Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1625-1631

ตอนที่ 1625 น้ำแข็งเทพจากฟากฟ้า

 

“เชี่ย! อะไรวะเนี่ย” 


 


 


จางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงเพิ่งเดินมาถึงด้วยการนำทางของเหล่าฉา เขาก็รู้สึกว่ากล้องส่องวัตถุในตอนกลางคืนสว่างขึ้นมาก เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกตาของสุนัขส่องแสงมา เขาจึงรีบเคลื่อนกล้องออกจากตา 


 


 


จากนั้นเขาก็เห็นฉากอันน่าเหลือเชื่อ ลำแสงตรงสายหนึ่งผ่าทะลุชั้นเมฆตรงขอบฟ้าทางตะวันออก ส่องลงไปในป่าที่ไม่ไกลข้างหน้าราวกระบี่อันคมกริบ แต่ท้องฟ้าตรงส่วนอื่นยังมีเมฆดำปกคลุม มืดเหมือนก้นหม้อ 


 


 


ช่องว่างตรงชั้นเมฆเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ลำแสงก็กำลังเปลี่ยนรูปร่างไม่หยุดหย่อน ไอน้ำที่ปกคลุมหนาทึบถูกลำแสงสาดส่อง เกิดปรากฏการณ์ทินดอลล์ราวกับจินตนาการขึ้นอีกครั้ง ในลำแสงคล้ายกับมีเทวดานับไม่ถ้วนกำลังโบยบิน 


 


 


หลังจากมาถึงป่าเรดวูด เขาเคยเห็นปรากฏการณ์แสงที่เรียกว่าแสงพระเยซูแบบนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ได้หาชมยากเมื่ออยู่ในป่า แต่แบบนี้ไม่บ่อยเกินไปเหรอ? 


 


 


ในบรรดาแสงพระเยซูต่างๆ ที่ช่างภาพทั่วโลกถ่ายเอาไว้ได้ ยังแพ้ให้กับความมหัศจรรย์ของปรากฏการณ์ในครั้งนี้ 


 


 


พวกภูตสัตว์เลี้ยงก็ถูกเรื่องปาฏิหาริย์ของธรรมชาติทำให้ตกตะลึงจนพูดไม่ออก 


 


 


“มารดาคุณสิ สุดยอดมาก! แค่เห็นลำแสงนี้ก็คุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้แล้ว” 


 


 


เขาจุ๊ปากชม ถ้ามีเวลา เขาอยากชื่นชมทิวทัศน์งดงามให้มากกว่านี้สักหน่อย แม้แต่จิตใจก็เปิดกว้างขึ้นมา แต่เขาร้อนใจที่จะไปตามหาฟราเทอร์ แสงสว่างนี้ช่วยเขาได้พอดี 


 


 


“เมี๊ยว” 


 


 


เขาเพิ่งก้าวขาไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ซิงไห่ก็ขวางทางไป แถมกำลังกะพริบดวงตาสีเทาเงินมองเขาด้วย 


 


 


“ทำไมเหรอซิงไห่” 


 


 


เขารู้สึกว่าซิงไห่อยากจะพูดบางอย่าง จึงหยุดเดิน 


 


 


ซิงไห่หันหน้าไปราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ มันมองลำแสงจากป่าข้างหน้า แล้วก็หันกลับมามองเขาอีกครั้ง 


 


 


“เมี๊ยว พักอยู่ที่นี่แป๊บหนึ่งเถอะ” มันพูด จากนั้นก็นั่งลงก่อน 


 


 


“เอ๋?” จางจื่ออันตะลึงงัน “ซิงไห่เหนื่อยเหรอ ถ้านายเหนื่อย งั้นนายก็พักก่อน พวกเราจะไปตามหาฟราเทอร์ ถ้าเสียเวลามากกว่านี้ ฉันกลัวว่ามันจะเกิดอันตราย พอนายพักพอแล้วก็ค่อยตามพวกฉันไป หรือนายจะกลับไปพักผ่อนในมือถือก็ได้…” 


 


 


เขาไม่ค่อยวางใจให้ซิงไห่อยู่คนเดียว 


 


 


ที่จริงพายก็เหนื่อยแล้ว แต่มันยันกระบองไม้ช่วยค้ำร่างกายเพื่อแบ่งเบาน้ำหนัก จึงยังไหวอยู่ 


 


 


“เมี๊ยว” ซิงไห่กลับส่ายหน้า “ทุกคนหยุดพักก่อนเถอะ อย่าเพิ่งเดินไปข้างหน้าเลย” 


 


 


“เอ่อ…” 


 


 


จางจื่ออันกับเหล่าฉาได้ยินแล้วก็ประหลาดใจ ฝ่ายหลังใช้สายตาบ่งบอกว่าตอนนี้ยังไม่พบอันตรายอะไร 


 


 


“ทำไมถึงยังไม่ให้เดินต่อล่ะ ข้างหน้ามีเรื่องอะไรเหรอ” เขาถาม 


 


 


ซิงไห่กะพริบตา ก่อนจะเอียงคอมองไปข้างหน้า แล้วพูดจริงจัง “ข้างหน้ามีการต่อสู้ของเทพ ไม่ใช่อาณาเขตที่พวกเราจะเหยียบเท้าเข้าไปได้แล้ว” 


 


 


“…” 


 


 


จางจื่ออันกับเหล่าฉามองหน้ากัน 


 


 


“ถ้าฟีน่ากับวลาดิเมียร์อยู่ที่นี่ก็คงทำอะไรได้บ้าง แต่พวกเรา…เมี๊ยว พวกเราพักหน่อยดีกว่า!” ซิงไห่หาวอย่างสบายอารมณ์ 


 


 


คำพูดนี้…จางจื่ออันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนดูถูก เหมือนกำลังบอกว่าอาบน้ำนอนเถอะ ทั้งที่ยังมีเรื่องอัดอั้นตันใจอยู่ 


 


 


เหล่าฉาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า กลับยอมที่จะเชื่อมันสักครั้ง จึงหัวเราะเสียงใสแล้วพูดว่า “จื่ออัน พวกเจ้าหยุดพักผ่อนที่นี่เถอะ ไม่ว่าข้างหน้าจะเป็นเทพหรือปิศาจ ข้าก็อยากจะ…เอ๋?” 


 


 


ยังพูดไม่ทันจบ เหล่าฉาก็มองเห็นสิ่งของกึ่งโปร่งแสงบางอย่างผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว จึงเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว 


 


 


ปัง! 


 


 


ลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าไข่เป็ดลูกหนึ่งตกลงบนก้อนหิน แล้วแตกเสียงดังโครม น้ำแข็งเย็นเยียบพลันแตกกระจายออกมานับไม่ถ้วน 


 


 


เหล่าฉายกแขนเสื้อชุดคลุมขึ้นมาบังหน้าทันที เพื่อกันไม่ให้แผ่นน้ำแข็งแหลมๆ กระเด็นถูกหน้า 


 


 


จากนั้น ลูกเห็บก็ตกลงมาจากท้องฟ้ามากขึ้น 


 


 


“แกว๊กๆ!” 


 


 


“เจี๊ยกๆ!” 


 


 


“ฉิบหาย! หาที่หลบเร็ว!” 


 


 


จางจื่ออันใช้มือกุมหัว แล้วเรียกพวกภูตสัตว์เลี้ยงให้หลบลูกเห็บ 


 


 


พายก็โยนกระบองไม้ทิ้ง แล้วยกมือขึ้นกุมหัวเลียนแบบท่าทางของเขา  


 


 


“แกว๊ก! แกว๊ก! ไอ้บ้านี่ใจร้ายจัง! ช่วยข้าบังด้วยสิ!” ริชาร์ดร้องโหยหวน 


 


 


“เมี๊ยว ตรงนั้นมีหินก้อนใหญ่” 


 


 


ซิงไห่ชี้วิ่งไปข้างๆ พวกเขาก็เห็นหินก้อนยักษ์รูปร่างแปลกๆ อยู่ตรงนั้น มันมีความสูงมากกว่าผู้ชายโตเต็มวัยเสียอีก ด้านหนึ่งของก้อนหินมีหลุมเว้าคล้ายกับบันไดพับ ใช้หลบหินได้พอดี 


 


 


ทุกคนก็ไม่มีเวลามาเรื่องมาก พากันรีบวิ่งไปทางหินก้อนยักษ์อย่างสุดชีวิต ก่อนจะขดตัวเรียงกันอยู่ในหลุมเว้าเป็นแถว หลบลูกเห็บที่จู่โจมมาเหมือนพายุฝน เสียงลูกเห็บกระทบหินยักษ์แล้วแตกดังก้องอยู่ในหูไม่หยุด 


 


 


พวกเขาหาที่หลบเรียบร้อยแล้ว ลูกเห็บก็ตกรุนแรงขึ้น 


 


 


ลูกเห็บมาอย่างรุนแรง ตกเป็นบริเวณกว้างเกินจินตนาการ อาจด้วยไอน้ำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเป็นตัวเพิ่มกระสุนลูกเห็บพวกนี้ จางจื่ออันมีชีวิตมานานขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นลูกเห็บที่รุนแรงขนาดนี้เลยจริงๆ 


 


 


อย่าว่าแต่เขาเลย เหล่าฉาเคยเห็นหิมะถล่มที่ร้อยปียากจะเกิดสักครั้งในป่าลึก ระหว่างทางส่งตัวเจ้าสาวเคยเจอพายุฝนเทลงมาและน้ำท่วมราวกับเขื่อนแตก แต่ลูกเห็บที่ตกอย่างบ้าคลั่งแบบนี้ มันไม่เคยได้ยินมาก่อน 


 


 


ทีแรกขนาดของลูกเห็บใหญ่พอๆ กับไข่ไก่หรือไข่เป็ด พอจะนับได้ว่าปกติ แต่เกือบจะเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งใหญ่เท่าอิฐถล่มลงมาภายในพริบตา ก้อนน้ำแข็งมหึมากลมโตลูกหนึ่งยังตกลงไปในโคลนต่อหน้าต่อตาพวกเขา ถ้านี่กระแทกถูกคนเข้า คาดว่าคงพอๆ กับกระสุนปืนใหญ่ยิงตรงเป้าเลยทีเดียว… 


 


 


มีบันทึกลูกเห็บก้อนใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม แต่มีข่าวลือจากหลายๆ ที่บอกว่าเคยมีลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าฐานหินกลมรองรับตัวโม่ด้วย ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ และไม่รู้ว่าลูกเห็บหนักขนาดนั้นก่อตัวขึ้นบนชั้นบรรยากาศได้อย่างไร ไม่สามารถใช้หลักฟิสิกส์มาอธิบายได้จริงๆ แต่อย่างน้อยตอนนี้จางจื่ออันก็ได้เห็นลูกเห็บยักษ์น้ำหนักเกินหนึ่งกิโลกรัมแล้ว 


 


 


ลูกเห็บลูกแล้วลูกเล่าทำลายสถิติไม่หยุด นอกจากคำว่า “เชี่ย” ที่ปล่อยออกมาเรื่อยๆ เขาก็หมดคำจะพูด สงสัยว่าเป็นตู้เย็นแบบเก่าของเทพเจ้าองค์ไหนกำลังละลายน้ำแข็งหรือเปล่า 


 


 


อำนาจน่าเกรงขามของธรรมชาติอยู่เบื้องหน้า พลังของเขาเล็กจ้อยร่อยเกินไป ลูกเห็บตกลงมาเร็วมากจนแมวยังมองตามไม่ทัน ถึงเป็นเหล่าฉาก็ไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองจะหลบลูกเห็บทุกลูกได้ 


 


 


ในสถานการณ์แบบนี้ จางจื่ออันเป็นห่วงฟราเทอร์ที่สุด ไม่รู้ว่าฟราเทอร์จะหาที่หลบลูกเห็บได้หรือเปล่า แต่ก็เกินกำลังที่เขาจะช่วยเหลือได้จริงๆ ออกจากที่กำบังหินก็เท่ากับฆ่าตัวตาย ไม่เพียงช่วยฟราเทอร์ไม่ได้ อาจจะต้องจบชีวิตตัวเองด้วย 


 


 


ลูกเห็บครั้งนี้กะทันหันและแปลกประหลาด หรือว่า…นี่ก็คือสงครามเทพที่ซิงไห่พูดถึง? 


 


 


จางจื่ออันค่อนข้างเชื่อว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ แต่ขนาดของลูกเห็บยังเกินจริงเลย 


 


 


ริมสนามรบยังอันตรายขนาดนี้ อย่างนั้นพื้นที่ใจกลางสนามรบ…คงจะพอๆ กับนรกเลยสินะ 


 


 


ได้ยินว่าขั้นตอนที่ซุนหงอคงในเรื่อง ‘ไซอิ๋ว’ จัดการกับปิศาจได้เยี่ยมยอดกว่าผู้อยู่เบื้องหลังคนไหนๆ ยามเจอปิศาจที่ไร้ผู้ติดตามก็จะฆ่าให้ตายทันที เจอปิศาจที่มีผู้อยู่เบื้องหลังแข็งแกร่งก็ทำได้แค่เคลื่อนพลทหารมาช่วย งั้นเขาก็ได้แค่หวังว่าผู้อยู่เบื้องหลังของฟราเทอร์จะแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย 

 

 

 


ตอนที่ 1626 ความลึกลับในสายหมอก

 

อาจด้วยลางสังหรณ์ของสัตว์ป่าต่อภัยธรรมชาติ หรืออาจด้วยการชี้นำน่าอัศจรรย์ใจของทวยเทพ แน่นอนว่าตอนลูกเห็บลูกหนึ่งตกลงมา ฟราเทอร์ก็เกิดสัญญาณเตือนในใจ จึงถอยหลังไปสองก้าว และลืมตามองลูกเห็บที่ก้อนใหญ่เท่ามันฝรั่งกระแทกตรงที่มันยืนอยู่เมื่อครู่ 


 


 


ขนาดและอานุภาพของลูกเห็บเกินความคาดหมายของมันไปไกลมาก แถมยังปรากฏขึ้นตอนนี้พอดี จึงยากจะคิดว่ามันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ 


 


 


มันเห็นซาเมียลนอนอยู่บนแง่งกิ่งไม้ที่ห่างจากพื้นสามสิบถึงสี่สิบเมตร หันหน้าไปทางตะวันออกและอธิษฐานอย่างกระตือรือร้น แต่เนื่องจากอยู่ไกลเกินไป มันไม่ได้ยินคำอธิษฐาน แล้วก็ไม่อยากได้ยินด้วย ด้วยรู้สึกว่าเป็นเสนียดหูตัวเอง 


 


 


“เห็นแล้วสินะ! เทพของเจ้าแค่ใช้ลำแสงหลอกเด็กเท่านั้น แต่เทพของข้ามีอำนาจทำลายธรรมชาติ!” ซาเมียลอธิษฐานเสร็จแล้ว ก็ยืนยกอุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างขึ้นฟ้าอย่างบ้าคลั่ง 


 


 


ฟราเทอร์พยายามหลบหลีกห่าฝนลูกเห็บ แต่ความเร็วที่ลูกเห็บตกลงมาก็มากเกินไป ใช้ตาเปล่าคาดเดาตำแหน่งการตกของลูกเห็บได้ยากมาก ช่วงกะพริบตามันถูกกระแทกไปแล้วหลายครั้ง ดีที่ลูกเห็บในตอนแรกไม่ใหญ่เกินไป และร่างกายในตอนนี้ของมันก็ได้รับการสนับสนุนจากแสงเทพ ความสามารถในการต้านทานและจู่โจมจึงเพิ่มมากขึ้น ไม่อย่างนั้นลูกเห็บหลายลูกนี้คงทำกะโหลกมันแตกได้แน่ๆ 


 


 


แต่พอตาเห็นขนาดของลูกเห็บใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ฟราเทอร์ก็รู้ว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแล้ว 


 


 


มันจึงยกโชคชะตาของตัวเองให้ขึ้นอยู่กับเทพ ก่อนจะหลับตาลง 


 


 


แม้จะหลับตาแล้ว ข้างหน้ามืดมิดไปหมด แต่ในสมองของมันกลับมองเห็นสิ่งต่างๆ มากมาย มันมองเห็นโดมยิ่งใหญ่ รูปปั้นงดงาม พรมขนหงส์สีแดงฉานนุ่มนิ่ม หน้าต่างสีรุ้งที่เหมือนจริง… 


 


 


มันได้ยินเสียงท่องกลอนที่เหมือนเสียงจากธรรมชาติ มองเห็นเทวดานับไม่ถ้วนหลั่งใหลออกมาจากทางเดิน ราวกับพวกเขากำลังต้อนรับมัน พลางดึงขนของมัน เพื่อชี้นำมันไปยังประตูโค้งของบันไดสูง 


 


 


มันเดาได้ว่าในประตูโค้งมีอะไร และบอกได้ว่าใครอยู่ในนั้น มันหัวใจเต้นเร็วมาก ปล่อยให้พวกเทวดาจูงมันเดินไปยังประตูโค้งทีละก้าวอย่างว่าง่าย 


 


 


ซาเมียลก้มหน้าก้มตาพูดพร่ำอยู่บนต้นไม้ กลับพบว่าฟราเทอร์ที่อยู่ใต้ต้นไม้เหมือนกับไม่ได้ยินด้วยซ้ำ มันหลับตาปี๋ และดินโซเซไปข้างหน้าราวกับเดินละเมอ 


 


 


ที่แปลกคือการก้าวย่างที่เหมือนกับคนเมาทำให้ฟราเทอร์หลบลูกเห็บทั้งหมดได้ ไม่กระแทกโดนมันเลยสักลูก 


 


 


ซาเมียลโมโหมาก จ้องมองจุดสว่างที่เหมือนเด็กน้อยติดปีกพวกนั้นในลำแสง มันรู้ว่าเป็นผีที่คนพวกนั้นสร้างขึ้นมา แต่มันทำอะไรไม่ได้ 


 


 


ถ้าลูกเห็บใช้ไม่ได้ผล งั้นเปลี่ยนเป็นลมร้อนกีบลิจากทะเลทรายซาฮาร่าและอุณหภูมิเกินเจ็ดสิบองศาเป็นอย่างไร? ลมแรงที่ม้วนทรายมาจะบังตาและปิดหูเอาไว้ ต้นไม้กิ่งไม้ที่หักเค่นเพราะลมจะปลิวเหมือนหลาว แทงทะลุร่างกายได้ง่ายๆ 


 


 


ซาเมียลคิดดูแล้ว ก็ยังติดสินใจไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าลูกเห็บทำร้ายฟราเทอร์ไม่ได้ ลมร้อนกีบลิก็น่าจะทำอะไรได้บ้าง 


 


 


มันกระโดดลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว ตัดสินใจเข้าสู่สนามรบด้วยตัวเอง ฟราเทอร์หลับตาหลบหลีกลูกเห็บ หากมันจู่โจมตอนนี้ อีกฝ่ายคงไม่มีแรงจะตอบโต้สินะ? 


 


 


ส่วนตัวมันเอง แน่นอนว่าไม่ได้รับผลกระทบจากลูกเห็บ 


 


 


เป็นไปตามคาด การจู่โจมครั้งแรกของมันได้ผลชัดเจน ฟราเทอร์ที่อยู่ในสภาพหลับตากึ่งเดินละเมอไม่ได้ป้องกันตัวเลยสักนิด ร่างกายถูกกรงเล็บของมันข่วนจะเป็นรอยเลือด แล้วก็เพิ่มขึ้นเป็นสองรอย สามรอย… 


 


 


ฟราเทอร์กลับสู่สภาพถูกทำร้ายอีกครั้ง มันถูกข่วนจนเนื้อเปิด ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วคงต้านทานไม่ไหวแน่ 


 


 


“เทพของเจ้าช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว ตายไปเสียดีๆ เถอะ!” 


 


 


ซาเมียลเริ่มจู่โจมอย่างบ้าคลั่งขึ้น โบกกรงเล็บสองข้างโจมตีไม่หยุดหย่อน สาบานว่าต้องฆ่าฟราเทอร์ให้ตายคาที่ 


 


 


คราวนี้ฟราเทอร์ถึงขั้นจนมุมแล้วจริงๆ เทพของมันไม่ได้ใช้กำลังป่าเถื่อนเหมือนอีกฝ่าย จึงไม่ได้สร้างภัยพิบัติต่อโลกเพียงเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง 


 


 


พายุลูกเห็บขนาดใหญ่และรุนแรงขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีสัตว์ป่าต้องตายเพราะมันตั้งเท่าไร รวมถึงสัตว์หายากที่หลงเหลือไม่เท่าไรพวกนั้น 


 


 


มันคล้ายจะได้ยินเสียงของพวกสัตว์ร้องอย่างเศร้าโศกข้างหู ตรงหน้าปรากฏสภาพน่าเวทนาของพวกมันที่ถูกลูกเห็บกระแทกตาย ทุกครั้งที่มีสัตว์ตัวหนึ่งตาย ฟราเทอร์จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้พวกมันตาย จนมันรู้สึกผิดขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้เทพของฟราเทอร์ใช้ความรุนแรงต่อต้านความรุนแรงจนเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน ซาเมียลก็คงไม่ตายง่ายๆ ตายแล้วอาจจะฟื้นคืนชีพได้อีก 


 


 


บางที… 


 


 


บางทีมันตายไปแล้ว กลับเป็นเรื่องดีของพวกสัตว์… 


 


 


ในใจของฟราเทอร์มีแต่ความคิดด้านลบ การเคลื่อนไหวหลบหลีกอย่างคล่องแคล่วพลันก็กลับมาทึ่มทือ พริบตาเดียวร่างกายของมันก็มีบาดแผลลึกเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายรอย 


 


 


ตอนนี้ ฉับพลันมันก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา ราวกับถูกบางอย่างจับตามอง 


 


 


ไม่เพียงแค่ฟราเทอร์ ซาเมียลก็รู้สึกได้เช่นกัน 


 


 


“ใครกัน ใครกำลังแอบมองข้า ไสหัวออกมานะ!” 


 


 


ซาเมียลรู้สึกเคลือบแคลงใจ เพราะพายุลูกเห็บรุนแรงขนาดนี้ นอกจากมันกับฟราเทอร์ ภูตสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเทพในระดับที่ต่างกันแล้ว สัตว์หรือคนที่กล้าเข้ามาที่นี้จะต้องเจอกับการทำลายล้างอันไร้ปรานี 


 


 


มันไม่แน่ใจว่าที่แอบซ่อนอยู่เป็นมิตรหรือศัตรู เพื่อป้องกันเรื่องเกินคาด มันจึงหยุดการจู่โจมฟราเทอร์ชั่วคราว 


 


 


ฟราเทอร์ลืมตา หลบหลีกลูกเห็บไปด้วย พิจารณารอบข้างด้วยความสงสัยไปด้วย 


 


 


จางจื่ออันเหรอ? 


 


 


หรือภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่น? 


 


 


ถ้าพวกเขามาถึงที่นี่ ทำไมไม่โผล่ออกมาเลยล่ะ 


 


 


มันรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นพวกจางจื่ออัน เพราะอาณาเขตนี้ถูกพายุลูกเห็บปิดตายแล้ว อยากจะเข้ามาอย่างปลอดภัยก็ยากยิ่ง 


 


 


ฟู่ 


 


 


เนื่องจากลูกเห็บมากมายตกลงมาบนพื้น บนพื้นจึงเต็มไปด้วยน้ำแข็งกึ่งโปร่งแสงเหมือนคริสทัล น้ำแข็งละลายจะดูดซับความร้อนจำนวนมาก และอุณหภูมิของป่าเรดวูดก็ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว นี่ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงเร็วมาก ใกล้เคียงกับจุดเยือกแข็งแล้ว แถมยังมีหมอกสลัวค่อยๆ ตลบอบอวลขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว 


 


 


ฟราเทอร์กับซาเมียลมองเห็นทุกอย่างพร้อมกัน อยู่ๆ ในป่าก็มีแสงไฟสีขาวพุ่งออกมากะทันหัน ราวกับไอสีขาวอันเกิดจากสัตว์ที่ปรับอุณหภูมิร่างกายหายใจออกมาในฤดูหนาว แต่ตรงนั้นกลับไม่มีอะไรเลย 


 


 


“ใครน่ะ” 


 


 


อีกฝ่ายมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ซาเมียลจึงยกอุ้งเท้าหน้าสองข้างขึ้นมาป้องไว้ด้านหน้า แล้วตะโกนถามอีกครั้ง 


 


 


แกรบ 


 


 


เสียงเหยียบกิ่งไม้เบาเท้าดังขึ้นในป่า แล้วค่อยๆ ใกล้พวกมันสองตัวอย่างอ้อยอิ่ง 


 


 


“เฮอะ! คิดว่าแค่นี้จะทำให้ข้ากลัวได้หรือ?” 


 


 


ซาเมียลยกอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งขึ้นสูง ราวกับกำลังบอกบางอย่างที่อยู่บนท้องฟ้า จากนั้นน้ำแข็งก้อนมหึมาก็ตอบสนองความตั้งใจของมัน และตกลงมาจากท้องฟ้า กระแทกลงไปยังตำแหน่งที่เกิดเสียงเมื่อครู่ 


 


 


น้ำแข็งลูกนี้ใหญ่เกินเหตุ ใหญ่พอๆ กับรถเข็นที่ใช้ซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ส่วนโค้งของต้นไม้ที่หนาเท่าต้นขาของผู้ชายโตเต็มวัยแตกอย่างแรง เศษน้ำแข็งและเกล็ดน้ำแข็งมากมายตกลงเหมือนหยดน้ำฝน 


 


 


เศษน้ำแข็ง เกล็ดน้ำแข็ง ใบไม้ กิ่งไม้บางๆ ร่วงใส่บางอย่างที่ไม่มีรูปร่าง ส่งให้เห็นโครงร่างของมันชัดเจนขึ้นมา คล้ายกับ…หมาป่าตัวหนึ่ง หรือสุนัขขนาดใหญ่ เพราะตัดสินจากขนาดตัวเพียงอย่างเดียว ในบรรดาสัตว์ป่าประเภทสุนัขในปัจจุบันก็มีแค่หมาป่าอเมริกาเหนือถึงจะมีขนาดตัวใหญ่เท่านี้ได้ 


 


 


ฟราเทอร์กับซาเมียลตะลึงไปพร้อมๆ กัน ต่างก็ถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะตั้งอกตั้งใจ ต่างฝ่ายต่างหลับตาเริ่มอธิษฐาน 


 


 


ฟราเทอร์ไม่รู้ว่าซาเมียลกำลังอธิษฐานอะไร และมันก็กำลังอธิษฐานเช่นกัน ขอให้เทพมอบดวงตาสัพพัญญู* ให้แก่ตัวเอง และมีดวงตารู้แจ้งทุกอย่างอย่างในตำนาน ให้ตัวเองมองเห็นความลึกลับในสายหมอกได้ชัดเจนในตอนนี้ 


 


 


 


 


 


 


 


 


*ดวงตาสัพพัญญู หรือ พระเนตรรู้แจ้งของพระเจ้า พบได้อยู่ด้านหลังมหาลัญจกรสหรัฐบนธนบัตรดอลลาร์  

 

 


ตอนที่ 1627 ขับไล่

 

ในเทพนิยายอารยธรรมโบราณพัฒนามาจากอารยธรรมโบราณมากมาย ต่างก็เลื่อมใสศรัทธา ‘ดวงตา’ ตั้งแต่ดวงตาแห่งฮอรัส ไปจนถึงดวงตายักษ์ซูเมอร์บริเวณเมโสโปเตเมียร์ และดวงตาปูดมองไปข้างหน้าในซากปรักหักพังของเสฉวนชื่อซานซิงตุย เป็นอุปกรณ์สาดแสงโบราณที่ย่ำแย่จริงๆ ในความมืดเต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นผู้คนจึงหวังว่าตัวเองจะมองเห็นได้มากและไกลยิ่งขึ้น 


 


 


ที่ฟราเทอร์อธิษฐานต่อเทพ กลับเป็นดวงตามหัศจรรย์ของดวงตาแห่งฮอรัสในตำนาน 


 


 


ตอนฟราเทอร์ลืมตาอีกครั้ง ดวงตาของมันแตกต่างออกไป ลูกตาและม่านตาไม่ใช่ดวงตาของหมาป่าแบบเดิมอีก แต่เหมือนดวงตาของคน 


 


 


โลกในตาของมันขจัดสิ่งปลอมแปลงออกไป เห็นร่างจริงอย่างชัดเจน มันมองเห็นลายเส้นบางๆ ทุกเส้นของต้นไม้ มองเห็นเม็ดฝุ่นปลิวว่อนอยู่บนท้องฟ้าเกลี้ยงเกลา ลูกเห็บที่ตกลงมาเร็วก็เคลื่อนที่ช้าลงราวกับหอยทาก มันมองเห็นไอน้ำที่อยู่ในลูกเห็บทุกลูกอย่างชัดเจน 


 


 


ดวงตาเป็นอวัยวะที่น่าอัศจรรย์ มันส่งข้อมูลการมองเห็นให้สมองจำนวนมากทุกวินาที และสมองทำได้แค่เลือกรับไว้ และกรองรายละเอียดที่ไม่มีประโยชน์จำนวนมากออก ไม่อย่างนั้นก็จัดการไม่ไหว ข้อมูลการมองเห็นที่ดวงตาแห่งการรู้แจ้งนำมาให้ ยิ่งมหาศาลจนยากจะจินตนาการ 


 


 


ดวงตารู้แจ้งที่อานุภาพยิ่งใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่หมาป่าอย่างฟราเทอร์จะรับได้ ถึงแม้มันอธิษฐานด้วยใจจริง อุทิศตัวเองให้เทพ ก็ทำได้แค่แลกเปลี่ยนชั่วคราว 


 


 


การแลกเปลี่ยนนี้ ทำให้มันมองเห็นหมาป่าอีกตัวหนึ่ง หมาป่าอเมริกาเหนือคลาสสิคตัวหนึ่ง 


 


 


หมาป่าตัวผู้ตัวนี้มีอานุภาพและร่างกายแข็งแรง ถึงแม้อยู่ท่ามกลางหมาป่าอเมริกาเหนือก็เป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุด 


 


 


แต่ที่ดึงดูดสายตาของฟราเทอร์กลับไม่ใช่ร่างกายของหมาป่าตัวนี้ แต่เป็นหน้าตาประหลาดของหมาป่าตัวนี้ 


 


 


พวกภูตสัตว์เลี้ยงที่ฟราเทอร์เคยเจอ ยังรักษาหน้าตาคงเดิมไว้ทั้งหมด ถึงแม้เหล่าฉาใส่หมวกไม้ไผ่สานก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหน้าตาไป 


 


 


บนใบหน้าของหมาป่าอเมริกาเหนือตัวนี้มีสีทาหน้ากระจายเป็นเส้นๆ บนใบหน้า ประกอบไปด้วยสีแดง สีขาว สีดำ และสีเขียว ไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาแน่นอน แต่เป็นการใช้สีธรรมชาติบางอย่างทาบนใบหน้า 


 


 


นอกจากใบหน้า บนตัวของมันก็ทาสีทาตัวจำนวนหนึ่ง เพียงแค่ไม่ได้ถี่เหมือนบนหน้า 


 


 


ไม่เพียงเท่านั้น หลังหัวและหลังหูของหมาป่าตัวนี้ยังมีขนนกเส้นยาวๆ เสียบอยู่รอบหนึ่ง 


 


 


พูดตามตรง ถ้าเห็นตัวหมาป่าตัวนี้ตอนกลางดึก คาดว่าคนที่เห็นคงจะตกใจแทบตาย นี่เป็นหมาป่าที่ไหนกัน เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ! 


 


 


ฟราเทอร์คุ้นเคยกับร่างกายของหมาป่ามาก มันมองปราดเดียวก็จำได้ว่าเป็นหมาป่า แต่ไม่รู้ทำไมต้องทาสีบนหน้ากับบนตัวด้วย 


 


 


“เอ๋? นี่คือสัตว์ประหลาดอะไร!” 


 


 


ซาเมียลร้องตกใจ ดูเหมือนมันจะได้รับบางอย่างที่คล้ายกับดวงตาแห่งความรู้แจ้งจากการอธิษฐานเช่นกัน มันจึงมองเห็นตัวของหมาป่าตัวนี้ 


 


 


ดวงตาแห่งการรู้แจ้งนำความเป็นสุขที่ไม่สามารถบรรยายได้มาให้พวกมัน ราวกับยึดกุมไว้ทั้งหมด ความรู้สึกแบบนี้ช่างน่าหลงใหลยิ่ง 


 


 


ไม่ว่าฟราเทอร์หรือซาเมียล ดวงตาที่พวกมันได้รับใช้ได้เพียงเวลาสั้นๆ ไม่อย่างนั้นหัวของพวกมันไม่มีทางรับตัวเลขมหาศาลที่ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่องได้ เกรงว่าจะร้อนเกินไปจนพังเหมือนเครื่องคิดเลข 


 


 


พวกมันหลับตาลง และลืมตาอีกครั้ง ดวงตากลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว โลกที่มองเห็นเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่พวกมันรู้ว่าตรงนั้นมีหมาป่าที่มองไม่เห็นตัวหนึ่ง 


 


 


เป็นภูตสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เหรอ? 


 


 


ไม่ เหมือนสัตว์ที่ไม่ได้กลายร่างเป็ยภูตสัตว์เลี้ยงอย่างสมบูรณ์มากกว่า 


 


 


ฟราเทอร์นึกถึงสิ่งที่มองเห็นเมื่อครู่ ตามหลักการแล้ว ดวงตาแห่งการรู้แจ้งมองเห็นได้ทุกอย่าง แต่ร่างกายส่วนหนึ่งของหมาป่าตัวนี้ยังเลือนรางเล็กน้อย ยืนยันว่ามันยังไม่ได้ก่อตัวเป็นรูปร่างอย่างสมบูรณ์ 


 


 


“สมควรตายจริงๆ! บังเอิญออกมาก่อความวุ่นวายตอนนี้!” ซาเมียลก่นด่า “นี่! สัตว์ประหลาดตัวนั้น! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป!” 


 


 


ฟราเทอร์กับซาเมียลไม่แน่ใจว่าภูตสัตว์เลี้ยงที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่มีแผนการอะไร แต่ถึงอย่างไรก็เป็นหมาป่าตัวหนึ่ง ฟราเทอร์พลันรู้สึกสนิทสนมกับศาสดาตัวนี้ มันจึงเลือกมองการเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบๆ 


 


 


และมันรู้สึกว่า ในเมื่อหมาป่าตัวนี้ยังไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่จริงๆ อย่างนั้นจะต้องไม่จากไปง่ายๆ แน่นอน 


 


 


ฟู่ 


 


 


หมาป่าพ่นไอสีขาวออกมาครั้งหนึ่ง โครงร่างเลือนรางที่เศษน้ำแข็งและเกล็ดแข็งเกาะให้เห็นเป็นร่างคร่าวๆ เริ่มเปลี่ยนทิศทาง ราวกับกำลังมองมาทางซาเมียล 


 


 


ซาเมียลแอบร้องว่าซวยแล้ว ดูท่าทางสัตว์ประหลาดตัวนี้จะพุ่งเป้ามาที่มัน ตอนนี้ลงหมากตัวไหนบนกระดานก็ทำให้ตราชั่งแห่งชัยชนะแย่ลงทั้งนั้น 


 


 


บรู๋ววว 


 


 


หมาป่าแหงนหน้าหอน 


 


 


ฟราเทอร์ฟังรู้เรื่องทันที นี่เป็นประกาศคำสั่งรวมพลจู่โจมของฝูงหมาป่า และ…หมาป่าตัวนี้อาสารับหน้าที่แสร้งโจมตี ทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจของเหยื่อ 


 


 


จากนั้น หมาป่าตัวนั้นก็สะบัดเศษน้ำแข็งและเกล็ดน้ำแข็งส่วนใหญ่ออกจากตัว เค้าโครงเลือนรางไปในทันที ก่อนจะพุ่งมาทางซาเมียลอย่างรวดเร็ว 


 


 


“เฮอะ! น่าขัน! ในเมื่อเจ้าอยากตาย เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์เจ้า!” 


 


 


ซาเมียลอยากยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นสูงๆ เรียกน้ำแข็งให้กระแทกที่ร่างกายเลือนรางนั้น น้ำแข็งคราวนี้มีขนาดใหญ่โตที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ไม่ต้องกระแทกแม่นนัก แค่เฉียดด้านข้างก็ส่งมันไปเจอพระเจ้าได้แล้ว 


 


 


แต่อุ้งเท้าหน้าของมันเพิ่งยกขึ้นได้ครึ่งเดียว มันก็รู้สึกแปลกไป เพราะสี่ขาของมันถูกบางอย่างจับเอาไว้กะทันหัน ขยับตัวไม่ได้ 


 


 


เป็นเถาวัลย์ 


 


 


เถาวัลย์วนรอบเหมือนงูที่ปราดเปรียวแอบพันมันเอาไว้ พันธนาการการเคลื่อนไหวของมันเอาไว้ 


 


 


“ขอบคุณนะ พี่ชาย” 


 


 


ฟราเฟอร์ขอบคุณหมาป่าตัวนั้นเงียบๆ มันนึกวิธีจับการซาเมียลได้แล้ว และเป็นเวลาอันล้ำค่าที่หมาป่าตัวนั้นช่วงชิงมาให้มัน 


 


 


ฟราเทอร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง รอยแผลที่เท้าทั้งสี่ข้างและตรงซี่โครงด้านซ้ายส่องแสงสีแดงศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ออกมา 


 


 


“ข้าขอสั่งเจ้าแทนพระบิดา!” 


 


 


“ข้าขอสั่งเจ้าแทนพระบิดา!” 


 


 


“ข้าขอสั่งเจ้าแทนพระบิดา!” 


 


 


“ท่านผู้นั้นที่มีตำแหน่งสูงสุดบนสวรรค์ ท่านแต่เพียงผู้เดียว ข้าจะใช้ชื่อของพระบิดา พระบุตร และพระจิตสั่งเจ้า ไสหัวกลับไปนรกเสีย ปิศาจร้าย!” 


 


 


อยู่ๆ พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน ดินเคลื่อน ภูเขาไหว ก้อนหินกลิ้ง ต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้าไหวเอนราวกับตุ๊กตาล้มลุก ดินเริ่มไหลเหมือนกับของเหลว 


 


 


พื้นดินใต้เท้าของซาเมียลที่ถูกเถาวัลย์พันเอาไว้เปิดออกเป็นช่องขนาดใหญ่ ลึกจนมองไม่เห็นปลายทาง ราวกับมันเชื่อมต่อกับนรก มองเห็นลาวาสีแดงฉานรินไหลอยู่รางๆ รวมทั้งเสียงโหยหวนเหมือนผีร้ายดังมาจากใต้ดิน 


 


 


“ไม่! ไม่ควรเป็นเช่นนี้!” 


 


 


ซาเมียลร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวัง มันเงยหน้ามองท้องฟ้า พยายามใช้การอธิษฐานเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองอีกครั้ง แต่ตอนนี้เถาวัลย์เส้นหนึ่งมัดปากของมันแล้ว ทำให้มันพูดไม่ชัดแม้แต่คำเดียว 


 


 


เถาวัลย์มัดซาเมียลเอาไว้ และตกลงไปในเหวลึกพร้อมกับมัน 


 


 


พื้นดินเริ่มปิด ตอนรอยแยกหายไป คำสาปแช่งสุดท้ายของซาเมียลก็หยุดลงด้วย 


 


 


ลูกเห็บหยุดแล้ว 


 


 


ลำแสงจากท้องฟ้าก็หายไปแล้ว แม้แต่เมฆสีดำก็บางลง และทยอยเผยให้เห็นแสงสว่างจ้า 


 


 


ร่างกายของฟราเทอร์กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง มันทรุดตัวนั่งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พลางหอบหายใจกระชั้น 


 


 


ซาเมียลอาจจะมีเก้าชีวิตจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเก้าชีวิตพอให้มันหนีออกมาจากนรกได้หรือเปล่า 


 


 


อ้อ ไม่ใช่สิ อย่างมากก็เหลือแปดชีวิตแล้ว 


 


 


ฟู่ 


 


 


หมาป่าตัวนั้นพ่นไอสีขาวออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในป่า 


 


 


“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน” 


 


 


ฟราเทอร์พยายามเรียกมัน แต่มันไม่หยุดยั้งฝีเท้า แล้วหายไปในป่าโดยไม่เหลือความอาลัยอาวรณ์ทิ้งไว้เลย 

 

 

 


ตอนที่ 1628 สัญลักษณ์ประจำเผ่า

 

 


 


 


ฟราเทอร์ผิดหวังมาก ในใจโหวงเหวงเหมือนเหวลึก ไม่ใช่เพราะหมาป่าที่ออกมาช่วยมันเพียงช่วงสั้นๆ แล้วก็จากไปทันที และไม่ใช่เพราะเพิ่งทำลายศัตรูตัวฉกาจที่มันเอาชนะด้วยตัวมันเองไม่ได้เท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือมันสับสนงงงวยในโชคชะตาของตัวเอง 


 


 


ตั้งแต่มาปรากฏตัวบนโลกใบนี้ มันมีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นคือชำระป่าเรดวูดให้บริสุทธิ์ ขับไล่ปิศาจที่อยู่ในป่า 


 


 


มันไม่แน่ใจว่าเป้าหมายนี้เข้ามาในหัวของมันอย่างไร คิดแค่ว่านี่เป็นการชี้นำจากเทพเท่านั้น เทพชี้นำให้มันมาจากซานฟรานซิสโกจนถึงป่าเรดวูด และชี้นำให้มันเจอกับจางจื่ออัน ตอนนี้มันทำหน้าที่ได้ด้วยการช่วยเหลือของเขาและภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่น แต่กลับไม่ได้รับการชี้นำต่อ ว่าหลังจากนี้มันต้องไปที่ไหน มันจึงรู้สึกสับสนในตัวเอง 


 


 


มันต้องตามหาหนทางของตัวเอง ก็เหมือนพี่น้องมนุษย์ของมัน เขาผ่านวัยเด็กและวัยรุ่นที่ไม่แตกต่างอะไรกับคนธรรมดาแล้ว และเจอกับความสับสนในช่วงวัยรุ่น แต่เขาก็ตามหาหนทางของตัวเองเจอในที่สุด เป็นหนทางที่คนอื่นไม่เข้าใจ แต่กลับมุ่งสู่เกียรติยศสูงสุด 


 


 


เสียงพรวดพราดดังขึ้นจากในป่า มีคนเหยียบกิ่งไม้และใบไม้ที่ร่วงลงบนพื้นเกิดเป็นเสียงดัง เดินฝ่าพุ่มไม้หนามและต้นไม้เตี้ย ขณะเดียวกันยังหลบหลีกลูกเห็บใต้เท้าด้วยความระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้ลื่น 


 


 


“ฉิบหาย ลูกเห็บตรงนี้ใหญ่กว่าอีก!” 


 


 


“ฉันก็เคยได้ยินนะ ว่าชายฝั่งตะวันตกของอเมริกามีอาณาเขตติดกับเขตรอยเลื่อน และยังมีภูเขาไฟเยลโลสโตนที่คล้ายระเบิดเวลา ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงมากกว่าระดับแปดเข้าสักวัน แผ่นดินไหวเมื่อกี้เกือบทำฉันกลัวจนฉี่ราด คิดว่าวันโลกแตกแล้วซะอีก…” 


 


 


จางจื่ออันข้ามต้นไม้ที่ไม่รู้ว่าถูกลูกเห็บกระแทกล้มหรือล้มระหว่างแผ่นดินไหว ก่อนจะมองเห็นฟราเทอร์ที่บาดเจ็บทั่วตัว จึงรีบถามว่า “ฟราเทอร์ นายโอเคไหม ทำไมแผลเยอะขนาดนี้” 


 


 


ฟราเทอร์ก้มหน้ามองตัวเอง “พวกนี้เป็นแผลภายนอก ไม่ร้ายแรงมาก” 


 


 


จางจื่ออันวางใจแล้ว “งั้นก็ดี แต่ก็ต้องรีบฆ่าเชื้อโดยเร็ว เพื่อกันไม่ให้แผลติดเชื้อ จริงสิ แมวตัวนั้นล่ะ?” 


 


 


เขากำไฟฉาย พร้อมกับหันหน้ามองไปรอบๆ ด้วยความเคร่งเครียด แม้ท้องฟ้าจะสว่างขึ้นมาแล้ว แต่ถึงอย่างไรไฟฉายก็เป็นอาวุธเพียงอย่างเดียวของเขา 


 


 


“แมวตัวนั้น…ลงนรกไปแล้ว” ฟราเทอร์พูด 


 


 


“เอ๋? เจ๋งขนาดนั้นเลย?” จางจื่ออันทั้งตกใจ ทั้งนับถือมัน เมื่อครู่มีลูกเห็บและเกิดแผ่นดินไหว ทำให้เขาคิดจริงๆ ว่าโลกจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ยังคิดไปว่านี่อาจจะเป็นเทพที่แท้จริงทำลายมนุษย์ด้วยภัยพิบัติ แต่คิดไม่ถึงว่าฟราเทอร์จะมีชีวิตรอดจาการต่อสู้เหนือจินตนาการครั้งนี้และฆ่าศัตรูได้ แมวปิศาจฆ่าไม่ตายที่มีเก้าชีวิตตัวนั้น ไม่ได้เจ๋งจริงสินะ? 


 


 


ฟราเทอร์มองสีหน้าของเขา รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว มันพูดถึงนรกตรงตัวตามความหมาย ไม่ได้บอกว่าแมวตัวนั้นตายแล้ว แต่ให้อธิบายก็ยุ่งยากเกินไป โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่เชื่อในเรื่องภูตผีปิศาจ มันจึงตัดสินใจไม่แก้ความเข้าใจผิดของเขา 


 


 


“ข้าไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น แต่มีหมาป่าอีกตัวหนึ่งช่วยข้าไว้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ที่นอนอยู่ที่นี่คงเป็นข้าเอง” ฟราเทอร์ชี้ทางที่หมาป่าตัวนั้นจากไป 


 


 


“เอ๋?” 


 


 


ครางนี้จางจื่ออันตะลึงหนักกว่าเดิม แต่เขาก็คิดว่านั่นเป็นแค่หมาป่าธรรมดาอีกตัวหนึ่งเท่านั้น จึงพูดในใจว่าหมาป่าตัวนั้นโชคดีจริงๆ วิ่งฝ่าลูกเห็บหนาแน่นขนาดนั้นเข้ามาได้ 


 


 


“ที่จริงพวกเขาอยากมาช่วยนาย แต่ลูกเห็บรุนแรงมากเกินไป พวกเราไม่มีทางเข้าใกล้ได้เลย…” เขาอธิบาย “แมวอีกตัวก็เจ็บหนักจากการสู้กับเหล่าฉา จากนั้นก็ถูกหมาป่าตัวหนึ่งฉีกเป็นชิ้นๆ…แต่น่าจะไม่ใช่หมาป่าตัวเดียวกันที่นายพูดถึง รู้สึกว่าหมาตัวนั้นได้รับผลกระทบจากบางอย่าง อยู่ๆ ก็คลั่งขึ้นมาก” 


 


 


“ไม่เป็นไร จบเรื่องแล้ว” ฟราเทอร์เดาว่าหมาป่าตัวที่ฉีกเอเมียร์เป็นชิ้นๆ น่าจะได้รับสัญญาณจากภูตสัตว์เลี้ยงหมาป่าที่ยังไม่สมบูรณ์ตัวนั้น ถึงอย่างไรพวกมันก็เป็นหมาอเมริกาเหนือ 


 


 


“งั้นพวกเรากลับไปพักที่หมู่บ้านหน่อยเถอะ แผลของนายก็ต้องฆ่าเชื้อนะ” 


 


 


ไม่มีใครปฏิเสธข้อเสนอนี้ ทุกคนอยากพักผ่อนกันทั้งนั้น และจางจื่ออันก็เป็นห่วงสภาพการฟื้นตัวของ วลาดิเมียร์ด้วย 


 


 


ตอนกลับมาถึงหมู่บ้าน พระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว อากาศวันนี้มีเมฆมาก มีลมเอื่อย ทำให้คนสบายใจมาก 


 


 


เฟยหม่าซือรออยู่ที่หน้าหมู่บ้านแล้ว พอเห็นทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยกันถ้วนหน้า มันก็มีท่าทางดีใจอย่างยิ่ง 


 


 


“เฟยหม่าซือ นายไม่เป็นไรเหรอ พวกวลาดิเมียร์เป็นยังไงบ้าง?” จางจื่ออันถาม 


 


 


เฟยหม่าซือแอบไม่พอใจเรื่องที่เขาไม่พามันไปต่อสู้ด้วย มันแค่ต้องพักผ่อนนิดหน่อย แต่ก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว พอตื่นแล้วก็พบว่าเขากับภูตสัตว์เลี้ยงสองสามตัวไปกันหมดแล้ว 


 


 


ทีแรกมันอยากตามไป แต่ก็ห่วงว่าพวกที่เหลือจะถูกศัตรูถือโอกาสเข้าจู่โจม จึงได้แค่อยู่อย่างกระวนกระวาย ต่อมามันมองเห็นปรากฏการณ์จากท้องฟ้า ลำแสง ลูกเห็บ และแผ่นดินไหว มันจึงยิ่งเป็นห่วง จนต้องวิ่งออกมารอที่หน้าหมู่บ้าน 


 


 


วลาดิเมียร์ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี สีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เมแกนเพิ่งถ่ายเลือดให้มันเสร็จ เธอก็เหนื่อยมากเหมือนกัน เลยเพิ่งหลับไป” มันตอบ 


 


 


“อย่างนี้นี่เอง…” จางจื่ออันวางใจแล้ว 


 


 


“กว่าพวกเขาจะได้นอนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเรารออยู่ข้างนอกสักพักแล้วกัน อย่าปลุกพวกเขาเลย แผลของข้าไม่เป็นไร” ฟราเทอร์เสนอ 


 


 


“ก็ได้ งั้นรอสักครึ่งชั่วโมงค่อยเข้าไป ตอนนั้นพวกเขาน่าจะหลับลึกแล้ว” 


 


 


จางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงต่างก็นั่งพักอยู่บนพื้น 


 


 


“ฟราเทอร์ จากนี้นายคิดจะทำอะไร อยู่ในป่าต่อเหรอ” เฟยหม่าซือถาม 


 


 


แต่ฟราเทอร์ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ 


 


 


ขณะที่มันกำลังกลุ้มใจว่าต้องตอบคำถามของเฟยหม่าซืออย่างไร อยู่ๆ มันก็มองเห็นใบหน้าหนึ่ง จึงลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น และจ้องมองไปที่ใบหน้านั้น 


 


 


พูดให้ถูกต้อง นั่นเป็นใบหน้าที่ใช้ไม้แกะสลักออกมา ไม่ใช่หน้าคน แต่เป็นหน้าหมาป่า และร่างกายก็เป็นหมาป่า กำลังนั่งอยู่บนยอดเสาไม้ตรงหน้าหมู่บ้านพร้อมสีหน้าดุร้าย 


 


 


ใบหน้านั้นทาสีเป็นเส้นๆ เต็มไปหมด บนหัวมีขนนกยาวๆ เสียบอยู่รอบหนึ่ง ขนนกก็เป็นไม้แกะสลัก ดังนั้นเจอกับลมฝนแล้วก็ยังคงเดิม ถ้าเป็นขนนกจริง ก็คงหลุดร่วงจนเกลี้ยงแล้ว 


 


 


เหมือนกับใบหน้าของหมาป่าที่มันเห็นแวบหนึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน 


 


 


แน่นอนว่าหน้าหมาป่าไม้แกะสลักถูกลมโกรกและตากฝนมานานปี สีทาหน้าส่วนใหญ่ซีดจางแล้ว แต่จากสีทาหน้าที่ยังเหลือก็ยังคงจินตนาการหน้าตาตอนเพิ่งแกะสลักเสร็จได้ 


 


 


เสาไม้นั้นแกะสลักจากต้นไม้ทั้งต้น ทาสีสันต่างๆ เอาไว้ แต่สีก็ซีดจางมากแล้ว ถ้าไม่สนใจรายละเอียด ก็คงคิดว่าเป็นต้นไม้ตายต้นหนึ่ง อีกทั้งต้นไม้นี้ยังสูงทีเดียว ด้วยเหตุนี้ก่อนหน้านี้พวกเขาจึงมองข้ามหน้าหมาป่าบนเสาไม้ไป ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครเงยหน้ามอง และตอนมาถึงหมู่บ้านก็เป็นตอนกลางคืน แสงสว่างไม่เพียงพอ 


 


 


“นั่นคือ…” ฟราเทอร์ร้องขึ้นอย่างตกใจ 


 


 


จางจื่ออันคิดว่าเกิดเรื่องอะไรไม่คาดคิดอีก จึงรีบคว้าไฟฉาย และเดินตามเสียงไป 


 


 


พอเห็นเสาไม้และหมาป่าแกะสลักชัดเจน เขาก็สบายใจในทันที “อ๋อ เอ่อ…ถ้าฉันเดาไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นเสาสัญลักษณ์ประจำเผ่าของชาวอินเดียแดง ส่วนใหญ่พวกเขาศรัทธาหมาป่า”  

 

 


ตอนที่ 1629 ทุกสรรพสิ่งมีจิตวิญญาณ

 

 


 


 


พวกภูตสัตว์เลี้ยงต่างก็เงยหน้ามองเสาสัญลักษณ์ชนเผ่ารูปหมาป่าตรงหน้าหมู่บ้าน สไตล์การแกะสลักที่แปลกและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของป่าดงดิบ ให้ความรู้สึกแปลกใหม่กับพวกมัน 


 


 


“ภูตหมาป่า?” ฟราเทอร์พูดพึมพำอีกครั้ง มันเพิ่งเคยได้ยินคำศัพท์แปลกๆ นี้เป็นครั้งแรก 


 


 


จางจื่ออันมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็เคยดูภาพยนตร์ทางตะวันตกของอเมริกาหลายเรื่อง บวกกับเคยอ่านนิยายมาบ้าง เขาจึงอธิบายให้พวกภูตสัตว์เลี้ยงฟังตามที่ตัวเองรู้ 


 


 


“ใช่ ชาวอินเดียแดงนับถือธรรมชาติ เคารพธรรมชาติ พวกเขาเชื่อว่าทุกสรรพสิ่งมีจิตวิญญาณ และหมาป่าเป็นสัตว์ดุร้ายที่สุดในป่านี้ ยิ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาศรัทธาอย่างถวายหัว เพราะนักรบอินเดียแดงชอบทาสีบนหน้า เสียบขนนกที่หลังหัวเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของตัวเอง รวมถึงข่มขวัญศัตรู ดังนั้นภาพลักษณ์ของหมาป่าจึงเปลี่ยนโฉมตามลักษณะของพวกเขา ก็คือสัญลักษณ์ประจำเผ่าที่พวกเราเห็นนี่แหละ” 


 


 


“เผ่าของชาวอินเดียแดงอยู่กระจัดกระจายมาก แต่ละเผ่ามีความเชื่อถือศรัทธาต่างกันไป บางเผ่าอาจจะนับถือหมีมากกว่า บางเผ่าอาจจะนับถืออีกามากกว่า บางเผ่าอาจจะนับถือสิงโตภูเขามากกว่า และเผ่าที่นี่อาจจะนับถือหมาป่ามากกว่า” 


 


 


“เอ่อ…คิดว่า ชาวบ้านที่เคยอยู่ในหมู่บ้านนี้อาจจะเป็นทายาทชาวอินเดียแดงในป่าดงดิบแห่งนี้ แต่หลังจากเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมและยุคข้อมูลข่าวสาร วิถีชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว พวกเขาสูญเสียอารยธรรมไปมากมาย แต่ยังรักษาความศรัทธาต่อภูตหมาป่าของเผ่าเอาไว้ นี่นับเป็นความสัมพันธ์สุดท้ายของพวกเขากับบรรพบุรุษ พวกเขาตั้งเสาสัญลักษณ์ประจำเผ่าไว้ที่หน้าหมู่บ้าน หนึ่งเพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษ สองคือถ้ามีชาวอินเดียแดงคนอื่นมาเยี่ยมเยียน ก็จะได้บอกดินแดนอาณาของตัวเองได้…มั้ง” 


 


 


ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีธุระอะไร เขาจึงพูดเป็นวรรคเป็นเวร เพื่อไม่ให้เบื่อหน่ายจนเกินไป 


 


 


“ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาชาวอินเดียแดง เรื่องพวกนี้ฉันรู้มาจากหนังกับนิยายทั้งนั้น อาจจะถูกต้อง หรืออาจจะผิดก็ได้ ฟังหูไว้หูแล้วกันนะ” 


 


 


“ที่แท้เป็นเช่นนี้…” 


 


 


ในที่สุดฟราเทอร์ก็รู้ที่มาของหมาป่าตัวนั้นแล้ว 


 


 


“หากเป็นอย่างที่เจ้าพูด ชาวอินเดียแดงที่นี่ศรัทธาหมาป่า ภูตหมาป่าอินเดียแดงจึงเกิดขึ้นงั้นหรือ?” มันถามต่อ 


 


 


“เอ่อ…” 


 


 


จางจื่ออันได้ยินคำถามก็ตะลึง หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็ส่ายหน้า “ตามหลักการแล้วอาจจะเป็นไปได้ แต่ความจริงแล้ว…เดิมทีชาวอินเดียแดงที่เป็นเจ้าของที่ดินตรงนี้เกือบจะหายสาบสูญไปแล้วมั้ง ชาวอินเดียแดงเล็กน้อยที่เหลือจะมีแรงแห่งศรัทธาพอจะสร้างภูตสัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่งหรือเปล่าล่ะ?” 


 


 


ฟีน่าไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขาจึงพูดเสริมอีก “นี่ไม่เหมือนกับความศรัทธาในเทพแมวของอียิปต์โบราณ แม้คนอียิปต์โบราณจะหายสาบสูญไปแล้ว แต่อารยธรรมอียิปต์โบราณยังสืบทอดต่อกันมา แต่อารยธรรมของอียิปต์ยุคปัจจุบันไม่มีอะไร พอพูดถึงอียิปต์ สิ่งที่ผู้คนคุ้นหูคืออียิปต์โบราณ แต่ที่นี่…ที่นี่คืออเมริกา แทบจะเป็นดินแดนอารยธรรมยุคปัจจุบัน เผยแพร่อารยธรรมและแนวคิดของอเมริกาในยุคปัจจุบันไปทั่วโลก อย่างเช่น ฮอลลีวูด แม็คโดนัลด์ ไมโครซอฟต์ โทรศัพท์มือถือแอปเปิล ยังมี…” 


 


 


“พอร์นฮับ” ริชาร์ดพูดแทรก 


 


 


จางจื่ออันถลึงตาใส่มันครั้งหนึ่ง “นกชั่วตัวนี้พูดถึงยูทูปนะ…ไม่ใช่แค่ชาวอินเดียแดง แม้แต่อารยธรรมอินเดียแดงก็ฝังลงไปในดินอย่างมิดชิดแล้ว มีไม่กี่คนหรอกที่นึกถึง” 


 


 


“ฉะนั้น ถึงมีภูตสัตว์เลี้ยงแบบนั้นสักตัว แต่มันอาจจะไม่สามารถก่อตัวและปรากฏตัวบนโลกนี้ได้ตลอดกาลงั้นหรือ?” ฟราเทอร์รูว่าตัวเองเข้าใกล้คำตอบขึ้นเรื่อยๆ แล้ว และหมอกลึกลับในใจของมันก็ค่อยๆ จางลง เส้นทางในหมอกก็ปรากฏชัดเจนขึ้น 


 


 


“ใช่ ฉันคิดว่าเป็นแบบนั้น” จางจื่ออันตอบ “แต่เรื่องราวบนโลกนี้ ใครจะมั่นใจเต็มร้อยล่ะ?” 


 


 


“ข้าเข้าใจแล้ว” 


 


 


ฟราเทอร์ไม่สับสนอีกแล้ว มันหันไปพูดกับเฟยหม่าซือว่า “ข้าอยากไปดูทางตะวันออกกับพวกเจ้า ดูประเทศจีนโบราณ ข้าได้ยินมาเนิ่นนานแล้ว แต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง และอยากดูเมืองปินไห่ที่พวกเจ้าพูดถึงด้วย รวมถึงร้ายขายสัตว์เลี้ยงที่ฟังดูน่าสนใจนั่นด้วย” 


 


 


“เอ๋?” 


 


 


เฟยหม่าซือ จางจื่ออัน และภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นต่างก็ประหลาดใจมาก ก่อนหน้านี้พวกมันคิดว่าฟราเทอร์จะอยู่ต่อเพื่อฝูงหมาป่าในป่า เหมือนเสี่ยวไป๋ที่ไม่มีทางทิ้งสุนัขจรจัดได้ 


 


 


“แล้วฝูงหมาป่าจะทำยังไง พวกมันต้องการการชี้นำของนายมากเลยไม่ใช่เหรอ” เฟยหม่าซือถามแทนทุกคน 


 


 


ฝีมือการล่าสัตว์ของฝูงหมาป่ายังต้องพัฒนาอีกมาก นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาเคยเห็นก่อนแล้วทั้งนั้น 


 


 


ฟราเทอร์ยิ้มอย่างสบายใจ “ฝูงหมาป่ามีผู้นำที่เหมาะสมกว่าแล้ว ดีกว่าผู้นำครึ่งๆ กลางๆ อย่างข้ามากนัก” 


 


 


ฟราเทอร์เคยเป็นนักฆ่าเลือดเย็น เป็นหมาป่าเดียวดายตัวหนึ่ง ไม่ชอบการชี้นำเป็นฝูง และตั้งแต่มันกลับตัวกลับใจ จิตใจก็มีเมตตากรุณาขึ้นมาก ไม่เหมือนกับโลกแห่งป่าที่ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง มันเองก็เข้าใจเรื่องนี้ ถ้าให้มันมานำฝูงหมาป่าต่อ จะต้องทำให้หนทางของฝูงหมาป่าต่างออกไปแน่นอน 


 


 


แกะตัวหนึ่งจะชี้นำหมาป่าฝูงหนึ่งได้อย่างไรล่ะ? 


 


 


ในที่สุด คนที่เหมาะสมกว่า…ไม่ใช่สิ หมาป่าที่เหมาะสมกว่าก็ปรากฏตัวแล้ว 


 


 


อาจจะเป็นเพราะฝูงหมาป่ากลับมายังป่าเรดวูดอีกครั้ง ทำให้ภูตหมาป่าอินเดียแดงที่หลับใหลมาเนิ่นนานตื่นขึ้นอีกครั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะปิศาจที่แทรกซึมเข้าไปในป่าทำให้มันตื่นขึ้นมา แต่เนื่องจากแรงแห่งศรัทธายังอ่อนเกินไป มันจึงยังปรากฏตัวไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น 


 


 


แต่นี่ก็ดี ให้มันอยู่ในสภาพแบบที่ไม่มีใครรบกวนได้ นำฝูงหมาป่าในป่าเรดวูดพัฒนาความแข็งแกร่งก็แล้วกัน 


 


 


มันดุร้าย โหดเ**้ยม ไร้ความปรานี แต่นี่สิถึงจะเป็นสัญชาตญาณของหมาป่า 


 


 


เทียบกับฟราเทอร์ หมาป่ายุโรปที่มาจากภายนอก ภูตหมาป่าอินเดียแดงที่เกิดและเติบโตที่นี่ถึงจะเป็นเจ้าของป่าและผู้นำฝูงหมาป่าที่แท้จริง 


 


 


ไม่ว่าเป็นเทพที่ฟราเทอร์ศรัทธา หรือเทพที่ซาเมียลศรัทธา ต่างก็เป็นของแปลกปลอมของผืนแผ่นดินนี้ มีเพียงภูตหมาป่าและภูตไม้อินเดียแดงอื่นๆ ถึงจะเป็นผู้คุ้มครองธรรมชาติดั้งเดิมที่สุดของแผ่นดินอเมริกาเหนือ 


 


 


ดังนั้นที่นี่จึงไม่ใช่ธุระของฟราเทอร์แล้ว มันอยู่ที่นี่ก็เป็นส่วนเกิน นับเป็นสัตว์ที่บุกรุกเข้ามา มันเชื่อว่าภูตหมาป่าจะต้องรับตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าแน่นอน 


 


 


จางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงได้ยินแล้วก็มองหน้ากัน ไม่รู้ผู้นำเหมาะสมกว่าที่ฟราเทอร์พูดถึงคือใคร แต่ในเมื่อมันพูดอย่างนี้แล้ว ก็น่าจะไม่มีปัญหาละมั้ง 


 


 


ไม่มีดวงตาแห่งการรู้แจ้ง แต่ฟราเทอร์เหมือนจะมองเห็นหน้าหมาป่าที่แต้มสีบนใบหน้าอีกครั้ง ใบหน้านั้นปรากฏอยู่ในเงาไม้ลายพร้อยในป่า มันสบตากับฟราเทอร์ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวหายไปช้าๆ ราวกับกำลังบอกลาฟราเทอร์ 


 


 


จางจื่ออันไม่เห็นว่าใบหน้าของหมาป่าแปลกๆ ได้หายไปในป่าแล้ว แต่ความรู้สึกถูกจับตามองบ่อยครั้งตั้งแต่เข้ามาในป่ากลับค่อยๆ หายไป 


 


 


ใช่ ก่อนหน้านี้ฟราเทอร์ถามคำถามน่าขำกับภูตหมาป่า ถามมันว่าจะไปที่ไหน ที่จริงมันไม่น่าจะไปที่ไหน ป่าแห่งนี้ก็คือบ้านของมัน ที่ควรถามว่าจะไปไหนจริงๆ ก็คือตัวฟราเทอร์เอง 


 


 


ตอนนี้ฟราเทอร์มีคำตอบแล้ว มองเห็นหนทางของตัวเองชัดเจนแล้ว หนทางข้ามมหาสมุทรไปสู่โลกตะวันออก เทียบกับทิวทัศน์งดงามในป่า หนทางสู่ตะวันออกนี้อาจจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก อาจจะไม่มีใครเข้าใจ แต่ไม่เป็นไร… 


 


 


ฟราเทอร์เก็บสายตา แล้วหันหน้าไปมองจางจื่ออัน 


 


 


(พวก) พี่น้องมนุษย์ของมัน ได้อยู่ร่วมกับมันแล้ว  

 

 


ตอนที่ 1630 เรื่องจบแล้วก็จากไป

 

เรื่องราวหลังจากนั้นง่ายดายมาก 


 


 


เหมือนภาพยนตร์ฮอลลีวูด ตอนนี้ตำรวจเพิ่งจะมาถึง และเก็บกวาดสถานการณ์หลังจากตัวเอกได้รับชัยชนะ จนคนดูอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้ 


 


 


จางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงกลับมาถึงบ้านได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินผ่านไป และไม่ใช่แค่ลำเดียว บนเครื่องทาสีสัญลักษณ์ค้นหาและควบคุมเพลิงเอาไว้ด้วย 


 


 


เมแกนพุ่งออกมาจากบ้าน ก่อนจะโบกมือให้เฮลิคอปเตอร์ด้วยความตื่นเต้น แต่น่าเสียดายที่เจ้าหน้าที่บนเครื่องมองไม่เห็น 


 


 


จางจื่ออันไม่รู้ว่าใครแจ้งตำรวจ อาจจะเป็นแม่กับเพื่อนของเมแกน อาจจะเป็นเสียวเสวี่ย และอาจจะเป็นเพราะควันไฟจากทุ่งนาเมื่อคืนทำให้ตำรวจอุทยานคิดว่าเกิดไฟป่า จึงส่งเครื่องบินมาตรวจสอบสถานการณ์ แต่ตอนนี้ยังพูดได้ยาก 


 


 


อาการบาดเจ็บของวลาดิเมียร์คงที่แล้ว ฟีน่าเสียดายมากที่ไม่ได้ลงโทษศัตรูด้วยตัวเอง แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด 


 


 


จางจื่ออันส่งพลุไฟแท่งหนึ่งให้เมแกน แล้วสอนวิธีใช้กับเธอ ให้เธอวิ่งไปในที่โล่งแล้วส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือกับเฮลิคอปเตอร์ 


 


 


เมแกนไม่คิดมาก ในหัวมีแต่ความปรารถนาที่จะกลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้ากับแม่ จึงหยิบพลุไฟวิ่งหายไปทันที ไม่นานก็เห็นแสงเปลวไฟสีแดงสว่างขึ้นในป่า 


 


 


จางจื่ออันเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว และเก็บวลาดิเมียร์ที่ต้องพักฟื้นเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ ก่อนเรียกภูตสัตว์เลี้ยงออกจากบ้านพัก แต่ไม่ได้เดินไปทางเดียวกับเมแกน 


 


 


“แกว๊กๆ! เห็นท่าทางเอ็งแบบนี้ คิดจะสะบัดแขนเสื้อไปหลังจากจบเรื่องสินะ?” ริชาร์ดกระโดดขึ้นมาบนไหล่ของเขาอีกครั้ง 


 


 


เขาเขียนกระดาษแผ่นหนึ่งแปะไว้ที่ประตู ก่อนจะทับกุญแจไว้ข้างใต้ก้อนหินตรงทางเดินริมประตูอีกครั้ง บนกระดาษเขียนว่า ‘เมแกน ไม่ต้องตามหาผม ผมจะเดินทางของผมต่อ ผมจะดูแลตัวเองให้ดี เดินทางปลอดภัยนะ’ 


 


 


เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ริมทะเลและพื้นที่ทุ่งนาราบเรียบ พอเมแกนนำเจ้าหน้าที่ค้นหาช่วยชีวิตกลับมายังหมู่บ้าน เขาก็เดินทางไปไกลแล้ว 


 


 


ถ้าเขากับเมแกนนั่งเฮลิคอปเตอร์ออกจากป่าด้วยกัน ตอนลงจอดอาจจะกลายเป็นจุดสนใจของสื่อ ถึงแม้จะเป็นสื่อท้องถิ่นก็ตาม อเมริกาไม่เคยขาดหนังสือพิมพ์ตามถนนที่ตามหาล่าเรื่องแปลก และเขาไม่อยากเป็นข่าวด้วยวิธีแบบนี้ 


 


 


เมื่อคืนเข้าสังเกตเห็นว่าบนท่าเรือมีเรือเล็กลำอื่นอีก จึงให้เซฮวาปลดเชือกโยงเรือและนำเรือเล็กลำหนึ่งไปยังจุดนัดหมาย ตอนนี้เขาก็ออกเดินทางไปเจอกับเซฮวา จากนั้นไหว้วานให้ฝูงวาฬเพชฌฆาตคาบเชือกโยงเรือลากเรือเล็กไปที่หมู่บ้านริมทะเลที่ใกล้ที่สุด แน่นอนว่าลากไปถึงซานฟรานซิสโกเลยก็ได้ แต่อย่างนั้นก็อวดดีเกินไปแล้ว 


 


 


ด้วยขนาดตัวและน้ำหนักของวาฬเพชฌฆาต ลากเรือลำเล็กบรรทุกคนและสัตว์สองสามตัวเป็นเรื่องง่ายจริงๆ 


 


 


ฮูก 


 


 


นกเค้าแมวบนกิ่งไม้เหมือนดูออกว่าเขาจะไปแล้ว จึงร้องฮูกครั้งหนึ่ง 


 


 


“ลาก่อน นายรักษาตัวให้ดี อย่าไปชนรั้วไฟฟ้าอีกล่ะ” จางจื่ออันโบกมือให้มัน 


 


 


“เมี๊ยว บ๊ายบาย ลายจุด” ซิงไห่ก็บอกลามัน 


 


 


“แกว๊กๆ! ในที่สุดเจ้าตัวนี้ก็ยอมจำนนต่อบารมีของข้าแล้ว แต่น่าเสียดายที่ข้าเป็นนกโดดเดี่ยวในภูเขา ไปไหนมาไหนลำพังเสมอ รับเอ็งเป็นศิษย์ไม่ได้หรอก…” ริชาร์ดพูดเรื่อยเปื่อยอย่างได้ใจ 


 


 


จางจื่ออันเดินไปพลางสาดเกลือจำนวนสุดท้ายลงบนพื้น พอเขากับพวกภูตสัตว์เลี้ยงถึงริมทะเล ฝูงกวางก็ตามมาจากข้างหลัง 


 


 


เขาตรวจดูแผลของกวางจ่าฝูงแล้ว แผลค่อนข้างดีขึ้นแล้ว จากนั้นเขาก็เปลี่ยนผ้าพันแผลให้มันเป็นครั้งสุดท้าย และทิ้งเกลือที่เหลือให้พวกมันทั้งหมด 


 


 


บนชายหาดตรงฝั่งทะเลมีเรือเล็กจอดอยู่ลำหนึ่ง ครึ่งตัวบนของเซฮวาโผล่พ้นจากผิวน้ำ นอนอยู่บนชายหาดเหมือนกำลังอาบแดด 


 


 


พอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล เธอก็พลิกตัวนั่งขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง หลังจากเห็นว่าเป็นเขา เธอถึงจะสบายใจ 


 


 


“อาจออัน! วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนเช้ามืด มีลูกเห็บ แล้วก็มีแผ่นดินไหว น้ำทะเลก็ขุ่นขึ้น พวกสัตว์น้ำตกใจมากเลย ถ้าไม่ได้ฉันที่ฉลาดเฉลียว กล้าหาญ และงดงามช่วยห้ามอย่างสุดกำลัง คุณย่าจะต้องพาฝูงวาฬเพชฌฆาตของมันไปจากที่นี่แล้ว!” เธอร้อง อยากจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแทบแย่ ถึงอย่างไรเธอเองก็แทบไม่รู้อะไรเลย 


 


 


“เรื่องเมื่อคืนเป็นเรื่องที่เล่าสั้นๆ ไม่ได้ พวกเรามีเวลาอีกเยอะ ค่อยๆ เล่าระหว่างทางแล้วกันนะ” 


 


 


จางจื่ออันโยนกระเป๋าสะพายไว้บนเรือ แล้วให้พวกภูตสัตว์เลี้ยงกระโดดเข้าไปในเรือเล็กทุกตัว ส่วนตัวเองดันเรือเล็กลงไปในทะเล  


 


 


วาฬเพชฌฆาตเด็กตัวค่อนข้างเล็กอาสากัดเชือกโยงเรือ ลากเรือเล็กไปเมืองติดทะเลที่ใกล้ที่สุด ส่วนวาฬเพชฌฆาตตัวอื่นก็ว่ายน้ำอยู่ด้านข้าง 


 


 


จางจื่ออันสั่งให้ว่ายน้ำช้าๆ แต่ความเร็วของเรือเล็กก็เหมือนกับติดใบพัด หัวเรือกระดกขึ้นประมาณสามสิบองศา แล่นอย่างรวดเร็วปานลมกรดอยู่บนผิวน้ำ 


 


 


เขาอดถอนหายใจไม่ได้ ถ้ารู้ตำแหน่งรังโจรของหลี่ผีเท่อเร็วกว่านี้ก็เดินทางในทะเลได้ แบบนี้ประหยัดเวลาไปได้ตั้งมากโข 


 


 


แต่หนึ่งคือเขาไม่มีทางรู้ตำแหน่งก่อนล่วงหน้า สอง..สมมติว่าเขารู้ตำแหน่งและเดินทางในทะเล ก็ไม่มีทางเจอกับนกเค้าแมวลายจุดและฝูงกวาง รวมถึงฟราเทอร์ด้วย 


 


 


แม้ระหว่างทางจะเจออันตรายอยู่หลายครั้ง เตรียมพร้อมต่อสู้อยู่บ่อยครั้ง แต่ยังเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยมมากครั้งหนึ่ง โอกาสแบบนี้ชีวิตคนธรรมดาอาจจะเจอได้แค่ครั้งเดียว 


 


 


พอมองไปยังป่าที่ค่อยๆ ไกลออกไป เขายังไม่ได้กลับบ้าน แต่ก็เริ่มคิดถึงการเดินทางครั้งนี้แล้ว 


 


 


ฟราเทอร์ก็เช่นกัน มันนั่งอยู่ท้ายเรือ สายตาผิดหวังแต่เด็ดเดี่ยว กำลังอธิษฐานให้พวกพี่น้องหมาป่าของมันเงียบๆ อธิษฐานให้พวกมันมีความสุขและปลอดภัยในป่าเรดวูด 


 


 


“ไม่เป็นไร ครั้งหน้าถ้ามีโอกาส พวกเรามาเยี่ยมเพื่อนเก่าที่นี่ได้อีก ถึงยังไงตอนนี้การคมนาคมก็พัฒนาแล้ว ฉันก็เป็นคนที่ไม่มีงานประจำทำ” จางจื่ออันตบไหล่ของมัน พร้อมกับพูดปลอบใจ 


 


 


ฟราเทอร์ยิ้มอย่างสบายใจ 


 


 


จางจื่ออันใช้เวลาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้ามืดของวันนี้ให้เซฮวาฟัง ถึงอย่างไรเธอก็ช่วยเขาไว้มาก มีสิทธิ์รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนเหล่าฉา ฟราเทอร์ และเฟยหม่าซือก็พักผ่อนเสริมกำลังให้ตัวเอง 


 


 


เซฮวาฟังแล้วตกตะลึง แต่คนเลวเจอจุดจบอันเลวร้ายก็สมควรแล้ว  


 


 


พูดเล่นไปตลอดทางแบบนี้ ผ่านไปแค่สองสามนาที เซฮวาก็บอกต่อคำพูดของฝูงวาฬ บอกว่าข้างหน้ามีหมู่บ้านหนึ่ง แม้จะไม่ได้ติดกับมหาสมุทร แต่มักจะมีเรือออกทะเลไปรับลมเสมอ 


 


 


ฝูงวาฬส่งพวกเขาถึงฝั่งที่ใกล้กับหมู่บ้านมาก จากนั้นจางจื่ออันก็ทำหน้าที่พายเรือเข้าใกล้ฝั่งต่อ ส่วนเซฮวาบอกลาคุณย่าและฝูงวาฬเพชฌฆาตอย่างอาลัยอาวรณ์ แถมยังเชิญพวกมันไปเที่ยวที่ประเทศจีนด้วย 


 


 


พอเห็นสัญลักษณ์สัญญาณอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นที่ด้านบนของหน้าจอโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดังไม่หยุด เป็นข้อความที่เพื่อนทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศส่งมาเพราะความเป็นห่วง แน่นอนว่าไม่ขาดข้อความโฆษณาและใบแจ้งหนีบัตรเครดิตต่างๆ ด้วย 


 


 


ถึงเวลาเปิดเผยโฉมหน้าต่อโลกแล้ว 


 


 


เขาตอบข้อความสำคัญสองสามอันและส่งข้อความรายงานความปลอดให้ในกลุ่มเพื่อนก่อน จากนั้นอัปโหลดคลิปวิดีโอที่โดรนและโทรศัพท์มือถือถ่ายไว้ขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ตอยู่หลายคลิป รวมทั้งสมัครอีเมลใหม่อีกบัญชี เพื่อส่งอีเมลที่เรียบเรียงไว้ก่อนหน้านี้แล้วให้กับองค์กรอนุรักษ์สัตว์ของอเมริกาและสมาคมนักล่ากวาง 


 


 


โดมิโนชิ้นแรกล้มลงแล้ว ทิศทางหลังจากนี้ไม่มีใครคาดเดาได้  

 

 


ตอนที่ 1631 กลับบ้าน

 

เวลาในการเดินทางมาอเมริกาครั้งนี้ยาวนานกว่าที่จางจื่ออันคาดคิดไว้เล็กน้อย แต่สำหรับคนไม่มีงานประจำทำอย่างเขาแล้วไม่มีผลกระทบมากนัก และพูดจากด้านที่ดี ตอนเขากลับถึงเมืองปินไห่ ความร้อนส่วนใหญ่ก็คลายลงแล้ว ตอนเช้ากับตอนกลางคืนมีลมเย็นพัดผ่าน มีกลิ่นอายของฤดูใบไม้ร่วงมารางๆ แล้ว 


 


 


หลังจากอัปโหลดคลิปวิดีโอที่หมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเล เขาก็ขอติดรถกลับไปที่ซานฟรานซิสโกในวันนั้น ไม่พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าหลี่ผีเท่อจะเอ่ยชื่อของเขาระหว่างไต่สวนคดีหรือเปล่า เขาไม่อยากอยู่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ คดีใหญ่ขนาดนี้ต้องตรวจสอบไปถึงปีไหนล่ะ 


 


 


ส่วนรถคันนั้นตอนขามาที่นี่ เขาก็มอบให้บริษัทเช่ารถไปจัดการ 


 


 


ช่วงนี้เขาทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างนอกในช่วงที่ตัดขาดจากโลกภายนอกไป ทั้งยังรอคลิปวิดีโอโด่งดังขึ้นอย่างเงียบๆ  


 


 


เสียวเสวี่ยแจ้งตำรวจแล้วจริงๆ ถ้าไม่มีเธอช่วยเร่งรัด การช่วยเหลืออาจจะไม่ถึงเร็วขนาดนี้ ด้วยการกดดันจาดสถานทูตจีน ฝ่ายตำรวจท้อนถิ่งจึงจำใจต้องให้ความสำคัญมากขึ้น 


 


 


เมแกนได้รับความช่วยเหลือแล้ว ภาพบนโทรทัศน์มีเธอและแม่ที่กอดกันร้องไห้ ส่วนการกักขังหน่วงเหนี่ยวและเรื่องลักพาตัวไปฆ่าที่เธอพูดถึงก็ทำให้ฝ่ายตรวจสอบสถานที่ประกาศดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนรายละเอียดมากกว่านั้นก็ถูกสื่อเปิดโปงไปอีกขั้น สร้างผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งดึงดูดสื่อส่วนใหญ่ได้แล้ว ประเด็นการตรวจสอบเปลี่ยนจากต้องสงสัยเรื่องทำผิดกฎหมายไปเป็นกลุ่มลัทธิน่าสงสัยที่หลี่ผีเท่อตั้งขึ้น 


 


 


หลี่ผีเท่ออาจจะซื้อกรมตำรวจท้องถิ่นได้ แต่หน่วยงานตรวจสอบสถานที่ไม่ได้ซื้อตัวง่าย เขากับผู้รับผิดชอบคนอื่นของกลุ่มลัทธิน่าสงสัยพยายามลักลอบหลบหนีออกจากสถานที่เกิดเหตุ แต่ไม่นานก็ถูกตำรวจทะเลจับได้ มีข่าวลือว่าเรือของพวกเขาเจอการฝูงวาฬเพชฌฆาตขวางเอาไว้ แต่ข่าวซุบซิบนินทาแบบนี้ไม่มีคนเห็นเป็นเรื่องจริงแน่นอน 


 


 


ตอนนี้หลี่ผีเท่อและลูกน้องคนอื่นถูกจับหมดแล้ว ที่พวกเขารอคือการตรวจสอบและตัดสินคดีที่ยืดเยื้อมาเนิ่นนาน หลี่ผีเท่อมีเงิน จ้างทนายดีๆ มาก็ได้ เขาอาจจะฟ้องร้องไม่หยุด ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าการฟ้องร้องคดีพวกนี้จะต้องทำให้ยืดเยื้ออยู่หลายปีถึงจบลงได้ 


 


 


องค์กรอนุรักษ์สัตว์และสิ่งแวดล้อมหลายองค์กรได้รับอีเมลที่ไม่ประสงค์ออกนามในวันเดียวกัน รวมถึงสมาคมนักล่ากวางด้วย ต่างก็ได้รับคลิปวิดีโอโรงฆ่าสัตว์ที่ใช้กวางป่วยทำเนื้อกวางแปรรูปของหลี่ผีเท่อ รวมถึงรายชื่อสถานเพาะเลี้ยงที่ส่งกวางป่วยให้โรงฆ่าสัตว์ 


 


 


ความสัมพันธ์ภายในระหว่างโรงฆ่าสัตว์ อาหารสุนัขเล็กซี่ และหลี่ผีเท่อรอการขุดคุ้ยไปอีกขั้น แต่นักข่าวทางตะวันตกทำข่าวใหญ่ได้ยาก ต้องขุดคุ้ยต่อไปให้ถึงต้นตอก่อน เชื่อว่าไม่นานก็จะพบเบาะแส 


 


 


เทียบกับการประณามอย่างหนักจากเรื่องฆาตกรรม ลักพาตัว และอีกมายมากมาย เรื่องที่หลี่ผีเท่อกำลังเจอ เป็นเรื่องของอาหารสุนัขเล็กซี่ที่อยู่ในกระแส ไม่ใช่ประเด็นในการตรวจสอบ และไม่ใช่ประเด็นที่ผู้คนสนใจ แต่ตำรวจและหน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหารก็ยังมาหาถึงที่อย่างเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงพาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปด้วย ด้วยอาหารสุนัขเล็กซี่เป็นสินค้ายี่ห้อใหม่ จึงไม่นับว่ามีปริมาณขายสูงในอเมริกา ยิ่งเจอกับการขอคืนสินค้าจำนวนมากของผู้แทนจำหน่าย อนาคตปิดร้านก็คงอยู่ไม่ไกลนี้แล้ว 


 


 


แต่พอสืบเรื่องได้ลึกขึ้น ผลกระทบของหลี่ผีเท่อก็เกินขอบเขตเมือง เขต และรัฐไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่เอฟบีไอก็มามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว เรื่องราวต่อเนื่องยังคงอยู่ในช่วงแพร่กระจาย ความดำมืดที่ระเบิดออกมาตอนนี้เป็นแค่มุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็ง เชื่อว่ากลุ่มกระทำความผิดที่ยิ่งใหญ่จะถูกลากตัวออกมาจากการตรวจสอบเป็นแน่ 


 


 


อาหารสุนัขเล็กซี่เริ่มเกิดปัญหาขึ้น มันก็ได้สร้างความสั่นสะเทือนในวงการสัตว์เลี้ยงของประเทศจีนไม่น้อย ไม่ว่าจะด้วยเป้าหมายอยากได้รับการจับตามองจากสายตาชาวโลกหรือโจมตีคู่แข่ง ถ้าเซเล็บอินเทอร์เน็ตมากมายไม่อัปโหลดเอง ก็ถูกแนะนำให้ทำ พากันเผยแพร่บทความเรื่องนี้บนเวยป๋อและบัญชีสาธารณะ เริ่มขูดรีดอาหารสุนัขเล็กซี่ ในจำนวนนั้นมีทั้งผู้รู้และฉลาดเฉียบแหลม แถมยังไม่ขาดคนใส่สีตีไข่ พูดได้ว่ากำแพงล้มผู้คนร่วมผลัก* แต่สำหรับคนมีสติปัญญาความรู้ แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นขงเบ้งแค่เวลาเกิดเรื่องเลวร้ายเหรอ ทำไมไม่ทำเร็วกว่านี้ 


 


 


คนเลี้ยงแมว สุนัข และปลาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือสัตว์เลี้ยงยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศจีน เพราะคนส่วนใหญ่เลี้ยงผิดวิธี พฤติกรรมให้แมวกินอาหารเหลือ ให้สุนัขกินช็อกโกแลต ซื้อปลาหมึกวงแหวนน้ำเงินด้วยความรู้สึกอยากล่าของแปลก และคนกับแมวนอนหลับขณะจุดยากันยุงก็มีให้เห็นทั่วไป สัตว์เลี้ยงป่วยแล้วก็ให้มันเป็นไปตามยถากรรม ตัดใจพาไปโรงพยาบาลไม่ได้ ความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมาจากบทความที่กลุ่มเพื่อนส่งต่อมาทั้งนั้น สัตว์เลี้ยงที่ได้รับการดูแลอย่างดีมีแค่ส่วนน้อยในจำนวนน้อย 


 


 


สัดส่วนเจ้าของที่ใช้เวลาร่ำเรียนความรู้เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ตั้งใจพาสัตว์เลี้ยงไปหาหมอที่โรงพยาบาลสัตว์ ยอมเสียเงินซื้ออาหารสุนัขเกรดพรีเมี่ยมก็มีไม่มาก แต่ก็ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงในระดับที่มองข้ามไม่ได้ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเรื่องอาหารสุนัขนำเข้าราคาถูก ที่ดันมีเรื่องราวฉาวโฉ่ออกมามากมายขนาดนี้ เมื่อเคยใช้อาหารสุนัขเล็กซี่ ถึงแม้สุนัขลูกรักของตัวเองจะไม่ป่วยเป็นโรค แต่ในสองสามปีต่อจากนี้อาจจะต้องล้มป่วย แล้วพวกเขาจะทนได้อย่างไร? 


 


 


เพื่อรักษาสิทธิ์ที่ชอบธรรมของตัวเอง คืนสินค้า เรียร้องการชดเชยจึงเป็นเรื่องเบื้องต้นที่สุด แต่ปัญหาคือสำนักงานใหญ่ของอาหารสุนัขเล็กซี่ที่อเมริกาไม่ทำงานแล้ว ตัวแทนใหญ่ของประเทศจีนก็หนีหายไปเช่นกัน ศุลกากรประกาศห้ามนำเข้าอาหารสุนัขเล็กซี่แล้วด้วย แล้วจะขอค่าชดใช้จากใคร นั่นก็ทำได้แค่ยึดถือหลักการใครขาย คนนั้นรับผิดชอบ ไปเรียกร้องค่าเสียหายจากพ่อค้าที่ขายอาหารสุนัขเล็กซี่แล้วกัน 


 


 


สุนัขบางตัวกินอาหารสุนัขเล็กซี่แล้วตายไปด้วยเหตุผลต่างๆ พูดตามตรงว่าส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกกับอาหารสุนัขเล็กซี่ บางตัวแก่ตายตามปกติ บางตัวป่วยเป็นโรคอื่น แต่ขอแค่ไม่ได้ตายโดยอุบัติเหตุ ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงให้เจ้าของสงสัยว่าอาหารสุนัขเล็กซี่เป็นตัวการ แน่นอนว่าในนั้นจะต้องมีลับลมคมในไม่น้อยแน่นอน  


 


 


ทางฝั่งอเมริกาก็เป็นอย่างนั้น เจ้าของที่สุนัขในบ้านกินอาหารสุนัขเล็กซี่ไปแล้วส่วนใหญ่พากันรวมตัวฟ้องร้อง และเรียกร้องการชดใช้กับโรงงานอาหารสุนัขเล็กซี่ ทางฝั่งประเทศจีนจับโรงงานไม่ได้ ทำได้แค่หาเรื่องพ่อค้าคนกลาง 


 


 


สรุปว่าแม้เรื่องราวที่ป่าเรดวูดจะจบลงแล้ว แต่จากความหมายบางอย่างก็เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น 


 


 


เครื่องบินผ่านการบินอันยาวนาน ผ่านการเปลี่ยนเครื่องในประเทศ จนในที่สุดก็มาถึงสนามบินเมืองปินไห่แล้ว 


 


 


จางจื่ออันลากกระเป๋าเดินทางออกจากสนามบิน เห็นแท็กซี่จอดเรียงกันเป็นแถวยาวเหมือนมังกร ก่อนจะสูดควันท่อไอเสียที่คุ้นเคยเฮือกหนึ่ง 


 


 


จะพูดยังไงดีล่ะ ตอนอยู่ในป่าดงดิบไม่รู้สึก แต่ความจริงแล้วปอดของเขาได้รับออกซิเจนและไอออนลบจากในป่าดงดิบเติมเต็มแล้ว ไม่ชินกับหมอกควันเป็นกลุ่มก้อนในเมืองแล้วจริงๆ 


 


 


แต่ไม่ว่าอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป อย่างน้อยต้องหาเงินคืนจากค่าเดินทางที่เสียไปก่อน 


 


 


 


 


 


 


 


 


*กำแพงล้มผู้คนร่วมผลัก หมายถึง เมื่อมีใครทำผิดพลาด ผู้คนจะรุมผลักไสไล่ส่ง 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม