Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน 427-444

 ตอนที่ 427 อักขระจันทราสัตว์ปุบผา

หญิงชรามองขึ้นไปยังดวงตะวันบนฟ้า “ข้าไม่ทราบว่าวิญญาณดวงตะวันยังอยู่ที่นี่หรือไม่ แต่มันเคยอยู่ที่นี่จริง!”


ฉินหยุนมองขึ้นท้องฟ้าเช่นกัน หากวิญญาณดวงตะวันอยู่ที่นี่จริง อย่างนั้นแล้ว เขาอาจได้รับขุมพลังอันแกร่งกล้า


“ท่านยาย เหตุใดที่นี่มีสิบดวงตะวัน?”


หญิงชราร่อนลงที่หน้าภูเขา ก้าวเดินเข้าไปด้านในถ้ำและกล่าว “มีดวงตะวันที่ซ่อนเร้น มันไม่อาจมองเห็นจากเก้าแดนอ้างว้าง! นั่นคือดวงตะวันที่แท้จริง!”


ฉินหยุนขณะนี้สับสน ถึงกับถามต่อไม่ถูก


“ท่านยาย คนเหล่านั้นพอหาวิญญาณดวงตะวันไม่พบก็จากไปหรือขอรับ?” เขายังคงข้องใจกับเรื่องของวิญญาณดวงตะวัน


หญิงชราพยักหน้ารับ “พวกนั้นค้นหาที่นี่กว่าสิบปี พอยืนยันได้ว่าที่นี่ไม่มีวิญญาณดวงตะวัน พวกนั้นจึงค่อยจากไป! แต่ข้ายังคงรู้สึก ว่าวิญญาณดวงตะวันยังอยู่ที่นี่!”


ฉินหยุนตามหญิงชราเข้าสู่ด้านในถ้ำ


ด้านในเป็นค่ายอาคมเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ ตัวอาคมประกอบด้วยอักขระจันทรา


ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ยังอยู่ในสภาพที่ดี มีเพียงส่วนอักขระที่ได้รับความเสียหายระดับหนึ่ง


“สิ่งนี้คือค่ายอาคมเคลื่อนย้ายไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง! เมื่อกลับไปแล้ว อย่าได้ลืมส่งมอบวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำแก่นายหญิงน้อยด้วย!” หญิงชรากล่าว เสียงนี้ชัดเจน ว่านางเชื่อใจในตัวฉินหยุน


“มีแต่ต้องซ่อมค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ก่อนจึงค่อยกลับไปได้!” ฉินหยุนกล่าว “คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง!”


เขาไม่อาจซ่อมแซมอักขระจันทราที่เสียหาย ทว่าโมโมสามารถ


หญิงชรากล่าว “ตัวท่านขณะนี้เป็นเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า มีความสามารถซ่อมแซมอาคมเคลื่อนย้ายแกร่งกล้านี้ได้ไหวหรือ?”


“ข้าไม่อาจทราบ มีแต่ต้องลอง!” ฉินหยุนปล่อยโมโมออกมา


โมโมบินขึ้นกลางอากาศเหนือค่ายอาคมเคลื่อนย้าย บินวนอยู่รอบหนึ่งนางค่อยกล่าว “อักขระภายในข้าสามารถซ่อมได้ แต่ต้องใช้เวลาไม่น้อย คงต้องใช้ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจำนวนมหาศาล!”


“คิดว่าจะนานขนาดไหน?” ฉินหยุนถาม


“สักครึ่งปี!” โมโมคิดอยู่พักหนึ่ง “อาจต้องใช้ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกว่าหนึ่งร้อยฟอง! และยังเป็นการซ่อมแบบหยาบ มันจะสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น!”


ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ซับซ้อนอย่างยิ่ง นับว่าดีมากแล้วที่โมโมยังสามารถซ่อมแซมมันได้


หญิงชรามองที่โมโมและขมวดคิ้ว “นั่นไม่ใช่ภูติพระแม่หรอกหรือ?”


“ขอรับ เป็นภูติน้อยที่น่ารัก!” ฉินหยุนยิ้ม “ท่านยาย พระราชวังกวงหานแห่งนี้มีสมุนไพรวิญญาณมากมายใช่หรือไม่ขอรับ?”


“ถูกต้องแล้ว! ที่นี่คือพื้นที่บ่มเพาะสมุนไพรอายุวัฒนะมากมาย ทว่าพวกมันล้วนถูกทำลายจนสิ้น!” หญิงชราถอนหายใจอย่างเจ็บปวด


ฉินหยุนตระหนัก เช่นนั้นที่นี่ย่อมต้องเคยมียาอายุวัฒนะในตำนานอยู่จริง!


เขาพลันรู้สึก ว่าดวงจันทร์นี้สมควรเป็นสำนักอันแกร่งกล้า ย่อมต้องเคยมีราชันเซียนปกครองที่นี่มาก่อน นอกจากนี้ ยังมีแม่มดซึ่งแข็งแกร่งมาเยี่ยมเยือนที่นี่บ่อยครั้ง


กระนั้นที่นี่กลับถูกทำลาย!


“ต้องการสมุนไพรโอสถใดหรือ?” หญิงชราเอ่ยถาม


“เป็นผลไม้ลึกล้ำวิจิตร!” ฉินหยุนเร่งรีบกล่าว “ข้ามีสหายคนหนึ่งถูกพิษ ต้องการผลไม้ลึกล้ำวิจิตรเพื่อขับไล่พิษออกจากร่างกายขอรับ!”


หญิงชราตอบคำ “สำหรับปุถุชน ผลไม้ลึกล้ำวิจิตรนับเป็นผลไม้ล้ำค่า แต่สำหรับพวกเรา มันเป็นเพียงผลไม้ธรรมดาเท่านั้น!”


มุมปากฉินหยุนกระตุก วัตถุทางโอสถล้ำค่าที่หาได้ยากล้ำในแดนยุทธ์อ้างว้าง ที่นี่กลับเป็นผลไม้ที่กินได้ทุกวัน!


“ยังพอมีเหลือหรือไม่ขอรับ?” เขาเร่งรีบเอ่ยถาม


หากพิษของเฟิงหงหลันไม่ถูกชำระร้าง รูปลักษณ์ของนางจะไม่มีทางกลับคืน นอกจากนี้ มันจะยังเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของนางหากยิ่งปล่อยให้เวลาล่วงเลย


หญิงชราหัวเราะ “ย่อมไม่มี! กระนั้นแล้ว ก็หาได้ต้องการสิ่งนั้นเพื่อชำระล้างพิษแต่อย่างใด ที่นี่มีกระต่ายหยก ตราบเท่าที่ค้นหาเจ้าตัวน้อยนั่นเจอ ก็นำมันกลับไปด้วยเลย!”


“กระต่ายหยก?” ฉินหยุนเกิดคำถามขึ้น “มันใช้เพื่ออะไรหรือขอรับ?”


“กระต่ายหยก มีความสามารถดูดกลืนพิษทุกชนิด! ต้องทราบว่ากระต่ายหยกแม้เป็นสัตว์ตัวเล็ก กระนั้นมันคือสัตว์ระดับลึกล้ำ ที่เติบโตมาด้วยผลไม้ลึกล้ำที่มีฤทธิ์แก้พิษนานาชนิด!” หญิงชรากล่าว


“แล้วกระต่ายหยกนั่นอยู่ที่ใดกัน? ข้าจะได้เร่งรีบไปหาตัวมัน!” ฉินหยุนเร่งร้อนถาม


“ข้าก็ไม่ทราบ ที่นี่เคยเกิดสงครามขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว ข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่เหลือรอด” หญิงชราถอนหายใจยาว “ผู้อื่นหากไม่ตาย ก็ถูกนำตัวไป ทว่ากระต่ายหยกสมควรยังมีชีวิตรอด เพราะมันหลับใหลอยู่ในส่วนลึกของใต้ดิน!”


ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างถอดใจ “เช่นนั้นข้าจะหากระต่ายหยกนั่นได้จากที่ใดกัน?”


หญิงชราส่ายศีรษะ “ในพระราชวังกวงหาน ลองหาดูให้ทั่วอาจจะเจอ”


พระราชวังกวงหานกว้างใหญ่ กระต่ายหยกหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน การค้นหาพวกมันยากเย็นดั่งปีนป่ายขึ้นสวรรค์แล้ว


“ท่านยาย กระต่ายหยกนั่นตัวใหญ่เพียงใด? มีรูปลักษณ์อะไรเด่นชัดหรือไม่?” ฉินหยุนถามต่อ


“มันจะใหญ่ได้อย่าง่ไร? เจ้าตัวน้อยนั่นตัวเล็กขนาดกระต่ายธรรมดา ทว่ามันจะส่องแสงสีขาวอ่อนจางออกมาได้!” หญิงชราตอบ “กระต่ายตัวน้อยนั่น เป็นนายหญิงน้อยชื่นชอบตั้งแต่ยังเยาว์แล้ว!”


ฉินหยุนเดิมคิดว่ากระต่ายหยกสมควรตัวใหญ่ อย่างไรแล้วมันก็เป็นสัตว์ลึกล้ำ


“เข้าใจแล้วขอรับ!” เขาเร่งรีบนำตำราที่มีอักขระดวงดาวและจันทราออกมา


เขาจำได้ ว่ามันมีอักขระจันทราประเภทหนึ่ง ที่เอาไว้ใช้ดึงความสนใจของพวกสัตว์ได้


“อักขระจันทราสัตว์ปุบผา!”


อย่างรวดเร็ว ฉินหยุนพบอักขระจันทราที่ต้องการ แม้ว่าดูซับซ้อนไปบ้าง แต่ด้วยความรู้และเข้าใจของเขา หากมีเวลาสักหน่อยย่อมทำความเข้าใจได้


โดยทันที เขานำเอาอุปกรณ์ที่จำเป็นออกมา คิดจัดทำยันต์ขึ้น


“สงสัยนักว่าเราจะทำยันต์วิญญาณโดยใช้อักขระจันทราสัตว์ปุบผาได้หรือไม่?” ฉินหยุนนำแผ่นหนังใส่ลงไปในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร ปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรงออกมา


ยันต์สัตว์บุปผา มันสามารถควบแน่นพลังงานพิเศษ ใช้เรียกหยดจันทราสัตว์ปุบผา มันคือพลังงานชนิดที่สัตว์ทุกตัวชื่นชอบและคิดกลืนกิน


หญิงชรามองที่ฉินหยุนก่อนจะเอ่ยคำ “แม้บอกว่าจดจำช่วงชีวิตก่อนหน้าไม่ได้ ทว่าในช่วงชีวิตก่อนหน้า ท่านคืออาจารย์จารึกเต๋าที่แกร่งกล้าผู้หนึ่ง!”


“เป็นเช่นนั้นหรือขอรับ?” ฉินหยุนที่ได้ฟังก็เผยความประหลาดใจ


หญิงชราตอบคำ “ท่านคือราชันเซียนในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ ทว่าทำตัวลึกลับยิ่ง! ข้าไม่ทราบแม้กระทั่งนามด้วยซ้ำ ที่ข้าทราบ ก็เพียงท่านครอบครองวิถีจารึกแห่งเต๋าที่เลิศล้ำ!”


“ดูเหมือนว่าหลังจากนายหญิงน้อยเสียไป ท่านคงไปคิดทวงหนี้แค้นกับคนเหล่านั้น ทว่าทำไม่สำเร็จจนต้องเสียชีวิตตามไปด้วย!”


ฉินหยุนคิ้วขมวด “การเป็นราชันเซียน หมายความถึงต้องมีชีวิตมายาวนานมากมายใช่หรือไม่ขอรับ?”


“ถูกต้องแล้ว! น่าเสียดายนักที่ท่านดันเสียชีวิตไปแล้ว!” หญิงชราเผยน้ำเสียงเจ็บปวดใจ


“ข้ายังไม่ตาย!” ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวแปลกประหลาด หญิงชรากลับมองเขาเป็นคนตายผู้หนึ่ง


“นายหญิงน้อยเอง ก็มีชีวิตมายาวนานยิ่ง กระนั้นนางก็ตายจากข้า!” ขณะหญิงชรารำพัน น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งออกเป็นสาย


ฉินหยุนเร่งรีบกล่าวปลอบ “ท่านยายอย่าได้ร้องไห้แล้ว! ไม่ใช่ว่านายหญิงน้อยของท่านกลับชาติมาเกิดแล้วหรือ? นางขณะนี้ถือว่ายังมีชีวิต! พวกข้ากับนางก็ยังเป็นสหายกัน!”


หญิงชราพอได้ยินเช่นนี้ ค่อยพยักหน้ารับ “นางย่อมต้องกลับมาสร้างพระราชวังกวงหานแห่งนี้อีกครั้งในภายหน้า ข้าจะรอคอยการกลับมาของนาง!”


ฉินหยุนเอ่ยถาม “ท่านยาย เหตุใดท่านไม่ไปแดนอ้างว้างกับข้าเล่า?”


หญิงชราส่ายศีรษะ “ข้าแข็งแกร่งเกินไป จึงถูกจำกัดไม่ให้เข้าแดนอ้างว้างได้! สถานที่ซึ่งปุถุชนอยู่ พวกเราไม่อาจเข้าไปตามอำเภอใจ!”


“ท่านยาย แล้วท่านทราบเรื่องอื่นใดในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของข้าอีกบ้างขอรับ?” ฉินหยุนถาม


เขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่านั่นจะเป็นตัวเขาเมื่อชาติก่อนจริงหรือไม่


หญิงชราคิดไปพักหนึ่งค่อยตอบ “นายหญิงน้อยแทบไม่เคยพูดถึงเรื่องของท่าน! เพียงบอกว่าท่านชื่นชอบการสำรวจสวนโบราณ!”


“ที่นี่คือสวนโบราณดั้งเดิม! ท่านมาที่นี่ได้โดยบังเอิญจนได้พบกับนายหญิงน้อยเข้า!”


“ดูเหมือนว่าในเก้าแดนอ้างว้างที่ยิ่งใหญ่ จะมีสวนโบราณถึงเก้าแห่งด้วยกัน!”


ฉินหยุนซึ่งกำลังใช้ค้อนทุบที่หนังสัตว์พลันชะงัก เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “สวนโบราณมีถึงเก้าแห่งเลยหรือขอรับ?”


หญิงชราตอบ “ถูกต้อง! กลุ่มคนที่ทำลายสถานที่แห่งนี้ พวกมันเพราะได้รับเบาะแส จึงทำลายสวนโบราณที่งดงามแห่งนี้จนสิ้น! ข้าได้ยินว่าวิญญาณดวงตะวันของเก้าดวงตะวัน ได้ร่วงหล่นลงสู่สวนโบราณทั้งเก้าแห่ง!”


“ข้าคิดว่านั่นเป็นเรื่องราวนานนับหมื่นปี วิญญาณดวงตะวันบางดวงได้ร่วงหล่นสู่แดนยุทธ์อ้างว้าง แดนสัตว์อ้างวาง และแดนปีศาจอ้างว้าง รวมถึงแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้างก็ด้วย เป็นข้าสงสัยนักว่าผู้ใดได้รับพวกมันไปครอง!”


ฉินหยุนขณะนี้ นึกถึงสวนโบราณที่เส้นทางหนามปีศาจ ภายในที่แห่งนั้น ย่อมต้องมีวิญญาณดวงตะวันคงอยู่แล้ว!


“ชักสงสัยแล้วสิว่าพวกเสี่ยวลู่จะทำอะไรกันอยู่! สวนโบราณนั่นเปิดออกทุกหลายพันปีให้ผู้อื่นได้เข้าไป นอกจากนี้ ผู้ที่เข้าไปแล้วยังไม่อาจเปิดเผยถึงสิ่งที่อยู่ภายใน หรือมันจะข้องเกี่ยวกับวิญญาณดวงตะวัน?”


เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดกว้างไกลจริง ๆ


หญิงชราพลันลูบที่ศีรษะฉินหยุนและกล่าว “ตั้งใจกว่านี้ ท่านเกือบทำสำเร็จแล้ว!”


ฉินหยุนดึงสติกลับคืน เริ่มทำการทุบหนังสัตว์อีกครั้งหนึ่ง


ไม่นานนัก เขาค่อยขัดเกลาหนังสัตว์ขนาดเท่ากระดาษยันต์ พร้อมกันนี้จึงนำเอาปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตออกมา


เขาไม่คิดวาดที่กระดาษยันต์ในทันที กลับกัน เขานำเอากระดาษกองใหญ่ออกมาเพื่อฝึกซ้อมก่อน


ที่ทำเขาตกใจ เห็นจะเป็นเรื่องที่พอแกะสลักอักขระจันทราสัตว์ปุบผา ตัวจารึกวิญญาณด้านในปากกาลึกล้ำ ฉับพลันเกิดความเคลื่อนไหว มันปลดปล่อยพลังพิเศษออกมา ผสานรวมกับจิตวิญญาณของเขา ทำให้สามารถวาดอักขระได้อย่างไหลลื่น


“ไม่นึกเลย ว่าจารึกวิญญาณราชันสัตว์จะส่งผลแม้กระทั่งอักขระจันทราระดับราชัน วิเศษนัก!”


ฉินหยุนเกิดความยินดี เขาวางแผนใช้เวลาที่มีให้มากขึ้น เพื่อลงแรงทำการแกะสลักอักขระที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ในภายหน้า


เป็นเขากล่าวโทษตนเองอยู่ภายใน ที่ไม่ยอมศึกษาทดลองใช้จารึกวิญญาณที่วิเศษเลิศล้ำนี้ให้ดีแต่แรก ถึงกับต้องจดจำเรื่องนี้ไว้ให้ขึ้นใจ ภายหน้าจะได้ไม่ลืมเลือน


เพื่อรับประกันความสำเร็จ ฉินหยุนฝึกฝนอีกหลายครั้งก่อนค่อยลงมือแกะสลักจริง


“หากเรารวบรวมจารึกวิญญาณมากขึ้น ก็ไม่ใช่หมายความถึงจะสามารถแกะสลักได้รวดเร็วขึ้นอีกหรอกหรือ?”


เรื่องนี้ได้แต่คิดแล้ว เพราะจารึกวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่หาพบได้ง่าย


ถัดจากนั้น เขาเริ่มแกะสลักยันต์หนังสัตว์ ด้วยอักขระจันทราสัตว์บุปผา


“ดูเหมือนในอุปกรณ์ท่านจะมีจารึกวิญญาณอยู่ด้วยนี่!” หญิงชราเอ่ยคำอย่างกะทันหัน


“ท่านยายทราบดียิ่งนัก!” ฉินหยุนตระหนกพร้อมยิ้มรับ “เช่นนั้นแล้ว ท่านยายทราบวิถีใช้จารึกวิญญาณนี้ให้ดียิ่งขึ้นหรือไม่ขอรับ?”


“เคล็ดลับอันยิ่งใหญ่นี้ สามารถใช้เพื่อแกะสลักอักขระอันแม่นยำสู่วิญญาณยุทธ์หรือว่าร่างกายของคนผู้หนึ่ง!” หญิงชราหัวเราะ


ฉินหยุนตระหนก จารึกวิญญาณของเขาคือราชันสัตว์ ก่อนหน้านี้ เขาสามารถแกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์ได้อย่างไหลลื่น จนกระทั่งเกิดขึ้นเป็นหุ่นเชิด!


หรือก็คือ เขาสามารถแกะสลักโทเทมสัตว์สู่วิญญาณยุทธ์หรือร่างกายของผู้คนได้


ได้ทราบเรื่องนี้ เขาคิดอ่านวางแผนว่าภายหน้าหากมีโอกาสต้องทดลอง


ทั้งสองฝั่งของกระดาษยันต์ ฉินหยุนทำการด้วยแกะสลักชุดอักขระจันทราสัตว์บุปผา ยันต์แผ่นนี้กระทั่งเขาก็ไม่ทราบว่าอยู่ระดับใด


“ลองดูกันดีกว่า!”


หลังจากยันต์สัตว์บุปผาทำงานแล้ว มันจึงส่องประกายแสงสีเงินอ่อนจางที่พื้น ควบแน่นเกิดขึ้นเป็นหยดจันทราสัตว์บุปผา


ฉินหยุนเร่งรีบนำจานใบน้อยมารับหยดน้ำเอาไว้

 

 

 


ตอนที่ 428 ชีพจรเซียนเยือกแข็ง

 

หยดจันทราสัตว์บุปผาเป็นสีขาวเงิน เปรียบดั่งแสงจันทรา มองแล้วให้ความงดงามอย่างยิ่ง


โมโมส่งเสียงดังออกจากมิติเก็บของ “พี่หยุน ให้ข้าออกไปรับชม!”


พอได้ยินเขาจึงปลดปล่อยโมโมออกมา


โมโมได้เห็นหยดจันทราสัตว์บุปผาจำนวนหนึ่ง นางกลายเป็นยินดี เร่งรีบใช้มือน้อยสัมผัสมันและเลียลิ้มรส


รอยยิ้มเป็นสุขเผยออกขณะกล่าว “อร่อยยิ่งนัก! นี่วิเศษไปเลย ดีกว่าไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรตั้งเยอะ!”


“จริงหรือ? หากเป็นเช่นนั้น ไว้เมื่อใดไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรหมดสิ้น ก็ไม่มีอันใดต้องกังวลว่าเจ้าจะหิวจนตายแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวด้วยความประหลาดใจ


หากหยดสัตว์บุปผานี้สามารถเป็นอาหารแก่โมโม เขาก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรในภายหน้าอีกต่อไป


ยันต์วิญญาณนี้รวบรวมหยดจันทราสัตว์บุปผาได้จำนวนไม่น้อย ขณะนี้มันเต็มปริ่มจานที่ใช้รองแล้ว


ผ่านไปไม่นาน ยันต์ก็สิ้นฤทธิ์


ฉินหยุนกล่าว “รอดูกันอีกสักพักหนึ่ง!”


โมโมเร่งรีบกลับสู่มิติเก็บของ ภายนอกขณะนี้หนาวเย็นเกินไป


หญิงชรารับชมอยู่ด้านข้างมาตลอด นางกล่าว “กระต่ายหยกหลับใหลเป็นเวลานานยิ่ง ตอนนี้มันคงหิวมากแล้ว! นี่น่าจะเร่งให้มันออกมาอย่างรวดเร็วได้!”


“ท่านยาย กระต่ายหยกตัวนั้นสามารถตามข้ากลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้างได้หรือไม่?” ฉินหยุนสอบถาม


“แน่นอนว่าได้ พาเจ้าตัวน้อยนั่นไปพบนายหญิงน้อยด้วย! มันน่าจะช่วยนางได้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว!” หญิงชรากล่าว “ไม่ว่าจะอย่างไร กระต่ายหยกก็ยังเป็นสัตว์ลึกล้ำที่แข็งแกร่ง ย่อมสามารถปกป้องนายหญิงน้อยได้อย่างแน่นอน!”


ฉินหยุนขณะนี้เกิดความสงสัยอย่างยิ่ง คิดอยากทราบว่าตอนนี้หยางฉีเย่ว์กำลังทำอันใดอยู่ที่หุบเขาลึกล้ำจันทรา


นับเป็นเรื่องดีที่แม่เฒ่าตู้จากหุบเขาลึกล้ำจันทรา เข้าปกครองภูมิภาคชายแดนในเวลานี้เอาไว้ ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้มีข่าวใดเล็ดรอดออกมา


วิญญาณยุทธ์ของหยางฉีเย่ว์และเชี่ยวเย่ว์หลาน กระทั่งในแดนยุทธ์อ้างว้างก็ถือว่าหาได้ยากยิ่ง


“ท่านยาย เหตุใดพระราชวังกวงหานแห่งนี้หนาวเย็นนัก?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ทันทีเมื่อข้าเข้ามาในอาณาเขตของพระราชกวงหาน ความรู้สึกเย็นเยือกก็เข้ามารอรับแล้ว!”


หญิงชราตอบ “เพราะมีชีพจรเซียนเยือกแข็งอยู่เบื้องหลังพระราชวังกวงหาน เหตุนั้นมันจึงปลดปล่อยพลังเซียนน้ำแข็งแรงกล้าออกมา! จึงทำให้พื้นที่รอบข้างได้รับผลกระทบไปด้วย!”


“เดิมทีมันไม่ได้ร้อนหรือว่าเย็นแต่อย่างใด ทว่าหลังถูกโจมตี ค่ายอาคมมากมายถูกทำลายสิ้น! พระราชวังกวงหานของพวกเราอยู่ใจกลางสวน ถือเป็นแกนกลางของทั้งสวนก็ว่าได้!”


ฉินหยุนขณะนี้นึกย้อน ถึงช่วงที่ตนเองเดินเตร่ไปทั่วพระราชวังกวงหาน เขาไม่พบอันใดแม้สักนิด ทั้งหมดล้วนไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต ชัดเจนว่าสวนโบราณแห่งนี้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง


“กระต่ายน้อย!” หญิงชราขณะนี้ร้องด้วยความตื่นตกใจอย่างกะทันหัน


ฉินหยุนหันมองรอบด้วยความตื่นตระหนก “อยู่ไหนหรือขอรับ?”


“ตรงนี้!” หญิงชราชี้ไปยังกระต่ายตัวน้อยที่เข้ามาอยู่ข้างจานรองของเหลวพร้อมยิ้ม


ฉินหยุนตระหนก กระต่ายน้อยตัวนี้รวดเร็วยิ่ง มันเข้ามาอย่างกะทันหันและเงียบงัน เขาไม่รู้ตัวแม้สักนิด


กระต่ายหยกร่างไม่ใหญ่ ขนาดเพียงฝ่ามือ ทั้งร่างปลดปล่อยแสงจันทราสีเงินออกมา มองไปแล้วงดงามยิ่ง ชั่วขณะนี้ มันกำลังดูดกลืนหยดสัตว์บุปผาอย่างหิวกระหาย


“เหมือนจะไม่พอนะ!” กล่าวคำจบ ฉินหยุนนำเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมา “สงสัยนักว่ากินไอ้นี่ได้หรือไม่!”


เขาทราบว่าหากต้องการให้กระต่ายหยกติดตามกลับไปด้วยความเต็มใจ ก็ต้องให้อาหารมันจนพอใจเสียก่อน


หลังจากกระต่ายหยกดื่มหยดสัตว์บุปผาแล้ว มันค่อยหันมองทางไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรด้วยความยินดี ทำการกลืนกินพลังงานด้านในอย่างต่อเนื่อง


“กินเก่งนัก!” ฉินหยุนรับชมไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรที่ฝ่อไปเรื่อย ๆ เขาเองก็ต้องนำออกมาใหม่อย่างต่อเนื่อง


ผ่านไปพักหนึ่ง กระต่ายหยกดูดกลืนพลังงานจากไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรไปกว่าสิบฟองแล้ว!


จำนวนนี้เพียงพอให้โมโมได้กินทั้งปี!


เขากลายเป็นกังวลขึ้นมา หากมอบกระต่ายหยกตัวนี้แก่หยางฉีเย่ว์ นางจะสามารถเลี้ยงเจ้าตัวน้อยนี้ไหวหรือ?


“กระต่ายหยก จดจำเขาได้หรือไม่? เขาเป็นสหายของนายหญิงน้อย! แม้นายหญิงน้อยเสียชีวิตไปแล้ว ทว่านางได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่ เจ้ายินดีติดตามเขาไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง เพื่อพบกับนายหญิงน้อยอีกครั้งหรือไม่?” หญิงชราขณะนี้กำลังลูบกระต่ายหยกอย่างเอ็นดูพร้อมเอ่ยถาม


“แน่นอน!” กระต่ายหยกตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับโมโม มันเป็นเสียงที่อ่อนนุ่ม ราวกับเด็กสาวที่พร้อมบานสะพรั่ง


ฉินหยุนรู้สึก ว่ากระต่ายหยกตัวน้อยยังจ้องเขม็งที่เขาราวกับต้องการไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเพิ่ม


“กระต่ายน้อย อย่าได้กินไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมากจนเกินไปแล้ว! เพราะโมโมจำเป็นต้องใช้ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมค่ายอาคม!” ฉินหยุนกล่าวคำพลางยื่นมือไปที่ตัวกระต่าย


“ข้ากินวันละฟองก็ได้!” กระต่ายหยกตอบคำ


“นั่นถือว่ามากแล้ว!” ฉินหยุนเร่งร้อนตอบ


หนึ่งวันต่อฟอง ครึ่งปีเท่ากับหนึ่งร้อยแปดสิบฟอง!


ทางด้านโมโม นางต้องใช้เวลาครึ่งปีเพื่อซ่อมแซมค่ายอาคมเคลื่อนย้าย ดังนั้นแล้วจำเป็นต้องใช้ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมากกว่าร้อยฟอง


“เอาอย่างนี้เป็นไร ให้ข้ากินยี่สิบฟอง จากนั้นข้าจะไปหลับอีกครั้ง!” กระต่ายหยกกล่าว “ข้าสามารถหลับจำศีลได้ เมื่อจำศีลแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกินอีก!”


ฉินหยุนค่อยผ่อนคลายได้บ้าง กระต่ายหยกตัวนี้ก็ไม่ใช่ไร้เหตุผลเสียทีเดียว


“ตามนั้น!” เขานำเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมายี่สิบฟอง มอบพวกมันให้แก่กระต่ายหยก


กระต่ายหยกเร่งรีบดูดกลืนพลังงาน จากนั้นค่อยกระโดดไปมาบนพื้น ไม่ทราบเลยว่าขณะนี้ยินดีเรื่องอันใดอยู่กันแน่


“กระต่ายน้อย เจ้าสามารถดูดกลืนพิษได้ทุกชนิดจริงหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม


“ไม่ว่าพิษใดล้วนไม่ใช่ปัญหา!” กระต่ายหยกกระโดดขึ้นสูง ขึ้นไปนอนลงที่บนศีรษะของฉินหยุน


ฉินหยุนกอดร่างน้อยไว้ก่อนถามอีกครั้ง “นายหญิงน้อยของเจ้าไม่มีความทรงจำจากช่วงชีวิตก่อน อย่างนั้นแล้วก็ยังยินดีติดตามนางต่อหรือ?”


“แน่นอน!” กระต่ายหยกหัวเราะ “เมื่อใดคิดไปแดนยุทธ์อ้างว้าง?”


“เมื่อค่ายอาคมซ่อมเสร็จ เมื่อนั้นพวกเราจะเดินทาง!” ฉินหยุนปล่อยโมโมออกมา


โมโมพอได้เห็นกระต่ายน้อย นางเผยความยินดีขณะออกไปเล่นด้วย


กระต่ายน้อยขณะนี้ปลดปล่อยพลังสีขาวเงินออกมา ปกคลุมรอบร่างของโมโมเอาไว้ ช่วยไม่ให้นางรู้สึกหนาว


สิ่งมีชีวิตตัวเล็กทั้งสอง ขณะนี้เล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน


“โมโม นับจากนี้ก็เริ่มซ่อมอาคมเคลื่อนย้ายได้เลย!” ฉินหยุนเอ่ยคำ


“พี่ชายหยุน วิญญาณดวงตะวันยังอยู่ที่นี่! ท่านไม่ต้องการมันหรือ?” กระต่ายหยกพลันเอ่ยคำขึ้น


“วิญญาณดวงตะวัน? รู้หรือว่ามันอยู่ที่ไหน?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก


หญิงชราขณะนี้ก็แตกตื่นเช่นกัน นางเร่งรีบเอ่ยถาม “กระต่ายน้อย เจ้าทราบหรือว่าวิญญาณดวงตะวันขณะนี้อยู่ที่ใด?”


“อยู่ในชีพจรเซียนเยือกแข็ง! ให้ข้าพาไปได้!” กระต่ายหยกกล่าวคำจบ ก็เร่งรีบวิ่งไปทางด้านหนึ่ง


ฉินหยุนเก็บโมโมเข้ามิติเก็บของ ติดตามหญิงชราและกระต่ายหยกไป


กระต่ายหยกขณะนี้มาถึงธารน้ำแข็งในพระราชวังกวงหาน


มันมีรูขนาดเล็กในน้ำแข็ง กระต่ายหยกบอกออกมา “ก่อนหน้านี้ เป็นข้าหลับใหลอยู่ภายในชีพจรเซียนเยือกแข็ง!”


หญิงชราทำลายชั้นน้ำแข็งด้วยฝ่ามือ เกิดขึ้นเป็นหลุมขนาดใหญ่ ดึงฉินหยุนพร้อมกระโดดลงสู่ธารน้ำแข็ง


ธารน้ำแข็งแห่งนี้ปรากฏแสงสีเงินส่องสว่าง มองไปแล้วงดงามยิ่ง หาได้มีอันใดมืดไม่


แม้ลำธารนี้ถูกเยือกแข็ง ทว่าน้ำเบื้องล่างกลับมีความอุ่น


หญิงชราดึงฉินหยุนแหวกว่ายไปอย่างรวดเร็ว


ผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกเขาค่อยติดตามกระต่ายหยกถึงก้นธารน้ำ


ที่ก้นธารน้ำ มันมีหินขนาดใหญ่จำนวนมาก รวมทั้งเนินขนาดเล็ก


กระต่ายหยกขุดไปที่รอยแตกในเนินเขาเล็ก พร้อมดำดิ่งลึกลงไปอีก


หญิงชราและฉินหยุน ได้แต่ตามเข้าไปในรอยแยกของเนินเขาใต้ธารน้ำ มุ่งสู่ห้วงลึกต่อเนื่อง


เพียงไม่นาน พวกเขากลับถูกดูดเข้ามาอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง


“นี่คือที่ตั้งของชีพจรเซียนเยือกแข็ง!”


“ข้าจะพาไปดูวิญญาณดวงตะวัน!” กระต่ายหยกจับจ้องที่ชั้นน้ำแข็ง ด้วยขาเล็กสั้น ขณะนี้มันวิ่งออกอย่างรวดเร็ว


หญิงชราได้แต่คว้ามือฉินหยุน ติดตามไปอย่างไม่ทิ้งห่าง


ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ฉินหยุนใช้วิญญาณเทวะเก้าตะวัน สัมผัสได้ถึงการเรียกหาจากด้านหน้า


“วิญญาณเทวะเก้าตะวัน มันขัดเกลาขึ้นจากวิญญาณดวงตะวันทั้งเก้า!” ฉินหยุนกลายเป็นยินดี “นี่จะยิ่งทำให้เราได้รับดวงวิญญาณตะวันง่ายดายมากขึ้น!”


ไม่นาน เขาได้เห็นลูกไฟขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า


ที่สุดทางของถ้ำ มันเป็นทรงกลมขนาดราวครึ่งตัวคน ขณะนี้กำลังปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรงออกมา


แม้เปลวเพลิงเหล่านี้แกร่งกล้า ทว่าหาได้ร้อนไม่


“นี่คือลูกแก้ววิญญาณดวงตะวัน?” ฉินหยุนเอ่ยคำด้วยความประหลาดใจ


“อืม ส่วนเรื่องที่ว่าจะสามารถได้รับมันหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับตัวท่านแล้ว!” กระต่ายหยกกล่าวตอบ


หญิงชราเดินเข้าไป สัมผัสบางเบาที่ลูกแก้ว มือของนางกลายเป็นติดไฟ เร่งรีบถอยห่างพร้อมสะบัดไฟให้พ้นจากตัว


“อย่าได้เข้าไปแล้ว นี่อันตรายเกินไป!” หญิงชราขณะนี้เร่งรีบดึงตัวฉินหยุนห้ามเอาไว้


“การได้รับวิญญาณดวงตะวันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องคิดหาทางให้ดีเพื่อได้รับมัน!” กระต่ายหยกเอ่ยขึ้น


ผ่านทางวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ฉินหยุนสัมผัสได้ ว่าวิญญาณดวงตะวันตรงหน้าขณะนี้ มันเป็นแหล่งพลังชีวิตแกร่งกล้า มันคล้ายกับมีอะไรบางอย่าง ที่มีชีวิตอยู่ด้านในลูกแก้วนั่น!


“ให้ข้าลองสัมผัสมัน!” ฉินหยุนยื่นมือออกไป สัมผัสเข้าที่ลูกแก้ว กระนั้นกลับไม่ติดไฟลุกพรึ่บแต่อย่างใด


หญิงชราร้องอุทาน “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดคราวนี้ไม่ติดไฟ?”


นางพอกล่าวคำจบ ลูกแก้วนั้นพลันหายวับ!


เพียงคิด ฉินหยุนส่งวิญญาณดวงตะวัน กลับเข้าสู่ไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน!


ขณะนี้เขาคิดกับตนเอง “วิญญาณดวงตะวันค่อนข้างพิเศษ มันไม่ใช่อะไรที่สามารถดูดกลืนได้ดังใจคิดเหมือนอย่างวิญญาณยุทธ์! ขณะนี้เรายังไม่ทราบวิธีใช้งานมัน แต่มันก็สามารถอาศัยอยู่ในวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เช่นนี้นับว่าตกเป็นของเราแล้ว!”


กระต่ายหยกเผยความยินดีขณะมองฉินหยุนซึ่งได้รับวิญญาณดวงตะวันไปต่อหน้า!


ฉินหยุนและคณะ ขณะนี้ออกจากชีพจรเซียนเยือกแข็ง กลับสู่พื้นผิวเบื้องบน เข้าไปด้านในถ้ำแห่งเดิม


ภายในถ้ำคือค่ายอาคมเคลื่อนย้าย ตราบเท่าที่ซ่อมให้ดี มันจะสามารถใช้เคลื่อนย้ายไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง


กระต่ายหยกกลับเข้าสู่ห้วงจำศีลอีกครั้ง โดยครั้งนี้มันเลือกจำศีลอยู่ภายในไข่มุกเม็ดแรกของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน


ทางด้านโมโม นางอยู่ในถ้ำ เริ่มงานซ่อมแซมค่ายอาคมเคลื่อนย้าย


ถ้ำแห่งนี้ไม่เย็นนัก ดังนั้นโมโมจึงสามารถบินไปมาอย่างสุขสบายเพื่อซ่อมแซมอักขระที่เสียหาย


* * *


 


ฉินหยุนและหญิงชรา ขณะนี้คุ้มกันที่ปากทางเข้าถ้ำพลางหันเงยหน้ามองดวงตะวันบนฟากฟ้า


“ท่านยาย เหตุใดข้าไม่อาจดูดกลืนพลังวิญญาณจากดวงตะวันขณะอยู่ที่นี่?” ฉินหยุนถามขึ้น


“นั่นก็เพราะเจ้าไม่มีชีพจรเซียนใดอยู่กับตัว ดังนั้นจึงไม่อาจดูดกลืนพวกมัน!” หญิงชราหัวเราะ


ฉินหยุนอึ้งไปวูบ สถานที่แห่งนี้ พลังงานที่คงอยู่ แท้จริงคือพลังเซียน


เขายังได้เข้าใจ ว่าเหตุใดค่ายอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวันจึงสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณ นั่นก็เพราะค่ายอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวัน สามารถแปรเปลี่ยนพลังวิญญาณใดก็ได้ ให้กลายเป็นพลังงานที่เขาสามารถดูดกลืน


“ชีพจรวิญญาณในกายข้า ขณะนี้ยังไม่วิวัฒนาการเป็นชีพจรเซียน ดังนั้นจึงไม่อาจดูดกลืนพลังเซียนผ่านทางวิญญาณเทวะเก้าตะวันได้ เป็นเช่นนี้นี่เอง!” ฉินหยุนมองที่ดวงตะวันบนฟากฟ้าขณะรู้สึกเสียดาย


หญิงชรามองที่ฉินหยุน ปากขยับเอ่ยถาม “เสี่ยวหยุน เมื่อกลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง ต้องดูแลนายหญิงให้ดีด้วย!”


ฉินหยุนพยักหน้ารับ “แน่นอนขอรับ! จริงด้วย ท่านยาย ข้าครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดำ ดังนั้นจึงไม่อาจเลื่อนระดับพลัง ท่านพอมีวิธีช่วยเหลือข้าให้เลื่อนระดับได้หรือไม่?”


หญิงชราขณะนี้เผยความประหลาดใจออก “แน่นอนว่ามีวิธี ทว่ามันขึ้นอยู่กับตัวเจ้า!”


“เจ้าขณะนี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก้าวสู่ระดับที่สาม! นั่นก็เพราะร่างกายอ่อนแอเกินไป จำเป็นต้องใช้พลังงานเก้าดวงตะวันเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกายเสียก่อน เพราะเหตุนั้น วิญญาณยุทธ์สีดำจึงถูกจำกัดการวิวัฒนาการเอาไว้!”

 

 

 


ตอนที่ 429 เก้าตะวันที่แตกต่าง

 

ฉินหยุนก่อนหน้านี้ ได้ทราบจากเว่ยจงเจิ้ง ว่ากุญแจการฝึกฝนวิญญาณยุทธ์สีดำ นั่นก็คือการฝึกฝนร่างกายเสียก่อน!


“ท่านยาย ข้าไม่ทราบวิธีการใช้พลังของเก้าตะวันเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกาย ท่านพอชี้แนะได้หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม


ในตอนนี้ เขาไม่อาจดูดกลืนพลังวิญญาณของเก้าตะวัน


“อันดับแรก ต้องเลือกเสียก่อนว่าจะใช้พลังดวงตะวันใดเพื่อใช้ขัดเกลาร่างกาย! ตอนนี้อย่าได้คิดว่าทุกดวงตะวันเหมือนกันหมด แท้จริงแล้วพวกมันแตกต่างกัน!” หญิงชราตอบกลับ


ฉินหยุนหันมองดวงตะวันบนท้องฟ้า เอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว “ท่านกำลังบอกว่า ผู้คนต้องเลือกว่าจะใช้พลังดวงตะวันใดเพื่อบำรุงหล่อเลี้ยง และได้เพียงแค่หนึ่งอย่างนั้นหรือขอรับ?”


“แต่แล้วผู้คนที่ครอบครองชีพจรวิญญาณมากมายเล่า? พวกเขาสัมผัสถึงดวงตะวันได้มากมายนัก!”


หญิงชราหัวเราะ “ถามได้ดี! อย่างไรแล้ว เมื่อคิดขัดเกลาร่างกาย ก็สามารถเลือกพลังจากดวงตะวันได้เพียงหนึ่งเท่านั้น! ไม่อย่างนั้นแล้ว ร่างกายจะมีแต่เสื่อมถอยพังทลาย!”


ฉินหยุนยังคงไม่เข้าใจ “พวกเราสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวันมากกว่าหนึ่งเพื่อกักเก็บในร่างกาย เหตุใดไม่อาจใช้พลังของหลายดวงตะวันเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกาย?”


“ข้าเพิ่งกล่าวไป! พลังดวงตะวันที่ใช้เพื่อขัดเกลาร่างกาย มันแตกต่างจากพลังวิญญาณ! มันรุนแรงกว่า ดังนั้นเพียงพลังของหนึ่งดวงตะวัน ก็มากพอทำให้รู้สึกแย่ได้แล้ว! หากเลือกรับสองพลังผสานเข้าด้วยกัน พลังมันจะยิ่งเท่าทวีมากกว่าสองเท่าจนเกินรับได้!”


“หลังจากดูดกลืนพลังวิญญาณจากดวงตะวันสู่ร่างกายจำนวนมาก เจ้าน่าจะเข้าใจ ว่าการผสมผสานพลังวิญญาณสามดวงตะวัน มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าสองดวงตะวันมากมายเพียงใด!”


หญิงชราอธิบายอย่างอดทน


ฉินหยุนนึกย้อนถึงคำ ‘เก้าดวงตะวันที่แตกต่าง’ ซึ่งมีการเอ่ยถึงในเรื่อง ‘ขัดเกลากายตะวัน’ พลังของดวงตะวันแต่ละดวง มันจะแตกต่างกันไป จำเป็นต้องทำความรู้และเข้าใจให้ดี


“ท่านยาย เช่นนั้นแล้วข้าควรเลือกชักนำพลังจากดวงตะวันใดหล่อเลี้ยงร่างกายดีขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล “ข้าเป็นกังวลมาโดยตลอด ด้วยเพราะครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดำ จะทำให้ข้าไม่อาจเลื่อนระดับผ่านอาการตีบตันไปได้!”


“อย่าได้กังวลแล้ว ข้าสามารถชี้แนะให้เข้าใจถึงพลังของดวงตะวันได้!” หญิงชราหัวเราะ “นี่คือหนึ่งในข้อได้เปรียบ ที่นี่สามารถสัมผัสพลังของดวงตะวันได้เด่นชัด ย่อมต้องสำเร็จอย่างแน่นอน!”


“ตราบเท่าที่ก้าวแรกทำสำเร็จ จากนั้นค่อยขัดเกลาร่างกายทีละน้อย ยิ่งเวลาผ่านไป วิญญาณยุทธ์ก็จะเริ่มวิวัฒนาการเอง!”


วิญญาณยุทธ์จันทราสีดำที่หญิงชรามอบให้แก่ฉินหยุน มันถูกฝึกฝนจนถึงระดับสูงล้ำเกินกว่าจะกล่าวถึงแล้ว


ในสถานที่เช่นนี้ วิญญาณยุทธ์สีดำหาได้ใช่อันใดที่พิเศษไม่


“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณท่านยายล่วงหน้า!” ฉินหยุนเผยความยินดีกล่าวตอบ


หญิงชราขณะนี้เผยท่าทีจริงจัง “ตอนนี้ให้ข้าช่วยสัมผัสถึงพลังดวงตะวัน จะได้ทำความคุ้นเคยกับมันได้!”


ฉินหยุนเองก็เข้าใจ ว่ามันมีความแตกต่างระหว่างพลังดวงตะวันและพลังวิญญาณดวงตะวัน


ตราบเท่าที่ครอบครองชีพจรวิญญาณ เขาจะสามารถสัมผัสถึงพลังวิญญาณได้อย่างง่ายดาย


สำหรับพลังดวงตะวัน ไม่ว่าจะครอบครองชีพจรวิญญาณมากมายเพียงใด ก็ถือเป็นเรื่องยากหากคิดสัมผัสถึงมัน จำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาการฝึกฝนที่พิเศษอย่างยิ่ง


สิ่งนี้ หาได้ใช่สิ่งที่จะพบได้แม้ทั่วทั้งแดนยุทธ์อ้างว้าง!


หญิงชราวางฝ่ามือลงที่ตันเถียนของฉินหยุนและเอ่ยถาม “วิญญาณยุทธ์สีดำของเจ้าอยู่ที่นี่?”


“ท่านยาย วิญญาณยุทธ์สีดำที่ข้าคิดฝึกฝนอยู่ในหัวใจ สามารถโคจรพลังดวงตะวันสู่วิญญาณยุทธ์นั่นได้หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนลืมเลือนเรื่องนี้จนต้องเอ่ยถามอีกครั้ง


“แน่นอน! มีแต่วิญญาณยุทธ์สีดำจึงสามารถสัมผัสได้ถึงพลังดวงตะวัน! ด้วยระดับพลังของเจ้า วิญญาณยุทธ์จำเป็นต้องวิวัฒนาการ วิญญาณยุทธ์สีดำถือว่ามีขีดจำกัด มีแต่ต้องวิวัฒนาการผ่านการเปลี่ยนถ่ายเทวะจึงสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้!”


“และหลังจากดูดกลืนพลังดวงตะวัน ความสามารถเทวะที่ตรงกันจะอ้างอิงจากพลังดวงตะวัน! เก้าดวงตะวันนั้นมีความสามารถเทวะนับไม่ถ้วน มาดูกันว่าเจ้าจะได้รับความสามารถใดมาครอบครอง!”


ฉินหยุนสะท้านไปวูบ ในที่สุดเขาค่อยได้เข้าใจถึงความหมายเบื้องหลัง ‘เก้าดวงตะวันที่แตกต่าง มีซึ่งความสามารถเทวะไม่รู้จบ’ ทั้งหมดก็เพราะคำกล่าวของหญิงชราที่เพิ่งบอกต่อเขา


เก้าดวงตะวันที่แตกต่าง มีซึ่งความสามารถเทวะไม่รู้จบ ดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่อง ความสามารถเทวะเข้าสู่ร่าง เหล่านี้คือบทร่ายของการขัดเกลาร่างกาย


ที่ฉินหยุนไม่เข้าใจขณะนี้ ก็คือความหมายเบื้องหลังของ “ดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่อง”


“ท่านยาย ท่านทราบความหมายของ ดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่องหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม


“เจ้าทราบคำนี้ได้อย่างไร?” หญิงชราเผยความประหลาดใจ “ความหมายเบื้องหลังของดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่อง ก็คือการฝึกฝนเทพแห่งดวงตะวัน ทำให้วิญญาณยุทธ์สามารถลอยออกจากร่างกาย สามารถเข้าใกล้ดวงตะวันเพื่อดูดกลืนพลังดวงตะวันได้!”


“แล้วเทพดวงตะวันคืออันใดขอรับ?” ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าหญิงชราจะทราบความหมายของบทร่ายลึกลับนี้


“เป็นขุมพลังจิตระดับสูงสุด! ขอบเขตทางพลังจิตมีทั้งสิ้นสามระดับ ระดับแรกคือจิตวิญญาณดวงดาว ระดับที่สอง คือจิตวิญญาณจันทรา และระดับที่สาม คือการกลายเป็นเทพดวงตะวัน!” หญิงชรากล่าว “การเข้าถึงระดับที่สามถือว่ายากเย็นยิ่ง กระทั่งข้าก็อยู่เพียงขอบเขตดวงดาวเทวะที่ล่วงเลยมาหน่อย ขณะนี้เป็นเพียงระดับจันทราที่มีเสี้ยวเล็กน้อยเท่านั้น นับว่ายังห่างไกลจากจันทราเต็มดวง!”


ผลึกแก้วจิตวิญญาณดวงดาวของฉินหยุนขณะนี้ ถือว่าอยู่ระดับแรก


เขาเดิมทีคิด ว่าที่มันเลื่อนระดับขึ้นมาได้ก็เพราะโชคประสบพบพาน


ทว่าตอนนี้ เขายิ่งกระหายต่อการฝึกฝนผลึกแก้วจิตวิญญาณดวงดาวให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น


“อย่างนั้นแล้ว ข้าจะใช้บทร่ายดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่อง ได้แล้วหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม


หญิงชราส่ายศีรษะและยิ้มตอบ “เด็กโง่ นี่ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! มีแต่ฝึกฝนจนเป็นเทพดวงตะวัน จึงสามารถปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ให้โบยบินเข้าใกล้ดวงตะวันโดยไม่ถูกทำลาย ด้วยพลังจิตของเจ้าตอนนี้ วิญญาณยุทธ์ไม่อาจบินไปได้ไกลนัก!”


ฉินหยุนนึกย้อนถึงตอนที่อยู่ยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว จิตสำนึกของเขาได้เข้าสู่ห้วงทะเลดวงดาวกว้างใหญ่ ในห้วงทะเลดวงดาวแห่งนั้น มันมีดวงตะวันอยู่นับไม่ถ้วน


“ค่ายอาคมใหญ่ที่ยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว ทำให้วิญญาณยุทธ์ของผู้คนเข้าใกล้ดวงตะวันได้ก่อนถึงเวลาอันควร!”


หญิงชราขณะนี้ วางฝ่ามือที่หัวใจของฉินหยุนและกล่าว “เสี่ยวหยุน ข้าจะเริ่มแล้ว! ก่อนอื่นจะดูดกลืนพลังดวงตะวัน จากนั้นค่อยถ่ายเทสู่วิญญาณยุทธ์สีดำของเจ้า เพื่อชักนำให้มันเกิดการดูดกลืน!”


“ท่านยาย ในเมื่อท่านสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวัน ท่านก็มีวิญญาณยุทธ์สีดำเหมือนกันหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามน้ำเสียงสุภาพ


“แน่นอนอยู่แล้ว! บนเส้นทางของการฝึกฝน ผู้ฝึกตนจะพบพานโอกาสในการวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์มากมาย ตราบเท่าที่สามารถคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ วิญญาณยุทธ์ย่อมต้องสามารถวิวัฒนาการเป็นสีดำ!”


“หากวิญญาณยุทธ์ไม่อาจวิวัฒนาการเป็นสีดำ เช่นนั้นจะสามารถได้รับความสามารถเทวะนับหมื่นจากเก้าดวงตะวันได้อย่างไร? หากปราศจากซึ่งวิญญาณยุทธ์สีดำ ก็มีแต่จะอ่อนแอไม่คู่ควรกับความสามารถเทวะ!” หญิงชรากล่าว


ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนได้รับวิญญาณยุทธ์เทวะสีน้ำเงิน สิ่งนั้นย่อมเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ได้รับความสามารถเทวะอันเป็นเอกลักษณ์มาแล้ว


“เริ่มละนะ!” หญิงชรากล่าวคำ เริ่มทำการถ่ายเทพลังดวงตะวัน สู่แก่นเต๋าสั่นไหวของฉินหยุน ขณะนี้ มันกำลังปกคลุมวิญญาณยุทธ์สีดำที่อยู่ภายใน


ฉินหยุนค่อยเข้าใจผ่านการชี้นำ มันเปรียบดั่งการที่ผู้อาวุโสชี้นำพลังวิญญาณแก่ผู้น้อย


การชี้นำเช่นนี้มีแต่ประโยชน์หาได้มีโทษ มีแต่ผู้ที่การฝึกฝนสูงส่ง จึงสามารถช่วยผู้อื่นทำการชี้นำระดับนี้ได้


ด้วยเหตุนี้ บรรดาศิษย์ของสำนักมีชื่อเสียง ล้วนให้ความเคารพต่ออาจารย์ที่เลิศล้ำ เพื่อให้พวกเขาสามารถได้รับการชี้นำ จะได้มีโอกาสเติบโตในภายหน้าที่มากขึ้น


หญิงชราขมวดคิ้ว “วิญญาณยุทธ์สั่นไหวของเจ้าค่อนข้างพิเศษ พลังดวงตะวันที่ข้าสัมผัสขณะนี้ มันไม่เหมาะสมกับวิญญาณยุทธ์สั่นไหว!”


“มีเรื่องของความเข้ากันได้ด้วยหรือขอรับ?” ฉินหยุนขณะนี้เผยความผิดหวัง เพราะหญิงชราครั้งนี้ลงมือล้มเหลว


“ย่อมมี! เก้าดวงตะวันล้วนแตกต่าง พวกมันเปี่ยมด้วยพลังที่แตกต่างกัน! จะคิดว่าเหมือนกันไม่ได้!” หญิงชรากล่าว “ทว่าก็อย่าได้กังวลไป ข้าจะใช้วิธีอื่นในการชี้นำ แต่อาจต้องใช้เวลานานขึ้นหน่อย!”


ฉินหยุนค่อยผ่อนคลาย เขานั่งลงบนเก้าอี้ รับแสงตะวันจากเบื้องบน ทำใจให้สงบ


หญิงชรานั่งอยู่ตรงกันข้าม ดวงตาทั้งสองหลับลง คล้ายพยายามสัมผัสถึงพลังดวงตะวัน!


“ท่านยาย พลังของเก้าดวงตะวันคืออะไรกันแน่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม


“โดยจำเพาะเจาะจงข้าไม่ทราบแน่ชัด โดยสรุป วิญญาณยุทธ์มีความแตกต่างกัน พวกมันต้องการดวงตะวันที่แตกต่างกันตามไปด้วย! อย่างไรแล้ว เก้าดวงตะวันถือว่าครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง!” หญิงชราตอบ “ข้าได้ยินว่านอกจากเก้าดวงตะวัน หนึ่งในนั้นคือหายนะ มันสามารถปลดปล่อยหายนะชวนขนพองสยองเกล้าได้นับไม่ถ้วน!”


“การสั่นไหวสามารถสั่นสะเทือนพื้นโลก สามารถทำให้ภูเขาถล่ม พื้นโลกปริแตก มันจำเป็นต้องดูดกลืนพลังของดวงตะวันหายนะ!”


“ท่านยาย แล้วหากเป็นวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำเล่า? อย่างนั้นแล้วมันต้องดูดกลืนพลังดวงตะวันใดกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามอีกครั้ง


“แน่นอนว่า วิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ ย่อมต้องดูดกลืนจันทรา! เรื่องราวถือว่าง่ายดายยิ่ง!” หญิงชรายิ้มรับ “มันจะดีที่สุด หากเจ้าช่วยสอนนางเรื่องวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ ก่อนที่นายหญิงน้อยจะก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม จะได้ทำให้นางสามารถคว้าโอกาสวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์ ทำให้สามารถได้รับความสามารถเทวะมาโดยเร็วที่สุด!”


“วิญญาณยุทธ์ของนางขณะนี้ คือวิญญาณยุทธ์จันทราสีทองม่วง หากนางผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ เช่นนั้นจะเกิดอันใดขึ้นขอรับ?” ฉินหยุนพอคิดเช่นนี้ ก็อดไม่ได้จนต้องเอ่ยถามอีกครั้ง


หญิงชราตอบ “วิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ จะดูดกลืนวิญญาณยุทธ์จันทราสีทองม่วง มันมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น! ส่วนว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายหญิงน้อยจะสามารถรับมือได้เอง!”


ฉินหยุนคิดถึงวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของตนเอง เขาไม่ทราบว่ามันต้องดูดกลืนพลังดวงตะวันใดเพื่อบำรุงเลี้ยง!


“ท่านยาย… ข้าขอกล่าวตามจริง ข้ายังมีวิญญาณยุทธ์สีดำอีกหนึ่ง มันคือวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ!”


หลังพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว เขาตัดสินใจบอกเรื่องนี้ต่อหญิงชรา


หญิงชราที่หลับตาอยู่ พลันสะดุ้งผุดลุกจากเก้าอี้ “เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่บอก? วิเศษนัก… วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ถือเป็นวิญญาณยุทธ์ตะวันที่แข็งแกร่งที่สุด!”


“จริงหรือขอรับ?” ฉินหยุนเองก็เผยความประหลาดใจ


“วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เจ้าสงสัยหรือว่ามันแข็งแกร่งที่สุดจริงหรือไม่? วิญญาณยุทธ์สีดำ ยิ่งเป็นวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ มันย่อมต้องเป็นเช่นนั้น!” หญิงชรากล่าวคำ “หากเป็นวิญญาณยุทธ์อื่น มันจะไม่มีทางทานทนรับพลังจากดวงตะวันมากกว่าหนึ่ง”


“จะมีก็แต่วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬจึงสามารถ! วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวันปริมาณมหาศาล และจากนั้นค่อยปลดปล่อยออกทีละน้อยเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกาย ถึงตอนนั้น เจ้าจะได้ครอบครองกายเก้าตะวัน!” หญิงชราเผยความตื่นเต้นออกมา “เจ้าทราบหรือไม่ว่าสิ่งนั้นหมายความถึงอะไร?”


ฉินหยุนประหลาดใจ กระนั้นก็ส่ายศีรษะ “ไม่ทราบขอรับ!”


หญิงชรายังคงตื่นเต้น “มันหมายความถึง เจ้าจะสามารถเชี่ยวชาญความสามารถเทวะมากมาย และยังหมายถึง ว่าเจ้าสามารถฝึกฝนวิญญาณดวงตะวันได้ง่ายดาย!”


ฉินหยุนไม่คิด ว่าวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬแท้จริงแข็งแกร่งเพียงนี้!


“ตอนนี้เรื่องราวกลายเป็นง่าย ให้ข้าช่วยชักนำพลังของเก้าดวงตะวัน ถ่ายเทไปยังวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ! หลังจากนั้น เจ้าจะสามารถควบคุมวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ทำการปลดปล่อยพลังดวงตะวันที่แตกต่างกันออกไป ทำการหล่อเลี้ยงบำรุงวิญญาณยุทธ์สีดำอื่นได้!” หญิงชรากล่าวคำ


หญิงชราก่อนหน้านี้บอก ว่าไม่อาจใช้ทั้งเก้าดวงตะวันหล่อเลี้ยงร่างกาย กระนั้นตอนนางกลับบอกว่าสามารถทำได้


ความคิดของฉินหยุนขณะนี้ยุ่งเหยิง กระนั้น เขาก็ได้แต่เชื่อการชี้แนะของหญิงชรา และมีแต่ต้องลองทำตาม


หากทำได้สำเร็จ ภายหน้าเขาจะสามารถได้รับพลังอันยิ่งใหญ่

 

 

 


ตอนที่ 430 ค่ายอาคมรวมตะวัน

 

ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ทว่าเขาไม่เคยสัมผัสถึงพลังอันลึกลับของดวงตะวันด้วยตนเองเลย


กลับกลายเป็นต้องให้ผู้อื่นช่วยเหลือ


การที่เขาจะสัมผัสถึงพลังดวงตะวันถือเป็นเรื่องยากเย็น กระทั่งว่าได้หญิงชราช่วยเหลือ ฉินหยุนก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงมันได้ในระยะเวลาอันสั้น


ผ่านไปสามวัน


“ท่านยาย เหตุใดยังไม่พอขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม


“อย่าได้กังวลไป มันต้องได้ผล เพียงแต่อาจจะนานสักหน่อย!” หญิงชราตอบกลับ “แท้จริงแล้ว สาเหตุหลักก็เพราะสภาพแวดล้อมที่เจ้าถือกำเนิด มันแตกต่างออกไป”


ฉินหยุนขณะนี้ ได้แต่รอคอยอย่างอดทน


ผ่านไปอีกหลายวัน เขาถามถึงชื่อของหญิงชรา ทว่าหาได้รับการตอบกลับ ราวกับนางไม่ต้องการให้ผู้อื่นทราบชื่อ


ในทุกวัน หญิงชราจะส่งถ่ายพลังอบอุ่นแรงกล้าสู่วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของฉินหยุน


ฉินหยุนไม่ทราบว่าพลังนี้คืออะไร ได้แต่รู้สึกผ่านวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ มันคล้ายยินดียิ่งที่ได้กลืนกินพลังนี้


เดิมเขาคิดว่าสักสิบวันสมควรทำสำเร็จได้


ทว่า ผ่านไปแล้วสองเดือนเขาค่อยสำเร็จการสัมผัสถึงพลังดวงตะวัน!


“นี่ก็ถือว่าเร็วแล้ว!” หญิงชรายิ้มตอบ “เจ้าควรทราบ ว่าตัวเจ้าขณะนี้ สามารถชักนำพลังเก้าดวงตะวันสู่แก่นเต๋าได้!”


ฉินหยุนอึ้งไปวูบ เขาคิดว่าการดูดกลืนพลังดวงตะวันสู่ร่างกาย จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ก็ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว


กระนั้น เขาไม่คิดว่าจะจำเป็นต้องใช้กำลังภายในของแก่นเต๋าทั้งสาม เพื่อทำการดูดกลืนพลังดวงตะวันทีละนิด


เขาเอ่ยถามอย่างกระดากใจ “หากเป็นเช่นนี้ เมื่อใดข้าจะสามารถวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์สีดำได้ขอรับ?”


“เสี่ยวหยุน เรื่องนี้ไม่สามารถเร่งรีบ!” หญิงชรากล่าว “เจ้าฝึกฝนวิญญาณยุทธ์สีดำถึงสอง จะวิวัฒนาการได้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไรจริงไหม?”


ฉินหยุนคิดถึงค่ายอาคมใหญ่ที่ติดตั้งเอาไว้บนยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว เขารู้สึกว่ามันจะต้องเป็นค่ายอาคม สำหรับช่วยเพิ่มความเร็วในการดูดกลืนพลังดวงตะวัน!


อย่างรวดเร็ว เขานำเอาตำราออกมา พลิกหน้ากระดาษค้นหาอักขระจันทราและดวงดาว


“ดวงดาวและจันทรา สามารถส่องแสงได้หลังจากดูดกลืนพลังดวงตะวัน อย่างนั้นแล้ว อักขระดวงดาวและจันทรา ก็สมควรดูดกลืนพลังดวงตะวันได้สิ!”


ฉินหยุนพิจารณาเคร่งเครียด ไม่ช้า เขาได้พบถึงผังจารึกค่ายอาคมดวงดาวและจันทราที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง หากพวกมันนำมาผสานกัน เขาจะสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวัน


อย่างรวดเร็ว เขานำเอาชุดกระดาษออกมาฝึกซ้อม


โมโมขณะนี้ยังคงซ่อมแซมค่ายอาคมเคลื่อนย้าย ยังต้องใช้เวลาอีกกว่าสี่เดือนกว่าจะสำเร็จ


ฉินหยุนคิดใช้เวลาระหว่างรอคอย เพื่อสร้างอาคมหนังสัตว์ขึ้นมา


“ในเมื่ออักขระดวงดาวรวมตะวัน และอักขระจันทรารวมตะวันสามารถผสานกัน เกิดขึ้นเป็นค่ายอาคมหนึ่งเดียวได้ สงสัยนักว่ามันจะทำงานออกมาอย่างไร!”


อันดับแรก เขาฝึกฝนอักขระดวงดาว โดยการวาดลงกระดาษอย่างต่อเนื่อง


ผ่านการวาดนับร้อยแผ่น ก็ยังไม่ดีพอที่จะสร้างความคุ้นเคย ผ่านไปพันกว่าแผ่น เขาค่อยคุ้นเคยกับอักขระดังกล่าว


ฉินหยุนใช้เวลากว่าเดือน เพื่อเชี่ยวชาญอักขระที่ซับซ้อนทั้งสองจนคุ้นเคย จากนั้นค่อยเริ่มการขัดเกลาหนังสัตว์ เขากำลังจะเริ่มการทำของจริงแล้ว


อย่างรวดเร็ว หนังสัตว์ถูกขัดเกลาขนาดพอให้เขานั่งได้พอดีตัว หนังสัตว์นี้ถูกตัดออกเป็นหกเหลี่ยม แต่ละมุมประกอบด้วยไข่มุกเม็ดใหญ่


ไข่มุกเหล่านั้น ภายในคือมิติเก็บของ มันสามารถใช้กักเก็บเหรียญม่วง หรือสิ่งอื่นที่สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานได้ มันจะทำให้ค่ายอาคมสามารถดูดกลืนพลังงานเพื่อสั่งการทำงาน


หญิงชราเพียงแต่รับชมจากด้านข้าง แม้การฝึกฝนของนางแก่กล้า ทว่านางไม่ทราบเรื่องวิถีจารึก


หลังใช้เวลาอยู่สองเดือน ในที่สุดฉินหยุนจึงสร้างค่ายอาคมขึ้นมาได้ นับว่าเป็นงานเหนื่อยยากสำหรับเขาไม่น้อย


ล่าสุดตอนเขาขัดเกลาอาคมธง มันยังไม่เหนื่อยยากเท่านี้


“ค่ายอาคมรวมพลังดวงตะวันนี้ต้องใช้พลังงานมหาศาล ด้วยหกแสนเหรียญม่วงที่ใส่เข้าไป น่าจะพอใช้ได้ระดับหนึ่ง!”


ฉินหยุนมีเพียงหกแสนเหรียญม่วงอยู่ในมิติเก็บของ ส่วนที่เหลือนั้น อยู่ในบัตรผลึกแก้ว หากต้องการใช้ ก็จำเป็นต้องไปยังตำหนักจารึกเทวะเพื่อทำการแลกเปลี่ยนเสียก่อน


เขานำหนึ่งแสนเหรียญม่วง ใส่ลงในไข่มุกแต่ละเม็ดที่หกด้านของค่ายอาคม จากนั้นค่อยสั่งให้มันเริ่มทำงานและนั่งลง


หลังจากค่ายอาคมทำงานแล้ว ฉับพลันมันปกคลุมด้วยแสงสว่างสีสันเรืองรอง


วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของฉินหยุน มันกลายเป็นตื่นตัวอย่างยิ่งเมื่อได้ดูดกลืนแสงหลากสีสันเหล่านี้


“ความเร็วที่ดูดกลืนพลังดวงตะวันขณะนี้ ถือว่ารวดเร็วมาก และยังสามารถดูดกลืนพลังได้ถึงเก้าดวงตะวัน!”


ฉินหยุนกลายเป็นยินดี เขาไม่ทราบว่านี่เป็นเพราะวิญญาณเทวะเก้าตะวันหรือไม่ แต่ในเมื่อกระแสพลังดวงตะวันทั้งเก้าถูกชักนำง่ายดาย ย่อมเป็นเรื่องดี


หญิงชราเคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการควบคุมพลังดวงตะวันถือเป็นเรื่องยากยิ่ง


พลังดวงตะวันถูกดูดกลืนโดยวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ จากนั้นพลังเก้าดวงตะวันจะถูกปลดปล่อยออกมาทีละน้อย ด้วยวิธีการนี้ มันจะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของเขา


ไม่อย่างนั้นแล้ว หากกระแสพลังเก้าดวงตะวันโหมเข้าสู่ร่างกาย มันอาจถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสได้


ฉินหยุนหลับตา ใช้พลังเก้าดวงตะวันบำรุงเลี้ยงร่างกาย ภายในกายขณะนี้ร้อนรุ่ม


กระทั่งได้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬควบคุมพลังดวงตะวัน พลังที่อ่อนด้อยที่สุด ก็ยังทำให้เขารู้สึกราวกับร่างกายจมสู่ลาวา


หญิงชราได้แต่อึ้ง นางไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะสามารถหาวิธีการหล่อเลี้ยงร่างกายได้รวดเร็วเพียงนี้


ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ค่ายอาคมที่ปกคลุมด้วยแสงหลากสีสันเริ่มหม่นแสง


พลังงานพอหมด ค่ายอาคมก็หยุดการทำงานตามไป


ฉินหยุนยังคงมีพลังดวงตะวันอีกมากอยู่ภายในวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ มันจะทำให้เขาสามารถหล่อเลี้ยงร่างกาย กระนั้น ก็พอให้หล่อเลี้ยงได้สักสามชั่วยามเท่านั้นเอง


“หกแสนเหรียญม่วง พอให้ใช้ได้แค่ครึ่งวัน!” ฉินหยุนถึงกับพูดไม่ออก หากเขาคิดอยากหล่อเลี้ยงร่างกายทั้งวัน ก็จำเป็นต้องใช้เหรียญม่วงนับล้าน


หนึ่งเดือน เท่ากับต้องใช้กว่าสามสิบล้าน!


เดิมเขาครอบครองเหรียญม่วงนับสิบล้าน ปริมาณเท่านั้นถือว่ามากล้น แต่ตอนนี้ มันกลับกลายเป็นพอให้เขาได้ใช้แค่สิบวัน!


“ก็ได้ ก็ได้ ใครใช้ให้เรามีวิญญาณยุทธ์สีดำถึงสองกันเล่า!”


ฉินหยุนรู้สึกดีที่เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณ อย่างน้อยมันก็จะทำให้ง่ายต่อการหาเหรียญม่วงในภายหน้า


เพียงพริบตา อีกเดือนหนึ่งผ่านพ้น โมโมในที่สุดก็ซ่อมแซมค่ายอาคมเคลื่อนย้ายได้สำเร็จ กระนั้นก็เพียงพอให้ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว


นางไม่ได้ซ่อมแซมแบบลงลึก หลังจากใช้งานครั้งหนึ่ง ค่ายอาคมจะแตกสลาย ไม่อาจใช้งานได้อีก


ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ซับซ้อนอย่างยิ่ง พลังงานที่มันใช้มาจากชีพจรเซียนเยือกเข็ง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องพลังงานในการเรียกใช้


หญิงชราอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวมาหลายปี ตอนนี้ได้เห็นฉินหยุนคิดจากไป นางอดไม่ได้ที่จะเผยความไม่เต็มใจ


“ท่านยาย ข้ามีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจำนวนหนึ่ง หากท่านฟักพวกมันได้ เช่นนั้นจะมีสัตว์อสูรปรากฏตัวออกมา ให้พวกมันได้อยู่ร่วมกับท่าน!” ฉินหยุนนำไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมาจำนวนหนึ่ง ส่งต่อให้กับหญิงชรา


“ขอบใจเจ้าแล้วเสี่ยวหยุน! ทางด้านวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ อย่าได้ลืมส่งมอบให้แก่นายหญิงน้อยด้วย!” หญิงชราทวนคำ


“ขอรับ!” ฉินหยุนนำโมโมสู่มิติเก็บของ ก้าวเดินขึ้นไปบนค่ายอาคมเคลื่อนย้าย


“ลาก่อนขอรับท่านยาย พวกเราต้องได้พบกันอีก!” เขาโบกมือลาต่อหญิงชรา


“รักษาตัวด้วย!” หญิงชราโบกมือให้เขาพร้อมยิ้มอบอุ่น


ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทำงาน แรงสั่นสะเทือนปรากฏ


ฉินหยุนรู้สึกว่าภาพที่มองเห็น กลับกลายเป็นสีขาว ก่อนจะปรากฏสถานที่ซึ่งคุ้นเคย


ที่นี่ เขาสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าดวงตะวันได้โดยตรง เขากลับมาสู่แดนยุทธ์อ้างว้างแล้ว!


ค่ายอาคมเคลื่อนย้าย เพียงส่งเขามายังแดนยุทธ์อ้างว้าง ไม่ได้ระบุเจาะจงว่ามาที่ภูมิภาคใด


“นี่เราอยู่ที่ไหนกัน? ต้องหาคนมาสอบถาม!”


เขาขณะนี้คิดเร่งรีบกลับประตูลึกเก้าสมบูรณ์ เพื่อให้กระต่ายหยกได้ช่วยรักษาพิษของเฟิงหงหลัน


ฉินหยุนนำเอาเข็มทิศชี้เมืองออกมา นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยที่มู่เฟิงมอบให้เขาตอนไปยังนครราชันจารึก มันสามารถชี้ไปยังตำแหน่งเมืองใกล้เคียงได้


เขาใช้พลังของรองเท้ากำราบมังกรออกวิ่งรวดเร็ว ไปตามทิศทางที่เข็มทิศบ่งชี้


ตราบเท่าที่พบเมืองและสอบถามถึงสถานที่ตั้ง เมื่อนั้นเขาจะทราบว่าสามารถไปยังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ได้อย่างไร


หลังเดินทางตลอดทั้งคืน ฉินหยุนพักผ่อนอยู่หนึ่งชั่วยาม จนกระทั่งฟ้าสาง


หลังฟ้าสาง เขาเดินทางจนกระทั่งช่วงบ่าย


ขณะนี้เขานำเอาเข็มทิศชี้เมืองออกมาหาทิศทาง จากนั้นจึงมุ่งหน้าต่อไป


ผ่านการบินบนอากาศกว่าครึ่งชั่วยาม เขาค่อยสัมผัสได้ ถึงออร่าแกร่งกล้าของผู้ฝึกตนอสูรตรงหน้า


“เหตุใดผู้ฝึกตนอสูรจึงอยู่ที่นี่? แถวนี้อยู่ใกล้เส้นทางหนามปีศาจหรือ?” ฉินหยุนคิดเช่นนี้กับตนเอง จากนั้น เขาค่อยร่อนลงที่ป่าเชิงเขา ทำการลอบเร้นสำรวจ


ในป่าแห่งนี้ มีร่องรอยผู้คนใช้เดินเท้ามากมาย เห็นได้ชัดว่าเป็นเส้นทางสัญจรหลัก


ฉินหยุนขณะนี้ระแวดระวัง บินผ่านอากาศ สัมผัสถึงออร่าอสูร เขากำลังเข้าไปใกล้ทีละน้อย


เพียงไม่นาน เขาได้เห็นหลายคนยืนอยู่ในดงไม้ตรงหน้า


จากที่ไกลออกไป พวกเขาส่วนใหญ่ดูแล้วยังดูอยู่วัยหนุ่ม


“ผู้ฝึกตนอสูรมากมายขนาดนี้! คิดทำอะไรกันนี่?” ฉินหยุนขณะนี้เปี่ยมด้วยความสงสัย ฝีเท้ากำลังคืบคลานเข้าไปใกล้


อย่างรวดเร็ว เขาพบว่ากลุ่มคนตรงหน้ากำลังล้อมกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งเอาไว้


กลุ่มคนที่ถูกล้อม คล้ายจะเป็นคนจากหลากหลายตระกูลถูกไล่ต้อนมา!


มีทั้งคนชราและคนหนุ่ม พวกเขากำลังปกป้องผู้เยาว์ของตนเอง ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายโดนโจมตี


ชายชราและชายวัยกลางคน ทั้งสองอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ขณะที่ชายหนุ่มอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์


ในกลุ่มพวกเขา นอกจากผู้เยาว์แล้ว ที่เหลือล้วนบาดเจ็บกันไม่ใช่น้อย!


เด็กหนุ่มในชุดสีแดงเผยสีหน้าโกรธแค้นผ่านทางใบหน้า


ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนอยู่ห่างจากกลุ่มคนกว่าร้อยเมตร เขาพอทราบโดยคร่าวว่าอะไรเป็นอะไร


ทว่าเขาก็ไม่อาจเชื่อ ว่าจะมีกลุ่มศิษย์สำนักอสูรมากมายในแดนยุทธ์อ้างว้างรวมตัวกันที่นี่!


นอกจากนี้ กลุ่มศิษย์สำนักอสูรเหล่านี้ ขณะนี้กลับร่วมมือกับกลุ่มศิษย์จากสำนักชอบธรรมของแดนยุทธ์อ้างว้าง!


ศิษย์จากทั้งสองสำนักมีคนเกือบร้อย พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า มีกันตั้งแต่ระดับที่หนึ่งจนถึงระดับที่ห้า


“ศิษย์สำนักจารีตเช่นพวกเจ้าสมควรเคยได้ยินเรื่องศิษย์สำนักอสูรกินคนมาบ้าง ทว่าไม่เคยเห็นกับตาใช่หรือไม่?” เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำ กล่าวพลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย


หนึ่งในศิษย์สำนักชอบธรรมหัวเราะตอบ “เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบเห็นกับตา!”


กลุ่มศิษย์สำนักอสูรมีกันกว่าสิบคน พอพวกเขาได้ยินดังนี้ อดไม่ได้จนต้องหัวเราะดังออก


“พวกเรามีวิธีการกินผู้คนมากมายนัก ภายหน้าพวกเจ้าจะได้เห็น! ตอนนี้ให้ข้าได้กินเด็กนั่น! ชายชรากับชายวัยกลางคนอีกสองคนนั่น แก่เกินไปจนข้ากินไม่ลง!”


ผู้ฝึกตนชุดแดงของวิถีเต๋าอสูร ขณะนี้ก้าวเดินออกมาพร้อมหัวเราะ


ฉินหยุนผู้ซึ่งหลบซ่อนบนยอดไม้ ขณะนี้มึนงงต่อสถานการณ์ตรงหน้า!


จากที่เห็น ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์จากสำนักอสูร กับสำนักชอบธรรมคล้ายเป็นไปได้ด้วยดี


“เกิดอะไรขึ้นกับแดนยุทธ์อ้างว้างในช่วงหกเดือนมานี้กัน?” ฉินหยุนพอได้เห็นศิษย์สำนักอสูรคิดอยากกินผู้อื่น เขามีโทสะพร้อมพุ่งทะยานกายออกไป


ขณะนี้ เขาหยุดที่ตรงหน้าศิษย์เต๋าอสูรร่างกำยำ!


เมื่อผู้ฝึกตนอื่นได้เห็นเด็กหนุ่มชุดดำปรากฏตัวอย่างไม่ทราบที่มา ทั้งยังคล้ายเป็นผู้มีกำลังเหนือล้ำ พวกเขาประหลาดใจไปวูบหนึ่ง


“ฮ่าฮ่าฮ่า รอสักประเดี๋ยวแล้วกัน! เด็กหนุ่มผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าคนนี้คล้ายน่าอร่อยกว่าผู้อื่นนัก!” ศิษย์สำนักอสูรร่างสูงกำยำ ขณะนี้หัวเราะลั่นขณะกล่าวคำออก

 

 

 


ตอนที่ 431 สะบั้นเศียรอสูร

 

ฉินหยุนมองกลุ่มศิษย์ชาวอสูรด้วยความเย็นชา น้ำเสียงเย็นเยือกกล่าวออก “พวกเจ้าทั้งที่เป็นอสูรกลับอหังการในแดนยุทธ์อ้างว้างเพียงนี้ หรือว่านี่แดนยุทธ์อ้างว้างตกอยู่ภายใต้เต๋าอสูรไปเสียแล้ว?”


กลุ่มชายหนุ่มตรงหน้าขณะนี้ระเบิดหัวเราะเสียงดัง


“นี่เพิ่งออกจากถ้ำมาหรืออย่างไร? ไม่ทราบหรือว่าพวกเราสามแดนอ้างว้าง ขณะนี้มีข้อตกลงยอมรับร่วมกัน สามารถไปมาหากันได้อย่างอิสระ? พวกเราขณะนี้มีข้อตกลงแล้ว ดังนั้นย่อมไม่นับเป็นศัตรูต่อกันอีก!”


“เจ้าไม่เห็นหรือ ว่าศิษย์ของทั้งสองฝั่งต่างอยู่ร่วมกันที่นี่?”


“เช่นกัน พวกเราไม่อาจยอมรับที่เจ้าต่อว่าเต๋าอสูรเช่นนั้น!”


“นับว่าแส่หาความตายโดยแท้ เรื่องนี้อย่าได้กล่าวโทษพวกเรา!”


สามแดนอ้างว้างถึงขั้นมีข้อตกลงร่วมกัน!


ฉินหยุนไม่ยอมรับเรื่องนี้ เพราะกลุ่มศิษย์อสูรเหล่านี้โหดเหี้ยมเกินไป ถึงกับวิ่งพล่านไปทั่วแดนยุทธ์อ้างว้าง ทั้งยังก่อกรรมทำชั่วไปทั่วทุกหนแห่ง


“เช่นนั้นเหตุใดจึงคิดกินผู้คนที่นี่? ในเมื่อมีข้อตกลง เช่นนั้นอสูรเช่นพวกเจ้าก็ต้องอยู่ภายใต้กฎของสถานที่!” ฉินหยุนกล่าวถาม


“พวกเราไม่ได้หาเรื่องศิษย์สำนักชอบธรรมเป็นศัตรูเสียหน่อย ผู้อื่นล้วนอย่าได้สนใจ ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ว่าจะด้วยอะไร สำนักใหญ่ของแดนยุทธ์อ้างว้างหาได้ขัดข้องใดไม่ที่จะให้พวกเราได้กัดกินผู้คน! ตราบเท่าที่ไม่เป็นศิษย์พวกเขา นับว่าไม่เป็นอะไร!”


กลุ่มศิษย์เต๋าอสูรเหล่านี้ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชั่วช้า


ฉินหยุนสูดลมหายในเข้าก่อนกล่าวออก “ข้าไม่รู้ว่าสำนักของแดนยุทธ์อ้างว้างตัดสินใจอันใดไป ข้าเพียงทราบ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์เต๋าอสูรหรือไม่ใช่ ตราบเท่าที่คิดกินคน เช่นนั้นก็ถือเป็นอสูรร้ายและเป็นศัตรูกับข้า!”


“ดูเหมือนเจ้าเองก็เป็นศิษย์มีสำนักนี่! จงบอก เจ้าสังกัดสำนักใด? แล้วนามว่าอะไร?”


“มันคงไม่กล้าพูดออกมาแล้ว! หากพูดออกมาดังจนเกินไป คงหวาดเกรงพวกเราจะเข้ารุมโจมตีเอา!”


“หากมีความกล้า เช่นนั้นจงรายงานต่อสำนักของเจ้า พวกเราย่อมร่วมมือกันบุกโจมตีสำนักของเจ้า! เพราะบรรดาสำนักของแดนยุทธ์อ้างว้าง ได้ให้สัญญาแล้วว่าจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักอสูรของพวกเรา!”


“จงรีบบอกมา ว่าเจ้ามาจากสำนักใด!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า หวาดกลัวเข้าไป! จงวางใจ ต่อให้เจ้าไม่พูดกล่าวออกมา พวกเราก็จะบังคับให้เจ้าพูดออกมาเอง!”


ไม่เพียงแต่ศิษย์สำนักอสูรเหล่านี้ที่หัวเราะ กระทั่งศิษย์สำนักชอบธรรมก็ร่วมวงเข้าไปด้วย


กระบี่ขณะนี้พลันปรากฏที่มือซ้ายของฉินหยุน ทางด้านมือขวากำยันต์จำนวนหนึ่งเอาไว้แน่น


พลังราชสีห์สวรรค์ที่แขนซ้ายของเขากำลังเดือดพล่าน


เขาส่งยันต์เสียงสื่อสารออกไป บอกต่อผู้เฒ่าและเด็กของตระกูลที่อยู่เบื้องหลัง ให้พวกเขารอและรับชมว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนคิดหลบหนี


บรรดาผู้ฝึกตนอสูรขณะนี้ก้าวเดินเข้ามาใกล้


ฉินหยุนมองที่กลุ่มเดรัจฉานตรงหน้าพร้อมกล่าวเย็นเยือก “จงฟัง! ข้านามฉินหยุน มาจากประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์!”


กล่าวคำจบ กระบี่ในมือของเขาพลันร่ายรำออก!


ฉินหยุน ผู้ซึ่งเผยวิชาวายุสังหารออกทั้งหกกระบวนท่า ราวกับเทพแห่งการสังหารที่เปี่ยมล้นด้วยรังสีฆ่าฟัน!


กลุ่มคนพอได้ยินนามฉินหยุน ได้เห็นเคล็ดวิชากระบี่แกร่งกล้าที่ใช้ออก พวกเขาตระหนก


ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!


ทุกการสับฟันของฉินหยุน จะเชือดเฉือนร่างของผู้ฝึกตนอสูร นอกจากนี้ ยังคงเกิดการระเบิดรุนแรง ร่างกายพวกเขาเหล่านั้นระเบิดเป็นเศษชิ้นเนื้อ!


ด้วยกระบวนท่าทั้งหกของวิชาวายุสังหาร เขาลงมือสังหารผู้ฝึกตนอสูรนับสิบที่อยู่ใกล้เคียง!


ผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้ นับว่าอายุยังเยาว์ ย่อมเป็นตัวตนที่มีสถานะในสำนักอสูรไม่ใช่น้อย กระนั้นตอนนี้พวกเขากลับต้องตายอย่างกะทันหัน!


ภาพฉากที่เกิดขึ้น ทำเอากลุ่มคนถึงกับอึ้งไปวูบ!


“ไม่ใช่ว่าฉินหยุนเข้าสวนโบราณไปแล้วหรือ? เหตุใดตอนนี้ปรากฏตัวที่นี่?”


“ทั้งตำหนักโทเทมและตระกูลเมิ่ง ขณะนี้ล้วนตั้งค่าหัวชายคนนี้ หากพวกเราจับเป็นได้ เท่ากับสามารถได้รับห้าสิบล้านเหรียญม่วง หากสังหารมัน ก็จะได้ยี่สิบล้านเหรียญม่วง!”


“ไม่เพียงแต่ตำหนักโทเทมและตระกูลเมิ่ง กระทั่งสำนักราชันอัคคี สำนักราชันทะยานสวรรค์ และสำนักราชันเหนือหล้า ทั้งหมดล้วนตั้งค่าหัวชายคนนี้ไว้หลายสิบล้านเหรียญม่วง!”


“อย่างนั้นแล้วยังพูดจาไร้สาระอันใด รีบลงมือเร็วเข้า!”


“มันลำพังตัวคนเดียว และยังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง พวกเรามีกันเจ็ดคนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า จัดการมันย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!”


แตกตื่นไปครู่ กลุ่มคนขณะนี้กลายเป็นบ้าคลั่ง ตื่นเต้นยินดี พร้อมพุ่งทะยานเข้าใส่ฉินหยุน


เป็นฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าตนจะกลายเป็นผู้มีค่าหัวสูงล้ำ


เขาเกิดความลำบากใจเมื่อได้เห็นกลุ่มคนตรงหน้าพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกัน กระนั้น ก็ได้แต่ต้องยื้อเวลาเอาไว้ให้พวกชายชราได้หลบหนี


ฉินหยุนขณะนี้ ฉับพลันโยนยันต์สะกดกายออก กลุ่มคนกว่าสิบใกล้เคียงตัวเขา ต่างกายแข็งทื่อ!


เสียงคำรามร้องออก ปลดปล่อยพลังวิญญาณยุทธ์สั่นไหวปกคลุมร่างกาย และจากนั้นค่อยเรียกใช้กรงเล็บราชสีห์สวรรค์!


ร่างเขาพุ่งทะยานเข้าหากลุ่มคน ใช้งานวายุสังหารหกกระบวนท่า!


วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!


กรงเล็บราชสีห์สวรรค์ เปรียบดั่งสายลมโหยหวน ปลดปล่อยเสียงคำรามร้องจนคู่ต่อสู้ตื่นตะลึง!


เปลวเพลิงทองม่วงลุกโชน ปกคลุมร่างกลุ่มคนนับสิบเอาไว้ภายใน


ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนใช้งานพลังซึ่งแกร่งกล้าที่สุดในร่าง ปลดปล่อยพลังเต๋าออกจนถึงขีดสุด!


เพียงพริบตา บรรดาผู้ฝึกตนมนุษย์และอสูร ต่างถูกลดทอนจำนวนไปโดยกรงเล็บราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุน


กลุ่มคนที่เสียชีวิต ไม่เพียงแต่มีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามและสี่ กระทั่งมีสองคนที่อยู่ระดับห้า!


ก่อนหน้านี้ กลุ่มคนที่ลงมือเชื่องช้าหงุดหงิด เพราะไม่อาจรวดเร็วได้เท่ากลุ่มคนตรงหน้า ขณะนี้พอได้เห็นกลุ่มคนตรงหน้าพุ่งเข้าไปแตกสลายร่างกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อ พวกเขากลายเป็นยินดีและหวาดกลัวไปพร้อมกัน


“เป็นยันต์สะกดกาย! ทุกคนถอยห่างจากมัน อย่าอยู่รวมกัน!” คนหนึ่งตะโกนขึ้น


หลายคนเริ่มกระจายตัว ด้วยวิธีการนี้ ยันต์สะกดกายของฉินหยุนจะไม่อาจหยุดยั้งกลุ่มคนเป็นจำนวนมากได้


“ฉินหยุน เจ้าลงมือสังหารกลุ่มคนมากมายเพียงนี้ ย่อมต้องถูกไล่ล่าโดยศิษย์แกร่งกล้าจำนวนมากของสำนักอสูร!”


“วันนี้เจ้าต้องตาย!”


“ทุกคนโจมตีจากระยะไกล!


ฉินหยุนกัดฟันกรอด เขาทราบว่าสถานการณ์ขณะนี้ตนเองเสียเปรียบอย่างยิ่ง


แม้เขาสังหารกลุ่มคนไปกว่าครึ่งแล้ว กระนั้นก็ยังเหลือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าอีกจำนวนหนึ่ง


ส่วนทางด้านขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่ มีเหลือกันอีกกว่าสิบคน


เขานำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา ขวางการโจมตีส่วนใหญ่เอาไว้


เขามียันต์สะกดกายเหลือไม่มาก ที่เหลือขณะนี้เก็บเอาไว้ใช้ในยามคับขัน


กลุ่มคนก็ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวจะกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อ


หากพวกเขารวมกลุ่มกันและโจมตีฉินหยุน เช่นนั้นก็มีแต่ความตายที่รอคอย


เลือกโจมตีจากระยะไกล นี่ก็เพื่อบั่นทอนกำลังของฉินหยุน


พอได้เห็นดังนี้ ฉินหยุนตัดสินใจหนี!


“อย่าปล่อยมันไป! เร่งรีบตามล่ามัน!”


“มันสังหารคนไปมากมายเพียงนี้ หากยังปล่อยมันหนี ย่อมกลายเป็นที่ขบขันแล้ว!”


“พวกเราเป็นกลุ่มใหญ่ อย่าให้มันหยอกล้อพวกเราเล่นได้!”


“หากพวกเราจับเป็นฉินหยุน ย่อมได้รับผลกำไรงดงามจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงที่คิดซื้อตัวมัน!”


“โทเทมราชสีห์สวรรค์ที่กายของมันก็ล้ำค่ายิ่ง!”


ผู้คนต่างตะโกนเสียงดังขณะไล่ตามฉินหยุน พวกเขาล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกัน ที่ฉินหยุนเลือกหนีหาย เพราะทราบว่าไม่อาจต่อกรพวกตน


ฉินหยุนวิ่งผ่านอากาศด้วยรองเท้ากำราบมังกร ความเร็วเลิศล้ำ มีแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าจึงไล่ตามเขาได้ กระนั้นก็เป็นไปด้วยความยากลำบากไม่น้อย


ขณะบินผ่านอากาศ เขานำเอาเข็มทิศออกมาตรวจสอบทิศทาง หลังจากทราบทิศทาง เขาค่อยวิ่งต่อด้วยความวางใจมากขึ้น


ตราบเท่าที่เขาสามารถไปถึงตำหนักจารึกเทวะ ทุกอย่างย่อมง่ายดาย


ตำหนักจารึกเทวะที่สร้างในเมือง จะปลดปล่อยออร่าสำหรับบ่งบอกเข็มทิศชี้เมือง เพื่อให้บรรดาอาจารย์จารึกทราบว่าควรเดินทางไปยังที่ใด


ฉินหยุนพอได้เห็นกลุ่มคนด้านหลังไล่ตามห่างไกลออกไปเรื่อย เขายิ่งวางใจ


ผ่านไปครึ่งวัน ขณะนี้กลายเป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว


ฉินหยุนได้พบเห็น


ตรงหน้าคือหอคอยขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นหินราบเรียบ


เป็นสาขาของตำหนักจารึกเทวะ!


นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนได้เห็นตำหนักจารึกเทวะตั้งตระหง่านโดดเดี่ยว


เขาไม่คาดคิด ว่าตำหนักจารึกเทวะที่เข็มทิศบ่งชี้ จะไม่ได้อยู่ในเมือง


ตำหนักจารึกเทวะแห่งนี้ไม่ใหญ่นัก ความสูงก็เพียงห้าถึงหกชั้น และประตูยังปิดเอาไว้แน่น ไม่ทราบว่าเป็นตำหนักจารึกเทวะที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้หรือไม่


“นั่นตำหนักจารึกเทวะ! อย่าปล่อยให้มันได้เข้าไป!”


“ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึก พวกเราไม่มีทางโจมตีมันได้หากปล่อยให้เข้าตำหนักจารึกเทวะ!”


“เร็วเข้า รีบโจมตีมัน!”


หลายคนขณะนี้ยิงลำแสงพลังจากด้านหลัง เป้าหมายคือฉินหยุนที่บินกลางอากาศ


ความเร็วของฉินหยุนถือว่ามากล้ำ ดังนั้นเขาเพียงหลบไม่กี่ครั้งทั้งซ้ายและขวา ก็หลบพ้นการโจมตีเหล่านั้นจนหมด


คลื่นการโจมตีที่โหมจากด้านหลังขณะนี้ ทิ้งไว้เพียงแรงระเบิดด้านหลัง


ผู้คนด้านในตำหนักจารึกเทวะ คล้ายตื่นตระหนกจนเร่งรีบเปิดประตูออก


ชั่วขณะนี้ คล้ายว่าตำหนักจารึกเทวะที่ดูเก่าแก่แห่งนี้ จะกลายเป็นลุกโชนส่องแสงสีทองม่วงออกมา


หอใหญ่คล้ายได้รับชีวิตกลับคืน ส่องแสงสว่างสีทองคำเรืองรอง มันทั้งสง่างามและแกร่งกล้า


สิ่งนี้คือค่ายอาคมใหญ่ของตำหนักจารึกเทวะ!


คลื่นการโจมตีเมื่อครู่ ถือว่าทำให้เกิดการแปรผันทางพลังอย่างรุนแรง ทำให้ค่ายอาคมใหญ่ของตำหนักจารึกเทวะทำงานด้วยตัวเอง


“ข้าเป็นอาจารย์จารึก รีบให้ข้าเข้าไป!” ฉินหยุนนำเหรียญตราทองขาวของตนออกมา


ผู้อาวุโสหนวดยาวก้าวเดินออกจากประตู ยามได้เห็นฉินหยุน น้ำเสียงนี้ร้องอุทานดังออก “ฉินหยุน!”


“ท่านปู่จ้าว!” ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าจ้าวฉวนจะอยู่ที่นี่ และต้วนเฉียนก็อยู่ข้างกายเขาด้วย


จ้าวฉวนเร่งรีบปิดอาคมใหญ่ ดึงเอาฉินหยุนเข้าประตูตำหนักจารึกเทวะ จากนั้นค่อยปิดประตูแน่น


ฉินหยุนพอเข้ามาในหอใหญ่ได้แล้ว เขาค่อยถอนหายใจยาวโล่งอก จากนั้นจึงนั่งกับพื้น สำรวจมองห้องโถงกว้าง


เขาไม่คาดคิด ว่าจ้าวฉวนและต้วนเฉียนจะอยู่ที่นี่


“ผู้อาวุโส ในที่สุดก็ได้พบท่านทั้งสอง!” ฉินหยุนขณะนี้เผยยิ้มกว้าง


“ฉินหยุน เจ้าก่อปัญหาขึ้นมากมายนัก ควรทำตัวให้เงียบงันกว่านี้บ้าง!” จ้าวฉวนหัวเราะ


“ข้าไม่คิด ว่าการที่ขั้วอำนาจใหญ่ตั้งค่าหัวจะมีผลรุนแรงเพียงนี้ ถึงกับมีคนมากมายไล่ล่าเจ้า!” ต้วนเฉียนกล่าวคำ


ฉินหยุนส่ายศีรษะก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาบอกต่อจ้าวฉวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น


จ้าวฉวนถอนหายใจออก “เฮ้อ กองกำลังใหญ่ของแดนยุทธ์อ้างว้าง คิดอยากไปยังแดนสัตว์อสูรอ้างว้างเพื่อได้รับน้ำมันสัตว์ เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงเปิดชายแดนถึงกัน! นอกจากนี้ จ้าวสำนักเต๋าอสูรยังให้สัญญา ว่าจะไม่ทำร้ายผู้คนของแดนยุทธ์อ้างว้าง”


“ทว่าศิษย์เต๋าอสูรเหล่านั้นโหดเหี้ยม พวกเขาคุ้นชินแต่กับการกระทำโฉดชั่ว ดังนั้นจึงไม่มีทางห้ามปรามพวกเขาอย่างเด็ดขาด!”


ฉินหยุนกล่าวคำเสียงเย็น “ตราบเท่าที่ข้าจัดการอสูรเหล่านั้น ข้าย่อมสังหารพวกมันทุกผู้คน!”


“ฉินหยุน เจ้าไม่ได้เข้าสู่สวนโบราณหรอกหรือ? ได้ยินว่าต้องใช้เวลานับปีจึงค่อยออกมาได้ เหตุใดตอนนี้ออกมาแล้ว?” ต้วนเฉียนเอ่ยถาม


“นี่ถือเป็นเรื่องไม่คาดคิดขอรับ!” ฉินหยุนโบกมือไปมาพลางกล่าวตอบ


ต้วนเฉียนและจ้าวฉวนก็ทราบ ว่าพวกเขาไม่ควรพูดคุยเรื่องของสวนโบราณ ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยให้เป็นคำถามค้างคาเอาไว้


“แล้วที่นี่คือที่ไหนหรือขอรับ? ข้าจะกลับไปยังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ได้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม


จ้าวฉวนตอบคำ “ที่นี่คือแดนยุทธ์อ้างว้างภูมิภาคตอนเหนือ กระนั้น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา อุกกาบาตมากมายได้ร่วงหล่น ผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตมากมายอยู่ในหินอุกกาบาต พวกมันดึงดูดความสนใจผู้คนไม่ใช่น้อย”


ฉินหยุนขมวดคิ้ว “หรือจะเป็นว่า กลุ่มคนเหล่านั้นมาที่นี่เพื่อค้นหาผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต?”


“ย่อมเป็นเช่นนั้น! อุกกาบาตเหล่านั้นประหลาดยิ่ง บ้างที่ใหญ่หน่อย มันกระทั่งมีสัตว์แกร่งกล้าอยู่ภายใน กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณยังถูกสังหาร!” ต้วนเฉียนเอ่ยคำ


“ท่านมีแผนที่พอจะมอบให้แก่ข้าได้หรือไม่ขอรับ? ข้าคิดเร่งรีบเดินทางกลับไปยังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์!” ฉินหยุนเอ่ยคำร้องขอ

 

 

 


ตอนที่ 432 กระต่ายหยกล้างพิษ

 

ฉินหยุนเวลานี้หาได้สนใจเรื่องผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตไม่ เขาเพียงต้องการเร่งรีบเดินทางกลับ เพื่อรักษาพิษให้เฟิงหงหลัน และรอให้สื่อชิงเฉิงมายังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ เพื่อให้นางได้พาหยางฉีเย่ว์มาพบตน


“ฉินหยุน ให้ข้าคุ้มกันเจ้าออกไป!” จ้าวฉวนกล่าวคำ


จ้าวฉวนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าเท่านั้น หากให้เทียบแล้ว เขาไม่อาจต่อกรกับบรรดาผู้คนที่ภายนอก


กระนั้น ด้วยเขาคุ้มกันฉินหยุน จะไม่มีผู้ใดกล้าตอแยอย่างบุ่มบ่าม


หากสังหารคนของตำหนักจารึกเทวะ ย่อมถูกตำหนักจารึกเทวะไล่ล่าสังหารอย่างไม่เลิกรา


ฉินหยุนเป็นเพียงอาจารย์จารึกที่ได้รับสถานะโดยตำหนักจารึกเทวะ ดังนั้นเขาไม่นับเป็นคนของตำหนักจารึกเทวะ ด้วยเหตุนี้ผู้คนเหล่านั้นจึงไม่หวาดเกรง


หากพวกเขาสังหารฉินหยุน อย่างมากก็หลบเลี่ยงขั้วอำนาจเบื้องหลังฉินหยุน สักหลายร้อยปีค่อยออกมาเรื่องก็เงียบงันแล้ว


ฉินหยุนขณะนี้นำแผนที่ออกมาและพยักหน้ารับ “เช่นนั้นควรไปเมื่อไรดีขอรับ?


“ยิ่งเร็วยิ่งดี พวกเราจะออกไปกันเลย!” ขณะจ้าวฉวนกล่าวคำจบ ประตูพลันเปิดออก


เขาได้เห็นชายสองคนในชุดน้ำเงินก้าวเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นยังดูเยาว์วัยทว่าเส้นผมกลายเป็นสีขาว เขาคือหลันฮัวอวี้


อีกหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดา สวมใส่หมวกไม้ไผ่ เขาคือจ้าวตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม หลันเฉิน


ฉินหยุนมองที่หลันเฉินพร้อมกล่าวเหยียดหยัน “ท่านผู้หัวล้าน เหตุใดจึงทิ้งตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามและหลบหนี?”


“อืม… เป็นความผิดข้าเอง! ข้าไม่คิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้เช่นนั้น!” หลันเฉินเผยรอยยิ้มกระดากใจ “ขอแสดงความยินดีด้วยแล้ว เจ้าได้ออกมาจากประตูจารึก ขณะนี้ได้กลายเป็นผู้นำของสำนักจารึก!”


“ทว่าในเมื่อตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามไม่มีอยู่อีกต่อไป ตำแหน่งผู้นำสำนักจารึกข้าจะมีประโยชน์อันใด?” ฉินหยุนกล่าวด้วยความหงุดหงิด


“เรื่องนี้อย่าได้พูดกล่าวถึงแล้ว! ไม่ว่าจะด้วยอะไร พวกเราอย่างไรแล้วก็เป็นศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามด้วยกันทั้งสิ้น! แม้พวกเรากระจายตัวไปหลายสำนัก กระนั้นพวกเราก็ยังสามารถสร้างตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามขึ้นใหม่ในภายหน้าได้!” หลันเฉินกล่าวตอบ


หลันฮัวอวี้และหลันเฉิน ย่อมต้องได้ยินเรื่องฉินหยุนเข้าสู่แดนยุทธ์อ้างว้าง


ขณะนี้พวกเขายังประหลาดใจที่ฉินหยุนอยู่ตรงนี้ เพราะพวกเขาคิดว่าฉินหยุนอยู่ในสวนโบราณเสียอีก


“ผู้คนด้านนอกนั่น มาที่นี่เพื่อสังหารเจ้าหรือ?” หลันฮัวอวี้เอ่ยถาม


“เฮอะ! พวกมันคิดอยากจับตัวข้าไปแลกค่าหัว!” ฉินหยุนกัดฟันกรอดอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าคิดอยากออกไปจัดการพวกมันทีละคนด้วยซ้ำหากทำได้!”


หลันเฉินอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ด้วยเขาอยู่ที่นี่ จ้าวฉวนและผู้อื่นค่อยวางใจได้มาก


หลันเฉินไม่ได้สังกัดตำหนักจารึกเทวะ เขาและเซี่ยอู๋เฟิงเข้าร่วมสำนักลึกลับเพื่อฝึกฝนวิถีดาบแห่งเต๋า


อีกทางหนึ่ง หลันฮัวอวี้ได้เข้าร่วมตำหนักจารึกเทวะ


“ฉินหยุน ข้าคือผู้จัดการของสถานที่แห่งนี้ เพิ่งได้รับข้อความจากเบื้องบนของตำหนักจารึกเทวะ พวกเขาบอกว่าไม่อาจคุ้มกันเจ้า!” หลันฮัวอวี้ขมวดคิ้วบอกกล่าว


“ข้างนอกนั่นตอนนี้กระทั่งมีขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ! หากฉินหยุนออกไป ก็มีแต่ต้องตายแล้ว!” หลันเฉินเผยสีหน้างงงัน “ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกเยาว์วัย ตำหนักจารึกเทวะขณะนี้สมองมีปัญหาหรือ? พวกเขาถึงกับยอมปล่อยอาจารย์จารึกอนาคตกว้างไกลเช่นนี้!”


จ้าวฉวนเผยสีหน้าโกรธแค้น “เหล่าหลัน ตำหนักจารึกเทวะกล่าวเช่นนี้จริง? มีต้นสายปลายเหตุหรือไม่? ด้วยกำลังของตำหนักจารึกเทวะ ไม่น่ามีอะไรต้องหวั่นเกรงแม้เป็นตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงหรือตำหนักโทเทม!”


หลันฮัวอวี้ถอนหายใจ ส่ายศีรษะตอบกลับมา “ข้าไม่ทราบแล้ว เพียงได้รับสารก็เท่านั้น! นอกจากนี้ ตำหนักจารึกเทวะยังเพิกถอนสถานะอาจารย์จารึกผ่านเหรียญตราของฉินหยุน ตำหนักจารึกเทวะไม่ให้การคุ้มกันแก่ฉินหยุนในทุกกรณี!”


หัวใจฉินหยุนดิ่งวาบขณะนึกถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องที่เขาไม่ได้เข้าสู่สวนโบราณ!


ตำหนักจารึกเทวะ รับผิดชอบหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการคัดเลือกและประกาศผู้มีคุณสมบัติให้เข้าสวนโบราณ กระนั้น เพราะตั๋วที่ผิดแผก ฉินหยุนจึงถูกส่งไปยังสวนโบราณแห่งอื่น


มันจะต้องมีเรื่องสำคัญที่พวกเขาคิดต้องการทำที่สวนโบราณอย่างแรงกล้า ทว่าเขากลับไม่ได้เข้าไป


ความคิดของเขาขณะนี้กำลังวิ่งว่อน!


เขาถึงกับลอบสบถอยู่ภายใน…


เป็นเวลาหลายปีแล้ว จะมีการส่งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ให้เข้าสู่สวนโบราณเพื่อค้นหาวิญญาณดวงตะวัน!


เพราะสวนโบราณถูกผนึกเอาไว้โดยแดนวิญญาณอ้างว้าง มีแต่ผู้ฝึกตนที่มีอักขระชีวิตของมหาวิถีแห่งเต๋าน้อยกว่าสามตัว จึงสามารถเข้าไปได้


คนของสามแดนอ้างว้างไม่ทราบเรื่องวิญญาณดวงตะวันร่วงหล่น ทว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่ตำหนักจารึกเทวะซึ่งมาจากแดนวิญญาณอ้างว้างจะทราบ


“หรือเป็นไปได้ว่า เพราะพวกเขาขาดตัวเรา จึงทำให้ไม่อาจได้รับวิญญาณดวงตะวัน? เพราะอย่างนั้นเลยนำโทสะมาลงที่เรา?”


ฉินหยุนคิดกับตนเอง นี่เป็นเพียงเขาคาดเดา สำหรับรายละเอียดปลีกย่อยอื่น เขาไม่มีทางทราบแล้ว


หลันเฉินกล่าวคำ “เหล่าหลัน ฉินหยุนเป็นจ้าวสำนักของสำนักจารึก เขากระทั่งมีอักขระจันทราและดวงดาว! มันจะดีหากเจ้าไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ต่อตำหนักจารึกเทวะ!”


จ้าวฉวน ต้วนเฉียน และหลันฮัวอวี้ล้วนพยักหน้ารับ แม้พวกเขาเป็นคนของตำหนักจารึกเทวะ ทว่าพวกเขามีสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุน ดังนั้นจึงไม่คิดเปิดเผยเรื่องราวของฉินหยุนต่อผู้อื่น


หลันเฉินกล่าว “ฉินหยุน ข้าไม่ใช่คนของตำหนักจารึกเทวะ ให้ข้าคุ้มกันเจ้าออกไป!”


“เหล่าหลัน พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเร่งรีบออกจากตำหนักจารึกเทวะ ควรอยู่ที่นี่ ในตำหนักจารึกเทวะ คอยหาข้อมูลให้พวกเราหากทำได้ มันต้องเป็นเพราะผลประโยชน์ใดสักอย่าง จึงทำให้ตำหนักจารึกเทวะไม่อาจปกป้องฉินหยุน!”


หลันฮัวอวี้พยักหน้ารับ “บางทีตำหนักจารึกเทวะอาจคิด ว่าฉินหยุนคงไม่มีทางทำลายคำสาปของวิญญาณยุทธ์สีดำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คาดหวังในตัวเขาสูงอะไรนัก!”


หลันเฉินยิ้มตอบ “ผู้อื่นอาจไม่สามารถทำลายคำสาปวิญญาณยุทธ์สีดำ แต่ฉินหยุนแตกต่าง ด้วยอักขระจันทราและดวงดาวที่เขาครอบครอง พวกมันทรงพลังเพียงใดเจ้าทราบดี เขาย่อมต้องเลื่อนระดับพลังได้อีก!”


ฉินหยุนกล่าวคำ “พวกเราออกไปช่วงกลางดึกได้หรือไม่ขอรับ?”


“ย่อมได้!” หลันฮัวอวี้ตอบกลับ “ขณะนี้มืดแล้ว อีกไม่นานก็ถือว่าดึกแล้ว!”


ฉินหยุนยังพอมีเวลาได้พักผ่อนบ้าง


กลางดึก ทางเข้าตำหนักจารึกเทวะถูกปิดล้อมเอาไว้ อย่างไม่คาดคิด ภายนอกตำหนักจารึกเทวะขณะนี้ ถูกล้อมเอาไว้ด้วยผู้คนกว่าสองพันชีวิต


หลันเฉินเอ่ยคำ “ยิ่งมายิ่งคนมากขึ้น! นับเป็นเรื่องดีที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณมีไม่มากนัก!”


กลางดึก ฉินหยุนสามารถใช้พลังเงาเพื่อซ่อนตัวตนในความมืด กระทั่งว่าไม่มีหลันเฉินคุ้มกัน เขาก็ยังสามารถออกจากตำหนักจารึกเทวะได้อย่างปลอดภัย


“หลันเฉิน ผังจารึกบนศีรษะท่านคือรอยสักโทเทมหรือ?” ฉินหยุนนึกขึ้นได้จึงถาม


“ย่อมใช่! เป็นมันถือกำเนิดมาพร้อมข้า ดังนั้นอย่าได้บอกต่อผู้อื่นถึงเรื่องนี้ ข้าไม่อยากโดนตำหนักโทเทมจับจ้อง!” หลันเฉินตอบคำ


“เป็นโทเทมอันใดกัน?” ฉินหยุนถามด้วยความอยากรู้


หลันเฉินมองที่ฉินหยุนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “โทเทมดวงดาว! อย่าได้คิดอะไรกับข้าเชียว!”


“เวลาไม่มีแล้ว… หากข้ามีเวลาในภายหน้า คิดอยากขอหยิบยืมโทเทมดวงดาวของท่าน!” ฉินหยุนหัวเราะ


เขาสามารถให้โมโมทำการคัดลอกโทเทมของหลันเฉิน โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำร้ายอีกฝ่าย ทว่ามันต้องใช้เวลานานพอสมควรหากคิดทำ


“เอาไว้พูดคุยกันทีหลัง!” หลันเฉินเกิดเป็นกังวล ว่าฉินหยุนจะทำอะไรบุ่มบ่ามขึ้นมา


ฉินหยุนขณะนี้เดินไปมาในห้องโถงของตำหนักจารึกเทวะ “เอาอย่างนี้เป็นไร? ท่านออกไปก่อน ล่อพวกมันออกไปชั่วระยะหนึ่ง จากนั้นข้าค่อยออกไปด้วยตนเอง!”


“แบบนั้นได้หรือ? ต่อให้ฟ้ามืดแล้ว เจ้าก็ยังจะโดนไล่ตามอยู่ดี!” จ้าวฉวนเผยความกังวล


“ข้าสามารถหลบซ่อนตัวในความมืดได้ ย่อมไม่มีปัญหา!” ฉินหยุนยิ้มตอบ


จ้าวฉวนและคณะ ทำตามคำแนะนำที่ฉินหยุนบอกออกมา หลังหารือกันแล้ว พวกเขาค่อยออกจากตำหนักจารึกเทวะ บินออกไปในทิศทางที่ต่างกันด้วยความเร็วสูงสุด


หลายคนคิดว่าจะมีขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณคุ้มกันฉินหยุน พวกเขาคิด ว่าหากเป็นเช่นนั้นจะไล่ตามได้ทันที


พอหลายคนไล่ตามคนละทิศทาง ฉินหยุนผู้ซ่อนตัวในความมืด ขณะนี้รอคอยเวลาและค่อยออกจากตำหนักจารึกเทวะอย่างเงียบงัน ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์


กระทั่งว่ายังมีอีกหลายร้อยคนอยู่ด้านนอกตำหนักจารึกเทวะ พวกเขาก็หาได้พบตัวฉินหยุนไม่


ฉินหยุนออกจากตำหนักจารึกเทวะอย่างราบลื่น มุ่งหน้าเดินทางกลับสู่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์


ผ่านการเดินทางอยู่ครึ่งเดือน ในที่สุดฉินหยุนค่อยกลับถึงประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์


ช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง แสงสีแดงจากเก้าดวงตะวันขณะนี้ปกคลุมเสายักษ์ทั้งเก้าต้น ยิ่งขับเน้นความลึกลับของพวกมันให้มากขึ้น


ผู้ซึ่งเปิดค่ายอาคม เป็นเว่ยจงเจิ้ง


“เสี่ยวหยุน ได้ยินว่าเจ้าควรต้องเข้าสวนโบราณไม่น้อยกว่าหนึ่งปี เหตุใดผ่านไปครึ่งปีจึงกลับออกมาแล้ว?” เขาทราบมาหลายวันแล้วว่าฉินหยุนกลับมา


“จ้าวสำนัก ตำหนักจารึกเทวะขณะนี้ไม่ให้การคุ้มกันแก่ข้าอีกต่อไปแล้ว!” ฉินหยุนเผยสีหน้ามืดมน


“เรื่องนี้ข้าก็ได้ยินมา ได้สอบถามไปยังมู่เฟิงถึงเหตุผลที่เจาะจง เขาบอกว่าจะมายังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์เพื่อหารือเรื่องนี้กับพวกเราด้วยตนเอง!”


เว่ยจงเจิ้งถอนหายใจและตบที่ไหล่ฉินหยุน “อย่าได้กังวล ยังคงมีพวกเรา! ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์จะยังเป็นบ้านของเจ้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามแต่!”


ฉินหยุนกลายเป็นรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ขณะนี้เขาเร่งรีบกล่าว “จ้าวสำนัก ข้าพบหนทางรักษาพิษแล้ว! พาข้าไปพบหงหลัน! นางขณะนี้อาการยังไม่ทรุดใช่หรือไม่ขอรับ?”


“ข้าส่งวิญญาณยุทธ์กล้วยไม้แดงกลับคืนแก่นาง ทว่าไม่ทราบว่านางทำอย่างไรต่อ อย่างไรแล้ว ด้วยเพราะจำนวนพิษที่มีแต่เพิ่มมากขึ้น สภาพอาการตอนนี้จึงค่อนข้างแย่ การฝึกฝนดังปกติไม่อาจทำได้มาชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว!”


เว่ยจงเจิ้งเร่งรีบนำฉินหยุน บินมุ่งหน้าสู่สวนสมุนไพร กล่าวออกอย่างเสียมิได้ “พิษในกายของนางแกร่งกล้ามาก มันเหนือกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ยิ่งมายิ่งยากต่อการสะกดมันเอาไว้!”


เฟิงหงหลันขณะนี้พักอาศัยอยู่ในอาคารทองแดงหลังน้อยที่สวนสมุนไพร มีหยวนหยานหยิงคอยให้การดูแล


ฉินหยุนพอกลับถึงสวนสมุนไพร เขาได้เห็นหยวนหยานหยิงเผยสีหน้ากระวนกระวาย คล้ายอารมณ์ไม่ดียิ่ง


“หยานหยิง เป็นอะไรไปแล้ว?” ชั่วขณะที่ฉินหยุนมาถึง หยวนหยานหยิงถึงกับโถมกายเข้าหาฉินหยุน


“อาการของพี่หงหลันมีแต่แย่ลงไปเรื่อย พี่ชาย เร่งรีบช่วยนาง!” หยานหยิงสะอื้นเสียงเบา


ฉินหยุนเร่งรีบตอบ “อย่าได้กังวล ข้ารีบกลับมาก็เพื่อช่วยนาง!”


หยวนหยานหยิงพอได้ยินดังนี้ นางเร่งรีบนำฉินหยุนและเว่ยจงเจิ้งเข้าในห้อง


เฟิงหงหลันผู้ซึ่งนอนบนเตียง ขณะนี้ลืมตาปรือเล็กน้อย ทั้งร่างกลับกลายเป็นสีดำ ออร่าสีดำปรากฏออกอย่างไม่อาจปิดบัง


ฉินหยุนเร่งร้อนนำกระต่ายหยกออกมาและปลุกกระต่าย


หลังผ่านการหลับใหลไปนาน กระต่ายหยกหิวโซยิ่ง มีแต่ต้องกินไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกว่าสิบฟองค่อยทำให้นางมีแรงจนเริ่มลงมือได้


เฟิงหงหลันที่อ่อนแรงได้เห็นฉินหยุน ดวงตาของนางเผยความยินดี น้ำเสียงเบากระซิบออก “ฉินหยุน ข้ายินดีนักที่ห้วงเวลาสุดท้ายได้พบท่าน!”


“อย่าพูดอะไรแบบนั้น เจ้าต้องไม่เป็นไร!” ฉินหยุนยิ้ม


กระต่ายหยกกัดที่ข้อมือเฟิงหงหลัน เริ่มทำการดูดกลืนพิษในร่าง


“พี่ชาย กระต่ายน้อยนี่ไม่เป็นไรหรือ? พิษนี่แข็งแกร่งมากนัก!” หยวนหยานหยิงได้เห็น ว่ากระต่ายหยกมีความสามารถเลิศล้ำ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางดูดกลืนพลังงานจากไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกว่าสิบฟองในพริบตาได้อย่างแน่นอน


เว่ยจงเจิ้งที่รับชมอยู่ด้านข้าง ขณะนี้เผยความตื่นตระหนก กระต่ายหยกทำการดูดกลืนพิษมหาศาลในเลือด กระนั้นแล้วไม่คล้ายจะมีอาการใดเกิดขึ้นต่อตัวมัน


“จ้าวสำนัก ท่านพอจะช่วยหาซื้อหาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสักหลายฟองได้หรือไม่ขอรับ? ข้าต้องการอย่างน้อยก็นับพัน!” ฉินหยุนตอบ “กระต่ายหยกตัวนี้เป็นสัตว์ระดับลึกล้ำ การเลี้ยงดูมันต้องใช้พลังงานมหาศาล”


“ย่อมได้ ข้าจะให้ผู้อาวุโสจัดการเรื่องนี้ให้!” เว่ยจงเจิ้งเร่งรีบจากไป ขณะนี้เขาค่อยวางใจได้มากแล้ว


การดูดกลืนพิษของกระต่ายหยกเป็นไปอย่างรวดเร็ว


ทั้งร่างกายเฟิงหงหลัน ที่เมื่อครู่ปกคลุมด้วยออร่าสีดำ และยังมีรอยสีดำหลายแห่งบนผิวกาย ขณะนี้ค่อยเลือนหาย นี่ทำเอาทั้งหยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลันเผยความยินดี


ฉินหยุนเองก็ผ่อนคลายได้มาก


เพียงไม่นาน เว่ยจงเจิ้งกลับมา กระทั่งพาหญิงสาวในชุดม่วงมาด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น ผู้นี้คือสื่อชิงเฉิง!


ตอนที่ 433

 

เมื่อเว่ยจงเจิ้งเดินเข้ามาแล้ว เขาเผยรอยยิ้มกล่าวคำ “หยานหยิง จ้าวสำนักหุบเขาลึกล้ำจันทรา แม่เฒ่าตู้ขณะนี้กำลังรับชมอาคมธงที่ด้านนอก! ออกไปให้คำอธิบายแก่นางสักหน่อย!”


“รับทราบ!” หยวนหยานหยิงเร่งรีบเดินออกไป นางเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของแม่เฒ่าตู้มานาน ทว่าไม่เคยมีโอกาสได้พบเจอมาก่อน


สื่อชิงเฉิงที่เดิมเผยความอ่อนโยนและทรงเสน่ห์ออกมา ขณะได้พบฉินหยุน นางกลับกลายเป็นโกรธเกรี้ยว


ในสายตาของนาง ฉินหยุนเป็นเด็กอวดดีที่คิดแต่จะหยิกใบหน้าของนาง


“ใช้เวลาที่มีกันไปก็แล้วกัน ข้าขอตัวไปร่วมพูดคุยกับแม่เฒ่าตู้เสียก่อน!” เว่ยจงเจิ้งหัวเราะ ก่อนจะเร่งรีบไปยังสวนสมุนไพร


สื่อชิงเฉิงมองที่เฟิงหงหลันซึ่งนอนบนเตียง ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคำถามปวดใจ “พิษของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”


“กำลังดีขึ้นทีละน้อย!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “พี่สาวซาลาเปานึ่ง นางเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งภูมิภาคตอนเหนือ เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งตัวจริงเสียงจริง!”


สื่อชิงเฉิงทราบนานแล้ว ว่าเมื่ออยู่ร่วมกับฉินหยุน ต้องเตรียมแบกรับความโกรธเอาไว้แต่แรก


นางกลอกตามองฉินหยุนพร้อมแค่นเสียงเบา “ข้าไม่คิดลดตัวไปต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า!”


เฟิงหงหลันหัวเราะเบา “ศิษย์พี่ อย่าได้กล่าวเช่นนั้น! พี่ชิงเฉิงต่างหากจึงเป็นโฉมงามลือลั่นในสี่ภูมิภาคของแดนยุทธ์อ้างว้างเมื่อกาลก่อน ไม่เพียงแต่ความงดงามมากล้ำ พรสวรรค์ทางวิถียุทธ์และฝีมือยังถือว่าแกร่งกล้า!”


“จริงหรือ? คงเป็นเพราะในช่วงเวลานั้น หาได้มีโฉมงามอันใดมากมายไม่!” ฉินหยุนยิ้มตอบ


เฟิงหงหลันเร่งรีบกล่าว “ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น! ในตอนนั้น มีผู้ฝึกตนสายเลือดต่อสู้กันเพราะพี่ชิงเฉิง ถึงกับเป็นความร้าวฉานของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงทั้งสอง!”


“นอกจากนี้ รุ่นเยาว์ชนชั้นหัวกะทิหลายคนของแดนยุทธ์อ้างว้าง ยังถึงกับลงไม้ลงมือต่อกันเพื่อได้สิทธิ์เข้าถึงตัวพี่ชิงเฉิง!”


ฉินหยุนหันมองสื่อชิงเฉิงด้วยสายตาไม่อาจเชื่อ น้ำเสียงกล่าวออกด้วยความประหลาดใจ “พี่สาวซาลาเปานึ่ง นี่เป็นเรื่องจริงหรือ? อย่างนั้นข้าต้องมองท่านใหม่เสียแล้ว!”


“เพียงข้าหายใจ กระทั่งตอนนี้ ก็สามารถทำให้กลุ่มตาเฒ่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณสู้จนตัวตายเพื่อข้าได้!” สื่อชิงเฉิงเผยสีหน้ามาดมั่นขณะยืนกอดอกนำเสนอ ออร่าของนางขณะนี้คล้ายแฝงด้วยความโกรธเจือปนไม่น้อย


ฉินหยุนมองนางด้วยสายตาซับซ้อน แต่แล้วก็อดไม่ได้จนต้องยื่นมือออกไปหยิกที่ใบหน้าดังกล่าว เขายิ้มให้ “พี่สาวซาลาเปานึ่ง ใบหน้าของท่านสมควรน่าหยิกที่สุดในแดนเหนือ!”


สื่อชิงเฉิงขณะนี้กัดฟันแน่นขณะยื่นมือไปถูไถรุนแรงที่ใบหน้าฉินหยุน


ไม่ช้า ทั้งสองเริ่มเปิดศึกด้วยฝ่ามือกันอย่างไม่ยิ่งหย่อน


เฟิงหงหลันที่นอนบนเตียงถึงกับอึ้ง นางไม่คิดว่าคนอย่างสื่อชิงเฉิง จะถึงขั้นทะเลาะเป็นเด็กเช่นนี้กับฉินหยุน


ไม่นาน ผมเผ้าของสื่อชิงเฉิงยุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ยับยู่ เป็นนางหอบหายใจหนัก


นางค่อยตระหนักได้ตอนนี้ ว่าเมื่อใดลดตัวลงไปเล่นกับฉินหยุน มีแต่นางที่เสียหาย


ฉินหยุนต่างหากจึงเป็นเต้าหู้ที่ทุบอย่างไรก็ไม่เละ!


“เรื่องนี้ช่างมันไปก่อน!” สื่อชิงเฉิงจัดผมเผ้าตนเองเสียใหม่ “ข้าจะนำท่านยายตู้มาเพื่อพูดคุยเรื่องค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี! ว่าไปค่ายอาคมนี้มีค่าเพียงใดกัน?”


“แล้วพี่หลันเล่า? เหตุใดท่านไม่พานางมาด้วย!” ฉินหยุนเอ่ยคำ “ท่านให้สัญญาแล้วว่าจะปล่อยให้พี่หลันได้เข้าร่วมประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดคุยกันอีก!”


“ย่อมไม่มีปัญหา แต่เฟิงจินขณะนี้เก็บตัวฝึกฝนเพื่อเลื่อนสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม! ไว้นางเลื่อนระดับแล้ว ข้าจะจัดแจงให้นางมาที่นี่!” สื่อชิงเฉิงกล่าวตอบ “ค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสีถือว่ายอดเยี่ยม จงบอกต่อข้าว่าคิดขายมันอย่างไร”


เฟิงหงหลันอยู่ที่สวนสมุนไพรแห่งนี้มาครึ่งปีแล้ว นางทราบว่าค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี จะมีก็แต่สำนักระดับราชันจึงครอบครองและติดตั้งได้ แต่แล้วกลับเป็นฉินหยุนที่เป็นคนติดตั้งมันขึ้นมา


“ให้แม่เฒ่าตู้มอบท่านแก่ข้า แล้วข้าจะช่วยหุบเขาลึกล้ำจันทราสร้างอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสีสักชุดหนึ่ง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “เช่นนี้ข้าจะได้ไม่เบื่อ มีใบหน้าท่านให้หยิกเล่น!”


สื่อชิงเฉิงอึ้งไปวูบ นางไม่คิดว่าฉินหยุนจะกล่าวเช่นนี้ออกมา


เป็นนางคิดไปเอง ว่าฉินหยุนจะเรียกร้องเหรียญม่วงมากมายหรือของล้ำค่าอื่น


“ก็นะ… ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ เพื่อประโยชน์ของหุบเขาลึกล้ำจันทรา ข้าย่อมต้องเสียสละตนเอง!” สื่อชิงเฉิงเม้มริมฝีปาก คล้ายเป็นการตัดสินใจยากเย็น ใบหน้าของนางเผยความรู้สึกช่วยไม่ได้ออกมา


ฉินหยุนสัมผัสที่ใบหน้าอีกฝ่ายบางเบาและยิ้มให้ “ข้าเพียงกล่าวหยอกล้อ! ท่านหาได้มีค่าเพียงนั้น ข้าจะนำไปทำอะไรได้? เหรียญม่วงต่างหากจึงเชื่อถือได้มากกว่า!”


มือขาวนวลของสื่อชิงเฉิงสั่นเทิ้ม นางคิดอยากตบที่ใบหน้าอีกฝ่ายรุนแรงสักฉาดหนึ่ง เป็นนางตกลงปลงใจยอมขายตนเองแก่อีกฝ่าย แต่แล้วกลับไม่คิด ว่าฉินหยุนเพียงกล่าวหยอกล้อ นี่ทำเอานางโกรธจนแทบตายตกแล้ว


เฟิงหงหลันที่รับชมเรื่องราวทั้งหมดถึงกับอึ้งอีกครั้งครา โฉมงามอย่างสื่อชิงเฉิง ที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้ศิษย์ของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงมีเรื่องกันได้… เพื่อฉินหยุนช่วยเหลือ นางถึงขั้นคิดยอมสละตนเอง


สื่อชิงเฉิงกระทืบเท้าโกรธเคือง ฟันขณะนี้กัดไว้แน่น สายตาจ้องมองที่ฉินหยุนอย่างคิดกินเลือดเนื้อเสียให้ได้


“หนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวด้วยท่าทีสบาย


“แพงไป แปดสิบล้าน!” สื่อชิงเฉิงโต้กลับทันควัน


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง แม้ท่านไม่ยอดเยี่ยม แต่ข้ารู้สึกว่าท่านยังมีค่าเทียบเท่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง! หากท่านเสนอตัวที่แปดสิบล้านเหรียญม่วง หมายความว่าท่านยอมรับว่าตนเองมีค่าเพียงแปดสิบล้านงั้นหรือ?” ฉินหยุนบุ้ยปาก


สื่อชิงเฉิงขณะนี้ภายในใจสาปแช่งดังลั่นแล้ว


ชั่วขณะนี้เอง แม่เฒ่าตู้ก้าวเดินเข้ามา นางวันนี้สวมใส่ชุดขาว ก้าวเดินมาพร้อมไม้เท้าค้ำยัน ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยรอยยิ้มขณะเอ่ยถาม “ชิงเฉิง ตกลงราคาได้อย่างไร?”


“ท่านยายตู้ขอรับ ข้าเสนอที่หนึ่งร้อยสามสิบล้าน แต่พี่ชิงเฉิงกลับเสนอให้เพียงหนึ่งร้อยสิบล้าน!” ฉินหยุนพึมพำ “การติดตั้งค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสีเป็นเรื่องยากยิ่ง สำหรับสำนักลึกล้ำที่จะมีโอกาสได้รับค่ายอาคมเช่นนี้ ก็ต้องเจรจากับข้าให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย!”


ดวงตางดงามของสื่อชิงเฉิงเบิกกว้าง นางถึงกับอึ้งต่อความหน้าไม่อายของฉินหยุน


นางตะโกนดัง “นี่เจ้า! เมื่อครู่ไฉนบอกว่าหนึ่งร้อยล้าน?”


ฉินหยุนโต้กลับทันควัน “ท่านยายตู้รับชม! นางขณะนี้เสนอที่หนึ่งร้อยล้านแล้ว! ก็ได้ ก็ได้ ในเมื่อหุบเขาลึกล้ำจันทราของพวกท่านปกครองโดยสตรี เช่นนั้นข้าจะยอมก็แล้วกัน!”


แม่เฒ่าตู้ขมวดคิ้ว เพราะเรื่องนี้ออกจะเกินกว่าที่คาดคิด นางเดิมคิดว่าสมควรลดทอนไปได้สักที่เก้าสิบล้านเหรียญม่วง


เฟิงหงหลันถึงกับพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นการเสนอราคาล้นฟ้าขนาดนี้ปลิวว่อน


“เช่นนั้นก็ตามนั้น!” แม่เฒ่าตู้พยักหน้ารับ


สื่อชิงเฉิงไร้คำกล่าวแล้ว เดิมนางมั่นใจว่าสามารถกดราคาไปได้สักแปดสิบล้าน ทว่าตอนนี้ฉินหยุนกลับบังคับให้มันไปหยุดที่หนึ่งร้อยล้าน


ฉินหยุนมีเรื่องเร่งด่วนต้องการเหรียญม่วง ทั้งหมดก็เพื่อค่ายอาคมรวมตะวัน เพราะมันคือสิ่งที่จะทำให้เขาสามารถก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ดังนั้นแล้วเขาจึงต้องยอมหน้าหนา เรียกร้องเหรียญม่วงมากมายเพียงนี้


เว่ยจงเจิ้งยิ้มกล่าว “อย่าได้มองว่าประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์มีราชันยุทธ์เช่นข้าแล้วร่ำรวย แท้จริงพวกเราค่อนข้างขัดสนนัก!”


“และหุบเขาลึกล้ำจันทราถือว่าล่ำซำ ถือเป็นหนึ่งในสำนักลึกล้ำอันดับต้น พวกเจ้าเก็บตัวเงียบมานานนัก แต่ในทางลับกลับมีโชคลาภเข้ามาไม่หยุด ข้าย่อมทราบเรื่องนี้!”


ฉินหยุนพอได้ยิน เขากลายเป็นเสียดายที่ไม่เรียกราคาให้สูงกว่านี้


“อย่างนั้นแล้วคิดจัดส่งได้เมื่อใด?” แม่เฒ่าตู้เอ่ยถาม


“สักสองเดือนขอรับ! จะเป็นไรหรือไม่หากจ่ายให้ข้าหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วงก่อน?” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “ตัวข้าขณะนี้ขาดแคลนเหรียญม่วงมากนัก! ดังท่านทราบ ข้ามีสองวิญญาณยุทธ์ และยังเป็นสีดำทั้งคู่!”


แม่เฒ่าตู้พยักหน้ารับ นางเข้าใจฉินหยุน ดังนั้นจึงนำเอาบัตรผลึกเหรียญม่วงออกมา ส่งหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วงแก่ฉินหยุน


สื่อชิงเฉิงเผยความกังวล “เจ้าหนู เจ้าสามารถก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามได้จริงหรือ? กระทั่งตำหนักจารึกเทวะยังยอมปล่อยวางต่อเจ้า!”


แม่เฒ่าตู้ถอนหายใจและมองที่ฉินหยุน นางกล่าว “ข้าได้สอบถามไป และได้รับข่าวคราวมา! ตำหนักโทเทมและตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ได้มอบผลประโยชน์มากมายแก่ตำหนักจารึกเทวะ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมปล่อยมือจากเจ้า!”


“บางทีตำหนักจารึกเทวะคงมอง ว่าเจ้าไม่อาจเลื่อนระดับได้อีก ผลประโยชน์ตรงหน้าคือสิ่งจริงแท้ พวกเขาจึงยอมปล่อยวางไม่ยื้อเจ้าเอาไว้!”


เว่ยจงเจิ้งกล่าวคำ “จะมีก็แต่แดนอ้างว้างลึกลับโบราณจึงค่อยเป็นผลประโยชน์แก่ตำหนักจารึกเทวะ! ตำหนักโทเทมและตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ครอบครองดินแดนลึกลับโบราณเหล่านั้นเอาไว้มาก เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะยอมมอบจำนวนหนึ่งให้แก่ตำหนักจารึกเทวะ!”


“จริงด้วย จ้าวสำนักเว่ย ท่านได้ยินหรือไม่? พวกเขาขณะนี้พบเขตแดนอ้างว้างขนาดใหญ่ที่เทือกเขาเมฆมังกร ในเขตแดนอ้างว้างแห่งนั้น มีหลุมฝังเซียนขนาดใหญ่ มันคล้ายกับนครขนาดใหญ่เลยทีเดียว!” แม่เฒ่าตู้พลันกล่าวขึ้น


“เรื่องนี้ยังไม่เคยได้ยิน!” เว่ยจงเจิ้งเร่งรีบถาม “เรื่องนี้เกิดขึ้นนานหรือยัง?”


แม่เฒ่าตู้กล่าวตอบ “เหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เชิญท่านแล้ว! อย่างไรแล้วนี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ พวกท่านประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ก่อร่างสร้างศัตรูเอาไว้มาก กระทั่งกับตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง พวกเขาย่อมไม่ให้พวกท่านรู้แล้ว!”


สื่อชิงเฉิงกล่าวต่อ “พวกนั้นบอก ว่าเมื่อคนจากสวนโบราณกลับออกมา พวกเขาจะเตรียมการมุ่งหน้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรพร้อมกัน เพื่อเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างแห่งนั้น!”


ฉินหยุนครุ่นคิดภายใน ถึงสาเหตุว่าทำไมตำหนักจารึกเทวะจึงยอมปล่อยมือจากเขา


หนึ่งก็เพราะเขาไม่ได้เข้าสู่สวนโบราณ สองก็เพราะเขาครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดำ ดังนั้นโอกาสเลื่อนระดับแทบมองไม่เห็น และสาม เขามีศัตรูมากมายเกินไป จนอาจทำให้พลังอำนาจในแดนยุทธ์อ้างว้างของตำหนักจารึกเทวะอ่อนแอลงได้


อย่างที่สี่ ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงและตำหนักโทเทม ยอมมอบผลประโยชน์มหาศาลแก่ตำหนักจารึกเทวะ


สาเหตุว่าทำไมตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงและตำหนักโทเทมต้องการจับตัวเขา ก็เพราะเขาครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์ และหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร พวกมันทั้งคู่ถือเป็นวัตถุล้ำค่าล้นพ้น


“ในเมื่อพวกนั้นไม่เชื้อเชิญพวกเรา เช่นนั้นพวกเราย่อมไม่ไปเข้าร่วม! หลุมฝังเซียนที่เทือกเขาเมฆมังกรย่อมไม่ใช่เรื่องเล่น ข้าเข้าไปอาจตายได้!” เว่ยจงเจิ้งกล่าวคำ


“กล่าวกันว่าขณะนี้พวกเขารวบรวมราชันยุทธ์ห้าสิบคน และขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำอีกหลายร้อยคน รวมตัวกันเตรียมนำพารุ่นถัดไปเพื่อเปิดประสบการณ์! ความปลอดภัยของสามแดนอ้างว้างขณะนี้ เพราะร่วมมือกันแล้วจึงไม่น่ามีอันใดให้กังวล!” แม่เฒ่าตู้ยิ้ม “เมื่อถึงเวลานั้น ชิงเฉิงและข้าก็จะไปเข้าร่วม!”


แม้ฉินหยุนไม่พูดกล่าวอะไรออกมา กระนั้นเขาก็มีใจคิดอยากร่วมทางไปด้วย


เขามั่นใจ ว่าหลุมฝังเซียนที่เพิ่งถูกค้นพบนี้ จะต้องข้องเกี่ยวกับเซี่ยฉีโหรว!


“อย่างนั้นแล้ว ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด เพื่อเร่งทำค่ายอาคมให้พวกท่านได้เร็วขึ้น!” ฉินหยุนกล่าว


“วิเศษนัก!” หุบเขาลึกล้ำจันทราของนางในขณะนี้ ใกล้ก้าวสู่สำนักระดับราชันอีกระดับหนึ่งแล้ว


ฉินหยุนขอให้สื่อชิงเฉิงอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือ เขายังถามต่อแม่เฒ่าตู้เรื่องการพาเชี่ยวเย่ว์หลาน หยางฉีเย่ว์ และผู้อื่นร่วมทางมาด้วยในอีกสองเดือนให้หลัง


ด้วยเหตุนี้ สื่อชิงเฉิงจึงต้องทำตามที่ฉินหยุนสั่งการเปรียบดั่งคนรับใช้


นับเป็นเรื่องดีที่นางเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่เช่นนั้นคงบ่นอุบไม่จบไม่สิ้นอย่างแน่นอน


ที่นี่ยังมีหยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลัน พวกนางย่อมช่วยเหลือได้อีกแรง


พิษในกายเฟิงหงหลัน ขณะนี้ถือว่ารักษาหายดีอย่างสมบูรณ์ กำลังวังชากลับคืนอย่างดีเยี่ยม ด้วยสวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ ยิ่งขับเน้นให้งามงดงามยิ่งขึ้น โดยเฉพาะใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มจากใจ ความงดงามยิ่งฉายชัด


กระทั่งสื่อชิงเฉิง ยังต้องคิดว่าเฟิงหงหลันดูดีกว่านางมากนัก


ฉินหยุนใช้เวลาครึ่งเดือน ค่อยทำอาคมธงแล้วเสร็จ


ได้เห็นเช่นนี้ สื่อชิงเฉิงถึงกับสบถก่นด่าอยู่ภายใน เพราะฉินหยุนบอกว่าต้องใช้เวลาถึงสองเดือน


สื่อชิงเฉิงคิดกลับเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าฉินหยุนให้นางรั้งอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือตนเอง


นี่ก็เพราะฉินหยุนคิดอยากขัดเกลายันต์วิญญาณระดับราชัน และอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน รวมถึงอาคมยันต์และอาวุธอื่นอีกหลายอย่าง


การที่เขาจะได้มีลูกมือชั้นเยี่ยมถือเป็นเรื่องยาก ดังนั้นย่อมต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าอย่างถึงที่สุด

 

 

 


ตอนที่ 434 สมดุลสามวิญญาณ

 

สื่อชิงเฉิงเองก็ทราบ ว่าฉินหยุนมีเหรียญตราอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง ดังนั้นจึงเต็มใจช่วย ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยตัวนางที่เป็นถึงโฉมงามอันดับหนึ่งของแดนเหนือ ย่อมไม่มีทางลดตัวมาช่วยงานหนักหนาเช่นนี้อย่างแน่นอน


นอกจากฉินหยุนแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นที่จะขอให้โฉมงามอันดับหนึ่งทั้งสองสมัยของแดนเหนือมาช่วยงานเช่นนี้ได้


“ศิษย์พี่ กระต่ายน้อยนั่นไปที่ใดแล้ว? เหตุใดท่านไม่ปล่อยนางออกมา?” เฟิงหงหลันขณะนี้ไม่ทราบ ว่าแท้จริงแล้วกระต่ายหยกเป็นเช่นไร เพียงทราบว่าตอนนี้กระต่ายหยกหลับใหลอยู่เท่านั้น


“มันจะดีที่สุดหากนางไม่ตื่นขึ้นมา ไม่เช่นนั้น นางได้กินไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกองภูเขาทุกวันแน่! ไว้ต้องการใช้นางเมื่อใด ค่อยปลุกขึ้นมาเมื่อนั้น จะได้เป็นการประหยัดไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรไปในตัว!” ฉินหยุนตอบคำ


เฟิงหงหลันประหลาดใจไม่น้อย “เป็นเช่นนี้! ไม่นึกเลยว่ากระต่ายน้อยตัวนั้น จะถึงขั้นมีความสามารถล้างพิษแก่ข้าได้ง่ายดาย!”


“เป็นเช่นนั้น!” ฉินหยุนยิ้มตอบ


สื่อชิงเฉิงช่วยเหลือฉินหยุนที่นี่นานนับเดือนแล้ว และยังยอมตามใจเขาช่วยทุกงาน ดังนั้นขณะนี้นางจึงได้ทราบขึ้นมาบ้าง ว่าการเป็นอาจารย์จารึกไม่ใช่เรื่องง่าย


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง ท่านดูมีความสุขไม่น้อย เหตุใดไม่อยู่ที่นี่ช่วยงานข้าอีกสักเดือนหนึ่ง! ข้าคิดอยากลองขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำดู!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ท่านคิดอยากเป็นสักขีพยานในการหลอมอุปกรณ์ลึกล้ำชิ้นแรกของข้าหรือไม่?”


หยวนหยานหยิง ผู้ซึ่งกำลังดูแลสมุนไพร ขณะนี้เร่งรีบเข้ามาเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “พี่ชาย นี่เรื่องจริงหรือ? ท่านพร้อมหลอมอุปกรณ์ลึกล้ำแล้ว?”


ในช่วงหลายวันมานี้ ฉินหยุนได้หลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันสองชิ้นงาน เป็นเขาคุ้นเคยกับการหลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันไม่น้อยแล้ว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่จะก้าวต่อไป อย่างการหลอมอุปกรณ์ลึกล้ำ


“ให้ข้าได้ช่วย!” เฟิงหลันหันเผยความคาดหวัง ขณะนี้นางเผยรอยยิ้มยินดีประดับใบหน้างดงาม


“เจ้าควรฝึกฝนเรื่องสมุนไพรให้ดี! ขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำถือเป็นเรื่องเหนื่อยล้ายิ่ง!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “พี่สาวซาลาเปาท่านนี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ มีแต่นางจึงเรียกได้ว่าเพียงพอให้ช่วยข้า!”


สื่อชิงเฉิงเดิมคิดอยากกลับ แต่แล้วพอได้ยินว่าฉินหยุนคิดหลอมอุปกรณ์ลึกล้ำ นางจึงยินยอมอยู่ต่ออย่างไม่อิดออด


ฉินหยุนขณะนี้อายุเพียงยี่สิบปี คิดอยากหลอมอุปกรณ์ลึกล้ำเสียแล้ว สื่อชิงเฉิงต้องการเห็นกับตา ว่าเขาจะทำสำเร็จได้ดังที่คาดหวังหรือไม่


หลังพูดคุยกันเสร็จ ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงจึงเข้าห้องลับกว้างขวาง


“เจ้าหนู หากเจ้าทำได้สำเร็จ พอจะช่วยข้าหลอมอุปกรณ์ลึกล้ำในราคาที่ถูกสักหน่อยในภายหน้าได้หรือไม่?” สื่อชิงเฉิงเอ่ยถามอย่างกระดากใจ เผยท่าทีซึ่งเป็นการขับเน้นเสน่ห์ของนางออกมา


นางวันนี้สวมใส่ชุดสีขาวเรียบง่าย หาได้สวมใส่ชุดที่ฟุ่มเฟือย ด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น ยิ่งทำให้นางดูเย้ายวน ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงขณะนี้เม้มเล็กน้อย ขณะสายตาก็หันมองทางอื่น เสน่ห์ที่เผยผ่านดวงตาของนางปรากฏอย่างเด่นชัด


บุคคลที่ได้เห็นนางเป็นเช่นนี้ นับว่ามีฉินหยุนเป็นคนแรก!


ขณะนี้เขาค่อยตระหนักได้ ว่าเหตุใดพี่สาวซาลาเปานึ่งผู้นี้เคยสร้างบ่อเลือดเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาได้!


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง พวกเรานับเป็นอะไร? ถือว่าคุ้นเคยต่อกันไม่น้อย แต่แล้วท่านยังพูดเช่นนี้ล่อลวงต่อข้าหรือ!” ฉินหยุนหัวเราะ “ข้าย่อมไม่หลงกลท่านโดยง่าย!”


สื่อชิงเฉิงแค่นเสียง “อย่าได้ปรามาสต่อข้านัก! ข้าไม่เกรงกลัวที่จะบอกกล่าว ในอดีตนอกจากฉายานางมารสีม่วง ข้ายังมีอีกนามหนึ่ง คือเทพีแห่งความพินาศ!”


*อักษรชื่อของชิงเฉิง มีความหมายว่า “พินาศ” อยู่ด้วย*


“อย่าได้พูดกล่าวถึงเรื่องชายหนุ่มหาญกล้าเมื่อกาลก่อนแล้ว ท่านขณะนี้ให้ถ่ายเทพลังขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณลงในเหล็กกล้าหยวนลึกล้ำเหล่านี้!” ฉินหยุนบอกกล่าวขณะนำเอาเหล็กกล้าหยวนลึกล้ำกองใหญ่ออกมา


สื่อชิงเฉิงที่เมื่อครู่ได้อิ่มเอมใจเพราะการอวดอ้าง ขณะนี้ต้องกลับมาช่วยเหลือเป็นลูกมือแก่ฉินหยุนจัดการงานจิปาถะ


ฉินหยุนนำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา เติมเต็มน้ำมันสัตว์เข้าไป ก่อนจะใส่เหล็กกล้าหยวนลึกล้ำที่ได้รับการถ่ายเทพลังแล้วลงไป


น้ำมันสัตว์ถูกจุดเปลวเพลิง เริ่มต้นการขัดเกลาเหล็กกล้าหยวนลึกล้ำ


น้ำมันสัตว์เปี่ยมด้วยพลังงานพิเศษ เปลวเพลิงที่เผาไหม้ จะทำให้เหล็กกล้าหยวนลึกล้ำสามารถแข็งตัวได้มากขึ้น


“พี่สาวซาลาเปานึ่งอย่าได้เป็นกังวล! ข้าย่อมสามารถขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำ ดังนั้นอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะขายพวกมันราคาถูกแก่ท่าน ข้าจะมอบแก่ท่านสักชิ้นหนึ่งด้วยซ้ำ!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “เป็นความผิดท่านที่มีใบหน้าน่าหยิกเช่นนี้!”


สื่อชิงเฉิงเผยความยินดีขณะแลบลิ้นออกให้ฉินหยุน “อุปกรณ์ลึกล้ำใดที่เจ้าคิดหลอมขึ้น?”


“ข้าคิดสร้างกระบี่เล่มหนึ่ง แต่ก็ยังขาดวัสดุอีกหลายอย่าง ดังนั้นแล้วจึงได้แต่ขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำที่พิเศษกว่านั้น เป็นปืนใหญ่ราชันลึกล้ำ!” ฉินหยุนหัวเราะขึ้น “สิ่งนี้ทรงพลังยิ่ง นับเป็นวัตถุชั้นดีในการถล่มผู้คน!”


หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร มีความสามารถเพิ่มความร้อนแรงของเปลวเพลิง โดยเฉพาะเมื่อใส่น้ำมันสัตว์เข้าไป เปลวเพลิงด้านในจะยิ่งแรงกล้า


หลังจากน้ำมันสัตว์ด้านในเผาไหม้จนหมด ชิ้นส่วนเหล็กกล้าหยวนลึกล้ำขณะนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง


ฉินหยุนนำเอาเหล็กกล้าหยวนลึกล้ำออกมา วางมันลงที่แท่นหลอม ใช้พลังเต๋า เริ่มปลดปล่อยมังกรหลอมหกกระบวน ทำการทุบตีเหล็กกล้าหยวนลึกล้ำอย่างสุดแรง!


สื่อชิงเฉิงรับชมด้วยความอึ้งไปวูบ นี่เป็นเพราะฉินหยุนขณะนี้เปรียบดั่งเผชิญศึกยากลำบาก นับตั้งแต่แรกเริ่ม ก็ถือเป็นการศึกที่ขื่นขมแล้ว


ตึง! ตึง! ตึง!


มังกรหลอมหกกระบวนที่รุนแรงใช้งานออกต่อเนื่อง ทำให้เหล็กกล้าหยวนลึกล้ำกลายเป็นชิ้นส่วน นอกจากนี้ ยังทำวนซ้ำไปเรื่อยจนกระทั่งส่วนที่ไม่บริสุทธิ์ถูกขัดเกลาออกจนหมด


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง เร่งรีบถ่ายเทพลังงานแก่ข้า!” ฉินหยุนเผยเสียงดังขึ้น “ข้าใช้พลังงานไปมาก!”


“ได้เลย!” สื่อชิงเฉิงไม่คิด ว่าเพียงครึ่งชั่วยามฉินหยุนจะใช้พลังจนแทบหมดสิ้น


แต่พอคิดทบทวนนางก็เข้าใจ อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็เป็นเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง!


ตามปกติแล้ว อาจารย์จารึกที่จะขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ หรือไม่ก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ


นี่เองจึงเป็นสาเหตุ ที่ฉินหยุนต้องการให้สื่อชิงเฉิงช่วยเหลือ


สื่อชิงเฉิงอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ นางสามารถถ่ายเทพลังแก่เขาเพื่อคงสภาพให้พร้อมทำงาน


สองวันผ่านพ้น!


ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงเหนื่อยล้าจนแทบหมดเรี่ยวแรงแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่ต้องหยุดเพื่อพักผ่อน


“ยากเย็นนัก! การหลอมเหล็กกล้าหยวนลึกล้ำถือว่าลำบากมากแล้ว!” สื่อชิงเฉิงขณะนี้กำลังพักฟื้นอาการหมดแรง นางยังอุทานชื่นชมไปด้วย


“ยังไม่พอ! พักกันก่อน พวกเราต้องทำจนสำเร็จ!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “บอกท่านตามตรง หากมีแต่ข้า คงไม่มีทางก้าวหน้าได้เพียงนี้!”


สาเหตุว่าทำไมเขาไม่ต้องการให้หยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลันช่วยเหลือ ก็เพราะพวกนางไม่มีพลังพอช่วยเหลือเขาได้


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง หากหุบเขาลึกล้ำจันทราขอให้ข้าช่วยท่านติดตั้งค่ายอาคมเช่นนั้นอีก ข้าจะขอให้แม่เฒ่าตู้มอบตัวท่านแก่ข้า!” ฉินหยุนหัวเราะดัง “ข้าค่อยทราบตอนนี้ ว่าท่านมีประโยชน์ยิ่งนัก!”


“เจ้าหนูน้อย เพิ่งรู้หรือว่าพี่สาวคนนี้มีดีอย่างไร? ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าปรามาสต่อข้าโดยตลอดอย่างนั้นสินะ!”


พักผ่อนไปชั่วครู่ใหญ่ ฉินหยุนค่อยเติมน้ำมันสัตว์ลงหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร และทำการเผาไหม้ชิ้นเหล็กกล้าหยวนลึกล้ำต่อ


การหลอมผ่านพ้นไปครึ่งเดือน ในที่สุดฉินหยุนก็สร้างปืนใหญ่ลึกล้ำที่งดงามได้กระบอกหนึ่ง ขณะนี้เขาวางมันพาดบนไหล่


ก้าวถัดไป คือการแกะสลักอักขระลึกล้ำ นี่ก็ถือเป็นเรื่องยาก!


โชคดี ที่เขามีความรู้และเข้าใจต่อผังจารึกสูงล้ำ ด้วยความช่วยเหลือของปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต ความคืบหน้าทางด้านนี้ถือว่าราบลื่น


เพื่อความงดงาม เขาไม่อาจแกะสลักต่อเนื่องจนเสร็จในคราวเดียว


เมื่อแกะสลักอักขระลึกล้ำ มันจำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล ดังนั้นต้องมีการหยิบยืมพลังจากสื่อชิงเฉิงเช่นเดิม


ทุกชั่วระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาจะพักผ่อน โดยเฉพาะสื่อชิงเฉิง บ่อยครั้งนางต้องออกไปอาบน้ำชำระกาย


ผ่านไปหนึ่งเดือน!


ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงขณะนี้ ในที่สุดก็ร่วมกันทำอุปกรณ์ลึกล้ำได้สำเร็จ!


“นี่นับว่าสำเร็จแล้ว?” สื่อชิงเฉิงมองปืนใหญ่ราชันลึกล้ำอย่างไม่อยากเชื่อ


“แน่นอนว่าทำได้สำเร็จ!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “ขอบคุณพี่สาวซาลาเปา! ให้ข้าหยิกท่านเป็นรางวัล!”


สื่อชิงเฉิงถือปืนใหญ่ราชันลึกล้ำ มองพิจารณาใกล้ชิด พลางปล่อยให้ฉินหยุนได้หยิกใบหน้าตนเอง


นางขณะนี้ยินดี เพราะนางคือผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำชิ้นนี้ขึ้นมา


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง เมื่อใดท่านต้องการสร้างอุปกรณ์ลึกล้ำ ให้นำพิมพ์เขียวและวัสดุเตรียมพร้อมมาหาข้าได้เลย!”


“ข้ายินดีช่วยเหลือท่านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย!” ฉินหยุนยิ้มกว้างเอ่ยคำ


“เจ้าพูดแล้ว อย่าได้ล่อลวงเอาเหรียญม่วงจากข้าเมื่อถึงเวลาอีก!” สื่อชิงเฉิงหยิกที่ใบหน้าฉินหยุนครั้งหนึ่ง จากนั้นค่อยยิ้มตอบ “ข้าจะจัดเตรียมพิมพ์เขียวและวัสดุโดยเร็ว!”


นี่ไม่ใช่เพราะนางไม่มีอุปกรณ์ลึกล้ำเป็นของตนเอง แต่เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่นางถนัดอย่างแท้จริง


ความจริงก็คือ หากคนผู้หนึ่งไม่มีอุปกรณ์ลึกล้ำที่เฉพาะเหมาะกับตนเอง จะเป็นเรื่องยากในการเผยพลังอำนาจแท้จริงออกมา


สื่อชิงเฉิงเดินออกจากห้องด้วยความยินดี แม่เฒ่าตู้ขณะนี้มาถึง นางพาหลันเฟิงจินร่วมทางมาด้วย


หลันเฟิงจินสวมใส่ชุดสีน้ำเงินแขนสั้นรัดรูป นับว่าเป็นชุดที่เผยส่วนโค้งเว้าได้อย่างดีเยี่ยม


กายท่อนล่างสวมใส่ด้วยกางเกงขาสั้น เผยซึ่งขาเรียวยาวงดงาม ด้วยความงดงามร้อนแรงนี้ มันเปี่ยมด้วยความดิบเถื่อน เป็นโฉมงามที่ดูธรรมชาตินางหนึ่ง


“แล้วเย่ว์หลานกับอาจารย์หยางเล่า? เหตุใดทั้งสองไม่ร่วมทางมาด้วย?” ฉินหยุนเอ่ยถาม


“ทั้งสองกำลังฝึกฝน ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมทางมา ต้องเอาไว้ครั้งหน้าแล้ว!” แม่เฒ่าตู้ยิ้มตอบ “แล้วอาคมธงของข้าเล่า?”


ฉินหยุนหันมองทางสื่อชิงเฉิง


แม้เฒ่าตู้เข้าใจในทันที ว่าอาคมธงขณะนี้อยู่ในมือสื่อชิงเฉิง


“ข้ายกให้นางจัดการต่อแล้ว! ท่านสามารถกลับไปจัดการพวกมันต่อได้เลย!” ฉินหยุนกล่าวคำ


“วิเศษนัก เช่นนั้นกลับไปลองกันเสียเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า!” แม่เฒ่าตู้เผยความตื่นเต้น เร่งรีบฉุดลากสื่อชิงเฉิงออกจากสวนสมุนไพรเป็นการด่วน


หยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลัน ต่างมองที่หลันเฟิงจินด้วยสีหน้าเกินจะบรรยาย


หลันเฟิงจิน เป็นหญิงร่างสูง ครอบครองความงดงามแบบดิบเถื่อน


หญิงสาวส่วนใหญ่ มักจะละเมียดละไมเผยความอ่อนนุ่มออกมา ในทางกลับกัน หญิงสาวมีเสน่ห์อย่างดิบเถื่อนดังเช่นหลันเฟิงจิน ถือว่าหาได้ยากยิ่ง


“หงหลัน หยานหยิง! นี่คือศิษย์ข้า หลันเฟิงจิน! เรียกหานางเป็นพี่หลันก็ได้ ในภายหน้า นางจะเป็นศิษย์ของประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์เช่นกัน!” ฉินหยุนยิ้ม


หลันเฟิงจิน ขณะนี้เข้าไปทักทายหยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลัน นางได้ยินนามเฟิงหงหลันมาก่อน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอ


ทางด้านหยวนหยานหยิง นางไม่คุ้นเคยด้วย


แม้หลันเฟิงจินดูเป็นสาวดิบเถื่อน แต่อย่างไรแล้วก็เป็นผู้หญิง เพียงไม่นาน ก็สนิทสนมกับหยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลันได้ไม่น้อย ยังมีการเอ่ยถึงเรื่องฉินหยุนครั้งอยู่ภูมิภาคชายแดนอีกด้วย


ฉินหยุนแนะนำหลันเฟิงจินกับอีกสองคนเรียบร้อยแล้ว ค่อยเร่งรีบไปพบเว่ยจงเจิ้ง


ก่อนหน้านี้ เขาฝากฝังเว่ยจงเจิ้งช่วยแลกเปลี่ยนเหรียญม่วงจำนวนมหาศาลจากตำหนักจารึกเทวะ


เว่ยจงเจิ้งทราบ ว่าฉินหยุนคิดต้องการเหรียญม่วงมหาศาล เพื่อเป็นแหล่งพลังงานแก่ค่ายอาคมสำหรับการฝึกฝน และเขาก็คาดหวังให้ฉินหยุนทำสำเร็จด้วยเช่นกัน


ฉินหยุนได้รับเหรียญม่วงจำนวนมหาศาลจากเว่ยจงเจิ้ง คิดเร่งรีบนำกลับไปใช้งานกับค่ายอาคมรวมตะวันในห้องลับ เพื่อทำการชักนำพลังเก้าดวงตะวันมาบำรุงเลี้ยงร่างกายโดยทันที


ทุกเดือน เขาจำต้องใช้สามสิบล้านเหรียญม่วงสำหรับการฝึกฝน


เว่ยจงเจิ้งเพียงนำมาได้สิบล้านในครั้งนี้ เพราะการขนย้ายเหรียญม่วงของจริงจำนวนมหาศาล จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของขนาดใหญ่มาก


ฉินหยุนตัดสินใจเดินทางไปเทือกเขาเมฆมังกร คิดอยากเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างกับสื่อชิงเฉิงและคณะ ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีกราวสามถึงสี่เดือน!


เขาไม่ทราบว่าตนจะเลื่อนระดับพลังได้ก่อนถึงเวลานั้นหรือไม่!


เพียงพริบตา ฉินหยุนได้ใช้ค่ายอาคมรวมตะวันเพื่อฝึกฝนไปแล้วทั้งสิ้นสามเดือน


“การเลื่อนระดับอยู่อีกไม่ไกล!” ฉินหยุนตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง กระนั้นเวลานี้เขารู้สึกว่าขาดอีกเพียงเล็กน้อย วิญญาณยุทธ์ทั้งสามในตอนนี้ยังไม่ถึงระดับการปรับเปลี่ยน


“จริงด้วย! เราควรใช้โอกาสตอนนี้ เปลี่ยนวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง ให้กลายเป็นวิญญาณยุทธ์สีดำด้วยเลย! มีเพียงวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์ร่วมกัน จึงค่อยสามารถสำเร็จความสมดุล! นี่อาจได้รับความสามารถเทวะถึงสามอย่างพร้อมกัน!”


ฉินหยุนวางแผนหยิบยืมสิบล้านเหรียญม่วงจากเว่ยจงเจิ้ง เพื่อไปให้ถึงก้าวสุดท้าย!


ที่เขาต้องทำถัดจากนี้ คือการขัดเกลาวิญญาณยุทธ์จำนวนมาก เป็นแหล่งพลังให้แก่วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง จากนั้นค่อยทำการแกะสลักอักขระโทเทมราชสีห์สวรรค์ลงที่ตัววิญญาณยุทธ์!

 

 

 


ตอนที่ 435 นิมิตสวรรค์

 

ฉินหยุนรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง อีกไม่นานก็สมควรเข้าถึงระดับวิญญาณยุทธ์สีดำ


หากเขาแปรเปลี่ยนมันเป็นวิญญาณยุทธ์สีดำได้สำเร็จ เมื่อเลื่อนสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม จะทำให้เขาได้รับความสามารถเพิ่มขึ้น


“มาดูกันว่าเราจะสามารถทำให้มันเป็นวิญญาณยุทธ์สีดำได้หรือไม่ เรื่องนี้มีแต่ต้องลอง! ไม่ว่าจะด้วยอะไร วิญญาณยุทธ์ก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น!”


ไม่เพียงแต่เขาต้องการแปรเปลี่ยนวิญญาณยุทธ์เป็นสีดำ เขายังต้องการแกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์ที่ตัววิญญาณยุทธ์


หากวิญญาณยุทธ์มีโทเทมราชสีห์สววรรค์ มันจะยิ่งทำให้แขนราชสีห์สวรรค์แกร่งกล้ามากขึ้น


และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรก ที่เขาจะได้แกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์ที่ตัววิญญาณยุทธ์!


อันดับแรก ฉินหยุนปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกจากแขน ลอยมันค้างไว้ตรงหน้า จากนั้นค่อยขยับปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต ด้วยจารึกวิญญาณราชันสัตว์ภายใน เขาจะควบแน่นพลังพิเศษก่อนเริ่มการแกะสลักอักขระโทเทมราชสีห์สวรรค์


ระหว่างการแกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์ ปากกาลึกล้ำจะคล้ายมีจิตใจเป็นของตนเอง ทำการดูดกลืนพลังงานจากในร่างฉินหยุน ถัดจากนั้น มันจะควบแน่นพลังจารึก ซึ่งถือเป็นพลังที่แกร่งกล้ากว่าพลังจิตวิญญาณโลหิต


ฉินหยุนขณะนี้สามารถแกะสลักผังจารึกอย่างลื่นไหล นี่ถือเป็นพลังลึกลับที่จารึกวิญญาณราชันสัตว์ครอบครอง


เมื่อเขาแกะสลักอักขระโทเทมราชสีห์สวรรค์ เขาค่อยตระหนัก ว่าตนมีแรงเหลือให้ทำงานอย่างอื่นได้ เช่นนี้จึงหยิบเอาไข่มุกผนึกวิญญาณจำนวนมากออกมา และใส่พวกมันสู่หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร


เขาต้องการขัดเกลาวิญญาณยุทธ์เหล่านี้เป็นพลังงานประเภทหนึ่ง จากนั้นค่อยใช้พวกมัน ให้วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วงทำการกลืนกิน


ผ่านไปหลายวัน ด้วยเขารวบรวมวิญญาณยุทธ์เอาไว้มาก ดังนั้นจึงไม่ขาดแคลนวิญญาณยุทธ์แต่อย่างใด


วิญญาณยุทธ์ที่ผู้ฝึกตนระดับสูงครอบครอง มันจะยิ่งแข็งแกร่งตามแต่เจ้านายของมัน พลังที่บรรจุไว้ภายในก็จะยิ่งมากตาม


“น่าจะทำได้!” ฉินหยุนเผยความมั่นใจ


ในเมื่อเขาคิดอยากเลื่อนระดับพลัง ก็ต้องทำอย่างถี่ถ้วน เขาต้องขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ที่สามให้เป็นสีดำ และเลื่อนระดับไปในคราวเดียว!


ผ่านไปอีกหลายวัน ฉินหยุนที่อยู่ในห้องลับ ขณะนี้มองที่แขนราชสีห์สวรรค์ซึ่งพวยพุ่งด้วยออร่าสีดำออกมา


แขนราชสีห์สวรรค์เวลานี้ มันปรากฏอสนีบาตอัคคีสีดำลอยฟุ้ง ออร่านี้ดิบเถื่อนรุนแรงยิ่ง!


“แข็งแกร่งนัก!” ฉินหยุนอุทานยินดี “ทำสำเร็จแล้ว! โชคดีที่ร่างกายของเราแข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางต้านทานพลังของวิญญาณยุทธ์สีดำถึงสามได้!”


เป็นเขาใช้เงินนับหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง เพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกาย และร่างกายเขายังได้รับการบำรุงเลี้ยงโดยพลังเก้าดวงตะวัน ดังนั้นความแข็งแกร่งย่อมเป็นที่คาดเดา


ฉินหยุนพอทำสำเร็จ จึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปหาเว่ยจงเจิ้งด้วยความตื่นเต้นยินดี หยิบยืมมาอีกสามสิบล้านเหรียญม่วง


ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์เวลานี้ค่อนข้างอัตคัด กระนั้นตัวสำนักก็ยังพอมีเหรียญม่วงเก็บสำรองเอาไว้อยู่ สำหรับประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ สามสิบล้านเหรียญม่วงยังถือเป็นอะไรที่พอจะนำออกมาได้อย่างไม่ฝืนใจนัก


ฉินหยุนกลับสู่ห้องลับ ทำการเปิดค่ายอาคมรวมตะวัน จากนั้นค่อยชักนำพลังเก้าดวงตะวันมาหล่อเลี้ยงร่างกาย


ทางด้านหลันเฟิงจินได้ติดตามผู้อาวุโสที่สอง ไปศึกษาความรู้เรื่องค่ายอาคมป้องกัน


ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ในเวลานี้ ได้หลันเฟิงจินเป็นอาจารย์จารึกคนที่สามแล้ว


เฟิงหงหลันและหยวนหยานหยิง ทั้งสองครอบครองวิญญาณยุทธ์แปรสภาพ ก่อนที่จะก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ วิญญาณยุทธ์สีแดงของทั้งสองจะไม่อาจเผยพลังพิเศษออกมาได้


ผ่านการฝึกฝนนับเดือน ฉินหยุนเก็บตัวเงียบงัน หาได้รับรู้เรื่องราวโลกภายนอก


ช่วงบ่าย


เก้าดวงตะวันบนท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีดำ เปรียบดั่งมีสุนัขฟ้ากลืนกินดวงตะวัน พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำจากขอบฟ้าทีละดวง ทีละดวง…


ทั้งเก้าดวงตะวันล้วนเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกัน!


บรรดาราชันยุทธ์ของแดนอ้างว้างทั้งสาม ล้วนตื่นตระหนกถึงเรื่องนี้กันทั้งสิ้น


กระทั่งราชันยุทธ์เฒ่าชรา ผู้ซึ่งเก็บตัวมานานนับหลายปียิ่ง ยังรับรู้ถึงปรากฏการณ์ผิดแผกบนท้องฟ้า จนต้องเร่งรีบออกมา!


ผู้ฝึกตนในเมืองใหญ่มากมายของแดนยุทธ์อ้างว้าง ขณะเดินบนถนนหนทางเส้นหลัก ใบหน้าพวกเขามองขึ้นด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้เห็นเก้าดวงตะวันกำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ


ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เก้าดวงตะวันในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำจนหมดสิ้น!


โลกกลายเป็นดำมืด!


ขณะที่เมืองใหญ่ตกอยู่ในความหวาดกลัว อีกหนึ่งดวงตะวันได้ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า!


นครราชัน ราชันยุทธ์หงหยิงขณะนี้มองที่ดวงตะวันเพียงหนึ่งเดียวซึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน คิ้วของเขาขมวดเอ่ยคำ “ดวงตะวันที่สิบซึ่งเลือนหายเป็นเวลานานยิ่ง ไฉนตอนนี้ปรากฏออกมา?”


“เสด็จพ่อ ประวัติศาสตร์ได้มีบันทึกถึงปรากฏการณ์นี้บ้างหรือไม่? นี่มันหมายความถึงอะไร?” หงเมิ่งจูถามขึ้น “นี่ถือเป็นภัยพิบัติต่อเก้าแดนอ้างว้างหรือไม่?”


หงหยิงส่ายศีรษะ “พ่อไม่เคยพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!”


หงเหยียนโพล่งคำขึ้น “ดวงตะวันนี้ก็กำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำด้วย!”


ดวงตะวันหนึ่งเดียวในฟากฟ้าขณะนี้ กำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทีละน้อย


ดวงตะวันที่สิบ ซึ่งเพิ่งปรากฏตัวเมื่อครู่ ขณะนี้เลือนหายไปแล้ว!


ทั้งสวรรค์และพื้นโลก ความมืดเข้าปกคลุมอีกครั้งหนึ่ง


คฤหาสน์จารึกในนครราชันจารึก ที่แห่งนั้นมีราชันยุทธ์กว่าสิบคนยืนรับชมเรื่องราว และยังมีราชันยุทธ์สายเลือดอีกหลายคนยืนอยู่บนหอคอยสูง


พวกเขาเหล่านี้ ล้วนจ้องมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าเปี่ยมความตื่นตะลึง!


“ปรากฏการณ์นี้หมายความถึงอะไร? ตำหนักจารึกเทวะพวกท่านมาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง มีบันทึกถึงเรื่องราวเช่นนี้ใช่หรือไม่?” หนึ่งในพวกเขาเอ่ยถาม “ตำราโบราณของตระกูลสายเลือดพวกเรา หาได้เคยมีบันทึกถึงปรากฏการณ์ชวนโลกตะลึงเช่นนี้ไม่!”


ราชันยุทธ์ของตำหนักจารึกเทวะขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ข้าไม่มั่นใจนัก! ก่อนอื่นต้องสอบถามไป ภายหลังอาจทราบอะไรบ้าง!”


“ไม่ว่าจะด้วยอะไร พวกเราต้องไปยังหลุมฝังเซียนที่อยู่ในเทือกเขาเมฆมังกร!” ผู้ฝึกตนสายเลือดกล่าวขึ้น


“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ หมายความถึงเภทภัยกำลังมาเยือนหรือ?” ราชันยุทธ์คนหนึ่งเผยความกังวล


“ต่อให้เป็นเภทภัย มันก็เป็นสิ่งที่เก้าแดนอ้างว้างต้องเผชิญ พวกเราสามแดนอ้างว้างเบื้องล่างไม่อาจทำอะไรได้!” ชายชราหัวเราะเสียงดัง


หญิงชราผู้โดดเดี่ยวซึ่งยืนบนหลังคาอาคารสูงที่ดวงจันทร์ ขณะนี้น้ำเสียงยินดีเผยออก “เสี่ยวหยุนทำสำเร็จแล้ว! เขาเลื่อนระดับได้สำเร็จ! นี่คือผลลัพธ์จากการที่วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬวิวัฒนาการได้สำเร็จ!”


ฉินหยุน ผู้ซึ่งอยู่ในห้องลับเก็บตัวเงียบ ขณะนี้ไม่ทราบว่าเรื่องราวภายนอกเกิดขึ้นครึกโครมเพียงใด


เก้าดวงตะวันขณะนี้ค่อยกลับคืนทีละดวง ทีละดวงเริ่มส่องสว่างกลางท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง


ผู้ฝึกตนที่เมืองใหญ่หลายแห่ง ต่างระเบิดเสียงโห่ร้องยินดีออกมา ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นกังวล ว่าแดนยุทธ์อ้างว้างจะถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดไปตลอดกาล


ฉินหยุนที่ตื่นขึ้น สำรวจมองไปยังวิญญาณยุทธ์ทั้งสาม พบว่าอักขระแห่งชีวิตตัวที่สามปรากฏบนพื้นผิวแล้ว เขาอดไม่ได้จนยิ้มยินดีออกมา


“ในที่สุดก็สำเร็จ! คำสาปวิญญาณยุทธ์สีดำอะไรกัน ใช้เวลาไม่กี่เดือนเราก็ผ่านพ้นมาได้แล้ว! ตำหนักจารึกเทวะ ช่างทำเราผิดหวังยิ่งนัก!”


ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนมีสัมพันธ์อันดีกับผู้คนจากตำหนักจารึกเทวะ พบว่าส่วนใหญ่ดีต่อเขายิ่ง ยกตัวอย่างเช่นจ้าวฉวน ต้วนเฉียน และผู้อื่นอย่างเช่นมู่เฟิงที่เขาเพิ่งมาพบที่นี่ พวกเขาล้วนดีต่อตัวเขาทั้งสิ้น


แต่แล้วตอนนี้ ตำหนักจารึกเทวะกลับไม่ให้การปกป้องเขาอีกต่อไป


การที่ตำหนักจารึกเทวะไม่ให้การปกป้องเขายังไม่นับเป็นอะไร แต่ที่เพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณของเขา ถือว่ามากเกินรับได้!


แน่นอนว่า ตราบเท่าที่เขาไม่กล่าวออกมาว่าตนเองคือฉินหยุน เขาย่อมสามารถใช้เหรียญตราเช่นเดิมเพื่อเข้าออกเมืองใหญ่โดยไม่มีค่าใช้จ่าย


“วิญญาณยุทธ์สั่นไหว ความสามารถที่ได้รับคือความสามารถเทวะแผ่นดินไหว ตราบเท่าที่ใช้งานมัน จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงได้!” ฉินหยุนสัมผัสถึงความสามารถเทวะที่ได้รับมา


“วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคี ได้รับความสามารถเทวะอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ มันสามารถอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ!”


“พลังของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬค่อนข้างพิเศษ มันสามารถดูดกลืนวิญญาณยุทธ์ใดก็ได้ด้วยความสามารถเทวะ นอกจากนั้นแล้ว ด้วยตัววิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เราสามารถสัมผัสถึงความสามารถเทวะและพลังของเก้าตะวัน ถือเป็นความสามารถหายากนัก!”


ฉินหยุนนึกย้อนถึงวิญญาณยุทธ์สีน้ำเงินที่ได้รับมา มันมีความสามารถเทวะในการทะลุทะลวง สามารถทำให้ผู้ใช้ทะลวงหลายสิ่งอย่างไปได้ง่ายดาย


ขณะนี้เขานำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณออกมา


วิญญาณยุทธ์ที่ดีที่สุด เขาจะเก็บพวกมันแยกเอาไว้


ฉินหยุนใช้ความสามารถเทวะของตะวันทมิฬ ทำการดูดกลืนความสามารถเทวะทะลุทะลวง


“จริงด้วย ยังมีวิญญาณยุทธ์นั่น คล้ายว่าจะมีความสามารถเทวะ ทำให้ตัวมันเองสามารถโปร่งแสงได้!” เขานึกถึงมือสังหารจากตำหนักโทเทมที่คิดลอบสังหารตนเองเมื่อครั้งก่อน


เขานำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณสีแดงออกมา กระนั้นกลับไม่อาจทำได้สำเร็จ


ตอนนี้เขาจึงมั่นใจ นี่เป็นพลังพิเศษของวิญญาณยุทธ์แปรสภาพสีแดง ไม่นับว่าเป็นความสามารถเทวะ


ฉินหยุนถือไข่มุกผนึกวิญญาณในมือ เรียกใช้งานพลังด้านในเพื่อทำให้ตนเองโปร่งแสง จากนั้นจึงใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง ผ่านกำแพงห้องลับออกสู่ภายนอก


เมื่อผ่านออกมาได้ เขารู้สึกได้ถึงสายลมเย็นสดชื่น ให้ความรู้สึกสบายอย่างยิ่ง


ด้วยเพราะออกมาจากผนังกำแพงสู่อีกห้อง เขาได้เห็นหลันเฟิงจินกำลังจะถอดเสื้อผ้า


หลันเฟิงจินทั้งร่างขณะนี้เปียกโชก นางสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น ยิ่งเป็นการเผยออกซึ่งร่างกายเย้ายวนของนาง ทั้งนี้เส้นผมยาวยังปล่อยไม่รวบมัด ยิ่งทำให้ดูงดงามไปอีกแบบ


“พี่หลัน!” ฉินหยุนที่ปรากฏตัวกะทันหันร้องโพล่งขึ้น


หลันเฟิงจินพอได้เห็นฉินหยุนปรากฏตัวในห้อง นางต้องเผยอาการตื่นตกใจ!


น้ำเสียงนางอุทานร้องออก “อาจารย์ เหตุใดอยู่ที่นี่? ข้าขณะนี้กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่านเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”


ฉินหยุนหัวเราะตอบ “อาจารย์ผู้นี้ เพิ่งทำลายคำสาปวิญญาณยุทธ์สีดำ ได้รับความสามารถใหม่ จึงคิดทดลองใช้งาน ไม่นึกว่าจะมาเผชิญเรื่องเช่นนี้อย่างกะทันหัน!”


“พี่หลัน หากข้าเป็นคนเช่นนั้นจริง คงเลือกที่จะซ่อนตัวต่อแล้ว!”


ได้ยินดังนี้ หลันเฟิงจินเผยความยินดี น้ำเสียงตื่นเต้นกล่าวคำ “อาจารย์ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามแล้วหรือ?”


“ถูกต้อง!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “ข้าขณะนี้แข็งแกร่งขึ้นมาก!”


หลันเฟิงจินย่อมไม่สงสัยคำพูดของฉินหยุน นางเพียงตื่นเต้นจนเกินจะเชื่อก็เท่านั้น


นี่ก็เพราะฉินหยุนเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สองได้ไม่นาน ขณะนี้กลับอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามแล้ว!


ยังไม่กล่าวถึงว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดำ กระทั่งว่าเป็นผู้คนทั่วไป การก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ไม่ถือว่าเป็นเรื่องง่ายดายดังคำพูด


แต่แล้ว ฉินหยุนกลับทำได้สำเร็จ!


แน่นอนว่า ฉินหยุนก่อนหน้านี้ได้รับผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตระดับที่สามหนักนับพันจิน ย้อนกลับไปตอนอยู่ในห้องลับ เขาใช้ผลึกแก้วเหล่านั้นวางเรียงราย เพื่อดูดกลืนพลังต่อเนื่อง


นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว


ฉินหยุนฝึกฝนอักขระชีวิตตัวที่สาม ดังนั้นแล้วพลังภายในย่อมแปรเปลี่ยนเป็นพลังเต๋าได้รวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ มันยังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย ปริมาณพลังที่จำเป็นต้องใช้ความสามารถเทวะ ก็มีมากขึ้นเช่นกัน


เมื่อครู่ ตอนเขาใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวง เขาใช้พลังภายไปในราวหนึ่งในสิบ


“อาจารย์ไม่ทราบหรือ? เมื่อครู่เกิดเภทภัยธรรมชาติที่ด้านนอก เก้าดวงตะวันถึงกับเลือนหาย!” หลันเฟิงจินเข้ามาคว้าแขนฉินหยุนดึงออกสู่ภายนอก


“พี่หลัน ท่านอย่าได้บอกผู้อื่นว่าข้าเลื่อนระดับแล้ว! ข้าคิดบอกแต่จ้าวสำนัก ผู้อาวุโสอื่น ท่าน และหยานหยิงเท่านั้น!” ฉินหยุนกล่าว


หยวนหยานหยิงอยู่ด้านนอก กำลังควบคุมค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี พอได้เห็นฉินหยุนออกมา นางเร่งรีบทะยานกายมา เอ่ยถึงปรากฏการณ์ผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อครู่


กระนั้น พอได้ทราบว่าฉินหยุนเลื่อนระดับสำเร็จ นางถึงขั้นลืมเลือนเรื่องชวนโลกตื่นตะลึง กลายเป็นร่วมแสดงความยินดีไม่ขาด


“เอาละ ข้าขอตัวไปหาจ้าวสำนักก่อน! จำเอาไว้ ว่าได้แพร่งพรายเรื่องที่ข้าเลื่อนระดับ!” ฉินหยุนยิ้มพลางย้ำคำ


“เข้าใจแล้ว! ข้าไม่ใช่ผู้หญิงปากมากหรอกน่า!” หยวนหยานหยิงยิ้มให้


ฉินหยุนขณะนี้ครุ่นคิด ว่าเหตุการณ์ผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับตนเอง นี่ก็เพราะเขาเพิ่งวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬได้สำเร็จ


ช่วงเวลาที่วิญญาณยุทธ์ของเขาวิวัฒนาการ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวได้ว่าแทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน!

 

 

 


ตอนที่ 436 สุ่ยเทียนสื่อ

 

ฉินหยุนไปยังบ้านพักของเว่ยจงเจิ้ง พบว่าอีกฝ่ายขณะนี้สวมใส่ชุดอย่างเป็นทางการ กำลังนั่งอยู่บริเวณโต๊ะหินในสวนที่อากาศหนาวเย็น สายตาจับจ้องตำราอย่างเคร่งเครียด


“จ้าวสำนัก!” ฉินหยุนตะโกนร้องด้วยความยินดี


“เสี่ยวหยุน ข้าไม่เห็นเจ้านานนับเดือน เก็บตัวฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” เว่ยจงเจิ้งยิ้มตอบ “ดูมีความสุขเช่นนี้ คืบหน้าบ้างแล้วหรือ?”


ฉินหยุนหันมองรอบก่อนพยักหน้าให้ “เป็นข้าเลื่อนระดับสำเร็จแล้วขอรับ!”


เว่ยจงเจิ้งเร่งรีบวางตำราในมือ รับชมฉินหยุนด้วยสายตาไม่อาจเชื่อ “นี่เรื่องจริง? เหตุใดข้าไม่อาจสัมผัสออร่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจากกายเจ้า?”


“ข้าซ่อนเร้นมันเอาไว้ขอรับ!” ฉินหยุนหัวเราะร่วน


หลังจากวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬวิวัฒนาการ เขาสามารถปกปิดออร่าทั้งหมดในร่างไม่ให้ปลดปล่อยออกไปได้


กระทั่งราชันยุทธ์เช่นเว่ยจงเจิ้ง ยังไม่อาจสัมผัสถึง


เว่ยจงเจิ้งเร่งร้อนฉุดฉินหยุนเข้าในตัวบ้านพัก เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เจ้าเลื่อนระดับเมื่อใด?”


ฉินหยุนตอบ “จริงด้วย! จ้าวสำนัก ปรากฏการณ์ประหลาดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ บางทีอาจเกิดเพราะข้าเลื่อนระดับหรือขอรับ?”


เว่ยจงเจิ้งเดินไปมาในห้องอย่างว้าวุ่น ใบหน้าขณะนี้เผยซึ่งความจมดิ่งในห้วงความคิด


เขาคิดอยู่พักหนึ่งค่อยกล่าว “ดูเหมือนปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ อาจเกี่ยวข้องกับการเลื่อนระดับของเจ้าจริง!”


“เหตุใดข้าเพียงเลื่อนระดับต้องเกิดปรากฏการณ์ใหญ่โตเพียงนั้น? นั่นถือเป็นเรื่องใหญ่เกินไปแล้ว!” ฉินหยุนก่อนหน้านี้ได้แต่สงสัย ขณะนี้ได้ทราบว่าเว่ยจงเจิ้งก็คิดเห็นเช่นกัน กระทั่งเขายังยากจะเชื่อ


“เหตุผลข้าย่อมไม่ทราบแน่ชัด! ช่วงจังหวะเวลาเมื่อครู่แทบพร้อมกัน มันจะต้องมีความเชื่อมโยงถึงกันแน่!”


เว่ยจงเจิ้งกล่าวต่อ “บางทีนี่อาจเกี่ยวข้องกับวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของเจ้า!”


ฉินหยุนพยักหน้ารับ วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของเขาเกินสามัญสำนึก ไม่อาจมองมันด้วยความเห็นทั่วไปได้


เว่ยจงเจิ้งยิ้มกว้าง “ในเมื่อเลื่อนระดับได้สำเร็จแล้ว ข้าก็คงไม่ต้องใช้เวลาทุกวี่วันอ่านตำราค้นหาหนทางอีกต่อไป!”


“ขอบคุณจ้าวสำนักที่สละเวลายากลำบากขอรับ!” ฉินหยุนหัวเราะร่วน “ข้าจะพยายามอย่างหนัก หาเหรียญม่วงมาคืนแก่ท่านโดยเร็วที่สุด!”


“ก็แค่สามสิบล้านเหรียญม่วง! เจ้าอย่าได้ห่วงแล้ว เป็นเจ้าช่วยพวกเราติดตั้งค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี เรื่องนี้ถือว่าตอบแทนกันไป!” เว่ยจงเจิ้งหัวเราะ


ค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี มีมูลค่านับร้อยล้านเหรียญม่วง และในภายหน้า มันจะนำพามาซึ่งผลประโยชน์ใหญ่โตแก่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์


เว่ยจงเจิ้งขณะนี้อารมณ์ดียิ่ง เพราะครั้งได้เห็นฉินหยุนก้าวหน้ามาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง เหตุการณ์เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเองด้วยซ้ำ


ด้วยเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ฉินหยุนทำลายคำสาปวิญญาณยุทธ์สีดำ ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามได้สำเร็จ!


“เสี่ยวหยุน การเลื่อนระดับของเจ้ารวดเร็วเกินไป ข้าเกรงว่าพื้นฐานอาจไม่มั่นคง!” เว่ยจงเจิ้งเอ่ยคำ “เจ้าฝึกฝนสามแก่นเต๋า และยังมีวิญญาณยุทธ์สีดำ กระนั้นความเร็วในการก้าวหน้ากลับมากล้นเช่นนี้ กระทั่งเหนือล้ำว่าผู้ฝึกตนที่มีหนึ่งวิญญาณยุทธ์ด้วยซ้ำ”


ฉินหยุนเกาศีรษะยิ้มตอบ “ข้าใช้ค่ายอาคม ชักนำพลังเก้าดวงตะวันมาบำรุงเลี้ยงร่างกาย มูลค่าที่ต้องใช้ถือว่าล้นพัน เป็นเงินนับหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง…”


“เป็นเจ้าทราบตนเองดี ข้าสมควรคิดมากเกินไป!” เว่ยจงเจิ้งยิ้ม “ในช่วงวันถัดจากนี้ ข้าจะไปเก็บตัวฝึกฝนสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง!”


ฉินหยุนไปจากบ้านพักของเว่ยจงเจิ้ง กลับสู่สวนสมุนไพร


ทันทีเมื่อกลับมาถึง กลิ่นหอมอ่อนจางลอยมา เป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวของสื่อชิงเฉิง มันเป็นกลิ่นเดียวกับหยดเซียนม่วง


“พี่สาวซาลาเปานึ่ง ท่านมาแล้ว!” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าอาคารทองแดง ได้พบสื่อชิงเฉิงสวมใส่ชุดสีดำ ขณะนี้นั่งในห้องโถงพร้อมผ้าปิดหน้าสีดำ การแต่งกายเช่นนี้ชวนให้ความรู้สึกลึกลับยิ่ง


เขาค่อนข้างผิดหวังที่ไม่ได้พบเชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์


“เย่ว์หลานกับอาจารย์หยางเล่า?”


สื่อชิงเฉิงยืนขึ้น “พวกนางทั้งสอง ขณะนี้ยังคงเก็บตัวเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง เมื่อออกมาแล้วข้าจะพามาอย่างแน่นอน!”


“เจ้าหนู มั่นใจแล้วหรือที่คิดติดตามพวกเราไปยังหลุมฝังเซียน?”


ย้อนกลับไปตอนฉินหยุนทำการหลอมในห้องลับร่วมกับสื่อชิงเฉิง พวกเขาได้หารือเรื่องนี้กันแล้ว


“แน่นอน!” ฉินหยุนเร่งรีบตอบ


“นี่ออกจะไม่สะดวกอยู่บ้าง ผู้คนของหุบเขาลึกล้ำจันทราเราล้วนเป็นสตรี มันคงไม่ดีหากข้าพาบุรุษเช่นเจ้าไป! เอาอย่างนี้เป็นไร? เจ้าแต่งกายเป็นหญิงสาวน่าจะดีไม่น้อย!”


หลันเฟิงจินและเฟิงหงหลันพอได้ยินดังนี้ ทั้งสองเอามือป้องปากหัวเราะอย่างไม่อาจอดกลั้น


“อาจารย์อย่าได้กังวล ด้วยสาวงามสองรุ่นของแดนเหนืออยู่ที่นี่ หงหลันและพี่ชิงเฉิง ย่อมต้องช่วยแปลงโฉมท่านให้เป็นผู้งดงามไร้ผู้ใดเทียบได้คนหนึ่ง!” หลันเฟิงจินยิ้มกว้างจนแทบถึงหู


สื่อชิงเฉิงยิ้มหวานอย่างมีเลศนัย “เจ้าหนูน้อย ดูไปเจ้ามีรูปลักษณ์ไม่เลว หลังแต่งตัวสักหน่อย ย่อมต้องเป็นโฉมงามผู้หนึ่งได้!”


ฉินหยุนกรอกตามองพวกนางตรงหน้าพลางแค่นเสียง “ข้าย่อมไม่ ต่อให้ตายก็ไม่! พี่สาวซาลาเปานึ่ง เพียงบอกว่าข้าเป็นผู้ติดตามหรืออะไรทำนองนั้น ท่านออกไปจากหุบเขาลึกล้ำจันทรามาชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้ติดตามคนสนิท!”


“นี่ไม่ดีนัก เพราะสถานะผู้ติดตามถือว่าต่ำต้อย ผู้อื่นจะไม่ยอมให้ผู้ติดตามได้เข้าสู่สถานที่อย่างเขตแดนอ้างว้าง! เอาอย่างนี้เป็นไร ให้ข้าบอกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงเพศชายของข้า พวกเขาน่าจะเห็นดีด้วย” สื่อชิงเฉิงยิ้มกว้าง


“ไม่มีปัญหา เช่นนั้นค่ำคืนนี้ให้ข้ารับใช้ท่านอย่างไรดี?” ฉินหยุนแสยะยิ้ม


“เจ้ายังคิดเล่นด้วย! ข้าย่อมไม่เล่นด้วยแล้ว!”


หลังหารือกันพักหนึ่ง ฉินหยุนนำชุดเกราะออกมาสวมใส่ รวมถึงหน้ากากหนังมนุษย์ แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนให้ดูเป็นผู้คนดาษดื่น


เขายิ้มและกล่าวคำ “ไปกัน!”


“รูปโฉมเช่นนี้… ดีที่สุดหากเจ้าไม่บอกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงเพศชายของข้า ผู้อื่นย่อมไม่มีทางเชื่อ! เอาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็แล้วกัน!” สื่อชิงเฉิงเผยท่าทีรังเกียจออกมา


“เช่นนั้นพี่สาว เร่งรีบไปกันได้แล้ว!” ฉินหยุนยิ้มตอบ


สื่อชิงเฉิงและฉินหยุน ออกเดินทางไปจากประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ มุ่งหน้าสู่เมืองบริเวณรอบนอกของเทือกเขาเมฆมังกร


ก่อนฉินหยุนจะออกไป เขาได้บอกต่อผู้อาวุโสที่สอง ให้แจ้งต่อเว่ยจงเจิ้ง ว่าจะออกไปภายนอกสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง


ด้วยฉินหยุนได้หยอกล้อกับสื่อชิงเฉิงทุกวี่วัน ทำเอาเขายินดีไม่น้อย


เพราะบ่อยครั้งที่ได้หยิกใบหน้างดงามอีกง่าย ทั้งยังเป็นใบหน้าที่สนุกแก่การหยิก ทำเอาเขากลายเป็นเสพติดไปเสียแล้ว


สื่อชิงเฉิงใช้เวลาหลายวัน กว่าจะพาฉินหยุนมาถึงเมืองวิญญาณขั้วเหนือ


ที่แห่งนี้ คือเมืองวิญญาณซึ่งอยู่ใกล้เทือกเขาเมฆมังกรที่สุด ในช่วงเวลานี้ มียอดฝีมือมากมายมารวมตัวกัน พวกเขาล้วนมาที่นี่ เพื่อรอคอยให้หลายสำนักมารวมตัว มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเมฆมังกรโดยพร้อมกัน


เมืองวิญญาณขั้วเหนือ ถือเป็นเมืองระดับวิญญาณ เดิมค่อนข้างไร้ชีวิตชีวา ขณะนี้กลับกลายเป็นหนาแน่นไปด้วยยอดฝีมือจากทั่วทุกหนแห่งรวมตัวกัน ทำเอาทั้งเมืองกลายเป็นจอแจครึกครื้น


แม่เฒ่าตู้ทราบ ว่าฉินหยุนต้องการร่วมทางไปยังเทือกเขาเมฆมังกรด้วย และนางก็หาได้ปฏิเสธใด กลับกัน เป็นนางยินดียอมให้เขาติดตามด้วยซ้ำ เพราะนางถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุนไม่น้อย


ตั้งแต่ที่หุบเขาลึกล้ำจันทราได้รับค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี แม่เฒ่าตู้ยิ่งมายิ่งมั่นใจ ถึงกับมีการคัดเลือกศิษย์กันใหม่เพื่อรับหน้าที่ดูแลแปลงสมุนไพรโดยเฉพาะ


แน่นอนว่า พวกเขาต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างเงียบงัน


แม่เฒ่าตู้ สื่อชิงเฉิง บรรดาผู้อาวุโสและศิษย์อีกหลายคน ขณะนี้นั่งรอคอยในห้องรับรองหรูหราที่โรงเตี๊ยมของเมืองวิญญาณขั้วเหนือ


“พี่ชิงเฉิง ข้าไม่คิดว่าท่านจะมีลูกพี่ลูกน้องเช่นนี้ ไม่เคยเห็นท่านกล่าวถึงมาก่อน!” หญิงผู้งดงามนางหนึ่ง มองทางฉินหยุนพลางกล่าวเสียงเบา


ฉินหยุนหันมองไปยังหญิงสาวที่เอ่ยคำขึ้นมา


หญิงสาวตรงหน้าสวมใส่ชุดสีน้ำเงิน เส้นผมสีดำยาวประบ่า ดวงตางดงามเปรียบดั่งวิหคอมตะร้อนแรง ลุกโชนด้วยดวงตาสุกสว่างสีน้ำเงินทรงปัญญา ถือเป็นโฉมงามคนหนึ่ง


นางจับจ้องที่ฉินหยุนอย่างคิดอยากรู้เห็น พอได้เห็นฉินหยุนมองทางนาง เป็นนางหลบเลี่ยงสายตาก้มหน้าลงเล็กน้อยแทน ใบหน้าขาวนวลขณะนี้เผยร่องรอยสีแดงเจือปนขึ้นมา


แม้หญิงสาวผู้นี้ดูงดงามและมีเสน่ห์ กระนั้นกลับเป็นหญิงสาวขี้อาย เป็นนางบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำให้ดูใสซื่อและงดงามในเวลาเดียวกัน


“เสี่ยวเตียนซิง ลูกพี่ลูกน้องของข้าคนนี้ค่อนข้างมาจากพื้นที่ชายขอบไปหน่อย รูปลักษณ์ดูไม่ค่อยดีนัก เจ้ามีอันใดให้เขินอาย?”


สื่อชิงเฉิงหัวเราะ “เจ้าติดตามแม่เฒ่าตู้ออกไปไหนมาไหน ได้พบเห็นชายหนุ่มมาก็มาก เหตุใดคราวนี้แสดงตัวเสมือนไม่เคยพบเจอบุรุษเพศมาก่อน?”


ฉินหยุนขณะนี้ลอบตระหนกต่อระดับการฝึกฝนของเสี่ยวเตียนชิง นางเป็นถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า!


นอกจากเสี่ยวเตียนชิง ยังมีหญิงสาวอีกคนนามเสี่ยวกั๋วเอ่อ


เสี่ยวกั๋วเอ่อผู้นี้รูปลักษณ์ค่อนข้างคล้ายเสี่ยวเตียนชิง ทั้งสองไม่ค่อยสูงนัก เพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรเห็นจะได้


กระนั้น เสี่ยวกั๋วเอ่อกลับเย็นชากว่า นางไม่แม้กระทั่งมองฉินหยุน แขนทั้งสองข้างกอดอกอย่างภาคภูมิหันมองนอกหน้าต่าง ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ภูเขาน้ำแข็ง ขณะนี้ก็มองออกไปทางนอกหน้าต่างไม่เคยหันมา


ทั้งสองเป็นฝาแฝดที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเด่นชัด


เวลานี้เอง หญิงร่างสูงสวมใส่ชุดกระโปรงสีชมพูสว่างเปิดประตูและเดินเข้ามา


ฉินหยุนพอได้เห็นอีกฝ่าย เขาถึงกับต้องตระหนกอยู่ภายใน!


หญิงสาวผู้นี้ที่เพิ่งก้าวเดินเข้ามา มีดวงตาเปรียบดั่งวิหคอมตะสีแดงฉาน ใบหน้าทรงเสน่ห์ที่เผยออกนี้ ค่อนข้างคล้ายกับเสี่ยวเตียนชิง


นางพอเข้าใกล้ ได้เห็นฉินหยุน จึงหรี่ตาเล็ก ท่าทีการมองนี้คล้ายมีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง


ฉินหยุนเพียงมองตอบ ถึงกับอึ้งต่อความเย้ายวนของหญิงสาวตรงหน้า เสน่ห์ที่นางปลดปล่อยออก ถือว่าแตกต่างจากสื่อชิงเฉิงอย่างสิ้นเชิง


เสน่ห์งดงามของสื่อชิงเฉิงเก็บงำเอาไว้ ยามเมื่อเผยออก มันจะเปรียบดั่งดอกไม้ที่งดงามบานสะพรั่ง


แต่กับหญิงสาวชุดสีชมพูตรงหน้า นางเผยออกซึ่งเสน่ห์ในรูปแบบของความเย้ายวนอย่างไม่มีปิดบัง!


โดยเฉพาะเสื้อผ้าของนาง มันมีช่องว่างขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกของตัวเสื้อ เกิดขึ้นเป็นรูปลักษณ์อักษรคำว่า “8” เอาไว้


ร่างกายท่อนล่างสวมใส่กระโปรงสั้นสีชมพู เป็นสีชมพูโทนสว่าง ปกปิดขาขาวนวลของนางเอาไว้เล็กน้อย เผยส่วนใหญ่ให้เห็นออกมา


ความงดงามกว่าครึ่งของร่างกายนางเผยผ่านผิวหนัง นี่ถือเป็นความเย้ายวนแรงกล้า สามารถล่อลวงบุรุษได้อย่างชะงัก


“พี่สาว!” เสี่ยวเตียนชิงร้องออกเสียงนุ่มนวล “นี่พี่ไปเล่นที่ไหนมา? เหตุใดไม่พาข้าไปด้วยเล่า?”


“ข้าแค่ออกไปเดินเล่น!” หญิงสาวชุดสีชมพูมองทางฉินหยุน รอยยิ้มขี้เล่นเผยออก นี่เป็นรอยยิ้มที่เรียกได้ว่า มีพลังในการกระชากวิญญาณผู้คนยิ่งนัก


ฉินหยุนขณะนี้จดจำได้ ว่าระหว่างที่เดินทางมา สื่อชิงเฉิงบอกต่อเขา ว่าต้องให้ความระมัดระวังกับหญิงสาวที่ชื่อสุ่ยเทียนสื่อด้วย!


ชัดเจนว่าโฉมงามเสน่ห์มากล้นตรงหน้าในชุดสีชมพู ไม่ใช่ใครอื่นเว้นเสียแต่สุ่ยเทียนสื่อที่สื่อชิงเฉิงเอ่ยถึง!


สุ่ยเทียนสื่อเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญาณ นางดูแข็งแกร่งกว่าสื่อชิงเฉิงเล็กน้อย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำฉินหยุนตระหนก


สุ่ยเทียนสื่อมาถึงข้างตัวฉินหยุนด้วยรอยยิ้มซุกซน มือขาวนวลงดงามขณะนี้ กำลังยื่นกรุยกรายเข้าหาใบหน้าฉินหยุน


นางสัมผัสที่ใบหน้าฉินหยุนพลางร้องออก “โอ้! นี่เป็นหน้ากากหนังมนุษย์นี่!”


“วิญญาณร้ายวารี นั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องข้า อย่าได้ลองดี!” สื่อชิงเฉิงเร่งรีบตะโกนขึ้น


*ชื่อของ สุ่ยเทียนสื่อ คำว่า สุ่ย หมายถึง น้ำ*


“เทียนสื่อ นี่เป็นแขก อย่าได้วุ่นวายแล้ว!” แม่เฒ่าตู้กล่าวคำขึ้นมา


สุ่ยเทียนสื่อย่อมเป็นคนฉลาด โดยทันที นางพบว่าตัวตนลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงถือเป็นสิ่งจอมปลอม กระนั้นก็ไม่สะดวกที่จะเปิดโปงเพราะแม่เฒ่าตู้ออกหน้า

 

 

 


ตอนที่ 437 หลุมพลางการพนัน

 

สุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้ยินดีทำตามไม่วุ่นวายดังคำของแม่เฒ่าตู้ นางมองทางฉินหยุนและเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ “น้องชายชื่ออะไร?”


ขณะนางพูดกล่าว ก็ใช้นิ้วขาวนวลราวกล้วยไม้ หยิบเอาชิ้นหยกสีม่วงซึ่งห้อยตรงหน้าอกของนางออกมา พร้อมหัวเราะร่วน “น้องชาย คิดว่าวิหคหยกสีม่วงชิ้นน้อยนี้ของข้างดงามหรือไม่? ข้าเพิ่งซื้อหามันมา!”


“ข้าคิดว่ารังของมันดูดีกว่ายิ่งนัก!” ฉินหยุนตอบกลับสีหน้าเรียบเฉย


การตอบกลับนี้ทำเอาสุ่ยเทียนสื่อหัวเราะคิกคัก นางหัวเราะจนพอใจค่อยกล่าวต่อ


“น้องชาย เจ้ายังไม่ได้ตอบนามของเจ้าแก่ข้า” สุ่ยเทียนสื่อถามย้ำอีกครั้งขณะยืนตรงหน้าฉินหยุน


“เรียกหาข้าเป็นอาฉ่วย!” น้ำเสียงฉินหยุนราบเรียบ ดวงตาขณะนี้ก็เรียบเฉยขณะมองสุ่ยเทียนสื่อผู้งดงาม จับจ้องไปยังดวงตาวิหคอมตะเย้ายวนของนาง


สื่อชิงเฉิงเร่งรีบเดินเข้ามา ดึงเส้นผมยาวของสุ่ยเทียนสื่อไว้ คิดอยากดึงนางให้พ้นทาง “วิญญาณร้ายวารี เจ้าพอได้แล้ว! หัดรู้จักเรียนรู้จากน้องสาวทั้งสองคนเสียบ้าง พวกนางล้วนดียิ่งนัก!”


สุ่ยเทียนสื่อมองที่สื่อชิงเฉิงพลางบุ้ยปากโต้เถียง “นางมารสีม่วง นี่เป็นบุรุษของเจ้าหรือ? เหตุใดใจร้อนเช่นนี้?”


แม่เฒ่าตู้และผู้อาวุโสอีกสองคนไม่ประหลาดใจต่อการกระทำนี้ของสุ่ยเทียนสื่อ พวกนางไม่ได้กล่าวอันใดต่ออีก


อย่างไรแล้วพวกเขากลับเกิดความนับถือต่อฉินหยุน ที่ขณะนี้ดวงตายังคงกระจ่างชัด


นี่จึงเป็นเหตุผล ว่าทำไมสุ่ยเทียนสื่อถึงอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจฉินหยุน


“พี่สาว ข้างนอกมีเรื่องสนุกอันใดหรือไม่? พาข้าไปรับชมเล่นด้วยแล้ว! นี่ข้ายังไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยนะ!” เสี่ยวเตียนชิงก้าวเดินออกมา คว้ามือสุ่ยเทียนสื่อเอาไว้และเขย่าแรง


สุ่ยเทียนสื่อตอบกลับเสียงเบา “หาได้มีอันใดสนุก พี่สาวผู้นี้ไปล่อลวงมาได้แค่หลายล้านเหรียญม่วงเท่านั้นเอง!”


สื่อชิงเฉิงเดินมาทางฉินหยุนและกล่าว “น้องชาย ผู้นี้คือสุ่ยเทียนสื่อ ข้าบอกต่อเจ้าก่อนหน้าแล้ว ให้ระมัดระวังนางเอาไว้!”


“ทางนี้คือเสี่ยวเตียนซิง นามแท้จริงสุ่ยซิง เป็นน้องสามของวิญญาณร้ายวารีผู้นั้น! และนั่นเสี่ยวกั๋วเอ๋อ นามแท้จริงสุ่ยกั๋ว เป็นน้องรองของวิญญาณร้ายวารี!”


“สวัสดีทุกท่านแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวคำ


“อาฉ่วย เหตุใดสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์ รูปลักษณ์แท้จริงเลวร้ายหรือ?” เสี่ยวเตียนซิงเอ่ยถาม


“ถูกต้อง เพราะข้าอัปลักษณ์ ไม่คิดอยากทำให้ผู้คนหวาดกลัว จึงได้แต่ทำเช่นนี้!” ฉินหยุนพยักหน้า


“อย่างนั้นแล้วก็สวมใส่มันต่อไป!” เสี่ยวเตียนซิงได้เห็นพี่สาวของอีกฝ่ายอยู่เคียงข้าง จึงค่อยกล้าเอ่ยคำสอบถามขึ้นมาบ้าง


สุ่ยเทียนสื่อยิ้มกว้าง “น้องน้อยอย่าได้เชื่อคำชายผู้นี้ เขากำลังหลอกลวงเจ้า!”


“เจ้ายังคงขาดซึ่งประสบการณ์ ไม่รู้จักการตัดสินผู้อื่น! ดวงตาของชายผู้นี้งดงามยิ่ง ข้าพบเจอบุรุษเพศมามาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบุรุษซึ่งมีดวงตาเช่นนี้!”


“นอกจากนี้แล้ว ชายคนนี้ยังควบคุมตัวเองได้ดียิ่ง ถือว่าไม่ธรรมดา จากดวงตานั่น ข้ามองเขาเป็นตาเฒ่าจิ้งจอกมากประสบการณ์คนหนึ่ง!”


“สตรีปีศาจม่วง นี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าจริงหรือ?” สุ่ยเทียนสื่อคุกคามตัวตนฉินหยุนอีกครั้งหนึ่ง


“เป็นลูกพี่ลูกน้องข้าจริง แล้วนี่เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว? ตกหลุมรักแบบแรกพบหรือไร?” สื่อชิงเฉิงเผยฝีปากกล่าวตอบ


“เช่นนั้นอย่างน้อย ถอดหน้ากากหนังมนุษย์ออก ให้ข้าได้เห็นรูปลักษณ์แท้จริงของเขา แล้วข้าค่อยตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือไม่!” สุ่ยเทียนสื่อช่างเป็นหญิงสาวช่างสงสัยอย่างยิ่ง


นางปรารถนาเข้าไปฉีกกระชากหน้ากากฉินหยุนออกเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำหากทำได้


สื่อชิงเฉิงตอบคำ “วิญญาณร้ายวารี ผู้คนในเมืองวิญญาณขั้วเหนือนี้มากันมากมายเพียงใดแล้ว? พวกคนจากตระกูลสายเลือดมาถึงหรือยัง?”


“ยังไม่! ข้าหวังให้พวกเขามาโดยเร็ว ข้าเพิ่งเสียหลายล้านเหรียญม่วงไปเมื่อครู่ คิดอยากตกเหยื่อได้รับกลับคืนมาบ้าง!” สุ่ยเทียนสื่อม้วนเส้นผมเล่น ยิ่งทำให้นางดูน่าค้นหายิ่งขึ้น


ฉินหยุนตื่นตระหนก เขาไม่คาดคิด ว่าศิษย์จากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง จะกลายเป็นปลาใหญ่ที่รอให้ตกในสายตาของสุ่ยเทียนสื่อ


“พี่สาวไฉนได้มาแล้วก็เสียไปมากมายขนาดนั้น?” เสี่ยวเตียนซิงเอ่ยถามด้วยความเสียดาย


“ต้องเรียกว่าเสี่ยงโชค! หงเมิ่งจูจากแคว้นยุทธ์หง ทราบกันว่าเป็นราชาพนัน นางขณะนี้นำบิดาราชันยุทธ์เข้าร่วมการพนัน นางเองก็เสียไปมากถึงยี่สิบล้านเหรียญม่วง” สุ่ยเทียนสื่อยิ้มกว้างไม่ยี่หระ “แค่นี้ไม่นับเป็นไร รอพวกเจ้าชายจากหลายราชอาณาจักรมาถึง ข้าค่อยไปสูบเลือดเนื้อมาใหม่!”


“นี่พวกท่านเล่นอันใดกัน หินเสี่ยงทายหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม เขาถึงขั้นตระหนกยามได้ทราบว่าหงเมิ่งจูเสียไปมหาศาล


สุ่ยเทียนสื่อตอบคำ “หาได้ใช่หินเสี่ยงทาย เป็นไหใบใหญ่นับร้อยวางทางเอาไว้ที่ทางเข้าตำหนักจารึกเทวะ ซึ่งกำลังก่อสร้างขึ้นใหม่ที่เมืองวิญญาณขั้วเหนือแห่งนี้ ไหเหล่านั้นสร้างขึ้นอย่างพิเศษ มันมีฝาปิดด้วย!”


“วิธีการเล่น คือคาดเดาไหใหญ่เหล่านั้น นี่เป็นสิ่งที่ตำหนักจารึกเทวะได้สร้างขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน นับว่าเป็นของน่าสนใจอย่างหนึ่ง!”


เพียงไม่นาน สุ่ยเทียนสื่อก็อธิบายรายละเอียดวิธีการเล่นอย่างครบถ้วน


ไหใหญ่นับร้อยใบ แต่ละใบจะมีหมายเลขหนึ่งถึงหนึ่งร้อย


ก่อนเริ่มการเดิมพัน ผู้คนของตำหนักจารึกเทวะ จะนำหุ่นเชิดนกใส่ในไหใบแรก พวกเขาจะเปิดค่ายอาคมมิติให้ทำงานภายในไหทั้งหนึ่งร้อยใบ ทำให้พวกมันเชื่อมโยงถึงกัน


ผ่านการทำงานชั่วครู่ พวกเขาจะปล่อยให้ผู้คนได้คาดเดา ว่าไหหมายเลขใดจะมีนกบินออกมา


หากคาดเดาถูกต้อง ก็ได้รับรางวัลจากเงินลงเดิมพันถึงสิบเท่ากลับคืน!


ลงพนันน้อยสุดที่หนึ่งหมื่นเหรียญม่วง สูงสุดมากถึงสิบล้านเหรียญม่วง!


โดยจะสามารถเล่นได้ทุกหนึ่งชั่วยาม และหนึ่งวันจะมีถึงหกรอบด้วยกัน!


ฉินหยุนขณะนี้ถึงกับมองเหยียดต่อตำหนักจารึกเทวะ ถึงกับใช้ลูกไม้ต่ำช้าเช่นนี้เพื่อหลอกลวงเอาเหรียญม่วงจากผู้คน


“ข้าคิดอยากเล่น!” ฉินหยุนกล่าว


“เช่นนั้นก็ไปกัน! จะอย่างไร พวกเราตอนนี้ก็ยังไม่ได้เดินทางไปเทือกเขาเมฆมังกร ไปหาความสนุกบ้างถือเป็นเรื่องดี!” สื่อชิงเฉิงกล่าว


“อย่างนั้นก็ไปด้วยกัน!” สุ่ยเทียนสื่อหัวเราะดัง


“พี่สาว ให้ข้าไปด้วย!” เสี่ยวเตียนซิงโพล่งคำออกมา


“ได้ อย่างนั้นแล้วเสี่ยวกั๋วเอ่อไปด้วยหรือไม่?” สุ่ยเทียนสื่อถามขึ้น ขณะสายตามองไปที่เสี่ยวกั๋วเอ่อที่อยู่ริมหน้าต่าง


“ไม่!” เสี่ยวกั๋วเอ่อตอบกลับเย็นชา


ถัดจากนั้น ฉินหยุนตามหญิงงามทั้งสาม ออกไปจากโรงเตี๊ยม มุ่งหน้าสู่ถนนเส้นหลักที่จอแจ


โดยเฉพาะกับสุ่ยเทียนสื่อ บุรุษหลายคนตามชายทาง ล้วนต้องหยุดจ้องมองความงดงามของนาง ตลอดทางที่เดินผ่าน ทำเอาเกิดความอึกทึกไม่น้อย


สื่อชิงเฉิงค่อนข้างทราบดีว่าสุ่ยเทียนสื่อเป็นเช่นไร ดังนั้นนางได้สงบเงียบปากคำเอาไว้


ทางด้านฉินหยุน เขารักษาระยะห่างจากสามหญิงสาวไว้


ไม่ช้า พวกเขาค่อยมาถึงลานกว้างตรงหน้าตำหนักจารึกเทวะ


ตรงนี้ มีไหขนาดใหญ่นับร้อยใบตั้งเรียงราย


ไหใหญ่เหล่านี้มีสีดำ และยังหนาอย่างยิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังใดในการตรวจสอบภายใน


ชั่วขณะที่ฉินหยุนมาถึง เขาทดสอบใช้พลังจิตสำรวจมัน พบว่าถูกสกัดกั้นเอาไว้ที่ภายนอกตัวไห


“เปล่าประโยชน์ กระทั่งราชันยุทธ์ก็ไม่อาจมองเห็นในไหใหญ่นั่นได้! ราชันยุทธ์สองคนขณะนี้ สูญเสียไปนับพันล้านเหรียญม่วงแล้ว!” สุ่ยเทียนสื่อรู้สึกไม่สบอารมณ์ยามได้เห็นฉินหยุนจ้องมองไหใหญ่จริงจัง


นั่นก็เพราะตอนฉินหยุนมองที่นาง หาได้มีความจริงจังเช่นนี้ไม่


นางแทบไม่อยากเชื่อ ว่าไหใบใหญ่เหล่านั้นจะน่าดึงดูดยิ่งกว่านาง


ฉินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย ใช้งานเนตรวิญญาณสมบูรณ์ มองทะลุเข้าไปในไหใหญ่


การกระทำนี้ทำให้เขาแตกตื่น เดิมเขาเพียงคิดมาที่นี่เพื่อพบหงเมิ่งจู ไม่ได้ตั้งใจมาเล่นพนัน!


แต่แล้วขณะนี้ ด้วยการใช้เนตรวิญญาณมองเข้าไหใบใหญ่ เขากลับพบว่ามันสามารถมองทะลุปรุโปร่ง!


ตำหนักจารึกเทวะทำเรื่องไม่ดีต่อเขาเอาไว้ ขณะนี้ เขายังถือว่ามีข้อพิพาทกับตำหนักจารึกเทวะอยู่ ดังนั้นแล้ว…


นี่ถือเป็นโอกาสดีในการล้างแค้นสักเล็กน้อย!


ตั้งแต่ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม การฝึกฝนเนตรวิญญาณเป็นไปได้ด้วยดี ขนาดที่เขาสามารถมองทะลุผ่านเห็นได้หลายสิ่ง


“ตอนนี้กำลังจะปล่อยหุ่นเชิดหกเข้าสู่ด้านในแล้ว ทุกท่านโปรดเตรียมเหรียญม่วงเอาไว้ให้ดี ต่อแถวเข้ามาแล้วซื้อหาเลขที่ต้องการ! สำหรับผู้ที่ต้องการลงมากกว่าหนึ่งล้านเหรียญม่วง ไม่จำเป็นต้องต่อแถว!” ชายหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะดังขึ้นพลางประกาศ


“ราชันยุทธ์หงหยิง กับองค์หญิงราชาพนันอยู่ที่นี่แล้ว!” คนหนึ่งตะโกนขึ้น


“ทั้งสองก่อนหน้านี้เสียไปมาก กระนั้นขณะนี้ก็ยังมาอีกครั้ง!”


“วิเศษนัก! ราชันยุทธ์เย่ว์จากแคว้นยุทธ์เย่ว์เมื่อครู่นี้ เพิ่งสูญเสียไปนับร้อยล้านเหรียญม่วง!”


“ยังมีราชันยุทธ์เชี่ยวจากแคว้นยุทธ์เชี่ยว เขานั้นเสียไปเกือบหนึ่งร้อยล้านเช่นเดียวกัน!”


พอราชันยุทธ์หงหยิงมาถึง เขายิ้มพลางกล่าวคำ “สิบล้านเหรียญม่วง สำหรับข้าไม่นับเป็นอะไร สำหรับการเดิมพันนี้เป็นเรื่องดีต่อบุตรสาวข้า! หากนางคิดอยากเล่นต่อ ข้าก็ยินดีให้เหรียญม่วงแก่นางไปเล่น!”


“ข้าย่อมไม่เล่นแล้ว นี่มันหลอกลวงกันเกินไป!” หงเมิ่งจูแค่นเสียงกล่าวคำ “ข้าอยู่ที่นี่ มาดูว่าจะมีผู้ใดชนะพนันนี้บ้าง!”


ที่นี่ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าเล่นเพราะเดาสุ่ม แต่ก็มีไม่มาก บางคนเพียงลงเดิมพันแค่หนึ่งหมื่นถึงสองหมื่นเหรียญม่วง ทางด้านหลักแสนเหรียญม่วง มีเพียงน้อยนิด


“นั่นไม่ใช่วิญญาณร้ายวารีกับสตรีปีศาจม่วงจากหุบเขาลึกล้ำจันทราหรือ? ย้อนกลับไปตอนนั้น นี่ถือเป็นโฉมงามหยดย้อยแห่งแดนยุทธ์อ้างว้าง ก่อฝนเลือดไปทั่วทุกหนแห่ง!”


“วิญญาณร้ายวารีเมื่อครู่นี้ สูญเสียไปหลายล้านเลยทีเดียว!”


“หญิงสาวทั้งสองคนนั้นน่าดูชมนัก!”


“จะมีโอกาสได้นางไหมนะ!”


“เลิกกล่าววาจาไร้สาระแล้ว! คิดยุ่งกับสตรีจากหุบเขาลึกล้ำจันทราไม่ใช่เรื่องเล่น ผู้อื่นที่เคยลองดีไม่เคยมีจุดจบที่ดีมาก่อน!”


“ได้ยินว่าหุบเขาลึกล้ำจันทราเชี่ยวชาญพิษ แต่เคล็ดวิชาพิษใดที่พวกนางเชี่ยวชาญกัน?”


“คิดมีตัณหาจะมีแต่นำความขื่นขมกลับคืนมา! อยู่ให้ห่างจากพวกนางถือเป็นเรื่องดี!”


ฉินหยุนได้ยินฝูงชนสนทนาเรื่องสุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิง เขาค่อยประทับใจในตัวคนทั้งสองที่ชื่อเสียงลือไกลเพียงนี้


เพียงไม่นาน ค่ายอาคมหยุดการทำงาน หลายคนเริ่มต่อแถว ทำการวางเงินเดิมพัน


หลังจากวางเดิมพัน จะได้รับตั๋วหยก โดยจะมีการสลักหมายเลขและเวลาที่ทำการซื้อเอาไว้ รวมถึงจำนวนเหรียญม่วงที่วางเดิมพัน


ฉินหยุนใช้เนตรวิญญาณสมบูรณ์ มองผ่านไหเหล่านั้น พบว่านกตัวดังกล่าวอยู่ในไหหมายเลขแปดสิบ


ดังนั้นเขาจึงต่อแถวเข้าร่วม


“สตรีปีศาจม่วง ข้าไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องเจ้าจะลงเล่นด้วย!” สุ่ยเทียนสื่อกล่าวเสียงเบา


“เจ้าก็เล่นไม่ใช่หรือ? เขาก็แค่นึกสนุก!” สื่อชิงเฉิงตอบกลับ


“ข้าต้องการซื้อไหหมายเลขแปดสิบ เป็นเงินห้าแสนเหรียญม่วง!” ฉินหยุนนำบัตรผลึกออกมา ทำการวางเดิมพันทั้งสิ้นห้าแสนเหรียญม่วง


กระทั่งคนของตำหนักจารึกเทวะ ยังไม่ทราบว่าไหใบใดที่มีหุ่นเชิดนกอยู่


สื่อชิงเฉิงพอได้ยินเช่นนี้ นางเร่งรีบเดินเข้ามา “น้องชายบ้าไปแล้วหรือ? ใช้จ่ายเกินไปแล้ว!”


ฝูงชนขณะนี้สายตาจ้องมองสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อจากที่ไกลออกไปมาโดยตลอด อย่างไรแล้วทั้งสองก็เป็นโฉมงามที่ยอดเยี่ยม พวกเขากลับไม่คิด ที่ได้พบว่าสื่อชิงเฉิงแท้จริงมีลูกพี่ลูกน้องหน้าตาธรรมดาเช่นนี้


หลายคนขณะนี้กลายเป็นริษยาลูกพี่ลูกน้องของนาง ถึงขั้นได้ไปอยู่กลางดงหญิงงามจากหุบเขาลึกล้ำจันทรา!


ราชันยุทธ์หงหยิงและหงเมิ่งจูก็ประหลาดใจไม่น้อย พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงสื่อชิงเฉิงมาก่อน ทว่าไม่ทราบว่านางจะนำพาลูกพี่ลูกน้องมาด้วยเช่นนี้


“น้องชายผู้นี้ฝันถึงนิมิตเมื่อคืน ว่าจะมาซื้อหมายเลขแปดสิบที่นี่ ดังนั้นย่อมเป็นเช่นนั้น! พี่สาวก็ซื้อเสียบ้าง ข้ามั่นใจว่าต้องชนะ!” ฉินหยุนยิ้มให้สื่อชิงเฉิงและกล่าว “ฝันของข้าถือว่าแม่นยำ ตั้งแต่ยังเด็ก ข้าฝันว่าได้ปลดปล่อยตัวเอง แล้วพอตื่นมาเตียงก็เปียกจริง!”


ได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ หลายคนถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออก!


ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงจะกลายเป็นตัวโง่งมชั้นดีผู้หนึ่งเช่นนี้!

 

 

 


ตอนที่ 438 สำเร็จและล้มเหลว

 

สื่อชิงเฉิง พอได้เห็นท่าทีมั่นใจที่ฉินหยุนลงพนัน นางจึงไม่กล่าวคำใดออก


ฉินหยุนขณะนี้ส่งห้าแสนเหรียญม่วงออกไป ได้รับตั๋วหยกกลับคืนมา จากนั้นก็เพียงนั่งยิ้มดั่งคนโง่เง่ารอการเปิดรางวัล


หลายคนถูกหลอกลวงในก่อนหน้านี้ ดังนั้นผู้มั่งมีหลายคนจึงเกิดความสงสัยยามเมื่อลงเดิมพัน ดังนั้นขณะนี้จึงวางเงินกันเพียงเล็กน้อย


รอบนี้ ตำหนักจารึกเทวะได้รับเพียงไม่กี่ล้านเหรียญม่วง นับว่าไม่มากอันใดนัก


ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม จำนวนคนในลานกว้างเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหลายคนคิดเข้ามารับชม เนื่องจากได้ยินว่ามีโฉมงามสองคนอยู่ที่นี่


ทันทีที่พวกเขามาถึง สิ่งที่ชวนตื่นตะลึง คือได้ทราบว่าสื่อชิงเฉิงมีลูกพี่ลูกน้องโง่เง่าคนหนึ่ง ใช้เงินถึงห้าแสนเหรียญม่วงลงพนันกับไหพวกนั้น


“ขณะนี้กำลังจะประกาศผลของรอบที่ห้าของวันนี้แล้ว!”


ชายวัยกลางคนไว้หนวดเคราจากตำหนักจารึกเทวะ ควบคุมฝาไหทั้งหมดให้เปิดออก และก็มีหุ่นเชิดนกบินออกจากไหหมายเลขแปดสิบ!


พอพวกเขาได้เห็นหุ่นเชิดนกบินออกมา ผู้คนกายแข็งทื่อ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่เย้ยหยันฉฺนหยุนเป็นไอ้โง่ผู้หนึ่ง ขณะนี้ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่อาจหาที่ปิดบัง


“นี่… เขาเดาถูกด้วย!” หงเมิ่งจูถามด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดมีโชคได้เพียงนี้กัน?”


เรื่องนี้ ทำเอาสุ่ยเทียนสื่อที่เพิ่งเสียไปหลายล้าน หันมองทางฉินหยุนอย่างตื่นตะลึง


ราชันยุทธ์หงหยิงขมวดคิ้ว เขาไม่ทราบว่า “ลูกพี่ลูกน้อง” คนนี้ของสื่อชิงเฉิง สามารถมองผ่านความลึกลับได้อย่างไร


ทุกคนขณะนี้กำลังสนทนากัน เรื่องนี้เกินจะเชื่อ!


ความฝันโง่งมของเด็กน้อยคนหนึ่ง  ขณะนี้คาดเดาออกมาแม่นยำราวจับวาง


บังเอิญ! นี่ต้องเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน!


นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนคิดเห็นได้ข้อสรุปตรงกัน!


ฉินหยุนหัวเราะ นำเอาตั๋วหยกไปขึ้นรางวัล “พี่สาวดูนี่ ข้าเพิ่งได้รับมาห้าล้านเหรียญม่วง!”


คนของตำหนักจารึกเทวะขณะนี้เผยความไม่ยินดี กระนั้นพวกเขาก็คิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ


ไหเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นของเล่นที่ขัดเกลาขึ้นโดยอาจารย์จารึกเต๋า กระทั่งอาจารย์จารึกเต๋ามาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีทางมองพวกมันได้ออก ลำพังอะไรกับบุคคลโง่เง่าคนหนึ่ง


“ถัดไปคือรอบที่หก!” ชายไว้หนวดเคราจับหุ่นเชิดนกกลับคืนมา นำมันใส่ในไหใบใหญ่ก่อนสั่งการให้ค่ายอาคมทำงาน


ค่ายอาคมใหญ่ทำงานอีกครั้งหนึ่ง!


ผ่านไปครู่มันค่อยหยุด


ฉินหยุนใช้งานเนตรวิญญาณ จึงพบว่าหุ่นเชิดนกขณะนี้อยู่ในไหหมายเลขแปดสิบเอ็ด!


“อาฉ่วย ยังคิดเล่นอยู่หรือไม่?” เสี่ยวเตียนซิงเอ่ยถามเสียงเบา


“ให้ข้าคิดถึงนิมิตเมื่อคืนนี้สักครู่!” ฉินหยุนหลับตาอย่างจริงจัง ผ่านไปครู่ค่อยเบิกกว้างออก รอยยิ้มฉายชัดขณะกล่าวตอบ “จำได้แล้ว! ให้ข้าได้เล่นต่อ!”


กล่าวจบคำ เขาเร่งรีบวิ่งไปต่อแถวอีกครั้ง


“ชายคนนี้น่าจะเพิ่งใช้โชคทั้งชีวิตหมดไป”


“ถึงขั้นยังเชื่อความฝัน!”


“หรือพวกเราควรซื้อตามดี? เจ้าว่ายังไง?”


“เป็นไปไม่ได้! เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น! มารอดูกัน ว่าเขาจะซื้อเลขอะไร เช่นนั้นพวกเราให้หลบเลี่ยงเลขนั้น! ซื้อครั้งที่สองเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางชนะได้อย่างแน่นอน!”


“เป็นเช่นนั้น ชนะสองครั้งรวดนี่เป็นไปไม่ได้!”


ผู้อื่นย่อมไม่ทราบ ว่าอาฉ่วยคือฉินหยุน ทว่าสื่อชิงเฉิงทราบ


ฉินหยุนคือใคร? เป็นบุคคลที่หาตัวจับได้ยาก!


ไม่เกินเลยนักหากจะบอกว่าเขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุดของแดนยุทธ์อ้างว้างรุ่นเยาว์ในขณะนี้


สื่อชิงเฉิงกัดฟันแน่น เดินตามหลังฉินหยุน นางตัดสินใจวางเดิมพันเช่นเดียวกับฉินหยุน!


“น้องชายอาฉ่วยผู้นี้ อย่าได้หลอกลวงพวกเราเชียว! ข้าจะซื้อเช่นเดียวกับเจ้า!”


สุ่ยเทียนสื่อขณะนี้ทราบ ว่าลูกพี่ลูกน้องผู้ลึกลับของสื่อชิงเฉิงมีพื้นเพไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงกล้ายอมซื้อตาม


เสี่ยวเตียนซิงขณะนี้ร่วมต่อแถว นางคิดอยากเข้าร่วมเพื่อความสนุกสนานเช่นกัน


“หญิงสาวสามคนนั้นโฉมงามทว่ากลับไร้สมอง!”


“ไม่นึกเลยว่าพวกนางจะทำสมองหายเช่นนี้”


“ไอ้หน้าโง่นั่นครั้งนี้ไม่มีทางชนะได้ ก็เห็นกันอยู่!”


“ถูกต้องแล้ว มันก็แค่โชคดีเท่านั้น ต่อให้เล่นเป็นร้อยรอบ ชนะสักครั้งหนึ่งย่อมไม่แปลก นี่เพียงชนะที่ครั้งแรกก็เท่านั้น รอบที่สองจะชนะได้อย่างไรกัน?”


ผู้คนขณะนี้ต่างเห็นพ้องต้องกัน


หงเมิ่งจูกัดฟันแน่น เข้าร่วมต่อแถว เตรียมซื้อเลขเดียวกับฉินหยุน


ฉินหยุนตอนนี้อดไม่ได้ ที่จะเผยความนับถือต่อความเด็ดเดี่ยวของหญิงสาว กระนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก


หากพวกเขาชนะ ผู้ที่ต้องหลั่งเลือดคือตำหนักจารึกเทวะ เขามีแต่จะยิ่งยินดีหากได้เห็น


“ข้าขอซื้อหมายเลขแปดสิบเอ็ดเป็นเงินห้าล้าน!” ฉินหยุนกล่าวคำพร้อมส่งบัตรผลึกออกไป


ผู้คนร้องออกตื่นตระหนก! เล่นใช้จ่ายถึงห้าล้าน นี่ถือเป็นการพนันครั้งใหญ่!


“เมื่อครู่เพิ่งออกหมายเลขแปดสิบ! ครั้งนี้หมายเลขแปดสิบเอ็ด มองยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้!”


“ใช่แล้ว! หมอนี่ก็แค่คิดอยากเสี่ยงโชค!”


“สองสาวงามนั่นคงไม่ซื้อตามเขาหรอกใช่หรือไม่?”


“หากพวกนางซื้อตามลูกพี่ลูกน้องโง่เง่านั่น อีกไม่นานได้ตัวสั่นงันงกกันแน่!”


พอได้ยินว่าฉินหยุนคิดซื้อหมายเลขแปดสิบเอ็ด สุ่ยเทียนสื่อ สื่อชิงเฉิง และหงเมิ่งจู ขณะนี้เกิดความหวั่นใจ


กระนั้น สื่อชิงเฉิงก็ยังปลอบตนเอง เลือกซื้อหมายเลขแปดสิบเอ็ดเป็นเงินสองล้านเหรียญม่วงตามไป!


ส่วยเทียนสื่อก่อนหน้านี้สูญเสียไปหลายล้านแล้ว ขณะนี้ไม่กล้าลงเล่นมาก เพียงซื้อที่หนึ่งล้าน!


เหรียญม่วงของเสี่ยวเตียนซิงมีไม่มากนัก ดังนั้นจึงเลือกซื้อเพียงแค่สองแสน!


ทางด้านหงเมิ่งจู ด้วยราชันยุทธ์หนุนหลัง ย่อมกล้าลงเงินนับสิบล้านเหรียญเดิมพัน ขณะนี้แทบไม่มีผู้ใดสงสัย กระทั่งนับถือต่อนางที่มีใจกล้าหาญสมกับที่เป็นราชาพนัน


รายได้รอบนี้มากถึงยี่สิบล้าน ทำเอาคนของตำหนักจารึกเทวะยินดีไม่น้อย!


ผู้คนต่างคิดเห็นเช่นเดียวกัน ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่รอบแรกเปิดที่แปดสิบไปแล้ว รอบนี้จะเป็นแปดสิบเอ็ดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกเลี่ยงหมายเลขแปดสิบเอ็ด ซื้อหาหมายเลขอื่นกันแทน


ชั่วขณะนี้ ผู้ชมเกิดความตื่นเต้นกันขึ้นมา พวกเขาคิดอยากเห็น ว่าฉินหยุนและหญิงสาวเหล่านั้นจะเผยสีหน้าเช่นไรยามต้องสูญเสีย


ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ได้เวลาประกาศผลลัพธ์แล้ว!


“ผลการวางเดิมพันรอบสุดท้ายของวันนี้กำลังจะประกาศแล้ว! เปิดฝาไหทั้งหมดได้!”


หุ่นเชิดนก ขณะนี้บินออกจากไหหมายเลขแปดสิบเอ็ด!


ฝูงชนระเบิดเสียงฮือฮากันดังออกมา!


“สารเลวนัก! ถึงกับเป็นแปดสิบเอ็ดจริงหรือเนี่ย!”


“ทำไมข้าไม่ซื้อตามไอ้หน้าโง่นั่น!”


“ผู้ใดกล่าวว่าเด็กหนุ่มนั่นหน้าโง่ไม่มีทางชนะได้! จงก้าวออกมา ข้าสาบานจะทุบตีให้ตายเสียที่นี่!”


“บัดซบ! ข้าเพิ่งซื้อไปหนึ่งแสน หากซื้อตามเด็กโง่เง่านั่น คงได้มาหนึ่งล้านแล้ว!”


ทั่วทั้งลานกว้างขณะนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องคร่ำครวญ


ทางด้านหงเมิ่งจู นางหัวเราะดังยิ่งกว่าใครในที่นี้ “หนึ่งร้อยล้าน ชนะได้ตั้งหนึ่งร้อยล้านแน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้ก็ยินดีไม่แพ้กัน!


สุ่ยเทียนสื่อได้รับสิบล้าน สื่อชิงเฉิงได้มากถึงยี่สิบล้าน!


สำหรับพวกนางที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ จำนวนเท่านี้ถือว่ามหาศาลแล้ว!


ฉินหยุนขณะนี้ได้อิ่มเอมกับเงินถึงห้าสิบล้าน!


คนของตำหนักจารึกเทวะในขณะนี้ ต่างรู้สึกว่าราวกับเห็นภูตผียามกลางวัน พวกเขาไม่คาดคิด ว่าเด็กน้อยโง่งมตรงหน้าแท้จริงเป็นปีศาจร้าย ถึงกับชนะสองรอบติด!


ในรอบที่หกนี้ ตำหนักจารึกเทวะสูญเสียเกือบมากถึงสองร้อยล้าน!


“รอบที่หกของวันนี้สิ้นสุดแล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะมาจัดอีกครั้งหนึ่ง!” ชายไว้หนวดเครากล่าวด้วยสีหน้าแข็งเกร็ง


ฉินหยุนยิ้มกว้างอย่างโง่งมกล่าวคำออก “ข้าเองก็ต้องกลับไปนอนแล้ว สงสัยนักว่านิมิตในคืนนี้จะเปิดไหของพรุ่งนี้ได้หรือไม่!”


“อาฉ่วย ให้ข้าไปหลับนอนกับเจ้าด้วยดีหรือไม่?” สุ่ยเทียนสื่อยิ้มมีเลศนัย


ได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ ชายหนุ่มหลายคนถึงกับเกิดอาการเหน็บชาที่หัวใจด้วยความริษยา ไฟแห่งความริษยาในดวงตาพวกเขาขณะนี้ แทบเผาฉินหยุนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านได้


“ข้าโตแล้ว ย่อมไม่ต้องการให้ผู้อื่นนอนเป็นเพื่อน! นอกจากนี้ ยังหาได้ยากนักที่ข้าจะมีเตียงใหญ่ได้ใช้นอนคนเดียว!”


ฉินหยุนกล่าวคำพลางมองอย่างเดียดฉันท์ออกมา


ผู้คนพอได้ยิน พวกเขาคิดอยากเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายจนตายตก


ฉินหยุนย่อมไม่กล่าวเท็จ วิญญาณร้ายวารีผู้นี้ ไม่ใช่คนที่รับมือได้ด้วยง่าย ผู้ใดกันจะทราบว่ายามค่ำคืนนางคิดวางแผนทำอะไร?


หงเมิ่งจูขณะนี้ชนะได้มาหนึ่งร้อยล้าน ยินดีจนแทบตาย จากนั้นค่อยติดตามหงหยิงและคณะกลับออกไปจากลานกว้างของตำหนักจารึกเทวะ


ฉินหยุนและคณะเดินทางกลับโรงเตี๊ยมหรูหรา พบว่าหงหยิงและหงเมิ่งจูก็พักที่นี่ พวกเขาในวันพรุ่งนี้ย่อมต้องไปพร้อมเขาเพื่อซื้อเลขไหเดียวกันต่ออย่างแน่นอนแล้ว


นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ตำหนักจารึกเทวะสูญเสียหนักหนาเพียงนี้ในช่วงหลายเดือนที่มีการเปิดให้เล่นพนัน ข่าวคราวเรื่องนี้แพร่กระจายทั่วเมืองวิญญาณขั้วเหนืออย่างรวดเร็ว


ลูกศิษย์ของแม่เฒ่าตู้หลายต่อหลายคน ขณะนี้เร่งรีบรวบรวมเหรียญม่วงกันตลอดทั้งคืน คิดเข้าร่วมการเดิมพันกับลูกพี่ลูกน้องหน้าตาโง่เง่าของสื่อชิงเฉิงในวันพรุ่งนี้ด้วย


พวกเขาเมื่อกลับมายังโรงเตี๊ยม แม่เฒ่าตู้และผู้อาวุโสสองคนกำลังรอคอยด้วยความตื่นตะลึงต่อข่าวคราวที่ได้รับมา


“อาฉ่วย คิดไปนอนแล้วหรือ?” สุ่ยเทียนสื่อขณะนี้ เผยท่าทีเย้ายวนทำการรินน้ำชาให้แก่ฉินหยุน วันพรุ่งนี้นางก็คาดหวังว่าจะได้รับชัยชนะอีกสักครั้งครา


การมีเหรียญม่วงมากเกินไป ย่อมไม่ใช่เรื่องไม่ดี


“น้องชาย วันพรุ่งนี้ก็มั่นใจว่าสามารถชนะหรือ?”


“พวกท่านต้องการซื้อเช่นเดียวกันกับข้าหรือ? อย่างนั้นวางใจได้ ข้าย่อมนำผลประโยชน์ก้อนใหญ่มาให้!” ฉินหยุนยิ้มอ่อน ไม่กล่าวคำใดเพิ่มเติม จากนั้นจึงกลับห้องไปพักผ่อน


หลังจากได้เข้าห้องแล้ว เขาค่อยพับนกกระเรียนด้วยกระดาษยันต์


จากนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม บังคับให้นกกระเรียนกระดาษบินไปรอบโรงเตี๊ยม ติดตามหาเศษเสี้ยวพลังของหงเมิ่งจู และเข้าห้องของนางผ่านหน้าต่าง


หงเมิ่งจูเพิ่งชนะพนันได้มาหนึ่งร้อยล้าน ขณะนี้ย่อมยังไม่นอนหลับ นางยืนที่ข้างหน้าต่าง รับชมดวงจันทร์และดวงดาวงดงามบนฟ้า ฉับพลันได้เห็นกระเรียนกระดาษลอยมาหา นางจึงยื่นมือไปคว้าไว้


นี่เป็นยันต์เสียงสื่อสารที่ฉินหยุนทำขึ้น หลังจากยืนยันผ่านพลังจิตแล้ว เขาค่อยกล่าวออก “เมิ่งจู พรุ่งนี้อยากซื้อตามข้าเท่าไหร่ก็ซื้อ ข้าคือฉินหยุน เก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย!”


หงเมิ่งจูพอได้ยินเสียงผ่านทางจิต นางกลายเป็นยินดีล้นพ้น นางทราบแต่แรกว่าลูกพี่ลูกน้องโง่งมของสื่อชิงเฉิงไม่ธรรมดา ทว่าไม่ทราบพื้นเพ


กระนั้นก็ไม่คาดคิด ว่าอีกฝ่ายจะเป็นฉินหยุนที่ลักลอบเข้าไปยังหุบเขาลึกล้ำจันทรา นอกจากนี้ยังอยู่ร่วมกับโฉมงามถึงสองคนด้วยกัน


เป็นนางเชื่อด้วยซ้ำ ว่าฉินหยุนเป็นลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงจริง


“ช่างเหมือนเย่ว์เหม่ยนัก รู้จักลูกล่อลูกชน!” นางกลายเป็นคาดหวังในวันพรุ่งนี้ขึ้นมาแล้ว…


วันที่สอง โฉมงามทั้งสองสวมใส่ชุดสีม่วงเรียบง่าย ทำตัวไม่ให้สะดุดตา กระนั้นอย่างไรแล้วนี่ก็คือโฉมงาม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ต้องตาผู้คน


เช้าตรู่ ฉินหยุนติดตามสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ เดินทางไปลานกว้างที่ตำหนักจารึกเทวะ


ผู้คนมากมายขณะนี้รอคอยที่นี่ กระทั่งมีคนมารอตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง


เมื่อกลุ่มคนได้เห็นฉินหยุน พวกเขามองเป็นเทพแห่งโชคลาภ รู้สึกกลายเป็นมีกำลังวังชาให้พร้อมสู้กันขึ้นมา


ชายไว้หนวดเคราจากตำหนักจารึกเทวะ มองทางฉินหยุนเป็นเทพหายนะ คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะหายไปไม่ปรากฏวันนี้เสียด้วยซ้ำ


“รอบแรกของวันนี้จะเริ่มแล้ว!” ชายไว้หนวดเคราเผยความไม่ยินดี ปลดปล่อยหุ่นเชิดนกในไหใบใหญ่


ฝาพอปิดลง ค่ายอาคมจึงทำงาน ทำให้หุ่นเชิดนกสามารถบินสุ่มไปมาในไหใหญ่ทั้งหนึ่งร้อยใบได้


ผ่านไปพักหนึ่ง เขาค่อยตะโกนขึ้น “เริ่มเปิดให้ซื้อได้!”


ฉินหยุนเพียงใช้เนตรวิญญาณสมบูรณ์ มองไปและพบว่าขณะนี้อยู่ไหใบที่เก้าสิบห้า ดังนั้นจึงเข้าไปต่อแถว


“ข้าซื้อหมายเลขแปดสิบเป็นเงินห้าแสน!” ฉินหยุนกล่าว


นี่เป็นเลขเดียวกับเมื่อวาน และยังวางเงินแค่ห้าแสน!


หลายคนลงเงินตามติด นอกจากนี้ยังมากกว่าหนึ่งแสนกันทั้งสิ้น นับว่าเมืองแห่งนี้ไม่ขาดผู้ร่ำรวยจริง ๆ


ชายไว้หนวดเคราขณะนี้หน้าเขียวคล้ำ นี่ก็เพราะผู้คนซื้อตามเป็นเงินมากถึงสองร้อยล้านเหรียญม่วง!


หากเปิดออกมาได้หมายเลขแปดสิบจริง พวกเขาก็ต้องจ่ายมากถึงสองพันล้าน!


 

 

 


ตอนที่ 439 หนทางร่ำรวย

 

เมื่อวานก็ซื้อเลขแปดสิบ วันนี้ก็ซื้อเลขแปดสิบอีกครั้งหนึ่ง หลายคนเกิดความสงสัยกันขึ้นมา


ทว่า พอพวกเขาได้เห็นสื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และหงเมิ่งจูล้วนนำออกมาห้าแสนเหรียญม่วง ความสงสัยค่อยคลายออก กลายเป็นความตื่นเต้นยินดีซื้อเลขแปดสิบตามกันไป


แม้ฉินหยุนไม่ได้กล่าวออกมา สื่อชิงเฉิงและคณะย่อมคาดเดาว่าเขามีแผนล่อเหยื่อให้ตายใจ


ไม่เช่นนั้น ตำหนักจารึกเทวะคงไม่ยอมปล่อยให้มีการเล่นพนันต่อ พวกเขายังไม่อยากเสียเหยื่อชั้นดีในตอนนี้


อย่างรวดเร็ว ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม รอบแรกทุกคนลงเดิมพันกันมากมายถึงสามร้อยล้านเหรียญม่วง!


“ผลลัพธ์ของรอบนี้กำลังจะเผยออกแล้ว!” ชายไว้หนวดเคราเปิดฝาไหด้วยใจเต้นรุนแรง


เป็นไหหมายเลขเก้าสิบห้า!


ได้เห็นผลลัพธ์ดังนี้ ชายไว้หนวดเคราที่ก่อนหน้านี้เผยใบหน้าขื่นขมเคร่งเครียด ขณะนี้กลายเป็นยินดี น้ำเสียงกล่าวออกอย่างไม่ปิดบัง “เป็นหมายเลขเก้าสิบห้า!”


หลายคนขณะนี้ใจสลาย กรีดร้องออกกันเป็นแถว


เสียบสบถก่อนด่าดังทั่วทั้งลานกว้าง


หลังจากที่ฝูงชนรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ พวกเขาล้วนเงียบเสียง พวกเขาได้แต่เงียบปากและสบถภายในใจ


“รอบที่สองกำลังจะเริ่มแล้ว!” ชั่วขณะนี้ ชายไว้หนวดเคราค่อยวางใจ เพราะฉินหยุนหาได้แม่นยำทุกครั้งไม่


หลังเริ่มกระบวนการ ฉินหยุนได้เห็นหุ่นเชิดนกไปหยุดที่ไหหมายเลขเจ็ดสิบสาม


“ข้าจะซื้อหมายเลขเก้าสิบ หนึ่งล้านเหรียญม่วง!” ฉินหยุนคิดอยากแพ้เพื่อความมั่นใจอีกสักครั้งหนึ่ง


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้ได้ทราบว่าฉินหยุนคิดแสร้งแพ้ ดังนั้นพวกนางจึงลังเล ก่อนกัดฟันลงเงินไปอีกหนึ่งล้านเหรียญม่วงเป็นการจัดฉาก


หงเมิ่งจูพิจารณาอยู่ครึ่งชั่วยาม ค่อยซื้อตามเป็นเงินหนึ่งล้านเหรียญม่วง


ในรอบที่สอง มีน้อยคนที่ลงเล่นแล้ว กระนั้นรวมเงินก็อยู่ที่ราวหนึ่งร้อยล้าน ชัดเจนว่ามีหลายคนยังคงไม่ถอดใจ อย่างไรแล้วนี่ก็คือการพนัน!


อย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ของรอบที่สองเผยออก หลายคนร้องออกด้วยความโศก


“โดนไอ้หน้าโง่นั่นหลอกเข้าเสียแล้ว!”


“นี่พวกเราลงเดิมพันไปแทบหมดตัวเลยนะ!”


“ไอ้หน้าโง่นั่นมันไม่น่าเชื่อแต่แรกแล้ว!”


หลายคนสบถออกก่นด่า พวกเขาไม่มีทางทำอะไรอื่นได้ จึงได้แต่คิดว่านี่เป็นเพียงโชคชะตาเล่นตลก


รอบที่สามและสี่ถัดจากนี้ ฉินหยุนยังคงลงเล่นต่อ!


มีแต่สื่อชิงเฉิงและคณะที่ยังเล่นตามด้วย


เมื่อวานพวกเขาได้มามาก ตราบเท่าที่ไม่ได้ลงหนักมือเกินไป ย่อมไม่นับว่าสูญเสียอะไร


ถึงรอบที่ห้าแล้ว!


“ให้ข้าซื้อหมายเลขแปด สิบล้านเหรียญม่วง!” ฉินหยุนประกาศเสียงดัง


สิบล้าน!


ทุกคนขณะนี้กลายเป็นตื่นเต้นคึกคักขึ้นมา พวกเขานั่งจ่อมอยู่ที่นี่กว่าครึ่งวัน ในที่สุดก็มีการลงเงินครั้งใหญ่!


กระนั้น เพราะพวกเขาเสียกันไปถึงสี่รอบติดแล้ว จึงแทบไม่เหลือผู้ใดกล้าลงเล่นตาม


กระทั่งสื่อชิงเฉิงและคณะหญิงสาวยังลังเล ไม่กล้าเคลื่อนไหวในทันที


แท้จริงพวกนางทราบว่าควรทำอย่างไรตอนไหน กระนั้นเพื่อให้กลยุทธ์เป็นไปได้ด้วยดี จึงยอมเล่นตามน้ำกับฉินหยุน หากพวกนางตัดสินใจรวดเร็วเกินไป จะกลายเป็นเป้าให้เกิดความสงสัย


“เมื่อวานเจ้านั่นชนะไปเยอะ วันนี้เสียบ้างไม่เห็นเป็นไร! แต่พวกเราสิที่ไม่ไหวกันแล้ว!”


“ใช่! นี่พวกเราแทบถังแตกแล้ว!”


“เฮ้อ… นี่เป็นเพราะพวกเราโลภจนเกินไป”


“เจ้าเด็กหน้าโง่นั่นสารเลวนัก ถึงกับหลอกพวกเรามาตายร่วม!”


ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว สื่อชิงเฉิงค่อยซื้อไหหมายเลขแปดตามด้วยเงินมากถึงสิบล้านเหรียญม่วง!


หงเมิ่งจูและสุ่ยเทียนสื่อ ก็ซื้อที่สิบล้านเช่นเดียวกัน!


นี่ถือเป็นการลงเงินครั้งใหญ่ ทุกคนทราบดีว่าเมื่อวานพวกเขาได้รับมากเพียงใด ดังนั้นหากคิดเล่นปิดท้ายคงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดนัก


ทางด้านตำหนักจารึกเทวะ ขณะนี้ไร้ซึ่งความกังวลใด เพราะฉินหยุนไม่ได้แม่นยำเหมือนดังที่คาดคิดตอนแรก


ชายไว้หนวดเคราก้าวเดินเข้ามา เปิดฝาไหออกและยิ้ม แต่แล้ว พอได้เห็นหุ่นเชิดนกบินออกจากไหหมายเลขแปด รอยยิ้มที่ใบหน้ากลายเป็นแข็งค้างในพริบตา!


บรรดาผู้ที่สูญเสียไปก่อนหน้านี้ทั้งหลาย แทบสะดุ้งลุกกันขึ้นมาเป็นแถบ หัวใจถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ! เพราะสิ่งที่เห็นขณะนี้ ทำเอาหลายคนอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างเสียงดัง!


ทางด้านผู้ที่แวะเวียนมารับชม ขณะนี้ก็เผยน้ำเสียงอุทานร้องดังเช่นเดียวกัน!


เด็กหน้าโง่คนนั้น ขณะนี้ทายถูกอีกครั้งแล้ว และก็เป็นครั้งที่เขาลงเดิมพันไปมากเสียด้วย!


ฉินหยุน สื่อชิงเฉิง และหญิงสาวอีกสองคนที่ลงเงินไปนับสิบล้าน ขณะนี้กำลังจะได้รับกลับคืนถึงคนละหนึ่งร้อยล้าน!


รวมทั้งสิ้นแล้วก็สี่ร้อยล้าน!


ตำหนักจารึกเทวะเพียงชนะวันนี้มาได้ราวสี่ร้อยล้าน เงินยังไม่ทันนำไปทำอื่นใดต่อ ขณะนี้กลับต้องจ่ายกลับคืนไปแล้ว!


หลายคนในลานกว้างกลายเป็นโกรธเคือง ใบหน้าพวกเขาแดงก่ำ นี่ก็เพราะเหรียญม่วงที่พวกเขาเสียสะสมรวมกัน กลายเป็นตกอยู่ในมือของฉินหยุน


ชั่วขณะนี้เอง สื่อชิงเฉิงและคณะกลายเป็นตื่นเต้นยินดี นี่เป็นควาวมยินดีที่แสดงออกอย่างแท้จริง เพราะเป็นพวกนางได้เงินรวมกันมากถึงหลักร้อยล้านเหรียญม่วง! และนี่ก็เป็นเวลาที่รอคอยมานานเกือบทั้งวัน!


“รอบสุดท้ายกำลังจะเริ่มแล้ว!” ชายไว้หนวดเครา เวลานี้สีหน้าดำมืดอีกครั้งแล้ว


ในรอบนี้ ฉินหยุนใช้เนตรวิญญาณสมบูรณ์อีกครั้ง ทราบว่าได้หมายเลขสามสิบเก้า


กระนั้น เขากลับซื้อหมายเลขยี่สิบสามและสามสิบเก้า ด้วยจำนวนเงินถึงหมายเลขละสิบล้าน!


การซื้อหาทั้งหนึ่งร้อยหมายเลขย่อมทำได้ การซื้อเพียงสองไม่นับเป็นอะไร


สื่อชิงเฉิงและคณะในขณะนี้ ย่อมวางเดิมพันตามไปด้วย!


บรรดาผู้ที่ขณะนี้ยังมีเงินเหลือที่ถอนตัวกันไปตั้งแต่สองรอบแรก ขณะนี้พวกเขาไม่กล้าตามฉินหยุน เพราะหากฉินหยุนซื้อถึงสองหมายเลข เท่ากับว่าคล้ายมีความไม่มั่นใจเกิดขึ้นแล้ว


และมันมีโอกาสสูงมากที่จะเสียทั้งหมด!


กระนั้น ก็ยังมีบางคนลองซื้อตาม โดยรวมแล้ว ก็มีคนนอกลงเงินเดิมพันด้วยเพียงสองล้านเหรียญม่วงเท่านั้น


ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ชายไว้หนวดเคราขณะนี้เคร่งเครียด หากฉินหยุนและคณะชนะอีกครั้งหนึ่ง วันนี้จะกลายเป็นพวกเขาสูญเสียใหญ่หลวงแล้ว


ฉินหยุนวางเงินเดิมพันไปราวยี่สิบล้าน ขณะนี้ได้กลับคืนไปแล้วแปดสิบล้าน หากรวมทั้งสี่คน ขณะนี้ก็ได้ไปกันเกินกว่าสามร้อยล้านแล้ว!


ตำหนักจารึกเทวะเดิมคิดว่าตกได้ปลาตัวใหญ่หลายร้อยล้านในวันนี้ เพราะตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบที่สี่ ได้กินเงินพวกฉินหยุนมาโดยตลอด กระนั้นกลับต้องเริ่มสูญเสียในช่วงท้ายของวัน


“เปิด!”


ชายไว้หนวดเคราสั่งเปิดฝา ปรากฏหุ่นเชิดนกบินออกมาจากไหหมายเลขสามสิบเก้า เห็นดังนี้เขาถึงกับล้มลงนั่งกับพื้น


ทั่วทั้งลานกว้างส่งเสียงฮือฮากันดังออกมา!


“สองรอบติดอีกแล้ว เหลือเชื่อนัก! ตอนแรกซื้อหาเพียงน้อยนิด แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ หรือนี่จะเป็นเขาจงใจ?”


“ไอ้หน้าโง่นี่หาได้โง่ดังที่เห็นไม่! พวกเราโดนมันหลอกจนตายตกแล้ว!”


“เหมือนว่าชายคนนี้จะเชี่ยวชาญความสามารถท้าทายสวรรค์ ถึงขั้นมองทะลุทะลวงไหใหญ่พวกนั้น!”


“บัดซบยิ่งนัก พวกเราโดนมันปั่นหัว!”


“ตำหนักจารึกเทวะขณะนี้ย่ำแย่ไม่น้อยแล้ว!”


คนของตำหนักจารึกเทวะ ได้แต่ส่งมอบหลายร้อยล้านเหรียญม่วงแก่ฉินหยุนและคณะด้วยความปวดใจ


สุ่ยเทียนสื่อและพลพรรค ขณะนี้ได้รับผลกำไรรวมเกือบสองร้อยล้านภายในวัน จึงจากไปพร้อมอารมณ์ยินดียิ่ง


ที่ห้องโถงหลักของโรงเตี๊ยม สุ่ยเทียนสื่อแทบกราบกรานฉินหยุน กระทั่งเข้ามานวดเฟ้นที่ไหล่และขา ให้บริการกันอย่างถึงใจ


แม่เฒ่าตู้หัวเราะ “หากข้าทราบว่าจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ คงร่วมทางไปด้วยแล้ว เช่นนั้นข้าคงได้มาไม่น้อย! พรุ่งนี้ให้ข้าไปด้วยแล้ว!”


ฉินหยุนกล่าวตอบ “ตำหนักจารึกเทวะไม่ใช่เล่นด้วยง่ายนัก พวกนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นในวันพรุ่งนี้แน่ เท่าที่ได้มานี้พวกเราควรพึงพอใจแล้ว!”


“พวกเราได้แค่ลงเดิมพันสิบล้าน หากพวกเราหนักมือกว่านี้อีกสักนิด ทั่วทั้งตำหนักจารึกเทวะคงไม่ต่างอะไรกับโดนรังแก อาจถึงขั้นหลบมุมไปนั่งร่ำร้องคร่ำครวญ! ช่างน่าเวทนานัก!” สื่อชิงเฉิงเย้ยหยัน


สุ่ยเทียนสื่อลูบไล้ที่หัวไหล่ของฉินหยุน กล่าวคำด้วยรอยยิ้มเผยกว้าง “พวกเราได้เท่านี้ก็ถือว่าควรพอใจแล้ว! อาฉ่วย พรุ่งนี้ยังคิดไปลองเล่นดูหรือไม่?”


“ลองไปดูลาดเลากันก่อน!” ฉินหยุนยิ้ม “ข้าจะส่งยันต์เสียงสื่อสารให้พวกท่านถึงวิธีการเล่นเมื่อถึงเวลา!”


ค่ำคืนนี้ หลายคนต่างพูดคุยกันถึงเรื่องคาดเดาหมายเลขไห


ณ ตอนนี้ หลายคนมั่นใจว่าลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิง ย่อมต้องมองเห็นในไหใบใหญ่เหล่านั้น กระทั่งหลอกผู้อื่นให้ลงเล่นเสียพนัน และยังคว้าเอาเงินมากมายจากตำหนักจารึกเทวะได้แต่พวกตน


เพราะไม่ได้กระทำการใดขัดต่อกฎ ตำหนักจารึกเทวะจึงไม่อาจกล่าวอะไรได้ อย่างไรแล้วพวกเขาก็เป็นคนตั้งกฎเกณฑ์การเล่นขึ้นมาเอง


แม้ตำหนักจารึกเทวะสูญเสียไปมาก พวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด


พวกเขาต้องกล้าเผชิญหน้า หากสูญเสียเล็กน้อยเท่านี้แล้วหยุดการเป็นเจ้ามือเล่นพนัน อย่างนั้นแล้วผู้อื่นคงหยามเหยียดพวกเขาไม่ขาดปาก


เป็นที่ทราบกันว่าในเมืองอื่น ราชันยุทธ์หลายคนถึงขั้นเสียกันหนักมากถึงหลายร้อยล้าน


“อาฉ่วย วันนี้เจ้าหลอกลวงผู้คนไปมากมายนัก! พวกนั้นต้องเกลียดเจ้าเข้ากระดูกดำแน่!” เสี่ยวเตียนซิงหัวเราะเบา


“ใครใช้ให้พวกมันเรียกหาข้าเป็นไอ้หน้าโง่? ยิ่งไปกว่านั้น พวกนั้นล้วนเป็นนักพนัน ก่อนหน้านี้เอาแต่ปรามาสต่อข้า ภายหลังเห็นข้าได้ซื้อจนชนะ ยังเรียกหาข้าเป็นไอ้โง่เช่นเดิม ย่อมต้องมีการสั่งสอนเสียบ้าง!”


ฉินหยุนกระดกน้ำผลไม้ในมือ ก่อนส่งแก้วเปล่าให้สุ่ยเทียนสื่อ จากนั้นจึงกล่าวต่อ “หากรอบแรกให้ตำหนักจารึกเทวะเสียมากถึงสองหรือสามพันล้าน รอบที่เหลือย่อมกลายเป็นชวนเคร่งเครียดแล้ว! พวกเราอาจพลาดปลาใหญ่ได้!”


สุ่ยเทียนสื่อหัวเราะเย้ายวน “อาฉ่วย ข้าไม่คิดว่าเจ้าชั่วร้ายได้เพียงนี้! กระทั่งตำหนักจารึกเทวะยังโดนเจ้าปั่นหัว! สงสัยนักว่าพรุ่งนี้ตำหนักจารึกเทวะจะรับมืออย่างไร!”


“อันที่จริงพวกเราควรพอใจแล้วเก็บตัวสักพัก!” ฉินหยุนดื่มน้ำผลไม้อีกแก้วหมดแล้วค่อยยิ้มกล่าว “ข้าขอตัวไปพักก่อนแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่!”


ขั้วอำนาจใหญ่ที่ต้องการเดินทางไปหลุมฝังเซียน ขณะนี้ทำข้อตกลงนัดพบกันที่เมืองวิญญาณขั้วเหนือ ทว่าสำนักส่วนใหญ่ที่มาขณะนี้ กลับมีเพียงแต่สำนักลึกล้ำ


ท่ามกลางกองกำลังระดับราชัน มีแต่หงหยิงที่มาถึงเป็นคนแรก


ชัดเจนว่ากองกำลังระดับราชันและตระกูลสายเลือด ตั้งใจลากถ่วงเวลา ปล่อยให้สำนักลึกล้ำต้องรอคอยพวกตนอยู่หลายวัน


อย่างไรแล้วพวกเขาก็เป็นขั้วอำนาจระดับราชัน เป็นไปไม่ได้ที่จะมาก่อนสำนักลึกล้ำให้เสื่อมเสียชื่อ


มีแต่ราชันยุทธ์หงหยิงที่มองว่าไม่เห็นเป็นไร


วันถัดมา ฉินหยุนตื่นแต่เช้าตรู่ เมื่อคืนเขาส่งข้อความให้แก่หงเมิ่งจู บอกต่อนางว่าวันนี้ให้ดูสถานการณ์ไปก่อน


เมื่อมาถึงห้องโถงหลัก เขาได้เห็นสุ่ยเทียนสื่อสวมใส่ชุดสีแดงหรูหรา เส้นผมมีการจัดแต่งอย่างงดงามพร้อมปรับเปลี่ยนเป็นสีแดง ชัดเจนว่านางคิดแต่งกายให้เย้ายวน


ทางด้านสื่อชิงเฉิง นางสวมใส่ชุดคลุมสีม่วงเรียบง่ายเหมือนเช่นวันอื่น


“นางมารสีม่วง ปลาใหญ่จากตระกูลสายเลือดมาถึงแล้ว ไม่คิดแต่งตัวสักหน่อยหรือ?” สุ่ยเทียนสื่อหัวเราะเสียงเบา


“เป็นข้าเกียจคร้านนัก และข้าก็ไม่คิดพึ่งพาปลาใหญ่นั่นของเจ้าเพื่อหาเหรียญม่วงด้วย!” สื่อชิงเฉิงมองทางสุ่ยเทียนสื่ออย่างเดียดฉันท์ “กล่าวตามตรง ลูกพี่ลูกน้องข้าช่วยให้เจ้าได้รับมากมายเพียงนี้ กระนั้นยังคิดตกปลาใหญ่เหล่านั้นอีก แทนที่จะหาทางตอบแทนเขาเสียหน่อยกลับไม่ทำ”


สุ่ยเทียนสื่อมองทางฉินหยุนพร้อมบุ้ยปาก “วันก่อนข้าบอกเขาว่ายินดีหลับนอนด้วย แต่เขากลับไม่ยินดี!”


“เหตุใดท่านต้องนอนกับข้ายามค่ำคืน?” ฉินหยุนเผยสีหน้าเบื่อหน่าย “หากข้าหลับนอนกับท่าน บางทีผู้ที่เสียเปรียบอาจเป็นข้าเสียเอง!”


สุ่ยเทียนสื่อเผยน้ำเสียงเย้ายวนอย่างไม่ยี่หระ “เจ้าหาได้ขาดแคลนเหรียญม่วง ตัวข้าก็ไม่ อย่างนั้นแล้วต้องการอะไร?”


“ข้ายังคิดไม่ออก ไว้นึกออกแล้วข้าจะบอกแล้วกัน!” ฉินหยุนเผยรอยยิ้ม “ไปตำหนักจารึกเทวะ!”


ฝีเท้าฉินหยุนรวดเร็ว ก้าวเดินออกจากโรงเตี๊ยม มุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักจารึกเทวะ


ระหว่างเส้นทาง มีหลายคนจดจำเขาได้ แม้เขาสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์ที่มีรูปลักษณ์ทั่วไป กระนั้นด้วยท่าทีเรียบง่ายและดูใสซื่อแกมโง่เง่า กลับทำให้หลายคนจดจำได้


ขณะนี้ ที่ลานกว้างหน้าตำหนักจารึกเทวะ ยังคงมีไหใหญ่นับร้อยเรียงรายกันอยู่


ชายไว้หนวดเคราจากตำหนักจารึกเทวะ เผยเสียงหัวเราะดังยามได้เห็นฉินหยุนมาถึง “เจ้าเด็กหน้าโง่! กฎเกณฑ์การเล่นขณะนี้มีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้ว! เป็นจ่ายเงินซื้อหมายเลขก่อน จากนั้นค่อยใส่หุ่นเชิดนกลงในไห!”

 

 

 


ตอนที่ 440 ปรับเปลี่ยนกฎ

 

เมื่อคืน ฉินหยุนคาดเดาไว้แล้ว ว่าตำหนักจารึกเทวะจะต้องทำการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การเล่นอย่างแน่นอน


เช่นนี้ เนตรวิญญาณสมบูรณ์ของเขาจะไม่สามารถใช้งานได้อีก


เหตุผลว่าทำไมเขาสามารถชนะได้อย่างง่ายก่อนหน้านี้ ก็เพราะได้เห็นด้านในของไหใหญ่ ว่าใบใดมีหุ่นเชิดนกก่อนวางเดิมพัน


แต่ตอนนี้ พวกเขาต้องวางเดิมพันก่อน จึงค่อยมีการเปิดใช้งานค่ายอาคมเพื่อส่งตัวหุ่นเชิดนกสุ่มไป


หากเขายังสามารถชนะภายใต้กฎเกณฑ์เช่นนี้ อย่างนั้นแล้วก็คงเรียกได้ว่าเป็นพลังของนักทำนาย ตำหนักจารึกเทวะคงได้แต่ยอมแพ้


ชายไว้หนวดเคราขณะนี้รู้สึกว่ากฎเกณฑ์เช่นนี้ถือว่าดี ต่อให้มีคนมองเห็นด้านใน มันก็เปล่าประโยชน์


ขณะนี้ ผู้ซื้อได้แต่ต้องพึ่งพาโชคแล้ว


เขายิ้มกล่าว “เพราะมิตรสหายบางท่านกล่าวว่าพวกเราจำกัดการซื้อเอาไว้ที่สิบล้าน ดังนั้นวันนี้พวกเราจึงปรับเปลี่ยนกันใหม่ ให้จำกัดการซื้อที่ห้าสิบล้าน!”


หากเป็นเมื่อวาน ตำหนักจารึกเทวะย่อมต้องสูญเสียหนัก!


ฉื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้รู้สึกว่าหากเล่นย่อมต้องพ่ายแพ้เหมือนอย่างวันอื่นแน่นอน


ชั่วขณะนี้ ผู้คนเริ่มมั่นใจ ว่าฉินหยุนสามารถมองเห็นด้านในไห เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงได้รับเหรียญม่วงไปมหาศาลก่อนหน้านี้


ด้วยเรื่องราวแปรเปลี่ยน ฉินหยุนไม่มีทางชนะได้ง่ายดายอีก


วันนี้บุตรหลานของกองกำลังระดับราชันและตระกูลสายเลือดล้วนมาถึง พวกเขาต่างโดยสารพาหนะหรูหราเดินทางเข้ามาผ่านเส้นทางหลัก


“ปลาใหญ่โผล่หน้ามาแล้ว!” สุ่ยเทียนสื่อกล่าวเสียงเบา สายตาขณะนี้จับจ้องที่รถลากหรูหราเหล่านั้นบนท้องถนน


ลูกหลานตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ย่อมต้องมาอย่างยิ่งใหญ่


ขบวนรถลากมีหลากหลายขนาด ตั้งแต่เล็กจนใหญ่โต


เพียงไม่นาน ผู้เยาว์หลายคนสวมใส่ชุดหรูหรา ทั้งชายหนุ่มหล่อเหลา หญิงสาวงดงาม ล้วนออกมาจากรถลากเหล่านั้น


นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนได้พบหญิงสาวจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง


ศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้คล้ายอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ช่วงวัยน่าจะรุ่นเดียวกับสื่อชิงเฉิง


ทางด้านชายหนุ่ม พอได้เห็นสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อแต่ไกล พวกเขาเร่งรีบเดินเข้ามา


ฉินหยุนพบว่าเรื่องนี้แปลก ศิษย์ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงถึงขั้นสนใจหญิงสาวธรรมดา ย้อนกลับไปตอนนั้น พวกเขากระทั่งมองเหยียดต่อคนธรรมดาด้วยซ้ำ


เขาไม่อาจเข้าใจ ว่าสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อมีอันใดดีให้ดึงดูด


กระนั้น ก็กล่าวได้ว่าปีศาจสาวสองนางนี้ เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่ศิษย์ตระกูลชนชั้นสูงอย่างล้นพ้น


ฉินหยุนพิจารณามองให้ดี พบว่าแม้หญิงสาวจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงดูงดงาม กระนั้นก็ยังด้อยกว่าสุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิงอยู่หลายช่วงความงดงาม


รอยยิ้มพราวเสน่ห์ของสุ่ยเทียนสื่อทำงานครั้งแล้วครั้งเล่า ทักทายบรรดานายน้อยเหล่านี้ไม่ขาด


สื่อชิงเฉิงเพียงแต่ตอบรับด้วยถ้อยคำเย็นชา กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้นายน้อยเหล่านี้ต้องเผยความรังเกียจต่อนาง กลับกัน เป็นพวกเขาบอกว่านางเป็นเช่นนี้เสมอมาไม่เคยเปลี่ยน!


ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าสื่อชิงเฉิงแท้จริงเป็นโฉมงามภูเขาน้ำแข็งเมื่อกาลก่อน นางไม่คล้ายพูดมากดังเช่นพี่สาวซาลาเปานึ่งที่เขาคุ้นเคย


“ชิงเฉิง ลูกพี่ลูกน้องเจ้าหรือ? ข้าได้ยินว่ามีความสามารถพอตัว กระทั่งมองผ่านไหที่ขัดเกลาโดยอาจารย์จารึกเต๋าได้!” ชายหนุ่มสวมใส่ชุดสีน้ำเงินหรูหราก้าวเดินเข้ามา ยิ้มทักทายแก่ฉินหยุน


สื่อชิงเฉิงออกหน้าปกป้องฉินหยุน นางพอได้เห็นว่านายน้อยตระกูลสายเลือดคนหนึ่งเข้าใกล้ จึงเร่งรีบไปยืนตรงหน้าฉินหยุนกล่าวคำ “เขาก็แค่เล่นไปเรื่อย! เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะเห็นในไหใหญ่พวกนั้น!”


“ชิงเฉิง อย่าได้หลอกพวกเราแล้ว หากเขาเพียงเล่นไปเรื่อย อย่างนั้นแล้วจะหลอกผู้คนหลายต่อหลายครั้งได้อย่างไร?” ชายอีกคนหนึ่งหัวเราะดัง


ชายไว้หนวดเคราขณะนี้หัวเราะดังขึ้น “ทุกท่านจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเดินทางมาไกลนัก คิดอยากรับชมเรื่องสนุกหรือไม่? ในช่วงสองวันมานี้ สุภาพสตรีเหล่านี้ล้วนลงเล่นพนันได้เงินกันไปไม่น้อย!”


ในสายตาของตำหนักจารึกเทวะ นายน้อยเหล่านี้ถือเป็นปลาตัวใหญ่ให้พร้อมตก


“เล่นก็เล่น เสี่ยงโชคหน่อยนับเป็นอะไรไป!” ชายชุดน้ำเงินหัวเราะดัง “ข้าซื้อหมายเลขเก้า สิบห้า สี่สิบสาม ห้าสิบ เจ็ดสิบห้า เลขละสองล้านเหรียญม่วงก็แล้วกัน!”


ไม่นานนัก ผู้ฝึกตนสายเลือดอีกห้าคน ร่วมวงเข้าซื้อถึงห้าหมายเลขเช่นเดียวกัน


ซื้อกันหมายเลขละสองล้าน ตราบเท่าที่ชนะ ก็จะได้รับเงินยี่สิบล้าน หักลบอย่างไรแล้วก็ยังเป็นกำไรถึงสิบล้าน


นอกจากผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ยังคงมีศิษย์รุ่นเยาว์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจากตระกูลสายเลือด ทั้งหญิงและชายล้วนเข้าร่วมเล่นสนุกด้วย


ทุกคนขณะนี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจชื่นชม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงนับว่าร่ำรวบ สำหรับพวกเขา เหรียญม่วงเปรียบดั่งน้ำเปล่า พวกเขาสามารถหว่านโปรยลงพื้นได้โดยไม่สนอะไรด้วยซ้ำ


“ไอ้หน้าโง่นั่นวันนี้ไม่ซื้อหรือ?” ฉับพลันนี้เอง คนหนึ่งตะโกนถามถึงฉินหยุน “ในเมื่อกฎเปลี่ยนแปลงแล้ว คงไม่มั่นใจว่าจะชนะแล้วงั้นสิ?”


“สมควรเป็นเช่นนั้น! ไอ้เจ้านี่ เมื่อวานมันหลอกพวกเราแทบตาย!”


“แม้มันไม่อาจชนะได้อีก แต่ที่ได้ไปวันก่อนก็มากพอแล้ว!”


ฉินหยุนได้รับไปเกือบสองร้อยล้านเหรียญม่วง นับว่าเป็นเงินมหาศาลจริง


สื่อชิงเฉิงดึงฉินหยุนหลบฉาก ออกมาพูดคุยให้ห่างจากกลุ่มศิษย์ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง


“น้องชาย คนพวกนั้นหาได้ดีนัก! มาดูกันว่าวิญญาณร้ายวารีผู้นั้นจะสามารถตกเหยื่ออะไรมาได้บ้าง!” สื่อชิงเฉิงกล่าว


“เหตุใดพวกคนของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเหล่านั้นสนใจท่านสองคนนัก?” ฉินหยุนยังคงสงสัย “ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงของพวกเขา ก็สมควรมีหญิงงามเหนือล้ำบ้างไม่ใช่หรือ?”


สื่อชิงเฉิงแค่นเสียงเบา “เจ้าไม่ทราบว่าตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ฝึกฝนเคล็ดวิชาเต๋าอสูรทั้งสองทาง! หากพวกมันได้ตัวพวกเรา จะนำพวกเราทำเป็นเตาหลอมการฝึกฝน ดูดกลืนพลังงานพวกเราจนแห้งตาย!”


“พวกเราไม่ต่างอะไรกับสิ่งของ หากพวกมันได้ตัวพวกเราเมื่อใด ไม่เพียงแต่จะได้ของเล่นชั้นเลิศ ยังจะกลายเป็นทำให้การฝึกฝนพวกมันรุดก้าวหน้ารวดเร็ว!”


ฉินหยุนมองทางสื่อชิงเฉิงด้วยอาการประหลาดใจไม่น้อย “ดูเหมือนพวกนี้รับมือไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วสิ!”


สื่อชิงเฉิงตอบกลับ “เป็นเช่นนั้น! ทว่าพวกนี้ยังเยาว์นัก ย้อนกลับไป วิญญาณร้ายวารีและข้า ได้หยอกล้อพวกมันร่วมกัน จนกระทั่งถึงตอนนี้… เวลาผ่านพ้นหลายปี พวกนั้นกลายเป็นตาเฒ่าชำนาญโลก ไม่ง่ายรับมือดังก่อน”


ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ชายไว้หนวดเคราขณะนี้นำหุ่นเชิดนกใส่ในไหใหญ่ เริ่มการทำงานของค่ายอาคม


ฉินหยุนขณะนี้เร่งรีบรวมสมาธิ ใช้งานเนตรวิญญาณสมบูรณ์มองด้านในไหทั้งหนึ่งร้อย


ขณะที่ค่ายอาคมใหญ่ทำงาน เขายังสามารถใช้เนตรวิญญาณสมบูรณ์มองเห็นการเคลื่อนไหวของนกเหล่านั้น


“พลังจิตของเขาตอนนี้ทะลวงไหเหล่านั้นได้ ย่อมสามารถควบคุมนกพวกนั้น!” ฉินหยุนถอนหายใจกับตนเอง ขณะนี้ใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม


เขาคิดอยู่พักหนึ่ง จึงได้เชื่อมั่นว่าเคล็ดวิชาเทวะควบคุมและพลังจิตที่เขามี สามารถทะลวงการป้องกันแกร่งกล้าของไหเข้าไปได้!


ฉินหยุนคิดลอง!


เพียงวูบหนึ่ง เขากลายเป็นเผยความยินดีออกมา


นี่ก็เพราะพลังจิตของเขา สามารถทะลวงไหใหญ่เหล่านั้นได้อย่างแท้จริง! ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเป็นไปอย่างเงียบงัน หาได้ส่งผลกระทบใดต่อค่ายอาคมไม่


ผ่านทางเนตรวิญญาณ เขาได้เห็นไหใบใหญ่ที่มีหุ่นเชิดนกอยู่ โดยทันที เขาตั้งจิตเล็งเป้าที่มัน ใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม บังคับการเคลื่อนไหวของหุ่นเชิดนก


เพียงอึดใจ ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายหยุดทำงาน หุ่นเชิดนกหยุดลงที่ไหใบหนึ่ง


ฉินหยุนควบคุมหุ่นเชิดนกไม่สำเร็จ สาเหตุหลักก็เพราะยังไม่คุ้นชินกับเส้นทางการเคลื่อนย้าย


แต่อย่างน้อย ที่ทำเขายินดีก็คือสามารถควบคุมนกเหล่านั้นให้เคลื่อนไหวได้


“หมายเลขสิบห้า!”


ชายไว้หนวดเคราเปิดฝาออก ตะโกนลั่นเมื่อได้เห็นหุ่นเชิดนกบินออกจากไหหมายเลขสิบห้า


“ดวงดีตั้งแต่รอบแรกเลย!” ชายผู้ฝึกตนสายเลือดในชุดน้ำเงิน หัวเราะยินดีจากใจขณะรับเอายี่สิบล้านเหรียญม่วงเก็บกลับไป


ผู้ฝึกตนสายเลือดคนอื่น ต่างเข้ามาร่วมแสดงความยินดี


สุ่ยเทียนสื่อคล้ายไม่อาจได้รับอันใดจากผู้ฝึกตนสายเลือดเหล่านี้ จึงเดินกลับมาหาสื่อชิงเฉิงอย่างผิดหวังไม่น้อย


“พวกคนเหล่านี้หาได้อ่อนด้อยประสบการณ์ดังเช่นกาลก่อนไม่! ข้าทราบว่าพวกนี้ไม่ได้มีดีอะไรนัก ดังนั้นจึงคร้านจะตอแยมากกว่านี้”


ฉินหยุนกล่าวกระซิบ “พวกท่านเคยทำกับคนเหล่านี้เอาไว้มาก! ความเกลียดชังภายในใจย่อมถูกส่งต่อกันมา ตราบเท่าที่มีโอกาส พวกนั้นย่อมต้องตะครุบเหยื่ออย่างพวกท่านเอาไว้อย่างโหดเหี้ยมเป็นแน่!”


รอบที่สองเริ่มขึ้น ผู้ฝึกตนสายเลือดยังคงร่วมเล่นต่อ


นอกจากนี้ พวกเขายังทำเช่นเดิม ซื้อหาถึงห้าหมายเลข ทว่าครั้งนี้ด้วยเงินมากถึงหมายเลขละห้าล้านเหรียญม่วง


ฉินหยุนก้าวเดินออกไป “ข้าซื้อหมายเลขแปดสิบ สิบล้านเหรียญม่วง!”


สื่อชิงเฉิงและผู้อื่นไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะเข้าร่วมอย่างกะทันหันเพียงนี้ นอกจากนี้ยังดูมั่นใจมากอีกด้วย


หงเมิ่งจูและราชันยุทธ์หงหยิง ผู้ซึ่งวันนี้มาดูลาดเลาอยู่ไกลออกไป พบว่าเรื่องนี้ประหลาดไม่น้อยแล้ว


“เมิ่งจู คิดตามหรือไม่?” ราชันยุทธ์หงหยิงเอ่ยถาม


“สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อไม่ได้ซื้อตาม ดังนั้นข้าขอรอดูก่อน!” หงเมิ่งจูกล่าวตอบ


ฉินหยุนซื้อหมายเลขแปดสิบอีกครั้งหนึ่ง


ผู้คนต่างคิดว่าเป็นเรื่องแปลก ดังนั้นจึงไม่คิดซื้อตาม หลังจากกฎแปรเปลี่ยน มันจะไม่มีทางเกิดเรื่องเดิมซ้ำขึ้นอย่างแน่นอน


กระทั่งว่ามองเห็นด้านในได้ ก็นับว่าเปล่าประโยชน์!


“ไม่อยากจะเชื่อ ว่าลูกพี่ลูกน้องของชิงเฉิงจะหาญกล้าได้ขนาดนี้!” ผู้ฝึกตระกูลสายเลือดคนหนึ่งยิ้มกว้าง


ฉินหยุนเมินเฉย รับตั๋วหยกมา จากนั้นจึงเดินไปยังบริเวณไหใบใหญ่เหล่านั้น


นี่ทำเอาผู้ฝึกตนสายเลือดกลายเป็นมีโทสะ ฉินหยุนอยู่เพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า กระนั้นกลับหาญกล้าเมินเฉยพวกเขา


สื่อชิงเฉิงที่อยู่ข้างกายฉินหยุนตลอดกล่าวคำขึ้น “น้องชายข้าเป็นเช่นนั้น เขาไม่ค่อยพูดกับคนแปลกหน้า โปรดให้อภัยเขาด้วย!”


“ข้าย่อมไม่ลดตัวไปมีเรื่อง!” ผู้ฝึกตนสายเลือดแค่นเสียง


หลังจากรอบที่สองปิดวางเงินเดิมพัน ขณะนี้ค่ายอาคมทำงานอีกครั้ง!


ก็เหมือนดังเช่นเมื่อสักพัก ฉินหยุนควบคุมนกในไหผิดพลาด เพราะเขาไม่คุ้นชินเส้นทางการเคลื่อนย้ายภายในไหทั้งหนึ่งร้อยใบ


กระนั้นครั้งนี้ ก็ทำให้เขาได้คุ้นชินเส้นทางการเคลื่อนย้ายมากขึ้น แต่ก็ยังยากเกินไปที่จะควบคุมหุ่นเชิดนกได้อย่างแม่นยำ


ฉินหยุนไม่ได้คาดหวังให้สำเร็จ เพียงต้องการสร้างความคุ้นชินเป็นการอุ่นเครื่องก่อน


เขามักจะแพ้หลายครั้งก่อนค่อยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในภายหลัง วิธีการเช่นนี้ ผู้คนล้วนเคยเห็นกันมาแล้ว


เพียงไม่นาน ค่ายอาคมหยุดลง หุ่นเชิดนกบินออกจากไหหมายเลขห้าสิบเอ็ด


ครั้งนี้ มีคนที่ซื้อเลขนี้ ทว่าก็เพียงน้อยนิด คนละเพียงแค่สองถึงสามแสนเหรียญม่วง ดังนั้นจึงชนะไปไม่มาก


รอบที่สอง ตำหนักจารึกเทวะได้รับไปมากกว่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง!


ถัดจากนั้น ฉินหยุนเข้าร่วมต่อเนื่องในรอบที่สามและสี่ ทำการซื้อครั้งละสิบล้านเหรียญม่วง


โดยรวมแล้ว เขาสูญไปทั้งสิ้นสามสิบล้าน ทางด้านผู้ฝึกตนสายเลือด พวกเขาเสียกันไปราวห้าสิบถึงหกสิบล้านกันแล้ว


เป็นไปได้ว่าผู้ฝึกตนสายเลือดอาจหมดเงินในมือ ดังนั้นในรอบที่ห้าพวกเขาจึงไม่เข้าร่วม


ขณะนี้พวกเขาค่อยพบ ว่าไหใหญ่เหล่านี้ค่อนข้างชวนปวดใจไม่น้อย


ในรอบที่ห้า จำนวนคนที่เข้าร่วมวางเงินเดิมพันเหลือน้อยลงนัก


ที่ทำผู้คนประหลาดใจ คือลูกพี่ลูกน้องโง่เง่าของสื่อชิงเฉิง ขณะนี้ยังคงคิดวางเงินเดิมพันต่อ


“ข้าซื้อหมายเลขแปดสิบ และแปดสิบแปด หมายเลขละห้าสิบล้าน!” ฉินหยุนประกาศกร้าว


เรื่องนี้ทำเอาหลายคนฮือฮากันดังลั่น จำนวนเงินเท่านี้นับว่ามหาศาลนัก! หนึ่งร้อยล้าน มีแต่ราชันยุทธ์จึงกล้าใช้จ่ายโดยง่ายเช่นนี้แล้ว!


กระทั่งศิษย์ตระกูลสายเลือดยังต้องสะท้าน!


ได้เห็นโอกาสมาถึง หงเมิ่งจูเร่งรีบเดินเข้าไปประกาศตัว “ข้าคิดซื้อหมายเลขแปดสิบ และหมายเลขแปดสิบแปด หมายเลขละห้าสิบล้าน!”


“ท่านหญิงน้อย ข้าไม่ได้ฝันแม่นยำนัก หลายครั้งก่อนหน้านี้สูญเสีย ดังนั้นครั้งนี้อาจสูญเสียเช่นกัน!” ฉินหยุนกล่าวคำ


ในความเป็นจริง เขายังไม่มั่นใจนัก ไม่เช่นนั้นคงส่งสัญญาณให้สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อซื้อหาตามด้วยแล้ว


แน่นอนว่าหลังทดสอบไปหลายรอบ เขาค่อยควบคุมหุ่นเชิดนกได้แม่นยำขึ้น แต่กระนั้นก็มีโอกาสเพียงครึ่งหนึ่งที่จะควบคุมมันได้สำเร็จดังที่หวัง!

 

 

 


ตอนที่ 441 ตระกูลสายเลือดมังกร

 

ชั่วขณะนี้เอง คนจากตำหนักจารึกเทวะกลายเป็นเกิดความสงสัย เพราะพวกเขามั่นใจแน่ชัดแล้วว่าจะไม่มีผู้ใดทราบผลการแข่งขันล่วงหน้า


แต่แล้วเด็กน้อยหน้าโง่ผู้นี้ ยังกล้าเล่นเป็นเงินก้อนใหญ่!


ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ต่างร่วมวางเงินด้วยกันมากถึงหนึ่งร้อยล้าน!


ฉินหยุนพอได้เห็นพวกนางทั้งสามซื้อหาร่วมกันด้วย เขากลายเป็นรู้สึกกดดันขึ้นมา หากทำพลาด เท่ากับทำพวกเขาสูญเสียกันหมดหน้าตัก


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ เมื่อวานได้รับมาเกือบสองร้อยล้าน หากสูญเสียกันที่ตรงนี้ ก็ยังนับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด


ผู้ฝึกตนสายเลือดขณะนี้ กลายเป็นเกิดความรู้สึกไม่ยินดีขึ้นอยู่ภายใน!


เพราะพวกเขา ลูกหลานของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง แท้จริงแล้วกลับไม่อาจเล่นได้มากเท่าหญิงสาวเหล่านี้ กระทั่งเด็กน้อยหน้าโง่ผู้นั้นก็ไม่!


นี่ถือเป็นการหยามเหยียดต่อพวกเขาประการหนึ่ง


แน่นอนว่าพวกเขาคิดอยากเล่นต่อ ทว่าไม่มีเหรียญม่วงในมือมากมายเพียงนั้น ขณะนี้เหลือเพียงเล็กน้อย ดังนั้นต้องเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น


เดิมพวกเขาคิด ว่าการชนะสักหลายรอบติดกันไม่น่าใช่เรื่องยาก


แต่นี่คือการพนัน ยามเมื่อคิดว่าตนจะต้องได้กลับคืน ย่อมเล่นจนเลยเถิดเกินตัว


ฉินหยุนและคณะพอซื้อกันเรียบร้อย จึงรอคอยอย่างอดทน ต้องใช้เวลารอกว่าหนึ่งชั่วยามจึงค่อยประกาศผลลัพธ์กันออกมา


หลายคนขณะนี้ก็รอคอย แม้ฉินหยุนซื้อด้วยเงินมหาศาล กลับไม่มีผู้ใดกล้าซื้อตาม


ผ่านพ้นหนึ่งชั่วยาม หญิงสาวงดงามในชุดขาวปรากฏตัว ใบหน้าของนางขณะนี้มาพร้อมความเย็นเยือกเผยให้เห็น


พวกเขาพอได้เห็นหญิงสาว ฉินหยุนและหงเมิ่งจูเผยความประหลาดใจพร้อมกัน หญิงสาวผู้นี้คือเชี่ยวเย่ว์เหม่ย! แต่ครั้งนี้ไม่มีผมหางม้าคู่ดังเคย แต่กลับเป็นโฉมงามที่สง่างามและเย็นเยือก


“ข้าก็คิดซื้อหมายเลขแปดสิบและแปดสิบแปด หมายเลขละห้าสิบล้านเหรียญม่วง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ย เผยน้ำเสียงเย็นเยือกจับใจผู้คนจากแต่ไก


นางพอมาถึง ได้ยินหลายเรื่องราว จึงนำเอากระจกออกมาส่อง ได้เห็นบุคคลครอบครองสามวิญญาณยุทธ์ จึงมั่นใจแน่ชัดว่าเป็นฉินหยุน


ด้วยเหตุนี้ นางจึงมั่นใจว่าลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงก็คือฉินหยุน!


ในเมื่อเป็นฉินหยุน นางค่อยกล้าเล่นตาม


หญิงสาวที่ไม่รู้พื้นเพ ขณะนี้กล้าลงเล่นมากถึงหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง ทำเอาผู้ฝึกตนตระกูลสายเลือดรู้สึกแทบกระอักเลือดกันอีกครั้ง!


พวกเขาไม่คาดคิด ว่าหญิงสาวของแดนยุทธ์อ้างว้างจะร่ำรวยกันมากมายเพียงนี้


“ข้าเซียงสื่อเฉวียนจากตระกูลสายเลือดหมีคะนอง! ขอสอบถามนามของแม่นางได้หรือไม่? แม่นางผู้นี้ยอดเยี่ยมนัก ย่อมมาจากตระกูลชนชั้นสูงเหมือนกันใช่หรือไม่?” ผู้ฝึกตนสายเลือดชุดสีน้ำเงิน ขณะนี้ก้าวเดินออกมา ยิ้มและสอบถามต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย


“ข้าหลงเย่ว์เหม่ยจากตระกูลสายเลือดมังกรของแดนยุทธ์อ้างว้างภูมิภาคเหนือ!” น้ำเสียงของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเย็นเยือก สีหน้ายังคงหยิ่งผยอง


เรื่องนี้ทำเอาผู้ฝึกตนสายเลือดหลายคนสะท้าน หากไม่ใช่ความจริงที่ว่าราชันยุทธ์หงหยิงเคยพบเจอเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมาก่อ่น เขาคงโดนหลอกลวงร่วมไปด้วยแล้ว


ฉินหยุนได้ทราบ ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกำลังคิดหลอกลวงผู้คนอีกครั้งหนึ่งแล้ว!


“นี่… เป็นเรื่องจริงหรือ? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินตระกูลสายเลือดมังกรมาก่อน!” เซี่ยงสื่อเฉวียนเผยอาการแตกตื่นต่อคำกล่าวของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย


“เชื่อหรือไม่ล้วนเป็นเรื่องของเจ้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาขณะนี้มองที่เซี่ยงสื่อเฉวียนด้วยความดูแคลน


เซี่ยงสื่อเฉวียนเป็นผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ นอกจากนี้ยังนับว่าเป็นผู้เยาว์ที่ยอดเยี่ยมในตระกูล กระนั้นตอนนี้ เขากลับโดนมองเหยียดต่อหน้าผู้คน เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน


สุ่ยเทียนสื่อเผยเสียงเบา “สายเลือดมังกร ไม่เคยมีการสืบทอดมาก่อน…”


ผู้ฝึกตนสายเลือดอื่นในขณะนี้ ล้วนพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ไม่หยุด


ชั่วขณะนี้เอง ออร่าแกร่งกล้าพลันปรากฏ


ผู้นี้คือราชันยุทธ์ เป็นราชันยุทธ์ตระกูลสายเลือด!


ผู้คนขณะนี้ได้เห็นชายร่างสูงกำยำ ข้อมือเพียงดั่งพยัคฆ์ผสานกับหมี เขาสวมใส่ชุดศึกแกร่งกล้า ขณะนี้กำลังเคลื่อนคล้อยลงมาด้านข้างเซี่ยงสื่อเฉวียน


“ท่านพ่อ!” เซี่ยงสื่อเฉวียนตะโกนดัง “ท่านเคยได้ยินตระกูลสายเลือดมังกรมาก่อนหรือไม่?”


ราชันยุทธ์สายเลือดผู้นี้ แท้จริงคือบิดาของเซี่ยงสื่อเฉวียน จากที่เห็น ชัดเจนว่าเซี่ยงสื่อเฉวียนมีตัวตนสูงส่งในตระกูลสายเลือดหมีคะนอง


“สายเลือดมังกรหรือ?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว


เซี่ยงสื่อเฉวียนมองทางเชี่ยวเย่ว์เหม่ย น้ำเสียงเบากล่าวออก “หญิงสาวผู้นี้ นางกล่าวว่ามาจากตระกูลสายเลือดมังกร!”


เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเย็นชา “กบในกะลาโดยแท้! ไม่ทราบหรือว่าแดนวิญญาณอ้างว้าง มีตระกูลสายเลือดมังกรอยู่จำนวนหนึ่ง? สาเหตุที่สามแดนอ้างว้างไม่มีสายเลือดสัตว์แกร่งกล้าสืบทอด ก็เพราะพลังวิญญาณของสามแดนอ้างว้างอ่อนด้อย ดังนั้นแล้วสัตว์โบราณจึงพบพานได้ยากยิ่ง!”


“มังกรถือเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาในแดนวิญญาณอ้างว้าง! มังกรที่เทือกเขาเมฆมังกรตัวนั้นก็มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง ตระกูลหลงของพวกเราได้รับคำสั่งให้มากำราบเจ้ามังกรนั่น!”


ฉินหยุนคล้ายไม่รู้จักเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอย่างกะทันหัน เขาถึงกับเกือบเชื่อต่อคำกล่าวอ้างของนาง แม้จะทราบดีว่านางกำลังลวงหลอกอยู่ก็ตาม


“เป็นข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสของท่านหญิงน้อยอยู่ในเมืองวิญญาณขั้วเหนือหรือไม่?” คนของตระกูลเซี่ยงขณะนี้เร่งร้อนเอ่ยถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง


“ผู้อาวุโสของข้าย่อมออกไปเทือกเขาเมฆมังกรแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอบคำ “ได้ยินมาจากผู้อาวุโส ว่าหลุมฝังเซียนในแดนอ้างว้างดึงดูดมังกรมา เพราะมันมีสมบัติวิเศษเก็บเอาไว้!”


นางหยุดไปครู่ค่อยกล่าวต่อ “ในเทือกเขาเมฆมังกร มีราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพจำนวนไม่น้อย นั่นถือเป็นตัวขวางกั้นไม่ให้มังกรนั่นเข้าไปฉกชิงของในสุสานออกมาได้!”


ฉินหยุนตระหนก เขาเพิ่งเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ เป็นเขาขณะนี้สามารถอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาได้!


เดิมเขายังสุขกายสบายใจ ขณะนี้ได้ยินคำกล่าวของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เขาจึงทราบว่าราชสีห์สีดำตัวนั้นแท้จริงคืออะไร


ราชสีห์สีดำที่ทะยานตัวออกจากหลุมฝังศพที่เจี้ยนเสวียนสื่อและคณะเปิดออกก่อนหน้านี้ มันก็คือราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ


“เหมือนว่าพวกเราต้องรีบเข้าเทือกเขาเมฆมังกรโดยเร็วที่สุดแล้ว!” ใบหน้าของราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยง ขณะนี้เผยความเคร่งเครียด นำเอาตั๋วหยกเสียงสื่อสารออกมา พูดคุยกับราชันยุทธ์ผู้อื่น


เซี่ยงสื่อเฉวียนเอ่ยถามเสียงเบา “ท่านพ่อ หมายความว่าตระกูลสายเลือดมังกรมีตัวตน? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยิน”


ราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยงตอบกลับ “เป็นจริงที่มีตระกูลนั้นในแดนวิญญาณอ้างว้าง! พวกเราไม่คาดคิด ว่าแท้จริงตระกูลสายเลือดมังกรยังคงอยู่ในแดนยุทธ์อ้างว้าง เป็นข้าไม่ทราบว่าพวกเขาจะมาที่นี่ด้วย!”


เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเสียงเย็น “ตำหนักจารึกเทวะเองก็อยู่ที่แดนวิญญาณอ้างว้างอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพวกเขามาตั้งรกรากที่แดนยุทธ์อ้างว้างเพื่อก่อร่างพัฒนามันขึ้น พวกเขาจึงยิ่งมายิ่งเรืองอำนาจ!”


“ตระกูลหลงของพวกเราเพียงสนใจเทือกเขาเมฆมังกร ดังนั้นจึงส่งคนจำนวนหนึ่งมายังแดนยุทธ์อ้างว้างเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน!”


ฉินหยุนขณะนี้ คิดอยากเข้าไปถามเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ว่าเหตุใดนางทราบเรื่องราวมากมายที่เล่าออกมา


ราชันยุทธ์ย่อมไม่ใช่หลอกลวงได้ง่าย เมื่อครู่ ราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยงตรวจสอบออร่าของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอย่างจริงจัง พบว่ามีออร่าวิญญาณยุทธ์มังกร ดังนั้นเขาจึงเชื่อนาง


วิญญาณยุทธ์กระจกของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย สามารถคัดลอกวิญญาณยุทธ์ได้มากมายมหาศาล ด้วยพี่สาวนางอย่างเชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองวิญญาณยุทธ์มังกรระดับทองม่วง ดังนั้นนางย่อมสามารถวิญญาณยุทธ์มังกร เป็นการหลอกลวงหลายผู้คนได้อย่างสนิทใจ


“ท่านหญิงน้อย ข้าขอทราบระดับวิญญาณยุทธ์มังกรได้หรือไม่? เหมือนว่าจะแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย!” ราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยงขณะนี้ตัดสินใจเอ่ยถาม


คำถามของเขา ทำเอาหลายพันคนที่นี้ตื่นตะลึง!


บรรดาลูกหลานตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงล้วนหันควับมองทางเชี่ยวเย่ว์เหม่ย! วิญญาณยุทธ์มังกร ถือเป็นวิญญาณยุทธ์สัตว์แห่งสวรรค์ มันถือเป็นหนึ่งในวิญญาณยุทธ์ที่แกร่งกล้าที่สุด!


“ไม่ขอตอบ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยความเย็นชา


วิญญาณยุทธ์มังกรบริสุทธิ์หาได้ยากยิ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นมังกรสองคุณลักษณะ อย่างเช่นของลู่อู๋ตี้เป็นวิญญาณยุทธ์มังกรพสุธา มันคล้ายจะเป็นมังกรดินระดับต่ำมากกว่า


ชายไว้หนวดเคราขณะนี้กล่าวขึ้น “ผลการเดิมพันกำลังจะประกาศแล้ว! แม่นางหลง เมื่อครู่ท่านต้องการวางเดิมพันหนึ่งร้อยล้าน หากพ่ายแพ้ อย่าได้เกลียดชังตำหนักจารึกเทวะของเราแล้ว!”


“หนึ่งร้อยล้านนับเป็นอะไร? หากแพ้ก็แพ้ไป แค่นี้ข้าย่อมไม่นับเป็นอะไร!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยสายตาเย็นเยียบจับจ้องและกล่าวตอบ “เป็นข้าต้องเกรงว่าตำหนักจารึกเทวะจะจ่ายไม่ไหวเสียมากกว่า!”


“เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร? ในเมื่อท่านมาจากตระกูลสายเลือดมังกร ย่อมต้องทราบพื้นเพของตำหนักจารึกเทวะเราดีแล้ว!” ชายวัยกลางคนหัวเราะรับคำ พร้อมเปิดการทำงานของค่ายอาคมใหญ่


ฉินหยุนขณะนี้ตั้งใจ ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดกับค่ายอาคมใหญ่


ชั่วขณะนี้ หลายคนต่างเป็นเช่นเดียวกับเขา บางคนกระทั่งจ้องมองไหเหล่านั้นจนมันแตกได้หากสามารถกระทำ


เหมือนดังก่อนหน้า ฉินหยุนใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง ทำให้พลังจิตทะลวงผ่านไหใหญ่ ควบคุมหุ่นเชิดนกให้บินไปตามทิศทางการเคลื่อนย้าย หยุดลงที่ไหหมายเลขแปดสิบแปด


ค่ายอาคมใหญ่หยุดการทำงาน ฉินหยุนถอนหายใจยาว ภายในขณะนี้ตื่นเต้นยินดี เป็นเขาทำได้สำเร็จ!


ชายไว้หนวดเคราขณะนี้ ลูบหนวดไปมาพร้อมตะโกนขึ้น “ได้เวลาประกาศผลแล้ว!”


ฝาไหเปิดออก หุ่นเชิดนกบินออกมาจากไหหมายเลขแปดสิบแปด!


“โอ!”


เสียงฮือฮาของผู้รับชมดังขึ้น แทบระเบิดทั้งลานกว้างให้เต็มไปด้วยเสียงอึกทึก


“ฮ่าฮ่าฮ่า ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนั้นสิ!” หงเมิ่งจูอดไม่ได้ที่จะควบคุมความยินดี ระเบิดเสียงหัวเราะออกอย่างไม่ปิดบัง


“เด็กหน้าโง่ผู้นั้น คาดเดาถูกได้อย่างไร!


“ใช่ มันรู้ได้อย่างไร?”


“หรือจะมีพลังมองเห็นอนาคตอะไรพวกนั้น?”


“บางทีอาจพึ่งพาแต่โชค ก่อนหน้านี้ก็เสียไปหลายรอบนี่!”


ดวงตาของผู้ฝึกตนตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ขณะนี้แดงก่ำเป็นสายเลือด เพราะสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ แต่ละคนล้วนได้รับกันไปถึงห้าร้อยล้านเหรียญม่วง!


กระทั่งราชันยุทธ์หงหยิง และราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยง ขณะนี้อึ้งอย่างพูดไม่ออก พวกเขาเป็นผู้โชกโชน มีประสบการณ์อะไรต่ออะไรมาก็มาก กระนั้นกลับไม่พบว่าลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงทราบผลลัพธ์ได้อย่างไร!


ใบหน้าของชายไว้หนวดเคราขณะนี้กระตุกรุนแรงจนน่าเกลียด


ก่อนหน้านี้ กล่าวได้ว่าอีกฝ่ายมองเห็นภายใน จึงทราบว่าควรวางเดิมพันที่หมายเลขใดเพื่อให้ชนะ


กระนั้นตอนนี้อีกฝ่ายวางเงินเดิมพันก่อน จากนั้นค่อยสั่งการค่ายอาคมใหญ่ให้ทำงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะทราบล่วงหน้า!


“ในที่สุดก็เดาถูก!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “อย่างไรแล้วนี่ก็เป็นการพนัน หลังเสียไปมาก ย่อมต้องได้รับกลับคืน!”


ผู้คนขณะนี้ค่อยนึกย้อน ว่าก่อนหน้านี้ฉินหยุนบอกต่อหงเมิ่งจูก่อนการวางเงินเดิมพัน ว่าเขาไม่มีความมั่นใจมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทางชนะได้


ตำหนักจารึกเทวะย่อมรับการสูญเสียนี้ไหว แม้ไม่ยินดี ก็ยังต้องจ่ายออกเป็นเงินมากถึงสองพันห้าร้อยล้านเหรียญม่วง แก่ฉินหยุน สื่อชิงเฉิง และอีกหญิงสาวอีกสามคน


“รอบสุดท้ายของวันแล้ว!” สุ่ยเทียนสื่อยิ้มกว้าง ขณะนี้รอยยิ้มแทบดันแก้มของนางจนปิดดวงตามิด


ทั้งสื่อชิงเฉิงและนางล้วนยินดี ในช่วงหลายวันมานี้ พวกนางได้รับมาหลายร้อยล้านเหรียญม่วง หากชนะอีกสักครั้ง เท่ากับจะได้รับอีกห้าร้อยล้านเหรียญม่วง เท่ากับว่ารวมแล้วมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง!


“ตำหนักจารึกเทวะยังกล้าเล่นต่อหรือ?” แม้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยสีหน้าเย็นชา กระนั้นภายในยินดีลั่นแล้ว นางทราบแต่แรกว่าหากซื้อตามฉินหยุน ย่อมเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง


นางขณะนี้กำลังสงสัย ว่าฉินหยุนคาดเดาได้อย่างถูกต้องอย่างไรกัน!


ชายไว้หนวดเครา ขณะนี้ปาดเช็ดเหงื่อที่ท่วมใบหน้า “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร? รอบที่หกเริ่มนับตั้งแต่นี้!”


ตำหนักจารึกเทวะสามารถสูญเสียเหรียญม่วง แต่ไม่อาจสูญเสียหน้าตา ไม่อย่างนั้นแล้ว คงได้กลายเป็นที่ขบขันสืบต่อกันไปนานเท่านาน


ด้วยราชันยุทธ์ตระกูลเซี่ยงทำการติดต่อไป ราชันยุทธ์หลายคนขณะนี้มาถึงกันคนแล้วคนเล่า กระทั่งมู่เฟิงก็มา


มู่เฟิงเมื่อมาถึง เพราะได้ทราบว่ามีเด็กสาวจากตระกูลสายเลือดมังกรมาเยือน


พอเห็นว่าเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เขาค่อยเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร กระนั้นก็ไม่ได้คิดเปิดโปงนาง


แม้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่แปรเปลี่ยนรูปโฉม ด้วยท่วงท่าสตรีภูเขาน้ำแข็ง และทรงผมที่เปลี่ยนไป ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อื่นจะจดจำ


มู่เฟิงขณะนี้เกิดความสงสัยภายใน ว่าลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงผู้นั้น มีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นฉินหยุน

 

 

 


ตอนที่ 442 ร่วมมือทางลับ

 

ขณะนี้มีราชันยุทธ์กว่าสิบคนมารวมตัวกัน


พวกเขาเหล่านี้ล้วนมาด้วยจุดประสงค์เดียว คิดอยากลงเดิมพันร่วมกับลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิง


แรงกดดันของตำหนักจารึกเทวะครั้งนี้มหาศาลนัก หากราชันยุทธ์เหล่านี้ที่รวมตัวกันชนะด้วยจำนวนเงินเดิมพันมากที่สุด อย่างนั้นแล้วตำหนักจารึกเทวะอาจต้องสูญนับสองถึงสามพันล้าน!


“รอบที่หกจะเริ่มเลยหรือไม่?” คนหนึ่งตะโกนถามขึ้น


ราชันยุทธ์เหล่านี้ ค่อนข้างล่ำซำกันอยู่แล้ว หากพวกเขาใช้หนึ่งร้อยล้านลงทุน ได้กลับคืนมาหลายร้อยล้าน เช่นนั้นย่อมยินดีวางเงิน


อย่างไรแล้ว การได้รับเงินเพิ่มขึ้น ไม่ว่าใครก็ต้องยินดี


ชายไว้หนวดเคราขณะนี้หันมองทางมู่เฟิงที่ยิ้มรับเร่งรีบเดินเข้ามา


มู่เฟิงมีสถานะค่อนข้างพิเศษในตำหนักจารึกเทวะ ตัวเขาถือเป็นคนดำเนินการเรื่องราวใหญ่หลายเรื่อง


“ผู้อาวุโสมู่… รอบที่หกนี้อย่างไรดีขอรับ?” ชายไว้หนวดเคราหันมองทางฉินหยุน ความรู้สึกเกลียดชังล้นพ้นเผยออกทว่าไม่อาจปลดปล่อย


ขณะนี้ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำและขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณกว่าร้อยคนมารวมตัวกัน พวกเขาเหล่านี้ล้วนร่ำรวยระดับหนึ่ง


ราชันยุทธ์หงหยิงหัวเราะดัง “ตำหนักจารึกเทวะอย่าได้หยุดการเล่นพนันนี้อย่างกะทันหันแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราเสียไปมากยังไม่หยุดเล่นกันเลย!”


ราชันยุทธ์อีกหลายคนล้วนตะโกนตามเป็นเสียงเดียวกัน


ราชันยุทธ์หลายคนพอได้เห็นดังนี้ นี่ถือเป็นโอกาสอันดีใช้กดดัน เป็นปกติที่จะไม่พลาดโอกาสอันดีเช่นนี้ปล่อยให้หลุดมือ


มู่เฟิงยิ้มแห้งขณะตอบกลับ “แน่นอนว่าตำหนักจารึกเทวะของเราย่อมให้เล่นต่อ เช่นนั้นแล้วมาต่อรอบที่หกกัน!”


ตำหนักจารึกเทวะถึงกับให้เล่นต่อได้ นี่ทำเอาทั่วทั้งลานกว้างส่งเสียงฮือฮากันดัง!


มู่เฟิงหัวเราะขณะมองที่ฉินหยุน เขายังคงหัวเราะกล่าวออก “ในเมื่อนี่เป็นการพนัน มีผู้ชนะย่อมมีผู้พ่ายแพ้! สหายน้อยคนนี้เหมือนจะมีพลังการคาดเดาทำนายอนาคต! กระนั้นข้าก็ไม่คิดเชื่อแต่อย่างใด!”


“เหตุผลว่าทำไมเมื่อครู่เขาชนะมาได้ ย่อมต้องเป็นเพราะโชค!”


ฉินหยุนเผยรอยยิ้ม ฝีเท้าก้าวเดินออก “ข้าคิดซื้อหมายเลขห้าสิบสอง และห้าสิบแปด เป็นเงินหมายเลขละห้าสิบล้าน!”


หากรอบนี้เขาคาดเดาได้ถูกต้อง เท่ากับจะได้รับอีกหลายร้อยล้านเหรียญม่วง!


ในเมื่อตำหนักจารึกเทวะมีแต่ต้องเดินต่อจนสุดทาง ฉินหยุนก็ไม่คิดมากมารยาท


“ช่างกล้าหาญนัก!” มู่เฟิงยิ้มอ่อน


สื่อชิงเฉิง เชี่ยวเย่ว์เหม่ย หงเมิ่งจู และสุ่ยเทียนสื่อล้วนซื้อหมายเลขตามฉินหยุน เป็นหมายเลขห้าสิบสองและห้าสิบแปด หมายเลขละห้าสิบล้านเช่นกัน!


ผู้อื่นขณะนี้ยังไม่ซื้อตามฉินหยุน กลับกัน พวกเขารับชมอยู่ด้านข้างพลางหารือ


หากฉินหยุนชนะอีกครั้ง ย่อมเป็นเขาครอบครองพลังคาดเดาอนาคต อย่างนั้นแล้วค่อยเล่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ยังไม่สาย!


ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม มีแต่ฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและคณะที่ซื้อตาม


เป็นที่ทราบกันว่าฉินหยุนหลอกลวงผู้อื่นเอาไว้มาก ดังนั้นขณะนี้จึงมีแต่คนสงสัยไม่กล้าลงมือ


ชายไว้หนวดเคราขณะนี้เปิดการทำงานค่ายอาคมใหญ่!


ผ่านไปครู่ ค่ายอาคมหยุดทำงาน หุ่นเชิดนกบินออกจากไหหมายเลขห้าสิบสอง!


บรรดาราชันยุทธ์ล้วนอุทานชื่นชม ทั่วทั้งลานกว้างต้องตกอยู่ท่ามกลางเสียงฮือฮาอีกครั้งหนึ่ง!


“ไอ้หน้าโง่นั่นเดาถูกอีกแล้ว! ได้ไปอีกห้าร้อยล้าน!”


“หญิงสาวเหล่านั้นได้กันไปมาก! เป็นพวกนางเชื่อใจไอ้หน้าโง่นั่น!”


“เมื่อวานพวกนางได้ไปมหาศาล เดิมก็ไม่ได้ลงทุนมากมายอะไร ต่อให้แพ้ ก็แค่กลับคืนสู่ตำหนักจารึกเทวะ!”


“ต้องพูดเลยว่า หญิงสาวพวกนั้นมีสัมผัสที่หกที่ดีเยี่ยมนัก!”


“ฮ่าฮ่า! ตำหนักจารึกเทวะสูญเสียอีกครั้งแล้ว!”


“ไอ้หน้าโง่นั่นไม่สมควรอยู่ได้นานนัก มีพลังคาดเดาอนาคตจนเผยโชคชะตาออกมาได้ อายุขัยคงไม่ยืนยาว!”


“สงสัยนักว่าหมอนั่นครอบครองวิญญาณยุทธ์อันใด มีวิญญาณยุทธ์โหรอยู่ในโลกนี้หรือไม่?”


หลายเสียงดังขึ้นในลานกว้าง ผู้คนต่างเชื่อกันว่าฉินหยุนเชี่ยวชาญความสามารถคาดเดาอนาคต


เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองทางชายไว้หนวดเคราพลางหัวเราะ “พรุ่งนี้ตำหนักจารึกเทวะก็ยังคงเปิดรับเดิมพันเช่นเดิมใช่หรือไม่?”


“เหตุใดจึงไม่กล้า? กระนั้นแล้ว… ผู้คนที่คิดเดินทางไปยังหลุมฝังเซียนล้วนอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเราควรเร่งรีบเดินทาง! ตระกูลสายเลือดมังกรของท่านหญิงน้อยก็สมควรไปยังเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนแล้ว หากพวกเราไม่เร่งรีบตามไป คงไม่อาจเหลืออันใดให้ได้รับ!” มู่เฟิงยิ้มตอบคำ


กระทั่งว่าตำหนักจารึกเทวะสูญเสียไปสองพันกว่าล้านในครั้งนี้ เขาก็ยังคงสงบใจอยู่ได้


ราชันยุทธ์สายเลือดขณะนี้เร่งรีบกล่าว “ย่อมไม่เป็นไร! พรุ่งนี้เล่นสักรอบหนึ่งก่อนค่อยไปไม่ถือว่าสายเกินไปนัก!”


ราชันยุทธ์หลายสิบคนที่นี้ล้วนเห็นด้วย ชัดเจนว่าพวกเขาวางแผนเชือดเฉือนตำหนักจารึกเทวะ


พวกเขาล้วนได้เห็นกับตาตนเอง ว่าลูกพี่ลูกน้องโง่เง่าของสื่อชิงเฉิงมีพลังการทำนายถูกต้องถึงสองครั้งติด เขาย่อมต้องมีความสามารถในการทำนายอย่างแน่นอน!


หากตำหนักจารึกเทวะยังปล่อยให้เล่นต่อ อีกฝ่ายก็ย่อมมีแต่ชนะไปเรื่อย


มู่เฟิงหัวเราะออกจากใจพลางกล่าว “ข้าขณะนี้คิดอยากไปยังหลุมฝังเซียนโดยเร็วที่สุด! เอาอย่างนี้เป็นไร ตำหนักจารึกเทวะของเราจะเริ่มจัดรอบแรกในทันที หลังจากทุกคนเล่นจนพึงพอใจ พวกเราค่อยออกเดินทางกัน!”


ผู้คนขณะนี้เผยความประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะเกิดความนับถือต่อกำลังอำนาจของตำหนักจารึกเทวะ


“เพื่อให้ทุกท่านได้ร่วมสนุก ข้าจะเพิ่มขีดจำกัดเป็นหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง! เมื่อซื้อหาหมายเลข ย่อมสามารถวางเดิมพันได้มากถึงหนึ่งร้อยล้าน!” มู่เฟิงประกาศ ทำเอาผู้คนในลานกว้างฮือฮากันด้วยความประหลาดใจ


ไม่เพียงแต่ตำหนักจารึกเทวะจะจัดรอบที่เจ็ดเป็นการพิเศษ กระทั่งเพิ่มขีดจำกัดการวางเดิมพัน นี่ออกจะบ้าเกินไปแล้ว!


มู่เฟิงยิ้มขณะมองที่ฉินหยุนและกล่าว “น้องชายผู้นี้ ข้าไม่อาจเชื่อว่าเจ้าทำนายอนาคตได้จริง! เรื่องราวเช่นนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นนี่ก็ถือเป็นการพนันธรรมดา! ข้าขอเดิมพันว่าครั้งหน้าเจ้าคาดเดาไม่ถูกแน่แล้ว!”


ฉินหยุนเกิดความประหลาดใจ เพราะมู่เฟิงดูท่าทีสงบยิ่ง


ยังไม่มีใครลงเดิมพัน พวกเขาขณะนี้รอคอยฉินหยุน


ชั่วขณะนี้ คนที่รับหน้าที่วางเงินมองทางมู่เฟิง ใช้บัตรผลึกในมือเพื่อรับเหรียญม่วงมา


ฉินหยุนก้าวเดินออกไปและกล่าว “ข้าซื้อหมายเลขเจ็ดสิบและเจ็ดสิบห้า หมายเลขละหนึ่งร้อยล้าน!”


เขารู้สึกว่าต่อให้สูญเสียครั้งนี้ ก็แค่เสียไปสองร้อยล้าน เทียบกับที่ได้มา ถือว่าได้รับมากเพียงพอแล้ว


ทางด้านหญิงสาวทั้งสี่ รวมถึงสื่อชิงเฉิงด้วย ต่างเผยสีหน้ายินดีกันออกมาพร้อมตามฝูงชนเข้าร่วมวางเดิมพัน แต่ละคนล้วนซื้อหากันเต็มที่ถึงสองร้อยล้าน!


ราชันยุทธ์หงหยิงขณะนี้เคลื่อนไหว เขาต้องการซื้อตามฉินหยุน หากสำเร็จ เขาจะได้รับมากถึงแปดร้อยล้านเหรียญม่วง!


ราชันยุทธ์ผู้อื่น รวมถึงผู้มั่งมีที่เหลือล้วนซื้อหาเช่นเดียวกัน!


ทุกคนล้วนซื้อกันแต่หมายเลขเจ็ดสิบและเจ็ดสิบห้า เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เงินวางเดิมพันขณะนี้สูงกว่าหมื่นล้านเหรียญม่วงเข้าไปแล้ว!


หากเปิดออกมาเป็นหมายเลขเจ็ดสิบหรือเจ็ดสิบห้าจริง อย่างนั้นแล้วตำหนักจารึกเทวะต้องจ่ายกลับคืนไปมากถึงแสนล้านเหรียญม่วง!


นี่ไม่ต่างอะไรกับเสียเลือดในเส้นเลือดหลักแล้ว!


ชายไว้หนวดเคราขณะนี้ กำลังหลั่งเหงื่อกาฬท่วมตัว!


ฝูงชนพอได้เห็นฉินหยุนเผยความมั่นใจ พวกเขารู้สึกว่าชัยชนะไม่หนีหายไปไหน เมื่อถึงเวลา พวกเขาจะได้รวยกันถ้วนหน้า


เงินกว่าหนึ่งแสนล้าน เป็นอะไรที่ตำหนักจารึกเทวะยังพอจ่ายได้ไหวหากพ่ายแพ้


เพราะพวกเขาเป็นคนสร้างบัตรผลึกม่วงขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาย่อมสามารถเสกเหรียญม่วงได้ตามต้องการอยู่แล้ว


แน่นอนว่า หากพวกเขาคิดอยากแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญม่วงของจริง การเบิกถอนต่อวันย่อมทำได้อย่างจำกัด


หากต้องการเบิกถอนออกมาเป็นเหรียญม่วงปริมาณมหาศาล ก็ต้องไปยังนครราชัน แต่ก็มีข้อจำกัดด้านเวลา


ฉินหยุนขณะนี้ตั้งสมาธิแน่วแน่ไปยังไหเหล่านั้น อย่างกะทันหัน เขาได้ยินเสียงมู่เฟิงดังขึ้นภายในจิตใจ


เป็นมู่เฟิงส่งเสียงมาถึงเขา!


“ข้ารู้ว่าเจ้าคือฉินหยุน!” มู่เฟิงส่งเสียงดังมา “ข้าทราบว่าเจ้ามีความขุ่นเคืองกับตำหนักจารึกเทวะ! ทว่าข้าไม่ใช่คนที่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้ เดิมทีข้าคัดค้านตำหนักจารึกเทวะด้วยซ้ำ”


ฉินหยุนตอบกลับ “ผู้จัดการ เรื่องนี้ข้าไม่เคยกล่าวโทษท่าน พวกเรายังนับเป็นสหายต่อกัน!”


มู่เฟิงยิ้มขณะส่งข้อความทางจิตต่อ “ในเมื่อพวกเราเป็นสหาย อย่างนั้นแล้วสร้างผลกำไรที่ดีต่อกันหน่อยเป็นไร?”


“ยอมปล่อยวางเรื่องนี้! เช่นนี้แล้ว ข้าจะได้รับกว่าหนึ่งหมื่นล้าน จากนั้นพวกเราแบ่งเหรียญม่วงอย่างเท่าเดียวกัน เช่นนี้เจ้าจะได้ถึงหลายพันล้าน!”


ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ หัวใจเขากลายเป็นครุ่นคิดในฉับพลัน!


อย่างไรแล้ว เขาไม่เชื่อมู่เฟิงมากนัก เพราะก่อนหน้านี้ตำหนักจารึกเทวะปฏิเสธการคุ้มครองต่อเขา และยังเพิกถอนสิทธิ์คุณสมบัติอาจารย์จารึก


“แม้พวกเราเป็นสหาย ยแต่ผลประโยชน์นี้ใหญ่เกินไป ข้าไม่อาจเชื่อท่านได้!” ฉินหยุนตอบกลับ


มู่เฟิงตอบกลับมาทันควัน “อย่าได้มองว่าข้าอ้วนเช่นนี้แล้วคิดเป็นอื่น! เป็นข้ามีชีวิตมายาวนานยิ่ง หาได้ใช่คนหนุ่มเช่นนั้น กระทั่งจ้าวฉวนยังเป็นลูกศิษย์ข้า!”


“เขาได้รายงานต่อข้า ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเจ้าในภูมิภาคชายแดน ข้ายังทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานมีแผนที่หลุมฝังเซียนในครอบครอง หากเจ้าคิดอยากใช้ประโยชน์จากแผนที่หลุมฝังเซียนอย่างแท้จริง ภายหลังข้าอธิบายรายละเอียดต่อเจ้ายังได้!”


“แล้วก็ใช่ ตระกูลเชี่ยวที่ภูมิภาคชายแดนแห่งนั้นลึกลับยิ่ง ข้ารู้เรื่องราวของตระกูลเชี่ยวระดับหนึ่ง!”


ฉินหยุนตกตะลึง ก่อนหน้านี้ เขาและเชี่ยวเสวียนฉินได้ทำการตรวจสอบสุสานเทียนเชี่ยว พบว่าเรื่องราวลึกลับอย่าง เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาคาใจเขาจนถึงทุกวันนี้


มู่เฟิงส่งเสียงมาต่อ “หากข้าไม่อาจเชื่อใจ เช่นนั้นข้าคงเปิดโปงเรื่องเจ้าไปแล้ว! แต่ข้าก็ไม่พูดออกมา นี่ก็เพื่อรักษาความลับให้แก่เจ้า!”


“ตัวข้า มีหนึ่งหน้าที่คือจัดการตำหนักจารึกเทวะในภูมิภาคชายแดนแห่งนั้น ข่าวคราวใดส่งมา ย่อมต้องผ่านข้าก่อน!”


“ตอนนี้ข้ายังส่งคนที่เชื่อใจได้จำนวนหนึ่งออกไป พวกเขาจะร่วมมือกับหุบเขาลึกล้ำจันทรา เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถควบคุมข่าวสารจากภูมิภาคชายแดนแห่งนั้นเอาไว้ได้”


ฉินหยุนขณะนี้คิดอย่างเคร่งเครียด รู้สึกว่ามู่เฟิงนั้นเชื่อถือได้ เขาตอบคำผ่านจิตสื่อสาร “ข้าแปด ท่านสอง อย่างนี้เป็นไร?”


มู่เฟิงตอบกลับทันควัน “ข้าสี่ เจ้าหก!”


“เจ็ดต่อสามแล้วกัน! ข้ายอมถอยให้แล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “หากตำหนักจารึกเทวะของท่านพ่ายแพ้ ต้องเสียกว่าแสนล้านเหรียญม่วงเชียวนะ!”


“ก็ได้!” มู่เฟิงยอมรับ เขากล่าวต่อ “ข้าจะหารือเรื่องสวนโบราณกับเจ้าในภายหน้า ความจริงว่าเจ้าถูกตำหนักจารึกเทวะทอดทิ้ง เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”


สองคนส่งเสียงสื่อสารกันไปมาอยู่ห่างไกลกัน ดังนั้นผู้อื่นย่อมไม่พบเห็นอันใด


ฉินหยุนไม่มีความประทับใจอันใดที่ดีต่อราชันยุทธ์เหล่านี้ การหลอกลวงให้พวกเขาใช้จ่ายเหรียญม่วงมหาศาล ก็นับเป็นเรื่องน่าพึงพอใจอย่างหนึ่ง!


ราชันยุทธ์เหล่านี้จากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง บางตระกูลกระทั่งสนิทชิดเชื้อกับตำหนักโทเทมด้วยซ้ำไป


ฉินหยุนให้ความสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่นี้มาโดยตลอด เขาพบว่าสามขั้วอำนาจใหญ่ ราชันยุทธ์ฮั่ว ราชันยุทธ์จ้าวสรรพสัตว์ และผู้อาวุโสของเหมาเม่ยเม่ยไม่ได้อยู่ที่นี่


เรื่องนี้ทำเอาเขารู้สึกประหลาดใจ ดังนั้นจึงเร่งรีบส่งเสียงสื่อสารถามมู่เฟิง “ผู้จัดการ เสี่ยวลู่ อู๋ซวง และเม่ยเม่ยยังไม่กลับมาหรือ? พวกเขาสมควรเข้าไปยังสวนโบราณและออกมาแล้วสิ!”


“พวกเขาออกมาแล้ว ให้ข้าอธิบายเรื่องนี้ต่อเจ้าภายหลัง!” มู่เฟิงตอบกลับ “ยังมีบางเรื่องที่พวกเราไม่แน่ใจนัก!”


ฉินหยุนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เล็ก ดังนั้นจึงยังไม่ซักไซ้ในตอนนี้ ขณะนี้เพียงแค่รอคอยให้ค่ายอาคมใหญ่เริ่มทำงาน


ชายไว้หนวดเคราเริ่มเปิดการทำงานของค่ายอาคม


ฉินหยุนใช้เนตรวิญญาณสมบูรณ์ ขณะนี้ทำเพื่อให้มั่นใจว่าหุ่นเชิดนกจะไม่ปรากฏที่ไหนหมายเลขเจ็ดสิบและเจ็ดสิบห้า


ขณะค่ายอาคมใหญ่ทำงาน ผู้รับชมเรื่องราวทั่วทั้งลานกว้างเงียบกริบ ราวกับพวกเขาสามารถได้ยินเสียงลมที่เกิดจากค่ายอาคมซึ่งกำลังทำงาน!


ค่ายอาคมใหญ่หยุดการทำงาน ชั่วขณะที่ฝาเปิดออก ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจตั้งตารับชม!


หุ่นเชิดนกขณะนี้บินออกจากไหหมายเลขห้า!


ผู้คนตื่นตะลึง!


ผู้คนที่เมื่อครู่คาดหวังล้นพ้น ขณะนี้รู้สึกราวกับหัวใจโดนเชือดเฉือนออก เป็นพวกเขาเจ็บปวดหัวใจอย่างมหาศาลแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 443 ความลับตระกูลเชี่ยว

 

เสียงก่นด่าโกรธแค้นสารพัดชนิด ขณะนี้ปลิวว่อนทั่วทั้งลานกว้าง


โดยเฉพาะกับผู้ที่เดิมพันด้วยเหรียญม่วงทั้งหมดที่มีโดยพึ่งพาฉินหยุน พวกเขาสบถออกจนแทบจะตายตกเสียตรงนี้


ศิษย์รุ่นเยาว์หลายคน รวมถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำจากหลายสถาบันและสำนัก รวมทั้งหมดทั้งสิ้นวางเงินเดิมพันไปมากถึงหมื่นล้านเหรียญม่วง ขณะนี้สูญเสียกันถ้วนหน้า


สุ่ยเทียนสื่อผิดหวังเล็กน้อย กระนั้นใบหน้าก็ยังเปื้อนด้วยรอยยิ้ม “ย่อมไม่เป็นไร ถือว่าได้มากพอแล้ว!”


เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่กล่าวอันใด นางจับจ้องมู่เฟิงและยิ้มให้ เกิดข้อสงสัยว่ามู่เฟิงและฉินหยุนลอบตกลงอะไรกันลับหลังอย่างแน่นอน


สื่อชิงเฉิงและหงเมิ่งจู ทั้งสองไม่พูดอันใดเช่นกัน พวกนางชนะมาหลายครั้งคราร่วมกับฉินหยุน ดังนั้นสูญเสียแค่นี้ไม่คู่ควรให้ต้องบ่นออก


สำหรับผู้อื่น เสียงบ่นดังขรมไม่ขาดสายแล้ว


กระทั่งว่าเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ พวกเขายังรู้สึกไม่สบายใจยามต้องเสียมากถึงสองร้อยล้านเหรียญม่วง


แน่นอนว่าราชันยุทธ์หงหยิงเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้กล่าวอันใดออกมา อย่างไรแล้วบุตรสาวของเขาก็ได้รับมามาก


“ไอ้สารเลวผู้นี้ ข้าคิดอยากสังหารมันตายเสียที่นี่!”


“สองครั้งติดกัน เหตุใดครั้งที่สามจึงไม่ เป็นมันคิดหลอกลวงพวกเราหรือ?”


“มันต้องตั้งใจทำแน่! สารเลวนัก มันคิดฟื้นฟูเลือดเนื้อให้ตำหนักจารึกเทวะอย่างเห็นได้ชัด ภายหน้ามันต้องได้รับผลประโยชน์อันใดแน่!”


“ชั่วช้า!”


ศิษย์รุ่นเยาว์จากกองกำลังมีชื่อเสียง ขณะนี้พวกเขาพบว่าพวกตนเพิ่งใช้เหรียญม่วงในมือกันจนหมดสิ้น!


เพราะเหตุนี้ผู้คนจึงก่นด่าฉินหยุน นี่ถือเป็นเรื่องโหดเหี้ยมต่อพวกเขาเกินไป!


ฉินหยุนไม่คิดอะไรมาก อย่างไรแล้วเขาก็แค่ลูกพี่ลูกน้องหน้าโง่ที่แวะมารับบทชั่วคราว


สำคัญกว่านั้น เขาได้รับเหรียญม่วงมากมายมหาศาล เพียงพอให้ใช้ได้อีกนาน


“พวกเราเดินทางคืนนี้กันเลยเป็นอย่างไร?” ราชันยุทธ์จากตระกูลสายเลือดกล่าวขึ้น


พวกเขาทราบว่าตระกูลสายเลือดมังกร ขณะนี้เข้าเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนไปแล้ว พวกเขาย่อมต้องไม่คิดถูกทิ้งล้าหลัง


“คืนนี้ก็คืนนี้! ให้รวมตัวกันที่ด้านนอกประตูทิศเหนือ!”


ราชันยุทธ์หลายคนทำการตกลงกัน กระทั่งว่าอารมณ์ไม่ดี พวกเขาก็ยังคิดไปยังหลุมฝังเซียน!


“กลับกัน!” สื่อชิงเฉิงดึงฉินหยุนตามมา สุ่ยเทียนสื่อรับหน้าที่คุ้มกันฉินหยุนข้างกาย พวกนางเป็นกังวลว่าจะมีคนคิดทำร้ายเขา


“น้องชายรักษาตัวด้วย! เป็นเจ้านำพาผลประโยชน์ยิ่งใหญ่สู่ตำหนักจารึกเทวะของเรา ให้ข้าเชื้อเชิญเจ้าร่วมดื่มไวน์ขอบคุณสักครั้งหนึ่ง!” มู่เฟิงเร่งรีบตะโกนไล่หลังเมื่อเห็นว่าฉินหยุนกำลังจะจากไป


สุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบตอบ “อาฉ่วย อย่าได้ไปแล้ว!”


ฉินหยุนตอบกลับด้วยรอยยิ้มโง่งม “หากผู้อื่นต้องการเลี้ยงอาหารและไวน์ เหตุใดข้าจึงไม่ไปเล่า?”


กล่าวคำจบ เขาจึงเดินไปหามู่เฟิงพร้อมยิ้มให้ “ต้องให้ข้าได้กินของดีนะ!”


“น้องชายถึงกับซื่อตรงเพียงนี้ เช่นนั้นไปกัน!” มู่เฟิงยิ้มพร้อมตบไหล่ฉินหยุน เขากล่าวคำออก “น้องชายมีความสามารถมองเห็นผ่านสิ่งของหรือ? สามารถมองผ่านเสื้อผ้าหญิงสาวได้หรือไม่?”


ได้ยินคำกล่าวมู่เฟิง สื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และหญิงสาวคนอื่นล้วนเผยสีหน้าแปลกประหลาด


“สุภาพสตรีมิตรสหายรบกวนกลับไปก่อนแล้ว! ข้าย่อมส่งน้องชายผู้นี้กลับไปอย่างปลอดภัยแน่นอน!” มู่เฟิงหัวเราะขณะมองทางเชี่ยวเย่ว์เหม่ย “ท่านหญิงหลงเย่ว์เหม่ยใช่หรือไม่? ในเมื่อท่านเดินทางมาจากตระกูลสายเลือดมังกร เช่นนั้นขอเรียนเชิญ ข้าย่อมคิดสอบถามท่านถึงเรื่องราวของตระกูลสายเลือดมังกรบ้างแล้ว”


“ย่อมได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอบกลับเย็นเยือก


ถัดจากนั้น มู่เฟิงจึงจากไปพร้อมฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย


หงเมิ่งจูคาดเดา ว่าฉินหยุนเมื่อครู่นี้ต้องตกลงอะไรเป็นการลับกับมู่เฟิง เพราะเหตุนั้นเขาจึงตั้งใจแพ้


นางกลายเป็นยินดีอยู่ภายใน เพราะหมายความถึงฉินหยุนย่อมได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากความร่วมมือครั้งนี้


เป็นนางไม่ยินดีเช่นกันหากให้คนจากตระกูลสายเลือดเหล่านั้นมีกำลังอำนาจเพิ่ม พวกคนเหล่านั้นหยิ่งผยองไร้สิ้นสุด หากสามารถสร้างผลกำไรให้คนกลุ่มคน ภายในใจนางกลายเป็นไม่ยินดี


มู่เฟิงพาฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไปยังห้องประชุมลับในตำหนักจารึกเทวะ


“พวกเจ้าทั้งสองหยุดแสดงแล้วนั่งลงกันก่อน!” มู่เฟิงยิ้มพลางเชื้อเชิญ


เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอนั่งลงแล้ว จึงไขว้ขาพร้อมยิ้มกว้างกล่าวคำ “พวกท่านช่างทำเรื่องสกปรกต่อหน้าต่อตาคนหมู่มากได้เพียงนี้!”


“ไม่นับเป็นอะไร พวกเราก็แค่สร้างผลประโยชน์ร่วมกัน!” มู่เฟิงหัวเราะดัง


ฉินหยุนหยิกที่ใบหน้าเชี่ยวเย่ว์เหม่ย “เจ้าเล่า เป็นเจ้าอ้างตัวเป็นคนของตระกูลสายเลือดมังกร กระทั่งข้ายังเกือบเชื่อ!”


มู่เฟิงกล่าวตอบ “ฉินหยุน นางหาได้โกหกไม่! ตระกูลเชี่ยวที่ภูมิภาคชายแดนแห่งนั้น เดิมครอบครองสายเลือดมังกรสืบทอดมา สายเลือดมังกรในร่างของเสี่ยวเย่ว์เหม่ย สมควรตื่นขึ้นมาจริง!”


ฉินหยุนขณะนี้จับจ้องเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก


เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแลบลิ้นออก “ท่านลุงอ้วนกลมทราบเรื่องราวมากเพียงนี้? อย่างนั้นแล้วไม่คิดกัดกินข้าหรือ?”


มู่เฟิงหัวเราะดัง “หากข้าคิดอยากกินเจ้า อย่างนั้นเจ้าคงไม่เหลือแม้กระดูกแล้ว!”


ฉินหยุนขณะนี้ นึกถึงข้อสงสัยของเชี่ยวเสวียนฉินต่อตระกูลเชี่ยว


ตอนนี้เป็นการยืนยัน ว่าข้อสงสัยนี้เป็นจริง ตระกูลเชี่ยวครอบครองและสืบทอดสายเลือดที่พิเศษ


“ผู้อาวุโส นี่ท่านมอบให้กับพี่ชายข้าเท่าใดกัน?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถามขึ้น


“เจ็ดพันล้าน!” มู่เฟิงยิ้มขณะนำเอาบัตรผลึกม่วงออกมา เขาเดินไปยังฉินหยุนพร้อมยิ้มให้ “ได้ร่วมมือครั้งนี้เป็นข้ายินดีแล้ว!”


ฉินหยุนยิ้มตอบ “กล่าวตามตรง ข้าก็ไม่คิดอยากให้คนพวกนั้นชนะ!”


ฉินหยุนขณะนี้ มีทั้งสิ้นแปดพันล้านเหรียญม่วงในบัตรผลึก!


มู่เฟิงหัวเราะ “เจ้าช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ถึงขั้นมีพลังแห่งการทำนาย!”


ฉินหยุนเพียงยิ้มรับ ไม่กล่าวตอบอันใด วิธีการเอาชนะของเขา ย่อมไม่อาจอธิบายรายละเอียดออกไปได้ นี่ก็เพื่อไม่ให้ตำหนักจารึกเทวะทำการป้องกันในภายหน้า


เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียง “ผู้อาวุโสอ้วนกลม เหตุใดตำหนักจารึกเทวะของท่านไม่คุ้มครองพี่ชายของข้าอีก? กระทั่งเพิกถอนคุณสมบัติอาจารย์จารึก! นี่โหดร้ายไปหรือไม่!”


มู่เฟิงตอบคำ “ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง เสนอมรดกเลือดบริสุทธิ์แก่เบื้องบนของตำหนัก ทางด้านตำหนักโทเทม พวกเขามอบอักขระโทเทมจำนวนหนึ่งให้ เพราะเหตุนั้นตำหนักจารึกเทวะจึงตัดสินใจไม่ให้การคุ้มครองฉินหยุนอีกต่อไป!”


“นอกจากนี้ ฉินหยุนยังไม่ได้เข้าสู่สวนโบราณ กลับกัน เขาไปยังสวนโบราณแห่งอื่น เขากลายเป็นบุคคลที่สูญหาย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เบื้องบนของตำหนักจารึกเทวะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์!”


ฉินหยุนเอ่ยถาม “ผู้จัดการ ในสวนโบราณเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


มู่เฟิงกล่าวตอบ “ข้าบอกได้เพียงว่า สวนโบราณนั้นอนุญาตแต่ผู้ที่ครอบครองอักขระชีวิตสามตัวหรือน้อยกว่าให้เข้าไป มีบางสิ่งสำคัญซุกซ่อนด้านในนั้น เมื่อเข้าไปแล้ว จะมีคนไปรับตัวเจ้า จัดแจงให้เจ้าค้นหาสมบัติดังกล่าว!”


ฉินหยุนมั่นใจ ว่าสมบัตินั่นต้องเป็นวิญญาณดวงตะวัน!


มู่เฟิงเอ่ยถาม “ฉินหยุน เจ้าคิดไปยังเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนด้วยหรือ?”


ฉินหยุนพยักหน้ารับ “แน่นอน! ข้าต้องการยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน กับแผนที่หลุมฝังเซียน!”


“เรื่องนี้กล่าวขานกันมากมายนัก ข้าไม่มั่นใจโดยจำเพาะเจาะจงนัก แต่ก็ยังคิดเข้าไปอยู่ดี!” มู่เฟิงกล่าว “แผนที่หลุมฝังเซียนที่อยู่ในกายเชี่ยวเย่ว์หลานถือเป็นส่วนสำคัญยิ่ง กล่าวได้ว่าตราบเท่าที่ถอดรหัสแผนที่หลุมฝังเซียนได้ เจ้าจะสามารถเข้าสู่หลุมฝังเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดได้อย่างง่ายดาย!”


“ผู้อาวุโส อย่าได้คิดอะไรกับพี่สาวข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยเสียงเป็นกังวล


“อย่าได้กังวล! ข้าไม่ได้เหี้ยมโหดดังเช่นตาเฒ่าในตำหนักจารึกเทวะ!” มู่เฟิงยิ้ม “ข้ามีแต่นับถือรุ่นเยาว์เช่นพวกเจ้า!”


เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอบกลับ “ข้าเดิมวางแผนเข้าร่วมเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน แต่ความรู้สึกบ่งบอก ว่าที่นั่นไม่มีอันใดดี ดังนั้นขณะนี้จึงรู้สึกเกียจคร้านจะเข้าไป!”


“เจ้าหลอกลวงคนพวกนั้นไปแล้ว บอกว่าตระกูลสายเลือดมังกรเข้าไปด้านในนั้นแล้ว!” ฉินหยุนยิ้ม


“ผู้ใดบอกให้คนพวกนั้นโง่งมกัน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเบา “พวกหน้าโง่เหล่านั้น พวกมันย่อมต้องตายภายในกันทั้งสิ้น! พี่ชายอย่าได้เข้าไปแล้ว ภายในย่อมอันตรายอย่างยิ่ง!”


ฉินหยุนส่ายศีรษะ “ไม่ ข้าต้องเข้าไปรับชมกับตาตนเอง!”


“อย่างนั้นต้องระวังตัวให้มาก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปที่ประตูและหันกลับมากล่าว “ข้าขอตัวก่อนแล้ว คิดอยากไปเดินเล่นรับชมเรื่องราว!”


“เย่ว์เหม่ย ไม่ต้องการเหรียญม่วงหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม


“ย่อมไม่ ข้ามีหลายร้อยล้านอยู่กับตัวแล้ว เท่านี้ถือว่ามากพอ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ้ม เปิดประตูและเดินจากไป


ฉินหยุนขณะนี้ไม่กังวลเรื่องความไหลลื่นของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เป็นนางพึ่งพาตนเองใช้ชีวิตได้ และยังปลุกสายเลือดมังกรที่แกร่งกล้าและลึกลับนั้นขึ้นมาได้อีก


“ฉินหยุน เจ้ามีสายเลือดราชสีห์สวรรค์ใช่หรือไม่?” มู่เฟิงเอ่ยถาม


ฉินหยุนพยักหน้ารับ จ้าวฉวนทราบเรื่องเขาครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์แต่แรกแล้ว


“ทางที่ดีอย่าได้เปิดเผยตัวเอง ไม่อย่างนั้น ตระกูลสายเลือดของสามแดนอ้างว้าง ย่อมร่วมมือกับตำหนักโทเทมจับตัวเจ้ายิ่งกว่านี้!”


“ถึงตอนนั้น เป็นไปได้ว่ากระทั่งตำหนักจารึกเทวะก็อาจเคลื่อนไหว ค่ายอาคมใหญ่ของประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ของเจ้าย่อมไม่อาจต้านรับได้ไหว!” มู่เฟิงเผยสีหน้าเคร่งเครียด


ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ข้าเข้าใจดี ขอบคุณผู้จัดการที่กล่าวย้ำเตือน”


“ไม่นับเป็นไร!” มู่เฟิงยิ้มและส่ายศีรษะ


เขาค่อนข้างมองฉินหยุนในแง่ดี ผู้อื่นอาจไม่ทราบแต่เขาทราบว่ากระบี่ของหงเมิ่งจูได้เขาซ่อมแซมให้


แม้เขาไม่ถามออกไป ก็มั่นใจว่าฉินหยุนคือผู้ซ่อมแซมกระบี่จันทร์ลี้ลับ นี่ถือเป็นความสามารถระดับท้าทายสวรรค์ประการหนึ่ง


“ฉินหยุน กลุ่มคนที่ช่วยกันสร้างหลุมฝังเซียนเมื่อกาลก่อน ทางด้านลูกหลานของกลุ่มคนเหล่านั้น พวกเขาคือผู้หล่อเลี้ยงภูมิภาคชายแดน ดังนั้นแล้วที่ภูมิภาคแห่งนั้นจึงมีเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดเกิดขึ้นมากมาย! พรสวรรค์พวกเขาถือว่าไม่แย่ เหตุผลเดียวที่ก้าวหน้าเชื่องช้า ก็เพราะขาดแคลนทรัพยากรเท่านั้น!”


คำกล่าวของมู่เฟิง ทำเอาฉินหยุนตระหนักได้อีกครั้ง


“ดูเหมือนว่าชายแดนแห่งนั้นมีความลับซุกซ่อนเอาไว้มาก!” เป็นอีกครั้งที่เขานึกถึงสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว ที่แห่งนั้นก็ถือว่าลึกลับอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง


มู่เฟิงกล่าวต่อ “เอาละ ให้ข้าส่งเจ้ากลับโรงเตี๊ยมแล้วกัน! กระทั่งว่าพวกนางเป็นสตรี หุบเขาลึกล้ำจันทราก็ลึกลับอย่างยิ่งเช่นกัน แม้ว่ามีการติดต่อกับสำนักระดับราชันบ้าง ทว่าพวกนางหาได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใดไม่ กลับกัน เป็นข้าได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยจากพวกนางด้วยซ้ำ!”


ฉินหยุนพยักหน้ารับ ก่อนติดตามมู่เฟิงออกจากตำหนักจารึกเทวะ ขณะนี้พวกเขาโดยสารรถลาก เดินทางกลับโรงเตี๊ยมหรูหราแห่งเดิม


เมื่อกลับมาแล้ว ฉินหยุนเข้าพักผ่อนในห้อง


การใช้เนตรวิญญาณสมบูรณ์และความสามารถเทวะทะลุทะลวง เป็นการใช้พลังงานของเขาไปมหาศาล และค่ำคืนนี้ยังต้องออกเดินทาง เขาต้องพักผ่อนให้มากเท่าที่จะทำได้


กลางดึก ฉินหยุน สื่อชิงเฉิง และสุ่ยเทียนสื่อ ขณะนี้นั่งโดยสารรถลากสีทองม่วง มันเป็นคันเดิมที่ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงเคยโดยสารมาก่อน


แม่เฒ่าตู้ขณะนี้อยู่รถลากอีกคันหนึ่ง พร้อมกับกลุ่มผู้อาวุโส


ขบวนอันยิ่งใหญ่ ขณะนี้มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเมฆมังกร การป้องกันขบวนรถลากนี้ถือว่าแกร่งกล้า


บางคนบินในอากาศ รับหน้าที่ยืนยันเส้นทางไม่ให้กองกำลังหลักนี้แตกแถว


เสี่ยวเตียนซิงมองทางฉินหยุน ใบหน้างดงามขณะนี้เผยความอ่อนโยนขณะเอ่ยถาม “อาฉ่วย เจ้ามีพลังมองเห็นอนาคตหรือ?”


ฉินหยุนยิ้มตอบ “ย่อมไม่ ข้าเพียงหลอกลวงผู้คนเล่น!”


เสี่ยวเตียนซิงบุ้ยปากกล่าวเสียงเบาตอบ “โกหก ข้าย่อมไม่เชื่อ!”


ฉินหยุนเพียงยิ้ม หาได้ตอบกลับคำใด


ชั่วขณะนี้ พื้นดินพลันสั่นสะเทือน เสียงมังกรคำรามดังขึ้นที่ภายนอก!


“มังกรตัวนั้นอีกแล้ว!” สื่อชิงเฉิงร้องออกด้วยอาการตื่นตระหนก

 

 

 


ตอนที่ 444 อัญเชิญราชสีห์สวรรค์

 

ฉินหยุนและคณะเพียงเพิ่งเข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกร ก็ต้องพบเจอกับมังกรเข้าเสียแล้ว


“ตั้งแต่เราเลื่อนระดับพลังมา ก็สามารถเก็บงำออร่าได้เป็นอย่างดี มังกรตัวนี้คงไม่ใช่สัมผัสถึงสายเลือดราชสีห์ของเราหรอกกระมัง?” หัวใจของเขาขณะนี้เปี่ยมด้วยความสงสัย


สุ่ยเทียนสื่อสบถคำออก “พวกตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเหล่านั้น ออร่าสายเลือดจากกายพวกมันต้องเป็นสิ่งดึงดูดมังกรมาแน่!”


“ให้ข้าออกไปรับชม!” นางกล่าว “พวกเจ้ารอในรถลาก!”


ฉินหยุนขณะนี้ได้ทราบ ว่ามังกรไม่ได้เล็งเป้ามาที่ตน ที่เป็นเป้าหมาย คือบรรดาผู้ฝึกตนตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเหล่านั้น


“ผู้ที่มาจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ไม่มีแม้สักคนเก็บงำออร่าของตนเอง ท้ายที่สุด จึงเป็นการชักนำมังกรมายังที่นี่ คราวนี้คงไม่ใช่ว่าจะไม่ร่วมมือกันสังหารมังกรนั่นอีกหรอกนะ?” สุ่ยเทียนสื่อเผยความไม่ยินดี


เดิมนางคิดว่าสามารถเดินทางสู่เขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนอย่างง่ายดาย กระนั้นตอนนี้ กลับต้องเผชิญหน้ากับมังกรเข้าเสียแล้ว


เพื่อความปลอดภัย นางให้เสี่ยวเตียนซิงและเสี่ยวกั๋วเอ่อเดินทางไปกับรถลากของแม่เฒ่าตู้


ทางด้านแม่เฒ่าตู้ ทั้งรถลากเปี่ยมด้วยขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ หากเกิดอะไรขึ้นอย่างกะทันหัน พวกนางจะรับมือได้รวดเร็ว


ได้ยินเสียงมังกรคำรามก้อง หลายคนวิ่งออกจากรถลากมารับชมเรื่องราว


เสียงคำรามของมังกรดังจากที่ไกลออกไป กระทั่งว่าพวกเขาบินสูงเหนือท้องฟ้าเพียงนี้ ก็ยังไม่อาจมองเห็นได้


“เดินทางต่อ อย่าได้หวาดเกรง พวกเรามีราชันยุทธ์มากมายเพียงนี้ มังกรสองตัวยังกำราบได้!” ราชันยุทธ์สายเลือดตะโกนดัง


ฉินหยุนรู้สึกว่าแม้มีราชันยุทธ์มากมายเพียงนี้ ก็ไม่น่ากำราบมังกรตัวนั้นได้ไหว


สื่อชิงเฉิงกลับเข้ารถลาก ควบขี่บังคับมันเดินทางต่อ


เช่นนี้แล้ว ขบวนรถลากหรูหราขนาดใหญ่จึงเริ่มเข้าสู่ส่วนลึกในป่าของเทือกเขาเมฆมังกร


ฉินหยุนนั่งอยู่มุมหนึ่งขณะหลับตาลง ด้วยพลังจิตแกร่งกล้า เขาสามารถสัมผัสสถานการณ์ภายนอกได้


เขาคือคนที่สามารถหนีพ้นจากเทือกเขาเมฆมังกรด้วยตนเอง ขณะนี้ถือว่าเป็นผู้มากประสบการณ์ในพื้นที่


สุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิง ขณะนี้ยังตั้งป้อมระวัง สีหน้าเคร่งเครียดมาโดยตลอด


ในเทือกเขาเมฆมังกร อันตรายซุกซ่อนมีมากล้น หากขาดซึ่งความระวัง การที่คนผู้หนึ่งจะตายย่อมเกิดขึ้นได้มาก


ค่ำคืนผ่านพ้น ความมืดเลือนหาย ดวงตะวันรุ่งสายค่อย ๆ สาดส่องแสงปกคลุมแดนดิน


กระทั่งว่าดวงตะวันสาดส่องลงมา เทือกเขาเมฆมังกรยังคงลึกลับ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คน


ฉินหยุนรู้สึกว่ากลางคืนปลอดภัยกว่า เพราะเขาสามารถหลบซ่อนในความมืด


หลังผ่านคืนอันเร่งรีบ ทุกคนค่อยถึงส่วนลึกของเทือกเขาเมฆมังกร


กระนั้น ก็ยังห่างไกลจากสถานที่ตั้งของหลุมฝังเซียน


ผ่านไปอีกวันหนึ่ง กลุ่มรถลากขนาดใหญ่หลายสิบคันพลันหยุดลง เพราะพื้นดินขณะนี้กำลังสั่นสะเทือน!


เพียงไม่นาน เสียงมังกรคำรามดังอีกครั้ง!


ครั้งนี้ เสียงมังกรคำรามกระจ่างชัดยิ่งกว่าก่อนหน้า หมายความว่ามันอยู่ใกล้มากแล้ว


“สงสัยนักว่าพวกเราสามารถจัดการมังกรตัวนั้นได้หรือไม่?” นางทราบดี ว่ามังกรตัวนั้นแกร่งกล้ามากมายเพียงใด


พื้นดินยังคงสั่นไหวต่อเนื่อง ยิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้น


ฉินหยุนที่นั่งหลับตา ขณะนี้สัมผัสได้ถึงออร่าคุ้นเคย


ดวงตาเบิกโพลง น้ำเสียงเคร่งเครียดกล่าวออก “ราชส์สวรรค์ใต้พิภพอยู่ใกล้นี้!


“มังกรกำลังใกล้เข้ามา!” เสียงตะโกนพลันดังขึ้นที่ภายนอก


เสียงมังกรคำรามครั้งนี้กระจ่างชัดดังเข้าโสดประสาท ตัวมังกรขณะนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว!


ครืน ครืน ครืน!


คลื่นพลังแกร่งกล้าโหมโจมตี ทำเอารถลากหลายคนต้องลอยละลิ่ว


เสียงอึกทึกขณะนี้ได้ยินจากด้านนอกเด่นชัด ราชันยุทธ์หลายคนทะยานกายออกเข้าต่อกรกับมังกรตัวนั้น


เดิมใกล้เคียงนี้มีภูเขาสูงหลายแห่ง พวกมันขณะนี้ล้วนถูกพลังอำนาจของมังกรป่นทำลาย


ฉินหยุนและคณะเร่งรีบออกจากรถลากคันใหญ่ พบเห็นเป็นมังกรตัวเดิมอยู่ไกลออกไป ราชันยุทธ์หลายคนขณะนี้ปิดล้อมมังกรตัวนั้น เผยท่าทีคิดเข้ากำราบมันจริงจัง


อย่างไรแล้ว พลังอำนาจการโจมตีของราชันยุทธ์ย่อมไม่อ่อนด้อย พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนต่อเนื่อง คลื่นพลังภายในแรงกล้าพัดพาซึ่งสายลม ทำเอาเกิดเสียงโหยหวนของอากาศดังขึ้นทั้งป่า


ต้นไม้ใหญ่มากมายถูกถอนรากขึ้นจากพื้น ลอยพัดขึ้นกลางอากาศ


“พี่สาว พวกเราต้องระวังตัว!” ฉินหยุนเผยเสียงลุ่มลึก “ยังมีราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพใกล้เคียงนี้!”


ขณะนี้มีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำหลายคนออกจากรถลาก เพื่อปกป้องศิษย์รุ่นเยาว์ของพวกตนและรับชมการต่อสู้ที่เกิดขึ้นไกลออกไป


ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนสีหน้าแปรเปลี่ยนรุนแรง เสียงตะโกนดังขึ้น “พี่สาว รีบไปกับข้า!”


เขาเร่งรีบทะยานกายออกไปยังทิศทางหนึ่ง


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น กระนั้นก็เร่งรีบตามไป


โฮก!


เสียงราชสีห์คำรามดังแต่ไกล หมอกสีดำปกคลุมฟุ้งทั้งป่า


ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพปรากฏตัวแล้ว!


แม้ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพตัวไม่ใหญ่ ทว่ามันมีอำนาจต่อสู้ทัดเทียมมังกร


ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำหลายคน ได้เห็นพลังอำนาจของราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ ขณะนี้เร่งร้อนนำพาบรรดาศิษย์หลบหนี


“แม่เฒ่าตู้และผู้อื่นสมควรไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ตัวเขาขณะนี้ออกมาก่อนพร้อมสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ


“อย่าได้ห่วง!” ในตอนนี้ สื่อชิงเฉิงแม้ตอบกลับเช่นนั้น ทว่าสีหน้าดำมืดยิ่ง


สุ่ยเทียนสื่อแค่นเสียงเบา “ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกสารเลวตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเหล่านั้น พวกมันไม่คิดเก็บตัวให้เงียบงัน กลับดึงดูดความสนใจมังกรและราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพมาที่นี่!”


การเดินทางไปหลุมฝังเซียนไม่ง่ายดังที่ทุกคนคาดคิด ด้วยเวลาเพียงสองวัน พวกเขาก็กระจัดกระจายกันแล้ว


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองขณะนี้มียันต์หยกเสียงสื่อสาร ทำให้สามารถติดต่อกับแม่เฒ่าตู้ กระทั่งว่าแยกจากกันตรงนี้ ก็ยังสามารถสื่อสารหากันได้


ฉินหยุนสัมผัสออร่าของราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ พบว่ามันไม่ได้ตามพวกเขามา เช่นนี้ค่อยวางใจได้มาก


ขณะรู้สึกวางใจอยู่นั้นเอง ฉับพลันเขารู้สึกได้ถึงออร่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณหลายคน


“เป็นพวกสารเลวตระกูลสายเลือดพวกนั้น!” สุ่ยเทียนสื่อเผยเสียงเย็นเยือก “เหตุใดพวกมันไล่ตามพวกเรา?”


สื่อชิงเฉิงเผยน้ำเสียงโกรธแค้น “เป็นเซี่ยงสื่อเฉวียนและพรรคพวก!”


ฉินหยุนและคณะเร่งรีบวิ่งเข้าป่าหนาด้วยความเร็วสูงล้ำ ทางด้านผู้ฝึกตนสายเลือดด้านหลัง ก็ไล่ตามมารวดเร็วเช่นกัน


บรรดาผู้ฝึกตนสายเลือดเหล่านั้น ล้วนเป็นผู้ฝึกตนวัยเยาว์ที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ย้อนกลับไปก่อนหน้า สองในนั้นคิดอยากได้สุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิงไว้ในครอบครอง


ขณะนี้พวกนั้นอาศัยความโกลาหลไล่ตามพวกเขา ย่อมต้องมีแรงจูงใจซ่อนเร้นอันชั่วช้า!


“พวกนั้นใกล้เข้ามา ข้าไปหลบก่อน!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมกระโดดขึ้นบนดงไม้ จากนั้นจึงใช้ไข่มุกโปร่งแสงทำการปิดซ่อนตัวตน


ชั่วขณะนี้ ผู้ฝึกตนสายเลือดจำนวนหนึ่งทะยานกายเข้ามา ปิดล้อมสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเอาไว้


ฉินหยุนพอเห็นสถานการณ์ย่ำแย่ เขานำเอาปืนใหญ่ราชันลึกล้ำออกมา!


ปืนใหญ่ราชันลึกล้ำที่เขาหลอมขึ้น ภายในมิติเก็บของ บรรจุเอาไว้ซึ่งกระสุนปืนใหญ่จำนวนมากมายภายใน


กระสุนปืนใหญ่เหล่านี้ เป็นเขาละเอียดละไมหลอมพวกมันขึ้น ผสานไว้ด้วยแก่นสัตวซ์อสูรและน้ำมันสัตว์ปริมาณมหาศาล


ด้วยน้ำมันสัตว์หลายพันจินทำการควบแน่นเอาไว้ในลูกสีดำขนาดเล็กเพียงกำปั้น จากนั้นค่อยขัดเกลามันเอาไว้ด้านในแก่นสัตว์อสูรระดับวิญญาณ สิ่งนี้มีอำนาจระเบิดทำลายล้างมากล้น


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองสวมใส่ชุดรัดรูป นับว่าเหมาะแก่การพร้อมต่อสู้อย่างยิ่ง บรรดาผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเหล่านั้น ล้วนสวมใส่ชุดหรูหราที่ขยับกายได้ยาก


“ชิงเฉิง ลูกพี่ลูกน้องเจ้าเล่า? มันหยามเหยียดพวกเราเอาไว้ไม่น้อย!” เซี่ยงสื่อเฉวียนเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นเยือก


“เขาอยู่กับแม่เฒ่าตู้!” สื่อชิงเฉิงตอบกลับ


เซี่ยงสื่อเฉวียนหัวเราะดัง “ข้าเห็นมันมากับเจ้าสองคน ไม่คิดว่าไอ้หน้าโง่นั่นรวดเร็วได้เพียงนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องมีชะตาไม่ต่างอะไรกับพวกเจ้านัก!”


แม้ว่าสุ่ยเทียนสื่อมักจะเผยเสน่ห์เหย้าหยวนหยอกล้อไปเรื่อย แต่เมื่อนางคิดสู้ ใบหน้านี้ไม่เผยความยี่หระ ด้วยสีหน้าเย็นเยือก น้ำเสียงของนางเผยโทสะขณะตอบกลับ “อย่าได้ขวางพวกเราแล้ว จงไปให้พ้นทาง!”


“แพศยาสองตัวเช่นพวกเจ้า ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หยอกล้อพวกเราจนแทบตาย ขณะนี้ถือเป็นโอกาสหาได้ยากยิ่งที่จะตอบแทนกลับคืนพวกเราแล้ว เช่นนี้พวกเรายังจะปล่อยไปโดยง่ายหรือ?” ชายร่างกำยำเผยรอยยิ้มชั่วร้ายเด่นชัด


สื่อชิงเฉิงหัวเราะเย็นชา “พวกเจ้าล้วนต้องการเราเป็นเตาหลอมฝึกฝนหรือไม่ใช่? อย่าคิดว่าพวกข้าไม่ทราบเรื่องนี้!”


“ไม่เพียงแต่ก่อนหน้า ตอนนี้ก็ยังใช่ พวกเจ้ายังถือเป็นเตาหลอมน่าเย้ายวนนัก ข้าขอกล่าวจากใจ หญิงสาวจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงล้วนดาษดื่นเกินไป เป็นมนุษย์ธรรมดายังเล่นสนุกกับพวกเราได้มากกว่า!” ชายร่างกำยำที่ขณะนี้กายปกคลุมด้วยพลังภายในสีดำหัวเราะลั่น


มีผู้ฝึกตนสายเลือดสี่คน กระทั่งว่ามีแค่สอง ก็ยังไม่ใช่อะไรที่สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนจะสามารถรับมือได้ไหว


“แพศยาสองตัวนี้ คงต้องให้ได้เห็นพลังกันบ้างจึงค่อยยอมรับ ฮ่าฮ่าฮ่า” เซี่ยงสื่อเฉวียนถอดชุดออก เผยซึ่งมัดกล้ามเนื้องดงาม


พร้อมกันนี้ สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อมีโทสะล้นพ้น ทั้งนี้ยังเคร่งเครียดอย่างยิ่ง


ฉินหยุนหลับตา ผ่านทางวิญญาณยุทธ์ราชสีห์สวรรค์อสนีบาตอัคคีสีดำ เขากำลังปลดปล่อยพลังของมหาวิถีแห่งเต๋าออกมา!


อย่างกะทันหัน มันถูกปกคลุมด้วยออร่าสีดำมืด พื้นดินขณะนี้สั่นสะเทือนเล็กน้อย ลมพายุหมุนสีดำสนิทพลันปรากฏกลางอากาศ


เสียงราชสีห์คำรามร้อง พร้อมกันนี้ ร่างของราชสีห์สวรรค์สีดำยาวนับสิบเมตรเคลื่อนคล้อยลงจากฟากฟ้า!


อย่างกะทันหัน ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพปรากฏตัว ออร่านี้ชวนผู้คนขนลุก มันน่ากลัวขนาดที่ผู้ฝึกตนสายเลือดที่ชั่วช้าเหล่านั้น ยังต้องรีบเผ่นหนีหาย


ฉินหยุนลงจากด้านบนดงไม้ ปลดปล่อยพลังการโปร่งแสง จากนั้นค่อยฉุดสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ กระโดดขึ้นด้านบนหลังของราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ


ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพคำรามดัง เริ่มออกวิ่งไปยังทิศทางหนึ่ง


สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเมื่อครู่นี้ ภายในใจเกิดความหนักอึ้งล้นพ้นเพราะราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ แต่แล้วเพียงพริบตา พวกนางกลับได้นั่งบนหลังราชสีห์สวรรค์พร้อมฉินหยุน


“น้องชาย… เกิดอะไรขึ้นกับราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพตัวนี้กัน?” สื่อชิงเฉิงเผยความไม่เชื่อถามออก ราชสีห์สวรรค์ตัวนี้คือตัวตนจริงไม่ใช่ภาพมายา


นางทราบว่าฉินหยุนครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์ ดังนั้นจึงพอมองออกว่าทั้งสองมีความเชื่อมโยง


ทางด้านสุ่ยเทียนสื่อ นางไม่ทราบตัวตนฉินหยุน เพียงเชื่อว่าราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพตัวนี้ เป็นฉินหยุนกำราบมาได้


“อย่าได้ถามมากแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ราชสีห์สวรรค์ตัวนี้หาได้ทรงพลังมากนัก แต่ก็พอใช้สะกดข่มคนพวกนั้น!”


สุ่ยเทียนสื่อ ผู้ซึ่งเมื่อครู่ถูกปิดล้อมเอาไว้โดยยอดฝีมือสายเลือดสี่คน ภายในใจย่อมเกิดความสิ้นหวัง ขณะนี้ได้ฉินหยุนช่วยเหลือเอาไว้ นางย่อมยินดี สายตาจับจ้องที่ฉิน มือยื่นออกไปอย่างไม่รู้ตัวสัมผัสกับร่างอีกฝ่าย


สื่อชิงเฉิงกัดฟันแน่นอย่างมีโทสะ น้ำเสียงแค่นออกดังขึ้น “วิญญาณร้ายวารี อย่าได้คิดอะไรกับเขา!”


สุ่ยเทียนสื่อนั่งด้านหลังฉินหยุน สวมกอดเข้าจากทางด้านหลัง ร่างกายหอมกรุ่นของนางแนบชิดกับแผ่นหลังของฉินหยุน มือขาวนวลขณะนี้ลูบไล้ที่ร่างอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว


ฉินหยุนไม่ทราบว่าควรตอบสนองอย่างไร กระนั้น ความอบอุ่น และมือขาวนวลนี้สะกดที่ร่างกายของเขา เป็นความรู้สึกสบายอย่างยิ่งประการหนึ่ง


“ข้าชอบพอเขา ย่อมคิดสัมผัส นี่ผิดอันใด?” สุ่ยเทียนสื่อเผยรอยยิ้มกว้าง


ฉินหยุนฉับพลันนี้ส่งเสียงทุ้มต่ำดังตอบ “พวกมันยังคงไล่ตามพวกเรามา! พวกมันรู้ตัวแล้วว่าราชสีห์สวรรค์ตัวนี้ไม่แข็งแกร่งดังที่เห็น จึงไล่ตามมา!”


คำพอกล่าวจบ เขาส่งราชสีห์สวรรค์กลับปรโลก จากนั้นเร่งรีบดึงหญิงสาวทั้งสองเข้ามาแนบชิด ใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงผ่านภูเขากว้างใหญ่ตรงหน้า


ภายในย่อมมีถ้ำหินปูน ฉินหยุนเมื่อปรากฏตัวในถ้ำ เขาค่อยเร่งรีบถอนพลังของความสามารถเทวะทะลุทะลวงกลับคืน


ใบหน้าขณะนี้ซีดเผือด ด้วยการพาถึงสองคนร่วมทางผ่านความสามารถเทวะ ทำเอาเขาต้องใช้พลังไปอย่างมหาศาล


“พวกเราจะจัดการพวกมันตอนฟ้ามืด!” กล่าวคำจบ ฉินหยุนหาที่นั่งกับพื้นเพื่อทำการพักฟื้นพลัง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม