Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1611-1617
ตอนที่ 1611 น้ำหอม
ผู้หญิงและพวกผู้คุมก็ตกใจมากเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างก็จนใจ ทำได้แค่ลองใช้หมาป่าตัวนี้เป็นตัวประกันขู่จางจื่ออัน คิดไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏตัวจริงๆ และแสดงท่าทางว่านอนสอนง่ายมากด้วย
พวกเขาทั้งดีใจและยากจะเชื่อ ตัวหายนะที่ทำให้ศาสดาหัวหมุ่นไม่หยุดไม่หย่อน คิดไม่ถึงว่าจะถูกพวกเขาจับง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอ? กลับไปแล้วต้องได้รับการอวยพรจากศาสดาแน่นอน
แม้จางจื่ออันจะปรากฏตัว แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้เกินไป เขารักษาระยะห่างที่ปลอดภัยเอาไว้ เพื่อหลบกลับเข้าป่าได้ตลอดเวลา
ในเมื่อตำแหน่งซ่อนตัวของพวกผู้คุมเปิดเผยออกมาแล้ว พวกเขาก็ไม่ซ่อนตัวเสียเลย พากันกระโดดลงมาจากบนต้นไม้หรือรูดเชือกลงมา จากนั้นก็ยกปืนเทเซอร์เล็งมาที่เขา แต่ปืนยิงตาข่ายก็ใช้ไม่ค่อยได้ผลกับคนสักเท่าไร
พวกเขารู้สึกว่าการปรากฏตัวของจางจื่ออันดูมีลับลมคมในเล็กน้อย แถมได้ยินมาว่าเขาเจ้าเล่ห์มาก จึงไม่กล้าประมาทเข้าไปรีบจับตัวเขา ขณะเดียวกันก็สังเกตการเคลื่อนไหวรอบๆ ด้วย
มีคนสูดจมูก แล้วสบถว่า “เชี่ย! นี่กลิ่นอะไร”
ไม่เพียงแค่เขา ผู้คุมคนอื่นก็ได้กลิ่นเหม็นหึ่งโชยมาจากตัวของจางจื่ออันเช่นกัน
“เหมือนจะเป็น…เชี่ย! โคโลญจน์คาลวิน ไคลน์ของฉัน! ยายเขาสิ! ไอ้บ้านี่ขโมยโคโลญจน์คาลวิน ไคลน์ที่ฉันทิ้งไว้ในบ้านมาด้วย!”
“อะไรนะ โคโลญจน์คาลวิน ไคลน์เหรอ? แกนี่มันวุ่นวายจริงๆ!”
“อย่าฉีดน้ำหอมฟรีใส่ตัวเยอะขนาดนั้นสิ!”
มีคนรู้แล้ว กลิ่นบนตัวของจางจื่ออันคือกลิ่นน้ำหอมคาลวิน ไคลน์ ในบรรดาผู้คุมมีแค่เขาที่ซื้อน้ำหอมกลิ่นนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมั่นใจว่าจางจื่ออันขโมยของเขามาจากในบ้านแน่นอน
ปกติเขาไปซื้อเสบียงที่ซานฟรานซิสโกพร้อมกับเรือยอร์ชอยู่บ่อยครั้ง และจะใช้โอกาสนี้ไปจีบหญิงในบาร์ แน่นอนว่าต้องใช้น้ำหอมกลบกลิ่นตัวและกลิ่นเหม็นเหงื่อ แถมที่เขาซื้อไม่ใช่น้ำหอมทั่วไป แต่เป็นโคโลญจน์ซีรีย์ ‘Euphoria’(ยูโฟเรีย) ของคาลวิน ไคลน์
ซีรีย์ ‘Euphoria’ ที่ว่า ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าน้ำหอมชนิดนี้สร้างความแคลิบเคลิ้มให้กับผู้หญิงได้ในระดับหนึ่ง บวกกับความสำเร็จในการจีบหญิง ดังนั้นเขาจึงตัดใจขูดเลือดขูดเนื้อลงทุนซื้อมันมา
แต่ประเด็นคือ ควรฉีดโคโลญจน์ตัวนี้ให้น้อยหน่อยถึงจะดี ฉีดเล็กน้อยจะให้กลิ่นหอมอ่อนๆ แต่หากเข้มข้นเกินไปจะให้ผลตรงข้ามกัน แต่จางจื่ออันไม่เพียงขโมยโคโลญจน์ของเขา ยังใช้สิ้นเปลืองตามอำเภอใจอีกด้วย กลิ่นหอมเข้มข้นเกินไปจะกลายเป็นกลิ่นเหม็นฟุ้ง เกือบจะรมควันเขาตายแล้ว
“เอ๋ คุณหมายถึงไอ้นี่เหรอ” จางจื่ออันกำขวดน้ำหอมคาลวิน ไคลน์ในมือ “ขอโทษทีนะ ฉันชอบเจ้านี่ทีเดียว ก็เลยหยิบติดมือมาด้วย แต่ถ้านายอยากได้ งั้นฉันก็จะคืนให้”
เขาโยนขวดน้ำหอมให้ผู้คุมคนนั้น
แม้ผู้คุมจะเสียดายน้ำหอม แต่เขากลัวว่าจางจื่ออันกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมมากกว่า จึงไม่กล้ารับขวดน้ำหอม แต่หลบอย่างรวดเร็ว
“อ้าว ผมไม่ได้ปิดฝาให้แน่น ทำไมคุณไม่รับล่ะ แบบนี้ก็สาดหมดสิ!”
จางจื่ออันถอนหายใจเสียดาย
เขาไม่ได้ปิดฝาขวดน้ำหอมให้แน่น พอตกลงบนพื้นก็สาดออกจนหมด กลิ่นเข้มข้นฉุนจมูกฟุ้งกระจายไปทั่ว
ผู้หญิงคนนั้นอดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอรู้สึกว่าจางจื่ออันใจเย็นเกินไป เหมือนมีแผนการบางอย่าง แต่คิดไม่ออกว่ามีแผนการเจ้าเล่ห์อะไรกันแน่ ดังนั้นจึงจะโกนว่า “หุบปาก! โยนปืนของคุณมา! เร็ว!”
จางจื่ออันปลดปืนเทเซอร์ที่เอวโยนลงบนพื้นอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองเธอด้วยสายตาไร้เดียงสา “คุณให้ผมออกมายอมแพ้ ผมก็ออกมาแล้ว ยอมแพ้แล้วด้วย เมื่อไหร่คุณจะปล่อยหมาป่าตัวนั้น”
ผู้หญิงคนนั้นหยุดหัวเราะ เธอจะทำตามที่สัญญาไว้ได้อย่างไร? คนคนนี้โง่เกินไปหน่อยแล้ว!
“หมาอีกตัวหนึ่งล่ะ? คุณไม่ได้มีหมาอีกตัวเหรอ? ให้มันออกมา! ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าหมาป่าตัวนี้!” เธอเล่นมุกเดิม จี้มีดผ่าตัดไปบนคอของฟราเทอร์
เธอได้ยินว่าจางจื่ออันยังมีเยอรมัน เชพเพิร์ดที่เก่งกาจมากตัวหนึ่ง ไม่แน่ว่าเยอรมัน เชพเพิร์ดตัวนี้อาจจะเป็นข้อได้เปรียบของเขา มันกำลังหลบรอโอกาสลอบจู่โจมพวกเขาอยู่แถวนี้
จางจื่ออันยังคงว่าง่ายมาก แล้วหันไปพูดว่า “เฟยหม่าซือ นายออกมาเถอะ”
เยอรมัน เชพเพิร์ดแข็งแรงตัวหนึ่งเดินออกมาจากในป่าอย่างเฉลียวฉลาด รักษาระยะห่างที่แน่นอนกับเขา ไม่ได้เดินเข้าไปในระยะยิงของปืนยิงตาข่ายและปืนเทเซอร์เช่นเดียวกับจางจื่ออัน
ฝ่ามือที่ถือมีดผ่าตัดของผู้หญิงคนนั้นมีเหงื่อเย็นๆ ซึมออกมาไม่น้อย เธอยังคงรู้สึกว่าเรื่องราวราบรื่นเกินไป แต่เธอคิดไม่ออกว่าจางจื่ออันกำลังเล่นลูกไม้อะไร
“พลุไฟกับสเปรย์ป้องกันหมีด้วย โยนพวกมันออกมา” เธอสั่ง
จางจื่ออันทำตามคำบอก ครั้งนี้เขาถูกปลดอาวุธทุกอย่างโดยสิ้นเชิงแล้ว
เธอขยิบตาให้พวกผู้คุมครั้งหนึ่ง ความหมายคือเข้าไปมัดเขาไว้
พวกผู้คุมแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเข้าใกล้เฟยหม่าซือ คิดจะใช้ปืนยิงตาข่ายจับมัน อีกกลุ่มหนึ่งเข้าใกล้จางจื่ออัน ส่วนกลุ่มสุดท้ายเตรียมป้องกันอยู่ที่เดิม เพื่อพร้อมให้การสนับสนุนสองกลุ่มแรก
พวกเขาเข้ามาใกล้ จางจื่ออันกับเฟยหม่าซือก็ถอยหลังไปเรื่อยๆ
“พวกคุณบอกว่าจะปล่อยมันนี่” เขาแสดงท่าทางเหมือนคนโง่เง่าไร้เดียงสา
“เฮ่อๆ”
“ฮ่าๆ!”
ผู้หญิงคนนั้นกับพวกผู้คุมต่างก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา เจ้าคนนี้เผชิญหน้ากับความตายแล้วยังฝันลมๆ แล้งๆ อยู่อีก
“งั้น…พวกคุณรู้ไหมว่าผมเอาโคโลญจน์ขวดนี้มาทำไม” อยู่ๆ จางจื่ออันก็เปลี่ยนเรื่องพูดอย่างน่าประหลาด
“ทำไมล่ะ” เธอย้อนถามตามจิตใต้สำนึก
“เพราะไม่ใช่แค่คนที่ถูกกลิ่นโคโลญจน์ดึงดูด” บนในหน้าของเขาเผยรอยยิ้มแปลกๆ “ถ้าไม่เชื่อพวกคุณก็เงยหน้ามองข้างบนสิ”
“อย่าไปติดกับเขา!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกน
“จริงๆ นะ ถ้าไม่ดู พวกคุณจะต้องเสียใจทีหลัง” ท่าทางของจางจื่ออันจริงใจมาก “ที่อินเดีย มีเสือตัวหนึ่งชื่ออาฟนี มันฆ่าคนต่อเนื่องถึงสิบสามคน รัฐบาลท้องถิ่นต้องส่งกองกำลังทหารมาล้อมปราบมัน แถมใช้โคโลญจน์คาลวิน ไคลน์ด้วย เพราะส่วนประกอบหลักในน้ำหอมชนิดนี้คล้ายกับกลิ่นแมวชะมด ดึงดูดเสือได้อย่างดี”
เธอกับพวกผู้คุมไม่ได้ทำตามในทันที ถึงอย่างไรคนที่ถูกล้างสมองก็เป็นพวกไม่สนใจหลักวิทยาศาสตร์
จางจื่ออันมองกิ่งไม้ข้างบนหัวพวกเขา แล้วพูดว่า “ในป่าเรดวูดไม่มีเสือ แต่มีสิงโตภูเขา”
พอพูดจบ พวกผู้คุมก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวช้าๆ ตรงแง่งกิ่งไม้บนหัว จึงสะดุ้งและเงยหน้าขึ้น พลันก็สบตากับสิงโตภูเขาโตเต็มวัยร่างกายแข็งแรงหลายตัว
โคโลญจน์ยูโฟเรียของคาลวิน ไคลน์มีผลน่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ไม่เพียงดึงดูดสัตว์ประเภทแมวขนาดใหญ่ ยังไปกระตุ้นพวกมันด้วย ก็เหมือนแมวที่หลงใหลในมิ้นต์แมว แน่นอนว่าผลของมิ้นต์แมวได้ผลกับแมวในระดับที่ต่างกัน แมวบางส่วนไม่รู้สึกอะไรกับมิ้นต์แมว ความหลงใหลในโคโลญจน์ก็เช่นกัน แต่ดูท่าทางสิงโตภูเขาหลายตัวนี้จะเป็นกลุ่มหมู่มาก
ในสายตาของพวกมัน คนพวกนี้เกะกะลูกตา
มีผู้คุมยกปืนขึ้นมายิงก่อน แต่ปืนเทเซอร์ใช้ไม่ค่อยได้ผลกับสัตว์ ส่วนปืนยิงตาข่ายเจอกับเป้าหมายในที่สูง ยิงตาข่ายเชือกออกไปก็เท่ากับตกลงมาคลุมตัวเองเท่านั้นแหละ
ท่าทางจู่โจมของพวกเขายั่วโมโหสิงโตภูเขาเข้าแล้ว พวกมันคำรามอย่างดุร้ายแล้วโผเข้าใส่พวกเขา
ผู้คุมที่ถูกโผเข้าใส่ร้องเวทนาตามๆ กัน ผู้คุมที่เหลือพยายามช่วยเพื่อนร่วมง่ายอย่างเสียไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าภารกิจล้มเหลว จึงยกมีดผ่าตัดขึ้นอย่างโหดร้าย หมายจะแทงลงไปบนคอของฟราเทอร์ ถึงแพะรับบาปตายไปก็ไม่เป็นไร
“เฮ้!”
ระหว่างที่มีดยังอยู่กลางอากาศ เธอได้ยินจางจื่ออันตะโกนมาครั้งหนึ่ง เขาถือโอกาสเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ พร้อมกับยกปืนเทเซอร์ขึ้นเหนี่ยวไกใส่เธอ
ตอนที่ 1612 ช่วยเหลือที่แนวหน้า
พวกเรามักจะเห็นตัวละครฮีโร่ถูกยิงหลายนัดแล้วยังยืนหยัดฆ่าคนเลวจนหมด แสดงจิตใจอันเข้มแข็งดั่งเหล็กกล้าและร่างกายแข็งแรงกำยำของฮีโร่ แต่ถ้าถูกปืนเทเซอร์ยิงแม้สักครั้ง ใครก็ต้องเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกทั้งคืน แม้แต่ยื่นนิ้วก้อยออกไปตรงๆ ก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้นใช้ปืนเทเซอร์หยุดอาชญากรจึงค่อนข้างได้ผลดี
ขั้วไฟฟ้าสองด้านยิงไปที่ร่างกายของหญิงสาวคนนั้นด้วยไนโตรเจนแรงดันสูง ระยะห่างใกล้ขนาดนี้ไม่มีทางยิงพลาดเป้า เขายิงเข้าที่หน้าอกขวาและหน้าท้องซ้าย ลอดเข้าไปในเสื้อผ้าบางๆ ของเธอ ส่วนปลายที่มีตะขอปักเข้าไปในผิวหนัง ไฟฟ้าแรงดันสูงพลันส่งผ่านเข้าสู่ร่างกายของเธอในพริบตา
“อ๊ากกก!”
เธอชักไปทั้งตัว ปลายมีดอยู่ห่างจากฟราเทอร์แค่คืบแท้ๆ แต่นิ้วมือกลับจับด้ามมีดไว้ไม่ได้ ได้แต่มองมีดผ่าตัดหลุดจากซอกนิ้วอย่างไร้เรี่ยวแรง พูดอย่างนั้นก็ไม่ค่อยถูก แม้เธอจะลืมตาอยู่ แต่ความจริงแล้วอยู่ในสภาพที่มองไม่เห็น
ในสถานการณ์ที่โกลาหลไปทั่ว พวกผู้คุมบางคนสังเกตเห็นสถานการณ์ทางนี้ แต่ติดอยู่ที่ต้องสู้กับสิงโตภูเขา เข้ามาช่วยไม่ได้ และเฟยหม่าซือก็เข้าสู่สนามรบแล้ว มันหลบหลีกผู้คุมที่ถือปืนยิงตาข่ายเอาไว้ในมือพวกนั้น เสี่ยงถูกช็อตสักครั้งสองครั้ง และพุ่งเข้าจู่โจมผู้คุมที่ถือปืนเทเซอร์โดยเฉพาะ
สิงโตภูเขาเป็นสัตว์สันโดษ ส่วนมากไม่เคลื่อนไหวกันเป็นฝูง แต่สิงโตภูเขาพวกนี้ไม่ได้มาจากที่เดียวกัน แต่ถูกกลิ่นโคโลนจ์ยูโฟเรียของคาลวิน ไคลน์ดึงดูดมาทั้งนั้น
หลังจากเสวี่ยซือจื่อหนีไป เฟยหม่าซือได้กลิ่นว่าแถวนี้มีวี่แววสิงโตภูเขาเคลื่อนไหว จางจื่ออันจึงลองฉีดน้ำหอมขึ้นเหนือลม แล้วมันก็ดึงดูดสิงโตภูเขามาได้จริงๆ
อเมริกาเหนือมีสิงโตภูเขาหลายหมื่นตัว แต่หายากที่พวกมันเข้าจู่โจมคนก่อน พวกมันจะหลีกเลี่ยงคนเองเมื่ออยู่ในป่า แต่วันนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ กลิ่นน้ำหอมทำให้พวกมันต้านทานความรู้สึกเคลิบเคลิ้มไม่ได้ และดึงสัญชาตญาณกระหายอยากจะสืบพันธุ์ของพวกมันขึ้นมา
ผู้หญิงคนนั้นชักจนล้มลง เมื่อครู่เสวี่ยซือจื่อถูกผู้หญิงคนนั้นเตะกระเด็นไป มันจึงกระโดดใส่ตัวเธอทันที อุ้งเท้าหน้าเหยียบบนหน้าอก ส่วนอุ้งเท้าหลังถีบขึ้นลงบนใบหน้าเธอไปทั่ว แถมยังร้องตะโกนว่า “เดินสิ! เจ้าเดินเล่นต่อสิ! เจ้าช่างไร้ศีลธรรมเสียจริง กล้าดีอย่างไรมาถีบแม่เฒ่า! เจ้าชั่วร้ายเหมือนผี ต้องดื่มน้ำล้างเท้าของข้าสินะ?”
มันถีบอยู่สองสามครั้งถึงจะได้สติ “เอ๋? ข้าไม่ได้สัมผัสไฟฟ้าเหมือนกันหรือ?”
จางจื่ออันไม่สนใจมัน ถือโอกาสตอนที่ผู้หญิงคนนั้นนอนนิ่งอยู่บนพื้น พุ่งเข้าไปเก็บมีดผ่าตัดขึ้นมา แล้วตัดเชือกที่มัดสี่ขาของฟราเทอร์เอาไว้
ฟราเทอร์ยืนขึ้นทันที ก่อนจะมองไปรอบๆ เห็นข้างตัวเขามีภูตสัตว์เลี้ยงไม่ครบตัว ส่วนภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นที่รวมถึงฟีน่าไม่ได้อยู่ตรงนี้
มันไม่สนใจกล่าวขอบคุณ แล้วถามว่า “ภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นไปไหนแล้ว”
“พวกฟีน่าอยากไปตามหาตัวการสั่งแมวประหลาดทำเรื่องชั่วร้าย ทำไมเหรอ” จางจื่ออันเห็นสีหน้ากังวลของมัน จึงหวาดผวาขึ้นมา
“แย่แล้ว!” ฟราเทอร์หน้าถอดสี “ที่นี่คือกับดัก พวกเจ้าติดกับแล้ว!”
จางจื่ออันพูดในใจว่า ‘ฉันรู้ว่านี่คือกับดับ แต่ไม่ได้ติดกับ’
ฟราเทอร์พูดอย่างร้อนใจ “พวกเขาไม่ได้อยากฆ่าแค่ข้า พวกเขาใช้ข้าล่อพวกเจ้าเข้ามา และรั้งพวกเจ้าไว้ที่นี่ ที่พวกเขาต้องการจะจัดการจริงๆ อาจจะเป็นพวกฟีน่า!”
“เอ๋?”
จางจื่ออันตะลึง เขาเชื่อว่าฟราเทอร์ไม่ได้พูดโกหก และรู้สึกถึงความอันตรายในทันที
หลังจากฟราเทอร์ถูกจับ มันก็คิดว่าตัวเองจะถูกแมวตัวนั้นทรมานทรกรรมจนต้องตายแน่ และแมวตัวนั้นก็คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ แมวตัวนั้นเข้ามาใกล้มันทีละก้าว แต่กลับมีแมวธรรมดาตัวหนึ่งกระโจนออกมาจากป่ากะทันหัน แล้วทำสัญญาณมือกับแมวตัวนั้นสองสามครั้ง ดวงตาของแมวตัวนั้นพลันก็สว่างวาบขึ้นมา ราวกับพบเหยื่อที่มีค่ามากกว่านั้น
แมวตัวนั้นจึงทำสัญญาณมือให้ผู้หญิงสองสามครั้ง บอกให้เธอมาจัดการฟราเทอร์ และสัญญาณมือสุดท้ายคือท่าทางวางมีดสับลงไป ให้เธอใช้วิธีเด็ดขาดจัดการมันทิ้งซะ
พอจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ แมวตัวนั้นก็จากไป
จากนั้นพวกจางจื่ออันก็มาถึง แต่ฟราเทอร์ถูกมัดอยู่บนพื้นจึงมองไม่เห็น ยังคิดว่าพวกภูตสัตว์เลี้ยงตามหลังเขามาทั้งหมด แต่พวกเขาดันแยกกันออกเป็นสองกลุ่ม
ฟราเทอร์จึงคาดเดาได้ว่า แมวตัวนั้นอาจจะคิดว่ายังไงมันก็ต้องตาย จึงไม่ต้องใช้สมองมากอีก ขอแค่ส่งมันให้ผู้หญิงคนนั้นจัดการ ขอแค่มันมีชีวิตอยู่เพื่อทำหน้าที่เหยื่อล่อจนสำเร็จ ก็ฆ่ามันได้ทันที ส่วนแมวตัวนั้นคิดจะขยายผลการต่อสู้ไปอีกขั้น
“พวกเราต้องรีบไปช่วยพวกฟีน่า ไม่เช่นนั้นอาจจะสายเกินไป!” ฟราเทอร์รีบร้อนจนหัวหมุน มันไม่อยากให้ภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นต้องเสียสละเพราะมัน
จางจื่ออันได้ยินแล้วก็ตกใจ แม้เขาจะรู้ว่าฟีน่า เหล่าฉา และวลาดิเมียร์เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งมาก แต่อีกฝ่ายวางแผนก่อนค่อยเคลื่อนไหว ประมาทไม่ได้เช่นกัน
“แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกฟีน่าอยู่ที่ไหน” เขาขมวดคิ้วพูด “พวกมันไปตามรอยฝูงแมวกันแล้ว ถ้าจะตามไปก็ต้องย้อนกลับไปทางเดิม แล้วไปตามทางที่แยกกับฟีน่า แต่นี่เสียเวลาเกินไป อาจจะไม่ทัน…”
อีกอย่างตอนนี้สถานการณ์ตรงนี้ก็ยังไม่คลี่คลาย แม้สิงโตภูเขาจะมีชื่อว่าสิงโต แต่อาจจะเป็นสิงโตที่ไก่อ่อนที่สุด คงรับมือกับผู้ชายตัวโตแบบนี้ไม่ไหว หลังจากพวกผู้คุมกำจัดความหวาดกลัวในตอนแรกไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้กลัวสิงโตภูเขาขนาดนั้นอีก แถมยังได้เปรียบขึ้นเรื่อยๆ
อยู่ๆ ฟราเทอร์ก็นึกขึ้นได้ “เมื่อครู่ข้าอยู่ใกล้แมวตัวนั้นมาก ยังจำกลิ่นของมันได้ ข้าจะไปตามกลิ่นมัน! ถ้าตามมันเจอ ก็อาจจะหาพวกฟีน่าเจอได้!”
นี่เป็นทางลัดทางหนึ่ง
เฟยหม่าซือจมูกไว แต่กลิ่นของแมวที่นี่ไม่ได้มีแค่กลิ่นเดียว มันไม่รู้ว่าต้องตามกลิ่นไหน และเฟยหม่าซือก็กำลังต่อสู่กับพวกผู้คุม ตอนนี้ปลีกตัวไปไม่ได้
“ดี งั้นนายล่วงหน้าไปก่อนเลย ทางพวกฟีน่าต้องการความช่วยเหลือ พวกฉันจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้วจะรีบตามกลิ่นนายไป!” จางจื่ออันพูด
ฟราเทอร์พยักหน้าอย่างแรง แล้วไม่พูดมากอีก มันดมหากลิ่นของแมวตัวนั้นจากบนพื้น แล้วลอดเข้าไปในอีกทิศทางหนึ่งของป่า
“เมี๊ยวๆๆ? ฝ่าบาทมีอันตรายหรือ?”
เสวี่ยซือจื่อกำลังเหยียบย่ำผู้หญิงคนนั้นหลายครั้ง พอได้ยินว่าฟีน่าอาจจะเจออันตราย ขนทั่วตัวก็ตั้งชันขึ้นมา
“ไม่รู้สิ แต่พวกเราต้องรีบไปโดยเร็วที่สุด!”
จางจื่ออันรู้สึกถึงสถานการณ์คับขันได้ลึกๆ เห็นผู้คุมคนหนึ่งถอยหลังหลบการจู่โจมของสิงโตภูเขามาเรื่อยๆ จึงถีบเอวด้านหลังของผู้คุมคนหนึ่งออกไปไกล จนอีกฝ่ายกอดเข้ากับสิงโตภูเขาตัวหนึ่งพอดี
“ถุยๆๆ! ชายเฮงซวยพวกนี้ ไม่มีใครดีสักคน!” เสวี่ยซือจื่อร้อนใจจนตาแดงก่ำ ใช้กรงเล็บแทงเอ็นเท้าของพวกผู้คุมโดยไม่ทันตั้งตัว มันแทงพวกเขาอย่างอำมหิตจนยืนขึ้นไม่ไหว
จางจื่ออันกับเสวี่ยซือจื่อเข้าร่วมกลุ่มการต่อสู้แล้ว สถานการณ์จึงเปลี่ยนไป พวกผู้คุมยิงปืนเทเซอร์และปืนยิงตาข่ายหมดแล้ว เปลี่ยนกระสุนก็ค่อนข้างยุ่งยาก ถ้ามือเปล่าอยู่ละก็ จางจื่ออันไม่กลัวพวกเขาหรอก
บรู๋ววว
เสียงหมาป่าหอนดุดันดังมาจากทางที่ฟราเทอร์ไปไกลลิบๆ และดังลั่นไปทั่วทั้งผืนป่า
ตอนที่ 1613 ยั่วโมโห
ฟีน่า เหล่าฉา และวลาดิเมียร์ถูกแมวกลุ่มหนึ่งที่โผล่ออกมากะทันหันล้อมเอาไว้ ดวงตาเปล่งแสงแวววับกระจายอยู่ทั่ว คนเห็นแล้วถึงขั้นต้องขนลุกเลยทีเดียว ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกมันก็ใจเย็นและไม่หวาดกลัว แม้จำนวนของแมวทั่วไปพวกนี้จะมากแค่ไหน ก็ไม่อยู่ในสายตาพวกมัน
ถ้าเป็นเวลาปกติ พวกมันสามตัวอยากสู้ก็สู้เลย อยากหนีก็หนีเลย แต่ตอนนี้พวกมันรู้ว่าในบรรดาแมวพวกนี้อาจจะมีแมวที่ติดเชื้อโปรตีนพรีออน ดังนั้นจึงต้องอดกลั้น พวกมันไม่อยากสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย ตอนนี้พ้นจากการจับกุมได้ยาก
“พวกเจ้าจะก่อกบฏเช่นนี้หรือ?” ฟีน่ามองแมวพวกนี้ที่อยู่รอบๆ ก่อนจะยิ้มเย็นชา
แม้แมวพวกนี้จะไม่ค่อยฟังคำสั่งของฟีน่า แต่ยังพอมีอำนาจเหลืออยู่ ความหยิ่งยโสของพวกมันจึงลดลงโดยพลัน
“หลีกทางเดี๋ยวนี้ ข้าจะยกโทษให้ความผิดที่พวกเจ้าทำทั้งหมด! ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ฟีน่าหวังว่าจะหลุดพ้นจากการปิดล้อมโดยยั้งมือให้ได้มากที่สุด
ฝูงแมววุ่นวายเล็กน้อย แต่ไม่ได้หลีกทาง
เหล่าฉาพูดเสียงเบาจากข้างๆ “ฝ่าบาท ดูท่าทางนี่จะเป็นกับดัก ตามที่ข้าเห็น ตอนนี้พวกเรารอโอกาสอยู่เงียบๆ จะดีกว่า ถ่วงเวลาให้พวกจางจื่ออันจัดการเรื่องของฟราเทอร์ให้เสร็จได้จะดีที่สุด แล้วค่อยมารวมกลุ่มกับพวกเรา ตอนนั้นค่อยร่วมมือกัน ต้องหลุดพ้นจากการปิดล้อมนี้ได้แน่นอน”
วลาดิเมียร์กลับเสนอความเห็นต่างออกไป “พวกเรากำลังรอ พวกมันก็กำลังรอเหมือนกัน พวกเรากำลังรอจื่ออัน แล้วพวกมันกำลังรอใคร รอแบบนี้ต่อไป ใครจะมาก่อนกันก็ยังไม่รู้”
ฝูงแมวล้อมไว้แต่ไม่จู่โจม พวกมันก็กำลังรอเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ลงมือ ไม่ต่างอะไรกับมอบโชคชะตาของตัวเองไว้ในมือคนอื่น วลาดิเมียร์ไม่ชอบแบบนี้ ด้วยเหตุนี้มันจึงเอนเอียงไปทางจู่โจมเอง ไม่อย่างนั้นถ้าคนที่อีกฝ่ายรอมาถึงก่อน เราก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที
ฟีน่าคิดว่าที่พวกมันพูดก็มีเหตุผลเหมือนกัน จึงยากจะตัดสินใจในทันที แต่ด้วยนิสัยของมันก็เอนเอียงไปทางความเห็นของวลาดิเมียร์มากกว่า ด้วยสถานะของมันจะไปรอความช่วยเหลือจิ๊บจ๊อยของมนุษย์คนหนึ่งได้อย่างไร?
หลังจากครุ่นคิดสักพัก มันก็ตัดสินใจลองยั่วให้อีกฝ่ายปรากฏตัว ดังนั้นจึงขึ้นเสียงตะโกนไปในความมืดว่า “อยากให้กลุ่มแมววุ่นวายพวกนี้ออกมาให้ขายหน้าเลย ในเมื่อท้าทายอำนาจของข้า ยังจะเผยหัว ซ่อนหางเหมือนหนูอีกหรือ?”
ฝูงแมวพวกนี้ได้ยินเสียงขู่ของมันก็ขดตัวกลัว
รออยู่สักพักหนึ่ง ฟีน่าไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ จึงคิดว่าตัวการไม่ได้อยู่ที่นี่ ที่ฝูงแมวกำลังรออยู่อาจจะเป็นตัวการที่ว่านั่น
ฟีน่าหัวเราะเสียงเย็น ตัดสินใจรอตามความเห็นของเหล่าฉา เพราะมันมาที่นี่ก็เพื่อตามหาตัวการ ในเมื่อมาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด กลัวจะไม่มา มาก็ไม่กลัว!
เหล่าฉาสะสมพลังเต็มเปี่ยม แม้เจอเหตุไม่คาดฝันมากมายก็ยังสงบใจ
“พวกเหมียวน่าสงสารที่ถูกกดขี่เหมือนทาส หรือว่าพวกนายยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือแบบนี้? ในประเทศตะวันออกอันไกลโพ้น พวกเรากำลังสร้างสวนสนุกของเหล่าแมวเหมียว นั่นเป็นโลกที่ไร้การขูดรีดและการข่มเหงรังแก หวังว่าพวกนายจะเข้าร่วมกลุ่มของพวกเราได้!” วลาดิเมียร์ถือโอกาสนี้สั่นคลอนจิตใจแน่วแน่ของแมวพวกนี้
แต่สำหรับแมวที่จิตใจบิดเบี้ยวพวกนี้ คำพูดของมันได้ผลเพียงเล็กน้อย
วลาดิเมียร์ไม่ยอมแพ้ ปากเปียกปาแฉะชักจูงให้พวกนั้นยอมจำนน
วุ่นวายอยู่ทั้งคืน ตอนนี้ห่างจากเวลาฟ้าสางไม่มากแล้ว
“ฮ่าๆ! ฮ่าๆ!”
ฉับพลันนั้น เสียงหัวเราะบ้าคลั่งก็ดังขึ้นในความมืด ก่อนจะมีเงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากป่า
ฟีน่าและเหล่าฉาเบิกตาโตทันที ในขณะที่วลาดิเมียร์ตกใจจนปิดปาก
ถ้าฟราเทอร์อยู่ที่นี่ มันจะต้องจำแมวตัวนี้ได้ในทันที
แมวตัวนี้อายุค่อนข้างมากแล้ว ไม่ใช่สายพันธุ์แมวในปัจจุบัน ถึงเป็นจางจื่ออันก็แยกแยะสายพันธุ์ไม่ได้ แต่ที่เตะตาที่สุดคือลายรูปตัวเอ็มบนหน้าผากของมัน เหมือนเป็นรอยที่ถูกนิ้วมือคนจุ่มน้ำหมึกทาเอาไว้
นอกจากนี้ด้านข้างของแมวตัวนี้เหมือนมีลมปราณแปลกประหลาดไหลเวียนอยู่ จนอดรู้สึกกลัวไม่ได้
ฟีน่าร้องเฮอะเย็นชาเสียงหนึ่ง “ข้าจะบอกให้ ข้าไม่สนใจพวกชั่วร้ายไร้ชื่อเลยสักนิด”
แมวตัวนั้นพิจารณาฟีน่าพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ สายตาเกลี้ยงเกลาเย็นชาเหมือนงูพิษ “เจ้าไม่รู้จักข้า และไม่จำเป็นต้องรู้จัก ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่แล้ว แต่ข้าเดาได้ว่าเจ้าเป็นใคร ดูท่าทางของเจ้าแล้ว เจ้าก็คือทูตของเทพบัสเต็ดจอมปลอมสินะ?”
ต่อให้ฟีน่านิสัยดีแค่ไหน ตอนนี้ก็คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่านิสัยของมันแย่มากอยู่แล้ว
“เจ้าพูดอะไร? กล้าจริงก็พูดอีกรอบสิ!” ฟีน่าโกรธจัด โมโหจนตัวสั่นระริก
“ฮ่าๆ! พูดอีกสิบรอบแล้วอย่างไร? บัสเต็ดเทพจอมปลอมนั่นไม่มีความสามารถอะไรอยู่แล้ว มีชื่อเสียงจอมปลอม สองพันปีให้หลังไม่ได้ถูกฝังอยู่ในทะเลทรายแล้วหรือ? อ้อ จริงสิ พวกข้านี่แหละที่ฝังเทพจอมปลอมนั่น หากพวกข้าพอใจ จะเหลือสุสานเทพผุพังพวกนั้นให้ผู้คนเซ่นไหว้ ถ้าพวกข้าไม่พอใจ ก็อาจจะกวาดล้างซากปรักหักพังของสุสานไปให้หมด! อ้อ จริงสิ วันนี้ข้าจะฝังเจ้าด้วย ให้เจ้ากลับสู่อ้อมอกของเทพจอมปลอมของเจ้า!”
แมวตัวนั้นร้องอย่างภูมิใจ ราวกับไม่กลัวว่าจะไปยั่วโมโหฟีน่าเข้า
“เลวทราม!”
ฟีน่ากัดฟันกรอด มันไม่เคยเกลียดใครหรือสัตว์ตัวไหนมากเท่านี้มาก่อน มันเกลียดชังแมวตัวนี้ยิ่งกว่าแอนโธนีเสียอีก
ก่อนหน้านี้มันเคยคิด ถ้าตัวการยอมรับผิดและยอมแก้ไขความผิดพลาดก็ดีไป มันอาจจะยอมไว้ชีวิตหลังจากลงโทษแล้ว แต่ตอนนี้มันกำจัดความคิดนี้ทิ้งไปจนหมดสิ้นแล้ว
“เจ้าสมควรตาย!”
ฟีน่าก้าวเท้าออกไป เดินไปทางแมวตัวนั้นช้าๆ อย่างเด็ดเดี่ยว
“ฟีน่า สงบสติหน่อย…” เหล่าฉาเป็นห่วงมาก เพราะอีกฝ่ายเหมือนกำลังจงใจยั่วโมโหฟีน่า ถ้าแค่อยากฆ่าฟีน่าให้ตาย ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ หรือว่ามีแผนการร้ายบางอย่าง?
“หลีกไป!” ฟีน่าปัดอุ้งเท้าแมวของเหล่าฉาที่พยายามยื่นมาขวางมันไว้อย่างมุทะลุ
ทุกวันนี้ไม่มีใครหรือเรื่องไหนขวางการกระทำของฟีน่าได้
เมื่อมองแมวตัวนั้น มันกลับยืนอยู่ที่เดิมอย่างไร้การป้องกัน ท่าทางยังสบายใจ ไม่รู้เลยสักนิดว่าความตายกำลังจะมาเยือนแล้ว
แม้ฟีน่าจะโกรธถึงขีดสุด แต่สัญชาตญาณนักรบทำให้มันรักษาความระแวดระวังเอาไว้ตลอด มันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้ แต่จะต้องต่อสู้แบบหลังชนฝาแน่นอน อาจจะยังซ่อนท่าไม้ตายอะไรเอาไว้ด้วย
ดังนั้น ฟีน่าจะหยุดอยู่ตรงที่ห่างกับแมวตัวนั้นหลายเมตร เปลี่ยนความคิดที่จะจัดการมันให้ตายด้วยมือของตัวเอง และประกาศอย่างหยิ่งยโสว่า “ข้า ฟีน่าปารีสที่สิบสาม ผู้คุ้มครองแดนเทพนิรันดร์ ปุโรหิตแห่งวังเทพบูบาสติส ครานี้จะใช้ชื่อของบัสเต็ด ประทานการปลิดชีพแก่เจ้า!”
ในที่สุดบนใบหน้าของแมวตัวนั้นก็เผยความหวาดกลัวออกมา ฟีน่ายกอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งของมันขึ้นอย่างฉับพลัน และยื่นกรงเล็บแหลมออกมา
เหล่าฉา วลาดิเมียร์ รวมถึงแมวตัวอื่นที่มุงดูอยู่ยังไม่ทันตอบสนอง ก็เห็นกรงเล็บของมันจิ้มไปที่คอของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!
ซู่!
ปากแผลลึกหลายรอยปรากฏขึ้นบนคอของมัน เลือดสดๆ พุ่งออกมาแล้ว
มันจ้องฟีน่าอย่างดูแคลน เสียงขลุกขลักดังออกมาในลำคอ แต่มันไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น
รอบๆ พลันเงียบสงัดในทันตา
ตอนที่ 1614 ก่อเหตุใต้รักแร้
นี่…จบแล้วเหรอ?
เหล่าฉากับวลาดิเมียร์ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง อีกนิดก็ยัดไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งลูกแล้ว…ไม่ใช่สิ ไข่เป็ดต่างหาก!
พวกมันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แต่ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า พวกมันจึงต้องเชื่อ
แมวตัวนั้นนอนตายตาค้างอยู่บนพื้น เลือดยังคงไหลออกมาจากรูตรงคอ ไหลช้าลงเรื่อยๆ มีแค่ขาสี่ข้างที่ยังกระตุก นี่เป็นปฏิกิริยาทางกายภาพตอนที่ตายไปแล้ว
ฟีน่าหมุนตัวมา ก่อนจะเชิดหน้าและยืดอกอย่างหยิ่งยโส แล้วกวาดสายตามองฝูงแมวด้วยท่าทางของผู้ชนะ ตะโกนว่า “ลืมตาของพวกเจ้าดูให้ดีๆ! นี่ก็คือจุดจบของผู้ที่ดูหมิ่นเทพ! ข้าลงโทษแทนเทพ เพื่อเป็นการตักเตือนผู้อื่น!”
ฝูงแมวหวาดกลัวจนตัวสั่น หลายตัวกลัวจนขนาดกลั้นขับถ่ายไม่อยู่แล้ว
เหล่าฉาถอนหายใจ เดิมที่คิดว่าต้องสู้จนเลือดตาแทบกระเด็น คิดไม่ถึงว่าจะจัดการได้ง่ายดายอย่างนี้ ฝูงแมวที่เหลือก็เหมือนไม้ล้มลิงกระเจิง
ลูกตาของวลาดดิเมียร์หดลงเล็กน้อย แล้วพูดอย่างไม่เห็นด้วย “ไล่ตามศัตรูทั้งที่ยังมีความกล้าเหลืออยู่ดีกว่าได้ชื่อเสียงและอำนาจมาอย่างง่ายดาย! เมแกนเคยบอกว่ามีแมวสองตัว…”
เมแกนบอกว่า ตอนเธอถูกขังอยู่ เคยเห็นแมวประหลาดสองตัวเดินอยู่บนทางเดิน เจ้าตัวที่ตายจะต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน แล้วอีกตัวหนึ่งล่ะ?
เหล่าฉายิ้ม “ประเทศจีนมีคำพูดโบราณอยู่ประโยคหนึ่ง ‘อย่าไล่ตามศัตรูที่พ่ายแพ้’ ตอนนี้ในป่ามืดมิด เรื่องที่เหลือค่อยพูดกันเมื่อฟ้าสางจะดีกว่า…”
พวกมันสองตัวพูดมีเหตุผล ยากจะตัดสินได้ว่าใครพูดผิด ความหมายของวลาดิเมียร์คือจัดการให้สิ้นซาก ไม่ทิ้งปัญหาให้เกิดขึ้นอีก เหล่าฉากลับคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บและล้มตายของฝั่งตัวเอง
ความมั่นใจของฟีน่าพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว มันเงยหน้าพูดว่า “อย่าว่าแต่มาอีกตัวเลย ถึงแม้มาอีกร้อยตัว ข้าไหนเลยจะกลัว?”
“ฝ่าบาทช่างทรงอำนาจ ตรัสแล้วต้องทำตามอย่างเข้มงวด ข้าได้เปิดโลกกว้างแล้ว” เหล่าฉาก็เสริม แต่ไม่นับว่าประจบ
ความเลือดร้อนของวลาดิเมียร์กลับยังไม่คลายลง เพราะมันคิดว่าศัตรูยังไม่ได้ถูกกำจัดโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้เอง อยู่ๆ ศพแมวที่ควรจะเย็นเยียบไปแล้วก็ขยับขึ้นมา ฟีน่าและเหล่าฉากำลังสรรเสริญในชัยชนะกลับไม่ได้สังเกตเห็นในทีแรก ถึงสังเกตเห็นก็คิดว่าเส้นประสาทและกล้ามเนื้อกระตุกหลังตายเท่านั้น
วลาดิเมียร์กลับเบิกตากว้าง มันเห็นเลือดที่ไหลออกมากำลังไหลย้อนกลับไปทางเดิม และรูเลือดบนคอของศพแมวก็กำลังสมานกันอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่พร่ามัวคู่นั้นสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับกำลัง…ฟื้นคืนชีพ!
“เหมียวเขาสิ! มันฟื้นแล้ว! หลบเร็ว!”
วลาดิเมียร์รู้อยู่แก่ใจว่าพวกมันถูกปั่นหัวแล้ว แต่ตอนนี้ฟีน่ากำลังหันหลังให้ศพแมวที่กำลังจะฟื้นคืนชีพ อาจต้องเจอกับอันตรายเป็นตัวแรก
มันตะโกนเสียงดัง แล้วพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
แต่เสียงตะโกนของมันได้ผลตรงข้ามกัน ฟีน่ากับเหล่าฉาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเสียงตะโกนของมันแล้วก็หันหน้ามามองมันอย่างงุนงง
ศพแมวตัวนั้น…พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ควรจะพูดว่าแมวที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาตัวนั้นมันยืนขึ้นมาเต็มที่แล้ว มันยกอุ้งเท้าที่เปื้อนเลือดตัวเองขึ้นมา แล้วฟาดลงไปบนหลังของฟีน่าอย่างรวดเร็ว ดวงตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ทำแผนชั่วสำเร็จ
เหล่าฉาแยกแยะตำแหน่งจากการฟังเสียงลม และมองเห็นแมวตัวนั้นกำลังจะแทงฟีน่า จึงอดตกใจไม่ได้ พยายามยื่นมือออกไปขวางทันที แต่มันตอบโต้สายไปแล้ว ก้าวเท้าก็ช้า พริบตาที่ยื่นมือออกไปก็รู้ว่าตัวเองช้าไปแล้ว
ในที่สุดตอนนี้ฟีน่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว มันหน้าชา แล้วหมุนตัวไปด้วยจิตใต้สำนึก
หน้าเปื้อนเลือดของแมวตัวนั้นบิดเบี้ยวอย่างบ้าคลั่ง ตัวเอ็มบนหน้าผากแสยะยิ้ม “ไปเจอกับเทพแมวของเจ้าในนรกเถิด!”
ฟีน่ามองกรงเล็บแหลมกำลังจะแทงหน้าอกของตัวเอง แต่ไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ ในสมองก็ผุดคำพูดที่จางจื่ออันเคยพูดในคืนนั้น สวรรค์เป็นเมืองหยกขาว มีสิบหอคอยห้ากำแพง เขาลูบหัวข้าก่อน สุดท้ายได้รับเก้าชีวิต
ในแนวความคิดของมันเอง แมวไม่เคยมีเก้าชีวิต ถึงแม้ศพแมวที่เคยเจอพวกนั้นจะหายตัวไปอย่างน่าประหลาด มันก็ยังค้านว่าต้องมีคำอธิบายอื่นอีก อย่างเช่น ถูกสัตว์ป่าคาบไป
คิดไม่ถึงเลยว่า…จะมีเก้าชีวิตจริงๆ!
น่าเสียดายที่มันรู้สึกถึงความผิดพลาดนี้ช้าเกินไป
ฟีน่ายังไม่ทันได้ตอบสนอง เหล่าฉาก็เข้ามาไม่ทัน ขณะที่เผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ก็ได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่กลางอากาศ แล้วตะโกนว่า “โดนแล้วจำไว้ หมัดเหล็กลัทธิเหมียวเหมียว!”
วลาดิเมียร์ตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยพละกำลังมหาศาล มันไม่ได้ช่วยฟีน่าตรงๆ แต่ใช้กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว แกว่งหมัดจู่โจมแมวตัวนั้น
ถ้าแมวตัวนั้นยังคิดจะจู่โจมฟีน่า งั้นก็ต้องแลกชีวิตด้วยชีวิต และกลับบ้านเก่าไปพร้อมกับฟีน่า
แมวตัวนั้นตาเป็นประกาย เห็นหมัดที่ไม่อาจต้านทานของแมวสีน้ำเงินตัวนี้แล้ว ไม่รู้ทำไมมันถึงหัวใจเต้นแรงขึ้นมากะทันหัน รู้สึกได้รางๆ ว่าหมัดนี้จะสร้างความบาดเจ็บมหาศาลให้กับตัวเอง และไม่ใช่แค่บาดเจ็บหนักที่ร่างกาย แมวสีน้ำเงินตัวนี้เหมือนจะมีลักษณะพิเศษที่เอาชนะมันได้ มันจึงไม่กล้ายืนยันว่าหากตัวเองถูกหมัดนี้เข้าแล้วจะยังฟื้นคืนชีพได้ปกติหรือเปล่า
แมวสีน้ำเงินตัวนี้ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ และความมั่นนั้นก็เติมเต็มอยู่ในหมัดนี้ ทำให้หมัดนี้ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บทางฟิสิกส์เพียงอย่างเดียว
อีกอย่างตอนนี้แมวสีน้ำเงินเริ่มตื่นตัวแล้ว ถึงแม้มันฟื้นคืนชีพขึ้นมา ก็คงจะเจอกับหมัดที่สองของอีกฝ่าย…
สำหรับแมวตัวนั้น ชีวิตของตัวเองสำคัญและมีค่ามากกว่าชีวิตของฟีน่าอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นมันจึงหดมือได้ทันในระหว่างที่คับขัน แล้วหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลบหมัดที่โดนแล้วต้องตายหมัดนี้ ขณะที่รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็ไว้ชีวิตฟีน่าไปด้วย
ฟีน่ารอดพ้นจากความตาย มันตกอกตกใจจนหน้าซีดเผือด
เหล่าฉาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แอบพูดว่าอันตรายมาก แต่ก็ต้องเบิกตาโพลงอีกทันที เพราะเห็นวิกฤตใหม่แล้ว!
หมัดของวลาดิเมียร์พลาดไป มันตกลงบนพื้นเบาๆ ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นรวบรวมพลังใหม่ ขอเพียงให้เวลามันพักหายใจสักหนึ่งวินาที หรือครึ่งวินาที มันก็จะเหวี่ยงหมัดไล่แมวปิศาจตัวนั้นต่อไป
ฟีน่ากับวลาดิเมียร์มองไม่เห็น เหล่าฉาก็เพิ่งมองเห็น แทบจะเป็นขณะที่แมวตัวนั้นลอบจู่โจมฟีน่าและ วลาดิเมียร์ยื่นมือเข้าช่วย มีเงาดำสายหนึ่งกระโจนออกมาจากในป่าอย่างเงียบเชียบ พุ่งตรงมาหาวลาดิเมียร์ด้วยรูปร่างและมุมประหลาด ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง และนกขมิ้นก็จับจั๊กจั่นจากข้างหลังอีกที
นี่เป็นกับดักต่อเนื่อง แมวตัวแรกลอบจู่โจมฟีน่า ทำสำเร็จได้ก็ดี ถึงล้มเหลวก็ยังมีแมวตัวที่สองซ่อนอยู่ในที่มืดเป็นประกันชีวิตแพ็คคู่
แมวตัวที่สองก็รู้ตัวว่าการมีอยู่ของวลาดิเมียร์สร้างความคุกคามร้ายแรงให้กับแมวตัวแรก ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากจู่โจมฟีน่าไปเป็นวลาดิเมียร์
วลาดิเมียร์ตกลงบนพื้นแล้วขวางหน้าฟีน่าพอดี อยากจะจู่โจมฝ่ายหลังก็ต้องโค่นฝ่ายแรกก่อนถึงจะทำได้
วลาดิเมียร์และฟีน่ามองไม่เห็นผู้จู่โจมที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ เหล่าฉาที่อยากช่วยฟีน่าก็ทำได้แค่รีบเบี่ยงเบนความสนใจอีกฝ่าย และพยายามขวางการจู่โจมครั้งนี้
แต่แมวตัวที่สองก็คล้ายจะเป็นผู้มีฝีมือชั้นสูงด้านการจู่โจมเหมือนกัน มันสังเกตเห็นหมัดเฉียบแหลมที่เข้ามาประชิดของเหล่าฉา จึงยกอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งขวางเหล่าฉาเอาไว้ ส่วนอุ้งเท้าอีกข้างก็จู่โจมวลาดิเมียร์ต่อ
ตอนที่ 1615 ต่อสู้นองเลือด
มีเสียงดังปัง ความตายปรากฏขึ้นทันใด!
ตั้งแต่แมวตัวแรกตายแล้วฟื้นคืนชีพจนถึงตอนจู่โจมฟีน่า แมวเห็นภาพเคลื่อนไหวรวดเร็วทุกอย่างนี้ได้ชัดเจน แต่สำหรับคนแล้ว แค่เวลาพริบตาเดียวสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเยอะมาก
การตอบสนองของเหล่าฉาพูดไม่ได้ว่าช้า แต่มันเสียเปรียบตรงที่อีกฝ่ายโจมตีฉุกละหุกเกินไป อีกอย่างมันเป็นแมวที่ใจกว้างและตรงไปตรงมา เกลียดการวางแผนเจ้าเล่ห์ และอีกฝ่ายก็ปิดบังตัวมานานแล้ว แถมยังหน้าเนื้อใจเสือและเหลี่ยมจัด ซึ่งวางแผนทุกอย่างไว้รอบด้านแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หนึ่งหมัดของเหล่าฉาแลกกับกรงเล็บซ้ายของผู้จู่โจมตัวที่สองจะส่งเสียงปังดังกังวาล อีกฝ่ายฝืนรับการโจมตีครั้งนี้ ร่างกายก็ถูกกระแทกจนล้มไถลออกไปหลายนิ้ว อุ้งเท้าขวาของมันก็เอียงไปหลายส่วน
ตอนนี้วลาดิเมียร์กับฟีน่าสังเกตเห็นผู้จู่โจมที่มาใหม่ แต่ก็สายไปแล้ว วลาดิเมียร์ทำได้แค่หอบหายใจ แล้วหลบไปข้างๆ อย่างรวดเร็วสุดชีวิต
ระยะห่างเล็กน้อยนี้ทำให้วลาดิเมียร์พ้นจากจุดยุทธศาสตร์ไปได้ แต่อุ้งเท้านี้ยังคงเหวี่ยงมาหาตัวมัน ถูกข่วนจนเนื้อตัวเกิดแผล
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือของเหล่าฉา พลังของกรงเล็บนี้จะต้องหนัก แม่นยำ และรุนแรงกว่านี้แน่
วลาดิเมียร์ร้องโอดครวญเสียงดัง ไหล่ซ้ายถูกข่วนจนเลือดไหล ร่างกายซวนเซจะล้มลง ฟีน่าจะรีบมาประคองมัน
หางตาของเหล่าฉาแดงก่ำ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พลางชี้ไปที่แมวสองตัวนั้น “เจ้าคนชั่วช้า!”
“ฮ่าๆ! น่าขันเสียจริง!”
แมวสองตัวยืนเรียงกัน แมวตัวที่สองที่เพิ่งปรากฏตัวอ้วนท้วนเล็กน้อย แต่เด็กและแข็งแรงกว่าแมวตัวแรก กรงเล็บอันแหลมคมเป็นสีดำ ปลายกรงเล็บเปื้อนเลือดของวลาดิเมียร์ด้วย
แมวตัวแรกเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยการถากถางฟีน่า “แม้เจ้าจะยิ่งใหญ่ แต่โชคดีเช่นนี้ไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองแน่!”
ฟีน่าทั้งร้อนใจทั้งโกรธ มันเคยบาดเจ็บในสงคราม และเคยเสียเพื่อนไปในสงคราม แต่ไม่เคยทำให้เพื่อนบาดเจ็บล้มตายเพราะความผิดพลาดของตัวเอง และไม่เคยเจอศัตรูเจ้าเล่ห์และโหดร้ายขนาดนี้ ถ้าสายตาฆ่าคนได้ มันคงใช้สายตาฆ่าแมวสองตัวนี้ไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
เหล่าฉารู้สึกได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ เดิมทีเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ แต่ตอนนี้กลับเสียเปรียบแล้ว ทีแรกคิดว่าต่อสู้สองต่อสองก็ไม่เท่าไร เพราะเหล่าฉากับฟีน่าไม่กลัวศัตรู แต่พวกมันต้องแบ่งความสนใจไปดูแลวลาดิเมียร์ แถมต้องระมัดระวังฝูงแมวโดยรอบ ยังต้องระวังอีกว่าจะมีศัตรูตัวอื่นซ่อนตัวอยู่หรือเปล่า มีอุปสรรค์รอบด้าน
แม้วลาดิเมียร์จะไม่ได้บาดเจ็บหนัก แต่แผลก็ค่อนข้างลึก เลือดไหลไม่ยอมหยุด ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ช้าก็เร็วคงต้องเสียเลือดตายแน่
ถึงแม้ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า มันก็ยังฝืนยิ้มออกมา มองโลกในแง่ดีโบกมือพูดว่า “พวกนายไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันทนได้ เพราะความตายไม่เป็นของผู้นับถือลัทธิเหมียวเหมียว!”
พอโบกมือแล้วก็สะเทือนไปถึงแผล เจ็บจนมันเกือบสลบไป
ฟีน่าสูดหายใจเฮือกหนึ่ง กำลังจะสั่งให้แมวสองตัวนี้ฆ่าตัวตายอีก พวกมันฟื้นคืนชีพได้กี่ครั้งก็ให้มันฆ่าตัวตายไปเท่านั้นแหละ แต่พวกมันไม่คิดจะเหลือเวลาพร่ำอะไรยืดยาวให้มันขนาดนั้น จึงยกอุ้งเท้าและโค้งตัวเตรียมจู่โจมทันที
ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่การ์ตูนญี่ปุ่นที่ตอนตัวเอกแปลงร่างหรือร่ายคำสาป ฝ่ายศัตรูแค่ยืนมองโง่ๆ
ตอนนี้เอง ต้นไม้และพงหญ้าก็ส่งเสียงโครมดังสนั่น มีเงาดำสายหนึ่งกระโจนออกมาในป่า
ฟีน่ากับเหล่าฉาอกสั่นขวัญแขวน ถ้าศัตรูมีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นอีก วันนี้พวกมันสามตัวคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
แต่แมวสองตัวนั้นก็ตกใจไม่ใช่ย่อย เพราะที่ปรากฏตัวเป็นฟราเทอร์ที่พวกมันตัดสินให้ฆ่าตายไปแล้ว
บนตัวของฟราเทอร์มีกิ่งไม้และใบไม้ติดอยู่เต็มไปหมด มันดมกลิ่นของศัตรูตามรอยมาอย่าวเร็วที่สุด แต่สถานที่ที่แมวเดินได้ไม่เหมาะให้หมาป่าเดิน เพื่อทำเวลา มันไม่ได้เดินทางอ้อม แต่ตรงเข้ามาเลย
มันกวาดสายตาครั้งหนึ่ง เห็นวลาดิเมียร์ที่ได้รับบาดเจ็บ จึงเดาได้คร่าวๆ ว่าฝ่ายตนเองเสียเปรียบแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ดวงตาจะลุกโชนด้วยไฟแห่งความเกลียดชัง
ฟราเทอร์คำรามเสียงดัง “พามันไปรักษา ข้าจะจัดการที่นี่เอง!”
ถ้าเป็นเวลาปกติ ฟีน่าจะต้องอยู่แทงศัตรูให้ตาย แต่วลาดิเมียร์บาดเจ็บหนักมากเพื่อช่วยมัน เห็น วลาดิเมียร์เสี่ยงตาย ตอนนี้มันจึงได้แค่ลดความเย่อหยิ่งของตัวเอง
ฟีน่าพูดเสียงเบาว่า “ข้าจะพามันไปที่บ้าน หากเจอจางจื่ออันจะให้เขารีบไสหัวมา! ช้าไปแค่วินาทีเดียวข้าจะให้เสวี่ยซือจื่อตอนเขาทิ้งเสีย!”
วลาดิเมียร์ที่ต้องได้รับการรักษา จะต้องรักษาแผลในสถานที่ปลอดภัย สะอาด และมีแสงสว่าง ทำอยู่กลางป่าไม่ได้แน่นอน และสถานที่เดียวที่ปลอดภัยและสะอาดก็มีแค่บ้านหลังใหญ่ที่เมแกนอยู่เท่านั้น
ฟีน่าไม่สะดวกพูดต่อหน้าศัตรู แต่เหล่าฉาเข้าใจความหมายของมันแล้ว จึงพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ
ศัตรูไม่ปล่อยโอกาสฆ่าวลาดิเมียร์ไปทั้งอย่างนี้ แมวแก่ที่อายุค่อนข้างมากแล้วถูกฟราเทอร์เพ่งเล็ง พอแมวอ้วนที่อายุค่อนข้างน้อยขยับตัวหมายจะไปสกัดฟีน่า ก็ถูกเหล่าฉาขวางไว้ทันที
เหล่าฉาตั้งท่าเรียบร้อย แล้วพูดเสียงดังกังวาน “พี่ฝ่าต่อสู้ลำพัง ข้าไม่ประมาณตนเอง ขอช่วยพี่ฝ่าสักครั้ง!”
ศัตรูตัวฉกาจอยู่ตรงหน้า ฟราเทอร์ไม่ได้แซ่ฝ่า แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาโต้เถียงว่าอะไรคือพี่ฝ่า มันก็ไม่รู้ว่าศัตรูแข็งแกร่งและปลิ้นปล้อนมากแค่ไหน ศัตรูสองตัวยากจะรับมืออยู่แล้ว แน่นอนว่าเหล่าฉายอมอยู่ช่วยก็ดีอย่างยิ่ง
แมวแก่ยังไม่ยอมปล่อยฟีน่า มันร้องเสียงแหลม ฝูงแมวโดยรอบพร้อมก่อความวุ่นวายขึ้นมาโดยพลัน ไม่สนใจเหล่ากับฟราเทอร์ และรวมตัวกันเข้าไปล้อมฟีน่า
ปกติฟีน่าจะไม่เห็นฝูงแมวอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้มันประคองวลาดิเมียร์อยู่ ความสามารถในการเคลื่อนไหวไม่ได้เต็มร้อยเหมือนปกติ
วลาดิเมียร์กัดฟันยืนยันอีก “ไม่ต้องสนใจฉัน ไปจัดการศัตรู ฉันทนไหว ความตายไม่เป็นของผู้นับถือลัทธิเหมียวเหมียว…เหมียวเขาสิ เจ็บเหลือเกิน!”
เสียงของมันอ่อนแรงลงเรื่อยๆ พร้อมจะสลบไปได้ตลอดเวลา ใช้ความแน่วแน่ดังเหล็กกล้าฝืนตื่นอยู่ทั้งนั้น
“เก็บแรงเอาไว้! อย่าพูดไร้สาระ!”
ฟีน่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ขณะที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็มีสัตว์ป่าขนาดใหญ่หลายตัวกระโดดออกมาจากในป่าอันมืดสนิทอย่างต่อเนื่อง เป็นฝูงหมาป่าอเมริกาเหนือนั่นเอง
พวกหมาป่าได้ยินเสียงเรียกของฟราเทอร์ ในที่สุดก็มาถึงที่นี่แล้ว
แล้วฟราเทอร์ก็หอนยาวๆ สั่งให้หมาป่าตัวหนึ่งในนั้นไปหาจางจื่ออัน ส่วนหมาป่าตัวอื่นคุ้มกันฟีน่าและวลาดิเมียร์ฝ่าวงล้อมออกไป
กฎของป่า จำนวนและขนาดตัวก็คือลำดับความสำคัญ ฝูงหมาป่าจัดแถวคุ้มกันข้างหน้าและทั้งสองข้างของฟีน่าราวกับหัวลูกศร
ฝูงหมาป่าไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะฆ่าฝูงแมว พอเจอแมวขวางทาง ถ้าไม่โบกอุ้งเท้ากวาดกระเด็นไป ก็จะคาบไว้แล้วสะบัดไปอีกด้านหนึ่ง แต่พวกมันพบว่าใช้ร่างกายพุ่งชนโดยตรงแบบหมูป่าได้ผลที่สุด สำหรับฝูงแมวที่น้ำหนักตัวโดยเฉลี่ยไม่ถึงสิบกิโลกรัม หมาป่าอเมริกาเหนือที่มีน้ำหนักตัวหกสิบถึงเจ็ดสิบกิโลกรัมก็เหมือนรถถังบดรถยนต์คันเล็ก ชนทีหนึ่งแมวก็กระเด็นไปไกล
ด้วยการคุ้มกันไปส่งของฝูงหมาป่า ฟีน่าก็ประคองวลาดิเมียร์เดินโงนเงนตีฝ่าวงล้อมออกไปทางหมู่บ้านอินเดียแดงได้ในที่สุด แต่ฝูงหมาป่าก็ทั้งสู้ ทั้งถอย เพื่อขวางไม่ให้พวกนั้นตามล่ามาข้างหลัง
ตอนที่ 1616 ป่าไวท์เบิร์ชในเดือนตุลาคม
จางจื่ออันกับเฟยหม่าซือทั้งสู้ ทั้งถอย ไม่ว่าเอาชนะผู้คุมพวกนี้หรือเอาชนะสิงโตภูเขาพวกนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครถ่ายวิดีโอที่นี่เอาไว้ ไปเจอกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงสำคัญกว่า เขาจึงถือโอกาสตอนพวกผู้คุมไม่สังเกต ขยิบตาให้พวกภูตสัตว์เลี้ยงครั้งหนึ่ง แล้วก้มตัวลอดเข้าไปในป่า
เขามีกล้องส่องวัตถุในตอนกลางคืน ข้อดีก็คือเมื่อซ่อนอยู่ในป่า เขาไม่จำเป็นต้องเปิดไฟฉายก็พอจะมองเห็นทางได้ชัดเจน ดังนั้นพวกผู้คุมไม่มีทางชี้ขาดตำแหน่งของเขาผ่านแสงไฟได้ ไม่นานก็สลัดผู้คุมทิ้งได้
เฟยหม่าซือดมกลิ่นของฟราเทอร์อยู่ข้างหน้า ส่วนเขาเดินลำบากอยู่ข้างหลัง
เดินไปได้สักพักหนึ่ง ทางเดินก็ยากขึ้นเรื่อยๆ ต้องลอดเข้าไปในสถานที่ที่คดเคี้ยว แคบ มีต้นไม้มีหนาม และพงหญ้าอยู่ตลอด อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เฟยหม่าซือก็ลำบากเกินกว่าจะพูด ลอดไป ลอดมา ใบหน้าตื่นตระหนกเหมือนหนูตัวใหญ่ก็กระโจนออกมาจากในพงหญ้า
ตอนนี้เอง พงหญ้าข้างหน้าก็มีเสียงวุ่นวายดังมาระลอกหนึ่ง เหมือนมีสัตว์ป่าขนาดใหญ่อะไรกำลังเข้ามาใกล้ มือของจางจื่ออันกดอยู่บนสวิตช์ไฟฉาย คิดจะรอสัตว์ป่าลอดเข้ามาใกล้แล้วค่อยสาดแสงใส่ตามัน
ที่กระโจนออกมาจากพงหญ้าคือหมาป่าอเมริกาเหนือตัวหนึ่ง แต่มืดมิดไม่มีแสงไฟ เขาก็ดูไม่ออกว่าหมาป่าตัวนี้เป็นลูกน้องของฟราเทอร์หรือเปล่า แต่ดูจากปฏิกิริยาของเฟยหม่าซือแล้วก็น่าจะใช่
มันจำเขาได้ จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา คาบขากางเกงเขาดึงไปอีกทางหนึ่ง
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
หมาป่าตอบคำถามของเขาไม่ได้
“ไม่ต้องดึงแล้ว ฉันจะไปกับนาย ขืนนายดึงอีกกางเกงของฉันก็กลายเป็นกางเกงขาสั้นพอดี!”
ฟันของหมาป่าคมขนาดไหน แรงกัดมหาศาล ดึงขากางเกงโชคร้ายของเขาเป็นเส้นๆ แล้ว เห็นแล้วรู้สึกเสียดายชะมัด
หลังจากเขาตามไปเอง หมาป่าก็ปล่อยขากางเกงของเขา มันวิ่งนำทางอยู่ข้างหน้า แต่มันไม่มีประสบการณ์ในการนำทาง จึงนำลิ่วหายไปอยู่เสมอ แต่ยังหยุดรอเขาหรือกลับมาหาเขา
จางจื่ออันมองใต้เท้าเพียงอย่างเดียว กลับเป็นเฟยหม่าซือที่ได้กลิ่นคุ้นเคยแล้ว “นี่ไม่ใช่ทางเชื่อมไปหมู่บ้านอินเดียแดงเหรอ?”
กลับไปหมู่บ้านทำไม เกิดเรื่องกับเมแกนเหรอ?
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่หมาป่าก็ตอบเขาไม่ได้ ทำได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป
หมู่บ้านร้างตอนกลางคืนก็เหมือนหมู่บ้านผี ในประตูหน้าต่างที่เปิดกว้างให้ความรู้สึกคล้ายมีสัตว์ประหลาดอะไรซ่อน มีแค่บ้านสภาพดีหลังนั้นที่มีแสงลอดออกมาเล็กน้อย
เกิดอะไรขึ้น อุตส่าห์กำชับเมแกนไม่ให้เปิดไฟในห้องที่ไม่ได้ปิดหน้าต่างแท้ๆ…
ยิ่งเขาสงสัย ลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เมแกน ผมเอง! ผมกลับมาแล้ว! เปิดประตูหน่อย!” เขาทุบประตูดังปังๆ
เฟยหม่าซือก้มหน้าดม แล้วพูดอย่างเคร่งเครียด “แย่แล้ว มีกลิ่นคาวเลือด เหมือนจะเป็น…” มันใจไม่แข็งและไม่อยากพูดต่อไปแล้ว
ซิงไห่เงยหน้ามองเขา “เมี๊ยว จื่ออัน ต้องใจเย็นๆ”
แม่กุญแจส่งเสียงขึ้นมา เมแกนเปิดประตูด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะชี้เข้าไปในบ้านพร้อพูดตะกุกตะกัก “ทีแรกฉันไม่ได้เปิดไฟ แต่ว่า…”
จางจื่ออันไม่รอให้เธอพูดจบก็พุ่งเข้าไปในบ้าน มองปราดเดียวก็เห็นวลาดิเมียร์ที่นอนอยู่บนโต๊ะน้ำชาและฟีน่าที่กำลังรออยู่ข้างๆ อย่างกระวนกระวาย รวมถึง…เลือดที่ย้อมขนสีน้ำเงินเทาของวลาดิเมียร์จนกลายเป็นสีม่วง
พอพายเห็นเลือด มันก็ตกใจจนทิ้งกระบองไม้ไปปิดตาไม่กล้ามองอีก
“แกว๊ก? แกว๊ก?” ริชาร์ดที่ปากจัดตลอดมากลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น”
เขาสาวเท้าพุ่งไปข้างๆ โต๊ะน้ำชาอย่างรวดเร็ว แล้วตรวจอาการบาดเจ็บของวลาดิเมียร์
“ไม่! อย่าเพิ่งอธิบาย! พันแผลก่อนค่อยว่ากัน!” เขาขัดจังหวะฟีน่าและเมแกนที่กำลังจะเอ่ยปาก “ให้ฉันคิดหน่อย…เมแกน ไปต้มน้ำกาหนึ่ง แล้วล้างมือให้สะอาด ผมต้องการความช่วยเหลือของคุณ!”
เมแกนเลิกคิดไปแล้ว และไปทำตามคำสั่งของเขาโดยจิตใต้สำนึก
เพื่อขโมยอาหารและของใช้ จางจื่ออันทำให้กระเป๋าสะพายว่าง ทิ้งสิ่งของส่วนใหญ่ในกระเป๋าสะพายไว้ที่นี่ เขาควานหากล้องปฐมพยาบาลออกมาอย่างรวดเร็ว และใส่ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง
บนตัวของฟีน่าก็เปื้อนเลือด แต่นั่นคือเลือดของวลาดิเมียร์ มันตำหนิตัวเองอย่างเสียใจ “ต้องโทษข้าที่ประมาทเกินไป…เจ้ารักษาเขาได้ใช่หรือไม่?”
วลาดิเมียร์อยู่ในสภาพกึ่งไร้สติเพราะเสียเลือด แต่ยังคงมีลมหายใจ จางจื่ออันตรวจอาการบาดเจ็บของมันแล้ว แผลไม่ได้ถึงชีวิต แต่วิ่งเต้นมาตลอดทางจึงเสียเลือดมากเกินไป ภาระเร่งด่วนคือต้องเย็บแผลเพื่อห้ามเลือด
“วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เขาปลอบใจฟีน่า แต่ตัวเองกลับไม่ค่อยมั่นใจนัก
แมวไม่เหมือนกับลูกวาฬแกลบที่เขาเคยช่วยชีวิต วาฬเสียเลือดไปเป็นร้อยกิโลกรัมก็ไม่เป็นไร แต่ในร่างกายแมวไม่ได้มีเลือดมากอยู่แล้ว…
เมแกนล้างมือเรียบร้อยแล้ว “อยากให้ฉันทำอะไรคะ”
“ผมจะตัดขนใกล้ๆ แผล แล้วก็เย็บ”
นับว่าเมแกนเฉลียวฉลาดทีเดียว ไม่ต้องให้เขาอธิบายอย่างละเอียดก็ช่วยเขาหยิบขนใกล้ๆ แผลขึ้นมา เพื่อกันไม่ให้ตัดถูกเนื้อเข้า
คนเลี้ยงม้าและคนเลี้ยงผึ้งที่หลีกลี้อยู่ในป่าลึก เกิดเรื่องอะไรก็ต้องพึ่งพาตัวเองได้ เครื่องมือภายในบ้านจึงครบครันมาก อย่างเช่น เข็มเย็บผ้า ที่จริงด้ายก็มี แต่ด้ายที่ทิ้งไว้กี่ปีแล้วก็ไม่รู้น่าจะใช้งานไม่ได้แล้ว ดึงครั้งเดียวก็ขาด
จางจื่ออันให้เมแกนใช้สารเหลวไนโตรเจนฆ่าเชื้อแผล แล้วใช้น้ำสะอาดล้างสารเหลวไนโตรเจนที่เหลือออก ก่อนใช้แหนบคีบขนและสิ่งสกปรกที่อยู่ในแผลออกจนสะอาด ถึงจะใช้ไฟแช็กฆ่าเชื้อเข็ม แล้วสอดด้ายเย็บแผลจากเอ็นหางบีเวอร์เข้าไปในรูเข็ม
หลังจากแทงเข็มเข้าไปในเนื้อแล้ว วลาดิเมียร์ที่อยู่ในสภาพกึ่งไร้สติก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความเจ็บปวด มันค่อยๆ ลืมตา ใช้เวลาหลายวินาทีถึงจะเห็นจางจื่ออันที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจน
“อย่าขยับ อดทนหน่อย” เขาจ้องมองแผลและฝีเข็มอย่างใจจดใจจ่อ
เมแกนใช้มือกดหัวและตัวของมันเบาๆ อย่างเคร่งเครียด ด้วยกลัวว่ามันจะดิ้น แต่ก็ไม่กล้าออกแรงมากนัก
“ไม่เป็นไร ใจกล้าหน่อย ทำเรื่องใหญ่อย่ากลัวเสียเลือดหรือเสียสละ ต้องมีปณิธานอันแน่วแน่เพื่อการเสียสละ อย่าร้องให้ดวงตะวันและจันทราเปลี่ยนวันใหม่…” มันกลับใช้เสียงอ่อนล้าพูดให้กำลังใจเขา
แม้เมแกนจะฟังมันพูดไม่รู้เรื่อง แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
มือของจางจื่ออันก็กำลังสั่น ตรงหน้าพร่ามัวเล็กน้อย ลางสังหรณ์ที่อาจจะเสียเพื่อนที่ไว้ใจได้ทำให้เขาแทบจะจับเข็มบางๆ เอาไว้ไม่อยู่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำมือนิ่งอย่างที่สุด แล้วเย็บแผลทีละเข็ม
ฟีน่าเดินไปมาด้วยร้อนใจและท้อใจ มันเกลียดความรู้สึกไร้ประโยชน์แบบนี้ที่สุด เหมือนตอนที่มันเสียเธอไปเมื่อคราวนั้น
เสวี่ยซือพยายามปลอบใจฟีน่า แต่ก็ไม่เป็นผล
เฟยหม่าซือรู้ว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้แค่หมอบอยู่หน้าประตูเงียบๆ เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวในป่า
“หนาวนิดหน่อยนะ พวกนายหนาวไหม? หนาวเหมือนเดือนตุลา ฉันกลับไปที่จัตุรัสแดงมอสโกแล้วเหรอ…” วลาดิเมียร์พูดพึมพำ
“ฟัง! เสียงระเบิดที่พระราชวังฤดูหนาว…”
“ดู! ไฟสีแดงลุกโชนอยู่ทางตะวันออก!”
“ผู้คนที่โหร้องดีใจกรูกันเข้ามาในจัตุรัสแดง!”
“ลัทธิจักรวรรดินิยมตั้งปืนใหญ่หลายอันรบชนะประเทศหนึ่งทางตะวันออก ประวัติศาสตร์ของชนชาติหนึ่งผ่านไปแล้วจะไม่หวนกลับ…”
“ตื่น! วลาดิเมียร์! ตื่น! อย่าหลับ!” จางจื่ออันฝืนกลั้นน้ำตาที่คลอหน่วย “ในอนาคตพวกเราจะไปมอสโกด้วยกัน! ไปจัตุรัสแดง! ปักธงแดงไปทั่วโลก! ทั่วโลกยังมีแมวจรจัดต้องลำบากอีกมากมาย พวกมันรอให้นายไปปลดปล่อย!”
พอได้ยินคำพูดนี้วลาดิเมียร์เหมือนจะตื่นขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาไร้สติของมันพยายามเพ่งมองเขา แล้วยิ้มออกมา
“ดี!”
วลาดิเมียร์ใฝ่ฝันถึงอนาคต ใช้จิตใจที่แข็งแกร่งดังเหล็กกล้าต่อต้านความง่วง เพื่อไม่ให้หลับ มันจึงฮัมเพลงเบาๆ
“หมู่บ้านเงียบสงัดมีหิมะสีขาวปลิวว่อน
นกพิราบบินใต้ท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ
สลักสองชื่อไว้บนต้นไวท์เบิร์ช
พวกเขาสาบานว่าจะรักกันไปตราบสิ้นลมหายใจ
ต่อมาไฟสงครามลามมาถึงบ้านเกิด
คนชั่วถือปืนบุกมายังชายแดน
ที่รักคุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน
พอฉันกลับมาที่ป่าไวท์เบิร์ชแห่งนี้…”
วลาดิเมียร์ชอบร้องเพลงทีเดียว แต่ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นบทเพลงต่อสู้ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการสู้รบ วันนี้กลับร้องเพลงช้าและเศร้าอย่าง ‘ป่าไวท์เบิร์ช’
จางจื่ออันก็ฮัมเพลงกับมัน แม้จะหลงคีย์อยู่บ่อยครั้ง แต่ริชาร์ดกลับเงียบไม่ถากถาง
ทั้งที่เมแกนฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง และไม่ได้ยินคำพูดของวลาดิเมียร์ แต่แค่เธอได้ยินทำนองเพลงรัสเซียโบราณก็ต้องสะอึกสะอื้น
“ขอร้องล่ะ…ต้องช่วยมันให้ได้นะคะ…” ไหล่ทั้งสองข้างของเธอสั่นเทา ตอนที่ตัวเองติดอยู่ในคุกยังไม่เศร้าขนาดนี้เลย
จางจื่ออันพยักหน้าจริงจัง แล้วบอกให้เธอไปจุดเตาผิง เพื่อให้บ้านอบอุ่นขึ้นมาหน่อย แล้วห่มผ้าแห้งๆ บนตัวมันหลายผืน
เปลวไฟในเตาผิงลุกโชนขึ้นมาแล้ว ฟืนแตกพ่นประกายไฟดังเป๊าะแป๊ะ
“เมี๊ยว วลาดิเมียร์…” ซิงไห่กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะน้ำชา แล้วใช้อุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งลูบหน้าปากของ วลาดิเมียร์เบาๆ “นายจะต้องหาย…”
“เจี๊ยกๆ”
พายพยายามควบคุมความกลัวเลือดในใจ แล้วเข้ามาใช้สองมือกุมอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งของวลาดิเมียร์เอาไว้
“พวกเจ้า…พวกเจ้าอย่าทำท่าทางเหมือนมันจะตายสิ!” ฟีน่าตำหนิอย่างโกรธเคือง แล้วตะโกนว่า “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย ได้ยินหรือไม่! ได้ยินหรือไม่!”
เฟยหม่าซือหันหน้าหนีไปยังบานประตู ไม่อยากให้ทุกคนเห็นเบ้าตาชุ่มน้ำของมัน
จางจื่ออันได้ยินเสียงหัวใจเต้นของมัน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก แต่การเคลื่อนไหวของตัวเองช่างเชื่องช้าเหลือเกิน
ทั้งที่อากาศในบ้านหนาวมาก แต่เขากลับเครียดจนเหงื่อออกเต็มหน้า
ความจริงเขาใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เย็บแผลเสร็จแล้ว เอ็นหางบีเวอร์ทั้งทรหดและแข็งแรงเย็บแผลได้แน่นหนา ด้านหน้าของแผลเป็นทางยาว ราวกับถูกอาวุธแหลมคมตัดเข้า แต่ก็ลดความกดดันในตอนเย็บแผลไปโดยปริยาย ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่สัตวแพทย์มืออาชีพ ถ้าแผลปริก็จัดการยากแล้ว
พอเย็บเข็มสุดท้ายเสร็จ เขาก็มัดปม ส่วนเมแกนใช้กรรไกรตัดเอ็นหางที่เหลือ
“เป็นยังไงคะ มันจะรอดใช่ไหม?” สองมือของเมแกนจับตรงหน้าอกพร้อมด้วยน้ำตาอาบแก้ม
ไม่มีใครอยากให้วลาดิเมียร์รอดไปมากกว่าจางจื่ออันแล้ว แต่ความจริงแล้วก็ยังมองโลกในแง่ดีได้ยากนัก แม้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่ก่อนหน้านี้มันเสียเลือดไปมาก จนถึงขีดอันตรายแล้ว ถ้ามันร่างกายอ่อนแอและไม่ได้มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ก็อาจจะทนได้ไม่ถึงขั้นนี้
“มันเสียเลือดมากไป หากอยากให้อาการดีขึ้น ก็ต้องหาวิธีถ่ายเลือดให้มัน” เขาพูดทีละคำ
ตอนที่ 1617 บริจาคเลือด
พอได้ยินคำพูดของจางจื่ออัน เมแกนและพวกภูตสัตว์เลี้ยงต่างก็ตะลึงงัน
“ถ่ายเลือด? คุณหมายถึงถ่ายเลือดให้เจ้าตัวนี้เหรอคะ?” เมแกนถามเพื่อความแน่ใจ
จางจื่ออันพยักหน้า “ถูกต้อง”
ฟีน่าตาเป็นประกาย มันไม่เคยยอมติดหนี้น้ำใจใคร แต่ครั้งนี้มันติดหนี้น้ำใจครั้งใหญ่เพราะความประมาทของตัวเอง แม้ถ่ายเลือดจะชดใช้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง แต่อย่างน้อยก็ทำให้มันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
มันจึงกระโดดขึ้นมาเสนอตัวเป็นตัวแรก “ถ่ายเลือดใช่หรือไม่? ใช้เลือดของข้าเถิด!”
“หา? ถะ…ถ่ายเลือด?” เสวี่ยซือจื่อตกใจกลัวจะต้องขดตัว ราวกับกลัวว่าตัวเองจะถูกเจาะเลือด “ถ่ายเลือด เจ็บมากใช่หรือไม่?”
เมแกนถามต่อ “หมายความว่า…ต้องใช้เลือดของแมวอีกสามตัวถ่ายให้แมวสีน้ำเงินที่บาดเจ็บตัวนี้เหรอคะ”
แมวอีกสามตัวนี้ย่อมหมายถึงฟีน่า เสวี่ยซือจื่อ และซิงไห่
จางจื่ออันกลับส่ายหน้า ทั้งไม่ปฏิเสธคำขอของฟีน่า และไม่ปฏิเสธคำถามของเมแกน “ไม่ ไม่ใช่เลือดของพวกมัน”
เสวี่ยซือจื่อถอนหายใจ “แม่เฒ่าตกใจแทบตายแล้ว”
เมแกนกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงกลับตะลึง เพราะที่นี่มีแมวทั้งหมดสี่ตัว ไม่ต้องการเลือดของแมวอีกสามตาม แล้วจะหาเลือดมาถ่ายให้แมวตัวนี้จากที่ไหน
สายตาของจางจื่ออันมองไปยังเฟยหม่าซือที่หมอบอยู่หน้าประตู ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งยองๆ ลง แล้วตบตัวของมันเบาๆ “เฟยหม่าซือ ขอยืมเลือดของนายให้วลาดิเมียร์หน่อยได้ไหม”
“เอ๋?”
“แกว๊ก?”
“เจี๊ยกๆ?”
“เมี๊ยวๆๆ?”
พอพูดคำนี้ออกไป ลูกตาของเมแกนก็แทบจะถลนออกมาแล้ว พวกภูตสัตว์เลี้ยงก็อ้าปากค้างจนคงจะแตะพื้นอยู่แล้ว ด้วยไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
“แกว๊กๆ! เจ้าโง่ ข้าเข้าใจความรู้สึกของเอ็งนะ แต่เอ็งร้อนใจจนเลอะเลือนแล้วเหรอ” ริชาร์ดโผล่หัวออกมาจากในช่องฮู้ดพลางร้องด่า
เสวี่ยซือจื่อ “จบเห่แล้ว ชายเฮงซวยสมองบวมน้ำแล้ว!”
เฟยหม่าซือเองก็ทำหน้าตางุนงง มันคิดว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เสียอีก “เอ่อ…ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่เลือดของฉันถ่ายให้วลาดิเมียร์ได้เหรอ”
เมแกนพุ่งเข้ามาดึงแขนของเขา “นี่! คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้เรื่องสัตว์เลี้ยง แต่คิดยังไงก็ถ่ายเลือดของหมาให้แมวไม่ได้ไม่ใช่เหรอ จะต้องเกิดปฏิกิริยาต่อต้านแน่ ทีนี้ไม่ใช่แค่ช่วยชีวิตมันไม่ได้ ยัง…”
นี่เป็นการถ่ายเลือดแบบข้ามสปีชีส์ ในความคิดของเธอแล้ว ถึงถ่ายเลือดให้กันระหว่างคนกับลิงได้ แต่ระหว่างแมวกับสุนัขนั้นไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ญาติกัน
“ได้สิ!”
จางจื่ออันกลับให้คำตอบยืนยันความจริงจัง
“แมวก็มีกรุ๊ปเลือด ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปเอ ส่วนน้อยเป็นกรุ๊ปบี เอบีน้อยมาก เหมือนกับคนนั่นแหละ กรุ๊ปเลือดต่างกันเอามาปนกันไม่ได้” เขามองไปที่วลาดิเมียร์ แล้วกวาดสายตามองแมวตัวอื่น “แต่ผมไม่รู้ว่ามันกรุ๊ปเลือดอะไร แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกมันกรุ๊ปเลือดอะไร ไม่ว่าเจาะเลือดจากแมวตัวไหนในนี้ไปถ่ายให้วลาดิเมียร์ ก็เหมือนกับเล่นพนันเท่านั้น”
นอกจากความเป็นห่วง เขาก็ไม่แน่ใจว่าแมวโบราณอย่างฟีน่ากับเสวี่ยซือจื่อมีความแตกต่างกับสายเลือดแมวในยุคปัจจุบันบ้างหรือเปล่า
“แต่ว่า ถึงเป็นการเล่นพนัน อย่างน้อยก็มีโอกาสชนะครึ่งหนึ่งนะ คุณไม่ได้บอกว่าส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปเอกันหมดเหรอ” เมแกนยังไม่เข้าใจ พวกภูตสัตว์เลี้ยงก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน “แต่ถ้าใช้เลือดหมา งั้นแม้แต่โอกาสชนะหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีไม่ใช่เหรอคะ”
จางจื่ออันหยิบอุปกรณ์ฉีดยาออกมาจากในกล่องปฐมพยาบาล นี่เป็นสิ่งที่เขาปล้นออกมาจากในตู้ห้องน้ำของบ้านหลังนี้
“คุณไม่เข้าใจ ถ่ายเลือดหมาให้แมวได้ และไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องกรุ๊ปเลือดด้วย” เขาเตรียมถ่ายเลือดไปด้วย อธิบายไปด้วย ไม่อย่างนั้นเมแกนอาจปฏิเสธที่จะช่วย
“ตั้งแต่ปี 1962 มีแมวเกินหกสิบตัวรอดชีวิตจากการถ่ายเลือดหมา อีกอย่าง จากบทความเรื่องนี้ที่ตีพิมพ์ออกมาสี่ฉบับ หลักการทั่วไปคือ ระบบภูมิคุ้มกันโรคของแมวจะไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านทันทีเมื่อได้รับเซลล์เม็ดเลือดของหมาเข้าสู่ร่างกาย แต่จะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะเกิดปฏิกิริยานั้น” เขาพูด
“เอ๋?” เมแกนฟังไม่เข้าใจ
“ประเด็นคือ ระยะกึ่งเสื่อมเซลล์เม็ดเลือดของหมาในตัวแมวมีแค่สี่วัน! เข้าใจไหม? ก่อนที่แมวจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน เซลล์เม็ดเลือดหมาก็จะตายไปเองโดยธรรมชาติแล้ว และเวลาสี่วันก็เพียงพอที่จะพ้นระยะอันตรายของการรับเลือดได้!”
ในฐานะที่เป็นนักศึกษาผลการเรียนดีคนหนึ่ง ในที่สุดเมแกนก็เข้าใจแล้ว นี่เป็นการใช้ประโยชน์จากความต่างของเวลา ปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันโรคในแมวต่อเซลล์เม็ดเลือดสุนัขค่อนข้างช้า ตอนที่ตอบสนองขึ้นมาได้ เซลล์เม็ดเลือดสุนัขที่รับเข้าไปในร่างกายก็จะตายไปเองแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านรุนแรง ดีกว่าเสี่ยงโชครับเลือดแมวในสถานการณ์ที่ไม่รู้กรุ๊ปเลือด
“มหัศจรรย์จริงๆ…คิดไม่ถึงว่าแมวกับหมาจะมีความสัมพันธ์แบบนี้ด้วย…” เธอพูดพึมพำ “พระเจ้าจัดแมวและสุนัขเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของมนุษย์จะต้องมีเหตุผลแน่ๆ…”
“งั้นกลับกันได้ไหมคะ? ถ่ายเลือดแมวให้หมา…” เธอถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่ได้” จางจื่ออันพูด “กลับกันไม่ได้ และสุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นแค่แผนฉุกเฉิน เพราะในชีวิตของแมวตัวหนึ่งรับเลือดหมาได้แค่ครั้งเดียว ถ้าเป็นครั้งที่สอง ถึงแม้เลือดมาจากหมาตัวเดียวกัน ถ่ายเลือดให้แมวตัวเดียวกัน แมวที่ถูกถ่ายเลือดก็จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านอย่างรุนแรง”
ระบบภูมิคุ้มกันของแมวอาจจะตอบสนองช้าในครั้งแรก แต่ไม่ได้โง่ มันจะจำลักษณะพิเศษของเซลล์เม็ดเลือดของสุนัขได้แม่นยำ และบันทึกเป็นสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามา ถ้าครั้งที่สองมีเลือดสุนัขเข้ามาในร่างกายอีก มันจะทำการเคลื่อนไหวภูมิคุ้มกันโรคอย่างรวดเร็ว กำจัดเลือดสุนัขที่เป็นสิ่งแปลกปลอม ไม่เพียงช่วยชีวิตไม่ได้ กลับจะทำให้แมวตายเสียด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้แน่ใจสถานการณ์ในอเมริกาเหนือและยุโรป แต่ส่วนใหญ่โรงพยาบาลสัตว์ทุกแห่งในประเทศจีนจะไม่มีโกดังเลือดแมวเตรียมพร้อมไว้ตลอด อย่าว่าแต่ประเทศจีนเลย ถึงเป็นประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศญี่ปุ่นที่ร่ำรวยและปฏิบัติกับสัตว์เลี้ยงดีกว่าประเทศจีน ก็ไม่มีโกดังเลือดแมวเช่นเดียวกัน ตอนที่ต้องการเลือดก็ทำได้แค่เจาะเลือดจากแมวที่แข็งแรงในโรงพยาบาลดูเท่านั้น
ถ้าตอนนั้นในโรงพยาบาลไม่มีแมวที่แข็งแรง มีแต่แมวแก่ เด็ก และอ่อนแอเกินไป และไม่เหมาะกับการเจาะเลือดล่ะจะทำอย่างไร? อย่างนั้นก็ได้แค่ประกาศ ขอบุคคลจิตใจดีพาแมวมาบริจาคเลือดโดยไม่มีค่าตอบแทน
ถ้าเป็นสถานที่ที่ห่างไกล ละแวกนั้นไม่มีคนยอมพาแมวมาบริจาคเลือด หรือสถานการณ์คับขันอย่างยิ่ง รอแมวที่ยอมมาบริจาคเลือดไม่ได้จะทำอย่างไร?
ถ้าแถวนี้มีสุนัข ขอแค่เป็นสุนัขโตเต็มวัยร่างกายแข็งแรง ก็กลายเป็นผู้บริจาคเลือดเร่งด่วนได้ชั่วคราว และร่างกายของสุนัขใหญ่กว่าแมวทั่วไปมาก จึงไม่ค่อยได้ผลกระทบจากการบริจาคเลือด
แต่คนที่รู้เรื่องนี้มีน้อยมาก น้อยมากๆ อาจจะมีคนเคยได้ยินเป็นเรื่องแปลกมหัศจรรย์ แต่ไม่เข้าใจหลักการนั้น แม้กระทั่งสัตวแพทย์ส่วนใหญ่ในประเทศจีนก็ไม่รู้ ดีที่เขารู้จักสัตวแพทย์เฉพาะทางที่เรียนเก่งมากคนหนึ่ง
จางจื่ออันยื่นเข็มฉีดยาอันหนึ่งให้เมแกน “ถ้าเข้าใจแล้วก็เตรียมเริ่มได้เลย คอยฟังคำแนะนำของผม”
“ได้ค่ะ!”
เมแกนรับเข็มฉีดยาไปอย่างตึงเครียด ในใจเปี่ยมด้วยความรู้สึกคล้ายได้รับภารกิจหนักอึ้งมาจากพระเจ้า
เฟยหม่าซือนั่งอยู่ข้างๆ โต๊ะน้ำชา อุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งพาดอยู่บนโต๊ะ “มาเลย!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น