Otherworldly evil monarch 282-288
ตอนที่ 282
ขันทีอ้วนผู้ถือแซ่หางม้ามาถึงยังชั้นบนของท้องพระโรง แก้มของเขาตอบราวผู้โศกเศร้าอย่างประหลาด และกระเดือกเคลื่อนขึ้นลงขณะเขาเอ่ยเสียง
” ถึงเวลาแล้ว … ข้าขอเคารพผู้อาวุโส เหล่า บัณฑิต และคุณชายทั้งหลายเข้าสู่โงใหญ่เพื่อพบกับองค์จักรพรรดิ ! “
” เอ่อ ! “
จวินโม่เซี่ยเรอ
. เสียงนี้จักมากไปแล้ว !
.เสียงนี้ขัดหูยิ่งกว่าเสียงของทีวี …
ราวกับขันทีผู้นี้กำลังเลียนเสียงละครทีวี
. กี่หนที่ขันทีผู้นี้กระทำเช่นนี้ ?
แต่แท้จริงแล้วเขามิได้เลียนแบบอันใด … c9jสิ่งที่อยู่ระหว่างขาของคนผู้นี้นั้นหายไป …
ผู้มากประสบการณ์ มองหน้ากันด้วยความเข้าใจ ความกว้างขวางของท้องพระโรง พระตำหนักเทียน นั้นยิ่งใหญ่ที่สุดในวังหลวง สามารถจัดเลี้ยงอาหารผู้คนได้นับพัน … มากกว่านั้นนิดหน่อย ชัดเจนว่า เป็นการตระเตรียมไว้สำหรับงานฉลองขนาดมหึมา
. เหตุใดพวกเขาจึงมิได้แจ้งก่อนหน้าสักสองสามวัน ? คุณชายน้อยบางผู้มิอาจได้รับข้อความให้กลับสู่นครได้ทันการ
คุณชายน้อยจวิน และ ผู้อื่นกำลังจะจากไปเมื่อพวกเขาได้ยินน้ำเสียงเฉียบแหลมของขันที
” พระองค์ประสงค์ให้ถังหว่านลี่ผู้กล้าหาญและภักดีนำพาตัวหลานชายมาด้วย … เช่นนั้น องค์จักรพรรดิอาจประสงค์จะพบเขา “
ถังหยวนหวาดกลัว เขาสะดุ้งโยงขณะมองจวินโม่เซี่ยเจ็บปวด
” แม่เจ้า ! เกิดอันใดกัน ?”
คุณชายน้อยจวินกรอกตา และหันหน้าไปทางอื่น เพื่อเมินเฉยถังหยวน
. เจ้าคิดว่าข้าเป็นเทพเจ้ากระนั้นหรือ ? เหตุใดถึงถามเช่นนี้กับข้า ?!
อันธพาลจวิน เงยหน้าขึ้นและยังไหล่ เขาหันก้นและตรงไปยัง โถง คล่อลแคล่วดั่งแมว … คนอื่นๆมิอาจกลั่นไม่ให้หันมองกันมิได้ …
จวินจ้านเเทียน มองไปยังพฤติกรรมหยาบช้าของหลานชายที่กระทำต่อหน้าคนหมู่มาก ทำให้ปวดหัว
. อาวุโสผู้นี้มิได้บอกให้เจ้าหลีกเลี่ยงการกระทำโดดเด่นเช่นนี้หรอกหรือ ? เกินกว่าจะเอ่ยว่า นกกระเรียนในฝูงไก่ ไม่สิ ควรจะเอ่ยว่า ไก่ในฝูงนกกระเรียน ชื่อเสียงทั้งชีวิตของข้าจบลงแล้ว เจ้าชั่วช้า ! เจ้าทำลายมันโดยการบิดก้นเช่นนั้น …
ตู่กู้ซ้งเฮงหันหัวและมองไปยัง จวินโม่เซี่ย โดยบังเอิญ เขามองเห็นเด็กผู้นั้นบิดก้นและส่ายไปมาขณะกำลังเดิน ขุนพล เตาะลิ้นและเอ่ย
” พี่จวิน นี่เป็นครั้งแรกที่อาวุโสผู้นี้ได้เห็นหลานชายของท่านหลังเขาได้เติบโตขึ้นมา ? แท้จริงแล้ว การได้รู้จักผู้มีชื่อเสียง มิอาจเทียบได้กับการพบกับเขาด้วยตัวเอง และหลังจากได้เห็นเขาาในวันนั้น .. ข้ารู้ว่าเขานั้นเกินกว่าชื่อเสียงของเขานัก ! น่าประหลาดใจยิ่ง ! เขาพิเศษและโดดเด่นอย่างแท้จริง ฮี่ ฮี่ … “
เขายิ้มเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเขาประหลาดยิ่ง
จวินจ้านเทียนพ่นลมทางจมูก ขมวดคิ้วลึกล้ำ และ หยุดเดิน
” อาวุโสตู่กู้ ข้าจำได้ว่า สกุลตู่กู้ ของท่าน ติดหนี้ข้าราวเก้าสิบล้านตำลึงเงิน แต่ท่านทำราวกับมันมิใช่เรื่องสำคัญ … มันจักได้รับคืนเมื่อใด ? ข้าเพียงสอบถามถึงผลประโยชน์จากหัวใจ ! “
ปู่จวินเด็ดเดี่ยวยิ่ง แต่ ปู่ตู่กู้ นั้นไร้ซึ่งเหตุผลยิ่ง เขาเพียงล้อเลียนจวินจ้านเทียนเพื่อความสนุกสนาน
. คนโง่เขลาผู้นั้นมีล้อเล่นหัวหน้าสกุลจวินเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ดังนั้น ในขณะที่เขาเอ่ยปาก เขาจึงถูกทวงถามหนี้สิน
ตู่กู้ซ้งเฮงกระวนกระวาย ดวงตาเขาเบิกกว้างเป็นวงกลม และไร้วาจาอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขามีโทสะรุนแรง และเอ่ย
” เหลวไหล ! เจ้าน่าขันยิ่งนัก ! เก้าสิบล้านตำลึงเงิน ? เจ้าคิดว่า สกุลตู่กู้ ข้าเป็น ท้องพระคลัง ? แม้แต่ ท้องพระคลัง ก็ไม่สามารถรองรับจำนวนมหาศาลเช่นนั้นได้ ! “
” เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าต้องการจะเบี้ยวหนี้หรือ ? “
ปู่จวินเหลือบ
” จากวาจาของสกุลเจ้า เจ้าจำต้องชดใช้จำนวนนั้นเนื่องจากราคาประมูล แล้วเจ้าคิดจักเบี้ยวหนี้ได้อย่างไร ? แม้นการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากจำนวนอันไม่เป็นธรรมนี้ เป็นการขัดต่อชื่อเสียงสกุลจวิน ข้าสงสัยว่า สกุลตู่กู้ จักขาดแคลนเงิน หากเรานำเรื่องนี้ขึ้นโต้เถียงต่อหน้า องค์จักรพรรดิ ! ยุติธรรมอาจเป็นเพียงสามพยางค์ตัวในโลกมนุษย์ แต่เจ้าต้องจดจำไว้ ตู่กู้ซ้งเฮง … สวรรค์จักเห็นเรื่องในวันนี้ ! “
ตู่กู้ซ้งเฮงมีโทสะเนื่องด้วยวาจานี้ ความรู้สึกของเขาอยู่ระหว่างมีเกียรติและขุ่นเคือง
หยาบคายและไร้เหตุผล แต่เขามิใช่ผู้ส้นทัดในการชดใช้หนี้สิน และทำให้เรื่องแย่ลง … ทั่วทั้งเทียนเชียงรู้ถึงสิ่งนี้ ดังนั้น เขาจึงมิได้คิดถึงหน้าสินนี้อีก
. แต่ …. ข้าจักเอ่ยสิ่งใดเวลานี้ … ? สกุลจวินเล็กๆจักมีความกล้าเอ่ยสิ่งเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ลมหายใจเขาหอบถี่อย่างชัดเจน และเห็นได้ชัดว่าเขาสาปแช่งสกุลจวินนับร้อยครั้งในใจ
. ดู มองดูให้ดี เจ้าฟุ่มเฟือยไร้ยางอายทำให้ผู้นี้ขุ่นเคือง !
เขาคิดอย่างหนักหน่วงขณะกลยุทธ์เกิดขึ้น แผนการของเขาถูกสร้างขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
” ถูกต้อง สกุลตู่กู้ของข้าติดหนี้เจ้าหลายตำลึงเงิน ท่านอาวุโส ความขัดข้องใจของท่านนั้นไร้เหตุผล ! ฆาตรกรจักต้องชดใช้ด้วยชีวิต และ หนี้สินจักต้องชดใช้ด้วยเงิน นั่นคือความถูกต้อง ! อย่าบอกข้า ท่านอาวุโสตัดสินใจแล้วหรือ ? เก้าสิบล้านตำลึงเงินนี้จักเพียงพอหรือ ? ตระหนี่ยิ่ง ! หากทุกผู้คนเป็นดั่งเจ้า … พวกเขาจักใช้เงินเพียงเล็กน้อยเท่าที่จำเป็น ! จวินจ้านเเทียน เจ้าสามารถเอาเงินใส่โลงไปได้มากมายเท่าใด ? ข้าหมิ่นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของสกุลจวินของเจ้า ! “
จวินจ้านเทียนเกือบจะมีโทสะ คนผู้นี้รับสิ่งนี้เบาบางเกินไป
. เก้าสิบล้านตำลึงนั้นเล็กน้อย ? จำนวนนี้เทียบเท่ากับงบประมาณในกองทัพแห่งอาณาจักรเทียนเชียงได้ถึงสามปี ! หยุดโง่เขลาเสีย !
” เนื่องจากเจ้ามิได้สนใจมันมากมย … เร็วเข้า เร่งรีบคืนหนี้สินจำนวนเล็กน้อยนี้ เหตุใดเจ้าจึงชักช้า ? ให้ข้าได้เอ่ยวาจา … สกุลจวินของข้ารอคอยเงินจำนวนน้อยนิดนี้ โอ้ และเจ้าเรียกพวกเราว่า ตระหนี่ ? แน่นอนเป็นคนตระหนี่ดีเสียกว่า ผู้ที่เบี้ยวหนี้สิ้น ! “
” เมื่อใดกันที่ข้าเอ่ยว่าจักไม่ชดใช้คืน ? “
ตู่กู้ซ้งเฮงหันหน้าไปและกรอกตา
” พวกเรายอมรับหนี้สินนี้ เพียงแต่อาวุโสผู้นี้ไม่มีเงินติดตัวมาเพียงพอ แต่ เจ้ามิต้องเป็นกังวล อย่างไรก็ตาม ยังมิเป็นที่ตัดสินใจจักชดใช้เมื่อใด … เจ้าบอกข้า สิ่งนี้มิได้สำคัญ ? หากมิใช่ปีนี้ … ก็ปีถัดไป … หรือถัดไปอีก ? และหากมิมีในชาตินี้ .. บางทีอาจเป็นชาติหน้า ? จำได้ไหม บางผู้เคยเอ่ยวาจา หนี้สินสามารถชำระคืนได้หากคนผู้นั้นสามารถมีผู้สืบทอดต่อไปได้ไร้สิ้นสุด … ?
” ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ” ผู้
ที่อยู่ด้านข้างเขาหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
บางผู้สังเกตเห็นเมื่ออาวุโสทั้งสองเข้ามาใกล้และเริ่มพึมพัมใส่กัน และ เหล่าคนหนวดขาวเริ่มรวมตัวกันรอบๆเมื่อทั้งสองเอ่ยถึงหนี้สินจำนวนมหาศาล ปากของเหล่าผู้นำสกุลเริ่มขยับเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องขำขันของ ตู่กู้ซ้งเฮง
และพวกเขาได้ยิน ตู่กู้ซ้งเฮง คิดหาประโยคไร้ยางอายเช่นนั้น ทั่วทั้งโถงเกิดเสียงหัวเราะขึ้นเนื่องด้วยเรื่องนั้น คนผู้นี้มากสามารถไม่สามัญ เป็นเพียงหนี้สินเท่านั้น เขาเพียงผลักมันให้กับคนรุ่นต่อไป …และต่อไป ให้แก่ลูกหลานของเขาทั้งหมด เขานั้นไร้ยางอายยิ่ง แท้จริงแล้ว เขาได้สำเร็จความไร้ยางอายขั้นสูงสุดแล้ว …
. ต้นไม้มิสามารถเติบโตไร้เปลือก คนผู้นี้ไร้ยาอายมิสิ้นสุดทั่วทังแผ่นดินใต้สรวงสวรรค์นี้ ! ข้าได้เรียนรู้แล้วในวันนี้ …
” น่ารังเกียจ ! “
ปู่จวินโต้กลับอย่างรุนแรง
” ผู้ใดจักรู้ว่าคนรุ่นต่อไปของเจ้าจักไร้ยางอายได้อีกเพียงใด ? “
จากนั้นเขาเหลือบตา และ เอ่ย
” อาวุโสตู่กู้ หากเจ้ามิอาจชดใช้หนี้สินได้ด้วยเงิน หลานสาวของเจ้าสามารถช่วยชดใช้ให้ได้ พวกเราจักสัมพันธ์กันด้วยการแต่งงาน หากหลานสาวเจ้า แต่งกับหลานชายข้า …
เจ้าคิดว่าข้าจักโต้เถียงกับญาติพี่น้องเพื่อเงินเก้าสิบล้านหรือ ? ชัดเจนว่าหนี้สินของสกุลเจ้าจักได้รับยกเว้น คิดเห็นเช่นไร ? ข้าจักยกหนี้สินให้ในเวลาอันสำคัญ จากนั้นเจ้าสามารถใช้เงินจำนวนนั้นเพื่อ สลักรูปปั้นเป็นของตัวเองได้ ว่าอย่างไร ? “
” ไร่สาระ ! เจ้าจวินชั่วร้าย ! “
ตู่กู้ซ้งเฮงโกรธเคืองและเริ่มสาดคำสาปแช่งด้วยทีท่ารุนแรง
” หลานสาวข้าเป็นดั่งเทพธิดา ! และลองมองดูหลานชายเจ้าสิ มองดูเขาสิ … “
เขาชี้นิ้วไปยังหลังของอันธพาลจวินขณะเอ่ยถึงสิ่งนี้ เต็มไปด้วยโทสะขณะเอ่ยต่อ
” เจ้าเด็กเหลือขอนั่นจักสัมพันธ์กับหลานสาวข้าได้กระนั้น ? เจ้าคือคนเดียวในโลกที่บอกว่าเขาดีพอสำหรับลูกสาวข้า ! “
” วาจาเจ้าไร้สาระ หลานสาวของเจ้า มิอาจคู่ควรหลานชายข้า แต่ ดูเหมือน หลานชายข้าสนใจหลานสาวเจ้า เช่นนั้น เจ้ากำลังโชคดี “
จากนั้น ปู่จวินหรี่ตาและเอ่ย
” อาวุโสตู่กู้ เจ้าจักเสียใจหากมิเห็นด้วยในเรื่องนี้ วันที่เจ้าไร้ข้าวกินจักมาถึง เมื่อเวลานั้นมาถึงเจ้าจักไร้ซึ่งทุกสิ่ง เช่นนั้น มิต้องประหลาดใจ เหตุใดที่อาวุโสผู้นี้ตักเตือนเจ้า ! “
” กล้านัก ! อาวุโสผู้นี้จักตอนเจ้า ! “
ตู่กู้ซ้งเฮงหอบเนื่องจากโทสะ จากนั้นก้าวขึ้นหน้า ปู่จวินจะถอยหรือไม่ ? ท่าทางของเขาเฉียบคมและเย่อหยิ่งเพิ่มขึ้น ผู้อาวุโสอื่นๆรู้ว่าสถานการณ์เริ่มหายนะ เนื่องจากทั้งสองนั้น เหมาะสมกัน ผู้คนห้าคนสามกลุ่มเริ่มเข้าสงบสถานการณ์ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงภายในราชวัง
ผลที่เกิดขึ้นจักสดใสยิ่งนักหากอาวุโสผู้เป็นหัวหน้าสกุลอันทรงอำนาจในกองทัพทั้งสองตัดสินใจปะทะกันใน พระราชวัง
อาวุโสทั้งสองพยายามทำให้ตัวเองเป็นอิสระอย่างสิ้นหวัง ราวกับพวกเขาประสงค์จักทุบตีกัน แท้จริงแล้ว พวกเขาเตะและต่อยทุกผู้ที่อยู่ใกล้เคียง …
” จวินจ้านเเทียน หากหลานชายผู้ล้ำค่าของเจ้ากล้าอวดดีและทำให้ข้ารำคาณ … อาวุโสผู้นี้จักเตะก้นเขา และให้อาหารเขาดั่งเช่นนก ! สกุลของเจ้าจักต้องล่มสลาย และ ข้าจักปลดผู้อยู่ใต้บัญชาของเจ้า ! “
ตู่กู้ซ้งเฮง วิวาทกับทุกผู้ขณะเขาคำราม
” ถุย ! เจ้าคิดว่าสามารถหรือ ?! เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยเตะต่อยผู้ใดในระหว่างการบำเพ็ญนานปีนี้ ? เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้า ?! ข้าลืมไป มิได้สั่งสอนบทเรียนแก่ท่านมาหลายปี ! และตอนนี้ อาวุโสชั่วผู้นี้ปีกกล้าขาแข็ง และปรารถนาจักโบยบินสู่สรวงสวรรค์ ! แต่ อาวุโสผู้นี้จักยกเว้นให้ และทำให้เจ้ากลับตัวในวันนี้ ! เจ้าโง่เขลาอวดดี ! เจ้าปฏิเสธความเมตตาที่มีต่อเจ้า ! “
ปู่จวินขุนเคืองยิ่ง
. ข้าเสียดายความน่ารักของหลานสาวเจ้ายิ่งนัก นอกจากนี้ จากสถานการณ์ความเป็นจริงของหลานชายข้า … แม้แต่ลูกสาวองค์จักรพรรดิก็ยังไม่คู่ควร ! ไม่ต้องเอ่ยถึงลานสาวของเจ้า ! เจ้าน่ารังเกียจที่ใส่ร้ายเด็กผู้อัศจรรย์นี้ เจ้าคือผู้ที่ไร้ยางอายที่สุดในโลก !
เจ้าหน้าที่เร่งรีบฝ่าความวุนวายนี้ ขณะมีบางผู้ที่พยายามจะทำให้การลงโทษผ่านไป ..
. ผู้ใดอาจหาญทำให้สองอาวุโสนี้ขุ่นเคือง … ?
. ตู่กู้ซ้งเฮงนั้นดีกว่า เขาไร้เหตุผล แต่ตัวเจ้าจักมิได้รับอันตรายจากเขา อาวุโสจวินผู้นั้นเช่นกัน เขาจักสงบและดูไร้อันตราย ความจริง เขายังโอ้อวดถึงคุณธรรม … แต่ครั้งล่าสุดที่มีคนทำให้เขาขุ่นเคือง … เขาสังหารขุนนางไปถึงหนึ่งในสาม คนผู้นี้ชั่วร้ายยิ่งนัก เขามิได้แม้แต่ขมวดคิ้วขณะทำสิ่งนั้น เขาเงียบขรึม !
. เมื่อทั้งสองโต้เถียงกันอยู่ ไม่ควรมีผู้ใดอยู่ที่นี่นาน …
” ถังหยวน ! “
องค์จักรพรรดิเพ่งมองไปยังชายอ้วนตรงหน้าเขาใน ท้องพระโรง นิสัยของพระองค์สงบนิ่งอย่างยิ่ง แต่เขาเลิกคิ้วขึ้น
จักรพรรดิตกตะลึงเมื่อได้เห็น หลานชายของถังหว่านลี่ตึงเครียด
. ตัวตนของเขาแตกต่างจากใน หอชนชั้นสูง ยิ่ง
แต่ องค์จักรพรรดิสัมผัสได้ถึงความมั่นคงจากร่างของถังหยวน เนื่องจากมันสะท้อนถึงความเป็นเลิศทางเศรษฐกิจของอาณาจักร
เห็นได้ชัดเมื่อใครบางคนมองไปยังร่างของเขา เหล่าสามัญชนมิได้ขาดแคลนอาหารหรือเสื้อผ้า และใช้ชีวิตอย่างผาสุก
” พะยะคะ ! ถังหยวนคำนับองค์ฝ่าบาท ! “
เขาคุกเข่าลงยากลำบาก ท้องของเขาสัมผัสกับพื้น และหนังบนร่างแผ่ออกดั่งพรม เขาพยายามเอาหัวสัมผัสกับพื้นแต่ ท้องของเขาปิดบังมันไว้แล้ว
ตอนที่ 283
ถังหยวนขวัญหนี ปู่มาส่งเขาเข้าด้านในและกลับไป ถูกทิ้งให้พบองค์จักรพรรดิเพียงลำพัง ดังนั้น เจ้าอ้วนจึงเป็นกังวลยิ่ง
” ลุกขึ้น มานั่นตรงนี้ “
องค์จักรพรรดิมิอาจกลั้นขำสนุสนานหลังจากได้เห็นเจ้าอ้วนในรูปร่างที่น่าสงสารนี้ น้ำเสียงพระองค์อ่อนโยนขณะโบกมือ
” ขอบพระทัย ฝ่าบาท “
ถังหยวนใช้มืออวบอ้วนของเขาพยุงขณะขณะคลานและลุกขึ้น เขาปาดเหงื่ออย่างระมัดระวัง และเคลื่อนตัวไปนั่งบนเก้าอี้อย่างสุขุม
มิรู้ว่าเป็นการจงใจหรือไม่ … แต่ขันทีได้ยกเก้าอี้กลมมาให้เขา เจ้าอ้วนพบว่าเก้าอี้นั้นมิได้ใหญ่เลย ผู้ที่มีรูปร่างปกติสามารถนั่งลงได้อย่างง่ายดาย และนั่งได้อย่างสะบาย ความจริง ยังมีพื้นที่เหลืออีกมากมาย แต่ในกรณีของเจ้าอ้วน …. การนั่งลงบนเก้าอี้นั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง
ถังหยวนจำคำสั่งสอนของปู่ได้
” เมื่อเผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิ อย่าได้นั่งอย่างโอหัง หากพระองค์ขอให้เจ้านั่ง เจ้าจงนั่งเพียงครึ่งก้น จดจำสิ่งนี้ไว้ในใจ ! “
แต่ เก้าอี้ตัวนั้นจักเป็นปัญหา หากเขานั่งลงไปเพียงครึ่งก้น
ข้าคาดว่า แม้แต่ครึ่งก้นของข้าก็เพียงพอนั่ง เก้าอี้นี้เล็กนัก ไม่ประหลาดใจที่ผู้คนสามารถนั่งเพียงครึ่งก้นได้
เขาโกยจนก้นของเขาครึ่งหนึ่งเข้าไปได้ แต่เพียงส่วนนั้นก็เต็มทั้งเก้าอี้ ไขมันมหาศาลวางอยู่บนเก้าอี้ มีส่วนที่ล้นเก้าอี้ออกมา
” ฮ่า ฮ่า … “
องค์จักรพรรดิมิอาจทนได้อีก และเริ่มหัวเราะอย่างแปลกประหลาด ถังหยวนรู้สึกเหงื่อไหล ขณะเขาหัวเราะตาม
” ถังหยวน ข้าได้ยินว่าเจ้าคือ หัวหน้านายประมูล ของ หอชนชั้นสูง ? “
ไม่ว่าเหตุใด พระองค์หยุดหัวเราะและถาม ประกายเยือกเย็นเปล่งขึ้นนัยตา
” พะยะคะ…. เจ้าพนักงานหนุ่ม … คนสามัญ … ข้า …. “
เจ้าอ้วนตะกุกตะกักก่อนเขาจะหยุดเอ่ยวาจา เขาต้องการเรียกตัวเองว่า เจ้าพนักงานหนุ่ม แต่ไม่ถูกต้องเนื่องจากเขามิได้มีตำแหน่งในราชการ จากนั้น เขาพยายามเรียกตัวเองว่า สามัญ แต่ก็ยังไม่ถูกต้อง จากนั้นจึงพยายามแทนตัวเองว่า ข้า … แต่การเอ่ยเช่นนั้นไม่สุภาพยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้
เขาเริ่มหายใจไม่ออก …
” ไม่ต้องมากพิธี เอ่ยตามที่เจ้าคิด “
จักรพรรดิเอ่ยด้วยท่าทีอ่อนโยน
” ถังหยวน เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ ว่าผู้ใดเป็นผู้ออกความคิดให้ดำเนินการประมูลใน หอชนชั้นสูง เช่นนั้น ? “
” นี่ … นั้นนน … พระองค์ … เขาเขา …คือ เป็นเช่นนี้ …. “
ถังหยวนใจเต้นรวดเร็ว
โอ้ว ! ไม่ประหลาดใจ ที่ท่านพี่ ย้ำนักหนากับข้าอย่างจริงจัง ราวกับว่าอาวุโสผู้นี้รู้ว่า มีชนชั้นสูงอยู่เบื้องหลังการเตรียมการทั้งหมดนี้ … !
” พระองค์ ข้า เอ่อ เอ่ ยังอ่อนวัยนักในเวลานั้น … และไร้ไหวพริบ … ข้าได้ทำผิดครั้งยิ่งใหญ่ ท่านปู่ขับไล่ข้าออกจากจวน ดังนั้น… ข้าจึงตัดสินใจทำบางสิ่งซึ่งจะทำให้อาวุโสผู้นั้นประหลาดใจว่า ที่ขับไล่ข้าออกจากจวนนั้นเป็นการกระทำที่ผิด “
ถังหยวนเกาหัวเขินอาย
” แต่อันใดที่ข้าจักสามารถทำได้ ? ข้าสนใจเพียงการหาเงิน … “
” เจ้า … เจ้ากำลังบอกว่านั่นคือความคิดของเจ้า ? “
สีหน้าองค์จักรพรรดิห่อเหี่ยว จากนั้น ความกดดันที่มองไม่เห็นกดลลงไปยังถังหยวน
มิใช่ปราณจากยอดฝีมือเชวียน … เป็นพลังบริสุทธิ์ขององค์จักรพรรดิเอง
เป็นบางสิ่งที่แม้แต่ คุณชายน้อยจวิน และ แปดยอดปรมาจารย์ ก็มีอาจคาดการณ์ได้
” พะยะคะ ! พระองค์ … เพียงเท่านั้น เป็นกิจการซื้อขายเล็กๆ … เพียงเท่านั้น ! “
เสื้อผ้าของถังหยวนมีเหงื่อซึมออกมาภายในไม่กี่วินาที จนเขาสามารถรู้สึกเปียกไปทั่วทั้งตัว ปากเขาแห้งผาก ปากสีแดงและฟันขาวดั่งงาช้างของเขาพยายามเอ่ยสิ่งเหล่านี้ออกมา
” เพียงเท่านี้ ? เป็นเพียงกิจการซื้อขายเล็กๆ ? ถังหยวน เจ้ารู้ถึงผิดบาปที่เจ้าทำ ? “
จักรพรรดิหรี่ตาเล็กขณะพระองค์เพ่งมองสีหน้าของถังหยวนอย่างกระตือรือร้น
” เล็กๆ มันมิได้สำคัญ … กระทำผิดไป .. ข้า … กระทำผิดพลาด … โดยไม่รู้ … ข้าเชิญ เชิญท่านปู่เพื่อ …. “
ถังหยวนเริ่มวิตกกังวล ความจริงเขาไม่รู้ว่าจักพูดกับตัวเองอย่างไร จากนั้น เขาจดจำสิ่งที่เด็กน้อยเรียกเขาในโรงโสเพณีได้ เขาครุ่งคิดอยู่ชั่วขณะ และตัดสินใจว่ามันเหมาะสม
เขาจดจำได้เพียงคำพูดของเด็กชายเนื่องจากตอนนี้กำลังเสียขวัญ มิได้คำนึงถึงน้ำเสียงของเด็กชายผู้นั้น เขามิอาจคาดได้ว่า เด็กผู้นั้นใช้น้ำเสียงนี้กับ ลูกค้า โรงโสเภณี เนื่องจากเขาประสงค์เพียงหลีกเลี่ยงการสร้างความขุ่นเคืองหากกระทำผิดโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น ราวกับเจ้าอ้วนเป็นพ่อค้าข้างถนนผู้ที่ถือกาน้ำชาสองกา ขณะที่ องค์จักรพรรดิคือเจ้านายผู้ไม่ระมัดระวัง …
” เจ้ารู้สึกผิด ? ผลจากการประมูลของเจ้าสร้างความโกลาหลไปทั่วทั้งนคร และก่อเกิดความวุ่นวายทุกหนแห่ง เป็นเรื่องที่น่าเวทนายิ่ง ! “
จักรพรรดิพ่นลมทางจมูกขณะพระองค์ยังคงสำแดงอำนาจต่อไป จักรพรรดิเป็นผู้รักการเรียนรู้ พระองค์เข้าใจว่ามิอาจหยั่งถึงความลึกลับนี้ เนื่องจากเด็กผู้นี้รู้ทัน
” เวลานั้นข้ามิได้ใตร่ตรองให้ดี ประสงค์เพียงยืนด้วยขาตัวเอง ข้าวางแผนเพื่อหาเงินจำนวนหนึ่งเพื่อความอยู่รอด เพียงเท่านั้น ข้ามิได้คิดถึงเรื่องเช่นนั้น ข้ามิได้บังคับให้ทุกคนซื้อสุราเหล่านั้น พวกเราทำมันด้วยประสงค์ตัวเอง นายท่าน “
เม็ดเหงื่อของถังหยวนไหลลงมาเป็นเส้นสาย
นายท่าน …
บรรทัดนี้ทำให้จักรพรรดรู้สึกดั่งเป็นผู้อุปถัมภ์ ยิ่งไปกว่านั้น ถังหยวนมิรู้เลยว่า จักรพรรดิและลูกชายพระองค์ … ความสัมพันธ์ของทั้งสี่ไม่ต่างอันใดกับเพื่อนเที่ยว
” จากที่เอ่ยมาก่อนหน้านี้ …อย่างแรกเจ้ายกตัวละครชนชั้นสูง เจ้ายั่วยุผู้มั่งคั่งและทรงพลังในนครเพื่อเปรียบเทียบกับสิ่งเหล่านี้ และสถานการณ์รุนแรงขึ้นทุกวันผ่านไป จากนั้น ราคาสินค้าทุกสิ่งในเมืองพุ่งทะยานเพราะเจ้าเพียงส่งบัตรเชิญหนึ่งใบไปยังแต่ละสถานประกอบการ และ แท้จริงแล้ว บัตรเชิญเหล่านั้นถูกส่งไปยังเหล่าชนชั้นสูงที่แท้จริง ทำให้เกิดความขัดแย้งในกลุ่มกิจการ ทุกกิจการเกลือและเสื้อผ้าภายใน นครเทียนเชียง เปิดฉากการต่อสู้ และวางแผนต่อสู้กันขณะที่เราเสวนากันอยู่นี้ ! สถานการณ์เช่นนี้อาจนำไปสู่การนองเลือด ! ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสถานการณ์บ้านเมืองก็ยังคงสั่นคลอน … “
จักรพรรดิมิอาจเอ่ยประโยคสุดท้ายเสียงดังได้ แต่ เรื่องที่เขายกมานั้นมิได้สลักสำคัญ แท้จริงแล้ว ทั้งหมดเพื่อข่มขู่ถังหยวน
ท่านพี่คิดแผนการนี้ขึ้นมาอย่างเป็นความลับ และจากนั้นควบคุมทุกสิ่งอยู่เบื้องหลัง ! ข้า… น่าอัศจรรย์ยิ่ง ! และ ข้าคิดว่าทั้งหมดนี้เพียงเพื่อเงิน โง่เขลายิ่งนัก ! ข้ามิสามารถบุกฝ่านแนวศัตรูไปได้ … แต่นายท่านนั่งอยู่ข้างหลัง สิ่งนี้เรียกว่า บัญชาการจากที่ไกลนับพันลี้ !
จักรพรรดิมั่นใจหลังจากมองสีหน้างุนงงของถังหยวน เขามิได้วางแผนการนี้ หรืออย่างน้อย … เขามิใช่ผู้วางแผน เขาลุกจาก ราชบัลลังก์ เชื่องช้า จากนั้นก้าวเฉื่อยชาสองก้าว และ ยืนห่างจากถังหยวนราวสามสิบหลา
” ถังหยวน เจ้าคือหลานชายของเสนาบดีผู้กล้าหาญ และภักดี ! เจ้าอาจเป็นอันธพาล … แต่เจ้าควรจักได้รับตำแหน่งและความมั่งคั่งในอนาคต แม้นว่าเจ้าจักไร้สามารถ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องประสบความทุกข์ทนในนามของผู้อื่นเช่นนี้ ? เจ้าจักทำลายอนาคตของเจ้าและสกุลถังเพื่อสิ่งนี้ ? เจ้าคิดว่ามันคุ้มค่าหรือ ? “
สิ่งนี้คือการโจมตีทางจิตวิทยา ! ชัดเจนว่าคือการโจมตีทางจิตวิทยา !
ไม่มีเยาวชนผู้ใดจักสงบอยู่ได้หากมีการโจมตีสกุลของเขาเช่นนั้น จักรพรรดิมั่นใจในสิ่งนี้ ดังนั้น พระองค์จึงดำรัสและจ้องมองใบหน้าถังหยวนเช่นนั้น ขณะที่พระองค์เฝ้ามองเขาอย่างถี่ถ้วน
แต่ องค์จักรพรรดิมิรู้เลยว่า จวินโม่เซี่ย ค้นพบการโน้มน้าวเช่นนี้ และเผยมันออกมาก่อนหน้านี้นานแล้ว ความจริง เขาเคี่ยวกรำถังหยวนด้วยท่าทีเช่นนั้นหลากหลายหนเพื่อฝึกฝน คุณชายน้อยจวินมิได้มีอำนาจดั่งองค์จักรพรรดิ แต่ จิตสังหารของเขาก้าวล้ำเกินกว่าพลังที่น่ารำคาญนี้ แต่ เจ้าอ้วนจักรับมือได้อย่างไร ?
ความจริง จักรพรรดิจักล่อลวงถังหยวนหากเอ่ยถึงสกุลของเขาเช่นนี้ต่อ … ดั่งเช่นการหลอกลวงของจิ้งจอกเฒ่าหรือ ? เด็กหนุ่มจะบอกสิ่งที่เขาพยายามปกปิดไว้ในไม่ช้า จากนั้น จุดต่างๆจักเชื่อต่อกับข้อมูล ไม่ว่าเจ้าอ้วนจักฝึกฝนเช่นไร เขาก็มิอาจต้านทานความความพยายามนี้ได้
แต่ มีผู้คนนับพันรอคอยอยู่ภายนอก ดังนั้น องค์จักรพรรดิจึงมองหาวิธีการเพื่อเผด็จศึก แต่ แท้จริงแล้ว จวินโม่เซี่ย ได้คาดการถึงสถานการณ์เช่นนี้ในแผนการของเขาไว้แล้ว
สถานการณ์ของถังหยวนเปรียบ … เหมือนกัน … การเล่าเรียนมิอาจช่วยให้นักศึกษามีคะแนน ดังนั้น นักศึกษาจึงตัดสินใจท่องจำ กระดาษข้อสอบของปีก่อน … แต่พบว่าคำถามเหล่านั้นประกอบไปด้วยชุดทดสอบทั้งหมดในการสอบของวันถัดไป …
ท่านพี่คือนักวางแผนผู้ล้ำเลิศ ! ถังหยวนนับถือท่าน !
รับไว้ !
” พระองค์ .. ไม่เข้าใจ ที่สิ่งที่ผู้ต่ำต้อยเช่นข้าเอ่ยกับท่าน ข้าถูกท่านปู่ขับไล่ออกจากบ้าน อย่างไรก็ตาม … ข้าสมควรได้รับการลงโทษ ปู่ของข้า เฆี่ยนตีข้าในวันนั้น และข้าถูกส่งออกมาพร้อมรอยแผลและฟกช้ำ ข้าโดดเดียวและไร้หนทาง ข้าเดินไปทั่วนครโดยไร้ซึ่งเงินตรา แต่พระเจ้ามิได้ละทิ้งข้า ท่านพี่แสนดี จวินโม่เซี่ยจากสกุลจวินปรากฏตัวขึ้น ! เขามิได้ละทิ้งข้า และ พาข้ากลับจวน เขารักษาอาการของข้า และดูและร่างกายที่อ่อนล้า เขาเฝ้าดูแล และปฐมพยาบาลจนข้ากลับมาเป็นปกติด้วยความใส่ใจ … “
ดูเหมือนความรู้สึกปรากฏขึ้นบนใบหน้าถังหยวน
” เช่นนั้น แผนการนั้นเป็นความคิดของ คุณชายน้อยแห่งสกุลจวิน ? “
จักรพรรดิรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อยเนื่องจากเจ้าอ้วนดูราวกำลังออกนอกเรื่อง น่ารังเกียจยิ่ง
” พระองค์ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าเอ่ย ได้โปรดให้ข้าเอ่ยให้หมดสิ้น ข้าได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากจวนสกุลจวินโดยพี่ชายที่แสนดี สกุลจวินมอบอาหารเสื้อผ้า และที่ซุกหัวนอน ให้แก่ข้า แม้นว่าข้าจักเป็นอันธพาล … ข้าก็รับรู้ได้ถึงความเมตตาของพวกเขา … และ แท้จริงแล้วข้าคือแขกภายใต้หลังคาของผู้หนึ่ง ข้าเริ่มครุ่นคิดจักชดใช้ความเมตตานี้ การค้าคือสิ่งสำคัญสำหรับข้า … ดังนั้นข้าจึงเกิดแรงบันดาลใจ ! ข้าคิดว่าข้า และท่านพี่จวินที่แสนดี มีบางสิ่งเหมือนกัน … “
สิ่งใดที่เจ้ามีเหมือนกัน ? เจ้าทั้งสองเป็นอันธพาล ? เจ้าทั้งสองเป็นพ่ายแพ้ ? เจ้าทั้งสองล้มเหลวในการมีชีวิตตามที่คาดหวัง ? มีสิ่งใดอื่นอีก ?
” พระองค์จักต้องรู้ถึงข่าวลือในตรอกว่าข้า และพี่ที่แสนดีจวิน เป็นอันธพาลอันดับหนึ่งในนครหลวง ผู้ต่ำต้อยนี้พยายามค้นหาแรงบันดาลใจในคาวมจริงนี้ ข้าจดจำได้ว่่าในอดีต ข้าไม่เห็นคุณค่าของเงิน ! ผู้ต่ำต้อยผู้นี้ใช้จ่ายเงินอย่างไร้ค่าและฟุ่มเฟือย … บ่อยครั้งกับสิ่งที่มีค่าเพียงเล็กน้อย ข้าใช้จ่ายเงินตราอย่างหุนหัน และเมื่อข้ามองไปรอบตัวในเวลานี้ ข้าพบว่าข้าและคุณชายน้อยจวิน มิใช่คนหมู่น้อยในรุ่นราวคราวเดียวกัน ดูเหมือนว่าอันธพาล อาจใช้แทนคำว่า ชนชั้นสูง แต่ ชนชั้นสูงจักเทียบกับอันธพาลได้เช่นไร ? แต่สิ่งนี้อาจถือได้ว่าเป็นหนทางหาเงินตราเนื่องจากคนเช่นนี้มิได้ใช้จ่ายเงินตราอย่างบ้าคลั่ง !
” น่าบังเอิญ ข้าได้มาพบกับ นักหมักสุราผู้เป็นเลิศเมื่อหลายวันก่อน พี่ซ้งฉาง และเขาตกลงจะหมักสุราชั้นเลิศและโดดเด่นนี้แก่ หอชนชั้นสูง พวกเราจึงมาถึงสถานการณ์ในวันนี้เนื่องจากความโชคดีต่างๆเกิดขึ้น หากพระองค์ยังคงขัดข้องพระทัย ถังหยวนจักอธิบายเพิ่มเติม ! “
ไม่รู้ว่าเจ้าอ้วนจะเชื่อฟังหรือไม่ กระนั้น จวินโม่เซี่ยคาดการณ์ การตอบสนองของ องค์จักรพรรดิได้อย่างแม่นยำ เจ้าอ้วนยังคงตระหนก…ไม่หยุดหย่อน
เขาจักตอบคำถามที่องค์จักรพรรดิจะถามมากมาย ได้อย่างง่ายดายได้เช่นไร
เจ้าอ้วนคงจักไม่สับสนหากเขารู้เรื่องนี้ เขาตอบแต่ละคำถามอย่างง่ายดาย ด้วยตรรกะที่หนักแน่น .. และมีเหตุผลที่เหมาะควร เมื่อมาถึงเรื่องที่เขาถูกขับไล่จากสกุล … เจ้าอ้วนทำตามบทที่จวินโม่เวี่ยเขียนไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาหลั่งน้ำตาขณะ เขาตะโกน
สายน้ำตาหลั่งไหลจากใบหน้าของเจ้าอ้วนร่วงสู่ธรณี ฉากนี้ค่อนข้างยากจิตนาการ …
ตอนที่ 284
จักรพรรดิถอนพระทัย พระองค์รู้ว่ามิอาจหาคำตอบจากถังหยวนได้ในวันนี้ …
หรือเขาจักลื่นไหลเกินไป ? ราวกับกำลังร้องเพลง ?
เวลานี้ องค์จักรพรรดิเบื่อหน่ายและเหนื่อยอ่อน พระองค์กลับไปยังราชบัลลังก์ นั่งลงและขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้พระองค์ลุกจากที่นั่ง ไขว้มือไว้เบื้องหลัง และยืนตรงหน้าถังหยวน ประสงค์จักแสดงอำนาจมหาศาลต่อถังหยวนพร้อมด้วยโถงขนาดมหึมา และสร้างความกดดันแก่เขา อุบายนี้เริ่มเริ่มสำเร็จเมื่อพระองค์ยืนขึ้น แต่ มันมิอาจใช้การได้หลังจากพระองค์ลุกและถาม เนื่องจากเป็นไปตามที่จวินโม่เซี่ยได้คาดการไว้
หัวใจเจ้าอ้วน จมอยู่กับการ สรรเสริญคุณชายน้อยจวิน ความรู้สึกเช่นนั้น ขัดขวางการพยายามขององค์จักรพรรดิ ดังนั้น การสร้างความกดดันแก่ถังหยวนจึงมิอาจใช้การได้
” ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้เจ้าไปได้ “
จักรพรรดิเหนื่อยอ่อน พระองค์ใช้มือข้างหนึ่งประคองพระเศียร และอีกข้างยื่นออกไป
ราวกับการอภัยโทษให้แก่เจ้าอ้วนถัง ร่างของเขาผ่อนคลายลงอย่างมาก
สวรรค์ ! ในที่สุดความรุ่นร้อนก็ผ่านไป !
เขากำลังจะยืนขึ้นเพื่อโค้งคำนับ ทันใดนั้นจักรพรรดิยกตาขึ้น สายตาคมกริบดั่งเกาทัณฑ์พุ่งตรงไปยังถังหยวน ขณะพระองค์คิดถึงจุดนั้น และทำการคาดเดา
” นี่เป็นความคิดของจวินวูอี้ ? “
ถังหยวน เพิ่งจะยืนขึ้น สมองเขาผ่อนคลาย และ สูญเสียความแข็งแกร่ง ดังนั้น เขาจึงเริ่มตื่นตระหนก หลังจากไปยินคำว่า จวิน เมื่อ องค์จักรพรรดิถามเขา เขาได้ยินวาจาของพระองค์ได้ไม่ถูกต้อง ความคิดเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และยืนนิ่งไร้วาจา ปากของเขาอ้ากว้างขณะอุทานไม่รู้ตัว
” อะไร ?! “
องค์จักรพรรดิมองไปยังถังหยวน และยิ้มนุ่มนวล
” เป็นเช่นนั้น ? “
ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง …. จวินโม่เซี่ยก้าวสองครั้งขึ้นหน้าและร้องขึ้นขณะโบกมือ
” สวัสดี คุณชายน้อยคลุมหน้าขี้อาย ! “
เขาร้องเรียก ลี่โย่วหลาน
ลี่โย่วหลาน ชะงัก เขายังคงอยู่ที่เดิมขณะรอคอยจวินโม่เซี่ยมาถึง มีคุณชายน้อยหลายคนที่ต้องการติดตามเขาไปกำลังรอคอยอยู่ แต่เขาโบกมือกับพวกเขา มิได้เอ่ยสักวาจา แต่กริยาของเขาชัดเจนในประสงค์
เขาถ่ายทอดเจตนา ราวเมฆหมอกในสายลมอ่อน แต่ สหายเขามิได้สนใจ และยังคงเดินต่อไป นี่คืออำนาจที่ไร้ตัวตน เขาเห็นสิ่งเดียวกันในดวงตาจวินโม่เซี่ย แท้จริงแล้ว เขาจักมีท่าทีเช่นนี้เสมอ ความจริง เขาคิดว่า กริยาเช่นนั้นคือ บรรทัดฐาน
ทุกการเคลื่อนไหวของ ลี่โย่วหลาน นั้นว่องไวและเต็มไปด้วยความสง่างาม ราวกับเขาถูกสรรค์สร้างจากสรวงสวรรค์ เขาเคลื่อนไหวโดยไร้ความโอหัง
ดวงตาเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีแปลกประหลาด ขณะมองไปยัง จวินโม่เซี่ย ไม่รีบร้อน โง่เขลา … ก้าวร้าว และ หวาดกลัว … แต่มันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
” ข้ามิอาจรู้ว่าคุณชายน้อยจวินจักมีคำแนะนำแก่ข้า ? “
น้ำเสียงของ ลี่โย่วหลาน มิได้สนิทสนมหรือห่างเกินเกินไป ไม่ดังหรือเบาจนเกินไป แต่เขาเอ่ยวาจาอย่างไม่ผ่อนคลาย
” ท่าทางของเจ้าดีทีเดียว บ่งบอกถึงการศึกษาเล็กน้อยของสกุล และเนื่องจาก คุณชายน้อยผู้นี้มา … เขาจักให้คำแนะนำแก่เจ้า “
จวินโม่เซี่ย เอ่ยวาจาไร้สาระ
” กรุณาเอ่ย “
ดวงตา ลี่โย่วหลาน ยินดี และน้ำเสียงก้องกังวาล
” ข้าควรฟังวาจาคุณชายน้อยอย่างตั้งใจ โย่วหลาน มีเกียรติยิ่งที่ได้ฟังเจ้า “
” ข้าประสงค์ถามบางสิ่ง เจ้าสวมผ้าคลุมหน้าทั้งวัน … มิเหนื่อยหน่ายบ้างหรือ ? มิร้อนเลยหรือ ? มันคงมิเป็นการน่าละอาย ? หรือเจ้าประสงค์จักรังควานหญิงสาวไร้เดียงสา ? “
จวินโม่เซี่ยเหลือบตา และอ้าปากเย้ายวน หรือใบหน้าเจ้าบิดเบี้ยว ?
ลี่โย่วหลาน มิเคยปรากฏตัวในที่สาธารณะ เขาสูงอายุกว่า จวินโม่เซี่ย เล็กน้อย และ ชื่อเสียงของเขาล้ำลึกยิ่งกว่า เขาข่มขู่ผู้คนมากมาย แต่ คุณชายน้อยผู้นี้อยากรู้อยากเห็นยิ่ง ในบางประการ คุณชายน้อยลี่ จักเกรงกลัวผลที่ตามมา เมื่อเป็น คุณชายน้อยจวิน
ลี่โย่วหลานผู้นี้เสแสร้งเกินไป ความคิดของเขาล้ำลึกและปราดเรื่องยิ่ง มากมายจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว ราวกับเขาวางแผนการไว้ในหัวตลอดเวลา แต่ เขาจักรักษาความสงบเงียบ นิ่ง และ ภาพพจน์ไว้เสมอ
มือสังหารจวินจักระวังผู้ที่มีรอยยิ้มกว้างและเจตนาที่กำกวม
สวรรค์จักล่วงรู้ไหมเมื่อใดเขาเริ่มวางแผนต่อต้าน … ?
มือสังหารจวินมิเคยกลัวคนชั่ว คนบ้า สุภาพบุรุษ วีรบุรุษผู้แข็งแกร่ง หรือแม้แต่ อันธพาลชั้นต่ำ แต่สิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุด คือมายาที่น่ารังเกียจ
ลี่โย่วหลาน เป็นผู้ที่ มีมารยา ชั้นเลิศ มายาของเขาดูคล้ายความเป็นจริงและซื่อสัตย์ ความเจ้าเล่ห์ของเขาสูงส่งยิ่งจนเขาช่ำชอง
จวินโม่เซี่ย เพิ่งจะดุด่า เมิงเฟ้ย และ ทำร้ายผู้อื่นซึ่งเป็นน้อยของ ลี่โย่วหลาน แต่ ลี่โย่วหลานมิได้โต้ตอบอันใด เขาเฝ้าสั่งเกตุตัวเองอย่างตั้งใจ เขาสำรวจตัวเองอย่างใกล้ชิด ! สัมผัสถึงความกลัวอันเบาบาง
หรือ ลี่โย่วหลาน กำลังเฝ้าระวังข้า ? หรือ เขาค้นพบบางสิ่งแล้ว ?
ดังนั้นจวินโม่เซี่ยจึงตัดสินใจ รุกรวดเร็ว และหยั่งท่าทีเขาเล็กน้อย เขาเฝ้ามองกริยาของ ลี่โย่วหลาน จากนั้น และ ดูว่าเขามีกริยาเช่นไรเมื่อตอบคำถามที่มีเจตนาดี
” คุณชายน้อย คาดเดาได้ถูกต้อง ! ใบหน้าข้า พิกลพิการ ! “
ดวงตาลี่โย่วหลานเปล่งประกายโศกเศร้า ไม่คิดว่า จวินโม่เซี่ยจักก่อปัญหาให้ น้ำเสียงของเขาเฉื่อยชาขณะตอบ ราวกับเขากำลังระแวดระวัง แต่ไม่คิดว่าจวินโม่เซี่ยจักคุ้มค่าโวยวาย
” เอาผ้าคลุมนั่นออก ข้าขอดู ! “
จวินโม่เซี่ยพิจารณาผ้าคลุ่มหน้าก่อนเอ่ยวาจาสั่ง ทีเล่นทีจริง
” ข้ามิเคยเห็นหน้าตาของท่านพี่หลังจากมันบิดเบี้ยว ข้าได้ยินว่าแต่ก่อนท่านหล่อเหล่า น่าเวทนายิ่ง ! “
จวินโม่เซี่ย มีอีกหนึ่งเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้ เขาจำได้ว่า ลี่โย่วหลาน พยายามติดตามองค์หญิงจนสำเร็จ เขาเฝ้ามองวิธีการที่ ลี่โย่วหลาน มอง องค์หญิงหลิงเมิง ใน หอชนชั้นสูง และเห็นชัดเจนว่า ลี่โย่วหลาน ปรารถนาล้ำลึกในตัวนาง
อย่างน้อย…. มันมิใช่เรื่องหลอกลวง
แต่ เมื่อเป็นเรื่องที่เขาสนใจ … เขาผลักหญิงสาวที่เขารักลงสู่หุบเหวความตายไร้ลังเล จากนั้นเขามุ่งหน้าต่อไป ! ยิ่งไปกว่านั้น เขามิได้อยู่อย่างสันโดษ !
คุณชายน้อยจวิน มิเคยลืม เล่ยเจียนฮ้ง และ ศิษย์พี่คนอื่นๆของ ลี่โย่วหลาน พวกเขาพัวพันกับเรื่องของ องค์หญิงหลิงเมิง แต่ชัดเจนว่าเป็นการยุยงของ เขา
นี่คือหนึ่งในเป้าหมายที่อยู่เบื้องหลังการไปยัง ที่หลบซ่อนขณะปลอมตัวเป็น ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนผู้ปามีดบิน เขารู้สึกเลือนรางว่า ลี่โย่วหลานสละหญิงสาวผู้เป็นที่รักเพื่อมองหาข่าวของ ชายลึกลับผู้ที่เขาคิดว่าเป็นภัยกับแผนการของเขา
เป็นเพียงการรวบรวมความปราดเปรื่อง !
ความรู้สึกของเขามิใช่เรื่องหลอกลวง แต่ เขาละทิ้งพวกมันดั่งรองเท้าเก่า !
จวินโม่เซี่ย เชื่อว่า คนผู้นั้นไม่เหมาะสมจักเรียกว่า บุรุษ เขาคู่ควรเพียง ขยะ และสิ่งวิปลาส กระนั้น เขาแสดงเกียรติและ ความสง่างามบนใบหน้า เป็นความสมบูรณ์แบบ และโดดเดี่ยว ความจริงนี้ทำให้จวินโม่เซี่ย ยิ่งมีโทสะ
เจ้ามิสามารถเปิดเผยความเลวทราบดั่งที่ข้าทำได้กระนั้น ? เจ้าชื่อนชอบการใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงผู้คนเช่นนี้ ?
เช่นนั้นข้าจักกระชากหน้ากากเจ้า !
ข้าจักเปิดโปงเจ้าเอง!
สองคุณชายน้อย ผู้มากฝีมือและปราดเปรื่อง พวกเขาเผชิญหน้ากัน ผู้หนึ่งคืออันธพาลที่แท้จริง และ อีกผู้สง่างามทั้งทั่วหล้า และทั้งสองอยู่เบื้องหลังหน้ากาก แต่ มิอาจรู้ว่าผู้ใดจักถูกกระชากหน้ากากก่อน
การประลองกำลังเริ่มขึ้น
” ความพิการของใบหน้าข้า อุจาดนัยน์ตา “
ลี่โย่วหลาน มองเขาสงบนิ่ง และยิ้ม
” คุณชายน้อยจวินจักรู้หากเฉือนใบหน้าตัวเองเป็นรูปดอกไม้และกลับไปส่องกระจกที่จวน “
” จริงหรือ ? “
จวินโม่เซี่ยทำท่าทีวาดบนใบหน้าเขา ขณะชำเลืองมอง ลี่โย่วหลาน
” คุณชายน้อยลี่ ความคิดและความรู้เจ้าล้ำลึกนัก แต่ แม้นว่า คุณชายน้อยผู้นี้ประสงค์จะเห็น .. เขาประสงค์จักรู้หนึ่งสิ่งก่อน เจ้าหล่อเหล่ายิ่ง แต่มิอาจเปิดเผยต่อสาธารณะ รู้สึกเช่นไร ? ตื่นเต้น ? “
ความอดกลั้นของ ลี่โย่วหลาน ยังคงได้รับการทดสอบโดย คุณชายน้อยจวิน อยู่เนืองๆ ก่อให้เกิดโทสะขึ้นในใจเขาอย่างเชื่องช้า รอยยิ้มและสีหน้าเริ่มเยือกเย็นขณะตอบ
” ขอรับ ตื่นเต้นยิ่ง เป็นความรู้สึกที่น่าพึงพอใจ แท้จริงแล้ว ข้าสามารถให้ยืมมือ และ ทำให้เจ้ารู้สึกดั่งอยู่บนสวรวงสวรรค์ชั้นเจ็ดได้ หากคุณชายน้อยผู้น่างรังเกียจพลาดโอกาสอันดีไป … “
” ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ! “
จวินโม่เซี่ย หัวเราะลั่น ขณะเขาตบลงบนไหล่ของ ลี่โย่วหลาน จากนั้นเขาอุทาน
” คุณชายน้อยลี่ ปราดเปรื่องยิ่ง ! ข้าไม่อาจรู้ ข้าผิดพลาดมามากมาย ท่านพี่ โย่วหลาน เป็นเลิศ ! ท่านเพิ่งเตือนน้องเล็กผู้นี้ เมื่อเขาไปยัง หลิวราตรี ใน ทะเลสาปหมอกวิญญาณ ฮ่า ฮ่า ! พวกเราทั้งสอง คุ้นเคยกับ ย่านโสเภณี น้องเล็กผู้นี้มิอาจล่วงรู้เมื่อใด ท่านพี่จะแสดงฝีมือที่โดดเด่นมากมาย ?
ผู้ที่เดินผ่านไปจักหันกลับมามาอง บางผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็น นักปราชญ์อันดับหนึ่งแห่ง นครเทียนเชียง คุณชายน้อย ลี่โย่วหลาน แห่งสกุลลี่ ความจริงที่น่าตกใจ ที่เขาเอ่ยถึง โสเภณีอย่างเปิดเผยจักเป็นข่าวใหญ่สำหรับทุกผู้นาม ยิ่งไปกว่านั้น ดูราวกับเขาจักมีประสบการณ์ในเรื่องนั้น สิ่งที่มากกว่านั้น … อันธพาลอันดับหนึ่งแห่ง นครหลวง โค้งคำนับแก่เขา สิ่งนี้มิอาจคาดอย่างแท้จริง
โทสะเปล่งประกายขึ้นในตาของ ลี่โย่วหลาน เขามองจวินโม่เซี่ย และเอ่ย
” ข้ายังอ่อนด้อยในเรื่องนี้ แม้นจะมีความอาวุโส ข้าจักเปรียบกับ คุณชายน้อยสาม ได้เยี่ยงไร ? ข้าจำต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในเรื่องนี้ คุณชายน้อยจวิน มีความเป็นเลิศยิ่ง แท้จริงแล้วเขา …. โดดเด่นยิ่ง ! “
” โอ้ว ? ข้าเป็นเลิศเช่นนั้น ? วาจาเจ้าเป็นจริงดังนั้น ? ข้าพึงพอใจเมื่อมีผู้มาสรรเสริญข้า “
จวินโม่เซี่ยยักไหล่ตื่นเต้น และ หัวเราะด้วยสุขยิ่ง
” อย่างเช่น คุณชายน้อยสาม ช่วยถังหยวน เอาชนะ คู่หมั้นคืนมา ด้วยการพนันที่เหนือชั้น น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ! “
ลี่โย่วหลาน ก้มศรีษะและมองเท้าตัวเอง ราวกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง แต่ดูเหมือนเขาจักเข้าใจบางสิ่งได้แจ่มแจ้งในขณะที่เขาเอ่ยจบ
” โอ้ว ? ใช่แล้ว นั่นเป็นจริง ! เทพแห่งโชคลาภ อยู่ข้างข้า มิอาจมีสิ่งใดหยุดยั้งข้าได้ ! “
จวินโม่เซี่ย มองเขาด้วยความสนใจ
” อีกหนึ่งตัวอย่าง … คุณชายน้อยจวิน และ ถังหยวน ทำร้าย ฉินเซี่ยวเป้า ในเย็นวันหนึ่ง ก๊กเมืองเหนือถูกทำลายในคืนต่อมา “
รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า ลี่โย่วหลาน ขณะเดินขึ้นหน้าเล็กน้อย ราวกับเขามิอาจมอง จวินโม่เซี่ย แต่ สัมผัสที่หก บอกเขาว่า ลี่โย่วหลาน กำลังมองเงาสะท้องของตัวเอง ในดวงตา จวินโม่เซี่ย ราวมองกระจก
” ก๊กเมืองเหนือ กระทำชั่วช้ามากมาย เช่นนั้น เป็นการกระทำของสวรรค์ นั่นคือสิ่งเล็กน้อย … ข้ามิได้บอกสิ่งสำคัญพวกเขา แต่ ข้าเห็นว่า พวกเราเหมือนจะมีค่าควรแก่คุณชายน้อยลี่เอ่ยถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า “
จวินโม่เซี่ย ย่นคิ้ว
” ราวกับ ความสัมพันธ์ของ คุณชายน้อย และ ก๊กเมืองเหนือ จักมิได้ตื้นเขิน “
ลี่โย่วหลาน ยิ้มนานก่อนเอ่ยขึ้น
” อย่างเช่น … คุณชายน้อยจวิน ตัดสินใจที่ หอมณีวิจิตร และ ทำให้ ลี่เฉินต้องจ่ายเงินมหาศาลเพื่อซื้อ ปะการังหยก ล้ำค่า … “
ลี่โย่วหลานยิ้มและมอง จวินโม่เซี่ย อ่อนโยน จากนั้น เขาเอ่ยเสียงล้ำลึก
” แต่ ข้ามิอาจคาดว่ามันจักเกิดระเบิดหลังจากซื้อมา … “
ตอนที่ 285
” อีกหนึ่งตัวอย่าง …. คุณชายน้อยจวิน พักอยู่ที่จวน มหาบุรุษผู้มิอาจทัดทาน แห่งสกุลตู่กู้ แต่ก่อนนั้นจำได้ว่า เมื่อ คุณชายน้อยจวิน เห็นทั้งเจ็ดจักไปหลบซ่อน แต่ครั้งนี้ เจ้าสร้างการเดิมพันขึ้น โดยการประมูลใน หอชนชั้นสูง ทำให้สกุลตู่กู้ติดหนี้สินสกุลจวิน นับ เก้าสิบล้าน น่ายินดียิ่งนัก … “
” ข้าได้ยินว่า แปดมหาปรมาจารย์ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อยู่กับสกุลจวิน มิอาจคาดคิด …. ฮี่ฮี่ คุณชายน้อยจวิน ยังคงต้องการให้ข้าเอ่ยอีก ? “
ลี่โย่วหลานมองเขาสุภาพ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม
” ข้าสับสนยิ่ง เหตุใดทุกเรื่องเกี่ยวพันเจ้า ? เป็นเลิศแท้จริง ! “
จวินโม่เซี่ย สายตาส่องประกาย หัวเราะ เอ่ยขึ้นไม่ใส่ใจ
” จริงอยู่ ข้าเองก็แปลกใจยิ่ง ที่คุณชายน้อยโย่วหลานไปอยู่ในทุกที่ … เจ้าช่างโดดเด่นยิ่ง จาก เจียงฮู ถึง ราชสำนัก จากต่ำต้อยถึงสูงสุด คุณชายน้อย โย่วหลาน หากทุกที่มีใบหน้าที่พิกลพิการ แม้นเจ้ามิได้ใส่ใจ เจ้าไม่กลัวจักทำให้เด็กน้อยหวาดกลัวกระนั้น ? แม้นจักมิได้ทำให้เด็กน้อยหวาดกลัว การทำให้พฤกษาและบุปผาหวาดกลัว ก็มิใช่สิ่งดี …. “
ดวงตา ลี่โย่วหลาน ปั่นป่วน และเขาสบตากันสง่างามอย่างแผ่วเบา จากนั้นกลับมาแสดงท่าทีเช่นเดิม ราวกับเป็นสิ่งที่น่าอับอาย และเอ่ยเสียงนุ่มนวล
” คุณชายน้อยสาม สกุลจวินจริงหรือ ? “
” ไร้สาระ คุณชายน้อย ข้าคือลูกหลานสกุลจวิน อาจจะเป็น คุณชายน้อย โย่วหลาน สกุลลี่แท้จริง ? “
จวินโม่เซี่ย พ่นลมทางจมูก
” เช่นเดียวกับเจ้า ! “
แววตา ลี่โย่วหลาน ลึกซึ้ง ถอนใจสุภาพ และเอ่ย
” คุณชายสาม เรื่องราวก่อนหน้านี้ หากข้าดูหมิ่นเจ้า แต่ เนื่องจาก ปะการังหยกระเบิด ฮี่ ฮี่ …. “
ลี่โย่วหลาน เงยหน้าขึ้นรวดเร็ว มองตรงไปยังดวงตาของจวินโม่เซี่ย
” คุณชายน้อยสามอย่าไปกระทำโง่เขลา ในวันนี้ อาจมีผู้ปราดเปรื่องมากมาย เจ้าเองก็เช่นกัน แต่มิได้หมายความว่าผู้อื่นจักมิใช่ ! “
” หรือ ? ผู้อื่น ในที่นี้ คิดว่านั่นคือ คุณชายน้อย โย่วหลาน ? “
จวินโม่เซี่ย ยิ้มกว้าง เหลือบตาขณะเอ่ย
” ราวกับการอยู่ในจวนพร้อมใบหน้าเสียโฉมจักทำให้เจ้ามีเวลาใคร่ครวญ ? “
เมื่อได้ฟังเขาเอ่ยถึงใบหน้าพิกลพิการอีกครั้ง ดวงตาลี่โย่วหลานวิตก และยิ้มอย่างสบาย สุภาพ แม้นจะมีแววชั่วร้าย เขาเอ่ย
” การระเบิดของ ปะการังหยก ทำให้ข้าครุ่นคิด จนเข้าใจเรื่องต่างๆ แม้นก่อนหน้านี้มิอาจเข้าใจ “
” ดังนั้น ข้าจึงรู้สึก ขอบคุณการระเบิดนั้น “
ลี่โย่วหลานย่าวก้าวและเอ่ยเชื่องช้า
” คุณชายน้อยจวิน เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ ? “
จวินโม่เซี่ยหัวเราะ และเอ่ย
” หรือนี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนโชคร้ายเป็นเรื่องดี ? “
” หมายความเช่นนั้น “
ลี่โย่วหลานพยักหน้าจริงจัง มองไปยังจวินโม่เซี่ยทันที
” แต่ข้ามิเคยสงสัยเจ้า ข้ามิเชื่อว่าผิดพลาด อันธพาลมิอาจคาดการแผนข้าได้ จนกระทั่ง … การประมูลที่ หอชนชั้นสูง ข้าจึงได้รู้ในทันใด จวินโม่เซี่ย …. มิสามารถดูแคลนได้ …. “
” หรือการประมูลอาจมีช่องโหว่ ? “
จวินโม่เซี่ย คาดว่าสิ่งนี้อาจเป็นปัญหา เป็นอีกเหตุผลที่เขาหยั่งท่าทีของ ลี่โย่วหลาน ในวันนี้
” แท้จริงแล้ว มีช่องโหว่ ! ยิ่งไปกว่านั้น มันมิได้เล็กน้อย “
ลี่โย่วหลานหยุด พวกเขาไปถึงทางเขา ท้องพระโรง คนอื่นๆจากไปแล้ว แต่ชัดเจนว่าลี่โย่วหลานประสงค์เอ่ยสิ่งเหล่านี้ด้านนอก
” ถังหยวน … ผู้ที่สูญเสียภรรยา มิคาดว่าจักสามารถคิดสิ่งนี้ได้ นครหลวงที่สงบร่มเย็น สามารถปั่นป่วนได้ … คุณชายน้อยสาม เจ้ามิคิดว่าแปลกหรือ ? ถังหยวน สามารถ ? หรือเขาเหมาะสม ? “
” เป็นเช่นนั้น ! “
ในที่สุดจวินโม่เซี่ยเข้าใจ เรื่องนี้มิได้บกพร่อง แต่เป็นตัวคน ลี่โย่วหลาน มักจะดูหมิ่นผู้อื่น เดิมทีเจ้าอ้วนมิอาจทนทาน แต่ ในเรื่องการประมูลนี้ ในการวางแนวทางนั้น หกถึงเจ็ดส่วนคือการจัดการของเจ้าอ้วนอย่างแท้จริง ฝีมือด้านการค้าของเขาเป็นเลิศยิ่ง แต่ สิ่งนี้ คุณชายน้อยจวิน ไม่เผยให้ ลี่โย่วหลาน ล่วงรู้ !
” มิต้องเอ่ยถึงความวุ่นวายของ นครหลวง แม้จักวุ่นวายยิ่งกว่านี้ก็ยิ่งดี สกุลลี่ จวิน ตู่กู้ของเรา และสกุลชั้นสูงต่างๆจักปลอดภัย ไม่ว่าผู้อื่นจักเป็นอย่างไร สิ่งนี้จักช่วยให้พวกเรามีเวลาพักผ่อน “
ลี่โย่วหลานยิ้ม
สกุลลี่ ได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ แม้นว่า …. มันจักมิได้มากมาย “
” เจ้าประสงค์จะขอบใจข้า ? “
จวินโม่เซี่ย แสดงสีหน้าดั่งผู้มีบุญคุณ มองไปยัง ลี่โย่วหลาน
” คุณชายน้อยสาม หากสังหารข้า บางทีข้ามิอาจวิ่งหนีไปได้ “
ลี่โย่วหลานมิได้สนใจเขา แต่ ยังคงเอ่ยต่อ
” แต่ข้าจักสังหาร คุณชายน้อยสาม ไม่ว่าจักสำเร็จหรือไม่ ฮี่ฮี่ เวลานี้ข้ามีอาจารย์ สกุลเจ้า มี เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว “
ลี่โย่วหลานยิ้มเจือจางสุภาพ
” พวกเราเท่าเทียม “
” สกุลลี่ข้า ควบคุมการงานบ้านเมือง สกุลจวิน และตู่กู้ ควบคุมการทหาร เป็นความสมดุลย์ แต่ความสมดุลย์นี้ แต่ข้ามิกล้าจะทำลายมัน แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจักไม่ทำเช่นกัน แต่หากพวกเราหนึ่งในสองจำต้องสิ้นไป ความสมดุลย์จักไม่มี คุณชายน้อยสาม คิดเห็นเช่นไร ? “
ลี่โย่วหลานยิ้ม มั่นใจยิ่ง
” คุณชายน้อย โย่วหลาน มองการไกลยิ่ง เป็นสิ่งที่ดี ในชีวิตนี้ สมดุลย์คือสิ่งดี ความสามัคคีก็ดี “
จวินโม่เซี่ย ยิ้ม ในใจครุ่นคิด
ความสมดุลย์นี้ ไม่ต้องสงสัยมิอาจทำลาย แต่เมื่อถึงเวลา การนำหัวเจ้ามาในราตรีอันมืดมิด มิถือว่าเป็นเรื่องยาก !
” คุณชายน้อยสามจักทำเช่นไร ข้ามิอาจจินตนาการ แต่ลี่โย่วหลาน ภายในช่วงเวลานี้จักไม่เคลื่อนไหวมากมาย ! “
ลี่โย่วหลานยิ้ม
” ข้ามิกล้าหุนหันนัก แต่ เมื่อเวลามาถึง คุณชายน้อยสามจักเป็นผู้แรกที่เหมาะสมจักถูกกำจัด ! “
ลี่โย่วหลานเอ่ยวาจาเหล่านั้นจริงจัง รุนแรง พึงพอใจ จากท่าทีลี่โย่วหลาน เช่นนี้ อาจบอกได้ว่า ตรงไปตรงมาและจริงใจ อย่างที่สุด
” ข้าเชื่อเจ้า ! “
จวินโม่เซี่ย ยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้น และมีสองคำปรากฏขึ้น แปลกประหลาด ! หากลี่โย่วหลาน มีโอกาสที่จักกำจัดอย่างเงียบๆ จวินโม่เซี่ยไม่สงสัย หากเขาจักเริ่มลงมือโดยไม่ลังเลได้ทุกเวลา
การทำกิจการก็เช่นเดียวกัน แต่เหตุการณ์ในปัจจุบัน คล้ายคลึงดั่ง ลี่โย่วหลาน เอ่ย ทั้ง สกุลลี่ และ สกุลจวิน ความสมดุลย์นี้ มีอาจทำลาย ! บางที ลี่โย่วหลานอาจจะถูกจวินโม่เซี่ยสังหารเสียก่อน !
จวินโม่เซี่ยมิได้สนใจจักพูดคุยกับเขามากมายนัก
” เช่นนั้นพวกเราอาจมีเรื่องให้สนุกสนาน “
จวินโม่เซี่ย ไม่มั่นใจจะเชื่อรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวของจวินโม่เซียหรือไม่ เขาจึงแสดงสีหน้ามีความสุข และเอ่ย
” จากฝีมือของ คุณชายน้อยจวินในตอนนี้ เมื่อหลายปีก่อนมิอาจเทียบข้าได้ แต่ พวกเรา นั้นประสบปัญหาเดียวกัน ไร้ชีวิตวัยเด็ก พวกเรามิได้วิ่งเล่น “
” ดังนั้นพวกเราอาจจะสร้างมันขึ้นมา อาจจะเป็นเพื่อนสหาย เจ้าว่าเช่นไร ? “
ราวกับลี่โย่วหลานสนใจยิ่ง
จวินโม่เซี่ย หัวเรา
ข้ามิได้มีวัยเด็กเช่นเจ้า แต่วัยเด็กของจวินโม่เซี่ยนั้นมีสีสรรค์มากกว่าเจ้า
” เล่นสังหารผู้คน ? หรือจักเล่นเผาไฟ ? “
จวินโม่เซี่ย หัวเราะ
” สังหารและวางเพลิง …. ยังคงเป็นเรื่องเล็กน้อย “
ลี่โย่วหลาน ก้มหัวครุ่นคิด
” พวกเราจักเล่น …. “
จากนั้น ทั้งสองก้าวขึ้นหน้าไปพร้อมกัน ตรงไปยังราชวังที่เต็มไปด้วยเครื่องหอม ในขณะที่ผ่านประตู ลี่โย่วหลานเอ่ยเสียงต่ำ
” ในวัยเด็ก ข้าได้วิ่งเล่น และพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าคือเพื่อนเล่นที่น่าสนใจ … พวกเราอาจจะเล่นกันต่อไป “
เขามองต่ำขณะเอ่ยคำเหล่านั้น เนียงเบายิ่ง ดูคล้ายดั่งการบ่นพึมพัม
” เล่นกันต่อไป ?”
จวินโม่เซี่ย หัวเราะขึ้นทันใด มองเข้าไปในวังหลวงอันหรูหราซึ่งมีผู้คนนับร้อยมาถึง ร้องขึ้นอย่างน่าสะพรึ่ง
” น่าสนุกยิ่ง ! ฮ่า ฮ่า …. เช่นนั้นข้าจักเล่นกับเจ้า … “
ผู้อื่นเกือบจักหัวเราะเยาะเป็นเสียงเดียวกัน แม้นแต่หญิงสาวผู้ที่เอาแต่ใจ กลับยังมีรอยยิ้มเล็กน้อย ด้านหนึ่งของท้องพระโรง ในเวลานี้มี โจวเซียง อยู่
เหล่าสาวงาม มาฝีมือรวมตัวกัน สายลมหอมหวนตลบอบอวล จวินโม่เซี่ยสัมผัสได้อย่างชัดเจน ดวงตาที่เปล่งประกายดั่งประกายน้ำแห่งสาทรฤดู เพ่งมองออกไป
ลี่โย่วหลาน ได้ยิน จวินโม่เซี่ยเอ่ยวาจาเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ยังคงยิ้ม ในท่ามกลางผู้คนนับรอยในท้องพระโรง ลี่โย่วหลาน เข้าใจในวาจาของ จวินโม่เซี่ย
แม้นพวกเขามิได้มองตากัน
พวกเขาก็ยังมี ไพ่ในมือ หากมองผ่านไพ่ในมือฝ่ายตรงข้ามไป เวลานี้ในใจของทั้งสอง มีความคิดเห็นเดียวกัน
เหมาะสม !
สองคำนี้ปรากฏขึ้นในความคิดทั้งคู่ ในเวลาเดียวกัน
ในที่สุดคุณชายน้อยจวิน ก็คิดขึ้นได้ว่า มายาของ ลี่ นั้นคู่ควรจะชายตามอง ไม่ว่าจักสามารถจัดการเขาใน งานฉลองนักปราชญ์ทองคำ นี้ได้หรือไม่ก็มิใช่เรื่องสำคัญ ! หากมองให้ดี ก็สามารถเห็นความขัดแย้งนี้ท่ามกลางงานสังสรรค์นี้ได้
เป็นความขัดแย้งชั้นเลิศ !
มองจากตำแหน่งที่นั่งอันทรงพลังเบื้องบนนั้น จัดต้องเป็นขององค์จักรพรรดิแแห่งอาณาจักรเทียนเชียงอย่างแน่นอน หากแต่พระองค์จัดเข้าร่วมด้วยพระองค์เองหรือไม่นั้นมิอาจคาดได้ ?
อีกสี่ลำดับถัดลงมี คือ องค์ชายและเหล่าราชวงศ์ หรือกล่าวได้ว่าสมาชิกราชวงศ์ ซึ่งเที่ยบเท่ากับ องค์ชายหยางไหว๋หน๋ง มิได้หมายความว่าผู้สืบทอดอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเทียนเชียง จักมิได้คู่ควร พี่ชายแห่งผู้สืบทอดที่อ่อนแอผู้นั้นควรจะมอบตำแหน่งที่นั่งนี้ให้แก่องค์หญิงหลิงเมิงผู้งดงามอย่างยิ่ง
จากจำนวนเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก จักต้องเป็นของเหล่าขุนนางชั้นสูงอย่างมิต้องสงสัย หากแต่ความสูงของเก้าอี้นั้นเหตุใดจึงมิได้มากมายนัก เก้าอี้ตัวนี้เป็นของผู้ใด ? มือาจคาดคิดได้อย่างแท้จริง !
ตอนที่ 286
โต๊ะนับร้อยเรียงรายเป็นวงกลม เหลือเพียงพื้นที่ว่างเปล่าเล็กๆตรงกลาง
จักมีการแสดงในงานฉลองนี้หรือไม่ ? ท่านพี่จักร้องรำ ? คนปกติจักมิทำเช่นนั้น บางที่เหล่าบัณฑิตผู้ขุ่นเคืองและทรงพรสวรรค์จัก ….
” พิธีฉลองนักปราชญ์ทองคำได้เริ่มขึ้นแล้ว ทุกผู้เชิญนั่งประจำตำแหน่ง “
จวินโม่เซี่ย นั่งลงไปที่เก้าอี้ของเขา เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขา มิใช่ผู้ใดอื่นนอกจาก คุณชายน้องแห่งสกุลลี่ ลี่โย่วหลาน คุณชายน้อยลี่ มองไปรอบๆ เขามองเป็น คุณชายน้อยจวินแสดงทีท่าราวอันธพาล และยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขายกจอกสุราขึ้นเพื่อแสดงความปราถนาดี จวินโม่เซี่ยพ่นลมทางจมูกและใช้โอกาสนั้นยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว้ นี่คือการเคลื่อนไหวที่แสดงถึงตัวตนอันธพาลของเขา
จากนั้น กลิ่นหอมหวานปะทะเข้ากับจมูกของจวินโม่เซี่ย มันลอยมาจากด้านหลัง เขามิต้องมองไปด้านหลังก็รู้ได้ว่า กลิ่นหอมหวานและบริสุทธิ์นี้มาจาก ตู่กู้เซี่ยวอี้ มันมิได้สามัญนัก หากแต่เขาคุ้นเคย ขออยู่ใกล้ตัวนางหลากหลายหน จึงตระหนักได้ว่า สกุลตู่กู้ จักต้องนั่งอยู่ด้านหลังของเขา คุณชายน้อยจวินมิได้หันไปมอง หากแต่จวินผู้หล่อเหลาสามารถสัมผัสถึงสายตาอันโง่เขลาที่เพ่งมองมาที่ด้านหลังของเขาได้อย่างชัดเจน
ยังมีดวงตาอีกคู่ที่เพ่งมองมาที่เขาจากเบื้องหน้า จวินโม่เซี่ยเลิกตาขึ้นมอง มิอาจคาดฝัน เขารู้ว่าดวงตคู่นั้นเป็นของ องค์หญิงหลิงเมิง แก้มของนางเป็นสีชมพูขณะนางหันหน้าหนีสายตาของเขา
เกิดอันใดกับหญิงผู้นี้ ? เหตุใดนางมองข้าเช่นนั้น … นางกระทำสาบาญเลือดบ้าบอนั่น .. ราวกับนางจริงจังยิ่ง แต่ข้าไม่ต้องการ !
ไม่คิดว่ามันจักเป็นภาระของข้า ?
มือสังหาร ตั้งใจปกปิดกลิ่นไออันชั่วร้ายของเขา เนื่องจากที่นี่มิใช่สถานที่ ซึ่งควรแสดงมันออกมา ดังนั้น เขาจึงมิอาจรู้สึกได้เมื่อมีผู้หนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา เมื่อหันหน้าไปมอง และพบว่า นั่นคือ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ซึ่งมาเพื่อพูดคุยกับเขา แต่ นางเพิ่งจะเห็นเขา เกี้ยวพาราสีกับองค์หญิงด้วยสายตา ด้วยเหตุนี้ นางจึงหยิกเขาอย่างแรงแทนที่จะดุด่า …
จวินโม่เซี่ยแยกเขี้ยว
ข้าถูกหญิงสาวผู้นี้กลั่นแกล้งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?
จวินโม่เซี่ย มิหากหันหัวได้ถนัดหนัก ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นเห็นสิ่งที่เขาสัมผัสเมื่อเขาพยายามบีบเพื่อตอบโต้นาง แต่ ส่วนนั้นของนางอุ่นและนุ่มนวล เขารู้สึกราวกำลังบีบฟองน้ำ มันเอิบอิ่มและยืดหยุ่น ทำให้รู้สึกดียิ่งนัก
” อ๊ะ ! “
ตู่กู้เซี่ยวอี้ กรีดร้องเจ็บปวดขณะจวินโม่เซี่ยอุทานชื่นชม หน้าของเขาหนาราวกับกำแพงเมือง แต่กลับแดงก่ำมิอาจคาดคิด เขาดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว แต่ ทุกผู้มองไปที่พวกเขาพร้อมเพียง และรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ทั้งท้องพระโรงมองมาขณะที่ใบหน้าของนางเป็นสีแดง นางยืดตัวขึ้นด้วยทีท่าเขินอาย มือเล็กๆของนางบีนวดจุดที่ถูกบีบโดยมิได้ตั้งใจ เห็นได้ชัดว่านาง อับอายและลำบากใจ ดวงตาของนางเริ่มมีน้ำตาคลอ
จวินโม่เซี่ย บีบก้นอันหอมหวานของนางโดยมิได้ตั้งใจ จนทุกผู้คาดว่านางจักสังหารเขาเป็นแน่
เสียงกระซิบเยาะเย้ยดังขึ้นไม่นานหลังจากทุกผู้ได้ประจักษ์ถึงสิ่งนี้ หนุ่มสาวในท้องพระโรงเริ่มทองจวินโม่เซี่ยด้วยสีหน้าเกลียดชัง
เขาได้พรากเสรีภาพของหญิงสาวในสถานการณ์ที่จริงจังเช่นนี้ …. ! เด็กเหลือของผู้นั้นคือโรคร้ายที่ยิ่งใหญ่ในนคร ! ไม่เพียงแต่เขาข่มเหงสาวน้อยแห่งสกุลตู่กู้ … เขายังกระทำมันอย่างหื่นกาม ….
ตู่กู้เซี่ยวอี้ มาหา จวินโม่เซี่ยอย่างมีชีวิตชีวา แต่นางเห็นจวินโม่เซี่ยและองค์หญิงแลกเปลี่ยนสายตาชู้สาวกัน สิ่งนี้ทำให้นางขุนเคืองยิ่ง ดังนั้นนางจึงหยิกเขา และหันหลังเพื่อจากไป นางหวังว่าจวินโม่เซี่ยจะตามมาปลอบประโลมนาง ผู้ใดจักคาดว่าจวินโม่เซี่ยจักหยิกนางเงียบๆอย่างว่องไว ในขณะที่นางหันหลังกลับ ? แต่ เขากระทำเช่นนั้นเมื่อมีโอกาสทันที เขายืนมือไปจับก้นนางและบีบ ราวกับเขาเคยกระทำมาก่อน
ทุกผู้เห็นว่าคอของสาวน้อยแดงด้วยความอับอาย นางเร่งรีบกลับไปยังที่นั่งพร้อมก้มหน้าก้มตา จากนั้น พยายามปิดหน้าด้วยมือเล็กๆของนาง นางรู้ตัวว่านางถูกสัมผัสที่จุดนั้นต่อหน้าผู้คนมากมาย
เจ้าอันธพาลนั่นหยิกข้าเข้าที่ตรงนั้น แม้นว่าข้ามิได้บอกเขาถึงความรู้สึกของข้า … เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ?
ท่าทีของสาวน้อยปรากฏบางสิ่งต่างไป …. จุดที่นางถูกหยิกเจ็บปวด นางมิอาจเดินได้ว่องไวนัก ความจริงแล้ว ความเจ็บปวดยังคงอยู่ แม้นว่านางจักได้นั่งแล้วก็ตามที ดังนั้น นางจึงไร้ทางเลือกเพียงแต่ ขยับท่าทางสองสามหน และสุดท้าย ท่านั่งของนางจึงแปลกประหลาดเล็กน้อย …
คุณชายน้อยจวินมีเหงื่อท่วมร่าง เขามิได้คาดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ …. เขาคว้าเอาส่วนนั้น … จากนั้นเขาตระหนักได้ถึงความรู้สึกราวกับ …. แอปเปิ้ลเขียวที่สุดดั่งลูกพีชหวาน … และเขาเอามันไปกัดแทะ …
เขาอดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมิได้หากนางมิได้หันไป ….
ข้าจักคว้าไปตรงจุดใดหากนางมิได้หันไป ?
เขายิ้มชั่วร้ายและทำท่าบิดนิ้ว ราวกับเขายังคงรู้สึกถึงผืนผ้าอันนุ่มนวลที่นิ้วมือ เขามิอาจกลั้นมิให้เขานิ้วขึ้นมาที่จมูกและดมกลิ่นหอมหวานนั้น … ขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงความหยาบโลน
” ไร้ยางอาย ! เขาเสื่อมทรามนัก ! “
ทุกผู้ที่อยู่ในที่นี้สีหน้าแดงกำด้วยโทสะ พวกเขายกเคราแพะขึ้น
คุณชายน้อยจวินผู้นั้นไร้ยางอายยิ่ง ! เขาเป็นคนต่ำช้านัก ! ข้าประสงค์จะตัดมือของเจ้าขยะนี้ทิ้งเสียจริง !
ชายหนุ่มมองที่เขาอย่างดูหมิ่นและสาปแช่ง พวกเขาสถบในใจด้วยโทสะ แต่พวกเขากลับถูกนิ้วสองนิ้วเข้าด้วยกันอย่างไม่ตั้งใจ จมอยู่กับภวังค์ … ครุ่นคิด … จักดีเช่นไรหากพวกเขาสามารถรู้สึกถึงสัมผัสนั้นได้
หนึ่งในกลิ่นก้นอันหอมหวานของสองสาวงามแห่งนครเทียนเชียง !
ไม่นานพวกเขาก็พ่ายแพ้ความพึงพอใจ พวกเขายกนิ้วขึ้นเพื่อสูดดม …
อ่าห์ ช่างหอมหวานกระไรเช่นนั้น ….
องค์หญิงหลิงเมิงนั่งห่างออกไปหลายโต๊ะ นางไม่รู้จักคิดเช่นไร ใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นสีแดงขณะนางรู้สึกคันอย่างแปลกประหลาดที่แก้มก้น นางพ่นลมทางจมูกเมื่อรู้สึกถึงความริษยาอันแผ่วบางในหัวใจ
ทันใดนนั้น ทุกผู้เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าหนักดังจากด้านนนอก ชัดเจนว่าบุคคลสำคัญใกล้ถึงท้องพระโรงแล้ว เหล่าอาจารย์แห่งสถาบัน และหัวหน้าสกุลต่างๆ ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าว่องไว และเข้มแข็ง
ทั้งโถงเงียบลง
ไม่มีผู้ใดสามารถล้อเล่นกับคนเหล่านี้ได้
จากนั้น … องค์ชายทั้งสามเข้ามา…. ยิ้มแย้มแจ่มใจ
พิธีฉลองนักปราชญ์ทองคำได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
อาหารเลิศรสมากมายถูกนำเข้าสู่ท้องพระโรงโดยนางกำนัลที่เดินเข้ามาเรียงราย กลิ่นอันหอมหวนปะทะเข้ากับจมูกของทุกคน แต่ แม้แต่อันธพาลหน้าหนาเช่นจวินโม่เซี่ยรู้ว่าไม่ควรเคลื่อนไหว
เพราะว่า … องค์จักรพรรดิยังไม่เสด็จมา
บุคคลสำคัญที่สุดจักปรากฏตัวขึ้นเป็นคนสุดท้าย
ยอมรับว่า จวินโม่เซี่ยมิได้สนใจองค์จักรพรรดิมากนัก แต่ เขาไม่ปรารถนาจักก่อปัญหาในเหตุการณ์สำคัญนี้
จากนั้น ทุกคนในโถงยืนขึ้นรวดเร็ว เมื่อได้ยินว่าฝีเท้าอันหนักแน่นนั้นมาถึงด้านนอก
ทุกผู้แสดงสีหน้สุภาพเรียบร้อยเคร่งขรึม ขณะที่ยืดคอเพื่อหันไปมองว่าเป็นผู้ใด …
สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นเพียงแค่ … คนตัวอ้วนที่เดินมาพร้อมกับเหล่าขันที
พวกเขานึกถึงผู้ร่วมเดินทางผู้หนึ่ง ถังหยวน !
สิ่งแรกทุกผู้ตกตะลึง และจากนั้นหัวเราะลั่น ถังหว่านลี่ยืนขึ้น สีหน้ามิได้แสดงโทสะ
” เจ้าชั่ว ! เจ้ากำลังทำเรื่องโง่เขลาอันใด ? “
ใบหน้าของถังหยวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ! เขาเดินเชื่องช้าราวผีดิบ ทุกก้าวของเขาเต็มไปด้วยความมึนงง เอวของเขาลดต่่ำลงด้วยเหตุผลอันน่าหวาดกลัวบางอย่าง เก้าอี้ ติดอยู่กับส่วนหลังของเขา ที่ก้นของเขามีเก้าอี้กลมติดมาด้วย ราวกับเก้าอี้ตัวนั้น เติบโตขึ้นมาจากก้นของเขา …
คำถามขององค์จักรพรรดินั้นมีเป้าประสงค์ที่จวินโม่เซี่ย พระองค์คิดว่าพระองค์นั้นปราดเปรื่อง และมุ่งเน้นไปที่จวินโม่เซี่ยเพียงผู้เดียว แต่ในสายตาของเจ้าอ้วนถังมิได้เป็นเช่นนั้นหรือ ?
เรื่องบ้าบอนี่ !
สิ่งนี้คือความคิดเดียวในสมองของถังหยวนขณะที่เขาเข้าพบองค์จักรพรรดิ
เขากำลังจะกลับไปตามรับสั่งขององค์จักรพรรดิ และลุกขึ้น แต่เขาลืมโค้งตัวคำนับ เนื่องจากลืมตัว เขาเริ่มโยกตัวไปมา แต่ก้นของเขาใหญ่เกินไป … และเก้าอี้นั้นเล็กมากสำหรับเขา ดังนั้น ขณะที่เขายืนขึ้น… เก้าอี้จึงยกขึ้นมา และติดอยู่กับส่วนหลังของเขา และยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดเส้นทางมายังท้องพระโรง แต่ถังหยวนกำลังเอาชนะความวิตกจนมิอาจสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเก้าอี้หรือน้ำหนักของมัน … ความจริงแล้ว เขาไม่รู้สึกถึงมันจนกระทั้งถึงเวลานั้น …
เขาได้สติหลังจากทุกคนหัวเราะและปู่ของเขาดุด่า เขาเบิกตากว้าง และตระหนักได้ว่ามาถึงยังท้องพระโรงแล้ว จึงเริ่มสะอื้นทันใด … ราวกับเด็กตัวน้อยกระทำสิ่งผิดพลาด
” ฮ่า ฮ่า ! คุณชายน้อยถัง สามารถยิ่ง ! พฤติกรรมของเขาโดดเด่นอย่างแท้จริง ! เขาช่างเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยม ! เขาคงจักเกรง ว่ามิอาจหาเก้าอี้ที่เหมาะสมกับตัวเขาในราชวังได้ … ดังนั้นจึงนำเก้าอี้ของตัวเองมาด้วย ! ช่างโดดเด่นยิ่งนัก ! “
เมิงไฮ่โจวไม่ปล่อยให้โอกาสนี้จากไป เขาเริ่มแสดงความคิดเห็น วาจาของเขาเป็นการเติมเชื้อไฟให้ทุกคนหัวเราะลั่น
ใบหน้าของถังหว่านลี่ บวมเป็นสีม่วง เขาคำรามและกระแทกเก้าอี้กลมตัวนั้นอย่างรุนแรง มันแตกกระจากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หนวดของเขาโบกสะบัด ขณะเขาเพ่งมองไปรอบๆ แต่กระนั้น เขาก้มหน้าลงเมื่อตระหนักได้ว่า มิอาจหยุดเสียงหัวเราะเหล่านั้นได้
เขาถอนใจเมื่อเห็นหลานชายในสภาพนี้ หัวใจของอาวุโสผู้นี้เจ็บปวดด้วยความโศกเศร้า
ข้ารู้จักองค์จักรพรรดิมานานปี … พระองค์ได้หลงลืมความสัมพันธ์ของเรา … เหตุใดพระองค์ จึงไม่ยับยั้งเหตุร้ายนี้ ? แต่ ตอนนี้มิใช่เวลาจักถามเช่นนั้น จักเป็นการดีหากปล่อยเรื่องนี้ไป
แต่ เขารู้สึกว่ามีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา หากเขาไม่ผิดพลาด … ผู้นั้นคือ คุณชายน้อยจวิน
” เข้มแข็งเจ้าอ้วน ! “
น้ำเสียงของจวินโม่เซี่ยคล้ายดั่งมารยา เขาเซไปมาขณะเอ่ย แต่กระนั้น ถังหยวนก็ตระหนักได้ว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆ สีหน้าของจวินโม่เซี่ยเต็มไปด้วยความอบอุ่น เขาตัดสินใจจักรับมือกับสถานการณ์นี้
” พี่ใหญ่จะยังคงอยู่เบื้องบน … แม้นว่าสวรรค์จักลมสลาย ! มา ดื่มกับข้า ! “
จกนั้นจวินโม่เซี่ยหัวเราะลั่น เขากระตุ้นเคล็ดอิสระหยินหยางขณะเอ่ยวาจาเหล่านี้ และปล่อยข้อความเหล่านี้เข้าสู่หูขอถังหยวน ผู้อื่นนั้นได้ยินเพียงแค่ประโยคสุดท้าย เนื่องจากเขาพูดมันออกมาทางปาก
” พี่ใหญ่จะยังคงอยู่เบื้องบน … แม้นว่าสวรรค์จักล่มสลาย !
เป็นดั่งการสร้างความมั่นใจ และทำให้ความคิดของเจ้าอ้วนถังผ่อนลง หัวใจของถังหยวนกระตุก ราวกับเขาตายไปแล้วก่อนหน้านี้ … แต่ทันใดนนั้นเขาฟื้นคืนมาอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้น สีหน้าของจวินโม่เซี่ยนั้นไม่สำคัญ จากนั้นหัวเราะอย่างชั่วร้ายและเอ่ย
” กลายเป็นว่าสุราที่บริการในพิธีฉลองนี้จามจาก หอชนชั้นสูง ของพวกเรา ! คงจะไม่เป็นเช่นนี้หากสุราในพิธีอันยิ่งใหญ่นี้มิใช่ของดีอย่างแท้จริง ! ดูเหมือนว่าองค์ชายสามมิได้เอามันไปทั้งหมด นั่นเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ ?! “
ชายทั้งสองหัวเราะชั่วร้ายขณะเดินไปด้วยกัน
ถังหว่านลี่ประหลาดใจ หลานชายของเขาเพิ่งจะท้อใจยิ่งเมื่อไม่นานมานี้
ราวกับเขามิได้รับความรักตั้งแต่เกิดมา … ! เมื่อเจ้าปิศาจน้อยจวินโม่เซี่ยเริ่มเอ่ยยถึงสุรา .. และเขากลับกลายเป็นดั่งคนเก่าไปในทันที … !
เกิดอันใดขึ้น ?
ตอนที่ 287
ผู้อาวุโสส่วนใหญ่จักนั่งกับเหล่าเด็กหนุ่มในสกุลของพวกเขา กระนั้น พวกเขาก็มิได้ประสงค์จะแบ่งปั่นเครื่องดื่มกับเหล่าลูกหลาน ดังนั้น เหล่าผู้อาวุโสจึงเริ่มออกเดินไปยังโต๊ะต่างๆเพื่อรวมตัวกัน พวกเขาเริ่มลุกจากเก้าอี้และไปนั่งร่วมตัวกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
และเป็นเช่นนั้นกับเหล่าผู้มีอายุราวจวินโม่เซี่ย ถังหยวน ตู่กู้เซี่ยวอี้ และพี่น้องของนาง วีรบุรุษและตำนานผู้มุ่งต่อไป ซึ่งนั่งแยกโต๊ะกันไม่ห่างไกลนัก
เป็นครั้งแรกที่พวกเขากระทำเช่นนั้น เด็กหนุ่มผู้ที่นั่งโต๊ะตรงข้ามคือ ลี่โย่วหลาน เขาหันหน้าให้กับ จวินโม่เซี่ย … เช่นเคย
นี่ คืออีกหนึ่งความบังเอิญ …
ถังหยวนประสงค์จะเอ่ยบางสิ่ง แต่ จวินโม่เซี่ยใช้ เสียงลับ เพื่อสกัดเขาไว้ เขาแอบบอกเจ้าอ้วนว่า นี่มิใช่เวลาจะเอ่ยวาจา แม้นจักเป็นเรื่องสำคัญ … จะเป็นการดีหากจักถกกันในภายหลัง
จวินโม่เซี่ยตระหนักได้ว่าพวกเขาถูกเฝ้าจับตา ด้วยดวงตาสี่คู่ ตั้งแต่เจ้าอ้วนมาถึงท้องพระโรง เขาเชื่อว่า ทั้งสี่คนนี้จะต้องมา เพื่อสืบสาวทุกการเคลื่อนไหวทุกอย่างที่เจ้าอ้วนถังอาจจะกระทำ แต่ พวกเขามิอาจตรวจพบ เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ ของคุณชายน้อยจวิน เสียงของเขานั้นมิมีผู้ใดได้ยิน และพวกเขาก็มิรู้สิ่งที่เขาเอ่ย
พวกเรามิอาจดำเนินการอันใดได้ในเวลานี้ เจ้าอ้วนและข้ามิอาจถกเรื่องราวกันใดได้แม้นหลังจากงานฉลองนี้ได้จบลงไปแล้ว … จนกว่าพวกเราจะกลับถึงบ้าน !
จวินโม่เซี่ยปล่อยมุขตลกมากมาย คิ้วของถังหยวนเลิกขึ้นขณะเขาหัวเราะลั่น เขาค่อยๆกลับกลายเป็นตัวตนของตัวเองอย่างช้าๆ แม้นว่าจะมิได้กลับคืนทั้งหมด แต่อารมณ์ของเขาก็เบิกบานขึ้นยิ่งกว่าแต่ก่อน ตู่กู้เซี่ยวอี้ ผู้ซึ่งใกล้จะน้ำตานอง แต่นางก็เริ่มหัวเราะขึ้นมาบางแล้ว นางมองจวินโม่เซี่ยอย่างชั่วร้าย และเอ่ยขึ้นด้วยโทสะ
” ข้ามิใส่ใจเจ้าปิศาจบ้ากามนี่ ! “
แต่เห็นได้ชัดว่านางมิได้มีโทสะอีกแล้ว
การกระทำของเด็กสาวผู้นี้น่ารักยิ่ง อารมย์ของนางนั้นอาจเกิดขึ้นง่าย แต่กลับจางหายไปรวดเร็ว ไม่มีสิ่งใดซับซ้อน อารมณของจวินโม่เซี่ยเบิกบานเช่นเดียวกับเด็กสาว และเขาเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย เขาเริ่มยิ้มเนื่องจากรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้นาง
” ข้าร้องขอให้แขกที่น่านับถือจาก นครพายุหิมะสีเงิน เข้ามาข้างใน ! “
ดวงตาของทุกผู้มุ่งไปยังประตูทางเข้าขณะที่ ขันทีราชสำนักผู้ที่กระทำตัวดังวิธารร้องประกาศขึ้น คุณชายน้อยจวิน สัมผัสได้ว่า กล้ามเนื้องบนใบหน้าของท่านปู่เกร็งชั่วครู่ก่อนจักกลับเป็นเล่นเดิม หัวใจเขาพุ่งพล่านด้วยโทสะต่อผู้คนจาก นครพายุหิมะสีเงิน
คนจาก นครพายุหิมะสีเงิน เป็นแขกที่มิได้รับเชิญของ นครเทียนเชียง จวินโม่เซี่ยพ่นลมทงจมูกขณะที่เขาหรี่ตาและมองขึ้นมา
เพียงมองจากความเสียงหายที่พวกเจ้ากระทำกับสกุลของข้า ข้ามิอภัยให้พวกเจ้าอย่างง่ายดายเป็นแน่ !
เซี่ยวฮั่น และ มูซื้อทง เข้ามาภายใต้สายตาของทุกผู้ ตามมาด้วย ฮั่นหยานเมิง และ เซี่ยวเฟิงวู แขกผู้มีเกียรติแต่งตัวด้วยชุดสีขาว คล้ายดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานออกไปเกินกว่าโลกแห่งสามัญ
ทุกคนรู้สึกสดชื่อและหนาวเย็นขณะทั้งสี่เข้ามาในท้องพระโรง
จวินโม่เซี่ยเห็นว่า ทั้งสี่นั้นนั่งอยู่ในโต๊ะที่แยกออกไป เขาพ่นลมทางจมูกในใจ เขามิได้สนใจอันใดในเรื่องนั้น . แต่ เซี่ยวเฟิงวู ฟื้นตัวขึ้นเร็วเช่นนั้นได้เยี่ยงไร ?
เขาจดจำถึงความรุนแรงที่เขากระทำลงไปในครั้งล่าสุดที่พบกับเด็กหนุ่มผู้นั้นได้อย่างชัดเจน เซี่ยวเฟิงวู ดูไม่สบายและเจ็บปวดเล็กน้อย แต่เขาสามารถเดินได้อย่างปกติ ทั้งหมดนี้น่าฉงน
การฟื้นฟูมิควรรวดเร็วเช่นนี้ ! มิได้ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ?
ทันใดนนั้น เขาเริ่มรู้สึกตัวว่า เจดีย์หงส์จวินเริ่มหมุนอีกครั้ง ซึ่งทำให้จวินโม่เซี่ยมีความสุข ความรู้สึกนี้ คล้ายคลึงกับครั้งที่เขาต่อสู้และคว้าเอา จี้หยก มาจากผู้อาวุโสหก แต่ เป็นความรู้สึกที่รุนแรงยิ่งกว่านัก …
ความคิดของจวินโม่เวี่ยเริ่มพุ่งพล่าน
เป็นไปได้หรือ ? …ครั้งล่าสุดข้าได้ต่อสู้และช่วงชิงเอาสมบัตินั้นมา … กลับมีอีกชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น ?
จวินโม่เซี่ย ครุ่นคิด ข้ามิอาจกลั้นไม่ให้รู้สึกว่าเขามีสมบัตินั้น … สมบัติที่เหมาะแก่การแย่งชิง เขามิอาจกลั้นความรู้สึกเบิกบาน
ในตอนที่พวกเราพ้นประตูออกไป … อาวุโสผู้นี้จะทำทีเป็นขโมย น่าเสียดายยิ่งที่ สิ่งลึกลับเช่นนั้นตกอยู่ในมือของเด็กเหลือขอ !
อีกทั้งผู้คนเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่มีน้ำใจ ! พวกเขานำสมบัติเช่นนั้นมาให้ข้า … มิใช่เพียงหนึ่ง หากแต่เป็นสอง !
เขาเงยขึ้น และมองเห็น ฮั่นหยานเมิง ดึงหน้าใส่เขา
จวินโม่เซี่ยเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของริมฝีปากนาง และเข้าใจถึงความหมายที่อยู่ภายใต้การกระทำเหล่านั้นรวดเร็ว ฝีมือของเขา ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจการเคลื่อนไหวของปาก ” หลานชายผู้เชื่อฟัง น้าหญิงของเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว “
เจ้าเด็กสาวผู้นี้มิรู้ที่ต่ำสูง ข้าจักสั่งสอนเจ้า ! เด็กสาวผู้นี้อาจหาญอวดอ้างกระทำดั่งอาวุโส !
คุณชายน้อยจวิน หันหน้าหนีอ้อยอิ่ง
” องค์จักพรรดิเสด็จแล้ว ! “
ขันทีราชสำนักเอ่ยร้องดังก้อง ในที่สุดองค์จักพรรดิเผยตัวออกมา จวินโม่เซี่ย สถบออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ
บ้าเอ้ย ! อาหารเย็นชืดหมดแล้ว …
พิธีรีตองอันน่าเบื่อมากมายดำเนินไป และ พิธีฉลองนักปราชญ์ทองคำ จึงเริ่มขึ้นในที่สุด จวินโม่เซี่ย คิดและกระทำไปตามปกติของเขา … เริ่มกิน แต่ เหล่า ปราชญ์ผู้ทำงานหนักและมีพฤติกรรมที่ถูกต้องยังคงไม่เคลื่อนไหว
ในที่สุดองค์จักรพรรดิทรงตรัสขึ้น
” เหล่าผู้คนชั้นสู้จักกระทำในสิ่งที่พวกเขาประสงค์ ! “
จวินโม่เซี่ยเริ่มกินอย่างตะกระตะกลามหลังจากได้ยินประโยคนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงรอและลังเล … แต่หมีครึ่งตัวอยู่ในท้องพวกเขาแล้ว
” เจ้ามิมีอารยะเพียงเล็กน้อย ? เจ้ากินดั่งคนลาคลั่งในขณะที่ผู้อื่นยังมิเริ่มเลย ! “
ตู่กู้อญิ่งยิ้มขณะเขามองไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยความรังเกียจและวางมือกลางอากาศ
เขาคือบุตรชายจากสกุลตู่กู้ หน้าของเขามิได้หนา แต่ หน้าของ คุณชายน้อยจวิน นั้นก็บางกว่ามุมของกำแพงเมือง หลายคนตัดสินใจมองหาอุ้งตีนหมีสีเหลืองและกลิ่นหอมหวาน … เพียงแต่พบว่ามันอยู่ในปากของจวินโม่เซี่ย ขณะที่พวกเขาเอื้อมมือไปเพื่อดึงมันมา แท้จริงแล้ว อาหารจำนวนครึ่งจานตกลงไปสู่ท้องของเขาแล้ว ความเร็วของเขานั้นมิอาจเลื่อนได้
ความเร็วในการกินของเขานี้ ลำ้หน้ายิ่งจนมิอาจมีคุณชายน้อยจากสกุลใดจักจินตนาการ
เจ้าอาจได้รับเชิญมาจากสกุลทางทหารเช่นตู่กู้และจวิน แต่ นี่คือ พิธีฉลองนักปราชญ์ทองคำ ! เป็นที่รู้กันว่าเจ้ามิได้ใส่ใจการวางตัว แต่เจ้าควรจะพยายามกระทำตัวสงบเสงี่ยมไว้บ้างในสถานการณ์เช่นนี้ ! แต่ละสกุลในท้องพระโรงนี้ ขาดแคลนอาหาร ?
แต่ สิ่งนี้ทำให้ เหล่าพี่น้องสกุลตู่กู้เริ่มกระทำตามจวินโม่เซี่ย
แต่กระนั้น กฏที่มิได้กำหนดไว้ในเรื่องความสุภาพได้ถูกยกเลิกไปเมื่อมาถึงคิวของ คุณชายน้อยจวิน เขาสามารถอยู่ได้สามวันเต็มๆโดยไร้ซึ่งอาหารและน้ำในชีวิตก่อน … และยังคงความแข็งแกร่งและมีสติมากเพียงพอทำภารกิจจนจบ ในทางกลับกัน เขาสามารถนั่งกินอาหารได้สามวันสามคืน
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอยู่ในภารกิจการกระทำตัวเป็นดั่งพวกอันธพาล และนี่เป็นเพียงพฤติกรรมเดียวที่คาดว่าเป็นของเหล่าคนพาล ดังนั้นเขายังคงกินอย่างห้าวหาญต่อไป
” อารยะ ? ตีค่าเป็นเงินได้เท่าใหร่กัน ? “
จวินโม่เซี่ยพ่นลมทางจมูกและยิ้ม เขายื่นมือไปกลางโต๊ะ มีชามใหญ่ที่มันย่องและใส่อยู่ เขาขมวดคิ้วขณะลิ้มรสซุปนั้น
” สิ่งนี้มิได้ปรุงอย่างเหมาะสม … พวกเขามิได้ชิมรสหรือ ?
จวินโม่เซี่ยตัดสินรสชาติของซุปอย่างชัดเจน
ถังหยวน ยกจามขึ้นถึงริมฝีปากเช่นกัน เหล่า วีรบุรุษและตำนานผู้มุ่งต่อไป ทั้งเจ็ดตกตะลึง และกรอกตา ดวงตาพวกเขาปูดขึ้นราวกับจะระเบิดออกมา เจ้าอ้วนยังมิได้หยิบตะเกียบ ผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆก็มิได้หยิบตะเกียบเช่นกัน แต่สิ่งที่ดีที่สุดบนโต๊ะได้หายไปแล้ว คาดไม่ถึง คุณชายน้อยที่อ้วนดั่งหมูเอ่ยวาจาไร้สาระขณะที่เขากิน
พวกเราก็มาจากสกุลทหาร … แล้วเจ้าสามารถกินได้เร็วเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ?
” นั่นคอของเจ้าหรืออะไร ? แม่เจ้าเอ้ย ! ความเร็วเช่นนี้ เจ้ามิเคยสำลักเลยหรืออย่างไร ?
พี่น้องทั้งเจ็บสถบในใจพร้อมเพียงกัน
” นี่คือแกงอะไร ? เหตุใดเจ้าจึงเอามันไปหมด ? “
ดวงตาของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ กลมโตดั่งจันทราด้วยความสุข
พี่โม่เซี่ยเหลือชามไว้เพียงหนึ่งจากสิบคน หมายความว่าเช่นไร ? มันจักบ่งบอกสิ่งใด ?
สาวน้อยรู้สึกเปรมใจยิ่งขณะนางยกชามขึ้นมาที่ริมฝีปาก และค่อยๆซดน้ำแกงอย่างแผ่วเบา กลิ่นของมันค่อนข้างคาว จากนั้นก้อนรูปหัวไชเท้าก็เข้าสู่ปากของนาง นางเคี้ยวและตระหนักได้ว่า ยิ่งนางเคี้ยว … มันยิ่งเริ่มหอมหวาน
” มันคือหน้าผาก … “
จวินโม่เซี่ยเหลือบมอง จากนั้นยื่นมือออกไป คว้าเอาจานปู และวางตรงหน้า ตู่กู้เซี่ยวอี้
” ลองชิมสิ “
พี่น้องทั้งเจ็ดตกตะลึงยิ่งเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ พวกเขาต้องการจะกินให้รวดเร็วเพื่อแข่งกันเจ้าอ้วนถัง จวินโม่เซี่ยเงยหน้าขึ้นและเห็นเจ้าอ้วน ไม่มีความสุภาพใดสามารถขัดขวางเจ้าอ้วนอาจอาหารอันโอชะนี้ เขาคือนักเลงอาหารชั้นเลิศ พี่น้องตู่กู้ทั้งเจ็ดเป็นเด็กเหลือขอจวินกองทัพ แต่เมื่อเห็นเขากินด้วยความเร็วเช่นนี้ ก็ทำให้พวกเขาต้องปรบมือ ในเพียงชั่วครู่ ฉากที่แตกต่างเกิดขึ้นบนโต๊ะของพวกเขา และกลายเป็นความวุ่นวายเล็กน้อย
ตรงกลางของโต๊ะที่เต็มด้วยจานเมื่อไม่นานนี้ แต่กระนั้น มันกลับว่างเปล่าไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนใช้มือประคองโต๊ะและคว้าเอาทุกจานที่พวกเขาคว้าได้ แต่ละคนดูตื่นตัวและพร้อมจะคว้าอาหาร จากนั้น พวกเขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามิได้ยินเสียงใดรอบตัวเลย ทำให้พวกเขาสับสน และเงยหน้าขึ้นมองไป ทุกผู้เฝ้ามองโต๊ะของพวกเขาอย่างเงียบเฉียบ พวกเขาเพ่งมองมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ผู้คนในโต๊ะอื่นๆนั้นยังมิได้ทันเริ่มกินเลย … แต่โต๊ะนี้กลับว่างเปล่าเสียแล้ว
ตู่กู้ซ้งเฮง จวินจ้านเเทียน และ ถังหว่านลี่ ตกตะลึงอย่างรุนแรง พวกเขานั้นหน้าหนา .. แต่แดงก่ำ ผู้อาวุโสทั้งสามแสดงสีหน้าที่สื่อถึงความอับอาย
” ผู้อาวุโสจวิน ข้ามั่นใจว่า คุณชายน้อยสาม นั้นได้เชื้อสายของเจ้า ดั่งประเพณี … เขาอาจจะยังมิได้ผ่านสงคราม แต่ข้าสามารถเห็นอุปนิสัยเล็กๆจากสกุลของเจ้าได้ … “
หัวหน้าสกุลมูล่ง มูล่งเฟิงยุ่นเอ่ยขึ้นขณะที่เขาพยักหน้า สีหน้าของเขาค่อนข้างจริงจัง วาจาของเขาคล้ายดั่งยกย่องและดูถูก ซึ่งกระตุ้นให้คิด
” เจ้ารู้ดี … “
ปู่จวินชำเลืองมองอย่างรวดเร็วและรุนแรง อาวุโสสองสามคนข้างๆแทรกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
” เจ้ามั่นใจได้เยี่ยงไร พี่มูล่ง ? “
” ลองดูด้วยตัวเองสิ … “
มูล่งเฟิงยุ่นชี้ตรงไปยังจวินโม่เซี่ย มือและปากของเขาวุ่นวาย
” ความไร้ยางอายของเจ้าเด็กเหลือขอนี้คล้ายกับเจ้า … ในวันเก่าก่อน อาวุโสผู้นี้คงตาบอดหามองไม่เห็น … “
ทั่วทั้งห้องดังขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ
มุมปากขององค์จักรพรรดิยกขึ้น ขณะที่พระองค์กระแอมเพื่อตั้งสติ แต่กระนั้น สิ่งที่เด็กเหล่านั้นได้กระทำไปได้ทำให้งานฉลองพังทะลาย เขายกจอกสุราขึ้น และยืนให้แก่ทุกผู้ ทั้งท้องพระโรงยืนขึ้น และ คำนับขอบพระทัย
มหาเสนาบดีแห่ง นครเทียนเชียงขึ้นหน้ามาและดื่มสุราของเขา พิธีฉลองเริ่มขึ้นแล้ว เหล่าปราชญ์ที่อยู่ที่นี่ก็แข่นขันกับเหล่าสหาย เจ้าหน้าที่พลเรื่องและทหาร คือผู้ตัดสินการแข่งขันนี้
เหตุการณ์อันยอดเยี่ยมเริ่มต้นขึ้น !
ตอนที่ 288
เสียงไอสองหนดังขึ้น จากนั้นผู้อาวุโส และอาจารย์ผู้อ่อนแรง แห่ง สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียง เหม๋ยเกาเจี้ย ยืนขึ้น ดูคล้ายร่างของเขาสั่นเทาเนื่องจากการไอนั้น เขาเผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิ จากนั้นจึงคาราวะ แล้ว เขาหันหลังและคำนับทักทายผู้คนเช่นเดียวกัน
” คาราวะ ฝ่าบาท … พิธีฉลองนักปราชญ์ทองคำเป็นงานอันยอดเยี่ยมที่ ผู้ต้อยต่ำผู้นี้เคยประสบพบเจอมา อาวุโสผู้นี้ ขอคาราวะต่อพระองค์และสมาชิกราชวงศ์ในนามของ สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียง ขอให้สวรรค์ปกปักษ์คุ้มครองพระองค์และเทียนเชียงของข้า ขอให้ประชาชนของเราจงเจริญ ! ของให้เหล่ากองทัพเคลื่อนกำลังไปทั่วดินแดนและรวบรวมทุกแผ่นดินเป็นส่วนหนึ่งของเทียนเชียง ขอให้ทั่วทุกแผ่นเจริญรุ่งเรื่องภายใต้พระคุณของพระองค์ ! พวกเราปราบปลื้มต่อความกรุณา และเมตตาของพระองค์ใน การสอบเคอจวี่ และให้เหล่าบัณฑิตอย่างข้าได้รับความรุ่งเรื่อง … “
เขาสูดหายใจลึกเพื่อเอ่ยวาจาทั้งหมดนี้ภายในคราเดียว แต่ ฟังดูราวกับเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เขากำลังจะเอ่ยถึงหัวข้อหลัก … เมื่อเสียงบ่นดังขึ้น
” เจ้ากินมากมายเช่นนี้ ในงานฉลองอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้เช่นไร … เจ้าอ้วน ! ข้าเข้าใจว่าท้องของเจ้าใหญ่ แต่เจ้าจำต้องรู้ว่าแถวนี้มีผู้คนอีกมากมาย เจ้าคนเดียวกินอาหารทั้งโต๊ะหมดถายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ …. “
เสียงนี้ต่ำมาก ความจริงแล้ว ฟังราวกับผู้พูดจงใจเบาเสียงตัวเองลง แต่ ทั่วทั้งท้องพระโรงกำลังเงียบเพื่อฟังวาจาของ เหม๋ยเกาเจี้ย ซึ่งมันเงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น ดังนั้น ทุกคนจึงได้ยินวาจานี้อย่างชัดเจน และใบหน้าพวกเขาเริ่มแสดงสีหน้าอันแปลกประหลาดออกมา
ผู้พูดนั้นมิใช่ใครอื่นนอกเสียจากจวินโม่เซี่ย คุณชายน้อยจวิน ต้องการที่จะก่อกวน ชัดเจนว่าเขาไม่ประสงค์จะให้โอกาสนี้ผ่านไป เท่าที่ผู้ถูกกล่าวหาคิด ถังหยวนเพียงแต่มองกลับมาที่เขาด้วยสีหน้าตะลึงงันไร้เดียงสา เขาถือปูครึ่งตัวไว้ในมือ
เราทั้งสองผู้ใดกันที่กินมากกว่า ท่านพี่ ? ชัดเจนว่าข้า ข้ามิได้กินมากมาย แต่ข้ากินไปถึงครึ่งหนึ่งของเจ้าหรือไม่ ? แล้ว … เหตุใดเจ้าจึงกล่าวหาข้า ?
เหม๋ยเกาเจี้ย กำลังเอ่ยวาจามาเพียงครึ่งหนึ่ง แต่ เขากลับถูกรบกวน ชัดเจนว่าเขาจำต้องมีโทสะ ยิ่งไปกว่านั้น การรบกวนนี้เกิดจากผู้ที่ไร้ยางอาย และเหตุผลที่ไร้ยางอายเป็นที่สุด ริมฝีปากเขาเริ่มสั่นด้วยโทสะขณะหันไป แต่ เสียงที่ดังเหมือนฆ้องเสียงหนึ่งดังขึ้น ด้วยน้ำเสียงหยิ่งยะโส
” ข้าเคยประสบกับคนไร้ยางอาย แต่มิเคยประสบกับผู้ที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน ผู้ที่พยายามจะผลาญอาหารจานที่ดีที่สุด แต่ตัวเองก็กล่าวโทษผู้อื่น … คนเหล่านี้เป็นอันใดกัน … “
เสียงนี้เป็นของ ตู่กู้อญิ่ง ต่อสู้เพื่อแย่งชิงอุ้งตีนหมีตั้งแต่ต้น ดังนั้น เขาจึงมีโทสะอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเพิ่มเสียงขึ้นเพื่อแสดงความไม่พอใจ แต่ ความแข็งแกร่งของเขานั้นห่างไกลจาก คุณชายน้อยจวิน นัก นี่อาจเป็นเพียงแค่การพูดปกติของเขา แต่เทียบได้กับเสียงที่ผู้อื่นตะโกน คุณชายน้อยจวินประสบความสำเร็จในการก่อกวนผู้อื่น เนื่องจากกลุ่มคนทั้งหมดได้ยินเสียงแห่งความวุ่นวายนี้ การดำเนินงานได้รับการรบกวน แต่ แผนการของ จวินโม่เซี่ยนั้นก็ประสบความสำเร็จ
กำลังใจของจวินโม่เซี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าบางคนไม่รู้ว่าเขาได้ยืมมือมาใช้ เขากะตุกจมูก
” และตอนนี้ข้ากินไม่ทันหรือ ? ไร้สาระ ! คนของสกุลเจ้ามาร่วมงานมากว่าสกุลอื่น สกุลของเจ้า จักต้องทุกทรมาณในการหาเลี้ยงปากอันหิวโหยของเจ้า พวกเขาจักต้องล่มจม และตอนนี้เจ้าวางก้นอันอวบอ้วนของเจ้าไว้ที่โต๊ะนี้ ข้าคาดว่าข้า ข้าคงจะมิได้ลิ้มรสชาติแกงหากข้ามิสามารถกินได้เร็วพอ …. “
ถังหยวนยืนขึ้นเพื่อโต้แย้ง
” คุณชายน้อยสาม … การตอบโต้ของเขานั้นเข้าใจได้ เจ้าดูสิ … เขารู้ว่าเขามิสามารถซื้อหาอาหารเช่นนี้ได้ “
แม้แต่องค์จักรพรรดิก็มิอาจยับยั้งเสียงหัวเราะได้เมื่อได้ยินวาจาเหล่านี้ พระองค์ปลดปล่อยเสียง “หึหึ” ที่แปลกประหลาด ขณะที่พระองค์กำลังหัวเราะอยู่ในลำคอ ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสอื่นๆในท้องพระโรงเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดขณะพยายามยับยั้งการหัวเราะ แต่ ตู่กู้อญิ่งเพ่งมองไปที่เจ้าอ้วน ราวกับต้องการจะกินเจ้าอ้วนเข้าไปทั้งตัว
โถงที่เคยเงียบงัน กลับดังก้องไปด้วยเสียง “หึหึหึ” ทันใด ขณะที่ทุกคนพยายามปิดปากตัวเองเพื่อยับยั้งเสียงหัวเราะ
อาวุโส เหม๋ยเกาเจี้ยเริ่มสั่นเทาด้วยโทสะ เขากำลังจะพูดขึ้นเมื่อเสียงอันแปลกประหลาดดังขึ้น
” สกุลจวินจองหองยิ่งนัก เอ ชื่อเสียงของพวกเขาถูกต้องยิ่งนัก ! “
ทุกผู้หันมองตามไปยังต้นเสียง ผู้เอ่ยวาจานั้นคือ ชายหนุ่มในชุดสีขาวผู้นั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งสงวนไว้สำหรับ แขกผู้มีเกียรติ เซี่ยวเฟิงวูแห่ง นครพายุหิมะสีเงิน
เซี่ยวเฟิงวูรู้เรื่องระหว่างน้า เซี่ยวฮั่นของเขาและจวินวูอี้แห่งสกุลจวิน ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงฮั่นหยานเมิงก็ยังมิได้หยุดยั้งความต้องการมีหลานชายตั้งแต่นางกลับจากจวนสกุลจวิน ชัดเจนว่าสิ่งนี้ทำให้ นายท่านเซี่ยวไม่สบายใจ ดังนั้นเขาจึงเริ่มรุกรานและเอ่ยวาจาเยาะเย้ยเช่นนี้
” และเจ้าคือผู้ใด ? “
จวินโม่เซี่ยเสแสร้งราวกับจำคนที่เขากระทำทารุณไม่ได้
” ข้าสกุลเซี่ยว ข้า เซี่ยวเฟิงวูจากสกุลเซี่ยวแห่งนครพายุหิมะสีเงิน ! “
คิ้วของ เซี่ยวเฟิงวูชี้ขึ้น เขาดึงพัดมืออกมาจากหน้าอก และเริ่มพัดวีด้วยทีท่ามั่นใจและเรียบง่าย
” เป็นชื่อที่ดี ! “
ลี่โย่วหลานเอ่ยขึ้นรวดเร็ว
” ท่านพี่เซี่ยวมีชื่อที่งดงามยิ่งนัก ! ทำให้รู้สึกราวกับอากาศที่บริสุทธิ์ ! “
ศัตรูของศัตรูคือเพื่อน สกุลจวินและสกุลเซี่ยวนั้นบาดหมางกัน ลี่โย่วหลานจักไม่หาประโยชน์จากสิ่งนี้ได้อย่างไร ?
” ฮี่ฮี่ … ในเมื่อเจ้าเอ่ยถึงมัน … มีเรื่องสั้นๆที่อยู่เบื้องหลังจุดกำเนิดของชื่อข้า “
เซี่ยวเฟิงวู รู้สึกพึงพอใจกับตัวเองยิ่ง ลี่โย่วหลานได้เกาไปโดนจุดคันของเขา ดังนั้น เขาจึงเริ่มอธิบาย
” คืนหนึ่งก่อนข้าเกิดแม่ข้าได้ฝัน … ในความฝันนั้นนางได้พบเห็น ปักษาสวรรค์อันงดงามในนภา ปักษาสวรรค์ตัวนั้นบินลงมาเกาะที่ต้นหูกวาง ดังนั้นนางจึงตั้งชื่อข้าว่า เฟิงวู
” ชื่อของเจ้าได้รับการประทานจากสวรรค์อย่างแท้จริง “
ลี่โย่วหลานปรบมือ ใบหน้าของเขาแสดงความชมเชย
” ฮ่าฮ่า …”
จวินโม่เซี่ยหัวเราะลั่น
” เหตุใดเจ้าจึงหัวเราะ ? “
เซี่ยวเฟิงวูดูราวมีโทสะ เขากำลังมีความสุขกับความภาคภูมิใจ เขาจะยอมถูกรบกวนได้เช่นไร ?
” ไม่มีอันใด ข้าเพียงแค่ประหลาดใจ … แม่ของเจ้าจักต้องมากความสามารถ นางฝันว่า ปักษาสวรรค์ร่อนลงมาที่ต้นหูกวาง และตั้งชื่ออันงดงามให้เจ้า … เฟิงวู … “
ราวกับ คุณชายน้อยจวิน ไม่สามารถยับยั้งเสียงหัวเราะได้ เขาโยกไปมาชั่วครู่ จากนั้นเอ่ยต่อ
” แม่ของเจ้าฝันว่า ปักษาสวรรค์ร่อนลงมาที่ต้นหูกวาง … แต่เจ้าจักมีชื่อเช่นไร หากนางฝันว่า ไก่บินลงมาที่ต้นกล้วย ? ลองคิดดูสิ ! นางฝันดีในเวลาที่เหมาะสม เจ้าจึงโชคดียิ่งนัก ! “
องค์จักรพรรดิ สำลักสุรา ใบหน้าพระองค์แดงก่ำ ขณะที่ไอสองสามหน หัวเราะทั้งน้ำตา
. ฝันว่าไก่บินลงไปที่ต้นกล้วย ….?
จากนั้น ทุกผู้คิดถึงชื่อของ เซี่ยวเฟิงวู จากคำนี้ และได้พบความจริงทันใด …
พวกเขาประสงค์จะหัวเราะ แต่ เกรงกลัวถึงความแข็งแกร่งของ นครพายุหิมะสีเงิน ดังนั้น ทุกผู้จึงพยายามยับยั้งเสียงหัวเราะไว้ บางคนเกือบสำลัก
” เจ้ากำลังจะเอ่ยถึงสิ่งใด ? “
แรกเริ่มเซี่ยวเฟิงวูยังมิอาจเข้าใจ จากนั้นเขาจึงครุ่นคิดถึงประโยคเหล่านั้น ใบหน้าของเขาแข็งขึ้นทันใด
” จวินโม่เซี่ย ! เจ้ากล้าดูหมิ่นข้าได้เช่นไร ? “
” ดูหมิ่นเจ้า ? ข้าดูหมิ่นเจ้าเมื่อใดกัน ? “
จวินโม่เซี่ยเผยสีหน้าไร้เดียงสา
” เจ้าคิดว่าเจ้าจักเอ่ยทุกสิ่งที่เจ้าประสงค์ได้เพราะเจ้ามาจากนครพายุหิมะสีเงินหรือ ? เจ้าจำต้องจับคู่การกระทำหากเจ้าประสงค์จักกล่าวหาว่าพวกเขาล่วงประเวณีกัน เจ้าต้องหาของที่ถูกขโมยไปเสียก่อนที่เจ้าจักกล่าวหาหัวขโมย มันคือหลักการพื้นฐาน ! “
” เจ้าดูหมิ่นชื่อข้า ! “
เซี่ยวเฟิงวูมิอาจควบคุมโทสะ เขาตะโกนออกมาอย่างอดสู
” จวินโม่เซี่ย ข้าจักสังหารเจ้า ! “
” นครพายุหิมะสีเงินทรงอำนาจยิ่ง ควรค่าแก่การได้ขนานนามว่าเป็นกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในโลก “
จวินโม่เซี่ยพยักหน้ายอมรับ
” แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ในนครของข้า … ในฐานะแขกขององค์จักรพรรดิ เจ้าได้รับเชิญมายังงานฉลอง ในราชวังนี้ในฐานะแขกผู้มีเกียรติ แต่ เจ้ากลับขู่จักสังหารทายาทเพียงคนเดียวของสกุลที่ทรงอำนาจ … และเช่นเดียวกันนั้น ต่อหน้าของเหล่าข้าราชบริพารแห่งอาณาจักร .. และองค์จักรพรรดิ ? ข้าต้องยอมรับในความกล้าหาญของเจ้า ! “
สีหน้ของ เหล่า เสนาบดี และ ขุนนางต่างดูแปลกประหลาด
อ่าห์ ! เขาขู่สังหารทายาทเพียงคนเดียวของสกุลจวินต่อหน้าองค์จักรพรรดิ์ ! พระองค์จักหยิ่งยะโสเพียงใดหากปล่อยให้เขาออกไปจากท้องพระโรงนี้ ?
เซี่ยวฮั่นยืนขึ้นรวดเร็ว และบังคับให้หลานของเขานั่งลง จากนั้นเขาประมือและขออภัย
” น้องเฟิงวูนั้นด้อยประสบการณ์ เขากระทำไปเพียงแค่อารมณ์ อภัยให้เขาด้วย “
เซี่ยวฮั่นมิได้สนใจในราชวงศ์มากนัก แต่ เขาไม่ประสงค์จักก่อปัญหากับราชวงศ์ของอาณาจักรนี้โดยไร้ซึ่งเหตุผล สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็มีสนธิสัญญาพันธมิติแก่กันนับแต่โบราณ ยิ่งไปกว่านั้น องค์จักรพรรดิก็เรียกพวกเขามาด้วยความจริงใจ ดังนั้น แม้แต่ เจ้าเหนือหัวแห่ง นครพายุหิมะสีเงินก็คงไม่ปราบปลื้มหากพวกเขาก่อปัญหาในเมืองเทียนเชียง ในสถานการณ์เช่นนี้
องค์จักรพรรดิยิ้มอย่างใจกว้างเพื่อแสดงว่ามิใช่เรื่องร้ายแรงอันใด
จวินโม่เซี่ยถูกบังคับให้นั่งลง แต่กระนั้น ตู่กู้เซี่ยวอี้ ได้ใช้โอกาสนี้ตักอาหารมากมาย นางเบิกตากว้างขณะเซ้าซี้ถาม
” ไก่บินไปบนต้นกล้วย … แล้วชื่อเขาจักเป็นเช่นใด ? “
จวินโม่เซี่ยเกือบตกเก้าอี้ เมื่อได้ยิมคำถามของนาง เขาเงยหน้าขึ้นหลังจากผ่านไปชั่วครู่ และเช็ดจมูกตัวเอง
” ถามพี่ของเจ้าสิ ? พวกเขารู้ ข้าเอ่ยวาจาไปมากแล้วเมื่อครู่ … เปลืองน้ำลายไปมาก “
ตู่กู้เซี่ยวอี้ พ่นลมทางจมูก และหันไปหา ตู่กู้อญิ่ง ใบหน้าของ ตู่กู้อญิ่ง แดงด้วยความเขินอายชั่วครู่ พี่ชายจัดอธิบายเรื่องเช่นนี้กับน้องสาวเช่นไรดี ? เขามองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างเดือดดาล ขณะปฏิเสธจะตอบคำถาม ตู่กู้เซี่ยวอี้ มิพอใจ จากนั้น นางจึงบุ้ยปากและเริ่มแสดงความไม่พอใจ พี่น้องตู่กู้ทั้งเจ็ดมีเพียงความงุนงงในสถานการ์ที่น่าอึดอัดนี้
บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มอึดอัด ดังนั้น อาจารย์แห่งสถาบันอีกผู้ คุ้งหลิงหยาง ยืนขึ้นและเอ่ย
” คุณชายน้อยในสกุลใหญ่ได้ต่อสู้กับศิษย์ของ สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียงของเราเมื่อปีก่อน สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียงของพวกเราชนะ … แต่เพียงแค่บังเอิญ หลานชายแห่งราชครูลี่ ลี่โย่วหลาน ยังมิเคยแพ้ผู้ใดและน่าประทับใจยิ่ง มีศิษย์มากมายของพวกเราที่ประสงค์จักเสวนากับ คุณชายน้อยลี่ … เขาสนใจหรือไม่ ? “
ทุกคนเริ่มมีชีวิตชีวา สิ่งนี้คือ จุดเด่นของงานนี้
เหล่าศิษย์แห่ง สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียง มีแววตาประกายแปลกประหลาดตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในโถง พวกเขามิได้สนใจในรสชาติอาหารหรือสุราเลิศรสนัก พวกเขารอคอยเพียงช่วงเวลานี้ หากพวกเขาสามารถพิสูจน์ตัวเองว่าเหนือกว่า ปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งนครเทียนเชียง ลี่โย่วหลาน … พวกเขาจักได้รับโอกาสอันไร้ที่สิ้นสุด
ลี่โย่วหลานยิ้มอ่อนโยน เขาลุกขึ้นอย่างสุภาพ มองไปรอบๆและเอ่ย
” โย่วหลานผู้ต้อยต่ำเช่นนี้ มิควรค่าแก่การตั้งคำถามกับปราชญ์ผู้มากปัญญาเหล่านี้ แต่ มีชายผู้หนึ่งที่ โย่วหลานชื่นชม ดังนั้น ข้าประสงค์จักต่อสู้กับคนผู้นั้น … “
” ชายหนุ่มมากฝีมือผู้นั้นคือใคร คุณชายน้อยลี่ ? “
ทุกผู้ถามพร้อมเพรียง
” ในนครเทียนเชียงมีผู้ใดกันที่มากสามารถพอเพียงแข่งขันกับ ลี่โย่วหลาน ? ผู้ที่แม้แต่ ลี่โย่วหลาน ชื่นชม ? แต่เหตุใดข้ามิเคยได้ยินเกี่ยวกับคนผู้นี้มาก่อน ?
ดวงตาของทุกผู้เผยความสับสนใจใน
” คุณชายน้อยแห่งสกุลจวิน จวินโม่เซี่ย ! “
ลี่โย่วหลานเอ่ยจริงจังและชี้ตรงไปยังจวินโม่เซี่ย เพื่อแสดงถึงเป้าหมายที่ชัดเจนของเขา จวินโม่เซี่ยทำได้เพียงเพ่งมองไปยังลี่โย่วหลาน ขณะที่เขายังคงแทะขาไก่มันย่องที่เขาถืออยู่ต่อไป
บ้าเอ้ย ! เจ้าประสงค์จักล่อลวงข้าไปติดกับดักหรือ ?!
สิ่งนี้อาจก่อความวุ่นวายได้ !
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น