Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน 488-496

 ตอนที่ 488 หุ่นเชิดจระเข้

เด็กสาวเดินถึงข้างกายฉินหยุน รับชมใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ถูก

ปิ ดบังเอาไว้ จากนั้นนางจึงนําเอามีดเล่มน้อยออกมาจากข้างเอว เฉือน

เข้าที่นิ้วตนเอง

เลือดหยดจากบาดแผล มันจมหายเข้าไปในก้อนหิน

“ข้ายินดีซื้อที่ราคาหนึ่งแสนเหรียญม่วง! เจ้าต้องการให้ข้าใช้บัตรผลึก

หรือเป็นเหรียญม่วงของจริง?” ฉินหยุนเอ่ยถามสีหน้าเฉยชา

“นี่… มันมีมูลค่าหนึ่งแสนเหรียญม่วงจริงหรือ?” เด็กสาวชุดขาว

พบว่าเรื่องนี้ยากจะเชื่อ นางรู้สึกว่าได้สักสองถึงสามหมื่นเหรียญ

ม่วงก็ดีมากแล้ว

ขณะนี้ กลับได้มากมายถึงหนึ่งแสนเหรียญม่วง

ผู้คนล้วนไม่เชื่อ เพราะกระทั่งพวกเขาเสี่ยงชีวิตออกล่าและสังหาร

สัตว์อสูร พวกเขาอย่างมากก็ได้เพียงหนึ่งหมื่นเหรียญม่วงเท่านั้น

ผู้จัดการเฉียนเฉ่าเร่งรีบเดินเข้ามา พิจารณาก้อนหินให้ถี่ถ้วน เขาขมวด

คิ้วกล่าว “ตามปกติแล้ว มีแต่วัสดุวิญญาณระดับราชันจึงสามารถ

ดูดกลืนเลือดมนุษย์ หากเป็นวัสดุระดับนั้นจริง ย่อมต้องเป็นสิ่งหา

“เด็กน้อย เหตุใดเจ้าไม่ขายให้แก่ข้าที่หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญม่วง

กันเล่า?” เฉียนเฉ่าเผยรอยยิ้มเสแสร้ง

“ข้าให้ที่สองแสนเหรียญม่วง!” ฉินหยุนดื่มไวน์เข้าเต็มปาก พลาง

ตะโกนบอกออกไปอย่างไม่ยี่หระโดยไม่แม้จะมองที่เฉียนเฉ่า

“ข้าซื้อที่สามแสนเหรียญม่วง!” เฉียนเฉ่าเร่งร้อนตะโกน ด้วยฐานะ

คนของตําหนักจารึกเทวะ เขาย่อมไม่หวาดเกรงผู้ใด

“ห้าแสนเหรียญม่วง!” ฉินหยุนยิ้ม “ผู้จัดการเฉียน ยอมปล่อยมือจาก

มันเสีย!”

ผู้คนที่ชั้นแรกแห่งนี้ล้วนกายแข็งทื่อ!

พวกเขาต่างมองฉินหยุนและเฉียนเฉ่าด้วยอาการตื่นตะลึง

พวกเขาไม่คาดคิด ว่าวัตถุที่เมื่อครู่ไม่มีผู้ใดต้องการ ขณะนี้ราคาถึง

หลายแสนเหรียญม่วง

และยังมากถึงห้าแสนเหรียญม่วง!

สําหรับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าในสวนโบราณ มูลค่าเท่านี้เรียก

ได้ว่าความมั่งคั่ง!

เด็กสาวชุดขาวถึงกับอึ้ง นางขณะนี้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดบิดาและปู่

ของตนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อหินก้อนนี

“เจ้าช่างเหลี่ยมจัดนัก หินก้อนนี้สามารถใช้เพื่อขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณ

ระดับราชัน และมูลค่าของมันสมควรสูงนับล้านเหรียญม่วง แต่แล้ว

แรกเริ่มกลับเสนอที่หนึ่งแสนเหรียญม่วงงั้นหรือ?” เฉียนเฉ่าแค่นเสียง

ฉินหยุนมองที่เด็กสาวชุดขาวและกล่าวคํา “เด็กน้อย ข้ายินดีซื้อหิน

ก้อนนี้ที่หนึ่งล้านเหรียญม่วง!”

“ข้าให้หนึ่งล้านสองแสน!” เฉียนเฉ่าเร่งรีบตะโกน

ผู้คนขณะนี้ต่างมองกันเองอย่างตื่นตะลึง ราวกับหลุดเข้ามาในความ

ฝัน หินทรุดโทรมเมื่อครู่ ขณะนี้มูลค่าทะยานถึงหลักล้านเหรียญม่วง

แล้ว!

“เด็กน้อย จงขายให้แก่ข้า!” เฉียนเฉ่ากล่าวด้วยนํ้าเสียงคุกคาม

“ไม่! ข้าจะขายมันแก่ลุงท่านนี้ เพราะเขาคือผู้แรกที่พบเห็นมูลค่า

ก้อนหินในมือข้า!” เด็กสาวชุดขาวเผยความหวาดกลัวต่อสายตาที่

จับจ้องของเฉียนเฉ่า กระนั้นนางก็ยังกล้ามากพอที่จะกล่าวคําออก

เด็กสาวมองที่ฉินหยุนพร้อมกล่าวหนักแน่น “ท่านลุง ข้าจะขายให้

ท่านที่หนึ่งแสนเหรียญม่วง! ข้าไม่ต้องการหนึ่งล้านนั่น!”

“เด็กน้อยสารเลว เหนื่อยหน่ายมีชีวิตแล้วหรือ?” เฉียนเฉ่ามีโทสะ

แรงกดดันเข้าสะกดข่มเด็กสาวชุดขาว นางกระทั่งถอยจนถึงกําแพง

พร้อมอาการตัวสั่น

“เจ้าต้องการซื้อจริงหรือ? เหตุใดจึงข่มขู่เด็กสาวตัวน้อยเช่นนั้น? ช่าง

ไม่มีมารยาทยิ่งนัก!” ฉินหยุนแค่นเสียงเผยความโกรธเคือง นํ้าเสียง

กล่าวบอกต่อเด็กสาวในชุดขาวอย่างอ่อนโยน “น้องสาว ขายหิน

ก้อนนี้แก่เขา!”

เด็กสาวในชุดขาวกัดริมฝีปาก มองฉินหยุนด้วยดวงตาสุกสว่าง ลังเล

อยู่ครู่หนึ่ง นางค่อยพยักหน้ารับ

เฉียนเฉ่าใช้จ่ายถึงหนึ่งล้านสองแสนเหรียญม่วงเพื่อซื้อหินดังกล่าว

แม้เด็กสาวชุดขาวได้รับหนึ่งล้านสองแสนเหรียญม่วงในบัตรผลึก

นางกลับไม่ยินดีแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้ ผู้คนที่นี่คิดแต่รังแกนาง แต่แล้วตอนนี้กลับเผยทีท่าคิด

ฉกชิงเหรียญม่วงไปจากนาง

“ท่านลุง ท่านจ่ายค่าอาหารเหล่านี้หรือยัง?” เด็กสาวชุดขาวนั่งข้าง

ฉินหยุน

“ยัง” ฉินหยุนยิ้ม

“เช่นนั้นให้ข้าเลี้ยงท่าน… ให้ข้ากินกับท่านด้วย ได้หรือไม่?” เด็ก

สาวชุดขาวกล่าวเสียงหวาน

“แน่นอน!” ฉินหยุนหัวเราะรับ “เจ้านามว่าอะไร?”

“ข้าฉื่อซินซิน!” เด็กสาวชุดขาวกล่าวคําจบ นางก็ใช้มือน้อยนั่นคว้า

เอาตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินอาหาร บ่งบอกถึงว่านางหิวโซมากมายเพียงใด

ผู้คนขณะนี้ต่างริษยา พวกเขาไม่คาดคิด ว่าเด็กสาวจะกลายสภาพ

เป็นผู้รํ่ารวยในพริบตา ทั้งยังเลี้ยงอาหารผู้อื่นที่มูลค่าหลายแสน

เหรียญม่วงด้วยซํ้า

ขณะเดียวกัน พวกเขาต่างก็กล้าบอก ว่าฉินหยุนเหนือลํ้าเพียงใด ไม่

เพียงแต่แยกแยะวัสดุสําหรับการขัดเกลาที่ดีหรือเลว ทั้งยังรํ่ารวยอีก

ด้วย

โต๊ะฉินหยุนค่อนข้างใหญ่ นอกจากนี้เขายังสั่งอาหารมาหลายจาน

แต่แรก กระทั่งว่ากินคนเดียว ก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะกินหมดสิ้น

แม้ฉื่อซินซินอายุราวสิบสามปี นางก็ไม่ได้กินนานมากนัก แต่ก็กิน

อาหารและขนมเข้าไปไม่ใช่น้อย

“ท่านลุงชื่นชอบกินสิ่งใดกัน? อย่าได้มากมารยาทแล้ว รีบสั่งมากิน

เร็วเข้า!” ฉื่อซินซินดื่มกินจนอิ่มเอม ขณะนี้ใบหน้าเผยรอยยิ้มหวาน

ฉินหยุนยิ้มตอบ หันไปสั่งอาหารโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

ฉื่อซินซินคิดอยากเลี้ยงฉินหยุนเป็นการขอบคุณ เพราะฉินหยุนไม่

อาจซื้อหินของนาง นี่เป็นความผิดที่ติดค้างอยู่ในใจของนาง

นอกจากนี้ นางยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณฉินหยุน!

ฉินหยุนย่อมทราบความคิดของฉื่อซินซิน ดังนั้นจึงไม่กล่าวอันใดมาก

ทั้งยังไม่ปฏิเสธความหวังดีของนาง เพราะบางครั้งการรับความหวัง

ดีของผู้อื่น ก็ทําให้ทั้งผู้รับและผู้ให้ต่างยินดีทั้งคู่

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงร่วมดื่มกินอย่างสุขสันต์

เมื่อฉื่อซินซินได้เห็นฉินหยุนสั่งอาหารเพิ่ม นางรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง

ขณะนี้ถึงกับนั่งแกว่งขาบนเก้าอี้เล่นไปมา

ขณะนี้เอง เด็กหนุ่มหล่อเหลาห้าคนสวมใส่ชุดหรูหรา และหญิงสาว

สามคนสวมใส่ชุดงดงามพลันเดินเข้ามา

ฉื่อซินซินพอได้เห็นชุดที่งดงามของหญิงสาวทั้งสาม ใบหน้าของ

นางเผยความอิจฉา อดไม่ได้ที่จะมองหญิงสาวทั้งสามบ่อยครั้ง

เมื่อฝูงชนได้พบเห็นเด็กหนุ่มและหญิงสาวเหล่านั้น เสียงพลันเงียบ

ลง ราวกับไม่กล้ากล่าวอันใดออกมาดัง

นี่ก็เพราะ เหล่านี้ตรงหน้าเป็นศิษย์ของสํานักเก้าตะวัน!

ฉินหยุนเพียงประหลาดใจเล็กน้อยยามที่เห็นลวดลายบนชุดหรูหรา

พวกเขาพอนั่งลง บริกรของโรงเตี๊ยมจึงเข้ามารับรอง

ศิษย์เหล่านี้มาเพื่อสั่งอาหารและดื่มกิน

ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุสํานักเก้าตะวันในที่แห่งนี้ กระทั่งตําหนักจารึกเทวะ

ก็ยังต้องให้ความยําเกรงพวกเขา

ชายชุดสีนํ้าเงินกินไปพลางกล่าว “สงสัยนักว่าฉินหยุนนั่นแข็งแกร่ง

เพียงใด ถึงขั้นทําให้ตําหนักโทเทม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง และ

ตําหนักจารึกเทวะสูญเสียใหญ่หลวงเพียงนั้น!”

“ไม่ต้องกล่าวถึงคนพวกนั้น กระทั่งสํานักเก้าตะวันของเรายังสูญเสีย

ไปไม่น้อย!” บทสนทนาลื่นไหลไปขณะเด็กหนุ่มหนึ่งในนั้นหัวเราะ

เสียงเย็น “เป็นไปได้ว่าเพราะพวกมันอ่อนแอกันเกินไป!”

หญิงสาวชุดแดงกล่าว “ย่อมไม่! พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้า ขณะที่ฉินหยุนอยู่เพียงระดับที่ห้าหรือไม่ก็หก ฉินหยุน

ย่อมไม่มีทางอ่อนแออย่างแน่นอน!”

เด็กหนุ่มผอมแห้งในชุดสีแดงเผยสีหน้ารังเกียจเปี่ ยมล้น “นั่นก็เพราะ

พวกมันล้วนเป็นสวะ! หากเป็นข้าบุกโจมตี คงทําให้ฉินหยุนนั่น

คุกเข่าร้องขอความเมตตาแล้ว!”

“ข้าย่อมไม่เชื่อเจ้า! ตัวเจ้าเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม เจ้า

มั่นใจแต่ใดว่าสามารถจัดการฉินหยุนนั่นได้? ข้าได้ยินว่าฉินหยุนคือ

ผู้ที่จัดการผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าได้!” หญิง

สาวงดงามทรงเสน่ห์ในชุดสีเขียวหัวเราะคิกคักเสียงเบา

ภายในสวนโบราณ หลายต่อหลายคนล้วนได้ยินชื่อเสียงลือนามของ

ฉินหยุน

ในช่วงหลายวันมานี้ ศิษย์ของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ตําหนัก

โทเทม และอีกหลายสํานักล้วนเข้ามา

แม้พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม กระนั้นก็มี

ชื่อเสียงในหมู่ผู้คนในพื้นที่ไม่น้อย

ทุกคนล้วนให้การต้อนรับพวกเขา อย่างไรแล้ว พวกเขาก็เป็นผู้มี

เบื้องหลังยิ่งใหญ่

เด็กหนุ่มร่างผอมสูงในชุดสีแดงเผยเสียงดังเหยียดหยัน “ฮ่าฮ่า ข้าอยู่

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามก็ใช่ แต่หุ่นเชิดจระเข้ของข้าสามารถ

จัดการได้แม้ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ! กับฉินหยุนนั่น ให้หุ่นเชิดข้า

ลงมือสักสิบชั่วลมหายใจก็พร้อมที่จะขุดฟันมันออกมากองบนพื้น

ได้ครบทุกซี่แล้ว!”

“มนุษย์จระเข้ของข้าคือหนึ่งในความวิเศษ! ในสวนโบราณแห่งนี้

ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ใดที่แกร่งกล้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า มันก็ไม่อาจ

จัดการหุ่นเชิดจระเข้ของข้าได้!” เด็กหนุ่มชุดสีทองกินไปพลางพูด

ไปพลางอย่างอหังการ

ฉินหยุนขณะนี้เพียงแต่ยิ้มกับตนเอง ปากยังคงเคี้ยวอาหารต่อเนื่อง

หญิงสาวทรงเสน่ห์ไม่กล่าวอันใดต่อ เพียงรับฟังคําคุยโวของเด็ก

หนุ่มชุดสีทอง ศิษย์ผู้อื่นของสํานักเก้าตะวันล้วนเงียบปากลงเช่นกัน

“เมื่อใดข้าพบวิญญาณดวงตะวันและออกไปได้ เมื่อนั้นสิ่งแรกที่คิด

ทํา คือจะไปยังนครโบราณยุทธ์เต๋า จับตัวฉินหยุนและกินมันทั้งเป็น

เช่นนั้นข้าจะได้รับสายเลือดราชสีห์สวรรค์ของมัน ฮ่าฮ่าฮ่า!” เด็ก

หนุ่มชุดทองหัวเราะดัง

ชั่วขณะนี้ ชายในชุดสีนํ้าเงินมองทางพวกฉินหยุน พบว่าอีกฝ่ ายกิน

อาหารมากหน้าหลายตาพร้อมฉื่อซินซิน พวกเขาถึงขั้นกินกันไม่

หยุดขณะสั่งต่อเนื่อง

ศิษย์ผู้อื่นของสํานักเก้าตะวันมองตามไป พบว่าเรื่องราวชวนไม่สบ

อารมณ์

นี่ก็เพราะมูลค่าที่ฉินหยุนและฉื่อซินซินกินกันอยู่นั้น แทบจะถึงสอง

แสนเหรียญม่วงแล้ว!

พวกเขายากจะเข้าใจยิ่งนักว่ามันเป็ นเรื่องราวอันใด!

พอได้ทราบว่าฉื่อซินซินได้รับมากว่าหนึ่งล้านเหรียญม่วง ขณะนี้

พวกเขาต่างเกิดความริษยา

เด็กหนุ่มชุดสีทองพร้อมหุ่นเชิดจระเข้ก้าวเดินไป นั่งลงตรงเก้าอี้ที่

โต๊ะของพวกฉินหยุน เขาคิดหยิบอาหารอีกฝ่ ายขึ้นมากินอย่างไร้

มารยาท

ตะเกียบพอยื่นออก สีหน้าฉินหยุนมืดมน ปลดปล่อยพลังจิตเข้ารั้ง

มือของเด็กหนุ่มชุดสีทองเอาไว้ เป็นการห้ามปรามอีกฝ่ าย

“ข้าสั่วจินเฟยจากสํานักตะวันทอง อยู่ลําดับที่เจ็ดของสวนโบราณ

แห่งนี้! อาหารพวกนี้ข้ากินสักครึ่งคําก็ไม่ได้หรือ?” สั่วจินเฟยเผย

ท่าทีโกรธเคืองกล่าวเสียงเบา

“ไม่ได้!” ฉินหยุนตอบกลับอย่างเฉยชา

สั่วจินเฟยหรี่ตาลง มองที่ฉื่อซินซินพร้อมกล่าว “เด็กน้อย เจ้าไม่คิดว่า

เหรียญม่วงที่มีมากเกินไปหรือ? ให้ข้าเก็บไว้ให้แก่เจ้าเป็นอย่างไร?

ไม่อย่างนั้น ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่มีทางออกไปพ้นจากตําหนัก

จารึกเทวะได้!”

ฝูงชนมากมายพอได้เห็นเรื่องราว พวกเขาค่อยเข้าใจ ว่าบุคคลจาก

สํานักเก้าตะวันก็ทําตัวเป็นขอทานได้เช่นกัน!

“ข้า… ข้า…” ฉื่อซินซินทราบความน่ากลัวของสํานักเก้าตะวันเป็น

อย่างดี นางขณะนี้มีทรัพย์สิน ทว่าไม่มีกําลังพอให้ปกป้องมันเอาไว้

นางไม่คิดสร้างปัญหาให้แก่ฉินหยุน จึงนําเอาบัตรผลึกสีม่วงออกมา

และส่งไป

สั่วจินเฟยหัวเราะขณะยื่นมือไปรับ กระนั้น เขากลับพบว่าฉินหยุน

คว้าบัตรผลึกเอาไว้เสียก่อน

“ซินซิน หากเจ้ามอบให้แก่เขา เจ้าจะจ่ายค่าอาหารเหล่านี้อย่างไร?

เจ้าบอกแล้วว่าจะเลี้ยงข้า!” ฉินหยุนยิ้มพลางส่งบัตรผลึกกลับคืนแก่

ฉื่อซินซิน

สั่วจินเฟยลุกขึ้นยืนกล่าวอย่างมีโทสะ “สารเลวนัก กล้าดีอย่างไรทํา

ตัวอหังการต่อหน้าข้า นายน้อยสั่วผู้นี้! หากเจ้ามีความกล้า เช่นนั้น

จงเอ่ยนามออกมา!”

“นามข้าคือฉินหยุน!” ฉินหยุนมองที่สั่วจินเฟยพร้อมยิ้มรับ

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าจะบอกว่าเป็นฉินหยุนผู้นั้น?” สั่วจินเฟยหัวเราะดัง

ผู้อื่นล้วนกายแข็งทื่อไปวูบก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฉินหยุนอยู่เกินกว่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม มันไม่มีทางเข้า

มาได้!”

“ใช่ ข้าพบเห็นคนโง่งมมาก็มาก แต่กลับไม่เคยพบเจอหน้าโง่เช่นนี้

ถึงขั้นอวดอ้างว่าเป็นฉินหยุนหรือ? ไม่หวั่นเกรงถูกกินทั้งเป็นหรือ

ไร!”

“หากมันเป็นฉินหยุน ข้าจะกินมันทั้งเป็นเอง!”

ผู้คนล้วนส่งเสียงอึกทึกหัวเราะเป็นการใหญ่

หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมยิ้มซุกซน “กล่าวตามตรง ข้านับถือฉินหยุน

อย่างไรแล้ว เขาก็ก่อเรื่องสะเทือนฟ้าสะท้านแดนดินไปมาก! กระนั้น

เจ้ากลับไม่คล้ายฉินหยุนแม้เพียงนิด!”


ตอนที่ 489 ศิลาแสงดาว

สั่วจินเฟยมองที่ฉินหยุนพร้อมหัวเราะดัง “ในเมื่อเจ้าอยากอ้างตัวเป็น

ฉินหยุน เช่นนั้นข้าจะเติมเต็มความปรารถนาเจ้าให้ ทันทีเมื่อข้าพบ

ฉินหยุน ข้าจะทุบตีมันจนกว่าจะร้องขอความเมตตา!”

ศิษย์ผู้อื่นของสํานักเก้าตะวันเริ่มถอยห่าง

“ฉินหยุนงั้นหรือ? คิดอยากคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อหน้าข้าที่ตรงนี้ หรือ

คิดให้ข้าทุบตีจนคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิต?” สั่วจินเฟยถูไถหมัด

ตนเองขณะมองฉินหยุนพร้อมแค่นเสียง

“เช่นนั้นลองทุบตีจนข้าต้องคุกเข่า! เพราะข้าคิดอยากเห็นนัก ว่าเจ้า

จะทุบตีจนข้าคุกเข่าอย่างไร!” ฉินหยุนลุกขึ้นยืนเชื่องช้าบอกต่อสั่ว

จินเฟย

ผู้อื่นต่างลุกขึ้นยืน หลบไปอยู่ด้านข้าง เพราะกังวลว่าการต่อสู้อาจ

รุนแรงจนส่งผลกระทบ

สั่วจินเฟยกําหมัดแน่นด้วยโทสะ ขณะนี้หันไปบอกกล่าวกับคนรอบ

ข้าง “ทุกคนจงนั่งและกินดื่มต่อ! ข้าไม่คิดสู้กับคนเช่นนี้ ใช้เพียงมือ

เดียวก็ทํามันคุกเข่าได้แล้ว!”

“อย่างนั้นแล้ว คิดใช้มือข้างใดทําให้ข้าต้องคุกเข่า?” ฉินหยุนเผยยิ้ม

บาง สีหน้าขณะนี้ไร้ซึ่งความกลัวเกรงแม้สักนิด

ฉื่อซินซินเร่งรีบเข้ามาดึงฉินหยุนไว้ นางไม่ต้องการให้ฉินหยุนถูก

รังแกเช่นนี้ “ท่านลุง รีบไปกันดีกว่า!”

สั่วจินเฟยจ้องมองฉื่อซินซินกราดเกรี้ยว มือขวาไหววูบพร้อมกล่าว

ด้วยโทสะ “ข้าจะทําให้เจ้าคุกเข่า ด้วยมือข้างที่สังหารนางเด็กนี่!”

คําพอกล่าวจบ ฝ่ ามือของเขาปลดปล่อยออร่ารุนแรง เกิดเป็นสายลม

เย็นเยือกพัดเข้าหาเบื้องหน้าของฉื่อซินซิน

ฉินหยุนเตรียมรับรอบด้านไว้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงคว้าฝ่ ามือ

ของสั่วจินเฟยด้วยมือหนึ่ง พร้อมใส่พลังเต๋าแรกเริ่มทรงพลังเข้าไป

จนเกิดการระเบิดออก!

แขนของสั่วจินเฟยระเบิดออกด้วยพลังเต๋าแรกเริ่มที่แกร่งกล้า แขน

ข้างนั้นถึงกับพ่นเอาละอองโลหิตฟุ้งกระจาย!

ละอองโลหิตนี้กระเซ็นกระจายต่อหน้าทุกผู้คน!

“อ๊าก!” สั่วจินเฟยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แขนของเขาพิการโดย

สมบูรณ์ ขณะนี้มือของฉินหยุนยังคงจับแขนของเขาเอาไว้อยู่

“เจ้าพูดไม่ใช่หรือ ว่าจะทุบตีจนข้าคุกเข่า?” ฉินหยุนแค่นเสียงพร้อม

ระเบิดพลังออก ทําการฉีกกระชากแขนข้างนั้นออกจากร่าง

สั่วจินเฟยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งหนึ่ง!

บรรดาศิษย์ของสํานักเก้าตะวันล้วนตื่นตะลึงเมื่อพบเห็นเรื่องราว

พวกเขายืนเหม่อมองอย่างไม่ทราบควรทําอย่างไรดี

แน่นอนว่า พวกเขาคิดอยากช่วยเหลือสั่วจินเฟย ทว่าได้เห็นความ

แข็งแกร่งของฉินหยุน อีกฝ่ ายย่อมไม่ใช่คนที่รับมือได้ด้วยง่าย

“เจ้า… เป็นฉินหยุนตัวจริงงั้นหรือ? จงตาย!” สั่วจินเฟยกราดเกรี้ยว

ถึงขนาดเส้นเลือดบวมปูดที่หน้าผาก เสียงตะโกนด้วยโทสะคําราม

ออก หุ่นเชิดถูกปลดปล่อย

มนุษย์จระเข้นี้เป็นหุ่นเชิด พละกําลังของมันสูงลํ้าทัดเทียมขอบเขต

วรยุทธ์วิญญาณ

จระเข้เกราะนี้สูงกว่าสองเมตร ร่างกายปกคลุมด้วยเกราะหนังจระเข้

สีดํา รูปร่างดูกํายํา ทําให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกว่ายากแก่การทําลาย

ปราการป้องกันของเกราะหนา

ฉื่อซินซินขณะนี้แตกตื่นจนถึงขั้นทั้งร่างกายสั่นเทิ้ม นางเข้าไปหลบ

ซ่อนด้านหลังของฉินหยุน

ผู้คนต่างหวาดกลัวขณะมองมนุษย์จระเข้ปรากฏตัว พวกเขาล้วน

กระโดดหนีหายผ่านหน้าต่างด้วยความเกรงกลัวจะได้รับผลกระทบ

“ฉินหยุน จงคุกเข่าร้องขอความเมตตา แล้วมนุษย์จระเข้จะได้สังหาร

เจ้าอย่างไม่เจ็บปวด!”

“คุกเข่าสิโว้ย! หากปล่อยให้มันสู้ เมืองได้พังราบ อย่าได้ลากผู้อื่นลง

เหวไปกับเจ้าด้วย!”

“มนุษย์จระเข้นั่นได้ฉีกฉินหยุนออกเป็นชิ้นเนื้อแน่ เพราะมันมีพลัง

ทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!”

ผู้คนขณะนี้ร้องตะโกนกันไม่หยุด

สั่วจินเฟยคํารามเสียงดัง “ฉินหยุน เจ้าทําลายแขนข้า! ตอนนี้ไม่

เพียงแต่จะทําให้เจ้าคุกเข่า ข้าจะกัดกินเจ้าทั้งเป็น! คุกเข่าตอนนี้และ

ร้องขอความเมตตาก็ไร้ประโยชน์แล้ว จงยอมรับความตาย!”

อีกฝ่ ายขณะนี้ ควบคุมมนุษย์จระเข้ให้พุ่งทะยานเข้าปะทะกับฉินหยุน!

ฉินหยุนขมวดคิ้ว ปลดปล่อยเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร ตั้ง

สมาธิโจมตีที่ทุกส่วนของร่างกายจระเข้

การโจมตีหุ่นเชิดด้วยพลังจิต ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ผู้คนล้วนรอคอยว่าจะเรื่องราวจะจบลงที่ตรงใดขณะพบเห็นหุ่นเชิด

มนุษย์จระเข้เกราะพุ่งทะยานเข้าใส่ ผู้อื่นล้วนคาดคิด ว่าฉินหยุน

จะต้องถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเนื้อโดยมนุษย์จระเข้เกราะ!

กระนั้น หุ่นเชิดกลับหยุดที่ตรงหน้าฉินหยุน!

ทันทีที่ร่างหุ่นเชิดหยุดลง ฉินหยุนนําเอากระบี่สีดําออกมาเล่มหนึ่ง

สับฟันใส่หุ่นเชิดตรงหน้า เขาไม่ใช้แม้วิชายุทธ์ใด ก็สามารถสับฟัน

ร่างมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

ฟุ่ บ ฟุ่ บ ฟุ่ บ ฟุ่ บ!

เสียงของมีคมสับฟันขนาดได้ยินดัง!

มนุษย์จระเข้เกราะที่มีการป้องกันแกร่งกล้า ขณะนี้ถูกแล่เป็นชิ้นเนื้อ

โดยฉินหยุน!

“นายน้อยสั่ว โจมตีเด็กสาวนั่น!” ชายชุดดําคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้น

สั่วจินเฟยตอบสนองรวดเร็ว เขามองไปทางด้านฉื่อซินซินที่อยู่ข้าง

กายฉินหยุน หมัดพุ่งผ่านอากาศ ปลดปล่อยออกซึ่งขุมพลังแกร่งกล้า!

ฉินหยุนโบกมือไหววูบ สลายพลังหมัดด้วยคลื่นพลังเต๋า ถัดจากนั้น

เขาค่อยโยนมีดสั้นเล่มหนึ่งเข้าใส่สั่วจินเฟย!

เสียงตัดผ่านอากาศกรีดร้องดัง มีดบินลัดผ่านอากาศเสียบเข้าที่ศีรษะ

ของสั่วจินเฟย แทงทะลุกะโหลกไปราวจิ้มเข้าใส่เต้าหู้!

ถัดจากนั้น ด้วยฉินหยุนควบคุม มีดสั้นจึงทะยานเข้าหาร่างชายชุดดํา

ที่ร้องบอกเมื่อครู่

ศีรษะของชายชุดดําปรากฏรูขึ้นเด่นชัด อีกฝ่ ายถูกสังหารโดยมีดบิน

ไปเรียบร้อยแล้ว!

มีดบินกลับคืนสู่มือของฉินหยุน มันไม่มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนแม้

เพียงนิด ภาพลักษณ์ยังคงสะอาดสะอ้าน ทว่าผู้พบเห็นกลับรู้สึก

หนาวจับใจ

สั่วจินเฟย ผู้ซึ่งบอกว่าสามารถสังหารบุคคลขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

ขณะนี้สิ้นชีพแล้ว วิญญาณยุทธ์ระดับแพลทินัมก็ถูกฉินหยุนแยก

ออกมา

ฉินหยุนสังหารสั่วจินเฟยเรียบร้อย เขาจึงนั่งลงกินอาหารของตนเอง

ต่อ ราวกับเมื่อครู่หาได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นไม่

ทุกผู้คนขณะนี้ล้วนมองเขาด้วยอาการตื่นตะลึง!

หญิงสาวทรงเสน่ห์อุทานเสียงเบา “เจ้า… เป็นฉินหยุนจริงหรือ?”

“ข้าไม่เคยบอกว่าเป็นฉินหยุนตัวปลอม เพียงแต่พวกเจ้าไม่คิดเชื่อข้า

เอง!” ฉินหยุนยิ้ม ดึงให้ฉื่อซินซินนั่งลง เขากล่าวออก “ซินซิน กิน

ต่อ!”

ฉื่อซินซินขณะนี้เกิดความหนักอึ้งภายใจ เพราะคลื่นพายุก่อเกิดและ

หายไปอย่างรวดเร็ว ทว่านางก็สงบใจได้ในไม่ช้า

“ฉินหยุน เจ้าจงรีบหนีไปเสีย! หากข่าวคราวความตายของสั่วจินเฟย

ถึงหูสํานักตะวันทองคําในเมืองใกล้เคียง เมื่อนั้นสํานักตะวันทองคํา

จะมาเยือน พวกเขาจะมาพร้อมขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า!” เสียง

หญิงสาวทรงเสน่ห์ดังขึ้น

ฉินหยุนทราบ ว่าสํานักเก้าตะวันย่อมมีรากฐานสํานักในสวนโบราณ

ฉื่อซินซินเผยเสียงเบา “พี่หยุน ท่านต้องไป! ข้าเลี้ยงท่านแล้ว อย่าให้

มันต้องสูญเปล่า!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ก็ได้ งั้นก็ไม่ต้องกิน!”

จากนั้น เขาเดินเข้าหาร่างของสั่วจินเฟย คว้าร่างนั้นขึ้นมาและกล่าว

คํา “พวกเราจะนําร่างของสั่วจินเฟยกลับไปส่งที่สํานักตะวันทองคํา!”

หญิงสาวทรงเสน่ห์คิดว่าฉินหยุนจะจากไป แต่พอได้ยินคํากล่าวอีก

ฝ่ าย นางอดไม่ได้ที่จะเผยความมึนงงออกมาวูบหนึ่ง

ฉื่อซินซินคิ้วขมวด “พี่หยุน นี่ไม่เป็นไรหรือ?”

“เมื่อครู่นี้ข้าลงมือหนักไปหน่อย ทําให้เผลอสังหารชายคนนี้ไป เป็น

ข้ารู้สึกผิดนัก ดังนั้นข้าสมควรนําร่างเจ้านี่กลับไปส่งคืนให้ต้นสังกัด!”

ฉินหยุนยิ้มพร้อมลูบที่หัวของฉื่อซินซิน

สายตาของเขามองที่หญิงสาวทรงเสน่ห์และเอ่ยถาม “แม่นางตรงนั้น

พาข้าไปยังสํานักตะวันทองคําได้หรือไม่? ไว้ข้าจะมอบหนึ่งหมื่น

เหรียญม่วงให้เป็นการตอบแทน!”

แม้หญิงสาวเป็นศิษย์สํานักเก้าตะวัน แต่ตัวนางนับถือฉินหยุนเป็น

อย่างยิ่ง

ก่อนหน้านี้ นางได้ทราบวีรกรรมของฉินหยุนที่เปรียบดั่งตํานาน ทํา

ให้นางเกิดความนับถืออีกฝ่ ายจากใจ ขณะนี้ได้เห็นอีกฝ่ ายด้วยตา

ตนเอง นี่คือตํานานที่ยังมีชีวิต!

“ตกลง!” หญิงสาวพยักหน้ารับ หันกายกลับ พร้อมออกเดินนําหน้า

ฉื่อซินซินจ่ายค่าอาหาร เป็ นเงินเกือบสองแสนเหรียญม่วง

เฉียนเฉ่าจากตําหนักจารึกเทวะ รับชมเรื่องราวตั้งแต่แรกมาโดย

ตลอด เป็นเขาไม่กล้าพูดกล่าวออกแม้ครึ่งคํา

เขาสัมผัสได้ถึงพลังเต๋าแรกเริ่มน่าขนลุกของฉินหยุน พลังอํานาจนั่น

เป็นอะไรที่เขาไม่อาจรับมือได้ จึงได้แต่เสียงสื่อสารไปยังตําหนัก

จารึกเทวะอื่นที่แกร่งกล้ากว่าด้วยยันต์สื่อสาร บอกต่อพวกเขาให้ส่ง

คนมาโดยเร็วที่สุด

ศิษย์อื่นของสํานักเก้าตะวันยังไม่กล้ากล่าวอะไรแม้ครึ่งคํา! สั่วจินเฟย

แข็งแกร่ง กระนั้นที่ได้เห็นคือเขาตายอย่างอเนจอนาถ นอกจากนี้ ยัง

เป็นฉินหยุนที่ลงมือสังหาร

ระดับการฝึกฝนของเขาเพียงแค่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม พวก

เขาไม่มีโอกาสเอาชนะฉินหยุนได้!

กระทั่งว่าสํานักพวกเขาแข็งแกร่งล้นพ้นในเก้าแดนอ้างว้าง พวกเขา

ก็ยังต้องเกิดความสะพรึงกลัวยามเผชิญพลังสะกดข่มของฉินหยุน

กระทั่งผายลมยังไม่กล้า!

สํานักตะวันทองคําอยู่ใกล้เมืองเล็กแห่งนี้พอสมควร ใช้เวลาเพียง

ครึ่งชั่วยามก็มาถึง หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่นําพาฉินหยุนมา นามนางว่า

เฉียวอวี้ เป็นศิษย์ของสํานักตะวันอัคคี

หลายคนล้วนตามมา พวกเขาคิดอยากรับชม ว่าฉินหยุนจะส่งร่าง

ของสั่วจินเฟยกลับสํานักตะวันทองคําอย่างไร!

ที่นี่คือสวนโบราณ สํานักตะวันทองคําจึงสร้างขึ้นเป็นการชั่วคราว

เป็นเพียงบ้านพักหลังไม่ใหญ่มาก กระนั้นนี่ก็ถือว่าเป็นกองกําลังที่

แกร่งกล้าแล้ว!

ตรงหน้าทางเข้าสํานักตะวันทองคํา มีชายชราขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้าจํานวนหนึ่งยืนอยู่ พวกเขาคล้ายได้รับแจ้งผ่านเสียง

สื่อสารมากันแล้ว จึงทราบถึงความตายของสั่วจินเฟย

ทางด้านบุคคลที่สังหารสั่วจินเฟย ไม่ใช่ใครอื่น เป็นตัวตนที่

สะเทือนฟ้าดินของแดนยุทธ์อ้างว้าง ฉินหยุน!

ไม่ช้า ก็มีผู้อาวุโสอีกหลายคนของตําหนักจารึกเทวะมาถึง พวกเขา

ล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าในที่นี้บ้างก็มาตั้งแต่แรกเริ่ม

และก้าวหน้าที่นี่ บ้างก็สะกดระดับพลังไว้และเข้ามา และหากเมื่อใด

พวกเขาก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ เมื่อนั้นพวกเขาจําเป็นต้อง

ออกไป

ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าในสวนโบราณ ก็ยัง

นับได้ว่าแข็งแกร่ง

ผู้อาวุโสของสํานักตะวันทองคําเผยนํ้าเสียงเย็นเยือก “เจ้าเป็นฉินหยุน

จริง! ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยังเข้าสู่สวนโบราณมาได้! เป็ นเจ้าที่ลงมือ

สังหารศิษย์เหนือลํ้าของสํานักพวกเราไปมากมายครั้งอยู่ภายนอก!”

“ครานี้เจ้าสังหารศิษย์พวกเราไปอีกคนหนึ่ง แล้วยังกล้าดีนําร่างกลับ

มาให้ด้วย!”

ฉินหยุนนําร่างสั่วจินเฟยออกมา โยนร่างนั้นลงกับพื้นพร้อมกล่าว

“เป็นมันที่คิดสังหารข้าก่อน!”

ผู้คนล้วนกล้าบอก ฉินหยุนไม่ได้มาเพียงเพื่อส่งร่างอีกฝ่ ายกลับคืน

เขามาเพื่อยั่วยุสํานักตะวันทองคํา!

ผู้อาวุโสหลายคนของสํานักตะวันทองคํามองศพที่พื้น ความโกรธ

พลันปะทุออก กระนั้น พวกเขาไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม เพราะพวกเขา

กําลังรอให้คนจากสํานักอื่นมาถึง

เฉียนเฉ่าจากตําหนักจารึกเทวะเร่งรีบเดินมาบอกต่อฉื่อซินซิน “แม่

สาวน้อย หินที่เจ้าขายแก่ข้ามีความผิดพลาด มันหาได้ใช่วัสดุวิญญาณ

ระดับราชัน! ข้าต้องการคืนสินค้า!”

“อา… แต่ว่า… ขณะนี้เหลือเพียงแค่หนึ่งล้านเหรียญม่วงแล้ว!”

ฉื่อซินซินเผยความตื่นตะลึง นางมองไปทางฉินหยุนพร้อมกล่าว

กระซิบตอบ

บรรดาผู้อาวุโสสํานักตะวันทองคําต่างพยักหน้าพึงพอใจ ที่ได้เห็น

ตําหนักจารึกเทวะเข้าข้างพวกตนเอง

“หากข้ายืนยันได้ว่าหินนั่นเป็นวัสดุวิญญาณระดับราชัน อย่างนั้นเจ้า

จะทําอย่างไร?” ฉินหยุนแค่นเสียง

“หากเจ้ายืนยันได้ เช่นนั้นหินนั่นก็เป็นของเจ้า และข้าก็ไม่ต้องการ

เหรียญม่วงกลับคืนแต่อย่างใด!” ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะก้าว

เดินออกมาพร้อมแค่นเสียง “แม้ว่าหินก้อนนี้ดูดกลืนเลือดมนุษย์ได้

แต่มันเป็นศิลาแสงดาวระดับต้น หาได้ใช่ศิลาแสงดาวระดับราชัน!”

ฉินหยุนรับหินดังกล่าวมา “ศิลาแสงดาวมีความแข็งเป็นเลิศ ยากแก่

การหลอม มันเป็นวัสดุที่ดีสําหรับการหลอมสิ่งเล็กน้อย หรือเป็น

อาวุธมีคม รวมเข้ากับกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันในขั้นตอนการ

หลอม มันจะมีระดับความแข็งเทียบเท่าอาวุธลึกลํ้า!”

“ถูกต้อง! พวกเราไม่มีกําลังพอขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน

ดังนั้นจึงไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นของจริง!” ชายชราแค่นเสียง

ตอบโต้

“เจ้าทําไม่ได้ แต่ข้าทําได้!” ฉินหยุนยิ้มพร้อมนําเอาหม้อราชสีห์สวรรค์

สะกดมังกรออกมา เขากล่าวต่อ “ข้าจะหลอมหินนี่เป็นอุปกรณ์วิญญาณ

ระดับราชัน นี่จะเป็นการยืนยันว่าหินนี่คือศิลาแสงดาวของจริง!”


ตอนที่ 490 ศึกปะทะหุ่นเชิด

หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรมีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะในยุคโบราณ

มันเป็นอุปกรณ์เต๋าที่เลื่องชื่อ โดยหลักแล้วมันถูกขัดเกลาขึ้นเพื่อใช้

รับมือกับมังกร และมีการแกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์เอาไว้

ชั่วขณะนี้ เมื่อฉินหยุนปลดปล่อยมันออก บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลาย

จึงเผยความริษยา พวกเขาต่างเกิดความคิดละโมบ เปรียบดั่งพยัคฆ์

เฒ่าที่ได้เห็นเหยื่ออันโอชะ

หากฉินหยุนสามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน ก็หมายความ

ถึงเขาเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับราชันแล้ว!

หลายผู้คนขณะนี้พบว่าเรื่องราวยากเกินจะเชื่อ

เป็นที่ทราบกันดี ว่าสวนโบราณแห่งนี้ แทบไม่มีอาจารย์จารึกวิญญาณ

และอาจารย์จารึกวิญญาณที่ยอดเยี่ยมทั้งหลาย ย่อมไม่เข้ามายังสถานที่

แห่งนี้

กระทั่งว่าที่นี่มีตําหนักจารึกเทวะ อาจารย์จารึกวิญญาณก็มีเพียงน้อย

นิดมากนัก ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าเป็นระดับราชัน!

กล่าวไปแล้ว กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณยังมีอาจารย์จารึกวิญญาณ

ระดับราชันไม่มาก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ฉินหยุนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเยาว์วัย แต่หากได้เป็นอาจารย์

จารึกวิญญาณระดับราชัน เรื่องนี้เกินจะยอมรับและเชื่อได้ นี่มันขัด

กับสามัญสํานึกผู้คนทั่วไป!

ฉินหยุนขณะนี้นําศิลาแสงดาวใส่ลงหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร

จากนั้นจึงใส่เปลวเพลิงตะวันทมิฬเข้าทําการเผาไหม้

“ศิลาแสงดาวเผาไหม้ได้ยากยิ่ง เจ้าคิดใช้เวลายาวนานเพียงใดเพื่อเผา

ไหม้พวกมัน? พวกเราไม่มีเวลารอมากเพียงนั้น!” ผู้จัดการสาขาตําหนัก

จารึกเทวะร้องตะโกน เขาเองก็เป็นอาจารย์จารึก กระนั้นตัวเขาไม่ได้

วิเศษเช่นฉินหยุน ดังนั้นขณะนี้ความริษยาจึงก่อเกิดเป็นล้นพ้นภายในใจ

“อย่าได้กังวลไป ข้าไม่ให้รอนานแน่!” ฉินหยุนกล่าวคําจบ เขานําเอา

ศิลาแสงดาวออกจากหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร

ศิลาแสงดาวเดิมเป็นสีดํา ขณะนี้ถูกเผาไหม้จนแดงฉาน!

เป็นดังเขาว่าที่ไม่ปล่อยให้รอนาน แท้จริงแทบไม่ต้องรอเลยด้วยซํ้า!

ฉินหยุนนําเอาค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมา พร้อมกระดูกเหล็กกล้า

ระดับราชัน

กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันขณะนี้ ถูกเขาหลอมรวมขัดเกลาเข้ากับ

ศิลาแสงดาวเพียงอึดใจ

ตึง ตึง ตึง ตึง…

ฉินหยุนเวลานี้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด พละกําลังยิ่ง

เพิ่มพูน อักขระเต๋าแห่งชีวิตตัวที่เจ็ดได้แปรเปลี่ยนสู่ขุมพลังเต๋า มัน

สามารถปลดปล่อยคลื่นพลังที่แกร่งกล้าออกมาได้

ทุบอยู่ไม่กี่ครั้ง ศิลาแสงดาวและกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันจึงหด

ขนาดเล็กลง ฉินหยุนเริ่มขึ้นรูปพวกมันเป็นกระบี่สั้นเล่มหนึ่ง

ท้ายที่สุด เขานําเอาปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตออกมา ทําการแกะสลัก

อักขระวิญญาณทั้งสิ้นเก้าชุด กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นในคราว

เดียว ทั้งยังเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่ง

กระบี่สั้นเล่มนี้ เขาใช้เวลาขัดเกลาขึ้นเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น!

แม้กระบี่สั้นเล่มนี้ค่อนข้างเล็ก แต่อย่างไรแล้วก็เป็นถึงอุปกรณ์

วิญญาณระดับราชัน มันเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง กระนั้นกลับถูกขัด

เกลาขึ้นได้รวดเร็วเพียงนี้

“เป็นอาวุธวิญญาณระดับราชันจริงหรือ?” เฉียนเฉ่าเผยความคลาง

แคลง “เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะหลอมมันเสร็จในเวลาอันสั้นเพียงนี้ นี่

ต้องเป็นการลวงหลอกต่อพวกเราแน่!”

“อย่างนั้นจงใช้อุปกรณ์ลึกลํ้าพิสูจน์มัน!” ฉินหยุนถือกระบี่สั้นในมือ

พร้อมยิ้ม “อุปกรณ์ลึกลํ้าในมือเจ้าคงไม่โป้ปดหรอกนะ!”

เฉียนเฉ่าแค่นเสียง “กระทั่งว่าเป็นอาจารย์จารึกลึกลํ้า ก็ยังไม่อาจสร้าง

อุปกรณ์วิญญาณระดับราชันได้รวดเร็วเพียงนี้ นับประสาอะไรกับเจ้า!”

เขานําเอาดาบยาวเล่มหนึ่งออกมา “นี่เป็นอุปกรณ์ลึกลํ้าของข้า! แม้

ระดับไม่สูง แต่ก็เกินพอที่จะรับมืออุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน ยิ่ง

ไม่ต้องกล่าวถึงขยะในมือเจ้าชิ้นนั้น!”

หลายผู้คนล้วนได้เห็นกันชัดเจน ว่ากระบี่สั้นในมือฉินหยุนขัดเกลา

ขึ้นมาโดยใช้เพียงกระดูกเหล็กกล้าและศิลาแสงดาว ไม่มีทางที่จะ

เพิ่มวัสดุอื่นเข้าไปได้ต่อหน้าสายตาผู้คนมากมายเพียงนี้

หากศิลาแสงดาวเป็นของจริง เช่นนั้นมันย่อมต้องแข็งแกร่งยิ่ง!

ฉินหยุนวางกระบี่สั้นลงบนแท่นหลอมพร้อมกล่าว “หากดาบเจ้าไม่

อาจตัดกระบี่สั้นเล่มนี้ ถือว่าศิลาแสงดาวเป็นของจริง! เช่นนี้ ซินซิน

ก็ไม่ต้องคืนเหรียญม่วงแก่เจ้า ตกลงหรือไม่!”

“ไม่มีปัญหา!” เฉียนเฉ่าก้าวเดินเข้าไปอย่างมาดมั่น สับฟันกระบี่

ตรงหน้าอย่างเต็มแรง

เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น!

ดาบยาวของเฉียนเฉ่าแตกออก!

ตัวดาบแตกออก กระเด็นลอยปักกับพื้น ทําเอาผู้รับชมต่างกายแข็ง

ทื่อไปกันไม่เป็น!

สําหรับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า อุปกรณ์ลึกลํ้าถือว่ามูลค่าสูงลํ้า ผู้

ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าส่วนใหญ่จะใช้เพียงอุปกรณ์วิญญาณระดับ

ราชันกันเสียส่วนมาก

เฉียนเฉ่าเกิดความปวดร้าวภายใน รับชมดาบที่แตกหัก สีหน้ากลาย

เป็นเขียวคลํ้า

“ความจริงนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว ว่าหินนั่นคือศิลาแสงดาว! ด้วย

ความแข็งแกร่งนี้ กระทั่งอุปกรณ์ลึกลํ้ายังไม่อาจทําอะไรมันได้!”

ฉินหยุนยิ้มกว้างพร้อมหยิบกระบี่สั้นขึ้นมา ส่งมอบมันให้แก่ฉื่อซิน

ซิน

ฉื่อซินซินยืนกรานมอบห้าแสนเหรียญม่วงให้แก่ฉินหยุนก่อนจะ

ยอมรับกระบี่สั้นไว้

เรื่องนี้ทําเอาหลายผู้คนริษยา เพราะฉื่อซินซินใช้เพียงห้าแสนเหรียญ

ม่วงก็ซื้อหาอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันอันแข็งแกร่งมาไว้ในครอบ

ครองได้!

“ตาเฒ่าจากตําหนักจารึกเทวะนั่นสายตามืดบอดหรือไร? ศิลาแสงดาว

นั่นแกร่งกล้ายิ่งนัก มันน่าจะเป็นวัสดุใช้เพื่อขัดเกลาอุปกรณ์ลึกลํ้าได้

ด้วยซํ้า!”

“ใช่แล้ว! ถึงกับทําพลาดเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สูญเสียศิลาแสงดาว แต่ยัง

เสียเงินไปนับล้านเหรียญม่วง!”

“ไม่ใช่ว่าตําหนักจารึกเทวะเป็นฝ่ ายที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนวิญญาณ

อ้างว้างหรอกหรือ? ช่างเสื่อมเสียนัก!”

“ต้องพูดเลย ว่าความสามารถของฉินหยุนที่สร้างอุปกรณ์วิญญาณ

ระดับราชัน ถึงกับเหนือลํ้ากว่าอุปกรณ์ลึกลํ้านั่นได้ ทั้งยังทําในเพียง

แค่หนึ่งชั่วยาม!”

“กระบี่สั้นเล่มนั้นบางทีเพียงด้อยกว่าอุปกรณ์ลึกลํ้าตรงอักขระ แต่

ลําพังตัววัสดุนั้น มันเข้าถึงอุปกรณ์ลึกลํ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!”

ฝูงชนขณะนี้ฮือฮาพร้อมกล่าวชมฉินหยุนไม่ขาด อย่างไรแล้ว เขาก็

ถือเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณที่แกร่งกล้าผู้หนึ่ง!

หากสามารถสร้างหนี้บุญคุณแก่อีกฝ่ าย เช่นนั้นย่อมสามารถจ้างวาน

ให้สร้างอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันขึ้นได้แล้ว!

ผู้คนจากสํานักตะวันทองคํากัดฟันแน่นเมื่อได้พบเห็นเรื่องราวตรงหน้า

พรสวรรค์ของฉินหยุน กระทั่งสํานักเก้าตะวันยังไม่อาจเทียบเท่า

ผู้อาวุโสจากสํานักตะวันทองคําเอ่ยคํา “ฉินหยุน หม้อราชสีห์สวรรค์

สะกดมังกรนั่น เป็นอุปกรณ์เต๋าของสํานักตะวันทองคําของเรา!”

“เจ้าอาจไม่ทราบเรื่องนี้ แต่สํานักพวกเรามีส่วนร่วมในการสร้างหลุม

ฝังเซียน หม้อนั่นเดิมสร้างขึ้นโดยสํานักตะวันทองคําของพวกเรา!”

“ขณะนี้ได้เวลาส่งมันกลับคืนสู่เจ้าของอันชอบธรรมแล้ว!”

ฉินหยุนสีหน้าดํามืดขณะเอ่ยคํา “คิดอยากฉกชิงหม้อราชสีห์สวรรค์

สะกดมังกรของข้างั้นหรือ?”

“ไม่ใช่ของเจ้า แต่เป็นของพวกเราสํานักตะวันทองคํา! พวกเราหาได้

ฉกชิง เพียงแต่ทวงมันกลับคืน!” ผู้อาวุโสจากสํานักตะวันทองคํา

แค่นเสียงดังขึ้น “หากเจ้ายินดีส่งมันกลับคืน เช่นนั้นพวกเราจะทํา

เป็นมองไม่เห็นเรื่องที่เจ้าสังหารสั่วจินเฟย!”

ฉินหยุนหัวเราะดัง “ข้าส่งมันกลับคืนได้ แต่ข้าสงสัยนัก ว่าพวกเจ้ามี

ความสามารถได้การยอมรับจากหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร

หรือไม่!”

กล่าวคําจบ เขาโยนหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกไป มันบิน

ผ่านอากาศไปอยู่เหนือศีรษะผู้อาวุโสของสํานักตะวันทองคํา

ชายชราเผยสีหน้าประหลาดใจ ขณะมือคิดยื่นเอื้อมเข้าไปจับรับตัว

หม้อกลับมา เขาพบว่าหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรฉับพลันขยาย

ขนาดและร่วงหล่นลงมา!

ตู้ม!

หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรกระแทกลงรุนแรง ทําเอาพื้นดิน

ถึงกับสั่นสะเทือน!

ผู้อาวุโสจากสํานักตะวันทองคําขณะนี้ถูกบดกลายเป็นกองเนื้อโดย

หม้อสามขาที่ร่วงหล่น เลือดและเนื้อขณะนี้ถึงกับกระจายออกเป็น

ดอกบัวโลหิต!

ชายชราผู้นี้มีคนของสํานักตะวันทองคํายืนรายล้อม ขณะนี้ผู้คนรอบ

ข้างร่างถูกย้อมไปด้วยสีเลือดและเศษเนื้อ สีหน้าพวกเขาเผยออกซึ่ง

ความสะพรึง!

ชายชรานี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของสํานักตะวันทองคําในที่นี้ กระนั้น

เขากลับถูกบดขยี้จนถึงแก่ความตายโดยหม้อยักษ์ต่อหน้า!

ฝูงชนแทบไม่กล้าหายใจออกมาดัง กระทั่งถอยหนีเงียบงัน พวกเขา

กําลังจะได้เห็นศึกตึงเครียดที่พร้อมปะทุทุกเมื่อ!

บรรดาผู้อาวุโสที่หยิ่งผยองของตําหนักจารึกเทวะ ล้วนเผยสีหน้า

หนักอึ้งชัดเจนผ่านใบหน้า ขณะนี้เริ่มถอยกันแล้ว

อีกหลายคนจากสํานักอื่นที่เพิ่งมาถึง รวมกันแล้วกว่าสิบคน ทั้ง

คนชราและคนหนุ่ม พวกเขามาถึงไม่นานมานี้ ดังนั้นจึงยังไม่ได้เข้า

มาใกล้

ทันทีเมื่อมาถึง สิ่งที่พวกเขาได้ประสบพบเจอ คือหม้อราชสีห์สวรรค์

สะกดมังกร ใบหน้าพวกเขาถึงกับเปี่ ยมด้วยความโลภ

แต่หลังจากนั้น พวกเขาได้เห็นหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรลอย

ในอากาศ ก่อนจะร่วงหล่นลงมาเบื้องล่าง บดขยี้ร่างชายชราภายใต้

หม้อจนแหลกเละ

“ศิษย์ทุกคนของสํานักเก้าตะวัน ปลดปล่อยหุ่นเชิดออกมา!” ผู้อาวุโส

สํานักตะวันทองคําร้องตะโกน เร่งรีบปลดปล่อยพยัคฆ์ตัวใหญ่หลาย

เมตรออกมา

ผู้คนจากสํานักเก้าตะวันล้วนทราบ ว่าฉินหยุนไม่ใช่ตัวตนรับมือได้

ด้วยง่าย

บรรดาศิษย์ขณะนี้ต่างปลดปล่อยหุ่นเชิดแข็งแกร่งของตนกันออกมา

นี่คือมาตรการรับมืออันตรายของพวกเขา

แน่นอนว่า หุ่นเชิดเหล่านี้เป็นของดาษดื่นในสายตาของฉินหยุน

มนุษย์จระเข้เกราะของสั่วจินเฟยนับว่าแข็งแกร่ง กระนั้นก็ยังถูกฉิน

หยุนสังหารง่ายดาย ทว่าครั้งนั้น ฉินหยุนเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดเพียง

หนึ่ง

ในเวลานี้ จํานวนหุ่นเชิดนับร้อยของหลายสํานักรวมกัน ทั้งตําหนัก

โทเทม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง และสํานักเก้าตะวัน พวกเขาตั้งวง

ล้อมปิ ดกั้นฉินหยุนเอาไว้

กระทั่งหุ่นเชิดที่เป็นปราการทางอากาศก็มี

บรรดาผู้ควบคุมหุ่นเชิด ขณะนี้เริ่มถอยห่างออกไปแล้ว!

ฉื่อซินซินขมวดคิ้ว หันมองรอบด้าน พบเห็นแต่หุ่นเชิดชวนสะพรึง

ความหวาดกลัวปรากฏในดวงตาของนาง

“ซินซินวางใจเถอะ เดี๋ยวข้าส่งเจ้าเข้าไปอยู่ในมิติเก็บของ ซ่อนตัวใน

นั้นจะปลอดภัย!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมสัมผัสที่ใบหน้าของนาง

ฉื่อซินซินพยักหน้ารับก่อนจะถูกส่งตัวเข้าสู่วิญญาณเทวะเก้าตะวัน

ภายในนางไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะยังมีโมโมและคณะอยู่เป็นเพื่อน

ฉินหยุนควบคุมหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกบินนําหน้า

เสียงเย็นเยือกกล่าวคําออก “คิดอยากจับตัวข้าหรือ?”

มีแต่ตําหนักจารึกเทวะที่ไม่เข้าร่วม อย่างไรแล้ว หานเฝิงหู่ก่อนหน้า

นี้ได้ปรับความเข้าใจกับฉินหยุนเรียบร้อย กระทั่งว่าพวกเขาอยาก

เข้าร่วม ก็ต้องพิจารณาให้มากก่อนกระทํา

“ฉินหยุน เจ้าฆาตกรร้าย เจ้ากระทั่งฉกชิงเอาอุปกรณ์เต๋าโบราณของ

สํานักเก้าตะวันเราไปครอบครอง แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องจับตัว

เจ้าเอาไว้!” ชายชราตะโกนดัง พร้อมกันนี้ เขาควบคุมหุ่นเชิดร่างสูง

ใหญ่พุ่งเข้าหาฉินหยุน

หุ่นเชิดตัวอื่นต่างก็เร่งรีบโจมตีตามติด พวกมันรวบรวมพลังแกร่ง

กล้าเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว บางตัวพุ่งเข้าหาฉินหยุน ขณะที่บางตัวเลือก

ปลดปล่อยการโจมตีในระยะไกล

ผู้คนขณะนี้ล้วนเชื่อ ว่าหากได้ควบคุมหุ่นเชิดจํานวนมากเพียงนี้

โจมตีบุคคลเพียงหนึ่ง การจับตัวย่อมต้องสําเร็จ!

กระนั้น พวกเขาประเมินฉินหยุนตํ่าเกินไป!

ฉินหยุนแค่นเสียง ปลดปล่อยหุ่นเชิดของตนออกมา!

แสงสีขาวสว่างวูบ มังกรกระดูกตัวใหญ่ยักษ์ปรากฏ!

มังกรกระดูกเมื่อปรากฏ มันเผยเสียงคํารามร้องดังสะท้านแดนดิน

พุ่งเข้าหากลุ่มคนที่เข้าควบคุมบรรดาหุ่นเชิดเอาไว้!

ฉินหยุนยืนสงบนิ่ง ปล่อยให้บรรดาหุ่นเชิดเข้าโจมตีตนเอง

ขณะนี้เขาสวมใส่ชุดเกราะเต๋า หุ่นเชิดเหล่านี้มีพลังเพียงขอบเขต

วรยุทธ์วิญญาณ ดังนั้นพวกมันไม่มีทางทะลวงพลังป้องกันของ

เกราะเต๋าได้อย่างแน่นอน

เวลานี้ ผู้ที่ควบคุมหุ่นเชิดซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป พบเห็นมังกรกระดูก

ร่างใหญ่คํารามพุ่งตัวเข้าหา หัวใจพวกเขาหล่นวูบแทบถึงแกนโลก

ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าฉินหยุนจะมีหุ่นเชิดใหญ่โตและแกร่งกล้าเพียงนี้

ในครอบครอง!

จากระยะไกล มันเหมือนมังกรโครงกระดูก มันไม่มีเลือดและเนื้อ

กระนั้นรูปลักษณ์นี้ก็ทําเอาผู้คนขนหัวลุก กระทั่งต้องเร่งร้อน

หลบหนี!

ฉินหยุนกวัดแกว่งกระบี่ใหญ่เต๋าในมือ ปลดปล่อยวิชาวายุสังหารทั้ง

หกกระบวนท่า สับฟันหุ่นเชิดและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่พุ่งทะยานเข้า

มา

ผู้รับชมซึ่งถอยหนีออกไปไกล ขณะนี้ตื่นตระหนกยามได้เห็นกระบี่

ในมือฉินหยุนที่โจมตีออก พวกเขาถึงขั้นยินดีที่ไม่ได้เสนอหน้าเข้า

ร่วมการศึกครั้งนี้!

ทุกครั้งที่กระบี่ใหญ่ในมือฉินหยุนสะบัดออก มันจะเกิดคลื่น

กระแทกทรงพลัง และจะมาพร้อมกับอสนีบาตอัคคี มังกร และ

พยัคฆ์ โหมเข้าซัดใส่หุ่นเชิดเหล่านั้นด้วยเสียงฟ้าคํารามดังสนั่น

เพียงพริบตาเดียว หุ่นเชิดกว่าครึ่งก็ถูกทําลายจนย่อยยับแล้ว!


ตอนที่ 491 วิญญาณดวงตะวันปรากฏ

ขณะที่ฉินหยุนเป็นฝ่ ายมีชัยเหนือกว่า คนหนึ่งพลันตะโกนขึ้น “ฉิน

หยุน อย่าได้อวดดีนัก! มาดูกันว่าข้าจะจัดการเจ้าได้อย่างไร!”

บุคคลที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน เป็นชายในชุดดํา ทั้งร่างกายปกคลุม

ด้วยพลังภายในสีดํา กระนั้นนี่ไม่ใช่พลังภายในอสูร แต่เป็นออร่า

พลังภายในของวิญญาณยุทธ์สีดํา!

พิจารณาจากออร่า สมควรเป็นวิญญาณยุทธ์อสนีบาตสีดํา!

ที่ชวนตื่นตระหนกก็คือซีกหน้าซ้ายของอีกฝ่ าย มันปรากฏรอยสัก

โทเทมขนาดใหญ่ เป็นโทเทมอสนีบาต

ชั่วขณะที่ชายหนุ่มปรากฏตัว เสียงหญิงสาวจึงดังขึ้นในจิตใจฉินหยุน

เป็นเสียงของหญิงสาวทรงเสน่ห์เฉียวอวี้

“นายน้อยฉิน คนผู้นี้เป็นศิษย์ของตําหนักตะวันอสนีบาต เหวินรั่ว

เฉิน!”

“เขาครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดําและแปดชีพจรวิญญาณ! สายเลือด

หายากอย่างสายเลือดพยัคฆ์อสนีบาต เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าระดับที่เก้า ท่านเร่งรีบหนีไป คนผู้นี้รับมือด้วยไม่ง่าย!”

ขณะเฉียวอวี้กล่าวคําจบ หุ่นเชิดอีกสามสิบหกตัวก็พลันปรากฏ

หุ่นเชิดทั้งสามสิบหกตัวเหล่านี้ต่างสวมใส่ชุดดําและมีร่างใหญ่ พวก

มันปิ ดล้อมฉินหยุนเอาไว้ด้วยสีหน้าตายซาก

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนกําลังกําจัดหุ่นเชิดตัวอื่นอยู่

เหวินรั่วเฉินควบคุมหุ่นเชิดทั้งสามสิบหกตัวปิ ดล้อมฉินหยุน

ขณะฉินหยุนคิดโจมตี เขาค่อยพบว่าหุ่นเชิดทั้งสามสิบหกตัวสั่นไหว

รุนแรง ถัดจากนั้น มันจึงเกิดขึ้นเป็นค่ายอาคมสังหาร

ฉินหยุน ผู้ซึ่งอยู่ใจกลางค่ายอาคมสังหาร ขณะนี้ถูกโจมตีด้วยสายฟ้า

อสนีบาตสีดําทมิฬ

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนได้เห็นค่ายอาคมสังหารโดยใช้หุ่นเชิดเป็น

ตัวติดตั้งค่ายอาคม เขาทั้งประหลาดใจและเกิดกังวล

เพราะพลังของค่ายอาคมสังหารนี้ชวนสะพรึงยิ่ง พลังของสายฟ้า

อสนีบาตสีดําที่ปลดปล่อยออกมา มันกําลังฟาดทะลวงผ่านชุดเกราะ

เต๋าของเขา ทําให้ทั้งร่างกายขณะนี้รู้สึกปวดชา

สิ่งนี้ไม่ใช่ค่ายอาคมสังหารธรรมดา!

หุ่นเชิดทั้งสามสิบหกตัวหาได้ใช่หุ่นเชิดธรรมดาไม่ พวกมันล้วนมี

พลังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!

การปะทุพลังของค่ายอาคมสังหาร พร้อมการรุมโจมตีจากหุ่นเชิดที่

ทรงพลังเรียกได้ว่าชวนพรั่นพรึง มันโจมตีถึงขั้นฉินหยุนต้องโอด

ครวญด้วยความเจ็บปวด

“น่าเสียดายที่ข้าเข้ามาในนี้เสียก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วมศึกกับเจ้า

ที่ภายนอกแห่งนั้น! ไม่เช่นนั้น ข้าคงจัดการเจ้าได้ตั้งแต่ครั้งนั้น

แล้ว!” เหวินรั่วเฉินแค่นเสียง

“ขณะนี้เจ้าได้ทราบหรือยังว่าสํานักเก้าตะวันไม่ใช่สิ่งที่ล้อเล่นด้วย

ได้? เจ้าหาได้ทราบถึงพลังอันแท้จริงของสํานักเก้าตะวันของเราไม่!”

พละกําลังของเหวินรั่วเฉินแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ขณะนี้เขากําลัง

เป็นฝ่ ายสะกดข่มฉินหยุน

ด้วยช่วงเวลาที่มี เขาจึงเร่งรีบบินไปต่อกรกับมังกรกระดูก

เหวินรั่วเฉินพอได้เห็นมังกรกระดูก ความประหลาดใจเผยออก แม้

เขาทราบว่ามังกรกระดูกนี้แข็งแกร่ง แต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถจัดการ

มันลงได้!

เหวินรั่วเฉินครอบครองหุ่นเชิดแกร่งกล้าจํานวนมาก ที่เป็นเช่นนี้ ก็

เพราะเขามีอํานาจมากพอที่จะหยิบยืมพวกมันมาจากสํานัก!

ในสายตาของเขา มังกรกระดูกถือเป็นหุ่นเชิดชั้นเลิศ เขาคิดอยาก

ครอบครองมันจนตัวสั่น!

สํานักเก้าตะวันที่เปิ ดศึกก่อนหน้า ขณะนี้ค่อยวางใจได้มากเมื่อพบ

เหวินรั่วเฉินเข้ามารับช่วงต่อ

พวกเขาเดิมมีกันกว่าร้อยคน ขณะนี้เหลือเพียงราวห้าสิบ ร่างกาย

พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งหมดนี้ก็เพราะโดนหางมังกร

กระดูกฟาดเข้าใส่อย่างรุนแรง

เหวินรั่วเฉินหาได้กังวลเรื่องราวทางด้านฉินหยุน เพราะครั้งหนึ่งเขา

เคยใช้หุ่นเชิดค่ายอาคมสังหารเหล่านี้ ลงมือปลิดชีพกระทั่งขอบเขต

วรยุทธ์วิญญาณมาแล้ว

ฉินหยุนหาได้ใช่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้

เวลาที่มีเพื่อรับมือมังกรกระดูกได้อย่างไร้ซึ่งกังวล!

ฉินหยุนตกอยู่ภายใต้ค่ายอาคมสังหาร รับชมเหวินรั่วเฉินเข้าโจมตี

มังกรกระดูกอย่างเป็นกังวล ทั้งร่างของเขาขณะนี้เจ็บปวด ทว่าไม่ได้

รับบาดเจ็บอันใดมากนัก เพียงแต่ไม่อาจเรียกใช้พลังจากแก่นเต๋าได้

ขณะเขาคิดทุ่มสุดตัว ฉับพลันเขาได้เห็นร่างทรงเสน่ห์ในชุดสีนํ้าเงิน

ปรากฏตรงหน้า เป็นเฉียวอวี้!

เฉียวอวี้ปรากฏตัว นางโจมตีรุนแรงเข้าใส่หุ่นเชิดเหล่านั้น และยัง

ควบคุมหุ่นเชิดราชสีห์ของนาง เข้ารับมือกับหุ่นเชิดสัตว์ตัวอื่น

นางกําลังช่วยเหลือเขา!

ค่ายอาคมสังหารขณะนี้พังทลายแล้ว!

เหวินรั่วเฉินทะยานมาด้วยโทสะ คิดควบคุมหุ่นเชิดเข้าโจมตีใส่

เฉียวอวี้!

ตู้ม!

หุ่นเชิดที่มีพลังเทียบเท่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ พ่นเอาสายฟ้า

อสนีบาตสีดําออก เข้าทําลายร่างหุ่นเชิดราชสีห์ของเฉียวอวี้

สายฟ้าอสนีบาตสีดําปะทะกับหุ่นเชิดราชสีห์ ร่างของเฉียวอวี้กระเด็น

ลอยลิ่ว!

ฉินหยุนเร่งรีบทะยานร่าง คว้าตัวเฉียวอวี้ที่บาดเจ็บสาหัสเอาไว้!

“นางสารเลวผู้นี้มาจากสํานักใด?” เหวินรั่วเฉินขณะนี้กําลังรับศึกกับ

มังกรกระดูก ร้องตะโกนเอ่ยถามด้วยความกราดเกรี้ยว

“เป็นศิษย์ของสํานักตะวันเหมันต์!”

“สํานักตะวันเหมันต์ช่างสอนสั่งศิษย์ได้วิเศษนัก ถึงขั้นทําลายแผนการ

ของข้า!” เหวินรั่วเฉินมีโทสะ ควบคุมหุ่นเชิดเข้าโจมตีทั้งฉินหยุน

และเฉียวอวี

หุ่นเชิดเหล่านี้ไม่อาจตั้งค่ายอาคมสังหารได้อีก ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่

หวั่นเกรงพวกมันแม้เพียงนิด

เขานําเอายันต์วิญญาณระดับราชันออกมา วางลงที่ร่างกายเฉียวอวี้

ช่วยนางรักษาอาการ!

หุ่นเชิดจํานวนหนึ่งปลดปล่อยสายฟ้าอสนีบาตสีดํามาแต่ไกล กระนั้น

พวกมันกลับถูกหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรของฉินหยุนเข้าขวาง

หุ่นเชิดขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณนับว่ารับมือได้ยาก

กระนั้นฉินหยุนก็มีพลังจิตแกร่งกล้า! เมื่อครู่เพราะตกอยู่ภายใต้ค่าย

อาคมสังหาร ผลลัพธ์ที่ได้จึงทําให้เขาไม่อาจตั้งใจใช้พลังจิตโจมตี

ขณะนี้เขามีโอกาสได้ลงมือแล้ว!

พลังจิตแกร่งกล้าสุดขีดของเขาถูกรวบรวมและระเบิดออก!

ฟู่ ! ฟู่ ! ฟู่ !

ผลึกแก้วสีม่วงในจิตใจฉินหยุนเปี่ ยมล้นด้วยพลังจิต ผ่านทางเคล็ด

วิชารวมจิตวิญญาณสังหาร มันปะทุออก แปรเปลี่ยนเป็นสายลม

กระโชกรุนแรง เข้าปกคลุมบรรดาหุ่นเชิดเหล่านั้น

แม้หุ่นเชิดเหล่านี้มีการป้องกันทางจิตแกร่งกล้า ทว่าก็ไม่อาจต้านทาน

การโจมตีทางพลังจิตของฉินหยุนได้!

หุ่นเชิดเพียงได้แต่ป้องกันการโจมตีทางพลังจิตระดับหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อ

หน้าพลังจิตมวลมหาศาลของฉินหยุน สภาพจิตใจของพวกมันจึง

เกิดอาการสับสน การเคลื่อนไหวจึงเชื่องช้าลง

“เศษขยะที่ไร้ค่า หายไปเสีย!” ฉินหยุนนําเอาปื นใหญ่ราชันลึกลํ้า

ออกมา ระดมยิงเข้าใส่ฝูงหุ่นเชิด เพียงการระเบิดครั้งเดียว เขาก็ส่ง

ร่างพวกมันปลิวกระเด็นไปได้หลายตัว

ด้วยกระสุนปื นใหญ่กว่าหกนัด หุ่นเชิดกว่าสามสิบตัวขณะนี้ถูกเป่ า

กระจุยกระจาย ร่างกายเกิดรอยปริแตก ล้มลงไปนอนกระตุกกับพื้น

เหวินรั่วเฉินพอได้เห็นหุ่นเชิดตนเองสิ้นสภาพ เขาคํารามร้องกราด

เกรี้ยว ร่างกายปะทุออกซึ่งสายฟ้าอสนีบาตสีดําชวนขนลุก ราวกับ

เขาได้แปรสภาพร่างกายเป็นสายฟ้าอสนีบาต

ฉินหยุนยอมรับว่าเหวินรั่วเฉินแข็งแกร่ง กระทั่งมังกรกระดูกยังต้อง

มีการถอยเมื่อโดนหมัดอสนีบาตของอีกฝ่ ายเข้าปะทะ!

แม้เหวินรั่วเฉินร่างเล็กยิ่งต่อหน้ามังกรกระดูก แรงระเบิดจากสายฟ้า

ที่ลัดข้ามผ่านท้องฟ้า มันก็เกิดเป็นแรงปะทะรุนแรงจนทําให้มังกร

กระดูกต้องถอยกลับ

แน่นอนว่า มังกรกระดูกของฉินหยุนไม่อ่อนด้อย ขณะนี้มันแบกรับ

การโจมตีของเหวินรั่วเฉินไปไม่น้อย กระนั้นก็หาได้มีรอยขีดข่วน

อันใดไม่!

ขณะฉินหยุนคิดอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ พื้นดินพลันสั่นสะเทือน!

คลื่นความร้อนรุนแรงปรากฏตัวระหว่างสวรรค์และพื้นโลก

คลื่นอากาศพัดโหมในสวนโบราณ ทําเอาทุกผู้คนต้องหลั่งเหงื่อ

อย่างรุนแรง

ที่ไกลออกไป ลูกไฟขนาดยักษ์พลันลอยตัวขึ้นมา!

“วิญญาณดวงตะวัน!” เฉียนเฉ่าแห่งตําหนักจารึกเทวะร้องตะโกน

แตกตื่นพร้อมบินทะยานไป

ผู้อื่นจากสํานักเก้าตะวัน เมื่อได้เห็นลูกไฟยักษ์ปรากฏ สีหน้าพวก

เขากลายเป็นดําคลํ้าด้วยความสํานึกเสียดาย

นี่ก็เพราะพวกเขาเพิ่งเปิ ดศึกใหญ่กับฉินหยุน หุ่นเชิดพวกเขาถูกสังหาร

ไปมาก และหลายคนได้รับบาดเจ็บรุนแรง พวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงพอ

ไปแย่งชิงวิญญาณดวงตะวันแล้ว!

ฉินหยุนไม่คาดคิด วิญญาณดวงตะวันถึงกับโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ยันต์ตามรอยตะวันของเขากลายเป็นไร้ค่า!

“นายน้อยฉิน เร่งรีบไป! อย่าได้ห่วงข้า!” เฉียวอวี้พอได้เห็นวิญญาณ

ดวงตะวันปรากฏ นางแตกตื่น ทว่าก็ไม่ลืมที่จะกล่าวเตือนสติเขา

ขณะนี้เอง เหวินรั่วเฉินพลันเร่งรีบทะยานกายไปยังลูกไฟยักษ์นั้น

แล้ว!

พร้อมกันนี้ ทั่วทั้งสวนโบราณเกิดความอึกทึกขึ้น นี่ก็เป็นเวลานับ

หมื่นปี เป้าหมายของพวกเขาอย่างวิญญาณดวงตะวันถึงกับปรากฏ

ขึ้นมาเอง!

“ข้ายังปล่อยเจ้าไปไม่ได้!”

ฉินหยุนเพิ่งได้เฉียวอวี้ช่วยชีวิตเอาไว้ เขาไม่มีทางทิ้งนางไปจากที่นี่

ไม่เช่นนั้นนางจะถูกสํานักตะวันเหมันต์ลงมือสังหารอย่างแน่นอน

เฉียวอวี้บาดเจ็บรุนแรง ขณะนี้ฟื้นคืนมาบ้าง นางสามารถติดตามฉิน

หยุนมุ่งหน้าไปยังลูกไฟยักษ์นั้นได้

ฉินหยุนเก็บมังกรกระดูก ทุกคนถึงกับลืมเลือนศึกใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้น

เมื่อครู่

นั่นก็เพราะวิญญาณดวงตะวันที่พวกเขาค้นหามานานหลายปี ขณะนี้

ในที่สุดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า ตราบเท่าที่ได้รับ พวกเขาจะได้รับความ

มั่งคั่งจากสํานักของตนเอง!

เฉียวอวี้กล่าวเสียงเบา “นายน้อยฉิน แม้ท่านช้าไปบ้างแต่ก็อย่าได้

กังวล! วิญญาณดวงตะวันเคยปรากฏตัวมาหลายครั้งแล้ว ราวสองถึง

สามร้อยปี ก่อนน่าจะได้ ครั้งนั้นก็ไม่มีผู้ใดสามารถได้รับมันไปครอง!”

“เฉียวอวี้ ขอบใจเจ้ามากแล้วที่ทําเพื่อข้า! ผู้ใดคาดคิดกัน ว่าศิษย์

สํานักเก้าตะวันเช่นเจ้า กลับกล้าต่อต้านพวกเขาถึงเพียงนี้เพื่อข้า!”

ฉินหยุนยิ้มกล่าวตอบ

“ข้าเดิมไม่พอใจนักที่ถูกส่งตัวเข้ามาที่นี่! ท่านไม่ทราบ สาเหตุที่พวก

เราศิษย์หญิงถูกส่งตัวเข้ามา ไม่ใช่เพื่อหาวิญญาณดวงตะวัน แต่

เพื่อให้กําเนิดทายาท!” เฉียวอวี้แค่นเสียงเบา “นอกจากนี้ ยังไม่ใช่

กับเพียงแค่คนเดียว แต่เป็นหลายต่อหลายคน… เปรียบดั่งพวกเรา

เป็นเครื่องผลิตทารก!”

ฉินหยุนสะท้านใจ เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องราวเช่นนี้จะเกิดขึ้นที่ใดใน

โลก

ขณะนี้เขาจึงเข้าใจถึงความไม่พอใจของเฉียวอวี้ ศิษย์หญิงมากมาย

ของสํานัก ส่วนใหญ่ถูกส่งตัวมาที่นี่ในฐานะเครื่องผลิตทารก เปรียบ

ดังบุคคลที่ถูกทอดทิ้ง

เฉียวอวี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ด้วยอายุเท่านี้ ภายใต้

มาตรฐานของสํานักเก้าตะวันถือว่าดาษดื่น เป็นปกติที่นางจะถูก

สํานักทอดทิ้ง

“นายน้อยฉิน ที่ข้าช่วยท่านเมื่อครู่… หากเป็นไปได้ ท่านช่วยพาข้า

ออกไปจากสวนโบราณจะได้หรือไม่?” เฉียวอวี้เผยดวงตาอ้อนวอน

ร้องขอ

“ย่อมได้!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

เฉียวอวี้เผยรอยยิ้ม นางกล่าวเสียงเบา “สมแล้วที่เป็นบุคคลซึ่งข้าให้

ความนับถือ ทั้งทรงเกียรติและมีเมตตา ช่างแตกต่างจากสารเลวใน

สํานักยิ่งนัก!”

“เมื่อเจ้าออกไปแล้ว เจ้าต้องสัญญาข้าเรื่องหนึ่ง!” ฉินหยุนสบสายตา

นางพร้อมยิ้มตอบ

“ว่าอะไร? หรือว่า… ต้องการข้า…” เฉียวอวี้เผยสีหน้าแดงกํ่า

“อย่าได้คิดไปเองแล้ว ข้าจะให้เจ้าช่วยดูแลซินซินให้ข้า!” ฉินหยุน

ยิ้มตอบ

“ยินดีรับไว้!” ภายในใจเฉียวอวี้บังเกิดความผิดหวัง กระนั้นนางก็ยิ้ม

ตอบ

วิญญาณดวงตะวันลอยค้างกลางท้องฟ้า แม้เป็นช่วงพลบคํ่า แต่ฟ้ายัง

ไม่มืดสนิท ขณะนี้ท้องฟ้ากลับกลายเป็นลุกโชนด้วยแสงสีทองสว่าง

ไสว

ฉินหยุนและเฉียวอวี้ตามหลังผู้อื่น กว่าจะถึงเบื้องล่างวิญญาณดวง

ตะวันก็ฟ้ามืดแล้ว

เหวินรั่วเฉินมาถึงก่อนนานพอสมควรแล้ว หลังจากบินผ่านอากาศ

เขาคิดอยากสัมผัสเข้ากับลูกไฟขนาดใหญ่ยักษ์ตรงหน้า กระนั้นกลับ

ถูกสะท้อนด้วยขุมพลังแรงกล้า

ขณะนี้เขาเริ่มสาปแช่งฉินหยุนและเฉียวอวี้ภายใน เพราะหุ่นเชิด

แกร่งกล้าของเขาถูกสังหารทิ้งจนสิ้น หากไม่ เขาคงใช้พวกมันเพื่อ

ได้รับวิญญาณดวงตะวันไปแล้ว

เฉียวอวี้กล่าวเสียงเบา “นายน้อยฉินรับชม ข้าบอกแล้วว่าวิญญาณ

ดวงตะวันไม่ใช่ง่ายได้รับ! ไม่เช่นนั้น กว่าสิบล้านปีที่ผ่านมานี้ คงมี

คนได้รับพวกมันไปครอบครองแล้ว! มันไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ใดพบ

วิญญาณดวงตะวัน แต่เพราะผู้พบเจอไม่ทราบวิธีทําให้มันยอมรับ!”

ฉินหยุนรู้สึกว่าตนสมควรทําให้มันยอมรับ เพราะเขาครอบครอง

วิญญาณเทวะเก้าตะวัน!

ย้อนกลับไปครั้งอยู่ที่ดวงจันทร์ เขาก็ได้รับวิญญาณดวงตะวันมา

อย่างง่ายดาย!

“พี่ชาย ข้าสัมผัสถึงพี่หยางผ่านดวงจันทร์ได้!” อย่างกะทันหัน โมโม

ร้องออกเสียงเบาให้ได้ยิน “นางอยู่ใกล้เคียงนี้ เป็นนางบอก ว่านาง

คือผู้นําวิญญาณดวงตะวันออกมาเอง!”


ตอนที่ 492 ค้อนเทวะเก้าตะวัน

ฉินหยุนเกิดความยินดีเมื่อทราบว่าหยางฉีเย่ว์อยู่ใกล้เคียง ก่อนหน้านี้

เขายังเป็นกังวลว่านางจะถูกส่งไปยังพื้นที่อันตราย

“แล้วพี่หยางอยู่ที่ใด? ข้าจะได้ไปพบนางโดยทันที!” ฉินหยุนเร่งร้อน

ถามโมโม

“นางไม่ได้บอก เพียงแต่บอกว่าให้พี่ชายให้สัมผัสทางจิต ถึงวิญญาณ

ดวงตะวันบนฟ้า!” โมโมกล่าวตอบ “เร่งรีบทดลองดู บางทีท่านอาจ

ได้รับวิญญาณดวงตะวันอีกหนึ่ง!”

โดยทันที ฉินหยุนปลดปล่อยพลังจิตเข้าหาวิญญาณดวงตะวัน

ใช้เวลาเพียงไม่นาน พลังจิตของเขาก็สื่อสารกับวิญญาณดวงตะวันได้!

ที่ชวนประหลาดใจที่สุด ก็คือวิญญาณดวงตะวันฉับพลันปะทุออก

ซึ่งแสงร้อนแรง ทําเอาดวงตาทุกคนแทบมืดบอดไปวูบ

ฉินหยุนขณะนี้ฝืนลืมตา มองไปยังวิญญาณดวงตะวันที่ลอยอยู่ไกล

ออกไป มันกําลังพุ่งตกลงมาเปรียบดังดาวหางที่มีแสงลากยาว

“มันกําลังหนี!”

ภายในใจฉินหยุนบังเกิดความไม่อยากเชื่อ เขาคิดว่าสมควรได้รับ

วิญญาณดวงตะวัน ผู้ใดจะทราบกันว่าวิญญาณดวงตะวันกลายเป็น

ไม่ยอมรับเขาโดยทันทีเสียอย่างนั้น

ด้วยความไม่คิดยอมแพ้ เขาฉุดเฉียวอวี้ไล่ตามมันไป

หลายผู้คนขณะนี้ที่อยู่กลางอากาศ ล้วนไล่ตามวิญญาณดวงตะวันกัน

ทั้งสิ้น

ฉินหยุนหาได้หวั่นเกรงเรื่องไม่อาจหาวิญญาณดวงตะวันพบไม่ ด้วย

ยันต์ตามรอยตะวันในมือ หากมันหลบซ่อน สุดท้ายเขาก็ต้องหาจน

พบ

ฉินหยุนและเฉียวอวี้ขณะนี้วิ่งลัดผ่านป่ า กระนั้นความเร็วก็ไม่ได้ยิ่ง

หย่อนไปกว่าผู้อื่น

ทางด้านเหวินรั่วเฉินนั้นบินผ่านอากาศ แม้ความเร็วของเขามากลํ้า

ทว่าตอนนี้ก็คลาดสายตาจากเป้าหมายไปเสียแล้ว เป็นเขาไม่ทราบว่า

วิญญาณดวงตะวันหายตัวไปที่ใด

ด้วยยันต์ตามรอยตะวัน ฉินหยุนสามารถทราบตําแหน่งที่ตั้งของ

วิญญาณดวงตะวันได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อฟ้าใกล้สาง เขาได้เห็นร่างงดงามกลางอากาศ เป็นร่างในชุดสีขาว

สง่างาม ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหยางฉีเย่ว์!

“พี่หยาง!” ฉินหยุนเร่งรีบส่งเสียงทางจิตสื่อสารขณะลอยขึ้นฟ้า

หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นฉินหยุน นางค่อยถอนหายใจโล่งอก

หลังจากนางเคลื่อนย้ายมายังสวนโบราณ นางพบว่าฉินหยุนไม่ได้

อยู่ข้างกาย มันทําให้นางทั้งกังวลและเป็นห่วงหาต่อฉินหยุน

หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนพบกันแล้วจึงค่อยลงสู่พื้น นางได้เห็นเฉียวอวี้

ฉินหยุนบอกเล่า นางจึงทราบว่าเกิดเรื่องราวใดบ้าง

“พี่หยาง ท่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมนัก ถึงกับไม่ขับไล่ข้าออกไป!”

เฉียวอวี้ยิ้มให้แก่หยางฉีเย่ว์

เมื่อนางได้เห็นร่างงดงามของหยางฉีเย่ว์อยู่ร่วมกับฉินหยุน นางจึง

เป็นกังวลยิ่ง ว่าฉินหยุนจะเขี่ยนางให้พ้นทาง

หยางฉีเย่ว์ยิ้มตอบ “เจ้าช่วยเสี่ยวหยุนไว้ ถือเป็นผู้มีพระคุณ เหตุใด

ข้าต้องขับไล่ไสส่งเจ้า? วางใจได้ เมื่อพวกเราได้รับวิญญาณดวงตะวัน

พวกเราจะพาเจ้าออกจากสวนโบราณแห่งนี้!”

นางขณะนี้ยังได้ทราบ ถึงสาเหตุที่เฉียวอวี้ถูกนํามายังสถานที่แห่งนี้

นั่นก็เพื่อเป็ นเครื่องผลิตทารก ในฐานะสตรีเพศ มันทําเอานางอดไม่ได้

ที่จะเกิดความเห็นใจ

เฉียวอวี้ขณะนี้ทราบ ว่าเหตุใดฉินหยุนไม่คิดอะไรยามเมื่ออยู่กับนาง

ก็เพราะเขามีหญิงสาวงดงามเหนือลํ้ามากมายรายล้อม

ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงใช้ยันต์ตามรอยตะวัน ออกไล่ตามวิญญาณ

ดวงตะวันต่อเนื่อง

ผ่านไปหลายวัน ฉินหยุนในที่สุดค่อยพบวิญญาณดวงตะวัน มัน

หลบซ่อนอยู่ด้านในรอยแยกลึกของภูเขา

“พี่หยาง วิญญาณดวงตะวันนี้คล้ายยากครอบครอง!” ฉินหยุนมอง

ไปยังส่วนลึกของรอยแยกขณะคิ้วขมวดกล่าวคํา

“ข้าทดลองดูหลายครั้งแล้ว ไม่ทราบเช่นกันว่าจะกําราบมันได้

อย่างไร!” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจพลางส่ายศีรษะ

เฉียวอวี้กล่าวขึ้น “ตลอดช่วงเวลาหลายปี ในสวนโบราณ หลายผู้คน

ต่างพบเจอวิญญาณดวงตะวัน กระนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่าต้องทําอย่างไร

จึงได้รับมัน!”

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ก่อนจะส่งโมโมไปสอบถามหยางหยาง

หยางหยางเป็นนกกระจอกเก้าสวรรค์จากวิญญาณดวงตะวัน ดังนั้น

นางย่อมทราบถึงสาเหตุ

โมโมเร่งรีบตอบกลับมา “พี่ชาย หยางหยางบอกว่าท่านต้องเข้าไป

ในลูกไฟยักษ์นั่นแล้วใช้พลังจิต!”

ฉินหยุนขมวดคิ้วมุ่นขณะมองทางเฉียวอวี้และเอ่ยถาม “เฉียวอวี้ เคย

มีผู้ใดเข้าไปในลูกไฟยักษ์นั่นมาก่อนหรือไม่?”

“ภายในเลยหรือ? มีคนคิดลอง แต่พวกเขาไม่อาจแม้เข้าใกล้ลูกไฟ

ยักษ์นั่น เมื่อเข้าใกล้ พวกเขาจะถูกผลักกระเด็นกลับมา!” เฉียวอวี้

ส่ายศีรษะ “ไม่เคยมีผู้ใดทําสําเร็จมาก่อน!”

“งั้นให้ข้าลอง รอข้าอยู่ที่นี่อย่าไปไหน!” ฉินหยุนกล่าวคําจบ จึง

กระโดดเข้ารอยแยกไป

“เสี่ยวหยุน ระวังด้วย!” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบเอ่ยเตือน

ไม่นานหลังจากฉินหยุนกระโดดลงมา วิญญาณดวงตะวันฉับพลัน

พุ่งลอยขึ้นกลางท้องฟ้า

“ไอ้เจ้านี่คิดทําอะไรกันแน่? หรือภายในจะเป็นตัวตนซุกซนกัน?”

ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะสบถก่นด่าเมื่อเห็นวิญญาณดวงตะวันลอยสูง

กลางท้องฟ้า

ขณะนี้วิญญาณดวงตะวันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง มันสาดส่องแสง

สว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้ายามใกล้รุ่งสาง นี่หมายความถึงผู้ใดล้วนพบ

เห็น และพวกเขาย่อมต้องเร่งรีบมาที่นี่

ขณะนี้ฉินหยุนทะยานขึ้นท้องฟ้า พุ่งขึ้นเป็นเส้นตรงสู่ลูกไฟยักษ์

ด้วยความเร็วสูงลํ้า!

เมื่อเข้าใกล้ลูกไฟขนาดยักษ์ เขาไม่รู้สึกถึงความร้อนแรงแต่อย่างใด

เพียงแต่รู้สึกว่ามันอุ่นเล็กน้อย

โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาในลูกไฟยักษ์แล้ว ความรู้สึกขณะนี้ฉับพลัน

รู้สึกราวกับแช่กายในบ่อนํ้าพุร้อนท่ามกลางเหมันต์ฤดู

หยางฉีเย่ว์และเฉียวอวี้ได้เห็นฉินหยุนพุ่งเข้าไปในตัวลูกไฟยักษ์

พวกนางทั้งสองต่างเกิดความยินดีส่งเสียงร้องออกมา

ขณะฉินหยุนเข้าสู่ด้านในลูกไฟยักษ์ เขาจึงได้เห็นค้อนอันหนึ่งลอย

อยู่ภายใน!

ตัวค้อนมีความงดงามอย่างยิ่ง แสงสว่างสีทองเรืองรองจากตัวมัน

แม้ดูเหมือนค้อนหลอมธรรมดาทั่วไป กระนั้นพื้นผิวของมันกลับ

สลักเอาไว้ซึ่งอักขระที่งดงาม โดยเฉพาะด้ามจับ มันมีการแกะสลัก

มังกรและหงส์อมตะเอาไว้

ฉินหยุนยื่นมือออก พยายามคว้าที่ด้ามจับตัวค้อน กระนั้นก็ยังไม่

คล้ายสําเร็จ

เขาเร่งรีบหยดเลือดใส่มัน ทว่าก็ยังไม่ได้ผล!

“โมโม ถามเจ้าเป็ดน้อยนั่นว่าจะกําราบเจ้าค้อนนี้จากวิญญาณดวง

ตะวันได้อย่างไรที!” ฉินหยุนเร่งรีบส่งเสียงสอบถามถึงโมโม

โมโมเร่งร้อนถาม พร้อมตอบกลับ “หยางหยางบอกว่า พวกเราต้อง

ทําให้ค้อนนี้ยอมรับเสียก่อน! นางยังบอก ว่านี่คือค้อนเทวะเก้าตะวัน

เป็นวัตถุที่ทรงพลังอํานาจอย่างยิ่ง!”

ฉินหยุนนึกอยู่ครู่ขณะกําที่ด้ามค้อน จากนั้น เขาหลับตาลงพร้อมใส่

จิตสํานึกตนเองสู่ค้อนเทวะเก้าตะวัน!

อย่างรวดเร็ว เขาสัมผัสถึงค้อนเทวะเก้าตะวัน มันเต็มเปี่ ยมไปด้วย

ความรู้สึกเดียดฉันท์ต่อตัวเขา!

“ไอ้เจ้านี่แท้จริงปรามาสต่อตัวเรา! ทั้งที่เราครอบครองทั้งวิญญาณ

เทวะเก้าตะวันและวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ!”

ฉินหยุนรับรู้ได้ถึงความภาคภูมิที่ทะลักออก เขาเร่งรีบปลดปล่อย

พลังวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ โคจรมันเข้าสู่ค้อนเทวะเก้าตะวัน

หลังจากค้อนเทวะเก้าตะวันผสานเข้ากับพลังของตะวันทมิฬ ขณะนี้

มันเริ่มส่องแสงเจิดจ้ามากขึ้น นอกจากนี้ ยังเกิดขึ้นเป็นประกายแสง

ร้อนแรงเผาไหม้ พลังของมันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงปกคลุม

รอบตัวฉินหยุน

เช่นนี้ นี่คือการปะทะระหว่างค้อนเทวะเก้าตะวันและฉินหยุน ว่า

ใครจะเป็นผู้มีชัยเหนือกว่า!

ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงพลังตะวันทมิฬที่ผสานทะลวงผ่านเข้าไปยัง

ค้อนเทวะเก้าตะวันทีละน้อย หากค้อนเทวะเก้าตะวันสามารถผสาน

รวมกับพลังตะวันทมิฬของเขาได้ เช่นนั้นหมายความถึงเขาลงมือได้

สําเร็จ!

และขณะนี้ พลังเปลวเพลิงก็ปลดปล่อยออกมาจากค้อนเทวะเก้า

ตะวัน มันกําลังแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา

หากร่างกายของเขาเปี่ ยมล้นด้วยพลังเปลวเพลิงนี้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขา

จะถูกเผาไหม้จนตายตก

กระบวนการนี้สําหรับฉินหยุนคล้ายยาวนานยิ่ง แม้เขาครอบครอง

สายเลือดราชสีห์สวรรค์ แต่อัคคีเพลิงของดวงตะวันที่ปลดปล่อย

ออกจากค้อนเทวะเก้าตะวันนี้ มันแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายเขาอย่าง

เข้มข้น เป็นผลให้ร่างกายเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการเผาไหม้

เขาผู้ซึ่งกําลังอดทนต่อความเจ็บปวด เกิดความรู้สึกคิดอยากยอมแพ้

ทุกเมื่อชั่ววินาที ตราบเท่าที่เขาปล่อยมือจากด้ามจับค้อนนี้ เขาก็จะ

ไม่ต้องแบกรับความเจ็บปวดอีกต่อไป

ไม่เพียงแต่เขาปะทะเข้ากับค้อนเทวะเก้าตะวัน เขายังต้องต่อสู้ทาง

จิตใจด้วย!

“ไม่ว่าอะไรต้องอดทนให้ได้ ไม่อย่างนั้นความเจ็บปวดทั้งหมดที่

อดทนมาจนถึงตอนนี้จะกลายเป็นสูญเปล่า!” ฉินหยุนกัดฟันแน่น

หลับตาลง ร้องครวญครางออกด้วยความเจ็บปวด

ตู้ม!

ฉินหยุนได้ยินเสียงดังสนั่น มันมาจากภายนอกของลูกไฟยักษ์ มีคน

โจมตีที่ลูกไฟยักษ์นี้แล้ว!

“หรือเหวินรั่วเฉินมาถึงแล้ว?” ฉินหยุนพอคิดเช่นนี้เขายิ่งเกิดความ

กังวล นี่ก็เพราะหยางฉีเย่ว์ยังอยู่ที่ภายนอก

หยางฉีเย่ว์ย่อมต้องเข้าปะทะกับเหวินรั่วเฉิน นี่ยิ่งทําเขาเป็นกังวล!

ชั่วขณะนี้ ภายในใจเขาเกิดความท้อถอย ไม่เพียงแต่ต้องอดทนต่อ

ความเจ็บปวด เขายังต้องเป็นห่วงหยางฉีเย่ว์ที่อาจพ่ายแพ้ต่อเหวินรั่ว

เฉิน!

“พี่หยุน พี่หยางสื่อสารต่อข้าเมื่อครู่ บอกให้ท่านอดทนต่อไป ขณะนี้

นางยังสามารถรั้งสถานการณ์ภายนอกเอาไว้ได้!” โมโมกล่าวดังขึ้น

“ได้!” ฉินหยุนตอบรับ ชั่วขณะนี้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความ

เจ็บปวด เป็ นเขาเกือบจะยอมแพ้ที่ตรงนี้แล้ว

เขาไม่ทราบ ว่ากระบวนการนี้จะต้องใช้เวลาอีกยาวนานเพียงใด เขา

เพียงทราบว่าพลังเปลวเพลิงที่ปลดปล่อยออกจากค้อนเทวะเก้าตะวัน

มันกําลังอ่อนแรงลงทีละน้อย ขณะนี้เขาสามารถควบคุมมันได้มาก

ขึ้นทีละนิด

วูบ!

ค้อนเทวะเก้าตะวันสั่นไหว เกิดขึ้นเป็นสายลมกรีดร้องโหยหวน

ฉินหยุนถือค้อนเทวะเก้าตะวันไว้ในมือ พยายามกวัดแกว่งมันอยู่

หลายครั้ง ขณะนี้ภายในใจของเขาบังเกิดความรู้สึกตื้นตันขึ้นมา

เขาได้รับวิญญาณดวงตะวันสําเร็จเรียบร้อยแล้ว!

ที่ภายนอก หยางฉีเย่ว์และอีกหลายคนล้วนได้เห็น ลูกไฟยักษ์กําลัง

หดขนาด ราวกับมันพร้อมจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ!

กระนั้น ลูกไฟกลับไม่ระเบิด เพียงแต่หดขนาดลงไปเรื่อย

ลูกไฟยักษ์หดขนาดจนกระทั่งปรากฏร่างคนผู้หนึ่ง พลังของลูกไฟ

คล้ายถูกดูดเข้าไปในกายของฉินหยุน!

ลูกไฟยักษ์เลือนหาย ปรากฏเป็นคนผู้หนึ่ง!

นอกจากนี้ อีกฝ่ ายยังเป็นฉินหยุนที่ทุกคนต่างคุ้นหน้า!

หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นสีหน้าฉินหยุน นางทราบแล้วว่าลงมือสําเร็จ

ขณะนี้เกิดความยินดีขึ้นภายในอย่างอดไม่ได้

ฉินหยุนออกมาแล้ว เขามองลงเบื้องล่าง เดิมเป็นภูเขาและผืนป่ า

ขณะนี้หลังผ่านศึกครั้งใหญ่ พวกมันราบเตียนเป็นพื้นที่โล่งกว้าง!

เขายังได้เห็นที่พื้น ขณะนี้หยางฉีเย่ว์มีรอยคราบเลือดที่แขนเสื้อและ

หัวไหล่ ชัดเจนว่านางได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้!

“เสี่ยวหยุน ข้ายังสบายดี!” หยางฉีเย่ว์เผยเสียงเบา กระนั้นก็อดไม่ได้

ที่จะไอออกมาหลายครั้งเป็นเลือดหย่อมหนึ่ง

ฉินหยุนกลายเป็นเคร่งเครียดเร่งรีบเข้าไปพยุงร่างหยางฉีเย่ว์ ชั่วเวลา

นี้ หลายคนได้ปิ ดล้อมพวกเขาเอาไว้แล้ว!

“พี่หยาง ด้วยกําลังของท่าน สมควรรับมือกับเหวินรั่วเฉินได้อย่างไม่

มีปัญหา แต่นี่ท่านบาดเจ็บหนักยิ่ง! เป็นเพราะพวกมันกระหนํ่าโจมตี

ท่านหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงลุ่มลึก จิตสังหารรุนแรงแผ่ออกจาก

ร่างของเขา

เหวินรั่วเฉินมองที่ฉินหยุนพร้อมตะโกน “ฉินหยุน จงส่งวิญญาณ

ดวงตะวันที่ได้รับมา ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะไม่มีใครได้รอดชีวิต!”

“ฉินหยุน จงรีบส่งวิญญาณดวงตะวันมา!” เฉียนเฉ่าเอ่ยเสียงเย็น “แม้

จ้าวตําหนักใหญ่ที่แดนยุทธ์อ้างว้างบอกพวกเราว่าอย่าได้ตั้งตนเป็น

ศัตรูกับเจ้า ทว่าสถานการณ์ตอนนี้แปรเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเจ้า

ได้รับวิญญาณดวงตะวันที่พวกเราไล่ตามหามาเนิ่นนาน!”

คํากล่าวของเฉียนเฉ่าจากตําหนักจารึกเทวะ หมายความถึงพวกเขา

จะเข้าร่วมการแย่งชิงด้วย!

ฉินหยุนกระชับอ้อมกอดหยางฉีเย่ว์แน่น เขากําลังโคจรพลังสู่ร่างกาย

ของนาง เขาเอ่ยถามเสียงเบา “เฉียวอวี้เล่า?”

“นางไม่เป็นไร อยู่ในมิติเก็บของของข้า!” หยางฉีเย่ว์พบเห็นพวกตน

ถูกปิ ดล้อม สีหน้าขณะนี้เคร่งเครียด

เหวินรั่วเฉินมองทางหยางฉีเย่ว์ที่ทั้งสง่างามและงดงาม ดวงตาของ

มันเต็มไปด้วยราคะแรงกล้า โฉมงามเช่นหยางฉีเย่ว์ คือสิ่งที่มันถวิล

หามาเนิ่นนานแล้ว

กระนั้น หยางฉีเย่ว์กลับอยู่ในอ้อมกอดฉินหยุน เรื่องนี้ชวนริษยา

เกินไปแล้ว!

“ฉินหยุน หากเจ้าไม่ส่งวิญญาณดวงตะวันมา ข้ารับประกันว่าเจ้าจะ

ได้เป็นประจักษ์พยานถึงความตายของผู้หญิงคนนั้น!” เหวินรั่วเฉิน

เผยรอยยิ้มโฉดชั่วอย่างไม่ปิ ดบัง

เฉียนเฉ่าแค่นเสียง “ฉินหยุน เจ้ายังมัวคิดอะไร? ไม่เห็นหรือว่า

สถานการณ์เป็นอย่างไร? เจ้าคงไม่คิดหรอกนะว่าลําพังเจ้าจะหลบหนี

จากพวกเราได้!”

หางตาฉินหยุนกระตุก นํ้าเสียงของเขากล่าวเบาทว่าเย็นเยือก จิต

สังหารแรงกล้าล้นทะลักออก “ข้ากําลังคิดหาทางสังหารสวะเช่น

พวกเจ้าทั้งหมด!”


ตอนที่ 493 พลังเต๋าแรกเริ่ม

เหวินรั่วเฉินแข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ กระนั้นเขาก็ยังต้องกังวลว่าตําหนัก

จารึกเทวะจะได้รับวิญญาณดวงตะวัน ดังนั้นเขาจึงเร่งรีบทะยานร่าง

เข้าหาหยางฉีเย่ว์!

ฉินหยุนได้รับวิญญาณดวงตะวัน ทว่าเขาเก็บซ่อนมันเอาไว้ ดังนั้น

เพียงคิด มันก็พร้อมปรากฏในมือของเขาแล้ว

เหวินรั่วเฉินพอได้เห็นฉินหยุนชิดใกล้หยางฉีเย่ว์ เขายิ่งคิดอยากจับ

ตัวหยางฉีเย่ว์มาใช้ข่มขู่ฉินหยุน

หยางฉีเย่ว์ได้รับบาดเจ็บ บาดแผลล้วนเกิดขึ้นจากอาวุธนานาชนิด

แม้นางได้รับบาดเจ็บภายในบ้าง ทว่าก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก

ทางด้านฉินหยุน เขากําลังรู้สึกปวดใจที่เห็นนางได้รับบาดเจ็บ

ชั่วขณะนี้ เหวินรั่วเฉินกลับคิดเข้ามาและโจมตีใส่หยางฉีเย่ว์!

“เดรัจฉาน!” ฉินหยุนคํารามเกรี้ยวกราด แสงสว่างสีขาวปรากฏวาบ

เสียงคํารามร้องของมังกรดัง สายลมกระโชกพัดผ่านพื้นที่

เขาปลดปล่อยมังกรกระดูกออกมาแล้ว!

ได้เห็นมังกรกระดูก สีหน้าผู้คนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เพราะ

หุ่นเชิดตัวนี้รับมือได้ยากยิ่ง

เหวินรั่วเฉินพอเข้ามาใกล้ เขาปลดปล่อยสายฟ้าอสนีบาตสีดําออก

หลายสาย ทั้งหมดล้วนเล็งเป้าที่หยางฉีเย่ว์!

ฉินหยุนพลันยืนหยัดตรงหน้าหยางฉีเย่ว์ หัวใจมหาวิถีแห่งเต๋าของ

เขารํ่าร้อง ทําให้สายเลือดราชสีห์สวรรค์เดือดพล่าน เป็นผลให้

ร่างกายเกิดปราการคุ้มกันแกร่งกล้าขึ้น

สายฟ้าสีดําเมื่อเข้าปะทะฉินหยุน พวกมันส่งเสียงดังสนั่นรุนแรง

ทว่าฉินหยุนเพียงถอยเท้ากลับไม่กี่ก้าวเท่านั้น!

ผู้คนของตําหนักจารึกเทวะและสํานักอื่น ขณะนี้กําลังโดนโจมตีจาก

หางมังกรกระดูกและกรงเล็บมังกร พวกเขาไม่อาจว่างพอลงมือต่อ

ฉินหยุน

“เสี่ยวหยุน ข้ามีอุปกรณ์เต๋าคุ้มกัน อย่าได้ห่วงข้าจนเกินไปแล้ว!”

หยางฉีเย่ว์เผยเสียงเบา “อย่าได้ห่วงข้า ไปสังหารเดรัจฉานตนนี้เสีย!

ฉินหยุนพยักหน้ารับ นําเอาค้อนเทวะเก้าตะวันออกมา ดวงตา

แปรเปลี่ยนปกคลุมด้วยออร่าสีดํา ร่างพุ่งเข้าปะทะกับเหวินรั่วเฉิน

ค้อนเทวะเก้าตะวันขณะนี้ปลดปล่อยแสงสีทองเจือจางออกมา ด้วย

ไม่มีออร่าแกร่งกล้าเสริม มันจึงไม่ดึงดูดให้เหวินรั่วเฉินต้องสนใจ

แม้เพียงนิด

หยางฉีเย่ว์ทราบ ว่าค้อนในมือฉินหยุนไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นั่นก็เพราะนางไม่เคยเห็นฉินหยุนใช้ค้อนในมือมาก่อน

ฉินหยุนพุ่งเข้าปะทะด้วยความกราดเกรี้ยว ผสานพลังเข้ากับค้อน

เทวะเก้าตะวัน ปลดปล่อยกระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชามังกรหลอม

ฟ้าคําราม!

ที่เขาไม่คาดคิด คือค้อนเทวะเก้าตะวันนี้ลึกลํ้ายิ่ง มันถึงกับมีพลังเต๋า

แรกเริ่มอยู่ภายใน!

หรือก็คือ ค้อนเทวะเก้าตะวันสามารถแปรเปลี่ยนพลังเต๋าของเขา ให้

อยู่ในรูปของพลังที่แข็งแกร่งกว่าขั้นหนึ่งได้!

สิ่งที่ฉินหยุนถ่ายเทเข้าสู่อักขระชีวิตทั้งเจ็ดตัว ก็คือพลังเต๋า แต่ผลลัพธ์

ที่ได้ขณะนี้ มันคือพลังเต๋าแรกเริ่มที่แกร่งกล้า!

สําหรับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด การใช้พลังเต๋าแรกเริ่ม

อย่างมหาศาลนั้นเป็ นเรื่องยากพบเห็น

แต่แล้วขณะนี้ ฉินหยุนเพียงใช้พลังเต๋าทั่วไป มันสามารถปลดปล่อย

ออกเป็นพลังเต๋าแรกเริ่มโดยอาศัยกระบวนการภายในของค้อนเทวะ

เก้าตะวัน สิ่งนี้เทียบเท่ากับการเพิ่มระดับพลัง!

ครืน!

ค้อนเทวะเก้าตะวันฟาดหวดลง เกิดขึ้นเป็นออร่าสีดําบ้าคลั่ง พลังเต๋า

ร้องคําราม ทําให้พื้นโลกถึงกับสั่นสะเทือน สายฟ้าอสนีบาตสีดํา

ขณะนี้แตกกระจายออกทั่ว!

“อ๊าก!” เหวินรั่วเฉินถูกฟาดเข้าใส่ เขากรีดร้องออกด้วยความเจ็บปวด

ศิษย์รุ่นเยาว์ที่เหนือลํ้าดังเช่นเหวินรั่วเฉินย่อมต้องสวมใส่ชุด

อุปกรณ์เต๋าแกร่งกล้า

กระนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธเทวะอย่างค้อนเทวะเก้าตะวัน มันไม่

ต่างอะไรกับขยะไร้ค่า!

ฉินหยุนฟาดหวดเข้าที่ศีรษะของเหวินรั่วเฉิน ทําเอาอีกฝ่ ายต้องกระอัก

เลือดออกเต็มปาก

พร้อมกันนี้ ภายในใจของเขาพลันเกิดความรู้สึกพรั่งพรู ทั้งยังเป็น

ความยินดี เขารู้สึกสดชื่นอย่างยิ่งที่สามารถแสดงพลังเต๋าแรกเริ่มที่

แข็งแกร่งออกมาได้!

ขณะนี้เขาใช้กระบวนท่าที่สองของมังกรหลอม!

ฉินหยุนไม่คิดปล่อยให้การโจมตีต้องเว้นว่าง!

ค้อนเทวะสีทองฟาดหวดไปมาด้วยพลังที่แทบสั่นสะเทือนถึงสวรรค์

เหวินรั่วเฉินคิดอยากหลบหลีก กระนั้นพอฉินหยุนเหวี่ยงค้อนมา

คลื่นกระแทกที่มาถึงก่อนก็ทําให้ร่างกายของเขาต้องหลั่งเลือดออก

กล้ามเนื้อในร่างกายรู้สึกคล้ายถูกฉีกกระจาก กระดูกขณะนี้รับรู้ได้

ถึงอาการแตกร้าว!

“อ๊าก!”

เหวินรั่วเฉินกรีดร้องอย่างน่าสังเวชอีกครั้งหนึ่ง ครานี้เขาโดนคลื่น

กระแทกจนถึงจุดที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ร่างกายเมื่อปะทะกับ

ค้อนเทวะเก้าตะวัน เส้นโคจรในร่างก็พังทลายไปแล้ว!

หยางฉีเย่ว์เผยความตื่นตะลึง ก่อนหน้านี้นางสงสัยว่าค้อนนี้คือ

รูปลักษณ์ของวิญญาณดวงตะวัน

ขณะนี้นางค่อยมั่นใจ ว่ามันเป็นอุปกรณ์เทวะที่เกิดขึ้นจากวิญญาณ

ดวงตะวัน!

นางทราบดีถึงระดับการฝึกฝนของฉินหยุน หากเขาใช้พลังเต๋าแรกเริ่ม

ที่แกร่งกล้าฟาดหวดค้อนออก แก่นเต๋าของเขาคงแห้งเหือดไปนาน

แล้ว!

แต่ขณะนี้ ฉินหยุนฟาดหวดออกไปสองครั้งติด สีหน้ายังคงเหมือน

เดิมไม่แปรเปลี่ยน ชัดเจนว่านี่เป็นพลังที่ค้อนนั่นประทานให้!

เหวินรั่วเฉินร่วงหล่นคุกเข่ากับพื้นเบื้องล่าง ศีรษะขณะนี้หลั่งเลือด

ออก ทวารทั้งเจ็ดก็หลั่งเลือดออกเช่นกัน ทั้งร่างกายขณะนี้สั่นเทิ้ม

ด้วยความเจ็บปวด สายตาแดงเลือดนี้เปี่ ยมด้วยความตื่นตะลึงและ

หวาดกลัว!

“เจ้าทําร้ายพี่หยาง จงรับความตาย!” ฉินหยุนคํารามดัง ปลดปล่อย

การฟาดหวดกระบวนท่าที่สามของมังกรหลอม แสงไหลหลั่ง!

ค้อนเทวะเก้าตะวันแปรสภาพคล้ายสายธารแห่งแสง เคลื่อนคล้อยลง

มาด้วยความเร็วระดับสายฟ้าฟาด!

พลังเต๋าคลั่งทะลักล้น รวมถึงพลังสั่นไหวที่รุนแรง ขณะนี้มันฟาด

หวดลงมาอย่างไร้ซึ่งความเมตตา!

กระนั้น แค่คลื่นกระแทกที่ถึงตัวก่อน ก็ทําร่างของเหวินรั่วเฉินแตก

ออกเป็นเสี่ยง!

ค้อนเทวะเก้าตะวันเมื่อเคลื่อนถึงเป้าหมาย มันส่งเสียงดังสนั่น ทํา

การบดขยี้ชุดเกราะเต๋าของเหวินรั่วเฉินออกเป็นเสี่ยง!

เหวินรั่วเฉินกรีดร้องโหยหวนร่างกระเด็นขึ้นฟ้า ทําเอาผู้พบเห็น

ถึงกับขนลุกตั้งชี้ชัน!

ร่างของเขาขณะนี้นอนนิ่งในหลุม กระดูกทุกส่วนในร่างล้วนแหลก

สลาย!

ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเฉยเมย ทําการแยกเอาวิญญาณยุทธ์

อสนีบาตสีดําออกมา ทั้งใช้ค้อนเทวะเก้าตะวัน จุดเปลวเพลิงแรกเริ่ม

ทําการเผาไหม้เหวินรั่วเฉินเป็นเถ้าธุลี!

วิญญาณยุทธ์อสนีบาตสีดํามาพร้อมโทเทมอสนีบาต มันนับได้ว่า

เป็นสิ่งลํ้าค่า

กว่าสิบคนขณะนี้ที่ต่อสู้กับมังกรกระดูกได้ตายจาก เมื่อพวกเขาที่

เหลือได้เห็นความตายของเหวินรั่วเฉิน ความคิดเพียงหนึ่งเดียวคือ

เร่งร้อนหลบหนี!

หยางฉีเย่ว์ไล่ตามติด ดาบยาวในมือของนางสะบัดออก แทงทะลุเข้า

ใส่ร่างของผู้อาวุโสตําหนักจารึกเทวะถึงอีกฝั่งของร่างกาย

กรงเล็บมังกรกระดูกฟาดหวดเข้าที่ร่างชายชรา บดขยี้ร่างนั้นเป็นชิ้น

เนื้อ หางมังกรฟาดเข้าหาชายชราอีกคนหนึ่ง ตัดเอาร่างกายอีกฝ่ าย

ขาดเป็นสอง

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปดและเก้า ล้วนตายราวกับเต้าหู้

โดนเหยียบย่าง พวกเขาไม่มีอํานาจใดยามต้องต่อกรกับมังกรกระดูก

ฉินหยุนร่วมศึก ทําการไล่ล่าผู้ฝึกตนที่คิดหลบหนี ตราบเท่าที่ไล่ตาม

ทัน พวกเขาเหล่านั้นจะถูกสังหารโดยการฟาดหวดค้อนเพียงครั้งเดียว!

เฉียนเฉ่าแห่งตําหนักจารึกเทวะ ขณะนี้หลบหนีด้วยสภาพชวนสังเวช

เขาทราบว่าฉินหยุนแข็งแกร่งยิ่ง กระนั้นที่ไม่ทราบคืออีกฝ่ ายจะเป็น

คนน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ กระทั่งเหวินรั่วเฉินยังต้องตายเพียงการลง

มือไม่กี่กระบวนท่า!

เฉียนเฉ่าหลบซ่อนตัวในป่ า แอบตนเองอยู่ภายในต้นไม้ ปิ ดกั้นออร่า

ด้วยยันต์ทั้งหลายที่มี

ฉินหยุนไล่ตามอีกฝ่ ายจนถึงป่ าโบราณ ทําการค้นหาเฉียนเฉ่า

เขาไม่อาจสัมผัสถึงออร่าของเฉียนเฉ่า แต่ด้วยโทเทมต้นไม้ เขา

สามารถสื่อสารกับต้นไม้ในที่นี้ได้ ไม่ช้าก็ทราบว่าเฉียนเฉ่าซ่อนตัว

อยู่ภายในโพรงต้นไม้แห่งหนึ่ง!

อย่างรวดเร็ว ฉินหยุนพบเจอโพรงต้นไม้ดังกล่าว ขว้างยันต์สะกด

กายเข้าไป พร้อมเร่งรีบเข้าไปดึงร่างเฉียนเฉ่าออกมาสู่ภายนอก

“นายน้อยฉิน โปรดอย่าได้สังหารข้า… ข้าไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับ

ท่าน!” แม้อีกฝ่ ายได้รับบาดเจ็บหนัก แต่กระนั้นก็ถือว่ายังมีชีวิตรอด

“หากเจ้าไม่โจมตีพี่หยาง และไม่ร่วมมือกับพวกมันโจมตีข้า เจ้าย่อม

ไม่ต้องตายเช่นนี้! ข้าเป็นคนรักษาคําพูด ข้าสัญญากับหานเฝิงหู่ว่าจะ

ไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกับตําหนักจารึกเทวะ!”

ขณะฉินหยุนกล่าว เขาประทับฝ่ ามือที่หน้าท้องเฉียนเฉ่าอยู่หลายครั้ง

เพียงชั่วครู่ หยางฉีเย่ว์สัมผัสได้ถึงออร่าของฉินหยุน นางจึงออกบิน

เข้าสู่ด้านในป่ า

“พวกคนด้านนอกเหล่านั้นข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว!” หยางฉีเย่ว์ยิ้ม

ให้แก่ฉินหยุน “เสี่ยวหยุน ยินดีด้วยแล้ว เจ้าได้รับวิญญาณดวงตะวัน

มาอีกหนึ่ง!”

“นี่ก็เพราะพี่หยางช่วยเหลือ!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ข้าสิต้องขอบคุณท่าน!”

“เหตุใดยังต้องมากมารยาทกับข้า?” หยางฉีเย่ว์ยิ้มหวาน ตบที่ไหล่

ฉินหยุน ก่อนจะเดินเข้าไปปลิดชีพเฉียนเฉ่าด้วยการลงมือเพียงครั้ง

เดียว

ฉินหยุนควบคุมมังกรกระดูกให้บินมาหา ก่อนจะเก็บมันกลับไป

“วิญญาณดวงตะวันในสวนโบราณแห่งนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป คนพวก

นั้นที่ด้านนอกคงไม่ต้องกังวลเรื่องตามหามันอีกแล้ว!” หยางฉีเย่ว์

มองคราบเลือดที่แขนเสื้อ

แสงสีเงินปรากฏจากฝ่ ามือของนาง พร้อมกับฝ่ ามือลูบสัมผัสอ่อนโยน

ที่แขนเสื้อ ทําการลบรอยคราบเลือดเหล่านั้นหายวับ

“พี่หยาง ครานี้พวกเราจะออกไปกันอย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถามขณะ

มองเก้าดวงตะวันบนท้องฟ้า

หยางฉีเย่ว์ปล่อยเฉียวอวี้ออกจากมิติเก็บของ

เฉียวอวี้ได้ยินว่าเหวินรั่วเฉินสิ้นชีพแล้ว นางถึงกับแตกตื่น แม้นาง

ไม่เอ่ยถาม ก็ทราบได้ว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณดวงตะวัน

เรียบร้อยแล้ว!

“ต้องออกไปทางสะพานที่พังทลาย ทว่าท่านต้องมีกําลังแข็งแกร่ง

พอที่จะเปิ ดค่ายอาคมเคลื่อนย้ายด้วย!” เฉียวอวี้กล่าว

ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนควบคุมมังกรกระดูกให้กัดกินไปหลายผู้คน

ดังนั้นเขาจึงรวบรวมแก่นเต๋ามาได้มาก เขาคิดว่าจํานวนเท่านี้สมควร

เพียงพอแก่การเปิ ดค่ายอาคมเคลื่อนย้าย

ด้วยเฉียวอวี้นําทาง ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์จึงไปถึงสะพานที่พังทลาย

หากผู้คนด้านในคิดอยากออกไป ก็ต้องให้คนเปิ ดค่ายอาคมจากอีก

ฟากหนึ่ง

ฉินหยุนนําเอาแก่นเต๋าจํานวนมากออกมา พร้อมเหรียญม่วงนับ

พันล้าน วางพวกมันไว้บนสะพานที่พังทลาย

เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ มีเพียงราชันยุทธ์หลายสิบคนร่วมมือกันจึง

สามารถเปิ ดค่ายอาคมเคลื่อนย้ายของสะพานที่พังทลาย เพราะเหตุ

นั้นเขาจึงต้องเตรียมพลังงานมหาศาลเอาไว้รองรับ

“รอสักประเดี๋ยว พวกเราจะเร่งรีบวิ่งเข้าไป เส้นทางไม่น่าจะเปิ ดไว้

ได้นานนัก!” กล่าวคําจบ ฉินหยุนควบคุมพลังพร้อมทะยานเข้าหา

สะพานที่พังทลาย

ม่านแสงปรากฏที่ปลายทางของสะพาน ฉินหยุน หยางฉีเย่ว์ และ

เฉียวอวี้เร่งรีบพุ่งเข้าหาม่านแสง เพียงไม่นานหลังผ่านพ้นเข้าไป

ม่านแสงก็เลือนหาย

แก่นเต๋าและเหรียญม่วงที่วางเอาไว้บนสะพาน ขณะนี้กลับกลายเป็น

เพียงเศษซาก…

ฉินหยุนกลับสู่แดนอ้างว้างอันคุ้นเคย ขณะนี้รู้สึกวางใจได้มาก

“กลับไปยังนครโบราณยุทธ์เต๋ากันก่อน!” ฉินหยุนกล่าว

เดินทางอยู่หลายวัน พวกเขาค่อยกลับถึงนครโบราณยุทธ์เต๋า

ฉินหยุนปล่อยฉื่อซินซินออกมา แนะนํานางให้รู้จักกับเฉียวอวี้ นี่ก็

เพราะเฉียวอวี้คิดอยู่ในแดนยุทธ์อ้างว้างชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อจัดการ

หลายเรื่องราว

อีกทางหนึ่ง ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์เข้าสู่ภายในถํ้า

“พี่หยาง ลูกไฟยักษ์ที่ปกคลุมวิญญาณดวงตะวัน ขณะนี้มันเป็นขุม

พลังแกร่งกล้าอยู่ในกายข้า!”

ฉินหยุนเอ่ยคําเร่งร้อน “พลังงานนี้ไม่เสถียรเมื่อมันไหลออกมาจาก

แก่นเต๋าตะวันทมิฬ ข้าเกรงว่าจะไม่อาจสะกดมันเอาไว้ มันเป็น

พลังงานที่ทรงพลังยิ่ง ข้าควรทําอย่างไรดี?”

หยางฉีเย่ว์เผยความยินดีพลางหัวเราะ “นี่ถือเป็ นเรื่องดี! ลูกไฟยักษ์

นั่นนับเป็นพลังงาน แค่ขัดเกลามันก็พอ!”

“จริงหรือขอรับ? อย่างนั้นข้าควรแช่กายในสระนํ้าใดดี?” ฉินหยุน

เอ่ยถาม

“เข้าในสระกายเต๋า! เมื่อถึงเวลา ข้าจะไปฝึกฝนร่วมกับเจ้า เมื่อนั้น

ความเร็วการขัดเกลาลูกไฟยักษ์นั่นจะรวดเร็วมากขึ้น!” หยางฉีเย่ว์

ดึงฉินหยุนสู่ห้องหินที่มีสระกายเต๋า นางผลักเปิ ดประตูออกพร้อม

เข้าสู่ด้านใน

ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยอาการตื่นตะลึง “พี่หยาง นี่ท่านก็ทราบพระสูตร

หัวใจตะวันจันทราด้วยหรือขอรับ?”


ตอนที่ 494 ผสานพลังเต๋า

หยางฉีเย่ว์ยิ้มกล่าว “ตําหนักจันทราทมิฬเป็นสํานักของแดนวิญญาณ

อ้างว้าง พระราชกวงกวงหานเป็นสํานักที่เหนือกว่าตําหนักจันทรา

ทมิฬ ลองบอกข้าสิ ว่าข้ารู้ถึงพระสูตรหัวใจตะวันจันทราหรือไม่?”

“พี่หยาง ดูเหมือนท่านฟื้นคืนความทรงจํานายหญิงน้อยของพระราชวัง

แห่งนั้นมาได้แล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก “ไม่นึกเลยว่าท่านจะเป็น

เซียนของพระราชวังจันทรา! ครั้งแรกพบท่าน ข้านึกว่าเป็นเพียงแต่

เซียนหญิงงามเสียอีก!”

หยางฉีเย่ว์ยืนในสระนํ้า ริมฝีปากบุ้ยพลางยิ้มตอบ “อย่าได้พูดกล่าว

แล้ว เร่งรีบถอดเสื้อผ้าเจ้าออก!”

ฉินหยุนถึงกับสะดุ้ง “ถอด?”

“ใช่! ข้าไม่คิดแอบดู อย่าได้กังวลไป!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มพลางหันกายไป

สระกายเต๋าเป็นฟอง นํ้าในสระสดใหม่จะถูกส่งเข้ามาแทนที่นํ้าซึ่ง

ผ่านการใช้งานในทุกชั่วลมหายใจ เพราะเหตุนี้มันจึงมีพลังที่กล้า

แกร่ง

ฉินหยุนไม่ทราบคิดอันใดขณะถอดเสื้อผ้าตนเองและเดินแช่กายลง

“พี่หยาง ท่านเองก็เปลื้องผ้าหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบาคิดเหลือบ

ตามองหยางฉีเย่ว์ที่ยืนในสระนํ้า

“เจ้าเด็กลามก คิดให้ข้าถอดเสื้อผ้าออกงั้นหรือ?” นางแม้กล่าวเช่นนั้น

ทว่าเสื้อผ้าขณะนี้ก็ถูกปลดออกแล้ว

ฉินหยุนเหม่อมองที่หยางฉีเย่ว์ นางขณะนี้สวมใส่น้อยชิ้นภายใน

สระนํ้า เนินอกปกคลุมไว้ด้วยชั้นผ้าไหมบาง เบื้องล่างเป็นเอวขาว

ชวนจับตามอง

ร่างกายเพรียวงดงามของหยางฉีเย่ว์ พร้อมขาที่ขาวนวลกําลังก้าวสู่

กลางสระกายเต๋าสีทอง นํ้าในสระเพียงถึงช่วงเอวของนาง เหนือ

สะดือของนางขณะนี้สามารถเห็นชัดแจ้ง ส่วนด้านล่าง ที่เห็นชัดก็มี

เพียงขายาวงดงามคู่หนึ่ง

ฉินหยุนคุดคู้อยู่มุมหนึ่งของสระนํ้าขณะรับชมหยางฉีเย่ว์ก้าวเดินเข้า

มา เขาถึงกับต้องกลืนนํ้าลายไปอึกใหญ่

หยางฉีเย่ว์เมื่อนั่งยองลง นางค่อยแช่กายในสระนํ้าทั้งร่างกายอย่าง

แท้จริง

“ยื่นมือเจ้าออกมา พวกเราจะฝึกร่วมกันโดยเกาะกุมมือเอาไว้!”

หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของฉินหยุน นางอดขํา

ไม่ได้จนหัวเราะออก “ขออภัยแล้วที่ทําเจ้าผิดหวัง!”

ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปากยื่นมือออก ขณะนี้มือของเขาเกาะกุมอยู่กับมือ

ขาวของหยางฉีเย่ว์พร้อมกล่าวขึ้น “พี่หยาง พวกเราฝึกร่วมกันไม่

เป็นไรหรือ?”

“อย่าได้กังวลไป พวกเราเพียงเชื่อใจกันและกันก็พอ!” หยางฉีเย่ว์

ตอบคํา

พระสูตรหัวใจตะวันจันทราฝึกฝนได้เพียงแต่สตรี เมื่อฝึกฝนร่วมกับ

บุรุษ มันต้องเป็นการชี้นําโดยสตรี

ฉินหยุนเร่งรีบปรับความคุ้นเคยกับความรู้สึกที่เป็นอยู่ขณะนี้ ก่อน

หน้า เขาฝึกฝนกับเชี่ยวเย่ว์หลานไปครั้งหนึ่งแล้ว ความรู้สึกครั้งนี้

คล้ายคลึงกัน

“เสี่ยวหยุน ค่อย ๆ ปลดปล่อยพลังจากลูกไฟยักษ์ออกมา!” หยางฉี

เย่ว์กล่าว “ข้าจะรับหน้าที่นําทางให้แก่มันเอง!”

“ขอรับ!” ฉินหยุนขณะนี้กระทําตามคําบอกกล่าว

อย่างรวดเร็ว เขาสัมผัสถึงพลังของลูกไฟยักษ์ก่อนชักนํามันสู่หยางฉี

เย่ว์ มันถ่ายเทออกจากร่างกายของเขา ไหลเข้าสู่ร่างกายของหยางฉี

เย่ว์

พลังงานเมื่อเข้าสู่ร่างกายของนาง มันไหลเวียนรวดเร็วกลับเข้าสู่

ร่างกายของเขา

เมื่อได้รับกลับคืน มันให้ความรู้สึกอ่อนโยน ราวกับมันได้ผสานเข้า

กับพลังจากแก่นเต๋าของหยางฉีเย่ว์ไปเรียบร้อยแล้ว

ถัดจากนั้น พลังงานพลันทะลักไหลรวมเข้าสู่แก่นเต๋าทั้งสามของฉิน

หยุน จากนั้นมันค่อยไหลเวียนกลับสู่ร่างกายของหยางฉีเย่ว์

ดวงตาฉินหยุนเบิกกว้างขณะมองที่ใบหน้างดงามของหยางฉีเย่ว์ เขา

กล่าว “พี่หยาง เหตุใดก่อนหน้านี้ท่านหอมแก้มข้ากัน?”

“อย่าได้ถามมากเรื่อง!” นํ้าเสียงของหยางฉีเย่ว์คล้ายกระอักกระอ่วน

ทว่านางตานั้นเปี่ ยมด้วยความอ่อนโยน

“พี่หยาง ท่านฟื้นคืนความทรงจําทั้งหมดของชาติภพก่อนครบถ้วน

แล้วหรือ?” ฉินหยุนถามอีกครั้ง

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับเชื่องช้า

ฉินหยุนเองก็ทราบว่าตนเองมีชาติภพก่อน ในคราวนั้นเขาลังเลว่า

ควรถามหยางฉีเย่ว์ดีหรือไม่

แต่เมื่อผ่านความลังเลมาพอสมควรแล้ว เขาจึงตัดสินใจถามออกไป

“พี่หยาง สาเหตุว่าท่านยายที่พระราชวังกวงหานมอบวิญญาณยุทธ์

จันทราทมิฬแก่ข้า… เพราะนางบอกว่าชาติภพก่อนหน้าข้าคือราชัน

เซียน!” ฉินหยุนกล่าวเชื่องช้า

หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจเบา “เป็นเช่นนั้น! ไม่อย่างนั้นแล้ว นางจะไม่มี

ทางไว้ใจเจ้าถึงเพียงนั้นแน่!”

“พี่หยาง ชาติภพก่อนข้าเป็นราชันเซียนจริงหรือ?” ฉินหยุนรวบรวม

ความกล้าเอ่ยถาม

“ถูกต้องแล้ว นั่นคือชีวิตก่อนหน้านี้ของเจ้า!” หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “เจ้าเป็น

ชายที่น่ารําคาญไม่น้อยเลยละ!”

ฉินหยุนพอได้ฟังเช่นนี้ เขาจึงถามต่อด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ “พี่หยาง

ชาติภพก่อนของข้า ได้ทําอะไรไม่ดีต่อท่านไว้หรือไม่?”

หยางฉีเย่ว์ยิ้มกล่าว “ย่อมไม่! ให้ข้ากล่าวเช่นนี้แล้วกัน ชาติภพก่อน

หน้าเจ้าเป็นคนที่โป้ปดยิ่งนัก เจ้าเกี้ยวพาราสีต่อข้าทว่าไม่สําเร็จ!

เพราะเหตุนั้นเจ้าจึงแวะเวียนมาก่อกวนข้าที่พระราชวังกวงหาน

บ่อยครั้ง เพราะเจ้ามีฝีมือวิถีจารึกยอดเยี่ยม จึงมาที่พระราชวังกวง

หานบ่อยครั้งยิ่งนัก!”

“เป็นไปได้ด้วยหรือ? ชาติภพก่อนข้าไปหลอกลวงอะไรท่านเอาไว้

กัน?” ฉินหยุนพบว่าเรื่องนี้ยากจะเชื่อ

“ครั้งแรกที่ข้าทราบเรื่องนี้ ข้าเองก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้!” หยางฉี

เย่ว์แค่นเสียง “นับเป็ นเรื่องดีที่เจ้าไม่มีความทรงจําจากชาติภพก่อน

หน้า ไม่เช่นนั้นเจ้าคงได้เป็นจอมลวงโลกอีกแน่!”

ฉินหยุนนึกถึงปิ งชิงขึ้นมาจึงเอ่ยถาม “พี่หยาง ท่านรู้จักเซียนนามปิ ง

ชิงหรือไม่?”

“เจ้ารู้จักนางได้อย่างไรกัน?” หยางฉีเย่ว์เผยความตื่นตะลึงขณะเร่ง

ร้อนเอ่ยถาม

ฉินหยุนบอกเล่าเรื่องที่พบเจอปิ งชิงในสุสานเซียน

“เหมือนนางจะเกลียดข้าไม่น้อยเลย!” ฉินหยุนถอนหายใจ “ชาติภพ

ก่อนหน้า ข้าคงสร้างปัญหาเอาไว้มากแล้ว!”

“เรื่องพิพาทระหว่างเจ้าและนางเป็ นเรื่องจากเมื่อสองถึงสามหมื่นปี

ก่อน ในตอนนั้น เพื่อหลอกใช้นาง เจ้ากระทั่งเล่นกับความรู้สึกของ

นาง!”

“เป็นธรรมดาหากนางคิดเกลียดชังเจ้า โชคดีนักที่เจ้าไม่ได้เผยท่าที

เช่นชาติภพก่อน ดังนั้นนางจึงคิดว่าเจ้าเพียงแค่คนหน้าเหมือนจอม

ลวงโลกคนนั้น!” หยางฉีเย่ว์บอกเล่าออกมา

ฉินหยุนขณะนี้บุ้ยปาก “แย่ยิ่งนัก! เช่นนั้นข้าไม่มีศัตรูไปทั่วแดน

เซียนอ้างว้างเลยงั้นหรือ?”

หยางฉีเย่ว์ขณะนี้ค่อยยิ้ม “หากเจ้าได้ความทรงจําชาติภพก่อนกลับคืน

มา เจ้าคงได้ทราบว่าเรื่องราวเล็กน้อยที่ก่อขึ้นในแดนยุทธ์อ้างว้าง

แทบไม่นับเป็นอะไร!”

“นี่ข้าต้องตามสะสางเรื่องราวจากชาติภพก่อนด้วยงั้นหรือ?” ฉินหยุน

ขณะนี้แทบไม่คิดอยากนึกถึงวันหน้า

“หึ! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซํ้า ชาติภพก่อนหน้าเจ้าเป็นคนชั่วร้าย

นัก ทว่าในชีวิตนี้กลับห่วงหาผู้อื่นยิ่ง ดังนั้นเจ้าจึงได้รับวิญญาณดวง

ตะวันมาถึงสอง” หยางฉีเย่ว์เผยใบหน้าที่แสดงความอิจฉาอย่างพบ

เห็นได้ชัดออกมา

“พี่หยาง ชาติภพก่อนหน้านี้ข้าเลวร้ายเพียงนั้นเลยหรือ?” ฉินหยุน

ขณะนี้กลายเป็นเกิดความเครียดขึ้นมา

“เรียกว่าพวกต้มตุ๋นคงไม่ถูกต้องนัก อย่างไรแล้ว เจ้าก็ถือเป็นตัวฉกาจ

ในเรื่องนี้ หลายครั้งเจ้าก็แค่หลอกลวงเงินผู้อื่น ไม่ก็หลอกหญิงสาว

ให้มีสัมพันธ์ทางกายร่วมด้วย บางครั้งก็ฉกไก่ชิงสุนัข จนกระทั่งได้

เป็นราชันเซียน!”

หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “เสี่ยวหยุน อย่าได้คิดมากแล้ว ในเมื่อพวกเราถือกําเนิด

ขึ้นใหม่ พวกเราก็ควรเป็นไปในชีวิตนี้! หากเป็นไปได้ ข้าก็อยาก

ชดเชยเรื่องที่ทําพลาดในชาติภพก่อนเช่นกัน!”

ฉินหยุนเร่งรีบพยักหน้ารับ “พี่หยาง ชาติภพก่อนครั้งที่ท่านเสียชีวิต

ข้าได้ยินจากท่านยาย ว่าข้าถูกสังหารเพราะไปตามล้างแค้นให้แก่

ท่าน!”

หยางฉีเย่ว์บุ้ยปากเล็กน้อยพลางแค่นเสียง “ไม่ว่าจะด้วยอะไร ข้าไม่

คิดเชื่อว่าเจ้าไปล้างแค้นให้แก่ข้า ให้คาดเดา หลังเหตุการณ์นั้น เจ้า

ควรหลบลี้หนีหายโดยเร็วกว่าผู้ใดแล้ว!”

“นี่เป็นไปได้หรือ?” ฉินหยุนเผยรอยยิ้มเก้กัง

“เอาละ ชาติภพก่อนหน้าเป็นไรล้วนช่างมันปะไร! โดยสรุป ขณะนี้

เจ้าเป็นคนดีก็พอแล้ว!”

“และข้าก็รู้สึกขอบคุณเจ้าอย่างยิ่ง! เป็ นเจ้าที่ช่วยข้าพ้นจากโคลนตม

หย่อมนั้น… ในตอนนั้น หากไม่ใช่เจ้า ข้าคงกลายเป็นเตาหลอมฝึกฝน

ของเชี่ยวหยางหลง ชีวิตข้าคงจบสิ้นที่ตรงนั้นไปแล้ว! ขณะนี้ข้าได้รับ

วิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬที่ท่านแม่หลงเหลือไว้ให้ รวมถึงความทรง

จํา การฝึกฝนของข้าก้าวหน้ายิ่งยวด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ นเพราะเจ้า!”

นัยน์ตาของหยางฉีเย่ว์เผยความอ่อนโยนขณะกล่าวยิ้มหวาน “ตอนนี้

เจ้าก็คือเจ้า และเจ้าก็ได้เติมเต็มสิ่งที่ทําผิดพลาดชาติภพก่อนหน้าไป

มากแล้ว!”

ฉินหยุนพอได้ฟังเช่นนี้ เขาค่อยเกิดความยินดีขึ้นมา

“เสี่ยวหยุน เจ้าช่วยปิ งชิง และดูเหมือนจะช่วยนางเอาไว้อย่างมหาศาล

เลยทีเดียว แม้เจ้าไม่มีความทรงจําในชาติภพก่อนหน้า แต่สิ่งที่เจ้าทํา

ถือเป็นการถมเต็มความผิดพลาดในช่วงชีวิตก่อนหน้าที่มากพอแล้ว!”

หยางฉีเย่ว์ขณะครุ่นคิดก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ นางยิ้มกล่าวต่อ “ไม่ว่าปิ ง

ชิงเกลียดชังเจ้าเพียงใด นางย่อมอภัยให้แก่เจ้า! ข้าได้ยินว่านางมี

ความรู้สึกให้เจ้าอย่างลึกลํ้าไม่น้อยเลยทีเดียว!”

ย้อนกลับไปตอนฉินหยุนอยู่กับปิ งชิง เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์อัน

ซับซ้อนของนาง

“พี่หยาง ท่านรู้จักธิดาแห่งแม่มดหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามอีกครั้ง

หยางฉีเย่ว์ไม่เคยพบเซี่ยฉีโหรวมาก่อน ดังนั้นนางย่อมไม่ทราบว่า

เซี่ยฉีโหรวเป็นธิดาแห่งแม่มด

เอ่ยถึงธิดาแห่งแม่มด สีหน้าของหยางฉีเย่ว์กลายเป็นเคร่งเครียด นาง

เร่งรีบกล่าว “เสี่ยวหยุน เรื่องราวของธิดาแห่งแม่มด ถือเป็ นเรื่อง

ต้องห้ามในแดนเซียนอ้างว้าง! สาเหตุว่าทําไมพระราชวังกวงหาน

ของพวกเราถูกทําลาย ก็เป็ นเพราะเรื่องนี้!”

“เรื่องนี้ซับซ้อนนัก เจ้าไม่ต้องทราบกระจ่างชัดก็ได้ เมื่อใดเจ้าฟื้น

คืนความทรงจําจากชาติภพก่อนหน้าแล้ว เจ้าจะทราบเองว่ามันเกิด

เรื่องอะไรขึ้น!”

“แต่เรารู้จักกับพี่สาว เรายังได้พี่สาวช่วยไว้ถึงสองครั้งครา ความสัมพันธ์

ที่มีต่อกันเรียกว่าดีเยี่ยม! ครั้งพี่สาวถูกไล่ต้อนจนเกือบถึงแก่ความตาย

เราไม่อาจช่วยเหลือ นี่เป็นความผิดที่ตกค้างอยู่ในใจเราเสมอมา!”

ฉินหยุนครุ่นคิดเช่นนี้กับตนเองอยู่ภายใน

ฉินหยุนเดิมคิดบอกหยางฉีเย่ว์ว่าเซี่ยฉีโหรวเป็นธิดาแห่งแม่มด

กระนั้น ได้ยินคําของหยางฉีเย่ว์ เขาจึงตัดสินใจว่าเรื่องนี้สมควรเก็บ

ไว้จนกว่าจะถึงเวลา

เขาเป็นกังวล ว่าหยางฉีเย่ว์จะไปยังหุบเขาเมฆมังกรเพื่อค้นหาหลุม

ฝังเซียน ที่แห่งนั้นมีแต่อันตรายอยู่ทุกหนแห่ง!

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ฝึกฝนร่วมกัน พวกเขาร่วมกันขัดเกลาลูกไฟ

ยักษ์ มันทําให้ทั้งสองต่างได้รับประสบการณ์ครั้งใหญ่ที่ไหลผ่านเข้า

มา

พลังงานจากลูกไฟยักษ์ รวมเข้ากับพลังงานจากสระกายเต๋า มันรวม

กันเพิ่มพูนการฝึกฝน ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์สร้างกระดูกเต๋าได้อย่าง

รวดเร็วเพราะหัวใจมหาวิถีแห่งเต๋า รวมถึงโลหิตเต๋าที่แกร่งกล้าด้วย!

การฝึกฝนกระดูกเต๋า หมายความถึงผู้ครอบครองสามารถยืนหยัดรับ

การโจมตีพลังมหาวิถีแห่งเต๋า พร้อมกันนี้ มันยังเป็นการเกิดขึ้นของ

อักขระชีวิตแห่งเต๋าตัวที่แปด!

หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนฝึกฝนร่วมกันอยู่สามวัน ทั้งสองล้วนเลื่อน

ระดับขึ้นมาพร้อมกัน!

หลังการเลื่อนระดับ หยางฉีเย่ว์ร้องเสียงเบาขณะพลังจากอักขระ

ชีวิตของนางทะลักออก

อักขระชีวิตตัวที่แปดปลดปล่อยพลังเต๋าออกมา มันควบแน่นจน

เกิดขึ้นเป็นดวงจันทราสุกสว่างกลางท้องฟ้า!

“ไม่ใช่จันทราทมิฬหรือ?” ฉินหยุนเผยความประหลาดใจขณะรับชม

ดวงจันทร์ที่สุกสว่าง

“ข้าปลดปล่อยพลังผ่านอักขระชีวิต นี่คือพลังเต๋า! พลังเต๋าของข้าคือ

พลังแห่งจันทรา ดังนั้นจึงปลดปล่อยมันออกมาเป็นดวงจันทรา!”

หยางฉีเย่ว์กล่าว

ฉินหยุนรู้สึกมาตลอดว่าพลังเต๋าของตนเองพิเศษ มันไม่อาจสะกดลง

ได้หากปลดปล่อยออก แต่หากมีอักขระชีวิตตัวที่แปด เขาจะ

ปลดปล่อยมันออกมาเป็นพลังเต๋าที่แข็งแกร่งได้

หยางฉีเย่ว์ดึงดวงจันทรากลับคืนพลางกล่าว “เสี่ยวหยุน พวกเราเป็น

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปดแล้ว เมื่อใดก้าวสู่ระดับที่เก้า

พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

“ขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

หลังการเลื่อนระดับ ทั้งสองออกจากถํ้า นําพาเฉียวอวี้และฉื่อซินซิน

ให้เข้ามาฝึกฝนด้านใน

ทางด้านฉินหยุน ขณะนี้หลอมสร้างยันต์หยกพิเศษขึ้น เพื่อให้พวก

นางทั้งสองสามารถเข้าออกถํ้าได้อย่างอิสระโดยอาศัยยันต์หยก

ขณะฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ออกจากนครโบราณยุทธ์เต๋า ทั้งสองใช้

เข็มทิศค้นหาแดนอ้างว้างลึกลับโบราณซึ่งเป็นที่ตั้งของสํานักเก้า

ตะวัน!

หยางฉีเย่ว์เกลียดชังสํานักเก้าตะวันถึงทรวง เพราะการทําลายล้าง

พระราชวังกวงหานของนาง มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับสํานักเก้า

ตะวัน!

ขณะนี้ นางกําลังคิดกวาดล้างสํานักเก้าตะวันในสามแดนอ้างว้าง

แล้ว!


ตอนที่ 495 รอยแยกมิติ

กลางดึก ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ออกจากนครโบราณยุทธ์เต๋าในชุดสี

ดํา

ทั้งสองใช้งานเข็มทิศ มุ่งหน้าสู่สํานักซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด

“พี่หยาง สํานักเก้าตะวันในแดนวิญญาณอ้างว้างแข็งแกร่งหรือไม่?”

ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ย่อมใช่! ตําหนักจารึกเทวะ ถูกสร้างขึ้นโดยสํานักเก้าตะวัน และอีก

หลายขั้วอํานาจค่อยร่วมมือด้วยในภายหลัง! ด้วยเหตุนี้ ตําหนักจารึก

เทวะจึงไม่ได้ถูกควบคุมโดยสํานักเก้าตะวันอย่างสมบูรณ์”

หยางฉีเย่ว์หยุดไปครู่ก่อนกล่าวต่อ “แม้ว่าสํานักเก้าตะวันเป็นตัวตน

ที่โบราณยิ่ง กระนั้นพวกเขากลับไม่ค่อยเผยตนเองออกมานัก!”

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “พวกเราขณะนี้คิดทําลายรากฐานพวกมันในสาม

แดนอ้างว้าง ณ ที่แห่งนี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันได้สําแดงอํานาจ

เหิมเกริมกันนานนัก!”

“นั่นก็เป็นสิ่งที่ข้าคิดทํา! ในแดนวิญญาณอ้างว้าง ยังมีขั้วอํานาจที่

แข็งแกร่งทัดเทียมสํานักเก้าตะวัน ดังนั้นแล้วสํานักเก้าตะวันจึงไม่

อาจก่อการโดยตามใจชอบได้!”

หยางฉีเย่ว์ทะยานร่างบนท้องฟ้ายามราตรีกาลพร้อมฉินหยุน ด้วย

ดวงจันทร์เกื้อหนุน นางสามารถโบยบินได้อย่างสะดวกสบาย

เดินทางอยู่สามวัน ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ค่อยมาถึงภูเขาใหญ่ลูก

หนึ่ง

ภูเขานี้แห้งแล้ง เรียกได้ว่าหาได้มีอันใดไม่ พืชพรรณใดล้วนไม่มี

เพียงมองก็ทราบว่ามันเป็นสีเหลืองทั้งสิ้น

“พี่หยาง พวกเราจะเข้าแดนอ้างว้างลึกลับโบราณอย่างไรกัน?” ฉิน

หยุนมองที่เข็มทิศ เขาทราบว่ามันมีอีกสถานที่คงอยู่ ทว่าไม่อาจ

มองเห็น

แดนอ้างว้างลึกลับโบราณ เป็นโลกที่เล็กอย่างยิ่ง พวกมันถูกซ่อนเอา

ไว้ในรอยแยกมิติ กระทั่งว่ามีคนพบเจอ คิดเข้าไปก็ยังเป็ นเรื่องยาก

“จับให้แน่น รอบนี้หวังว่าจะไม่เป็นไร!” หยางฉีเย่ว์กุมมือฉินหยุน

เอาไว้แน่น นางเป็นกังวล ว่าจะเป็นดังครั้งที่เข้าสวนโบราณเป็นครั้ง

แรก พวกเขาทั้งสองถูกเคลื่อนย้ายกันไปคนละทิศทาง

ขณะนี้เป็นกลางคืน จันทร์เสี้ยวสีเงินลอยค้างกลางท้องนภา ดวงดาว

สุกสว่างเป็นประกายราวเล่นสนุก แสงที่ฉายลงมายังพื้นดินคือแสง

จันทร์ที่อ่อนโยน

หยางฉีเย่ว์เรียกใช้พลังของดวงจันทร์ ร่างกายขาวดุจหิมะของนาง

ขณะนี้เรืองแสงสีเงิน พลังงานประหลาดอะไรบางอย่างกําลังประจุ

เข้าไป

นางขณะนี้ยังคงเกิดความกังวล จึงให้ฉินหยุนเข้าสู่มิติเก็บของเป็น

การชั่วคราว

“ไว้เข้าไปแล้วจะให้เจ้าออกมา!” หยางฉีเย่ว์กล่าว ความว่างเปล่า

เบื้องหน้าของนางขณะนี้ สั่นกระเพื่อมเป็นคลื่นวงนํ้าแนวตั้ง ทั้งร่าง

ของนางปกคลุมด้วยแสงสว่าง มันกําลังสอดประสานเข้ากับรอยแยก

มิติ และหายไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

หยางฉีเย่ว์เข้าสู่แดนอ้างว้างลึกลับโบราณสําเร็จ ฉินหยุนถูกปล่อย

ออกจากมิติเก็บของ

ฉินหยุนเมื่อออกมาแล้ว เขาจึงเห็นต้นไม้สูงล้อมรอบ ดอกไม้และ

พืชพรรณอีกหลากหลายเบื้องล่างต้นไม้ พวกมันคล้ายพลิ้วไหวด้วย

สายลมเย็นโชยเบาบาง ผืนป่ าแห่งนี้เต็มเปี่ ยมด้วยแสงหลากสีสัน

มองไปแล้วงดงามอย่างยิ่ง

“ไม่ทราบว่าแดนอ้างว้างลึกลับแห่งนี้เป็นของสํานักใด แต่นี่ถือว่าดูดี

เอาเรื่อง!” หยางฉีเย่ว์ได้เห็นฉินหยุนอยู่ข้างกาย นางวางใจพร้อมเผย

รอยยิ้มที่ใบหน้างดงาม

ฉินหยุนก้าวเดินผ่านแมกไม้ สัมผัสเข้าที่ดอกไม้เรืองแสง คิดเล่นกับ

มันราวเด็กน้อยผู้หนึ่ง

“เสี่ยวหยุนเลิกเล่นได้แล้ว รีบไปทําธุระของเราให้เสร็จดีกว่า!” หยาง

ฉีเย่ว์ย่นจมูก ยิ้มบาง และกล่าวอย่างไม่ได้จริงจังนัก

ฉินหยุนหัวเราะรับ ก้าวเดินกลับเข้าหาข้างกายหยางฉีเย่ว์ จากนั้นจึง

ค่อยตามสาวงามภายใต้แสงจันทร์ มุ่งหน้าผ่านผืนป่ าแห่งนี้

เช้าตรู่ ดวงตะวันสาดส่องแดนดิน นกและสัตว์หลากหลายในแดน

อ้างว้างลึกลับโบราณ ต่างกําลังใช้ชีวิตประจําวันของพวกมัน

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ ขณะนี้ยืนบนยอดเขาสูง รับชมเบื้องล่าง เป็น

สํานักตะวันทองคําที่ถูกล้อมเอาไว้ด้วยกําแพงสูง!

“สํานักตะวันทองคํานี้แข็งแกร่งเพียงใด?” ฉินหยุนมองที่อาคารโบราณ

พร้อมเอ่ยถามด้วยสีหน้าใคร่สงสัย

“ข้าไม่มั่นใจนัก นามของสํานักเก้าตะวันในแดนวิญญาณอ้างว้าง

และแดนเซียนอ้างว้างล้วนแตกต่างกันออกไป!” หยางฉีเย่ว์เผย

ดวงตางดงามปรากฏร่องรอยความสงสัย สายตาขณะนี้มองไปยัง

ลานกว้างด้านในกําแพงสูง นํ้าเสียงเบาเอื้อนเอ่ย “เสี่ยวหยุน ลาน

กว้างนั่นมีผู้คนมากมายนัก!”

ฉินหยุนเองก็เห็น ดังนั้นจึงเร่งรีบมองไปจากระยะไกล

ทั้งสองคนขณะนี้ ใช้อุปกรณ์วิญญาณเพื่อรับชมเรื่องราวจากระยะไกล

นํ้าเสียงอุทานดังขึ้น “เป็นคนจากตําหนักโทเทม! ดูจากเสื้อผ้าพวกนั้น

มีผู้ฝึกตนสายเลือดอยู่ด้วย!”

“พวกคนของสํานักเก้าตะวันล้วนมาอยู่กันที่นี่!” หยางฉีเย่ว์เห็นผู้คน

สวมใส่ชุดหลากหลาย เรื่องนี้ยิ่งทํานางเกิดความสับสน

“ดูจากเสื้อผ้าแล้ว แปดสํานักล้วนรวมตัวกันครบที่นี่!” ฉินหยุนพยัก

หน้ารับ

สํานักเก้าตะวันมีหนึ่งล่มสลายไปเมื่อนานมาแล้ว แม้ยังเรียกสํานัก

เก้าตะวัน แต่แท้จริงหลงเหลือเพียงแค่แปด

ฉินหยุนนํานกออกมาตัวหนึ่ง ใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม ส่งมันบิน

เข้าไปใกล้ลานกว้างขนาดใหญ่ของสํานักตะวันทองคํา

นกหุ่นเชิดเมื่อบินเข้าไปใกล้ เขาค่อยนําเปลือกหอยขนาดใหญ่

ออกมา เสียงจากตัวนกจะถูกส่งผ่านกลับมา สามารถได้ยินผ่าน

เปลือกหอย

หลายคนรวมตัวกันที่ลานกว้าง ผู้คนเหล่านี้มาถึงสํานักตะวันทองคํา

เป็นเวลานานแล้ว ทว่าเพิ่งรวมตัวกันก็วันนี

“ข้าคือจ้าวสํานักตะวันทองคํา ยินดีต้อนรับผู้มาจากแดนไกลสู่สํานัก

ตะวันทองคําของเรา เพื่อร่วมกันตัดหัวฉินหยุน!”

ชายชราชุดสีทองเผยสีหน้าเย็นเยือก มือหนึ่งถือฝักดาบ อีกมือหนึ่ง

ถือตัวดาบ ยืนอยู่บนเวทีสูงต่อหน้าลานกว้าง นํ้าเสียงดังก้องพูดออก

อย่างชัดเจน

หยางฉีเย่ว์พอได้ยิน นางจึงขมวดคิ้ว “พวกมันจับตัวเจ้าได้แล้วหรือ?”

“เป็นไปได้อย่างไร? ข้าก็อยู่ตรงนี้หรือไม่ใช่?” ฉินหยุนเผยความมึน

งงไปวูบ “พี่หยาง ข้าเป็นฉินหยุนตัวจริงนะ!”

หยางฉีเย่ว์ค่อยบุ้ยปากยิ้มตอบ “ข้าก็แค่พูดไปเรื่อย!”

ฝูงชนเริ่มสนทนากัน

ภาพฉากที่เห็น ผู้คนของหลายสํานักและตระกูลต่างส่งเสียงโห่ร้อง

คลื่นเสียงโห่ร้องดังขนาดที่ยามรุ่งสางเงียบสงบกลับกลายเป็นอึกทึก

ถัดจากนั้น กลุ่มคนชุดเกราะสีทอง นําคนผู้หนึ่งสีหน้าตายด้านร่าง

ดําเมี่ยมขึ้นบนเวที

ฝูงชนพอได้เห็น เสียงร้องตะโกนดึงยิ่งดังสนั่น!

“วิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนถูกพวกเรานําออกมาแล้ว ขณะนี้แก่นเต๋า

ก็ไม่หลงเหลือ สิ่งใดชวนกังวลล้วนไม่มี!” จ้าวสํานักตะวันทองคํา

หัวเราะดัง ใบหน้าชราขณะนี้เผยรอยยิ้มยินดีพร้อมเสียงอันดัง “ทุก

คนจดจําเอาไว้ สํานักตะวันทองคําของพวกเรา คือผู้สังหารมารร้าย

ฉินหยุน!”

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ค่อยเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร นี่คือการ

แสดงฉากหนึ่งของสํานักตะวันทองคํา

เพราะทุกคนล้วนได้ทราบแล้ว ว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณดวง

ตะวันจากสวนโบราณ

บรรดาราชันยุทธ์และขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าของสามแดนอ้างว้าง

ล้วนจากไปหมดสิ้น หลงเหลือไว้เพียงยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์

วิญญาณจํานวนหนึ่ง

เพื่อแสดงอํานาจ สํานักตะวันทองคําจึงแสดงปาหี่ลวงโลก เพื่อที่จะ

อ้างตนขึ้นเป็นใหญ่ในสามแดนอ้างว้าง

ไม่เช่นนั้น สํานักและตระกูลทั้งหลาย จะปรามาสต่อพวกเขา!

“สังหารฉินหยุน!”

“ฆ่ามัน!”

ผู้คนในลานกว้างร้องตะโกนดังไม่ขาด

ฉินหยุนอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมา “นี่ข้ากําลังรับชมฉินหยุน

โดนตัดหัวหรือ?”

หยางฉีเย่ว์กล่าว “เสี่ยวหยุน ที่นี่น่าจะยังมีขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

หลงเหลือ ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณของสํานักเก้าตะวันย่อม

ไม่อ่อนด้อย เจ้าคิดทําอย่างไรต่อ?”

ฉินหยุนนําเอาปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าออกมา “ข้ามีแก่นเต๋าราชันยุทธ์

ถึงสี่แก่น ท่านคิดว่าข้าควรทําอะไร?”

ภายใต้เสียงโห่ร้องของฝูงชน จ้าวสํานักตะวันทองคําจึงตวัดดาบ

ใหญ่ในมือ ปลิดปลงศีรษะของฉินหยุนตัวปลอม หัวพอหล่นถึงพื้น

ทั่วทั้งลานกว้างจึงระเบิดเสียงโห่ร้องดังชนิดที่ก่อนหน้าเทียบไม่ติด!

ด้วยไม่มีขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ในสามแดนอ้างว้าง ฉิน

หยุนจึงถูกมองเป็นมารร้ายผู้หนึ่ง นี่ก็เพราะหลายขั้วอํานาจเสียหายไป

กันมาก และฉินหยุนยังหลบรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้!

“ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว!” จ้าวสํานักตะวันทองคําเผยเสียงยินดีตะโกน

ดัง ผู้คนด้านล่างค่อยเงียบเสียง

เขาหยุดไปครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “สามแดนอ้างว้างขณะนี้อยู่ใน

สถานการณ์วิกฤต พวกเราต้องร่วมมือกันรับมือกับอันตรายสารพัด

อย่าง! ข้าแนะนําให้พวกเราจัดตั้งสหพันธ์จ้าวยุทธ์ เพื่อเป็นผู้ชี้นํา

สํานักและหลายตระกูลของสามแดนอ้างว้าง เพื่อรวมพลังให้เป็น

หนึ่งเดียวกัน!”

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ค่อยเข้าใจ ว่าเหตุใดสํานักตะวันทองคําจัด

ฉากเช่นนี้ขึ้น ก็เพราะต้องการเป็นผู้นําสหพันธ์!

“เช่นนั้นผู้ใดจะนําสหพันธ์?” คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างฉับพลัน

ฝูงชนเบื้องล่าง กลายเป็นฮือฮากันอีกครั้งพร้อมเริ่มหารือ

คนหนึ่งกล่าวขึ้น “สํานักตะวันทองคําจับตัวฉินหยุนได้ เช่นนั้นก็

ควรให้พวกเขารับหน้า!”

“ถูกต้องแล้ว ผู้คนล้วนทราบว่าฉินหยุนรับมือด้วยยากเพียงใด! หาก

ไม่ใช่สํานักตะวันทองคําปลิดชีพฉินหยุน สามแดนอ้างว้างของพวก

เราคงไร้ซึ่งความสงบ!”

“มีแต่สํานักตะวันทองคําจึงมีคุณสมบัติเป็นจ้าวสหพันธ์!”

หลายคนขณะนี้เชื่อว่าสํานักตะวันทองคําเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง

ของสํานักเก้าตะวัน และพวกเขายิ่งโด่งดังเพราะสังหารฉินหยุนได้

จ้าวสํานักตะวันทองคําแสร้งโบกมืออย่างเสียมิได้พร้อมยิ้มตอบ “ข้า

ชราภาพนัก ไม่อาจแบกรับภาระหนักอึ้งได้! หากพวกเจ้าคิดว่ามี

ความสามารถ เช่นนั้นจงนําเสนอตนเองออกมา! หากมีหลากหลาย

ผู้คน เช่นนั้นใช้การประลองยุทธ์เป็นการตัดสิน!”

“นี่ออกจะเป็นปัญหาแล้ว! ให้สหพันธ์นําทัพด้วยสํานักตะวันทองคํา

อย่างไรแล้วก็ดูดีกว่าผู้ใดไม่ทราบ!”

“ถูกต้อง! สํานักท่านสังหารฉินหยุน พวกเรายินดีติดตามแล้ว!”

“อย่าได้ลากถ่วงเรื่องนี้แล้ว!”

จ้าวสํานักตะวันทองคํายิ้มรับ “ในเมื่อทุกคนให้ค่าข้าเอาไว้สูงกับ

ตําแหน่งจ้าวสหพันธ์ เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้เป็นการชั่วคราว เมื่อมี

ตัวเลือกที่ดีกว่า เมื่อถึงเวลา ค่อยเปลี่ยนมือก็ยังไม่สาย!”

“หากผู้ใดคิดว่าสามารถเป็นจ้าวสหพันธ์ได้ เช่นนั้นให้มาพบข้า หลัง

ผ่านการทดสอบ ตําแหน่งจ้าวสหพันธ์จะตกเป็นของคนผู้นั้น และ

ภายหน้าจะได้เป็นผู้นําผู้ฝึกตนวิถียุทธ์แห่งเต๋าของสามแดนอ้างว้าง

สืบไป!”

ขณะจ้าวสํานักตะวันทองคํากล่าวคําจบพอดิบพอดี เสียงหนึ่งจึงดัง

ขึ้นจากฟากฟ้า “ข้าฉินหยุน ขอเป็นจ้าวสหพันธ์นั้นเอง!”

ผู้คนในลานกว้างตื่นตระหนก หลายคนได้พบเจอฉินหยุนมาก่อน

ล้วนจดจํานํ้าเสียงได้ ชั่วขณะนี้ เสียงส่งผ่านดังมาคุ้นหูพวกเขายิ่งนัก!

“ไม่ใช่ว่าฉินหยุนถูกตัดหัวไปแล้วหรือ? เหตุใดมันยังมีชีวิตรอด?”

“ผู้ใดกล้าดี? กล้าแอบอ้างตนเป็นฉินหยุน?”

“จ้าวสํานักตะวันทองคํา นี่เรื่องอะไรกัน?”

“นั่นฉินหยุนจริงหรือ?”

ฝูงชนระเบิดเสียงฮือฮา

จ้าวสํานักตะวันทองคําคือจิ้งจอกเฒ่าชรา สีหน้ายังคงสงบขณะกล่าว

คํา “ทุกท่าน บุคคลที่ข้าสังหารไปก่อนหน้านี้หาได้ใช่ฉินหยุน! ที่ข้า

ทําก็เพื่อล่อฉินหยุนตัวจริงออกมาจากนครโบราณยุทธ์เต๋า! ขณะนี้

พวกเราถือว่าลงมือสําเร็จแล้ว!”

“ฉินหยุน เตรียมรับความตาย!” ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณของสํานัก

ตะวันทองคําตะโกนดัง เขามั่นใจว่าสามารถชนะฉินหยุนที่เป็นผู้ฝึก

ตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

“พวกเจ้าทั้งหมดสิตาย!” ฉินหยุนหัวเราะลั่น มือขณะนี้ยิงแก่นเต๋า

ราชันยุทธ์ออกจากปื นใหญ่ราชันลึกลํ้า

“แก่นเต๋าราชันยุทธ์!”

จ้าวสํานักตะวันทองคําเผยสีหน้าหวาดกลัวและโกรธแค้น เสียง

ตะโกนดังลั่น พร้อมกันนี้ เขาเร่งรีบทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ตู้ม!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวบังเกิดทั่วทั้งรัศมีกว่าหนึ่งหมื่นหลี้ คลื่น

กระแทกสีทองเข้าปกคลุมเกิดเป็นหมอกสีทองหนาแน่น!

ผู้คนมหาศาลที่ลานกว้างจากหลากหลายขั้วอํานาจ ขณะนี้สิ้นชีพ

พวกที่ยังเหลือรอด ส่วนใหญ่ก็พิการไม่อาจนับเป็นผู้คนได้แล้ว!

“เสี่ยวหยุน มิติกําลังแยกออก!” หยางฉีเย่ว์พลันตะโกนขึ้นด้วย

อาการแตกตื่น “แก่นเต๋าราชันยุทธ์แข็งแกร่งเกินไป มันฉีกกระฉาก

กําแพงมิติที่อ่อนกําลังอยู่แล้ว แดนอ้างว้างลึกลับโบราณแห่งนี้กําลัง

จะถูกทําลายลง!”

กล่าวคําจบ นางเร่งรีบดึงฉินหยุนผ่านรอยแยกสีดําที่ปรากฏขึ้น

“อย่าคิดว่าจะหนีรอด!” จ้าวสํานักตะวันทองคํากราดเกรี้ยว ร่วมด้วย

ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณอีกหลายคนที่บาดเจ็บ พวกเขาเร่งรีบไล่ตาม

อีกฝ่าย


ตอนที่ 496 ตามหาพระสูตรหัวใจ

ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าแก่นเต๋าราชันยุทธ์ที่ยิงออกไป พลังของมันจะ

รุนแรงมากพอฉีกกระชากมิติของแดนอ้างว้างลึกลับโบราณ

หยางฉีเย่ว์เมื่อนําฉินหยุนหนีออกมาได้แล้ว จ้าวสํานักตะวันทองคํา

และขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณอีกหลายคนขณะนี้ไล่ตาม

ก่อนหน้านี้ที่ลานกว้างมีคนมากมาย ขณะนี้หลงเหลือเพียงน้อยนิดที่

ยังรอดชีวิต!

สํานักเก้าตะวัน ตําหนักโทเทม และสํานักใหญ่ รวมถึงตระกูลใหญ่

อีกหลายแห่ง ต้องสูญเสียกันหนักหนาในครั้งนี้ หากคิดฟื้นคืนใน

อนาคตอันสั้น ก็ถือเป็ นเรื่องยากมากแล้ว

เมื่อบรรดาราชันยุทธ์และขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าไปยังแดนวิญญาณ

อ้างว้าง พวกเขานําทรัพยากรไปด้วยจํานวนไม่น้อย

ตระกูลผู้ฝึกตนและหลายสํานักของสามแดนอ้างว้าง ขณะนี้อยู่ใน

ช่วงเวลายากลําบากและอ่อนแอ

“ฉินหยุน เจ้าคิดจัดการใคร?” หยางฉีเย่ว์เอ่ยถาม

“จ้าวสํานักตะวันทองคําแข็งแกร่งที่สุด ให้ข้าจัดการมันเอง! ผู้อื่น

ล้วนได้รับบาดเจ็บ พี่หยางน่าจะรับมือพวกมันได้!” ฉินหยุนกล่าว

พร้อมนําเอาค้อนเทวะเก้าตะวันออกมา

“ตกลง!” หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ

ฉินหยุนฟาดหวดค้อนเทวะเก้าตะวัน พุ่งทะยานเข้าหาจ้าวสํานักตะวัน

ทองคํา ขณะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ าย เขาปลดปล่อยเสียงคํารามราชสีห์

สวรรค์ ทําให้จ้าวสํานักตะวันทองคําที่ไม่เตรียมการอะไรไว้ ต้องจม

ดิ่งสู่สภาวะความตื่นตระหนก

ทันทีเมื่อเข้าถึงตัวอีกฝ่ าย วิชามังกรหลอมหกกระบวนจึงถูกปลดปล่อย

ออก พลังเต๋าแรกเริ่มสั่นไหวรุนแรง มาพร้อมกับสายฟ้าอสนีบาตสีดํา

พุ่งเข้าปะทะร่างของจ้าวสํานักตะวันทองคํา

จ้าวสํานักตะวันทองคําพอได้เห็นออร่าแกร่งกล้าของฉินหยุน เขาเร่ง

รีบหลบเลี่ยงค้อนที่ฟาดหวดเข้าใส่

เขาคือผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ กระนั้นหากโดนแรงปะทะ

นั่นเข้าต้องบาดเจ็บหนัก กระนั้นเขาก็ยังมั่นใจว่ามีความสามารถมาก

พอจัดการฉินหยุนได้

แต่แล้วตอนนี้ เขาได้เห็นว่าค้อนในมือฉินหยุนน่าสะพรึงกลัวเพียงใด

ความนึกคิดอดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัวออก

“พลังเต๋ากระดูก… นี่เจ้า… เจ้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปด

แล้ว!”

จ้าวสํานักตะวันทองคําตื่นตระหนก ตามข้อมูลที่รวบรวมมา ฉินหยุน

เลื่อนจากระดับที่หนึ่งสู่ระดับที่แปดในระยะเวลาเพียงแค่สองปี

เท่านั้น!

“คนเช่นเจ้าหรือที่คิดว่าเหนือกว่าและสามารถสังหารข้า ปรามาสข้า

มากเกินไปแล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะ ยันต์สะกดกายในมือจํานวนหนึ่ง

ถูกขว้างปาออก

จ้าวสํานักตะวันทองคําร่างกายหยุดชะงักเพราะฤทธิ์ยันต์ กระนั้น

ร่างกายไม่ได้ถูกตรึงเอาไว้ ชุดเกราะที่กายของเขาสามารถป้องกัน

พลังอํานาจของยันต์ได้ระดับหนึ่ง

ฉินหยุนเองก็ทราบ ว่าชุดเกราะของผู้คนจากสํานักเก้าตะวันมีพลัง

อํานาจขวางกั้นยันต์สะกดกาย

อักขระสะกดกาย เป็นอักขระโบราณ ดังนั้นชุดเกราะส่วนใหญ่ที่

สร้างขึ้นโดยสํานักเก้าตะวัน ย่อมต้องมีอํานาจต้านทานยันต์สะกดกาย

แม้ว่ายันต์สะกดกายทํางานไม่เต็มประสิทธิภาพ ฉินหยุนก็ยังมั่นใจ

ว่าสามารถโค่นล้มจ้าวสํานักตะวันทองคําได้!

ด้วยค้อนเทวะเก้าตะวัน ฉินหยุนสามารถปลดปล่อยพลังระดับ

ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณช่วงต้นออกมา เมื่อผสานรวมเข้ากับเคล็ด

วิชายุทธ์เลิศลํ้าของเขา จึงสามารถสะกดจ้าวสํานักตะวันทองคําได้

อย่างรวดเร็ว

“ราชสีห์น้อย ออกมา!” ฉินหยุนพลันใช้เคล็ดวิชาเรียกราชสีห์

สวรรค์ อัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาสองตัว

ตั้งแต่ที่เขาก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หก วิญญาณยุทธ์สีดํา

ของเขาจึงแปรสภาพเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นความสามารถเทวะจึง

เพิ่มพูนพลังอย่างมหาศาล ขณะนี้เขาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่

แปด ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพทั้งสองตัวที่อัญเชิญมาจึงทรงพลังยิ่ง

ชั่วขณะที่ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพทั้งสองตัวปรากฏ พวกมันปิ ดล้อม

จ้าวสํานักตะวันทองคํา ปลดปล่อยเสียงคํารามราชสีห์สวรรค์ออกมา

อย่างพร้อมกัน!

คลื่นเสียงทรงพลังเข้าปะทะ มันสั่นสะเทือนจนเกิดขึ้นเป็นคลื่นพลัง

จิต เข้าสะกดลงที่ร่างของจ้าวสํานักตะวันทองคําจากทั้งสามทิศทาง!

คลื่นเสียงทั้งสามเมื่อเข้าปะทะเป้าหมาย จ้าวสํานักตะวันทองคําจึง

กระอักเลือดออกคําโต

ฉินหยุนพุ่งทะยาน ค้อนฟาดหวดลง สายฟ้าอสนีบาตนับไม่ถ้วนสีดํา

ทะลักพวยพุ่งสั่นสะเทือนผืนโลก

แม้จ้าวสํานักตะวันทองคําครอบครองชุดเกราะลํ้าค่า ร่างกายยังถูก

ทะลวงผ่าน กระดูกเต๋าและสามมหาวิถีถูกทําลาย ร่างร่วงหล่นกับ

พื้นนอนแน่นิ่ง

“ฉินหยุน เมื่อข้าไล่ล่าเจ้า ข้าได้ใช้อุปกรณ์สื่อสารลึกลํ้ากระจาย

ความชั่วร้ายของเจ้าสู่แดนวิญญาณอ้างว้าง ชะตาเจ้ามีแต่รอวันดับ

สูญ!” จ้าวสํานักตะวันทองคําส่งเสียงทางจิตร้องบอก

“ความชั่วร้าย? เป็ นเจ้าคิดฉกชิงสายเลือดและโทเทมข้า นี่ไม่ใช่หรือ

ที่เรียกว่าความชั่วร้าย?” ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวนี้ทั้งชวนหัวเราะและ

โกรธเกรี้ยว

ขั้วอํานาจเหล่านี้บ่อยครั้งมักยั่วยุผู้อื่นที่อ่อนแอกว่า หากผู้ใดต่อต้าน

พวกมัน เช่นนั้นความชั่วร้ายจะถูกยัดเยียด เป็นความชั่วร้ายที่พวกมัน

ใช้แอบอ้างเพื่อเรียกหาความยุติธรรมจอมปลอม!

“ผู้ใดครอบครองสายเลือดและโทเทมราชสีห์สวรรค์ ถือเป็นการขัด

ต่อกฎแห่งโลก สํานักเก้าตะวันของเราเป็นที่ชอบพอของมหาวิถี

แห่งเต๋า เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงเป็นผู้ถูกต้อง…”

ฉินหยุนขณะนี้คํารามกราดเกรี้ยว ค้อนในมือฟาดหวดลง ทําลายจ้าว

สํานักตะวันทองคําจนสิ้นชีพ จากนั้น เขาค่อยนําวิญญาณยุทธ์

อสนีบาตระดับทองม่วงของอีกฝ่ ายออกมา!

“คนสารเลวเช่นนี้กลับมีวิญญาณยุทธ์ที่ดีไม่เลว!” ช่วงที่ผ่านมา ฉิน

หยุนได้รับวิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วงมาไม่น้อย

นี่จะยิ่งทําให้เขาสามารถขัดเกลาวิญญาณอุปกรณ์ที่แกร่งกล้าในภาย

หน้าได้

ศึกทางด้านหยางฉีเย่ว์จบไปนานแล้ว นางปลดปล่อยเส้นใยที่แปร

สภาพเป็นอักขระชีวิต เข้าพันธนาการร่างผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์

วิญญาณ รอให้ฉินหยุนมาจัดการต่อ

ฉินหยุนพอมาถึง ฉับพลันเขารับรู้ได้ถึงออร่าแกร่งกล้า

ความรู้สึกนี้ มันเปรียบดังแรงกดดันจนทําให้หายใจแทบไม่ออก

“พี่หยาง นี่ขุมพลังเต๋าท่านหรือ? น่ากลัวเกินไปแล้ว!” ฉินหยุนเผย

ความตระหนก พลังระดับนี้ตัวเขายังไม่อาจปลดปล่อยออกมาได้

เดิมเขาสามารถใช้ขุมพลังเต๋าได้ที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกหรือ

เจ็ด แต่มันจําเป็นต้องใช้ความรู้และเข้าใจต่อพลังของตนเอง

ขุมพลังเต๋า โดยหลักนั้นใช้เพื่อสร้างแรงกดดันต่อผู้อื่น ทําให้เกิด

สภาวะทางจิตอันไร้รูปร่างขึ้น

นอกจากนี้ เมื่อทําการวาดอักขระ การผสานออร่าเต๋าเข้าไป จะช่วย

ทําให้ตัวอักขระเต็มเปี่ ยมด้วยขุมพลังเต๋า เมื่อใช้อุปกรณ์ในระหว่าง

การต่อสู้ มันจะส่งผลต่อสภาวะทางจิตของศัตรูด้วย

ฉินหยุนมีความสามารถรู้และเข้าใจยอดเยี่ยม กระนั้นก็ยังไม่คล้ายจะ

เข้าถึงเต๋าระดับนี้ได้

“บางทีอาจเป็นเพราะวิญญาณยุทธ์ของเจ้าค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นจึง

ยังไม่อาจทําความเข้าใจได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ อย่าได้กังวลไป

ภายหน้าเจ้าต้องทําได้อย่างแน่นอน!” หยางฉีเย่ว์ปลอบ ดวงตาของ

นางเผยท่าทีการให้กําลังใจออกมา

ฉินหยุนค่อยรู้สึกวางใจ ถัดจากนั้น เขาจึงแยกเอาวิญญาณยุทธ์ออก

จากร่างผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณทั้งเจ็ด ทั้งหมดล้วนเป็น

วิญญาณยุทธ์ระดับแพลทินัม

“วิญญาณยุทธ์สวะ!” เขากล่าวพร้อมมองอย่างเดียดฉันท์

คําของเขา สร้างแผลทางใจแก่บรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้รุนแรง

วิญญาณยุทธ์พวกเขาที่บํารุงเลี้ยงมานานนับ ขณะนี้ถูกเรียกเป็น

วิญญาณยุทธ์สวะเมื่อถูกนําออกมา

ชายชราคนหนึ่งถึงกับโกรธจนตายตกคาที่!

ฉินหยุนใช้ยันต์อัคคีเผาร่างผู้คนเหล่านั้น

ขณะมองไปยังทิศทางที่ตั้งของแดนอ้างว้างลึกลับโบราณ เขากลายเป็น

เสียดายขึ้นมา แม้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ในมิติแห่งนั้น แต่กลับไม่มีเสียงใด

ส่งออกถึงภายนอก

หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “มิตินั่นแตกสลายแล้ว สารเลวเหล่านั้นล้วนตายสิ้น!”

“ขั้วอํานาจของพวกมันในแดนวิญญาณอ้างว้างย่อมทราบเรื่อง! เมื่อ

ครู่จ้าวสํานักตะวันทองคํา มันบอกต่อข้าว่าได้แพร่กระจายข่าวคราว

เรื่องที่เกิดขึ้นสู่แดนวิญญาณอ้างว้างแล้ว!” ฉินหยุนมองท้องฟ้าด้วย

สีหน้าเป็นกังวล

“อย่าได้กังวลไป เมื่อพวกเราไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง เมื่อนั้นพวก

เราจะไม่ต้องหวั่นเกรงใดต่อพวกมัน! สํานักเก้าตะวันหาได้ใช่นาย

เหนือของแดนวิญญาณอ้างว้าง!” หยางฉีเย่ว์ตบไล่ฝุ่นที่เสื้อผ้าของ

ฉินหยุนพลางเอ่ยคําเบา

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ ในที่สุดก็จัดการสํานักเก้าตะวันแห่งหนึ่งได้

ขณะนี้จึงคิดกลับไปฝึกฝน

เขาคิดอยากก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า!

ขณะบินผ่านอากาศ พวกเขารับรู้ได้ถึงออร่าแกร่งกล้า

“เป็นออร่าของราชันยุทธ์!” หยางฉีเย่ว์สีหน้าแปรเปลี่ยน คิดดึงฉิน

หยุนให้หนีพ้น

“รอประเดี๋ยว!” ราชันยุทธ์ที่ใกล้เข้ามา เป็ นเว่ยจงเจิ้ง

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ตื่นตระหนก นี่ก็เพราะพลังอํานาจการสะกด

ขณะนี้มันเริ่มปรากฏในสามแดนอ้างว้างแล้ว

ราชันยุทธ์ที่ยังคิดอยู่ที่นี่ ถือว่ามีอันตรายมากล้น!

“จ้าวสํานัก!” ฉินหยุนมองผู้อาวุโสชุดดําพร้อมเกิดความรู้สึกวางใจ

เป็ นเขายินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเว่ยจงเจิ้งอีกครั้งหนึ่ง

เว่ยจงเจิ้งเมื่อได้เห็นฉินหยุนยังอยู่สบายดี เขาค่อยยิ้มกล่าว “ข้าได้ยิน

ว่าสํานักตะวันทองคําถูกเจ้ากวาดล้าง ดังนั้นจึงเร่งรีบมา ดูเหมือนเจ้า

ยังสบายดี!”

หยางฉีเย่ว์เอ่ยถามด้วยความสงสัย “จ้าวสํานักเว่ย ท่านไม่ได้รับผล

ของแรงกดดันหรือ?”

“ขณะนี้ยังไม่เป็นไร! หากปล่อยต่อไป ข้าก็ยังสะกดการฝึกฝนสู่

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าได้!” เว่ยจงเจิ้งยิ้ม “ตําหนักจันทรา

ทมิฬได้สอนเคล็ดวิชาลับนี้แก่ข้า!”

ไค่เซียงจิ้งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ก่อนหน้านี้นางยังสามารถเข้า

สู่นครโบราณยุทธ์เต๋า ดังนั้นต้องเป็นเคล็ดวิชาลับเช่นนี้อย่างแน่นอน

“จ้าวสํานัก แล้วคนอื่นของประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์เล่าขอรับ? อีกทั้ง

เหตุใดท่านยังไม่ไปแดนวิญญาณอ้างว้าง?” ฉินหยุนเมื่อเอ่ยถึงประตู

ลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ ขณะนี้เขาเกิดความรู้สึกเศร้าขึ้นมา

“ข้าฝากมู่เฟิ งนําพวกเขาไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างแล้ว! ขณะนี้ มู่

เฟิ งคงจัดแจงให้พวกเขาอยู่กันอย่างสงบแล้ว” เว่ยจงเจิ้งเผยเสียง

ถอนหายใจยาว “เสี่ยวหยุน ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ของพวกเรา เมื่อ

ไม่มีลูกศรเทพกําราบตะวันก็ถือว่าจบสิ้นกันแล้ว”

ฉินหยุนถอนหายใจหนัก ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามที่เขาได้

สังกัดก่อนหน้านี้ก็ดี คราวนี้ก็ยังเป็นประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์

“เสี่ยวหยุน ข้ายังคิดอยู่ในสามแดนอ้างว้างต่อเพื่อค้นหาพระสูตร

หัวใจเก้าสมบูรณ์! ข้าคิดเพียงว่าพวกเราเสียบทที่สอง ไม่คาดคิดว่าที่

เสียไปจะเป็นทั้งเล่ม!”

เว่ยจงเจิ้งจ้องมองที่เก้าตะวันบนฟากฟ้า “พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์

มีทั้งสิ้นสองเล่ม พวกมันย่อมต้องอยู่ในแดนปี ศาจอ้างว้างและแดน

สัตว์อสูรอ้างว้าง! พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์มีความสําคัญอย่างยิ่ง

หากพวกเรารวบรวมพวกมันได้ครบ เช่นนั้นพวกเราก็มีหวังฟื้นคืน

ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ให้ยืนหยัดในเก้าแดนอ้างว้าง!”

พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ ยังคงเป็นตัวตนเลิศลํ้า แม้ฉินหยุนครอบ

ครองมัน ก็ใช้ได้เพียงแต่พลังภายในเก้าสมบูรณ์ และฝ่ ามือมังกร

สัมบูรณ์

“จ้าวสํานัก ให้ข้าไปกับท่านด้วยดีหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ไม่เป็นไร! เมื่อใดข้าพบพวกมัน ข้าจะไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง

เพื่อพบเจอเจ้า!” เว่ยจงเจิ้งมองที่หยางฉีเย่ว์ ก่อนจะตบไหล่ฉินหยุน

เขากล่าว่ “พวกเจ้าล้วนแกร่งกล้า ดังนั้นแม้เข้าแดนวิญญาณอ้างว้างก็

ยังคงปลอดภัยอย่างแน่นอน!”

“จ้าวสํานักขอรับ! พี่หยางมีภูมิความรู้เคล็ดวิชาฝึกฝนอย่างเลิศลํ้า ข้า

ขอส่งต่อพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์แก่นางได้หรือไม่? ข้าต้องขอ

อนุญาตท่านก่อน!” ฉินหยุนเกาหลังศีรษะพร้อมยิ้มเอ่ยถาม

เว่ยจงเจิ้งยิ้มรับ “ย่อมได้ ข้าเข้าใจว่าเจ้าคิดถ่ายทอดต่อแม่นางหยาง

หากได้นางช่วยชี้นําพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ นั่นอาจเป็นตัวเลือก

ที่ดีที่สุดแล้ว!”

“ขอบคุณจ้าวสํานักเว่ยที่ไว้วางใจ!” หยางฉีเย่ว์กล่าวอย่างตื้นตัน

อย่างไรแล้ว นางก็เป็นคนนอก หาได้ใช่ศิษย์ของประตูลึกลํ้าเก้า

สมบูรณ์ เมื่อนางได้รับอนุญาตให้เรียนรู้มัน หมายความถึงเว่ยจงเจิ้ง

ไว้วางใจต่อนางไม่ใช่น้อย

“พวกเจ้าดูแลตนเองให้ดี ข้าคิดรีบไปยังแดนปี ศาจอ้างว้างแล้ว!” เว่ย

จงเจิ้งมองที่ฉินหยุนพร้อมยิ้มอบอุ่นส่งมอบ

“จ้าวสํานักก็ดูแลตัวเองด้วยนะขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

“จ้าวสํานักเว่ย ขอท่านเดินทางอย่างปลอดภัย!” หยางฉีเย่ว์กล่าว

เว่ยจงเจิ้งนําเรือบินออกมา พร้อมเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังแดนปี ศาจอ้างว้าง

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ ขณะนี้เร่งรีบเดินทางกลับสู่นครโบราณยุทธ์

เต๋า

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม