Otherworldly evil monarch 254-260

ตอนที่ 254

 

” นายน้อยลี่ “


ใบหน้าองค์หญิงหลิงเมิงยังซีดเผือก ในขณะที่ความคิดของนางยังคงสับสน


” นายน้อยลี่ ได้ไปยังราชวังก่อนหน้านี้ ? “


 


” ข้าไปยังราชวังเมื่อวานเพื่อขอเข้าเฝ้าองค์หญิงโดยเฉพาะ  แต่กระนั้น องค์หญิงยังคงติดภารกิจสำคัญ พวกเราจึงมิได้พบกัน  องค์หญิงหญิงสิริโฉมงดงามกว่าที่เคยในวันนี้ เป็นที่ยอมรับสำหรับทุกผู้คน “


 


ลี่โย่วหลานเอ่ยนุ่มนวลและคำเยินยอของเขาก็มิได้หยาบคาย  น้ำเสียงเขาชัดเจนและซับซ้อนจนไม่รู้สึกว่าเขาแสดงความเห็นที่ไม่ดี … แม้นว่าพวกมันไม่ทำให้ผู้ใดมีความสุข


 


” นายน้อยลี่วาจาน่ารื่นรมย์ “


องค์หญิงหลิงเมิง เคยชินกับคำยกยอมาตั้งแต่เด็ก  ด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้จริงจังกับคำพูดของเขา


” นายน้อยลี่มาหาหลิงเมิ่งจำต้องมีเหตุผล ?  ข้าขอให้ นายน้อยลี่เอ่ยตามตรงเนื่องจากองค์หญิงอ่อนเพลีย และประสงค์จะกลับตำหนัก “


 


” ข้าได้ยินมาว่ามียอดฝีมือสวรรค์เชวียนลึกลับปามีดบินช่วยชีวิตองค์หญิงไว้ เมื่อนางได้รับการลอบสังหาร  ข้าได้ยินมาว่านางเก็บมีดเล่มนั้นไว้เป็นของสะสมส่วนตัว “


ลี่โย่วหลานหัวเราะขณะเขาพูดถึงเรื่องนี้ไม่รีบร้อนราวกับมิใช่เรื่องสำคัญ


” โย่หลานจักโชคดีพอได้ดูมีดเล่มนั้นหรือไม่ ? “


 


” แต่ข้ามิเข้าใจเหตุใดนายน้อยลี่จึงประสงค์จะดูมีดเล่มนั้น … โปรดเอ่ยถึงเหตุผลที่ชัดเจนในการเข้ามายังราชวัง และเหตุใดเจ้าจึงต้องการตรวจสอบมีดเล่มนั้น ! “


องค์หญิงหลิงเมิงสับสนในทันที


เหตุใดคนผู้นี้ประสงค์จะดูมีดเล่มนั้น ?  เขามีเจตนาใดกัน ?


 


” องค์หญิงอาจมิรู้เรื่องนี้ … แต่กระนั้น โย่หลานได้ออกไปเดินเล่นเมื่อหลายวันก่อน และพบกับมือสังหารโดยไม่คาดคิด  สิ่งต่างๆเริ่มเลวร้าย และโย่วหลานคิดว่าอาจจะพบว่าตัวเองตื่นมาในอเวจีแล้ว  อย่างไรก็ตาม มีประกายสีครามปรากฏขึ้นและปามีดไปยังมือสังหารได้ทันเวลา  มือสังหารล่าถอยไป และชีวิตของโย่วหลานปลอดภัย “


ใบหน้าของลี่โย่วหลานเผยถึงความชื่นชมและขอบคุณ  ความจริงดูราวกับเขากำลังหลงไหล


 


” ความเมตตาของเขาทำให้ข้ามีชีวิตใหม่ และสิ่งนี้ได้ตราตรึงลงไปในใจข้าตั้งแต่เวลานั้น  โย่วหลานเสาะหาข้อมูลของคนผู้นี้มานานหลายวันเนื่องข้าประสงค์จะรู้เกี่ยวกับเขา  น่าอับอายที่โย่วหลานมิอาจหาข่าวคราวของเขาได้เลย  จำต้องใช้เวลาหลายวันที่โย่วหลานนึกขึ้นได้ว่า องค์หญิงเคยได้รับการช่วยเหลือจากชายลึกลับหนึ่งหน  ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองใช้มีดจากที่ซ่อนเพื่อช่วยเหลือพวกเรา  ดังนั้น อาจเป็นไปได้ไหมว่าผู้มีบุญคุณของพวกเรานั้นเป็นคนเดียวกัน ? “


ลี่โย่วหลานถอนหายใจ


” เขาช่างเมตตา  ช่วยรักษาชีวิตข้าโดยไม่ขอสิ่งใดตอบแทน ช่างสูงส่งยิ่งนัก  โย่วหลานหลงไหลคนผู้นี้ “


 


” โอ้ว “


องค์หญิงหลิงเมิง เลิกคิ้วขึ้น  นางสามารถสัมผัสเลือนลางได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง  แต่กระนั้นนางก็มิอาจบอกได้ว่าคือสิ่งใด


 


” คนผู้นั้นจากไปในภายหลัง  อย่างไรก็ตาม เขาได้ทิ้งมีดสั้นเล่มเล็กไว้บนพื้น ประกายของมันช่างงดงาม … “


ลี่โย่วหลานดูไม่เกรงกลัวจะแบ่งปันประสบการณ์


 


มือขวาลี่โย่วหลานล้วงเข้าไปในกระเป๋าหน้าอก  เขาควานหาชั่วครู่ และดึงเอามีดบินเล็มเล็กและเปล่งประกายออกมา


 


มีดบินสามเล่มนี้แตกต่างจากมีดเล่มอื่นๆในโลกนี้มาก  องค์หญิงบอกได้ว่าใบมีดนั้นถูกสร้างโดยผู้เป็นเลิศในฝีมือ  นางบอกได้เลยว่ามีไม่กี่ผู้ในนครเทียนเชียงที่สามารถสร้างอาวุธเช่นนี้ได้


 


พวกมันช่างไร้ที่ติ  พวกมันน่าชื่นชนจนมิอาจละสายตา  แต่กระนั้น แสงเยือกเย็นส่องสะท้อนจากผิวหน้าของมันประหนึ่งปิศาจร้ายที่กำลังเปล่งประกายในฟากฟ้ายามค่ำคืน  มันคมกริบ  และแม้นว่าจะไม่ได้มีขนาดใหญ่ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เสียวซ่านลงไปตามสันหลัง


 


บอกได้ว่ามีดบินที่บรรจงและประณีตนี้เป็นอาวุธที่สามารถพรากชีวิตไปได้อย่างง่ายดาย


 


” รูปร่างของมีดเหล่านี้คล้ายคลึงกัน  ความจริงแล้ว มันมีลักษณะคล้ายกับอันที่ข้ามี “


องค์หญิงหลิงเมิงถอนหายใจผ่อนคลาย  จากนั้นนางยิ้มและเอ่ย


” แต่ วัสดุที่ใช้นั้นต่างกันอย่างมากแม้ว่ามันจะดูเหมือนกันก็ตาม  ข้ามั่นใจว่ามันต้องใช้เคล็ดวิธีการผลิตที่แตกต่างกันอย่างมาก “


 


ลี่โยวหลานไม่ละสายตาจากใบหน้าอันงดงามขององค์หญิงแม้นในเวลาที่เขาเอามีดออกมา  อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดเขาก็หันไปทางอื่นและยิ้ม


” วิธีสร้างอาวุธนี้คล้ายคลึงกัน ?  แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าของผู้ใดดีกว่ากัน จะเป็นเช่นไรหากข้าขอเปรียบมีดของข้ากับองค์หญิง ?”


 


” ใบมีดของ นายน้อยลี่นั้นดูเยือกเย็นและแหลมคมมากพอจะทำให้ทุกคนหวาดกลัว  แต่กระนั้น ลวดลายบนนั้นก็มิได้เหมือนกับของข้า  ในความจริง มีดของเจ้าไม่เหมือนกับของข้าในลวดลายและวิธีการสร้าง  แต่กระนั้น มีดของเจ้าแข็งกว่าของข้า  มีดของข้านั้นทำมาจากเหล็กสามัญในขณะที่ของเจ้าทำมาจากโลหะชั้นเลิศ  อาวุธของเจ้านั้นควรค่าเพียงพอจะเรียกว่า อาวุธเทพเจ้า “


องค์หญิงหลิงเมิงเปรียบเทียบอาวุธอย่างเสน่หา


 


อาวุธนี้จักต้องเหนือกว่าของผู้ที่ช่วยเหลือข้า !


องค์หญิงสามารถมองมันออกได้เพียงแค่หนึ่งเหลือบมอง


เพียงผู้ที่เป็นเลิศในโลกหล้าเท่านั้นที่สามารถสร้างสิ่งที่ประณีตและบรรจงเช่นนี้ได้  เพียงเขาเท่านั้นที่สามารถสร้างสิ่งสวยงามเช่นนี้ได้ มันแหลมคมมากพอให้ใช้เพื่อปกป้องตัวเอง


 


อาวุธเหล่านี้งดงาม แข็งแกร่ง แม้เลือดเปื้อนยังคงงดงาม  หากเช่นนี้คือรูปแบของอาวุธ … เช่นนั้นนี่ก็จะต้องเป็นตัวตนของเจ้าของ … คนชั่วร้ายดั่งเช่น จวินโม่เซี่ยนั่นจะสามารถครอบครองอาวุธอันงดงามและประณีตเช่นนี้ได้อย่างไร ?  คนสามัญมิอาจมีอาวุธไร้เทียมทานเช่นนี้ได้ !


 


องค์หญิงหลิงเมิงนึกคิดถึงผู้ที่ช่วยเหลือนางตั้งแต่วันที่นางประสบกับการลอบสังหาร


หากอาวุธของเขาช่างงดงามและศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ แล้วคนผู้นั้นจะต้องหล่อเหล่าและมั่นคงสักเพียงใด ?


 


บางทีเขาอาจจะสง่างามและมีสไตล์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบ


 


มันน่าอายที่ต้องเฝ้ามองความเสแสร้งของจวินโม่เซี่ย ราวกับว่าเขาคือผู้ที่ไม่อาจเอาชนะได้  เช่นเขาคือคนไร้ยางอาย  ฮึ่มม …


 


ผู้ที่มีจิตวิญญาณอันทรหด … ดีละ คำนี้เหมาะสมที่จะใช้เอ่ยถือตัวตนของมือสังหาร


 


” ข้าไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างมีดทั้งสองได้ เว้นแต่ข้าได้เห็นเล่มที่องค์หญิงเก็บเอาไว้ ไม่ใช่หรือ ?  ข้าประสงค์จะรู้จริงๆว่าผู้ใดคือผู้ที่ช่วยพวกเราไว้มิได้หรือ ? “


ดวงตาของลี่โย่วหลานดูเหมือนมีความร้อนรนอันแรงกล้า  ราวกับเขากำลังได้รับรู้ถึงผู้ที่ช่วยชีวิตเขาและมิอาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้อีกแล้ว


 


” สวรรค์เมตตา  ในที่สุด โย่วหลานก็จะได้เห็นอาวุธอีกชิ้นที่เป็นของผู้ที่ช่วยเหลือเขาไว้  ความสง่างามของมันมิอาจสาธยายเป็นคำพูด  ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงรอคอยเพื่อดูด้วยตาตัวเอง  ข้าขอดูมันได้ไหม ? “


ลี่โย่วหลานแสดงท่าทางรบเร้า


” ข้าจะต่างอะไรกับสิงห์สา หากข้ามิอาจแสดงความขอบคุณของเขาได้ ! “


 


” เป็นจริงดั่งนั้น  แม้นว่า มีดของข้าจะมิได้ดีเด่นเช่นของโย่วหลาน  แต่กระนั้น ข้าก็ยังหวงแหนอาวุธล้ำค่านี้  มันไม่เคยห่างจากจ้า และข้ามิเคยให้ผู้ใดได้เห็น  แต่กระนั้น ข้าจะละไว้หากคำพูดของนายน้อยลี่นั้นซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ “


​องค์หญิงหลิงเมิงมองเขาด้วยความลึกซึ้ง


ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีมารยาทและเรียบร้อย  แต่กระนั้น เขาคือผู้ที่ซื่อสัตย์และมากพรสวรรค์อย่างแท้จริง !


องค์หยิงบ่นกับตัวเองขณะดุงห่อเล็กๆออกมา  นางค่อยๆเปิดมันออกและเผยให้เห็นมีดขนาดเล็กที่ประณีต  แสงเยือกเย็นสะท้องจากผิวหน้าของมัน และทอประกายลงไปบนร่างอันหอมหวานขององค์หญิง


 


” เหมือนกันอย่างแท้จริง ! “


ลี่โย่วหลานดูคล้ายตื่นเต้นมาก  เขาวางมีดทั่งสี่ลงบนฝ่ามือ  พวกมันคล้ายคลึงกัน  อาจจะบอกได้ว่าวัสดุที่ใช้นั้นแตกต่างกัน  แต่ขนาดและรูปทรงนั้นเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว  ยิ่งไปกว่านั้น ชัดเจนว่ามีเหล่านั้นถูกใช้โดยวิธีการเดียวกัน


 


” สวรรค์กำลังเฝ้ามอง !  ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้า ! “


ลี่โย่วหลานดูเหมือนจะมากอารมณ์  ความเยือกเป็นเปล่งประกายขึ้นในดวงตาขณะเขามองไปยังองค์หญิงหลิงเมิง  ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงร่องรอยแห่งความขุ่นเคือง


 


ตอนนี้ข้ามั่นใจ  ฆาตรกรผู้เลวทรามและผู้ที่ช่วยชีวิตองค์หญิงหลิงเมิงเกี่ยวข้องกัน พวกเขาอาจจะเป็นคนเดียวกัน  ไม่มีผู้ใดอื่นในโลกนี้ที่สามารถสร้างอาวุธเช่นนี้ได้ !


 


องค์หญิงหลิงเมิงคือหญิงสาวที่น่าเย้ายวนในสายตาของลี่โย่วหลาน


 


หากจำเป็นต้องมีการเสียสละ


ลี่โย่หลานถอนใจ


 


” ดูเหมือนว่าของนายน้อยลี่และข้านั้นได้รับการช่วยเหลือจากผู้มีบุญคุณคนเดียวกัน “


ใบหน้าองค์หญิงหลิงเมิงเผยถึงความพึงพอใจ  ความจริงแล้ว นางขวยเขินเล็กน้อย  สีหน้าที่พิเศษและแปลกประหลาดนี้ทำให้เกิดความงดงามขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งบนใบหน้าของนาง


 


” ได้โปรดดูแลตัวเองด้วยองค์หญิง “


จิตวิญญาณของลี่โย่วหลานค่อยๆบอบบางลงเมื่องมองไปในสายตาของ องค์หญิง และความงดงานที่เกินกว่าผู้ใดในโลกหล้า  อย่าไรก็ตาม เขากลับมาสงบเสงี่ยมในทันที และกลับสู่ความคิดที่เย็นชาของเขา


” โย่วหลานต้องขอตัว  ข้าจะมายังราชวังในภายหลังเพื่อเข้าเฝ้าองค์หญิง “


 


ลี่โย่วหลาน โค้งตัวหลังจากพูดจบ และจากนั้นหันหลังจากไป  เขาไม่แม้แต่นำมีดกลับไป และทิ้งมันไว้กับองค์หญิง


 


ฆาตรกรได้รับการพินิจแล้ว  ด้วยเหตุนี้ มีดบินจึงไร้ค่าสำหรับเขา  แม้นความจริงที่ว่ามันเป็นอาวุธอันไร้ที่ติซึ่งไม่มีค่าอันใดกับเขา


 


องค์หญิงสับสนเล็กน้อยจากพฤติกรรมที่จากไปของลี่โย่วหลาน


นายน้อยลี่พูดเองว่าเขาหวงแหนอาวุธของผู้ที่ช่วยเหลือเขา  และยังต้องการขอบคุณต่อเขา  แต่กระนั้น เขาทิ้งมีดเหล่านี้ไว้กับข้าหลังจากขอบคุณข้า … ราวกับว่า …


 


ขุนนางเหวินยังคงนั่งอยู่ด้านหลังนาง  เขากระซิบ


” คำพูดของนายน้อยลี่นั้นแปลกประหลาดและอ้อมค้อม  บางสิ่งดูผิดปกติ … จนเกือบจะขัดแย้งกัน  ยิ่งกว่านั้น ดวงตาของเขายังสะท้อนถึงความอาฆาตขณะที่เขามององค์หญิงแม้นว่าไม่มีการยั่วยุใดๆ  เขาจะต้องคิดบางสิ่งที่เลวทรามอย่างแน่นอน  และดูเหมือนว่าเขาอาจจะมีองค์หญิงอยู่ในใจ  ข้าคิดสิ่งอื่นไม่ออกอีกแล้ว … นอกจากเรื่องนั้น  พระองค์ พวกเราจะต้องจัดองครักษ์อีกหนึ่งหรือสองคนไว้เพื่อปกป้องนาง “


 


องค์จักรพรรดิหรี่ตา และกระซิบ


” แต่ข้ายังคงประสงค์จะรู้ว่าผู้ใดคือยอดฝีมือลึกลับ “


องค์เห็นถึงร่องรอยแห่งความหวาดกลัวในดวงตาของขุนนางเหวิน และหัวเราะ


” อย่าลืมว่านางมีองครักษ์อยู่ข้างกาย  และองครักษ์ผู้นั้นคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน ความปลอดภัยของนางไม่เป็นที่น่ากังวล “


 


” อยี่กู้ฮั่น ?  หากว่าเพียงแค่เขาไม่เพียงพอ ?  หรือมิได้อยู่ข้างกายนางตลอด ? “


ขุนนางเหวินพยักหน้าปฏิเสธ ครั้งแล้วครั้งเล่า


” ระยะหนึ่งแล้วที่เกิดการลอบสังหารขึ้นกับนาง เป็นเรื่องงี่เง่าที่จะไม่คิดคำนวนถึงอยี่กู้ฮั่นหากวางแผนการลอบสังหารนางอีกครั้ง ? “

 

 

 


ตอนที่ 255

 

” มิใช่ปัญหา “


ดวงพระเนตรดิ่งลึกครุ่นคิด  พระองค์แย้มสรวลและตรัส


” หลิงน้อยคือบุตรตรีข้า  ข้าจักทำลายล้างทุกสกุลที่ทำร้ายนาง ทุกผู้ที่อาจหาญลองดี ! “


 


ขุนนางเหวินถอนหายใจโศกเศร้า


บางคนก็แสดงตนว่าพวกเขามิได้เกรงกลัว  และท่านนั้นมิสามารถพอจะทำลายสกุลของพวกเขา  จะช่วยลูกสาวของท่านได้อย่างไร หากท่านทำลายสกุลหลังจากพวกเขาสังหารองค์หญิงไปแล้ว ?


 


ดูเหมือนว่า พระองค์เลือกเดินเส้นทางนี้อย่างแน่นอน


 


การประมูลเดินทางมาถุงจุดสิ้นสุด  เหล่าองค์ชายทำดีที่สุดและทำลายมันไปแล้ว  มีคนจำนวนหนึ่งไม่มีความสุขเพราะเรื่องนั้น หยางมู่ คือผู้หนึ่ง แต่กระนั้น ผู้คนส่วนใหญ่มีความสุขและพึงพอใจ และเริ่มเดินออกไป


 


นายน้อยจวินเกือบหัวเราะขณะเขามองขุนพลตู่กู้หลบฉากออกไปด้วยความสามารถดั่งวิญญาณ ลูกชายเขาติดตามไปดั่งหมอกควัน  ตู่กู้เซี่ยวอี้ ยังคงอยู่เบื้องหลัง และเดินขึ้นมาชั้นบน


 


” ถังหยวนและ ซ้งฉาง ขึ้นมาที่นี่เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น  ข้ามีบางสิ่งที่ต้องจัดการ “


จวินโม่เซี่ยดูจริงจัง นี่เป็นเพียงการประมูล  อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยแอบคิดว่า


มีบางสิ่งผิดพลาด ?  นี่อาจมิใช่เรื่องเล็กน้อย ?


 


เพียงหนึ่งผีเสื้อตัวเล็ก อาจก่อผลกระทบตามมา เช่นนั้นจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากการจัดการของหอชนชั้นสูงมีบางสิ่งผิดพลาดในช่วงเวลาอันสำคัญนี้ ?  ไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแปลง


 


” ท่านน้าสาม ท่านต้องออกไปข้างนอกเพื่อจัดการบางสิ่ง  พวกเราจัดต้องจัดคนงานใส่ใจทุกสกุลที่กำลังแยกย้ายไปจากที่นี่  พวกเขาจะต้องติดตามว่าผู้ใดบ้างที่สกุลเหล่านี้ติดต่อด้วย  จากนั้น พวกเขาจักต้องล่าถอย  ไม่ทิ้งเบาะแสใดไว้เบื้อหลัง  ทุกผู้จักต้องรีบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่สามารถหาได้  ข้าเชื่อว่าทุกสกุลที่ทรงอำนาจในนครเทียนเชียงมาที่นี่  และนี่คือโอกาสชั้นเลิศที่จะได้ประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริงและเครือข่ายของพวกเขา  มันจะทำให้อิทธิพลของเขาชัดเจน  ท่านจักต้องเตรียมการท่านน้า  ห้ามมีสิ่งใดผิดพลาด “


 


” ข้าเข้าใจ  ข้าจะระมัดระวัง “


ใบหน้าจวินวูอี้จริงจังขณะเขาพยักหน้า


 


” มีเพียงสี่ผู้ในที่นี้รู้ว่าข้าอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ถังหยวน ท่านน้าสาม ซ้งฉาง และ องค์รัชทายาท ท่านน้าไม่มีปัญหาใด  ถังหยวน และ ซ้งฉาง จะดีขึ้นเมื่อข้าให้คำแนะนำ  เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอาจมีความคิดหยาบกระด้าง แต่เขามิใช่ปัญหา … “


สมองของจวินโม่เซี่ยยุ่งอยู่กับการคิดคำนวน แต่เขาไม่พูดความคิดของเขามา  เขามองไปรอบๆ และสายตาหยุดลงที่หยางมู่  บังเกิดความคิดขึ้น


” หยางมู่ ข้ากำลังจะเขียนบางสิ่งอย่าง  ขอให้เจ้าส่งมันให้พ่อของเจ้าเมื่อถึงบ้าน  ห้ามมิให้ผู้ใดได้เห็น “


 


หยางมู่ ตกปากรับคำคอตก


 


” โอ้ และยังมี ไฮ่เฉินเฟิง แต่เขาคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน … “


จวินโม่เซี่ยไม่มีเวลาสนใจความโศกเศร้าของหยางมู่ เนื่องจากเขายังคงติดอยู่ในวังวนครุ่นคิดแผนการ


 


จักต้องตระเตรียมเพื่อรับมือกับปัญหาในภาคหน้า หากต้องการจะดำรงไว้ซึ่งชัยชนะ


 


มีผู้คนมากมายอยู่ที่นั่น  และจวินโม่เซี่ยสัมผัสได้ราวกับมีบางคนจ้องมองเขาอยู่  ทันใดนนั้น ดวงตาของเขาก็หยุดลงที่ชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังองค์หญิงหลิงเมิง และความรู้สึกถึงวิกฤตการณ์ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา


 


การประมูลจบลงแล้ว เหล่าแขกเหรื่อเริ่มเดินทางกลับ  องค์ชายทั้งสามจากไปแล้ว  ความจริง องค์ชายสามคือผู้แรกที่จากไปเนื่องจากร้อนร้นจะแสดงความกตัญญูต่อพ่อของเขา  แต่กระนั้น องค์หญิงยังคงนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้  องค์หญิงไม่เคยชอบวิธีการที่พี่ทั้งสามของนางต่อสู้กันเพื่อตำแหน่งจักรพรรดิ  ในความจริง นางไม่เคยประสงค์จะมายังสถานที่นี้หากมิใช่ความคิดของท่านพ่อ


 


คนเหล่านี้คือพี่ๆของข้า และเขาคือพ่อของข้า  เหตุใดพวกเขาจึงไม่สนิทชิดเชื้อกัน ? เหตุใด …. เหตุใด …


 


ทันใดนนั้น องค์หญิงหลิงเมิงสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวและอับจนหนทาง  นางมักจะมองหา ตู่กู้เซี่ยวอี้  หรือสหายคนอื่นๆของนางเพื่อค้ำจุน  แต่กระนั้น นางก็ยังคงต้องการไหล่ที่แข็งแกร่งเพื่อแอบอิง …


ข้าจักหาคนเช่นนั้นได้ที่ใด ?


 


องค์หญิงหลิงเมิง งดงามและแจ่มใสเสมอ  อย่างไรก็ตาม อดไม่ได้ที่น่าจะรู้สึกอนาถใจในช่วงเวลานี้  นางเอื้อมมือไปแตะเข้ากับมีดบินที่สี่เล่ม  ราวกับมีดที่เป็นของชายลึกลับผู้นั้นคือสิ่งเดียวที่สามารถปลอดประโลมนางได้  นางรู้สึกราวกับใบมีดอันเยือกเย็นนี้ปกปิดความอบอุ่นในร่างของชายผู้นั้น …


 


ชายชุดดำจากไปครู่ใหญ่  ความจริงแล้ว ขุนนางหวินและองค์จักรพรรดิจากไปก่อนกลุ่มคนอื่นๆ  เดิมที องค์หญิงไม่มีสิทธิแทรกแซงสถานที่ ที่พวกเขาไป


 


สาวใช่ขององค์หญิงรู้ว่านางมิได้ออกจากวังเป็นเวลาเนินนานแล้ว  ดังนั้น องค์หญิงก็มีโอกาสได้ออกมาภายนอกในที่สุด  ด้วยเหตุนี้ สาวใช้จึงยืนเคียงข้างนาง และเฝ้าดูผู้คนสลายตัวอย่างอดทน  โถงเริ่มโล่งขึ้นในที่สุด แท้จริงแล้วมันเริ่มว่างเหล่าอย่างผิดปกติ  ไม่นาน กลิ่นหอมหวานของหมู่มวลบุปผาเข้ามาแทนที่กลิ่นของสุรา  โถงนั้นเริ่มดูสง่างามขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่กลิ่นของผู้คนจางหาย


 


แสดงส่องสว่างของโถงประหนึ่งปลดปล่อยความลับของใครบางคน


 


ดนตรียังคงบรรเลง  ความอ่อนโยนของมันบอกเล่าความโศกเศร้าและโดดเดี่ยวของคนรุ่นเก่านานนับพันปี ….


 


องค์หญิงหลิงเมิงนั่งไร้วาจาขณะนางฟังอย่างสงบ บทเพลงเหมือนจะทำให้ร่างของนางโดดเดี่ยวและเปราะบาง …


 


นายน้อยจวินได้จัดหาคนเพื่อคุ้มกันหยางมู่กลับจวน  เด็กชายผู้นี้อดทนมากมายในวันนี้ และต้องประสบกับเคราะห์ร้ายอย่างใหญ่หลวง  เขามาที่นี่ด้วยความเบิกบานหวังให้ตัวเองมีความสุข  แต่กระนั้น เขาต้องกลับไปพร้อมด้วยบาดแผลในใจมากมาย  สำหรับเด็กสิบขวบปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสิ่งที่โหดร้าย


 


อย่างไรก็ตาม นายน้อยจวินมิได้พยายามปลอบโยนเขา ปล่อยให้เขาคิดไปในสิ่งที่ทำให้มีความสุขอีกครั้ง


 


กระบี่จำต้องลับคม พลัมบุปผาต้องการเหมันตฤดูเพื่อเฉิดฉาย  ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวขึ้นสูงสุดโดยไม่ขัดเกลาตัวเอง


 


เด็กน้อยเติบโตได้จักต้องอาศัยมานะ  ความอัปยศคือการหวานเมล็ดลงในใจที่ละเอียดอ่อนและไร้เดียงสาของเขา  ชัดเจนว่าเขาประสบกับปัญหาใหญ่ในวันนี้  แต่กระนั้น ความอัปยศนี้ย่อมนำไปสู่การเติบโตที่แท้จริง  การอดกลั้นในเรื่องนี้จะคุ้มค่าต่อเขาเมื่อเวลามาถึง … ไม่สำคัญว่าอนาคตจะยื่นสิ่งใดมา


 


จำต้องใช้ประสบการณ์มากมายก่อนเด็กน้อยจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง


 


มันเป็นเพียงความคิด … โลกมิอาจตกต่ำจากความรู้สึกงดงาม แต่กระนั้น เพียงผู้ที่จะไม่เพิกเฉยเท่านั้นจึงควรค่าแก่การเล่นเกมส์ชีวิต  ผู้คนมิเคยทะเยอทะยานอย่างแท้จริง  ผู้หนึ่งจะลุกขึ้นเหนือผู้อื่นเมื่อเขามิอาจทนการโดนกดขี่  ผู้คนจะพยายามปีนป่ายเมื่อเขาสัมผัสถึงการพ่ายแพ้ที่เหยียบย่ำลงมา


 


ทุกสิ่งมีเหตุ และทุกเหตุสามารถก่อเกิดเป็นผล


 


ผู้หนึ่งมิอาจร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้เสมอเมื่อต้องอดทนกับความเจ็บปวด


 


ยิ่งไปกว่านั้น มือสังหารจวิน มิชอบแทรกแซงเส้นทางของพระเจ้า


 


การชมเชยก็สิ่งหนึ่ง ความช่วยเหลือก็สิ่งหนึ่ง  ข้าไม่ต้องการช่วยเหลือเจ้า หากเจ้ามิสามารถทนต่อความเจ็บปวด  หากเจ้าตาย เจ้าก็จะตาย  ข้าจะไม่สังเวชในการตายของเจ้า หากเจ้ามิอาจยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง  แม้แต่คนที่ดีก็มิอาจยกเว้น !


 


ท้ายที่สุด มีคนดีมากมายตายในทุกวัน


 


นายน้อยจวินคิดกับตัวเอง


ข้าไม่ต้องการช่วยเขา ข้ามิใช่ผู้ไถ่บาป  หากจะช่วยชีวิตเขา … เขาจะต้องไม่มองหาความช่วยเหลือจากข้า


 


ถังหยวนกำลังเบิกบานขณะขึ้นมาชั้นบน  ใบหน้าอวบอ้วนของเขาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น  เขาตะโกน


” กำไรมหาศาล  กำไรมหาศาลจริงๆ … ว้าว … ฮ่าฮ่า … ข้าคาดว่าเพียงแค่ทำเงินส่วนหนึ่ง  แต่ข้ามิคาดว่าจะมากมายเช่นนี้ !  ช่างมีความสุขยิ่ง ! “


ถังหยวนกระโดดขึ้นทันทีขณะเขาคำรามใส่จวินโม่เซี่ย


” เก้าสิบล้าน เก้าสิบล้านถ้วน !  ฮ่า ฮ่า ฮ่า … “


 


ดูราวกับเจ้าอ้วนเป็นโรคประสาทหวาดผวา  นายน้อยจวินถือมาเสมอว่านิสัยของเจ้าอ้วนนั้นมิถูกต้องนัก


 


เงิน…มิใช่ผิดบาปดั้งเดิม !


 


ใบหน้าซ้งฉางหม่นหมอง แท้จริงแล้ว หาร่องรอยแห่งความสุขเลยไม่  ความคิดของ ซ้งฉางนั้นตรงข้ามกับเจ้าอ้วน


เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาสุราที่วิเศษเช่นนี้ !  การขายมันให้แก่เหล่าผู้ที่เรียกว่า ชนชั้นสูงนั้น คือความไร้ค่า จะวัดค่าของสุราสวรรค์เพียงแค่ค่าเงินได้อย่างไรกัน ?  การตีค่ามันด้วยเงินมิต่างอันใดกับการดูหมิ่น !


 


แต่กระนั้น เขาก็มิได้ไม่เชื่อฟัง เนื่องด้วยนายน้อยคือผู้ออกคำสั่ง


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ จวนกระโดดด้วยความสำราญ ราวกับความสำเร็จในการประมูลที่จัดโดยจวินโม่เซี่ยนั้นนำความสำราญมาสู่นางมากยิ่งกว่าความสำเร็จได้ที่นางเคยประสบ


 


” อะไร ? “


จวินโม่เซี่ยยิ้มส่งถังหยวน


” ส่วนแบ่งกำไรของเจ้านั้นหลายสิบล้าน  แล้วเจ้าประสงค์จะทำสิ่งใด ? “


 


” สิ่งที่ข้าจะทำ ? “


ดวงตาถังหยวนหรี่ด้วยครุ่นคิด  จากนั้นเขาเอ่ยไม่เห็นแก่ตัว


” ใช่ เอ่อ  เหตุใดไม่เป็นเช่นนั้น !  ข้ามีความใฝ่ฝันหนึ่งสิ่ง  แต่ข้ามิเคยมีเงินมากพอจะทำมัน  สกุลของข้ามิเคยให้เงินแก่ข้ามากมาย เช่นนั้นข้าจึงมิอาจทำตามความฝันนี้ได้ “


 


เจ้าอ้วนถอนหายใจ ขณะความหลงไหลปรากฏขึ้นในดวงตา  แต่กระนั้น มีแววตาแห่งความไม่พอใจตามมา  บางทีอาจคือแววตาแห่งความผ่อนคลาย ทั้งความสุขที่กำลังจะเข้าใกล้ความฝันที่เขาหวังมายาวนาน … แต่ยังคงมีความกังวล …


 


” ความคิดอันยอดเยี่ยมนี่คือสิ่งใด ?  บอกข้า “


จวินโม่เซี่ยมิอาจกลั้นความสนใจ  แม้นเหมือนเขาถามไม่ตั้งใจ เขายังคงอยากรู้ว่าความฝันของถังหยวนแท้จริงแล้วคือสิ่งใด  ถังยวนรู้จักจวินโม่เซี่ยดีในเรื่องกิจกรรมที่สังคมมิอาจยอมรับ  แม้นว่าจวินโม่เซี่ยจะมิได้สนใจความฝันอันยาวนานของถังหยวน แต่เขายังมิอาจปกป้องตัวเองจากความฝันอันสกปรกที่ถังหยวนฝังไว้ในใจเขามานานได้


 


ความคิดที่ข้ามขั้วกันนี้แปลกประหลาดยิ่ง


 


” ข้ากำลังคิดว่า … ตอนนี้ข้ามีเงินบ้างแล้ว … และเงินเหล่านั้นเป็นของข้าจริงๆ .. มากมายอย่างแท้จริง … เพียงพอที่ข้า … “


ถังหยวนเศร้าลงทันที  ราวกับเขากำลังตกอยู่ในบรรยากาศกดดัน  ตู่กู้เซี่ยวอี้ ชื่นชอบการล้อเล่นของเจ้าอ้วนอย่างมาก  แต่กระนั้น นางยังคงเงียบปากไว้เพื่อหวังรอให้เจ้าอ้วนผ่อนคลายลงเล็กน้อย


 


” … ข้าไปยัง ทะเลสาปหมอกวิญญาณ อยู่บ่อยครั้ง และทุกสถานประกอบการมีหญิงสาวที่ขายตัว อย่างไรก็ตาม พวกนางที่ขายตัวไม่เคยไปรวมกันอยู่ในสถานที่เดียว  ผู้หญิงส่วนใหญ่เพียงแค่ร้องเล่นเต้นรำ  พวกนางจะเหลือบสายตาเกี้ยวพาตรงมายังข้า และแสดงความสนใจที่จะโดนกระทำ  แต่กระนั้น  พวกนางมักจะปฏิเสธแม้นว่าข้าจะเสนอเงินมากมาย “


ถังหยวนตีริมฝีปาก  ราวกับความคิดของเขาจะสำราณไปกับฉากที่งดงงาม


 


ทุกผู้ยังคงเงียบงัน ใบหน้าพวกเขาบูดเบี้ยวแปลกประหลาด


 


เขาช่างคู่ควรสมญานามเสเพล  มีสิ่งใดอีกที่จะคาดได้ว่าคือปรารถนาของเจ้าอ้วน …


 


” ข้ามิอาจทนต่อหญิงสาวผู้ที่กระทำส่อเสียดเช่นนี้กับชายหนุ่มทุกผู้ได้ “


ดูราวถังหยวนมีโทสะ


” พวกนางคือโสเภณี และควรพร้อมจะขายร่างกายของนาง  แต่กระนั้น พวกนางบางคนกับแขวนป้ายไว้ และเอ่ยเพียงแต่เป็นนักบันเทิง … และมิใช่โสเภณี  ข้ามิควรกระโดดไปยังสถานประการอื่นหากเงินมิใช่ปัญหา ?  …. หญิงเหล่านั้นคิดว่าตัวเองคือนักบุญกระนั้น ? “​


 


ทุกคนยังคงเงียบ แต่คำพูดของเจ้าอ้วนยังดูเหมือน….มีเหตุผล


 


” หากไม่เพราะเงิน และพวกนางใส่ใจกับการดูแย่ต่อหน้าผู้อื่น … พวกนางควรจะหาชายหนุ่ม และแต่งงาน  มันจะไม่เป็นการทำให้ชีวิตพวกนางสุขสบาย และปลอดภัยหรือ ?  แน่นอนเช่นนั้น !  ผู้ให้ความบันเทองเหล่านี้คือโสเภณี  ข้าจะฝังพวกนางด้วยกองเงิน และดูว่าพวกนางจะขายตัวหรือไม่ ! “


น้ำเสียงของถังหยวนดูจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและขุ่นเคือง

 

 

 


ตอนที่ 256

 

” เจ้าอ้วน เป็นเลิศยิ่ง … ช่างน่าอัศจรรย์ “


จวินโม่เซี่ยเช็ดปาก  ราวกับเขามิอาจสรรหาคำพูด  เขาสามารถจดจำได้ชัดเจนถึงครั้งสุดท้ายที่เจ้าอ้วนมีบางสิ่งเช่นนี้  วาจาเหล่านี้นำพาความหวาดระแวงกลับมาได้อย่างชัดเจน


 


ชัดเจนว่าเจ้าอ้วนเสียสติไปแล้ว  นายน้อยจวินอาจจำกัดสิ่งนี้ได้ว่า


คนจนจะเสียสติหากเขาได้รับเงินจำนวนมา !


 


” เจ้าอ้วนถัง เจ้า เจ้า เจ้า …  เจ้าช่างไร้ยางอาย ! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ เดือดด้วยโทสะ  ดวงตากลมโตของนางเบิกกว้างด้วยความโกรธ  นางกลั้นหายใจเพื่อฟังความใฝ่ฝันของเจ้าอ้วนถัง  แต่กระนั้น นางมิได้คาดว่าจะได้ยินสิ่งที่น่าอับอายเช่นนี้


 


ชัดเจนว่าความโกรธแค้นของเจ้าอ้วนถังนั้นไปถึงสถานที่อันแตกต่างเสียแล้ว


 


” เจ้าอ้วน อย่าได้จริงจังเกินไป แฮ่ม แฮ่ม … “


จวินโม่เซี่ยกระแอมสองหน


” ทำการค้ากันก่อน “​


 


” แน่นอน  แน่นอน  แต่ข้าจะจ้างรถม้าหลังจากเสร็จกิจที่นี่  จากนั้น ข้าจะให้พวกเขานำเงินไปที่ ทะเลสาปหมอกวิญญาณ ข้าจักใช้เวลาตลอดคืนเพื่อเผาผลานเงินมากมาย !  จากนั้นจะดูว่าผู้ใดต่อต้านข้าอีก ! “


ถังหยวนโบกเมือท่าทางเอาแต่ใจ  ทันใดนั้นเอง เขารู้สึกราวคอหอยแห้งผาก  จากนั้น สายตาของเขาตกลงไปยังจอกสุรา และดื่มมันลงไปหนึ่งอึก


 


” ในส่วนการประมูลนี้ … “


นายน้อยจวินหม่นหมองลงหลังจากเพ่งมองไปยังฝูงชน เขารู้สึกอึดอัดใจในทันที และมิอาจปิดกลั้นสีหน้าดั่งหลุมศพได้  มียอดฝีมือ สวรรค์เชวียนปรากฏอยู่จำนวนหนึ่ง จวินวูอี้ ซ้งฉาง และ ไฮ่เฉินเฟิง ความจริงแล้ว จวินวูอี้คือน้าชายของเขา  อย่างไรก็ตาม พวกเอาอดสัมผัสถึงความรู้สึกอันเล็กน้อยในแววตาของจวินโม่เซี่ยไม่ได้  ความเยือดเย็นและเฉียบแหลมในสายตาของเขานั้นช่างเป็นเลิศยิ่งนัก


 


จวินวูอี้มิอาจกลั้นอุทานด้วยความชื่นชม


บางทีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์นี้ อาจจะมีในผู้คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง  เหตุใดจักต้องโอ้อ้วดเมื่อเจ้าอยู่เหนือผู้อื่นแล้ว ?  ปฏิกริยาที่แสดงออกมาอย่างไม่ตั้งใจในการประสงค์อยู่อย่างโดดเดี่ยวจากโลกนี้ช่างน่าประทับใจ


 


แม้แต่ขุนพลผู้ช่ำชองที่ได้เห็นสงครามและบัญชาการมาหลายสมรภูมิก็มิอาจกลั้นความรู้สึกกดขี่ที่ตกลงสู่หัวใจของเขาได้  เช่นนั้น เป็นไปได้หรือหากต้องเอ่ยถึงผู้อื่น …


 


” การประมูลนี่ … คือความคิดของเจ้า !  เจ้าเข้าใจหรือไม่ถังหยวน ? “


จวินโม่เซี่ยมองถังหยวนเคร่งขรึมขณะเอ่ย


 


” การประมูลนี่คือความคิดของข้า ? “


ถังหยวนเกาหัว  ปรากฏความสับสนบนใบหน้า  ชัดเจนว่าเขาสับสนต่อความหมายในวาจาของจวินโม่เซี่ย  แต่กระนั้น เขายังงุนงงยิ่งกว่า เมื่อนายน้อยจวินเรียกเขาว่าถังหยวน  เป็นการยากอย่างยิ่งที่ นายน้อยจวิน จะเรียกเจ้าอ้วนด้วยชื่อเต็มของเขา  ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองนั้นล้ำลึก  มากมายจนทั้งคู่ เรียกชื่อกันด้วยคำติดตลก และไม่มีผู้ใดผิดใจ  ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นคำที่หาได้ยาก


 


” แน่นอน  การประมูลนี้เป็นความคิดของเจ้าทั้งสิ้น !  ไม่ว่าผู้ใดจักถาม … การประมูลนี้คือความคิดของเจ้า  เข้าใจหรือไม่ ? “


น้ำเสียงของจวินโม่เซี่ยแข็งกร้าว


” ข้าพูดว่า ไม่ว่าผู้ใดจักถาม … คำตอบจักต้องเหมือนกัน … เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? “


 


” ข้าเข้าใจ !  แม้นว่าเจ้าจักถาม … นี่คือความคิดของข้า ! “


เจ้าอ้วนถังน้ำเสียงพึงพอใจเล็กน้อย


” ข้าไม่คิดว่ามีผู้ใดฉลาดกว่านี้  นะ !  มีเพียงข้าที่มีสมองมากพอจะสร้างสรรค์แผนการนี้  ข้าจักควบคุมและไม่มีสิ่งใดผิดพลาด  ผู้ใดอาจหาญคลางแคลงข้า ?  ผู้ใดอาจกล้าปฏิเสธ ?  ผู้ใดสงสัยข้าจักต้องตาย  ผู้ที่ตั้งคำถามกับสมองของข้าจะต้องแตกดับ ! “


 


” เป็นเลิศ !  ประสงค์เดียวของเจ้าคือทำเงิน !  และเหล่าผู้ดีนั้นมีเงิน !  นี่คือเหตุที่สถานที่นี้เรียกว่า หอชนชั้นสูง  บางผู้ได้รับเชิญ ในขณะที่ผู้อื่นไม่ … ทั้งหมดนี้เพื่อกระตุ้นการแข่งขันและบริโภค … หรือจะให้พูดอีกอย่าง … ทั้งหมดนี้ทำเพื่อเงิน !  เข้าใจไหม ? “


 


จวินโม่เซี่ยเหลือบมองเขา


” ข้าจักอธิบายทุกสิ่งภายหลังหากเจ้าไม่เข้าใจ !  แต่เจ้าจักเป็นผู้ก่อตั้ง หอชนชั้นสูง นับจากนี้ไป  แผนการทั้งหมดนี้เป็นของเจ้า  เจ้าจะบอกข้าถึงเหตุและผลของทุกสิ่งในไม่ช้านาน  และเจ้าควรจะเงียบหากมิอาจคิดคำอธิบายที่สมเหตุผลได้  อีกทั้งเจ้าไม่สามารถไปยัง ทะเลสาปหมอกวิญญาณ ตามประสงค์ได้  แท้จริงแล้ว เจ้ามิควรก้าวออกไปจากหอนี้ “


 


จวินโม่เซี่ยหัวเราะเอาแต่ใจอย่างโหดเหี้ยม


 ” น้องชาย  เจ้าจะยอมแบกความลับของข้าไหม ? “


 


” ไม่ต้องอ้างเหตุอันใด  ข้าฉลาดล้ำ !  เรื่องนี้เพียงเล็กน้อย  ไม่มีอะไรเลยสำหรับสมองอันยิ่งใหญ่ของข้า  ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับสิ่งใด ?  ว้าว ฮ่า ฮ่า … “


ถังหยวนหัวเราะลั่น  ถังหยวนเอ่ยทุกสิ่งนี้ด้วยวาจาที่เรียบง่ายและผ่อนคลาย แม้นว่าทั้งร่างของเขาจะเต็มไปด้วยระรอกแห่งความสับสน  …. แต่ไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้จากพฤติกรรมของเขา  แต่กระนั้น เขาเผยความลับด้วยการหรี่ตาเหลือบมองไปยังจวินโม่เซี่ย สายตาของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความกังวลซึ่งมิอาจสรรหาคำพูดได้


 


ถังหยวน มิได้เขลา แท้จริงแล้ว เขานั้นฉลาดล้ำ  เหตุใด นายน้อยจวินจึงเลือกเขาเป็นหุ้นส่วนหากมิได้ปราดเปรื่องเพียงพอสำหรับงานนั้น ?  เจ้าอ้วนรู้อย่างชัดเจนว่าเบื้องหลังคำพูดของสหายนั้นมีเหตุผล


แน่นอนต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น ….. เขากำลังคิดบางสิ่งอยู่ … มันต้องเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของสกุลจวิน … จวินโม่เซี่ยน่าทึ่งอย่างแท้จริง


 


ข้าจักแบกรับภาระนี้ไว้บนหลังเนื่องจากไม่มีผู้ใดอื่นสามารถ


เจ้าอ้วนรู้ดีว่าไม่มีผู้ใดอื่นเหมาะกับตำแหน่งนี้แล้ว  ดังนั้น เขาจึงละความสงสัยเอาไว้ และรับผิดชอบต่อไปโดยไม่รู้รายละเอียด


 


แต่ … คนส่วนใหญ่ยังคลางแคลงในความคิดของจวินโม่เซี่ย  แต่กระนั้นพวกเขาก็มิอาจได้รู้  เขาและความคิดของเขานั้นยังไม่เชื่อมโยงกัน


 


เจ้าอ้วนนับถือจวินโม่เซี่ยเป็นพี่เสมอ  ความจริง สกุลถังนั้นมีเด็กหนุ่มอื่นอีกในรุ่นเดียวกับเจ้าอ้วน  แต่กระนั้น ถังหยวนสัมพันธ์ตัวเองกับ นายน้อยจวินยิ่งกว่าพี่น้องร่วมสายเลือด  ดังนั้น เจ้าอ้วนจึงเต็มใจช่วยเหลือ จวินโม่เซี่ยโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา


 


ใบหน้าของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ซีดเผือก  นางยังไร้เดียงสาและอ่อนเยาว์  อย่างไรก็ตาม นางยังคงฉลาดล้ำ และสัมผัสบางสิ่งได้อย่างชัดเจน  นางอาจไม่รู้สึกความรุนแรงของสถานการณ์ แต่มันมากพอจนทำให้เป็นกังวล  นางสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายน้อยจวินหากมันถูกเปิดเผย  ดังนั้น นางรู้เช่นกันว่า นางจำต้องปล่อยไป … แม้นว่ามันจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามที


 


จวินโม่เซี่ยรู้สึกถึงความผ่อนคลายสุดพรรณนาเมื่อได้เห็นถึงความกังวลในสายตาของถังหยวน และความเป็นห่วงบนใบหน้าของ ตู่กู้เซี่ยวอี้  เขาแสร้งยิ้มอย่างไม่แยแสขณะเอ่ย


” ไม่มีอันใด  พวกเจ้าไม่เห็นน้าชายของข้าหรือ ?  เขานั้นช่ำชองในกลยุทธ์ … เจ้าเห็นความหวาดกลัวในดวงตาเขาหรือ ?  นั่นมิใช่การอธิบายกระนั้นหรือ ?  น้าของข้าจะเป็นกังวลมากที่สุดหากมันเป็นเรื่องสำคัญ  ไม่เป็นไรหากเจ้าไม่เชื่อวาจาข้า  แต่เจ้าไม่เชื่อน้าข้ากระนั้นหรือ ? “


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ หันมองไปยังจวินวูอี้ผู้ที่กำลังนั่งหลังตรงบนเก้าอี้พร้อมรอยยิ้มเบาบางทันที  เป็นความจริง แววตาเขาไร้ซึ่งกังวล จวินวูอี้ ยิ้มขณะที่สาวน้อยมองมาที่เขา และเอ่ย


” อย่าได้กังวลไป เพียงแค่ทำตามที่บอก  สกุลจวินของข้าจะยังคงอยู่ในอาณาจักรเทียนเชียง ตราบใดที่สกุลชั้นสูงยังไม่ลงมาร่วมวง “


 


สาวน้อยรู้สึกมั่นใจในทันทีหลังจากได้ฟังวาจาของจวินวูอี้แม้ว่าเขาจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจืดชืด อย่างไรก็ตาม เขาได้เปิดเผยตัวแปรทั้งหมดอย่างชัดเจน


 


คำพูดของเขาทำให้เด็กสาวมั่นใจยิ่งขึ้น .. แต่ทำให้เจ้าอ้วนเป็นกังวลเพิ่มเติม  ความปราดเปรื่องของเด็กสาวมิอาจเทียบกับถังหยวน  เจ้าอ้วนเข้าใจอย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้นว่าเขาจะไม่รู้ข้อมูลอย่างลึกซึ้งก็ตามที


เหตุใดนายท่านสามจวินจึงเอ่ยราวกับ?ทุกอย่างเรียบร้อยดี ?  ชัดเจนว่าวาจาของนายท่านสามจวินนั้นมิได้หลุดปาก … แต่เหตุใดเหล่าสกุลชั้นสูงจะเข้ามาร่วมวง ?


 


แม้นราชวงศ์ก็มิอาจสร้างความกดดันแก่สกุลจวิน … ข้าจักต้องใช้อำนาจทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือท่านพี่ !


 


เจ้าอ้วนและสาวน้อยไม่รู้เลยว่า ความกังวลที่พวกเขาสัมผัสได้คือความรู้สึกที่แท้จริงของมือสังหาร  พวกเขาไม่รู้เลยว่า มีคนเพียงกำมือที่สามารถมองเห็นถึงงความรู้สึกที่แท้จริงของมือสังหาร ในตลอดชีวิตของเขา …


 


ทันใดนนั้น มีผู้หนึ่งเข้ามารายงาน องค์หญิงหลิงเมิง เชิญให้ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ลงชั้นล่าง


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ยืนขึ้นเหลือบมองจวินโม่เซี่ย  จวินโม่เซี่ยยิ้มขณะพยักหน้าให้นาง


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ก้างสองก้าวตรงไปทางออก แต่ทันใดนั้นกลับหลังหันมาและตรงมาที่จวินโม่เซี่ย  นางลูบคอเสื้อของเขาขณะกระซืบ


” เจ้า … ดูแลตัวเองด้วย  รู้ไหม … เจ้ารู้ไหมเจ้าทึ่ม “


 


นางก้มหัวหลังจากเอ่ยจบ  จากนั้น จึงรีบวิ่งออกจากห้อง  เจ้าขาวน้อยมองร่างของจวินโม่เซี่ยฝืนใจตั้งแต่เข้ามาในห้องพร้อม ตู่กู้เซี่ยวอี้ ราวกับมันไม่ประสงค์จะจากไป  แต่กระนั้น มันรีบตามหลัง ตู่กู้เซี่ยวอี้ ไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมันสังเหตุเห็นทิศทางของจวินโม่เซี่ยที่เลี่ยนไป


 


” เอาละ  เวลาที่วุ่นวายมาถึงแล้ว  เจ้าอ้วน เวลานี้เจ้ายังเอาเงินออกไปไม่ได้ “


จวินโม่เซี่ย ระงับความปรารถนาอันยาวนานของเจ้าอ้วนไว้ในทันที  จากนั้นดึงกระดาษออกการกระเป๋า และเขียนชื่อสมุนไพรสองสามอย่าง


 


” ส่งข่าวออกไป พวกเราต้องการซื้อสมุนไพรเหล่านี้ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ “


จวินโม่เซี่ยยื่นกระดาให้ถังหยวนอย่างระวัง


” ยิ่งเร็วได้ ยิ่งดี “


 


” หญ้าดาราสวรรค์ หลินจือสามสี รากเชวียนเก้า ธูปใฝ่ฝัน หญ้าชิบะ ใบหนวดมังกร โสมดำ ผลไผ่ดำ ก้านไหม “


ถังหยวนสูดอากาศเข้าปาก  เขารอบรู้มากพอที่จะรู้ราคาของสมุนไพรเหล่านี้  ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขาเห็นถึงจำนวนที่ต้องการ  เขาตระหนักดีว่า แม้แต่ส่วนแบ่งกำไรจากการประมูลจะถูกตัดออกไปจากนิ้วของเขาทันทีที่ซื้อสมุนไพรเหล่านี้มา …


 


” นายน้อยสาม … ท่านพี่ … “


ใบหน้าถังหยวนบูดบึ้ง


” นี่คือจุดประสงค์ในชีวิตข้า … ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อจุดประสงค์นี้ … เจ้า เจ้า เจ้าไม่ควรโหดร้ายกับข้า … ข้าเพิ่งได้เงินเพียงเล็กน้อยที่สามารถออมไว้ … เจ้าต้องคิดว่าข้าโดนไล่ออกจากสกุล … “


 


เงินจำนวนน้อยนิดที่ถังหยวนพูดถึงนั้น มีประมาณ สิบล้านตำลึงเงิน  จะต้องบอกว่า ค่าใช้จ่ายในกองทหารของ อาณาจักรเทียนเชียงนั้นมีประมาณ สามสิบล้านตำลึงเงินต่อปี …


 


จวินโม่เซี่ยเตะขาเขาขณะยิ้ม


” อย่าไร้สาระ !  เร็วเข้า !  เจ้ารู้หรือไม่ว่า มีเงินมากมายเท่าไหร่ที่ หอชนชั้นสูง จะหาได้หากรวบรวมสมุนไพรเหล่านี้มา ?  เจ้าไม่เห็นว่าข้าทำสิ่งใดได้  หากเจ้าคิดว่า กำไรในตอนนี้มหาศาลแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็มิอาจคิดถึงผลกำไรที่จะตามมาได้ ! “


 


. นั่นมันเกินกว่าที่ข้าจะรู้  ข้าไม่รู้เลยว่ากำไรมหาศาลจะเป็นไเช่นไร หากทั้งหมดนี้ถือว่าเล็กน้อย ?


 


เจ้าอ้วนเลิกคิ้วอยู่ชั่วครู่และหัวเราะ


” เป็นเลิศ  เป็นเลิศ !  เอ่ … นายน้อยสาม สุรานี่ … เราจะขายสุรานี้เพียงครั้งเดียวจริงหรือ ?  เหตุใดพวกเราจึงไม่ขายมันอีกครั้งได้ ?  น่าเสียดายยิ่ง ! “


 


” ไม่  เจ้าไม่เข้าใจความจริงของเรื่องนี้กระนั้น ?  สิ่งที่หายากนั้น … มีราคาที่มหาศาล ! “


จวินโม่เซี่ยโบกมือเฉียบขาด


” หากมีบางสิ่งมากเกินไปราคาของมันจักลดลง … สุรานี้ดีพอที่ทำให้พวกเขาใช้จ่ายเงินมากมาย  พวกเขาจะคิดว่ามันมีค่าหรือไม่ หากพวกเขาสามารถไขว้คว้ามันได้เมื่อใดก็ตามที่ต้องการ ? “

 

 

 


ตอนที่ 257

 

” แน่นอน !  วาจานายท่านมีเหตุผล  แท้จริงแล้ว พวกเขามิควรค่ากับพวกมัน ! “


ซ้งฉางฟังอยู่ด้านข้างด้วยความรู้สึกที่ล้ำลึกในหัวใจ  เขาเลียริมฝีปาก และยกตัวขึ้นเอ่ย


” นายท่าน เมื่อใดท่านจักสอนข้าหมักบ่มสุรานี้ ? “​


 


” ไม่นาน เมื่อเวลามาถึง แต่กระนั้น ข้าจักขอเตือนเจ้าบางอย่าง ซ้งฉาง !  ไม่มีผู้อื่นนอกจากพวกเราที่จะได้ดื่มสุราที่พวกเราหมักบ่ม เพราะสุราที่พวกเราหมักบ่มจากนี้จักเลิศรสเกินกว่านั้น  เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? “


จวินโม่เซี่ยยกยิ้มขึ้น


 


” ข้าเข้าใจ !  คนสามัญจักควรค่าพอลิ้มรสรุราที่พวกเรา ท่านอาจารย์ และ ศิษย์หมักได้อย่างไร ?  คนเหล่านั้นจักสามารถลิ้มรส สุราอำมฤต ได้อย่างไร ?  สินค้าที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้เกินกว่าโลกแห่งสามัญยิ่ง  มันเกินกว่าสิ่งของทางโลกและสวรรค์ เช่นนั้นเราจักมิทำให้มันด่างพร้อย ? “


ซ้งฉางโกรธเคืองในใจ และการดูหมิ่นเติมเต็มในน้ำเสียง วาจาของเขาทำให้อาจารย์ของเขาไม่คงที่


 


นายน้อยจวินงุนงง


ข้าสับสนในสิ่งที่คนผู้นี้เอ่ยได้อย่างไร ?


 


” เอิ่ม !  ใช่ เจ้ารีบลงไป !  พวกเราจักต้องเริ่มซื้อหาสมุนไพรเหล่านี้ในทันที ! “


จวินโม่เซี่ยโบกมือ


 


จวินวูอี้ขมวดคิ้วหลังจากที่ทั้งสองจากไป


” โม่เซี่ย ข่าวของกิจกรรมนี้แน่นหนาเกินไป  ข้าเกรงว่า … “


 


” ข้ายังคงมั่นใจว่าพวกเรามิได้รับอันตรายจากสิ่งนี้ ! “


จวินโม่เซี่ยหัวเราะนุ่มนวล


” น้าสาม ท่านพูดว่าท่านจักกลับจวนทันทีหลังจากได้เห็นตู่กู้วูตี้ไป … ตอนนี้ท่านยังอยู่ที่นี่  มีสิ่งใดน่าสนใจกระนั้น ? “


 


” ปิศาจน้อย  แท้จริงแล้ว … ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังเจ้าได้ ! “


จวินวูอี้ยิ้มไร้หนทางขณะเขาเอ่ย


” มีข่าวจากเจียงหนาน แม่น้ำทางใต้ …. “​


 


” โอ้ว ? “


ดวงตาจวินโม่เซี่ยเปล่งประกาย


 


” กองคาราวานการค้าโจว สร้างหน้าไม้จากเอ็นสัตว์เชวียนได้สำเร็จ ไม่นานพวกเขาจะจัดส่งเข้าสู่ตัวเมือง “


จวินวูอี้น้ำเสียงจริงจังขณะเขาเอ่ยเชื่องช้า


” อีกทั้ง มียอดฝีมือปริศนา ปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ที่มา  พวกเขาดูราวร้อนรน  คล้ายกับว่า องค์ชายสองพร้อมเคลื่อนไหวแล้ว “


 


” เอิ่ม  ไม่ยากจะคาดเดา  ยิ่งพวกเขากระทำโจ่งแจ้ง พวกเราควรจะยิ่งปกปิดตัวเองให้ลึกขึ้นเพราะมันจักทำให้พวกเราตักตวงประโยชน์จากความลับได้ยิ่งขึ้น  พวกเราจักต้องจัดหาหน้าไม้เอ็นสัตว์เชวียนเหล่านั้นมา  หน้าไม้เอ็นสัตว์เชวียนจาก กองคาราวานการค้าโจว น่าจะเป็นของขวัญสำหรับพวกเรา  ฮี่ ฮี่ ฮี่ …. “


จวินโม่เซี่ยหรี่ตา


 


” พวกเรามิอาจวางใจ !  ช่วงปลายความไม่แน่นอนมีมาก และสถานการณ์ก็เพียงแต่จะแย่ลง  ข้าเชื่อว่า องค์ชายสองจักไม่รับมือกับเรื่องนี้โดยไม่ระวัง  นอกจากนี้ เขาอาจว่าจ้างกองกำลังชั้นสูงจากภายนอกเพื่อคุ้มกันสินค้า  ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสองมั่งคั่งอย่างมาก และอาจจะจัดหายอดฝีมือคุ้มกันสินค้า อีกทั้ง อาจเป็นคนจากสมาคมชั้นสูงแห่งเจียงหนาน และเขาอาจเป็นผู้ดูแลการขนส่ง  ท้านที่สุด เป็นไปได้สูงที่ หอกระบี่เลือด จะคุ้มกันหน้าไม้เหล่านั้นอย่างลับๆ “


 


จวินวูอี้ ขมวดคิ้วสูง


” พวกเราพิจารณาความแข็งแกร่งของพวกเขาจากเงามืดและพบว่ามีมากมาย  และข้าเชื่อว่ายังมีอิทธิพลอื่นเกี่ยวข้องอยู่ด้วย อิทธิพลที่พวกเรามิอาจหยั่งรู้  และพวกเขาอาจจะมีองค์กรณ์ทรงอำนาจร่วมอยู่ด้วยแล้ว  พวกเราจักต้องใช้ความแข็งแกร่งมากมาย หากมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อหน้าไม้  พวกเราจักต้องใช้งบประมาณสักเพียงใด ?  ยิ่งไปกว่านั้น จำเป็นต้องปราดเปรื่อง และไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เบื้องหลัง …. “


 


จวินวูอี้ถอนใจลึก


” ข้ากลัวว่ามันคงจะยากดั่งการขยายสวรรค์ ! “


 


” ยากดั่งการขยายสวรรค์ … มันจะง่ายดั่งเช่นการพลิกฝ่ามือ ! “


จวินโม่เซี่ยเลิกคิ้ว  คล้ายว่าสีหนา้ของเขาจะปลดปล่อยประกายปิศาจ  สีหน้าสง่างามของเขาคล้ายเริ่มเยือกเย็น เล่ห์เหลี่ยม และ ชั่วร้าย


” เรื่องนี้สุดแล้วแต่ผู้ที่ข้องเกี่ยว  หากพวกเราวิตกว่างานนี้เกือบจะเป็นไปไม่ได้และไม่กระทำสิ่งใดเพราะเรื่องนี้ … มันจักกลายเป็นสิ่งที่ยากกว่าการขยายสวรรค์  อย่างไรก็ตาม เรามักจะสรรหาวิธีการหลากหลาย หากเราตัดสินใจจะทำ  แท้จริงแล้ว ข้าเชื่อว่าพวกเราชนะการต่อสู้ไปแล้วครึ่งหนึ่งเมื่อเราตัดสินใจทำมัน “​


 


” ใช่ น่าไม่ผิด ! “


จวินวูอี้ยอมรับ


 


” น้าสาม พวกเขาต้องใช้เวลาเพียงใดในการมายังเมืองหลวง ? “


จวินโม่เซี่ยครุ่นคิด


” หรืออีกสิ่ง พวกเรามีเวลาเตรียมการเพียงใด ?  ข้าต้องการรู้รายละเอียดและเวลาที่แน่นอน “


 


” พวกเขาจะใช้เวลาสองวันในแม่น้ำทางใต้ และจากนั้นจะขึ้นฝั่งและเดินทางบนบก  จากที่นั่น พวกเขาจักต้องเดินทางสามวัน เพื่อมายังชายแดนเมืองหลวง “


จวินวูอี้พึมพัมวันเวลาที่ถูกต้อง


” ข้าคาดว่ามียอดฝีมือคุ้มกันสินค้า และข้าไม่คาดว่าพวกเขาจะมีพ่อค้าสามัญมากมาย  ดังนั้น การเดินทางของพวกเขาจักต้องรวดเร็วกว่าคนสามัญทั่วไป  แต่กระนั้น เมื่อนำทุกสิ่งมาพิจารณา ข้ารู้สึกว่าพวกเขาจักต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันเพื่อมาถึงที่นี่ “


 


” หรืออีกสิ่ง พวกเรามีเวลาห้าวัน หรือยิ่งกว่านั้น เพื่อเตรียมการ ! “


จวินโม่เซี่ยพยักหน้า


 


” ยิ่งกว่านั้น  องค์ชายสองจักต้องไปยังแม่น้ำก่อน พวกเขาจึงจะเริ่มออกเดินทางจากที่นั่นได้  นี่หมายความว่า ขบวนพวกเขาจักต้องใช้เวลาที่แท้จริงอย่างน้อยสิบวันเพื่อมาถึงเมืองหลวง “


จวินวูอี้มีน้ำเสียงเด็ดขาดแท้จริง


 


” สิบวัน ?  … นั่นเพียงพอแล้ว ! “


จวินโม่เซี่ยยิ้ม  …. ไม่ชัดเจนว่าสิ่งใดทำให้เขาพึงพอใจจนสามารถยิ้มเช่นนั้นได้


 


” ท่านน้า ข้าเน้นย้ำว่าข้าต้องการข้อมูลที่แม่นยำ  กองคาราวานการค้าโจวส่งผู้ใดไป ?  และเขาแข็งแกร่งเพียงใด ?  ความแข็งแกร่งของผู้ที่สมาคมชั้นสูงแห่ง เจียงหนานส่งไปคุ้มกันคือสิ่งใด ?  และ กองกำลังใดที่องค์ชายสองส่งไป และความแข็งแกร่งของพวกเขา … พวกเราไม่มีข้อมูลของ หอกระบี่เลือด ดังนั้นพวกเราต้องปล่อยพวกเขาไปก่อน และกระทำไปตามสถานารณ์ภายหลัง “


 


” นั้นจะมิใช่ปัญหา “


สีหน้าจวินวูอี้เยือกเย็นเช่นเคย  เขากำเก้าอี้เลื่อนแน่น


“ข้าเพียงแต่ใคร่รู้  ความแข็งแกร่งเพียงใดที่พวกเราต้องเผชิญ ? “


 


” นายท่านแห่งสกุลจวินมิต้องเคลื่อนไหว  นอกจากนี้ พวกเราจะว่าจ้างองครักษ์สามร้อย และยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสามคน ! “


จวินโม่เซี่ยยิ้ม


” ท่านน้าสาม ท่าน ไฮ่เฉินเฟิง และ ซ้งฉางคือผู้ค้ำจุนสกุลของพวกเรา ! “


 


” ข้าเกรงว่า พลังของพวกเราทั้งสามรวมกันก็มิพอเพียง  เป็นไปได้ไหมหากจะทำให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว …. ? “


จวินวูอี้พูดไม่จบ  แต่กระนั้น ความหมายของวาจาเขายังคงชัดเจน


 


” ชัดเจนว่าทำเช่นนั้นมิได้ ! “


จวินโม่เซี่ยคิดค้านความเห็นนั้น


” พลังของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นสูงส่ง และอาจจะเผยสถานะของเรา ไม่ต้องเอ่ยถึงนิสัยของเขา เขาจักปฏิเสธงานที่ไม่เปิดเผยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเริ่มขัดแย้งกับข้อตกลงกับเขา   สิ่งนี้จะขัดขวางแผนการพวกเราเนื่องด้วยเขาอาจจะขัดขืนก่อนแผนการสำคัญจะเริ่มขึ้น “


 


” ข้ากลัวการถูกเปิดเผยเช่นกัน  ความสามารถของ ไฮ่เฉินเฟิง นั้นแตกต่างยิ่งนัก  เช่นนั้นจึงเป็นการยากจะ …. ปิดบังตัวตนของเขา ! “


จวินวูอี้เอ่ย


 


” มันจะต้องไม่ทำให้เราเป็นอันตราย  ข้าจะพยายามกำจัดแสงสีครามนั่นเมื่อเวลามาถึง


” จวินโม่เซี่ยมั่นใจผลลัพธ์  เขาเริ่มเดินไปมาเชื่อช้า จากนั้นเขาเดินขึ้นหน้า และมองลงไปจากจุดที่ได้เปรียบ  จากนั้นถอนใจแผ่วเบา “


เรื่องนี้จักเกี่ยวพันถึงการต่อสู่ที่ยุ่งยากและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  แต่กระนั้น พวกเราจักต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และเผชิญหน้ากับมันโดยปราศจากการพึ่งพากองกำลังจากภายนอก  พวกเราสามารถพึ่งพาเพียงแต่ความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น


 


” และในที่สุด สกุลจวินของเขาจะพึ่งพาได้เพียงตัวเอง ไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นจากนั้นพวกเราจักค่อยๆเติบโตขึ้น !  แต่พวกเราจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีผู้ใดหรืออำนาจใดยับยั้งได้ ! “


จวินโม่เซี่ยเอ่ยเสียงต่ำ  แต่เขาเอ่ยด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยวและชั่วร้าย


 


องค์หญิงหลิงเมิง ดึง ตู่กู้เซี่ยวอี้ ออกจากโถงช้าๆ  พวกนางตรงไปยังโรงน้ำชาที่ตั้งอยู่ตรงข้ามหอนั่น  ร่างที่คล้ายชายชาตรีที่สูงและแข็งแกร่งยืนอยู่ที่นี่  เงาร่างนี้ก้าวยาวตรงไปยังพวกนาง


 


ผู้นั้นคือ ซุนเซี่ยวเหม่ย คู่หมั่นของ ถังหยวน  นางมาถึงครู่หนึ่งแล้ว แต่มิได้เข้าไปในโถง


 


” เจ้าดูไม่ค่อยดีนัก “


ซุนเซี่ยวเหม่ยมององค์หญิงหลิงเมิง  นางถามด้วยกังวลสุดซึ้ง


” เกิดสิ่งใด ? “


 


ซุนเซี่ยวเหม่ยเกิดมาด้วยรูปลักษณ์บุรุษ แม้แต่นิสัยของนางก็คลับคล้ายคลับครา  แต่กระนั้น นางก็เป็นผู้ที่เมตตาและปราดเปรื่อง  ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นดั่งพี่ใหญ่ของ องค์หญิงหลิงเมิง และ ตู่กู้เซี่ยวอี้  อย่างไรก็ตาม น้องเล็กเหล่านี้ไม่ประสงค์จะให้พี่ใหญ่ของพวกนางเป็นกังวล


 


” ข้าไม่ต้องการทำให้พี่ใหญ่เป็นกังวล  แต่กระนั้น มีบางสิ่งเกิดขึ้น แต่ข้าอับอายจะเอ่ยถึงมัน  แท้จริงแล้ว … ข้าไม่ประสงค์จะเอ่ยถึงมัน “


องค์หญิงหลิงเมิงดูโศกเศร้า  นางถูหน้าผากอย่างอ่อนเพลีย


 


ซุนเซี่ยวเหม่ยนั้นมีเชาว์  นางเข้าใจจากวาจาขององค์หญิงได้อย่างรวดเร็วว่าเรื่องนั้นเกี่ยวพันถึงราชวงศ์ นางมิอาจถามมากไปกว่านี้ได้เนื่องจากนางไม่ประสงค์จะข้องเกี่ยว


 


องค์หญิงหลิงเมิงก็ปราดเปรื่อง  นางเห็น ซุนเซี่ยวเหม่ยหยุดพูดและ ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า พี่ใหญ่ของนางเข้าใจทุกสิ่ง  นางสัมผัสได้ว่าพี่ของนางเริ่มรู้สึกอึดอัด  ดังนั้น องค์หญิงจึงเอ่ยลังเล


” น่าเสียดายที่ท่านพี่มิได้อยู่ภายใน  มิเช่นนั้น ท่านสามารถช่วยข้าตรวจสอบการกระทำของคนผู้นั้นได้  มันแปลกประหลาดยิงนัก “


 


” ผู้ใด ?  สิ่งแปลกประหลาดอันใดที่เจ้าเอ่ยถึง ? “


ซุนเซี่ยวเหม่ย มิอาจกลั้นความสนใจได้เมื่อได้ยินสิ่งนี้


 


” ลี่โย่วหลาน ลูกชายคนโต ในรุ่นสามแห่งสกุลลี่ “


นางสัมผัสได้ถึงความประหลาดบางอย่างในกริยาของลี่โย่วหลาน  จากสัญชาตญาณแห่งความเป็นหญิง องค์หญิงหลิงเมิงสัมผัสได้อย่างแหลมคมว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง


 


” ลี่โย่วหลาน คนผู้นั้น …. “


ซุนเซี่ยวเหม่ยพึมพัมกับตัวเองชั่วขณะ  เห็นชัดว่าเป็นการยากจะพูดสิ่งที่นางคิด


” … เขา เป็นเหมือน จวินโม่เซี่ย  เจ้ามิอาจอ่านเขาได้อยางถูกต้องหากมิได้เฝ้าดูอย่างถี่ถ้วน และเจ้าจะมิอาจเข้าใจเขาได้ … “​


 


” จวินโม่เซี่ย ?! “​


องค์หญิงหลิงเมิงอุทาน


” จวินโม่เซี่ย และ ลี่โย่วหลาน ?  เจ้าสับสนกับคนทั้งสอง ? เหตุใดเจ้าจึงเอ่ยถึงสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ? “


 


” อาจไม่มีหลักฐานว่าทั้งสองนั้นเหมือนกัน แต่ก็มิง่ายเช่นนั้น …. “


ซุนเซี่ยวเหม่ยหัวเราะเบาๆและเงียบไป  นางมิได้อธิบายเพิ่มเติม  แต่กระนั้น นางก็เอ่ยด้วยเสียงต่ำขณะที่พวกนางเดินเข้าด้านใน ราวกับนางบ่นกับตัวเอง


” แต่ข้ารู้สึกว่าจวินโม่เซี่ยอันตรายยิ่งกว่า ! “


 


” พี่ใหญ่เซี่ยวเหม่ย ข้าไม่เข้าใจ  แต่พวกเราเป็นพี่น้อง … และข้ารู้ว่าท่านสามารถมองตัวตนผู้คนได้ “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ มิได้ยินที่ ซุนเซี่ยวเหม่ย พูดกับตัวเอง


” ท่านบอกว่า จวินโม่เซี่ยนั้นมีความอวดดีในครั้งที่พบกันล่าสุด  ข้ายังมองมิเห็นความอวดดีในตัวเขาเลย  เขาเพียงแค่ทำตัวอันธพาลเล็กน้อย … และนั่นมิได้หมายความว่าเขาเลวร้ายมากมาย …แต่กระนั้นวันนี้เขาสง่างามยิ่ง !   ข้าเสียดายที่ท่านมิได้อยู่กับพี่หลิงเมิง และข้าได้เห็นเขารับมือกับสถานการณ์ด้วยท่าที่สง่างาม ฮี่ ฮี่ …. “


 


” ข้ารู้สึกรำควณกับวิธีการที่พี่โม่เซี่ยใช้รับมือสิ่งต่างๆ ! “


องค์หญิงหลิงเมิงตอบโต้ด้วยความรำคาญ


” เซี่ยวอี้ เจ้าต้องรู้ว่าเรื่องนี้จริงจังอย่างมาก … และมากยิ่งขึ้นเพื่อที่เจ้าจะมิต้องอยู่อย่างทุกข์ใจไปตลอดชีวิต !  เชื่อฟังสิ่งที่พี่เจ้าเอ่ย ! “


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ราวไม่เชื่อใจ  นางคำรามทางจมูก และบ่นกับตัวเอง


” พี่โม่เซี่ยไม่ดี ?  และพี่น้องเจ้ายอดเยี่ยมกระมั้ง …. ? “


 


องค์หญิงหลิงเมิงตะลึงงัน  เป็นจริงที่จวินโม่เซี่ยเป็นอันธพาล  และเขา ก่อความวุ่นวายไปทั่วโดยไร้ความกลัว  แต่กระนั้น แม้แต่เขา … ก็ยังมิได้มีกริยาไร้ยางอายเช่นพี่ของนาง


 


พวกเขามีนิสัยที่ชั่วช้า  พวกเขานั้นชั่วช้าอย่างแท้จริง !


 

 

 

 


ตอนที่ 258

 

สาวน้อยผู้นั้นเห็นว่าองค์หญิงหลิงเมิงทุกข์ใจ  นางตระหนักว่าได้พูดบางสิ่งไร้เหตุผลออกไป  นางต้องการจะปลอบประโลมองค์หญิง  แต่กระนั้น ต้องตะลึงงัน และไม่รู้ว่าต้องทำสิ่งใด


 


หญิงทั้งสามยังคงเงียบงันอยู่นาน  ในที่สุด ซุนเซี่ยวเหม่ย ทำลายความเงียบลงขณะตอบปัญหาของ ตู่กู้เซี่ยวอี้  …


 


” เจ้าทั้งสองรู้ว่าร่างของข้านั้นยอดเยี่ยม และแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในวัยเด็ก จนกลายเป็นเช่นทุกวันนี้  นี่ทำให้ข้ามีท่าทีสงบนิ่งและเยือกเย็น “


มุมปาก ซุนเซี่ยวเหม่ย ยกขึ้นเล็กน้อย


” ข้ามิกล้าออกจากบ้าน  ข้าไม่กินอยู่หลายวันจนน้ำหนักลดลง … แต่ไร้ประโยชน์  … จนกระทั่งปีนั้น … เมื่อข้าได้พบท่านอาจารย์ “


 


นางถอนใจยาวและเอ่ย


” ข้ามีอาการป่วยซึ่งทำให้สับสนตั้งแต่ห้าขวบปี  จนกระทั่งตอนนี้สิบห้าขวบปีแล้ว !  ข้าเรียนรู้ที่มองสิ่งต่างๆ และเข้าใจพวกมันมาสิบสามปี  ข้ามิสนใจในรูปลักษณ์อีกแล้ว  เจ้าคิดว่าข้าวัดผู้คนด้วยความสวยกระนั้น ?  ข้าเพียงล่วงรู้ถึงความรู้สึกของผู้คนเวลาที่ข้ามองพวกเขา  สำหรับรูปกายของพวกเขานั้น ความงดงามภายนอกเป็นเพียงบางสิ่งที่สามารถแสดงออกมาได้ … มันเป็นรอง


 


สิ่งสำคัญอยู่ที่นิสัยของผู้นั้น  เราสามารถเข้าใจถึงเจตนาและความสามารถของผู้นั้นได้โดยการเพ่งความสนใจในจุดนี้ “


ซุนเซี่ยวเหม่ย ยิ้มโศกเศร้า


” น้องเล็กเซี่ยวอี้ จวินโม่เซี่ยแสดงมุมที่ต่างออกไปเสมอ   เขามักจะกระทำดั่งคนพาล เขาออกไปก่อเรื่องวุ่นวายทุกที่ตามประสงค์ไร้ซึ่งกลัว  และข้ากังวลว่าเขาอาจมิได้แสร้งทำ  ข้ากลัวว่านั่นคือนิสัยที่แท้จริงของเขา  เขาและข้าพบกับไม่นานเพียงหนึ่งหน  แต่กระนั้น ชัดเจนว่าเขามิเคยให้ความสำคัญกับผู้ใด และเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องการ  ชายผู้นั้นจะไม่มีผู้ใดในสายตา “


 


” ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงบอกว่าเขามีนิสัย โอ้อวด “


ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มไม่แยแส


” อาจเรียกว่า ชั่วร้าย ! “


 


สาวน้อยมั่นใจอยู่ภายใน ดังนั้นนางจึงยังคงนิ่งและฟังพี่ เซี่ยวเหม่ยใจจดจ่อ


” แต่กระนั้น ข้าได้เห็นข้อบกพร่องบางอย่างของคนผู้นี้  แม้นว่ามันอาจจะไม่ได้มองว่าเป็นจุดอ่อน …  และเมื่อรวมกับสิ่งนี้ …. นายน้อยจวินยิ่งชั่วร้ายกว่าผู้ใด !  ดังนั้น เจ้าจึงมิได้มองเขาอย่างถูกต้อง  เจ้าถูกเขาเย้าแหย่ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เจ้าจักต้องไม่ลงทุนกับความสัมพันธ์กับเขามากเกินไป …. !  มันจะเจ็บปวดอย่างมากสำหรับเจ้า “


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ เม้มปาก มีความขุ่นเคืองใจในดวงตา แต่นางมิได้เอ่ยสิ่งใด  นางรู้ว่า เซี่ยวเหม่ย เป็นห่วงนางอย่างลึกซึ้ง และมิได้มีเจตนาร้ายอันใด


 


ซุนเซี่ยวเหม่ย ถอนใจภายใน  นางรู้ว่าน้องเล็กมิได้เชื่อฟังนาง


 


องค์หญิงหลิงเมิงที่อยู่ด้านข้าง  ราวกับว่านางกำลังสับสน  คล้ายกับนางกำลังอยู่ระหว่างการสนทนาที่ ทั้งฟังและมิได้ฟัง ความคิดของนางยุ่งเหยิง และไม่รู้ถึงสิ่งที่นางคิด  นางตระหนักว่าพี่น้องของนางเงียบลงในทันที


 


” หลิงเมิง เจ้าดูไม่ค่อยดี  จะดีกว่าหากเจ้ากลับตำหนัก และพักผ่อน “


ซุนเซี่ยวเหม่ยมองนางด้วยสีหน้าเป็นกังวล


 


” ข้าไม่ประสงค์จะกลับไป !  ข้าไม่ต้องการกลับไป ! “


องค์หญิงหลิงเมิงกลัวการกลับไปยังราชวัง  นางไม่รู้ว่านางมีพฤติกรรมเช่นไร … หรือต้องมีกรอบความคิดใดที่เรียกว่า ครอบครัว …


 


” พี่หลิงเมิง ไปหาจวินโม่เซี่ย หากเจ้าไม่ประสงจะกลับตำหนัก “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ยกตาขึ้นขณะนางเอ่ยข้อเสนอแนะ


” เด็กนั่นช่างน่าขัน “


 


เจ้าขาวน้อยสุดที่รักของนางคำรามขึ้นและโผล่หัวเล็กๆของมันออกมาทันใดขณะที่นางเอ่ย ดวงตากลมโตของมันเบิกกว้าง  ตอนนี้มันบรรลุไปถึงขั้นที่แปดแล้ว  ด้วยเหตุนี้ หูของมันจึงไว  มันจักไม่รู้สึกร่างเริงได้เช่นไรเมื่อได้ยินนางเอ่ยว่าจักไปพบชายผู้นั้น ?


 


” ฟังดูดี  ข้าเองก็ประสงค์จะไปตรวบสอบชายผู้นั้นเนื่องด้วยเซี่ยวอี้ชื่นชอบเขาอย่างลึกซึ้ง  แท้จริงแล้ว ข้าจะพยายามคิดกับเขาในแง่ดี  และในที่สุดข้าจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ! “


องค์หญิงหลิงเมิงเอ่ยอย่างมีชีวิตชีวา  นางยิ้มขณะเยาะเย้ยตัวเอง


” น่าเสียดาย ที่ข้าไม่เห็นว่าเขาน่าทึ่งเพียงใด  ข้าตาบอดมาสิบกว่าปีแล้วกระนั้นหรือ ? “


 


ใบหน้า ตู่กู้เซี่ยวอี้ เป็นสีแดง  นางรู้ว่าคำพูดขององค์หญิงนั้นไม่เหมือนดั่งของพี่เซี่ยวเหม่ย  พี่ใหญ่เตือนนางด้วยความหวังดี แต่องค์หญิงหลิงเมิงเพียงแค่เยาะเย้ยนาง ดังนั้น นางจึงอดโต้ตอบมิได้


” แน่นอน ท่านคิดไปเอง  ท่านมองเขาด้วยอคติ … ท่านจะพบความดีในตัวเขาได้อย่างไร ?  แต่กระนั้น ข้ามีสายตาที่ดี ! “


 


ซุนเซี่ยวเหม่ย ยิ้ม  น้องสาวทั้งสองของนางยึดติดความคิดตัวเองและไม่ยอมเชื่อฟัง  หญิงทั้งสามมุ่งหน้าไปยัง จวนสกุลจวินไม่รีบร้อน มีสาวใช้ติดตามไปด้วยหกคน


 


การโต้เถียงระหว่าง ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ องค์หญิงหลิงเมิง ค่อนข้างสงบขณะพวกนางเดินไปตามทาง


 


เส้นทางไปยังจวนสกุลจวินนั้นไม่ไกล และท้องถนนเบียดเสียดด้วยผู้คน  คนเดินเท้าชมเชยหญิงงามทั้งสองทุกผู้ ไม่เว้นผู้ใด วางสายตาของพวกเขาลงที่สาวงามทั้งสอง  อย่างไรก็ดี มีไม่มากนักที่ได้เห็นหญิงที่งดงามอย่างชั่วร้ายเช่นนี้ในชีวิต  ตอนนี้พวกนางทั้งสองเดินด้วยกัน …


 


ขุนนางสง่างามบางคนแม้นเร่งรีบก็ยังแอบมองพวกนาง  จากนั้นพวกเขาหันหลังกลับและเดินต่อไป  เก็บภาพนี้ไว้ในหัวใจ


นี่คือความงดงามของข้า


 


ทันใดนั้น …


 


ลมพายุและสองลำแสงสีครามทอประกายท่ามกลางท้องฟ้าว่างเปล่า  จากนั้น ลำแสงทั้งส่องพุ่งตรงมายังองค์หญิงหลิงเมิง ซึ่งอยู่ท่ามกลางผู้คน  ดั่งเกาทันสองดอกที่ยิ่งออกมาจากคันศร ความเร็วเช่นนี้มิอาจหลบเลี่ยง !


 


เสียงร้องด้วยความโกรธดังขึ้น  ผู้ที่เปล่งประกายด้วยแสงสีฟ้าปรากฏขึ้น  เขาสวมชุดสีดำ  มีกระบี่สองคมในมือ  ที่ดูเหมือนเปล่งประกายดั่งสีสายรุ้ง  จากนั้น ลำแสงหนึ่งพุ่งตรงมายังองค์หญิง  ทันใดนนั้นกระบี่เล่มหนึ่งกันผู้อื่นให้ออกห่าง … สวรรค์เชวียน !


 


อยี่กู้ฮั่นมาถึงแล้ว !


 


” เคร้ง !  เคร้ง ! “


เสียงการปะทะดังขึ้นสองครั้ง  คนทั้งสามร่นถอยพร้อมกัน  ยอดฝีมือสวรรค์เชวียน สองคนอยู่ในชุดดำและสวมหน้ากากบนใบหน้า  พวกเขาถอยร่นไปก่อนและพุ่งเข้ามาอีกครั้ง  ลำแสงสีครามเปล่งประกายใตเท้าขณะพวกเขาพุ่งเข้าใส่ อยี่กู้ฮั่น เขายิ้มเยือกเย็น  ดูเหมือนมิได้บ้าคลั่ง ขณะถือกระบี่สองคมไว้  แสงประกายฟ้าเล็ดลอดออกมาขณะเขาพุ่งไปยังศัตรู ราวกับพร้อมจะก่อความเสียหานที่รุนแรง  คล้ายกับว่าไม่ยอมแพ้ฝ่ายตรงข้าม


 


ฝูงชนร้องุทานขณะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และแตกกระจายตัวหนีห่าง  เมืองที่จอแจ วิเกวังเวลขึ้นทันที


 


พวกเขาทั้งสามรวมทั้ง อยี่กู้ฮั่น วุ่นวายอุตลุต  ทันใดนนั้น เสียงหวีดดังขึ้น  สามลำแสงสีฟ้าครามปรากฏ และพุ่งตรงไปยังองค์หญิงหลิงเมิงที่อยู่หลัง อยี่กู้ฮั่น ด้วยความเร็วสูง


 


เสียงของ อยี่กู้ฮั่น สั่นเทาขณะเขาคำราม  เขาแยกตัวจากศัตรูและล่าถอยด้วยความรวดเร็ว


 


เขาไม่สนใจการโจมตีใดๆของศัตรูที่ปะทะเข้ากับฝ่ามือและขาของเขาขณะที่ตู่สู้  มีเลือดพุ่งกระจายออกมา และร่างของเขากระเด็นกลิ้งถอยไป  เขาล้มลงตรงหน้าองค์หญิงหลิงเมิง กระบี่ยาวของเขาส่งเสียงก้องกังวานขณะที่มันร่วงลงมา ผมและหนวเคราของเขายุ่งเหยิง แต่เขายังไม่ถอยหลังไป แม้แต่น้อย


 


ชายอีกสามคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมเพรียง


 


มือสังหารอีกสองคนตามอยี่กู้ฮั่นที่ล่าถอยมา  พวกเขาไล่ตามมาด้วยความเร็วดั่งแสง  โทสะของอยี่กู้หั่นจางหายไปอย่างรวดเร็ว  ถูกแทนที่ด้วยเลือดแดงฉาน และสีหน้้าเยือกเย็น


 


ประกายสีฟ้าครามของเขาเข้มข้นขึ้น  แม้แต่ประกายสังหารในกระบี่ยิ่งคมชัด  พลังของเขาดูคล้ายดั่งเสือคลั่ง  แต่กระนั้น การเคลื่อนไหวของกระบี่ก็มิได้ยุ่งเหยิงแต่แม่นยำ  น่าประหลาดใจ ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนหนึ่งผู้ รับมือกับยอดฝีมือในระดับเดียวกันถึงห้าคน


 


เขาต่อสู้กับมือสังหารสุดฝีมือ  อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคว้าร่างอันเพรียวงามขององค์หญิงไว้ด้วย  เขาใช้ความพยายามทั้งหมด โยนนางให้ห่างออกไป … เท่าที่เขาทำได้  จากนั้นคำราม


” รีบไป วิ่ง ! “​


 


ร่างอันบอบบางขององค์หญิงลอยไปไกลราสามสิบเมตร และร่วงลงพื้น  ดวงตาของนางแดงก่ำและมีน้ำตา  นางกระอักอารมณ์


” น้าอยี่ … “


 


ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาวุโสกว่าจักคิดถึงแต่ความดีของตน  … มีเพียงน้าอยี่ของนางที่แตกต่าง …


 


ดวงตา ซุนเซี่ยวเหม่ย ส่องประกาย


ชัดเจนว่าเป้าหมายการลอบสังหารคือองค์หญิงหลิงเมิง และ อยี่กู้ฮั่น ก็มิอาจรับมือกับยอดฝีมือสวรรค์เชวียนห้าคนได้พร้อมกัน  พวกเราต้องการกำลังเสริมเพื่อรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ !


 


แต่กระนั้น ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนนั้นถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดใน นครเทียนเชียง แม้นว่า สกุลใหญ่ๆทั้งหมดจะให้ความช่วยเหลือ … และแม้นว่าพวกเขาจะมาได้ทันเวลา  ก็ยังไม่แน่ชัดว่าพวกเขาจะสามารถยับยั้งภัยนี้ได้หรือไม่


 


” เซี่ยวยี่ รีบส่งเจ้าขาวน้องออกไปขอกำลังเสริม ! “


เซี่ยวเหม่ยปราดเปรื่องยิ่ง  นางเห็นเจ้าขาวน้อยที่หน้าอก ตู่กู้เซี่ยวอี้ นางมองไปยังแผนการและรู้ว่ามันเข้าใจถึงแผนการ  นางพิจารณาแล้วว่า ไม่มีผู้ใดสามารถนำความช่วยเหลือมาได้ทัน …  แต่กระนั้น เจ้าขาวน้อยนั้นแตกต่าง มันยังเด็กและอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นสัตว์เชวียนขั้นแปด  ความเร็วของมันนั้นมิอาจเทียบ  แม้แต่เทพเชวียนยังมิอาจไล่ล่ามันได้  ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดร่างเล็กของมันก็ยากแก่การโดนจับ


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ มีสติขึ้นทันทีและคว้าเจ้าขาวน้อยจากอกของนาง  ไม่สำคัญว่ามันจะเข้าใจความหมายที่ยางเอ่ยหรือไม่


” เจ้าขาวน้อย ข้าเชื่อใจเจ้า  เร็วเข้า ไปแจ้งท่านพ่อข้า  บอกเขาให้มาช่วยพวกเราเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ! ไปเร็วเข้า ! “


 


ซุนเซี่ยวเหม่ย ร้อนรน


” เหตุใดเจ้าจึงรีรอ ? “


นางชักกระบี่ออก  นางฝืนความเจ็บปวดขณะกรีดแขนตัวเอง  จากนั้นกรีดเสื้อผ้าของ ตู่กู้เซี่ยวอี้  และหยดเลือดของนางลงไป และผูกไว้กับขาเจ้าขาวน้อย  จากนั้นโยนมันออกไป …


 


ตราบใดที่คนสกุลตู่กู้เห็นเลือดที่เปื้อนเศษผ้านี้ พวกเขาจะเข้าใจทันทีว่าเซี่ยวอี้อยู่ในอันตราย และเร่งรุดมาเพื่อช่วยเหลือพวกนาง  นอกจากนั้น … หญิงสาวเหล่านี้ทำได้เพียงรอ


 


เจ้าขาวน้อยครางเสียงดัง และพุ่งไปดังลูกศร  หนึ่งในห้ามือสังหารยิ้มปรีดา


” มานี่ เจ้าลูกหมีน้อย ! “


เขายื่นมืออกไป  คิดเพียงแต่จะคว้าเอาเจ้าตัวน้อยนี้


มันจะทำอะไรได้ ?


ดังนั้นเขาจึงพยายามจะจับ


 


เขาคิด …


 


เขาขาวน้อยมีโทสะ  มันกระโดดขึ้น และอ้าปากน้อยแยกเขี้ยวคมกริบ  พุ่งไปงับใส่แขนคนผู้นั้น  และในเวลาเดียวกัน เจ้าขาวเผยเล็บอันคมกริบดั่งความเร็วแสง และข่วนเข้าใส่แขนของเขา  มันฉีดเอาก้อนเนื้อของเขาออก  จากนั้นคำรามพึงพอใจ และวิ่งหน้าไปจากสถานที่นั้น  หายไปจากสายตาของทุกผู้ดั่งควันไฟ


 


มือสังหารชุดดำคำรามด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ซึ่งมากพอจะตัดผ่านไขกระดูกของเขา  ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนประเมินศัตรูต่ำไปและคิดเพียงว่ามันคือลูกของสัตว์ตัวน้อย  แต่กระนั้น ศัตรูตัวน้อยก็ทำให้เขาอยู่ในสภาพนี้ …


 


เขาไม่รู้เลยว่า เจ้าสัตว์ตัวน้อยนั้นเป็นสัตว์เชวียนขั้นแปด !

 

 

 


ตอนที่ 259

 

” ตู้ม ! “


เสี่ยงระเบิดดังขึ้นตามด้วยความก้องกังวาน  อยี่กู้ฮั่น โซเซถดถอย  เขาล่าถอยไปสองสามก้าว  ปาfเลือดที่ปรากฏตรงมุมปาก แต่ยังคงใช่ประโยชน์จากการล่าถอย และพุ่งขึ้นท้องฟ้าเพื่อหยุดยั้งสองมือสังหารสวมหน้ากากที่ติดตามองค์หญิงหลิงเมิงไป  กระบี่ยาวของเขาดูคล้ายดั่งศิลาขนาดใหญ่ซึ่งปิดกันเส้นทางผ่านหุบผา


 


ผู้นำมือสังหารชุดดำคำรามทางจมูก


” อยี่กู้ฮั่น เดิมทีเป้าหมายพวกเรามีเพียงองค์หญิงหลิงเมิง  แต่ตอนนี้ น้องชายของพวกเราไม่มีหนทางอื่นเว้นแต่สังหารเจ้า เนื่องด้วยเจ้าประสงค์จะได้รับการตัดสิน ! “


เขาโบกมือ  ชายทั้งห้า หายไปพร้อมกันในห้าทิศทางที่แตกต่าง  จากนั้น โจมตี อยี่กู้ฮั่นพร้อมเพรียงดั่งลมพายุฝนอันยิ่งใหญ่


 


กระบี่ของ อยี่กู้ฮั่น รวดเร็วประหนึ่งงู เปล่งประกายส่องแสงท่ามกลางสายฝน เขาอ้าปากตะโกน


” เจ้าคือผู้ใด ?  อย่าหลบซ่อน !  เอ่ยชื่อเจ้ามา ! “


 


” ชื่อพวกเรา ?  พวกเราสวมใส่หน้าปากเพื่อปิดบังตัวตน  อยี่กู้ฮั่น น่าประหลาดใจที่เจ้ามีความต้องการไร้เดียงสา ด้วยแท้จริงเจ้าคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  ข้าจักบอกสิ่งหนึ่ง เหตุใดเจ้าไม่เอาหน้าขาวเผือกของเจ้าลงสู่อเวจี ?  จากนั้นไถ่ถามพญามัจจุราชด้วยตัวเองเล่า ! “


 


ผู้นำมือสังหารยิ้มชั่วร้าย  จากนั้น จากนั้นร่างของเขาพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว และเสื้อผ้าของเขาโบกสะบัดในอากาศ … ราวกับจะปกคลุมทุกแสงสว่างในโลกหล้า


” สาม !  เจ้าจักต้องเร่งรีบไปจับตัวสาวน้อยผู้นั้น !  ทุกความล่าช้าจักสร้างความยุ่งยาก พวกเรามิอาจปล่อยให้เกิดปัญหาเช่นนี้  ปล่อย อยี่กู้ฮั่น ให้พวกเราที่เหลือ ! “


 


เกิดเสียง ฟู่ ดั่งลั่น และร่างของเขาร่วงหล่นลงดั่งเป็นโรคร้าย  เขาอ้าแขนกว้าง และประกายแสงสีครามเฉียบคมปรากฏขึ้นที่นิ้วทั้งสิบของเขา  ราวกับว่าเขามีกระบี่สีฟ้าสิบเล่มในมือ  เป็นภาพที่ประหลาดยิ่ง ขณะที่เขาร่วงลงมาด้วยเสียง ตู้ม พร้อมแรงปะทะมหาศาล !


 


หนึ่งในห้ามือสังหาร ผู้ที่มีรูปร่างเพรียวบาง ฉีกตัวไปรอบๆโดยไม่เอ่ยวาจา  คนผู้นี้กำลังจะหายร่างไปไล่ล่าองค์หญิงหลิงเมิงอย่างดุเดือด


 


อยี่กู้ฮั่นเห็นสิ่งนี้ และร้องตะโกนลั่นสุดเสียง เสียงครวญของเขาสั่นสะเทือนสรวงสวรรค์  กระบี่ของเขาดูคล้ายมังกรโกรธา และดูราวกับฝนโปรยปราย เมื่อกระบี่นับสามร้อยพุ่งไปยังศัตรูของเขาในทันทีในคราเดียว  อีกสี่คนที่เหลือล่าถอยไป แม้นว่าไหล่ของผู้นำพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ  พร้อมเสียงเดือดดาล  ไม่คาดฝัน เลือดสองสายพุ่งออกจาหลังของเขา


 


แม้นจะบาดเจ็บ อยี่กู้ฮั่น คำรามอีกหน !  คนผู้หนึ่งถูกส่งขึ้นสูงในอากาศ ยี่สิบห้าหลา  เขาร่วงลงธรณีและเริ่มมีเลือดหยด  อีกผู้หนึ่งหมุนไปในอากาศ และยังไม่ร่วงหล่น  การโจมตีของ อยี่กู้ฮั่นคล้ายดั่งฝนกระบี่  มันปกคลุมรอบร่างของมือสังหารร่างเพียวบาง


 


อีกสี่ผู้ไล่ตามมาทัน แต่ดูเหมือนว่า อยี่กู้ฮั่น ไม่เกรงกลัวความตาย  แท้จริงแล้ว ดูเหมือนเขาตระเตรียมกระบี่ และพร้อมจะตายท่ามกลางศัตรู  เขาเตรียมตัวเพื่อต่อสู้ตาต่อตากับโชคชะตา  ราวกับปรารถนาจะลงไปยังขุมอเวจี  เขาโจมตีอย่างเฉียบคมไม่หยุดหย่อน  เป็นดั่ง ผู้พราชีวิต พร้อมด้วยกระบี่ในมือ  เขาวางตัวปิดกั้นถนนทั้งหมด


 


ยอดฝีมือระดับสวรรค์เชวียนห้าคนนั้นมิอาจบุกฝ่าการปิดกั้นนี้ได้


 


ความพยายามครั้งสุดท้ายของยอดฝีมือสวรรค์เชวียนจักอ่อนแอได้เช่นไร ?


 


ชัดเจนจากภาษกายของ อยี่กู้ฮั่น ว่าเขาพร้อมจะเสี่ยงชีวิตตัวเอง …


 


” หากเจ้าต้องการ หลิงเมิง เจ้าจักต้องก้าวข้าวร่างไร้วิญญาณของข้า ! “


อยี่กู้ฮั่น ใช้พลังชีวิตทั้งหมดเพื่อเอ่ยคำเหล่านี้ขณะเขาแสดงให้เกิดขึ้น


 


ทุกการเคลื่อนกระบี่คลอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ มันภาคภูมิ และอ่างว้าง


 


ทุกการโจมตีด้วยกระบี่ของเขา นั้นตราตรึง … ความโดดเดี่ยวและบ้าคลั่ง


 


ทุกการจู่โจมเผยถึงบางสิ่ง …


 


ความเดียวดาย และอ้างว้างที่กำลังมาถึง …


 


สถานที่อันห่างไกลซึ่งเขากลบฝังความรู้สึก …


 


ชีวิตอันเดียวดาย ที่ตัวเขาต้องโดดเดี่ยว …


 


เขาฝึกฝนกระบี่อย่างโดดเดี่ยว ….


 


อยี่กู้ฮั่น ฟาดฟันกระบี่อย่างโดดเดี่ยวใส่คู่ต่อสู้ และแสดงให้เห็นว่าเขานั้นโชกโชน  แต่กระนั้น ชายผู้นี้มีเพียงหนึ่งความคิด เขามิเคยปล่อยให้พวกเขาเป็นภัยต่อหลิงเมิง


 


นอกจากการเสียสละนี้ … อยี่กู้ฮั่น ก็พร้อมจะเข้าสู่ขอบเขตแห่งความบ้าคลั่งเสียสติ


 


กระบี่ข้าคือความอมตะ !


 


ลกและสวรรค์ไร้ที่สิ้นสุด ลมกระบี่จะเพิ่มขึ้นและพัดไป !


 


กระบี่นี้จะสลักเส้นทางอันโดดเดี่ยวสู่ วังพญามัจจุราช !


 


กระบี่นี้จะสร้างหายนะให้แก่โลก และมิอาจมีผู้ใดยับยั้งได้ !


 


สังหาร !


 


ความตาย !


 


องค์หญิงหลิงเมิงถูกชัดพาให้หนีห่างออกไป โดย ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ย ผู้นำมือสังหารตะโกนลั่น  แต่กระนั้น ไม่มีทางใดที่เขาสามารถกระทำได้ในตอนนี้  เขาอดมิได้กัดปาก และเอ่ย


” เร็วเข้า จัดการกับทาสรับใช้ผู้นี้ก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ! “


 


อยี่กู้ฮั่นหัวเราะลั่น เสียงหัวเราะเขาอ้างว้าง … ดั่งเช่นแต่ก่อน  กระบี่ยาวของเขาพุ่งออกไปและทิ่มแทง  มันแทงเข้าไปด้านข้างของชายสวมหน้ากาก และถอยกลับหลังออกมาราวความเร็วดแสงเมื่อเข้าไปครึ่งหนึ่ง  ฝ่ายตรงข้ามถูกบังคับให้ล่าถอยด้วยความสับสน เนื่องด้วยดูราวกับว่ามันถูกหล่อขึ้นบนสวรรค์


 


อยี่กู้ฮั่น ต่อสู้มาเกือบตลอดชีวิต  และเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยศัตรูมากมายในการต่อสู้  ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมากด้วยประสบการณ์ฟาดฟัน  ชัดเจนว่าเขากำลังแสดงถึงความแข็งแกร่งสูงสุด เมื่อเป็นสถานการณ์เป็นตายของหลิงเมิงล้ำค่าของเขา


 


อยี่กู้ฮั่น สามารถรับมือกับ ยอดฝีมือในระดับสวรรค์เชวียนเดียวกันกับเขาได้อย่างไรโดยไม่ตกเป็นรอง แม้นว่าเขาจะเพลี่ยงพล้ำ ?!  หากเขาสามารถทุ่มเทกกายใจ และได้รับชัย … ก็เพียงพอที่จะรับมอบมุงกุฏแห่งนักรบผู้หยิ่งผยองในรุ่นเดียวกันได้


 


ไหล่ของเขาเลือดไหล แต่เขากระทำประหนึ่งไม่สนใจ น่าประหลาดใจ ที่มันมิได้ส่งผลกับความกล้าหาญในการต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย


 


” ตู้ม ! “


กระบี่ยาวของเขาปะทะเข้าด้านข้างของชายชุดดำผู้ซึ่งกำลังหนีร้อนรน


 


อยี่กู้ฮั่น คำรามทางจมูก ร่างของเขาเปล่งประกายเล็กน้อย  เขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นั้นและเหวี่ยงกระบี่เป็นวงกล้าง  แสงสีครามเปล่งประกายออกมา และแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่  เขาไม่ขยับแม้แต่น้อยขณะขณะต่อสู่กับศัตรูสามคนพร้อมกันไม่หยุดหย่อน  พลังกระบี่สุดท้ายของเขากำลังหมดสิ้นลง … แต่เขายังคงกดดันคู่ต่อสู้ต่อไป  ร่างของเขาลอยขึ้น และร่อนลงมาอย่างรุนแรงด้วยเสียง ตุ๊บ  เขาจู่โจมชายสวมหน้ากากอีกคน ขณะที่ขาทั้งสองสัมผัสกับพื้นประหนึ่งเสาหลัก เขาคว้าตัวผู้นั้นไว้แน่น และสะบัดอย่างงรุนแรง


 


เขาคำรามทางจมูกขณะยกคนผู้นั้นขึ้น  อยี่กู้ฮั่น เป็นดั่งว่าวที่ไร้เส้นเชือก มิอาจหวนคืนแล้ว  หยดเลือดพุ่งกระจายออกจากจมูกของเขา ชายชุดดำยังคงมีพลังมากพอให้ใช้  อย่างไรก็ตาม อยี่กู้ฮั่นเผชิญหน้าชายทั้งสี่ และยังคงมีพลังเหลือพอให้สะบัดคนผู้นั้นอย่างรุนแรง  ความเป็นเลิศของเขาแจ่มชัด


 


กระนั้น อยี่กู้ฮั่น ยังคงไม่ยอดมแพ้  เขายืดตัวและเหาะขึ้นสู่อากาศ  แต่ เขาหยุดลงทันใด และหลบเลี่ยงการโจมตีของชายสวมหน้ากากอีกคนด้วยความยากลำบาก


 


คนผู้นี้คือ ศิษย์สองของ ลี่วูเบ้ย โจวเจียนหมิง อีกทั้งมีนิสัยรุนแรงก้าวร้าว  เขาเห็นว่า อยี่กู้ฮั่น นั้นไม่ง่ายที่จะสังหาร และเอาชีวิตรอดได้อย่างยาวนาน  โจวเจียนหมิงจึงมิอาจทนได้อีกต่อไป  เขาตะโกนลั่น และยกกระบี่ขนาดใหญ่ของเขาขึ้นเพื่อฟาดลงบนหัวของเขา  กระบี่เล่มนั้น มีปราณเชวียนบรรจุไว้  ดังนั้น จึงสำคัญที่ อยี่กู้ฮั่น ต้องหลบเลี่ยง  เป็นไปได้ว่า อยี่กู้ฮั่น จะถูกสังหาร หากเขาไม่หลบหลีกการโจมตีนั้น


 


ดวงตาของเขาแดงก่ำ และเยือกเย็นขณะล่าถอย  โจวเจียนหมิงเห็นดังนั้น และ ร้องออกมาอย่างยินดี ขณะเขาพุ่งเข้าไปเพื่อใช้ประโยชน์จากการล่าถอยนี้  แต่กระนั้น อยี่กู้ฮั่น กลับไปยังจุดเดิมของเขาทันทีหลังล่าถอย  จากนั้น เขาฟันเข้าใส่กระบี่ขนาดใหญ่ของ โจวเจียนหมิง อย่างต่อเนื่องสามครั้งจากด้านบน


 


อยี่กู้ฮั่นกำลังต่อสู้โดดไร้เรี่ยวแรง  เขาเหนื่อยอ่อนยิ่งหลังจากฟันเข้าใส่ โจวเจียนหมิงสามครั้ง เนื่องจากชายผู้นั้นออมแรงไว้  แต่กระนั้น โจวเจียนหมิง รู้สึกประหนึ่งโดนโจมตีด้วยค้อนนับพันถึงสามครั้ง อย่างโหดเหี้ยม  เขามิอาจปิดบังสีหน้าขาวซีดได้ขณะล่าถอยร้อนรน และกระอักเลือดออกมา


 


โจวเจียนหมิง มิได้อ่อนแอหากเทียบกับ อยี่กู้ฮั่น อย่างไรก็ตาม เขาได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆด้วยอาจารย์เขาเป็นส่วนใหญ่ และเพิ่มพูนประสบการณ์โดดยการต่อสู่กับสหายศิษย์เท่านั้น  แต่กระนั้น ตอนนี้เขากำลังสู้รบกับ อยี่กู้ฮั่น ผู้ที่ต่อสู้หลังชนฝาประหนึ่งคนคลั่ง  ชัดเจนว่าเขามิอาจทนต่อไปได้  ความต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายยิ่งใหญ่มากเมื่อมาถึงการต่อสู้ในขั้นเป็นตาย แม้นแท้จริงแล้วพวกเขาจะมีฝีมือในระดับเดียวกัน  ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่ โจวเจียนหมิง จะต้องพ่าย


 


อยี่กู้ฮั่นได้รับบาดเจ็บรุนแรง  ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมิอาจกระทำผลีผลามได้  อีกทั้งยังใช้ ปราณเชวียนจำนวนมากในการต่อสู้  มิเช่นนั้น การโจมตีของเขาสามารถทำให้ โจวเจียนหมิง เผชิญกับความเป็นตายได้


 


อยี่กู้ฮั่นคิด นี่ช่างเวทนา  เขาจักฉีกคู่ต่อสู้เป็นชิ้น หากการโจมตีของเขาเป็นไปด้วยดี  จากนั้น ก็จู่โจมคนที่เหลือ … หรืออาจจะมีโอกาสที่ดีในการล่าถอยและฟื้นตัว


 


อย่างไรก็ตาม อยี่กู้ฮั่นก็มิอาจทำเช่นนั้นได้อย่างง่ายดาย แม้นว่าการโจมตีก่อนหน้านี้จะทำให้เขาได้เปรียบ  ปราณเชวียนของคู่ต่อสู้เขาตีกลับ และเป็นการยากที่เขาจะควบคุมการเคลื่อนไหว  อย่างไรก็ตาม เขามีพลังเพียงพอเพียงแค่รับมือการโจมตี ตอนนี้เขาเหนื่อยหอบ  เขามิอาจแสดงกระบวนท่าและการเคลื่อนไหวที่ว่องไวได้


 


การต่อสู้ที่รุนแรงทำให้เขา ใช้กำลังจนหมด ทำให้ความแข็งแกร่งของ อยี่กู้ฮั่น เกือบสิ้นไป  ความจริง อยี่กู้ฮั่น ได้รับความกดดันจากยอดฝีมือ สวรรค์เชวียน ทั้งห้าจากทุกด้านเพียงลำพัง … และจัดการพวกเขาได้เช่นนี้ก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว


 


กระบี่ที่คล้ายคลึงดั่งสายรุ้งโค้งลงเพื่อเหนี่ยวนำชีวิตไป มือสังหารทั้งห้ามิได้แข็งแกร่งเช่น อยี่กู้ฮั่น โชคร้ายที่ตอนนี้มิใช่เรื่องสำคัญ  เวลานี้เขาอยู่ในจุดที่ ต้องเผาน้ำมันในตะเกียงตัวเองแล้ว เพราะเขาเกือบไม่เหลือความแข็งแกร่งใดอีก


 


เสียงดัง ” ปั้ง ”  มือสังหารอีกสี่คน อดตกใจมิได้ที่ได้เห็น โจวเจียนหมิง กำลังจะถูกพรากชีวิตไป  ดวงตาแดงกำดั่งเลือดของพวกเขามองตรงไปยังกระบี่อันทรงพลัง  ดวงตาของพวกเขาปะปนไปด้วยความโกรธและอับอาย  พวกเขาสั่นเทาขณะปลดปล่อยประกายสังหาร  ในหมู่พวกเขามี ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนห้าคน แต่ถูกล้มไปเพียงหนึ่ง  นี่คือความอัปยศที่สุดไปตลอดกาล


 


ตอนนี้คือเวลาตัดสินชัยชนะ !


 


อยี่กู้ฮั่น ยิ้มเจ็บปวด


ดูราวกับชีิวิตอันแสนสั้นของข้าจะจบลงวันนี้ !  ข้ามิรู้ว่า หลิงเมิ่งน้อยจะหนีไปได้ไกลเพียงใด …


 


แสงสีน้ำเงินเข้มเปล่งขึ้นอีกครั้งรอบร่างของเขา ราวกับดวงดาวมหึมาเผยตัวขึ้นท่ามกลางท้องฟ้าค่ำคืน  อยี่กู้ฮั่น รวบรวมปราณเชวียนที่เหลือของเขาไปยังการโจมตีครั้งสุดท้าย


 


โจวเจียนหมิงละอายและโกรธเคือง  เขาร้องครวญอย่างตระหนกขณะกระโจนขึ้นสู่อากาศอย่างบ้าคลั่ง และมีสหายสี่คนติดตามมา พวกเขาประสงค์จะสังหารอยี่กู้ฮั่นบนท้องฟ้า


 


อยี่กู้ฮั่นคิดคำนวนอาวุธของศัตรูอย่างแม่นยำ และเฝ้ารอโอกาสอันดี  เขามิรู้ว่าเมื่อใดที่สีแดงดั่งเลือดหายไปจากดวงตาของเขา  แต่ตอนนี้เขาสงบดั่งทะเลสาปลึกอันเยือกเย็นซึ่งถูกละทิ้งไว้โดยไม่ถูกรบกวน


 


สิ่งเดียวที่เขามิอาจเข้าใจ เขาต่อสู้มากมายในช่วงเวลานี้ เหตุใดยังไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือ ?  ราชองครักษ์องค์หญิงหลิงเมิ่งอยู่ที่ใด ?  เหตุใดจึงยังไม่มียอดฝีมือจากราชวังแสดงตัว ?


 


แต่ นี่มิใช่เวลาที่จะคิดเช่นนั้น


 


อยี่กู้ฮั่นหันไปทางตัวเมืือง  เขาแสดงสีหน้าที่ลึกซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย


 


สีหน้านี้เต็มไปด้วยความรู้สึก … มหาสมุทรแห่งอารมณ์อันไร้จุดสิ้นสุดและโดดเดี่ยว  สัมผัสได้ถึงความฝืนใจอย่างรุนแรง


 


ฉิวฉิว … ข้ากลัวว่าข้ามิอาจปกป้อง หลิงเมิ่งของเจ้าได้อีกแล้ว !


 


ข้ารู้ว่าข้ามิเคยเข้าใจเจ้า … ข้าพยายามมีชีวิตมาเนิ่นนาน … ข้ารู้ว่าเจ้ามิอาจเป็นของข้าแม้นในช่วงเวลาเป็นตายนี้ … ข้ามิอาจปล่อยเจ้าไปได้ … ข้าเกลียดการต้องจากเจ้า ….


 


เจ้าคือส่วนที่อ่อนแอที่สุดในหัวใจอันเจ็บปวดของข้า ….


 


ฉิวฉิ้ว !


 


เจ้าจะโดดเดี่ยวไหมหากข้ามิได้อยู่ในโลกมนุษย์นี้ ?  เจ้าจะหลั่งน้ำตาให้ข้าหรือไม่ ?


 


อยี่กู้ฮั่นไม่มีเวลามากมายให้คิด เนื่องจากกระบี่ทั้งห้าของศัตรู โจมตีมายังเขาดั่งพายุ และปักมันลงไปในร่างของเขา


 


อยี่กู้ฮั่นหัวเราะลั่นไม่หยุดหย่อน …


 


เขากำกระบี่ยาวแน่นอน ใบหน้าของเขามั่นคง สงบ และ ยินดี …


 


ความทรงจำอันหอมหวานในอดีตแสดงขึ้นในหัวเขาอย่างรวดเร็ว  มันสดใสและบริสุทธิ์ … ผมยาวสลวยลอยขึ้นในอากาศ … รอยยิ้มดั่งบุปผา และใบหน้าที่มันวาวนั้นเต็มไปด้วยความหวังและความคาดหวัง  ในที่สุด ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตามองมาที่เขาอย่างฝืนใจ … พวกมันเลือนลาง และจางหายไป …


 


ชีวิตของอยี่กู้หั้นยี่สิบปีที่ไร้ความรู้สึก พุ่งผ่านสมองของเขา … ทั้งหมดนั้นเกิดจากความรักอันอ่อนโยนที่ตราตรึงในหัวใจของเขา ….

 

 

 


ตอนที่ 260

 

… จวนสกุลลี่ …


ลี่โย่วหลานอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง  มีภาพวาดบุคคลขนาดเล็กเบื้องหน้า


ผู้ที่อยู่ในภาพมีดวงตาเปล่งประกายและฟันสีขาว  สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คือภาพรอยยิ้มองค์หญิงหลิงเมิง  ลี่โย่วหลานควรค่าเพียงพอขนานนามว่าปราดเปรื่องในท่ามกลางคนรุนเดียวกันใน อาณาจักรเทียนเชียง  เขาวาดภาพองค์หญิงหลิงเมิงราวกับมีชีวิตด้วยตัวเอง  ซึ่งยึดตามภาพที่ลึกซึ่งของนางซึ่งเขาจดจำไว้ในใจ


แต่กระนั้น ดวงตาของลี่โย่วหลานตรึงไว้ด้วยความเจ็บปวด …


เป็นไปได้ว่า …. ปฏิบัติการเพิ่งเริ่มขึ้น ….


หลิงเมิง ….


ลี่โย่วหลาน มองขึ้นไป และหลับตาลงเด็ดขาด  ทันใดนนั้น เสียงร่ำร้องปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก … ซึ่งมันมาจากก้นบึ้งหัวใจ  เสียงดังประหนึ่งสัตว์ที่เห่าหอนอย่างเจ็บปวดเจียนตาย น้ำเสียงแหบห้าวและโศกเศร้า  จากนั้นเขาต่อยกำแพงอย่างบ้าคลั่งด้วยกำปั้นที่ปวดร้าว


กำปั้นอันทรงพลังปะทะเข้ากับผนัง  ไม่นานมันปกคลุมไปด้วยเลือด และเริ่มหยดลงธรณี


ดูคล้ายลี่โย่วหลานมิได้หลับนอน แท้จริง เขาท่าทางว้าวุ่น  ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ขณะหลับตา และน้ำตาหยดลงจากดวงตาอย่างเงียบงัน …


ข้าขอโทษ !  ที่รักข้า !


…. เพื่อเพิ่มอิทธิพลของเขา และทำให้อาจารย์พึงพอใจ … ข้าต้องเสียสละเจ้า … !  ข้าไร้ซึ่งทางเลือกอื่นใด …


จวินโม่เซี่ย และ จวินวูอี้เคลื่อนออกห่างจาก หอชนชั้นสูง อย่างเชื่องช้า  พวกเขาเตือนถังหยวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ซื้อสมุนไพรที่เอ่ยไว้ และจัดเก็บไว้ในสถานที่เหมาะสม  ดูเหมือนพวกเขาพึงพอใจเมื่อจบวันที่วุ่นวาย และเริ่มเดินทางกลับจวน


เมื่อคำนึงถึงเรื่องวันนี้ โดยรวมแล้วน่าพึงพอใจ … เว้นแต่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน  ราคาระหว่างการประมูลสุราแสนพิเศษนี้สูงส่งไปถึงจุดที่แม้จวินโม่เซี่ยก็มิอาจคิดฝัน  อาจบอกได้ว่า พวกเขากลับบ้านพร้อมด้วยรางวัลแห่งความพยายาม


องค์ชายสามใช้ตำแหน่งทรงอำนาจของเขากระทำชั่วร้ายในตอนท้าย  แต่กระนั้น ก็มิได้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้าย เมื่อนายน้อยจวินได้ใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นั้น และสำเร็จในการฝังเมล็ดพันธ์ลงไปในความคิดและจิตวิญญาณของหยางมู่น้อย  เขาสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อปลุกระดม หรือกำจัดเป้าหมายมากมายได้


และย้อนกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง … ชุดสุดท้ายของสุราหลายร้อยโถนั้นเป็นส่วนของ องค์รัชทายาท ดังนั้น พวกมันจึงเป็นส่วนหนึ่งในส่วนแบ่งของ องค์รัชทายาท จึงดูเหมือนว่า สกุลจวินและ หอชนชั้นสูง  มิได้เกี่ยวพันโดยตรง แม้นจะคิดเช่นนั้นจักไร้สาระ แต่มันคือความจริง ….


องค์ชายมิได้ปฏิบัติต่อ ฝ่ายองค์รัชทายาทในระดับเดียวกับพวกเขา  อย่างไรก็ตาม ไม่น่าเป็นไปได้ที่จวินโม่เซี่ยจะออกโรงช่วยเหลือพวกเขา  เพราะว่า … มันไม่คู่ควร !


จวินโม่เซี่ยมิได้แสวงหาเพียงผลกำไรอย่างเลวทราม  แต่กระนั้น เขามิเคยติดตามเรื่องที่เขาเองมิได้รับสิ่งใดตอบแทน  นี่คือ จรรยาบรรณแห่งมือสังหาร  และนี่คือสิ่งที่จวินโม่เซี่ยปฏิบัติตาม ในชีวิตก่อนและชีวิตนี้


วีรบุรุษ … ข้าปล่อยให้หน้าที่นั้นเป็นของผู้อื่น  ข้าจักทำในสิ่งที่ต้องการ … สิ่งที่หัวใจปรารถนา … สิ่งที่ข้ารัก  ข้าตัดสินในสิ่งที่ข้ารัก ข้าตัดสินในสิ่งที่ข้าทำ … ไม่มีผู้ในใโลกอันเลวทรามนี้ควบคุมข้าได้ !


อิสระที่แท้จริง !  นี่คือเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของจวินโม่เซี่ย สิ่งที่เขาแสวงหาในชีวิต


จวินโม่เซี่ยเคยกล่าวก่อนที่หอชนชั้นสูงจะเปิด


” ข้าจักนำพา หอชนชั้นสูง ไปถึงวันที่มันสามารถขายของได้เพียงพอจะค้ำจุนสกุลไปได้สามปี ! “


แต่กระนั้น วันแห่งความสำเร็จมิอาจกาวข้ามเป้าหมาย ?  บางที ทั้งสกุลอาจกินอยู่ได้ตลอดชีวิตด้วยเงินมหาศาลนี้ …


ไฮ่เฉินเฟิง ผู้ที่ตอนนี้รู้จักในนาม ผู้นำก๊กไฮ่ มิได้รับสุราพิเศษนั้นแม้แต่โถเดียว  แต่กระนั้น จวินโม่เซี่ยได้ส่งมอบให้เขาไปห้าสิบโถโดยปราศจากค่าใช้จ่ายใดๆ การปฏิบัติเช่นนี้จะต้องมีสำหรับผู้ที่อยู่ฝ่ายเขา


” ข้าเสอนราคาหนึ่งล้านตำลึง “


… ลูกค้า สวรรค์เชวียน ยกระดับราคาประมูลขึ้นหลากหลายครั้ง  ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับสุราห้าสิบโถและกลับไปยังที่กบดานของเขาอย่างรื่นรมย์  เขาป่าวประกาศว่าเขาได้รับมันมาในระหว่างการประมูล เนื่องจากเขาคือ ชนชั้นสูง  ….


จวินโม่เซี่ยกำลังขี่ม้า ในขณะที่ จวินวูอี้นั่งอยู่ในเกี้ยว  ทั้งสองเก็บมือไว้ในปลอกแขน  อารมณ์ของพวกเขาร่างเริงแต่จริงจัง  ทั้งสองคิดถึงแผนการณ์ในอนาคต และการเตรียมกำลังพลที่จำเป็น ทั้งคู่ต่างคิดคำนวนตลอดเส้นทางกลับจวน  น่าแปลกที่ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา


น้าหลานรู้ว่า ยุทธการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นยากยิ่ง  แต่กระนั้น พวกเขามิอาจพ่ายได้ และจักต้องชนะเท่านั้น  พวกเขาจำต้องชนะ แต่พวกเขาประสงค์จะชนะอย่างสวยหรู พวกเขาต้องการมีชัยอย่างไร้ที่ติ


อย่างไรก็ตาม ศัตรูมีความแข็งแกร่งเกินกว่าพวกเขา


ควรจะต่อสู้ในครั้งหน้าเช่นไร ?


เรื่องราวของผู้ที่อ่อนแอเอาชะผู้ที่แข็งแกร่งถูกเล่าขานมาเนิ่นนาน แต่กระนั้น พวกเขามิได้เพียงแต่ใช้ความอ่อนแอเอาชนะความแข็งแกร่ง แต่พวกเขาชนะสงครามโดยไร้ซึ่งความเสียหาย  และชะตากรรมเช่นนี้จะเป็นเรื่องยากเนื่องด้วยนี่คือชีวิตจริง … มิใช่เรื่องเล่าจินตนาการ


ขบวนของสกุลจวินเดินทางไปได้ไม่ไกล ในตอนที่จวินโม่เซี่ยเห็นเข้ากับเงาในที่ห่างไกล  เงาร่างนั้นพุ่งเข้าใส่เขาประหนึ่งสายฟ้า  เขามิอาจจดจำสิ่งใดได้ แต่เงาสีขาวขนาดเล็กนั้นเข้ามเกาะร่างของเขาแล้ว  มันร้องอย่างรีบเร่งขณะคร่ำครวญเสียงแหลม  กรงเล็บดึงรั้งจวินโม่เซี่ยไม่หยุดหย่อน ดวงตาของมันเปียกปอนไปด้วยความกังวล


” เกิดอันใด ? “


จวินโม่เซี่ยสังเกตุเห็นเศษผ้าสีเขียวอ่อนที่ผูกติดกับข้าเจ้าขาวน้อยอย่างรวดเร็ว  เขาจดจำลักษณะของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ได้ชัดเจนก่อนางจากไป นางสวมชุดสีเขียวอ่อน  และตอนนี้เศษผ้านั้นมีสีเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น มันเปรอะเลือด


ตู่กู้เซี่ยวอี้ กำลังประสบปัญหา !


จวินโม่เซี่ยตึงเครียดขึ้นทันที  เขารู้สึกราวกับหัวใจโดนบางสิ่งบีบรัด  กลิ่นอายที่มั่นคงของเขาบัดนี้สับสน  รอยยิ้มที่น่ารัก งดงามดั่งบุปผา ..และประสงค์ร้ายของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ บัดนี้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา …


ข้าเริ่มห่วงใยเด็กสาวผู้นี้เมื่อใดกัน ?


จวินโม่เซี่ยไม่มีเวลาให้คิดสิ่งนี้  มีเพียงความคิดเดียวในหัวของเขา


ข้าจักต้องช่วยนาง !


” ท่านน้าสาม ตู่กู้เซี่ยวอี้ อยู่ในอันตราย ข้าจักไปตรวจสอบ ! “


จวินโม่เซี่ยกดขาเข้าด้านข้างของม้า และมันร้องลั่นขึ้นตอบรับ ขาคู่หน้ายกชูขึ้นในอากาศขณะที่มันยืนด้วยขาหลัง  พวกมันมิได้ประทับลงเลยขณะที่ขาหลังของมันก้าวไปข้างหน้า  จากนั้น มันกระโจนขึ้น และ พุ่งห่างไปดั่งเกาทัณฑ์  กีบเท้าของม้าหมุนวนและก้องสะท้อนอย่างบ้าคลั่งดั่งพายุ ขณะจวินโม่เซี่ยติดตามเงาของเจ้าขาวน้อยไป ด้วยความเร็วอันยอดเยี่ยม


สายลมหวีดหวิวขณะม้าเลี้ยวตรงมุมถนน ราวกับมีเมฆดำลอยลงมายังอานม้าของจวินโม่เซี่ย  แต่กระนั้น ดูเหมือนว่าผู้มาใหม่นี้จะไร้น้ำหนัก  ความจริงแล้ว ม้าที่แข็งแกร่งนี้ดูเหมือนจะเร็วขึ้นเล็กน้อยเมื่อมันบ้าคลั่ง


คนผู้นั้นคือ จวินวูอี้ !


ใบหน้าของขุนพลเลือดเย็นนี้เต็มไปด้วยประกายเย็นชา


จวินโม่เซี่ย มอง ตู่กู้เซี่ยวอี้  ด้วยเสน่หา  เหตุใดผู้ที่มากประสบการณ์เช่นจวินวูอี้จักดูไม่ออก ?  สำหรับเขา ตู่กู้เซี่ยวอี้ ดีพอจะเป็นภรรยาของหลานชายเขา เขาจักปล่อยให้มีผู้ใดทำอันตรายนางได้อย่างไร ?


เขาไม่ปล่อยให้ผู้ใดคุกคามนางได้เแม้เพียงเส้นขน


นี่คือกรอบความคิดของสกุลจวิน  เช่นเดียวกับ กวนเซียงฮั่น และสาวน้อยผู้นี้เช่นกัน


จวินวูอี้ไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องเศร้าขึ้นในชีวิตของเขาอีกครั้ง  หากจำเป็น เขาจักทำลายทุกสิ่งเพื่อปกป้องภรรยาของหลานชายไว้


ดังนั้น จวินวูอี้ จะนิ่งเฉยหลังได้ยินเรื่องนี้ได้อย่างไร ?


ม้าที่แข็งแกร่งร้องออกมาอย่างดุร้ายขณะควบเต็มกำลังดั่งสัตว์บ้าคลั่ง  ราวกับเสียสติไป  มันเลี้ยวตรงมุมหนึ่งหลังจากมุมหนึ่ง และหายไปในที่ห่างไกล


ทิ้งไว้เพียงลมฝุ่นเบื้องหลัง ซึ่งจางหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางลมในสาทรฤดู


ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ ซุนเซี่ยวเหม่ย คิดเห็นเช่นเดียวกัน คือส่งเจ้าขาวน้อยออกไปยังสกุลตู่กู้เพื่อขอความช่วยเหลือ  มีเพียงยอดฝีมือจากสกุลตู่กู้ที่คาดว่ามีโอกาสต่อกรกับภัยเช่นนี้ได้  ผู้อื่นอาจจะไร้ประโยชน์เมื่อต้องเผชิญกับยอดฝีมือสวรรค์เชวียนชั้นสูงห้าคนเช่นนี้


แม้นจะสอดคล้องกัน … ความคิดของพวกเขาไร้เดียงสา … ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าขาวน้อยยังเล็กนัก และมิอาจเข้าใจคำพูดของพวกนางได้อย่างชัดเจน  แต่กระนั้น มันยังเข้าใจว่า เจ้านายของมันประสบกับอันตราย และมันเข้าใจว่าเจ้านายส่งมันไปเพื่อหากำลังเสริม


แต่ มันจะมองหาผู้ใด ?


ธรรดา มันจะต้องมองหาผู้ช่วยเหลือที่ทรงพลังที่สุดที่มันคิดออก …


เจ้าขาวน้อยปราดเปรื่องนัก แต่กระนั้น มันเพียงสองผู้ในโลกที่อยู่ใกล้ที่สุด ผู้หนึ่งคือเจ้านายของมัน ตู่กู้เซี่ยวอี้  และอีกผู้คน คนดี ผู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในความคิดของเจ้าขาวน้อย จวินโม่เซี่ย !


คนผู้นี้ช่วยมันพัฒนาระดับขั้นในวัยเด็ก เหตุใดเขาจึงมิใช่ผู้ที่แข็งแกร่ที่สุด ?  เช่นนั้นจะมีผู้ใดอีกที่มันจะมองหา เมื่อเจ้านายของมันประสบภัยคุกคาม และต้องการกำลังเสริม ?


ดังนั้น เจ้าขาวน้อยจึงมองหาจวินโม่เซี่ย  อย่างไรก็ตาม มันไม่ประสงค์จะไปยังสกุลตู่กู้เพื่อขอความช่วยเหลือ


พวกเครายาวป่าเถื่อนเหล่านั้นมีประโยชน์อันใด ?  พวกเขาอาจะเทียบชั้นกับ ชายผู้เลิศล้ำผู้นั้นได้กระนั้น ?


เจ้าขาวน้อยดูถูกพวกเขา


แต่กระนั้น … หากมันไปขอความช่วยเหลือที่สกุลตู่กู้ … เหล่ายอดฝีมืออาจจะมาถึงไม่ทันเวลา  ดังนั้น เจ้าขาวน้อยจึงตัดสินใจได้ถูกต้องโดยที่ไม่ตั้งใจและไม่รู้


เจ้าขาวน้อย มิอาจเอ่ยวาจาใดได้  ดังนั้น การพยายามของมันจักไร้ประโยชน์หากไปยัง จวน สกุลตู่กู้  พวกเขาจักต้องส่งทหารของพวกเขามา หากตัดสินว่า ตู่กู้เซี่ยวอี้ อยู่ในอันตราย  แต่กระนั้น มันไม่ง่ายที่พวกเขาจะสามารถเตรียมการมาเพื่อรับมือกับ ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนห้าคนนี้  คนเหล่านั้นคงจะถูกกำจัดไปไม่ช้านานหรอกหรือ ?


กระบี่ร่วงลงหล่งลง ปราณเชวียนซึ่งอยู่ที่ฝ่ามือของเขาถูกส่งออกไปแล้ว


อยี่กู้ฮั่น ถูกศัตรูปิดล้อมทุกทิศทาง  เขาคงจะรีบถอยร่นอย่างรวดเร็วแล้วหากมิใช่เพราะความปลอดภัยของหลิงเมิ่ง มันคงจะยากเย็นมิใช่น้อย   เขาสามารถล่าถอยได้หากใช้กำลังที่เหลืออยู่  เขาสามารถใช้เคล็ดเพื่อเหาะหนีไปไกลได้อย่างรวดเร็ว  เขาอาจได้รับบาดเจ็บมากมาย … แต่การพุ่งหนีไปอาจเป็นไปได้


แต่กระนั้น องค์หญิงหลิงเมิงยังหนีไปได้ไม่ไกลพอ  ด้วยเหตุนี้ ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนทั้งห้าสามารถจับตัวนางได้อย่างไม่ต้องสงสัย หากเขาตัดสินใจล่าถอยไปในตอนนี้  เขาไม่รู้เหตุใดพวกเขาประสงค์จะจับตัวนาง  ทั้งหมดที่รู้คือ เขาเลือกตายแทนที่หลิงเมิงจะตกในเงื้อมมือของพวกเขา


เขามิได้เสแสร้ง แต่เขาแค่กระทำตามหน้าที่


ข้ารู้ว่าจักต้องตายเป็นแน่แท้  แต่ข้าจักต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่มี


ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ข้าจักกลัวสิ่งใด ?!


อยี่กู้ฮั่น ยืนตัวตรงตระหง่านประหนึ่งภูผา กระบี่ปรากฏขึ้นข้างร่างของเขาทันที  มันโค้งเข้าหาขณะเขาหลบหลีก  แต่เมื่อมันถอยไป กระบี่อีกเล่มพุ่งเข้ามาแทนที่  จากนั้น มีกระบี่อีกเล่มปรากฏขึ้นพร้อมด้วยประกายสีครามแพรวพราว และเปล่งประกายพร้อมจะเจาะทะลุร่างศัตรู


ฉึบบ !


กระบี่เสียบเข้าไปในท้องส่วนล่างของ อยี่กู้ฮั่น  กระบี่อีกสองเล่มแฉลบไปทั่วร่างของเขา พวกมันฉีกเสื้อผ้าเป็นชิ้นๆ  ตามมาด้วยเลือดที่พุ่งดั่งสายน้ำ  สองฝ่ามือทีทรงพลังดั่งสายฟ้าปะทะเข้าใส่อกเขา


” ตุบ !  ตุบ ! “


เสียงบดฟันดังก้องขณะซี่โครงเขาแตกหักภายใน  เลือดพุ่งออกจากทวารทั้งเจ็ดของเขาในทันที


อย่างไรก็ตาม คล้ายกับว่า อยี่กู้ฮั่น มีสีหน้าที่ร่าเริง  เขายิ้มอ่อนโยน … หรืออาจชั่วร้าย … แต่แลดูขื่นขมยิ่งบนใบหน้าเปื้อนเลือดของเขา


เพราะว่า ….

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม