Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ 233-239

ตอนที่ 233

 

สมาชิก ก๊กวิญญาณมังกร หนาวเข้าเส้นเลือดเพราะกลิ่นอายอันแหลมคมของ ไฮ่เฉินเฟิง พวกเขารู้สึกราวกับยืนโป๊เปลือยอยู่ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง ช่วงกลางของฤดูหนาว และถูกห้อมล้อมด้วยความเย็นยะเยือก … ราวกับมีดน้ำแข็งแทรกทะลวงลงไปยังดวงวิญญาณ …


 


ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ผู้ที่มีจิตอันแข็งแกร่งก็มิอาจต้านทานความหวาดกลัวของผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้


 


ใบหน้าของหลงต้าเห่ยซีดเผือกขณะเผชิญหน้ากับ ไฮ่เฉินเฟิง ราวกับเผชิญหน้ากับหุบผาอันน่าเกรงขาม ในขณะที่เขาเป็นเพียงหินก้อนเล็ก  ซึ่งไม่คู่ควรที่จะมองออกไป  เขาก้าวถอยห้าหกก้าว เพื่อจะได้หายใจได้สะดวกขึ้น แต่ไม่เป็นเช่นนั้น หลังของเขาปะทะกำแพงดัง ปั้ง ! เพียงเท่านั้นเขาตระหนักได้ว่าเขาถอยหลังจากกลางโถงไปจนสุดกำแพงด้านในสุดแล้ว …


 


ความกดดันแบบใหนกัน ? !


 


” ท่านคือผู้ใด ?  เหตุใดผู้ที่มีฝีมือสูงส่งเช่นท่านจึงร่วมมือกับ ก๊กจินหยางมาต่อต้าน กกวิญญาณมังกร ?  มีสิ่งใดที่ท่านจำเป็นต้องแทรกแซง ? “


หลงต้าเห่ย รวบรวมความกล้าและถามด้วยท่าทีดุดัน


” ผู้นำ ก๊กจินหยาง อยู่ที่ใด ?  จิ้นเฟิงเล่ย ไปหลบอยู่ที่ใดกัน ?  เนื่องจากเขาต้องการจะควบรวมก๊กของข้า เหตุใดเขาจึงต้องหลบซ่อน แสดงตัวเจ้าออกมา ! “


 


แม้นว่าเสียงก้อนกังวาลของเขาจะน่าเกรงขาม และเจตนาจะทำให้ตัวเขายิ่งใหญ่ขึ้น แต่กระนั้น ความสั่นเทาที่ปะปนมาเล็กน้อย ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังร้องขอชายที่อยู่ตรงหน้า


 


” ผู้นำ ก๊กจินหยาง กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า !  ข้าไปหลบซ่อนเมื่อไหร่กัน ? “


ไฮ่เฉินเฟิง เพ่งมองข้ามโถงตรงไปยังใบหน้าของ หลงต้าเห่ย ด้วยสายตาที่แอบซ่อนจิตอาฆาตรเอาไว้


 


ทันใดนั้น หลงต้าเห่ยตระหนักได้ว่าหัวใจของเขากำลังสั่นเทา


 


เพียงแค่มองไปยังในตาของ ไฮ่เฉินเฟิง ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับ ปฐพีเชวียน เช่น หลงต้าเห่ยเจ็บปวด !  แม้นว่าจะอยู่ห่างกันนับสิบหลา ความรู้สึกราวกับจวนเจียนตายก็ชัดเจนในหัวของเขา


 


แม้นว่าจะมียอดฝีมือของ ก๊กวิญญาณมังกร หลายคนอยู่ใกล้ๆ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าในพื้นที่อันกว้างใหญ่นั้น มิมีผู้ใดสามารถทำให้เขารู้สึกปลอดภัยได้เลย เขาต้องเผชิญกับยอดฝีมือที่ป่าเถือนและน่ากลัวด้วยตัวเอง !


 


ความรู้สึกหม่นหมองอันหาที่เปรียบไม่ได้ปะทุขึ้นในหัวใจของ หลงต้าเห่ย เขารู้สึกว่าหัวเข่าของเขาอ่อนกำลังด้วยความเจ็บปวด ขณะเหงื่อเริ่มเปียกชุ่ม  รู้สึกต้องการคุกเข่าและยิมรับในทันที …​


 


ไฮ่เฉินเฟิง ผู้ที่มองไปยัง ฝ่ายตรงข้ามราวกับ อินทรีย์ ทันใดนั้นเขาสบัดแขนและทำให้ผ้าคลุมสีครามของเขาหมุนวน  ด้วยสัญญาณนั้น เสียงดังราวกีบเท้าม้านับพันที่เร่งฝีเท้าพุ่งเข้ามาดังให้ได้ยินจากที่ห่างไกล !


 


” สังหาร ! “


 


เสียงกึกก้องดังขึ้นและทันใดนนั้นมีชายถือกระบี่นับร้อยพุ่งมาตรงหน้าของพวกเขา ในขณะที่พลธนูพร้อมขึ้นศรปรากฏตัวขึ้นบนกำแพง ล้อมร้อบ ก๊กวิญญาณมังกร  ด้วยเกาทัณฑ์ที่เป็นดั่งฟันของเทพแห่งความตายที่ส่องประกายขึ้นในโถงนี้


 


ไฮ่เฉินเฟิง สังหารหน่วนสอดแนมที่ปกป้องสถานที่นี้ไปหมดแล้ว โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้


 


” ยอมจำนน หรือตาย หากเจ้าไม่ยินยอม พวกเราจะสังหารให้สิ้น  ข้าจะนับเพียงสาม และ หาก หลงต้าเห่ย ไม่ตอบสนองสิ่งใด พวกเจ้าทั้งหมดจักต้องตายโดยไม่สำคัญว่าตัวพวกเจ้าจะรู้สึกเช่นไรกับเรื่องนี้ ! “


ดวงตาของ ไฮ่เฉินเฟิงเยือกเย็นขณะพูดสิ่งนี้ และยกมือขวาขึ้นขณะที่มีแสงสีฟ้าเปล่งประกายขึ้นที่ฐานนิ้วที่ยกขึ้น


 


” หนึ่ง ! “


 


ทุกคนใน ก๊กวิญญาณมังกร เคลื่อนที่อย่างวิตก แม้นว่า พวกเขาจะมองไปยัง หลงต้าเห่ยอ้อนวรให้ช่วยเหลือ  ” นายท่าน …​” น้ำเสียงของพวกเขาดังราวกับการอ้อนวร


 


” สอง ! “


 


สีหน้าอันเยือกเย็นของ ไฮ่เฉินเฟิง ไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อยในเวลาที่เขาทำงานสกปรกนี้พร้อมกับนับเลยถัดไปพร้อมกับยกนิ้วที่สองขึ้น  ราวกับการปรับแต่งเสียงดนตรี


 


” .. “


ใบหน้าของ หลงต้าเห่ย ซีดราวคนตาย ขณะเขาอ้าปากอันสั่นเทาขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกและสิ้นหวัง


 


” พลธนู เตรียมตัว ! “


ไฮ่เฉินเฟิง มองออกไปด้วยโทสะ ยกมือขึ้นขณะออกคำสั่งด้วยนำ้เสียงถาโถมดั่งซึนามิ


 


” อ๊าร์กก ! “


พลธนูตอบกลับพร้อมกันขณะดึงเกาทัณฑ์บนคันศร จนโก่งดังพระจันทร์เต็มดวง ในตอนที่ ไฮ่เฉินเฟิง นับสาม เกาทัณฑ์ ของพวกเขาจะตกลงยังเป้าหมายดั่งห่าฝน !


 


ราวกับ ยมทูต ถูกส่งจาสรวงสวรรค์ลงมานำพาพวกเขาไปสู่ความตาย !


 


ตอนนี้ การต่อต้านจะนำพาพวกเขาไปสู่ความตาย และมีเพียงทางเดียวที่จะรอดนั้นคือ …


 


” ช้าก่อน ! “


หลงต้าเห่ยคำรามขึ้นทันใด แม้นจะมีร่องรอยดั่งการร้องไห้อยู่ในน้ำเสียง


 ” ข้า…ข้า…ข้ายอมจำนน … “


ดูเหมือนว่าเขาจะอับอายกับคำเหล่านี้ขณะเข่าอ่อนคุกลง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อของคนของเขาแสดงถึงความผ่อยคลายในตอนที่ได้ยินคำพูดของเขาพร้อมกับทิ้งอาวุธลงทีละคน ราวกับได้รับการอภัยจากโทษประหาร


 


” ดี ! “


ไฮ่เฉินเฟิง พูดยอมรับ


 ” เนื่องจากเจ้า สวามิภักดิ์  จากนี้ไปพวกเราจะเป็นครอบคัวเดียวกัน และเจ้าจะต้องปฏิบัติตามกฎนั้น !  ตอนนี้เจ้าดูแลการดำเนินงานของ ก๊กวิญญาณมังกร  “​


 


” ขอรับ และจะปฏิบัติตตามคำสั่งของนายท่านด้วยความจริงใจ ! “


เงาร่างสูงและกำยำแสดงตัวออกมาจากเงามืดด้วยก้าวยาว เขามีคิ้วหนา หนวดราวกับของมังกร จมูกอันใหญ่โต และ ปากที่กว้างราวกับสิงโต


 


ชายผู้นี้มิใช่ใครอื่นนอกจาก จิ้นเฟิงเล่ย


 


” จิ้นเฟิงเล่ย เจ้า … “


หลงต้าเห่ยชี้ไปที่เขาด้วยความเหลือเชื่อ และไร้ซึ่งวาจาจะเอ่ย


 


” ฮ่า ฮ่า !  การที่ข้าสละตำแหน่งมันน่าตกใจเช่นนั้นเลยหรือ ? “


จิ้นเฟิงเล่ย หัวเราะด้วยท่าทีไร้กังวล


 


หากพูดตามจริง จิ้นเฟิงเล่ย มิได้สนใจถึงความจริงที่ว่า ไฮ่เฉินเฟิง ได้รับตำแหน่ง ผู้นำ ก๊กแทนเขา ตำแหน่งนั้น ไม่สำคัญเกินกว่า ความสัมพันธ์ระหว่าเขากับ ไฮ่เฉินเฟิง อีกทั้งเขาคิดว่า ก๊กจินหยาง จะไม่ประสบกับความเสี่ยงด้วยการนำของ ไฮ่เฉินเฟิง มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น !


 


” เป็นปราณเชวียน และอำนาจที่น่าประทับใจ !  การเอาชนะทั้ง ก๊ก เพียงไม่กี่วาจา เป็นยอดฝีมือเชวียนที่น่ายกย่องยิ่ง เจ้านั้นไม่ธรรมดา นายท่าน !”


เสียงอันโดดเดี่ยวดูเหมือนจะดังขึ้นชั่วครู่ มันแปลกประหลาด และห่างไกล


 


” ใครกัน ? “


ไฮ่เฉินเฟิงถาม เขาเพ่งมองไปทั่วโถง ร่างของเขา ปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้า และเหาะขึ้นสู่หลังคาอย่างรวดเร็ว


 


” เป็นข้าเอง ! “


ชายผู้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหน็บแนมขณะที่ พลธนู หลายคนกรีดร้อง ขณะร่วงลงไป พร้อมกับมีชายชุดดำสองคนแทนที่พวกเขาบนกำแพง เพ่งมองไปยัง ไฮ่เฉินเฟิง อย่างดุร้าย


 ” เมืองหลวงนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่า เพียงก๊กเดียวจะกลืนกินเป็นของตัวเอง แม้นว่าเจ้าจะพยายามเท่าไหร่ เจ้าก็จะสำรอกทุกสิ่งออกมา ! “


 


กลิ่นอายของ ไฮ่เฉินเฟิง รุนแรงขึ้น ปลดปล่อยลำแสงสีครามสว่างไกล


 ” ดีที่เจ้าได้ยินว่าตัวเจ้าเองโดดเด่น แต่ความจริงนั้น ผู้ที่อ่อนแอจักโดนผู้แข็งแกร่งกำจัด มันเป็นธรรมชาติของ เกมส์ ! “


 


ทันใดนั้น ร่างที่อาบไปด้วยแสงสีครามของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และพุ่งตรงไปยังชายสองคนนั้น ไปถึงพวกเขาและโจมตีในชั่วพริบตา ซึ่งพวกเขามิอาจหลีกเลี่ยง


 


ชายชุดดำทั้งสองหัวเราะเย้ยหยัน


” ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนนั้นยากที่จะรับมือใช่หรือ ? “


ในการตอบโตการโจมตีนั้น ชายทั้งสอง ก็มีแสงสีฟ้าปกคลุมทั้งร่าง พวกเขาพุ่งออกไปพร้อมกัน ขณะปะทะกับฝ่ายตรงข้าม ทำให้เกิดประกายดอกไม้ไฟขึ้น


 


ทั้งสามผงะถอยเล็กน้อย พวกเขาหยุดอยู่กลางอากาศในเวลาเดียวกัน จากนั้น แปรขบวนพุ่งเข้าหาเพื่อจู่โจมกันอีกครั้ง


 


ใบหน้าของ ไฮ่เฉินเฟิง เผยรอยยิ้มอันสุขุมขณะฝ่ามือของเขาโจมตีคู่ต่องสู้อย่างต่อเนื่อง ปราณเชวียนสีครามเข้มของเขาปรากฏขึ้นราวกับพระจันทร์เซี่ยว


 


การโจมนั้นคล้ายดั่งขวานยักษ์ที่สามารถตัดฝ่าหุบผาได้ แม้การโจมตีที่รุนแรงเช่นนั้นทำให้พวกเขาต้องดิ้นรน แต่มันยังไม่มากพอจะทำให้พวกเขาล่าถอยแต่น้อย !


 


ทันใดนั้นเอง พวกเขาหนึ่งคนถอยห่างออกไปขณะที่เปล่งเสียงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อีกคนนั้นโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง  ในขณะนั้น ชายผู้ที่ล่าถอยไปนั้นได้มายืนอยู่บนกำแพง และร่างปกคลุมด้วยปราณเชีวยนสีคราม  ไม่นาน ฝ่ามือ และทั่วทั้งร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ และชี้นิ้วหนึ่งไปยัง ไฮ่เฉินเฟิง ผู้ที่ยังคงอยู่กลางสมรภูมิ


 


ไฮ่เฉินเฟิง มั่นใจถึงชัยชนะ แม้นว่าจะต้องเผชิญกับพวกเขาด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าเขาจะทำได้ดีกว่าเมื่อต้องเผชิญกับเพียงหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การต่อสู้อันรวดเร็วของ คู่ต่อสู้สวรรค์เชวียนนั้นก็มิอาจะเป็นไปได้สำหรับเขาตราบใดที่ความปลอดภัยของเขาต้องมาก่อน  ดังนั้น การต่อสู้นี้จึงยังคงดำเนินต่อไปอีกระยะ เนื่องจากเขาไม่ต้องการทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บ


 


สำหรับไฮเฉินเฟิงนั้น มีความได้เปรียบกว่าฝ่ายตรงข้าม และสามารถเอาชนะพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ  ในขณะนั้นเอง อากาศอันหนาวเย็นได้ปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ อาบฉโลมพื้นที่นั้นด้วยความแสบร้อน หลังจากที่ทุกคนสูดมันเข้าไป ทำให้พวกเขาต้องสั่นด้วยความหวาดกลัว  ขณะที่ล่าถอยเล็กน้อย หลังจากยิ้มอย่างโหดร้าย ไฮ่เฉินเฟิง ถามด้วยท่าทีดุร้าย


” นั่นคือ องคุลีเลือดเย็นไร้ปราณีจากสำนักปรมาจารย์ ลี่วูเบ้ยใช่หรือไม่ ? “


 


” ฮ่า ฮ่า พวกเราช่างโชคดีเช่นไร ที่คนเย่อหยิ่งเช่นเจ้ารู้จัก องคุลีเลือดเย็นไร้ปราณี “


ชายชุดดำยิ้ม


 ” และในเมื่อเจ้ารู้จักมันแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังไม่คุกเขาร้องขอความเมตตาอีก ? “


 


ชายชุดดำเป็นศิษย์ของ หนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ และพวกเขาเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียน และด้วยเหตุนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้อ่อนแอ  อีกทั้ง การแสดงว่า อาจารย์ของเขาหนุนหลังในความพยายามนี้เป็นวิธีที่กล้าหาญ ไฮ่เฉินเฟิงไม่ต้องการจะขัดใจ ลี่วูเบ้ย  อย่างไรก็ตาม หากเขาล่าถอยในตอนนี้ เขาจะสูญเสียการควบคุม ก๊กจินหยาง และ ก๊กวิญญาณมังกร  อย่างแน่นอน


 


อีกมุมหนึ่ง ชายชุดดำทั้งสองนั้นเริ่มวางแผนการมาเป็นอย่างดีก่อนจะลงมือเนื่องจากพวกเขานั้นมั่นใจถึงชัยชนะ


 


ช่างน่าเสียดายที่ความปราถนาไม่เป็นจริงในโลกนี้


 


” อย่ามาไร้สาระ ! “


ไฮ่เฉินเฟิงสถบด้วยโทสะเนื่องจากคำพูดอันอวดดีนั้น  เขาเลื่อนมือไปข้างหลังและ ดึงกระบี่ยาวออกมา พร้อมกับเสียงกึกก้อง ขณะที่เขาพุ่งตรงไปยังศัตรูราวกับคลื่นกระแทกอีกครั้ง มันดูเหมือนกันกลิ่นอายสีครามของเขาปะปนเข้ากับละอองสีเงินดั่งหิมะของกระบี่ขณะที่เขาโจมตี


 


” กระบี่พายุหิมะสีคราม !  ดังนั้น เจ้าก็คือ ศิษย์ของ ปรมาจารย์สีคราม ! “


ชายชุดดำหัวเราะ


” ดีมาก ตอนนี้เรามาดูกันว่า สำนัก ของผู้ใดจะเป็นเลิศและอ่อนด้อยกว่ากัน “


 


เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไฮ่เฉินเฟิง มีโทสะมากยิ่งขึ้น !


 


เขามั่นใจในการเอาชนะชายสองคนนี้ และเดิมทีเขาวางแผนจะปล่อยพวกเขาให้นอนกองอยู่บนพื้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ใช้การเคลื่อนไหวที่น่ากลัว และไม่ต้องการให้พวกเขาโจมตีอย่างประมาท และเสี่ยงชีวิตตัวเองเนื่องจาก พวกเขานั้นเป็นศิษย์พี่น้องกัน  ดังนั้น เขาจึงกวาดกระบี่เพื่อจะกำราบพวกเขา แต่มันยังไม่เป็นไปตามคาดหวัง ฝ่ายตรงข้ามยังคงโอ้อวดเช่นเดิม


 


เขาไม่รู้ว่า ลี่เจียนฮ้ง สัญญากับ ลี่โย่วหลานในการ รวบรวม ขบวนการใต้ดินของเมืองหลวง และพวกเขาทัั้งสองนั้นเป็นศิษย์พี่น้องกัน  พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวในคืนนี้ แต่กลายเป็นว่าพวกเขานั้นเดินตามหลังอยู่  อย่างไรก็ตาม พวกเขามิอาจถอยได้อีกแล้ว แม้ว่าสุดท้ายพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับ ไฮ่เฉินเฟิง


 


หากพวกเขาไม่สามารถเข้าควบคุมก๊กนี้ได้ก็ไม่อาจไปเผชิญหน้ากับพี่ใหญ่ และแม้แต่นายน้อยของพวกเขาได้อีก  แม้นจะรู้สึกความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ที่เกี่ยวข้อง พวกเขาก็มิอาจยอมแพ้ได้

 

 

 


ตอนที่ 234

 

แม้นว่าทั้งสองจะวิพากษ์ว่า ไฮ่เฉินเฟิง แข็งแกร่งเกินกว่าพวกเขา พวกเขาก็ยังคิดว่า เขาคงจะไม่ตั้งใจและไม่กล้ากระทำหุนหัน  ความจริงแล้ว เขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ   ทำให้เขา ระมัดระวังและไม่จู่โจมพวกเขาสุ่มสี่สุ่มห้า ชายทั้งสองมิอาจเชื่อถึงความโชคดีของพวกเขา !


 


ในเวลาเดียวกัน ไฮ่เฉินเฟิง ตระหนักได้ว่า ชายชุดดำทั้งสองมิได้สนใจถึงความเมตตาที่เขาแสดงออกมา  จึงอดไม่ได้ที่เขาจะมีโทสะทุกครั้งที่โจมตีออกไป  กระบี่ของเขา ส่องประกายเจิดจ้า และร่างของเขาพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ราวกับดาวหางขณะตะโกน


” ที่นี่ไม่เหมาะสมจะต่อสู้ !  ศิษย์ปรมาจารย์เลือดเย็น หากมีความกล้าพอจะตามข้าไปยังสถานที่อันเหมาะสมหรือไม่ ? “


 


ชายทั้งสองหัวเราะ


” ดี  จากนั้น ผู้ที่พ่ายแพ้จักต้อง ยอมจำนนไม่คิดอาจรวบรวมขบวนการใต้ดินอีก “


สามเงาร่าง ส่องประกายแสงสีคราม จากนั้นหายไปในพริบตา


 


หลงต้าเห่ย และ จิ้นเฟิงเล่ย ทั้งคู่เป็นยอดฝีมือปฐพีเชวียนผู้ที่ไม่ถือว่าอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็อดตื่นตากับการแสดงที่ ยอดฝีมือทั้งสามมีส่วนร่วมอยู่เบื้องบนมิได้  ขณะเห็นทั้งสามจากไป จิ้นเฟิงเล่ย ตบไหล่ หลงต้าเห่ย


” ไปหารือเรื่องการเตรียมการ ก๊กของพวกเราเถิด “


 


จิ้นเฟิงเล่ย โชกโชนในเรื่องใต้ดิน แม้นว่าเขาจะไม่เห็นว่ามีผู้ใดอ่นแอกว่า แต่เขารู้จัก ไฮ่เฉินเฟิง มาเป็นเวลานาน  หลังจากได้ยินคำพูดระหว่างเขาและชายทั้งสอง เขารู้สึกไร้กังวลเนื่องจากมั่นใจว่าเพื่อนของเขารับมือได้ !


 


เป็นเวลาเดียวที่ หลงต้าเห่ย ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่หลับตาไปด้วยความกลัว  หลังจากเข้าใจสหาย เขาจึงเดินเข้าไปข้างในอย่างไม่เต็มใจนัก


 


… …


 


ด้านเหนือสุดของดินแดนพายุหิมะสีเงิน !


 


ซึ่งเต็มไปด้วยหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสุดลูกหูลูกตา !


 


ท่ามกลางหุบเขาและม่านหมอกอันไพศาลนั้น คือเมืองน้ำแข็งอันลึกลับ ดูราวกับถูกปิดบังจากโลกภายนอกด้วยม่านหมอกและหุบเขาหิมะ !


 


ยังไม่ถึงเวลารุ่งสาง และท้องฟ้ายังคงมืดมิดขณะที่เสียงระฆังดังก้องกังวาล  เสียงอันกังวาลนั้นดูเหมือนจะขัดความเงียบสงบที่ดูเหมือนชั่วนิรันด์ของสถานที่นี้ และเหล่านกสีขาวนวลที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้นพุ่งตัวขึ้นมาราวกับดอกไม้ไฟ เนื่องจากหวาดกลัวเสียงระฆังที่ดังขึ้นโดยไม่คาดคิด พวกมันร้องระงมเต็มฟากฟ้าขณะบินวนเป็นวงกลมเบื้องบน


 


ฐานของสิ่งก่อสร้างหลักนั้นสร้างจากน้ำแข็งบริสุทธิ์  ด้านในโถง บนพนังน้ำแข็งนั้น คือภาพเหมือนของผู้คนที่แต่งตัวด้วยชุดสีขาว  พวกเขาแต่ละคนมีท่วงท่าที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั้นเผยถึงสีหน้าที่หยิ่งยโสและเยือกเย็นที่คล้ายคลึงกัน !


 


ดวงตาของพวกเขาเป็นดั่งพระเจ้า และเต็มไปด้วยประหายสังหาร ดูราวกับพวกเขามีอำนาจกำหนดเป็นตาย สามารถช่วงชิงทุกสิ่งที่ต้องการ ความจริงแล้ว พวกเขาดูทรงพลังยิ่งจนถือว่าผู้อื่นอยู่ใต้บาทา !


 


พวกเขาคือ บรรพชนของ เมืองพายุหิมะสีเงิน !


 


โถงนั้นโอ่อ่า แม้นขนาดผู้คนนับร้อยมาดื่มกินก็ยังมิอาจรู้สึกได้ถึงความอึดอัด


 


ชายอาวุโสชุดสีขาว พร้อมด้วยผมและหนวดขาวโพล ยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องหอมพร้อมมือไขว้หลัง  เขาเพ่งมองไปยังรูปเหมือนของเหล่าบรรพชนอย่างเงียบเฉียบ และมีสีหน้าเงียบสงบดั่งวารี และเยือกเย็นเช่นน้ำแข็ง


 


แม้นว่าเส้นผมของเขาจะขาว หลังของเขายังคงตรงดิ่งและมีหน้าอกกระชับ  เขายืนตรงประหนึ่งคมมีด ปลดปล่อยประกายอันเยือกเย็นดั่งกระบี่ !


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายผู้นี้กำลังปิดบังอำนาจมหาศาลเอาไว้ !


 


ความจริงแล้ว ดูเหมือนว่าความแข้งแกร่งของเขานั้นสามารถสะเทือนปฐพี เหนือกว่าทุกผู้เหล่า !


 


จากนั้น เสียงกระพือของเสื้อผ้าดังขึ้นขจัดความเงียบของโถงไป ขณะผู้คนในชุดสีขาวมากมายเดินเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็วจากทุกทิศทาง พวกเขารวมตัวกันในตำแห่งที่ถูกกำหนดไว้ตามระดับฐานะ  แม้นในหมู่ผู้คนมหึมา ก็ไม่มีผู้ใดเดินชนกัน และมีคำพูดดังขึ้นเพียงหนึ่งหรือสองเท่านั้น


 


ในไม่นาน ทุกคนหยุดลงตามตำแหน่ง และสาดสายตามองไปยังชายชราที่อยู่ตรงกลาง  แม้นพวกเขาจะประหลาดใจที่ถูกเรียกมาเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยขึ้นสักคำ


 


น่าประหลาดใจ ที่แสงครามเปล่งออกมาจากร่างของพวกเขา !  มีผู้คนจวนร้อยในที่นี้ และรพดับต่ำสุดคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน !


 


ในจังหวะนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นให้ได้ยินตามมาด้วยผู้อาวุโสเจ็ดเรียงแถวเข้ามา ด้วยความรีบเร่งบนพื้นน้ำแข็งลึกลับที่มีอายุนับหมื่นปี  แต่ละฝีก้าวนั้นเงียบสงบอย่างมากในขณะที่พกวเขาเดินเข้ามา และประจำตำแหน่งอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสที่ยังคนยืนอย่างเงียบเฉียบอยู่ตรงกลาง


 


ปัจเจกชน ในชุดสีขาวหยุดตรงประตูด้วยท่าทางอันสง่างาม ดวงตาเขาส่องประกายและสอดส่องไปรอบๆ ขณะปรากฏตัวขึ้นที่ประตูและยืนอย่างภาคภูมิใจ  เป็นดั่งนครที่อยู่ภายใต้สรวงสวรรค์ รวมถึงทุกผู้ที่อยู่ในโถงนั้น มีอยู่เพียงเพื่อให้เขาปกครอง !


 


ด้านข้าง คือคู่ครอง เป็นหญิงวัยกลางคนที่สวยงาม ยืนแอบอิงดั่งไผ่ที่บอบบาง   รูปร่างของพวกเขานั้นมิอาจหาผู้ใดเปรียบ  ชายผู้นั้นดูราวกับ วีรบุรุษที่เชื่อมั่น ผู้ที่ยืนโดยไม่มีผู้ใดเหนือกว่า และหญิงสาวนั้นมีสิริโฉมไม่เหมือนผู้ใดในรุ่นราวคราวเดียวกัน !  ผู้คนต่างชื่นชมพวกเขา เฝ้ามองไปด้วยริษยาถึงความเหมาะสมอันมิหาสิ่งใดเปรียบ !


 


ทุกคนผู้ในโถงหันไปมองทั้งคู่ในขณะที่พวกเขาเข้ามาและโค้งคำนับ


 ” คาราวะ นายท่านและนายหญิงแห่งนครของเรา เป็นความชื่นชมที่ได้พบท่าน ! “


 


” ไม่เป็นเป็นต้องมากพิธี “


ทั้งสองตอบกลับพร้อมรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า  พวกเขาเดินไปกลางโถงอย่างใจเย็น นั่งลงที่เก้าอี้ที่มีเพียงแค่สองตัวภายในโถงขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรจุคนได้นับร้อย


 


มีเพียงแค่สองผู้นี้เท่านั้น ที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะนั่งในโถงใบนี้ !


 


พวกเขาทั้งสองคือเจ้าเหนือหัวของนคร กระบี่น้ำแข็งแห่งสรวงสวรรค์  ฮั่นจ๋านเมิง และ ภรรยาของเขา เกล็ดหิมะโผบิน ฉือฉ๋วงเชียง


 


ชายชราโบกมือและพูดขึ้น


” ท่านได้รับการเชิญเสด็จมาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญต่ออนาคตของนคร ทุกผู้ที่ต่ำกว่า เทพเชวียนจงออกไปอารักษขาด้านนอก ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ถานที่แห่งนี้ในระยะห้าสิบหลา  หากผู้ใดฝ่าฝืน สังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น ! “​


 


” ขอรับ พวกเราจะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสอย่างเชื่อฟัง ! “


พวกเขาตอบกลับมาพร้อมเพรียง หลังจากประนมมือ และออกไปจากโถงช้าๆ เหลือคนอยู่เพียงไม่ถึงสิบ และโถงเงียบลงในทันทีโดยเหลือคนเพียงยี่สิบเท่านั้น


 


” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนครเทียนเชียง ? “


ฮั่นจ๋านเมิงยิ้มส่งผู้อาวุโส


” มิเช่นนั้น ผู้อาวุโส เซี่ยวเซียงหยุน คงจะไม่ระแวดระวังเช่นนี้ ! “


 


” เป็นดั่งนายท่านคาด มีขาวจาก นครเทียนเชียง … ผู้อาวุโสสาม ส่งข้อความมา และหนึ่งในอินทรีย์หิมะของพวกเราเราบินข้ามคืนเพื่อส่งข่าวอันน่าประหลาดใจนี้แก่พวกเรา ! “


ผู้อาวุโสตอบขณะเขาเปิดม้วนกระดาษออกและยื่นมันขึ้น


 


ฮั่นจ๋านเมิงพยักหน้าเบาๆและหัวเราะขณะรับกระดาษขาวนวลดั่งหิมะ ขณะเดี่ยวกับฉือฉ๋วงเชียงเข้ามาใกล้เขาเพื่ออ่านเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต้องการรู้ว่าข่าวนี้อัศจรรย์สักเพียงใด …


 


แต่ขณะทั้งสองนั่งอ่านข่าวนี้ สีหน้าของพวกเขาค่อยๆจริงจังมากขึ้น ไม่นายรอยยิ้มก็จางหายไป !


 


ใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวเริ่มจางจนซีดเผือก แม้นจะมีความสุขอยู่เพียงน้อยนิด  ไม่นาน รอยยิ้มของนางจางหายไปและแทนที่ด้วยความกังวล นางอดจะคว้ามือของสามีเพื่อทำให้เขาอุ่นใจไม่ได้


 


” นี่เป็นข่าวที่ไม่คาดคิด ทุกคน มาดู พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร “


ฮั่นจ๋านเมิงอ่านจบและหลับตาขณะรู้สึกว่า ฉือฉ๋วงเชียงคว้าแขนเขาอยู่ เหมือนเตือนบางสิ่งขณะที่เขายื่นข่าวนั้นให้คนอื่นอ่าน


 


” เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กำลังปกป้องสกุลจวิน และทำให้ผู้อาวุโสหกบาดเจ็บ … ปรมาจารย์ลึกลับ ทำให้ เฟิงวู บาดเจ็บ และยังแย่งชิงเอา หยกเสริมวิญญาณ  ของผู้อาวุโสหกไป . . ไม่มีผู้ใดต่อต้านเขาได้หรือ ?  . . . นี่  . . เป็นไปได้อย่างไรกัน !? “


ทุกคนอุทานออกมาอย่างสับสน งุนงง แต่ละคนพยายามรักษาสีหน้าให้ดีไว้


 


” ดังนั้น มีเหตุการมากมายอุบัติขึ้นในไม่กี่วันมานี้ ! “


ผู้อาวุโส เซี่ยวเซียงหยุนยิ้มเยือกเย็น


” อีกทั้ง เจ้าเด็กอวดดีจากสกุลจวินนั้น ผู้ที่สำคัญตัวอย่างมาก และได้รับการรักษาให้หายจากความพิการ นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง …. “


 


ฮั่นจ๋านเมิง เงียบไปครู่หนึ่งก่อนมองไปยังผู้อาวุโสสูงสุดและถาม


” ที่ท่านอาวุโสเรียกทุกคนมาวันนี้   . . ดังนั้น ข้าคิดว่าเขามีแผนการ ? “


 


” ข้าผู้นี้อาจวางแผนได้มากมาย แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ครองนคร และเขาจะตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรกับแผนดังกล่าว ! “


ผู้อาวุโสคำนับอย่างสุภาพและถอยลงครึ่งก้าว


 


” ผู้อาวุโสสูงสุดคือบุคคลสำคัญของนคร เขาแนะนำว่าเช่นไร ? “


ฮั่นจ๋านเมิง ไม่อ้อมค้อม


 


” แม้นเขาจะมีสถานะในสังคม เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไร้เหตุผล การกระทำนี้จะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง !  หากข่าวนี้แพร่ออกไป จะเกิดอะไรขึ้นกับชื่อเสียงของนครเรา ?  พวกเรามิอาจละเลยในเรื่องนี้ ! “


ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยขึ้นใจเย็น


 


ผู้อาวุโสสูงสุดทำให้ทุกคนตกใจด้วยการลงโทษหนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ !  แต่กระนั้น ทุกผู้ที่อยู่ที่นี่ก็พยักหน้าเห็นพ้อง เพราะในสายตาของผู้อาวุโสแห่งเมืองพายุหิมะสีเงินนั้น แม้แต่ แปดยอดปรมาจารย์ รวมถึงเหยี่ยวแห่งทุ่งหญ้า นั้นมิได้สำคัญอันใด นี่แสดงให้เห็นถึงความทรงพลังอันน่าเกรงขามของเมืองพายุหิมะสีเงิน !


 


” เช่นนั้น เจ้ามีแผนการอื่นหรือไม่ ? “


ฮั่นจ๋านเมิงพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับสีหน้าเฉยเมย


 


” ขอรับ หยกเสริมวิญญาณ เป็นมรดกที่สำคัญยิ่งของสกุลเซี่ยวของข้า  ความสามารถของมันเกินธรรมดา และถือได้ว่าเกินกว่าของเขตของปุตุชน ดังนั้น จึงต้องมั่นใจว่ามันจักต้องไปตกไปอยู่ในมือของคนภายนอก !  เห็นได้ชัดว่าการแย่งชิงหยกชิ้นนี้กลับมาเป็นเรื่องเร่งด่วน และไม่มีการอ่อนข้อ !  การได้คืนมาคือสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ! “


ดวงตาของผู้อาวุสูงสุดเปล่งประกาย และเห็นได้ชัดว่าเขามีโทสะอย่างมากที่สุญเสีย หยกเสริมวิญญาณ ไป


 


” พวกเราจักต้องใช้เวลาเพื่อพิจารณาถึงจุดนี้ เพราะหากสิ่งที่ผู้อาวุโสสามพูดเป็นความจริง พวกเราก็ไม่อาจะรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของปรมาจารย์ลึกลับ  และหากเป็นเช่นนั้น แม้นว่าพวกเราทั้งหมดไปเผชิญหน้ากับเขา พวกเราก็อาจจะยังมิอาจแย่งชิง หยกเสริมวิญญาณ คืนกลับมาได้  ดังนั้น พวกเราจึงควรไตร่ตรองมิเสี่ยงชีวิตมากมายเพื่อภารกิจนี้ “


 


ฮั่นจ๋านเฟิงเคาะเท้าแขนเก้าอี้เบาๆ เปลือกขาของเขาปิดลงครึ่งหนึ่งขณะพูด


 


” ความกังวลของนายท่านนั้นถือได้ว่าเป็นธรรม !  เห็นได้ชัดว่าพวกเราจักต้องระมัดระวังเป็นอย่างดีขณะปรับใช้ผู้คน และพวกเราจักต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกับ ชายลึกลับผู้นี้ตราบเท่าเป็นไปได้  อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสสามยังมิได้ถึงขั้นเทพเชวียนหนึ่ง และข้อสันนิษฐานของเขาอาจไม่ถูกต้อง หากเปรียบกับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ความแข็งแกร่งของพวกเขาแตกต่างราวฝ้ากับเหว  ดังนั้น การคาดการของเขาอาจเกินจริงไปมาก  อีกทั้ง เขาไม่เพียงอ้างว่าความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้สูงส่งกว่า อดีตผู้ครองนคร แต่ยังสูงส่งกว่า จุ้นเป้ยเฉินอีกด้วย !  มันจักเป็นไปได้เช่นไรกัน ?  แสดงให้เห็นว่าข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด ! “


 


ผู้อาวุโสสูงสุด ถูกคิ้วสีขาวของเขาขณะพูดอย่างช้าๆ


 


จากนั้นเขาต่อ


” หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจักต้องส่งใครบางคนออกไปเพื่อยืนยันข่าวนี้ หากคนผู้แข็งแกร่งและมิอาจคาดการได้จริงๆ พวกเราจักต้องสอบสวนเรื่องของเขาให้มากกว่านี้  อย่างไรก็ตาม หากกลายเป็นว่าเขาไม่เป็นภัย พวกเราจักบุกเข้าไปแย่งชิงหยกเสริมวิญญาณจากเขาทันที “


 


” ผู้อาวุโสสูงสุดช่างสุขุมยิ่ง และการคาดการของเขานั้นเป็นเลิศ “


ฮั่นจ๋านเมิงพูดขณะมองไปยังผู้อาวุโสอย่างลึกซึ้ง


  ” กระนั้น ดูเหมือนว่าเจ้ายังมีแผนสาม ? “


 


” ขอรับ ! “


ผู้อาวุโสสามเลิกคิ้วขาว


 ” สกุลจวินนี้เป็นสกุลในโลกมนุษย์ และยังก่อกวนเมืองพายุหิมะสีเงินของพวกเราหลากหลายครั้ง !  เป็นสิ่งที่มิอาจทนได้อีกแล้ว !  ข้าคิดว่า หากพวกเรากำจัดพวกเขาทั้งสกุลไป เพื่อตักเตือนถึงโลกมนุษย์ถึงอำนาจแห่งเมืองพายุหิมะสีเงินของพวกเรา ! “​


 


ขณะเอ่ยเช่นนี้ ผู้อาวุโสสูงสุด ยื่นมือขวาออกมา และทำท่าทางทุบลงไปอย่างเด็ดขาด

 

 

 


ตอนที่ 235

 

ขณะฟังแผนการเพื่อสกุลจวิน ฉือฉ๋วงเชียง เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที และบีบแขนของสามีเบาๆ เนื่องไม่อาจทนได้อีกต่อไป


” สิ่งนี้มิอาจทำได้ ! “


ฮั่นจ๋านเมิงเลิกคิ้วขึ้นราวกระบี่อันคมกริบที่ชักออกจากฝักสองเล่มอย่างรวดเร็ว


” ข้าไม่มีปัญหากับสองแผนการแรกของผู้อาวุโสสูงสุด แต่ข้าไม่เห็นด้วยกับการกำจักสกุลจวินทั้งสกุล !  ยิ่งไปกว่านั้น ความทุกข์ทรมาณที่เราต้องประสบมานับสิบปี ตั้งแต่ครั้งแรกที่แผนการนี้ดำเนินไปยังไม่เพียงพออีกหรือ ? ”


ฮั่นจ๋านเมิงมองผู้อาวุโสเยือกเย็น และเอ่ยต่อเคร่งขรึม


” สิบปีก่อน ยอดฝีมือเทพเชวียนแห่งสกุลเซี่ยวมากมายแอบออกไปต่อกรกับ สกุลจวิน และเข้าไปเกี่ยวพันกับสงครามสองอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาติ ด้วยเหตุนี้ ทำให้สกุลจวินเกือบล่มสลาย !  และแม้ข้าบังคับให้หยุดทุกอย่างลง สกุลจวินก็ยังคงประสบกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องอีกสามหน ทำให้ทายาทรุ่นที่สองของพวกเขาที่เหลือรอดเพียงหนึ่งพิการ และมีเพียงเด็กเสเพลรุ่นที่สามเพียงหนึ่งเท่านั้น  ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจักพูดสิ่งใด นี่มันมากเกินไป !


ไม่สำคัญว่า สกุลจวินจะดีเด่นหรือซื่อสัตย์เพียงใด และ ความขุ่นแค้นของสกุลเจ้าและเรื่องส่วนตัว เหตุใดจึงต้องเกี่ยวพันกับพวกเราที่เหลือ ?  อีกทั้ง ข้ามิอาจเข้าใจถึงความพูดของผู้อาวุโสสูงสุดตั้งแต่ต้น เจ้าหมายถึงสิ่งใดขณะที่เอ่ยว่าสกุลจวินได้ก่อนกวนเมืองพายุหิมะขาวของเขาหลายครั้งหลายหน และถามถึงพลังอำนาจ ?   เพียงสิ่งเดียวที่ ปุกปั่นเห็นจะเป็นเพียงสกุลเซี่ยว !  เรื่องนี้จะไม่ถูกเอ่ยถึงอีก !  และหากผู้ใดตัดสินใจออกไปเพื่อต่อกรกับสกุลจวินโดยไม่ได้รับอนุญาติ จะได้รับการลงโทษโดยกฎแห่งนครโดยไร้ซึ่งเมตตาเช่นเดียวกัน ! “​


” แต่ ในเวลานี้สกุลจวินมีสองผู้ทรงพลังหนุนหลังอยู่ และไม่ช้านาน พวกเขาจะสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่ เมืองพายุหิมะสีเงินได้  แต่กระนั้น หากเราไม่เริ่มคิดจัดการกับสกุลจวิน พวกเขาจะต้องพยายามสร้างหายนะให้แก่เมืองพายุหิมะสีเงินเพื่อล้างแค่ในสิ่งที่พวกเขาได้ประสบมาในอดีต เนื่องจากเกลียดชังพวกเรา !   ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด พวกเราได้สังหารสมาชิกสกุลจวินสำคัญไปสี่คน และแม้นว่ามันจะเป็นความผิดพลาด ทำให้พวกเขาหนึ่งคนพิการ ก็มิอาจเปลี่ยนความจริงได้  และความเกลียดชังที่ส่งผ่านรุ่นสู่รุ่นนั้นมิอาจเลือนลางได้ง่าย  จะให้สกุลเซี่ยวของข้ายืดอกและแบกรับความไม่พอใจต่ออนาคตของเมืองพายุหิมะสีเงินเพียงลำพังหรือ ? ”


ผู้อาวุโสสูงสุดแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน


” การกระทำที่เกิดจากสกุลเซี่ยวในอดีต เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ท่าผู้อาวุโสสูงสุดมีการกระทำที่ผิดพลาดมากมาย และท่ายังต้องการจะกระทำมันอยีกกระนั้นหรือ ? ผู้อาวุโสสูงสุดจะทำให้พวกเราต้องเสียเลือดเนื้อไปตลอด เพราะความรู้สึกที่มีร่วมกันของเด็กนสองคน นั่นเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์ !  พวกเขาเป็นคนดี และพวกเขาจะไม่สังหารใครเพราะเรื่องนี้ ความบ้างคลั่งเช่นนี้มิอาจยอมรับได้ในเมืองพายุหิมะสีเงินของข้า !


เรื่องนี้เป็นข้อโต้เถียงมานับสิบปี !  และในสิบปีที่ผ่านมาก็ เห็นเพียงแต่จะเป็นทางตัน !  ข้าไม่ประสงค์จะโต้เถียงเรื่องนี้อีกแล้ว ”


ฮั่นจ๋านเมิง เพ่งมอออกไปอย่างเยือกเย็น


“  ผู้อาวุโสสูงสุด หากสกุลจวิน จริงจัง และโจมตีเมืองหายุหิมะสีเงินเพื่อล้างความแค้นจริง พวกเขาจะทำไม่ว่าเจ้ารู้สึกเช่นไร และข้าจักไม่เข้าไปแทรงแซงในเรื่องนั้น !  หากสกุลจวินไม่โจมตีพวกเราก่อน เราก็จักไม่ทำสิ่งใด ! “​


” สกุลจวินจักต่อสู้กับเมืองพายุหิมะสีเงินนั้นหรือ ?  ช่างน่าขัน มันเป็นเพียงแค่สกุลหนึ่ง ซึ่งไม่สลักสำคัญอันใด จะแกว่งเท้าหาความตายใส่ตัวเพื่อสิ่งใดกัน ?  แม้นจะผ่านไปสักร้อยปี ความแข็งแกร่งของสกุลจวินก็มิอาจเหมาะควรกับเมืองพายุหิมะ ! ”


ผู้อาวุโสผอมสูงคำรามทางจมูก เขามีนามว่า เซี่ยวปู้หยู และความจริงแล้วเขาคือ ผู้อาวุโสอันดับสองแห่งเมืองนคร


” หากสกุลจวินอ่อนแอเพียงนั้น เหตุใดสกุลเซี่ยวจึงต้องกังวลเช่นนี้ ? ”


ฮั่นจ๋านเมิงเพ่งมองไปอย่างเยือกเย็น


” เรื่องนั้น  . . ลูกสาวคนโตของเจ้ามิใช่เด็กอีกแล้ว และยังมิได้แต่งงาน และ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป  . . ”


ขณะเห็นความดื้อรั้นของ ฮั่นจ๋านเมิง ผู้อาวุโสสูงสุดจึงตัดสินใจเปลี่ยนใจไม่โต้แย้งแทนที่จะยืนยันในสิ่งเดิม


” เรื่องนี้จักต้องพิจารณากันต่อไป “​


ใบหน้าของฮั่นจ๋านเมิงแสดงออกราวปวดหัว


” ผู้อาวุโสสูงสุด เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ?  เจ้าต้องการให้โย่เป็นบ้าไปจริงๆ เจ้าต้องการบังคับให้นางทรมาณตัวเองจนเกือบตายอีกจริงๆหรือ ?  เจ้ารักนางดั่งเช่นลูกสาวมาเสมอ !  เจ้าไร้หัวใจขนาดทำเช่นนี้กับนางได้หรือ ? “​


ขณะได้ยินสิ่งนี้ ผู้อาวุโสสูงสุด ถอนหายใจโศกเศร้า แต่มิได้เอ่ยสิ่งใด


สิบปีก่อน ขณะ ฮั่นหยานโย่วกลับมายังเมืองพายุหิมะสีเงิน นางบ้าคลั่ง และทำลายเส้นลมปราณของตัวเองต่อหน้า ฮั่นจ๋านเมิงเพื่อจะรักษาสกุลจวินเอาไว้จากเงื้อมมือของสกุลเซี่ยว  นางสาบานว่านางจะมีชีวิตอยู่และตายไปพร้อมกับสกุลจวิน ภาพเลือดของนางที่เปอระเปื้อนไปทั่วพื้นยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของทุกคน !  จึงเป็นเหตุให้ ฮั่นจ๋านเมิง ขัดแผนการทำลายสกุลจวินของ ผู้อาวุโสสูงสุด อย่างรุนแรง !


ไม่มีผู้ใดลืมความยากลำบากในการช่วยชีวิต ฮั่นหยานโย่ว จากเงื้อมมือมัจจุราชได้ ผู่อาวุโสสูงสุด เวลานั้น สันนิษฐานจากความอ่อนแอทางร่างกายของนางว่า นางมิอาจทำลายเส้นลมปราณของนางได้อีก ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเดินหน้าแผนการจัดการกับสกุลจวินอีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รู้สิ่งนี้ หญิงสาวผู้น่าสงสารแทงตัวเองด้วยกระบี่สองเล่มจนมิดด้าม และยืนอาบเลือดต่อหน้าผู้อาวุโส และ เรียกร้องให้ระงับคำสั่งของเขาในทันที !


ผลนั้นทำให้ ผู้อาวุโสสูงสุดหมดหนทาง และจำใจยกเลิกแผนลับการทำลายล้างสกุลจวินเสีย  อย่างไรก็ตาม ความไม่ยั้งคิดของ ฮั่นหยานโย่ว ได้ทำให้ชีวิตของนางตกอยู่ในความเสี่ยง และด้วยเหตุนี้ ผู้ครองนครคนก่อนจึงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก แม้แต่ ฮั่นจ๋านเมิงและภรรยาของเขาก็มีโทสะกับสกุลเซี่ยว ด้วยเหตุนี้ สัญญาณแห่งความขัดแย้งของสกุลทั้งสองแห่งเมืองพายุหิมะสีเงินจึงปรากฏขึ้น


เดิมที มีเพียงแค่คนสำคัญในเมืองพายุหิมะขาวไม่กี่คนที่ได้รู้เรื่องนี้ ในขณะที่บุคคลภายนอกไม่รู้เลยว่าสิ่งใดเกิดขึ้น


” จากการสนทนานี้ หากไม่สั่งสอนเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะลุกลามไปถึงสกุลจวินหรือ ?  สกุลจวินมิอาจลุกขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกำจัดพวกเขาอีกแล้ว ! ”


ฮั่นจ๋านเมิงถอนหายใจ และเพ่งมองไปทั่วโถงขณะมองออกไปยัง อินทรีย์หิมะที่เกาะอยู่เบื้องนอก จากนั้นจึงพิศวงในหัวใจ


โย่ว ตอนนี้พ่อของเจ้าทำเพื่อเจ้าได้เท่านี้  ที่เหลือนั้น  . . เจ้าทำได้เพียงภาวนา . .


” หากเป็นเช่นนั้น ข้าจักเตรียมการ “​


แม้นผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่เห็นด้วยกับ ฮั่นจ๋านเมิง เขาไม่มีทางเลือกอื่น


” ครั้งนี้ พี่สองจะเป็นผู้นำ ผู้อาวุโสห้าและแปด  และเพื่อทำให้ความพยายามนี้ไม่ผิดพลาด ข้าจึงขอให้ ผู้นำนครคนเก่า อนุญาติให้พวกเขานำ กระบี่ทั้งเจ็ดตอดตามไปกับพวกเขาด้วย  สรุปแล้ว หากผู้ลึกลับเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม กระบี่ทั้งเจ็ดจักไม่เป็นสิ่งที่รับประกันได้หรือ ? “


” ดี !  เช่นนั้นไม่มีปัญหา !  สำหรับเรื่องที่เหลือ ข้าจักให้ผู้อาวุโสสูงสุดมีสิทธิ์เต็มที่ในการเตรียมการ “


ขณะได้ยินสิงนี้ ฮั่นจ๋านเมิงถูหน้าผาก ยืนขึ้น และเริ่มเคลื่อนออกจาโถงพร้อมภรรยา  แต่เมื่อเขาไปถึงประตู เขาหันหลังมาและเตือน


” ไม่ว่ากรณีใดๆ ห้ามผู้ใดเกี่ยวพันกับสกุลจวิน และหากฝ่าฝืน มั่นใจได้ว่า ข้าจะส่งรายงานแก่ท่านพ่อ  และข้าให้สัญญาว่า คนผู้นั้นจักถูกขับออกจากเมืองพายุหิมะสีเงิน !  โดยไม่มีข้อยกเว้น ! ”


หลังจากพูดจบ ทั้งสองจึงเดินช้าๆจากไป


สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดยืนอย่างไร้อารมณ์  และแม้นว่าเขาจะยังคงยืนอย่างสงบนิ่งต่อไป ร่องรอยแห่งโทสะสามารถเห็นได้จากประกายในดวงตา  จากนั้น เขาหันไปยัง เซี่ยวปู้หยูทันที


“​ เจ้าจักต้องเตรียมการเพื่อลงจากหุบเขาในเย็นนี้ กระทำการอย่างเร่งด่วนโดยไร้ซึ่งผิดพลาด ! “​


” ท่านพี่  . . ปัญหาของสกุลจวิน ? “


เซี่ยวปู้หยู ถามขณะคิ้วอันยับย่นของเขากระตุกขึ้นลง


” จะมีโอกาสมากมายสำหรับเจ้า เพื่อทำให้งานนั้นสำเร็จ ”


เซี่ยวเซียงหยุนสูงหายใจลึก และตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยเมย 


” หลังจากที่เจ้าลงไปแล้ว ทำในสิ่งที่เจ้าคิดว่าสำคัญ ! “


” ขอรับ ! ”


ภายนอกโถง ฉือฉ๋วงเชียง ลูบท้อง ปลดปล่อยความกังวลบางอย่างที่ยังคงติดตรึงในความคิดของนาง   


” ขอบคุณสามีข้า หากเจ้าไม่ยืนกราน บางทีสกุลจวินอาจต้องพินาศ  . . และหากสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับพวกเขา ข้ากลัวว่า โย่ว  . . “


” แม้นข้าจะหยุดการดำเนินการทั้งหมดไปแล้ว แต่โย่วก็ยังคงมีปัญหาอีกมากมาย  . . พวกเราสามารถช่วยนางได้เพียงไม่นาน “


ฮั่นจ๋านเมิงถอนหายใจลุก และมองขึ้นไปยัง สรวงสวรรค์ขณะพูดเบาๆ


” ลูกสาวของพวกเราต้องประสบกับความทุกข์ทรมาณมากมายนับสิบปี  และในฐานะพ่อ ข้าจักปล่อยให้ความหวังสุดท้ายของนางดับสลายไปได้เช่นไร ? “


” ไม่ว่าอย่างไร ไม่มีผู้ใดทำอันตรายลูกของข้า !   หรือครอบครัวของข้าได้ ! “


ฮั่นจ๋านเมิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา  ขณะเขาสบัดปลอกแขน น้ำแข็งก้อนใหญ่แตกเป็นเสี่ยงมากมาย ซึ่งกระจายขึ้นไปบนอากาศราวกับเกล็ดหิมะ !


ฉือฉ๋วงเชียง แอบอิงอยู่เคียงข้างสามี นางสัมผัสถึงความอบอุ่นในหัวใจได้ทันที  นางรู้สึกว่าตราบใดที่สามีของนางแบกรับภาระไว้บ่นบ่าอย่างหนักแน่น จะไม่มีอันตรายใดๆกับลูกสาวทั้งสองของพวกเขา แล้วด้วยเหตุนี้ นางอดที่จะยิ้มพอใจมิได้ …


. . . . . .


ภายในถ้ำอันโดดเดี่ยวบนยอดเขาไม่ไกลจากโถง มีหญิงสาวสวมชุดและหน้ากากขาว ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว  นางเปิดจดหมายด้วยมืออันงดงามรามพฤกษา และอ่านมันอย่างรวดเร็ว แต่ขณะนางอ่านจบ นิ้วมือของนางเริ่มสั่นเทาขณะดวงตาเริ่มเจิ่งนอง


” นี่เขา  . . ! การบาดเจ็บของเขาได้รับการฟื้นฟูแล้ว ขอบคุณสวรรค์  . . “


หญิงสาวชุดขาว หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความสุข ขณะร่างอันเพรียวงามของนางโน้มลงพร้อมหัวไหล่อันสั่นเทาราวกับใบไม้แห้งกลางสายลม  หัวใจของนางเย็นชามานับทศวรรษ อย่างไรก็ตาม จดหมายฉบับนี้ได้ทำลายน้ำแข็งก้อนนั้นไปแล้ว และหลอมละลายจนเผยถึงความอ่อนแอและไร้อำนาจที่นางรู้สึกมาหลายปี !


ด้วยน้ำตามในดวงตา หญิงสาวในชุดขาวสะอื้นเบาชั่วครู่ แต่จากนั้น นางยืนขึ้นและเดินไปยังปากถ้ำ  คุกเข่าลงพร้อมมือประสานด้วยความนอบน้อม มองขึ้นสู่งสวรรค์ขณะนางอ้อนวรด้วยเสียงอันอ่อนนุ่ม


” ขอบคุณพระเจ้า สำหรับการฟื้นฟูของเขา ขอบคุณที่เขาไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป  . . ขอให้เขามีความสุข  . . หญิงสาวผู้นี้จะแลกเปลี่ยน สิบ . . หรือยี่สิบปี เพื่อชีวิตอันปลอดภัยและมีความสุขของเขา  . . “


” หากแม้นพวกเรามิอาจได้อยู่ด้วยกัน  . . ข้ายังเป็นโย่วของเจ้า  . . ตลอดไป ! “​


นางหมอบลงพื้นอย่างอ่อนโยน ขณะคำอ้อนวรของนางค่อยๆจางหายไปในสายลมที่พัดผ่าน ก่อเกิดพายุที่รุนแรงขึ้นเบื้องบนสวรรค์ และยิ่งรุนแรงมากขึ้น ไม่มีวี่แววจะลดลง  เกล็ดหิมะเริ่มใหญ่และอัดแน่นมากขึ้น และร่วงหล่นลงมายังยอดเขารุนแรงกว่าแต่ก่อน  . .


และแม้นว่าหญิงสาวผู้โดดเดี่ยวบนยอดเขาหิมะนี้จะถูกหิมะปกคลุมไปในเวลาไม่นานนัก นางยังคงไร้ความรู้สึก สวดภาวนาขณะที่หน้ำตาของนางหลั่งไหล และหยดลงเป็นน้ำแข็งบนพื้น  . .


อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น มีเงาสิบร่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และเหาะออกไปจากเมื่องสีเงิน  พวกเขาเคลื่อนตัวลงจากหุบเขาภายใต้หิมะและสายลม . .


. . . . . .


ภายในจวนสกุลจวิน เสียงร้องราววิญญาณโหยหวนปลุกให้นายน้อยตื่นขึ้นในรุ่งสาง เขาถูกลากลงจากเตียงโดยเจ้าอ้วน   และเมื่อเขาลืมตา เขาก็ได้เห็นเจ้าไขมันสวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูราวกับวิญญาณไม่ปาน  ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอ้วนยังดูผอมลงกว่าแต่ก่อน จนตอนนี้ อย่างนอยเขาก็ดูเหมือน   . . คนขึ้นมาบ้างแล้ว


ไม่เพียงแค่นั้น ใบหน้าของเขายังสะอาดสะอ้าน และผมของเขาเรียบร้อยอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่ร่างของเขาปลดปล่อยกลิ่นหอมน้ำผึ้งจางๆ  หลังจากมองหน้าเขา สามารถบอกได้เลยว่าเขาต้องโปะแป้งเข้าไปจำนวนมาก  . . เจ้าอ้วนทาห้าตัวเองด้วยแป้ง และแน่นอน มันหนามาก  . .


” เออออออ  . . “


จวินโม่เซี่ยสำรอกออกมา 


” เจ้าอ้วน แป้งหนาบนหน้าของเจ้าทำให้เจ้าดูน่ากลัวเพราะรูปร่างของเจ้า รู้บ้างไหม ?  เจ้ากำลังพยายามแสดงเป็นผีด้วยการโป่ะแป้งหน้าๆบนใบหน้าของเจ้าอย่างนั้นหรือ ?  และเหตุใดเจ้าจึงปลุกข้าตื่นไวเช่นนี้ ? ”


เขามองไปที่หน้าตางและเห็นแสงแรกอรุณจางๆ


” นายน้อยสาม  . . ท่านพี่ . . ”


ถังหยวนนั้นไม่เคยอับอาย


” เจ้ามิได้สัญญาไว้ว่าจะตามข้าไปพบแม่นางสกุล ซุนกับข้าหรือ … ”


” แม่นางซุน . . โอ้ แม้นางซุนนั่น ? ”


จวินโม่เซี่ยตระหนักได้ทันที และลุกขึ้น 


” นางมิได้เป็นคู่หมั้นของเจ้า ?  ผู้ที่เจ้าเสียไปตอนเล่นพนันหรือ ? ”


” แม่วัวเอ้ย ! ”


เจ้าอ้วนคำรามอย่างรุนแรง 


” เป็นไปได้ไหมที่เจ้าไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นต่อหน้านาง ?  ข้ามิได้อยู่ให้ห่างเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้นตั้งแต่นั้นมาหรอกหรือ ? “​


เขาพูดขณะยืดตัวขึ้น หน้าตาพึงพอใจ


” ข้าผอม ดูดีใช่ไหม ? ”


” เอ่ออ ใช่  . . ผอมเพรียวจริงๆ  ความจริงแล้ว เจ้าเกือบจะดูเหมือนคน ”


จวินโม่เซี่ยเอ่ยปากอย่างทันที 


” เจ้าดูผอมมากจริงๆ ความจริงแล้ว ข้าสับสนยิ่ง  . . “


ถังหยวนอ้าปากและหัวเราะลั่นหลงตัวเอง  จากนั้นเขาหมุนตัวสองรอบ กำลังคิดว่าตัวเองดูสง่างาม


อย่างไรก็ตาม การหมุนตัวนี้ทำให้สิ่งที่พยุงความผอมบางนี้พังทลายลง  ปล่อยให้ไขมันของเขาหลุดลงมาอีกครั้ง ซึ่งหลุดออกมาดั่งกระเป๋าที่ยืดหยุ่นได้ตามวิถีการหมุนตัวของเขา และเปลี่ยนทิศทางอีกครั้งขณะที่เขาหยุดลง มันย้อยลงมาและปะทะเข้ากับ ง่ามขาและเข่า


” ข้ากำลังจะไปพบแม่นาง ซุนเป็นครั้งแรก ข้าจะต้องดูดีในสายตาของนาง ! ”


ความปรารถนาและความสุขเปล่งประกายขึ้นในดวงตาของเขา ขณะที่รูม่านตาของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นรูปหัวใจ

 

 

 


ตอนที่ 236

 

จวินโม่เซี่ยมิอาจทนต่อภาพที่ปรากฏขึ้นมาและเสียงครวญนั้นได้  อย่างไรก็ตาม เขายังอยากรู้และประหลาดใจ


หญิงใดเล่าจะทนต่อผู้ที่หนักเกือบร้อยกิโลนี้ได้ ?


 


พวกเขากินมื้อเช้าพร้อมหรี่ตา  จากนั้นพวกเขาเบิกกว่าขณะเฝ้าคอยเวลาที่จะมาถึง  พวกเราเรียกหาองครักษ์เมื่อใกล้เวลา และออกไปเพื่อพบหญิงสาว


 


” นายท่าน จะเป็นเช่นไรหากสิ่งที่เจ้าพูดนั้นจริง และหลานสาวสกุล ซุนไม่ชอบข้าเพราะว่าข้าอ้วน ?  ข้า … “


ในหัวของถังหยวนเต็มไปด้วยความกังวล  เขาตดใส่ม้าที่กำลังขี่เนื่องจากรู้สึกกดดัน  ม้าทำจมูกบานประหนึ่งบ่น ฟองก่อตัวขึ้นริมฝีปากเนื่องจากความทุกข์ทน


 


จวินโม่เซี่ยครวญตอบ ขณะดวงตากวาดไปทั่วถนน เหม่อลอยมองไปข้างหน้า


 


ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าอ้วนถังไม่รู้ถึงสีหน้าเหม่อลอยของนายน้อยจวินเลย  เขาจดจ่ออยู่กับการเพ่งมองความอ้วนของตัวเอง และถอนหายใจขณะความคิดนั้นปรากฏขึ้น  เขาหันหน้ามองไปยังเพื่อนอย่างรุนแรง และถามด้วยความตื่นเต้น


 ” นายน้อยสาม เจ้าเคยพูดว่าการที่ข้าจะลดน้ำหนัก ….​มันจะได้ผลหากเจ้าเป็นคนจัดการ ? “​


 


ขณะเขาโบกไม้มือ ม้าที่อยู่ใต้ก้นของเขาร้องขึ้นด้วยเจ็บปวด ขณะกีบเท้าทั้งสี่ของมันสั่นเครือ  ม้าที่เหนื่อยหอยหันหัวอย่างโมโห และ ทำสีหน้าไม่พอใจ จากนั้นมันลดความเร็วลง  ราวกับว่า เจ้าอ้วนถังบังคับให้ม้าเซไปข้างหลังด้วยการบิดเอว


 


” เอ่อ ข้าจักช่วยเจ้าลดน้ำหนักหลังจากที่การบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้ว “


จวินโม่เซี่ย ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาแตะคาง และต่อ


 “​ ข้าจะทำให้เจ้าผอมดั่งเช่นถั่วงอก “​


 


“​ดี  มันจะทำให้เจ้าได้รู้ … ว่าข้านั้นหล่อเหลาหากข้ามิได้อ้วน “


ถังหยวนทำนิ้วเป็นเชิงสัญลักษณ์ขณะชี้ตรงไปยังจวินโม่เซี่ย ขณะมองเขาด้วยความเสน่หา


 


” ไฮ่ย๊ะ ! “


จวินโม่เซี่ยฟาดแซ่ลงไปบนหลังม้า และ พุ่งไปข้างหน้า  จากนั้นเขาหันหน้ามาและทำสีหน้ารังเกียจ


 


สีหน้ามารยาของเจ้าอ้วนถังเป็นดั่งอาวุธร้าย


มันจะมากเกินไปแล้ว …


 


” นางพบเจ้าที่นี่ ?  ไม่น่าแปลกใจเลย ! “


จวินโม่เซี่ยเบิกตากว้างขณะมองไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่เบื้องหน้า


 ” คู่หมั้นตัดสินใจพบเจ้าที่ โรงเต๊ียมนี้นะหรือ ?  ข้าประหลาดใจยิ่ง หรือว่าเจ้าเป็นผู้เสนอสถานที่ ? “​


 


” มิใช่ข้า ข้าไม่คิดว่าจะพบนางที่ โรงเตี๊ยม แห่งนี้ … แม้นข้าจะเชื่อว่ามันเป็นความคิดที่ดี ! “


ถังหยวนมองไปยังจวินโม่เซี่ยท่าทางสับสน และถาม


” เจ้าพบว่ามันผิดปกติกระไรหรือ ? “​


 


” อะไรแปลก ?  ผู้ชายพบกันในโรงเตี๊ยมนั้นถือเป็นเรื่องปกติ  แต่ หญิงสาวจะพบคู่หมั้นของนาง … มันไม่ใช่ธรรมดาสามัญ ! “


จวินโม่เซี่ย แจ๊บลิ้นสองครั้งขณะพูด


” จ้าอ้วน ดูเหมือนว่าอนาคตเมียเจ้าจะไม่เหมือนคนอื่นๆ “


 


” โอ้ว ?  ข้าคาดว่านางจะเลือกซ่องแทน ? “


ถังหยวนกระพริบตาขณะ บานจมูกแสดงความเย้ยหยันต่อความคิดเพื่อน


 


จวินโม่เซี่ยยังมิทันได้ตอบ ขณะที่เงาสีขาวพุ่งจาก โรงเตี๊ยมนั้นตรงมาที่เขาและ มายืนอยู่บนไหล่ของเขา ความเร็วของเงาสีขาวนั่นไม่น้อยไปกว่ายอดฝีมือระดับสูง


 


เขาไม่มีเวลาได้ตอบโต้เลยเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ และจำยอมให้สิ่งมีชีวิตสีขาวนั่นอยู่บนไหล่ของเขา  สัตว์ตัวน้อยส่งเสียงครวญครางก่อนจะขยับลงไปที่ท้องของจวินโม่เซี่ย  จากนั้นมันกอดอยู่ที่อกของจวินโม่เซี่ยพร้อมเสียงฮึมฮัม ตะเกียจตะกาย และเกาะติดอยู่ที่อกของจวินโม่เซี่ย   มันยื่นหัวน้อยๆออกมาพักที่ไหปลาร้าของจวินโม่เซี่ย และไม่ไหวติงดั่งการได้อยู่ในอ้อมกอดที่ปลอดภัย …


 


จวินโม่เซี่ยสัมผัสถึงสิ่งนี้ได้นานแล้วเนื่องจากความสามารถในการสัมผัสของเขา


” โว้ !  เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้าตัวน้อย ? “


เขาถามอย่างนุ่มนวลขณะคว้าหูของสิ่งมีชีวิตนั้นซึ่งติดอยู่กับอกของเขา


 


สัตว์ตัวน้อยนี้มิใช่สิ่งอื่นใดเว้นแต่ เสือดาวปีกเหล็ก ของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ !  เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาในเวลาอันสั้นหลังจากที่จวินโม่เซี่ยมิได้พบเจอมัน …


 


ยิ่งไปกว่านั้น ก้อนเนื้อเล็กๆสองชิ้นใกล้ๆซี่โครงของ เสือดาวปีกเหล็กนั้นสามารถเติบโตเป็นปีกได้ในวัยอันสมควร  แต่กระนั้น มันก็เป็นปีกที่ทำจากเนื้อหนัง  ตัวอ่อนนี้สามารถสร้างปีกขึ้นได้แม้นว่าอายุจะน้อยนิด  ความสามารถของมันนั้นไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง !


 


เจ้าตัวน้อยมองขึ้นมาด้วยแววตาแจ่มใสขณะได้ยินนายน้อยที่รัก  จากนั้นร้องครวญสองหน แลบลิ้นสีชมพูอันน้อย และ เริ่มเลียหน้าอกและคอของนายน้อยที่รักของมัน  จากนั้นหันไปหนึ่งหน และเริ่มเสาะหาคอของจวินโม่เซี่ยด้วยเท้าเล็กๆของมัน  สัตว์ตัวน้อยเงยหน้าขึ้นด้วยความสุขเมื่อได้พบกับเป้าหมายที่ปรารถนา อาจบอกได้ว่ามันจะเกาะติดกับจวินโม่เซี่ยต่อไปอีกนับห้าร้อยปี …


 


อย่าไรก็ตาม เจ้าตัวน้อยอาจจะคิดว่าจวินโม่เซี่ยอาจไหวตัวและทิ้งมันไป


 


เจ้าตัวนี้เป็นสุดที่รักของเด็กสาวผู้นั้น … ซึ่งหมายความว่า …


 


จวินโม่เซี่ยพยักหน้า เนื่องจากเขามิต้องไตร่ตรองสิ่งใดอีก  หากเจ้าตัวน้อยอยู่ที่นี่ หมายความว่า ตู่กู้เซี่ยวอี้  ก็ต้องอยู่ไม่ไกลนัก !  เมื่อคิดถึงเด็กสาวเกเรนั่นทำให้จวินโม่เซี่ยปวดหัว


 


นายน้อยจวินยังไม่มีโอกาสได้พบกับผู้ที่อยู่ในเทียนเชียงอีกหลายคน ดั่งเช่นองค์จักรพรรดิ  แต่กระนั้น องค์จักรพรรดิอาจจะมิใช่ผู้ที่เขาอยากเจอ  ในอีกมุมหนึ่ง ก็ยังมีอีกรายชื่อ ที่นายน้อยจวินไม่ต้องการพบ ตู่กู้เซี่ยวอี้ก็เป็นหนึ่งในรายชื่อนั้น


 


อย่างไรก็ตาม เขามาถึงหน้าประตูแล้ว และไม่อาจล่าถอยได้  ดังนั้น เมื่อไม่มีทางเลือก นายน้อยจวินจึงเรียกเจ้าอ้วนถัง ทั้งคู่ลงจากหลังมา และเดินเข้าไป


 


พวกเขาไม่รู้เลยว่า เส้นทางที่เขาเลือกไปนั้น … กลายเป็นการวิ่งเข้าหาเสือ


 


เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายอุสาหะอย่างมากที่จองโถงแห่งนี้เพื่อการพบกันระหว่าง หลานสาวสกุลและนายน้อยถัง  ยิ่งไปกว่านั้น มีที่สำหรับแข และมันอยู่ตรงกลาง


 


แขกทั้งสอง นั่งอยู่แล้ว !


 


หนึ่งในสอง คือร่างเล็กๆที่สวมชุดสีเขียวอ่อน นั้นเห็นได้ชัดว่าคือ ตู่กู้เซี่ยวอี้  เห็นได้ชัดจากผมเปียของนางโบกไปมาขณะพูด  แต่กระนั้น ชายผู้ที่นั่งกับนางนั่นคือ …


 


ผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ตู่กู้เซี่ยวอี้ มีรูปร่างกำยำ ไหล่กว้าง แขนหนา และมีผมเพียงเล็กน้อย ขณะมองไปที่เขา  สามารถบอกได้เลยว่าเขาช่างน่าเกรงขาม  เห็นได้ชัดว่า สกุลตู่กู้ยังคงไม่สบายใจกับการพบเจอนี้ และส่งพี่ตู่กู้เซี่ยวอี้เพื่อเป็นองครักษ์ อยู่เคียงข้างนาง  แต่ผู้นี้คือ วีรบุรุษและตำนานผู้มุ่งต่อไป หรือ ?


 


ท่าทางของเขานั้นดีว่าพี่น้องตู่กู้คนอื่นๆ … ดวงตาอันคมกริบของจวินโม่เซี่ยไม่อาจจะบอกได้ว่า ผู้ที่เป็น วีรบุรุษและตำนานผู้มุ่งต่อไป จะเป็นใคร


หรือเขาจะเป็นลูกชายคนที่แปดแห่งสกุลตู่กู้ ?


 


ถังหยวน และ นายน้อยจวินผ่านเข้าประตูมา  อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็น สองคนนั้นรู้สึกว่ามีบางอย่างเกินขึ้นขณะพวกเขาเดินตรงเข้าไป


 


จวินโม่เซี่ยตบผากตัวเอง  เขามางานนัดบอดของถังหยวน มิใช่ของตัวเอง  แต่ หลานสาวสกุลซุนนั้นอยู่ที่ใดกัน ?  ไม่มีหญิงสาวผู้อื่นที่นี่ นอกเสียจากตู่กู้เซี่ยวอี้ !  เขาบอกไม่ได้ว่าทำไม แต่ทันใดนนั้น ความรู้สึกแปลกประหลาดได้ก่อตัวขึ้นใหัวใจของเขา


 


ด้วยความงุงงง นายน้อยจวินคิดถึงสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เขาละทิ้งมันไปในทันที  เขาคว้าปลอกแขนของถังหยวนอย่างรวดเร็ว และถามเบาๆ


” เจ้าอ้วน คู่หมั่นของเจ้า … แม่นางจากสกุลซุน … เจ้าไม่เคยเจอนางมาก่อนใช่หรือไม่ ? “​


 


ฝ่ามือของถังหยวนเปียกชุ่มด้วยความกังวลใจเนื่องจากเขาวางแผนจะทำให้คู่หมั่นประทับใจ  เขารู้สึกอ่อนแรงเมื่อถูกดึงเช่นนี้ เขาตอบจวินโม่เซี่ยด้วยเสียงเบาขณะที่หันหัวอ้วนๆไป และยืดตัวขึ้นอีกครั้ง


” ไม่ แต่คู่หมั่นของข้านั้นสง่างามและเป็นสุภาพสตรี  พวกเราเพิ่งจะเข้ามาที่นี่ … เราจะมั่นใจได้เช่นไรว่าไม่มีผู้ใดอื่นอีกแล้ว ? “​


 


หลังจากถังหยวนพูดจบ และขยับเข้าไปใกล้หูของจวินโม่เซี่ยขณะพูดต่อ


” อย่างไรก็ตาม ข้าคาดว่าสิ่งที่ข้าได้ยินมานั่นถูกต้อง เพราะข้าเคยได้ยินท่านปู่พูดถึงหลานสาวของสกุลซุน เขาต้องตัดสินใจเป็นอย่างดีเนื่องด้วยการมองการไกล … “


 


” ปู่ของเจ้าพูดว่าอะไร ? “


จวินโม่เซี่ยอยากรู้อยากเห็น


 


” ปู่ของข้าพูดว่า หลานสาวสกุลซุนนั้นก้นใหญ่มาก และข้าแน่ใจว่าจะต้องมีลูกชาย  พวกเจ้าทั้งสองนั้นถือว่าเหมาะควรกัน ! “


ขณะเอ่ยสิ่งนี้ ถังหยวนหัวเราะหยาบคาย ขณะคิ้วทั้งสองกระตุกขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น


” นายน้อยสาม เจ้าอาจจะไม่รู้ แต่นั้นชอบหญิงสาวก้นใหญ่ดั่งเช่นคู่หมั่นมาก !  แต่กระนั้น หญิงสาวในฝันข้า ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ … “


 


จวินโม่เซี่ย กรอกตาและเดินไปด้านใน เขาเห็นเจ้าอ้วนอนาจารเพียงพอแล้ว  อย่างไรก็ตาม คู่หมั่นของเจ้าอ้วน นั้นน่าเห็นใจ …


กระนั้น เด็กสาวเช่นไรกันที่จะเหมาะควรกับเจ้าอ้วนนี่ ?


สกุลซุนมิได้ยกเลิกการหมั่นหลังจากเห็นพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของเจ้าอ้วนนี่ ดูเหมือนจะผิดปกติอย่างมาก ….


 


นายน้อยจวินครุ่นคิดถึงเรื่องแปลกประหลาดนี้ เมื่อเสียงดังก้องทำให้เขาตกใจอย่าง ! รวดเร็ว


 


” จวิน .. พี่โม่เซี่ย !  เจ้าก็มาด้วย ! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ เป็นฝ่ายเริ่ม และทักทายเขาอย่างตื่นเต้น


” ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องตามเจ้าอ้วนมาที่นี่  แล้วข้าก็ติดตามพี่ซุนของข้ามเช่นกัน  ฮี่ฮี่ … ข้าคิดไว้ไม่ผิด !  เจ้ามาจริงๆ ! “


 


ทั้งร่างจวินโม่เซี่ยสั่นเทา ตู่กู้เซี่ยวอี้ เพิ่งเรียกเขาว่า ” พี่โม่เซี่ย ” เป็นครั้งแรก  ความหนาวเย็นพุ่งผ่านร่างของเขาขณะเขากำลังคิดว่า


เหตุใดเจ้าเด็กสาวนี่ถึงสุภาพนัก ?


 


” แม่นางตู่กู้ !  ช่างเป็นโชคชะตาที่ข้ามีความสุขที่ได้พบเจ้าที่นี่ แต่ประสงค์ที่แท้จริงขอพวกเราที่มาสถานที่นี้คือพบกับพี่สาวของเจ้า หลานสาวสกุลซุน  แล้ว นางอยู่ที่ใด ? “


จวินโม่เซี่ย ตอบกลับรวดเร็ว เพื่อมองหาแผนการของนาง


 


” เจ้ายังคงเรียกข้า แม่นางตู่กู้ ?! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ มองเขาเล็กน้อยและครุ่นคิด  ขณะเดียวกัน มือของจวินโม่เซี่ยยกขึ้นมาที่อก และดึงเจ้าขาวน้อยที่อยู่ในเสื้อของเขาออกมา เจ้าตัวน้อยยังคงเกาะแน่นอนไม่ยอมจากเขา  ตู่กู้เซี่ยวอี้ อีกมุมหนึ่ง ยังคงกระพือริมฝีปากต่อ


” เจ้าไม่ได้ ? “


 


เพียงได้ยินเรื่องนาง ถังหยวนถึงกับน้ำลายไหล  เขาเกาคอมองหาหญิงสาว แต่กลับไม่พบผู้ใดอื่นนอกจาก ตู่กู้เซี่ยวอี้  ขณะเดียวกันก็เห็นเข้ากับ ร่างกำยำซึ่งกำลังดื่มเครื่องดื่มของตัวเองอยู่


 


เวลานั้น ความคิดจวินโม่เซี่ยก่อตัวขึ้น


นั่นคือหลานสาวสกุล ซุนหรือ ?


 


นายน้อยจวินคิดกับตัวเอง


ปู่ถังพูดไม่ผิด !  ทั้งสองนั้นเป็นคนที่เหมาะควร พวกเขาเป็นคู่ที่สวรรค์สรรสร้าง !

 

 

 


ตอนที่ 237

 

เจ้าอ้วนยังคงฉงน เนื่องจากร่างอันแข็งแกร่ง มุ่งหน้ามาหาพวกเขา


แม้นคนผู้นี้จะไม่สูงนัก แต่สามารถบอกได้จากรูปร่างว่าเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก  คนผู้นั้นยิ้มกว้างขณะเขาประกบฝ่ามือเข้าใจเย็น และพูดจริงใจ


” เจ้าต้องเป็นนายน้อยสามสกุลจวิน ?  และผู้ที่มากับท่านั้น คือสามีในอนาคตของข้า ถังหยวน ?  หญิงผู้นี้คือ ซุนเซี่ยวเหม่ย “


 


ถังหยวนตะลึงพูดไม่ออก  ดวงตาของเขาเกือบหลุดจากเบ้า ขณะกรามของเขาเกือบหลุดลงพื้น  ชายผู้นี้จริงแท้แล้วเป็นหญิง !  คิ้วหน้าเหนือดวงตานั้น มิได้น่าเกลียดเกินปกติ หากพวกมันมิได้อยู่บนหน้าผากอันกว้างใหญ่ของนาง


 


น่าประหลาดใจ หญิงผู้นี้มัดผมดั่งบุรุษ  นางมิได้ทางแป้งแต่งหน้าแม้แต่น้อย และมีเครื่องประดับเพียงน้อยนิด  นางยืนประมือในท่วงท่ามั่นคงดั่งวารีอันเฉื่อยชา  แม้เสียงของนางจะดังก้องแสบแก้วหู ดั่งยอดฝีมือทรงพลัง !


 


” ก้นของนางไม่เล็กเลยจริงๆ นางต้องอ้วนอย่างแน่นอน  ปู่ของเจ้าพูดถูกต้องแล้ว  พวกเจ้าทั้งสองนั้นเหมาะควรกัน..ดั่งธรรมชาติสร้าง “


นายน้อยจวินไม่รู้จักพูดสิ่งใด  เนื่องด้วยไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงฝืนมิให้ตัวเองหัวเราะออกมาดัง และป้องมือ  จากนั้นเขาแสดงความยินดับกับถังหยวนด้วยเสียงเบา


 


” โอ้ว เฮ้ … “


ดูเหมือนถังหยวนต้องอสุนีบาต  ตาเล็กๆของเขาบัดนี้กลมโต  ปากของเขากว้างเกือบถึงฐานหู ขณะน้ำลายแห่งความสิ้นหวังเริ่มหยดออกมา  ทันใดนั้นมีเสียงเล้ดรอดออกมาจากคอของเขา


” คะ คะ คะ … “


ราวกับขันหมือนไก่ จากนั้นดวงตาของเขาเหลือกไปด้านหลัง ราวกับเขาแขวนคอตัวเองลงจากเสาหยก  แต่ไม่นานสีหน้าเขากลับดูวิงเวียน  ราวกับว่าเสาหยกต้นนั้นมิอาจแบกรับน้ำหนักของเขาได้ .. และในที่สุดก็ตกลงมาและหัวของเขาปะทะกับพื้น ด้วยเสียง ตุ๊บ


 


ถังหยวนจินตนาการถึง คู่หมั่นของเขามากมาย ซุนเซี่ยวเหม่ย หลานสาวสกุลเซี่ยว  เขาคิดมาเสมอว่านางจักต้องเป็นคู่หมั้นที่ดีที่สุดของเขา อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างการจินตนาการถึงคนรักในฝันและความเป็นจริงนั้น … มันมากเกินกว่าที่ถังหยวนผู้น่าสงสารจะทัดทาน  ความน่าตกใจนี้โหดร้ายจนทำให้คนสามารถอ้วกออกมา สิ้นสติ และในที่สุดล้มลงสู่ธรณี


 


” ชัดเจนว่า หญิงผู้นี้เป็นทำให้คู่หมั้นของข้าเกรงกลัว “


หลานสาวสกุลซุนถากถางตัวเอง  แม้นจะมีร่องรอยแห่งความโศกในดวงตาของเขาง แต่นางปกปิดมันอย่างรวดเร็ว  จากนั้น นางเอ่ยตามตรงกับถังหยวนหลังจากคาดเดา


” สามีในอนาคตของข้านั้นช่างอ้วนยิ่ง  เขาจำต้องลดน้ำหนัก “


 


ขณะป้องกำปั้น นางผายมือขึ้นมาและพูดต่อ


” นายน้อยจวิน โปรดนั่ง “


 


นายน้อยจวิน เข้าใจความจริงได้มาก ก่อนเจ้าอ้วนถัง  อย่างไรก็ตาม ความประทับใจแรกพบของเขาจาก ซุนเซี่ยวเหม่ยนั้นไม่ดีจริงๆ  มันสำคัญที่ว่าเจ้าอ้วนนั้น ยังคงเป็นทายาทของสกุลที่สำคัญแห่งนคร แม้นเขาจะทนไม่ได้  ดังนั้น ศีลธรรมและความประพฤติของภรรยาของเขานั้นไม่คู่ควรเป็นเช่น ซุนเซี่ยวเหม่ย มิใช่การดูหมิ่นหญิงสาว แต่หญิงสาวนั้นถูกมองว่าคือผู้ปรนนิบัตรของผู้ชายในยุคนี้  คนส่วนใหญ่จะมองว่ารูปร่างของนางนั้นไม่ดีนัก  อย่างไรก็ตาม ข้อบกพร่องของนางนั้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับทัศนะที่ห้าวหาญของนาง


 


จวินโม่เซี่ย เริ่มมีความคิดที่ดีต่อ ซุนเซี่ยวเหม่ย แม้นว่าเขาเพิ่งได้พบนาง ความจริง เห็นได้ชัดถึงการชื่นชมจากความจริงใจในดวงตาของเขา   สำหรับเขา ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลเกี่ยวกับนาง นอกจากความสูงและรูปร่าง


 


ไม่นาน นางอาจถือได้ว่า เป็น หญิงสาวผู้ที่เหมาะสมกับผู้ชาย


 


เพียงหนึ่งหรือสองคำ ก็สามารถบอกได้ถึงความสามารถในการรับมือกับสิ่งต่างๆซึ่งเกินกว่าผู้ชายของนาง  ชัดเจนว่านางนั้นมี บุคลิกดั่งวีรชน หากนางไม่ได้เกิดมาเป็นหญิง


 


หากเจ้าอ้วนยกเลิกการหมั้นเพียงเพราะหน้าตาของนาง … ก็เปรียบได้กับการที่เขาได้พลาดโอกาสที่ดีไป !


 


อย่างไรก็ตาม ความบกพร่องทางร่างกายของนางได้กำหนดชะตาชีวิตสู่เรื่องเศร้า


 


สรุปแล้วคือ ชายส่วนใหญ่ตัดสินหญิงสาวเพียงแค่ภายนอก !


 


ความสง่างามภายในของหญิงสาวคงจักไม่สำคัญต่อชายส่วนใหญ่ !


 


แม้นว่าจะไม่น่ารื่นรมย์ที่ได้ฟัง แต่ความจริงคือ จวินโม่เซี่ย นับถือนางเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้


 


หากเสนาบดีพูดกับเขาว่า …. ข้าจักมอบลูกสาวข้าให้แก่เจ้าหากเจ้าชื่นชมนางมากจริงๆ !  เจ้าจะเอาใจใส่นางหรือไม่ ?


 


นายน้อยจวินคงจะหายตัวไปในทันที … เขาคงจะหนีออกไปนอกนครตลอดชีวิต จะไม่หันกลับมามองหลานสาวสกุลซุนอีก ไม่ต้องพูดถึงว่านางคือช้างเผือก


 


” พี่โม่เซี่ย หน้าตาของพี่ ซุนนั้นมิได้โดดเด่น … แต่นางนั้นนิสัยดี มีเมตตา และฉลาดล้ำ  ข้านั้นสนิทกับนาง และนางเป็นผู้ที่โดดเด่นยิ่ง  นางเป็นคนซื่อตรง และไม่เอาเรื่องเล็กน้อยใส่ใจ ข้ารักนางอย่างมาก ! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้พูดด้วยน้ำเสียเสนาะหูขณะนางตีและลูกเจ้าขาวน้อยเบาๆ


 


” เจ้าถูกแล้ว ! “


จวินโม่เซี่ยชื่นชมจริงใจ


 


จวินโม่เซี่ยสัมผัสได้ว่า เด็กสาวผู้นี้รู้ว่าจักต้องจัดการกับเรื่องไร้สาระได้เช่นไร แม้นว่านางจะทำตัวไร้เดียงสาและบริสุทธิ์  ยิ่งไปกว่านั้น นางค่อนข้างมีจุดมุ่งหมายแม้นว่ายังคงเป็นเด็กอยู่


 


มีหญิงเพียงไม่กี่คนในยุคนี้ที่สามารถหน่วงการสนทนาได้อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้  ดังนั้น แม้นว่า ซุนเซี่ยวเหม่ยจะเกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางร่างกาย … แต่บุคลิกของนางนั้นน่ายกย่องยิ่ง


 


ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มขณะนั่งลง  นางยกกาน้ำชารินแก่จวินโม่เซี่ย ขณะเลิกคิ้วและกล่าวกับเขา


” นายน้อยจวิน แม้นว่าเราจะได้พบกันครั้งแรก … ข้าพบว่าข่าวลือเกี่ยวกับเจ้านั้นไม่เป็นความจริง “


 


” ขอรับ ? “


จวินโม่เซี่ย ด้วยร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะเขายกจอกชาขึ้น


” เจ้าพบว่าอะไรไม่เป็นความจริง ? “


 


ซุนเซี่ยวเหม่ยมิได้ตอบกลับทันที แต่นางยิ้มอย่างระมัดระวัง  รอยยิ้มอันแข็งแกร่งเข้ากันได้ดีกับใบหน้าที่หยาบกระด้างของนาง


 


” เพื่อเอ่ยความจริงกับเจ้า หญิงผู้นี้จะต้องไม่พบกับถังหยวนที่นี่ “


ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้ม


” การแต่งงานระหว่างถังหยวน และหญิงผู้นี้ได้รับการจัดการโดยพ่อแม่ของพวกเรา  ข้าได้รับความโชคร้ายเนื่องจากโชคชะตากำหนดมาให้ข้าเกิดเป็นหญิงที่น่าเกลียด  และข้าก็มิได้ตั้งใจขัดขืน  อย่างไรก็ตาม ข้าได้รวบรวมเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับถังหยวนมาตลอดห้าปีนี้ … เขาทำอะไร เขาพูดอะไร เขาไปที่ใด ทุกสิ่งใต้นภา .. ข้ารู้จักมันราวกับมือของตัวเอง ! “


 


นายน้อยจวินรู้สึกหนาวเย็นขึ้นทันที !


 


จวินโม่เซี่ยสังเกตความเงียบของถังหยวน มือสังหสารสามารถคาดการชีวิตอันน่าเศร้าของเจ้าอ้วนได้


 


” ไม่เพียงแต่ถังหยวนเป็นคนไม่ดี เขายังไม่เป็นแม้แต่สุภาพบุรุษที่เหมาะสม ! “


ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มขณะนางมอง ถังหยวนที่หม่นหมอง


” หากจะเอ่ยตามตรง เขาเหมาะจะเป็นตัวร้ายตั้งแต่หัวจรดเท้า จริง จริง ! “


 


” พูดได้ดี ! “


จวินโม่เซี่ยหัวเราะลั่นขณะปรบมือ


” ข้าบอกได้ว่าเจ้านั้นพูดได้ตรงจุด ! “​


 


” อย่างไรก็ตาม ชายผู้น่ารังเกียจนี้ยังคงมีความจริงใจ ! “


ซุนเซี่ยวเหม่ย ยิ้มบาง


” เขามิเคยปิดบังสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ  อีกทั้ง เขาเป็นคนเปิดเผย และตรงไปตรงมากับสิ่งที่เขาเกลียดข้าชอบคนที่จริงใจ !   เขามีเชื่อเสียงที่แย่และถือได้ว่าเป็นคนไร้ค่า เนื่องจากเขานั้นย่ำแยกมากในฐานะลูกชายของขุนนาง … เขาอ้วนดั่งสุกร และโง่ดั่งลา … ในฐานเพื่อสนิทเจ้าคงจะคุ้นชินกับสิ่งนี้ … ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องเอ่ยมากมาย  ข้าต้องการทำให้กระจ่างในจุดหนึ่ง  ข้าสังเกตลักษณะที่แท้จริงของเขา และข้าเชื่อว่าถังหยวนยังคงเป็นคน มิใช่สัตว์เลี้ยงในฟาร์ม


 


ดังนั้น ข้าไม่มีสิ่งใดที่ไม่พึงพอใจ  ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ของข้าก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน  เมื่อพูดถึงการหาคู่ ชีวิตเช่นนั้นเป็นสิ่งที่เกินกว่าข้าจักหาได้ “


ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มเล็กน้อย


” … เห็นได้ชัดว่าเราเป็นคู่ที่สวรรค์สรรสร้าง “​


 


” เคอ เคอ เคอ … “


จวินโม่เซี่ยกระแอมหลายครั้งเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าจะตอบอะไร  เขาไม่เคยพบกับผู้หญิงเช่นนี้ตั้งแต่มายังโลกนี้  นางเปิดกว้างเกี่ยวกับรูปลักษณ์และการแต่งงาน ความจริงแล้ว นางไม่พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งใดเลย  หญิงสาวอื่นๆในสถานการณ์เดียวกันจะอับอายอย่างมาก และจะหยุดพูดไม่นานจากนั้น  แต่กระนั้น ซุนเซี่ยวเหม่ยนั้นพูดจาไม่หยุดหย่อน  มันมากพอจะบอกว่านางคือ วีรสตรี !


 


” นายน้อยจวิน เจ้าไม่จำเป็นต้องกระแอม  เจ้าเข้าใจในเรื่องทางโลก …ดังนั้นถือว่านี่ นอกจากข้าแล้ว ผู้ใดในโลกที่สามารถทนต่อถังหยวนได้ ? “


ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้ม


” เขานั้นตัวหนักอย่างยิ่ง ! “​


 


ครั้งนี้ จวินโม่เซี่ยตกตะลึงอย่างที่สุด !  ดวงตาของเขาเบิกกว่าขณะเพ่งมองนางไร้คำพูด


หญิงผู้นี้ช่างดุร้ายยิ่ง …. จะมีผู้ใดกล้าเอ่ยเช่นนี้ ?


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ เอามือบังการหัวเราะของนาง แต่หัวไหล่ของนางยังคงขยับขึ้นลงให้เห็น  นางรู้ถึงอารมณ์ของเพื่อนสนิท ดังนั้น นางจึงเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่า สหายของนางนั้นขี้อาย


 


” ข้านั้นรู้ถึงชื่อเสียงของนายน้อยจวินมานาน  ข้าคาดว่าเจ้าได้ช่วยเหลือถังหยวนโดยการป้องกันเรื่องน่าอับอายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของสกุลถังและสกุลซุน   สำหรับเรื่องนั้น หญิงสาวผู้นี้ประสงค์ขอบคุณ !  … ซุนเซี่ยวเหม่ยมีความสุขที่ได้เจอเจ้าเป็นการส่วนตัวในวันนี้ ! “


ซุนเซี่ยวเหม่ยก้มหัวลงไปขณะรินชาเพิ่ม  จากนั้นนางพูดต่ออย่างไม่รีบร้อน


” เจ้านั้นฉลาดและมองการไกล  ดังนั้น เจ้าอาจจะรู้แล้วว่าหญิงผู้นี้มาที่นี่ด้วยสองเหตุผล หนึ่ง ข้ามาดูว่าคู่หมั่นของข้าจักอ้วนสักเพียงใดด้วยตาตัวเอง … และสองซึ่งสำคัญกับตัวข้า คือดูว่าข่าวลือในชื่อเสียงที่โดดเด่นของเจ้านั้นเป็นจริงหรือไม่  สมมุติว่าข้าเข้าใจถังหยวนไม่ผิดเพี้ยน … ข้าคาดว่าเขาจะต้องลากเจ้ามาด้วย !  และเขาก็ทำเช่นนั้น “


 


” เหตุใดเจ้าต้องการจะพบข้า ? “


จวินโม่เซี่ยถามน้ำเสียงสับสน


เจ้าทำอะไรอยู่  เจ้าจัดการวันนัดบอดกับเจ้าอ้วน … เพื่อพบข้า ?!  ประหลาดยิ่งนัก … แต่ข้าสงสัยว่านางอาจจะพยายามสังหารข้าเนื่องจาก การเสียพนันเมียนั่น ….


 


” นอกจากขอบคุณ ข้าก็ได้เห็นบางอย่างกับตัวเอง  ข้ามีเพื่อนสนิทสองคน และพวกเขาสนิทกับข้ามาก จนเป็นดั่งพี่น้อง “


ซุนเซี่ยวเหม่ย แสดงสีหน้าอันมีนัยยะไปยัง ตู่กู้เซี่ยวอี้  ขณะนางพูดต่อ


” หนึ่งในนั้นขุ่นเคืองเจ้า ความเกลียดชังของนางต่อเจ้านั้นสูงเกินจะเพิ่ม  ในขณะที่อีกผู้มีความรู้สึกที่รุนแรงกับเจ้า และหลงไหลเจ้าอย่างมาก  ตอนที่นางพูดถึงเจ้า รู้สึกได้เลยว่านางมิอาจมีชีวิตอยู่ได้โดยไร้ซึ่งเจ้า  ข้ามาที่นี่เพราะกระหายใคร่รู้ …  ต้องการเห็นว่าหนุ่มเสเพลอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงมีเสน่ห์เช่นไรกัน  ที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวเจ้า ที่ทำให้ที่น้องทั้งสองของข้ามีปฎิกริยาตรงข้ามกันรุนแรงเช่นนี้ … “


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ยักไหล่ และหันหน้าไปด้านหนึ่งขณะได้ยินสิ่งนี้  นางหันไปอีกทาง และหน้าแดงก่ำขณะคัดค้าน


” พี่เซี่ยเหม่ย ! “

 

 

 


ตอนที่ 238

 

จวินโม่เซี่ยหัวเราะลั่น และไขว้ขา  เขาแกว่งมันไปมาชั่วครู่และเอ่ย


” ข้าขอรู้ได้หรือไม่ว่าน้องคนใดของเจ้าที่รักใครข้าเช่นนี้ ?  ฮ่าฮ่า .. ข้าคือหนึ่งในผู้คนที่น่าเกลียดชังที่สุดในนครเทียนเชียง  จริงแล้ว ข้าเกรงว่าจะมีคนแปดในสิบเห็นด้วยกับคำพูดนี้  แต่มีบางคน คลั่งไคล้ ข้า … นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเช่นนี้ … ข้าชักอยากรู้ว่าผู้ใดกันมีสายตากว้างไกลเช่นนี้ “


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ มอง ซุนเซี่ยวเหม่ยอย่างกังวลเมื่อได้ยินสิ่งนี้ สายตาของนางคล้ายดั่งอ้อนวรให้เพื่อนของนางเงียบ


 


” ข้าพูดถึงผู้ที่อยู่ไกลแสน … “


ซุนเซี่ยวเหม่ย ยิ้มอย่างลึกลับขณะนางไม่สนใจสายตาของ ตู่กู้เซี่ยวอี้


” แต่ปรากฏอยู่ใต้จมูกของเจ้า !  นายน้อยจวิน เจ้าเคยแลกเปลี่ยนสัญลักษณ์แห่งความรักกับนาง !  และตอนนี้เจ้ายังสงสัย ? “​


 


” แลกเปลี่ยนสัญลักษณ์แห่งความรัก ? “


จวินโม่เซี่ยตกตะลึง  ทันใดนนั้น เขานึกถึงตอนที่ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ให้จี้หยกกับเขา


หรือจะเป็น … โอ้วพระเจ้า …


 


นายน้อยจวินหันไปมอง ตู่กู้เซี่ยวอี้ ที่ขวยเขิน  หัวเล็กๆของนางก้มต่ำ ราวกับจะหดเข้าไปในคอเสื้อ  ดูเหมือนว่านางจะไม่เงยขึ้นมาอีก …​


 


จวินโม่เซี่ยถอนหายใจยาว  ยังคงมีสิ่งที่น่าสงสัยอยู่หลังจากพิจารณาเรื่องทั้งหมดนี้ …


 


เขาไม่คิดว่าเด็กสาวโง่เง่าผู้นี้ จะพยายามเข้าหาผู้ที่อยากแต่งงาน ด้วยท่าทางประหลาดเช่นนี้ .. ความคิดนี้ทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง ผู้คนต่างนับว่า จวินโม่เซี่ยคนก่อนนั้นคือขยะและอันธพาล  ดังนั้น มันจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีผู้ใดชื่นชอบเขา  ในอีกมุมหนึ่ง มือสังหารมาถึงโลกนี้เพียงแค่ไม่นาน  แต่กระนั้น เขาก็ทำให้เด็กสาวผู้งดงามหลงรัก  ความจริง เมล็ดพันธ์แห่งความรัก หยั่งรากลงลึกจนนางพยายามคิดถึงการแต่งงาน … เขาอดรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยไม่ได้ …


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้  เริ่มประหม่ามากขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ความคิดของนางคลุมเครือเล็กน้อย …


พี่ซุนจะพูดตรงและโจ่งแจ้งเกินไป  ข้าอับอายจนเกือบตาย ….


 


ซุนเซี่ยวเหม่ย เฝ้าสังเกตุการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยบนใบหน้าของ จวินโม่เซี่ย สุดท้ายนางพูดขึ้น


” ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว  น้องสาวของข้า รังเกียจเจ้าจนเข้ากระดูก ที่เป็นเช่นนั้นมีเหตุผลเนื่องจากความเห็นของนางต่อเจ้านั้นมีเหตุ  สำหรับความเห็นของน้องสาวอีกผู้ของข้า ดูเหมือนว่านางจะหลงไหลเจ้าโดยไร้ซึ่งเหตุผล … “


 


” การพิจารณาของแม่นางซุนนั้นสับสนยิ่งนัก … ข้ารู้สึกว่าตัวเองงุนงงอย่างยิ่ง “


จวินโม่เซี่ยโบกไม้มือท่าทางท้อแท้


 ” ข้ายังไม่เข้าใจเจตนาของเจ้า … “​


 


” เจ้าไม่เข้าใจ .. นั่นก็ดีเช่นกัน !  มันช้างโชคร้ายหากเจ้าเข้าใจในทุกสิ่ง “


ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มเลือนราง  จากนั้นนางมองไปที่เขาด้วยท่าทีครุ่นคิด


” นายน้อยสาม เจ้ามิใช่คนดี หรือที่เขาเรียกกันว่า บุรุษซื่อตรง !  ความจริง ข้ายังคงกระหายใคร่รู้ว่ามีสักกี่คนที่เจ้าถือว่าสำคัญ “​


 


มือสังหารขวัญหนี !  เขายกมือขึ้นทันใน และถามน้ำเสียจริงจัง


 ” เจ้าพูดอะไรกัน ? “


 


เขาประเมินหญิงผู้นี้ต่ำไป …


 


” อวดดี !  ดูหมิ่นทุกสิ่งภายใต้สวรรค์ !  ลักษณะที่โดดเด่นนี้ชัดเจนอยู่ภายในตาเจ้า !  บางทีดวงตาเจ้าปรากฏถึงความเงียบสงบเยือกเย็นกับผู้คนมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น อาจถือได้ว่าเจ้านั้น เยือกเย็นและรักสันติ   แต่กระนั้น ความจริงพวกมันเผยถึงความอวดดีของเจ้า  จริงแล้ว เจ้าพยายามปกปิดมันเอาไว้ ซึ่งมิอาจใช้ได้กับผู้ที่เข้าใจ ! “


 


ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มอ่อนโยน


” ตอนนี้ ข้าจะบอกเจ้า … เพื่อเป็นของขวัญในการพบกันครั้งแรก ?  มันจะดีหากเจ้าควบคุมความอวดดีและทำตัวเป็นกันเอง ไม่ว่าเจ้าจะมีเงินมากเพียงใด หรือเจ้าอวดดี้สักแค่ใหน … ตอนนี้มิใช่เวลาที่เจ้าจะมาหยิ่งทะนง “


 


นางยิ้มหวานหลังจากพูดสิ่งนี้  จากนั้นยืนขึ้น และเดินไปหา ตู่กู้เซี่ยวอี้  และเริ่มลูบหัวนางขณะกล่าวอย่างอบอุ่น


“​น้องเล็ก วิธีการมองสิ่งต่างๆของเจ้านั้นดี แต่มันช่างน่าสงสาร …​”


 


” แต่ น่าสงสารอะไร ?  พี่ซุน ? “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ มิอาจปิดบังสีหน้าเขินอายขณะนางถามจริงจัง


 


” มันน่าสงสารที่เจ้ายังเป็นเด็ก “


ซุนเซี่ยวเหม่ยตอบด้วยรอยยิ้ม  ใจของนางต้องการจะพูดมากกว่านี้ แต่นางยับยังคำพูดไร้สาระนั้นไว้


ไม่มีหญิงที่ทำให้ชายผู้นี้เชื่อฟังได้   เจ้าจะได้รับความขื่นขมมากมายในอนาคต น้องเล็ก …


 


หญิงผู้นี้ยากจะรับมือ


หัวใจจวินโม่เซี่ยสั่นด้วยความหนาวเย็น


นางสามารถเข้าใจความเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อย ราวกับมีสัมผัสที่หก  มิเช่นนั้น นางคงมิอาจเห็นความอดดีที่ข้าปิดบังไว้ …


 


 น่าประหลาดใจ ที่หญิงผู้นี้ช่างมีพรสวรรค์


จวินโม่เซี่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มขณะความคิดชั่วร้ายพุ่งเข้ามาในหัวของเขา


หากนางแต่งกับถังหยวน … ข้าอาจจะไม่ได้มีผู้ช่วยที่มากความสามารถหรือ ?


 


หลังจากนางพูดจบ เดินไปหาถังหยวน  จากนั้นเตะก้นอวบๆของถังหยวน


” หยุดแกล้งตายได้แล้ว !  รีบลุกขึ้นและตามไปบ้านข้า  พ่อของข้าประสงค์จะพบเจ้า ! “


 


ถังหยวนกระโดดขึ้นอย่างเร็ว และเริ่มลูบก้นของเขา ขณะกล่าวโทษโทสะของนาง


” หญิงโง่ !  อย่าเข้ามาใกล้ข้า !  ผู้ใดต้องการกลับไปพร้อมเจ้ากัน !?  กระนั้น … แค่ปล่อยข้าไว้ลำพัง ! “


 


ใบหน้าของ ซุนเซี่ยวเหม่ยเฉยเมย ขณะนางยื่นมือออกไปดึงหูอันใหญ่และอวบของถังหยวน  จากนั้น นางดึงมันอย่างแรงและนำถังหยวนออกไปด้านนอก  ถังหยวนที่เดิมสถบต่อมาเขาร้องขอความเมตตา เสียงอ้อนวอนของเขายังคงดังให้ได้ยินในโรงเตี๊ยมจนกระทั่งเงียบลงเมื่อพวกเขาจากไปไกล


 


เวลานี้ ผู้ที่ยังคงอยู่ในโถงคือมือสังหาร จวินโม่เซี่ย ผู้กำลังใคร่ครวญ และ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ผู้ที่กำลังมึนงงและหน้าแดง


 


ความขวยเขินของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ชัดเจนบนใบหน้าของนาง  นางนั้นถือได้ว่าเป็นหญิงที่ฉลาดล้ำเสมอ  มันยากที่นางจะเข้าใจว่า เหตุใดพี่สาวของนางจึงหักหลังนางเช่นนี้ เนื่องจาก ซุนเซี่ยวเหม่ยรู้ถึงความรู้สึกของนางกับชายผู้นี้อย่างแจ่มชัด


การพูดเถรตรงเช่นนี้ต่อหน้าจวินโม่เซี่ย เป็นดั่งการปล่อยให้ข้าตายเนื่องจากเขินอาย ….


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้  ประหม่ายิ่งขึ้นเมื่อพบว่าตัวนางอยู่เพียงลำพังกับจวินโม่เซี่ย … ดังนั้นนางจึงอยากจะลุกขึ้นและหนีไป !  อย่างไรก็ตาม นางเกลียดที่จะไปจากจุดนี้ เนื่องด้วยในที่สุดนางก็ได้เห็นเขาหลังจากเผชิญกับความสับสนมากมาย  ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการยากที่นางจะได้มีโอกาสพบเขาหลังจากนี้ เนื่องจากสกุลของนางต่อต้านในเรื่องนี้


เขานั่งอยู่ที่นี่ ขมวดคิ้วดั่งใบ้บ้า … ข้าไม่รู้เลยว่าเขาคิดสิ่งใด … เขาไม่พูดอะไรสักคำ …


 


เด็กสาวน่าสงสารผู้นี้คือสิ่งสุดท้ายในความคิดจวินโม่เซี่ย  ตอนนี้ ประโยคสุดท้ายของ ซุนเซี่ยวเหม่ย ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา


” มันเป็นการดีหากเจ้าควบคุมความอวดดี และทำตัวเป็นกันเอง ไม่ว่าเจ้าจะมีเงินสักเพียงใจ หรือเจ้าจะอวดดีสักเพียงใด … นี่มิใช่เวลาที่เจ้าจะมาโอ้อวด “​


 


ประโยนี้ยังคงดังก้องราวเสียงระฆังอยู่ในหูของจวินโม่เซี่ย


 


นายน้อยจวิน ได้เรียนรู้ถึงกฎบางอย่างที่น่ากลัวหลังจากเข้ามาสู่โลกนี้ และเคล็ดเหนือธรรมชาติเพียงไม่กี่อย่างที่เขาใช้  ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือในชีวิตก่อนของเขายังครบถ้วน  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเหล่านั้นก็มิอาจใช้ได้ในโลกนี้  จิตวิญญาณ ที่ยโส โหดเหี้ยมและดื้อรั้น ยังคงตามติด จอมโฉดมา …


 


จึงไม่สมเหตุผลที่ข้าจักไม่อวดดี  เหตุใดข้าจึงมิควรภูมิใจในความสามารถเหลือล้นที่ข้ามีอยู่ ?!


 


หรือว่านี่คือโลกแห่ง สวรรค์เชวียน  เทพเชวียน หรือ ยอดปรมาจารย์ ซึ่งไม่มีความสำคัญในสายตาของมือสังหาร


 


ในความคิดเห็นของเขา ผู้ที่อยู่ในโลกนี้คือยอดฝีมือสองระดับ และไม่มีผู้ใดที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตก่อนของเขา  ทำให้เขาต้องทำตัวหยิ่งยโส เนื่องจากเขาเชื่อว่าทุกคนไม่ควรค่ากับเขา !


 


ยิ่งไปกว่านี้ เขามิได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดการเป็นตาย  เห็นได้ชัดว่ามันยิ่งทำให้ความทะนงของเขาเพิ่มยิ่งขึ้น …


 


ตอนนี้ ซุนเซี่ยวเหม่ย ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องให้เขาเพียงไม่กี่คำโดยไม่ตั้งใจ อวดดี !  ช่างอวดดียิ่ง !


 


หากปุถุชนนี้ยังสามารถอวดดี ทายาทหนุ่มสกุลจวินจะต้องมีอภิสิทธิที่จะอวดดียิ่งกว่าในนครเทียนเชียงโดยไม่สนสายตาผู้ใด  อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยสกุลจวินนั้นไร้ความสามารถที่จะจัดการกับโทสะในดินแดนอันห่างไกลนี้


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตที่เขาได้เกี่ยวข้องกับ นครพายุหิมะสีเงิน และ คฤหัสน์ฉือฮั่น นายน้อยสกุลจวินนั้นไร้ซึ่งสิ่งใดต่อหน้า สกุลอันทรงพลังทั้งสอง  ความจริง พวกเขาสามารถกำจัดเขาได้ตราบที่ต้องการ


 


ดูเหมือนว่าเขาต้องใช้เวลานานนับชั่วยามเพื่อทำให้ทัศนะของเขาดีขึ้น และควบคุมความอวดดีที่ไร้จำเป็น


 


ขณะเขากำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียง ตู่กู้เซี่ยวอี้  ” ฉึบ ”  จากนั้นนาง ขยับเก้าอี้ และใช้ก้นของนางเปลี่ยนเส้นทาง ก่อนจะเกิดเสียง ฉึบอีกครั้ง และ ขยับเก้าอี้ของนางต่อไป  นายโยกตัวไปมาบนเก้าอี้ขณะที่เคลื่อนที่ไปรอบๆโต๊ะ  สีหน้ามืดมนค่อยๆเผยออกมาบานใบหน้าอันสวยงามและเล็กของนาง  มือเล็กๆของนางลูบเจ้าขาวน้อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้มันครวญครางจากความทรมาณเมื่อถูกลูบ


 


” มีแมลงอยู่ในก้นเจ้าหรือ ? “


จวินโม่เซี่ยถามสับสน


เหตุใดเด็กสาวผู้นี้สบัดก้นราวกับมีแมลงอยู่ข้างใต้ ?


 


” มีแมลงอยู่ในก้นเจ้าสิ ! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้  ตะโกนกลับ


” เจ้ามิได้สนใจข้า … เจ้าไม่พูดกับข้า เจ้า … เจ้า … ข้าเกลียดเจ้า ! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ คำรามโกรธเคือง  นางครวญครางและกระทืบเท้า ซึ่งนางรู้สึกผิดเนื่องด้วยเวลาที่ผ่านไป ซึ่งเขาไม่สนใจนาง และแทบไม่พูดกับนาง … ความจริงเขาเมินนางตั้งแต่เข้ามา !


 


จวินโม่เซี่ยชะงัก


. เหตุใดเด็กสาวผู้นี้โมโหยิ่งนัก ?  เขาไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับโทสะของเด็กสาวอย่างไร


สุดปัญญาของเขา จวินโม่เซี่ยจึงเอ่ยขึ้นร้อนรน


” เจ้า … เอ่อ จะหยุดตะโกนหรือจะให้ข้าลุกหนีไป ! “


 


” เจ้า … “


โทสะของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ พุ่งพล่าน  นางมองจวินโม่เซี่ยอย่างเจ็บปวดอยู่ชั่วครู่  จากนั้นกัดริมฝีปาก ควบคุมโทสะ และพูด


” อย่างแรก เจ้าทำให้ข้าต้องประสบกับปัญหามากมาย … แล้วเจ้าจะหนีไปกระนั้น ? “​


 


” ปัญหา ? “


จวินโม่เซี่ยลืมตา


” เมื่อใหร่กันที่ข้าสร้างปัญหาให้เจ้า ? “


มิใช่เจ้าหรือที่ก่อปัญหาให้ตัวเอง ?  เหตุใดจึงไม่ยอมรับความจริง ?


 


” ดูเจ้าขาวน้อยนี่สิ !  เขา … ทำให้สกุลข้าปั่นป่วนมากหลายวัน … “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ กัดริมฝีปาก


” เสือดาวปีกเหล็กหนุ่มขั้นแปดซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน… และมันมาปรากฏตัวที่บ้านข้า !   เจ้าคิดว่านั่นมิใช่ปัญหาหรือ ?  ชิ ชิ เจ้าไม่รู้ถึงสถานการณ์ในนครเลยหรือ ?  … และข้าพาเจ้าตัวนี้ไปด้วยทุกที่ !  ท่านพ่อซักไซ้ข้า … เขาเกือบจะตีข้า “


 


” หือ … “


เห็นได้ชัดว่าเป็นปัญหาแต่มิอาจช่วย  โดนไม่ทันคิด จวินโม่เซี่ยถามเพิ่ม


” เขาพูดอะไร ? “


 


” หลังจากกระวนกระวาน เขาพูดว่า เจ้ากำลังถามว่าปัญหาอะไรนะหรือ ?  เจ้ากลับมาพร้อมเจ้านั่นในอ้อมแขน และเจ้ายังถามข้าว่ามีปัญหาอะไรอีกหรือ ?  ข้าสับสนอย่างยิ่ง !  เหตุใดข้าจึงไม่ตัดเจ้าเป็นชิ้นๆและส่งเจ้าไปลงอเวจี  เจ้าอาจจะหาพ่อแม่ของมัน และถามพวกเขาดูว่าปัญหาคืออะไร ?! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ลอกเลียน ตู่กู้วูตี้ อย่างแนบเนียน แต่มิอาจะเลี่ยงรอยยิ้มหลังจากนั้น


 


จวินโม่เซี่ยกึ่งร้องกึ่งหัวเราะ


 


ข้าจะสับเจ้า และส่งเจ้าลงอเวจี เพื่อให้เจ้าจับพ่อแม่ของมัน ?


มันยากจะบอกว่า ตู่กู้วูตี้ หมายถึงสิ่งใด  อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งดีที่คำโต้แย้งนั้นไร้ซึ่งเหตุผล …


 


เขามีพรสวรรค์บางอย่าง !

 

 

 


ตอนที่ 239

 

” พ่อของเจ้าช่างสามารถยิ่ง และแผนการนี้สร้างสรรค์อย่างมาก ! “


จวินโม่เซี่ยยกยอ และถอนหายใจ   เขาคิดในใจถึงเจ้าตัวเล็กนั่น


แม้นว่าจะตายและลงอเวจีเพราะเรื่องนี้ … มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แม้น พ่อแม่ของเสือดาวปีกเหล็กก็มิอาจอธิบายได้ …


 


จากที่ เจ้าตัวน้อยนี้พัฒนาไปเกินกว่า เสือดาวปีกเหล็ก ทุกตัวในประวัติศาสตร์  แม้แต่บรรพชนของเสือดาวปีกเหล็ก .. หรือเสือดาวปีกเหล็กที่ทรงพลังที่สุดก็มิอาจอธิบายเรื่องนี้ได้ !


 


เขามองไปยังสาวน้อยอีกครั้ง


 


สาวน้อยผู้นี้มีพรรสวรรค์ชั้นสูง  ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีบุคลิกที่โดดเด่น  นางเพิ่งจะโกรธกริ้วไป และมากพอจนเริ่มตะโกน  ความจริง ดูเหมือนว่าน้ำตาเริ่มเจิ่งนอง  แต่นางกลับหัวเราะอย่างรวดเร็วเมื่อนางนึกถึงเรื่องตลก  แม้นความตึงเครียดบนใบหน้าของนางหายไป  นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ … น่าชื่นชมจริงๆ


 


” ข้าเชื่อว่าความคิดของพ่อข้านั้นหลักแหลม  อาจจะดูไม่มีผลสิ่งใดในตอนแรก แต่หากติดตามเขาไปใกล้พอ กลับกลายเป็นความคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง … ฮ่าฮ่า “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ พอใจ


” ความจริง ข้าใช้พลังมากมายเพื่อกุเรื่องของเจ้า  แต่ข้าทำมันได้ไม่มากพอ  ท่านพ่ออ่านความคิดของข้าได้ … ดั่งเช่นที่ท่านแม่พูดเสมอว่า ผู้หลักแหลมมักจะเขลากับคนส่วนใหญ่ นั่นคือความงามที่แท้จริง  “


 


ผู้หลักแหลมมักจะเขลากับคนส่วนใหญ่ !  ความสวยงามที่แท้จริง ?!  ใช้คำนั้นเพื่อพรรณนาถึงขุนพลตู่กู้วูตี้ … เป็นวลีที่น่าสมเพชยิ่ง


 


” เช่นนั้น … เราจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร ? “


จวินโม่เซี่ยประทับใจ  เด็กสาวผู้นี้บริสุทธิยิ่ง นางเปิดเผยต่อทุกผู้ที่ต้องการ  นางช่างตรงข้ามกับตู่กู้วูตี้ผู้ที่ป่าเถื่อนยิ่ง  เขาลงมือกระทำโดยไม่คิดหาวิธีแก้ปัญหา


 


” อืม เมื่อเวลาผ่านไป “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ พยักหน้า


” มันจะกลายเป็นว่าผู้คนมากมายจะพยายามจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อเจ้าขาวน้อย  แต่ข้าจักไล่พวกเขาไปเสีย  เขาเป็นของข้า ดังนั้นให้พวกเขาลืมแผนการของตัวเองไปซะ  นอกเสียจากว่าเขาเป็นพยายานในเรื่อง … “


ในที่สุดเสียของนางก็บางเบาลง ในที่สุดก็กลายเป็นนางที่ได้ยินเสียงตัวเอง จวินโม่เซี่ยไม่อาจได้ยินในสิ่งที่นางพูด


 


หลังจากนางพูดจบ ตู่กู้เซี่ยวอี้ หยุดนิ่งชั่วขณะ  จากนั้นนางหันไปมองจวินโม่เซี่ยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม


” สกุลของข้าได้รับคำเชิญจากสกุลจวินเมื่อวาน … “​


 


” โอ้ ? “


จวินโม่เซี่ยเลิกคิ้ว


 


” ข้าไม่รู้ว่าเจ้าและพ่อข้าเห็นด้วยในการต่อรอง ! “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ดูกระวนกระวายเล็กน้อยพร้อมดวงตาเบิกกว้าง


“เจ้ากล้าที่จะพนันกับพ่อข้า .. ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้ากำลังคิดอะไร !  เจ้าคิดจริงๆหรือว่าสุราเพียงเหยือกเดียวสามารถขายในราคาหมื่นตำลึงเงินได้ ?  มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ มันเกิดขึ้นมิได้ !  แต่กระนั้นเจ้าก็ .. อืม !  เมื่อวานพ่อข้าหัวเราะลั่นหลังจากได้รับคำเชิญจากเจ้า  เขาบอกว่าการพนันนี้จะทำให้เจ้าอยู่ภายใต้การควบคุม  อ่อ … พ่อของข้าบังคับให้เจ้าเดิมพันนี้หรือ … !”


 


” โอ้ เขาต้องการควบคุมข้า ?!  หือ ?  ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงคิดว่าการพนันนี้เป็นความคิดที่แย่ … ในเมื่อความจริงข้าเลือกโอกาสนี้อย่างระมัดระวัง และส่งคำเชิญนั้นตามประสงค์ของข้าเอง  นอกจากนี้ ผู้ใดจะสามารถพิชิตนายน้อยผู้แข็งแกร่งนี้ได้ … “


 


จวินโม่เซี่ยลูบคาง ขณะดวงตาลุกโชย


แท้จริงแล้ว ขุนพลตู่กู้มิได้บังคับข้าในการเดิมพัน  นี่คือการกระทำของข้าเอง  การเดิมพันนี้มันจะทำให้ข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างนั้นหรือ …​?  มันไม่รื่นหูหากจะบอกว่าผู้ใดอยู่เหนือกว่า


 


นายน้อยจวินมิได้ลืมว่าสกุลตู่กู้ติดค้างเขามากมายหกาการประมูลสุราของเขาสำเร็จลุล่วง  แต่กระนั้น เมื่อเป็นเรื่องนี้ ขุนพลตู่กู้จะก้มหัวเพราะเรื่องการพนันหรือ ?


 


” เจ้ามั่นใจ ? “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ถามด้วยสายตากังวล  เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการให้จวินโม่เซี่ยแพ้การเดิมพันนี้  ดังนั้น นางจึงต้องการให้พ่อของนางพ่ายแพ้ !


” แต่มันจะน่าเกลียดไหม … เป็นไปได้ไหมที่เจ้าจะไม่ซื่อตรงกับพ่อของข้าในการเดิมพันนี้ ? “


 


” เป็นการยากที่จะพูดว่า … ยุติธรรม… หรือ ไม่ยุติธรรม … “


จวินโม่เซี่ยหยุดหลังจากเขาพูดสามประโยคนี้อย่างเคร่งขรึม  เขาเชื่อมั่นในแผนการ  ความจริง หากจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับใครสักคน มันน่าจะไม่เป็นเช่นนั้นกับนายน้อยจวิน  อย่างไรก็ตาม หก ค้อนประธานของโลกใบนี้มิได้ตัดสินให้โอกาสเขา … เขาก็ยังคงมีเหตุให้บังเอิญอีกมากมาย


 


” จะเป็นไรไหมหากข้าจะตามท่านพ่อไปด้วยพรุ่งนี้ ? “


ดวงตาของตู่กู้วูตี้เปล่งประกายขณะที่สีหน้าของนางเปลี่ยนไป  นางก้มหน้าลง และกัดฟันขณะตัดสินใจ


” หากเขาทำให้เจ้ายุ่งยาก .. ข้าจะเริ่มร้อง และข้าจักแกล้งทำ … ข้าไม่ปล่อยให้เขกลั่นแกล้งเจ้า !  จงอย่าได้กังวลไป … “


 


หากบอกว่า หัวใจของหญิงสาวอยู่กับผู้ที่นางรัก นั้นไม่ผิดเพี้ยนนัก  ความคิดของสาวน้อยผู้นี้เต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของจวินโม่เซี่ย และนางเพียงครุ่นคิดถึงการป้องกันมิให้จวินโม่เซี่ยพ่ายแพ้ท่านพ่อของนาง  แต่กระนั้น นางลืมไปว่าหากผู้เฒ่าของนางพ่าย สกุลของนางจักมีหนี้สินมากมาย และมันมหาศาลยิ่งกว่า …


 


จวินโม่เซี่ยใจเย็น ใจแข็ง และเลือดเย็น เสมอ  แต่กระนั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่ใจอ่อน  สาวน้อยหมกมุ่นอยู่กับความสะดวกสบายของเขาเพียงผู้เดียว  จวินโม่เซี่ยมิได้เขลา เหตุใดเขาจึงมองไม่เห็น ?


 


ชายมิได้เป็นหิน พวกเขาจึงมิได้ไร้หัวใจ


 


” แม่นาง อย่างได้กังวล ข้าจะไม่พ่าย “


จวินโม่เซี่ย ยิ้มอบอุ่น และยื่นมือออกไปเพื่อลูบผม ตู่กู้เซี่ยวอี้  แต่เมื่อมือของเขาจะสัมผัสกับมัน เขารู้สึกบางอย่างคล้ายกระแสไฟอย่างรวดเร็ว และดึงมือกลับทันที  เขาเข้าใกล้หญิงสาวผู้นี้โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งมันขัดแย้งกับตัวตนมือสังหารของเขา  เขามักจะถือตัวในฐานะมือสังหารเสมอไม่ว่าจะชีวิตใหนก็ตาม  กระนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขากระทำเช่นนี้


 


แม้นว่าเขาจะมิได้เป็นมือสังหารในโลกนี้ …


 


จวินโม่เซี่ยยิ้มขณะยืนขึ้นและพูดอย่างนุ่มนวล


” ข้าขอตัว “


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ ก้มต่ำขณะหัวใจของนางเต้นรัว  เป็นครั้งแรกที่เขาเลือกแตะต้องตัวของนาง แม้นมันจะเป็นเพียงเส้นผม  ทั่วทั้งร่างของนางรู้สึกราวกับปวกเปียก ขณะที่ใบหน้าเริ่มรู้สึกร้อนหนาว  ในอีกมุมหนึ่ง ความคิดของนางกำลังพุ่งพล่าน ….


 


เมื่อครู่เกิดสิ่งใดกัน ?  ข้ากำลังทำสิ่งใด ?  เหตุใดข้าจึงทำเช่นนี้ ?  เหตุใดพฤติกรรมของข้าจึงจู้จี้ยิ่งนัก …


 


อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกคลุมเครือว่ามีบางอย่างที่ต่างไปในการพบเจอครั้งนี้  พฤติกรรมของเขาต่างไปจากแต่ก่อน  ก่อนหน้านี้นายน้อยจวินเป็นเพียงเสเพลปากพล่อยผู้แกล้งทำเป็นเจ้าชู้ ดั่งเด็กเหลือขอ แต่ต่างไปในเวลานี้เหมือนว่าเขาจะหมกมุ่นกับการเอาจริงเอาจัง


 


” อื้อ “


ตู่กู้เซี่ยวอี้ริมฝีปากสั่นขณะตอบอย่างนุ่มนวล นางยืนขึ้นด้วยก้มหน้า ดูเหมือนนางกำลังจ้องมองเท้า  เสียงของนางเบามากเมื่อนางพูดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนายน้อยจวินมิได้ยินสิ่งใดแม้นว่าเขาจะยืนอยู่ใกล้นางมาก


” เจ้า … จะไป ?  ข้า … ข้า … ไม่เป็นไร … “


 


แม้นว่าสาวน้อยผู้นี้ต้องการจะเอ่ย


” ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าในมุมที่ต่างออกไป “


อย่างไรก็ตาม ประโยคนี้ก็ติดอยู่ที่ปากของนาง  นางกลืนมันลงไป และพินิจซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดก็เงียบขณะนางรู้สึกเขินอายที่จะพูดมันออกมา


 


ใบหน้าของตู่กู้เปล่งประกายดั่งหยกสะท้อนประกายขาว  เส้นผมที่อ่อนนุ่มของนางดูเหมือนจะเต้นระบำท่ามกลางสายลม  ผมเส้นหนึ่งพลิ้วขึ้นมาถึงหน้าผากและติดอยู่ที่แก้ม ถัดไปจากจมูกที่สวยงามของนาง …


 


ขนตายาวของนางเคลื่อนลงอย่างแผ่วเบา และหยุดลงชั่วขณะในตอนเขากระพริบตา  ริมฝีปาดอวบอิ่มประกายชมพูเป็นรอยย่นเนื่องจากนางกัดด้วยฟันสีขาว  ใบหน้าของนางปฏิเสธเขาอย่างชัดเจน  เหตุการณ์เช่นนี้คือการที่หญิงสาวกำลังตกหลุมรัก ผู้ที่พยายามสุดความสามารถขณะปกปิดความรู้สึกของตัวเอง  ยิ่งนางพยายามปกปิดความรู้สึก นางยิ่งดูน่าเอ็นดู …


 


ความสวยงามอันน่าอัศจรรย์ของนางเริ่มทำให้นายน้อยจวินเกิดความหวาดกลัว  เขาคุ้นเคยกับการได้พบเห็นผู้มีชื่อเสียงมากมายในชีวิตที่แล้ว  ความจริง เขาเคยเห็นหญิงสาวสวยงามทุกรูปแบบ แต่กระนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความงดงามอันบริสุทธิเช่นนาง เขาพบมามันยากยิ่งจะห้ามปรามความรู้สึกอ่อนโยนและความรัก  ซึ่งกำลังอุบัติขึ้นในหัวใจของขา ความนี้นี้เกิดขึ้นครั้งแรกในชีวิตของเขา


เด็กสาวผู้นี้งดงามยิ่งนัก .. แม้นเมื่อเปรียบกับหญิงผู้งดงามมากมาย นางก็มิได้อ่อนด้อยเลยแม้แต่น้อย …


 


ในตอนนี้ ก่อเกิดความเงียบงันในโถง แม้แต่เสียงของลมหายใจอันละเอียดอ่อนของพวกเขาก็มิอาจดังกลบความเงียบนี้ได้ …


 


ใบหน้าอันสวยงามของตู่กูเซี่ยวอี้กลายเป็นสีแดง ราวกับสัมผัสได้ว่าเขากำลังจ้องมองมา  นางอดที่จะก้มต่ำต่อไปด้วยความเหนียมอายมิได้  นางเริ่มใช้ปลายเท้าวาดรูปวงกลมในขณะที่ลูบขนสีขาวนวลของเจ้าขาวน้อยด้วยมือ  ตู่กู้เซี่ยวอี้รู้สึกล่องลอยอยู่ท่ามกลางหมกควัน ราวกับว่ามีเพียงพวกเขาแค่สองที่อยู่ในโลกใบใหญ่นี้ …


 


เสียงจามของเจ้าขาวน้อยทำลายความเงียบลง และปลุกทั้งสองให้ตื่นขึ้น  ตู่กู้เซี่ยวอี้ เงยหน้าอันแดงก่ำด้วยความเขินอายขึ้น และเพ่งมองอย่างเหนียมอายไปที่เขา ขณะนางเอ่ยอย่างนุ่มนวล


 ” เจ้าโง่ .. เจ้า .. เจ้ายังไม่ไป ?  เหตุใดเจ้ายังไม่ไป ? “


 


จวินโม่เซี่ยตระหนักได้ว่าเขาไร้สติ และกำลังหยาบคาย  แต่กระนั้น นี่คือครั้งแรกที่เขาทำผิดพลาดตั้งแต่เขาจุติลงมา  เขาวางตัวอย่างรวดเร็วและหัวเราะขณะเอ่ย


” ข้าเกือบจะไม่อยากจากไปหลังจากได้เป็นหญิงสาวผู้งดงามเช่นนี้  ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังปลุกความวิปลาสของข้า … “​


 


ตู่กู้เซี่ยวอี้ เพ่งมองเขาเล็กน้อยขณะพูดอย่างนุ่มนวย


” เงียบเสีย !  เจ้าคิดว่าข้ากลัวความวิปลาสของเจ้า ?  … ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเจ้ามีเรื่องต้องรีบไป เร็วเข้า ใส่ใจมันหน่อย … “


นางกันหน้าไปทางอื่นหลังจากพูดจบ แม้แต่ต้นของนางอนางแดงจนจวินโม่เวี่ยเห็นมันได้อย่างชัดเจน


 


เขาพูดคำเหล่านี้อย่างจริงจัง เหตุใดมันจำทำให้ขางเขินอาย ?


 


นายน้อยจวินมีความสุขกับการใกล้ชิดหญิงสาวอย่างมากในชีวิตที่แล้ว และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เข้าใจหัวอกของ ตู่กู้เซี่ยวอี้   ในอีกมุมหนึ่ง นางเพิ่งตระหนักได้ว่าน้ำเสียงที่นางได้เอ่ยออกไปนั้น ละม้ายกับน้ำเสียงของภรรยาที่พูดกับสามีก่อนจะออกไปทำงาน  น้ำเสียงของนางอบอุ่น ราวกับแสดงถึงความเป็นห่วง  นางจำได้ว่าแม่ของนางก็เอ่ยเช่นนี้ก่อนที่พ่อของนางจะไปสงคราม เมื่อตระหนักเช่นนี้ นางจึงขวยเขินยิ่งขึ้น และอดเป็นกังวลมิได้


เราชอบเช่นนั้น ?


 


แล้วเขากับข้าละ ?


 


ยิ่งนางคิดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของนางยิ่งแดงขึ้น  ไม่นาน ใบหน้าของนางดูเหมือนจะเปล่งประกายสีแดงดั่งหมู่เมฆยามรุ่งอรุน จนนางมิอาจะเงยหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง


 


” ฮ่า ฮ่า ช่างน่ารัก !  น่าชังยิ่งนัก ! “


จวินโม่เซี่ย เชยชม  จากนั้นเขายื่นมืออกไป และป้องหน้าของนาง  จากนั้นเขาสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มของมันอยู่ชั่วครู่  เขากระดกลิ้น และอุทาน


” ช่างนุ่มนวล … หอมหวานยิ่ง … ฮ่าฮ่า ! “


เขาหัวเราะลั่น เสื้อผ้าของขากระพือขณะเสียงฝีเท้าของเขาค่อยๆจางหายไปตามระยะทาง


 


เขาทีเล่นทีจริงเพื่อปกปิดถึงหัวใจที่ ตื่นเต้น มือสังหารเกือบจะไร้มารยาท และหนีไปเป็นครั้งแรกในชีวิต … พบเพียงแต่หัวใจของเขาที่กำลังเต้นรัวประหนึ่งเสียงกลอง …

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม