Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน 481-487

 ตอนที่ 481 เหนือกว่า

เถิงรุ่ยเปี ยกโชกถึงขนาดที่ว่าทั้งร่างไม่มีส่วนใดไม่เปี ยก หมัดขณะนี้

กําแน่นพร้อมคํารามร้อง “ฉินหยุน จงรีบออกมา! ข้าจะฉีกสารเลว

เช่นเจ้าออกเป็นชิ้น!”

เถิงรุ่ยที่มีโทสะเปี่ ยมล้น พลังภายในปลดปล่อยออก เผยซึ่งพลังที่

ทะลักออกจากร่างกายอย่างมหาศาล

“ชายคนนี้ครอบครองสายเลือดอสูรหมาป่ าและโทเทมหมาป่ า!” โม

โมกล่าวกระซิบ “นี่น่าจะเป็ นเรื่องยากรับมือพอสมควร!”

แต่ละสํานักของสํานักเก้าตะวัน ล้วนเป็นสํานักโบราณ พวกเขาถือ

ครองมรดกสายเลือดและโทเทมเอาไว้อย่างมหาศาล

ศิษย์ที่มีพรสวรรค์ หรือเป็นลูกหลานของผู้อาวุโสและจ้าวสํานัก

พวกเขาย่อมได้รับมรดกสายเลือดและโทเทม

สํานักโบราณนี้ย่อมต้องครอบครองศิษย์ที่เหนือลํ้า ผู้ขัดเกลาวิญญาณ

ย่อมต้องมี โทเทม วิญญาณยุทธ์ และสายเลือด ทั้งหมดจะผสานกัน

อย่างลงตัว เทียบกับบรรดาผู้ฝึกตนทั่วไปแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งกว่า

อย่างมหาศาล

“เข้ามาในพื้นที่ของข้า ตะโกนเป็นบ้าเป็นหลัง ทําตัวโอหังอวดดี

ชีวิตเจ้าย่อมอยู่ได้อีกไม่นานนัก!”

ครั้งนี้ เถิงรุ่ยเตรียมอยู่ก่อนแล้ว ได้เห็นลําแสงพุ่งมา เขาจึงหลบเลี่ยง

อย่างรวดเร็ว

กระนั้น กระสุนปื นใหญ่คล้ายทราบวิธีการเลี้ยว ไล่ตามเถิงรุ่ยที่เพิ่ง

หลบเมื่อครู่

เถิงรุ่ยไม่คาดคิดมาก่อน กระนั้นก็ตอบสนองได้รวดเร็ว ขณะหลบ

เลี่ยงกระสุนปื นใหญ่ที่พุ่งเข้ามา เขาพบว่ามันระเบิดออกตั้งแต่อยู่

ห่างจากตนกว่าสิบเมตร!

หลังกระสุนปื นใหญ่เกิดการระเบิด เสียงค่อนข้างเบา มีเพียงแต่คลื่น

อากาศกระแทก คลื่นอากาศนี้ปกคลุมร่างเถิงรุ่ย ทําให้เขาไม่อาจขยับ

ตัว

ผู้คนต่างได้เห็น ว่ากระสุนปื นใหญ่ที่ระเบิดออกไม่ได้ก่อให้เกิดการ

ระเบิดรุนแรง แต่มันกลับมีปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น

ทันใดนี้เอง เถิงรุ่ยพลันร้องตะโกน “ผู้อาวุโสช่วยข้าด้วย ข้าขยับ

ไม่ได้!”

คําพอกล่าวจบ ฉินหยุนก็ยิงลูกที่สอง เปลวเพลิงระเบิดรุนแรงดัง

สนั่นปกคลุมร่างนั้น

ตู้ม!

เปลวเพลิงพิโรธจากแรงระเบิด เกิดเป็นเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนลอยฟุ้ง

จากฟากตะวันออกจนถึงตะวันตกของประตูเมือง เข้าปกคลุมพื้นที่

ถึงหลายสิบเมตรด้วยกัน!

เปลวเพลิงที่ล้นทะลักนี้ยังทอดยาวไปอีกหลายร้อยเมตรเป็นเส้นทาง

อัคคี ผู้พบเห็นล้วนเกิดอาการขวัญผวา!

“เถิงรุ่ย!” ชายชราในชุดดําเผยความตื่นตระหนกขณะคํารามร้อง

เสียงดัง

เปลวเพลิงเลือนหาย หลงเหลือไว้แต่ขวานบนพื้น เถิงรุ่ยหายไปแล้ว

แค่เห็นฉากเช่นนี้ ผู้คนก็กล้าบอกกล่าว ว่าร่างนั้นคงเป็นเถ้าธุลีไป

เรียบร้อย

ผู้คนจากสํานักเก้าตะวันที่เปี่ ยมด้วยความภาคภูมิก่อนหน้า ขณะนี้ได้

แต่จับจ้องขวานบนพื้นด้วยอาการตื่นตะลึง!

แม้ว่าเถิงรุ่ยเป็นเด็กหนุ่ม แต่เขาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

พร้อมอาวุธเต๋าในมือ ทั้งยังครอบครองสายเลือดและโทเทม ขณะนี้

กลับตายอย่างหมดจดไม่หลงเหลือสิ่งใด!

“ข้านามฉินหยุน จ้าวนครโบราณยุทธ์เต๋าแห่งนี้! หากข้าไม่อนุญาต

พวกเจ้าอย่าได้คิดเข้าสู่นครโบราณ!” นํ้าเสียงทรงพลังของฉินหยุน

ดังก้องในท้องฟ้า

ตําหนักโทเทมและตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงขณะนี้ค่อยผ่อนคลาย

ได้มาก เพราะกระทั่งศิษย์ที่แกร่งกล้าของสํานักเก้าตะวันยังต้องตาย

อย่างอนาถ!

ชายชราหลายคนจากสํานักเก้าตะวัน ขณะนี้พลันระดมการโจมตีใส่

ค่ายอาคม!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

การกระทํานี้ทําฉินหยุนตระหนก บุคคลที่ลงมือ มีระดับการฝึกฝน

เช่นเดียวกับอู่หมิงซวี เป็นตัวตนที่เหนือกว่าราชันยุทธ์!

กระนั้น แม้ยอดฝีมือหลายคนร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังไม่อาจทําลาย

ค่ายอาคมของนครโบราณยุทธ์เต๋า!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบอกต่อฉินหยุนผ่านเสียงสื่อสาร “พี่ชาย ท่านต้องกดดัน

พวกมัน หากพวกมันไม่ส่งคนมาเพิ่ม เท่ากับหยุดการต่อสู้ที่เท่านี้

หรือ?”

“ไม่ใช่เรื่องดีหรือไรกัน?” ฉินหยุนยิ้มตอบกลับ

“ไม่ดี นี่น่าเบื่อเกินไป! ภายหน้าท่านต้องหลอมปื นใหญ่ราชันลึกลํ้า

แก่ข้าด้วย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยร้องโอดครวญ

ฉินหยุนค่อนข้างคุ้นเคยกับปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าเป็นอย่างดี

ยิ่งผ่านไปเขายิ่งใช้มันได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้ เขายังสามารถขัด

เกลากระสุนปื นใหญ่สะกดกาย หากใช้งานมัน เขาจะทําให้ร่างกาย

อีกฝ่ ายแข็งค้าง เหมือนอย่างเมื่อครู่ เป็นอีกฝ่ ายไม่รู้ตัวและไม่ทัน

ระวังแต่อย่างใดด้วยซํ้า

หานเฝิงหู่กล่าวขึ้น “ฉินหยุนขณะอายุน้อยกว่ายี่สิบปี เขาสําเร็จการ

เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง! ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาและ

ความก้าวหน้าที่ครอบครอง ย่อมขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน

ขึ้นมาได้”

เสียงของเขาทําให้หลายผู้คนได้ยิน ถึงกับทําพวกเขาขนลุกตั้ง!

อาจารย์จารึกวิญญาณที่สามารถขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน

อายุน้อยกว่ายี่สิบปี ตัวตนนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!

เมื่อครู่ เถิงรุ่ยและอสูรหมาป่ าถูกสังหารเพราะแรงระเบิด วัตถุที่

ระเบิดออก ย่อมต้องเป็นอุปกรณ์วิญญาณแกร่งกล้าที่ขัดเกลาโดย

อาจารย์จารึก!

“ถึงคราวเจ้าเข้าไปแล้ว!” ชายชราชุดดํากล่าวเสียงเย็น “นําขวานของ

เถิงรุ่ยกลับมาด้วย แล้วข้าจะตอบแทนทีหลัง!”

เถิงรุ่ยคือผู้เข้าไปคนแรก ผู้คนล้วนได้เห็นว่าเกิดอันใดขึ้นกับเขา ร่าง

นั้นระเบิดกลายเป็นธุลี!

ห้าคนที่ก่อนหน้านี้จับสลากขึ้นมา ขณะนี้เหลือเพียงสี่ พวกเขาล้วน

เป็นเด็กหนุ่ม!

“พวกเจ้าเข้าไปพร้อมกันให้หมด!” ผู้อาวุโสชุดแดงกล่าวออก “ฉิน

หยุนผู้นี้แปลกเกินไป ตามข้อมูลที่พวกเราได้มา เขาครอบครองแก่น

เต๋าราชันยุทธ์อยู่ในมือ!”

“ตราบเท่าที่พวกเราได้นครโบราณยุทธ์เต๋ามา ศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าของพวกเราจะมีการฝึกฝนก้าวหน้าอย่างมหาศาล!”

ฉินหยุนขณะนี้รู้สึกกับตนเอง ว่านครโบราณยุทธ์เต๋าไม่ใช่เอาไว้

เพียงแค่ฝึกฝนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า มันจะต้องมีความลับซุกซ่อนอยู่

อีกแน่

ไม่อย่างนั้น ด้วยพื้นฐานของสํานักแกร่งกล้าทั้งหลาย ย่อมไม่จําเป็น

ต้องเข้านครโบราณมาเพื่อพัฒนาตนเอง

เด็กหนุ่มสี่คนสวมใส่ชุดเกราะเต๋า นี่ก็เพื่อใช้ป้องกันแรงระเบิดรุนแรง

แม้พวกเขาได้เห็นเถิงรุ่ยตายต่อหน้า กระนั้นกลับไม่มีความหวาดกลัว

ใดยามเดินผ่านเข้าประตูเมืองมา

เมื่อเข้ามาแล้ว ฉินหยุนเปิ ดฉากด้วยกระสุนปื นใหญ่สองนัด ที่

นําหน้าคือทําให้ร่างกายไม่อาจขยับ ที่ตามหลังมาคือกระสุนระเบิด

เด็กหนุ่มทั้งสี่ยังสามารถเคลื่อนไหวแม้โดนสะกดร่างกาย ชัดเจนว่า

นี่เป็นผลจากชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่

กระนั้นแม้ว่าสามารถขยับ ก็ยังต้องโดนระดมเพลิงด้วยแรงระเบิด

ของกระสุนปื นใหญ่!

ผ่านไปครู่ เด็กหนุ่มทั้งสี่พุ่งเข้าหาฉินหยุนพร้อมอาวุธเต๋าในมือ

ใบหน้านั้นเปี่ ยมด้วยโทสะ!

ฉินหยุนตระหนัก ไม่คิดว่าอีกฝ่ ายจะพบเจอตนเองแล้ว

เชี่ยวเย่ว์หลานซ่อนตัวในบ้านที่ห่างไกลออกไป นางขณะนี้แปรเปลี่ยน

ร่างให้โปร่งแสงแล้วเร่งรีบเข้ามา

พร้อมกันนี้ เซี่ยอู๋เฟิ ง หยางฉีเย่ว์ เชี่ยวเย่ว์เหม่ย เชี่ยวเสวียนฉิน หง

เมิ่งจู หงเหยียน และมู่หรงต้าเหรินล้วนทะยานกายออกมา

นอกจากเซี่ยอู๋เฟิ ง ผู้อื่นล้วนสวมใส่ชุดสีดําและหมวกปิ ดบังใบหน้า

นี่ก็เพื่อไม่ให้ผู้อื่นจดจําตนเองได้

ฉินหยุนปรากฏตัว กวัดแกว่งอาวุธเต๋าในมือ กระบี่ใหญ่สีดําพุ่งเข้า

หาเด็กหนุ่มที่ใบหน้ายาวคนหนึ่ง!

ผู้รับชมจากภายนอก ไม่คิดว่าฉินหยุนจะมีผู้ช่วยเหลือข้างกายจํานวน

มากมายเพียงนี

“ผู้ฝึกตนดาบนั่นสมควรอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามใช่หรือไม่?

ดาบต้นกําเนิดของเขาก่อนหน้านี้ถูกทําลาย เหตุใดขณะนี้กล้าออกมา?”

“ฉินหยุนเองก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่หรือไม่ก็ห้า ผู้คนข้าง

กายเขา มีหนึ่งในคนชุดดําที่อัญเชิญมังกรใต้พิภพซึ่งแข็งแกร่งออกมา

ได้!”

“หากเขามีผู้ช่วยเหลือแข็งแกร่งอยู่เคียงข้าง ก็สมควรออกมาเผชิญหน้า

นานแล้ว! นี่เป็นพวกเขาถูกบีบบังคับให้ออกมา!”

เซี่ยอู๋เฟิ งรวดเร็ว หลังจากพุ่งทะยานเข้าหาเด็กหนุ่มผมสั้น เขากวัด

แกว่งดาบต้นกําเนิด เกิดเป็นเสียง ‘ฉัวะ’ ดังออกมา แรงระเบิดรุนแรง

ปะทุออกจากตัวดาบพร้อมจิตสังหารเย็นเยือก สร้างความสะพรึงแก่

ผู้พบเห็นไม่ใช่น้อย

ดาบที่ฟาดฟันออกแต่ละครั้งสามารถแทงทะลวงร่างเด็กหนุ่มผมสั้น

ทว่าอีกฝ่ ายมีชุดเกราะเต๋า

ได้เห็นการเคลื่อนไหวดาบที่คมกล้าของเซี่ยอู๋เฟิ ง ผู้อื่นล้วนอดไม่ได้

ที่จะเผยความตื่นตะลึง!

ขณะนี้ เซี่ยอู๋เฟิ งเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

ของสํานักเก้าตะวัน กระนั้น เขาก็ยังสามารถคุมสถานการณ์ได้ นี่

หมายความถึงระดับการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

“คนพวกนี้ไม่ง่ายรับมือ!” เชี่ยวเย่ว์หลานส่งเสียงสื่อสารบอกต่อฉิน

หยุน “เกราะเต๋าพวกมันแข็งแกร่งมาก หากคิดทําลายถือเป็ นเรื่องยาก!

ไม่เพียงแต่ถึกทน แต่พลังยังไม่อาจทะลวงเข้าไป กระทั่งความ

สามารถทะลุทะลวงก็ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้!”

ฉินหยุนใช้วิชาวายุสังหารทั้งหกกระบวนท่า สับฟันคู่ต่อสู้อย่างบ้า

คลั่ง ทางด้านคู่ต่อสู้ ขณะนี้ยังมีท่าทีสงบ อีกฝ่ ายไม่คิดหลบการโจมตี

ที่พุ่งเข้ามา ทําให้ฉินหยุนสามารถสับฟันได้ตามใจชอบ

หากไม่มีอันใดให้ต้องหวั่นเกรงการโจมตีของผู้อื่นในการต่อสู้ เช่นนั้น

ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพียงโจมตีออกเท่านั้นก็พอ

เซี่ยอู๋เฟิ ง มู่หรงต้าเหริน และหงเหยียนร่วมมือกัน

หงเมิ่งจูร่วมมือกับหยางฉีเย่ว์

เชี่ยวเย่ว์หลาน เชี่ยวเย่ว์เหม่ย และเชี่ยวเสวียนฉินร่วมมือกัน

ไค่เซียงจิ้งไม่ปรากฏตัว เพราะนางจะถูกพบเห็นโดยศิษย์ตําหนัก

จันทราทมิฬได้ง่าย

“เย่ว์หลาน เย่ว์เหม่ย! มาที่นี่ช่วยข้าสะกดมันไว้!” ฉินหยุนส่งเสียง

สื่อสารร้องบอก

เชี่ยวเสวียนฉินสามารถประคองโดยลําพังเอาไว้ได้ ดังนั้นเชี่ยวเย่ว์

หลานและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเข้าไปช่วยฉินหยุนรับมือ

ทางด้านฝูงชนที่รับชมการต่อสู้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมพลังอํานาจ

ของสํานักเก้าตะวัน โดยเฉพาะชุดเกราะเต๋าที่แกร่งกล้า กระทั่งถูก

โจมตีโดยหลายคน ก็ยังไม่มีแม้รอยขีดข่วน

“ฉินหยุน! จงหยุดดิ้นรน หัวเจ้าเป็นของข้าแล้ว!” เด็กหนุ่มใบหน้า

ยาว ฉับพลันสูดลมหายใจเข้าลึก และหัวเราะออกอย่างชั่วช้า “ข้าไม่

นึกเลยว่าคนที่ช่วยเหลือเจ้าจะเป็นหญิงสาว ฮ่าฮ่า วิเศษนัก! ฆ่าเจ้า

แล้ว ข้าจะให้พวกนางบําเรอข้า!”

เชี่ยวเย่ว์หลานและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอได้ยินดังนี้ ภายในใจพวกนาง

เปี่ ยมล้นด้วยโทสะ

ทางด้านฉินหยุน เขาคํารามพร้อมปล่อยหมัดออกไปหลายครั้ง

กระนั้น หมัดเหล่านั้นก็ไม่อาจทําร้ายเด็กหนุ่มได้

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบโคจรพลังเต๋าต้นกําเนิดที่

แกร่งกล้า ควบแน่นพวกมันเป็นเชือกสีแดงเพลิง รัดพันร่างเด็กหนุ่ม

ใบหน้ายาวเอาไว้

ฉินหยุนนําหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา เป้าหมายคือเด็ก

หนุ่มหน้ายาวตรงหน้า!

หลังจากที่มังกรในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรถูกหยางฉีเย่ว์

สังหารไปแล้ว ร่างของมันจึงถูกส่งไปยังมิติเก็บของในวิญญาณเทวะ

เก้าตะวันของฉินหยุน ขณะนี้จึงสามารถพร้อมที่จะสะกดคนเอาไว้

ด้านในได้

“น้องหยุน!” เซี่ยอู๋เฟิ งตะโกนบอกต่อฉินหยุน เขาคิดร่วมมือเข้า

ควบคุมเด็กหนุ่มคนนั้นเอาไว้

ฉินหยุนทะยานออก คิดเข้าตะครุบร่างเด็กหนุ่มเอาไว้ภายในหม้อ

ราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร

หลังจากนั้นจึงเป็นคราวของหยางฉีเย่ว์ ทุกอย่างเป็นไปราบลื่นดัง

สายนํ้า เด็กหนุ่มถูกสะกดพร้อมถูกนําใส่ในหม้อราชสีห์สวรรค์

สะกดมังกร

สุดท้ายเด็กหนุ่มคนอื่นคิดอยากหลบหนี ทว่าก็ต้องถูกล้อมโจมตี

เอาไว้โดยฉินหยุนและคณะ หนทางหลบหนีไม่มี ชะตาของเขาคือ

ได้แต่เข้าไปในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร!

บรรดาผู้ที่มาจากสํานักเก้าตะวันขณะนี้ร่างกายแข็งทื่อ!

พวกเขาค่อนข้างมั่นใจอย่างยิ่งว่าด้วยชุดเกราะเต๋าในครอบครอง จะ

ทําให้พวกเขามีเปรียบในการศึก พวกเขาจะระดมโจมตีฉินหยุนได้

โดยไม่ต้องแบกรับความเสียหายอันใด

แต่แล้วตอนนี้ พวกเขากลับถูกดูดหายเข้าไปในหม้อนั่น!

ฉินหยุนไม่อาจทําร้ายพวกเขา แต่เขาสามารถกักขังอีกฝ่ ายไว้ในหม้อ

ราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรได้!

ผู้คนของสํานักเก้าตะวันที่ลอยอยู่บนฟ้า ขณะนี้ร้องตะโกนออกด้วย

ความกราดเกรี้ยว!

“ข้าสังหารพวกมันตอนนี้ไม่ได้ ไม่ใช่หมายความว่าข้าสังหารพวก

มันในภายหน้าไม่ได้!” ฉินหยุนหัวเราะดังลั่น “ข้าอยากเห็นนัก ว่า

พวกมันจะอยู่รอดภายในนั้นได้นานสักเท่าใด!”

บรรดาผู้อาวุโสจากสํานักเก้าตะวันต่างทะยานร่างไปหาแม่เฒ่าหลิง

พวกเขาคล้ายรู้จักนางเป็นอย่างดี

หลังจากสนทนากันหลายคํา แม่เฒ่าหลิงค่อยตะโกนบอกต่อฉินหยุน

“ฉินหยุน พวกเขาคิดอยากต่อรองกับเจ้า!”


ตอนที่ 482 : ความลับของนครโบราณ

“พวกมันคิดเอาชีวิตข้า ยังจะมีอะไรให้ต่อรอง?” ฉินหยุนเอ่ยเสียง

เย็นชา

“ฉินหยุน ผู้เยาว์เหล่านั้นเป็นบุตรหลานของผู้อาวุโสสํานักพวกเรา

นอกจากนี้ พวกเขายังมีพรสวรรค์เหนือลํ้า และยังได้รับการบํารุงเลี้ยง

จากทรัพยากรของสํานักไปอย่างมหาศาล! ตราบเท่าที่เจ้าปล่อยพวก

เขา พวกเราสัญญาว่าจะมอบเงื่อนไขที่ดีให้!” ชายชราในชุดแดงกล่าว

เรื่องราวถึงขั้นนี้ พวกเขาได้แต่อดกลั้นโทสะภายในหัวใจเพื่อต่อรอง

กับฉินหยุน หากไม่แล้ว เด็กหนุ่มทั้งสี่คนล้วนต้องตายอย่างแน่นอน

ทุกคนกล้าบอก ว่าฉินหยุนมีเจตนาสังหารเด็ดเดี่ยวเพียงใด หากพวก

เขาไม่หาทางแก้ปัญหาโดยเร็ว เด็กหนุ่มทั้งสี่มีแต่ความตายที่รออยู่!

ฉินหยุน เซี่ยอู๋เฟิ ง และคณะต่างแลกเปลี่ยนสายตาต่อกัน พวกเขาคิด

ว่าตราบเท่าที่ผลประโยชน์ใหญ่มากพอ เช่นนั้นการเจรจาย่อมเป็นไปได้

“ย่อมได้ ข้าจะพูดคุยด้วย!” ฉินหยุนแสร้งครุ่นคิดไปชั่วขณะค่อย

ตอบกลับ

“พวกเราต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว ตรงนี้ไม่สะดวก!” ชายชราใน

ชุดแดงบอกออกมา

เมื่อผู้คนใกล้เคียงได้เห็นว่าสํานักเก้าตะวันยอมตกลง พวกเขาต่าง

ถอนหายใจกันออกไม่จบสิ้น

“มาคุยกันตรงนี้! ข้าไม่คิดเสียเวลากับพวกเจ้านัก อันดับแรก ข้ามี

เงื่อนไข จงบอกต่อข้าตามตรง ว่าเหตุใดพวกเจ้ากระเหี้ยนกระหือรือ

ต่อนครโบราณยุทธ์เต๋านัก!” ฉินหยุนเอ่ยถาม

ความจริงที่ว่าสํานักเก้าตะวันมีเด็กหนุ่มอายุสิบห้าถึงสิบหกปี ซึ่งก้าว

สู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า เป็นการยืนยันว่าพวกเขาไม่จําเป็น

ต้องเพิ่มระดับการฝึกฝนผ่านนครโบราณยุทธ์เต๋าแต่อย่างใด

ดังนั้น มันจะต้องมีบางอย่างซุกซ่อนในนครโบราณอย่างแน่นอน

สีหน้าของบรรดาผู้อาวุโสจากสํานักเก้าตะวันแปรเปลี่ยน พวกเขา

ขมวดคิ้วและไม่ตอบกลับฉินหยุนในทันที!

“นี่เป็ นเรื่องสําคัญสําหรับพวกเรา ดังนั้นไม่ขอกล่าวคําใด!” ชายชรา

ตอบกลับ

เซี่ยอู๋เฟิ งเผยนํ้าเสียงเย็นเยือก “ไม่คิดบอกหรือ?”

“เงื่อนไขอื่นพวกเราล้วนยอมรับ แต่เงื่อนไขนี้ไม่!” ชายชราชุดแดง

เผยเสียงเย็น “อย่าได้คิดขุดคุ้ยเรื่องนี้!”

ผู้คนขณะนี้ต่างประหลาดใจพลางหารือกันด้วยนํ้าเสียงเบาค่อย

แท้จริง พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีสิ่งลํ้าค่าซุกซ่อนในนครโบราณ

ฉินหยุนหย่อนเชือกลงในหม้อ นําเด็กหนุ่มที่ถูกพันธนาการออกมา

เขากล่าวนํ้าเสียงลุ่มลึก “พวกเจ้าส่งคนเหล่านี้เข้ามาล่าหัวข้าเพื่อ

เหรียญม่วง หากไม่พูด พวกมันก็ไม่มีประโยชน์ใดกับข้าแล้ว!”

“ท่านลุง ช่วยข้า…” เด็กหนุ่มในชุดแดงที่มีใบหน้ายาวร้องด้วยความ

หวาดกลัว

“รอเดี๋ยว!” ชายชราชุดแดงเร่งร้อนตะโกน

“เช่นนั้นจงรีบบอกถึงความลับของนครโบราณออกมา!” ฉินหยุน

กล่าวเสียงเย็น

“ขอเป็ นเงื่อนไขอื่น ตราบเท่าที่พวกเราทําได้ พวกเราย่อมยินดีรับ

ไว้!” ชายชราชุดแดงตะโกนตอบโต้ “ฉินหยุน อย่าได้คิดขวางโชค

ลาภของตัวเจ้า! สํานักเก้าตะวันของพวกเราคือผู้แข็งแกร่งที่สุดของ

เก้าแดนอ้างว้าง พวกเรายินดีต่อรองกับเจ้า ถือว่าเป็นการไว้หน้ามาก

แล้ว!”

“ฉินหยุน อย่าได้ปฏิเสธอย่างโง่เขลา! เร่งรีบบอกเงื่อนไขของเจ้า

ออกมาและปล่อยตัวพวกเขา!” ชายชราอีกคนตะโกนเสียงเย็น

“เจ้าสังหารไปคนหนึ่งแล้ว หากยังคิดสังหารต่อ สุดท้ายจะเป็นการ

ยั่วยุทั้งสํานักเก้าตะวัน นี่จะไม่มีประโยชน์อันใดกับเจ้า!”

“ฉินหยุน พวกเราเพียงต้องการควบคุมนครโบราณยุทธ์เต๋า พวกเรา

เพียงต้องการจับตัวเจ้าออกมา หาได้มีเจตนาสังหารไม่!”

ฉินหยุนถึงขั้นมีโทสะ คิดอยากเอาหัวของเขาไปอย่างไรก็ได้ตามใจ

หรือ?

พวกเขาเหล่านี้ตรงหน้า ล้วนมองตํ่าต่อชีวิตของเขา หาได้เห็นเขาใน

สายตาไม่!

“สํานักเก้าตะวันของพวกเราแข็งแกร่ง หากเจ้ากลัวเกรง เช่นนั้นจง

ปล่อยพวกเขาเหล่านั้นออกมา! พวกเราจะยอมมอบหลายร้อยล้าน

เหรียญม่วงตอบแทนเป็นอย่างไร?” ชายชราชุดแดงพอได้เห็นฉิน

หยุนไม่พูด เขาจึงคิดว่าฉินหยุนกําลังพิจารณาทางเลือก

ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก ใช้เชือกพิเศษดึงเอาอีกสามร่างออกมา

จากหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร

เมื่อบรรดาผู้อาวุโสสํานักเก้าตะวันได้เห็นฉินหยุนนําเด็กหนุ่มออกมา

ครบถ้วน รอยยิ้มพวกเขาขณะนี้เผยกว้างเด่นชัด

“คนฉลาดย่อมรู้จักการวางตัว!” ชายชราชุดแดงหัวเราะ “ฉินหยุน

พื้นฐานเจ้าไม่แย่ หากปรารถนาแก้ไขข้อพิพาทกับพวกเรา เจ้า

สามารถเป็นข้าทาสของสํานักพวกเราได้…”

กล่าวคําจบ ฉินหยุนวางมือที่หน้าท้องเด็กหนุ่ม พร้อมกันนี้ เสียง

กรีดร้องจึงดังขึ้น!

สีหน้าของชายชราชุดแดงแข็งค้าง ฉับพลันกลายเป็นความโกรธ

เกรี้ยว “หยุด หยุดเดี๋ยวนี้!”

ฉินหยุนแยกวิญญาณยุทธ์ออกต่อหน้า เป็นวิญญาณยุทธ์คลื่นเสียง

ระดับทองม่วงที่หาได้ยากยิ่ง

ถัดจากนั้น เขาจึงแยกวิญญาณยุทธ์ออกจากเด็กหนุ่มทั้งสาม ทั้งหมด

อยู่ระดับทองม่วง เป็นกระบี่ ดาบ และคันธนู!

เด็กหนุ่มทั้งสี่นอนทอดร่างกับพื้นพร้อมโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“ข้าเพิ่งพูดไป ว่าไม่คิดเสียเวลากับพวกเจ้า! หากไม่ตกลงรับเงื่อนไข

ของข้า เช่นนั้นก็จงรับชมโดยอย่าสะเออะกล่าวคํา!” ฉินหยุนแค่น

เสียง “หลายร้อยล้านเหรียญม่วงให้ข้าหรือ? คนเหล่านี้ช่างมูลค่าตํ่า

ต้อยนัก!”

“เช่นกัน ข้า ฉินหยุนไม่เคยหวาดเกรงสํานักเก้าตะวันของพวกเจ้า!”

แม่เฒ่าหลิงถอนหายใจยาว “สหายเฒ่า หากพวกเจ้ายอมรับเงื่อนไข

ของฉินหยุน ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะบอกความลับของนครโบราณ

ขณะนี้วิญญาณยุทธ์พวกเขาถูกนําออกมา ข้ายังใส่พวกมันกลับเข้า

ไปได้หาก…”

หลังจากผู้อาวุโสสํานักเก้าตะวันหารือกันอยู่พักหนึ่ง ชายชราชุดแดง

จึงออกหน้าพูดกล่าว “ฉินหยุน พวกเราจะบอกถึงความลับของนคร

โบราณยุทธ์เต๋า แต่เจ้าต้องยอมรับสามเงื่อนไข! อันดับแรก เจ้าต้อง

มอบเลือดราชสีห์สวรรค์แก่พวกเราถ้วยหนึ่ง!”

“อันดับสอง…”

ฉินหยุนพลันหัวเราะดังลั่น ขัดขวางชายชราชุดแดงไม่ให้พูดต่อ “คิด

หรือว่าข้าจะยอมรับเงื่อนไขพวกเจ้า! ในเมื่อไม่มีความจริงใจ เช่นนั้น

ก็ไม่มีเรื่องใดให้พูดต่อกันอีก!”

“พี่ใหญ่เซี่ย ข้าเพิ่งบอกไปว่าผู้ใดหาญกล้าเหยียบเข้านครโบราณยุทธ์

เต๋า จะต้องถูกสังหารก่อนแล้วค่อยถามทีหลัง! แต่พวกมันเหล่านี้

ค่อนข้างสังหารยากไปนิด!” ฉินหยุนกล่าว

“หากพวกมันขยับไม่ได้ ข้ายังสังหารพวกมันไหว!” เซี่ยอู๋เฟิ งเผย

เสียงเฉยชา

“รอเดี๋ยว! ตราบเท่าที่ยอมรับหนึ่งเงื่อนไขและเลือดราชสีห์สวรรค์

ถ้วยหนึ่ง ภายในสิบปี พวกเราจะยอมบอกถึงความลับของนคร

โบราณยุทธ์เต๋า!” ชายชราชุดแดงแตกตื่นเร่งร้อนตะโกนขึ้น

เซี่ยอู๋เฟิ งพอได้ยิน เขาเร่งรีบเรียกดาบต้นกําเนิด จ้วงแทงเข้าผู้คนบน

พื้น ความตายคืบคลานถึงทีละคน

กล่าวได้ว่าดาบต้นกําเนิดของเขายิ่งผ่านไปยิ่งน่ากลัว มันกระทั่งแทง

ผ่านม่านพลังของอุปกรณ์เต๋าได้!

ฉินหยุนปลดชุดเกราะเต๋า โยนร่างเหล่านั้นกลับเข้าหม้อราชสีห์

สวรรค์สะกดมังกร!

ผู้อาวุโสหลายคนของสํานักเก้าตะวันคํารามกราดเกรี้ยว ขณะนี้เข้า

โจมตีใส่ค่ายอาคมราวคนคลั่ง!

“พวกเจ้าส่งคนมาตัดหัวข้า ขณะนี้ข้าสังหารพวกมัน เรื่องราวมีอัน

ใดผิดพลาดไปหรือ?” ฉินหยุนแค่นเสียงเย้ยหยัน “เป็นพวกเจ้า

รนหาที่ตายเอง!”

ผู้คนต่างรู้สึกว่าคนของสํานักเก้าตะวันเหล่านี้ล้วนน่าสมเพช โอกาส

ได้ช่วยเหลือคนเหล่านั้นเห็นอยู่ตรงหน้า กระนั้นกลับปฏิเสธเงื่อนไข

ของฉินหยุน ไม่พอ ยังขอให้ฉินหยุนมอบเลือดราชสีห์สวรรค์

การเจรจาเช่นนี้ มันไม่ควรเป็นไปได้แต่แรกแล้ว!

สํานักเก้าตะวันช่างไม่รู้วิธีการเจรจาต่อรอง!

บางทีอาจเป็นเพราะสํานักเหล่านี้เป็นตัวตนที่เหนือลํ้าผู้อื่นมาโดย

ตลอด จึงไม่เคยทราบว่าควรรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร

พวกเขาเพียงคิดส่งหลายร้อยล้านเหรียญม่วงให้แก่ฉินหยุน และยัง

คิดขอให้ฉินหยุนยอมรับสามเงื่อนไขจากพวกเขา!

แม้ฉินหยุนไม่ทราบความลับนครโบราณ แต่เขาย่อมทราบว่ามันมี

สิ่งสําคัญซ่อนเร้นอยู่ภายใน หากไม่แล้ว สํานักเก้าตะวันคงไม่ปฏิเสธ

ถึงเพียงนี้

ชัดเจนว่าพวกเขากังวล ว่าฉินหยุนจะได้รับสมบัติลับในนครโบราณ

ขณะผู้คนของสํานักเก้าตะวันโกรธเกรี้ยวและบ้าคลั่ง ดวงตะวันบน

ท้องฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงกํ่าแล้ว

ขณะนี้เป็นช่วงกลางวัน แต่อาทิตย์กลับเผยแสงสีแดงเปรียบดังยาม

อัสดง นอกจากนี้ อีกดวงหนึ่งก็เริ่มแปรเปลี่ยนสีแล้ว!

แม่เฒ่าหลิงขมวดคิ้ว “นี่คือการเตือนต่อพวกเราจากเก้าตะวัน หาก

เก้าตะวันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง แรงกดดันจะเริ่มปรากฏในสามแดน

อ้างว้าง เมื่อนั้นผู้ฝึกตนเหนือกว่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณจะถูก

กดดันจนถึงแก่ความตายโดยแรงกดดันนั่น!”

เมื่อผู้คนได้เห็นดวงตะวันสีแดงกํ่า คนของสํานักเก้าตะวันขณะนี้

ความโกรธเลือนหาย แทนที่ด้วยความหวาดกลัวฉายชัดผ่านสีหน้า

สํานักเก้าตะวันย่อมทราบดีกว่าใคร ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ!

“พวกเราต้องรีบไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง! หากเก้าตะวันแปรเปลี่ยน

เป็นสีแดงหมดสิ้น เมื่อนั้นพวกเราจะถูกเผาเป็ นเถ้าถ่าน!” ผู้อาวุโส

ของสํานักเก้าตะวันเร่งรีบลงพื้นเข้ารถลาก

กระทั่งผู้มาจากสํานักเก้าตะวันยังหวาดเกรง ผู้คนย่อมทราบว่า

เรื่องราวจะชวนสะพรึงเพียงใด!

หลายคนขณะนี้เกิดความหนักอึ้งภายใน เร่งรีบไปจากนครโบราณ

ยุทธ์เต๋า

“ฉินหยุน อย่าได้คิดว่าเจ้าจะได้อยู่ในนครโบราณอย่างสุขสบายแม้

ยอดฝีมือจากไป! พวกเราจะส่งคนขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามาสังหารเจ้า!

เจ้าจะต้องหลบซ่อนในนครโบราณยุทธ์เต๋าไปชั่วชีวิต!”

“สํานักเก้าตะวันมีผู้อาวุโสที่แกร่งกล้ามากมาย พวกเขาจะมาจัดการ

เจ้าแน่!”

ชายชราจากสํานักเก้าตะวันเร่งรีบจากไปหลังเผยถ้อยคําทิ้งท้ายเอาไว้

ไม่นานจากนั้น ด้านนอกของนครโบราณยุทธ์เต๋าจึงกลายเป็ นเงียบ

งันและอ้างว้าง บรรดาผู้รับชมขณะนี้เร่งรีบหนีหายกลับสํานักตนเอง

ตระเตรียมเดินทางไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างกันแล้ว

มีแต่คนจากตําหนักจันทราทมิฬและหุบเขาลึกลํ้าจันทราที่ยังไม่จาก

ไป เพราะหยางฉีเย่ว์อยู่ภายในนั้น

หลังจากคนของกองกําลังอื่นไปหมดสิ้น เชี่ยวเย่ว์หลาน เชี่ยวเย่ว์

เหม่ย และผู้อื่นค่อยใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง พาเซี่ยอู๋เฟิ ง

หงเมิ่งจู และอีกหลายคนผ่านม่านพลังของนครโบราณออกมา

หยางฉีเย่ว์ไม่ออกมา นางบอกว่ายังมีเรื่องที่ต้องทําที่นี่

ครั้งเชี่ยวเย่ว์หลานคิดจากไป นางบอกเตือนต่อเขาเล็กน้อย และยัง

บอกให้ค้นหาความลับของนครโบราณ เมื่อทราบค่อยบอกต่อนาง

ในภายหน้า

เซี่ยอู๋เฟิ งติดตามแม่เฒ่าหลิงและคณะ เขาคือผู้ฝึกตนดาบ ไม่ว่าที่ใด

ย่อมยินดีต้อนรับเขาเสมอ

ได้เห็นขบวนรถลากยิ่งใหญ่จากไป หยางฉีเย่ว์ค่อยถอดหมวกคลุม

ออก เผยซึ่งความเด็ดเดี่ยวผ่านทางสีหน้า “ข้าสงสัยนัก เมื่อใดพวก

เราจะได้พบเจอพวกเขาอีกครั้ง!”

“พี่หยาง ท่านสามารถบอกเย่ว์หลานให้อยู่ เหตุใดนางจึงไป?” ฉิน

หยุนที่ต้องแยกจากเชี่ยวเย่ว์หลาน เป็นเขายอมรับเรื่องนี้ได้ยาก

“นางย่อมไม่คิดไป แต่หลังจากทราบว่าข้าคิดอยู่กับเจ้าที่นี่ต่อ นาง

ค่อยจากไปอย่างไร้กังวล!” หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “เย่ว์หลานย่อมมีแผนการ

จึงไปแดนวิญญาณอ้างว้าง! เจ้า เย่ว์หลาน และเย่ว์เหม่ยล้วนมีความลับ

เป็นของตนเองกันทั้งสิ้น!”

ฉินหยุนเกาศีรษะพลางยิ้มรับ “พี่หยาง เช่นนั้นไปค้นหาความลับของ

นครโบราณยุทธ์เต๋ากันดีกว่า!”

“ตามนั้น!” หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ

ขณะพวกเขาคิดจากไป ฉับพลันพบว่ามีออร่าแกร่งกล้าจํานวนหนึ่ง

ปรากฏ!

ชายในชุดเกราะสามคนเร่งรีบมาถึงรอบนอกของนครโบราณ

ชายร่างใหญ่ทั้งสามพอได้เห็นใบหน้างดงามของหยางฉีเย่ว์ พวกเขา

ล้วนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย อาวุธและชุดเกราะสีดําที่สวมใส่ ล้วนเป็น

อุปกรณ์เต๋า

กระนั้น คล้ายไม่มีผู้ใดคุ้นเคยการใช้งานอุปกรณ์เต๋า ชัดเจนว่าผู้

อาวุโสพวกเขาเพิ่งให้หยิบยืมเมื่อครู่นี

รถลากขนาดใหญ่ทั้งสามปรากฏกลางอากาศ คล้ายพวกเขาเหล่านี้จะ

เป็นคนของสํานักเก้าตะวัน!

สํานักเก้าตะวันมีกันถึงเก้าสํานักภายใน เมื่อครู่มากันเพียงห้าเท่านั้น

เวลานี้ อีกสามสํานักที่เหลือเพิ่งมาถึง!


ตอนที่ 483 กลืนกินวิญญาณ

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์หันหลังชนกัน ในมือขณะนี้ถืออาวุธพร้อมรบ

ชายในชุดเกราะสีดําทั้งสามปิ ดล้อมพวกเขาเอาไว้พร้อมรอยยิ้มชั่วช้า

ขณะนี้พวกเขายังไม่คิดลงมือ ราวกับมาเพื่อเจรจา

“ฉินหยุน ประหลาดใจใช่ไหมเล่า? แท้จริงพวกเรามาถึงนานแล้ว

พวกเราก็แค่ต้องการเปิ ดตัวให้เหนือลํ้ากว่าพวกหน้าโง่ห้าคนนั่น!”

ชายชุดดํากล่าว “ด้วยกําลังของเจ้า จัดการพวกเราไม่ง่าย นอกจากนี้

พวกเรายังมียอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้ากว่ายี่สิบคนรอ

อยู่ภายนอก!”

ฉินหยุนเผยเสียงเย็น “มีอะไรอยากพูดจงรีบพูดออกมา!”

“นครโบราณยุทธ์เต๋ามีรากฐานค่ายอาคม ขณะนี้คงอยู่ในการควบคุม

ของเจ้า จึงทําให้เข้าเมืองแล้วไม่อาจออกใช่หรือไม่? สํานักอื่นไม่

ทราบ แต่พวกเราทราบ ย้อนกลับไป พวกเราทั้งสามสํานักมีส่วนร่วม

ในการก่อสร้างนครโบราณแห่งนี้!” ชายร่างใหญ่กล่าว

หยางฉีเย่ว์เอ่ยคํา “สํานักเก้าตะวันสมควรมีเก้า เมื่อครู่มีห้า ขณะนี้

พวกเจ้ามีสาม แล้วอีกหนึ่งเล่า?”

“สํานักเก้าตะวันลําดับที่เก้ายุติไปเนิ่นนานแล้ว รากฐานของพวกเขา

ในแดนเทพอ้างว้างถูกทําลาย! ดังนั้นอย่าได้กังวลไป จะไม่มีสํานัก

เก้าตะวันอื่นโผล่มาอีกแน่!” ชายวัยกลางคนบอกเล่าออกมา

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ถึงกับเกิดอาการตื่นตระหนกภายใน

“กลับเข้าเรื่อง! หากเจ้ายังคิดอยากมีชีวิตรอด จงร่วมมือกับพวกเรา

เข้าร่วมสํานักเก้าตะวันของพวกเรา ร่วมมือกับพวกเราควบคุมนคร

โบราณแห่งนี้!” ชายชุดดําหัวเราะดัง “ทางด้านผลประโยชน์ที่พวก

เราจะมอบให้แก่เจ้า ย่อมต้องไม่น้อยหน้า!”

หยางฉีเย่ว์ขณะนี้ส่งเสียงสื่อสารบอกต่อฉินหยุน บอกเขาว่าอย่าได้

ยอมรับไม่ว่ามันจะเป็นอะไร

ฉินหยุนย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว เขาเชื่อว่าสามสํานักตรงหน้านี้คือผู้

อยู่วิถีเต๋าอันชั่วร้าย

นอกจากนี้ สายตาที่อีกฝ่ ายใช้มองหยางฉีเย่ว์ ยังทําให้เขาโกรธอย่างยิ่ง

“แล้วหากพวกเราปฏิเสธ?” หยางฉีเย่ว์เอ่ยถาม

“เช่นนั้นข้าจะส่งพวกเจ้าไปตาย!” ชายวัยกลางคนหัวเราะดัง

คําพอกล่าวจบ มือของหยางฉีเย่ว์เคลื่อนไหวเล็กน้อย ปลดปล่อย

ดาบออกอย่างรวดเร็ว แทงเข้าที่ศีรษะของชายตรงหน้า

ฉินหยุนสับฟันกระบี่ใหญ่ในมือ ส่งร่างชายวัยกลางคนกระเด็นไกล

“เหตุใดชุดเกราะพวกมันแข็งแกร่งนัก?” ฉินหยุนสบถภายใน หาก

ไม่มีชุดเกราะนั่น กระบี่ของเขาย่อมสับชายร่างใหญ่ออกเป็นสองท่อน

แล้ว

“เสี่ยวหยุน เจ้าไปถ่วงเวลามันไว้ ไม่ต้องสังหารมัน รอข้ากลับมา!”

หยางฉีเย่ว์กล่าวคําจบ นางเร่งรีบไล่ตามคนอื่นที่หลบหนี ดาบในมือ

ของนางกวัดแกว่งจ้วงแทงออก

ฉินหยุนไล่ตามชายวัยกลางคนที่ร่างกระเด็น เริ่มเข้าต่อกรกับอีกฝ่ าย

ไม่นานนัก หยางฉีเย่ว์สังหารคนเหล่านั้นก่อนจะกลับมาหาฉินหยุน

เพียงการจ้วงแทงไม่กี่ครั้ง นางก็สังหารคนสุดท้ายได้เรียบร้อยแล้ว

ฉินหยุนตระหนก พละกําลังของหยางฉีเย่ว์แท้จริงถึงกับชวนสะพรึง

เพียงนี้ นางสามารถทะลวงผ่านอุปกรณ์เต๋าที่ป้องกันร่างกาย แทง

ทะลุเข้าร่างบุคคลเหล่านั้น

แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางประมือกับคนเหล่านั้น นางไม่คล้ายใช้พลังใด

ออกมา

ฉินหยุนคาดเดา ว่าหากเป็นเมื่อครู่ หยางฉีเย่ว์คงกังวลว่าแม่เฒ่าหลิง

จะพบเห็น

“พี่หยางยอดเยี่ยมนัก!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง

หยางฉีเย่ว์โยนร่างคนตายออกไปไกล ขณะนางคิดนําแก่นเต๋า

ออกมา นางพบว่าร่างกายไม่อาจขยับ!

ฉินหยุนสีหน้าแปรเปลี่ยน ไม่เพียงแต่ร่างกายไม่อาจขยับ พลังใน

แก่นเต๋าทั้งสามของเขาก็ถูกผนึกไว้!

“ต้องพูดเลย พวกเจ้ารับมือยากนัก! แต่กระนั้นพวกเราก็ยังสามารถ

จับตัวเจ้าได้!” เด็กหนุ่มหล่อเหลาในชุดดําทะยานกายเข้ามา

หยางฉีเย่ว์เผยเสียงเย็น “เสี่ยวหยุน ที่พวกเราสู้เมื่อครู่นี้ พวกมันส่ง

คนลอบเข้ามา วางค่ายอาคมธงไว้ใกล้เคียง เปิ ดการทํางานพวกมัน

ขังพวกเราเอาไว้ภายในนี้!”

“แม่นางที่งดงามนี้กล่าวได้ถูกต้อง พวกเจ้าขาดซึ่งความระวัง ก็นะ มี

กันแค่สองคนเองนี่!” เด็กหนุ่มหล่อเหลาในชุดดํายิ้มกว้าง “สวัสดี

ทุกท่าน ข้าคือจ้าวนครคนใหม่ของนครโบราณ อู่เฉิงเทียน!”

“เมื่อครู่ข้าให้โอกาสเจ้ายอมรับเงื่อนไขของพวกเรา แต่ไม่เพียงไม่

ยอมรับ ยังสังหารคนของพวกเรา!”

อู่เฉิงเทียนยิ้มขณะเดินเข้าหาหยางฉีเย่ว์ อีกฝ่ ายไม่คล้ายได้รับผลกระทบ

ของค่ายอาคม

“เจ้าคิดทําอะไร? หากแตะต้องนาง ข้าจะให้เจ้าต้องตายอย่างน่าสังเวช!”

ฉินหยุนคํารามกราดเกรี้ยวเมื่อเห็นว่าอู่เฉิงเทียนเดินเข้าหาหยางฉีเย่ว์

“งดงามไร้ผู้ใดเทียบ หาได้ยากนัก! ข้าย่อมคิดสัมผัสนาง ให้นางได้

มอบบุตรหลานกับข้าสักจํานวนหนึ่ง!” อู่เฉิงเทียนหัวเราะ

เขาเดินถึงข้างกายหยางฉีเย่ว์ ลูบไล้เส้นผมหางม้า ปากดูดดื่มเข้าที่

แก้มของนาง ใบหน้าขณะนี้เปี่ ยมด้วยความพึงพอใจขณะกล่าว “ช่าง

เป็นหญิงงามไร้ใครเทียบในโลกหล้า! ข้าจะรับไปดูแลเอง!”

หยางฉีเย่ว์โกรธถึงขั้นทั้งร่างกายสั่นเทิ้ม ดวงตาของฉินหยุนขณะนี้

แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานด้วยความกราดเกรี้ยว

เวลานี้เอง หลายคนเข้ามาถึงข้างกายฉินหยุน แทงท่อขนาดประมาณ

นิ้วเข้าที่สีข้างของเขาดูดเอาเลือดออก

“โฉมงาม เจ้าช่างงดงามนัก นามว่าอันใดกัน? เร่งรีบบอกต่อข้าผู้เป็น

สามี ข้าจะได้ทําให้เจ้ารู้สึกดีราวขึ้นสวรรค์!” อู่เฉิงเทียนใช้ลิ้นเลียริม

ฝีปากอย่างหยาบช้าขณะเผยความตื่นเต้นที่ใบหน้า

“ข้ายอมตายดีกว่าให้เจ้าแตะต้อง!” นางพบว่าฉินหยุนหลั่งเลือด

ภายในใจขณะนี้โกรธแค้นยิ่ง

ใบหน้าของฉินหยุนกระตุกเพราะอู่เฉิงเทียนวางมือลงที่ไหล่ของ

หยางฉีเย่ว์ และกําลังจะเปลื้องผ้านางออก!

“สารเลว!” ฉินหยุนคํารามเกรี้ยวกราด ปลดปล่อยพลังแรงดึงดูด

แกร่งกล้าออกจากร่าง

ผู้คนที่เข้ามานําเลือดของเขาออกจากร่าง ล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้า ชั่วขณะนี้ วิญญาณยุทธ์พวกเขาหลุดลอยออกจากร่าง

จากนั้นจึงพุ่งเข้าหาร่างของฉินหยุน!

ดวงตาของฉินหยุนแปรเปลี่ยนเป็นสีดําสนิท ทั้งสองข้างขณะนี้

เปรียบดั่งหลุมไร้ก้นที่ชวนขนลุก

อู่เฉิงเทียนขณะคิดเปลื้องผ้าหยางฉีเย่ว์ เขาไม่คิดว่าฉินหยุนจะแปร

สภาพไปเช่นนี้ได้!

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน เร่งรีบทะยานกายออกพร้อมตะโกน “พวก

เจ้าเข้ามาจัดการมัน!”

ฉินหยุนยังไม่อาจขยับ ทว่าร่างของเขาปรากฏแรงดึงดูดที่ทรงพลัง

ออกมา!

ถัดจากนั้น ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าหลายสิบคนซึ่ง

ซ่อนตัวต่างทะยานกายออก ขณะใกล้ถึงตัวฉินหยุน พวกเขาพบว่า

วิญญาณยุทธ์ตนเองหลุดลอยและหายเข้าไปในร่างของฉินหยุน

“พวกเจ้าต้องตาย!” ฉินหยุนคําราม

“พวกเรา?? ฮ่าฮ่าฮ่า!! ลําพังตัวเจ้ายังขยับไม่ได้!” อู่เฉิงเทียนเกือบเข้า

ไปใกล้แล้ว แต่พอพบว่าผู้คนที่เข้าไปใกล้ถูกพรากวิญญาณยุทธ์ เขา

ตื่นตะลึงจนเว้นระยะห่าง

อู่เฉิงเทียนเร่งรีบกลับไปถึงข้างกายหยางฉีเย่ว์พร้อมยิ้มกว้าง “นี่เป็น

คนรักเจ้าอย่างนั้นสินะ! อย่างนั้นให้ข้าได้เล่นสนุกกับนาง! วางใจ

ข้าจะทําให้นางพึงพอใจต่อหน้าเจ้า เช่นนี้เจ้าจะได้…”

คํายังไม่ทันกล่าวจบ ฉินหยุนพุ่งทะยานออก ปล่อยหมัดเข้าที่ศีรษะ

ของอู่เฉิงเทียนด้วยความกราดเกรี้ยวผ่านหมัดสีดํา

อู่เฉิงเทียนแข็งแกร่ง เขาหลบเลี่ยงรวดเร็ว ชั่วขณะนี้ เขาหาได้สงบ

ใจอีก เพราะฉินหยุนสามารถเคลื่อนไหวได้แม้อยู่ในค่ายอาคม

“สวรรค์ เร่งรีบควบคุมค่ายอาคมสังหารพวกมันเร็วเข้า!” ชายชรา

เผยสีหน้าเย็นเยือก

พวกเขาเพิ่งสูญเสียศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าพรสวรรค์

เหนือลํ้าไปมาก ทว่าพวกนั้นหาได้สําคัญไม่

สําหรับอู่เฉิงเทียน เขาสําคัญยิ่งกว่าผู้ใด พวกเขาไม่อาจให้อีกฝ่ าย

ตายอยู่ที่นี่ได้

อู่เฉิงเทียนเร่งร้อนเว้นระยะห่างจากฉินหยุน ควบคุมค่ายอาคม พร้อม

ปลดปล่อยอสนีบาตฟาดออกเป็นสาย เข้าโจมตีใส่ฉินหยุนและหยาง

ฉีเย่ว์

“แตกสลายไปเสีย!” ฉินหยุนคํารามร้องด้วยโทสะ เท้าขณะนี้กระทืบ

ที่พื้น แรงสั่นไหวรุนแรงปรากฏจากร่างของเขา

แรงระเบิดถูกปลดปล่อย ถูกสาดเทเข้าสู่พื้นดิน

แผ่นดินไหวรุนแรงปะทุออก พื้นดินเปรียบดั่งคลื่นที่ไม่สมํ่าเสมอ

ของนํ้าทะเล เกิดกลายเป็นบ่อโคลนและหลุมตามพื้นขึ้นลงเป็น

ระลอกคลื่น!

นี่คือความสามารถเทวะแผ่นดินไหวของฉินหยุน มันทําให้เกิด

แผ่นดินไหวรุนแรง

เดิมสถานที่แห่งนี้ราบเรียบ แต่พอเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ขณะนี้มัน

โป่ งพองกลายเป็นเนินเขาขนาดย่อมขึ้นแทน!

พื้นดินสั่นไหวต่อเนื่องราวกับมันคิดร้องคํารามออก รอยแยกบนพื้น

แผ่ขยาย ธงอาคมที่ถูกติดตั้งเอาไว้ ถูกทําลายจนไม่เหลือ

หยางฉีเย่ว์ขณะนี้เคลื่อนไหวได้ จึงเร่งรีบทะยานกาย จ้วงแทงดาบ

ของนางเข้าใส่ร่างอู่เฉิงเทียน ทําลายแก่นเต๋าอีกฝ่ าย ตัดแหล่งกําเนิด

พลังจนสิ้น จากนั้นค่อยใช้เชือกมัดร่างอีกฝ่ ายไว้

“อู่เฉิงเทียนหรือ? ข้าจะให้เจ้าได้ทราบพลังของข้าก่อนตายตก!”

หยางฉีเย่ว์กล่าวคําจบ นางจึงเข้ามาถึงข้างกายฉินหยุน ช่วยพยุงร่าง

ของเขาด้วยอาการปวดใจ ขณะนี้ยังช่วยโคจรพลังภายในสู่ร่างของ

เขา

“อย่าได้บุ่มบ่ามใช้พลังวิญญาณยุทธ์นี้ เจ้ายังควบคุมมันไม่ได้!” นาง

ลูบที่ใบหน้าของฉินหยุนอย่างอ่อนโยนพร้อมกล่าวเตือนเสียงเบา

“พี่หยาง ท่านยังไม่เป็นไร!” ฉินหยุนยิ้ม หมอกสีดําในดวงตาเลือน

หาย ถัดจากนั้น ผิวหนังของเขาค่อยเกิดรอยปริแตกพร้อมหลั่ง

เลือดออก

หยางฉีเย่ว์ปลดปล่อยหมอกสีเงินเข้าปกคลุมทั้งร่างของฉินหยุน ช่วย

รักษาผิวหนังที่ปริแตกเหล่านั้น

โทเทมต้นไม้ที่ภายนอกวิญญาณยุทธ์ของฉินหยุน ก็ปลดปล่อยขุม

พลังชีวิตแกร่งกล้าช่วยเหลือฉินหยุนฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

หยางฉีเย่ว์อุทานร้องตื่นตระหนก “นี่เจ้ามีโทเทมต้นไม้ด้วย ไม่

แปลกใจเลยที่เหตุใดจึงสามารถรั้งวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬที่โหดร้าย

นั้นไว้ได้!”

นางรู้จักฉินหยุนมาเนิ่นนาน กระนั้นกลับไม่เคยทราบเรื่องราว

เหล่านี

ฉินหยุนกําลังฟื้นฟูอาการ ความสามารถการฟื้นฟูของเขาแต่เดิมก็

แกร่งกล้ามากแล้ว ขณะนี้เขาได้ทราบ ว่าตนไม่อาจใช้ความสามารถ

เทวะของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เพราะร่างกายและจิตใจยังไม่

แข็งแกร่งมากพอ!

หากจิตใจไม่แข็งแกร่งมากพอ ก็จะไม่อาจควบคุมตนเองเอาไว้ได้

หากร่างกายไม่แข็งแกร่งมากพอ เช่นนั้นก็จะถูกทําลายโดยผล

สะท้อนกลับของพลังที่ระเบิดออก

อู่เฉิงเทียนร่างถูกพันธนาการเอาไว้ สายตามองไปยังชายชราบน

อากาศพร้อมโอดครวญ “ท่านปู่ ช่วยข้า… แก่นเต๋าข้าถูกทําลาย ข้า

ไม่อาจใช้พลังได้!”

“ฉินหยุน เจ้าคิดอยากทราบความลับของนครโบราณยุทธ์เต๋าใช่

หรือไม่? ตราบเท่าที่ส่งเขาออกมานอกเมือง ข้าจะบอกเจ้าทั้งหมด!”

ชายชราชุดดําเผยเสียงถอนหายใจยาวกล่าวคําออก

“ข้าไม่คิดทราบแล้ว!” ฉินหยุนตอบโต้ “ขณะนี้ข้าคิดเพียงแต่สังหาร

ตัวบัดซบสารเลวผู้นี้!”

หยางฉีเย่ว์เผยเสียงเย็น “เช่นกัน!”

นึกย้อนถึงสิ่งที่นางถูกกระทําเมื่อครู่ โทสะในใจนางสุมแน่นอก

เป็นนางรังเกียจการกระทําเหล่านั้นถึงที่สุด

“หากสังหารเขา! เจ้าจะไม่มีวันทราบ! ความลับของนครโบราณมีแต่

พวกเราสํานักเก้าตะวันที่ทราบ พวกเรารู้เป็นอย่างดีเพราะพวกเราคือ

หนึ่งในผู้ร่วมก่อสร้างนครโบราณแห่งนี้!” ชายชรายังคงกล่าวอย่าง

เฉยชาด้วยความอดทน

หยางฉีเย่ว์ปลดปล่อยพลังใดสู่ร่างของอู่เฉิงเทียนไม่อาจทราบ ทว่า

อีกฝ่ายขณะนี้กรีดร้องเสียงเสียดแทงแก้วหูออกมาแล้ว

พร้อมกันนี้ ฉินหยุนยังแยกวิญญาณยุทธ์ของอู่เฉิงเทียนออกมา

เมื่อได้เห็นวิญญาณยุทธ์ ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ถึงกับประหลาดใจ

ไม่น้อย เป็นวิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทองม่วง!

“เจ้า! จงหยุดมือเดี๋ยวนี้ พวกเรายังสามารถคุยกันได้!” ชายชรากล่าว

คําจบ ฉินหยุนปลดปล่อยฝ่ ามือมังกรสัมบูรณ์เข้าใส่ร่างของอู่เฉิง

เทียน ร่างอีกฝ่ ายกลับกลายเป็นเถ้าธุลี

ไม่ว่าจะด้วยอะไร ฉินหยุนจะไม่ปล่อยอู่เฉิงเทียนไปอย่างแน่นอน

และหยางฉีเย่ว์ ก็ไม่คิดปล่อยให้อู่เฉิงเทียนรอดชีวิตเช่นกัน

“จงตาย!” ชายชราที่ลอยค้างกลางอากาศกลายเป็นกราดเกรี้ยว ออร่า

สีดําแผ่ขยายปกคลุมร่าง มังกรสีดําปรากฏออกจากร่างของเขา

ชั่วขณะที่มังกรสีดําปรากฏออกมา มันพุ่งทะยานผ่านประตูเมือง

เป้าหมายคือฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์!


ตอนที่ 484 กระจกมารกลืนกิน

เมื่อหยางฉีเย่ว์ได้เห็นฉินหยุนลุกขึ้นยืน นางเร่งรีบประคองร่างของ

เขาลงพร้อมบอกกล่าว “พักผ่อนไป ข้าจัดการเอง!”

ร่างมังกรดําที่ทะยานมาไม่ใหญ่มาก ขนาดตัวยาวประมาณสิบเมตร

และครอบครองออร่ามังกรอันแข็งแกร่ง ขณะนี้มันปลดปล่อยเสียง

คํารามกราดเกรี้ยวพร้อมพุ่งเข้าหาหยางฉีเย่ว์

หยางฉีเย่ว์จับจ้องมังกรดําที่พุ่งเข้ามา ดาบในมือจึงกวัดแกว่ง ปลดปล่อย

พลังภายในสีดํารูปลักษณ์จันทร์เสี้ยว

พลังภายในควบแน่นที่ตัวดาบ ด้วยเสียง วูบ วูบ ไม่กี่ครั้ง ดาบพลัง

ภายในจันทร์เสี้ยวบินลัดผ่านอากาศ เข้าขัดขวางมังกรดําเอาไว้

“นี่เป็นวิญญาณยุทธ์มังกรดํา! วิญญาณยุทธ์ของชายคนนี้เป็นวิญญาณ

ยุทธ์สีดํา!” ฉินหยุนตระหนักได้ขณะเผยความกังวลต่อหยางฉีเย่ว์

มังกรดําตัวนี้ คือวิญญาณยุทธ์ที่ชายชราปลดปล่อยออกมา อีกฝ่ าย

สะกดพลังของมังกรดําเอาไว้ให้ตํ่ากว่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ดังนั้น

มันจึงสามารถเข้านครโบราณยุทธ์เต๋า

นอกจากนี้ สิ่งที่เขาทําขณะนี้ถือเป็นอันตรายยิ่ง หากวิญญาณยุทธ์

ได้รับบาดเจ็บ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะสูญเสียมันไป

เวลานี้ บรรดาชายชราของทั้งสามสํานักล้วนปรากฏตัวกันออกมา

ครบถ้วนแล้ว พวกเขากําลังลอยกลางอากาศ รับชมการต่อสู้เบื้องล่าง

หลังจากผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ ไม่เพียงแต่หยาง

ฉีเย่ว์ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด นางยังได้รับความสามารถ

วิญญาณยุทธ์อย่างความสามารถเทวะ พละกําลังของนางขณะนี้ เทียบ

เท่าได้กับขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับเก้าที่แกร่งกล้า

กระนั้นตอนนี้ ยามต้องเผชิญหน้ากับมังกร นางพบว่าเป็ นเรื่องยาก

ลําบาก

ฉินหยุนพักผ่อนครู่หนึ่งค่อยฟื้นคืนกําลังมาได้ จากนั้นจึงนําเอาปืน

ใหญ่ราชันลึกลํ้าออกมา

หากหยางฉีเย่ว์ยังต่อสู้กับมังกรดําตัวนั้นต่อไป นางจะต้องพ่ายแพ้

อย่างแน่นอน

ปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าขณะนี้เล็งไปที่มังกรดํา เขาเริ่มสื่อสารบอกต่อ

หยางฉีเย่ว์

“พี่หยาง ข้าจะเริ่มแล้ว!” ฉินหยุนร้องบอก “ระวังแรงระเบิดด้วย!”

กล่าวคําจบ ปื นใหญ่ในมือเขาสั่นเล็กน้อยพร้อมยิงลูกปื นใหญ่พุ่ง

ทะยาน

กระสุนปื นใหญ่ยิงอย่างแม่นยําเข้าที่หัวของมังกรดํา!

มังกรดํา เดิมบินไล่ล่าหยางฉีเย่ว์ ขณะนี้ถูกแรงระเบิดเข้าปะทะ ส่ง

ร่างนั้นล้มลงไปกลิ้งกับพื้น

ถัดจากนั้น ฉินหยุนระดมยิงต่อเนื่อง กระทั่งนําแก่นเต๋าของขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าออกมายิง!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

แรงระเบิดต่อเนื่องหลายครั้ง เกิดขึ้นเป็นฝุ่นดินฟุ้งกระจายในอากาศ

ปกคลุมทั้งพื้นที่

หยางฉีเย่ว์ค่อยทราบ เป็นนางประเมินพลังอํานาจปื นใหญ่ราชันลึก

ลํ้าของฉินหยุนตํ่าเกินไป มันถึงขั้นสามารถทําให้มังกรดําตัวนั้นอยู่

ในสภาพอเนจอนาถได้

“คิดหนีหรือ?” นางพบว่ามังกรคิดหลบหนี ดังนั้นจึงเร่งรีบพุ่งทะยาน

หยางฉีเย่ว์คํารามร้องเบา ดาบยาวในมือถูกขว้างออก มันควบแน่น

เอาไว้ซึ่งออร่าสีดําขณะพุ่งทะยานไล่หลังมังกรดํา

ขณะดาบทะลวงผ่านอากาศ รอยแยกลึกพลันปรากฏในพื้นเบื้องล่าง

เมื่อคมดาบยาวเกิดการสั่น ออร่าเย็นเยือกสีดําจึงทะลักออก เป็นผล

ให้เกิดชั้นนํ้าแข็งขึ้นบนพื้น

ฉินหยุนตื่นตระหนกต่อพลังความเย็นแกร่งกล้าของหยางฉีเย่ว์ เขา

ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว

มังกรถูกจ้วงแทง มันคํารามร้องและร่วงหล่นกับพื้น!

โดยทันที ฉินหยุนทะยานกายไปใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ ผนึก

มังกรดําตัวนั้นเอาไว้ในไข่มุกผนึกวิญญาณขนาดใหญ่!

ชายชราผู้ซึ่งปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์มังกรดําออกมา ขณะนี้สีหน้า

ซีดเผือด วิญญาณยุทธ์ของเขาไม่มีอีกต่อไปแล้ว!

เดิมเขาคิดว่าหากปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกไป จะสามารถควบคุม

มันเพื่อต่อสู้ ชัยชนะย่อมลอยให้เห็นอยู่ตรงหน้า

ถึงตอนนั้น กระทั่งว่าไม่อาจออกจากเมืองก็ไม่สําคัญอีกต่อไป ที่ต้อง

ทําก็เพียงแค่เข้าไปในห้องค่ายอาคมและควบคุมมันเอาไว้

แต่แล้วตอนนี้ มังกรได้รับบาดเจ็บ และยังถูกฉินหยุนจับตัวเอาไว้!

หยางฉีเย่ว์มองที่ชายชราทั้งสามคน นํ้าเสียงของนางเย็นเยือกพร้อม

จิตสังหารล้นพ้น “พวกเจ้าคิดหรือว่าแค่นี้สามารถจัดการพวกเราได้?

ช่างอ่อนต่อโลกยิ่งนัก!”

และมันก็เป็นสิ่งที่ทั้งสามคนจากสํานักเก้าตะวันคิดจริง

เพราะพวกเขาได้เห็นว่าผู้ช่วยเหลือของฉินหยุนจากไปหมดแล้ว

พวกเขาจึงคิด ว่าฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ลําพังย่อมเอาชนะได้ง่ายดาย

กระนั้นพวกเขากลับคาดการณ์ผิด ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ยังคง

แข็งแกร่ง!

“ส่งวิญญาณยุทธ์ของข้าคืนมา! ข้าจะยอมบอกความลับของนคร

โบราณให้!” ชายชราที่สูญเสียวิญญาณยุทธ์ ขณะนี้เผยสีหน้าน่า

เกลียดและซีดเผือดกล่าวคําออก

“ย่อมได้ บอกความลับของนครโบราณมาก่อน!” หยางฉีเย่ว์ตะโกน

ตอบ

“มาตรงนี้ แล้วข้าจะบอกความลับให้! อาจมีผู้อื่นอยู่ภายในนคร

โบราณ ข้าเกรงว่าพวกมันอาจได้ยินเข้า!” ชายชรากัดฟันแน่น

เพราะม่านพลังแยกพวกเขาออกจากกัน หยางฉีเย่ว์จึงไม่หวั่นเกรง

ขณะทะยานร่างเข้าไปใกล้

ฉินหยุนไม่ได้วางใจ เขาตามติดด้านหลัง

หยางฉีเย่ว์พอเข้าไปใกล้ ชายชราอีกสองคนพลันนําเอากระจก

ออกมาส่องที่หยางฉีเย่ว์!

กระจกทั้งสองบานปลดปล่อยแสงสีดําออกมาสองสาย แสงสีดํา

เหล่านี้ทะลวงผ่านม่านพลัง ส่องสว่างที่ร่างของหยางฉีเย่ว์ เกิดขึ้น

เป็นเส้นไหมสีดํารัดพันกายนางเอาไว้!

“พวกเจ้า! คนโป้ปด!” หยางฉีเย่ว์คํารามกราดเกรี้ยว

“ฉินหยุน จงรีบนําวิญญาณยุทธ์ข้ากลับคืนมา ไม่อย่างนั้นหญิงสาวผู้

นี้จะถูกกลืนกินโดยแสงสีดําและถูกทําลายจนสิ้น!” ชายชราที่ใบหน้า

ซีดเผือดเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นฉินหยุนคิดเข้ามาใกล้ นางเร่งร้อนตะโกน

“เสี่ยวหยุนอย่าเข้ามา! นี่คืออักขระมารกลืนกิน แสงสีดําที่พวกมัน

ปลดปล่อยออกมาจะแปรเปลี่ยนเป็นแสงมารรัดพันรอบผู้คน หาก

สัมผัสมัน เจ้าก็ติดกับแล้ว!”

“ข้าจะช่วยท่านอย่างไร?” ฉินหยุนขมวดคิ้วถาม

เขาตั้งใจเข้าโจมตีที่เส้นแสงสีดํา ทว่ามันไร้ผล

ร่างกายของหยางฉีเย่ว์โดนปกคลุมเอาไว้ด้วยเส้นแสงสีดําจํานวน

มาก ใบหน้าของนางกําลังซีดเผือดทีละน้อย

“คิดหรือว่าจะทําลายกระจกมารกลืนกินของพวกเราได้!” ชายชรา

หัวเราะ “เลิกพล่ามได้แล้ว รีบส่งวิญญาณยุทธ์ข้ามา และจงมาเป็นข้า

ทาสของข้า!”

“สารเลว!” ฉินหยุนคํารามกราดเกรี้ยว ขว้างโยนเชือกสีทองออก

ความสามารถเทวะทะลุทะลวงผสานเข้ากับเชือกสีทอง เมื่อมัน

ทะลวงผ่านม่านพลัง มันจึงรัดพันร่างกายของสามชายชราเอาไว้!

สีหน้าของชายชราทั้งสามแปรเปลี่ยน พวกเขาพยายามดิ้นรน พวก

เขาไม่คาดคิด ว่าด้วยกําลังมหาศาลของตนเอง ก็ยังไม่อาจเป็นอิสระ

จากเชือกนี้ได้

“เส้นเอ็นมังกร!” ชายชราร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว

“จงเข้ามา!” ฉินหยุนดึงสุดแรง ใส่พลังความสามารถเทวะทะลุ

ทะลวงเข้าไปเพิ่ม ฉุดเอาร่างของชายชราทั้งสามเข้ามาภายใน

“อ๊าก!”

ชายชราทั้งสามกรีดร้อง ระดับการฝึกฝนพวกเขาสูงส่ง แรงกดดันยิ่ง

แกร่งกล้าเป็นเงาตามตัว ร่างกายขณะนี้เริ่มมีควันลอยฟุ้งขึ้นมา

กระจกในมือของชายชราสองคน ตอนนี้ถูกทําลายจนสิ้นเพราะการ

ดิ้นรน

หยางฉีเย่ว์ขณะนี้ดิ้นรนเป็นอิสระจากแสงสีดําแล้ว

ชายชราทั้งสามล้มกับพื้น กลิ้งไปมาพลางกรีดร้องขณะร่างกาย

ปรากฏหมอกควันฟุ้ง

เพราะพวกเขาถูกโจมตีโดยพลังของค่ายอาคม พลังของพวกเขาจึง

สึกกร่อนและลอยฟุ้งออกมาอย่างต่อเนื่อง

ฉินหยุนเร่งรีบพุ่งทะยานเข้าไป นําเอาวิญญาณยุทธ์และแก่นเต๋าของ

ชายชราทั้งสองออกมา เป็นวิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทองม่วง และ

วิญญาณยุทธ์ดวงดาวระดับทองม่วง นี่ถือเป็นวิญญาณยุทธ์ที่เลิศลํ้า

อย่างยิ่ง

หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นสภาพชวนสังเวชของชายชราทั้งสามที่เข้ามา

ด้านในนครโบราณ นางจึงรู้สึกวางใจ พร้อมหันไปยิ้มให้แก่ฉินหยุน

“เจ้าถึงกับหาทางได้! เมื่อครู่คิดว่าจบสิ้นกันเสียแล้ว!”

“พวกมันรู้ความลับของนครโบราณ แต่ด้วยสภาพของพวกมันขณะนี้

ย่อมไม่เผยออกมาแน่!” ฉินหยุนถอนหายใจ “นครโบราณแห่งนี้

กว้างใหญ่ หากคิดค้นหาความลับนั่น อาจต้องใช้เวลายาวนานนัก!”

หยางฉีเย่ว์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “เสี่ยวหยุน เจ้าทราบอักขระที่สามารถใช้

ควบคุมผู้คนได้หรือไม่?”

“จริงด้วย!” ฉินหยุนร้องตอบ “แต่นี่จะได้ผลหรือ? พวกเขาล้วนเป็น

ผู้ฝึกตนแข็งแกร่งกันทั้งสิ้น!”

“แกะสลักอักขระลงที่หน้าผากพวกมัน น่าจะได้ผล!” หยางฉีเย่ว์

โบกมือไหววูบ ส่งคลื่นอากาศสีดําเข้าหยุดยั้งชายชราทั้งสาม

“เจ้านําเอาวิญญาณยุทธ์และแก่นเต๋าพวกมันออกมาหมดสิ้นแล้ว

ขณะนี้เหลือเพียงแต่พลังจิตที่แกร่งกล้า ข้าจะทําให้พลังจิตพวกมัน

อ่อนแรง เจ้าค่อยใช้อักขระพิเศษนั่น!”

ฉินหยุนนําเอาปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตออกมา เริ่มทําการแกะสลัก

อักขระลุ่มหลงที่หน้าผากของชายชรา

ชายชราถูกสะกดเอาไว้โดยพลังสีดําของหยางฉีเย่ว์ ร่างกายไม่

สามารถขยับ พลังจิตขณะนี้ได้รับความเสียหายรุนแรง

“พวกเจ้าคิดหรือว่าจะจัดการพวกเราได้?” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ท้ายที่สุด

พวกเจ้าก็แค่แส่มาหาความตาย!”

ทั้งสามสํานักเดิมมากันหลายคน แต่หลังจากได้เห็นดวงตะวันสีแดง

ปรากฏ พวกเขาจึงส่งคนกลับสํานักเพื่อจัดแจงเตรียมเดินทางสู่แดน

วิญญาณอ้างว้าง

ดังนั้นจึงมีแต่ชายชราทั้งสามคน และขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

อีกกว่าสิบคนที่อยู่ต่อ

เพียงไม่นาน ฉินหยุนแกะสลักอักขระลุ่มหลงเรียบร้อย เมื่อเรียกใช้

งานมัน ดวงตาของชายชราจึงกลายเป็นพล่าเลือน

“ความลับของนครโบราณยุทธ์เต๋าคืออะไร?” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบเอ่ยถาม

“มันมียันต์และอาคมเคลื่อนย้ายอยู่ที่ฐานของนครโบราณยุทธ์เต๋า!

ยันต์นั้นสร้างขึ้นโดยสํานักเก้าตะวันร่วมแรง มันสามารถใช้เพื่อ

ค้นหาวิญญาณดวงตะวันในสวนโบราณได้!”

“อาคมเคลื่อนย้ายใช้ทําอะไร?” หยางฉีเย่ว์มองที่ฉินหยุน นาง

ประหลาดใจไม่น้อยขณะเอ่ยถามต่อ

“อาคมเคลื่อนย้าย สามารถเคลื่อนย้ายผู้คนโดยตรงไปยังสวนโบราณ

ในอาณาเขตของสามแดนอ้างว้าง และจะไม่มีการจํากัดระดับการฝึก

ตน ผู้ใดล้วนสามารถเข้าไปได้!” ชายชราตอบกลับ

ฉินหยุนถามต่อ “สํานักเก้าตะวันลําดับที่เก้าจบสิ้นได้อย่างไร?”

“เพราะพวกมันคิดยึดครองนครโบราณและยันต์ดังกล่าว อีกแปด

สํานักจึงร่วมมือทําลายพวกมัน!”

“อีกแปดสํานักซ่อนตัวที่ใด?” หยางฉีเย่ว์เอ่ยถามอีกครั้ง

ชายชรานําเข็มทิศออกมา “เข็มทิศนี้ จะแสดงถึงแปดแดนอ้างว้าง

ลึกลับโบราณ ที่สํานักเก้าตะวันทั้งแปดตั้งอยู่ในสามแดนอ้างว้าง”

หยางฉีเย่ว์รับเข็มทิศทองคําพลางเผยเสียงยินดี “จงรีบนําเอาสมบัติ

วิเศษลํ้าค่าพวกเจ้าออกมา!”

นางพอกล่าวคําจบ ชายชราหมดสิ้นสติ ถูกสังหารทิ้งโดยแรงกดดัน

ของค่ายอาคมใหญ่

“น่าจะถามให้เร็วกว่านี้!” หยางฉีเย่ว์เผยความไม่ยินดีขณะเตะร่าง

ชายชรา

ฉินหยุนยิ้ม “พี่หยาง หากพวกเราบอกให้มันนําของออกมาก่อนหน้า

พวกเราอาจไม่ทราบความลับของนครโบราณ! อย่างน้อยในความ

สูญเสียพวกเราก็ยังได้รับ!”

“นั่นก็จริง ด้วยเข็มทิศนี้ พวกเราจะค้นหาสํานักเก้าตะวัน จากนั้น

ค่อยตบทรัพย์พวกมันเมื่อถึงเวลา!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มกว้าง

ฉินหยุนนั่งกับพื้น มองไปยังท้องฟ้าสีคราม เขากล่าว “ในที่สุดก็ยึด

นครโบราณแห่งนี้ไว้ได้โดยสมบูรณ์!”

“ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ล้วนกําลังไปจากสาม

แดนอ้างว้างในอีกไม่ช้า เจ้าสามารถตั้งม่านพลังรอบประตูเมือง เพื่อ

ไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาอีกได้!” หยางฉีเย่ว์กล่าว

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณก็มีผลด้วยใช่

หรือไม่?”

“ผู้ฝึกตนที่เพิ่งก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณไม่ได้รับผลแต่อย่างใด

แต่หากก้าวหน้าเมื่อใด เมื่อนั้นจึงมีผล!” หยางฉีเย่ว์ตอบคํา “ขอบ

เขตวรยุทธ์วิญญาณ อีกไม่นานก็ต้องย้ายออกจากสามแดนอ้างว้าง!”

“พลังของเก้าตะวันช่างน่ากลัวนัก ถึงขั้นควบคุมสามแดนอ้างว้างได้

โดยสมบูรณ์!” ฉินหยุนถอนหายใจ

“เก้าดวงตะวันให้กําเนิดแดนดินด้วยพลังยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าพวกมัน

ย่อมต้องแข็งแกร่ง!” หยางฉีเย่ว์มองตะวันสีแดงบนฟ้าพร้อมยิ้มออก

“เสี่ยวหยุน นับแต่นี้ เจ้าจะต้องปกป้องเก้าดวงตะวันไว้ให้ดี!”


ตอนที่ 485 ยันต์ตามรอยตะวัน

ฉินหยุนทราบว่าเก้าตะวันตกอยู่ในอันตราย วิญญาณดวงตะวันของ

เก้าดวงตะวันกระจัดกระจายสู่เก้าแดนอ้างว้างยิ่งใหญ่ ขณะนี้เขาพบ

พวกมันเพียงหนึ่ง

เขานําเอานกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์ออกมาวางในฝ่ ามือ เจ้าตัวน้อย

น่ารักนี้เสมือนลูกเป็ดน้อย มันกระพือปี กไปมาไม่หยุด

“เหมือนนางจะหิวแล้ว!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มอ่อนกล่าวคํา

ฉินหยุนนําเนื้อมังกรออกมาวางในจานใบใหญ่

นกกระจอกเก้าสวรรค์ขณะนี้พุ่งเข้าใส่ อ้าปากเล็กจ้อยพร้อมพ่นเอา

กระแสอัคคีเพลิงออกมา มันกําลังเผาย่างเนื้อมังกรก่อนจะกินด้วย

ท่าทีเป็นสุข

“เปลวเพลิงของเจ้าตัวน้อยนี่แกร่งกล้านัก!” ฉินหยุนอุทานขณะมอง

จานที่ถูกเผาเป็นก้อนสีดํา

“นี่คือสัตว์เทวะ! แม้นางตัวเล็กแค่นี้ แต่ทั้งหมดล้วนแกร่งกล้าอย่าง

ยิ่ง!” หยางฉีเย่ว์ตอบ

ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงตัดเนื้อมังกรอีกราวหนึ่งร้อยจิน ก่อนจะป้อน

เจ้าตัวน้อยจนอิ่มท้องได้

หลังจากนกกระจอกเก้าสวรรค์กินอิ่ม มันหลับตาลงพร้อมเข้าสู่ห้วง

นิทรา ฉินหยุนเร่งรีบนํานางกลับคืนสู่วิญญาณเทวะเก้าตะวัน

“พี่หยาง เหตุใดท่านไม่ตั้งชื่อให้นางกันเล่า!” ฉินหยุนเอ่ยคําขึ้น

“นางคือวิญญาณดวงตะวันจากดวงตะวันตัวจริง ดังนั้นเป็ นหยางหยาง

ก็แล้วกัน!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มกล่าว “เจ้าคิดว่าชื่อนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

*หยาง หมายความถึง ดวงตะวัน หรือ พระอาทิตย์*

“ไม่เลว!” ฉินหยุนยิ้มตอบขณะกล่าวคําทวนซํ้าสองครั้ง

ในไข่มุกเม็ดแรก มีภูติน้อยนามโมโม นั่นก็เป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก

น่ารักอีกหนึ่ง

ฉินหยุนปลดปล่อยโมโมออกมา นางบอกว่าต้องการพบหยางฉีเย่ว์

เขาเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอันใด

“ภูติอสูร!” หยางฉีเย่ว์ร้องอุทาน

นางพลันนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปี ก่อน

ครั้งนั้น ฉินหยุนประมูลภูติอสูรตัวหนึ่งได้จากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

ผลลัพธ์ที่ได้ ฉินหยุนมีข้อพิพาทกับผู้อาวุโสสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

จนกระทั่งถูกขับไล่ออกมา

“นี่คือภูติที่เจ้าซื้อมาจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนหรือ? ได้ยินว่านางเป็น

ถึงพระแม่!” หยางฉีเย่ว์มองภูติน้อยน่ารักในมือขณะเกิดความชื่นชอบ

ขึ้นมา

โมโมพยักหน้ารับ นํ้าเสียงอ่อนหวานเผยออก “สวัสดีพี่หยาง ข้าชื่อ

โมโม! เป็นภูติระดับพระแม่ ท่านพอจะช่วยเหลือข้าได้หรือไม่? โท

เทมจันทราทมิฬของท่านสําคัญกับข้ามาก ข้าคิดอยากคัดลอกมัน

ให้แก่ตัวเอง!”

“ไม่มีปัญหา!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มรับอ่อนโยน ขณะลูบใบหน้าภูติน้อย

ด้วยนิ้วมือ

โมโมเพียงกล้าออกมาหลังได้ทราบว่าหยางฉีเย่ว์พูดคุยได้ด้วยง่าย

“ขอบคุณพี่หยาง!” โมโมยิ้มหวานตอบกลับ

“ยินดีแล้ว เมื่อใดโทเทมข้าต้องการวิวัฒนาการ คงต้องขอให้เจ้า

ช่วยเหลือเช่นกัน!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มตอบ

“ยินดีอย่างยิ่ง!” โมโมพยักหน้ารับ ปี กโปร่งแสงขณะนี้กระพือออก

พระแม่แห่งเหล่าภูติสามารถทําให้โทเทมวิวัฒนาการด้วยความเร็ว

สูงลํ้าได้

หากผู้ฝึกตนได้รับโทเทม การวิวัฒนาการมันไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขา

จําเป็นต้องใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาลและเวลา

“พี่หยาง ข้ามักต้องการสัตว์เลี้ยงที่แกร่งกล้ามาโดยตลอด ไม่คิดเลย

ว่าคราวนี้จะได้เจ้าสิ่งน่ารักเหล่านี้ไว้ในครอบครอง!” ฉินหยุนยิ้ม

อย่างช่วยไม่ได้ออกมา

กระต่ายหยก นกกระจอกเก้าสวรรค์หยางหยาง และภูติอสูรโมโม

เหล่านี้เรียกได้ว่าแกร่งกล้าและเหนือลํ้า

หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “เจ้าอย่าได้ให้กระต่ายน้อยนั่นทราบเชียวว่าเจ้าคิด

ว่านางน่ารักน่าชัง ไม่เช่นนั้นนางได้โกรธเจ้าแน่!”

“ให้ข้าส่งคืนนางแก่ท่าน!” ฉินหยุนนําเอากระต่ายน้อยออกมา

“อย่าได้ นางคิดติดตามเจ้า!” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบกล่าว

“พี่หยาง ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวน้อยนี่ยากเลี้ยงดูหรือ?” คิ้วของฉินหยุนขมวด

เผยออกว่าสิ่งที่ตนคิดขณะนี้ไม่ดีนัก

“มันไม่ใช่แค่ไม่ง่ายเลี้ยงดู แต่ยังน่ารําคาญอีกด้วย! แต่ก็ไม่ใช่เรื่อง

ยากเกินไป ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรให้นางได้กิน นางก็คงจะหลับต่อไป

อีกชั่วระยะหนึ่ง!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มเก้กัง

ตลอดมา โมโมคิดอยากปลุกกระต่ายน้อยมาเล่นด้วย กระนั้น กระต่าย

น้อยตะกละเกินไป ทันทีเมื่อนางตื่นขึ้น ฉินหยุนจะต้องยากลําบาก

ค้นหาอาหารให้นางได้กิน

โมโมเผยนํ้าเสียงเบา “พี่ชาย หากข้ามีโทเทมจันทราทมิฬ ท่านก็ไม่

จําเป็นต้องกังวลเรื่องอาหารการกินของข้าอีกต่อไป! ด้วยโทเทม

จันทราทมิฬ ข้าสามารถควบแน่นหยดแก่นจันทรา เมื่อถึงเวลานั้น

ทั้งข้าและกระต่ายน้อยจะกินมันได้!”

“จริงหรือ? วิเศษยิ่งนัก!” ฉินหยุนเผยเสียงยินดี

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์พาโมโมกลับมายังฐานค่ายอาคม

หยางฉีเย่ว์และโมโมไปอยู่ในห้องลับเดียวกัน เพื่อให้โมโมได้คัดลอก

โทเทมจันทราทมิฬ

ทางด้านฉินหยุน เขาอยู่ห้องลับอีกห้องหนึ่ง กําลังหลอมเสาอาคม

ด้วยกําลังของเขา ทําให้สามารถสร้างได้เพียงอาคมวิญญาณระดับ

ราชัน หากค่ายอาคมฝังเอาไว้กับเสา มันจะเพียงพอให้สกัดการโจมตี

จากขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณได้

หากเขาต้องการขวางประตูของนครโบราณยุทธ์เต๋าเอาไว้ เขาก็ต้อง

ขวางการโจมตีของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเอาไว้ให้ได้

เสียก่อน

ไม่อย่างนั้น ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณจะทําลายค่ายอาคม

วิญญาณที่ภายนอกประตู

ฉินหยุนใช้เวลาหลายวันกว่าจะขัดเกลาเสาอาคมทั้งเก้า โดยใช้ทั้ง

อักขระจันทราและดวงดาว ขณะนี้เขาสามารถใช้งานค่ายอาคมของ

นครโบราณ เพื่อทําการดูดกลืนพลังให้แก่รากฐานของค่ายอาคมได้

เมื่อขัดเกลาเรียบร้อย เขาจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังประตูเมือง จัดแจง

ติดตั้งเสาทั้งหลาย จากนั้นจึงเปิ ดค่ายอาคมใหญ่สําหรับป้องกันให้

ทํางาน

ในช่วงหลายวันมานี้ ข่าวคราวเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนครโบราณยุทธ์

เต๋า ได้กระจายไปทั่วทั้งแดนยุทธ์อ้างว้าง

แม้ตําหนักโทเทมสูญเสียใหญ่หลวง กระนั้นพวกเขายังไม่คิดปล่อย

วางการตั้งค่าหัวแก่ฉินหยุน

ผู้ฝึกตนตําหนักโทเทมยังมีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าหลงเหลืออีกมาก

อย่างไรแล้ว ที่นี่ก็คือสามแดนอ้างว้าง พวกเขาย่อมไม่ปล่อยวาง

รากฐานที่สร้างมานานให้เลือนหาย

กระทั่งสํานักอื่น รวมถึงตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ต่างก็หลงเหลือผู้

ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พร้อมขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณจํานวนหนึ่ง

หรือก็คือ ในอีกไม่ช้า ผู้แข็งแกร่งที่สุดของสามแดนอ้างว้าง จะเป็นได้

แค่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเท่านั้น

หลังจากฉินหยุนกลับไปยังฐานค่ายอาคม โมโมและหยางฉีเย่ว์ก็

ออกจากห้องลับพอดี

“พี่หยุน ข้าได้รับโทเทมจันทราทมิฬสําเร็จเรียบร้อยแล้ว!” โมโมยิ้ม

หวานแสดงความยินดี

“หากมีหยดแก่นจันทรามากพอ เช่นนั้นก็ปลุกกระต่ายน้อยนั่นมา

เล่นด้วยได้!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “เมื่อมีหยดแก่นจันทราเพียงพอ ถึงตอนนั้น กระทั่ง

กระต่ายน้อยนั่นก็คงไม่ยินดีติดตามข้าแล้ว!”

โมโมกลับสู่วิญญาณเทวะเก้าตะวัน เริ่มทําการควบแน่นหยดแก่น

จันทรา

หลังจากให้อาหารหยางหยาง ฉินหยุนจึงเก็บนางไว้ในไข่มุกเม็ดแรก

ร่วมกับโมโม

หยางหยางคือวิญญาณดวงตะวัน และก็เป็นนกกระจอกเก้าสวรรค์

เป็นสัตว์เทวะ

ตอนนี้ด้วยเพราะยังเด็ก จึงสามารถละเล่นกับโมโมได้โดยไม่สนอื่นใด

“เจ้าเป็ดน้อยนี่เป็นสัตว์เทวะจริงหรือไม่?” ฉินหยุนมองที่หยางหยาง

ขณะนี้กําลังเล่นสนุกขณะเอ่ยถามอย่างสับสน

“วางใจได้ หยางหยางยังเติบโตได้อีกมาก! เมื่อนางเติบโตขึ้น ความ

ทรงจําของนางจะตื่นรู้ขึ้นมา และเมื่อนั้นนางจะกลายเป็นนกกระจอก

เก้าสวรรค์ที่เกรียงไกร!” หยางฉีเย่ว์ขณะนี้คล้ายค้นหาอะไรบางอย่าง

ในฐานค่ายอาคม

พวกเขาทราบจากชายชราถึงความลับของนครโบราณที่ซุกซ่อน

เอาไว้

“ตรงนี้เหมือนจะเป็นเส้นทางลงไป!” หยางฉีเย่ว์เคาะแผ่นอิฐที่พื้น

เป็นการค้นหาอย่างตั้งใจ

ทางด้านฉินหยุน เขาโคจรพลังจิตสู่ฐานค่ายอาคม ใช้งานตัวอาคม

เพื่อสัมผัสถึงมัน

เพียงไม่นาน หยางฉีเย่ว์พบเห็นบางอย่าง นางตะโกนเสียงเบา “เสี่ยว

หยุน ตรงนี้มีอะไรอยู่ด้านล่าง รีบเข้ามายกก้อนอิฐขึ้นเร็ว!”

ฉินหยุนเร่งรีบเดินเข้าไป นําเอาก้อนอิฐยกขึ้นให้แก่หยางฉีเย่ว์ เขา

ค่อยตระหนักได้ตอนนี้ ว่าเบื้องล่างก้อนอิฐมันมีอักขระจํานวนมาก

สลักเอาไว้

“นี่เป็นผนึก! ต้องทําลายมันถึงจะเปิ ดประตูดินได้!” หยางฉีเย่ว์โอด

ครวญ

นางคิ้วขมวด “เสี่ยวหยุน อักขระเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นอักขระจันทรา

ล้วนยากแก่การทําลายทั้งสิ้น!”

“ให้โมโมจัดการได้!” ฉินหยุนเผยรอยยิ้ม

โมโมและหยางหยาง ขณะนี้วิ่งเล่นในมิติกว้างของไข่มุกเม็ดแรก

ปี กของนางขยับเคลื่อนไหวรวดเร็ว ขณะกําลังวิ่งเล่นสนุกสนาน

พลันถูกฉินหยุนเรียกตัวออกมา

นางแลบลิ้นออกด้วยความไม่ชอบใจที่ถูกขัด จากนั้นจึงเร่งรีบทําลาย

ผนึก ทําให้ผนึกไม่อาจคงสภาพ จากนั้นจึงกลับไปเล่นกับหยางหยาง

ต่อโดยไม่คิดรอ

“โมโมช่างยอดเยี่ยมนัก!” หยางฉีเย่ว์อุทาน “ไม่นึกเลยว่าภูติพระแม่

จะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย!”

“ท่านอยู่กับนางก็หลายวัน ไม่ได้พูดคุยกับนางเลยหรือ?” ฉินหยุน

ยิ้มกล่าว “เด็กคนนั้นกระทั่งทราบวิธีการซ่อมแซมอักขระ นางถือว่า

แข็งแกร่งมาก!”

“ช่วงที่อยู่กับนาง เป็นนางที่ถามข้าหลายต่อหลายคําถาม!” หยางฉี

เย่ว์ผลักเปิ ดประตู

หลังจากแผ่นหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นมา จึงเกิดเป็นรูกว้าง

ราวสองเมตรลึกลงไปในพื้นดิน

“ให้ข้าไปก่อน!” ฉินหยุนกล่าว

“ไปด้วยกัน!” หยางฉีเย่ว์กล่าวคําไม่คิดรอคําตอบ เข้ากอดฉินหยุน

ไว้พร้อมกระโดดลงไป

ฉินหยุนกอดหยางฉีเย่ว์ตอบ ขณะนี้เขาได้สูดกลิ่นหอมเข้าไปพร้อม

ยิ้มกล่าว “พี่หยาง ข้าไม่นึกว่าร่างกายท่านยอดเยี่ยมเพียงนี้ ถึงกับ

ดีกว่าพี่หลัน!”

หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “เสี่ยวหยุน เจ้าพบสาวงามมามาก ใครกันมีรูปร่าง

ดีที่สุดเล่า?”

“เรื่องนี้…” ฉินหยุนอึกอัก

“บอกความจริงต่อข้าแล้วข้าจะไม่โกรธ!” หยางฉีเย่ว์กอดฉินหยุน

แน่นขณะเคลื่อนคล้อยลงสู่ด้านล่าง

“พี่สาววิญญาณร้ายวารี!” ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปาก “จากนั้นเป็นท่าน!”

หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “ไม่นึกเลยว่าเจ้าสนใจพี่สุ่ยเพียงนั้น กระทั่งทราบ

รูปร่างของนาง!”

นางไม่ทราบว่าฉินหยุนและสุ่ยเทียนสื่อเคยใกล้ชิดกันมาก่อน

สุ่ยเทียนสื่อบ่อยครั้งจะเข้ามาพัวพันกับฉินหยุน กระทั่งฉวยโอกาส

จากเขา ดังนั้นฉินหยุนจึงทราบรูปร่างของนางเป็นอย่างดี

“ข้าสงสัยนักว่าพี่สาววิญญาณร้ายวารีกับพี่สาวซาลาเปานึ่งจะยังอยู่

ที่นี่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยคํา

“ย่อมไม่ พวกนางอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ย่อมต้องไปยังแดน

วิญญาณอ้างว้างแล้ว! วางใจเถอะ ภายหน้าย่อมต้องได้พบกันอีก

แน่!” หยางฉีเย่ว์แค่นเสียงเบา “เหมือนเจ้าสนิทสนมกับพวกนางพอ

ตัวเลยนี่!”

“เป็นเช่นนั้น อย่างไรแล้วข้าก็เป็นอาจารย์จารึกที่หล่อเหลา พวกนาง

ล้วนคิดอยากฉวยโอกาสจากข้ากันทั้งสิ้น!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง

หยางฉีเย่ว์หยิกที่แก้มฉินหยุนไปทีหนึ่งค่อยหัวเราะออก “เช่นนั้น

พี่หยางคนนี้ขอฉวยโอกาสต่อเจ้าในภายหน้าบ้าง อย่าได้คิดปฏิเสธ

ข้าเชียว!”

“ย่อมไม่อยู่แล้วขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

หยางฉีเย่ว์ยังคงกอดฉินหยุนไว้ ทั้งสองเคลื่อนลงสู่ด้านล่าง ขณะนี้

รับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ ายด้วยความ

ลึกลํ้าภายใน

ฉินหยุนได้เห็นริมฝีปากของหยางฉีเย่ว์ระยะใกล้ ขณะนี้มันกําลัง

เคลื่อนเข้ามาราวกับนางคิดจูบเขา มันถึงกับทําเอาความคิดภายในใจ

ของเขาว่างเปล่าและร่างกายแข็งทื่อ

ริมฝีปากเมื่อใกล้บรรจบลง เท้าทั้งสองก็สัมผัสพื้นแล้ว ในที่สุดก็ถึง

ปลายทางเบื้องล่าง

หยางฉีเย่ว์คล้ายเพิ่งได้สติก่อนจะคลายอ้อมกอดฉินหยุน ราวกับไม่มี

อันใดเคยเกิดขึ้น นางกล่าวคําด้วยสีหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยนแม้เพียงนิด

“ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายสมควรอยู่ที่นี่!”

ห้องใต้ดินแห่งนี้กว้างใหญ่ พอลงมาถึงแล้ว แสงสว่างรอบห้องจึง

ลุกโชนสว่างไสว

ฉินหยุนกระแอมไอกระดากใจขณะสํารวจมองโดยรอบ สิ่งที่ได้เห็น

คือยันต์ตามรอยตะวัน!

ยันต์ตามรอยตะวันลอยอยู่กลางอากาศ สีของมันเป็นสีทอง แสง

สว่างสีทองสาดส่องเป็นประกายเรืองรองออกมา

“ด้วยยันต์นี้ พวกเราจะสามารถค้นหาวิญญาณดวงตะวันในสวน

โบราณได้!” ฉินหยุนก้าวเดินออกไป คว้าเอายันต์นั้นมาไว้ในมือ



ตอนที่ 486 มังกรกระดูก

หลังจากที่ฉินหยุนปลดยันต์ดังกล่าวออกมา เส้นสายสีทองจํานวน

มากจึงปรากฏบนพื้น ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายปรากฏขึ้น

“ยันต์ตามรอยตะวันนี้ทรงพลังนัก!” เมื่อฉินหยุนได้ถือมันไว้ในมือ

เขารับรู้ได้ถึงความอุ่น

เป็นที่ทราบกันว่ายันต์นี้คงอยู่ที่นี่มานานนับ กระนั้นมันยังมีสภาพ

คล้ายเพิ่งสร้างขึ้นใหม่

หยางฉีเย่ว์เดินเข้ามา นางยิ้มกล่าว “หากเป็นไปได้ด้วยดี อีกไม่นาน

เจ้าจะได้วิญญาณดวงตะวันที่สอง!”

“การได้รับวิญญาณดวงตะวันคงไม่ใช่เรื่องง่าย!” ฉินหยุนยิ้มแหย

“ตําหนักจารึกเทวะยังต้องใช้เวลายาวนานเพื่อค้นหามัน! หากข้า

ต้องการวิญญาณดวงตะวันนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีการเสียเลือดเนื้อ

บ้าง!”

“ด้วยพี่หยางช่วยเหลือ เจ้าย่อมต้องได้รับ!” หยางฉีเย่ว์หัวเราะคิกคัก

ฉินหยุนมองที่ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายบนพื้นขณะยิ้มตอบ “พี่หยาง

เช่นนั้นไปที่สวนโบราณกันเลยดีกว่า!”

“ไปกัน!” หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับรัวเร็ว นางกําลังคาดคิดถึงสิ่งที่จะ

ฉินหยุนเข้าควบคุมค่ายอาคมเคลื่อนย้าย ถึงตอนนี้เขาค่อยทราบว่า

มันมีพลังงานไม่พอ!

“ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับค่ายอาคมของนครโบราณ

มันจําเป็นต้องใช้ทรัพยากรพลังงานแยกต่างหาก!” ฉินหยุนคิ้วขมวด

“บางทีอาจเป็นเพราะผู้สร้างมัน เป็นกังวลว่าแหล่งพลังงานของนคร

โบราณจะถูกทําลาย และอาจส่งผลถึงค่ายอาคม”

“ต้องใช้พลังงานเพียงใดกัน?” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบเอ่ยถาม

“น่าจะราวหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง!” ฉินหยุนมองที่ค่ายอาคม พบว่า

มันมีก้อนอิฐขนาดใหญ่วางไว้บนพื้น คล้ายสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ

ภายในก้อนอิฐ มันคือมิติเก็บของขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุเหรียญ

ม่วงมหาศาล

“มากมายนัก ข้าไม่เคยเห็นเหรียญม่วงมากมายขนาดนั้นมาก่อนด้วย

ซํ้า!” หยางฉีเย่ว์เดินไปมา “พวกเราทําอย่างไรดี? เสี่ยวหยุน เจ้าขัด

เกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันได้ใช่หรือไม่? อย่างนั้นขัดเกลา

พวกมันขึ้น แล้วขาย เช่นนี้จะเป็นวิธีการหาเหรียญม่วงที่เร็วที่สุด!”

ขณะนางเผยความกังวล ฉินหยุนนําบัตรผลึกเหรียญม่วงออกมายิ้ม

กล่าว “พี่หยางอย่าได้กังวลแล้ว ข้ายังมีเหลือเฟื อถึงเจ็ดพันล้าน!”

หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นบัตรผลึกเหรียญม่วงที่ฉินหยุนส่งมา นางถึงขั้น

อึ้งไปวูบ ขณะนี้รับบัตรมาพร้อมสํารวจพิจารณา

“นี่… เจ้าไปหาเหรียญม่วงขนาดนี้มาได้อย่างไรกัน?” นางสูดลม

หายใจเข้าลึกเมื่อได้เห็นจํานวน

“หามาสิขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง บอกต่อนางถึงเรื่องราวที่เขาร่วมมือ

กับมู่เฟิ ง ฉ้อโกงเอาเหรียญม่วงปริมาณมหาศาลมา

“เจ้านี่นะ!” หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะออกไปภายนอก ช่วยเหลือ

เจ้าแลกเปลี่ยนเหรียญม่วงมาให้!”

“อืม ส่งมันไปยังบัตรท่านจะดีกว่า! จริงด้วย พี่หยาง ท่านมีอุปกรณ์

มิติเก็บของที่ใหญ่พอหรือไม่? ข้าต้องการให้ท่านช่วยแลกมาสักสาม

พันล้าน!” ฉินหยุนกล่าว

“ย่อมไม่มี” หยางฉีเย่ว์ส่ายศีรษะ กระนั้น นางก็หาได้เป็นกังวลใดไม่

เพราะฉินหยุนสามารถขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ

ฉินหยุนเร่งรีบนําเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา หลัง

วุ่นวายอยู่หลายวัน เขาค่อยขัดเกลาอุปกรณ์มิติเก็บของสามชิ้น พวก

มันเป็นกล่องเรียบง่ายที่สามารถจุได้มากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญ

ม่วง

“พี่หยาง แยกกันไปแลกเปลี่ยน เช่นนี้จะได้รวดเร็วกว่า!” ฉินหยุน

กล่าว

หากหยางฉีเย่ว์ต้องการแลกเหรียญม่วงจํานวนมหาศาล ก็ต้องไปยัง

ตําหนักจารึกเทวะหลายสาขา

“ไม่ เจ้าอยู่ที่นี่ ขัดเกลายันต์ ตระเตรียมสําหรับเดินทางสู่สวนโบราณ!”

หยางฉีเย่ว์ยิ้มตอบ “เสี่ยวหยุน เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหนีหายหลังได้รับ

เหรียญม่วงมหาศาลขนาดนี้หรือ?”

ฉินหยุนหัวเราะ “พี่หยางย่อมไม่ใช่คนเช่นนั้น หากเป็นพี่หยางย่อม

ทราบ ว่าอยู่ร่วมกับข้าย่อมดีกว่ามีหลายพันล้านเหรียญม่วงนั่นเป็น

ไหน!”

“ช่างรู้จักพูดนัก!” หยางฉีเย่ว์ยิ้ม ก่อนจะไปจากห้องลับชั้นใต้ดิน

ออกสู่ภายนอกเพื่อแลกเปลี่ยนเหรียญม่วง

ฉินหยุนอยู่ที่นี่ เริ่มขัดเกลายันต์สะกดกายและกระสุนปื นใหญ่

รวมถึงมีดบินจํานวนหนึ่งที่ขัดเกลาขึ้นจากแก่นวิญญาณระดับลึกลํ้า

แม้เขาครอบครองอุปกรณ์เต๋าจํานวนหนึ่ง แต่ไม่มีพวกมันที่เหมาะสม

ใช้งาน ทว่าเกราะป้องกันค่อนข้างมีประโยชน์ ภายหน้าเขาค่อยขาย

พวกมันยังได้

หยางฉีเย่ว์ที่ออกไปทําการแลกเปลี่ยน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลัก

เดือน

ช่วงเวลานี้ มันเพียงพอให้ฉินหยุนได้เตรียมการแก่ตนเอง

หนึ่งเดือนผันผ่าน ฉินหยุนขัดเกลายันต์สะกดกายระดับราชันได้

หนึ่งร้อยแผ่น กระสุนปื นใหญ่สามสิบลูก พร้อมมีดบินอีกสามเล่ม

หยางฉีเย่ว์ยังไม่กลับมา เรื่องนี้ทําเอาฉินหยุนกังวลไม่น้อย

ที่เขากังวลไม่ใช่ว่าหยางฉีเย่ว์จะหนีหาย แต่เขากลัวว่านางจะเผชิญ

กับอันตราย

“พี่หยุน ท่านอย่าได้กังวล! พี่หยางคล้ายฟื้นคืนความทรงจําในชาติภพ

ก่อนแล้ว นางรับมือได้ยากกว่าที่ท่านคิด!” โมโมขณะนี้สร้างหยด

แก่นจันทราสําเร็จ มันเพียงพอให้นางและกระต่ายหยกได้กินร่วมกัน

กระต่ายหยกถูกโมโมปลุกให้ตื่น พร้อมกับหยางหยาง ทั้งสามใช้เวลา

ร่วมกันทั้งวันและคืนในมิติเก็บของละเล่นไปทั่ว ทว่าเจ้าตัวน้อยน่ารัก

เหล่านี้ประมาทไม่ได้ ทั้งหมดล้วนครอบครองความสามารถสะเทือน

ฟ้าดิน

ตึง! ตึง! ตึง!

ฉินหยุนอยู่ในห้องใต้ดิน ขณะนี้รับรู้ถึงอาการพื้นดินที่สั่นไหว

“มีคนโจมตีอาคมคุ้มกันเมืองหรือ?” ฉินหยุนเร่งรีบเดินออกจากฐาน

ค่ายอาคม แปรสภาพร่างกายให้โปร่งแสง มุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้า

เมื่อถึงประตูเมือง เขาถึงกับอึ้งไปวูบ!

ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กํายํา ยืนหยัดตรงหน้าประตูเมือง เขา

สวมใส่ชุดสีดําหยาบกร้าน ครึ่งใบหน้ามีหน้ากากปกปิ ดเอาไว้ ใน

มือถือหอกมังกร กําลังโจมตีเข้าใส่ค่ายอาคมใหญ่อย่างไม่ยั้งมือ

ชายวัยกลางคนผู้นี้ปลดปล่อยออร่าข่มขวัญ มองไปก็ทราบว่าเป็นผู้

แข็งแกร่ง

“เสด็จพ่อ!” ฉินหยุนเร่งรีบปรากฏตัวพร้อมร้องตะโกน “อย่าได้

โจมตีแล้ว ค่ายอาคมนั่นข้าลําบากขัดเกลามันขึ้นมานะ!”

ชายด้านนอกประตูเมืองไม่ใช่ใครอื่น เป็นฉินหลง!

“เป็นอย่างนี้นี่เอง นึกว่ามีคนผนึกเมืองนี้เอาไว้เสียอีก!” ฉินหลงยิ้ม

กว้างเมื่อพบว่าฉินหยุนปรากฏตัวตรงหน้า

ฉินหยุนเร่งรีบปิ ดค่ายอาคมใหญ่ ให้ฉินหลงได้เข้ามา

ได้เห็นบิดาตนเองมาถึงปุบปับเช่นนี้ เขายินดีไม่น้อยเลยทีเดียว

“เจ้าหนูแสนซน อย่างไรแล้วเจ้าก็เป็นบุตรชายข้า ถึงกับสร้างปัญหา

ใหญ่โตไปทั่ว! ทั้งยังแปรเปลี่ยนแดนยุทธ์อ้างว้างอย่างพลิกกลับ!”

ฉินหลงเมื่อเข้ามาแล้ว จึงลูบที่หัวฉินหยุนพร้อมหัวเราะดัง

“เสด็จพ่อ…”

“อย่าได้เรียกพ่อเป็นเสด็จพ่อ พ่อก็แค่จักรพรรดิคนหนึ่งที่ผู้คนใน

ดินแดนสุดขอบเรียกหา!” ฉินหลงโบกมือไหววูบ

ฉินหยุนยิ้ม “ข้าจะทําได้อย่างไร! เสด็จพ่อ เหตุใดมาที่นี่กัน? ภูมิภาค

ชายแดนเกิดเรื่องขึ้นหรือ?”

“ตอนแรก คนของหุบเขาลึกลํ้าจันทราไปถึง จากนั้นจึงเป็นคนของ

ตําหนักจันทราทมิฬ พวกเขาล้วนกวาดเอาศิษย์มีพรสวรรค์ไปจนหมด

สิ้น! ด้วยพวกเขาอยู่ที่นั่น ลูกวางใจได้!” ฉินหลงตบไหล่ฉินหยุน

พร้อมยิ้มบอกเล่าออกมา

ย้อนกลับไปกาลก่อน หลายสํานักเข้าร่วมในการก่อสร้างหลุมฝัง

เซียน ผลลัพธ์ที่ได้ สํานักเหล่านั้นถูกกวาดล้างเพื่อปิ ดปาก กระนั้นก็

ยังเหลือเมล็ดพันธุ์ชั้นเลิศเอาไว้ในภูมิภาคชายแดนแห่งนั้น

ฉินหยุนนําทางบิดาตนเองสู่ฐานค่ายอาคม พร้อมเรียกโมโมออกมา

เขายิ้มกล่าว “เสด็จพ่อ ให้ข้าหยิบยืมโทเทมมังกรของท่านหน่อยแล้ว!”

“สวัสดีท่านลุงเจ้าค่ะ!” โมโมกล่าวทักทายฉินหลงด้วยความสุภาพ

“ภูติอสูรพระแม่ ข้าทราบอยู่แล้วว่านางย่อมไม่ตายโดยง่าย!”

จากนั้นเขาค่อยถอดหน้ากากออก

ฉินหยุนนําเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรทั้งหมดที่มีเหลือออกมา นี่ก็เพื่อให้

โมโมได้ทํางานอย่างลื่นไหล คัดลอกเอาโทเทมมังกรของฉินหลง

ออกมา

ผ่านไปสามวัน โทเทมมังกรขณะนี้ได้โมโมคัดลอกออกมาสมบูรณ์

แล้ว

ฉินหลงกลับมาสวมใส่หน้ากาก “เสี่ยวหยุน! หลุมฝังเซียนที่ซุกซ่อน

เอาไว้ในเขตแดนอ้างว้าง ทางที่ดีลูกอย่าได้ออกค้นหามัน! หากลูก

พบเจอมัน สุสานเซียนนั่นก็จะถูกเปิ ดเผยด้วย!”

“หากลูกไม่มีกําลังพอให้เข้าไป อย่างนั้นจะต้องมีผู้อื่นเข้าครอบครอง

แทนลูกแน่!”

“เสด็จพ่อ ทั้งแดนยุทธ์อ้างว้างขณะนี้เป็นแบบนี้ไปแล้ว เมื่อข้าเพิ่มพูน

การฝึกฝนจนแกร่งกล้ากว่านี้ ก็คงไม่อาจกลับมาได้อีก!” ฉินหยุน

ถอนหายใจ “ข้าต้องก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ดังนั้นจึงต้องไป

หลบซ่อนตัวในแดนวิญญาณอ้างว้าง ไม่อย่างนั้นข้าจะถูกแรงกดดัน

พลังที่นี่เข้าเล่นงาน!”

“เก้าดวงตะวันกําลังปกป้องบางสิ่ง เพราะเหตุนั้นพวกมันจึงลงมือ

ดังที่เห็น แต่มันก็ไม่ได้คงอยู่ชั่วกาลนาน! ดังนั้นลูกไม่ต้องกังวลว่า

จะกลับมาไม่ได้!” ฉินหลงกล่าว

“เสด็จพ่อ ที่ภูมิภาคชายแดนแห่งนั้น มีความลับมากมายซุกซ่อน

เอาไว้หรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบา

“ถูกต้อง” ฉินหลงพยักหน้ารับ “ความลับมีมากมายนัก! โดยสรุป

พ่อจะสํารวจเทือกเขาเมฆมังกรไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง!”

ขณะนี้เสียงของเขาคล้ายเบาลงขณะกล่าวต่อ “หลังได้อ่านตํารา

โบราณมากมาย พ่อพบบันทึกถึงเส้นทางที่เชื่อมต่อชายแดนของ

พวกเราไปยังแดนเซียนอ้างว้าง!”

“ในอดีต เซียนมากมายเลือกที่จะสร้างสุสานเซียนมากมายเอาไว้ใน

เทือกเขาเมฆมังกร บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาสะดวกเดินทางมาถึง

ที่แห่งนั้น!”

ฉินหยุนขณะนี้ค่อยพบ ว่าการฝึกฝนของบิดาตนเองค่อนข้างสูงส่ง

“เสด็จพ่อ ท่านอยู่ระดับใดกันแล้ว? นี่คล้ายแข็งแกร่งยิ่งนัก!” เขาเอ่ย

ถาม

“พ่อขณะนี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า! พ่อเป็นพ่อของลูก จะ

ไม่แข็งแกร่งกว่าลูกได้หรือ?” ฉินหลงหัวเราะ “อีกไม่ช้าพ่อก็จะเข้า

สู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณแล้ว!”

ฉินหยุนอึ้งไปวูบ เขารู้สึกว่าการเลื่อนระดับตนเองรวดเร็วแล้ว ทว่า

ฉินหลงกลับรวดเร็วยิ่งกว่า

“เสด็จพ่อ ท่านฝึกฝนอย่างไรกัน? รีบสอนแก่ข้าแล้ว!”

ฉินหลงหัวเราะ “วิธีการฝึกฝนของพ่อไม่เหมาะสมกับลูก! ทุกคน

ต่างมีวิธีเป็นของตนเอง อย่าได้ฝืนตน ไม่เช่นนั้นจะง่ายต่อการเกิด

ความผิดพลาด!”

“ขอรับ!” ฉินหยุนเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงนําบิดาตนเอง

ออกจากฐานค่ายอาคมสู่ภายนอก

จากนั้นเขาจึงนําร่างมังกรออกมา

ฉินหลงพอได้เห็นมังกรที่ตายแล้ว เขาอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นค่อยยิ้ม

และอุทานออก “ครั้งพ่อยังเด็ก พ่อเคยเจอเจ้านี่ในเทือกเขาเมฆมังกร

พ่อไม่คิดเลยว่ามันจะตกอยู่ในมือของลูก!”

ใบหน้าของเขาเผยความยินดีขณะยิ้มให้ฉินหยุน ไม่ช้ารอยยิ้มนั้น

เลือนหาย เพราะฉินหยุนต้องการให้เขาช่วยเหลืองานยากลําบาก นั่น

ก็คือการเลาะเนื้อและเกล็ดมังกรออก หลงเหลือไว้เพียงแต่โครง

กระดูก

ฉินหลงอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า และยังครอบครองโทเทม

มังกร พละกําลังของเขาย่อมไม่ธรรมดา

มีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ฉินหยุนไม่ใช้งานให้คุ้มก็ออกจะเสียเปล่าเกินไป

แล้ว

ที่พื้นขณะนี้ ปรากฏโครงกระดูกมังกรสภาพสมบูรณ์ แม้เลือดมังกร

เป็นสีทอง แต่กระดูกมังกรนั้นขาวเปรียบดังหิมะ

ฉินหยุนนําวิญญาณยุทธ์มังกรสีดําที่เพิ่งได้รับก่อนหน้านี้ออกมา

จากนั้นจึงแกะสลักโทเทมมังกรลงที่พื้นผิววิญญาณยุทธ์มังกรสีดํา

โดยอาศัยปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิต

ผ่านไปสองวันผลงานค่อยเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาจึงควบคุมมังกร

สีดําให้ผสานรวมกับกระดูกมังกร

“เสี่ยวหยุน นี่ลูกคิดขัดเกลาหุ่นเชิดมังกรหรือ?” ฉินหลงพอได้เห็น

กระดูกมังกร เขาพลันลอยขึ้นกลางอากาศพร้อมอุทานร้องด้วยความ

ตื่นตกใจ

“ถูกต้องแล้ว! แต่นี่ก็แค่ผลงานที่ยังไม่เสร็จสิ้นดีขอรับ ในภายหน้า

เมื่อข้ามีวัสดุที่ดีกว่านี้ ข้าจะเพิ่มเกราะเกล็ดและเนื้อภายใต้เกล็ด

ให้แก่มัน!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “แต่เท่านี้ก็เพียงพอให้ใช้งาน หากมี

พลังงานเพียงพอ มังกรกระดูกตัวนี้สมควรมีพลังที่แกร่งกล้า!”

ฉินหยุนรู้สึกว่า อย่างน้อยมันก็สามารถใช้ถ่วงผู้ฝึกตนขอบเขตวร

ยุทธ์ลึกลํ้าได้พักหนึ่ง

เกราะเกล็ดมังกรเดิมก็มีประโยชน์มหาศาลแล้ว ดังนั้นภายหน้าฉิน

หยุนเพียงแค่ใช้เหล็กกล้าหยวนลึกลํ้า เพื่อขัดเกลามังกรกระดูก เป็น

มังกรกระดูกเหล็กกล้า

ฉินหลงโล่งใจที่ได้เห็นบุตรชายมีศักยภาพเพียงนี้ เขายังต้องกลับไป

ภูมิภาคชายแดนเพื่อสํารวจเส้นทางไปยังแดนเซียนอ้างว้าง ดังนั้น

เขาจึงไม่คิดอยู่ต่อนานนัก

ฉินหยุนส่งฉินหลงออกจากเมือง ขณะนี้เขายิ่งเกิดความกังวล เพราะ

หยางฉีเย่ว์ยังไม่กลับมา

เขาควบคุมมังกรกระดูกบินไปมา ด้วยขนาดใหญ่โตของมังกรกระดูก

รูปลักษณ์ของมันชวนให้เกรงขาม

ฉินหยุนรออยู่อีกสามวันในซากปรักหักพังไม่ไกลจากประตูเมือง

ในที่สุดเขาค่อยได้เห็นหยางฉีเย่ว์เดินทางกลับมา

หยางฉีเย่ว์สวมใส่ชุดสีดําพร้อมหน้ากาก ด้วยพลังที่ไม่ทราบว่าคือ

อะไร นางสามารถผ่านค่ายอาคมใหญ่คุ้มกันนครโบราณและเข้ามา

ได้

หยางฉีเย่ว์เมื่อเข้ามาแล้ว นางได้เห็นรอยยิ้มที่ใบหน้าฉินหยุนที่เปี่ ยม

ด้วยความกังวลห่วงหา นางขณะนี้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

“เสี่ยวหยุน สํานักเก้าตะวันและสํานักอื่นของแดนวิญญาณอ้างว้าง

ได้ส่งศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามมากมายสู่สวนโบราณ

พวกเขาสมควรนําหุ่นเชิดที่แกร่งกล้าร่วมทางไปด้วย…”

ก่อนนางจะกล่าวคําจบ นางจึงได้เห็นมังกรกระดูกบินมาแต่ไกล!

“ขณะนี้ข้าเองก็มีหุ่นเชิดที่แข็งแกร่ง!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ไปกันดีกว่า

ขอรับ พวกเราจะเปิ ดการทํางานของค่ายอาคม และเข้าสู่สวนโบราณ

เหล่านั้น!”


ตอนที่ 487 เมืองน้อยในป่ าใหญ่

หยางฉีเย่ว์กุมมือฉินหยุนเอาไว้แน่น นางขณะนี้เผยความตื่นเต้น

ออกมา

“พี่หยาง เหตุใดท่านตื่นเต้นกัน?” ฉินหยุนกุมมือนุ่มเอาไว้ มันสั่น

เล็กน้อยจนเขาอดไม่ได้ที่จะถามออก

“ข้ากังวล กังวลว่ามันจะมีอันตรายในสวนโบราณ!” หยางฉีเย่ว์มอง

ฉินหยุนด้วยดวงตางดงามซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย

ฉินหยุนนึกถึงชาติภพก่อนของหยางฉีเย่ว์

หยางฉีเย่ว์เสียชีวิตในสวนโบราณที่ดวงจันทร์ ดังนั้นนางที่กําลังจะ

เดินทางไปสวนโบราณแห่งอื่น จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึก

หวาดกลัวขึ้นมา

“ย่อมไม่เป็นไรขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มให้

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ กระนั้นใบหน้าก็ยังเผยความกังวลอยู่ดี

“ข้าจะเปิ ดการทํางานค่ายอาคมเคลื่อนย้ายแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวขณะ

นําหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง บรรจุในมิติเก็บของก้อนอิฐบนพื้น

“เริ่มเลย!” หยางฉีเย่ว์ได้เห็นค่ายอาคมสั่นไหวเล็กน้อย นางขณะนี้

กุมมือฉินหยุนไว้แน่น ทั้งยังหอมแก้มเขาไปครั้งหนึ่ง

ฉินหยุนรับรู้เด่นชัด ว่าหยางฉีเย่ว์หอมแก้มตนเอง เขาถึงกับอึ้งไปวูบ

พร้อมกันนี้ ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายก็ทํางานแล้ว

“พี่หยาง!” ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเมื่อทํางานเสร็จสมบูรณ์ ฉินหยุน

ตะโกนร้องด้วยอาการตระหนก

ด้วยการหันมองรอบ พบว่าอยู่ในป่ าโบราณ กระนั้นข้างกายไม่มี

หยางฉีเย่ว์

เขารับรู้เด่นชัด ว่าเมื่อครู่กุมมือหยางฉีเย่ว์เอาไว้ เขายังรับรู้ถึงการ

หอมแก้มที่หยางฉีเย่ว์มอบให้ กระนั้น เมื่อค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเริ่ม

ทํางาน หยางฉีเย่ว์กลับหายไปแล้ว

“พี่หยาง ท่านอยู่ที่ใด!” ฉินหยุนตะโกนร้องเสียงดังทั่วทิศด้วยความ

กระวนกระวาย

เขาเดินไปมาวนรอบพร้อมตะโกน “พี่หยาง” ดังลั่นกว่าสามชั่วยาม

กระนั้นก็ยังไม่พบแม้เงาของหยางฉีเย่ว์

ฉินหยุนเกิดความกังวลล้นพ้นขณะล้มร่างลงกับพื้น เขาคว้าเส้นผม

ตนเองไว้พลางพึมพํา “หลังจากค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทํางาน เรากุม

มือพี่หยางเอาไว้ แต่นางก็หายไปอย่างกะทันหัน นี่มันเรื่องอะไร

กัน?”

“พี่หยาง ท่านไปอยู่ที่ใดแล้ว…”

ฉินหยุนใช้มือสัมผัสตําแหน่งที่หยางฉีเย่ว์หอมแก้มตนเอง ความ

นุ่มนวลและละมุนของริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงยังคงอยู่อย่างเด่นชัด

“ที่นี่ไม่มีค่ายอาคมเคลื่อนย้าย อย่างนั้นค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่นคร

โบราณยุทธ์เต๋าก็เป็นการทํางานแบบทางเดียว!” เขาปล่อยเสียงถอน

หายใจยาวออกมา ได้แต่หวังว่าหยางฉีเย่ว์จะไม่พบปัญหาใด

“พี่หยุน พี่หยางย่อมไม่เป็นไร ข้ายังรับรู้ถึงพลังชีวิตอันแกร่งกล้า

ของนางได้!” โมโมขณะนี้โพล่งเสียงดังขึ้น “ข้าครอบครองโทเทม

จันทราทมิฬ ดังนั้นจึงสามารถรับรู้ถึงนางด้วยวิธีการพิเศษ! กระต่าย

น้อยยังบอก ว่าพี่หยางไม่เป็นไร เพียงแค่อาจมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

ระหว่างการเคลื่อนย้าย!”

ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาค่อยรู้สึกวางใจขึ้นบ้าง

เขานําเอายันต์ตามรอยตะวันออกมา เริ่มออกวิ่งราวคนบ้าสู่ทิศทางที่

ยันต์บ่งชี้

หลังจากเข้าสู่สวนโบราณ หากคิดกลับออกไปจากที่นี่ ก็คงมีแต่ต้อง

ผ่านเส้นทางหนามปี ศาจ

ทว่า ทางเข้าแห่งนั้นมีข้อจํากัดใหญ่หลวง คนที่คนเข้ามาได้ต้องอยู่

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม นอกจากนี้ ยังต้องมีตั๋วสําหรับเข้า

สวนโบราณอีกด้วย

“พี่ชาย รอจนฟ้ามืด ข้าจะพยายามทดลองดูว่าสามารถใช้โทเทม

จันทราทมิฬ สัมผัสถึงวิญญาณยุทธ์และโทเทมจันทราทมิฬของพี่

หยางได้หรือไม่ บางทีข้าอาจติดต่อกับนางได้!” โมโมกล่าวคําขึ้น

“ได้!” ฉินหยุนได้แต่มุ่งหน้าไปต่อจนกระทั่งฟ้ามืด

สวนโบราณแห่งนี้กว้างใหญ่

ต้นไม้ล้วนสูงกว่าสองถึงสามร้อยเมตร หลุมน้อยใหญ่ปรากฏขึ้นให้

เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า

ขณะฉินหยุนเดินทางผ่านป่ า เขารับรู้ได้ถึงออร่าโบราณ มันราวกับ

เขาได้ย้อนคืนสู่ยุคโบราณอีกครั้งหนึ่ง

เขาไม่ทราบเรื่องสวนโบราณแห่งนี้มากนัก ที่ทราบก็เพียงแค่มีผู้ฝึก

ตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจํานวนมากเข้ามา

นอกจากนี้ สะพานพังทลายที่เป็นทางเข้าสวนโบราณ ยังถูกสร้างไว้

โดยสํานักเก้าตะวัน

ด้วยเหตุนี้ สํานักเก้าตะวันจึงครอบครองตั๋วเข้าจํานวนมหาศาล

เพื่อให้บรรดาศิษย์ของตนได้เข้ามา

แม้พวกเขาไปจากสามแดนอ้างว้างแล้ว ก็ยังหลงเหลือศิษย์ขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจํานวนมาก เพื่อให้พวกเขาเข้าสู่สวนโบราณ

และออกค้นหาวิญญาณดวงตะวัน

ฉินหยุนเดิมคิดว่าคงมีคนไม่มากเข้าสู่สวนโบราณ กระนั้นกลับได้

พบเมืองเล็กแห่งหนึ่งในป่ าโบราณ!

และยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอย่างยิ่งด้วย!

“หรือตลอดปี มานี้มีผู้คนมากมายเข้ามา จนกระทั่งเกิดเป็นเมืองเล็ก

แห่งนี้ขึ้น?” ฉินหยุนคาดการณ์ว่าในเมืองเล็กตรงหน้า สมควรมี

ประชากรนับหมื่นคน

เขาส่องกระจก ทําการติดหนวดเคราที่ใบหน้า เปลี่ยนชุดสวมใส่เป็น

สีนํ้าเงิน ปลอมแปลงโฉมเพื่อไม่ให้ผู้อื่นจดจําตนเองได้โดยง่าย

จากนั้นจึงเข้าเมืองไป

เข้ามาแล้ว ฉินหยุนพบว่าไม่ใช่เพียงแต่คนจากสามแดนอ้างว้างที่เข้า

มายังสวนโบราณแห่งนี้

มันยังมีเส้นทางเข้าจากแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้าง

กระนั้น ก็มีแต่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจึงสามารถเข้ามาได้

หลังจากเข้ามาในสวนโบราณ ผู้คนของแดนวิญญาณอ้างว้างและ

แดนอสูรอ้างว้าง จะไม่อาจกลับไปยังแดนต้นสังกัดของตนเองได้

กระทั่งว่าพวกเขาค้นหาวิญญาณดวงตะวันพบ พวกเขาก็ได้แต่

เคลื่อนย้ายกลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง จากนั้นค่อยเดินทางจากแดน

ยุทธ์อ้างว้างกลับสู่แดนวิญญาณอ้างว้าง หรือไม่ก็แดนอสูรอ้างว้าง

ฉินหยุนขณะนี้ถึงกับเกิดความประทับใจที่วิญญาณดวงตะวันซุก

ซ่อนตนเองได้ดีเยี่ยม นี่ก็เพราะมันมีเมืองขนาดเล็กเช่นนี้ปรากฏขึ้น

หลายสิบแห่งตลอดช่วงหลายพันปี ที่ผ่านมา

หากเขาเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณที่นี่ เขาจะโดนแรง

กดดันเข้าเล่นงาน ทําได้แต่ต้องเคลื่อนย้ายกลับไปยังแดนยุทธ์

อ้างว้าง

ตําหนักจารึกเทวะเรืองอํานาจ ในเมืองเล็กตรงหน้า มันมีตําหนัก

จารึกเทวะตั้งตระหง่าน ทว่าก็ไม่มีทางที่จะมีอาจารย์จารึกแกร่งกล้า

ปรากฏตัวที่นี่

ฉินหยุนมุ่งหน้าตรงไปยังตําหนักจารึกเทวะ ที่นี่มีอาจารย์จารึกน้อย

นิด ชั้นแรกของหอเป็นโรงเตี๊ยมสําหรับให้ผู้คนได้มาร่วมดื่มกัน ชั้น

ที่สองเป็นส่วนจัดการกิจธุระของตําหนักจารึกเทวะ

ฉินหยุนเลือกที่นั่ง สั่งอาหารราคาแพงมามากมาย

อาหารที่สั่งล้วนราคาสูงลํ้า พวกมันไม่ได้ทําจากผักวิญญาณหายาก

หรือเนื้อสัตว์วิญญาณแต่อย่างใด ทว่าหลังปรุงเรียบร้อย กลิ่นที่หอม

โชยนั้นชวนดึงดูด

จานบนโต๊ะขณะนี้ ทั้งหมดทั้งมวลมีสีสันและกลิ่นที่เย้ายวนอย่างยิ่ง

ฉินหยุนกินอาหารตรงหน้าจนเต็มปากพลางลิ้มรสพวกมันไปด้วย

ถัดจากนั้น เขาจึงสั่งของทานเล่นน่าอร่อย รวมถึงผลไม้วิญญาณ

เพื่อให้โมโมและสหายได้กินด้วย

ที่ชั้นแรกมีคนอยู่น้อยนิด และพวกเขาล้วนสงสัย อีกฝ่ ายรํ่ารวยมา

จากที่ใด?

เพราะผลไม้ ของทานเล่น และอาหารเหล่านั้นบนโต๊ะ มูลค่ามันรวม

แล้วนับแสนเหรียญม่วง

ผู้ฝึกตนทั้งหมดในสวนโบราณต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เพราะ

ไม่ใช่เรื่องง่ายหากคิดเข้าออกสวนโบราณ จํานวนเหรียญม่วงที่พวก

เขาครอบครองจึงมีอย่างจํากัด

หากพวกเขาคิดอยากได้รับเหรียญม่วงเพิ่มเติม ก็ต้องไปจับสัตว์

วิญญาณ หรือค้นหาสมุนไพรในป่ า หรือไม่ก็อาศัยโชคลาภสวรรค์

ประทานมอบเป็นสมบัติให้นํามาขาย

ขณะผู้คนพูดคุยถึงตัวตนของฉินหยุน เด็กสาวอายุราวสิบสองถึงสิบ

สามปี พลันเดินเข้ามา

เด็กสาวนี้มีใบหน้ารูปไข่งดงาม แม้เปรอะเปื้อนไปบ้าง แต่เพียงมอง

ก็ทราบว่านางรูปงาม

นางไว้ผมหางม้า สวมใส่ชุดสีขาวทรุดโทรมจนเป็นสีเหลือง รองเท้า

หนังสีขาวที่มีแต่รอยแตกของหนังเต็มไปหมด

เด็กสาวเมื่อเข้ามาแล้ว ได้พบเห็นอาหารละลานตาบนโต๊ะ นางอด

ไม่ได้ที่จะกลืนนํ้าลายอึกใหญ่ จากนั้นนํ้าเสียงอ่อนหวานกระจ่างชัด

ของนางค่อยดังขึ้น “หินในมือข้านี้เป็นวัสดุชั้นดีสําหรับการขัดเกลา

อุปกรณ์วิญญาณ ผู้ใดคิดอยากซื้อหาบ้าง ท่านลุง ท่านป้า พี่ชาย

พี่สาว หรือท่านยายผู้นั้น?”

ฉินหยุนมองตามเสียง พบว่าหินดังกล่าวพิเศษดังที่กล่าวอ้าง

ที่บนพื้นผิวก้อนหิน มันมีจุดประกายแสงสีเงินสว่างวิบวับปรากฏอยู่

ถึงตอนนี้ คนจากตําหนักจารึกเทวะ ชายชราก้าวเดินออกมา คว้าหิน

ก้อนนั้นไว้ เขามองมันและยิ้มตอบ “เด็กน้อย หินก้อนนี้ก็แค่หินดวง

ดาวเรืองแสงธรรมดา เป็นวัสดุขัดเกลาระดับตํ่า ไม่คู่ควรแม้สักหนึ่ง

เหรียญม่วง!”

“เป็นไปไม่ได้! ท่านปู่ และบิดาข้าเสี่ยงชีวิตขโมยมันมาจากสัตว์อสูร

พวกเขาถึงกับถูกกินไปเพื่อให้ได้รับหินก้อนนี้มา!” เด็กสาวกลั้น

นํ้าตาขณะกล่าวตอบโต้

นางไม่เชื่อ ว่าครอบครัวของนางต้องตายไปเพราะหินธรรมดาก้อน

หนึ่ง

ครั้งสวนโบราณแรกเปิ ดให้เข้า มีสัตว์อสูรจํานวนมากเข้ามา จนกระทั่ง

ถึงตอนนี้ มันยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดสิ้นลงแต่อย่างใด

“ห้าสิบเหรียญม่วง เท่านี้เป็นอย่างไร?” ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะ

กล่าวออก “ข้าคือผู้จัดการของตําหนักจารึกเทวะ เฉียนเฉ่า!”

“ท่านปู่ เฉียนเฉ่า หินก้อนนี้ลํ้าค่าอย่างยิ่ง สักห้าร้อยเหรียญม่วงไม่ได้

หรือ?” เด็กสาวชุดขาวอ้อนวอน

“แพงเกินไป!” เฉียนเฉ่าส่ายศีรษะ

ขณะนี้เอง ชายชราตะโกนจากอีกโต๊ะหนึ่ง “เด็กน้อย มาดื่มร่วมกับ

ข้า แล้วข้าจะมอบห้าสิบเหรียญม่วงให้ และข้าก็ไม่ได้ต้องการหิน

สกปรกของเจ้าแต่อย่างใดด้วย!”

“เด็กน้อย ข้ายินดีจ่ายหนึ่งร้อยเหรียญม่วงมาดื่มกินกับข้าเป็นอย่างไร?”

อีกโต๊ะหนึ่ง เด็กหนุ่มสวมใส่ชุดดูดีตะโกนดังพร้อมรอยยิ้มชั่วช้าบน

ใบหน้า

“เด็กสาวผู้นี้รูปงาม หากนางเติบโตและสวมใส่ชุดที่ดูดีกว่านี้ ย่อม

ต้องเป็นทาสหญิงโฉมงามคนหนึ่ง! หึหึหึ!” คนหนึ่งหัวเราะอย่าง

โฉดชั่วดังออกมา

หลายคนเริ่มเสนอราคาประมูลเด็กสาวชุดขาวเพื่อให้ไปดื่มกินด้วย

ในราคาสูงขึ้น

ราคาขณะนี้ทะยานไปถึงสองพันเหรียญม่วงแล้ว!

เด็กสาวในชุดขาวถือก้อนหินไว้พร้อมกัดริมฝีปาก รับรู้ว่าเรื่องราว

ผิดท่า ราวกับนางตกอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่ าหิวกระหาย

กระทั่งว่านางยังเยาว์ แต่ก็ทราบเรื่องราวทางโลก เมื่อนางได้ยิน

ถ้อยคําของผู้คนตรงหน้า นํ้าตาแห่งการถูกเหยียดหยามและความ

โกรธร่วงโรย นางหันศีรษะพร้อมออกไปจากตําหนักจารึกเทวะ

กระนั้น ขณะนางคิดจากไป กลับถูกรั้งเอาไว้

“อย่าได้ไป! พวกเราเสนอราคาแล้ว เจ้าต้องเลือกว่าจะไปกับใครใน

พวกเรา!” ชายหนุ่มชุดดําที่ดูเหมือนคนไม่ดีเท่าใดนักยิ้มอหังการ

“ข้าไม่คิดขายหินนี่แล้ว!” เด็กสาวชุดขาวปาดคราบนํ้าตา สะอื้น

เล็กน้อยก่อนตะโกนตอบโต้อย่างอาจหาญ

“แม้เจ้าไม่ต้องการขาย เจ้าก็ต้องขาย!” ชายหนุ่มชุดดําหัวเราะตํ่า

ทราม “จงรีบบอกมาว่าจะขายให้แก่ใคร! พวกเราล้วนรออยู่!”

ผู้คนในพื้นที่บ่อยครั้งออกไปค้นหาวิญญาณดวงตะวัน และยังได้

ต่อสู้กับสัตว์อสูรและสัตว์วิญญาณในละแวกมากมาย พวกเขาล้วน

มาผ่อนคลายหาความสําราญกันที่นี่ ดังนั้นยิ่งมีพวกเดียวกันมากจึง

ยิ่งได้ใจ

ฉินหยุนพลันโพล่งขึ้น “ข้าจะซื้อมันที่หนึ่งแสนเหรียญม่วง!”

ได้ยินคํากล่าวของเขา ผู้คนล้วนหันมองมา เสียงที่อึกทึกกลายเป็น

เงียบงันไป!

ไม่มีใครสงสัยในคํากล่าวของเขา เพราะอาหารและของทานเล่นบน

โต๊ะนั่นก็มูลค่าเกินกว่าหนึ่งแสนเหรียญม่วงแล้ว

ผู้คนที่นี่ต่างทราบ ว่าศิษย์ของสํานักเก้าตะวันมาถึงไม่นานมานี้ พวก

เขาต่างคิดว่าบุคคลตรงหน้าเป็นศิษย์ของสํานักเก้าตะวัน

“เด็กน้อย ก่อนข้าซื้อหินของเจ้า ข้าต้องการให้เจ้ายืนยันว่าหินก้อนนี้

ลํ้าค่าจริงหรือไม่!” ฉินหยุนกล่าว

“ข้ายินดี… แต่ข้าจะยืนยันมันได้อย่างไร” เด็กสาวชุดขาวเดินเข้ามา

ครั้งแรก นางก็เห็นฉินหยุนนั่งอยู่แต่แรกแล้ว

อย่างไรแล้วฉินหยุนก็นั่งคนเดียวที่โต๊ะใหญ่ นอกจากนี้บนโต๊ะยัง

เต็มไปด้วยอาหารชั้นดีพร้อมขนมทานเล่น เป็ นเรื่องยากที่นางจะไม่

พบเห็นเขา

นอกจากนี้ นางยังได้เห็นว่าฉินหยุนหาได้สนใจนางเหมือนดังผู้อื่น

ราวกับเขาแตกต่างจากผู้คนที่นี่ ทําให้นางรับรู้ได้ถึงความลึกลับที่ซุก

ซ่อน

“หยดเลือดที่ก้อนหินนั่น หากก้อนหินนั่นดูดกลืนเลือดเจ้า เช่นนั้น

จึงเป็นของดี!” ฉินหยุนกินอาหารในจานเชื่องช้า นํ้าเสียงกล่าวเนิบ

นาบออกหลังเคี้ยวอาหารในปากจนหมด

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม