Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน 445-480

ตอนที่ 445

 

ผู้ใดตายกันแน่?

สื่อชิงเฉิงพบว่าฉินหยุนหมดสิ้นเรี่ยวแรง เร่งรีบวางแขนที่แผ่นหลังของเขา โคจรส่งถ่ายพลังให้


สุ่ยเทียนสื่อย่อมยินดีทำตามสื่อชิงเฉิง ช่วยเหลือฉินหยุนทำการฟื้นฟูพลังที่ใช้ไป


ด้วยทั้งสองคนช่วยเหลือ ฉินหยุนสามารถฟื้นฟูได้รวดเร็ว เพียงเวลาหนึ่งชั่วยาม เขาก็เรียกคืนพลังที่ใช้ไปกลับคืนมาได้


ฉินหยุนเอ่ยปาก “ฟ้าใกล้มืดแล้ว สงสัยนักว่าขณะนี้พวกมันยังอยู่ข้างนอกหรือไม่!”


“พวกมันมีมากเกินไป พวกเราจัดการพวกมันไม่ไหวแน่! ต้องไปรวมกำลังกับท่านยายตู้ก่อน!”


สุ่ยเทียนสื่อกล่าวตอบ “ข้าส่งสารหาท่านยายตู้ไปแล้ว ทว่านางยังไม่ตอบกลับ ไม่ทราบว่าพวกนางขณะนี้ทำอะไรอยู่!”


สื่อชิงเฉิงเผยความกังวล “ราชสีห์สวรรค์ตัวนั้นแข็งแกร่งยิ่ง มีแต่ราชันยุทธ์จึงค่อยสามารถรับมือได้”


“หุบเขาลึกล้ำจันทราของพวกท่านมีผู้อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำร่วมทางมาด้วยมาก ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น!” ฉินหยุนกล่าวคำ “อย่าได้เป็นกังวลแล้ว!”


สุ่ยเทียนสื่อแค่นเสียงเบา “กลุ่มราชันยุทธ์เหล่านั้นช่างวิเศษนัก เหตุใดพวกมันไม่ล่อมังกรนั่นไปยังเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน แล้วค่อยต่อสู้กับมังกรนั่น แต่กลับแยกกระจายกลุ่มเช่นนี้?”


สื่อชิงเฉิงตอบกลับ “เพราะพวกมันต้องการร่างมังกร! บางทีคงไม่ปรารถนาให้หลายคนได้เข้าไปยังเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน หากผู้คนกระจายตัวเผ่นหนีกันเช่นนี้ มีแต่จะดีต่อพวกมันมากขึ้นเท่านั้น!”


“อย่างนั้นพวกเราทำอย่างไรต่อ? ออกไปหรือ?” ฉินหยุนถาม


“ออกไปดูสถานการณ์ก่อน!” สุ่ยเทียนสื่อพยักหน้ารับ “แต่พวกเราต้องระมัดระวัง พวกนั้นน่าจะยังอยู่ข้างนอกนั่น!”


ฉินหยุนไม่ได้คิดใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง เพราะมันต้องใช้พลังงานมหาศาลจนเกินไป เป็นเขาตัดสินใจเรียกเปลวเพลิงตะวันทมิฬออกมา ค่อย ๆ ทำการเผาไหม้ถ้ำสร้างเส้นทาง


เมื่อออกมาแล้ว พวกเขาสัมผัสถึงหลายออร่าได้


“พวกมันยังอยู่!” นางขณะนี้ได้รับสารตอบกลับจากแม่เฒ่าตู้เช่นกัน


“ท่านยายตู้และคณะอยู่ในอันตราย! ทางด้านนั้นมีราชสีห์สวรรค์ที่แกร่งกล้าหลายตัว และยังมีวิญญาณสัตว์ร้ายอยู่อีกมาก!” สุ่ยเทียนสื่อรับทราบเนื้อหา เผยน้ำเสียงเป็นกังวลกล่าวออก “หวังว่าเสี่ยวเตียนซิงกับเสี่ยวกั๋วเอ่อจะไม่เป็นไรนะ!”


ฉินหยุนค่อนข้างเชี่ยวชาญการรับมือกับวิญญาณสัตว์ร้าย เพราะเขาครอบครองยันต์สะกดวิญญาณ และค่ายอาคมยันต์สะกดวิญญาณ “อย่างนั้นไปกัน! พวกเราสามารถช่วยทางด้านนั้นขับไล่วิญญาณสัตว์ร้ายได้!”


สื่อชิงเฉิงพยักหน้ารับ


สุ่ยเทียนสื่อสอบถามตำแหน่งที่ตั้งแม่เฒ่าตู้และคณะ ทว่าการตอบกลับหาได้เป็นไปอย่างทันท่วงที เรื่องนี้ยิ่งทำพวกเขากังวล


“พวกเราต้องระมัดระวังตัวอย่างนี้ พวกนั้นยังคงวนเวียนแถวนี้ไม่เลิกรา!” ฉินหยุนพึมพำเสียงเบา


ขณะนี้เอง สุ่ยเทียนสื่อได้รับสารตอบกลับจากแม่เฒ่าตู้


“เสี่ยวเตียนซิงและเสี่ยวกั๋วเอ่อ ขณะนี้ได้ท่านยายเติ้งคุ้มกันแล้ว! ไปพบท่านยายเติ้งกันก่อน!”


ชั่วเวลานี้เอง ออร่าผู้ฝึกตนสายเลือดเริ่มเลือนหาย นี่หมายความถึงพวกนั้นออกห่างไปไกลแล้ว


“วิเศษนัก! พวกเราต้องรีบใช้โอกาสนี้!” สื่อชิงเฉิงกล่าวขึ้น


ฉินหยุนเมื่อครู่คิดว่าต้องเผชิญศึกใหญ่ก่อนเสียแล้ว ได้ฟังดังนี้ค่อยถอนหายใจโล่งอก


ถัดจากนั้น ฉินหยุนติดตามอยู่ด้านหลังสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่แม่เฒ่าเติ้งอยู่ในขณะนี้


สุ่ยเทียนสื่อเดินไปหยุดไประหว่างทาง นี่ก็เพื่อสอบถามทิศทางที่แน่ชัด


ฉินหยุนตามพวกนาง วิ่งกว่าครึ่งชั่วยาม ขณะนี้สุ่ยเทียนสื่อไม่ได้รับสารใดกลับมาแล้ว


“นี่ก็นานแล้วพวกนางยังไม่ตอบกลับมาอีก หรือจะมีเรื่องเกิดขึ้นกัน?” สุ่ยเทียนสื่อเผยความกังวล


ฉินหยุนเอ่ยคำ “อย่างน้อยก็สมควรอยู่บริเวณแถบนี้ พวกเราแยกกันค้นหา!”


“น้องชายมากับข้า อย่างนี้จะได้ปลอดภัยกว่า!” สื่อชิงเฉิงกล่าว


นางอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ต่อให้นางพบเจอเรื่องราวใด อย่างน้อยก็รับมือได้มากกว่า


ฉินหยุนส่ายศีรษะ “พวกเราต้องกระจายตัวกันค้นหา เพื่อความรวดเร็วมีแต่ต้องทำ อย่าได้เป็นห่วงข้าแล้ว!”


พอพวกนางได้คิดว่าฉินหยุนเป็นคนช่วยเหลือพวกนางเอาไว้ ดังนั้นความกังวลต่อตัวฉินหยุนค่อยคลายลง


“ดี! นี่เป็นยันต์หยกเสียงสื่อสาร รับไว้” สุ่ยเทียนสื่อส่งยันต์หยกให้ฉินหยุน


ฉินหยุนรับมาพิจารณา เขาพยักหน้ารับ “พวกท่านก็ระวังตัวด้วย!”


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบจากไปคนละทิศทาง


ฉินหยุนเลือกอีกทิศทางหนึ่งเช่นกัน จากนั้นจึงเริ่มค้นหา


กลางดึก ฉินหยุนอยู่ในป่าดำมืดเพียงลำพัง ค้นหาอย่างไม่รู้ทิศทาง ขณะนี้เขาแยกจากสื่อชิงเฉิงมาได้กว่าครึ่งชั่วยามแล้ว


กระนั้น ชั่วขณะนี้ เขารู้สึกได้ว่ามีเสียงอื้ออึงดังมาจากยันต์เสียงสื่อสาร ดังนี้จึงเร่งรีบนำออกมา เป็นเสียงสุ่ยเทียนสื่อเผยความกระวนกระวาย “อาฉ่วย เจ้าควรออกไปจากเทือกเขาเมฆมังกรโดยเร็วที่สุด ที่นี่อันตรายเกินไปแล้ว ไว้พบกันใหม่!”


ฉินหยุนอึ้งไปวูบ เพราะน้ำเสียงสุ่ยเทียนสื่อเมื่อครู่ ราวกับนางเผชิญหน้าต่ออันตรายถึงชีวิต!


เขาขณะนี้ว้าวุ่นใจ สบถออกเสียงเบา “ผู้หญิงนี่นะ กระทั่งตกอยู่ในอันตราย ยังไม่ขอร้องให้เราช่วย นี่ประเมินเราต่ำเกินไปแล้ว!”


อย่างช่วยไม่ได้ เขาได้แต่เร่งรีบขัดเกลายันต์ไล่ล่าวิญญาณ


สื่อชิงเฉิงเคยมอบหยดเซียนม่วงขวดเล็กแก่เขา มันเป็นสิ่งที่มีออร่าของนาง หากเขาขัดเกลายันต์ไล่ล่าวิญญาณ ย่อมตามรอยถึงสถานที่อยู่ของนางได้


“สงสัยนักว่าพี่สาวซาลาเปานึ่งกับพี่สาววิญญาณร้ายวารีอยู่ด้วยกันหรือไม่?” ฉินหยุนเปิดการทำงานยันต์ไล่ล่าวิญญาณ เร่งรีบมุ่งไปยังทิศทางที่ยันต์บ่งชี้


ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ขณะนี้เขาสัมผัสได้ถึงออร่าของผู้ฝึกตนสายเลือดหลายคนอยู่ใกล้เคียง ดังนี้เขาจึงเร่งรีบเก็บงำตัวตนในความมืด นำเอาปืนใหญ่ราชันลึกล้ำออกมาเตรียมพร้อม


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ที่ด้านหน้า เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้น ย่อมเป็นการต่อสู้ตึงเครียดระหว่างยอดฝีมือแล้ว


“เป็นออร่าขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ หรือจะเป็นแม่เฒ่าเติ้ง? แม่เฒ่าเติ้งโดนล้อมเอาไว้โดยผู้ฝึกตนสายเลือดถึงสี่คน!” ฉินหยุนเร่งรีบทะยานกายเข้าไป


เมื่อเข้ามาใกล้ เขาได้เห็นรถลากสี่เหลี่ยมยาวหลายเมตร ภายในมีหญิงสาวสี่คน รวมถึงสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อด้วย!


ทางด้านแม่เฒ่าเติ้ง นางหอบหายใจหนัก ขณะนี้โดนล้อมโดยผู้ฝึกตนสายเลือดสามคน


“หากท่านยายเติ้งไม่บาดเจ็บ พวกมันย่อมไม่คนามือ!” สุ่ยเทียนสื่อสบถโกรธแค้น “ท่านยายตู้กำลังเร่งรีบมาที่นี่ นางย่อมต้องสังหารเดรัจฉานเหล่านั้นอย่างแน่นอน!”


ฉินหยุนได้เห็น ว่าสุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิง ขณะนี้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ใบหน้าเผยร่องรอยการต่อสู้ เมื่อครู่คงผ่านศึกหนักมาไม่ใช่น้อย


เซี่ยงสื่อเฉวียนก้าวเดินเข้ามายังด้านข้างรถลาก คว้าคอของสุ่ยเทียนสื่อเอาไว้ จากนั้นค่อยยื่นอีกมือออก ฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางจนแทบหมดสิ้น


ด้วยเสียงตะโกนกราดเกรี้ยวดัง ฝ่ามือของสื่อชิงเฉิงยื่นออกเข้าใส่เซี่ยงสื่อเฉวียน ผลักร่างอีกฝ่ายกระเด็นกลับ


“ท่านยายเติ้งรีบหนีไป! ภายหน้าล้างแค้นให้แก่พวกเราด้วย!” สุ่ยเทียนสื่อตะโกนขึ้น


“พวกเดรัจฉานสมควรต้องตายอย่างน่าสังเวช!” สื่อชิงเฉิงก่นด่าสาปแช่งเสียงดัง ช่วยพยุงร่างสุ่ยเทียนสื่อให้ลุกขึ้นยืน


อาการบาดเจ็บของทั้งสองถือว่าไม่ใช่น้อย


ผู้ที่บาดเจ็บหนักคือเสี่ยวกั๋วเอ่อ นางขณะนี้นั่งพิงมุมหนึ่งรถลาก ดวงตากึ่งลืมกึ่งหลับ ทั้งร่างเต็มไปด้วยคราบเลือด


อีกทางหนึ่ง เสี่ยวเตียนซิงหวาดกลัวถึงแก่นแท้ น้ำตาหลั่งออกเป็นสายท่วมท้นใบหน้า พยายามรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่พี่สาวของนาง


“อย่าได้กังวลไปนัก พวกเราย่อมไม่สังหารพวกเจ้าทั้งสี่ ด้วยฐานะเตาหลอม ความตายถือเป็นเพียงเรื่องเด็กเล่นเท่านั้น ฮ่าฮ่าฮ่า!” เซี่ยงสื่อเฉวียนหัวเราะดังอย่างชั่วช้า


อีกฝ่ายอยู่ประชิด ทำการป้องกันไม่ให้พวกนางได้ระเบิดแก่นเต๋าปลิดชีพตนเอง


แม่เฒ่าเติ้งพัวพันการต่อสู้ อาการบาดเจ็บของนางยิ่งกระจ่างชัดกว่าก่อนหน้านี้ ขณะนี้ถูกรุมโจมตีโดยผู้ฝึกตนสายเลือดหลายคน ยิ่งทำให้อาการเลวร้าย


สื่อชิงเฉิงหยุดก่นด่า พยายามเกลี้ยกล่อมแม่เฒ่าเติ้งให้หนีไปทั้งใบหน้านองน้ำตา


แม้แม่เฒ่าเติ้งเป็นหญิงชรา นางก็แข็งแกร่งยิ่ง ทั้งร่างขณะนี้เปี่ยมด้วยบาดแผลและครบเลือด กระทั่งดวงตายังปูดบวมช้ำจนแทบลืมไม่ขึ้น


กระนั้นนางหาได้ตอบรับอันใด ยังคงสู้กับผู้ฝึกตนสายเลือดเหล่านั้นอย่างไม่ท้อถอย


ไม่ว่าจะด้วยอะไร นางไม่อาจไปจากตรงนี้ได้!


ภาพฉากนี้ทำฉินหยุนรู้สึกมัวหมอง โทสะในกายกำลังเดือดพล่าน พลังของสายเลือดราชสีห์สวรรค์ขณะนี้กำลังปะทุด้วยความโกรธแค้น


แม้เขาทราบว่าสถานการณ์ไม่อาจรีรอ กระนั้นก็ยังทราบดี ว่าผู้ฝึกตนสายเลือดทั้งสี่คนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ อีกฝ่ายไม่ใช่อะไรที่เขาจะสามารถรับมือได้


สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือช่วยเหลือ เขานำเอายันต์สะกดกายออกมา ตระเตรียมลงมือ!


สื่อชิงเฉิงที่เริ่มก่นด่าอีกครั้ง ขณะนี้ฉับพลันโดนเซี่ยงสื่อเฉวียนคว้าลำคอเอาไว้ ใบหน้าของนางถูกเล็บของเซี่ยงสื่อเฉวียนจิกจนเลือดไหลจมลงในเนื้อ นี่ถือเป็นการกระทำโหดร้ายทารุณ


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง…” ฉินหยุนพอได้เห็นใบหน้างดงามของสื่อชิงเฉิงต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ โทสะในใจของเขาปะทุออกวาง ฉับพลันกายทะยานออก ขว้างปายันต์สะกดกายออกไปพร้อมกัน


ยันต์สะกดกายของเขา ทั้งหมดเหล่านี้เป็นยันต์กระดูกวิญญาณระดับราชัน มันขัดเกลาขึ้นโดยสื่อชิงเฉิงช่วยเหลือ เมื่อขว้างปาออก มันมีอำนาจหยุดยั้งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณได้ถึงสามวินาที


ด้วยเคล็ดวิชาเทวะควบคุมยันต์สะกดกายสี่แผ่น ขณะนี้พวกมันบินเข้าหาขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณทั้งสี่คนอย่างแม่นยำ


“แม่เฒ่าเติ้ง ใช้โอกาสนี้เสีย!” ฉินหยุนคำรามดัง ปรากฏกายข้างรถลากในพริบตา


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อพอได้ยินเสียงฉินหยุน พวกนางเผยสีหน้าถอดสี กังวลว่าฉินหยุนจะตายร่วมกับพวกนางที่นี่ด้วยแล้ว


แต่ขณะพวกนางกังวลนั้นเอง จึงได้เห็นหม้อสามขาขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏตรงหน้า ปกคลุมร่างของเซี่ยงสื่อเฉวียนเอาไว้จนมิด


สิ่งนี้คือหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร!


แม้ว่าแม่เฒ่าเติ้งบาดเจ็บหนัก อย่างไรแล้วนางก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ เมื่อพบว่าผู้ฝึกตนสายเลือดสามคนที่ล้อมนางไว้กายแข็งทื่อ ย่อมใช้โอกาสนี้ลั่นการโจมตีออกอย่างรวดเร็ว!


นางถือคราดยาวด้วยมือทั้งสอง เผยออกซึ่งความเร็วมากล้ำ แสงวูบปรากฏพร้อมพุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนสายเลือด จ้วงแทงอีกฝ่ายนับหลายสิบครั้งในพริบตา


จากนั้น นางจึงปรากฏเป็นแสงวูบอีกครั้ง ปรากฏตัวตรงหน้าผู้ฝึกตนสายเลือดอีกคนหนึ่ง จ้วงแทงอีกฝ่ายหลายสิบครั้ง ท้ายที่สุดค่อยโยนคราดอีกสองด้าม แทงทะลุร่างของผู้ฝึกตนสายเลือดคนที่สาม


นางพอลงมือเสร็จสิ้น ค่อยกลับลงมาที่พื้น


ฉินหยุนที่ซ่อนตัวในความมืด ขณะนี้เผยกายาออก


สุ่ยเทียนสื่อพอได้เห็นหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร นางค่อยทราบว่าลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวตนที่เลื่องลือกันอย่างฉินหยุน!


ฉินหยุนเปิดประตูรถลาก นำเอายันต์วิญญาณผังจารึกธาตุแสงระดับราชันออกมา โยนพวกมันให้แก่สื่อชิงเฉิงและคณะ เขาคิดต้องการให้พวกนางอาบไล้แสงแห่งการฟื้นฟู


จากนั้นค่อยเร่งรีบเข้าไปหาแม่เฒ่าเติ้ง


ฉินหยุนนำถังหยกออกมา ถังหยกนี้คืออุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน แกะสลักไวด้วยผังจารึกธาตุแสง พร้อมทั้งอักขระจันทราสำหรับใช้รักษาอาการบาดเจ็บ


เขาบอกแม่เฒ่าเติ้งให้เข้าในถังหยก จากนั้นค่อยใส่เหรียญม่วงมหาศาลลงไป


“หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร… ลูกพี่ลูกน้องหน้าโง่ผู้นั้น เป็นฉินหยุน!” ผู้ฝึกตนสายเลือดที่บาดเจ็บหนัก ขณะนี้ส่งเสียงร้องออกด้วยความหวาดกลัว


“ผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ นับเป็นสมบัติวิเศษประการหนึ่งแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มชั่วร้าย


เขาต้องการแยกเอาวิญญาณยุทธ์ออกจากผู้ฝึกตนสายเลือดทั้งสามคนนี้


ผู้ฝึกตนสายเลือดเหล่านี้เพียงบาดเจ็บสาหัส ทว่าชีวิตยังคงมีอยู่!


ฉินหยุนนำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณออกมา เริ่มทำการแยกเอาวิญญาณยุทธ์ออกจากร่างอีกฝ่าย


ขณะทั้งสี่คนร่างถูกปกคลุมด้วยแสงจากผังจารึกธาตุแสง อาการบาดเจ็บจึงฟื้นฟูทีละน้อยทว่ารวดเร็ว


เสี่ยวกั๋วเอ่อฟื้นฟูเชื่องช้า เพื่อปกป้องน้องสาวของนางเอาไว้ ทำให้นางต้องถูกเชือดเฉือนร่างกายไปหลายส่วน


แม่เฒ่าเติ้งที่อยู่ในถังหยกฟื้นฟูรวดเร็ว นางกระทั่งต้องทึ่งต่อความเร็วการรักษาที่น่าอัศจรรย์ของถังหยกนี้


ชั่วขณะนี้เอง พวกนางล้วนมองไปทางฉินหยุน!


ฉินหยุนวางฝ่ามือตนเองลงที่หน้าท้องของชายร่างกำยำ จากนั้น อีกฝ่ายค่อยเผยเสียงกรีดร้องเจ็บปวดออกมา


ในความมืดยามค่ำคืน พวกนางได้เห็นกระจ่างชัด ว่าพอฉินหยุนยกฝ่ามือขึ้น มันมีเหยี่ยวตัวน้อยไหววูบด้วยแสงอสนีบาตทองม่วงปรากฏออกจากหน้าท้องของชายร่างกำยำ!


มันคือวิญญาณยุทธ์ที่ฉินหยุนนำออกมา เป็นวิญญาณยุทธ์เหยี่ยวสายฟ้าทองม่วง!

 

 

 


ตอนที่ 446

 

โทเทมวานรทองคำ

สุ่ยเทียนสื่อและแม่เฒ่าเติ้งล้วนอึ้ง พวกนางเพียงคิดว่าฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึก ไม่ทราบว่าเขาจะถึงกับเป็นผู้ขัดเกลาวิญญาณด้วย!


ครั้งสื่อชิงเฉิงอยู่ภูมิภาคชายแดน นางได้ทราบว่าฉินหยุนสามารถแยกวิญญาณยุทธ์ได้


“วิญญาณยุทธ์เหยี่ยวสายฟ้าทองม่วงหรือ? ธรรมดาเกินไปแล้ว! แต่สายเลือดเหยี่ยวสายฟ้านี้ถือว่าไม่เลว!” ฉินหยุนนำเอาไข่มุกสูบโลหิตออกมา จากนั้นวางมันลงที่แผลของชายร่างใหญ่ ทำการดูดกลืนสายเลือดเหยี่ยวสายฟ้าอย่างบ้าคลั่ง


สื่อชิงเฉิงและผู้อื่นขณะนี้หวาดกลัวจับจิตยามได้เห็นภาพที่เกิดขึ้น


นี่ก็เพราะการกระทำอย่างดูดกลืนสายเลือด ถือเป็นสิ่งที่ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงมองเป็นอาชญากรรม!


ฉินหยุนครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์ เขาตกเป็นเป้าหมายตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงมานานแล้ว ดังนั้นเพียงแค่นี้ย่อมไม่ทำให้หวาดกลัวอันใดเพิ่มเติม


ขณะนี้ฝีเท้าก้าวเดินออกไปยังผู้ฝึกตนสายเลือดอีกคนหนึ่ง ทำการนำวิญญาณยุทธ์ออกอย่างรวดเร็ว เป็นวิญญาณยุทธ์วานรทองม่วง


“เจ้าหมอนี่ครอบครองสายเลือดอะไรกัน?” ฉินหยุนหันกลับมาถามอย่างมีมารยาท


“เป็นสายเลือดวานรทองคำ!” สุ่ยเทียนสื่อตอบกลับ นางก่อนหน้านี้ทราบว่าลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงเป็นคนลึกลับ ชัดเจนว่าไม่ใช่คนธรรมดา กระนั้นพอได้ทราบความจริง มันยิ่งทำนางตื่นตะลึงยิ่งกว่าที่คาดคิดไว้


“ฉินหยุน เจ้าคิดอยากเป็นศัตรูกับตระกูลสายเลือดทั้งโลกหรืออย่างไร?” ผู้ฝึกตนสายเลือดตะโกนถามอย่างโกรธแค้น


“พวกเจ้าต่างหากที่มองข้าเป็นศัตรูก่อน!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง นำเอาไข่มุกสูบโลหิตออกมา วางที่บาดแผลของผู้ฝึกตนสายเลือดตรงหน้า


ขณะนี้เขาก้าวเดินไปยังผู้ฝึกตนสายเลือดคนสุดท้าย รอยยิ้มชั่วร้ายเผยออก “พี่สาววิญญาณร้ายวารี ชายคนนี้เล่าครอบครองสายเลือดอันใด?”


“สายเลือดพยัคฆ์อัคคี วิญญาณยุทธ์ก็เป็นพยัคฆ์อัคคีทองม่วงเช่นกัน!” สุ่ยเทียนสื่อกลืนน้ำลาย เพราะฉินหยุนขณะนี้ทำการแยกวิญญาณยุทธ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว


ไม่ช้า ผู้ฝึกตนสายเลือดอีกคนต้องร้องออกด้วยความเจ็บปวดเกินบรรยาย


เรื่องนี้ทำเอาสื่อชิงเฉิงและคณะค่อยรู้สึกสาแก่ใจขึ้นมาบ้าง


ชั่วขณะนี้เอง โมโมกล่าวขึ้น “พี่หยุน มีหนึ่งในคนเหล่านี้ครอบครองโทเทม น่าจะเป็นคนที่มีสายเลือดวานรทองคำคนนั้น!”


ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาเร่งรีบก้าวเดินเข้าไป ฉีกกระชากเสื้ออีกฝ่ายออก เผยซึ่งรอยสักโทเทมที่แผ่นหลัง


“ฮ่าฮ่าฮ่า อยากได้โทเทมราชสีห์สวรรค์ของข้าหรือ แต่ไฉนกลายเป็นข้าได้โทเทมจากพวกเจ้ากันนะ!” คำพอกล่าวจบ เขานำเอาแก่นเต๋าออกจากผู้ฝึกตนสายเลือด จากนั้นค่อยระเบิดร่างอีกฝ่ายจนตายตก


ผู้ฝึกตนสายเลือดพอสิ้นชีวิต โทเทมในร่างกายย่อมเคลื่อนคล้อยสู่ร่างกายของฉินหยุน เป็นเขาได้ครอบครองมันต่อ!


เมื่อผู้ฝึกตนที่ครอบครองโทเทมถูกสังหาร ผู้ที่มีชัยย่อมได้รับโทเทมมาครอง!


รอยสักโทเทมที่มีต้นกำเนิดจากตำหนักโทเทม ไม่อาจได้รับด้วยวิธีการนี้


ฉินหยุนมองไข่มุกในมือ เป็นไข่มุกสูบโลหิต ไข่มุกผนึกวิญญาณ และแก่นเต๋าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ พวกมันเหล่านี้ เป็นสิ่งที่กระทั่งเหรียญม่วงมหาศาลล้นพ้นก็ไม่อาจซื้อหา


เขามาถึงด้านข้างรถลาก ที่ซึ่งหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรกักขังเซี่ยงสื่อเฉวียนเอาไว้


ฉินหยุนเดินเข้าหาสื่อชิงเฉิง สัมผัสที่ใบหน้าอีกฝ่าย สีหน้าเจ็บปวดเผยขณะกล่าวออก “พี่สาวซาลาเปานึ่ง ใบหน้าท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่?”


“ย่อมไม่เจ็บแล้ว!” สื่อชิงเฉิงทราบ ว่าฉินหยุนชื่นชอบลูบไล้หยิกใบหน้าของนางเป็นที่สุด เมื่อครู่นางกระทั่งคิด ว่าใบหน้าอาจเสียโฉมไปตลอดกาลแล้วด้วยซ้ำ


แต่ด้วยเพราะฉินหยุนมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางเกิดผลลัพธ์เช่นตอนนี้


สื่อชิงเฉิงนึกย้อนขึ้นได้ ว่านางช่วยเหลือฉินหยุนหลอมหลายสิ่งอย่างที่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ ถังใหญ่ใบนั้นก็รวมอยู่ด้วย ขณะนี้นางค่อยเข้าใจ ว่าฉินหยุนตระเตรียมรับเรื่องราวไม่คาดฝันเอาไว้ตั้งแต่แรก


สุ่ยเทียนสื่อยิ้มขื่นขมยามได้เห็นฉินหยุนห่วงหาใบหน้าของสื่อชิงเฉิง


ฉินหยุนขณะนี้กลับมาถึงตรงหน้าหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร ใส่กระแสพลังจิตรุนแรงเข้าไปจำนวนหนึ่ง ทำการกระทุ้งศีรษะของเซี่ยงสื่อเฉวียนจนอีกฝ่ายกรีดร้องอย่างเจ็บปวดรวดร้าว


“สารเลวที่ต่ำช้า!” ฉินหยุนนำร่างเซี่ยงสื่อเฉวียนออกมา กำหมัดที่กราดเกรี้ยวยกขึ้น ต่อยเข้าที่เซี่ยงสื่อเฉวียนอย่างรุนแรง


เซี่ยงสื่อเฉวียนร้องตะโกน “ฉินหยุน เจ้ากล้าโจมตีข้าหรือ! เจ้าต้องตายอย่างอนาถ!”


“ผู้ที่ตายคือเจ้า!” ฉินหยุนคว้าร่างเซี่ยงสื่อเฉวียนขึ้นมา ทำให้อีกฝ่ายได้เห็นร่างศพของพรรคพวกตนเอง


ได้เห็นดังนี้ เซี่ยงสื่อเฉวียนกลายเป็นหวาดกลัว ถึงขั้นร่ำร้องอ้อนวอน “อย่าได้สังหารข้า ข้าทราบความผิดแล้ว! ข้ามันเดรัจฉาน ต่อให้สังหารข้าไป ก็มีแต่จะเปื้อนมือโดยเปล่า!”


คำพอกล่าวจบ เสียงร้องเจ็บปวดดังแทนที่ วิญญาณยุทธ์ของเขาถูกฉินหยุนนำออกมาในพริบตา


ถัดจากนั้น ฉินหยุนใช้ไข่มุกสูบโลหิต ดูดกลืนสายเลือดอีกฝ่าย


“ตอนพวกเราเข้ามายังเทือกเขาเมฆมังกร พบเจออันตรายหลายอย่างเกิดขึ้น สมควรต้องร่วมมือกันฟันฝ่า แต่พวกเจ้าเดรัจฉานนัก! กลับใช้โอกาสนี้โจมตีพวกเรา หากเจ้าไม่รนหาที่ตายจะอยู่ไม่เป็นสุขหรืออย่างไร?”


ฉินหยุนโยนร่างเซี่ยงสื่อเฉวียนที่โดนดูดจนแห้งลงกับพื้นรุนแรง จากนั้นค่อยนำเอาแก่นเต๋าอีกฝ่ายออกมา


เซี่ยงสื่อเฉวียนเสียใจจนตายตก กระนั้นตอนนี้สายเกินไปแล้ว ก่อนที่เขาจะตาย สิ่งที่ต้องพบเจอคือความหวาดกลัวต่อความโหดร้ายที่ถูกทารุณ!


แม่เฒ่าเติ้งออกจากถังหยก กล่าวขอบคุณต่อฉินหยุน นางให้สัญญาว่าจะไม่เปิดเผยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้


หากเรื่องราวไม่รั่วไหว ฉินหยุนย่อมยินดี อย่างไรแล้ว เขาก็เป็นที่ต้องการตัวของทั้งตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงและตำหนักโทเทม


หลังจากเสี่ยวกั๋วเอ่อรักษาเสร็จสิ้น นางเข้ามากล่าวขอบคุณต่อฉินหยุน นับว่าเป็นเรื่องหาได้ยากนักที่ภูเขาน้ำแข็งเช่นนางจะกล่าวคำออก


กระนั้นในชั่วเวลานี้ น้ำเสียงของนางหวานหยด ดวงตานี้เปี่ยมด้วยความตื้นตัน


แม่เฒ่าเติ้งเร่งรีบกล่าว “ที่นี่อันตรายเกินไป ข้าจะพาเสี่ยวกั๋วเอ่อและเสี่ยวเตียนซิงกลับไปก่อน! พวกเจ้าจะกลับไปด้วยกันเลยหรือไม่?”


ฉินหยุนส่ายศีรษะตอบคำ “ย่อมไม่! ข้าคิดอยากไปดูเขตแดนอ้างว้างฝังเซียนกับตา พวกท่านคิดกลับก็กลับก่อนได้เลย!”


“เจ้าหนู ให้ข้าร่วมทางไปด้วยแล้ว พวกเราจะไปสมทบกับท่านยายตู้ ด้วยนางร่วมทาง พวกเราจะได้ปลอดภัย!” สื่อชิงเฉิงกล่าวขึ้น


“ให้ข้าไปด้วย!” สุ่ยเทียนสื่อโพล่งเสียงดังขึ้นมา “ท่านยายเติ้ง รบกวนท่านพาพวกนางสองคนกลับบ้านก่อนแล้ว!”


แม่เฒ่าเติ้งมองทางฉินหยุน ทราบว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ด้วยเขาอยู่ที่นี่ พวกนางจะต้องปลอดภัย


“ตามนั้น รักษาตัวด้วย!” แม่เฒ่าเติ้งกล่าวตอบ


“พี่สาว ท่านต้องดูแลนายน้อยฉินด้วย เขาคือผู้มีพระคุณของพวกเรา!” เสี่ยวเตียนซิงมองทางฉินหยุนด้วยความนับถือ น้ำเสียงเบากล่าวออก “นายน้อยฉิน ให้ข้าได้เห็นรูปลักษณ์แท้จริงของท่านได้หรือไม่?”


ฉินหยุนยิ้มตอบ “ย่อมต้องได้!”


เขาถอดหน้ากากออก เผยซึ่งใบหน้าหล่อเหลาจนแทบไร้ที่ติ ด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้าขณะนี้ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายชวนลุ่มหลงได้


“ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าอัปลักษณ์ ถือว่าหลอกลวงต่อข้า!” เสี่ยวเตียนซิงยิ้มกว้างตอบคำ


ดวงตาชวนลุ่มหลงของสุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้มองที่ใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุน ราวกับนางได้เห็นอาหารอันโอชะ


เสี่ยวเตียนซิงและเสี่ยวกั๋วเอ่อ ทั้งสองบอกลาต่อฉินหยุนและคณะ ก่อนจากไปพร้อมแม่เฒ่าเติ้ง


สื่อชิงเฉิงพูดขึ้น “อย่างนั้นพวกเราก็รีบไปกันดีกว่า!”


“รอเดี๋ยว!” ฉินหยุนนำเอายันต์อัคคีออกมาจำนวนหนึ่ง เผาไหม้สถานที่แห่งนี้เป็นเถ้าถ่าน


จากนั้นค่อยใช้พลังแผ่นดินไหว ทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง พื้นดินเกิดการยุบตัวรวดเร็ว เพียงพริบตา ทั้งบริเวณนี้ก็ถล่มลงสู่เบื้องล่างจนหมดสิ้น


สื่อชิงเฉิงนำรถลากออกมา “เร็วเข้า ไปพบท่านยายตู้กัน สงสัยนักว่าทางด้านนั้นขณะนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว!”


การต่อสู้ระหว่างราชันยุทธ์และมังกรขณะนี้คล้ายเบาเสียงลง


ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพแกร่งกล้าหลายตัว ขณะนี้ไล่ล่ากลุ่มผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ทำเอากลุ่มใหญ่ต้องกระจายตัวออก


ฉินหยุนนั่งด้านในรถลาก เผยรอยยิ้มกล่าวคำออก “พอมาคิดว่าพวกท่านอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ แต่ท้ายที่สุดกลับต้องให้ข้ามาช่วยเหลือ! พี่สาวซาลาเปานึ่ง เป็นข้าช่วยเหลือท่านเอาไว้หลายครั้งแล้วนะ!”


สุ่ยเทียนสื่อยิ้มหวาน “พี่สาวซาลาเปานึ่ง เหตุใดเจ้าไม่ตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยชั่วชีวิตที่เหลือเสียเลยเล่า?”


“วิญญาณร้ายวารี เจ้าอย่าได้ทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิง!” สื่อชิงเฉิงเผยน้ำเสียงตอบโต้ทันควัน


สุ่ยเทียนสื่อเข้าถึงข้างกายสื่อชิงเฉิง รอยยิ้มเผยออกพร้อมกล่าว “ข้าไม่คิดเลย ว่าหญิงงามอันดับหนึ่งของแดนเหนือจะถูกเรียกหาเป็นพี่สาวซาลาเปานึ่ง ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วว่าเจ้าอ้วนขึ้น เป็นเจ้าไม่ยอมรับ!”


กล่าวคำจบ นางจึงหยิกที่ใบหน้าสื่อชิงเฉิง เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ปรากฏผ่านใบหน้า


สื่อชิงเฉิงผลักนางออก สายตาจับจ้องไม่วาง “วิญญาณร้ายวารี เจ้าอย่าได้เปิดเผยเรื่องของฉินหยุนในวันนี้เป็นอันขาด!”


สุ่ยเทียนสื่อมาถึงข้างกายฉินหยุน เอนศีรษะพิงที่หัวไหล่อีกฝ่าย รอยยิ้มเย้ายวนของนางเผยออกขณะกล่าวคำ “อย่าได้กังวลแล้ว ข้าย่อมไม่เปิดเผยเรื่องนี้! ผู้มีพระคุณตัวน้อยของพวกเรา ให้ข้าตอบแทนอย่างไรดี? สนใจเป็นร่างกายของข้าหรือไม่?”


นางพอกล่าวคำ เสื้อก็เริ่มลื่นหลุด เผยซึ่งไหล่ขาวนวลดั่งหิมะ เป็นนางเย้ายวนถึงขีดสุดแล้ว


ฉินหยุนคว้ามือนุ่มของสุ่ยเทียนสื่อเอาไว้พร้อมยิ้มกล่าว “พี่สาววิญญาณร้ายวารี ท่านต้องการตอบแทนข้าด้วยร่างกายหรือ? เป็นหญิงสาวของข้าหรือ?”


“ย่อมใช่!” สุ่ยเทียนสื่อจูบที่แก้มฉินหยุนพร้อมยิ้มชวนลุ่มหลง “เป็นข้าจริงจัง!”


ฉินหยุนพยักหน้ารับ “อย่างนั้นก็ตกลง นับแต่นี้ท่านเป็นผู้หญิงของข้า!”


สุ่ยเทียนสื่อประหลาดใจไปวูบ ใบหน้ากลายเป็นแดงก่ำ เผยสีหน้าเย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก สายตาขณะนี้จับจ้องไปที่สื่อชิงเฉิงเอ่ยคำเสียงนุ่ม “เจ้าหนูน้อย เป็นข้ารักเจ้าจนแทบตายแล้ว! เช่นนั้นเริ่มเมื่อใดดี?”


สื่อชิงเฉิงหันกลับมากล่าวคำด้วยความริษยาไม่น้อย “วิญญาณร้ายวารี เจ้าอย่าได้เล่นกับความรู้สึกของเด็กแล้ว!”


“อย่าได้มองว่าข้าหว่านโปรยเสน่ห์ไปทั่ว ข้าอย่างไรแล้วก็มีอารมณ์เช่นคนธรรมดา! ฉินหยุนถือเป็นคนแรกในชีวิตข้าแล้ว!” สุ่ยเทียนสื่อมองที่ฉินหยุน ดวงตาเว้าวอนของนางขณะนี้ แทบสามารถพรากเอาวิญญาณจากร่างผู้คนได้


ฉินหยุนยิ้มกว้าง “พี่สาวอย่าได้เข้าใจผิดไป! ข้าเพียงขอให้ท่านเป็นผู้หญิงของข้า ติดตามข้า ช่วยเหลือข้าในวิถีจารึก! แน่นอนว่าท่านยังคงเป็นศิษย์ของหุบเขาลึกล้ำจันทรา แต่ภายหน้าเพียงมาพักอาศัยที่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์เพียงเท่านั้น!”


“นี่เจ้า! เจ้าหนูน้อย เจ้าช่างไม่รู้วิธีสานสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเอาเสียเลย!” สุ่ยเทียนสื่อกล่าวด้วยสีหน้าเสียดาย จากนั้นค่อยกัดไหล่ฉินหยุนเบา ๆ ไปคราหนึ่ง


“วิญญาณร้ายวารี เป็นเขามีภรรยาแล้ว เจ้าอย่าได้ไปยุ่งกับบ้านคนอื่น!”


“ว่าอะไร? มีภรรยาแล้ว? ใครกัน? หงเมิ่งจูหรือ?” สุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบเอ่ยถาม


“ย่อมไม่ใช่! ภายหน้าเจ้าจะได้ทราบเอง!” สื่อชิงเฉิงกล่าวตอบ


สุ่ยเทียนสื่อเผยเสียงเบา “น้องหยุน อย่างไรแล้วข้าหาได้ใส่ใจนัก… เพียงได้อยู่กับเจ้าก็พอ!”


“อย่าได้กังวลไป ภายหน้าท่านย่อมได้อยู่กับข้าแน่! ทั้งการขัดเกลายันต์และติดตั้งค่ายอาคม ล้วนต้องการท่านที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณช่วยเหลือ มันจะทำให้ข้าสะดวกสบายขึ้นมากมายนัก!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “ท่านบอกว่าจะตอบแทนข้าด้วยร่างกาย อย่างนั้นแล้วแรงกายของท่านคือของข้า!”


“ก็ได้!” สุ่ยเทียนสื่อเผยน้ำเสียงเสียดาย “นับจากนี้ให้ข้าติดตามเจ้า จะเป็นคนรับใช้เช่นนั้นไปจนชั่วชีวิตเลยก็แล้วกัน!”


สื่อชิงเฉิงขณะกำลังคิดกล่าวคำออก นางพลันสัมผัสได้ถึงออร่าสะกดข่มลงมา จึงเร่งรีบควบคุมรถลากบินได้หลบเลี่ยง


ตู้ม!


เสียงระเบิดดังสนั่น อะไรบางอย่างเมื่อครู่ร่วงหล่นที่พื้นดินเบื้องล่าง!


“เป็นมังกร! มังกรนั่นร่วงโรยแล้ว!” สื่อชิงเฉิงเร่งรีบตะโกน


ฉินหยุนเร่งรีบออกจากรถลาก พบเห็นร่างมังกรนอนอยู่เบื้องล่าง


อย่างรวดเร็ว เขานำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา พร้อมกระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง จับตัวมังกรเอาไว้ภายในหม้อ


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเพียงเพิ่งออกมา พอได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งความยินดีและตื่นตะลึงดำเนินไปพร้อมกัน นี่ก็เพราะฉินหยุนได้รับมังกรตัวนั้นอย่างง่ายดายในพริบตาต่อหน้าพวกนาง!


“พี่สาวทั้งสอง เร่งรีบเก็บรถลาก พวกเราต้องหนีด่วน!” ฉินหยุนพอกล่าวคำจบ จึงเข้าไปคว้าสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเข้าสู่ความมืด ทะยานกายออกอย่างเงียบงันไปจากสถานที่แห่งนี้


พวกเขาเพียงเพิ่งจากไป ราชันยุทธ์กลุ่มใหญ่ขณะนี้ก็ปรากฏกลางท้องฟ้า!

 

 

 


ตอนที่ 447

 

ราชสีห์สวรรค์ที่น่าสงสัย

กลุ่มราชันยุทธ์ ขณะนี้ก็สามารถทำให้มังกรได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจหนีพ้น เมื่อพวกเขาไล่ตามมา ฉับพลันพบว่าออร่ามังกรหายวับไปกับตา


“มังกรนั่นเพิ่งร่วงลงมา ต้องมีร่องรอยการร่วงหล่น!” ราชันยุทธ์สายเลือดเอ่ยขึ้น


“ต้นไม้ล้มไปมาก นี่แหละหลักฐาน! คำถามคือมังกรนั่นหายไปที่ไหนแล้ว?”


“ออร่าของมังกรหายไปอย่างปุบปับ ขนาดร่างมันมโหฬาร ย่อมไม่มีทางเก็บในอุปกรณ์มิติเก็บของทั่วไปได้! และมังกรนั่นยังมีชีวิตรอด ดังนั้นหากคิดเก็บมัน อุปกรณ์มิติเก็บของต้องเป็นสมบัติล้ำค่าระดับสูงล้ำอย่างหนึ่งแล้ว!”


“อย่างนั้นพวกเราต้องไล่เรียงว่าจะมีใครสามารถได้ตัวมัน!”


“ตราบเท่าที่สัตว์ลึกล้ำแปลงกายเป็นมนุษย์ มังกรนั่นจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้อื่น หากมันแปลงกลายเป็นมนุษย์ ย่อมหลบซ่อนตัวพ้นได้!”


“งั้นกระจายกันค้นหา ดูว่าแถบนี้มีผู้อื่นอยู่หรือไม่!”


กลุ่มราชันยุทธ์นับสิบคน ขณะนี้กระจายตัวกันออกไปหลายทิศทาง ออกค้นหามังกรที่หายไป


มังกรที่กลุ่มราชันยุทธ์ตามหา ขณะนี้อยู่ในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรของฉินหยุน ขณะนี้พวกเขาออกห่างจากสถานที่ซึ่งมังกรตัวนั้นร่วงหล่นมาไกลแล้ว


ฉินหยุนยินดีขณะคว้ามือหญิงงามทั้งสองไว้ เร่งรีบหลบภัยในป่า ภายในใจขณะนี้ยินดีจนแทบตายตกแล้ว


เป็นเขาไม่คาดคิด ว่ามังกรตัวนั้นจะพลันโผล่มาอย่างกะทันหัน


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง ข้าขอบอกว่าเส้นทางที่ท่านเลือกใช้มานี้วิเศษนัก พวกเรากำลังจะได้เงินก้อนใหญ่!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง


“เจ้าหนู ข้าไม่ได้ต้องการอันใดจากมังกรตัวนั้น แต่เจ้าต้องสัญญา ว่าจะช่วยข้าหลอมยันต์หรืออย่างอื่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในภายหน้า วัสดุที่จำเป็นข้าจะมอบให้!” สื่อชิงเฉิงกล่าวขึ้น


สุ่ยเทียนสื่อก็ไม่น้อยหน้า “เจ้าหนู พี่สาวผู้นี้เป็นของเจ้าแล้ว ย่อมไม่ต้องการมังกรตัวนั้น! แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะไม่ขับไล่ข้านับแต่นี้!”


ฉินหยุนทราบดี ว่าสุ่ยเทียนสื่อสนใจในตัวเขามากมายเพียงใด เพราะเขาเป็นทั้งอาจารย์จารึกและผู้ขัดเกลาวิญญาณ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้มีพรสวรรค์มากล้น ในระยะยาว หากทำให้เขาติดค้างได้ย่อมนำพามาซึ่งผลประโยชน์ภายหน้าอย่างมหาศาล


“อย่าได้กังวลแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง


“เรื่องนี้อย่าได้บอกท่านยายตู้!” สุ่ยเทียนสื่อเผยเสียงเบา “ยิ่งรู้น้อยเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น นี่จะเป็นการรับประกันได้ว่าเรื่องราวจะไม่รั่วไหลออกไป!”


สื่อชิงเฉิงพยักหน้ารับ “เจ้าหนู ของวิเศษย่อมเป็นของคนที่ทำกรรมดี เจ้าเพิ่งช่วยเหลือพวกเรา ครานี้ได้รับมังกร ภายหน้า เจ้าต้องช่วยเหลือผู้อื่นเช่นนี้สืบต่อไปด้วย!”


ฉินหยุนยิ้มตอบ “ราชันยุทธ์กลุ่มนั้นลงแรงกำหราบมังกรตัวนี้ไปมาก พวกนั้นย่อมเคร่งเครียดเรื่องส่วนแบ่งของมังกรตัวนี้ แต่แล้วขณะนี้กลับอยู่ในมือข้า พวกนั้นคงไม่ต้องถกเถียงกันเคร่งเครียดอีกต่อไป ถือว่าข้าช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดข้อพิพาท!”


หากราชันยุทธ์เหล่านั้นได้ยินเข้า คงโกรธจนแทบตายตกกระอักเลือดออกมาคำโตเป็นแน่


“บิดาของหงเมิ่งจูก็เข้าร่วม! ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับหงเมิ่งจูถือว่าค่อนข้างชิดใกล้ อย่างน้อยก็ตอบแทนนางในภายหน้าด้วยแล้วกัน!” ขณะนี้นางเผยความเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น


มังกรตัวนี้ยังคงมีชีวิต แต่ด้วยอยู่ภายในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร มันไม่มีทางหนีออกมาได้


หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร คือวัตถุพิเศษสำหรับใช้เพื่อจัดการมังกรโดยเฉพาะ


หากฉินหยุนไม่มีหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร คงไม่ทราบว่าจะสามารถได้รับมังกรตัวนี้อย่างไร


เพียงไม่นาน พวกเขาตามมาสมทบกับแม่เฒ่าตู้


ได้เห็นสื่อชิงเฉิงและคณะยังปลอดภัยดี แม่เฒ่าตู้ค่อยผ่อนคลาย “ข้าย่อมต้องคิดบัญชีหนี้แค้นครั้งนี้กับตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงสารเลวเหล่านั้นในไม่ช้าแน่!”


สุ่ยเทียนสื่อมองทางแม่เฒ่าตู้และผู้อาวุโสอีกสองคน “ท่านยาย พวกเราขณะนี้สบายดีแล้ว อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก!”


ก่อนหน้านี้ ตอนนางส่งเสียงสื่อสารมา เพียงบอกแม่เฒ่าตู้ว่าหลบหนีจากเภทภัยมาได้ ขณะที่แม่เฒ่าเติ้งนำพาเสี่ยวเตียนซิงและเสี่ยวกั๋วเอ่อกลับไปก่อน


สำหรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แม่เฒ่าตู้ย่อมคาดเดาได้


นางคาดเดาเอาว่า ยอดฝีมือสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเหล่านั้น ถูกสังหารจนสิ้นแล้ว


ความตายของผู้ฝึกตนสายเลือดถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน นี่ก็เพราะตลอดหลายปีมานี้ ผู้ฝึกตนสายเลือดแทบไม่เคยถูกสังหาร ไม่ต้องกล่าวถึงว่านี่เป็นผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณตายพร้อมกันถึงสี่ชีวิต


“เอาละ อย่างนั้นเร่งรีบตามไปสมทบกับสำนักอื่นกันจะดีกว่า!” แม่เฒ่าตู้นำเอารถลากออกมา


ฉินหยุนพักผ่อนในรถลาก รับฟังแม่เฒ่าตู้สบถก่นด่าราชันยุทธ์เหล่านั้นอย่างมีโทสะ


แม่เฒ่าตู้แม้ต่อว่า เสียงก็ไม่ได้ดังนัก “สารเลวกลุ่มนั้น พวกมันยอมร่วมทางไปเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนร่วมกัน แต่แล้วกลับคิดสังหารมังกรกลางทาง! นอกจากนี้ ยังไม่เพียงแต่ไม่สนใจพวกเรา กระทั่งล่อความสนใจราชสีห์สวรรค์ใกล้เคียงมาจัดการพวกเราอีก!”


สื่อชิงเฉิงถามต่อ “ศิษย์ของสำนักอื่นย่อมต้องมีผู้สูญเสียมากแล้วใช่หรือไม่?”


แม่เฒ่าตู้พยักหน้ารับ “กว่าสิบคนเสียชีวิต กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำยังตายไปสอง ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของราชันยุทธ์เหล่านั้น ช่างเป็นกลุ่มคนสารเลวต่ำช้ายิ่งนัก!”


ฉินหยุนรู้สึกว่า หากกลุ่มราชันยุทธ์เหล่านั้นไม่รุมโจมตีมังกร เขาคงไม่มีโอกาสได้รับมันมา


แน่นอนว่า มีแต่สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อที่ทราบเรื่อง


“แล้วราชสีห์ตัวนั้นเล่า?” สุ่ยเทียนสื่อเอ่ยถามเป็นกังวล นางจับจ้องฉินหยุน เพราะอีกฝ่ายสามารถปลดปล่อยราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาได้


แม่เฒ่าตู้ส่ายศีรษะ “ข้าย่อมไม่ทราบ! โดยสรุป ข้าและกลุ่มผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำโดนไล่ล่ากระชั้นชิด แต่แล้วขณะที่พวกเราคิดว่าไม่อาจหนีพ้น ราชสีห์สวรรค์สีดำตัวนั้นกลับหายวับไป!”


ฉินหยุนเกิดความสงสัย ว่าราชสีห์สวรรค์ตัวนั้นจะมีผู้อื่นอัญเชิญออกมา!


นี่ก็เพราะว่า ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพจากปรโลก ไม่อาจคงอยู่ในโลกมนุษย์ได้นานเกินไป มันจะต้องเป็นการอัญเชิญมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง


ฉินหยุนสามารถอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพมาได้แค่หนึ่งชั่วยาม และทุกสามชั่วยามจะสามารถอัญเชิญได้ครั้งหนึ่ง


“ดูเหมือนจะมีคนที่ทรงอำนาจอย่างยิ่งอยู่เบื้องหลังป่าแห่งนี้!” ฉินหยุนพลันโพล่งคำ “คนผู้นั้นย่อมต้องคิดอยากสังหารมังกรตัวนั้นด้วย!”


“เจ้าทราบได้อย่างไร?” แม่เฒ่าตู้เอ่ยถาม


“เพราะราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพพวกนั้น! มันเป็นสัตว์อัญเชิญโดยความสามารถเทวะจากปรโลก!” ฉินหยุนกล่าวคำ “พวกมันไม่อาจออกมาที่โลกนี้ได้ด้วยตัวเอง!”


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อมองหน้ากันเอง ภายในเกิดความแตกตื่น พวกนางทราบ ว่าฉินหยุนครอบครองความสามารถเทวะ จึงสามารถอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ออกมาได้!


ฉินหยุนกล่าว “มีแต่ราชันยุทธ์จึงสามารถอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพระดับราชันยุทธ์ ทว่า คนที่อัญเชิญราชสีห์สวรรค์หลายตัวเช่นนั้น ย่อมต้องแกร่งกล้าเหนือล้ำกว่าขอบเขตราชันยุทธ์!”


สุ่ยเทียนสื่อเอ่ยถามเป็นกังวล “แล้วคนผู้นั้นอยู่ที่ใดกัน?”


“ท่านยายตู้ หลุมฝังเซียนที่ท่านไปกับเจี้ยนเสวียนสื่อและคณะ ตอนที่มันเปิดออก เป็นข้าสงสัยและพบเห็น ว่ามีคนออกมาจากด้านใน!” ฉินหยุนกล่าว


เขาจดจำได้ ว่าราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาต่อกรกับมังกร


สุ่ยเทียนสื่อเอ่ยคำ “พวกวเราต้องระวังพวกราชันยุทธ์เหล่านั้น! หนทางสู่หลุมฝังเซียนคงไม่ง่ายดังที่คิดแล้ว!”


ฉินหยุนพยักหน้ารับ “วิญญาณสัตว์ร้ายกลุ่มใหญ่ที่ภายนอก พวกเราก็ต้องระวังพวกมันให้ดี!”


รุ่งสาง แม่เฒ่าตู้ควบคุมรถลากมาถึงป่าแห่งหนึ่ง


ต้นไม้ในป่าแถบนี้ค่อนข้างอยู่ห่างไกลกัน แสงจากดวงตะวันจึงสาดส่องลงมาได้ ทำให้ทั้งป่ามีลำแสงเป็นประกายอยู่ตลอด เกิดเป็นความงดงามอย่างหนึ่ง


ขณะนี้ รถลากขนาดใหญ่หลายคนเริ่มมาถึง ภายในรถลาก เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำและลูกศิษย์ที่มาจากสำนักลึกล้ำ


แม่เฒ่าตู้ก้าวเดินออกจากรถลาก พูดคุยกับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำเหล่านั้น


คนจากสำนักอื่น ขณะนี้เปี่ยมด้วยความคับแค้น ก่นด่าต่อว่าราชันยุทธ์เหล่านั้นไม่ขาดปาก


เพราะหากมีราชันยุทธ์สองหรือสามคนช่วยเหลือพวกเขาทันเวลา ก็คงไม่ต้องเผชิญหน้ากับสภาพน่าอนาถเพียงนี้!


แต่แล้วราชันยุทธ์เหล่านั้น ทั้งหมดเอาแต่เข้ารุมโจมตีมังกร


อย่างกะทันหัน เสียงคำรามร้องโศกเศร้าดังมาแต่ไกล “สื่อเฉวียน!”


เสียงคำรามร้องกราดเกรี้ยวนี้มาจากราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยง เขาขณะนี้เพิ่งพบว่าบุตรชายสิ้นชีพแล้ว


ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิง รวมถึงสุ่ยเทียนสื่อยังอยู่ในรถลาก เมื่อทั้งสามได้ยินเสียงโศกของราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยง ล้วนเก็บตัวเงียบไม่ส่งเสียงอันใด


ฉินหยุนไม่คิดว่าราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยงจะพบเห็นอันใด อย่างมาก ก็คงพบเพียงแต่พื้นดินที่พังทลายเพราะแผ่นดินไหว พลังอำนาจระดับนั้น สมควรเป็นราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพลงมือแล้ว


และนอกจากนี้ เขายังหลงเหลือพลังของราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพเอาไว้กลบเกลื่อนด้วย!


มู่เฟิงก็อยู่ที่ด้านนอก เขาส่ายศีรษะและถอนหายใจ “ดูเหมือนทางด้านตระกูลสายเลือดก็สูญเสียไม่ใช่น้อย!”


จ้าวสำนักลึกล้ำหลายคนขณะนี้ค่อยยินดีที่ได้รับฟัง ทว่าเสียงร่ำร้องเพียงดำเนินภายในใจ ไม่กล้ากล่าวออกมาเป็นเสียงจริง


ถัดจากนั้น ก็เกิดเสียงร้องคำรามกราดเกรี้ยว ชัดเจนว่าเป็นราชันยุทธ์ตระกูลสายเลือดที่เหลือ พบว่าลูกศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณของตระกูลสิ้นชีพ


ราชันยุทธ์ผู้อื่นที่หาตัวมังกรไม่พบ ได้แต่กลับมากันคนแล้วคนเล่า เมื่อได้พบสายตาเหยียดหยันจากขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ภายในใจของพวกเขากลายเป็นหนักอึ้ง


นี่ก็เพราะพวกเขาเองก็เจ็บปวด ลงแรงโจมตีมังกรตัวนั้นไปมาก แต่กลับไม่ได้รับอันใดกลับคืน กระทั่งโดนผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำเหยียดหยันภายในอย่างออกหน้าออกตา


ที่สูญเสียที่สุด ย่อมเป็นทางฝั่งผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ มีหลายคนเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้


จำนวนคนที่มาด้วยอย่างไรแล้วก็ต้องลดลง บ้างก็สูญเสีย บ้างก็กลับไปพร้อมผู้อาวุโสก่อน เพราะสถานที่แห่งนี้อันตรายเกินไป


หงเมิ่งจูกลับไปพร้อมชายชราขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำสองคน


“เด็กสาวสารเลวจากตระกูลหลงนั่น ไม่ใช่นางพูดหรือว่ามังกรตัวนั้นขณะนี้อยู่ในเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนแล้ว? เหตุใดยังอยู่ที่ภายนอกอีก!”


“ใช่ ยังมีราชสีห์สวรรค์สีดำอีกหลายตัว เป็นพวกเราไม่ได้ระวังตั้งแต่แรกเริ่มเพราะชะล่าใจ!”


“มังกรตัวนั้นบาดเจ็บหนักเพราะพวกเรารุมโจมตี ในเวลาเร็ววันนี้ไม่มีทางฟื้นฟู ดังนั้นขณะนี้ภัยคุกคามจากราชสีห์สวรรค์สีดำเหล่านั้นยังไม่น่ากังวล!”


“ด้วยพวกเราอยู่ที่นี่ ล้วนไม่มีอะไรต้องกังวล!”


ราชสีห์สวรรค์คือตัวตนที่แกร่งกล้าดั่งมังกร และขณะนี้ยังมีถึงหลายตัว กระทั่งราชันยุทธ์แม้ปากบอกเช่นนั้น ภายในใจกลับไม่ใช่


ทว่าพวกเขาก็ต้องเผยท่าทีไม่ยี่หระเพื่อรักษาหน้าตาเอาไว้!


กลุ่มคนจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ล้วนต้องการสังหารราชสีห์สวรรค์ เพราะพวกเขาเชื่อมั่น ว่าผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณของตระกูลตนเอง ต้องตายก็เพราะราชสีห์สวรรค์ลงมือ


ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงที่นี้มีกันหลายสิบคน ชั่วขณะนี้ พวกเขาล้วนเก็บงำออร่า เพราะหวาดกลัวจะดึงดูดความสนใจของราชสีห์สวรรค์ให้เข้ามา


ขณะนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน!


ทุกคนที่นี่ต่างมั่นใจ ว่าภายในหลุมฝังเซียนต้องมีสมบัติมากมาย


นี่ก็เพราะหลุมฝังเซียนที่เจี้ยนเสวียนสื่อและคณะเปิดออก มันมีหม้อสามขาราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรที่แกร่งกล้า นั่นคืออุปกรณ์เต๋าโบราณ


ภายในแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน ย่อมต้องมีสมบัติล้ำค่าเช่นนั้นซุกซ่อนไว้อีกมาก


ผู้เดียวที่ทราบสถานที่ตั้งหลุมฝังเซียนคือตำหนักจารึกเทวะ ตำหนักโทเทม และตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงจำนวนหนึ่ง ทางด้านแม่เฒ่าตู้และผู้อื่นย่อมไม่ทราบ


ฉินหยุนขณะนี้พบว่ารถลากของมู่เฟิงตามด้านหลัง ชัดเจนว่าจงใจอยู่ใกล้ เพื่อเฝ้ารอเผื่อเกิดอันตรายจะได้ลงมือทันท่วงที


มู่เฟิงย่อมคิดปกป้องฉินหยุน เพราะเขาร่วมมือกับฉินหยุนสร้างผลประโยชน์ครั้งใหญ่ขึ้นมา โดยเฉพาะหลังได้ทราบว่าฉินหยุนเป็นจ้าวสำนักของประตูจารึกแห่งตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม


เขาทราบชัดเจน ว่าประตูจารึกมีมรดกสืบทอดเป็นอักขระดวงดาวที่แกร่งกล้าเพียงใด


ผู้คนขณะนี้เดินทางภาคพื้นดิน ยามค่ำคืน สีหน้าฉินหยุนแปรเปลี่ยนในฉับพลัน “ราชสีห์สวรรค์เข้ามาใกล้!”


แม่เฒ่าตู้ย่อมเชื่อถือฉินหยุน นางเร่งรีบควบคุมรถลากบินขึ้นสูงผ่านอากาศ


มู่เฟิงก็รวดเร็วยิ่ง เขาเองก็ตระหนักได้ว่าราชสีห์สวรรค์ปรากฏตัวใกล้เคียงนี้อย่างกะทันหัน

 

 

 


ตอนที่ 448

 

ภายในเขตแดนอ้างว้าง

ราชสีห์สวรรค์ที่แกร่งกล้าจำนวนหนึ่ง ขณะนี้พุ่งเข้ามาหาฝูงชน ราชันยุทธ์หลายคนขณะนี้กำลังพยายามสุดแรง เพื่อต้านทานพวกมันเอาไว้ พร้อมสั่งการให้ผู้อื่นที่เหลือถอยฉากเป็นการด่วน


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เสียงระเบิดสะเทือนเลือนลั่นดังท่ามกลางความมืดเสียงสงบ เป็นผลให้ภูเขาใกล้เคียงหลายแห่งต้องยุบตัว


การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้น ราชันยุทธ์หลายคนเข้าร่วมต่อกรกับราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ


ชิ้นส่วนรถลากจำนวนมากกระเด็นกระจาย ถูกแรงระเบิดเป่าไปทั่วทุกหนแห่ง


มีแต่แม่เฒ่าตู้และมู่เฟิงที่หลบหนีได้รวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบใด


ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพจำนวนหนึ่ง ขณะนี้พุ่งทะยานเข้ามา ทว่าพวกมันไม่ได้ใช้กรงเล็บราชสีห์สวรรค์ออก เพียงแต่ใช้เสียงคำรามราชสีห์สวรรค์สะเทือนถึงชั้นฟ้า ปลดปล่อยคลื่นพลังแกร่งกล้าของราชสีห์สวรรค์ให้ประจักษ์


ไม่ต้องกล่าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ กระทั่งราชันยุทธ์ก็ไม่อาจรับมือได้ไหว


มีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำกว่าสิบคนหลบหนีเชื่องช้า โชคคล้ายหมดสิ้น ร่างถูกกระชากโดยกรงเล็บราชสีห์ตะปบเข้า ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณขณะนี้ก็ตายไปแล้วอีกหลายสิบ


มีแต่ราชันยุทธ์ที่แกร่งกล้าจึงยังอยู่รอด กระทั่งว่าเป็นราชันยุทธ์หลายสิบคน พวกเขาก็พบว่าหากคิดเผชิญหน้ากับราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพเหล่านี้เป็นเรื่องยากจนเกินไป


พวกเขาได้แต่ยืนหยัดลากถ่วงเวลาให้ผู้อื่นหลบหนีโดยเร็ว นี่ก็เพื่อเป็นการลดทอนผู้เสียชีวิตให้มากที่สุด


“ท่านยายตู้ ตามผู้จัดการมู่ไป เขาทราบว่าที่ใดจึงปลอดภัย!” ฉินหยุนตะโกนดัง


“ทางด้านนั้นรวดเร็วนัก ต้องบอกเลยว่าคนจากตำหนักจารึกเทวะตอบสนองรับมือได้ดีเยี่ยมจริง!” แม่เฒ่าตู้หัวเราะ “หากพวกเราหลบหนีช้ากว่านี้ คงตกอยู่ท่ามกลางปัญหานั่นด้วยกันหมดแล้ว”


ได้ยินเสียงอึกทึกดังจากด้านนอก ไม่ว่าใครล้วนก็ต้องเกิดความกลัวเกาะกุมหัวใจ


มู่เฟิงรวดเร็ว แม่เฒ่าตู้ที่ตามติดก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


ทางด้านผู้อื่นที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกในใจ มู่เฟิงจากตำหนักจารึกเทวะ แม่เฒ่าตู้จากหุบเขาลึกล้ำจันทรา ทั้งสองคล้ายทราบดีว่าราชสีห์สวรรค์จะปรากฏตัว


แต่แล้วกลับไม่มีการแจ้งเตือนต่อพวกเขา!


นี่ไม่ใช่พวกเขาไม่อยากแจ้งเตือน แต่ฉินหยุนและมู่เฟิงรู้ตัวว่าราชสีห์สวรรค์เข้ามาใกล้ก็สายเกินไปแล้ว


สิ่งหนึ่งที่ต้องทราบ คือราชสีห์สวรรค์เหล่านี้แกร่งกล้าและรวดเร็วมากล้ำ


ฉินหยุนพอสัมผัสถึงออร่าราชสีห์ห่างออกไปนับพันเมตร การโจมตีก็แทบจะมาถึงในพริบตาแล้ว


ครั้งแรกเริ่มเดินทาง หลายคนรู้สึกว่ากลุ่มนี้แข็งแกร่ง อย่างไรแล้ว นี่ก็ประกอบขึ้นด้วยราชันยุทธ์หลายสิบคน รวมถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำอีกกว่าร้อยคน แต่แล้ว ขณะนี้พวกเขาทั้งหมดต้องแตกกระเจิงเพราะกลุ่มราชสีห์สวรรค์


หลายคนสบถก่นด่าภายในต่อบรรดาราชันยุทธ์ เพราะราชสีห์สวรรค์และมังกรเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ


หากราชันยุทธ์ไม่ทำร้ายมังกรจนบาดเจ็บหนัก พวกตนไม่มีทางต้องมามีสภาพชวนอนาถเพียงนี้ เพราะจะมังกรคอยสะกดข่มราชสีห์สวรรค์เอาไว้


ชั่วขณะนี้ กระทั่งบรรดาราชันยุทธ์เหล่านั้นยังต้องสำนึกเสียใจที่ตัดสินใจโจมตีมังกรตัวนั้น พวกเขาก่อนหน้านี้ปิดล้อมมังกรและโหมโจมตี ขณะนี้กลับกลายเป็นพวกตนเองถูกฝูงราชสีห์สวรรค์ปิดล้อมเสียแทน


ราชสีห์สวรรค์เหล่านี้ ต่อสู้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งค่อยเร่งรีบหนีหาย


บรรดาราชันยุทธ์ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นค่อยไล่ตามมู่เฟิงและผู้อื่น


สิ่งนี้ตรงกับที่ฉินหยุนคาดเดา ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพเหล่านั้นถูกอัญเชิญออกมา ดังนั้นเมื่อพ้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง พวกมันจำเป็นต้องกลับไปพัก


“ในที่สุดก็ปลอดภัย!” แม่เฒ่าตู้เปิดหน้าต่าง มองที่ท้องฟ้าดาราพร่างพราย “ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพเหล่านั้นสมควรถูกอัญเชิญมาจริง! สงสัยนักว่าพวกมันจะปรากฏตัวอีกครั้งหรือไม่!”


สื่อชิงเฉิงเผยน้ำเสียงกังวล “เป็นข้าสงสัย ว่าภายในเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน จะยังมีราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพเช่นนั้นอีกหรือไม่”


“หากหลุมฝังเซียนอันตรายเพียงนั้นจริง พวกเราก็ต้องเร่งรีบหนีห่างโดยเร็วที่สุด!” ฉินหยุนกล่าว


แม่เฒ่าตู้และผู้อื่นพยักหน้ารับ อย่างไรแล้ว การรักษาชีวิตรอดไว้ก่อนย่อมสำคัญที่สุด


พอฟ้าสาง เสียงโห่ร้องดังจากภายนอก


ฉินหยุนและคณะเร่งรีบออกจากรถลาก บินขึ้นสูงกลางอากาศ ที่ได้เห็นเป็นสะพานเก่าแก่โบราณแห่งหนึ่ง นี่คือสะพานที่พังทลาย


สะพานแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก


ผ่านกาลเวลา มันถูกปกคลุมด้วยหญ้าและเถาวัลย์จำนวนมาก เป็นเรื่องยากจะพบพานสะพานนี้หากไม่ใช่ทราบดีว่ามันมีอยู่


สะพานเช่นนี้หาได้แปลกต่อฉินหยุน ก่อนหน้านี้ เขาได้เคยเข้าไปยังสวนโบราณผ่านทางสะพานพังทลายเช่นนี้


“ร่วมมือกัน เปิดเส้นทางสู่แดนอ้างว้าง!” ราชันยุทธ์จากตำหนักจารึกเทวะตะโกนขึ้น “เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ไม่ต้องเกรงว่าราชสีห์สวรรค์จะโจมตีอีก!”


เพียงไม่นาน สะพานนี้เต็มไปด้วยผู้คน


ราชันยุทธ์ยืนหยัดตรงหน้า ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำยืนทางด้านหลัง


ผู้อื่นขณะนี้เพียงรับชมจากภายนอกสะพาน


“เริ่มพร้อมกัน หนึ่ง สอง สาม!” ราชันยุทธ์จากตำหนักจารึกเทวะตะโกนขึ้น ราชันยุทธ์ผู้อื่นและขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ล้วนร่วมมือกันปลดปล่อยพลังถ่ายเทเข้าสู่ตัวสะพาน


อย่างรวดเร็ว ม่านแสงปรากฏขึ้นที่สะพานซึ่งพังทลาย


เส้นทางเปิดออกแล้ว!


“ข้าจะส่งถ่ายพลังอีกชั่วระยะเวลาหนึ่งไปยังทางเข้าของแดนอ้างว้าง เพื่อที่จะได้คงอยู่อีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง!” ราชันยุทธ์จากตำหนักจารึกเทวะตะโกนขึ้น


ชั่วขณะนี้ ศิษย์ผู้เยาว์หลายคนตื่นเต้นยินดี เพราะพวกเขากำลังจะได้เข้าหลุมฝังเซียนในตำนานโบราณ


ฉินหยุนไม่ทราบว่าหลุมฝังเซียนนี้เกี่ยวข้องกับเซี่ยฉีโหรวหรือไม่ มีแต่ต้องไปสำรวจดูกับตาว่าจะได้เบาะแสใดมาบ้าง


“เข้าไปแล้วระวังตัวให้ดี! แดนอ้างว้างแห่งนี้ถูกปิดมาเป็นเวลานานยิ่ง ภายในต้องมีอันตรายซุกซ่อนอยู่เป็นแน่!” สื่อชิงเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา


ฉินหยุนพยักหน้ารับ “พวกเราอย่าได้รีบเข้าไปเป็นแนวหน้า”


ถึงขณะนี้ คนหนึ่งตะโกนถามขึ้น “เส้นทางเปิดออกแล้ว ผู้ใดคิดเข้าไปก่อน?”


ไม่มีผู้ใดทราบว่าภายในมีอะไร หากเข้าไปแล้วต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ก็แทบไม่มีโอกาสได้กลับมา


“ราชันยุทธ์ล้วนแกร่งกล้า สักคนหนึ่งควรเข้าไปก่อน!” คนหนึ่งตะโกนขึ้น


“พวกเราราชันยุทธ์ หากพบเจออันตรายด้านในและต้องสูญเสียราชันยุทธ์ไปแม้สักคน พวกเราจะไม่มีทางฟื้นคืนได้แม้ว่าจะต้องสูญเสียขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำสักสิบคน ก็ไม่อาจเทียบได้!” หนึ่งในราชันยุทธ์กล่าวเสียงเย็นเยือกตอบกลับ


ผู้ใดจะเข้าไปก่อน? เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาสำคัญขึ้นมาเสียแล้ว!


ราชันยุทธ์จากตำหนักจารึกเทวะกล่าว “ให้ข้าใช้หุ่นเชิดมนุษย์ทดลองเข้าไปก่อนแล้วกัน!”


เขาพอกล่าวจบ ก็นำเอาหุ่นเชิดออกมาและขว้างโยนเข้าไป


เมื่อหุ่นเชิดเข้าสู่ด้านในม่านแสง ราชันยุทธ์ผู้นี้คิ้วขมวดกล่าวคำ “ไม่มีการตอบสนอง! นี่ไม่ได้ผล!”


“มีสัตว์เลี้ยงอันใดหรือไม่? ส่งพวกมันเข้าไปสำรวจก่อน! อย่างมากก็เสียแค่สัตว์เลี้ยง!” มู่เฟิงกล่าว


ไม่มีผู้ใดคิดให้ความร่วมมือ แม้เป็นสัตว์เลี้ยง ทว่าพวกมันก็ล้ำค่าอย่างยิ่ง


ทั้งสถานที่กลายเป็นเงียบกริบ ไม่มีผู้ใดยินดีเสียสละสัตว์เลี้ยงตนเอง


อย่างกะทันหัน ชายชราหนวดเครายาวซึ่งครอบครองออร่าประหลาดกล่าวคำออก “เอาอย่างนี้เป็นไร ให้สำนักที่มีความดีความชอบน้อยที่สุดเข้าไปตรวจสอบ! ข้าคิดว่าหุบเขาลึกล้ำจันทรานั้นมีส่วนร่วมในเรื่องนี้น้อยที่สุด และลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงผู้นั้น ก็ไม่อาจนับว่าเป็นคนของสำนักใด”


“ลูกพี่ลูกน้องของนาง ใช้โอกาสที่มีเล่นพวกเราเอาไว้เยอะ แต่แล้วขณะนี้กลับยังไม่ได้รับอันใดตอบแทน นี่ถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเรานัก!”


ฉินหยุนกลายเป็นมีโทสะเพราะคำพูดเหล่านี้ ผู้อาวุโสตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่น อีกฝ่ายคือหวังเทียนซือเมื่อเหตุการณ์ครั้งเดินทางสู่เทือกเขาเมฆมังกร อีกฝ่ายถึงกับยังมีชีวิตรอดอยู่ได้!


ราชันยุทธ์หลายคนที่นี้โดนลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงล่อลวง คาดเดาว่าจะต้องชนะพนัน ครั้งนี้ได้ยินคำแนะนำปราดเปรื่อง ย่อมยินดีร่วมเห็นด้วย


“น้องชายที่หน้าโง่ตรงนั้น เจ้าเองก็คิดอยากเข้าเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน ดังนั้นตอนนี้ถือเป็นโอกาสแล้ว เร่งรีบเข้าไปเสีย!” หวังเทียนซือหัวเราะชั่วช้าเสียงดัง


ตัวเขาเองก็ถูกหลอกลวงไปหลายร้อยล้านเหรียญม่วง ภายในใจจึงเกลียดชังอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย


สื่อชิงเฉิงเร่งร้อนกล่าว “อย่างนั้นพวกเราก็ไม่เข้าไปแล้ว เช่นนี้ก็จบแล้วใช่หรือไม่? น้องชายอย่าได้ฟังคำของเขา กลับกัน!”


หวังเทียนซือแค่นเสียงดัง “ไม่ได้! หุบเขาลึกล้ำจันทราแต่เดิมไม่ทราบสถานที่ตั้งหลุมฝังเซียน แต่ขณะนี้ติดตามพวกเราจนถึงที่นี่ เจ้าควรทราบว่าหากทำเช่นนั้นถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบต่อพวกเรา! ดังเจ้าทราบ ว่าพวกเรากว่าจะสืบค้นสถานที่แห่งนี้พบเจอต้องสูญเสียไปมากมายเพียงใด!”


ราชันยุทธ์หลายคนเผยสีหน้าเห็นด้วยต่อความคิดนี้ ให้คนหน้าโง่คนหนึ่งเข้าไปย่อมเป็นเรื่องดี


“ก็ได้ ข้าจะเข้าไป!” ฉินหยุนกัดฟันแน่นตอบคำ


“น้องชาย อย่าได้เข้าไปแล้ว ให้ข้าเข้าไป!” สื่อชิงเฉิงเร่งร้อนดึงร่างเขาเอาไว้


สุ่ยเทียนสื่อขณะนี้ออกหน้า “ชิงเฉิง เจ้าถอยกลับมา ให้ข้าเข้าไปแทน! ความเร็วของข้าเหนือล้ำกว่าพวกเจ้า หากมีอันตรายภายใน ข้าย่อมถอยกลับได้ทันท่วงที!”


ฉินหยุนออกปาก “พี่สาว แม้พวกท่านเป็นหญิงสาว แต่กลับหาญกล้านัก บรรดาราชันยุทธ์สายเลือดเหล่านั้นแท้จริงแข็งแกร่ง แต่กลับเป็นพวกขลาดเขลา หาได้หาญกล้าดังสตรีเช่นพวกท่านไม่!”


คำพอกล่าวจบ เขาเร่งรีบทะยานกายออก มุ่งหน้าเข้าหาม่านแสงของสะพานที่พังทลาย


ความเร็วฉินหยุนมากล้ำ ก่อนที่สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อจะทันตอบสนอง ฉินหยุนก็เข้าม่านแสงไปแล้ว


แม่เฒ่าตู้ได้เห็นทั้งสองคิดตามติดเข้าไป นางต้องรีบเข้ามาขวางทางด้านหน้าด้วยเสียงเบา “อย่าได้เข้าไปแล้ว! เจ้าหนูนั่นผ่านอะไรมาก็มาก เขาย่อมไม่เป็นไร!”


ทั้งสุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิง ทั้งสองภายในร้อนรุ่มดั่งไฟเผาไหม้ กระทั่งว่าทราบภายในมีอันตราย พวกนางพอได้เห็นอีกฝ่ายเข้าไปแล้วจึงคิดตามติด ทว่ากลับต้องโดนแม่เฒ่าตู้ขวางเอาไว้เสียก่อน


ฉินหยุนเมื่อเข้ามาแล้ว เขาพบว่าตนเองอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของสะพานที่พังทลาย!


ขณะนี้เขาค่อยเข้าใจ ว่าสะพานนี้ยังสมบูรณ์ ทว่าสองส่วนนั้นอยู่คนละสถานที่


“ตอนนั้นที่เราเข้าไปในสวนโบราณ หากเป็นสถานการณ์ตามปกติ สถานที่ที่ควรไปถึงคืออีกฝั่งของสะพาน!” ฉินหยุนครุ่นคิดกับตนเอง


เขาระแวดระวังเดินข้ามผ่านสะพาน สำรวจสถานการณ์ด้านในเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน ขณะนี้ความตะลึงฉายชัดที่ใบหน้าของเขา


ภายในกว้างใหญ่ เขาแทบไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุดของแดนอ้างว้างลึกลับโบราณแห่งนี้ แต่เดิมเขานึกว่าควรเป็นสถานที่ไม่ใหญ่มาก


เก้าดวงตะวันลอยค้างกลางท้องฟ้า เวลายังเป็นเช่นที่อีกด้านหนึ่ง


ภายในหลุมฝังเซียน มีทั้งภูเขาและป่าอยู่มากมาย


พอเดินผ่านพ้นจากสะพาน เขาจึงได้เห็นป่าโบราณกว้างใหญ่


ต้นไม้โบราณเหล่านั้นสีดำสนิท กระทั่งใบไม้ พวกมันยังถูกย้อมเป็นสีดำจนสิ้น


ยิ่งเวลาผ่านไป คลื่นสายลมเย็นเยือกจึงพัดผ่านเข้ามาจากด้านในป่าสีดำ มันให้ความรู้สึกชวนกระวนกระวาย


“ภูตผีสัตว์ร้าย!” ฉินหยุนปลดปล่อยพลังจิตขณะความเย็นแล่นผ่านร่าง


นี่ก็เพราะภายในป่าโบราณตรงหน้า มีภูตผีสัตว์ร้ายกระจายตัวอยู่ทั่วทุกหนแห่ง!


ภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านี้ สัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เช่นกัน!


“เวร!” ฉินหยุนใช้รองเท้ากำราบมังกร เร่งรีบวิ่งหนีรวดเร็ว เพียงพริบตา เขาก็ถึงม่านแสงที่สะพาน ออกไปพ้นจากเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้กำลังเผยความหนักอึ้งจ้องมองสะพานที่พังทลาย เมื่อทั้งสองได้เห็นฉินหยุนกลับออกมา ค่อยถอนหายใจโล่งอกกันได้


พอเห็นบุคคลอ่อนแอหน้าโง่กลับมาอย่างปลอดภัย ผู้อื่นล้วนอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องกันออกมา นี่หมายความว่าด้านในปลอดภัย


“ด้านในเป็นอย่างไร?” หวังเทียนซือเร่งรีบถาม


ด้วยเพราะอยากทราบเรื่องราวภายใน หวังเทียนซือเข้ามาถามอย่างหาได้สนไม่ว่าเมื่อครู่ทำอะไรไว้


ฉินหยุนตอบกลับ “เมื่อเข้าไปแล้ว ที่พบเป็นป่าใหญ่ ภายในป่ามีภูตผีสัตว์ร้ายอยู่มหาศาล!”


ทุกคนพอได้ยินดังนี้ รอยยิ้มที่ใบหน้าพลันเลือนหาย!


ภูตผีสัตว์ร้ายจำนวนมหาศาล นี่ไม่ใช่ข่าวดี!


“เป็นเช่นนั้นหรือ? หากมีจำนวนมากมายจริง อย่างนั้นเจ้ากลับมาได้อย่างไร?” หวังเทียนซือเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ


ฉินหยุนหลอกลวงผู้คนเอาไว้มาก ดังนั้นขณะนี้พวกเขาจึงตั้งข้อสงสัย


“หากไม่เชื่อข้า เหตุใดจึงให้ข้าเข้าไป? หากต้องการหลอกลวง อย่างนั้นข้าบอกว่าภายในปลอดภัยไม่มีอันตรายไม่ดีกว่าหรือไร!” ฉินหยุนโต้คารมกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจรุนแรง

 

 

 


ตอนที่ 449

 

ทัพภูตผีมิโนทอร์

ผู้คนขณะนี้พอได้ยินคำกล่าวที่ไม่น่าเชื่อถือของชายตรงหน้า ขณะนี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา หากอีกฝ่ายคิดสร้างเภทภัยแก่พวกเขา หายนะที่จะเกิดขึ้นย่อมไม่อาจคาดเดาได้


ฉินหยุนกล่าวต่อ “เพราะพี่สาวข้าต้องการเข้าไป ข้าจึงไม่โกหก! หากไม่เชื่อข้า ก็ส่งผู้อื่นเข้าไปดู! ภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านั้นแข็งแกร่งสำหรับข้า แต่ไม่ใช่กับราชันยุทธ์!”


ผู้คนขณะนี้มองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไป


“ให้ข้าเข้าไปเอง!” กล่าวคำจบ ราชันยุทธ์หงหยิงจึงทะยานร่างเข้าไป


เพียงไม่นาน เขากลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ภายในมีภูตผีสัตว์ร้ายจำนวนมาก ทั้งยังมีนานาชนิด กระทั่งภูตผีสัตว์ร้ายที่ใช้พิษก็มี!”


มู่เฟิงเอ่ยถาม “ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณสามารถรับมือภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านั้นไหวหรือไม่?”


หงหยิงพยักหน้ารับ “สมควรไหว! ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าต้องระวังตัวให้ดี! ส่วนจะมีราชันภูตผีที่แข็งแกร่งหรือไม่ ข้าย่อมไม่ทราบแล้ว!”


หวังเทียนซือกล่าวคำ “หลุมฝังเซียนกว้างใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่มีทางปลอดภัย! หากไม่คิดเสี่ยง อย่างนั้นจะได้รับสมบัติเซียนมาได้อย่างไร? หากหวาดเกรง เช่นนั้นก็จงกลับกันไป!”


เงียบงันกันพักหนึ่ง หาได้มีผู้ใดถอยกลับไปไม่


“ดี เช่นนั้นก็เข้าไป! แต่พวกเราต้องจัดแจงกันก่อนว่าจะเข้าไปอย่างไร!” ราชันยุทธ์จากตำหนักจารึกเทวะกล่าวคำ “ข้าจะเข้าไปก่อน ผู้ใดคิดตามไปด้วย?”


ด้วยผู้อื่นนำทัพแล้ว ราชันยุทธ์อื่นย่อมต้องตาม


สื่อชิงเฉิงเดินมาที่ข้างกายฉินหยุน หมัดขณะนี้กำไว้แน่น นางเป็นกังวลว่าภายในอาจเกิดอะไรขึ้นกับเขาอีก


สุ่ยเทียนสื่อเอ่ยถามต่อฉินหยุน ถึงสถานการณ์ภายในโดยละเอียด


ฉินหยุนกล่าว “เมื่อเข้าไปแล้ว พวกเราต้องระแวดระวังราชันภูตผี พวกตัวเล็กตัวน้อยอื่น ไม่น่าส่งผลอะไรกับพวกเรามากนัก!”


แม่เฒ่าตู้กล่าวขึ้น “ชิงเฉิง พวกเจ้าให้ดูแลเด็กคนนี้ไปชั่วเวลาหนึ่งแล้วกัน! ทางด้านพวกเราไม่ต้องเป็นห่วง!”


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองพยักหน้ารับ


ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวชวนขบขัน หากจะมีใครในที่นี้หวาดกลัวภูตผีสัตว์ร้ายเป็นคนสุดท้าย คนคนนั้นย่อมเป็นเขา


ราชันยุทธ์พอเข้าไปแล้ว ผู้อื่นจึงตามเข้าไปเป็นชุด


ทันทีเมื่อเข้ามาอีกครั้ง สายลมกระโชกรุนแรงจึงพัดพาโหมเข้าใส่


ราชันยุทธ์ทำหน้าที่เบิกทางด้านหน้า พวกเขาใช้พลังแกร่งกล้าที่มีเพื่อจัดการภูตผีสัตว์ร้าย


ฉินหยุนคิ้วขมวด “คนกลุ่มนี้ช่างใจแกร่งนัก! เหตุใดกล้าก่อเรื่องดึงดูดความสนใจเพียงนี้กัน?”


ในเขตแดนอ้างว้างที่ปกคลุมด้วยฝุ่นไร้การเคลื่อนไหวมานานหลายปี ขณะนี้ปกคลุมด้วยเสียงอึกทึก ราชันยุทธ์พอโจมตีออก จึงเกิดความวุ่นวายอึกทึกครั้งใหญ่ ทำให้เกิดลมแรงพัดพากระจายทั่วสารทิศ


ป่าตรงหน้า ราบเตียนเป็นหน้ากลอง


“หวังว่าคงไม่มีราชันภูตผีที่แข็งแกร่งโผล่ออกมานะ!”


“สงสัยนักว่าในนี้จะมีราชสีห์สวรรค์อยู่หรือไม่?” สุ่ยเทียนสื่อหันมองทงด้านหลัง ตระหนักได้ว่าเส้นทางขณะนี้ปิดตัวลงแล้ว “ราชสีห์สวรรค์ที่ด้านนอกไม่อาจเข้ามาได้อีก แต่หากพวกเราเผชิญหน้าอันตรายใด ก็ไม่มีทางหลบหนีออกไปได้!”


ฉินหยุนก็เกิดความกังวลเช่นเดียวกัน กระนั้น ในเมื่อเข้ามาแล้ว ก็มีแต่ต้องย่างฝีเท้าก้าวไปต่อ


ครึ่งวันผ่านพ้น ขณะนี้ฟ้าใกล้พลบค่ำแล้ว


กล่าวได้ว่ากลุ่มราชันยุทธ์เหล่านี้ยังแข็งแกร่ง พวกเขาลงมือสังหารภูตผีสัตว์ร้ายแกร่งกล้าระหว่างทางไปมาก เดินทางข้ามผ่านภูเขาหลายสิบลูก ขณะนี้เส้นทางการมุ่งหน้าเป็นไปอย่างลื่นไหล


ระหว่างทาง ฉินหยุนได้แก่นวิญญาณมาจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้เอาไว้ใช้ขัดเกลาอุปกรณ์ได้


นับเป็นเรื่องดีที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการแก่นวิญญาณ พวกเขาเพียงต้องการกระดูกหรือผิวหนังของภูตผีสัตว์ร้าย


สื่อชิงเฉิงช่วยเหลือเก็บพวกมันมาพลางกระซิบ “น้องชาย เจ้าต้องการสิ่งนี้ไปทำอะไร? ไม่เห็นมีผู้ใดต้องการมันสักคน!”


“มันมีประโชน์กับข้า!” ฉินหยุนตอบ


มีแต่สุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิงที่ช่วยเหลือเก็บพวกมันมาให้ ขณะที่ทางแม่เฒ่าตู้และคณะ รับหน้าที่คุ้มกันพวกเขาจากวงนอกอีกทีหนึ่ง


“พอแล้ว!” ฉินหยุนมองกลุ่มคนตรงหน้าพลางตะโกน “ตามแนวหน้าไปต่อ!”


เหตุนี้พวกเขาจึงไล่ตามกลุ่มคนด้านหน้าไปกันต่อ


แต่เพียงไม่นาน กลุ่มคนด้านหน้าหยุดชะงัก ขณะนี้พวกเขายืนตรงหน้าทะเลสาบขนาดใหญ่!


ฉินหยุนพอได้เห็นทะเลสาบ อดไม่ได้ที่จะเกิดความหนาวเย็นถึงกระดูกไขสันหลัง นี่เป็นทะเลสาบหมื่นดารา!


เขาเร่งรีบบินขึ้นกลางอากาศ สำรวจมองลงที่ทะเลสาบขนาดใหญ่ เพียงมอง เขาก็ทราบว่าทะเลสาบนี้ขนาดใกล้เคียงทะเลสาบหมื่นดารา


ที่แตกต่างกันก็คือ ที่ตรงกลางทะเลสาบตรงหน้า มันมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ล้อมเอาไว้ด้วยสิ่งปลูกสร้างสีดำ


จากมุมสูง คล้ายเป็นเค้กสีดำที่ลอยอยู่เหนือผืนน้ำ


ที่ตรงกลางทะเลสาบ ผู้คนพอได้เห็นล้วนเกิดความตื่นเต้นยินดี


ไม่มีผู้ใดทะยานกายเข้าไป เพราะทั่วทั้งทะเลสาบปกคลุมด้วยค่ายอาคมขนาดใหญ่


ฉินหยุนมองทางหวังเทียนซือ ผู้ซึ่งเดินไปทั่วคล้ายมองหาอะไรบางอย่าง


เพียงไม่นาน เขาขุดอะไรบางอย่างขึ้นมา หลายคนเร่งรีบเข้ามาช่วยเหลือขุดเอาสิ่งนั้นขึ้นมา


ที่หวังเทียนซือขุดออกมา คือแท่นบูชายัญสีดำ!


ฉินหยุนพอได้เห็นแท่นบูชายัญ เขาสบถก่นด่าภายในใจ เพราะแท่นบูชายัญนี้ มันคล้ายกับที่เขาเคยประสบก่อนหน้านี้!


เขาเร่งรีบบินลงมาที่พื้น เข้าพบแม่เฒ่าตู้


หวังเทียนซือกล่าวคำขึ้น “สิ่งนี้คือแท่นบูชายัญ! พวกเราต้องเสียสละบางสิ่งหากคิดเปิดค่ายอาคมเพื่อเข้าไป!”


ราชันยุทธ์จากตำหนักจารึกเทวะเอ่ยถาม “แล้วอะไรที่ต้องใช้สังเวย? ชีวิตหรือไร?”


หวังเทียนซือมองฉินหยุนที่อยู่กลางฝูงชน น้ำเสียงหัวเราะชั่วช้ากล่าวออก “เจ้าหนู ได้เวลาจ่ายคืนทดแทนผู้อื่นแล้ว!”


สื่อชิงเฉิงและแม่เฒ่าตู้ล้วนมีโทสะ กระนั้น นี่ก็ไม่ใช่อะไรที่พวกนางจะต้านรับได้ไหว!


“ต้องให้ข้าหลั่งเลือด? ย่อมได้!” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป “ตราบเท่าที่ไม่สังหารข้า! ข้าย่อมมีเลือดมากพอ!”


มู่เฟิงทราบ ว่าฉินหยุนครั้งหนึ่งเกือบถูกสังเวยชีวิต เขาได้แต่คิดว่านี่ออกจะเป็นเหตุบังเอิญเกินไปแล้ว เพราะฉินหยุนต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง


ด้วยเหตุนี้ เขาเร่งรีบก้าวเดินเข้าไปกล่าวคำออก “น้องชายผู้นี้เคยร่วมดื่มกับข้า พวกเราถือว่าเป็นสหายสนทนาที่ดีต่อกัน ดังนั้นจึงนับเป็นสหายข้า หากเพียงแค่เลือดย่อมไม่เป็นไร แต่อย่าได้สังหารเขา!”


ได้เห็นมู่เฟิงออกหน้าปกป้อง หวังเทียนซือจึงได้แต่พยักหน้ารับ


มู่เฟิงกล่าวออก “พวกเจ้าล้วนถอยไป! ข้าจะใช้อาคมธงช่วยเขาฟื้นฟูเลือดที่เสียไปกลับคืน!”


กล่าวคำจบ เขานำเอาอาคมธงจำนวนมากออกมา ปักวางพวกมันเอาไว้รอบแท่นบูชา


ได้เห็นมู่เฟิงออกหน้า สื่อชิงเฉิงค่อยวางใจได้บ้าง นางไม่อาจช่วยฉินหยุนได้อีกครั้งแล้ว ภายในขณะนี้มีแต่คำกล่าวโทษตนเอง


ไม่เพียงแต่อาคมธงของมู่เฟิงจะช่วยฉินหยุนฟื้นฟูเลือดที่เสียไป มันยังจะช่วยเก็บงำออร่าสายเลือดราชสีห์สวรรค์


ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป เลือดหลั่งออก แท่นบูชาเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง ผู้คนส่งเสียงโห่ร้อง แท่นบูชานี้ทำงานได้จริง


ขณะฉินหยุนยังคงปลดปล่อยเลือดต่อเนื่อง ค่ายอาคมใหญ่ที่ปกคลุมทะเลสาบเอาไว้หายไป บรรดาราชันยุทธ์ออกนำทะยานร่างเข้าสู่ด้านในทะเลสาบ


“ข้ายังไหว จงไป!” ฉินหยุนตะโกน


สื่อชิงเฉิงพยักหน้ารับอย่างโล่งอก จากนั้นบินขึ้นสูงมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบ


พลบค่ำ ตะวันใกล้ตกดินแล้ว


กระนั้น ทะเลสาบสีดำแห่งนี้ แม้มีแสงมันก็ยังคงดำมืด หาได้สะท้อนดวงตะวันลับฟ้า นับเป็นภาพที่แปลกตาประการหนึ่ง


ฉินหยุนบินขึ้นเหนือพื้นผิวทะเลสาบ กล่าวต่อสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ “พวกท่านให้ระวังตัว หากเกิดเรื่องใดขึ้น ก็อย่าได้ร่วงหล่นสู่น้ำด้านล่าง!”


สัญชาตญาณของเขาบ่งบอก ว่าใต้น้ำนั่นจะต้องอันตรายเกินบรรยาย!


กลุ่มคนมาถึงด้านหลังเกาะขนาดเล็ก มองทางสิ่งปลูกสร้างทรงกลม


สิ่งปลูกสร้างสีดำนี้กว้างใหญ่กว่าหนึ่งหมื่นเมตร สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร มันราวกับเป็นลูกกลมเกลี้ยงสีดำลอยกลางอากาศ


จุดแตกต่างมีเพียงหนึ่ง นั่นก็คือประตูสีแดง


ที่ประตู มีมิโนทอร์สีดำยืนตระหง่าน


มิโนทอร์ร่างสูงกว่าสองเมตร มีเพียงหัวที่เป็นวัวกระทิง ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม จากออร่า อีกฝ่ายไม่แข็งแกร่งนัก อยู่ราวขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ


“ในที่สุดก็มาถึงที่นี่!” มิโนทอร์ถืออห่วงโซ่โลหะสีดำ คำพูดกล่าวออกด้วยน้ำเสียงแหบกร้าน


“เป็นทัพภูตผีประตูหน้าหรือ?” หวังเทียนซือเอ่ยถาม


มิโนทอร์ตอบกลับ “ถูกต้อง ข้าคือผู้รักษาประตูรุ่นที่ห้าร้อย! แม้ข้าไม่แข็งแกร่ง แต่ข้าคือผู้ตัดสินว่าพวกเจ้าสามารถเข้าหลุมฝังเซียนนี้ได้หรือไม่!”


หากสังหารข้าและเข้าไปได้ เมื่อถึงเวลานั้น ราชันภูตผีในทะเลสาบจะตื่นขึ้น! ราชันภูตผีมากมายขณะนี้ล้วนหลับใหลอยู่เบื้องล่างทะเลสาบ!”


หวังเทียนซือกล่าวคำ “อย่างนั้นแล้ว แจ้งต่อพวกเราเป็นมารยาทหรือไร?”


มิโนทอร์ตอบกลับ “หากข้าปล่อยพวกเจ้าเข้าไป ข้าก็เพียงต้องรับบทลงโทษร้ายแรง เพียงแต่ไม่ตาย! หากพวกเจ้าไม่ปรารถนาให้ราชันภูตผีตื่นขึ้น และยังต้องการเข้าหลุมฝังเซียน ก็ได้แต่ต้องติดสินบนแก่ข้า!”


มิโนทอร์ตรงหน้าถึงขั้นเรียกร้องการติดสินบน ทำเอาหลายคนรู้สึกสบายใจไม่น้อย


หากต้องเผชิญหน้าบรรดาราชันภูตผี กระทั่งราชันยุทธ์ ก็พบว่าเป็นเรื่องยากลำบากจนเกินไป


“อย่างนั้นติดสินบนอย่างไร? ลองบอกเงื่อนไขมา!” หวังเทียนซือกล่าว


“ข้าต้องการหญิงสาวสองคน! ให้พวกนางทำข้าสุขสันต์ นั่นถือเป็นสินบนที่ดี!” มิโนทอร์กล่าวพลางชี้นิ้วไปที่สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ


ไม่เพียงแต่สองสาวงามมีรูปลักษณ์เหนือล้ำ ระดับการฝึกฝนยังไม่ใช่ชั่ว พวกนางล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ


“ไม่มีปัญหา!” หวังเทียนซือหัวเราะชั่วช้า


แม่เฒ่าตู้ขณะนี้มีโทสะตะโกนดัง “พวกเราย่อมไม่ไปแล้ว!”


“นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าสามารถตัดสินใจ!” ราชันยุทธ์สายเลือดเร่งรีบทะยานร่างเข้ามา ขวางแม่เฒ่าตู้เอาไว้


เพียงไม่นาน ราชันยุทธ์สายเลือดหลายคนล้วนบินตามมา ปิดล้อมแม่เฒ่าตู้เอาไว้


ตราบเท่าที่พวกเขาเข้าไปได้ พวกเขาจะได้รับสมบัติเซียน!


เพื่อให้เข้าไปได้อย่างปลอดภัย แค่เสียสละหญิงสาวสองคนจะเป็นไรไป


กระทั่งว่ามีสำนักราชันคุ้มครองหุบเขาลึกล้ำจันทรา พวกเขาขณะนี้หาได้กล่าวคำใด ไม่อย่างนั้นแล้ว เท่ากับต้องตกเป็นศัตรูของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงมากมาย


หงหยิงเร่งรีบเข้ามากล่าวเสียงเย็น “พอได้แล้ว!”


“สามหาว!” ราชันยุทธ์สายเลือดตะโกนดัง ฝ่ามือผลักออกเข้าใส่ร่างหงหยิง


ถัดจากนั้น ราชันยุทธ์อีกหลายคนปรากฏตัว พร้อมปิดล้อมหงหยิงเอาไว้


“หากไม่อยากตายอย่าได้พูดมาก! หากเจ้าต้องการยืนกราน เช่นนั้นก็เตรียมตัวรับความตาย!” ราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยงแค่นเสียงขึ้น “ทำตัวเป็นเด็กดีและหุบปากเสีย เจ้าจะได้เข้าไปพร้อมพวกเรา!”


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้ถูกจับตัวโดยราชันยุทธ์สองคนพร้อมดึงตัวไปที่ด้านหน้า


ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนโดนมู่เฟิงโดนจับตัวเอาไว้


ฉินหยุนหันกลับมาคำรามเกรี้ยวกราด “ปล่อยข้า!”


มู่เฟิงส่งเสียงทางจิตต่อฉินหยุน “ฉินหยุน ข้ารู้ว่าเจ้ามีโทสะ แต่เจ้าไม่อาจเคลื่อนไหวตอนนี้ ไม่อย่างนั้นพวกนั้นจะสังหารเจ้า! ไม่ต้องห่วง ภายหลังข้าจะส่งเจ้าเข้าไปสังหารมิโนทอร์นั่น!”


ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาค่อยสงบใจลงได้!


“ฮ่าฮ่าฮ่า งดงามนัก!” มิโนทอร์หัวเราะหยาบโลน


“จงรักษาสัญญาด้วย!” หวังเทียนซือยิ้มกล่าวคำ


มิโนทอร์ตัวนี้ ใช้โซ่สีดำรัดพันสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเอาไว้


แม้พวกนางสบถก่นด่าและดิ้นรน กระนั้นกลับไร้ผลอย่างสิ้นเชิง


ชั่วขณะนี้ มู่เฟิงตะโกนขึ้น “ฉินหยุน เอาเลย!”


คำพอกล่าวจบ เขาปล่อยตัวฉินหยุน!


ฉินหยุนที่โทสะเปี่ยมล้น ทะยานกายตัวออกราวสายฟ้า!


ราชันยุทธ์หลายคนขณะนี้ตระหนักถึง คิดอยากหยุดยั้ง แต่พวกเขาพบว่าฉินหยุนทะลวงผ่านร่างพวกเขา นี่เป็นความสามารถเทวะทะลุทะลวง!


ฉินหยุนใช้ความสามารถเทวะ ผ่านร่างของราชันยุทธ์หลายต่อหลายคน การโจมตีลั่นออกใส่ศีรษะของมิโนทอร์ เป็นยันต์อัคคีภูตผีระดับราชัน!


ตู้ม!


หัวมิโนทอร์ระเบิกกระจาย เกิดขึ้นเป็นเปลวเพลิงเผาไหม้ทั้งร่าง!


ผู้คนขณะนี้กายแข็งทื่อ บรรดาราชันยุทธ์และขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ เกิดความคิดอยากสังหารฉินหยุนให้ตายตกเสียที่นี่


แต่แล้ว… ทะเลสาบในเวลานี้กลายเป็นล้นทะลักด้วยคลื่นวงน้ำ ราชันภูตผีหลายร้อยตนพุ่งทะยานออกมาแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 450

 

โทเทมในหลุมฝังศพ

ราชันภูตผีเมื่อทะยานออกจากน้ำ ส่งผลให้เหล่าราชันยุทธ์สะท้าน


ราชันภูตผีจำนวนมหาศาลเหล่านี้ มีกันนับร้อยตัว


เพียงชั่วอึดใจที่เหล่าราชันยุทธ์อึ้งเพราะความหวาดกลัว ฉินหยุนพุ่งทะยานเข้าหาประตู พร้อมแบกร่างสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อที่ถูกล่ามโซ่ไว้


บรรดาราชันยุทธ์พอได้เห็นราชันภูตผีเข้ามากใกล้ พวกเขาล้วนมีโทสะต่อฉินหยุน คิดอยากสังหารอีกฝ่ายจนตายตก แต่พอตระหนักได้อีกที ร่างอีกฝ่ายก็ทะลุทะลวงผ่านประตูหายไปแล้ว!


ไม่มีผู้ใดคิด ว่าเด็กหน้าโง่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิง แท้จริงจะครอบครองความสามารถแปลกประหลาด สามารถทะลุทะลวงสรรพสิ่งได้ตามใจชอบ


หงหยิงขณะนี้วางใจลงได้มาก หากเกิดเรื่องกับสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อจริง เขาคงรู้สึกผิดไปอีกนาน อย่างไรแล้ว เขาก็ยังไม่อาจวางใจต่อสถานการณ์ เพราะที่นี้ยังเหลือแม่เฒ่าตู้และคณะ


“เร่งรีบไปจากที่นี่!” หงหยิงไม่คิดเข้าสู่หลุมฝังเซียนอีก เพียงแต่เร่งรีบหลบหนีออกไป


ราชันภูตผีพุ่งเข้ามาแล้ว ราชันยุทธ์หลายสิบคนเข้าต้านทานไว้ จากนั้น ยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำจึงทำการเปิดประตู


ฉินหยุนพาสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อพุ่งผ่านประตู หลังทำได้สำเร็จ เขาเร่งรีบนำเม็ดยาลึกล้ำฟื้นฟูออกมา กินมันเพื่อฟื้นฟู จากนั้นค่อยช่วงพวกนางทำลายห่วงโซ่


เมื่อครู่ เขาใช้พลังงานไปอย่างมหาศาลเพราะต้องใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงอย่างต่อเนื่อง


หลังจากได้กินเม็ดยาลึกล้ำฟื้นฟู เขาค่อยเรียกคืนพลังกลับสู่แก่นเต่าได้รวดเร็ว


เม็ดยาลึกล้ำฟื้นฟูส่งผลได้เพียงหนึ่งแก่น ดังนั้นจึงมีหนึ่งแก่นเต๋าที่ขณะนี้มีพลังเปี่ยมล้น


ฉินหยุนครอบครองสาม ดังนั้นเรียกได้ว่าฟื้นฟูพลังมาได้ราวสามในสิบ


กระนั้น นี่ก็ไม่นับว่าแย่ เพราะเมื่อครู่เขาแทบใช้พลังงานจนหมดสิ้นจริง


“ประตูกำลังเคลื่อนไหว… พวกมันคิดเข้ามาแล้ว!” สื่อชิงเฉิงเร่งรีบร้องตะโกน


นางและสุ่ยเทียนสื่อเชื่อ ว่าเมื่อครู่สมควรจบสิ้นกันแล้ว ที่ไม่คาดคิด คือฉินหยุนพุ่งทะยานเข้ามา สังหารมิโนทอร์ตัวนั้น และยังทะลวงผ่านเข้ามาในหลุมฝังเซียน


ฉินหยุนช่วยพวกนางเอาไว้อีกครั้งหนึ่งแล้ว!


สุ่ยเทียนสื่อทราบ ว่าฉินหยุนใช้พลังไปมหาศาล นางเร่งรีบช่วยสนับสนุนเอ่ยคำเสียงเบา “พักก่อน ตรงนี้ให้ชิงเฉิงและข้ารับมือ!”


ภายในหลุมฝังศพแห่งนี้ดำสนิท กระนั้น ฉินหยุนก็พอบอกได้โดยคร่าวว่าเป็นโถงทางเดินโดยใช้พลังจิต


ที่ผนังซ้ายและขวามีประตูเก้าบาน นี่คล้ายจะเป็นโถงขนาดใหญ่ ประตูแต่ละบานอยู่ค่อนข้างไกลกัน ไม่ทราบว่าพวกมันนำไปสู่ที่ใดบ้าง


“สุ่มเลือกประตูสักบาน!” สื่อชิงเฉิงนำอาวุธออกมา เป็นตะขอคู่ นางรับหน้าที่นำหน้า


ขณะที่สุ่ยเทียนสื่อช่วยสนับสนุนฉินหยุน นางโคจรพลังถ่ายเทสู่ร่างกายของเขา ช่วยให้สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว


เสียงจากทางประตูยิ่งมายิ่งดัง ราวกับมันสามารถเปิดออกได้ทุกชั่วขณะ


สื่อชิงเฉิงเร่งรีบก้าวเดินไปยังประตูบานหนึ่ง คิดเปิดมันออก ออร่าชั่วร้ายแห่งความตายพลันล้นทะลักจากภายใน บีบบังคับให้นางต้องถอยกลับ


“นี่สมควรเป็นสถานที่อันตรายล้นพ้น พวกเราควรเข้าไปหรือ?” สื่อชิงเฉิงขณะนี้ใจร้อนรุ่มเคร่งเครียด สายตายังจับจ้องที่ประตูใหญ่


หากประตูเปิดออก กลุ่มราชันยุทธ์และราชันภูตผีย่อมต้องเข้ามา


“ไป!” ฉินหยุนตะโกน


สื่อชิงเฉิงเดินไปที่ด้านหน้า สุ่ยเทียนสื่อช่วยพยุงกายฉินหยุน ทั้งสามกำลังเข้าไปใกล้ประตู


เมื่อทุกคนเข้ามาแล้ว สื่อชิงเฉิงเร่งรีบเปิดประตูหิน ด้วยวิธีนี้ จะไม่มีผู้ใดทราบว่าพวกเขาเข้าประตูบานใดไป


ตู้ม!


เพียงไม่นานหลังเข้ามา ประตูใหญ่สีแดงด้านนอกถูกเป่ากระจุย


คลื่นอากาศโหมรุนแรงเพราะแรงดันที่แตกต่าง ภายนอก ราชันยุทธ์และราชันภูตผีกำลังพัวพันการต่อสู้ตึงเครียด


ทางด้านกลุ่มขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำและวิญญาณ ขณะนี้เร่งรีบเข้ามา


พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บ บางคนกระทั่งสูญเสียอวัยวะ


ที่ภายนอกมีร่างศพ เหล่านั้นถูกสังหารโดยราชันภูตผี


พวกเขาขณะนี้ล้วนเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างเปี่ยมล้น!


ราชันยุทธ์ค่อยเข้ามาในห้องโถงดำมืดทีละคน ทางด้านราชันภูตผี พวกมันไม่ได้ตามเข้ามา


ทุกคนพอเข้ามาแล้วค่อยถอนหายใจโล่งอก


ทางด้านเหล่าราชันยุทธ์ หัวใจพวกเขายังคงเปี่ยมด้วยความหวาดกลัวขณะมองราชันภูตผีที่ด้านนอก


เมื่อครู่นี้ มีราชันยุทธ์สองคนที่เสียชีวิต!


“มู่เฟิง ทั้งหมดเป็นความผิดเจ้า เหตุใดไม่จับไอ้หน้าโง่นั่นไว้ให้ดี!” ราชันยุทธ์ผู้หนึ่ง มองทางมู่เฟิงพร้อมกล่าวต่อว่า


“ข้าจะทำอะไรได้? เด็กโง่คนนั้นทะลวงผ่านร่างพวกท่านด้วยซ้ำ นั่นสมควรเป็นความสามารถเทวะแล้ว” มู่เฟิงตอบกลับเย็นชา “เรื่องนี้คงได้แต่กล่าวโทษตนเอง เพื่อเปิดประตู กลับเลือกเสียสละหญิงสาวอ่อนแอสองคน ดังนั้นจึงเป็นการยั่วยุโทสะเด็กคนนั้น!”


“พวกเราหารือกันให้ดีกว่านี้! หากพวกเราจัดการมิโนทอร์นั่น ตราบเท่าที่มันไม่ตาย ราชันภูตผีย่อมไม่ปรากฏตัวออกมา!”


“แต่แล้ว พวกท่านกลับเชื่อคำโง่งมของหวังเทียนซือ มันว่าอะไรล้วนคล้อยตาม! นี่จึงเป็นความผิดพลาด! เป็นพวกท่านยอมให้หญิงสาวสองคนนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก จนกระทั่งเกิดเรื่อง ล้วนโง่เขลากันทั้งสิ้น”


บรรดาราชันยุทธ์ล้วนมีโทสะ พวกเขาคิดอยากทุบตีมู่เฟิงที่ตรงนี้ ทว่าภายนอกไม่อาจกระทำ


ผู้คนของตำหนักจารึกเทวะ ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะสามารถต่อกร ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของมู่เฟิงยังมีสถานะสูงล้ำ


ขณะนี้ มีคนนำหินเรืองแสงออกมาสาดส่องในห้องโถง จึงได้เห็นประตูเก้าบานที่ทั้งสองฟากข้างของห้องโถงนี้


“ไอ้พวกหน้าโง่นั่น! พวกมันต้องผ่านประตูไปบานหนึ่ง พวกเราต้องไล่ตามพวกมันไป มอบความตายอันโหดร้ายแก่พวกมัน!” คนหนึ่งตะโกนขึ้น เป็นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง


“รวมทั้งหมดมีประตูสิบแปดบาน พวกเราจะแบ่งกันเป็นสิบแปดกลุ่มแล้วค่อยเข้าไป!” ราชันยุทธ์สายเลือดกล่าวขึ้น


มู่เฟิงคิ้วขมวด “ข้าไม่ทราบว่าภายในมีอันตรายใด พวกเราควรอยู่รวมกัน ไม่ใช่แยกออกจากกัน ไม่เช่นนั้น หากพบเจออันตรายและไม่มีกำลังต่อกรกลับ ก็มีแต่ความตายที่รอคอยแล้ว!”


“กระทั่งราชันภูตผียังไม่กล้าเข้ามา หมายความว่าด้านในนี้สมควรปลอดภัย!”


“ใช่ หากกลัวตาย เช่นนั้นก็รอที่นี่!”


“มู่เฟิง เจ้าเกรงว่าพวกเราจะสังหารไอ้หน้าโง่นั่นใช่หรือไม่? ไอ้หน้าโง่นั่นหลอกลวงพวกเรา ทำให้เจ้าได้รับไปหลายหมื่นล้านเหรียญม่วง! เจ้าคิดวางแผนผูกมิตรกับมันในภายหน้า คิดฉ้อฉลเอาเหรียญม่วงผู้อื่นหรือไม่ใช่?”


“ไอ้อ้วนบัดซบ ตำหนักจารึกเทวะเจ้าช่างหน้าไม่อายนัก!”


ราชันยุทธ์หลายคนขณะนี้ล้วนต่อว่าหยามเหยียดต่อเขา


มู่เฟิงกล่าวตอบ “วาจาที่ไร้สาระ! ย่อมได้ คิดอยากทำอะไรล้วนทำกันไป ในทางกลับกัน ข้าย่อมไม่ไป ข้าหวาดเกรงความตายจนแทบแย่แล้ว!”


มู่เฟิงตัดสินใจไม่ไปต่อ กระทั่งนำเอาชุดเก้าอี้หินที่น่าจะดูนั่งสบายออกมานั่งแล้ว


ไม่นานจากนั้น พวกเขาแบ่งกันออกเป็นสิบแปดกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีแปดถึงเก้าคน ประกอบด้วยราชันยุทธ์อย่างน้อยสองคน ที่เหลืออยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำและวิญญาณ


พวกเขาเข้าผ่านประตูหินทั้งสองฟากข้างของห้องโถง


มู่เฟิงได้แต่คาดหวัง ว่าฉินหยุนจะสามารถหลบหนีเภทภัยครั้งนี้ได้!


หลังจากพวกเขาเข้าผ่านประตูกันมาแล้ว สื่อชิงเฉิงและคณะได้แต่มุ่งหน้าไปต่อ


ฉินหยุนปลดปล่อยหุ่นเชิดมนุษย์ที่หลอมเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา เขาไม่มีอักขระโทเทมเฉพาะทางด้านนี้ แต่ก็สามารถขัดเกลาพวกมันขึ้นได้ด้วยอักขระดวงดาวหุ่นเชิดระดับลึกล้ำ


เขาสร้างยันต์หุ่นเชิดขึ้นมา แปดไว้ที่แผ่นหลังมนุษย์เหล็ก ทำให้หุ่นเชิดมนุษย์สามารถวิ่งได้


หุ่นเชิดมนุษย์เหล็กออกวิ่งด้านหน้า หากมีอันตรายใด อย่างน้อยก็จะเป็นการบ่งบอกต่อพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง


เส้นทางนี้ยาวยิ่ง เขาไม่ทราบว่ามันนำไปสู่ที่ใด


ฉินหยุนและคณะไม่ได้รุกคืบด้วยความเร็วสูง ตลอดทางล้วนมีแต่ความกังวล ทว่าไม่มีคำพูดใดกล่าวออก


ผ่านไปสามชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาค่อยออกพ้นทางเดิน


หลังออกจากเส้นทางดำมืด พวกเขามาถึงห้องหินกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง


สุ่ยเทียนสื่อนำเอาหินเรืองแสงออกมาสาดส่องห้อง นางคิ้วขมวดกล่าวคำ “ไม่มีประตู เป็นทางตัน!”


ฉินหยุนสำรวจมองห้องหินก่อนพูดขึ้น “ทางด้านนั้นมีค่ายอาคม!”


ห้องหินสร้างขึ้นด้วยอิฐหินสีดำสนิท ผนังล้วนเป็นสีดำสนิท เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่ามีอาคมอยู่ที่ตรงนี้


ทว่า ฉินหยุนสามารถรับรู้ถึงได้


เขาเร่งรีบเดินเข้าไป กดมือลงกับพื้น ถ่ายเทพลังจิตเข้าสู่ตัวห้อง รับรู้ได้ว่าสามารถควบคุมค่ายอาคม ดังนั้นจึงเร่งรีบสั่งการให้มันทำงาน


วงกลมสีขาวพลันปรากฏที่พื้นในห้องหิน


“ไป!” ฉินหยุนตะโกนอย่างเร่งรีบ


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบเดินไปยังค่ายอาคม


“นี่เป็นอาคมเคลื่อนย้าย!” คำพอกล่าวจบ ฉินหยุนจึงสั่งการให้ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทำงาน


แสงวูบปรากฏตรงหน้า พวกเขาขณะนี้ปรากฏในห้องฝังศพขนาดกว้างใหญ่ ในห้องฝังศพแห่งนี้ มีแสงสีแดงอ่อนจางด้วย!


ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะเกิดความตระหนก สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างคล้ายใต้ดินของสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว ทว่า โลงศพในที่นั้นจะเอาไว้ในบ้านหลังน้อยอีกทีหนึ่ง


กระนั้น โลงศพหยกที่นี่ล้วนวางระเกะระกะ


โลงศพหยกเหล่านี้ แท้จริงคล้ายกับที่สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว!


“เป็นสุสานที่ใหญ่มาก มีโลงศพหยกน่าจะราวหมื่นโลง!” สื่อชิงเฉิงลอยขึ้นกลางอากาศ สูดลมหายใจเข้าลึก และสำรวจพิจารณาสถานที่


ทางด้านฉินหยุน เขาเดินไปยังโลงศพหยก พยายามดันฝามันเปิดออก ภายในเป็นโครงกระดูก!


“หรือผู้ตายทั้งหมดที่หายไปจากที่นั่น จะถูกส่งมาที่นี่?” ฉินหยุนนึกคิดกับตนเอง ว่าความเป็นไปได้นี้อาจเป็นจริง


เขายังคงเปิดฝาโลงศพหยกอีกหลายโลง ภายในคือร่างผู้ตาย ไม่มีอะไรติดมากับร่าง ดังนั้นจึงยากบอกกล่าวถึงตัวตนของผู้วายชนม์


กระนั้น สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือระดับการฝึกฝน โลงศพที่อยู่รอบนอก ล้วนเป็นเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์


ทว่า ทางด้านโลงศพส่วนใน คือผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!


สุ่ยเทียนสื่อที่อยู่ตรงผนังไกลออกไป ขณะนี้ถือหินเรืองแสงสาดส่อง นางตะโกนเสียงเบาดังขึ้นมา “น้องหยุน เร่งรีบมาดูด้านนี้ เหมือนจะมีโทเทมอยู่ที่นี่!”


ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงปิดฝาโลงที่เปิดสำรวจ ก่อนบินไปตรวจสอบอีกด้านหนึ่ง


แน่นอนว่า ผนังที่ถูกสาดแสงนี้ มีการแกะสลักอักขระโทเทมเอาไว้ ทว่ามันไม่กระจ่างชัด


“บอกได้หรือไม่ว่าเป็นรอยสักโทเทมใดกัน?” สื่อชิงเฉิงเอ่ยถาม


สุ่ยเทียนสื่อส่ายศีรษะ “ข้าไม่อาจเห็นโทเทมนี้เต็มรูปแบบได้ ค่อนข้างเลือนลางนัก รายละเอียดบางแห่งสูญหาย และโทเทมนี้ก็ใหญ่มากด้วย!”


ฉินหยุนยืนค่อนข้างยืนอยู่ห่างจากผนังกำแพง เขาสามารถเห็นครอบคลุมอักขระโทเทมบนผนังกว่าสิบเมตรนี้ได้


“เหมือนจะเป็นโทเทมวิหค!”


เขาสอบถามต่อโมโมว่ายินดีถูกพบเห็นโดยสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อหรือไม่ นางคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยตัดสินใจออกมา


ด้วยเหตุนี้ เขาจึงปล่อยโมโมออกจากมิติเก็บของ


ทันทีเมื่อโมโมออกมาแล้ว นางร้องตะโกนดัง “นี่เป็นวิหคที่แกร่งกล้า! เป็นตัวตนที่คล้ายคลึงราชสีห์สวรรค์ หมายความถึงสามารถต่อกรกับมังกร!”


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ พอได้เห็นภูติน้อยงดงามในฝ่ามือฉินหยุน พวกนางถึงขั้นอึ้งไปวูบ


พวกนางกล้าบอกกล่าวเพียงมองครั้งเดียว ว่านี่คือภูติอสูร!


กระทั่งในแดนยุทธ์อ้างว้าง ภูติอสูรเช่นนี้ยังถือว่ามีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะพวกมันสามารถทำให้ผู้อื่นสามารถได้รับโทเทม


“มีคนกำลังมา!”


ฉินหยุนตระหนก เร่งรีบเก็บโมโม จากนั้นจึงเข้าประชิดสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ คว้ามือขาวทั้งสองไว้แน่น พร้อมกันนี้ เขาใช้พลังเงาหลบซ่อนกลมกลืนในความมืด


คนทั้งแปดเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือผู้ที่ฉินหยุนคุ้นเคย เป็นหวังเทียนซือ!


ตอนที่ 451 ราชาผีดิบ

ฉินหยุนและคณะแทบไม่กล้าหายใจยามเห็นกลุ่มคน พวกเขาหวาด

เกรงว่าจะถูกพบเห็นเข้า

นี่ก็เพราะในกลุ่มแปดคน มีสองคนเป็นราชันยุทธ์ อีกสามคนอยู่

ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า และที่เหลืออยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

ด้วยกําลังระดับนี้ ไม่ใช่อะไรที่ฉินหยุนและคณะจะสามารถรับมือได้

“หวังเทียนซือ สุสานนี่อะไร? เหตุใดคนเหล่านี้ด้านในโลงศพจึง

ระดับการฝึกฝนตํ่าเตี้ย?”

ราชันยุทธ์เปิ ดฝาโลงศพพร้อมคิ้วขมวด “นี่ไม่ใช่หลุมฝังเซียนหรือ?

อย่างนั้นร่างศพก็ควรเป็นเซียนสิ!”

หวังเทียนซือหันมองทางพวกเขาและกล่าว “เหล่านี้อาจเป็นผู้ที่

ช่วยเหลือในการสร้างหลุมฝังเซียนเมื่อกาลก่อน! โลงศพพวกนี้

ตั้งแต่ด้านนอกถึงด้านใน สมควรไล่เรียงระดับความแข็งแกร่ง เข้า

ไปรับชมดีกว่า อาจมีร่างศพขอบเขตราชันยุทธ์ก็เป็นได้!”

ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะนับถือหวังเทียนซือ อีกฝ่ ายค่อนข้างเข้าใจ

เรื่องราวเหล่านี้ลึกซึ้งทีเดียว

ขณะนี้เขาเป็นกังวลเรื่องรอยสักโทเทมที่ผนังกําแพง เพราะโมโม

เพิ่งบอก ว่านางสามารถคัดลอกอักขระโทเทมเหล่านั้นได้

หวังเทียนซือและคณะก้าวเดินไปในห้อง เปิ ดฝาโลงศพไล่ตามทาง

“ดังที่คิด ทางด้านนี้เป็นราชันยุทธ์ นอกจากนี้ ยังมีอาวุธประจําตัว

พวกนี้เป็นอาวุธเต๋า ฮ่าฮ่า… ในที่สุดก็ค่อยได้อะไรดี ๆ ติดไม้ติดมือ

บ้าง!” ราชันยุทธ์คนหนึ่งคว้าเอากระบี่เล่มใหญ่ขึ้นมา เสียงหัวเราะ

จากใจดังออก

ขณะสองราชันยุทธ์รู้สึกยินดีอยู่นั้นเอง กระแสพลังภายในสีดําหลุด

ลอยจากโลงศพ ร่างศพเหล่านั้นกําลังขยับ!

เรื่องนี้ทําหวังเทียนซือหวาดกลัวจนกรีดร้องออก “เร่งรีบจัดการพวก

มัน! เหล่านี้สมควรเป็นราชาผีดิบ ระวังตัวด้วย!”

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่าหญิงสาวทั้งสองกระชับมือเขาเอาไว้

แน่น นี่เป็นพวกนางหวาดกลัวเช่นเดียวกัน

“ราชาผีดิบ… สร้างสิ่งเช่นนี้โดยใช้ศพโบราณ ต้องผ่านเคล็ดวิชาขัด

เกลาแกร่งกล้า นี่สมควรใช้เพื่อพิทักษ์สุสาน!” สุ่ยเทียนสื่อส่งเสียง

ทางจิตบอกต่อฉินหยุน “นี่เทียบเท่ากับการขัดเกลายอดฝีมือที่วาย

ชนม์ให้กลายเป็นหุ่นเชิดบ้าคลั่ง!”

ฉินหยุนลอบตระหนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินถึงเรื่องราวเช่นนี้

เขามองทางราชันยุทธ์สองคน และทางราชาผีดิบสองตน ขณะนี้

กําลังต่อสู้กันไม่ไกลออกไป

ฟึ่ บ ฟึ่ บ ฟึ่ บ!

ราชันยุทธ์แต่เดิมคิดใช้พลังแกร่งกล้าต่อสู้ สร้างคลื่นพลังภายในทํา

การพลิกโลงศพเหล่านั้นให้พ้นทาง

ร่างศพด้านในล้วนแกร่งกล้า หลังจากโลงศพกลิ้งกระเด็น ร่างย่อม

กระเด็นออกตาม ราวกับนี่เป็นการปลุกผู้วายชนม์ให้ตื่นขึ้น ร่าง

เหล่านั้นกําลังยืนหยัด ไล่ล่าหวังเทียนซือและคณะ

ราชันยุทธ์สองคนเผชิญหน้าราชาผีดิบสองตน หวังเทียนซือและ

ผู้อื่นที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า ต้องเผชิญหน้าผีดิบอีกหลายสิบตน

พวกเขาย่อมไม่อาจต่อกรผีดิบเหล่านี้ ที่ทําได้ คือการเร่งรีบหลบหนี

“หวังเทียนซือ คิดหาทางเร็วเข้า หากเป็นแบบนี้ต่อ พวกเรามีแต่จะ

ตายกันหมด!’ ราชันยุทธ์ตะโกนเสียงดัง

“ไม่มีทางอื่นแล้ว หนีได้รีบเผ่นหนี!” หวังเทียนซือรู้สึกสิ้นหวัง

“สถานการณ์ตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะเปิ ดค่ายอาคม

หลบหนี!”

ฉินหยุนกระทั่งสบถต่อตนเอง ที่ก่อนหน้านี้ไม่เปิ ดฝาโลงศพเหล่านั้น

ฉกชิงเอาอุปกรณ์เต๋ามา

ขณะนี้ภายในเกิดความยินดีที่ไม่ทํา ไม่เช่นนั้น เขาคงต้องถูกรุมล้อม

อย่างไม่ทันตั้งตัว!

หากพวกเขาต้องเผชิญหน้าราชาผีดิบ ก็มีแต่ชะตาต้องตาย

สุสานขนาดใหญ่ โดยทันทีกลับกลายเป็นถูกปกคลุมด้วยเสียงอึกทึก

ถล่มทลายและสายลมกระโชก

การศึกระหว่างราชาผีดิบและราชันยุทธ์ ทําให้โลงศพหยกจํานวน

มากกระเด็นกระจาย ส่งร่างผู้ที่อยู่ภายในกระเด็นออกมา

โลงศพหยกบางโลง กระทั่งแตกออกเป็นเสี่ยง

แม้ฉินหยุนและคณะไม่ได้เผชิญหน้าผีดิบโดยตรง ทว่าหากปล่อยให้

ดําเนินเช่นนี้ต่อก็มีแต่อันตรายแล้ว

สุสานแห่งนี้ถูกผนึก ดังนั้นหากคิดออกไป ก็ต้องใช้ค่ายอาคมเคลื่อน

ย้าย แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ ไม่มีทางที่จะเปิ ดอาคมเคลื่อนย้ายได้

เลย

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเกิดความว้าวุ่น เหงื่อกาฬไหลหลั่งท่วมมือ

ที่จับฉินหยุนเอาไว้

หากทั้งสามเผชิญหน้าราชาผีดิบเมื่อใด ความตายย่อมมาถึง

“ดูไปก่อน บางทีผีดิบพวกนั้นอาจไม่พบเจอพวกเรา!” ฉินหยุนส่ง

เสียงบอกหญิงสาวทั้งสอง

แต่คําพอกล่าวจบ ด้วยเพราะอะไรไม่ทราบ หินเรืองแสงมากมาย

ด้านบนสุสานขนาดใหญ่พลันสาดส่อง

ภายใต้แสงสว่างรุนแรง ฉินหยุนและที่หลบซ่อน ขณะนี้ถูกเปิ ดเผย

หวังเทียนซือได้เห็นพวกเขา เสียงตะโกนคํารามดัง “ไอ้เด็กสารเลว

เป็นพวกเจ้า! จงตายกันเสียที่นี่!”

ราชันยุทธ์สองคนไม่ว่างพอสนใจทางอื่น พวกเขาต้องรับมือกับ

ราชาผีดิบถึงหกตน

ฉินหยุนกัดฟันแน่น นําสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อร่วมทาง ใช้

ความสามารถเทวะทะลุทะลวงกําแพงออกไป

เดิมเขาคิดว่าต้องทะลุทะลวงกําแพงนี้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ที่ไม่คาดคิด

ก็คือ เขากลับพบอุโมงค์ทางเดินเพียงเวลาไม่นาน

เส้นทางนี้กว้างราวห้าถึงหกเมตร และมืดมิดยิ่ง หาได้มีแสงใดเล็ด

รอดเข้ามา

“ปลอดภัยแล้วหรือ?”

สุ่ยเทียนสื่อนําเอาหินเรืองแสงออกมาสาดส่อง นางพบฉินหยุนหมด

แรงที่พื้น โดยทันทีจึงเร่งรีบส่งถ่ายพลังช่วยเหลือฟื้นฟู

สื่อชิงเฉิงเผยความร้อนใจ “ยังวางใจไม่ได้! เทียนสื่อดูแลเขาด้วย ที่นี่

ให้ข้าจัดการ!”

นางนําเอาตะขอคู่ออกมา เร่งรีบไปยังฟากหนึ่งของเส้นทาง

ผีดิบเหล่านั้นกระทั่งอยู่ในเส้นทางเดิน ตัดสินจากความหนาแน่น

ของออร่า พวกมันสมควรอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!

“พี่สาว เร่งรีบช่วยเหลือพี่สาวซาลาเปานึ่ง ข้าช่วยตัวเองได้!”

ฉินหยุนมองทางสื่อชิงเฉิง พบว่าตะขอคู่ในมือของนาง แทงทะลุที่

ลําคอของผีดิบ ถัดจากนั้น บอลแสงทองม่วงพลันระเบิดออก เป่ า

ลําคอนั้นจนกระจุยกระจาย

สุ่ยเทียนสื่อขมวดคิ้ว “ชิงเฉิงสามารถรับมือได้ชั่วคราว ให้ข้าช่วยเจ้า

ฟื้นฟูก่อน!”

ปี กคู่สีทองม่วงปรากฏที่แผ่นหลังของนาง กระพือพัดเล็กน้อย เกิด

เป็นคลื่นลมรุนแรง เป่ าเอาร่างผีดิบเหล่านั้นที่กําลังพุ่งทะยานเข้าหา

ไปพ้นทาง

“นี่สมควรเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างสุสานแห่งนี้ พวกเขาล้วน

ตายที่นี่จนแปรเปลี่ยนเป็นผีดิบ!”

สื่อชิงเฉิงเผชิญศึกหนักหน่วง พยายามกดดันให้ผีดิบที่รุกเข้ามาต้อง

ถอยอย่างต่อเนื่อง

ผีดิบเหล่านี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ และยังมีกันกว่าร้อยตน โชค

ยังดี ผีดิบเหล่านี้ไม่มีความสามารถแกร่งกล้าเพื่อต่อสู้ ดังนั้นจึงได้

ต่อโจมตีสุ่มและกัดไปทั่ว

มีแต่ราชาผีดิบ จึงค่อยมีสัญชาตญาณการต่อสู้

ร่างผีดิบเหล่านี้แข็งแกร่ง ไม่ใช่ง่ายรับมือ

สื่อชิงเฉิงได้แต่บีบบังคับให้ผีดิบเหล่านี้ถอยทัพ หากนางต่อสู้ทีละ

ตัว ผีดิบเหล่านี้จะกลายเป็นตอบโต้จนนางต้องถอยร่น

ฉินหยุนระดับการฝึกฝนตํ่าเตี้ยเกินไป ทุกครั้งที่ใช้ความสามารถ

เทวะทะลุทะลวง เขาต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล

เป็ นเรื่องดีที่สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่ออยู่ข้างกายคอยคุ้มกัน

ไม่เช่นนั้น หลังใช้งานความสามารถเทวะ เขาคงต้องตกอยู่ภายใต้

อันตรายใหญ่หลวง

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฉินหยุนค่อยฟื้นฟูพลังมาได้ราวหกถึงเจ็ดในสิบ

“พี่สาววิญญาณร้ายวารี เร่งรีบช่วยเหลือนาง!” ฉินหยุนเร่งร้อน

ตะโกน “สังหารผีดิบเหล่านี้!”

สุ่ยเทียนสื่อนําเอาดาบออกมาสองเล่ม พุ่งทะยานเข้าหาผีดิบ ทําการ

โจมตีหลายครั้ง แม้พวกมันแทงทะลุร่างผีดิบ ก็ไม่อาจนับเป็นการ

สังหาร

“ตัดหัวพวกมัน!” สื่อชิงเฉิงตะโกน

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนนําเอายันต์สะกดวิญญาณออกมา ขว้างปาพวกมัน

ออก

ยันต์สะกดวิญญาณพอร่อนลงกลางกลุ่มผีดิบ ผลลัพธ์ที่ได้ ผีดิบ

เหล่านั้นส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างพวกมันแปรเปลี่ยนเป็นพลัง

ภายในสีดํา ราวกับกําลังถูกกัดกร่อน

“ได้ผลดีเยี่ยม!” ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่ายันต์สะกดวิญญาณจะส่งผล

กับผีดิบเหล่านี้ได้ดีเยี่ยม

ร่างผีดิบเหล่านี้แปรเปลี่ยนเป็นควัน กระนั้นก็ยังคงโดนฤทธิ์ของ

ยันต์สะกดวิญญาณเล่นงาน

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองเร่งรีบพุ่งเข้าใส่ ใช้พลังแกร่งกล้า

ทําลายศีรษะของผีดิบเหล่านั้น

เพียงไม่นาน ผีดิบกว่าสองร้อยตนถูกสังหารสิ้น

“น้องหยุน นั่นยันต์อันใด? ทํางานได้ดีเยี่ยมนัก!” สุ่ยเทียนสื่ออุทาน

ยินดีขณะปาดเช็ดคราบเหงื่อ เผยซึ่งรอยยิ้มยินดีออกมา

สื่อชิงเฉิงกล่าวคํา “เรียกว่ายันต์สะกดวิญญาณ ได้ผลดีเยี่ยมกับภูตผี

สัตว์ร้าย แต่ไม่นึกเลยว่าใช้กับพวกผีดิบเหล่านี้ก็ได้ด้วย!”

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นางช่วยเหลือฉินหยุนขัดเกลายันต์สะกด

วิญญาณไว้จํานวนหนึ่ง

ฉินหยุนมองสองฝั่งของเส้นทาง ไม่ทราบว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ใด เขา

กล่าวออก “เส้นทางนี้คล้ายอยู่ลึกลับออกไป นี่มันใช้เพื่อนําไปที่ใด

กัน?”

“ย่อมไม่อาจทราบ มีแต่ต้องไปดูจึงรู้ได้!” สุ่ยเทียนสื่อมองสองฝั่ง

ของเส้นทาง “เช่นนั้นควรไปทางใดดี?”

“ทิศทางที่พวกผีดิบคิดไป!” ฉินหยุนชี้นิ้วกล่าวออก

สุ่ยเทียนสื่อก้าวเดินนําหน้า ถือยันต์สะกดวิญญาณสองแผ่นไว้ในมือ

สื่อชิงเฉิงตามประกบหลัง

ฉินหยุนอยู่ตรงกลาง นับว่าปลอดภัยที่สุด

เพียงไม่นาน พวกเขาค่อยเห็นจุดสิ้นสุดเส้นทาง นับว่าไม่ไกลมาก

นัก

เมื่อเห็นจุดสิ้นสุดเส้นทาง ความตึงเครียดบังเกิด เพราะที่สุด

ปลายทาง เป็นร่างศพ!

เป็นร่างศพที่แขนและขาถูกโซ่ตรวนทองคําจองจําเอาไว้ และโซ่

ตรวนนั้นก็ดูแข็งแกร่งยิ่ง มันปักเอาไว้กับกําแพงอย่างแน่นหนา

“ดูเหมือนตอนสร้างสุสานแห่งนี้ จะเกิดเรื่องราวขึ้นไม่ใช่น้อย!” ฉิน

หยุนกล่าวคํา “สงสัยนักว่าตรงหน้านี้เป็นราชาผีดิบหรือไม่?”

สื่อชิงเฉิงขมวดคิ้ว “เป็นชายชรา น่าจะมีโทษต้องตายสถานเดียวจึงมี

สภาพนี้!”

ชายชราสวมใส่ชุดผ้าป่ านหยาบกร้าน ดวงตาหลับไว้แน่น ใบหน้าดํา

เทานั้นปรากฏริ้วรอย เส้นผมสั้นขาวโพลน คางค่อนข้างแหลม แม้

ตายไปแล้ว ก็ยังมอบความรู้สึกแกร่งกล้าแก่ผู้พบเห็น

ขณะฉินหยุนคิดเข้าไป ชายชราตรงหน้าพลันเบิกตาโพลง เผยซึ่ง

ดวงตาสีแดงฉานคู่หนึ่ง

ฉินหยุนกรีดร้องภายใน ขว้างปายันต์จํานวนหนึ่งใส่อีกฝ่ าย กระนั้น

กลับไร้ผล ชายชรายังคงจับจ้องด้วยดวงตาแดงฉาน

“เป็นราชาผีดิบ! หนี!” สุ่ยเทียนสื่อดึงฉินหยุนเร่งร้อนคิดจากไป

“อย่าได้หนี… ข้าเป็นมนุษย์!” เสียงชายชราเบายิ่งทว่ากระจ่างชัดดัง

ในอุโมงค์

สุ่ยเทียนสื่อที่เร่งร้อนพลันชะงัก วิ่งกลับมาพร้อมฉินหยุน

หัวใจทั้งสามคนขณะนี้เปี่ ยมด้วยความแตกตื่น นี่ก็เพราะสุสานแห่ง

นี้สร้างไว้นานยิ่ง แต่แล้วกลับยังมีคนรอดชีวิตจนกระทั่งถึงตอนนี้!

“ท่าน… เป็นคนดีหรือคนเลว?” สื่อชิงเฉิงเร่งรีบเอ่ยถาม

“นั่นขึ้นอยู่กับมุมมองความดีและความเลว!” ชายชราหัวเราะ

“กาลเวลาผันผ่านนานนับ สงสัยนักว่าคนดีหรือคนเลวเดี๋ยวนี้มี

มุมมองอย่างไร!”

“หากท่านไม่คิดสังหารพวกเรา ไม่คิดทําร้ายพวกเรา ย่อมไม่ใช่คน

เลว!” ฉินหยุนกล่าว

ชายชราหัวเราะกับตนเอง “สภาพข้าเช่นนี้จะทําร้ายเจ้าได้อย่างไร?”

ฉินหยุนกล่าวคํา “สิ่งที่จองจําท่านแกร่งกล้านัก พวกมันสมควรผนึก

พละกําลังของท่านไว้ ดังนั้นจึงไม่มีออร่าพลังใดหลุดรอด นอกจากนี้

พวกมันยังดูดกลืนพลังต่อเนื่อง กระนั้นท่านกลับยังมีชีวิตรอดมาได้

นานนัก!”

“ข้าไม่นึก ว่าเจ้าอ่อนแอเพียงนี้กลับทราบมากมายเพียงนั้น!” ชาย

ชราประหลาดใจไม่น้อย จากนั้นจึงเอ่ยถาม “พวกเจ้ามาจากแดนยุทธ์

อ้างว้างหรือ? เก้าดวงตะวันขณะนี้เป็นอย่างไร? เก้าดวงตะวันร่วง

โรยหรือยัง?”

ฉินหยุนและหญิงสาวทั้งสองแตกตื่นยามได้ยิน เก้าดวงตะวันถึงขั้น

มีชะตาต้องร่วงโรยจริง!

“ยังไม่!” ฉินหยุนทราบว่าวิญญาณดวงตะวันไม่อยู่ภายในร่างดวง

ตะวันอีกต่อไปแล้ว



ตอนที่ 452 อาจารย์จารึกโบราณ

ฉินหยุนขณะนี้ยิ่งสงสัยต่อตัวตนของชายชรา อีกฝ่ ายถึงขั้นทราบ ว่า

เก้าดวงตะวันจะร่วงโรยตั้งแต่กาลก่อน

“น้องหยุน ไปกันดีกว่า! อีกฝ่ ายต้องอันตรายไม่น้อยแน่!” สุ่ยเทียน

สื่อพอเห็นฉินหยุนคิดเดินเข้าไป นางเร่งรีบคว้าดึงร่างไว้ด้วยความ

เป็นห่วง

ชายชราถอนหายใจ “อย่างไรท้ายที่สุดเก้าดวงตะวันก็ต้องร่วงโรย!”

สื่อชิงเฉิงขมวดคิ้วถาม “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

ชายชราหัวเราะ “ดูเหมือนพวกเจ้ายังไม่ทราบเรื่องนี้… ไม่เช่นนั้น

ข้าคงไม่ถูกขังไว้นานมากมายเพียงนี้!”

“ผู้อาวุโส เหตุใดเก้าดวงตะวันจึงร่วงโรย?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ทั้งหมดก็เพราะมีกลุ่มคนต้องการครอบครองพลังเก้าดวงตะวัน

ต้องการควบคุมพวกมันโดยสมบูรณ์อย่างไรเล่า!”

ชายชราหัวเราะ “คนเหล่านั้นไม่เคยคิด ว่าเก้าดวงตะวันแท้จริงปล่อย

วิญญาณดวงตะวันออกมาแล้ว! ตราบเท่าที่วิญญาณดวงตะวันยังไม่

ถูกพบและถูกดูดกลืน เก้าดวงตะวันก็จะยังคงปลอดภัย!”

ฉินหยุนนึกถึงวิญญาณดวงตะวันที่เขาได้รับมา มันเป็นเพียงไข่มุก

เม็ดใหญ่ เขาไม่ทราบด้วยซํ้าว่าจะใช้พลังจากวิญญาณดวงตะวันได้

อย่างไร

“ผู้อาวุโส เหตุใดท่านถูกขังที่นี่?” สุ่ยเทียนสื่อมองที่อีกฝ่ าย “ท่านถึง

ขั้นรอดชีวิตแม้ถูกกักขังในสถานที่เช่นนี้ผ่านกาลเวลานานนัก!”

ผู้อาวุโสหัวเราะ “ข้าครอบครองวิญญาณยุทธ์ ที่เรียกขานกันว่า

วิญญาณยุทธ์หลับใหล มันทําให้ข้าเข้าสู่การจําศีล เปรียบดั่งคนตายผู้

หนึ่งได้!”

ฉินหยุนไม่คิดว่าชายชราผู้นี้เลวร้าย เพียงแต่ยังยืนยันไม่ได้ว่าอีกฝ่ าย

เป็นใคร

“ผู้อาวุโส อีกฟากฝั่งของกําแพง มันเป็นสุสานที่มีราชาผีดิบหลายตน

พวกเราจะรับมือพวกมันได้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “หากพวกเรา

คิดออกไป ก็ต้องผ่านทางสุสานแห่งนั้น”

“พวกเขาไม่มีวิญญาณยุทธ์หลับใหล ย่อมไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก!”

ชายชรากล่าว “เด็กหนุ่ม ไม่ใช่เจ้าเพิ่งขว้างยันต์สะกดวิญญาณมาทาง

นี้หรือ? จัดการกับผีดิบธรรมดาไม่ใช่ปัญหา แต่จัดการราชาผีดิบ ยัง

ขาดแคลนอยู่บ้าง”

“หากยันต์สะกดวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งกว่านี้ คงไม่มีปัญหาแต่

อย่างใด!”

ฉินหยุนขมวดคิ้ว “ยันต์ระดับลึกลํ้าสมควรได้ผลหรือไม่?”

ชายชราตอบ “ย่อมเพียงพอ! เจ้ามีหรือ?”

“ไม่มี แต่ข้าขัดเกลามันขึ้นมาได้!” ฉินหยุนกระทั่งขัดเกลาอุปกรณ์

ลึกลํ้า นับประสาอะไรกับยันต์ลึกลํ้า

ขณะที่เขานึกถึงความเป็นไปได้ กลับนึกขึ้นได้ว่าตนไม่มีอักขระลึก

ลํ้าสะกดวิญญาณ!

“บัดซบ ข้ามีเพียงอักขระวิญญาณ ไม่มีอักขระลึกลํ้าสะกดวิญญาณ!”

ฉินหยุนทึ้งเส้นผมตนเองพลางถอนหายใจ

ชายชราเผยความประหลาดใจ “ข้าไม่นึกว่าเจ้าเป็นอาจารย์จารึก อัน

ที่จริงอักขระเดิมไม่มีการแบ่งระดับแต่อย่างใด แต่เพื่อให้ผู้อื่นได้

เรียนรู้มากขึ้น อาจารย์จารึกจึงต้องทําให้อักขระที่เดิมซับซ้อนดูง่าย

ขึ้น”

“หลังจากอักขระกลายเป็ นเรียบง่าย พลังก็อ่อนด้อยลงไปมาก กระนั้น

ความได้เปรียบอย่างหนึ่งคือผู้เริ่มต้นสามารถจับหลักได้รวดเร็ว

จากนั้นพวกเขาจะค่อยศึกษาความซับซ้อนทีละน้อย เพิ่มระดับความ

ลึกลํ้าของอักขระไปทีละก้าว ทีละก้าว!”

ฉินหยุนคิ้วขมวดกล่าวคํา “ผู้อาวุโส ท่านกําลังบอกว่าอักขระวิญญาณ

สามารถวิวัฒนาการเป็นอักขระลึกลํ้า?”

“ถูกต้อง! แต่นั่นต้องผ่านความสามารถรู้และเข้าใจที่สูงลํ้า มีอาจารย์

จารึกมากมายที่เข้าใจผังจารึกระดับตํ่า ทําการศึกษาผังจารึกระดับตํ่า

เหล่านั้น ซ่อมแซม ทบทวน แปรเปลี่ยนพวกมันกลายเป็นผังจารึก

ระดับสูง วิธีการนี้จึงเรียกได้ว่าฝึกฝนวิถีจารึกอย่างแท้จริง!”

ฉินหยุนไม่เคยคิดมาก่อนจนกระทั่งได้ยิน มันทําเอาเขารู้แจ้งขึ้นมา

อย่างมหาศาล

“ผู้อาวุโส ท่านเป็นอาจารย์จารึกหรือ?” สื่อชิงเฉิงเร่งรีบเอ่ยถาม

ชายชราหัวเราะดัง “ย่อมใช่ ข้าเป็นอาจารย์จารึกเต๋า!”

อาจารย์จารึกเต๋า ย่อมเป็นตัวตนแกร่งกล้า!

นี่ทําเอาฉินหยุนและคณะแตกตื่น อาจารย์จารึกเต๋าโบราณ ย่อมมี

ความเข้าใจลึกลํ้าต่อวิถีจารึกแห่งเต๋า เขาย่อมต้องแข็งแกร่งอย่างไม่

ต้องสงสัย

ชายชรากล่าว “ผู้คนในสุสานข้างเคียงนี้ล้วนมาจากตระกูลหลง!

พวกนั้นมาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง และมาสร้างหลุมฝังเซียนขนาด

ใหญ่ขึ้นที่นี่! ในกระบวนการก่อสร้าง เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย

ผลลัพธ์ที่ได้จึงทําให้ผู้คนมากมายล้มตาย!”

สุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบถาม “ตระกูลหลงที่ครอบครองสายเลือดมังกร?”

ชายชราพยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้ว! เพราะครอบครองสายเลือดมังกร

ที่หายาก หลังสิ้นชีวิต พวกเขาจึงแปรเปลี่ยนเป็นผีดิบ! ก่อนความ

ตาย พวกเขาถูกบีบบังคับให้กินเม็ดยาผีดิบชั่วร้าย เมื่อตายไป ย่อม

กลายเป็นผีดิบดังที่เห็น!”

“ที่นี่คือสถานที่ฝังเซียนของหลุมฝังเซียนจริงหรือ?” นี่เป็นคําถามที่

ค้างคาภายในใจฉินหยุน

“จ้าวสุสานย่อมต้องมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจักรพรรดิเซียนแห่งแดน

เซียนอ้างว้าง หรือไม่ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับจักรพรรดิเซียน!”

ดวงตาของชายชราเผยความสิ้นหวัง “กระทั่งผู้คนข้างกายจักรพรรดิ

เซียน ก็ยังไม่อาจหลบหนีความตายได้พ้น!”

สื่อชิงเฉิงมองทางฉินหยุนและถาม “ผู้อาวุโส ท่านเคยได้ยินนาม

แผนที่หลุมฝังเซียนหรือไม่? ในเมื่อที่นี่มีหลุมฝังเซียนมากมาย อย่าง

นั้นสุสานเซียนใดที่เป็นจุดหมายปลายทางของแผนที่หลุมฝังเซียน?

ผู้ใดกันที่ถูกฝังเอาไว้ภายใน และจักรพรรดิเซียนเป็นคนเช่นไร?”

ชายชราพอได้ยินคําแผนที่ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน คําตอบไม่ได้

เผยกลับมาในทันที

ฉินหยุนเพียงทราบ ว่าสถานที่แห่งนั้นมีธิดาแห่งแม่มดถูกฝังร่าง

และนั่นมีความข้องเกี่ยวใหญ่หลวงกับเซี่ยฉีโหรว

“หลุมฝังเซียนที่ชี้นําผ่านแผนที่หลุมฝังเซียน บุคคลที่ถูกฝังภายใน

นั้น คือธิดาของจักรพรรดิเซียน!” ชายชรากล่าวเชื่องช้า “เพราะธิดา

ของเขา เซียนแกร่งกล้าหลายคนในแดนเซียนอ้างว้างจึงตาย พวกเขา

ล้วนถูกฝังร่างไว้ที่นี่!”

ฉินหยุนคิ้วขมวด “ธิดาของจักรพรรดิเซียนหรือ? อย่างนั้นนางไม่

สมควรตายโดยง่ายใช่หรือไม่?”

ดวงตาของชายชราเปี่ ยมด้วยความทรงจําไหลผ่าน นํ้าเสียงกล่าว

ตอบ “เป็ นเรื่องที่ยาวอย่างยิ่ง! จักรพรรดิเซียนมีบุตรมากมาย แต่ธิดา

ผู้หนึ่งไม่อาจได้รับการยอมรับ! มันเป็นผลลัพธ์ที่ได้จากจักรพรรดิ

เซียนและแม่มด ภายหลัง เมื่อเซียนยุทธ์แกร่งกล้าผู้อื่นของแดนเซียน

อ้างว้างคิดใช้เรื่องนี้สะกดข่มจักรพรรดิเซียน เกิดขึ้นเป็นข้อพิพาท

กับจักรพรรดิเซียน เป็นศัตรูกับจักรพรรดิเซียน ท้ายที่สุด สงครามที่

ชวนสะพรึงจึงบังเกิด”

“สุดท้ายแล้ว มีเพียงความตายของธิดาจักรพรรดิเซียนมาถึง จึงทําให้

แดนเซียนอ้างว้างสงบลงได้! เพราะเหตุนั้น จักรพรรดิเซียนจึงสร้าง

สุสานเซียนขึ้นที่นี่ เช่นนี้ นางจะได้ไม่ไปรบกวนคนของแดนเซียน

อ้างว้างและแดนวิญญาณอ้างว้าง”

ฉินหยุนเอ่ยถาม “แต่ว่ามันมีเส้นทางมิติระหว่างแดนอสูรอ้างว้างและ

แดนสัตว์อ้างว้าง แดนอสูรอ้างว้างได้เข้ากลืนกินแดนสัตว์อ้างว้าง

จนสิ้น!”

ชายชราพอได้ยินดังนี้ เขาเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าได้ยินมาว่า

จักรพรรดิเซียนผู้นั้นครอบครองอุปกรณ์เทวะนามวิญญาณเทวะเก้า

ตะวัน! ทางด้านแม่มดผู้นั้น นางครอบครองวิญญาณเทวะเก้าจันทรา!

เพราะเหตุนั้นธิดาของพวกเขาทั้งสอง จึงครอบครองร่างเซียนวิเศษ

อันท้าทายสวรรค์ กล่าวกันว่ามันสามารถนําเภทภัยสู่แดนเซียน

อ้างว้าง เพราะเหตุนั้นจึงเกิดหายนะดังกล่าวขึ้น”

“ด้วยนางเป็นธิดาของจักรพรรดิเซียน วิญญาณเทวะเก้าตะวัน และ

วิญญาณเทวะเก้าจันทรา จึงถูกฝังไปพร้อมกับร่างของธิดาผู้นั้น!”

วิญญาณเทวะเก้าตะวันอยู่ในมือฉินหยุน ขณะนี้เขามั่นใจแน่ชัด ว่า

เซี่ยฉีโหรวคือธิดาแห่งจักรพรรดิเซียน

ชายชรากล่าวต่อ “ร่างเซียนวิเศษถือว่าแกร่งกล้า มันไม่มีทางถูก

ทําลาย ข้าไม่มั่นใจในรายละเอียด แต่พวกเราได้รับหน้าที่ให้มาสร้าง

สุสานเซียนแห่งนี้”

สื่อชิงเฉิงหันมองรอบด้านและถามออก “อย่างนั้นแล้ว ผู้อาวุโส

สุสานเซียนใดที่ท่านได้รับหน้าที่มาสร้าง? เพราะแท้จริงแล้วแดน

อ้างว้างแห่งนี้กว้างใหญ่อย่างยิ่ง!”

ชายชราส่ายศีรษะตอบ “ข้าไม่ทราบแน่ชัดว่าสุสานเซียนแห่งใดที่

พวกเราสร้าง เพียงทราบ ว่าพวกเขาเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องกับ

จักรพรรดิเซียน เพราะเหตุนั้น หลังสร้างสุสาน พวกเราจึงตายกัน

อย่างเป็นปริศนา ภายหลัง อาจมีผู้อื่นเข้ามาและฝังร่างเซียนที่ตายไว้

ที่นี่”

สุ่ยเทียนสื่อขมวดคิ้ว “จักรพรรดิเซียนผู้นี้หาได้ดีไม่ เขาคิดว่าชีวิต

มนุษย์เป็นอะไรกัน!”

ชายชราแค่นเสียง “ข่าวลือว่าจักรพรรดิเซียนผู้นั้น ได้สังหารธิดา

ตนเองเพื่อปกป้องตัวเองเอาไว้! เพราะเขาเป็นกังวล ว่าธิดาที่สิ้นชีพ

แล้วจะกลายเป็นผีดิบแกร่งกล้า เขาจึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องใช้

วิญญาณเทวะเก้าตะวันสะกดผนึกนางเอาไว้ที่นี่!”

“ยังมีข่าวลือหนาหูเช่นกัน ว่าจักรพรรดิเซียนนําร่างของผู้ที่ตนสังหาร

ทิ้งมาฝังไว้ที่นี่! หากพวกนั้นกลายเป็นผีดิบแกร่งกล้าภายหลัง ก็อาจ

นําพาซึ่งหายนะมาสู่แดนอ้างว้างได้!”

“ส่วนจะเป็นความจริงหรือไม่ ข้าย่อมไม่ทราบแล้ว! ข้าเพียงทราบว่า

บุคคลที่ฝากฝังให้พวกเราสร้างสุสานเซียน คือผู้มาจากแดนวิญญาณ

อ้างว้าง และอยู่ภายใต้การบัญชาของจักรพรรดิเซียนอีกต่อหนึ่ง นี่ก็

เพราะข้าทําผิดพลาดจึงถูกขังไว้ที่นี่ ผีดิบที่พวกเจ้าสังหารไป ล้วน

เป็นผู้ใต้บัญชาของข้า!”

คํา “ตําหนักจารึกเทวะ” พลันผุดในความคิดฉินหยุน

เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัย ว่าตําหนักจารึกเทวะรับผิดชอบ

หน้าที่เมื่อกาลนั้น อย่างไรแล้ว ตําหนักจารึกเทวะก็มาจากแดน

วิญญาณอ้างว้าง นอกจากนี้ หลังผ่านการพัฒนานานหลายปี พวกเขา

จึงเป็นใหญ่ในแดนยุทธ์อ้างว้างเช่นตอนนี้!

สื่อชิงเฉิงเอ่ยคํา “ฉินหยุน เจ้ามีวิธีสร้างยันต์ลึกลํ้าหรือ? ไม่ว่าจะด้วย

อะไร การที่พวกเราจะออกไปนั้นขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!’

“กระทั่งว่าข้าทําได้ ก็ยังต้องใช้เวลานานยิ่ง!” ฉินหยุนมองที่ผู้อาวุโส

และกล่าวถาม “ผู้อาวุโส ท่านมีอักขระลึกลํ้าสะกดวิญญาณหรือไม่?”

ชายชรากล่าวตอบ “แน่นอนว่ามี เพียงแต่สภาพของข้าตอนนี้ไม่อาจ

มอบมันแก่เจ้า!”

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ค่อยกล่าวคํา “ผู้อาวุโส หากพวกเราปล่อยท่าน

ออกมา ท่านนําพวกเราออกไปได้หรือไม่?”

ชายชราหัวเราะ “ครั้งราชาผีดิบเหล่านั้นมีชีวิตข้ายังไม่หวาดเกรง

นับประสาอะไรกับตอนนี้พวกนั้นตายไปแล้ว!”

“แต่พวกเราจะเชื่อท่านได้อย่างไร? จะเป็นอย่างไรหากท่านพอหลุด

พ้นก็สังหารพวกเราจนหมด?” ฉินหยุนกล่าวด้วยความระแวดระวัง

“เจ้าหนู กระทั่งข้าติดอยู่เช่นนี้ การสังหารพวกเจ้าก็ยังเป็ นเรื่อง

ง่ายดาย!” พร้อมกันนี้ ดวงตาอีกฝ่ ายเรืองแสงแดงฉาน จากนั้นจึงยิง

กระแสพลังสองสายอันแกร่งกล้าออกมา ปะทะเข้ากับผนังกําแพง

ตู้ม!

ผนังกําแพงถล่มทลาย แรงปะทะที่เกิดขึ้นถือว่ามหาศาลนัก!

ฉินหยุนเผยความหวาดกลัว “ไม่ใช่พลังท่านถูกผนึกไว้หรือ? นี่

สามารถปลดปล่อยพลังแกร่งกล้าออกมาได้อย่างไร?”

กระทั่งสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ยังกล้าบอกว่าออร่าระดับนี้สมควร

เป็นพลังของราชันยุทธ์!

“เป็นความสามารถส่วนตัว! แน่นอนว่าข้าไม่ได้คาดหวังให้เจ้า

ปลดปล่อยข้าออกไป! ด้วยพวกเจ้าตอนนี้ ยังห่างไกลนัก!” ชายชรา

ยิ้ม “เจ้าหนู เจ้าเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สองหรือสามใช่

หรือไม่? คิดขัดเกลายันต์ลึกลํ้า นี่ออกจะฝันกลางวันเกินไปบ้าง

แล้ว!”

“หากหญิงสาวสองคนนั้นทราบวิธีการทํายันต์ ข้ายังเชื่อมากกว่า!”

ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปาก “อย่าได้ปรามาสต่อข้า!”

ชายชราหัวเราะ “ข้าย่อมไม่ได้ปรามาสต่อเจ้า นี่เพียงเป็ นเรื่องที่

ทราบโดยทั่วกัน! ด้วยขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สองหรือสาม จะ

สร้างยันต์ลึกลํ้าขึ้นได้อย่างไรกัน?”

“ผู้อาวุโส หากข้าปลดปล่อยท่านได้ อย่างนั้นท่านจะทําอย่างไร?”

ฉินหยุนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ต่างไม่เชื่อว่าฉินหยุนสามารถช่วยเหลือผู้

อาวุโสที่แกร่งกล้าผู้นี้

ชายชราหัวเราะดัง “หากเจ้าปล่อยข้าออกไปได้ ข้าจะพาเจ้าไปยัง

สุสานของจ้าวสุสาน! จากนั้นพวกเราค่อยแบ่งของกัน! อย่าได้ห่วง

ข้ายินดีลงสัญญาจิตวิญญาณกับเจ้าก่อน ดังนั้นย่อมไม่ต้องหวาดกลัว

ว่าข้าจะผิดสัญญา!”

ในเมื่อสุสานแห่งนี้กว้างใหญ่ ย่อมต้องเป็ นเรื่องยากเย็นหากคิด

ค้นหาจ้าวสุสาน

และชายชราผู้นี้ก็คือหนึ่งในผู้ก่อสร้างออกแบบ และยังเป็นอาจารย์

จารึกเต๋า เขาย่อมต้องทราบ ว่าห้องสุสานของจ้าวสุสานอยู่ที่ใดและ

ไปอย่างไร



ตอนที่ 453 สังหาร

ฉินหยุนพอได้ยินคํากล่าวสัญญาต่อจิตวิญญาณ เขาค่อยคิดว่าเรื่องราว

สมเหตุสมผล สัญญานี้กดขี่อย่างยิ่ง หากลงนามขึ้นมา ย่อมเชื่อใจอีก

ฝ่ ายได้

“ตกลง อย่างนั้นเริ่มทําสัญญาจิตวิญญาณกันเลย!” ฉินหยุนก้าวเดิน

ไปและกล่าว

แม้ชายชราถูกขังที่นี่นานนับ แต่ยังคงแข็งแกร่ง สามารถปลดปล่อย

การโจมตีรุนแรง เพียงพลิกฝ่ ามือ ก็สามารถสังหารฉินหยุนและคณะ

ได้ในพริบตา

“เจ้าหนู คิดนําพาอิสรภาพมาสู่ข้าหรือ? ข้าย่อมไม่เชื่อว่าเจ้ามีความ

สามารถเพียงนั้น!” กระนั้นแล้ว เขาก็ยังยินดีลงนามสัญญาจิต

วิญญาณกับฉินหยุน

เขาและฉินหยุนได้แยกเอาเศษเสี้ยวจิตวิญญาณออกมาและผสานเข้า

ด้วยกัน หลังสัญญาเสร็จสิ้น พวกเขาค่อยเก็บเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่

ผสานกันกลับคืนสู่จิตวิญญาณดั้งเดิม

เนื้อหาของสัญญา คือหลังจากที่ฉินหยุนช่วยเหลือชายชรา ชายชรา

จะต้องไม่ทําอันตรายใดต่อพวกเขา และยังต้องปกป้องพวกเขา

นําพาพวกเขาไปพบสุสานหลัก และแบ่งปันสมบัติกันอย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ ยังต้องปกป้องพวกเขาให้ออกไปจากแดนอ้างว้างแห่งนี้

ด้วย

ชายชรานามว่าอู่หมิงซวี ยามเมื่อประกาศนามออก ทั้งสื่อชิงเฉิง

และสุ่ยเทียนสื่อล้วนคิดค้นความทรงจํา กระนั้นก็พบว่าไม่เคยได้ยิน

นามนี้มาก่อน

“เจ้าหนู บอกต่อข้าว่าคิดปลดปล่อยข้าอย่างไร? ไม่ใช่ว่าข้าปรามาส

ต่อเจ้า แต่สิ่งที่กักขังข้าเอาไว้แข็งแกร่งยิ่ง กระทั่งว่ามีตัวข้าหลายคน

ก็ยังไม่อาจทําลายสิ่งนี้ได้!” อู่หมิงซวีกล่าวคํา

ตามปกติแล้ว อุปกรณ์เต๋าระดับต้นก็ถือว่ายอดเยี่ยม แต่สิ่งนี้คืออุปกรณ์

เต๋าระดับราชันสําหรับเอาไว้กักขังผู้คนนั้น นับเป็นการสิ้นเปลือง

สมบัติสวรรค์อย่างแท้จริง

ฉินหยุนปลดปล่อยโมโมออกมา บอกต่อนางให้พิจารณาโซ่ตรวน

ได้เห็นภูติน้อยงดงามอีกครั้ง สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อคิดอยากยื่น

ฝ่ ามือไปละเล่นด้วย

“เจ้าตัวน้อยนี่… ภูติอสูรงั้นหรือ?” อู่หมิงซวีเผยความประหลาดใจ

“สวรรค์ ภูติอสูรไม่เคยยอมรับมนุษย์เป็ นเจ้านายมาก่อน แต่แล้วเจ้า

กลับมีสัมพันธ์อันดีกับนางได้อย่างนั้นหรือ ช่างหาพบพานได้ยาก

นัก!”

สุ่ยเทียนสื่อกล่าวเสียงเบา “ภูติอสูรสามารถนําโทเทมมาสู่พวกเรา

แต่มนุษย์เพียงใช้วิธีบีบบังคับ ให้ภูติอสูรปลดปล่อยโทเทมของมัน

มาให้พวกเรา!”

สื่อชิงเฉิงเอ่ยถาม “ฉินหยุน ภูติอสูรนี้เป็นอะไรกับเจ้า? เหมือนนาง

จะสนิทกับเจ้าไม่น้อย!”

“ข้าย่อมคือผู้ถูกเลือก! ด้วยทั้งหล่อเหลาและยังเป็นคนดี ภูติอสูรจึง

เลือกติดตามข้า!” ฉินหยุนหัวเราะ

โมโมปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมากมาย อดไม่ได้ที่จะเกิดความอึดอัด

ใจ กระนั้น นางเชื่อใจฉินหยุนอย่างยิ่ง นางเชื่อว่าฉินหยุนจะไม่

ปล่อยให้นางได้รับอันตราย ดังนั้นจึงยอมหาญกล้าบินขึ้นไปที่โซ่

ตรวน ตรวจสอบอักขระด้านในของมัน

มนุษย์แทบไม่ทราบเรื่องภูติอสูร ที่ทราบก็แค่ส่วนที่ภูติอสูรสามารถ

ช่วยเหลือให้มนุษย์ได้ครอบครองโทเทม

อย่างมาก ก็เพียงทราบว่าภูติอสูรระดับพระแม่นั้นสามารถทําให้

โทเทมวิวัฒนาการได้

คนส่วนใหญ่ล้วนไม่ทราบ ว่าภูติอสูรมีความสามารถทําลายหรือ

ซ่อมแซมอักขระ

พิจารณาเรียบร้อยแล้ว โมโมค่อยปล่อยแสงอ่อนจางยิงใส่โซ่ตรวน

เป็นนางง่วนอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม บินไปมาตรงโซ่ตรวนนั้น

“เรียบร้อยแล้ว!” นางกล่าวคําจบ จึงกลับไปหาฉินหยุน และกลับเข้า

สู่มิติเก็บของ

อู่หมิงซวีรู้สึกได้ถึงพละกําลังของตนกลับคืน หาได้ถูกผนึกเช่นกาล

ก่อน ครานี้อดไม่ได้ที่จะเผยความประหลาดใจ จากนั้นจึงพยายามดึง

โซ่ตรวนอย่างสุดกําลัง พบว่ามันถูกปลดออกมาแล้ว

หลังผ่านกาลเวลายาวนาน ในที่สุดเขาก็เป็นอิสระจากโซ่ตรวนที่รัด

พันทั้งมือและเท้า

“ข้าได้อิสระกลับคืนแล้ว!” อู่หมิงซวียังแทบไม่เชื่อตนเอง

“ผู้อาวุโสอู่ ก่อนหน้านี้ท่านบอก ว่ามั่นใจที่ข้าไม่อาจปลดมันได้!”

ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“ย่อมได้ ข้าผิดไปแล้ว!” อู่หมิงซวียิ้มกว้าง “เจ้าหาได้แข็งแกร่ง แต่

กลับมีหญิงสาวแข็งแกร่งงดงามสองคนติดตามมา ข้าไม่ควรปรามาส

ต่อเจ้าเลยจริง ๆ!”

เขาทราบ ว่าผู้ที่ช่วยตนเองปลดปล่อยออกมาคือภูติอสูร นางถึงขั้น

ทําลายอักขระของอุปกรณ์เต๋าได้

“ผู้อาวุโส อีกฝั่งหนึ่งของผนังกําแพง มีราชาผีดิบอยู่หลายตัว อีกทั้ง

ราชันยุทธ์ พวกเราควรกลับไปทางนั้นหรือไม่?” ชั่วขณะนี้ สื่อชิง

เฉิงเผยความยินดีขณะเอ่ยถามออกมา

อู่หมิงซวีกล่าวตอบ “แน่นอน! พวกเราจะออกไปผ่านทางสุสานนั่น!”

กล่าวคําจบ เขายื่นมือออกวางไว้ที่ผนังกําแพง ผลักเปิ ดออกเป็นประตู!

หลังจากอู่หมิงซวีเปิ ดผนังหิน ฉินหยุนและคณะรับรู้ได้ถึงออร่าผีดิบ

แรงกล้า

“ผู้อาวุโสคนนี้เชื่อถือได้หรือไม่กัน?” สุ่ยเทียนสื่อคว้ามือฉินหยุน

เอาไว้แน่น เอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล

“ย่อมเชื่อถือได้! อย่างไรแล้วเขามีชีวิตรอดมาได้เพียงนี้ ย่อมต้องมี

ฝีมือไม่อ่อนด้อย!” ฉินหยุนกล่าวตอบ “ออกไปรับชมเรื่องราวกัน

ดีกว่า!”

สื่อชิงเฉิงก้าวเดินนําหน้า นางกล่าว “หากเกิดอันใดขึ้น ข้าจะถ่วง

เวลาเอาไว้เอง เทียนสื่อ ให้เจ้าพาฉินหยุนเร่งรีบหลบหนีไป!”

“พี่สาวซาลาเปานึ่งอย่าได้กล่าวมากความแล้ว หากคิดหนีก็ต้องไป

ด้วยกัน!” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป พร้อมหยิกที่ใบหน้างดงามของ

นางครั้งหนึ่ง

พวกเขาทั้งสามคน ติดตามด้านหลังอู่หมิงซวีสู่ห้องสุสานกว้างใหญ่

พบเห็นแต่ความวุ่นวาย โลงศพหยกเหล่านั้นกระจัดกระจาย หลาย

ร่างกลายเป็นชิ้นส่วนมนุษย์

ราชันยุทธ์สองคนและหวังเทียนซือพร้อมคนที่เหลือ ขณะนี้ถูกฝูงผี

ดิบล้อมเอาไว้

ที่ชวนหนักใจที่สุด ก็คือราชันยุทธ์สองคนหลั่งเลือดที่ท้อง แก่นเต๋า

พวกเขาถูกนําออก มือและเท้าถูกกัดกินโดยราชาผีดิบ

หวังเทียนซือและคณะต่างบาดเจ็บสาหัส พวกเขาเกือบจะถูกผีดิบ

เหล่านั้นกินแหล่มิกินแหล่แล้ว

ทันทีเมื่ออู่หมิงซวีปรากฏตัว บรรดาผีดิบล้วนหันมองมา

หวังเทียนซือเองก็เห็นฉินหยุนและโฉมงามสองคนก้าวเดินเข้ามา

มือพวกเขาทั้งสามจับกันเอาไว้แน่นโดยฉินหยุนอยู่ตรงกลาง

ภายในใจของเขาปะทุออกด้วยความเกลียดชัง เพราะเขาเกือบจะถูก

สังหารอยู่รอมร่อ ขณะที่ฉินหยุนยังอยู่ดีมีสุขและปลอดภัย

“ไอ้หน้าโง่บัดซบ เร่งรีบมาและตายร่วมกับข้า! ทั้งหมดนี่เป็นเพราะ

คนสารเลวเช่นเจ้า ทําให้พวกเราต้องตกอยู่ในปัญหามากมายเพียง

นี้!” หวังเทียนซือเผยนํ้าเสียงเปี่ ยมด้วยความกราดเกรี้ยว

“ใช่เรื่องของข้าหรือ ไม่สักหน่อยนี่!” ฉินหยุนตอบกลับเย็นชา “เจ้า

สิสารเลว ใช้งานข้าบูชายัญครั้งแล้วครั้งเล่า เป็ นเจ้าแส่หาความตาย

แก่ตนเอง!”

“หลายครั้งงั้นหรือ?” หวังเทียนซือพลันนึกได้ ว่าเด็กหน้าโง่ตรงหน้า

คือฉินหยุน!

ขณะคิดกล่าวคําใดออก อู่หมิงซวีทะยานร่างออกไป แขนปลดปล่อย

แสงทองม่วง ดาบคมกล้าฉับพลันปรากฏในมือของเขา!

ดาบเล่มนี้ดูธรรมดา ทว่ามันเผยออกซึ่งจิตสังหารเย็นเยือก โดยทันที

มันเข้าปกคลุมผีดิบชั่วร้ายเหล่านั้นเอาไว้!

สุสานกว้างใหญ่กลับกลายเป็นห้องแช่แข็ง ทั้งหมดนี้เพียงเพราะดาบ

ของอู่หมิงซวีปรากฏออกมา!

แม้อู่หมิงซวีถูกผนึกไว้นานนับ แต่มันหาได้ส่งผลกระทบใดต่อพลัง

อํานาจของเขาไม่

ความเร็วการพุ่งทะยานนั้นเหนือลํ้า ทว่าที่รวดเร็วกว่ายังเป็นดาบ!

ฉินหยุนและคณะแทบไม่เห็นว่าอีกฝ่ ายเหวี่ยงดาบอย่างไร ผีดิบกลุ่ม

นั้นถูกทิ่มแทงจนตาย ร่างสลายกายเป็นฝุ่นธุลี

“ดาบต้นกําเนิด!” ฉินหยุนร้องอุทาน

“ผู้ฝึกตนดาบ?” สื่อชิงเฉิงมองทางฉินหยุนด้วยอาการตกตะลึง

ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาคุ้นเคยกับออร่าของเซี่ยอู่เฟิ งที่เคยใช้ครั้ง

กวัดแกว่งดาบ แน่นอนว่าดาบที่โจมตีตรงหน้าขณะนี้รุนแรงกว่า

ของเซี่ยอู่เฟิ งมากนัก

สุ่ยเทียนสื่ออุทานร้อง “พวกเขาแทบสูญสิ้นกันหมดแล้ว! เป็นทั้งผู้

ฝึกตนดาบและอาจารย์จารึกเต๋าเลยงั้นหรือ? น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เพียงไม่นานจากนั้น ผีดิบทั้งหมดถูกอู่หมิงซวีเข้าสังหาร ตราบเท่าที่

โดนทิ่มแทง ร่างผีดิบจะระเบิดออก ชัดเจนว่าเป็นเพราะพลังแกร่ง

กล้าสอดแทรกเข้าร่างจนไม่อาจคงสภาพ

ร่างของราชาผีดิบกระจายแตก ตกหล่นซึ่งสองแก่นเต๋า เหล่านี้ คือ

แก่นเต๋าของราชันยุทธ์สองชีวิต

อู่หมิงซวีเร่งรีบดูดกลืนพลังงานจากแก่นเต๋าเหล่านั้น

ฉินหยุนเร่งรีบเดินเข้าไป มองเหยียดหยันทางหวังเทียนซือ

“ว่าอย่างไรสุนัขเฒ่า เจ้าทําข้าเลือดออกหลายครั้งครา ขณะนี้ได้เวลา

รับผลกรรมแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกว้างขณะกระทืบเท้าที่หน้าอกของ

หวังเทียนซือ

อู่หมิงซวีก้าวเดินเข้ามาพร้อมกล่าว “ข้าคิดนําแก่นเต๋ามันออกมา

ฟื้นฟูพลังตนเอง!”

กล่าวคําจบ เขาฝังกรงเล็บลงที่หน้าท้องหวังเทียนซือ นําเอาแก่นเต๋า

อีกฝ่ ายออกมา

“เดี๋ยว…” ฉินหยุนเพิ่งตะโกนคําจบ แก่นเต๋าก็ถูกอู่หมิงซวีดูดกลืน

ไปแล้ว

“มีอะไรหรือ?” อู่หมิงซวีเอ่ยถาม

“ข้าคิดต้องการวิญญาณยุทธ์ของมัน… ช่างเถอะ!” ฉินหยุนเม้มริม

ฝีปาก

“วิญญาณยุทธ์ภูตผีระดับแพลทินัม ขยะไร้ค่า!” อู่หมิงซวียิ้มกล่าว

“เจ้ามีข้อพิพาทกับมันหรือ?”

“มันเกือบสังหารข้าไปหลายครั้ง ความแค้นลึกลํ้าเลยทีเดียว!” ฉินหยุ

นกระทืบเท้าที่ใบหน้าหวังเทียนซือ

หวังเทียนซือ หลังโดนนําแก่นเต๋าออกจากร่าง เขาทั้งหวาดกลัวและ

เจ็บปวด เดิมเขาคิด ว่าจะต้องกลายเป็นผีดิบในภายหน้า ที่ไม่คาดคิด

คือกลับต้องตายเพราะนํ้ามือของฉินหยุน

“อย่างนั้นก็จัดการมัน!” อู่หมิงซวีมองที่ไกลออกไป เพียงโบกมือ

เขานําเอาอาวุธเต๋าทั้งสามชิ้นเข้าหาและกล่าว “หลังผ่านไปหลายปี

ถึงตอนนั้นระดับเจ้าคงพัฒนา รับพวกมันเอาไว้!”

ฉินหยุนสะดุ้งพร้อมรับกระบี่สีเงินเล่มหนึ่งไว้

“อย่าฆ่าข้า!” หวังเทียนซืออ้อนวอน

ขณะฉินหยุนคิดสังหารหวังเทียนซือด้วยการสับฟัน อู่หมิงซวีก็ผลัก

ฝ่ ามือออก เกิดเป็นเปลวเพลิงปะทุระเบิดออกเผาไหม้หวังเทียนซือ

“มันติดพิษผีดิบ หากเลือดกระจายโดนตัวเจ้า อาจทําให้เกิดปัญหา

ภายหลัง ทางที่ดีอย่าได้ยุ่งกับร่างของพวกมัน!” อู่หมิงซวียิ้มตอบ

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อต่างได้รับดาบคนละเล่ม แม้พวกมันเป็น

อาวุธเต๋าระดับตํ่าทั้งคู่ กระนั้นก็ทําพวกนางยินดีจนแทบแย่แล้ว

“ขอบคุณผู้อาวุโสอู่ ท่านสร้างอาวุธเต๋าเหล่านี้ทั้งหมดเลยหรือ?” สุ่ย

เทียนสื่อเอ่ยถาม

“แน่นอน! เจ้าอาจไม่เชื่อ แต่คนเหล่านี้ใช้งานอาวุธเต๋าที่ข้าหลอมขึ้น

เพื่อจับตัวข้าเอาไว้!” อู่หมิงซวีหัวเราะกับหายนะของตนเอง “ข้า

สร้างมัน และมันก็ย้อนกลับมาทําร้ายข้า!”

หลังดูดกลืนแก่นเต๋าไปจํานวนหนึ่ง เขาค่อยดูมีสภาพที่ดีขึ้น

“ไปกัน พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ของสุสานหลัก ข้าเองก็อยาก

เห็นนักว่าผู้ใดถูกฝังไว้ที่นี่ และจะมีสิ่งของมีค่าใดที่ลงหลุมไปด้วย!”

อู่หมิงซวีหัวเราะดัง ก้าวเดินไปยังค่ายอาคมเคลื่อนย้าย

ฉินหยุนตะโกนขึ้น “รอสักครู่ ที่แห่งนี้มีโทเทม ข้าคิดให้ภูติน้อยนํา

มันออกมาก่อน!”

กล่าวคําจบ เขาปล่อยโมโมออกมา

อู่หมิงซวีตอบคํา “นั่นก็แค่นกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์ เป็นโทเทมที่

ไม่สมบูรณ์ ไม่มีประโยชน์อันใด ที่สุสานหลักน่าจะสมบูรณ์กว่านี้!”

ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาจึงเก็บโมโมและเร่งร้อนเดินไปยังค่าย

อาคมเคลื่อนย้าย

สุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิงเพิ่งได้รับอุปกรณ์เต๋า พวกนางทําใจเก็บ

พวกมันลงอุปกรณ์มิติเก็บของไม่ได้ จึงได้แต่ถือกระชับแน่นไว้ใน

มือ

แม้ยังไม่ได้สร้างพันธะโลหิต แต่พวกนางก็ยังสามารถใช้เป็นการ

ชั่วคราว เพราะอุปกรณ์เต๋าเหล่านี้สร้างขึ้นโดยอู่หมิงซวี เขาย่อมทํา

ให้อุปกรณ์เต๋ายอมรับสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อได้

หลังจากค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทํางาน ฉินหยุนและคณะจึงกลับสู่

เส้นทางที่ใช้มาตอนแรก

อู่หมิงซวีค่อนข้างคุ้นเคยสถานที่ รถลากเรืองแสงขณะนี้นําพาฉินหยุ

นกลับไปตามเส้นทาง

“พวกเราจะโผล่ที่โถงหลักหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

อู่หมิงซวีตอบ “ทางเข้าหลักของสุสานหลักไม่ใช่ประตูทั้งสิบแปด

บาน แต่เป็นโถงหลักแห่งนั้น! ประตูทั้งสิบแปดบาน ใช้เพื่ออําพราง

สําหรับนําไปสู่กับดัก! ประตูที่พวกเจ้าเลือกมานี้ ถือได้ว่าปลอดภัย

ที่สุดแล้ว!”




ตอนที่ 454 เต๋าจารึก

สุ่ยเทียนสื่อทักท้วง “อันใดที่ว่าปลอดภัย ราชาผีดิบเหล่านั้นชวนขน

ลุกยิ่งนัก พวกมันทรงพลังเปรียบได้กับราชันภูตผี! หากไม่ใช่เพราะ

น้องหยุนหนีได้รวดเร็ว พวกเราคงตายไปนานแล้ว!”

“แต่สุดท้ายเจ้าสองคนก็ยังรอด… พอมาคิดดู มีกี่คนกันที่เข้ามาสุสาน

เซียนแห่งนี้?” อู่หมิงซวีเอ่ยถาม

ฉินหยุนทําการบอกจํานวนโดยคร่าว ทําเอาอู่หมิงซวีต้องขมวดคิ้ว

“ยอดฝีมือจากสามแดนอ้างว้างสมควรมากันหมดสิ้น หากพวกเขา

ไม่กลับไป อย่างนั้นขั้วอํานาจของกองกําลังทั้งหลายจะดิ่งฮวบกัน

ทั้งสิ้น!” สื่อชิงเฉิงคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้

อู่หมิงซวีกล่าวคํา “ด้วยพลังเพียงแค่นั้น? ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง

ได้รับทรัพยากรมากมาย อย่างนั้นก็ต้องมีราชันยุทธ์มากมายมาที่นี่สิ!”

“และเจ้าควรทราบ ว่านี่ก็แค่กองกําลังที่เคลื่อนไหวในสามแดน

อ้างว้าง! จํานวนราชันยุทธ์ที่มาเหล่านี้ เป็นเพียงยอดเขานํ้าแข็งของ

สามแดนอ้างว้าง! หาได้มีจักรพรรดิยุทธ์คนใดเข้ามาที่นี่ไม่!” อู่หมิง

ซวีกล่าวคํา

“จักรพรรดิยุทธ์? มีคนเข้าถึงระดับนั้นจริงหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“นั่นคือตัวตนที่เหนือกว่าขอบเขตราชันยุทธ์ แน่นอนว่ามีอยู่! คน

เช่นนั้นมักจะเข้าไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง แต่เป็นเพราะข้าไม่คิด

โดนบังคับโดยผู้อื่นเมื่อเข้าไป เพราะเหตุนั้นจึงยังอยู่ที่สามแดน

อ้างว้าง!” อู่หมิงซวีกล่าวคํา “แดนวิญญาณอ้างว้างมีครึ่งเซียนจํานวน

มาก นั่นถือเป็นส่วนที่น่ากลัวที่สุด!”

“หากข้าคิดไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง ต้องมีพลังระดับใดกัน?” สุ่ย

เทียนสื่อมักฝันถึงแดนวิญญาณอ้างว้าง อย่างไรแล้ว มันก็คือตัวตนที่

เข้าใกล้ขอบเขตเซียน

“เจ้าต้องเป็นราชันยุทธ์ก่อน และดูว่ามีเจตจํานงแรงกล้าพอให้เข้า

แดนวิญญาณอ้างว้างได้หรือไม่! ไม่ว่าจะด้วยอะไร ข้าไม่คิดอยากไป

ยังแดนวิญญาณอ้างว้าง ไม่เช่นนั้นเมื่อกาลก่อนข้าคงไปนานแล้ว หา

ได้ต้องมาติดอยู่ที่นี่!” อู่หมิงซวียิ้ม

สื่อชิงเฉิงอึ้งไปวูบ “ผู้อาวุโส อย่างนั้นท่านคือจักรพรรดิยุทธ์หรือ?”

อู่หมิงซวีเพียงหัวเราะ หาได้ตอบคําใด

เพียงไม่นาน พวกเขาเดินกลับออกจากประตู มาถึงห้องโถงหลัก พบ

ว่ามู่เฟิ งกําลังนอนเอกเขนกที่เก้าอี้หินอย่างสุขสบาย

มู่เฟิ งพอเห็นฉินหยุนและคณะกลับออกมา เขาถึงกับสะดุ้งลุกพรวด

ด้วยอาการตื่นตระหนก

“พวกเจ้า… ออกมานั่นไม่เจอใครบ้างเลยหรือ?” มู่เฟิ งเอ่ยถามขณะ

มองทางอู่หมิงซวี

อู่หมิงซวีดูเป็นชายชราผ่ายผอม หาได้มีออร่าอันใดโดดเด่น มีเพียง

รอยยิ้มอ่อนจางที่ใบหน้า ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่คล้ายยอดฝีมือ

ทรงพลังแม้สักนิด

มู่เฟิ งไม่สามารถบอกได้ ว่าอู่หมิงซวีแกร่งกล้าเพียงใด เขาได้แต่

พบว่าเป็นเรื่องแปลก ที่กลุ่มสามคนของฉินหยุนกลับออกมาพร้อม

ชายชราผู้นี้

“ผู้จัดการมู่ แม่เฒ่าตู้และคนที่เหลือเล่า?” สื่อชิงเฉิงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

“ราชันยุทธ์หงหยิงพาหลบหนีไปแล้ว น่าจะยังอยู่ในแดนอ้างว้าง

แห่งนี้ อย่างไรแล้วลําพังกําลังของหงหยิง ก็ไม่อาจเปิ ดทางออกได้”

มู่เฟิ งมองที่อู่หมิงซวีและสอบถาม “ผู้อาวุโสท่านนี้คือ?”

อู่หมิงซวีหัวเราะ “ข้าเป็นชายชราหน้าตาน่ากลัว! เจ้ามาจากตําหนัก

จารึกเทวะหรือ?”

มู่เฟิ งยิ้มรับ

“ไม่นึกเลย ว่าผู้ฝึกตนสายเลือดจากตําหนักจารึกเทวะจะมายังสถานที่

อันตรายเช่นนี้ด้วยตนเอง!” คําพูดของอู่หมิงซวี ทําเอาฉินหยุนและ

คณะเกิดความประหลาดใจขึ้น

มู่เฟิ งแท้จริงเป็นถึงผู้ฝึกตนสายเลือด!

ฉินหยุนไม่ทราบว่าสายเลือดของตนขณะนี้ถูกพบเห็นเช่นกันหรือไม่

“ผู้อาวุโสมีสายตายอดเยี่ยม ท่านมาจากตระกูลสายเลือดมังกรหรือ?”

มู่เฟิ งนึกถึงเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เด็กสาวแก่นแก้วผู้นั้น บอกว่าคนของตระกูล

สายเลือดมังกรได้เข้ามาด้านในก่อนแล้ว

คราแรกเขาไม่เชื่อ ขณะนี้จึงค่อยเชื่อ

อู่หมิงซวีพยักหน้ารับ “ข้ามาจากตระกูลสายเลือดมังกร! แต่สกุลของ

ข้าหาได้ใช่หลง!”

มู่เฟิ งขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด “ข้าจําได้ว่าตระกูลมังกรมีสามนามสกุล

ตระกูลหลง ตระกูลเชี่ยว และตระกูลอู่ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมาจาก

ตระกูลใดกัน”

“ตระกูลอู่!” อู่หมิงซวีตอบกลับ

“ผู้อาวุโสอู่ ท่านมาลําพังหรือ? เข้ามาสุสานแห่งนี้ได้อย่างไรกัน?” มู่

เฟิ งเอ่ยถาม

“เป็นข้าใช้อาคมเคลื่อนย้ายเพื่อเข้ามา ทว่าค่ายอาคมทํางานผิดพลาด

โชคดีที่พบเจอฉินหยุน ข้าจึงหลบหนีออกมาได้สําเร็จ!” อู่หมิงซวี

กล่าวพลางยิ้ม ไม่ว่าจะกล่าวคําใดออก เขาบอกต่อฉินหยุนและคณะ

ว่าอย่าได้เอ่ยถึงความเดิมของเขา

มู่เฟิ งยิ้มยินดี “ผู้อาวุโสอู่ อย่างนั้นท่านคงทราบว่าสุสานหลักอยู่ที่ใด

ใช่หรือไม่?”

อู่หมิงซวีหัวเราะ “ย่อมทราบ! เจ้าคิดอยากไปหรือ?”

มู่เฟิ งยิ้มและพยักหน้า

“ย่อมได้หากเจ้าคิดอยากไป แต่เจ้าจะไม่ได้อะไรกลับมา!” อู่หมิงซวี

กล่าว

“ย่อมไม่มีปัญหา ข้าเพียงคิดอยากไปรับชม! ข้าไม่ได้กะมาฉกชิงเอา

สิ่งใดอยู่แล้ว!” มู่เฟิ งยิ้มตอบ

อู่หมิงซวียอมให้มู่เฟิ งร่วมทางไปด้วย อย่างไรแล้วมู่เฟิ งก็เป็นขอบเขต

วรยุทธ์ลึกลํ้า และยังเป็นอาจารย์จารึกลึกลํ้า พละกําลังของเขาย่อม

ไม่แย่

มู่เฟิ งเผยยิ้มยินดี เก็บเก้าอี้ของตนเองพร้อมเอ่ยถาม “คิดเข้าสุสาน

หลัก ประตูบานใดกัน?”

ขณะอู่หมิงซวีกําลังจะกล่าวตอบ ประตูทางผนังด้านขวาพลันเปิ ด

ออก กลุ่มคนเปี่ ยมด้วยบาดแผลวิ่งออกมา

กลุ่มคนเหล่านี้ สองคนเป็นราชันยุทธ์สายเลือด และที่เหลืออีกสาม

คนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า

ทันทีเมื่อพวกเขาออกมา ได้เห็นสื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และลูกพี่ลูกน้อง

หน้าโง่ผู้นั้นที่ก่อปัญหาเอาไว้กับตน โทสะถึงกับอดไม่ได้จนต้อง

ระเบิดออก

“เป็นพวกเจ้า!” ราชันยุทธ์สายเลือดโพล่งตะโกนด้วยโทสะ “ไอ้หน้า

โง่ เพราะเจ้า ข้าจะสังหารเจ้า!”

กล่าวคําเสร็จ ร่างนั้นทะยานมาพร้อมตะโกน “มู่เฟิ ง หลบไป!”

ราชันยุทธ์อีกคนทะยานเข้ามาตามติดพร้อมตะโกน “ระวังด้วย อย่า

ทําร้ายหญิงสองคนนั่น ข้าคิดให้พวกนางมีชะตาเลวร้ายยิ่งกว่าความ

ตาย! หากไม่ใช่เพราะพวกมัน มิโนทอร์นั่นคงไม่ตาย และพวกเราคง

เข้าสุสานหลักได้อย่างปลอดภัยแล้ว!”

หลังจากราชันยุทธ์สองคน และขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าสามคนทะยาน

เข้ามา อู่หมิงซวีพลันตะโกนเสียงตํ่า โบกมือไหววูบ ปรากฏเป็นสาย

ลมกระโชกรุนแรง

สายลมรุนแรงทองม่วงปรากฏเป็นร่างมังกร เสียงมังกรร้องคํารามดัง

ขึ้นพร้อมทะยานเข้าหาร่างกลุ่มคนที่พุ่งเข้าหา!

โฮก!

สายลมทองม่วงระเบิดออก ปลดปล่อยเสียงมังกรดังสนั่นไหวหวั่น

ทั้งห้องโถง

คนเหล่านั้นถูกส่งร่างกระเด็นถอยกลับ ปะทะกับผนังหินอย่างรุนแรง!

คนเหล่านี้ตระหนักถึงอู่หมิงซวีอยู่แต่แรกเห็นแล้ว แต่พวกเขาไม่

อาจสัมผัสออร่าใด จึงไม่เก็บอีกฝ่ ายมาคิดให้หนักใจ

ผู้ใดจะคาดคิด ว่าชายชราดูธรรมดาผู้นั้นจะน่าสะพรึงชวนขนหัวลุก

ได้ระดับนี้?

“เจ้าเป็นใคร?” ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจราชันยุทธ์ กระนั้นก็ยัง

กล้าตะโกนถามออก

“ข้าหาได้สนใจไม่ว่าพวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดพวกเจ้าต้องสนใจว่าข้า

เป็นใคร? รู้เพียงว่าข้าเป็นผู้สังหารเจ้าก็เท่านั้น!” อู่หมิงซวียิ้มบาง

ขณะทะยานร่างเข้าใส่

ราชันยุทธ์สายเลือดร้องตะโกนแตกตื่น “ข้ามาจากตระกูลสายเลือด

อินทรีย์สวรรค์ หากสังหารข้า เท่ากับเป็นการยั่วยุ…”

ก่อนจะกล่าวคําได้จบ มือของอู่หมิงซวีก็ยื่นออกไปราวสายฟ้า เข้าถึง

ร่างราชันยุทธ์ผู้นั้น นําเอาแก่นที่โชกเลือดออกมาแล้ว

ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า คือนิ้วของอู่หมิงซวีแทงทะลุคอของราชัน

ยุทธ์ ทําการดูดกลืนมรดกสายเลือดของราชันยุทธ์ตรงหน้า

เพียงอึดใจ ราชันยุทธ์ผู้นั้นถูกสูบเลือดจนแห้งตาย!

ใบหน้าที่แต่เดิมมีริ้วรอยของอู่หมิงซวี ขณะนี้หลังดูดกลืนแก่นและ

สายเลือด ริ้วรอยนั้นเลือนหายไปไม่น้อย!

ภาพฉากที่เห็น ทําเอาทั้งฉินหยุนและคณะเกิดความแตกตื่น

“ปี ศาจที่ชั่วร้าย…” ราชันยุทธ์อีกคนหนึ่งเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน เขา

คิดอยากหลบหนี ทว่าอู่หมิงซวีคว้าร่างของเขาไว้กลางอากาศดึงเข้า

หาอย่างไม่อาจขัดขืนแล้ว

อู่หมิงซวีหัวเราะ “ปี ศาจร้ายหรือ? คนของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง

ก็ไม่เห็นเท่าไหร่! ข้าทราบดีว่าพวกเจ้ามันไร้หัวใจเพียงใด ทําอะไร

เอาไว้บ้าง!”

“เท่าที่ข้าทราบ ศิษย์สายเลือดของพวกเจ้ามากมายไม่อาจตื่นรู้มรดก

สายเลือด แต่แล้วด้วยเพราะพวกเจ้าเลือกใช้เคล็ดวิชาชั่วร้ายโบราณ

ทําการดูดกลืนเลือดมนุษย์มหาศาล แช่กายในโอสถที่ผสมโดยเลือด

มนุษย์ ทั้งหมดก็เพื่อทําให้มรดกสายเลือดตื่นขึ้น!”

มู่เฟิ งพอได้ยินดังนี้ เขาถึงกับกายสั่นเทิ้ม “ข้าเพียงนึกว่าเป็นตํานาน

เล่าขาน ไม่นึกว่าจะเป็ นเรื่องจริง!”

“นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว พวกมันใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อสืบทอดมรดก

สายเลือดงั้นหรือ ไม่แปลกใจที่พวกมันแข็งแกร่งเพียงนั้น!” สื่อชิง

เฉิงกล่าวพลางสั่น

“ไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถปลุกสายเลือดให้ตื่นขึ้น แม้ว่าจะเป็นตระกูล

สายเลือดก็ตาม! หลังใช้งานเคล็ดวิชาชั่วร้ายโบราณนั่นแล้ว ไม่ว่า

ผู้ใดก็สามารถปลุกสายเลือดให้ตื่นขึ้นได้! และผู้ฝึกตนสายเลือดที่

ผ่านพิธีการเช่นนั้น พวกมันจะยิ่งโหดเหี้ยมผิดมนุษย์!”

อู่หมิงซวีกล่าวคําเสร็จ เขานําเอาแก่นเต๋าออกจากร่างของราชันยุทธ์

สายเลือด

จากนั้นค่อยดูดกลืนเลือดของราชันยุทธ์

ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าที่เหลือสามคน ต่างก็เป็นผู้ฝึกตนสายเลือด

ชะตาล้วนเป็นเช่นเดียวกัน!

มู่เฟิ งรับชมจนกระทั่งหนาวถึงกระดูกสันหลัง “ผู้อาวุโสอู่ ข้าเองก็

เป็นผู้ฝึกตนสายเลือด ท่านคงไม่สูบข้าจนแห้งเหือดใช่หรือไม่?”

อู่หมิงซวีหัวเราะ “หากข้าคิดทํา เจ้าก็คงกลายเป็นชิ้นเนื้อไปนาน

แล้ว!”

มู่เฟิ งค่อยผ่อนคลาย กระนั้นก็ยังต้องมีความหวาดกลัวเกาะกุม

“คนเหล่านี้ช่างเข้ามารนหาที่ตายโดยแท้ หากข้ารอตรงนี้อีกสัก

หน่อย ใครจะทราบว่าอาจมีพวกหน้าโง่ออกมาแส่หาความตายอีก

หรือไม่!”

อู่หมิงซวีนั่งกับพื้นและยิ้มกล่าว “ข้าต้องเตรียมการไว้ก่อน หากข้าม

ไปยังพื้นที่แกร่งกล้าอย่างสุสานหลัก ข้าก็จําเป็นต้องมีกําลังสํารอง

ไว้ต่อสู้!”

วิญญาณยุทธ์ของยอดฝีมือ ก็เป็นสิ่งช่วยบํารุงหล่อเลี้ยงกําลังให้แก่

อู่หมิงซวี ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่ร้องขอพวกมัน

อู่หมิงซวีหลับใหลยาวนาน ความสูญเสียตามกาลเวลาย่อมไม่ใช่

น้อย หากเขาได้เรี่ยวแรงกลับคืนมาอีกสักหน่อย ย่อมสามารถ

ช่วยเหลือรับมืออันตรายได้แม้กระทั่งในสุสานหลัก

สุสานหลักเต็มไปด้วยเซียน ดังนั้นเรื่องราวย่อมไม่ง่าย

มู่เฟิ งยิ้มขณะนําเอาเก้าอี้หินออกมา รับชมและรอคอยอย่างอดทน

“ฉินหยุน พวกเรามาคาดเดากันดีหรือไม่ว่าประตูใดจะมีกลุ่มคน

กลับออกมา และจะใช้เวลาอีกนานเท่าใด? เอาเป็นหนึ่งร้อยล้าน

เหรียญม่วงต่อครั้งเป็นอย่างไร?” มู่เฟิ งยิ้มกล่าวข้อเสนอ

“หากพวกเราผิดทั้งคู่เล่า?” ฉินหยุนถามกลับ

“ก็ถือว่าเสมอกัน!” มู่เฟิ งหัวเราะ “ในเมื่อไม่มีอะไรให้ทํา ก็ควรหา

เรื่องสนุกให้ใช้ลุ้นได้บ้าง!”

ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปากกล่าวตอบ “อย่าได้แล้ว ข้ายอมเบื่อดีกว่า!”

อู่หมิงซวียิ้มให้มู่เฟิ งและกล่าว “อ้วนน้อย เหตุใดเจ้าไม่ออกไปจับ

ราชันภูตผีข้างนอกนั่นแก่ข้าเสียเล่า?”

คํากล่าวนี้ทํามู่เฟิ งสะดุ้งโหยงด้วยความกลัว “ราชันภูตผี? ผู้อาวุโสอู่

โปรดละเว้นข้าแล้ว! หากข้าออกไปคิดจับราชันภูตผีเหล่านั้น คงได้

เป็นแค่อาหารแก่พวกมัน!”

ไม่ทราบว่าอู่หมิงซวีนํายันต์สีดําออกมาจากที่ใด เขาโยนพวกมันให้

ฉินหยุนและคณะ

“พวกเจ้ารับไว้คนละแผ่น ตราบเท่าที่มีมันในมือ ราชันภูตผีย่อมไม่

คิดเข้ามาใกล้! จากนั้นให้ร่วมมือกันจับพวกมันมา!” อู่หมิงซวีเอ่ยขึ้น

“ข้าจะเฝ้าระวังที่นี่ รอดูว่าจะมีหน้าโง่ตัวใดกลับออกมาอีกหรือไม่!”

ฉินหยุนรับชมยันต์สีดําในมือ กล่าวตอบด้วยความตื่นตะลึง “นี่เป็น

ยันต์สะกดวิญญาณ แกะสลักด้วยอักขระเต๋า ลึกลํ้ายิ่งนัก!”

มู่เฟิ งหัวเราะ ดวงตาหรี่เล็กของเขาขณะนี้เบิกกว้างขึ้นไม่น้อย “ผู้

อาวุโสอู่ แท้จริงท่านเป็นถึงอาจารย์จารึกเต๋า!”

“ตอนนี้วางใจได้แล้วละสิ!” อู่หมิงซวียิ้มตอบ




ตอนที่ 455 สํานักเก้าตะวัน

ฉินหยุนและคณะขณะนี้ค่อยวางใจได้มาก

อย่างไรแล้ว กระทั่งว่าเป็นยันต์ลึกลํ้าสะกดวิญญาณ ก็ส่งผลกระทบ

มหาศาลกับราชันภูตผี นี่ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงยันต์เต๋าสะกดวิญญาณ!

สื่อชิงเฉิงกล่าว “ผู้จัดการมู่ ท่านแข็งแกร่งที่สุด เช่นนั้นรบกวนออก

หน้าแล้ว!”

มู่เฟิ งถือยันต์เต๋าในมือ “อย่าได้ห่วง ตอนนี้ข้าย่อมไม่หวาดเกรงอีก!

ด้วยเจ้าสิ่งนี้ มาดูกันว่าข้าจะจัดการราชันภูตผีอย่างไร!”

คําพอกล่าวจบ เขาจึงเร่งรีบทะยานกายออกไป

แม้ร่างนั้นค่อนข้างอ้วน แต่กลับปราดเปรียวรวดเร็ว

ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงตามติดด้านหลัง

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองครอบครองดาบที่เป็นอาวุธเต๋าใน

มือ ย่อมวางใจขึ้นได้มาก

เมื่อออกไปแล้ว ภูตผีสัตว์ร้ายหลายตัวกระโจนเข้าใส่พวกเขา

ภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านี้รูปลักษณ์ล้วนเป็นสัตว์ประหลาด ผสมผสานกัน

ซึ่งสัตว์นานาชนิด บางตัวกระทั่งมีดวงตาอยู่ที่หาง

ภูตผีสัตว์ร้ายรูปลักษณ์สัตว์ประหลาดเหล่านี้แข็งแกร่ง บางตัวก็มี

ขนาดใหญ่มาก

ภูตผีสัตว์ร้ายที่ทะยานเข้ามา ขณะนี้ต้องถอยกลับเพราะพลังอํานาจ

ของยันต์เต๋า พวกมันไม่อาจเข้าใกล้พวกเขาได้

“ข้าต้องการแก่นวิญญาณ เอาแก่นวิญญาณพวกมันมาให้ข้าก็พอ!”

อู่หมิงซวีตะโกนดังจากในห้องโถง

ฉินหยุนเดิมคิดวางแผนใช้โอกาสนี้คว้าเอาแก่นวิญญาณของราชัน

ภูตผีให้แก่ตัวเอง

แต่พออู่หมิงซวีประกาศว่าต้องการแก่นวิญญาณราชันภูตผี เขาจึงไม่

มีอันใดให้ต้องการอีก

มู่เฟิ งชี้ไปที่ภูตผีสัตว์ร้ายรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ตัวหนึ่ง “เจ้าตัวนั้น

เป็นราชันภูตผี! ไม่นึกเลยว่ามันจะเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นมนุษย์หลัง

ได้กินมนุษย์เข้าไป!”

กล่าวคําจบ เขานําเอากระบี่ยาวออกมาพร้อมทะยานเข้าใส่

ราชันภูตผีที่เร่งทะยานพุ่งเข้ามา ขณะคิดโจมตี ฉับพลันมันรับรู้ถึง

พลังอํานาจยันต์สะกดวิญญาณ เร่งร้อนหลบหนีด้วยความหวาดกลัว

กระนั้นมู่เฟิ งรวดเร็วยิ่ง ด้วยกระบี่ในมือสับฟันออก ราชันภูตผีก็ร่าง

ขาดเป็นสองท่อน

“ฉินหยุน ที่ต้องทําก็แค่ชักนําพลังจากยันต์สะกดวิญญาณสู่ตัวอาวุธ

แล้วค่อยโจมตีออก!” มู่เฟิ งตะโกนดัง

เมื่อฉินหยุนและคณะได้ยินเช่นนี้ พวกเขาจึงพุ่งทะยานเข้าหาฝูงภูตผี

สัตว์อสูรอย่างไม่ลังเล

พลังซึ่งปลดปล่อยจากอาวุธของพวกเขา บรรจุเอาไว้ด้วยพลังสะกด

วิญญาณ หลังทะยานร่างเข้าหา พวกเขาเพียงสับฟันไม่กี่ครั้ง ก็ทําให้

ภูตผีสัตว์ร้ายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้แล้ว

มู่เฟิ งยังคงโจมตีต่อเนื่องจนกระทั่งสังหารราชันภูตผี หลังได้รับแก่น

วิญญาณ เขาค่อยเผยความยินดีออก “ความร่วมมือของอุปกรณ์เช่นนี้

นับว่าวิเศษนัก!”

เขาคืออาจารย์จารึกลึกลํ้า กระนั้นก็ยังต้องรู้สึกประทับใจรุนแรงต่อ

พลังอํานาจของยันต์สะกดวิญญาณ เป็นเขาคิด ว่าภายหน้าเพียงอาศัย

ยันต์แผ่นนี้ก็สังหารภูตผีได้โดยง่ายแล้ว

มู่เฟิ งที่ตระหนักรู้เรื่องนี้ เขามองว่ายันต์สะกดวิญญาณแผ่นที่อยู่ใน

มือ ถือเป็นรางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดในการเดินทางครั้งนี้แล้ว

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองกําลังต่อสู้ด้วยความยินดีล้นทะลัก

ยังไม่ต้องกล่าวถึงราชันภูตผี กระทั่งว่าเป็นภูตผีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง

พวกนางก็ไม่กล้ารับมือด้วยแล้ว

ทว่าตอนนี้ พวกนางกําลังได้ลงมือสังหารภูตผีสัตว์ร้ายที่แกร่งกล้า

อย่างง่ายดาย ไม่ต่างอะไรกับตัดหญ้าข้างทาง

มู่เฟิ งไล่ตามราชันภูตผีที่อยู่ใกล้เคียง ทางด้านฉินหยุนและสื่อชิงเฉิง

พวกเขากําลังสังหารภูตผีสัตว์ร้ายระดับลึกลํ้า จนกระทั่งได้รับแก่น

วิญญาณระดับลึกลํ้ามา

มู่เฟิ งคล้ายสนุกสนานกับการสังหาร นี่ก็เพราะราชันภูตผีเหล่านี้ คือ

ตัวตนที่กระทั่งราชันยุทธ์ยังหวาดเกรง แต่แล้วตอนนี้ พวกมันไม่ต่าง

อะไรกับไก่รอให้เขาเข้าไปเชือด

เดิมเขาเบื่อจนแทบแย่ แต่ขณะนี้มีเรื่องลงมือง่ายดายให้ทําแก้เบื่อ

ย่อมต้องยินดีเป็นธรรมดา

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม จํานวนราชันภูตผีและภูตผีสัตว์ร้ายที่ภายนอก

ลดจํานวนลงไปมาก นอกจากนี้ พวกมันยังถูกปิ ดล้อมด้วยเปลว

เพลิง เป็นมู่เฟิ งที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรงออกมาเผาไหม้เศษ

ซากของภูตผีสัตว์ร้าย

มู่เฟิ งขณะนี้ลงมือสังหารราชันภูตผีไปได้กว่าสิบตัว ขณะที่ทางฉิน

หยุนและคณะสังหารภูตผีสัตว์ร้ายระดับลึกลํ้าไปได้กว่าร้อยตัว พวก

เขาในเวลานี้ได้รับแก่นวิญญาณระดับลึกลํ้ามากว่าหนึ่งร้อยแก่น

อู่หมิงซวีค่อนข้างพึงพอใจ เพราะได้รับแก่นวิญญาณราชันภูตผีมาก

กว่าสิบแก่น เขายิ้มและกล่าวออก “ไม่เลว ไม่เลวเลย!”

ด้วยความเร่งรีบ เขาทําการดูดกลืนพลังงานจากแก่นวิญญาณเหล่านั้น

อู่หมิงซวีดูดกลืนพลังงานมหาศาลด้วยความเร็วมากลํ้า ทําเอาพวก

เขาเกิดความสงสัย ว่าวิญญาณยุทธ์อีกฝ่ ายหิวกระหายเพียงใดกันแน่

“ต่อเลย! นี่ยังไม่พอ ภายนอกสมควรมีราชันภูตผีอยู่อีกมาก!” อู่หมิง

ซวียิ้มกว้าง “ภายหน้า ข้าจะมอบอักขระสะกดวิญญาณให้เป็นการ

ตอบแทน!”

มู่เฟิ งฉีกยิ้มกว้างรับคํา “ผู้อาวุโสสุภาพเกินไปแล้ว ข้าจะออกไป

สังหารราชาภูตผีเหล่านั้นเดี๋ยวนี้!”

“ฉินหยุน เจ้าไม่ต้องไป! พักผ่อนเสีย อย่างไรแล้วเจ้าอ้วนนั่นก็อยู่

ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า และยังเป็นผู้ฝึกตนสายเลือด เจ้าไม่อาจเทียบ

เขาได้หรอก!” อู่หมิงซวียิ้มกล่าว

ภายนอกเหลือภูตผีสัตว์ร้ายไม่มากแล้ว หากเขาต้องการสังหารมากกว่า

นี้ ก็มีแต่ต้องลงทะเลสาบไปล่อพวกมันออกมา

มู่เฟิ งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า และมีพละกําลังไม่ใช่น้อย ขณะนี้ได้

ยันต์สะกดวิญญาณช่วยเหลือ แม้ถูกรุมล้อมโจมตีโดยราชันภูตผีก็ยัง

รู้สึกไม่นับเป็นอะไร

สุ่ยเทียนสื่อหัวเราะเบาและเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสอู่ คนอ้วนที่ท่านพูดถึง

เป็นอาจารย์จารึกลึกลํ้า และยังมีสถานะสูงส่งในตําหนักจารึกเทวะ!

ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยังเป็นผู้ฝึกตนสายเลือดของตําหนักจารึก

เทวะด้วย!”

อู่หมิงซวีกล่าวตอบ “ตําหนักจารึกเทวะเป็นขั้วอํานาจแกร่งกล้าใน

แดนวิญญาณอ้างว้าง! ย้อนกลับไปกาลก่อน ตอนที่พวกเขาสร้าง

สุสานเซียนในเทือกเขาเมฆมังกร ตําหนักจารึกเทวะได้นําอาจารย์

จารึกมากมายมาพร้อมวัสดุมากล้น! พวกเขาเรียกได้ว่ามีส่วนร่วม

ครั้งใหญ่เลยทีเดียว!”

“แน่นอน ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีส่วนร่วมเพียงรอบนอกย่อมยังอยู่สุข

สบาย เพราะพวกเขาไม่ได้เข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรโดยตรง! ในทาง

กลับกัน พวกเราที่ทราบสถานที่ตั้งของสุสานหลัก ต้องถูกกักขัง

เอาไว้ที่นี่จนตายตกหลังสุสานเซียนถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์!”

ฉินหยุนเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส พวกท่านนับว่าแกร่งกล้า แต่แล้วยังไม่

อาจต่อต้านพวกเขา? นั่นนับเป็นขั้วอํานาจประเภทใดกัน?”

อู่หมิงซวีสูดลมหายใจเข้าลึก “เป็นตํานานเก่าแก่ ข้าสงสัยว่าเจ้าเคย

ได้ยินมันหรือไม่! กล่าวกันว่าเป็ นเรื่องลี้ลับ ที่แดนเทพอ้างว้างโบราณ

มันมีเก้าสํานักที่แกร่งกล้า แต่ละสํานักล้วนมีพลังควบคุมหนึ่งใน

ดวงตะวันได้!”

ฉินหยุนมองทางสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองต่างส่ายศีรษะให้

พวกนางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้

อู่หมิงซวีประหลาดใจไม่น้อย เขาเอ่ยถาม “ในอดีตผู้คนมากมาย

ทราบตํานานเรื่องนี้ แต่แล้วตอนนี้กลับสูญหายหรือ! ดูเหมือนเก้า

สํานักนั้นคิดพยายามปกปิ ดการคงอยู่!”

“สํานักทั้งเก้า รู้จักกันในนามสํานักเก้าตะวัน! ตํานานกล่าวว่าเก้า

สํานักเหล่านั้นแกร่งกล้า สามารถสร้างตําหนักไว้บนดวงตะวันได้!”

“เรื่องนี้ออกจะเหลือเชื่อไปบ้าง แต่สํานักเก้าตะวันมีตัวตนคงอยู่!

โดยมีเก้าสํานักเหล่านั้นเป็นจุดกําเนิด วิธีการฝึกฝนทางยุทธ์ และ

เคล็ดวิชามากมายถูกส่งต่อลงมา พวกนั้นส่งพวกมันลงมายังแดน

ศักดิ์สิทธิ์อ้างว้าง แดนเซียนอ้างว้าง และแดนวิญญาณอ้างว้าง… ใน

แดนวิญญาณอ้างว้างและแดนเซียนอ้างว้าง มีหลายสํานักรวมถึง

ตระกูลชนชั้นสูง ที่มีความเกี่ยวข้องกับสํานักเก้าตะวัน!”

อู่หมิงซวีมองทางฉินหยุนที่เผยอาการตื่นตระหนกและกล่าวต่อ

“ตําหนักจารึกเทวะเป็นหนึ่งในนั้น! ในแดนอสูรอ้างว้าง แดนสัตว์

อ้างว้าง แดนยุทธ์อ้างว้าง และแดนปี ศาจอ้างว้าง พวกเขาย่อมต้องใช้

มรดกของสํานักเก้าตะวัน หรือไม่ก็มรดกของตระกูล ความสามารถ

ของพวกเขาจึงได้เหนือลํ้า”

“แต่พวกเจ้าคล้ายไม่เคยได้ยินเรื่องนี้แม้เศษเสี้ยว หมายความว่าต้อง

มีเหตุผล พวกนั้นจงใจคิดปิ ดบังตัวเอง ย้อนกลับไปตอนนั้น พวกเขา

เองก็มีส่วนร่วมในการสร้างสุสานเซียนกับพวกเรา กระนั้น พวกเขา

กลับยังอยู่สุขสบาย ขณะที่พวกเราทั้งหมดล้วนตายจนสิ้น”

ฉินหยุนพลันนึกถึงเรื่องวิญญาณดวงตะวันขึ้นมาได้!

ตามคําบอกเล่าของอู่หมิงซวี สํานักเก้าตะวันจะต้องทราบ ว่าวิญญาณ

ดวงตะวันได้ร่วงหล่นลงสู่เก้าแดนอ้างว้าง หากเป็นเช่นนั้น พวกเขา

ก็ต้องออกค้นหาวิญญาณดวงตะวัน

พวกเขาจะต้องใช้พลังอันแกร่งกล้าที่สุดเท่าที่ครอบครองเพื่อค้นหา

พวกมัน!

ขณะนี้ เพราะแดนยุทธ์อ้างว้างมีข้อจํากัดหากคิดเข้ามา พวกนั้นจึงได้

แต่ค้นหาโดยอาศัยตําหนักจารึกเทวะที่นี่!

“ผู้อาวุโสอู่ ข้าสงสัยว่าท่านเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่? เป็น

เรื่องของสวนโบราณ” ฉินหยุนเอ่ยถามขึ้น

“แน่นอนว่าเคยได้ยิน! สวนโบราณมีทั้งสิ้นเก้าแห่ง และแต่ละแห่ง

ถือว่าพิเศษอย่างยิ่ง ข้าได้ยินมาว่ามีความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสวน

โบราณและวิญญาณดวงตะวัน เก้าดวงตะวันและสวนโบราณถือว่ามี

สัมพันธ์ชิดใกล้เพื่อคงสภาพการโคจรของดวงตะวัน ดวงจันทรา

และดวงดาว!” อู่หมิงซวีกล่าวตอบ

ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถึงเรื่องที่ตนได้เข้าสู่สวนโบราณ

หลังจากอู่หมิงซวีฟังจบ เขาจึงเผยสีหน้าหนักอึ้งออกมา “ดูเหมือน

วิญญาณดวงตะวันยังไม่ถูกพบในสวนโบราณแห่งนั้น! เมื่อวิญญาณ

ดวงตะวันร่วงหล่นสู่สวนโบราณ มันจึงทําให้สวนโบราณเกิดปราการ

แกร่งกล้า ป้องกันไม่ให้ผู้มีระดับการฝึกตนสูงเข้าไป นี่ก็เพื่อไม่ให้ผู้

แกร่งกล้าเข้าไปรบกวนพวกมันได้!”

หลังจากฉินหยุน สื่อชิงเฉิง และสุ่ยเทียนสื่อได้รับฟัง พวกเขาทั้งสาม

ต่างจมดิ่งในความคิดและความตื่นตระหนกภายใน

โดยเฉพาะสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ พวกนางไม่คาดคิดว่าจะมีตัวตน

ทรงอํานาจแกร่งกล้าอยู่ภายในสวนโบราณ

“อย่างนั้นวิญญาณดวงตะวันมันคืออะไรกันแน่?” ฉินหยุนนึกถึง

วิญญาณดวงตะวันที่อยู่ในไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะเก้า

ตะวัน มันเป็นไข่มุกขนาดใหญ่ยักษ์

อู่หมิงซวีตอบ “ข้าไม่มั่นใจนัก โดยสรุป วิญญาณดวงตะวันทั้งหมด

ล้วนมีปัญญาเป็นของตนเอง! เป็นพวกมันออกจากเก้าดวงตะวันด้วย

ตัวเองเมื่อพบเจอถึงอันตราย! ตํานานกล่าวว่าพวกมันยึดครองสัตว์

เป็นรูปลักษณ์!”

“และพวกมันล้วนไม่ใช่ง่ายได้รับมา! หากเจ้าเข้าสู่สวนโบราณด้วย

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามซึ่งก็เต็มที่แล้ว ย่อมไม่มีทางสามารถ

ได้รับวิญญาณดวงตะวัน!”

ฉินหยุนฉับพลันนี้เกิดความคิด ว่าวิญญาณดวงตะวันที่ได้รับมา มัน

คือไข่ของสัตว์!

ชั่วขณะนี้ ประตูเปิ ดออก มีคนก้าวเดินออกมา

อย่างบังเอิญ ประตูอีกบานเปิ ดออก ประกอบด้วยราชันยุทธ์ทั้งสิ้น

หกคน สี่ในนั้นเป็นราชันยุทธ์สายเลือด ผู้อื่นอีกสองคนเป็นราชัน

ยุทธ์จากตําหนักโทเทม

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบคุ้มกันฉินหยุน

แม้อู่หมิงซวีอยู่ตรงนี้ พวกนางก็ยังมีความกังวลเกาะกุม อย่างไรแล้ว

ที่ต้องเผชิญหน้าครานี้คือราชันยุทธ์แกร่งกล้าจํานวนหกคน

“พวกเจ้าถึงกับยังมีชีวิตรอด!” ราชันยุทธ์สายเลือดที่บาดเจ็บ พอได้

เห็นอีกฝ่ ายอยู่สุขสบายจึงเผยเสียงเย็นเยือก “ถือว่าดี ข้าจะได้สังหาร

รายคนเพื่อความสาแก่ใจ!”

บรรดาราชันยุทธ์เหล่านี้ ล้วนเกลียดชังฉินหยุนถึงแก่นกระดูก

พวกเขาติดกับที่นี่เพราะมิโนทอร์ถูกสังหาร ไม่อย่างนั้นแล้ว กระทั่ง

ว่าไม่ได้รับสมบัติใดจากสุสานเซียน อย่างน้อยก็ยังสามารถหลบหนี

ได้อย่างปลอดภัย

แต่ตอนนี้ หากพวกเขาคิดอยากกลับ พวกเขาต้องเผชิญศึกตึงเครียด

กับราชันภูตผีที่ด้านนอก มีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าพวกเขามีชะตา

ต้องตายที่ภายนอกนั่น

“กลุ่มตาเฒ่าสารเลว พวกเจ้าล้วนบาดเจ็บหรือ? วิเศษนัก! ให้ข้าบอก

แล้วกัน กลุ่มของหวังเทียนซือขณะนี้ล้วนตายสิ้น พวกเจ้าราชันยุทธ์

ล้วนก็ต้องตายที่นี่เช่นกัน!” ฉินหยุนหัวเราะดัง

“หน้าโง่สารเลว เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!” ราชันยุทธ์สายเลือดพุ่งทะยาน

เข้าหาฉินหยุน ขณะที่ร่างนั้นกําลังจะผ่านอู่หมิงซวี เขาจึงได้เห็นอู่

หมิงซวียื่นมือออก คว้าเอาแก่นเต๋าออกไปจากราชันยุทธ์สายเลือด

ราชันยุทธ์สายเลือดไม่คาดคิด ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับตนเอง

เขาเอามือกุมหน้าท้องที่หลั่งเลือดและถอยกลับ ใบหน้านี้เปี่ ยมด้วย

ความหวาดกลัวขณะมองที่แก่นเต๋าในมืออู่หมิงซวี

อู่หมิงซวีที่คว้าแก่นเต๋าเอาไว้ได้ เขาจึงเริ่มทําการกลืนกินพลังงาน

ภายใน

ราชันยุทธ์ผู้อื่นขณะนี้อึ้งกายแข็งทื่อ คลื่นความหวาดกลัวโหมซัดเข้า

เกาะกุมหัวใจพวกเขา!

ราชันยุทธ์สายเลือดถือว่าแข็งแกร่ง กระทั่งว่าได้รับบาดเจ็บ แก่นเต๋า

ก็ไม่มีทางถูกนําออกมาโดยง่ายในพริบตาเช่นนั้น

“เจ้าเป็นใคร? ส่งแก่นเต๋าข้ากลับคืนมา!” ราชันยุทธ์สายเลือดกล่าว

คําจบ เขาจึงได้เห็นแก่นเต๋าตนเองแปรเปลี่ยนเป็นหมองหม่น จากนั้น

สลายเป็นฝุ่นผง

พลังงานภายในของมันถูกกลืนกินในพริบตา

“ข้าคือผู้ที่เชี่ยวชาญรับมือกับคนเช่นเจ้าเป็นพิเศษอย่างไรเล่า!” อู่หมิง

ซวีค่อยลุกขึ้นยืนเชื่องช้า ใบหน้าเหยียดรอยยิ้มเผยออกให้อีกฝ่ าย




ตอนที่ 456 จระเข้ยักษ์

ราชันยุทธ์ผู้อื่นขณะนี้มองที่อู๋หมิงซวีด้วยความสั่นกลัว ผู้ที่สามารถ

นําแก่นเต๋าราชันยุทธ์ออกมาได้เพียงลงมือครั้งเดียว ย่อมต้องแข็งแกร่ง

อย่างยิ่ง แข็งแกร่งเหลือลํ้ากว่าพวกเขาไม่รู้เท่าไหร่

กระนั้นพอคิดได้ว่ายังมีราชันยุทธ์หลายคนอยู่เคียงข้าง หากรุมโจมตี

อู่หมิงซวี พวกเขายังพอมีโอกาสชนะ!

อู่หมิงซวียืนขึ้นด้านข้างฉินหยุนและคณะ เพื่อป้องกันการถูกปิ ดล้อม

เขาไม่อาจออกห่างแม้ครึ่งก้าวจากพวกฉินหยุน ไม่อย่างนั้นแล้ว จะ

กลายเป็นเปิ ดช่องว่างจนต้องเสียเปรียบต่ออีกฝ่ าย!

“เป็นใครย่อมไม่สําคัญ เจ้าขโมยแก่นเต๋าและกลืนกิน นี่ถือเป็ นเรื่อง

ละเมิดร้ายแรง พวกเราย่อมต้องจัดการลงให้ได้!” ราชันยุทธ์สายเลือด

ชราภาพเผยใบหน้ากราดเกรี้ยวพร้อมตะโกน “จัดการมัน!”

ในศึกระหว่างราชันยุทธ์หลายคน ฉินหยุนและคณะย่อมต้องระวังตัว

กระทั่งว่าไม่ใช่เป้าหมายการโจมตี ก็ยังคงได้รับผลกระทบ ตอนนี้

อู่หมิงซวีเลือกถอยกลับมาเพื่อคุ้มกันพวกเขา

นี่เป็นสิ่งที่บรรดาราชันยุทธ์คาดการณ์ พวกเขาเชื่อว่าอู่หมิงซวีย่อม

ต้องยั้งมือเพื่อคุ้มกันฉินหยุนและคณะ

กระนั้น ขณะพวกเขาก้าวเดินเข้าไป อู่หมิงซวีโบกมือไหววูบ เกิด

เป็นลําแสงเย็นเยือกวาบผ่าน มีดคมกริบหลายเล่มบินออก แทงทะลุ

หัวใจของบรรดาราชันยุทธ์เหล่านั้นหมดสิ้น

อึดใจถัดมา มีดสั้นเปื้อนเลือดจึงกลับคืนสู่มือของอู่หมิงซวี!

ฉินหยุนและคณะพอได้เห็นเรื่องราว พวกเขาเกิดความตระหนก เขา

กล้าบอกที่ตรงนี้ ว่าอู่หมิงซวีใช้พลังจิตแกร่งกล้าควบคุมมีดบิน

แน่นอนว่ามีดเหล่านั้นย่อมต้องไม่ใช่มีดธรรมดา!

มีดที่อู่หมิงซวีถือในมือ มันยาวกว่าปลายนิ้วเพียงเล็กน้อย ขนาดของ

มันค่อนข้างเล็ก ประกอบด้วยรอยแกะสลักบนพื้นผิว

แต่เดิมเขาเป็นผู้ฝึกตนดาบ ดังนั้นกระทั่งว่าใช้งานอาวุธลับ ก็ยังต้อง

เป็นในรูปแบบของดาบ

ร่างของราชันยุทธ์เหล่านั้นถูกมีดสั้นแทงทะลุ ร่างยังคงยืนตระหง่าน

หาได้ขยับ ราวกับร่างกายพวกเขาถูกแช่แข็งเอาไว้กับที่!

“มีดสั้นเหล่านี้มีพลังในการสะกดร่างกายด้วย!” ฉินหยุนตระหนก

เขาไม่คิดว่าอักขระสะกดกายจะใช้งานเช่นนี้ได้

อู่หมิงซวีทะยานกายออก เพียงพริบตาเดียว เขานําเอาแก่นเต๋าออก

จากช่องท้องของราชันยุทธ์เหล่านั้น จากนั้นค่อยขว้างปามีดสั้นออก

อีกครั้ง สังหารบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าที่เหลือ!

“นี่เจ้าเป็นใครกัน!” ราชันยุทธ์สายเลือดพอสูญเสียแก่นเต๋า โทสะ

ของเขาปะทุระเบิดพร้อมคํารามตะโกนออก

ชัดเจนว่าพละกําลังของอู่หมิงซวีแข็งแกร่งกว่าราชันยุทธ์ เขาหาได้

ตอบกลับคําใด เพียงเดินไปยังหนึ่งในราชันยุทธ์สายเลือด คว้าคอ

ของร่างนั้นไว้ ก่อนจะทําการดูดกลืนมรดกสายเลือด

ชั่วขณะนี้ ราชันยุทธ์ผู้นั้นร่างแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ที่แห้งเหี่ยว!

“เจ้า… เจ้าเป็นจักรพรรดิยุทธ์?” ราชันยุทธ์สายเลือดตะโกนร้องดัง

คําเพียงกล่าวจบ ร่างนั้นก็ถูกดูดแห้งเหือดแล้ว

“อย่าได้อวดดีเกินไปนัก ในตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงของพวกเรา ก็

มีจักรพรรดิยุทธ์เช่นกัน!”

สีหน้าของอู่หมิงซวียังคงสงบ หาได้เผยท่าทีหวาดเกรงแม้แต่นิดไม่

เพียงพุ่งทะยาน ทําการดูดกลืนเลือดของอีกคนหนึ่งจนแห้งเหือด

ตามไป

“ตระกูลเจ้ามีจักรพรรดิยุทธ์แล้วอย่างไร? พวกมันหาได้ทราบว่าผู้ใด

สังหารเจ้า! พวกเจ้าได้แต่กล่าวโทษพวกมันแล้ว ที่พวกมันไม่ยอม

มาที่นี่ด้วยตนเอง!” อู่หมิงซวีหัวเราะดัง จากนั้นจึงทําการดูดกลืน

เลือดของราชันยุทธ์ที่เหลือจนหมดสิ้น

ชั่วขณะนี้มู่เฟิ งกลับมา เดิมเขายิ้มแย้ม พอได้เห็นราชันยุทธ์หลายคน

ร่างกายแห้งเหี่ยวกับพื้นหลายคนก็ถึงกับอึ้งไป ร่างเหล่านั้นถูกสูบ

เลือดจนหมดสิ้น

“เจ้าอ้วนน้อย ได้แก่นวิญญาณราชันภูตผีมาเท่าใดกัน?” อู่หมิงซวี

มองทางมู่เฟิ งและเอ่ยถาม

“มากกว่าสิบ!” มู่เฟิ งเร่งรีบเดินเข้าไป ส่งแก่นวิญญาณราชันภูตผี

ให้แก่อู่หมิงซวี

อู่หมิงซวีรับแก่นวิญญาณราชันภูตผี ทําการดูดกลืนพลังงานภายใน

รวดเร็ว จากนั้นค่อยกล่าวคํา “ข้าเกือบฟื้นฟูเต็มที่แล้ว ตอนนี้พวกเรา

น่าจะไปกันได้แล้ว!”

มู่เฟิ งเกิดความตื่นเต้นยินดี ขณะนี้พวกเขากําลังจะได้ไปสุสานหลัก

กันเสียที

อู่หมิงซวีปลดปล่อยเปลวเพลิงเผาไหม้ร้อนแรงออกมา

ร่างศพที่พื้นขณะนี้กลายเป็ นเถ้าถ่าน

จากนั้นเขาเดินไปทั่วห้องโถง นับจํานวนก้อนอิฐบนพื้น

ในห้องโถงกว้างขวาง มันมีกระเบื้องปูพื้นขนาดใหญ่ แต่ละแผ่น

กว้างราวสองถึงสามเมตร กล่าวได้ว่าเป็นหินชิ้นใหญ่ถูกตัดสร้างขึ้น

หลังจากเดินไปมากว่าครึ่งชั่วยาม อู่หมิงซวีค่อยยืนบนกระเบื้องหิน

แผ่นใหญ่ ดวงตาหลับลง ปลดปล่อยพลังจิตแกร่งกล้าออกมา ทะลุ

ทะลวงพวกมันผ่านทางแผ่นหินก้อนใหญ่

เพียงไม่นาน แผ่นหินก้อนใหญ่เริ่มลอยขึ้น

หลังจากอู่หมิงซวีทําการยกแผ่นหินให้ลอยขึ้น มันปรากฏเป็นรู

สี่เหลี่ยม เบื้องล่างลึกจนแทบไม่เห็นก้น

อู่หมิงซวีใช้พลังจิตควบคุมก้อนหินให้ลอยกลางอากาศ เขาก้าวเดิน

ไปข้างหลุมใหญ่ หันมากล่าวกับฉินหยุน “ข้าลงไปก่อน จากนั้นค่อย

เป็ นเจ้าอ้วนน้อยนี่ แล้วพวกเจ้าค่อยท้ายที่สุด!”

กล่าวจบ เขาจึงกระโดดลงไปเบื้องล่าง

มันเป็นหลุมสีดําเบื้องล่างลึกลงไป มู่เฟิ งขณะนี้ใจกล้ากระโดดลง

ด้วยพลังแกร่งกล้าของอู่หมิงซวีที่ล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาค่อย

วางใจได้มาก

ฉินหยุน สุ่ยเทียนสื่อ และสื่อชิงเฉิงตามหลังไป

เมื่อลงมาเรียบร้อยแล้ว ก้อนหินด้านบนค่อยเคลื่อนลงมา ทําการปิ ด

ผนึกถํ้าทางเข้าไว้อีกครั้ง

หากไม่ใช่เพราะอู่หมิงซวี พวกเขาจะไม่มีทางคิดว่าในห้องโถงแรก

จะมีเส้นทางลับเช่นนั้นคงอยู

ลงพอถึงด้านล่างแล้ว พวกเขาค่อยใช้พลังของตนเองพยุงร่างกลาง

อากาศ จากนั้นนําเอาหินเรืองแสงออกมาสาดส่อง

ผนังกําแพงเป็นหินเรียบ มีการแกะสลักลายเส้นเอาไว้จํานวนมาก

หลุมแห่งนี้ลึกกว่าหนึ่งพันเมตร จนกระทั่งถึงก้นบึ้ง พวกเขาล้วน

ปลอดภัย

ที่สุดปลายทาง อู่หมิงซวีถือก้อนหินเรืองแสงในมือ ก้าวเดินลงไปยัง

อุโมงค์ยาว

เส้นทางนี้ค่อนข้างกว้าง ตัวเพดานสูงกว่าสามสิบเมตร กว้างกว่า

แปดสิบเมตร ที่แตกต่างออกไปก็คือ ผนังกําแพงเป็นหินที่ไม่เรียบ

อู่หมิงซวีเอ่ยถาม “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเส้นทางนี้จึงสร้างกว้างนัก?”

มู่เฟิ งตอบกลับ “น่าจะเพื่อให้ผ่านไปได้โดยง่าย!”

“ถูกต้อง มันทําไว้ก็เพื่อทําให้การส่งถ่ายสัตว์ที่แข็งแกร่งเข้าไปได้

โดยสะดวก!” อู่หมิงซวีพยักหน้ารับ

ได้ยินคํา ฉินหยุนกระชับมือสองสาวเอาไว้แน่น มู่เฟิ งถึงกับ

หยุดชะงักฝี เท้า!

“ด้านล่างนี้มีสัตว์ที่แข็งแกร่งอยู่มากมายหรือขอรับผู้อาวุโส?” มู่เฟิ ง

เอ่ยถามเป็นกังวล

“ข้าไม่ทราบว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ อย่างไรแล้ว นี่ก็ผ่านมา

หลายปี นานนับ!” ทว่ามู่เฟิ งก็ไม่คล้ายเผยความหวาดกลัวใด เขา

ยังคงเผยใบหน้าประดับรอยยิ้ม

ฉินหยุนถามขึ้น “เพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ด้านบน สุสาน

หลักแท้จริงไม่ได้สร้างด้านบน… โครงสร้างแบบนี้ใช้เพื่ออะไรกัน

แน่? เพื่อให้แก้ปริศนาก่อนหรืออย่างไรกัน?”

อู่หมิงซวีส่ายศีรษะและตอบกลับ “สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ด้านบน

นั่น คือค่ายอาคมใหญ่ยักษ์ที่เอาไว้ใช้เพื่อกําราบร่างเซียน! ข้าคาดเดา

ว่าเซียนที่ถูกนํามาฝัง เลือดเนื้อพวกนั้นน่าจะยากต่อการทําลาย

เพราะเหตุนั้นจึงต้องมีการผนึกเอาไว้ตลอดเวลา!”

มู่เฟิ งเผยนํ้าเสียงหวาดกลัว “นี่อันตรายเกินไป! ผู้อาวุโส ท่าน

สามารถรับมือกับร่างเซียนเหล่านั้นได้หรือขอรับ?”

“ข้าย่อมไม่ทราบ!” อู่หมิงซวียิ้ม “เจ้าวางใจเถอะ ตราบเท่าที่พวกเรา

ไม่ทําอะไรบุ่มบ่าม และไม่ได้ปลดปล่อยร่างเซียนเหล่านั้น ก็สมควร

ไม่เป็นไร!”

วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!

“ถอยกลับไปทางที่มา! เส้นทางตรงนั้นคับแคบกว่า สัตว์ร่างใหญ่

ยักษ์จะไล่ตามมาไม่ได้!” อู่หมิงซวีเผยสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เร่ง

ร้อนตะโกนบอกกล่าว

ฉินหยุนและคณะเร่งรีบถอยจนสุดตัว ตรงเส้นทางที่นําไปสู่พื้นผิว

หากมีสัตว์ร่างใหญ่ยักษ์ปรากฏตัว พวกมันจะไม่มีทางผ่านออกไปได้

อู่หมิงซวีนําเอาดาบต้นกําเนิดออกมา รอคอยเผชิญที่ด้านหน้า

ในห้วงความมืดของเส้นทางกว้าง อย่างกะทันหัน ปรากฏกลุ่มก้อน

แสงสีแดงขนาดใหญ่สองกลุ่ม พวกมันเป็นดวงตาขนาดใหญ่ยักษ์ ที่

เห็นมีถึงสอง เพราะมันคือซ้ายและขวา

สัตว์ที่เข้ามาร่างขนาดมหึมา เป็นจระเข้สีดําสนิท ร่างน่าจะกว้างกว่า

สี่สิบเมตร ถึงกับความกว้างครึ่งหนึ่งของเส้นทางไป

เมื่อสัตว์ยักษ์ได้เห็นอู่หมิงซวี ปากของมันอ้าออก คํารามร้องดังลั่น

พ่นเอาหมอกสีดํามืดออกมา

“แก๊สพิษ!” อู่หมิงซวีเร่งร้อนถอย จากนั้นจึงโยนยันต์ลมพายุออกไป

ปัดเป่ าพิษเหล่านั้นจนหายสิ้น

พลังอํานาจของยันต์เต๋าชวนสะพรึง สายลมหวีดร้อง ขณะนี้มันกําลัง

บีบบังคับให้จระเข้ยักษ์ตรงหน้าต้องถอยร่น

ชั่วขณะนี้ ดาบต้นกําเนิดของอู่หมิงซวีสับฟันลง ปลดปล่อยคลื่น

พลังภายในดาบสีทองม่วงแกร่งกล้า เกิดขึ้นเป็นห้วงแสง ฟาดฟัน

แยกร่างจระเข้ยักษ์เป็นสองส่วนจากหัวจรดหาง

ฉินหยุนและคณะคิดว่าอู่หมิงซวีจะต้องเผชิญศึกยากลําบาก พวกเขา

ไม่คาดคิด ว่าอีกฝ่ ายจะเพียงตั้งใจเล็กน้อย ก็สังหารจระเข้ยักษ์ได้ใน

หนึ่งการโจมตี

อู่หมิงซวีเร่งรีบเข้าถึงร่างจระเข้ยักษ์ โบกมือไหววูบ ค้นหาอะไร

บางอย่าง ผ่านไปพักหนึ่ง เขาพบไข่มุกสีดําขนาดราวผลแตงโม

“แก่นสัตว์นี้ค่อนข้างเล็กนัก… กะแล้วว่าต้องไม่แข็งแกร่งอะไร

ขนาดนี้!” อู่หมิงซวีกล่าวคําจบ เขาจึงรุดหน้าไป ทําการตัดหัวจระเข้

ยักษ์ทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาทางด้านนี้

มู่เฟิ งกล่าว “ร่างเศษซากสัตว์ขนาดใหญ่เช่นนี้ สมควรวิเศษยิ่งหาก

นําไปขัดเกลา มาเก็บพวกมันกันดีกว่า!”

“อย่าได้เข้ามา! แม้สัตว์พวกนี้จะมีกําลังระดับราชันยุทธ์ แต่ร่างพวก

มันเปี่ ยมด้วยพิษสูงลํ้า!” อู่หมิงซวีตะโกน “กล้ามเนื้อและกระดูกใน

ร่างพวกมันไม่สามารถใช้ขัดเกลา คงไม่อยากติดพิษกันใช่หรือไม่?”

แม้เขาสังหารจระเข้ยักษ์ไปหลายตัวแล้ว คิ้วนั้นยังคงขมวดขณะคิด

เผาร่างพวกมัน

“ยากเผาไหม้นัก หากพวกเราไม่เผาให้หมดจด ร่างของสัตว์ติดพิษ

เหล่านี้จะเน่าเปื่ อย ปลดปล่อยเป็นแก๊สพิษอีกครั้ง และมันจะทวี

ความรุนแรงมากขึ้น!” อู่หมิงซวีปวดหัวไม่น้อย “ใช้เปลวเพลิง

ธรรมดาได้แค่เผาไหม้แก๊สพิษเท่านั้น!”

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยุด เพราะหากดําเนินต่อไป เส้นทาง

นี้คงเต็มไปด้วยพิษแน่นอนแล้ว

“ผู้อาวุโสอู่ อย่างนั้นแล้วพวกเราจะเผาร่างสัตว์ติดพิษเหล่านี้

อย่างไร?” สื่อชิงเฉิงเอ่ยถาม

“นํ้ามันสัตว์ถือว่าดีที่สุด!” อู่หมิงซวีกล่าวตอบ “แต่พวกเราตอนนี้จะ

หานํ้ามันสัตว์มากมายจากที่ใดกันเล่า?”

ฉินหยุนตอบกลับโดยทันที “ข้าย่อมมี! ผู้อาวุโส รีบกลับมาเร็ว!”

เขากล่าวคําจบ จึงนําเอาปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าออกมา

อู่หมิงซวีกลับมาถึง เขาพบเห็นสิ่งที่วางบนไหล่ของฉินหยุน

กลายเป็นเกิดความสนใจขึ้นมา

ภายในมิติเก็บของของปื นใหญ่ราชันลึกลํ้า มันประกอบด้วยกระสุน

ปื นใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยใช้นํ้ามันสัตว์และแก่นสัตว์อสูรระดับวิญญาณ

ฉินหยุนยิ้มกว้าง “เริ่มกันเลยดีกว่า!”

เขายิงปื นใหญ่ออก พุ่งเข้าหาร่างขนาดมหึมาตรงหน้า ระเบิดรุนแรง

ออกเป็นเปลวเพลิง เกิดขึ้นเป็นคลื่นกระแทกรุนแรง

นํ้ามันสัตว์ที่ควบแน่นและขัดเกลาแล้ว ขณะนี้พุ่งทะยานเข้าหาเศษ

ซากจระเข้ยักษ์

ตู้ม!

ฉินหยุนยิงอีกครั้ง เปลวเพลิงที่เกิดขึ้นโดยนํ้ามันสัตว์ปกคลุมเศษ

ซากจระเข้ยักษ์เหล่านั้นจนสิ้น

“เจ้าหนู ไม่เลวเลยนี่! นี่เป็ นเจ้าขัดเกลาด้วยตนเองหรือ?” อู่หมิงซวี

หัวเราะดัง “เหมือนนี่จะเป็นอุปกรณ์ลึกลํ้า? เจ้าสามารถสร้างอุปกรณ์

ลึกลํ้าได้จริงหรือนี่?”

“เป็นความร่วมมือระหว่างข้ากับนาง!” ฉินหยุนหันมองทางสื่อชิง

เฉิงพร้อมหัวเราะ

อู่หมิงซวีและมู่เฟิ งเกิดความตระหนกอยู่ภายใน พวกเขาไม่คาดคิด

ว่าฉินหยุนที่ยังเยาว์เพียงนี้ กลับครอบครองความสามารถในการ

หลอมอุปกรณ์ลึกลํ้า

เพียงไม่นาน เปลวเพลิงนํ้ามันสัตว์ได้เผาไหม้ร่างของจระเข้ยักษ์ที่

ติดพิษเหล่านี้หมดสิ้น อู่หมิงซวีก้าวเดินนําหน้า เริ่มมุ่งหน้าสู่สุสาน

หลักอีกครั้งหนึ่ง




ตอนที่ 457 ห้องสุสานหลัก

ในแดนยุทธ์อ้างว้าง สัตว์ที่แข็งแกร่งก็จะอยู่ระดับราวมังกรหรือ

ราชสีห์สวรรค์ อย่างมาก พวกนั้นก็จัดได้อยู่ระดับจักรพรรดิยุทธ์

ขณะที่สัตว์ซึ่งพิทักษ์สุสานหลัก พวกมันแค่ระดับเดียวกับราชันภูตผี

ดังนั้นอู่หมิงซวีจึงพบว่าการจัดการพวกมันหาได้ใช่เรื่องยากอันใดไม่

แน่นอน ว่าสัตว์ซึ่งรับหน้าที่คุ้มกันสถานที่แห่งนี้ย่อมไม่ใช่ง่ายรับมือ

กระทั่งว่าสังหารพวกมันไปแล้ว ก็ยังถือเป็ นเรื่องยากจัดการต่อ

ยกตัวอย่าง หลังตายแล้ว จระเข้ยักษ์ติดพิษจะปลดปล่อยพิษที่รุนแรง

ยิ่งขึ้นออกมา

ฉินหยุนและคณะตามหลังอู่หมิงซวีอย่างระมัดระวัง พวกเขาขณะนี้

รักษาระยะห่างจากอู่หมิงซวี โดยระยะห่างเป็นอู่หมิงซวีบอกต่อ

พวกเขา

อู่หมิงซวีแข็งแกร่ง เขาสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่าง

ฉับพลันได้ ดังนั้นด้วยเขาออกนําหน้า การเดินทางจึงปลอดภัย

มู่เฟิ งกล่าว “เป็ นเรื่องดีที่มีผู้อาวุโสอู่ร่วมทาง ไม่อย่างนั้น กระทั่งว่า

พวกเราทราบวิธีไปห้องสุสานหลัก ก็คงไม่มีทางไปถึงได้อย่าง

ปลอดภัยแน่! ที่แห่งนี้มีอันตรายซุกซ่อนในเงามืดมากมายเกินไป!”

สุ่ยเทียนสื่อหัวเราะ “เหมือนว่าราชันยุทธ์กลุ่มนั้นจะปรามาสสุสาน

เซียนจนเกินไป เป็นข้าไม่คิด ว่าพวกนั้นจะรอดกลับบ้านกันไปได้!”

“ผู้อาวุโสมู่ ราชันยุทธ์จากตําหนักจารึกเทวะท่านก็ด้วย หากเขาตาย

อย่างนั้นตําหนักจารึกเทวะของท่านไม่สูญเสียใหญ่หลวงหรือ?” สื่อ

ชิงเฉิงเอ่ยถาม

ด้วยเพราะอู่หมิงซวีนําหน้า พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลต่อเรื่องนี้ ดังนั้น

จึงกล้าพูดคุยสัพเพเหระ

มู่เฟิ งหัวเราะ “ราชันยุทธ์คนนั้นหาได้ใช่คนดีไม่! ต่อให้เขาตายไป

ตําหนักจารึกเทวะก็แค่ปวดใจชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น!”

ตําหนักจารึกเทวะคือขั้วอํานาจโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน

สูญเสียราชันยุทธ์ไม่นับเป็นอะไรสําหรับพวกเขานัก

ตู้ม!

เสียงดังสนั่น ฉับพลันมาจากทางด้านหน้า นี่ไม่ใช่อู่หมิงซวีโจมตี

ออก แต่เป็นกลุ่มก้อนเปลวเพลิงทองม่วงที่บินเข้ามาและระเบิดออก!

นับว่าโชคยังดี อู่หมิงซวีเป่ าลูกไฟนั่นทิ้งได้ทันเวลา

เปลวเพลิงระเบิดหายสิ้น เกิดขึ้นเป็นคลื่นความร้อนแทน ทําให้

ทางเดินกว้างขวางแห่งนี้ที่เดิมเย็นเยียบ กลับกลายเป็นร้อนระอุ

ตู้ม!

ลูกไฟทองม่วงอีกกลุ่มก้อนหนึ่งพุ่งมาอีกครั้งแล้ว!

อู่หมิงซวีร้องตะโกน “พวกเจ้ารักษาระยะห่างเอาไว้! ยิ่งเข้าใกล้

สุสานหลักยิ่งอันตราย!”

ฉินหยุนและคณะเร่งร้อนถอยร่นกลับไปอีก

สุ่ยเทียนสื่อพลันตะโกนดังขึ้น “ดูที่กําแพงหินนั่น!”

มันมีเปลวเพลิงทองม่วงทุกหนแห่ง อุโมงค์ทางเดินมืดมิดแห่งนี้

กลายเป็ นเรืองรองด้วยแสงทองม่วง ภายใต้แสงทองม่วง ภูตผีสัตว์

ร้ายปรากฏตัวอย่างฉับพลันทีละตัวบนผนังกําแพง

“นี่เรื่องบ้าอะไรกัน? ภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร?” มู่เฟิ ง

ร้องตะโกนถามด้วยความแตกตื่น

ฉินหยุนนึกถึงความสามารถเทวะทะลุทะลวง คิดว่านี่เป็นพลังอํานาจ

เหนือลํ้าอย่างหนึ่ง ที่ทําให้ภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านี้หลับใหลในกําแพง

และสามารถออกจากกําแพงหินได้

ภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านี้แตกต่างจากพวกที่อยู่ด้านนอก ร่างกายพวกมัน

ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงทองม่วง!

นับว่าโชคดี ฉินหยุนและคณะมียันต์สะกดวิญญาณในมือ ดังนั้นจึง

ไม่หวาดเกรงอันใดต่อภูตผีสัตว์ร้าย

มู่เฟิ งนํากระบี่ออกมา พุ่งทะยานเข้าสับฟันพวกมัน หลังจากสังหาร

ภูตผีสัตว์ร้าย ร่างของพวกมันระเบิดออก ส่งร่างหนักอึ้งของเขา

กระเด็นกลับจนกระแทกผนังกําแพง!

“ภูตผีสัตว์ร้ายทําลายจิตวิญญาณตัวเอง ระวังด้วย!” ฉินหยุนร้อง

ตะโกนก่อนจะหันไปยิ้มมองทางมู่เฟิ ง “ผู้อาวุโสมู่ ยังไหวหรือไม่?”

มู่เฟิ งเร่งรีบกลับมาข้างกายฉินหยุนและคณะ นํ้าเสียงหนักอึ้งกล่าว

ตอบ “ข้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า โดนแค่นั้นย่อมไม่เป็นไร แต่เจ้า

ไม่ใช่ เจ้าต้องระวัง!”

อู่หมิงซวีขณะนี้แทบไม่ว่าง ต้องรับมือกับแมงป่ องยักษ์อัคคีที่พ่นยิง

ลูกไฟออกมาไม่หยุด

แมงป่ องยักษ์อัคคีเหล่านี้ครอบครองเกราะหนา สามารถสกัดการ

โจมตีจากดาบต้นกําเนิดชวนสะพรึงของอู่หมิงซวีเอาไว้ได้

ฉินหยุนและพลพรรค ขณะนี้ถูกล้อมเอาไว้โดยภูตผีสัตว์ร้ายจํานวน

มาก

“ใช้ยันต์ฝน!” มู่เฟิ งกล่าวคําจบ เขานําเอายันต์จํานวนหนึ่งออกมา

ขว้างโยนพวกมัน จากนั้นยันต์จึงทํางาน นําพามาซึ่งสายฝนหนัก

หน่วงชะล้างเข้าใส่ร่างภูตผีสัตว์ร้ายที่ลุกไหม้เหล่านั้น

ยันต์ฝนคล้ายทํางานไม่ดีดังที่ควรเป็น

“ถอยก่อน!” ฉินหยุนตะโกน “ให้ข้าใช้ปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าเป่ าพวก

มันเอง!”

มู่เฟิ ง สื่อชิงเฉิง และสุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้ปลดปล่อยการโจมตีพลัง

ภายในแกร่งกล้า บีบบังคับให้ภูตผีสัตว์ร้ายอัคคีถอยทัพ เปิ ดเส้นทาง

ให้พวกตนได้ใช้ถอย

ถัดจากนั้น ฉินหยุนขว้างปายันต์สะกดวิญญาณ หยุดยั้งภูตผีสัตว์ร้าย

และทําให้เชื่องช้าลง

เมื่อออกมาห่างมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร ฉินหยุนนําเอาปื นใหญ่ราชัน

ลึกลํ้าออกมา และยิงเข้าใส่ฝูงภูตผีสัตว์ร้าย!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

นํ้ามันสัตว์ที่อัดแน่นภายในปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าทรงอํานาจ กระทั่ง

ภูตผีสัตว์ร้ายอัคคีก็ไม่อาจต้านทานได้ไหว หลังถูกโจมตีเข้าใส่ แก่น

วิญญาณของพวกมันระเบิดออก

ภูตผีสัตว์ร้ายอัคคีกว่าสิบตัวแหลกสลายในทันที เกิดขึ้นเป็นแรง

ระเบิดสั่นไหว เปลวเพลิงลุกโชน ระเบิดปะทุออกซึ่งคลื่นกระแทก

ไปยังสองด้านของเส้นทาง

สื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และมู่เฟิ งเร่งร้อนใช้พลังงานแกร่งกล้า ก่อเกิด

เป็นกําแพงหนาคุ้มกันฉินหยุนจากแรงกระแทก

ภูตผีสัตว์ร้ายกว่าสองร้อยตัวที่โผล่พรวดออกจากผนังกําแพงหิน

ขณะนี้ถูกฉินหยุนทําลายสิ้นในอึดใจ!

ทางด้านอู่หมิงซวีที่เพิ่งจัดการแมงป่ องยักษ์อัคคีที่ทรงพลังได้ เขาเอง

ก็ต้องประสบกับแรงระเบิดจากร่างของมัน

แรงระเบิดจากร่างแมงป่ องชวนสะพรึงยิ่งกว่า อํานาจรุนแรงของมัน

ผลักดันให้ฉินหยุนและคณะแทบต้องถอยถึงจุดเริ่มต้นของเส้นทาง

ในชั่วขณะนี้ เส้นทางเดินกลายเป็นอบอ้าว ผนังหินสีแดงร้อนแรง

เปรียบดั่งภายในเตาอบ

อู่หมิงซวีที่โดนแรงกระแทกไม่ต่างกัน จึงกลับมาถึงสถานที่ซึ่งฉิน

หยุนและพลพรรครออยู่

“ในที่สุดก็สังหารไอ้ตัวนั้นได้!” อู่หมิงซวีถอนหายใจ “ไม่นึกมาก่อน

เลย ว่าจะมีภูตผีสัตว์ร้ายมากมายขนาดนี้คุ้มกันสุสานหลักเอาไว้!”

“เป็นข้าสงสัย ว่าที่ด้านหน้าต่อไปอีกจะมีหรือไม่!” ฉินหยุนนึกย้อน

ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความหวาดกลัวย่อมเกาะกุม หากอู่หมิงซวีไม่ร่วม

ทางมาด้วย พวกเขาไม่มีทางสังหารแมงป่ องยักษ์อัคคีตัวนั้นได้แน่

“สมควรหมดสิ้นแล้ว ไปกันต่อดีกว่า!” อู่หมิงซวีหัวเราะ “เมื่อครู่

น่าจะเบิกเส้นทางเรียบร้อยแล้ว เดินเร็วขึ้นหน่อยก็แล้วกัน!”

หากตรงหน้าปลอดภัย พวกเขาย่อมเคลื่อนไหวรวดเร็วได้

เส้นทางแห่งนี้ยาวไกล หลังพวกเขาพ้นจากสถานที่ซึ่งต่อสู้กับภูตผี

สัตว์ร้ายอัคคี ขณะนี้ต้องเผชิญหน้ากับความเย็นเยือกและหมองหม่น

อีกครั้ง

หลังจากเดินกว่าครึ่งค่อนวัน ในที่สุดพวกเขาก็ถึงปลายทาง!

ที่สุดทาง มันคือประตูสีดําแดง

หัวสัตว์ทั้งสองตัวถูกประดับไว้บนประตูใหญ่ ตัวประตูแกะสลักไว้

ด้วยอักขระชวนขนลุก ทําให้ขณะมองมัน แทบไม่ต่างอะไรกับ

วิญญาณร้ายที่แยกเขี้ยวเข้าคิดกลืนกินคนที่หาญกล้าเข้าไป

“สุสานหลักอยู่ด้านใน!” เวลานี้ สีหน้าของอู่หมิงซวีเผยความ

เคร่งเครียด ความหวาดกลัวปรากฏร่องรอยที่ใบหน้า “ข้ารู้สึกว่า

ภายในสุสานหลักสมควรมีอะไรที่ชวนสะพรึงขนลุกอยู่!”

มู่เฟิ งเอ่ยถาม “อย่างนั้นแล้วพวกเราควรเข้าไปหรือไม่?”

อู่หมิงซวีตอบ “ในเมื่อมากันถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องเข้าไปดู!”

ประตูบานใหญ่สูงกว่ายี่สิบเมตร และตัวกลไกในการเปิ ดอยู่สูงขึ้น

ไป อู่หมิงซวีต้องลอยขึ้นกลางอากาศเพื่อเปิ ดประตู

“เปิ ดไม่ได้!” อู่หมิงซวีแข็งแกร่งมากลํ้า กระนั้นเขากลับไม่อาจเปิ ด

ประตู

เขาบินกลับลงพื้นและกล่าว “ฉินหยุน ให้ภูติน้อยตัวนั้นลองทําลาย

อักขระ ประตูนี้สมควรถูกอักขระผนึกเอาไว้!”

ฉินหยุนปลดปล่อยโมโมออกมา

โมโมพอออกมาแล้ว นางพิจารณาสิ่งตรงหน้า

หลังสํารวจประตูชั่วครู่ นางค่อยเอ่ยคํา “สิ่งนี้คือโทโทมผนึก!”

ทั้งมู่เฟิ งและอู่หมิงซวีเผยความแตกตื่น!

“โทเทมผนึก?” ฉินหยุนไม่เข้าใจ แต่ก็พอทราบได้ว่าเป็นอะไรที่

แข็งแกร่ง

“อย่างนั้นพวกเราควรเข้าไปหรือไม่?” มู่เฟิ งเอ่ยถาม

“หากสามารถทําลายเปิ ดมันได้ ก็ต้องเข้าไป!” อู่หมิงซวีมองทางโม

โมและเอ่ยถาม “ภูติน้อย เจ้าสามารถทําลายโทเทมผนึกได้หรือไม่?”

โมโมพยักหน้ารับ “ย่อมทําได้ แต่ต้องใช้เวลา! จะเริ่มงานเดี๋ยวนี้!”

อู่หมิงซวีเอ่ยคํา “โทเทมผนึก ถือเป็นผนึกที่แกร่งกล้าที่สุด! ปกติจะ

เอาไว้ใช้จองจําผู้คน โทเทมนี่คืออะไรกัน?”

“โทเทมอัคคีโบราณ! แต่มันไม่สมบูรณ์ ข้าไม่อาจพบเห็นอย่าง

กระจ่างชัดได้!” โมโมตอบกลับมา

ฉินหยุนกล่าวขึ้น “ตามปกติแล้ว สิ่งที่ยับยั้งโดยไฟ ย่อมเป็นนํ้าแข็ง

หรือไม่ก็ไม้!”

อู่หมิงซวีพยักหน้ารับ “ภูตผีสัตว์ร้ายที่พวกเราพบก่อนหน้านี้

ทั้งหมดร่างกายมีไฟติดลุกโชน! และเส้นทางนี้ก็เย็นเยือก เหมือนว่า

ร่างเซียนที่ผนึกเอาไว้ภายในจะครอบครองธาตุนํ้าแข็ง!”

ฉินหยุนและคณะเกิดความตระหนก ด้วยอาคมใหญ่ขนาดนี้ผนึกร่าง

เซียนเอาไว้ มันต้องเป็นอะไรที่ชวนโลกตื่นตะลึง

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม โมโมค่อยทําลายส่วนเล็กน้อยของอักขระโทเทม

ทําให้โทเทมผนึกทั้งหมดสูญเสียสภาพ

ฉินหยุนเก็บโมโมสู่มิติเก็บของ อู่หมิงซวีลอยขึ้นสู่ด้านบนและเปิ ด

ประตูออก!

ประตูเมื่อเปิ ดออกด้วยรอยแยกเพียงนิด คลื่นความเย็นเยือกก็โหมซัด

ออกมา

ฉินหยุนและคณะเร่งร้อนใช้พลังที่มีต้านทานความหนาวเย็น

ฉินหยุนครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์ เพราะเหตุนั้นแม้อยู่

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ก็ยังสามารถต้านทานความหนาวเย็นนี้เอาไว้

หากเป็นผู้อื่นที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับสามเช่นกัน พวกคงกลาย

สภาพเป็นนํ้าแข็งในพริบตา!

อู่หมิงซวีกลับลงมาที่พื้น สายตากวาดมองด้านใน

สุสานหลักสว่างไสว ราวกับใช้ก้อนนํ้าแข็งยักษ์แกะสลักขึ้น ทั้งสี่

ด้านปกคลุมด้วยนํ้าแข็งเรืองแสงสุกสว่าง

ห้องสุสานถูกล้อมไว้เป็นวงกลม กว้างเพียงไม่กี่สิบเมตร กล่าวได้ว่า

ค่อนข้างเล็ก

ที่ตรงกลางวงกลมของห้องสุสาน มันมีกล่องกลมสีดําสนิทกว้างราว

สองเมตรตั้งอยู่

“โลงศพในสุสานหลักช่างพิเศษนัก!” มู่เฟิ งกล่าวขึ้น “ด้านในสมควร

เป็นร่างเซียน!”

ฉินหยุนกล่าว “ในเมื่อคนผู้นั้นถูกผนึก อย่างนั้นก็ไม่มีวัตถุในพิธีฝัง

ศพสินะ?”

อู่หมิงซวีก้าวเดินออกนําหน้า สํารวจมองกล่องทรงกลม “ทางด้านนี้

ก็มีผนึก! แต่หนาวเย็นเกินไปที่จะให้ภูติน้อยนั่นออกมาได้!”

คําพอกล่าวจบ เขาจึงใช้ดาบต้นกําเนิดสับฟันต่อเนื่องที่โลงศพ เกิด

เป็นเสียงดังปะทะอยู่หลายครั้ง

“ผู้อาวุโสอู่ ท่านสามารถเปิ ดมันได้หรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ไม่น่ามีปัญหา แค่ต้องใช้เวลา!” อู่หมิงซวีทําการโจมตีใส่โลงศพ

ทรงกลมนั้นอย่างต่อเนื่อง

ฉินหยุนและคณะหลบอยู่ไกลออกไป หากโลงนั่นถูกทําลาย ร่าง

เซียนภายในที่จะปรากฏย่อมต้องแกร่งกล้า

“ผู้อาวุโสอู่ระวังด้วย!” มู่เฟิ งขมวดคิ้วและกล่าวเสียงเบา “ชัดเจนว่า

กล่องทรงกลมนั่นคือโลงศพ สิ่งที่อยู่ภายในต้องแข็งแกร่งยิ่ง!”

หลังสับฟันเป็นชุดโจมตีต่อเนื่อง ฝาโลงในที่สุดค่อยขยับเล็กน้อย

ชั่วเวลานี้อู่หมิงซวีแทรกดาบเข้าที่รอยแยก ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดคิด

เปิ ดมันออก

“เพราะผ่านกาลเวลายาวนาน พลังของผนึกจึงอ่อนลงไปมาก!” อู่

หมิงซวีหัวเราะ

เพียงกล่าวคําจบ ฝาโลงก็กระเด็นออกแล้ว

มันเปิ ดออกแล้ว!

“เข้ามารับชมร่างเซียน!” อู่หมิงซวีตะโกนด้วยความยินดี

ฉินหยุนและคณะรวบรวมความกล้า ก่อนจะพุ่งทะยานร่างเข้าไป

ใกล้




ตอนที่ 458 เซียนสาว

ฉินหยุนมองไป อดไม่ได้ที่จะเผยความตื่นตะลึง

ที่นอนในโลงศพทรงกลม เป็นหญิงสาวงดงาม ดวงตาของนางหลับ

คล้ายคนที่กําลังนอนอยู่

หญิงสาวสวมใส่ชุดสีขาว ทั้งร่างกายของนางปกคลุมด้วยแสงขาว

เงิน ราวกับนางถูกปกคลุมด้วยพลังภายในเซียนเรืองรอง

ข้างกายนางมีของหลายสิ่ง เป็นตําราและกล่องขนาดเล็ก

ฉินหยุนหยิบตําราขึ้น พลิกหน้ากระดาษ พบว่ามันเกี่ยวข้องกับแผน

ที่หลุมฝังเซียน เขาเอ่ยคํา “ข้าต้องการตํารานี้!”

มู่เฟิ ง สื่อชิงเฉิง และสุ่ยเทียนสื่อ หาได้แตะต้องวัตถุภายใน เพราะ

มันเป็นสิ่งที่มีแต่ฉินหยุนและอู่หมิงซวีจึงมีสิทธิ์

อู่หมิงซวีมองที่ตํารา “เหมือนจะเกี่ยวข้องกับแผนที่หลุมฝังเซียน ไม่

มีอันใดให้ข้าใช้ได้อยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าเก็บไว้ได้เลย!”

“ในขวดเล็กนี่ สมควรเป็นเม็ดยาแล้ว!” อู่หมิงซวีเปิ ดขวดหยกและ

ยิ้มกว้าง “เป็นโอสถลํ้าค่า แต่ไม่มั่นใจว่าเป็นประเภทใด ดังนั้นให้

ฉินหยุนรับไว้พร้อมยิ้มตอบ “ขอบคุณผู้อาวุโสอู่!”

อู่หมิงซวีหยิบหินสีขาวจํานวนหนึ่งขึ้นมา “นี่เหมือนจะเป็นวัตถุ

สําหรับใช้ทําอาวุธ นี่ก็ให้เจ้าแล้วกัน!”

ฉินหยุนรับไว้ ตระหนักว่าภายในมีพลังงานพิเศษ ทําเอาเขานึกถึง

พระราชวังที่ดวงจันทร์ มันเต็มไปด้วยพลังเซียน

“นี่เหมือนจะเป็นเคล็ดวิชาจารึก!” อู่หมิงซวีหยิบแผ่นหนังสัตว์ขึ้นมา

และกางออกให้ฉินหยุนรับชม

“อักขระจันทรา!” ฉินหยุนพบว่านี่คุ้นเคยนัก ดังนั้นจึงกล่าว “ข้าให้

ท่าน!”

อู่หมิงซวียิ้มตอบ “ยินดีรับไว้!”

ฉินหยุนนําแผ่นหนังสัตว์อีกผืนออกมา มันเป็นภาพวิหคอัคคี

“สิ่งนี้คือโทเทมนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์!” อู่หมิงซวีเผยความ

ประหลาดใจ “แท้จริงมันถึงกับอยู่ที่นี่!”

“ข้าต้องการมัน!” ฉินหยุนตอบ

“ก็นะ อย่างไรแล้วโทเทมนี่ก็ไม่ได้กระจ่างชัดอะไร” อู่หมิงซวีละ

ความสนใจ

พวกเขารื้อค้นกันอยู่อีกพักหนึ่ง พบว่าไม่มีอื่นใดแล้ว หาได้มี

อุปกรณ์เซียนในตํานานหรืออะไรเช่นนั้นไม่

ฉินหยุนกล่าวขึ้น “เหมือนว่าจะมีของน้อยนิดนัก!”

อู่หมิงซวีหัวเราะ “อย่าโลภนัก! อย่างน้อยหญิงสาวผู้นี้ก็ยังไม่ได้ตื่น

ขึ้น ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่ได้รับอันใดแล้ว!”

“หินพวกนั้น น่าจะเป็นวัสดุสําหรับใช้ขัดเกลาสมบัติเซียน! และเม็ด

ยาพวกนั้น ก็ควรเป็นเม็ดยาเซียน หากเจ้ากินเข้าไป ย่อมช่วยให้

ความคืบหน้าก้าวทะยาน!”

ฉินหยุนมองหญิงสาวที่หลับใหลและกล่าว “พี่สาวซาลาเปาม่วง ดู

นางสิ ใบหน้าของนางค่อนข้างกลมไม่น้อย! นี่สมควรง่ายแก่การ

หยิก ให้ข้าได้ลองหยิกดูสักทีหนึ่ง!”

คําพอกล่าวจบ มือของเขาก็ยื่นเข้าไปหยิกใบหน้าหญิงสาวแล้ว

ขณะมือยื่นไปหยิกที่แก้มอ่อนนุ่มอีกฝ่ าย นางพลันเบิกตาโพลง

อากาศเย็นเยือกทะลักออก อุณหภูมิในที่แห่งนี้ถึงกับลดตํ่าลงรวดเร็ว

กระทั่งสุ่ยเทียนสื่อและผู้อื่นที่เหลือ ยังต้องตัวสั่นเพราะความหนาว

เย็น

ฉินหยุนตื่นตะลึง เพราะเขารู้สึกว่ามือนี้ถูกดูดเข้าหาใบหน้าของหญิง

สาว เป็นเขาชักมือตนเองกลับไม่ได้!

ครืน!

ฉินหยุนพบว่าที่แขนซ้าย ขณะนี้ วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีกําลัง

คํารามร้องออกพร้อมราชสีห์สวรรค์ พวกมันคิดต้านทานความ

หนาวเย็นที่แทรกเข้าสู่ร่างกายฉินหยุน

“เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ดวงตาหญิงสาวเปี่ ยมด้วยความเย็นเยือกไร้สิ้นสุด ราวกับนางสามารถ

แช่แข็งผู้อื่นได้เพียงแค่การมอง นํ้าเสียงของนางเย็นเยือกถึงกระดูก

ด้วยจิตสังหาร ทําเอาทั้งร่างฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะสั่นออก

ฉินหยุนสาปแช่งตนเอง ที่เกิดมีมือคิดอยากท้าทายอํานาจ ชั่วขณะนี้

เขาคิดอยากดึงมือกลับ พบว่าไม่อาจทําได้

หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง คว้าลําคอของฉินหยุนเอาไว้ พร้อมกันนี้ นาง

ผลักฝ่ ามือไปที่ร่างของอู่หมิงซวีที่คิดโจมตีใส่ ฝ่ ามือนี้เปี่ ยมด้วยพลัง

เย็นเยือกรุนแรง มันควบแน่นเกิดขึ้นเป็นดาบสองเล่ม แทงทะลุไหล่

ทั้งสองข้างของอู่หมิงซวี

จากนั้นร่างอีกฝ่ ายจึงถูกปักไว้กับผนังนํ้าแข็ง

พละกําลังของอู่หมิงซวีกล่าวได้ว่าน่าสะพรึงแล้ว กระนั้นเขายังถูก

หญิงสาวผู้นี้สะกดไว้ได้ในฝ่ ามือเดียว!

“พี่สาวเซียน ข้าขออภัย ข้าไม่ควรหยิกใบหน้าของท่าน!” ลําคอฉิน

หยุนเย็นเยือกขณะโดนคว้าเอาไว้ พลังงานเย็นเยือกไหลซึมเข้าสู่ร่าง

เขา ราวกับมันกําลังคิดแช่แข็งทั้งร่าง

หญิงสาวสะบัดฝ่ ามือ ปล่อยร่างฉินหยุนกระเด็นไปด้านข้าง จากนั้น

นางจึงมองสุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิง จากนั้นค่อยมองทางมู่เฟิ ง

“เจ้าเปิ ดสุสานหรือ?” หญิงสาวหันมองทางอู่หมิงซวีที่อยู่ไกลออกไป

พลางสะบัดมือออก ละลายดาบนํ้าแข็งสองเล่มนั้นหายวับ

ที่น่าตื่นตะลึงกว่า คือดาบนํ้าแข็งที่ละลายทั้งสองเล่ม กลับมีพลังใน

การรักษา ทําให้บาดแผลของอู่หมิงซวีเลือนหาย

พลังของหญิงสาวผู้นี้ชวนตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!

เขาไม่ทราบว่าเหตุใดหญิงสาวที่เมื่อครู่มีโทสะ ขณะนี้ใจเย็นลงมาได้

“พวกเราทําเอง! ท่านถูกผนึกไว้หรือ?” ใบหน้าของอู่หมิงซวีเปี่ ยม

ด้วยความกลัวขณะกล่าวถาม

หญิงสาวถามกลับ “พวกเจ้านําสิ่งของรอบกายข้าไปหรือ?”

ฉินหยุนโพล่งตอบขึ้น “พวกเราคืนให้แก่ท่านได้!”

“ไม่จําเป็น ล้วนเป็นของไร้ค่า!” หญิงสาวตอบกลับเฉยชา

นางก้าวเดินออก หยุดตรงหน้าฉินหยุน มองแขนราชสีห์สวรรค์

นํ้าเสียงเย็นเยือกเอื้อนเอ่ย “ไม่นึกเลยว่ามนุษย์จะสามารถได้รับ

มรดกของราชสีห์สวรรค์!”

“เอ่อ… เป็นโชคขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

“โชค?” หญิงสาวแค่นเสียง

ฉินหยุนรู้สึกหวาดกลัวเพราะสายตาเย็นเยือกของหญิงสาว นี่ก็เพราะ

เมื่อหญิงสาวมองที่เขา สายตาของนาง มันเปี่ ยมด้วยความเกลียดชัง

และโทสะ

“พี่สาวเซียน ข้าต้องขออภัยสําหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ข้าไม่ได้

มีเจตนา…” ฉินหยุนยังไม่ทันกล่าวคําจบ หญิงสาวก็คว้าคอของเขา

เอาไว้อีกครั้ง

ใบหน้างดงามของหญิงสาวสั่นเล็กน้อย นํ้าเสียงโกรธเกรี้ยวกล่าว

ออก “ข้าคิดอยากหักคอเจ้านัก!”

กล่าวคําจบ นางปล่อยฉินหยุนลงกับพื้นอีกครั้ง

ผู้พบเห็นกล้าบอกกล่าว ว่าโทสะของหญิงสาวต่อฉินหยุน มันไม่ใช่

เพราะเรื่องที่ฉินหยุนหยิกใบหน้าของนาง!

นี่ก็เพราะความเกลียดชังในสายตาของนาง มันไม่ใช่อะไรที่เพิ่งเกิดขึ้น

ชั่วครู่ชั่วคราว มันเป็นความเกลียดชังลึกลํ้าที่สะสมผ่านเวลานานนับ

ฉินหยุนขณะนี้นึกอะไรขึ้นได้ ครั้งไปยังพระราชวังที่ดวงจันทร์

ท่านยายผู้นั้นบอกต่อเขา ว่าเขาคือราชันเซียนในชาติภพก่อน

เขาเกิดสงสัยขึ้นมา ว่าราชันเซียนนั้นอาจเคยมีเรื่องกับหญิงสาวผู้นี้

แน่นอนว่า เขายังไม่มั่นใจว่าตนคือราชันเซียนในชาติภพก่อนหรือไม่

ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวโทษอะไรต่อใครได้

“ที่นี่คือแดนยุทธ์อ้างว้าง?” หญิงสาวเอ่ยถาม

“ขอรับ!” ฉินหยุนตอบกลับทันควัน เขาไม่ทราบว่าตนรู้สึกถูกหรือไม่

แต่เขาคิด ว่าแม้หญิงสาวเกลียดชังเขา ก็ไม่ได้มีเจตนาสังหารแม้แต่

น้อย

หญิงสาวสูดลมหายใจเบา อากาศเย็นรอบข้างหายวับ กระทั่งผนัง

นํ้าแข็งที่เรืองรอง ยังกลายเป็นหมอกสีขาว กลับคืนเข้าสู่ร่างของ

หญิงสาว

ผนังนํ้าแข็งเลือนหาย ห้องกลับกลายเป็นมืด ทว่าเพียงไม่นาน ร่าง

ของหญิงสาวก็สาดส่องด้วยแสงขาว ส่องสว่างให้แก่ห้องสุสานนี้!

ฉินหยุนและคณะพบเห็นทันที ว่าผนังทั้งสี่ด้านแกะสลักเอาไว้ด้วย

นกกระจอกเก้าสวรรค์!

“พี่สาวเซียน โทเทมที่แกะสลักบนผนัง ใช้เพื่อผนึกท่านหรือขอรับ?”

ฉินหยุนหาญกล้าเอ่ยถามขึ้น

“นกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์ เป็นเทพอัคคีแห่งวิญญาณดวงตะวัน!

ข้าครอบครองธาตุนํ้าแข็ง จึงหวาดกลัวต่อสิ่งนี้ กระนั้น หลังผ่าน

การเยือกแข็งมานานหลายปี พลังของสุสานจึงค่อยเลือนราง” หญิง

สาวกล่าวตอบอย่างเย็นชา

ฉินหยุนขณะนี้มั่นใจ ว่าไข่มุกวิญญาณดวงตะวันที่ตนได้รับมาเป็น

ไข่ ภายในสมควรเป็นนกกระจอกเก้าสวรรค์แล้ว!

“สถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไร?” หญิงสาวมองทางอู่หมิงซวี

เพราะอู่หมิงซวีถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในที่นี้

“ข้าย่อมไม่ทราบ เป็นข้ามีส่วนร่วมก่อสร้างสุสานแห่งนี้ และถูกผนึก

เอาไว้โดยความผิดพลาด เป็ นเจ้าหนูนี่ช่วยเหลือข้าเอาไว้!” อู่หมิงซวี

หันมองทางฉินหยุน

“สถานการณ์ภายนอก ข้าไม่อาจกล่าวได้อย่างมั่นใจนัก!” ฉินหยุน

เกาศีรษะ “ภายนอกตอนนี้สมควรเรียกว่ายังอยู่ดี ทั่วทั้งแดนอ้างว้าง

ยังคงมีเสถียรภาพ และยังไม่มีเรื่องใหญ่อันใดเกิดขึ้น!”

หญิงสาวแค่นเสียง นํ้าเสียงเย็นชาเอ่ยถาม “เก้าดวงตะวันยังอยู่บน

ท้องฟ้า?”

ฉินหยุนเร่งรีบพยักหน้า “ขอรับ ยังคงมีอยู่!”

“ดูเหมือนผนึกนี่จะไม่ได้ผ่านมานานนัก เก้าดวงตะวันถึงกับยังคงอยู่

กลางท้องฟ้า!” ใบหน้าของหญิงสาวเปี่ ยมด้วยความตื่นตะลึงขณะ

กล่าวกับตนเองเสียงเบา

ตอนอู่หมิงซวีพบฉินหยุนและคณะ เขาได้สอบถามว่าเก้าดวงตะวัน

ยังคงอยู่หรือไม่ นี่ถือเป็นคําถามเดียวกัน

มู่เฟิ งเอ่ยคําขึ้น “ขณะนี้ถือเป็นช่วงสิ้นสุดยุคที่เก้า!”

อู่หมิงซวีและหญิงสาว ต่างเผยความตื่นตะลึงกันออกมา

“ผู้อาวุโสอู่ มีอะไรหรือ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

อู่หมิงซวีตอบ “หนึ่งยุคคือหนึ่งหมื่นปี สุสานนี้สร้างขึ้นในช่วง

เริ่มต้นยุคที่แปด ขณะนี้ถึงช่วงสิ้นสุดยุคที่เก้า นี่เป็ นเวลาเกือบสอง

หมื่นปี ! ตามคําทํานาย ตอนแรกเริ่มยุคที่เก้า เมื่อเก้าดวงตะวันร่วง

หล่นสู่พื้นดิน เก้าแดนอ้างว้างจะปกคลุมด้วยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์

และจะค่อยหยุดเผาไหม้ก็ตอนช่วงสิ้นสุดยุคที่เก้า!”

ใบหน้าของหญิงสาวเกิดความสงสัยเผยออก นางกล่าวคํา “มันไม่ใช่

คําทํานาย แต่เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น! เมื่อเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์หยุดลง

เก้าดวงตะวันใหม่จะถือกําเนิดในเก้าแดนอ้างว้าง และค่อยนับยุคเก้า

ดวงตะวันใหม่อีกครั้งหนึ่ง!”

ฉินหยุนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปได้มาก เพราะเก้าสวนโบราณถูกสร้าง

ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเก็บรักษาวิญญาณเก้าตะวัน กระนั้น ตอนนี้เขากลับ

ได้รับวิญญาณดวงตะวันมาแล้ว!

ฉินหยุนพบว่า เรื่องราวของโลกเก้าตะวันเป็ นเรื่องราวซับซ้อนยาก

เข้าใจ

อู่หมิงซวีกล่าว “ขณะนี้ เหมือนว่ายุคของเก้าดวงตะวันยังไม่ไปถึง

จุดสิ้นสุด!”

“ข้าคิดอยากออกไปรับชม!” หญิงสาวเผยความร้อนใจ เร่งรีบออก

จากห้องสุสานแทบในทันที

ฉินหยุนและคณะตามติดด้านหลัง

อู่หมิงซวีและคณะ ต่างก็สงสัยถึงตัวตนของหญิงสาว ตามตํานานเล่า

ขาน หญิงสาวผู้นี้สมควรเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเซียน ทว่านางกลับ

ถูกผนึกเอาไว้ที่นี่

เพียงไม่นานพวกเขาก็กลับมาถึงห้องโถง ที่นี่ขณะนี้ยังไม่มีผู้ใด

กลับมา

หญิงสาวเดินออกจากห้องโถงสู่ภายนอก มองที่เก้าดวงตะวันบน

ฟากฟ้า คิ้วนางขมวดและกล่าวคํา “เก้าดวงตะวันยังมีกําลังแกร่งกล้า

ไม่มีสัญญาณการร่วงหล่น นี่เกิดอะไรขึ้นกัน?”

“ที่นี่เป็นเพียงเขตแดนอ้างว้าง ควรออกไปรับชมที่ภายนอกอีกที

หนึ่ง!” อู่หมิงซวีกล่าวขณะบินขึ้นเหนือพื้นผิวทะเลสาบ มุ่งหน้าสู่

สะพาน

หญิงสาวตามติดด้านหลังโดยไม่กล่าวคําใด นับตั้งแต่แรกจนถึง

ตอนนี้ นางยังคงมองฉินหยุนด้วยความเกลียดชัง

ฉินหยุนสบถภายในต่อราชันเซียนที่คล้ายคลึงตนเอง เขามั่นใจว่า

เซียนสาวตรงหน้า ขณะนี้มองเขาเป็นตัวแทนราชันเซียนไปแล้ว

ไม่นาน พวกเขาค่อยมาถึงที่ตั้งของสะพานที่พังทลาย

หงหยิง แม่เฒ่าตู้ และผู้อื่นที่เหลือล้วนยังอยู่ดี พวกเขายินดีนักที่ได้

เห็นฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงยังอยู่รอดปลอดภัย

พวกเขายังได้เห็น ว่ามีอู่หมิงซวีและหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่แข็งแกร่ง

ยิ่ง!

อู่หมิงซวีเพียงลําพัง ส่งถ่ายพลังสู่สะพานที่พังทลาย เปิ ดเส้นทางออก

ฉินหยุนและคณะล้วนถอนหายใจโล่งอก เพราะในที่สุดพวกเขาก็จะ

ได้ออกจากเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนกันเสียที

พอออกสู่ภายนอก หญิงสาวมองขึ้นที่เก้าดวงตะวันบนท้องฟ้า นาง

สามารถสัมผัสได้ว่าพวกมันยังร้อนแรงเพียงใด!

“เจ้า ตามข้ามา!” หญิงสาวคว้าร่างฉินหยุนวูบหาย!

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองเกิดความกังวลเข้าเกาะกุม

“ผู้อาวุโสอู่ รีบไล่ตามพวกเขา!” สื่อชิงเฉิงเร่งร้อนร้องขอ

“อย่าได้กังวล หญิงสาวผู้นั้นหาได้มีเจตนาทําร้ายฉินหยุน นี่ต้องเป็น

เพราะมีอะไรบางอย่างในร่างฉินหยุนดึงดูดต่อนาง และนางก็มี

เจตนาที่ดี!” อู่หมิงซวีตอบกลับมา




ตอนที่ 459 นครโบราณยุทธ์เต๋า

ฉินหยุนถูกพาบินไกลออกไปโดยเซียนสาว ทว่าก็ยังอยู่ภายในเทือกเขา

เมฆมังกร

ที่ทําเขากดดันที่สุด คือไม่ว่าจะถามอะไรไป หญิงสาวก็หาได้ตอบ

กลับแต่อย่างใด

หญิงสาวคว้าตัวฉินหยุนเอาไว้ บินไปรอบเทือกเขาเมฆมังกร ไม่

ทราบว่านางคิดไปที่ใด

“พี่สาวเซียน ท่านคิดพาข้าบินถึงเมื่อไหร่?” ฉินหยุนอดไม่ได้จนต้อง

ถามออก “นี่ถือเป็นการบินวนแล้ว ท่านคิดไปที่ใดย่อมไป อย่าได้

บินวนแล้ว เป็นข้าเวียนหัวจนคิดอาเจียน!”

เขาแทบไม่คิดอยากเรียกหญิงสาวตรงหน้าเป็นเซียน แม้ว่านางงดงาม

ดั่งเซียน แต่บางสิ่งภายในจิตใจของนางต้องผิดปกติอย่างแน่นอน

นางพาเขาบินบนฟ้าเป็นวงกลมมาหลายรอบแล้ว

“พูดอีกคําหนึ่ง ข้าจะโยนเจ้าลงไป!” หญิงสาวเผยนํ้าเสียงมีโทสะ

ทว่าเย็นชา

“โยนลงเลย!” ฉินหยุนตะโกนตอบ

หญิงสาวโยนร่างเขาลงจริง

ฉินหยุนกลายเป็นยินดี คิดใช้โอกาสนี้หลบหนี แต่แล้ว เพียงไม่นาน

เขาก็ถูกหญิงสาวจับตัวไว้อีกครั้ง

“เจ้านี่มัน!” หญิงสาวคว้าร่างฉินหยุนเอาไว้ ยกมือขึ้น จากนั้นตบที่

ใบหน้าเขาไปฉาดหนึ่ง ทว่า ก็ไม่ใช่การตบรุนแรงแต่อย่างใด เป็น

เขาไม่ทราบว่านางมีโทสะอันใดกันแน่

ดวงตางดงามคู่นั้นของนาง เวลานี้เปี่ ยมด้วยความเกลียดชัง เผยออก

ผ่านสีหน้าซับซ้อน

ฉินหยุนสบถต่อราชันเซียนอยู่ภายใน เขาคงไปหักอกหญิงสาวคนนี้

เข้า กระนั้น เขาก็คือฉินหยุน หาได้ใช่ราชันเซียน เขาไม่สมควรต้อง

มาแบกรับเรื่องราวตรงนี้

หญิงสาวมองที่เก้าดวงตะวันซึ่งห่างไกลออกไปและกล่าว “ไว้ฟ้ามืด

แล้วข้าจะไป!”

นางพาฉินหยุนไปมุมหนึ่งของยอดเขา สํารวจมองดวงอาทิตย์อัสดง

ที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาเปี่ ยมด้วยความทรงจําไหลผ่านสีหน้าคะนึง

หา

“เจ้านามฉินหยุนใช่หรือไม่?” หญิงสาวเอ่ยถาม นํ้าเสียงนี้ไม่เย็นชา

อีกต่อไปแล้ว

“ถูกต้องแล้วพี่สาวเซียน ท่านเล่า?” ฉินหยุนถามกลับ

“ปิ งชิง!” กล่าวคําจบ นางมองเข้าที่ดวงตาฉินหยุน และเอ่ยถามอย่าง

จริงจัง “เจ้าลืมเรื่องข้าไปหมดสิ้นแล้วหรือ?”

หัวใจฉินหยุนเต้นรัว เพราะเขาคาดเดาได้หลายส่วนแล้ว ราชันเซียน

ที่เป็นชาติภพก่อนของเขา คงต้องรู้จักหญิงสาวผู้นี้เป็นแน่

“พี่สาวปิ งชิง… เป็นข้าไม่เข้าใจคําพูดท่าน”

ปิ งชิงหลับตา ถอนหายใจและตอบคํา “ลืมไปก็ดี!”

ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงอ่อน “พี่สาวปิ งชิง ท่านพาข้าออกไปจากเทือกเขา

เมฆมังกรได้หรือไม่?”

ปิ งชิงหาได้ตอบกลับ ขณะนี้นางมองที่ท้องฟ้ายามคํ่าคืน จนกระทั่ง

ได้เห็นดวงดาวมากมายปรากฏ คิ้วที่ขมวดคิ้วค่อยคลายออก สีหน้า

เย็นชาค่อยเผยรอยยิ้มอ่อนโยน

“ย่อมได้!” กล่าวคําจบ นางคว้าฉินหยุนพร้อมบินขึ้นฟ้า “เจ้าคิดไปที่

ใด?”

ฉินหยุนเกิดความยินดี บ่งชี้ทิศทางแก่นาง

ปิ งชิงเร่งรีบบินไปยังทิศทางดังกล่าว


“เมื่อข้าถูกปลดปล่อย จักรพรรดิเซียนย่อมต้องทราบ! อีกไม่นานต้อง

มีคนจากแดนวิญญาณอ้างว้างมาเยือน พวกมันจะพบว่าผู้ใดปลดปล่อย

ข้า ดังนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดี!” ปิ งชิงปล่อยฉินหยุนลงกับพื้น จากนั้น

จึงมองเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าซับซ้อน

ฉินหยุนเกิดความสงสัย ว่าราชันเซียนไปทําอย่างไรจึงพบพานนาง

ได้ และทําอย่างไรจึงทําให้หัวใจนางแหลกสลายจนเผยสีหน้าเช่นนี้

ปิ งชิงมองฉินหยุนด้วยสีหน้าซับซ้อนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นค่อยยื่นมือ

สัมผัสที่ใบหน้าฉินหยุน ครานี้ มือของนางอบอุ่นและอ่อนโยน

ภายในใจฉินหยุนกลายเป็นเกิดความหวาดกลัว เขาเป็นกังวล ว่านาง

จะสังหารเขาเพื่อคลายความซับซ้อนทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น

“ลาก่อน!” อย่างกะทันหัน แสงสว่างเจือจางสีขาวหลุดลอยจากร่าง

ปิ งชิง ชุดขาวของนางพลิ้วกับสายลม ปลดปล่อยออร่าเย็นเยือก ออร่า

ของนางสมกับที่เป็นเซียน ทั้งยังงดงามอย่างยิ่ง

นางมองท้องฟ้าดาราพรายที่เปี่ ยมด้วยแสงดาว จากนั้นจึงบินขึ้นสูงสู่

ท้องฟ้า เปรียบดั่งอุกกาบาตสีขาวที่เป็นประกาย!

“เฮ้อ…” ฉินหยุนเดิมคิดอยากถามอะไรอีก ทว่าปิ งชิงก็จากไปไกล

แล้ว

“ลาก่อนงั้นหรือ?” เขาพึมพํา “นางไปที่ใดกัน? เราดูเหมือนราชัน

เซียนขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่าชาติภพก่อนเราเป็นราชันเซียนจริง?”

เขาถอนหายใจ ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เขาก็ยังคงก่นด่าต่อราชันเซียนอยู่

ภายใน ที่ทําให้เขาต้องเผชิญเรื่องราวยุ่งยากเช่นนี้

ฉินหยุนนึกถึงใบหน้าของปิ งชิงที่บอกลา เขารู้สึกโศกเศร้าอย่างไม่

ทราบสาเหตุ จนถึงต้องส่ายหัว ขณะนี้เขาต้องเร่งรีบกลับไปยังประตู

ลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์!

ผ่านเดินทางต่อเนื่องกว่าสิบวัน ฉินหยุนค่อยกลับมาถึงประตูลึกลํ้า

เก้าสมบูรณ์!

เว่ยจงเจิ้งพอได้ทราบว่าฉินหยุนเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย เขา

ค่อยโล่งใจขึ้นมาก ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมา ว่าสื่อชิงเฉิงได้มี

ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งติดสอยห้อยตาม สร้างความประทับใจแก่ผู้คน

เอาไว้มาก ตอนนั้นเขาก็คาดเดาได้แล้วว่าเป็นฉินหยุน

เว่ยจงเจิ้งวันนี้สวมใส่ชุดคลุมสีแดงร้อนแรง กําลังฝึกฝนอยู่กลาง

สวน เขายิ้มกล่าว “เสี่ยวหยุน เขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนเป็นเช่น

ไร? ได้เข้าไปหรือไม่?”

ฉินหยุนพอกลับมาถึง เขาเข้าพบเว่ยจงเจิ้งในบ้านพัก ขณะนี้นั่งลงที่

เก้าอี้หินกลางศาลาในสวน และกล่าวตอบเสียงเบา “นอกจากราชัน

ยุทธ์หงหยิง ราชันยุทธ์ผู้อื่นไม่อาจกลับมา!”

เดิมเว่ยจงเจิ้งยิ้ม ขณะนี้กลับกลายเป็นแตกตื่น “อย่างนั้นเจ้ากลับมา

ได้อย่างไร?”

“เรื่องราวยาวมากขอรับ!” ฉินหยุนยังอยากทราบ ว่าขณะนี้อู่หมิงซวี

และคณะอยู่ที่ใด

เขาเร่งรีบส่งพิราบสื่อสาร ส่งข้อความไปยังหุบเขาลึกลํ้าจันทรา

จากนั้น เว่ยจงเจิ้งจึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยคร่าว

“ดูเหมือนข่าวลือเมื่อไม่กี่วันก่อนจะเป็นจริง! อย่างกะทันหัน กลุ่ม

คนแกร่งกล้าได้ปรากฏกันคนแล้วคนเล่า พวกเขามาผ่านทางค่าย

อาคมเคลื่อนย้าย กล่าวกันว่ากลุ่มคนเหล่านั้นแข็งแกร่ง ทว่าบาดเจ็บ

หนัก ขณะนี้หลบซ่อนตัวตนอยู่ภายในสํานักราชันที่ยิ่งใหญ่แห่ง

หนึ่ง!” เว่ยจงเจิ้งคิ้วขมวด

“พวกเขามาจากแดนวิญญาณอ้างว้างหรือขอรับ?” ฉินหยุนนึกย้อน

ถึงสิ่งที่ปิ งชิงบอกต่อเขา

เว่ยจงเจิ้งพยักหน้ารับ “เป็นไปได้มาก! พวกเขามาจากแดนวิญญาณ

อ้างว้าง การเดินทางเป็ นเรื่องยากเย็น ดังนั้นพวกเขาจึงบาดเจ็บกัน

ถ้วนหน้า ส่วนเรื่องว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด ข้าไม่มั่นใจ แต่อย่าง

น้อยก็ต้องราชันยุทธ์!”

“แดนยุทธ์อ้างว้างมีพลังอํานาจพิเศษคอยจํากัดความแข็งแกร่ง

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจส่งคนระดับการฝึกฝนสูงลํ้าข้ามมาได้!”

ฉินหยุนพบว่าเรื่องนี้แปลก ปิ งชิงนั้นแกร่งกล้า ทว่านางกลับสามารถ

ไปไหนมาไหนอย่างอิสระในแดนยุทธ์อ้างว้าง ฉับพลันเขาค่อยเข้าใจ

ว่าเหตุใดปิ งชิงจึงเร่งรีบจากไป ก็เพราะเป็นไปได้ว่านางจะถูกโจมตี

จากพลังอํานาจที่จํากัดแดนยุทธ์อ้างว้างเอาไว้

ผู้อาวุโสที่สอง ขณะนี้เร่งรีบเดินมาพร้อมจดหมายในมือ ส่งมันต่อ

ให้แก่เว่ยจงเจิ้งและกล่าว “จ้าวสํานัก นี่เป็นจดหมายจากตําหนัก

จารึกเทวะ!”

เว่ยจงเจิ้งรับมันไว้ เปิ ดออกอ่าน พิจารณาจนเกิดความประหลาดใจ

ไม่น้อย คิ้วขณะนี้ขมวด “นครโบราณยุทธ์เต๋าเปิ ดออกแล้ว!”

ผู้อาวุโสที่สองเอ่ยถามด้วยความตระหนก “พวกเขาเชื้อเชิญศิษย์พวก

เราเข้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า?”

“ถูกต้อง นี่เป็นจดหมายเทียบเชิญ! เป็นการเชิญต่อพวกเรา ให้ศิษย์

ของประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ไปยังนครโบราณยุทธ์เต๋า!” เว่ยจงเจิ้ง

มองทางฉินหยุนและกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าสามารถไปได้!”

“นครโบราณยุทธ์เต๋า? มันคืออะไรกันขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วย

ความงุนงง

เว่ยจงเจิ้งอธิบาย “มันเป็นเมืองโบราณเก่าแก่ ตลอดมาได้ตําหนัก

จารึกเทวะคุ้มกันเอาไว้!”

“นครโบราณแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นโดยตําหนักจารึกเทวะ ได้ยินว่า

เมื่อนานมาแล้ว มันร่วงหล่นจากฟากฟ้า มีแต่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึง

สามารถเข้าไป นามของมันคือนครโบราณยุทธ์เต๋า!”

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามต่อ “หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับคนจาก

แดนวิญญาณอ้างว้าง?”

“เป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้อง! เมื่อนครโบราณยุทธ์เต๋าเปิ ดออก ผู้

ฝึกตนจากสามแดนอ้างว้างจะสามารถไปรวมตัวกันที่นั่น! พวกเขา

คงคิดค้นหาศิษย์ที่เหนือลํ้าซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเป็นแน่!”

“หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกเขาน่าจะวางแผนเข้าสวนโบราณอีกครั้ง

หนึ่ง!”

ฉินหยุนยิ่งมั่นใจ ว่าที่สวนโบราณซึ่งอยู่ในเส้นทางหนามปี ศาจ มัน

ต้องมีวิญญาณดวงตะวันคงอยู่!

ขณะนี้เขาได้รับวิญญาณดวงตะวันเรียบร้อยแล้ว แม้ไม่ทราบว่าจะ

ใช้งานมันอย่างไร แต่นี่คือสิ่งที่แม้กระทั่งเซียนอย่างปิ งชิงยังคาดหวัง

ทันทีเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาค่อยตระหนักได้ว่าหากตนครอบครอง

วิญญาณดวงตะวันอีกสักหนึ่ง ความยินดีพลันล้นทะลัก ย่อมไม่มี

ผู้ใดคิดว่าสิ่งนี้คือของเล็กน้อยอยู่แล้ว!

“ขอรับ ให้ข้าไป!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

“กลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะไปส่งเจ้าที่นครโบราณยุทธ์เต๋าเอง!” เว่ย

จงเจิ้งหัวเราะ

ที่สวนสมุนไพร หลันเฟิ งจิน หยวนหยานหยิง และเฟิ งหงหลัน ทั้ง

สามต่างยุ่งกับหลายเรื่องราว เมื่อพวกนางพบว่าฉินหยุนกลับมา

ความยินดีจึงเผยออก เร่งรีบเข้ามาต้อนรับสอบถามหลายเรื่องราว

ฉินหยุนเดิมคิดพาพวกนางร่วมทางไปนครโบราณยุทธ์เต๋า ทว่าพวก

นางหาได้สนใจไม่

พักผ่อนอยู่หลายวัน ฉินหยุนค่อยติดตามเว่ยจงเจิ้ง ออกเดินทางมุ่ง

หน้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า

เขารู้สึกได้ ว่าครั้งนี้อาจได้พบเจอเซี่ยอู๋เฟิ ง อย่างไรแล้ว นครโบราณ

ยุทธ์เต๋าที่กําลังเดินทางไป คืองานชุมนุมผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

จากทั้งสามแดนอ้างว้าง

ผู้ฝึกตนดาบที่พบพานได้ยากอย่างเซี่ยอู๋เฟิ ง ย่อมต้องปรากฏตัวแน่!

ระหว่างทาง เขาได้ขอให้เว่ยจงเจิ้งสืบเรื่องอู่หมิงซวี และขอให้ติดต่อ

กับมู่เฟิ ง รวมถึงแม่เฒ่าตู้ เพื่อสอบถามเรื่องของอู่หมิงซวีด้วย

เว่ยจงเจิ้งขณะนี้กําลังพูดคุยเรื่องตํานานของนครโบราณ มันเป็นเมือง

ที่มีปราการป้องกันแกร่งกล้า นอกจากขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ผู้อยู่ขอบเขต

อื่นไม่อาจเข้าไปได้

ภายในมีตําหนักมากมาย ที่ผู้ฝึกตนจะสามารถฝึกฝนหาความก้าวหน้า

ได้

ที่แห่งนี้เดิมทีเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทว่าด้วย

การคุ้มกันตลอดเวลาจากตําหนักจารึกเทวะ ทําให้ผู้ฝึกตนขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าไม่อาจเข้าไป

ขณะนี้ ตําหนักจารึกเทวะตัดสินใจเปิ ดนครโบราณ!

เว่ยจงเจิ้งนําฉินหยุนออกบินกว่าสิบวัน จึงค่อยมาถึงแดนเขียวชอุ่มที่

อยู่แดนยุทธ์อ้างว้างภูมิภาคตะวันออก นครโบราณยุทธ์เต๋าตั้งอยู่

ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

เขาส่งฉินหยุนที่หน้านครโบราณยุทธ์เต๋า

นครโบราณยุทธ์เต๋ากว้างใหญ่ กําแพงเหยียดยาวสองฟากข้างจน

แทบไม่เห็นสุดปลาย

ขณะเข้าไปใกล้ พลังแกร่งกล้าของค่ายอาคมตัวเมืองจะสามารถสัมผัส

ได้เด่นชัด

ฉินหยุนครอบครองเหรียญม่วงนับพันล้าน เป็นเขาคิดว่าท่ามกลางผู้

ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ตนเองถือว่ารํ่ารวยที่สุดแล้ว

อีกทั้ง เขายังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ดังนั้นย่อมไม่มีทาง

พ่ายแพ้ต่อผู้ใดที่ระดับใกล้เคียงกัน

เมื่อเดินผ่านประตูทองแดง เขาได้เห็นผู้คนมากมายสวมใส่ชุดหรูหรา

คนเหล่านี้มาจากต่างตระกูล ต่างสํานัก จากทั่วสารทิศของสามแดน

อ้างว้าง

ชั่วขณะที่เดินไป ฉินหยุนได้ยินคนเอ่ยถึงเรื่องเจ็ดโฉมงามจันทรา

กล่าวกันว่าหุบเขาลึกลํ้าจันทรา ได้ส่งศิษย์หญิงงามอย่างล้นพ้นถึง

เจ็ดนางที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามาเข้าร่วม!

“หรืออาจารย์หยางกับเย่ว์หลานก็อยู่ที่นี่?” ฉินหยุนเกิดความยินดี

เร่งรีบสอบถามเรื่องราวของเจ็ดโฉมงามจันทรา




ตอนที่ 460 ฉกชิง

ภายในนครโบราณยุทธ์เต๋า เจ็ดโฉมงามจันทรากล่าวได้ว่าโด่งดัง

อย่างยิ่ง

ทางหนึ่ง ก็เพราะรูปโฉมที่เหนือลํ้า พวกนางทั้งหมดเป็นโฉมงามแต่

กําเนิด เปรียบดั่งภูติสวรรค์ที่เคลื่อนคล้อยลงมาสู่โลก นอกจากนี้

หุบเขาลึกลํ้าจันทรา ยังเป็นที่โปรดปรานของสํานักจากแดนวิญญาณ

อ้างว้าง

สํานักที่มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง เรียกขานกันว่าตําหนักจันทรา

ทมิฬ ไม่มีผู้ใดทราบว่าความแข็งแกร่งแท้จริงเป็นเช่นไร กล่าวก็คือ

ไม่มีสํานักอื่นหาญกล้ายั่วยุหุบเขาลึกลํ้าจันทราอีกต่อไป

นอกจากนี้ ศิษย์ของหุบเขาลึกลํ้าจันทรา ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

โดยตําหนักจารึกเทวะ ขณะนี้ได้พักอาศัยในคฤหาสน์จารึกของนคร

โบราณ

นครโบราณยุทธ์เต๋า ตลอดมาอยู่ภายใต้การควบคุมของตําหนักจารึก

เทวะ หลายสิ่งอย่างย่อมถูกสร้างขึ้นใหม่โดยตําหนักจารึกเทวะ

เช่นกัน

กล่าวได้ว่าครั้งนี้ ตําหนักจารึกเทวะคิดสร้างผลประโยชน์ครั้งยิ่งใหญ่

ฉินหยุนขณะนี้มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์จารึกเทวะ ตัวเขาในตอนนี้หาได้มี

ความรู้สึกดีอันใดต่อพวกเขาหลงเหลือ

กระนั้นตําหนักจารึกเทวะก็ยังเชื่อถือได้ อย่างน้อยก็มีหลายคนที่

แสดงท่าทีอันดีงาม และวางตัวได้อย่างดีภายในตําหนักจารึกเทวะ

มีแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึงสามารถเข้านครโบราณ ดังนั้นแล้ว

ผู้แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ย่อมอยู่เพียงที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับเก้า

หลากหลายสํานัก รวมถึงตระกูลชนชั้นสูง ล้วนส่งศิษย์ระดับเก้าเข้า

มาคุ้มกันศิษย์รุ่นเยาว์ของสํานัก

หากมีข้อพิพาท ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า และ

ราชันยุทธ์ ก็ไม่อาจเข้าเมืองแห่งนี้

ดังนั้นตําหนักจารึกเทวะ จึงได้ส่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

มากมายเข้ามา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อควบคุมความสงบของทั้งเมือง

แม้นครโบราณกว้างใหญ่และมีชีวิตชีวา แต่สิ่งปลูกสร้างกลับตํ่าเตี้ย

มากสุดมีกันเพียงสี่ถึงห้าชั้น มีแต่คฤหาสน์จารึกเทวะที่สูงที่สุด ด้วย

ความสูงระดับเก้าชั้น จึงเป็นสิ่งปลูกสร้างต้องตาของผู้คนแต่ไกล

มีแต่พื้นที่ส่วนเมืองของนครโบราณจึงมีสิ่งปลูกสร้าง สถานที่ห่างไกล

ออกไป เป็นป่ า สวน หรือไม่ก็ธารนํ้าและทะเลสาบ หากมองภาพรวม

เมืองแห่งนี้งดงามและนับว่าน่าอยู่อาศัยเป็นเวลานาน

โชคร้าย สถานที่แห่งนี้ถูกควบคุมเอาไว้โดยตําหนักจารึกเทวะ

ขณะฉินหยุนเดินไป เขาก็ตรวจสอบนครโบราณยุทธ์เต๋าไปด้วย

ตําแหน่งใดจึงอํานวยความสะดวกในการฝึกฝน? พวกมันจะเป็น

อย่างไร? เหตุใดนครโบราณแห่งนี้จึงยังคงอยู่?

“ไม่ได้สิ เราจะไปพบพวกเย่ว์หลานตอนนี้ไม่ได้ ต้องไม่สร้างความ

ลําบากแก่พวกนาง!” ขณะฉินหยุนเดินไป เขาค่อยนึกขึ้นได้ ว่าการ

ไม่พบพวกเชี่ยวเย่ว์หลานขณะนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ตัวตนของเขาเป็ นเรื่องละเอียดอ่อน หากศัตรูพบเห็นเข้า ย่อมต้อง

ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของพวกเชี่ยวเย่ว์หลาน

ตําหนักจารึกเทวะที่นี่เป็นหอคอยสูงเก้าชั้น สร้างขึ้นในรูปแบบที่

เหมาะสมกับนครโบราณ มันดูเรียบง่าย เก่าโทรมอย่างมีความขลัง

ไม่ได้เป็นสีทองเปล่งประกายเหมือนอย่างตําหนักจารึกเทวะที่เขา

เคยพบเห็นทั่วไป

ที่ตรงหน้าประตูใหญ่ของตําหนักจารึกเทวะ เป็นลานกว้างขนาดใหญ่

ที่นี่มีเอาไว้ใช้จัดงานนานาชนิดตามแต่สะดวก

ฉินหยุนมาถึง พบเห็นไหใหญ่สามสิบใบ อดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะ

ออก ไหพวกนี้ถึงกับมีให้ละเล่นในที่นี้!

ที่เมืองวิญญาณขั้วเหนือ ตําหนักจารึกเทวะสูญเสียไปมาก กระนั้น

พวกเขาก็หาได้ยอมแพ้ต่อการเป็ นเจ้ามือพนัน เพียงแต่เปลี่ยนกฎเกณฑ์

เดิมมีหนึ่งร้อยไห ขณะนี้เหลือสามสิบ จํากัดการลงเดิมพันที่สิบล้าน

เหรียญม่วง

จํานวนเหรียญม่วงที่สามารถชนะในแต่ละรอบมีจํากัด โดยอ้างอิง

จากจํานวนเงินที่ใช้ลงเดิมพัน

หากรอบที่เขาลงเล่น มีการวางเดิมพันที่ห้าสิบล้านเหรียญม่วงจาก

ทั้งหมด อย่างนั้นเมื่อเขาชนะก็จะได้รับแค่ห้าสิบล้านเหรียญม่วง

ด้วยวิธีการนี้ ไม่ว่าจะมีความสามารถทํานายท้าทายสวรรค์เพียงใด ก็

ไม่มีทางที่สร้างความเสียหายแก่ตําหนักจารึกเทวะได้

เพราะเปลี่ยนแปลงเหลือจํานวนไหเพียงสามสิบ คนจึงสนใจร่วมเล่น

กันมากขึ้น นี่ถือเป็นการเล่นพนันที่ตําหนักจารึกเทวะหยิบยกมาเป็น

เรื่องพื้นฐานสําหรับทุกเมือง และนี่ก็เป็นหนึ่งในหนทางการแสวงหา

เหรียญม่วงมหาศาลของตําหนักจารึกเทวะด้วย

หลังจากฉินหยุนสอบถามวิธีการเล่นครบถ้วน เขาค่อยรู้สึกว่าสมแล้ว

ที่เป็นตําหนักจารึกเทวะ เจ็บ จํา และนํามาเรียนรู้ พวกเขาจะไม่มีทาง

ติดกับอีก ไม่ว่าจะด้วยอะไร วิธีการนี้จะไม่ทําให้ตําหนักจารึกเทวะ

สูญเสียแม้เพียงนิด ทว่าอย่างน้อย เขาก็ต้องไม่ให้คนเหล่านี้หาเงิน

ง่ายกันจนเกินไปนัก!

ฉินหยุนไม่ได้สวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์ เพียงสวมใส่ชุดสีดํา และ

หมวกปี กยาวสีดํา ขณะนี้ใบหน้ามีหนวดเคราไม่น้อย หากผู้อื่นที่ไม่

คุ้นเคยพบเจอ ย่อมไม่มีทางจดจําเขาได้โดยง่าย

เมื่อเขามาถึง พบเจอร่างคุ้นเคยสองคน หนึ่งในนั้นเป็นชายผอมบาง

สวมใส่ชุดดํา และสวมหมวกสานเอาไว้บนศีรษะ

อีกคนสวมใส่ชุดแดงโดดเด่น มือถือพัดเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลา เป็น

มู่หรงต้าเหริน คนผอมบางคือหงเหยียน!

สีหน้าพวกเขาคล้ายไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าเสียไปมากเพราะการ

พนันตรงหน้า ขณะนี้กําลังทะเลาะกันเอง

“เป็ดมู่หรง เจ้าคิดว่าเหรียญม่วงของข้าเสกขึ้นจากอากาศหรือ?”

ใบหน้าของหงเหยียนแดงกํ่า นํ้าเสียงกล่าวโกรธเคือง “เจ้าหยิบยืม

เหรียญม่วงข้าตลอด และยังไม่เคยจ่ายคืน ครั้งนี้รวมแล้วสามสิบ

ล้าน!”

มู่หรงต้าเหรินยิ้มตอบ “สามสิบล้านเหรียญม่วง ไม่น่านับเป็นอะไร

กับองค์ชายเจ็ดเลยนี่! เหตุใดจึงพูดกล่าวออกมากัน?”

“วาจาไร้สาระ สามสิบล้านเป็ นเงินมากมายสําหรับข้า!” หงเหยียน

ตะโกนดัง “ข้าสูญเสียไปแล้วหลายสิบล้าน! และเจ้า เมื่อใดคิดคืน

มันต่อข้า?”

“อย่าได้กังวล ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิต ย่อมคืนมันแก่เจ้าแน่!” มู่หรง

ต้าเหรินเผยรอยยิ้มเฉยชา

ขณะนี้ พวกเขาพลันพบว่ามีคนผู้หนึ่งสวมใส่หมวกปิ ดบัง ด้วยเพราะ

อีกฝ่ ายเข้ามาใกล้แล้ว เขาจึงตระหนักได้ว่าอีกฝ่ ายเป็นคนคุ้นเคย

เขาเร่งรีบดึงหงเหยียนเข้าใกล้และเอ่ยถาม “ไก่ตาแดง นี่เป็นน้องหยุน?”

หงเหยียนมองตาม พบว่าคุ้นเคยยิ่ง เขาจึงตอบ “เป็นไปได้!”

ฉินหยุนยิ้มกว้างและทักทายทั้งสอง

มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียนหาได้โพล่งตะโกนอันใด พวกเขาเงียบ

ปากพร้อมเร่งรีบถอยฉากออกมา

“น้องหยุน เป็ นเจ้าจริงด้วย!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มยินดี

“ข้าทราบว่าเจ้าต้องมา!” หงเหยียนถูไถมือพลางหัวเราะ “น้องชาย

พอจะมีเหรียญม่วงให้ข้าหยิบยืมหรือไม่? ไว้ข้าพลิกกระดานได้แล้ว

จะคืนกลับอย่างแน่นอน!”

“พวกท่านรู้จักแต่การเล่นพนัน!” ฉินหยุนบ่นพลางหัวเราะ “ชัดเจน

ว่านี่เป็นหลุมที่พวกท่านขุดขึ้นเอง ทั้งยังเต็มใจกระโดดลงไป!”

“เมิ่งจูชนะได้มาหลายร้อยล้านเหรียญม่วง!” หงเหยียนแค่นเสียง

“นางโชคดีล้นพ้น เพียงลงเงินน้อยนิด ได้กลับคืนมหาศาล เป็นนาง

โชคดีพบยอดฝีมือเข้า!”

มู่หรงต้าเหรินหันมองรอบ นําฉินหยุนไปยังสถานที่ซึ่งผู้คนบางตา

หงเหยียนเดินตามมาด้วย

“น้องหยุน หลงเย่ว์เหม่ย เป็นเด็กสาวผู้นั้นใช่หรือไม่?” มู่หรงต้าเหริน

เอ่ยถาม

หงเหยียนตื่นตะลึงเกือบตะโกนดัง “นี่… งั้นปรมาจารย์ผู้นั้น…”

ฉินหยุนยิ้ม หาได้ตอบกลับแต่อย่างใด นี่ทําเอาหงเหยียนและมู่หรง

ต้าเหรินเกิดความยินดี ขณะนี้ พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมองเห็นสาย

ธารเหรียญม่วงไหลเข้าบัตรผลึกของตนเองแล้ว

“ข้าช่วยพวกท่านหาโชคลาภได้ แต่ข้าก็ต้องการให้พวกท่านช่วยเหลือ

ข้าด้วย อย่างนี้เป็นไร?” ด้วยเหรียญม่วงหลายพันล้านในมือ เขาไม่ได้

ขาดแคลนแต่อย่างใด

หงเหยียนและมู่หรงต้าเหรินต่างพยักหน้ารับ ตราบเท่าที่จะทําให้

ชนะพนันได้ ช่วยเหลือเล็กน้อยไม่นับเป็นอะไร

จํานวนเงินเดิมพันรอบนี้คือยี่สิบล้านเหรียญม่วง ตราบเท่าที่ลงไป

สักสองล้านเหรียญม่วง ก็เท่ากับชนะคว้าทั้งหมดมาได้

หงเหยียนและมู่หรงต้าเหริน หยิบยืมหนึ่งล้านจากฉินหยุน ซื้อหา

หมายเลขยี่สิบ

ฉินหยุนยืนด้านข้าง รอคอยให้ค่ายอาคมทํางาน จากนั้นเขาค่อยเริ่ม

งานของตนเอง

ครั้งนี้เป็นรอบสุดท้ายของวันแล้ว นับตั้งแต่เริ่ม ฉินหยุนคุ้นเคยกับ

เส้นทางของค่ายอาคมเป็นอย่างดี เขาใช้ความสามารถเทวะทะลุ

ทะลวง ใช้พลังจิตควบคุมนกในไหใหญ่ให้บินตามต้องการ

ในเมื่อมีไหเพียงสามสิบใบ เส้นทางเคลื่อนย้ายจึงเรียบง่าย เขาไม่

จําเป็นต้องซื้อสองหมายเลขเพื่อดักทางแต่อย่างใด

หลังจากค่ายอาคมใหญ่หยุดการทํางาน หลายคนขณะนี้ต่างรั้งลม

หายใจรอคอยผลลัพธ์

ฝาพอเปิ ดออก นกจึงบินออกจากไหหมายเลขยี่สิบ พวกเขาขณะนี้

ได้ยินเสียงหงเหยียนและมู่หรงต้าเหรินโห่ร้องยินดีพร้อมกอดกัน

กลมด้วยความตื่นเต้น

หาได้มีผู้ใดอิจฉาขณะมองผู้โชคดีสองคนนั้นไม่!

มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียน ขณะนี้คาดหวังถึงวันพรุ่งนี้แล้ว พวก

เขากําลังจะสร้างโชคลาภก้อนโต

รอบที่หกของวันเสร็จสิ้น ผู้คนกระจายตัวกันไป

ฉินหยุนออกมาพร้อมหงเหยียนและมู่หรง เขาไม่ได้ไปพบเย่ว์หลาน

และคณะ ดังนั้นจึงคิดวางแผนรับชมพวกนางจากที่ไกลออกไป

หงเหยียนเข้านครโบราณยุทธ์เต๋ามานานพอสมควรแล้ว ดังนั้นจึง

คุ้นเคยเส้นทางในเมือง พาฉินหยุนเดินผ่านถนนมุ่งหน้าสู่โรงเตี๊ยม

บนเส้นทางหลัก เสียงผู้คนจอแจฉับพลันดังก้องอย่างกะทันหัน

ฉินหยุนหันควับมองตามไปยังเส้นทางตรงหน้า พบเห็นเป็นชายใน

ชุดขาวสีหน้าเคร่งเครียด กําลังขี่พยัคฆ์สีนํ้าเงินดําตัวยาวห้าเมตร

กําลังพุ่งทะยานออกด้วยท่าทีอหังการ

พยัคฆ์สีนํ้าเงินดํา ทั้งตัวเกิดเป็นประกายสายฟ้าโลดแล่น เมื่อใดมัน

วิ่งออก จะปลดปล่อยสายฟ้าออกมา ไม่เพียงแต่รวดเร็ว ท่วงท่ายัง

แข็งแกร่งอีกด้วย

หากโดนพุ่งปะทะเข้า หากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแล้ว!

ผู้คนบนเส้นทางไร้ทางเลือก จําต้องหลบ กับผู้ที่หาญกล้าก่อการหยิ่ง

ผยองเพียงนี้ หลายผู้คนย่อมไม่กล้าลองดีด้วย

“หุ่นเชิดสัตว์หรือ?” มู่หรงต้าเหรินเผยความริษยา

“คงเป็นเช่นนั้น! ชายคนนี้มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง เป็นผู้ฝึกตน

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับสามที่แกร่งกล้า!” หงเหยียนกล่าวเสียงเบา

พยัคฆ์ที่พุ่งทะยานรวดเร็ว ฉับพลันจึงหยุดที่หน้าซุ้มแห่งหนึ่งข้าง

เส้นทาง ซุ้มแห่งนี้ประกอบด้วยผลไม้มีประกายสายฟ้า พวกมัน

สมควรเป็นผลไม้วิญญาณที่ครอบครองคุณลักษณะสายฟ้า

ชายชุดขาวใบหน้าผอมบาง ขณะนี้ยังคงอหังการ ตบที่หัวพยัคฆ์

ด้านล่าง เป็นสัญญาณบ่งบอกให้มันพุ่งเข้าไปได้

ซุ้มแห่งนั้นเป็นหญิงชราคนหนึ่งตั้งขึ้น เมื่อนางพบพยัคฆ์ร้ายพุ่งเข้า

มา จึงเร่งร้อนเก็บผลไม้

“ยายเฒ่า นําผลไม้นั่นออกมา!” ชายชุดขาวสีหน้าแปรเปลี่ยน นํ้าเสียง

เย็นเยือกกล่าวออก ดวงตาขณะนี้เปี่ ยมด้วยจิตสังหาร

ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าคนจากแดนวิญญาณอ้างว้างจะเป็นปฏิปักษ์ล้น

พ้นเพียงนี้ เขาเร่งรีบเดินเข้าไป

“ผลไม้วิญญาณสายฟ้านั่น เป็นข้าเพาะปลูกมันขึ้นมานาน ผลไม้

วิญญาณระดับราชันนี้ ขายให้ท่านได้ที่ราคาสองหมื่นเหรียญม่วงต่อ

ลูก!” หญิงชราเผยใบหน้าเปี่ ยมด้วยความหวาดกลัว

“ผลไม้น่ารังเกียจเช่นนั้น ถึงขั้นกล้าเรียกสองหมื่นเหรียญม่วงจากข้า

เลยงั้นหรือ? หน่ายจะมีชีวิตหรือไร? จงรีบนํามันออกมา สัตว์เลี้ยงข้า

จะได้กินมัน ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่อภัยให้แก่เจ้า!” ชายในชุดขาวมอง

ทางหญิงชราด้วยสายตาชั่วร้าย

“เป็นข้าทํางานหนักหนาเพาะปลูกมันขึ้น หากท่านคิดว่าแพงไป ก็

อย่าได้ซื้อแล้ว!” หญิงชราโกรธจัด นางไม่คิดว่าจะมีคนกล้าอวดดีถึง

เพียงนี้ภายในนครโบราณยุทธ์เต๋า

ฝูงชนที่รับชมไกลออกไป หาได้เข้าไปใกล้ หรือพูดจาส่งเสียง

อย่างไรแล้ว ชายชุดขาวตรงหน้าก็เป็นศิษย์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง

เขาย่อมต้องมีผู้อาวุโสแข็งแกร่งรอคอยที่ภายนอก

“กล้าดีอย่างไรเสียมารยาทต่อข้าเพียงนี้!” ชายชุดขาวมีโทสะ ดาบ

ยาวปรากฏขึ้น ส่งมันบินออก คิดจ้วงแทงใส่หญิงชรา

ฝูงชนต่างไม่คาดคิด ว่าศิษย์ของแดนวิญญาณอ้างว้างจะอวดดีล้นพ้น

กล้าลงมือสังหารคนเป็นผักปลาในนครโบราณยุทธ์เต๋า

ดาบบินออกด้วยความเร็วสูงลํ้า ขณะที่เกือบจะสังหารหญิงชรา แสง

สีดําพลันสว่างวาบ คว้าดาบเล่มนั้นเอาไว้

ฉินหยุนปลดปล่อยพลังผ่านอากาศ ปัดป้องดาบเล่มนั้น ไม่ช้า เขาไป

ยืนหยัดตรงหน้าหญิงชรา มองชายชุดขาวด้วยสีหน้าเย็นเยือก กล่าว

ออกด้วยนํ้าเสียงอันดัง “ผู้ชั่วร้ายตรงหน้า ที่นี่คือนครโบราณยุทธ์เต๋า

เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของวิถียุทธ์แห่งเต๋า! หากหยิ่งผยองนัก เช่นนั้นจง

ไปอวดดีในนรก! หากเจ้าไม่ไป ข้าจะส่งเจ้าไปตามทางที่ควรไปเอง!”


ตอนที่ 461 ทุบตี

ชายชุดขาวอึ้งไปวูบ เขาไม่คิด ว่าจะมีผู้ใดหาญกล้ากระทําการอหังการ

ต่อหน้าตน อย่างไรแล้ว เขาก็คือผู้มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง คนจาก

แดนยุทธ์อ้างว้าง สมควรต้องเคารพบูชาพวกเขา!

ขณะทุกคนได้เห็น ว่ามีผู้หาญกล้าขวางหน้าชายชุดขาว พวกเขาล้วน

ต้องสูดลมหายใจเย็นเยือกเข้าปอด!

หงเหยียนและมู่หรงต้าเหรินทราบ ว่าฉินหยุนไม่มีทางยืนนิ่งเฉยแต่

แรกแล้ว

“ส่งข้าไปนรกหรือ? กล้าดีอย่างไรกล่าววาจานั้น!” ชายในชุดขาว

แค่นเสียง

ฉินหยุนเมินเฉยต่อชายชุดขาว กลับกัน เขามองไปทางหญิงชราและ

กล่าว “ท่านยาย ข้าขอซื้อผลไม้ทั้งหมดเอง!”

หญิงชราเผยความตื่นตะลึง ขณะนี้ลอบกล่าวขอบคุณต่อฉินหยุนภาย

ใน นางเร่งรีบนําผลไม้ออกมาทีละลูกและส่งต่อให้แก่ฉินหยุน

ทั้งหมดสามสิบผล รวมแล้วเป็ นเงินเพียงหกแสนเหรียญม่วงเท่านั้น

ชายในชุดขาวเผยสีหน้าเย็นเยือก เพราะเหตุการณ์ตรงหน้า ชัดเจนว่า

ฉินหยุนกัดผลไม้วิญญาณสายฟ้า เสียงกล่าวคําออก “ไม่นึกเลยว่าคน

จากแดนวิญญาณอ้างว้างยากแค้นเพียงนี้ ถึงขั้นคิดฉกชิงผลไม้กลาง

ตลาด! ในเมื่อข้นแค้นเพียงนั้น ข้าก็ยินดีจะมอบให้สักผลหนึ่ง!”

กล่าวคําจบ เขาจึงโยนผลไม้นั้นลงกับพื้น มองที่พยัคฆ์ตัวนั้น ปาก

เอ่ยคํา “นายของเจ้าข้นแค้นนัก ผลไม้แค่นี้ยังให้ไม่ได้ และยังคิดฉก

ชิงกลางตลาด ช่างน่าสมเพช!”

ฝูงชนเคยเห็นผู้แสวงหาความตายมาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นผู้ใดที่จะ

ตายได้เลวร้ายเท่านี้มาก่อน

“เจ้ายังดูหนุ่ม ไม่นึกว่าจะหน่ายการมีชีวิตเพียงนี้!” ชายชุดขาวเผย

เสียงลุ่มลึกเปี่ ยมด้วยโทสะ หมัดต่อยออกที่ผลไม้วิญญาณสายฟ้าบน

พื้น จนมันแหลกเละกระจาย

ถัดจากนั้น ดาบปรากฏในมือเขา และเหวี่ยงเข้าใส่ที่ร่างของฉินหยุน!

ฉินหยุนหลบเลี่ยงไปด้านข้าง เผยนํ้าเสียงเฉยชา “หากเจ้าไม่กิน เหตุ

ใดจึงทําลายมันเช่นนั้น? จงเร่งรีบจ่ายค่าชดเชยแก่ข้าสองหมื่น

เหรียญม่วงเดี๋ยวนี้!”

ชายชุดขาวโจมตีต่อเนื่องรวดเร็ว ทว่าฉินหยุนก็หลบเลี่ยงง่ายดาย

ชัดเจนว่าเขาครอบครองพลังแกร่งกล้ากว่าเพียงใด!

ขณะชายชุดขาวตระเตรียมเปิ ดศึก ชายชราพลันบินเข้ามาใกล้ “การ

ต่อสู้ส่วนตัวไม่ได้รับอนุญาตให้กระทําในนครโบราณ หากเจ้ามีข้อ

พิพาทใดกัน จงออกไปจากเมืองเสี่ยงเป็นตายที่นั่น!”

“ผู้อาวุโส เขาเป็นศิษย์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง และยังโฉดชั่วตํ่า

ทราม คิดว่าเขาจะฟังท่านหรือ?” ฉินหยุนเย้ยหยัน

ชายชุดขาวพอได้ยินดังนี้ เขาคํารามร้องออกเสียงดัง ทะยานร่างลง

จากหลังพยัคฆ์ ดาบในมือขณะนี้ระเบิดออกซึ่งแสงสีขาว พลัง

ภายในตัวดาบล้นทะลักอย่างชวนตื่นตะลึง

ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะผู้นี้ อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

เขาแค่นเสียงเย็น ทะยานออก พร้อมโจมตีดาบเล่มนั้นด้วยฝ่ ามือ

พร้อมกันนี้ ชายวัยกลางคนพลันปรากฏที่บนหลังคาใกล้เคียงพร้อม

ตะโกน “จ้าวจิงอวี้ หากเจ้ายังกล้าก่อเรื่อง ข้าจะเตะเจ้าให้พ้นจาก

เมือง!”

จ้าวจิงอวี้ได้ยินเสียงชายวัยกลางคน พลังเร่งร้อนดึงกลับ ด้วยความ

โกรธสุมแน่น เขาขึ้นขี่ด้านหลังพยัคฆ์อีกครั้ง

“อย่าได้หนี เจ้าทําลายผลไม้ของข้า มูลค่าสองหมื่นเหรียญม่วง จง

เร่งรีบจ่ายชดใช้แก่ข้า!” ฉินหยุนตะโกนดัง

ชายชราเอ่ยถาม “ฉินหยุน เกิดเรื่องอันใด? เหตุใดชายคนนี้จึงคิดโจมตี

เจ้าในฉับพลัน?”

ฝูงชนที่อยู่ไกลออกไป ถึงกับส่งเสียงร้องฮืออาเผยความตื่นตะลึง

หลังจากทราบว่าเป็นฉินหยุน ผู้คนขณะนี้ล้วนถอนหายใจ

ทุกคนต่างทราบเรื่องฉินหยุน เขาคือผู้ที่กล้าลงมือสังหารผู้ฝึกตน

สายเลือดและผู้ฝึกตนโทเทม กระทั่งตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงและ

ตําหนักโทเทมเขายังไม่หวั่นเกรง

มีแต่ฉินหยุนแล้วที่จะมีอํานาจกล้ายั่วยุคนเหล่านี้ได้!

“ชายคนนี้พยายามขโมยผลไม้วิญญาณผู้อื่น! หากไม่ส่งมอบ เขา

บอกจะสังหารทิ้ง!” ฉินหยุนแค่นเสียงตอบ “ข้าคิดว่าคนจากแดน

วิญญาณอ้างว้างสมควรมีอารยะและสง่างาม ผู้ใดทราบกันว่าเป็น

ปุถุชนดังนายน้อยจอมโอหังของแดนยุทธ์อ้างว้าง! อย่างนั้นแล้ว ก็

ไม่เห็นมีอันใดให้ต้องหวั่นเกรง!”

ชายวัยกลางคนที่ยืนบนหลังคา ชัดเจนว่ามาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง!

พวกเขาดูถูกผู้คนจากแดนยุทธ์อ้างว้าง และในใจพวกเขาขณะนี้ ย่อม

ไม่ยินดีที่จะให้เรื่องราวเกินเลยกว่านี

จ้าวจิงอวี้เผยดวงตาโกรธแค้นแทบหลั่งเลือดออก ใบหน้าเผยจิตสังหาร

รุนแรง ดาบในมือคล้ายพร้อมจ้วงแทงได้ทุกชั่วขณะ!

“จงตาย!” เขาคําราม ดาบพุ่งทะยานออกแล้ว!

ชายวัยกลางคนพลันพุ่งตัวลงมา คว้าดาบเล่มนั้นเอาไว้ นํ้าเสียงกราด

เกรี้ยวตะโกนใส่จ้าวจิงอวี้ “เจ้าคิดหรือว่าข้าไม่กล้าโยนเจ้าออกจาก

เมือง?”

ฉินหยุนหัวเราะ “ท่านเตือนเขาเมื่อครู่ กระนั้นยังหุนหันเพียงนี้ ท่าน

ควรขับไล่เขาออกจากเมืองเสียเดี๋ยวนี้ แต่นี่อะไร? ท่านเพียงแค่ข่มขู่

เป็นเขาทราบว่าท่านเพียงข่มขู่ ดังนั้นจึงไม่หวาดเกรงอะไรทั้งสิ้น!”

ชายวัยกลางคนมีโทสะ กระทั่งผู้อาวุโสจากสํานักราชันยังต้องเคารพ

ผู้ที่มาจากสํานักในแดนวิญญาณอ้างว้าง แต่พวกเขาพอมาที่นี่ เด็ก

น้อยตรงหน้ากลับหยามเหยียดต่อพวกเขา

แน่นอนว่าเขาทราบ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะจ้าวจิงอวี้!

“ข้าจะจําเจ้าเอาไว้!” จ้าวจิงอวี้จับจ้องกราดเกรี้ยวที่ฉินหยุน จากนั้น

ค่อยขี่พยัคฆ์จากไป

ฉินหยุนมองที่พยัคฆ์ตัวดังกล่าว ปลดปล่อยเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณ

สังหาร โจมตีใส่จิตใจของพยัคฆ์ตัวนั้น

พยัคฆ์นี้เป็นหุ่นเชิดสัตว์ที่พิเศษ มันสร้างขึ้นและขัดเกลาโดยร่าง

สัตว์ที่มีชีวิต กล่าวได้ว่ามีเลือดเนื้อและกระดูกเหมือนสัตว์ปกติ

พยัคฆ์สีนํ้าเงินดําเมื่อถูกฉินหยุนโจมตี ร่างนั้นล้มกับพื้น จ้าวจิงอวี้ที่

นั่งอยู่ด้านบนแผ่นหลัง ไม่คาดคิดและตอบสนองไม่ทัน ร่างกระเด็น

ขึ้นฟ้า สภาพดูน่าขบขัน

ฉินหยุนกัดผลไม้วิญญาณสายฟ้า ก้าวเดินกลับหาหงเหยียนและมู่หรง

ต้าเหริน และออกไปพ้นจากสถานที่

จ้าวจิงอวี้เร่งรีบตรวจสอบพยัคฆ์ตนเอง เป็นเขาไม่ทราบว่าเกิดอันใด

ขึ้น เพียงคิดว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับหุ่นเชิดสัตว์ตนเอง

พยัคฆ์ถูกเก็บเข้ามิติเก็บของ จากนั้นจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังตําหนัก

จารึกเทวะด้วยโทสะเปี่ ยมล้น

ชายวัยกลางคนและผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะแลกเปลี่ยนสายตา

กัน ชัดเจนว่าพวกเขาสงสัยฉินหยุน ที่อาจทําอะไรบางอย่าง กระนั้น

พวกเขาไม่พบเจอ ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยไป

ในโรงเตี๊ยม มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียนขณะนี้ดื่มกินอย่างยินดี

ฉลองให้กับชัยชนะที่เพิ่งได้รับมา!

หงเหยียนกล่าวขึ้น “น้องหยุน จ้าวจิงอวี้นั้นเป็นจ้าวสังเวียน!”

“จ้าวสังเวียน? มันคืออันใด?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“นครโบราณแห่งนี้เปิ ดอีกครั้ง แดนวิญญาณอ้างว้างส่งคนมา นี่ไม่ใช่

เรื่องบังเอิญ!” หงเหยียนกล่าวขึ้น “จ้าวสังเวียนล้วนเป็นศิษย์จาก

แดนวิญญาณอ้างว้าง มีเจ็ดสังเวียนอยู่ภายในคฤหาสน์จารึก และแต่

ละสังเวียนจะมีจ้าวสังเวียน สามเดือนนับจากนี้ จ้าวสังเวียนทั้งเจ็ด

จะได้เข้าสู่สวนโบราณ”

“ไม่ใช่พวกเขาบอกหรือว่าสวนโบราณจะเปิ ดทุกหนึ่งพันปี ?” ฉิน

หยุนยังทราบ ว่าขั้วอํานาจเหนือขึ้นไปจากตําหนักจารึกเทวะ คิด

ค้นหาวิญญาณดวงตะวันที่อยู่ภายใน

“ข้าไม่ทราบแล้ว อะไรก็ตามแต่ ขณะนี้พวกเราสามารถเข้าไปได้อีก

ครั้ง และครั้งนี้มีด้วยกันถึงเจ็ดที่นั่ง!” หงเหยียนดื่มไวน์อึกใหญ่และ

กล่าวต่อ “น้องหยุน หากเจ้ายังคิดอยากเข้าไป เจ้าสามารถท้าทายจ้าว

สังเวียน สั่งสอนบทเรียนแก่พวกมันสักคราหนึ่ง!”

“จ้าวจิงอวี้เป็นจ้าวสังเวียนที่เจ็ด และเขาถือว่าอ่อนด้อยที่สุด! เจ้า

ย่อมสามารถเอาชนะมันและเป็นจ้าวสังเวียนแทนมัน!”

ฉินหยุนถามกลับ “ข้าจะท้าประลองมันอย่างไร? สมควรมีเงื่อนไข

ใช่หรือไม่?”

“จําเป็นต้องใช้เหรียญม่วงจํานวนมหาศาลทําการประมูลตําแหน่ง

โดยจะเริ่มทุกห้าวัน! ผู้ที่เสนอราคาได้สูงที่สุด จะสามารถท้าประลอง

จ้าวสังเวียนได้ภายในห้าวัน!”

หงเหยียนกล่าวเช่นนี้ พลางสบถไปด้วย “ผู้เสนอราคา สามารถเสนอ

ได้เพียงหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะได้รับตําแหน่งหรือไม่ ก็ต้องจ่ายเหรียญ

ม่วงในราคาที่เสนอให้แก่ตําหนักจารึกเทวะ!”

ฉินหยุนกล่าวคิ้วขมวด “หากข้าเสนอไปสิบล้านเพื่อเข้าร่วม กระทั่ง

ว่าท้ายที่สุดไม่ได้รับตําแหน่ง ก็ยังต้องเสียสิบล้านอย่างนั้นหรือ?”

มู่หรงต้าเหรินพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว ตําหนักจารึกเทวะช่างหลอก

ลวงผู้คน! ทุกห้าวันนับจากนี้ จะมีการประมูลเจ็ดรอบ สิทธิ์การท้า

ประลองทั้งเจ็ดสังเวียน จะถูกขายผ่านการประมูล!”

“หนึ่งรอบเสนอราคาได้เพียงหนึ่งครั้ง วิธีการเสนอราคา คือบอก

ราคาในใจเจ้าลงในเหรียญตรา จากนั้นจะมีการประกาศผู้ที่เสนอ

ราคาสูงที่สุด คนนั้นคือคนที่ได้รับสิทธิ์ท้าประลอง!”

ฉินหยุนวางจอกลง หันมองขึ้นท้องฟ้าและกล่าว “ตําหนักจารึกเทวะ

ช่างกล้าหลอกลวงผู้คนนัก! ท้องฟ้ามืดคํ่าแล้ว เมื่อใดจึงเริ่ม? ข้าคิด

ซื้อหาสักหนึ่งตําแหน่งในคํ่าคืนนี้!”

หงเหยียนยิ้มตอบ “น้องหยุน หากเจ้าได้เป็นจ้าวสังเวียน และคุ้มกัน

ตําแหน่งเอาไว้ได้ เจ้าจะได้รับเหรียญม่วง! ยกตัวอย่าง ผู้ที่ท้าเจ้า

ประลอง พวกนั้นอาจใช้หนึ่งร้อยล้านซื้อสิทธิ์การท้าประลอง หาก

พ่ายแพ้แก่เจ้า เจ้าก็จะได้รับห้าสิบล้านเหรียญม่วง!”

“ฟังดูดี!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “อย่างนั้นข้าจะไปซื้อสิทธิ์การท้าประลอง

คํ่าคืนนี้ สั่งสอนจ้าวจิงอวี้สักบทเรียนหนึ่ง!”

เขาดื่มไวน์ในจอกจนหมดและถามต่อ “แล้วพี่ใหญ่อู๋เฟิ งมาด้วย

หรือไม่? ด้วยกําลังระดับเขา สมควรเป็นจ้าวสังเวียนได้ไม่ยาก!”

“น่าจะมา แต่ยังไม่เห็นได้ยินข่าวคราวใดเลย!” มู่หรงต้าเหรินตอบ

กลับ

หงเหยียนกล่าวขึ้น “ไปกัน พวกเราจะไปยังตําหนักจารึกเทวะ การ

ประมูลจะเริ่มในอีกไม่ช้าแล้ว!”

จ่ายค่าอาหารเรียบร้อย พวกเขาทั้งสามจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปตําหนัก

จารึกเทวะ

ในห้องโถงกว้างของตําหนักจารึกเทวะ การเสนอราคาเพื่อสิทธิ์การ

ท้าประลองกําลังเริ่มขึ้น

เมื่อเข้าไปแล้ว เขาจะได้รับเหรียญตรา จําเป็นต้องมีการหยดเลือด

ยืนยันเป็ นเจ้าของ ระหว่างการเสนอราคา เหรียญตราจะแสดงมูลค่า

ค้างไว้ และส่งต่อไปยังผนังผลึกแก้วบนเวที

ท้ายที่สุด จะมีการประกาศผู้ที่เสนอราคาสูงที่สุดให้ได้เห็น

ขณะถือเหรียญตราในมือ ฉินหยุนกําลังคาดคิดถึงราคาที่เหมาะสม

การประมูลรอบแรก ก็เพื่อหาผู้มีสิทธิ์ท้าประลองเจ็ดจ้าวสังเวียน

และคนแรกก็คือจ้าวจิงอวี้!

ฉินหยุนพิจารณาอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงกําเหรียญตราเอาไว้แน่น โคจร

พลังจิตเข้าไป เสนอราคาหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน!

เขารู้สึกว่าราคานี้สมควรสูงแล้ว จึงมั่นใจในระดับหนึ่ง

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ชายชราบนเวทีประกาศดัง “ประกาศราคา สูงสุด

ที่สองร้อยแปดสิบล้าน ผู้ซื้อได้คือหยุนเป่ ยเซียว! ทุกท่านที่เข้าร่วม

ประมูล โปรดจ่ายเหรียญม่วงตามที่ตกลงด้วย!”

ฉินหยุนสบถรุนแรง นี่เป็นการประมูลครั้งแรก ไม่มีผู้ใดมั่นใจใด

ทั้งสิ้น พวกเขาไม่คาดคิด ว่าผู้อื่นจะเสนอราคาสูงลํ้าขนาดนั้น

เขาสบถในใจพร้อมเดินออกไป จ่ายหนึ่งร้อยห้าสิบล้านเหรียญ และ

ค่อยมองที่ผนังผลึกแก้ว

ผู้ที่เข้าร่วมการประมูล ล้วนเป็นศิษย์จากสํานักหรือไม่ก็ตระกูลชน

ชั้นสูง ศิษย์ตระกูลสายเลือดถือว่าเสนอราคากันดุเดือด มูลค่าเกิน

กว่าสองร้อยล้านกันทั้งสิ้น!

นี่เป็นเพียงรอบแรก ตําหนักจารึกเทวะก็สร้างผลกําไรมหาศาลไปได้

แล้ว มันทําเอาฉินหยุนต้องเผยดวงตาแดงกํ่าด้วยความอิจฉา!

สวนโบราณเป็นตัวล่อชั้นเลิศ ดังนั้น หลายคนจึงคิดเข้าร่วม

ตํานานกล่าวว่า ตราบเท่าที่ได้เข้าสวนโบราณ ภายหน้าย่อมได้กลาย

เป็นราชันยุทธ์ เพียงแค่เรื่องนี้ ก็พอให้หลายผู้คนยอมจ่ายเหรียญม่วง

จํานวนมหาศาลกันแล้ว

ฉินหยุนมีเป้าหมายที่จ้าวจิงอวี้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่รอคอยจนกระทั่ง

ถึงรอบถัดไป ซึ่งก็คืออีกห้าวันให้หลัง

การประมูลสังเวียนที่หกเริ่มขึ้น ฉินหยุนยังอยู่ต่อรับชมราคา

ในห้องโถงกว้างแห่งนี้มีผู้ฝึกตนนับหมื่นรวมตัวกัน เสียงดังอึกทึก

แต่ละคนต่างพูดคุยถึงราคาสุดท้ายของสังเวียนที่หก

รอเพียงไม่นาน ราคาก็ประกาศออก!

“ผู้เสนอสูงสุดที่สามร้อยสามสิบล้าน! เซี่ยอู๋เฟิ งได้รับสิทธิ์ท้าประลอง

สังเวียนที่หก!” ชายชราประกาศดัง

ฉินหยุนและมู่หรงต้าเหริน ทั้งสองเกิดความประหลาดใจระคนยินดี

เซี่ยอู๋เฟิ งถึงกับอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ด้วย!



ตอนที่ 462 คําสาปที่พังทลาย

ในเมื่อเซี่ยอู๋เฟิ งมายังนครโบราณยุทธ์เต๋าเพื่อเข้าร่วมงานท้าประลอง

จ้าวสังเวียน ชัดเจนว่าเขามีเป้าหมายเพื่อเข้าสวนโบราณ

ฉินหยุนกระซิบเบา “หากพี่ใหญ่เซี่ยอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่

สามแล้ว ด้วยกําลังของเขา การได้เป็นจ้าวสังเวียนไม่ใช่เรื่องยาก!”

“แน่นอน เขาย่อมต้องชนะ!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มตอบ

เมื่อเริ่มการต่อสู้ ผู้เข้าร่วมไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธ อาวุธดังกล่าว

หมายความถึงวัตถุกายภาพที่ขัดเกลาสร้างขึ้นมา

หากเป็นผู้ฝึกตนดาบอย่างเซี่ยอู๋เฟิ งที่ฝนฝนดาบต้นกําเนิด เขาย่อม

สามารถใช้ดาบต้นกําเนิดในการแข่งขันได้

เช่นนี้มันจะสร้างประโยชน์ในการประลองยุทธ์แก่เซี่ยอู๋เฟิ ง และทํา

ให้เขาเป็นฝ่ ายมีเปรียบตั้งแต่เริ่ม

พอฉินหยุนและคณะพบเห็นเซี่ยอู๋เฟิ งเดินลงจากเวที พวกเขาเร่งรีบ

บุกฝ่ าฝูงชนเข้าไป

เซี่ยอู๋เฟิ งก็ยังเป็นเช่นเดิม สวมใส่ชุดขาวเรียบง่าย ใบหน้าหล่อเหลา

นั้นแทบไม่เผยสีหน้าออก แขนเสื้อข้างหนึ่งพบเห็นเด่นชัดว่าว่าง

เปล่า และแม้เขาสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง มันก็หาได้ส่งผลกระทบต่อ

เซี่ยอู๋เฟิ งพอได้เห็นฉินหยุนและมู่หรงต้าเหริน เขาจึงยิ้มบางกล่าวคํา

“ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องมา!”

ความจริงแล้ว เมื่อครู่เขาได้ยินว่าฉินหยุนมีข้อพิพาทกับจ้าวจิงอวี้

ดังนั้นเมื่อขึ้นเวที เขาจึงมองหาพวกฉินหยุนไปด้วย

ตอนฉินหยุนขึ้นไปจ่ายเหรียญม่วงก่อนหน้านี้เขาก็พบเห็น ทว่าไม่

มั่นใจนักเพราะเป็นร่างทางด้านหลังซึ่งอยู่ไกลออกไป อย่างไรแล้ว

เขาก็ไม่ได้พบฉินหยุนมาเป็นเวลานาน

“พี่ใหญ่เซี่ยเลื่อนระดับเร็วนัก ท่านถึงกับอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่สามแล้ว!” มู่หรงต้าเหรินกล่าวอย่างอิจฉา

“เพราะโชคน่ะ!” เซี่ยอู๋เฟิ งยิ้ม ขณะนี้หันมองทางฉินหยุน เขาเอ่ย

ถาม “น้องหยุน ยังคิดเสนอราคาต่อหรือไม่?”

ฉินหยุนยิ้มตอบ “เป้าหมายข้าคือจ้าวจิงอวี้ หวังว่าเจ้านั่นจะปกป้อง

สังเวียนตัวเองสําเร็จ ข้าจะได้มีโอกาสจัดการมันภายหน้า!”

เซี่ยอู๋เฟิ งหัวเราะ “ยังคงเป็นเช่นเดิม ดูเหมือนว่าคนที่ตกเป็นเป้าหมาย

เจ้าจะมีชะตาไม่ดีนัก!”

เซี่ยอู๋เฟิ งไม่เคยสงสัยในพละกําลังของฉินหยุน

ข่าวลือว่าฉินหยุนต้องติดอยู่ที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สองไป

ตลอดกาล เขาจะไม่มีทางทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดํา ทว่าเซี่ยอู๋

เฟิ งเลือกที่จะเชื่อ ว่าเขาไม่ควรเอาเหตุผลที่คนทั่วไปพบเจอมาตัดสิน

ฉินหยุน

ขณะพวกเขาคิดออกไป ฉับพลันนี้จึงได้ยินเสียงผู้อาวุโสด้านบนเวที

ประกาศดัง “สองร้อยเจ็ดสิบล้านเหรียญม่วง เชี่ยวเย่ว์หลานได้สิทธิ์

การท้าประลองสังเวียนที่ห้า!”

มู่หรงต้าเหรินขณะนี้แตกตื่น หันควับมองไปยังทิศทางต้นเสียง

ได้ยินชื่ออันคุ้นเคย หงเหยียนมองตามและเอ่ยถาม “เป็นนางแม่มด

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนั่นหรือ?”

“ย่อมไม่ใช่ แต่เป็นหญิงสาวที่น่าสะพรึงกว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยนัก!”

เซี่ยอู๋เฟิ งยิ้มพลางมองทางฉินหยุน เขากล่าวต่อ “ผู้ฝึกตนสังเวียนที่

ห้าแข็งแกร่งกว่าสังเวียนที่หกและเจ็ด นางถึงขั้นกล้าท้าทายคน

เหล่านั้น!”

ไม่มีผู้ใดได้เห็นใบหน้าของนาง กระนั้นล้วนบอกกล่าวได้ว่านาง

เป็นหญิงสาว นอกจากนี้ นางยังเป็นศิษย์ของหุบเขาลึกลํ้าจันทรา

เป็นหนึ่งในเจ็ดโฉมงามจันทรา!

หงเหยียนมองทางฉินหยุนและคณะ อดไม่ได้จึงเอ่ยถาม “รู้จักผู้หญิง

คนนั้นหรือ?”

มู่หรงต้าเหรินและเซี่ยอู๋เฟิ งต่างมองกันเองพลางยิ้ม

“ไก่ตาแดงเอ๋ย หากเจ้าพบเจอหญิงสาวผู้นั้น อยู่ให้ห่างจากนาง! น้อง

หยุนยังไหวหรือไม่? อย่างไรแล้วภายหน้าเจ้าได้ถูกนางกลืนกินอย่าง

แน่นอน อย่าได้คิดอื่นใดให้มากความแล้ว!” มู่หรงต้าเหรินหัวเราะดัง

เซี่ยอู๋เฟิ งกล่าวออก “น้องหยุน คิดเข้าไปทักทายนางหรือไม่?”

“พวกเราต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ย่อมไม่เข้าไป!” ฉินหยุนมองเชี่ยว

เย่ว์หลานอยู่ไกลออกไป เขาไม่อาจสัมผัสได้ว่านางฝึกฝนถึงระดับ

ใดแล้ว

เขามั่นใจ ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดํา มันทําให้

เขาสงสัย ว่านางจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามได้หรือ

ยัง

เมื่อเชี่ยวเย่ว์หลานหันกลับมา นางเองก็พบเห็นฉินหยุน ดวงตา

สุกสว่างนั้นเปี่ ยมด้วยความยินดีราวกับเป็นการทักทาย

ฉินหยุนพอได้เห็นสายตาของเชี่ยวเย่ว์หลาน เขาถึงกับอํ้าอึ้งเล็กน้อย

รอยยิ้ม นี่คือสิ่งที่เขาสัมผัสได้จากภายในใจของเชี่ยวเย่ว์หลาน เพราะ

ตั้งแต่ที่แยกจากกันมานาน ในที่สุดพวกเขาค่อยได้พบกันอีกครั้งก็วันนี

“ไปดื่มกันดีกว่า ให้ข้าเลี้ยงเอง!” มู่หรงต้าเหรินขณะนี้อารมณ์ดียิ่ง

ครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้ตนจะได้รับเงินมากมายเพียงใด

ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการท้าประลอง จะสามารถท้าประลองจ้าวสังเวียน

ได้ภายในห้าวัน แน่นอนว่าหากเจรจากับจ้าวสังเวียนและเห็นพ้อง

ต้องกัน ย่อมสามารถเลื่อนการท้าประลองก่อนกําหนดห้าวันได้

เซี่ยอู๋เฟิ งเป็นผู้ฝึกตนดาบ ดังนั้นในสํานักดาบสวรรค์ เขาจึงได้รับ

การคาดหวังเอาไว้สูง ทําให้สามารถได้รับทรัพยากรการฝึกฝน

ปริมาณมหาศาลได้

“หากข้าต้องการทรัพยากร ก็มีแต่ต้องหามาด้วยตนเอง!”

“เป็ดมู่หรง ผู้ใดใช้ให้เจ้าไม่สู้แข็งขันเพื่อตนเองกัน ในสํานักมีการ

แข่งขันดุเดือดมากมาย เป็ นเจ้าที่ไม่เข้าร่วมเลยสักครั้ง เพียงแต่เอา

เวลาที่มีมาเอ้อระเหยอยู่ภายนอก!” หงเหยียนกระตุกริมฝีปากขณะ

พูดกล่าวออกมา เขามาจากสํานักเดียวกับมู่หรงต้าเหริน

“นี่ถือเป็นความผิดเจ้าแล้วไก่ตาแดง เจ้าพาข้าเที่ยวเตร่ไปเรื่อยตลอด

ช่วงเวลาที่ผ่านมา เจ้านั้นเป็นองค์ชาย กลับล่อลวงคนเช่นข้าให้หลง

ผิดตาม!” มู่หรงต้าเหรินเผยนํ้าเสียงไม่ยินดี

“เป็ นเจ้าเลือกออกมากับข้าเพราะเห็นข้าครอบครองเหรียญม่วง

มากมาย และเช่นกัน เพราะเจ้าทําให้ข้าต้องสูญเสียเหรียญม่วงไป

มหาศาล!” หงเหยียนขณะนี้กลายเป็นมีโทสะ

เซี่ยอู๋เฟิ งและฉินหยุนล้วนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้กันออกมา

พวกเขาร่วมดื่มกินในห้องส่วนตัว ดังนั้นจึงกล้าส่งเสียงอึกทึกเช่นนี้

มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียน เถียงกันไปแข่งดื่มกันไป จนกระทั่ง

สิ้นฤทธิ์เพราะเมามาย

ชั่วขณะนี้เอง มีบุคคลด้านนอกเคาะประตูห้อง

สองคนที่เข้ามาเป็นหญิงสาวสวมหน้ากาก หนึ่งชุดดํา หนึ่งชุดขาว

หงเหยียนและมู่หรงต้าเหรินถึงกับหยุดชะงักยามได้เห็นสองหญิงสาว

หนึ่งเปรียบดั่งต้นไม้ตระหง่าน สีหน้าเย็นเยือกและอหังการ เป็น

ความงามไร้ผู้ใดเทียบ อีกหนึ่งเป็นรอยยิ้มอ่อนจางเปรียบดั่งบุปผา

บานสะพรั่งในโลกที่หนาวเหน็บ

ดวงตาของนางเต็มด้วยความอ่อนโยนขณะมองที่ฉินหยุน นางแค่น

เสียงเบาพลางกล่าว “เจ้ามาดื่มกินกันแต่กลับไม่ชวนข้า!”

นางนั่งลงเก้าอี้อย่างไม่รอให้ผู้ใดเชื้อเชิญ

ทางด้านหญิงสาวอีกคนหนึ่ง นางขณะนี้ถอดหน้ากากออก เป็น

โฉมงามล่มเมืองอีกคนหนึ่ง ด้วยใบหน้ารูปไข่เปี่ ยมล้นด้วยเสน่ห์

รอยยิ้มอ่อนจางพร้อมลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง มันยิ่งขับเน้นให้นาง

สง่างามและสุกสว่างจนทําให้ผู้คนลุ่มหลง

หญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่หยางฉีเย่ว์ ฉินหยุนยืนยันตัวตนได้หลังนางถอด

หน้ากาก

“ฉินหยุน พี่สาวผู้นี้งดงามหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานมองทางฉินหยุน

พร้อมยิ้มถาม

ฉินหยุนพยักหน้ารับและยิ้มตอบ “งดงาม! นี่เป็นหนึ่งในเจ็ดโฉมงาม

จันทราหรือ?”

อีกทางหนึ่ง มู่หรงต้าเหรินไม่กล้ามองที่นาง เป็นเขาทราบ ว่าหญิง

สาวตรงหน้าไม่อาจยั่วยุด้วยได้

ฉินหยุนขณะนี้ขมวดคิ้ว “ออร่าของพี่สาวท่านนี้คล้ายจะเป็นขอบเขต

วรยุทธ์วิญญาณ!”

เซี่ยอู๋เฟิ งกล่าวต่อคํา “เป็นออร่าของขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ กระนั้น

กลับสะกดระดับการฝึกฝนเอาไว้ กลายเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่เก้าเพื่อเข้าเมืองแห่งนี้!”

เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “ไม่นึกว่ามองออกรวดเร็วเพียงนี้! นางเป็นศิษย์

จากตําหนักจันทราทมิฬของแดนวิญญาณอ้างว้าง นามว่าไค่เซียงจิ้ง!”

แท้จริงแล้วเป็นศิษย์ของแดนวิญญาณอ้างว้าง ฉินหยุนและคณะเผย

ความตระหนก สําหรับพวกเขา แดนวิญญาณอ้างว้างทั้งลึกลับและ

แกร่งกล้า ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยความลี้ลับ

“เย่ว์หลาน พานางมาที่นี่ทําไมกันหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“นางต้องการให้เจ้าช่วยขัดเกลายันต์ไล่ล่าอสูร!” เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ย

ถาม “สะดวกขัดเกลาตอนนี้เลยหรือไม่?”

ฉินหยุนนําเอายันต์ไล่ล่าอสูรออกมา ส่งต่อออกไป เขายิ้มกล่าว “ข้า

มีอยู่แล้ว!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ ไค่เซียงจิ้งเผยสีหน้าแปลกใจระคนยินดี รับเอายันต์ไล่

ล่าอสูรไว้ในมือพร้อมกล่าวถาม “นี่คิดค่าใช้จ่ายกี่เหรียญม่วง?”

“อืม… เหรียญม่วงออกจะธรรมดาเกินไป เหตุใดท่านไม่มอบของ

พิเศษจากแดนวิญญาณอ้างว้างแทนเล่า!” ฉินหยุนไม่ได้ขาดแคลน

เหรียญม่วง ที่เขาขาดแคลนคือสิ่งที่เหรียญม่วงไม่อาจซื้อหา

ไค่เซียงจิ้งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นนําเอากระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง

“สิ่งนี้คืออักขระดวงดาว ข้าได้รับมาโดยบังเอิญ และข้าก็ไม่ทราบ

วิธีใช้งานด้วย! เป็นข้าอยากทราบด้วย ว่านี่คืออักขระดวงดาวชนิด

ใด!”

ฉินหยุนรับมาชื่นชม จากนั้นจึงเก็บไปรวดเร็ว แม้เขาไม่ทราบว่ามัน

เอาไว้ใช้ทําอะไร แต่ต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน

ยันต์เพียงหนึ่งแผ่นสําหรับอักขระดวงดาวที่ลึกลับ นี่นับเป็นผลกําไร

ชิ้นใหญ่

“พวกเจ้าดื่มกินกันต่อ พวกเราไม่คิดรบกวนแล้ว!” กล่าวคําจบ นาง

จึงใส่หน้ากากและจากไปพร้อมไค่เซียงจิ้ง

แม้ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานไม่ได้สนทนากันมาก พวกเขาต่างเข้าใจ

เรื่องราวของกันและกันดี พวกเขาต่างก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่สาม หมายความว่าทั้งสองทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดําได้!

เพราะมีผู้คนอยู่มากเกินไป ทั้งสองจึงไม่คิดสอบถามเรื่องอีกฝ่ ายใน

ขณะนี้

ฉินหยุนไม่ทราบว่าหยางฉีเย่ว์อยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ หากนางอยู่ ย่อม

ต้องคิดท้าประลองจ้าวสังเวียนสักคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ดื่มกินกันจนพอใจ พวกเขาค่อยกลับโรงเตี๊ยม

เช้าวันถัดมา พวกเขาค่อยเร่งรีบไปยังลานกว้างตรงหน้าตําหนักจารึก

เทวะ

เมื่อวานฉินหยุนสูญเสียเหรียญม่วงไปมาก ดังนั้นจึงคิดต้องให้ตําหนัก

จารึกเทวะต้องหลั่งเลือดบ้าง

หลายคนขณะนี้ต่างคาดเดาผลของการเล่นพนันวันนี้ แต่สิ่งที่ทําพวก

เขาประหลาดใจที่สุด ก็คือจ้าวสังเวียนวัยเยาว์จากแดนวิญญาณ

อ้างว้างก็อยู่ที่นี่ด้วย

พวกเขาล้วนเชื่อ ว่าพวกตนเองต้องป้องกันสังเวียนเอาไว้ได้สําเร็จ

เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะได้รับเหรียญม่วง ดังนั้นคิดใช้จ่ายเล่นหา

ความสนุกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว

ขณะเดินทางมา ฉินหยุนเลือกสวมใส่หน้ากาก เขาเพียงให้มู่หรงต้า

เหรินกับหงเหยียนออกไปวางเดิมพันให้

“จ้าวจิงอวี้ก็มา ชายคนนี้วางมาดยิ่งนัก เหมือนคิดว่าชนะแล้วอย่างไร

อย่างนั้น!”

แน่นอนว่า ในเมื่อเป็นจ้าวสังเวียนวัยเยาว์ ย่อมต้องมาวางเดิมพัน

แสดงพลังอํานาจ พวกเขาล้วนซื้อหากันอย่างน้อยก็สี่หรือห้าหมายเลข

มูลค่ารวมการซื้อทั้งหมดเป็ นเงินมากถึงสี่สิบล้านเหรียญม่วง

จ้าวสังเวียนทั้งหมดห้าสังเวียน ต่างมาที่นี่เล่นวางเงินเดิมพัน รวมเข้า

กับศิษย์ผู้อื่นจากแดนวิญญาณอ้างว้าง และสํานักอื่น รวมถึงตระกูล

ชนชั้นสูง เงินวางเดิมพันรอบแรกขณะนี้พุ่งสูงถึงหกร้อยล้านเหรียญ

ม่วงแทบในพริบตา

ฉินหยุนมองทางฝูงชน พบเห็นเชี่ยวเย่ว์หลานและไค่เซียงจิ้งที่สวม

ใส่หน้ากาก เขาเร่งรีบส่งเสียงสื่อสารบอกต่อพวกนาง “เย่ว์หลาน

ซื้อไหหมายเลขหนึ่ง ซื้อสักคนละสิบล้านเหรียญม่วงได้เลย!”

ถัดจากนั้น เขาส่งเซี่ยอู๋เฟิ งออกไปซื้อเช่นเดียวกัน เมื่อมู่หรงต้าเหริน

และหงเหยียนได้ยินเสียงสื่อสารจากฉินหยุน พวกเขาเร่งรีบซื้อตาม

อย่างไม่สงสัยอันใด

หมายเลขหนึ่งขณะนี้มีผู้ซื้อน้อยนิด ดังนั้นจํานวนเงินเดิมพันของ

หมายเลขนี้จึงน้อย

มากสุดวางเงินได้แค่สิบล้าน หากต้องการชนะหกร้อยล้านในคราว

เดียว ก็ต้องใช้ตัวแทนถึงหกคน!

เชี่ยวเย่ว์หลานคาดเดาได้นานแล้ว ว่าลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิง

สมควรเป็นฉินหยุน

ดังนั้น นางจึงมาที่นี่แต่เช้าเพื่อรออีกฝ่ าย อย่างไรแล้ว เมื่อคืนนางเพิ่ง

ซื้อสิทธิ์การท้าประลอง ทําให้ต้องจ่ายออกไปมากถึงสามร้อยล้าน

เหรียญม่วง

ช่วงเวลาวางเดิมพันหมดลงแล้ว ขณะนี้ค่ายอาคมใหญ่ภายในตําหนัก

จารึกเทวะทํางาน เมื่อทํางานอยู่ชั่วครู่ มันค่อยหยุดลง และเผยผลลัพธ์

ของรอบแรกออกให้เป็นที่ประจักษ์!

หุ่นเชิดนกบินออกจากไหหมายเลขหนึ่ง!

ทั้งมู่หรงต้าเหรินและหงเหยียน ล้วนเผยความยินดีจากใจแสดงออก

พร้อมเข้าไปรับเงินรางวัล

เชี่ยวเย่ว์หลานและไค่เซียงจิง ทั้งสองเร่งรีบเข้าไปรับหนึ่งร้อยล้าน

เหรียญม่วงเช่นกัน เงินเช่นนี้ออกจะได้มาง่ายดายเกินไปแล้ว

คนสุดท้ายที่เข้าไปรับคือฉินหยุน ขณะเดินกลับออกมา จ้าวจิงอวี้

คล้ายจดจําเขาได้

“ฉินหยุน เจ้าทําลายหุ่นเชิดสัตว์ของข้า! หุ่นเชิดสัตว์ตัวนั้นมูลค่านับ

พันล้านเหรียญม่วง จงรีบชดใช้ค่าเสียหายแก่ข้า!” จ้าวจิงอวี้ขณะนี้

ตะโกนกราดเกรี้ยวเสียงดัง

ฉินหยุนถอดหน้ากากออก รอยยิ้มอ่อนจางปรากฏอย่างไม่ยี่หระ

“เจ้ามีหลักฐานหรือว่าข้าทําลายมัน? เมื่อวานกลับเป็นผู้คนมากมาย

ได้เห็น ว่าเจ้าทําลายผลไม้วิญญาณของข้า ดังนั้นจึงเป็ นเจ้าที่ติดหนี้

สองหมื่นเหรียญม่วงต่อข้า!”


ตอนที่ 463 พิโรธ

จ้าวจิงอวี้รู้สึกได้ ว่าตนสามารถจัดการฉินหยุนอย่างง่ายดาย กระนั้น

กฎของสถานที่เป็นสิ่งที่ห้ามปรามเขาไม่ได้ลงมือ

ใบหน้าของเขาขณะนี้กราดเกรี้ยว นํ้าเสียงเย็นเยือกกล่าวใส่ฉินหยุน

“เจ้าสิหัวขโมย รู้หรือไม่เหตุใดตําหนักจารึกเทวะจึงไม่คุ้มกันเจ้าอีก

ต่อไป? เพราะเจ้ามันหัวขโมยอักขระ!”

“เจ้าไม่มีทั้งอํานาจหรือคนหนุนหลัง มีชาติกําเนิดตํ่าต้อย แต่แล้ว

กลับมีอักขระหายากอยู่ในมือ ถึงกับสามารถขัดเกลายันต์ไล่ล่าอสูร!

หากนี่ไม่ใช่สิ่งที่ขโมยมา อย่างนั้นแล้วมันมาจากที่ใดกันเล่า?”

“น่าเสียดาย ตําหนักจารึกเทวะหาหลักฐานได้ไม่มากพอว่าเจ้าขโมย

พวกมันมา!”

ฉินหยุนยังเยาว์ ด้วยไม่มีอาจารย์ผู้ชี้แนะ เขากลับสามารถรู้และ

เข้าใจอักขระหายาก นี่ถือเป็นหนึ่งในข้อสงสัยที่อยู่ในใจของผู้คน

“ศิษย์ของสํานักจากแดนวิญญาณอ้างว้างล้วนอวดดีเช่นนี้กันทั้งสิ้น

หรือ? ความสามารถวิถีจารึกแห่งเต๋านี้มองเป็นของปลอมหรือ?”

“อักขระหายากที่ข้าครอบครองและเชี่ยวชาญ เป็นการพบพานโดย

โชคทั้งสิ้น อะไรที่ทําให้เจ้าคิดว่าข้าขโมยพวกมันมา?”

ฉินหยุนแค่นเสียง สายตามองไปยังผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะ

ด้านหลังจ้าวจิงอวี้

ผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะก้าวเดินเข้ามาและกล่าว “ฉินหยุน

อักขระที่เจ้าครอบครอง กระทั่งในตําหนักจารึกเทวะของพวกเรายัง

ไม่มี พวกมันล้วนเป็นอักขระที่หาได้ยากยิ่ง!”

“ในเมื่อเจ้าได้รับโดยโชคพบพาน เช่นนั้นก็ควรแบ่งปันกับพวกเรา!

อาจารย์จารึกและตําหนักจารึกเทวะล้วนต้องแบ่งปันกัน และตําหนัก

จารึกเทวะของเราจะได้นําวิถีจารึกสู่อีกระดับหนึ่ง!”

“ทว่า เจ้าไม่ทําเช่นนั้น เจ้าเพียงแต่เก็บงํามันเอาไว้กับตนเอง! นี่จึง

เป็นเหตุผลว่าทําไมตําหนักจารึกเทวะของเราจึงปล่อยมือจากเจ้า!

นอกจากนี้ อักขระที่เจ้าได้รับมา บางทีอาจเป็นสิ่งที่หลงเหลือเอาไว้

โดยผู้อาวุโสของตําหนักจารึกเทวะของเรา!”

จ้าวจิงอวี้กล่าวคํา “ฉินหยุน ได้ยินแล้วใช่หรือไม่? เหตุใดคราวนี้ไม่

ส่งมอบอักขระเหล่านั้นออกมาเล่า? ที่เจ้าคาดเดาการพนันไหนั่นถูก

ก็สมควรเป็นการใช้อักขระลึกลับคดโกงใช่หรือไม่?”

ผู้คนจากตําหนักจารึกเทวะ ล้วนรู้สึกมานานแล้วว่าเรื่องราวไม่ชอบ

มาพากล พวกเขาจึงเร่งรีบกล่าวออก “ฉินหยุน ส่งผังจารึกเหล่านั้น

มา แล้วตําหนักจารึกเทวะเราจะยอมรับฐานะอาจารย์จารึกของเจ้า!”

ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าตําหนักจารึกเทวะกลับมีความคิดเช่นนี้ คน

ใหญ่คนโตของตําหนักจารึกเทวะเอง ก็ยังเก็บงําอักขระหายากเอาไว้

กับตนไม่เผยแพร่ด้วยซํ้า

“ตําหนักจารึกเทวะ ข้า ฉินหยุนผู้นี้ หาได้ต้องการการรับรองตัวตน

อาจารย์จารึกจากพวกเจ้าไม่!” ฉินหยุนกล่าวคํา นําเอาเหรียญตรา

แพลทินัมออกมา

ผู้คนล้วนเห็น ว่าเหรียญตรานั้นมีสามดาว นั่นถือเป็นเหรียญตราของ

อาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง!

ท่ามกลางฝูงชน พวกเขาเหล่านี้เป็นบุตรหลานตระกูลสายเลือดชน

ชั้นสูง เมื่อพวกเขาได้เห็นเหรียญตรานั้น ล้วนเผยความแตกตื่นกัน

ออกมา!

ฉินหยุนขณะนี้แท้จริงเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูงตั้งแต่

เยาว์วัยได้!

“เขาครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดํา กระทั่งว่าเขาครอบครองพรสวรรค์

สูงลํ้าเพียงใด ก็ไม่มีทางก้าวขึ้นเป็นอาจารย์จารึกลึกลํ้าได้!”

“อาจารย์จารึกลึกลํ้า จําเป็นต้องฝึกฝนถึงอย่างน้อยก็ขอบเขตวรยุทธ์

วิญญาณ!”

“สําหรับอัจฉริยะที่ถูกตําหนักจารึกเทวะทอดทิ้ง นี่ย่อมต้องเป็น

เพราะคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดําด้วย!”

“น่าเสียดาย ด้วยพรสวรรค์มากลํ้าเพียงนี้ กลับต้องถูกจํากัดเอาไว้

ด้วยคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดํา!”

หงเหยียน มู่หรงต้าเหริน และเซี่ยอู๋เฟิ ง ต่างทราบว่าฉินหยุนมีความ

สามารถทางวิถีจารึกสูงลํ้าเพียงใด กระนั้น พวกเขาก็ไม่คาดคิด ว่า

ฉินหยุนจะเป็นถึงอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง!

ฉินหยุนวางเหรียญตรากับพื้น นําเอาค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมา

ทุบฟาดหวดรุนแรง ทําลายเหรียญตรานั้นแตกสลาย

“ข้าหาได้ต้องการเหรียญตราบัดซบนี่อีกไม่!” เขาเขี่ยเหรียญตราที่ถูก

ทุบกับพื้น เตะไปยังชายชราจากตําหนักจารึกเทวะ

จ้าวจิงอวี้ขณะนี้อึ้ง พรสวรรค์ระดับฉินหยุน หาได้ยากยิ่งแม้ในแดน

วิญญาณอ้างว้าง กระนั้นเขาก็ยังแค่นเสียงออก “ฉินหยุน เจ้าติด

ข้อจํากัดของวิญญาณยุทธ์สีดํา ไม่มีทางก้าวหน้าการฝึกฝน นั่นคือ

กรรมของเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะกราดเกรี้ยว เพราะตําหนักที่เขานับถือ

ถูกยั่วยุ

“ฉินหยุน ในเมื่อเจ้าเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง เจ้าทําลาย

หุ่นเชิดสัตว์ของข้าใช่หรือไม่? เช่นนั้นจงรีบจ่ายค่าชดเชยออกมา!”

จ้าวจิงอวี้นึกเรื่องหุ่นเชิดสัตว์ขึ้นได้ ดังนั้นจึงเร่งรีบกล่าวคําเสียงเย็น

ฉินหยุนตอบกลับไม่ยี่หระ “อันดับแรก ยืนยันสิว่าข้าเป็นคนทําลาย

มัน!”

“หุบปาก!” จ้าวจิงอวี้คํารามกราดเกรี้ยว ร่างขณะนี้พุ่งเข้าหาฉินหยุน

พร้อมหมัด

ฉินหยุนตั้งป้อมระวังอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นจ้าวจิงอวี้โจมตี เขาก็พร้อม

ปล่อยหมัดออกไปเช่นเดียวกัน!

ชั่วขณะนี้ที่หมัดปล่อยออก เขาจึงใช้พลังอสนีบาตอัคคีราชสีห์สวรรค์

เสียงดังสนั่นบังเกิด จ้าวจิงอวี้ร่างกระเด็น!

ภายในนครโบราณยุทธ์เต๋า พวกเขากลับกล้าต่อสู้กันต่อหน้าตําหนัก

จารึกเทวะ ผู้คนขณะนี้ล้วนแตกตื่นขณะก้าวถอยกลับ

“ฉินหยุน กล้าดีนัก!” ผู้อาวุโสมีโทสะ เร่งรีบบินเข้ามา ขณะนี้นําเอา

ตาข่ายออกมาผืนหนึ่ง จับกุมฉินหยุนเอาไว้

ถัดจากนั้น ผู้อาวุโสอีกหลายคนที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

ล้วนเข้ามาใช้อักขระวิญญาณหลากหลายเข้าสะกดฉินหยุนไว้!

ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารไปยังเซี่ยอู๋เฟิ งและเชี่ยวเย่ว์หลาน บอกให้ทั้ง

สองอย่าได้ลงมือ

ที่นี่คืออาณาเขตของตําหนักจารึกเทวะ นอกจากนี้ ยังมีขั้วอํานาจ

มากมายที่มีสัมพันธ์อันดีกับตําหนักจารึกเทวะ!

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้ามีมากมาย หากเซี่ยอู๋เฟิ งและคณะ

เคลื่อนไหว อย่างนั้นพวกเขาย่อมต้องถูกจับตัว

“ฉินหยุน เจ้าละเมิดกฎร้ายแรงของนครโบราณยุทธ์เต๋า ในเมื่อเจ้า

ต่อสู้แม้อยู่ต่อหน้าพวกเรา เจ้าต้องถูกจองจํานานสามปี !” ชายชรา

กล่าวเสียงเย็น

“เหตุใดจึงขังเพียงข้า? ไม่ใช่จ้าวจิงอวี้ลงมือก่อนหรือไร?” ฉินหยุน

ตอบกลับอย่างมีโทสะสุมแน่น

ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะแค่นเสียง “เจ้าเป็นผู้ที่ทําร้ายผู้อื่น

บาดเจ็บก่อน เป็ นเจ้าใช้วาจากล่าวยั่วยุเขา เพราะเหตุนั้นเขาจึงมี

เจตนาคิดโจมตีเจ้า! แต่ในทางกายภาพ เขาหาได้ทําร้ายเจ้าบาดเจ็บ

อันใดไม่!”

“เป็ นเจ้าใช้พลังที่รุนแรงทําร้ายเขา เป็ นเจ้าผิด! เร่งรีบส่งมันเข้าคุกใต้

ดิน จองจําไว้สามปี !”

ฉินหยุนขณะนี้ชัดเจนว่าโดนล่อลวงให้ติดกับ และยังโดนอักขระ

วิญญาณนานาชนิดสะกดร่างกายเอาไว้ ทําให้ไม่อาจต่อต้าน

เขากัดฟันแน่น ดวงตาเปี่ ยมด้วยความโกรธแค้น เขากล่าวออกด้วย

นํ้าเสียงที่คมกริบประดุจมีดดาบ “ตําหนักจารึกเทวะ จ้าวจิงอวี้ พวก

เจ้ารอก่อนเถอะ ข้า ฉินหยุนผู้นี้ จะไม่หยุดจนกว่าพวกเจ้าจะตาย!”

“ฮ่าฮ่า ลําพังแค่เจ้าหรือ? อย่าว่าแต่เจ้า กระทั่งประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์

ของเจ้า ก็จะราบเป็นหน้ากลองโดยพวกเราในไม่ช้า!” เมื่อจ้าวจิงอวี้

ได้เห็นฉินหยุนถูกจับกุม เขาก้าวเดินเข้ามา หัวเราะ พร้อมทั้งเตะและ

ต่อยใส่ฉินหยุน

ดวงตาของเชี่ยวเย่ว์หลานเปี่ ยมด้วยจิตสังหาร เซี่ยอู๋เฟิ งหลับตา พวก

เขากําลังสะกดข่มโทสะภายใน

หากไม่ใช่เพราะฉินหยุนบอกต่อพวกเขาว่าห้ามลงมือ พวกเขาคงไม่

สนอื่นใดเข้าจัดการจ้าวจิงอวี้ไปแล้ว!

จ้าวจิงอวี้ยังโหมโจมตีใส่ฉินหยุนทั้งยังหัวเราะชั่วช้า “ยอดยุทธ์

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามอันดับหนึ่งแห่งแดนยุทธ์อ้างว้างคือ

อะไร? พวกมันล้วนเป็นขยะ! ในสายตาข้า เจ้าก็แค่ทําข้าต้องเปลือง

เท้าเท่านั้น!”

ไม่มีผู้ใดกล่าวอันใด อย่างไรแล้ว นี่ก็คือการลงมือโดยตําหนักจารึก

เทวะ!

หากตําหนักจารึกเทวะต้องการจัดการใครสักคน คนผู้นั้นก็เรียกได้

ว่าโชคร้ายแล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าที่นี่คืออาณาเขตของตําหนัก

จารึกเทวะ!

ฉินหยุนไม่คาดคิดจากใจจริง ว่าตําหนักจารึกเทวะสามารถไร้ยางอาย

ได้เพียงนี้ มันทําเอาโทสะในใจของเขาเผาไหม้รุนแรง

“นําตัวมันไป!” ชายชราตะโกนสั่งการ เป็นเขากังวลว่าจ้าวจิงอวี้จะ

สังหารฉินหยุน หากเกิดเรื่องเช่นนั้น ก็จะเป็นการยากอธิบายต่อ

เบื้องบนแล้ว

อย่างกะทันหัน คนหนึ่งตะโกนขึ้น “ฉินหยุนครอบครองหม้อราชสีห์

สวรรค์สะกดมังกร และโทเทมราชสีห์สวรรค์ พวกมันล้วนลํ้าค่ายิ่ง!”

“หรือตําหนักจารึกเทวะแท้จริงต้องการพวกมัน?”

ผู้คนขณะนี้ต่างได้ตระหนัก ว่าแม้กระทั่งตําหนักจารึกเทวะที่ชอบ

ธรรมมาโดยตลอด ยังไม่อาจต้านทานต่อความโลภ คิดฉกชิงพวก

มันไปจากฉินหยุน!

ฉินหยุนถูกคุมขังในคุกใต้ดิน แม้ว่าเขาบาดเจ็บหนัก ก็โชคยังดีที่มี

โทเทมต้นไม้กับอุปกรณ์อักขระแสงช่วยฟื้นฟู

คุกใต้ดินดํามืด สร้างขึ้นจากเหล็กสีดําและค่ายอาคมนานาชนิด กระทั่ง

ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณก็ไม่อาจหลบหนี

แต่สําหรับเขา หากคิดหลบหนีไม่ใช่เรื่องยาก

เพราะอย่างนั้น เขาจึงบอกต่อเซี่ยอู๋เฟิ งและเชี่ยวเย่ว์หลาน ไม่ให้พวก

เขาต้องลงมือ ไม่อย่างนั้นแล้ว หากถูกจับพร้อมกันสามคน การ

หลบหนีจะเป็ นเรื่องยากเย็น

“รอจนกว่าอาการบาดเจ็บข้าจะฟื้นฟูก่อนเถอะ! ตําหนักจารึกเทวะ

พวกเจ้าเป็นฝ่ ายเริ่มก่อน อย่าหาว่าข้าไร้มารยาท!” ฉินหยุนกัดฟัน

และกําหมัดเอาไว้แน่น ตัวเขากําลังสะกดข่มโทสะภายใน!

ผ่านพ้นห้าวัน ช่วงเช้าตรู่!

คุกใต้ดินยังคงมืดมิด มันไม่มีหน้าต่าง แสงจึงไม่อาจสาดส่องเข้ามา

อาการบาดเจ็บของฉินหยุนขณะนี้ฟื้นฟูแล้ว!

ขณะนี้เอง คนหนึ่งก้าวเดินเข้ามา เป็นผู้คุมคุก เขาถือก้อนหินเรือง

แสงในมือ สาดส่องทั้งห้องขังให้สว่าง

“นายน้อยจ้าวจิงอวี้ บอกให้ข้านําสิ่งนี้มาให้!” ผู้คุมวางกล่องยาวกับ

พื้น

ฉินหยุนเร่งรีบเข้าไปเปิ ดกล่อง ภายในเป็นแขนที่ผอมแห้งถึงสอง

ข้าง

“นี่… แขนผู้ใด?” ความคิดฉินหยุนถึงกับหยุดทํางานไปวูบ เขามอง

แขนในกล่องด้วยสายตาเบิกกว้าง

ขณะนี้เขาคาดเดาเจ้าของแขน ทว่ายังไม่อาจมั่นใจ!

“นายน้อยจ้าวบอกว่านี่เป็นของหญิงชรานั่น! เขายังบอก ว่านี่คือสอง

หมื่นเหรียญม่วงที่ชดใช้คืนแก่เจ้า!”

ผู้คุมคุกหัวเราะดัง กระทืบเท้าเข้าใส่ที่ศีรษะฉินหยุน “เจ้าคิดอยาก

ต่อต้านนายน้อยจ้าวหรือ? รนหาที่ตาย! เจ้าควรทราบว่าที่นี่คืออาณา

เขตของตําหนักจารึกเทวะ และนายน้อยจ้าวก็มาจากสํานักของแดน

วิญญาณอ้างว้าง สํานักของเขามีสัมพันธ์อันดีกับตําหนักของพวกเรา!”

เมื่อยืนยันได้ ว่าเป็นแขนของหญิงชรา ฉินหยุนยิ่งจมดิ่งในห้วงความ

โกรธและเคียดแค้น!

ทั้งร่างกายของเขาแข็งราวรูปปั้นหิน กระทั่งว่าผู้คุมคุกกระทืบที่

ศีรษะเขาไม่หยุด เขาก็หาได้ตอบสนองใด!

นี่ก็เพราะเขาโกรธจัด ความคิดในหัววิ่งแล่นรวดเร็วจนจิตใจถึงกับ

ว่างเปล่า!

ด้วยโทสะที่อัดแน่น มันแทบทําเขาคิดร้องออก เขาไม่ทราบว่าเป็น

เพราะตน จะทําให้หญิงชราผู้นั้นต้องโดนทรมานเพียงนี้!

ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาเพียงซื้อผลไม้วิญญาณสายฟ้าก็เพื่อช่วยนาง!

กระนั้น ความช่วยเหลือของเขาต่อหญิงชรา กลับทําให้นางตกเป็น

เป้าความแค้นของจ้าวจิงอวี้!

เวลานี้ ความคิดของเขาผุดใบหน้าของผู้คนจากตําหนักจารึกเทวะ!

ย้อนกลับไป เขาคิดว่าที่นี่คืออาณาเขตของตําหนักจารึกเทวะ และ

ตําหนักจารึกเทวะย่อมต้องไม่มีรอยด่างพร้อยบนดิ้นผ้า ดังนั้น หญิง

ชราผู้นั้นไม่สมควรตกเป็นเป้าความแค้น!

แต่เป็นเขาคิดผิด เป็นความผิดอย่างร้ายแรง!

เขาไม่เคยคาดคิด ว่าตําหนักจารึกเทวะจะไร้ความเป็นมนุษย์ได้เพียง

นี้! ผู้ใดกันคาดคิดคิด ว่าตําหนักจารึกเทวะจะเลือกปกป้องคนสารเลว

เช่นจ้าวจิงอวี้!

ทั้งหมดเป็ นเพราะจ้าวจิงอวี้คิดล้างแค้นหญิงชรา ทําให้นางต้องสูญเสีย

แขนทั้งสองข้าง!

ฉินหยุนผู้ซึ่งสติหลุดไปชั่ววูบ ขณะนี้สูดลมหายใจเข้าลึก สาดเท

ความโกรธแค้นภายในใจสู่แก่นเต๋าทั้งสาม จุดปะทุความพิโรธไร้ก้น

บึ้งออกมา!

เขาคว้าเท้าของผู้คุมเอาไว้ ลากอีกฝ่ ายเข้ามาในห้องขัง!

ผู้คุมร่างใหญ่ถูกบังคับดึงผ่านช่องแคบของลูกกรงที่แข็งแกร่ง เป็น

ผลให้ร่างบิดเบี้ยวชวนขนลุกเลือดสาดกระเซ็น

ความพิโรธครั้งนี้ ทําให้ฉินหยุนสูญเสียความเยือกเย็น เขาเร่งรีบใช้

ยันต์ปิ ดกั้นเสียง เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงผู้คุมหลุดรอด!

ผู้คุมร่างใหญ่กรีดร้องออกด้วยความเจ็บปวด!

ผู้คุมคุกขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่ ไม่คาดคิดว่าจะถูกนักโทษใน

ห้องขังทําร้ายบาดเจ็บได้เพียงนี้!

“ข้าขอถาม หญิงชราคนนั้นเป็นอย่างไรแล้ว?” ขณะเอ่ยคําออก เขาก็

นําเอาวิญญาณยุทธ์ออกจากร่างผู้คุมคุก รวมถึงแก่นเต๋าออกมาใน

เวลาเดียวกัน

“ข้า… ข้าไม่รู้!” เสียงผู้คุมคุกเปี่ ยมด้วยความเจ็บปวด ร่างขณะนี้สั่น

เทิ้มด้วยความหวาดกลัว

“ไม่รู้? งั้นจงตาย!” นํ้าเสียงฉินหยุนเย็นเยือก ฝ่ ามือยื่นออก

ฝ่ ามือที่อัดแน่นด้วยโทสะ พลังเต๋าตะวันทมิฬลุกโชน มันแปรเปลี่ยน

ห้องขังให้กลายเป็นลุกท่วมด้วยหมอกสีดํา



ตอนที่ 464 โต้กลับรุนแรง

“จ้าวจิงอวี้ ตําหนักจารึกเทวะ ข้าต้องให้พวกเจ้าชดใช้!” ฉินหยุนใช้

ความสามารถเทวะทะลุทะลวง ออกจากห้องขังใต้ดินสู่ภายนอก

ขณะนี้เขานําเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา สายตามองที่

มังกรร่างยักษ์ด้านใน

มังกรตัวนี้ยังไม่ตาย เพียงแต่บาดเจ็บสาหัส เขาไม่ทราบว่าควรนํามังกร

ตัวนี้ไปทําอะไรต่อดี ดังนั้นจึงปล่อยมันเอาไว้อย่างนั้นจนกระทั่งถึง

ตอนนี้

เพราะหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรมีมังกรอยู่ภายใน เขาจึงไม่อาจ

ใช้งานในการต่อสู้

ทว่า ที่นี่ไม่มีขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ กระทั่งว่าเขาไม่ใช้หม้อราชสีห์

สวรรค์สะกดมังกร เขาก็ยังมีวิธีสําหรับใช้ต่อกรกับผู้ฝึกตนขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

คุกใต้ดินของตําหนักจารึกเทวะ มีผู้คุมอยู่จํานวนหนึ่ง

ฉินหยุนนําไข่มุกโปร่งแสงออกมา ทําให้ตนเองโปร่งแสง ก้าวเดิน

ออกจากพื้นที่การคุ้มกันแน่นหนา

ที่ลานกว้างตรงหน้าตําหนักจารึกเทวะ ขณะนี้เป็นลานประลองยุทธ์

บนลานประลองยุทธ์ จ้าวจิงอวี้กําลังต่อสู้กับชายคนหนึ่ง ขณะนี้ใกล้

จบการต่อสู้แล้ว

ชายคนที่ต่อสู้กับจ้าวจิงอวี้ ได้รับบาดเจ็บหนัก

“ศิษย์ของแดนวิญญาณอ้างว้างแข็งแกร่งนัก! หยุนเป่ ยเซียวเป็นผู้ฝึก

ตนสายเลือด หลังแลกเปลี่ยนไปหลายร้อยกระบวนท่า ขณะนี้ยังไม่

อาจทําจ้าวจิงอวี้บาดเจ็บ กลับกลายเป็นฝ่ ายบาดเจ็บแทนเสียเอง

ความแตกต่างมหาศาลนัก!”

“ฉินหยุนคิดท้าทายเขาเชียวหรือ? ดูเหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นจ้าวจิง

อวี้ยั้งมือ เพราะเขาไม่ได้คิดสังหารฉินหยุนที่ตรงนั้น!”

“ถูกต้องแล้ว จ้าวจิงอวี้เพียงใช้กําลังกายเพื่อสะกดข่มฉินหยุน เพราะ

เขายังต้องไว้หน้าตําหนักจารึกเทวะ! แต่ไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะมี

จิตสังหารส่งร่างเขากระเด็นไกลเพียงนั้น!”

“ฉินหยุนบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่ยั่วยุตําหนักจารึกเทวะ ยังมี

ข้อพิพาทกับอัจฉริยะอย่างจ้าวจิงอวี้!”

“แดนยุทธ์อ้างว้าง ก็คือแดนยุทธ์อ้างว้าง ไม่มีทางเทียบเปรียบกับ

แดนวิญญาณอ้างว้าง! ไม่ว่าจะด้วยอะไร เขาก็แข็งแกร่งกว่าพวกเรา

เกินไป!”

หลายผู้คนกําลังพูดคุยยามเมื่อเห็นจ้าวจิงอวี้จัดการหยุนเป่ ยเซียว

อย่างง่ายดาย

จ้าวจิงอวี้ยืนบนลานประลองยุทธ์ กําลังชื่นชมกับสายตานับถือของ

ฝูงชน ใบหน้าของเขาขณะนี้เปี่ ยมด้วยความภาคภูมิ

“จ้าวจิงอวี้ปกป้องสังเวียนได้สําเร็จ ได้รับรางวัลเป็นเหรียญม่วง!”

ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะก้าวเดินเข้ามายิ้มกล่าว “ขอแสดง

ความยินดีกับนายน้อยจ้าวแล้ว!”

ค่ายอาคมใหญ่ของลานประลอง ขณะนี้ปิ ดลงแล้ว

ศิษย์หลายคนจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง สํานักราชัน ล้วนเข้ามา

แสดงความยินดีแก่ชัยชนะของจ้าวจิงอวี้

“นายน้อยจ้าว วิชายุทธ์ยอดเยี่ยมนัก พอจะมีเวลาสอนสั่งสักหลาย

กระบวนท่าบ้างหรือไม่ขอรับ?”

“ใช่แล้ว นายน้อยจ้าว ท่านไม่คล้ายใช้กําลังไปมากมายใดนัก พวก

เรากระทั่งยังไม่ได้เห็นวิชายุทธ์อันงดงามของท่าน!”

“นายน้อยจ้าวอย่าได้หวงแหนแล้ว แสดงให้พวกเราได้เป็นขวัญตา

กันหน่อย!”

ผู้คนขณะนี้เดินลงจากลานประลองพร้อมพูดคุยกับจ้าวจิงอวี้ไปด้วย

ด้วยสีหน้าอหังการ จ้าวจิงอวี้หัวเราะดัง “อย่างนั้นแล้วข้าจะแสดง

วิชายุทธ์โลการะดับสูงให้รับชม เรียกขานกันว่ากําปั้นกัมปนาท เป็น

ข้าเรียนรู้ได้จนถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว!”

ผู้คนต่างอุทานชื่นชมกันออกมา ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับสาม เชี่ยว

ชาญวิชายุทธ์โลกาจนถึงขั้นสมบูรณ์ นี่ถือเป็ นเรื่องยากพบพานนัก!

“จับตาดูให้ดี!” จ้าวจิงอวี้ตะโกนดัง ขณะกําลังจะปลดปล่อยหมัด

ออก ใครคนหนึ่งพลันปรากฏตัวบนลานประลอง!

เป็นชายหนุ่มสีหน้าเรียบเฉย สวมใส่ชุดดํา ดวงตาเปรียบดั่งดวงดาว

ขณะนี้เปี่ ยมล้นด้วยจิตสังหารกระจายออก!

ผู้ที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ไม่ใช่ใครอื่น เป็นฉินหยุน!

ผู้คนสับสนว่าเกิดเรื่องอันใด ทั้งนี้ยังแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น

จ้าวจิงอวี้กําลังจะปล่อยหมัดออก ทว่าฉินหยุนรวดเร็วยิ่งกว่า!

ฉินหยุนเหวี่ยงดาบยาวสีดํา ใช้งานวิชาวายุสังหารหกกระบวนท่าใส่

จ้าวจิงอวี้!

ด้วยเสียง ‘ฉัวะ ฉัวะ’ ดังขึ้น สายลมและหมู่เมฆบนฟากฟ้าถึงกับ

แยกตัวออก เมฆสีดําบนฟ้ากลายเป็นเคลื่อนเข้าแทนที่ เกิดเสียงฟ้า

ร้องดังครืนเป็นระลอก!

สายลมเปรียบดั่งคมมีด คลื่นขนาดใหญ่พัดพาทั่วสารทิศ จิตสังหาร

เปี่ ยมล้นจนถึงขั้นทําท้องฟ้ารํ่าร้อง เกิดเป็นเสียงภูตผีรํ่าไห้ดังระงม

ทําเอาร่างกายผู้คนสะท้านถึงทรวง!

“อา…”

จ้าวจิงอวี้ถูกสับฟันเป็นชิ้นด้วยวายุสังหารหกกระบวนท่า เสียงกรีด

ร้องเจ็บปวดก่อนตายเป็นการส่งตนสู่นรก ร่างกายขณะนี้ไม่อาจ

เคลื่อนไหวได้อีกต่อไป!

จ้าวจิงอวี้ตายแล้ว!

ศิษย์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง ผู้ฝึกตนมากพรสวรรค์ที่ผู้คนเพิ่งออก

กล่าวชม ขณะนี้ถูกสังหารคาที่!

จ้าวจิงอวี้ถูกสังหารในพริบตา โดยไม่มีแรงต่อต้านอันใดด้วยซํ้า!

ฉินหยุนผู้ซึ่งปรากฏตัวอย่างกะทันหันราวเทพแห่งความตาย จิต

สังหารของเขาล้นทะลักขนาดสายลมยังกรีดร้องหนีหาย!

ที่นี่มีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าก็มาก ทว่าไม่มีผู้ใดเร็วพอเข้า

หยุดยั้ง พวกเขาได้รับชมอย่างไม่อาจช่วยเหลือจ้าวจิงอวี้ที่ถูกสังหาร

ต่อหน้า!

“จิงอวี้!” เด็กหนุ่มชุดขาวคํารามร้องกราดเกรี้ยวเสียงดัง ร่างพุ่งทะยาน

เข้ามา

ฉินหยุนเร่งรีบใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง เลือนหายไปกับ

พื้นดิน เป็นเขาหายไปในพริบตา!

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้ากว่าสิบคนอยู่บนลานประลอง

พวกเขากําลังออกค้นหาร่องรอยของฉินหยุนอย่างเกรี้ยวกราด!

“ปิ ดผนึกเมือง ค้นหาให้ทั่วเมือง!” ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะ

ตะโกนด้วยความพิโรธ

เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะต่างอยู่ที่นี่ พวกเขาขณะนี้กําลังคิดหาทางช่วยเหลือ

ฉินหยุน!

ทว่า สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิด คือฉินหยุนจะหนีออกมาเองได้ และยัง

สังหารจ้าวจิงอวี้ต่อหน้าผู้คน!

ความตายของศิษย์ที่เหนือลํ้าจากแดนวิญญาณอ้างว้าง ย่อมเป็นความ

โกลาหลครั้งใหญ่!

กระโจมด้านนอกนครโบราณยุทธ์เต๋าจํานวนมาก ขณะนี้รวมตัวกัน

ด้วยผู้อาวุโสจากกองกําลังใหญ่ทั้งหลาย

พวกเขากําลังรอคอย ว่าผู้ใดจะได้สิทธิ์ในการเข้าสู่สวนโบราณ ทว่า

ตอนนี้ข่าวคราวที่ได้รับ คือจ้าวจิงอวี้สิ้นชีพแล้ว!

ผู้อาวุโสหลายสิบสํานักมาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง พอทราบข่าว

พวกเขาล้วนเกรี้ยวกราด!

โดยเฉพาะสํานักอวี้ชิงซึ่งจ้าวจิงอวี้สังกัด พวกเขามีโทสะล้นพ้นเป็น

ที่สุด!

พวกเขาปรารถนาเข้าไปในนครโบราณยุทธ์เต๋าในทันที ทว่า เพราะ

พวกเขาล้วนเป็นราชันยุทธ์ จึงไม่อาจผ่านประตูเมืองได้

ตําหนักจารึกเทวะ สํานักราชันทั้งหลาย ตําหนักโทเทม และตระกูล

สายเลือดชนชั้นสูง ขณะนี้เร่งรีบส่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

ทั้งหมดเข้าเมืองเพื่อจับตัวฉินหยุน!

ตําหนักจารึกเทวะทราบว่าฉินหยุนคิดสร้างความวุ่นวาย อีกทางหนึ่ง

ตําหนักโทเทมและตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ต่างมองว่านี่เป็น

โอกาสอันดีที่จะจับตัวฉินหยุนเอาไว้

สํานักระดับราชันอื่น และขั้วอํานาจอื่นที่มารวมตัวกัน คิดใช้โอกาส

นี้สร้างความดีความชอบแก่สํานักจากแดนวิญญาณอ้างว้าง ดังนั้น

แล้ว พวกเขาจึงเรียกรวมพลขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า บุกเข้า

เมืองเพื่อจับตัวฉินหยุนให้จงได้!

ฉินหยุนหลังลงมือสังหารจ้าวจิงอวี้ เขาใช้ความสามารถเทวะทะลุ

ทะลวง จมดิ่งลงสู่พื้นดิน ขณะนี้เขาติดอยู่ในพื้นดินที่แน่นหนา

เขาใช้พลังไปเกือบหมดเพื่อใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงจมสู่

พื้น หลังหมดสิ้นเรี่ยวแรง เขาก็ไม่อาจเคลื่อนไหวต่อได้อีก

“มีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าเยอะเกินไป!” ฉินหยุนพักผ่อน คิด

ใช้โอกาสที่มีนี้ฟื้นฟูพลัง

หากเป็นเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าจํานวนหนึ่ง เขาจะใช้

ยันต์สะกดกายจัดการแช่แข็งร่างพวกเขา แต่กระนั้นกลับมีหลายสิบ

และส่วนใหญ่มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง

เขารับมือได้แค่ระลอกแรก ระลอกที่สองไม่อาจแล้ว ดังนั้นจึงต้อง

ใช้ช่วงเวลาที่มีเพื่อหลบหนี!

ฉินหยุนใช้เวลาพักฟื้นอยู่วันหนึ่ง ขณะนี้อยู่ใต้พื้นดินลึก หากเขาพุ่ง

ตรงขึ้นไป ย่อมปรากฏตัวที่ลานกว้างของตําหนักจารึกเทวะ

“คงต้องเคลื่อนไหวที่ด้านล่างนี้ และออกห่างจากตําหนักจารึกเทวะ!”

เขากัดฟันแน่น เรียกใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง มุ่งหน้าไปยัง

ทิศทางหนึ่ง

หลังเดินมาทางใต้กว่าร้อยเมตร ขณะนี้เขาพลันพบพื้นที่เปิ ดเข้า!

“เราอยู่ใต้ดินลึกราวสองร้อยเมตร แต่กลับมีห้องหินขนาดใหญ่อยู่

ที่นี่!” ฉินหยุนเร่งรีบนําหินเรืองแสงออกมา สาดส่องสถานที่

เป็นห้องหินวงกลม กว้างกว่าสิบเมตร นี่เป็นรากฐานค่ายอาคมของ

นครโบราณยุทธ์เต๋า!

“รากฐานค่ายอาคมนี้ยังไม่ถูกพบโดยตําหนักจารึกเทวะ!” ฉินหยุน

มองอาคมหกเหลี่ยม อดไม่ได้ที่จะเกิดความยินดี ความคิดบ้าบิ่น

บังเกิดขึ้นในหัว

เขาสามารถควบคุมนครโบราณยุทธ์เต๋าได้!

เขาพิจารณารอบห้องหิน พบว่ามันมีค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่เชื่อมต่อ

กับบนพื้นดิน!

“ไม่แปลกใจที่ตําหนักจารึกเทวะไม่พบเจอฐานค่ายอาคม เพราะต้อง

ใช้ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่ซ่อนเร้นเพื่อเข้ามา!” เขานําเอาไข่มุก

วิญญาณยุทธ์โปร่งแสงออกมา ทําให้ตนเองโปร่งแสง จากนั้นค่อย

เปิ ดค่ายอาคมเคลื่อนย้ายให้ทํางาน

หลังการเคลื่อนย้าย ฉินหยุนพบว่าตนเองอยู่ในโพรงต้นไม้!

โพรงต้นไม้นี้ซ่อนเร้นเอาไว้ มันอยู่ในต้นไม้ใหญ่ในป่ าของนคร

โบราณยุทธ์เต๋า

ฉินหยุนพอออกมาจากใต้ดิน เขาจึงเร่งรีบตรวจสอบข่าวคราว ที่ทํา

เขามีโทสะที่สุด คือหงเหยียนถูกจับตัว!

เพื่อช่วยเหลือหงเหยียน มู่หรงต้าเหรินถึงกับบาดเจ็บสาหัส!

ชั่วขณะนี้ เซี่ยอู๋เฟิ งกําลังต่อกรกับตําหนักจารึกเทวะ เพื่อช่วยเหลือมู่

หรงต้าเหรินและหงเหยียน!

ฉินหยุนพอได้ทราบข่าว เขาเร่งรีบทะยานไปด้วยดวงตาแดงกํ่า!

หงเหยียนมีสัมพันธ์อันดีกับเขา หลายผู้คนล้วนทราบเรื่องนี้!

ราชันยุทธ์หงหยิงแตกต่างจากผู้อื่น และยังยอมยั่วยุตําหนักโทเทม

ด้วยเหตุนั้น หลายขั้วอํานาจจึงไม่หวาดเกรงหงหยิง จึงกล้าที่จะจับ

ตัวบุตรชายของเขา!

ฉินหยุนเดินไปยังลานกว้างตรงหน้าทางเข้าตําหนักจารึกเทวะ เขาได้

เห็นมู่หรงต้าเหรินและหงเหยียน ขณะนี้ถูกมัดไว้บนเสา

ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล บาดแผลเหล่านั้นเลือดไหลไม่

หยุดจนสามารถทําให้ร่างกายด้านชาได้ ชัดเจนว่าพวกเขาต้องพบ

เจอทัณฑ์ทรมานมา!

ด้วยฉินหยุนสังหารจ้าวจิงอวี้ การท้าประลองจ้าวสังเวียนรอบอื่น

ล้วนเลื่อนเวลาออกไปหมดทั้งสิ้น!

ชั่วขณะนี้ เซี่ยอู๋เฟิ งกําลังเหวี่ยงดาบต้นกําเนิด ต่อสู้ร่วมกับสองชาย

ชราจากสํานักดาบสวรรค์ ต่อกรกับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่เก้านับสิบคน

แม้เซี่ยอู๋เฟิ งแข็งแกร่ง แต่เขาเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม

เป็ นเรื่องยากเกินไปที่เขาจะคิดต่อสู้กับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้า ทั้งร่างเวลานี้เต็มไปด้วยบาดแผล ชุดสีขาวของเขาถูก

ย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด

“พี่ใหญ่เซี่ย พวกท่านเร่งรีบไป! หากเป็นแบบนี้ต่อไป จะไม่มีคนใด

ในพวกเรารอด!” มู่หรงต้าเหรินที่ถูกมัดกับเสาหิน ขณะนี้ร้องออก

แม้กายเจ็บปวด

หงเหยียนกล่าวด้วยความอ่อนแรง “เซี่ยอู๋เฟิ ง ท่านคือผู้ฝึกตนดาบที่

ยากพบพาน! อย่าได้เปลืองชีวิตกับสองสวะเช่นพวกเรา พวกเราย่อม

ไม่คิดกล่าวโทษ!”

ฉินหยุนมีโทสะล้นพ้นขณะรับชมเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ไกลออกไป

กระทั่งว่าหงเหยียนและมู่หรงต้าเหรินโต้เถียงกันบ่อยครั้ง เขาก็ยังนับ

มู่หรงต้าเหรินเป็นสหายข้างกาย!

ฉินหยุนขณะนี้ร่างยังคงโปร่งแสง บินเข้าไปใกล้จึงพบเชี่ยวเย่ว์หลาน

อยู่ใกล้เคียง นางกําด้ามดาบเอาไว้แน่น ตระเตรียมต่อสู้สุดตัวแล้ว!

“เย่ว์หลาน! ศิษย์หุบเขาลึกลํ้าจันทราของเจ้ายังอยู่ในตําหนักจารึก

เทวะหรือ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

“หลังเกิดเรื่อง ทุกคนออกไปหมดแล้ว มีแต่พี่ไค่กับข้าที่ยังอยู่…

ตอนนี้ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าจํานวนมาก กําลังมาที

ตําหนักจารึกเทวะ ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไป!” เชี่ยวเย่ว์หลาน

ตอบกลับทันทีเมื่อได้ยินเสียงฉินหยุนสื่อสารมา

นางพอกล่าวคําจบ จึงได้เห็นไข่มุกทองม่วงลูกหนึ่งพุ่งทะยานเข้าหอ

สูงเก้าชั้น!

ไข่มุกนั่น เป็นแก่นเต๋าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ และยังเป็นถึงแก่น

เต๋าของผู้ฝึกตนสายเลือด!

ด้วยโทสะ ฉินหยุนยิงแก่นเต๋าด้วยปื นใหญ่ราชันลึกลํ้า กระสุนพุ่ง

เข้าที่หอของตําหนักจารึกเทวะ!

ตู้ม!

ด้วยแรงระเบิดรุนแรง ทั้งนครโบราณแห่งนี้สั่นไหว!

ตําหนักจารึกเทวะถูกปกคลุมด้วยแรงระเบิดของแก่นเต๋า หอคอยสูง

พังทลายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน กระจัดกระจายไปทั่วทิศ!

ที่ชวนตื่นตะลึงยิ่งกว่า คือชิ้นส่วนร่างกายของฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์

เต๋ามากมาย ขณะนี้พวกมันกระจัดกระจายร่วงหล่นไปทั่วสารทิศ!

เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะที่ต่อสู้กันอยู่ กลายเป็นถูกปกคลุมด้วยกลุ่มฝุ่น

หนาและสายลมกระโชกรุนแรง!



ตอนที่ 465 รวมตัวที่นครโบราณ

แรงระเบิดรุนแรง กระทั่งราชันยุทธ์ที่ภายนอกและบรรดาผู้อาวุโส

ยังรับรู้

พวกเขาล้วนบินขึ้นกลางอากาศ สายตาจับจ้องเมืองที่ไกลออกไป

ขณะนี้มันปกคลุมด้วยฝุ่ นทรายและเศษซาก

“นี่เป็นพลังที่มีแต่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณจึงปลดปล่อยได้!” หนึ่ง

ในราชันยุทธ์ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่านครโบราณให้แต่ขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าเข้าไปหรือ?”

“สมควรเป็นการระเบิดของแก่นเต๋า! มีคนทําลายแก่นเต๋าขอบเขต

วรยุทธ์วิญญาณ! นี่ต้องเป็นฉินหยุนแน่ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยใช้แก่น

เต๋าระเบิดผู้คน!”

“ไม่ดีแล้วสิ หากพวกเราเข้าไปไม่ได้ ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับเก้าที่

โดนแรงระเบิดรุนแรงเพียงนั้น ไม่มีทางต้านรับได้ไหวแน่!”

“ต้องส่งคนเข้าไปจับตัวฉินหยุนเพิ่มเติมโดยเร็ว!”

ราชันยุทธ์เหล่านี้เคร่งเครียด แม้พวกเขาแข็งแกร่ง แต่ก็ได้แค่รับชม

อยู่ภายนอกเท่านั้น

พวกเขาล้วนไม่อาจเข้าเมือง หากพวกเขาฝืนเข้าไป จะถูกค่ายอาคม

ใหญ่ด้านในสะท้อนกลับมา ถึงตอนนั้นอาจถึงขั้นเสียชีวิต

ในช่วงห้าวันมานี้ มีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้ากว่าหกสิบคนมา

รวมตัวกัน

หลังผ่านไปหลายวันและกําลังพักฟื้นในตําหนักจารึกเทวะ ขณะนี้

พวกเขาล้วนถูกฉินหยุนสังหารสิ้นในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!

ลานกว้างปกคลุมด้วยสายลมรุนแรง เซี่ยอู๋เฟิ ง หงเหยียน และมู่หรง

ต้าเหรินยังปลอดภัย

ชายชราข้างกายไค่เซียงจิ้งและเซี่ยอู๋เฟิ ง ขณะนี้ส่งคนเข้าไปช่วยพวก

หงเหยียนออกมา

แม้พายุรุนแรง แต่มันก็จางหายรวดเร็ว หลังสายลมสงบ ตําหนักจารึก

เทวะเวลานี้กลายเป็นเพียงเศษซาก

ผู้อาวุโสหลายคนของตําหนักจารึกเทวะ ที่เมื่อครู่ไม่ได้อยู่ในหอคอย

ตําหนัก ขณะนี้ยังรอดชีวิต พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาขณะจับจ้อง

เศษซาก พวกเขาสร้างหอคอยแห่งนี้มานานนับ ขณะนี้มันพังทลาย

สิ้น!

“ฉินหยุน ไอ้ปี ศาจร้าย!” ผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะคํารามดัง

เมื่อเห็นฉินหยุนพุ่งเข้ามา

ผู้คนที่รับชมเรื่องราวไกลออกไป ต่างกําลังแตกตื่นเพราะแรงระเบิด

เมื่อครู่ พวกเขาไม่เชื่อว่านั่นเป็นฝีมือของฉินหยุน!

ผู้อาวุโสหลายคนจากตําหนักจารึกเทวะ ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้า ต่างพุ่งทะยานร่างเข้าใส่ฉินหยุน

ฉินหยุนพบเห็นโอกาส ขว้างโยนยันต์สะกดกายออกไป จัดการตรึง

ร่างบรรดาผู้อาวุโสเอาไว้กับที่!

จากนั้นเขานํากระบี่ใหญ่เต๋าเล่มหนึ่งออกมา พุ่งเข้าสับฟันผู้อาวุโส

เหล่านั้น!

เพียงร่างพุ่งเข้าใส่ เปรียบดั่งร่างเงาสีดําวูบไหว เป็ นเขารวดเร็วจน

มองตามไม่ทัน!

ขณะนี้คนชุดดําถือกระบี่คมกริบเล่มยาวพุ่งเข้ามา!

คนชุดดําผู้นี้สวมใส่ผ้าคลุมสีดําปิ ดบัง ใบหน้าไม่อาจมองเห็น ที่

สามารถบ่งบอกได้ มีเพียงดวงตานั้นเปี่ ยมด้วยจิตสังหารแรงกล้า!

เป็นหญิงสาว ขณะนางพุ่งเข้ามา พลันเร่งรีบใช้กระบี่ในมือสับฟัน

ออก จัดการบั่นเศียรผู้อาวุโสเหล่านั้นจนสิ้น!

ฉินหยุนเพียงมองตาก็ทราบว่าเป็นเชี่ยวเย่ว์หลาน เขาไม่นึกว่านางจะ

แข็งแกร่งได้เพียงนี้!

บรรดาผู้อาวุโสที่ถูกสังหาร ฉินหยุนเก็บร่างพวกเขาสู่กระเป๋ ามิติเก็บ

ของ เพื่อแยกวิญญาณยุทธ์พวกเขาในภายหน้า!

จากทิศทางสู่ประตูเมือง ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแกร่งกล้ากลุ่ม

ใหญ่กําลังบุกเข้ามา

ตราบเท่าที่กระจายตัวออก พวกเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงยันต์สะกด

กายที่มีอํานาจสังหารหมู่ และยังหลบเลี่ยงการระเบิดแก่นเต๋าได้อีก

ด้วย!

“ไปกัน!” ฉินหยุนรับรู้ถึงออร่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแกร่งกล้า ราวกับ

พวกเขาเตรียมการไว้อยู่ก่อนแล้ว เหล่านี้เป็นคนหนุ่มจากแดน

วิญญาณอ้างว้าง

ที่ทําเขากังวลที่สุดคือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าของแดนวิญญาณ

อ้างว้าง พวกเขาถือว่าชวนสะพรึงที่สุด ทว่าโชคดีที่มีกันอยู่เพียงน้อย

นิด!

ห้วงเวลานี้ หลายคนเร่งรีบคิดออกพ้นจากนครโบราณยุทธ์เต๋า

ผู้ซึ่งไม่คิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานชโลมเลือด ย่อมคิดเร่งร้อนไปจาก

เมืองแห่งนี้

ประตูเมืองมีราชันยุทธ์หลายคนคุ้มกัน พวกเขาเหล่านั้นหากคิด

ออกไปก็ต้องผ่านการตรวจสอบโดยละเอียด

ฉินหยุนและคณะคิดถอยไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขากําลังถูกไล่ล่าโดย

ยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

เป็ นเรื่องดีที่เขาครอบครองปื นใหญ่ราชันลึกลํ้า และยังมีกระสุนปืน

ใหญ่อีกมาก มันสามารถทําให้ผู้อื่นที่ไล่ตามต้องพบเรื่องราว

ยากลําบากได้

กระสุนปื นใหญ่ สังหารขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าไปกว่าสิบคน

สองคนนั้น เป็นผู้ที่มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง!

เมื่อราชันยุทธ์จากแดนวิญญาณอ้างว้างได้ทราบเรื่องราว โทสะพวก

เขาแทบระเบิดออกดั่งภูเขาไฟ กระนั้น พวกเขาไม่อาจเข้ายุ่งเกี่ยวกับ

ศึกนี้

หนึ่งในราชันยุทธ์ประกาศเสียงเย็น “พวกเราจะตั้งค่าหัวฉินหยุน

หนึ่งพันล้าน ตราบเท่าที่จับเป็นได้ จะได้รับหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง!”

นครโบราณยุทธ์เต๋าเป็นอาณาเขตของตําหนักจารึกเทวะ ขณะนี้เกิด

เรื่องราวใหญ่โตในอาณาเขตพวกเขา ศิษย์ที่เหนือลํ้าของแดนวิญญาณ

อ้างว้างเสียชีวิต รวมถึงผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าอีกมาก

พวกเขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!

ผู้คนที่เพิ่งออกมา พอได้ยินว่าค่าหัวสูงถึงหนึ่งพันล้าน ดวงตาล้วน

ลุกวาว!

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าหลายคนเพียงแค่ต้องการรับชม เพราะ

มันไม่ได้สร้างผลประโยชน์ใดต่อพวกเขา จึงไม่คิดเข้าแทรกแซง

ขณะนี้ ตราบเท่าที่จับเป็นฉินหยุนมาได้ สิ่งที่ได้รับคือหนึ่งพันล้าน

เหรียญม่วง มันมากพอที่จะให้หลายผู้คนยอมเสี่ยง!

ผู้ฝึกตนกว่าพันคนที่เพิ่งออกจากเมือง ขณะนี้มองสหายร่วมทาง

ตระเตรียมจัดตั้งหน่วยเข้าจับตัวฉินหยุนเอาไว้!

ตําหนักจารึกเทวะตั้งค่าหัวไปทั่วทั้งสามแดนอ้างว้าง หมายความถึง

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจากแดนสัตว์อสูรอ้างว้าง และแดนปี ศาจ

อ้างว้าง ล้วนสามารถเข้านครโบราณเพื่อล่าตัวฉินหยุนได้

ฉินหยุนขณะนี้นําเชี่ยวเย่ว์หลานและคณะมุ่งสู่ป่ า

ในนครโบราณยุทธ์เต๋า สถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุด ย่อมต้องเป็นห้อง

หินที่เป็นรากฐานค่ายอาคมแล้ว!

ได้เห็นฉินหยุนยิงแก่นเต๋าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณจนระเบิด ผู้ฝึกตน

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าต่างไม่กล้าไล่ตาม เพราะพวกเขาไม่

ทราบว่าฉินหยุนมีแก่นเต๋าในครอบครองอีกมากเพียงใด

เพียงไม่นาน ฉินหยุนนําพาเซี่ยอู๋เฟิ งและคณะมายังห้องหินรากฐาน

ค่ายอาคม

แม้ว่าที่นี่เป็นห้องหินใต้ดิน กระนั้นพลังงานหาได้ขาดแคลนไม่

“เย่ว์หลาน ขอบคุณ!” ฉินหยุนมองทางเชี่ยวเย่ว์หลานและไค่เซียงจิ้ง

ผู้ซึ่งขณะนี้ถอดอุปกรณ์อําพรางออก เผยรอยยิ้มจริงใจกล่าวขอบคุณ

เชี่ยวเย่ว์หลานเข้ามาทุบเขาไปทีหนึ่งพลางหัวเราะ “ระหว่างเจ้ากับ

ข้า ยังต้องกล่าวคําขอบคุณกันอีกหรือ?”

ฉินหยุนนําเอาถังหยกออกมา นําร่างของหงเหยียนและมู่หรงต้าเหริน

ที่บาดเจ็บหนักวางลงด้านใน เขาคิดอยากให้พวกเขารักษาอาการ

บาดเจ็บโดยเร็ว

แม้เซี่ยอู๋เฟิ งบาดเจ็บเช่นกัน แต่ความเร็วการรักษาของเขาสูงลํ้าอยู่

แล้ว เขายังคงสวมใส่อุปกรณ์ผังธาตุแสงที่ฉินหยุนขัดเกลาให้ ดังนั้น

อัตราการฟื้นฟูจึงรวดเร็ว

ไค่เซียงจิ้งมองรอบ พบว่าที่นี่เป็นรากฐานค่ายอาคม นางเอ่ยถาม

“ฉินหยุน มีแผนการหรือ?”

“ข้าคิดครอบครองนครโบราณยุทธ์เต๋าแห่งนี้!” ฉินหยุนเผยความคิด

ออกมา

ไค่เซียงจิ้งเป็นโฉมงามใบหน้ารูปไข่ นางเผยรอยยิ้มตอบ “เจ้าพบ

รากฐานค่ายอาคม ดังนั้นเป็นไปได้ที่จะควบคุมนครโบราณ! คําถาม

ก็คือ คิดขับไล่ผู้อื่นออกจากนครโบราณอย่างไร?”

“ถัดจากนี้ สมควรมียอดฝีมือวรยุทธ์เต๋าเข้ามาอีกมาก! หากคาดเดา

ไม่ผิด ตําหนักจารึกเทวะคงตั้งค่าหัวเอาไว้มหาศาลไม่น้อย!”

ฉินหยุนกล่าว “ให้ข้าลอง ดูว่าสามารถควบคุมค่ายอาคมใหญ่นคร

โบราณแห่งนี้ได้หรือไม่! มันย่อมต้องช่วยได้ไม่มากก็น้อย!”

เขาใส่พลังจิตเข้าไปในค่ายอาคม ไม่ช้า เขาได้รับข้อมูลมากมายของ

ค่ายอาคมใหญ่นครโบราณกลับคืนมา

ที่ทําเขาผิดหวัง คือนครโบราณไม่มีค่ายอาคมใหญ่ที่ห้ามผู้อื่นเข้า

เมือง ประตูเมืองได้แต่ต้องเปิ ดกว้างเอาไว้

ทว่า ค่ายอาคมใหญ่สามารถป้องกันไม่ให้ผู้อื่นออกไปได้!

เขาคิดว่าค่ายอาคมนี้ยังมีประโยชน์ ดังนั้นจึงสั่งการมันทํางาน ด้วย

เหตุนี้ ผู้ฝึกตนอื่นสามารถเข้า ทว่าไม่อาจออกไป!

“หลังความวุ่นวายเมื่อครู่นี้ หลายคนคงเข้ามาไล่ล่าข้าเพื่อค่าหัว!

เช่นนี้ ข้าจะทําให้มั่นใจว่าพวกมันจะไม่อาจกลับออกไป!” ฉินหยุน

เผยเสียงเย็นเยือก

เขามองทางเซี่ยอู๋เฟิ ง “พี่ใหญ่เซี่ย เมื่ออาการบาดเจ็บท่านหายดี ข้าจะ

ส่งท่านออกไป!”

“เย่ว์หลาน เจ้าคิดไปด้วยหรือไม่? ถึงเวลากลางคืน ข้าจะส่งพวกเจ้า

ออกไปได้โดยไม่ยาก”

ได้ยินเช่นนี้ เชี่ยวเย่ว์หลานแค่นเสียงเบา “ข้าย่อมไม่ออกไป ข้าคิดอยู่

ที่นี่กับเจ้าต่อ! กลุ่มคนมากมายเข้าเมืองมาสังหารสามีข้า ให้ข้าจาก

ไปงั้นหรือ? หากเป็ นเจ้า จะทอดทิ้งข้าหนีหายหรือไม่?”

ไค่เซียงจิ้งแทบไม่เชื่อหูตนเอง ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานจะเป็นภรรยาของ

ฉินหยุน นอกจากนี้ พวกเขายังมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน กระทั่งคิด

แบ่งปันความเป็นและความตายร่วมกันด้วย!

เซี่ยอู๋เฟิ งยิ้มบาง “น้องหยุน ข้าย่อมไม่ไปเช่นกัน! ในเมื่อคนพวกนั้น

มาล่าค่าหัวเจ้า ข้าย่อมไม่คิดถอย! นี่ถือเป็นโอกาสให้ข้าได้ฝึกดาบ!”

มู่หรงต้าเหรินโพล่งออกเสียงเบา “สารเลวตําหนักจารึกเทวะจับตัว

พวกเรา ข้าต้องให้พวกมันได้รับรู้ ว่าข้า มู่หรงต้าเหรินคนนี้ไม่ใช่ผู้ที่

รังแกได้!”

หงเหยียนเผยโทสะ “หากพวกมันกล้าจับตัวข้า ย่อมคิดว่าแคว้นยุทธ์

หงของพวกเราไม่กล้าต่อต้านแล้ว อย่างนั้นข้าจะสู้ จะแสดงให้พวก

มันได้เห็น!”

พวกเขาเหล่านี้ไม่คิดจากไป พวกเขาต้องการอยู่ต่อพร้อมฉินหยุน

รับมือกับผู้ฝึกตนเหล่านั้นที่เข้ามาในเมือง!

ฉินหยุนมองทางไค่เซียงจิ้ง “พี่สาวไค่ ท่านเล่า?”

“หน้าที่ของข้าคือปกป้องเย่ว์หลาน หากนางไม่ไป ข้าก็ไม่ไป!” ไค่

เซียงจิ้งยิ้มตอบ

ไม่ช้า ค่าหัวหนึ่งพันล้านถูกประกาศโดยตําหนักจารึกเทวะ กระจาย

ให้ทราบกันทั่วทั้งแดนยุทธ์อ้างว้าง หลังจากผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าหลายคนได้ทราบ พวกเขาล้วนมุ่งหน้ามายังนครโบราณยุทธ์เต๋า

ผู้คนเหล่านี้ทราบว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดํา ดังนั้นเขา

จึงติดคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดํา ย่อมไม่มีทางสร้างอักขระชีวิตตัวที่

สาม จะต้องติดอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สองไปชั่วนานแสนนาน!

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าและสูงขึ้นไป พวกเขารวบรวม

พรรคพวก คาดคิดว่าสามารถโค่นล้มฉินหยุนได้โดยง่าย

แม้ฉินหยุนมีแก่นเต๋าเพื่อใช้โจมตี แต่ไม่ช้ามันก็ต้องหมดสิ้น ถึง

ตอนนั้น เพียงแค่หาฉินหยุนในนครโบราณ เมื่อใดพบเจอย่อมได้รับ

หนึ่งพันล้านเหรียญม่วง!

รถลากขนาดใหญ่ต่างมาถึงนครโบราณกันไม่ขาด พวกเขาเหล่านี้

เป็นผู้อาวุโสจากหลายสํานัก

ท่ามกลางบรรดารถลาก มีคันหนึ่งเป็นสื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และแม่

เฒ่าตู้โดยสารมา

ไม่นานนัก มู่เฟิ งและหงหยิงได้เข้ามาในรถลากคันเดียวกันนี้

สุ่ยเทียนสื่อเผยความร้อนใจ “ครานี้พวกเราทําอย่างไรดี? พวกเราไม่

อาจเข้านครโบราณ ที่ทําได้ ก็แค่ส่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

เข้าไปหรือ?”

“ได้ยินว่าขณะนี้มีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าเข้ากันไปไม่ขาด!

ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง และตําหนักโทเทม ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าของพวกเขาชวนสะพรึงยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้า ส่วนใหญ่ขณะนี้เข้าไปในเมืองกันหมดแล้ว!”

มู่เฟิ งเผยสีหน้าหนักอึ้ง “เป็นข้าไม่นึก ว่าตําหนักจารึกเทวะจะกล้า

ทําเรื่องเช่นนี้!”

หงหยิงแค่นเสียงเบา “จับตัวบุตรชายข้า ทรมานเขา ตําหนักจารึก

เทวะของเจ้าช่างปราดเปรื่องนัก!”

มู่เฟิ งเบ้ริมฝีปากกล่าวตอบ “นี่ไม่ใช่เรื่องในอํานาจข้าแล้ว… สํานัก

ในแดนวิญญาณอ้างว้าง มีสัมพันธ์อันดีกับตําหนักจารึกเทวะของ

พวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าข้างกัน!”

สื่อชิงเฉิงกล่าวขึ้น “เหตุใดไม่ส่งคนเข้าไปติดต่อฉินหยุน สอบถาม

ถึงสถานการณ์ตอนนี้ แล้วค่อยหารือกันว่าควรรับมืออย่างไร?”

“ฉินหยุนสมควรซ่อนตัวมิดชิด ไม่ใช่เรื่องง่ายพบเจอเขา ต้องคิด

หาทางอื่น!” มู่เฟิ งส่ายศีรษะตอบกลับ

ฉินหยุนและคณะซ่อนตัวในรากฐานค่ายอาคม เป็นความจริงที่หาก

คิดหาตัวถือว่ายากแทบพลิกแผ่นดิน

หลังได้กินเม็ดยาเซียนเก้าต้นกําเนิด เขานั่งขัดเกลาอย่างเงียบงัน

ที่ทําเขาไม่คาดคิด คือเม็ดยาเซียนเก้าต้นกําเนิดที่หมดอายุกลับทรง

พลัง มันสามารถเติมเต็มแก่นเต๋าทั้งสามของเขาได้ภายในคราวเดียว!

หากเป็นเช่นนี้ต่อ ร่างเขาอาจเกิดการระเบิดพลังออกมา!



ตอนที่ 466 ผสานพลังเต๋า

ฉินหยุนเดิมคิดว่าเม็ดยาเซียนเก้าต้นกําเนิด จะหลงเหลือฤทธิ์โอสถ

อยู่เพียงน้อยนิดเนื่องด้วยสภาพหมดอายุ

แต่ตอนนี้ เพียงเขากินเข้าไป พลังงานที่ล้นทะลักออกจากเม็ดยาเซียน

เก้าต้นกําเนิด มันไหลเข้าสู่แก่นเต๋าทั้งสามของเขา

เชี่ยวเย่ว์หลานพบว่าใบหน้าของฉินหยุนแดงกํ่า สีหน้ากลายเป็นน่า

เกลียด นางเร่งรีบเดินเข้ามาสอบถามทั้งคิ้วขมวด “เสี่ยวหยุน เจ้าเป็น

อะไรไป?”

“เย่ว์หลาน ในร่างข้า… มันมีพลังมากเกินไป…” ฉินหยุนพอเห็น

เชี่ยวเย่ว์หลานเข้ามาใกล้ เขาจึงวางมือลงที่หน้าท้องของนาง จากนั้น

จึงโคจรพลังที่อัดแน่นจนแทบระเบิดถ่ายเท

เชี่ยวเย่ว์หลานรู้สึกถึงพลังไร้สิ้นสุดทะลักเข้ามา นางนั่งตรงหน้าฉิน

หยุน หลับตาลง และเริ่มทําการขัดเกลาพลัง

“เสี่ยวหยุน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” นางเร่งรีบส่งเสียงทางจิต

สื่อสาร สอบถามฉินหยุนด้วยความเป็นกังวล

“ดีขึ้น…” ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬที่วิวัฒนาการ

แล้ว ดังนั้นความเร็วการขัดเกลาพลังงานจึงมหาศาล

หลังแบ่งสันปันส่วนพลังงานถ่ายเทออก ฉินหยุนค่อยมีสภาพคงที่

มากขึ้น

พลังของเม็ดยาเซียนเก้าต้นกําเนิดที่หมดอายุ ถึงกับน่าสะพรึงกลัว

เพียงนี้ มันแทบไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นยาที่หมดอายุแล้ว!

เชี่ยวเย่ว์หลานส่งเสียงถามมา “เสี่ยวหยุน หุบเขาลึกลํ้าจันทราของ

เรา มีเคล็ดวิชาฝึกฝนแห่งสวรรค์ ที่สามารถใช้ฝึกร่วมกับบุรุษ เรียก

ขานกันว่าพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา”

“ตราบเท่าที่ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวส่งถ่ายพลังแก่นเต๋าให้อีกฝ่ าย

ทั้งสองจะสามารถผสานพลังของแก่นเต๋าสลับกันไปและโคจรไป

ทั่วร่างกายได้”

“เมื่อเจ้าฝึกฝนเพียงลําพัง พลังเต๋าจะเพียงโคจรในร่าง หากฝึกฝน

ร่วมกัน มันจะผสานพลังเต๋าของพวกเราเข้าด้วยกัน ภายหลัง มันจะ

เริ่มเกิดการโคจรครั้งใหญ่ในร่างของพวกเรา!”

“เคล็ดวิชาฟ้าประทานอะไรเยี่ยงนั้น! มีเงื่อนไขใดหรือไม่?” ฉินหยุน

ส่งเสียงทางจิตถามกลับ

“เพียงให้ข้าช่วยเจ้าชักนําพลัง มันจะช่วยเร่งความเร็วทุกภาคส่วนแก่

การฝึกฝนของเจ้า! ทั้งเจ้าและข้าต่างมีสามแก่นเต๋า นี่ย่อมช่วยเหลือ

ให้พวกเราฝึกฝนได้รวดเร็วขึ้น!” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มบาง

ฉินหยุนเอ่ยถาม “อย่างนั้นแล้ว สื่อชิงเฉิงและผู้อื่น ต่างทราบเรื่อง

พระสูตรหัวใจตะวันจันทรานี้เช่นกันหรือ?”

“ข้าไม่ทราบ พวกนางล้วนตัวคนเดียว ดังนั้นท่านยายตู้อาจไม่ส่งต่อ

เคล็ดวิชานี้แก่พวกนาง!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวคํา “เสี่ยวหยุน ผ่อน

คลายลง ข้าจะเริ่มชักนําพลังงานในกายเจ้าแล้ว!”

“ย่อมได้!” ฉินหยุนเร่งรีบผ่อนคลายสภาวะ ทางด้านวิญญาณยุทธ์

ตะวันทมิฬ ขณะนี้ยังคงขัดเกลาฤทธิ์ของเม็ดยาเซียนต่อเนื่อง

อย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ว่าแก่นเต๋าทั้งสามเปี่ ยมด้วยพลังเต๋า นี่คือ

พลังเต๋าที่ส่งผ่านมือของเขาเข้าไปในกายของเชี่ยวเย่ว์หลาน

หลังจากพลังเต๋าเข้าสู่ร่างของเชี่ยวเย่ว์หลาน นางปลดปล่อยพลังเต๋า

ของนางออกมา ผสานมันเข้ากับของฉินหยุน

ผลลัพธ์ที่ได้ พลังเต๋าจากแก่นเต๋าหลายแก่น ขณะนี้ผสานเกิดเป็น

คลื่นพลังเต๋า โคจรรวดเร็วภายในร่าง จากนั้นค่อยชําระร่างกายพวก

เขาอย่างต่อเนื่อง

ฉินหยุนสัมผัสได้กระจ่างชัด ว่าพลังเต๋าที่เขาปลดปล่อยออกไป

ขณะนี้กําลังเพิ่มมากขึ้น และยังทําให้แก่นเต๋าของเขาแข็งแกร่งขึ้น!

“พระสูตรหัวใจตะวันจันทรานี้น่าทึ่งนัก!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะ

อุทานชื่นชม “พวกเราสมควรเลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็วแล้ว!”

“เสี่ยวหยุน เม็ดยาที่เจ้ากินช่างวิเศษนัก! พลังงานเช่นนี้ ถือเป็นพลังงาน

เก้าตะวันที่บริสุทธิ์ยิ่ง!” เชี่ยวเย่ว์หลานอุทานตอบ

เมื่อพวกเขาฝึกฝนร่วมกัน ฉินหยุนสัมผัสได้ ว่าวิญญาณยุทธ์ทั้งสาม

ของเชี่ยวเย่ว์หลานเป็นสีดําล้วน!

“เย่ว์หลาน วิญญาณยุทธ์ที่สามของเจ้าคืออะไรกัน? ที่ข้าครอบครอง

คือวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ!” วิญญาณยุทธ์พลังจิตและวิญญาณยุทธ์

มังกรของเชี่ยวเย่ว์หลาน ขณะนี้วิวัฒนาการเป็นสีดําแล้ว

กระทั่งถึงตอนนี้ เขายังไม่ทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองวิญญาณ

ยุทธ์ที่สามอันใดไว้!

“ความจริง ข้าไม่มั่นใจนักว่ามันคืออะไร… เอาไว้พูดคุยกันภายหลัง!”

เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว

ฉินหยุนไม่ถามต่อ การฝึกฝนของเชี่ยวเย่ว์หลานที่ผ่านมาต้องเกิน

กว่าผู้ใดคาด ไม่เช่นนั้น การที่วิญญาณยุทธ์ของนางแปรเปลี่ยนเป็น

สีดําและก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม จะแทบไม่มีทาง

เป็นไปได้เลย

ไค่เซียงจิ้งขณะนี้ลอบอิจฉาต่อฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน นางกําลัง

รับชมพวกเขาฝึกฝนกันอย่างตั้งใจ

นางย่อมทราบถึงพระสูตรหัวใจตะวันจันทราอันแกร่งกล้า หากนาง

ฝึกฝนกับคนรักของนาง นางย่อมสําเร็จผลลัพธ์สองเท่าด้วยความ

พยายามเพียงครึ่งหนึ่ง

พระสูตรหัวใจตะวันจันทรา ย่อมมีตัวตนในตําหนักจันทราทมิฬซึ่ง

ไค่เซียงจิ้งสังกัดเช่นกัน นี่ถือเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนลึกลับ กล่าวได้ว่า

เรียนรู้ได้เฉพาะสตรีเพศ และสามารถฝึกฝนได้กับคู่ชีวิตเพียงหนึ่ง

หากนางฝึกฝนร่วมกับบุรุษที่นางไม่เชื่อใจ หรือจิตที่ไม่ประสานเข้า

ด้วยกัน ทั้งสองอาจเกิดการฝึกฝนแตกซ่านขึ้นได้

ดังนั้นแล้ว พระสูตรหัวใจตะวันจันทราน้อยครั้งจะส่งต่อให้บรรดา

ศิษย์!

สาเหตุว่าทําไมเชี่ยวเย่ว์หลานได้เรียนรู้ ก็เพราะแม่เฒ่าตู้ทราบถึง

ความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉินหยุน!

ผ่านการฝึกฝนอยู่สามวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานค่อยหยุดฝึกฝน

ร่วม พวกเขาขณะนี้มองกันเองด้วยดวงตาเบิกกว้าง สัมผัสถึงความ

ยินดีที่แสดงออกซึ่งกันและกัน!

พวกเขาไม่คาดคิด ว่าเพียงสามวันจะถึงกับก่อเกิดอักขระชีวิตตัวที่สี่

ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่ได้!

วิญญาณยุทธ์สามารถดูดกลืนพลังเต๋าจากอักขระชีวิตตัวที่สี่ จากนั้น

จะควบแน่น เกิดขึ้นเป็นพลังเต๋าแรกเริ่มที่แกร่งกล้า!

พลังเต๋าแรกเริ่ม แข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังเต๋าเดิมถึงสองหรือสามเท่า

สําคัญกว่านั้น พลังเต๋าแรกเริ่มจําเป็นต้องฝึกฝนเพื่อบํารุงเลี้ยงกาย

เต๋าให้เกิดขึ้นเป็นอักขระชีวิตตัวที่ห้า!

เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มบาง นางไม่กล่าวอันใด ทั้งสองคล้ายสื่อสารกัน

ทางจิต ต่างรับรู้ได้ถึงความยินดีในใจของกันและกัน

“อันดับแรก ผนึกพลังจากเม็ดยาเซียนนั่นเสีย รอจนเจ้ามีระดับการ

ฝึกฝนที่เสถียรภาพคงที่แล้ว ค่อยเริ่มการฝึกฝนกันอีกครั้ง!” เชี่ยวเย่ว์

หลานส่งเสียงทางจิตบอกต่อฉินหยุน

ฉินหยุนพยักหน้ารับ สายตาหันมองไปทางหงเหยียนและมู่หรงต้า

เหริน ทั้งสองเกือบฟื้นฟูสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้กําลังหยอกล้อกัน

ทางด้านเซี่ยอู๋เฟิ ง เขากลับสู่สภาวะพร้อมเต็มที่ ชายชราสองคนที่

ร่วมทางมากับเขา ต่างก็อยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยมแล้วเช่นกัน

กระนั้น หากต้องเผชิญหน้าผู้ฝึกตนสายเลือด ผู้ฝึกตนโทเทม และผู้

ฝึกตนจากแดนวิญญาณอ้างว้างที่ภายนอก นี่ถือว่ายังเป็นกําลังที่อ่อน

ด้อยเกินไป

“ให้ข้าออกไปตรวจสอบสถานการณ์ก่อน!” ฉินหยุนกล่าวขึ้น

“น้องหยุน ให้ข้าร่วมทางไปด้วย!” เซี่ยอู๋เฟิ งเผยความกังวล

“ขอรับ!” ถัดจากนั้น ฉินหยุนและเซี่ยอู๋เฟิ ง รวมถึงชายชราขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าทั้งสอง จึงออกไปโดยอาคมเคลื่อนย้ายสู่

ภายในป่ า

ที่นี่ มีร่องรอยของคนจํานวนมากเคยเดินทางผ่านมาก่อน!

ฉินหยุนพอได้เห็นรอยเท้าจํานวนมาก เขาถึงกับต้องยํ้าเตือนตนเอง

ฉับพลันนี้เอง ชายวัยกลางคนห้าคนพลันเข้ามาในป่ า!

ฉินหยุนและขณะเร่งรีบหลบซ่อนในยอดไม้

“จากสํานักราชันอัคคี!” เซี่ยอู๋เฟิ งส่งเสียงบอกต่อฉินหยุน “สองคน

อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ที่เหลืออยู่ระดับที่ห้า รับมือไหว

หรือไม่?”

เซี่ยอู่เฟิ งเป็นผู้ฝึกตนดาบ ระดับการฝึกฝนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่สาม ด้วยดาบต้นกําเนิดของเขา ย่อมสามารถรับมือบรรดา

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าไหว

“แน่นอน!”

ฉินหยุนขณะนี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่ ในเมื่อเขาสามารถใช้

พลังเต๋าแรกเริ่ม จึงไม่เป็นปัญหาหากต้องรับมือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่ห้า

เซี่ยอู๋เฟิ งขณะนี้เร่งรีบไปยังทิศทางหนึ่ง เขาคิดอยากล่อคนจํานวน

หนึ่งออกห่าง จากนั้นค่อยส่งต่อให้ฉินหยุนและคณะไล่ตามลอบ

โจมตี

“ตามไป!” ชายวัยกลางคนจากสํานักราชันอัคคีเร่งร้อนตะโกน

คนเหล่านี้มาที่นี่เพื่อจับตัวฉินหยุน ทั้งหมดล้วนเป็นศัตรู!

ฉินหยุนและผู้อาวุโสสองคนตามด้านหลัง แรกเริ่มเขาใช้ยันต์สะกด

กายทําการตรึงร่างคนของสํานักราชันอัคคี จากนั้นจึงพุ่งเข้าใส่ ใช้

พลังเต๋าแรกเริ่ม ผลักฝ่ ามือเข้าหาร่างขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า!

พลังเต๋าแรกเริ่มทะยานออก ขณะนี้มันก่อเกิดรูปร่างเพราะโทเทม

ราชสีห์สวรรค์ มันพุ่งทะยานเข้าหาร่างอีกฝ่ ายพร้อมฉีกกระชาก

ออกเป็นชิ้น!

ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าพลังเต๋าแรกเริ่มจะกินพลังงานมากมายเพียงนี้

นอกจากนี้ พลังเต๋าแรกเริ่มยังมีพื้นฐานมาจากอักขระชีวิต

อักขระชีวิตแก่นเต๋าราชสีห์สวรรค์ที่ส่งถ่ายออกมา มันก่อเกิดขึ้น

เป็นรูปของราชสีห์สวรรค์

ผู้อาวุโสสองคนจากสํานักดาบสวรรค์แตกตื่นเพราะฝ่ ามือโจมตีของ

ฉินหยุน ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจพวกเขา ขณะนี้พวกเขาใช้

อาวุธในมือ ทําการสังหารขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าสองคนจาก

สํานักราชันอัคคีเรียบร้อยแล้ว!

ถัดจากนั้น คือการล้างสังหารผู้ที่เหลือรอด!

หน่วยที่แข็งแกร่งของสํานักราชันอัคคี ถูกคณะของฉินหยุนสําเร็จ

โทษเพียงอึดใจ!

“น้องหยุน นั่นพลังเต๋าแรกเริ่มหรือ? เจ้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่สี่แล้ว?” เซี่ยอู๋เฟิ งเผยความประหลาดใจ “ข้าทราบอยู่แล้ว ว่าคํา

สาปวิญญาณยุทธ์สีดําไม่ควรเป็นปัญหาสําหรับเจ้า!”

ผู้อาวุโสอุทานดังขึ้น “ฉินหยุน อักขระชีวิตที่แก่นเต๋าของเจ้าถึงกับ

เป็นอักขระชีวิตโทเทม ไม่นึกเลย… กล่าวโดยสรุปแล้ว วรยุทธ์เต๋า

ระดับที่สี่ พลังเต๋าแรกเริ่มจะใช้เพียงเพื่อบํารุงเลี้ยงกายเต๋า หากใช้ใน

การต่อสู้ มันจะใช้พลังงานมหาศาล บางครั้งอาจกวาดเอาพลังภายใน

จากแก่นเต๋าไปจนหมด!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “เมื่อครู่ข้าใช้พลังจากแก่นเต๋าไปมากจริง ๆ

โชคดีที่มีสองแก่นเต๋า!”

เขารู้สึกว่าการใช้พลังเต๋าแรกเริ่มในการต่อสู้ไม่น่ามีปัญหาอะไร มัน

น่าจะสามารถทําให้เขาสังหารขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกได้ด้วย

ซํ้า!

ขณะพวกเขาต่อสู้กันเมื่อครู่ ย่อมดึงดูดความสนใจผู้อื่นในละแวกไม่

น้อย กลุ่มที่แข็งแกร่งขณะนี้เริ่มถูกดึงดูดมากันแล้ว!

อีกฝ่ ายมีกันสามคน พวกเขาล้วนเป็นชายชราขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้า ไม่ทราบว่าพวกเขาสังกัดที่ใด

“พวกเราต้องจับตัวฉินหยุนเป็นการด่วน! พวกเราไม่คิดว่าตําหนัก

โทเทมจะชั่วช้าถึงขั้นไปจับตัวหงเมิ่งจู! ผู้หญิงคนนั้นกับฉินหยุนมี

สัมพันธ์อันดีต่อกัน ฉินหยุนเป็นคนที่รักความยุติธรรม หากมันทราบ

เรื่อง ย่อมต้องถูกล่อหลอกให้ออกไปแน่!” ชายชราโพล่งคําดังขึ้นมา

“แม้หงหยิงเป็นราชันยุทธ์ เขากลับไร้ซึ่งพลังต่อต้านตําหนักโทเทม!”

“การต่อสู้เมื่อครู่นี้ หรือฉินหยุนจะโผล่หัวออกมา?”

ทุกคนต่างทราบ ว่าก่อนหน้านี้ฉินหยุนได้ช่วยชีวิตหงเมิ่งจูเอาไว้

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหงเมิ่งจูและหงเหยียน ถือว่าได้ว่า

ค่อนข้างดี และยังได้รับการยอมรับจากหงหยิง

เหตุนี้ตําหนักโทเทม จึงลงมือก่อการโดยจับตัวหงเมิ่งจูเอาไว้!

ฉินหยุนที่ซ่อนตัวเองพอได้ทราบเรื่อง เขารู้สึกคล้ายถูกฟ้าผ่าลงที่

กลางศีรษะ ความโกรธภายในใจระเบิดออก เขาเร่งรีบนําเอาอาวุธ

ยันต์สองชิ้นออกมา ขว้างปาใส่ชายชราสามคนนั้น!

ตู้ม!

อาวุธยันต์ระดับราชันขณะนี้ระเบิดออก ชายชราทั้งสามร่วงหล่นลง

มาพร้อมอาการสาหัส!

ฉินหยุนกวัดแกว่งกระบี่สีดําในมือ รุกคืบไปด้านหน้าด้วยก้าวดารา

เร้นลับ ระเบิดเสียงคําราม สับฟันเข้าใส่ร่างของชายชราทั้งสาม!

“ตําหนักโทเทม!” เขาคํารามดัง พุ่งทะยานไปทิศทางหนึ่ง เป็นบริเวณ

ถนนเส้นหลัก สอบถามผู้คนแถวนั้นว่าตําหนักโทเทมอยู่ที่ใด!

เซี่ยอู๋เฟิ งและอีกสองผู้อาวุโส ต้องเร่งรีบไล่ตามเขาไป

ฉินหยุนขณะนี้สวมหน้ากากหนังมนุษย์ วิ่งตัดผ่านถนนเส้นหลัก

เพียงไม่นาน เขาได้ทราบว่าคนของตําหนักโทเทมแขวนหงเมิ่งจู

เอาไว้ด้านในประตูเมือง

ตอนนี้ หลายคนที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ทราบ ว่าพวกตนไม่อาจ

ออกไปหลังเข้าเมืองแห่งนี้มาแล้ว

พวกเขาเชื่อ ว่านี่เป็นตําหนักจารึกเทวะทําการผนึกเมือง ตราบเท่าที่

จับตัวฉินหยุนเอาไว้ พวกเขาจะออกจากเมืองได้

หงเมิ่งจูถูกนําตัวมาในเมือง มือถูกรัดพันเอาไว้ ร่างกายเต็มไปด้วย

บาดแผล นางถูกแขวนประจานที่ประตูเมือง คนของตําหนักโทเทม

กําลังรอคอยฉินหยุนให้ปรากฏตัว!

ฉินหยุนเมื่อเข้ามาใกล้ เขาสัมผัสได้ถึงออร่าผู้ฝึกตนโทเทมกว่าสิบ

คน พวกเขาเหล่านี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า และยังมีคนหนุ่ม

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่และห้าซึ่งฝึกฝนโทเทมเช่นเดียวกันยืน

รออยู่

กับดักนานาชนิดติดตั้งเอาไว้ที่ประตูเมือง ธงหลากหลายถูกปักเอาไว้

พวกเขาพอเดินผ่าน ธงเหล่านั้นจึงจมหายลงไป



ตอนที่ 467 ร่างจําแลงสายเลือด

เมื่อฉินหยุนได้เห็นอาคมธงและอาคมเสา เขากลายเป็นไร้ความ

มั่นใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือหงเมิ่งจู

กระทั่งว่าสามารถใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง เขาก็ยังต้อง

ได้รับบาดเจ็บเพราะค่ายอาคมสังหาร

เว้นแต่เขาจะทําลายค่ายอาคมเหล่านั้น ทว่านั่นก็ต้องสร้างความอึกทึก

ครั้งใหญ่

พวกเขาขณะนี้อยู่กลางดงศัตรู หากไม่ระวังตัวให้ดี จะถูกพบเห็นได้

ง่าย

“เมิ่งจู!” ฉินหยุนมองทางใบหน้าเปื้อนเลือดของหงเมิ่งจู ฟันต้องกัด

แน่นด้วยความโกรธ เขาคิดอยากฉีกกระชากคนจากตําหนักโทเทม

ตรงหน้าให้เป็นหมื่นชิ้น

ตําหนักโทเทม มีฐานอํานาจกระจายทั่วทั้งแดนยุทธ์อ้างว้างทางตอน

เหนือ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจับตัวหงเมิ่งจูได้ในเวลาอันสั้น

ชั่วขณะนี้ คนจากตําหนักโทเทมล้วนเชื่อ ว่าพวกเขาจะสามารถจับ

ตัวฉินหยุนและครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์

“มีทางเดียว!” ฉินหยุนปลดหน้ากากหนังมนุษย์ ก้าวเดินเชื่องช้าไป

ยังประตูเมือง เขาเพียงหยุดเมื่อเข้าไปใกล้ค่ายอาคมใหญ่

ฉินหยุนปรากฏตัว!

ฝูงชนต่างส่งเสียงดังอื้ออึง!

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าหลายคนของตําหนักโทเทม

บินเข้ามาล้อมฉินหยุนเอาไว้ในพริบตา

ชั่วขณะนี้ ดวงตาของผู้ฝึกตนสายเลือด และผู้ฝึกตนแดนวิญญาณ

อ้างว้าง ล้วนจับจ้องจนแดงกํ่า!

ราชันยุทธ์ที่ภายนอก ต่างลอยขึ้นกลางอากาศรับชม พวกเขามองฉิน

หยุนที่ประตูเมือง พวกเขาไม่อาจเข้าเมือง ดังนั้นจึงได้แต่รับชม

ราชันยุทธ์หลายคนมีโทสะ เพราะศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่มากลํ้า

พรสวรรค์ของพวกเขา ถูกฉินหยุนใช้แก่นเต๋าระเบิดสังหารไปหลาย

คน

พวกเขาคิดว่าน่าเสียดายนัก ที่ท้ายสุดแล้วฉินหยุนต้องตกอยู่ในมือ

ของตําหนักโทเทม

“หากข้าตาย พวกเจ้าจะไม่ได้รับอะไร!” ฉินหยุนกล่าว “พวกเจ้าควร

ทราบ ข้ามีหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร มันประกอบขึ้นด้วยอักขระ

โทเทมราชสีห์สวรรค์ทั้งสิ้นเก้าชุด ทั้งหมดถือเป็นสิ่งลํ้าค่ายิ่ง!”

คนของตําหนักโทเทมขณะนี้สะท้าน!

ราชสีห์สวรรค์ย่อมมีแบ่งย่อยหลากหลาย และตระกูลสายเลือดชน

ชั้นสูงทั้งหลายล้วนทราบ!

หากพวกเขาได้รับโทเทมราชสีห์สวรรค์ทั้งเก้าประเภท นั่นจะเป็น

ผลประโยชน์มหาศาลอย่างล้นพ้น

สําหรับตําหนักโทเทม มันแทบสําคัญได้เทียบเท่าโทเทมตะวัน

“ฉินหยุน การที่เจ้ามาที่นี่อย่างตั้งใจเช่นนี้ คิดเจรจาเงื่อนไขกับพวก

เราหรือ?” หนึ่งในคนของตําหนักโทเทมเอ่ยถาม

“ถูกต้อง! ไม่เช่นนั้น หากสังหารข้าไป พวกเจ้าก็จะไม่ได้รับอะไร!”

ฉินหยุนตะโกนดัง “หากเจ้าคิดต่อรองกับข้า ข้าจะมอบหม้อราชสีห์

สวรรค์สะกดมังกรให้!”

“แลกเปลี่ยนกับหงเมิ่งจู?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นมา

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “นอกจากข้า มันจะไม่ยอมรับผู้อื่น หากต้องการ

ได้รับหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร จงส่งผู้คนที่แข็งแกร่งทัดเทียม

กับข้า หลังชนะข้าได้แล้ว จึงค่อยได้รับการยอมรับจากหม้อราชสีห์

สวรรค์สะกดมังกร!”

ที่นี่มีคนหนุ่มหลายคนที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่และห้าจาก

ตําหนักโทเทม พวกเขาพร้อมเสนอตัวทุกเมื่อ

ชายชราจากตําหนักโทเทมมองความว่างเปล่า จากนั้นค่อยพยักหน้า

รับ

“ดี! พวกเราให้สัญญา!” หนึ่งในนั้นกล่าวคํา “เมื่อมีการประลองยุทธ์

จะไม่มีผู้ใดก้าวก่าย ห้ามใช้อาวุธหรือว่ายันต์ ต้องเป็นการต่อสู้มือ

เปล่าเท่านั้น!”

“ไม่มีปัญหา!” ฉินหยุนค่อยถอนหายใจโล่งอก

ชั่วขณะนี้ เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะรับชมเรื่องราวอยู่ไกลออกไป พวกเขา

ไม่ทราบว่าฉินหยุนคิดทําอะไร ดังนั้นจึงได้แต่รอคอยและรับชม

ผู้ฝึกตนสายเลือดไม่ไกลออกไปแค่นเสียง “กระทั่งว่าตําหนักโทเทม

พ่ายแพ้ พวกมันย่อมไม่ส่งหงเมิ่งจูให้! ฉินหยุนอ่อนต่อโลกยิ่งนัก!”

“ถูกต้องแล้ว คําสัญญาของตําหนักโทเทมไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุ!”

“ต่อให้ตกลงส่งคืนหงเมิ่งจูแก่ฉินหยุน พวกมันก็ต้องปิ ดล้อมและจับ

ตัวเขาเอาไว้จนได้!”

“ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว!”

“เฮ้อ หากเขาซ่อนตัวต่อ ก็จะมีชีวิตได้ต่อ ต้องมาตายเพื่อหญิงสาว นี่

เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?”

ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ไม่ว่าจะด้วยอะไร ตําหนักโทเทมถือว่าควบคุม

ทิศทางลมเอาไว้ครบถ้วน พวกเขาสามารถจับตัวฉินหยุนได้อย่าง

แน่นอน เรื่องนี้ทําเอาหลายขั้วอํานาจเกิดความริษยา!

ฉินหยุนชัดเจนว่าไม่เชื่อตําหนักโทเทม ดังนั้นเขาย่อมมีแผนการอื่น

ตําหนักโทเทมส่งชายร่างกํายําออกมา อีกฝ่ ายมีใบหน้าไว้หนวดเครา

เต็มที่ กล้ามเนื้อเผยให้เห็นผ่านร่างกายเปลือยเปล่าท่อนบนที่ปกคลุม

ด้วยโทเทม นี่คือผู้ฝึกตนสองโทเทม

โทเทมบนร่างกายของเขา คือโทเทมวัวกระทิงและโทเทมอสนีบาต

“ต้าหนิ่ว เจ้าคงทราบว่าจัดการเขาหมายความถึงอะไร!” ชายวัยกลางคน

จากตําหนักโทเทม ขณะนี้เผยความยินดีปิ ดไม่มิด

จัดการฉินหยุน หมายความถึงได้รับหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร

และโทเทมราชสีห์สวรรค์ทั้งเก้า!

ต้าหนิ่วพอได้ยินดังนี้ เขาคํารามร้องยินดีดังลั่น โทเทมที่กาย ขณะนี้

ส่องแสงสว่างเรืองรอง ร่างกายปกคลุมด้วยกระแสสายฟ้าทองม่วง

โทเทมนี้เปรียบดั่งมีชีวิต ราวกับมันคํารามร้องตอบสนอง

“ฉินหยุน ต้าหนิ่วคือผู้ฝึกตนแข็งแกร่งที่สุดของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่ห้าในตําหนักโทเทมเรา แม้เจ้าเพียงระดับที่สอง แต่ด้วยมี

สองแก่นเต๋า และโทเทมราชสีห์สวรรค์ ดังนั้นพละกําลังสมควร

ทัดเทียมกันได้!” ชายวัยกลางคนจากตําหนักโทเทมกล่าวคํา “คงไม่

มีข้อโต้แย้งอันใดใช่หรือไม่?”

ผู้คนล้วนหยามเหยียดต่อตําหนักโทเทม ในสายตาพวกเขา พละกําลัง

ทั้งสองฝ่ ายหาได้มีอันใดทัดเทียมกันไม่!

“ไม่มีปัญหา!” ฉินหยุนกําหมัดแน่น สายตาจับจ้องที่ต้าหนิ่ว

“ดี เช่นนั้นเริ่มได้!” ชายวัยกลางคนตะโกนดัง ต้าหนิ่วพุ่งตัวออก

ประหนึ่งกระทิงคลั่ง

เมื่อฉินหยุนได้เห็นต้าหนิ่วพุ่งกายเข้ามา เขาไม่หลบ กลับกัน เป็ นเขา

ใช้ฝ่ ามือมังกรสัมบูรณ์ประทับเข้าที่ร่างต้าหนิ่ว!

ฝ่ ามือมังกรสัมบูรณ์ มีพลังของแก่นเต๋าสั่นไหวและแก่นเต๋าราชสีห์

สวรรค์ หลังจากพลังถูกปลดปล่อย คลื่นกระแทกชวนสะพรึงกระจาย

ออกทั่วสารทิศ

คลื่นกระแทกนี้เกิดเป็นแรงระเบิดราวราชสีห์ที่กราดเกรี้ยว พุ่งเข้า

ปะทะกับร่างของต้าหนิ่ว

ต้าหนิ่วที่ทะยานกายเข้ามา ปลดปล่อยพลังแกร่งกล้าออกเช่นกัน โท

เทมกระทิงที่กายของเขา และโทเทมอสนีบาตสอดประสานเข้า

ด้วยกัน สายฟ้าวูบไหว ฟ้าคํารามดังสนั่น เป็นเขาคลั่งพร้อมพุ่งทะยาน

ปะทะเข้ากับราชสีห์สั่นไหว!

ตู้ม!

แรงปะทะ อสนีบาตคลั่ง เสียงคํารามราชสีห์ และเสียงคํารามของ

สัตว์คลั่งขณะนี้ระเบิดออก เกิดขึ้นเป็นคลื่นกระแทกสีดําเข้าปกคลุม

สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดใกล้เคียงประตูเมือง!

ตึง! ตึง! ตึง!

พื้นดินสั่นสะเทือน พื้นที่โดยรอบถูกปะทะด้วยสายฟ้าสีดํารุนแรง

สายฟ้าสีดําแม้เป็นกลางวันยังเห็นเด่นชัด สร้างความตื่นตะลึงแก่

ผู้คนจนต้องอ้าปากตาค้าง!

พวกเขาล้วนทราบ ว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์สั่นไหวสีดํา

และยังมีวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง!

กระนั้นตอนนี้ ฉินหยุนปลดปล่อยสายฟ้าสีดําชวนสะพรึงออกมา นี่

หมายความถึง วิญญาณยุทธ์ทองม่วงของเขาวิวัฒนาการแล้ว!

ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด คือความรุนแรงของพลังเต๋านั้นทัดเทียมขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? วิญญาณยุทธ์ของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีดําได้

อย่างไร?”

บนท้องฟ้า ราชันยุทธ์จากตําหนักจารึกเทวะอุทานดังด้วยอาการตื่น

ตกใจ

ราชันยุทธ์จากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ล้วนมองกันเองด้วยความ

ประหลาดใจเช่นกัน

ราชันยุทธ์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง หรี่ดวงตาเล็ก จับจ้องที่ฉินหยุน

ผู้ซึ่งร่างกายขณะนี้ปกคลุมด้วยออร่าสีดํา!

ชั่วขณะนี้ ทั้งร่างกายของฉินหยุนปะทุด้วยเปลวเพลิงสีดํา รอบกาย

ของเขายังมีสายฟ้าสีดําวูบไหวรุนแรงไปมา

ในตอนนี้ เขาไม่ได้ใช้วิญญาณยุทธ์สั่นไหว แต่เป็นวิญญาณยุทธ์

อสนีบาตอัคคีสีดํา!

“เขาฝึกฝนอักขระชีวิตตัวที่สามแล้ว!” ราชันยุทธ์จากแดนวิญญาณ

อ้างว้างเผยความหวาดกลัว ลมหายใจขณะนี้สูดเข้าลึก

“เขา… ทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์ดําหรือ?”

“ว่าอะไร? ไม่ใช่บอกกล่าวกันหรือว่าไม่มีผู้ใดทําลายคําสาปได้?”

“ด้วยวิญญาณยุทธ์สีดําของเขา ขณะนี้สามารถฝึกฝนอักขระชีวิตตัว

ที่สาม หมายความถึงเขาจะเป็นตัวตนน่าสะพรึงในภายหน้าอย่าง

แน่นอน!”

“ผู้ฝึกตนวิญญาณยุทธ์สีดํา!”

“คําสาปวิญญาณยุทธ์ดําในที่สุดก็ถูกทําลาย!”

“หากพวกเราไม่สังหารเขาที่นี่ ภายหน้าได้มีปัญหาแน่!” ชายชราจาก

ตําหนักจารึกเทวะกัดฟันแน่น

หมอกสีดําบนพื้นเลือนหาย ร่างกายเปรียบดั่งวัวกระทิงของอีกฝ่ าย

มีสภาพโชกเลือด เนื้อแหวะออกให้เห็น รูใหญ่ที่ช่องท้องเผยเด่นชัด

เป็นความตายที่สภาพน่าสังเวช

ผู้ฝึกตนสองโทเทมขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า ถูกฉินหยุนสังหาร

ในหนึ่งกระบวนท่า!

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าซึ่งคิดจับตัวฉินหยุน ขณะนี้

แตกตื่นกันถ้วนหน้า

ฉินหยุนทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์ดํา กลายเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวร

ยุทธ์เต๋าระดับที่สาม! รวมเข้ากับแก่นเต๋าคู่และโทเทมราชสีห์สวรรค์

พละกําลังของเขาสมควรทัดเทียมได้กับขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่

หก!

ยอดฝีมือระดับที่ห้าที่คิดจับกุมฉินหยุน ขณะนี้เกิดสํานึกเสียใจ!

นี่ก็เพราะด้วยกําลังของพวกเรา จะไม่มีทางจับตัวฉินหยุน กระทั่งจะ

เป็นฝ่ ายถูกสังหาร!

กระทั่งราชันยุทธ์บนฟากฟ้ายังต้องเกิดความสะพรึง!

พวกเขาต่างทราบดี ว่าหากฉินหยุนอยู่รอดต่อไป อีกฝ่ ายจะมีพลัง

อํานาจให้ต้านทานพวกเขาได้!

“ฉินหยุน ส่งหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรมา ไม่อย่างนั้นหงเมิ่งจู

ตาย!” ผู้ฝึกตนโทเทมคว้าร่างหงเมิ่งจูเอาไว้ กดนางลงกับพื้น กระบี่

ยาวในมือพาดที่ลําคอของนาง

หงเมิ่งจูที่อ่อนแรงค่อยลืมตาขึ้น มองที่ฉินหยุน แม้นางไม่กล่าวคําใด

แต่ดวงตานั้นเผยซึ่งความเด็ดเดี่ยว

“พี่หยุน ไปเสีย!” หงเมิ่งจูพอกล่าวคําจบ ทั้งร่างของนางขณะนี้ปก

คลุมด้วยหมอกสีแดง

ราชันยุทธ์ที่เหม่อไปครู่เร่งร้อนตะโกน “รีบหยุดนาง! นางคิดเผา

ไหม้พลังภายในฆ่าตัวตาย!”

ฉินหยุนเร่งร้อนตะโกน “เมิ่งจู หยุด!”

“ท่านทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์ดํา เรื่องนี้ไม่ใช่ง่าย ท่านต้องไม่ตก

อยู่ในมือกลุ่มวายร้ายเหล่านี้เพราะข้า!” หงเมิ่งจูเผยสีหน้าเด็ดเดี่ยว

ทั้งร่างของนางปกคลุมด้วยหมอกสีแดง นํ้าเสียงเบาเอื้อนเอ่ย “ใน

ภายหน้า ล้างแค้นให้แก่ข้าด้วย!”

ฉินหยุนพลันเงยหน้าคํารามร้องลั่น เกิดขึ้นเป็นร่างราชสีห์จากใน

กายของเขา!

ร่างจําแลงราชสีห์ทองคําที่แกร่งกล้า ฉับพลันปรากฏเบื้องล่างตัวเขา

ไม่ไกลออกไป ผู้ฝึกตนสายเลือดพอได้เห็น พวกเขาร้องตะโกนด้วย

ความหวาดกลัว “นี่เป็นสายเลือดราชสีห์สวรรค์! ความแข็งแกร่ง

ของออร่าสายเลือด ขนาดควบแน่นเกิดเป็นร่างจําแลงแล้ว!”

ผู้คนจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง เผยอาการตื่นตระหนกราวกับ

เห็นทะเลคลั่ง!

ผู้ฝึกตนสายเลือดราชสีห์สวรรค์ถึงกับอยู่ตรงหน้าพวกเขา!

มันเป็นสิ่งที่พบพานได้ยากเปรียบดั่งสายเลือดมังกร!

ตระกูลสายเลือดมังกรในแดนวิญญาณอ้างว้าง กล่าวได้ว่ามีอยู่เพียง

น้อยนิด

ทว่าในบันทึกประวัติศาสตร์ มันไม่เคยมีผู้ฝึกตนสายเลือดราชสีห์

สวรรค์ปรากฏขึ้นมาก่อน!

สายเลือดราชสีห์สวรรค์ในกายฉินหยุน ขณะนี้คํารามร้องด้วยความ

กราดเกรี้ยว!

เขาใช้เคล็ดวิชาอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ เรียกตัวราชสีห์สวรรค์ใต้

พิภพสีดําทมิฬออกมา!

“นี่… ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ! นี่เขาทําได้อย่างไรกัน?”

“นี่เป็นวิชาต้องห้ามโบราณ เคล็ดวิชาอัญเชิญภูตผีสัตว์ร้ายจากปรโลก!

นี่เป็นราชสีห์สวรรค์ที่เขาอัญเชิญจากปรโลก!” ผู้ฝึกตนจากแดน

วิญญาณอ้างว้างเผยดวงตาเบิกกว้างร้องตะโกน

ฉินหยุนมองทางหงเมิ่งจู ใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุมและรวมจิตวิญญาณ

สังหาร ควบคุมกระบี่ยาวในมือผู้ฝึกตนคนนั้น โจมตีใส่ร่างของตัว

เจ้าของมันเอง!

จากนั้นด้วยความเร็วสูงลํ้า เขาเข้าช่วยเหลือหงเมิ่งจู นํานางให้เข้าไป

อยู่ในไข่มุกเม็ดแรกของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน!

ผู้ฝึกตนโทเทมขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หก ฉับพลันถูกวิชารวมจิต

วิญญาณสังหารฉินหยุนเล่นงาน ขณะนี้ล้มลงกับพื้นอย่างไม่อาจทํา

อะไรได้อีก

ฉินหยุนนําอาวุธเต๋าออกมา กระบี่สี่ดําสับฟันออกสองครั้ง เขาสับ

ร่างผู้ฝึกตนตรงหน้าจนสิ้นชีพ!

ค่ายอาคมสังหารใกล้เคียงถูกฉินหยุนกวาดล้างไปเมื่อครู่หมดสิ้น

แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับการโจมตีจากค่ายอาคมสังหารแต่อย่างใด

ขณะคิดจากไป ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าก็เข้าปิ ดล้อม

เขาเอาไว้แล้ว



ตอนที่ 468 เกินควบคุม

ขณะฉินหยุนคิดใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงหลบหนี เขาพบว่า

มีคนหนึ่งถือยันต์เอาไว้ เป็นไปได้มากว่านั่นคือยันต์ไล่ล่าวิญญาณ

มันสามารถใช้ตามรอยเขาได้

หากเขาใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง เท่ากับต้องใช้พลังมหาศาล

หากเขาถูกไล่ตามหลังจากนั้น สิ่งเดียวที่รอคอยคือความตาย!

“ได้แต่ต้องสู้บุกฝ่ าออกไป!” ฉินหยุนขณะนี้นําแก่นเต๋าออกมา

ผู้ฝึกตนโทเทมที่ทะยานร่างเข้าหาพอพบเห็นแก่นเต๋า พวกเขาถึงกับ

ชะงัก กระจายตัวกันทั่วทิศราวฝูงนกบินหนีเพียงถูกโยนก้อนหินใส่!

“แก่นเต๋า! หนี!”

“สารเลวนัก มันมีแก่นเต๋าอยู่เท่าไหร่กันแน่?”

กระทั่งผู้ฝึกตนที่อยู่ไกลออกไป ยังต้องเร่งร้อนถอยห่างให้มากขึ้น

ไม่เช่นนั้น อาจต้องพบเจอหายนะเข้ากับตัว

ฉินหยุนขว้างแก่นเต๋าผ่านอากาศพร้อมทําลายมัน จากนั้น เขานําเอา

หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา เปิ ดฝามันออก และหลบ

มังกรในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรได้รับบาดเจ็บหนัก มันไม่

ดิ้นรนขัดขืน

เขาเพียงหลบซ่อนในหม้ออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะออกมาภายนอก

ชั่วขณะที่ฉินหยุนออกมา เขาได้เห็นพื้นที่ตรงหน้าราบเตียน รอบ

ด้านขณะนี้ปกคลุมด้วยฝุ่นหนาทึบ

ในแดนยุทธ์อ้างว้าง นําแก่นเต๋าผู้อื่นออกมา ถือเป็นการละเมิดอย่าง

ร้ายแรง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการใช้แก่นเต๋าทําร้ายผู้อื่น

ชั่วขณะนี้ บรรดาราชันยุทธ์ภายนอกนครโบราณล้วนเห็นสิ่งที่

เกิดขึ้นชัดเจน

แม้ฉินหยุนโยนแก่นเต๋าออก ทว่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าวิ่ง

หนีรวดเร็ว พวกเขาเพียงบาดเจ็บเพราะแรงระเบิด ยังไม่มีผู้ใดตาย

“มันหนีไม่ได้แล้ว เข้าไปจับมัน!” ผู้ฝึกตนโทเทมตะโกนดัง เร่งรีบ

ทะยานร่างเข้าอีกครั้ง

เมื่อฉินหยุนเห็นกลุ่มคนหลายสิบพุ่งเข้ามา เขาขว้างแก่นเต๋าอีกหนึ่ง

ออกไป นี่เป็นแก่นสุดท้ายแล้ว!

ลงมือเสร็จ เขาเข้าไปซ่อนในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรอีกครั้ง!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

พื้นที่บริเวณประตูเมืองปกคลุมด้วยฝุ่น ผู้อื่นสัมผัสได้แต่ออร่าของ

ฉินหยุน ดังนั้นจึงไม่พบเห็นแก่นเต๋าในมือ ด้วยเหตุนี้จึงเข้ามา

เปรียบดั่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟ จนกระทั่งแก่นเต๋าระเบิดออก

แรงระเบิดรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผู้ฝึกตนโทเทมล้วนถูกกําจัดจน

สิ้น!

เมื่อคนของตําหนักโทเทม สัมผัสได้ว่าสูญเสียขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้าไปหลายสิบคน สีหน้ากลับกลายเป็นน่าเกลียด

“ฉินหยุนเป็นของตําหนักโทเทม ผู้อื่นอย่าได้เข้าแทรกแซงเรื่องราว!”

ราชันยุทธ์จากตําหนักโทเทมเร่งรีบป่ าวประกาศ ต่อทั้งผู้ฝึกตน

สายเลือด และผู้ฝึกตนแดนวิญญาณอ้างว้างที่คิดเข้าใกล้ฉินหยุน

บรรดาผู้อาวุโสจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง และสํานักจากแดน

ยุทธ์อ้างว้าง ขณะนี้ได้แต่สั่งให้คนของตนเองถอย

เพื่อจับตัวฉินหยุน ตําหนักโทเทมสูญเสียไปมาก หากพวกเขาใช้

โอกาสนี้คว้าชิ้นปลามัน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ตําหนักโทเทมจะ

เกิดคลั่งต่อสู้กับพวกเขาที่ภายนอกแห่งนี้

ฉินหยุนเกิดความยินดีเมื่อเห็นผู้ฝึกตนสายเลือดและผู้ฝึกตนแดนยุทธ์

อ้างว้างถอยกลับ นี่ก็เพราะเขาเพียงกําจัดไปได้แค่ผู้ฝึกตนโทเทม

ผู้คนในเมืองล้วนอยากเคลื่อนไหว ทว่าทําได้แต่รับชมอยู่ไกลออกไป

เพราะตําหนักโทเทมสะกดข่มพวกเขาอยู่

ขณะนี้ผู้ฝึกตนจากตําหนักโทเทมขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

หลงเหลือไม่มาก พวกเขากําลังพุ่งทะยานเข้าหาฉินหยุน

ผู้อาวุโสสองคนที่มากับเซี่ยอู๋เฟิ งพลันทะยานกายออก เข้าขวางผู้ฝึก

ตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าสองคนนั้นไว้!

“น้องหยุน เจ้าไปก่อน!” เซี่ยอู๋เฟิ งเผยวิชาตัวเบาอันวิจิตร ทะยานร่าง

เข้ามา หยุดยั้งผู้ฝึกตนโทเทมขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าเอาไว้

หลายคน

ผู้ฝึกตนโทเทมเหล่านี้เผชิญการระเบิดแก่นเต๋าไปสองครั้งครา หลาย

คนบาดเจ็บ นอกจากนี้ เพื่อต้านทานแรงระเบิด พวกเขาต้องใช้

พลังงานต้านรับไปอย่างมหาศาล

ชั่วเวลานี้ กล่าวได้ว่ากําลังพวกเขาถูกบั่นทอนไปมาก!

ฉินหยุนทราบสถานการณ์ดี หากเขาหนี เซี่ยอู๋เฟิ งและสองผู้อาวุโส

จะไม่สามารถหนีพ้น!

ความทรงจําครั้งเซี่ยอู๋เฟิ งบอกให้พวกเขาหลบหนีไปก่อนจนกระทั่ง

สูญเสียแขนยังกระจ่างชัด ครั้งนั้นเขาเกือบถูกฆ่า

ครั้งนี้ เขาจะไม่หนีอีกต่อไป!

ผู้ฝึกตนโทเทมหลายคนเข้ามาทางด้านข้างฉินหยุนก่อนจะปิ ดล้อมไว้

ไม่ไกลออกไป มีเสียงอึกทึกดังขึ้น ผู้อาวุโสสองคนจากสํานักดาบ

สวรรค์ร่างปกคลุมด้วยบาดแผล พวกเขาโดนแรงระเบิดจากยันต์ลึก

ลํ้าของผู้ฝึกตนโทเทม!

“ผู้อาวุโสจาง ผู้อาวุโสหวัง เร่งรีบไป!” ฉินหยุนพอเห็นดังนี้ เขารีบ

ตะโกนดัง ชั่วขณะเดียวกัน ผู้ฝึกตนโทเทมก็สับฟันดาบใส่เขาแล้ว

เวลานี้ ตําหนักโทเทมต้องการจับเป็นฉินหยุน หากสังหารฉินหยุน

เท่ากับสูญเสียไปมากมายอย่างเปล่าประโยชน์

ฉินหยุนตกอยู่ในการศึกขื่นขม ที่ทําเขากดดันที่สุด คือการต้องรับมือ

กับผู้ฝึกตนของตําหนักโทเทม ผู้ฝึกตนสายเลือด และผู้ฝึกตนจาก

แดนวิญญาณอ้างว้าง!

“ผู้อาวุโสจาง ผู้อาวุโสหวัง!” เซี่ยอู๋เฟิ งคํารามโศกเศร้าและเกรี้ยว

กราด เขาเพียงได้เห็นสองผู้อาวุโสสํานักดาบสวรรค์ถูกสังหารโดยผู้

ฝึกตนโทเทม ร่างพวกเขานอนทอดกับพื้น

“น้องหยุน ไป!” เซี่ยอู๋เฟิ งคําราม ส่งดาบต้นกําเนิดออกมา จ้วงแทง

เข้าใส่ผู้ฝึกตนโทเทมที่คิดโจมตีใส่ฉินหยุน ศีรษะของผู้ฝึกตนโทเทม

ถูกแทงทะลุในพริบตา

“อย่าได้คิดว่าจะหนีรอด!” ผู้ฝึกตนโทเทมอีกคนหนึ่งตะโกนเสียง

เย็นเยือก

ชั่วขณะนี้ เซี่ยอู๋เฟิ งจัดการผู้ฝึกตนโทเทมรอบกายหมดสิ้นแล้ว ขณะ

คิดเร่งรีบเข้าไปช่วยเหลือฉินหยุน ก็ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือ

สายเลือดที่เข้าขวาง

ฉินหยุนมองทางสองผู้อาวุโสที่นอนจมกองเลือด ภายในขณะนี้เต็ม

เปี่ ยมด้วยความพิโรธ!

โลหิตราชสีห์สวรรค์ในกายเขาเดือดพล่าน คลื่นพลังคลุ้มคลั่งขณะนี้

ล้นทะลักออกจากร่างของเขา

อุปกรณ์เต๋าในมือ เป็นกระบี่สีดํา กวัดแกว่งพร้อมร่ายรําด้วยวิชาวายุ

สังหารทั้งหกกระบวนท่า เผยออกซึ่งความกราดเกรี้ยว!

“พี่ใหญ่เซี่ย อย่าได้ห่วงข้า!” ออร่าสีดําทะลักออกจากดวงตาฉินหยุน

เขาปลดปล่อยพลังของวิญญาณยุทธ์สั่นไหวและอสนีบาตอัคคีพร้อม

กัน

ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพพุ่งทะยานเข้าสู่สมรภูมิ คุ้มกันเขาจากการ

โจมตีของผู้ฝึกตนโทเทม

ผู้ฝึกตนโทเทมทั้งหมดนี้อยู่ระดับที่เก้า กระทั่งว่าฉินหยุนก้าวถึง

ระดับที่สี่แล้ว เขาก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ให้แก่อีกฝ่ าย

เขาย่อมมีโอกาสชนะ ทว่าสถานการณ์ตอนนี้คือถูกรุมล้อมด้วยผู้ฝึก

ตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

ฉินหยุนมองทางผู้ฝึกตนสายเลือดและคํารามออก “ข้า ฉินหยุน จะ

กวาดล้างตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงพวกเจ้าให้ราบคาบ!”

เซี่ยอู๋เฟิ งถูกล้อมโดยผู้ฝึกตนสายเลือด ทั้งร่างมีแต่บาดแผลเต็มไป

หมด!

ผู้คนกล้าบอกกล่าว ว่านี่ถึงเวลาที่ฉินหยุนจะถูกตําหนักโทเทมจับตัว

แล้ว!

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉินหยุนเอ๋ย เจ้าต่างหากที่จะถูกพวกเราจับ เหตุใดยังต้อง

สิ้นเปลืองคําพูดอีกเล่า?” ผู้ฝึกตนตําหนักโทเทมหัวเราะดังลั่น

เซี่ยอู๋เฟิ งฉับพลันจ้วงแทงดาบออก แต่แล้วกลับต้องล้มลงคุกเข่ากับ

พื้นด้วยการตอบโต้เพียงหนึ่งฝ่ ามือ!

ดาบต้นกําเนิดที่เขาปลดปล่อยถูกผู้ฝึกตนสายเลือดเก็บไป

ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนสายเลือดมากมาย กระทั่งว่าเซี่ยอู๋เฟิ งอยู่

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ก็ไม่มีทางต้านทานได้นานนัก!

“พี่ใหญ่เซี่ย!” ฉินหยุนคํารามร้องกราดเกรี้ยว ขณะนี้บีบบังคับให้เขา

ต้องเรียกใช้งานวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ

มันเป็นวิญญาณยุทธ์อันลึกลํ้าที่เขาไม่อาจควบคุมด้วยตัวเองได้

ชั่วขณะนี้คล้ายเขาสูญเสียสภาวะตัวตน คล้ายสภาวะจิตใจของเขาถูก

กลืนกิน!

พลังการกลืนกินของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬชวนสะพรึงอย่างถึง

ที่สุด เมื่อถูกฉินหยุนปลดปล่อยออกมา คลื่นพายุสีดําจึงปรากฏที่

เบื้องใต้ฝ่ าเท้า

ผู้ฝึกตนโทเทมที่ปิ ดล้อมเขาเอาไว้ ถูกดูดกลืนเข้าสู่พายุหมุนสีดํา

พลังงานภายในร่างกายพวกเขา ขณะนี้ถูกดูดออกจนสิ้น!

ฉินหยุนผู้ซึ่งใช้พลังไปอย่างมหาศาล ฉับพลันได้รับการเติมเต็ม ทว่า

เขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว!

เขาคิดอยากหนีไปพร้อมเซี่ยอู๋เฟิ ง ทว่าร่างกายไม่อาจควบคุม พลัง

ในร่างก็ไม่อาจควบคุม!

สัมผัสถึงความกลัวทะลักในใจของเขา

ฉับพลันนี้เขาค่อยเข้าใจ

เขาเพิ่งได้ทราบ ว่าเหตุใดเขาไม่สามารถนําวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ

ดูดกลืนสู่ร่างกาย ก็เพราะพลังนี้ มันไม่ใช่อะไรที่เขาจะสามารถ

ควบคุม

ชั่วเวลานี้ วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬเปรียบดั่งปี ศาจหิวกระหาย มัน

ปลดปล่อยพลังการกลืนกินแกร่งกล้าออกมา!

พลังจากร่างของผู้ฝึกตนโทเทม ถูกดูดกลืนในพริบตา ร่างร่วงหล่น

กับพื้น ใบหน้าพวกเขาเผยความหวาดกลัวมองฉินหยุนที่เดินเข้ามา

ใกล้!

ฉินหยุนในขณะนี้ เปรียบดั่งมารร้าย!

เขาทะยานกายออก คว้าร่างผู้ฝึกตนโทเทม จากนั้น จึงส่งเสียงคําราม

ดัง ฉีกกระชากร่างของผู้ฝึกตนคนนั้นเป็นชิ้นด้วยมือเปล่า

ชั่วขณะที่ผู้ฝึกตนโทเทมร่างถูกฉีกกระชาก เลือดมหาศาลระเบิดออก

เลือดเหล่านี้เองก็ถูกดูดกลืนโดยออร่าสีดําที่ล้อมกายฉินหยุนเอาไว้

บรรดาราชันยุทธ์ที่รับชมอยู่กลางอากาศ ขณะนี้รู้สึกหนาวเย็นถึงสัน

หลัง!

ที่นี่ มีราชันยุทธ์อสูรหลายคนมาจากแดนอสูรอ้างว้าง พวกเขาฝึกฝน

เคล็ดวิชาอสูรที่โหดเหี้ยม กระนั้นกลับไม่เคยได้พบเห็นเคล็ดวิชา

อสูรเช่นนี้มาก่อน

“ฉินหยุนใช้เคล็ดวิชาอันชั่วร้าย…” หนึ่งในราชันยุทธ์คิดอยากกล่าว

อะไร ทว่าก็ต้องชะงักปากเอาไว้

ที่นี่มีราชันยุทธ์อสูร ความจริงว่าตําหนักจารึกเทวะยินยอมให้ผู้ฝึกตน

อสูรจากแดนสัตว์อสูรอ้างว้างไปไหนมาไหนในแดนยุทธ์อ้างว้าง

หมายความถึงยอมรับในตัวพวกเขาแล้ว ชั่วเวลานี้ การกล่าวอย่าง

เหยียดหยันต่อวิชาชั่วร้ายไม่ใช่อะไรที่ควรทํา

ราชันยุทธ์จากตําหนักโทเทมเผยสีหน้าน่าเกลียด

ผู้ฝึกตนโทเทมที่พวกเขาบํารุงเลี้ยงอย่างยากลําบาก จนกระทั่งถึง

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ถึงกับพ่ายแพ้ง่ายดายเพียงนี้!

และสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือฉินหยุนฉีกกระชากพวกเขาออกเป็นชิ้น!

“พี่หยุน ท่านจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นกระทั่งตัวตนมนุษย์

และจิตวิญญาณท่านจะถูกกลืนกิน! รีบตื่นเร็วเข้า!” เสียงของโมโม

ดังในใจของฉินหยุน

ฉินหยุนทราบสถานการณ์ ชั่วขณะนี้เขาเริ่มดูดกลืนพลังจากร่างของ

ผู้ที่อยู่ไกลออกไป กระทั่งเซี่ยอู๋เฟิ งก็ไม่ได้รับการยกเว้น

“น้องหยุน รีบหนี!” เซี่ยอู๋เฟิ งเชื่อว่าเกิดบางอย่างผิดพลาดกับฉิน

หยุน เขาเร่งร้อนตะโกนดัง

“พี่ใหญ่เซี่ย!” ฉินหยุนมองทางผู้ฝึกตนสายเลือดที่โจมตีเซี่ยอู๋เฟิ ง

ขณะนี้เสียงคํารามโหดเหี้ยมดังขึ้น ร่างแปรเปลี่ยนเป็นเงาสีดําพุ่ง

ทะยานออก

เมื่อเข้าไปใกล้ ผู้ฝึกตนสายเลือดล้วนแตกตื่นเร่งร้อนหนีหาย

ผู้ฝึกตนสายเลือดวัยเยาว์ ถูกฉินหยุนฉีกร่างในพริบตาที่โดนจับตัว

ถัดจากนั้น เขาจึงถูกฉินหยุนสูบพลังสายเลือด

“ฉินหยุน ไอ้มารร้าย!” เส้นเลือดบนหน้าผากราชันยุทธ์สายเลือด

ปรากฏเด่นชัด เสียงคํารามดังออกอย่างเกรี้ยวกราด

ฉินหยุนสัมผัสได้ ว่าพลังในกายเซี่ยอู๋เฟิ งไม่มีอีก ดาบต้นกําเนิดถูก

ชิงเอาไป หัวใจของเขาเปี่ ยมด้วยความพิโรธ

ทว่า เขายังไม่หยุด มือขณะนี้ยื่นไปยังเซี่ยอู๋เฟิ ง คิดฉีกร่างอีกฝ่ าย

ออกเป็นชิ้น!

เมื่อไม่อาจควบคุมตนเอง บทร่ายของวิถีหัวใจตะวันดาราจึงปรากฏ

ในใจเขา!

เสียงคํารามร้องออก เขาปลดปล่อยพลังกลืนกินรุนแรงเข้าใส่ตนเอง

ภายในรัศมีหนึ่งหมื่นเมตร พื้นดินโดยรอบเกิดการปริแตก

แรงสั่นสะเทือนรุนแรงบังเกิด

รอยปริแตกปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน คลื่นอากาศสีดําปกคลุมพร้อม

พลังดูดกลืนบังเกิด ฉับพลัน มันดูดกลืนบรรดาผู้ฝึกตนที่ลอยตัวอยู่

ลงสู่รอยปริแตกที่ลึกยิ่ง

กระทั่งฉินหยุนและเซี่ยอู๋เฟิ ง ก็โดนดูดลงไปด้วยเช่นเดียวกัน!

แผ่นดินไหวรุนแรงหยุดลง รอยปริแตกหายวับ!

เดิมมีศิษย์หลายคนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าอยู่ใกล้เคียง ขณะนี้ถูกธรณีสูบ

กันหมดสิ้นแล้ว

บรรดาราชันยุทธ์บนท้องฟ้าเผยดวงตาเบิกกว้าง พวกเขามองลงไป

ด้วยอาการเงียบงันในซากปรักหักพัง สีหน้าเปี่ ยมด้วยความตื่น

ตะลึง!

“เป็นความสามารถเทวะ! ฉินหยุนเมื่อครู่ใช้ความสามารถเทวะ!”

ราชันยุทธ์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง ทั้งแตกตื่นและริษยา พวกเขา

ต่างแสดงออกพร้อมกัน

“พวกนั้นยังไม่ตาย เมื่อครู่ที่ถูกดูดลงไป ทําให้ฉินหยุนหลบหนีไป

ได้!” ราชันยุทธ์จากตําหนักจารึกเทวะเผยความไม่ยินดี

ขณะนี้บนพื้นยังมีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าจากตระกูล

สายเลือดหลงเหลือ ใบหน้าพวกเขาต่างเผยความแตกตื่นอย่างไม่อาจ

ปิ ดได้มิด!



ตอนที่ 469 สามสระนํ้าศักดิ์สิทธิ์

ที่นครโบราณยุทธ์เต๋าแห่งนี้ มันถูกควบคุมเอาไว้โดยตําหนักจารึก

เทวะมานานหลายปี ขณะนี้กว่าครึ่งถูกทําลายย่อยยับ

นครโบราณยุทธ์เต๋าได้รับการคุ้มกันจากค่ายอาคมลึกลับและม่าน

พลังแกร่งกล้า มีแต่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึงสามารถเข้าไปได้

ตอนนี้ กระทั่งว่าใช้ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามากมาย พวกเขาก็ยัง

ไม่อาจสะกดฉินหยุนเอาไว้ได้!

พื้นดินใกล้เคียงประตูเมืองพังทลาย หลายคนติดอยู่ในช่องที่พื้นโผล่

ร่างออกมาเพียงเล็กน้อย ภายในใจพวกเขาเวลานี้เปี่ ยมล้นด้วยความ

หวาดกลัว!

ฉินหยุนทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์ดํา ได้รับความสามารถเทวะ!

กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หก ก็ยังต้องหวาดกลัวต่อ

พลังอํานาจนี้!

บนท้องฟ้า บรรดาราชันยุทธ์ปรารถนาทําลายม่านพลังนครโบราณ

เข้าจับตัวฉินหยุนเอาไว้

ทว่า ค่ายอาคมของนครโบราณแกร่งกล้า ไม่ต้องกล่าวถึงราชันยุทธ์

เช่นพวกเขา กระทั่งเป็นผู้แข็งแกร่งกว่า ก็ยังไม่อาจทําอะไรมันได้

“ตําหนักจารึกเทวะ เร่งรีบเปิ ดประตูเมือง! ตัดสินจากพละกําลังของ

ฉินหยุน ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับตํ่ากว่าหกจะตกอยู่ใน

อันตรายหากต้องเผชิญหน้ากับเขา!” ราชันยุทธ์สายเลือดตะโกนดัง

บรรดาตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ได้ส่งรุ่นเยาว์หลายคนไปล่าฉิน

หยุน

ขณะนี้ พวกเขาได้ทราบ ว่าฉินหยุนเลื่อนระดับพลัง ดังนั้นจึงได้แต่

ต้องเรียกศิษย์ที่การฝึกฝนตํ่ากลับมา

ราชันยุทธ์จากแดนยุทธ์อ้างว้างมองทางคนของตําหนักจารึกเทวะ

และกล่าว “ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง ยันต์สะกด

กายที่เขาสร้างขึ้น เพียงพอให้สะกดร่างผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ทุกระดับ! นอกจากนี้ เขายังมีหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร

สายเลือดและโทเทมราชสีห์สวรรค์ หากยังปล่อยให้เขาลอยนวล

เช่นนี้ต่อไป กระทั่งว่าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ก็อาจต้องถูก

เขาสังหาร!”

“เร่งรีบปิ ดค่ายอาคมผนึกของตําหนักจารึกเทวะแล้ว พวกเราจะได้

นําคนของเรากลับคืนออกมา! หากเป็นแบบนี้ต่อ จะไม่ใช่พวกเราไล่

ล่าฉินหยุน แต่จะเป็นมันที่ไล่ล่าศิษย์มากพรสวรรค์ขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าของพวกเรา!”

นครโบราณยุทธ์เต๋าเข้าได้แต่ไม่อาจออก ทุกคนคิดว่าเป็นตําหนัก

จารึกเทวะผนึกการออกจากนครโบราณ

ทว่าในความเป็นจริง คือฉินหยุนต่างหากที่ควบคุมค่ายอาคมใหญ่

ของนครโบราณเอาไว้!

ราชันยุทธ์ตําหนักจารึกเทวะหลั่งเหงื่อเย็นกล่าวตอบ “ขอกล่าวตาม

ตรง ผนึกของนครโบราณไม่ได้อยู่ในการควบคุมพวกเรา แต่ที่มัน

ปรากฏอย่างกะทันหัน พวกเรากําลังพยายามหาสาเหตุ!”

เมื่อผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเบื้องล่างได้ยินคํากล่าวเหล่านี้ เสียง

ร้องระงมก่นด่าสาปแช่งดังออกไม่ขาด

พวกเขาเดิมคิดว่าต่อให้สังหารฉินหยุนล้มเหลว ก็ถือเป็นโอกาสได้

เข้านครโบราณ

แต่แล้วครานี้ เป็นพวกเขาต้องติดอยู่ที่นี่แทน!

พวกเขาล้วนจดจําและตราตรึงภาพฉากที่ฉินหยุนฉีกร่างผู้ฝึกตนโท

เทมเป็นชิ้น กลืนกินพวกเขา นั่นเปรียบดั่งมารร้ายชวนขนหัวลุก!

ราชันยุทธ์ตําหนักโทเทมเผยเสียงเย็น “ดูเหมือนพวกเรามีแต่ต้อง

ร่วมมือกันทําลายนครโบราณ! พวกเราล้วนเป็นศัตรูของฉินหยุน

หากปล่อยให้เขาได้เติบโตต่อไป จะไม่มีพวกเราคนใดหนีรอด!”

ยอดฝีมือแดนวิญญาณอ้างว้างหาได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ผู้อาวุโสคน

หนึ่งแค่นเสียงตอบ “กับแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามีอันใดให้

ต้องหวาดกลัว? เขาครอบครองสองแก่นเต๋า หากต้องการก้าวถึง

ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ยังต้องการเวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี ! และ

ยังมีขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้ารอคอย! อย่างน้อยที่สุด หากคิดอยากเห็น

ราชันยุทธ์ ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งพันปี หรือมากกว่านั้น!”

“พวกเราต้องได้รับสายเลือดราชสีห์สวรรค์จากเขา!” ดวงตาของ

ราชันยุทธ์สายเลือดเปี่ ยมด้วยความละโมบ “ตราบเท่าที่พวกเรา

ได้รับเลือดราชสีห์สวรรค์สักจอกหนึ่ง พวกเราจะสร้างสายเลือด

ราชสีห์สวรรค์ขึ้น หลังจากนั้น พวกเราจะสร้างผู้สืบทอดสายเลือด

ราชสีห์สวรรค์ได้อีกมาก!”

“ถูกต้องแล้ว! พวกเราตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ต้องร่วมมือกันจับ

ตัวฉินหยุน!” ราชันยุทธ์สายเลือดคนอื่นกล่าวด้วยความหิวกระหาย

“ด้วยสายเลือดนั่น การจัดการมังกรย่อมเป็ นเรื่องง่ายดาย!”

ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเกลียดชังการแย่งชิงสายเลือด

กระนั้นตอนนี้ พวกเขาคิดแย่งชิงสายเลือดราชสีห์สวรรค์จากฉินหยุน

นี่ทําเอาหลายผู้คนล้วนหยามเหยียดต่อพวกเขาอยู่ภายใน

ถัดจากนั้น ราชันยุทธ์เหล่านี้ร่วมมือกัน ระดมการโจมตีใส่ม่านพลัง

โปร่งแสงไม่หยุด ทว่า มันไร้ผลแทบจะสิ้นเชิง

ม่านพลังมีอํานาจการดูดกลืนพลังแกร่งกล้า มันสามารถดูดกลืนพลัง

อันแข็งแกร่งและส่งถ่ายออกไป

ฉินหยุนนําเซี่ยอู๋เฟิ งสู่ส่วนลึกของพื้นดิน ผ่านทางรอยแยก พวกเขา

วิ่งเป็นทางยาวก่อนค่อยใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง กลับสู่

ฐานของค่ายอาคม

เมื่อกลับมาถึง เขาเร่งรีบนําร่างบาดเจ็บของเซี่ยอู๋เฟิ งวางในถังหยก นี่

ก็เพื่อช่วยเขารักษาอาการบาดเจ็บ

หงเมิ่งจูได้ไค่เซียงจิ้งช่วยเหลือรักษา

เชี่ยวเย่ว์หลานพบว่าฉินหยุนบาดเจ็บเช่นกัน ดังนั้นจึงเข้ามาช่วยรักษา

“ผู้อาวุโสหวัง และผู้อาวุโสจาง ทั้งสองคนตายแล้ว!” ฉินหยุนนึก

ย้อนถึงเรื่องนี้ เขาต้องกําหมัดเอาไว้แน่น นํ้าเสียงกราดเกรี้ยวกล่าว

ออก “ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง รอข้าก่อนเถอะ!”

ตอนนี้ มู่หรงต้าเหรินและคณะค่อยได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะ

โทสะสุมแน่น พวกเขาก็ยังรู้สึกอึ้ง ที่ฉินหยุนสามารถช่วยเหลือหง

เมิ่งจูจากสถานการณ์เช่นนั้นมาได้

ระหว่างที่เชี่ยวเย่ว์หลานช่วยรักษาอาการฉินหยุน นางพบว่ามันมี

เส้นสายพลังรุนแรงจํานวนมากกระจายในร่างของเขา

พลังงานเหล่านี้ไม่ใช่ของฉินหยุน แต่เป็นสิ่งที่ดูดกลืนเข้ามา

“พลังงานในกายเจ้ารุนแรงนัก ให้ข้าร่วมขัดเกลากับเจ้า!” เชี่ยวเย่ว์

หลานเอ่ยคํา “ระหว่างนี้ ก็ขัดเกลาเม็ดยาเซียนให้เรียบร้อยไปด้วย

เลย!”

ฉินหยุนคาดหวังเลื่อนระดับพลังโดยเร็ว เพื่อให้ได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่

มากขึ้น มีแต่ทําเช่นนี้เขาจึงสามารถกําจัดผู้ฝึกตนด้านนอกได้!

ดาบต้นกําเนิดของเซี่ยอู๋เฟิ งถูกเอาไป ตัวเขายังบาดเจ็บรุนแรงโดยผู้

ฝึกตนสายเลือด หากเขาไม่อาจได้รับกลับคืน ก็ต้องทําการฝึกฝนมัน

อีกครั้งหนึ่ง

ไค่เซียงจิ้งมาจากตําหนักจันทราทมิฬในแดนวิญญาณอ้างว้าง นาง

เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ทว่านางใช้เคล็ดวิชาลับสะกด

ระดับการฝึกฝนตนเอง และเข้ามายังนครโบราณยุทธ์เต๋า

ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่อาจปลดปล่อยพลังขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

ไม่เช่นนั้นนางจะถูกพลังของนครโบราณที่ไม่ยอมรับ ทําการทรมาน

จนถึงแก่ความตาย

นางทราบว่าตนเองเป็นผู้ฝึกตนแข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ ทุกคนต่าง

ต้องการกําลังของนาง

“ฉินหยุน กระทั่งว่าข้าลงมือ ก็ใช้พลังได้แค่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่เก้า! หน้าที่ของข้าคือคุ้มกันเย่ว์หลาน!” ไค่เซียงจิ้งกล่าวคํา “หาก

เจ้าคิดกระหายพลังอย่างแท้จริง ข้ามีข้อแนะนํา!”

“ในนครโบราณ มันมีสถานที่ฝึกฝนอันศักดิ์สิทธิ์สามแห่ง พวกมัน

คือสระหัวใจเต๋า สระต้นกําเนิดเต๋า และสระกายเต๋า! สถานที่นั้นไม่

ทราบแน่ชัด โดยสรุป สถานที่แห่งนั้นคือที่ที่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าสามารถก้าวทะยานอย่างยิ่งยวดได้!”

ฉินหยุนขณะนี้ฝึกฝนร่วมกับเชี่ยวเย่ว์หลาน เขาลืมตาขึ้นและกล่าวคํา

“ให้ข้าได้ลอง ดูว่าสามารถรับรู้ตําแหน่งมันผ่านฐานอาคมได้หรือไม่!”

อย่างรวดเร็ว เขาโคจรพลังจิตสู่รากฐานค่ายอาคม สัมผัสถึงค่ายอาคม

ใหญ่ของนครโบราณ

หากมันมีสระนํ้าแห่งการฝึกฝนทั้งสาม อย่างนั้นย่อมต้องมีการใช้

พลังงานมหาศาลเพื่อหล่อเลี้ยง

“สระหัวใจเต๋าใช้เพื่อฝึกฝนพลังจิต สระต้นกําเนิดเต๋าใช้เพื่อฝึกฝน

แก่นเต๋าและวิญญาณยุทธ์ สุดท้ายสระกายเต๋า ใช้เพื่อฝึกฝนกายเนื้อ!”

ไค่เซียงจิ้งกล่าว “หากทราบว่ามันอยู่ที่ใด และพวกเรายึดครองได้

อย่างนั้นมันจะช่วยให้พวกเราทุกคนเลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็ว!”

ผ่านรากฐานค่ายอาคม ฉินหยุนสัมผัสถึงสถานที่ตั้งซึ่งมีการดูดกลืน

พลังงานจากค่ายอาคมมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว

และเขายังได้ทราบ ว่าสามารถเคลื่อนย้ายไปจากที่นี่ได้โดยตรง!

“พบมันแล้ว ไว้ค่อยไป!” ฉินหยุนกล่าวตอบ

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยความกังวลไม่น้อยขณะเร่ง

รีบกล่าว

ไค่เซียงจิ้งก็เป็นกังวล เพราะหน้าที่หลักของนางคือคุ้มกันเชี่ยวเย่ว์

หลาน

“พี่จิ้งอย่าได้ห่วง!” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มให้

หงเมิ่งจูต้องการไค่เซียงจิ้งช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ เซี่ยอู๋เฟิ งต้องใช้

เวลาเยียวยาตนเอง ดังนั้นไค่เซียงจิ้งจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ

“เจ้าต้องระวังให้มาก!” ไค่เซียงจิ้งชี้แนะฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน

อย่างเคร่งเครียด

หลังฝึกฝนร่วมกันเรียบร้อย ฉินหยุนกลับคืนสภาวะสูงสุดรวดเร็ว

ความคิดนึกย้อนถึงสภาพน่าขนลุกที่เขาร่วงหล่นไปก่อนหน้า ทําเอา

เขาต้องพรั่นพรึง

ฉินหยุนกุมมือเชี่ยวเย่ว์หลานเอาไว้ ส่งถ่ายพลังสู่ค่ายอาคมเคลื่อนย้าย

ที่รากฐานค่ายอาคม จากนั้นพวกเขาค่อยไปยังภูเขาแห่งหนึ่ง

ภูเขานี้เต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูง ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานปรากฏ

ตัวในโพรงต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่ง

สถานที่ตั้งของค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทั้งหมดล้วนอยู่ในต้นไม้ยักษ์

และเก็บงําเป็นความลับอย่างดีเยี่ยม

ขณะนี้ฟ้ามืดแล้ว ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานสามารถใช้พลังเงา

กลมกลืนกับความมืดและสภาพแวดล้อมซ่อนเร้น

เพียงไม่นาน พวกเขาพบถํ้าแห่งหนึ่ง มันเก็บซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี

ปากทางเข้ามีหินใหญ่ปิ ดกั้นเอาไว้

ฉินหยุนดึงเชี่ยวเย่ว์หลานเข้าหา ใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง

หินก้อนใหญ่ เข้าสู่ภายในถํ้าได้อย่างเงียบงัน

นครโบราณแห่งนี้ ถูกควบคุมเอาไว้โดยตําหนักจารึกเทวะเป็ นเวลา

ยาวนาน ดังนั้นสถานที่สําหรับการฝึกฝนแห่งนี้ก็สมควรถูกควบคุม

เอาไว้นานแล้วเช่นกัน

มีแต่ค่ายอาคมเคลื่อนย้าย และรากฐานค่ายอาคมที่ยังไม่ถูกค้นพบ

เชี่ยวเย่ว์หลานกุมมือฉินหยุนแน่น นางขณะนี้รับรู้ถึงพลังอันลี้ลับ

ของตะวันทมิฬ

อย่างกะทันหัน นางปล่อยมือออกจากฉินหยุน

ฉินหยุนตระหนก เร่งรีบมองหาเชี่ยวเย่ว์หลาน ทว่าเขาไม่อาจพบ

เห็นอะไร!

“เสี่ยวหยุน!” เชี่ยวเย่ว์หลานส่งเสียงทางจิตถึงฉินหยุน “ข้ามีพลัง

หลบซ่อนในความมืดเช่นกัน!”

“เย่ว์หลาน! เจ้าและเย่ว์เหม่ยถึงกับคล้ายคลึงกัน เป็นนางสามารถคัด

ลอกวิญญาณยุทธ์ผู้อื่น และเจ้าถึงกับสามารถคัดลอกความสามารถ

พิเศษของผู้อื่น!” ฉินหยุนสื่อสารกลับ เรื่องนี้ทําเอาเขาอึ้ง

“ไว้มีเวลาในภายหน้า หากเจ้ามีพลังพิเศษอื่น เช่นนั้นบอกต่อข้า จะ

ได้ทําการคัดลอกมันมา!” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มอ่อน

นี่คือพลังอันลึกลับของวิญญาณยุทธ์ที่สามของเชี่ยวเย่ว์หลาน

จากนั้นพวกเขาค่อยสัมผัสมือกัน จึงค่อยทราบว่ายังอยู่ใกล้กัน

ถํ้าแห่งนี้มืดมิดและไม่ใหญ่ ขนาดเพียงสําหรับให้สามคนเดินผ่าน

หลังเดินอยู่กว่าพันเมตร ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานค่อยพบเห็น

ประตูบานใหญ่ของซ้ายและขวาของเส้นทาง นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่

เหนือศีรษะพวกเขาหลายสิบเมตร มันเป็นประตูเช่นกัน

“สระหัวใจเต๋า สระต้นกําเนิดเต๋า และสระกายเต๋า พวกมันล้วนอยู่

ที่นี่!” เชี่ยวเย่ว์หลานส่งเสียงสื่อสารดังมา “เข้าไปรับชมกัน!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ พาเชี่ยวเย่ว์หลานผ่านเข้าไปโดยความสามารถ

เทวะทะลุทะลวง โดยเลือกเข้าประตูทางซ้าย

หากต้องการเพียงทะลุทะลวงระยะทางสั้น ก็ไม่ได้เป็นการใช้พลัง

มากมายแต่อย่างใด ฉินหยุนยังสามารถใช้ร่วมกับเชี่ยวเย่ว์หลานได้

อย่างไม่ยากเย็น

ผ่านประตูมาแล้ว ฉินหยุนเร่งรีบนําไข่มุกวิญญาณโปร่งแสงออกมา

ทําให้ทั้งเขาและเชี่ยวเย่ว์หลานโปร่งแสง

โชคดีที่เขาลงมือรวดเร็ว เพราะภายในห้องมีคนอยู่มาก และทั้งห้อง

ก็ปรากฏแสงสีทองส่องสว่างเรืองรอง

ภายในเป็นห้องหินสี่เหลี่ยมกว้างหายสิบเมตร ที่ตรงกลางมีสระนํ้า

วงกลมกว้างราวยี่สิบเมตร ขณะนี้มีกว่าสิบคนแช่กายอยู่ในสระนํ้า

ข้างสระ มีชายชรายืนเฝ้าระวังอยู่ด้วย!

ชายชราผู้นี้ปกคลุมด้วยออร่าอสูร นี่เป็นผู้ฝึกตนอสูร!

กลุ่มคนที่แช่กายในสระนํ้า ทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนอสูร!

ฉินหยุนขณะนี้ คิดว่านี่เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สํานักเต๋าอสูรทําร่วมกับ

ตําหนักจารึกเทวะ!

“เย่ว์หลาน ลงมือ!”

ฉินหยุนนํายันต์สะกดกายออกมา ขว้างปาพวกมันเข้าใส่ พร้อมกันนี้

เขาได้เห็นเชี่ยวเย่ว์หลานทะยานกาย มือของนางสับฟันเข้าใส่ที่คอ

ของชายชรา!

ผู้คุ้มกันเฒ่าชราขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย

ที่เข้าใกล้ ทว่าขณะที่พบ หัวก็ร่วงหล่นกลิ้งกับพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ตอนที่ 470 ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าสุดแกร่ง

ฉินหยุนถอยฝี เท้า ขว้างโยนยันต์สะกดกายไปทางสระนํ้าสีทอง

ผู้ฝึกตนอสูรในสระนํ้าตื่นขึ้น พวกเขาคิดอยากกระโจนออกมา ทว่า

ร่างกายแข็งค้างไปแล้ว

เชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบเข้ามา ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ทําการบั่นเศียรผู้

ฝึกตนกว่าสิบคน นางโจมตีรวดเร็ว เฉียบขาด และไม่ปรานี หาได้มี

ความลังเลแม้แต่น้อย!

นางมองทางสระนํ้าสีทองที่เต็มไปด้วยเลือด นํ้าเสียงเบากล่าวออก

“เสี่ยวหยุน คงต้องทําความสะอาดกันหน่อยแล้ว!”

ฉินหยุนเร่งรีบเข้าไป นําร่างออกมาจากสระนํ้า

สระนํ้าสีทอง เมื่อไม่มีสิ่งแปลกปลอม ขณะนี้เลือดเลือนหายอย่าง

รวดเร็ว

“เย่ว์หลาน เหมือนจําได้ว่าเจ้าใช้ดาบ! ไม่คิดว่าเลยว่าตอนนี้เปลี่ยน

มาใช้กระบี่แทนแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“ข้าต้องใช้กระบี่เพื่อเรียนวิชาวายุสังหารหกกระบวนท่า!” เชี่ยวเย่ว์

หลานหัวเราะ “อาจารย์หยางสอนวิชายุทธ์กับข้ามากมายนัก”

“ในหุบเขาลึกลํ้าจันทรา นางไปได้ด้วยดีหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“แน่นอน!” เชี่ยวเย่ว์หลานมองศพเหล่านั้นและกล่าว “เร่งรีบไป

จัดการอีกสองสระนํ้าที่เหลือ!”

ชั่วขณะนี้ เขาค่อยพบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานคัดลอกพลังโปร่งแสง ทําให้

ตัวนางโปร่งแสงได้

“เย่ว์เหม่ยไม่ควรได้คัดลอกวิญญาณยุทธ์นี้ของเจ้า!” ฉินหยุนอุทาน

ร้อง

“กระจกของนางคือวิญญาณยุทธ์ทองม่วง ดังนั้นจึงไม่สามารถคัดลอก

วิญญาณยุทธ์สีดํา! เด็กน้อยผู้นั้น หลังได้ทราบว่าวิญญาณยุทธ์ของ

ข้ามีพลังประหนึ่งเทพเจ้า แต่กลับไม่อาจคัดลอก ถึงกับโวยวายยก

ใหญ่!” เชี่ยวเย่ว์หลานสื่อสารกลับมาพร้อมยิ้มให้

ฉินหยุนนํานางผ่านประตูหินสู่อีกด้านหนึ่ง ก็เหมือนดังก่อนหน้านี้

เขาเร่งรีบลงมือ สังหารผู้คนด้านในจนหมดสิ้น

นํ้าภายในห้องหินนี้เป็นสีขาว เป็นสระหัวใจเต๋า เอาไว้ใช้เพื่อฝึกฝน

พลังจิต

ก่อนหน้านี้เป็นสระนํ้าสีทอง ใช้เพื่อบํารุงเลี้ยงฝึกฝนกายเนื้อ

ผู้คนในสระหัวใจเต๋า ก็เป็นผู้ฝึกตนอสูรเช่นกัน!

ฉินหยุนขณะนี้มั่นใจ ว่าสระนํ้าสุดท้ายก็สมควรเป็นผู้ฝึกตนอสูรแล้ว

บรรดาผู้ฝึกตนอสูรล้วนเป็นตระกูลสายเลือดทรงค่าจากแดนอสูร

อ้างว้าง พวกเขาต้องมอบผลประโยชน์มหาศาลแก่ตําหนักจารึกเทวะ

เพื่อมาฝึกฝนที่นี่ เป็นไปได้สูง ว่าพวกเขาอาจไม่ทราบด้วยซํ้าว่าที่

ภายนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น!

ในความเป็นจริง มีผู้คนน้อยนิดที่ทราบว่าสระนํ้าทั้งสามอยู่ที่ใด มี

แต่เบื้องบนของตําหนักจารึกเทวะที่ทราบ กระนั้นตอนนี้ ฉินหยุน

สังหารพวกเขาฉกชิงเอาแก่นเต๋ามาหมดสิ้น

หลังจากฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเข้าถึงสระต้นกําเนิดเต๋า เรื่องราว

ง่ายดายดังก่อนหน้า พวกเขาสังหารผู้ฝึกตนอสูรด้านในจนหมดสิ้น!

สระต้นกําเนิดเต๋าเป็นนํ้าที่โปร่งใส บรรจุเอาไว้ซึ่งพลังวิญญาณเก้า

ตะวันอันหนาแน่น!

ฉินหยุนกําลังแยกวิญญาณยุทธ์พวกเขา ถึงขั้นสามารถเข้ามาถึงสระ

ทั้งสามเพื่อฝึกฝน วิญญาณยุทธ์ย่อมต้องดีเยี่ยม มีหลายคนที่ครอบครอง

วิญญาณยุทธ์ทองม่วง

“กลับกันดีกว่า ไปแจ้งต่อพี่จิ้ง จากนั้นค่อยกลับมาฝึกฝน!” เชี่ยวเย่ว์

หลานกล่าว

ฉินหยุนพยักหน้ารับ กลับไปยังห้องรากฐานค่ายอาคมพร้อมเชี่ยว

เย่ว์หลาน

เมื่อกลับมาแล้ว เขาใช้ฐานค่ายอาคมเปิ ดอาคมผนึกสระนํ้า เช่นนี้ จะ

ได้ไม่มีผู้อื่นเข้าไปรบกวนได้

สําหรับเขาและเชี่ยวเย่ว์หลาน พวกเขาสามารถผ่านม่านพลังเข้าไป

ด้วยความสามารถเทวะทะลุทะลวง

ด้วยพระสูตรหัวใจตะวันจันทราของฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน จะ

ยิ่งเป็ นการเร่งความเร็วการฝึกฝนมากขึ้น

ทั้งสองเข้าแช่กายในสระต้นกําเนิดเต๋า เริ่มการฝึกฝนร่วมกัน

ที่ประตูเมืองนครโบราณยุทธ์เต๋า ขณะนี้ยังมีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าอยู่อีกมาก พวกเขาล้วนมาจากทั่วสารทิศของสามแดนอ้างว้าง

หลังพบว่าไม่อาจออกจากเมือง พวกเขาจึงไม่คิดบุ่มบ่ามเข้าไปอีก

ทางด้านผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกขึ้นไป พวกเขาไม่

หวั่นเกรงยามต้องเข้ามา

เพื่อจับตัวฉินหยุน คว้าเอาหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตน

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ายินดีเสี่ยงชีวิต ภายในใจพวกเขาล้วนเปี่ ยมด้วย

ความต้องการแรงกล้า

ตําหนักโทเทม ตําหนักจารึกเทวะ ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง สํานัก

จากแดนวิญญาณอ้างว้าง ราชันยุทธ์ทั้งหมดของพวกเขาพยายาม

อย่างหนักโจมตีค่ายอาคม ทว่าท้ายที่สุดก็ได้แต่จํายอมต้องถอย

พวกเขาได้แต่ส่งคนเข้าไป ทางหนึ่งก็เพื่อป้องกันทางออกเอาไว้ อีก

ทางหนึ่งก็เพื่อจับตัวฉินหยุน!

ในสายตาพวกเขา ฉินหยุนเปรียบดั่งมังกรอันลํ้าค่า!

ฉับพลันนี้ ยอดฝีมือหลายคนจากตําหนักโทเทมมาถึงประตูนครโบราณ

ยุทธ์เต๋า

ข้างกายพวกเขา มีชายหนุ่มชุดดําที่ต้องตาคนหนึ่ง!

ที่หน้าผากของชายหนุ่มชุดดํา มันมีอักขระสีดําสักเอาไว้ ดวงตาขาว

คู่นั้น ก็เปี่ ยมด้วยอักขระเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ เขายังมีใบหน้าหล่อเหลา เส้นผมยาวสีดําขลับ ยิ่งทําให้

ดึงดูดสายตาผู้คนได้มาก

ศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ได้เห็นชายหนุ่มจาก

ตําหนักโทเทม ต่างหารือกันเองกันเสียงเบา

“นั่นเกาจี้หลงจากตําหนักโทเทม ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปด

อายุยี่สิบห้าปี ! ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปดด้วยอายุเพียง

เท่านี้ ช่างเป็นการท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก!”

“ได้ยินว่าโทเทมของเขาเป็นโทเทมธรรมชาติ มันอยู่ตรงระหว่างคิ้ว

และดวงตา! ไม่มีผู้ใดทราบว่ามันเป็นโทเทมอะไร!”

“ตําหนักโทเทมคิดส่งเขาเข้าไปหรือ?”

“ไม่เพียงแต่ตําหนักโทเทม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงล้วนมีคําสั่ง

เรียกรวมพลศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่เหนือลํ้า ให้พวกเขาออกจาก

การเก็บตัวและมาที่นี่!”

“หากตระกูลอนุญาตเมื่อใด พวกเขาจะเข้าไปเมื่อนั้น! ข้าอยู่ขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่แปด ฉินหยุนเพียงขอบเขตวรยุทธ์ระดับที่สาม

เขาจะมีแรงต้านรับได้ไหวหรือ?”

“หากจับตัวฉินหยุนได้ อย่างนั้นจะได้รับสายเลือดและโทเทมของ

มัน!”

“การผสมผสานระหว่างสายเลือดราชสีห์สวรรค์และโทเทมราชสีห์

สวรรค์ ถือเป็นส่วนผสมที่เข้ากันได้ดีอย่างลึกลํ้าระหว่างโทเทมและ

สายเลือด พลังที่ได้รับย่อมต้องชวนสะพรึง ผู้ใดบ้างไม่ต้องการมัน?”

เกาจี้หลงยืนหยัดตรงหน้าประตูนครโบราณยุทธ์เต๋า มองที่ความ

วุ่นวายภายใน นํ้าเสียงเย็นเยือกกล่าวออก “ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่เก้าเหล่านั้นเป็นขยะหรือไร? พวกมันไม่อาจกําราบขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าระดับที่สามเอาไว้ได้ด้วยซํ้า!”

คํากล่าวของเขาเต็มไปด้วยความหยามเหยียด

“จี้หลง ระหว่างทางพวกเราบอกเรื่องราวของฉินหยุนไปแล้ว อย่าได้

ประเมินศัตรูตํ่าเกินไป!” หนึ่งในคนของตําหนักจารึกเทวะยํ้าเตือน

“เขามียันต์วิญญาณ มีอุปกรณ์เต๋า ข้าก็มี! ไม่เห็นมีอันใดให้ต้องหวาด

กลัว! ข้าเพียงแค่ต้องระวังความสามารถเทวะของมัน!” เกาจี้หลง

กล่าวคํา “กระทั่งว่ายิงข้าด้วยแก่นเต๋าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ข้าก็

ยังต้านรับได้ไหว!”

เมื่อผู้ฝึกตนอื่นได้ยินดังนี้ พวกเขาแทบไม่เชื่อหูตนเอง

พวกเขาล้วนได้ทราบ ว่าแก่นเต๋าระเบิดออกชวนสะพรึงเพียงใด กระทั่ง

ว่าเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ พวกเขาก็ยังต้องเผชิญแรง

กดดันมหาศาลจากการระเบิดแก่นเต๋าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

หนึ่งในผู้อาวุโสตําหนักโทเทม ได้เห็นเกาจี้หลงมั่นใจ ดังนั้นจึงผ่อน

คลายไปมาก “จี้หลง เจ้ามีสองโทเทม สองวิญญาณยุทธ์ แต่เจ้าขาด

แคลนสายเลือด! หากจัดการฉินหยุนได้ เจ้าจะได้รับมรดกสายเลือด

อันแข็งแกร่งที่สุดมา!”

มุมปากเกาจี้หลงกระตุก เขามองทางผู้ฝึกตนสายเลือดและแค่นเสียง

“มรดกสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดค่อยคู่ควรกับข้า เกาจี้หลงผู้นี้! หาก

เป็นสายเลือดสวะ ให้ข้ามาก็มีแต่ทําข้าเสื่อมถอย!”

คํากล่าวนี้ ทําเอาผู้ฝึกตนสายเลือดมากมายมีโทสะ!

ที่เกาจี้หลงพูดกล่าว หมายความถึงหากเขาต้องการมรดกสายเลือด

ย่อมขอมาจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเมื่อใดก็ได้ กระนั้น เขาไม่

คิดร้องขอ เพราะพวกมันอ่อนด้อยเกินไป

“จี้หลง ข้าฝากฝังเรื่องหาตัวฉินหยุนและควบคุมนครโบราณแก่เจ้า

แล้ว!” หนึ่งในราชันยุทธ์ตําหนักโทเทมตบที่ไหล่เกาจี้หลง “ทุกคน

เข้าไปได้”

“เจ้าคือผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของสามแดน

อ้างว้าง อย่าได้ทําพวกเราผิดหวัง!”

เกาจี้หลงยิ้มอย่างภาคภูมิ ก้าวเดินผ่านเข้าประตูเมือง

ผู้ฝึ กตนสายเลือดกล่าวอย่างเดียดฉันท์ “เพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่แปด นับเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วหรือ? ขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าระดับที่เก้าล้วนมีมากมาย พวกเขาหลายคนต่างมีสิทธิ์อวดอ้างตน

ว่าแข็งแกร่งที่สุดกันทั้งสิ้น!”

ได้ยินคําเช่นนี้ เกาจี้หลงหันมองทางฝูงชนที่ยืนด้านนอกเมือง นํ้าเสียง

เย็นเยือกกล่าวหาก “หากมีผู้ใดอ้างตนว่าเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่

แข็งแกร่งที่สุด จงบอกต่อข้า! ข้าจะได้สังหารมันไม่ว่าจะเป็นใครก็

ตาม!”

กล่าวคําจบ เขายิ้มเยาะพร้อมเข้าเมืองที่พังทลายไปหลายส่วนค้นหา

ตัวฉินหยุน!

ชายชราจากตําหนักโทเทมหัวเราะ “วิญญาณยุทธ์โทเทมคู่ของเกาจี้

หลง ค่อนข้างเหมาะสมกับโทเทมพอสมควร กระทั่งเผชิญหน้า

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า การจัดการอีกฝ่ ายก็ไม่ใช่เรื่องยาก!”

วิญญาณยุทธ์โทเทมที่ผสานกับโทเทม นั่นถือเป็นพลังที่ชวนสะพรึง

หากใช้งานมันให้ดี มันอาจเป็นการปลุกพลังสายเลือดจากโทเทมให้

ตื่นขึ้นมาได้

ผู้ฝึกตนสายเลือดส่วนใหญ่ ไม่มีผู้ใดตื่นรู้สายเลือดด้วยวิธีธรรมชาติ

พวกเขาปลุกมันหลังการถือกําเนิด โดยวิธีการแช่กายในสระเลือดซึ่ง

เป็นวิธีอันโหดเหี้ยม

เรื่องนี้เป็นข้อบ่งชี้ ที่ทําให้กําลังของสายเลือดอ่อนลง และพลังของ

สายเลือดที่สืบต่อกันเรื่อยมา ก็มีแต่อ่อนลงไปเรื่อย

ตําหนักจารึกเทวะและตําหนักโทเทม ล้วนตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ดี

และพวกเขาก็เป็นเพียงสองกลุ่มนอกตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงที่

ทราบเรื่องนี

ผู้อาวุโสจากตําหนักโทเทมมองทางราชันยุทธ์สายเลือดและกล่าว

“ไม่ส่งผู้ฝึกตนสายเลือดแกร่งกล้าเข้าไปหรือ? ด้วยผู้ฝึกตนสายเลือด

ที่เข้าไปแล้ว เจ้าคงไม่มีทางได้รับสายเลือดราชสีห์สวรรค์หรอก

กระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า”

ผู้ฝึกตนโทเทมหัวเราะ “สายเลือดโดยธรรมชาติถือเป็นสมบัติลํ้าค่า

ของตระกูลพวกเจ้า มันถูกส่งต่อมาโดยสายเลือดดั้งเดิม! โดยเฉพาะ

ผู้ที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พวกเขาล้วนลํ้าค่า หากต้องตายที่นี่ เท่ากับ

พวกเจ้าต้องสูญเสียสายเลือดดั้งเดิมกันแล้ว!”

บรรดาผู้ฝึกตนตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงต่างมีโทสะ กระนั้นไม่อาจ

ตอบโต้คําใดกลับได้

“ตําหนักจารึกเทวะเล่า? ไม่ส่งคนเข้าไปเพิ่มหรือ? กลัวว่าคนของ

พวกเจ้าจะตายอยู่ด้านในนั้นหรือไร?” ชายชราจากตําหนักโทเทมเย้ย

หยันตําหนักจารึกเทวะพร้อมหัวเราะดัง

“พวกเขากําลังมา! พวกเจ้าเอาความสนใจที่มีไปลงที่เกาจี้หลงของ

พวกเจ้าเถอะ หากเขาตายที่ในนั้น คงน่าเสียดายแย่! อย่างไรแล้ว

ตําหนักโทเทมก็ไม่มีผู้ฝึกตนที่ตื่นรู้โทเทมของตนเองมากนักนี่!”

ราชันยุทธ์ตําหนักจารึกเทวะแค่นเสียงตอบกลับ

“ตําหนักจารึกเทวะ เรื่องนี้ต้องพูดกล่าว พวกเจ้าล้วนเป็นไอ้หน้าโง่!

เดิมมีสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุนอยู่แล้ว ตอนนั้น พวกเจ้ามีโอกาส

ได้รับอักขระจากเขา สายเลือด และรวมถึงโทเทม! แต่แล้วกลับยอม

ปล่อยมือจากสมบัติลํ้าค่านี้มาเสียได้!”

ชายชราตําหนักโทเทมส่งเสียงเย้ยหยันดังลั่น “นับเป็ นเรื่องดี

ไม่เช่นนั้นผลประโยชน์คงตกไปอยู่กับตําหนักจารึกเทวะแล้ว อย่าง

นั้นพวกเราคงอิจฉาตาร้อนกันแย่!”

คนของตําหนักจารึกเทวะขณะนี้ แทบต้องหลั่งเลือดออกในหัวใจ!

เดิมฉินหยุนพึ่งพาตําหนักจารึกเทวะอย่างใหญ่หลวง แต่เบื้องบน

ตัดสินใจปล่อยมือจากฉินหยุน และยังทําการขับไล่ฉินหยุน ผลลัพธ์

ที่ได้คือเรื่องราวปัจจุบัน

ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้ฝึกตนเริ่มเข้านครโบราณกันมากขึ้น

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนเปรียบดั่งสมบัติสาธารณะ ผู้คนล้วนคิดอยากจับ

ตัวเขา

ฉินหยุนซ่อนตัวอย่างดีเยี่ยม และอยู่ระหว่างการฝึกฝนร่วมกับเชี่ยว

เย่ว์หลานในสระต้นกําเนิดเต๋า

“สถานที่แห่งนี้สมแล้วที่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

มันสามารถช่วยพวกเราฝึกฝนก้าวหน้าทะยานได้!” ฉินหยุนอุทาน

ขณะสัมผัสถึงพลังที่พรั่งพรู

“ดูเหมือนพวกเราจะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าได้อย่าง

รวดเร็ว!” เชี่ยวเย่ว์หลานเกิดความยินดีไม่น้อยเช่นกัน นางยิ้มกว้าง

“เสี่ยวหยุน ร่วมกันฝึกฝนในนครโบราณแห่งนี้ ก้าวสู่ขอบเขตวร

ยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าร่วมกันเถอะ!”


ตอนที่ 471 อักขระชีวิต

ฉินหยุนไม่ทราบว่าสระนํ้าทั้งสามจะคงอยู่ได้จนถึงเมื่อไหร่ เขารู้สึก

ว่าหากเลื่อนสู่ระดับที่หกผ่านทางสระนํ้าเหล่านี้ได้ ก็ถือว่าดีเยี่ยม

มากแล้ว

เชี่ยวเย่ว์หลานขณะนี้รู้สึกยินดีที่ได้ฝึกฝนร่วมกับฉินหยุน ฉินหยุน

เองก็รับรู้ถึงความรู้สึกนางเช่นกัน

“เย่ว์หลาน เป็นเพราะทราบถึงพรสวรรค์ของเจ้า ไค่เซียงจิ้งจึงมาคุ้ม

กันเจ้าหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบา

“เมื่อพวกเขากลับสู่แดนวิญญาณอ้างว้าง พวกเขาจะพาข้าไปด้วย”

เชี่ยวเย่ว์หลานถอนหายใจเบา “ข้ายังคิดเรื่องนี้ว่าจะไปดีหรือไม่! ข้า

ทําใจแยกจากพวกเจ้าได้ยากนัก!”

ฉินหยุนยิ้ม “ยังต้องคิดอะไรอีกกัน? โอกาสเช่นนี้พบพานได้ยาก

แน่นอนว่าควรต้องไป!”

ใบหน้างดงามของเชี่ยวเย่ว์หลานกลายเป็นเศร้าโศก นางเพียงก้ม

ศีรษะและไม่กล่าวอันใดอีก

ทั้งสองต่างแช่กายในสระนํ้า ฝ่ ามือสัมผัสถึงกัน ในห้องเงียบงันนี้

ได้ยินเพียงแต่เสียงนํ้าไหลเอื่อย

“เย่ว์หลาน เหตุใดไม่เรียกข้าเป็นสามีแล้วกัน?” ฉินหยุนทําลายความ

เงียบ เผยรอยยิ้มและถามออกมา

“พวกเรา… พวกเรายังไม่ได้เป็นสามีและภรรยากันจริง! เจ้าอย่าได้

พูดส่งเดชแล้ว…” ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์หลานแดงกํ่า ขณะนี้แค่น

เสียงเบาออกมา “อย่าได้ถามอีก ตอนนี้ควรเร่งรีบฝึกฝนอย่างตั้งใจ!”

ฉินหยุนจึงได้แต่เร่งรีบเข้าสภาวะฝึกฝนอย่างเคร่งเครียด ดวงตาหลับ

ลง

เมื่อเชี่ยวเย่ว์หลานและฉินหยุนฝึกฝนร่วมกัน นางสามารถรับรู้ได้ถึง

การโคจรของพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ และการฝึกฝนพลังภายใน

เก้าสมบูรณ์

พลังภายในเก้าสมบูรณ์ ถือเป็นพลังอันแข็งแกร่ง ขณะนี้มันได้ไหล

เวียนสู่วิญญาณยุทธ์ลึกลับของเชี่ยวเย่ว์หลานพร้อมให้ทําการคัดลอก

นครโบราณยุทธ์เต๋ามีความลึกลับยากหยั่งถึง โดยเฉพาะสระนํ้าทั้ง

สาม พวกมันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สําหรับช่วยเหลือผู้ฝึกตนขอบเขตวร

ยุทธ์เต๋าให้ก้าวทะยาน

เวลาผ่านไป ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานค่อยสับเปลี่ยนไปฝึกฝนที่สระ

อื่น วิธีการเช่นนี้ พวกเขาจะได้ฝึกฝนทุกอย่างไปอย่างเท่าเทียมกัน

ทั้งหมดเพื่อมีพลังเต๋าแรกเริ่มที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างอักขระชีวิตตัวที่ห้า

การควบแน่นพลังเต๋าแรกเริ่ม จําเป็นต้องใช้พลังภายในมหาศาล ขณะนี้

พวกเขาแช่กายในสระร่วมกัน สามารถได้รับการเติมเต็มพลังภายใน

สามารถปลดปล่อยพลังเต๋าแรกเริ่มได้ต่อเนื่อง เพื่อขัดเกลาอักขระ

ชีวิตตัวที่ห้า

แม้พวกเขามีสามแก่นเต๋าและสามวิญญาณยุทธ์สีดํา การผสานพลัง

แก่นเต๋าของพวกเขาเป็นไปได้ด้วยดี สามารถควบแน่นเกิดขึ้นเป็น

อักขระชีวิตได้ง่ายดายขึ้นมาก

โดยเฉพาะตอนนี้ ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานฝึกฝนร่วมกันจึงมี

ทั้งสิ้นหกแก่นเต๋า การผสานของพลังจึงแกร่งกล้า บริสุทธิ์ และ

แข็งแกร่ง มันบํารุงหล่อเลี้ยงแก่นเต๋าในร่างของพวกเขา

เพียงไม่นาน ฉินหยุนลืมตาขึ้น ความยินดีเผยออก ตัวเขาขณะนี้มี

อักขระชีวิตตัวที่ห้าปรากฏบนแก่นเต๋าทีละน้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป

อีกไม่นานเขาก็จะเลื่อนระดับพลัง!

“เย่ว์หลาน พวกเราก้าวหน้าเร็วนัก อย่างนี้จะมีปัญหาหรือไม่?” ฉิน

หยุนค่อยนึกถึงเรื่องชวนกังวลขึ้นได้

“อย่าได้ห่วง นี่คือผลลัพธ์ของการฝึกฝนร่วมกัน! นอกจากนี้ สระนํ้า

ทั้งสามยังเปี่ ยมด้วยพลังงานล้นพ้น พวกเราสามารถดูดกลืนพลังงาน

ส่วนใหญ่จากสระนํ้า นี่ถือเป็ นเรื่องปกติ!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ

“ทําตัวให้สบายและฝึกฝนต่อไป!”

ด้วยวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ฉินหยุนสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวัน

ทั้งเก้า นี่ยังรวมถึงเม็ดยาที่ยังคงอยู่

“ข้าคิดอยากแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว จะได้สําเร็จโทษตัวตนชั่วช้าอย่าง

ตําหนักโทเทม!” แม้ฉินหยุนทําลายขอบเขตวรยุทธ์เต๋าของตําหนัก

โทเทมไปมาก ทว่าตําหนักโทเทมก็ยืนหยัดในแดนยุทธ์อ้างว้างและ

แดนอสูรอ้างว้างมายาวนาน

เขาครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์ ดังนั้นย่อมต้องขุดรากถอนโคน

ทั้งตําหนักโทเทมก่อนจึงค่อยวางใจได้

หลังจากเกาจี้หลังเข้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า เขาถือสามง่ามสีดําในมือ

ทําการค้นหาร่องรอยของฉินหยุน

นครโบราณยุทธ์เต๋ากว้างใหญ่ มีป่ ามากมาย คิดหาคนเพียงหนึ่งไม่ใช่

เรื่องง่าย

หลายคนออกคนหาฉินหยุน พวกเขาเดิมคิดว่าตราบเท่าที่ไม่พบฉิน

หยุน ย่อมไม่มีการต่อสู้ใดเกิดขึ้น

แต่แล้วตอนนี้ หากพบเกาจี้หลง พวกเขาต้องเผชิญศึกอันโหดเหี้ยม

กับอีกฝ่ าย!

“เกาจี้หลง นี่เจ้าทําอะไร? ตําหนักโทเทมของเจ้าคิดเป็นศัตรูกับตระกูล

สายเลือดชนชั้นสูงหรือ?” ผู้ฝึกตนสายเลือดตะโกนกราดเกรี้ยว

“หากข้าสังหารเจ้า ก็ควรรู้สึกเป็นเกียรติ! เพราะข้ารู้สึกได้ ว่าเจ้ามี

พลังพอจัดการฉินหยุนได้ ดังนั้นจึงต้องกําจัดคู่แข่งให้หมดสิ้น

เสียก่อน!” สามง่ามยาวในมือเกาจี้หลงแทงออกอย่างคลุ้มคลั่ง ผู้ฝึก

ตนสายเลือดไม่อาจต้านรับ ด้วยการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง ร่างของเขาก็

เต็มไปด้วยปากแผลเลือดไหลนอง

หน่วยขนาดเล็กที่จัดตั้งโดยผู้ฝึกตนสายเลือด ประกอบด้วยขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่แปดและเก้า ขณะนี้พวกเขาแทบไม่อาจต่อกรเกาจี้

หลงที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปดได้!

อย่างรวดเร็ว เกาจี้หลงสังหารผู้ฝึกตนสายเลือดทั้งหน่วย ทิ้งไว้เพียง

เสียงหัวเราะชั่วร้าย

ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ฝึกตนสายเลือดที่ถูกสังหาร ตราบเท่าที่เป็นหน่วยซึ่ง

ท่าทางแข็งแกร่ง พวกเขาจะถูกเกาจี้หลงเข้าจู่โจม!

เรื่องนี้ทําให้หลายหน่วยไร้สิ้นทางเลือก ได้แต่หลบเลี่ยงอยู่ให้ห่าง

จากเกาจี้หลง หลายคนถึงขั้นไปออกันทางเข้าเมือง ร้องเรียนต่อ

ราชันยุทธ์ที่อยู่ภายนอก

“ตําหนักโทเทม ในเมื่อเกาจี้หลงของพวกเจ้าโหดเหี้ยม ก็อย่าได้ต่อ

ว่าที่พวกเราไร้มารยาท!” ราชันยุทธ์สายเลือดกราดเกรี้ยว กล่าวต่อว่า

ด้วยนํ้าเสียงสั่น

เวลานี้ ผู้ฝึกตนสายเลือดเจ็ดคนเข้าเมืองไปแล้ว

ชายชราจากตําหนักโทเทมแค่นเสียงตอบ “ทําใจส่งผู้ฝึกตนสายเลือด

โดยกําเนิดได้แล้วหรือ? เป็ นเรื่องดีนักหากพวกนั้นไม่ได้พบเจอเกาจี้

หลงเข้า!”

“เกาจี้หลงย่อมไม่โจมตีผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล ต้องเป็นเพราะมีการยั่วยุ

เกิดขึ้น! พวกเจ้าริษยาต่อพรสวรรค์ของเขาหรือไม่ใช่?” ผู้อาวุโส

ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงล้วนมีโทสะ เป็นพวกเขาถูกตําหนักโท

เทมยั่วยุ

คนของตําหนักจารึกเทวะและแดนวิญญาณอ้างว้าง ขณะนี้ต่างไม่

พอใจตําหนักโทเทมเช่นกัน

เวลานี้ ควรเป็นเวลาที่พวกเขาจะร่วมมือกันด้วยซํ้า

“เมื่อใดที่จ้าวตําหนักของตําหนักจารึกเทวะเราออกมาจากการเก็บตัว

เขาย่อมต้องมาที่นี่!” คํากล่าวของชายชรา ทําเอาใบหน้าของผู้คนจาก

ตําหนักโทเทมแปรเปลี่ยน

จ้าวตําหนักแห่งตําหนักจารึกเทวะ ย่อมไม่ใช่เพียงแค่ราชันยุทธ์ แต่

เขาคือตัวตนที่เหนือลํ้ากว่าราชันยุทธ์!

ผู้ฝึกตนสายเลือดที่ในเมืองรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ พวกเขาเข้าสู่

ด้านในป่ าเพื่อออกค้นหาร่องรอยของฉินหยุน

ศัตรูของพวกเขาขณะนี้ไม่ใช่เพียงแต่ฉินหยุน แต่ยังมีเกาจี้หลงจาก

ตําหนักโทเทม! พวกเขาทราบว่าเกาจี้หลงแกร่งกล้า แม้อีกฝ่ ายอยู่

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปด แต่กลับครอบครองกําลังชวนขนหัว

ลุก

ผ่านการฝึกฝนสองวัน แก่นเต๋าของฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน ขณะนี้

เกิดการสั่นไหว พวกเขาก่ออักขระชีวิตตัวที่ห้าบนแก่นเต๋าทั้งสามได้

สําเร็จแล้ว!

ในอดีต เมื่อเขาเลื่อนระดับ จะมีเหตุการณ์ใหญ่โตเกิดขึ้น แต่ขณะนี้

เพราะฝึกฝนร่วมกัน ฉินหยุนจึงสามารถสะกดพลังของวิญญาณยุทธ์

ตะวันทมิฬไม่ให้ปะทุออก ทําให้การเลื่อนระดับของเขาเป็นไปอย่าง

สงบ!

“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า เมื่ออักขระชีวิตของมหาวิถีแห่งเต๋า

สามารถเกิดเป็นรูปธรรม มันจะยิ่งแข็งแกร่ง!” เชี่ยวเย่ว์หลานโบก

มือเบา ปลดปล่อยเส้นสายสีดําทั้งห้าออกจากมือ

หากมองให้ดี จะพบว่าพวกมันมีอักขระอยู่บนเส้นสายเหล่านั้น พวก

มันคือการรวมตัวกันของอักขระชีวิตมหาวิถีแห่งเต๋า!

“นี่คือพลังจิต?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“นี่เป็นการผสานอักขระชีวิตพลังจิตและอักขระชีวิตมังกรของข้า!”

เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มบาง

ที่เด่นชัดที่สุดหลังการควบแน่นอักขระชีวิตตัวที่ห้า คือการเพิ่มพลัง

เต๋า รวมถึงกําลังภายในของแก่นเต๋าด้วย!

ผลลัพธ์ของการแปรเปลี่ยนอักขระชีวิตเป็นเส้นสาย โดยหลักก็เพื่อ

ปกคลุมรอบกายเป็นรังไหม ทําให้แปรสภาพกายเต๋าได้!

ระหว่างกระบวนการก้าวสู่กายเต๋า แก่นเต๋าและวิญญาณยุทธ์จะ

แข็งแกร่งขึ้น พวกมันจะก่อกําเนิดอักขระชีวิตตัวที่หกขึ้นมา!

ฉับพลัน ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างด้านนอก!

“เหมือนจะมีคนมาที่นี่ ออร่านี้เป็นของผู้ฝึกตนสายเลือด!” ฉินหยุน

กล่าวเสียงเบา

“เหมือนจะมีกันหลายคนเสียด้วย!” เชี่ยวเย่ว์หลานขมวดคิ้ว จากนั้น

ค่อยกระชับมือที่จับกับฉินหยุนเอาไว้แน่น

เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว “ตอนนี้มืดแล้ว ออกไปรับชมกันดีกว่า!”

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า “ตกลง ผู้ใดจะทราบ พวก

เราอาจสังหารพวกมัน และอาจนําดาบต้นกําเนิดพี่ใหญ่เซี่ยกลับคืน

มาก็เป็นได้”

ฉินหยุนนํายันต์สะกดกายออกมาจํานวนหนึ่ง มอบพวกมันแก่เชี่ยว

เย่ว์หลาน

เขามียันต์สะกดกายเหลือไม่มาก ก่อนหน้านี้ด้วยความช่วยเหลือของ

สื่อชิงเฉิง แม้เขาหลอมยันต์ขึ้นมาจํานวนหนึ่ง แต่ช่วงหลายวันมานี้ก็

ใช้พวกมันอย่างหนักหน่วง

เขาออกนําเชี่ยวเย่ว์หลาน ใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง ผ่าน

ม่านพลังของถํ้าออกสู่ภายนอก

กลางดึก ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆหนา บดบังแสงจันทร์และดวงดาว

ทําให้พื้นโลกมืดมิด

เส้นทางขึ้นเขา มีจุดแสงจํานวนมากปรากฏ

ฉินหยุนมองลงไป ได้ทราบว่าเป็นผู้ฝึกตนสายเลือด อีกฝ่ ายถือหิน

เรืองแสงในมือ กําลังออกค้นหาตัวเขา

“จัดการมัน จากนั้นพวกเราจะซ่อนตัวในความมืดลอบโจมตี!” เชี่ยว

เย่ว์หลานส่งเสียงสื่อสารบอกฉินหยุน

นางมีประสบการณ์ฝึกฝนอันโหดเหี้ยมในโลกหล้ามาก่อนหน้านี้

มากนัก งานลอบสังหารไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่

ฉินหยุนอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมา สั่งให้มันพุ่งเข้าหา

กลุ่มผู้ฝึกตนสายเลือดที่ด้านหน้า!

กลุ่มคนขณะนี้กรีดร้อง แตกฮือกระจายกันออกทั่วทิศ!

ฉินหยุนยังได้ทราบ ว่าหลังจากสร้างอักขระชีวิตตัวที่ห้า ราชสีห์

สวรรค์ใต้พิภพที่เขาอัญเชิญมา ก็แข็งแกร่งมากขึ้น!

ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ แท้จริงรู้จักกันในฐานะวิชายุทธ์โทเทม

ราชสีห์สวรรค์! เมื่อเสียงคํารามราชสีห์สวรรค์เผยออก บรรดาผู้ฝึก

ตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าถึงหก จะรู้สึกเจ็บปวดที่อวัยวะ

ภายในอย่างรุนแรง

ถัดจากนั้น มันปลดปล่อยกรงเล็บราชสีห์สวรรค์กําราบมังกร เข้า

โจมตีฝูงชนอย่างบ้าคลั่ง!

“เย่ว์หลาน ระวังตัวด้วย!” ฉินหยุนกล่าวยํ้าเตือน

“แน่นอน!” เชี่ยวเย่ว์หลานคัดลอกพลังตะวันทมิฬของฉินหยุน นาง

สามารถซ่อนเร้นในความมืดได้

นางและฉินหยุนแยกกันสองทิศทาง พุ่งเข้าปะทะกลุ่มคนตรงหน้า

ฉินหยุนพอทะยานเข้าใกล้ เขาสัมผัสได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนสายเลือดที่

ต่อสู้กับเซี่ยอู๋เฟิ งก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงโยนยันต์สะกดกายออก เข้า

ตรึงร่างอีกฝ่ ายเอาไว้

ถัดจากนั้น เขาทะยานกายเข้าหา จับคนผู้นั้นโยนเข้าไปในหม้อ

ราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร

“ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ ฉินหยุนอยู่แถวนี้!” ผู้ฝึกตนสายเลือดชรา

ภาพอุทานดัง

ชั่วขณะเดียวกัน ยันต์สะกดกายจํานวนหนึ่งพุ่งเข้าหาฝูงชน ตรึงร่าง

ผู้ฝึกตนสายเลือดกว่าสิบคนเอาไว้

เวลาเดียวกัน ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ ฉินหยุน และเชี่ยวเย่ว์หลาน

ต่างพุ่งเข้าหาฝูงชนโรมรันการโจมตีเข้าใส่ไม่ยั้ง!

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน ทั้งสองใช้วิชาวายุสังหารหกกระบวนท่า

อีกทั้งยังเป็นการปลดปล่อยวิชาผ่านพลังภายในเก้าสมบูรณ์

พลังคมกระบี่ที่สับฟันลงมาโหดเหี้ยมรุนแรง ทําให้ทั่วทั้งภูเขาเกิด

การสั่นสะเทือน

เดิมท้องฟ้าเงียบสงบไร้แสงเดือนและดาว ขณะนี้มันกลับปกคลุม

ด้วยสายฟ้าสีดําร่ายรํา!

ฟ้าคําราม สายฟ้าฟาด ล้วนซุกซ่อนในความมืด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่

อาจเห็นพลังสุดแกร่งเหล่านี้! เมื่อสายฟ้าฟาดสีดําผ่าลงมา มันจึงเกิด

คลื่นพลังอสนีบาต ฟาดเข้าใส่ร่างผู้ฝึกตนสายเลือดเหล่านั้น

ผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า เมื่อโดนฤทธิ์ยันต์

สะกดกายแม้เพียงชั่วสองลมหายใจ ก็มีแต่ความตายที่รอคอย

ผู้ฝึกตนสายเลือดเกือบสามสิบคนที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า นับว่าเป็น

กองกําลังแกร่งกล้า แต่ยามต้องเผชิญสองมนุษย์หนึ่งสัตว์ พวกเขา

ได้แต่พ่ายแพ้อย่างไม่อาจต่อต้าน!

กระทั่งว่าเป็นผู้ฝึกตนสายเลือดโดยกําเนิดทั้งเจ็ดคน ยังพบว่าเป็น

เรื่องยากเคลื่อนไหวเมื่อโดนฤทธิ์ของยันต์สะกดกาย! เพียงอึดใจ

พวกเขาก็ถูกฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานลงมือสับฟันสังหารแล้ว!

เวลาผ่านไปไม่นาน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานลงมือสังหารหน่วยผู้

ฝึกตนสายเลือดยกหน่วย ฉินหยุนขณะนี้ได้รับวิญญาณยุทธ์มากมาย

อีกครั้งแล้ว!

ช่วงเช้าตรู่ เก้าตะวันค่อยขึ้นฟ้า สาดส่องแสงสว่างแก่แดนดิน

ที่ด้านนอกนครโบราณยุทธ์เต๋า ราชันยุทธ์หลายคนต่างเดินไปมา รอ

คอยข่าวคราวจากด้านใน

อย่างกะทันหัน จุดสีดํามากมายพลันเข้ามาใกล้ประตูเมืองและคิด

กระเด็นออกสู่ภายนอก ทว่าก็ต้องถูกหยุดยั้งเอาไว้โดยค่ายอาคมของ

ประตูเมือง

ศีรษะกว่าสิบแน่นิ่งที่ตรงม่านพลังของประตูเมือง ห่างจากราชัน

ยุทธ์ที่ด้านนอกเพียงไม่กี่เมตร!

เมื่อราชันยุทธ์สายเลือดพบว่าเป็นศีรษะของศิษย์ในตระกูล พวกเขา

ถึงกับคํารามร้องด้วยโทสะ!

บรรดาผู้อาวุโสของสํานักอื่น ต่างก็รับชมด้วยความกังวลเกาะกุม

หัวใจ ราวกับพวกเขาทราบแล้ว ว่าชะตากรรมศิษย์ของพวกตนจะ

เป็นเช่นไร!



ตอนที่ 472 ปะทะจี้หลง

นครโบราณยุทธ์เต๋า มีประตูเมืองเพียงหนึ่ง และขณะนี้ฝูงชนก็คลาคลํ่า

กันที่หน้าประตูเมือง พวกเขาคิดอยากออกไป

ผู้คนเหล่านี้ล้วนอ่อนแอ ตอนนี้กระทั่งมองหน้าฉินหยุนยังไม่กล้า

คิดเพียงแต่อยากออกไปโดยเร็วที่สุด

และขณะนี้เมื่อเห็นศีรษะหลายสิบกระเด็นมาทางนี้ เส้นขนบนหัว

พวกเขาต่างลุกชี้ชัน ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจอย่างล้นพ้น!

กระทั่งผู้ฝึกตนสายเลือดที่แข็งแกร่ง ยังถูกฉินหยุนปลิดปลงศีรษะ

แล้วพวกเขาจะเหลืออะไร!

ไกลออกไป ร่างเงาสีดําปรากฏ! เมื่อมองให้ดี จะพบว่าเป็นราชสีห์

สวรรค์สีดํา!

ฉินหยุนขึ้นขี่ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ มองไปยังกลุ่มคนที่ขวัญหนี เขา

แค่นเสียงกล่าว “กําลังหาตัวข้าอยู่ไม่ใช่หรือไร?”

ฝูงชนพอได้เห็นฉินหยุนปรากฏกาย พวกเขาถอยจนแทบชิดกําแพง

เมือง ขณะนี้พวกเขาต่างเผยสีหน้าหวาดกลัวฉินหยุนที่เข้ามาใกล้

“ฉินหยุน อย่าได้ใจนัก! เจ้าก็แค่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่

สาม! ที่นี่ กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าก็มี!” ชายชราคนหนึ่ง

ตะโกนขึ้น

“ทุกคนอย่าได้กลัวมัน หากร่วมแรงกัน ย่อมจัดการมันลงได้!”

“ใช่แล้ว พวกเรามีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้ากันหลายคน ไม่เห็น

จําเป็นต้องหวาดเกรงมัน!”

หลายคนเริ่มตะโกนขณะคิดสร้างแรงใจ

ฉินหยุนหัวเราะ “แก่นเต๋าของข้า จะทําหน้าที่ส่งพวกเจ้าไปปรโลก

เอง!”

ทันทีเมื่อกล่าว ฝูงชนเร่งรีบหนีหายกระจายทั่วทิศ

พวกเขาคิดแต่เพียงหนีด้วยความหวาดกลัวอย่างเปี่ ยมล้น

ฉินหยุนเพียงกล่าวไม่กี่คํา กลุ่มคนก็หนีหาย ชัดเจนว่าพวกเขา

หวาดกลัวการระเบิดของแก่นเต๋ามากมายเพียงใด

เมื่อราชันยุทธ์ที่อยู่นอกประตูเมืองพบฉินหยุนเข้ามาใกล้ พวกเขาเร่ง

รีบบินขึ้นกลางอากาศ ทว่าม่านพลังโปร่งแสงแยกพวกเขาไม่อาจให้

เข้าไป จึงได้แต่มองตํ่าลงมาที่ฉินหยุน

ราชันยุทธ์เหล่านี้ แทบอดใจรอที่จะจับตัวฉินหยุนเอาไว้ไม่ได้!

โดยเฉพาะราชันยุทธ์สายเลือด พวกเขาคิดปรารถนากลืนกินฉินหยุน

ทั้งเป็น!

ไม่เพียงแต่ผู้คนของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง อีกหลายคนที่เหลือ

ในที่นี้ ล้วนต้องการกัดกินฉินหยุนทั้งเป็นกันทั้งสิ้น เมื่อใดที่พวกเขา

นึกถึงตอนที่ตนเองได้รับสายเลือดราชสีห์สวรรค์อันแข็งแกร่ง เมื่อ

นั้นเท่ากับพวกเขาได้รับมรดกอันแกร่งกล้าของราชสีห์สวรรค์

“ฉินหยุน ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดของตําหนักโทเทมเรากําลังมาแล้ว

ทางที่ดีคือเจ้าควรหลบหนีโดยเร็ว เขาไม่เคยพ่ายแพ้ต่อผู้ใดมาก่อน!”

ชายชราจากตําหนักโทเทมยิ้มเยาะ

ฉินหยุนได้ยินถึงความแกร่งกล้าของเกาจี้หลงมาเช่นกัน ตอนที่โยน

หัวผู้คนเหล่านี้ หลายคนต่างนึกว่าเป็นฝีมืออีกฝ่ าย

เชี่ยวเย่ว์หลานไม่เปิ ดเผยตัวตน เป็นนางเก็บงําเอาไว้มิดชิด เพราะ

นางคือผู้ที่บอกให้ฉินหยุนออกมาและจัดการฝูงชน ขณะที่นางจะ

รับผิดชอบเคลื่อนไหวในเงามืด

นางเกลียดชังกลุ่มคนเหล่านี้ที่ไล่ล่าสามีของนาง หมัดขาวนวลนั้น

กําเอาไว้แน่น สายตาจับจ้องบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ

ที่เก้า

ฉินหยุนมอบปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าแก่นาง เพื่อให้นางสามารถโจมตีผู้

ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าจากระยะไกลได้

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน ทั้งสองล้วนทราบถึงความแข็งแกร่งของ

กันและกันเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อมั่น ว่าเมื่อร่วมมือกันแล้ว

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าก็สามารถโค่นล้ม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่

หวาดเกรงคนกลุ่มนี้เลยแม้แต่น้อย

“คิดให้เกาจี้หลงมาจับตัวข้าละสิ?” ฉินหยุนหัวเราะ

“ฉินหยุน เจ้าก็แค่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าชั้นตํ่า! อย่างไรแล้วก็ต้องพ่าย

แพ้แก่จี้หลง!” ชายชราจากตําหนักโทเทมหัวเราะ “โทเทมบนกาย

เขาล้วนเป็นโทเทมโดยกําเนิด หากเจ้าโค่นล้มเขา ก็จะได้รับโทเทม

เหล่านั้นมาครอบครอง!”

ฉินหยุนกล่าวเชื่องช้า “โทเทมสวะเช่นนั้นข้าหรือต้องการ? โทเทม

ราชสีห์สวรรค์ของข้า หากเทียบกับโทเทมขยะเหล่านั้น ถือว่า

แข็งแกร่งกว่านับร้อยนับพันเท่า!”

สาเหตุว่าทําไมตําหนักโทเทมยั่วยุฉินหยุน ก็เพื่อลากถ่วงเวลา พวก

เขาต้องการให้อีกฝ่ ายอยู่ที่นี่เพื่อรอให้เกาจี้หลงมาถึง!

“ฉินหยุน หงเมิ่งจูเป็ นเกาจี้หลงจับตัวมา! เขาคือคนที่ฝากรอยแผลไว้

กับหงเมิ่งจู! ได้ฟังเช่นนี้คิดอยากแก้แค้นบ้างหรือยังเล่า?” ชายชรา

เผยเรื่องราวดํามืดออก

เขาหัวเราะต่อ “ตอนนี้ ไม่เพียงแต่ไล่ล่าเจ้า ยังไล่ล่าหงเมิ่งจูด้วย! เมื่อ

ครั้งก่อนเพราะไม่มีเวลา จึงไม่อาจเปลืองมือสังหารหงเมิ่งจู ไม่เช่นนั้น

เหอะเหอะ!”

ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกเชื่องช้า หมัดขณะนี้กําไว้แน่น เสียงเย็น

เยือกกล่าวคําออก “อย่าได้เป็นห่วงไป! ข้าจะรอเกาจี้หลงที่นี่ ให้พวก

เจ้าได้เห็นว่ามันตายด้วยมือข้าอย่างไร!”

“หาญกล้าอย่างโง่เขลานัก!” ชายชราหัวเราะ

เพียงไม่นาน สายลมรุนแรงและเย็นเยือกพลันปะทะเข้ามา

ผู้คนขณะนี้มองไกลออกไป เป็นชายหล่อเหลาผมยาวบินผ่านอากาศ

ออร่าชั่วร้ายปรากฏจากร่างกายเด่นชัดขณะพุ่งเข้ามา

เกาจี้หลงมาถึงแล้ว!

เมื่อผู้อื่นได้เห็นเกาจี้หลงปรากฏ พวกเขาต่างถอนหายใจด้วยความ

โล่งอก เพราะเมื่อฉินหยุนเข้ารับมืออีกฝ่ าย พวกเขาจะปลอดภัย

ฉินหยุนมองที่ดวงตาและหน้าผากของเกาจี้หลง มันคือสถานที่คงอยู่

ของโทเทมทั้งสอง

เกาจี้หลงขณะนี้มองฉินหยุนด้วยสายตาเป็นประกายเช่นกัน ลิ้นนั้น

เลียออกเผยท่าทางการได้พบเหยื่ออันโอชะ

“สายเลือดและโทเทมของเจ้า เป็นของข้าแล้ว!” ฉินหยุนพอได้ฟังจึง

ขมวดคิ้วแค่นเสียงตอบ “เหตุใดสายเลือดและโทเทมข้าจึงเป็นของ

เจ้า?”

เกาจี้หลงแค่นเสียงเย็น “อย่างแรก เจ้าไม่คู่ควรกับสายเลือดและโทเทม

ราชสีห์สวรรค์! อันดับที่สอง เจ้าอ่อนแอ! อันดับที่สาม ตําหนักโทเทม

ต้องการถลกหนังเอาโทเทมเจ้าออกมา!”

“เป้าหมายของตําหนักโทเทมเรา คือจะไม่ปล่อยให้โทเทมลึกลับต้อง

ร่วงหล่นอยู่ในมือผู้อ่อนแออย่างเจ้า!”

ฉินหยุนขณะนี้มีโทสะ กล่าวคําออกด้วยสีหน้าเฉยชา “น่าหัวร่อ!”

“จริงด้วย หากหงเมิ่งจูยังอยู่กับเจ้า จงส่งนางมา! ข้าคิดอยากละเล่น

กับนางยิ่งนัก ให้ข้าได้เห็นใบหน้าของนางยามเจ็บปวดอีกเสียหน่อย

หญิงแกร่งเช่นนั้นพบพานได้ยากนัก ข้าคิดอยากทุบตีจนนางต้อง

ร้องออกอย่างหมูตัวเมีย!”

ใบหน้าของเกาจี้หลงเผยรอยยิ้มชั่วร้าย สีหน้าขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับ

คนโฉดชั่ว

โทสะฉินหยุนสุมแน่น นํ้าเสียงลุ่มลึกกล่าวออก “เกาจี้หลง ข้าจะให้

เจ้าต้องชดใช้ต่อความเจ็บปวดของเมิ่งจูนับร้อยเท่า!”

ชั่วขณะนี้เขาปลดปล่อยออร่าออกมา โทสะแห่งราชสีห์สวรรค์หนาแน่น

พลันกระจายทั่วสารทิศ

“ฮ่าฮ่าฮ่า อวดดีได้ก็จงทําไป!” เกาจี้หลงหัวเราะดัง ร่างกายปลดปล่อย

ออร่าชั่วร้ายเข้าปะทะออร่าราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุน

ผู้คนขณะนี้แทบกลั้นลมหายใจเร่งร้อนถอยหนี

ออร่าชั่วร้ายของเกาจี้หลงน่าสะพรึงเกินไป ราวกับมันเปี่ ยมด้วยโทสะ

และความโศกศัลย์ของวิญญาณร้าย นําพามาซึ่งกลิ่นเลือดคละคลุ้ง

เหม็นคาว

เพียงแค่ออร่า ก็ชัดเจนแล้วว่าเหนือลํ้ากว่าฉินหยุน!

ด้านนอกม่านพลัง ผู้คนของตําหนักโทเทมต่างพยักหน้าด้วยความ

ชื่นชม ความแข็งแกร่งของเกาจี้หลงหาได้ทําพวกเขาผิดหวังแต่อย่าง

ใดไม่

ฉินหยุนนํายันต์สะกดกายออกมา ทว่าที่เขาไม่คาดคิด คือเกาจี้หลง

ตอบสนองรวดเร็ว เพียงพริบตา ก็เข้ามาใกล้หลายร้อยเมตรแล้ว!

ฉินหยุนเร่งรีบควบคุมยันต์สะกดกายไล่ล่าเกาจี้หลง

“อ่อนแอ!” เกาจี้หลงที่อยู่ห่าง ผลักฝ่ ามือปลดปล่อยคลื่น ปรากฏเป็น

บอลพลังภายในสีดํา ทําลายยันต์สะกดกายจนหายวับ

เขาเตรียมป้องกันไว้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นย่อมไม่เปิ ดโอกาสให้ฉินหยุน

ได้ลงมือตามใจชอบ!

“มีฝีมือเหมือนกันนี่!” ฉินหยุนอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพกลับ

นําเอากระบี่ใหญ่สีดําออกมา เพียงพริบตา ตัวกระบี่สับฟันออก วิชา

วายุสังหารทั้งหกกระบวนท่าถูกใช้งาน

ชั่วขณะนี้กระบี่ใหญ่ฟาดลง สายฟ้าสีดํายิงออกจากตัวกระบี่ เกิดขึ้น

เป็นเสียงฟ้าคําราม สับฟันลงด้วยความเร็วที่มากขึ้นอย่างไร้ปรานี

เคร้ง!

เมื่อกระบี่ใหญ่ของฉินหยุนสับฟันลงมา มันถูกสกัดเอาไว้โดยสาม

ง่ามของเกาจี้หลง!

กระบี่ปะทะสามง่าม เกิดแรงปะทะรุนแรงกระจายพัดพา

ชิ้นส่วนบนพื้นดินปลิวกระเด็นอย่างไม่อาจรั้งไว้!

“ตาย!” เกาจี้หลงผลักฝ่ ามือออก ปลดปล่อยคลื่นพลังภายในสีดําหนา

ราวกับมันคืออสูรร้าย พลังจากฝ่ ามือแปรสภาพ เสียงรํ่าไห้ราวกับ

วิญญาณร้ายพุ่งเข้าหาฉินหยุน

ฉินหยุนเวลานี้รู้สึกราวกระบี่ใหญ่ถูกดูดเข้าหาโดยสามง่าม มันไม่

อาจชักกลับ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือก ต้องใช้ฝ่ ามือมังกรสัมบูรณ์

ปะทะออก!

ฝ่ ามือมังกรสัมบูรณ์ที่ดําสนิทแปรเปลี่ยนเป็นหัวราชสีห์คําราม โท

เทมและสายเลือดราชสีห์สวรรค์ขณะนี้ปลดปล่อยออกอย่างเต็มกําลัง!

อํานาจของฝ่ ามือมังกรสัมบูรณ์ราชสีห์สวรรค์ มันสร้างแรงกระแทก

รุนแรง ออร่าที่ปลดปล่อยออกมามากพอที่จะทําให้หัวใจผู้พบเห็น

เกิดความหวาดกลัว!

ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดดังสนั่นสองครั้ง คลื่นพลังสีดํากระจายตัวออกทั่วทิศ

ตามมาด้วยสายลมรุนแรง พัดพาสิ่งที่อยู่บนพื้นปลิวกระจาย!

ฉินหยุนและเกาจี้หลงปะทะกัน พวกเขาล้วนถูกแรงปะทะส่งร่าง

ลอยถอยกลับไปนับร้อยเมตร!

“พลังเต๋าแรกเริ่ม กายเต๋าแรกเริ่ม! พลังเต๋าแรกเริ่มระดับนี้ ไม่มีทางที่

ระดับที่สี่จะสามารถปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน! นี่มันก้าวถึงขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าแล้ว?” เลือดไหลจากมุมปากเกาจี้หลง คําเอ่ย

ออกอย่างประหลาดใจอย่างเสียมิได้

ฝูงชนที่อยู่ไกลออกไป ขณะนี้ต่างร้องออกด้วยความสะพรึงกลัว!

ระดับการฝึกฝนของฉินหยุนไม่ได้ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม

แต่เป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า!

ครั้งตําหนักจารึกเทวะทอดทิ้งฉินหยุน ก็เพราะเขาจะต้องติดอยู่ขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่สองไปตลอดกาล

แต่แล้วขณะนี้ เขาเลื่อนระดับรวดเร็ว กลับกลายเป็นขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าระดับที่ห้า!

กระทั่งผู้ฝึกตนวิญญาณยุทธ์เดี่ยว ยังเป็ นเรื่องยากที่จะสําเร็จความเร็ว

ระดับนี้! ทางด้านฉินหยุน เขาครอบครองสองแก่นเต๋าและวิญญาณ

ยุทธ์ดํา!

“หากมีปณิธาน การทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดําก็ไม่ใช่เรื่องยาก!

เมื่อผ่านมาได้ ก็จะก้าวทะยานอย่างยิ่งยวด!” ฉินหยุนกล่าวคําเสียง

เย็น ออร่าสีดําขณะนี้ปลดปล่อยออกมา มันเป็นออร่าของวิญญาณ

ยุทธ์สีดํา

พลังภายในสีดําของเกาจี้หลง หากเทียบกันแล้วมันเป็นสิ่งชั่วร้าย!

ฉินหยุนถือกระบี่ใหญ่ในมือ สีหน้าเฉยชามองที่เกาจี้หลง พลังสายเลือด

ราชสีห์สวรรค์ภายในกายของเขาขณะนี้ มันกําลังเดือดพล่านถูกส่ง

ผ่านหัวใจสู่ทั้งร่างกาย ทําการเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพอย่าง

มหาศาล!

ตั้งแต่เขายังเยาว์ เขาไม่มีพลังเพื่อปกป้องชีพจรวิญญาณเอาไว้ ผลลัพธ์

ก็คือเขาถูกนํามันออก!

แต่แล้วขณะนี้ กําลังมีคนคิดจะนําเอาสายเลือดและโทเทมไปจากเขา

และเขาก็จะไม่นิ่งเฉยปล่อยพวกมันทําจนสําเร็จได้!

ฉินหยุนครอบครองสายเลือดและโทเทมลํ้าค่า พวกมันเปรียบดั่ง

สหายที่เติบโตมาพร้อมเขา นําพาพละกําลังมาสู่ตัวเขา!

เขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากทั้งสายเลือดและ

โทเทม ได้รับพลังที่พวกมันมอบให้ ดังนั้นเขาก็ต้องปกป้องพวกมัน

เอาไว้!

“พวกเราจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน!” ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนคิดถึงความ

เชื่อมโยงระหว่างสายเลือดและโทเทมราชสีห์สวรรค์ เขาคล้ายได้ยิน

เสียงสายเลือดในกายคํารามร้อง และโทเทมในกายก็กําลังปะทุ

เกาจี้หลงหัวเราะชั่วร้าย “วิเศษนัก! เป็นกังวลอยู่เชียวว่าจะอดสนุก

เสียแล้ว! ตอนนี้ให้ข้าได้ใช้พลังโทเทมโค่นล้มเจ้าอย่างราบคาบก็

แล้วกัน!”

เกาจี้หลงเผยเสียงร้องแหลมดังเสียดฟ้าทะลวงพื้นพสุธา ทําเอาหลาย

ผู้คนเกิดความรู้สึกไม่สบายใจกันขึ้นมา!

พลังโทเทมของเขาถูกปลดปล่อยออก อสรพิษสีดําสองตัวปรากฏใน

ดวงตาทั้งสอง ที่หน้าผาก มันคือค้างคาวสีดําตัวจ้อย กําลังพ่นแก๊ส

พิษออกมาอย่างไม่หยุด!

“โทเทมค้างคาว และโทเทมอสรพิษ! ที่เขาปลดปล่อยออกมาคือ

วิญญาณโทเทม!” โมโมร้องบอก

พลังโทเทมของฉินหยุนเองก็เดือดพล่าน แขนราชสีห์สวรรค์ขณะนี้

เริ่มขยายขนาดขึ้น!

กระบี่สีดําในมือของเขากําลังสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อโดนปะทะด้วย

คลื่นพลัง!

สามง่ามในมือเกาจี้หลงคืออาวุธเต๋า เสียงกรีดร้องแหลมคมดังขึ้น

เพียงพริบตามันปรากฏด้านหลังฉินหยุน อสรพิษทั้งสองตัวพ่น

กระแสพิษเป็นพลังภายในสีดําเข้าใส่ฉินหยุนจากทางด้านหลัง!



ตอนที่ 473 ลูกศรเทพเก้าตะวัน

ฉินหยุนสัมผัสได้ว่าเกาจี้หลงเข้ามาใกล้ ดังนั้นจึงปลดปล่อยม่าน

พลังคุ้มกันตนเอง

พิษเข้าปะทะกับม่านพลังภายใน มันไม่อาจสัมผัสถึงกายฉินหยุน

“โทเทมสวะจริงด้วย!” ฉินหยุนขณะนี้หันกลับ สับฟันกระบี่ในมือ

ใส่เกาจี้หลง

ทันทีเมื่อวิชาวายุสังหารกระบวนท่าทลายภูผาถูกปลดปล่อย พื้นดิน

ปริแตกแยกออกด้วยพลังอันป่ าเถื่อนของอํานาจกระบี่!

พลังอํานาจราชสีห์สวรรค์ถูกปลดปล่อยเต็มกําลังโดยฉินหยุน! ที่น่า

สะพรึงกลัวที่สุด คือขุมพลังสุดหยั่งที่มันระเบิดออกมา!

เกาจี้หลงยังต้องแตกตื่นต่อพลังอํานาจการโจมตีนี้ จนเร่งรีบใช้สาม

ง่ามในมือเข้าขัดขวางไว้!

ตู้ม!

กระบี่ยาวปะทะสามง่าม เสียงคํารามกราดเกรี้ยวราชสีห์สวรรค์ดัง

ขึ้น พลังสั่นไหวทะลวงถึงพื้นดิน เกิดขึ้นเป็นเศษซากจากพื้นกระจาย

มือที่เกาจี้หลงใช้ถือสามง่ามเกิดอาการสั่นจากพลังสั่นไหวราชสีห์

สวรรค์ที่โหมซัดเข้าหา เกิดขึ้นเป็นรอยปริแตกเป็นเส้นหลั่งกระแส

เลือดสีดําออกมา!

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนครอบครองพลังออร่าแกร่งกล้า จิตสังหารที่แกร่ง

กล้า เขาเปรียบดั่งเทพมรณะ!

บรรดาราชันยุทธ์ที่ภายนอก ขณะนี้ล้วนแตกตื่นเมื่อได้เห็นแขนของ

เกาจี้หลงสั่นจนถึงขนาดที่ต้องหลั่งเลือดออก!

พละกําลังของฉินหยุน ชัดเจนว่าเพียงพอให้บดขยี้เกาจี้หลง!

“วิญญาณยุทธ์คู่ โทเทมคู่ กล้าดีอย่างไรมายืนหยัดตรงหน้าข้า? ช่าง

ไม่รู้จักประมาณตนเอง!” เสียงหัวเราะกราดเกี้ยวฉินหยุนระเบิดดัง

ก้องแทบจนสุดขอบฟ้า มันเปี่ ยมด้วยพลังสั่นไหวที่ชวนตื่นตะลึง

กระบี่ในมือสับฟันลงอีกครั้ง ปลดปล่อยคลื่นสายฟ้าดุดันออกอย่าง

ไร้ความปรานี!

นี่คือกระบวนท่าแสงไหลหลั่งของวิชาวายุสังหาร!

เกาจี้หลงเกิดความสะพรึง ขณะนี้คิดหลบเลี่ยง เขาไม่คิดว่าจะมีพลัง

ลึกลับปรากฏขึ้นในฉับพลัน สะกดร่างของเขาเอาไว้ ราวกับเขาต้อง

แบกรับขุนเขามหึมา ทําให้ยากต่อการขยับเคลื่อนไหว!

แคร้ก!

กระบี่ใหญ่ที่สับฟันลงมา พลังทะลักออกอย่างเห็นได้ชัด ราวกับกรง

เล็บราชสีห์ที่พร้อมบดขยี้สามง่าม!

แขนของเกาจี้หลงเกิดแผลปริแตก เลือดเนื้อสีดําไหลทะลักออกอย่าง

ชวนผู้พบเห็นตื่นตะลึง!

เมื่อผู้คนได้เห็นสามง่ามในมือเกาจี้หลงร่วงหล่นกับพื้น พวกเขา

ถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ!

กระทั่งมีวิญญาณยุทธ์และโทเทมคู่ เกาจี้หลงก็ยังไม่อาจเทียบเท่าฉิน

หยุน!

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่รับชมแต่ไกล ขณะนี้เกิดความสะพรึง

ขนลุก!

เกาจี้หลงทําให้พวกเขาตกอยู่ในความหวาดกลัวรุนแรง แต่แล้ว

ขณะนี้ อีกฝ่ ายกําลังถูกฉินหยุนบดขยี้!

ตู้ม!

ฉินหยุนผลักฝ่ ามือมังกรสัมบูรณ์ออก ปะทะเข้าที่หน้าอกของเกาจี้

หลง!

พลังฝ่ ามือเปรียบดั่งราชสีห์ที่กราดเกรี้ยว ทะลวงผ่านหัวใจของเกาจี้

หลง กระจายพลังทั่วร่างกาย ทําลายเส้นโคจร กระดูก เนื้อ และเลือด

จนแหลกสลาย!

“อ๊าก!” เกาจี้หลงขณะนี้กรีดร้องออกอย่างเจ็บปวดจนน่าสังเวช ทํา

เอาผู้พบเห็นต้องรู้สึกหนาวเย็นจนถึงกระดูกสันหลัง

“จี้หลง!” ชายชราจากตําหนักโทเทมขณะนี้เข้าโจมตีม่านพลังอย่าง

บ้าคลั่ง เสียงคํารามร้องกราดเกรี้ยวดังไม่หยุด

“วิญญาณยุทธ์อสรพิษและค้างคาวอย่างนั้นสินะ? วิญญาณยุทธ์สวะ

ที่ผู้ขัดเกลาวิญญาณของตําหนักโทเทมใส่ให้อย่างนั้นละสิ!” ฉินหยุน

หัวเราะขณะก้าวเดินเข้ามา

เกาจี้หลงล้มลงกับพื้น ทวารทั้งเจ็ดของร่างหลั่งเลือดออก ร่างกาย

กระตุกไม่หยุด ดวงตาโทเทมขณะนี้จ้องมองฉินหยุนด้วยความ

สํานึกเสียใจ

ฉินหยุนวางฝ่ ามือที่หน้าท้องเกาจี้หลง แยกเอาวิญญาณยุทธ์ออกฝ่ าย

ออกมา!

“เจ้า… แยกวิญญาณยุทธ์ข้า… อ๊าก!” เกาจี้หลงกรีดร้องทั้งหวาดกลัว

และเจ็บปวด

ฉินหยุนกล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา “อย่าได้ห่วง เจ้าจะยังมีชีวิตรอดแม้

ข้าแยกวิญญาณยุทธ์มาแล้ว! อย่างที่บอกไป ข้าต้องให้เจ้าต้องชดใช้

ต่อความเจ็บปวดของหงเมิ่งจูนับร้อยพันเท่า!”

ราชันยุทธ์ด้านนอกขณะนี้มึนงงเมื่อพบเห็น พวกเขาทราบว่าฉินหยุน

เพียงเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง!

ผู้ใดกันคาดคิด ว่าเขากระทั่งรู้ศาสตร์ของการขัดเกลาวิญญาณ สามารถ

นําเอาวิญญาณยุทธ์ผู้อื่นออกมาได้!

ผู้ขัดเกลาวิญญาณเรียกว่าหาพบพานได้ยากแล้ว!

ผู้ขัดเกลาวิญญาณที่เข้าใจวิถีจารึกแห่งเต๋า พวกเขาหาได้ยากอย่าง

เหนือลํ้าเกินจะกล่าว!

โดยเฉพาะเมื่อมันปรากฏขึ้นตรงหน้าบรรดาราชันยุทธ์ผู้มาจากแดน

วิญญาณอ้างว้าง นัยน์ตาพวกเขาเบิกกว้างขณะจับจ้องภาพที่เกิดขึ้น…

มันคือความแตกตื่นและไม่เชื่อ!

ฉินหยุนนําเอาวิญญาณยุทธ์เกาจี้หลงออกมา นํ้าเสียงเดียดฉันท์กล่าว

ออก “วิญญาณยุทธ์สวะ! ถึงกับกล้ามาลองดีต่อหน้าข้าเชียวหรือ!”

คําพอกล่าว เขาโยนวิญญาณยุทธ์เหล่านั้นให้ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ

กลืนกิน

ผู้คนจากตําหนักโทเทม ขณะนี้มองตามราวกับผู้สูญเสียญาติมิตร

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่เหนือลํ้าของตําหนักโทเทมพวกเขา ผู้กําเนิดขึ้น

พร้อมโทเทมคู่ ได้รับวิญญาณยุทธ์คู่ที่เหมาะสมกับโทเทม ขณะนี้ถูก

ฉินหยุนทําลายจนสิ้นสภาพ!

“ผู้ฝึกตนทั้งหลายในนครโบราณยุทธ์เต๋าจงฟัง ตําหนักโทเทมของข้า

จะซื้อหัวของฉินหยุนที่หนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วง!” นํ้าเสียงของผู้

อาวุโสจากตําหนักโทเทม ขณะนี้เปี่ ยมด้วยความสํานึกเสียใจ เสียง

คํารามของเขาดังแทบถึงท้องฟ้าเบื้องบน

ฉินหยุนนําเข็มพิษจํานวนหนึ่งออกมา จิ้มแทงเข้าใส่ร่างเกาจี้หลง

จากนั้นค่อยหันมองกลุ่มผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าที่อยู่ไกลออกไปและกล่าว

“รีบเข้ามา! จะอย่างไร พวกเจ้าก็เข้าเมืองแห่งนี้มาเพื่อสังหารข้าอยู่แล้ว

ต่อให้พวกเจ้าไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ ข้าจะตามหาพวกเจ้า และสังหาร

ทิ้งทีละคน!”

“อ๊าก อ๊าก อ๊าก!” เกาจี้หลงที่วิญญาณยุทธ์ถูกแยกออก กําลังกลิ้งร่าง

กับพื้นพร้อมกรีดร้อง เลือดสีดําของเขายังคงไหลหลั่งออกจากร่าง

อย่างต่อเนื่อง

ฉินหยุนที่เป็นคนลงมือทรมาน หาได้เผยความเห็นใจแม้สักนิดไม่!

ทั่วทั้งร่างกายเกาจี้หลงแปรเปลี่ยนเป็นสีดํา นี่คือการเผยออกซึ่ง

วิธีการฝึกฝนอันชั่วร้าย เขาจะต้องกลืนกินเลือดและเนื้อของมนุษย์

เข้าไปมหาศาลอย่างแน่นอน

หนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วง มันทําให้ผู้ฝึกตนหลายคนล้วนใจเต้น!

กระทั่งสํานักลึกลํ้า ก็ยังไม่มีเหรียญม่วงมากมายเพียงนั้น นี่เทียบเท่า

ได้กับความมั่งคั่งของกองกําลังระดับราชัน!

“รีบเข้าโจมตี! ต่อให้ไม่ฆ่ามัน มันก็ฆ่าพวกเจ้า! ข้าไม่คิดกลับคืนคําพูด

ได้หัวฉินหยุนเท่ากับได้หนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วง!” ดวงตาของผู้

อาวุโสตําหนักโทเทมขณะนี้แดงกํ่าด้วยโทสะ

“ฆ่า! ถ้าพวกเราฆ่าฉินหยุนตัดหัวมันมาได้ พวกเราจะได้กินเลือด

เนื้อมัน ได้รับสายเลือดราชสีห์สวรรค์!” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง

ฉับพลันร้องตะโกนพร้อมพุ่งเข้าปะทะฉินหยุน

กลุ่มคนนับพัน ขณะนี้เห็นมีคนออกนํา จึงไหลหลั่งเข้าจากทั่วสารทิศ

เข้าปิ ดล้อมฉินหยุนเอาไว้!

ชั่วขณะนี้เอง ไข่มุกสีดําจํานวนหนึ่งถูกยิงออกจากสถานที่อื่น พวก

มันเป็นกระสุนปื นใหญ่!

ตู้ม!

เชี่ยวเย่ว์หลานใช้ปื นใหญ่ราชันลึกลํ้า ยิงกว่าสิบนัดออกในคราวเดียว!

กระสุนปื นใหญ่ปะทะเข้ากับหน่วยขนาดเล็กทั่วสารทิศ ระเบิดออก

ลูกแล้วลูกเล่า เกิดขึ้นเป็นทะเลเพลิงที่ลุกโชน!

นี่คือนํ้ามันสัตว์ที่ถูกเผาไหม้!

หลังจากนํ้ามันสัตว์ที่ถูกขัดเกลาเกิดปะทุออก เปลวเพลิงแกร่งกล้า

เข้ากดดัน ปกคลุมผู้ฝึกตนในระยะ ราวกับคลื่นยักษ์ลาวาร้อนแรง

โหมซัดใส่พวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง

เพียงพริบตา รอบด้านกลับกลายเป็นทะเลเพลิง บรรดาผู้ฝึกตนที่พุ่ง

เข้ามาต่างกรีดร้องอย่างน่าสังเวช!

ฉินหยุนผ่อนคลายแต่แรก เพราะเขาทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานร่วมทาง

มา เพราะเหตุนั้นจึงวางใจ!

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ขณะนี้ร่างกายล้วนถูกปกคลุม

ด้วยเปลวเพลิง!

ร่างในชุดดําสวมใส่หน้ากาก เชี่ยวเย่ว์หลานพุ่งทะยานมา นํากระบี่

ยาวในมือออกมาสับฟัน!

นางพุ่งเข้าหากลุ่มผู้ฝึกตนที่หลบหนี วิชาวายุสังหารคํารามร้องกราด

เกรี้ยว เก็บเกี่ยวเอาหัวของผู้ฝึกตนที่คิดหลบหนีไม่ให้รอดพ้น!

ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพของฉินหยุนคํารามพร้อมพุ่งเข้าใส่ กรงเล็บ

ราชสีห์สวรรค์ขณะนี้สังหารฝูงชนได้เพียงการตะปบครั้งเดียว!

ในนครโบราณยุทธ์เต๋า ผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋ากรีดร้องออกอย่างไม่หยุด

ราวกับเสียงบรรเลงแห่งความตาย!

ขณะนี้พวกเขาค่อยตระหนักได้ ว่าการล่าค่าหัวครั้งนี้ไม่ใช่เพียง

ยากเย็น แต่ความผิดพลาดที่เข้ามา คือต้องจ่ายด้วยชีวิตของพวกเขา!

กล่าวได้ว่านครโบราณยุทธ์เต๋าคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนขอบเขต

วรยุทธ์เต๋า ขณะนี้มันกลับกลาย เป็นขุมนรกของผู้ฝึกตนขอบเขต

วรยุทธ์เต๋า!

บรรดาราชันยุทธ์ที่ภายนอกม่านพลัง ล้วนเกิดความหวาดกลัวขึ้น!

พวกเขาทราบดี ว่าหากฉินหยุนก้าวถึงขอบเขตราชันยุทธ์ในสักวัน

หนึ่ง ชะตากรรมของพวกเขาจะไม่ต่างจากขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเบื้อง

ล่างเหล่านั้น!

เกาจี้หลงยังไม่ตาย ทว่าเป็นการถูกทรมานทีละน้อยให้เจ็บปวดโดย

เข็มพิษ ใบหน้าที่แต่เดิมเคยหล่อเหลา ขณะนี้บิดเบี้ยวด้วยความ

เจ็บปวด ยิ่งทําให้เขาดูเป็นบุคคลชั่วช้าอันตรายยิ่งกว่าครั้งใด

ผู้คนของตําหนักโทเทมที่พบเห็น ล้วนเกิดโทสะขึ้นภายในใจ

ไม่เพียงแต่คนของตําหนักโทเทม แต่กระทั่งผู้คนของตระกูลสายเลือด

ชนชั้นสูง และบรรดาราชันยุทธ์จากแดนวิญญาณอ้างว้างล้วนเกิด

ความสํานึกเสียใจ!

บรรดาศิษย์ที่เหนือลํ้าของพวกเขาที่ส่งเข้าไป ต้องตายโดยที่ไม่หลง

เหลือกลับคืนมาแม้สักคน!

โดยเฉพาะจ้าวสังเวียนจากสํานักแดนวิญญาณอ้างว้าง พวกเขาล้วน

ตายด้วยกระบี่ในมือของเชี่ยวเย่ว์หลานต่อหน้าพวกเขา!

หางตาบรรดาราชันยุทธ์กระตุกขณะมองที่ฉินหยุน พวกเขาคือคน

ของแดนวิญญาณอ้างว้าง พวกเขามีตัวตนเหนือกว่า ไม่มีผู้ใดกล้า

หยามเหยียดพวกเขาเพียงนี้มาก่อน

กระนั้นที่ตรงหน้านี้ ฉินหยุนสังหารศิษย์ของพวกเขา และยังเอา

วิญญาณยุทธ์ออกจากร่าง!

“ตําหนักโทเทม ข้ายังไม่จบเรื่องกับพวกเจ้า! พวกเจ้าเกือบสังหาร

ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ของข้าจนหมดสิ้น หนี้แค้นครั้งนั้นต้องได้รับ

การชดใช้ในไม่ช้า!”

ฉินหยุนลอยขึ้นกลางอากาศ โดยมีม่านพลังขวางกั้น เขาอยู่ห่างจาก

บรรดาราชันยุทธ์เพียงไม่กี่สิบเมตร สีหน้าขณะนี้เย็นเยือกและล้น

ทะลักด้วยจิตสังหาร

“อย่าได้ยินดีไปเกินไปนัก พวกเจ้าตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเองก็

ด้วย ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดอยากกินเลือดเนื้อข้า ดังนั้นสักวันหนึ่ง ข้าจะ

ทําลายตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงในแดนอ้างว้างลึกลับของพวกเจ้า

ให้ราบคาบ!”

คํากล่าวของฉินหยุน ถึงขั้นทําให้ราชันยุทธ์เหล่านี้เกิดความหวาดกลัว

“ฉินหยุน อย่าคิดว่าอยู่ภายในแล้วพวกเราจะจับตัวเจ้าไม่ได้! เมื่อจ้าว

ตําหนักของตําหนักจารึกเทวะพวกเรามาถึง เจ้าก็ไม่มีค่าอะไรให้พูด

กล่าวแล้ว!” ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะเผยนํ้าเสียงเย็นเยือก

ฉินหยุนขณะนี้หัวเราะดัง “เมื่อใดมากันเล่า? บอกเวลามา ข้าจะได้มา

เจอหน้า! มันคือสารเลวผู้ที่ทอดทิ้งข้าใช่หรือไม่?”

“แต่เดิม ข้านับถือและเชื่อใจตําหนักจารึกเทวะ ข้ามองเป็นเสมือน

บ้าน! แต่เพียงเพื่อผลประโยชน์น้อยนิด พวกเจ้าถึงกับทอดทิ้งข้า ทั้ง

ยังเล็งเป้ากลับมาที่ข้า!”

“สวะจากตําหนักจารึกเทวะของเจ้าในนครโบราณยุทธ์เต๋าแห่งนี้

ล้วนตายหมดสิ้นแล้ว!”

ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะขณะนี้สั่นเทิ้มด้วยความโกรธแค้น

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจากตําหนักจารึกเทวะพวกเขา ล้วนเป็นอาจารย์

จารึก หลายคนเป็นผู้มีพรสวรรค์ กระนั้นกลับต้องตายในนครโบราณ

ยุทธ์เต๋า!

ความสูญเสียของพวกเขา ไม่ใช่เล็กน้อยอย่างตระกูลสายเลือดชน

ชั้นสูงหรือตําหนักโทเทม!

“ฉินหยุน ข้ารู้สึกปวดใจนักที่สถานการณ์มันดําเนินมาจนถึงขั้นนี้!”

ที่ไกลออกไป เสียงชราภาพทว่าแกร่งกล้าพลันดังก้อง ความสง่าผ่า

เผยถึงขั้นทะลวงผ่านม่านพลัง เข้าสะกดข่มฉินหยุน

ฉินหยุนเร่งรีบชักเท้ากลับ ออร่าแกร่งกล้านี้ ทัดเทียมกับอู่หมิงซวี!

ลําแสงสีทองสว่างวาบ ชายชราในชุดสีทองเรียบง่ายพร้อมหนวด

เครายาวสีขาว ขณะนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉินหยุน

“ข้าคือจ้าวตําหนักแห่งตําหนักจารึกเทวะ หานเฝิงหู่!” ผู้อาวุโส

ตรงหน้ากล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยือกขณะมองที่ฉินหยุน

ฉินหยุนกล่าวพร้อมยิ้มเหยียด “ข้าคือจ้าวนครโบราณยุทธ์เต๋า ฉิน

หยุน!”

บรรดาราชันยุทธ์เผยสีหน้าไม่ยินดี นครโบราณยุทธ์เต๋าถึงกับตกอยู่

ในมือฉินหยุนแล้วจริง!

“จ้าวนครฉิน นครโบราณยุทธ์เต๋าถือเป็นสมบัติลํ้าค่าที่ได้ประทาน

จากแดนเซียนอ้างว้างแด่ผู้ฝึกตนของแดนอ้างว้าง ข้าหวังว่าเจ้าจะ

สามารถจัดการมันได้ และให้ผู้ฝึกตนอื่นได้รับผลประโยชน์จากมัน

ด้วย!” หานเฝิงหู่เผยสีหน้าเฉยชา

“พูดจาฟังดูดีนี่!” ฉินหยุนฉับพลันหัวเราะดัง “เหมือนว่าจะมีผู้ฝึกตน

อสูรจากแดนสัตว์อสูรอ้างว้างไปแช่สระนํ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนะ!

ต้องพูดเลย ตําหนักจารึกเทวะพวกท่านช่างรู้จักวิธีการใช้นครโบราณ

ยุทธ์เต๋าค้นหาผลประโยชน์นัก เรื่องนี้ถือว่าน่ารังเกียจเกินรับได้!”

หานเฝิงหู่ยังคงเงียบ ทว่าใบหน้ากระตุก แม้เขาแข็งแกร่ง แต่ก็แค่

แข็งแกร่งในแดนยุทธ์อ้างว้าง และเขาก็ไม่มีพลังในการทําลายม่าน

พลังของนครโบราณยุทธ์เต๋า!

“ฉินหยุน เจ้าควรห่วงเรื่องประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ให้ดี! ลูกศรเทพ

กําราบเก้าตะวันจากประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ของเจ้า ขณะนี้ทั้งหมด

บินหนีหาย ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์จะสูญเสียการคุ้มกันจากค่าย

อาคมเก้าสมบูรณ์ไปตลอดกาล!” หานเฝิงหู่กล่าวเชื่องช้า

ฉินหยุนหัวใจกระตุก เขาทราบนานแล้วว่าเสาทั้งเก้าต้นมีต้นกําเนิด

อันลึกลํ้าสุดหยั่ง ขณะนี้พออีกฝ่ ายพูดถึงมัน เช่นนั้นมันต้องมีการ

บ่งชี้ถึงอะไรบางอย่างเป็นแน่!



ตอนที่ 474 ตําหนักจารึกเทวะตัดสินใจ

หานเฝิงหู่ได้เห็นสีหน้าฉินหยุนแปรเปลี่ยน เขากล่าวต่อ “ข้าไม่ได้

โกหกต่อเจ้า นี่คือความจริง! สาเหตุว่าทําไมเกิดขึ้น ตําหนักจารึกเทวะ

ของเรากําลังตรวจสอบ!”

ได้ยินคํากล่าวของหานเฝิงหู่ คนของตําหนักโทเทมจึงนําเอายันต์

สื่อสารออกมา

ฉินหยุนกําหมัดแน่น เขาไม่ทราบว่าควรทําอย่างไร เรื่องนี้ไม่ใช่

อํานาจที่มนุษย์สามารถควบคุม

“ตําหนักโทเทม สิ่งที่ทําให้พวกเจ้าสนใจประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์

อย่างยิ่งยวด ไม่ใช่ลูกศรเทพกําราบตะวันเหล่านั้นหรอกหรือ?

ขณะนี้ลูกศรเทพบินหายโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างนั้นแล้วประตูลึก

ลํ้าเก้าสมบูรณ์ควรค่าให้จัดการหรือ? พวกเจ้าจงคิดให้ดี เว่ยจงเจิ้ง

และคนของเขา ไม่ใช่ง่ายรังแกดังที่คิด!” หานเฝิงหู่กล่าวอีกครั้ง

คนของตําหนักโทเทมต่างก็คิด ว่าความสูญเสียครั้งนี้ก็ใหญ่หลวง

แล้ว หากพวกเขาต้องต่อกรกับเว่ยจงเจิ้งซึ่งหน้า ย่อมเป็นการศึกครั้ง

ยิ่งใหญ่ ถึงตอนนั้น พวกเขาจะต้องสูญเสียคนอีกมาก

ภายในนครโบราณ ตําหนักโทเทมของพวกเขาเพียงสูญเสียแค่ผู้ฝึกตน

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ยอดฝีมือของตําหนักโทเทมขณะนี้ยังล้มตายกันไม่มาก พวกเขายังมี

กําลังรุ่นใหม่ให้เหลือไว้เติบโต

แต่หากยอดฝีมือของตําหนักโทเทมมากมายต้องตาย อย่างนั้นแล้ว

สํานักที่แกร่งกล้า จะต้องกลืนกินพวกเขาเปรียบดั่งพยัคฆ์จ้องรอ

ตะครุบเหยื่อ เมื่อพบเห็นโอกาส พวกเขาย่อมต้องถูกกลืนกินจน

หมดสิ้น

หานเฝิงหู่มองที่ฉินหยุน ดวงตาทั้งสองจับจ้อง นํ้าเสียงเผยความจริงใจ

“ฉินหยุน แม้มีคนของตําหนักจารึกเทวะของพวกเราล้มตายด้วยมือ

เจ้าจํานวนมาก เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลให้ต้องหยิบยกมาพูด อย่างไรแล้ว

ก็ถือเป็นการเข้าใจผิดกันครั้งใหญ่”

เขาหยุดกล่าวไปครู่หนึ่ง หันมองทางผู้ฝึกตนเต๋าอสูร จากนั้นจึง

กล่าวต่อ “ตําหนักจารึกเทวะของเรา ไม่ได้คิดอยากเป็นศัตรูกับเจ้า

ขณะนี้ตัวข้า จ้าวตําหนัก ยอมออกหน้ามาเจรจาสันติด้วยตนเอง! ข้อ

พิพาทระหว่างเจ้าและตําหนักจารึกเทวะจะถือเป็นโมฆะต่อกัน! นับ

จากวันนี้ ตําหนักจารึกเทวะของเราจะยินดีต้อนรับเจ้าให้รับตําแหน่ง

อาจารย์จารึกอีกครั้ง!”

บรรดาผู้อาวุโสและจ้าวสํานักหลายแห่ง ได้ยินคํากล่าวของหานเฝิงหู่

พวกเขาล้วนใจกระตุก!

พวกเขาทราบชัดเจน ว่าข้อพิพาทครั้งนี้สร้างความสูญเสียแก่ตําหนัก

จารึกเทวะมากมายเพียงใด!

แต่แล้วจ้าวตําหนักบอกกล่าวด้วยตนเอง หานเฝิงหู่ถึงขั้นยอมปล่อย

วาง!

หานเฝิงหู่คือจ้าวตําหนัก คํากล่าวของเขามีนํ้าหนัก เรื่องนี้ทําฉินหยุน

ประหลาดใจไม่น้อย

ผู้คนขณะนี้ทบทวนความคิด รู้สึกว่าตัวเลือกของตําหนักจารึกเทวะ

เป็นไปอย่างช่วยไม่ได้

อย่างไรแล้ว ตําหนักจารึกเทวะมีทั่วทุกหนแห่ง หากฉินหยุนภายหน้า

แข็งแกร่ง เขาย่อมต้องเข้าทําลายตําหนักจารึกเทวะทุกสาขาในแดน

ยุทธ์อ้างว้างอย่างแน่นอน

“ฉินหยุน เจ้ายินดีรับข้อเสนอของข้าหรือไม่?” หานเฝิงหู่กล่าวถาม

ฉินหยุนชี้มือไปทางราชันยุทธ์ และผู้อาวุโสของตําหนักจารึกเทวะ

“ข้ายอมรับได้หากพวกมันตายที่นี่และเดี๋ยวนี้!”

ฝูงชนระเบิดเสียงฮือฮา พวกเขาพบว่าเรื่องราวใหญ่โตเกินคาดคิด!

หางเฝิงหู่เป็นจ้าวตําหนักของตําหนักจารึกเทวะ เขาจะลงมือสังหาร

ผู้ใต้บัญชาตัวเองหรือ?

นอกจากนี้ พวกเขายังเป็นราชันยุทธ์ และยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์

ลึกลํ้า พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นอาจารย์จารึกที่แกร่งกล้า

บรรดาผู้อาวุโสที่ถูกฉินหยุนชี้หน้า ล้วนมองมาด้วยความเหยียดหยัน

“ได้!” หานเฝิงหู่กล่าวคําจบ ดาบยาวปรากฏในมือ สับฟันออกนับ

พันครั้งพร้อมเสียง ‘ฉัวะ’ ดังแทบนับไม่ถ้วน

เพียงพริบตา ร่างชายชราเหล่านั้นแหลกสลายกลายเป็นละอองเลือด!

ตู้ม!

หานเฝิงหู่ยื่นฝ่ ามือออก ส่งคลื่นเปลวเพลิงก้อนใหญ่ เผาเศษซาก

เหล่านั้นให้กลายเป็นธุลี!

ฉินหยุนพอได้เห็น ใบหน้าเขาถึงกับเผยความตื่นตระหนก!

ภายในใจ เขากลัวคนเช่นหานเฝิงหู่ คนที่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ถือ

ว่าน่าสะพรึงยิ่ง!

ผู้อื่นล้วนแตกตื่นเช่นกัน ต่างคิดกันว่าสมองของหานเฝิงหู่มีปัญหา

แล้ว!

“ตอนนี้ถือว่าตกลงกันแล้ว! นับจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างตําหนัก

จารึกเทวะและเจ้าจะไม่ใช่ความเป็นปฏิปักษ์อีกต่อไป!” หานเฝิงหู่

กล่าวเย็นเยือก

สาเหตุว่าทําไมเขาจึงทําเช่นนี้ ก็เพื่อปกป้องตําหนักจารึกเทวะใน

แดนยุทธ์อ้างว้าง หากตําหนักจารึกเทวะถูกล่าล้างบางในภายหน้า

เขาต้องรับผิดชอบความเสียหายครั้งใหญ่หลวง

เขาราวกับทราบแน่แก่ใจ ว่าฉินหยุนสามารถทําได้!

คนจากตําหนักโทเทม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง และจากแดน

วิญญาณอ้างว้าง ไม่ได้ขอสันติจากฉินหยุน

เพราะพวกเขาไม่เหมือนอย่างตําหนักจารึกเทวะ พวกเขามีกําลัง

กระจายทั่วทุกหนแห่ง

ฉินหยุนสูดลมหายใจเบา “ตกลง! ข้าหวังว่าคนจากตําหนักจารึกเทวะ

ของท่านจะไม่สร้างปัญหาแก่ข้าในภายหน้า ไม่เช่นนั้นพวกเราจะ

กลับกลายเป็นศัตรูต่อกันอีก!”

ราชันยุทธ์วัยกลางคนร้องโพล่งขึ้น “จ้าวตําหนักหาน แล้วนครโบราณ

ยุทธ์เต๋าเล่า? ท่านไม่คิดทวงกลับคืนหรือ? นี่ถือเป็นทรัพยากรของ

แดนยุทธ์อ้างว้าง เป็นแดนเซียนอ้างว้างประทานให้พวกเรา จะปล่อย

ให้ตกอยู่ในมือฉินหยุนหรือ?”

ฉินหยุนทราบในพริบตา ว่าผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าของตระกูล

สายเลือดชนชั้นสูง คงมาที่นี่บ่อยครั้งเพื่อฝึกฝนเป็นการลับ

คนของตําหนักจารึกเทวะและสํานักอื่น ขณะนี้ร่วมมือกัน คิดอยาก

ทวงคืนนครโบราณ

หานเฝิงหู่กล่าว “หากมีความสามารถ จงนํามันกลับมาด้วยตนเอง

ตําหนักจารึกเทวะของเราไม่ได้ข้องเกี่ยวกับมันอีกแล้ว!”

ราชันยุทธ์จากสํานักในแดนวิญญาณอ้างว้างแค่นเสียง “ในเมื่อเจ้า

กล่าวเช่นนั้น นครโบราณยุทธ์เต๋าก็ถือเป็นของพวกเรา พวกเราจะนํา

มันกลับ!”

หานเฝิงหู่กล่าวตอบ “มีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้ามากมายเพียงใด

จงส่งเข้าไป ตําหนักจารึกเทวะของข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว!”

“ช่างขลาดเขลานัก! พวกเราย่อมไม่ปล่อยไอ้สารเลวฉินหยุนนี่ไป

อย่างแน่นอน!” ชายชราจากตําหนักโทเทมคํารามกราดเกรี้ยว

“สุนัขเฒ่า จงเงียบปากเจ้าเสีย!” สีหน้าฉินหยุนเย็นเยือกขณะกล่าว

ด้วยความสุขุม

“ไอ้หนู สุนัขเป็ นเจ้า ข้าจะขุดรากถอนโคนยันบรรพบุรุษเจ้า!” ราชัน

ยุทธ์ตําหนักโทเทมหัวเราะพร้อมสาปแช่งด้วยความสถุล

ราชันยุทธ์ เพื่อระบายความโกรธ ถึงขั้นยอมปล่อยวาจาเสื่อมเสีย

ออกมาเช่นนี้!

“ฮ่าฮ่าฮ่า อยากต่อว่าข้าจงทําไป เจ้าจะทําอะไรข้าได้? มีความกล้า

ออกมาปะทะกับข้าหรือไม่?” ราชันยุทธ์ตําหนักโทเทมหัวเราะดัง

ออกมา “หากไม่อาจออกมา เจ้าก็เท่ากับต้องติดอยู่ในนครโบราณนั่น

ตลอดชั่วชีวิต!”

“เมื่อใดเจ้าออกมา คิดหรือจัดการข้าได้? ข้าคือราชันยุทธ์ เพียงนิ้ว

เดียวก็บดขยี้เจ้าได้แล้ว!”

ผู้คนขณะนี้มองราชันยุทธ์ตําหนักโทเทมที่ด่าทอฉินหยุน แม้พวก

เขาไม่ร่วมวง อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่าเรื่องราวที่รับชมชวนตื่นเต้น

“ฉินหยุน หงเมิ่งจูกับเฟิ งหงหลันเป็นผู้หญิงของเจ้าใช่หรือไม่? ทาง

ที่ดีอย่าได้ให้ข้าจับพวกนางได้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะให้ศิษย์จากทั้งตําหนัก

โทเทมรุมโทรมนางแพศยาสองตัวนั่น ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ราชันยุทธ์ตําหนักโทเทม ถึงขั้นเผยความยินดีเมื่อได้เห็นสีหน้ากราด

เกรี้ยวของฉินหยุน ถ้อยคํายั่วยุต่อฉินหยุนยังปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง

หานเฝิงหู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าราชันยุทธ์จะกล้าตํ่าทรามได้

เพียงนี้ นี่ถือเป็นการหยามเกียรติผู้ฝึกตนที่ระดับทัดเทียมกันด้วย

“โอ้ โอ้ โอ้ คิดอยากใช้พลังราชสีห์สวรรค์จัดการข้าหรือ? น่าเสียดาย

หน่อยนะ ที่เจ้าออกมาไม่ได้!”

“จริงด้วย เฟิ งหงหลันเป็ นเจ้ารักษาใช่หรือไม่? ข้าคือคนที่มอบพิษ

นั้นแก่นางเอง ไว้ครั้งหน้าจับตัวนางได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้นางได้รอด

ชีวิตนานนัก!” เมื่อราชันยุทธ์ผู้นี้เห็นดวงตาฉินหยุนเผยความดํามืด

เขายิ่งเกิดความยินดี

ผู้คนที่พบเห็น กล้าบอกกล่าวว่าโทสะฉินหยุนแทบปะทุออกแล้ว!

“ยังจดจําผู้ขัดเกลาวิญญาณของเจ้าได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอื้อนเอ่ย

เชื่องช้า

ได้ยินการกล่าวถึงผู้ขัดเกลาวิญญาณ ราชันยุทธ์ตําหนักโทเทมถึงกับ

เผยสีหน้าดํามืด!

ความสูญเสียผู้ขัดเกลาวิญญาณของพวกเขา เป็ นเว่ยจงเจิ้งลงมือ!

“ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ของเจ้า!”

“ในเมื่อสังหารผู้ขัดเกลาวิญญาณเพียงหนึ่งเดียวของพวกเรา หนี้แค้น

ครั้งนี้ย่อมต้องทวงถาม!” ราชันยุทธ์ตรงหน้าเผยโทสะ

เรื่องราวนี้ตําหนักโทเทมเก็บงําเป็นความลับมาโดยตลอด ขณะนี้

ผู้คนได้ทราบ พวกเขาเผยความแตกตื่นกันถึงขีดสุด

ผู้ขัดเกลาวิญญาณถือเป็นตัวตนลํ้าค่า ความจริงที่ตําหนักโทเทม

ครอบครองผู้ขัดเกลาวิญญาณ ก็ทําให้หลายสํานักต้องริษยา โชคดีที่

อีกฝ่ ายถูกสังหาร ไม่เช่นนั้นสํานักอื่นคงได้แต่ริษยากันต่อไปแล้ว

“ข้าคือผู้สังหารมันเอง!” กล่าวคําจบ ฉินหยุนคํารามพร้อมนําเอาแส้

ยาวปรากฏในมือ

แส้นี้ยาวกว่ายี่สิบเมตร ฉินหยุนเหวี่ยงออกเต็มกําลัง ทะลุทะลวงผ่าน

ม่านพลังออก!

แส้ยาวรัดพันรอบกายราชันยุทธ์ตําหนักโทเทม ร่างนั้นถูกลากเข้าหา

ฉินหยุน!

บรรดาราชันยุทธ์ตระหนก พวกเขาขณะนี้บินออกห่างไปหลายพัน

เมตร เว้นระยะจากฉินหยุนเป็ นการเร่งรีบ!

กระทั่งหานเฝิงหู่ยังต้องหนีไกลด้วยความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจ!

พวกเขาไม่คิด ว่าฉินหยุนจะสามารถลากร่างผู้คนด้านนอกเข้าปะทะ

กับม่านพลัง พลังเช่นนี้ถือว่าแปลกเกินไปแล้ว!

ฉินหยุนใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง ผสานความสามารถเทวะ

เข้ากับแส้ ทําให้มันทะลวงออก เข้าเกาะกุมราชันยุทธ์ตําหนักโทเทม

เอาไว้ได้

จากนั้น เขาจึงส่งถ่ายพลังของความสามารถเทวะทะลุทะลวงสู่ร่าง

ราชันยุทธ์ จากนั้นค่อยดึงอีกฝ่ ายเข้ามา

การทําเช่นนี้ ฉินหยุนสูญเสียพลังไม่ใช่น้อย สีหน้าของเขาซีดเผือด

จนถึงกับต้องกลับลงที่พื้น

ราชันยุทธ์ตําหนักโทเทมที่ถูกลากเข้าสู่นครโบราณ เวลานี้กําลังถูก

ฤทธิ์ของค่ายอาคมกําราบพลัง ทําให้ต้องร้องออกด้วยความเจ็บปวด

“เฒ่าสารเลว กล้าต่อว่าข้าหรือ อย่างนั้นเจ้าก็ต้องชดใช้!” ฉินหยุน

ร่อนลงที่พื้นขณะหอบหายใจ ทําการดูดกลืนพลังเก้าตะวันอย่าง

รวดเร็ว พลังที่ใช้ไปเมื่อครู่ ขณะนี้ฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว!

ราชันยุทธ์ผู้นั้นขณะนี้ดิ้นรน คํารามร้องออกราวบ้าคลั่ง พลังต่อต้าน

ของนครโบราณยุทธ์เต๋า มีเอาไว้เพื่อกําราบผู้ฝึกตนเหนือกว่าขอบเขต

วรยุทธ์เต๋า ให้พวกเขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดเหลือแสน!

นี่เป็นเหตุผล ว่าทําไมราชันยุทธ์ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้านครโบราณ

กลุ่มคนบนฟ้าสูง ขณะนี้มองราชันยุทธ์เบื้องล่างที่มีสภาพชวนสังเวช

พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจากใจ

แม้พวกเขาไม่ทราบว่าฉินหยุนลากอีกฝ่ ายเข้าไปได้อย่างไร แต่เพียง

แค่คิดก็ชวนขนลุกแล้ว

หากพวกเขาถูกลากเข้านครโบราณ สุดท้ายต้องมีสภาพไม่ต่างอะไร

กับอีกฝ่ ายที่เห็นในขณะนี้!

ฉินหยุนทะยานร่างเข้าหา นําเอาแก่นเต๋าและวิญญาณยุทธ์ออกจาก

ร่างของราชันยุทธ์!

วิญญาณยุทธ์ดาบอัคคีทองม่วง แม้แก่นเต๋าไม่ใหญ่ แต่อย่างไรแล้วก็

เปี่ ยมด้วยพลังของราชันยุทธ์!

กระทั่งราชันยุทธ์ที่ลอยตัวสูงบนฟ้า พวกเขายังรู้สึกหวาดกลัวยาม

เมื่อมองแก่นเต๋าในมือของฉินหยุน!

หากแก่นนั่นระเบิด มันเพียงพอทําให้สังหารพวกเขาได้หมดสิ้น!

บรรดาราชันยุทธ์ขณะนี้กระจายตัว พวกเขาเป็นกังวลว่าฉินหยุนจะ

โยนแก่นนั่นออกมานอกค่ายอาคม

“ต้องลงมือแล้ว สังหารฉินหยุนและทวงนครโบราณกลับคืนมา!”

ราชันยุทธ์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง หันไปบอกกล่าวกับผู้อาวุโส

สํานักของแดนวิญญาณอ้างว้าง

พวกเขาพยักหน้ารับ จากนั้นจึงร่อนลงตํ่าที่ด้านนอก อุปกรณ์

วิญญาณมิติเก็บของถูกใช้งาน หุ่นเชิดจํานวนมากปรากฏ!

หุ่นเชิดเหล่านี้บางตัวก็ดูคล้ายมนุษย์ ขณะที่บางตัวก็สร้างขึ้นจาก

เหล็กกล้าสีดํา พวกมันเป็นหุ่นเชิดที่มีทั้งมนุษย์และสัตว์ปะปนกัน

หุ่นเชิดหลายร้อยตัวก้าวเดินด้วยฝี เท้าหนักอึ้งดังก้อง พวกมันกรีธา

ทัพเข้านครโบราณอย่างผ่าเผย

พวกเขาคิดปลดปล่อยหุ่นเชิดเหล่านี้เข้าเมืองนานแล้ว ทว่าพวกเขา

ต้องการให้ฉินหยุนได้ใจไปสักพักก่อนค่อยลงมือ

ฉินหยุนนําแก่นเต๋าราชันยุทธ์ออกมา ขณะคิดโยนมันออก เขาได้ยิน

เสียงของเชี่ยวเย่ว์หลานดังขึ้นผ่านการสื่อสารทางจิต

“เสี่ยวหยุน ให้ข้ารับมือหุ่นเชิดนับร้อยเหล่านั้นเอง อย่าได้สิ้นเปลือง

แก่นเต๋าราชันยุทธ์!” เชี่ยวเย่ว์หลานปรากฏตัวด้วยสภาพร่างโปร่ง

แสงขณะยืนข้างกายฉินหยุน


ตอนที่ 475 มังกรคลั่งใต้พิภพ

เชี่ยวเย่ว์หลานยังคงส่งเสียงสื่อสารบอกฉินหยุน “พี่จิ้งเคยพูดเอาไว้

ว่าราชันยุทธ์แดนวิญญาณอ้างว้างแต่ละคน ล้วนมีหุ่นเชิดในครอบครอง

นับร้อยตัว! ตอนนี้พวกมันปลดปล่อยออกมามากกว่าสิบในคราว

เดียว ชัดเจนว่ากําลังล่อลวงให้เจ้าใช้แก่นเต๋า จากนั้นค่อยปล่อยหุ่น

เชิดเข้ามาเพิ่ม!”

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ จึงได้เข้าใจว่าเหตุใดราชันยุทธ์เหล่านี้ส่งหุ่นเชิดเข้า

เมือง เพราะทราบว่าแก่นเต๋าราชันยุทธ์ในมือเขาทรงอํานาจเพียงใด

ขณะนี้เขาเรียกราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพกลับมา เพื่อร่วมต่อสู้กับเชี่ยว

เย่ว์หลาน!

“เย่ว์หลาน ใช้พลังจิตโจมตีพวกหุ่นเชิด!” เขาเคยขัดเกลาหุ่นเชิดมา

ก่อน ดังนั้นจึงทราบจุดอ่อนพวกมันเป็นอย่างดี

เชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองวิญญาณยุทธ์พลังจิตสีดํา พลังจิตของนาง

แข็งแกร่ง

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

กลุ่มหุ่นเชิดกระทืบเท้ารุนแรงหนักหน่วงพุ่งเข้าหาฉินหยุน ความเร็ว

ไม่มาก แต่ชัดเจนว่าคิดบั่นทอนกําลังและกดดันให้ฉินหยุนต้องใช้

แก่นเต๋าเป็นอันดับแรก

บรรดาราชันยุทธ์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง ล้วนเผยสีหน้าเปี่ ยมด้วย

ความมั่นใจ พวกเขาเผยรอยยิ้มขณะควบคุมหุ่นเชิดอย่างไม่หวั่นเกรง

ต่อสิ่งใดอีก

โฮก! โฮก! โฮก!

หุ่นเชิดตรงหน้า ขณะนี้คํารามร้องเหมือนดังสัตว์พร้อมพุ่งเข้าใส่ฉิน

หยุน

เชี่ยวเย่ว์หลานฉับพลันเตะร่างราชันยุทธ์ตําหนักโทเทมเข้าหาฝูงหุ่น

เชิด!

หุ่นเชิดเหล่านั้นเร่งรีบกวัดแกว่งอาวุธ สับฟันใส่ราชันยุทธ์ผู้นั้น

อย่างโหดเหี้ยม

ภายนอกค่ายอาคม คนของตําหนักโทเทมเริ่มมีโทสะ ที่เห็นตรงหน้า

คือราชันยุทธ์สถานะสูงส่งของตําหนักโทเทม กระนั้นเวลานี้กําลัง

ถูกรุมทึ้งโดยฝูงหุ่นเชิด!

ราชันยุทธ์ที่ควบคุมหุ่นเชิดเหล่านั้นกลายเป็นร่างกายแข็งทื่อ พวก

เขาไม่คิด ว่าร่างของราชันยุทธ์ผู้นั้นฉับพลันจะโดนส่งกระเด็นมา

เช่นนี้!

“พวกเจ้า… หยุดมือ!” คนของตําหนักโทเทมคํารามร้องกราดเกรี้ยว

ใส่ราชันยุทธ์ตรงหน้า

“พวกเจ้าน่าจะทราบดีกว่าพวกข้า ราชันยุทธ์ผู้นี้ไม่มีทางรอดชีวิต

แล้ว! ช่วยเขาจบชีวิตอันแสนอนาถนั่นโดยเร็วถือเป็นดีที่สุด!” ชาย

ชราจากแดนวิญญาณอ้างว้างเร่งรีบกล่าวตอบ

คนของตําหนักโทเทมทราบ ว่าราชันยุทธ์ของพวกตนไม่อาจรอด

ชีวิตได้อีกนานนัก กระนั้น มันกลับไม่ใช่ฉินหยุนที่ลงมือปลิดชีพ

ราชันยุทธ์ของตําหนักโทเทม แต่ดันเป็นฝูงหุ่นเชิด!

อย่างไรแล้ว เขาก็คือราชันยุทธ์ ร่างกายย่อมแข็งแกร่ง หากต้องโดน

ฝูงหุ่นเชิดสับฟัน ก็ต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะตาย!

คนของตําหนักโทเทมเร่งรีบพุ่งเข้าหาคนของแดนวิญญาณอ้างว้าง

ถ้อยคําสบถก่นด่าดังออก ราชันยุทธ์ของพวกเขาขณะนี้กําลังถูกสับ

ฟันโดยหุ่นเชิดอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาไม่ยินดี

ผู้คนของแดนวิญญาณอ้างว้างหาได้หวั่นเกรงตําหนักโทเทมไม่ พวก

เขามีราชันยุทธ์อยู่ข้างกายจํานวนมาก หากร่วมมือกัน กระทั่งตระกูล

สายเลือดชนชั้นสูงก็ไม่มีอะไรให้ต้องหวั่นเกรง

เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าฉินหยุนไม่คิดโยนแก่นเต๋าออกมา นี่ยิ่งทําให้

พวกเขาเกิดความหนักอึ้งภายใน

หากฉินหยุนไม่โยนแก่นเต๋าราชันยุทธ์ พวกเขาก็ไม่กล้าส่งหุ่นเชิด

เข้าไปมาก

หุ่นเชิดที่โหดเหี้ยมดุดัน ฉับพลันร่างกายชะงักยามเมื่อพุ่งเข้าใกล้ถึง

ตัวฉินหยุน ราวกับพวกมันถูกตรึงร่างเอาไว้!

เป็นเชี่ยวเย่ว์หลานที่ใช้งานเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหารเข้าโจมตี

พวกหุ่นเชิด!

เรื่องนี้ทําเอาหลายคนประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่คล้ายเห็นว่าฉิน

หยุนใช้งานยันต์สะกดกาย

ฉินหยุนเพียงนั่งที่พื้น หลับตา และพักผ่อน

ผู้คนต่างนึกย้อนได้ ว่ามีคนหนึ่งที่สวมชุดดําลึกลับและแข็งแกร่ง อีก

ฝ่ ายคือผู้ที่สังหารผู้ฝึกตนไปจํานวนมาก!

เชี่ยวเย่ว์หลานปรากฏตัว นางยังคงสวมใส่ชุดสีดํา สวมใส่หน้ากาก

และถือกระบี่คมกริบเอาไว้ในมือ ขณะนี้เร่งรีบพุ่งเข้าหาฝูงหุ่นเชิด

กวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือ สับฟันหุ่นเชิดเหล่านั้นออกเป็นชิ้น!

หุ่นเชิดเหล่านี้ พละกําลังทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ขัด

เกลาขึ้นจากวัสดุที่ไม่แย่ กระนั้นตอนนี้ กลับถูกทําลายง่ายดาย

เกินไปแล้ว!

“ต้องเป็นยันต์สะกดกายแน่! ไม่นึกเลยว่าฉินหยุนจะครอบครอง

ยันต์สะกดกายมากมายเพียงนี้!” ชายชราจากแดนวิญญาณอ้างว้าง

คําราม “พวกเราต้องให้หุ่นเชิดกระจายตัวกันมากกว่านี้ เช่นนั้นคน

ชุดดํานั่นจะรับมือได้ไม่ทัน!”

“ได้ พวกเราควบคุมหุ่นเชิดส่งเข้าไปเพิ่ม! ต้องสังหารฉินหยุนและผู้

ร่วมมือของมัน เมื่อนั้นพวกเราจะได้ควบคุมนครโบราณยุทธ์เต๋า!”

“สระนํ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามของนครโบราณยุทธ์เต๋า มันสามารถช่วย

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าก้าวหน้าทะยานฟ้า ได้ยินว่าหากผู้ฝึกตนวรยุทธ์

เต๋าได้แช่กายในสระนํ้าต่อเนื่อง พวกเขาจะสามารถเลื่อนได้หลาย

ระดับในเวลาห้าปี !”

เดิมภารกิจหลักของกลุ่มคนจากแดนวิญญาณอ้างว้าง มาก็เพื่อเข้าสู่

สวนโบราณ และสืบหาเรื่องราวของสุสานเซียน

ขณะนี้ได้พบเห็นตําหนักจารึกเทวะยอมปล่อยมือจากนครโบราณ

ยุทธ์เต๋า พวกเขาตัดสินใจร่วมมือกันชั่วคราว คิดแย่งชิงนครโบราณ

ยุทธ์เต๋าแล้วค่อยแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน

ถัดจากนั้น ราชันยุทธ์ผู้มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง จึงปล่อยหุ่นเชิด

ออกไปเพิ่มอีกฝูง ขณะนี้มีจํานวนนับพัน!

ด้วยหุ่นเชิดมากมายเพียงนี้ กระทั่งตําหนักโทเทมและตระกูลสายเลือด

ชนชั้นสูง ยังต้องเกิดความตื่นตะลึง!

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ คือหุ่นเชิดเหล่านี้มีพลังทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าระดับที่เก้า

หากเป็นผู้ฝึกตนระดับที่เก้าทั่วไป ย่อมไม่มีทางจัดการหุ่นเชิดเหล่านี้

ได้!

ฉินหยุนเบิกตากว้าง มองที่กองกําลังหุ่นเชิดนับพันกรีธาทัพเข้าใน

เมือง สีหน้าเผยความเคร่งเครียด

“เย่ว์หลาน พวกเราควรถอยหรือไม่?” ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารไป

สอบถาม

“ข้ารับมือได้ นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ล้างบางหุ่นเชิดพวกนี้! หาก

พวกเราปล่อยให้พวกมันกระจายตัวไปทั่วเมือง กว่าจะหาตัวและ

กําจัดได้ครบถ้วนจะเป็ นเรื่องยาก” เชี่ยวเย่ว์หลานไม่เผยความกลัว

แม้สักนิด

เมื่อเข้าเมืองมาแล้ว หุ่นเชิดจึงกระจายตัวกันตามลําดับ เพื่อหลบเลี่ยง

การโจมตีของยันต์สะกดกาย

ฉินหยุนยังสั่งให้ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพทําการโจมตีหุ่นเชิดเหล่านั้น

ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ เป็นตัวตนที่ยากตายตก หากบาดเจ็บสาหัส

มันก็แค่กลับสู่ปรโลกในทันทีเพื่อพักฟื้นพลัง

ดังนั้นแล้ว ในการต่อสู้นี้ เขาจึงไม่จําเป็นต้องเก็บออมกําลัง โจมตี

ออกด้วยทุกสิ่งที่มีคือตัวเลือกที่ดีที่สุด

ด้านหลังเชี่ยวเย่ว์หลาน พลังภายในสีดําพลันระเบิดและกระจายออก

ควบแน่นเกิดขึ้นเป็นวังวนกลางอากาศ!

ฉินหยุนเมื่อเห็นวังวนก่อตัว เขาเกิดความตระหนก เชี่ยวเย่ว์หลาน

กําลังอัญเชิญสัตว์ร้ายใต้พิภพ!

โฮก!

เสียงมังกรคํารามดังออก จากวังวนสีดํากลางอากาศ มังกรคลั่งร่างสี

ดําพลันทะยานกายออกมา

มังกรตัวนี้ความยาวนับร้อยเมตร ทั้งร่างเป็นสีดําสนิท ออร่าที่

ปลดปล่อยออกมาก็เป็นสีดํา

“มังกรใต้พิภพ? คนชุดดํานั่นมันอะไรกันแน่? ถึงขั้นอัญเชิญมังกร

เช่นนี้ออกมาได้!”

“มังกรนั่นไม่อ่อนแอ ราชสีห์สวรรค์นั่นก็เช่นกัน!”

“สงสัยนักว่าหุ่นเชิดพวกนั้นจะรับมืออย่างไร!”

ทันทีเมื่อมังกรใต้พิภพปรากฏตัว มันพุ่งทะยานเข้าหาฝูงหุ่นเชิด ทํา

การพ่นพลังสีดําออก หางขนาดใหญ่ตวัดบ้าคลั่ง กวาดหุ่นเชิดตาม

รายทางจนกระจัดกระจาย!

ได้เห็นภาพเช่นนี้ ผู้อื่นล้วนหัวใจเต้นผิดจังหวะ พวกเขาไม่คิด ว่าจะ

มีผู้ฝึกตนแกร่งกล้าชวนสะพรึงขนาดนี้อยู่ข้างกายฉินหยุน!

กระทั่งว่าเกาจี้หลงจัดการฉินหยุนได้ ก็คงต้องถูกสังหารโดยคนชุด

ดําตรงหน้าแล้ว!

มังกรของเชี่ยวเย่ว์หลาน ราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุน ขณะนี้เผย

อํานาจการต่อสู้ทรงพลัง พวกมันหาได้หวั่นเกรงความตาย บุกโหม

เข้าโจมตีฝูงหุ่นเชิดด้วยสภาพคลุ้มคลั่ง

เชี่ยวเย่ว์หลานไม่เข้าร่วมการศึก เพราะหุ่นเชิดมีมากเกินไป นางเป็น

กังวลว่าจะมีหุ่นเชิดตัวใดอาศัยช่วงโกลาหลโจมตีฉินหยุน!

กระนั้น นางก็ยังสามารถใช้กระบี่บินเข้าสับฟันร่างหุ่นเชิด นี่คือ

เคล็ดวิชาเทวะควบคุมที่สร้างความประทับใจแก่ผู้คนเสมอมา!

ภายในนครโบราณยุทธ์เต๋า มังกรคําราม ราชสีห์คําราม สองเสียงดัง

ต่อเนื่อง ฝุ่นดินฟุ้งตลบ สายฟ้าวูบวาบไม่หยุด ฟ้าคํารามดังแทบทํา

พื้นดินสะเทือน ภูเขาถึงกับสั่นไหว พื้นดินเริ่มเกิดรอยปริแตก!

มังกรและราชสีห์สวรรค์ที่มีโทสะ ขณะนี้ไล่ล้างสังหารหุ่นเชิดอย่าง

บ้าคลั่ง ราวกับการสังหารหุ่นเชิดเหล่านั้นหาได้ใช่เรื่องยากเย็นใด

ไม่!

คณะราชันยุทธ์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง เดิมที่เผยสีหน้าอหังการ

พวกเขาคิดว่าอย่างไรแล้วก็ต้องชนะเมื่อครู่นี้

ขณะนี้กลับต้องคํารามร้อง หัวใจถึงกับต้องหลั่งเลือดด้วยความโศก

และกราดเกรี้ยว!

หุ่นเชิดขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าเหล่านั้นลํ้าค่า ขณะนี้พวกมัน

ล้วนถูกล้างบางสังหาร!

ฉินหยุนคาดเดา ว่าหุ่นเชิดเหล่านี้ต้องคิดเอาไปใช้ที่สวนโบราณ

หากต้องการเข้าสวนโบราณ ก็ต้องมีระดับพลังไม่เกินกว่าขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม

กระนั้นหุ่นเชิดไม่มีข้อจํากัด หากนําหุ่นเชิดทรงพลังเก็บในมิติเก็บ

ของ พวกมันจะสามารถทํางานสองเท่าด้วยแรงเพียงครึ่ง ลงมือก่อ

การไปทั่วสวนโบราณ

ฉินหยุนฉับพลันนึกถึงเจียงต้าจู อีกฝ่ ายก็เป็นหุ่นเชิดมนุษย์ขอบเขต

ราชันยุทธ์!

“เสี่ยวหยุน หุ่นเชิดเหล่านี้มีไข่มุกผนึกวิญญาณ!” เชี่ยวเย่ว์หลานเดิน

เข้ามา ตรวจสอบหุ่นเชิดเหล่านั้น มือทะลวงเข้าในตัวพวกมัน คว้า

เอาไข่มุกผนึกวิญญาณออกมา

“ช่วยข้ารวบรวมพวกมัน!” ฉินหยุนฟื้นฟูได้มากแล้ว เขาจึงเร่งรีบ

เก็บรวบรวมไข่มุกผนึกวิญญาณ

เหล่านั้นคือวิญญาณยุทธ์ดาบนับพัน ถือเป็นส่วนลํ้าค่าที่สุดของหุ่น

เชิด!

“วิญญาณยุทธ์สวะระดับทองทั้งสิ้น!” ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปาก สายตา

หันมองทางราชันยุทธ์แดนวิญญาณอ้างว้างที่ด้านนอกม่านพลัง เขา

เอ่ยถาม “ไม่มีหุ่นเชิดที่ดีกว่านี้หรือ? มันจะดีกว่านี้หากส่งตัวที่มี

วิญญาณยุทธ์ทองม่วงเข้ามา! อย่าได้ให้พวกเราต้องมาเก็บขยะเช่นนี้

แล้ว!”

ผู้คนจากแดนวิญญาณอ้างว้างล้วนมีโทสะ หุ่นเชิดนับพันเหล่านั้น

ไม่ใช่ของพวกเขา แต่เป็นทรัพยากรของสํานัก พวกเขายามกลับไป

ต้องส่งมอบพวกมันคืนแก่สํานัก!

แต่แล้วตอนนี้ พวกมันถูกทําลายเป็นเศษซาก ทั้งยังถูกเรียกหาเป็น

ขยะ!

เมื่อพวกเขากลับไป คงได้แต่ต้องใช้ความมั่งคั่งที่มีจ่ายหนี้สาหัสครั้ง

นี้แทนแล้ว!

หานเฝิงหู่แห่งตําหนักจารึกเทวะถอนหายใจ “ผู้ที่สูญเสียหนักหนา

หาได้ใช่ตําหนักจารึกเทวะ จริงหรือไม่?”

หลายกองกําลังล้วนสูญเสียมากน้อยไม่เท่ากัน แต่ที่สูญเสียมากที่สุด

หากพิจารณาให้ดีแล้ว ก็ยังเป็นตําหนักโทเทม เพราะพวกเขาถึงขั้น

สูญเสียราชันยุทธ์!

อย่างน้อยกองกําลังพวกเขา ก็ยังไม่เสียราชันยุทธ์แม้สักคน!

“ฉินหยุน เจ้าต้องตายอย่างน่าสังเวช!” ราชันยุทธ์แดนวิญญาณอ้างว้าง

ตะโกนด้วยดวงตาแดงกํ่า

“เจ้ายั่วยุพวกเราได้ดีนัก ข้าย่อมสับฟันเจ้าออกเป็นพันชิ้น!”

“เมื่อใดจับตัวเจ้าได้ เมื่อนั้นจะควักดวงตาเจ้าออก ควักหัวใจออกมา

แล้วค่อยดึงเส้นเอ็นทั้งร่างออกมาเล่น!”

ฉินหยุนขณะฟังคําก่นด่า เขาหาวพลางหยิบไข่มุกผนึกวิญญาณออก

จากร่างหุ่นเชิด

หางเฝิงหู่กล่าวขึ้น “พวกเราถอนตัวแล้ว นครโบราณยุทธ์เต๋าไม่ใช่

ของพวกเราอีกต่อไป!”

ขณะเขาคิดจากไป รถลากหยกสีขาวคันใหญ่พลันปรากฏเชื่องช้า

จากสุดสายตา

ประตูรถลากเปิ ดออก หญิงชราสองคน และหญิงสาวอีกจํานวนหนึ่ง

ก้าวเดินออกมา

พวกนางล้วนสวมใส่ชุดสีขาว เมื่อออกมาพ้นรถลาก พวกนางถึงกับ

อึ้งยามได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องล่าง

ฉินหยุนพบเป็นแม่เฒ่าตู้ แต่ไม่ทราบว่านางมากับผู้ใด

“เป็นท่านยายตู้และคนของตําหนักจันทราทมิฬ!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผย

เสียงยินดี

หานเฝิงหู่มองที่แม่เฒ่าตู้และเอ่ยถาม “ข้าขอให้คําแนะนํา อย่าได้คิด

ฉวยโอกาสที่พบเห็น ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะเป็นฝ่ ายสูญเสีย!”

แม่เฒ่าตู้ย่อมทราบเรื่องราว นางรู้จักฉินหยุนดี

“ฉินหยุน ข้าคือจ้าวสํานักของหุบเขาลึกลํ้าจันทรา แม่เฒ่าตู้! บุคคล

ข้างกายข้า คือแม่เฒ่าหลิงจากตําหนักจันทราทมิฬแห่งแดนวิญญาณ

อ้างว้าง!” แม่เฒ่าตู้ตะโกนดังให้ฉินหยุนที่ยืนอยู่เบื้องล่างได้ยิน

ฉินหยุนรับฟังแล้ว ทว่าหาได้ตอบกลับคําใด

“พวกเรามีความคิดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นต้องการบอก!” แม่เฒ่า

หลิงเอ่ยขึ้น

หากเทียบกับแม่เฒ่าตู้ นางคล้ายมีรอยเหี่ยวย่นที่ใบหน้ามากกว่า ทั้ง

ร่างยังเตี้ยและผอมกว่า ราวกับนางเป็นหญิงชราที่พร้อมจะสิ้นชีพได้

ทุกเมื่อ กระนั้น พละกําลังของนางแข็งแกร่ง ราวกับนางจะแข็งแกร่ง

กว่าบรรดาราชันยุทธ์ตรงหน้าไม่น้อย

ฉินหยุนเอ่ยถาม “แม่เฒ่าหลิง ท่านต้องการให้ข้าส่งมอบนครโบราณ

ยุทธ์เต๋าหรือ?”

แม่เฒ่าหลิงกล่าวคํา “ข้าเพียงต้องการบอกต่อเจ้า ว่าสํานักที่แกร่งกล้า

ขณะนี้กําลังคิดเดินทางมายึดนครโบราณยุทธ์เต๋า! ขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าที่พวกเขาส่งมา ถือว่ามีกําลังชวนสะพรึงที่สุดในโลกหล้า!”

“แม่เฒ่าหลิง ล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?” ฉินหยุนขมวดคิ้วถามกลับ

ตําหนักโทเทม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง สํานักจากแดนวิญญาณ

อ้างว้าง ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าพวกเขาล้วนแข็งแกร่ง กระนั้นกลับยังมีผู้

ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างนั้นหรือ!


ตอนที่ 476 ในที่สุดก็ได้พบ

สีหน้าของหานเฝิงหู่แปรเปลี่ยน ขณะนี้มองที่แม่เฒ่าหลิง เขาเอ่ยถาม

ด้วยนํ้าเสียงลุ่มลึก “อย่าบอกนะว่าพวกนั้นออกมากันแล้ว?”

สีหน้าของผู้คนจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง รวมถึงตําหนักโทเทม

ล้วนแปรเปลี่ยนยิ่งยวด ใบหน้านั้นเปี่ ยมด้วยความหวาดกลัว!

“พวกเขา… ยังมีเหลืออยู่ในแดนอ้างว้างหรือ?” ราชันยุทธ์สายเลือด

เอ่ยถามด้วยความสะพรึง

“ตลอดมา! ลูกศรเทพกําราบตะวันเลือนหาย พวกเขาไม่ติดข้อจํากัด

ใดอีก ขณะนี้ล้วนออกมากันจนสิ้น!” หลังจากแม่เฒ่าหลิงกล่าวคํา

นางมองที่ฉินหยุน

ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาพอคาดเดาได้ว่ากลุ่มที่แกร่งกล้านี้คือผู้ใด

กระนั้นก็ยังไม่แน่ใจ

หานเฝิงหู่ฉับพลันสูดลมหายใจเข้าลึก “สามแดนอ้างว้างจะไม่เป็น

ปึ กแผ่นกันอีกแล้วหรือนี่?”

กระทั่งราชันยุทธ์จากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ตําหนักโทเทม และ

กองกําลังอื่นยังเผยอาการสั่นกลัวกันออกมา!

แม่เฒ่าหลิงกล่าวต่อ “ฉินหยุน การที่ลูกศรเทพกําราบตะวันหายไป

ถือเป็ นเรื่องชวนประหลาดใจยิ่ง เพียงปุบปับพวกมันถึงกับหายไป

จากแดนยุทธ์อ้างว้าง! เจ้าไม่ทราบว่าในเก้าแดนอ้างว้าง มันมีสํานัก

ทรงพลังสุดหยั่ง พวกเขาคงอยู่มาตั้งแต่โบราณกาล นามว่าสํานักเก้า

ตะวัน!”

ครั้งแรกที่ฉินหยุนได้ยินนามสํานักเก้าตะวัน เป็นอู่หมิงซวีบอกต่อเขา!

ในแดนเทพอ้างว้างที่แกร่งกล้า มีเก้าสํานักที่เรืองอํานาจ พวกเขา

ควบคุมดวงตะวันทั้งเก้าเอาไว้!

สาขาของสํานักเก้าตะวัน มีกระจายอยู่ทั่วทุกหัวมุมของเก้าแดน

อ้างว้าง พวกเขาเป็นสํานักโบราณที่แกร่งกล้า

กระนั้นด้วยบางสาเหตุ สํานักเหล่านั้นกลับกลายเป็นเลือนหาย

หลงเหลือเอาไว้เพียงตํานาน!

อู่หมิงซวีได้กล่าวเอาไว้ ว่าเก้าดวงตะวันได้ส่งวิญญาณยุทธ์สู่เก้า

แดนอ้างว้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสํานักทั้งเก้าได้ครอบครอง

หานเฝิงหู่กล่าว “สํานักเก้าตะวันคงอยู่ในแดนวิญญาณอ้างว้างมา

โดยตลอด ตําหนักจารึกเทวะของพวกเรามีเก้าผู้อาวุโสใหญ่ พวกเขา

คล้ายจะมาจากสํานักเก้าตะวัน และยังรับหน้าที่ใหญ่หลวงในตําหนัก

จารึกเทวะ นี่เทียบเท่ากับพวกเขาเป็นตัวแทนจากสํานักเก้าตะวัน!”

แม่เฒ่าหลิงพยักหน้า “ทุกแดนอ้างว้างจําต้องมีสํานักเก้าตะวัน! แดน

ยุทธ์อ้างว้าง แดนปี ศาจอ้างว้าง และแดนสัตว์อสูรอ้างว้างในปัจจุบัน

มีทั้งสิ้นแดนละสาม รวมแล้วจึงเป็นเก้า! แดนวิญญาณอ้างว้างมีห้า

และแดนอสูรอ้างว้างมีสี่ รวมแล้วก็เป็นเก้าเช่นกัน!”

“ลูกศรเทพกําราบตะวันปรากฏในแดนยุทธ์อ้างว้าง ทําการสะกด

สํานักเก้าตะวันของสามแดนอ้างว้างเอาไว้! ดังนั้นสํานักทั้งเก้าจึง

หลบหนี เข้าสู่แดนอ้างว้างลึกลับโบราณของตนเอง และพวกเขาก็

ติดอยู่ในเขตแดนอ้างว้างเหล่านั้นมาโดยตลอด จนกระทั่งถึงวันนี้ก็

ไม่อาจเข้าสู่สามแดนอ้างว้างได้”

“พวกเขาขณะนี้สามารถออกมาได้ และยังคิดมายังนครโบราณยุทธ์

เต๋าโดยเร็วที่สุดด้วย!”

ฉินหยุนขมวดคิ้วและถามกลับ “แม่เฒ่าหลิง เช่นนั้นท่านคิดบอก

กล่าวว่า…”

“ออกจากนครโบราณเสีย ข้าและสหายของเจ้าจะไปจากที่นี่อย่าง

ปลอดภัย!” แม่เฒ่าหลิงกล่าว

“ไม่!” ฉินหยุนตอบกลับอย่างเด็ดขาด

เชี่ยวเย่ว์หลานคิดเช่นเดียวกับฉินหยุน นางไม่ยินดีที่จะไปจากนคร

โบราณยุทธ์เต๋า!

แม่เฒ่าหลิงถอนหายใจ “ฉินหยุน เจ้าต้องคิดให้ถี่ถ้วน สํานักเก้าตะวัน

คือต้นกําเนิดวิถีเต๋า! พวกเขาเชี่ยวชาญทุกแขนง ทั้งมรดกวิชายุทธ์

สายเลือดแกร่งกล้า โทเทม การจารึก ความสามารถเทวะ วิชาลึกลับ

และอีกหลายสิ่งอย่าง!”

หานเฝิงหู่พยักหน้ารับ “ในแดนวิญญาณอ้างว้าง สํานักเก้าตะวันเป็น

ตัวตนลึกลับ ศิษย์ของพวกเขาล้วนแข็งแกร่ง!”

“ข้าหาได้หวั่นเกรงไม่!” ฉินหยุนตอบกลับ “ให้พวกนั้นมา! ข้าพยายาม

อย่างหนักเพื่อได้เมืองแห่งนี้ ย่อมไม่ปล่อยมันไปแน่!”

แม่เฒ่าหลิงขมวดคิ้ว “เอาอย่างนี้เป็นไร? ให้ข้าเจรจากับพวกเขา เจ้า

แบ่งปันนครโบราณยุทธ์เต๋าร่วมกับพวกเขาเป็นไร?”

“ไม่! ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิต จะไม่ยอมแบ่งแม้สักนิดของนครโบราณ

ยุทธ์เต๋า!” ฉินหยุนเผยนํ้าเสียงหนักแน่น

แม่เฒ่าหลิงและแม่เฒ่าตู้ ทั้งสองเผยความลําบากใจ พวกนางทราบว่า

เชี่ยวเย่ว์หลานและไค่เซียงจิ้งยังอยู่ในเมือง ดังนั้นจึงคิดอยากพาทั้ง

สองออกไปโดยเร็วที่สุด

แม่เฒ่าตู้กล่าว “ฉินหยุน ข้าจะส่งศิษย์คนหนึ่งเข้าไปหารือรายละเอียด

กับเจ้า อย่างนี้เป็นไร?”

“ตกลง!” ฉินหยุนรับปาก เขาทราบว่าศิษย์ที่ส่งมา ก็เพื่อมาพูดคุยกับ

เชี่ยวเย่ว์หลาน

จากรถลากของแม่เฒ่าตู้ หญิงสาวก้าวเดินออก นางสวมใส่ชุดขาว มี

ผ้าปิ ดบังใบหน้า ดวงตาสุกสว่าง กระจ่าง และงดงามคู่นั้น แทบจะ

เผยความเจิดจรัสออกมา

กระโปรงขาวของหญิงสาว รวมกับเส้นผมยาวพลิ้วไหวกับสายลม

ราวกับนางผสานเข้ากับสายลมแห่งธรรมชาติ คลื่นจิตวิญญาณก่อ

เกิดรอบตัว ยิ่งทําให้ขับเน้นความงดงามของนางมากขึ้น

ฉินหยุนเพียงได้เห็นดวงตาของหญิงสาว เขาก็ทราบว่าเป็นหยางฉีเย่ว์!

ตัวตนอันงดงาม แทบเสมือนไม่ใช่สิ่งที่ควรมีอยู่จริง ราวกับธรรมชาติ

ขัดเกลารวมความงามเอาไว้ที่นาง นี่คือบุคคลที่เขาคุ้นเคยด้วย!

ตั้งแต่ที่วิญญาณยุทธ์ของหยางฉีเย่ว์เกิดปัญหา ฉินหยุนก็ไม่ได้พบ

กับนางอีกเลย

ขณะนี้ ในที่สุดเขาก็ได้พบ ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะเกิดความตื่นเต้น

ยินดี พร้อมกันนี้ ความรู้สึกอันซับซ้อนได้ไหลผ่านในใจของเขา

หยางฉีเย่ว์ร่อนลงกับพื้นเชื่องช้า จากนั้นค่อยลอยอย่างนุ่มนวลเข้าใน

ตัวเมือง

เมื่อหานเฝิงหู่ได้เห็นหยางฉีเย่ว์เข้าเมือง เขาพลันกล่าวออก “แม่เฒ่า

หลิง… หลังเข้าเมืองไปแล้ว ผู้คนไม่อาจออกมาได้ สําหรับเหตุผล

นั้น ข้ายังไม่มั่นใจนัก!”

“ว่าอะไร? เหตุใดไม่บอกให้เร็วกว่านี้!” สีหน้าแม่เฒ่าหลิงแปรเปลี่ยน

นางขณะนี้ร้องตะโกน คว้าคอเสื้อของหานเฝิงหู่เอาไว้อย่างไม่กลัว

เกรง

“เป็ นเจ้าบอกไม่ใช่หรือว่าทราบสถานการณ์ที่นี่ดี? ดังนั้นจึงคิดว่า

เรื่องนี้ก็ทราบ!” หานเฝิงหู่เร่งร้อนแก้ตัว

“อย่างนั้น… ควรทําอย่างไรต่อดี?” แม่เฒ่าตู้เผยความกังวล

นางทราบความสัมพันธ์ระหว่างหยางฉีเย่ว์และฉินหยุน ได้เห็นหยาง

ฉีเย่ว์เข้าเมือง มันทําเอานางรู้สึกราวกับโดนสุนัขคว้าชิ้นเนื้อไป ราว

กับนางจะไม่มีทางได้หวนคืนมาอีก

“ท่านผู้หญิง ที่นี่ไม่เหมาะนักที่พวกเราจะหารือกัน ไปหาที่อื่นกัน

ดีกว่า!” ฉินหยุนยิ้มกว้างให้หยางฉีเย่ว์

หยางฉีเย่ว์ไม่ปกปิ ดความยินดีผ่านดวงตางดงาม รอยยิ้มอ่อนจางทว่า

งดงามปรากฏที่ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุม

ด้วยเหตุนี้ แม่เฒ่าหลิงและแม่เฒ่าตู้จึงได้แต่เกิดความหนักอึ้งในใจ

ขณะมองหยางฉีเย่ว์จากไปพร้อมฉินหยุนและบุคคลในชุดดํา

ฉินหยุนพาหยางฉีเย่ว์เข้าสู่ด้านในป่ าลึก

หยางฉีเย่ว์ขณะนี้ถอดผ้าคลุมหน้าออกแล้ว ใบหน้างดงามขาวนวล

ของนาง ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก

นางเข้าไปคว้าเอาหมวกคลุมศีรษะเชี่ยวเย่ว์หลานออก “พวกเจ้าทั้ง

สองช่างกระทําการท้าทายสวรรค์นัก!”

เชี่ยวเย่ว์หลานถองที่สีข้างฉินหยุนและหัวเราะ “พี่หยาง! เสี่ยวหยุน

คิดถึงท่านมาก!”

“อาจารย์หยาง ไม่พบกันนานยิ่งนัก!” ฉินหยุนเกาศีรษะพลางยิ้ม

หยางฉีเย่ว์หยิกใบหน้าของเขาพร้อมแสร้งโกรธ ดวงตานี้เปี่ ยมด้วย

ความคะนึงหาพร้อมกล่าวเสียงเบา “ฉินหยุน ตั้งแต่เจ้ามายังแดนยุทธ์

อ้างว้าง ควรปกปิ ดตัวเองให้มากกว่านี้! ดูเจ้าทําเข้า ยั่วยุกองกําลัง

ใหญ่โตวุ่นวายไปทั่ว!”

เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยปากพร้อมใบหน้าที่เปี่ ยมด้วยจิตสังหาร “ยังมีอัน

ใดต้องหวั่นเกรง? เมื่อใดพวกเราแข็งแกร่งขึ้นในภายหน้า พวกเราจะ

สังหารพวกมันให้หมดสิ้น! ทั้งหมดนี่ก็เพราะพวกมันคิดอยาก

ครอบครองสิ่งของจากสามีข้า พวกมันคือผู้ที่ก่อการต่อเสี่ยวหยุน

ก่อน เป็นพวกมันต้องสูญเสียใหญ่หลวงกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า

กระนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดเข็ดหลาบ!”

“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เสี่ยวหยุนจะเดินทางไปไหนเพียงลําพัง! ตั้งแต่

เขายังเยาว์ เขาก็ต้องเผชิญหลายเรื่องราวผ่านความพยายามหนักหนา

ของตนเอง ขณะนี้ถึงวันที่เขาได้รับทุกสิ่งอย่าง แต่แล้วกลับมีกลุ่ม

คนที่ความสามารถแกร่งกล้า คิดอยากพรากสิ่งที่เสี่ยวหยุนพยายาม

อย่างหนักเพื่อได้รับมา”

“หากข้ามีกําลัง ข้าจะสับร่างพวกมันออกเป็นชิ้น แล้วเอาเนื้อพวก

มันไปให้สุนัขกินจนหมดสิ้น!”

หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “เย่ว์หลาน เจ้าช่างปกป้องสามีตัวน้อยได้ดีนัก!”

“ถูกต้องแล้ว! เพราะเขาคือวีรบุรุษในใจข้า คือผู้ที่ช่วยเหลือข้าตั้งแต่

ยังเยาว์!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยรอยยิ้มไม่ปิ ดบัง พร้อมเข้าไปจูบที่แก้ม

ฉินหยุน

หยางฉีเย่ว์ยื่นมือขาวนวลออก หยิกที่ใบหน้าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์

หลาน “พวกเจ้าช่างเหมาะสมราวกับฟ้าประทานมอบให้! กระนั้นก็

ยังมีอีกหลายเรื่องให้ต้องระมัดระวัง!”

“ข้าทราบ!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ

“เหอะ! พวกเจ้าหาได้เคยฟังคําข้าไม่!” หยางฉีเย่ว์เผยเสียงถอนหายใจ

ขื่นขมกล่าวออก “หลังจากเข้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า ผู้คนไม่อาจ

ออกไป นี่คือเรื่องอันใด? อย่าบอกว่าเป็นฝีมือพวกเจ้า?”

เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวตอบ “พี่หยาง ด้วยรากฐานค่ายอาคม เสี่ยวหยุน

สามารถควบคุมอาคมมากมายได้จากที่นั่น! กล่าวได้ว่านครโบราณ

นี้เป็นของเสี่ยวหยุนแล้ว!”

“แต่… สํานักเก้าตะวันบัดซบนั่นคิดเข้ามา นี่คงเป็นศึกที่หนักหนา

อีกครั้งหนึ่งแน่!”

หยางฉีเย่ว์เผยความตระหนกขณะมองที่ฉินหยุน “เป็นความจริง

หรือ?”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “เป็นความจริง! ข้าพบเจอรากฐานค่ายอาคม

นครโบราณแห่งนี้ และสามารถควบคุมค่ายอาคมจากด้านในนั้นได้!

ขณะนี้ เรื่องราวยากลําบากที่สุด คือการปกป้องนครโบราณแห่งนี้

เอาไว้!”

เชี่ยวเย่ว์หลานเผยความยินดี “พี่หยาง พื้นที่ซึ่งเสี่ยวหยุนและข้า

ลําบากไปมากเพื่อได้มา พวกเราย่อมไม่มอบมันแก่ผู้ใด!”

“พวกพี่ใหญ่เซี่ยเองก็บาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ และสระนํ้าทั้งสามก็อยู่

ที่นี่ แช่กายในสระเหล่านั้น จะทําให้สามารถก้าวทะยานอย่างเลิศลํ้า!

เสี่ยวหยุนและข้าฝึกฝนสามแก่นเต๋า ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันพวกเราก็

ก้าวจากขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามถึงระดับที่ห้าได้แล้ว!”

“อย่างนั้นแล้วแผนการตอนนี้คิดทําอย่างไรต่อ?” หยางฉีเย่ว์คิ้วขมวด

เอ่ยถาม

ฉินหยุนตอบกลับ “ปกป้องเมืองแห่งนี้จากศัตรูที่คิดบุกเข้ามา จากนั้น

ค่อยฝึกฝนจนถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า! สระนํ้าทั้งสามเพียงพอ

ให้หลายคนได้ฝึกฝนร่วมกัน! พละกําลังพี่ใหญ่เซี่ยแกร่งกล้า หากเขา

ได้ฝึกฝนถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกหรือเจ็ด ด้วยดาบต้นกําเนิด

ของเขา ย่อมสังหารผู้คนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้นได้!”

เชี่ยวเย่ว์หลานรั้งแขนหยางฉีเย่ว์เอาไว้พร้อมยิ้ม “พี่หยาง ท่านควรอยู่

ร่วมฝึกฝนกับพวกเราด้วย! ใช่แล้ว น่าจะคิดหาทางเรียกเย่ว์เหม่ย ซือ

เยี่ย และพี่เฟยหลิงมาด้วย พวกเราจะได้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้าพร้อมกัน!”

“พี่หยาง สถานการณ์ของประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร

บ้างแล้ว?” เมื่อฉินหยุนได้ฟังคําถามนี้ หัวใจของเขาเผยความหนักอึ้ง

หยางฉีเย่ว์ตบที่ไหล่ฉินหยุน ริมฝี ปากเผยยิ้มขณะกล่าว “เมื่อเกิดเรื่อง

ขึ้นกับประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ แม่เฒ่าตู้ได้บอกกล่าวต่อผู้อาวุโสนาม

อู่หมิงซวีที่เป็นอาจารย์จารึกให้ไปที่นั่น นางบอกต่อข้า ว่าให้บอก

เจ้าอย่าได้เป็นกังวลถึงเรื่องนี้!”

ฉินหยุนพอได้ยิน เขาเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดีออกอย่างไม่ปิ ดบัง “ผู้

อาวุโสอู่ไปที่นั่นแล้ว? วิเศษนัก!”

“ผู้อาวุโสอู่นี้แข็งแกร่งหรือ?” เชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบเอ่ยถาม

“แข็งแกร่งยิ่ง! ครั้งที่ข้าเข้าสู่สุสานเซียน เป็ นเขาช่วยสังหารราชันยุทธ์

ทั้งหมดที่เข้าไป เขาสามารถสังหารราชันยุทธ์เหล่านั้นดังผักปลา!”

ฉินหยุนยิ้มตอบ

“วิเศษนัก เมื่อใดข้าจะมีพลังแกร่งกล้าเช่นนั้นบ้างกัน?” เชี่ยวเย่ว์หลาน

เผยความอิจฉาขณะเอ่ยถาม

หยางฉีเย่ว์กล่าวเสียงเบา “ฉินหยุน อย่าได้บอกพวกท่านยายตู้ว่าเจ้า

สามารถควบคุมค่ายอาคม! ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะหาทางบังคับให้เจ้า

เปิ ดทางแก่ค่ายอาคม!”

นางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน คิดว่าเป็ นเรื่องดีที่ฉินหยุนและคณะ

จะได้มีความก้าวหน้าอย่างยิ่งยวด!

แท้จริงแล้ว นับตั้งแต่นางเข้ามาในนครโบราณ นางทราบว่าไม่อาจ

ห้ามปรามฉินหยุนได้แต่แรก

อย่างไรแล้ว นางก็รู้จักฉินหยุนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เชี่ยวเย่ว์หลาน

ยังดื้อรั้นไม่ต่างอะไรกับฉินหยุน บอกให้ทั้งสองปล่อยวาง ไม่มีทาง

ใช่เรื่องง่าย

“พี่หยาง ช่วยคิดหาทางให้เย่ว์เหม่ยมาที่นี่กันดีกว่า ข้าคิดอยากลงโทษ

แม่เด็กจอมซนนั่นเสียบ้าง!” ขณะนางนึกถึงน้องสาว รอยยิ้มอบอุ่น

จึงเผยที่ใบหน้า

หยางฉีเย่ว์กล่าวตอบ “ท่านยายหลิงและท่านยายตู้กําลังรอข้าที่

ภายนอก ถึงตอนนั้น คนที่จะเข้ามาพูดคุยด้วยน่าจะเป็นพี่ชิงเฉิง มาดู

กันว่านางสามารถช่วยพวกเราเป็นการลับได้หรือไม่!”

หยางฉีเย่ว์และเชี่ยวเย่ว์หลานไม่ทราบ ว่าฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงมี

สัมพันธ์อันดีต่อกันเพียงใด พวกนางเพียงทราบ ว่าพวกเขาแค่เป็น

คนที่คุ้นหน้ากันเท่านั้น

ฉินหยุนยิ้มกว้าง “นางย่อมต้องช่วยเหลือแล้ว! บอกนาง ว่าข้าขอให้

ทํา! จริงด้วย ให้นางช่วยหาพี่สามฮั่วด้วยจะดียิ่งนัก ข้าอยากได้คนที่

เชื่อใจได้มาเข้าร่วม!”

“พวกเราจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและรวดเร็วไปด้วยกัน ได้ต่อสู้กับ

สํานักเก้าตะวันที่กําลังมาถึงไปด้วยกัน!”

ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์หลานเผยความเย็นเยือกขณะกล่าวออก “ไม่ว่า

มันเป็นใคร พวกมันคิดฉกชิงเมืองจากมือพวกเรา ดังนั้นโทษคือ

พวกมันทั้งหมดล้วนต้องตาย!”



ตอนที่ 477 จันทราทมิฬ

หลังจากที่ฉินหยุนกลับถึงรากฐานค่ายอาคม เขาพบว่าอาการของ

เซี่ยอู๋เฟิ งดีขึ้นมากแล้ว

หงเหยียน มู่หรงต้าเหริน ไค่เซียงจิ้ง พวกเขาล้วนเป็นกังวลถึงฉินหยุน

และเชี่ยวเย่ว์หลาน พวกเขาได้แต่อยู่ที่ฐานค่ายอาคม ยิ่งเวลาผ่านไป

พวกเขายิ่งรับรู้ถึงคลื่นกระแทกหลายระลอก ทําให้ทราบว่าภายนอก

เกิดการต่อสู้ตึงเครียดกันเพียงใด

เมื่อหงเมิ่งจูได้เห็นพวกฉินหยุนกลับมา ทั้งยังพาสาวงามผู้หนึ่งกลับ

มาด้วย นางกล่าวออกด้วยความยินดี “พี่สาวผู้นี้งดงามนัก มาจากที่

ใดกันหรือ?”

เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้ม “พี่หยางเคยเป็นอาจารย์ของฉินหยุน!”

หยางฉีเย่ว์ยิ้มมีมารยาทตอบแก่หงเมิ่งจูและคณะ นี่เรียกว่าเป็นการ

ทักทายอย่างเป็นกันเอง

มู่หรงต้าเหรินและเซี่ยอู๋เฟิ งล้วนรู้จักหยางฉีเย่ว์ กระนั้นก็ต้องแปลก

ใจว่าเหตุใดนางจึงเข้าสู่นครโบราณ

ฉินหยุนปลดปล่อยยอดฝีมือสายเลือดจากหม้อราชสีห์สวรรค์สะกด

มังกร จากนั้น เขาและเชี่ยวเย่ว์หลานจึงใช้หลายวิธีการ นําเอาดาบ

ต้นกําเนิดกลับคืนแก่เซี่ยอู๋เฟิ ง

ไม่ช้า เชี่ยวเย่ว์หลานค่อยสรุปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอก

ฉินหยุนช่วยเหลือเซี่ยอู๋เฟิ งซ่อมแซมดาบต้นกําเนิด

ไค่เซียงจิ้งทราบว่าแม่เฒ่าหลิงอยู่ด้านนอก นางคิดอยากออกไป แต่ก็

ทราบว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่นางจะออกไป

“ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ตําหนักโทเทม ตําหนักจารึกเทวะ และ

สํานักจากแดนวิญญาณอ้างว้าง ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าของพวกมัน

ทั้งหมดถึงกับส่งเข้ามาจัดการน้องหยุนและเย่ว์หลาน!”

“ตอนนี้ผู้ฝึกตนของสํานักเก้าตะวันก็คิดเข้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า

วิเศษนัก! ข้า มู่หรงต้าเหริน ในที่สุดค่อยมีโอกาสได้แสดงถึงความ

สามารถอันสูงส่งเสียบ้าง!”

“เป็ดมู่หรง เหตุใดเจ้าไม่หันมองระดับพลังตนเองบ้าง? เจ้าจะทํา

อะไรได้!” หงเหยียนกล่าวขึ้น

“หากพวกเราเข้าสู่สระนํ้าศักดิ์สิทธิ์และฝึกฝน ย่อมต้องเลื่อนระดับ

พลังอย่างก้าวทะยาน! ตราบเท่าที่ฝึกฝนจนถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่หกได้ ข้าจะจัดการพวกมันได้แม้เพียงมือข้างเดียว!”

ไค่เซียงจิ้งขมวดคิ้ว “ศิษย์ของสํานักเก้าตะวันล้วนแข็งแกร่ง ครั้ง

พวกเรายังอยู่ที่แดนวิญญาณอ้างว้าง บ่อยครั้งต้องพบเจอศิษย์ของ

พวกเขา มันไม่ใช่ว่าพวกเขาได้ครอบครองความสามารถเทวะ แต่

พวกเขามีสายเลือดที่แข็งแกร่ง มรดกมากมาย อีกทั้งยังครอบครอง

โทเทมแต่กําเนิด เคล็ดวิชายุทธ์ที่พวกเขาเผยให้เห็น ล้วนแกร่งกล้า

และลึกลํ้า”

ฉินหยุนกล่าว “ขณะนี้พวกเราหลบซ่อนในเงามืด กระทั่งว่าพวกเรา

ไม่อาจจัดการพวกมัน ก็ไม่มีทางที่จะทําอะไรพวกเราได้! ฐานแห่งนี้

อยู่ภายใต้การควบคุมของข้าโดยสมบูรณ์ หากไม่มีข้านําทาง ก็ไม่มี

ผู้ใดสามารถเข้ามา นี่ถือเป็นหลักประกันความปลอดภัย!”

เชี่ยวเย่ว์หลานพยักหน้ารับ “และสระนํ้าศักดิ์สิทธ์ทั้งสามนั่น ก็มีค่าย

อาคมคุ้มกันอีกทีหนึ่ง! หากพวกคนจากสํานักเก้าตะวันแข็งแกร่งจริง

พวกเราก็แค่เก็บตัวอยู่ภายในนั้นสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อก้าวถึง

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า เมื่อนั้นพวกเราจะจัดการโค่นพวกมัน

ลงได้!”

ฉินหยุนยิ้มรับ “ทุกคน ข้าจะพาไปยังถํ้าแห่งนั้น!”

หยางฉีเย่ว์ช่วยพยุงหงเมิ่งจูที่อ่อนแรง ทั้งยังส่งถ่ายพลังจากวิญญาณ

ยุทธ์จันทราสู่ร่างของหงเมิ่งจู ทําให้นางฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว

หงเมิ่งจูถึงกับลอบอึ้งต่อพลังของหยางฉีเย่ว์ ก่อนหน้านี้นางได้ยิน

จากเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ว่าฉินหยุนมีภรรยาอยู่แล้ว

เช่นนั้น หญิงใดกันที่จะเป็นภรรยาของฉินหยุน? ขณะนี้นางพบเชี่ยว

เย่ว์หลานแล้ว นางนับว่าแตกต่างจากที่คิดไว้มาก

สําหรับหงเมิ่งจู ตัวตนเช่นฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์เหม่ย เชี่ยวเย่ว์หลาน

หยางฉีเย่ว์ และเซี่ยอู๋เฟิ ง ถือเป็นความลึกลับประการหนึ่ง

พวกเขาแต่ละคนล้วนมีจุดแข็งของตนเอง และคนกลุ่มนี้ต่างก็รู้จัก

กันและกันมานาน มีสัมพันธ์อันดีต่อกันอย่างเหนียวแน่น

ไม่นานนัก ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานจึงนําเซี่ยอู๋เฟิ งและคณะถึงถํ้า

ที่ทําฉินหยุนตระหนักก็คือ เชี่ยวเย่ว์หลานจับหลักความสามารถเทวะ

ทะลุทะลวงได้ หากมีแต่เขาเพียงผู้เดียว การพาแต่ละคนผ่านม่าน

พลังถือเป็นความกดดันอย่างหนักหนา

หากเขาต้องนําหลายคนผ่านค่ายอาคมสู่ภายในถํ้า นั่นจะเป็นการกิน

พลังงานอย่างมหาศาล

ความสามารถในการคัดลอกพลังผู้อื่นผ่านวิญญาณยุทธ์ของเชี่ยวเย่ว์

หลาน ถึงกับทําฉินหยุนต้องตระหนกตกใจ เขาไม่คาดคิด ว่าความ

สามารถเทวะนี้ก็สามารถคัดลอกได้!

ฉินหยุนเกิดความรู้สึก ว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่เชี่ยวเย่ว์หลานจะ

สามารถจับหลักความสามารถเทวะอัญเชิญราชสีห์สวรรค์!

เซี่ยอู๋เฟิ งกล่าว “ข้าต้องการร่างกายที่แกร่งขึ้น ขอเข้าสระกายเต๋าก็

แล้วกัน!”

“ข้าคิดฝึกฝนกายเต๋าด้วย!” มู่หรงต้าเหรินกล่าว

หงเหยียนพยักหน้ารับ และตามมู่หรงต้าเหรินสู่สระกายเต๋า

ขณะนี้เหลือเพียงแต่ฉินหยุนกับหญิงสาวอีกหลายคนในโถงทางเดิน

“ข้าคิดไปยังสระหัวใจเต๋า! พลังจิตถือเป็นจุดด้อยของข้ามาโดยตลอด!”

ไค่เซียงจิ้งยิ้ม “ข้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ มันจะช่วยเหลือข้าได้

มาก!”

“พี่จิ้ง ให้ข้าไปกับท่าน!” หงเมิ่งจูเร่งรีบติดตามไค่เซียงจิ้งไป

ขณะนี้เหลือแต่ฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์หลาน และหยางฉีเย่ว์ในโถงทางเดิน

“อาจารย์หยาง ท่านเข้าสระต้นกําเนิดเต๋า เสี่ยวหยุนมีอะไรคิดบอก

ต่อท่าน!” เชี่ยวเย่ว์หลานเปิ ดประตูสระต้นกําเนิดเต๋าพร้อมกล่าว

เสียงเบา

หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงเดินเข้าสู่ด้านในสระต้นกําเนิดเต๋า

“เสี่ยวหยุน ให้ข้าออกไปก่อนดีหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ

“ย่อมไม่ต้อง!” ฉินหยุนยิ้ม มือคว้าเชี่ยวเย่ว์หลานไว้ พร้อมดึงนาง

ผ่านประตูและปิ ดมันตามหลัง

หยางฉีเย่ว์ขณะนี้มองที่สระต้นกําเนิดเต๋า มือขาวนวลจุ่มลงในนํ้า

โปร่งใส นางรับรู้ได้ถึงพลังงานพิเศษภายในสระ

“คิดอยากบอกกล่าวอะไรหรือ?” หยางฉีเย่ว์มองที่สระนํ้า รอยยิ้มเผย

ออกพร้อมกล่าว “ข้าแทบรอลงไปแช่มันไม่ไหวแล้ว!”

สีหน้าฉินหยุนพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “อาจารย์หยาง…”

“ข้าออกจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงมานานแล้ว อย่าได้เรียกหาข้าเป็น

อาจารย์หยาง เรียกข้าเป็นพี่หยาง!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มอ่อนโยนกล่าวตอบ

“พี่หยาง… ท่านเคยมีความฝันแปลกประหลาดยามหลับใหลบ้าง

หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามสีหน้าจริงจัง

เชี่ยวเย่ว์หลานพอได้ยินคําถาม นางพบว่าเรื่องนี้ชวนงุนงง เป็นนาง

ไม่ทราบว่าเหตุใดฉินหยุนจึงโพล่งถามเช่นนี้ออกมา

ได้ยินดังนี้ หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้ว ฝี เท้าก้าวเดินไปมาตรงหน้าสระนํ้า

คําถามนี้ แม่เฒ่าจากตําหนักจันทราทมิฬก็เคยถามต่อนาง

“ใช่ แต่ข้าจําไม่ได้ว่าความฝันนั้นเป็นอย่างไร และมันยังทําให้ข้า

หวาดกลัวด้วย!” หยางฉีเย่ว์พอกล่าวคําจบ นางจึงสูดลมหายใจเข้าลึก

ฉินหยุนนําเอาไข่มุกสีดําออกมา ส่งมันให้แก่หยางฉีเย่ว์

“นี่เป็นวิญญาณยุทธ์สีดํา!” เชี่ยวเย่ว์หลานตื่นตะลึง “เสี่ยวหยุน นี่เจ้า

เอามันมาจากที่ใด?”

“เรื่องราวยาวนัก…” นับตั้งแต่ที่ฉินหยุนเข้าสู่สวนโบราณ เรื่องราว

ถูกบอกเล่า เชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์ต่างเผยความตื่นตะลึงยาม

ได้รับฟัง

ย้อนกลับไปตอนอยู่หุบเขาลึกลํ้าจันทรา พวกนางทราบวีรกรรมของ

ฉินหยุนมากมาย แต่พอออกจากปากของฉินหยุน มันก็ยังเป็ นเรื่อง

ชวนขนหัวลุก

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อฉินหยุนเมื่อเข้าสวนโบราณ มีเรื่องหนึ่งลึกลับที่สุด

เหตุใดเขาจึงออกมาก่อนกําหนด?

“ในช่วงชีวิตก่อนหน้าของข้า… ถึงกับเป็นเช่นนั้น?” หยางฉีเย่ว์มอง

ไข่มุกในมือ พบว่าเป็ นเรื่องยากจะเชื่อ

“พี่หยาง ขณะนี้ท่านครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วง จะเกิด

อะไรขึ้นหากผสานรวมกับวิญญาณยุทธ์จันทราสีดํา?” เชี่ยวเย่ว์หลาน

เผยความตื่นเต้น “วิญญาณยุทธ์นี้เป็นมารดาท่านหลงเหลือไว้ ย่อม

ต้องช่วยเหลือท่านอย่างมหาศาล!”

หยางฉีเย่ว์รู้สึกซับซ้อน อย่างไรแล้ว เรื่องราวนี้ก็เป็นการบอกเล่า

อย่างปุบปับเกินไป

ฉินหยุนจับจ้องเชี่ยวเย่ว์หลาน ฉับพลันนี้รู้สึกได้ว่านางสมควรทราบ

ความลับบางอย่าง กระนั้นกลับไม่กล่าวออกมา

“เสี่ยวหยุน ช่วยข้าผสานมัน!” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจยาว

“ขอรับ!” ฉินหยุนไม่กล่าวถึงราชันเซียนผู้ลึกลับ

ฉินหยุนนําเอาหมอนออกมาให้นางหนุนนอน

“พี่หยาง เอ่อ… มันจะดีหากท่านช่วยปลดเสื้อผ้าบริเวณหน้าท้อง ข้า

จําเป็นต้องสัมผัสโดยตรงเพื่อผสานวิญญาณยุทธ์!” ฉินหยุนเกิด

ความเขินอาย เขานึกว่าหยางฉีเย่ว์จะผสานมันด้วยตัวเองเมื่อสัมผัส

กับไข่มุกเสียอีก

พอมาคิดให้ดี ก็เป็ นเขาต้องลงมือช่วย!

หยางฉีเย่ว์ปลดสายคาดเอว เลิกเสื้อขึ้นเล็กน้อย เผยช่วงเอวขาวนวล

งดงาม

ฉินหยุนสัมผัสด้วยมือบางเบา ผสานพลังเข้าไปจํานวนหนึ่ง เพื่อเป็น

การเปิ ดประตูวิญญาณ และสร้างสะพานวิญญาณ

“เสี่ยวหยุน ผิวพรรณพี่หยางยอดเยี่ยมนัก สัมผัสมันแล้วรู้สึกอย่างไร

บ้าง?” เชี่ยวเย่ว์หลานที่ยืนด้านข้าง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มกระหยิ่ม

นางทราบว่าฉินหยุนเคยช่วยเชี่ยวเสวียนฉินผสานวิญญาณยุทธ์

กระบวนการย่อมต้องเป็นเช่นเดียวกัน

“เหมือนผิวพรรณเจ้า!” ฉินหยุนหัวเราะแห้ง สบถต่อเชี่ยวเย่ว์หลาน

ภายใน เป็นนางหยอกล้อเขาจนแทบตายตกแล้ว

ต่อหน้าผู้อื่น เชี่ยวเย่ว์หลานคือโฉมงามภูเขานํ้าแข็ง ใบหน้าเปี่ ยม

ด้วยจิตสังหารเสมอมา

ขณะนี้ต่อหน้าคนคุ้นเคย นางปล่อยตัว ทําเหมือนดังเช่นเชี่ยวเย่ว์

เหม่ย เป็นเด็กสาวแสนซนกันทั้งคู่

นางลูบไล้ที่ใบหน้างดงามของหยางฉีเย่ว์ กล่าวว่านางไม่ได้งดงาม

ดั่งหยางฉีเย่ว์ ผิวพรรณของหยางฉีเย่ว์ก็ดียิ่งกว่ายามสัมผัส

ครั้งเชี่ยวเย่ว์หลานเข้าร่วมตําหนักตะวันออกวิญญาณสีคราม นางมี

สัมพันธ์อันดีกับหยางฉีเย่ว์

ฉินหยุนเมื่อสร้างสะพานวิญญาณเรียบร้อย เขาจึงกล่าวออก “พี่หยาง

ข้าจะเริ่มแล้ว ผ่อนคลายด้วย!”

ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์หลานแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ถอยห่าง และ

รับชมจากด้านข้าง

ฉินหยุนใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง คว้าเอาไข่มุกภายใน

ตันเถียนของหยางฉีเย่ว์ จากนั้นค่อยเข้าทางประตูวิญญาณ ผ่าน

สะพานวิญญาณ ท้ายที่สุดเข้าถึงด้านในของแก่นเต๋า

“พี่หยาง ขณะนี้ท่านอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง หากผสานรวม

วิญญาณยุทธ์จันทราสีดํา และเมื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม

ท่านจะสามารถฝึกฝนความสามารถเทวะ!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว

“ข้าจะเริ่มการผสานแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวด้วยนํ้าเสียงลุ่มลึก

“เจ็บ…” หยางฉีเย่ว์หมวดคิ้ว ร่างกายขณะนี้เกิดออร่าสีดําเป็นประกาย

เชี่ยวเย่ว์หลานเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน นางเร่งรีบกล่าว “เสี่ยวหยุน

สภาพการณ์นี้ไม่ถูกต้อง!”

หยางฉีเย่ว์เผยเสียงร้องเจ็บปวดออกมา มือทั้งสองเกาะกุมที่ศีรษะ

คณะครางออกด้วยความเจ็บปวด

เชี่ยวเย่ว์หลานเข้าคว้ากอดหยางฉีเย่ว์เอาไว้แน่น นํ้าเสียงเป็นกังวล

กล่าวออก “พี่หยาง อดทนอีกสักนิด!”

ฉินหยุนเองก็สัมผัสได้ถึงพลังแกร่งกล้าที่ออกมาจากแก่นเต๋าของ

หยางฉีเย่ว์ ที่ทําเอาเขาตื่นตะลึงที่สุด คืออักขระชีวิตที่ปรากฏบน

ผิวหน้าของแก่นเต๋า

“พี่หยาง ท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” ฉินหยุนเร่งรีบโคจรพลัง

วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ทําการประคองสภาพพลังไม่ให้มากเกินไป

“ข้า… ข้ายังทนได้!” หยางฉีเย่ว์ตอบกลับ นางขณะนี้รู้สึกได้ถึง

วิญญาณยุทธ์ทั้งสามของฉินหยุน ที่น่าสะพรึงที่สุด คือวิญญาณยุทธ์

ตะวันทมิฬ

ฉินหยุนพิจารณาวิญญาณยุทธ์จันทราสีดําของหยางฉีเย่ว์ เขาค่อย

ตระหนักได้ตอนนี้ ว่าที่พื้นผิววิญญาณยุทธ์ มันมีโทเทมคงอยู่ เป็น

โทเทมจันทรา!

หลังจากหยางฉีเย่ว์ร้องอย่างเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่ง เสียงค่อยสงบเงียบ

ใบหน้าขณะนี้ซีดเผือด นางหมดสติไปภายใต้อ้อมแขนของเชี่ยวเย่ว์

หลาน

“อาการคงที่แล้ว!” ฉินหยุนปาดเช็ดเหงื่อพลางถอนหายใจโล่งอก

“และยังก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามแล้วด้วย นอกจากนี้ ยัง

เป็นการเพิ่มพูนพลังอย่างต่อเนื่อง…”

ฉินหยุนมองที่เชี่ยวเย่ว์หลานและเอ่ยถาม “เย่ว์หลาน เมื่อครู่เจ้าก็ยื่น

มือเข้ามาสัมผัสใช่หรือไม่?”

“ใช่” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มบาง

ฉินหยุนยิ่งเกิดความสงสัย เมื่อครู่เขาไม่อาจตรวจสอบถึงวิญญาณ

ยุทธ์ที่สามของเชี่ยวเย่ว์หลาน และยังไม่พบด้วยว่าวิญญาณยุทธ์ที่

สามของนางแท้จริงคืออะไร

กระทั่งตัวเชี่ยวเย่ว์หลานเอง ก็ยังไม่ทราบกระจ่างชัดว่ามันเป็น

วิญญาณยุทธ์ใด

เป็ นเขารู้สึก ว่าหากจะมีคนหนึ่งที่ทราบ ย่อมต้องเป็นเซี่ยฉีโหรว!

ขณะหยางฉีเย่ว์หลับใหล ภายนอกก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว

เรื่องแปลกก็คือ นอกจากเก้าดวงตะวันร้อนแรง ขณะนี้เกิดจันทร์

เสี้ยวสีดํา จันทร์เสี้ยวนั้นยิ่งมายิ่งขยายขนาดมากขึ้น ราวกับมัน

พร้อมที่จะเป็นจันทร์เพ็ญ

แม่เฒ่าหลิงมองที่จันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่น

นางร้องตะโกนออกด้วยความหวาดกลัว “นี่… นี่คือจันทราทมิฬ!”



ตอนที่ 478 ชาติภพก่อนหน้า

ท่ามกลางท้องฟ้าเจิดจ้าด้วยแสงตะวัน เป็นการยากยิ่งที่จะได้พบเห็น

จันทราสีดํา

แม่เฒ่าตู้เอ่ยถามเสียงเบา “แม่เฒ่าหลิง นี่หมายความถึงอะไรกัน?”

“มัน… มันหมายความถึง ผู้ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬถือ

กําเนิดขึ้นแล้ว! และนั่น ถือเป็นวิญญาณยุทธ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!” แม่

เฒ่าหลิงเผยสีหน้าเปี่ ยมล้นด้วยความหวาดกลัว

หานเฝิงหู่ขมวดคิ้ว “ความสัมพันธ์ระหว่างตําหนักจันทราทมิฬ และ

จันทราทมิฬคืออะไรกันแน่?”

“เป้าหมายของตําหนักจันทราทมิฬ ก็เพื่อฝึกฝนวิญญาณยุทธ์จันทรา

ทมิฬที่แกร่งกล้านั้น!” แม่เฒ่าหลิงกล่าว “ข้าไม่ทราบว่าผู้ใดจากแดน

อ้างว้างถึงขั้นฝึกฝนวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬได้!”

บรรดาราชันยุทธ์ภายนอกนครโบราณ ขณะนี้มองจันทร์เพ็ญสีดําบน

ฟากฟ้า ขณะหารือกันด้วยอาการตื่นตระหนก

ขณะนี้ยังไม่มีราชันยุทธ์ผู้ใดจากไป พวกเขาบางคนยอมปล่อยมือ

จากนครโบราณแล้ว ขณะที่ผู้อื่นซึ่งรั้งรอ คิดอยากพบเห็นคนของ

สํานักเก้าตะวันปรากฏตัว พวกเขาต้องการเห็น ว่าอีกฝ่ ายจะยึดครอง

นครโบราณได้อย่างไร

แต่ก็ยังมีบางสํานัก ที่ยังคิดใช้โอกาสช่วงเวลาที่มี เพื่อสร้างสัมพันธ์

ใกล้ชิดกับสํานักเก้าตะวัน เผื่อว่าจะนําพาโชคลาภแก่พวกเขาในภาย

หน้าได้

หยางฉีเย่ว์ยังคงหลับ ขณะที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเฝ้าอยู่ข้าง

กายไม่ห่าง พวกเขาไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกแม้เพียงนิด

เช้าวันถัดมา จันทราทมิฬได้เลือนหายไปแล้ว

หยางฉีเย่ว์นอนหลับในอ้อมกอดเชี่ยวเย่ว์หลานเงียบงัน ลมหายใจ

สมํ่าเสมอ เป็นการหลับที่คล้ายสบายยิ่ง

ฉินหยุนมองที่โทเทมซึ่งได้รับมาจากเซียนปิ งชิง มันคือนกกระจอก

เทวะเก้าสวรรค์ เขารู้สึกได้ ว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมหาศาล

ขณะคิดพิจารณามันให้ดี ประตูหินพลันเปิ ดออก!

ฉินหยุนหันควับมองที่ประตูหิน พบว่าผู้ที่เข้ามาเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสวมใส่ชุดสีแดงสว่าง ผมหางม้าคู่ยาวยังคงไว้เช่นเดิม

นางที่สวมใส่ชุดสีแดงขับเน้นผิวขาว พร้อมรอยยิ้มซุกซนประดับที่

ใบหน้า ยิ่งทําให้นางน่ารัก

“พี่ชาย พี่สาว! ข้าหาพวกท่านจนพบ นี่ถือว่าเก่งหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์

เหม่ยหัวเราะ

“ชู่!” เชี่ยวเย่ว์หลานใช้นิ้วป้องปากบอกให้นางเงียบเสียงลง

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน ถึงกับอึ้งที่ได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้ามา

ภายในนี้ได้!

“นี่เจ้าผ่านม่านพลังเข้ามาได้อย่างไร? ม่านพลังไร้ผลไปแล้วหรือ?”

ฉินหยุนเกิดความตื่นตระหนก

“ย่อมไม่! ข้าใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงเพื่อเข้ามา!” เชี่ยวเย่ว์

เหม่ยหัวเราะ “พี่ชายลืมแล้ว? เป็นข้าคัดลอกวิญญาณยุทธ์พร้อม

ความสามารถเทวะเอาไว้!”

ฉินหยุนถึงกับตบหน้าผากตนเองที่ลืมเลือน

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมียันต์ไล่ล่าวิญญาณกับตัว ย่อมสามารถใช้ติดตาม

ออร่าของเขา เพราะเหตุนั้นนางจึงมาที่นี่

“พี่หยางผู้งดงามของข้าเป็นอะไรไปแล้ว? ได้รับบาดเจ็บหรือ?”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้เห็นหยางฉีเย่ว์หลับตานอนในอ้อมกอดเชี่ยวเย่ว์

หลาน จึงเดินเข้าไปลูบไล้ใบหน้างดงามของอีกฝ่ าย

ฉินหยุนกล่าวตอบ “อาจารย์หยางสบายดี เพียงแค่เหนื่อยจนหลับก็

เท่านั้น! เย่ว์เหม่ย ด้านนอกขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ราชันยุทธ์กลุ่มใหญ่ตั้งกระโจมที่ด้านนอกกันแล้ว พวกนั้นคิดรอ

คอยให้สํานักเก้าตะวันมาถึง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเล่นเส้นผมของพี่สาว

นาง ก่อนจะวิ่งเข้าหาฉินหยุนทางด้านหลังพร้อมยิ้มกว้าง

“พี่ชาย ข้าได้ยินว่าพี่สาวหมูฝันเฟื่ องถูกจับตัว ข้าจึงเร่งรีบมา! ข้าคิด

อยู่แล้วว่าท่านต้องระเบิดโทสะจัดการคนชั่วเหล่านั้นจนได้!” เชี่ยว

เย่ว์เหม่ยก็เป็นห่วงหงเมิ่งจูเช่นกัน “ว่าไป นางอยู่ที่ใดแล้ว?”

“อาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว ขณะนี้อยู่ห้องหินข้างเคียง!” ฉินหยุนตอบ

“ดี ให้ข้าไปทําให้นางตกใจสักทีหนึ่ง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะพร้อม

เดินออกไป

“เด็กน้อยผู้นี้ หากข้าไม่ต้องช่วยดูแลพี่หยาง คงดูแลนางให้นิสัยดีขึ้น

บ้างสักทีหนึ่ง!” เชี่ยวเย่ว์หลานแค่นเสียงดังขึ้น

ฉินหยุนยิ้มพลางส่ายศีรษะ

หยางฉีเย่ว์หลับไปถึงสามวันสามคืนจึงค่อยตื่นขึ้น

นางพอตื่นขึ้นมา สีขาวในดวงตาพลันเลือนหาย กลับกลายเป็นหมอก

สีดํา

นี่คือพลังของวิญญาณยุทธ์สีดํา แม้จะดูน่ากลัวไปบ้าง แต่มันคือพลัง

อันแกร่งกล้า

“พี่หยาง รู้สึกอย่างไรบ้างแล้ว?” เชี่ยวเย่ว์หลานมองที่หยางฉีเย่ว์ซึ่ง

นั่งบนหมอนรองพร้อมเอ่ยถามนุ่มนวล

สีหน้าของหยางฉีเย่ว์เย็นเยือก นางหลับตาลงครั้งหนึ่ง และลืมตาขึ้น

อีกครั้ง กลุ่มออร่าสีดําเลือนหายแล้ว ทว่าดวงตานั้นยังคงเต็มไปด้วย

ความเย็นเยือก

นางจับจ้องที่ฉินหยุนด้วยสายตาเย็นเยือกลึกลํ้า นี่ไม่ใช่การคิดไปเอง

จิตสังหารถึงกับปรากฏจากกายนาง!

เชี่ยวเย่ว์หลานตอบสนองรวดเร็ว นางชักกระบี่ออกมาไว้ในมือพร้อม

ถามเสียงเย็น “เจ้าไม่ใช่พี่หยาง! เจ้าเป็นใครกัน!”

สิ่งที่ฉินหยุนเป็นกังวลอยู่ภายในตลอดได้เกิดขึ้นแล้ว เขากังวลว่า

หยางฉีเย่ว์จะฟื้นคืนความทรงจํา จนแปรเปลี่ยนเป็นผู้อื่น

หยางฉีเย่ว์พลันเผยรอยยิ้มอ่อนจาง ราวกับนํ้าพุร้อนที่หลอมละลาย

หิมะ มันเปี่ ยมด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน จิตสังหารขณะนี้เลือน

หาย

ดวงตาของนางกลับคืนมาซึ่งความอ่อนโยนขณะยิ้มให้ “เป็นข้า

คาดคะเนถึงวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬผิดพลาด ทําพวกเจ้าเป็นกังวล

แล้ว!”

“ทําข้ากลัวแทบตาย! พี่หยาง ความทรงจําฟื้นคืนกลับมาแล้วหรือ?”

เชี่ยวเย่ว์หลานตระหนักได้ดี นางกล้าบอกว่าแววตาของหยางฉีเย่ว์

แตกต่างไปจากก่อนหน้า

กระทั่งว่ายังเป็นหยางฉีเย่ว์ แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมา มันแตกต่าง

ออกไป

นี่ย่อมเป็นเพราะนางได้รับตัวตนจากชาติภพก่อนกลับคืนมา!

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ จากนั้นจึงส่ายศีรษะ “ความทรงจําของข้า

กระจัดกระจาย มันเป็นเศษเสี้ยว แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร ข้าก็ยังเป็น

พี่หยางของพวกเจ้า!”

“เช่นนั้นค่อยวางใจได้หน่อย!” เชี่ยวเย่ว์หลานเก็บกระบี่กลับคืน

“พี่หยาง ท่านอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดแล้ว!” ฉินหยุนอุทาน

ออก

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ายิ้มรับ “ขอบคุณเจ้าแล้วเสี่ยวหยุน!”

“กระต่ายน้อยขณะนี้หลับอยู่ ให้ข้าส่งนางแก่ท่าน จะได้ช่วยท่านฟื้น

คืนความทรงจํา!” ฉินหยุนกล่าวขึ้น

“ให้นางอยู่กับเจ้าก่อน! ข้าตอนนี้เลี้ยงดูนางไม่ไหว!” หยางฉีเย่ว์มัด

ผมขึ้นพลางกล่าว “ข้าต้องกลับไปรายงานต่อท่านยายหลิงและคณะ”

ขณะนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยวิ่งเข้ามา ได้พบหยางฉีเย่ว์ นางจึงกระโจนตัว

เข้าหาอ้อมแขนอีกฝ่ าย “พี่หยาง!”

“เด็กน้อยที่ซุกซน เจ้าก็มาที่นี่ด้วยหรือ!” หยางฉีเย่ว์บีบจมูกงดงาม

อีกฝ่ ายไว้พร้อมยิ้มกล่าว

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอบคํา “ตอนข้ามาถึงท่านยังหลับอยู่เลย! จริงด้วย

ก่อนข้าเข้ามา ดวงจันทร์สีดําได้ปรากฏบนท้องฟ้า เสียดายนักที่ท่าน

ไม่ได้เห็น!”

“ข้ากําลังจะออกไปข้างนอก รายงานสถานการณ์ในนี้ก่อน จากนั้น

ค่อยให้พี่ชิงเฉิงติดต่อผู้อื่นให้เข้ามา!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มกล่าว

“ให้ข้าไปด้วย! ข้าคิดอยากเรียกท่านป้ามาฝึกฝนที่นี่เช่นกัน!” เชี่ยว

เย่ว์เหม่ยเร่งร้อนเสนอตัว

“ได้!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มรับ จากนั้นจึงดึงเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเดินออกไปจาก

ห้องหิน

หยางฉีเย่ว์ปลดปล่อยออร่าสีดําอ่อนจาง ก่อนจะทะลวงผ่านม่านพลัง

ไปอย่างง่ายดาย คล้ายกับว่านางสามารถกระทําได้ง่ายดายกว่าความ

สามารถเทวะทะลุทะลวงของฉินหยุนด้วยซํ้า

“เสี่ยวหยุน เจ้าเห็นหรือไม่? สายตาของพี่หยางตอนที่มองเจ้าแปลก

ออกไป!” เชี่ยวเย่ว์หลานถองสีข้างฉินหยุนพลางกล่าวกระซิบ

“เจ้าก็เห็น? เดิมมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อข้า แต่ภายหลังค่อย

กลับคืนเป็นปกติ!” ฉินหยุนขมวดคิ้ว เพราะเขาคิดว่าสิ่งที่พบเห็นไม่

มีทางตาฝาดไปเองแน่

เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวต่อ “แม้ยากพบเห็น แต่ข้าก็ยังเห็นว่าพี่หยางมอง

เจ้าอย่างไร ในแววตาของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน เรื่องนี้ไม่

เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”

“อย่าได้พูดคุยเรื่องนี้ต่อแล้ว ไปฝึกฝนในสระศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามให้

แข็งแกร่งขึ้นก่อนดีกว่า พวกเราจะได้ต่อกรสํานักเก้าตะวันได้!”

ฉินหยุนดึงแขนนางกระโดดลงสระนํ้า จากนั้นทั้งสองค่อยฝึกฝน

ร่วมกัน

ฉินหยุนเดิมคิดสร้างอาคมที่ประตูเมือง ทว่าด้วยกําลังตอนนี้ เขาไม่มี

ทางสร้างค่ายอาคมที่แข็งแกร่งขึ้นได้

เมื่อถึงเวลา บรรดาผู้ฝึกตนที่คิดเข้าเมือง ย่อมต้องใช้พลังของผู้อาวุโส

ตนเองทําลายค่ายอาคมนั้นเพื่อบุกเข้ามา

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาที่มีน้อยนิดเพื่อฝึกฝนและเลื่อน

ระดับพลัง

แม้ข่าวคราวเรื่องสํานักเก้าตะวันยังคงอยู่แพร่กระจาย ทว่าพวกเขา

ไม่ได้มารวดเร็วเพียงนั้น

หยางฉีเย่ว์ในตอนนี้ได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ ความ

ทรงจําชาติภพก่อนของนางคล้ายฟื้นคืนกลับมาเล็กน้อย รวมถึง

ความจริงที่ว่านางอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับเจ็ด ตัวนางขณะนี้ถือ

ว่าแข็งแกร่งยิ่ง

ผ่านไปหนึ่งเดือน หยางฉีเย่ว์ให้สื่อชิงเฉิงช่วยติดต่อหลายผู้คน

แม้สื่อชิงเฉิงพยายามแล้ว ก็ติดต่อได้แต่หลันเฟิ งจิน ผู้อื่นล้วนขาด

การติดต่อจากนาง จึงเป็ นเรื่องยากที่นางจะค้นหาพวกเขาได้พบ

ยกตัวอย่าง เสวี้ยซือเยี่ยและเมิ่งเฟยหลิง ทั้งสองมีสัมพันธ์อันดีกับ

ฉินหยุน ขณะนี้ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงาของตําหนักจันทราทมิฬ

อีกทางหนึ่ง จากประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ หยวนหยานหยิงและเฟิ ง

หงหลัน ทั้งสองฝากตัวเป็นศิษย์ของตําหนักจันทราทมิฬแล้ว

ตําหนักจันทราทมิฬยังมอบผลประโยชน์แก่ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์

หลายสิ่งอย่าง

ฉินหยุนขณะนี้ย้ายมาอยู่ห้องหินที่อยู่ในถํ้าของภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของ

สระนํ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม มันเป็นห้องหินขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นห้องโถง

ในโถงกว้างขวาง โฉมงามดิบเถื่อน ผิวสีนํ้าตาลข้าว และตัวสูง

ขณะนี้นั่งไขว้ขาตรงหน้าเขา เป็นหลันเฟิ งจิน

“อาจารย์ หยานหยิงและหงหลันไม่ได้คิดอยากเข้าร่วมตําหนักจันทรา

ทมิฬ! แต่จ้าวสํานักยืนกรานให้พวกนางไป จ้าวสํานักบอก ว่าประตู

ลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ขณะนี้มีแต่ถ่วงรั้งการฝึกฝนพวกนาง” หลันเฟิ งจิน

ถอนหายใจ อีกทางหนึ่ง นางก็เข้าใจเรื่องราวทางด้านนครโบราณ

ยุทธ์เต๋า

หยางฉีเย่ว์กล่าว “พวกนางได้เป็นศิษย์ของตําหนักจันทราทมิฬ ก็มี

การมอบผลประโยชน์หลายอย่างให้แก่ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์

ความเป็นเอกลักษณ์ของพวกนางไม่ใช่เล่น! จ้าวสํานักของเจ้าถือว่า

ทําเพื่อพวกนาง!”

ฉินหยุนทราบดี ว่าหยวนหยานหยิงและเฟิ งหงหลันรู้สึกผูกพันต่อ

ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ลึกซึ้งเพียงใด

และขณะนี้ ประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ตกอยู่ในปัญหา พวกนางย่อมคิด

อยากอยู่เพื่อช่วยเหลือ ไม่ยินดีจากไปอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุด ย่อมต้องเป็ นเว่ยจงเจิ้งยืนกรานให้พวกนางไปอย่างสุดตัว

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอกลับมา นางพาเชี่ยวเสวียนฉินมาด้วย ทว่าเขาไม่

ทราบว่านางไปหาตัวอีกฝ่ ายมาได้อย่างไร

เชี่ยวเสวียนฉินสวมใส่ชุดสีนํ้าเงินสว่าง เสน่ห์ความงามยังคงเช่นเดิม

ใบหน้านวลเนียนงดงามของนางเผยรอยยิ้มอ่อนจาง สายตายังคงสง่า

งามและสูงศักดิ

เมื่อนางมาถึง ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าสายเลือดที่เด่นชัด กระนั้น

เขาก็ไม่พบว่าเป็ นเรื่องแปลก เพราะลูกหลานตระกูลเชี่ยว คือผู้สืบ

ทอดมรดกสายเลือดมังกรอย่างเข้มข้น

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยวเย่ว์หลาน ทั้งสองปลุกสายเลือดมังกรให้ตื่น

ขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นเชี่ยวเสวียนฉินจะปลุกขึ้นมาได้ ก็ไม่ใช่เรื่อง

แปลก

เมื่อพวกนางฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่ง สายเลือดย่อมต้องตื่นรู้ขึ้นมา

เชี่ยวเสวียนฉินเมื่อมาถึง นางทักทายฉินหยุนและคณะก่อนจะออก

ปากบอกกล่าว “ข้าได้รับข้อมูลมา! หลายสํานักจากสํานักเก้าตะวัน

ขณะนี้อยู่ระหว่างทางเพื่อมาที่นี่ พวกนั้นคิดเข้าสู่นครโบราณอย่าง

พร้อมเพรียงกัน!”

“หนึ่งเดือนถัดจากนี้ วันที่สิบมิถุนายน!”

เซี่ยอู๋เฟิ งฝึกฝนอยู่ในสระนํ้าศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าระดับที่ห้าแล้ว “พวกเราเตรียมการเพียงพอแล้ว! อีกเดือนหนึ่ง

ข้าย่อมสามารถก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด คิดรับมือระดับ

ที่เก้าย่อมไม่ใช่ปัญหา!”

“ศึกนี้คือสิ่งตัดสินว่าพวกเราจะสามารถควบคุมนครโบราณยุทธ์เต๋า

เอาไว้ได้หรือไม่!” ฉินหยุนยืนขึ้น นํ้าเสียงสงบเยือกเย็นกล่าวออก

เชี่ยวเสวียนฉินอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ดังนั้นนางจึงคิด

เร่งรีบเข้าสระนํ้าศักดิ์สิทธิ์เพื่อฝึกฝน

หงเหยียนและมู่หรงต้าเหริน ย่อมไม่ยินยอมถูกทิ้งไว้ด้านหลัง พวก

เขาต่างฝึกฝนในสระนํ้าศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งวันและคืนไม่ต่างจาก

ผู้อื่น



ตอนที่ 479 มังกร

ผ่านการฝึกฝนกว่าสิบวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานขณะนี้เริ่มมี

เส้นสายสีดําปกคลุมร่างกาย นี่คือสิ่งที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า

จะพบพานเมื่ออักขระชีวิตปรากฏในร่างกาย

ในเวลานี้ เส้นสายวิญญาณอักขระชีวิต พวกมันเริ่มกระชับแน่นที่

ร่างกาย

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานสวมกอดกัน ขณะเส้นสายวิญญาณอักขระ

ชีวิตปกคลุมทั้งสองเป็นรังไหมสีดํา

ตราบเท่าที่พวกเขาออกมาจากรังไหม เส้นใยกายเต๋าของพวกเขาจะ

เลื่อนระดับได้สําเร็จ เมื่อนั้น หมายความถึงพวกเขาฝึกฝนเส้นใยกาย

เต๋าได้สําเร็จ และยังก่อเกิดอักขระชีวิตตัวที่หก มันจะทําให้ขุมพลัง

เต๋าของพวกเขาได้มีพลังเต๋าที่แกร่งกล้ามากขึ้น

แน่นอนว่า มีแต่ผู้มีพรสวรรค์สูงลํ้าจึงสามารถปลดปล่อยพลังเต๋าที่

ครอบครองออกมาได้

ตามปกติแล้ว มันจะส่งผลที่ดียามเมื่อทําการจารึก สกัดเม็ดยา หรือ

เมื่อทําการขัดเกลาวิญญาณ

หากมีความรู้ความเข้าใจต่อความสามารถไม่สูงลํ้า และพลังเต๋าอ่อน

ด้อย มันจะเป็ นเรื่องยากหากคิดแสดงพวกมันออก ผลประโยชน์ที

ได้รับจากมัน จะมีเพียงแต่พลังอันแข็งแกร่งที่มาพร้อมอักขระชีวิต

ตัวที่หก

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยวเสวียนฉิน ขณะนี้แช่กายในสระนํ้า มองไปยัง

รังไหมสีดําซึ่งลอยอยู่ ทั้งสองต่างคาดหวังถึงยามที่พวกเขาจะออก

จากรังไหม

“เมื่อพวกเขาออกมาจากรังไหม เมื่อนั้นพวกเขาก็จะเป็นขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่หก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “ความเร็วของพวกเขา

ถือเป็ นเรื่องดี ทั้งสองต่างมีหลายแก่นเต๋า การเลื่อนระดับพลังถือว่า

เชื่องช้ากว่าพวกเรามากนัก!”

เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว “เย่ว์เหม่ย เมื่อถึงเวลาที่พวกเราต่อสู้ เจ้าต้อง

ติดตามข้าอย่างใกล้ชิด! พวกเรายังมีเวลาอีกราวครึ่งเดือน น่าจะก้าว

สู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดได้!”

“บางทีพวกเราอาจไม่จําเป็นต้องสู้ด้วยซํ้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน ใช้เวลาทั้งสิ้นสองวันจึงค่อยออกมาจาก

รังไหม ทั้งสองขณะนี้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกสําเร็จ

เรียบร้อยแล้ว

หลังจากคํานวณระยะเวลา พวกเขาค่อยตระหนักได้ว่าเหลืออีกเพียง

สิบสามวัน ในวันที่สิบมิถุนายน ศิษย์สํานักที่แข็งแกร่งที่สุดของเก้า

แดนอ้างว้างจะบุกเข้าโจมตี

ในช่วงเวลาสิบสามวันนี้ ไม่เพียงพอให้พวกเขาได้ก้าวสู่ขอบเขต

วรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด!

หลายวันที่ผ่านมา หยางฉีเย่ว์บ่อยครั้งออกไปเดินเตร่ที่ภายนอก สืบ

หาข้อมูล และก็เพื่อทําความคุ้นชินกับตัวนางที่มีวิญญาณยุทธ์

จันทราทมิฬ

“พวกเจ้าฝึกฝนกันต่อ เย่ว์หลานและข้าจะปรับพื้นฐานการฝึกฝน!”

ฉินหยุนดึงเชี่ยวเย่ว์หลานไปยังห้องหินกว้างขวาง

เชี่ยวเย่ว์หลานถอนหายใจ “เสี่ยวหยุน ข้ากลัวว่าพวกเราจะไม่อาจ

ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด ถึงตอนนั้น การเผชิญหน้าศิษย์

ของสํานักเก้าตะวันจะเป็ นเรื่องชวนยากลําบาก!”

“เย่ว์หลาน ข้ามีมังกร!” ฉินหยุนนําเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกด

มังกรออกมา “ระหว่างทางไปเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน คณะ

ราชันยุทธ์ได้โหมโจมตีมังกรตัวหนึ่ง เจ้าน่าจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง!”

เชี่ยวเย่ว์หลานอุทานร้อง “ย่อมได้ยิน! ท่านยายตู้บอกต่อข้า ว่าพวก

เขาลงมือโจมตีมังกรนั่นจนหนีหาย! อย่าบอกนะว่า… มันอยู่ในหม้อ

สามขานี่?”

ฉินหยุนยิ้มพยักหน้ารับ “เจ้าทราบวิธีใช้มังกรตัวนี้หรือไม่? มันจะดี

นักหากทําให้พวกเราเลื่อนระดับได้รวดเร็วขึ้น!”

“ในร่างของมังกรย่อมมีแก่นมังกร หากพวกเราได้ดูดกลืนมัน ย่อม

ทําให้สามารถเลื่อนระดับได้!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยความตื่นเต้นขึ้นมา

“ข้าจะไปเรียกพี่หยางมาพูดคุยเรื่องนี้!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ

หยางฉีเย่ว์เพิ่งกลับจากภายนอก ขณะนี้สวมใส่ชุดสีขาว เส้นผมมัด

รวบเอาไว้ เป็นท่วงท่าที่พร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ

นางพอเข้ามาในห้องลับแล้ว ได้ทราบว่าฉินหยุนมีมังกรอยู่กับตัว

นางถึงกับอึ้งไปวูบ!

“ให้ข้าเข้าไปในหม้อนั่นและสังหารมังกรตัวนั้น จากนั้นข้าจะนําแก่น

มังกรออกมา!” หยางฉีเย่ว์กล่าว “ถัดจากนั้น พวกเจ้าค่อยดูดกลืนแก่น

มังกร พร้อมทั้งแช่กายในเลือดมังกรด้วย!”

“เพื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด จําเป็นต้องบํารุงเลี้ยงเส้น

ใยกายเต๋าถึงขีดสุด พวกมันจะเริ่มปลดปล่อยพลังเต๋าแรกเริ่มออกมา

จากนั้นควบแน่นพวกมันที่ใจกลางแก่นเต๋า นี่ถือเป็นขั้นตอนสําคัญ

ที่สุด!”

ฉินหยุนเปิ ดฝาหม้อและให้หยางฉีเย่ว์ได้เข้าไป เขายังยํ้าเตือนนางให้

ระมัดระวังตัวด้วย

“เสี่ยวหยุน เมื่อเจ้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หก ก็สมควรได้

เรียนรู้ความสามารถเทวะที่สองใช่หรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มถาม

“เป็นความสามารถเทวะอันใดกัน?”

ฉินหยุนตอบกลับ “ข้ายังไม่รู้แจ้งถึงความสามารถเทวะที่สอง แต่

ความสามารถเทวะนี้ย่อมแข็งแกร่ง! เคล็ดวิชาอัญเชิญราชสีห์สวรรค์

ขณะนี้มันให้ข้าเรียกราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาได้ถึงสองตัวแล้ว!”

“วิญญาณยุทธ์สั่นไหวสามารถสร้างแผ่นดินไหวออกจากพื้นโลก

รายละเอียดข้าไม่ทราบนัก! ทางด้านวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ก็ยัง

เป็นเหมือนเคย!”

พลังของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬไม่เคยปรากฏ พวกมันย่อมมี แต่

ด้วยพลังของเขาตอนนี้ ทําให้ไม่อาจปลดปล่อยพวกมันออกมาได้

เป็นเขาสงสัยว่าจะเป็นพลังการดูดกลืนชวนขนพองสยองเกล้า!

“ทางด้านข้าก็ไม่ต่างกัน ความสามารถเทวะของข้าแข็งแกร่งขึ้นก็

ใช่…” เชี่ยวเย่ว์หลานถอนหายใจ “วิญญาณยุทธ์สีดําสามารถแปร

สภาพได้ถึงเก้าครั้ง เมื่อพวกเราก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่

สาม นั่นคือการแปรสภาพครั้งแรก และระดับที่หกคือการแปรสภาพ

ครั้งที่สอง!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ดูเหมือนทุกชั่วระดับหนึ่ง ความสามารถเทวะ

ของพวกเราจะแข็งแกร่งขึ้น!”

ทันใดนี้เอง หยางฉีเย่ว์จึงออกมา พร้อมไข่มุกขนาดเท่าลูกเกาลัดใน

มือ “แก่นมังกร!”

“เล็กยิ่งนัก!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยสีหน้ารังเกียจเล็กน้อยขณะรับมา แต่

แล้วก็รู้สึกได้ ว่าไข่มุกนี้หนักอึ้ง กลายเป็นทํานางยินดีขึ้นมาแทน

ไข่มุกขนาดเล็กเม็ดนี้หนักถึงหลายแสนจิน จากสภาพนี้ สมควรอัด

แน่นเอาไว้ด้วยพลังแกร่งกล้ามหาศาล!

หยางฉีเย่ว์นําอ่างอาบนํ้าสีเงินออกมา ขนาดของมันใหญ่พอให้สอง

คนลงไปแช่

“ขวดนี่บรรจุเลือดมังกรเอาไว้!” นางเทเลือดมังกรในอ่างนํ้าสีเงิน

“หลังพวกเจ้าดูดกลืนพลังจากเลือดมังกร ก็ค่อยเข้าไปในหม้อสาม

ขาด้วยตัวเองแล้วกัน!”

หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเข้าในอ่างนํ้า นางจึง

ออกจากห้องลับไปอย่างเงียบงัน

ผ่านการฝึกฝนอยู่สิบวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานบํารุงเลี้ยงร่างกาย

ด้วยแก่นมังกร และการแช่กายในเลือดมังกร

ทว่า แก่นมังกรนี้ยังไม่คล้ายหมดสิ้นพลัง ดังนั้นฉินหยุนจึงผนึกมัน

เอาไว้ และเก็บรักษาเป็นอย่างดีเป็นการชั่วคราว

“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด เลือดในกายเหมือนแข็งแกร่งขึ้น

สมควรเป็นโลหิตเต๋าแล้ว!” ฉินหยุนหลับตา รับรู้ถึงอักขระชีวิตที่

ปรากฏในเลือด

เดิมฉินหยุนครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์ ราชสีห์สวรรค์ก็

เหมือนดังมังกร ดังนั้นหลังการดูดกลืน มันจึงเป็นการเพิ่มพูนพลัง

อย่างรวดเร็ว

เชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองสายเลือดมังกร ดังนั้นการดูดกลืนเลือด

มังกรจึงทําให้นางแข็งแกร่งขึ้นยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“ไม่นึกเลยว่าผู้ฝึกตนสายเลือดราชสีห์สวรรค์เช่นเจ้า และผู้ฝึกตน

สายเลือดมังกรเช่นข้า จะกลายเป็นสามีภรรยากันได้!” เชี่ยวเย่ว์หลาน

ขณะนี้จูบเข้าที่แก้มฉินหยุนอย่างอ่อนช้อย

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานฝึกฝนร่วมกัน ความเร็วการฝึกฝนถือว่า

มากลํ้า พวกเขาครอบครองสามแก่นเต๋า กระนั้นกลับรวดเร็วยิ่งกว่า

เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะเสียอีก

เมื่อเลื่อนระดับเรียบร้อยแล้ว หยางฉีเย่ว์จึงเดินเข้ามา

“ยินดีด้วย พวกเจ้าก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดแล้ว!” หยาง

ฉีเย่ว์ยิ้มด้วยใบหน้าเปี่ ยมความตื้นตัน

นางได้เห็นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเติบโต โดยเฉพาะฉินหยุน

ย้อนกลับไปตอนนั้น เขายังเป็นศิษย์ของนางอยู่เลย

หลังจากปิ ดประตูห้องหิน นางค่อยโบกมือปลดปล่อยม่านพลังใน

อากาศปกคลุมสามร่างเอาไว้ นี่เป็นการทําเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงถูก

ดักฟังหรือถูกแอบฟัง

เชี่ยวเย่ว์หลานและฉินหยุนได้เห็นสีหน้าจริงจังของนาง ทั้งสองล้วน

มีคําถามอยู่เต็มอก

“เสี่ยวหยุน! บอกต่อข้าตามตรง เจ้าได้รับอะไรจากดวงจันทร์?”

หยางฉีเย่ว์เอ่ยถาม “นี่เป็ นเรื่องสําคัญ อย่าได้ปิ ดบัง!”

“ข้าได้รับวิญญาณดวงตะวัน!” ฉินหยุนกล่าวตอบ พร้อมนําเอาไข่มุก

สีแดงร้อนแรงออกมา “เป็นสิ่งนี้!”

หลังจากผสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ หยางฉีเย่ว์คล้ายฟื้นฟู

ความทรงจําจากชาติภพก่อนมาหลายส่วน เพราะเหตุนี้นางจึงถาม

ต่อฉินหยุน

เชี่ยวเย่ว์หลานคล้ายทราบถึงความสําคัญของวิญญาณดวงตะวัน นาง

ขณะนี้มองฉินหยุนด้วยอาการตื่นตะลึง!

“อย่างนี้นี่เอง!” หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้วกล่าวคําออก “เสี่ยวหยุน สถานที่

ซึ่งวิญญาณดวงตะวันไปหยุดลง มันย่อมมีความสอดคล้องกับตัว

สถานที่! เจ้านําเอาวิญญาณดวงตะวันจากดวงจันทร์มาที่นี่ มันจะทํา

ให้สามแดนอ้างว้างเกิดความเปลี่ยนแปลง!”

“เปลี่ยนแปลงอันใด? ภัยพิบัติหรือ?” ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถาม

“ไม่! หากไข่นี้ฟักออก เพื่อปกป้องวิญญาณดวงตะวันภายใน เก้าดวง

ตะวันบนฟากฟ้าจะปลดปล่อยพลังออกมาชนิดหนึ่ง มันจะทําให้

ยอดฝีมือของสามแดนอ้างว้างไม่อาจอยู่อาศัยที่นี่ได้อีกต่อไป!”

หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจ “นี่คือความพยายามของเก้าดวงตะวันเพื่อ

ปกป้องวิญญาณดวงตะวัน! ด้วยพลังตอนนี้ของเก้าดวงตะวัน แดน

วิญญาณอ้างว้างและแดนอ้างว้างที่ยิ่งใหญ่แห่งอื่นจะไม่มีอันใด

เปลี่ยน ทว่ามันจะมีผลกับสามแดนอ้างว้างโดยตรง!”

เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “อย่างนั้นก็ถือเป็ นเรื่องดีสิ!”

“เป็ นเรื่องดี! แต่ก็ยังหมายถึงมีความเป็นไปได้ที่ยอดฝีมือในสาม

แดนอ้างว้าง จะต้องอพยพมุ่งหน้าไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างและ

แดนอสูรอ้างว้าง! ส่วนระดับการฝึกฝนที่จะถูกขับไล่ไปนั้น ข้าไม่

มั่นใจนัก” หยางฉีเย่ว์กล่าว

ฉินหยุนกลายเป็นยินดี หากเป็ นเรื่องจริง ภายหน้าเขาก็ไม่ต้องหวั่น

เกรงราชันยุทธ์อีกต่อไป

“อย่างนั้นแล้วพวกเราจะฟักไข่นี้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถามนํ้าเสียง

ตื่นเต้น

หยางฉีเย่ว์กล่าวตอบ “หากไม่ผิดพลาด ออร่าที่ปลดปล่อยจากไข่ใบ

นี้สมควรเป็นเปลวเพลิงเทวะ! นี่เป็นออร่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ

นกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์! เพื่อฟักนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์ ก็

จําเป็นต้องใช้โทเทมนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์!”

“ข้ามีพอดี!” ฉินหยุนเร่งรีบนําโทเทมนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์

ออกมา พร้อมปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตในมือ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สงบใจตัวเอง ทําการแกะสลักโทเทมลงบน

เปลือกไข่

ปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตครอบครองจารึกวิญญาณราชันสัตว์ ดังนั้น

การแกะสลักโทเทมสัตว์จึงเป็ นเรื่องง่าย

ไม่ช้าฉินหยุนจึงทําได้สําเร็จ

ชั่วเวลานี้ เปลือกของไข่เกิดรอยปริแตกขึ้น!

“มันคิดออกมาเลยหรือ?” ฉินหยุนถูไม้ถูมือขณะจับจ้องสายตาไปยัง

ไข่ที่ปริแตก

เชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์ ต่างก็จ้องมองไข่ที่ลุกโชติช่วงจนเกิด

ความกังวลขึ้นภายใน

“แคร้ก!”

ไข่ปริแตกโดยสมบูรณ์ ลูกเป็ดน้อยทองม่วงลอยออกพร้อมเข้าหาใน

มือฉินหยุน

“นี่คือนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์หรือ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า?” ฉิน

หยุนร้องออก ขณะนี้มือของเขาถูกกัดจนเลือดออก

ชั่วขณะที่เลือดหลั่ง เขารู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อแปลกประหลาดกับ

ลูกเป็ดน้อยในมือ

“นี่เป็นเพียงสภาพที่เพิ่งออกจากไข่ เป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลกอะไร!”

หยางฉีเย่ว์เผยความยินดีไม่น้อย นางยื่นมือไปสัมผัสที่ลูกเป็ดทอง

ม่วง รอยยิ้มเผยออกกว้าง “เจ้าตัวน้อย นับแต่นี้ก็ติดตามเขาด้วยละ!”

“เจ้าตัวน้อยน่ารัก มาให้พี่สาวคนนี้กอดหน่อยเร็ว!” เชี่ยวเย่ว์หลาน

มองลูกเป็ดตัวน้อยน่ารักด้วยความยินดี มือขณะนี้ยื่นออกคิดสัมผัส

ลูกเป็ดน้อยกระพือปี กน้อยทั้งสองข้างพร้อมเสียง “จี๊” ดังขึ้นชวนให้

มองอย่างเอ็นดู

“เสี่ยวหยุน มังกรที่เจ้ามี สมควรเพียงพอให้เจ้าตัวน้อยนี่กินสักหนึ่ง

หรือสองปี !” หยางฉีเย่ว์กล่าว

“หนึ่งหรือสองปี เองหรือ? มังกรนั่นตัวใหญ่นัก ตัวใหญ่แค่นั้นพอให้

เจ้าตัวน้อยนี่กินได้แค่หนึ่งหรือสองปี เองหรือ?” ฉินหยุนอุทานร้อง

หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “นี่เป็นสัตว์เทวะ เป็นสิ่งที่สามารถทําให้เติบโต

ได้แต่ในสถานที่อย่างแดนเซียนอ้างว้าง! เรื่องนี้ไม่นับว่าแปลกแต่

อย่างใด!”

ฉินหยุนขณะนี้เกิดความยินดี ที่กระต่ายหยกตัวน้อยหลับใหล หาก

ไม่แล้ว เขาคงโดนตัวตะกละเข้ารุมเร้าอีกหนึ่งทางแน่

แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร นี่ก็คือสัตว์เทวะที่เพิ่งถือกําเนิด มันจะค่อย ๆ

เติบโตขึ้นผ่านกาลเวลา

หนึ่งเดือนผ่านพ้นรวดเร็วยิ่ง วันที่เจ็ดมิถุนายน อีกสามวันก่อนที่

กลุ่มแรกของสํานักเก้าตะวันจะมาถึงทางเข้านครโบราณ!

หลายคนต่างคิดอยากรับชมเรื่องราวใหญ่โต พื้นที่โล่งกว้างด้านนอก

ประตูเมืองขณะนี้ ถึงกับมีกระโจมน้อยใหญ่อยู่เต็มไปหมด

ยังมีเวลาอีกสามวันก่อนที่ศิษย์แกร่งกล้าและลึกลับของสํานักเก้า

ตะวันจะเข้าเมืองไปจับตัวฉินหยุน

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนคิดอยากเป็นประจักษ์พยานว่าฉินหยุน

จะโรยราเช่นไร

ผ่านการฝึกฝนหนึ่งเดือน เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เจ็ดได้อย่างราบลื่น!

เวลาเดียวกันนี้ เรื่องราวชวนขนลุกก็ได้บังเกิดขึ้นกับสามแดนอ้างว้าง

ผู้ฝึกตนแกร่งกล้าที่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ พวกเขาไม่

อาจรับรู้ถึงพลังวิญญาณเก้าตะวันได้อีกต่อไป!


ตอนที่ 480 อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ

ที่ด้านนอกนครโบราณยุทธ์เต๋า มีราชันยุทธ์และขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า

อยู่มากมาย พวกเขาต่างพบว่าไม่อาจสัมผัสถึงพลังเก้าตะวัน ความ

แตกตื่นโกลาหลถึงกับบังเกิด

“ข้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ แม้ยังสัมผัสถึงพลังวิญญาณ แต่ก็ไม่

อาจดูดกลืนพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายได้มากนัก!” คนหนึ่งร้องตะโกน

ขึ้น

“ข้าเพิ่งก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณไม่คล้ายพบปัญหาใด ทุกอย่าง

ยังคงเป็นปกติ!” หญิงชราคนหนึ่งร้องบอก

“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าก็หาได้มีปัญหาใดไม่!” หนึ่งในกลุ่ม

คนยิ้ม “เป็นไปได้ว่าระดับการฝึกตนที่สูงส่งเพียงใด ก็ยิ่งทําให้ไม่

อาจสัมผัสถึงพลังวิญญาณเก้าตะวันได้เพียงนั้น?”

ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีกสามวันก่อนสํานักเก้าตะวันมาถึง ดังนั้นหลาย

คนจึงมารวมตัวกันที่นี่

กระนั้นตอนนี้ ถึงกับมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น!

หานเฝิงหู่ พยายามกว่าครึ่งชั่วยาม กระนั้นก็ไม่อาจสัมผัสถึงพลัง

วิญญาณเก้าตะวัน ทําให้หน้าผากต้องเปี่ ยมด้วยเม็ดเหงื่อแห่งความ

“แม่เฒ่าหลิง เรื่องนี้คิดเห็นเช่นไร?” เขาเอ่ยถามขณะพยายามสงบใจ

ตัวเอง

ราชันยุทธ์ผู้อื่นจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ต่างก็มองทางแม่เฒ่า

หลิง นี่ก็เพราะมีแต่นางที่ยังมีอาการสงบ

แม่เฒ่าหลิงกล่าวเชื่องช้า “เพื่อปกป้องบางสิ่งจากการถูกทําร้าย เก้า

ตะวันจึงควบคุมการดูดกลืนพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนแข็งแกร่งใน

สามแดนอ้างว้าง!”

“เก้าตะวันขณะนี้อ่อนแอ พวกมันควบคุมได้แต่สามแดนอ้างว้าง

เพราะเหตุนั้นทุกคนในแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้างจึง

สามารถฝึกฝนได้เป็นปกติ!”

ได้ยินคํากล่าวแม่เฒ่าหลิง ฝูงชนถึงกับฮือฮา!

นี่หมายความถึงพวกเขา ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ จะต้อง

เคลื่อนย้ายไปยังแดนอสูรอ้างว้าง หรือไม่ก็แดนวิญญาณอ้างว้าง!

พวกเขาทั้งหมดต้องเข้าแดนวิญญาณอ้างว้างผ่านเส้นทางวิญญาณ

อ้างว้างเร็วกว่ากําหนด กระนั้น หากคิดไปก็ต้องมีกําลังแกร่งกล้า

กระทั่งราชันยุทธ์ก็ไม่ใช่ว่าสามารถผ่านไปได้โดยง่าย

หลายปี ก่อน รอยแยกในช่องว่างถือกําเนิดขึ้นระหว่างแดนอสูรอ้างว้าง

และแดนสัตว์อ้างว้าง เป็นผลให้แดนสัตว์อ้างว้างถูกปกครอง กลับ

กลายเป็นแดนสัตว์อสูรอ้างว้าง

ทั้งแดนอสูรอ้างว้าง และแดนวิญญาณอ้างว้าง มีความแข็งแกร่ง

ทัดเทียมกัน พวกเขาจึงสามารถเชื่อมต่อถึงกัน

มันหมายความถึง ว่ามันมีเส้นทางซึ่งสามารถทําให้ทุกผู้คนสามารถ

ไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง

เส้นทางคือแดนสัตว์อสูรอ้างว้าง ไปยังแดนอสูรอ้างว้าง และค่อยไป

ยังแดนวิญญาณอ้างว้าง

แม้เป็นการเดินทางยาวและเต็มไปด้วยอันตราย แต่หากแข็งแกร่ง

เพียงพอก็ไม่มีปัญหาใด

ได้ยินว่าต้องอพยพย้ายไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง ขอบเขตวรยุทธ์

ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ต่างเกิดความหนักใจ

“ไม่ใช่ว่าก็แค่ไม่อาจดูดกลืนพลังวิญญาณได้หรือ? อย่างนั้นใช้ค่าย

อาคมก็สามารถดําเนินได้ตามปกติ!” ราชันยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น

“ไม่เห็นต้องไปแดนวิญญาณอ้างว้างแต่อย่างใด!”

แม่เฒ่าหลิงยิ้มกล่าว “นครโบราณยุทธ์เต๋าให้เพียงแต่ขอบเขตวรยุทธ์

เต๋าหรือน้อยกว่าเข้าไปได้! หากพวกเราเข้าไป พวกเราทั้งหมดจะถูก

สังหารด้วยผลย้อนกลับของค่ายอาคมด้านใน!”

“เก้าตะวันคิดกีดกันพวกเราจากการดูดกลืนพลังวิญญาณ หากพวก

มันรับรู้ ว่ายังมียอดฝีมือหลายต่อหลายคนในสามแดนอ้างว้าง แรง

กดดันนั่นจะต้องตามมาอย่างแน่นอน!”

นี่หมายความถึง เก้าดวงตะวันจะสังหารพวกเขา!

ผู้คนหัวใจเกิดความสั่นกลัว แน่นอนว่าพวกเขาคิดอยากไปแดน

วิญญาณอ้างว้าง ทว่าด้วยพละกําลังในตอนนี้ การผ่านสองแดน

อ้างว้างที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็ นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง

หานเฝิงหู่เผยดวงตาเป็นประกายขณะยิ้มกล่าว “ทุกคนไม่ได้ต้องการ

ไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างในเวลานี้ ข้าเดาว่าเพราะกังวลถึงเรื่องที่

ไม่อาจทานทนรับจนถึงแดนวิญญาณอ้างว้างได้ใช่หรือไม่?”

“ตําหนักจารึกเทวะของเราสามารถเสนอการคุ้มกัน ทําให้ทุกคน

สามารถเดินทางไปถึงแดนวิญญาณอ้างว้างอย่างปลอดภัย กระนั้น ก็

จําเป็นต้องใช้เหรียญม่วงจํานวนหนึ่ง ส่วนจํานวนที่แน่ชัด สามารถ

มาหารือกับพวกเราตําหนักจารึกเทวะได้”

ผู้คนสบถในใจ นี่ก็เพราะพวกเขากําลังถูกปล้นโดยตําหนักจารึกเทวะ

อีกครั้งหนึ่ง กระนั้นพวกเขาก็ไม่อาจทําอะไรได้ ที่ทําได้ ก็เพียงแต่

จํายอม!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ยินบทสนทนาที่ด้านนอกระหว่างอยู่บริเวณประตู

เมือง นางจึงเร่งรีบกลับมาบอกต่อฉินหยุนและคณะถึงเรื่องราว

ฉินหยุนและคณะขณะนี้อยู่ในห้องโถงกว้าง

มีเพียงเชี่ยวเย่ว์หลาน หยางฉีเย่ว์ และฉินหยุนที่ทราบว่าเหตุใด

ภายนอกจึงเกิดเรื่องราวขึ้น

เชี่ยวเสวียนฉินออกปาก “นี่คือโอกาสไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง! ข้า

คิดว่าพวกเราควรใช้โอกาสนี้มุ่งหน้าไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง

ด้วยกัน!”

ด้วยพรสวรรค์ของเชี่ยวเสวียนฉินที่ไม่แย่ และยังเป็นผู้สืบทอด

สายเลือดมังกร ไค่เซียงจิ้งให้สัญญา ว่าตําหนักจันทราทมิฬจะรับ

นางเป็นศิษย์

ไค่เซียงจิ้งกล่าว “คนของตําหนักจันทราทมิฬล้วนแข็งแกร่ง พวกเขา

จะนําพวกเจ้าไปถึงแดนวิญญาณอ้างว้างอย่างปลอดภัย!”

“ขณะนี้ข้ายังไม่คิดไป!” ฉินหยุนถอนหายใจยาว เขาคิดรอให้นก

กระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์เติบโตอย่างปลอดภัย เขาไม่อาจไปยังแดน

วิญญาณอ้างว้าง ไม่เช่นนั้นเก้าตะวันจะไม่ให้การปกป้องแก่เขาอีก

เชี่ยวเย่ว์หลานคิดอยากอยู่ร่วมกับฉินหยุนที่นี่ แต่หากนางอยู่ เชี่ยว

เย่ว์เหม่ยย่อมไม่มีทางไป เป็นไปได้ว่าการที่นางไม่ไป จะยิ่งทําให้

เรื่องราวภายหน้ายากลําบากมากขึ้น

“เมื่อใดที่ความโกลาหลของนครโบราณยุทธ์เต๋าสิ้นสุด ข้าจะติดตาม

แม่เฒ่าหลิงและคณะกลับไปยังตําหนักจันทราทมิฬในแดนวิญญาณ

อ้างว้าง!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว

“อา… พี่ไม่คิดอยู่ต่อหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยความลังเล ทว่านางก็

คิดอยากไปแดนวิญญาณอ้างว้างเพื่อเปิ ดหูเปิ ดตา

“เสี่ยวหยุนไม่ใช่เด็กแล้ว เหตุใดต้องอยู่กับเขาไปตลอดกันเล่า!”

เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “นอกจากนี้ เขาอยู่ที่นี่ เพราะเขามีเรื่องให้ต้อง

ทํา!”

เซี่ยอู๋เฟิ งกล่าว “ข้าคิดติดตามผู้อาวุโสของสํานักมุ่งหน้าไปยังแดน

วิญญาณอ้างว้างเช่นกัน! หากยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและ

ราชันยุทธ์จากไป น้องหยุนก็ไร้คู่ต่อกรที่นี่ ไม่มีอันใดให้ต้องกังวล!”

การเดินทางไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างอย่างปลอดภัย คือสิ่งที่หลาย

คนถวิลหา ขณะนี้ถือเป็นโอกาสอันดี

มันมีเหตุผลว่าทําไมฉินหยุนจึงเลือกอยู่ต่อ

พวกเขาล้วนตกลงกัน ว่าจะไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างหลังจบ

เรื่องราวที่นครโบราณยุทธ์เต๋า!

สามวันผ่านพ้น ที่หน้าประตูเมือง รถลากหรูหราขนาดยาวกว่าสิบ

เมตรปรากฏ!

รถลากเหล่านี้เป็นสีทองสุกสว่าง ประดับด้วยหยกเป็นประกาย ส่อง

แสงงดงามพร้อมออร่าสะกดข่มออกมา สิ่งที่ใช้ลากรถลาก ล้วนเป็น

สัตว์ระดับวิญญาณ

การปรากฏตัวของสํานักเก้าตะวันชวนประทับใจ โดยเฉพาะกับสัตว์

วิญญาณที่ลากรถลาก

ทุกรถลากขณะนี้มีคนเกือบสิบก้าวเดินออกมา มีทั้งวัยชรา วัยกลางคน

วัยหนุ่มสาว และรุ่นเยาว์ เสื้อผ้าพวกเขาล้วนมีเอกลักษณ์

สํานักที่แตกต่างย่อมมีลวดลายที่แตกต่างบนชุดหรูหรา

เมื่อพวกเขามาถึง ก็ไม่คิดเสวนากับผู้คนที่นี่ กระทั่งราชันยุทธ์ในที่

แห่งนี้ยังโดนพวกเขาเผยความเดียดฉันท์ออกมา พวกเขาไม่แม้กระทั่ง

มองอีกฝ่ าย!

พวกเขาเหล่านี้ หันมองที่ประตูเมืองของนครโบราณ

“ตําหนักโทเทมเสนอหนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วงแลกหัวของฉินหยุน

งั้นหรือ?” ชายชราชุดแดงเอ่ยถามเสียงเย็น

ผู้อาวุโสตําหนักโทเทมเร่งรีบเข้ามากล่าวด้วยความนบนอบ “ถูกต้อง

ขอรับ เป็นพวกเราเอง ตราบเท่าที่ตัดหัวฉินหยุนและส่งให้แก่พวก

เราได้ ท่านจะได้รับหนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วง!”

“ดี!” ชายชราพยักหน้ารับ

ห้าสํานักมาถึงแล้ว อีกสี่สํานักยังมาไม่ถึง ไม่มีผู้ใดทราบว่าเพราะ

เหตุใด

ห้าสํานักส่งรุ่นเยาว์มาห้าคน พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

ระดับที่เก้า!

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าเหล่านี้ อายุเพียงสิบห้าถึงสิบหกปี กัน

เท่านั้น เรื่องนี้ทําเอาคนนับสามหมื่นที่ด้านนอกเมืองถึงกับตื่นตะลึง

ระดับการฝึกฝนสูงส่งที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน กระนั้นคนหนุ่ม

ของสํานักเก้าตะวันเหล่านี้สามารถได้รับพลังดังกล่าวมาครอบครอง!

“พวกเจ้าทั้งห้า เสี่ยงทายและตัดสินลําดับการเข้าสู่นครโบราณยุทธ์

เต๋า!” ผู้อาวุโสของพวกเขานําเอากล่องออกมา เด็กหนุ่มหล่อเหลาทั้ง

ห้าคนเข้ามาจับสลาก

หลังจับสลากเรียบร้อย คนแรกที่เข้านครโบราณยุทธ์เต๋า เป็นเด็ก

หนุ่มร่างสูงกํายําผิวสีแทน สวมใส่ชุดคลุมตัวนอกสีดํา แขนทั้งสอง

เปลือยเปล่าเผยซึ่งมัดกล้าม

เด็กหนุ่มผู้นี้ค่อนข้างหล่อเหลา ในมือถือขวานสีดําขนาดใหญ่ที่

เปี่ ยมล้นด้วยพลังออกมา มันคือขวานที่เป็นถึงอุปกรณ์เต๋า!

เด็กหนุ่มปล่อยหมาป่ าสีดําขนาดตัวยาวกว่าห้าเมตรออกมา พร้อม

ขึ้นขี่มันเข้าสู่ประตูเมือง

ทุกคนพอได้เห็นหมาป่ าสีดํา พวกเขาล้วนเกิดความหวาดกลัว!

หมาป่ าสีดํามีปากขนาดใหญ่ที่แปลกประหลาด เรียกได้ว่ามันพร้อม

จะกลืนวัวทั้งตัวเข้าไปได้เลยด้วยซํ้า

“อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ สัตว์อสูรวิญญาณระดับที่เก้า!”

“ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว ศิษย์สํานักเก้าตะวันล้วนอยู่คนละระดับ! ด้วย

อายุเยาว์เพียงนี้ อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า อาวุธเต๋าในมือ

และยังขี่สัตว์อสูรวิญญาณระดับเก้า!”

“ไม่แปลกใจเลยที่สํานักเก้าตะวันจะมองเหยียดพวกเรา พวกเขา

แข็งแกร่งจริงแท้!”

“ได้ยินว่าพวกเขาติดอยู่ในแดนอ้างว้างลึกลับโบราณส่วนตัวมา

หลายปี ขณะนี้ได้ออกมา พวกเขาย่อมคิดหาที่ระบายโทสะ ภายหน้า

พวกเราต้องระวังไว้ให้ดี!”

หลังจากเด็กหนุ่มชุดดําเข้าประตูเมืองไปแล้ว เขาหันกลับมากล่าวต่อ

ศิษย์อื่นของสํานักก้าวตะวันอย่างภาคภูมิ “ข้าจะจบศึกนี้เอง พวกเจ้า

คงไม่มีโอกาสได้ลงมือแล้ว!”

กล่าวคําจบ เขาจึงกระโดดลงจากหลังของอสูรหมาป่ าจอมเขมือบ

ตบเข้าที่ก้นของมันและกล่าว “อาหลาง ไปหาพวกคนที่อยู่ด้านใน

แล้วกินพวกมันให้หมดสิ้น! เหลือทิ้งไว้แค่หัวพวกมัน แล้วก็นํา

กลับมาให้ด้วย!”

อสูรหมาป่ าเผยเสียงร้องหอนยาวออกมา ขณะนี้มันเข้าสู่สภาพพร้อม

ต่อสู้ ร่างกายเกิดเกร็งขึ้น เผยเสียงคํารามร้องลุ่มลึกขณะหันมองรอบ

ด้าน

เด็กหนุ่มที่ถือขวานขมวดคิ้ว “มีคนอยู่ใกล้เคียงหรือ? ออกมาหาที่

ตายโดยแท้!”

เขาร้องตะโกนขึ้น “ไอ้ตัวที่ชื่อฉินหยุน จงรีบออกมารับความตาย!

อย่าได้หลบซ่อนแล้ว!”

อสูรหมาป่ าจอมเขมือบออกวิ่งไปกว่าสิบเมตร หันมองซ้ายขวา เริ่ม

ทําการอ้าปากใหญ่พร้อมหอนร้อง ปากของมันขณะนี้ กว้างเกือบ

สามเมตรเห็นจะได้

ฉินหยุนมาถึงนานแล้ว เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะก็หลบซ่อนตัวใกล้เคียง

เช่นเดียวกัน

ชั่วขณะนี้เอง เขานําเอาปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าออกมา บรรจุกระสุนปืน

ใหญ่เข้าไป

กระสุนปื นใหญ่นี้เป็นการร่วมมือหลอมโดยทุกคนในช่วงสามวันที่

ผ่านมา

เมื่อขัดเกลากระสุนปื นใหญ่ เขาจะใช้นํ้ามันสัตว์ปริมาณมหาศาล

ร่วมกับแก่นเต๋าระดับที่เก้า แรงระเบิดย่อมรุนแรงขนาดที่ผู้ฝึกตน

ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าต้องตายอย่างไม่มีอะไรให้สงสัย

“อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ… หน้าโง่ที่มีปากใหญ่ขนาดนี้ ชัดเจนว่า

ต้องการให้ยิงเข้าปากมันแล้ว!”

ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวน่าสนุก ขณะนี้เขาเล็งไปที่ปากกว้างใหญ่ของ

อสูรหมาป่ า

เมื่อครู่ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพิ่งส่งเสียงสื่อสารถึงเขา ร้องบอกว่านางคิด

อยากลงมือสังหารมันเอง

ฉินหยุนขณะนี้คิดอยากก่อการใหญ่ด้วยตนเอง ดังนั้นจึงปฏิเสธเชี่ยว

เย่ว์เหม่ยไป

“ฉินหยุน ไอ้ลูกเต่า จงรีบไสหัวออกมา!” เด็กหนุ่มชุดดําร้องตะโกน

“จงออกมาอย่างกล้าหาญและตัดหัวตนเองเสีย! นี่จะได้ช่วยไม่ให้เจ้า

ต้องทรมาน!”

“ชอบอ้าปากนักหรือ ได้! อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ รับกระสุนปืน

ใหญ่ข้าไปกิน!” เพียงความคิด ฉินหยุนยิงกระสุนปื นใหญ่ออก

กระสุนปื นใหญ่พลันลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ลอยลิ่วมาเปรียบดั่ง

อุกกาบาต เพียงพริบตา มันเคลื่อนผ่านปากขนาดใหญ่นั้นเข้าไปใน

ร่าง!

ตู้ม!

ด้วยเสียงดังสนั่น อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ ร่างกายขณะนี้แหลกเละ

เป็นชิ้นเนื้อ เกิดเป็นฝนเลือดเนื้อโปรยปราย ทําเอาร่างเด็กหนุ่มชุดดํา

ต้องเปี ยกโชกด้วยของเศษเนื้อและเลือด

เมื่อครู่ หลายคนบินขึ้นฟ้าเพื่อมองผ่านม่านพลังของเมือง

ได้เห็นอสูรหมาป่ าที่แกร่งกล้า ถึงกับกลายเป็นชิ้นเนื้อในพริบตา

พวกเขาถึงกับตื่นตะลึง!

อสูรหมาป่ าที่โหดเหี้ยมเมื่อครู่ ต้องตายอย่างไม่มีทางจะอนาถไป

กว่านี้ได้!

“เถิงรุ่ย ระวังด้วย!” ชายชราในชุดดําตะโกนบอกเด็กหนุ่มชุดดําที่อยู่

เบื้องล่าง

บรรดาผู้มาจากสํานักเก้าตะวันต่างเกิดความประหลาดใจกันถ้วน

หน้าเช่นกัน!

พวกเขาค่อยทราบ ว่าบุคคลนามฉินหยุนไม่ใช่รับมือได้ด้วยง่าย!

นครโบราณ เมื่อเข้าไปแล้วไม่อาจออก หากสังหารฉินหยุนผิดพลาด

เช่นนั้นสิ่งเดียวที่รอคอยคือความตาย!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม