Otherworldly evil monarch 247-253

ตอนที่ 247

 

จวินวูอี้ ผงกหัวขณะเขาหัวเราะ  ด้านข้างเขา หยางมู่ น้อยกำลังหัวเราะ  แม้นเขาหาได้เข้าใจความหมายที่ปิดซ่อนไว้ แต่อันธพาลตัวน้อยก็ตระหนักได้ว่า ทั้งมันเทศฝานและน้ำอุ่นนั้นมิได้เลิศรสแม้แต่น้อย


 


ถังหยวน มิได้อ้วนมากนัก ความทรงจำของเขาก็ไม่ได้ดีเช่นกัน  เขาลืมคำเสนอแนะไปนานแล้ว  ทำให้เขามิอาจพูดต่อไปมากนัก  สิ่งที่เขาเลือกมานี้ เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยที่เขายังจดจำได้  น่าประหลาดใจ เขายังคงจัดการนำเสนอได้อย่างยอดเยี่ยม  พรสวรรค์เขาช่างประเสริฐนัก


 


เจ้าอ้วนถังยังคงพูดอย่างไม่หยุดหย่อน  นายน้อยจวินไม่มีอารมร์จะฟังอีกแล้ว  เขาหันไปและมองยิ้มๆให้หยางมู่


” เจ้ารู้สึกเช่นไร แม่หยางน้อย? “


 


ใบหน้าน้อยๆ อันงดงามของหยางมู่ก้มลงทันที  เดิมที เขาจักระงับการตอบโต้เมื่อ จวินโม่เซี่ยเรียก แม่หยางน้อย  แต่กระนั้นในครั้งนี้ เขาคำรามทางจมูกและหันหนี  ลูกชายของ องค์รัชทายาทนั้นฉลาดล้ำและซุกซนดั่งปิศาจน้อยในอายุเช่นนี้  อย่างไรก็ตาม เขามีอายุเพียงสิบขวบปี  เขายังอับอายในสิ่งที่เกินขึ้นก่อนหน้านี้  ดังนั้น จึงเป็นการยากที่เขาจะสามารถรักษาความสงบเงียบเอาไว้ได้  ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากนั้น ยังไม่มีผู้ใดปลอบประโลมเขาเลย  ความจริง แม้แต่ผู้ใหญ่ก็มิอาจใจเย็นได้ และพบว่ามันยากยิ่งจะทนทาน


 


” ไร้ประโยชน์จะมีโทสะ “


มือสังหารจวินคำรามทางจมูก ขณะมิได้พยายามเกลี้ยกล่อมเด็กชายผู้นั้น  แต่เขากลับ ไขว้ขา


” เจ้ารู้ว่าเพียงสิ่งเดียวที่เจ้าสามารถทำได้เมื่อโดนกลั่นแกล้งคือการมีโทสะ  เจ้าอาจละเว้นการมีอารมณ์ไว้ เนื่องจากมันไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆ “


 


” ข้าจะควบคุมความโกรธด้วยสิ่งใดหากมันไร้ประโยชน์ “


หยางมู่ อดทนวามเจ็บปวดเหล่านั้นมาชั่วครู่แล้ว และในที่สุดน้ำตาของเขาเริ่มร่วงหล่น


 


” การเรียกเจ้าว่าแม่สาวน้อยนั้นมิได้ผิดอันใดเนื่องจากเจ้ากำลังร้องไห้ในเรื่องเล็กน้อย  เจ้าร้องไห้เพื่อสิ่งใด ?  หากชายที่แท้จริงอดกลั้นน้ำตา เขาจะสูญเสียความเคารพ  ชัดเจนว่าคนเช่นนี้จักถูกกลั่นแกล้ง “


จวินโม่เซี่ยเอ่ยดูหมิ่น ขณะเขาหยิบแอปเปิ้ลลูกใหญ่ขึ้นจากโต๊ะ  เขาสับมันออกและกัดกิน


” การร้องไห้มีประโยนชน์กระไร ?  การร้องไห้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้กระนั้น ?  เจ้าจะมองไม่เห็นสิ่งใดหากร้องได้อีก จะพ่ายแพ้และต้องร้องหายไปเรื่อย ๆ !  ข้าจักไม่ปลอบประโลมเจ้า  ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจักไม่ช่วยเจ้าหาทางออกในโทสะ “


 


” ข้าไม่อยากร้อง “


หยางมู่ ปาดน้ำตารวดเร็ว แต่ยังคงสะอื้นเล็กน้อยจากนั้น  เขารักใคร่นายน้อยสกุลจวินอย่างมาก


” ท่านพ่อบอกว่า พี่ใหญ่จวินนั้นฉลาดล้ำ  เจ้าบอกข้าเถิดข้าควรทำสิ่งใด ?  สามผู้นั้นกลั่นแกล้งข้าเนื่องจากข้ายังเด็ก  ข้า … ข้าหวาดกลัวจนมิอาจคิดสิ่งใดได้  และข้าต้องการจะวิ่งหนี … พี่ใหญ่ โปรดบอกข้าเถิด … ข้าจักทำให้พวกเขาหยุดได้อย่างไร ?  หรือ ข้าจะแก้แค้นและปลดปล่อยความโกรธได้อย่างไร ?! “​


 


” แก้แค้นเพื่อปลดปล่อยโทสะ ?  นั่นมิใช่ทางที่ดี “


เปลือกตาของจวินโม่เซี่ยไร้อารมณ์ ขณะเขาเอ่ยใจเย็น


” พวกเขาเป็นลูกชายองค์จักรพรรดิ  ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ?  คือองค์จักรพรรดิ ?  หาก ลูกชายองค์จักรพรรดิกลั่นแกล้ง มีสิ่งใดบ้างที่เจ้าทำได้ ?  ที่เจ้าทำได้นั้นคืออดทน เนื่องจากสกุลของเจ้ามิได้ทรงอำนาจเช่นพวกเขา “


 


” ข้าไม่ประสงค์จะอดทนอีกต่อไปแล้ว  พี่ใหญ่โม่เซี่ย ท่านพ่อบอกว่าท่านฉลาดล้ำ และไม่มีสิ่งใดที่เจ้ามิอาจต่อสู้ได้ … “


หยางมู่ คว้าแขนขวาจวินโม่เซี่ย และเริ่มเขย่า


” ข้าขอร้องพี่ใหญ่โม่เซี่ย … โปรดบอกข้า … “


 


” หยุด  หยุด  หยุดก่อน ! “


จวินโม่เซี่ยเร่งรีบผลักมือเขาออก  จากนั้นเขาพูดต่อเสียงดัง


” พ่อของพวกเขาคือองค์จักรพรรดิ ในขณะที่พ่อของเจ้ามิใช่  สิ่งนี้มิอาจแก้ไขได้ด้วยความฉลาด  เจ้าต้องการให้ข้าช่วยกระนั้น ?  ไม่มีทาง  พวกเราไม่สามารถ “


 


หยางมู่ เพ่งมองอย่างงุนงงชั่วขณะ  จากนั้นดวงตาของเขาเริ่มมีน้ำใสๆอีกครั้ง และไม่นานน้ำตาเอ่อล้นออกมา  ปากน้อยๆของเขาปล่อยเสียงสะอื้นออกมา และดวงตาของเขาสะท้อนประกายในทันที  อารมณ์ของเขากลับเป็นเช่นก่อนเริ่มร้องไห้อีกครั้ง  เขาเงียบ ขณะดวงตาเบิกกว้างกลมโตดั่งดวงจันทร์


” พี่ใหญ่โม่เซี่ย ท่านเพิ่งพูดว่า พ่อของพวกเขาคือองค์จักรพรรดิในขณะที่ข้านั้นมิใช่ …


เหตุใดพ่อข้าจึงมิใช่องค์จักรพรรดิ ?  พวกเขาทั้งสอง เป็นลูกชายของท่านปู่ องค์จักรพรรดิก่อน … เหตุใดพ่อของเข้าเป็นเพียงองค์ชาย ในขณะที่พี่ใหญ่ของเขาเป็น องค์จักรพรรดิ ?   ข้าก็มีเลือดขององค์จักรพรรดิ  แล้วเหตุใดพวกเขาจึงกลั่นแกล้ง และข้ามิอาจขัดขืนได้ ? “


หยางมู่ เบิกตากว้างขณะมองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างสงสัย


 


” เจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้าก็มีสายเลือดขององค์จักรพรรดิก่อน เช่นนั้น ชัดเจนว่าทั้งหมดนี้จึงเป็นปัญหาภายในสกุลของเจ้า  แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน ? “


สีหน้าของจวินโม่เซี่ยกระวนกระวายขณะพูด


” พ่อของเจ้าเคยประสบเช่นเดียวกับเจ้า  เขาก็โดนกลั่นแกล้งเมื่อยังเด็ก แต่เขาก็มิกล้าก่อกบฏหรือกระทำไร้สาระ  ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นนิสัยของเขา  ความจริง เขาอาจจะต้องทนกับการกลั่นแกล้ง แม้ในตอนนี้ที่โตขึ้นมาแล้ว  เห็นได้ชัดว่าเขามิได้กลายมาเป็นองค์จักรพรรดิ  และตอนนี้ แม้นว่าลูกชายของเขาต้องประสบกับการกลั่นแกล้ง “


 


” ข้าจักต้องไม่โดนกลั่นแกล้งอีก ! “


หยางมู่ กำมัดน้อยๆของเขา


” เมื่อข้าโตขึ้นข้าจะต้องไม่โดนกลั่นแกล้ง !  และลูกหลานข้าเช่นกัน ! “


 


” มิใช่สิ่งดี … ปัญหานั้นยากจะแก้ไข “


จวินโม่เซี่ยถอนใจในการแสดงความรักที่ผิด


 


” องค์จักรพรรดิเป็นเพียงผู้เดียวที่จะมิได้รับการกลั่นแกล้งหรือ ?  ลูกหลานข้าจะได้รับการละเว้นไหมหากต้องเผชิญกับสิ่งนี้ ? “


หยางมู่ น้อยถาม


 


จวินโม่เซี่ยถอนใจ


” ข้ามิอาจรู้ ข้ามิอาจรู้จริงๆ “


 


” ข้าจะเป็นองค์จักรพรรดิดั่งที่เจ้าบอกได้ไหม ? “​


หยางมู่ เบิกตากว้าง  มีแววตาจริงใจ


 


” เจ้า ?  เจ้าเป็นหลานขององค์จักรพรรดิรัชการก่อน ดังนั้น เจ้าจึงมีสิทธิ์ “


จวินโม่เซี่ยเงยหน้าขึ้นขณะเขาเพ่งตวงตาไปยังเด็กน้อย


” ใช่ เจ้ามีคุณสมบัติพื้นฐาน หากแต่ขาดบางสิ่งที่จำเป็น   ด้วยเหตุนี้ เจ้าจึงยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ “


 


” เช่นนั้นโปรดบอกข้าท่านพี่โม่เซี่ย ข้าจักเปลี่ยนแปลงมันได้เช่นไร ?  ข้าจักต้องไม่โดนกลั่นแกล้งอีก ! “


หยางมู่ ถาม


 


จวินโม่เซี่ยกำลังจะตอบในขณะที่จวินวูอี้ ผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลัง ไอออกมาเสียงดัง เสียงไอของเขาดังคล้ายกับผู้ที่เป็นวัณโรคอย่างมาก  ชัดเจนว่า จวินวูอี้กังวลว่าผู้อื่นจักได้ยินการสนทนานี้  ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามยับยั้งการสนทนานี้  การกระแอมเสียงก้องกังวาลนี้คู่ควรในนามยอดฝีมือสวรรค์เชวียน แม้นว่ามันจะจำกัดเพียงในห้องนี้ก็ตาม


 


จวินวูอี้ฟังการสนทนานี้อยู่ และรู้สึกว่ามันเริ่มจะผิดเพี้ยนไป แม้นว่ามันจะเริ่มด้วยการพยายามปลอบประโลมเด็กน้อย แต่กระนั้นกลับแปรเปลี่ยนไปในทิศทางอื่น  ยิ่งไปกว่านี้ มันเริ่มมุ่งเข้าสู่เรื่องต้องห้าม และอาจจะกลายเป็นสิ่งอันตรายอย่างมาก  เป็นไปได้ว่าวิธีการที่จวินโม่เซี่ยเกลี้ยกล่อมเด็กผู้นี้อาจจะฝังลงไปในจิตใจของเขา  ด้วยเหตุนี้ กุนซือของนายน้อยจวินจึงแสดงให้เห็นว่า พวกเขาจำต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน จนกว่าพวกเขาจะเก็บเงินในสิ่งที่ต้องการก่อน กระบวนการนี้จักต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือน  อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาปลุกปั่นให้ ลูกชายองค์รับชทายาทต่อต้านราชบัลลังก์พวกเขาอาจจะต้องเสียใจในภายหลัง …


 


เจ้าเด็กนี่คิดสิ่งใดอยู่ ?


 


” ข้ามิอาจตอบคำถามนี้ของเจ้าได้  ถามพ่อของเจ้าเมื่อกลับถึงบ้านสิ  ข้ามั่นใจว่าเขาจะบอกว่า ดีแล้วที่พวกเขากลั่นแกล้ง !  ดีแล้วที่มีใครสักคนทำหน้าที่ของข้า  แล้วเป็นอย่างไรละ ?  คนพาลนั้นซื่อสัตย์และจริงใจ “


จวินโม่เซี่ยเลียนแบบ องค์รัชทายาท


 


” เจ้ารู้ได้อย่างไร ?  ท่านพ่อของข้าพูดเช่นนี้ทุกครั้งที่ข้าโดนกลั่นแกล้ง  เขาบอกว่า ข้าควรถูกกลั่นแกล้ง และเขายังบอกอีกว่าข้าควรถูกกลั่นแกล้งยิ่งกว่านี้ “


หยางมู่ กระพริบตาขณะมองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างเคารพ


พี่ใหญ่ผู้นี้ช่างล้ำเลิศยิ่ง !


 


ความจริงแม้แต่ท่านปู่ก็เอ่ยเช่นนี้ …


 


จวินโม่เซี่ยคำรามทางจมูกและเอ่ยจากใจ


” ข้ารู้ชัดเจน  ข้ายังรู้อีกว่าเจ้าเป็นขบถตัวน้อย  เจ้าจะกลับบ้านและบอกพ่อเจ้าในสิ่งที่ผู้อื่นบอกเจ้า  เช่นนั้นมิใช่หรือ ? “


 


” ข้าจักไม่ทรยศเพื่อน !  ท่านพ่อบอกข้าว่า ผู้ที่ทรยศเพื่อนนั้นชั่วร้าย  แต่ข้านั้นเป็นคนดี ข้าจักไม่ทรยศเพื่อ ! “


ใบหน้าอ่อนโยนของหยางมู่กลายเป็นสีแดง


 


” เหตุใดเจ้าจึงกังวล ? “


จวินโม่เซี่ยเหลือบมองเรียบง่ายขณะพูด


” เจ้าคงไม่อยาก  ให้ข้าเล่าอะไรให้ฟังก่อน ? “


 


หยางมู่ ผงกหัวเห็นด้วย


 ” ดี “


 


จวินวูอี้นั่งจนเกือบสุดขอบเก้าอี้  ในที่สุดเขาผ่อนคลายลงและแอบปาดเหงื่อ  ในที่สุดเจ้าเด็กบ้าพวกนี้ก็หยุดสนทนาเรื่องอ่อนไหวจนได้  เป็นสิ่งดีที่พวกเขาเริ่มเล่าเรื่องราว … ข้ากังวลถึงผลที่ตามมาเหลือเกิน …


 


” เรื่องนี้ชื่อว่า กบฏประตูเชวียนวู “


จวินโม่เซี่ยยิ้ม


” ลี่ฉีหมิ้น เป็นลูกองค์ชายแห่งอาณาจักรถัง  พวกเขามีลูกพี่ลูกน้องสองคน องค์รัชทายาท และ ลี่หยวนจี้ เขากลั่นแกล้งลูกพี่ลูกน้องมากมาย  ในตอนแรก ลี่ฉีหมิ้นอดทนต่อการกลั่นแกล้งของพวกเขา  แต่กระนั้น เมื่อมันมากขึ้น เขาจึงสังหารพวกเขาที่ ประตูเชวียนวู  จากนั้น จึงขึ้นนั่งบัลลังก์และกลายเป็นองค์จักรพรรดิ  และเขาก็ไม่โดนผู้ใดกลั่นแกล้งอีก … “


 


จวินวูอี้เคยได้ฟังเรื่องราวของจวินโม่เซี่ยมากมาย  ไม่เพียงฟังเรื่องสั้นของจวินโม่เซี่ยเท่านั้น หากแต่เขายังหลงไหลพวกมันด้วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่ชื่อว่า สามก๊ก เรื่องราวทั้งหมดนั้นทำให้จวินวูอี้ตะลึงงัน  เนื่องจากเรื่องที่จวินโม่เซี่ยเอ่ยมานั้นเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงทำให้เขาสนใจจดจ่อ


 


อย่างไรก็ตาม ขณะจวินโม่เซี่ยเล่าเรื่องของเขาต่อไปอย่างใจเย็น เส้นประสาทของจวินวูอี้ที่เริ่มผ่อนคลอยกลับตึงขึ้นในทันที  ความจริง ความเยือกเย็นพุ่งจากชุดชั้นนอกเข้าสู่ชุดชั้นในของเขา


 


แท้จริงแล้ว เรื่องราวของนายน้อยจวิน ทำให้ ยอดฝีมือเทพเชวียนหวาดกลัวมากมายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


 


พระเจ้า … ข้าเป็นขุนพล


จวินวูอี้ ขุ่นเคืองการกระทำของจวินโม่เซี่ยอย่างมาก


เจ้าพยายามทำให้ข้ากลัวจนตายกระนั้น ?  เจ้ากำลังเล่าเรื่องไร้สาระอันใดกันเด็กน้อย ?!


 


สวรรค์ของข้า !  เจ้าเพิ่งร่วมก่อจลาจล  หยางมู่ จะฟังและจดจำคำพูดของเจ้า  แม้นว่าเขาเป็นเด็ก เขาก็ยังมีความขุ่นเคือง … เรื่องราวของเจ้าไม่เหมือนการเตือมเชื้อไฟกระนั้น ?


 


” ดีละ สังหารพวกเขา !  สังหารพวกเขา !  ไม่แสดงความเมตตา ! “


หยางมู่ ปล่อยแขนเขาขณะอุท่านตื่นเต้น  มีประกายอันประหลาดปรากฏขึ้นในตาของเขา  อาจจะเป็นความปราถรถนา ..​เป็นความกระหาย …  หรือความคิดบ้าคลั่งบางอย่าง …


 


ดวงตาของจวินโม่เซี่ยก็มีเช่นกัน


ข้าพูดมากเกินไปอีกแล้ว  เด็กตัวเล็กนี่จะจำได้สักกี่คำเชียว ?  นี่คือเมล็ดพันธุ์ และเพียงแค่เติมน้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อทำให้มันเติบโต  อย่างไรก็ตาม มันจะตายหากโยนลงไปในมหาสมุทร


 


ทันใดนนั้นกลิ่นแปลกใหม่ล่อยลอยจากด้านบน  ความจริง กลิ่นนี้ทรงพลังยิ่งจนทำให้ทุกผู้อุทานออกมาด้วยประหลาดใจ แม้แต่ผู้ที่ข่มอารมณ์ไว้ก็มิอาจทาน  แม้แต่ผู้ที่นั่งอยู่ชั้นบก็มุ่งความสนใจไปที่มัน


 


หลังจากการปลุกระดมมากมาย ในที่สุดการประมูลสุราสวรรค์จึงเริ่มขึ้น  บนเวทีมีชายชรา อายุราวห้าสิบ  เขายืนตรง และใส่ชุดสีดำ  ดูเหมือนว่าเขาจะเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น ขณะที่คิ้วของเขาโค้งดั่งกระบี่เยือกเย็น


 


แม้นว่าจวินโม่เซี่ยประหลาดใจที่ได้เห็นคนผู้นี้


คงมิใช่ผู้เฒ่าซ้งเลอะเทอะนั้น ?


เขาแต่งกายคล้ายทหาร  เขามิได้หลังโก่งอีกแล้ว และกำลังยืนตัวตรงอยู่  ทั้งหมดนี้ ทำให้เขาดูราวกับขุนพล


 


” ยื่นสุราก่อนสังหาร ซ้งฉาง ? “


ผู้ที่อยู่ในงานประมูลจดจำได้ว่าเขาคือ ซ้งฉาง ในทันที่ที่ปรากฏตัวขึ้น


มีข่าวลือว่า ซ้งฉางคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  และตอนนี้เขาเป็นนายประมูลแห่ง หอชนชั้นสูง


 


ช่าง …. สูงส่งยิ่ง !


 


กลิ่นสุราเข้มข้นล่องลอยขึ้นสู่อากาศ และทุกผู้สูดดมมันอย่างบ้าคลั่ง


สุรานี้คู่ควรกับชื่อ สุราสวรรค์ เพียงแค่กลิ่นก็น่าประทับใจ


ทุกผู้เริ่มกระวนกระวายทันที


 


ดวงตาของชายชุดดำผู้ที่นั่งด้านหลังองค์หญิงหลิงเมิ่งเปล่งประกายอัศจรรย์หลังจากได้สูดดมกลิ่นนี้  เขาคือ จักรพรรดิแห่งนคร  แต่กระนั้น เขายังไม่เคยเจอสุราที่ดีเช่นนี้มาก่อน  เห็นได้ชัดว่าสุราชั้นเลิศนี้หาได้ยากยิ่ง

 

 

 


ตอนที่ 248

 

ไม่น่าประหลาดใจที่ หอชนชั้นสูง ขายสินค้า ที่มีคุณภาพสูงเช่นนี้  อย่างไรก็ดี ซ้งฉาง เทพแห่งสุรา หมักสุราสวรรค์นี้อย่างพิถีพิถัน !


 


แม้นว่าตัวซ้งฉางเองจะไม่เอ่ย หรือยอมรับว่าหมักสุรานี้ด้วยตัวเอง แต่ทุกผู้ในสถานที่นี้ก็อดมิได้ที่จะคิดว่าคือเขา  ซ้งฉางนั้นถือได้ว่าเป็นมือสังหารสวรรค์เชวียนผู้น่าเกรงขาม และมีชื่อเสียงในฐานะขุนพลผู้กล้า  แต่กระนั้น เทพแห่งสุรา เป็นชื่อที่ผู้คนจำเขาฝังใจ


 


สาวใช้หลายผู้เริ่มเคลื่อนที่ไป  แต่ละคนผลักรถเข็นขนาดใหญ่  ในรถเข็นแต่ละคันนั้น บรรจุไปด้วย จอกสุราขนาดเล็กจำนวน … ยี่สิบจอก


 


จอกสุราเหล่านี้ … เป็นหนึ่งในจอกสุราที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา  อย่างไรก็ตาม มันยังคงความประณีตมากเนื่องด้วยทำจากเงิน  ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันดูละเอียดอ่อน ราวกับปีกจักจั่น เนื่องจากมีประกายส่องแสงระยิบระยับ


 


นอกจากจะดูรื่นรมย์แล้ว จอกสุราที่ทำจากเงินนี้ ทำให้ทุกผู้มั่นใจว่าในสุรามิได้มีพิษ เนื่องจาก เงินจะเปลี่ยนสีเมื่อสัมผัสกับพิษ  ผู้คนสามารถดื่มสุราชั้นดีโดยไร้ซึ่งกังวล เนื่องจากมันปลอดภัย


 


สุราสามจอกวางลงที่โต๊ะแต่ละตัว  จากนั้น สาวใช้จำนวนหนึ่งถือเหยือกออกมาและเริ่มรินสุราอย่างระมัดระวังโดยไม่หกเลยแม้แต่หยดเดียว  สุราที่พิเศษและเย็นไหลรินราวกับแม้น้ำ ขณะที่มันหลั่งออกจากเหยือกสู่จอกสุรา ทั่วทั้งโถงปกคลุมไปด้วยกลิ่นหอมหวานรุนแรงของสุราที่ล่องลอยออกมาจากจอก  ทุกผู้มองจอกสุราตรงหน้าของพวกเขา  โดยไม่สนใจสถานะและความมั่งคั่ง พวกเขาหลายคนมิอาจห้ามน้ำลายในปากของเขาได้


 


” รายการหลักในการประมูลนี้คือ สุรา ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในดินแดนนี้ สุราสวรรค์ !  พวกเราขอให้ทุกท่านลิ้มรสสุรา  ด้วยเหตุนี้ ท่านจะตระหนักได้ถึงสิ่งเดิมพันในระหว่างการเสนอราคา “


เสียงที่ดังขึ้นของ ซ้งฉาง สั่นสะเทือนผู้ชมในโถง  เดิมทีแล้ว เขานั้นแตกต่างจากถังหยวน  ราวกับทะเลสาปที่ลึกและสงบ ยืนอยู่บนเวทีขณะที่จริตแห่งสวรรค์เชวียนอันโด่งดังของเขาแผ่ขยายออกมาด้วยภาษากาย


 


” หลังจากได้ลิ้มรสสุรานี้แล้ว ข้ามั่นใจว่าทุกท่านจักตระหนักว่านี้คือผลผลิตแห่งจิตวิญญาณ และเป็นสมบัติซึ่งมิอาจประเมินค่า ไม่ว่าจักต้องจ่ายในราคาเท่าใหร่ก็ยังคงไม่ถือว่าเพียงพอสำหรับสุรานี้  มันคุ้มค่าตราบใดที่ได้ครอบครองความอัศจรรย์นี้ “


ซ้งฉางโบกมือ


 


” ได้โปรด “


 


ทุกผู้เริ่มกระหายต่อสุราที่มีชื่อว่า ไม่เคยมีมาก่อน นี้  พวกเขายกจอกสุราขึ้นร้อนรนขณะสถบถึงความตระหนี่ของ หอชนชั้นสูง สำหรับจอกสุราขนาดเท่านิ้วมือนี้


 


” ทุกท่านจักต้องคิดว่าจอกสุรานี้เล็กเกินไป พวกมันไม่ใหญ่พอเหมาะเจาะ “


ซ้งฉางพูดไม่รีบร้อน


” ข้าอยากจะขอยอมรับในความนับถือนี้ … หอนี้รู้สึกผิด  กระนั้น ข้าใคร่ขอให้ทุกท่านใคร่ครวญ หากทุกผู้ดื่มสุรานี้มากเกินควร พวกมันจักได้รับขนานนามว่าสุราสวรรค์ได้เช่นไร ?  ยิ่งไปกว่านั้น พวกท่านจักจ่ายให้สุรานี้ในราคาที่สูงกระนั้น ?  ความเห็นแก่ตัวนี้เป็นสิ่งจำเป็นในการขจัดความโลภต่อ ผลิตผลแห่งจิตวิญญาณนี้ ! “​


 


แขกทุกคนได้รับประสบการณ์ที่เป็นธรรมในเส้นทางของชีวิต  อย่างไรก็ตาม พวกเขามิได้เข้าใจถึงความสำคัญของประโยคนั้น และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงขับมันออกมาด้วยการหัวเราะ


 


พวกเขาดื่มอวยพร และรินจอกของพวกเขาขณะหัวเราะ  องค์หญิงหลิงเมิง มิได้ดื่มจอกของนาง นางไม่ประสงค์จะดื่มในที่สาธารณะ  กระนั้น นางก็มิกล้าดื่มโดยปราศจากการขออนุญาติก่อนเช่นกัน  ชายชุดดำสองผู้ที่นั่งอยู่หลังนางค่อนข้างน่ากลัว  ยิ่งไปกว่านั้น การที่นางกระทำเกินกว่าขอบเขตของนางต่อหน้าพวกเขาก็ทำให้นางหวาดกลัว  หากมิใช่คำสั่งของพวกเขา นางจากไปนานแล้ว  ดังนั้น นางจึงไม่มีทางเลือกได้แต่เลื่อนจอกสุราไปให้ชายสองคนด้านหลังของนาง  ในตอนนี้ ชายทั้งสองมีสุราสามจอก


 


ชายชุดดำด้านหลังนางทั้งสองมีท่าทีร้อนรน ยิ่งไปกว่านั้นพกวเขาเกือบจะฉกฉวยเอาจอกไป  พวกเขารินจอกเหล่านั้นภายในหนึ่งคำไม่นานหลังจากได้รับมัน  สุราทำให้พวกเขาตื่นเต้นหลังจากที่มันไหลลงไปในกระเพาะ  ชายเหล่านี้เคยดื่มสุรามาทั่วทั้งอาณาจักร หากแต่พวกเขามิเคยพบเจอสุราชั้นเลิศเช่นนี้มาก่อน  ความปรารถนาที่จะดื่มของพวกเขานั่นรุนแรง  ทั้งสองมองไปยังจอกที่เหลือพร้อมกัน และจากนั้นมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดอ่อนข้อ


 


นายน้อยจวินคาดว่า ชายชุดดำสองผู้ที่ติดตามองค์หญิงหลิงเมิ่งมานั้นมิใช่คนธรรมดา  หนึ่งในสอง คือ คนผู้นั้น อย่างไรก็ตาม หากเป็นจริง ผู้ใดในนครเทียนเชียงที่ถือได้ว่าเทียบเท่าเขา ?  ผู้ใดไม่ยอมจำนนต่อหน้าเขา ?  ชายอีกคนคือผู้ใด ?


 


” .. “


กลุ่มคนเงียบลงอย่างมิอาจคาดเมื่อได้ดื่มอึกแรก


 


แต่แล้วไม่น่าก็มีเสียงดังขึ้นอย่างรวดเร็ว  ท่ามกลางความเงียบงันนี้ ชายแข็งแกร่งร่างสูงตะโกนขณะยืนขึ้น  เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขณะคร่ำครวญ  เขามีบางอย่างผิดแปลก


 


ทุกคนหันไปยังที่มาของเสียง และพบชายร่างกำยำอายุสี่สิบปีพร้อมสีหน้าเคลิบเคลิ้มบนใบหน้า  เขาวางมือบนถ้วยและกระโดดขึ้นยืน  สายตาอันโง่เขลาบนใบหน้า ขณะเขาเงยหัวและเอ่ย


” เจ้าสมควรได้รับการขนานนามว่า เทพแห่ง หลังจากหมักสุราลึกลับนี้อย่างแท้จริง พวกเราหลายคนล้มคว่ำหลังจากดื่มไปเพียงหนึ่งจอก  บอกข้า การประมูลเริ่มเมื่อไหร่ ?  ราคาต่ำสูดคือเท่าไหร่ ?  ไม่สำคัญว่าจักต้องใช้เงินเท่าไหร่ เพื่อให้หัวหน้าสกุลผู้นี้นำมันกลับไปอย่าน้อยสักสิบโถ ! “


 


ชายตัวใหญ่ผู้ที่ยืนขึ้นนั้นคือ พ่อค้าเกลือชั้นแนวหน้าแห่งนครเทียนเชียง  อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าหอการค้าแห่งนครเทียนเชียง โจวเมิงหลง


 


แม้นคำพูดของคนผู้นี้จักดูหยาบคาย แต่ไม่มีผู้ใดตำหนิเขาเนื่องจากพวกเขาก็อยากจะทำเช่นเดียวกัน   ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงพยักหน้าเห็นพ้อง  หากมิใช่เพราะพวกเขาเป็นเหล่าขุนนาง อัครมหาเสนาบดี และสมาชิกในสกุลใหญ่ ไม่มีผู้ใดฝืนใจจากการเอ่ยในสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างแท้จริงเป็นแน่


 


เพียงแค่ ตู่กู้วูตี้  ผู้ที่นั่งอยู่ในแถวสอง ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้ามืดมน


” นั่งลง !  พูดให้เหมาะสมกับตำแหน่งของเจ้า !  เอะอะโวยวายกระไรเช่นนี้ ?!  ไม่เห็นผู้อื่นรอบตัวเจ้าหรือกระไร ?!  เจ้าคิดว่านี่คือกริยาของผู้ได้รับการสั่งสอนกระนั้นหรือ ? “


ตู่กู้วูตี้ กระวนกระวายและสลดใจอย่างมาก


 


ยอดขุนพลตู่กู้มาที่นี่เพียงไม่กี่เหตุผล  หนึ่งเขาประสงค์จะแสดงการสนับสนุนจวินวูอี้  แต่กระนั้น เจตนาที่แท้จริงของเขาคือการได้เห็นความอับอายของจวินโม่เซี่ย  เขาต้องการเล่นงานเขา และตัดสินการเดิมพันในวันเดียวกัน


เหยือกละหมื่นตำลึง ?  ล้อเล่นกระมั้ง !  เขานั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งหากจะขายมันในราคานั้น  อย่างไรก็ตามข้าจักชนะการพนันนี้ เป็นแน่แท้


 


ผู้ใดจะรู้ว่า ในตอนนี้ราคาเหยือกละหมื่นตำลึงนั้นถือได้ว่าไม่แพง  ไม่เพียงแค่สุราจะขายได้มากเช่นนั้น แต่ราคายังสูงเกินกว่าที่กำหนดไว้  อีกทั้ง หากการขายนี้สำเร็จ เขาจะเป็นหนี้ยี่สิบห้าล้านตำลึงเงิน  ชีวิตนั้นมิอาจคาดเดา !


 


ขุนพลตู่กู้จักไม่สลดใจได้อย่างไรกัน ?  แม้นว่าเขาจะลบล้างมโนธรรมในเรื่องนี้ มันก็ยังมิอาจทำให้เขาหลุดจากปัญหานี้ได้  ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้รบกวนการชุมนุมของผู้คนมากมายในที่นี้  เขาเอียงคอและหรี่ตาขณะเพ่งมองอย่างขุนเคืองไปยังห้องที่มีน้าหลาน จวินโม่เซี่ย และจวินวูอี้นั่งอยู่


พวกเขาคงไม่หัวเราะเยาะข้าอยู่ใช่ไหม ?


 


โจวเมิงหลงสะอึกขณะเขานั่งลงด้วยความเสียใจ  แม้นว่าเขาจะเป็นพ่อค้าผู้ทรงอำนาจใน นครเทียนเชียง เขาก็มิกล้าโต้แย้งกับหัวหน้าสกุลที่ทุกคนรู้กันดีว่า หยาบคายและไร้เหตุผล  เขาเก็บจอกที่ว่างเปล่าขณะนั่งลง  จากนั้นดื่มสองจอกที่ยังเหลือบนโต๊ะ และถอนหายใจพึงพอใจ


 


ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข


 


ตู่กู้วูตี้ หันหน้าไปและมองลูกสาวสุดที่รักของเขากำลังยิ้ม  ใบน้าของนางสะท้อนความสุข และพึงพอใจ ขณะนางมองไปยังสีหน้าของท่านพ่อ ราวกับนางมีความสุขในโชคร้ายของเขา   เขาอดคำรามทางจมูกและขู่มิได้


” หากเจ้ายิ้มเช่นนี้อีก ข้าจะจัดการหาคู่ให้เจ้าในวันพรุ่งนี้ ! “


 


เสียงหัวเราะของ ตู่กู้เซี่ยวอี้  หยุดลงทันใด  ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายของนางอัดแน่นด้วยความโกรธ และใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นสีดำ  นางหันหน้าไปขณะที่โมโห   จากนั้น นางมองกลับไปที่เขาขณะพูดพร้อมขมวดคิ้ว


” ฮึ่มม !  ดูท่านสิ  ท่านกลัวที่จะพ่ายแพ้กระนั้น ?  ฮึ่ม !  การพนันที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น … ข้าจะรอดูว่าท่านจะชดใช้อย่างไร  ท่านมิอาจชดใช้ ยี่สิบห้าล้านตำลึงเงินได้ แม้นว่าท่านจะขายทุกสิ่งที่เรามี  “


 


ตู่กู้วูตี้ โมโหอย่างมาก และเอ่ย


” ชดใช้อะไร ?  พ่อของเจ้ามีวิธีมากมาย !  เจ้าบอกว่าแม้นว่าเราจะขายทุกสิ่งที่มี ก็มิอาจใช้หนี้ได้หมด ?  เป็นจำนวนเงินที่มากมายกระนั้นเลยหรือ ?  หากข้าไม่มีเงินจริงๆ ข้าจะใช้ลูกสาวของข้าทำให้เจ้าเด็กนั่นเป็นลูกเชย  นั่นคงจะชดใช้หนี้ได้ และทำให้เจ้ามีความสุข กระนั้น ?  หึ ! “


 


ใบหน้าของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ กลายเป็นสีแดงขณะนางยืนขึ้นต่อต้าน  ด้วยสีหน้าดูหมิ่น นางตะโกน


” ข้าไม่ต้องการสิ่งนั้น !  ผู้ใดกันจะหวงแหนสิ่งนั้น ?! “​


 


นางทั้งโมโหและกระวนกระวาย  แม้นว่านางจะชอบจวินโม่เซี่ย นางก็ไม่ต้องการจะถูกมอบให้เขาเพื่อการเดิมพันนี้  หากเป็นเช่นนั้น … ที่รักของนางจักเคารพนางได้อย่างไร ?


 


นางเริ่มหลั่งน้ำตาทันที  ดวงตาของนางเริ่มพร่างพราวไปด้วยน้ำใสๆขณะกระทืบเท้า  จากนั้นนางส่ายเอวเล็กๆของนางออกไปโดยไม่สนใจพ่อของนาง และน้ำตายังคงหลั่งไหล


 


ตู่กู้วูตี้ หดหู่เพราะเขาลืมนึกถึงตัวเอง และทำลายทุกอย่าง เขาเร่งรีบปลอบประโลมนาง วีรบุรุษและตำนานผู้มุ่งต่อไป ทั้งเจ็ดมิอาจเข้าร่วมได้เนื่องจากเก้าอี้นั้นมีจำกัด  ดังนั้น จึงเหลือเพียง ตู่กู้อญิงยี่ ที่มากับเขา  เดิมทีนางหัวเราะด้วยความตลก แต่ไม่นานก็พบว่าตัวเองโดนเตะเข้าที่ก้น


 


” เจ้าจะไม่ลงไปกระนั้น ? “


จวินวูอี้ถามหลานชายของเขา


 


” ข้ารู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง “


จวินโม่เซี่ยขมวดคิ้วและชี้นิ้วไป


” ชายผู้นั้นมา  ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้พาใครบางคนมากับเขาด้วย  มันจักดีกว่าหากข้าไม่ต้องเผชิญกับปัญหาถ้าไม่จำเป็น  ดังนั้น ข้าจึงวางแผนจะกระทำอย่างรอบคอบ


 


” โอ้ว ? “


ร่างจวินวูอี้กระตุก


 


” ข้าคิดว่าทุกอย่างจะเป็นปกติ ! จวินโม่เซี่ยหัวเราะชั่วร้าย


” ข้ามั่นใจว่าถังหยวนและซ้งฉางสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้  ข้าจะปรากฏตัวออกไปเพียงแค่ช่วงเวลาคับขันเท่านั้น “


 


จวินวูอี้ยิ้มอย่างรู้ทัน เลิกคิ้วขึ้น


” ข้ากลัวว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้าจะถูกแพร่งพรายออกไปในไม่ช้า  ในที่สุดพวกเขาทั้งหมด …. จะรู้ “


 


จวินโม่เซี่ยเห็นพ้องขณะพยักหน้า


” ดังนั้น พวกเราควรเร่งรีบเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสกุลจนไม่มีผู้ใดกล้ารุกราน  วิธีนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรได้แม้นว่าพวกเขาจะรู้  ท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งที่ไม่ลดลงเลยนั่นคือ อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเงิน “


 


ขณะที่ ซ้งฉางกำลังยกย่องถึงสุราชั้นเลิศนี้เสร็จสิ้น และถอยออกไปด้านข้าง เทพแห่งสุรานั้นพูดได้ดีเนื่องจากเขาเข้าใจถึงรสแห่งสุรา และแม้นว่าคำอธิบายของเขาจะสั้นกว่าจวินโม่เซี่ย แต่ทุกคนที่ได้ยินก็ไม่อยากจะเดินออกไป  ความจริงพวกเขาต้องการจะดื่มสุราชั้นเลิศนี้  หัวใจของพวกเขาเริ่มเต้นรัว ในขณะที่บรรยากาศได้มาถึงจุดสูงสุดแห่งความตื่นเต้น


 


เวลานี้ ในฐานะนายประมูล มันเป็นเวลาของถังหยวนบนเวที


 


” การประมูล สุราสวรรค์ อย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นแล้ว !  ราคาเริ่มต้นของแต่ละขวดนั้นคือ หนึ่งหมื่นตำลึงเงิน  ราคาสามรถเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีขีดจำกัด  และด้วยจำนวนที่มีจำกัดของสุราชั้นดีนี้ แต่ละโต๊ะสามารถนำกลับไปได้เพียงห้าสิบขวด  และอาจมีหลายคนที่จะมิได้รับสุรานี้กลับไป “


ถังหยวนประกาศออกไปอย่างกระตือรือร้น


 


” ข้าขอบังอาจถามนายประมูลถัง … เขาหมายความว่าจะมีหลายคนที่จะไม่ได้รับสุรานี้ ? “


หลายคนถามขึ้นขณะเสียงของถังหยวนค่อยๆจางหายไป


 


” ไม่มีความหมายใดที่พิเศษ  เพียงเท่านั้น นายท่านซ้งใช้เวลาทั้งชีวิตเดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อรวบรวมวัตถุดิบชั้นเลิศ  เขาใช้มันทั้งหมด เพื่อกลั่นสุรานี้  ดังนั้นจึงไม่มีสุราชั้นเลิศเช่นนี้อีกแล้ว  ด้วยเหตุนี้ นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้านของการประมูล สุราสวรรค์ ! “


ถังหยวนถอนหายใจ


 


” เพียงแค่ครั้งเดียว … ! “


ทุกคนร้องอุทาน  พวกเขามองหน้ากันอย่างหวาดกลัว


สุราชั้นเลิศเช่นนี้จะขายหมดภายในวันนี้ ?

 

 

 


ตอนที่ 249

 

ทุกคนคิดว่ามันมีเหตุผล


มันจักต้องเป็นการยากในการหาวัตถุดิบในการหมักสุราชั้นเลิศ ?


 


ใช่  เป็นธรรมดีที่มันจะมีเพียงแค่ครั้งเดียว


 


” เนื่องจากมันมีเพียงแค่ชุดเดียว … ทั้งหมดมีโถกระนั้นหรือ ? “


คำถามนี้ถามขึ้นโดยผู้ที่ไม่มีความรู้ในสุรา  แท้จริงแล้ว นางมิเคยแม้แต่ลิ้มรส นั่นคือ องค์หญิงหลิงเมิง


 


เจ้าอ้วนถังตอบคำถามของนางแม้นจะประหลาดใจก็ตาม


” จำนวนทั้งหมดของสุรานี้คือ สามพันโถ  และไม่ว่าจะมีราคาเท่าไหร่ สุราดั่งเช่น สุราสวรรค์ นี้จะปรากฏขึ้นในเวลาไม่นาน  ดังนั้น จงดื่มด่ำ !  แม้นจะหมายความได้ว่าสุรานี้จะหมดลงไปแล้วก็ตามที ! “


 


” สามพันโถ … ! “


เหล่าผู้ที่หลงไหลในสุราต่างประหลาดใจ  สามพันโถนั้นมากมาย ถือได้ว่าเป็นจำนวนมหาศาล  แต่กระนั้น  ต้องจำไว้ว่ามีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับเชิญให้มางานประมูลนี้ และผู้ที่มานั้นมีอย่างน้อยหนึ่งร้อยคน  ดังนั้น แต่ละโต๊ะจึงสามารถนำกลับไปได้เพียงสามสิบโถ


 


อย่างไรก็ตาม จำนวนที่แต่ละโต๊ะสามารถซื้อไปได้นั้นคือ ห้าสิบโถ  ยิ่งไปกว่านั้น แถวแรกคือราชสกุล และด้านหลังของพวกเขาคือ เหล่าสกุลอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักร  คนเหล่านี้จะต้องเริ่มคิดและใช้จ่ายเงินมากมายเพื่อมิให้กลับไปมือเปล่า  มีแนวโน้มว่าพวกเขาจักต้องจัดหาในสิ่งที่ต้องการ  ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าผู้แทนแห่งสกุลอันยิ่งใหญ่นั้นอยู่ที่นี่  พวกเขาจึงต้องการสุราอย่างน้อย แปดร้อยโถ


 


ด้วยเหตุนี้ สกุลที่เหลือกว่าแปดสิบนั้นจักต้องแข่งขันกันเพื่อสองร้อยยี่สิบโถ  ชัดเจนว่า จะต้องมีหลายคนที่จะมิได้ สุราสวรรค์ นี้กลับไป


 


หากไม่สามารถเสนอราคาได้ เป็นไปได้ที่พวกเขาจะเสียโอกาสในการลิ้มรสสุราชั้นเลิศเช่นนี้


 


การแข่งขันระหว่างเหล่าพ่อค้าจะต้องดุเดือดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


 


หลายผู้แอบกำหมัด  พวกเขาพร้อมจะตะโกนราคาออกไปเมื่อเวลามาถึง


 


” ตอนนี้การประมูลอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้น  ในชุดแรกประกอบไปด้วยสุราห้าสิบโถ !  จะมีผู้ชนะสำหรับจำนวนนี้เพียงผู้เดียว “


ท้องของถังหยวนกระเพื่อม ขณะเขาประกาศอย่างพึงพอใจ  เขารู้สึกราวกับช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตถือกำเนิดขึ้น ขณะถือค้อนและทำการตัดสิน


 


” ข้าเสนอหนึ่งล้านตำลึงสำหรับห้าสิบโถนี่ ! “


ชายผู้หนึ่งตะโกนขึ้น  ประหลาดใจนัก ผู้แรกที่ประมูล … เสนอราคาเป็นสองเท่า  บางคนสาปแช่งชายผู้นี้ในใจหลังจากได้ยิน


อวดดี นายท่าน นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเสนอราคา … อย่าปฏิบัติเหมือนเป็นเกมส์มากนัก  ราคาจะไม่สูงเสียดฟ้าเมื่อถึงตาของพวกเราเพราะเจ้าตะโกนออกไปเช่นนี้กระนั้นหรือ ?


 


ชายผู้ที่ร้องออกมา ลุกจากเก้าอี้อย่างช้าๆจากแถวที่สาม  เขาใส่เสื้อคลุมยาวสีคราม ดูเหมือนกับทะเลที่มีระลอกคลื่นอย่างไร้ที่สิ้นสุด ความจริง ดูเหมือนว่า มีมหาสมุทรสีฟ้าครามปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา


 


ชายผู้นี้ยิ้มใจเย็น และเอ่ย


” ข้า ไฮ่เฉินเฟิง และผู้นำก๊กจินหยางแห่งนครเทียนเชียง  ข้าลุ่มหลงสุรามาเสมอ  ด้วยเหตุนี้ข้าจึงปรารถนาสุราสวรรค์  ความจริงแล้ว ข้าไม่คิดว่าหนึ่งล้านตำลึงจะเป็นจำนวนมากมายอะไรสำหรับสุรานี่  ข้าขอให้ทุกผู้ที่อาจขุ่นเคืองโปรดจงอภัย “


 


เดิมที ไฮ่เฉินเฟิง นั้นถูกจวินโม่เซี่ยดึงตัวเข้ามาเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน  เขาต้องการผู้ที่สามารถเชื่อใจได้  เป็นงานที่ง่าย ไฮ่เฉินเฟิงยืนขึ้นเพื่อรับการวิพากษ์เป็นผู้แรก


 


เดิมทีแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งเบื้องหลังการกระทำของ ไฮ่เฉินเฟิง เขากระทำเช่นนี้ เพื่อประกาศว่า เป็น ขบวนการใต้ดินอันดับหนึ่งแห่งนครเทียนเชียง ก๊กจินหยาง ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำแล้ว  ยิ่งไปกว่านั้น เขาประกาศว่า ผู้นำก๊กไฮ่ จะทำให้ ก๊กจินหยางเป็นใหญ่ใน นครเทียนเชียง


 


การปรากฏตัวของ ไฮ่เฉินเฟิง ทำให้ทุกผู้เพ่งมองไปยังเขาอย่างรวดเร็ว ราวกับชิ้นโลหะที่สนใจแม่เหล็ก  ไฮ่เฉินเฟิงยืนนิ่ง แต่ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สบายเล็กน้อยเนื่องจากสีหน้าซีดลง  ความจริงแล้ว จวินโม่เซี่ย ผู้ที่กำลังเฝ้ามองเรื่องทั้งหมดจากชั้นบน ยังสับสน


 


อย่าบอกข้าว่าเขาได้รับบาดเจ็บรุนแรงในสองวันนี้ ?  มันจะบ่อยเกินไปไหม ?  ดูเหมือนว่าข้าจะต้องฝึกฝนและเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้เขาสักหนึ่งหรือสองขั้น  มิเช่นนั้นทุกสิ่งจะตกอยู่ในความเสี่ยง


 


มีเพียงแค่ นายน้อยจวิน เท่านั้นที่กล้าคิดเช่นนี้  …การเพิ่มความแข็งแกร่งของยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสองขั้นตามอำเภอใจได้นั้น … ใครจะเชื่อ ?


 


องค์ชายทั้งสามและเหล่าสมาชิกสกุลใหญ่ๆ เฝ้ามองเขาอย่างถี่ถ้วน  พวกเขารู้ว่า ก๊กจินหยาง ได้ผ่านการเปลี่ยนผู้นำแล้ว  แต่กระนั้น พวกเขาก็มิได้คาดว่า ผู้นำลึกลับผู้นี้จะเป็นยอดฝีมือ สวรรค์เชวียน


 


มันสำคัญที่จะรู้ว่า เทพเชวียนถือว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าทุกผู้ และไม่ค่อยแทรกแซงเรื่องพิพาทในทางโลก  ผู้ที่ต่ำต้อยกว่าเทพเชวียนนั้นคือสวรรค์เชวียน พวกเขาคือผู้ค้ำจุนอำนาจของเหล่าสกุลต่างๆในโลก  อย่างเช่นสกุลถัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลผู้ทรงอำนาจที่สุดใน นครเทียนเชียง แต่กระนั้น แม้แต่สมาชิกผู้ทรงพลังที่สุดยังเป็น ยอดฝีมือปฐพีเชวียน และตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมียอดฝีมือสวรรค์เชวียนมาเป็นผู้นำก๊ก  หากว่าก๊กจินหยางได้ก้าวขึ้นมาเป็นก๊กอันดับหนึ่งในนคร ก็ยังไม่ทรงอำนาจเพียงพอที่จะแข่งขันในภายหลัง  ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงพบว่าสิ่งนี้อันตรายยิ่ง


 


อย่างไรก็ตาม การทนดูยอดฝีมือสวรรค์เชวียนผู้นั้นคว้าเอาสุราชั้นเลิศห้าสิบโถนี้ไปเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีผู้ใดร่วมเสนอราคาอยู่ชั่วครู่


 


ในขณะที่ฝุ่นร่วงลงสู่พื้น ทุกผู้เห็นเด็กหนุ่มในชุดสีดำยืนขึ้นไม่รีบร้อนในแถวที่สอง  แม้นว่าจะมีผ้าคลุมหน้า กริยาท่าทางของเขายังคงสง่างาม  ทุกท่วงท่าของเขา ดูเหมือนจะกระทำอย่างผ่อนคลาย ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเขาได้กักเก็บความงดงามทั้งหมดภายใต้สุริยานี้ไว้  ยิ่งไปกว่านั้น กริยาอาการของเขายังเป็นแบบอย่างจากหนังสือชั้นยอด


 


ชายหนุ่มในชุดดำผู้นี้คือ ลี่โย่วหลานแห่งสกุลลี่


 


ลี่โย่วหลานมาเข้าร่วมงานสาธารณะหลังผ่านไปหลายปี


 


” ข้าเสนอราคาหนึ่งล้านห้าแสนตำลึงเงิน “


จากเสียงของเขาดูเหมือนว่า ลี่โย่วหลานกำลังยิ้ม เสียงของเขาคล้ายดั่งลมหนาวพัดผ่านสาทรฤดู มันชัดเจน และไม่มีร่องรอยแห่งโทสะ


” นี่คือรอบแรกในการประมูล สุราสวรรค์ มันจึงเป็นสิ่งสำคัญ  นายน้อยผู้นี้หลงใหลในสุรานี้เช่นกัน  ดังนั้น ข้าจะต้องขอให้ ผู้นำก๊กไฮ่ โปรดอภัย “


 


ลี่โย่วหลานยิ้มขณะมองไปยัง ไฮ่เฉินเฟิง ท่าทางของเขาประหนึ่งชมเชย


 


อย่างไรก็ตาม เขามิได้เผยถึงความจริงใจ และความรู้สึกเบื้องลึก


 


มันเป็นเพียงแค่ช่วงเย็นของเมื่อวานที่สองผู้อาวุโสของเขาถูกส่งออกไป  แต่พวกเขา จำต้องล่าถอยออกมาหลังจากได้รับบาดเจ็บรุนแรง  และผู้ร้ายนั้นคือชายที่อยู่ตรงหน้าของเขา ผู้นำคนใหม่แห่งก๊กจินหยาง  แม้นเขาจะรู้ว่าทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ เขาจักปล่อยให้การประมูลนี้เป็นไปตามประสงค์ของ ไฮ่เฉินเฟิง ได้อย่างไร ?  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อศิษย์พี่ใหญ่ กำลังนั่งอยู่ด้านหลัง …


 


เป้าหมายหลักของ ลี่โย่วหลาน คือการทำลายแรงกระตุ้นของ ไฮ่เฉินเฟิง และทดสอบ ความสามารถทางการเงินของ ก๊กจินหยาง  ในท้ายที่สุดสินค้าที่ขายออกไปจะต้องมีราคานับล้านตำลึงเงิน  ไฮ่เฉินเฟิงนั้นเป็นคนที่กล้าหาญ หากเขาจะเพิ่มราคาขึ้นไปอย่างไม่ระมัดระวัง เช่นนั้น ลี่โย่วหลาน จะกลับมามีโอกาสที่เหมาะสม และ ไฮ่เฉินเฟิง และ ก๊กจินหยางจะประสบกับปัญหาทางการเงิน  นี่จึงเป็นการแก้แค้นสำหรับการบาดเจ็บของศิษย์พี่ทั้งสองของเขา


 


” ดังนั้นแล้ว นายน้อยแห่งสกุลลี่ก็หลงไหลในสุราเช่นกันกระนั้น ? “


ไฮ่เฉินเฟิงหัวเราะสุภาพ


” แต่กระนั้นก็มิใช่ปัญหา  เป็นเรื่องปกติที่ราคาจะต้องสูงขึ้นไป  และเมื่อเป็นเช่นนี่ ข้าของเสนอราคาสามล้านตำลึงเงิน ! “


 


ไฮ่เฉินเฟิง ไม่เคยสนใจในเรื่องของเงิน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อในตอนนี้จุดประสงค์ของก๊กจินหยางนั้นเพื่อผลประโยชน์ของก๊กจินหยาง  ดังนั้นจึงไม่สำคัญว่า ลี่โย่วหลาน จะเสนอราคาเท่าไหร่ ไฮ่เฉินเฟิง จะเสนอให้มากกว่า


 


อย่างไรก็ตาม ราคาเพียงเท่านั้นยังไม่มากพอที่ลี่โย่วหลานจะยอมแพ้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นห่วงว่าตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอราคาแข่งกับ ไฮ่เฉินเฟิง  อย่างไรก็ตาม โอกาศเช่นนี้ก็ไม่ได้มาหาเขาบ่อยนัก  ดังนั้น เขาจึงต้องการจะเพิ่มราคาขึ้นอีกนิดหน่อย และสิ่งที่เขาจะเพิ่มนั้นทำให้ราคาเกือบจะเหมือนกัน


 


สามล้านตำลึง


 


ผู้ที่อยู่ในที่นี้เป็นเหล่าบุคคลผู้ทรงอำนาจ  แม้นว่าสามล้านตำลึงจะมิใช่จำนวนเล็กน้อย แต่มันก็มิได้สูงนัก อย่างไรก็ตาม การใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อสุราห้าสิบโถนั้น …. จะเป็นราคาโถละหกหมื่นตำลึง ยังเป็นการฟุ่มเฟือยเกินไป


ก๊กนี้ไม่เคยเปลี่ยน … เงินเป็นเพียงสิ่งสกปรกสำหรับพวกเขา


 


” ผู้นำก๊กไฮ่ มั่งคั่งยิ่ง ดั่งคาด ! “


ลี่โย่วหลานหัวเราะสุขุมขณะเขาเหลียวมองไปราวกับแม่น้ำที่ร่าเริง


” นายน้อยผู้ที่เสนอราคาสามล้านตำลึงเงิน … กับหนึ่งอีแปะ “


 


สามล้านตำลึงเงิน … กับหนึ่งอีแปะ ?!


 


การเสนอราคาเช่นนี้เป็นดั่งการดูหมิ่นอย่างเปิดเผย


 


ไฮ่เฉินเฟิงเดือดดาล และกระแสแห่งความชั่วร้ายปะทุขึ้นในตัวเขา  เขาเริ่มหายใจรุนแรงขณะมองไปยัง ลี่โย่วหลาน ด้วยท่าทางเยือกเย็น  เขาเอ่ย


” นายน้อยแห่งสกุลลี่ช่างเป็นเลิศ … เพิ่มจากสามล้านตำลึงเพียงแค่หนึ่งอีแปะ  ฮี่ ฮี่ … แต่กระนั้น หัวใจข้าก็มิได้มีปัญหาในการนับถือนี้ และข้าจะไม่ลังเลที่จะใช้จ่ายเงินนับหมื่นตำลึงทอง  ดังนั้นข้าจึงขอเสนอ ห้าล้านตำลึง ! “​


 


ไฮ่เฉินเฟิง โมโห ลี่โย่วหลาน อย่างแท้จริง


เจ้าเด็กนี่ช่างน่ารำคาญนัก !  เจ้าเพิ่มราคา แต่เพียงหนึ่งอีแปะ !  ประหลาดมากเหลือ !  แม่เจ้าเอ้ย !


เขาตัดสินใจแตกหักกับลี่โยนหลานในเวลานั้น


 


เรื่องนี้กลายมาเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี


 


” ผู้นำก๊กไฮ่ ท่านเป็นคนพูดเองมิใช่หรือว่าเป็นธรรมดาที่ราคามันจะสูงขึ้น ?  เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงต้องว้าวุ่นกับมันเล่า ?  พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ดีเลย  ฮี่ ฮี่ “


ลี่โย่วหลานเอ่ยนุ่มนวล


” ทุกสกุลนั้นมีเกียรติ และทุกการกระทำจะส่อมันออกมา  นายน้อยผู้นี้เพิ่มราคาขึ้นไปโดยไม่ขัดต่อกฏใด  จึงไม่มีข้อกำหนดว่าพวกเราจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ ด้วย สกุลลี่ของข้าเป็นสกุลเล็กๆ ดังนั้น พวกเราจึงมิอาจใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ โปรดอภัย  อย่างไรก็ตาม เนื่อง ผู้นำก๊กไฮ่ รู้สึกเช่นนี้ … ข้ายอมรับในความผิดนี้เนื่องจากข้าไม่ต้องการทำให้เขารำคาญ ! “


 


ใบหน้า ไฮ่เฉินเฟิง ซีด แต่ภายในกลับมีความสุข


ถ้าเจ้าพยายามเพิ่มราคาขึ้นอีก ข้าจะหยุดทันที ข้าจะทำให้เจ้าต้องแบกภาระอันหนักอึ่งนี้ในกระเป๋าตัง !


 


ลี่โย่วหลาน หยุดชั่วครู่ และจากนั้นเอ่ยอย่างสง่างาม


” ข้าขอเสนอห้าล้านตำลึงเงิน และ สองอีแปะ ! “


 


ไฮ่เฉินเฟิง เต็มไปด้วยโทสะ  เขากระโดดขึ้นโต๊ะ และคำราม


” เจ้า เด็กน้อย มันจะมากไปแล้ว .. เจ้า … “


ในตอนนั้นเอง เขาได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของ นายน้อยจวิน … ที่หูข้างขวา ซึ่งคล้ายกับเสียงของแมลงวัน


” ให้เขาไป “


 


ไฮ่เฉินเฟิง นิ่งงัน  เขาเริ่มมองไปรอบๆ  ในดินแดนเชวียนเชวียน ไม่มีเคล็ดวิชาที่จะส่งเสียงไปหาผู้อื่นด้วยวิธีการเช่นนี้  ไฮ่เฉินเฟิง ไม่รู้เลยว่าเสียงนั่นเข้ามาในหูเขาได้อย่างไร …


เหตุใดจึงดูเหมือนไม่มีผู้อื่นได้ยิน ?  มันจะอัศจรรย์เกินไป ?


 


” ข้าบอกให้เจ้าปล่อยให้เขาไป  อย่าเสนอราคาอีก นั่นคือคำสั่ง ! “


เสียงของจวินโม่เซี่ยดังขึ้นในหูของ ไฮ่เฉินเฟิง อีกครั้ง


 


เสียงนั้นเข้มงวดและจริงจังอย่างมาก แม้นมันจะเลือนราง  ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่อาจขัดคำสั่งได้


 


. ขอรับ  ข้าจะทำตามคำสั่งของท่าน


 


จวินโม่เซี่ย สังเกต ลี่โย่วหลาน ในตอนที่เขามาถึง  จากนั้น เขาจึงสืบค้นเข้าไปในความทรงจำของจวินโม่เซี่ย และตระหนักได้ว่านี่คือครั้งแรกที่เขาได้เห็น ลี่โย่วหลานตัวจริง


 


จวินโม่เซี่ย สัมผัสได้ถึงความกระวนกระวายในครั้งแรกที่สายตาของเขาตกไปยังชายผู้นี้  กริยาของ ลี่โย่วหลาน … สิ่งที่เขาพูด … หรือการเคลื่อนไหวต่างๆ ของเขานั้น สมบูรณ์แบบยิ่ง !


 


เขานั้นสมบูรณ์แบบ … ไม่ว่าสิ่งใดจักเกิดขึ้น


 


แต่กระนั้น


บุคลิกที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้มีอยู่ในโลกนี้จริงๆกระนั้นหรือ ?


จวินโม่เซี่ย ไม่เคยมั่นใจในเรื่องนั้น


 


สวรรค์และโลกยังไม่สมบูรณ์แบบ ทั้งโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ


 


ผู้ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ไม่มีอยู่ทั่วไปในโลก !


 


แม้นว่า ลี่โย่วหลาน จะแสดงออกถึงพฤติกรรมที่สมบูรณ์แบบ จวินโม่เซี่ยก็รู้ได้ทันทีว่า เขากำลังเสแสร้ง


 


ทุกสิ่งเป็นการเสแสร้ง !

 

 

 


ตอนที่ 250

 

ลี่โย่วหลาน กำลังยืนยันตำแหน่งขณะที่เอ่ย และล่อให้ ไฮ่เฉินเฟิง เข้ามาติดกับดัก ไฮ่เฉินเฟิง คือยอดฝีมือสวรรค์เชวียนผู้ช่ำชองและค่อนข้างจะสงบ อย่างไรก็ตาม เขากลับมีโทสะแรงกล้าขึ้นมาทันที และเริ่มกระทำตัวชั่วร้ายเนื่องด้วยไม่กี่วาจา


 


อุบายของลี่โย่วหลานนี้ลึกซึ่งราวกับทะเล แน่นอนว่าเขาเป็นศัตรูที่น่าหวาดกลัว


 


จวินโม่เซี่ยมั่นใจว่า ลี่โย่วหลาน จะหยุดเสนอราคาหาก ไฮ่เฉินเฟิง หลับหูหลับตาเพิ่มราคาต่อไป  เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะถ้าเป็นเขา เขาก็จะปลุกปั่นราคาขึ้นไปให้สูงและล่าถอยในโอกาสที่ดี


 


 แผนการเจ้าดีมาก ลี่โย่วหลาน  น่าเห็นใจที่เจ้าได้พบกับ ไฮ่เฉินเฟิง …. และผู้ที่อยู่เบื้อหลังเขาคือข้า  ถึงวาระกรรมของเจ้าแล้ว  แผนการนี้จะหลอกล่อให้ผู้อื่นล้มเหลว !


 


เจ้าควรค่าพอในการยกย่อง


 


ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงตัดสินใจกระทำอย่างเด็ดขาด และ บังคับ ไฮ่เฉินเฟิง มิให้กระทำหุนหัน


 


” ฮ่า ฮ่า ฮ่า … “


ไฮ่เฉินเฟิง มากประสบการณ์  และแม้นว่า ลี่โย่วหลาน จะทำให้เขาขุ่นเคืองอยู่ชั่วครู่ เขาก็กลับใจมาอดกลั้นด้วยคำเตือนของจวินโม่เซี่ย


 


เป็นความอับอายอย่างยิ่งต่อ ไฮ่เฉินเฟิง ที่เห็นว่าตัวเขาเองยืนอยู่บนโต๊ะ  นี่คือความขายหน้าสำหรับเขาในฐานะ ยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  แต่กระนั้น ไฮ่เฉินเฟิง ผู้สูงส่งและสง่างามหัวเราะลั่นทันใด


“สกุลลี่ช่างควรค่าแก่การขนานนามว่า หนึ่งใหนสุดยอดสกุลแห่งนครเทียนเชียง !  เป็นผู้มั่งคั่งอย่าแท้จริง !  ฮี่ ฮี่ ฮี่ ข้าเป็นเพียงผู้นำก๊ก  ข้าเป็นผู้ใดจึงอาจกล้าทำให้สกุลแห่งราชครูขุ่นเคือง ?  ฮี่ ฮี่  สุรานี้มิได้มีเพียงห้าสิบโถเท่านั้น  ด้วยชื่อเสียงของนายน้อยลี่ ข้าจึงขอถอนตัวเนื่องจากเขามุ่งมั่นจักได้สุราชุดนี้ “


 


เขาก้าวลงใจเย็นหลังจากพูดสิ่งนี้ จากนั้น ผายฝ่ามือตรงไปยัง ลี่โย่วหลาน ท่ามกลางที่ชุมนุม ขณะที่มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ


” นายน้อยลี่ชื่นชอบในสุรานี้อย่างแท้จริง  ดังนั้น ข้ายินดีที่ท่านเสนอราคาได้ในการประมูลรอบแรก “


 


เพียงไม่กี่วาจาทำให้สถานการณ์กระอักกระอ่วม วาจาเหล่านั้นคมคายยิ่งนัก


 


ลี่โย่วหลานประหลาดใจชั่วขณะ  แม้นไม่มีผู้ใดรู้เนื่องจากสีหน้าของเขาถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมหน้านั้น แต่มีโทสะพุ่งพล่านผ่านผ้าคลุมหน้าออกมาไม่ใช้เพียงครั้งเดียว


 


ลี่โย่วหลาน สับสนอย่างมาก  ไฮ่เฉินเฟิง กำลังจะตกหลุมพรางของเขาแล้ว  ความจริง ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตะโกนออกมาว่าสิบล้าน หากตัดสินจากอารมณ์ที่กำลังเข้มข้นของเขา อย่างไรก็ตาม ลี่โย่วหลานไม่คาดว่าผู้นำก๊กจินหยางจะผ่อนคลายลง และลั่นกลองล่าถอยในชั่วงเวลาสำคัญนี้


เป็นไปได้อย่างไรกัน ?


 


ข้าต้องการสุรานั่นหรือ ?  ช่างน่าขันนัก !  แน่นอน สุรานั้นสำคัญกับข้า แต่ข้ารู่ว่ามันจะต้องเต็มในสองแถวแรกเสียก่อน  ความจริงแล้ว พวกเขาไม่แม้แต่จะจ่ายในราคาที่สูง พวกเขาอาจจะซื้อมันในราคาขั้นต้น  จ่ายในราคาห้าล้านตำลึงเงินนี้ข้าจะได้สุราเพิ่มอีกกี่โถ ?


 


ลี่โย่วหลานรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดการไว้เป็นครั้งแรกในชีวิต


แต่โทสะของ ไฮ่เฉินเฟิง ดูเหมือนจะมิใช่การเสแสร้ง  แล้ว เกิดสิ่งใดกัน ?  ผู้คนจะควบคุมตัวเองได้ทันเวลาจริงๆหรือ ?  ไม่เพียงแต่เขาล่าถอยจากการต่อสู้ที่ไร้ความหมาย แต่เขายังป้องกันมิให้ตัวเขาเจ็บปวดจากชื่อเสียงที่เสียหาย  เกือบจะพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาใช้กำลังเพื่อกลั่นแกล้องผู้คน …


 


คงมิไช่ ไฮเฉินเฟิงจะมีญาณหรอกกระมั้ง ?


 


หรือมีผู้มากฝีมือที่แนะนำเขาอยู่เบื้องหลัง ?  ราวกับว่ามีใครบางคนหยุดเขาเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้เกินจะรับมือ … เขาใช้วิธีการใดเพื่อส่งคำแนะนำกัน ?


 


เขาสับสนอย่างมาก


 


ความคิดอันน่ารำคานเหล่านี้พุ่งเข้ามาในใจของเขาภายในเวลาอันสั้น  ลี่โย่วหลานเพ่งมองอย่างไม่เข้าใจในตอนแรก แต่จากนั้นฝืนยิ้มเป็นกันเองในเวลาต่อมา  เขายืนขึ้นและผายมือไม่รีบร้อน  จากนั้นพูด


” ข้าขอขอบคุณจากใจ ที่ ผู้นำก๊กไฮ่ ปล่อยให้ข้าชนะในการเสนอราคานี้ “


 


เขาหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆก่อนจะพูดต่อ


” ข้าคาดว่านายน้อยผู้นี้ตกหลุมพรางของตัวเองเสียแล้ว  ผู้นำก๊กไฮ่ เข้าใจวิธีสกปรกที่ข้าใช้  ข้ายอมรับในความฉลาดของ ผู้นำก๊กไฮ่ ข้าหวังว่าจะได้พบกับความฉลาดอันยอดเยี่ยมของ ผู้นำก๊กไฮ่ เมื่อข้ามีโอกาส “


 


ชั้นบน จวินโม่เซี่ยอดถอนใจมิได้


ลี่โย่วหลานรับมือในเรื่องนี้ได้หมดจด  เขานั้นไม่ธรรมดายิ่ง !


 


ผู้ที่หยั่งรู้จะเห็นได้ว่าลี่โย่วหลานประสงค์จะทำลายการเสนอราคา  ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าเขาต่อราคาขึ้นไปซึ่งเป็นการทำให้ ไฮ่เฉินเฟิง อับอาย ทุกผู้เยาะเย้ยเขา เมื่อเห็นว่าแผนการของเขาล้มเหลวอย่างไม่คาดคิด และเขาจะต้องจ่ายเงินกว่าห้าลานตำลึงเงินเพื่อให้ได้สุราห้าสิบโถนั่นมา


 


อย่างไรก็ตาม ท่าทางที่ลี่โย่วหลานพูดจริงใจขึ้นมาในทันที  จากนั้น เขายอมรับในการกระทำผิดนี้ และยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยรอยยิ้ม  การกระทำเช่นนี้จะต้องใช้ความกล้าและความแข็งแกร่งมหาศาล


 


สองชายชุดดำด้านหลัง องค์หญิงหลิงเมิง มองหน้ากัน  ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม ” เขาปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  ลี่โย่วหลานผู้นี้คือลูกผู้ชาย !  คนเช่นนี้หาได้ยากในรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ” ขุนนางเหวินยิ้มขณะที่เขาเอ่ยด้วยเสียงต่ำ  ” หรือว่าเจ้าไม่คิดว่าเขาฉลาดล้ำ ? “


 


ชายชุดดำอีกคนซึ่งตอนนี้คือ องค์จักรพรรดิแห่งนครเทียนเชียง  สายตาของเขาเฉียบคมและล้ำลึก เขาตอบกลับด้วยเสียงต่ำเช่นเดียวกัน


” แท้จริงแล้วข้าคิดว่า เขาช่างเหมาะสม  อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ไฮ่เฉินเฟิงเอง น่ายกย่องยิ่งกว่า  เขาให้คำแนะนำได้โดยไม่เผยถึงร่องรอย ไม่มีแม้แต่น้อยแม้นว่าเจ้ามองหามัน  ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเชื่อว่าวิชชาของคนผู้นี้ไม่มีทางอ่อนด้อยไปกว่า ลี่โย่วหลาน  ความจริงแล้ว คนผู้นี้อาจจะล้ำหน้าเกินกว่าลี่โย่วหลานนัก ! “


 


” ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ไฮ่เฉินเฟิง อีกคน ? “


ขุนนางเหวินไม่เข้าใจ


 


” ขุนนางเหวิน ลองคิด  คำพูดของ ลี่โย่วหลาน ผลักให้ ไฮ่เฉินเฟิง เข้าไปสู่กับดักอันตราย เขารู้ว่า ไฮ่เฉินเฟิง จะแข่งขันเมื่อเขาต่อราคาเพิ่มขึ้นกว่าห้าแสนตำลึง  อย่างไรก็ตาม เขาทำให้ ไฮ่เฉินเฟิง มีโทสะเมื่อเขาเพิ่มมันขึ้นเพียงแค่อีแปะเดียว  ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจของ ไฮ่เฉินเฟิงนั้นสับสนอย่างที่สุด  และจากนั้น ลี่โย่วหลาน ก็เพิ่มเข้าไปอีสองอีแปะในการเสนอราคาครั้งที่สาม  แต่ในตอนนั้น ไฮ่เฉินเฟิง มิอาจยับยั้งโทสะไว้ได้  เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไตร่ตรองได้อย่างชัดเจน  เขาเกือบจะเป็นกระทิงคลั่ง และพุ่งหน้าออกไป  ความจริงเขาจะพุ่งต่อไปแม้ว่าเขาจะต้องทะลุผ่านผนังหนาก็ตามที “


 


ขุนนางเหวินหลับตาและนึกย้อนไปถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้น  เขาตระหนักได้ว่ามันเป็นจริง  ไฮ่เฉินเฟิง ลืมท่าที่ของ ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนไปสียแล้ว และมีโทสะเผาผลานไปทั่วทั้งตัว  เขากระโดดขึ้นโต๊ะอย่างน่าตกใจด้วยความโกรธ ไม่สนใจถึงภาพพจน์  ราวกับเขากำลังจะระเบิดออกมา


 


” เขากระโดดขึ้นบนโต๊ะ และพูดว่า เจ้าเด็กน้อย จะมากเกินไปแล้ว !  ข้า … หลังจากนั้น เขาก็หยุดลงในทันที  จังหวะนี้ปกติแล้วไม่มีผู้ใดสามารถทำได้  ราวกับแม่น้ำที่ไหลหลากถูกขัดขวางโดย…บางสิ่งอย่างรวดเร็ว  จากนั้นเขาลงจากโต๊ะไม่รีบร้อน และผายมือยอมรับความพ่ายแพ้  นี่คือการโต้ตอบที่คาดไม่ถึง  ความจริงแล้ว บอกได้เลยว่านี่คือการตอบโต้ที่น่ากลัวยิ่งนัก


 


” ลองคิดดูว่า ลี่โย่วหลานมิได้มองไปรอบๆโถง  ข้าคิดว่า เขาและข้านั้นสงสัยในสิ่งเดียวกัน  ดังนั้น ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่าผู้รู้นั้นคือคนเช่นไร  หรือ วิธีใดที่เขาใช้เพื่อแนะนำ ไฮ่เฉินเฟิง นี่จึงเป็นเหตุที่ข้าบอกว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ไฮ่เฉินเฟิง นั้นรับมือได้ยากยิ่งอย่างแท้จริง  ไม่ว่าจะเป็น ความรอบรู้ .. หรือ วิธีการที่เหนือธรรมดา “


องค์จักรพรรดิ แย้มสรวล


 


ขุนนางเหวินประเมินสถานการณ์ตาม  ลี่โย่วหลาน จงใจไม่มองไปรอบๆ  กระนั้นเขายังคงสองส่องอย่างลับๆ  เขามิอาจซ่อนสิ่งนี้จาก สายตาของขุนนางเหวินได้


 


พระเนตรขององค์จักรพรรดิส่องประกายด้วยวิชชาและความสุขุมของพระองค์


” เหวิน หากเจ้าหรือข้าอยู่ในตำแหน่งของ ไฮ่เฉินเฟิง และได้รับการดูหมิ่นเช่นนี้ พวกเราเองก็มิอาจควบคุมตัวเองได้  เจ้าไม่เห็นเช่นนั้นหรือ ?  นั่นจึงเป็นเหตุที่ข้าเชื่อว่า ไฮ่เฉินเฟิง หยุดลงเพราะใครบางคน  และคนผู้นั้นเลือกจังหวะที่เหมาะสมในการลงมือ  เขาเป็นเหตุให้ลี่โย่วหลานต้องสุญเสียครั้งยิ่งใหญ่  คนผู้นี้อาจเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังไฮเฉินเฟิงในการเข้าควบคุม ก๊กจินหยาง  ฮี่ ฮี่ ผู้ำคนเดิมของก๊กนี้ คือ จิ้นเฟิงเล่ย ใช่ไหม ?  “


 


เมื่อให้ความสนใจในเหตุการณ์ใหญ่ๆมากมาย องค์จักรพรรดิ จำชื่อของหัวหน้าขบวนการใต้ดินได้อย่างน่าประหลาดใจ สามารถบอกได้เลยว่า องค์จักรพรรดินั้นปราดเปรื่องยิ่งนัก


 


” ข้ายังคิดอีกว่า คนผู้นี้อาจจะเป็นผู้ที่จัดการประมูลนี้ขึ้นอย่างแท้จริง “


สีพระพักต์องค์จักรพรรดิเยือกเย็นเล็กน้อย


” พวกเราอาจจะรวบรวมข้อมูลบางอย่างของคนผู้นี้ได้หากจับตาดู ไฮ่เฉินเฟิง “


 


ขุนนางเหวิน มองไปยัง ไฮ่เฉินเฟิง ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะพูด


” หากไม่เป็นเช่นนั้น อาวุโสผู้นี้จะจับกุมไฮเฉินเฟิงและสอบปากคำเขาอย่างช้าๆ  อาวุโสผู้นี้สามารรีดข้อมูลจากเขาได้ แม้นว่าเขาจะปากแข็งแค่ใหนก็ตาม “


 


น้ำเสียงของขุนนางเหวินนั้นรุนแรงอย่างมาก  ไฮ่เฉินเฟิง คือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าเขา  และตอนนี้ คนผู้นี้กำลังงพูดถึงการจับกุมและสอบสวนเขา


 


” ไฮ่เฉินเฟิงคือศิษย์แห่งปรมาจารย์สีคราม “


องค์จักรพรรดิยิ้ม


” พวกเรามิอาจทำให้ ปรมาจารย์สีครามขุ่นเคือง  ความจริงแล้ว พวกเราจะต้องไม่ก่อนกวนเขา  สิ่งที่เราจะได้รับนั้นต้องไม่ทำให้พวกเราสูญเสีย “


จากนั้นพระองค์มองถังหยวนไม่รีบร้อน


” มีวิธีการมากมายที่เราสามารถใช้รวบรวมข้อมูลได้ “


 


ลี่โย่วหลาน ฝากเงินที่เขาต้องจ่ายโดยไม่สนใจสิ่งใด  และเขาทำมันภายใต้สายตาของเหล่าสาธารณชน  จาก หอชนชั้นสูง ตามเขาไป และเตรียมการส่งมอบสุรา  แต่กระนั้น ลี่โย่วหลาน ก็นั่งลงและผ่อนคลาย


 


” ลี่โย่วหลานผู้นี้มีบุคลิกที่น่ากลัว “


นายน้อยจวิน จิตใจจดจ่อขณะมองลงไปชั้นล่าง  สำหรับเขา ชายผู้นี้คือภัยคุกคาม  และด้วยสัญชาตญาณของเขา ภัยจากลี่โย่วหลานนั้นจะต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน


 


ในฐานะมือสังหารอันดับหนึ่ง จวินโม่เซี่ย มิอาจปล่อยให้ภัยคุกคามนี้คงอยู่ได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันสามารถข่มขู่ชีวิตเขาได้  โดยปกติ ความคิดแรกของเขาในสถานการณ์เช่นนี้คือทำลายภัยคุกคามนี้เสีย


 


จวินวูอี้ิ้ยิ้ม ขณะที่เขามองไปในทิศทางเดียวกัน


” ลี่โย่วหลาน คือหลานชายคนโตของราชครู   อีกทั้งเขายังโดดเด่นในท่ามกลางสกุลลี่ สกุลเมิง และ สกุลอื่นๆในวัยเดียวกัน  ไม่เคยเคยสนใจในงานเช่นนี้มาก่อน โม่เซี่ย  เขามาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อ เป็นตัวแทนของ ราชครูลี่ “


 


” ข้าไม่สนใจใบหน้าของพวกเขา พวกเขาอาจจะมีใบหน้าที่ใหญ่ดั่งก้น  มันก็ยังไร้ความหมายตราบใดที่ข้าไม่สนใจ “


จวินโม่เซี่ยยิ้ม


” สิ่งที่ข้าสนใจอย่างแท้จริง คือเขา …. จ่ายเงินมาเป็นจำนวนมาก “


มีลำแสงเปล่งประกายขึ้นในดวงตาของเขาขณะพูดถึงสิ่งนี้


 


ข้าจักต้องให้ลี่โย่วหลานอยู่ในสายตาของข้า !


 


มือสังหารจวิน ตัดสินใจอย่างลับๆ


 


ห้าสิบโถแรกถูกขายไปในราคาสูงถึง ห้าล้านตำลึงเงิน…และสองอีแปะอย่างไม่คาดฝัน  ถังหยวนตื่นเต้นอย่างมากขณะที่เขาเอาอีกห้าสิบโถออกมาในชุดที่สอง


 


” ข้าผู้นี้ขอเสนอราคาหนึ่งล้านตำลึงเงินสำหรับห้าสิบโถนั้น  ไม่ทราบว่ามีผู้ใดจะเสนอมากกว่าอีกหรือไม่ ? “


ไฮ่เฉินเฟิงยืนขึ้นอีกครั้ง  เขามีคุณสมบัติเกินกว่าจะเสนอราคานี้


 


มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะประมูล ยิ่งไปกว่านั้น มันจะแปลกอย่างมากหากเขาไม่เสนอราคาอีก


 


” ข้าเสนอราคาหนึ่งล้าน ห้าแสนตำลึง “


เสียงอันแหลมคมและอ่อนหวานดังขึ้น  ไม่ช้า .. หรือเร็วเกินไป


 


ทุกผู้หันไปทางต้นเสียง และประหลาดใจที่ได้เห็นว่าคือ องค์หญิงหลิงเมิง  นางเสนอราคาที่สูงเช่นนี้อย่างไม่คาดฝัน !

 

 

 


ตอนที่ 251

 

ไม่มีผู้ใดมองเห็นความฝืนใจของ องค์หญิงหลิงเมิง ดวงตาของเหล่าชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังนางเปล่งประกายขณะพวกเขามองไปยังโถสุรานั้น


 


” เนื่องจาก องค์หญิงกำลังเสนอราคา ข้าจึงไม่ขอเสนอราคาต่อ  ข้าจะประมูลในภายหลัง  ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีผู้ใดเสนอราคาแข่งกับข้าในครั้งต่อไป ? “


ไฮ่เฉินเฟิงทำท่าทางสง่างาม  เขายิ้ม แสดงความเมตตาขณะที่เขาหลีกทางให้


 


” องค์หญิงหลิงเมิง เสนอราคา หนึ่งล้านห้าแสนตำลึง ในการประมูลสุราห้าสิบขวดชุดที่สองนี้  ไม่มีผู้ใดเสนอสูงกว่านี้แล้วกระนั้นหรือ ?  … ยังไม่มีผู้ใดให้สูงกว่านี้หรือ ?  หนึ่งล้านห้าแสนครั้งที่หนึ่ง … หนึ่งล้านห้าแสนครั้งที่สอง … หนึ่งล้านห้าแสนครั้งที่สาม … ขายให้แก่การเสนอราคาขององค์หญิง ! “


 


” ปั้ง ! “


ค้อนกระแทกลงไปบนโต๊ะ  เจ้าอ้วนถังตื่นตาตื่นใจอย่างมาก  เขารักเสียงกระแทกของค้อนนั้นเมื่อราคาสุดท้ายถูกประกาศออกไป


 


ด้านบน จวินโม่เซี่ยหัวเราะลั่นขณะดวงตาหรี่ลง


” เจ้าอ้วนนี่ทำไห้ข้าพูดไม่ออก  เขาเพิ่งตะโกนว่าองค์หญิงหลิงเมิ่งกำลังจะแต่งงาน ! “


( เป็นการเปรียบเปรย คำว่า 出价 (chū jià) ที่แปลว่าเสนอราคา , ประมูล กับคำว่า 出嫁 (chū jià) ที่แปลว่า แต่งงาน ซึ่งออกเสียงคล้ายกัน )


 


” ฟู่ “


จวินวูอี้พ่นน้ำชาออกมาเต็มคำและไอ  นายท่านสามแห่งสกุลจวินได้เรียนรู้หนึ่งสิ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปากของจวินโม่เซี่ยสามารถแปรเปลี่ยนความหมายของคำได้ทุกคำ  … ชัดเจนว่าถังหยวนตะโกนออกไปว่า การเสนอราคา ! แต่นายน้อยจวินได้เปลี่ยนมันไปเป็นคำว่า แต่งงาน !


เอ !  ข้าตกลงมาในบ่อเดียวกับชายผู้นี้ได้อย่างไรกัน ?


 


องค์ชายหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่ การประมูลชุดที่สามกำลังเริ่มขึ้น


” องค์ชายผู้นี้ปรารถนาสินค้านี้  ข้าเสนอราคา หกแสนสำหรับสุราชั้นดีนี้ ! “


 


ด้านบนเวที ถังหยวนกรอกตาขณะที่เขาคิด


ห๊ะ !  ข้าคิดว่าเจ้านั้นไร้สาระ  ชุดแรกประมูลไปในราคาเกินกว่าห้าล้าน และชุดที่สองนั้นประมูลไปในราคาหนึ่งล้านห้าแสน  เจ้าไม่คิดจะเสนอราคาที่เกินกว่าราคากลางสักหน่อยหรือ ?!  ยิ่งไปกว่านั้น น้ำเสียงของเจ้านั้นไม่เหมือนการชิงชัยเลย  ข้าเสนอราคา หกแสนสำหรับสุราชั้นดีนี้ … เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการเตือน อย่าแย่งข้า ข้าคือองค์ชายหนึ่ง ! … ช่างไร้ยางอายสิ้นดี !


 


องค์ชายหนึ่งยิ้มขณะที่เขาเสนอราคา  เขาหันไปยังเผชิยหน้ากับแขกที่เหลือและเอ่ย


” มีผู้ใดต้องการเสนอราคาหรือไม่ ?  การประมูลนี้จะต้องเพิ่มราคาขึ้นสูงอีก  เช่นนั้นโปรดสบายใจได้ท่านชายและหญิงทั้งหลาย  องค์ชายผู้นี้จะไม่ถือสาหากเจ้าเสนอราคา “


 


ใบหน้าของทุกคนกระตุกขณะพวกเขาสถบในใจ


เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ถือสาอย่างนั้นหรือ ?  เจ้าน่าจะหมายถึง ข้าจะสังหารผู้ที่กล้าเสนอราคา ?  เจ้าไม่ถือสาจริงๆหรือ ?


 


ถังหยวนยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ” แขก ” ไฮ่เฉินเฟิง ตะโกนขึ้น  เขาไอและกระแอมก่อนจะเอ่ย


” องค์ชายหนึ่ง พระองค์เอ่ยเป็นความจริง  ราคาจักต้องสูงขึ้น  ดังนั้น ข้าจะเสนอราคาหนึ่งล้านตำลึงเงิน ดั่งเช่นที่ข้าเคยเสนอไปก่อนหน้า “​


 


” โอ ? “


องค์ชายหนึ่งยิ้มขณะมองเขา


” ผู้นำก๊กไฮ่มีทัศนะที่ดี  หากเป็นเช่นนั้น องค์ชายผู้นี้จะเสนอราคาหนึ่งล้านห้าแสน ! “


 


ไฮ่เฉินเฟิงลังเลชั่วขณะ  ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะต่อราคาขึ้นไปอีกครั้ง  แต่กระนั้น เขานั่งลงเงียบๆ


 


เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีก สิบหกชุดสุรา  ไฮ่เฉินเฟิง เสนอราคาในแต่ละการประมูล  และทุกครั้งเขานั้นไม่สามารถซื้อไปได้  หนึ่งล้านห้าแสนจึงหลายเป็นราคาที่ตายตัวในการประมูล  สิบหกชุดนี้ถูกประมูลออกไปโดยเหล่าสกุลใหญ่ๆในนคร  พวกเขาเดินออกไปพร้อมสุราเมื่อเขาเสนอราคา หนึ่งล้านห้าแสน


 


สุราที่มีอยู่สามพันโถได้ขายออกไปถึงเก้าร้อยโถแล้วในตอนนี้


 


ผู้ที่นั่งอยู่ในแถวด้านหลังไม่แสดงความสนใจในการเสนอราคา  เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นไม่กล้า


 


อย่างไรก็ตาม พวกเขาอดที่จะเกาคางด้วยกังกลมิได้


 


ตอนนี้เหลือเพียงไม่มากแล้ว !


 


ใบหน้าของ ขุนพลตู่กู้วูตี้ มืดมนประหนึ่งถ่านดำ ในเวลานี้


 


ครั้งนี้ … เขาทำเพื่อตัวเองอย่างแท้จริง  เก้าร้อยโถแรกได้รับการประมูลไปในราคาสูงส่งถึงสามสิบล้านตำลึงเงิน  และตอนนี้ เขาจะต้องชดใช้ในราคาที่เกินกว่า ยี่สิบห้าล้านตำลึงเงิน เนื่องจาก ราคาพื้นฐานของจวินโม่เซี่ยนั้นคือ โถละหนึ่งหมื่นตำลึง ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงเหลือสุราอยู่อีกกว่าสองพันโถ


 


ข้าคาดว่าการประมูลนี้ ท้ายที่สุดราคาจะจบลงที่ เจ็ดสิบล้าน !  …. คร่ำครึยิ่งนัก …


 


และความจริงคือข้าจะต้องติดหนี้เขา … หนี้สินครั้งนี้จะบดขยี้ข้าจนตาย !


 


แม้นว่าสกุลตู่กู้จะทรงอำนาจ แต่พวกเขาจะเอาเงินเจ็ดสิบล้านตำลึงเงินมาจากที่ใดกัน ?  บอกได้ว่า แม้นจะขายทุกสิ่งที่พวกเขามีก็ยังมิอาจชำระหนี้ครั้งนี้ได้


 


ข้าจะใช้ลูกสาวเพื่อชดใช้หนี้ได้หรือไม่ ?


 


มันจะดีไหม ?  ข้าสามารถใช้ลูกสาวข้าเพื่อ ชำระหนี้ครั้งนี้ได้หรือ ?  สิ่งนี้ทำให้หัวใจของข้าตกต่ำ  สกุลตู่กู้จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกในคนรเทียนเชียงไปหรอกหรือ ?  ผู้คนจะพูดว่า พวกเราไม่เพียงแต่ซื้อสุรามาได้ … พวกเรายังต้องส่งลูกสาวไปให้สกุลบางสกุลเพื่อชำระหนีสินอีก ….


 


” โอ้วที่รัก ! “


ตู่กู้วูตี้ ถอนหายใจยาว  ความกังวลดึงเขาให้ตกต่ำ


  ข้าไม่ควรก่อหนี้ก้อนนั้น  ข้าไม่ควรเน้นย้ำประโยคนั้น … ว่าข้าจะชดใช้ตามราคาของสุราที่พวกเขาเปิดประมูลได้ !  นี่คงมิใช่เป็นดั่งการฝังร่างตัวเองลงในหลุมที่ข้าขุดหรอกกระมั้ง ?


 


เดิมทีแล้ว ข้าเหลือตัวเลือกเพียงแต่จ่าย ยี่สิบห้าล้านตำลึงเงิน  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ราคาอยู่ที่หนึ่งล้านห้าแสนตำลึงต่อชุด  ซึ่งราคามันอยู่ที่ สามแสนตำลึงต่อโถ  ซึ่งหมายความว่าสกุลของข้าจักต้องจ่ายในราคาอย่างน้อย ยี่สิบห้าล้าน  และ นี่คือการกรณีที่ดีที่สุด !  ลืมเรื่องที่ข้าจะทำสิ่งนี้เพียงผู้เดียวเลย … แม้แต่ทั้งสกุลตู่กู้ก็มิอาจหาตำลึงเงินมากมายเช่นนี้มาได้  เป็นเวรกรรมยิ่งนัก !


 


บนเวที ถังหยวนตะโกนเสียงแหบห้าวด้วยความตื่นเต้น  ตอนนี้เขาไม่อาจพูดได้เสียงที่ดังมาก  ตอนนี้ องค์ชาย ขุนนาง พ่อค้า ผู้มั่งคั่งและทรงพลังต่างอ้าปากตะโกนเพื่อเสนอราคา  เสียงของเแต่ละคนดังขึ้นเนื่องจากพวกเขาเกรงกลัวที่จะพ่ายแพ้


 


อีกทั้ง ถังหยวนก็เย้าแหย่พวกเขา  เขายังคงเอาออกมาทั้งชุด ซึ่งมีห้าสิบโถ  แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเอาออกไปนั้น …. เขาเอามันออกไปที่ละโถ …


 


ทุกคนกลัวว่าจะไม่สามารถซื้อสุราได้ และสูญเสียสถานะของชนชั้นสูง  ยิ่งพวกเขากังวล พวกเขายิ่งมีส่วนร่วมอย่างเปิดเผยมากขึ้น เนื่องด้วยด้วยความกลัวผลักดัน  และราคาดูเหมือนจะสูงขึ้นเพราะสิ่งนี้


 


แม้แต่ ไฮ่เฉินเฟิง ก็ไม่สามารถหาโอกาสเสนอราคาได้  ดูเหมือนว่า ทุกคนที่อยู่ในสถานที่นี้คือลูกค้าของจวินโม่เซี่ย  ตราบใดที่พวกเขาตะโกน ข้าเสนอหนึ่งล้าน ก็จะมีอีกหลายคนตะโกนออกมา ข้าเสนอหนึ่งล้านห้าแสน


 


ดูเหมือนว่าความปราถนาอันจริงใจของ ผู้นำก๊กจินหยางคนใหม่นั้นจะยังไม่สำเร็จ  แต่กระนั้น เรื่องนี้ก็ชัดเจนขึ้นมาในภายหลัง


 


เดิมทีจวินโม่เซี่ยตั้งใจจักตั้งราคาขายพื้นฐานแต่ละโถไว้ที่หนึ่งหมื่น  อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า ในตอนนี้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่สามหมื่นตำลึงเสียแล้ว  ยิ่งไปกว่านั้น ราคาสูงสุดในการเสนอราคาก็ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


ราวกับว่าของสิ่งนี้ไม่เพียงพอกับความต้องการ แท้จริงแล้ว ราคาของสุรานี้จะสูงยิ่งขึ้น หากไม่มีการจำกัดจำนวนการซื้อของแขก


 


ในที่สุดการประมูลนี้ก็มาถึงบทสรุป หลังจากที่ได้เห็นความบ้าคลั่งในการเสนอราคามากมาย  สุราสองพันเจ็ดร้อยจากสามพันโถถูกขายออกไปจนหมด ยังคงเหลือไว้เพียงแค่ สามร้อยโถเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่ยังไม่เอ่ยเสนอราคา


 


แต่กระนั้น ที่สำคัญที่สุดคือ ไฮ่เฉินเฟิง ผู้นำก๊กจินหย่างยังคงไม่ได้รับในสิ่งที่เขาปรารถนามายาวนาน  อีกครั้งเมื่อเขากระแอมและเอ่ย


” ข้าเสนอราคาหนึ่งล้าน ! “


 


” ช้าก่อน !  ขอให้ องค์ชายได้เอ่ยวาจา ! “


ใครบางคนตะโกนขึ้นดังก้อง  ทุกคนหันไปยังที่มาของเสียง เห็นเพียงองค์ชายสามกำลังปีนเวทีขึ้นไป  จากนั้นเขาคว้าเอาค้อนจากมือของถัวหยวนไปอย่างเร่งรีบ และออกแรงทุบค้อนลงไปยังโต๊ะตัวเล็กสามหน


 


ทุกผู้เตรียมตัวเพื่อการประมูลสุดท้ายของสุราที่ไม่ธรรมดานี้  ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงตระหนก เมื่อเห็นองค์ชายสามขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว และรู้สึกถึงความประหลาดไม่ได้  อย่างไรก็ตามพวกเขาสงบลง


องค์ชายสามพยายามจะทำสิ่งใด … คนพวกนั้นกำลังทำการประมูลราคา …  หรือว่าเจ้าต้องการจะเป็นแขกรับเชิญในฐานะนายประมูล ?


 


” เหล่าแม่นางและนายท่านทั้งหลาย !  จงฟังสิ่งที่ข้ากำลังจะพูด ! “


องค์ชายสามไขว้มือด้านหลังขณะเขามองไปยังคนอื่นๆ  ท่าทางของเขาอวดดีมากพอจะทำให้คนส่วนใหญ่รังเกียจ


 


” วันนี้ พวกเราโชคดีอย่างมากที่ได้ลิ้มรสสุราสวรรค์ เป็นพรประทานอย่างแท้จริง  ข้าขอแสดงความขอบคุณต่อเหล่า ผู้ที่เกี่ยวข้องใน หอชนชั้นสูง  ด้วยความนับถือนี้ องค์ชายขอขอบคุณอย่างจริงใจ “


องค์ชายสามพยักหน้าให้ถังหยวน  จากนั้น เขาจึงหันกลับไปพูดต่อ


” สุรานี้พิเศษและเลอค่า  อย่างไรก็ตาม พวกเราจักต้องไม่ลืมมารยาทขั้นพื้นฐาน ! องค์ชายผู้นี้ ละอายใจ ! “


องค์ชายสามแสร้งถอนหายใจ


” ข้านั้นจำได้เมื่อคราก่อน … มีบางคนใน นครเทียนเชียง ผู้ที่ทรงมากล้นคุณสมบัติเกินกว่าทุกผู้นาม เมื่อมันเป็นเรื่องในการลิ้มรสสุราชั้นเลิศนี้  และน่าเสียดาย ที่ตอนนี้คนผู้นี้มิได้อยู่ที่นี่  เขาทำงานอย่างสุดความสามารถ  ตัวเขานั้นหมดศรัทธาต่อนครแห่งนี้ … และเหล่าผู้คน ! “


 


ทุกผู้ที่ได้รับการขนานนามว่า ชนชั้นสูง ซึ่งสามารถเข้ามาในที่นี่ได้  พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนถึง คนที่ชายผู้นี้อ้างถึง  อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงไม่เข้าใจถึงเจตนาขององค์ชายสาม


 


ดูเหมือนว่าเขามิได้เป็นอะไรที่มากกผู้ที่ชอบขู่ขวัญผู้ที่อ่อนแอกว่าด้วยความสัมพันธ์ที่ทรงอำนาจ


 


” คนผู้นั้นคือ ท่านพ่อขององค์ชายผู้นี้ องค์จักรพรรดิ แห่งนครเทียนเชียงของพวกเรา !  ท่านพ่อข้า องค์จักรพรรดิ นั้นง่วนอยู่กับกิจการบ้านเมือง และไม่มีเวลามาร่วมในงานเช่นนี้  จงบอกข้า พวกเราไม่ควรแสดงความคาราวะต่อเขาสักเล็กน้อยหรือ ?  พวกเรามิอาจเสียสละความต้องการส่วนตัวเพียงเล็กน้อย ต่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองได้เลยหรือ ? “


 


น้ำเสียงขององค์ชายสามจริงจัง


” การไม่แสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสนั้น ถือได้ว่าเป็นการก่อนอาชญากรรมอันน่ารังเกียจ  การประมูลนี้ได้ดำเนินมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว !  และ เหลือสุราชั้นเลิศนี้เพียงแค่สามร้อยโถเท่านั้น  องค์ชายผู้นี้ แนะนำให้พวกเรา เสนอสุราเหล่านั้นต่อองค์จักรพรรดิ เพื่อแสดงถึงความรักและนับถือต่อเขา  จงบอกข้า นี่มิใช่ความคิดที่ดีกระนั้นหรือ ? “


 


เมื่อองค์ชายสามเอ่ยคำพูดมากมายจบ สิ่งที่ตอบกลับมานั้นเป็นเพียงความเงียบมัน


 


ทุกผู้คิดว่าที่องค์ชายสามกระทำเช่นนี้เพราะว่า เขาต้องการจะเก็บสุราที่เหลือไว้เพียงผู้เดียว  แต่กระนั้น ไม่มีผู้ใดคาดว่าองค์ชายสามจะกระทำเช่นนี้  ชัดเจนว่าเขาประสงค์จะหยุดการประมูล และจากนั้นขอให้ หอชนชั้นสูง มอบสุราที่เหลืออยู่ให้แก่เขาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย !


 


แท้จริงแล้ว ดูเหมือนว่าเขากำลังร้องขอต่อ หอชนชั้นสูง


 


ทุกผู้สาปแช่งอยู่ภายในใจ !


 


เจ้าต้องการแสดงความเคารพต่อพ่อของเจ้า ?  เช่นนั้น เจ้าก็ส่งสิ่งที่เจ้าซื้อไปให้เขาสิ !  เจ้ามิได้ชนะในการเสนอราคาห้าสิบโถก่อนหน้านี้กระนั้น ?  ดูเหมือนว่าเจ้ามิได้สนใจเรื่องความเคารพต่อพ่อของเจ้าเลยในตอนนั้น  และตอนนี้ เจ้าประสงค์จะเอาของคนอื่นเพื่อไปประจบสอพลอพ่อของเจ้า ?  และมากกว่านั้น เจ้ายังพูดในเรื่องนี้ด้วยท่าทีโอหัง !  พวกเราอดเรียกมันว่า ฝีมืออันแปลกประหลาดมิได้ !  เจ้านั้นมากฝีมือในการบิดเบือนความจริง และกลับผิดถูก … !


 


ทุกผู้นั้นไม่พอใจ แต่ไม่มีผู้ใดเอ่ยขึ้นเลย  เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ยังไม่สามารถซื้อสิ่งใดไปได้ คือผู้ที่สิ้นหวังอย่างที่สุด  อาจบอกได้ว่า คนเช่นนี้คือผู้ที่นั่งอยู่เกือบหลังสุด เนื่องจากพวกเขามิใช่ผู้ที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพล  ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะกล้าทำให้ลูกชายขององค์จักรพรรดิขุ่นเคืองได้อย่างไร ?  ยิ่งไปกว่านั้น การต่อต้านสิ่งนี้อาจจะนำไปสู่การดูหมิ่นราชวงศ์ !  ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก  พวกเขามองไปยัง นายน้อยถัง เนื่องจากทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับนายประมูล แห่งหอชนชั้นสูง


 


” นายน้อยถัง เจ้าคิดเห็นเช่นไร ? “


องค์ชายสามถามด้วยน้ำเสียงเฉยชาและเบา

 

 

 


ตอนที่ 252

 

” หุ้นสกุลถังใน หอชนชั้นสูง นั้นคือของข้า มันคือเงินส่วนตัวของถังหยวน !  สกุลถังมิได้มีส่วนอันใด  ข้าไม่มีความเห็นเกี่ยวกับความปรารถนาของท่านในการ ถวายสุรานี้แก่องค์จักรพรรดิ  อย่างไรก็ตาม ข้ามิอาจสูญเสียสุราหนึ่งร้อยโถที่เป็นของข้าได้  ดังนั้น องค์ชายสามสามารถซื้อมันในราคาเริ่มต้นหากพระองค์ปรารถนาอย่างแท้จริง  แต่กระนั้น ข้าไม่วิพากษ์ว่าพระองค์มีแผนที่จะรับสองร้อยโถนี้เอาไว้   “


ถังหยวนทวนซ้ำประโยคนี้ออกจากใจ


 


น้ำเสียงและสีหน้าขององค์ชายสามดุร้าย แต่ถังหยวนมิได้สนใจเขาตั้งแต่แรกแล้ว  เจ้าอ้วน ไม่ตะโกนกลับไป แม้ว่าองค์ชายจะทำตัวต้อยต่ำโดยพยายามข่มขู่ผู้อื่น  ในความจริง ถังหยวนเกือบจะระเบิดออกมา หากเขามิได้รับคำแนะนำจาก เสียงของนายน้อยจวิน !


 


สำหรับสิ่งที่เจ้าอ้วนเพิ่งจะพูดไปนั้น คือการที่ จวินโม่เซี่ยใช้เคล็ดวิชาลับเพื่อส่งข้อความไปสู่หูของถังหยวน  เจ้าอ้วนถังได้ฟังคำเหล่านี้ และทวนมันอย่างช้าๆ


 


อย่างไรก็ตาม องค์ชายสามต้องการจะจ่ายสำหรับร้อยโถนี้ในราคาเริ่มต้นจริงๆหรือ ?  ราคาเริ่มต้นของสุราหนึ่งร้อยโถนี้ ประมาณสามล้านตำลึงเงิน และองค์ชายสามก็มิได้มีเงินชนิดนั้นสำรองไว้  เจ้าอ้วนนี่เป็นคนที่ฟุ่มเฟือย แต่กระนั้น เขาก็มีสกุลถังอยู่เบื้องหลัง  ปู่ของเขา และพ่อขององค์ชายนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน  ดังนั้น องค์ชายสามจึงมิอาจรับเอาสุราหนึ่งร้อยโถนั้นมาได้โดยการโกง หากเจ้าอ้วนเอาจริง  ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจปล่อยไป แม้ว่าราคาจะไม่น้อย  องค์ชายมิต้องการจะสร้างปัญหากับถังหยวน แม้ว่าเจ้าอ้วนจะมิได้ใยดีกับเขา


 


องค์ชายสามครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ และจากนั้นจึงหัวเราะลั่นในทันที  เขาเอ่ย


” เอาละ !  องค์ชายผู้นี้จะรับเอาสารุชั้นเลิศสองร้อยโถที่เหลือขึ้นราชรถ หากนายประมูลถังไม่คัดค้าน  เป็นสิ่งสำคัญที่องค์ชายผู้นี้ต้องถวายท่านพ่อด้วยของขวัญชิ้นใหญ่  และข้าจะมอบความดีความชอบให้แก่ หอชนชั้นสูง เป็นการตอบแทน ! “


 


” การสำบัดสำนวนของเจ้าจบสิ้นแล้วหรือยัง พระองค์สาม ? “


น้ำเสียงขี้เกียจดังขึ้นจากชั้นบน   ทุกผู้หันขึ้นไปเห็นเพียงแต่ นายน้อยจวิน ในชุดคลุม  ใบหน้าอันงดงามของเขาตรงข้ามกับโทสะที่เข้ามา  เขาก้าวยาวหนึ่งก้าวไปยังบันได  ขาของเขาเกือบตั้งตรง ขณะที่มองลงมาและคำรามทางจมูกใส่ องค์ชายสาม


 


” เจ้าหมายความว่าอย่างไรนายน้อยจวิน ?  ข้าจะเสแสร้งได้อย่างไร ? “


องค์ชายสามสีหน้ามืดมน


 


” ข้าหมายความอย่างไรกระนั้น ?  ข้าคิดว่าข้าควรบอกองค์ชายสามว่า การกระทำของเจ้าไม่เป็นที่รื่นรมย์ที่นี่ “


 


จวินโม่เซี่ยยิ้มเจ้าเล่ห์


” เจ้าอ้วนถังเป็นเพียง นายหน้าประมูลแห่ง หอชนชั้นสูง  เด็กผู้นี้คือนายใหญ่ตัวจริงแห่ง หอชนชั้นสูง !  ยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยผู้นี้ก็เป็นเจ้าของ สุราร้อยโถในสองร้อยที่ยังเหลือนั้น !  ทั้งหมดที่ผู้นี้เห็นคือ คนที่กำลังจะเอาส่วนแบ่งของข้าไปโดยไม่จ่ายเงินซื้อ   เจ้าต้องการจะเอาสิ่งนี้ไปกระนั้นหรือ ?  ดีละ  อย่างไรก็ตาม ข้า พ่อเจ้าต้องการราคาที่สูงที่สุดในการประมูลที่ผ่านมา  ข้าคิดว่ามันจำเป็น หากหลานชายกล้าขโมยข้าวของของปู่ไป ! “


 


จวินโม่เซี่ยชั่วร้าย และมากฝีมือ เขาเปลี่ยนสรรพนามของตัวเองไปประมาณห้าครั้ง  เปลี่ยนจากเด็กชาย ไปยัง นายน้อย ไปเป็น คนผู้นี้ ไปเป็นพ่อ ก่อนที่จะจบลงที่คำว่าปู่


 


น่าประหลาดใจ เขาไม่คาราวะต่อบุตรแห่งองค์จักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย


 


” เจ้าเด็กนี่บ้า ! “


ตู่กู้วูตี้ มีชีวิตชีวาขึ้น ขณะเขาอุทานกับลูกสาว


” นี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับข้า  แต่เจ้าเด็กผู้นี้กล้าหาญจริงหรือ ?  แม่เจ้าเอ้ย !  คำพูดของเขาทำให้ข้าสุขใจ !  นานมาแล้ว ตั้งแต่ข้าได้พบเห็นบางสิ่งที่หาได้ยากเช่นนี้ !  เขานั้นคู่ควรที่จะเป็นลูกชายของ พี่ใหญ่จวิน อย่างแท้จริง !  พ่อของเขาเป็นวีรบุรุษ แต่เจ้าเด็กนี้ก็มีความกล้าเช่นเดียวกัน ! “


 


ตู่กู้วูตี้ ประทับใจ


จวินโม่เซี่ยอาจไม่เข้าใจในตอนนี้  ดูคล้ายกับว่าสมองของเขามิได้กลั่นกรองคำพูด  อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ต้องการความกล้าหาญอย่างมาก !  เขากำลังยืนหยัดเพื่อความแข็งแกร่งของสกุล  ลูกชายของข้าไม่กล้าที่จะเอ่ยเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาจะโดนโบนจนตาย  แต่จวินโม่เซี่ยนั้นสามารถ !  สิ่งที่เกิดขึ้นนี้พิสูจน์ได้ว่า เขานั้นเกินกว่า ลูกชายและหลานของเขา ไม่ว่าเขาจะมีสมองจริงๆหรือไม่ !


 


เจ้าเด็กนี่ต้องเมาแน่ๆ  แต่กระนั้น เขาสามารถพูดได้สมเหตุผลเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?


 


หากไม่สนถึงความจริงว่าเขาคือเด็ก แม้แต่ยอดขุนพลก็มิอาจพูดเช่นนี้ ในกริยาเช่นนี้ได้ !


 


” ท่านพ่อ เจ้าพูดโดยไม่สาปแช่งผู้อื่นมิได้เลยกระนั้น ?  เจ้าสามารถพูดให้สุภาพมิได้สักเล็กน้อยเลยหรือ ?  อย่างน้อยก็ดูเหมือนชนชั้นสูงสักนิด ! “


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ คำรามทางจมูก ขณะที่นางคัดค้านถ้อยคำหยายคายของพ่อนาง  นางรู้สึกว่า ความต่ำช้าของเขานั้นมาเกินเกินไปในสถานที่นี้  จากนั้น นางจึงกางนิ้วออกและพูดต่อด้วยท่าทางอับอาย


” ท่านพ่อ ข้าข้าชอบมองพี่โม่เซี่ยเล่นเป็นอันธพาลจริงๆ  และเขานั้นช่างดูหล่อเหลา !  แม้แต่กริยาของเขาก็สง่างามยิ่งนัก  ความใจกว้างที่ไม่ถูกเอ่ยถึงในตำนาน และตำนานก็มิอาจเอาชนะความกล้าหาญของเขาได้ “


 


” … อะไรนะ ? … “


 


ยอดขุนพลตู่กู้วูตี้ตะลึงงัน


ไม่มีความเป็นธรรเลยกระนั้น ?  ข้าใช้คำพูดดูหมิ่น และข้าขุ่นเคือง  แต่ ตอนนี้เจ้าหนุ่มนั่น ทำตัวอันธพาลไร้ยางอาย ข้าสง่างามและหล่อเหลา ?! ความใจกว้างเช่นไรกันที่เขาแสดงให้นางหลงไหล ?


 


แม้นว่าเขาจะมิได้อ่านหนังสือมากนัก เขาก็พอจะรู้ว่าอะไรคือความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดเหล่านั้น


 


อะไรกัน ?  แม้แต่คนรักของ กวีปันยู่ก็มิอาจอธิบายถึงท่าทางชั่วร้ายเช่นนี้ได้ !  นางปฏิบัติกับพวกเราได้แตกต่างกระนั้นเลยหรือ ?  นางคงมิได้ชื่นชอบเขามากมายเช่นนั้นหรอกกระมั้ง ?


 


” เจ้าหมายความว่าอย่างไรนายน้อยจวิน ?  เจ้าไม่เห็นด้วยที่จะถวายของขวัญเหล่านี้แก่ท่านพ่อข้า องค์จักรพรรดิกระนั้นหรือ ?  องค์จักรพรรดิอุทิศทั้งตัวและหัวใจเพื่อกิจการบ้านเมือง  ท่านพ่อข้านั้นไม่คู่ควรในสายตาของ นายน้อยจวิน กระนั้น ?  ไม่ แม้แต่เจ้าจะมอบสุราของเข้าให้แก่พระองค์เลยกระนั้น ?  หืม ? “


 


องค์ชายสามมองจวินโม่เซี่ยเยือกเย็น  แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมองจวินโม่เซี่ยอย่างสุภาพ  อย่างไรก็ตาม เขาก็เห็นเพียงแต่ความชั่วร้ายในดวงตาของมือสังหาร


 


” มันไม่สำคัญกับข้า !  ข้าทำกิจการที่นี่  และที่นี่ ก็มิได้มีชื่อว่าหอเมตตา !  ไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาที่นี่และกลั่นแกล้งพวกเราได้ ! “


 


ประกายแสงชั่วร้ายสะท้อนออกจากดวงตาของมือสังหารจวิน ขณะที่คำรามทางจมูกทีท่าเยือกเย็น


” ข้าจะต้องถามถึงประสงค์องค์ชายสาม  เมื่อเจ้าอ้วนถังบอกว่าเขาไม่มอบส่วนของเขาให้เจ้า และเจ้าจะต้องซื้อมัน เจ้ากลับนิ่งเฉย แต่กระนั้น สุราชั้นดีในส่วนของนายน้อยผู้นี้ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเอามันไปได้ตามประสงค์กระนั้นหรือ ?  ข้าไม่รู้ว่า องค์ชายสาม มองข้าในฐานะของผู้ที่สามารถกลั่นแกล้งได้อย่างสนุกสนาน !  บางทีเขาอาจจะมองว่าสามารถกลั่นแกล้งสกุลของข้าได้อย่างง่ายดาย ?  ข้าเชื่อว่าทุกผู้ในที่นี้ สามารถมองทะลุความไร้สาระที่เจ้าเสแสร้ง ถูกผิด ยุติธรรมและอยุติธรรม และ ความประสงค์ของประชาชน … องค์ชายสาม พระองค์ … นายน้อยจะต้องถามในเรื่องนี้ ! “


 


น้ำเสียงของถังหยวนเต็มไปด้วยความชอบธรรม ขณะเงยหน้า


” สกุลจวินของข้า ชอบทำลายมากกว่ายินยอม !  พวกเราได้ประสบกับหายนะมากมาย และยังคงไม่ยอมแพ้ !  วันนี้ องค์ชายสาม ดูถูกสกุลจวินของข้าต่อหน้าผู้คนมากมาย !  เขาดูหมิ่นโดยไร้เหตุผล และทุกผู้รู้เห็นเป็นพยาน !  ข้าจักระงับอารมณ์ได้อย่างไรภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ? “


 


น้ำเสียงของจวินโม่เซี่ยโศกเศร้าและขุนเคืองขณะเขาพูดต่อ


” ข้ารู้สึกเสียใจกับสกุลจวินของข้าที่ต้องเสียสละมากมายสำหรับเมืองนี้   ปู่ของข้าต่อสู้รับใช้นครอย่างกล้าหาญมาทั้งชีวิต !  พี่และน้าสองของเขาถวายชีวิตเพื่อ อาณาจักร แม้นว่าเขาจะไม่มีชีวิตอยู่อีกแต่ไปแล้ว !  น้าสามของข้าต้องพิการในการสังหารหมู่นั้น !  พี่ทั้งสองของข้ายังเสียสละไปมากมาย และต้องจากไปก่อนเวลาอันควร !  ทั้งสกุลของข้าอาบไปด้วยเลือดด้วยมุ่งมั่นปกป้องอาณาจักรนี้ด้วยชีวิต  พวกเขาใช้ทั้งชีวิตบนหลังม้า  พวกเขามอบทุกสิ่ง กระทั่งชีวิตของพวกเขา !  ตอนนี้ สกุลจวินเสื่อมถอยและโดดเดี่ยว  แต่กระนั้น เจ้ายังมาสร้างความอัปยศอย่างโจ่งแจ้งแก่พวกเราอีกกระนั้น ?!  เหตุใดสวรรค์ไม่ยุติธรรม ?


 


ข้าขอบังอาจถามองค์ชาย มีเหตุผลอันใดเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ ?  เจ้ากำลังหาผลประโยชน์จากสถานการณ์ของพวกเรากระนั้น ?  หรือเจ้ามีเราเป็นเป้าอย่างลับๆ ?  พระองค์สาม ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์จะไม่แยแสและผิดหวังเมื่อเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร ?  เจ้ากระทำใจแคบ และทำให้ทั้งสกุลทางทหารของข้าต้องอับอายเพราะสุราเพียงไม่กี่โถ !  ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังใช้พ่อบังหน้า และใช้ตำแหน่งอันทรงอำนาจของเจ้าเพื่อกดขี่ผู้อื่นตามพอใจ  เจ้า !  เจ้า !  เจ้า !  เจ้า ! …  เจ้าพยายามจะทำสิ่งใด ?!  สกุลจวินจักต้องทำสิ่งใดเพื่อให้เหมาะสมกับเรื่องนี้ ?! “


 


นายน้อยจวิน ได้เพิ่มรสชาติที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงไป ในกระทะ ชัดเจนว่าเขาผสมรวมทั้งเรื่องการเมือง และอารมณ์ลงในเรื่องนี้  เขาสามารถบิดเบือนสถานการณ์นี้ได้อย่างฉลาดล้ำ และจากนั้นเอากระทะตีหัวองค์ชาย  องค์ชายสามไม่เคยประสบกับคู่ต่อสู้เช่นนี้  เขาเหนื่อยหอบขณะที่สีหน้าของเขาแดงคล้ำ  ตระหนักได้ว่าการตอบโต้ของเขานั้นผิดแปลก  ด้วยเหตุนี้ จึงไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดไปชั่วขณะ


 


” สกุลจวินของข้า … ถูกกล่าวหาผิดๆ “


น้ำเสียงของนายน้อยจวินรุนแรงราวกับกระอักด้วยอารมณ์  เขาจับราวประคองตัวเองด้วยตัวสั่น  จากนั้น เขามองขึ้นมาพร้อมถอนหายใจยาว  ใบหน้าราวกับดอกบัวงดงามที่โดนทิ้งไป  ท้ายที่สุด เขาพยุงตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง …


 


ผู้ที่ได้ยินความอ้างว้างในน้ำเสียงของเขา … ไม่ช้านานพวกเขาเศร้าใจ  ราวกับ หิมะในเหมันตฤดู ร่วงโรงลงมาในยาวค่ำคืนแห่งคิมหันตฤดู ความอยุติธรรมมิอาจเกิดขึ้นได้


 


องค์ชายสามปราชัยเขาเกือบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ


 


ทุกคนตะลึงงัน


 


ทั้งหมด เพ่งมองไปยังจวินโม่เซี่ย


เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร ?  เขาเพิ่งจะวิจารณ์องค์ชายสามอย่างโจ่งแจ้ง ในลักษณะที่น่ากลัวเช่นนี้ !


พวกเขาได้เห็นว่าองค์ชายสามบิดเบือนความจริง และกระทำการอย่างชั่วร้ายก่อนหน้านี้  และพวกเขาคิดว่าเขานั้นเวลาร้าย  แต่กระนั้น ตอนนี้พวกเขาได้เห็น นายน้อยจวิน ทำในสิ่งเดียวกัน แต่ความรู้สึกนั้นไม่เกมือนกับที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้  พวกเขาทั้งสองนั้นมิอาจเปรียบกันได้ !


 


นายน้อยผู้นี้บิดเบือนความเป็นจริงอย่างแท้จริง เขากลับถูกผิด และรังสรรสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงในตอนแรกขึ้นมา  เขาเป็นปรมาจารย์แห่งศิลป์อย่างแท้จริง


 


ตู่กู้วูตี้ หัวเราะลั่น  อย่างไรก็ตาม ตู่กู้เซี่ยวอี้ เอามือของนางปิดปากเขาก่อนที่เสียงหัวเราะจะทันหลุดรอดออกไป  ดวงตานางเต็มไปด้วยโทสะ  เรื่องทั้งหมดนี้จะสลายสิ้นไปหากเขาหัวเราะ  หัวใจของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ กระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง  นางเพียงประสงค์จะปิดปากของเขา แต่ไม่ได้สนใจว่าพ่อของนางจะหายใดได้อย่างไร  จนทำให้เขาสำลักมากมาย จนอาจนำไปสู่ความเลวร้ายได้อย่างง่ายดาย


 


ตู่กู้วูตี้ พยายามสุดสามารถเพื่อเอามือของลูกสาวออกจากปาก  เขาหายใจหวีดหวิวขณะหอบเอาอากาศเขาไปก่อนจะสำลักอย่างรุนแรง  จากนั้นจึงดุด้วยเสียงต่ำ


” สวาน้อย … เจ้าประสงค์จะสังหารพ่อตัวเองกระนั้นหรือ ?! “


 


ชายชุดดำสองคนที่นั่งอยู่เบื้องหลังองค์หญิงหลิงเมิง เป็นผู้ที่มีฝีมือมากล้น  น่าเศร้าที่เหล่าไพร่มิอาจมีปัญญาเช่นพวกเขา  อย่างไรก็ตาม แม้แต่พวกเขาก็ตกตะลึง  พวกเขาเห็นความเลวทรามและแววตาบนใบหน้าของจวินโม่เซี่ย และรู้สึกถึงความต้อยต่ำ


ใบหน้าของเขานั้นเกินกว่าตำนานทั้งหมด และสามารถสั่นคลอนสวรรค์ได้ !  ข้านั้นไม่สามารถทำเขาได้เลย !


 


องค์ชายสามเหนื่อยหอบเนื่องด้วยหายใจค่อยออก  และในที่สุดเขาก็ควบคุมมันได้  อย่างไรก็ตาม คล้ายกับว่าในดวงตาเขามีเปลวไฟ  เขาขบฟันขณะมองตรงไปยังจวินโม่เซี่ย และเอ่ย


” เนื่องด้วยเป็นเช่นนี้ องค์ชายผู้นี้จะเหลือร้อยโถของเจ้าเอาไว้ !  แต่เจ้า คงจะไม่มีปัญหากับร้อยโถที่เหลือใช่หรือไม่ ? “


 


” นั่นมิใช่เรื่องของข้า  ข้ามิใช่ผู้ที่เจ้าควรถามในส่วนของร้อยโถที่เหลือนั้น ! “


จวินโม่เซี่ยเปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดจากสีหน้าที่ไร้ความกังวล


” นั่นคือส่วนของลูกชาย องค์รัชทายาท มู่หยาง มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าอีกกระนั้น ? “


อืม … ใส่เชื้อไป … กลั่นแกล้งเขา …


 


” หยางมู่  !  ให้เขามาหาข้า ! “


องค์ชายสามเอะอะ  ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องการกอบกู้ชื่อเสียง  ดังนั้นจึงตะโกนลั่น  ทุกผู้พยักหน้า  ไม่คาดฝัน เขาแสดงให้เห็นถึงการกระทำที่ไม่สง่างามในฐานะของ องค์ชายแห่งอาณาจักรในสถานการณ์เช่นนี้ ความจริงแล้ว พฤติกรรมของเขาเริ่มทำให้คนมากมายรังเกียจ …


 


” เจ้า .. เจ้าต้องการอะไร ? “


หยางมู่ ตัวสั่นขณะเงยหน้าขึ้นแสดงตัว


 


” เจ้าจะถวายสุราร้อยโถในนามเจ้าแก่ท่านน้า องค์จักรพรรดิหรือไม่ ?  เจ้าจะทำเช่นนั้นไหม ? “


องค์ชายสามถามด้วยท่าทีกดขี่ ขณะมองหยางมู่เย็นชา

 

 

 


ตอนที่ 253

 

เศษเสี้ยวแห่งโทสะเปล่งขึ้นในดวงตาของหยางมู่


เจ้าคือองค์ชาย  ตอนนี้เจ้ายังไม่ยุติธรรมกับเด็กหนุ่มผู้ที่มีส่วนสัมพันธ์กับสกุลของเจ้ากระนั้นหรือ ?  เจ้าต้องการกลั่นแกล้งเด็กตัวน้อยๆเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเจ้า ?  เจ้าทำได้เพียงแค่นี้กระนั้น ?  เจ้าทำให้ข้ารังเกียจ !


 


มีองค์รัชทายาทเพียงหนึ่งในรัชสมัยแห่งอาณาจักรนี้


 


สถานการณ์นี้จึงน่าอับอายยิ่ง  จวินโม่เซี่ย และถังหยวน ปฏิเสธ องค์ชายสาม อย่างไรก็ตาม มันจึงเป็นปัญหาอย่างมากหาก หยางมู่ ทำเช่นเดียวกัน  ความจริงแล้ว มันอาจนำไปสู่ความบาดหมางภายในราชวงศ์ได้


 


” ข้าอนุญาติ พระองค์ … สาม “


หยางมู่ กัดริมฝีปากขณะกระซิบ


 


ประกายเย็นชาเปล่งขึ้นในดวงตาของชายชุดดำที่นั่งอยู่ด้านหลัง องค์หญิงหลิงเมิง เขามองไปยัง องค์ชายสาม และจากนั้นเลื่อนไปยัง องค์ชายสอง และ องค์ชายหนึ่ง อย่างรวดเร็ว  จากนั้นจึงหลับตาและถอนหายใจยาว  แต่กระนั้น เขารู้สึกถึงความโศกเศร้าอันเบาบาง


 


เหล่านี้คือลูกชายของข้า !


 


ข้าทำงานอย่างหนักเพื่ออบรมผู้สืบทอด และ จักรพรรดิแห่งอณาจักรเทียนเชียงก็คือหนึ่งในพวกเขาทั้งสาม


 


 


ข้าต้องการให้พวกเขาเข้าใจเสมอ ว่าคำที่เรียกว่า จักรพรรดินั้น คือเรื่องการชิงชัยในตำแหน่งที่ต้องเสียสละ … ชัยชนะ และความพ่ายแพ้คือเรื่องปกติ   แต่ยังเป็นเลือดเนื้อ … เป็นเลือดเนื้อ  พวกเจ้าทั้งสามจักชนะ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะได้ขนานนามนั้นหรือไม่หลังจากการต่อสู้นี้ … เพราะหนึ่งในพวกเจ้าจะต้องเป็น จักรพรรดิ และ อีกสอง… จะต้องยื่นมือมาช่วยเหลือ


 


นั่นจึงเป็นเหตุที่ข้าปล่อยให้เจ้าแข่งขันกันโดยไม่แทรกแซง


 


อย่างไรก็ตาม ข้าหวังว่าเจ้าจะแข่งขันในกรอบ และไม่ดึงผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง  ข้าหวังว่าเจ้าจะยืนหยัดเคียงข้างกันต่อหน้าคนภายนอก เนื่องจากเจ้าถือกำเนิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน !  สายใยระหว่างพี่น้องควรจะแข็งแกร่งกว่าความสัมพันธ์ในสังคม


 


แต่กระนั้น ลูกชายคนที่สามของข้ากำลังกลั่นแกล้งเด็กใน สถานประมูล แม้ว่าจะอยู่ในตำแหน่งองค์ชาย  ความจริงแล้ว เจ้าเด็กนั่นเป็นน้องเล็กของเจ้า และเป็นสมาชิกในราชวงศ์  ตอนนี้เขาฉีกหน้าสายเลือดของตัวเองต่อสายตาประชาชน  อย่างไรก็ตาม อีกสองคนนั้นไม่แยแสในขณะที่น้องพวกเขาทำตัวโง่เขลา !


 


ในความจริง มันก็เป็นเช่นเดียวกันที่ลูกสองของข้าได้รับการดูหมิ่นที่ประตูทางเข้าก่อนหน้านี้  พี่น้องของเขาเฝ้ามองและเยาะเย้ย


 


ลูกชายคนแรกของข้า ต่อกรกับ ผู้นำก๊ก ไฮ่เฉินเฟิงในการประมูลก่อนหน้านี้  อย่างไรก็ตาม ลูกสองและสามเพียงแต่ต้องการสร้างปัญหาให้แก่พี่ใหญ่ของพวกเขา


 


และตอนนี้ ลูกสามของข้าได้แสดงความหน้าด้านเช่นนี้ต่อสาธารณะชน แต่กระนั้น พี่ใหญ่ของเขายังคงนั่งและเฝ้ามองจากด้านข้าง  พวกเขาไม่พยายามให้ปัญญาแก่เขาเลย  พวกเขาเฝ้ารอเพื่อใช้สิ่งนี้ต่อต้านเขาในภายหลัง .. เป็นพี่น้องแบบใหนกัน ?


 


พระองค์มั่นใจว่า ลูกชายทั้งสามจะบันทึกรายละเอียดสถานที่ และการกระทำของพี่น้องพวกเขาบนโต๊ะตอนกลางดึก  พวกเขาจะกล่าวหาอีกสองคนที่เหลือ  สำหรับสิ่งที่พวกเขาบันทึก…. องค์จักรพรรดิไม่ประสงค์อ่าน


 


 …ข้ายังจดจำวันของข้าได้ … หวยหนุ๋ง และข้าแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งจักรพรรดิ หวยหนุ๋งและข้าจักรักษาความสัมพันธ์พี่น้องเสมอ แม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่ง่ายระหว่างพวกเรา  เหตุใดทั้งสามไม่เอา หวยหนุ๋ง เป็นเยี่ยงอย่าง ?


 


อย่างน้อย หยางมู่ ก็ตัวเหมือนพ่อของเขา


 


ใบหน้าอันน่าสางสารของหยางมู่เปล่งขึ้นในดวงตาองค์จักรพรรดิ  พระองค์รู้ชัดเจนว่ามันเป็นการกระทำที่ผิดต่อเด็กชายผู้นั้น  แต่กระนั้น มิได้แทรกแซง  พระองค์ถอนหายใจด้วยความ โทมนัส


 


ไม่มีความนับถือกันต่อพี่น้องเลยกระนั้น ?  ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับ หวยหนุ๋งจะเปลี่ยนไปหรือไม่ หากเขาไม่ถอนตัวจากการแข่งขัน ?  ไม่มีสัมพันธ์อันใดในสกุลเทียนกระนั้นหรือ ?


 


องค์จักรพรรดิถอนใจอ่อนแรง  ทันใดนนั้น พระองค์รู้สึกเบื่อหน่าย  พระองค์ใช้เวลาทั้งวันเพื่อวางแผนและเขียนอุบาย ด้วยเหตุนี้ จึงมิอาจเผยตัวได้


 


ช่างน่าเบื่อ !  น่าเบื่อที่สุด !


 


พระองค์รู้สึกผิด  ท่านมาที่นี่เพื่อหวังจะสืบสาวเกี่ยวกับผู้ลึกลับที่อยู่เบื้องหลัง การก่อตั้งสถานประมูลแห่งนี้  แต่กระนั้น มิได้คาดว่าลูกทั้งสามจะทำให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้


 


องค์จักรพรรดิรู้ว่าความสัมพันธ์ระห่างลูกชายทั้งสามตึงเครียดอยู่บ้างในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม พระองค์ยังคิดว่าสามารถเข้ากันได้  คิดเสมอว่าพี่น้องทั้งสามนั้นมีความสัมพันธ์และสามัคคีกัน และเชื่อว่าลูกชายคนโตนั้นสุขุม คนรองนั้นมีเชาว์ และคนสุดท้องนั้นเรียบง่ายและซื่อสัตย์  พะรงอค์คิดเสมอว่าลูกทั้งสาม เป็นดั่งรัตนากรสามยอดในต้นไม้สกุล พะรองค์ตระหนักดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงความบกพร่องเล็กน้อยบนพฤษาที่งดงาม  แต่ไม่เคยคาดการว่า ข้อบกพร่องนี้จะใหญ่โต


 


นี่เป็นเรื่องทางอารมณ์ของพวกเขา ?  นี่คือวิธีการแสดงต่อสาธารณะชนกระนั้น ?  ความจริงแล้ว พวกเขาจะใช้ชื่อเสียงของตัวเองเพื่อรับเอาสิ่งที่ต้องการ ช่างน่าอับอาย


 


นี่คือการชิงทรัพย์ !  ความจริง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะขาดแคลนความรู้สึกขอบคุณต่อผู้ที่พวกเขาจี้ปล้นมา


 


ข้าเชื่อว่า แม้แต่ผู้พิพากษาจักพิจารณาถึงผลกระทบที่ตามมจากสิ่งนี้ !  และ นี่คือองค์ชายแห่งอาณาจักร ?  ช่างเหลืออดยิ่ง !


 


นี่คือสิ่งที่ข้าสั่งสอนเจ้า ?


 


ใบหน้าองค์จักระพรรดิซีดเผือก และนิ้วของพระองค์เริ่มสั่น  คล้ายกับพระองค์มิอาจควบคุมโทสะได้


 


ขุนนางเหวิน ยื่นมืออกไปและ ช่วยประคององค์จักรพรรดิ


 


” ข้าผิดหวังยิ่งนัก ! “


พระเอามือประคองหัว  ไม่เคยภูมิใจเลยสิบปีมานี้  อย่างไรก็ตาม พระองก้มหัวลงต่ำด้วยความโศกเศร้าเมื่อได้เห็นสิ่งนี้  คลื่นความโศกเศร้าซัดสาดเข้าในใจขณะพูดต่อ


” ข้าผิดหวังจริงๆ “


 


” ข้าเข้าใจ … ว่าเจ้ารู้สึกเช่นไร “


พวกเขาอยู่ในระยะที่หลายคนสามารถได้ยิน  ดังนั้น ขุนนางเหวินจึงมิอาจเรียกองค์จักรพรรดิด้วยนามจริงได้  ยิ่งไปกว่านั้น จักรพรรดิสกุลเทียนมิได้สนใจมันมากนัก  ตำแหน่งจักรพรรดินั้นโดดเดี่ยวอย่างมาก  มันทำให้พระองค์ต้องตัดขาดออกจากโลก  ไม่อาจปล่อยประทายาทที่ไม่เหมาะสมได้แม้แต่คนเดียว …


 


ขุนนางเหวิน ตระหนักได้ว่าพระองค์วางใจเป็นกลาง และสัมผัสได้ว่า พระองค์จะต้องไม่รู้สึกโศกเศร้าเกินไป องค์จักรพรรดินั้นเป็นองค์ชายที่โดดเด่นมาเสมอ  พี่ของพระองค์ องค์รัชทายาทไม่เคยลงแข่งขันเลยแม้แต่ต้น และจะถอยตัวไปต่อหน้าเสมอ  และแม้นว่าองค์จักรพรรดิจะรอบรู้ ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับราชัญผู้โหดร้ายในอดีต  พระองค์ไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้เพื่อหญิงสาว หรือประสบกับการแต่งานเพื่อการเมือง  ทุกผู้จะยอมแพ้ต่อหน้าเขา


 


การได้รับพระนามว่าองค์จักรพรรดิในลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าโชคดี … และโชคร้ายอย่างมาก


 


องค์จักรพรรดิมั่นใจว่าผู้คนสำคัญที่สุดในอาณาจักร  และนั่นจึงเป็นเหตุให้เหล่าสกุลใหญ่ๆต่างภักดีต่อเขา  อย่างไรก็ตาม นี่คือหนึ่งในข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุด  จักรพรรดิยังคงเป็นคน และจะต้องเลือกผู้สืบราชบัลลังต่อไป  พระองค์จะต้องเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุด  ลาภอาจเป็นที่โปรดปราณของผู้คน แต่อาจจะไม่สำหรับลูกชายของเขา  สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นที่นี่ … ดังนั้น ความขัดแย้งเพื่อตำแหน่งจักรพรรดิจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


 


” ประหลาดทั้งสามแสดงความมั่นใจ … และน่าเชื่อถือ แต่เหตุใดจึงรับมือกับเรื่องเช่นนี้ได้โง่เขลานัก ?  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสุดท้อง เหตุใดเขาจึงเอ่ยเช่นนั้นต่อหน้าผู้คนมากมาย ?  เขามิได้สนใจการเยาะเย้ยที่จะตามมากระนั้นหรือ ?  หรือเป็นไปได้ว่าเขาอาจไม่รู้เท่าทัน ? “


จักรพรรดิขมวดคิ้วขณะเอ่ยด้วยเสียงต่ำ


 


” ข้าเชื่อว่าองค์ชายพิจารณาเรื่องนี้แล้ว  ลูกชายทั้งสามของพระองค์มิได้โง่เขลา  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาคิดถึงมากที่สุดในเวลานี้คือ ท่าน “


เขาถอนหายใจสุขุม ขุนนางเหวินยิ้ม


 


” เขาต้องการแสดงให้ท่านเห็นว่าเขานับถือพระองขนาดใหน ตำแหน่งของเขาจะยังแข็งแกร่งตราบใดที่พระองค์รับรู้  และแม้นผู้อื่นจะเยาะเย้ย … เขาก็มิสนใจ  มันไม่สำคัญกับเขา ตราบใดที่เจ้ามองไม่เห็น !


 


” หากสุรานี่ถูกส่งไปในราชวัง … และหากท่านอยู่ที่นั่นมิใช่ที่นี่ … ท่านจะไม่ประหลาดใจ ?  ท่านจะไม่มีความสุขกระนั้น ?  นี่คือประสงค์ที่แท้จริงขององค์ชายสาม !  สำหรับเรื่องอื่นๆ มันไม่เกี่ยวข้องกับเขา “


ขุนนางเหวินเอ่ยด้วยท่วงท่าที่สุขุมและเฉียบคม


” องค์ชายสามประสงค์จะดุษฎีท่านด้วยสุราชั้นเลิศ สำหรับสิ่งที่จะตามมานั้น … จะมีผลกระทบอะไรกับท่าน ? “​


 


” ใช่ !  ใช่ ! มันจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน ! “


ในที่สุดองค์จักรพรรดิจึงกลับมาเป็นตัวเอง


ดูเหมือนว่าลูกสามของข้าจะไม่โดดนตำหนิอย่างสิ้นเชิง  เพียงแค่เขาค่อยข้างประมาทในการรับมือกับสิ่งต่างๆ  เพียงเท่านั้น


 


นี่คือสิ่งที่เรียกว่า พระเจ้าให้ในสิ่งที่มนุษย์ร้องขอ ?


 


” หากตามที่เจ้าว่า … ลูกชายข้าจะไม่ … “


องค์จักรพรรดิขบฟัน


” …. ทำลายล้างกันและกันในอนาคต ? “


 


ขุนนางเหวินไร้คำพูด  เขาพยายามจะพูดออกมา


สหายของข้านั้นเป็นผู้รอบรู้ วันนี้เขาเอ่ยคำถามอย่างไร้เดียงสาเช่นนี้ได้อย่างไร ?  ศัตรูมิอาจมีชีวิตอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้ !


 


เมื่อเป็นเรื่องของอำนาจ ผู้อาวุโสกว่าจะกำจัดผู้ที่อ่อนเยาว์กว่า  ยากเกินจะจินตนการหรือ ?  แต่ข้าจะเอ่ยเรื่องนี้ได้อย่างไร ?


 


” เจ้าต้องพูดมันออกมา  ข้าเข้าใจ ! “


จักรพรรดิเอามือปิดหัวและก้มหน้าลงอีกครั้ง  เขาไม่รู้จะต้องคิดเช่นไร  เขานวดผ่อนคลายด้วยนิ้วมือ


 


เขาทำเช่นนี้เมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญ มันเป็นการกระทำตามนิสัย


 


” ขุนนางเหวิน หอชนชั้นสูง ได้รับการสนับสนุนจาก ก๊กจินหยาง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีผู้มากฝีมือที่กำลังควบคุมสิ่งต่างๆอยู่เบื้องหลัง  ข้าไม่เชื่อว่าเด็กสามคนนั้นจะสามารถดำเนินการ หอนี้ได้  มันต้องมิใช่ จวินจ้านเทียน และ ถังหว่านลี่ ลูกชายของข้าน้องชายของข้าก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้  พวกเราวางแผนการเดินทางนี้เพื่อค้นหาว่าคนผู้นี้คือใคร !  คนผู้นี้จัดการชุมนุมเหล่าเศรษฐีและผู้มีอำนาจทั้งหมด  และพวกเขาหลายคนจะมีเรื่องราวต่อกันหลังจากเรื่องในวันนี้  ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมอบโอกาศให้องค์ชายทั้งสามตอบโต้กับเหล่าผู้ทรงอิทธิพลในนคร “


 


องค์จักรพรรดิเงยหน้าขึ้นและเข้าใจได้ในทันที  เขาเปล่งประกายเย็นชา


” จากการพิจารณาของข้า เขาไม่เพียงแต่หยั่งเชิงปัญญาของเหล่าองค์ชาย แต่อาจจะสร้างเครือข่ายกับเหล่าผู้มั่งคั่งและผู้ทรงอำนาจเพื่อปกป้องตัวเอง นี่คือวิธีการธรรมดาในการที่จะได้พบกับเหล่าเจ้านายแห่งสกุลผู้ทรงอิทธิพล


 


” โดยไม่คิดถึงเจตนาของคนผู้นี้ เขาใช้การขายสุราเหล่านี้เพื่อผลประโยชน์ต่อตัวเอง  แต่กระนั้น เขายังคงไม่สำเร็จ !  และเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเราจะต้องหาเขาให้พบ !


 


“​และสำหรับเรื่องขององค์ชายทั้งสาม … ข้าจะต้องพิจารณา … อย่างระมัดระวัง ! “


กล้ามเนื้อบนใบหน้าขององค์จักรพรรดิ กระตุกด้วยความเจ็บปวด


” ข้าจะทบทวนเรื่องนั้นอีกครั้งเมื่อตัดสินใจ ! “


 


องค์หญิงหลิงเมิง ผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา รู้สึกว่าร่างอันบอบบางของนางแข็งทื่อขึ้นทันใด  นางไม่เชื่อในสิ่งที่นางได้ยิน


นั่นคือสิ่งที่ข้ามิควรได้ยิน … ข้าจะเอามันออกไปจากหัวได้อย่างไร ?


 


การซื้อขายครั้งสุดท้ายจบลงไปแล้ว  หน่อเนื้อของ องค์รัชทายาท หยางมู่ ถอยไปอย่างเศร้าหมอง  องค์ชายสามได้รับสุราชั้นเลิศร้อยโถไว้ในมือ … โดยไม่ต้องเสียสิ่งใดเลย  ตอนนี้เขาร้อนรนจะกลับไปราชวัง และ แสดงความรักของเขา


 


ร่างเงาที่สงบและเยือกเย็นปรากกขึ้นตรงหน้าองค์หญิงหลิงเมิง


” ขอให้ข้าได้รับเกียรติ องค์หญิง ? “


 


องค์หญิงมองขึ้นไปและเห็นหลานชายของ ราชครูลี่ นายน้อย ลี่โย่วหลาน !

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม