Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1618-1624

ตอนที่ 1618 วิธีถ่ายเลือดโดยตรง

 

เมแกนเคยบริจาคเลือด และเคยเห็นคนอื่นบริจาคเลือด แต่เธอไม่เคยรู้ว่าสัตว์ควรจะบริจาคเลือดและถ่ายเลือดอย่างไร เธอจึงประคองเข็มฉีดยาด้วยความเคร่งเครียด กลัวว่าตัวเองจะทำตกแตก 


 


 


จางจื่ออันพยายามใจเย็น เขาไม่เคยลองด้วยตัวเอง แต่ก็เคยได้ยินมาบ้าง เคยเห็นซุนเสี่ยวเมิ่งถ่ายเลือดสุนัขให้แมวที่คลินิกสัตว์เลี้ยง จึงรู้กระบวนการคร่าวๆ แต่ปัญหาคือขาดยาพิเศษชนิดหนึ่ง 


 


 


ครอบครัวของคนเลี้ยงม้าและคนเลี้ยงผึ้งที่เคยใช้ชีวิตในหมู่บ้านอินเดียแดงแห่งนี้ พวกเขาต้องช่วยเหลือตัวเอง ในครอบครัวชาวเมืองธรรมดาไม่น่าพกของแบบนี้เอาไว้ แต่อาจจะหาได้ที่นี่ 


 


 


พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็วิ่งไปหาของตรงตู้ในห้องครัว 


 


 


“แกว๊กๆ! ถ่ายเลือดหมาให้แมว มารดาเขาสิ เรื่องนี้ฟังดูเกินจริงไปแล้ว!” ริชาร์ดกระโดดออกมาจากในฮู้ดของเขา พลางหวีขนแล้วพูดว่า “ที่เกินจริงที่สุดคือคิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมา!” 


 


 


เมแกนฟังมันพูดพึมพำ แต่เธอฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่านกแก้วตัวนี้กำลังร้องอะไร ถ้าเธอฟังรู้เรื่อง เธอจะต้องเห็นด้วยแน่นอน 


 


 


“ถ้าแมวที่กินปูตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะต้องมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้มันแน่นอน” ฟีน่าทอดถอนใจ 


 


 


“ไม่ใช่แค่แมวถ่ายเลือดให้หมาได้ เดี๋ยวนี้นักวิทยาศาสตร์ยังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะถ่ายเลือดแมวให้คนอยู่เลยนะ” จางจื่ออันเสริม 


 


 


เสวี่ยซือจื่อพยักหน้าทันที “เมี๊ยวๆๆ! ชายแท้ก็คือขาหมู!” 


 


 


แมวรับเลือดสุนัข ไม่เพียงไม่ถึงชีวิต กลับยังต่อชีวิตได้ เป็นข่าวที่ล้มล้างความรู้และความคิดเดิมโดยแท้ 


 


 


ถึงแม้ทั้งชีวิตแมวจะรับเลือดสุนัขได้แค่ครั้งเดียว แต่ก็พอจะให้เธอพัฒนาความรู้ต่อความสัมพันธ์ที่น่าประหลาดระหว่างสิ่งชีวิตไปอีกขั้น ถึงขนาดรู้สึกว่าความลำบากของตัวเองได้รับการยอมรับอย่างสมน้ำสมเนื้อ 


 


 


จางจื่ออันเห็นเธอเคร่งเครียดเกินไป จึงควานหาสิ่งที่เขาอยากตามหาไปด้วย และให้เธอจุดเทียนและตะเกียงน้ำมันที่หาได้ทั้งหมด เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้ภายในบ้าน 


 


 


บ้านหลังนี้ไม่มีไฟฟ้า มีแค่ตะเกียงน้ำมันและเทียนไข แค่คิดก็รู้ว่าแสงแย่ขนาดไหน ตอนเพิ่งเย็บแผลเมื่อครู่ เขาแทบจะแนบตาไปกับแผลของวลาดิเมียร์อยู่แล้ว แต่อีกสักครู่ตอนเจาะเลือดยังต้องปรานีตกว่านี้ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความสว่าง 


 


 


เมแกนตอบรับ แล้วรวบรวมเทียนไขและตะเกียงน้ำมันทั้งหมดไว้ที่ห้องรับแขก ตกแต่งที่นี่จนเหมือนโบสถ์ใต้แสงเทียน 


 


 


ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังย้ายกระจกและสิ่งของที่มีด้านสว่างทุกอย่างที่ย้ายได้มา เพื่อเพิ่มแสงสะท้อน 


 


 


“เจฟฟ์ คุณรู้ได้ยังไงว่าแมวรับเลือดจากหมาได้” เธอจัดวางสิ่งของไปด้วย พลางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงอย่างไรความรู้แบบนี้ก็คาดไม่ถึงเกินไป 


 


 


จางจื่ออันไม่ได้หยุดมือ ตามหาขวดและกระป๋องอยู่ในห้องครัว แต่ปากก็ยังอธิบายไปด้วย เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเธอและพวกภูตสัตว์เลี้ยง 


 


 


มีอยู่ครั้งหนึ่ง ซุนเสี่ยวเมิ่งรับลูกค้าที่พาแมวเคสฉุกเฉินเข้ามาในคลินิก แมวตัวนี้กินไส้กรอกที่ใช้วางยาสุนัขตอนไปเดินเล่นข้างนอก ทำให้เกิดปฏิกิริยาเลือดแดงละลายและเลือดออกภายในอย่างรุนแรง และต้องถ่ายเลือดอย่างเร่งด่วน 


 


 


อย่างที่จางจื่ออันและเธอเข้าใจ โรงพยาบาลสัตว์ส่วนใหญ่ในประเทศจีนไม่มีโกดังเลือดแมวที่เตรียมพร้อมเอาไว้ จะถ่ายเลือดก็ได้แค่อาศัยการเจาะเลือดชั่วคราว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเธออยู่ในคลินิกสัตว์เลี้ยงเล็กๆ ไม่มีทางมีเลือดแมวสำรองไว้ 


 


 


แต่จากการตรวจสอบ กรุ๊ปเลือดของแมวตัวนี้เป็นกรุ๊ปบีที่ค่อนข้างหายาก ในกรุ๊ปบีจะมีแอนติบอดี้กลุ่มเอที่เข้มข้นมาก ผสมกับกรุ๊ปเอไม่ได้เด็ดขาด 


 


 


ที่บังเอิญคือ ตอนนั้นแมวแข็งแรงหลายตัวที่ตรงกับเงื่อนไขการถ่ายเลือดในคลินิกดันมีเลือดกรุ๊ปเอทั้งหมด พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นแมวที่ถูกเจ้าของทิ้งไว้ในคลินิก 


 


 


ตอนนั้นซุนเสี่ยวเมิ่งขอให้ร้านขายสัตว์เลี้ยงมหัศจรรย์มาช่วยเหลือ แต่จางจื่ออันอยู่ต่างประเทศ แมวอะบิสซีเนียนยังไม่มาที่ร้าน แมวในร้านเป็นลูกแมวที่มีอายุประมาณสามเดือนทั้งนั้น ไม่ตรงกับเงื่อนไขการถ่ายเลือด จึงหมดหนทาง 


 


 


ดังนั้นเธอจึงเสนอเจ้าของแมว ใช้เลือดสุนัขช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนชั่วคราว ผลคือเจ้าของแมวได้ยินแล้วก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สงสัยมาตรฐานในการรักษาของเธอ อธิบายอย่างไรอีกฝ่ายก็ฟังไม่เข้าหู หลังจากด่าเธอยกหนึ่งแล้วก็พาแมวไปหาโรงพยาบาลสัตว์ แต่แถวนั้นไม่มีโรงพยาบาลสัตว์ขนาดใหญ่ สุดท้ายแมวตัวนั้นได้รับการรักษาหรือเปล่าก็ไม่รู้ 


 


 


ซุนเสี่ยวเมิ่งระบายเรื่องนี้ลงในกลุ่ม และจางจื่ออันก็เห็นมันเข้า เขาจึงจำเอาไว้ 


 


 


สัตวแพทย์ธรรมดาส่วนใหญ่ไม่รู้ลึกขนาดนี้ สัตวแพทย์ที่ค่อนข้างเอาใจใส่จำนวนน้อยอาจจะรู้ แต่ก็อาจจะไม่กล้าปฏิบัติจริง เพราะกรณีพิพาทในวงการรักษาสัตว์เลี้ยงไม่ได้น้อยไปกว่าวงการรักษาคนเลย ถ้าถ่ายเลือดให้แมวแล้วสุดท้ายต้องตาย พูดไปแล้วก็ให้อภัยได้ ถึงอย่างไรก็เป็นการรักษาปกติ แต่รับเลือดสุนัขแล้วสุดท้ายรักษาไม่ได้ อย่างนั้นก็มีเหตุผลที่จะไม่ให้อภัย อาจจะต้องชดใช้ด้วยเงินก้อนโต…จริงๆ แล้วทำเรื่องแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มฝีมือของหมอ แต่ก็ยังต้องให้ลูกค้ายอมร่วมมือกับหมอด้วย จะขาดสิ่งไหนไปไม่ได้เลย 


 


 


เมแกนสะอึกสะอื้น แล้วพูดด้วยความอิจฉา “คุณหมอซุนต้องเป็นสัตวแพทย์ที่เก่งมากแน่ๆ…” 


 


 


“แกว๊กๆ! เอ็งพูดถูกต้องแล้ว!” ริชาร์ดพูดเสริม 


 


 


คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลย ประชากรของสัตว์เลี้ยงในประเทศจีนมากกว่าประเทศทางตะวันตกหลายเท่า ดังนั้นปริมาณที่สัตวแพทย์ในประเทศจีนต้องผ่าตัดหมาในทุกปีก็พอให้หมอในทวีปทางตะวันตกทำไปทั้งชีวิต หมอทางตะวันตกอาจจะผ่าตัดสัปดาห์ละครั้งก็ได้เงินเดือนสูงๆ สบายๆ แต่หมอในจีนผ่าตัดใหญ่เช้า กลางวัน เย็นเหนื่อยแทบตายก็กินได้แค่อาหารธรรมดา…คำพูดที่บอกว่าการฝึกฝนทำให้สมบูรณ์แบบนั้นมีเหตุผล การผ่าตัดที่ต้องลงมือผ่าตัดทุกอย่าง ระดับโดยเฉลี่ยของหมอในจีนส่วนใหญ่จึงเหนือชั้นกว่าหมอของตะวันตก 


 


 


“หาเจอแล้ว!” 


 


 


จางจื่ออันยกขวดขึ้นมาขวดหนึ่ง ก่อนจะใช้แสงไฟฉายส่องมองตัวหนังสือข้างขวดให้ชัดเจน แม้คำชี้แจงตัวเล็กๆ จะเลือนราง แต่ก็มองเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่า ‘โซเดียมไซเตรท’ ชัดเจนมาก 


 


 


เนื่องจากเจ้าของเดิมกลับมาทุกครึ่งปี จึงปิดปากขวดแน่นหนามากเพื่อป้องกันความชื้น ดูไปแล้วผงสีขาวรูปผลึกคริสตัลที่อยู่ข้างในไม่ต่างอะไรกับเพิ่งออกมาจากโรงงานใหม่ๆ อย่างน้อยมองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นความแตกต่าง 


 


 


“นี่ใช้ทำอะไรคะ” เมแกนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น 


 


 


“สารเสริมอาหารชนิดหนึ่ง เจ้าของบ้านหลังนี้อาจจะใช้ผลไม้หรือผลไม้ป่าหมักเป็นเครื่องดื่มตอนช่วงฤดูร้อนอยู่บ่อยๆ หรือทำชีสเองอะไรพวกนั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือ โซเดียมไซเตรทเป็นยาต้านการจับเป็นก้อนของเลือด ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมไว้ตอนถ่ายเลือด” จางจื่ออันอธิบาย 


 


 


ไม่ว่าเป็นโรงพยาบาลสัตว์ขนาดใหญ่หรือคลินิกสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก ตอนถ่ายเลือดให้แมวไม่สามารถเจาะแล้วถ่ายได้เลย เพราะถ่ายเลือดที่เพิ่งทิ่มออกมาให้แมวโดยตรงอาจจะทำให้เลือดจับตัวกันเป็นก้อน ดังนั้นต้องใช้ยาต้านการจับตัวเป็นก้อนเลือด และโซเดียมไซเตรทก็เป็นยาต้านการจับตัวเป็นก้อนเลือดที่ถูกและดีที่ใช้กันทั่วไป ระดับอาหารและระดับยามีความแตกต่างกันน้อยมาก 


 


 


เขาเคยสังเกตขั้นตอนที่ซุนเสี่ยวเมิ่งผสมโซเดียมไซเตรทกับสารละลาย เจาะเลือด และถ่ายเลือด นี่ถูกเรียกว่าวิธีถ่ายเลือดโดยตรงในวงการแพทย์ แตกต่างกับเลือดแช่แข็งที่นำออกมาจากโกดังเลือด ทั่วไปแล้วต้องใช้คนสามคนร่วมมือกัน คนหนึ่งเจาะเลือด คนหนึ่งส่ง และอีกคนหนึ่งรับเลือด เจาะเลือดออกมาก็ต้องฉีดเข้าไปโดยเร็วที่สุด ถึงแม้ตัดขั้นตอนส่งตรงกลางไป อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้สองคน ดังนั้นจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเมแกน เขาทำคนเดียวไม่ได้  

 

 


ตอนที่ 1619 ถ่ายเลือดครั้งหนึ่งในชีวิต

 

 


 


 


ในกระเป๋าสะพายของจางจื่ออันมีขวดใส่น้ำสะอาดเล็กน้อย เพื่อรักษาชีวิตยามคับขันในสถานการณ์ที่หาแหล่งน้ำไม่ได้ แต่ตลอดทางมานี้เขาไม่เคยขาดน้ำเลย จึงไม่ได้ใช้แม้เพียงสักนิด 


 


 


เขาหยิบออกมาขวดหนึ่ง และล้างแก้วใบหนึ่งจนสะอาด จากนั้นใช้เข็มฉีดยาดูดน้ำสะอาดมาปริมาณหนึ่ง แล้วนำไปอังความร้อนบนเทียน แล้วเทโซเดียมไซเตรทในปริมาณหนึ่งลงบนตราชั่งเล็กๆ ในห้องครัว เมื่อผสมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันแล้วก็เขย่าให้เข้ากัน แม้ปัจจัยจะมีจำกัดจึงไม่ได้ถึงขั้นแม่นยำ แต่ก็ได้ระดับความเข้มข้นประมาณสี่เปอร์เซ็นต์แล้ว 


 


 


หลังจากเข้ากันแล้ว เขาก็ใช้เข็มฉีดยามาตรฐานห้าสิบมิลลิลิตรดูดสารละลายโซเดียมไซเตรทออกมาห้ามิลลิตร ตามสัดส่วนหนึ่งต่อเก้า จากนั้นต้องดูดเลือดมาสี่สิบห้ามิลลิลิตร 


 


 


 “เฟยหม่าซือ นายวางอุ้งเท้าลงก็ได้ เดี๋ยวจะเจาะเลือดตรงคอ” 


 


 


เขาเห็นเฟยหม่าซือวางอุ้งเท้าไว้บนโต๊ะด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับเลียนแบบท่าทางเจาะเลือดของมนุษย์ จึงเผลอหัวเราะออกมา 


 


 


เฟยหม่าซือดึงอุ้งเท้าหน้ากลับไปอย่างเก้ๆ กังๆ “ต้องตัดขนตรงคอให้สั้นหน่อยไหม? ฉันไม่ถือนะ” 


 


 


จางจื่ออันพยักหน้า เมแกนไม่รอให้เขาสั่งก็ลงมือเองเลย ตัดขนตรงคอของมันและวลาดิเมียร์ให้สั้นขึ้นหน่อยตามคำชี้แนะของเขา 


 


 


หลังจากเย็บแผลเสร็จ อาการของวลาดิเมียร์ก็ไม่ได้ย่ำแย่ลง แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน สติเลื่อนลอยและเริ่มสะลึมสะลือแล้ว มันพยายามต่อต้านกับความง่วง ถึงแม้เมแกนตัดขนให้มันก็ทำได้แค่หันมองเธอช้าๆ 


 


 


เจาะเลือดและถ่ายเลือดสองขั้นตอนนี้ ถ่ายเลือดต้องใช้ความอดทนมากกว่า เพราะตอนถ่ายเลือดให้แมวต้องถ่ายช้าๆ เลือดหนึ่งหลอดในเข็มฉีดมาตรฐานห้าสิบมิลลิลิตรนี้ ปกติต้องใช้เวลาฉีดเข้าไปในตัววลาดิเมียร์ถึงหนึ่งชั่วโมง และครึ่งชั่วโมงแรกต้องฉีดช้ามากๆ ช้าจนเหมือนกับเวลาหยุดนิ่ง 


 


 


ด้วยปริมาณเลือดที่วลาดิเมียร์เสียไป เลือดหนึ่งหลอดไม่เพียงพอแน่นอน ดังนั้นไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเสียเวลามาก คาดว่าฟ้าสางแล้วก็ยังถ่ายเลือดไม่เสร็จ 


 


 


แน่นอนว่าวลาดิเมียร์ร่างกายแข็งแรง และตอนนี้ก็เป็นสถานการณ์คับขันที่ต้องการเลือด ถ่ายเลือดเร็วกว่านั้นได้นิดหน่อย 


 


 


จางจื่ออันมอบหน้าที่ถ่ายเลือดให้เมแกน ส่วนตัวเองรับผิดชอบเจาะเลือด เพราะเขายังมีเรื่องอื่นต้องทำ เขาอยากทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รวมถึงเหล่าฉาและฟราเทอร์ที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อาจจะเจออันตรายแบบเดียวกันหรือเปล่า 


 


 


เขาเน้นย้ำข้อควรระวังในการถ่ายเลือดให้เมแกนฟังหลายครั้งจนเธอจำขึ้นใจแล้ว 


 


 


เขาอาศัยแสงไฟฉายและแสงเทียน รวมถึงคลำหาเส้นเลือดตรงคอของเฟยหม่าซือกับวลาดิเมียร์ แล้วใช้ปากกามาร์คเกอร์ทำเครื่องหมายเอาไว้ จากนั้นเจาะเลือดจากร่างกายของเฟยหม่าซืออย่างช้าๆ ระหว่างนั้นหยุดหลายครั้ง รอให้เลือดผสมกับสารละลาย จากนั้นค่อยดูดต่อ ใช้เวลาค่อนข้างนานถึงจะเต็มหนึ่งหลอด พอเขย่าให้เข้ากันแล้วก็ส่งให้เมแกน 


 


 


เมแกนแทงหัวเข็มเข้าไปในเส้นเลือดตรงคอของวลาดิเมียร์ และเริ่มดันส่งเข้าไปช้าๆ อย่างระมัดระวัง 


 


 


จางจื่ออันก็เริ่มดูดเลือดหลอดที่สอง 


 


 


ในบ้านเงียบสนิท พวกภูตสัตว์เลี้ยงมองพวกเขาสองคนดูดเลือดและถ่ายเลือดอย่างเงียบๆ แม้แต่ถอนหายใจก็ยังไม่กล้าทำ 


 


 


เฟยหม่าซืออยากให้ดูดมากหน่อย มันทนได้ แต่สุดท้ายจางจื่ออันก็ดูดเลือดใส่เข็มฉีดยาเต็มๆ แค่ห้าเข็มเท่านั้น นี่พอจะช่วยวลาดิเมียร์ให้พ้นขีดอันตรายไปได้แล้ว 


 


 


ตอนเขาดูดเลือดเสร็จ เมแกนยังฉีดเลือดเข้าไปในร่างกายวลาดิเมียร์ไม่เสร็จสักหลอด 


 


 


เธอกำลังมีสมาธิจดจ่อ บางครั้งทำอะไรช้าๆ ก็ต้องใช้สมองมากกว่าทำอะไรเร็วๆ 


 


 


วลาดิเมียร์เหมือนจะหลับไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่การนอนหลับที่อันตราย มันที่ได้รับเลือดเสริมเข้าไปเล็กน้อย จึงหายใจคงที่กว่าเมื่อครู่มากแล้ว 


 


 


เฟยหม่าซือหมอบลงด้วยความเหนื่อยล้าเล็กน้อย “ฉันขอพักหน่อย อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้น…” 


 


 


จางจื่ออันวางเข็มฉีดยาที่เหลืออีกสี่อันเรียงไว้บนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะขยิบตาให้ฟีน่า แล้วพวกเขาสองคนก็ออกไปข้างนอกบ้านเงียบๆ 


 


 


“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขาอยากถามนานแล้ว แต่ก็ห้ามใจไม่ถามออกมา เพราะมันกังวลว่าพอรู้เรื่องราวแล้วจะไม่มีกะจิตกะใจรักษาวลาดิเมียร์ 


 


 


ฟีน่าเล่าเรื่องราวที่เจอหลังจากแยกย้ายกันคร่าวๆ มันทั้งเกลียดชังและตำหนิตัวเอง 


 


 


จางจื่ออันฟังเรื่องราวน่าตื่นตระหนกและซับซ้อนแล้วก็แอบตกใจ “หมายความว่า ตอนนี้เหล่าฉากับฟราเทอร์กำลังตกที่นั่งลำบาก?” 


 


 


ฝีมือของเหล่าฉานั้นไม่ต้องพูดถึง ก่อนฟราเทอร์จะกลับตัวกลับใจก็เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ทักษะการล่าสัตว์สูงมาก แต่ถึงตอนนี้พวกมันสองตัวยังไม่กลับมา ก็ยืนยันแล้วว่าพละกำลังและความเจ้าเล่ห์ของศัตรูเกินจินตนาการจริงๆ 


 


 


แค่เห็นวลาดิเมียร์ก็รู้แล้ว เขาเป็นห่วงสถานการณ์ในตอนนี้ของเหล่าฉากับฟราเทอร์อยู่ลึกๆ เขาไม่กล้าคิดจริงๆ ว่าถ้าหากแม้แต่เหล่าฉากับฟราเทอร์ก็เจออันตรายเหมือนกัน… 


 


 


ฟีน่าพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ หากที่นี่ไม่มีเรื่องต้องให้ข้าทำแล้ว ข้าจะมุ่งหน้าไปช่วยทันที!” 


 


 


ที่จริงมันคิดจะไปนานแล้ว แต่ถ้ามันไป จางจื่ออันไม่มีทางรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น มันจึงกลั้นใจอยู่ที่นี่ต่อ 


 


 


จางจื่ออันพิจารณารอยเลือด ฝุ่น ใบไม้ รวมถึงแผลถลอกเล็กน้อยบนตัวมัน รู้ว่ามันประคองวลาดิเมียร์ตีฝ่าวงล้อมออกมาตลอดทางนั้นไม่ง่ายเลย จึงปลอบใจว่า “เธออย่าโทษตัวเองเลย วลาดิเมียร์ก็คงไม่โทษเธอหรอก แต่ตอนนี้เธออยู่ที่นี่ดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าฝูงแมวหาที่นี่เจอ ใครจะต้านพวกมันไว้ล่ะ เธอก็เห็นแล้วว่าการถ่ายเลือดต้องใช้เวลา ห้ามอะไรมารบกวนทั้งนั้น” 


 


 


เขาเข้าใจความรู้สึกเร่งรีบกระหายสงครามและชะล้างเรื่องอับอายของฟีน่า แต่ที่มันต้องการที่สุดตอนนี้คือการพักผ่อน เมแกน วลาดิเมียร์ และเฟยหม่าซือที่เหนื่อยล้าจากการเจาะเลือดก็ต้องให้มันคอยคุ้มกัน เพราะหวังพึ่งพาเสวี่ยซือจื่อกับริชาร์ดไม่ได้สินะ? 


 


 


ฟีน่ารู้สึกอัดอั้นและร้อนใจ แต่มันปฏิเสธคำพูดของจางจื่ออันไม่ได้ ถ้าไปรบกวนการถ่ายเลือดของวลาดิเมียร์เข้า มันก็จะทำพลาดซ้ำอีกครั้ง 


 


 


“เอาล่ะ…” หลังจากมันชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย มันก็ยอมตกลง แล้วถลึงตาพูดกับเขา “แต่เจ้าต้องสัญญากับข้า ว่าให้ไอ้เลวทรามสองตัวนั้นชดใช้ด้วยเลือด! ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ห้ามกลับมาเจอข้า!” 


 


 


“วางใจเถอะ ฉันรับรอง” เขาตีอกพูด 


 


 


ตลอดชีวิตของเขาอาจจะหลอกล่อฟีน่าหลายครั้ง แต่อย่างน้อยครั้งนี้เขาก็จริงใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความเกลียดชังในใจของเขาไม่ได้น้อยไปกว่าฟีน่า เขาอยากจะตัดพวกมันเป็นชิ้นๆ ถึงจะระบายความเกลียดชังได้! 


 


 


“เจี๊ยกๆ!” 


 


 


พายยันกระบองทำสัญญาณมือ บ่งบอกว่าแม้มันจะไม่มีความสามารถอะไร แต่ก็อยากแก้แค้นแทนวลาดิเมียร์ 


 


 


“แกว๊กๆ! เรื่องแบบนี้จะขาดข้าได้ยังไง!” 


 


 


ริชาร์ดใจฝ่อมาโดยตลอด ถ้าเป็นมันปกติ จะต้องขออยู่อย่างปลอดภัยในบ้านแล้ว 


 


 


“เมี๊ยว โค่นล้มแมวชั่ว!” 


 


 


แม้แต่ซิงไห่ที่กลัวคนก็ยังกำหมัดแน่นอย่างหาได้ยาก 


 


 


“ดี งั้นพวกเราไปด้วยกัน ไปแก้แค้นให้วลาดิเมียร์!” 


 


 


เขาก็ยกกำปั้นขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว 


 


 


ฟีน่ากลับเข้าไปในบ้าน ช่วยเขาล็อกประตูบ้านจากข้างใน 


 


 


หมาป่าที่พาจางจื่ออันกลับมายังหมู่บ้านกำลังหมอบอยู่ข้างนอก จางจื่ออันเดินเข้าไปตีมัน แล้วชี้ไปในป่า “พาฉันไปช่วยพี่ใหญ่ของนาย”  

 

 


ตอนที่ 1620 ปราชญ์ทางตะวันตก

 

ที่จริงเหล่าฉาไม่ได้ช่วยชีวิตของวลาดิเมียร์ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน แต่ได้ผลเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เหตุผลหลักคือแมวตัวแรกยังยั้งมือเล็กน้อยตอนลอบจู่โจม ไม่ได้ลงมืออย่างโหดเ**้ยม 


 


 


ฟังดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อ อีกฝ่ายเป็นศัตรูคู่อาฆาตชัดๆ ทำไมยังยั้งมืออยู่ล่ะ 


 


 


นี่เป็นเพราะมันตัดสินใจแล้วว่าแค่ให้วลาดิเมียร์เจ็บหนักน่าจะเป็นประโยชน์มากที่สุด ถ้าวลาดิเมียร์ตายในที่เกิดเหตุ ฟีน่ากับเหล่าฉาจะต้องสู้อย่างสุดชีวิตกับมันและอาจารย์ มันคิดว่าฝีมือของทั้งสองฝ่ายสูสีกัน ผู้ชนะจะเป็นใครยังไม่รู้ แต่ถ้ายังมีลูกแหง่ ฟีน่ากับเหล่าฉาต้องดูแลวลาดิเมียร์ที่ได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มกำลัง พอมันกับอาจารย์ได้จังหวะแล้ว พวกมันคิดจะฆ่าฟีน่ากับเหล่าฉาก่อน แล้วค่อยจบชีวิตของวลาดิเมียร์ นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด 


 


 


สไนเปอร์ที่ฉลาดจะจู่โจมศัตรูคนแรกในสนามรบ แต่ไม่ฆ่าให้ตาย จากนั้นเพื่อนร่วมรบที่เฝ้ารอศัตรูก็จะเข้ามาช่วย ใช้มิตรภาพโง่เง่าของศัตรูฆ่าไปทีละคน มาสองคนก็ฆ่าแพ็คคู่ นี่ได้ประโยชน์มากกว่าฆ่าศัตรูคนแรกเพียงคนเดียว 


 


 


มันคิดว่าฟีน่ากับเหล่าฉาก็คือศัตรูที่โง่เง่า ไม่ยอมทิ้งเพื่อน สุดท้ายก็ต้องตายด้วยกัน 


 


 


แต่ถึงแม้มันจะวางแผนไว้ดีมาก แต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฟราเทอร์กลับทำลายแผนของมัน 


 


 


มันกับอาจารย์คิดว่าฟราเทอร์ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พอเห็นฟราเทอร์ปรากฏตัว ก็รู้ว่ามีตรงไหนผิดพลาดไป 


 


 


สถานการณ์เปลี่ยนแปลงจนมันต้องปรับเปลี่ยนแผน 


 


 


เห็นฟีน่าประคองวลาดิเมียร์ที่บาดเจ็บกำลังจะออกจากสนามรบไปกับตา ตอนนั้นให้พวกมันหนีไปก็ไม่ต่างอะไรกับเลี้ยงลูกเสือ ฝูงแมวขวางพวกมันไม่ได้ มันจึงพุ่งทะยานไป คิดจะสกัดไว้ด้วยตัวเอง 


 


 


พวกมันเพิ่งเคลื่อนไหว เงาร่างสีเทาสายหนึ่งก็กระโดดมาขวางทางไว้ ปิดตายเส้นทางทั้งหมดของมัน ถ้ามันฝืนพุ่งพรวดไปก็อาจจะเปิดช่องโหว่ให้อีกฝ่าย 


 


 


“ฮ่าๆ คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้า” 


 


 


แม้เหล่าฉาจะหัวเราะออกมา แต่ในใจกลับเดือดพล่าน 


 


 


ถึงมันโมโหแค่ไหนก็ยังรักษามาดของนักรบเอาไว้ ก่อนจะกำหมัดและโค้งตัวพูดว่า “ผู้เฒ่าคือเหล่าฉา ยินดีประมือกับเจ้า ขอบังอาจถามชื่อเสียงเรียงนามของเจ้า” 


 


 


พริบตาที่เหล่าฉากำหมัด แววตาของอีกฝ่ายก็เยือกเย็นขึ้นมา คิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะลอบโจมตีอีกครั้ง 


 


 


แต่เหล่าฉารู้ทันความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย ตอนกำหมัดจึงไม่ได้คลายการป้องกัน ขณะที่แยกสองกำปั้นออกจากกัน มันก็เหวี่ยงอุ้งเท้าจู่โจมกลับด้วย 


 


 


ระหว่างที่พุ่งตัวไป เงาร่างสองสายตรงหน้าก็แยกออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างถอยไปหลายก้าว 


 


 


“เอ๋?” 


 


 


เหล่าฉาเผยสีหน้าประหลาดใจ เพราะมันที่ความรู้กว้างขวางสังเกตเห็นกระบวนท่าของอีกฝ่ายระหว่างที่ประมือกันพริบตาเมื่อครู่ เมื่อครู่ด้านหนึ่งอีกฝ่ายใช้ข้อศอกและหัวเข่าโจมตี ด้านหนึ่งพุ่งขนานมาทางเหล่าฉาเหมือนกระบี่ กระบวนท่าที่ใช้เหมือนกับตอนจู่โจมวลาดิเมียร์เมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน แต่แตกต่างกับกังฟูแบบจีนที่ชำนาญการใช้หมัดต่อย สันมือสับ และขาฟาด 


 


 


ถ้าเหล่าฉาไม่ได้มากประสบการณ์ด้านต่อสู้ ก็คงจะถูกกระบวนท่าแปลกๆ ของอีกฝ่ายสร้างบาดแผลให้ตั้งแต่การประจัญบานครั้งแรก 


 


 


“หรือว่าเป็นกังฟูแบบทางเหนือของกำแพงเมืองจีน?” 


 


 


“เฮอะ นับว่าเจ้ามีแวว” อีกฝ่ายเอ่ยปากเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปรากฏตัว เสียงทุ้มต่ำ แต่เต็มไปด้วยพละกำลัง 


 


 


เหล่าฉาถามด้วยความสงสัย “กังฟูแบบทางเหนือของกำแพงเมืองจีนมีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาคุนหลุน เป็นศาสตร์หนึ่งของกังฟูจีนเช่นกัน เหตุใดเจ้ากลับนำมาช่วยคนต่างชาติ…” 


 


 


“ถุย! ใครเป็นศาสตร์หนึ่งของกังฟูจีน? อย่ายกย่องตัวเองนักเลย! ข้าบอกเจ้าก็ไม่เสียหาย ถึงอย่างไรเจ้าก็กำลังจะตายอยู่แล้ว ข้าชื่อเอเมียร์” 


 


 


เอเมียร์ตั้งท่าไม้ตาย ท่าทางแปลกมาก แตกต่างกับกระบวนท่าของกังฟูจีน “ศาสดาถ่ายทอดกระบวนท่าให้นักปราชญ์ คนธรรมดาเรียนรู้หมัดนี้จากนักปราชญ์” 


 


 


เหล่าฉาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกฝ่ายยังคงปิดบังอยู่บ้าง อาจจะเพื่อเลี่ยงนามของผู้ที่เคารพ จึงเปลี่ยนแปลงคำพูดที่ท่องจำกันมาเล็กน้อย แต่ด้วยความคล้ายคลึงกันของท่าทางที่อีกฝ่ายทำออกมา มันจึงมั่นใจสำนักของอีกฝ่ายแล้ว เป็นกังฟูภูเขาคุนหลุนนอกกำแพงเมืองจีนอย่างที่มันเดาไว้จริงๆ 


 


 


“ดี ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับว่าเป็นศาสตร์หนึ่งของกังฟูจีนเช่นเดียวกัน อย่างนั้นข้าจะไม่ปรานี” เหล่าฉาตั้งท่าไม้ตายของมวยหย่งชุนเช่นกัน 


 


 


เหล่าฉามีคุณธรรมและใจกว้างขวาง เดิมไม่อยากลงมืออย่างโหดเ**้ยม ถึงแม้วลาดิเมียร์จะบาดเจ็บไม่ถึงตาย แต่ด้วยเหตุนี้คร่าชีวิตของอีกฝ่ายก็ต้องบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจองเวรจองกรรมกันต่อไปเมื่อไหร่จะจบสิ้น คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีศาสตร์หนึ่งในกังฟูจีน หากไว้ชีวิตของอีกฝ่ายจะต้องสร้างปัญหาในภายหลังแน่นอน เหล่าฉาจึงคิดที่จะเข่นฆ่าอีกฝ่ายอย่างหาได้ยาก 


 


 


อีกด้านหนึ่ง ฟราเทอร์ก็ขวางแมวตัวแรกที่ลอบจู่โจมฟีน่าเอาไว้ มันพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าได้ยินว่าผู้คุมพวกนั้นเรียกเจ้าว่าซาเมียล นี่เป็นชื่อของเจ้าสินะ” 


 


 


ตอนที่ถูกมัดทั้งสี่เท้ารวมกับปากก่อนหน้านี้ มันได้ยินผู้คุมและผู้หญิงคนนี้พูดถึงชื่อนี้ด้วยท่าทางเคารพยำเกรง ทีแรกมันไม่รู้ว่านี่หมายถึงใคร ถึงอย่างไรมันก็ไม่เคยได้ยินจางจื่ออันเล่าเรื่องนั้น แต่ได้ยินแล้วมันก็รู้ว่านี่ก็คือแมวตัวข้างหน้า 


 


 


ซาเมียลยิ้มเยือกเย็น “น่าเสียดายที่เมื่อครู่ข้าแค่มัดปาดของเจ้า ไม่ได้ปิดหูของเจ้า ผู้คุมพวกนั้นไร้ประโยชน์เสียจริง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่รอดมาปรากฏตัวต่อหน้าข้า…แต่ไม่เป็นไร นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่เจ้าจะได้รู้ก่อนตายแล้วล่ะ” 


 


 


“เจ้าอธิษฐานให้ความสามารถที่แท้จริงของเจ้า คมกริบให้ได้ครึ่งหนึ่งของฟันเจ้าจะดีกว่านะ” ฟราเทอร์ยอกย้อน 


 


 


“อาจารย์! อย่าพูดไร้สาระกับพวกเขาเลย ฆ่าพวกเขาไปเลยเถอะ!” เอเมียร์ที่นิสัยมุทะลุร้องขึ้นมา “แล้วเราค่อยไปตามหาที่เหลือ!” 


 


 


ซาเมียลพยักหน้าเล็กน้อย แล้วขยิบตาให้เอเมียร์ พวกมันศิษย์และอาจารย์ร่วมมือกันมานาน รู้ใจกันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ภาษาพูดคุยกัน ฝ่ายหลังรู้กัน แสร้งทำเป็นจู่โจม กระโดดเข้าไปในป่าที่มืดมิด 


 


 


“เจ้าคนอันธพาลจะไปที่ใด!” 


 


 


เหล่าฉารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการแยกพวกมันออกจากกัน แยกตัวเองออกจากฟราเทอร์แล้วก็จู่โจมแบบตัวต่อตัว แต่ในเมื่อตัดสินใจฆ่าแล้ว ก็ทำได้แค่ตามเข้าไปในป่า 


 


 


ความสามารถที่แท้จริงของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรก็ค่อยว่ากัน แต่แผนการชั่วร้ายผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องย่อมไม่ใช่พฤติกรรมของชายผู้มีเกียรติ ทั้งที่เป็นเรื่องเปิดเผยได้แท้ๆ กลับเอาแต่คิดเจ้าเล่ห์ แค่เรื่องนี้ยังปิดบัง ทำให้เหล่าฉารังเกียจจริงๆ 


 


 


ฟราเทอร์กับซาเมียลสบตากันอยู่ที่เดิม พวกมันรู้ดีอยู่ลึกๆ ว่าไม่ช้าก็เร็วสงครามครั้งนี้จะมาถึง พวกมันสองตัวกำหนดแล้วว่าจะมีแค่ตัวเดียวที่รอดออกไปจากป่าแห่งนี้ นี่ไม่เกี่ยวกับบุญคุณความแค้นส่วนตัว แต่เป็น…สิ่งที่ล้ำลึกยิ่งกว่านั้น 


 


 


ฟราเทอร์ได้ยินเอเมียร์เรียกซาเมียลว่าอาจารย์ตั้งหลายครั้ง มันมองวิธีที่เอเมียร์ลอบจู่โจมเหล่าฉาอยู่ข้างๆ ก็รู้ว่ากระบวนทางของเอเมียร์ช่างน่าประหลาด และในเมื่อซาเมียลเป็นอาจารย์ของเอเมียร์ อย่างนั้นวิถีทางของกระบวนท่าน่าจะเหมือนกัน แปลกประหลาดและหาชมได้ยาก มักจะจู่โจมด้วยมุมและวิธีที่คาดไม่ถึง และในฐานะที่เป็นอาจารย์ ฝีมือของเอเมียร์จะต้องมากกว่าแน่นอน 


 


 


แต่ที่ฟราเทอร์รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งคือ ซาเมียลยกอุ้งเท้าขึ้นมาสองข้าง ร่างกายหมอบลงต่ำ ละทิ้งกระบวนท่าแปลกประหลาดอย่างคาดไม่ถึง แล้วพุ่งเข้าใส่มันโดยตรง ราวกับวิธีต่อสู้แบบเจ็บทั้งสองฝ่ายอย่างคนชั้นต่ำทะเลาะกัน!  

 

 


ตอนที่ 1621 ศาสดากับนักบุญ

 

ฟราเทอร์ไม่เข้าใจกังฟูของประเทศจีนแม้แต่น้อย เมื่อครู่มันมองกระบวนท่าประจัญบานระหว่างเหล่าฉากับเอเมียร์แค่ครึ่งเดียว รู้สึกแค่ว่ามหัศจรรย์มาก วิธีใช้แรงแตกต่างกับวิธีต่อสู้ยิ่งใหญ่เหมือนนักรบตะวันตกโดยสิ้นเชิง ทั้งสวยงาม ทั้งมหัศจรรย์ ราวกับทุกกระบวนท่าแฝงเล่ห์กลเอาไว้นับไม่ถ้วน และแมวที่ร่างกายปราดเปรียวยังส่งให้ระดับกังฟูของพวกมันเหนือขีดจำกัดของมนุษย์ไปมาก แม้แต่ดวงตาของฟราเทอร์ก็ตามการเคลื่อนไหวของพวกมันไม่ค่อยทัน 


 


 


แต่ฟราเทอร์จับทางได้เร็วมาก อาจจะเป็นเพราะมีประสบการณ์การล่าสัตว์ในป่าเต็มเปี่ยม มันเห็นภาพของสัตว์บางชนิดจากกระบวนท่าของเหล่าฉาและเอเมียร์ ราวกับกระบวนท่าพวกนี้เป็นการเคลื่อนไหวเลียนแบบสัตว์ แล้วถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น ประกอบไปด้วยแมว งู สิงโต เหยี่ยว และสัตว์ป่าต่างๆ นี่ก็คือด้านที่ฟราเทอร์เชี่ยวชาญที่สุด 


 


 


ตั้งแต่มันมาปรากฏตัวในเมืองที่ชื่อว่าซานฟรานซิสโก ฟราเทอร์ก็สังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่ยุคเดิมของมันแล้ว แตกต่างกันมากในด้านต่างๆ ด้านหนึ่งในนั้นก็คือป่า ป่าในยุคนี้รกร้างมาก แต่ในยุคนั้นของมันเต็มไปด้วยอันตราย สัตว์ป่าต่างๆ ป้วนเปี้ยนในยามค่ำคืน รวมถึงสัตว์ป่าที่ค่อยๆ สูญพันธุ์ไปในยุคนี้ ยังมีโจรป่าชั่วช้าคอยเผาป่าและเข่นฆ่าด้วย 


 


 


ฟราเทอร์เคยต่อสู้กับสัตว์ป่ามาแล้วทุกชนิด ดังนั้นมองปราดเดียวก็รู้ถึงชนิดของสัตว์ในกังฟูจีนพวกนั้น ทีแรกคิดแผนรับมือไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าซาเมียลจะใช้วิธีต่อสู้แบบเจ็บทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้ามาประจัญบานกับมัน ที่ใช้คือท่าทางมุทะลุโดยการกระแทกร่างกาย ข่วน กัด และหมัดโง่เง่าเต่าตุ่นซึ่งหยาบคายเกินกว่าจะสุภาพด้วย ฟราเทอร์เห็นดังนั้นก็ตกตะลึง! 


 


 


ว่ากันว่าหมัดมั่วซั่วก็ฆ่าอาจารย์ตายได้ ฟราเทอร์ไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายจึงถูกต่อยไปหลายครั้ง ถูกข่วนจนเป็นรอยเลือดหลายรอย ด้วยอาศัยขนาดตัวและน้ำหนักตัวได้เปรียบ ตอนนี้จึงพอทนไปได้ 


 


 


ในสถานการณ์ที่ถูกต่อยเหมือนกับพายุฝน ฟราเทอร์ก็ต้องถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อกันไม่ให้ถูกอีกฝ่ายปิดล้อม เพราะเมื่อพวกมันสองตัวปิดล้อม ก็จะใช้กระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมกว่านี้ไม่ได้ อย่างนั้นต่อไปก็ทำได้แค่กัดคอกันตามสัญชาตญาณ ดูว่าใครจะกัดใครตายก่อนกัน 


 


 


ฟราเทอร์ไม่รู้ว่าทำไมซาเมียลถึงใช้กลยุทธ์แบบนี้ เพราะถ้าแค่กัดคอ จะต้องเป็นฟราเทอร์ที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน ไม่ว่าความยาว ความคม หรือแรงกัดของฟัน มันไม่มีทางแพ้ให้แมวตัวหนึ่งแน่ๆ มันมั่นใจว่าจะกัดศัตรูให้ตายได้ก่อน 


 


 


แน่นอนว่าตอนศัตรูแว้งกัด มันเองก็บาดเจ็บเช่นกัน แต่ไม่ได้ขนาดถึงตาย 


 


 


แต่แบบนี้ดูง่ายเกินไป มันกลับรู้สึกสงสัย ทำไมซาเมียลถึงใช้การโจมตีแบบฆ่าตัวตายล่ะ 


 


 


มันยอมถูกต่อยจนกว่าจะเข้าใจเรื่องนี้  


 


 


ตอนที่ยังไม่เจอกับจางจื่ออัน ตอนที่มันนำฝูงหมาป่าคุมเชิงกับฝูงแมว ก็รู้สึกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายอยู่ลึกๆ ฉะนั้นยิ่งต้องเพิ่มความระวัง 


 


 


“เจ้ามีความสามารถแค่นี้เองหรือ? เจ้าของของเจ้าสอนแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านี้หรือ? หรือจะบอกว่าเจ้าคิดจะเป็นเหมือนเจ้านายไร้อนาคตของเจ้า หลบๆ ซ่อนๆ ไปทั้งชีวิต เสียเวลาชีวิตไปกับเรื่องเล็กน้อย แล้วสุดท้ายก็ตายไปอย่างน่าเวทนาราวกับหมาแก่ๆ?” ซาเมียลใช้ร่างกายโจมตีไป พลางพูดจาทำร้ายจิตใจ พยายามยั่วโมโหฟราเทอร์ เป็นวิธีเดียวกับที่มันยั่วโมโหฟีน่าก่อนหน้านี้ 


 


 


ฟราเทอร์ใช้ชีวิตแตกต่างกับฟีน่า นิสัยย่อมแตกต่างกับฟีน่า มันไม่ได้หยิ่งยโสเหมือนฟีน่า ไม่ได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์เจ้าของเหมือนอย่างฟีน่า แต่เหมือน…เพื่อนมากกว่า ดังนั้นคำพูดของซาเมียลจึงใช้ไม่ได้ผลกับฟราเทอร์ ความรุ่งโรจน์และยิ่งใหญ่ของเจ้าของมันได้รับหลังจากตายไปแล้ว การใส่ร้ายป้ายสีของแมวนอกรีตตัวหนึ่งไม่มีผลเลยสักนิด 


 


 


แก้ไขเรื่องราวใต้หล้าของสำนักวาติกัน ได้มาซึ่งชื่อเสียงของทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ เลือกหนทางที่ตัวเองต้องการ และยึดมั่นไปตลอดชีวิต ยิ่งผู้ติดตามชาติก่อนมากเท่าไร ตายแล้วก็จะมีผู้ยอมรับกว้างขวางมากขึ้น แม้แต่ศัตรูของเขาก็ยอมรับว่าเขาเป็นนักปราชญ์ที่ไม่มีเรื่องให้ตำหนิ เป็นคนที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ ถึงวันนี้ยังมีเมืองทิวทัศน์งดงามตั้งชื่อตามชื่อของเขา…ยังมีเรื่องอะไรให้มีความสุขไปมากกว่านี้ 


 


 


เนื่องจากยุคก่อนขาดแคลนข้อมูล เจ้าของของฟีน่าต้องทรมานจากการโต้เถียง ด้วยเหตุนี้ฟีน่าจึงตอบสนองกับคำวิจารณ์ใส่ร้ายป้ายสีเธออย่างรวดเร็ว เห็นอะไรขัดตาเป็นไม่ได้ แตกต่างกับฟราเทอร์ เจ้าของของมัน…ไม่ใช่สิ พี่น้องของมัน เป็นนักปราชญ์ที่ไร้ข้อกังขา! 


 


 


อยู่ๆ ฟราเทอร์ก็เข้าใจ มันนึกถึงแมวประหลาดที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพพวกนั้น ถ้าแมวพวกนี้ฟื้นคืนชีพได้จากพลังของซาเมียล อย่างนั้นต้นเรื่องอย่างซาเมียล ก็ต้องฟื้นคืนชีพได้เช่นกัน! 


 


 


มันอธิบายทุกอย่างได้แล้ว ส่วนทำไมซาเมียลใช้วิธีต่อสู้มุทะลุแบบชีวิตแลกชีวิตแบบนี้…เพราะมันฟื้นคืนชีพได้ แต่ฟราเทอร์ทำไม่ได้ 


 


 


ฟราเทอร์ไม่เหมือนกับฟีน่าและวลาดิเมียร์ มันรู้ว่าเมื่อสองพันปีก่อนเคยมีคนตายแล้วฟื้นคืนชีพ ด้วยเหตุนี้จึงไม่สงสัยจึงไม่สงสัยเลยว่าตายแล้วยังฟื้นคืนชีพได้อีก 


 


 


ฟราเทอร์เข้าใจเหตุผลแล้วยิ่งเพิ่มความระมัดระวังไม่ยอมให้ซาเมียลเข้าประชิดตัว แต่จะโจมตีอีกฝ่ายให้พ่ายแพ้อย่างไร มันยังคิดไม่ออก 


 


 


ความรวดเร็วในการตอบสนองและการมองเห็นขณะเคลื่อนไหวของพวกสุนัขได้เปรียบกว่าพวกแมวอยู่แล้ว หลังจากกลายเป็นภูตสัตว์เลี้ยงก็เหนือชั้นยิ่งขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมอย่างบ้าคลั่งไร้ความหมายของศัตรู ฟราเทอร์ก็หลบการจู่โจมไม่พ้นเลยสักครั้ง ทำได้แค่สู้ไปถอยไป ร่างกายได้รับบาดเจ็บภายนอกมากมาย ถ้าสงครามตัดกำลังแบบนี้ยืดเยื้อต่อไป มันต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยเช่นเดียวกัน 


 


 


“พี่น้องของข้า ขอจงมอบพลังให้ข้า ช่วยข้าเอาชนะปิศาจร้าย!” 


 


 


มันไม่มีวิธีอื่น ทำได้แค่อธิษฐานด้วยใจศรัทธา 


 


 


“ลืมความศรัทธาของเจ้าไปเถิด! ความศรัทธาของเจ้าคุ้มครองไม่ได้!” ซาเมียลหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะบุกโจมตีมากขึ้น พยายามรบกวนการอธิษฐานของมัน 


 


 


ฟราเทอร์ไม่ขยับ มันเคยได้รับบททดสอบที่ทารุณมากกว่านี้มาแล้ว การโจมตีจุดอ่อนจากศัตรูไม่ได้ทำให้มันเบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อเริ่มอธิษฐาน ถ้าไม่บรรลุเป้าหมายก็จะไม่หยุด 


 


 


มันอธิษฐานเสียงดังขึ้น สายตาเหมือนกับมองทะลุท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดและเมฆสีดำทมิฬ มันมองเห็นเขาที่อยู่บนท้องฟ้าแล้ว 


 


 


“ปิศาจร้ายจะปรากฏตัวด้วยโฉมหน้าต่างๆ บางครั้งเป็นคน บางครั้งไม่ใช่คน วิธีดีที่สุดที่จะรบชนะพวกมันก็คือการเสียสละส่วนตัวและความพยายามไม่ลดละ!” 


 


 


“พี่น้องของข้า! ในเวลาที่ข้าต้องการ โปรดมอบพลังให้แก่ข้า! เจ้าเป็นผู้คุ้มครองข้า เป็นพลังของข้า ข้าไม่กลัวสิ่งใด เพราะข้ามีเจ้าอยู่!” 


 


 


การอธิษฐานของฟราเทอร์เหมือนจะไร้ประโยชน์ บาดแผลบนตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลือดก็ไหลอย่างต่อเนื่อง แต่มันยังอธิษฐาน แผดเผาชีวิตของตัวเองราวกับเทียน 


 


 


เลือดสดๆ ไหลลงจากข้างหลังมัน หยดลงจากสี่ขาของมัน ไหลผ่านซี่โครงซ้ายและเท้าทั้งสี่ข้างของมัน และทิ้งรอยเลือดเป็นหยดๆ ไว้บนพื้น 


 


 


บนซี่โครงด้านซ้ายและเท้าทั้งสี่ข้าง รอยแผลสีแดงอ่อนแทบจะมองไม่เห็นห้ารอยนั้น หลังจากเปื้อนเลือดแล้วก็ชัดเจนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ทั้งที่ตำแหน่งของห้ารอยนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย แต่กลับเหมือนมีเลือดไหลออกมา 


 


 


การเสียสละส่วนตัวและความพยายามไม่ลดละ เป็นหนทางเดียวที่จะได้ความชื่นชอบจากเทพ นี่เป็นบททดสอบคนจากทวยเทพ ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถพิสูจน์ความจริงใจของตัวเองได้  

 

 


ตอนที่ 1622 ยากจะตัดสินแพ้ชนะ

 

ถึงอย่างไรหมาป่าหน้าประตูบ้านก็ไม่ใช่ภูตสัตว์เลี้ยง ความเข้าใจของมันมีจำกัด จางจื่ออันพูดพร้อมทำท่าทางอยู่หลายครั้ง มันเหมือนจะเพิ่งเข้าใจความหมายของเขา ถึงได้หันหน้าวิ่งเข้าไปในป่า 


 


 


มีเพียงซิงไห่ ริชาร์ด และพายที่ออกจากบ้านไปพร้อมกับจางจื่ออัน เป็นสัตว์สามตัวที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาภูตสัตว์เลี้ยง เสวี่ยซือจื่อเลือกอยู่กับฟีน่า นั่นก็ดีแล้ว จะได้มีใครคอยระวังหลังให้ 


 


 


ระหว่างที่เขาวิ่งสั้นๆ อยู่หลายก้าว ตอนกำลังจะออกจากหมู่บ้าน ความรู้สึกถูกจับตามองก็เกิดขึ้นอีกครั้ง 


 


 


ครึ่งหลังของการเดินทางในป่า ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว บางครั้งแรง บางครั้งอ่อน ไม่มั่นคง บางครั้งรู้สึกได้ถึงสายตาทิ่มแทงจนเขาคิดว่าหากหมุนตัวไป ก็จะมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้จับตามอง แต่พอเขาหันไปข้างหลัง ก็ยังคงมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น 


 


 


เขาไม่อยากสร้างภาระทางจิตใจให้พวกภูตสัตว์เลี้ยงอีก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย อีกอย่างก็ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไร ทำไมต้องจินตนาการให้กลัวด้วย 


 


 


คล้ายกับการจับตามองของวลาดิเมียร์ตอนอยู่ในเมืองหลวงเล็กน้อย เขาไม่ได้รู้สึกถึงเจตนาร้ายจากสายตานั้น แน่นอนว่าไม่เหมือนการจับตามองวิเคราะห์นิสัยของวลาดิเมียร์ การจับตามองครั้งนี้เหมือนการสังเกตการณ์มากกว่า 


 


 


“เจี๊ยกๆ?” 


 


 


พายเห็นเขาผ่อนฝีเท้า จึงทำมือถาม 


 


 


“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ” เขายังซ่อนความสงสัยไว้ในใจ และแบกรับไว้เอง 


 


 


หมาป่าพาเขาเดินไปได้ช่วงหนึ่ง เขายิ่งเดิน ก็ยิ่งรู้สึกตึงเครียด พุ่มไม้แหลม หญ้ารก และพุ่มไม้เตี้ยโค่นลงมากน้อยต่างกันเป็นวงกว้าง บางที่เปื้อนคราบเลือดเล็กน้อย มีขนกระจายอยู่ทั่ว ทั้งขนหมาป่า ทั้งขนแมว เท่านี้ก็รู้ถึงความหนักหนาตอนฝูงหมาป่าคุ้มกันฟีน่าและวลาดิเมียร์ตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ทีเดียว 


 


 


พวกเขาเข้าไปในที่ว่างในป่าขนาดเล็ก ที่นี่มีร่องรอยการต่อสู้หลงเหลืออยู่ชัดเจนมาก บนพื้นยังมีเลือดแห้งๆ กองหนึ่ง หยดเลือดชี้ไปยังทางที่พวกเขามาจากใหญ่ไปเล็ก 


 


 


เห็นได้ชัดว่าตรงนี้ก็คือสถานที่ที่วลาดิเมียร์ถูกลอบจู่โจม 


 


 


แต่ฟราเทอร์ เหล่าฉา แล้วก็ศัตรูไปที่ไหนแล้วล่ะ? 


 


 


หมาป่าดมกลิ่นไปมาอยู่บนพื้น กลิ่นของที่นี่มั่วซั่วเกินไป และมันไม่ได้รับการฝึกฝนด้านนี้มา ตามหากลิ่นของฟราเทอร์จากกลิ่นที่ซับซ้อนไม่ใช่เรื่องยาก แต่กลับไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปทางไหนกันแน่ 


 


 


เมื่อครู่ริชาร์ดแสดงความเป็นวีรบุรุษ ตอนนี้มันกลับเสียใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรตอนอยู่กับกลุ่มใหญ่มันก็เดินเตร่ได้ตามสบาย ฟ้าถล่มลงมามันก็ไม่ต้องต้านทาน ตอนนี้เหลือแค่กลุ่มเล็ก แถมแต่ละตัวยังเป็นไก่อ่อนอีกต่างหาก นี่ทำให้มันรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองเข้าขั้นอันตรายขึ้นทุกที 


 


 


พายก็เคร่งเครียดมาก จับกระบองไม้เอาไว้แน่นจนฝ่ามือซีดขาว 


 


 


ซิงไห่กลับเหมือนปกติ ราวกับไม่รู้สึกถึงความกลัวเลยสักนิด ถึงจะอยู่ในสนามรบเล็กๆ แห่งนี้ 


 


 


อยู่ๆ ก็มีเสียงหอนดังขึ้น 


 


 


บรู๋ววว บรู๋ววว บรู๋ววว 


 


 


เสียงหมาป่าหอนดังมาจากทางใดทางหนึ่งที่ไกลออกไป แต่ฟังดูแล้วไม่ได้ไกลมากนัก 


 


 


จางจื่ออันถอนหายใจ นี่น่าจะเป็นเสียงหอนของฟราเทอร์สินะ? 


 


 


“เฮ้!” เขาชี้นิ้วเรียกหมาป่าตัวนั้น “นี่เป็นเสียงเพื่อนนายใช่ไหม ใช่ฟราเทอร์ไหม” 


 


 


เขาฟังเสียงพูดของฟราเทอร์ออก แต่เสียงหมาป่าหอน…เขาฟังอย่างไรก็เหมือนกัน บางทีเซฮวาอาจจะแยกความต่างได้ แต่เธอไม่ได้อยู่ตรงนี้ 


 


 


หมาป่าขยับหู ท่าทางของมันดูลังเลเล็กน้อย ผ่านไปสองสามวินาทีถึงจะก้าวขาวิ่งไปทางนั้น แล้วมุดหัวเข้าไปในป่า 


 


 


เดินไปอีกพักหนึ่ง หมาป่าตัวนี้ก็เดินช้าลงเรื่อยๆ มันพยายามก้มเอาจมูกเข้าใกล้พื้นดินเพื่อตามหากลิ่น แต่สายตากับงุนงงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับ…หากลิ่นไม่เจอ 


 


 


แต่ทุกขณะที่ผ่านไปจะมีเสียงหมาป่าหอนดังมาจากข้างหน้าไกลๆ เสียงไม่ดัง อยู่ไม่ไกล ราวกับกำลังดึงดูดพวกเขาเข้าไป 


 


 


สถานการณ์แปลกๆ แบบนี้ทำให้จางจื่ออันฉุกคิดขึ้นมาได้ หรือว่าจะเป็นกับดัก? 


 


 


แต่เขาไม่มีวิธีอื่นที่จะตามหาเหล่าฉากับฟราเทอร์แล้ว ถึงแม้รู้ดีว่าเป็นกับดัก เขาก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป 


 


 


เดินไปอีกสักพักหนึ่ง 


 


 


พรวด 


 


 


สวบๆ 


 


 


โครมๆ 


 


 


“เฮ่อ!” 


 


 


“ฮ่า!” 


 


 


เสียงต่อสู้อย่างดุเดือดดังมาจากข้างหน้าแว่วๆ รวมถึงเสียงเฮ่อฮ่าจากกระบวนท่าดุดันและการพ่นลมหายใจ 


 


 


ท่านผู้เฒ่าฉานี่! 


 


 


จางจื่ออันรวบรวมสติ ดูท่าทางไม่ใช่กับดัก เหล่าฉากำลังต่อสู้กับศัตรูอย่างดุเดือด แต่ไม่รู้ว่าฟราเทอร์กำลังทำอะไรอยู่ ไม่ได้ยินเสียงของฟราเทอร์เลย 


 


 


วันนี้เหล่าฉาเจอคู่ต่อสู้ที่สูสีอย่างหาได้ยาก พลังที่แท้จริงของมันอาจจะเหนือกว่าเอเมียร์เล็กน้อย แต่การต่อสู้ของเอเมียร์แปลกเกินไป แตกต่างจากกังฟูแบบจีน ใช้ความปราดเปรียวของโครงสร้างร่างกายและข้อต่อของแมวให้เป็นประโยชน์ ทุกครั้งที่จู่โจมด้วยมุมที่คาดไม่ถึง มันก็ไม่ได้ลื่นไหลอะไร 


 


 


อีกอย่างเหล่าฉายังเป็นห่วงสถานการณ์ของวลาดิเมียร์กับฟราเทอร์ มันเดาว่าเอเมียร์แยกมันกับฟราเทอร์ออกจากกันเพราะมีแผนการบางอย่าง ซาเมียลอาจจะควบคุมฟราเทอร์ในด้านใดด้านหนึ่ง ดังนั้นเพื่อเลี่ยงไม่ให้มันกับฟราเทอร์จับทางของพวกมันและร่วมมือกันได้ จึงพามันมาต่อสู้ที่นี่ แต่มันมาที่นี่แล้วถึงจะเข้าใจ อยากจะกลับไปก็ถูกเอเมียร์ขวางไว้ ดูท่าทางต้องจัดการเอเมียร์ให้เสร็จก่อนถึงจะไปรวมตัวกับซาเมียลได้ 


 


 


เอเมียร์เอาจริงเอาจัง กระบวนท่าแปลกประหลาด รูปร่างอ้วนท้วนแต่กลับปราดเปรียวอย่างยิ่ง แลกหมัดกันอยู่หลายร้อยกระบวนท่าก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ 


 


 


พวกมันไม่ได้แลกหมัดและลูกเตะอยู่บนพื้นเหมือนมนุษย์ สนามรบของพวกมันเป็นรูปทรงสามมิติ จากยอดต้นซีคัวญ่าสูงร้อยเมตร ไปจนถึงระหว่างก้อนหินที่ขรุขระและมืดมิด ทิ้งรอยกรงเล็บของพวกมันไว้เต็มไปหมด กิ่งไม้ ใบไม้ หญ้ารกราวกับถูกเครื่องตัดเนื้อเก็บเกี่ยว ขาดเป็นชิ้นๆ เนื้อเยื่อใบไม้และน้ำหล่อเลี้ยงต้นไม้รินไหลอยู่ทั่วบริเวณ กระจายกลิ่นฉุนจมูกออกมาด้วย 


 


 


สัตว์ทุกตัวแถวนี้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์กินเนื้อหรือสัตว์กินพืช ต่างก็หนีเตลิดไปจนเกลี้ยงแล้ว เพื่อยกสนามต่อสู้ให้กับปิศาจสองตัวนี้ 


 


 


หลังจากสู้กันสองร้อยกระบวนท่า เอเมียร์รู้ว่าไม่ว่าจะเป็นกังฟูหรือประสบการณ์ ตัวเองก็เทียบอีกฝ่ายไม่ได้ มันจะพ่ายแพ้เมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น มันจึงแกล้งก้าวพลาด ก่อนจะร้องตกใจขึ้นครั้งหนึ่ง แล้วตกลงจากต้นไม้เตี้ยๆ ต้นหนึ่ง 


 


 


เหล่าฉาอยากรีบไปสมทบกับฟราเทอร์ พอเห็นว่าใกล้จะชนะแล้วจึงจู่โจมต่อ อยากจะฟันกรงเล็บลงไปที่เอเมียร์ 


 


 


แต่เอเมียร์นอนตะแคงอยู่บนพื้น มันซ่อนอุ้งเท้าข้างหนึ่งไว้ใต้ร่างกาย แล้วขุดดิน เมื่อเห็นว่าเหล่าฉาเข้ามาใกล้ มันก็ยกอุ้งเท้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หิน ทราย และดินกระเด็นไปปิดหน้าของเหล่าฉา 


 


 


“เลวทราม!” 


 


 


เหล่าฉาทั้งตกใจ ทั้งโกรธ กังฟูของอีกฝ่ายคล้ายกับปรมาจารย์สำนักหนึ่งทีเดียว แต่คิดไม่ถึงว่าจะใช้กลยุทธ์ทรายบังตาที่อันธพาลข้างถนนใช้กันบ่อยๆ แบบนี้ 


 


 


มันก้มหน้าลงทันที ทราย หิน และดินกระแทกบนหมวกไม้ไผ่สานของมันดังโครม แม้จะไม่เข้าตา แต่มันรู้ว่าศัตรูเล่นโกง การจู่โจมกลับที่ชั่วร้ายจะต้องตามมาอย่างแน่นอน ดังนั้นมันยังไม่ทันเงยหน้าก็ถอยกรูดไป อุ้งเท้าหน้ายกขึ้นกันด้านหน้าป้องกันไม่ให้หน้าอกบาดเจ็บบ 


 


 


“^*&$Y@%)(*&!” 


 


 


เป็นไปตามคาด เอเมียร์ใช้ภาษาที่เหล่าฉาฟังไม่รู้เรื่องตะโกนชื่อหนึ่งออกมาอย่างปีติยินดี แล้วใช้กระบวนท่าเดียวกับที่ลอบจู่โจมวลาดิเมียร์อีกครั้ง ยกนิ้วขนานเหมือนกระบี่ แล้วแทงไปที่หน้าอกของเหล่าฉา เป็นท่วงท่าอันมีชื่อเสียงของศาสตร์กังฟูแห่งภูเขาคุนหลุนทางตะวันตก แปลตรงตัวก็คือดัชนีแห่งศรัทธา 


 


 


เหล่าฉาเตรียมป้องกันไว้แล้ว แต่อุ้งเท้าสองข้างก็กันได้เพียงจำกัด และปกป้องตำแหน่งหน้าอกทั้งหมดไม่ได้ 


 


 


หูของเหล่าฉาได้ยินเสียงกระบี่แหวกลม ในใจรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว จึงทำใจ เปลี่ยนอุ้งเท้าทั้งสองข้างจากป้องกันเป็นจู่โจม ถ้าอีกฝ่ายไม่ถอนนิ้วไป ก็อาจจะบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย 


 


 


ตอนนี้เอง มันได้ยินจางจื่ออันเลียนเสียงท่าดัชนีของเอเมียร์ “เอ๋! แสงแห่งมารดาแกสิ!” 


 


 


เขากดเปิดไฟฉายส่องไปที่ตาของเอเมียร์ทันที 

 

 

 


ตอนที่ 1623 ผู้ไม่เที่ยงธรรมต้องพบกับ...

 

ค่ำคืนที่มืดมิด ป่าอันมืดมน ท่ามกลางการต่อสู้ดุเดือดที่มองไม่เห็นอะไร อยู่ๆ แสงไฟฉายสว่างจ้าก็กวาดมาส่องเอเมียร์ อานุภาพของแสงไฟฉายที่สว่างขึ้นกะทันหัน คล้ายกับฟ้าผ่าลงที่เอเมียร์ ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฟ้าผ่าเช่นกัน


 


 


ที่สัตว์ออกหากินตอนกลางคืนกลัวที่สุดก็คือแสงสว่างจ้าส่องโดนตากะทันหัน และแสงสว่างของไฟฉายที่เป็นกลยุทธ์ในตอนนี้ก็รุนแรงมาก ถึงแม้ส่องตาคนตอนกลางวันก็คงแสบตามาก ไม่ต้องพูดถึงสัตว์หากินตอนกลางคืนที่ขยายรูม่านตาจนถึงขีดสุดเพื่อรวบรวมแสงสว่างอ่อนๆ


 


 


คิดถึงตอนที่อยู่ในทะเลทรายอียิปต์ จางจื่ออันใช้แสงไฟฉายสาดไปยังจิ้งจอกเฟนเนคที่มีไหวพริบฝูงหนึ่งจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่ตาของฟีน่า แสงเดินทางเร็วที่สุดในจักรวาล เร็วกว่าหมัดของผู้มีฝีมือชั้นสูงในวงการกังฟูคนไหนๆ


 


 


ข้างหน้าเอเมียร์เหมือนมีพระอาทิตย์ขึ้น หลังจากเจอแสงสว่างจ้าก็เกือบตาบอดทันที


 


 


มันร้องโหยหวน นิ้วแหลมเหมือนกระบี่สูญเสียความแม่นยำไปแล้ว ปลายแหลมเริ่มบิดเบียว แต่กรงเล็บสองข้างที่จู่โจมกลับในสถานการณ์อันตรายของเหล่าฉากลับนิ่งสงบ อุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งและตรงหน้าอกของมันเกิดแผลสามรอยเปิดลึกจนเห็นกระดูก


 


 


“ท่านผู้เฒ่าฉา ขอโทษที่เข้ามาแทรก แต่ฉันทนมองการกระทำต่ำช้าไร้ยางอายแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”


 


 


จางจื่ออันเพิ่งมาถึงสองสามวินาที ก็มองเห็นฉากน่าหวาดเสียวเมื่อครู่ พอเขาเห็นเอเมียร์ใช้วิธีไร้ยางอายเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ เขาก็ทนไม่ไหวทันที เพราะเขายึดถือหลักการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วมาโดยตลอด ‘แกไม่ได้ตบตาเหล่าฉาหรอกเหรอ ฉันก็จะให้นายได้ลิ้มรสชาตินั้นเหมือนกัน!’


 


 


การโจมตีกลับของเหล่าฉาเป็นไปตามสัญชาตญาณ แม้มันจะตัดสินใจแล้วว่าต้องกำจัดเจ้าสารเลวตัวนี้ แต่สุดท้ายยังต้องยั้งมืออยู่เล็กน้อย ไม่อย่างนั้นเอเมียร์จะต้องตายตรงนี้แน่นอน


 


 


“ไม่เป็นไร กบฏและผู้หักหลัง ทุกคนล้วนต้องถูกสังหาร! ยิ่งอีกฝ่ายกระทำความผิด ก็กล่าวโทษที่ข้าไม่สนใจกฎแห่งยุทธภพไม่ได้” เหล่าฉาส่ายหน้า พลางหอบหายใจเล็กน้อย การต่อสู้อย่างดุเดือดเมื่อครู่ทำให้มันเหนื่อยล้าไม่น้อยเลย


 


 


มันใจกว้างและตรงไปตรงมากับแมว แต่ก็เข้าใจการปรับเปลี่ยน ไม่มีทางเคารพความศรัทธาเน่าเฟะโดยไม่มีเหตุผล การลอบจู่โจมซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเอเมียร์ทำลายมาตรฐานของกังฟูไปแล้ว


 


 


“อาการบาดเจ็บของวลาดิเมียร์เป็นอย่างไร?” พอหยุดหอบหายใจแล้ว มันก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง


 


 


“ฉันพันแผลให้มันแล้ว เฟยหม่าซือก็ถ่ายเลือดให้มันด้วย ตอนฉันมาก็ดีขึ้นมาก น่าจะไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว” จางจื่ออันตอบ


 


 


เหล่าฉาได้ยินแล้วก็ตะลึง มันเคยดูโทรทัศน์ รู้จักการถ่ายเลือด แต่ทำไมสุนัขถ่ายเลือดให้แมวได้ล่ะ


 


 


“เรื่องนี้ไว้ค่อยอธิบายทีหลัง ท่านผู้เฒ่าฉา ฟราเทอร์อยู่ไหน มันไม่ได้มากับท่านเหรอ?” เขามองซ้าย มองขวา


 


 


ตอนเพิ่งมาถึง เขาคิดว่าฟราเทอร์ก็ได้รับบาดเจ็บ ตามองหาอยู่รอบหนึ่งแล้วก็ไม่เห็นเงาของฟราเทอร์


 


 


“อ๋อ ข้ากับฟราเทอร์แยกกันแล้ว ข้ารับมือกับตัวนี้ ส่วนฟราเทอร์รับมือกับอีกตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าฝั่งของมันเป็นอย่างไร คิดดูแล้วศัตรูโหดร้ายและเจ้าเล่ห์ มีแผนชั่วร้ายมากมาย ข้าต้องรีบไปช่วย” เหล่าฉาชี้ไปเอเมียร์แล้วพูด


 


 


“แกว๊กๆ! ถ้าบอกว่ามีพิษสงมากมาย เจ้าโง่นี่ไม่กลัวใครจริงๆ!” พอเห็นวิกฤตคลี่คลาย ริชาร์ดก็ตีปีกกระตือรือร้นขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะฟ้ามืดจนมันมองไม่เห็น ก็ยังอยากต่อยเจ้าหมาจนตรอกตัวนี้ จึงบินไปปล่อยระเบิดบนหัวเอเมียร์ครั้งหนึ่ง


 


 


เอเมียร์บาดเจ็บหนัก แต่มันมีความกล้าหาญของสัตว์ป่า มันพยายามยกหัวขึ้นมาพิงก้อนหิน แต่แผลตรงหน้าอกเสียเลือดไปมาก ถ้าไม่รีบรักษา มันก็จะตายในเวลาอันสั้น


 


 


“ฮ่าๆ พวกเจ้าฝันไปเถอะ! ตอนนี้หมาป่าตัวนั้นถูกอาจารย์ฆ่าตายจนกลายเป็นเถ้าไปแล้ว ถึงพวกเจ้าไปตอนนี้ ก็ทำได้แค่มองศพของมัน!” เอเมียร์ร้องตะโกนอย่างได้ใจ


 


 


เอเมียร์ไม่เพียงโหดร้ายกับศัตรู ยังโหดร้ายกับตัวเอง มันใช้อุ้งเท้าหน้าข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บคว้าดินเหนียวขึ้นมากำหนึ่ง แล้วใช้ดินเหนียวนั้นทาลงบนแผลตรงหน้าอก ก่อนจะวิ่งกะเผลกไปอีกทิศทางหนึ่ง ไม่สนใจเลยว่าแผลอาจจะติดเชื้อ


 


 


แผนในใจของมันสำเร็จลุล่วง ถ้าจางจื่ออันกับเหล่าฉาตามมันมา ก็จะถ่วงเวลาให้อาจารย์ฆ่าฟราเทอร์ได้ แต่ถ้าพวกเขาไม่ตามมา มันก็อาจจะหนีรอดไปรักษาตัวอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่แหลมทางเหนือได้ทัน


 


 


ท่าทางกล้าหาญของศัตรูทำให้จางจื่ออันกับเหล่าฉาลังเลเล็กน้อย ตอนที่เหล่าฉาขยับตัว คิดจะตามไปจบชีวิตของเอเมียร์ เพื่อกันไม่ให้มันไปทำร้ายใครอีกในภายหลัง มันก็เห็นเงาดำสายหนึ่งกระโจนออกมาจากป่าด้านข้าง พร้อมอ้าปากกระหายเลือดกัดเอเมียร์ในทันที


 


 


เหล่าฉาหยุดชะงัก ก่อนจะสังเกตเห็นว่า นั่นคือหมาป่าตัวที่พาพวกจางจื่ออันมานี่นา!


 


 


หมาป่ากัดอย่างบ้าคลั่ง ตาแดงก่ำ อุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างกดลงบนตัวของเอเมียร์ มันสะบัดหัวพร้อมกับฉีกเอเมียร์ไปทางซ้ายและขวาไม่หยุด ฉีกเอเมียร์เป็นชิ้นๆ ท่ามกลางเสียงร้องเวทนาของมัน เลือดและอวัยวะภายในไหลออกมาเกลื่อน น่าเวทนาจนทนดูไม่ได้


 


 


ซาเมียลเคยได้รับพรจากศาสดา มันจึงมีเก้าชีวิต แต่เอเมียร์ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น พละกำลังของมันโดดเด่นในด้านกังฟู แต่ตายแล้วฟื้นคืนชีพเหมือนซาเมียลไม่ได้ อย่างมากก็ได้แค่ฟื้นคืนชีพในสภาพซอมบี้แบบแมวธรรมดาพวกนั้น ไม่อย่างนั้น ด้วยฝีมือการต่อสู้ของมันก็คงฆ่าทุกคนได้หมด


 


 


ตอนนี้มันถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว แม้แต่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นซอมบี้ก็คงยาก


 


 


แมวระดับปรมาจารย์กลับมีจุดจบน่าเวทนาอย่างการถูกตัดหัว ช่างน่าเศร้าสลดจนถอนหายใจ ต้องโทษมันเอง ผู้ไม่เที่ยงธรรมต้องพบกับหายนะ


 


 


พายตกใจกลัวจนต้องปิดตาและหลบอยู่ข้างหลังเขา ส่วนริชาร์ดหดหัวพลางตัวสั่นกลัว ไม่กล้าหายใจเลยด้วยซ้ำ


 


 


จางจื่ออันกับเหล่าฉาเห็นแล้วก็ตกใจมาก เพราะฝูงหมาป่าที่ฟราเทอร์เป็นผู้นำใช้วิธีการฆ่าแมวที่…เป็นธรรม แค่กัดแมวให้ตาย ไม่ได้ทำลายศพของแมว ไม่กินแมวด้วยซ้ำ ด้วยใจศรัทธาของฟราเทอร์ มันจึงห้ามฝูงหมาป่าไม่ให้ใช้วิธีฆ่าอย่างโหดเ**้ยมทารุณ นี่เป็นจิตใจเมตตากรุณาของฟราเทอร์…แน่นอนว่ามองโลกในแง่ดีแล้วไม่มีปัญหาภายหลัง เพราะถ้ายังอยู่ในสภาพดีก็รอมันฟื้นคืนชีพเป็นซอมบี้แมวได้เลย


 


 


แต่หมาป่าตัวนี้…ทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปล่ะ?


 


 


บรู๋ววว บรู๋ววว


 


 


เอ๋เมียร์ที่ถูกกัดทึ้งจนไม่เหลือชิ้นดีตายแล้ว หมาป่าเหมือนถูกกลิ่นคาวเลือดกระตุ้นสัญชาตญาณสัตว์ป่าที่หลับใหลไปเนิ่นนาน มันเงยหน้าหอน ความอ่อนโยนในสายตาหายไป แต่มีความบ้าคลั่งเพิ่มขึ้นมาแทนหลายส่วน ตอนนี้ไม่มีใครคิดว่ามันเป็นสุนัขอีกแล้ว


 


 


ฟู่


 


 


หมาป่าที่หน้าและฟันเปื้อนเลือดเงยหน้ามองจางจื่ออันครั้งหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัววิ่งเข้าไปในป่า และหายไปอย่างรวดเร็ว


 


 


“แกว๊ก…ทำไมเอ็งไม่พูดอะไรเลยล่ะ เสียงร้องน่าเวทนาเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าได้ยินเสียงฉีกกระดูกดังแควกๆ” ริชาร์ดถามเสียงสั่น


 


 


จางจื่ออันกับเหล่าฉามองหน้ากัน ต่างก็รู้สึกว่าสถานการณ์ชักจะประหลาด แต่ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือรีบไปเป็นกองหนุนให้ฟราเทอร์ ส่วนความสงสัยเรื่องหมาป่า ไว้ค่อยอธิบายให้ฟราเทอร์ฟังหลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดก็ได้


 


 


เหล่าฉาจมูกไว ปกติมีเฟยหม่าซือนำทาง มันจึงไม่ได้โชว์ฝีมือนัก แต่ตอนนี้มันนำจางจื่ออันและพวกภูตสัตว์เลี้ยงกลับไปยังสถานที่ต่อสู้ก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ดมกลิ่นของฟราเทอร์เพื่อตามรอย 

 

 


ตอนที่ 1624 เปลี่ยนแปลง

 

ซาเมียลต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง หมายให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ใช้ชีวิตแลกชีวิต และเอาแต่โจมตีไม่แม้แต่ป้องกัน จนฟราเทอร์บาดเจ็บและเหนื่อยล้าในเวลาอันสั้น แน่นอนว่ามันสร้างบาดแผลให้ซาเมียลได้บ้างเล็กน้อย แต่มีประโยชน์อะไร อีกฝ่ายฟื้นคืนชีพได้ บาดเจ็บหนักแกล้งตายสักครั้ง หันมาอีกทีก็กลับมาเป็นแมวกล้าหาญอีกครั้งแล้ว


 


 


ฟราเทอร์เป็นรองในเรื่องความเร็ว ความเร็วในการจู่โจม และการมองเห็นขณะเคลื่อนไหว ก็เหมือนฮีโร่บ้าพลังในเกมที่หมดพลัง และถูกฮีโร่ที่ว่องไวจู่โจมอย่างหนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าฮีโร่ที่ว่องไวตัวนี้ยังมีความสามารถฟื้นคืนชีพ มันไม่มีทางสู้ได้เลย


 


 


มันอธิษฐานเสียงดัง ร่างกายที่บาดเจ็บไม่สามารถสั่นคลอนจิตใจศรัทธาของมันได้ ก็เหมือนกองไฟที่ไม่มีทางดับทั้งๆ ที่เจอพายุฝน…แต่ยิ่งร่างกายบาดเจ็บ ก็ยิ่งทำให้มันรวบรวมความตั้งมั่นไว้ที่สมอง ตั้งอกตั้งใจอยู่กับการอธิษฐาน คล้ายกับละทิ้งร่างกาย แต่จิตวิญญาณเบาหวิวขึ้นเรื่อยๆ ราวกับได้รับการยกระดับ


 


 


มันเชื่อมั่นว่าคำอธิษฐานจะได้รับการตอบสนอง ไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการหลักฐานมาพิสูจน์ เพราะตอนที่ในใจเคลือบแคลง การอธิษฐานจะไม่บริสุทธิ์อีก การอธิษฐานที่ไม่บริสุทธิ์ไม่อาจได้รับการตอบสนองจากเทพ


 


 


รอบแผลสีแดงห้ารอยบนตัวฟราเทอร์ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มีเลือดสดๆ ซึมออกมาจากรอยแผลเก่าห้ารอยนี้จริงๆ


 


 


ซาเมียลที่เป็นฝ่ายได้เปรียบรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมากะทันหัน มันคิดจะสร้างแผลใหม่ให้ฟราเทอร์ แต่ก็ต้องเก็บกรงเล็บไปโดยพลัน แล้วถอยหลังไปหลายก้าว


 


 


ขนยุ่งเหยิงและร่างกายเต็มไปด้วยแผลเลือดไหลหลายจุดไม่ได้ทำให้ฟราเทอร์เหมือนหมาป่า มันมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาเลื่อนลอย เงยหน้ามองท้อง แล้วพูดเสียงเบา


 


 


“จะมีแสง”


 


 


เมื่อพูดจบ ท้องฟ้าอันมืดมนก็แหวกเป็นช่องแคบๆ ช่องหนึ่ง แสงอาทิตย์สายหนึ่งส่องทะลุชั้นเมฆมา ตกลงบนฟราเทอร์ราวกับสป็อตไลท์บนเวที


 


 


ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่เพราะชั้นเมฆหนาเกินไป พวกมันที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดจึงไม่ได้สังเกต


 


 


นี่เป็นทิวทัศน์อันน่ามหัศจรรย์ ท้องฟ้าและพื้นดินที่มืดมิดโดยสมบูรณ์ มีเพียงแสงสว่างหนึ่งเดียวส่องทำลายความมืดมน และแสงก็กระจายลงใต้ก้อนเมฆแล้ว ส่งให้ชั้นเมฆเคลื่อนที่รวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับผีร้ายนับไม่ถ้วนถูกแสงสว่างแผดเผาจนเปลี่ยนรูปร่าง สุดท้ายระเหยกลายเป็นไอน้ำไร้รูปร่าง


 


 


เทียบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ซาเมียลตกใจกับความเปลี่ยนแปลงที่ตัวของฟราเทอร์มากกว่า ร่างกายของหมาป่าแห่งศรัทธาตัวนี้พองขึ้นเหมือนลูกโป่งเป่าลม ด้วยเป็นหมาป่ายุโรปที่ร่างกายผอมกว่าหมาป่าอเมริกาเหนืออยู่แล้ว แต่พอตัวพองกลับสูงใหญ่กว่าหมาป่าอเมริกาเหนือเสียอีก!


 


 


เดิมทีหมาป่ากับแมวก็มีขนาดตัวต่างกันมากอยู่แล้ว ยิ่งพอตัวของฟราเทอร์พองขึ้นอีก มันที่เผชิญหน้ากับซาเมียลแล้วก็เหมือนคนปกติกับคนแคระ


 


 


โลกของสัตว์ ขนาดตัวและน้ำหนักตัวก็คือจุดสำคัญ ถึงเป็นสัตว์ประเภทแมวที่ผู้คนพูดถึงบ่อยๆ หากอยากเอาชนะสัตว์ประเภทสุนัข ก็มีแต่ต้องสร้างความแตกต่างเรื่องขนาดตัวและน้ำหนักตัว


 


 


ฟราเทอร์ไม่ได้ตัวพองอย่างเดียว ขนก็ยาวขึ้นมากเหมือนหญ้าป่า ขนยาวปกคลุมทั่วร่างกายราวกับกระดองนุ่มๆ เขี้ยวก็แหลมคมขึ้น เหมือนเป็นหมาป่ายักษ์ที่สูญพันธุ์ไปตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว


 


 


โลกมืดสนิททั่วด้าน มีเพียงฟราเทอร์ที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ ร่างกายราวกับมีสิ่งของที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้เพิ่มขึ้นมา อย่างเช่น…ความเป็นเทพ


 


 


“เล่นละครอะไร! ไม่มีความสามารถอื่น ทำได้แค่เล่นกลตบตาน่าขันเหล่านี้หรือ?”


 


 


ปากของซาเมียลก่นด่า แต่ในใจรู้สึกท่าไม่ดีแล้ว สถานการณ์กำลังจะหลุดออกจากการควบคุมของมัน รออย่างนี้ต่อไปมีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าฟราเทอร์จะพองตัวอีกหรือเปล่า มันจึงลองยื่นอุ้งเท้าออกไปดันฟราเทอร์อีก


 


 


แต่ทว่ามันพบปัญหาน่าอึดอัดอย่างหนึ่งทันที นั่นก็คืออุ้งเท้าหน้าของมันยาวไม่พอ


 


 


ฟราเทอร์ที่ตัวพอง ขาทั้งสี่ย่อมยาวขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นจะไม่สมส่วน ในขณะที่ฟราเทอร์ขาหน้ายืดยาว และต่อยซาเมียลได้ง่ายดาย แต่ซาเมียลกลับยื่นอุ้งเท้าไม่ถึงฟราเทอร์…


 


 


ฟู่!


 


 


แผลของฟราเทอร์ไม่มีเลือดไหลแล้ว มันกระโจนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วกระโจนใส่ซาเมียลราวกับภูเขาไท่ซานทับบนหัว ตอนนี้ฝ่ายหลังทำได้แค่หลบ ไม่อย่างนั้นจะถูกทับจนเละจนอึราด…


 


 


ซาเมียลอาศัยร่างกายอันปราดเปรียวกลิ้งไปครั้งหนึ่ง เกือบจะไปถึงด้านหนึ่ง แต่จากเสียงและแรงสั่นสะเทือนตอนฟราเทอร์ลงมาบนพื้น มันคิดว่าน้ำหนักตัวของฟราเทอร์น่าจะเกินร้อยกิโลกรัมแล้ว เกือบสิบเท่าของน้ำหนักตัวมันเลยทีเดียว


 


 


“สมควรตาย! โง่เหมือนหมู แม้แต่หมูป่ายังไม่ใช้กลยุทธ์โง่เง่าเช่นนี้เลย! มารดาเจ้าสิ เป็นจิงโจ้หรือ? อ้อ! ข้าได้ยินว่ามีสัตว์ชนิดหนึ่งเรียกว่าไทลาซีน* งั้นพ่อเจ้าเป็นหมาป่า แม่เจ้าเป็นจิงโจ้หรอกหรือ? หรือว่ากลับกัน?”


 


 


ซาเมียลยังก่นด่าไม่หยุด พ่นคำหยาบไม่น่าฟังออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทำลายเกียรติของมันจริงๆ แต่ยิ่งด่า มันก็ยิ่งขาดความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนนี้มันคิดไม่ออกว่ายังมีวิธีไหนใช้ควบคุมกลยุทธ์เชยๆ แบบนี้อีก


 


 


ฟราเทอร์ไม่สะทกสะท้าน ปล่อยให้มันก่นด่า แต่กระโดดขึ้น กระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายครั้ง บีบให้ซาเมียลทำได้เพียงกระโดดโหยงเหยงอยู่อย่างนั้น


 


 


ซาเมียลไม่กลัวถูกฟราเทอร์ทับตาย ถึงอย่างไรก็ฟื้นคืนชีพได้อยู่แล้ว แต่ถ้าฟราเทอร์ไม่ต้องจ่ายค่าแลกเปลี่ยนก็ทำลายชีวิตมันได้ งั้นการค้าขายครั้งนี้ก็คุ้มค่าเกินไปแล้ว


 


 


เห็นอยู่ว่าตราชั่งแห่งชัยชนะกำลังเอนเอียงไปทางฟราเทอร์ ซาเมียลที่มีแผนการร้ายมากมายผ่านความสับสนในตอนแรกมาแล้วก็ใจเย็นลง มันหลบการโจมตีของฟราเทอร์ครั้งหนึ่ง อยู่ๆ ก็พบว่าตัวเองกำลังทำตัวโง่เง่าเพราะอยากฆ่าฟราเทอร์มากเกินไป ทำไมต้องหลบไปมาอย่างเอาเป็นเอาตายด้วย ขึ้นไปหลบบนต้นไม้ก่อนไม่ได้เหรอ? ถึงอย่างไรหมาป่าก็ปีนต้นไม้ไม่เป็น


 


 


ต้นไม้ในป่าเรดวูดมีขนาดลำต้นสูงมาก ที่สูงที่สุดก็มากกว่าร้อยเมตร ทั่วไปก็หลายสิบเมตร ถ้าเป็นต้นไม้เตี้ยนอกป่า หมาป่าตัวใหญ่ยักษ์อาจจะกระโดดข้ามไปได้ แต่ต้นไม้ที่นี่ไม่มีหมาป่าตัวไหนกระโดดข้ามไปได้


 


 


ซาเมียลหาโอกาส แล้วกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูง อุ้งเท้าจับลำต้นไว้แน่น ทั้งสี่ขาปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็วถึงระดับความสูงที่ฟราเทอร์ไม่น่ากระโดดถึง


 


 


สภาพการณ์อยู่ในช่วงที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน หนึ่งแมวบนต้นไม้และหนึ่งหมาป่าบนพื้นกำลังจ้องมองกัน ทั้งคู่ต่างก็จนใจ


 


 


ซาเมียลได้โอกาสพักหายใจแล้ว จึงสงบใจและคิดแผนการใหม่


 


 


หลังจากวิเคราะห์ช่วงแรก มันคิดว่าถ่วงเวลาต่อไปมีประโยชน์ต่อตัวเองมากกว่า แค่รอเอเมียร์จัดการแมวแก่สีชาตัวนั้น…


 


 


บรู๋ววว บรู๋ววว


 


 


ทว่ามีเสียงหมาป่าหอนผิดปกติดังมาจากทางเอเมียร์


 


 


เอเมียร์หัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ลางสังหรณ์ไม่เป็นมงคลทำให้มันต้องหายใจสะดุด หรือว่า…หรือว่าเอเมียร์ ลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจตายแล้ว?


 


 


‘โง่เสียจริง! คิดไม่ถึงว่าจะตายด้วยน้ำมือของศัตรู…’


 


 


ซาเมียร์ตำหนิเพราะหวังให้มันเก่งขึ้น แต่ก่อนจะเสียดายแทนเอเมียร์ มันอยากคิดถึงตัวเองก่อน ถ้าศัตรูฆ่าเอเมียร์แล้ว อีกไม่นานแมวแก่สีชาก็จะตามมา อย่างนั้นแม้แต่บนต้นไม้ก็ไม่ปลอดภัยแล้ว


 


 


“เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าที่อธิษฐานได้หรือ? ตอนนี้ให้ข้าสั่งสอนเจ้าสักหน่อย ว่าอะไรคือการอธิษฐานที่แท้จริง!”


 


 


ซาเมียลตัดสินใจสู้ตาย ก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ยฟราเทอร์อยู่หลายครั้ง จากนั้นก็หมอบอยู่บนต้นไม้ หันหน้าไปทางตะวันออกและเริ่มอธิษฐาน


 


 


 


 


 


 


*ไทลาซีน หรือรู้จักันทั่วไปในชื่อ เสือแทสเมเนีย มีลายทางคล้ายเสือ ลักษณะคล้ายหมาป่าหรือสุนัข มีฟันแหลมคม และยืนด้วยสองขาหลังได้เหมือนจิงโจ้ ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม