก็ถามคำถามขึ้น “ขาของจื่ออันเป็นอย่างไรบ้าง? เขาสามารถเดินได้ในอนาคตหรือไม่? ”


       เมื่อคำของฮองเฮาตกลง ดวงตาของทุกคนก็ตกลงไปที่เสี่ยวเทียนเหยา นอกเหนือจากพระสนมโจว คนอื่นๆ ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น


       เนื่องจากความรักของฮ่องเต้ที่มีต่อเสี่ยว จื่ออัน ถ้าขาของเขาหายสนิท ไม่ว่าจะเป็นวังหลังหรืออดีตขุนนาง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสับเปลี่ยนไป


“คำถามนี้ … ควรจะถามหวางเฟยของเปิ่งหวางมากกว่า” เสี่ยวเทียนเหยาหันศีรษะและมองไปที่หลิน ชูจิ่วที่อยู่ข้างหลังเขา


       ในขณะนี้ อารมณ์ของหลิน ชูจิ่ว อยู่ต่ำมาก ดังนั้นแม้ว่าเธอจะได้เห็นดวงตาของทุกคนกำลังมองมาที่เธอ เธอก็พูดขึ้นอย่างไร้จิตวิญญาณใด ๆ “ขาขององค์ชายสามก็ไม่เป็นไรแล้วเพคะ เขาเพียงแค่ต้องการการฟื้นฟูสมรรถภาพ … … “


       คำพูดของหลิน ชูจิ่วยังพูดไม่ทันจบ แต่พระสนมโจวก็ขัดจังหวะเธอขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ”ขาของจื่ออันหายแล้วหรือ? เขาสามารถเดินได้แล้วหรือ”เนื่องจากความสุขที่มากเร็วจนเกินไป พระสนมโจวเกือบจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ


“ขาขององค์ชายสามได้รับการรักษาให้หายขาดแล้วจริงๆหรือ?” องค์รัชทายาทพูดขึ้นดังๆ อย่างไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้ ดวงตาที่เยือกเย็นของฮ่องเต้ตกลงไปที่เขาทันที “ทำไม? หรือเจ้าไม่มีความสุข? ”


       ต่อหน้าฮ่องเต้ องค์รัชทายาทก็เป็นเหมือนขอทาน เขาโค้งคำนับศีรษะของเขาลงและพูดขึ้น “เสด็จพ่อ กระหม่อมย่อมต้องมีความสุขกับพี่สามอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”


“ฮึ! … ” ฮ่องเต้ส่งเสียงเย็นขึ้นอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อ เมื่อองค์ชายเจ็ดเห็นสถานการณ์ เขาก็พยายามปกปิดความสูญเสียของพวกเขาเอาไว้ เขาตบมือและพูดขึ้นทันที “ดีมากจริงๆ ขาของเสด็จพี่สามได้รับการรักษาให้หายแล้ว เขาสามารถสอนวิธียิงธนูให้ข้าได้ ข้าหวังว่าเสด็จพี่สามจะมีอาการที่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อที่เราจะสามารถเล่นด้วยกันได้ ”


       คำพูดขององค์ชายเจ็ดทำให้ฮ่องเต้มีความสุข ฮ่องเต้ลูบศีรษะของเขาและพูดขึ้นด้วยความรัก “เจ็ดน้อยเด็กดี หลังจากเสด็จพี่สามของเจ้าเริ่มเดินได้ เขาอาจจะมีหลายอย่างที่ต้องทำ เขาอาจจะไม่สามารถเล่นกับเจ้าได้ทุกวัน “


       องค์ชายเจ็ดไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้หงุดหงิด และพูดขึ้น “เสด็จพ่อ ลูกจะรอจนกว่าเสด็จพี่สามจะมีเวลามาเล่นกับลูก ลูกจะไม่รบกวนเสด็จพี่สามอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อรีบไปดูเสด็จพี่สามกันเถอะพ่ะย่ะค่ะลูกทนรอที่จะพบเสด็จพี่สามแทบจะไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”


***วันนี้ลงให้ตอนเดียวนะคะ ต้องไปธุระ ขอบคุณค่ะ

 

 

 


ตอนที่ 232.2

 

“อืม บิดาจะพาเจ้าไปหาเสด็จพี่สามของเจ้า” ฮ่องเต้จับมือขององค์ชายเจ็ดและเดินไปข้างหน้า หลังจากเดินผ่านเสี่ยวเทียนเหยา รอยยิ้มบนใบหน้าฮ่องเต้ก็แข็งทื่อขึ้น เขามองไปที่เขาด้วยท่าทางที่ดูถูก


       เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่อื่นและไม่ได้สนใจมองไปที่ฮ่องเต้แม้แต่น้อย เขามองไปที่องค์ชายเจ็ดผู้ถูกลากไปโดยฮ่องเต้แทน : เขามีพรสวรรค์และความทะเยอทะยานตั้งแต่ในวัยเด็ก


       องค์ชายเจ็ดดูเหมือนจะตระหนักถึงบรรยากาศที่เกิดขึ้น ใบหน้าของเขาแข็งขึ้นสักครู่ แต่กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นและพูดขึ้น “เสด็จอ้า เสด็จอ้าสะใภ้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ข้าสามารถไปเล่นเสด็จอ้าสะใภ้ในภายหลังได้หรือไม่?”


       หลังจากที่ได้เห็นพรสวรรค์ขององค์ชายเจ็ดแล้ว เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ต้องการให้หลิน ชูจิ่วติดต่อกับเขามากนัก “อ้าสะใภ้ของเจ้าคงจะไม่ว่าง”


“โอ้ … … ” องค์ชายเจ็ดถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่สามารถพูดได้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หลิน ชูจิ่วเริ่มยุ่ง?


       ฮ่องเต้มีความรักต่อองค์ชายเจ็ดเพียงชั่วครู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่คำพูดของเขาเอาไว้ในใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาจึงหันไปมองเสี่ยวเทียนเหยา ก่อนจะพูดขึ้น “หวางเฟยของเจ้าได้ช่วยบุตรชายของเจิ้นเอาไว้ เจิ้นจะไม่ปฏิบัติกับนางอย่างเลวร้าย เจิ้นจะมอบรางวัลให้แก่นาง “


       หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ ฮ่องเต้ก็คิดว่าจะมอบชายงามให้หลิน ชูจิ่วสักสองสามคนเพื่อให้เป็นลูกศิษย์ของนาง ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี


       ฮ่องเต้กำลังคำนวณอยู่ในหัวใจของเขา เขาต้องการที่จะทำลายความไว้วางใจระหว่างเสี่ยวเทียนเหยาและหลิน ชูจิ่ว แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเสี่ยวเทียนเหยาดังขึ้น  “ไม่จำเป็น จื่ออันก็เป็นหลานชายของข้า ท่านไม่จำเป็นต้องมอบรางวัลให้กับนาง ”


       คำพูดของเขาไม่ใช่มีแนวทางในการต่อรอง แต่เป็นการแจ้งเตือน ไม่ว่าฮ่องเต้จะมอบรางวัลให้แก่หลิน ชูจิ่ว หรือไม่ก็ตาม เขาก็จะไม่ยอมรับมัน


“เจ้าปฏิเสธในนามของหวางเฟยของเจ้าอย่างนั้นหรือ?” ฮ่องเต้ยังคงถามเสี่ยวเทียนเหยาแล้วก็มองไปที่หลิน ชูจิ่ว


       หลิน ชูจิ่วไม่ได้รอให้เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นอีกครั้ง เธอพูดขึ้นทันที”ฝ่าบาท นั่นไม่ใช่สิ่งที่หวางเย่ หมายถึงเพคะ หม่อมฉันเหนื่อยเล็กน้อย  ฝ่าบาทหากพระองค์ไม่มีอะไรอื่นอีก เราต้องขอทูลลาเพคะ “


       ใบหน้าของหลิน ชูจิ่วซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เธอดูเหนื่อยมาก ฮ่องเต้ยังคงต้องการจะรังพวกเขาให้อยู่ในวังต่อไป แต่เขาจะดูไร้มนุษยธรรมเกินไป ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีความไม่พอใจในหัวใจของเขา แต่ฮ่องเต้ก็ทำได้แค่พูดขึ้น “พวกเจ้าไปได้”


“ขอบพระทัพเพคะฝ่าบาท” หลิน ชูจิ่ว ทำความเคารพ จากนั้นเธอก็ถอยไปด้านข้างเพื่อให้พวกเขาเข้าไปในห้อง


       เมื่อฮ่องเอาเดินผ่านหลิน ชูจิ่ว นางก็เหลือบมองเธอด้วยความคิดลึก ๆ ในขณะที่องค์รัชทายาท ไม่สามารถปิดบังความเกลียดชังของเขาเอาไว้ได้ แต่ผลก็คือเสี่ยวเทียนเหยาส่งเสียงเยือกเย็นขึ้นคำลอ ทำให้องค์รัชายาทหวาดกลัว ดังนั้นเขาดึงสายตาของเขากลับไปและไม่กล้าที่จะมองมาอีก


       คนสุดท้ายที่เดินผ่านคือพระสนมโจว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ นางก็รู้สึกขอบคุณหลิน ชูจิ่วจริงๆในขณะนี้ “ชูจิ่ว ขอบใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงจะสูญเสียลูกไปจริงๆ “


       “พระสนมโจวกล่าวเกินไปแล้ว หม่อมฉันเพิ่งทำในสิ่งที่หม่อมฉันควรทำ เพคะ” หลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถรับคำขอบคุณของนางได้


       ถ้าไม่ใช่เพราะระบบการแพทย์ เธอก็คงจะไม่ได้มาที่พระราชวัง ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเสี่ยวเทียนเหยา เธอก็จะไม่มีความสามารถในการรักษาโรคของเสี่ยว จื่ออันได้ นอกจากนี้พวกเขาช่วยเสี่ยว จื่ออัน ให้ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อที่จะทำให้หมอเทวดาโม่ ไม่จำเป็นต้องดูแลเขาอีกต่อไป


“เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าและจื่ออันจะจดจำความเมตตาของเจ้าเอาไว้เสมอ” นี่คือในพระราชวัง พระสนมโจวยังต้องการที่จะพูดอีกมาก แต่นางก็ทำเพียงลูบหลังมือของหลิน ชูจิ่ว ก่อนที่จะเดินจากไป


       อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะจากไป นางก็ได้พูดด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น นางรีบพูดขึ้น : ระวังฮองเฮาเอาไว้ให้ดี!


       หลิน ชูจิ่ว ทำตัวเหมือนที่เธอไม่เคยได้ยินอะไร ใบหน้าของเธอยังคงเหมือนเดิม หลังจากที่พระสนมโจวจากไป เธอจึงหันหลังจากไปและเดินตามเสี่ยวเทียนเหยาออกไปข้างนอก … … 

 

 


ตอนที่ 233.1

 

    หลิน ชูจิ่ว ถือกล่องยาและพยายามเดินออกไปข้างนอก ข้ารับใช้ในพระราชวังได้เห็น แต่ … …


       เสี่ยวเทียนเหยาก็อยู่ที่นั่น พวกเขากลัวตาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าและช่วยหลิน ชูจิ่ว ข้ารับใช้ของพระราชวังสามารถทำได้เพียงเห็นใจหลิน ชูจิ่ว อยู่อย่างเงียบ ๆ และมองลงล่างเท่านั้น


       หลิน ชูจิ่ว เดินช้าๆไปตามถนน เธอเป็นกังวลมากในเวลานั้น ดังนั้นเธอจึงไม่พบว่ากล่องยาหนัก แต่เธอรู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่พอใจ ดังนั้นเธอจึงสามารถตามเขาไปได้อย่างเงียบๆ เท่านั้น


       ตลอดทางที่ออกจากวัง เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้มองย้อนกลับไปที่หลิน ชูจิ่ว แม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งรถม้าของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ปรากฏขึ้น เสี่ยวเทียนเหยาจึง คว้ากล่องยามาจากมือของหลิน ชูจิ่ว ในขณะนั้นเอง เขาจึงได้พบว่ามันหนักมาก หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาถือกล่องยาเข้าไปในรถและนั่งลง


       หลิน ชูจิ่ว ยืนอยู่เหมือนไม้อยู่กับที่และมองอย่างโง่เขลาไปที่รถม้า เธอสับสนเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขา


“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้าต้องการให้เปิ่นหวางช่วยเจ้าหรือ? “เสียงของเสี่ยวเทียนเหยา ดังออกมาจากรถม้า และในเวลาเดียวกันเขาก็ยื่นมือออกมา


       ผู้ชายคนนี้ … เด็กจริง ๆ


       จู่ๆ เสี่ยวเทียนเหยา ก็ยิ้มและจับมือของเสี่ยวเทียนเหยา…


       มือของเสี่ยวเทียนเหยา มีขนาดใหญ่มาก มีรอยช้ำอยู่ในฝ่ามือและปลายนิ้วของเขา แค่สัมผัสเพียงครั้งเดียวเธอก็สามารถบอกได้ และเธอก็พบว่ามือของเสี่ยวเทียนเหยา ไม่อบอุ่นเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป


       เป็นเพราะกลิ่นอายของเสี่ยวเทียนเหยา เยือกเย็นเกินไปหรือเปล่า?


       หลิน ชูจิ่ว กำลังคิดถึงคำตอบที่เป็นไปได้ แต่เสี่ยวเทียนเหยาก็รีบสะบัดมือของเธอออก ราวกับว่าเธอสกปรก


       เมื่อจำได้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา ช่วยเธอในวันนี้อย่างไร หลิน ชูจิ่วก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้!


       หลิน ชูจิ่ว สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และระงับแรงกระตุ้นในการสาปแช่งออกมา เธอขึ้นไปบนรถและนั่งลงตรงข้ามกับเสี่ยวเทียนเหยา


       รถม้ามีขนาดใหญ่มาก เค้าโครงก็หรูหรามาก ทั้งสี่มุมมีไข่มุกประดับอยู่ ดังนั้นแม้ว่าหน้าต่างและประตูจะปิด แต่ด้านในก็ยังคงสว่างอยู่


       มีเก้าอี้ยาวสองตัวอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม มีที่วางเท้าด้านล่างซึ่งทำให้รู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น ตรงกลางมีโต๊ะขนาดเล็กสำหรับชาและของว่าง


       หลิน ชูจิ่ว นั่งอยู่ด้านขวา เธอต้องการที่จะนอนลงและนอนหลับไป เพราะเธอสามารถเหยียดขาออกไปได้


       อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอนั่งลง เธอก็สังเกตเห็นว่าเสี่ยวเทียนเหยา มักขะจ้องมองเธออยู่เสมอ เธอรู้สึกอึดอัด แต่ก็พูดขึ้น “ขอบคุณสำหรับวันนี้” ถ้าไม่ใช่ความช่วยเหลือของเขา เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี


       ไม่ว่าจะเป็นพิษของแมลงหรือเคล็ดลับพิเศษของเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ เธอก็ไม่เข้าใจพวกมันเลย


       “ในครั้งต่อไปอย่ามั่นใจเกินไป เจ้าจะไม่มีโชคดีเสมอไป “สายตาของเสี่ยวเทียนเหยาเยือกเย็น แต่คำพูดของเขาฟังดูร้ายกาจกว่าสายตาของเขา


       หลิน ชูจิ่วรู้สึกหดหู่และไม่ได้ตอบกลับ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของ เสี่ยวเทียนเหยา เธอรู้สึกว่าหัวใจและปอดของเธอมันอัดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก


       เขาคิดว่าเธอมั่นใจเกินไปหรือ?


       ถ้าไม่ใช่เพราะระบบการแพทย์ที่งี่เง่านี้ ทำไมเธอถึงต้องขอร้องที่จะไปทำการรักษาเสี่ยว จื่ออัน? เธอไม่สามารถหาอะไรผิดปกติกับเขาด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาได้พบกันครั้งแรก ดังนั้นเธอจึงยอมแพ้


       หมอไม่ใช่พระเจ้า หมอไม่มีความสามารถที่จะนำชีวิตของเจ้ากลับมาได้ แต่โรคของเสี่ยว จื่ออัน ถือว่าเป็นความลึกลับสำหรับหมอ


       เมื่อเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งของหลิน ชูจิ่ว เสี่ยวเทียนเหยา ก็รู้ว่าคำพูดของเขารุนแรงเกินไป หลิน ชูจิ่ว ดูเป็นผู้ใหญ่มากและมีเหตุผล แต่นางก็ยังเป็นเด็กสาว แน่นอนว่านางน่ารักอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ … …


       มันเป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยวเทียนเหยา จะขอโทษ


       เพื่อที่จะทำลายบรรยากาศอันไม่พึงประสงค์ระหว่างสองคน เสี่ยวเทียนเหยาจึงหยิบกระดานหมากรุกมาจากโต๊ะ ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่? มาเล่นเป็นเพื่อเปิ่นหวาง” เขาจะปล่อยให้หลิน ชูจิ่วเดินหมากไปสักสองสามครั้ง ก่อนที่เขาจะเอาชนะนาง เขาจะไม่ทำให้นางแพ้ในทันที

 

 

 


ตอนที่ 233.2

 

“ข้าไม่ต้องการ” เสี่ยวเทียนเหยา จะคาดหวังเอาไว้สูงเกินไปหรือเปล่าสำหรับเธอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอกลายเป็นคนที่หัวสูงเช่นนั้น? อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเทียนเหยา ย้ายมือไปที่กระดาน “เจ้าไม่รู้วิธีการเล่นหมากรุกหรือ?” ไม่ใช่ว่าตอนนี้หญิงสาวทั้งหมดในเมืองหลวง ต่างก็ศึกษาวิธีการเล่นหมากรุกและภาพวาดหรอกหรือ?


“จริงๆ ก็ไม่ใช่ … ” เด็กกำพร้าที่ไม่สามารถแม้แต่จะจ่ายเงินค่าเล่าเรียนของเธอได้จะมีเวลาว่างและเงินเพื่อเอาไปศึกษาบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ได้หรือ?


       “แล้วมีวิธีเล่นหมากกระดานไหนที่เจ้ารู้จัก?”


“ไม่ใช่หมากกระดาน” แล้วกลิ้งลูกเต๋านับหรือเปล่า? นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอรู้ แต่เธอก็ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เธอไม่สามารถบอกเกมนี้กับเสี่ยวเทียนเหยาได้ใช่ไหม?


       เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่ดวงตาของหลิน ชูจิ่ว และวางกระดานหมากรุกไว้บนโต๊ะ ก่อนจะพูดขึ้น “เปิ่นหวางจะสอนเจ้า”


“ตกลง” ถ้ามีคนยินดีที่จะสอนเธอ เป็นธรรมชาติที่เธอจะยอมรับมัน เวลาเดินทางของพวกเขาก็จะไม่น่าเบื่อต่อไป เพียงแค่ … …


       การเล่นหมากรุก มีความซับซ้อนจริงๆ “ท่านช่วยพูดช้าๆ หน่อยได้หรือไม่?”


       เสี่ยวเทียนเหยา พูดซ้ำอีกครั้ง


“ข้าสับสนเล็กน้อยที่นี่ ในจุดนี้ … … ”


       เสี่ยวเทียนเหยาพูดซ้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ดำมืด หลิน ชูจิ่ว สังเกตเห็นว่าอุณหภูมิภายในรถเปลี่ยนไป เธอจึงไม่กล้าที่จะถามความสงสัยของเธอออกไปอีก ไม่ว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะพูดอะไรต่อไปเธอก็พยักหน้าและเพียงแค่พูดขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว” เมื่อเธอกลับไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เธอจะบอกให้พ่อบ้านเฮ้า หาหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับเกมนี้มาให้เธอ เมื่อถึงตอนนั้นเธออาจจะเข้าใจมันได้?


       อย่างไรก็ตาม หลิน ชูจิ่ว ไม่คิดว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะขอให้เธอเล่นเกมนี้อยู่ตลอดเวลา เธอเชื่อว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะไม่อยากให้เธอเล่นเกมนี้ในครั้งต่อไป


“ในเมื่อตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วก็เล่นเป็นเพื่อนเปิ่นหวางในเกมต่อไป” เสี่ยว เทียนเหนานำชิ้นส่วนกลับมาในโถ จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้หลิน ชูจิ่ว เดินก่อน


       หลิน ชูจิ่ว เดินเป็นคนแรก แต่ก็แพ้ไป เขาจะคาดหวังว่าคนที่ไม่รู้จักกฎจะชนะได้อย่างไร?


“ไม่ เจ้าไม่สามารถไปตรงนั่นได้!” เสี่ยวเทียนเหยา กลายเป็นคนหมดหนทางในเกมกระดานนี้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะพบแต่กับความหงุดหงิดในการเล่นหมากรุกกับหลิน ชูจิ่ว


“โอ้ เช่นนั้นข้าก็จะไปที่นั่น” หลิน ชูจิ่ว เปลี่ยนเส้นทางของเธอในทันที แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสองก็ตาม


“เจ้ากำลังมองหาความตายอยู่หรือ?” เสี่ยวเทียนเหยาถึงกับยอมแพ้ เขาอยากจะถามหลิน เซี่ยงว่าในท้ายที่สุดแล้วเขาสอนลูกสาวอย่างไร? หลิน ชูจิ่วถึงได้โง่เขลาในเกมนี้ได้เช่นนี้?


“ข้า … … ” หลิน ชูจิ่วต้องการเอาชิ้นหมากรุกของเธอกลับมา แต่เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ได้ให้โอกาสเธอ “อย่าเสียใจทีหลัง” เสี่ยวเทียนเหยา พูดขึ้น และวางชิ้นหมากรุกของเขาเพื่อเอาชนะ


“เจ้าแพ้แล้ว” มีคนพูดเอาไว้ว่า ผู้เล่นที่ดีจะมีมโนธรรม หลิน ชูจิ่ว ไม่เหมือนคนโง่ แต่ทำไมทักษะการเล่นหมากรุกของนางถึงได้แย่ขนาดนี้? มันเลวร้ายยิ่งกว่าเด็กวัย 6 ขวบด้วยซ้ำ


“ถ้าเจ้าแพ้ ก็คือแพ้” หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้คาดหวังว่าจะชนะเสี่ยวเทียนเหยาอยู่แล้ว เกมแบบนี้ไม่ใช่แนวทางของเธอ


       เสี่ยวเทียนเหยาเก็บคำพูดปลอบประโลมของเขาเอาไว้และผลักกระดานในมือออกไป “ทำความสะอาดกระดานเสีย”


       คำสั่งของเขาเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ แต่หลิน ชูจิ่ว ก็ทำตัวเหมือนเธอไม่รู้สึกอะไร เธอใส่หินสีดำและสีขาวลงไปในโถ ก่อนจะวางไว้ใต้โต๊ะเช่นเดิม


       หลังจากที่วางพวกมันกลับไป พวกเขามาถึงตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แล้ว รถม้าค่อยๆชะลอตัวลง หลิน ชูจิ่วกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากรถ เมื่อรถหยุดลง หลิน ชูจิ่ว ก็ลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดประตู แต่เธอก็ได้ยินของเสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้น “ทักษะทางการแพทย์ของเจ้าเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับหมอเทวดาโม่ เจ้าก็ยังคงสามารถเข้าสู่หนึ่งในสิบของหมอในสี่แคว้นได้ โรคของจื่ออัน ไม่ใช่ปัญหาของเจ้า เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ “


       หลังจากพูดจบ เสี่ยวเทียนเหยาก็เปิดประตูและออกไปจากรถม้าก่อน เขาเดินเข้าไปด้านในโดยไม่รอหลิน ชูจิ่ว


       หลิน ชูจิ่วมองไปที่เงาของเสี่ยวเทียนเหยาและยิ้มขึ้น แม้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะตำหนิเธอและคำพูดปลอบโยนของเขาก็ออกมาช้าไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยอมรับในความสามารถของเธอ


       และหลิน ชูจิ่วก็ยอมรับว่าเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเสี่ยวเทียนเหยา เธอรู้สึกดีขึ้นมาก

 

 

 


ตอนที่ 234.1

 

   เสี่ยวเทียนเหยา ได้ล่าช้ามากไปกับเวลาในการวางแผนของเขา เพื่อที่จะเข้าไปในวังกับหลิน ชูจิ่ว ดังนั้นทันทีที่เขากลับมา เขาก็เรียกตัวหลิวไป๋และซูฉา มาถามเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านนอก


       ข่าวเรื่องของขาของเขา ศัตรูของเขาต่างก็ได้รับการการยืนยันแล้ว คนเหล่านั้นแน่นอนว่าจะไม่สามารถรอที่จะลงมือกับเขาได้


“นกพิราบนอกเมืองถูกยิงทั้งหมดลงโดยถังถัง ไม่มีเหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว ข่าวทั้งหมด 36 เรื่องต่างก็เกี่ยวกับท่าน” ซูฉาวางกองข่าวสารไว้หน้าเสี่ยวเทียนเหยา


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้มองไปที่พวกมันและเพียงแค่ถามขึ้น “ใครคือถังถัง?” เขาดูเหมือนจะจำไม่ได้ว่ามีใครในคนของเขาที่มีชื่อนี้


“ถังถัง เป็นน้องชายของจงจิน จงจินเรียกเขาว่าถังถัง ดังนั้น … … “เมื่อเขาฟังรายงานของจงจิน เขาก็ได้ยินชื่อนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้มัน


“อืม” เสี่ยวเทียนเหยา พยักหน้าของเขาแล้วถามขึ้น “แล้วทางหมอเทวดาโม่ เป็นอย่างไร?” หมอเทวดาโม่ใช้เวลาสามชั่วยามอยู่นอกวัง ดังนั้นจึงสามารถเห็นได้ว่าหมอหลวงฉินและอาจารย์ของเขามีอำนาจไม่น้อย


“หมอเทวดาโม่ถูกหลอกโดยอาจารย์ของหมอหลวงฉิน เขาจึงไม่ได้ไปที่นิกายลับในเมืองหลวง ”


       เมื่อหมอเทวดาโม่ออกมาจากพระราชวัง เขาได้รับข้อคววาม ที่มีเพียงประโยคสามประโยคเท่านั้น : อาจารย์ ท่านยังจำศิษย์ที่ท่านเคยโยนเข้าไปฝูงหมาป่าได้หรือไม่? ศิษย์ผู้นี้จะรออาจารย์อยู่ที่หน้าผานอกเมืองหลวง ในหนึ่งชั่วยาม ถ้าข้าไม่ได้เห็นเงาของอาจารย์ ศิษย์ผู้นี้ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


       ตามนิสัยของหมอเทวดาโม่ เขาจะเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ แต่เขาก็มีความผิด ดังนั้นเมื่อเขาอ่านข้อความนี้เขาก็ตกใจ เขามองหารถม้าและเดินทางตรงไปยังหน้าผานอกเมือง


       ทั้งสามด้านของหน้าผา ไม่มีอะไรนอกจากเหวลึก และสามารถใช้ถนนได้เพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้นที่จะไปถึงยอดเขา


       ยอดของหน้าผา มีลมแรงมาก ผู้ใดก็ตามที่ยืนอยู่ด้านบนของมันสามารถปลิวไปกับสายลมได้ ไม่มีอะไรอยู่ที่นั่นนอกเหนือจากทรายสีเหลือง คนที่ไปที่นั่นมีเพียงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่


       หมอเทวดาโม่ ไต่ขึ้นไปที่หน้าผ้า เสื้อคลุมของเขาถูกลมพัดไปมาอย่างแรง หน้าผากของเขาปกคลุมไปด้วยเหงื่อ แม้แต่การหายใจก็ไม่มั่นคง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหยุดการปีนของเขาเพื่อที่จะไปให้ถึงด้านบนสุดของหน้าผา


       ลมที่ด้านบนของหน้าผาน่ากลัวมาก มันฟังเหมือนเสียงร้องของผีสาง ที่ด้านบน หมอเทวดาโม่มองไปที่ด้านต่างๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเงาร่างใดๆ


       หลังจากรออยู่ครึ่งหนึ่งของกานธูป หมอเทวดาโม่ก็ตัดสินใจว่าเขาถูกหลอกและพลาดโอกาสที่จะได้ส่งข่าว


“เสี่ยวหวางเย่นั้นช่างมากด้วยกลอุบายจริงๆ” หมอเทวดาโม่ไม่กล้าคิดว่าเรื่องนี้ทำโดยลูกศิษย์ของเขา ดังนั้นเขาจึงผลักดันทุกสิ่งทุกอย่างไปยังเสี่ยวเทียนเหยา


       หลังจากหันหลังกลับไป หมอเทวดาโม่ก็รีบลงเขาไป แต่เมื่อเขาลงไปเขาก็พบว่ารถม้าที่มาส่งเขาได้หายไปแล้ว


หมอเทวดาโม่ไม่ต้องการเปิดเผยความลับของเขา ดังนั้นเมื่อเขามาถึงพระราชวัง เขาจึงได้จงใจทิ้งองครักษ์เงาเอาไว้ ตอนนี้เขาจึงสามารถเดินทางกลับไปด้วยตัวเขาเท่านั้น


       จากเมืองหลวงไปยังหน้าผา เขาใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยาม แต่ตอนนี้ที่เขาจะต้องเดินกลับ เขาไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน


       หมอเทวดาโม่ ได้ส่งสัญญาณไปยังองครักษ์เงาที่ซ่อนอยู่ในเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาและหลิน ชูจิ่ว จะกลับมาถึงตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แล้วก็ตาม หมอเทวดาโม่ ก็ยังไม่ได้กลับมาถึงเมืองหลวง เพราะคนของเขาในเมืองหลวงได้ตายไปนานแล้ว


       หลังจากเรียนรู้ว่าหมอเทวดาโม่ ไม่ตาย เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป อาจารย์ของหมอหลวงฉิน มีแผนการของเขาเอง และมันไม่คุ้มค่ากับการทำให้มันกลายเป็นปัญหาของเขา


“แล้วจงจิน?” เสี่ยวเทียนเหยา เคาะนิ้วของเขาไปบนโต๊ะและถามหลิวไป๋ขึ้น


“ไม่มีปัญหาอะไร” หลิวไป๋พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ “จงจินฆ่าพวกเขาทั้งหมดไปโดยไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ คนของเราที่ไปกับจงจินก็ทำลายทั้งสองนิกายลับที่เกี่ยวข้อง ทุกคนลงมือได้รวดเร็วมาก ”


       ด้วยความคล่องตัวของพวกเขา พวกเขาสามารถฆ่านิกายลับได้อย่างแน่นอน ก่อนที่พวกเขาจะได้รับข่าว

 

 

 


ตอนที่ 234.2

 

  หมอเทวดาโม่ประเมินเสี่ยวเทียนเหยาต่ำมากเกินไป เขาอยู่ในพระราชวังดังนั้นเขาจึงล่าช้าที่จะออกมาส่งข่าว เสี่ยวเทียนเหยา จะไม่ปล่อยให้ทุกคนที่คว้าสิ่งของของเขาและดูถูกเขาเมื่อเขาอ่อนแอไปได้อย่างไร  


       ไม่ใช่ว่าเสี่ยวเทียนเหยา อยากเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าเขาไม่ใช้มือของเขา เขาอาจจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับผลกระทบได้ คนเหล่านั้นจะเอาทำลายเขาอีกครั้งและอีกครั้งเท่านั้น เพราะคิดว่าพวกเขาโชคดี 


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่กลัวคนเหล่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาเองจะสามารถดูแลตัวเองได้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือการฆ่าศัตรูนับแสนคนของเขา ปล่อยให้คนเหล่านั้นรู้ว่าพวกเขาไม่ควรกระตือรือร้นที่จะเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านเขาและทำร้ายเขา


       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา ถามซูฉาและหลิวไป๋ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฮ่องเต้ก็ขอถามหมอหลวงฉินว่าในท้ายที่สุดแล้วใครคือคนที่ผู้ช่วยเสี่ยว จื่ออัน หลิน ชูจิ่วหรือเสี่ยวเทียนเหยา?


“แน่นอนว่าเสี่ยวหวางเฟยมีทักษะทางการแพทย์ ทักษะการฝังเข็มของนางเองก็ไม่ได้แย่กว่าหมอเทวดาโม่ อย่างไรก็ตามทุกการกระทำของเสี่ยวหวางเฟยนั้นต่างก็ทำตามคำแนะนำของเสี่ยวหวางเย่พ่ะย่ะค่ะ “หมอหลวงฉิน ได้รายงานสิ่งที่เขาเห็น แต่สำหรับส่วนที่เหลือ


       เขาจะฝังมันลงไปในหลุมฝังศพของเขา


       ถ้าเขาปล่อยให้ฮ่องเต้รู้ว่าเขาให้ความร่วมมือกับเสี่ยวหวางเย่ ฮ่องเต้จะฆ่าเขาอย่างแน่นอน


       คำตอบนี้เท่ากับไม่มีอะไร แต่ฮ่องเต้จะเชื่อหมอหลวงฉินหรือไม่นั่นก็เป็นอีกเรื่อง “เสี่ยวหวางเฟยพูดอะไรเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยขององค์ชายสาม?”


       “เสี่ยวหวางเฟย กล่าวว่าอาการเจ็บป่วยขององค์ชายสามเกิดจากการสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์พ่ะย่ะค่ะ มีเพียงเฉพาะคนที่มักมีการติดต่อกับเขาเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้ “คนเดียวที่อยู่เคียงข้างเสี่ยว จื่ออันตลอดเวลาคือหมอเทวดาโม่  


“เจ้าพาคนไปที่พักของหมอเทวดาโม่และค้นอีกครั้ง” เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของหมอหลวงฉิน


“กระหม่อมรับบัญชา” หมอหลวงฉิน ได้พาคนของเขาไปตรวจสอบที่พักของหมอเทวดาโม่ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาก็กลับมารายงานขึ้น “ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ ที่พักของหมอเทวาโม่นั้นขาวสะอาดมากพ่ะย่ะค่ะ ”


       ความสงสัยของฮ่องเต้ยังไม่ได้ลดลง แต่เขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานได้ ฮ่องเต้ไม่สามารถยอมรับได้ว่าหมอเทวดาโม่เป็นผู้บริสุทธิ์ ก่อนจะพูดขึ้น “ประกาศออกไปว่าองค์ชายสามได้รับรักษาเรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดว่าได้รักการรักษาโดยเสี่ยวหวางเฟย ตราบเท่าที่มันจะไม่ฟังดูว่าเป็นเพราะหมดเทวดาโม่เท่านั้นก็พอ”


“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” หมอหลวงฉินคำนับศีรษะลง เพื่อปกปิดความสุขในสายตาของเขา


       หลังจากพ่ายแพ้ถึงสองครั้งติดต่อกันและไม่คำนึงถึงชีวิตและความตายของผู้ป่วย เขาอยากจะเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชื่อเสียงของหมอเทวดาโม่  


       เมื่อหมอหลวงฉินจากไป องครักษ์เงาก็มารายงานต่อฮ่องเต้ขึ้น “ฝ่าบาท หมอเทวดาโม่ไปที่หน้าผานอกเมืองหลวง ดูเหมือนเขาจะรอใครบางคนอยู่ แต่ก็ไม่รอจนคนผู้นั้นมาถึงพ่ะย่ะค่ะ “


       ไปที่หน้าผานอกเมืองหรือ?


       เขาไม่ได้บอกว่าเขาจะออกไปนอกวังเพื่อที่จะไปส่งข้อความไปยังนิกายลับหรือ? แล้วเขาไปที่หน้าผานอกเมืองทำไม?


       หัวคิ้วของฮ่องเต้ขมวดขึ้น มีความรังเกียจในสายตาของเขา แต่เขาไม่ได้ถามอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนจะพูดขึ้น “ตามหลิน เซี่ยงมาพบเจิ้น”


       เรื่องเกี่ยวกับหมอเทวดาโม่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เขาต้องการที่จะถามหลินเซี่ยงว่าในที่สุดแล้วเขาเลี้ยงดูบุตรสาวของเขามาอย่างไร? บุตรสาวของเขาได้เรียนรู้การแพทย์ได้อย่างไร?


       เพียงแค่นึกว่าเขาเป็นคนที่ผลักดันหลิน ชูจิ่วให้ไปแต่งงานกับเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธแล้ว


       มันเหมือนกับว่าเขากำลังตบหน้าของตัวเอง


       หลังจากเรียนรู้ว่าขาของเสี่ยวเทียนเหยา หายแล้ว หลิน เซี่ยงก็กำลังรอให้ฮ่องเต้เรียกเขาเข้าไปในวัง ดังนั้นเขาจึงไม่ตกใจที่ได้รับคำเชิญ เขาเข้าไปในวังพร้อมกับขันทีในทันที


“กระหม่อมหลิน เซี่ยง ถวายบังคงฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ “หลิน เซี่ยง นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและทำความเคารพด้วยความนอบน้อม


       โดยปกติเมื่อฮ่องเต้พบกับหลิน เซี่ยงเป็นการส่วนตัว หลิน เซี่ยงไม่จำเป็นต้องทำความเคารพเต็มพิธีเช่นนี้อีกต่อไป แต่ตอนนี้แม้จะผ่านไปนาน ฮ่องเต้ก็ไม่ยอมให้เขา คราวนี้ฮ่องเต้โกรธจริงๆ


       ฮ่องเต้ไม่สามารถปิดบังความผิดหวังของเขาที่มีต่อหลิน เซี่ยงและในความไม่เชื่อฟังของหลิน ชูจิ่วได้ พ่อและลูกคู่นี้ ทำกับเขาราวกับคนโง่… …

 

 

 


ตอนที่ 235.1

 

 หลังจากหนึ่งกานธูป … … สองกานธูป จนครบครึ่งชั่วยาม หลิน เซี่ยงก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงฮ่องเต้พูดเพื่อให้เขาลุกขึ้น มือและเท้าของหลิน เซี่ยงก็กำลังสั่นขึ้น แต่เขาไม่กล้าที่จะขยับตัว เขารู้ว่าฮ่องเต้ในตอนนี้กำลังโกรธมาก แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธเขา?


       เป็นเพราะขาของเสี่ยวหวางเย่ ที่ตอนนี้หายขาดแล้วหรือ?


       ถ้าเป็นเช่นนั้น หลังจากที่เขาทำความเคารพ แม้ว่าฮ่องเต้จะโกรธ เขาก็จะบอกให้เขาลุกขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรสภาพของเสี่ยวหวางเย่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา


       เหงื่อบนหน้าผากของหลิน เซี่ยงตกลงไปทีละหยุดๆ ยิ่งเขาใช้สมองมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากเท่านั้น เขาไม่ได้ทำอะไรเมื่อเร็ว ๆ นี้ ฮ่องเต้ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะชี้ความโกรธมาที่เขา


       หลิน เซี่ยงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังคิดถึงการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้ก็พูดขึ้น  “ผู้นำตระกูลหลิน เจ้ารู้ถึงความผิดของเจ้าหรือไม่?”


       เขาเรียกชื่อเขาแตกต่างออกไป ฮ่องเต้ไม่ได้ซ่อนความโกรธของเขาเอาไว้ การกระทำแบบนี้ของฮ่องเต้ ทำให้หลิน เซี่ยงกลัวมากที่สุด เนื่องจากฮ่องเต้ได้ทำลายเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่เขามีท่าทีแบบนี้


“ฝ่าบาท กระหม่อม กระหม่อมผู้นี้ไม่ทราบ… ” หลิน เซี่ยงยังคงตื่นตัว ความคิดของเขายังคงหมุนไปรอบๆ พยายามที่จะเปิดเส้นทางให้กับตัวเอง แต่ … …


       อย่าคิดว่าเขาโง่ เขาไม่สามารถนึกถึงการตอบโต้ออกมาได้จริงๆ เพราะเขาไม่รู้เหตุผลที่ทำให้ฮ่องเต้โกรธเขาจริงๆ


       ฮ่องเต้ ไม่ต้องการตัดหลิน เซี่ยงออกไปซะทีเดียว ก่อนจะพูดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม “เจ้าไม่รู้หรือ … เจ้าไม่ได้สอนบุตรสาวของเจ้าหรือ เจ้ากระตุ้นความไม่พอใจของเสี่ยวหวางเย่ แต่เจ้ายังกล้าที่จะปฏิเสธมัน! “


       มันเป็นเพราะหว่านถิงหรือ?


       หรือว่าเสี่ยวหวางเย่ตำหนิอะไร?


       หลิน เซี่ยงรู้สึกละอายใจและสบถอย่างต่อเนื่อง “ฝ่าบาท โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ เหตุผลที่หว่านถิงต้องการที่จะไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เป็นเพราะนางเป็นห่วงเสี่ยวหวางเฟย นางไม่มีเจตนาอื่น กระหม่อมขอให้ฝ่าบาททรงตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”


“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?” ฮ่องเต้มีความไม่พอใจบนใบหน้าของเขา เขาไม่เข้าใจว่าหลิน เซี่ยงกำลังพูดถึงอะไรอยู่


       อืม?


       หลิน เซี่ยงสับสนมาก เขาเงยหน้าขึ้นและถามขึ้นทันที “ฝ่าบาท พระองค์ไม่ได้ถามเกี่ยวกับการที่หว่านถิงที่ไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”


“หว่านถิงอะไร? เจิ้นกำลังถามเจ้าเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของหลิน ชูจิ่ว ” ฮ่องเต้ไม่พอใจอย่างมากกับพฤติกรรมของหลิน เซี่ยง  แต่ …


       หลิน เซี่ยงดูงงงวยมาก ก่อนจะพูดขึ้น “ชูจิ่ว มีทักษะทางการแพทย์ มันจะเป็นไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” นางจะไปเรียนรู้จากใคร? กับผีสางหรือ?


“เจ้าไม่รู้หรอกหรือ” ปฏิกิริยาของหลิน เซี่ยงเป็นธรรมชาติมาก เขาดูเหมือนจะไม่โกหก


       หลิน เซี่ยงรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด “ชูจิ่วมีทักษะทางการแพทย์แล้วนางจะไปเล่าเรียนมาจากใครพ่ะย่ะค่ะฝาบาท?”


“เจิ้นเองก็ไม่รู้” เมื่อฮ่องเต้เห็นปฏิกิริยาของหลิน เซี่ยง เขาก็รู้ว่าเขาจะไม่ได้อะไรจากปากของเขา ความรู้ของหลิน เซี่ยงก็ยิ่งน้อยกว่าเขา


       ตอนนี้หลิน เซี่ยงรู้แล้วว่าทำไมฮ่องเต้ถึงกับโกรธ เขากลัว ดังนั้นเขาจึงคำนับลงไปอย่างต่อเนื่อง “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้ กระหม่อมโง่เขลา กระหม่อมไม่รู้ว่านางกำลังเรียนรู้วิชาแพทย์ ถ้ากระหม่อมรู้กระหม่อมจะไม่ปล่อยให้นางแต่งงานเข้าไปในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ แม้แต่ในความตาย กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทโปรดเข้าพระทัย … … “


       หลิน เซี่ยงไต่ขึ้นมาในตำแหน่งปัจจุบันโดยใช้สมอง ดังนั้นจากคำพูดของฮ่องเต้ เขาเข้าใจว่าเขาไม่สามารถแยกตัวออกไปจากปัญหานี้ได้เนื่องจากเรื่องของหลิน ชูจิ่ว  


       เขาเกือบจะตายแล้ว


“ฝ่าบาท ชูจิ่วไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับเสี่ยวหวางเย่ ในเวลานั้น และเพื่อที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นนางเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่หลังจากที่นางได้แต่งงานเข้าไปในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ กระหม่อมก็ไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางอีก ” ใบหน้าของหลิน เซี่ยงถูกปกคลุมด้วยเลือด น้ำตา และเลือดก็ติดอยู่ที่ใบหน้าของเขา เขาดูน่าสังเวชมาก


       เพื่อที่จะปฏิเสธการแต่งงานของนาง หลิน ชูจิ่ว เกือบจะสละชีวิตของนางเอง แน่นอนว่าฮ่องเต้รู้ถึงกรณีนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหลิน ชูจิ่วก็จะไม่แต่งงานกับเสี่ยวเทียนเหยา แต่หลังจากที่แต่งงานเข้าไปในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แล้ว หลิน ชูจิ่ว ก็จะเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

 

 

 


ตอนที่ 235.2

 

 หลังจากวางความเย่อหยิ่งและความภาคภูมิใจของนางลงไปแล้ว นางก็เริ่มมีสติและมีจิตใจที่เข้มแข็ง นางไม่เพียง แต่ได้เรียนรู้ว่าจะก้าวไปข้างหน้าหรือล่าถอย แต่ยังมีทักษะทางการแพทย์อีกด้วย ในท้ายที่สุดแล้วหลิน ชูจิ่ว แกล้งทำเป็นคนโง่หรือเสี่ยวหวางเย่ มีทักษะในการจัดการกับคนของเขาจริงๆ?


       มองไปที่หลิน เซี่ยงที่คอยร้องขอความเมตตา ดวงตาของฮ่องเต้ก็ตกอยู่ในภาวะมึนงง จนกระทั่งหลิน เซี่ยงไม่สามารถทรงตัวเองได้และแทบจะล้มลงไป ฮ่องเต้ถึงได้เปิดปากของเขา “ออกไป”


       หลิน เซี่ยงคำนับเป็นครั้งสุดท้ายแล้วลุกขึ้น”ขอบพระทัยฝ่าบาท”


       หลิน เซี่ยงเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนเลือด เขาไม่กล้าที่จะเช็ดใบหน้าของเขา … …


       ภายในห้องโถง ขันทีถือถังน้ำเข้ามาและเช็ดเลือดบนพื้น ไม่นานหลังจากนั้นพื้นก็กลับสู่รูปสภาพเดิม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น … …


เมื่อหมอเทวดาโม่ได้เฝ้ารอคนของเขาอยู่เป็นเวลานาน เขาก็รู้ทันทีว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น และเขาก็รู้ว่ามีจัดฉากเขาเข้าแล้ว แม้ว่าหมอเทวาดาโม่จะเหนื่อย แต่เขาก็รีบกลับไปที่เมืองหลวง และสุดท้ายเขาก็มาถึงก่อนที่ประตูเมืองหลวงจะปิดลง


       แล้วหมอเทวดาโม่ก็รีบส่งข้อความออกไป นกพิราบบินขึ้นไปบนฟ้าและบินหายลับออกไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น หมอเทวาดาโม่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


       ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องแก้ปัญหานี้ก่อน มิฉะนั้นนิกายลับเหล่านั้นจะถูกทำลายโดยเสี่ยวเทียนเหยา ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นเขาจะเป็นคนบาปและจะไม่มีใครไว้หน้าเขาอีกต่อไปได้


       ในเวลาต่อมา หมอเทวดาโม่ก็นึกถึงสภาพขององค์ชายสาม เขารีบกลับไปที่พระราชวัง เขาไม่รู้ว่านกพิราบที่เขาปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าถูกสังหารก่อนที่มันจะบินออกไปนอกเมืองหลวง


       ถัง สือเอ้อร์ หรือถังถัง มองไปที่นกพิราบที่เรียงรายอยู่บนพื้นดิน เขารู้สึกง่วงนอนมาก “ตัวนี้ก็เกือบจะ 100 ตัวแล้ว นี่มันคือการฆ่ากันชัดๆ ซือซือน้อย ทำไมเจ้าถึงยังไม่กลับมา? ถ้าเจ้าไม่กลับมาข้าจะกินพวกมันหมดได้อย่างไร? ”


“โอ้! มันกำลังจะมาอีกแล้ว มันมาอีกครั้งแล้ว … นี่เป็นไปได้อย่างไร? น่ารำคาญจริงๆ! ”


       ถังถัง บ่นขึ้นในขณะที่เขายิงนกพิราบที่บินอยู่บนท้องฟ้า จำนวนนกพิราบที่บินอยู่บนท้องฟ้ามีจำนวนมากขึ้นในช่วงกลางคืน แต่ถังถัง ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบ แม้แต่ในช่วงกลางคืน นกพิราบก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากสายตาของเขาได้


       นี่คือทักษะของมือสังหาร ถัง สือเอ้อร์ แม้ว่าเขาจะไม่น่าเชื่อถือมากและสติปัญญาของเขาก็อ่อนวัยเหมือนหน้าตาของเขา แต่ก็ไม่มีใครสามารถจับคู่กับความสามารถของเขาได้ เขาเกิดมาเพื่อเป็นมือสังหาร


       ตอนกลางคืนหลิน ชูจิ่ว กำลังนอนอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่ได้หลับ เธอกำลังวางแผนที่จะ “บังเอิญ” พบกับเสี่ยวเทียนเหยา ผู้ซึ่งแอบย่องเข้าหาเธอทุกคืน เธออยากจะบอกเขาว่ามันผิด แต่ … …


       พอตกดึก หลิน ชูจิ่วก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เปลือกตาและความตั้งใจของเธอกำลังต่อสู้ แต่ร่างกายของเธอไม่สามารถต้านทานมันได้ หลังจากผ่านไปสี่ชั่วยามเธอก็ปิดตาลงและหลับไป


       หลังจากผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม เสี่ยวเทียนเหยาก็ปรากฏตัวในห้องของหลิน ชูจิ่วตามปกติ แต่เมื่อรู้ถึงผลกระทบของธูปหอม เสี่ยวเทียนเหยา ก็ไม่ได้สกัดจุดให้หลิน จิ่วหมดสติอีกต่อไป ตรงกันข้ามเขาเพียงแค่นอนลงไปบนเตียงของนางและค่อยๆกอดนางเอาไว้ ทันทีที่ผ้าห่มสะอาดและสดใหม่ปกคลุมร่างกายของพวกเขา เสี่ยวเทียนเหยา ก็หลับไป


       เมื่อท้องฟ้ายังไม่สว่างนัก เสี่ยวเทียนเหยาก็ตื่นขึ้นมาและตื่นขึ้นโดยไม่ลังเล เขาไม่ได้หันไปมองหลิน ชูจิ่วแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่เปิดประตูและเดินออกจากห้องไป เบื้องหลังเขา อันเหว่ยก็วางเสื้อคลุมไว้บนไหล่ของเขา


       หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลิน ชูจิ่วก็ตื่นขึ้นมาและพบร่องรอยของคนที่อยู่ข้างเธอ … …


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หลิน ชูจิ่ว นั่งอยู่บนเตียงพร้อมผ้าห่ม ในขณะที่จ้องไปที่สถานที่ของเสี่ยวเทียนเหยา เธอไม่เข้าใจจริงๆ


       เธอมั่นใจมากว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ให้ยาใด ๆ กับเธอ แม้ว่าไหล่ของเธอจะไม่ปวดเมื่อยเหมือนก่อน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาเข้ามาหรือออกไปเมื่อไหร่


“ข้านอนหลับลึกขนาดนั้นเลยหรือ?”


       นั่นเป็นไปไม่ได้เลย …


 

 

 


ตอนที่ 236.1

 

 เมื่อซุยฉีและฉิวฉี เข้ามาพวกนางก็เห็นหลิน ชูจิ่วจ้องไปที่ผ้าปูที่นอนในความงุนงง สาวใช้ทั้งสองคนรู้ว่าหลิน ชูจิ่ว กำลังคิดอะไรอยู่ แต่……


       สิ่งนี้ไม่ควรพูดถึง ไม่เช่นนั้นพวกนางจะถูกฆ่า ไม่ต้องพูดถึงพวกนางยังมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อีกด้วย


       สาวใช้ทั้งสองรับใช้หลิน ชูจิ่วไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งล้างเนื้อตัวและกินอาหารเช้า เมื่อเห็นหลิน ชูจิ่ว กำลังกินมื้อเช้าด้วยความงุนงง สองสาวใช้ก็กังวลว่าหลิน ชูจิ่วอาจจะเป็นบ้า ดังนั้นพวกนางจึงแนะนำให้นางออกไปเดินเล่นในสวน


       ที่เรือนของหลิน ชูจิ่ว มีเพียงสนามหญ้าขนาดใหญ่เท่านั้น แม้ว่าจะไม่มีทิวทัศน์ให้ดู แต่สถานที่ก็ใหญ่มาก นอกจากนี้มันสามารถหันเหความสนใจของบุคคลเมื่อเดินได้ หลิน ชูจิ่ว รู้สึกเห็นถึงข้อเสนอนี้ดี เธอจึงลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก แต่เธอก็เห็นพ่อบ้านเอ้ารีบเดินเข้ามาก่อน


       พ่อบ้านเฮ้าเห็นหลิน ชูจิ่วจากที่ไกลๆ แต่เขาก็อ้าปากและตะโกนขึ้นแล้ว“หวางเฟย ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านเข้าวังขอรับ”


       เข้าวังหรือ?


       หลิน ชูจิ่ว หยุดเดินและยืนรอให้พ่อบ้านเฮ้า เดินเข้ามา


       พ่อบ้านเฮ้า เดินด้วยความรีบร้อนมาจนหยุดอยู่ตรงหน้าของหลิน ชูจิ่ว เมื่อเขามาถึงหน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ “ หวางเฟย ท่านต้องการให้บ่าวชราผู้นี้ไปเตรียมตัวหรือไม่ขอรับ?” ลานของหวางเฟยของพวกเขาใหญ่มาก เขารู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ


“ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ข้าเข้าไปในวังมันเกิดอะไรขึ้น?” หมอหลวงฉินได้รักษาพิษของเสี่ยว จื่ออันแล้ว และมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีก


“ ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับหมอเทวดาโม่ บ่าวชราผู้นี้ก็ไม่ทราบเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงขอรับ” ในขณะที่พูดชื่อของหมอเทวดาโม่ พ่อบ้านเฮ้าก็ถอนหายใจเข้าลึกๆ


       หลิน ชูจิ่ว พยักหน้าและถามขึ้น “หวางเย่ พูดว่าอย่าไรบ้าง?”


“ หวางเย่ออกไปข้างนอกขอรับ” ถ้าไม่เพราะแบบนั้น เขาจะไม่รีบมาหา หลิน ชูจิ่วเช่นนี้


       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา หายไปเช่นนี้  หลิน ชูจิ่วก็ไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของฮ่องเต้ได้ ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงพยักหน้าขึ้น “เช่นนั้น ข้าก็จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”


       คราวนี้ฮ่องเต้เชื้อเชิญให้หลิน ชูจิ่วเข้าไปในวังด้วยวิธีการที่สุภาพ เขาไม่ได้ส่งทหารองครักษ์หลวงมารับเธอ เขาส่งเพียงองครักษ์หลวงเพียงไม่กี่คนมาเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของเธอเท่านั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้ยังคงให้ความสำคัญกับอิทธิพลของเสี่ยวเทียนเหยาอยู่


       ไม่ว่าสงครามระหว่างฮ่องเต้และเสี่ยวเทียนเหยาจะดุเดือดแค่ไหน ฮ่องเต้ก็ยังคงไว้หน้าเขาในฐานะเทพเจ้าแห่งสงครามของแคว้นตะวันออกอยู่


       แต่สำหรับเสี่ยวเทียนเหยานะหรือ?


       หลิน ชูจิ่ว ไม่เคยเห็นว่าเขาทำตัวเหมือนเป็นประชาชนและทหารภายใต้สวรรค์แห่งนี้ เธอไม่เคยเห็นว่าเขาจะปฏิบัติต่อฮ่องเต้อย่างเคารพ และเสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่เคยไว้หน้าฮ่องเต้  


       ถนนนั้นยาวไกล หลิน ชูจิ่วนั่งคนเดียวภายใน แต่ก็น่าเสียดายที่หลิน ชูจิ่ว กำลังนั่งอยู่ในรถม้าของวังหลวง รถม้าไม่สะดวกสบายเหมือนรถม้าของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ไม่มีหนังสือหรือกระดานหมากรุกให้ฆ่าเวลา


       แม้ว่าเธอจะรู้สึกเบื่อ แต่หลิน ชูจิ่วก็ไม่ได้คิดมากว่าจะมีอะไรรอเธออยู่ในวัง เธอรู้ดีว่าเมื่อเธอรักษาขาของเสี่ยวเทียนเหยา เธอจะถูกผูกไว้กับชีวิตของเสี่ยวเทียนเหยา ตราบใดที่เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ล้มลง ตราบใดที่เธอไม่ได้ทำบาปอย่างจงใจ ฮ่องเต้ก็จะไม่สามารถจบชีวิตของเธอลงได้ ถ้าเสี่ยวเทียนเหยา ล้ม แม้ว่าเธอจะประพฤติตัวดีแค่ไหน ฮ่องเต้ก็จะไม่ปล่อยเธอไว้


       กลุ่มคนจากไปพร้อมกับรถม้า หลิน ชูจิ่วง่วงดังนั้นเธอจึงมองหาตำแหน่งที่สะดวกสบายและนอนหลับไป


       ถนนจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ไปยังพระราชวังไม่สั้น หลิน ชูจิ่วนอนหลับอย่างสบายจนกระทั่งรถม้าหยุด เมื่อมันหยุดเธอก็ตื่นขึ้น


“ข้ารู้สึกชัดเจนว่าการเฝ้าระวังของข้ายังดีอยู่ เหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกถึงเสี่ยวเทียนเหยา?” หลิน ชูจิ่วตบแก้มของเธอ เพื่อทำให้ตัวเองดูมีจิตวิญญาณมากขึ้น


“เสี่ยวหวางเฟย เชิญ…” ภายนอกรถม้าเสียงของขันทีดังขึ้น


       หลังจากประโยคนี้ประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก หลิน ชูจิ่ว ลุกขึ้นและด้วยความช่วยเหลือจากขันที เธอก็ก้าวลงไปบนม้านั่งและลงจากรถม้าได้ ในแคว้นตะวันออกจะมีม้านั่งขนาดเล็ก ๆ มันไม่เหมือนกันกับในทีวี ที่ขุนนางจะเหยียบลงไปบนหลังของคนรับใช้

 

 

 


ตอนที่ 236.2

 

ขันทีเดินไปทางด้านข้างและเป็นผู้นำทางหลิน ชูจิ่ว “เสี่ยวหวางเฟย ฮ่องเต้กำลังรอท่านอยู่ที่ตำหนักฉิ่งเหอ”


“ไปกันเถอะ” เมื่อรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับเสี่ยว จื่ออัน หลิน ชูจิ่วก็ไม่สนใจอะไรมาก


       เธอรู้สถานการณ์ของเสี่ยว จื่ออันว่าเขาไม่ได้ป่วยธรรมชาติ ตราบใดที่หมอหลวงฉินดูแลเขาอย่างดี เขาก็สามารถฟื้นตัวได้ในเวลาเพียงแค่สามเดือน


       ในตำหนักฉิ่งเหอ ฮ่องเต้ พระสนมโจว และหมอเทวดาโม่กำลังรออยู่ข้างใน เมื่อหลิน ชูจิ่วเข้ามา เธอก็ทำความเคารพต่อฮ่องเต้เท่านั้น เธอไม่สนใจคนอื่น


“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” ฮ่องเต้พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน จากนั้นก็ชี้มือของเขาไปยังตำแหน่งที่ว่างเปล่า บ่งบอกให้หลิน ชูจิ่ว นั่งลง


“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” หลิน ชูจิ่วไม่รู้วิธีที่จะทำตัวให้สุภาพมากเกินไปอย่างไร ดังนั้นหลังจากที่เธอพูดขอบคุณเสร็จ เธอก็นั่งลงทันที


       ภายในห้องโถง มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่กำลังนั่งอยู่ แต่ตอนนี้จึงรวมหลิน ชูจิ่วเข้าไปอีกคน


       หลิน ชูจิ่วไม่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งก้นของเธอลงไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามถึงแม้เธอจะนั่งลงไปทันที ต่อหน้าฮ่องเต้ แต่การกระทำของเธอก็ไม่ได้ไม่สุภาพอะไร


       ฮ่องเต้ไม่สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ เมื่อขันทีมอบถ้วยชาให้หลิน ชูจิ่ว ฮ่องเต้ก็เปิดปากพูดขึ้น “เสี่ยวหวางเฟย เมื่อหมอเทวดาโม่กลับมาและตรวจสอบองค์ชายสาม เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะชื่นชมทักษะการแพทย์ของเจ้า จากปากของหมอหลวงฉิน เขาได้รู้ว่าเจ้าใช้เข็มเงินฝังเข็มให้กับจื่ออัน หมอเทวดาโม่ไม่เข้าใจ ดังนั้นวันนี้เจิ้นจึงให้เจ้าเข้าวัง เจิ้นต้องการถามเจ้าว่าทักษะการฝังเข็มแบบไหนที่เจ้าใช้กับองค์ชายสาม หมอเทวดาโม่ได้ทำเช่นเดียวกับคนอื่น แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นการฆ่าพวกเขาแทน?”


       หมอเทวดาโม่ ใช้คนมีชีวิตเพื่อทำการทดลองหรือไม่?


       หลิน ชูจิ่ว ไม่ตอบคำถามของฮ่องเต้ เธอมองไปที่หมอเทวดาโม่ด้วยความหวาดกลัวแทน ดวงตาของเธอเพิกเฉยและไม่สนใจต่อฮ่องเต้ และเพียงแค่มองไปที่หมอเทวดาโม่คนเดียว


       หมอเทวดาโม่ขมวดคิ้วและถามขึ้น “เสี่ยวหวางเฟยชายชราคนนี้ทำอะไรผิดหรือ?” เขาเต็มไปด้วยความภูมิใจและสูงส่ง และเช่นเดียวกับตอนที่เขาอยู่ในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เขาก็มันจะทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าหลิน ชูจิ่ว


       หลิน ชูจิ่ว ผู้มีใบหน้าเย็นชา ถามขึ้นอย่างหยาบคาย“ท่านคิดว่าท่านถูกตรงไหน?”


“เสี่ยวหวางเฟย ท่านหมายถึงอะไร? ชายชราคนนี้ไม่เข้าใจ” หัวคิ้วของหมอเทวดาโม่ขมวดมากขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจกับความเชื่องช้าของ หลิน ชูจิ่ว


“ท่านไม่เข้าใจคำถามง่ายๆเช่นนี้หรือ ข้าสงสัยจริงๆว่าท่านเป็นหมอได้อย่างไร และข้าก็สงสัยว่าท่านได้รับชื่อ “ หมอเทวดา” มาได้อย่างไร” ในเวลานี้ หมอเทวดาโม่ กำลังสงสัยว่าหลิน ชูจิ่ว หรือเสี่ยวเทียนเหยาที่กำลังถามเขา


       นางกำลังพูดอะไร เขาไม่ใช่หมอที่น่าทึ่งอย่างนั้นหรือ ทำไมเขาจะไม่ควรเป็นหมอ ทำไมเขาไม่สามารถใช้คำว่า ‘หมอเทวดา’ ได้


       ทันใดนั้นใบหน้าของหมอเทวดาโม่ก็ดำดิ่งลง “เสี่ยวหวางเฟย มีบางครั้งที่ท่านไม่ควรวิจารณ์ใครสักคน และยังมีคำบางคำที่ท่านไม่ควรพูด”


“ข้าไม่ได้พูดคำใด ๆ ที่ท่านไม่สามารถไม่เข้าใจได้ แม้แต่หมอธรรมดาก็สามารถเข้าใจได้ว่า แม้ว่าผู้ป่วยสองรายที่มีโรคเดียวกัน ปริมาณของยาที่พวกเขาควรกินก็อาจจะแตกต่างกัน เนื่องจากร่างกายของพวกเขาไม่เหมือนกัน หมอเทวดาโม่ ฝึกฝนเรื่องยามาหลายปี แต่ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้”


“ข้า…” หมอเทวดาโม่อยากจะอธิบาย แต่หลิน ชูจิ่วก็ไม่ได้ให้โอกาสเขา แต่เธอเพียงแค่เพิ่มระดับเสียงของเธอและพูดต่อไปอีก “เหมือนกับตอนที่ท่านทำกับองค์ชายสาม ท่านได้ทดลองรักษาเขาในขณะที่เขาไม่ป่วย ท่านไม่รู้สึกละอายใจหรืออย่างไร หมอควรปฏิบัติตามจริยธรรมของหมอ ไม่ควรทำการทดลองกับบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่”


       เมื่อหมอเทวดาโม่เห็นว่าการกล่าวหาของหลิน ชูจิ่ว นั้นเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงขัดจังหวะนางขึ้นทันที “ เสี่ยวหวางเฟย ท่านไม่ควรเข้าใจผิดถึงความตั้งใจของชายชราผู้นี้ ชายชราผู้นี้กำลังทำการศึกษาเพื่อให้ได้วิธีการรักษาที่ดีขึ้น มันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยมากขึ้น”


       คำอธิบายนี้สมเหตุสมผล แต่… …

 

 

 


ตอนที่ 237.1

 

 หลิน ชูจิ่ว ไม่ฟังคำอธิบายของหมอเทวดาโม่ มากนัก เธอมองเขาเหมือนขยะและพูดขึ้นแทน “ อย่าพูดเหมือนท่านมีความตั้งใจสูงส่ง ความเจ้าเล่ห์ของท่านแย่ยิ่งกว่าผู้ร้ายตัวจริง ท่านรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทำอะไรอยู่”


       คำพูดของหลิน ชูจิวนั้นไม่เพียงเพื่อต่อต้านหมอเทวดาโม่ แต่ยังแสดงความสำนึกผิดจากหัวใจของเธอ เธอได้ปฏิญาณต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ เธอดึงพลังของพฤติกรรมมนุษย์ที่เหมาะสมออกมา


“ท่านหมายถึงอะไร ชายชราผู้นี้ไม่เข้าใจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชายชราผู้นี้ไม่สามารถนับจำนวนชีวิตที่เขาได้รับทำการช่วยเอาไว้ได้” หมอเทวดาโม่มองดูหลิน ชูจิ่ว อย่างจริงจัง เพราะเขาไม่สามารถยอมรับข้อกล่าวหาของนางได้


“ แต่ท่านเสียสละชีวิตของผู้คนไปกี่คนเพื่อหาแนวทางวิธีการรักษาและใบสั่งยาใหม่ๆ ของท่าน ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังทำอะไรในเวลาส่วนตัวของท่านแต่ด้วยคำพูดของท่านในวันนี้ ข้ามั่นใจว่าท่านเป็นหมอที่ฆ่าคนเป็นจำนวนมาก” วิธีการรักษาที่หมอเทวดาโม่ ค้นพบนั้นเป็นที่รู้จักโดยตัวเขาเองเท่านั้น หมอคนอื่นไม่รู้จัก ดังนั้นจึงมีผู้ป่วยเพียงไม่กี่คนที่ได้รับประโยชน์จากมัน


“ข้า……” หน้าตาของหมอเทวดาโม่ขาวซีดลง แต่เขาไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร


“หมอเทวดาโม่ หมอมีอยู่เพื่อช่วยชีวิตคน แต่ท่านเพื่อที่จะสนองความโลภของท่าน ท่านกลับไม่ลังเลที่จะเหยียบไปบนคนอื่นเพื่อที่จะปีนขึ้นไป”


       หลิน ชูจิ่ว มองไปที่หมอเทวดาโม่ พร้อมใบหน้าที่บูดบึ้ง ดวงตาของเธอที่ยังคงมีแสงเป็นกระกายในขณะที่เหลือบมองไปทางฮ่องเต้ แล้วหลิน ชูจิ่วก็พูดเพิ่มเต็มขึ้นอีกอย่างไม่ลังเล “ หมอเทวดาโม่ ข้าไม่เพียง แต่สงสัยในทักษะการแพทย์ของท่านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวตนของท่านอีกด้วย ตามคำพูดของท่าน ท่านไม่เคารพชีวิตมนุษย์ แล้วท่านจะมีหัวใจที่จะดูแลคนไข้ของท่านได้อย่างไร?”


“ไร้สาระ!” ในที่สุดความโกรธของหมอเทวดาโม่ก็เกิดขึ้น เขาชี้นิ้วไปที่หลิน ชูจิ่วก่อนจะพูดขึ้น “เสี่ยวหวางเฟย ท่านไม่จำเป็นต้องสนใจเกี่ยวกับเรื่องของข้า วันนี้เราขอให้ท่านมาพูดถึงวิธีการที่ท่านใช้ในการรักษาองค์ชายสาม จุดฝังเข็มหลายจุดที่ท่านทำนั้นเป็นจุดที่ทำให้ถึงตายได้ วิธีการของท่านอันตรายมาก หากท่านล้มเหลวองค์ชายสามก็จะตาย”


“แล้วองค์ชายสามตายหรือไม่”


“ไม่……”


“เขาไม่ตาย ดังนั้นทั้งหมดนี้มันเรื่องอะไรกัน ท่านต้องการถามว่าข้าใช้วิธีการอะไรอย่างนั้นหรือ? แต่ทำไมข้าต้องบอกท่าน ท่านเป็นใคร? ท่านมีคุณสมบัติอะไรบ้างที่จะเรียนรู้วิธีการของข้า?” หลิน ชูจิ่วทำการโต้กลับอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความภูมิใจเป็นอย่างมาก เธอไม่ได้ดูเหมือนลูกท้อที่บอบบางในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แต่อย่างใด หมอเทวดาโม่ไม่คิดว่าหลิน ชูจิ่วจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาไม่สามารถบังคับให้นางพูดอะไรได้เลย


       หลังจากเธอขว้างคำถามออกมาหลายชุด หลิน ชูจิ่วก็ไม่ได้เปิดปากอีกเลย เธอเพียงแค่นำถ้วยน้ำชามาจากบนโต๊ะแล้วจิบ ก่อนจะพูดขึ้น “ฝ่าบาท ถ้าไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉัน เห็นทีจะต้องทูลล่าเพคะ”


       ผู้หญิงที่ทำให้เสี่ยวเทียนเหยามองนางเป็นคนพิเศษ เขาดูถูก หลิน ชูจิ่ว มากเกินไป


       ฮ่องเต้สงบจิตใจของเขาและตอบขึ้นเบา ๆ “ ได้ แต่จื่ออันต้องการพบเจ้า เจ้าควรไปพบเขาก่อน”


       เมื่อมองดูใบหน้าของฮ่องเต้ในเวลานี้ ใคร ๆ ก็สามารถบอกได้ว่าเขาไม่สามารถรอที่จะฉีกหลิน ชูจิ่วออกเป็นชิ้นๆ ได้


“เพคะ” หลิน ชูจิ่ว ลุกขึ้นอย่างเชื่อฟังและไม่ได้มองไปที่ดวงตาที่เฉียบคมของหมอเทวดาโม่


       พระสนมโจว ได้แอบพาตัวเองไปที่มุมห้อง นางไม่ได้เปิดปากแต่อย่างใด แต่เมื่อนางเห็นหลิน ชูจิ่ว ลุกขึ้น นางก็เดินไปข้างหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ฝ่าบาท หม่อมฉันจะนำทางเสี่ยวหวางเฟยเองเพคะ”


“ไป” ไม่มีความเฉียดคมในน้ำเสียงของฮ่องเต้ มันเป็นสิ่งที่หาได้ยาก


       หลังจากหลิน ชูจิ่ว ทำความเคารพฮ่องเต้ เธอก็ออกไปข้างนอกพร้อมกับพระสนมโจว หมอเทวดาโม่อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยฮ่องเต้ “หมอเทวดาโม่คงต้องเหนื่อยแล้ว ใครก็ได้พาเขากลับไปพักผ่อน”

 

 

 


ตอนที่ 237.2

 

 ทหารองครักษ์หลวงเข้ามาแล้วลากหมอเทวดาโม่ผู้ซึ่งค่อนข้างลังเลออกไป หมอหลวงฉินเงยหน้าขึ้นมองเมื่อหมอเทวดาโม่หายตัวไป เขาไม่ได้ละสายตาไปแม้แต่น้อย


       เสี่ยวหวางเฟยให้แนวคิดใหม่แก่เขา หมอเทวดาโม่ดูเหมือนจะไม่สมกับชื่อของเขา


       หลังจากตัวละครเอกทั้งสองออกจากไป ฮ่องเต้ก็ไม่ได้อยู่นาน เขาจากไปพร้อมกับหมอหลวงฉิน ทั้งสองเดินกลับไปอย่างช้าๆ เพื่อยังไปห้องโถงใหญ่


“เจ้าคิดอย่างไรกับทั้งสองคนนี้” ฮ่องเต้เปิดปากของเขาและถามความเห็นของหมอหลวงฉินขึ้น “หมอเทวดาโม่ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเสี่ยวหวางเฟย หมอเทวดาโม่……ตอนนี้แก่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”


       ฮ่องเต้ขอให้หลิน ชูจิ่วเข้ามาในวังในวันนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะหมอเทวดาโม่ร้องขอ แต่ยังต้องการหยั่งเชิงอะไรบางอย่าง


       ฮ่องเต้ไม่ได้พูดอะไร แต่หมอหลวงฉินเป็นคนสนิทของเขา เขาเข้าใจว่าตอนนี้ฮ่องเต้ยอมแพ้ในตัวหมอเทวดาโม่อย่างสมบูรณ์


       หมอเทวดาโม่ ไม่เพียง แต่เสียการสนับสนุนของฮ่องเต้เท่านั้น แต่ยังทำให้เสี่ยวหวางเย่ ขุ่นเคือง ดังนั้นเขายังจะสามารถมีอนาคตที่ไม่มีขอบเขตได้อย่งไร? เขายังจะสามารถเรียกว่าหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในสี่แคว้นได้อย่างไร?


       หมอหลวงฉิน ก้มศีรษะลงเพื่อปกปิดความปิติยินดีในดวงตาของเขา……


       เมื่อหลิน ชูจิ่วเข้ามาเสี่ยว จื่ออันก็ตื่นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเห็นพระสนมโจวและหลิน ชูจิ่ว เดินเข้ามาในห้องในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเขาส่องประกายระยิบระยับและใบหน้าที่ขาวซีดของเขาก็แสดงรอยยิ้มตื้น ๆขึ้น “ เสด็จแม่ หลิน……เสด็จอาสะใภ้”


       เสี่ยว จื่ออัน งอแขนของเขาและพยายามที่จะลุกขึ้น เมื่อเห็นอย่างนี้หลิน ชูจิ่วก็รีบพูดขึ้นทันที “องค์ชายเสี่ยว จื่ออัน ท่านไม่จำเป็นต้องสุภาพเกินไป ร่างกายของท่านยังอ่อนแออยู่ แค่นอนอยู่บนเตียงก็พอแล้ว” เห็นได้ชัดว่าเธออายุน้อยกว่าเขา แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธออย่างกับผู้อาวุโสอย่างจริงจัง หลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถยอมรับได้


“ ไม่เป็นไร ข้าเพิ่งแค่จะลุกขึ้นนั่ง” เสี่ยว จื่ออันยืนยันว่าจะลุกขึ้น พระสนมโจวจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยลูกชายของนาง นางดูเหมือนจะบ่น แต่ก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ ก่อนที่จะพูดขึ้น“ เด็กคนนี้เป็นอย่างนี้เสมอ แม้แต่ต่อหน้าข้า เขาก็ไม่กล้าทำตัวหยาบคาย”


“องค์ชายเสี่ยว จื่ออันช่างมีจิตใจที่งดงาม” หลิน ชูจิ่วตามคำพูดของพระสนมโจว แต่หูของเสี่ยว จื่ออันก็แดงขึ้นและรู้สึกอึดอัด “ท่านแม่ ท่านไม่จำเป็นต้องพูดเกินจริง”


       เมื่อหลิน ชูจิ่วยิ้ม เสี่ยว จื่ออันก็หน้าแดง หัวใจของนางสนมโจวพุ่งขึ้นในขณะนั้น นางรู้จักบุตรชายของนางเป็นอย่างดี เขาไม่ใช่คนที่จะหน้าแดงง่าย ๆ เพียงเพื่อการสรรเสริญธรรมดาเท่านั้น


       พระสนมโจวจ้องมองไปที่หลิน ชูจิ่ว นางสวมชุดสีแดง นางดูสง่างามและน่ารัก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดวงตาสีดำสดใสของนางดูสงบมาก ผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชายได้อย่างง่ายดาย


       เมื่อเห็นบุตรชายของนางมองดูหลิน ชูจิ่วอย่างจริงจัง บางทีเขาอาจจะยังไม่มีความคิดอื่น แต่นางก็แน่ใจว่าบุตรชายของนาง เขามีความประทับใจที่ดีต่อหลิน ชูจิ่ว


       มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้!


       หลิน ชูจิ่ว เป็นภรรยาของเสี่ยวเทียนเหยา เสี่ยว จื่ออันเป็นบุตรชายของฮ่องเต้


       พระสนมโจวเห็นหลิน ชูจิ่วและเสี่ยว จื่ออันพูดคุยอย่างมีความสุข ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย นางจัดระเบียบอารมณ์ของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนและดึงมือของหลิน ชูจิ่วมา “ดูเจ้า นี่เจ้าก็มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้เชิญให้เจ้านั่งเลย มาๆ เข้ามานั่งลงก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันไปอย่างช้า ๆ ”


“เสด็จอาสะใภ้ ข้ารู้สึกเสียใจที่ข้าลืมที่จะเชิญท่านนั่ง” เสี่ยว จื่ออันขอโทษขึ้นด้วย แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้รู้สึกอึดอัด เขาดูสงบมาก


“ไม่เป็นไร” เธอมาเยี่ยมผู้ป่วย และไม่มีเก้าอี้ที่เธอจะสามารถนั่งได้ นอกจากนี้เธอยังไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่นานกว่านี้ “ข้าคงจะไม่นั่ง ร่างกายขององค์ชายเสี่ยว จื่ออันยังคงอ่อนแอ ท่านต้องพักผ่อน ข้าไม่สามารถรบกวนท่านได้อีกต่อไป ข้าคงต้องขอตัว”


       ต่อหน้าของพระสนมโจวและเสี่ยว จื่ออันผู้มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ หลิน ชูจิ่วก็รู้สึกเจ็บปวดจริงๆ เธอไม่สามารถขายหมอหลวงฉินและเสี่ยวเทียนเหยาได้ เธอจึงสามารถทำได้เพียงหลีกเลี่ยงคนสองคนนี้เท่านั้น … …

 

 

 


ตอนที่ 238.1

 

 เมื่อเสี่ยว จื่ออันได้ยินว่าหลิน ชูจิ่วต้องการจะจากไป เขาดูเหมือนว่าจะรู้สึกหลงทาง เขาต้องการที่จะเปิดปากของเขา แต่พระสนมโจวก็เปิดปากขึ้นก่อน“ชูจิ่ว เจ้าไม่ค่อยได้เข้าวัง เป็นการดีที่จะพูดคุยให้มากขึ้น เจ้าสามารถลองชิมอาหารในวังได้อีกด้วย”


“เช่นนั้นก็คงต้องเป็นวันหลังแล้ว” หลิน ชูจิ่ว ปฏิเสธอย่างอ่อนโยน พระสนมโจวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยืนยันว่าจะออกไปส่งหลิน ชูจิ่วเอง อย่างไรก็ตาม หลิน ชูจิ่ว ก็ยังปฏิเสธ เธอไม่ต้องการออกไปข้างนอกกับพระสนมโจว


       เสี่ยว จื่ออันมองไปที่ร่างที่ค่อยๆ หายไปของหลิน ชูจิ่วและมารดาของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดำมืดลง และเขาใช้เวลานานอยู่เป็นในการฟื้นจิตวิญญาณในดวงตาของเขา


       พระสนมโจวตระหนักดีว่าความสัมพันธ์ของฮ่องเต้กับเสี่ยวเทียนเหยานั้นเลวร้ายเพียงใด แต่นางก็ขอบคุณหลิน ชูจิ่ว เป็นอย่างมากที่ช่วยเสี่ยว จื่ออัน ดังนั้นนางจึงต้องการจะช่วยหลิน ชูจิ่ว ในความสามารถของนาง


       เมื่อพวกเขามาถึงด้านหน้าของตำหนักฉิ่งเหอ พระสนมโจวก็หยุดเดิน รอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่นางก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “ ชูจิ่ว เจ้าช่วยชีวิตของจื่ออันเอาไว้ ข้าจะจดจำน้ำใจของเจ้าไว้เสมอ ข้าอยากเตือนเจ้าให้หลีกเลี่ยงวังหลวงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”ในวังแห่งนี้ทุกคนพบว่าหลิน ชูจิ่วไม่เป็นที่น่าพอใจต่อสายตาของพวกเขา ไม่ใช่เพียงแค่ฮ่องเต้เท่านั้น


       เสียงของพระสนมโจวนั้นจริงจังมาก แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังดูผ่อนคลายและเรีบยง่าย นางดูเหมือนจะขอบคุณหลิน ชูจิ่ว บนพื้นผิวเท่านั้น


       ท่าทางของหลิน ชูจิ่ว ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน เธอยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ พระสนมโจว จากนี้ข้าสามารถไปด้วยตัวเองได้”


“ข้าจะให้คนของข้าออกไปส่งเจ้า” รอยยิ้มของพระสนมโจวลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนางก็สั่งให้สาวใช้ไปส่งหลิน ชูจิ่ว ออกไปนอกวัง ด้วยวิธีนี้คนที่ต้องการปะทะกับนางจะต้องคิดถึงสองครั้ง


       หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้ปฏิเสธในครั้งนี้ เธอไม่คุ้นเคยกับพระราชวัง เธอไม่ต้องการที่จะทำผิดกฎข้อห้ามใด ๆ


       อย่างไรก็ตาม หลิน ชูจิ่ว เพิ่งจะเดินออกจากตำหนักฉิ่งเหอ นางกำนัลของฮองเฮาก็หยุดอยู่ต่อหน้าของเธอ“ เสี่ยวหวางเฟย ฮองเฮาเชิญท่านไปที่ตำหนักของพระนางเจ้าค่ะ”


       หลังจากนั้น นางกำนัลก็แสดงท่าทางเชื้อเชิญ ทำให้หลิน ชูจิ่วไม่มีเวลาที่จะปฏิเสธ


       นางกำนัลของพระสนมโจวไม่พอใจ นางต้องการที่จะช่วยหลิน ชูจิ่ว แต่หลิน ชูจิ่วหยุดนางเอาไว้ “นำทาง” ฮองเฮาต้องการพบเธอ เธอสามารถหลบหนีได้ในวันนี้ แต่พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร


“เสี่ยวหวางเฟย…” นางกำนัลของพระสนมโจวดูละอายใจ


       หลิน ชูจิ่ว ส่ายหัวของเธอ“ กลับไปและแจ้งพระสนมโจวว่าข้าไปเยี่ยมฮองเฮา” ฮองเฮาไม่สนใจถ้านางกำนัลของพระสนมโจวจจะรู้ นางรู้ดีว่าพระสนมโจวจะไม่เคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านนาง


       ตามคำเชิญของฮองเฮา หลิน ชูจิ่วไปที่ตำหนักหล้วนเฟิ่ง แต่เธอไม่ได้ถูกนำไปที่ห้องโถงใหญ่ เธอกลับถูกพาไปที่สวนแทน หลิน ชูจิ่ว ไปกับพวกนางและเห็นฮองเฮากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่


       ฮองเฮาไม่ชอบให้มีผู้คนจำนวนมากอยู่คอยรับใช้นาง ดังนั้นตอนนี้นอกเหนือจากมามาแล้วก็ไม่มีใครอยู่ข้างในอีก


“เสี่ยวหวางเฟย ฮองเฮากำลังรอท่านอยู่ในสวน บ่าวสามารถส่งท่านได้ถึงที่แห่งนี้เท่านั้นเจ้าค่ะ” โดยไม่ต้องรอคำพูดของหลิน ชูจิ่ว นางกำนัลก็ทำความเคารพและออกไป


       เรือนด้านในทำจากแก้ว กำแพงรอบๆ นั้นโปร่งใสทุกด้าน ดังนั้นจากที่ไกลๆ เธอจึงสามารถเห็นดอกไม้สีแดงและสีม่วงได้


       หลิน ชูจิ่ว ก้าวไปข้างหน้า แต่หยุดอยู่หน้าประตูเรือนดอกไม้และทำความเคารพขึ้น “หม่อมฉันถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”


“ ชูจิ่ว เจ้ามาแล้วหรือ?” ฮองเฮาตอบกลับและมองกลับไป ฮองเฮา ไม่ได้รอนางนานนัก นางส่งกาน้ำไปให้มามาที่อยู่ข้างๆนาง จากนั้นนางก็หยิบผ้าเช็ดมือที่วางอยู่บนถาดแล้วเช็ดมือของนาง “ เข้ามาก่อน เจ้าคิดอย่างไรกับดอกไม้ในสวนในวัง?”


“ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา” หลิน ชูจิ่ว เข้าไปในเรือนดอกไม้และมองไปรอบ ๆ จากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดขึ้น “ ดอกไม้ช่างงดงามจริงๆ เพคะ” หลิน ชูจิ่วยอมรับว่าเธอไม่เข้าใจแก่นแท้ของดอกไม้ ดังนั้นเธอจึงสามารถใช้คำศัพท์ทั่วไปได้เท่านั้น

 

 

 


ตอนที่ 238.2

 

ฮองเฮาวางผ้าเช็ดมือไว้ด้านข้างแล้วพูดขึ้นอย่างอบอุ่น”พวกมันดูไม่ค่อยงดงามในตอนนี้ แต่ในช่วงฤดูหนาว ดอกไม้นับร้อยจะเบ่งบานในสวนแห่งนี้ มันจะดูงดงามมาก เปิ่นกงจะพาเจ้าไปดูดอกไม้กระถางที่เพิ่งผลิดอกเมื่อวานนี้ ดอกไม้มีความงดงามมาก”


       หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นหลิน ชูจิ่วจะเต็มใจหรือไม่ ฮองเฮาก็ดึงหลิน ชูจิ่วเข้าไปใกล้มัน ก่อนจะพูดขึ้น “ในความพยายามเพียงสองวัน ดอกไม้นี้ก็ผลิบาน สีสันของมันน่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง”


       หลิน ชูจิ่ว ไม่เข้าใจดอกไม้ แต่เธอรู้ว่าดอกโบตั๋นสีม่วงเป็นเหมือนสมบัติในแคว้นตะวันออก หลิน ชูจิ่วไม่เชื่อว่าฮองเฮาจะขอให้เธอมาเพื่อดูดอกไม้


       นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่พูดอะไร เธอฟังอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ฮองเฮาชื่นชมดอกไม้ต่อไป


       และแน่นอนที่สุด หลังจากที่ฮองเฮาได้ยกย่องดอกไม้ของนางอย่างล้นหลามแล้ว หัวข้อของนางก็เปลี่ยนไป “ดอกโบตั๋นสีม่วง ดอกนี้เกินความคาดหมายของเปิ่นกงอย่างสมบูรณ์ ดอกโบตั๋นดอกนี้ถูกเลี้ยงในเรือนดอกไม้แห่งนี้มาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยบานสะพรั่งเลย เปิ่นกงคิดว่ามันไร้ประโยชน์ ดังนั้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเปิ่นกง ได้สั่งให้คนทิ้งมันไป อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ย้ายมันกลับมาอย่างไม่เต็มใจ เปิ่นกงไม่ได้คาดหวังว่ามันจะผลิดอกตูมขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แล้วดอกไม้ก็บานอย่างงดงามในเวลาเพียงสองวัน”


       ฮองเฮาบอกว่ามันเป็นดอกไม้ แต่หลิน ชูจิ่วจะไม่เข้าใจมันได้อย่างไร ฮองเฮาไม่ได้พูดถึงดอกโบตั๋นสีม่วง แต่เป็นของเธอ


       หลิน ชูจิ่ว ก่อนหน้านี้ได้รับการสนับสนุนโดยฮองเฮามาก่อน ดังนั้นนางจึงสามารถแสดงความหยิ่งยโสในตระกูลหลินและในเมืองหลวงได้ อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถตอบแทนฮองเฮาได้ นางจึงถูกตราหน้าว่าไร้ประโยชน์


       หลังจากนั้น ฮองเฮาก็ละทิ้งนางอย่างสมบูรณ์ โดยส่งนางไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ แต่ใครจะคาดหวังว่านางจะกลายเป็นดาวนำโชค? นางไม่เพียงได้รับความโปรดปรานจากเสี่ยวหวางเย่ แต่ยังรักษาโรคขององค์ชายสามได้อีกด้วย


       ดังนั้นแน่นอนว่าฮองเฮาจะไม่พอใจกับนาง!


       หลิน ชูจิ่ว ยิ้มขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเธอดูสงบมาก เธอทำตัวเหมือนไม่เข้าใจคำพูดของฮองเฮา เธอไม่แสดงพฤติกรรมกระสับกระส่ายแต่อย่างใด


       ฮองเฮาก็ทำตัวโง่เขลา นางขอให้มามาส่งกรรไกรมาให้นางและต่อหน้าหลิน ชูจิ่ว ฮองเฮาก็ตัดใบของดอกโบตั๋นสีม่วงออกทันที “ ไม่ว่าดอกไม้นี้จะมีราคาแพงแค่ไหนก็ยังมีใบไม้หรือลำต้นที่มีผลต่อความงามของมัน ดังนั้นในครั้งนี้เราไม่ควรพลาดที่จะตัดมันออก”


       ฮองเฮาตัดกิ่งไม้และใบไม้เพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงส่งกรรไกรไปที่หลิน ชูจิ่ว “ชูจิ่ว เจ้าต้องการลองหรือไม่?”


“ไม่ดีกว่าเพคะ” หลิน ชูจิ่ว ปฏิเสธขึ้นโดยสุภาพ แต่สำหรับสิ่งที่ฮองเอาอาจจะคิด หลิน ชูจิ่วก็ไม่สามารถควบคุมมันได้


       ฮองเฮาตอบขึ้นอย่างไม่ลังเล“ มีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน”


       ฮองเฮายังคงตัดแต่งดอกโบตั๋นต่อไป “ถ้าเจ้าต้องการให้กระถางดอกไม้นี้มีรูปร่างที่เจ้าต้องการ เจ้าก็ต้องมีความอดทนพอที่จะตัดแต่งมันได้ เปิ่นกงมีความอดทนมายาวนาน แต่……เมื่อต้นไม้กระถางนี้มีรูปร่างที่ไม่ดี  เปิ่นกงก็จะไม่รู้สึกเป็นทุกข์เมื่อต้องทิ้งมัน”


       ฮองเฮาตัดกิ่งไม้ขนาดใหญ่ออก เมื่อได้ยินเสียง “งับ” ดอกไม้สีม่วงก็หล่นที่เท้าของหลิน ชูจิ่ว กลีบดอกไม้แตกออกจากกันทันที


       หลิน ชูจิ่วไม่ได้ขยับ เธอแค่มองดูดอกไม้บนพื้นดินอย่างใจเย็น ในขณะที่หัวเราะขึ้นอย่างเงียบ ๆ … …


“อา ดูเหมือนเปิ่นกงคงจะชราขึ้นแล้ว ดวงตาของเปิ่นกงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน” ฮองเฮาวางกรรไกรลงไปอย่างสงบและยื่นมือออกไปหยิบกิ่งที่ถูกตัดออก กิ่งไม้ไม่ได้ร่วงหล่นไปบนพื้นดินแต่มันก็ถูกโยนทิ้งไปโดยไม่สนใจ ก่อนจะพูดขึ้น “น่าเสียดายที่กระถางดอกไม้นี้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป”


       ฮองเฮาหันกลับไปและทำความสะอาดฝุ่นที่มือของนาง


       การแสดงออกทางสีหน้าของหลิน ชูจิ่ว ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอไม่จางหายไปไหน


       ฮองเฮาไม่ได้แสดงท่าทางสนใจอะไร นางยิ้มแล้วพูดขึ้น “ชูจิ่ว เจ้าเบื่อหรือไม่? เจ้ารู้หรือไม่……ว่ามีเด็กสาวมากมายที่ต้องการใช้เวลาอยู่กับเปิ่นกง”


“มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้อยู่กับฮองเอาเพคะ” หลิน ชูจิ่วพูดขึ้นอย่างจริงใจ


“เด็กน้อย เจ้าเป็นคนฉลาดจริงๆ ”ฮองเฮามีการแสดงออกด้วยความรักเป็นอย่างมาก แต่หลิน ชูจิ่วกลับมีเหงื่อออกที่หน้าผากของเธอ “เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว เปิ่นกงจะไม่ชะลอการจากไปของเจ้าอีก ใครก็ได้ส่งเสี่ยวหวางเฟยออกนอกวัง”


       หลังจากที่ทุกอย่างได้รับการพูดแล้ว ถ้าหลิน ชูจิ่ว ยังไม่เข้าใจมัน เช่นนั้น……

 

 

 


ตอนที่ 239.1

 

หลิน ชูจิ่ว สงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ เธอดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของฮองเฮา อย่างไรก็ตามมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าหลังของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ


       คำพูดของฮองเฮาเยือกเย็นและเต็มไปเจตนาที่มุ่งร้าย


       เมื่อรถม้าออกมาจากประตูวัง หลิน ชูจิ่วก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำให้ใจเธอสงบลง“พระสนมโจวพูดถูก ข้าควรจะหลีกเลี่ยงวังหลวงให้มากที่สุด “


       ถ้าเธอเชื่อไม่ฟังระบบการแพทย์และเข้าไปในวัง เธออาจจะไม่ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้เช่นนี้


       ในทางกลับมีเพียงหลิน ชูจิ่วเท่านั้นที่อยู่ในรถม้า แต่เธอก็ไม่ต้องการนอน เธอเอาแต่คิดถึงคำพูดของฮองเฮา


       หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าในที่สุดฮองเฮาก็เลิกปฏิบัติต่อเธอเหมือนคนของนาง ในความคิดของฮองเอาในตอนนี้ เธอได้ทรยศต่อนางเมื่อเธอได้รักษาโรคขององค์ชายสาม ความไม่พอใจของฮองเอาจึงเป็นเรื่องปกติ แต่……


       คำเตือนของฮองเฮาในวันนี้เฉียดคมเกินไปและตรงไปตรงมา มันไม่เหมือนสไตล์ปกติของนาง และมันจะนำอะไรที่ดีมาสู่ฮองเฮา นอกเหนือจากการแสดงความไม่พอใจของนางต่อหน้าเธอ?


       ในทำนองเดียวกันมามาชราในเรือนดอกไม้ก็ถามฮองเฮาขึ้น “เหนียงเหนียง มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะแสดงความรังเกียจต่อเสี่ยวหวางเฟยเพคะ”


“เปิ่นกง ไม่ต้องการผลประโยชน์ ด้วยความกดดันจากการเอาชีวิตรอดนี้เสี่ยวหวางเฟยจะพยายามทำตัวให้แข็งแกร่งและแข็งแกร่งขึ้น เปิ่นกงจะรอให้นางเติบโตมากขึ้นกว่านี้” ตอนนี้ขาของเสี่ยวหวางเย่ เป็นปกติแล้ว หลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถออกจากเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย แม้ว่านางจะนำคนเหล่านั้นไปที่ประตูของนาง มันก็ยังจะเป็นเรื่องยากมาก


       ตอนนี้ หลิน ชูจิ่วฉลาดพอ นางยังได้ผลักนางให้อยู่ในตำแหน่งที่ส่องประกายตาที่สุด คนเหล่านั้นจะมาหานางอย่างแน่นอน


“เพื่อประโยชน์ของลูกน้อยของข้า เปิ่นกงจะมีชีวิตอยู่อย่างดี” นิ้วของฮองเฮาขยับเบา ๆ แต่ดอกโบตั๋นสีม่วงอีกดอกก็ตกลงไปบนพื้นทันที……


       เมื่อหลิน ชูจิ่วกลับมาถึงตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เสี่ยวเทียนเหยา ยังไม่กลับมา แต่สำหรับที่อยู่ของเขา?


       พ่อบ้านเฮ้าก็ไม่ได้พูดถึงมัน เพราะเธอไม่ได้ถาม หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าเธอไม่ใช่เจ้านายของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะถามเกี่ยวกับกิจกรรมของเสี่ยวเทียนเหยา  


       หลิน ชูจิ่วกลับไปที่ห้องของเธอและยังนึกถึงคำพูดของฮองเฮา เธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงคิดเรื่องนี้อยู่ ทำไมฮองเฮาจึงเลือกวิธีที่น่ารังเกียจเพื่อที่จะเตือนเธอ


       หลิน ชูจิ่ว มีความกังวลอยู่ในใจของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ถามเกี่ยวกับเสี่ยวเทียนเหยา จนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นและไม่พบร่องรอยของเสี่ยวเทียนเหยา นอนอยู่ข้างๆ เธอ หลิน ชูจิ่ว ถึงถามขึ้นอย่างสงสัย“ หวางเย่ไม่ได้กลับมาเมื่อคืนนี้หรือ?”


       เมื่อฉิวฉี ได้ยินคำถามของหลิน ชูจิ่ว เกี่ยวกับหวางเย่ ของพวกเขาดวงตาของนางก็เปล่งประกายสดใสและพูดขึ้น “เรียนหวางเฟย หวางเย่ไม่ได้กลับมาเมื่อคืนนี้ แต่คุณชายซูฉามาที่นี่เมื่อคืนนี้และบอกว่าหวางเย่มีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำ หวางเฟย ไม่ควรกังวลเพราะหวางเย่ จะกลับมาในวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”


“ ……” เธอกังวลเรื่องของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?


       หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้อธิบายตัวเอง การอธิบายนั้นไร้ประโยชน์อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงปล่อยให้พวกเขาเข้าใจผิดเธอแทน


       เนื่องจากเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้อยู่ในตำหนัก หลิน ชูจิ่วจึงค่อนข้างมีอิสระ เสี่ยวเทียนเหยาได้บอกกับคนอื่นก่อนแล้วว่าเธอมีอิสระที่จะออกจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ได้ ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงไม่ได้สนใจอะไร เธอตามหาพ่อบ้านเฮ้าและบอกเขาว่าเธอต้องการที่จะออกไปเดินเล่น


“หวางเฟย …” การแสดงออกทางสีหน้าของพ่อบ้านเฮ้า ยากมากที่จะบอกได้


       หวางเย่ของพวกเขาไม่ได้อยู่ในตำหนัก ดังนั้นทำไมหวางเฟย ถึงเลือกที่จะออกไปเดินเล่นในตอนนี้? หวางเฟยของพวกเขาต้องการเห็นเขาถูกตำหนิโดยหวางเย่อย่างนั้นหรือ?


“อะไรหรือ? หรือข้าไม่สามารถไปได้ “หลิน ชูจิ่ว ถามขึ้น เสียงของเธอไม่ดังมาก แต่พ่อบ้านเฮ้าก็รู้สึกไม่สบายใจ เขามักจะรู้สึกว่าถ้าเขาปฏิเสธคำขอของ หลิน ชูจิ่ว เขาจะโชคร้าย


       ไม่ใช่…… หวางเย่ จะโชคร้าย!


       พ่อบ้านเฮ้า ไม่ต้องการให้นางไป แต่เขาก็ยังพูดขึ้น“หวางเฟย ท่านสามารถไปได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่……”


“อะไร?” ตราบใดที่เธอได้ออกไปข้างนอก เธอก็สามารถประนีประนอมได้


       หากเธอไม่สามารถกินมันได้ทั้งหมดได้ในครั้งเดียว เธอก็สามารถกินได้ช้าๆ แล้ววันหนึ่งเธอก็จะมีอิสระอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม