Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ 261-267

ตอนที่ 261

 

กระบี่ของ อยี่กู้ฮั่น พุ่งออกไปและแทงเข้ารักแร้ชายชุดดำผู้ที่แทงกระบี่ไปยังท้องน้อยของเขา  ชายชุดดำออกแรงดึงกระบี่ออกจากร่าง อยี่กู้ฮั่น  แต่ มันไม่ขยบแม้แต่น้อย  อยี่กู้ฮั่นใช้กล้ามเนื้อของเขาบีบรัดกระบี่ของคนผู้นั้นไว้ !


 


นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง


 


กระบี่สีแดงฉานที่รักแร้มือสังหารเริ่มเคลื่อนขึ้นภายในเวลาอันสั้น  ชายชุดดำหวาดกลัว  จากนั้นจึงตัดสินใจละทิ้งกระบี่ไว้ที่ท้องน้อย อยี่กู้ฮั่น


 


เขาหลบหลีกเพื่อป้องกันมิให้ตายอย่างเวทนาด้วยร่างที่ขาดสองท่อน  ช่างโชคร้าย ช้าไปเสียแล้ว  แขนของเขามิอาจหลีกหนีพ้น  กระบี่เลือดเคลื่อนต่อไปและแยกแขนเขาออกจากร่าง และหัวไหล่  กระบี่เคลื่อนต่อไปเล็กน้อยและฉีดขาดชั้นผิวของเขาไปจนถึงกล้ามเนื้อบนใบหน้า  สิ่งที่เหลืออยู่ … น่าหวาดกลัวเมื่อเห็น กระดูกสีขาวของเขาเปลือยออก เส้นเลือดที่บิดเบี้ยวคล้ายหนอนปรากฏให้เห็นชัดเจน ตามมาด้วยหยดเลือดที่ไหลอยู่ภายใน


 


คนผู้นี้กรีดร้องบ้าคลั่งขณะล่าถอย น้ำเสียงคล้ายเดรัชฉานมากกว่ามนุษย์  ดวงตาของเขาเผยความตกตะลึงซึ่งมีอยู่เนื่องด้วยสติ


” มือข้า !  ใบหน้าข้า !  อ๊าาา ! “


 


แต่กระนั้น อยี่กู้ฮั่น ถอนกระบี่กลับรวดเร็วคาดไม่ถึง  เขาใช้ประโยชน์จากเวลานั้นและแทงเข้าไปอีกหน รวดเร็วดั่งอสุนีบาต


 


การกระทำของ อยี่กู้ฮั่น เขาไม่ลังเลยที่จะถูกศัตรูโจมตี ทั้งหมดเพื่อช่วงเวลานี้


 


หนึ่งกระบวนนี้ …


 


อยี่กู้ฮั่นรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขามิอาจทนต่อสู้ได้อีกแล้ว  เขารู้ว่ามิอาจเผชิญหน้ากับมือสังหารสวรรค์เชวียนห้าคนนี้ได้อีก  ดังนั้น เขาจึงต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่มี  อย่างไรก็ตาม อยี่กู้ฮั่นนั้นมากประสบการณ์ต่อสู้  อาจบอกได้ว่าทั้งห้านั้นคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  แต่ เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าปราณเชวียนของศัตรูทั้งสองไม่คงที่ รู้ได้ชัดเจนว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บรุนแรงมาก่อน และยังมิได้ฟื้นฟู


 


ตัวเขาในตอนนี้ไม่มีพลังแล้ว  ดังนั้น ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้คือล้มพวกเขาทั้งสองลง  แต่กระนั้น ที่เหลืออีกสามยังคงอยู่ในสภาพที่ดี  ด้วยเหตุนี้ เขาไม่มั่นใจว่าจะต่อกรกับพวกเขาได้ไหม  ดังนั้น ศัตรูที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสองนี้คือเป้าหมายหลัก  ความจริง พวกเขาคือเป้าหมายเดียวของเขา


 


กระบี่ อยี่กู้ฮั่น แทงเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แต่ มีฝ่ามือของศัตรูผู้หนึ่งปะทะเข้าหน้าอกเขา  เขามีความสุขที่ได้จัดการศัตรูเช่นนี้ แต่ไม่คาดว่าซีโครงของเขาจะแตกหัก  กระนั้น หน้าอกของเขาเป็นดังวังน้ำวน ที่ดูดฝ่ามือของศัตรูเอาไว้


 


คนผู้นั้นรู้ถึงอันตราย และเร่งร้อนทำให้ตัวเองเป็นอิสระจาก อยี่กู้ฮั่น  เขาเกือบทำสำเร็จขณะที่กระบี่ของอยี่กู้ฮั่นเปล่งประกาย และพุ่งตรงไปยังหน้าอกของเขา


 


กระบี่แห่งความตาย !


 


เลือดพุ่งโค้งออกมาจากปากคนผู้นั้นขณะ พยายามหลบเลี่ยงการโจมตีที่กำลังจะมาถึง  แต่กระบี่ของ อยี่กู้ฮั่น เคลื่อนไหว และแทงเข้าไปจนมิดด้าม มิได้ฝ่าทะลุหัวใจของเขา  อย่าไรก็ตาม ปราณเชวียนที่อยู่ในกระบี่ทำให้ ห้าอวัยวะตันของเขานองด้วยเลือด !


 


แต่กระนั้น อยี่กู้ฮั่นหมดเรี่ยวแรงในที่สุด  เขาแทงกระบี่เข้าใส่หน้าอกศัตรู แต่ไม่มีแรงจะเคลื่อนขยับกระบี่ในครั้งนี้


 


ฝ่ายตรงข้ามผู้หนึ่งตะโกน  อย่างไรก็ตาม อยี่กู้ฮั่นไร้เรี่ยวแรงจะดึงกระบี่ออก  มือขวาของเขาถูกตัดด้วยกระบี่ศัตรู  แต่น่าประหลาดใจ ไม่มีเลือดไหลจากบาดแผลนั้น ตอนนี้เลือดในร่างของเขานั้นไหลออกมากแล้ว !


 


ใบหน้าเขาเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน  ตอนนี้ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่ ขณะมองไปยังทิศทางหนึ่ง …


 


…. ทิศของราชวัง


 


ชายชุดดำผู้หนึ่งกระโดดขึ้นและเตะ อยี่กู้ฮั่น อย่างรุนแรง  ร่างของเขาล่องลอยไปในอากาศ  ร่วงลงอย่างรุนแรง  แต่กระนั้น อยี่กู้ฮั่นพลิกร่างอย่างดื้อรั้น  ทันใดนั้น เสียงน่าหวาดกลัวดังก้อง เสียงซีโครงแตกหัก  แต่กระนั้น ไม่ปรากฏร่องรอยความเจ็บปวดบนใบหน้าเขาแม้เพียงหนึ่ง


 


ดวงตาเขามิได้ภาคภูมิ มิได้อ้างว้าง …


 


เต็มไปด้วยอ่อนโยนและโหยหาไร้ที่สิ้นสุด …


 


ชีวิตเขาเหลืออีกไม่มาก แต่เขาไม่เห็นสุดที่รักของเขา ดังนั้นจึงมองไปยังสถานที่นางพักอยู่ … ทิศทางซึ่งนาง … จะต้อง …


 


เขาปิดบังความรู้สึกมาเป็นเวลานาน แต่แล้วทั้งหมดหลั่งไหลออกมา


. ข้าคิดถึงเจ้า ฉิวฉิ้ว !  ข้าคิดถึงเจ้า !  ข้า … คิดถึง … เจ้า …


 


สมองของ อยี่กู้ฮั่น โดนแสงอันเปล่งประกายปะทะ และความทรงจำเก่าก่อนเริ่มหลั่งไหล  เขากำลังมึนงง แต่ภาพในหัวของเขานั้นราวมีชีวิต ความฝันนี้ดูคล้ายความจริง  และจากนั้น เขาได้ยินเสียงอันนุ่มนวล  มันเป็นเสียงอ่านบทกวีซ้ำแล้วซ้ำเล่า  คล้ายจะไม่สิ้นสุด เหมือนสิ่งของชิ้นเล็กที่ล่องลอยไปในที่อันไพศาล ราวความฝัน


 


อย่าได้เสียใจกับความรักลึกซึ้งเช่นนี้


 


ข้าเต็มใจจะร่วงโรยด้วยความเดียวดาย


 


ความเสียใจของคนรักข้าอาจหลอกหลอนไปชั่วกัลป์


 


ข้าจักจำนนต่อสวรรค์แต่มิใช่คนรัก


 


นี่คือสิ่งที่ อยี่กู้ฮั่น เขียนให้ มูล่งฉิวฉิ้ว สิบแปดปีก่อน


 


ข้าจักจำนนต่อสวรรค์แต่มิใช่คนรัก


 


ข้าจักจำนนต่อสวรรค์แต่มิใช่คนรัก


 


อยี่กู้ฮั่น มิอาจเอ่ยวาจา  แต่กระนั้น ริมฝีปากของเขา ยังอ้าและหุบแผ่วเบา  และหากมองเข้าใกล้ จะพบว่ามันกำลังทวนซ้ำประโยคสุดท้ายในบทกวี


 


ฉิวฉิ้ว ข้าจากมาสิบแปดปี และสูญเสียเจ้าตลอดกาล  ข้าลาเจ้าด้วยกวีนี้ …  และเจ้าร่ำไห้ไม่หยุดหย่อนขณะได้อ่านบรรทัดสุดท้าย  ข้าจดจำถึงวันนี้ … การที่ผมของเจ้าปลิวไสวตามสายลม …


 


ตอนนี้ข้าขอลาอีกครั้ง  และข้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว  เจ้าอาจได้รู้ในภายหลัง .. ดั่งเช่นแต่ก่อน … ข้าจักจดจำบรรทัดสุดท้ายของกวีนี้ในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิต …


 


ข้าจักจำนนต่อสวรรค์แต่มิใช่คนรัก


 


ฉิวฉิ้ว ข้ามิเคยหันหลังให้เจ้าเลยตลอดชีวิต !  ข้ามิเคยหันหลังให้เจ้า !


 


โจวเจียนหมิงคำรามดั่งคนบ้า ขณะรุดหน้าเข้าไปตัดร่างของ อยี่กู้ฮั่นให้เป็นชิ้น  แต่ เล่ยเจียนฮ้ง เตือนสติเข้าเสียงดัง


” พอ !  ปราณเชวียนเขาหมดลงแล้ว และห้าอวัยวะตันเขาขาดสิ้น  พวกเราจักต้องอุ้มน้องสี่และห้าที่บาดเจ็บ และจับด้วยสาวน้อยผู้นั้น !  เร็วเข้า เราจะต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว !  พวกเรามิอาจรั้งรอได้นาน ! “


 


โจวเจียนหมิง และ นักรบหญิงโกรธจัด  พวกเขากรีดร้องผิดหวัง  จากนั้น พวกเขาอุ้มน้องสี่และห้าขึ้น  และเคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่องค์หญิงหลิงเมิงหนีไปด้วยความเร็วแสง …


 


ในขณะนั้น องค์หญิงหลิงเมิง กำลังถูกพี่น้องทั้งสองฉุดกระชาก  พวกเขาพยายามบังคับให้หนี  แต่ นางยังคงมองย้อนกลับไปดูการต่อสู้ที่ดุเดือด  แต่กระนั้น เมื่อนางเห็น อยี่กู้ฮั่น จมกองเลือด นางล้มลง  องค์หญิงหันไปทางนั้นทันใด และร้องลั่น


” น้า อยี่ ! “


น้ำเสียงของนางโหยหวนและโศกเศร้าอย่างยิ่ง


 


เท้าองค์หญิงหยั่งลงพื้นขณะนางต่อต้านการเคลื่อนที่แม้แต่ก้าว  ทันใดนั้น น้ำตาเอ่อล้นขึ้น และเริ่มหลั่งไหลฃ


 


น้า อยี่ปกป้องนางมาเสมอตั้งแต่ยังเล็ก  สำหรับนาง … เขานั้นไม่มีผู้ใดเปรียบ  นางรู้ว่าเขาอ้างว้างและสิ้นหวังในทุกวัน เขาคือชายผู้โศกเศร้าและเดียวดาย  และวันนี้ … เขาต้องล้มลง … เพื่อปกป้องนาง …


 


องค์หญิงหลิงเมิง รู้สึกถึงความเจ็บแน่นที่หน้าอกทันใด  นางรู้สึกราวกับปอดถูกฉีกออก


 


ไร้พันธะในสกุลเทียน


 


นางรู้ว่าพ่อของนาง อดีตจักรพรรดิ รักนางยิ่ง นาตั้งแต่วันที่นางโตพอจะเข้าใจสิ่งต่างๆ  ความจริง เขาไม่ทำให้นางเสียใจและตามใจนาง  แต่พ่อของนาง องค์จักรพรรดิ ช่างสง่างามยิ่ง  แม้นว่านางคิดถึง และกระทำตัวนิสัยเสียเพื่อกอดเขา พ่อของนางก็มอบอ้อมกอดที่หวงแหนให้ … แต่มิเคยเนิ่นนาน  เขามักจะมีบางเรื่องที่ต้องจัดการเสมอ  จากนั้นเขาจะกลับไปเป็นองค์จักรพรรดิผู้สง่างามอีกครั้ง


 


ท่านพ่อ และ องค์จักรพรรดิ  เมื่อทั้งสองรวมกัน จักรพรรดิจึงสำคัญกว่าพ่อ  พ่อ องค์จักรพรรดิ … พ่อของนางจะก้าวขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิเมื่อใดก็ตามที่ต้องการ  จากนั้น นางก็มิอาจกระทำตัวดั่งเช่นลูกสาวได้แล้ว


 


อยี่กู้ฮั่น ให้ความรู้สึกยิ่งกว่าพ่อที่แท้จริงของนาง  นางสามารถกระทำตัวเช่นเด็กน้อยต่อหน้าเขาได้โดยไม่มีสิ่งใดขัดขวาง และสามารถเกรี้ยวกราดใด้เมื่อใดก็ตามที่ใจนางปรารถนา  ดังนั้น แม้นว่านางเรียกเขาว่าน้า นางก็ยังนับถือเขาเป็นพ่อ


 


เขามักเอาใจนางเสมอ  อย่างไรก็ตาม เขาก็ตำหนิโดยไร้ปราณีเมื่อนางผิดพลาด


 


แต่เขานั้นดีกับข้าอย่างแท้จริง !


 


เขาปกป้องข้าอย่าเงียบๆเสมอ  เขาไม่เคยเผยตัว  เขาไม่เคยตอสู้เพื่อสิ่งใด  เขาไม่เคยทำอันตรายต่อสิ่งใดเพื่อตัวเอง !  เขาเพียงแต่เฝ้าดูอยู่ในเงามืด  และ ดูเหมือนว่าเขาพึงพอใจ


 


แต่เขาจะเป็นผู้แรกที่ปรากฏตัวและคุ้มครองเมื่อใดก็ตามที่นางประสบอันตราย !


 


เขาคือผู้แรกที่ขัดขวางพี่ข้าเมื่อเขากลั่นแกล้งข้า


 


เขาจะใส่ใจปกป้องข้า !  แม้กระทั่งตอนนี้ เขาต้องตายเพื่อข้า  ในที่สุดเขาแตกสลาย … ต่อไปนี้ … เขาจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอีกแล้ว  ท่านน้าอยี่ ท่านต้องการพักกระนั้นหรือ ?


 


ท่านมิต้องการพบหลิงเมื่องน้อยแล้วกระนั้น ?  ท่านมีหัวใจหรือไม่ที่ทิ้งหลิงเมิ่งตัวน้อยไป ?  ท่านมีหัวใจ …​?  ท่านมีหัวใจหรือไม่ … ?


 


น้าอยี่ ท่านรู้หรือไม่ว่าในใจข้า … ท่านจักเป็นพ่อข้าเสมอ …


 


ท่านพ่อ !  อย่าทิ้งข้าไป ….


 


องค์หญิงหลิงเมิงยืนไม่ไหวติง  นางไม่รู้ว่าจักต้องคิดหรือทำสิ่งใด  ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ยพยายามสุดกำลัง แต่นางยังคงนิ่งเงียบ …


 


เหตุใดพ่อของข้า องค์จักรพรรดิถึงยังไม่มาถึง ?  เหตุใด ?!  เหตุใดเขาจึงไม่แสดงตัวเมื่อท่าน้าอยี่ทำสุดความสามารถ ?!  เขาควรมา !


 


หากน้าอยี่จากข้าไปจริงๆ … ข้าจักตอบโต้ !  ข้าจะเป็นบ้า และแก้แค้นทุกผู้คน !


 


ข้าจักอุทิศตนเพื่อแก้แค้น !


 


องค์หญิงหลิงเมิงคำรามในใจ และดูราวหน้าอกของนางจะระเบิดออกด้วยโทสะ  แต่กระนั้น นางก็มิได้เอ่ยสิ่งใด  น้ำตาพร่ามัวสายตานาง และดูเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งอุดความคิดนางไว้  มือเท้าเยือกเย็น  ทั่วทั้งร่างสั่นกระตุกราวกับกำลังเดินทางไปยังโลกแห่งน้ำแข็งและหิมะ


 


สามมือสังหารชุดดำสวมหน้ากากตามพวกเขาทัน  เล่ยเจียนฮ้ง พุ่งเข้าหาองค์หญิงเมิ่งโกรธเคืองเพื่อหวังจับตัว  แต่กระนั้น องค์หญิงหลิงเมิง ยังคงยืนอยู่ไร้ซึ่งสีหน้า  นางมิตอบโต้สถานการณ์นี้แม้เล็กน้อย


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ย กระโจนเข้าตรงหน้านาง  ร่างของพวกเขาเปล่งแสงสีทอง


 


แท้จริงแล้วพวกเขาก้าวหน้าถึงขั้นเชวียนทองอย่างรวดเร็ว หากเทียบกับช่วงอายุของพวกนาง  สองหญิงสาวชักมีดและกระบี่ออก ตระเตรียมต่อสู้


 


แต่กระนั้น ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม ….


 


” หลบไปเสีย ! “


เล่ยเจียนฮ้งโบกมือ และสองหญิงสาวกระเด็นถอยหลัง


” ข้าไม่ประสงค์สังหารพวกเจ้า !  อย่าบังคับข้า ! “


 


” เจ้าคือผู้ใด ?  เจ้าคือผู้ใด ?! “


ราวองค์หญิงตื่นจากฝัน  นางมิได้ตระหนก … เนื่องประสงค์ล้างแค้นให้น้าอยี่


 


ดวงตานางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง


” พวเจ้าเป็นใคร ?  เหตุใดข้าจึงสำคัญกับพวกเจ้านัก ?  เจ้าสังหารท่านน้าอยี่ข้าเพื่อสิ่งใด ? ! “


องค์หญิงคำรามประโยคสุดท้าย


 


เสียงคำรามดังทำให้ เล่ยเจียนฮ้งเสียขวัญ


หญิงผู้อ่อนแอและเปราะบางเช่นนี้สามารถให้กำเนิดเสียงที่คมกริบและดังก้องถึงเพียงนี้ …

 

 

 


ตอนที่ 262

 

” เจ้ามิจำเป็นต้องรู้พวกเราคือใคร   และแน่นอน มิจำเป็นต้องรู้ถึงเหตุผลเบื้องหลังการกระทำนี้  เจ้าไร้โอกาสมีชีวิตต่อไปแล้ว ! “


เล่ยเจียนฮ้งไม่รู้เหตุใดเขาจึงเผยเจตนากับหญิงผู้นี้


 


” ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไม่ไร้โทษทัณฑ์เป็นแน่ !  ข้าจะสังหารเจ้าและสกุลของเจ้า !  ข้าจะสังหารเจ้า ! “


น้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาองค์หญิงหลิงเมิง  แต่กระนั้น นางยังคงฝืนลืมตาเพ่งมองไปโดยไม่กระพริบ


” ข้าจักไม่เหลือไว้แม้นวิญญาณของเจ้า ! “


 


ราวกับเสียงกรีดร้องโหยหวนและเศร้าโศกของนางจะแบ่งแยกโค้งหลังคาแห่งสรวงสวรรค์  สายลมสาทรฤดูพลิ้วไหว  ผมของนางเริ่มล่องลอยประหนึ่งใบไม้แห้งขณะที่เสียงแห่งสายลมดังขึ้นและดังขึ้น  แต่กระนั้น นางยังคงปลดปล่อยความงดงาม


 


ทันใดนนั้น รูม่านตาของ เล่ยเจียนฮ้ง หดลงเบื้อหลังหน้ากากของเขา  ความรู้สึกเยือกเย็นแล่นผ่านร่าง เขาสั่งเล็กน้อยเมื่อสัญชาตญาณร้องเตือน  เขารู้สึกละอายใจและผวาปนเป


ข้าคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  แต่เพียงไม่กี่คำของหญิงสาวผู้นี้ทำให้ข้าเป็นกังวล ?  ไร้เหตุผลสิ้นดี !


 


” ปั้ง ! “


เล่ยเจียนฮ้ง พุ่งไปด้วยโทสะเนื่องเพราะความอัปยศ และตบเข้าใส่ องค์หญิงองหลิงเมิง  จากนั้นต่อว่า


” นางสาบโสเภณี !  ความตายของเจ้ากำลังจะมาถึง และยังจะเอ่ยวาจาเช่นนี้ ?!  อย่าได้เชื่อมั่นความในตัวเจ้ามากนัก มิเช่นนั้นข้าจักสังหารเจ้าเสียเดี๋ยวนี้ ! “


 


ใบหน้าองค์หญิงบวมด้วยรอยฝ่ามือชายหนุ่มและผมของนางยุ่งเหยิงด้วยแรงลม  แต่กระนั้น นางยังคงจ้องมองเขามิหยุดหย่อน  แล้วแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง


 


เล่ยเจียนฮ้ง มองไปยังความชั่วร้ายบนใบหน้าขององค์หญิงหลิงเมิงอีกหน  ความโกรธที่ซ่อนเร้นอยู่พุ่งทยานขึ้นภายใน เมื่อเขาตระหนักว่าองค์หญิงยังไม่ยอมแพ้  ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงผู้นี้เชื่อมโยงกับผู้ที่ปามีดบิน ซึ่งสังหารสหายทั้งสี่ของเขา  และค่ำคืนนี้ ผู้คุ้มกันของหญิงผู้นี้ทำให้ศิษย์พี่น้องอีกสองบาดเจ็บสาหัส  ความโกรธพุ่งทะยานไม่ถอยร่อนในใจเวลานี้ และความเกลียดชังก่อบังเกิดความกล้า เมื่อเขาคิดจะสังหารองค์หญิงลงเสียขณะนี้


 


ศิษย์หญิงสาม เห็นศิษย์พี่ของนางเต็มไปด้วยความอาฆาตร  นางจึงเอ่ยเร่งรีบ


” ศิษย์พี่ หญิงผู้นี้มีความสัมพันธ์กับคนผู้นั้น  มันจะเป็นการดีหากพวกเราไม่สังหารนางจนกระทั่งคนผู้นั้นมาช่วยนาง “


 


เล่ยเจียนฮ้ง ขบฟัน  จากนั้นเขาสับลงบนต้นคอขององค์หญิงอย่างรวดเร็ว นางหน้ามืดดำวูบลง  เขายกนางขึ้นและโยนให้กับศิษย์สาม  จากนั้น ออกคำสั่งทุกคนจากไป


 


” วางองค์หญิงลง ! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ยรุดมาหยุดศัตรู  จากนั้นจึงได้รู้ว่าพวกนางมิอาจเทียบชั้นพวกเขาได้  แต่กระนั้น พวกนางมิอาจปล่อยให้ศัตรูจับตัวองค์หญิงหลิงเมิงไปได้


 


เล่ยเจียนฮ้ง คำรามทางจมูกเยือกเย็น  จากนั้น ศิษย์สาวขึ้นหน้ามาเผชิญพวกนางและ


” ปั้ง !  ปั้ง ! “


หญิงสาวทั้งสองโดนฝ่ามือปะทะเข้า  พวกนางลอยถอยหลังไปพร้อมหยดกระเด็นออกจากมุมปาก  คนชุดดำทั้งสามเหาะขึ้นจากนั้นหายตัวไป


 


มิใช่ว่า เล่ยเจียนฮ้ง มิได้ประสงค์จะไม่สังหารหญิงทั้งสอง แต่เขาไม่สามารถ


 


ความเกลียดชังของเขานั้นไม่มีหนทางอื่นในเรื่องขององค์หญิง  แต่กระนั้น สำหรับหญิงสาวทั้งสอง ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสกุล ซุน และ สกุลถัง ในขณะอีกผู้หนึ่งมีสกุล ตู่กู้อยู่เบื้องหลัง  สามสกุลยิ่งใหญ่ จะร่วมมือกันหากมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับทั้งสอง  พวกเขาจักกลายมาเป็นปัญหาใหญ่หลวง เพียงพอจะทำให้นายน้อยสกุลลี่ ตกเป็นเบี้ยล่าง


 


ไม่นานหลังจากนั้น …


 


ร่างของเจ้าขาวน้อยเปล่งประกายผ่านไป  ตามมาด้วยกีบเท้าของสัตว์ เสียงของมันเลื่อนลั่นดั่งสายฝน  กีบเท้าสัตว์ส่งเสียงต่อมาไม่นาน และปรากฏม้ากำยำเลี้ยวตรงมุมถนนเข้าสู่ฉากการต่อสู้  เงาร่างปรากฏเป็นชายสองคนบนหลังม้า


 


มีแอ่งเลือดบนธรณี  ร่างอันเดียวดายของ อยี่กู้ฮั่น นอนแผ่อยู่ตรงกลาง


 


” อยี่น้อย !  อยี่กู้ฮั่น ! “


จวินวูอี้ ร้องขึ้นตื่นตระหนก  เขาก้มลงด้านข้างร่างของ อยี่กู้ฮั่น  เขาควรจะปิดบังขาที่ได้รับการฟื้นฟูแล้ว แต่ตอนนี้เขาได้ละทิ้งความคิดนั้นไป  เขาคุกเข่าข้าง อยี่กู้ฮั่น และวางมือซ้ายบนแขนของเขา  จากนั้น ปราณเชวียนบริสุทธิเริ่มลอยจากจวินวูอี้ เข้าไปยังร่างที่บาดเจ็บสาหัส  ไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่มากในร่างของ อยี่กู้ฮั่น


 


เขาสูญเสียเลือดจำนวนมาก  อีกทั้งร่างของเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส  กำลังสำรองของเขาหมดสิ้น  โอกาสรอดชีวิตริบหรี่ยิ่ง  หากมิใช่ความกังวงในหัวใจ บางทีเขาอาจไม่รอดชีวิตจนถึงเวลานี้  แต่กระนั้น สีหน้าของเขาเริ่มแผ่วลง ราวกับดวงวิญญาณเริ่มล่องลอยจากร่าง  เขามีพลังจิตที่รุนแรงมิอาจเปรียบ แต่เป็นการยากที่จะยับยั้งพลังชีวิตที่ล่องลอยไปเมื่อ ยมทูต เสด็จลงมา


 


จากนั้น สติของ อยี่กู้ฮั่น ชัดเจนขึ้น เนื่องด้วยปราณเชวียนบริสุทธิ์ที่หลั่งไหลจากร่าง จวินวูอี้ สู่เขา  เขาบังคับตาตัวเองให้เปิดขึ้น และเห็นใบหน้าบางๆของ จวินวูอี้  ดวงตาของเขาเล่งประกายขณะสีหน้าร้อนรนปรากฏขึ้น


 


ความกระวนกระวาย …. ร้อนรน … อยี่กู้ฮั่นอัดแน่นด้วยความรู้สึกเหล่านี้


 


” เกิดอันใดขึ้นที่นี่ ? “


จวินวูอี้ถามด้วยความรู้สึกร้อนรน แต่ อยี่กู้ฮั่น มิอาจเอ่ยวาจาได้  จากนั้น จวินวูอี้ มองไปรอบๆ


ถนนเส้นนี้ควรจักเต็มไปด้วยผู้คน  แต่กลับไม่มีผู้ใด เงียบงันยิ่งนัก !


 


ไม่แปลกเกินไปหรือ ?  ผู้คนหายไปที่ใดหมด ?


 


” มีผู้ใดบ้างรู้ว่าเกิดอันใดที่นี่ !? “


จวินวูอี้คำรามด้วยโทสะ  ทั่วทั้งท้องถนนก้องสะท้อนด้วยเสียงตะโกน


 


แต่กระนั้น … ไร้ผู้ใดตอบกลับ


 


อยี่กู้ฮั่น และ จวินวูอี้ รุ่นราวคราวเดียวกัน  ความจริง นายท่านสามแห่ง สกุลจวิน แก่กว่า อยี่กู้ฮั่น ไม่มากนัก  สกุลอยี่และจวินเคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน  ด้วยเหตุนี้ จวินวูอี้ และ อยี่กู้ฮั่น จึงเคยเป็นสหายกัน  จากนั้น อำนาจสกุลอยี่เสื่อมถอย  ดังนั้น จวินวูอี้ และ อยี่กู้ฮั่น จึงมิได้พบกันแต่นั้น  สิ่งต่างๆเกิดมาราวสิบปีก่อน  สิบปีผ่านพ้น จวินวูอี้ มิคาดฝันจะได้พบสหายรัก … และเช่นกัน ขณะที่ชายผู้นี้กำลังจะเดินทางสู่ความตาย


 


อยี่กู้ฮั่น สัมผัสได้ถึง ปราณเชวียนบริสุทธิ์ของ จวินวูอี้เข้าสู่ร่างของเขา  เขาประหลาดใจ ที่ได้รู้ว่า จวินวูอี้ บรรลุไกลเกินกว่าเขา  จวินวูอี้ก้าวหน้าไปถึงขั้นสวรรค์เชวียนกลาง  อัศจรรย์ยิ่งนัก  กระนั้น อยี่กู้ฮั่นก็สัมผัสถึงชีวิตของเขาที่เริ่มจางหายไปในเวลาเดียวกัน  ด้วยเหตุนี้ ดวงตาของเขาร้อนรนมากขึ้น ขณะที่ปราณเชวียนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างของเขา …. แต่ไม่นานถูกแทนทีด้วยสีหน้าโกรธเคือง


 


จวินวูอี้ เฝ้าดู ขณะ กลิ่นไอของ อยี่กู้ฮั่น เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ  จากนั้นเขาเงยหน้า


” โม่เซี่ย … เจ้า … ช่วยเขาได้หรือไม่ ? “


 


จวินโม่เซี่ยถอนใจ


ท่านน้าสามขอร้องให้ข้าทำสิ่งนี้ … แม้แต่เขาเองก็มิอาจทำได้


หรือจะเอ่ยว่า นายน้อยจวินศรัทธาเต็มเปี่ยมในความสามารถของ เจดีย์หงษ์จวิน  เขามั่นใจว่า สามารถฟื้นฟูทุกผู้ได้ไม่ว่าจะบาดเจ็บเช่นไร  เขาเคยขับพิษที่เป็นภัยในร่างของน้าชายมานับสิบปีได้  แท้จริงแล้ว มันก็ใช้การได้แม้ในตอนที่ ไฮ่เฉินเฟิง ทำลายจุดดันเถียนและปราณเชวียนแตกซ่าน


 


สถานการณ์ของ อยี่กู้ฮั่น นั้นน่ากลัวยิ่ง ความจริง เขาเกือบจะจากไปเสียแล้ว  แต่กระนั้น จวินโม่เซี่ยมิเคยคิดว่าตัวเองคือผู้ ไถ่บาป ยิ่งไปกว่านั้น เขามิได้เห็นประโยชน์ของ องค์หญิงหลิงเมิง และ อยี่กู้ฮั่น ความจริง การช่วยเหลือพวกเขาจะยิ่งนำพาความเดือดร้อนมาให้  ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะช่วยเหลือเขา ธุรกิจนี้มีเพียงผลเดียวคือขาดทุน


 


แต่กระนั้น นี่คือการขอความช่วยเหลือจากน้าสาม จึงเป็นการยากที่ปฏิเสธน้าสามในสถานการณ์เช่นนี้  ดังนั้น จวินโม่เซี่ย จึงก้มลงข้าง น้าชายของเขา ไม่รีบร้อนและไม่เต็มใจนัก  เขายื่นมือไปและจับมือ อยี่กู้ฮั่น มาจาก จวินวูอี้  จากนั้นเขาค่อยหลับตาเชื่อช้า  ต่อไป เขาเริ่มกระตุ้น เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์  ปราณเชวียนบริสุทธิ์ เริ่มหลั่งไปออกมาคงที่  อย่างไรก็ตาม เขามิอาจฝืนคิ้วที่กระตุกได้


 


นายน้อยจวิน ผวากับการบาดเจ็บของ อยี่กู้ฮั่น


มิใช่เล็กน้อย  การบาดเจ็บของเขานั้นคล้ายคลึงกับ ไฮ่เฉินเฟิง  เขาจักต้องตายจากการบาดเจ็บนี้อย่างแน่นอน  แท้จริง ช่างปาฏิหาริย์ที่เขายังรับมือไหว และได้ตายไปด้วยบาดแผลเหล่านี้ !  ราวกับว่าไม่มีแม้แต่ลมหายใจเพียงนิดหลงเหลืออยู่  ดูเหมือนว่าความศรัทธาคือสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในร่างของเขา


 


กลิ่นอายของจวินโม่เซี่ยปกคลุมการบาดเจ็บบนร่างกายของเขา  เขาได้รับบาดเจ็บหลายตำแหน่ง  อย่างน้อยจักต้องมีประมาณ สามสิบบาดแผล … หรือยิ่งกว่านั้น  ท้องน้อยถูกแทง หัวไหล่ของเขาเสียหายรุนแรงจากกระบี่ ด้านข้างร่างกายฉีกออก รอยฝ่ามือประทับทำลายซี่โครงแตกละเอียด … และห้าอวัยวะตันถูกทำลาย  เขากำลังอยู่ในจุดที่เลวร้ายยิ่ง


แม่เจ้าเอย !


 


จวินโม่เซี่ยมั่นใจใน เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ มากยิ่งเมื่อพบเจอกับสถาณการณ์เช่นนี้  แต่กระนั้น เขายังไม่เห็นโอกาสแม้แต่น้อยในการรักษา อยี่กู้ฮั่น … จวินโม่เซี่ยสามารถรักษาชีวิตชายผู้นี้ได้เพียงการรักษาการบาดเจ็บมิให้เลวร้ายลง ซึ่งมั่นใจว่าเขาจะไม่ตายจากเหตุนั้น  อย่างไรก็ตาม เขามิอาจรับประกันในการฟื้นฟูชายผู้นี้ …


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ย โซเซมาจากไกลๆ  พวกนางร้องเรียกเสียงดัง


” พี่โม่เซี่ย องค์หญิงถูกลักพาตัว !  พวกเราจักต้องช่วยเหลือนางโดยเร็ว ! “


 


จวินโม่เซี่ย บอกได้ว่า หญิงทั้งสองก็ได้รับบาดเจ็บหนักหนาเช่นกัน  เขากำลังจะทักทายพวกนาง  แต่กระนั้น เขายังคงนั่งอยู่หลังจากได้ยินวาจาพวกนาง  เขาคิด


โชคชะตาองค์หญิงข้องเกี่ยวข้องกับข้าอันใด ?  เหตุใดโลกหล้าจึงร้องเรียกให้ข้าทำสุดความสามารถเพื่อนาง ?  ข้ามิได้ข้องเกี่ยวกับนาง  และ เจ้าไม่เห็นสภาพของ อยี่กู้ฮั่น กระนั้น ?  และตอนนี้เจ้าต้องการให้น้าสามของข้ากระทำสุดสามารถอีกหรือ ?  เหตุใดกัน ?  และมีเหตุผลอันใด ?


 


อย่างไรก็ตาม ทั่วทั้งร่างของ อยี่กู้ฮั่น เริ่มสั่นเมื่อได้ยินสิ่งนี้  ใบหน้าของเขาเขาซึ่งซืดเผือก เปล่งสีขึ้นมาเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว  ดวงตาของเขาเปล่งประกายอย่างอบอุ่นเล็กน้อยด้วยความหวัง  เขามองไปยัง จวินโม่เซี่ย และ จวินวูอี้ วิงวอนให้พวกเขาช่วยนาง


 


อยี่กู้ฮั่น ตะเกียกตะกาย  เขารู้ว่าระดับขั้นของ จวินวูอี้ นั้นเกินกว่าเขา และ เขาอยู่ในระดับสวรรค์เชวียนกลางขั้นสูง  ดังนั้น จึงยังมีโอกาสช่วยเหลือองค์หญิงได้


 


จวินวูอี้ครุ่นคิดชั่วขณะ และถามอย่างนุ่มนวล


” เจ้าต้องการให้พวกเราช่วยเหลือองค์หญิง ? “


 


ดวงตาของ อยี่กู้ฮั่น เผยถึงเศษเสี้ยวความสุขตอบสนอง


 


” อย่าได้มากความ  เจ้าคิดว่าความแข็งแกร่งเช่นพวกเราจะช่วยเหลือนางได้เช่นไร ?  เอ่ยตรงไปตรงมา เจ้าต้องการให้พวกเราเอาชีวิตไปทิ้ง ! “


จวินโม่เซี่ย ยังคงใช้ เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ต่อ  เขาไม่เลิกคิ้วแต่น้อย


” ปราณเชวียนของน้าสามไปถึงขั้งสูง  แต่ร่างกายยังคงอ่อนแอ  สุขภาพยังกพร่อง และมิอาจเดินได้  และพวกเขาแข็งแกร่งจนทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ เจ้ามิได้เพียงร้องขอท่านน้า … แต่เจ้าร้องขอแม้แต่ผู้ที่อ่อนแอเช่นข้า ?  ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่มีประสงค์จะช่วยนาง แม้นข้าจะมีความแข็งแกร่ง  ดั่งเช่นบรรพชนเอ่ยกล่าว ชีวิตและความตาย คือโชคชะตาสวรรค์ลิขิต สิ่งนี้คือโชคชตานำพา “


 


เจ้าคิดว่าข้าเขลากระนั้น ?  ทำงานหนักไร้ประโยชน์ … มีสิ่งใดดีกับพวกเราหากช่วยเหลือองค์หญิงโง่ผู้นั้น ?  การฟื้นฟูของน้าสามจักถูกเปิดเผยพร้อมความแข็งแกร่งของเขา  ไม่เพียงแค่นั้น ความแข็งแกร่งของข้าจักถูกเปิดเผยเช่นกัน ช่วยเจ้ามิให้ตายยังไม่เพียงพออีกหรือ ?  เพียงเท่านั้นเจ้ายังไม่สำราญ ?  แม้นผู้อื่นมาแทนที่ข้า … แม้แต่ แปดยอดปรมาจารย์ ก็มิอาจใช้เคล็ดนี้ได้ แม้แต่ หยุนเป้ยเฉิน !


 


ลมหายใจ อยี่กู้ฮั่น ที่แผ่วเบาลง แต่เวลานี้กลับเริ่มรุนแรงและ รวดเร็วเนื่องด้วยเขาเริ่มหอบอย่างรุนแรงจากโทสะ  จวินโม่เซี่ย สัมผัสได้ถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นในชีพจร  หน้าอกของเขากระตุกขณะสูดอากาศ  และด้วยเหตุนั้น กระดูกบริเวณนั้นจึงแตกหัก ก่อเกิดเสียงที่แจ่มชัด …


 


อยี่กู้ฮั่น มองจวินโม่เซี่ยดื้อรั้น  สีหน้ของเขาโมโหในตอนแรก … จากนั้นโศกเศร้าก่อนจจะอ้อนวอน  หัวใจจวินโม่เซี่ยสั่นกระตุก ขณะได้เห็นสีหน้าโศกเศร้าเช่นนั้น  เขามั่นใจว่า อยี่กู้ฮั่น จะไม่ละทิ้งการเคารพตัวเอง และ ความภาคภูมิหากเขาเอ่ยวาจาได้ และจะอ้อนวอน นายน้อยจวิน ให้ช่วยเหลือองค์หญิง


 


ทันใดนั้น ใบหน้า อยี่กู้ฮั่น แดกก่ำ และ มีเสียงโครกดั่งจากคอหอย  ราวกับเขาใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มีเพื่อพยายามเป็นครั้งสุดท้าย  ปากของเขาอ้าออก แต่เขาเพียงแต่เอ่ยออกมาได้เพียงสองคำอย่างอ่อนแอ


” ขอร้อง … ช่วย … “


 


จากนั้น หัวเขาตกลง และสลบไปไร้เสียงใด


 


อยี่กู้ฮั่นเลือกแผดเผาพลังชีวิตสุดท้ายเพื่อเอ่ยสองคำนี้


 


เขามิอาจเอ่ยได้จบประโยค  แต่กระนั้น จวินโม่เซี่ย และ จวินวูอี้เข้าใจความหมายของเขาอย่างชัดเจน


” ข้าขอร้องเจ้า ช่วยเหลือหลิงเมิง ! “


เขาใช้ช่วงเวลาสุดท้าย และพลังชีวิตสุดท้ายเพื่อร้องขอสิ่งนี้ …


 


” เขา … ตายหรือไม่ ? “


จวินวูอี้ถาม โศกเศร้าและห่วงใย


 


” เขายังมิตาย … แม้นจะใกล้แล้ว  เขาถูกรักษาไว้ในสภาพใกล้ความตาย “


มือของจวินโม่เซี่ยยังคงปล่อยปราณบริสุทธ์ใส่ อยี่กู้ฮั่น


” แต่กระนั้น สิ่งต่างๆอาจะแย่ลงหากสภาพของเขายังเป็นเช่นเดิม “


 


” การช่วยเหลือผู้คนเป็นดั่งการดับไฟ เจ้ายังมิได้ช่วยเหลือผู้ใด ! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ พุ่งเข้ามา  นางครวญครางขณะคว้าหน้าอกของ จวินโม่เซี่ย


” เร็วเข้า ไปช่วยองค์หญิง เจ้ากำลังรออันใด ?! “


 


” เกี่ยวอันใดกับข้า ? “


จวินโม่เซี่ยมองไปอย่างลึกลับ


” เหตุใดเจ้าต้องการให้ข้าช่วยองค์หญิง ?  องค์ชายหรือใครซักคนต้องรับมือกับเรื่องนี้  เจ้าต้องการให้ข้าเอาชีวิตไปทิ้งกระนั้นหรือ ?  อยี่กู้ฮั่น คือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  เจ้าไม่เห็นที่พวกเขาทำให้เขาจมกองเลือดกระนั้นหรือ ?  ข้ามิอาจเทียบความแข็งแกร่ง แล้วเจ้ายังต้องการให้ข้าไปช่วยนางอีกกระนั้น ?  วาจาเหล่านั้นออกมาจากปากของเจ้าได้เช่นไรกัน ?”


 


จวินโม่เซี่ยสถบในใจ


องค์หญิงหลิงเมิงมิใช่เจ้า เหตุใดโลกต้องให้ข้าเสียแรงในเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น ?  ข้ารีบมาเพราะเจ้า ผู้ใดจะคิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ …


 


” เจ้า … อือ .. แล้วพวกเราควรทำสิ่งใด ? “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ จำได้ว่า จวินโม่เซี่ยนั้นทรงอำนาจ  ความจริงแล้ว เขามิอาจเทียบนางได้  แล้วเขาจะรับมือกับยอดฝีมือสวรรค์เชวียนหลายคนได้เช่นไร ?  นางเพิ่งเอ่ยสิ่งใดออกไป ?  ทันใดนนั้นนางเสียใจในวาจาที่เอ่ยและโศกเศร้า


” เหตุใด … เหล่าราชองครักษ์ยังมาไม่ถึง ? “


 


คำเหล่านั้นมิได้ทำให้ผู้ใดสนใจ  จวินวูอี้และจวินโม่เซี่ยมองหน้ากันเข้าใจ


 


” โม่เซี่ย เพื่อแสดงความเมตตาของ อยี่กู้ฮั่น … พวกเราควรช่วยเหลือ  และอย่างไรก็ดี … นางคือองค์หญิง “


จวินวูอี้เอ่ยด้วยท่าทีมีไหวพริบ  เขารู้ว่าหลานชายของเขามิได้สนใจองค์หญิงหลิงเมิง  เขาตระหนักดีว่าหลานของเขาจะนั่งดูอย่างเฉยเมย


 


ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจใช้ชื่อเสียงของ อยี่กู้ฮั่น แทนชื่อเสียงองค์หญิง  เขาเอ่ยเช่นนี้เนื่องด้วยเขาคาด ไม่ว่าอย่างไรหลานชายของเขาก็มิได้สนใจจะช่วยเหลือนาง


 


เขารักจักหลานชายเป็นอย่างดี  เขารู้ว่าหลานชายสามารถทำเช่นนั้นได้  ความจริงแล้ว สิ่งนี้คือนิสัยของเด็กหนุ่ม และเขามีสติชัดเจนเช่นกัน


 


” ข้าจักไม่ทำ !  ข้าไม่ประสงค์ ! “


จวินโม่เซี่ยปฏิเสธน้าสาม  เขารู้สึกหดหู่


ดูเหมือนนี่จะมิใช่เรื่องของเด็ก … การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของข้ามัน … เกินกว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย …


 


ข้าจักไม่ทำสิ่งใดเนื่องจากไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้า แม้นนางจะเป็นลูกของเทพเจ้า ไม่ต้องเอ่ยอ้างว่านางเป็นองค์หญิง ข้าอยากจะใช้เวลาว่างนี้เพื่อหยอกล้อเจ้าขาวน้อย …


 


แต่กระนั้น … ยอดมือสังหารจวินไม่ต้องการทำธุรกิจที่ไร้ผลกำไร …


 


” ข้าจักไป แม้นว่าเจ้าจะไม่ ! “


จวินวูอี้ลุกขึ้นจากพื้นอย่างโกรธเคือง และกระโดดขึ้นหลังม้า


” ข้ามิได้ไปเพื่อองค์หญิง แต่เพื่อ อยี่กู้ฮั่น!  อยี่กู้ฮั่นจะฆ่าล้างนครเพื่อองค์หญิง ดั่งเช่นที่ปู่ของเจ้า ทำเพื่อเจ้า !  พวกเราจะนิ่งเฉยต่อสิ่งนี้ได้เช่นไร ?! “

 

 

 


ตอนที่ 263

 

จวินโม่เซี่ยไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่น้าของเขาเอ่ยมา เว้นแต่เขาอ้างถึงเหตุการณ์นั้น  และสิ่งนี้ทำให้นายน้อยจวินดิ่งลึก


 


จวินโม่เซี่ยผงกหัว  ทันใดนนั้นเขาจึงได้ถึงท่วงท่าซึ่ง จวินจ้านเทียนก่อสงคราม ท่าทางซึ่งปู่ของเขานำพากองกำลังออกกวาดล้างในนครหลวง  ความทรงจำนี้อบอุ่นหัวใจเขาทันที


 


ความทรงจำนี้ส่งผลกับ จวินโม่เซี่ย อย่างมาก


 


มือสังหารจวินรู้ว่าการตัดสินใจของน้าสามนั้นมีผลจากความรู้สึกมากกว่าเหตุผล  แต่กระนั้น มันจะนำพาอันตรายใหญ่หลวงมาสู่สกุลจวิน หาก จวินวูอี้ ทำงานนี้จริงๆ โดยไม่คำนึงว่าจักช่วยองค์หญิงสำเร็จไหม  อยางไรก็ตาม สวรรค์จักหาทางจนได้เมื่อผู้ที่ทรงคุณธรรมเริ่มต้นทำงานที่ชอบธรรม


 


เป็นการยากที่จะปิดบังการมีส่วนของน้าเขาหาก แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงเกี่ยวพันกับเรื่องนี้  แต่กระนั้น หากจวินโม่เซี่ยรับงานนี้ด้วยตัวเอง แล้วละก็ …


 


” ดีละ ข้าจักไป !  แม่เจ้าเอ้ย! “


จวินโม่เซี่ยสูงหายใจลึก  จากนั้นเร่งรีบส่งกระแสปราณเชวียนบริสุทธิ์เข้าสู่เส้นลมปราณอันแห้งผากของ อยี่กู้ฮั่น เพื่อรักษาชีวิตเขาเอาไว้


” แต่ท่านจักต้องไม่ตามข้ามาท่านน้า ข้าเพียงหนึ่งก็เพียงพอ  เช่นนั้นท่านจงกลับบ้านไปก่อน  แต่ต้องแน่ใจว่า ร่างของเขาจักไม่ขยับเขยื้อนมากนักระหว่างทางกลับ … “


 


” ข้าเข้าใจกระบวนการช่วยเหลือเหล่านี้ ไม่เหมือนเช่นเจ้า “


จวินวูอี้ขัดจังหวะ


” แต่ข้าจักล่าถอยไปอย่างไม่เต็มใจ “


 


” ท่านถูกที่เชื่อมั่นในข้า … แต่กระนั้น ทั้งห้าคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน “


จวินโม่เซี่ยยิ้มขื่นขม  เขาขึ้นขี่ม้า  จากนั้น กดเท้าลงไปด้านข้างม้า และพร้อมเร่งความเร็วออกไป


 


” เจ้ามัน …. วายร้าย !  เจ้า … ระวังตัวด้วย ! “


หัวใจ ตู่กู้เซี่ยวอี้  พองโตขึ้นเนื่องด้วยความเสน่หาจวินโม่เซี่ย  นางรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของจอมวายร้ายจวิน  นางรู้สึกอยากขวางทางมิให้เขาจากไป  ตู่กู้เซี่ยวอี้ กระวนกระวายอย่างหนัก  ยิ่งไปกว่านั้น  นางก่อเกิดความคิดเห็นแก่ตัว  ….


เป็นการดีที่จะให้เจ้าวายร้ายนี่ปลอดภัยแทนที่จะไปช่วยองค์หญิง


 


จวินโม่เซี่ย ขึ้นขี่ม้าและหยุดชั่วคราว  เขาตัดสินใจไม่หันกลับไปเนื่องจากเขาเลือกกระทำเช่นนี้  ม้าของเขาร้อง และ ยกกีบเท้าขึ้น  จากนั้นควบออกไปด้วยความเร็วชั้นเลิศ


 


ร่างบอบบางของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ สั่นเทา  ซุนเซี่ยวเหม่ย มายืนข้างนางและกุมมือนางเชื่องช้า  จากนั้นเอ่ย


” มิต้องเป็นกังวลไป ไม่มีสิ่งใดเกิดแก่เขาเป็นแน่ “


 


” พี่เซี่ยวเหม่ย ข้าบังคับเขา … มากเกินไป … ข้าควรทำเช่นไรหากมีบางสิ่งเกิดแก่เขา ? “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ถามไม่รีบร้อน   นางเป็นกังวล


 


” เขาไม่เป็นไร อย่ากังวล ! “


ซุนเซี่ยวเหม่ยคิด


เจ้าบังคับเขาได้อย่างไร ?  มันคือวาจาของนายท่านสามจวิน  เขาคงมิได้ฟัง แม้นว่าเจ้าพยายามบังคับเขาเป็นพันครั้ง  เจ้ามิอาจบังคับเขาได้  ข้าเกรงว่าตอนนี้เจ้ามิอาจบังคับให้เขาทำสิ่งใดได้ …


 


แต่กระนั้น คำพูดเหล่านั้นทำให้ ตู่กู้เซี่ยวอี้ เสียใจ  ด้วยเหตุนี้ ซุนเซี่ยวเหม่ย คิดได้เพียงหนึ่งสิ่ง


 


มันเป็นโอกาส … การจู่โจม องค์หญิงหลิงเมิง เมื่อ อยี่กู้ฮั่นมาถึง เขาต่อสู้อย่างดุเดือด สุดท้ายเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เล่ยเจียนฮ้งจับตัวองค์หญิงและหนีไป ทั้งหมดนี้ถูกจับตาด้วยผู้ที่หลบซ่อนในเงามืด


 


คนผู้นี้มิใช่ใครอื่นนอกจาก ขุนนางเหวิน  เขาติดตามองค์หญิงหลิงเมิงเข้าไปสู่ หอชนชั้นสูง ในฐานะชายชุดดำ  หอชนชั้นสูง  อนุญาติให้ผู้ได้รับเชิญมีผู้ติดตามไปสองคน องค์หญิงหลิงเมิงเป็นผู้หนึ่งในคณะของ องค์หญิงหลิงเมิง ขุนนางเหวินคือแขกของนางคนที่สอง


 


จากสถานะของเขา ขุนนางเหวินครอบครองความแข็งแกร่งมหาศาล  ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ ไฮ่เฉินเฟิง ก็มิอาจต่อกรกับเขาได้  ทุกสิ่งจักต่างไปสิ้นเชิงหากเขาตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วย


 


น่าเศร้าที่เขามิได้ทำ


 


ขุนนางเหวินชื่นชมความภักดีและความรักซึ่ง อยี่กู้ฮั่นแสดงออกมา  เขารู้สึกอยากช่วย อยี่กู้ฮั่น หลายหนระหว่างเกิดการต่อสู้  แต่แล้ว น่าเสียดายที่เขามิอาจทำได้  องค์จักรพรรดิวางแผนการเพื่อให้ ปรมาจารย์ลึกลับเผยตัว และแผนการนี้จักล้มเหลวหากเขาโจมตี


 


ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนผู้นั้นจักกลายมาเป็นฝันร้ายขององค์จักรพรรดิแห่งนครเทียนเชียง หลังจากเขาช่วยองค์หญิงสำเร็จ !  องค์จักรพรรดิจักมิยอมให้ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนลึกลับและทรงพลังเช่นนั้นอยู่ในอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามิอาจจับตาพวกนั้นได้


 


จักมิใช่เรื่องสำคัญหากคนผู้นี้คือนักบวช  แต่กระนั้น เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์หญิงหลิงเมิง และอาจเกี่ยวพันกับการพิพาทระหว่างอาณาจักร  การเกี่ยวพันของผู้ทรงพลังเช่นนี้ในเรื่องของอาณาจักรมิใช่ข่าวดีในสายตาของ องค์จักรพรรดิ  ดังนั้น องค์จักรพรรดิจึงมิยอดให้เขามีชีวิตอยู่


 


เจตนาเขาอาจเป็นสิ่งดี  แต่เป็นเรื่องสำคัญที่จะเข้าใจชายผู้นี้  องค์จักรพรรดิจะไม่ทรงอุ่นพระทัยจนกว่าสถานะของคนผู้นี้จักชัดเจน


 


ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนลึกลับคือเรื่องหนึ่ง  แต่คนลึกลับผู้อยู่เบื้องหลัง หอชนชั้นสูง  ก็กลายเป็นฝันร้ายของ องค์จักรพรรดิ


 


ขุนนางเหวินรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง … เป็นครั้งแรกนับแต่เกิดมา


 


เขามองอยี่กู้ฮั่นอย่างไร้หนทาง ขณะเขาล้มลงสู่พื้น และนอนนิ่งเงียบ  ขุนนางเหวินมักสงบเสงี่ยม … แต่กระนั้น เขาขบฟันแน่นจนเกือบหัก


เขาคือยอดบุรุษ !  เขาแผดเผาพลังทั้งผมดเพื่อช่วยเหลือองค์หญิง  และ ผู้ที่สามารถช่วยเหลือองค์หญิงได้ กลับถูกบังคับให้นั่งมองอยู่ด้านข้าง !


 


ผิดชอบชั่วดี ?  ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ?  อาห์ !


 


แต่กระนั้น องค์หญิงถูกจับตัวไปแล้ว  ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนลึกลับผู้นั้นจักต้องเผยตัวออกมา  และไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับองค์หญิง !


 


องค์จักรพรรดิมอบงานนี้แก่เขา


 


จักทำสิ่งใดกับ อยี่กู้ฮั่น ?  เขามีลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้าย !


 


ขุนนางเหวินไม่มีทางเลือก  เขามิได้ไร้หัวใจในเรื่องนี้  แต่กระนั้น ก็มิอาจทำสิ่งใดได้  ดังนั้น เขาจึงเฝ้ามองร่างอยี่กู้ฮั่นร่วงลงลู่ธรณี และถอนใจรู้สึกผิด  จากนั้น เขาจึงพุ่งตัวออกไปยังทิศที่มือสังหารเหล่านั้นหลบหนีไปพร้อมกับองค์หญิง และเริ่มไล่ตาม


 


สายลมปะทะใบหน้าเขารุนแรง ขณะเริ่มตามหาคนเหล่านั้น  และในเวลานั้น เขาตระหนักได้ถึงบางสิ่ง  แผนการเหล่านี้ถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อให้ยอดฝีมือลึกลับแสดงตัว และค้นหาผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีองค์หญิงหลิงเมิง  แต่กระนั้น เขารู้จักองค์จักรพรรดิเป็นอย่างดี


องค์จักรพรรดิอาจมีเหตุผลอื่นเบื้องหลังเรื่องนี้ !


 


พวกเขามิเคยพูดถึงเรื่องนี้ เนื่องด้วย องค์จักรพรรดิผู้ปราดเปรื่องและเป็นเลิศจักต้องยอมรับอย่างอับอาย  แต่กระนั้น ขุนนางเหวินเข้าใจ การมีอยู่ของ อยี่กู้ฮั่น เป็นเรื่องที่องค์จักรพรรดิกังวล   ความจริง มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง


 


ไม่มีชายใดทนต่อการมีผู้อื่นเฝ้ามองภรรยาของเขาได้นานนับทศวรรษ  มิอาจละทิ้งสถานการณ์เช่นนี้ได้แม้นจะเป็นหัวขององค์จักรพรรดิ  ท้ายที่สุด จักรพรรดิก็คือ มนุษย์  แท้จริงแล้ว ความปรารถนาที่จะควบคุมของเขานั้นมากล้นกว่าผู้ใด แน่นอนว่ามิอาจอ่อนแอได้กว่านี้


 


ไม่สำคัญว่าชายผู้นั้นมิได้ล้ำเส้น  ตราบใดที่ความคิดนั้นยังคงอยู่ … มันยังคงเป็น ความผิดใหญ่หลวงมิอาจละเว้นโทษประหารได้


 


จึงสำคัญที่ อยี่กู้ฮั่น จักต้องตาย


 


สิ่งนี้คือคือจุดประสงค์แท้จริงท่ามกลางเรื่องเร่งด่วนมากมาย  แท้จริงแล้วองค์จักรพรรดิสังหารเขาด้วยมีดผู้อื่น


 


เขาจัดเตรียมแผนการนี้ !


 


ไม่ประหลาดใจที่ ราชองครักษ์องค์หญิงอ่อนแอยิ่งนัก และไม่ปรารถนาที่กระทำ … ไม่น่าประหลาดใจที่เขาส่งเพียงแค่ข้าเพื่อช่วยเหลือองค์หญิง !  ไม่น่าแปลกใจ !  เป็นดั่งการห้ามผู้อื่นมิให้ช่วยเหลือ … นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้น !


 


ขุนนางเหวินไร้ตัวเลือกเพียงแต่ชมเชยการกระทำขององค์จักรพรรดิแห่งนคร  แผนการของเขาละเอียดและเที่ยงตรง  ความคิดของเขา รอบคอบและ พิถีพิถัน


อุบายข้ามิอาจร้ายกาจเทียบเท่าเขา


 


เขามองเห็นสามคนอยู่เบื้องหน้า  แต่กระนั้น ขุนนางเหวินมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเพื่อเข้าใจในอารมณ์ของเขา


 


จวินโม่เซี่ยควบม้าข้ามถนนหลายเส้นว่องไว  เขา เฆี่ยนม้าอย่างดุร้าย และเดินทางรวดเร็วดั่งเกาทัณฑ์  มุมปากของม้าอันทรงพลังเริ่มมีฟอง  นายน้อยจวินมองไปรอบๆเพื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว  จากนั้น เขาใช้ขาขนามข้างม้าแน่น  โยนสายบังเหงียนไป  แล้ว เงาร่างสูงตระหง่านของจวินโม่เซี่ยจางหายไปจากหลังม้า …


 


ม้าร้องยาว และหยุดลงขณะที่ นายน้อยจวิน หายตัวไป  สายบังเหงียนที่ถูกโยนออก เข้าไปพันกับต้นไม้ใกล้ๆ เป็นวงแน่น


 


ไม่ว่าเขาจักทำสิ่งใดหรือไม่  แต่เมื่อกระทำ เขาจักทำมันอย่างเด็ดเดี่ยวว่องไว  เขาจักทำสุดกำลัง


 


นี่คือจรรยาบรรณของมือสังหาร จวิน  ไม่ว่าเรื่องใดเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว


 


มิใช่เรื่องสำคัญเลย หากองค์หญิงหลิงเมิงถูกสับเป็นชิ้นต่อหน้า หากเขาตัดสินใจไม่ช่วยเหลือนาง  มือสังหารจวินจักเพียงเฝ้าดูอย่างสงบ  ความจริง เขาอาจวิจารณ์หากเคล็ดมีดนั้นไม่ดีพอ … หรืออาวุธนั้นไม่คมพอ  แต่กระนั้น เนื่องด้วยเขาตัดสินใจช่วยเหลือนาง เขาจึงรับประกันว่า แม้แต่เส้นขนบนร่างนางจักต้องไม่ได้รับอันตราย  เขาจักช่วยชีวิตนาง และหนีไป


 


กลิ่นอายรุนแรงล่องลอยในอากาศ  ราวกับฝนดาวตก กระแทกเข้ากับท้องทะเลเต็มกำลัง และก่อเกิดคลื่นมหึมาบนนภา  คลื่นนี้ม้วนตัวไปทั่วทิศทาง ไร้ที่สิ้นสุด


 


จวินโม่เซี่ย กระตุ้น เคล็ดอิสระหยินหยาง ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมหาศาลจากปกติ  เป็นดั่งภาพมายา เขาไปยังสถานที่หนึ่งเพียงช่วงระยะกระพริบตาและจากนั้นย้ายไปอยู่ในสถานที่ต่อไป  ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเหตุการณ์อันลึกลับนี้ แต่กระนั้น นายน้อยจวินเพลิดเพลินอย่างแท้จริง


 


จวินโม่เซี่ย ตระหนักได้ว่าเขาควบคุมเคล็ดอิสระหยินหยางได้ชำนาญมากขึ้น ตั้งแต่เขาปลดล็อคเข้าสู่ชั้นที่สองของเจดีย์หงส์จวินได้  ความจริงนั้น ตอนนี้เขาสามารถใช้มันได้ตามประสงค์  เวลานี้จวินโม่เซี่ยใช้ทักษะนี้ได้อย่างเต็มที่ เขารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับโลก และรู้สึกถูกแบ่งแยกจากเรื่องทางโลกทั้งหมด  ราวกับเขาสามารถไปได้ทุกที่ในโลกหล้านี้ หากเขาปรารถนาไม่มีที่ใดไม่สามารถ …


 


เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์หลั่งไหลราวกับ แม่น้ำแยงซีเกียง ภายในร่างของเขา ไม่มีที่สิ้นสุดและไร้ขีดจำกัด  ลมปราณปลดปล่อยออกจากเจดีย์หงส์จวินอย่างต่อเนื่อง เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ทำงานได้ไร้สะดุด  ลมปราณในร่างหลั่งไหลไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่เขาขับ เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์  และลมปราณเหล่านี้พุ่งกลับเข้าสู่เจดีย์หงส์จวินอีกครั้ง …


 


สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนวงจร วงรอบที่สมบูรณ์


 


จวินโม่เซี่ยอดคิดถึง เคล็ดวิชาเต๋า จากชีวิตก่อนของเขามิได้ แม้นว่าเขายังมิอาจเข้าใจมันได้ในจุดนี้ ชีวิตเป็นเหมือนทะเลแห่งความทุกข์ยาก และร่างกายของมนุษย์เป็นเพียงแพที่ลอยข้าม


 


จวินโม่เซี่ยรู้สึกว่าคำเหล่านั้นเชื่อมโยงกับสถานการณ์ของเขาในตอนนี้อย่างมาก


 


นายน้อยจวิน ประสงค์จะอยู่กับช่วงเวลาอันอัศจรรย์นั้นต่ออีกเนิ่นนาน  แต่กระนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ยอมให้เขาอยู่ในสถานะนั้นต่อได้  น่าเสียดายอย่างแท้จริง …


 


ความเป็นจริงจักเติมเต็มความคาดหวังของผู้คนได้เช่นไร ?


 


ทันใดนนั้น มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเบื้องหน้า


 


จวินโม่เซี่ย วูบผ่านไป อย่างเงียบๆในระยะ สามสิบหลาเพียงแค่ก้าวเดียว  เขาทิ้งไว้เพียงลมวนเบื้องหลังภาพมายานั้น  และลมหวนนี้ค่อยๆจางหายไปอย่างเชื่องช้า …


 


ทั้งสามแปรเปลี่ยนเส้นทางต่อเนื่อง ขณะพวกเขาเคลื่อนที่ตรงไปนอกนคร  ดั่งควันไฟ การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็ว ว่องไว  จังหวะแขนขาราดเปรียว  แต่กระนั้น เขาเห็นทั้งสามคนนั้นน่าเกรงขาม คนเหล่านี้รู้ได้หากมีผู้ใดอยู่ด้านหน้า  จากนั้นพวกเขาจักเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คน  คนเหล่านี้จักไม่เผชิญหน้ากับผู้ใดเลยตลอดเส้นทาง เว้นแต่คนสามัญบางผู้เท่านั้น


 


คนคนสามัญเหล่านั้นมิอาจสังเกตุเห็นพวกเขาได้จากความเร็วเช่นนี้  เขาจักรู้สึกเพียงมีลมหนาวเย็นพุ่งตรงมา และปะทะร่างโดยไร้ร่องรอยสิ่งใด

 

 

 


ตอนที่ 264

 

จวินโม่เซี่ยสูดหายใจลึก และเร่งความเร็วขึ้น  เขาตามหลังชายชุดดำอยู่ราวร้อยหลา และเดินตามจังหวะพวกเขา  ทันใดนั้นเขาสัมผัสถึงปราณผันผวนได้ และตระหนักได้ว่ามีบางผู้กำลังสะกดรอยทั้งสามอยู่  และบอกจากการเคลื่อนไหวของคนผู้นั้นได้ว่า การบำเพ็ญของเขาสูงส่งยิ่งกว่าชายทั้งสามที่เขากำลังไล่ตามอยู่ …


 


อย่าบอกข้า ว่า เขามาจากราชสำนัก ?


จวินโม่เซี่ย ครุ่นคิดชั่วครู่และวางแผนการ …


 


ขุนนางเหวินสัมผัสการมีอยู่ของใครบางคนได้  แต่กระนั้นเขาก็มิอาจระบุตำแหน่งของคนผู้นั้นได้ขณะเขามองไปรอบๆ  อย่างไรก็ตาม ขุนนางมีสติอันทรงพลัง และและบอกได้ว่าคนผู้นี้คือยอดฝีมือที่น่าเกรงกลัวมิอาจคาดเดา


 


แต่เหตุใดข้าจึงมิอาจระบุตัวเขาได้ ?


 


เบื้องหน้าโล่งแจ้ง  เงาที่มิอาจแยกแยะกระโดดขึ้นกำแพงเมือง และเหาะจากไปในไม่นาน  ขุนนางเหวินใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อพินิจและหยุดอยู่ชั่วครู่  เขาไม่เชื่อว่าเด็กพวกนั้นสามารถหลบหนีเขาได้  ดั้งนั้น เขาจึงตัดสินใจค้นหาว่า คนผู้นั้นปิดบังตัวเองในพื้นที่กว้างใหญ่ได้อย่างไร


 


ข้าไม่คิดว่าผู้อาวุโสชั้นเลิศจะปิดบังตัวเองจากสายตาข้าในที่กว้างใหญ่เช่นนี้ได้ !


 


แต่กระนั้น ขุนนางเหวินต้องผิดหวัง


 


เขารออยู่ชั่วขณะ แต่ยังไม่พบคนผู้นี้  ทั้งหมดที่ทำได้คือ สัมผัสการมาถึงของลมปราณที่แข็งแกร่งและน่าหวาดกลัว จากนั้นห่างออกไปไกล  แท้จริงแล้ว กลิ่นอายนั้นเคลื่อนผ่านพื้นที่อันว่างเปล่านั้นไป  แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นผู้ใด


 


นี่ … เป็นไปได้เช่นไร ?


 


มีคนเช่นนี้อยู่ในโลกมนุษย์ !


ขุนนางเหวินสูดหายใจลึก  แต่กระนั้น ภายในร้อนรุ่มไปด้วยความปรารถนา


ชีวิตจะดีได้เพียงใด … หากข้าต่อสู้กับยอดฝีมือเช่นนี้ตัวต่อตัว ?


 


นางเหวินจัดแต่งตัวเองหลังจากพ่นอากาศออกมา และกระโดดขึ้นอย่างแผ่วเบา  เขาร่อนลงสู่กำแพงเมืองแผ่วเบาประหนึ่งเส้นผม จากนั้น หายตัวไปในทิศนั้นเช่นกัน  องครักษ์ประตูเมืองที่ง่วงเหงาหาวนอนมิอาจสังเกตุได้ และยังคงไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น


 


” พี่ใหญ่ สภาพของน้องห้าไม่ค่อยดีนัก  ข้าถ่ายปราณเชวียนเข้าสู่ร่างของเขา แต่ยังไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง  พวกเราจักต้องฟื้นฟูการบาดเจ็บของเขาเร่งด่วน  มิเช่นนั้น ข้ากลัวว่า … “


น้ำเสียง โจวเจียนหมิง ร้อนรน


 


” อยี่กู้ฮั่น โหดร้ายอย่างแท้จริง !  สภาพน้องสี่ก็เลวร้ายเช่นกัน “


เล่ยเจียนฮ้งขบฟันด้วยความเกลียดชัง  จากนั้นเอ่ยอย่างรวดเร็ว


” สภาพของน้องห้านั้นรุนแรง  แต่เขาจักกลับมาเป็นปกติเมื่อเรารักษาเขาสำเร็จ  แต่กระนั้น น้องสี่อาจจะพิการไปตลอด  หัวไหล่ของเขาถูกตัดออก และใบหน้ายับเยิน … แม่เจ้า อยี่กู้ฮั่น ! “


 


” ข้ามิคาดว่า อยี่กู้ฮั่น ผู้นี้จักเป็นปัญหามากยิ่งเช่นนี้ !  พวกเราแต่ละคนอยู่ขั้นสวรรค์เชวียน มิได้อ่อนด้อยในอาณาจักรนี้ !  คนผู้นั้นเผชิญหน้ากับเราทั้งหมดเพียงผู้เดียว และทุกสิ่งกลับกลายเช่นนี้ไป ! “


ศิษย์สาวสาม ฟางเปียวฮ้ง ถอนใจ


” โชคดี ที่เขาตายไป !  แม้นสิ่งที่เขาทำกับน้องสี่จะน่าเวทนา …. “


 


” ทั้งหมดนี่เป็นเพราะนังโสเภณีหลิงเมิงผู้นี้ ! “


เล่ยเจียนฮ้งคำรามโกรธเคือง


” ข้าจักทำให้นางโสเภณีผู้นี้มีชีวิตอย่างเสียใจ หลังจากข้าพบเรื่องราวของผู้ลึกลับที่ขว้างมีดบินนั้นมา  !  ข้าจักดูแลจัดการนาง … องค์หญิงน่ารังเกียจผู้นี้ ! “


 


” พวกเราจักต้องรอคอยจนกระทั่ง อาจารย์มาถึงแม้นเราจะได้สิ่งที่ต้องการแล้ว “


ฟางเปียวฮ้งถอนใจอีกหน


” น้องสี่และกำลังจะตาย น้องหกไม่มีหวังจะฟื้นฟู  กระดูกน้องเจ็ด ถึงสิบ ถูกฝังไว้ภายในนครเทียนเชียง  ผู้ใดคาดคิดจะเกิดสิ่งเหล่านี้ … มันควรเป็นเช่นนี้หรือ ?! “


นางต่อด้วยการถอนใจอีกครั้ง


” โทสะอาจารย์จักพุ่งพล่านเมื่อได้ยินสิ่งนี้ !  พี่ใหญ่ อาจารย์จักมาถึงในสองวัน  พวกเราจักต้องตระเตรียม ! “


 


” ข้าจักตระเตรียมอันใดได้ ? “


เล่ยเจียนฮ้งเอ่ยสิ้นหวัง


” หากพ่อไม่เฆี่ยนตีข้าจนตาย ข้ากลัวว่าเขาจักทำให้ข้าอยู่ในสภาพเจียนตายนานนับครึ่งปี !  ข้านำพาศิษย์เก้าคนมาที่นี่ … และเวลานี้ หลงเหลือเพียงแค่สาม  มันจักไม่ทำให้ผู้เฒ่ามีโทสะมหาศาลหรือ ?  หากอภัยให้ข้าโดยง่ายคงเป็นเรื่องอัศจรรย์ ! “


 


โจวเจียนหมิงถอนใจเช่นกัน


” ข้าคาดว่าทั้งสามก็มิสามารถทำอันใดได้ง่ายในเวลานี้  ท่านอาจารย์จักมาถึงในสองวัน  เมื่อถึงเวลานั้น … โอ้วพระเจ้า !  ข้ามิอาจคาดว่าท่านอาวุโสจักกระทำเช่นไร “


 


” อาจารย์ทุ่มเทใจให้แก่ศิษย์ทั้งสิบเอ็ด … ตอนนี้ …. เฮ้อ !  ข้ามิอาจรู้ได้เขาจะเสียใจเพียงใด ! “


ฟางเปียวฮ้งเอ่ยโศกเศร้า  นางมิอาจห้ามปรามดวงตามิให้แดงก่ำ …​


 


ชายป่าปรากฏขึ้นตรงหน้าขณะพวกเขากำลังพูดคุยกัน  พวกเขาหันมองด้านหลังเป็นครั้งแรกเพื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดตามมา  จากนั้นพวกเขาเข้าไปด้านใดโดยไร้ลังเล  มือสังหารจวินติดตามพวกเขาไปโดยไร้รูปร่าง หรือสมบัติทางกายภาพใดๆ  เขาล่อลอยอยู่ในอากาศขณะติดตาม


 


จวินโม่เซี่ยฟังเหล่าผู้ลักพาอย่างระมัดระวัง  ศิษย์ของ เล้ยวูเบ้ยเป็นส่วนหนึ่งในการโจมตีเพื่อแกนเชวียน ในค่ำคืนพายุฝนฟ้าคะนอง


 


จวินโม่เซี่ยเสียขวัญจากสิ่งที่เขาได้ยิน


เลวูเบ้ย ปรมาจารย์เลือดเย็นจะมาถึงเทียนเชียงในอีกสองวัน ?!


 


นี่คือข่าวใหญ่ !


 


ทั้งสามยังคงระมัดระวังแม้นจะอยู่ในป่ารก  พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางและเลี้ยวสองครั้ง ครั้งแรกซ้าย จากนั้นขวา  แล้วหยุดตรงตอไม้แห้งยาว จากนั้น พี่ใหญ่ของพวกเขา เล่ยเจียนฮ้ง ยื่นมือไป และกดบางสิ่งลงบนพื้นที่ปริศนา  ตอไม้สามตอหายไปในทันที และเผยให้เห็นแผ่นหินใหญ่  จากนั้นแผ่นหินเคลื่อนออกและเผยเส้นทางเข้าถ้ำ


 


จวินโม่เซี่ยก้าวเพียงหนึ่ง และหายเข้าสู่ด้านในขณะที่มันเผยออกมา  ถ้ำปลอดภัยอย่างมากเนื่องด้วยไม่มีผู้ใดอยู่ภายใน  ทั้งสามรวมทั้ง เล่ยเจียนฮ้งประจำตำแหน่ง และเดินลึกเข้าไป ช้าๆและระมัดระวัง  ถ้ำนี้คับแคบ จนสองคนมิอาจเดินเข้าสู่ด้านในเคียงข้างโดยมิชนกันได้  พวกเขาจักรู้หรือไม่ว่า นายน้อยจวินอยู่ที่นั่น … เฝ้ารอพวกเขาเข้าไปอย่างเงียบเฉียบ …


 


ตอไม้ค่อยๆกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมหลังจากพวกเขาเข้าไปแล้ว  ธรณีกลับดูเงียบสงบลงอีกครั้ง ไม่มีเสียงของสิ่งใดให้ได้ยิน …


 


ขุนนางเหวินติดตามทั้งสามมาถึงชายป่า  พวกเขามิอาจหลบซ่อน หรือทิ้งห่างจากจิตสัมผัสของเขาได้  ความจริง เขาเห็นพวกเขาเดินเข้าไปในป่า  แต่กระนั้น เขาได้สูญเสียเวลาไปในการค้นหาผู้ที่น่าเกรงขามนั้น  ดังนั้น เขาจึงมาถึงทางเข้าถ้ำช้าเกินไป  แผ่นหินกลับคืนสู่ตำแหน่งในขณะที่เขามาถึง  ไม่มีร่องรอยของทางเข้าหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย  เขาค้นหาทุกที่ แต่มิอาจะค้นพบผู้ที่เขาตามมาได้เลย  ขุนนางเหวิน สัมผัสได้เพียงกลิ่นอายของพวกเขา  รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ไม่ไกล แต่มิอาจระบุตำแหน่งได้  เขามิอาจกลั้นความกังวล  สิ่งนี้เป็นดั่งเช่น แมวแก่เผาหนวดตัวเอง


 


ขุนนางเหวินรู้ว่าคนเหล่านั้นจักต้องหลบหนีลงใต้พื้นดินโดยใช้กลไกลับเพื่ออำพรางเส้นทาง  แต่กระนั้น พวกเขาจักไปที่ใดหลังจากมุดลงใต้ดินแล้ว ?  เขามั่นใจว่า สามารถรู้ได้หากเขาขับเคล็ดวิชาให้ครอบคลุมพื้นที่นี้  แต่สิ่งนั้นจักทำให้พวกเขาสงใส  น่าเวทนาที่จักต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น เขามิอาจคิดแผนการอื่นได้


 


แต่กระนั้น องค์หญิงหลิงเมิงจะตกในเงื้อมมือพวกเขาหากพวกเขาไม่แสดงตัว  และข้าจักทำเช่นไรหากบางสิ่งเลวร้ายเกิดแก่นาง … ?  ข้าจักเผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิได้เช่นไร ?


ขุนนางเหวิน รู้สึกอึดอัดใจขณะขมวดคิ้ว  เขาคิดหนักมากมายเกี่ยวกับการตอบโต้สิ่งที่มิอาจคาดเดาได้ …


 


โพรงนำไปสู่พื้นที่ขนาดมหึมา  ผืนดินแบนราบมั่งคง  แต่กระนั้น สถานที่นี้มีกลับอับชื้นเนื่องจากอยู่ใต้ดิน


 


” พวกเจ้าทั้งสอง รีบเร่งฟื้นฟูน้องสี่และห้า  ข้าจักสอบสวนนางโสเภณีนี่ ! “


เล่ยเจียนฮ้ง มีสีหน้าอาฆาตรแค้น


 


” พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าพวกเขาคือ ศิษย์น้องของเจ้าและ เจ้ากำลังโมโห องค์หญิงหลิงเมิง แต่ข้าจักขอให้เจ้า พิจารณาวิธีการของเจ้าเล็กน้อย “


ฟางเปียวฮ้งลังเล แต่นางยังคงต่อ


” ข้าเห็นได้ว่าเรื่องนี้จักนำพาความเจ็บปวดสู่น้องโย่วหลานได้  ข้าเข้าใจ … ว่าตัวตนของพวกเรายังมิถูกเปิดเผย  หากเขาขอให้ น้องโย่วหลานมาที่นี่เสแสร้งคนดี .. และเขาจักกลายเป็นวีรบุรุษช่วยเหลือองค์หญิงจากอันตราย … หากโย่วหลานทำสำเร็จ … มันจักถือได้ว่า … “


 


” ..​ดีมาก  ติดต่อ น้องโย่วหลาน  ข้ามิต้องการทำอันตรายนาง “


เล่ยเจียนฮ้ง ขบฟัน


 


ฟางเปียวฮ้ง กระแอม แต่ยังคงเงียบ  จากนั้นนางจึงหันไปรักษาสหายศิษย์ของนางอย่าเต็มกำลัง


 


หัวใจ จวินโม่เซี่ย เริ่มเต้นรัวในความมืด


” น้องโย่วหลาน ?! “​


 


สองคนนี้


” โย่วหลาน … ลี่โย่วหลาน … หมายความว่า เจ้าหนุ่มนั่นมิอาจสำราณได้อีกต่อไป


 


อย่าบอกข้านะ … ลี่โย่วหลานเกี่ยวพันกับคนเหล่านี้ในเรื่องใหญ่เช่นนี้ ?


 


เล่ยเจียนฮ้งใช้แขนยอก องค์หญิงหลิงเมิงขึ้น และวางนางลงพิงกำแพง  จากนั้นเขายื่นมืออกไปและวางลงบนหัวของนาง  ปลดปล่อยปราณเชวียนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างนาง  สิ่งนี้ทำให้องค์หญิงตื่นขึ้น


 


” เจ้าคนเลว !  ปล่อยข้าไป ! “


องค์หญิงหลิงเมิง เพิ่งจะลืมตา และโกรธเคืองอย่างมาก  นางตะโกน


” ข้าต้องการไปหาน้า อยี่ !  ปล่อยข้าไป ! “


 


” พระองค์ ท่านประสงค์เป็นอิสระ และ ท่านจะไปได้ … อย่างง่ายดาย  ทั้งหมดที่ข้าต้องการจากท่าน คือตอบเพียงหนึ่งคำถาม  จากนั้น ท่านจักถูกปล่อยตัว “


เล่ยเจียนฮ้งคำรามทางจมูก  เขาเอ่ยกับนางขณะเยาะเย้ย


” พระองค์ ท่านโอบกอดมีดบินจำนวนหนึ่ง และเก็บมีดอันตรายไว้อย่างรักใคร่  ไม่ประหลาดไปหน่อยหรือ องค์หญิงหลิงเมิง ?  ด้วยเกียรติขององค์หญิง ข้าจักปล่อยท่านเป็นอิสระ หากบอกข้าว่าเจ้าของมีดเหล่านั้นคือผู้ใด …  ข้าจักไม่ผิดสัญญา “


 


” เจ้าของมีดบิน ? “


องค์หญิงหลิงเมิง เบิดตากว้างอย่างประหลาดใจ  คนเหล่านี้ลักพานางมาเพื่อถามเรื่องนี้ ?


” ข้ามิเคยพบผู้ที่ฝีมือสูงส่งเช่นนั้น เช่นนั้นข้าจักรู้ได้อย่างไร ?


 


” ฮ่า ฮ่า !  … องค์หญิง เมื่อท่านเอยเช่นนั้น … ท่านคิดว่าพวกเราทั้งสามเป็นเด็กกระนั้น ! “


เล่ยเจียนฮ้ง ยิ้มชั่วร้าย


” ศิษย์น้องข้าจำนวนมากถูกเขาสังหาร  แท้จริงแล้ว พวกเรามิเคยได้ยินว่าผู้ใดมีฝีมือเช่นนั้นในโลกหล้า  แต่งานแรกที่เขาทำคือช่วยชีวิตท่าน !  อย่าบอกข้าว่าองค์หญิงลืมไป ?  คนผู้นั้นมาถึงในเวลาสุดท้ายที่ท่านเผชิญหน้ากับมือสังหาร สิ่งแรกที่เขาทำ คือการช่วยชีวิตท่าน !  แต่เขาคงจะเป็นวิญญาณอย่างแท้จริง หากองค์หญิงยืนยันว่าไม่รู้ตัวตนของเขา ! “


 


จวินโม่เซี่ย กระสับหระส่ายอยุ่ภายใน  เขาช่วยเหลือองค์หญิงอย่างลับๆเมื่อนางประสบการลอบสังหารครั้งล่าสุด


ข้าเกี่ยวพันกับนาง เพราะช่วยนาง ?


ความขุ่นเคืองนี้ยากจะคิดถึง …


 


คนเหล่านี้รู้ถึงการเชื่อมโยงของสองเหตุการณ์ที่อิสระต่อกันได้เช่นไร ?


ความคิดของจวินโม่เซี่ย กลับไปยัง ลี่โย่วหลาน ทันที


 


มันเป็นเช่นนี้เอง !  ทุกสิ่งจักชัดเจนเมื่อเรานำ สกุลลี่มาพิจารณา !


 


” เจ้าสังหารน้าอยี่เพื่อถามคำถามนี้ ? “


องค์หญิงหลิงเมิง มิอาจขยับตัว  แต่กระนั้น ดวงตาของนางยังคงเบิกกว้างขณะมองอย่างเกลียดชังไปยังผู้ที่จับตัวนางมา  ราวกับนางจะพ่นใฟใส่เขาในไม่ช้า


 


” เอาละ !  องค์หญิง ลืมเรื่องที่จะออกไปจากที่นี่เสีย เนื่องจากนางยืนยันจะไม่บอกพวกเราเกี่ยวกับเจ้าของมีดเหล่านั้น … ! “


เล่ยเจียนฮ้งยิ้มชั่วร้ายขณะเขาเอ่ยเสียงต่ำ


” พวกเรามีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เจ้าพูดออกมา “


 


จวินโม่เซี่ยรีบคิดถึงกระบวนท่าที่เขาสามารถใช้ได้  เขาคิดจะเข้าไปใกล้ๆองค์หญิงหลิงเมิง และหายตัวไปพร้อมกับนางโดยใช้เจดีย์หงษ์จวิน  แต่กระนั้น แม้เขาพยายามหลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ


ชัดเจนว่า เจดีย์หงส์จวินไม่ส่งผลต่อผู้ใดนอกจากเขา … ?  หรือการบำเพ็ญของข้าอาจยังไม่เพียงพอ ?


 


ความปรารถนาของเขา แตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากแผนการนี้มิอาจใช้ได้  มันจักเป็นการง่ายสำหรับเขาหากเขาสามารถนำพาองค์หญิงไปในเจดีย์หงส์จวินได้  จวินโม่เซี่ยมั่นใจว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากความสับสนนั้นได้  เขาจักพาตัวนางหนีไป  ความจริง เขาสามารถทำให้มือสังหารผู้หนึ่งบาดเจ็บหรือตายได้


 


ช่วยเหลือองค์หญิงจึงมิใช่เรื่องงยาก  แต่กระนั้น คนเหล่านี้คือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  ดังนั้นเขาจักต้องเผชิญกับหายนะ หากพวกเขาพบตำแหน่งของเขา


 


เล่ยเจียนฮ้ง บีบกรามองค์หญิง และบังคับให้นางเงยหน้า  จากนั้นถามอย่างดุร้าย


” ข้าจักถามเจ้าครั้งสุดท้าย เจ้าจะยังไม่เอ่ยใช่หรือไม่ ?  ข้าต้องลงโทษองค์หญิงอย่างไร้ทางเลือกหากนางยังคงปากแข็งเช่นนี้ ! “


 


ทันใดนนั้น เสียงหัวเราะ อันสูงส่ง รุนแรง และเยาะเย้ยดังขึ้นอย่างปริศนา มันก้องสะท้อนไปทั่วภายในถ้ำ


” เล้ยวูเบ้ยสั่งสอนขยะเช่นนี้ ?  เขาเป็นพี่ที่เลือดเย็นเช่นไร ?  ช่างน่าขันยิ่งนัก ! “


 


เสียงยังไม่จางหายเมื่อแสงสีครามปรากฏครอบคลุมพื้นที่  จากนั้น มีดบินบางๆ ถูกปาออกมาจากที่ใดก็มิอาจทราบ  และเปล่งประกายแสงดั่งฝันขณะที่มันสะท้อนใบหน้าของทุกคน


 


ฉึบบ !


 


มีดบินเล่มนั้นปักลงพื้นดิน  ส่งเสียงคล้ายดั่งท่อนไม้ผุ


 


ทั้งสามกระโดดขึ้นด้วยความตะลึง  เล่ยเจียนฮ้ง เอามือปกป้องหน้าอก  จากนั้นเขาตะโกนลั่น


” เนื่องจากท่านผู้ได้รับเกียรติมาถึง … ท่านต้องการสิ่งใด ?  เหตุใดท่านจึงหลบซ่อน ?  ข้าเฝ้ารอท่านมายาวนาน ! “


 


โจวเจียนหมิง และ ฟางเปียวฮ้งคว้าด้ามกระบี่และดึงมันออกมา พวกเขาประทับกระบี่ไว้ตรงหน้าอกเป็นแนวขวาง จากนั้นมองไปรอบๆราวกับเผชิญกับศัตรูที่อันตราย


 


เสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่วเบา


” เด็กหนุ่มอย่างพวกเจ้าประเมินความสามารถตัวเองสูงส่งเกินไปที่มาท้าทายข้า ! “


 


ดวงตาขององค์หญิงหลิงเมิงเอ่อนองด้วยน้ำตา เนื่องจากมันส่งผลต่อความรู้สึกของนาง  นางตะเกียกตะกาย ขณะถาม


” ท่านพี่ … เป็นท่าน ?  ข้าขอร้อง !  ข้าขอร้อง ให้ท่านนำพาข้าไปหา น้าอยี่ !  ข้าวิงวอนให้ท่านสังหารคนเหล่านี้เพื่อแก้แค้นให้ท่านน้าข้า ! “​


 


การเคลื่อนไหวใต้ดินเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงตะโกนของ เล่ยเจียนฮ้งดังชัดเจนในหูของ ขุนนางเหวินที่อยู่ด้านนอก  สิ่งนี้ช่วยให้เขาระบุตำแหน่งของพวกเขาได้


 


เขากำลังค้นหาเบาะแส  แต่กระนั้น เสียงตะโกนของ เล่ยเจียนฮ้ง ทำให้เขาระบุตำแหน่งของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น  เขาไปยังทางเข้าถ้ำอย่างรวดเร็ว และกลั้นหายใจขณะตั้งใจฟัง  เขาสามารถเข้าไปในที่ซ่อนตัวได้ตราบใดที่เขาสามารถบอกตำแหน่งของมันได้


 


แต่กระนั้น เล่ยเจียนฮ้ง และสหายทั้งสอง เพิ่งจะประสบกับเหตุการณ์อันน่าตกตะลึง  ความจริง มันน่าหวาดกลัว แปลกประหลาด และบังเกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ … ร่างอันบอบบางขององค์หญิงถูกยกขึ้นพิงกำแพง แต่ทันใดนั้นนางลอยขึ้นในอากาศด้วยเสียง ฉึบ  จากนั้นนางเริ่มลอยไป  ราวกับ เกาทัณฑ์ ที่ถูกยิ่งออกมาจากคันศร


 


เล่ยเจียนฮ้ง กระโดดขึ้นด้วยความตระหนก และกระโจนเข้าใส่องค์หญิง  แต่แล้ว เขาช้าไป  จวินโม่เซี่ย พุ่งทะลุแผ่นหินตรงทางเข้าด้วยเสียง ตู้ม ! พร้อมด้วยองค์หญิงในมือ  ลำแสงพระอาทิตย์สาดส่องเข้าไปในถ้ำ


 


เล่ยเจียนฮ้ง และคนอื่นๆ ร้องตะโกนขณะติดตามไป


 


ขุนนางเหวิน เดินไปมาหน้าตอไม้  เขาคิดทำลายพื้นดินเพื่อช่วยเหลือองค์หญิงอย่างลังเล  จากนั้น เขาได้ยินเสียงดังลั่นราวดินถล่ม  และตามมาด้วยเสียงระเบิด ขณะทางเข้าถ้ำพังทะลาย  ขุนนางเหวิน ไม่ทันตั้งตัวและล้มลงสู่พื้น  เขากำลังจะอ้าปากสถบขณะเห็นร่างหนึ่งตรงมาที่เขา ราวกับว่าถูกโยนใส่เขา ร่างอันบอบบางนี้คือ องค์หญิงหลิงเมิง …


 


คนชุดดำสามหน้ากากทั้งสามรีบออกมาด้านนอกและล้อมเขา  จากนั้น พวกเขาผู้หนึ่งตะโกน


” เจ้าชั่ว !  ครั้งก่อนเจ้ายังหลบซ่อน และครั้งนี้เจ้ายังหลบซ่อนอีก !  แต่เจ้าหนีไปไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม ?!  ข้าจักเฝ้าดูว่าเจ้าจะหนีไปอย่างไร ! “


 


ขุนนางเหวินยื่นมืออกไปและคว้าตัวองค์หญิงหลิงเมิง  จากนั้นพบว่าตัวเขาถูกลอมและกำลังเผชิญหน้า  เขามิอาจกลั้นเสียงครวญครางแห่งทุกข์ยากนี้ ! …..


 


คนผู้นี้ใส่ร้ายเขา !

 

 

 


ตอนที่ 265

 

ผู้เจนจัดดั่งขุนนางเหวินจะมิเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองได้อย่างไร ?


 


เขาวางแผนการช่วยเหลือองค์หญิง  แต่กระนั้น คนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น แต่กระนั้น ชัดเจนว่าผู้นี้แข็งแกร่งเพียงพอที่จะช่วยองค์หญิงได้  แต่ กลับโยนองค์หญิงใส่มือเขาหลังจากหนีออกมาภายนอก


แต่ …. คนผู้นี้มั่นใจได้เช่นไรว่าข้ามาช่วยเหลือองค์หญิง


 


ผู้นี้ช่างน่ารังเกียจ !  เขาใส่ร้ายข้าสำหรับการกระทำของเขา เพื่อปกปิดร่องรอยตัวเอง … แล้วข้าจักทำอันใดได้ ?


 


เป็นปริศนาอย่างแท้จริง !


 


เขาตัดสินใจติดตามพวกเขาอย่างลับๆ  เช่นเดียวกับ ตั๊กแตนที่ออกล่าจั๊กจั่นโดยไม่รู้เลยว่ามีนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง หรือ คล้ายดั่งชาวประมงเฒ่าผู้ที่ใช้ประโยชน์จากสองนกเรียนที่ต่อสู้กัน  แต่กระนั้น ไม่เพียงแต่ประมงเฒ่าไม่ได้รับประโยชน์อันใด แต่เขาต้องกลับเป็นแพะรับบาปไปด้วย !  ไร้สาระนัก


 


ตัวเขาถูกเปิดโปง  เขามิอาจสืบสวนเรื่องยอดฝีมือสวรรค์เชวียนลึกลับได้อีกแล้ว … ยิ่งไปกว่านั้น เขามิอาจจับผู้ลักพาตัวได้ เนื่องจากองค์หญิงอยู่ในมือเขาแล้ว  และแผนการสืบสวนพวกเขาก็พังทะลายลงหมดสิ้น  ชัดเจนว่ามันกลายเป็นปัญหาใหญ่เนื่องเขามิอาจขอความช่วยเหลือผู้ใดได้   ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเพ่งมองไปยัง ผู้ลักพาด้วยหน้าตะลึงงัน


 


เขาพินิจสถานการณ์


ข้ามิอาจทำการสืบสวนสิ่งใดได้ เนื่องจากผู้ลักพาหนุ่มสาวเหล่านี้เปิดโปงข้า …


 


เห็นได้ชัดว่า ขุนนางเหวิน ทรงพลังยิ่งกว่า เล่ยเจียนฮ้ง และ สหาย แต่กระนั้น อารมณ์ของเขายังคงโศกเศร้ายิ่งนัก


 


คนลึกลับผู้นั้นมาช่วยเหลือองค์หญิง … แต่เหตุใดเขาจึงส่งนางให้ข้า ?  และ เหตุใดจึงทิ้งนางไว้กลางทาง โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ไล่ล่าสามคน  พวกเขาสามารถจับตัวองค์หญิงกลับได้ไป !  สมมุติว่าแผนการของเจ้าใช้ได้ ….. เจ้าจะเรียกตัวเองว่าชายชาตรีได้เช่นไร แม้นว่าเจ้าจะทำเช่นนี้ว่าเร็ว ?


 


องค์หญิงหลิงเมิง ยังคงดิ้นรนและอ้อนวอนไม่หยุดหย่อน


” ท่านพี่ ข้าขอวิงวอนแก่เจ้า สังหาคนเหล่านี้ และพาข้าไปหาว น้าอยี่ … “


 


องค์หญิงหลิงเมิงไม่สามารถเห็นท่านพี่ลึกลับผู้นั้นได้ชัดเจน แม้นว่าแท้จริงแล้วนางเคยอยู่ในอ้อมแขนของเขา  แต่กระนั้น นางยังคงรู้สึกปลอดภัย


เขาเหมือนท่านน้า อยี่ ยิ่งนัก  ข้าจักไม่มีอันตรายใดตราบที่เขาอยู่ที่นี่


นางจึงคิดถึงความเป็นอยู่ของ อยี่กู้ฮั่น


 


จากนั้นผู้ยิ่งใหญ่นั้นโยนนางทิ้งไป  แล้วนางก็ตกลงสู่มือของอีกผู้หนึ่ง  หญิงสาวผู้เกิดมาพร้อมกับประสาทสัมผัส  นางสามารถบอกได้จากกลิ่นอายของคนผู้นี้ว่าเขาคือ แขกผู้ทรงเกียรติแห่งราชสำนัก สหายลึกลับองค์จักรพรรดิ ขุนนางเหวิน


 


เขาก็อยู่ที่นี่ !  เวลานี้ สองผู้มากฝีมือร่วมมือกัน !  ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีจากความแข็งแกร่งของทั้งสองได้  พวกเขาจักล้างแค้นแก่ น้าอยี่ !  และผู้มากฝีมือเช่นนี้สามารถช่วยชีวิตน้าอยี่ได้ ….


 


อ้อมกอดขุนนางเหวินอบอุ่น  แต่ขาดแคลนความอบอุ่นภายในซึ่งก่อให้เกิดสัมผัสที่ปลอดภัย …


 


ความคิด องค์หญิงหลิงเมิงถูกครอบงำด้วยความประหลาดใจ  แต่กระนั้น ยังคงไร้เดียงสาและแปลกประหลาด  ชีวิตจะเคลื่อนไหวไปตามความปรารถนาของผู้คนได้เช่นไร ?  ความเป็นจริงในเรื่องนี้ต่างไปจากสิ่งที่นางต้องการให้เป็น  ความจริง พวกเขาไม่คล้ายคลึงกัน


 


ขุนนางเหวิน โกรธเคืองเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น  ธรรมดาแล้ว เขาเต็มเปี่ยมด้วยปรารถนาแห่งการต่อสู้  มือหนึ่งปกป้ององค์หญิง อีกมือวางตำแหน่งพร้อมต่อสู้  ซึ่งไร้ซึ่งอาวุธใด  แต่คล้ายกับเขามีขวานขนาดมหึมาอยู่ในมือนั้น  ความน่าเกรงขามดูเหมือนจะสร้างความได้เปรียบแก่เขา  เขามองชั่วร้ายไปยังหนุ่มสาวทั้งสาม ราวกับประสงค์จะสับพวกนั้นเป็นชิ้น


 


ขุนนางเหวินคาดว่า คนผู้นั้นตามรอยพวกเขาไปโดยไม่ถูกจับได้  เขามั่นใจว่า ยอดฝีมือลึกลับช่วยเหลือองค์หญิง และ สร้างเรื่องไร้สาระนี้ขึ้นเพื่อปกป้องตัวตนที่แท้จริงของเขา  เขาบอกได้ว่า ผู้ลึกลับนี้ไม่ประสงค์จะเผยตัว เนื่องจากมันมีความหมายกับเขาอย่างมาก  ด้วยเหตุนี้ ยอดฝีมือผู้นี้จึงโยนความผิดโทษสู่ขุนนางเหวิน  ผู้แรกที่ยืนหยัดจักถือว่าเป็นเลิศเสมอ นั่นคือวิธีการคิดของโลกนี้  ธรรมดาแล้ว ขุนนางเหวินอับอายที่เป็นอันดับสอง  แต่กระนั้น สิ่งที่ทำให้ขุนนางเหวินเจ็บใจที่สุดคือความจริงที่ว่า เขามิได้เห็นยอดฝีมือลึกลับนั้นได้แม้นเพียงแวบเดียว


 


เขาจึงรู้สึกโศกเศร้า และ อ่อนด้อย ด้วยเหตุนี้จึงยังคงสงบปากไว้อยู่  นี่คือเหตุผลหลักที่อยู่เบื้องหลังความเดือดดาลในใจ  เขาคือผู้ที่มากสามารถไม่สามัญ  แต่ขุนนางเหวินมิเคยรู้สึกอ่อนด้อยเช่นนี้มาก่อนในชีวิต  ความแข็งแกร่งของขุนนางเหวินนั้นมิอาจคาดเดา  ไม่มีผู้ใดคาดว่าเขาคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด  ความจริง แม้แต่ แปดยอดปรมาจารย์ ก็พบว่าไม่ง่ายที่จะต่อสู้กับเขา


 


แต่กระนั้น ขุนนางเหวินกลับติดกับดักเล่ห์กลที่นี่  แต่เขาคือผู้มากประสบการณ์ และ สามารถประเมินสิ่งที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว  เขากระโดดออกจากวงล้อม และเอ่ยวาจาด้วยสีหน้าเข้มขรึม


” เช่นนั้น พวกเจ้าเป็นศิษย์แห่งมหาปรมาจารย์เลือดเย็น ?  ข้ามิรู้ถึงความเป็นอยู่ของ มหาปรมาจารย์เล่ย ในช่วงหลัง  และข้าไม่รู้ว่าอาณาจักรเทียนเขียงของข้ากระทำสิ่งให้ให้ท่านมหาปรมาจารย์เล่ยขุ่นเคือง !  สิ่งใดที่พวกเราทำให้เขาต้องกระทำเช่นนี้ … ส่งศิษย์มาจับตัวองค์หญิงแห่งราชวงศ์เรา ?  ท่านพี่ผู้ทรงเกียรติหลงลืมสัญญาพันธมิตรระหว่างเราแล้วหรือ ?


 


” มหาปรมาจารย์ ?  เจ้ากำลังเอ่ยสิ่งใดผู้เฒ่า ?  มาตายโดยน้ำมือของพ่อเจ้าซะ ! “


เล่ยเจียนฮ้งปฏิเสธและต่อว่า  แม้นเขาจะประหลาดใจที่เป็นเช่นนี้


 


ผู้เฒ่าผู้คือใคร ?  ความแข็งแกร่งของเขาคล้ายดั่ง สวรรค์เชวียนสูงสุด  เขาเพียงผู้เดียว ถูกล้อมรอบโดยศัตรูรอบด้าน … แต่เขากลับสงบนิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ …  ความแข้งแกร่งของเขา มิใกล้เคียงพ่อข้า … และยิ่งกว่านั้น …  ผู้มากฝีมือระดับนี้อยู่ที่นี่ในช่วงเวลาอันสำคัญได้อย่างไร ?  เรื่องนี้ยากยิ่งจะรับมือ !


 


. แต่กระนั้น ระดับปราณเชวียนของอาวุโสชั่วผู้นี้จักต้องสูงส่ง  เขาสังหารพี่น้องทั้งสี่ของข้าด้วยมีบินเหล่านั้น … แต่ความเป็นปฏิปักษ์นี้มิอาจลดละได้ง่าย !


” ผู้เฒ่าเขลา จงกล้าที่จะบอกชื่อเจ้าแก่เรา  พวกเรามีความแค้นล้ำลึกถึงสายเลือดกับเจ้า และมันสำคัญที่ต้องชำระหนี้แค้นนี้ ! “


 


ขุนนางเหวินคำรามทางจมูก  เขารู้ว่ามิได้รับความยุติธรรม  รู้ดีว่าไม่คุ้มค่าที่อธิบายสถานะที่แท้จริงของเขาแก่เหล่าหนุ่มสาวหัวรั้นเหล่านี้ และแม้นว่าเขาจักพยายามอธิบาย … เขาจักสามารถทำมันได้เหมาะสมหรือ ?


 


แต่ เขาโมโหวาจาหยาบคายของเล่ยจียนฮ้ง  เขาพุ่งตรงไปยังเล่ยเจียนฮ้งทันในและต่อเข้าที่ใบหน้าของเขา  จากนั้นตะโกน


” เจ้าไม่มีค่าพอจะรู้ชื่ออาวุโสผู้นี้ !  พวกเจ้าทำให้ชื่อเสียงเล่ยวูเบ้ยพินาศ !  เล้ยวูเบ้ยมิอาจช่วยพวกเจ้าจากโทสะของข้าได้ หากเจ้าละเมิดสนธิสัญญาอีกครั้ง ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นหน่อเนื้อของเขาก็ตามที !  ตอนนี้ไปซะ ! “


 


เท้าของเขาลอยขึ้นจากพื้นเมื่อเขาเอ่ยจบ เขายังคงเผชิญหน้ากับ เล่ยเจียนฮ้ง และ สหาย ขณะยังคงประคองร่างขององค์หญิงอยู่  จากนั้น ลอยถอยหลังมาเชื่องช้าและลึกเข้าไปในป่าเขียวชอุ่ม  แต่เขากลับมิได้ชนต้นไม้ใดเลย ราวกับมีดวงตาอยู่ด้านหลังของศีรษะ  คล้ายดั่งกำลังขี่เมฆ … แต่กระนั้น พวกเขาได้ยินเสียงเลือนลางอีกครั้ง


” บอก เล้ยวูเบ้ยว่าผู้ที่พวกเจ้าสนทนาด้วยนั้นมีนามขานว่า เหวิน  จงบอกพวกเขาอย่างถูกต้องแล้วเขาจักเข้าใจแจ่มแจ้ง “


 


เล่ยเจียนฮ้ง และสหาย มิอาจกลั้นความตกตะลึงที่ครอบงำ ขณะที่มอหน้ากัน  โจวเจียนหมิง ตะโกนโกรธเคืองหลังจากผ่านไปชั่วครู่


” เจ้าเฒ่าเลวนั้นสังหารพี่น้องสี่คนของเรา  และเขายังเอ่ยอ้างยกตัวไร้ยางอาย !  พวกเราจักต้องชำระหนี้นี้ !  พวกเราจักเฝ้าดูว่าเจ้าชั่วผู้นี้จะหนีไปที่ใดเมื่อ อาจารย์ของพวกเรามาถึง ! “


 


เล่ยเจียนฮ้ง และ ฟางเปียวฮ้ง เห็นด้วยพร้อมกัน  ฝีมือของศัตรูเขานั้นเกินกว่าสามัญ  ไร้หนทางที่พวกเขาจะรับมือได้  ดังนั้น พวกเขาจึงไร้หนาทางเว้นแต่ยอมแพ้ไม่ต่อสู้ … แม้นจะไม่เต็มใจนัก  พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ารอ อาจารย์มาถึง และทำตามแผนการ …


 


นายน้อยจวินผิวปากขณะเขาเดินกลับไปยังม้าที่ผูกไว้อย่างไม่รีบร้อน  ปลดมันเป็นอิสระ และจวินโม่เซี่ยขึ้นขี่  นายน้อยจวินรู้สึกพึงพอใจในความสำเร็จนี้  เขาบกแซ่ขึ้นเฆี่ยนม้า และกลับจวน


 


จวินโม่เซี่ยวางแผนการทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อตระหนักได้ว่า ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นกำลังติดตามเส้นทางของ เล่ยเจียนฮ้ง มาเช่นกัน  เขารู้ว่าไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเขาได้เมื่อเขากระตุ้นเคล็ดอิสระหยินหยาง


อืม !  อย่างแรก มาหาข้า และสุนัขของเจ้าก็ต่อสู้กันเอง !  น้าชายผู้นี้ไม่มีเวลาว่างเพียงพอเล่นกับเจ้า !


 


ดีแล้ว ข้าได้ช่วยองค์หญิงโดยมิได้เผยตัว  ข้าสำเร็จงานด้วยความพึงพอใจสูงสุด  องค์หญิงควรจะปรบมือขอบคุณข้า


 


เขากลับจวนไปหาจวินวูอี้ผู้รอคอยเขามาถึงอย่างกระวนกระวาย


 


อะไร ?  แต่ทำไม ?


 


สภาพของอยี่กู้ฮั่นเลวร้ายมากจนเขาสามารถสิ้นลมได้ตลอดเวลา …  แม้นจะขอ ให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถ่ายทอดปราณเชวียนของเขาก็ไร้ผล  แม้นจะใช้สิ่งที่เรียกว่า ปราณเชวียนบริสุทธิ ก็มิอาจส่งผลใดกับอาการของ อยี่กู้ฮั่นได้ … แม้แต่ปราณเชวียนมากมายก็มิอาจส่งผลใด …


 


…. เพราะเขาขาดพลังที่จำเป็นในการก่อร่างสร้างเลือดเนื้อ …


 


แม้แต่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็มิอาจช่วยเหลือ ไร้ซึ่งหนทาง !  เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวส่งปราณเชวียนบริสุทธิ์ระดับสูงมากมายให้แก่อยี่กู้ฮันโดยไม่รู้ว่าคนผู้นี้จะสามารถรับมันได้หรือไม่ …


 


ทุกผู้ยืนขึ้นขณะจวินโม่เซี่ยเดินเข้ามา  ใบหน้านิ่วขณะพวกเขาถาม


” เจ้าหาองค์หญิงเจอหรือไม่ ? “


จวินโม่เซี่ยพยักหน้าไร้ว่าจาขณะนั่งลงเก้าอี้  จากนั้นเขาดื่มชาและอธิบาย


” เจ้าคาดหวังกับข้าสูงส่งเกินไป !  เหล่าผู้ที่จับตัวนางไป หนีไปก่อนหน้านานแล้ว  ข้าจักหานางเจอได้อย่างไร ?  ข้าไม่สามารถ ! “


 


จวินวูอี้ถอนใจและเงียบนิ่ง  ตู่กู้เซี่ยวอี้ ประสงค์เอ่ยบางส่ิง แต่นางยังคงเงียบปากไว้เนื่องจาก ซุนเซี่ยวเหม่ย คว้ามือน้อยไปของนางไปและบีบเบาๆ  แต่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวคำรามทางจมูกและเอ่ย


” อาวุโสผู้นี้ใช้ปราณเชวียนมากมายเพื่อถ่ายทอดสู่ร่างของชายผู้นี้  ข้าจักไม่เสียสิ่งใดอีก เนื่องจากเด็กน้อยจวินกลับมาแล้ว  อาวุโสผู้นี้ควรกลับไปบำเพ็ญต่อ “


จากนั้น เขาจากไปทันทีโดยไร้การบอกกล่าว ขณะจากไปดูคล้ายหมดกังวล


 


ริมฝีปาก ตู่กู้เซี่ยวอี้ กระตุก


” อาวุโสผู้นี้โอ้อวด  เขาเพียงแค่ตรวจสอบชีพจรเพียงเท่านั้น … สกุลจวินของเจ้าเชิญคนคดโกงเช่นนี้มาได้อย่างไร ?  เสียข้าวสุก ! “


 


เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไปถึงประตู  เขาโซเซขณะได้ยินประโยคนี้ แท้จริงแล้วเขาเกือบล้มพับ  เขาเปล่งเสียงทางจมูกโกรธเคือง


เจ้าเด็กสาวนี่เป็นอะไร ?  เจ้าเด็กผู้ได้รับบาดเจ็บนี่มิอาจอยู่ได้ หากขาดซึ่งการช่วยเหลือจากอาวุโสผู้นี้  เขาจะไม่อยู่รอดจนกระทั่งเจ้าจวินร้ายนั่นกลับมา เว้นแต่อาวุโสผู้นี้ส่งปราณของเขาเพื่อรักษาชีวิตเขาไว้ !


 


แต่กระนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว มิอาจมีโทสะได้อีก เมื่อมองไปยังใบหน้าน้อยๆอันงดงามของเด็กสาวผู้นั้น  จากนั้นเขาสะบัดปลอกแขน และหายไปไร้ร่องรอย


 


จวินโม่เซี่ย และ จวินวูอี้ มีสีหน้าแปลกประหลาด  พวกเขาคงหัวเราะลั่นหาก อยี่กู้ฮั่น มิได้อยู่ปากประตูวังมัจจุราช


 


ซุนเซี่ยวเหม่ย และ ลูกสาวคนโตสกุลซุน มากยิ่งประสบการณ์และความรู้กว่าสาวน้อย  นางมิอาจเข้าใจที่มาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว  แต่นางสามารถบอกได้ว่า คนผู้นี้มิสามัญ จากการเฝ้ามองวิธีการที่เขายื้อชีวิตของ อยี่กู้ฮั่น ผู้ใกล้สิ้นใจด้วยการถ่ายทอดลมปราณบริสุทธิ์ของเขากระทั่งตอนนี้  นางบอกได้ว่าผู้นี้ดูคล้ายทรงพลังผู้นี้ฉลาดล้ำ เนื่องจากเขาอดกลั่นโทสะจากการยั่วยุของเด็กสาวไร้เดียงสาและอ่อนหัด


ผลที่ตามมาจะรุนแรงหากเขาสูญเสียความใจเย็น


 


” โม่เซี่ย ไปดูอยี่น้อยเร็วเข้า !  สภาพของเขาย่ำแย่ยิ่งนัก ! “


จวินวูอี้เอ่ย


 


จวินโม่เซี่ยกระแอมและนั่งลงข้างชายผู้บาดเจ็บ  ด้วยความสัตย์ เขามิได้ชอบอยี่กู้ฮั่น  และเช่นกัน อยี่กู้ฮั่น มิได้ชอบเด็กเสเพลแห่งสกุลจวิน  แต่กระนั้น เขาจะช่วยชีวิตชายผู้นี้เนื่องด้วยสัญญากับน้าช่ายไว้


 


ไม่พยายามช่วยชีวิตหรือฟื้นฟูเขาจนแล้วเสร็จ  นี่คือพฤติกรรมปกติของมือสังหารจวิน


 


ยิ่งไปกว่านั้น อยี่กู้ฮั่น คือนักรบกระดูกเหล็ก และคนดี  ไม่มีอันตรายใดในการช่วยชีวิตเขา

 

 

 


ตอนที่ 266

 

จวินโม่เซี่ย จับมืออยี่กู้ฮั่น และถ่ายทอดปราณเชวียนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างเขาอย่างรวดเร็ว  อยี่กู้ฮั่น ไออ่อนแรง  ราวกับเขากำลังสำลัก  หยดเลือกเล็กๆเริ่มหยดออกจากมุมปากของเขา


 


” ไม่ดีแล้ว ! “


จวินโม่เซี่ยพยักหน้าและขมวดคิ้ว เขาเงยหน้ามองไปยัง จวินวูอี้


” ปัญหาใหญ่  และ ค่าใช้จ่ายในการช่วยเขานั้นสูงส่ง !  ข้าเกรงว่า ต้องใช้จ่ายอย่างมหาศาล … มหาศาลยิ่ง ! “


จากนั้นเขามอง ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ย


” พวกเจ้าทั้งสอง มิเคยพบเจอ ?  เร็วเข้า ไปที่นั่น รอก่อน ! “


 


เมื่อเขาเอ่ยว่า ที่นั่น … ชัดเจนว่าเขาหมายถึง ลานบ้านของ กวนเซียงฮั่น


 


จวินวูอี้ ได้ยิน และตระหนักได้ว่าเขาจำต้องยื่นมือเข้ามาไกล่เกลี่ย


” หลานเซี่ยวอี้ หลานเซี่ยวเหม่ย ไปหาพี่เซียงฮั่น  พักผ่อนสักหน่อย ?  เราทั้งคู่อยู่ที่นี่  พวกเจ้ามิได้กังวล  ไม่มีสิ่งใดร้ายแรง  ข้าจักบอกกล่าวสกุลของเจ้า ไม่นานจะมีคนมารับกลับ  อยี่น้อยอาวุโสกว่าเจ้า … แต่เขายังเป็นชาย  การมีพวกเจ้าอยู่ที่นี่ จะเป็นปัญหาขัดขวาง จวินโม่เซี่ยช่วยเหลือเขา “


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ บุ้ยปาก เนื่องจากไม่รู้สึกพอใจ  นางยอมรับว่า น้าจวินสามนั้นมีเหตุผลยิ่ง แต่สิ่งนี้ทำให้นางเหมือนเป็นคนอื่น  จากนั้นสาวน้อยส่ายเอว  นางพ่นลมหายใจเพื่อแสดงความไม่พอใจและปฏิเสธ  แต่กระนั้น นางก็ถูกลากออกไปโดย ซุนเซี่ยวเหม่ย  ลูกสาวคนโตสกุลซุน สายตากว้างไกล  นางตระหนักได้นานแล้วว่า สองน้าหลานนี้ มีภาษาลับที่สื่อสารกันเมื่อมี ผู้อื่นอยู่ร่วมด้วย


 


” เจ้าหาองค์หญิงไม่เจอจริงหรือ ? “


จวินวูอี้พ่นลมทางจมูกและยิ้ม


” เจ้าจะกลับมาได้อย่างไรหากเจ้าไม่เจอนาง สหายหนุ่ม ?  เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ ?  เจ้าจะไม่สัญญาหากเจ้าไม่สามารถทำภารกิจนั้นให้สำเร็จได้ ! “


 


” เมื่อท่านรู้เหตุใดจึงถาม ? “


จวินโม่เซี่ยถ่ายลมปราณเข้าสู่ร่างอยี่กู้ฮั่นต่อไป และเริ่มการประสานกระดูก  จากนั้นเขาถอนใจไร้หนทาง


” น้าสาม องค์หญิงเกลียดชังข้า  แต่ข้ามิโทษนางเนื่องการกระทำข้าเป็นดั่งคนเลวทราม  อยี่กู้ฮั่นอาจเยือกเย็น และ สันโดษ แต่เขาเป็นคนดี “


 


น้ำเสียงจวินโม่เซี่ยจริงจังขึ้นขณะเขาต่อ


” แต่อาจเป็นว่า … การตัดสินใจช่วยพวกเขาอาจมิใช่สิ่งถูก  แท้จริงนั้น พวกเรามิควรช่วยเหลือพวกเขา !  น้าสาม ท่านต้องตระหนักว่า สกุลจวินเรามิได้มั่นคงในเวลานี้ … แล้วเรายังคงนำพาปัญหาอื่นมาใส่ตัว !   ข้าได้ตระเตรียมสำหรับเรื่องนี้ มั่นใจไม่มีผู้ใดคลางแคลงว่าข้ามีส่วนเกี่ยวข้อง  แต่ข้าอาจทิ้งร่องรอยเล็กน้อยไว้  การมีอยู่ของ ซุนเซี่ยวเหม่ย และ ตู่กู้เซี่ยวอี้  สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความเสี่ยงมหาศาล แท้จริงนั้น อาจเป็นรางวัลชิ้นใหญ่ได้เช่นกัน !  อย่างที่สอง ท่านและข้ารู้ว่าสถานะชายผู้นี้อ่อนไหวยิ่ง !  นั่นอาจก่อให้เกิดการต่อต้านเราได้ในภายหน้า … ซึ่งจักนำพาปัญหาใหญ่มาได้ “


 


จวินโม่เซี่ยมอง จวินวูอี้ เคร่งเครียด


” น้าสาม ท่านมิควรมองข้ามเรื่องนี้  การเกี่ยวข้องระหว่างสกุลจวินกับชายผู้นี้อาจะมิใช่สิ่งดี ! “


 


” ข้าคิดถึงสิ่งที่เจ้าเอ่ยมาแล้ว ! “


จวินวูอี้หันเพ่งมองล้ำลึกกลับไปยังจวินโม่เซี่ยและเอ่ยด้วยน้ำเสียงภูมิใจ


” เจ้าต้องรู้ว่าพ่อเจ้า น้าสอง และข้าเติบโตขึ้นและฝึกฝนกับคนมากมาย  พวกเรามีกันสิบเก้าคน  แต่กระนั้น นอกจาก อยี่กู้ฮั่น สามพี่น้องสกุลตู่กู้ มูล่งเฉิงหลงแห่งสกุลมูล่ง และข้า ซึ่งพวกเราเหลืออยู่เพียงหกเท่านั้น ! “


 


จวินวูอี้ถอนใจ


” ในเรื่องของวันนี้ ข้ารู้ว่าการที่ช่วยเหลือ อยี่กู้ฮั่น จะทำให้องค์จักรพรรดิไม่พอพระทัย  แต่กระนั้น พระองค์เพียงรู้สึกไม่พอพระทัยแค่นั้น !  พระองค์อึดอัดใจกับ อยี่กู้ฮั่น มานานนับสิบปี  เช่นนั้นนี่จึงมีใช่ครั้งแรก … แต่ข้าจักเผชิยหน้ากับพี่ทั้งสิบสามในโลกหน้าได้เช่นไร หากข้าเปลี่ยนการตัดสินใจตอนนี้ ?  แม้แต่ทวดของเจ้าก็ไม่อภัยให้ข้า !  และหากเกิดสิ่งเหลือเชื่อ และ ทวดของเจ้าอภัยให้ข้า ข้าก็มิอาจมีชีวิตอยู่ได้หลังจากไตร่ตรองตัวเองแล้ว !  ดังนั้น ยังคงพยายามช่วยเขาต่อไป ! “


 


” จดจำไว้ในหัวใจเจ้า โม่เซี่ย จวินมิได้จำกัดความเพียงแต่ผู้ที่สูงส่ง !  พวกเรากตัญญูเสมอ !  ผู้ที่จะกระทำการบางอย่างเมื่อบางสิ่งไม่ถูกต้อง ผู้ที่ซื่อตรง !  ลูกหลานสกุลจวินสานต่อความภาคภูมิใจนี้มายาวนาน  และมันจะเป็นเช่นนี้เสมอ  ปู่ทวดของเจ้า ซึ่งคือ ปู่ของปู่เจ้า เป็นเพียงช่างตีเหล็กสามัญ  แต่กระนั้น เขาส่งต่อบทเรียนสำคัญสู่ปู่ของข้าเมื่อท่านสิ้นใจลง …​”


 


จวินวูอี้น้ำเสียงเคร่งขรึม


 


” สิ่งที่ปู่ทวดของข้าสอน ? “


จวินโม่เซี่ยกระหายใคร่รู้


 


” การมีลูกมิได้ทำให้เจ้าเป็นชาย !  แต่มันคือ จิตวิญญาณอันทรหดซึ่งใดเปรียบไม่ได้ ! “


จวินวูอี้เอ่ยสิบห้าคำนี้เชื่องช้า


 


เขาไร้ทางเลือกแต่ต้องถ่ายทอดคำสั่งสอนนี้ แม้นคำเหล่านั้นจะหยาบคาย และมิใช่การสั่งสอนที่สวยหรู


 


” …​การมีลูกไม่ทำให้เขาเป็นชาย !  แต่คือจิตวิญญาณอันทรหดซึ่งใดเปรียบมิได้ … “


จวินโม่เซี่ยพึมพัมประโยคนี้ชั่วครู่  แรกเริ่มเขาต้องการหัวเราะ  แต่แล้วเขาตระหนักได้ว่า คำเหล่านั้นกลับกลายเป็นคำที่เขาชื่นชอบยิ่ง


 


” ท่านปู่ทวดสอนได้ดี ! “


จวินโม่เซี่ยชื่นชมเสียงดัง และเริ่มตื่นเต้น  จากนันเขาเอ่ย


” ดูเหมือนว่าเหล่าบรรพชนไม่บกพร่องแม้เมื่ออยู่หน้าประตูแห่งยมโลก !  เขายังคงเป็นบุรุษแท้จริง ! “


 


” แน่นอน !  ผู้คนมากมาย มีจิ๋มอยู่ใต้จู๋ของเขา แต่ บุรุษที่แท้จริงมีเพียงน้อยนิด !  บุรุษ ?  บุรุษคือสิ่งใด ? “


จวินวูอี้มองหลานชายสีหน้าราวเหยี่ยว


 


” บุรุษคือผู้ที่ยืนหยัดสูงตระหง่า !  เขายังมีหัวใจที่ภักดีและประสงค์ของเหล็ก !  เขาคือผู้ที่มีจิตวิญญาณที่ทรหดอันหาที่เปรียบมิได้ ! “


จวินโม่เซี่ยหัวเราะลั่นขณะเขาเอ่ยอย่างไร้กังวล  ประโยคที่เขาเอ่ยมานั้นออกจาจากใจ  มันผ่อนปรนความกังวลต่างๆ


 


” แน่นอน !  หาเป็นคนขลาด เขาจะระมัดระวัง และรักชีวิต … และหากเขาเกรงกลัวความตาย .. เขาก็มิอาจถือได้ว่าเป็น บุรุษแท้จริง แม้นว่าเขาจะมีภรรยานับร้อย และเป็นพ่อของเด็กแปดร้อย ! “


จวินวูอี้หัวเราะเบิกบานใจ


” ประสงค์ของเหล็กและหัวใจที่ภักดี  จะเป็นชายผู้ที่มีจิตวิญญาณที่ทรหดอันหาที่เปรียบไม่ได้  เอ่ยได้ดี ! “


 


” ข้าเพียงแค่ชื่นชมแปดคำสั่งสอนสุดท้ายของบรรพชน ! “


จวินโม่เซี่ย หัวเราะสบายใจ


” ประโยคนี้ข้าชื่นชอบยิ่งนัก  ราวกับพระเจ้าเขียนตามที่ข้าชื่นชอบ !  ข้าสามารถใช้แปดคำนี้เพื่อดำเนินชีวิต และ คู่ควรแก่สกุลบรรพชน ! “


 


จวินวูอี้ยิ้ม


” ถูกแล้ว !  วาจาของเขาอาจดูหยาบคาย และ ไร้มารยาท แต่พวกเขาใจกว้างและมีความหมายอยู่ภายใน  คำพูดของพวกเขานั้นเป็นเลิศอย่างแท้จริง ! “


 


” เพื่อไปต่อในเส้นทางของเขา และทำสิ่งที่ใจปรารถนา มันคือเส้นทางชั้นเลิศแห่งชีวิต ! “


จวินโม่เซี่ยรู้สึกเป็นสุขยิ่งอยู่ภายใน


คำสั่งสอนนี้เหมือนพวกเขาสร้างขึ้นเพื่อข้า !


 


” เจ้าชอบตีความคำเหล่านั้นเช่นนั้น แต่ข้าทำในสิ่งแตกต่าง  บางทีนี่อาจเป็นความแตกต่างระหว่างนิสัยของเราทั้งสอง  และ นั่นคือเหตุที่เรากระทำตัวแตกต่างกัน ! “


 


จวินวูอี้ยิ้มเชื่องช้า


” จิตวิญญาณที่ทรหดอันหาที่เปรียบไม่ได้  !  ข้าเข้าใจสี่คำเช่นนี้ มันคือสิ่งสำคัญที่จะมีชีวิตอยู่อย่างซื่อตรง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด  ก่อนอื่นพวกเราต้องปิดกลั้นความผิดชอบชั่วดี และเพียงเท่านั้นพวกเราจึงมี จิตวิญญาณอันทรหด! “


 


” ความตายไม่ควรค่าแก่การหวาดกลัว เพียงแค่ความมั่งคั่ง และ รุ่งเรื่องไม่เพียงพอ !  ความมั่งคั่งจะต้องสำเร็จด้วยความปราดเปรื่องและเป็นธรรม ในขณะที่ยังมีมโนธรรมอยู่ ! “


จวินวูอี้เอ่ยแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว


” ประสงค์ของปู่ทวดเจ้าคือ การเป็นคนดีและทำดีก่อน และจากนั้นจึงมีจิตสำนึกที่ชัดเจน  สองสิ่งนี้จะต้องปฏิบัติตามก่อน  เพียงแค่บุรุษเช่นนั้นเท่านั้นที่สามารถเอ่ยได้อย่างกล้าหาญในทุกสถานการณ์ ! “​


 


จวินวูอี้ยิ้มกินใจ หลังจากเอ่ยคำสั่งสอนจบ


” เจ้าเข้าใจสิ่งที่บรรพชนของเราสั่งสอนได้แจ่มแจ้งหรือไม่ โม่เซี่ย ?   เจ้าเข้าใจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการที่ข้าตัดสินใจช่วยเขาหรือยัง ? “


 


” ขอรับท่านน้า ข้าเข้าใจ “


ตอบกลับสุภาพ


 ” สิ่งแรกท่านต้องเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง  จากนั้นใช่ความสามารถทำสิ่งที่ใจปรารถนา ! “


 


” ดี ! “


จวินวูอี้รู้สึกพอใจยิ่ง  แต่กระนั้น เขามิได้ฟังอย่างถูกต้อง  สิ่งที่เขาเข้าใจกับการเข้าใจของจวินโม่เซี่ยนั้นไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้ว มันต่างกันสิ่งเชิง


 


จวินโม่เซี่ยเอ่ยว่า ค้นหาเส้นทางที่ถูกต้อง จากนั้นใช้ชีวิตไปตามปรารถนา  ทว่า จวินวูอี้เอ่ยว่า ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง และมีมโนธรรมอย่างชัดเจน สองสิ่งนี่ต่างกันสิ้นเชิง  ความจริง สองคตินี้ขัดแย้งกัน และ มิได้ทำให้ความเหมายเหมือนกันแต่อย่างใด


 


จวินโม่เซี่ยยังไม่หยุดถ่ายทอดปราณให้ อยี่กู้ฮั่น และยังคงกระตุ้น เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ แต่กระนั้น โลกนี้มีไม่ลมปราณมากพอจะเติมเต็มให้แก่ อยี่กู้ฮั่น เขายังคงไร้สติแม้นว่าลมหายใจจะคงที่แล้ว  แต่ นี่คือสิ่งที่จวินโม่เซี่ยวสามารถทำได้แล้วในตอนนี้  ในที่สุดเขาสามารถทำให้ อยี่กู้ฮั่น มีชีวิตอยู่ต่อไปได้  แต่กระนั้น จวินโม่เซี่ยมิอาจทำให้จวินวูอี้ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ … หรือทำให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ …


 


จากนั้น มีผู้หนึ่งรายงานว่า แม่ทัพตู่กู้มาถึงพร้อมองครักษ์ พร้อมด้วย เสนาบดีซุน  จวินวูอี้ เร่งรีบตระเตรียมการต้อนรับแขกของเขา  ตู่กู้วูตี้  และ เสนาบดีซุน กำลังจะเข้าสู่จวนสกุลจวิน เมื่อได้ยินการประกาศการมาถึงของ องค์หญิงหลิงเมิง


 


ขุนนางเหวินนำพาองค์หญิงกลับสู่ราชวัง  แต่แล้ว นางโวยวาย และ ร้องขอจะพบ อยี่กู้ฮั่น  ประสงค์จะพบน้าอยี่ของนางนั้นรุนแรง จนองค์จักรพรรดต้องไปปลอบประโลมนางด้วยตัวเอง  แต่นางเริ่มต่อต้านเมื่อพระองค์พยายามทำให้นางเย็นลง  ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีของนางเยือกเย็น และ เหินห่างเขา …


 


เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปชั่วขณะ แต่จากนั้น องค์จักรพรรดิก็ฝืนทำตามความต้องการของนาง


 


องค์หญิงสอบถามถึงที่อยู่ของ อยี่กู้ฮั่น หลังจากออกจาราชวัง  ในที่สุดนางก็ได้รับรายงานว่า นายท่านสามจวิน จวินวูอี้ ได้ช่วยเหลือ อยี่กู้ฮั่น  องค์หญิงหลิงเมิง เป็นสุดยิ่งเมื่อได้ยินข่าวนี้ และ มุ่งหน้ามายังสกุลจวินทันที …


 


ด้านหลัง องค์หญิงหลิงเมิง คือชายชราตัวสั่นเครือ  หัวหน้าพวกเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นเลิศทางการแพทย์ในนครเทียนเชียง  ฟางฮุ่ยเฉิง ที่ตามพวกเขามาคือราชองครักษ์ผู้กำลังแบกหามอุปกรณ์การแพทย์ชั้นสูงไว้


 


” น้าอยี่ … “


องค์หญิงหลิงเมิงพุ่งตรงไปยังจวนสกุลจวิน  ความจริงแล้ว นางวิ่งเข้าด้านในไปแล้วหากไม่มีผู้ใดเห็น  นางตรงไปยัง จวินวูอี้ และถาม


” น้าสามจวิน น้าอยี่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง ?  เขาอยู่ที่ใด ? “


 


นางไม่รู้ตัวเลยว่านางเกือบจะตะโกนออกมา และ กริยาของนางอาจไร้เหตุผลกับคนส่วนใหญ่


 


จวินวูอี้ฝืนยิ้ม และพยักหน้า  องค์หญิงเกือบล้มลง  ราวกับนางสะดุดหลุมบนพื้นธรณี  จากนั้น นางถามเสียงสั่น


” เขาจากไปแล้ว … “​


 


” องค์หญิงมิควรคาดเดาเช่นนั้น  อากรของเขาสู้ไม่ดี แต่อยี่กู้ฮั่นยังมีชีวิตอยู่  ท่านอย่าได้กังวล  ข้าพบเขาที่ลานบ้านจวินโม่เซี่ย  เอ่อ .. ข้ามิได้ตั้งใจปกปิดสุขภาพของอยี่กู้ฮั่นจากองค์หญิง  เขาคงที่แล้ว แต่อาการนั้นยังไม่ใคร่ดี “


จวินวูอี้บอกนางถึงความก้าวหน้านี้ เนื่องจากเขาเชื่อว่านางจักต้องเตรียมใจเมื่อนางเห็นเขา


 


นายท่านสามจวินกระทำเช่นนี้เพียงเพราะนางคือลูกสาวจักรพรรดิ และสำคัญที่ต้องสง่างามเนื่องจากนางคือองค์หญิงแห่งอาณาจักร  ไม่เหมาะสมหากนางจะเผยความรู้สึกห่วงใยและเป็นกังวลต่อยี่กู้ฮั่น และ แน่นอนต้องไม่สิ้นหวัง


 


เด็กสาวผู้นี้มีอารมณ์และตรงไปตรงมายิ่งนัก


เขาได้เห็นวิธีที่องค์ชายทั้งสามต่อสู้กัน  แต่กระนั้น เขาได้เห็นความต่างในท่าที ที่องค์หญิงปฏิบัติต่ออยี่กู้ฮั่น  จวินวูอี้มิอาจกลั่นความคิดว่านางเป็นคนดี


 


พวกเขาไปถึงยังเตียงของ อยี่กู้ฮั่น


 


ชายชราทั้งสามตรวจสอบการบาดเจ็บอย่างถี่ถ้วน  จากนั้น ฟางฮุ่ยเฉิงยืนขึ้น ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวังขณะเขาเอ่ยติดขัด


 ” องค์หญิง นายท่าน อยี่ ได้รับบาดเจ็บทางกายอย่างสาหัส  อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บภายในหลายแห่ง  และการบาดเจ็บเหล่านี้อยู่ในจุดที่ร้ายแรง  เป็นการยากที่พวกเราจักจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ แต่ สถานการณ์ของเขาแย่ลงเนื่องด้วยเสียเลือดมาก  ร่างกายมนุษย์สามารถฟื้นตัวได้หากเสียเลือดไปครึ่งหนึ่ง  แต่กระนั้น เป็นการยากจะรักษาผู้ที่สูญเสียเลือดไปเหลือเพียงหนึ่งในสาม  ไม่มียาใดสามารถช่วยเขาได้  ความจริงแล้ว ตอนนี้เขาควรสิ้นใจไปแล้ว  นายท่านอยี่รอดอยู่ได้เพียงเพราะการถ่ายทอดปราณบริสุทธิ์ของสองผู้ทรงพลัง  แต่ปราณเชวียนบริสุทธ์นี้มิอาจประคับประคองร่างของเขาไว้ได้นาน  ทุกสิ่งจะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านพ้นไป  พวกเราแนะนำให้องค์หญิง ตระเตรียมพิธีศพล่วงหน้า “


 


ปรากฏว่าชื่อเสียงอันน่าเกรงขามของพวกเขาในฐานะแพทย์นั้นไม่ได้ไร้เหตุผล พวกเขาสรุปถึงสถานการณ์ปัจจุบันของอยี่กู้ฮั่น และ  ชะตากรรมที่มิอาจเลี่ยงได้ของเขา  ความจริงพวกเขาคาดว่าร่างนีู้รักษาไว้โดยปราณเชวียนจากสองผู้ทรงพลัง  ช่างน่าเศร้าที่ผู้เลื่องชื่อทั้งสามมิอาจรักษาชีวิตของเขาไว้ได้

 

 

 


ตอนที่ 267

 

” อะไร ?  ท่านกำลังบอกว่าสถานการณ์ของน้าอยี่สิ้นหวัง ?  ข้าไม่เชื่อเช่นนั้น !  หมอหลวง ข้าขอร้อง … โปรดหาหนทาง ! “


ร่างอันบอบบาง และใบหน้างดงามขององค์หญิงเริ่มซีดขาวราววิญญาณ เมื่อนางได้ยินการวินิจฉัยของสามผู้มีฝีมือ  นางสำลัก ราวกับปากน้อยๆของนางเต็มไปด้วยเลือด  ใบหน้าของนางมัวหมองสุดซึ้ง  แต่กระนั้น นางยังไม่ยอมแพ้  ดังนั้นนางจึง อ้อนวอนต่อหน้าของทั้งสาม ฟางฮุ่ยเฉิง เพื่อหาหนทาง


 


” องค์หญิง ให้ข้าได้รายงาน … นอกจากการเสียเลือดมากแล้ว นายท่าน อยี่ ยังได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย  กระดูหน้าอกแตกหัก  ห้าอวัยวะตันได้รับความเสียหายอย่างมาก และเขาได้รับบาดเจ็บภายในที่รุนแรงกว่าสิบจุด  ได้ฟังเช่นนั้นไม่น่ารื่นรมย์นัก … แต่ไร้ซึ่งหวังแม้น้อยนิดที่จะช่วย อยี่กู้ฮั่น … “


 


น้ำเสียง ฟางฮุ่ยเฉิงจริงจังยิ่งขณะอธิบาย


” แม้แต่สิ่งเหนือธรรมชาติก็พบว่าตัวเองนั้นไร้สามารถเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งนี้  พวกเราสามารถค้ำจุนเขาได้เพียงชั่วคราว และท่านสามารถหาความเห็นจากผู้อื่นได้จนกว่าจะพอใจเกี่ยวกับ … กับเขานั้นมันยากยิ่ง … “


 


องค์หญิงหลิงเมิง มิอาจพยุงตัวเองได้อีกต่อไป  นางตัวสั่นชั่วครู่ และล้มลง


 


ฟางฮุ่ยเฉิงถอนใจ และ พยักหน้าพร้อมกับแพทย์อีกสอง  เขาไม่ประสงค์จะรบกวนองค์หญิง  ดังนั้น เขาจึงจัดเก็บอุปกรณ์แพทย์เป็นระเบียบและจากไป


 


” น้าอยี่ … “


องค์หญิงหลิงเมิง พึมพัมเลื่อนลอย  ความงดงามบนใบหน้าของนางสามารถทำลายล้างบ้านเมืองได้ …  แต่กระนั้น สีผิวของใบหน้ากลับเป็นเช่นเดียวกับ อยี่กู้ฮั่น ผู้ใกล้สิ้นใจ


 


จากใบหน้าของ ตู่กู้วูตี้  ดูราวมิอาจทนทานได้อีก  เขาถอนใจ และ พยักหน้า  ไม่ประสงค์จะรบกวนทั้งสอง  ดังนั้น จึงออกจากลานบ้าน และตรงไปยัง โถงใหญ่ในจวนสกุลจวิน


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ยยังคงอยู่ในลานบ้าน เพื่อเคียงข้าง องค์หญิงหลิงเมิง  พวกนางกลัวว่าจักมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับพี่น้องอีก


 


ซุนเซี่ยวเหม่ย ไม่อาจเห็นหัวใจที่แตกสลายขององค์หญิง  นางลังเลชั่วครู่แต่มิอาจอดทนได้  จากนั้น นางจึงกระซิบเบาและรวดเร็วไปยังหูของ องค์หญิงหลิงเมิง


จวินโม่เซี่ย สามารถช่วย นายท่านอยี่ได้ “


 


ซุนเซี่ยวเหม่ย มิใช่หญิงงาม  แต่กระนั้น นางมากความสามารถ และ ปราดเปรื่องล้นเหลือ  ความรอบรู้ของนางเปรียบได้ดั่ง ลี่โย่วหลาน  นางได้ยินการสนทนาระหว่าง จวินโม่เซี่ย และ จวินวูอี้ สัมผัสเลือนรางว่า จวินโม่เซี่ยอาจสามารถช่วย อยี่กู้ฮั่น ได้  แต่กระนั้น  นางยังไม่เข้าใจ เหตุใด จวินโม่เซี่ยจึงไม่ยอมรับงานนี้ … ยิ่งไปกว่านั้น นางใจอ่อนกับองค์หญิง  ซุนเซี่ยวเหม่ย มิอาจห้ามความรู้สึกอ่อนใจเมื่อได้เห็นจวินโม่เซี่ยเงียบปากลง เมื่อได้เห็นท่าทางที่เสียใจของ องค์หญิง  ด้วยเหตุนี้ นางจึงตัดสินใจบอกกล่าวองค์หญิงหลิงเมิงถึงความสามารถของจวินโม่เซี่ย


 


องค์หญิงเชื่อสิ่งที่ได้จากพี่สาวที่ดีของนาง โดยไม่คลางแคลงใจ  นางมิเชื่อถืออันใดในตัวจวินโม่เซี่ย  แต่กระนั้น นางไม่เคยสงสัยใจ ซุนเซี่ยวเหม่ย


 


องค์หญิงจะคิดว่านี่คือเรื่องไร้สาระในสถานการณ์ปกติ  อย่างไรก็ตาม เวลานี้นางไร้หนทางอื่น  นางจะคว้าฟางทุกเส้นที่สามารถหาได้ … หากมันเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตอยี่กู้ฮั่นได้  ดังนั้น นางจึงจำเป็นต้องลอง … แม้นว่าโอกาสในการช่วยเหลือเขาด้วยวิธีการนี้จะน้อยนิด


 


ไม่ว่าอย่างไร … ข้าต้องช่วยชีวิตน้าอยี่ให้ได้ !


 


ทุกคนจากไปแล้ว  แต่ จวินโม่เซี่ยยังคงอยู่ที่นี่  ลานบ้านเล็กๆนี้คือที่พักของเขา และดูเหมือนว่า อยี่กู้ฮั่นที่บาดเจ็บจะยึดที่อยู่เขาไว้  ความจริงนั้น อยี่กู้ฮั่นกำลังนอนอยู่บนเตียงของเขา  จวินโม่เซี่ย จักละทิ้งรังของเขาได้เช่นไร ?  นั่นจึงเป็นเหตุผลเดียวที่เขายังอยู่ …


 


จวินโม่เซี่ยนั่งไขว้ขาบนเก้าอี้ในห้องของเขา  ดวงตาปิดลง  นายน้อยจวินกำลังครุ่นคิดสิ่งต่างๆ


ข้าจักต้องช่วย อยี่กู้ฮั่น เนื่องจากข้าสัญญากับท่านน้าสามว่าข้าจักช่วยเขา !  แต่กระนั้น สถานการณ์ของเขายากยิ่งจะรับมือ  เช่นนั้น ข้าจักไปเกี่ยวข้องกับการรักษาได้เช่นไร ?


 


อยี่กู้ฮั่นเสียเลือดจำนวนมา และนั่นคือปัญหาใหญ่สำหรับหมอผู้เป็นเลิศทั้งสาม  แต่กระนั้น สิ่งนี้มิใช่ปัญหาของ นายน้อยจวิน เนื่องจากเขามีความรู้ทางยาจากชีวิตก่อนอยู่ในหัว  การถ่ายเลือดไม่เป็นปัญหากับฝีมือและพลังของจวินโม่เซี่ย ตราบใดที่เขาสามารถหาผู้ที่มีเลือดตรงกันได้  จากนั้นเขาสามารถช่วยถ่ายเลือดด้วยพรสวรรค์แต่กำเนิดของเขา  ดังนั้น เขาจึงมิได้ถือว่าอาการนี้เป็นปัญหาใหญ่


 


จวินโม่เซี่ย มั่นใจว่าเขาสามารถรักษาแผลภายในที่เกิดจากกระบี่ได้  เขามีขุมสมบัติแห่งส่วนผสมทางการแพทย์ และ พวกมันมีสรรพคุณในการบำรุงจิตวิญญาณ  สิ่งนี้จะช่วยในกระบวนการรักษา  อยี่กู้ฮั่น จักไม่มีชีวิตที่สะดวกสบายมากนัก แม้นว่าเขาจักเหลือแขนอยู่เพียงข้างเดียวหลังจากการฟื้นฟู … เสร็จสิ้น


 


แต่กระนั้น ซี่โครงของคนผู้นี้คือปัญหาที่แท้จริง  สถานการณ์ของเขารุนแรงยิ่งนัก และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก  น่าฉงน ที่ซี่โครงทั้งสิบห้าแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ด้วยเหตุนี้หน้าอกของเขาจึงเป็นหลุมลงไป  ความจริงแล้ว ซี่โครงของเขาแตกหักราวก สามสิบห้า ถึง สี่สิบห้าชิ้น …


 


นี่คือปัญหาที่ยากยิ่ง !


 


ปัญหานี้ไร้ซึ่งวิธีการแก้ไข !


 


มันจักไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อยหากเป็นเพียงการบาดเจ็บที่กระดูกธรรมดา  การบาดเจ็บนั้นจักหายอย่างเชื่องช้า ตราบใดที่เขาสามารถอดทนได้  แต่กระนั้น พลังชีวิตของเขาอ่อนแอนักในตอนนี้  และเขายังได้รับบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกมากมาย … ดังนั้น การเชื่อมกระดูกจะทำให้สูญเสีย อยี่กู้ฮั่น ไป  มันจะทำให้โอกาสรอดชีวิตของเขาน้อยลงไปอีก !


 


อยี่กู้ฮั่นหลงเหลือพลังชีวิตในร่างเพียงน้อยนิด  และ และปราณเชวียนในร่างของเขาเป็นของผู้อื่น  เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และ จวินโม่เซี่ย ชะโลมร่างของเขาด้วยปราณเชวียนบริสุทธิระดับสูงอย่างมหาศาล แม้นว่ามันจักไปถึงขีดจำกัดแล้วก็ตาม  การใช้วิธีการเดิมนี้ก็มิอาจยื้อเขาไว้ได้ระหว่างการรักษา


 


อย่างไรก็ตาม หากข้ารักษาบาดแผลบนเนื้อหนังก่อน และเสริมปราณเชวียนเข้าสู่ร่างของเขา … อาจจะมีพลังชีพมากเพียงพอในร่างจนสามารถรักษากระดูได้บางส่วน … ข้าคาดว่า  กระดูกของอยี่กู้ฮั่นจักเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี


 


จวินโม่เซี่ย ขมวดคิ้ว ดวงตายังคงปิดอยู่  ความคิดเขาหนักอึ้งด้วยความสับสน แต่มิอาจหาเงื่อนงำในการแก้ไขได้ …


 


เวทนายิ่งนัก ที่โลกนี้ไม่มียาชา !  การรักษา อยี่กู้ฮั่น จะไม่ยากเช่นนี้หากข้ามียาชา …


 


เดียวก่อน … ยาชา ?!


 


จวินโม่เซี่ยตื่นตัวขึ้นทันใดพร้อมกับตบต้นขา  จากนั้นเขาลืมตาด้วยความอัศจรรย์ เนื่องจากเขาไม่รู้สึกถึงมือตัวเองเมื่อตีลงไป …


 


ชัดเจนว่ามือของเขารู้สึกถึงการตี แต่ขาอ่อนของเขานั้นไม่รู้สึก  ประหลาดยิ่งนัก …


 


หลังจากลืมตา  นายน้อยจวิน เห็นองค์หญิงเอามือปิดหน้า น้ำตาจำนวนหนึ่งหลั่งไหลออกจาดวงตา  ใบหน้าอันงดงามของนางมีรอยนิ้วทั้งห้าเป็นสีแดง และเริ่มบวม …


 


น่างฉงน ฝ่ามือปะทะเข้ากับใบหน้าองค์หญิง !


 


เขาตบหน้านางรุนแรงจนมิอาจหาสิ่งใดเปรียบ …


 


” เจ้าทำสิ่งใด ?  เหตุใดเจ้าจึงหมอบคลานเช่นนี้ ?!  เจ้าเดินมาที่นี่เงียบงันเช่นวิญญาณ ? ไม่ส่งเสียงหน่อยหรือ ?  ข้ามิรู้เลย …. จ้าชอบหลอกหลอนผู้อื่นให้ตายหระนั้น ? “


หัวจวินโม่เซี่ยระเบิดด้วยความทุกข์ยาก  เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก และ มองหาวิธีแก้ปัญหา  เขาจมจ่อมอยู่กับความคิดนั้นจนไม่ทันสังเกตุเมื่อองค์หญิงเข้ามา


 


… เขาตบใบหน้าอันงดงามของนางแทนที่จะตบหน้าขาตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ  และนั่นคือใบหน้าอันงดงามของ องค์หญิง !


 


โชคของเขากับหญิงสาวช่าง … สิ้นหวังแท้จริง …


 


ชัดเจนว่าองค์หญิงเจ็บปวด และใบหน้าเล็กๆของนางเริ่มแดง แต่ผิดจากความคาดหวังของนายน้อยจวิน นางดูราวกับไม่มีโทสะแต่น้อย  ความจริง ดวงตาของนางคล้ายดั่งอ้อนวอน  นางเอ่ยปากถาม


” นี่ … ข้าขอร้องคุณชายน้อยจวิน … เจ้าช่วยน้าอยี่ของข้านะ ? “​


 


จวินโม่เซี่ยตกตะลึงเมื่อมองใบหน้านาง  จากนั้นเขาจึงเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และ เริ่มมีโทสะ  สีหน้าของเขาเริ่มคล้ายดั่งมีอสุนีบาตรุนแรง  ราวกับยอดหอก สายตาเขาเหลือบไปยัง ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ย รวดเร็ว  และสายตาประหนึ่งคมมีดของเขา ทำให้พวกนางอยากจะหนีและตัวสั่น …


 


สาวน้อยผู้นี้มีความอดกลั้นอยู่บ้าง  แต่กระนั้น หัวใจของลูกสาวคนโตแห่งสกุลซุนสั่นไหวเนื่องจากสิ่งที่อุบัติขึ้นนี้มีสาเหตุจากนาง  นางมิได้พบกับจวินโม่เซี่ยบ่อยนัก  แต่ชัดเจนจากพฤติกรรมของเจ้าเสเพลจวินนั่น …


เขาจักคิดบัญชีจากเรื่องที่เกิดวันนี้ ?


นางหวังว่าเขาจักตอบโต้อย่างรุนแรง เนื่องจากนางคือคู่หมั้นของเจ้าอ้วน …


 


” ช่วยเขา ?  ข้าจักช่วยเข้าได้อย่างไร ?  หมอชั้นนำสามลำดับแห่งอาณาจักรยังมิอาจทำสิ่งใดได้  แล้ว เสเพลเช่นข้าจักทำสิ่งใดได้ ? พระองค์ ท่านร้องขอผิดคนแล้ว !  เรื่องตลกของท่านไม่น่าขัน ไม่น่าขันแท้จริง ! “


จวินโม่เซี่ยจมูกบานออกขณะเขาพ่นลมทางจมูก เขาคิดหาวิธีช่วยชีวิต อยี่กู้ฮั่น ไว้หมดแล้ว  แต่กระนั้น ตอนนี้เขาทิ้งความคิดนั้นไป


 


ไม่มีสิ่งใดจะทำกับองค์หญิงผู้นี้


หากข้าประสงค์จะช่วยผู้ใด … แม้นว่ามีผู้คนมากมายพยายามจะหยุดข้า !  แต่ องค์หญิงหลิงเมิงไม่รู้เห็นในฝีมือข้า  แต่นางยังมาร้องขอความเมตตาจากข้า  ผู้ที่บอกนางหากมิใช่ ตู่กู้เซี่ยวอี้  ก็ต้องเป็น ซุนเซี่ยวเหม่ย แม้ข้ามิอาจคิดว่าสาวน้อยจักเปิดเผยข้อมูลนั้น  ดังนั้นจึงเหลือเพียงแต่ ซุนเซี่ยวเหม่ย ลูกสาวคนโตแห่งสกุลซุน


 


จวินโม่เซี่ยรู้สึกราวถูกหักหลัง


 


ความรู้สึกนี้แปรเปลี่ยนความรู้สึกเป็นเป็นโกรธเคือง … ในเวลาเพียงเสี่ยววินาที


 


การเผยความลับ ในสายตาจวินโม่เซี่ยคือการทรยศอย่างแท้จริง


 


มีหนึ่งสิ่งที่จวินโม่เซี่ยมิอาจยอมรับได้ ผู้ที่ขู่เข็ญเขา


 


จวินโม่เซี่ยมักจะเกลียดชังผู้มีนิสัยหลอกลวง


 


องค์หญิงหลิงเมิงมิอาจอดกลั้นความรู้สึกสิ้นหวังหลังจากได้ยินคำตอบที่เยือกเย็นและไม่ประสงค์ของเกี่ยวของ จวินโม่เซี่ย นางขบฟันทันใด และ ดวงตาของนางเผยแววหนักแน่น  นางลุกขึ้นเชื่องช้ากระทั่งยืนตัวตรงต่อหน้า นายน้อยจวิน จากนั้น คุกเข่าลงทันที


 


นางคุกเข่าอย่างมั่นคง


 


” ข้าขอร้องเจ้า !  ข้าขอร้องเจ้า ได้โปรดช่วยท่านน้าอยี่ของข้า !  ข้าขอร้อง ได้โปรด ข้าขอร้อง … “


องค์หญิงหลิงเมิง หมอบคำนับ สีหน้าของนางบ้าบิ่นและบ้าคลั่ง แต่มันแสดงถึงความทุกข์อันไร้สิ้นสุด


 ” น้าอยี่ของข้าประสบกับความโศกเศร้ามากมายเพราะความดื้อรั้นของข้า … เขาต้องพบเจออันตรายมากมายเนื่องจากข้านั้นไร้เหตุผล … ข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทนเขา  แต่ตอนนี้เขากำลังจะตาย … และข้าจักสะละสิ้นทุกสิ่งอย่างเพื่อเขา ! “


 


” จวินโม่เซี่ย ข้า … ข้าคำนับต่อหน้าเจ้า ! “


องค์หญิงหลิงเมิง ก้มลงพื้นอย่างรุนแรง กำเนิดเตียง ตุ๊บ ! ดังก้อง  เป็นการพิสูจน์ว่านางใช้กำลังทั้งหมดเพื่อคำนับต่อหน้าเขา  มิใช่ความพยายามที่ไม่จริงจัง


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ย ได้รับการกระทบความรู้สึก


 


กริยาอันสูงส่งขององค์หญิงแห่งนคร !  นางคุกเข่าลงต่อหน้าผู้ต่ำต้อย และอ้อนวอนเขา … เพียงเพื่อการช่วยชีวิต ผู้คุ้มกันของนาง !


 


ราชวงศ์ ต่อสู้เพื่ออำนาจมาตั้งแต่โบราณกาล  แน่นอนว่ามีผู้คนมากมายในสกุลผู้ที่เที่ยงธรรม  แต่กระนั้น การกระทำขององค์หญิงคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น


 


ราชวงศ์ จักต้องประพฤติอยู่ในเกียรติ  แต่ องค์หญิงหลิงเมิง ละทิ้งหมดสิ้น  องค์หญิง คุกเข่าต่อหน้าจวินโม่เซี่ยราวกับกำลังคุกเข่าต่อหน้าผู้อาวุโสที่น่าเคารพนับถือ


 


ทุกผู้สามารถรู้ถึงความตั้งใจจากท่าทางการคุกเข่าขององค์หญิง


 


ไม่ว่าต้องเสียเท่าใหร่ … หรือมีโอกาสสำเร็จหรือไม่  ไม่ว่าจะเป็นความหวังที่ลมแล้ง … นางก็ไม่ลังเล


 


สีหน้าภายนอกของจวินโม่เซี่ยสงบนิ่งดั่งผืนน้ำ  แต่เขารู้สึกแย่อยู่ภายใน  เขาไม่คาดว่า องค์หญิงหลิงเมิง จะกระทำเช่นนี้เพื่อ อยี่กู้ฮั่น


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ก้าวยาวขณะนางเอ่ยทั้งน้ำตา


” คนเลว เหตุใดเจ้าจึงชักช้า ?  องค์หญิงคุกเข่าต่อหน้าเจ้าและร้องขอ เจ้าต้องการสิ่งใดอีก ?  ทำอะไรสักอย่างเร็วเข้า หากเจ้าสามารถ !  พวกเราสองคนคุกเข่าต้องหน้าเจ้ายังไม่เพียงพออีกหรือ ? “


 


สีหน้าจวินโม่เซี่ยเยือกเย็นขณะยื่นมืออกไปกัน ตู่กู้เซี่ยวอี้  ออกด้านข้าง  จากนั้นเขามองไปยัง องค์หญิงหลิงเมิง ด้วยท่าทีต่างออกไป  แล้ว เขาเอ่ยอย่างไร้อารมณ์


” ข้าเสียใจ .. ไม่มีสิ่งใดที่ข้าสามารถทำได้ “


 


ซุนเซี่ยวเหม่ย สั่นเทาทั้งตัว  นางคาดการทุกอย่างได้รวดเร็ว  นางตระหนักได้ว่ากำลังทำความผิดอันไม่น่าให้อภัยโดยการบอกกล่าวองค์หญิงถึงความสามารถของจวินโม่เซี่ย …

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม