เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 160-166
ตอนที่ 160:บิดแขน
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอเห็นซินห้าวก็ดีใจทั้งนั้น ไม่เห็นก็ไม่รู้ พอเห็นเธอถึงค่อยรู้ ว่าเธอคิดถึงซินห้าว
ซินห้าวได้รับการปฏิบัติเหมือนแขก ตอนนี้ไม่มีใครสังเกตว่าอวี๋เหวยหมินยังไม่ไป ลืมไปเลยว่าเขาอยู่ รวมไปถึงเฉินเวยด้วย
อวี๋เหวยหมินในใจเป็นน้ำแข็ง สายตาเฉินเยี่ยนและเฉินเวยมองแต่ซินห้าว ความอิจฉาเขาพุ่งทะลักขึ้นมา ผู้หญิงสองคนนี้เป็นของเขา พวกเธอมองผู้ชายคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง!
หูเฟยยังนั่งอยู่ แต่สีหน้าเขาก็เย็นชาขึ้นมาเหมือนกัน ซินห้าวดูโดดเด่นเกินไป เทียบกับเขาแล้ว ความรู้สึกเหนือกว่าย่อมไม่เหลือแล้ว เขารู้สึกเป็นศัตรูกับซินห้าวขึ้นมาอย่างประหลาด ผู้ชายคนนี้มาเพราะเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนเป็นคนที่หมั้นกับเขาตั้งแต่เด็ก ถือดียังไงมาให้ผู้ชายคนอื่นแย่งไป!
หูเฟยลืมไปแล้วว่าตอนแรกเขาไม่ชอบเฉินเยี่ยน ที่จริงเขาก็ไม่ได้รักเฉินเยี่ยน เพียงแต่รู้สึกว่าเป็นของที่เดิมทีเป็นของเขา ในเมื่อเขาไม่ชอบ ก็ไม่ควรให้ผู้ชายอื่นเอาไป มีคนมาแย่ง จากที่เขาไม่ชอบก็รู้สึกมีค่าขึ้นมา
เฉินเยี่ยนไม่รู้ความคิดของสองคนนี้ ถ้ารู้จะต้องด่าว่าโรคจิตแน่ สมองมีแต่น้ำเหมือนเวยหลายชุน
“เฉินเวย”
อวี๋เหวยหมินตะโกนเรียก น้ำเสียงกัดฟันกรอด
“อืม หืม”
เฉินเวยตอบ แต่สายตายังไม่ละไปจากซินห้าว อวี๋เหวยหมินทนไม่ไหวแล้ว นี่คือผู้หญิงของเขา มองผู้ชายคนอื่นแบบนี้หมายความว่ายังไง เขาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวจับแขนเฉินเวย
เฉินเวยรู้สึกได้ถึงความเจ็บจึงละสายตากลับมาที่อวี๋เหวยหมิย สายตาที่มองอวี๋เหวยหมินดูไม่เข้าใจ ฟังดูรำคาญ
“เฉินเยี่ยน เธอมันหน้าด้าน”
อวี๋เหวยหมินโกรธ สำหรับเฉินเยี่ยนแล้วความรู้สึกเขาที่มีต่อเฉินเยี่ยนค่อนข้างซับซ้อน เขาคิดว่าเขาจะทำยังไงกับเฉินเยี่ยนก็ได้ แต่เฉินเยี่ยนทำยังไงกับเขาไม่ได้ เขาให้เฉินเวยไปทำลายความสัมพันธ์ของเฉินเยี่ยนและเวยหลายชุน นอกจากแก้แค้นแล้วยังแฝงความรู้สึกหนึ่งไว้ นั่นคือเฉินเยี่ยนเป็นผู้หญิงของเขา เป็นภรรยาเขา ให้ผู้ชายคนอื่นมาครอบครองไม่ได้ แบบนั้นเขาจะรู้สึกเหมือนโดนนอกใจ
เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าอวี๋เหวยหมินจะดึงเฉินเวยตรงมาที่เธอ ผู้ชายคนนี้โรคจิต เฉินเยี่ยนกลอกตาบนใส่เขา
“คุณเป็นอะไร เยี่ยนจื่อเป็นยังไงคุณมีสิทธิ์อะไรมาว่า ตัวเองสกปรกโสมม คิดว่าทุกคนจะเหมือนคุณหรือไง ออกไป ไม่อย่างนั้นผมจะโยนคุณออกไป”
ยังไม่ทันที่เฉินจงจะโกรธออกมา ซินห้าวลุกขึ้นมา เขาบีบคออวี๋เหวยหมินยกไปถึงลานบ้านแล้วโยนลงไป
ถึงจะเป็นแบบนี้อวี๋เหวยหมินก็ยังไม่ปล่อยเฉินเวย แบบนี้เขาเหมือนแม่ไก่ที่โดนบีบคอ ใบหน้าแดงก่ำ คออยากจะส่งเสียง แต่ร้องได้แค่ อือ อือ เขาไม่รู้ว่าซินห้าวเอาแรงมากมายมาจากไหน แค่มือเดียวสามารถบีบคอเขาขึ้นมาไปถึงลานบ้าน นี่น่ากลัวจริงๆ
หลังอวี๋เหวยหมินถูกปล่อยก็ไอไม่หยุด ซินห้าวเดินออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาออกหน้าแทนเฉินเยี่ยน ฝั่งเฉินจงก็มองเขา ถ้าเขายังพูดมากอีกคำจะให้เขาได้ชิมหมัดดู เขาทำได้แค่หดคอหุบปากลง
ขี้ขลาดตาขาว!
เฉินเยี่ยนหันหน้าไป ไม่มองเขาอีก
จู่ๆ เฉินเวยก็รู้สึกรังเกียจอวี๋เหวยหมินขึ้นมา ผู้ชายคนนี้ช่างไม่มีความกล้าเอาเสียเลย ซินห้าวหล่อจริงๆ เมื่อก่อนเธอทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้มีผู้ชายแบบซินห้าว เธอจะต้องการอวี๋เหวยหมินไปทำไม! แต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถทะเลาะกับอวี๋เหวยหมินได้ เธอต้องปลอบอวี๋เหวยหมินให้สงบก่อน รอเรื่องเธอกับซินห้าวตกลงกันได้แล้ว เธอค่อยสั่งสอนอวี๋เหวยหมิน ไล่ให้เขาไป
“พี่อวี๋ พี่กลับไปก่อนดีไหม?”
เฉินเวยส่งสายตาให้อวี๋เหวยหมิน แสดงให้เขากลับไปก่อน จากนั้นตัวเองจะไปหาเขาเพื่ออธิบาย
อวี๋เหวยหมินมองเฉินเวย เธอเรียกตัวเองว่าพี่อวี๋ นี่จะขีดเส้นกันใช่ไหม? ตัวเองยอมหักหลังเฉินเยี่ยนเพื่อเธอ ทำไมเธอถึงทำกับตัวเองแบบนี้!
“คุณพูดกับผมให้รู้เรื่อง เฉินเวย ตกลงคุณรักผมหรือเปล่า? จะแต่งงานกับผมไหม?”
อวี๋เหวยหมินก็โพล่งออกไป เขาต้องการคำตอบ เขาต้องการความมั่นใจ ถ้าเฉินเวยกล้าบอกว่าจะแต่งงานกับเขาต่อหน้าพ่อแม่เฉิน ถ้าเฉินเวยกล้าบอกรักเขาต่อหน้าผู้ชายที่หล่อเหลา ก็ถือว่าเฉินเวยยังมีความจริงใจ เขาไม่สามารถสูญเสียเฉินเยี่ยน แล้วเสียเฉินเวยไปได้อีก
เฉินเวยขมวดคิ้ว ทำไมอวี๋เหวยหมินและเวยหลายชุนจะต้องมาบีบบังคับตัวเองเหมือนกัน ผู้ชายพวกนี้ทำไมน่ารังเกียจแบนี้ ไม่คิดแทนตัวเองเลย ทำแบบนี้ซินห้าวจะคิดยังไงกับตัวเอง?
“อวี๋เหวยหมิน เธอมันหน้าไม่อาย เสี่ยวเวยเราจะแต่งกับใครก็ได้แต่ไม่มีวันแต่งกับเธอ รีบออกไปซะ ถ้ายังพูดจาหน้าขายหน้าอีก ฉันจะตัดขาเธอ”
หวางนิวผลักอวี๋เหวยหมินออกไป เฉินจงก็เดินมาข้างหน้า
อวี๋เหวยหมินกลับดึงแขนเฉินเวยไว้ไม่ยอมปล่อย เฉินเวยร้องเจ็บ อวี๋เหวยหมินก็ไม่ใช่ผู้ชายที่รักเอ็นดูเธอเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ไม่สนใจว่าเธอเจ็บและไม่ปล่อยมือ กลับยิ่งออกแรงมากขึ้น ถ้าเฉินเวยไม่พูดให้รู้เรื่องเขาก็จะไม่ปล่อยมือ
“พี่เหวยหมิน ขอร้องล่ะ”
นัยน์ตาเฉินเวยแดงก่ำ
อวี๋เหวยหมินดูเหมือนจิตใจโหดเหี้ยม เฉินเยี่ยนอยากจะดูละครต่อ แต่ซินห้าวอยู่ที่นี่ เธอไม่อยากให้เสียเวลาเพราะเฉินเวย
เฉินจงอยากจะลงมือ แต่เป็นลูกสาวคนเล็กร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้นเขาก็รู้สึกรำคาญ อีกอย่างอวี๋เหวยหมินดึงเฉินเวยอยู่ไม่ปล่อยมือ เขาก็กลัวเฉินเวยจะบาดเจ็บ เลยทนไว้
“พ่อแม่ ให้เสี่ยวเวยไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องเถอะค่ะ ยื้อกันไปมาก็ดูไม่ดี อธิบายกันให้รู้เรื่องก็ไม่มีอะไรแล้ว พวกเรากินข้าวกันก่อนดีกว่า อีกเดี๋ยวซินห้าวกับหูเฟยก็จะไปแล้ว”
เฉินเยี่ยนตามซินห้าวออกมา มองดูไม่กี่คนที่ยื้อกันอยู่ในลานบ้าน เธอไม่อยากเสียเวลา
เฉินเวยแอบโกรธ เฉินเยี่ยนอยากจะไล่ให้ตัวเองไป ไม่อยากให้ตัวเองเจอซินห้าว ถ้าเธอไปกับอวี๋เหวยหมิน อวี๋เหวยหมินต้องไม่ปล่อยเธอไปพักหนึ่งแน่ กว่าเธอจะอธิบายกลับมา ซินห้าวก็ไปแล้ว จะไม่ได้เจอหนุ่มหล่อของเธอแล้ว อีกอย่างถ้าเธอไปกับอวี๋เหวยหมิน ซินห้าวต้องเข้าใจเธอผิดแน่ เฉินเยี่ยนนี่เห็นเธอได้ดีไม่ได้
“พี่ซิน ฉันเจ็บมากเลย พี่ช่วยฉันหน่อย”
เฉินเวยเห็นซินห้าวฟังที่เฉินเยี่ยนพูดแล้ว จะหันหลังกลับเข้าบ้านกับเฉินเยี่ยน เธอเลยรีบ ไม่สนใจที่อวี๋เหวยหมินดึง ใช้อีกมือไปดึงแขนซินห้าว
ไม่มีใครคิดถึงการกระทำของเฉินเวย อวี๋เหวยหมินโกรธจัด เขาออกแรกหยิกเฉินเวย คิดจะจิกดึงเฉินเวยกลับมา เฉินเวยก็หรี่ตา เธออยากจะลงมือ แต่พวกเขาไม่มีใครเคลื่อนไหวได้เร็วเท่าซินห้าว
เฉินเยี่ยนยังไม่ทันจะเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องของเฉินเวย จากนั้นแขนเธอก็ห้อยตกลงมา สีหน้าขาวซีด ครั้งนี้น้ำตาเธอไหลออกมาจริงๆ ไม่ใช่แกล้ง เธอเจ็บ วินาทีที่แขนเธอสัมผัสโดนแขนซินห้าว ซินห้าวกลับตัวใช้แรงทำแขนบิดเฉินเวยผิดรูป
นี่ยังไม่เท่าไร ซินห้าวยังใช้สายตาที่รังเกียจเป็นอย่างมากมองเฉินเวย เขาเกลียดคนที่มาโดนตัวเขา ครั้งที่แล้วก็ทำซูเหม่ยลี่ ครั้งนี้เป็นเฉินเวย เฉินเวยไม่ใช่คนดีอะไร เขาไม่เสียใจที่ทำแบบนี้กับเฉินเวย ถึงแม้จะเป็นน้องสาวเฉินเยี่ยน นอกจากเฉินเยี่ยนแล้ว ผู้หญิงคนอื่นอย่าได้คิดจะแตะต้องเขา!
————————–
ตอนที่ 161:สั่งสอน
โดย
Ink Stone_Romance
การกระทำของซินห้าวทำทุกคนในลานบ้านอึ้งไป
อวี๋เหวยหมินตกใจกับเสียงกรีดร้องของเฉินเวยจนเกือบจะไม่มีสติ เขารีบปล่อยมือ ปล่อยแขนเฉินเวย ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แสดงให้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เป็นซินห้าวที่ทำร้ายเฉินเวย
เฉินจงมองซินห้าวด้วยสายตาที่สับสน ซินห้าวบิดแขนลูกสาวเขา เขากลับด่าซินห้าวไม่ได้
หวางนิวสงสารวิ่งไปประคองเฉินเวย แต่เฉินเวยกลับเอาแต่ร้องไห้ร้องว่าเจ็บ
“ขอโทษ ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะตัวผม ผมรู้สึกสกปรก คุณมาดึงผมไว้ ผมนึกว่ามีคนมาจู่โจมผม เลยลงมือแรงไป”
ซินห้าวพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แต่สีหน้าไม่ได้แสดงออกถึงความขอโทษ เขาพูดชัดเจนว่าเขาไม่ชอบให้คนอื่นมาโดนตัว เฉินเวยมาแตะต้องเขา เขาถึงลงมือ โทษเขาไม่ได้ ส่วนคำพูดเขาจะทำให้เฉินเวยคิดยังไง ไม่เกี่ยวกับเขา
เฉินเยี่ยนลูบคางตัวเอง เธอโชคดีมากใช่ไหม เธอล้อเขาเล่น เธอจู่โจมเขาติดกำแพง เธอจูบซินห้าว ซินห้าวไม่ตีเธอ แต่กลับตอบรับดีมาก เขายังเป็นฝ่ายรุกจูบตัวเองด้วย ดูท่าเขาจะชอบตัวเองจริงๆ ไม่อย่างนั้นตัวเองก็จะมีจุดจบเดียวกับเฉินเวย
เห็นท่าทางเฉินเวยน่าสมเพชแบบนั้นแล้วทำไมตัวเองรู้สึกสุขใจอย่างนี้นะ! ซินห้าวนี่เก่งสุดๆ ไม่พูดอะไรก็บิดแขนเฉินเวยออกไป นิสัยแบบนี้ดี ไม่ว่าคนอื่นจะยังไง เธอรู้สึกว่าซินห้าวดี อีกหน่อยผู้หญิงที่คิดอะไรกับซินห้าว ซินห้าวก็จะทำแบบนี้
เฉินเยี่ยนมาข้างหน้าซินห้าว มองซินห้าวด้วยสายตาเป็นประกาย เธอเผยสีหน้าชื่นชมกับการกระทำของเขาอย่างไม่ปิดบัง ตอนนี้เธอไม่เป็นห่วงแล้ว อีกหน่อยใครกล้ามาปิ๊งผู้ชายของเธอ ตัวซินห้าวเองก็จะลงมือจัดการกับฝ่ายหญิงเอง หล่อมากจริงๆ เฉินเยี่ยนยกนิ้วโป้งให้ซินห้าว
“มีรางวัลให้หรือเปล่า?”
ซินห้าวถามเฉินเยี่ยน สายตาเยือกเย็นเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เขารู้อยู่แล้วว่าทำแบบนี้ไม่เพียงแต่เฉินเยี่ยนจะไม่โทษเขา เธอยังจะชื่นชมเขาด้วย เฉินเยี่ยนของเขาจริงใจ ไม่เสแสร้งมาคุยกับคนอื่นเรื่องความสัมพันธ์พี่น้องอะไรนั่น คิดยังไงก็ทำอย่างนั้น ทำไมต้องแคร์สายตาคนอื่น
“มี”
เฉินเยี่ยนพยักหน้าให้ซินห้าว วันนี้ซินห้าวได้ใจเธอสุดๆ ทำให้เธอสบายใจจริงๆ เฉินเวยนี่เธอไม่ได้ตี ถึงแม้พ่อแม่จะสงสารแต่ก็โทษเธอไม่ได้ นี่เป็นน้ำแรงของซินห้าวเลยเนี่ย
แล้วยังมีอวี๋เหวยหมินนั่นอีก ถ้าเขาเป็นเหมือนกับเฉินเวยก็ดี เฉินเยี่ยนคิดเสร็จก็เหลือบมองขาอวี๋เหวยหมิน ทางที่ดีหักขาเขาไปได้ก็ดี
อวี๋เหวยหมินรู้สึกถึงสายตาของเฉินเยี่ยน เขารู้สึกชาที่ขา ซินห้าวจะไม่ฟังเฉินเยี่ยนแล้วมาหักขาเขาใช่ไหม? ซินห้าวนี่เป็นคนยังไง ทำไมน่ากลัวแบบนี้ แม่ ผมอยากจะกลับไปยุคปัจจุบันแล้ว เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว
“วางใจได้ ผมจะไม่ให้เขาอยู่อย่างเป็นสุข”
ซินห้าวเหมือนเข้าใจความคิดของเฉินเยี่ยน กระซิบพูดเสียงเบากับเฉินเยี่ยน
“ได้ จัดการแล้วจะให้รางวัลเพิ่มเป็นสองเท่า”
เฉินเยี่ยนพูดอย่างไม่ลังเล สายตาเฉินเยี่ยนเผยแววเอ็นดู เขายื่นมือไปจับมือเฉินเยี่ยน
สายตาเฉินเวยแสดงออกถึงความอิจฉา ร้องเจ็บอย่างเนื่องไม่หยุด เธออยากจะยกแขนขึ้นมาชี้เฉินเยี่ยนและซินห้าว แต่แขนกลับไม่ขยับ
“เธอ พวกเธอ…”
ซินห้าวจับมือเฉินเยี่ยนดูแล้วทิ่มแทงสายตา ได้ยังไง เขาจูงมือเฉินเยี่ยนได้ยังไง เขาควรจะเป็นของตัวเอง!
“ซินห้าว ป้าขอร้องเธอล่ะ เธอช่วยเสี่ยวเวยหน่อย เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ว่าเธอไม่ชอบให้คนมาแตะต้อง เธอดูสภาพเธอตอนนี้สิ เธอช่วยต่อแขนเสี่ยวเวยให้ที เสี่ยวเวยยังเด็กไม่รู้เรื่อง แขนนี้ถ้าพิการไป อีกหน่อยเธอจะอยู่ยังไง”
หวางนิวก็เห็นซินห้าวกับเฉินเยี่ยนจูงมือกัน พูดในใจว่าไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้มาจูงมือลูกสาวแล้ว ดูเหมือนก่อนหน้านี้จะเป็นข้ออ้างมากกว่า แต่เธอไม่สนเรื่องนี้แล้ว ขอร้องซินห้าวก่อน
“ซินห้าว แขนนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสี่ยวเวยทำไม่ถูก ลุงจะสั่งสอนเธอ เธอช่วยต่อแขนให้เธอก่อนเถอะ”
เฉินจงก็พูดแล้ว
ซินห้าวมองเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนรู้ พ่อแม่ไม่สามารถปล่อยให้แขนเสี่ยวเวยเป็นอย่างนี้ได้ ยังไงก็ต้องต่อ แต่เธอยอมให้เฉินเวยเจ็บมากอีกหน่อย
“คุณต่อได้ไหม?”
เฉินเยี่ยนถามซินห้าว ซินห้าวไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือ เธอก็ไม่ได้ดึงมือตัวเองกลับ ปล่อยให้ซินห้าวจับอยู่
“ทำก็ทำได้อยู่ แต่จะต่อกลับให้เธอ เธอจะเจ็บไปอีกสองวัน”
ซินห้าวพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของเฉินเยี่ยน เดิมทีเขาสามารถต่อให้เฉินเวยได้ ไม่ต้องให้เฉินเวยทนเจ็บ แต่ในเมื่อเฉินเยี่ยนแสดงความคิดเธอแล้ว เขาก็จะใช้เทคนิคนิดหน่อย ให้เฉินเวยเจ็บเพิ่มขึ้นอีกสองวัน ถือว่าเป็นการไถ่โทษให้เฉินเยี่ยน
“ไม่เป็นไร เจ็บก็เจ็บ คุณก็ทำอะไรไม่ได้ ใครให้เธอมาดึงคุณล่ะ คุณฝึกวิชามาก่อน ไม่ชอบคนมาแตะต้องตัว เป็นการตอบโต้โดยสัญชาตญาณ โทษคุณไม่ได้”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็เหลือบมองเฉินเวยแล้วพูดขึ้นมา “เฉินเวย เธอได้ยินแล้วนะ อีกหน่อยอย่าเห็นใครก็ยื่นมือไปดึง จะไปซบลงบนตัวคนอื่น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบ ถ้าเธอทำแบบนี้กับซินห้าวอีก มีแขนเท่าไรก็ไม่พอบิด โดนบิดอีกทีก็ไม่มีคนสนใจเธอแล้ว”
เฉินเยี่ยนสั่งสอนเฉินเวย
“ยังไม่รีบตอบตกลงอีก นิสัยเสียนี่ต้องแก้ได้แล้ว”
หวางนิวว่าเฉินเวย วันนี้เธอไม่พอใจลูกสาวคนเล็กมาก แต่เป็นลุกสาวคนเล็กหน้าซีดแล้ว ร้องไห้อย่างเจ็บปวดขนาดนั้น เธอก็สงสาร
เฉินเวยอยากจะตะโกน อยากจะด่าเฉินเยี่ยน อยากจะสู้กับเฉินเยี่ยน แต่เธอทำไม่ได้ เธอเอาชนะเฉินเยี่ยนไม่ได้ ทำได้แค่ทนเจ็บและพยักหน้าอย่างน่าสงสาร
ซินห้าวเดินมาข้างเฉินเวย เธอไม่อยากแม้แต่จะมองเฉินเวย ดังนั้นเฉินเวยส่งสายตาน่าสงสารมองเขาก็ไร้ผล ถึงแม้เขาจะเห็นเขาก็ไม่สนใจใยดี
ซินห้าวยื่นมือจับแขนเฉินเวย ขยับสองที จากนั้นใช้เทคนิคคลายแขนให้เฉินเวย ถึงแม้จะคลายแล้ว แต่เฉินเวยก็ยังต้องเจ็บอีกหลายวัน หลังจากนี้วันที่ฝนตกมืดครึ้มแขนของเฉินเวยก็จะรู้สึกไม่สบาย ถือว่าเป็นการให้บทเรียนกับเฉินเวย
เฉินเวยรู้สึกว่าแรงทั้งหมดที่มีของตัวเองได้ใช้ไปหมดแล้ว ตัวเธอเหงื่อชุ่มซึมออกมา ความรู้สึกแบบนี้ไม่ดีเลย แต่ไฟในใจเธอที่มีให้ซินห้าวนั้นไม่ได้ดับลงเลย ผู้ชายแบบนี้เธอต้องได้ หลังจากได้แล้วเขาจะต้องรักเดียวใจเดียวกับตัวเอง เธอแค่มีรักษาซินห้าวไว้ก็พอ เธอจะไม่หาคนอื่นอีกแล้ว
เฉินเวยตัดสินใจแล้ว
“ยังไม่ไปอีก เพราะเธอ ถ้าไม่ใช่เธอเสี่ยวเวยจะเป็นแบบนี้หรือ!”
ฝั่งหวางนิวระบายความโกรธลงที่อวี๋เหวยหมิน เธอยังตีอวี๋เหวยหมินอีกสองที
อวี๋เหวยหมินไม่กล้าตอบกลับ เขากลัวว่าเขาดึงเฉินเวยไปอีก หวางนิวและเฉินจงต้องไม่ปล่อยเขาแน่ ช่างเถอะ เขารอเฉินเวยอธิบายกับเขาก็พอ อีกอย่าง เขาต้องได้ตัวเฉินเวยมา ถึงตอนนั้นเฉินเวยก็ไม่มีทางไปคิด ไปอ่อยผู้ชายคนอื่นแล้ว
ส่วนเฉินเยี่ยน เห็นซินห้าวจับมือเฉินเยี่ยน อวี๋เหวยหมินก็ตาร้อนด้วยความหึงหวง แต่เขาไม่กล้าทำอะไร เขากลัวซินห้าวจริงๆ แม้แต่คำพูดขู่เขายังไม่กล้าเลย อวี๋เหวยหมินกลับไปแล้ว
——————
ตอนที่ 162: ฉันเลี้ยงเขาก็ได้
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินจงให้หูเฟยและซินห้าวเข้ามาในบ้านอีกครั้ง ทุกคนนั่งลงบนโต๊ะอาหาร แต่บรรยากาศกลับอึมครึม
“อาห้าว เรื่องที่เมื่อกี้เธอพูดนี่จริงหรือ?”
หวางนิวอดทนแล้วอดทนอีก แต่ทนไม่ไหว เธอถามขึ้นมา ถ้าลูกสาวคนโตชอบซินห้าว แล้วท่าทีที่ซินห้าวมีต่อลูกสาวคนโตล่ะ?
ซินห้าวพยักหน้า
“แล้วพ่อแม่เธอรู้เรื่องที่เธอมาบ้านเราหรือเปล่า?”
หวางนิวร้อนรนถามไปหน่อย ถ้าพ่อแม่ซินห้าวรู้ งั้นก็หมายความว่าลูกสาวกับซินห้าวมีความเป็นไปได้?
“คุณป้าวางใจได้ครับ”
ซินห้าวพูดเรียบๆ เขาไม่ได้บอกว่าพ่อแม่เขารู้หรือไม่ เขารู้เพียงแค่ว่าเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้วเขาจะยืนหยัดจนถึงที่สุด
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี”
ตอนนี้เฉินจงถึงเข้าใจว่าทำไมครั้งที่แล้วลูกสาวถึงบอกว่าไม่ดูตัวแล้ว ดูเหมือนวันนั้นลูกสาวกับซินห้าวได้เจอกัน สองคนน่าจะมีสัญญาอะไรกัน เขามองเฉินเยี่ยน แล้วก็มองซินห้าว ก็ดูเหมาะสมกันดี เดิมทีเขาก็เคยคิด แต่ก็รู้สึกว่าบ้านตัวเองไม่เหมาะสมกับบ้านซิน แต่หลังๆ ซินห้าวช่วยลูกสาวมาตลอด เขาก็คิดอยู่ในใจ แต่คิดไม่ถึงว่าลูกสาวและซินห้าวจะชอบพอกันจริงๆ สำหรับสองคนนี้แล้วเขาเห็นด้วยยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“คุณป้า คุณลุง แม่ผมบอกว่าตอนเด็กคุณปู่เคยหมั้นหมายผมกับเยี่ยนจื่อไว้ ตอนนี้คุณปู่ไม่อยู่แล้ว แม่ผมบอกว่าไม่รู้ว่ายังต้องรักษาคำพูดอยู่หรือเปล่า ถ้ายังถืออยู่ ทั้งสองบ้านจะได้คุยกันต่อ ถ้าไม่ถือก็ไม่เป็นไร”
หูเฟยพูดขึ้นมาอย่างไม่สนใจ แต่ในใจเขาไม่แยแสแบบนี้ที่ไหน เดิมทีมาบ้านเฉินเขาคิดเป็นดาวเด่น เขามีความภูมิใจ ตอนนี้กลายเป็นซินห้าว เขาไม่พอใจอย่างมาก
“พี่เสี่ยวเฟย ก่อนหน้านี้แม่ก็ยังพูดอยู่เลย อยากจะไปหาคุณป้าคุยเรื่องพี่กับพี่สาว น่าจะถือคำพูดอยู่”
เฉินเวยรีบพูดแทรก เธอแทบอยากจะให้เฉินเยี่ยนและหูเฟยตกลงกันเดี๋ยวนี้เลย แบบนี้ซินห้าวจะได้เป็นของเธอ
“แขนไม่เจ็บแล้วเหรอ?”
เฉินเยี่ยนเหลือบมองเฉินเวย ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วยังจะมาก่อกวนอีก
เฉินเวยกัดฟันไม่พูดอะไร แต่ทำสีหน้าโดนรังแก มองหวางนิวด้วยสายตาคาดหวัง หวังจะให้หวางนิวตอบ
หวางนิวรู้สึกอึดอัด เดิมทีเธอชอบพอหูเฟยมาก แต่ตอนนี้มีซินห้าวที่ดีขนาดนี้ อีกอย่างก่อนหน้านี้บ้านหูก็ไม่ยอม ตอนนี้ใจเธอโอนเอียงไปทางซินห้าว
“ซินห้าวใช่ไหม? คุณว่ายังไง?”
หูเฟยเห็นเฉินจงและหวางนิวไม่พูดอะไร เขาหันกลับไปถามซินห้าว สายตาเขาดูพินิจพิเคราะห์ มีแววอิจฉาและเกลียดชัง เหมือนซินห้าวเป็นศัตรูที่ไปแย่งภรรยาเขามา
“เรื่องที่คุณพูดเกี่ยวกับผมหรือ? เยี่ยนจื่อชอบผมก็พอแล้ว”
ซินห้าวรู้สึกว่าหูเฟยคนนี้สมองมีปัญหา เขาและเฉินเยี่ยนต่างชอบกัน พวกเขาจะต้องได้อยู่ด้วยกัน ที่บ้านจัดแจงให้เขาไม่ได้ ถ้าหูเฟยคิดจะใช้เรื่องหมั้นตอนเด็ก คิดจะใช้สัญญาของผู้ใหญ่ ช่างเป็นเรื่องน่าตลกเสียจริง
“เยี่ยนจื่อ เธอว่าไง?”
หูเฟยถามเฉินเยี่ยนอีก
“ไม่เกี่ยวกับฉันนี่ ฉันชอบซินห้าว ไม่มีวันเปลี่ยน”
เฉินเยี่ยนหัวเราะ เรื่องหูเฟยไม่เกี่ยวข้องกับเธอจริงๆ เธอพูดชัดเจนว่าเธอชอบซินห้าว เธอไม่กลัวคนอื่นคิดว่าเธอหน้าไม่อาย ชอบก็ชอบ ถ้าชอบแล้วไม่พูดออกมา แล้วจะทำอะไรได้? เธอประกาศจุดยืนของเธอ แบบนี้ถ้าเฉินเวยลงมืออีก เธอจะให้บทเรียนเฉินเวยอย่างสาสม
หวางนิวอ้าปากไม่พูดอะไร อยากจะว่าลูกสาวคนโตว่าหน้าไม่รู้จักมียางอาย แต่เห็นซินห้าวดูเหมือนดีใจมาก ช่างเถอะ ซินห้าวชอบลูกสาวคนโตก็ดีแล้ว ลูกเขยแบบนี้จะไปหาที่ไหน ตัวเองไม่เข้าไปยุ่งแล้วกัน
หูเฟยรู้สึกว่าอาหารที่กินไปเมื่อกี้อุดอยู่ทำเขาหายใจไม่ออก เฉินเยี่ยนคนนี้ช่างหน้าไม่อาย กล้าพูดว่าชอบผู้ชายต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ แต่เขาก็รู้สึกว่าคนที่เฉินเยี่ยนพูดไม่ได้ดีกว่าตัวเองมากเท่าไร
“ไม่รู้ว่าซินห้าวทำงานอะไร? เป็นคนงานหรือ? โรงงานไหนล่ะ? บอกมาหน่อยไม่แน่ผมอาจจะรู้จักก็ได้นะ”
หูเฟยถามถึงสถานะซินห้าวอีก น้ำเสียงมีแววภาคภูมิใจ เขาคิดว่าซินห้าวไม่ได้เก่งไปกว่าเขาเท่าไร
“ไม่ใช่ ตอนนี้ผมไม่ได้ทำอะไร”
ซินห้าวเข้าใจความหมายของหูเฟย แต่เขาไม่สนใจ
“อยู่บ้านเล่น ไม่ค่อยดีหรือเปล่า? เยี่ยนจื่อไม่เด็กแล้ว ถ้าคุณต้องการจะแต่งกับเธอจริง แล้วคุณจะเอาอะไรมาเลี้ยงเธอ? อย่าบอกว่าเห็นเยี่ยนจื่อห่อบุรี่ได้ แล้วจะให้เยี่ยนจื่อเลี้ยงคุณนะ? ผู้ชายแต่งงานต้องเลี้ยงดูภรรยานี่เป็นเรื่องที่สวรรค์กำหนดมา ถึงแม้ว่าจะเป็นคนงานไม่ได้ ก็ควรหางาน เที่ยวเล่นไปวันๆ ได้ยังไง อาศัยที่ตัวเองหน้าตาดีก็เลยจีบผู้หญิงไปทั่ว นี่มันหลอกลวงกันชัดๆ! คุณว่าคุณเป็นแบบนี้ คุณป้ากับคุณลุงจะวางใจมอบเยี่ยนจื่อให้คุณได้ยังไง”
หูเฟยพูดใส่ซินห้าวด้วยน้ำเสียงแบบสั่งสอน เขากำลังยุยงความสัมพันธ์ของซินห้าวและบ้านเฉิน
เฉินเยี่ยนเหลือบมองหูเฟย ถ้าหูเฟยรู้ว่าซินห้าวซื้อโรงงาน เป็นหัวหน้าโรงงาน ยังจะพูดแบบนี้ไหม? มั่นใจเกินไปไหม?
“เยี่ยนจื่อไม่สนใจ”
ซินห้าวขี้เกียจอธิบาย เพราะหูเฟยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาไม่อยากจะเปลืองสมอง ถ้าไม่ได้อยู่บนโต๊ะอาหารบ้านเฉิน เขาจะไม่สนใจหูเฟยเลย
“ใช่แล้ว ให้ฉันเลี้ยงคุณ ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่ง ฉันว่าตกลงกันแบบนี้แหละ อีกหน่อยคุณมากินข้าวกับฉันก็ได้”
เฉินเยี่ยนก็ไม่สนใจ พูดล้อเล่น
สายตาที่ซินห้าวมองเฉินเยี่ยนดูอ่อนโยน ระหว่างทั้งสองคนมีความหวานชื่นสู่กัน
เฉินจงและหวางนิวไม่ได้พูดอะไร หวางนิวไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เฉินจงรู้ว่าซินห้าวไม่ใช่คนแบบนั้น ส่วนหูเฟยและเฉินเวยแอบไม่พอใจ
“พี่ห้าวครั้งหน้าพี่มาต้องสอนวรยุทธ์ให้ผมด้วยนะ พี่สาวบอกว่าพี่เก่งมากเลย ผมอยากจะเรียนเพื่อใช้ปกป้องพี่สาว อีกหน่อยใครก็มาแกล้งคนในบ้านไม่ได้”
เฉินหู่ไม่รู้สึกอึดอัด เขาคิดมานานแล้ววีพี่สาวคบกับซินห้าวดีที่สุด หน้าตาหล่อ แล้วยังเก่งอีกด้วย พี่เขยแบบนี้สิที่เขาต้องการ
“ไม่มีปัญหา”
ซินห้าวพยักหน้าให้เฉินหู่ เฉินเยี่ยนชอบน้องชายคนนี้ เขาก็รู้สึกว่าเฉินหู่น่ารักจริงๆ เขาก็ชอบ
“พี่ซินก็สอนฉันด้วยได้ไหม? ฉันก็ไม่อยากให้คนอื่นมาแกล้งฉัน”
เฉินเวยพูดโพล่งขึ้นมา ตายังมองซินห้าวด้วยสายตาวิงวอน
“ขอโทษด้วย ผมเห็นผู้หญิงอยู่ใกล้ผมแล้วผมอดไม่ได้จะลงมือ ถึงเวลาตีคุณเจ็บจะไม่ดี”
แม้แต่สายตาซินห้าวก็ไม่มองเฉินเวยเลย หมายความให้เธอออกห่างจากเขา จะได้ไม่ทำร้ายเธอ
เฉินเยี่ยนขำขึ้นมา ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าจะต่อกรกับคนอย่างเฉินเวยต้องทำเหมือนซินห้าว ไม่ไว้หน้าเลย
เฉินจงและหวางนิวส่ายหน้า ลูกสาวคนเล็กนี่จริงๆ เลย ทำไมถึงไม่จำนะ แขนก็ยังเจ็บอยู่เลย แล้วยังจะเข้าไปให้ซินห้าวตีอีก ซินห้าวไม่ได้ชอบเธอเลย ทำเรื่องไม่เหมาะสม
เฉินหู่ก็ไม่สนใจว่าเฉินเวยจะเคอะเขินหรือไม่ ถึงจะเคอะเขินก็เป็นเฉินเวยที่หาเรื่องเอง โทษคนอื่นไม่ได้
เฉินเวยกลับเอาความโกรธและไม่พอใจไปลงที่เฉินเยี่ยน เธอคิดว่าซินห้าวทำไม่ดีกับเธอ ต้องเป็นเพราะเฉินเยี่ยนพูดเรื่องร้ายๆ ของตัวเองมากมาย รอเธอมีโอกาสได้คุยกับซินห้าวก่อนเถอะ ซินห้าวจะรู้ว่าเธอดี ถึงเวลาเธอจะให้ซินห้าวตีเฉินเยี่ยน ดูว่าเฉินเยี่ยนยังจะขำออกไหม!
———————
ตอนที่ 163: ในห้องครัว…
โดย
Ink Stone_Romance
กินข้าวเสร็จ เฉินเยี่ยนและหวางจวนเก็บกวาด หูเฟยอยากจะกลับ แต่ซินห้าวไม่กลับ เขาก็ไม่ขยับ ทำไมเขาต้องกลับก่อนด้วย เขาต้องกลับพร้อมซินห้าว
“คุณลุง คุณป้า ผมขอคุยกับเยี่ยนจื่อไม่กี่คำหน่อยครับ อ้อ เรื่องบุหรี่”
ซินห้าวไม่อยากนั่งอยู่ในโถงบ้าน ไม่มีอะไรจะคุย โดยเฉพาะตรงข้ามยังมีเฉินเวยที่เอาแต่จ้องเขาตลอด แล้วยังมีสายตาอาฆาตของหูเฟย เขาอยากจะไปหาเฉินเยี่ยนของเขา
“ไปเถอะ ไปเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันไปล้างจาน เธอกับเยี่ยนจื่อเข้าไปคุยกันในห้อง?”
หวางนิวกระตือรือร้นมาก
เฉินจงก็ไม่ได้คัดค้าน เขามองออกว่าตอนนี้ในสายตาซินห้าวมีแต่ลูกสาวคนโต
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปหาเยี่ยนจื่อได้ครับ”
ซินห้าวพูดจบก็ลุกขึ้น ไม่รอให้หวางนิวพาไปเขาก็ออกจากโถงบ้านไปห้องครัว
เฉินเวยอยากจะตามไปด้วยโดยไม่ต้องคิดเลย เฉินจงตะโกนเรียกเฉินเวยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หนู หนูอยากจะไปช่วยพี่ล้างจานค่ะ”
เฉินเวยหาข้ออ้าง
“เวย แขนลูกยังไม่หายดี นั่งลงเถอะ”
หวางนิวดึงลูกสาว ถึงแม้ลูกสาวจะไม่ดี ถึงแม้จะมีความคิดอะไร ยังไงก็เป็นลูกสาว เธอก็รัก
เฉินเวยตามไปไม่ได้ ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความหงุดหงิด ในใจเหมือนกรงเล็บของแมวที่กำลังจิกอยู่ แต่ไม่สามารถแสดงออกได้
หูเฟยที่ก้นลุกจากเก้าอี้ได้ครึ่งหนึ่งก็นั่งลงไปอีก เขาอยากจะตามไปด้วย แต่เฉินเวยยังโดนปฏิเสธ ตัวเองจะเหลืออะไร ไม่อย่างนั้นคงเสียหน้า
ซินห้าวไปในครัว หวางจวนที่กำลังกระซิบพูดกับเฉินเยี่ยนอยู่เห็นเขา เธอพูดกับเฉินเยี่ยน แล้ววางชามในมือลง เธอออกไปแล้ว เธอรู้ว่าซินห้าวน่าจะมีเรื่องพูดกับเฉินเยี่ยน ตัวเองอยู่ที่นี่ไม่ได้
หวางจวนเพิ่งเดินออกไปข้างนอก ก็เห็นเงาดำ เธอตกใจ กลับโดนเงาดำนั้นดึงเสื้อไว้
“พี่จวนเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว ผมเอง”
เฉินหู่พูดออกมา
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
รู้ว่าเป็นเฉินหู่ หวางจวนค่อยวางใจ เธอกลัวว่าจะเป็นเฉินเวยหรือหูเฟย
“ผมมาอยู่ตรงนี้ช่วยคอยดูพี่กับพี่ห้าว เผื่อมีใครมาแอบฟัง ถ้าพวกเขาแอบฟังจะต้องพูดว่านินทาพี่ใหญ่แน่”
เฉินหู่พูดอย่างมีเหตุผล
หวางจวนหน้าแดง แอบฟังกำแพงนี่หมายถึงคนที่ไม่มีอะไรทำมาแอบฟังสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันคืนนั้น ตอนนี้เฉินเยี่ยนและซินห้าวไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เธอก็อธิบายเหตุผลเรื่องนี้ให้เฉินหู่ฟังได้ เพียงแต่ยืนอยู่กับเฉินหู่ด้วยกัน เธอช่วยเฝ้าด้วยก็ดี
ซินห้าวมาข้างหน้าเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนเช็ดมือแห้งแล้ว เธอคิดไม่ถึงว่าซินห้าวจะมาห้องครัว เธอยังคิดไว้ว่าเดี๋ยวตอนซินห้าวไปเธอจะไปส่งซินห้าว ทั้งสองคนจะได้คุยกันตามลำพัง
“นั่งลง”
เฉินเยี่ยนจูงซินห้าวมานั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กหน้าเตา
บนเตามีน้ำอยู่ ข้างในเตายังมีไฟสีแดงที่ยังไม่ดับ แสงไฟสะท้อนหน้าทั้งสองคน มองดูสีแดง แต่กลับดูมีอีกรสชาติหนึ่ง
“เรื่องโรงงานนั่นใกล้จัดการเสร็จแล้ว ผมอยู่ที่นี่ได้สองวัน จากนั้นก่อนปีใหม่ผมน่าจะยุ่งมาก ไม่มีเวลามาหาคุณ”
ซินห้าวพูดไป ก็ใช้มือลูบผมด้านหน้าหูมาทัดหลังหูเฉินเยี่ยน การกระทำเขาทั้งเป็นธรรมชาติและอ่อนโยน ระหว่างเขาและเฉินเยี่ยนเหมือนไม่มีความรู้สึกที่ไม่ราบรื่นเลย มีแต่ทำให้รู้สึกอบอุ่น
“ไม่เป็นไร ฉันก็ต้องทำงานเหมือนกัน หลายๆ เรื่องจะยากตอนเริ่มต้น ตอนแรกไม่มีทางทำอะไรได้ง่าย คุณไม่ต้องคิดอะไร ทำให้ดี ถ้าเหนื่อยก็พัก อย่ากดดันตัวเอง มีเรื่องอะไรอยากจะปรึกษาคนอื่น คุณก็มาหาฉันได้นะ”
เฉินเยี่ยนไม่ใช่ผู้หญิงที่ติดแฟน ใช่ เธออยากจะเจอซินห้าวบ่อยๆ แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้แต่งงาน ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว ก็ยังมีงานของตัวเอง ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวัน
“แล้วถ้าผมคิดถึงคุณล่ะ?”
เมื่อก่อนซินห้าวคิดว่าตัวเองไม่มีทางพูดคำพูดพวกนี้ แต่มาเจอเฉินเยี่ยน ไม่รู้ว่าทำไม เขาพูดคำพูดแบบนี้ได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองแรง แล้วยังออกมาจากใจจริงด้วย
“ก็มาหาฉันได้เหมือนกัน”
เฉินเยี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย เธอไม่ได้ตอบปฏิเสธ
คำพูดเฉินเยี่ยนทำให้สายตาซินห้าวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณยังติดค้างรางวัลให้ผมอยู่นะ”
เฉินเยี่ยนโดนซินห้าวมองก็เขิน เวลานี้เธอเหมือนเมฆที่มีแสงสีแดงเรืองรอง เด่นเป็นประกาย ซินห้าวหวั่นไหว เขาอยากจะกอดเฉินเยี่ยนแบบนี้ อยากจะจูบ อยู่ๆ เขาก็มีความคิดขึ้นมา เขาควรจะปรับแผนเล็กน้อย แล้วรีบแต่งเฉินเยี่ยนเข้าบ้าน?
“นี่ห้องครัวนะ?”
เฉินเยี่ยนรู้สึกเคอะเขิน ถ้าอยู่กับซินห้าวตามลำพังสองต่อสองไม่เป็นไร แต่นี่เป็นห้องครัวของบ้านเฉิน ถ้าจู่ๆ มีคนเข้ามา เธอต้องขายหน้าตาย
“วางใจได้ ไม่มีใครเข้ามาหรอก”
ซินห้าวกลับพูดเสียงเบา จากนั้นใช้มือจับคางเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนเวลานี้ดูมีเสน่ห์ขนาดนั้น อดไม่ได้อยากจะชิมสักคำ
เฉินเยี่ยนมองไปที่ประตู มีคนจริงด้วย เธอรีบเอาริมฝีปากจูบไปที่ใบหน้าซินห้าว วันนี้ซินห้าวให้ความร่วมมือเธอเป็นอย่างดี ต้องให้รางวัลเสียหน่อย
ยังไม่ทันที่เฉินเยี่ยนจะละออกมา ซินห้าวกลับใช้มือโอบเอวเฉินเยี่ยนไว้ จากนั้นจูบเธอ
เฉินเยี่ยนไม่กล้าร้องตกใจ แต่สายตาเธอแสดงให้เห็นว่าเธออึ้งคิดไม่ถึงว่าซินห้าวจะกล้าแบบนี้
รู้สึกได้ถึงลิ้นของซินห้าวค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา เฉินเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะคิดว่าผู้ชายช่างมีพัฒนาการเรื่องนี้เร็วจริง ครั้งที่แล้วซินห้าวยังไม่รู้เรื่องะไรเลย ครั้งนี้กลับทำอย่างคล่องแคล่ว
เรื่องที่เฉินเยี่ยนไม่รู้คือ หลายคืนมาแล้วที่ซินห้าวเฝ้าคิดถึงจูบครั้งนั้นกับเฉินเยี่ยน เขาคิดถึงครั้งหน้าเจอเฉินเยี่ยนตอนที่ได้จูบกันอีกจะเป็นอย่างไร ในสมองคิดเป็นร้อยครั้งพันครั้ง แน่นอนย่อมจูบได้อยู่แล้ว
ลิ้นของทั้งสองคนพัวพันกันเหมือนงูสองตัว เฉินเยี่ยนตกอยู่ในภวังค์ ลืมไปแล้วว่านี่คือครัวบ้านเฉิน ลืมไปแล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
ละริมฝีปากออกจากกัน ทั้งสองคนหอบเล็กน้อย เฉินเยี่ยนเชื่อว่าซินห้าวไม่เคยทำอย่างนี้กับใครนอกจากตัวเอง เพราะนอกจากเขาจูบเธอแล้ว ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น เขาน่าจะทำไม่เป็น
“เยี่ยนจื่อ ตอนแรกผมคิดว่าปีนี้จะทำโรงงาน แล้วทำให้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ให้ที่บ้านรู้ว่าผมมีความสามารถ ผมซื้อบ้านแล้ว พวกเขาก็จะรู้ว่าผมจริงจัง จะไม่โต้แย้ง แล้วผมค่อยมาสู่ขอ รอครึ่งปีหลังผมจะมาสู่ขอคุณ แต่ตอนนี้ผมเสียใจแล้ว ผมว่าผมจะให้ที่บ้านมาสู่ขอก่อน ตอนอยากจะขอคุณตอนนี้เลย”
ซินห้าวก้มหน้าลงไปซบหน้าผากเฉินเยี่ยน ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
“ฉันก็คิดเหมือนกัน แต่คุณเพิ่งซื้อโรงงานมา ตอนเริ่มต้นมันยากมาก และยุ่งมาก จัดการเรื่องพวกนี้ตอนนี้ที่บ้านคุณต้องไม่เห็นด้วยแน่ ฉันก็ไม่อยากให้คุณไม่มีสมาธิ ฉันก็คิดจะขยายกิจการห่อบุหรี่ให้ใหญ่ขึ้นอยู่พอดี รออีกสักพักฉันอยากจะสร้างตึกโรงงานที่นี่ ฉันอยากจะจดทะเบียนยี่ห้อบุหรี่ของตัวเอง แบบนี้อีกหน่อยบุหรี่ที่ห่อก็จะมียี่ห้อของตัวเองแล้ว ฝั่งฉันก็คงจะยุ่งมาก ฉันรู้ว่าตอนแรกเริ่มอะไรก็ยากไปหมด ดังนั้นคุณค่อยๆ จัดการเรื่องของคุณ ฉันก็จัดการเรื่องของฉันให้ดี”
เฉินเยี่ยนคิดว่าแผนการของซินห้าวนั้นดีมาก ตรงกับที่เธอคิดไว้ ยังไงตอนนี้พวกเขายังอายุน้อยอยู่ ยังไม่ถึงวัยที่ต้องรีบแต่งงาน สามารถจัดการเรื่องงานให้เสร็จก่อน
“จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ายี่ห้อบุหรี่ตัวเองเหมือนจะทำไม่ได้หรือเปล่า? เรื่องนี้คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน อาคารโรงงานก็อย่าเพิ่งสร้าง เรื่องนี้มีพูดกันเยอะ ป้องกันคุณสร้างมาแล้วใช้ไม่ได้ ผมไปถามเรื่องนี้ให้คุณก่อนว่าทำได้ไหม ถ้าทำได้ ผมจะหาคนมาช่วยคุณสร้าง คุณไม่มีคนรู้จัก ไม่รู้จะไปหาใคร จะยิ่งลำบาก ถ้าไม่ได้ พวกเราค่อยปรึกษากันอีกที”
ซินห้าวไม่ได้ห้ามเฉินเยี่ยนเลย แต่เขาต้องอธิบายเรื่องราวให้เฉินเยี่ยนอย่างชัดเจน
————-
ตอนที่ 164: ย้ายบ้านแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
“ซินห้าว เรื่องพวกนี้ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องจริงๆ ต้องรบกวนคุณแล้ว ฉันไม่อยากอาศัยยาเส้นในไปป์บุหรี่ ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งไปป์บุหรี่หมด ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว อีกอย่างไปป์บุหรี่ที่เก็บเอามาผสมกัน รสชาติไม่เหมือนกัน เลยทำเป็นได้แค่สินค้าชั้นล่าง ฉันอยากจะมียาเส้นของตัวเอง มีเทคนิคของตัวเอง มียี่ห้อของตัวเอง”
เฉินเยี่ยนไม่ปิดบังแผนการของตัวเอง เรื่องที่เธอไม่รู้ เธอก็ไม่ฝืนที่จะทำ มีคนคุ้นเคยคอยช่วย เรื่องจะได้จัดการได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นเรื่องดี
“ได้ ผมสนับสนุนคุณ ผมช่วยวิ่งเรื่องนี้ให้คุณ ส่วนเรื่องเทคนิคของยาเส้นว่าทำยังไงให้รสชาติดี เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆ ผมรู้จักคนทำงานบุหรี่คนหนึ่ง ไม่งั้นผมหาโอกาสถามเขาดีไหม?”
ซินห้าวคิดช่วยเหลือเฉินเยี่ยน ที่พวกเขาก็มีโรงงานม้วนบุหรี่ อยู่ในเมือง บุหรี่ยี่ห้อฮวงจินเย่ แต่ธุรกิจโรงงานถือว่าธรรมดา ไม่ได้ดี และก็ไม่ได้แย่ ไม่ได้ดังเหมือนพวกยี่ห้อหงตาชานหรืออาซือหม่า
“ไม่เป็นไร เรื่องยาเส้นฉันมีวิธีจัดการอยู่ คุณช่วยฉันถามเรื่องยี่ห้อและขั้นตอนการทำก็พอแล้วค่ะ”
เฉินเยี่ยนไม่คิดว่าไหว้วานให้ซินห้าวช่วยเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เธอไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ในยุคนี้เท่าไรนัก ซินห้าวทำได้ก็ให้เขาทำ ในทางกลับกันถ้าซินห้าวมีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธอก็จะทำอย่างเต็มที่
ทั้งสองคนตกลงเรื่องนี้แล้ว สายตาซินห้าวแสดงออกมาว่าไม่อยากจากไป แต่เขาก็รู้ว่าเขาควรจะไปได้แล้ว พ่อแม่เธอยังรออยู่ที่โถงบ้าน ถ้าเขาอยู่กับเฉินเยี่ยนนานเกินไป ไม่แน่พ่อแม่เฉินเยี่ยนอาจจะคิดอะไรอีก
“ระวังเฉินเวย เธอไม่ใช่คนดีอะไร อวี๋เหวยหมินนั่นคุณไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าเขากล้าทำอะไร ผมไม่ปล่อยเขาไว้แน่”
ซินห้าวบอกเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนพยักหน้า เธอไม่ต้องบอกซินห้าว ซินห้าวก็รู้ว่าเฉินเวยไม่ใช่คนดี ก็ดีแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องกังวล
จนซินห้าวและเฉินเยี่ยนออกมาจากห้องครัว อาศัยแสงจันทร์เห็นว่ามีหลายคนยืนอยู่ในลานบ้าน คิดว่าน่าจะรอในโถงบ้านไม่ไหวแล้ว แต่ไม่มีใครเข้าไปในครัวรบกวนซินห้าวและเฉินเยี่ยน เพราะมีเฉินหู่และหวางจวนกันไว้อยู่
เพราะเป็นตอนกลางคืน เฉินเยี่ยนมองเห็นสีหน้าของแต่ละคนไม่ชัดเจน แต่ก็พอคิดออก
“คุยกันเสร็จแล้ว? จะไปนั่งในบ้านอีกหน่อยไหม หิวหรือเปล่า ฉันให้เยี่ยนจื่อทำไข่ใบชาให้”
หวางนิวเรียก ที่จริงเธออยากให้ซินห้าวและหูเฟยกลับไป แต่เธอไม่สามารถเอ่ยปากไล่คนไปได้
“ไม่เป็นไรครับ คุณลุง คุณป้า เยื่อนจื่อ หู่จื่อ ผมกลับก่อนนะครับ”
ซินห้าวบอกลา
เขาจะไปแล้ว หูเฟยก็ไม่อยู่ต่อแล้วเหมือนกัน หูเฟยก็บอกลา เขาคิดจะกลับพร้อมซินห้าว
“อ้า ซินห้าวไม่ได้ขี่จักรยานหรือ พอดีผมจะกลับไปในอำเภอ ทางผ่านไหม? ไม่อย่างนั้นผมส่งคุณกลับ?”
เห็นซินห้าวเดินมา หูเฟยก็รู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาอีก ซินห้าวหน้าตาหล่อแล้วยังไง ตัวเองเป็นคนงาน แล้วยังมีจักรยานด้วย ซินห้าวจะมาเทียบได้ยังไง สายตาสองพี่น้องบ้านเฉินอยู่ที่ซินห้าว ไม่ช้าเดี๋ยวพวกเธอจะต้องเสียใจ
“ได้สิ”
ซินห้าวไม่รู้ว่าทำไมถึงตอบตกลง
“งั้นไปกันเถอะ คุณป้า คุณลุง เยี่ยนจื่อ เสี่ยวเวย พวกคุณไม่ต้องส่งแล้วครับ ผมกลับกับซินห้าวมีเพื่อนกลับด้วยพอดี งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ”
หูเฟยไม่ให้คนบ้านเฉินไปส่ง เขารู้จักทาง อีกอยากระหว่างทางกลับเขาอยากจะสั่งสอนซินห้าวเสียหน่อย
ครอบครัวเฉินมาส่งทั้งสองคนที่หน้าประตูใหญ่ หูเฟยขี่จักรยานที่มีซินห้าวซ้อนไปแล้ว ส่วนระหว่างทางใครจะสั่งสอนคน คนบ้านเฉินไม่รู้ แต่หลังจากนั้นหูเฟยก็ไม่เคยมาที่บ้านเฉินอีกเลย
คนกลับไปแล้ว หวางนิวถึงค่อยตบหน้าแข้งพูดขึ้นมา “โอ้ย ดูสมองฉันสิ ฉันลืมถามพ่อหนุ่มซินห้าวไปเลย ว่าเมื่อไรบ้านเขาจะส่งคนมาสู่ขอล่ะ? พวกเราจะได้เตรียมตัว”
หวางนิวใจร้อน รีบอยากจะตกลงเรื่องนี้ทันที
เฉินจงกลับมองไปที่ลูกสาว
“แม่ เกรงว่าน่าจะต้องเป็นปีหน้า ช่วงนี้ซินห้าวยุ่งมาก พวกเราก็ต้องย้ายบ้าน หนูก็ต้องทำงาน ไม่มีเวลา ไม่รีบ ปีหน้าค่อยว่ากัน”
เฉินเยี่ยนไม่ได้ปิดบัง
“ได้ที่ไหนเล่า ผู้ชายดีๆ อย่างซินห้าวถ้าไม่รีบตกลงกัน ที่บ้านเขาหาผู้หญิงคนอื่นมาให้จะทำยังไง? ลูกนะ ไม่ดูเลยว่าตัวเองอายุโตเท่าไรแล้ว จะไม่รีบได้ยังไง? ครั้งหน้าเจอซินห้าวจะต้องคุยเรื่องนี้ พ่อเขา ไม่อย่างนั้นลูกไปหาพ่อซินห้าวคุยเรื่องนี้ไหม?”
หวางนิวคิดว่าไม่เหมาะสม เรื่องนี้ยังไงพ่อแม่ก็ต้องรู้ ไม่สามารถให้พวกเขาสองคนหนุ่มสาวคุยกันก็จบ ซินห้าวไม่ต้องกลัว เขาหน้าตาดี ที่บ้านก็ฐานะดี จะหาผู้หญิงแบบไหนก็ได้ไม่ต้องกลัว แต่ลูกสาวคนโตไม่ได้ อายุถึงวัยแล้ว ชื่อเสียงก็เป็นแบบนั้นอีก ถ้าถูกบ้านซินรังเกียจจะทำยังไง? เธอต้องการการยืนยัน
“พอได้แล้ว เข้าบ้านเถอะ ยุ่งมาทั้งวันเหนื่อยแล้วด้วย ไปพักผ่อนกัน”
เฉินจงไม่ได้ตอบรับคำพูดของหวางนิว เขามีความคิดของเขา แต่เขาไม่สามารถบอกหวางนิวต่อหน้าคนอื่นได้ เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้กันตามลำพังสองคน
สามีพูดแบบนี้แล้ว หวางนิวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เข้าไปในบ้านด้วยกัน
“พี่ใหญ่ ผมคิดว่าพี่ซินมาเป็นพี่เขยนี่ดีที่สุดเลย”
เฉินหู่กระซิบบอกเฉินเยี่ยน จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในบ้าน เฉินเยี่ยนหัวเราะ เธอไม่รู้ว่าสีหน้าเวลานี้อ่อนโยนมากแค่ไหน นี่คงเป็นความรักมั้ง แค่คิดถึงคนนั้น ในใจก็รู้สึกหวานชื่นขึ้นมา
หวางจวนนอนอยู่บนเตียงรู้สึกนอนไม่ค่อยหลับ เห็นเฉินเยี่ยนกับซินห้าวแล้วเธอรู้สึกอิจฉา เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนต้องชอบซินห้าวด้วยใจจริง เธอเลยถึงกล้าทำแบบนั้น ส่วนในสายตาซินห้าวก็มีแค่เฉินเยี่ยนเท่านั้น พวกเขาเหมาะสมกันจริงๆ
แล้วตัวเองล่ะ? ตัวเองยังจะมีคนต้องการไหม? ถึงแม้ว่าตอนนั้นเธอตัดสินใจแล้วว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงานแล้ว แต่พอเห็นเฉินเยี่ยนและซินห้าวเธอก็นึกอิจฉาในใจ ถ้ามีคนมาชอบเธอแบบนี้ก็ดีสิ
ในหัวหวางจวนค่อยๆ มีร่างคนหนึ่งปรากฏตัว แล้วโดนเธอกดทับลงไป เธอไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะรังเกียจเธอไหม เธอรู้สึกเศร้า แล้วหวางจวนก็หลับไป
คืนนี้เฉินเยี่ยนนอนหลับฝันหวาน วันต่อมาเธอตื่นแต่เช้าตรู่ ตอนที่กินข้าวเช้าเธอเห็นเฉินเวย ใต้ตาเฉินเวยค่อนข้างคล้ำ แสดงให้เห็นว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับไม่ดี ส่วนจะเป็นเพราะเจ็บแขนหรือคิดถึงเรื่องอื่น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ
เฉินเยี่ยนกินอาหารเช้าอย่างมีความสุข จากนั้นไปเก็บของกับเฉินจงและหวางนิว วันนี้จะได้ย้ายออกมาอย่างสมบูรณ์ ตอนกลางคืนเธอจะได้นอนที่บ้านใหม่ฝั่งนั้นได้แล้ว ไม่ต้องเห็นหน้าเฉินเวยอีก สบายใจ!
เฉินเวยนั่งบนม้านั่งมองคนบ้านเฉินที่กำลังยุ่งกันอยู่ แขนเธอยังเจ็บอยู่ เธอขยับไม่ได้ เวลานี้เธอรู้สึกว่าเธอคือคนนอก ความสุขของครอบครัวเฉินเธอไม่สามารถแบ่งปันได้เลยแม้แต่น้อย กลับมีแต่นำภัยพิบัติมาให้เธอ ไม่มีใครรักเธอ เธอโกรธแค้น เฉินเยี่ยนเธออย่าได้ใจไป เธอจะต้องแก้แค้นแน่นอน
ยุ่งกันมาจนถึงบ่าย กว่าจะย้ายของทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เฉินเยี่ยนนอนหงายอยู่บนเตียง เตียงนี้เป็นเตียงไม้ ไม่ใหญ่มาก เทียบกับเตียงคู่ในยุคหลังแล้วเล็กกว่ามาก นอนแล้วก็ยังแข็ง แต่เฉินเยี่ยนรู้สึกสบายมาก เพราะนี่คือเตียงของเธอ
มองดูในบ้าน สีขาวหม่นของกำแพงถึงแม้จะไม่ขาวเท่าของยุคหลัง แล้วยังสีตกด้วย แต่เทียบกับบ้านหลังเก่าที่สีผสมกันแล้วมองดูแล้วทำให้รู้สึกสบาย ห้องเธอก็ไม่ถือว่าใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็ก นอกจากเตียงแล้ว ยังมีตู้เสื้อผ้า เธอให้พ่อเธอเรียกคนมาทำให้ แล้วยังทาสีน้ำมันสีแดง มีตู้เสื้อผ้าใส่เสื้อผ้าได้สะดวก ไม่ต้องใช้กล่องแล้วเธอรู้สึกลำบาก
นอกจากนี้ยังมีโต๊ะหนึ่งตัว ด้านบนมีของเธอวางอยู่ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว
————–
ตอนที่ 165: ไม่สำเร็จ
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนชื่นชมห้องตัวเองเสร็จ ถึงค่อยนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมา เฉินเยี่ยนสื่อสารกับหลุมอวกาศในใจ
พูดถึงหลุมอวกาศของเธอนี้ นอกเหนือจากที่ทำไปป์บุหรี่ครั้งนั้นแล้วเธอก็ไม่ได้ใช้อีกเลย รู้สึกว่าใช้ได้จำกัด เทียบกับนางเอกแล้ว เธอคิดว่าตัวเองต้องเป็นลูกของแม่เลี้ยง แต่ความรู้สึกที่ต้องอาศัยฝีมือตัวเองก็ไม่แย่เหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลอยู่ในหลุมอวกาศ ธัญพืชที่บ้านเธอปลูกก็พอกิน ส่วนเนื้อ ปลา เธอก็มีตั๋วมีเงินซื้อ ไม่ต้องอธิบายถึงที่มาที่ไปของของพวกนี้ เปิดเผยได้อย่างบริสุทธิ์ ก็ดีมาก
ใช้เลือดทิพย์ไปหนึ่งหยด เฉินเยี่ยนได้สูตรทำยาเส้นมา ในนั้นยังมีหนึ่งอย่างที่เธอคิดไม่ถึง เป็นการใช้เหล้ามาหมักยาเส้น
ยาเส้นที่ดีต้องใช้เหล้าเหมาไถหมักสามปีกว่าจะได้ รสชาติของยาเส้นถึงจะออกมาดี
แต่เฉินเยี่ยนอยากจะร้องเรียกพระเข้า นี่จะแกล้งเธอหรือ? ไม่ต้องว่าถึงสามปี เหล้าเหมาไถเธอจะไปหาจากไหน? ใช่ ถ้าต้องใช้จริงๆ ก็หาซื้อได้ แต่ก็ต้องซื้อหลายขวดหน่อย พอไปทำอะไร? อีกอย่างเหล้าเหมาไถแพงขนาดนั้น เอามาหมักทำบุหรี่กลิ่นหอม จนสุดท้ายบุหรี่นี่ต้องคิดกล่องละเท่าไร ใครจะเก็บไหว?
โชคดีที่สุดท้ายรู้ว่าถ้าความต้องการไม่ได้สูงขนาดนั้น ใช้เหล้าหมักปกติมาแทนก็ได้ หมักหนึ่งเดือนจนถึงหนึ่งปีก็ได้ ต่างกันแค่เวลาสั้นยาวที่ใช้หมัก จะมีผลต่อรสชาติของบุหรี่
เฉินเยี่ยนเพิ่งเข้าใจ ทำไมในยุคปัจจุบันพ่อถึงบอกว่าบุหรี่นับวันยิ่งสูบไม่อร่อยแล้ว คิดว่าบุหรี่ที่ผลิตรุ่นหลังไม่ได้ใช้เหล้าหมักนานขนาดนั้น หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม บุหรี่ที่ผลิตออกมาจากเครื่องจักรจำนวนมาก ไม่มีทางที่จะเทียบกับสมัยก่อนได้แน่นอน
มีสูตรก็ดี ต่อไปเธอก็แค่ซื้อของให้ครบ ผลิตยาเส้นตามขั้นตอนที่หลุมอวกาศบอก เชื่อว่าเธอมีสูตร รสชาติยาเส้นที่ตัวเองผลิตออกมาต้องไม่แย่
แต่เรื่องนี้ไม่รีบ ขยายตลาดก่อน หาเงินมากขึ้นอีกหน่อยแล้วค่อยว่ากัน
ส่วนเรื่องอาคารโรงงาน ถึงแม้ซินห้าวจะไม่ให้เธอรีบ แต่เฉินเยี่ยนสำรวจที่ไว้แล้ว เธอบอกความคิดของเธอกับเฉินจง ถึงเวลาต้องให้พ่อออกหน้าไปคุยกับผู้นำกลุ่มเรื่องซื้อที่ อีกอย่างเรื่องขอตราสินค้า เฉินเยี่ยนเตรียมนักกฎหมายให้เฉินจงไปจัดการ เธอเป็นผู้หญิง แล้วยังเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วย เธอทำอะไรไม่สะดวก ถึงเวลาให้เฉินจงเป็นหัวหน้าโรงงานนั้นเหมาะที่สุด เธอเชื่อใจพ่อเธอ
เฉินเยี่ยนตัดสินใจแล้วก็ให้พ่อเฉินช่วยทำไปป์ห่อบุหรี่ขึ้นมาอีกหลายอัน ส่วนเรื่องที่จะให้ไปป์ห่อบุหรี่และเทคนิคการห่อกับคนนอกนั้นหวางนิวยังไม่ยินยอม ไม่ใช่ว่าเธอเห็นแก่ตัว ตอนนี้บ้านเฉินอาศัยธุรกิจนี้หาเงิน ถ้าคนอื่นทำเป็นหมด มาแย่งอาชีพพวกเขาจะทำยังไง?
เฉินจงกลับไม่ได้คัดค้าน รอเขาทำไปป์บุหรี่เสร็จแล้ว เฉินเยี่ยนบอกความคิดของเธอให้เฉินจงฟัง
ในใจเฉินจงไม่ใช่ว่าไม่ตกใจ เขามองลูกสาวตรงหน้า สายตาเฉินเยี่ยนราบเรียบแต่กลับดูหนักแน่น แสดงให้เห็นว่าเธอตัดสินใจแล้ว
เฉินจงก้มหน้าลง เขาคิดว่าเฉินเยี่ยนแค่อยากจะขยายธุรกิจห่อบุหรี่ให้ใหญ่ขึ้นหน่อย หาเงินได้มากขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าในใจเฉินเยี่ยนจะคิดการใหญ่ขนาดนี้ ถึงกับจะสร้างโรงงาน อยากจะมียี่ห้อบุหรี่ที่ตัวเองผลิตเอง พูดออกไปใครจะเชื่อ
“พ่อ พูดแล้วก็คือสร้างโรงงาน ที่จริงแล้วก็ไม่ต่างกับที่เราสร้างบ้านมากเท่าไร ก็แค่สร้างใหญ่ขึ้นหน่อย มีสองโรงงาน กำแพงต้องใหญ่ หนูอยากจะให้พ่อซื้อที่สองไร่ ถึงตอนนั้นล้อมมาทำโรงงาน เรื่องสร้างตึกนั้นยังไม่ต้องรีบ สร้างก่อนปีใหม่ก็ได้ ฝั่งซินห้าวจะช่วยหนูดำเนินเรื่อง จนถึงปีหน้า ก็สามารถหาคนมาห่อบุหรี่ในโรงงานได้แล้ว บุหรี่มียี่ห้อ ก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ สามารถขายได้อย่างถูกต้อง
เฉินเยี่ยนรู้ว่าพ่อต้องตกใจมาก เกษตรกรยุคนี้คิดแต่จะปลูกพืชผักอย่างเดียว เรื่องทำธุรกิจ มีไม่กี่คนที่กล้าคิด และไม่ได้มีเงินขนาดนั้นด้วย
“ลูกปรึกษากับซินห้าวแล้ว?”
เฉินจงยังไม่หายจากอาการตกใจ เขาอยากจะถามจริงๆ ว่าคนในร่างลูกสาวเขาทำอะไร ทำไมถึงได้มีความกล้าขนาดนี้ อะไรก็กล้าทำ เธอไม่กลัวล้มเหลวหรือไง? ถ้าล้มเหลวขึ้นมาไม่มีอะไรเหลือเลย ที่จริงตอนนี้ห่อบุหรี่ก็สุขสบายดีอยู่แล้ว
“อืม ซินห้าวสนับสนุนหนูค่ะ พ่อกลัวว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา จะสูญเสียเงินทั้งหมดใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนนึกถึงความกังวลใจของเฉินจงออก
“เงินในมือลูก บวกกับเอาบุหรี่ไปขาย อย่างมากก็สามารถสร้างโรงงานได้ ถึงแม้พวกเราจะเรียกคนมาช่วยไม่ใช้เงิน แต่ถ้าบุหรี่ขายไม่ดีล่ะ? มีแผงขายใหญ่โต ไม่เหมือนตอนนี้ที่พวกเราคนในบ้านทำกันเองอยู่ ถ้าต้องใช้เงินชดใช้ ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว แล้วยังถูกต่อว่าอีกด้วย”
เฉินจงคิดว่าทุกเรื่องไม่ใช่แค่คิดแต่เรื่องเดียวอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงข้อไม่ดีด้วย
“ที่พ่อพูดมาหนูคิดมาก่อน แต่พ่อถ้าทำอะไรมัวแต่คิดหน้าพะวงหลังก็ทำไม่สำเร็จ เหมือนตอนแรกที่หนูบอกว่าจะทำผัก แม่ก็คิดว่าทำไม่ได้ไม่ใช่หรือ? เพราะพ่อสนับสนุนหนู ถึงทำได้ ต่อมาหนูจะห่อบุหรี่ พ่อก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็สำเร็จไม่ใช่หรือคะ? ถึงแม้จะถอยหลังกลับมาบอกว่าล้มเหลว แต่ก็แค่เอาเงินที่หามาได้ชดใช้ไป ชดใช้แล้ว ก็เริ่มต้นใหม่ได้ คนเราจะมีอะไรที่สำเร็จไปทุกอย่าง แต่ถ้าไม่ลองไม่ทำ ก็จะไม่มีวันรู้เลย พ่อว่าไหม?”
เฉินเยี่ยนพูดกับเฉินจง ที่จริงถึงแม้ว่าเธอจะสร้างโรงงาน ผลิตบุหรี่ ขนาดก็จะไม่ใหญ่
สุดท้ายเฉินจงถูกเฉินเยี่ยนโน้มน้าวได้แล้ว แต่ยังไม่ทันที่เฉินจงจะออกไปซื้อที่ ซินห้าวก็มาหา เขาส่ายหน้ากับเฉินเยี่ยน จัดการต่อไปไม่ได้ เขาไปสืบมาอย่างละเอียดแล้ว ตอนนี้โรงงานล้วนเป็นของรัฐ บุคคลส่วนตัวไม่สามารถผลิตได้ ผลิตกันเองเล็กๆ ได้ แต่ไม่ได้เป็นธุรกิจของประเทศ คุณไม่ได้ทำตามกฎหมาย คณะของรัฐรับรองคุณไม่ได้ คุณทำได้แค่แอบทำ
ก็หมายความว่าถึงแม้เฉินเยี่ยนจะขยายการผลิต ตัวเองสร้างโรงงาน ตัวเองมีตราสินค้าก็จะไม่ได้รับการยอมรับอยู่ดี ถ้าโดนตรวจสอบ ถ้าไม่โดนเก็บก็โดนปรับ ธุรกิจบุหรี่ของเฉินเยี่ยนนี้ดูไม่เห็นแสงสว่าง
ถ้าเฉินเยี่ยนจะต้องผลิตบุหรี่ ถ้ามียี่ห้อ จำเป็นต้องทำเหมือนเขาไปช้อนซื้อโรงงานม้วนบุหรี่ของรัฐ
แต่ก่อนที่เธอจะไปซื้อโรงงาน ต้องให้ธุรกิจโรงงานม้วนบุหรี่นี้ย่ำแย่เสียก่อน อยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้จะปิดโรงงาน คุณถึงสามารถลงทุนได้หรือเอาสูตรมาเซ็นสัญญาร่วมกับภาครัฐ แล้วจึงได้เป็นหัวหน้าโรงงานนี้ นำโรงงานนี้ฟื้นฟูกลับมา ส่วนคุณไม่มีอำนาจที่จะขยายโรงงานนี้ให้ใหญ่ มีแค่หน้าที่จ่ายภาษีตามกฎหมาย จ่ายค่าแรงให้คนงานทุกเดือนตรงเวลา ให้โรงงานมีกำไรก็พอแล้ว
แน่นอน คุณเป็นหัวหน้าโรงงานก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรตามใจชอบได้ คุณต้องเคารพกฎเกณฑ์ คุณต้องเชื่อฟังคำสั่งของรัฐ ถ้าคุณทุจริตและติดสินบน หรือเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ก็จะจัดการคุณ
เพราะเป็นแบบนี้ เฉินเยี่ยนเลยไม่ยอมซื้อโรงงาน อีกอย่าง เธอก็ไม่มีเงินทุนด้วย แล้วพวกโรงงานที่ใกล้จะปิดพวกนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะรอคุณอยู่ตรงนั้น และไม่แน่ว่าจะตรงกับสายงานด้วย
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ไปช้อนซื้อโรงงาน ไม่ต้องพูดถึงว่าโรงงานบุหรี่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ถึงแม้จะถึงแล้ว เธอก็ไม่มีเงินลงทุนอยู่ดี เธอควบคุมสถานที่แบบนั้นไม่ไหว จำเป็นต้องเริ่มจากเล็กๆ ก่อน
“หรือไม่ก็มีอีกทาง ถ้ามีโรงงานที่เก่าและชำรุดพวกเราสามารถออกหน้าไปซื้อกับคอมมูน[1]ได้ เพียงแต่ผมได้ยินมา ในอำเภอเหมือนจะไม่มีโรงงานแบบนี้ ทำได้ไม่ง่าย”
ซินห้าวถามมาอย่างละเอียด ดูเหมือนความคิดนี้ของเฉินเยี่ยนต้องสูญเปล่าแล้ว
[1] องค์กรหนึ่งในอำเภอ
—————–
ตอนที่ 166: หลัวเหมยมาที่บ้าน
โดย
Ink Stone_Romance
คำพูดซินห้าวทำให้เฉินเยี่ยนครุ่นคิด โรงงานที่เก่าและชำรุดเธอไม่รู้จริงๆ ว่าที่ไหนมี ซินห้าวคุ้นเคยกว่า เขาบอกว่าไม่มีที่ที่เหมาะสม ดูเหมือนจะไม่มีที่นั้นจริงๆ
จะล้มเลิกแบบนี้เหรอ?
เฉินเยี่ยนไม่อยากล้มเลิก แต่เธอก็รู้ว่ายุคนี้ยังไม่สมัยนิยม ถ้าตัวเองสร้างโรงงานโดยยังไม่ได้รับการอนุมัตินั้นไม่ตรงกับหลักนโยบาย ด้านบนมีอำนาจสั่งให้เธอหยุด ดังนั้นเลยทำไม่ได้
โรงงานที่เก่าและชำรุด? เก่าและชำรุด? เฉินเยี่ยนจมอยู่ในความคิด
“เยี่ยนจื่อ ไม่งั้นก็ช่างเถอะ พ่อว่าแบบนี้ก็ดีมากแล้ว ไปป์บุหรี่มากแล้ว ผลิตบุหรี่ได้อีกไม่น้อย ต้องหาเงินได้มากกว่าเดิมแน่ พวกเราไม่ต้องรีบ ค่อยๆทำ”
เฉินจงไม่อยากให้ลูกสาวลำบาก เขาเลยปลอบ
ซินห้าวก็เห็นด้วย เฉินเยี่ยนค่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไปดีที่สุด เพราะบ้านเฉินเป็นคนซื่อตรง เหมาะกับงานที่ทำแล้วมั่นใจ
“โรงงานเก่าและชำรุด ฉันนึกออกแล้ว พ่อ หมู่บ้านชวนหม่ามีโถงประชุมใหญ่ใช่ไหมคะ? เมื่อก่อนใช้ประชุม เรียนรู้การผลิต เป็นที่เร่งการผลิต ต่อมาโดนไฟไหม้ นั่นเป็นที่สาธารณะ ตอนนี้ร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ ถ้าพวกเราซื้อที่นั่นแล้วเอามาปรับปรุงก็ใช้ได้ นี่น่าจะทำได้ใช่ไหม? แค่ไม่รู้ว่าจะไปซื้อกับใคร ถึงแม้หมู่บ้านชวนหม่าจะอยู่ข้างหมู่บ้านเรา แต่ก็ห่างจากบ้านเราประมาณหนึ่งกิโลเมตรได้ แต่หมู่บ้านนั้นอยู่คนละกลุ่มกับหมู่บ้านพวกเรา จะได้ไหม?
ในที่สุดเฉินเยี่ยนก็นึกที่หนึ่งออก เธอคิดว่าที่นี่ดีมาก ที่ตรงนั้นตอนนั้นสร้างอยู่ตรงที่นา รอบด้านไม่มีบ้านคน อยู่ใกล้หมู่บ้านพวกเขาด้วย เดินก็แค่สิบกว่านาที สะดวกมาก
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าจะซื้อ ต้องไปซื้อกับคอมมูน แจ้งกับหัวหน้ากลุ่ม เซ็นสัญญาต้องเซ็นกับคอมมูน ถึงเวลาต้องมีชื่อของคอมมูน ฟังคุณว่าที่ตรงนั้นไม่แย่เลย เอาแบบนี้ ผมไปดูให้ถ้าใช้ได้ ผมจะกลับไปช่วยคุณถามคอมมูนเรื่องนี้ ถ้าพวกเขาเห็นด้วย ผมจะให้คนมาส่งข่าวคุณ ตอนนั้นแค่ไปคุยกับคอมมูนก็ได้แล้ว”
ซินห้าวเห็นเฉินเยี่ยนกระตือรือร้น รู้ว่าเฉินเยี่ยนตัดสินใจแล้ว เขาไม่คัดค้าน เหมือนที่เฉินเยี่ยนไม่คัดค้านเขา พวกเขาแค่ช่วยสนับสนุนกันก็พอแล้ว
ส่งซินห้าวกลับแล้ว เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้พัก เธอให้หวางนิวเอาไปป์บุหรี่ไปส่งที่บ้านหวางนิวหนึ่งอัน ให้หวางนิวสอนพวกเขาว่าห่อบุหรี่ยังไง เธอแบ่งกระดาษห่อและยาเส้นจากที่นี่ไปให้ บ้านหวางห่อเสร็จจะเอามาส่งที่นี่ก็ได้ หรือจะไปขายเองก็ได้ แล้วแต่พวกเขา เพียงแต่ถ้าจะขายเอง ต้องเอาเงินค่ายาเส้นและกระดาษให้พวกเขา ถ้าส่งมาพวกเขาก็รับซื้อ พวกเขาจะให้เงินตอบแทนค่าแรงบ้านหวาง
หวางนิวพอใจ แบบนี้ก็เท่ากับช่วยเหลือบ้านพ่อแม่ เธอก็สามารถยืดอกที่บ้านฝั่งนั้นได้
นอกจากนี้ยังหาบ้านญาติคนอื่นหรือครอบครัวที่สนิทกับบ้านเฉิน ก็เอาไปป์บุหรี่ให้พวกเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นบ้านหวางหรือบ้านอื่น เฉินเยี่ยนต้องบอกให้ชัดเจน บุหรี่จำเป็นต้องห่อตามวิธี ห้ามทำขนาดไม่เท่ากัน ห้ามทำละเอียดไม่เท่ากัน ห้ามหั่นไม่เท่ากัน ถ้าส่งบุหรี่แบบนี้มาเธอจะจัดการ ไม่ใส่ลงกล่อง ถ้าพบเจอ ก็จะไม่ร่วมมือกันแล้ว ไม่สนว่าเป็นใคร จะไม่ไว้หน้าทั้งนั้น
หลายครอบครัวต่างตกลง มีหลายบ้านมาหาเพื่อเรื่องนี้ อยากจะได้ไปป์บุหรี่ของบ้านเฉิน อยากจะร่วมมือกับบ้านเฉิน แต่คนมากมาย บ้านเฉินไม่สามารถบอกได้หมดทุกคน เลยปฏิเสธไป
และที่ทำแบบนี้ เพราะยังไม่รู้ว่าจะคุยกับคอมมูนได้ โถงห้องประชุมใหญ่ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อได้ไหม นี่เป็นผลดีต่อบ้านเฉิน จะได้หาเงินได้มากขึ้น
เรื่องพวกนี้เฉินเยี่ยนไม่มีเวลามาจัดการ นอกจากรอข่าวของซินห้าว เธอกำลังศึกษายาเส้นของเธอ
ของที่จำเป็นกับเหล้าต่างซื้อกลับมาแล้ว พวกเขาใช้ที่นี่ผลิตใบยาสูบ เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลเลย
ทำสูตรตามที่หลุมอวกาศบอกเธอ เฉินเยี่ยนทำยาเส้นเสร็จแล้วเอาเหล้าไปหมัก ทั้งหมดนี้ต้องรอหนึ่งเดือนค่อยมาดูผล ถ้าใช้ได้ อีกหน่อยเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องยาเส้นแล้ว
เดือนนี้เฉินเวยอยากไปหาซินห้าวมาก ไปปล่อยเสน่ห์ของเธอ แต่เธอไม่มีที่ไปหา ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอจะใจร้อนก็ทำอะไรไม่ได้ เธอก็ไม่ได้เจอซินห้าวด้วย ทำได้เพียงสาปแช่งเฉินเยี่ยนในใจ
เดือนนี้ธุรกิจก่อบุหรี่ของฝั่งเฉินเยี่ยนไปได้ดี มีครอบครัวหนึ่งเลือกที่จะขายเองนอกนั้นต่างห่อได้ดี บรรจุลงกล่องแล้วเอามาส่งบ้านเฉิน เฉินจงรับผิดชอบจ่ายเงินให้แต่ละบ้าน พวกเขาไม่ได้ว่างงาน มีไปตลาด ไปเดินขายตามตรอกซอกซอย เปิดตลาดมากขึ้น แบบนี้จะได้หาเงินได้มากขึ้น
ทุกวันหวางนิวยิ้มจนหุบไม่ลง บุหรี่ห่อได้มากขึ้น เงินก็มากขึ้นตาม พี่สะใภ้พี่ชายก็สนิทกับเธอมากขึ้น หลานสาวเธอก็เข้าใกล้เธอมากขึ้น ตอนนี้เธอกลับบ้าน คนในหมู่บ้านที่อยู่ไกลเห็นเธอก็ยังทักทาย ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอรู้สึกว่าเธอไม่ต้องไปขอร้องใครแล้ว
เดือนนี้ซินห้าวก็มาส่งข่าว คอมมูนตกลงเรื่องที่บ้านเฉินจะซื้อโถงประชุม แต่ในนี้ยังมีรายละเอียดอีกมากมายต้องจัดการ คอมมูนต้องตรวจสอบว่า ต้องประชุม รอคอมมูนตัดสินใจแล้ว จะเรียกเฉินเยี่ยนไปคุยเรื่องนี้
เดือนนี้ยังมีอีกเรื่องเกิดขึ้น คือหลัวเหมย สิบวันก่อนเธออาศัยเวลาฟ้ามืดแล้วมาบ้านเฉิน ตอนนั้นเฉินกุ้ยกำลังกินข้าวอยู่ที่นี่ เฉินเวยก็ไม่ได้อยู่ที่นั้น หลัวเหมยเห็นไม่มีคนอยู่ฝั่งนั้น จึงมาที่ฝั่งนี้
เห็นหลัวเหมย คนบ้านเฉินตกใจมาก เฉินเยี่ยนไม่เคยเห็นเธอเลยไม่รู้จัก แต่เฉินจงและเฉินกุ้ยต่างรู้จักเธอ
ผมเพ้าหลัวเหมยยุ่งเหยิง รองเท้าก็ขาดเป็นรู แสดงให้เห็นถึงความลำบาก จนหลัวเหมยเข้ามาในบ้าน ให้น้ำร้อนหลัวเหมยดื่มหนึ่งชาม หลัวเหมยประคองน้ำไว้ จมูกเธอแสบขึ้นมา น้ำตาร่วง มีเสียงหยดแหมะลงไปในน้ำร้อน
เธอรู้ว่าการกระทำวันนี้ของเธอนั้นอาจหาญมาก เธอทำเรื่องที่เธอไม่เคยคิดมาก่อน เรื่องนี้บางทีอาจจะยุ่งเหยิงกลับตาลปัตร บางทีอาจจะจัดการไม่ได้ บางทีคนบ้านเฉินอาจจะดูถูกเธอ แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดเรื่องอื่นจริงๆ เธอวิ่งมาบ้านเฉินทั้งอย่างนี้
“สาวน้อย ไม่ต้องร้อง มีเรื่องอะไรพูดกับป้ามาได้เลย”
เห็นหลัวเหมยร้องได้ ในใจหวางนิวรู้สึกไม่ดี ผู้หญิงคนนี้เกือบจะได้เป็นลูกสะใภ้เธอแล้ว ตอนนี้เธอวิ่งมาแบบนี้คงต้องเจอเรื่องเดือดร้อน ช่วยเหลือพวกเขาได้ก็จะช่วย
มือไม้เฉินกุ้ยก็ดูทำอะไรไม่ถูก เขารู้สึกดีกับหลัวเหมยอยู่ ช่วงนี้คนมาคุยเรื่องดูตัวกับเขาก็ไม่น้อย แต่ยังไม่มีคนที่เหมาะสม เขาไม่รู้ว่าทำไมหลัวเหมยถึงวิ่งมาหา แต่ในเขากลับมีความหวังเล็กๆ ขึ้นมา
รับรู้ได้ถึงความเมตตาของบ้านเฉิน หลัวเหมยยิ่งทนไม่ไหว ครั้งนี้ร้องไห้ออกมา
หวางนิวร้อนใจ เธออยากจะรู้เรื่องราว
เฉินเยี่ยนดึงมือหวางนิวไว้แล้วส่ายหน้า เธอมองออกว่าอารมณ์ของหลัวเหมยยังไม่มั่นคง ให้เธอร้องไห้ไปก่อน ร้องออกมาเดี๋ยวก็ดีขึ้น
จนในที่สุดหลัวเหมยสงบลง ผ่านการเล่าเรื่องราวของเธอ บ้านเฉินพอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว
————————-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น