Princess Medical Doctor 201-211.2

 201

หลิน ชูจิ่ว ต้องการหลีกเลี่ยงเสี่ยวเทียนเหยา แต่ …


       เสี่ยวเทียนเหยา ต้องการมองไปที่นางจนกว่านางจะตาย ไม่อย่างนั้นนางจะไม่สามารถหนีไปจากเขาได้


       หลิน ชูจิ่ว อยู่กับแม่นางโม่ตลอดทั้งคืน เสี่ยวเทียนเหยาเองก็อยู่กับเธอทั้งคืน เขาไม่ได้ออกไปจากห้องเช่นเดียวกับหลิน ชูจิ่ว


       ในใจหลิน ชูจิ่ว รู้สึกโกรธ แต่เธอไม่สามารถบ่นได้ ทำไมนะหรือ? เพราะเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้พูดและเพียงแค่นั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ เขาทำให้มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่จะบ่นให้เขา


       หลิน ชูจิ่ว อยากจะอดทนต่อการมีเพื่อนอย่างเสี่ยวเทียนเหยาอยู่ แต่… …


       หลังจากทั้งคืนที่ไม่ได้หลับนอน เธอก็ไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป นอกจากนี้ช่วงบ่ายที่ผ่านมาเธอก็ยังยุ่งตลอดเวลา และเธอต้องมาดูแลผู้ป่วยตลอดทั้งคืน เธอง่วงมากจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงเธอต้องติดตามสภาพของผู้ป่วย ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะทำเช่นนี้ต่อไป


       ในตอนเช้าโม่ ชิงเฟิง มาเปลียนกับหลิน ชูจิ่ว ในการดูแลพี่สาวคนโตของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้เห็นเสี่ยวเทียนเหยา อยู่ภายในห้อง เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางแปลกใจ เมื่อตอนที่เขาออกมาจากห้องเมื่อคืนนี้ เสี่ยวเทียนเหยาก็มาอยู่ข้างนอกห้องแล้ว เขายังช่วยเปิดประตูให้เขาด้วยซ้ำ


       หลังจากที่โม่ ชิงเฟิงทักทายคนทั้งสองคนแล้ว เขาก็อ่านบันทึกย่อของหลิน ชูจิ่ว อย่างรีบร้อนและขอให้พวกเขาไปพักผ่อนก่อน


       เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก เสี่ยวหวางเย่เทพเจ้าแห่งสงครามและเสี่ยวหวางเฟยมาคอยดูแลพี่สาวคนโตของเขาอย่างดี แม้ว่าเขาจะขายทั้งตระกูลของเขา เขาก็ไม่สามารถทดแทนพระคุณนี้ได้


“ท่านชนะ” หลิน ชูจิ่วเข้าไปใกล้เสี่ยวเทียนเหยาแล้วพูดขึ้น


       เสี่ยวเทียนเหยาอยู่กับเธอตลอดทั้งคืน แต่ใบหน้าของเขายังดูสดใสมาก เขาไม่ได้ดูเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย “เจ้าไม่ได้พ่ายแพ้”


“มันไม่สำคัญหรอก ไปพักผ่อนกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว “หลิน ชูจิ่วหาวขึ้นทันที ในขณะที่เธอผลักเสี่ยวเทียนเหยา เข้าไปห้องโถง


       เธอต้องการกิน อาบน้ำและนอน


       หลังจากรับประทานอาหารเช้าโดยไม่คำนึงถึงการดำรงอยู่ของเสี่ยวเทียนเหยาเสร็จแล้ว หลิน ชูจิ่วก็ออกไปเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารและเดินตรงไปที่ห้องอาบน้ำ


       หลิน ชูจิ่วประสบความสำเร็จในคืนที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถหลบหนีการนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเขาได้อีก


       เมื่อมองเห็นสิ่งของสีแดงทั้งหมดภายในห้อง หลิน ชูจิ่ว ก็ช่วยไม่ได้ที่จะ รู้สึกหงุดหงิด หลิน ชูจิ่วไม่ได้รอให้เสี่ยวเทียนเหยาเข้ามาก่อน เธอรีบถอดเสื้อนอกออกและปีนขึ้นไปบนเตียง จากนั้นเธอก็ขดตัวเองอยู่ในมุมด้านในสุด ถ้าคนไม่ได้มองใกล้ ๆ จะไม่มีใครเห็นเธอ


       หลิน ชูจิ่ว เหนื่อยมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเข้านอน เธอยังคงคิดว่าทำไมเสี่ยวเทียนเหยาถึงมาแบบผิดปกติเช่นนี้ แต่ผลก็คือ เธอหลับไปก่อนที่เธอหาคำตอบได้ ดังนั้นเมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามา หลิน ชูจิ่วก็กำลังนอนหลับอยู่เหมือนหมูที่ตายไปแล้ว


“แล้วเป็นอย่างไร เปิ่นหวางคิดว่าเจ้าจะนอนไม่หลับ” ภายในห้องนอนเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ทำตัวเหมือนคนง่อย เขาเดินตรงไปที่เตียงและนั่งลงทางด้านข้าง


       แต่… …


หลังจากวัดระยะห่างระหว่างแขนที่เหยียดออกไปและหลิน ชูจิ่ว เสี่ยวเทียนเหยา ก็รู้สึกว่าเตียงใหญ่เกินไป เขานั่งอยู่บนเตียง แต่เขายังไม่สามารถเข้าถึงตัวนางได้!


       แขนของเขาสั้นลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่?


       เตียงนอนในห้องนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง


       แต่แน่นอนว่าเตียงของเขาในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน การมีเตียงขนาดใหญ่ไม่สะดวกเกินไป


       แล้วก็เป็นเช่นนั้น… …


       เสี่ยวเทียนเหยา คนที่ไม่ได้วางแผนที่จะนอนหลับและผู้ที่ล้มเหลวในการสัมผัสชายาที่หลับอยู่ ก็ตัดสินใจที่จะถอดรองเท้าของเขาออกและเดินขึ้นไปบนที่นอน จากนั้นเขาก็นอนลงไปตรงกลางเตียง


       เสี่ยวเทียนเหยาต้องการให้หลิน ชูจิ่วมาหลับอยู่บนแขนของเขา แต่หลังจากพิจารณาจากนิสัยการนอนหลับของนาง ความเป็นไปได้ที่มันอาจจะทำให้นางตื่นขึ้นมาและนางก็อาจเลือกที่จะนอนบนพื้นมากกว่านอนบนบทเตียงเดียวกันกับเขา เสี่ยวเทียนเหยาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการนอนหลับไป อย่างไรก็ตามความตั้งใจของเขาที่จะสัมผัสนางก็ไม่ได้ลดลง ดังนั้นเขาจึงเอามือของวางไปที่เอวของหลิน ชูจิ่ว … เบา ๆ


       พวกเขามีเวลาอีกมาก พวกเขาสามารถทำสิ่งนี้ไปได้อย่างช้าๆ


       ดังนั้น เสี่ยวเทียนเหยาจึงบอกกับตัวเองว่าไม่ต้องกังวล!

 

 

 


ตอนที่ 201.2

 

หลังจากได้ทำในสิ่งที่เขาควรทำแล้ว เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ได้นอนหลับไปนานนัก หลังจากชั่วยาม เขาก็ตื่น แต่หลิน ชูจิ่ว ยังคงหลับอยู่


“นอนหลับให้สบาย ” หลังจากที่เขาพูดอย่างนุ่มนวลขึ้น เขาก็จูบลงไปบนเส้นผมของหลิน ชูจิ่ว เสี่ยวเทียนเหยา ลุกขึ้นและจากไปหลังจากนั้น


       เสี่ยวเทียนเหยา ดูเหมือนจะขยับบ่อยมาก แต่มันกลับดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย … .


       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา ได้เรียนรู้ถึงตัวตนของโม่ ชิงเฟิง เขาก็คาดเดาได้ว่าฮ่องเต้คงจะคิดว่านี่เป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดกันของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ฮ่องเต้ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่จวนจื่อหนึ่งคืน


       และตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการดูผลลัพธ์


“บอกให้โม่ ชิงเฟิงมาพบเปิ่นหวาง” เสี่ยวเทียนเหยา เดินตรงไปและใช้ห้องอักษรของหลิน ชูจิ่ว


       โม่ ชิงเฟิงไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวเทียนเหยา ถึงต้องการพบเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กังวลเรื่องของพี่สาวคนโตของเขาอีกแล้ว เขาจึงไปพบเขา


       “เสี่ยวหวางเย่”โม่ ชิงเฟิงให้ความเคารพต่อเสี่ยวเทียนเหยาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเพราะเขาเป็นหวางเย่ของแคว้นนี้เท่านั้น แต่ยังเพราะความแข็งแกร่งของเขาอีกด้วย แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนรถเข็นก็ตาม แต่เขาก็สามารถรับรู้ถึงพลังของเสี่ยวเทียนเหยาได้


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ต้องการเสียเวลากับโม่ ชิงเฟิง ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “คุณชายโม่ เจ้าควรจะรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับความหมายของคนการที่คนของดินแดนทางเหนือมาอยู่ในแคว้นตะวันออก ข่าวนี้จะถูกรู้โดยฮ่องเต้ “


       หลังจากที่เขาพูดคำเหล่านั้นจบ เสี่ยวเทียนเหยาก็หยุดไปชั่วคราว แต่หลังจากที่เห็นโม่ ชิงเฟิงไม่ได้อยู่ในภาวะตื่นตระหนก เขาก็พูดขึ้นต่อ “เจ้ามีทางเลือกให้เลือกสองทางเท่านั้น หนึ่งคือการปล่อยให้ตระกูลโม่ร่วมมือกับเปิ่นหวาง และอีกหนึ่งคือ … … “


       เสี่ยวเทียนเหยา ยังพูดไม่จบคำพูดของเขาและเพียงแค่มองไปที่โม่ ชิงเฟิง เท่านั้น แต่เขาแน่ใจว่าโม่ ชิงเฟิงไม่ต้องการเลือกเส้นทางแรกและเขาก็ถามขึ้น “และอีกหนึ่งคือ?”


“อีกหนึ่งนั้นง่ายมาก … … ” เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นในขณะที่เขาส่งเสียงเยาะเย้ยขึ้น ไม่มีร่องรอยของอารมณ์ใดๆ ปรารกฏอยู่ในดวงตาของเขา “ไปจากที่นี่พร้อมกับพี่สาวของเจ้า ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ”


“เราต้องทำเช่นนั้นจริงๆหรือ? เราไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของอำนาจใด ๆ พี่สาวของข้าเพียงแค่ต้องการความช่วยเหลือจาหมอเท่านั้น “โม่ ชิงเฟิง กำลังดิ้นรน หัวใจของเขาดูเหมือนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ


       ด้วยสภาพของพี่สาวคนโตของเขาในขณะนี้ จะมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะรอนางอยู่


“มันสายเกินไปแล้วสำหรับเรื่องนั้น เจ้าควรจะออกไปในทันทีเมื่อเจ้าได้เรียนรู้ถึงตัวตนของเปิ่นหวาง ฮ่องเต้จะถือว่าเจ้าเป็นคนของเปิ่นหวางไปแล้ว แน่นอนเปิ่นหวางจะไม่บังคับเจ้า ตระกูลโม่สามารถหลีกเลี่ยงการร่วมมือได้ แต่ … … เมื่อฮ่องเต้หาทางกำจัดเจ้า อย่าคิดให้เปิ่นหวางช่วยเจ้า “เขาไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ กับตระกูลโม่จากดินแดนทางเหนือ ดังนั้นทำไมเขาต้องช่วยพวกเขาและรับผลที่จะตามมาใช่ไหม?


       ไม่มีสิ่งที่ง่ายอยู่ภายใต้สวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้


“ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้” เรื่องนี้มีอิทธิพลอย่างมาก โม่ ชิงเฟิง ไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างผลีผลาม


“เปิ่นหวางบอกว่าจะไม่บังคับเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย แต่แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ที่นั่น แต่ก็รู้สึกว่าเขาสามารถมองเห็นโลกได้อย่างถูกต้อง


       โม่ ชิงเฟิง เพิ่งจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนที่จะได้ยินเสียงของเสี่ยวเทียวเหยาดังขึ้นอีกครั้งในครู่ต่อมา “แต่เมื่อตระกูลโม่ กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เจ้าจะไม่ได้เห็นความร่วมมือจากเปิ่นหวาง”


       กล่าวได้ว่าเมื่อตระกูลโม่ถูกทำลายโดยฮ่องเต้ แม้ว่าเขาจะขายตระกูลโม่ ของเขาทั้งหมดให้กับเขา เสี่ยวเทียนเหยาก็จะไม่ร่วมมือกับเขา


       ประโยคนี้ดูโหดร้าย แต่มันคือความจริง


       เจ้าไม่สนใจคนอื่น ดังนั้นอย่าหวังว่าคนอื่นจะช่วยเจ้าเมื่อเจ้าเดือดร้อน เจ้าคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนหลิน ชูจิ่วหรือ? ที่จะช่วยผู้ป่วยหนักบนท้องถนนเช่นนั้น?


       โม่ ชิงเฟิง เข้าใจดีถึงความหมายของคำพูดของเสี่ยวเทียนเหยา แต่เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าถูกข่มขู่ เขาหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้น “ข้าเข้าใจ โปรดให้เวลาข้าอีกสามวัน “


“เพื่อประโยชน์ของหวางเฟย เปิ่นหวาง สามารถให้เวลาเจ้าได้อีกสามวัน” เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นและบอกให้โม่ ชิงเฟิงออกไปได้


       โม่ ชิงเฟิงยืนอยู่นอกห้องอักษร จากนั้นเขาก็มองไปที่ห้องอักษรและมองไปที่ทิศทางของห้องคลอดและถอนหายใจออกมาอย่างหนักๆ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าการที่เสี่ยวหวางเฟยช่วยพี่สาวคนโตของเขาเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีสำหรับตระกูลโม่ของพวกเขา

 

 

 


ตอนที่ 202.1

 

คำตอบที่ว่าการที่หลิน ชูจิ่วได้ช่วยเหลือคุณหนูใหญ่ของตระกูลโม่เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีนั้น ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ … …

       การติดต่อระหว่างตระกูลโม่และเสี่ยวเทียนเหยา เป็นเรื่องที่ไม่ดีสำหรับฮ่องเต้ เมื่อฮ่องเต้ได้รับข่าวว่าตระกูลโม่อาศัยอยู่ที่จวนจื่อกับหลิน ชูจิ่ว เขาก็เขียนจดหมายถึงฮ่องเต้ของดินแดนทางเหนือทันทีและประณามพฤติกรรมของตระกูลโม่ต่อเขา


       แม้ว่าการกระทำนี้จะไม่มีผลกระทบที่ใหญ่อะไรและฮ่องเต้ของดินแดนทางเหนือจะไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการปล่อยให้การพบปะแบบลับๆนี้ดำเนินต่อไปและบรรลุเป้าหมาย


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่รู้ว่าฮ่องเต้กำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาแทบจะสามารถเดาได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขามีความมุ่งมั่นที่จะขอยืมเมล็ดข้าวจากตระกูลโม่จากดินแดนทางเหนือ อย่างไรก็ตาม ทำไมเขาต้องใส่ความไม่พอใจของฮ่องเต้ไว้ในสายตาของเขา ใช่ไหม?


       เนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวกับตระกูลโม่ ซูฉาและหลิวไป๋ ตอนนี้ไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เสี่ยวเทียนเหยาออกเดินทางไปที่จวนจื่อแม้แต่น้อย


“เราทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งธัญพืชเพียงเล็กน้อย แต่หวางเย่ เพิ่งจะออกไปนอกเมืองหลวงและได้พบกับตระกูลโม่ซึ่งมีกิจการเกี่ยวกับธัญพืชขนาดใหญ่ นี่เป็นเรื่องที่น่าอิจฉาอย่างมาก “หลังจากคำนวณสถิติอาหารที่เป็นไปได้ ซูฉา ก็ช่วยไม่ได้ที่อยากจะหลั่งน้ำตา


       มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดา พวกเขาต้องอดนอนตลอดทั้งคืน


“ไม่ใช่หวางเย่แต่เป็นหวางเฟย” หลิวไป๋ รู้สึกว่ามันถูกต้องที่จะแก้ไขคำพูดของซูฉา”กระกูลโม่ เดินทางไปที่จวนจื่อ เนื่องจากหวางเฟย ถ้าพวกเขารู้ว่าหวางเย่อยู่ที่นั่น พวกเขาจะไม่ไปที่นั่นเด็ดขาด”


“ไม่ว่าจะเป็นหวางเย่หรือหวางเฟย ก็ยังเหมือนเดิม พวกเขาเป็นคนในครอบครัว ตอนนี้เนื่องจากตระกูลโม่ เราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหาร เราเพียงแค่ต้องเพิ่มจำนวนลงไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้เพียงพอต่อทหารจำนวน 300,000 คนของเรา “ซูฉาเหยียดแขนออกไปและพูดขึ้น” ปัญหาเกี่ยวกับอาหารได้รับการแก้ไขแล้ว ข้าจะหยุดพักก่อน สำหรับอาวุธข้าจะคิดหาวิธีการ ‘ยืม’ มันจากคลังอาวุธของกองทัพเอง ”


       สิ่งที่เรียกว่า “ยืม” โดยธรรมชาติหมายถึงการปล้นสะดม


       หลิวไป๋ พยักหน้าและแต่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเพียงแค่เตือนให้เขาส่งหมออู๋และลูกศิษย์ของเขาไปที่จวนจื่อ  


       ในตอนแรกหมออู๋ควรจะเดินทางไปที่จวนจื่อพร้อมกับเสี่ยวเทียนเหยา แต่เนื่องจากมีทหารคนหนึ่งที่มีแผลไฟลวกอยู่ หมออู๋จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ต่อและตามไปในวันถัดไป


“มั่นใจได้ พ่อบ้านเฮ้า เตรียมทุกอย่างแล้ว พวกเขาจะไปถึงช่วงเย็นนี้ “ซูฉาเหนื่อยมากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงเดินตรงไปที่ห้องถัดไปและหลับไปบนเตียงทันที


       หลิน ชูจิ่ว ที่เหนื่อยมากจึงนอนหลับเป็นเวลานานและเพิ่งตื่นขึ้นมาเกือบจะเป็นช่วงเย็น


       เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอก็ค้นพบว่าเธออยู่ตามลำพังบนเตียง ดังนั้นเธอจึงช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เธอไม่อยากตื่นขึ้นมาเห็นหน้าตาอันน่ารังเกียจของเสี่ยวเทียนเหยา  


       อย่างไรก็ตาม มีร่องรอยอยู่ตรงกลางของเตียงและเส้นผมยาว ๆ บนหมอน ซึ่งหมายความว่าเสี่ยวเทียนเหยาได้นอนอยู่ข้างๆเธอ


       นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ดังนั้นแม้ว่าหลิน ชูจิ่ว จะรู้สึกอึดอัด เธอก็ไม่มีเวลาที่ยากลำบากที่จะยอมรับมันได้ ถ้าเสี่ยวเทียนเหยาจะทำตัวดีเช่นนี้หลังจากนี้ เธอก็ไม่ว่าอะไรที่จะแบ่งเตียงกับเขา ไม่ว่าจะอย่างไรเตียงก็มีขนาดใหญ่พอสำหรับพวกเขาทั้งสอง


       หลังจากยืดเส้นยืดสาย หลิน ชูจิ่ว ก็กระโดดออกไปจากเตียงด้วยเท้าเปล่าราวกับแมว จากนั้นเธอก็เทน้ำให้ตัวเอง


       ทันทีที่ซุยฉีและฉิวฉี เข้ามาหลิน ชูจิ่วก็ถามขึ้น “ซูเหม่ยและซิวฮุ่ย อยู่ที่ไหน?” อย่าบอกเธอนะว่าพวกนางยังคงยุ่งอยู่และวันนี้ก็ยังไม่สามารถมามาได้อีก?


“หวางเฟย เมื่อพวกนางกลับมา พวกนางก็บังเอิญพบกับหวางเย่ หวางเย่… … ตำหนิพวกนางและส่งพวกนางกลับไปแล้วเจ้าค่ะ “ซุยฉีตอบขึ้นอย่างขมขื่น


       เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่อยากให้เธอมีสาวใช้ส่วนตัวเป็นของตัวเอง และในฐานะหวางเย่ เขามีวิธีการมากมายที่จะส่งสาวใช้ตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นออกไป


       หวางเย่ … ท่านช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ!

 

 

 


ตอนที่ 202.2

 

อารมณ์ที่ดีของหลิน ชูจิ่ว หายไปทันที เธอพูดขึ้นอย่างโกรธๆ”ลืมมันไปเสีย ส่งของเหล่านี้กลับไปที่บ้านของพวกนาง มันเป็นสินสอดทองหมั้นที่ข้าเตรียมไว้สำหรับพวกนาง “เสี่ยวเทียนเหยา ไม่มีความเมตตากับเธอ แล้วจะไปนับอะไรกับสาวใช้ตัวเล็กๆ เช่นนั้น


       ซุยฉีและฉิวฉี รู้เป็นธรรมชาติว่าทำไมหลิน ชูจิ่ว ถึงไม่มีความสุข อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ นอกจากนี้หากทั้งสองคนไปแล้ว พวกนางจะกลายเป็นสาวใช้ส่วนตัวของหลิน ชูจิ่ว อีกครั้ง และมันก็เป็นที่ดี


       หลิน ชูจิ่ว ใช้เวลาทั้งวันนอนหลับ ระยะเวลาอันตรายของคุณหนูโม่ก็ได้ผ่านไปแล้ว ดังนั้นเมื่อหลิน ชูจิ่วมาคุณหนูโม่จึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับอุ้มลูกของนางอยู่ ฉากนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุข


       หลิน ชูจิ่ว ไม่เสียใจที่ได้ช่วยเหลือคนทั้งสอง


“เสี่ยวหวางเฟย ท่านมาแล้วหรือ” ทันทีที่โม่ ชิงเฟิงเห็นหลิน ชูจิ่ว เขาก็ยืนขึ้นและทักทายนางทันที


“พี่สาวของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิน ชูจิ่วถามด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่วางมือของเธอไว้ในกระเป๋าเสื้อของเธอ การกระทำของเธอไม่มีการวางท่าและความสง่างามของหวางเฟยอยู่ แต่มันกลับดีต่อสายตาเป็นอย่างมาก


“อืม พี่สาวของข้าตอนนี้ฟื้นแล้วและสามารถกินโจ๊กได้แล้ว” โม่ ชิงเฟิงรู้สึกขอบคุณหลิน ชูจิ่วเป็นอย่างมาก แม้ว่าตระกูลโม่จะเข้ามามีส่วนร่วมในข้อถกเถียงระหว่างฮ่องเต้ตะวันออกกับหวางเย่เสี่ยวเพราะนาง แต่โม่ ชิงเฟิงก็ยังคงรู้สึกขอบคุณนางอยู่ดี


       โม่ ชิงเฟิง รู้ดีว่าหลิน ชูจิ่ว ไม่รู้ถึงตัวตนของพวกเขาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว และแม้กระทั่งเมื่อเขาใช้ตัวตนของเขาเพื่อตอบแทนนาง นางก็ยังปฏิเสธเขา


“หวาง หวางเฟย … … ” ใบหน้าของคุณหนูโม่ ดูซีดและผอมแห้ง ใบหน้าของนางมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับฝ่ามือซึ่งทำให้ดวงตาของนางดูใหญ่ขึ้น


       หลิน ชูจิ่ว พยักหน้าของเธอ เมื่อเธอเห็นคุณหนูโม่กำลังพยายามลุกขึ้นเธอก็ค่อยๆหยุดนาง”ตอนนี้ร่างกายของท่านยังอ่อนแออยู่ มันจะดีที่สุดที่ท่านจะไม่เคลื่อนไหวให้มากเกินไป”


“ขอบคุณ ขอบคุณ” เสียงของคุณหนูโม่ แห้งและอ่อนล้า แต่น้ำตากลับไหลลงมาไม่ขาดสาย นางยังคงจับมือของหลิน ชูจิ่วเอาไว้และไม่ยอมปล่อยมือ


“ด้วยความยินดี ข้าแค่ทำสิ่งที่หมอควรจะต้องทำ บุตรของท่านมีสุขภาพดี แต่ร่างกายของท่านกลับอ่อนแอมาก ท่านต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสามถึงหกเดือน ในช่วงเวลานั้นท่านต้องพักฟื้น “หลิน ชูจิ่ว พูดขึ้นขณะที่ตบหลับมือของคุณหนูโม่


       หลิน ชูจิ่วหันกลับมาและพูดกับโม่ ชิงเฟิงขึ้น “คุณชายโม่ แม้ว่าพี่สาวของท่านจะกำลังฟื้นตัวจากบาดแผลของนาง แต่นางก็ยังต้องนอนอยู่บนเตียง ท่านจำเป็นต้องจัดให้คนมาคอยดูแลนางเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เราจึงจะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเล็กน้อยที่จะตามมาได้ “


“ข้าเข้าใจ” โม่ ชิงเฟิง พยักหน้าซ้ำ ๆ แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่รู้สึกอับอาย”เสี่ยวหวางเฟย ข้าไม่มีสาวใช้อยู่มากับเราด้วย เราสามารถหาคนบางคนในจวนจื่อ เพื่อมาดูแลพี่สาวของข้าได้หรือไม่?”


“ได้แน่นอน และถ้าท่านพบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่สะดวก ท่านสามารถเช่าเรือนที่อยู่ใกล้เคียงได้ ท่านสามารถพาพี่สาวของท่านไปในวันพรุ่งนี้ได้เลย ข้าจะไปเยี่ยมนางวันละครั้ง “เมื่อพวกเขาย้ายออกไป เธอก็ไม่มีอะไรที่จะทำ


       จริงๆแล้วโม่ ชิงเฟิง ต้องการที่จะย้ายออกไปมากและอยู่ให้ห่างจาก เสี่ยวเทียนเหยาเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าเขาย้ายออกไปตอนนี้ เขาจะสามารถซ่อนตัวตนของเขาไว้ได้อย่างไร?


       โม่ ชิงเฟิง มองลงไปด้านล่างเพื่อซ่อนความไม่พอใจที่เขารู้สึกในสายตาของเขาเอาไว้ จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงต่ำขึ้น “เสี่ยวหวางเฟย เราจะอยู่กับท่านที่นี่ได้หรือไม่? ท่านสามารถมั่นใจได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้คนของข้าเข้ามาภายใน ข้าจะนำเพียงไม่กี่คนเข้ามาเพื่อที่จะดูแลพี่สาวของข้าได้เท่านั้น ”


       หลิน ชูจิ่ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ ดังนั้นเธอจึงตอบขึ้น “ตราบเท่าที่ท่านรู้สึกสบายใจ” เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ไล่พวกเขาออกไป เขาได้พบกับโม่ ชิงเฟิงเป็นการส่วนตัวแล้ว ซึ่งหมายความว่าโม่ ชิงเฟิง เป็นคนที่เชื่อถือได้ หาก โม่ ชิงเฟิง ต้องการที่จะอยู่เขาก็สามารถอยู่ได้ นอกจากนี้ตราบใดที่ตระกูลโม่ อยู่รอบ ๆ เธอก็จะได้รับเงินด้วย


“ข้าอยากจะขอบคุณเสี่ยวหวางเฟยอีกครั้ง” โม่ ชิงเฟิง ขอบคุณหลิน ชูจิ่ว อีกครั้ง ลึกๆ เข้าไปข้างในเขาช่วยไม่ได้ที่จะคิด : เสี่ยวหวางเฟยเป็นคนที่ดี นางแต่งงานกับหวางเย่เสี่ยว ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ผู้ซึ่งสามารถกินคนได้ถึงกระดูกของพวกเขาได้อย่างไร?


       รู้สึกเหมือนวางดอกไม้ลงไปในมูลสัตว์ แต่แน่นอนว่ามูลสัตว์คือเสี่ยวเทียนเหยา … ..

 

 

 


ตอนที่ 203.1

 

คุณหนูโม่ได้ผ่านช่วงอันตรายไปแล้ว หลิน ชูจิ่วจึงไม่ต้องคอยเฝ้าดูนางตลอดทั้งคืน หลังจากฉีดยาให้นางแล้ว หลิน ชูจิ่วก็เดินออกไปจากห้อง แต่ก่อนที่จะออกไปเธอก็เตือนโม่ ชิงเฟิง ให้เรียกหาเธอหากมีอะไรเกิดขึ้น


       โม่ ชิงเฟิง อยากให้หลิน ชูจิ่วอยู่ใกล้ๆ กับพี่สาวของเขา แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นความคิดที่ไม่สมควร ไม่ต้องพูดถึงว่าหลิน ชูจิ่วคือหวางเฟย แม้แต่หมอธรรมดาก็ไม่ได้คอยดูแลผู้ป่วยของเขาตลอดเวลา เหตุการณ์เมื่อคืนนี้เป็นข้อยกเว้นและหาได้ยากมากแล้ว


       หลิน ชูจิ่วได้นอนหลับตลอดทั้งวัน ดังนั้นในขณะนี้เธอจึงเต็มไปด้วยพลังงาน เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อจะฆ่าเวลาไปและหลีกเลี่ยงการได้พบกับเสี่ยวเทียนเหยา อย่างไรก็ตามช่วงเวลาต่อมาเธอก็ได้ยินว่ามีใครบางคนรายงานขึ้น”หวางเฟยหมออู๋มาและต้องการขอพบหวางเฟยขอรับ”


       “หมออู๋? ทำไมเขาถึงมาพบข้าถึงที่นี่? “ในเวลานี้หลิน ชูจิ่วไม่เข้าใจว่าทำไมหมออู๋ถึงมาขอพบเธอ


“คารวะเสี่ยวหวางเฟยขอรับ” มีคนอีกหลายสิบคนมาข้างหน้าและทำความเคารพต่อหลิน ชูจิ่ว ในขณะที่เธอปรากกตัวขึ้น


       หมออู๋ไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่มา แต่ยังมีลูกศิษย์ของเขาด้วย ดังนั้นเมื่อหลิน ชูจิ่ว มาถึงห้องโถง เธอก็ถึงกับตกใจกลัวกับคำทักทายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โชคดีที่เธอนึกถึงตัวตนของเธอและยกมือขึ้นเพื่อบอกให้พอ


“ขอบคุณ เสี่ยวหวางเฟย” หลังจากผ่านพิธีการต่างๆ พวกเขาก็ถอยไปด้านข้างและไม่ได้พูดอะไร หมออู๋เดินอย่างจริงจังเข้าไปทักทายหลิน ชูจิ่ว


       หลิน ชูจิ่วที่แทบจะไม่เคยเห็นหมออู๋ที่ดูสุภาพเช่นนี้มาก่อน ไม่ได้ตีไปรอบๆ พุ่มไม้ หลังจากนั่งลงเธอพูดขึ้นทันที “หมออู๋ เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”


       ถ้าคนสุภาพมาก พวกเขาจะต้องมาขอความช่วยเหลือ


       หลังจากได้ยินคำพูดของหลิน ชูจิ่ว หมออู๋ก็ไม่ได้ตีไปรอบๆพุ่มไม้และบอกถึงความตั้งใจของเขาขึ้นทันที “หวางเฟย ข้ามาที่นี่เพื่อบางอย่าง”


       แน่ใจว่าเจ้าต้องมี… …


       หลิน ชูจิ่ว ยิ้มและถามอย่างใจเย็นขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? บอกข้ามา”


       หมออู๋คุกเข่าลงไปทันที “หวางเฟย… … ”


       หลิน ชูจิ่ว ตกใจและรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที”หมออู๋ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ลุกขึ้น “สถานการณ์คงจะยากสำหรับเขาถึงทำให้เขาต้องทำแบบนี้


       อย่างไรก็ตาม หมออู๋ปฏิเสธที่จะยืนขึ้นและยืนกรานที่จะคุกเข่าลงไปบนพื้น หลิน ชูจิ่วยังไม่ได้กินอะไร ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถดึงเขาขึ้นมาได้

“หวางเฟย … … ” หมออู๋ได้เปิดปากของเขาขึ้นอีกครั้ง แต่เขาถูกขัดจังหวะโดยหลิน ชูจิ่วเสียก่อน “อย่าพูดอะไร ถ้าเจ้าไม่ลุกขึ้น ข้าจะไม่สัญญาว่าจะช่วยเจ้า เจ้าคิดว่าการคุกเข่าลงไปต่อหน้าข้าจะทำให้ข้ารู้สึกว่ายากที่จะปฏิเสธหรือ? ”


       หมออู๋สั่นศีรษะและพูดขึ้นด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “หวางเฟย มั่นใจได้ ข้าไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้นและทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องยากสำหรับท่าน ที่ข้าคุกเข่าลงไปคือการขอให้หวางเฟย ให้โอกาสคนเหล่านั้นได้มีชีวิตอยู่ต่อไป “


       คำพูดที่สุภาพและเคร่งขรึมของหมออู๋เป็นเรื่องยากที่จะได้ยิน ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกงงงวยเล็กน้อย


“เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร? แค่เพียงพูดออกมาตรงๆ “การทำแบบนั้นทำให้หลิน ชูจิ่ว สับสน


“ข้าหวังว่าหวางเฟยจะฝึกคนเหล่านี้ให้จัดการกับบาดแผลที่เกิดจากมีดหรือดาบในเวลาที่เร็วที่สุด” หมออู๋พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่กลายเป็นสีแดง


       ขอให้คนอื่นสอนลูกศิษย์ของตัวเองมันช่างน่าอาย……อย่างแท้จริง


“แค่นั้น?” หลิน ชูจิ่ว ไม่เชื่อว่ามีแค่นั้น หมออู๋สามารถสอนทักษะดังกล่าวได้ด้วยตัวเอง ทักษะทางการแพทย์ของเขามีความชำนาญเกี่ยวกับบาดแผลต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ มันจะไปยากอะไรที่จะสอนลูกศิษย์เหล่านี้ของเขา?


“และ … … ” หมออู๋รู้สึกอับอายที่จะพูด เขาแอบรู้สึกผิดกับคำขอที่หลอกลวงของหวางเย่ เขาเพียงแค่ผลักดันสิ่งเหล่านี้มาให้เขาเท่านั้น


“อะไรอีก? ไม่จำเป็นต้องลังเล เพียงแค่บอกมา” ทำไมถึงพูดถึงมันทีละเล็กทีละน้อย เมื่อเจ้ากำลังเจรจาต่อรองไม่ใช่หรือ?

 

 

 


ตอนที่ 203.2

 

“ขอรับๆๆ” หมออู๋ผู้ซึ่งรู้สึกไม่สบายใจที่ได้เห็นหลิน ชูจิ่วเป็นแบบนี้ แล้วในทันทีเขาก็ได้กล่าวถึงคำขอที่สำคัญที่สุดของเขาขึ้น”ข้าหวังว่าหวางเฟย จะจัดเตรียมชุดยาสำหรับบาดแผลให้กับทหารในแนวหน้า ”


“กี่ชุด?” ตัวเลขดังกล่าวควรจะเป็นตัวเลขทั่วไป หมออู๋กำลังพยายามผลักเธอลงไปในบ่อหรือ?


“อย่างน้อย 50,000 ชุดสำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บ” ทันทีที่หมออู๋ระบุตัวเลขเขาก็รีบลดศีรษะลงไปทันที


“อะไรนะ? เจ้าต้องการให้ข้าเตรียมยารักษาบาดแผลถึง 50,000ชุด? เจ้าล้อเล่นใช่ไหม “หลิน ชูจิ่วหัวเราะขึ้นเบา ๆ สองครั้ง แต่เธอไม่สามารถหัวเราะได้อีก


       เธอจะโง่จริงๆ ถ้าเธอไม่สามารถเดาได้ว่าใครสั่งหมออู๋ให้ทำเช่นนี้


       นี่เป็นเรื่องของเสี่ยวเทียนเหยาอย่างชัดเจน แต่เขาไม่ได้มาพูดคุยกับเธอ เขาสั่งหมออู๋ให้มาขอความช่วยเหลือจากเธอ การกระทำนี้ช่าง … … ไร้ยางอายและน่ารังเกียจที่สุด


       หมออู๋รู้ว่าคำขอนี้ไม่มีเหตุผลจริงๆ แต่ … …


       นี่คือคำสั่งของหวางเย่ พวกเขาจะสามารถทำอะไรได้อีก?


“ข้า ข้าหมายถึง พวกเราสามารถช่วยท่านเตรียมมันได้ “หมออู๋พูดขึ้นและสาบานขึ้น “ยิ่งเรามีกำลังคนมากเท่าไหร่ เราก็จะสามารถจัดการกับมันได้ดีขึ้นเท่านั้น หวางเฟย ไม่ว่าท่านต้องการให้พวกเราทำอะไร เราก็จะทำทั้งนั้น”


“เจ้าจะช่วยข้าหรือ?” หลิน ชูจิ่ว กัดฟันพูดคำนี้ออกมา”ช่วยข้า”


       หมออู๋ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครกำลังช่วยใคร?


       หมออู๋ไม่เข้าใจความหมายของหลิน ชูจิ่ว เขาจึงพยักหน้าอย่างจริงใจ “หวางเฟย มั่นใจได้ เราช่วยท่านได้จริงๆ “


“ช่วยข้า? ไร้ยางอาย “หลิน ชูจิ่วไม่ต้องการคุยกับหมอู๋ อีกต่อไป เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเธอและพูดขึ้น “หวางเย่ สั่งให้เจ้าทำเช่นนี้ใช่ไหม? บอกให้เขามาพูดกับข้าโดยตรง ”


       เสี่ยวเทียนเหยา ต้องการให้เธอทำงาน แต่เขาปฏิเสธที่จะน้อมศีรษะอันสูงส่งของเขาลงและขอความช่วยเหลือจากเธอเป็นการส่วนตัว


“หวางเฟย หวางเย่ขอให้ข้าทำเช่นนี้ ถ้าข้าล้มเหลว เขาบอกว่าข้าจะไม่สามารถกลับไปทำงานได้อีก “หมออู๋ รินน้ำชาและมอบให้กับหลิน ชูจิ่ว “หวางเฟย ท่านดื่มน้ำชาก่อนเพื่อลดความโกรธของท่านลง ข้ารู้ว่าท่านไม่ต้องการจัดการกับเรื่องนี้เพราะหวางเย่ แต่ท่านช่วยมองมาที่ข้าและทหาร 300,000 คนไม่ได้หรือ? ”


“ทำไมข้าต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้?” หลิน ชูจิ่วพูดขึ้นโดยไม่ได้มองหน้า หมออู๋


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้แสดงตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่รุนแรงนัก


       “เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหวางเฟยจริงๆ และข้าเองก็ไม่ต้องการขอเช่นนี้ แต่นอกเหนือจากหวางเฟย ข้าก็ไม่สามารถหาคนอื่นที่จะช่วยได้ “หมอ อู๋เห็นว่าหลิน ชูจิ่ว ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ของความสงสาร ดังนั้นเขาจึงเล่นบนน่าสงสารอย่างไร้ยางอายขึ้น “หวางเฟย ท่านไม่รู้หรอกว่าทหาร 300,000 คนเหล่านั้นกำลังอยู่ภายใต้คำสั่งของฮ่องเต้อย่างไร ฮ่องเต้สัญญาว่าจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีเมื่อเขาได้อำนาจของหวางเย่ไป แต่เขากลับส่งพวกเขาทั้งหมดไปทำสงครามทางเหนือ พวกเขาอยู่ในแนวหน้า การกระทำนี้ไม่ใช่แค่การแสวงหาความตายของพวกเขาเท่านั้นหรือ? ”


“ความรับผิดชอบของทหารเหล่านี้คือการปกป้องและคุมครองแคว้นของเรา การปฏิบัติตามคำสั่งเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ ข้าได้ยินมาว่าแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ได้เป็นผู้นำของพวกเขา ข้ารู้ว่าเขาไม่ได้จงใจใช้ทหารของเราเป็นแนวหน้า เขาต้องมีเหตุผลของตัวเอง แต่ก็มักจะต้องมีทหารที่ต้องออกไปอยู่แนวหน้าอยู่แล้ว”


       หลิน ชูจิ่ว รู้บางอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้แถวหน้านี้ แต่แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เสี่ยวเทียนเหยา อนุญาตให้เธอได้เรียนรู้


       หลิน ชูจิ่วรู้ว่าทหารแถวหน้าได้รับบาดเจ็บหนักเป็นจำนวนมาก เธอรู้ว่าสงครามเย็นของยุคโบราณเป็นแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นเช่นนี้เพราะมีปัญหาใหญ่ภายใน เสี่ยวเทียนเหยา ปล่อยให้เธอรู้จำนวนผู้เสียชีวิตเนื่องจากมีบางสิ่งที่ต้องทำ … …


วันนี้มาแค่ตอนนี้อภัยอย่างใหญ่หลวง ผู้แปลยุ่งจริงๆ

 

 

 


ตอนที่ 204.1

 

 หมออู๋ไม่รู้ว่าหลิน ชูจิ่วได้เดาแผนของเสี่ยวเทียนเหยาเอาไว้แล้วเพื่อที่จะชักชวนเธอ หมออู๋ได้อธิบายถึงโศกนาฏกรรมของทหารแถวหน้าขึ้น


“หวางเฟย ท่านไม่รู้หรอกว่าทหาร 300,000 คนเหล่านี้อาศัยอยู่อย่างขมขื่นเมื่ออยู่ในมือของฮ่องเต้อย่างไร แม่ทัพซื้อที่มีชื่อเสียงเป็นคนที่ยุติธรรมและจะไม่จงใจเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง แต่คนที่อยู่เหนือทหารเหล่านั้นจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายและไม่เป็นธรรม พวกเขาเพียงแค่ต้องส่งอาวุธและชุดเกราะที่เลวร้ายที่สุดให้พวกเขาเท่านั้น ”


       เพื่อที่จะทำให้หลิน ชูจิ่ว เข้าใจถึงสถานการณ์ของทหารจำนวน 300,000 คนในสงครามหมออู๋ได้อธิบายถึงสถานการณ์พร้อมกับรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้น “ทหารเหล่านั้นมีดาบอยู่ในมือ แต่ดาบไม่สามารถทะลุผ่านเกราะของศัตรูได้ ไม่สามารถตัดอะไรได้ด้วยซ้ำ หอกในมือของพวกเขาก็หักง่ายมาก ทหารเหล่านั้นจะฆ่าศัตรูของพวกเขาได้อย่างไร?”


“ชุดเกราะที่พวกเขาสวมคือชุดเกราะเก่าจากปีก่อนหน้าของสงคราม ชุดเกราะที่หวางเฟย สร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพวกเขาถูกยึดครองโดยฮ่องเต้และถูกมอบให้กับทหารของเขาเอง ฮ่องเต้ปล่อยให้พวกเขาสวมเกราะเก่าๆและถูกทิ้งร้างมานาน โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูหนาว มิฉะนั้นใครจะรู้ว่าจะมีกี่คนที่จะตายจากโรคหวัด”


       เมื่อหมออู๋พูดคำพูดเหล่านั้น ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดง “หวางเฟยข้ายอมรับว่าข้ามาหาท่านเพราะหวางเย่สั่ง แต่ข้าก็ติดตามมาเพราะข้าอยากจะทำอะไรให้พวกเขาด้วยเช่นกัน ข้าไม่ได้เข้าและออกในค่ายทหารเช่นกับพวกเขา แต่ทหารส่วนมากเหล่านั้นต่างก็เรียกข้าว่าท่านปู่ หลายคนอายุเพียง 16 และ 17 ปีเท่านั้น ข้าถือว่าพวกเขาเหมือนลูกหลานของตัวเองจากก้นบึ้งของหัวใจของข้า ดังนั้นข้าจะไม่เสียใจหากพวกเขาตายเพราะต่อสู้บนสนามรบเพื่อปกป้องแคว้นของเรา ข้าจะรู้สึกภาคภูมิใจกับพวกเขา อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาเสียชีวิตเพียงเพราะขาดชุดเกราะ อาวุธและยาที่เหมาะสม ข้าไม่สามารถยอมรับได้ ”


       หมออู๋ไม่ลังเลที่จะแสดงความเศร้าและความสิ้นหวังของเขา นอกจากนี้เขายังไม่สนใจที่จะเสียหน้าของเขาต่อหน้าลูกศิษย์ของเขาอีกด้วย เขาเพียงแค่นั่งลงไปบนพื้น”หวางเฟย ท่านไม่รู้ว่าฮ่องเต้โหดร้ายแค่ไหน มีคนบอกว่าฮ่องเต้ของเราไม่หิวกระหายในอำนาจ แต่จริงๆแล้วเขาหิวมาก มีทหารจำนวน 500,000 คนในสนามรบ แต่มีเพียงทหาร 200,000 ของเขาที่ได้กินดีอยู่ดีทุกวัน เฉพาะทหารของเขาเท่านั้นที่มีชุดเกราะและอาวุธที่คมที่สุด แต่พวกเขาเพียงแค่อยู่ด้านหลังรอรับเกียรติยศเท่านั้น ”


“ในทางกลับกันทหารของหวางเย่จำนวน 300,000 มีอาวุธและชุดเกราะที่ไร้ประโยชน์ พวกเขายังไม่มีอาหารเพียงพอ พวกเขากินเพียงโจ๊กสามชามทุกมื้อ ด้วยสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยเหล่านี้พวกเขาจะสามารถใช้อาวุธในมือได้อย่างไร? ”


“เมื่อสงครามสิ้นสุดลงทหารจำนวน 200,000 คนของฮ่องเต้จะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หมอหลวงจะรักษาพวกเขาอย่างดีและจัดการกับบาดแผลของพวกเขา สมุนไพรต่างๆ ก็จะถูกใช้อย่างต่อเนื่องโดยพวกเขา แม้ว่าจะไม่มีใครขาหักแขนหักก็ตาม ในขณะที่ทหารของหวางเย่ พวกเขาจะไม่สามารถได้รับยาใดๆ ราวกับว่าถ้าพวกเขารอดพวกเขาก็โชคดีไป แต่ถ้าพวกเขาตายพวกเขาก็สมควรได้รับมัน ”


“หวางเฟย ท่านอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่กองของซากศพที่ถูกฝังอยู่ในหลุมของค่ายทหาร พวกเขาเป็นทหารของหวางเย่ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที พวกเขาไม่ได้รับยาใด ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเสียชีวิต พวกเขาไม่สมควรที่จะตาย … … ”


       เมื่อหมออู๋พูดคำเหล่านั้นเขาก็เริ่มร้องไห้ ลูกศิษย์หลายคนที่อยู่ในด้านข้างต่างก็เริ่มร้องไห้ไปด้วย … …


       หลิน ชูจิ่ว ยอมรับว่าหัวใจเธออ่อนลงเพราะคำพูดของหมออู๋ แต่ … …


       ชุดยาเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บจำนวน 50,000 คน


“เรื่องนี้ให้ข้าลองคิดดูก่อน” ไม่ใช่ว่าหลิน ชูจิ่ว ไม่ต้องการให้หมออู๋ทำหน้าที่ของเขา แต่เธอกลัวสถานการณ์ของตัวเอง ดังนั้นหลังจากพูดคำเหล่านั้นแล้วเธอก็รีบเดินออกไป

 

 

 


ตอนที่ 204.2

 

“หวางเฟย หวางเฟย … ” หมออู๋รีบไล่ตามหลิน ชูจิ่วออกไป แต่หลิน ชูจิ่วก็เดินเร็วมาก ก่อนจะหายตัวไป


       ตอนกลางคืนที่จวนจื่อ จะเงียบมาก ไม่มีไฟ มีแต่ป่าอยู่รอบๆและไม่มีที่ที่จะให้ไปได้ ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงกลับไปที่ห้องของเธออย่างไม่เต็มใจ


       ภายในห้อง เสี่ยวเทียนเหยา กำลังรอเธออยู่ เขาเพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำ ดังนั้นผมยาวของเขาจึงถูกปล่อยลง แสงสลัวของเทียนทำให้บรรยากาศโดยปกติที่เยือกเย็นของเขาดูอบอุ่นขึ้น ภายใต้แสงเทียนดวงตาของเสี่ยวเทียนเหยา ดูนุ่มนวลกว่าปกติ


       ใบหน้าที่หล่อเหลาและงดงาม ริมฝีปากบางเฉียบ ดวงตาที่สงบและอ่อนโยน ท่าทางที่สง่างามและสูงสง … …


       ผู้ชายคนนี้ดูดีมากจริงๆ!


       ดวงตาที่ลึกล้ำของเสี่ยวเทียนเหยา ทำให้หัวใจของหลิน ชูจิ่ว เต้นเร็วและเธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “หวางเย่” เธอรู้ว่าชายคนนี้จะอยู่ในห้องนี้


       และคืนนี้เธอไม่สามารถหลบซ่อนได้


“เจ้ากลับมาแล้วหรือ” เพียงแค่คำพูดธรรมดาที่ออกมาจากปากของเขา แต่คนก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่น


       คนที่วางอำนาจ เยือกเย็นและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ บางครั้งการแสดงให้เห็นด้านที่อ่อนโยนของเขา จริงๆแล้วก็สามารถทำให้คนมึนเมาได้


“อืม ข้ากลับมาแล้ว” หลิน ชูจิ่วยอมรับว่าเธอช่วยไม่ได้จริงๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความอ่อนโยนที่หายากของเสี่ยวเทียนเหยา ก็ทำให้เธอลืมไปว่าเขาเกือบจะฆ่าเธอ และเธอก็ไม่สามารถสูญเสียอารมณ์ของเธอไปได้ในขณะนี้


“น้ำร้อนพร้อมแล้ว เจ้าไปอาบน้ำเถอะ” น้ำเสียงของเสี่ยวเทียนเหยา ไม่แข็งทื่อ แต่คนก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำตาม


       ไม่มีใครอยู่ในห้อง หลิน ชูจิ่ว จึงต้องจัดการกับตัวเองและอาบน้ำได้เท่านั้น จริงๆแล้วเธอก็ไม่ต้องการให้คนมารับใช้เธออยู่แล้ว


       ผมของหลิน ชูจิ่ว ยาวและหนา ผ้าเช็ดตัวของเธอไม่สามารถดูดซับน้ำได้ทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเช็ดผมอยู่เป็นเวลานาน แต่ถึงกระนั้นผมของเธอก็ยังค่อนข้างเปียกอยู่


       หลิน ชูจิ่วไม่ได้ขี้เกียจและใจร้อน แต่จริงๆแล้วเธอไม่ต้องการใช้เวลาที่เหลือไปกับการเช็ดเส้นผมของเธอ อย่างไรก็ตามในตอนนี้อากาศก็อุ่นขึ้นแล้วเดี๋ยวมันก็จะแห้งไปเองภายในหนึ่งชั่วโมง


       หลิน ชูจิ่วกลับมาที่ห้องของเธอด้วยผมที่เปียก เสี่ยวเทียนเหยา ที่อยู่ในตำแหน่งเดิมของเขามองขึ้นและเห็นรูปลักษณ์ของเธอ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วของเขาและถามขึ้น “ทำไมเจ้าไม่เช็ดผมให้แห้ง”


       น้ำจากผมของหลิน ชูจิ่ว ทำให้เสื้อคลุมตัวนอกเปียกและติดอยู่กับร่างของเธอ เปิดเผยบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรเปิดเผย หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้สังเกตเห็น แต่เสี่ยวเทียนเหยา มองเห็นมันอย่างรวดเร็ว


       ผู้หญิงคนนี้พยายามที่จะยั่วยวนเขาหรือ?


       ในความเป็นจริงนางไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ตราบใดที่หลิน ชูจิ่วพูดความคิดของนาง เขาก็สามารถที่จะร่วมมือกับนางได้ทันที


“ข้าจะเช็ดมันในภายหลัง” หลิน ชูจิ่ว ไม่ชินกับการอยู่ในห้องเดียวกับเสี่ยวเทียนเหยา โชคดีที่เธอสวมชุดโบราณยาวๆ มิฉะนั้นเธอจะรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปอีก


       ช่างมัน เธอจะออกไปข้างนอก!


       หลิน ชูจิ่ว ไม่สนใจการดำรงอยู่ของเสี่ยวเทียนเหยา เธอหยิบเสื้อนอกในตู้ออกมาใส่และกำลังจะออกไป


“เจ้ากำลังจะไปที่ไหนในช่วงดึกเช่นนี้?” เสี่ยวเทียนเหยา หันรถเข็นของเขาและหยุดอยู่ตรงหน้าของหลิน ชูจิ่ว ดวงตาสีดำของเขาแสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง


       หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้มองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา และเพียงแค่กระซิบขึ้น”ข้าจะออกไปเช็ดผมของข้า”


       คนต้องการออกไปข้างนอกเพื่อที่จะเช็ดผมของนาง? เขาเป็นคนโง่เง่าที่จะเชื่อเช่นนั้นหรือ?


       เสี่ยวเทียนเหยา ชี้ไปที่โต๊ะเขียนหนังสือและพูดด้วยความไม่พอใจขึ้น “นั่งลง!”


“อืม?” หลิน ชูจิ่ว คิดว่าเธอได้ยินผิดไป ดังนั้นเธอจึงมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา


       ดวงตาของเสี่ยวเทียนเหยา ดูอ่อนโยนจนถึงจุดที่เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ


       เธอรู้สึกเหมือนในสายตาของเสี่ยวเทียนเหยา เธอก็เหมือนเด็กที่ไม่มีเหตุผล ก่อให้เกิดปัญหาไม่รู้จบ แต่เสี่ยวเทียนเหยา ก็เต็มใจที่จะรองรับทุกความตั้งใจของเธอ …


       ความรู้สึกนี้แย่มาก

 

 

 


ตอนที่ 205.1

 

หลิน ชูจิ่วได้ยินเสียงไม่ชัดเจน เธอจึงยืนอยู่นิ่ง ๆ เมื่อเห็นแบบนี้เสี่ยวเทียนเหยาก็พูดขึ้นอีกอย่างอดทน”นั่งลง”


       คำพูดที่อ่อนโยนพร้อมกับน้ำเสียงอันไพเราะจริงๆแล้วสามารถทำให้คนยากที่จะปฏิเสธได้ แต่ใบหน้าของหลิน ชูจิ่วกลับซีดและร่างกายของเธอสั่นขึ้นเล็กน้อย หลิน ชูจิ่ว ส่ายหัวและพูดขึ้นอย่างดื้อรัน “ข้าจะออกไปข้างนอก”


       เธอไม่ต้องการถูกอิทธิพลของเสี่ยวเทียนเหยา ครอบงำอีกต่อไป เธอไม่ต้องการมีความรู้สึกต่อคนผู้นี้อีกต่อไป เธอไม่ต้องการที่จะถูกหลอกลวงด้วยดวงตาอันอ่อนโยนของเขา


“ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้” เสี่ยวเทียนเหยา ยืนอยู่ตรงหน้าของหลิน ชูจิ่ว และไม่ได้ให้เปิดโอกาสให้เธอออกไป “เปิ่นหวางมีบางอย่างที่จะพูดเกี่ยวกับข้อเสนอของ หมออู๋” เขามาพูดถึงธุรกิจของเขา เขาจะปล่อยเธอออกไปได้อย่างไร?


“เช่นนั้นก็พูดมาได้” หลิน ชูจิ่วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ตัวเองดูสงบ


“นั่งลงก่อน” เสี่ยวเทียนเหยา ผลักรถเข็นของเขาออกและไม่ได้ปิดกั้นเส้นทางของหลิน ชูจิ่วอีกต่อไป เขาเชื่อว่าหลิน ชูจิ่วจะไม่โง่พอที่จะพยายามวิ่งหนีไปต่อหน้าเขา


       แน่นอนว่าหลิน ชูจิ่ว ไม่ได้โง่ที่จะทำอย่างนั้น เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ใช่คนธรรมดา ตราบเท่าที่เขาไม่เห็นด้วย เธอก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้


       หลิน ชูจิ่ว นั่งลงอย่างเชื่อฟังและรอให้เสี่ยวเทียนเหยา พูด แต่หลังจากนั้นไม่นานเสี่ยวเทียนเหยา ก็ยังไม่ได้เปิดปาก หลิน ชูจิ่ว หันศีรษะของเธอและเห็นเสี่ยวเทียนเหยา เอาผ้าเช็ดตัวและเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะเช็ดผมให้กับเธอ


       สายตาของหลิน ชูจิ่ว เปิดกว้างขึ้นราวกับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเธอรีบพูดขึ้นในขณะที่พยายามจะเอาผ้าเช็ดตัวมาจากมือของเขา “หวางเย่ ข้าสามารถทำมันด้วยตัวเองได้” เธอไม่สามารถจ่ายค่าบริการนี้ได้


       เสี่ยวเทียนเหยา หลีกเลี่ยงมือของหลิน ชูจิ่ว และเอนตัวลงไป “นั่งลง เปิ่นหวางจะช่วยเช็ดผมให้เจ้า” เมื่อคำพูดของเขาเล็ดลอดออกมา ไม่ว่าเธอจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตามเสี่ยวเทียนเหยาก็ได้เช็ดผมของหลิน ชูจิ่วไปแล้ว 


“ไม่ๆ ข้าทำมันได้จริงๆ” หลิน ชูจิ่ว พยายามจะหลบหนี แต่เธอก็นั่งลงโดย น้ำมือของเสี่ยวเทียนเหยา”นั่งดีๆ อย่าปล่อยให้เปิ่นหวางต้องพูดซ้ำคำของตัวเองเป็นครั้งที่ห้า”


       กองกำลังที่มองไม่เห็นถูกวางลงบนไหล่ของ หลิน ชูจิ่วกองกำลังนี้ก็ทำให้เท้าของหลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แต่มันจะไม่เป็นอันตรายต่อเธอ


       ด้วยวิธีนี้หลิน ชูจิ่ว จึงนั่งอยู่ได้อย่างถูกต้องและดูการเคลื่อนไหวของ เสี่ยวเทียนเหยา ผ่านกระจกทองแดง นิ้วยาวเรียวยาวของเสี่ยวเทียนเหยา เคลื่อนที่ไปมาระหว่างผมของเธอ


       เธอโตมาจนอายุขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นใครบางคนเป็นห่วงใยเธอเพียงเพราะผมของเธอไม่แห้ง


       เธอโตมาจนอายุขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอาสาที่จะเช็ดผมให้เธอ


       เธอโตมาจนอายุขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนยืนอยู่ข้างหลังเธอเป็นเวลานาน … …


       เธอคงจะโกหกถ้าเธอบอกว่าเธอไม่ได้ซาบซึ้ง แต่ทำไมคนผู้นั้นถึงเป็นเสี่ยวเทียวเหยา  


       หลิน ชูจิ่ว ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจเธอถึงรู้สึกซาบซึ้ง แต่ยิ่งรู้สึกเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้นเท่านั้น ไม่มีเสียงภายในห้อง ดังนั้นเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเองลง หลิน ชูจิ่ว จึงริเริ่มที่จะทำลายความเงียบลง “หวางเย่ ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าต้องการพูดเกี่ยวกับเรื่องของหมออู๋หรอกหรือ?” การกระทำที่อ่อนโยนและความหวงใยของเจ้าไม่ใช่เพื่อทหารแนวหน้าหรอกหรือ?


       ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอบอกความจริงมา ข้าขอร้องเลิกทรมานข้าด้วยความอ่อนโยนนี้เสียที


       น้ำตาเริ่มสะสมอยู่ในสายตาของหลิน ชูจิ่ว แต่เพราะเธอกลัวว่าเสี่ยว เทียนเหยาจะเห็นความอ่อนแอของเธอ เธอจึงกะพริบตาขึ้นและหวังว่าน้ำตาจะไหลกลับลงไป


       แต่เสี่ยวเทียนเหยาเป็นใคร? ความแข็งแกร่งของเขาไม่ต่ำกว่าขั้นเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้เลยที่อารมณ์ของหลิน ชูจิ่วจะลอดผ่านสายตาของเขาไปได้? ผมของหลิน ชูจิ่ว แห้งไปตั้งแต่หลังจากวินาทีแรกที่เขาสัมผัสผมของเธอแล้ว แต่ … … หลิน ชูจิ่วไม่รู้


“ก่อนที่เราจะคุยกันเรื่องนั้น มาพูดเรื่องโจวซือก่อน” เสี่ยวเทียนเหยา รู้ว่า หลิน ชูจิ่วใส่ใจเรื่องนี้มากกว่าสิ่งอื่นใด เขาคิดว่าหลิน ชูจิ่ว จะถามเขาเรื่องนี้ แต่เขาก็คิดผิด


       นางเก็บมันไว้ในหัวใจของนาง ทำให้ตัวเองบ้าคลั่งและโกรธเขา… … อยู่อย่างเงียบๆ!

 

 

 


ตอนที่ 205.2

 

“โจวซือหรือ?” ขณะที่เธอได้ยินชื่อนี้หัวใจของหลิน ชูจิ่ว ก็เริ่มมีอาการเจ็บปวดขึ้น แต่เธอก็พยายามสงบต่อหน้าของเสี่ยวเทียนเหยา ราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ “ไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้วหรือ? แล้วจะมีอะไรให้ต้องพูดถึงอีก? ”


“เจ้ากำลังคิดถึงเรื่องนี้มากเกินไป” แทนที่จะถามเสี่ยวเทียนเหยากับพูดขึ้นง่ายๆ โดยที่หลิน ชูจิ่วยังไม่ได้พูดอะไร


       เสี่ยวเทียนเหยายังคงช่วยเช็ดผมของเธอและพูดขึ้น “โจวซือได้รับค่าจ้างเพื่อให้มาเอาชีวิตของเปิ่นหวางและของเจ้า”


“ใครบางคนต้องการชีวิตของข้าด้วยหรือ?” หลิน ชูจิ่ว รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีคนยอมที่จะเสียเงินเพื่อชีวิตของเธอ


       ก่อนที่เธอแต่งงานกับเสี่ยวเทียนเหยา เธอไม่ได้ไปรุกรานใคร แต่แน่นอนว่ายกเว้นองค์รัชทายาท ฮองเฮาและหลินฟูเหริน คนเหล่านี้ต้องการชีวิตของเธอ แต่ไม่ถึงจุดที่จะจ้างมือสังหาร


“ใช่ คนผู้นั้นยอมจ่ายสำหรับชีวิตของเจ้าและโจวซือก็รับมัน เขาอยากจะเอาชีวิตของเจ้าอย่างลับๆ เพื่อแก้ปัญหานี้เปิ่นหวางได้จ้างมือสังหารที่ดีที่สุดจิงจินเพื่อฆ่าเขา เปิ่นหวางหวังว่าเขาจะสามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับเขาได้ แต่ก็น่าเสียดายที่โจวซือได้รับข่าวล่วงหน้าและหลบซ่อนตัว เขาซ่อนตัวอยู่ในภูเขาที่จิงจินไม่สามารถหาเขาพบ “เสี่ยวเทียนเหยาช่วยไม่ได้ที่จะเปิดเผยเหตุการณ์บางอย่างออกมา


“โจวซือมีนิสัยแปลก เขาจะไม่รับงานใหม่ตราบเท่าที่ยังไม่เสร็จงานในปัจจุบันของเขา ทักษะของโจวซือไม่เลว แต่เปิ่นหวางก็ไม่ได้กลัวเขา และแม้ว่าขาของเปิ่นหวาง จะไร้ประโยชน์เขาก็ไม่สามารถฆ่าเปิ่นหวางได้ง่ายดายเช่นนั้น แต่กับเจ้าแตกต่างไป … … ”


“ท่านหมายถึงว่าเขาเลือกที่จะฆ่าข้าใช่ไหม?” หลิน ชูจิ่ว เข้าใจ แต่เธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะตำหนิเขา


“ในเป็นความจริง การฆ่าเจ้านั้นง่ายกว่าฆ่าเปิ่นหวางเรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตราบเท่าที่เปิ่นหวางออกจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่หรือตราบเท่าที่เจ้าออกไปโจวซือก็จะลงมือ “นอกจากนี้ เขาจะต้องไปจากตำหนักเสี่ยวหวังฟู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้นางเป็นเหยื่อล่อเพื่อฆ่าโจวซือ


       ถ้าเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องโจวซือได้ เมื่อเขาไปที่สนามรบหลิน ชูจิ่วจะตกอยู่ในอันตราย


“ดังนั้นท่านกำลังบอกข้าว่าท่านไม่ได้ใช้ข้าเป็นเหยื่อ แต่เพราะโจวซือกำลังเฝ้าดูข้าอยู่ ดังนั้นทันทีที่ข้าออกไปจากเสี่ยวหวางฟู่  ข้าก็กลายเป็นเหยื่อ “หลินชูจิเริ่มเยาะเย้ยตัวเองขึ้น


       ช่างเป็นเหตุผลที่น่าฟังเสียจริง เสี่ยวเทียนเหยา สามารถหลอกลวงได้ดีจริงๆ


“นี่เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้” เสี่ยวเทียนเหยาพยักหน้าขึ้น


“ความหมายของท่านคือท่านได้ทำทุกอย่างเพื่อกำจัดอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับข้าใช่ไหม?” หลิน ชูจิ่ว ถามอีกครั้งและอีกครั้ง เสี่ยวเทียนเหยาก็ยังคงพยักหน้าอย่างมั่นคงและพูดขึ้น “ใช่”


“หวางเย่ ท่านกำลังอธิบายมันกับข้าอยู่หรือ?” เพื่อเห็นแก่ทหาร 300,000 คนในแนวหน้า เจ้าถึงกับยอมเปิดปากที่สูงส่งของเจ้า?


“ไม่ใช่ เปิ่นหวาง ไม่จำเป็นต้องอธิบาย เปิ่นหวางแค่อยากให้เจ้าคิดถึงเรื่องนี้น้อยลง “การเจาะลึกลงไปยังเหตุการณ์และอารมณ์พวกนี้เป็นเรื่องที่น่ารำคาญจริงๆ


“โอ้ เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมากที่ได้เปิดสิ่งเหล่านี้กับข้า แม้จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องธุระของท่านก็ตาม” หลิน ชูจิ่วหันกลับมาและคว้าผมจากมือของเสี่ยวเทียนเหยา จากนั้นก็พูดขึ้น “หวางเย่ ท่านกล้าปฏิเสธมันหรือว่าท่านไม่ได้ใช้ข้าเป็นเหยื่อ?”


       หัวคิ้วของเสี่ยวเทียนเหยาขมวดขึ้นด้วยความไม่พอใจ”หลิน ชูจิ่ว เมื่อไหร่ที่เจ้าจะหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้?” ความอดทนของเขาถูกทำลายลงแล้ว


“ข้าไม่ได้คิดมากเกินไป ข้าแค่อยากรู้ว่าตอนนั้นท่านได้เลือกใช้ข้าเป็นเหยื่อใช่หรือไม่? “ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุเธอจะไม่ตำหนิเสี่ยวเทียนเหยา แต่มันไม่ใช่อุบัติเหตุ


“ใช่”


“แน่นอนท่านทำ … … ” หลิน ชูจิ่วรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อเธอได้คำยืนยันจากปากของเสี่ยวเทียนเหยา หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดมาก เธอก้าวถอยหลังและชนเข้ากับโต๊ะ อาการเจ็บปวดที่หลิน ชูจิ่ว รู้สึกได้จากเอวของเธอทำให้เธอกลับมามีสติอีกครั้ง หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ หลิน ชูจิ่วก็ถามขึ้น “ท่านเคยคิดไหมว่าข้าอาจจจะตายภายใต้ลูกศรของโจวซือ?”


 

 

 


ตอนที่ 206.1

 

 น้ำตาไหลลงจากดวงตาของเธออย่างเงียบๆ… …


       ท่านเคยคิดไหมว่าข้าจะตายภายใต้ลูกศรของโจวซือ?


       แน่นอนเขาไม่ได้คิด!


       แผนการของเขาปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น แต่เขาก็มีพลังที่จะรักษาชีวิตของนางเอาไว้


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ต้องการพูดมาก เขาเพียงแค่พูดขึ้น”เปิ่นหวาง จัดให้มีคนไปช่วยเจ้า เจ้าจะไม่ตาย “แม้ว่าจิงจินจะไม่ได้มา แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาได้ไปที่นั้นและด้วยช่วยชีวิตนางด้วยตัวเอง ?


“ส่งใครสักคน? เขาอยู่ที่ไหน ข้าจะตายก่อนที่คนที่ท่านส่งมาจะมาถึง “หลิน ชูจิ่ว โกรธมาก เธอตำหนิและผลักเขาออกไป อย่างไรก็ตามเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย หลิน ชูจิ่ว ต้องการผลักเสี่ยวเทียนเหยา อีกครั้ง แต่เขาจับมือเธอและพูดขึ้น “หลิน ชูจิ่ว อย่าโวยว้ายไป เปิ่นหวางได้จัดทุกสิ่งทุกอย่างอาไว้แล้ว เจ้าจะไม่ตาย ”


“แต่ข้าถูกยิงด้วยลูกศร” หลิน ชูจิ่ว ชี้นิ้วมาที่หน้าอกของเธอ “… ที่นี่ ข้าจะตายทันทีถ้าลูกศรนั้นยิงลึกเข้าไปอีกเพียงแค่นิดเดียว! ท่านรู้ไหมว่าข้าหมดหวังในการที่จะมีชีวิตรอดขนาดนั้นในเวลานั้น? ท่านรู้ไหมว่าข้าเกลียดท่านมากแค่ไหน เพราะท่านทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น? ท่านรู้ไหม? ”


       หลิน ชูจิ่ว ร้องไห้และร่างกายของเธอก็สั่นด้วยความเจ็บปวด เสี่ยวเทียนเหยา รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของเขา แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ดึงนางเข้ามาให้อ้อมแขนของเขาเท่านั้น”เปิ่นหวางรู้ เปิ่นหวางรู้ โจวซือตายไปแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว “


“ท่านรู้? ท่านรู้อะไร? ท่านไม่รู้อะไรเลย! “หลิน ชูจิ่ว ผลักเสี่ยวเทียนเหยาออกอย่างหนัก ” ท่านไม่รู้ว่าข้าเกลียดท่านมากแค่ไหน! ท่านไม่รู้ว่าข้ากลัวแค่ไหน! ท่านไม่รู้ถึงความรู้สึกของการถูกผลักให้ไปสู้ความตายเป็นอย่างไร! ท่านจะไม่มีวันรู้เรื่องทั้งหมดนี้! ”


       คำถามหลาย ๆ ข้อถูกพูดออกมาพร้อมด้วยน้ำตา


       นี่เป็นครั้งแรกที่หลิน ชูจิ่ว ปล่อยอารมณ์ของเธอและตั้งคำถามกับเสี่ยวเทียนเหยา


“ข้าเห็นคนที่อยู่ข้างหน้าของข้าล้มลงไปทีละคนๆ ข้าเห็นพวกเขาล้มลงไปในขณะที่ปกป้องข้า ข้าเห็นลูกศรยิงตรงมาที่ข้า แต่ข้าไม่สามารถทำอะไรได้ ข้าเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นและรอให้ลูกศรยิงมาที่ตัวข้า แต่เมื่อลูกศรโดนตัวข้า ข้าก็ไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้แม้ว่าฉันจะต้องการก็ตาม แต่ท่านบอกว่าทุกอย่างก็เพื่อข้า? เพื่อความปลอดภัยของข้า ข้าถึงต้องกลายเป็นเหยื่อและเกือบจะตาย บอกข้าว่าข้าควรจะยอมรับมันได้อย่างไร? ”


       สำหรับความปลอดภัยของเธอ เธอจะต้องกลายเป็นเหยื่อและเธอต้องยอมรับมัน


       สำหรับความปลอดภัยของเธอ เธอต้องถูกผลักให้ไปสู้ความตาย?


       เช่นนั้น เธอยินดีที่จะมีอัตราย … …


       หลิน ชูจิ่ว ไม่เพียงแต่ทำให้เสี่ยวเทียนเหยา รู้สึกลำบาก แต่ก็ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวไปด้วย เสี่ยวเทียนเหยาไม่รู้จริงๆว่าจะปลอบประโลมหลิน ชูจิ่ว อย่างไร


       ดังนั้นเขาเพียงแค่มองไปที่นางอย่างเงียบ ๆ รอจนกว่านางจะร้องไห้จนพอใจ เมื่อหลิน ชูจิ่ว หยุดร้องไห้เสี่ยวเสี่ยวเทียนเหยา ก็เปิดปากของเขา “หลิน ชูจิ่ว สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว เจ้าต้องการให้เปิ่นหวางทำอย่างไร? “อะไรก็ตามที่หลิน ชูจิ่วบอก เขาจะทำมัน


“ข้าต้องการให้ท่านทำอะไรหรือ? ข้าจะขอให้ท่านทำอะไรได้บ้าง? ท่านเป็นท่านอ๋องเสี่ยว เทพเจ้าแห่งสงคราม แม้ว่าท่านจะผลักดันให้ข้าออกไปเป็นเหยื่อหรือใช้ให้ข้าเป็นโล่มนุษย์ ข้าก็สามารถยอมรับได้เท่านั้น ไม่ใช่หรือ? “ความแข็งแรงกำหนดทุกอย่าง เธอไม่สามารถหนีหรือแก้แค้นได้


“ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว” เสี่ยวเทียนเหยา ยกมือขึ้นและค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้กับหลิน ชูจิ่ว “ตราบเท่าที่เจ้ากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมันก็จะง่ายมากสำหรับเจ้าที่จะควบคุมเปิ่นหวาง เมื่อเจ้ามีความสามารถนั้น เปิ่นหวางจะปล่อยให้เจ้าใช้เป็นเหยื่อหรือโล่ของมนุษย์ สมมติว่าถ้าเจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้ ”


“มั่นใจ ข้าจะไม่ลังเลที่จะผลักดันท่านไปสู่ความตายในวันนั้น” หลิน ชูจิ่วปัดมือของเสี่ยวเทียนเหยาที่อยู่บนใบหน้าของเธอออกและเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อของเธอ แต่เนื่องจากเธอใช้กำลังมากไป รอยสีแดงบางส่วนจึงถูกทิ้งไว้บทแก้มของเธอ

 

 

 


ตอนที่ 206.2

 

“ดี ทุกอย่างตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว หวางเย่จะพุดคุยเกี่ยวของหมออู๋ได้หรือยัง?”หลิน ชูจิ่ว เดินออกห่างจากอ้อมกอดของเสี่ยวเทียนเหยา และนั่งอยู่ข้างเตียง ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับรถเข็นคนพิการของเสี่ยวเทียนเหยา


       หลังจากที่เคลียร์และร้องไห้เกี่ยวกับกรณีของโจวซือจบ หลิน ชูจิ่วก็อยากจะคุยเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นไปเร็วๆ เพราะเธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับการปรากฏตัวของเสี่ยวเทียนเหยา เธอไม่มีความสุขเมื่อใดก็ตามที่เขาอยู่ใกล้ๆ


“เจ้าค่อนข้างน่ารักเมื่อเจ้าทำตัวเหมือนคนไม่ปกติ” เสี่ยวเทียนเหยา ทิ้งผ้าเช็ดตัวลงบนพื้นและหันไปนั่งรถเข็นของเขา


       ถ้าหลิน ชูจิ่ว ยังคงตำหนิเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และใส่ความโชคร้ายทั้งหมดของนางลงไปบนหัวของคนอื่น ๆ นางก็ไม่สมควรที่จะเป็นหวางเฟยของเขา


       หวางเฟยของเขาไม่ควรยืนอยู่ข้างหลังเขาและรอคอยที่จะได้รับการคุ้มครองจากเขา แต่แทนที่จะต่อสู้เคียงข้างกับเขา


       หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้พูด เธอแค่รอให้เสี่ยวเทียนเหยา พูดคำขอร้องของเขาออกมา


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ลากปัญหาออกไปอีกต่อไป เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาขึ้นทันที “เรื่องต่างๆ ถูกกล่าวถึงโดยหมออู๋ไปแล้ว อะไรคือความต้องการของเจ้า? เปิ่นหวางจะพยายามทำให้เจ้าพอใจ ”


       การได้ยินน้ำเสียงทางธุรกิจของเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่วก็ไม่รู้สึกโกรธ เธอชอบด้านที่โหดร้ายของเขาเมื่อเทียบกับความอ่อนโยนที่ปลอมๆ ของเขา


“ข้าสามารถออกใบสั่งยาได้ แต่การจัดหายาสำหรับทหารจำนวน 50,000 คน เป็นสิ่งที่ข้าไม่สามารถทำได้ “ยาฆ่าเชื้อ ยาสำหรับบาดแผลและดายเป็นสิ่งที่สามารถหาได้ แต่เข็มและมีดผ่าตัดเป็นเรื่องยากมาก


       นี่เป็นสิ่งเดียวที่หลิน ชูจิ่ว สามารถให้ความช่วยเหลือได้ สำหรับคนอื่นๆ  หลิน ชูจิ่ว ไม่ต้องการจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้


“ดี” เสี่ยวเทียนเหยา ไม่คิดจริงๆว่าหลิน ชูจิ่ว จะสามารถจัดหายาเหล่านี้ได้ทั้งหมดในตอนแรกแล้ว


       หลิน ชูจิ่ว อยู่ที่เรือนหลังตำหนักของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ถ้านางบอกว่านางสามารถหายาได้ถึง 50,000 ชุด เขาก็คงจะต้องประหลาดใจมากจริงๆ


       แม้ว่าหลิน ชูจิ่วจะแปล


       เอาสิ่งของออกมาจากตรงไหนก็ไม่รู้


       แต่เสี่ยวเทียนเหยาเชื่อว่าวันหนึ่ง เขาจะได้เรียนรู้ความลับทั้งหมดของนาง


       หลังจากนั้น หลิน ชูจิ่วก็ไม่ได้ลืมที่จะพูดถึงความต้องการของตัวเอง”ในการแลกเปลี่ยนข้าหวังว่าท่านจะสามารถปล่อยให้ข้าเข้าและออกจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ได้ตลอดเวลาและจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องต่างๆของข้า”


       เรือนหลังตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เป็นกรงของเธอ ถ้าสิ่งนี้ยังคงอยู่ต่อไปเธอจะสูญเสียความสามารถในการอยู่รอด เธอจะค่อยๆกลายเป็นดอกไม้ที่ไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีสนามหญ้าของเสี่ยวเทียน


“ได้” หลังจากได้เห็นความสามารถของหลิน ชูจิ่วแล้ว เสี่ยวเทียนเหยา ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะขังนางไว้ที่เรือนหลังตำหนักไปตลอดชีวิตที่เหลือของนาง ผู้หญิงที่อยู่แต่เรือนหลังตำหนักก็ไม่คู่ควรกับเขา


       อย่างไรก็ตามเสี่ยวเทียนเหยา ยังคงเตือนนางขึ้น “จำไว้ว่าเจ้าไม่ควรคิดเกี่ยวกับการทรยศต่อเปิ่นหวาง เปิ่นหวางสามารถให้อิสรภาพแก่เจ้าได้ในวันนี้ แต่ก็สามารถนำมันกลับมาได้ในพรุ่งนี้รวมทั้งชีวิตของเจ้าด้วย “


“ข้ารู้ตำแหน่งของข้า ข้าจะไม่ทำอะไรที่จะทำอันตรายต่อเสี่ยวหวางฟู่ “การต่อสู้ระหว่างเสี่ยวเทียนเหยา และฮ่องเต้ได้ไปถึงจุดที่ไม่สามารถเดินกลับมาได้ เธอได้รักษาขาของเขาเพื่อที่เธอจะสามารถนั่งเรือของเขาไปได้ในชีวิตนี้เท่านั้น ถ้าเสี่ยวเทียนเหยาล้มก็จะไม่มีอะไรที่ดีเกิดขึ้นกับเธอ


“ดีมาก” เสี่ยวเทียนเหยา พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ”พรุ่งนี้เปิ่นหวางจะส่งคนมารับยา” หลังจากพูดคำเหล่านั้นจบ เสี่ยวเทียนเหยา หันรถเข็นของเขาออกไปข้างนอกและปล่อยให้หลิน ชูจิ่ว อยู่ตามลำพังในห้องของเธอ


       เขากำลังจะออกไปหรือ?


       สายตาของหลิน ชูจิ่วเปิดกว้างขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ เธอไม่เชื่อจริงๆจนกระทั้งเสี่ยวเทียนเหยา ออกไปและปิดประตูลง


“ดีมาก!” หลิน ชูจิ่ว ล้มลงไปที่เตียงและผ่อนคลายร่างกายของเธอ


       แม้ว่าสิ่งต่างๆจะกลับสู่สภาพเดิม แต่ก็ยังดีกว่าที่จะต่อต้านความต้องการของเขา


“เจ้าเกลียดเปิ่นหวางมากเพราะเรื่องของโจวซือหรือ” ได้ยินคำพูดของหลิน ชูจิ่วก่อนหน้านี้ เสี่ยวเทียนเหยาก็ช่วยไม่ได้ที่จะเปิดเผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา


       เขาไม่คิดว่า เขาทำอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับเรื่องของโจวซือ ถ้าสถานการณ์เช่นนี้จะกลับมาอีกครั้ง เขาก็จะทำในสิ่งเดียวกัน


       ตราบเท่าที่เขาสามารถฆ่าศัตรูได้ถึง 1,000 คน เขาไม่สนใจถ้าจะต้องเสียคนไป 800 คน!

 

 

 


ตอนที่ 207.1

 

หลังจากที่เสี่ยวเทียนเหยา และหลิน ชูจิ่ว ได้เปิดปากและพูดคุยกัน และเมื่อรู้ว่าหลิน ชูจิ่ว ยังมีปมอยู่ภายในใจ เสี่ยวเทียนเหยา ก็ไม่ได้ปรากฏต่อหน้านางอีก เขาเพียงแค่ให้พื้นที่และเสรีภาพในการคิดมันอย่างรอบคอบ … …


       ห้องพักของหลิน ชูจิ่ว กลับคืนสภาพเดิม และเสี่ยวเทียนเหยา ก็ไม่ก้าวเข้ามาในห้องของเธออีก ทั้งสองดูเหมือนจะกลับมายังช่วงเวลาที่แต่งงานกัน พวกเขาจะไม่ได้พบจนกว่าจะมีธุรกิจเพื่อหารือ


       หลิน ชูจิ่วมอบใบสั่งยาให้แก่เสี่ยวเทียนเหยา ตามข้อตกลง แต่เธอยังให้มีดผ่าตัดเขาอีก 20 ชิ้น และ 100 ชุดของเครื่องมือในการเย็บ ซึ่งนับเป็นผลงานจากการติดสินใจของเธอเอง


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ถามหลิน ชูจิ่ว ว่าเอาสิ่งเหล่านั้นมาจากไหน แต่หมออู๋ ถาม อย่างไรก็ตามหลิน ชูจิ่ว ไม่ได้ให้คำตอบแก่เขาแม้แต่น้อย


       การฟื้นตัวของแม่นางโมค่อนข้างดี แต่นางยังไม่สามารถให้นมลูกของนางได้ ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงจัดให้พี่เลี้ยงดูแลลูกน้อยของนางจนกว่านางจะสามารถทำมันได้ด้วยตัวเธอเอง


       แม้ว่าโม่ ชิงเฟิงจะไม่ชอบพ่อของทารก แต่เขาก็ไม่เกลียดเด็กคนนี้ เขารู้สึกสิ้นหวังเมื่อได้ยินว่าพี่สาวของเขาไม่ต้องการอยู่ร่วมกับผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป หลังจากที่ทั้งหมดแล้ว หลานชายของเขาก็จะเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีความรักของพ่อ


       หลังจากที่เด็กเกิดมา โม่ ชิงเฟิง ก็ใช้ช่องทางพิเศษของตระกูลโม่ เพื่อส่งข่าว แต่แน่นอนพร้อมกับข่าวนี้ยังรวมถึงข้อเสนอของเสี่ยวเทียนเหยาอีกด้วย  


       เมื่อตระกูลโม่ได้เรียนรู้ว่าบุตรสาวคนโตและลูกชายของพวกเขาปลอดภัย พวกเขาก็มีความสุขมาก แต่หลังจากได้เห็นข้อของโม่ ชิงเฟิงแล้ว ตระกูลโม่ก็ไม่ช่วยไม่ได้ที่จะต้องคิดทบทวนอย่างลึก ๆ


“ข้อขัดแย้งระหว่างเสี่ยวหวางเย่กับฮ่องเต้แคว้นตะวันออกได้ไปถึงจุดที่ไม่มีการประนีประนอมอีกต่อไป แม้ว่าดินแดนทางเหนือจะไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของฮ่องเต้ของแคว้นตะวันออก แต่เขาก็ได้ขอให้ฮ่องเต้ของพวกเราคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของพวกเรา ”


       ตระกูลโม่ไม่ได้อยู่ในสายตาของฮ่องเต้ของดินแดนทางเหนือ พวกเขาไม่มีทายาทที่เกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงแข็งกระด้างมากขึ้น


“แต่เราได้เหยียบลงไปที่เรือของเสี่ยวหวางเย่แล้ว แม้ว่าเราจะปฏิเสธข้อเสนอของเสี่ยวหวางเย่ แต่ฮ่องเต้ก็จะไม่เชื่อเรา เสี่ยวหวางเย่ จะไม่ช่วยเราและตระกูลตานก็จะละทิ้งพวกเรา “บุตรชายคนโตของตระกูลโม่พูดขึ้น


       บุตรชายรองของตระกูลโม่ พยักหน้าและพูดขึ้น “ท่านพ่อ เสี่ยวหวางเย่ได้ช่วยน้องหญิงใหญ่และหลานชายของตระกูลโม่เอาไว้ พวกเราเป็นหนี้ชีวิตต่อเขา”


       เห็นได้ชัดว่าตระกูลโม่ไม่เต็มใจที่จะยอมรับข้อเสนอของเสี่ยวเทียนเหยา  


       ตระกูลตานมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกชายขององค์หญิงแห่งดินแดนทางเหนือ ถ้าพวกเขาไม่มองหาภูเขาที่จะพึ่งพิง พวกเขาจะถูกทำลายโดยตระกูลตาน


“ความคิดเห็นของพวกเจ้า เป็นการเห็นดีเห็นงามของพวกเจ้าหรือไม่?”ผู้นำตระกูลโม่ถามลูกชายสองคนของเขา


       บุตรชายคนโตและบุตรคนรองของตระกูลโม่เงียบไปสักครู่ แต่หลังจากนั้น พวกเขามองหน้ากันและกัน และพูดขึ้นในเวลาเดียวกันว่า “ใช่ขอรับ”


       เพื่อที่จะโน้มน้าวบิดาของพวกเขา บุตรชายคนโตของตระกูลโม่จึงพูดขึ้น “ท่านพ่อเราไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน หน้าขนมไม่ได้เพียงแค่ทำให้ขนมดูดีเท่านั้น แต่ยังเพิ่มคุณค่าทางสายตาอีกด้วย ถ้าเราช่วยเสี่ยวหวางเย่ในครั้งนี้และเขาได้ขึ้นสู่บัลลังก์ เขาจะไม่มีวันลืมพวกเรา ”


“แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเสี่ยวหวางเย่ ล้มเหลว?” ผู้นำตระกูลโม่โยนประโยคที่หนักหน่วงขึ้นมา


       พ่อและลูกชายต่างก็เงียบอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็พูดขึ้น “ถ้ามันเกิดขึ้น พวกเราไม่ควรกันและกัน “


“ดี เช่นนั้นจงตอบลูกสามกลับไป” ผู้นำตระกูลโม่ไม่ได้พูดมาก


       ข้ามระยะทางเป็นพันลี้ ในที่สุดจดหมายก็ถึงมือโม่ ชิงเฟิง ภายในสามวัน โม่ ชิงเฟิง ไม่แปลกใจเมื่อได้เรียนรู้ถึงการตัดสินใจของครอบครัวเขา เขายิ้มและพับจดหมายลง จากนั้นก็หายใจเข้าลึก ๆ และไปหาเสี่ยวเทียนเหยา

 

 

 


ตอนที่ 207.2

 

การยินยอมของตระกูลอยู่ในความคาดหวังของเสี่ยวเทียนเหยา  ดังนั้นเมื่อเขาได้รับการตอบกลับ เสี่ยวเทียนเหยา ก็เขียนจดหมายถึงซูฉาและหลิวไป๋เพื่อจัดให้คนไปรับธัญพืชจากตระกูลโม่ แต่แน่นอนพวกเขาจะจ่ายเงินให้กับพวกเขา


“อ่า เทียนเหยา เป็นคนที่มีอำนาจจริงๆ เขาสามารถชักจูงตระกูลโม่ได้รวดเร็วเช่นนี้” เมื่อซูฉา ได้รับข่าวของเสี่ยวเทียนเหยา เขามีความสุขมากจนเขาเกือบจะกระโดดขึ้นด้วยความปิติยินดี


       ใบหน้าของหลิวไป๋ ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความโล่งอก”ตอนนี้เราได้รับการสนับสนุนธัญพืชจากตระกูลโม่ ไม่ว่าฮ่องเต้จะเล่นไม้ไหน เราก็ไม่ต้องกังวล “


“ชุดเกราะและอาหารตอนนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่เรายังไม่มีอาวุธ “หลังจากที่ซูฉารู้สึกมีความสุข เขาก็เปลี่ยนไปเป็นกังวลอีกครั้ง


       หลิวไป๋ ถอนหายใจและพูดขึ้น”อาวุธสามารถรอได้ แต่ทหารแนวหน้าไม่สามารถทำได้ ข้าไม่รู้ว่าหมออู๋จะได้เรียนรู้ทักษะที่เหมาะสมหรือยัง ข้าหวังว่าเมื่อพวกเขาไปถึง พวกเขาสามารถช่วยชีวิตเพิ่มขึ้นได้อีกสองหรือสามชีวิต “


       หลังจากที่หลิน ชูจิ่วได้มอบใบสั่งยาให้แก่เสี่ยวเทียนเหยา เสี่ยวเทียนเหยาก็จัดให้คนไปเตรียมส่วนผสมที่จำเป็นต่างๆ และเขาก็ปล่อยให้หลิน ชูจิ่วได้สอนหมออู๋และลูกศิษย์ของเขาให้เร็วที่สุด


       การรักษาบาดแผลไม่ใช่เรื่องยาก ลูกศิษย์ของหมออู๋มีความรู้ด้านการแพทย์ขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะสอนพวกเขาทุกเช้าเป็นเวลาสองวัน และเพื่อให้สามารถใช้ทักษะนี้ได้ดีขึ้น พวกเขาจึงต้องฝึกฝนต่อไปในช่วงที่เหลืออยู่ของวัน


       เพื่อให้ลูกศิษย์ของเขาได้รับประสบการณ์ในการปฏิบัติจริง หมออู๋ให้พวกเขาไปที่หมู่บ้านและให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์กับชาวบ้าน อย่างไรก็ตามหากชาวบ้านไม่ไปล่าสัตว์ในป่าลึกก็จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ


       โชคดีที่หมออู๋พบกรณีร้ายแรง ชาวบ้านถูกเสือกัดและบาดเจ็บที่ขา หมออู๋และลูกศิษย์ของเขาเฝ้าดูเขาอย่างใกล้ชิด ชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บกลัวและถ้าหากบังเอิญเขารู้ว่าเขาได้จ่ายค่าหมอไปแล้วด้วยการเป็นหนูทดลอง เขาอาจจะวิ่งหนีไปด้วยความตกใจกลัวก็ได้


       แม้ว่าหมออู๋กับลูกศิษย์ของเขาจะทำตัวเหมือนกับคนเสียสติ แต่ผลของการรักษาก็เป็นที่น่าพอใจ ความเร็วในการรักษาและลักษณะของการเย็บแผลถึงระดับมืออาชีพแล้ว ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะสอนพวกเขาอีก ดังนั้นเธอจึงบอกพวกเขาว่าพวกเขาสามารถไปได้แล้ว


       ด้วยคำเหล่านี้ เสี่ยวเทียนเหยาจึงส่งพวกเขาไปที่แนวหน้า พร้อมกับรถม้าที่มีทั้งยาฆ่าเชื้อ ผ้าพันแผลและชุดเย็บแผลพร้อมกับยาอื่นๆ อีก และยังมีเสบียงอาหารขนาดเล็กอีก เนื่องจากของทั้งหมดนี้อย่างน้อยก็สามารถรักษาสถานการณ์ของทหารเอาไว้ได้ชั่วขณะ


       หมออู๋ไม่ได้ไปกับพวกเขาด้วย เขาอยู่เพื่อช่วยในการผลิตยารักษาบาดแผล การผลิตยาไม่ง่าย มันต้องการคนที่มีทักษะการกลั่นยาและความเข้าใจที่แท้จริง


       ไม่ต้องพูดถึงเพื่อหาเอ็นแมว เสี่ยวเทียนเหยาได้ส่งคนไปทุ่งหญ้ากว้าง ดังนั้นใครจะรู้ว่าแกะจำนวนเท่าไรที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติในครั้งนี้


       การกระทำของเสี่ยวเทียนเหยา ในครั้งนี้ไม่ใหญ่ แต่เนื่องจากฮ่องเต้ได้เฝ้าดูเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงได้รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา ได้ส่งคนไปยังแนวหน้าและดินแดนทางเหนือจึงทำให้เขามีความรู้สึกหลากหลายอยู่ในตอนนี้


“สารเลว! ใครให้สิทธิ์เขาในการส่งคนไปแถวหน้า “ฮ่องเต้พูดขึ้นด้วยความโกรธขึ้นทันทีที่เขาได้เห็นรายงานบนโต๊ะ” อย่าปล่อยให้คนเหล่านั้นและสิ่งที่เขาส่งไปไปปรากฏที่ในแนวหน้าได้! ”


“ผู้ใต้บังคับบัญชารับบัญชาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” องครักษ์เงาตอบขึ้นโดยไม่ลังเล


       ไม่ว่าจะมีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากตายไปเพราะเหตุนี้ มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เขาเพียงแค่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น … …

 

 

 


ตอนที่ 208.1

 

  ทารกที่คลอดก่อนกำหนด 7 เดือนไม่เลวร้ายไปกว่าทารกที่มีอายุครบกำหนดแม้แต่น้อย หลังจากผ่านไป 2-3 วันแขนและขาขนาดเล็กก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างแข็งแรงแล้ว และหลังจากดื่มนมไปแล้วทารกน้อยก็ยิ้มด้วยความพอใจ ดังนั้นบางครั้งหลิน ชูจิ่วจะกอดและบีบแขนเล็ก ๆของเขา


       ในขณะนี้หลิน ชูจิ่วกำลังอาบน้ำให้ทารกน้อยอยู่ข้างในห้องของเธอ หมออู๋ไม่มีอะไรจะทำ ดังนั้นเขาจึงช่วย หลิน ชูจิ่ว เมื่อเห็นหลิน ชูจิ่ว ดูเหมือนจะรักเด็กทารกมาก เขาก็กล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “หวางเฟยดูเหมือนว่าท่านจะรักเด็กมาก เมื่อไหร่ที่ท่านวางแผนจะมีลูก? ลูกของท่านคงจะน่ารักกว่านี้มาก “เพียงแค่คิดถึงทารกที่จะเกิดจากหวางเย่และหวางเฟย เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น


       และด้วยรูปลักษณ์ของหวางเย่และหวางเฟย ลูก ๆ ของพวกเขาก็จะงดงามมากเมื่อเกิดมา!


       หลิน ชูจิ่วกำลังตั้งใจจะอาบน้ำทารก ดังนั้นเธอจึงไม่คิดอะไรมากและตอบขึ้น”ข้าอยากจะมีลูก แต่จะมีกับใครล่ะ?”


       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามา เขาก็ได้ยินคำพูดของหลิน ชูจิ่วและใบหน้าของเขาก็กลายเป็นดำมืดขึ้น “แล้วเจ้าต้องการมีลูกกับใคร?” ความกล้าหาญของหลิน ชูจิ่วเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นางแต่งงานกับเขา แต่นางก็ยังคิดที่จะมีลูกกับคนอื่น


       เขาเป็นคนใจดีเกินไปหรือ นางถึงอยากจะใส่หมวกเขียวให้กับเขา? นางคิดว่าเขาจะยอมทนอย่างนั้นหรือ?


       เมื่อหลิน ชูจิ่ว ได้ยินคำถาม เธอก็คิดว่านั่นคือหมออู๋ที่พูด ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ยกหัวของเธอขึ้นและเพียงแค่ตั้งใจตอบคำถามของเขาเท่านั้น “ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะมีลูกกับใคร ข้าไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว “


“เจ้าอยากจะมีลูกกับคนอื่นจริงๆ หรือ?” เสียงที่ฟังดูเยือกเย็นและมีร่องรอยของความโกรธที่กำลังเก็บกดเอาไว้อยู่ ดังขึ้น … …


       นี้ไม่ถูกต้อง!


       นี่ไม่ใช่เสียงของหมออู๋


       นี่คือ… …


       มือของหลิน ชูจิ่ว แข็งขึ้นทันทีและเธอก็สังเกตเห็นบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไป เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นหมออู๋ส่งประกายตาและขยับหัวคิ้วของเขา


       คำเตือนของเจ้าช้าเกินไปแล้ว!


       หลิน ชูจิ่ว มองไปที่หมออู๋ อย่างไรก็ตามหมออู๋แสดงใบหน้าที่ไร้เดียงสาพร้อมกับมีความนัย ข้าเตือนท่านนานแล้ว แต่ท่านไม่สนใจข้าเอง


       ลืมไปเถอะมันสายเกินไปที่จะพูดอะไรตอนนี้


       หลิน ชูจิ่วหันศีรษะไปรอบ ๆ และมองไปที่สายตาของเสี่ยวเทียนเหยา ดวงตาของเขากำลังจ้องมองมาที่ทารก หลิน ชูจิ่วเกือบจะปล่อยมือจากทารก โชคดีที่ปฏิกิริยาของเธอเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอจึงอุ้มทารกขึ้นมาและเช็ดทำสะอาดเขา


       ทารกไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคิดว่าพวกเขากำลังเล่นอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังคงเหยียดแขนและขาของเขา ในขณะที่หัวเราะคิกคักขึ้น … …


       หลิน ชูจิ่ อุ้มทารกราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเธอก็ถามเสี่ยวเทียนเหยาขึ้น “หวางเย่ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?” โดยไม่บอกกล่าวใดๆ


“เปิ่นหวางจะมาไม่ได้หรือ?” เสี่ยวเทียนเหยา ผลักรถเข็นของเขาไปข้างหน้า …


       การเคลื่อนไหวที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้!


       หมออู๋รู้สึกไม่ดี ดังนั้นเขาจึงอุ้มทารกที่ถูกห่อด้วยผ้ามาจากมือของหลิน ชูจิ่ว และวิ่งหนีไป … …


       หลิน ชูจิ่วต้องการจะหยุดหมออู๋ แต่เธอยังไม่ได้เปิดปากของเธอ หมออู๋ก็ไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไปแล้ว


       ชายชราผู้นี้… เขารวดเร็วมากจริงๆ!


       หลิน ชูจิ่วรู้สึกช่วยไม่ได้ เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับเสี่ยวเทียนเหยาตามลำพังแล้ว


“หวางเย่ ท่านกำลังตามหาข้าหรือไม่?”


       เสี่ยงเทียนเหยาส่งเสียงเย็นขึ้น“ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบคำถามของเปิ่นหวาง?” พวกเขาแต่งงานกันแล้ว แต่นางกลับไม่รู้ว่านางควรจะอุ้มท้องลูกของใคร? เขาชื่นชมหลิน ชูจิ่ว จริงๆ!


“อะไร ท่านมีปัญหาอะไรหรือ?” หลิน ชูจิ่ว ทำตัวเหมือนคนโง่ ในขณะที่ถามขึ้น “มันเกี่ยวกับการผลิตยาหรือไม่? หมออู๋ถามข้าเรื่องนี้แล้วและข้าก็บอกเขาไปแล้วว่าเขาควรจะทำอย่างไร ”


       เสี่ยวเทียนเหยาพูดเสียงเย็นขึ้นอีกครั้ง“หมออู๋กับเปิ่นหวางอยู่ร่วมกันมานาน เจ้าคิดว่าการใช้เขาจะหลอกเปิ่นหวางได้อย่างนั้นหรือ? ความสามารถในการแกล้งทำเป็นโง่ของเจ้าพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ”


       หลิน ชูจิ่ว รู้ดีว่าเธอไม่สามารถหลบหนีไปได้ ดังนั้นเธอจึงพูดขึ้น “แน่นอนว่าไม่ หมออู๋กับข้าเพียงแค่ล่อเล้นไปเรื่อย หวางเย่โปรดอย่าเก็บไปใส่ใจ”

 

 

 


ตอนที่ 208.2

 

 “เป็นเช่นนั้นหรือ?” เปิ่นหวางเชื่อว่าเจ้ามีผีร้ายอยู่ในใจของเจ้า


“แน่นอน ข้ายังเด็กอยู่ ข้ายังไม่ได้วางแผนที่จะมีลูกในเร็ว ๆ นี้ “ดีเพราะว่าเป็นความจริง แม้ว่าเธอจะมีอายุมากพอแล้วในชีวิตก่อนหน้านี้ แต่ร่างนี้เธออายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น เธอไม่สามารถจินตนาการการเป็นแม่คนในยุคนี้ได้ว่าจะเป็นอย่างไร


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ติดใจกับคำพูดของหลิน ชูจิ่วว่านั้นเป็นความจริงหรือเท็จ แต่เขาจ้องมองไปที่นางอย่างเยือกเย็นและให้คำเตือนขึ้น “หลิน ชูจิ่ว จำไว้ว่าเจ้าเป็นชายาของเปิ่นหวาง แม้ว่าเปิ่นหวางจะไม่ต้องการเจ้า แต่ผู้ชายคนเดียวที่เจ้าสามารถมีได้ก็คือเปิ่นหวาง! “ถ้านางกล้าที่จะเอาหมวกเขียวมาใส่ให้เขา เขาจะฆ่าหลิน ชูจิ่วเสีย!


“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ” เธอเพียงแค่พูดไปเรื่อย แต่เขากลับสงสัยเธอมากขนาดนี้แล้ว


       เสี่ยวเทียนเหยา หายใจเข้าลึก ๆ และมองไปที่หลิน ชูจิ่วอีกครั้ง เขาไม่ต้องการวนเวียนอยู่ในหัวข้อนี้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “เก็บของและออกเดินทางในวันพรุ่งนี้”


“พรุ่งนี้? หวางเย่ ท่านต้องการจะกลับไปที่เมืองหลวงหรือ “เขาไม่ได้บอกว่าเธอจะต้องกลับไปกับเขาด้วย และแน่นอนว่าหลิน ชูจิ่วจะไม่ไปกับเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นเธอจึงแทบจะไม่สามารถรอที่จะแขวนประทัดและจุดเพื่อเฉลิมฉลองได้


       อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเทียนเหยา ก็ทำลายภาพลวงตาของหลิน ชูจิ่วลงอย่างโหดร้าย “ไม่ใช่ เจ้าจะกลับไปที่เมืองหลวงพร้อมกับเปิ่นหวางในวันพรุ่งนี้”


       แน่นอนว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะไม่ปล่อยเธอไป!


       หลิน ชูจิ่วรีบพูดขึ้นทันที “หวางเย่ ข้าไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปที่เมืองหลวงในทันที”


“เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางจะปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวหรือ?” เสี่ยวเทียนเหยา มองไปที่หลิน ชูจิ่วอย่างเยาะเย้ย “อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางจะกลับไปที่เมืองหลวงตามลำพังหรือ? “หลังจากเดินทางมาที่จวนจื่อด้วยตัวเองเช่นนี้แล้ว เขาจะกลับไปคนเดียวได้อย่างไร?


“ข้าไม่อยากกลับไป” หลิน ชูจิ่ว พยายามอย่างดีที่สุดในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่เธอต้องการ


       เสี่ยวเทียนเหยา มีวิธีการหนึ่งพันวิธีที่จะขู่ให้หลิน ชูจิ่ว กลับไปกับเขา แต่เขาไม่ต้องการที่จะใช้มัน ดังนั้นเขาจึงมองไปที่หลิน ชูจิ่ว และพูดขึ้น”องค์หญิงฟูอาน จะมาที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เพื่อขอโทษและมอบของขวัญให้กับเจ้าด้วยตัวเอง เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าไม่ต้องการจะกลับไป? ”


“องค์หญิงฟูอาน จะมาขอโทษด้วยตัวเอง? นางกลายเป็นบ้าไปแล้วหรือ? “เสี่ยวเทียนเหยา พยายามที่จะบอกเรื่องตลกเพื่อหลอกให้เธอกลับไปหรือ?


“นางคงหวังว่าจะเสียสติ แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น” เสี่ยวเทียนเหยา พูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย เขาไม่ได้ปิดบังการดูถูกพี่สาวของเขาแม้แต่น้อย


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้โกหกเธอ แล้วทำไม … …


       หลิน ชูจิ่ว ตอบสนองขึ้นอย่างรวดเร็วและถามขึ้น “มีอะไรเกิดขึ้นในพระราชวังหรือ?”


“เจ้าอยากรู้หรือ?”


       หลิน ชูจิ่ว พยักหน้าอย่างจริงใจ นับตั้งแต่เสี่ยวเทียนเหยามาถึงจวนจื่อ เธอก็ไม่ได้รับข่าวจากเมืองหลวงอีก เสี่ยวเทียนเหยา เก็บข้อมูลทั้งหมดไว้กับตัวเอง สิ่งที่เธอทำได้ก็คือปกป้องจวนเล็ก ๆหลังนี้และเดินไปรอบ ๆ บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น


“หลังจากกลับไปที่เมืองหลวงแล้วเปิ่นหวางจะบอกเจ้าเอง” เสี่ยวเทียนเหยา พยายามเกลี้ยกล่อมให้หลิน ชูจิ่วกลับไปกับเขาด้วยวิธีที่อ่อนโยนที่สุด น่าเสียดายที่ความสนใจของหลิน ชูจิ่ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอจึงส่ายหัวและพูดขึ้น “ข้าไม่อยากรู้เรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว”


       เมื่อเห็นใบหน้าที่ภูมิใจของหลิน ชูจิ่ว เสี่ยวเทียนเหยา ก็พยายามอย่างหนักเพื่อจะระงับความโกรธของเขา จากนั้นเขาก็ถามขึ้น “เจ้าต้องการที่จะพักอยู่ที่นี่นานแค่ไหน?” ถ้าเป็นเวลาไม่กี่วันเขาสามารถทนได้


“ทำไมท่านต้องการให้ข้ากลับไปที่เมืองหลวง? ตำหนักเสี่ยวหวางฟู เห็นได้ชัดเจนว่าไม่จำเป็นต้องมีหวางเฟย “หลิน ชูจิ่วถามขึ้นอย่างใจเย็น เพราะเธอไม่กล้าที่จะทำให้เสี่ยวเทียนเหยา โกรธ ถ้าเขาโกรธเขาอาจจะลากเธอกลับไปที่เมืองหลวงก็ได้


“ไม่ว่าตำหนักเสี่ยวหวางฟู่จะต้องการหวางเฟยหรือไม่ เจ้าก็ควรจะกลับไป ตอนนี้เจ้าที่เป็นเสี่ยวหวางเฟยที่มาอยู่ในจวนจื่อ มันดูไม่มีเหตุผล ถ้าเจ้ายังปฏิเสธที่จะกลับไป เปิ่นหวางก็ไม่มีปัญหาที่จะลากเจ้ากลับ! “เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ต้องการบอกหลิน ชูจิ่ว ว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และเมื่อมันเกิดขึ้นฮ่องเต้อาจจะลักพาตัวนางเพื่อใช้ข่มขู่เขา


       เมื่อเทียบกับตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แล้ว จวนหลังเล็กๆ แห่งนี้ไม่ปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย!


 

 

 


ตอนที่ 209.1

 

จากก้นบึ้งในหัวใจหลิน ชูจิ่ว เธอไม่ต้องการกลับไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่จริงๆ แต่ตอนนี้เสี่ยวเทียนเหยา ได้พูดคำเหล่านั้นออกมาแล้ว เธอยังจะพูดอะไรได้อีก


       และเนื่องจากเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปที่เมืองหลวง มันจึงจำเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ที่นั่น หลิน ชูจิ่วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเสี่ยวเทียนเหยา แล้วถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงฟูอาน? ทำไมนางถึงอยากจะขอโทษข้า? ”


       เธอไม่เชื่อว่าองค์หญิงฟูอานจะมีมโนธรรม เพราะถ้านางมีจิตสำนึก นางจะคิดแผนการแบบนั้นกับเธอได้อย่างไร?


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้ปล่อยให้หลิน ชูจิ่ว ต้องคาดเดา ก่อนจะพูดขึ้น “ตระกูลซุย ต้องการให้นางรับผิดชอบต่อการกระทำที่ผิดของตัวเอง ถ้านางปฏิเสธ นางกับบุตรชายคนที่สามของตระกูลซุย ก็จะต้องแยกทางกัน และตระกูลซุยก็จะไม่ปล่อยให้นางมีความสัมพันธ์ใดๆ กับพวกเขาอีก “


       หลิน ชูจิ่วส่งเสียงเย็นขึ้นและพูดอย่างแดกดันขึ้นทันที”องค์หญิงฟูอานถูกทำลายเพราะความรักหรือ?” สมาชิกในราชวงค์รู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไรด้วยหรือ?


“แน่นอนว่าไม่ใช่ … … ” องค์หญิงฟูอาน ได้รับการสนับสนุนจากฮ่องเต้ ดังนั้นทำไมนางจะต้องประนีประนอม? เพียงแค่นางเกิดไปรุกรานฮ่องเต้เข้า “นางวางแผนให้ฮ่องเต้หลับนอนกับโม่ อวี้เอ้อร์ ฮ่องเต้จึงโกรธและตำหนินางในที่สาธารณะ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถอยู่ในพระราชวังได้อีกไป”


“อะไรนะ? หวางเย่ท่านเพิ่งจะพูดอะไรนะ? “สายตาของหลิน ชูจิ่วเปิดกว้างขึ้น เธอไม่อาจจะเชื่อได้ในสิ่งที่เธอเพิ่งจะได้ยินมา” โม่ อวี้เอ้อร์ ปีนขึ้นเตียงของฮ่องเต้หรือ? ” ไม่ใช่ว่าโม่ อวี้เอ้อร์ชอบเสี่ยวเทียนเหยาหรอกหรือ? นางสามารถทำอะไรเพื่อเขาได้ ดังนั้นทำไมนางถึงปีนขึ้นไปบนเตียงของฮ่องเต้?


       เสี่ยวเทียนเหยา รู้ว่าหลิน ชูจิ่ว คิดอะไรอยู่ในใจนาง ดังนั้นเขาจึงมองไปที่นางและแก้ไขจินตนาการของนางเสียใหม่ “ไม่ได้ปีนขึ้นไปบนเตียง ฮ่องเต้ได้หลับนอนกับโม่ อวี้เอ้อร์ ความหมายไม่เหมือนกัน”


       การปีนขึ้นไปบนเตียงของฮ่องเต้หมายความว่าโม่ อวี้เอ้อร์ มีแผนการที่น่าอับอายและโลภมาก แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ปฏิเสธที่จะริเริ่มที่จะยอมรับอ้อมกอดของผู้หญิงคนหนึ่ง เขาจะไม่ทำอย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอนาคตไม่อาจคาดเดาได้


       อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ได้หลับนอนกับนางอย่างไม่คาดฝัน มันเป็นความผิดของฮ่องเต้ ดังนั้นฮ่องเต้จึงต้องแต่งงานกับนาง แต่ตราบใดที่นางไม่ฉลาดและมีเหตุมีผล นางก็จะไม่มีที่นั่งพิเศษในวังหลังของเขา


“อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายโม่ อวี้เอ้อร์ก็กลายเป็นผู้หญิงของฮ่องเต้” สำหรับหลิน ชูจิ่ว ความหมายมันก็เหมือนกัน โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะนางอยากจะเป็นอนุของเสี่ยวเทียนเหยา แต่ผลก็คือนางต้องกลายเป็นนางสนมของพี่ชายของเสี่ยวเทียนเหยาแทน


       เสี่ยวเทียนเหยา ทั้งหล่อเหลาและหนุ่มแน่น แต่ฮ่องเต้ก็เป็น … … เหมือนกับบิดาของนาง


       หลิน ชูจิ่ว ยอมรับว่าเธอไม่ใช่คนใจดี เมื่อเธอได้ยินข่าวนี้ เธอก็ต้องการที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังๆ ให้กับโม่ อวี้เอ้อร์และบอกนางว่า โม่ อวี้เอ้อร์เจ้าสมควรได้รับมันแล้ว!


       เมื่อเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของหลิน ชูจิ่ว ในปัจจุบันเสี่ยวเทียนเหยาก็ช่วยไม่ได้ที่จะส่ายหัว ผู้หญิงคนนี้ไม่มีความรู้สึกผิดปาบแม้แต่น้อย


“หลิน ชูจิ่ว เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไรกับการที่โม่ อวี้เอ้อร์ได้กลายเป็นผู้หญิงของฮ่องเต้แล้ว?” เสี่ยวเทียนเหยา อยากจะเตือนหลิน ชูจิ่ว ว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่ควรจะมีความสุข


       หลิน ชูจิ่ว ไม่ใช่คนโง่ แล้วเธอจะไม่รู้ได้อย่างไร “มันหมายความว่านางสามารถกลายเป็นสนมเอกและสามารถปีนขึ้นไปยังจุดที่สูงที่สุดในวังหลังได้ใช่ไหม? แต่แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับข้า? ถ้านางไม่ได้เป็นฮองเฮาข้าก็ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้านาง”เธอคือเสี่ยวหวางเฟย ชายาเอกที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นโดยฮ่องเต้ ไม่ว่าโม่ อวี้เอ้อร์จะกลายเป็นที่โปรดปรานแค่ไหน นางก็ยังอยู่ต่ำกว่าฮองเฮาอยู่ดี


“นางจะไม่ปล่อยเจ้าไป!” ตราบเท่าที่หลิน ชูจิ่วยังเป็นเสี่ยวหวางเฟยอยู่ โม่ อวี้เอ้อร์จะไม่ปล่อยนางไป


“เนื่องจากที่นางไม่ได้กลายเป็นอนุของท่านและข้าก็ยังคงแต่งงานกับท่านอยู่ นางจะแก้แค้นข้าอย่างแน่นอน “หลิน ชูจิ่ว ยอมรับว่าเธอขี้กลัวและขี้ขลาด แต่ถ้าทุกอย่างจะเป็นไปเช่นนั้น เธอก็จะต่อสู้ถ้าโม่ อวี้เอ้อร์ ต้องการจะต่อสู้


“เนื่องจากที่เจ้าเองก็รู้ เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่เป็นไร” ดูเหมือนหลิน ชูจิ่ว กำลังเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้อยู่ เสี่ยวเทียนเหยา เก็บความกังวลของเขาเอาไว้ในใจ ก่อนจะพูดขึ้น “เตรียมตัวให้เรียบร้อยและกลับไปที่เมืองหลวงพร้อมกับเปิ่นหวาง แม้ว่าเจ้าจะไม่สนใจเรื่องขององค์หญิงฟูอาน แต่มันก็จะดีที่สุดที่จะไว้หน้าตระกูลซุย “

 

 

 


ตอนที่ 209.2

 

“ข้ารู้” เมื่อใดก็ตามที่พูดถึงหัวข้อการกลับไปที่เมืองหลวงหลิน ชูจิ่วจะรู้สึกเศร้า “ข้าจะกลับไปในอีกสองวัน ท่านกลับไปก่อนเถิด ”


       ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาหลิน ชูจิ่วได้สอนหมออู๋และลูกศิษย์ของเขาอย่างมาก บางครั้งเสี่ยวเทียนเหยาก็จะมาฟังคำพูดไม่กี่คำที่พวกเขาพูดกัน และเขาก็ได้เรียนรู้ว่าการเย็บแผลเป็นอย่างไร


       ดังนั้นการได้ยินคำพูดของนางในตอนนี้ เสี่ยวเทียนเหยารู้ว่าหลิน ชูจิ่ว ไม่ได้มีเจตนาที่จะชะลอการเดินทางของพวกเขา เสี่ยวเทียนเหยา อยู่ในอารมณ์ที่ดีดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “เปิ่นหวางจะรอเจ้าอีกสองวัน หลังจากนั้นเราจะกลับไปที่เมืองหลวงด้วยกัน “


“ได้” หลิน ชูจิ่วเชื่อฟังมาก แต่หัวใจเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง


       เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเสี่ยวเทียนเหยา ต้องยืนยันที่จะพาเธอกลับไปที่เมืองหลวงด้วย


       เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหรือ?


       ไร้สาระ!


       สองวันนั้นไม่นาน แต่ดูเหมือนจะสั้นมาก อย่างไรก็ตามหลิน ชูจิ่ว กำลังวางแผนจะกลับมาที่จวนจื่อในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้วางแผนที่จะนำสิ่งของกลับมาที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ และสองวันนี้ก็ค่อนข้างเพียงพอที่จะจัดการของธุระบางส่วนของเธอได้


       ในความเป็นจริง หลิน ชูจิ่วไม่ได้ทำอะไรมากนัก เธอกล่าวคำพูดอีกเพียงไม่กี่คำต่อโม่ ชิงเฟิง เกี่ยวกับการดูแลพี่สาวของเขา และเธอก็บอกเขาว่าคนในจวนจื่อจะช่วยพวกเขาหากพวกเขาต้องการอะไร


       นอกจากนั้น หลิน ชูจิ่ว ยังไปเยี่ยมผู้ป่วยหลาย ๆ คนที่ได้รับการรักษาก่อนหน้านี้ เธอไปเยี่ยมพวกเขาเพื่อให้ยาส่วนที่เหลือที่พวกเขาต้องการ หลังจากนั้นเธอกลับไปที่จวนและเรียกพ่อบ้านมาพบ


       มีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ต้องการการตรวจติดตามผล ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงแนะนำพวกเขากับหมออู๋ หมออู๋จะอยู่ที่จวนจื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดเห็นใด ๆ


       เสี่ยวเทียนเหยาเห็นว่าเวลาส่วนใหญ่ของหลิน ชูจิ่ว ได้ใช้ไปเฉพาะกับผู้ป่วยเหล่านั้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะไม่พอใจเล็กน้อย


       หลิน ชูจิ่ว ไม่มีเวลาสำหรับเขาเลย!


       ในคืนสุดท้ายของพวกเขา เสี่ยวเทียนเหยา เห็นหลิน ชูจิ่ว ไม่ได้เก็บของของนาง ด้วยเหตุนี้เขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะสงสัยว่านางอาจจะมีเจตนาที่จะไม่กลับไปกับเขาหรืออาจจะวางแผนที่จะหลบหนีไปตอนกลางดึก


       เสี่ยวเทียนเหยาจึงจงใจสั่งให้ทหารของเขาจับตาดูหลิน ชูจิ่ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นหลิน ชูจิ่ว ตื่นแต่เช้า แต่ไม่ได้ทำอะไร เสี่ยวเทียนเหยา ไม่รู้ว่าหลิน ชูจิ่ว ไม่มีแผนการที่จะกลับมากับเขาไปหรือเพราะเขาเป็นคนใจร้อนเกินไป


       ในช่วงเวลาที่จะออกเดินทาง เสี่ยวเทียนเหยา เห็นซุยฉีและฉิวฉี ถือถุงสองใบในมือของพวกนาง ดังนั้นเขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น เมื่อนางจากมา นางมาพร้อมกับรถม้าคันใหญ่หลายคัน แต่ตอนนี้นางมีเพียงสองถุงเท่านั้นหรือ?


“หวางเฟย ท่านต้องการให้บ่าวไปนำรถม้าเพื่อใส่สิ่งของของท่านหรือไม่?” คนรับใช้ก้าวไปข้างหน้าและถามคำถามของที่กำลังมีอยู่ในใจของเสี่ยวเทียนเหยาในตอนนี้


       หลิน ชูจิ่ว ส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้อง ข้าไม่ได้นำอะไรมากับข้ามากนัก” ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ขาดสิ่งของหรือ?


       คนรับใช้ตกตะลึง แต่แล้วเขาก็พยักหน้าและพูดขึ้น “บ่าวเข้าใจแล้วหวางเฟย โปรดขึ้นรถเถิดขอรับ “


       ไม่ได้นำอะไรมามากหรือ?


       ก่อนที่เสี่ยวเทียนเหยา จะขึ้นรถม้าเขามองไปที่หลิน ชูจิ่ว และเห็นนางดูเป็นธรรมชาติมาก


       เมื่อผู้หญิงคนนี้จากมา นางไม่สามารถรอที่จะนำทุกสิ่งทุกอย่างของนางมาด้วยได้ แต่ตอนนี้นางแทบจะไม่ได้นำอะไรกลับไป มันก็ไม่เหมือนกับว่านางไม่อยากที่จะกลับไปหรอกหรือ? หมายความว่านางยังไม่พร้อมที่จะกลับไปหรือ?


       เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลัง คนรับใช้เข้าใจความหมายของเขาและบรรจุหีบห่อทั้งหมดของหลิน ชูจิ่วที่อยู่ในจวนจื่อและส่งพวกมันกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเงียบ ๆ


       หลิน ชูจิ่ว ไม่รู้ตัวเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอก เธอรู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะนั่งรถม้าคันเดียวกันกับเธอ ดังนั้นเธอจึงย้ายไปด้านข้างและนอนหลับไป ดังนั้นเมื่อเสี่ยวเทียนเหยา ขึ้นมาเขาก็เห็น … …


       อืม ใครจะรู้ว่าหลิน ชูจิ่ว กำลังนอนหลับอยู่จริงหรือแกล้งหลับกันแน่


       ถนนที่กลับสู่เมืองหลวงยาวและเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่หลิน ชูจิ่วก็สามารถนอนหลับไปตลอดทางกลับเมืองหลวงได้ เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นและไม่ได้พูดอะไรกับเสี่ยวเทียนเหยาแม้แต่น้อย


       ผู้หญิงคนนี้ไม่น่ารักเลยจริงๆ!


       ขาจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เข้าใจว่านางจะทำตัวเช่นนี้ไปสักพักหนึ่ง แต่ไม่ใช่ตลอดทั้งชีวิต!

 

 

 


ตอนที่ 210.1

 

  หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้ซ่อนความตั้งใจของเธอที่จะหลับมาตลอดทางจนถึงตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ และเมื่อพวกเขามาถึงเธอก็ “ตื่นขึ้น” แต่เธอไม่ได้มีอาการใด ๆ ที่บอกว่าเธอนอนหลับไปแม้แต่น้อย


       เสี่ยวเทียนเหยา มองไปที่นางและแดกดันขึ้น “เจ้านอนหลับดีหรือไม่ชายาข้า”


       หลิน ชูจิ่ว เป็นคนที่มีผิวหน้าที่หนา เธอจึงแค่พยักหน้าเธอราวกับว่าเธอไม่ได้เข้าใจความหมายของเสี่ยวเทียเหยา “ดี แต่แขนของข้าเจ็บเล็กน้อย ”


“เจ้าต้องการให้ข้านวดให้หรือไม่?”


       หลิน ชูจิ่วไม่ได้วางแผนจะตายในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเธอจึงส่ายหัวอย่างแน่วแน่ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าจะไปที่ห้องของข้าและนวดมันเอง ข้าคงจะไม่รบกวนหวางเย่ “


       เสี่ยวเทียนเหยา มีรอยยิ้มหวานบนใบหน้าของเขา แต่ดวงตาของเขาไม่มีร่องรอยของรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่มีความสุขเพราะเธอ “หลับ” ตลอดทาง แต่ … …


       เธอไม่รู้จริงๆว่าจะทำอะไรกับเขาเมื่อต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง


       ดังนั้นในท้ายที่สุดเธอเลือกที่จะพักผ่อน แต่เขากลับโกรธหรือ?


       เมื่อสิ่งนี้สิ้นสุดลง เธอจะเกลียดตัวเองเพราะไม่เข้าใจมันจริงๆ


       ดังนั้นตอนนี้เธอควรจะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?


       ลืมมันไปซะ เสี่ยวเทียนเหยา เองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ต่อไป


“คราวนี้เปิ่นหวางจะไม่เถียงกับเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยา มองไปที่หลิน ชูจิ่วอย่างเยือกเย็น และพูดอย่างเย็นชาขึ้น “แต่จะไม่มีครั้งต่อไป” ครั้งต่อไปที่หลิน ชูจิ่วแกล้งทำเป็นหลับ เขาจะทำให้นางหลับไปจริงๆ


“เจ้าค่ะ ” หลิน ชูจิ่ว จึงตั้งใจที่จะดำเนินการ “พฤติกรรมที่ประพฤติดี” ของเธอต่อไป


       อย่างไรก็ตาม ในครั้งต่อไปที่เธอจะนั่งอยู่ในรถม้ากับเสี่ยวเทียนเหยา อาจเป็นปีหน้าหรือมากกว่านั้น


“หวางเย่ หวางเฟย ถึงแล้วขอรับ” ทหารไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ดังนั้นเมื่อเขาเสร็จสิ้นการจัดการกับสิ่งต่างๆ เขาก็พูดขึ้นด้วยความเคารพ


“อืมม” เสี่ยวเทียนเหยา ตอบด้วยเสียงดัง ดังนั้นทหารจึงเปิดประตูม้าและนำรถเข็นของเขามาระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ทำให้มั่นใจว่ามีมั่นคงและปลอดภัย


       หลังจากที่เสี่ยวเทียนเหยา ออกมาจากรถม้าแล้ว ซุยฉีและฉิวฉี ก็มาข้างหน้า พวกนางช่วยหลิน ชูจิ่ว ลงจากรถม้า สาวใช้ทั้งสองรู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา เกลียดที่จะให้ผู้หญิงเข้าใกล้เขา ดังนั้นหลังจากที่ช่วยหลิน ชูจิ่วแล้ว พวกนางก็เดินออกไปทันที


       รอบๆ ตัวเสี่ยวเทียนเหยา จะสามารถมีผู้หญิงได้เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือหลิน ชูจิ่ว  


       เมื่อพ่อบ้านเฮ้าเห็นฝูงชนที่หน้าประตูตำหนักเสี่ยวหวางฟู่  ใบหน้าของเขาก็บานขึ้นด้วยความสุขทันที”บ่าวชราผู้นี้ทำความเคารพหวางเย่และหวางเฟย บ่าวชราผู้นี้รู้ว่าหวางเย่และหวางเฟยคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ดังนั้นบ่าวจึงได้ทำความสะอาดเรือนและเตรียมน้ำร้อนเอาไว้แล้ว หวางเย่และหวางเฟยต้องการที่จะรับอาหารก่อนหรืออาบน้ำก่อนขอรับ? ”


“พักผ่อน” เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นและทันทีรถเข็นของเขาก้าวไปข้างหน้า คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็ตามไปด้วย หลิน ชูจิ่วก็ก้าวไปข้างหน้าด้วย แต่เมื่อเธอเห็นคนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังนำหีบใส่ของของเธอลงมาจากรถม้า เธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้น “เจ้าแบกอะไรมา?” ทำไมหีบเหล่านั้นดูคล้ายกับหีบที่อยู่ในห้องของเธอ? แต่เธอไม่ได้นำอะไรที่อยู่ในจวนจื่อมาด้วยเสียหน่อย


       อย่างไรก็ตามคนที่ให้คำตอบกลับเป็นเสี่ยวเทียนเหยา “สิ่งของของเจ้า”


       “ของข้า? เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ได้นำอะไรมา “หลิน ชูจิ่ว ตอบ แต่ … …


       เสี่ยวเทียนเหยาได้ไปแล้วและไม่ได้ให้ความสนใจของเธออีก


       หลิน ชูจิ่วรู้สึกรำคาญมาก จากนั้นเธอก็เรียกสาวใช้ทั้งสองซึ่งพยายามหลบหนีไปกลับมา “ซุยฉี ฉิวฉี เกิดอะไรขึ้น?”


       สาวใช้ทั้งสองทำอะไรไม่ได้นอกจากจะพูดขึ้น “หวางเฟย เมื่อท่านเข้าไปในรถม้า หวางเย่ก็สั่งให้เก็บของของท่านโดยไม่ให้เหลืออะไรเอาไว้ “มันไม่ใช่ความผิดของเรา เราอยากจะบอกท่าน แต่ … … ท่านก็กำลังหลับอยู่!


“หวางเย่สั่ง? ข้าเข้าใจแล้ว “หลิน ชูจิ่วไม่ต้องการที่จะอยู่ด้วยความโกรธ เธอเป็นผู้ใหญ่ที่โตแล้ว เธอไม่ควรโกรธเสี่ยวเทียนเหยา ด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เธออาจดูเหมือนจะมีอีคิวที่ต่ำ แต่ … …


       เสี่ยวเทียนเหยาจะไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยหรือ เขาคิดว่าเพียงเพราะเขานำสิ่งของต่างๆของเธอกลับมาแล้วเธอจะไม่สามารถกลับไปที่จวนจื่อ ได้อีกหรือ?


       ขาของเธอยังติดอยู่กับเธอ เธอสามารถไปได้ทุกที่ที่เธอต้องการ!

 

 

 


ตอนที่ 210.2

 

 เมื่อเห็นหลิน ชูจิ่ว ไม่ได้ขยับ ซุยฉีและฉิวฉี ก็ช่วยไม่ได้ที่จะเตือนนางขึ้น “หวาง หวางเฟย เราควรจะเข้าไปข้างในนะเจ้าค่ะ” เมื่อพวกเขาเข้าไป หลิน ชูจิ่ว ก็ไม่ได้กล่าวถึงปัญหานี้อีก


       แน่นอนว่าหลิน ชูจิ่ว จะไม่โกรธ เธออาจเข้ามาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่สามารถกลับไปที่จวนจื่อได้ อย่างไรก็ตาม เธอจะรอให้องค์หญิงฟูอานมาขอโทษเธอก่อนที่เธอจะไป


       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้รอหลิน ชูจิ่ว หรือกลับไปเรือนของหลิน ชูจิ่ว เขาเพียงแค่ตรงไปยังห้องอักษรของเขาที่เรือนใหญ่ซึ่งซูฉาและหลิวไป๋กำลังรอเขาอยู่  


“หวางเย่ท่านกลับมาแล้ว” ซูฉาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับความตื่นเต้น และราวกับว่าเขาเห็นผู้ช่วยชีวิตของเขา เขาร้องไห้ต่อหน้าเขาและกอดขาเขา


       เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่ซูฉาและพูดขึ้น”มากไปแล้ว!”


       คำพูดที่เย็นชาของเสี่ยวเทียนเหยา ช่วยขจัดความตื่นเต้นของซูฉา ออกไปทั้งหมด เขาเช็ดน้ำตาและหยุดการแสดงที่มากเกินไปของเขา “ข้าแค่อยากแสดงความตื่นเต้นของข้าในการได้พบท่านอีกครั้ง ท่านไม่รู้หรือว่าข้ากลับหลิวไป๋ยุ่งมากแค่ไหน? ”


“แต่ก็ยังไม่ตาย” ถ้าเจ้ายังไม่ตาย เจ้าก็ไม่ได้ยุ่งมากอะไร


       ซูฉาเกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด “ท่านต้องพูดแบบนี้กับคนที่ช่วยท่านด้วยหรือ?”


“เจ้าไม่ใช่คนของเปิ่นหวางหรือ?” เสี่ยวเทียนเหยา หันไปและผลักรถเข็นของเขาไปข้างหน้า


       ตอนนี้ขาของเขาดีมาก แต่เขาก็มีทักษะในการใช้รถเข็นมากเช่นกัน


       ซูฉาและหลิวไป๋ตามหลังเข้าไป แล้วก็พูดพึมพำขึ้น “พวกเราจะไม่เป็นคนของท่านได้อย่างไร?”


“ดี ที่พวกเจ้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนของเปิ่นหวาง” เสี่ยวเทียนเหยา ผลักรถเข็นของเขาไปที่ด้านหลังของโต๊ะและมองไปที่ซูฉาและหลิวไป๋ซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะแล้วก็พูดขึ้น “นั่งลง”


“อืม … … ” ชายสองคนให้ความร่วมมือและนั่งลงข้างๆกัน หนึ่งอยู่ทางด้านขวาและหนึ่งอยู่ทางด้านซ้าย


       แต่ทันทีที่เขานั่งลงซูฉาก็เปิดปากขึ้น “เทียนเหยา เจ้าหว่านล้อมให้หวางเฟยกลับมาได้อย่างไร? ข้าคิดว่าหวางเฟย จะไม่ยกโทษให้กับเจ้าเสียแล้วในครั้งนี้ ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะกลับมาพร้อมกับนาง เจ้าทำได้อย่างไร? เจ้าเสียสละอะไรถึงทำให้หวางเฟยให้อภัยเจ้า? ”


       ซูฉา ยอมรับว่าเขาทำตัวราวกับเด็ก แต่เขาก็อยากรู้จริงๆ!


       หลิวไป๋เคยชินกับความอยากรู้อยากเห็นอย่างฉับพลันของซูฉา ดังนั้นเขาจะคอยดูว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะจัดการกับเขาอย่างไร  


       ดวงตาของเสี่ยวเทียนเหยานั้นเยือกเย็น ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่คำพูดที่เย็นชาก็ออกมาจากปากของเขา”พูดคำพูดของมนุษย์!”


“ไม่ใช่ว่าข้าก็พูดคำพูดของมนุษย์หรือ?” ร่างกายของซูฉาแทบจะจมดิ่งลง แต่เขารู้สึกไม่ถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “ข้าแค่อยากรู้ เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบอะไรถ้าเจ้าไม่ต้องการ ข้าไม่ได้บังคับเจ้า ”


“ถ้าเจ้าไม่รู้วิธีการที่จะพูดคำพูดของมนุษย์ เปิ่นหวางก็ไม่ว่าอะไรที่จะสอนเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้รู้สึกดีเกี่ยวกับเรื่องนี้


       นี่เป็นภัยคุกคามอย่างแน่นอน ซูฉายอมรับว่าเขากลัวเพราะฉะนั้นเขาจึงรีบเอาความคับข้องใจของเขาลงไป และพูดอย่างจริงจังขึ้น “ฮ่องเต้ได้ค้นพบการกระทำของเราและได้ส่งกองกำลังไปเพื่อสกัดกั้นคนของเรา คนของเราที่ไปที่ดินแดนทางเหนือได้ต่อสู้ และทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับความเสียหาย “


“องครักษ์เงาฮู? เขาถึงขนาดยอมส่งเขาออกไป ไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิงจะสามารถวางแผนจัดฉากกับเขาได้ ” นี่เป็นความอับอายที่ยิ่งใหญ่สำหรับฮ่องเต้ เสี่ยวเทียนเหยา ในเวลานี้มีไม่ได้มีความตั้งใจที่ดี “เมื่อไหร่ที่องครักษ์เงาฮู วางแผนที่จะลงมือ?”


       เขาอยากจะดูความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่จะมาทีหลัง และเมื่อมันเกิดขึ้น เขาอยากดูว่าฮ่องเต้จะยังคงมีพลังในการจัดการกับการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างไร?


“ควรจะเป็นหลังจากสองวัน หลังจากนั้นองค์หญิงฟูอาน ก็น่าจะออกไปจากพระราชวังแล้ว “ซูฉาสามารถเดาได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเมื่อไห่ร่ที่หมอหลวงฉิน ต้องการจะลงมือ


“ผลักดันเขา มันจะเกิดขึ้นก่อนที่องค์หญิงฟูอานจะมาพบหลิน ชูจิ่ว “เขาไม่สามารถปล่อยให้หลิน ชูจิ่ว มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงความสงสัยเพียงเล็กน้อยก็ตาม … …

 

 

 


ตอนที่ 211.1

 

  มันไม่ใช่เรื่องยากที่เสี่ยวเทียนเหยาจะกดดันหมอหลวงฉิน เพื่อทำให้เขาทำการเคลื่อนไหว เพื่อที่จะยืมมือขององค์หญิงฟูอาน หมอหลวงฉิน ต้องดำเนินการก่อนที่นางจะออกจากวัง


       ซูฉา ภายใต้ชื่อของเสี่ยวเทียนเหยา เขาไปที่จวนตระกูลชุย เพื่อพูดถึงความตั้งใจของเขา บุตรชายคนที่สามและองค์หญิงฟูอาน จะไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เพื่อขอโทษกับเสี่ยวหวางเฟย


       ในประโยคนี้แสดงให้เห็นว่าตระกูลชุย ต้องไปรับองค์หญิงฟูอาน โดยตรงและพานางมา เมื่อองค์หญิงฟูอานออกมา นางจะไม่กลับไปที่พระราชวังอีก ด้วยเหตุนี้หากหมอหลวงฉิน ต้องการใช้นางจริงๆ เขาต้องลงมือก่อนที่องค์หญิงฟูอาน จะออกจากวัง


       ตระกูลชุย ยินดีที่จะให้ไว้หน้าเสี่ยวเทียนเหยา ก่อนหน้านี้พวกเขาเสนอว่าองค์หญิงฟูอาน ควรจะรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของนาง การกระทำแบบง่ายๆที่เรียกว่าการขอโทษนี้เป็นสัญญาณของการไว้หน้าองค์หญิงฟูอานมากแล้ว และนี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะทำเช่นนั้น


       เมื่อบุตรชายคนที่สามของตระกูลชุย พูดคำเหล่านี้ออกมา ใบหน้าขององค์หญิงฟูอานก็ยังคงดูดีอยู่ แม้ว่าฮ่องเต้จะโกรธนาง แต่นางก็ไม่อยากให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก


       นางเป็นน้องสาวคนโปรดของฮ่องเต้ ตราบเท่าที่เรื่องนี้สิ้นสุดลง นางก็จะยังคงเป็นน้องสาวที่รักที่สุดของฮ่องเต้อยู่ดี


“อาจารย์ สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปแล้ว องค์หญิงฟูอาน ต้องการออกจากพระราชวังก่อนเวลาที่กำหนด” เมื่อหมอหลวงฉิน ได้รับข่าวเขาก็ได้รายงานไปยังชายชราคนหนึ่งที่มีผมสีเงินทันที


“เช่นนั้น ก็เริ่มแผนก่อนเวลา” ชายชราที่มีผมสีเงินแสดงสีหน้าที่รอบคอบออกมา แต่เมื่อเขาเห็นว่าหมอหลวงฉิน ดูไม่สบายใจ ดังนั้นเขาจึงปลอบโยนเขาด้วยประโยคหนึ่งขึ้น “มั่นใจได้ ใครบางคนช่วยเราอยู่ สิ่งต่างๆจะราบรื่นขึ้น”


       หมอหลวงฉินเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ เขาไม่ได้เป็นคนโง่ ดังนั้นเขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น “เสี่ยวหวางเย่ค้นพบเราแล้ว” สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้พวกเขาต้องเคลื่อนไหวก่อนเวลา นอกเหนือไปจากเสี่ยวเทียนเหยาแล้ว หมอหลวงฉิน ก็ยังไม่สามารถนึกถึงคนที่สามารถจัดการกับสิ่งต่างๆได้


“บางที แต่ใครจะรู้” ชายชราที่มีผมสีเงินไม่สนใจว่าใครช่วยพวกเขา เขามุ่งเน้นไปที่การแก้แค้นของเขาเท่านั้น แต่หมอหลวงฉิน ต่างกัน เขาเป็นคนของฮ่องเต้ เขาจะร่วมมือกับแผนการของเสี่ยวเทียนเหยา ได้อย่างไร?


       หมอหลวงฉิน ถามอย่างรอบคอบขึ้นทันที “อาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ … เราจำเป็นต้องร่วมมือกันเป็นเวลานานหรือไม่”


“มันไม่จำเป็น ในโลกนี้ไม่มีศัตรูนิรันดร์ ไม่มีเพื่อนนิรันดร์ มีเพียงความสนใจที่เป็นนิรันดร์เท่านั้นที่มีอยู่ ความร่วมมือนี้จะไม่ทำให้เจ้าเป็นคนของเสี่ยวหวางเย่ เจ้าได้เห็นแล้วว่าฮ่องเต้และเสี่ยวหวางเย่ได้ต่อสู้กันมาตลอด ถึงแม้แคว้นทางภาคเหนือจะประกาศสงคราม แต่พวกเขาก็จะยังไม่หยุดยั้งหรือแม้แต่จะจับมือกัน “ชายชราที่มีผมสีเงินกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในอารมณ์ที่ดี


       หมอหลวงฉิน ถอนหายใจและพูดขึ้น “อาจารย์ข้าเข้าใจแล้ว” เขาเข้าใจว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะไม่คุกคามเขาด้วยปัญหานี้


“เจ้าสามารถมั่นใจได้ แม้ว่าเสี่ยวหวางเย่จะไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่เขาก็สามารถไว้ใจได้ ถ้าเราไว้หน้าของเขา เขาจะจำเจ้าได้ “สำหรับชายชราที่มีผมสีเงิน ตราบเท่าที่เขาสามารถแก้แค้นได้ ไม่ว่าใครที่หมอหลวงฉินจะต้องร่วมมืดด้วยมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ


       หมอหลวงฉินพยักหน้า “สองวันต่อจากนี้ องค์หญิงฟูอานจะไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่เพื่อขอโทษเสี่ยวหวางเฟย ข้าจะเริ่มต้นในวันนั้น” เขาสันนิษฐานว่าฮ่องเต้จะไม่คาดหวังว่าองค์หญิงฟูอานจะสร้างเรื่องต่อต้านเขา ก่อนที่นางจะจากไป


“ดีมาก” ชายชราที่มีผมสีเงิน กำกำปั้นของเขาขึ้นด้วยความตื่นเต้น …


แม้ว่าหลิน ชูจิ่ว จะไม่ได้นอนบนรถม้า เธอก็ได้พักมาตลอดทาง หลังจากที่เธออาบน้ำ เธอจึงไปเยี่ยมเจินจู และคนอื่น ๆ


       การบาดเจ็บของหญิงสาวทั้งสี่เทียบได้ว่าน้อยมากในบรรดาคนอื่น ๆ ดังนั้นพวกนางจึงสามารถลุกขึ้นได้ เมื่อพวกนางได้เห็นหลิน ชูจิ่ว พวกนางก็รู้สึกตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจินจู นางไม่สามารถสงบตัวเองลงได้เลย


“หวางเฟย ในที่สุดท่านก็กลับมา!”


“หวางเฟย ท่านคงไม่รู้ เมื่อท่านจากไปพวกเราน่าสังเวชมากแค่ไหน”


“ตอนนี้ พ่อบ้านเฮ้า มีความสุขมาก เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าทุกคนจะตายจากความเยือกเย็นอีกแล้ว ”


“… …”

 

 

 


ตอนที่ 211.2

 

 เมื่อได้รับบาดเจ็บ ชีวิตของพวกเขาก็น่าเบื่อ ดังนั้นหญิงสาวทั้งสี่คนจึงรายงานการกระทำของเสี่ยวเทียนเหยา เมื่อหลิน ชูจิ่วจากไป ทุกการกระทำของเสี่ยวเทียนเหยา ถูกรายงานโดยทีละคนๆ


       รายงานฉบับนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าความรุนแรงของอารมณ์ของเสี่ยวเทียนเหยา ทุกการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเขาทำให้ทุกคนกลัวแทบตาย ร่างกายของเขามักจะปล่อยบรรยากาศที่หนาวเย็นและหนักหน่วงออกมา ซึ่งทำให้แม้แต่ซูฉาและหลิวไป๋กลัวที่จะเข้าใกล้เขา


       ในวันที่หลิน ชูจิ่วเกิดอุบัติเหตุ นอกเหนือจากผู้บาดเจ็บที่ได้รับบาดเจ็บทหารส่วนที่เหลือที่ควรจะปกป้องหลิน ชูจิ่ว ต่างก็ถูกลงโทษอย่างหนักโดย หวางเย่ของพวกเขา ด้วยเหตุที่ว่าพวกเขาไม่สามารถปกป้องนางได้ดี


       เจินจูและอีกสามคนนั้นโชคดีมากเพราะได้รับบาดเจ็บ มิฉะนั้นคนทั้งสี่จะโศกเศร้ามากกว่านี้ เพราะพวกนางอาจสูญเสียงานของพวกเขาในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ไปเลยก็ว่าได้


       เจินจู และอีกสามคนเต็มไปด้วยอารมณ์และพูดพร้อมกันขึ้น”หวางเฟยมันดีจริงๆที่ท่านกลับมา เมื่อท่านอยู่ที่นี่ ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ รู้สึกเหมือนเป็นบ้าน “


       หลิน ชูจิ่ว หัวเราะ แต่ไม่พูดอะไร


       ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ไม่ใช่บ้านของเธอ เธอไม่สามารถรู้สึกถึงการเป็นหนึ่งในสถานที่แห่งนี้ได้ เธอไม่สามารถทำในสิ่งที่เธอต้องการได้เนื่องจากการถูกกดขี่


       เมื่อเห็นหลิน ชูจิ่วยิ้มเพียงเล็กน้อย พวกนางก็คิดว่านางเหนื่อย ดังนั้นพวกนางจึงแนะนำให้นางกลับและพักผ่อนในห้องของนาง


       หลิน ชูจิ่ว ไม่อยากฟังเรื่องเกี่ยวกับเสี่ยวเทียนเหยาอีกต่อไป เธอบอกกับหญิงรับใช้ทั้งสี่คนว่าพวกนางยังไม่สามารถออกไปและกลับมารับใช้เธอได้ตราบใดที่ยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ เมื่อหลิน ชูจิ่วพูดอย่างนั้น ดังนั้นทั้งสี่สาวใช้จึงไม่กล้าที่จะตั้งคำถามกับการตัดสินใจของเธอ … …


       หลังจากที่หลิน ชูจิ่วได้ไปเยี่ยมสาวใช้ทั้งสี่คนของเธอ เธอก็ไม่ได้รีบกลับไปที่ห้องของเธอ แต่เธอไปดูทหารที่ได้รับบาดเจ็บคนอื่น ๆแทน


       ทหารองครักษ์ในแถวหน้าได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดจากอาการบาดเจ็บสาหัส จนถึงขณะนี้พวกเขายังไม่สามารถลุกจากเตียงได้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นหลิน ชูจิ่ว มาพวกเขาก็กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะลุกขึ้น


“หวางเฟย ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของท่าน มันเป็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เราทำให้หวางเฟยต้องเป็นกังวลและมาเยี่ยม พวกเรากลัวว่าเราจะไม่สามารถแบกรับสิ่งนี้ได้ “ทหารองครักษ์ไม่คาดหวังว่าหลิน ชูจิ่วจะมาดูพวกเขา การปกป้องนางคืองานของพวกเขา


       หลิน ชูจิ่วหยุดพวกเขาไม่ให้เคลื่อนไหว”ข้ามาพบเจ้าทั้งหมด ไม่ใช่มาทำให้บาดแผลของพวกเจ้าเลวร้ายลง นอนลงไปและไม่ต้องลุกขึ้น ถ้าแผลของพวกเจ้าเปิด ข้าจะกลายเป็นคนบาป “


       ผู้บาดเจ็บที่ได้รับบาดเจ็บจริงๆไม่สามารถลุกขึ้นได้ ดังนั้นด้วยการยืนกรานของหลิน ชูจิ่วพวกเขาจึงเอนตัวลงไปนอนเช่นเดิม แต่ไม่กล้ามองหน้าเธอโดยตรง อย่างไรก็ตามพวกเขาแอบมองเธอทีละคนๆ ใบหน้าของหลิน ชูจิ่วดูจริงจังมาก


       หลิน ชูจิ่วไม่ต้องการทำเรื่องยากสำหรับพวกเขา หลังจากที่เธอได้รู้ว่าบาดแผลของพวกเขาถูกจัดการได้เป็นอย่างดี และพวกเขาก็ได้รับยาในชีวิตประจำวัน หลิน ชูจิ่วก็รู้สึกโล่งใจและพูดก่อนที่จะออกไป “อาการบาดเจ็บของพวกเจ้าได้รับการรักษาอย่างดี พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก แต่ถ้าใครรู้สึกไม่สบายด้วยเรื่องอันใด พวกเจ้าสามารถขอให้สาวใช้ของข้าพามาพบข้าได้ และข้าจะช่วยพวกเจ้าเอง”


       นี่เป็นคำสัญญา ทหารองครักษ์ไม่คิดว่าหลิน ชูจิ่วจะเป็นคนที่เรียบง่ายเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้น “พวกเราขอบคุณหวางเฟยขอรับ”


       หลิน ชูจิ่ว หัวเราะและพูดติดตลกขึ้น “แค่พูดเบาๆ ก็ได้ อย่าทำให้บาดแผลของพวกเจ้าเปิด”


       ทหารองครักษ์ที่ไม่เคยคิดว่าหลิน ชูจิ่วจะล่อเล่นกับพวกเขา หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีทหารองครักษ์ก็พูดขึ้น “หวางเฟย มั่นใจได้ หมออู๋ปิดบาดแผลอย่างแน่นหนาและมันจะไม่เปิดแน่นอนขอรับ “


       เมื่อหลิน ชูจิ่ว ออกไป ทหารองครักษ์ก็ยังคงพูดคุยเรื่องต่างๆกันต่อไป “หวางเย่และหวางเฟย แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หวางเฟยใจดีมาก นางเพิ่งจะกลับมา แต่นางก็มาเยี่ยมพวกเราแล้ว “


“ใช่ ใช่ หวางเฟย ไม่ใช่แค่งดงามเท่านั้น แต่ยังมีจิตใจที่ดีงามอีกด้วย ข้าคิดว่าแผลของข้าดูน่าเกลียดมาก แต่นางก็ยังคงสัมผัสมัน”


“เจ้าเด็กคนนี้โชคดีมาก ฮะ ฮ่าๆๆๆๆ … … ”


       ห้องคนป่วยขนาดเล็กมีชีวิตชีวามากเนื่องจากการไปเยือนของหลิน ชูจิ่ว ทหารองครักษ์ยังคงยกย่องหลิน ชูจิ่วอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับเสี่ยวเทียนเหยานะหรือ?


       โอ้ … พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร พวกเขาไม่อาจนึกภาพหวางเย่ที่มีจิตใจดีได้ … …


       หลังจากที่เสี่ยวเทียนเหยา ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น เขาก็ไม่ได้โกรธ แต่เขาพึมพำขึ้นอย่างหงุดหงิดและพูดในใจของเขาขึ้น ความสามารถในการซื้อหัวใจของผู้คนของเจ้ามีความแข็งแกร่งมากจริงๆ!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม