Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน 497-500
ตอนที่ 497 เรือบินเกราะดํา
เมื่อหยางฉีเย่ว์กลับมาถึง นางเร่งรีบรับชมพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์
ที่ฉินหยุนส่งมอบให้ ขณะนี้กําลังอ่านอย่างเคร่งเครียด
นางมีความทรงจําจากชาติภพก่อน ดังนั้นจึงยิ่งเป็ นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจ
วิชายุทธ์อันลึกลํ้า
“พี่หยาง ท่านเองก็นับได้ว่าเป็นเซียนจากแดนเซียนอ้างว้าง! ท่านทราบ
วิชาเซียนใดบ้างหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามขณะรับชมหยางฉีเย่ว์
หยิบผลไม้มากัดกิน
หยางฉีเย่ว์สายตามองที่พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ รอยยิ้มอ่อนจาง
เผยออก “แน่นอนว่าต้องทราบ แต่มันจําเป็นต้องใช้พลังเซียน! ภาย
หน้าข้าค่อยสอนแก่เจ้าได้!”
“แน่นอนว่า หากเจ้าตื่นรู้ความทรงจําชาติภพก่อนหน้า เจ้าก็ย่อม
เชี่ยวชาญวิชาเซียนมากมายเช่นกัน!”
หยางฉีเย่ว์ศึกษาพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ที่ฐานของค่ายอาคม ขณะ
ฉินหยุนออกไปยังสระเต๋าทั้งสาม เพื่อพบเจอฉื่อซินซินและเฉียวอวี้
ทั้งสองกําลังครํ่าเคร่งฝึกฝน คิดอยากก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ
เมื่อกลับถึงฐานค่ายอาคม ฉินหยุนค่อยนําวิญญาณยุทธ์ แก่นเต๋า และ
อุปกรณ์เต๋าทั้งหกชิ้นออกมาพิจารณา
“อุปกรณ์เต๋าเหล่านี้ถูกฉกชิงมา หากคิดอยากใช้งาน ก็จําเป็นต้องใช้
เวลายาวนานขัดเกลาพวกมัน เพื่อให้แสดงพลังของอุปกรณ์เต๋าอย่าง
เต็มที่ออกมาได้!”
ฉินหยุนทราบเรื่องอุปกรณ์เต๋าดี หากหยิบยืมจากผู้อื่น เขาจะใช้พลัง
ของอุปกรณ์เต๋าได้เพียงสองถึงสามในสิบ
เขาจําเป็นต้องขัดเกลาอุปกรณ์เต๋าชั่วระยะเวลาหนึ่ง และผสานมัน
เข้ากับแก่นเต๋าของวิญญาณยุทธ์ มีเพียงแต่วิธีนี้จึงสามารถใช้งาน
พวกมันได้อย่างทรงพลัง
“แม้ว่าเป็นอุปกรณ์เต๋า แต่ก็ออกจะหยาบกระด้าง หม้อราชสีห์สวรรค์
สะกดมังกรล้วนดีกว่าเป็นไหน!” ฉินหยุนคือบุคคลที่ปรารถนาถึง
ความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเขาจึงเก็บอุปกรณ์เต๋าเหล่านี้เอาไว้
ดาบที่อู่หมิงซวีสร้างขึ้นถือว่าไม่เลว แต่เขายังรู้สึกว่ามันออกจะขาด
อะไรไปบ้าง
“แม้ดาบที่ผู้อาวุโสอู่สร้างขึ้นเป็นอุปกรณ์เต๋าโบราณ แต่มันก็ได้แค่นี้
มันไม่ใช่ผลงานชั้นเลิศของเขา เป็นเพียงของดาษดื่น!” ฉินหยุนกล่าว
ด้วยสีหน้าเดียดฉันท์
หยางฉีเย่ว์สวมใส่ชุดสีขาวราวหิมะ รวมเข้ากับแก้มแดงเรื่องดงาม
นางกําลังทอดกายบนเก้าอี้ สายตาจดจ้องที่พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์
ท่วงท่าขณะนี้เรียกว่าเย้ายวนอย่างยิ่ง
นัยน์ตางดงามขณะนี้เคลื่อนมองทางฉินหยุน นางกล่าวพลางหัวเราะ
“เสี่ยวหยุน ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าหลายต่อหลายคน
แม้กระทั่งอุปกรณ์ลึกลํ้ายังไม่มี! แต่แล้วเจ้ากลับปรามาสอุปกรณ์เต๋า
เช่นนี้ หากผู้อื่นทราบคงเกิดความโกลาหลไม่น้อยแน่!”
ฉินหยุนครอบครองค้อนเทวะเก้าตะวัน ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นอุปกรณ์
อื่นในสายตา
กระนั้น เขาก็ยังคิดอยากครอบครองกระบี่ที่ดีกว่านี้
“รอจนกว่าพวกเราไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง ข้าจะไปพาพี่สาว
ซาลาเปานึ่งและวิญญาณร้ายวารี ขอให้พวกนางช่วยข้าขัดเกลา
อุปกรณ์ลึกลํ้าขึ้น!” ฉินหยุนหัวเราะเบา “สร้างเองย่อมดีที่สุด!”
“เหตุใดเจ้าจึงเรียกพี่ชิงเฉิงเป็นพี่สาวซาลาเปานึ่ง? นี่ไม่ทํานางโกรธ
แย่หรือ? ในหุบเขาลึกลํ้าจันทรา ชื่อเสียงความร้ายกาจของนางเลื่อง
ลือ ถือว่าโด่งดังยิ่งกว่าพี่สุ่ย” หยางฉีเย่ว์ขยับแผ่นหลัง พร้อมพลิก
หน้ากระดาษพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ต่อ
“พี่หยาง ท่านไม่ทราบ แต่สองสาวงามนั้นต่างยินดีทําเพื่อข้า!” ใบหน้า
หล่อเหลาของฉินหยุนเผยความภาคภูมิ “โดยเพราะพี่สาววิญญาณ
ร้ายวารี นางยินดีเป็นผู้หญิงของข้าไปตลอดชั่วชีวิตนี้ นับว่าเป็นข้า
รับใช้คนหนึ่งก็ได้!”
หยางฉีเย่ว์ประหลาดใจไม่น้อย “เรื่องนี้จริงหรือ? อย่าได้มองเพียง
พี่สุ่ยเป็นคนขี้เล่น ชายใดคิดแตะต้องนางล้วนมีชะตาไม่ดีนัก!”
“เป็นนางหลงเสน่ห์ข้า!” ฉินหยุนหัวเราะรับ
ขณะนี้เขานําเอาค้อนเทวะเก้าตะวันออกมา รับชมโทเทมที่อยู่ต่อ
หน้า เขารู้สึกว่ามันเป็นตัวตนที่คล้ายกับของลูกศรเทพกําราบตะวัน
ฉินหยุนใช้โอกาสที่มีขณะนี้ ทําการสร้างยันต์ขึ้นจํานวนหนึ่ง
ขณะสร้างยันต์จํานวนมากขึ้นมา เขาพบว่านกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์
หรือหยางหยางนั้นมีประโยชน์อย่างยิ่ง เปลวเพลิงที่มันพ่นออก
รุนแรง สามารถเผาไหม้วัสดุหลากหลายให้อ่อนนุ่มได้รวดเร็ว
กระนั้น เขาก็เพียงทดลองงานได้ชั่วครู่ เพราะชาวคณะของหยางหยาง
ไม่ยินยอมให้เขาใช้งานนานนัก…
การเผาไหม้วัสดุทําให้เกิดอาการหิว เจ้าตัวน้อยที่ขึ้นชื่อเรื่องกินจึง
ร้องเรียกหาอาหาร
โมโมและกระต่ายหยกกินเพียงแต่หยดแสงจันทร์ แต่ทางด้านหยาง
หยาง เป็ดน้อยตัวนี้ต้องการกินเนื้อมังกร
กระต่ายหยกออกมาพบหยางฉีเย่ว์ พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนตกลงยอม
อยู่กับฉินหยุนต่อ
ฉินหยุนมองทางโมโมและกระต่ายหยกเล่นกันสนุกสนานจึงตัดสินใจ
ยอมรับ เพราะหากเขาแยกทั้งสองออก โมโมคงต้องเศร้าไม่ใช่น้อย
ผ่านการศึกษาอยู่หลายวัน หยางฉีเย่ว์ค่อยเรียกฉินหยุนมาที่โต๊ะพร้อม
เอ่ยคํา “เสี่ยวหยุน แม้ตํารานี้มีเนื้อหามากมาย แต่มันยุ่งเหยิงนัก ข้า
เพียงเลือกแกนหลักทั้งสามมาให้เจ้าฝึกฝน!”
ก่อนหน้านี้ ครั้งฉินหยุนได้อ่านมัน เขาก็ทราบว่าเนื้อหาออกจะยุ่ง
เหยิง เป็นเขาอ่านจนไม่ทราบว่าควรเลือกอะไรก่อนดี
“อันดับแรกคือพลังภายในเก้าสมบูรณ์! เจ้าเลือกมันแล้ว และฝึกฝน
มันได้ดี แต่ว่ายังคงต้องใช้บทร่ายของเต๋าเก้าสมบูรณ์เพื่อฝึกฝนพลัง
เต๋าเก้าสมบูรณ์ เดี๋ยวข้าจะชี้แนะให้!”
“อันดับที่สอง ฝ่ ามือมังกรสัมบูรณ์! สามสิบหกฝ่ ามือของฝ่ ามือมังกร
สัมบูรณ์ถือว่าเลิศลํ้า! ตัวเจ้าขณะนี้เข้าใจเพียงสองฝ่ ามือ โดยหลักก็
เพราะเจ้าไม่อาจจับหลักพลังเต๋าของตนเองได้! เพราะฝ่ ามือมังกร
สัมบูรณ์จําเป็นต้องผสานกับพลังเต๋าเก้าสมบูรณ์ การเรียนรู้ค่อยดีขึ้น
เมื่อผสมรวมเข้าด้วยกัน!”
“อันดับที่สาม ก้าวเท้าเก้าสมบูรณ์ นี่เป็นเคล็ดวิชาเคลื่อนไหว สมควร
เรียกได้ว่าลึกลํ้าอย่างยิ่ง และยังเป็นประโยชน์ต่อเจ้ามากนัก!”
“ฝึกฝนสามหลัก พลัง ฝ่ ามือ และก้าวเท้า! นี่ยังเป็นแกนหลักของ
ตําราเล่มนี้ ทางด้านสิ่งจิปาถะอื่น ๆ ในตํารา พวกมันใช้งานได้ไม่
ค่อยมากนัก และไม่ค่อยเหมาะสมกับการฝึกฝนของเจ้าด้วย!”
หยางฉีเย่ว์ใช้นํ้าเสียงดงามกังวานกล่าวอธิบายเชื่องช้า
ฉินหยุนพยักหน้ารับและรับฟังพลางยิ้มตอบ “พี่หยาง ท่านสมแล้วที่
เป็นอาจารย์สุดวิเศษของข้า!”
หยางฉีเย่ว์ดวงตาสว่างวูบพร้อมยิ้ม “ให้ข้าอธิบายทั้งสามอย่างนั่น
เลยก็แล้วกัน!”
รับฟังเช่นนี้ ฉินหยุนจึงเร่งรีบนั่งฟังอย่างตั้งใจ
ผ่านการอธิบายอยู่หลายวัน ฉินหยุนค่อยจดจําทุกสิ่งอย่าง และเริ่ม
จับหลักการฝึกฝนได้
“พี่หยาง ไปฝึกฝนร่วมกันในสระเต๋าดีกว่า!” ฉินหยุนขณะนี้อดใจไม่
ไหวที่จะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
“เสี่ยวหยุน ข้าจําได้ เจ้าบอกว่าเมื่อก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่
สาม เก้าดวงตะวันได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดําใช่หรือไม่?” หยางฉีเย่ว์
คล้ายนึกขึ้นได้จึงรั้งเขาไว้พร้อมเอ่ยถาม
“ขอรับ ทําไมหรือ?” ฉินหยุนขมวดคิ้ว
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ดีที่สุดคืออย่าได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เก้าในสามแดนอ้างว้าง!” หยางฉีเย่ว์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งค่อย
กล่าวต่อ “การฝึกฝนวิญญาณยุทธ์สีดําสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่
เก้า เมื่อนั้นจะเกิดการแปรสภาพครั้งที่สามขึ้น!”
“การแปรสภาพครั้งที่สามคือส่วนโหดร้ายที่สุด พลังของเก้าดวงตะวัน
ในสามแดนอ้างว้างมีไม่มากพอ ดีที่สุดหากไปยังแดนวิญญาณอ้าง
ว้างและเลื่อนระดับที่นั่น!” หยางฉีเย่ว์ลูบใบหน้าของฉินหยุนพร้อม
ยิ้มให้ “ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้จึงต้องรีบบอกไว้ก่อน!”
นางเองก็ครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดํา ดังนั้นเพื่อให้ได้รับพลังแกร่ง
กล้าระหว่างการเลื่อนระดับ มันจะดีที่สุดหากไปยังแดนวิญญาณ
อ้างว้าง
“ขอรับ เช่นนั้นก็ไปกันเดี๋ยวนี้เลย! ข้าไปหาเฉียวอวี้กับซินซินก่อน!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ ติดตามหยางฉีเย่ว์เข้าสู่ถํ้าในภูเขา
เฉียวอวี้และฉื่อซินซินทราบ ว่าฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์คิดจากไป
พวกนางเกิดความรู้สึกไม่อยากแยกจากขณะนี้ ทว่า ภายหน้าพวกเขา
ยังมีโอกาสได้พบกันในแดนวิญญาณอ้างว้าง
ผ่านการเตรียมตัวโดยคร่าว ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์สวมใส่ชุดดํา
พร้อมหมวกไผ่สาน ทั้งสองไปยังตําหนักจารึกเทวะซึ่งอยู่ใกล้เส้นทาง
หนามปี ศาจ
ในสถานที่แห่งนี้ มันมีเรือบินเกราะดําขนาดใหญ่ กล่าวกันว่ามัน
แกร่งกล้าขนาดต้านรับการโจมตีของราชันยุทธ์ เรียกได้ว่าเป็น
พาหนะที่ทนทานอย่างยิ่ง
เรือบินเกราะดําจะทําให้เขาสามารถเดินทางไปยังแดนวิญญาณ
อ้างว้าง ทว่าก็จําเป็นต้องจ่ายห้าร้อยล้านเหรียญม่วง นอกจากนี้ ยัง
ต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานถึงสามเดือน
ฉินหยุนตรงไปจ่ายค่าธรรมเนียมสําหรับเดินทางสองคน รวมเป็น
เงินมากถึงหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง
เรือบินเกราะดํายาวเกือบหนึ่งพันเมตร กําลังเคลื่อนเชื่องช้าเข้ามา
ใกล้
เรือบินเกราะดําขนาดมหึมา ไม่เพียงแต่บรรทุกผู้คน แต่ยังรวมถึง
หลายสิ่งอย่าง มันมีอาคมป้องกันมากมายติดตั้งเอาไว้ภายในตัวเรือ
เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์เต๋าขนาดใหญ่มหึมาก็ว่าได้
เมื่อขึ้นถึงบนเรือแล้ว ผู้โดยสารจะได้ทราบว่าหากต้องการห้อง
ส่วนตัว ก็จําเป็นต้องจ่ายถึงห้าร้อยล้านเหรียญม่วง หากไม่ต้องการ
ห้องส่วนตัว ก็จําเป็นต้องไปอยู่ร่วมกับหลายคนที่ห้องใหญ่ตรงชั้น
แรกของเรือบิน
ฉินหยุนเดิมคิดอยากได้สองห้อง ทว่าหยางฉีเย่ว์ออกความเห็นว่า
สิ้นเปลืองเกินไป ดังนั้นเขาจึงเลือกเพียงห้องหนึ่ง
เมื่อเข้าถึงห้องโดยสารแล้ว พวกเขาค่อยพบว่ามันเล็กยิ่ง ขนาดกว้าง
เพียงสองหรือสามเมตร เพียงแค่ที่นอนก็แทบเต็มห้องแล้ว
“ไม่นึกเลยว่าแดนยุทธ์อ้างว้างจะมีคนรํ่ารวยมากมายเพียงนี้! โดยสาร
เรือจําเป็นต้องจ่ายมากมายถึงห้าร้อยล้านเหรียญม่วง!” ฉินหยุนอุทาน
ร้องขณะนอนบนเตียง
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หลายผู้คนไม่อาจจ่ายเพื่อโดยสารเรือ พวกเขา
จึงต้องลงนามสัญญากับตําหนักจารึกเทวะ เมื่อไปถึงแดนวิญญาณ
อ้างว้าง พวกเขาจําเป็นต้องช่วยงานนานหลายสิบปี หรืออาจกระทั่ง
ถึงหนึ่งร้อยปี ในฐานะข้ารับใช้!”
หยางฉีเย่ว์ถอดชุดเกราะ นอนลงเคียงข้างฉินหยุน พร้อมกับนําตํารา
เล่มหนึ่งออกมาอ่าน
“พี่หยาง เมื่อไปถึงแดนวิญญาณอ้างว้างแล้วท่านคิดทําอันใดก่อน?”
ฉินหยุนมองที่ร่างงดงามมีกลิ่นหอมเย้ายวนเคียงข้าง เกิดความคิด
อยากเข้าไปกอดสักครั้งหนึ่ง
“ขณะนี้ยังไม่ทราบ แต่ไปถึงเดี๋ยวคงได้รู้กัน! โดยสรุป ให้ข้าเป็นคน
จัดการเอง!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มอ่อน “เย่ว์หลานฝากฝังแก่ข้า ดังนั้นย่อม
ต้องดูแลเจ้าเป็นอย่างดี!”
“ข้าหาได้ใช่เด็กแล้ว!” ฉินหยุนแลบลิ้นออกประท้วงพลางหัวเราะ
“เย่ว์หลานจริงจังเกินไปแล้ว ทําเสมือนข้ายังเป็นเด็กอยู่อย่างไรอย่าง
นั้น!”
“เจ้าอ่อนกว่านางปีหนึ่ง ดังนั้นในสายตาของนาง เจ้าจึงเป็นเด็กไม่ว่า
จะผ่านไปนานเพียงใด!” หยางฉีเย่ว์หัวเราะ
หลังเทียบท่าอยู่หลายวัน ขณะนี้เรือบินเกราะดําได้กําหนดออกจาก
ท่า ความเร็วของมันมากลํ้า
ในห้องของฉินหยุนมีหน้าต่าง ดังนั้นจึงทําให้เขาสามารถมองเห็น
สภาพภายนอก
ขณะนอนบนเตียง หันมองทางหน้าต่าง เขามองภาพฉากที่เกิดขึ้น
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ขณะนี้นอนข้างหน้าต่าง รับชมภาพฉากที่
ลอยขึ้นสูงบนฟ้าเรื่อยมา ด้วยอาคมคุ้มกันจึงไม่มีสายลมพัดพา
ดังนั้นการชมทิวทัศน์ภายนอกจึงสามารถเห็นอย่างชัดเจน
“พวกเราอยู่ที่แดนสัตว์อสูรอ้างว้างแล้ว!” หยางฉีเย่ว์กล่าว “ที่นี่แห้ง
แล้งนัก!”
ก่อนหน้านี้ ยังเป็นภาพฉากงดงามหลากหลาย แต่เพียงไม่นานก็ถึง
ส่วนลึกของแดนสัตว์อสูรอ้างว้าง พื้นที่เต็มไปด้วยภูเขาแห้งแล้ง
พื้นดินสีเหลือง ยากพบเห็นชีวิตใดคงอยู่
เมื่อไม่มีสิ่งชวนจรรโลงให้รับชม ฉินหยุนจึงเกิดอาการเบื่อหน่าย
“ยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะถึงแดนวิญญาณอ้างว้าง! เจ้าควรใช้
โอกาสนี้ฝึกฝนพลังเต๋าเก้าสมบูรณ์เสีย!” หยางฉีเย่ว์ลูบที่ศีรษะฉิน
หยุน
ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงเริ่มต้นฝึกฝนพลังเต๋าเก้าสมบูรณ์ตามคําชี้นํา
ของหยางฉีเย่ว์
เดินทางอยู่ครึ่งเดือน เรือบินเกราะดําในที่สุดก็ผ่านพ้นแดนสัตว์อสูร
อ้างว้าง เข้าสู่แดนอสูรอ้างว้างผ่านรอยแยกมิติ
แดนอสูรอ้างว้าง เป็นแดนอ้างว้างระดับเดียวกับแดนวิญญาณ
อ้างว้าง ดังนั้นมันจึงเชื่อมต่อถึงกัน!
ไม่นานหลังจากเข้าสู่แดนอสูรอ้างว้าง เรือบินเกราะดําจึงหยุดพักครู่
หนึ่ง จากนั้นค่อยออกบินต่อ
ระหว่างฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ฝึกฝน อย่างกะทันหัน พวกเขากลับ
ได้ยินเสียงเคาะประตู
ฉินหยุนเดินออกไปเปิ ดประตู พบเห็นเป็นชายร่างใหญ่ชุดดําสองคน
พวกเขาเป็นคนของตําหนักโทเทม!
“ข้ามาเรียกเก็บค่าธรรมเนียม คนละหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง! สอง
คนก็สองร้อยล้านเหรียญม่วง!” ชายร่างใหญ่ตะโกนดังพร้อมสีหน้า
ดุดัน
แต่แล้วเมื่อชายทั้งสองจากตําหนักโทเทม ได้เห็นใบหน้างดงามของ
หยางฉีเย่ว์ ดวงตาทั้งสองจึงเผยความชั่วช้าอย่างปิ ดไม่อาจมิดได้
ออกมา
ตอนที่ 498 ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
เรือบินเกราะดํา ฉับพลันปรากฏคนของตําหนักโทเทมมาเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียม พวกเขาทราบว่าคนที่ปล่อยให้เรือดําเนินการ มีส่วนรู้
เห็นกับตําหนักโทเทม ให้ออกมารีดไถเหรียญม่วงผู้คนเช่นนี้
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์จดจําได้ ว่าเรือบินเกราะดําหยุดไปครู่ นั่น
จะต้องเป็นช่วงปล่อยให้คนของตําหนักโทเทมเข้ามาอย่างแน่นอน
ตําหนักโทเทมคงอยู่ทั้งในแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้าง
และรากฐานของตําหนักโทเทมก็อยู่ที่แดนอสูรอ้างว้าง ดังนั้นแล้ว
พวกเขาจึงกล้าก่อการอหังการขึ้นที่นี่
ชายร่างใหญ่พบฉินหยุนไม่คิดส่งมอบ เขาจึงเผยรอยยิ้มโฉดชั่ว
“ภรรยาเจ้าหรือ? เช่นนั้นให้นางเล่นสนุกกับพวกเราสักหนึ่งชั่วยาม
แล้วเจ้าก็ไม่จําเป็นต้องจ่ายแม้สักเหรียญ!”
ชายร่างใหญ่อีกคนหัวเราะดัง “ข้าคิดอยากเล่นกับนางสักหนึ่งชั่วยาม
เช่นกัน ดังนั้นพวกเจ้าทั้งสองจึงได้รับสิทธิ์ในการไม่ต้องจ่าย!”
คําพอกล่าวจบ ชายทั้งสองจึงปิ ดประตู ทั้งคู่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่หวั่นเกรงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ฉินหยุนนํายันต์ออกมาด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว นํ้าเสียงลุ่มลึกกล่าว
ออก “เจ้าทราบหรือไม่ว่ายันต์นี้คืออะไร?”
“ผู้ใดสนใจยันต์ในมือเจ้ากัน ด้วยพละกําลังเจ้า ไม่มีทางต่อต้านอัน
ใดต่อพวกเราได้!” ชายร่างใหญ่หัวเราะ “หาได้ยากนักที่จะมีโฉมงาม
เช่นนี้แม้ในรอบหนึ่งร้อยปี… ข้าย่อมต้องขอลิ้มลองแล้ว!”
“ไปลิ้มลองความตายเจ้า!” นํ้าเสียงฉินหยุนเย็นเยียบและเปี่ ยมล้น
ด้วยจิตสังหาร ยันต์สะกดกายในมือถูกขว้างออก
แม้ชายร่างใหญ่ทั้งสองอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ฉินหยุนก็มียันต์
วิญญาณระดับราชัน ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถสะกดร่างทั้งสองคน
เอาไว้ได้ราวสองถึงสามชั่วลมหายใจ!
“ยันต์สะกดกาย… หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร นี่เจ้าคือฉินหยุน
หรือ!” ชายร่างใหญ่พบฉินหยุนนําหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร
ออกมา จึงร้องตะโกนออกด้วยความหวาดกลัว
ฉินหยุนใช้หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร จับตัวทั้งสองเอาไว้ภายใน
หยางฉีเย่ว์มองไปยังหม้อสามขางดงามใบน้อยที่ฝ่ ามือฉินหยุน นาง
หัวเราะออก “คล้ายไม่ต้องให้ข้าลงมืออันใด เพียงเจ้าก็แก้ปัญหาได้!
สมแล้วที่เป็นสามีข้า!”
ฉินหยุนยิ้มรับเล่นด้วย “เช่นนั้นภรรยาแสนดีของข้าคิดตบรางวัลใด
กัน?”
ใบหน้าขาวนวลของหยางฉีเย่ว์ขณะนี้ เผยความงดงามชวนดึงดูด
ขณะเผยรอยยิ้มซุกซน นิ้วทั้งสองถูกยกขึ้น ประทับที่ริมฝีปาก ก่อน
จะใช้สองนิ้วนั้นประทับที่ริมฝีปากฉินหยุนอีกทีหนึ่ง
ฉินหยุนแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนเองพลางหัวเราะ “นี่หาได้พอไม่!”
“เลิกเล่นได้แล้ว!” หยางฉีเย่ว์กลอกตามอง จากนั้นจึงเผยเสียงจริงจัง
“สองคนนี้หายตัวอย่างกะทันหัน ต้องมีคนทราบในไม่ช้าแน่!”
“ตําหนักจารึกเทวะ นับวันยิ่งมีแต่คนเลวทราม!” ฉินหยุนมองหม้อ
ใบน้อยในมือพลางถอนหายใจ
“เพราะตระกูลชนชั้นสูงมากมายมีส่วนร่วมในการบริหารตําหนัก
จารึกเทวะ พวกเขาจึงฝังเมล็ดพันธ์ตนเองเอาไว้ในตําหนักจารึกเทวะ
ผลลัพธ์ที่ได้ สัมพันธ์ภายในของตําหนักจารึกเทวะจึงเริ่มเอนเอียง”
หยางฉีเย่ว์นั่งข้างเตียงนอน มือขาวนวลขณะนี้ลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่ม
เป็นภาพฉากที่หากผู้ใดพบเห็นคงต้องมองอย่างไม่วางตา
ฉินหยุนราดนํ้ามันสัตว์ลงในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร ทําการ
เผาร่างสองคนจากตําหนักโทเทม พร้อมรับฟังเสียงร้องโหยหวนอีก
ฝ่ ายอย่างบันเทิงใจ
หยางฉีเย่ว์กล่าวขึ้น “สมควรเป็นคนของตําหนักจารึกเทวะ ให้ความ
ร่วมมือกับตําหนักโทเทม ขึ้นมาเรียกเก็บเงินนอกรอบแล้วค่อยแบ่งปัน
กันภายใน คนพวกนี้ย่อมต้องมีพื้นเพบ้าง ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าก่อการ
ถึงเพียงนี้!”
ฉินหยุนคิดเห็นเช่นเดียวกัน
กว่าสองชั่วยามผ่านพ้น อีกคนมาเคาะประตูห้องฉินหยุน ประตูพอ
เปิ ดออก เขาค่อยพบว่าเป็นผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะ
“แขกผู้ทรงเกียรติทั้งสอง ท่านพบเห็นสองคนในชุดดําบ้างหรือไม่?”
ชายชราเอ่ยถาม
หยางฉีเย่ว์พอได้ยินดังนี้ สีหน้าจึงกลายเป็ นเย็นเยือกพร้อมแค่นเสียง
ดัง “ตําหนักจารึกเทวะเจ้าเป็นขั้วอํานาจใหญ่ แท้จริงกลับกล้าก่อ
เรื่องเพียงนี้ ได้รับส่วนแบ่งจากพวกมันเท่าใดกันเล่า?”
“ในเมื่อพวกเราผ่านอาณาเขตตําหนักโทเทม พวกเราย่อมต้องจ่ายค่า
ผ่านทาง อย่างไรแล้ว พวกเราก็ได้รับการคุ้มกันไปตลอดเส้นทาง!”
ชายชราพอกล่าวจบ ก็เร่งรีบถอนตัวจากไป
ประตูปิ ดลง อีกฝ่ ายจากไปแล้ว
หยางฉีเย่ว์แค่นเสียง “คนพวกนี้ช่างกล้าพูดจาไร้มูลนัก! ในแดนอสูร
อ้างว้าง ผู้ใดกันกล้าโจมตีเรือบินของตําหนักจารึกเทวะ? แดนอสูร
อ้างว้างกว้างใหญ่ ไม่ใช่ว่ามีแต่อาณาเขตของตําหนักโทเทม เหตุใด
พวกมันจึงต้องผ่านเส้นทางของตําหนักโทเทม?”
ถัดจากนั้น เรือบินเกราะดําจึงค่อยเคลื่อนไหวอีกครั้ง ฉินหยุนและ
หยางฉีเย่ว์ได้รับเชิญออกมารวมตัว พร้อมกับกลุ่มคนหลายร้อยที่
ห้องโถงกว้างของชั้นที่สอง
หลายร้อยคนจ่ายเพื่อห้องส่วนตัวในเรือ ส่วนใหญ่เป็นขอบเขตวร
ยุทธ์วิญญาณ
สาเหตุว่าพวกเขาเหตุใดต้องมารวมตัวกันตรงนี้ ก็เพราะสองคนจาก
ตําหนักโทเทมหายตัวไป
คนทั้งสองจากตําหนักโทเทมหาได้เคาะประตูห้องผู้อื่นตามลําดับ
เพียงเคาะตามใจอยาก ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่ทราบเรื่อง
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีทางทราบได้เลยว่าห้องใดที่พวกเขาไปเคาะล่าสุด!
ดังนั้นจึงมีแต่ต้องสืบสวนไปทีละเงื่อนเพื่อลงลึกรายละเอียด
ผ่านการพยายามอยู่หลายคน คนของตําหนักจารึกเทวะค่อยยอม
ปล่อยวาง ให้ทุกคนกลับห้องของตนเองได้
ฉินหยุนพอกลับมาถึง เขาจึงเริ่มทําการฝึกฝนพลังเต๋าเก้าสมบูรณ์
ต่อเนื่อง
โดยสารเรือบินกว่าสี่สิบวัน พาหนะใหญ่ยักษ์ลํานี้ในที่สุดก็ผ่านแดน
อสูรอ้างว้าง และเข้าสู่พื้นที่ของแดนวิญญาณอ้างว้าง!
เรือบินเกราะดําลํามหึมาเพียงหยุดพัก ที่ชายแดนระหว่างแดนวิญญาณ
อ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้าง แม้ว่าที่นี่เป็นแดนวิญญาณอ้างว้าง แต่
ก็มีสัตว์อสูรปรากฏตัวบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงยังนับเป็นพื้นที่อันตราย
โชคยังดี เมืองที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยตําหนักจารึกเทวะ มันจึงเป็นปราการ
แข็งแกร่งยิ่งแห่งหนึ่ง!
ขณะนี้ ฉินหยุนกําลังฝึกฝนขุมพลังเต๋าอยู่
เขาใช้ได้เพียงแค่ขุมพลังเต๋าสั่นไหว และขุมพลังเต๋าราชสีห์สวรรค์
ทางด้านวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เขายังไม่อาจทําให้มันตอบสนอง
ได้
หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนออกจากเรือใหญ่ มุ่งหน้าเข้าเมืองที่สร้างขึ้น
โดยตําหนักจารึกเทวะ
เมืองแห่งนี้ค่อนข้างดูเก่า สิ่งปลูกสร้างหลายแห่งผ่านกาลเวลายาวนาน
กระทั่งปรากฏหญ้ามอสสีเขียวขึ้นตามก้อนอิฐไปทั่ว ทําให้เมืองนี้ดู
มีชีวิตชีวาแห่งหนึ่ง
ฉินหยุนพอลงจากเรือที่เทียบท่า เขาค่อยทราบว่ามีผู้คนนับหมื่น
โดยสารเรือลํานี้มา! ผู้คนเหล่านั้นล้วนอยู่ภายใต้สัญญาทาสของ
ตําหนักจารึกเทวะ ตราบเท่าที่ทํางานจนครบกําหนด พวกเขาจะ
สามารถโดยสารเรือได้โดยไม่ต้องจ่ายแม้สักเหรียญ
ตําหนักจารึกเทวะ นับว่าฉลาดเลือกใช้วิธีการนี้หาแรงงานราคาถูก
ผู้คนเหล่านี้ปรารถนาย้ายมาใช้ชีวิตที่แดนวิญญาณอ้างว้าง ดังนั้นเมื่อ
มีโอกาสให้เข้ามาถึง พวกเขาย่อมต้องคว้าเอาไว้ไม่ว่าจะด้วยหนทาง
ใดก็ตาม
หยางฉีเย่ว์ร่วมทางมากับฉินหยุน นางจึงมั่นใจว่าไม่จําเป็นต้องกังวล
ว่าเหรียญม่วงจะขาดมือแต่อย่างใด ทั้งสองขณะนี้พักอาศัยในโรงเตี๊ยม
ที่ดูดีแห่งหนึ่ง
ห้องชุดที่พักอาศัยนี้ มีห้องสําหรับฝึกฝนรวมอยู่ด้วย
หยางฉีเย่ว์เร่งรีบไปชําระกาย เมื่อออกมา นางสวมใส่เพียงเสื้อคลุม
อาบนํ้าบาง เผยส่วนโค้งเว้าของร่างกายอย่างไม่คิดปิ ดบัง หากผู้ใด
พบเห็นล้วนต้องใจเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ฉินหยุนขณะนี้รับชมดวงตะวันลาลับฟ้ายามเย็น เขากล่าวออก “ที่นี่
คือแดนวิญญาณอ้างว้างหรือ? ไม่คล้ายพบเห็นอันใดแตกต่างจาก
แดนยุทธ์อ้างว้าง! กระทั่งความหนาแน่นของพลังวิญญาณเก้าตะวัน
ก็ยังไม่ต่างกัน!”
“แดนวิญญาณอ้างว้างกว้างใหญ่ เทียบเท่าได้กับสามแดนอ้างว้างเลย
ทีเดียว ทรัพยากรที่นี่มีมากล้น และยังเป็นแดนอ้างว้างที่เก่าแก่โบราณ
แห่งหนึ่ง! เมื่อแดนวิญญาณอ้างว้างอยู่จุดสูงสุด ขณะนั้นที่แดนยุทธ์
อ้างว้างยังไม่มีมนุษย์แม้สักคน!” หยางฉีเย่ว์กล่าว “ในภายหน้า เจ้า
จะค่อยทราบถึงความแตกต่างระหว่างแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดน
ยุทธ์อ้างว้างด้วยตนเอง!”
ฉินหยุนรับชมดวงตะวันบนฟากฟ้าพร้อมถอนหายใจ “ข้าสงสัยนัก
ว่าพวกเย่ว์หลานขณะนี้กําลังทําอะไรกันอยู่”
หยางฉีเย่ว์ยิ้มหวาน “นางย่อมอยู่ที่ตําหนักจันทราทมิฬ เรื่องการ
เป็นอยู่ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล! สําคัญที่สุดเรื่องที่เจ้าต้องทําในแดน
วิญญาณอ้างว้าง นั่นก็คือตามหาวิญญาณดวงตะวัน!”
“ไม่ใช่ว่ามีคนของแดนวิญญาณอ้างว้างได้รับวิญญาณดวงตะวันไป
แล้วหรือ? ข้าจะได้รับมันได้อย่างไรกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามนํ้าเสียง
ประหลาดใจ
“ต่อให้มีผู้ใดได้รับมัน พวกเราก็สามารถฉกชิงมันมาได้!” หยางฉีเย่ว์
ยิ้ม “ไปฝึกฝนร่วมกันก่อน ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่แล้ว เรื่องอื่นจง
ปล่อยวาง มุ่งเน้นไปที่การก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าให้
เรียบร้อยจะดีกว่า!”
ฉินหยุนยังมีแก่นมังกรอยู่อีกหนึ่ง นอกจากนี้ พลังของลูกไฟยักษ์ก็
ยังไม่หมดสิ้น มันเพียงถูกผนึกเอาไว้ภายในแก่นเต๋าตะวันทมิฬ
แม้ว่าฉินหยุนยังไม่อาจใช้ความสามารถแกร่งกล้าของวิญญาณยุทธ์
ตะวันทมิฬ แต่เขาก็ทราบว่าแก่นเต๋าตะวันทมิฬแข็งแกร่งเพียงใด
มันถึงกับสามารถบรรจุพลังงานรุนแรงเอาไว้ได้อย่างมหาศาล
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ต่างสวมใส่ชุดคลุมอาบนํ้า หันหน้าเผชิญกัน
ในห้องลับ ฝ่ ามือทั้งสี่ขณะนี้ผสานกันไว้แน่นซึ่งกันและกัน เริ่มการ
เข้าสู่สภาวะฝึกฝนร่วมกัน
เมื่อฝึกฝนร่วมกัน มันยังมีผลประโยชน์อื่นคงอยู่ เมื่อเลื่อนระดับ จะ
ไม่มีการปลดปล่อยออร่ารุนแรงใดออกมา
ไม่ว่าเป็นพลังงานรุนแรงเพียงใด เมื่อพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา
ทํางานอย่างสมบูรณ์ซึ่งกันและกัน มันจะรักษาสภาวะความสงบ
ภายในร่างกายเอาไว้ได้
ด้วยไม่มีสระเต๋า ความก้าวหน้าจึงไม่มากลํ้าเช่นก่อนหน้า กระนั้น
ด้วยแรงสนับสนุนของพลังแกร่งกล้า พวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานมาก
นัก
ขณะฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ฝึกฝนร่วมกัน ทั้งสองต่างรู้สึกได้ถึงพลัง
ที่ผสานกันและไหลเวียนอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันทั้งแกร่งกล้าและ
รวดเร็ว แต่พลังงานนี้ก็ให้ความรู้สึกอ่อนโยนอย่างหนึ่ง
ฉินหยุนรับรู้ได้ ว่าโลหิตเต๋าและกระดูกเต๋าในกาย ขณะนี้กําลังดูดกลืน
พลังงานมหาศาล พวกมันบํารุงเลี้ยงกล้ามเนื้อและเส้นโคจร กระทั่ง
เส้นผมของเขาก็เริ่มยาวขึ้น
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า คือระดับที่เชี่ยวชาญในกายเต๋า เพราะ
เขาฝึกฝนถึงสามแก่นเต๋า การฝึกฝนกายเต๋าของเขาจึงต้องแข็งแกร่ง
ยิ่งกว่าผู้ใด
ที่ระดับนี้ หยางฉีเย่ว์คิดอยากให้ฉินหยุนก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เก้า ดังนั้นนางจึงทุ่มเทร่วมฝึกฝนกับเขา
“หลังจากเชี่ยวชาญกายเต๋า กําลังกายของเจ้าจะยิ่งสูงลํ้ากว่าขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าทั่วไปมากนัก!” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจ นาง
ขณะนี้เชี่ยวชาญกายเต๋าของตนเองแล้ว ทว่าฉินหยุนยังคงห่างไกล
มีเพียงบํารุงหล่อเลี้ยงกายเต๋า จึงค่อยเกิดขึ้นเป็นอักขระชีวิตตัวที่เก้า
แก่นเต๋าทั้งสาม จําเป็นต้องก่อเกิดอักขระชีวิตตัวที่เก้าขึ้นมา หากไม่
มีกายเต๋าที่แกร่งกล้า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําให้ทั้งสามแก่นเต๋าเกิด
อักขระชีวิตตัวที่เก้า
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ฝึกฝนร่วมกันนับเดือน ในที่สุดกายเต๋าของ
เขาค่อยแกร่งกล้าเพียงพอ เริ่มถือกําเนิดอักขระชีวิตตัวที่เก้า
อักขระชีวิตตัวที่เก้าของแก่นเต๋าทั้งสามปรากฏทีละน้อย เมื่อปรากฏ
โดยสมบูรณ์ ร่างกายฉินหยุนจึงเริ่มสั่น ออร่าสีดําเริ่มหลุดรอดออก
จากร่าง
หยางฉีเย่ว์ได้เห็นเช่นนี้ นางเร่งรีบกอดฉินหยุนเอาไว้และฝึกฝน
ต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทําการสะกดออร่าของฉินหยุนเอาไว้
อักขระชีวิตตัวที่เก้าของฉินหยุนก่อเกิด เขามองที่ร่างงดงามตรงหน้า
ซึ่งปกคลุมด้วยออร่าอ่อนโยน รับรู้ถึงกลิ่นหอมเย้ายวน ภายในใจอด
ไม่ได้ที่จะเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
หยางฉีเย่ว์พอทราบ จึงปล่อยฉินหยุนออกจากอ้อมกอด พร้อมจัดแจง
ชุดตัวเองให้กลับมาดูเรียบร้อย
นางหัวเราะพลางกล่าวกับฉินหยุน “ต้องขอบคุณที่พวกเราเป็นคู่
ฝึกฝนร่วมกัน ไม่เช่นนั้น พวกเราคงไม่มีทางสะกดออร่าตนเอง
เอาไว้ ผู้ใดจะทราบ บางทีเก้าตะวันอาจแปรเปลี่ยนเป็นสีดําอีกครั้ง
หนึ่งก็เป็นได้! เสี่ยวหยุน ความสามารถเทวะครั้งนี้เป็นอะไรกัน?”
ฉินหยุนหลับตาลงสัมผัสถึง “ความสามารถเทวะแผ่นดินไหว ไม่
เพียงแต่สร้างคลื่นกระแทกระหว่างการเกิดแผ่นดินไหว แต่ยัง
สามารถสั่นสะเทือนมิติในละแวกใกล้เคียงได้ด้วย!”
“ความสามารถเทวะระดับที่สามนี้ถือว่าชวนสะพรึง แต่ก็ต้องแลก
ด้วยการใช้พลังเต๋ามหาศาล เรียกได้ว่าแทบจะสูบเอาพลังจากแก่น
เต๋าจนหมดสิ้นหากคิดใช้งาน”
“ทางด้านเคล็ดวิชาอัญเชิญราชสีห์สวรรค์… ขณะนี้ก็ยังอัญเชิญมา
ได้แค่สอง ทว่าราชสีห์สวรรค์จะแกร่งกล้ามากขึ้น และคงอยู่ได้นาน
มากขึ้น!”
หยางฉีเย่ว์เอ่ยคํา “เสี่ยวหยุน ความสามารถเทวะแผ่นดินไหวนั้น
แกร่งกล้า! แต่อย่าได้คิดว่ามันเพียงโจมตีเป็นวงกว้าง! เจ้าขณะนี้ยัง
ไม่อาจควบคุมพลังความสามารถเทวะนั้นได้! ดังนั้นใช้พลังของ
ความสามารถเทวะเพียงหนึ่งในสิบ และโคจรพลังเข้าสู่ร่างกาย
จากนั้นจึงค่อยปล่อยพลังผ่านร่างกายจึงค่อยสามารถควบคุมมันได้!”
“ยกตัวอย่าง พลังของความสามารถเทวะแผ่นดินไหว มันสามารถ
โคจรผ่านแขน หมัด ฝ่ ามือ หรืออาวุธที่อยู่ในมือเพื่อปลดปล่อยการ
โจมตีออก นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีในการใช้พลังสั่นไหวได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ!”
ตอนที่ 499 จันทราสีเลือดอันลึกลับ
ฉินหยุนจดจําคําของหยางฉีเย่ว์เอาไว้ เมื่อเขาฝึกฝนภายหน้า เขาจะ
ให้ความสนใจกับการใช้ความสามารถเทวะให้มากยิ่งขึ้น อย่างไร
แล้ว มันก็คือพลังอันแข็งแกร่งที่คงอยู่กับตัวเขา
“ขุมพลังเต๋าที่เจ้าฝึกฝนตอนนี้แข็งแกร่งพอแล้ว ให้ข้าชี้แนะเรื่องฝ่ า
มือมังกรสัมบูรณ์และก้าวเท้าเก้าสมบูรณ์ต่อแล้วกัน!”
หยางฉีเย่ว์นําเอาสมุดออกมาสองเล่ม พวกมันเป็นบันทึกสรุปของ
นางระหว่างเดินทางมายังแดนวิญญาณอ้างว้าง
หลังส่งมอบมันให้แก่ฉินหยุน นางค่อยเริ่มอธิบายลงรายละเอียด
ฉินหยุนก่อนหน้านี้ ได้ฟังสิ่งที่หยางฉีเย่ว์อธิบายเรื่องฝ่ ามือมังกร
สัมบูรณ์ และก้าวเท้าเก้าสมบูรณ์มาแล้ว แต่ครั้งนี้ มันลงรายละเอียด
ลึกยิ่งกว่า
กลางดึก หยางฉีเย่ว์ค่อยอธิบายจนครบถ้วน
ฉินหยุนหลับตาลง ทําการย่อยเนื้อหาที่ได้รับจากหยางฉีเย่ว์
อย่างกะทันหัน เสียงอึกทึกพลันดังจากนอกหน้าต่าง
“เหตุใดดวงจันทร์จึงเป็นสีเลือด?”
“ดวงจันทร์สีแดงนี้เปรียบดั่งเลือด น่ากลัวนัก!”
“หรือปรากฏการณ์นี้จะเป็นลางบอกเหตุถึงอะไรบางอย่าง?”
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์พอได้ฟังเช่นนี้ ทั้งสองเร่งรีบมองออกไปยัง
นอกหน้าต่างบนท้องฟ้าสูง
จันทร์เต็มดวงสีแดงฉานเปรียบดั่งโลหิต ขณะนี้สาดส่องแสงจันทร์
สีเลือดลงสู่ผืนแผ่นดิน มันย้อมแดนดินจนแดงฉาน ทําเอาผู้คนเกิด
ความรู้สึกหวาดกลัวเกาะกุมในหัวใจ
“พี่หยาง เหตุใดดวงจันทร์เป็นสีแดงเช่นนี้?” ฉินหยุนมองบนฟากฟ้า
และเอ่ยถาม ขณะหันมองทางหยางฉีเย่ว์ จึงพบว่านางมีสีหน้า
เคร่งเครียดยิ่ง
หยางฉีเย่ว์เผยความร้อนใจ “เสี่ยวหยุน ข้าต้องไปแล้ว! เจ้ามีเหรียญ
ม่วงมากมาย ทั้งยังแข็งแกร่ง ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถดูแลตัวเองได้!”
ฉินหยุนคิดอยากถามอีกหลายเรื่อง แต่หยางฉีเย่ว์กลับกระโดดพรวด
ออกจากหน้าต่าง มุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์สีเลือดนั้นแล้ว!
ขณะเขาคิดตามไป เสียงของหยางฉีเย่ว์พลันส่งมา “อย่าได้ตามมา นี่
อันตรายยิ่ง! ภายหน้าข้าค่อยบอกต่อเจ้าว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ฉินหยุนถือสมุดทั้งสองเล่ม เหม่อมองหยางฉีเย่ว์หายวับไปยามราตรี
กาล ภายในใจขณะนี้ทั้งกังวลและเกิดข้อสงสัย
“พี่หยาง ท่านเองก็ดูแลตัวเองด้วย!” เขาส่ายศีรษะพร้อมถอนหายใจ
ฉินหยุนเก็บสมุดทั้งสองเล่ม นําเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมา นี่ก็
นานแล้วที่เขาไม่เคยนํามันออกมาเลย
“หยดเลือดทดลองดูดีกว่า!” หยดเลือดจากปลายนิ้ว ขณะนี้หยดลง
สัมผัสกับแผนที่หลุมฝังเซียน
แผนที่หลุมฝังเซียน ฉับพลันเกิดอาการสั่นขึ้น!
“พี่สาว!” ฉินหยุนเร่งร้อนผสานจิตสํานึกเข้าสู่ผืนหนังสัตว์พร้อม
ตะโกน
“เสี่ยวหยุน! นี่เจ้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าแล้ว? รวดเร็ว
นัก!” นํ้าเสียงของเซี่ยฉีโหรวดังให้ได้ยิน
“พี่สาว ข้าขณะนี้อยู่แดนวิญญาณอ้างว้าง! เมื่อใดข้าจะสามารถไปยัง
สุสานเซียนเพื่อค้นหาวิญญาณเสด็จแม่ได้?” ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถาม
“เจ้าถึงกับไปเยือนแดนวิญญาณอ้างว้างแล้ว! ข้าคิดอยู่ก่อนแล้ว แต่
ไม่คาดว่ารวดเร็วเพียงนี้” เซี่ยฉีโหรวกล่าวตอบ “เสี่ยวหยุน เรื่องที
เทือกเขาเมฆมังกรอย่าได้เร่งร้อน… ขณะนี้การคุ้มกันที่นี่ยิ่งมายิ่ง
หนาแน่น!”
“ขอรับ! ข้าจะพยายามฝึกฝนให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว!” ฉิน
หยุนเร่งรีบพยักหน้ารับ
“ในเมื่อเจ้าอยู่ในแดนวิญญาณอ้างว้างแล้ว ก็ลืมเรื่องหลุมฝังเซียนไป
สักชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อน ข้าจะติดต่อไปหาเจ้าเมื่อมีโอกาส! เลือด
ของเจ้าขณะนี้มีพลังแกร่งกล้ามากพอ ดังนั้นนับแต่นี้จึงไม่ลําบาก
อะไรนักหากคิดติดต่อสื่อสารหากัน!”
“วิเศษ!” ฉินหยุนเผยเสียงยินดี
ขณะเขาคิดถามเรื่องหยางฉีเย่ว์ เซี่ยฉีโหรวพลันกล่าวขึ้นก่อน “เสี่ยว
หยุน เจ้าอยู่แดนวิญญาณอ้างว้างแล้ว ดังนั้นก็สมควรค้นหาวิธีและ
เข้าร่วมสํานักเซียน!”
“สํานักเซียนหรือขอรับ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม
“ใช่ เจ้าควรเข้าร่วมสํานักเซียนเสียก่อน! เอาละ ไว้อีกสักพักหนึ่งข้า
จะติดต่อหาเจ้าอีกครั้ง!” จากนั้นเสียงจากทางฝั่งของเซี่ยฉีโหรวจึง
เลือนหายไป
ฉินหยุนไม่ทราบว่าสํานักเซียนคืออันใด
เขาได้แต่ออกจากที่พัก สอบถามผู้คนที่ภายนอก
หลังทราบเรื่องราว เขาพบว่าในแดนวิญญาณอ้างว้างมีห้าสํานักเซียน
พวกเขาล้วนเป็นสํานักแกร่งกล้าในแดนวิญญาณอ้างว้าง และยังเข้า
ร่วมได้ยากเย็นยิ่ง!
นอกจากห้าสํานักเซียน ยังคงมีห้าสํานักดวงดาว และสามสํานัก
จันทรา
ห้าสํานักดวงดาว ประกอบด้วยสํานักหมื่นดวงดาว สํานักดาบ
ดวงดาว หุบเขาเยือกแข็งดวงดาว เกาะขุนเขาดวงดาว และตําหนัก
พฤกษาดวงดาว
ทางด้านสํานักจันทราทั้งสาม ประกอบด้วยนครจันทราอัคคี ตําหนัก
จันทราทมิฬ และเกาะจันทราปี ศาจ ทั้งหมดล้วนเป็นสํานักที่รับ
เฉพาะหญิงสาว
ทางด้านห้าสํานักเซียน มีหุบเขาเซียนโอสถ นครเซียนยุทธภัณฑ์
ขุนเขาเซียนอัคคีคราม วิมานเซียนปี ศาจ และตําหนักเซียนดาบ
มีเพียงศิษย์ของสํานักดวงดาวและสํานักจันทรา จึงมีโอกาสได้เข้า
ร่วมสํานักเซียน
ตามปกติ มันจําเป็นต้องผ่านการทดสอบเมื่อถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เก้า และยังมีการจํากัดอายุ ซึ่งจะต้องไม่เกินกว่าห้าสิบปี
ฉินหยุนหลังสอบถามไปทั่ว เขาค่อยทราบว่าการได้เป็นศิษย์สํานัก
เซียนเป็ นเรื่องยากเย็นเพียงใด
เพราะอันดับแรก เขาจําเป็นต้องเป็นศิษย์ของสํานักดวงดาวหรือ
สํานักจันทราเสียก่อน จากนั้นค่อยผ่านการแข่งขัน แย่งตําแหน่ง
ภายในสํานัก ก่อนจะสามารถเข้าสู่สํานักเซียนได้
การกระทําเช่นนั้น อาจต้องกินเวลายาวนานนับสิบปี !
ฉินหยุนเหม่อมองจันทราสีเลือด พร้อมถอนหายใจออกมารุนแรง
เขาคิดว่าหากหยางฉีเย่ว์ยังอยู่ เพียงไม่นานเขาต้องพบหนทางเข้าร่วม
สํานักเซียนอย่างแน่นอน
แดนวิญญาณอ้างว้างกว้างใหญ่ไพศาล กระทั่งว่ามีสํานักแกร่งกล้า
ปกครองอาณาเขตกว้างใหญ่ แต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ซึ่งไร้ผู้ครอง
ในแดนอสูรอ้างว้าง ก็มีสํานักอสูรที่แกร่งกล้ามากมาย รวมถึงตําหนัก
โทเทมด้วย!
แม้ว่าจันทราสีเลือดจะสร้างความแตกตื่น แต่พอรุ่งสาง หลายผู้คนก็
ลืมเลือนมันอย่างรวดเร็ว
ตะวันสาดส่องแสง ฉินหยุนก้าวเดินบนถนนเส้นหลัก ตระเตรียมมุ่ง
หน้าไปยังเมืองที่ใหญ่กว่านี
หลังการพิจารณาอยู่คืนหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมหนึ่งในห้าสํานัก
ดวงดาว แม้เป็ นเรื่องยากเข้าร่วม แต่ก็ยังง่ายดายกว่าสํานักเซียน
ฉินหยุนโดยสารเรือบิน ออกเดินทางพร้อมหลายผู้คน ไปยังนคร
พฤกษาโบราณ เมืองดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยตําหนักพฤกษาดวงดาว
ตําหนักพฤกษาดวงดาวเป็นสํานักดวงดาว นามของมันออกจะแปลก
และยังเป็นสํานักที่ควบคุมแม่นํ้าสายใหญ่เอาไว้
กล่าวกันว่าแม่นํ้านั้นพิเศษยิ่ง พืชพรรณสําหรับการฝึกฝน รวมถึง
ต้นไม้ตามริมแม่นํ้าล้วนเติบโตอย่างรวดเร็ว
ฉินหยุนเลือกที่นี่เพราะเกิดความสงสัยต่อตัวสํานัก เพราะเหตุนั้นเขา
จึงคิดอยากไปสํารวจดู
ในห้องโดยสาร ฉินหยุนสนทนากับผู้อาวุโสคนหนึ่ง สอบถามอีก
ฝ่ ายถึงเรื่องราวของตําหนักพฤกษาดวงดาว
ชายชราหัวเราะ “ตําหนักพฤกษาดวงดาวถือเป็นสํานักศิษย์น้องของ
หุบเขาเซียนโอสถ โดยหลักแล้วที่นี่ไว้ใช้เพื่อเพาะปลูกสมุนไพร
ให้แก่หุบเขาเซียนโอสถ! กล่าวกันว่าหุบเขาเซียนโอสถนั้นเลิศลํ้า
พวกเขาครอบครองกองกําลังมากมายช่วยปลูกเลี้ยงพืชสมุนไพร!”
“ผู้อาวุโสเหลียว หากคิดไปยังหุบเขาเซียนโอสถโดยเร็วต้องทําเช่น
ไรขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ไปยังหุบเขาเซียนโอสถเป็ นเรื่องง่ายดาย แต่การเป็นศิษย์ต่างหากจึง
เป็ นเรื่องยาก!” ผู้อาวุโสเหลียวหัวเราะ “ข้าเคยไปเพาะปลูกสมุนไพร
โอสถในหุบเขาเซียนโอสถมาก่อน หากเจ้ามีพรสวรรค์อันดีในการ
บ่มเพาะโอสถ เช่นนั้นเจ้าย่อมสามารถไปยังหุบเขาเซียนโอสถได้!
พวกเขาครอบครองโอสถลํ้าค่าและหายากเอาไว้มากมายนัก!”
ฉินหยุนดวงตาเป็นประกาย เขาครอบครองถ้วยลึกลํ้าตะวันจันทรา
มันเป็นสิ่งวิเศษสําหรับช่วยเจริญเติบโตพืชพรรณโอสถ ก่อนหน้านี้
เขาไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ ขณะนี้ในที่สุดค่อยพบหนทาง
ถ้วยลึกลํ้าตะวันจันทรา คือสิ่งที่เชี่ยวหยางหลงครอบครองเอาไว้ มัน
เป็นอุปกรณ์ลึกลํ้าอย่างดีเลิศชิ้นหนึ่ง
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงสอบถามต่อผู้อาวุโสเหลียว ถึงความพิเศษ
จําเพาะ และเรื่องราวเชิงลึกของหุบเขาเซียนโอสถ
นครพฤกษาโบราณเป็นเมืองพิเศษยิ่ง ที่นี่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง จะมีก็แต่
ต้นไม้ขนาดใหญ่มาก
ร้านค้าและสถานที่อื่น ๆ ล้วนอยู่ในโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่
กระทั่งว่ามีตําหนักจารึกเทวะ มันก็ยังต้องอยู่ภายในโพรงต้นไม้
โบราณ
ที่ใจกลางนครพฤกษาโบราณ มันมีแม่นํ้าสายใหญ่พาดผ่านตัวเมือง
นําไปยังตําหนักพฤกษาดวงดาวที่ลอยอยู่เหนือแม่นํ้า
เมืองแห่งนี้เต็มเปี่ ยมด้วยต้นไม้ใหญ่ ไม่มีอื่นใดพิเศษนอกจากต้นไม้
ทว่าขนาดมันใหญ่ยิ่ง มันเป็นเมืองที่สามารถจุผู้คนได้นับล้าน
ต้นไม้ทุกต้นในเมืองแห่งนี้ กิ่งก้านพวกมันจะแผ่ขยายจนกว้างกว่า
สองถึงสามร้อยเมตร และแม้ยอดไม้ใหญ่ไพศาล ทว่าพวกมันหาได้
สานพันกันมั่วแต่อย่างใด
ต้นไม้ใหญ่แต่ละต้น เปรียบดังสิ่งปลูกสร้างสูงใหญ่ มันมีโพรง
ต้นไม้มากมายอยู่ภายใน
เพราะนครพฤกษาโบราณพิเศษ ตําหนักพฤกษาดวงดาวจึงมีการนํา
สมุนไพรโอสถมากมายมาจําหน่ายที่นี่ ดังนั้นนครแห่งนี้จึงเต็มไป
ด้วยผู้คนหลากหลายพลุกพล่าน
กระทั่งตําหนักจารึกเทวะ ที่นี่ก็ยังมีถึงสองสาขาด้วยกัน
ฉินหยุนก่อนหน้านี้ได้ทราบ ว่านครพฤกษาโบราณบ่อยครั้งจะมี
ศิษย์หลายสํานักรวมตัวกัน พวกเขามักมาที่นี่เพื่อซื้อหาวัตถุดิบเพื่อ
ไปสกัดเป็นเม็ดยา
วัตถุดิบบางชนิด จะเติบโตได้เพียงแต่ในตําหนักพฤกษาดวงดาว
ดังนั้นแม้เป็นสํานักเซียน ก็ยังต้องมาที่นี่เพื่อทําการซื้อหา
ด้วยตัวเมืองกว้างใหญ่ ฉินหยุนจึงไม่มีทางเลือก ต้องว่าจ้างนกกระเรียน
พาโบยบินสู่ตําหนักพฤกษา
ต้นไม้ที่ตั้งของตําหนักพฤกษา ถือได้ว่าเป็นต้นที่หนาและสูงที่สุด
ของที่นี่ รัศมีต้นของมันกว้างนับร้อยเมตร!
เบื้องล่างต้นไม้ใหญ่ มันมีถํ้าขนาดใหญ่คงอยู่ เมื่อเข้าไปแล้ว จึง
พบว่าภายในเป็นโถงซื้อขายกว้างขวาง
ผู้คนมากมายรวมตัวกันที่นี่ เพื่อทําการซื้อขายกับตําหนักพฤกษา
รวมถึงการแลกเปลี่ยนทั้งหลาย ผู้คนนับพันขณะนี้กําลังส่งเสียง
จอแจชุกชุม
ฉินหยุนเมื่อเข้ามาแล้ว เขาจึงมองรอบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบว่ามีโต๊ะ
ประชาสัมพันธ์
โต๊ะนี้ถูกออกแบบอย่างพิเศษ เพื่อรับสมัครคนสวนโอสถ!
ชายชรามีชีวิตชีวาผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ รับชมฉินหยุนพร้อม
กล่าวถามด้วยความสงสัย “เด็กหนุ่ม เจ้าคิดอยากเป็นอาจารย์โอสถ
หรือ? ไม่คล้ายว่ามันจะเหมาะกับเจ้านะ!”
“ข้าคิดอยากเป็นคนสวนโอสถในหุบเขาเซียนโอสถขอรับ นี่พอจะ
เป็นไปได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ย่อมได้ แต่ก็ยังถือว่ายาก! กระทั่งว่าคิดอยากเป็นคนสวนโอสถใน
หุบเขาเซียนโอสถ ก็ยังต้องผ่านการแข่งขันอย่างสูงลํ้า! หากเจ้ามี
เจตนาแรงกล้า เช่นนั้นก็จ่ายหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วงเพื่อลงทะเบียน
ได้!” ชายชรากล่าว
ดวงตาฉินหยุนเบิกออกกว้าง หนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง!
“อย่าได้คิดว่านี่แพงเกินไป! นี่คือหนทางเดียวที่จะให้คนธรรมดาได้
เข้าสู่สํานักเซียน กระทั่งว่าเป็นคนสวนโอสถในหุบเขาเซียนโอสถ
กระนั้นเจ้าก็ยังจะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล!” ชายชราหัวเราะ
รับ “แน่นอนว่าหลังจากลงทะเบียนแล้ว เจ้าต้องผ่านการคัดเลือก
หลายขั้นตอน ก่อนจะถูกเลือกตัวโดยหุบเขาเซียนโอสถ!”
ที่นี่ก็มีตําหนักจารึกเทวะ ดังนั้นบัตรผลึกม่วงจึงสามารถใช้งาน เขา
ส่งมอบหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วงให้แก่ชายชรา เพื่อทําการลงทะเบียน
อย่างเป็นทางการ
เมื่อลงทะเบียนแล้ว เขาจึงได้รับตั๋วหยก ถูกจัดแจงให้ไปยังพื้นที่โล่ง
กว้างทางตะวันตกของนครพฤกษาโบราณ เพื่อเข้าร่วมการทดสอบ
ในรอบแรก!
ผู้คนที่คิดอยากเข้าร่วมหุบเขาเซียนโอสถ แม้เป็นเพียงคนสวนโอสถ
ก็ยังมีมากมายนัก จํานวนเท่าที่ประเมินโดยคร่าว น่าจะมีมากกว่า
หนึ่งร้อยคน!
ฉินหยุนและอีกกว่าร้อยคนขณะนี้นั่งในห้องโถง รอคอยให้การ
ทดสอบเริ่มขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว จะมีเพียงหนึ่งคนที่สามารถได้เป็นคนสวนโอสถของ
หุบเขาเซียนโอสถ!
นอกจากฉินหยุน ผู้อื่นที่เหลือล้วนชรา ที่เข้าร่วม ส่วนใหญ่เป็น
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า และขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณก็ยังมี!
บางคนเป็นคนสวนโอสถเฒ่าชราจากสํานักอื่น ขณะนี้เพิ่งรวบรวม
เงินได้ครบหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง จึงได้มีโอกาสมาลงทะเบียน
“การคัดเลือกมีทั้งสิ้นสามรอบ และจะมีเพียงผู้เดียวที่สามารถผ่าน
ไปได้!” ชายชราชุดขาวก้าวเดินออกมาและกล่าว “รอบแรกของการ
ทดสอบ คือการต้องพบปะศิษย์ของตําหนักจันทราทมิฬ นครจันทรา
อัคคี และเกาะจันทราปี ศาจ พวกเจ้าต้องรับผิดชอบรักษาเมล็ดพันธุ์
โอสถลึกลํ้าที่ใกล้ตายให้ฟื้นคืนกลับมา!”
“ก่อนหน้านี้ พวกเขาซื้อหาเมล็ดพันธุ์โอสถลึกลํ้าจากพวกเราไป
มากมาย ทว่าเพราะไม่ดูแลพวกมันให้ดีพอ พวกมันจํานวนมากไม่
ช้าจะตายจนหมด พวกเจ้าต้องใช้ความสามารถที่มี เพื่อทําการรักษา
เมล็ดพันธุ์โอสถลึกลํ้าเหล่านั้นให้ได้!”
ตอนที่ 500 ทะเลาะเบาะแว้งกับอาจารย์โอสถ
คนสวนทั้งหลายในห้องโถงขณะนี้เริ่มทักท้วง
“หญิงสาวเหล่านั้นจากสามสํานักจันทราล้วนหยิ่งผยอง หากข้าเผลอ
ไปทําพืชโอสถเหล่านั้นตายเข้า พวกนางคงต่อว่าพวกเราไม่เหลือชิ้น
ดีแล้ว!”
“ถูกต้อง แม้พวกนางล้วนเป็นสตรี แต่ท่าทีนั้นหาได้ดีไม่ บ่อยครั้ง
มักมีเรื่องกับผู้อื่น และยังร่วมมือกันก่อการ เรื่องราวเหล่านี้สร้าง
ความรําคาญยิ่ง!”
“รักษาเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเป็ นเรื่องยากเกินไปแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น
คงมีแต่ต้องทุ่มสุดตัวจึงสามารถทําได้!”
บุคคลที่รับหน้าที่เผยรอยยิ้มออกมา “ทุกท่าน จะมีเพียงยี่สิบคนที่
สามารถทําการรักษาเมล็ดพันธุ์ได้มากที่สุด จึงมีสิทธิ์เข้าสู่การคัดเลือก
ในรอบถัดไป! การแข่งขันย่อมโหดร้าย ทุกท่านล้วนจ่ายหนึ่งร้อยล้าน
เหรียญม่วงเพื่อเข้าร่วม ดังนั้นก็พยายามให้มากหน่อยแล้ว!”
ผู้คนได้แต่ถอนหายใจ ทางเลือกล้วนไม่มีแต่แรก ได้แต่ปลอบใจ
ตนเองรับการทดสอบ
ฉินหยุนและคนสวนอีกกว่าร้อยคน ได้แต่ตามผู้ที่รับหน้าที่ทดสอบ
ไปยังห้องโถงกว้างขวางแห่งหนึ่งที่ชั้นสอง
เมื่อเข้ามาแล้ว พวกเขาจึงรับรู้ได้ถึงจิตสังหารแรงกล้า!
โถงกว้างใหญ่มีผู้คนนับพัน แต่แล้วกลับเกิดความหนาวเย็นสุดขั้ว
ทั้งหมดนี่ก็เพราะจิตสังหารเย็นเยือกรุนแรง!
ในที่สุดฉินหยุนค่อยเข้าใจ ว่าเหตุใดคนสวนโอสถเหล่านั้นจึงร้อง
โอดครวญ หญิงสาวของสามสํานักจันทรา ทั้งหมดล้วนมองผู้อื่น
เป็นปฏิปักษ์
แม้พวกเขายืนอยู่ไกลห่างกว่าสิบเมตร กระนั้นก็ยังรับรู้ถึงความเย็น
เยือกถึงสันหลัง
บุคคลที่รับหน้าที่การทดสอบ รับรู้ถึงแรงกดดันไม่ต่างกันนี้ นํ้าเสียง
เชื่องช้าของเขากล่าวออก “ภูติน้อยที่งดงามทั้งหลาย เหล่านี้คือคน
สวนโอสถที่เข้ารับการทดสอบของพวกเรา พวกเขาจะรับผิดชอบทํา
การรักษาเมล็ดพันธุ์โอสถให้! ขอให้นําเอาสมุนไพรเหล่านั้นออกมา
วางพวกมันเอาไว้ตรงหน้า แล้วบอกถึงรายละเอียด และสาเหตุที่ทํา
ให้เมล็ดพันธุ์เกิดการเสื่อมถอยขึ้นออกมา!”
ศิษย์หญิงของตําหนักจันทราทมิฬล้วนสวมใส่ชุดขาว ทางด้านศิษย์
หญิงของนครจันทราอัคคี ต่างสวมใส่ชุดสีแดง ทางด้านศิษย์หญิง
ของเกาะจันทราปี ศาจ ต่างสวมใส่ชุดสีชมพู
สํานักจันทราทั้งสาม เรียกได้ว่าเป็นตัวตนแข็งแกร่งในแดนวิญญาณ
อ้างว้าง
ศิษย์หญิงเหล่านี้มีสีหน้าเย็นเยือก เพราะท่าทีแสดงความเป็นปฏิปักษ์
อย่างชัดเจน มันให้ความรู้สึกราวพวกนางพร้อมจะสังหารอีกฝ่ ายทุก
เมื่อ ฉินหยุนและคณะคนสวนโอสถ ต่างได้แต่ต้องระมัดระวังตนเอง
ไว้
แต่ละฝั่ง จะมีศิษย์หญิงราวสิบคน พวกนางนําเอาพืชโอสถมากมาย
ออกมา วางไว้บนโต๊ะที่ปูรองด้วยแผ่นหนังสัตว์
“สมุนไพรโอสถนี้ทราบกันในชื่อดอกไม้ม่วงหยวนลึกลํ้า พวกเจ้า
ตําหนักจันทราทมิฬถึงกับทํามันตายได้ ช่างน่านับถือนัก!” หญิงสาว
จากนครจันทราอัคคีกล่าวเย้ยหยัน
ใบหน้าของศิษย์หญิงจากตําหนักจันทราทมิฬดํามืด ดวงตาพวกนาง
ขณะนี้เผยความคิดฆ่าฟันออก
ฉินหยุนเร่งรีบเดินเข้าไป คว้าดอกไม้ม่วงหยวนลึกลํ้าขึ้นมาและกล่าว
“รากวิญญาณของดอกไม้ม่วงลึกลํ้าหยวนได้รับความเสียหาย นี่สมควร
เกิดปัญหาภายใน แต่มันย่อมสามารถรักษาและฟื้นคืนกลับมาได้!”
หญิงผมยาวใบหน้ารูปไข่จากตําหนักจันทราทมิฬ ขณะนี้เผยสีหน้า
ยินดีออกพร้อมกล่าว “ถูกต้องแล้ว! สาเหตุมันก็เป็นเพียงแค่นั้น กับ
คนที่ไม่รู้อะไร ถึงกับกล้าดีพูดกล่าวออกมาได้!”
ฉินหยุนถือดอกไม้ม่วงหยวนลึกลํ้าในมือแน่น คิดใช้งานโทเทมต้นไม้
แปรเปลี่ยนพลังจากโทเทมต้นไม้ ให้กลายเป็นพลังเต๋าพิเศษอย่างหนึ่ง
จากนั้นค่อยผสานเข้าสู่ตัวดอกไม้ม่วง
เพียงไม่นาน ดอกไม้ม่วงที่เหี่ยวเฉา ค่อยฟื้นคืนชีวิตกลับมา มันบาน
สะพรั่งเสมือนได้เกิดใหม่ รากวิญญาณขณะนี้ได้ฉินหยุนรักษาเอาไว้
เขาได้เรียนรู้จากเฟิ งหงหลันและหยวนหยานหยิง ดังนั้นเขาจึงมี
พื้นฐานอยู่ระดับหนึ่ง
เฟิ งหงหลันและหยวนหยานหยิง ทั้งสองขณะนี้อยู่ในตําหนักจันทรา
ทมิฬ และสมควรได้รับหน้าที่ให้ทําการปลูกพืชพรรณโอสถทั้งหลาย
ฉินหยุนพบว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะด้วยความสามารถของพวกนาง
พืชพรรณโอสถที่เหี่ยวเฉาเหล่านี้สมควรรักษาได้อย่างง่ายดาย
“น้องชายช่างวิเศษนัก ถึงขั้นทําสําเร็จในคราวเดียว!” หญิงผมยาว
กล่าวออกด้วยความประหลาดใจไม่น้อย
ขณะนี้เอง ชายคนหนึ่งในชุดสีเขียว ผู้ซึ่งเพิ่งก้าวเดินขึ้นบันไดมา
พลันแค่นเสียงพร้อมโบกพัดในมือ “ก็แค่กลหลอกเด็ก!”
ได้เห็นอีกฝ่ ายปรากฏตัว คนสวนโอสถเฒ่าชราหลายคนต่างเดินเข้า
ไปแสดงความนับถือ
“นายน้อยเหลียว ได้ยินว่าท่านเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่
เก้า และยังเอาชนะศิษย์ลําดับที่สิบของตําหนักพฤกษาดวงดาว ถือว่า
เป็ นเรื่องวิเศษยิ่งนัก!”
“สมแล้วที่เป็นหลานคนโตของผู้อาวุโสใหญ่แห่งตําหนักพฤกษา
ดวงดาว พรสวรรค์ท่านช่างมากล้น!”
“คุณชายเหลียว ท่านครอบครองวิญญาณยุทธ์แปรสภาพสีแดง
ความสามารถในการรักษาย่อมดีกว่าผู้ใด ในรุ่นเดียวกัน ย่อมไม่มี
ผู้ใดสามารถเทียบเปรียบท่านได้!”
เมื่อหญิงสาวจากสามสํานักจันทราได้พบเหลียวฉงเจิ้ง จิตสังหาร
ของพวกนางขณะนี้ค่อยเลือนหาย
จากเรื่องนี้ ก็เป็นการบ่งบอกแล้วว่าเหลียวฉงเจิ้งเป็นผู้มีความสามารถ
เพียงใด!
เหลียวฉงเจิ้งครอบครองใบหน้าหล่อเหลา ขณะนี้เผยความอหังการ
ยิ้มออกอย่างภาคภูมิ “พวกเจ้าทั้งหมดล้วนมาทดสอบที่ตรงนี้ เพื่อได้
เป็นคนสวนโอสถใช่หรือไม่? นี่เป็นเพียงหนทางเดียวหากพวกเจ้า
คิดเข้าร่วมหุบเขาเซียนโอสถ กระนั้น หากได้เข้าไปแล้ว ชะตาใน
ชีวิตที่เหลือก็ต้องเป็นคนสวนโอสถไปทั้งชีวิต!”
“สําหรับข้า ศิษย์นอกของหุบเขาเซียนโอสถ ย่อมใช้เวลาอีกไม่นาน
จึงค่อยได้เป็นศิษย์หลัก!”
เขาได้เห็นบรรดาคนสวนโอสถต่อสู้กันแทบตาย เพื่อตําแหน่งคนสวน
โอสถในหุบเขาเซียนโอสถ มันยิ่งทําให้เขารับรู้ถึงความเหนือกว่า
อย่างมากลํ้า
ฉินหยุนมองทางเหลียวฉงเจิ้ง ก่อนจะทําการรักษาเมล็ดพันธุ์ที่เหี่ยว
เฉาต่อไปอย่างครํ่าเคร่ง
เขาต้องจัดการสามกล่องหยกตรงหน้า แต่ละกล่องบรรจุสมุนไพร
โอสถเอาไว้เพื่อรอรับการรักษา ในเมื่อสามสํานักจันทรามาที่นี่เพื่อ
ทําการรักษาพวกมัน พวกนางย่อมต้องคาดหวังนําผลลัพธ์ที่ดีกลับคืน
ไป
เพียงเวลาชั่วครู่ เขาก็รักษาสมุนไพรโอสถไปกว่าสิบต้นแล้ว
“ศิษย์น้องและศิษย์พี่ทั้งหลาย ถึงกับมาโดยไม่บอกต่อข้า หากแจ้งไว้
ก่อน ข้าคงส่งคนไปสร้างความสําราญให้แล้ว!” เหลียวฉงเจิ้งยิ้ม
กล่าว
“พวกเราค่อนข้างเร่งรีบนัก ดังนั้นจึงมุ่งตรงมาเพื่อเรื่องนี้!” หญิงสาว
จากเกาะจันทราปี ศาจ กล่าวออกด้วยนํ้าเสียงไม่สุภาพหรือไม่หยาบ
กระด้างจนเกินไป
ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ ศิษย์หญิงจากสามสํานักจันทรา ขณะนี้ไม่
คล้ายมองเหลียวฉงเจิ้งดีเช่นก่อน ขณะนี้จิตสังหารของพวกนาง
คล้ายถูกพยายามยับยั้งเอาไว้
เมื่อคนสวนโอสถผู้อื่นได้พบ ว่าฉินหยุนฟื้นคืนชีพแก่เมล็ดพันธุ์ไป
มากแล้ว พวกเขาค่อยเร่งรีบ ทําการฟื้นคืนชีพให้แก่เมล็ดพันธุ์เหล่านั้น
อย่างไรแล้วพวกเขาก็มีเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วยาม!
เหลียวฉงเจิ้งพบว่าหญิงสาวเหล่านี้ไม่ไว้หน้าตนเอง ความโกรธจึง
สุมอยู่ภายใน ทว่ามันไม่อาจระเบิดออก
ขณะนี้ คนหนุ่มสาวหลายคนสวมใส่ชุดหรูหราจึงมาถึง พวกเขา
คล้ายมาที่นี่โดยเจาะจง เพื่อรับชมโฉมงามของสามสํานักจันทรา
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ศิษย์หญิงของสามสํานักจันทราล้วนมีชื่อเสียง
โด่งดัง
แน่นอนว่าเหตุผลที่พวกเขาเข้าใกล้ศิษย์หญิงของสํานักจันทรา ก็เพื่อ
คิดใช้เคล็ดวิชาการฝึกฝนร่วมกับพวกนาง
“เหล่าหวง เด็กหนุ่มนี่เป็นใคร? คล้ายเขามีทักษารักษาสมุนไพรโอสถ
ดีไม่น้อย!” เหลียวฉงเจิ้งกล่าว
“นามเขาคือฉินหยุน พื้นเพข้าไม่ทราบนัก โดยสรุป เขาค่อนข้างเป็น
คนที่ดีผู้หนึ่ง และยังเป็นผู้มีความตั้งใจยิ่ง!” ชายชราที่ถูกเรียกหาเป็น
เหล่าหวง คือผู้รับหน้าที่การคัดเลือก เขาเร่งรีบตอบคําถามของ
เหลียวฉงเจิ้ง
“ฉินหยุนหรือ?” เหลียวฉงเจิ้งทวนนามซํ้า จากนั้นจึงหันมองทาง
มิตรสหายตนเอง ทั้งหมดล้วนส่ายหน้า พวกเขาไม่เคยได้ยินนามนี้
มาก่อน
ฉินหยุนเมื่อพบว่าผู้อื่นไม่เคยได้ยินนามตนเอง เขาค่อยรู้สึกสบายใจ
ขึ้นมาก
เพียงไม่นาน หนึ่งชั่วยามจึงผ่านพ้น
ฉินหยุนทําการรักษาเมล็ดพันธุ์ไปมากมาย พวกมันรวมกันแล้วกว่า
เก้าสิบ ถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง!
“น้องชายฉินหยุนผู้นี้ เจ้าช่างมีความสามารถในการฟื้นคืนชีพเมล็ด
พันธุ์โอสถลึกลํ้ายิ่งนัก นอกจากนี้ยังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่
เก้าด้วยอายุเพียงเท่านี้ เจ้าสนใจเข้าร่วมเกาะจันทราปี ศาจของเราเป็น
คนสวนโอสถหรือไม่? พวกเราย่อมไม่ด้อยไปกว่าหุบเขาเซียนโอสถ!”
เสียงหญิงสาวทรงเสน่ห์ในชุดสีชมพูดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มซุกซน
ได้ยินดังนี้ ผู้อื่นล้วนไหวหวั่น เกาะจันทราปี ศาจหาได้เคยอนุญาตให้
ชายใดเข้าร่วมไม่!
ฉินหยุนพอได้ยินเสียงฮือฮาฝูงชน เขาค่อยหัวเราะแห้งรับ “พี่สาว
เกาะจันทราปี ศาจหาได้รับชายใดเข้าไปไม่! อย่าได้หลอกข้าเล่นแล้ว!”
“ไม่ใช่ว่าเป็นการให้เจ้าเข้าไปยังเกาะหลัก แต่มันมีเกาะเล็กใกล้เคียง
เกาะจันทราปี ศาจ เพื่อให้เจ้าได้ใช้เพื่อปลูกพืชพรรณ!” หญิงสาวเผย
เสียงทรงเสน่ห์พลางหัวเราะรับ “อย่าได้ทักท้วงใดแล้ว ติดตามพวก
เรากลับเสียเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวใบหน้ารูปไข่จากตําหนักจันทราทมิฬเผยเสียงหัวเราะเย็น
เยือก “ผู้คนของเกาะปี ศาจจันทราล้วนเป็นปี ศาจดังชื่อ! น้องชาย
เมื่อใดเจ้าไป พวกนางจะกัดกินเจ้าจนถึงขั้นไม่หลงเหลือแม้กระดูก!”
“น้องชาย ทางที่ดีเจ้าควรมายังตําหนักจันทราทมิฬของพวกเรา! การ
เพาะปลูกสมุนไพรลึกลํ้าที่ชายเขาจันทราทมิฬจึงถือว่าดีที่สุด!”
“เช่นนั้นสนใจนครจันทราอัคคีหรือไม่! ไม่ว่ามีเงื่อนไขใด พวกเรา
ล้วนยอมรับ!” หญิงสาวชุดสีแดงจากนครจันทราอัคคีเร่งรีบตะโกน
อย่างไม่น้อยหน้า
ฉินหยุนถึงขั้นคิดอยากสลัดหลุดให้พื้นที่ตรงหน้า หญิงสาวเหล่านี้
กําลังคิดใช้เขาเป็นข้ออ้างหาทางเอาชัยชนะกันเอง
คนสวนโอสถที่เหลือ ขณะนี้บังเกิดความริษยา อย่างไรแล้ว สาม
สํานักจันทราย่อมมีการดูแลที่ดีเยี่ยม ทั้งนี้อีกฝ่ ายยังจะได้อยู่ใกล้ชิด
หญิงงามมากหน้าหลายตา
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มหัวกะทิอย่างเหลียวฉงเจิ้ง เขาคือผู้ที่บังเกิดความ
ริษยามากล้นที่สุดแล้ว เพราะหาได้มีศิษย์หญิงใดของสํานักเหล่านั้น
เห็นหัวเขาไม่
“เขารักษาเมล็ดพันธุ์โอสถลึกลํ้ากว่าเก้าสิบต้นในหนึ่งชั่วยาม ความ
สามารถนี้เรียกได้ว่าดาษดื่นนัก! ข้าย่อมรักษาได้มากกว่าล้นพ้นด้วย
ซํ้า! นี่ทําให้ข้าเกิดความสงสัย ว่าพวกเจ้าแท้จริงสู้กันเพื่ออันใดกัน
แน่!” เหลียวฉงเจิ้งเผยเสียงขื่นขมดังออกมา
“หากท่านเป็นคนสวนโอสถ พวกเราย่อมคิดอยากได้ตัวท่าน! แต่ตัว
ท่านขณะนี้ นายน้อยเหลียว ท่านเป็นถึงศิษย์นอกของหุบเขาเซียน
โอสถไปแล้ว!” เสียงหญิงสาวทรงเสน่ห์จากเกาะจันทราปี ศาจดัง
ตอบ มันแฝงไว้ด้วยร่องรอยความเดียดฉันท์
ฉินหยุนเร่งรีบกล่าว “ขอบคุณทุกท่านแล้วที่คาดหวังในตัวข้าสูงนัก!
ข้าขณะนี้ตัดสินใจเข้าร่วมหุบเขาเซียนโอสถไปแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่
ต้องขออภัย!”
“เขาหาได้มีความทะเยอทะยานใดไม่ ที่ต้องการก็เพียงแค่เป็นคน
สวนโอสถ!” เหลียวฉงเจิ้งแค่นเสียง “เอาละ ในเมื่อเจ้าคิดอยากเข้า
หุบเขาเซียนโอสถ เช่นนั้นข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีเอง!”
เมื่อหญิงสาวจากสามสํานักจันทราได้เห็นเช่นนี้ พวกนางจึงทราบ ว่า
อนาคตของฉินหยุนในหุบเขาเซียนโอสถย่อมไม่ราบรื่นแล้ว พวก
นางได้แต่คิดพยายามช่วยฉินหยุนเอาไว้ เพื่อให้อีกฝ่ ายได้มีโอกาสที่
ดีในฐานะคนสวนโอสถ
กระนั้น พวกนางทั้งหมดล้วนถูกฉินหยุนปฏิเสธ!
เหลียวฉงเจิ้งมองทางเหล่าหวงด้วยสายตามุ่งร้าย ขณะนี้ไม่ทราบว่า
เหล่าหวงคิดวางแผนทําอันใด
“ในรอบที่สองนี้ ยังคงเป็นการรักษาสมุนไพรโอสถลึกลํ้า แต่ครั้งนี้
การรักษาจะยิ่งยากขึ้น!” ขณะเหล่าหวงกล่าวคํา เขานําเอากล่อง
ออกมายี่สิบ ทั้งหมดล้วนบรรจุเอาไว้ซึ่งสมุนไพรโอสถลึกลํ้าสีดํา
“พวกมันทั้งหมดนี้ คือเมล็ดพันธุ์โอสถลึกลํ้าที่ติดพิษ!” เหล่าหวง
กล่าว “ห้าคนที่รักษาได้สําเร็จ จะได้ผ่านเข้าสู่รอบถัดไป!”
ฉินหยุนเข้าไปรับเอากล่องหนึ่งโดยทันที
ทางด้านศิษย์หญิงของสามสํานักจันทรา เหลียวฉงเจิ้งและคณะ พวก
เขายังคงอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดอยากเห็น ว่าเด็กหนุ่มนาม
ฉินหยุน จะสามารถเป็นคนสวนโอสถของหุบเขาเซียนโอสถได้
หรือไม่!
ฉินหยุนเร่งรีบกําจัดพิษภายในโสมไข่มุกสีดํา ทั้งนี้ มันยังฟื้นคืน
กลับเป็นสีทองอย่างรวดเร็ว นี่ถือเป็นการรักษาที่รวดเร็วมากลํ้ายิ่ง
เหตุการณ์นี้ ทําให้บรรดาศิษย์หญิงของสํานักจันทราทั้งสามต้องร้อง
อุทานออก!
เหลียวฉงเจิ้งยังเผยความประหลาดใจต่อความเร็วนี้ กระทั่งว่าเป็น
เขา มันก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วยาม!
ฝูงชนรอคอยจนครบหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดคนที่ห้าก็ทําการรักษาและ
กําจัดพิษได้สําเร็จ
ขณะนี้เข้าสู่รอบสุดท้ายแล้ว!
“รอบสุดท้ายถือเป็ นเรื่องยากของจริง พวกเจ้าแต่ละคนจะได้รับ
เมล็ดพันธุ์ ผู้ใดสามารถทําให้เมล็ดพันธุ์งอกออกมาได้รวดเร็วที่สุด
ผู้นั้นจึงมีคุณสมบัติได้เป็นคนสวนโอสถของหุบเขาเซียนโอสถ!”
เหล่าหวงส่งมอบเมล็ดพันธุ์สีดําให้แก่ฉินหยุนและคณะ
เมื่อเหลียวฉงเจิ้งได้เห็นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกส่งมอบ รอยยิ้มพึงใจจึงฉาย
ชัดที่ใบหน้า!
ฉินหยุนรับเมล็ดพันธุ์มา ทราบว่ามันหมดอายุขัยแล้ว ภายในไม่มี
เหลือแม้ร่องรอยของชีวิต!
“สารเลวนัก เป็ นเราถูกจัดฉาก!”
ฉินหยุนสบถกราดเกรี้ยวภายใน นับตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้
กล่าวคําใดต่อเหลียวฉงเจิ้ง แต่แล้ว อีกฝ่ ายกลับบังเกิดความริษยาต่อ
ตัวเขา
บรรดาศิษย์หญิงจากสามสํานักจันทรา ล้วนกล้าพูดกล่าว จากสีหน้า
ฉินหยุนบ่งบอกว่าเกิดเรื่องราวผิดปกติขึ้น พวกนางคาดเดาได้ทันที
ว่าเมล็ดพันธุ์ที่อีกฝ่ ายได้รับมีปัญหาแล้ว เรื่องนี้ยิ่งกลายเป็นทําให้
พวกนางเกิดความรู้สึกผิด
พวกนางต่างทราบดี ว่าเป็นเพราะพวกนางคิดแข่งขันแย่งตัวฉินหยุน
จึงทําให้เหลียวฉงเจิ้งบังเกิดความริษยาขึ้นมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น