Legend of the mythological genes 98-130

ตอนที่ 98

 

การตรวจสอบด้วยพลังจิต

อย่างไม่คาดฝัน


การตกแต่งภายในของห้องปฏิบัติการที่ปิดล้อมนั้นว่างเปล่า แตกต่างกับข้างนอกอย่างสิ้นเชิง


ลูกบอลคริสตัลตรงกลางดึงดูดความสนใจของเฟิงหลิน


สภาพแวดล้อมภายในลูกบอลเป็นสุญญากาศที่ปราศจากเชื้อ ข้างในมีสารคล้ายกาว อย่างไรก็ตามวัตถุเหนียวๆนั่นไม่ได้ดูสวยงาม มันเบาและแห้งเหมือนโคลน


แต่เฟิงหลินสามารถบอกได้ทันทีว่าเป็นยาโบราณที่เขาเคยเห็นในบันทึกการวิจัย


 


“นั่นคือยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ! ที่นี่มีเครื่องสแกนที่สามารถสแกนยาและแสดงองค์ประกอบและโครงสร้างของยาได้! คุณควรจัดการกับมันด้วยความระมัดระวัง อย่าสัมผัสถ้าไม่จำเป็น! หากคุณทำลายยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ คุณไม่มีทางชดใช้ได้ต่อให้ต้องขายวิญญาณ! “แม้ว่าไอค์จะไม่ได้เข้าไปในห้องปฏิบัติการ แต่เขาก็เตือนเฟิงหลินอย่างจริงจัง


ในฐานะหัวหน้าหน่วยวิจัย ไอค์เคยเห็นยาศักดิ์สิทธิ์โบราณมาบ้างแล้ว แต่ไม่มีผลงานวิจัยของเขา


เด็กเหลือขอนี่จะทำอะไรได้?


เมื่อเห็นร่างของเฟิงหลินเดินเข้าไป สีหน้าเขาก็บิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว


กำแพงโลหะปิดโดยทันที เฟิงหลินคือคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้องปฏิบัติการสันโดษ มันเงียบมาก สภาพแวดล้อมเหมาะสำหรับการทดลอง


ห้องทดลองจะต้องมีกล้องตรวจสอบอยู่ภายใน ผู้จัดการของแฟรงค์กับหัวหน้าไอค์อาจกำลังดูเขาอยู่


เขาสังเกตอย่างละเอียดและเริ่มค้นคว้าเรื่องยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ


เป็นอย่างที่เขาคาดไว้


ภายในสำนักงาน ภาพโฮโลแกรมกำลังฉายทุกย่างก้าว แฟรงค์และไอค์กำลังเฝ้าดูและเริ่มพูดคุยกัน


 


“ ไอค์ คุณคิดว่าเขาจะเจออะไรบ้างไหม” ผู้จัดการแฟรงค์พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า


“เป็นไปไม่ได้!” ไอค์ส่ายหัวและพูดว่า “เด็กคนนี้มีความสามารถ แต่ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณต้องใช้เทคนิคในตำนานดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจ มีนักพันธุศาสตร์อย่างเป็นทางการมากมายที่นี่ แต่กลับไม่มีใครทำสำเร็จเลย เหตุผลหลักคือความแตกต่างด้านยุคสมัย ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณอยู่ในสถานะของแข็ง ขณะที่น้ำยาอยู่ในรูปของเหลวมันอาจดูเหมือนว่าเพียงแค่สถานะที่เปลี่ยนไป แต่แก่นสำคัญกลับแตกต่างกันสิ้นเชิง!”


 


แม้ว่าในตอนนี้ เขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟิงหลิน แต่สิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับเฟิงหลินก็มีเหตุผลมาก


 


ผู้จัดการแฟรงค์ก็ไม่แปลกใจเช่นกัน “แม้ว่ามันจะไม่น่าเป็นไปได้ ฉันก็ยังหวังว่าเด็กคนนี้จะสามารถฝ่าฟันได้! เนื่องจากยาศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้ถูกค้นพบจากโบราณสถาน ฉันก็ต้องการใช้ความรู้ของเขาเกี่ยวกับตำนานเพื่อดูว่าเขาจะสามารถเปิดเผยความจริงที่อยู่เบื้องหลังยาศักดิ์สิทธิ์โบราณได้ไหม คุณควรรู้ไว้ว่าสำนักงานใหญ่กำลังเร่งเอาคำตอบจากเรา พวกเขาต้องการดำเนินการตามแผนโดยเร็วที่สุด กองทัพปฏิวัติดาวอังคารมีความคืบหน้ามากขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังทำอะไรบางอย่าง สถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มไม่ค่อยมั่นคงแล้ว!”


“ผมก็หวังเช่นนั้น!”


 


เสียงของทั้งสองค่อยๆเงียบลง


แน่นอนว่าเฟิงหลินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสำนักงาน เขากำลังศึกษายาศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างระมัดระวัง


เพียงเห็นมันด้วยตัวเอง เขาก็สามารถรู้ได้ว่ายาศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นลึกลับเพียงใด


ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้อยู่ในสภาพของแข็ง มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากน้ำยายีนปกติ


น้ำยายีนอยู่ในสถานะของเหลวเพราะจะทำให้ยาถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว


ยาที่เป็นของแข็งนี้ใช้งานยังไง?มันจะช่วยให้คนธรรมดาปลุกยีนในตำนานได้โดยไม่ทำให้ร่างกายระเบิดได้ยังไง?


นี่คือคำถามทั้งหมดที่เฟินหลินไตร่ตรองอยู่ในใจ


เขาเริ่มที่จะสแกนยาศักดิ์สิทธิ์โบราณด้วยเครื่องมือ แสงถูกฉายบนยาพร้อมแสดงข้อมูล


 


“คาร์บอน: 27.23%, ออกซิเจน: 21.54%, ปรอท: 18.25%, ทองแดง: 10.2% … … “


 


เฟิงหลินสังเกตผลการสแกน เขารับรู้องค์ประกอบต่างๆที่แสดงบนจอแสดงผล


เขาไม่พอใจกับผลการสแกน


กาแล็กซี่มีองค์ประกอบมากมาย มันจะดียังไงถ้ารู้สิ่งเหล่านี้?


กุญแจสำคัญคือการรู้รูปแบบการสังเคราะห์!


แต่มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้มีเงาแปลกๆมากมายบนภาพที่สแกน มันเป็นภาพโครงสร้างวงกลมนับไม่ถ้วนที่เชื่อมโยงกัน แต่เขาก็ไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน


เฟิงหลินยังคงใช้เครื่องมือต่างๆภายในห้องปฏิบัติการ แต่ก็ไร้ผลลัพธ์


 


“ เขากำลังสแกนองค์ประกอบของยา!”


“ไม่ต้องใช้อะไรมาก! ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณมีคุณสมบัติพิเศษ มันมีอนุภาควิญญาณมากเกินไป ซึ่งอาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์สแกน!”


 


แฟรงค์และไอค์สังเกตการเคลื่อนไหวของเฟิงหลินอย่างใกล้ชิด


เฟิงหลินค้นพบสิ่งหนึ่ง


กลุ่มอักขระที่อ่านไม่ออกปรากฏบนภาพ เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวผิดปกติของอนุภาควิญญาณ


อนุภาควิญญาณในยาศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นไม่ได้อยู่ในตาราง รบกวนรังสีที่ใช้แสกน การสอดแทรกทำให้เกิดความยุ่งเหยิงเนื่องจากไฟฟ้าสถิตแน่นสูงปกคลุมภาพทั้งหมด เป็นเรื่องยากที่มองเห็นความเป็นจริงได้


สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น เฟิงหลินค้นพบในบันทึกการวิจัยว่าคนอื่นๆก่อนหน้าเขาก็มีปัญหาเดียวกัน พวกเขาทำได้เพียงใช้วิธีดั้งเดิมในการสำรวจผลของยา


 


พวกเขาได้นำตัวอย่างยาศักดิ์สิทธิ์โบราณมาทดลองในหัวข้อการทดลอง หลังจากสังเกตปฏิกิริยา นักวิจัยจึงตั้งสมมติฐานเรื่องผลกระทบของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ


วิธีนี้มีประสิทธิภาพต่ำเกินไป


เฟิงหลินรู้ว่าเขาต้องเป็นคนแรกที่จะได้คำตอบ ดังนั้นเขาไม่สามารถใช้วิธีนี้ในการสำรวจทีละขั้นตอนได้ มันช้าเกินไป การมองผ่านแก่นสำคัญของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณคือทางเดียว


เขาต้องศึกษายาโบราณอย่างละเอียด!


น่าเสียดายที่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ไม่ได้ผล เฟิงหลินคิดวิธีแก้ปัญหาไม่ออก


เขาคิดมากเกินไป พลังงานจิตของเขาไหลออกมาระหว่างคิ้วโดยไม่รู้ตัว


ทันใดนั้นเขาก็พบว่าพลังงานจิตสามารถตรวจจับทุกอย่าง ทำไมเขาถึงไม่ใช้มันในการตรวจสอบส่วนประกอบของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณละ?


เมื่อคิดได้ เขาก็ทำตามนั้น


อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความลับของเขา เฟิงหลินทำตัวเหมือนว่าเขากำลังเฝ้าสังเกตข้อมูลผ่านเครื่องมือ ขณะที่ลอบปล่อยพลังจิตออกไปเงียบๆ


เขารู้สึกถึงความแตกต่างทันที


อนุภาควิญญาณและพลังงานจิตดูเหมือนจะมีการประสานกันอย่างยอดเยี่ยม ทำให้ไม่มีการรบกวนในระหว่างการสแกนทางจิต


ส่วนประกอบของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณถูกนำเสนออย่างชัดเจน


เฟิงหลินรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าองค์ประกอบภายในของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณไม่ใช่โครงสร้างของโมเลกุลขนาดใหญ่ แต่มันประกอบด้วยสารที่มีลักษณะคล้ายคริสตัลจำนวนมาก


คริสตัลแต่ละอันเป็นอิสระจากกัน แต่รวมเข้าด้วยกันราวกับเป็นหนึ่งเดียว


เฟิงหลินรู้สึกประหลาดใจ โครงสร้างของตรรกะและวิทยาศาสตร์นั้นคืออะไร? มันดูเหมือนงานศิลปะ!


สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จด้วยเทคโนโลยีการปรุงยายีนในปัจจุบัน มันเป็นการค้นพบครั้งใหญ่!


เฟิงหลินอดจินตนาการไม่ได้ว่าเทคโนโลยีการกลั่นที่ใช้นั้นวิเศษแค่ไหนกัน มันเป็นยาระดับจุลภาค


เทคนิคพระเจ้าอะไรกัน!


เขาไม่อาจเข้าใจได้ด้วยความสามารถปัจจุบัน


ด้วยเหตุผลที่แน่นอนนี้ เฟิงหลินรู้สึกว่าแผนกวิจัยและพัฒนากำลังไปผิดทาง หากพวกเขาไม่เข้าใจเทคโนโลยีที่แปลกประหลาดนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างผลกระทบของยาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง การสำรวจก็จะไม่มีประโยชน์


เหมือนกบก้นบ่อ: ไม่ว่ามันจะฉลาดและสร้างสรรค์แค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถเห็นท้องฟ้าที่แท้จริงได้


เฟิงหลินเริ่มจดจ่อกับการสังเกตของเขาโดยใช้พลังงานจิต


ยิ่งเขาจดจ่อมากเท่าไหร่ การรับรู้ของเขาก็ยิ่งละเอียดมากขึ้นเท่านั้น


คริสตัลมีเหลี่ยมที่สมบูรณ์แบบ มีขอบไม่มากหรือน้อยเกินไป พวกมันเต็มไปด้วยความสวยงามของเลขาคณิต


 


ตุ้ม!ตุ้ม!ตุ้ม!


 


ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสั่นสะท้าน มันเบามาก แต่ก็หนักแน่น


เฟิงหลินไม่สามารถควบคุมสีหน้าเขาได้อีกต่อไป เขาเบิกตากว้าง รู้สึกว่าคริสตัลสั่นเล็กน้อยราวมีชีวิต นอกจากนั้นพวกมันยังขยับช้าๆเหมือนจุลินทรีย์ขนาดเล็ก


 


นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา!


คริสตัลตรงหน้านี้มี…สนามแม่เหล็กชีวภาพ?


นี่มันอะไร?


เฟิงหลินตกใจมาก!


ไม่ใช่ว่านี่คือยากลั่นชีวิต?

 

 

 


ตอนที่ 99

 

ยากลั่นชีวิต

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีสนามแม่เหล็กชีวภาพ


สนามแม่เหล็กชีวภาพเป็นลักษณะภายนอกของสิ่งมีชีวิต


ยิ่งสิ่งมีชีวิตมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ความผันผวนของสนามแม่เหล็กชีวภาพก็จะมากขึ้น


คริสตัลเหล่านี้มีพลังชีวิตที่อ่อนแอมากส่งผลให้สนามแม่เหล็กชีวภาพของพวกมันอ่อนแอ


เฟิงหลินเพิ่งค้นพบสิ่งนี้หลังจากที่เขารวบรวมพลังงานจิตและสแกนอย่างพิถีพิถัน


คริสตัลแต่ละอันมีชีวิต เป็นไปได้ไหมว่ายาศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด หรือเป็นเผ่าพันธุ์ต่างดาว?


เหลือเชื่อ


เฟิงหลินที่มักจะสงบนิ่งกลับตกใจจนพูดอะไรไม่ออก


ยากลั่นชีวิต?


น่าทึ่งมาก!


แม้ว่าคริสตัลเหล่านี้จะมีขนาดเล็กมากและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ พวกมันก็มีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตเช่นนี้ย่อมมีพลังของผู้สร้างในตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย


ใบหน้าของเฟิงหลินแสดงความประหลาดใจอย่างชัดเจน เขาไม่สามารถปกปิดได้ ต่อให้เขาจะพยายาม


ด้านหลังการจอภาพ แฟรงค์ประหลาดใจเมื่อเขาสังเกตเห็นใบหน้าที่ดูแปลกๆไปของเฟิงหลิน เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า “เขาค้นพบบางอย่างแล้วงั้นหรือ?”


“ผมไม่รู้ บางทีเขาอาจค้นพบบางแง่มุมของยาโบราณที่เขาไม่เข้าใจ?นี่เป็นสารที่มีสถานะเป็นของแข็ง ไม่ว่ายังไงก็ต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน! ” ไอค์ตอบ


ถึงกระนั้นแฟรงค์ก็ส่ายหัว “ไม่น่าจะง่ายอย่างนั้น แม้ว่าเฟินหลินจะยังเด็ก แต่การแสดงออกทางอารมณ์ของเขาช่ำชองมาก หากเขาตกใจเพียงเล็กน้อย เขาจะไม่มีทางสูญเสียการควบคุมตัวเอง? เขาจะต้องค้นพบบางอย่างแน่นอน”


“โอ้?” ไอค์ตกใจ เขาเชื่อแฟรงค์อย่างสุดใจ ในฐานะผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนา เขาไม่มีทางเข้าใจผิด


เป็นไปได้ไหมว่าเพื่อนตัวน้อยคนนี้ค้นพบบางอย่าง?


ไอค์จ้องเฟิงหลิน สายตาของเขาเปลี่ยนไปจากความอบอุ่นก่อนหน้านี้กลับสู่ความเย็นชาที่มืดมน


สำหรับเฟิงหลิน เขาไม่พอใจกับการค้นพบเขามาก


เขาตระหนักว่าเป็นเพราะพลังงานทางจิตของเขาไม่เพียงพอ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้มองกว่านี้


มันไม่สามารถตำหนิบริษัทยาไจแอนท์ได้ที่ไม่รู้ว่าพลังงานจิตมีผลต่อความสามารถในการตรวจสอบยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ องค์ประกอบของคริสตัลหล่านั้นมีขนาดเล็กเกินไป ถ้าพลังงานจิตไม่แข็งแกร่งพอในระดับหนึ่ง การตรวจสอบด้วยเครื่องจักรจะชัดเจนกว่า!


 


นอกจากนี้ ยีนจิตเป็นยีนที่พบเห็นได้ยากมาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ปลุกขึ้นมาและแม้แต่คนที่ปลุกขึ้นก็ไม่ง่ายที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับยีน แม้ว่าบริษัทยาไจแอนท์จะใหญ่โต มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะค้นหาอัจฉริยะที่ปลุกยีนจิตขึ้นมา


ดังนั้นจึงไม่มีใครค้นพบสิ่งนี้จนกระทั่งเฟิงหลิน


แต่ถึงแม้ว่าการเสริมความแข็งแกร่งของยีนจิตจะสูงถึง 4 หน่วย แต่ก็ยังไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัด


เขาจ้องศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาที่มีอยู่ 618% และตัดสินใจ ตอนแรกเขาต้องการที่จะเก็บศักยภาพทางพันธุกรรมไว้ให้พอที่จะแลกกับจุดพันธุกรรมเพื่อเสริมสร้างยีนลิงหินของเขา แต่ตอนนี้แผนต้องมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว


ถ้าเขาต้องการที่จะไขความลับของยาโบราณนี้ พลังจิตของเขาจะต้องแข็งแกร่งและการรับรู้ของเขาก็จะต้องแม่นยำมากขึ้น เพราะฉะนั้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของยีนจิตจึงเป็นเพียงทางเลือกเดียว


เฟิงหลินไม่ลังเลอีกต่อไป เขาใช้ศักยภาพทางพันธุกรรม 100% ในการเปลี่ยนเป็นแต้มพันธุกรรมพื้นฐาน


ความแข็งแกร่งของยีนจิตของเขาเพิ่มขึ้นจาก 4 เป็น 5 และศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาลดลงเหลือ 518% โดยการเสริมสร้างยีนจิตพื้นฐานนี้ในครั้งเดียวพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก0.8 เป็น 19.7


แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เฟิงหลินไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ เนื่องจากยีนจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นพลังงานจิตของเขาจึงเพิ่มขึ้น


วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง


การรับรู้ทางจิตของเขาตอนนี้เหมือนกล้องจุลทรรศน์ที่แข็งแกร่งกว่าในตอนแรกหลายเท่า เขาสามารถ ‘ซูม’ ทำให้คริสตัลขยายในวิสัยทัศน์ของเขา


เฟิงหลินค้นพบว่าคริสตัลแต่ละอันถูกแบ่งออกเป็นสองชั้นจริงๆ ภายในเป็นโครงสร้างวงกลมในขณะที่ภายนอกถูกปกคลุมด้วยเปลือก คริสตัลทำหน้าที่เป็นชั้นของผิวหนังหรือเกราะป้องกัน


คริสตัลกระดิกไปมาไม่หยุด คล้ายกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก


พวกมันมีชีวิตจริงๆ!


การคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้ถูกต้อง ไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไปว่าคริสตัลเหล่านี้คือสิ่งมีชีวิต


ทำไมเขาถึงพูดอย่างนั้น? เพราะว่าหลังจากสังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาค้นพบว่าการเคลื่อนไหวของคริสตัลไม่ใช่แบบสุ่ม มีการตอบสนองอยู่ คริสตัลของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้กำลังเคลื่อนไหว จงใจหลบซ่อนคนอื่น แต่สนามแม่เหล็กชีวภาพไม่สามารถซ่อนได้


ความคิดแปลกๆเกิดขึ้นในหัวของเฟิงหลิน พลังงานจิตไร้รูปร่างที่เขาเปล่งออกมากลายเป็นหนามขณะที่ค่อยๆทิ่มคริสตัลด้านนอก


ชู่!


อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตคริสตัลพลันขยับ ขยายขนาด มุมของคริสตัลพองเหมือนเม่น


สนามแม่เหล็กชีวภาพของคริสตัลชีวิตเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ราวกับมันกำลังโกรธ ความผันผวนทวีความรุนแรงมากขึ้น เหมือนคลื่นปั่นป่วนในมหาสมุทร


 


เฟิงหลินเหมือนเตะรังแตน เมื่อรู้สึกถึงความโกรธ คริสตัลอื่นๆก็เริ่มเคลื่อนไหวตามกัน


สักพักต่อมากระแสความโกลาหลก็พุ่งพรวดเข้ามา  ตอนแรกเฟิงหลินไม่ได้สนใจ แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาจากแหล่งเดียวกัน และความตั้งใจของพวกมันสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อโจมตีได้


ทันใดนั้นเฟินหลินก็รู้สึกราวกับว่ามีดาบคมแทงเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา มันเจ็บปวดจนเขาต้องร้องออกมา


 


“อ้าก!” เฟิงหลินส่งเสียงกรีดร้องโดยไม่ตั้งใจ และลืมควบคุมตัวเอง


“ เกิดอะไรขึ้น?” ฉากประหลาดนี้ทำให้แฟรงค์และไอค์ตกใจ สายตาของพวกเขาจ้องมองเหตุการณ์ในห้องแล็บตาไม่กะพริบ


 


ขณะที่กรีดร้อง เฟิงหลินก็สาปแช่งตัวเองอย่างเงียบๆ แม้ว่าเขาจะรีบกลั้นเสียง แต่มันก็สายเกินไป


เสียงกรีดร้องของเขาก่อนหน้านี้แฟรงค์และไอค์อาจจะได้ยิน เขาอาจต้องคิดคำอธิบายให้ดี


ไม่ว่ายังไงมันยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการหาข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับยาโบราณ


เนื่องจากเขาเปิดเผยตัวเองแล้ว เฟิงหลินจึงตัดสินใจไม่ปิดบังการกระทำของเขาอีกต่อไป เขาหลับตาลง


 


“ เขากำลังทำอะไร?” แฟรงค์กับไอค์มองหน้ากันอย่างงุนงง


 


เมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เฟิงหลินก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ คริสตัลเหล่านี้รู้วิธีตอบโต้


ในเมื่อพวกเขามีสติ พวกเขาก็คงมีความทรงจำด้วย?


บางทีฉันอาจลองสะกดจิตพวกมัน และรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ


จู่ๆเฟิงหลินก็มีความคิดนี้ ถึงแม้มันจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ก็อาจเป็นไปไม่ได้


ด้วยความยอดเยี่ยมของยาโบราณ วิธีการทั่วไปคงไม่ได้ผล หากเขาอยากเข้าใจพวกมัน เขาก็ต้องคิดนอกกรอบ


เฟิงหลินตัดสินใจทำเช่นนั้นทันที เขาเริ่มด้วยการตรวจจับสนามแม่เหล็กชีวภาพของคริสตัลเหล่านี้


อย่างไรก็ตาม มันไม่เป็นอย่างที่เขาหวัง มันยากมากไม่ง่ายเลย


เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีขนาดเล็กมาก คลื่นสนามแม่เหล็กชีวภาพของพวกมันจึงอ่อนแอเกินไป เฟิงหลินพบว่ามันยากที่จะรับรู้อย่างแม่นยำ


เพื่อเพิ่มการรับรู้ของเขา พลังจิตของเขาจะต้องแข็งแกร่ง


เขาจำเป็นต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับยีนจิตของเขาอีก ไม่งั้นเขาจะไม่มีทางทำสำเร็จ


เฟิงหลินไม่ลังเลอีกต่อไปศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาลดลงอีก 100% และความแข็งแกร่งของยีนจิตเพิ่มขึ้นเป็น6 พลังชีวิตของเขาเพิ่มสูงถึง20.5 ทำลายด่านของ20แล้ว


การรับรู้กลายเป็นเฉียบคมขึ้น รูปร่างของคริสตัลเหล่านี้ขยายใหญ่ขึ้นอีกในวิสัยทัศน์ของเขา จากที่ตอนแรกพวกมันมีขนาดเท่ากำปั้น ตอนนี้พวกมีขนาดเท่าลูกฟุตบอล สนามแม่เหล็กชีวภาพของพวกมันก็ชัดเจนขึ้น


แต่นี่ยังไม่พอ!


เขาต้องเพิ่มจุดพันธุกรรมต่อไป!


 


เฟิงหลินไม่หยุดและทำต่อ เขาเสริมความแข็งแกร่งของยีนจิตจาก 6 เป็น 7 และสถานะพลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 21.3


สนามแม่เหล็กชีวภาพของคริสตัลชัดเจนมากขึ้น เขารู้สึกถึงพวกมันได้ แต่พวกมันบริสุทธิ์มาก ไม่มีความซับซ้อนใดๆเลย


เฟิงหลินดีใจที่เขาสามารถจับการเคลื่อนไหวได้ ในความเป็นจริงคริสตัลเหล่านี้อ่อนแอเหมือนพยาธิ ตอนนี้เขารู้ว่าอารมณ์ของพวกมันไม่ซับซ้อนเลย บางทีเขาอาจจะสะกดจิตพวกมันได้ง่ายๆ


แต่เมื่อเขาลองทำ เขาก็พบว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ง่ายอย่างที่คิด


แม้ว่าอารมณ์ของคริสตัลเหล่านี้จะเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน แต่ความรู้สึกนึกคิดของพวกมันได้ผ่านช่วงเวลายาวนานนับไม่ถ้วนและมีความแน่วแน่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หากเขาต้องการสะกดจิตพวกมัน เขาจะต้องใช้พลังจิตเป็นจำนวนมาก


หลังจากที่เขาลองสะกดคริสตัลเล็กๆก็พบว่ามันยากมาก


พลังจิตของเขาเข้าไปในส่วนลึกของคริสตัลที่เขาสะกดจิต สร้างการเชื่อมต่อกับเจตจำนงค์พวกมัน หลังจากนั้นก็มีการไหลของข้อมูลเข้าไปในหัวเขา แสดงให้เห็นภาพและเสียงที่ไม่สมบูรณ์


อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเหล่านี้ไม่ชัดเจน ดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกและเฟิงหลินไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน


ในเมื่อเขาเพิ่มพลังให้ยีนจิตแล้ว เฟิงหลินจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัว ความแข็งแกร่งของยีนจิตเพิ่มขึ้นถึง 9 และพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึง 22.9


หลังจากกลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ตอนนี้เหลือศักยภาพทางพันธุกรรมเพียง 118%  แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้


ความแข็งแกร่งยีนจิตของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้ความสามารถในการใช้พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ในที่สุดเขาก็สามารถสะกดจิตสิ่งมีชีวิตคริสตัลทั้งหมดได้ วินาทีต่อมา ความทรงจำนับไม่ถ้วนจากพวกมันก็เริ่มไหลมาในหัวเขา ชักนำเขาเข้าสู่โลกแห่งภาพลวงตา


 


ตอนนั้นเอง ม้วนภาพลี้ลับเก่าแก่ก็ปรากฏต่อหน้าเฟิงหลิน


เสียงคล้ายกับเสียงระฆังทองคำยักษ์ดังก้องในหูเขา


“สวรรค์และโลกคือเตาหลอม ชะตากรรมคือคนงาน หยินและหยางคือถ่านไฟ สิ่งต่างๆในโลกคือส่วนประกอบ..”

 

 

 


ตอนที่ 100

 

ฟ้าดินเป็นเตาหลอม

ไฟ ไฟ ไฟ…


เสียงเก่าแก่นี้ดูเหมือนจะมาจากแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่ทอดยาวหลายล้านปี ก้องกังวาลในหูเขา


เฟิงหลินมองเห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อราวกับว่าร่างกายของเขาถูกพาเข้าไปในทะเลเพลิงลุกโชน


อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้สึกถึงความร้อน ชัดเจนว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตา


ดูเหมือนว่ามุมมองของเฟิงหลินจะอยู่ในสภาพคงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามฉากตรงหน้าเขาดูเหมือนภาพสามมิติ มีภาพไหลเวียนในวิสัยทัศน์ของเขา


เขาอยู่ในเปลวไฟที่มีผนังเหล็กอยู่รอบตัวเป็นรูปทรงกลม


ดูเหมือนว่าจะเป็น …


เตา?!


หัวใจของเฟิงหลินลุกโชน หรือนี่คือความทรงจำของคริสตัล?


มันแปลกมากมีทรงกลมแปดรูอยู่ด้านในเตาเผา นอกจากนี้ยังมีพัดลมใบปาล์มที่ส่งกระแสลมแรงเข้ามาในเตา ทำให้เกิดพลังงานลมเติมพลังงานไฟ


เฟิงหลินรู้สึกเพียงว่าวิสัยทัศน์ของเขากำลังลอยอยู่ เหมือนร่างของเขากำลังลอยและตกลงไปในเตา อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างขึ้นจากความทรงจำ มันไม่ใช่ความจริง เขาไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิ


 


“ฟ้าดินเป็นเตาหลอม สิ่งมีชีวิตมากมายเป็นส่วนผสม!”


 


เสียงนักวิชาการล่องลอยมา


เฟิงหลินหันจ้องมองทิศทางของความว่างเปล่า ผ่านรูทั้งแปดที่มีลมไหลเข้ามา


เมฆสีขาวหลายชั้นทำให้มุมมองของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกรอบด้าน


ชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวสวมชุดคลุมจีนโบราณนั่งอยู่บนเสื่อสีม่วง มีกลิ่นอายแห่งเซียนลอยรอบตัวเขา มันดูใกล้แต่จริงๆแล้วไกลมาก ในวิสัยทัศน์ของเฟิงหลินสิ่งต่างๆชัดเจน แต่ดูเหมือนจะถูกบดบังโดยบางอย่าง ดูเหมือนไม่มีใครสามารถเห็นชายชราผู้นี้ได้อย่างชัดเจน ไม่มีทางที่จะค้นหาเขา


ชายหลายคนในเสื้อคลุมยาวและมัดผมนั่งอยู่ด้านล่างเขา สีหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพ


 


“สิ่งมีชีวิตจำนวนมากเข้ามาในเตาหลอมของข้า เทคนิคการกลั่นยาคือการปรับแต่งสิ่งต่างๆในโลกเปลี่ยนให้เป็นยา แต่ก็ไม่สามารถถือได้ว่าเป็นวิชาระดับสูงอย่างแท้จริง เหนือกว่าการกลั่นยา การปรุงยาเม็ดหรือที่รู้จักกันว่าการเล่นแร่แปรธาตุ นักเล่นแร่แปรธาตุจะสามารถใช้การปรุงเม็ดยาเพื่อคว้าเอาชะตากรรมของโลก เปลี่ยนสิ่งเน่าเปื่อยให้กลายเป็นของวิเศษ..”


 


เสียงของชายชราดังและชัดเจน สายลมอ่อนโยนของภูเขาพัดในอากาศขณะที่เขาพูดเกี่ยวกับเทคนิคที่ยอดเยี่ยมและมหัศจรรย์ ซึ่งเป็นเทคนิคที่เต็มไปด้วยเต๋า


เฟิงหลินฟังอย่างตั้งใจ


 


“การกลั่นยาเป็นเพียงศิลปะของมนุษย์ และเคล็ดปรุงเม็ดยาถึงถือเป็นวิชาของเหล่าเซียนอย่างแท้จริง ยาเม็ดคืออะไร?ยาคืออะไร?ยาเม็ดคือยาที่มีชีวิตอยู่ในนั้น ทุกๆยาเม็ดเป็นชีวิตใหม่ที่มีสติปัญญาของตัวเอง กินยาเพียงหนึ่งเม็ดก็จะสามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้ ทำให้ร่างกายปรับเข้ากับผลของยา ไม่ทำให้ความแรงของยากระทบกับข้อจำกัดของร่างกาย ยาเม็ดวิเศษบางชนิดสามารถทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม … “


 


ชายชราบรรยายอย่างช้าๆ บอกคำสอนที่ลึกซึ้ง ขณะที่ทุกคนฟังอย่างตั้งใจ


หัวใจเฟิงหลินพลันเต็นกระหน่ำ การเล่นแร่แปรธาตุ!


เขามาจากศตวรรษที่21 ในยุคก่อนตำนานจะหายไปจากโลก เขาเคยได้ยินเรื่องการปรุงยาและการเล่นแร่แปรธาตุมาก่อน


แม้ว่านักเขียนนิยายนับไม่ถ้วนจะใช้จินตนาการเพื่อสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างไร้ขอบเขต แต่ทุกคนก็รู้ว่าการเล่นแร่แปรธาตุเป็นเพียงเรื่องในตำนาน มันไม่มีอยู่จริงในโลกนี้


ใครจะคิดบ้างว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง


จริงๆแล้วเขาสามารถเห็นความลับของการเล่นแร่แปรธาตุผ่านความทรงจำของสิ่งมีชีวิตคริสตัลได้


ยาที่มีลักษณะเหมือนแป้งไม่ใช่ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณอะไร แต่มันเป็นยาวิเศษ! เพียงแต่ผ่านช่วงเวลามามันจึงสูญเสียรูปแบบดั้งเดิมกลายมาเป็นรูปทรงปัจจุบันนี้


ความแรงของยานี้ลดลงกว่าครึ่งแล้ว แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้มนุษย์เกิดใหม่กลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวได้ในขั้นตอนเดียว


เฟิงหลินไม่สงสัยในประเด็นนี้


อย่างแรกต้องรู้ว่าในตำนานของจีนโบราณ มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์เมื่อกินยาวิเศษ แมลงวันก็สามารถบินขึ้นท้องฟ้าได้


มีเพียงการเล่นแร่แปรธาตุในตำนานเท่านั้นที่จะทำให้คนเราสามารถมีผลกระทบเหนือกว่าการตายและเกิดใหม่ได้


เฟิงหลินรู้สึกตื่นเต้น ถ้าเขาสามารถเรียนรู้การเล่นแร่แปรธาตุและได้รับมรดกในตำนานจากชายชราคนนี้ เขาอาจจะสามารถก้าวไปบนเส้นทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถ้าเขาผสมผสานการเล่นแร่แปรธาตุกับความรู้ของเขาในการปรุงยาพันธุกรรม อนาคตของเขาจะสดใสไร้ขอบเขต


เขายังคงมองดูผ่านความทรงจำ


เช่นเดียวกับสิ่งที่ชายชราคนนี้พูด การเล่นแร่แปรธาตุเป็นเทคนิคมหัศจรรย์แห่งโชคชะตา ทุกเม็ดยาล้วนถูกปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อชีวิต


และฉากแรกที่ชีวิตเล็กๆเหล่านี้เกิดก็จะฟังลึกในความทรงจำ


ทันทีที่เม็ดยาวิเศษถูกกลั่นขึ้น มันจะได้รับลักษณะของชีวิต และบันทึกภาพโดยสัญชาตญาณและกลายเป็นความทรงจำ


การที่เฟิงหลินสามารถเรียนรู้การเล่นแร่แปรธาตุถือเป็นโชคดี


 


เฟิงหลินจริงจังมาก เขาฟังการบรรยายอย่างตั้งใจยิ่งกว่าสาวกพวกนี้


ท้ายที่สุดแล้วคนโบราณเหล่านี้มีโอกาสมากมายที่จะเรียนรู้การเล่นแร่แปรธาตุ แต่เฟิงหลินซึ่งเป็นคนจากอนาคตมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น


ยีนจิตนั้นเสริมความสามารถทางจิตของเขา ทำให้เขามีความทรงจำที่ไม่ธรรมดา เขาสามารถจดจำทุกอย่างที่เขาเห็นได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว


เฟิงหลินค่อยๆเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับต้นกำเนิดของการเล่นแร่แปรธาตุ


ดังนั้น ปรากฏว่าในยุคโบราณมีสถาบันหลายแห่งสำหรับการเล่นแร่แปรธาตุ กลุ่มคนเหล่านี้มาจากนิกายเดียวกัน ถูกเรียกว่านิกายเตาหลอมอมตะ สรุปการเล่นแร่แปรธาตุเป็นสี่วลี


ฟ้าดินเป็นเตาหลอม ชะตากรรมคือคนงาน หยินและหยางคือไฟถ่าน สิ่งต่างๆในโลกคือส่วนประกอบ!


 


ไม่ควรมองข้ามคำง่ายๆสี่คำนี้!มันล้วนมีความจริงที่ลึกซึ้งที่สุด วิญญาณที่กล้าหาญสามารถครอบคลุมทุกสิ่งมีชีวิตในโลก


จากคำพูดเหล่านี้ มันบอกได้เลยว่าจิตวิญญาณของนิกายนี้สง่างามขนาดไหน


และในเวลานั้นนิกายเตาหลอมอมตะก็ถือเป็นหนึ่งในนิกายที่ชื่อดังสุด เพราะมันตั้งอยู่บนดาวหยิงฮวา ชื่อเสียงมันจึงกระจายไปทั่วโลกบ่มเพาะ


หัวใจของเฟิงหลินเต้นกระหน่ำ ไม่ใช่ว่าดาวหยิงฮวาอ้างถึงดาวอังคารในตำนานโบราณ?


ในท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวโบราณ ดาวอังคารเป็นดาวสีแดงสุกใสที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน เพราะความสว่างของมันยามค่ำคืน และด้วยตำแหน่งมันที่สับเปลี่ยนตลอดซึ่งทำให้ผู้คนสับสน มันจึงถูกตั้งชื่อว่าดาวหยิงฮวา


ในโหราศาสตร์จีนโบราณ ช่วงเวลาที่ดาวหยิงฮวาปรากฏในท้องฟ้ายามค่ำคืน มันเป็นสัญลักษณ์ว่าความโกลาหลครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นในโลก ไม่ช้ามันก็กลายเป็นดาวอัปโชค


เฟิงหลินไม่คาดคิดว่าในยุคโบราณจะมีนิกายที่ตั้งรกรากอยู่บนดาวอังคาร


นี่ไม่ได้หมายความว่าในโลกการบ่มเพาะโบราณ มนุษย์สามารถทำลายข้อจำกัดของโลกและเดินทางในจักรวาลได้แล้ว??


เฟิงหลินรู้สึกว่าเขากำลังมองหาความจริงโบราณ แต่ความจริงนี้ยังคงปกคลุมไปด้วยหมอก เขาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนหรือคาดเดาอะไรได้


มีตำนานกล่าวไว้ว่า ในสมัยโบราณ มนุษย์สามารถหินและบินไปยังโลกอื่นได้ เรื่องราวกำลังพยายามบอกว่ามนุษย์สามารถท่องไปในจักรวาลได้แล้วงั้นหรอ?


มนุษยชาติมีอารยธรรมที่แตกต่างกันในอดีตใช่ไหม? มันยอดเยี่ยมและล้ำสมัยมากจนพวกเขาสามารถออกจากระบบสุริยะได้!


แต่ทำไมมันถึงถูกปฏิเสธในที่สุด?


 



 


จินตนาการของเฟิงหลินพุ่งสูงทะยาน เขากำลังคิดว่าทุกสิ่งในยุคตำนานลึกลับนั้นเกินความเข้าใจในปัจจุบันของเขา เขารู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปได้


แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงสิ่งต่างๆในตอนนี้ เขาปล่อยวางชั่วคราว และให้ความสนใจกับการบรรยายต่อ


 


ชายชรายังคงอธิบายต่อไปว่า”นิกายเตาหลอมอมตะของเรามีเคล็ดปรุงยาเม็ดทั้งหมด483เคล็ด โดยที่ 365เคล็ดเป็นวิชาขั้นต่ำอ้างถึงจำนวนวันในหนึ่งปี นอกจากนี้ยังมี 72 วิชาระดับกลางที่สอดคล้องกับอสูรทางโลก 72 ตน มีวิชาระดับสูง36วิชาที่สอดคล้องกับดาวสวรรค์36ดวง เหนือกว่าวิชาระดับสูงนั้นคือระดับนักบุญมีทั้งหมด 9 วิชาซึ่งสอดคล้องกับวังทั้ง9 และเหนือกว่านั้นก็คือระดับอมตะ นิกายของเรามีเพียงเคล็ดการปรุงยาเม็ดระดับอมตะเพียงเคล็ดเดียว และชื่อของมันก็คือ … วิชาเตาหลอมแปรธาตุ! วิชานี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฟ้าดินเป็นเตาหลอม ความสามารถในการกลั่นทุกอย่างในโลกเพื่อแยกแก่นแท้ ปรมาจารย์ของวิชานี้สามารถกลั่นเม็ดยาอมตะที่ช่วยให้คนกลายเป็นเซียนได้!”


 


ชายชราอธิบายสิ่งต่างๆอย่างชัดเจนบอกต้นกำเนิดของนิกายเตาหลอมอมตะและทฤษฎีของเทคนิคการทำเม็ดยาขั้นพื้นฐาน บอกการวิเคราะห์อย่างละเอียดจนเฟิงหลินดำดิ่ง


อย่างไรก็ตาม สาวกเหล่านั้นที่นั่งด้านล่างชายชรากลับมองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงขณะที่พึมพำพูดคุยกัน


 


“แปลกจัง! ทำไมท่านอาจารย์ถึงอธิบายความรู้พื้นฐานของนิกายในวันนี้? เราทุกคนรู้เรื่องนี้ก่อนที่เราจะเข้านิกายแล้ว”


“ใช่แล้ว การบ่มเพาะของท่านอาจารย์ช่วยให้ท่านสามารถมองอนาคตได้ เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะลืมว่าเรารู้เรื่องนี้แล้ว”


 



เมื่อเห็นว่าชายชรายังคงอธิบายแบบนั้นอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดเหล่าสาวกก็ไม่อาจทนไหว


ศิษย์ชายที่หล่อเหลายืนขึ้น ใบหน้าของเขาดูงุนงง เขาถามด้วยความเคารพว่า “ท่านอาจารย์ ท่านได้บอกเราแล้วถึงต้นกำเนิดของนิกายและอธิบายเคล็ดกลั่นเม็ดยาพื้นฐานแล้วนี้กับเราไปนานแล้ว ทำไมวันนี้ท่านถึงสอนเราอีก?”


ชายชรายิ้มอย่างลึกลับ “วันนี้แตกต่างจากวันอื่นๆ วันนี้จำนวนผู้เข้าร่วมการบรรยายมีทั้งหมด81คน แม้ว่าเจ้าทุกคนจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนว่า แต่มีคน ‘หนึ่ง’ ยังไม่ทราบ นี่คือเหตุผลที่ข้าพูดเรื่องนี้อีกครั้งในวันนี้ “


เมื่อคำพูดของเขาดังขึ้นสาวกบางคนเริ่มพูดคุยกัน โดยมองไปทางซ้ายและขวา


ความงุนงงบนใบหน้าของนักเรียนชายยังไม่หายไปและความสับสนของเขาก็เพิ่มขึ้น “ท่านอาจารย์ ที่สนามนี้มีเพียงแปดสิบคนเท่านั้น อีก’หนึ่ง’คนเพิ่มมาจากไหนกันขอรับ?”


เขาเน้นคำว่า ‘หนึ่ง’


ชายชรายิ้มขณะทำท่าราวกับเขามองเห็นทุกสิ่งอย่าง”คนๆนั้นไม่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า เขามาจากสถานที่ที่คลุมเครือ ข้าไม่รู้ต้นกำเนิดดเขาหรือรู้ว่าเขาจะเลือกเดินไปทางไหน!”


 


การคาดเดาของเหล่าสาวกเพิ่มขึ้น


มีเพียงศิษย์ชายคนนั้นที่เริ่มเข้าใจบ้างแล้ว


หัวของเฟิงหลินถึงกับขาวโพลน


ชายชราคนนั้นแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร ดวงตาเขาดูเหมือนจะสามารถมองผ่านแม่น้พที่กว้างใหญ่ของกาลเวลาได้ ข้ามผ่านเวลานับล้านปี ค่อยๆจ้องมองเฟิงหลิน


 


ปล.โอ้ว พลังอะไรกัน มองข้ามเวลาได้เป็นล้านปี ฮ่าๆ

 

 

 


ตอนที่ 101

 

วิชาเตาหลอมแปรธาตุ

ความทรงจำจางหายและภาพลวงตาก็ค่อยๆหายไป


เฟิงหลืนยืนอยู่ตำแหน่งเดิม อึ้งจนพูดไม่ออก ความทรงจำใหม่ล่าสุดปรากฏในหัวเขา วิชาเตาหลอมแปรธาตุ


แต่ทว่า เขาไม่สนใจเรื่องนี้ เขายังสามารถเห็นรอยยิ้มลี้ลับของชายชราคนนั้นและคำพูดซึ่งทำให้หัวใจของเฟิงหลินสั่นคลอน


มันบังเอิญ?


เฟิงหลินส่ายหัว


แม้สายตาเขาจะสบกันแค่ชั่วขณะ เขาก็มั่นใจว่าเขาเห็นไม่ผิด


ชายชราปล่อยกลิ่นอายของผู้เป็นอมตะมา ไม่สนใจสายตาสับสนของเขาและอธิบายความรู้ทั่วไปของนิกายให้เขาฟัง


หลังพูด ชายชราอาจบรรลุเป้าหมายเขาแล้ว เขาเปลี่ยนเรื่องและเริ่มพูดถึงเทคนิคการปรุงยาที่เลืองชื่อสุดในนิกายเตาหลอมอมตะ วิชาเตาหลอมแปรธาตุ


นี่คือเคล็ดปรุงเม็ดยาที่สามารถควบคุมพลังของฟ้าดิน ใช้หยินและหยางเป็นไฟ กลั่นสิ่งมีชีวิตในโลก มันมีผลกระทบที่เหลือเชื่อและเป็นรากฐานของเคล็ดหลอมยาของนิกายเตาหลอมอมตะ


ไม่ว่าเคล็ดหลอมยาของนิกายจะเป็นยังไง ไม่ว่าจะมีระดับไหน พวกมันก็ล้วนวิวัฒนาการมาจากวิชารากฐานนี้ นี่คือวิธีที่เต๋ามากมายวิวัฒนาการจากจารึกศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋า


เฟิงหลินรำลึก ถอนหายใจด้วยความชื่นชม เมื่อเขาสามารถสลักเทคนิคนี้ลงในใจ ภาพทั้งหมดดจากความทรงจำก็หายไปจนหมด


เขานึกถึงการกระทำแปลกๆและสายตาของชายชราก่อนหน้า ความสับสนพลันปรากฏบนหน้าเขา


ก่อนหน้านี้ในความทรงจำนั้น ทุกคำพูดและการกระทำของชายชราและคำพูดก็เพื่อผลประโยชน์ของคนๆเดียว…


และบุคคลนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฟิงหลิน!


ความคิดนี้บ้าและกล้าหาญมาก แม้เฟิงหลินจะสรุปได้ว่ามันคือเรื่องจริง เขาก็ยังกลัวเล็กน้อย แต่ก็เชื่อในบทสรุป


นี่โดยเฉพาะกับตอนท้ายก่อนฉากลวงตาจะหายไปจนหมด ชายชราคนนี้ยังกระซิบกับเขา”พ่อหนุ่มจากอนาคต หายนะครั้งใหญ่ที่จะทำลายกฏกำลังคืบคลาน ข้าจะส่งมอบมรดกของนิกายเตาหลอมอมตะข้าให้กับเจ้า และเจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเผยแพร่มัน”


ในตำนานของจีนโบราณ ผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังเหล่านี้สามารถบ่มเพาะจนถึงขั้นกลายเป็นตัวตนที่ทัดเทียมกับเทพและปีศาจ ตอนนั้น พวกเขาสามารถมองผ่านช่องเวลาและได้รับการมองเห็นอนาคต ช่วยให้เห็นผ่านชะตากรรมของสวรรค์ ชายชราคนนั้นคือตัวตนแบบนั้น?


อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำนายหายนะที่เกิดขึ้นหลายล้านปีต่อมา นั่นไม่ฟังดูเกินจริงไปหน่อยหรือ?!หากนั่นเป็นจริง มันก็หมายความว่าพลังของชายชรานั่นจะไม่ถือว่าอ่อนแอแม้แต่ในหมู่เทพและปีศาจ!


แต่คำว่า’หายนะครั้งใหญ่ที่จะทำลายล้างกฏ’คืออะไร?


..


เฟิงหลินรู้สึกคันยุบในใจ เขารู้สึกว่าเขาได้สัมผัสกับตัวตนระดับตำนานจริงๆ แต่หลายสิ่งก็ยังคลุมเครือ เขาไม่แน่ใจอะไรเลย


การคาดเดามากมายเกิดขึ้น แต่เขาไม่มีทางอนุมานอะไรได้


ทันใดนั้น เขาก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง สีหน้าเขาตึงขึ้น ส่งพลังงานจิตออกไป สร้างเป็นเข็มที่เจาะใส่คริสตัล


สิ่งมีชีวิตคริสตัลเหล่านั้นส่งเสียงร้องแต่ในไม่ช้า กลิ่นอายชีวิตพวกมันก็จางหายไป


เหงื่อเย็นหยดจากหน้าผากของเฟิงหลิน เขาบังคับใช้พลังจิตเขาเพื่อทำลายจิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ฆ่าพวกมันจนหมด


ก่อนหน้านี้ เพราะความประมาท เฟิงหลินจึงเผยท่าทางตกใจออกไปมาก


สำหรับผู้ที่เพิ่มพลังให้ยีนจิตจนถึงระดับหนึ่ง พวกเขาจะสามารถใช้การรับรู้โลหะเพื่อสำรวจความลับของยาโบราณนี้ได้ เขาไม่มีทางซ่อนมันได้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เฟิงหลินจะยอมให้คนอย่างแฟรงค์และไอค์ที่เป็นพวกชาวผิวขาวได้รับมรดกนี้


เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มาจากชนชาติเดียวกัน เจตนาพวกเขาย่อมต่าง


สำหรับมรดกที่ตกทอดโดยบรรพบุรุษ ในฐานะรุ่นเยาว์ เขาต้องปกป้องมันไว้ เขาไม่คิดยอมให้คนที่มีเจตนาร้ายได้รับมัน


สำหรับสิ่งที่เขาจะใช้อธิบาย เฟิงหลินมีความคิดแล้ว


หลังได้รับมรดดกของวิชาเตาหลอมแปรธาตุ เฟิงหลินก็ไม่รีบออกไป เขาเริ่มทำการวิจัยทันที


เขาสงบสติลงและทำเหมือนก่อนหน้า จดบันทึกเป็นระยะ แต่ทว่า เขากำลังคร่ำครวญในใจอย่างเงียบๆกับสิ่งที่เขาได้รับผ่านการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ


ดังนั้นมันกลับกลายเป็นว่าสารนั่นไม่ใช่ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ มันแค่เม็ดยาวิเศษจากนิกายเตาหลอมอมตะ ที่รู้จักกันในชื่อเม็ดยาหมอกลิขิต


ตามทฤษฏีการบ่มเพาะของนิกายเตาหลอมอมตะ ร่างมนุษย์จะประกอบไปด้วยหนอนหมอก60ล้านๆตัว


เม็ดยาหมอกลิขิตนี้จะช่วยให้ฤทธิ์ยาซึมเข้าไปในหนอนทุกตัว ช่วยให้มนุษย์เอาชนะตัวเองได้ ศักยภาพในตัวพวกเขาจะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้น


หนอนหมอก60ล้านลานตัว?


นั่นเท่ากับเซลล์ในตัวมนุษย์เลยนี่?


เป็นไปได้ไหมว่าหนอนหมอกอ้างถึงเซลล์ในตัวมนุษย์?



เฟิงหลินคาดเดาเงียบๆ รู้สึกว่านี่เป็นไปได้สูง


อารยธรรมขอตำนานไม่ได้มีระบบเหมือนกับอารยธรรมวิทยาศาสตร์ แม้การวิจัยเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์จะมาถึงระดับสูงมาก วัตถุประสงค์เดียวกันก็ไม่อาจนำมาใช้เรียกได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น เซลล์หรือ’หนอนหมอก’ในอารยธรรมตำนาน แล่ะกอนหน้านั้น ชายชราในความทรงจำยังเรียก’สนามแม่เหล็กชีวภาพ’เป็น’โชคชะตา’…


เฟิงหลินไม่ทำเรื่องให้ใหญ่และกังวลกับรายละเอียดเล็กน้อย ความปีติยินดีฉาบหน้าเขาแทน จากเทคนิคปรุงเม็ดยา เขาได้ค้นพบว่าเม็ดยาวิเศษอาจมีสรรพคุณสูง แต่ก็มีทางที่คนธรรมดาจะกินมันได้


มีเหตุผลทั้งหมดสองข้อ


อย่างแรก รูปร่างของเม็ดยาเป็นทรงกลมสมบูรณ์ นี่เป็นโครงสร้างที่มีเหตุผลยิ่ง มันสามารถบรรจุประสิทธิภาพยาไว้ภายในได้และวินาทีที่เม็ดยาเข้ากระเพาะมันจะไม่ไหลออกมาท่วมท้น เม็ดยาจะค่อยๆปล่อยสรรพคุณออกมาทีละนิด ช่วยให้ซึมผ่านเข้าร่างกายช้าๆ ร่างมนุษย์จะไม่ต้องแบกรับภาระมากเกินไป


สอง การเล่นแร่แปรธาตุถือเป็นวิธีหนึ่งในการคว้าโชคชะตา เม็ดยาวิเศษทุกชนิดจะปรุงขึ้นทีละเล็กและสามารถปล่อยสนามแม่เหล็กชีวิตภาพได้ สามารถปรับเข้ากับร่างกายมนุษย์ นี่คล้ายกับการสะกดจิต


ผ่านการค้นพบเหล่านี้ เฟิงหลินตระหนักว่าบริษัทยากำลังเดินบนเส้นทางผิดๆ


เพราะทฤษฏียาพันธุกรรมของยุคปัจจุบันเป็นของระบบที่แตกต่างกับทฤษฏีเล่นแร่แปรธาตุ มันจึงมีจุดร่วมกันค่อนข้างน้อย


สำหรับทฤษฏีน้ำยาพันธุกรรม ต้นกำเนิดมันมาจากตำนานตะวันตกของยุคโลกโบราณ ทฤษฏีเกิดขึ้นจากการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ความสนใจกับการวิเคราะห์ผลกระทบของยา และปรับประสิทธิภาพทีละขั้น


สำหรับการเล่นแร่แปรธาตุ(ผสมเม็ดยา) ทฤษฏีหลักมันคือการสร้างชีวิต มันถูกมองเป็นการจำลองการสร้างจักรวาลที่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสามารถสร้างขึ้นได้ สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ


การเล่นแร่แปรธาตุและน้ำยายีนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แค่การเลียนแบบผลของยาโบราณ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับผลของการเล่นแร่แปรธาตุ


เมื่อเห็นบันทึกวิจัยที่บริษัทยามี เฟิงหลินก็อดรู้สึกสบายใจไม่ได้


สำหรับการกระทำต่อไปนั้น เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไร เขารู้ว่าเขาควรแสดงสิ่งที่เขาค้นพบยังไงขณะยังไม่เผยความลับของยาโบราณ


จากต้นจนถึงตอนนี้ มีจุดน่าสงสัยมากมายเกี่ยวกับบริษัทยา เฟิงหลินจึงระวังตัว


หลังจากนั้น เขาก็เริ่มทำการทดลองอีกครั้ง แสร้งทำเป็นเตรียมยา อยากเข้าใจกระบวนการของการปรุงเม็ดยา


“ดูสิ!เขากำลังเตรียมยา มันเป็นไปได้ไหมว่าเขาค้นพบบางสิ่ง?”

“ผมไม่แน่ใจ แต่เราจะรู้หากเราดูต่อไป”


แฟรงค์และไอค์มองหน้ากัน พวกเขาเริ่มให้ความสนใจกับทุกการกระทำของเฟิงหลิน


เฟิงหลินเริ่มเตรียมยา แต่วิธีที่เขาทำนั้นแตกต่างจากอดีต เขาไม่ได้ปรับส่วนประกอบอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าอีก แต่ใช้ไฟตรงๆเพื่อกลั่นพวกมันแทน


ด้วยการใช้ทฤษฏีน้ำยายีนและวิทยาศาสตร์ เฟิงหลินสามารถควบคุมองค์ประกอบได้อย่างแม่นยำและปรับเปลี่ยนผลของยา เพื่อบ่มเพาะการเล่นแร่แปรธาตุ เขาต้องฝึกการรับรู้ทางจิตก่อน ย้อนกลับไปในยุคโบราณ  การรับรู้ทางจิตนั้นเรียกว่าสัมผัสเทพ


มีเพียงสัมผัสเทพไร้รูปร่างถึงสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงในระหว่างการเล่นแร่แปรธาตุได้ และดำเนินการวบคุมระดับอนุภาคเพื่อกำหนดเส้นทางให้ถูกต้อง เปลี่ยนของเน่าให้เป็นของดี


เฟิงหลินไม่มีเตาหลอม นอกจากนี้ พื้นบานการบ่มเพาะเขายังต่ำไป ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างเม็ดยาวิเศษที่มีชีวิตขึ้น


แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่อาจใช้เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุเล็กๆได้!


เม็ดยาวิเศษมีโครงสร้างภายในเฉพาะที่สามารถกักเก็บสรรพคุณยา นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมเม็ดยาถึงสามารถกินได้โดยมนุษย์ธรรมดา หากเขาประยุกต์ความรู้นี้กับน้ำยายีน เขาจะบรรลุผลเดียวกันได้ไหม?


เฟิงหลินลอบคาดเดา แต่ก็ไม่มั่นใจ ถึงกระนั้น มันก็ยังคุ้มค่ากับการลอง


เฟิงหลินขยายพลังจิต ตรวจสอบปฏิกิริยาของส่วนประกอบยา จากนั้นก็กดเจตจำนงค์เขาลงไป กระตุ้นให้พวกมันเปลี่ยนเป็นโครงสร้างภายในผลึกของเม็ดยาวิเศษ ทำให้สารส่วนใหญ่เหล่านี้เชื่อมโยงกัน ก่อตัวเป็นทรงกลมที่สามารถเก็บฤทธิ์ยาไว้ภายในได้


หลังจากนั้น เขาก็ใช้เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุ แต่แน่นอน สิ่งที่เขาใช้ก็แค่ปลายยอดภูเขา ถึงกระนั้น มันก็พอแล้ว เฟิงหลินพบว่าน้ำยายีนนี้กำลังตกผลึกเพราะการควบคุมจิตเขา และโครงสร้างภายในมันก็งดงาม


ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถแสดงการค้นพบใหม่เขาได้และได้รับการยอมรับจากบริษัทยา ซึ่งสามารถเข้าถึงความลับเพิ่มเติมได้ และเขาก็จะไม่เผยความลับเขาไปมากเช่นกัน


เฟิงหลินใช้วิธีใหม่ และฉากแปลกๆนี้ก็ทำให้แฟรงค์สนใจ


“แปลก คุณเห็นไหม?เฟิงหลินเอาแต่ใช้ไฟเพื่อต้มยา เขากำลังทำอะไร?”แฟรงค์ถาม


“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน โดยปกติแล้วเราจะใช้ไฟเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ สร้างฤทธิ์ยาให้แรง หากเขายังคงต้มต่อไป น้ำยาจะไม่ระเหยจนหมดงั้นหรอ?”ไอค์พูดอย่างงุนงง


“ระเหย?”แฟรงค์เริ่มถามต่อ”คุณรู้สึกไหมว่านี่คือวิธีการสร้างยาโบราณ?”

“เป็นไปไม่ได้!”ไอค์ส่ายหัว แต่หลังไตร่ตรอง เขาก็ไม่มั่นใจ”อาจเชื่อมโยงกัน แต่ไม่ควรง่ายขนาดนั้น สรรพคุณยาของน้ำยายีนรุนแรงมาก และนี่ก็ทำให้เราสร้างมันเป็นของเหลว เพื่อเจือจาง ช่วยให้มนุษย์รับได้ หากไม่แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะดวงดาวก็จะไม่สามารถทนฤทธิ์ยาได้ หากน้ำยายีนเป็นของแข็ง สรรพคุณยาในนั้นจะรุนแรงมาก เมื่อถูกกลืน มันจะไหลทะลักและทำให้คนกินระเบิด”


แต่แฟรงค์ยังไม่เห็นด้วย”หากเป็นแบบนั้น ทำไมยาโบราณนี่จึงเป็นของแข็ง?’


ไอค์พูดไม่ออก แต่ก็ยืนยันในมุมมองเขา”แม้ยาโบราณจะเป็นของแข็ง มันก็ต้องมีความลับภายใน มันไม่ง่ายเหมือนการระเหยน้ำยายีนด้วยไฟ!”


แฟรงค์พยักหน้า ไม่โต้แย้งอะไร”มันไร้ประโยชน์ที่จะพูดถึง แค่ดูต่อไปก็พอ”


หลังพูด เขาก็เดินไปห้องทดลองปิดผนึก


ไอค์กัดฟันและตามไป


ทันทีที่พวกเขาเข้าห้อง เฟิงหลินก็รู้สึกทันที แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นและปรุงยาต่อไป


ในที่สุด ผงผลึกก็ปรากฏในมือเขา พวกมันโปร่งแสงและเปล่งประกายแพรวพราว


“เฟิงหลิน สิ่งเหล่านี้คืออะไร?”แฟรงค์ถาม


เฟิงหลินเผยสีหน้าประหลาดใจ มันเหมือนเขาเพิ่งค้นพบการมาของพวกเขา “นี่คือสารยาพันธุกรรม ผมสร้างขึ้นมาโดยการคัดลอกยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ”


“โอ้?”สีหน้าแฟรงค์เปลี่ยนไป”คุณพบอะไรเข้าแล้วจริงๆ?”

เขาจ้องเฟิงหลินราวกับอยากรู้ความลับ


เฟิงหลินไม่ลังเล เขาพยักหน้าเหมือนไม่มีอะไรปกปิด”ผมพบว่าความเข้มข้นของอนุภาควิญญาณในยาโบราณสูงมากและมันจะแทรกแซงการสแกนจากเครื่องจักร ดังนั้น ผมจึงลองวิธีอื่น ผมใช้พลังจิตเพื่อตรวจสอบมันและค้นพบครั้งใหญ่ ภายในนั้น โครงสร้างโมเลกุลมันเกิดจากวัตถุคล้ายคริสตัสกำลังเชื่อมโยงกัน ดังนั้น ผมจึงอยากดูว่าจะทำมันขึ้นมาได้ไหม”


“ตรวจสอบด้วยพลังจิต โครงสร้างผลึก!”แฟรงค์ตกใจ”เฟิงหลิน คุณปลุกยีนจิตขึ้นมางั้นหรือ?”

“ครับ!”เนื่องจากเขาดันเผยออกไป เขาจึงยอมรับมันตรงๆ”ผมมีพรสวรรค์ในด้านพลังจิตและสามารถปลุกยีนจิตได้!”


แฟรงค์และไอค์สบตากัน


พวกเขารู้ว่ายีนจิตเป็นยีนพื้นฐานเกรดสูงที่หาได้ยากยิ่ง มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถปลุกได้เพราะอยากปลุก


แม้เฟิงหลินจะพูดสบายๆ มันก็ต้องมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น


นอกจากนี้ สำหรับการใช้พลังจิตเพื่อตรวจสอบยาโบราณ คนในบริษัทก็เคยลองมาก่อน แต่ทำไมพวกเขาไม่พบอะไรเลย?


ไม่ว่ายังไง เฟิงหลินก็ดูเหมือนไม่ได้โกหก งั้นก็มีเพียงข้อสรุปเดียว!


ยีนจิตของเฟิงหลินต้องแข็งแกร่งพอจนถึงจุดที่มนุษย์ธรรมดายากจะเสริมความแข็งแกร่งให้มันได้ นี่ทำให้พลังจิตเขาแข็งแกร่งมาก


“คุณรู้สึกเหมือนโครงสร้างผลึกนั่นคือกุญแจว่าทำไมมนุษย์ธรรมดาถึงสามารถใช้ยาโบราณนี้ได้สินะ?”แฟรงค์ถาม


“ครับ!”เฟิงหลินพยักหน้า”ยาโบราณเกิดขึ้นจากผลึกจำนวนมากเชื่อมต่อกัน บางที มันอาจเพราะโครงสร้างแปลกๆนี้ที่ทำให้สรรพคุณยาถูกขังไว้ข้างใน หลังมนุษย์ธรรมดาใช้ เมมเบรนของผลึกจะทำหน้าที่เป็นตัวกรอง ช่วยให้ฤทธิ์ยาค่อยๆซึม..”


เขาผสมความจริงกับคำโกหกเข้าด้วยกัน ใช้ทฤษฏีแปรธาตุง่ายๆเพื่อสร้างสิ่งนี้ แต่มันกลับทำให้แฟรงค์และไอค์ตกตะลึง


เฟิงหลินไม่กลัวว่าบริษัทยาจะค้นพบความจริง เพราะก่อนหน้านี้ เขาได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตในนั้นไปหมดแล้ว ต่อให้คนในบริษัทยาที่ปลุกยีนจิตได้มาตรวจสอบ มันก็ไม่มีทางค้นพบความลับของการเล่นแร่แปรธาตุได้


เฟิงหลินไม่หยุด เขายังใส่ไฟเข้าไปอีก


“เพราะการค้นพบใหมนี้ ผมรู้สึวก่าหากเราสามารถทำการจำลองโครงสร้างผลึกภายในยาโบราณขึ้นมาได้ มันก็เป็นไปได้ที่เราจะสร้างมันขึ้นมา ดังนั้น ผมจึงตั้งชื่อเทคนิคใหม่นี้ว่า..”เมื่อเขาพูด เขาก็หยุดเพื่อปลุกอารมณ์ก่อนกล่าวต่อ


“เทคนิคสร้างผลึกเม็ดยา!”

 

 

 


ตอนที่ 102

 

 เทคนิคการสร้างยาผลึกผง

เทคนิคการสร้างยาตกผลึก!


แฟรงค์กับไอค์มองหน้ากันและรู้สึกตกใจมาก


พวกเขาไม่คาดคิดว่าเฟิงหลินจะทำได้ในครั้งแรก มันเป็นไปได้ยังไง?


แต่เมื่อพวกเขาเห็นผลึกผงในมือเฟิงหลิน พวกเขาก็ต้องเชื่อแม้จะไม่อยากเชื่อก็ตาม


 


“เทคนิคการสร้างยาตกผลึก มันช่างน่าอัศจรรย์อย่างที่คุณพูดจริงๆ” แฟรงค์ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม


“ผมเองก็ไม่อย่างจะเชื่อเช่นกัน” เฟิงหลินไม่รับประกันอะไรเลย ถ้าเขามั่นใจเกินไปคนอื่นจะต้องสงสัยแน่นอน


“ผ่านการรับรู้ทางจิตของผม ผมสำรวจยาศักดิ์สิทธิ์โบราณและค้นพบว่ามันเกิดขึ้นจากผลึกขนาดเล็กจำนวนมากเชื่อมโยงกันอย่างแน่นหนา ผมเชื่อว่าโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์นี้เป็นกุญแจสำคัญในการขังศักยภาพของยา เพราะแบบนี้ ผมจึงสร้างยาตกผลึกเพื่อดูว่าผมสามารถทำขึ้นมาใหม่ได้ไหม?! “เฟิงหลินลังเลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูด


 


เขาแสดงความซื่อสัตย์ คำพูดของเขาจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง เขาผสมแนวคิดและเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของคริสตัลที่เขาเคยเห็นมาเป็นผลึกจิ๋ว เขายังไม่ได้เปิดเผยว่านี่เป็นยาวิเศษ ทั้งไอค์และแฟรงค์จะไม่พบช่องโหว่ใดๆในคำพูดของเขา


เฟิงหลินได้รับมรดกการเล่นแร่แปรธาตุจากยาศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้แล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะได้รับ เขาอยากพูดอะไรก็ได้


แฟรงค์กับไอค์มองกันทันที แต่พวกเขาไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว


นอกจากความกังวลใจในใจของไอค์แล้ว แฟรงค์มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข เขารู้สึกว่าคำพูดของเฟิงหลินฟังดูสมเหตุสมผลมาก “นี่เป็นแนวความคิดใหม่!”


ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณมีความลึกลับในตำนานที่แก้ไม่ได้มาล้านปี มีนักพันธุศาสตร์และนักวิจัยทางพันธุกรรมจำนวนมากมาทดลอง แต่ไม่มีใครค้นหาอะไรเจอ


เฟิงหลินเป็นเพียงเด็กใหม่ แต่เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยมในครั้งแรกที่เขาสัมผัสยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาประหลาดใจ


ลองนึกภาพถ้าพวกเขารู้ว่าเฟิงหลินก้าวหน้ามากขึ้น และได้รับมรดกเกี่ยวกับเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุ พวกเขาจะมีท่าทางยังไง?


เฮ้ …


เฟิงหลินไม่มีบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


“นี่เป็นแนวคิดใหม่ที่เราไม่เคยค้นคว้ามาก่อน สารเหล่านี้เป็นยาที่สามารถกลั่นได้ไหม?” แฟรงค์จ้องไปที่ผลึกผงในมือของเฟิงหลิน และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ


 


“ถูกต้องแล้ว ผลึกผงเหล่านี้เกิดขึ้นตอนผมใช้เทคนิคการสร้างผลึกยาเพื่อสร้างอะดรีนาลีนโพแทสเซียม ผมแค่ไม่รู้ว่ามันจะมีผลยังไง” เฟิงหลินตอบนิ่งๆ


ผู้จัดการแฟรงค์หยิบผลึกผงจากเฟิงหลิน และมองดูอย่างละเอียด ดวงตาของเขาจ้องลึกลงไป และหลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดอย่างเด็ดขาด “ลองทดสอบดูสิ!”


 


สำหรับวิธีการทดสอบ คำตอบนั้นง่ายมาก!


พวกเขามีร่างกายมนุษย์เป็นให้ทดลองอยู่แล้ว


แฟรงค์นำพวกเขาสองคนออกจากห้องแล็บปิดผนึก และมาที่ห้องทดลองมนุษย์


 


“ ฉีดสิ่งนี้เข้าไปในตัวเขา” แฟรงค์สั่งอย่างเย็นชา


 


นักวิจัยพยักหน้าและฉีดผลึกผงผ่านท่อเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ทดลอง


เฟิงหลินทนความรู้สึกอึดอัดในใจของเขา ไม่ได้เปิดเผยท่าทีอะไร เขาสังเกตเห็นอย่างจริงจังว่าจะเกิดอะไรขึ้น


อย่างไรก็ตาม เมื่อผลึกผงเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ทดลอง มนุษย์ทดลองกลับไม่ขยับและยังคงนอนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ และเครื่องมือวัดบนห้องกระจกก็ไม่ได้มีสิ่งผิดปกติใดๆ


แฟรงค์กับไอค์ต่างรู้สึกแปลกใจ


ถ้ามันมีประสิทธิภาพ มนุษย์ทดลองก็ต้องตอบสนองทันทีสิ?


แต่ถ้ามันไม่ได้ผล เมื่อพิจารณาถึงความแรงของยาพันธุกรรม มนุษย์ทดลองนี่ต้องระเบิดไปแล้ว แต่มันกลับไม่เกิดอะไรขึ้น


แม้จะมีประสบการณ์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินเกี่ยวกับยานี้ได้เลย


 


ติ้ด ติ้ด!


 


หลังจากผ่านไปห้านาที เส้นโค้งบนเครื่องตรวจการเต้นของหัวใจจากหลอดทดลองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


“ผู้จัดการ ดูนั่นสิ!” ไอค์สังเกตและเรียกแฟรงค์ให้ดู


เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสัญญาณว่าสถานะพลังของมนุษย์ทดลองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


มนุษย์ทดลองในหลอดแก้วมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ลืมตาและตวัดตามองทุกคน กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขาบิดตัวขณะที่ตัวเลขแสดงผลว่าพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มนุษย์ทดลองเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มีค่าพลังชีวิตเพียง 0.1 แต่สถานะพลังเขากลับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น3.0


เปลือกตาของแฟรงค์และไอค์กำลังกระตุก นี่เป็นสัญญาณว่ามนุษย์ทดลองนี้กำลังปลุกยีนตำนาน และพลังชีวิตเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเพราะมัน


เป็นไปได้ไหมที่หนูทดลองตัวเล็กๆนี้(มนุษย์ทดลอง)จะปลุกยีนอะดรีนาลีนขึ้นมาได้?


ยาผลึกผงนั้นมีประสิทธิภาพจริงๆ!


ที่ผลึกผงไม่มีปฏิกิริยาอะไรก่อนหน้านี้เพราะความแรงของยาถูกขังไว้และตอนนี้มันก็ค่อยๆไหลออกมาช้าๆ


ใบหน้าของมนุษย์ทดลองเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขารวบรวมความแข็งแกร่งทั้งหมด กล้ามเนื้อแขนเป็นเหมือนเสา เขาเหวี่ยง ทำลายหลอดแก้วด้วยพละกำลังมหาศาล


หลอดแก้วมีความเหนียวที่ไม่น้อยกว่าโละผสม แต่มันกลับแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยหมัดเดียว


เศษแก้วกระจัดกระจายอยู่รอบ กระจายออกไปทุกทิศทาง เหมือนกระสุน ยิงใส่เหล่านักวิจัย


 


“แย่แล้ว มนุษย์ทดลองกำลังคลั่ง!”


“รีบจับเขาไว้ อย่าปล่อยให้เขาหนี!”


“นี่เป็นสารยาแบบไหนกัน?”


 


….


 


แผนกวิจัยและพัฒนาเกิดความวุ่นวาย นักวิจัยวิ่งหนีกันให้วุ่น


เฟิงหลินอยากทำตามสัญชาตญาณ แต่เขาก็รีบควบคุมแรงกระตุ้นและแสร้งทำเป็นตกใจ


จิ! จิ! จิ! ….


แสงไฟร้อนแรงยิงเข้ามา ไอค์รวดเร็วมาก เขาหยิงปืนรังสีออกมาและยิงใส่มนุษย์ทดลองทันที


ร่างของมนุษย์ทดลองสว่างวาบ และในวินาทีสุดท้าย เขากลับสามารถหลบรังสีได้ รู้สึกเหมือนเวลาตรงหน้าช้าลง มันสามารถหลบการโจมตีจากปืนรังสีได้


 


“กระสุนเวลา! เขาปลุกยีนอะดรีนาลีนขึ้นมาแน่นอน!” นักวิจัยในแผนกวิจัยและพัฒนาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมทั้งหมด พวกเขาบอกได้ว่ามนุษย์ทดลองนี่ปลุกยีนอะดรีนาลีนขึ้นมาและได้รับความสามารถกระสุนเวลา


จิ จิ จิ!


ท่าทีของไอค์เปลี่ยนไป ยิงปืนรังสีอย่างต่อเนื่อง มนุษย์ทดลองได้เข้าสู่สภาวะกระสุนเวลาและหลบการโจมตีทั้งหมดได้ง่ายๆ ดวงตาแดงก่ำเริ่มจับจ้องแฟรงค์ พวกมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง


เขาสามารถรับรู้ได้ว่าใครเป็นผู้นำคนเหล่านี้ที่ทำร้ายเขาและพวกพ้องเขา


 


“ผู้จัดการ ระวัง!” ไอค์ตะโกน


 


แฟรงค์ยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของเขาไม่ขยับ มือของเขาพลันประสานกันแปลกๆและกดพวกมันลง


บูม!


ทันใดนั้น มันก็เกิดการระเบิดขึ้นในอากศ แรงกดดันไร้รูปร่างที่หนักดั่งขุนเขากดทับลงมาตรงๆ


ผู้คนในแผนกวิจัยไม่ได้เตรียมตัวและถูกกดลงกับพื้นจนจุก แขนขาพวกเขาติดอยู่กับพื้น ไม่อาจขยับได้เลย


ตอนแรกเฟิงหลินเหยียดหลังของเขา ต้องการที่จะรวบรวมพลังและต่อต้านมัน แต่เมื่อเขาเห็นสภาพแวดล้อมของเขา เขาก็ตัดสินใจผ่อนแรงและยอมให้ถูกกดลงกับพื้น


ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนี้ได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำตัวโดดเด่น


 


เฟิงหลินไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาวกับคนเหล่านี้


ตอนแรกมนุษยืทดลองดุร้ายมาก แต่ตอนนี้เขาถูกระงับอย่างสมบูรณ์และไม่สามารถขยับได้เลย เหมือนลูกแกะที่รอถูกเชือด


หัวใจของเฟิงหลินเต้นกระหน่ำ เขาไม่คิดว่าผู้จัดการแฟรงค์ที่ดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปจะเป็นผู้บ่มเพาะด้วย


ความกดดันไร้รูปร่างนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าน้ำหนักของพวกเขาเพิ่มเป็นเท่าทวี!


นี่คือแรงโน้มถ่วง!


เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะปลุกยีนแรงโน้มถ่วงขึ้นมา?


เฟิงหลินคาดเดาอย่างเงียบๆ ในขณะที่ความคิดของเขาปั่นอย่างรวดเร็ว


ถ้าในอนาคตเมื่อเขาเจอศัตรูที่ใช้พลังของยีนแรงโน้มถ่วงนี้กับเขา เขาจะต้องป้องกันมันได้อย่างไร?


ตอนนี้ผู้จัดการแฟรงค์ยังคงยืนหยัดไม่ขยับเขยื้อน แต่เขาก็ทำให้มนุษย์ทดลองสงบลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความกลัวและเคารพบนใบหน้าของทุกคน


 


“จับเขาไว้ เขาคือตัวอย่างที่มีค่า!” แฟรงค์สั่งอย่างเย็นชา หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “หลังจากทดลองยาผลึกผง การทดลองปกติจนถึงปัจจุบัน ไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับมันเลย ไม่เพียงแค่นั้น มันยังปลุกยีนอะดรีนาลีนขึ้นมาอีกด้วย ดังนั้นเราต้องศึกษาและบันทึกทั้งหมด ข้อมูลนี่อาจเป็นกุญแจสำคัญที่เราจะไขความลับของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณได้ “


 


เมื่อเห็นว่าการทดลองจบลง นักวิจัยที่วิ่งหนีก่อนหน้านี้ทุกคนต่างมีรอยยิ้มอันตรายบนใบหน้า พวกเขาดูเหมือนฝูงหมาป่าและฝูงเสือที่กำลังจ้องเหยื่อ


มนุษย์ทดลองตาแดงก่ำและจ้องเขม็งที่แฟรงค์อย่างอาฆาต ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความลังเลและความโกรธแค้น แต่ทันใดนั้นอารมณ์บนใบหน้าของมันก็เปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว มันอ้าปากกว้างแล้วสูดลมหายใจแรง และร่างของมันก็พองเหมือนบอลลูนจนถึงขีดจำกัด กลายเป็นเลือดและเนื้อกระจายเต็มไปหมด


นักวิจัยหลบไม่ทันและตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวชเพราะพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดและเนื้อของมนุษย์ทดลอง


มันล้มเหลว!


เมื่อไอค์ที่อยู่ข้างๆเห็นภาพนี้ ในใจของเขาก็สงบลง


การที่เฟิงหลินสามารถค้นพบเทคนิคการสร้างผลึกยาได้โดยการค้นคว้ายาโบราณและประสบความสำเร็จอย่างมากทำให้เขารู้สึกกดดันมาก


ถ้าเฟิงหลินยังคงพัฒนาต่อ เขาจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเฟิงหลินเข้าสักวัน


ไม่ว่าเขาจะรู้สึกดีต่อเฟิงหลินมากแค่ไหน แต่เมื่อต้องแข่งขันเพื่อผลประโยชน์ ความปรารถนาดีทั้งหมดของเขาก็หายไป


เขามองเฟิงหลินอย่างเย็นชา ไร้อารมณ์ ภาพความล้มเหลวนี้ทำให้เขายินดีเป็นอย่างยิ่ง


 


เนื่องจากร่างกายของมนุษย์ทดลองระเบิด เป็นที่แน่ชัดว่าเขาไม่สามารถทนต่อความแรงของยาได้ นี่หมายความว่าถึงแม้เทคนิคการสร้างผลึกยานั้นจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ล้มเหลวก็คือล้มเหลว เด็กเหลือขอนี่ไม่สามารถคุกคามตำแหน่งของเขาได้


อย่างไรก็ตาม คำที่แฟรงค์พูดต่อมาก็ทำให้ทีท่าของเขาเปลี่ยนไป


จริงที่ผลึกผงล้มเหลว แต่แฟรงค์ก็เห็นความเป็นไปได้สูงมากว่ามันจะประสบความสำเร็จในอนาคต แฟรงค์ตัดสินใจในทันที เขาหันไปมองเฟิงหลินและประกาศอย่างเคร่งขรึม


 


“เฟิงหลิน ผมจะแต่งตั้งคุณให้เป็นหัวหน้าคนใหม่ของหน่วยงานวิจัย ภารกิจของคุณคือการทำให้ยาผลึกผงสมบูรณ์ที่สุด!”

 

 

 


ตอนที่ 103

 

หัวหน้าหน่วยวิจัยคนใหม่

“อะไรนะ?” ผมเป็นหัวหน้าหน่วยวิจัยคนใหม่? แต่เทคนิคการสร้างยาผลึกผงมันล้มเหลวนะครับ!”


นักวิจัยในแผนกต่างตกตะลึง ปากของพวกเขาเปิดกว้างด้วยความตกใจ


เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมเมื่อสองสามวันก่อนกลายเป็นสมาชิกหลักของหน่วยงานวิจัยก็น่าตกใจแล้ว และตอนนี้เขายังได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าหน่วยวิจัยคนใหม่? ก้าวกระโดดเกินไปไหม?


เฟิงหลินอุทานออกมา


“นี่ถือเป็นการทดลองที่ล้มเหลว มันต้องให้ความสำคัญกับเขาขนาดนั้นเลย?”


” เขาได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าหน่วยวิจัย นี่ไม่เกินไปหน่อยหรอ?”


“หัวหน้าไอค์ไม่มีทางยอมรับแน่ๆ”



คนเหล่านี้เริ่มกระซิบกัน สับสนมากกับการตัดสินใจของแฟรงค์


ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น ท่าทีของไอค์ก็น่ากลัวมาก เขาจ้องเฟิงหลินอย่างเคียดแค้น


แต่เดิมเขาเป็นคนที่โหดร้ายมากอยู่แล้ว ทัศนคติของเขาดีขึ้นเพราะเขาถูกเฟิงหลินล้างสมอง


แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินอยู่ในจุดที่สามารถคุกคามตำแหน่งและผลประโยชน์ของเขาได้ เทคนิคการสะกดจิตทั้งหมดก็ไม่เป็นประโยชน์อีกต่อไป


ความปรารถนาดีที่เขามีต่อเฟิงหลินหายไปหมด เหลือแต่ความอาฆาต


ตาของเฟิงหลินเปล่งประกาย  ประสาทสัมผัสที่คมชัดของเขาสังเกตได้โดยธรรมชาติ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ


แม้ว่าการประกาศของแฟรงก์นั้นจะน่าตกใจมาก แต่นี่คือสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่หรอ?


เขาแสดงความสามารถเพื่อได้รับการยอมรับจากแฟรงค์ หลังจากนั้นเขาถึงจะสามารถสำรวจความลับอันดำมืดของบริษัทยาไจแอนท์ได้


หากเขากลายเป็นหัวหน้าของหน่วยวิจัยใหม่ เขาน่าจะบรรลุเป้าหมายได้


ต่อให้ไอค์ไม่ชอบแล้วยังไง? เขาจะไม่ต้องอยู่ใต้ไอค์อีกต่อไป และไอค์ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้


เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเฟิงหลิน แฟรงค์ก็ไม่สงสัยอะไร รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ


เด็กใหม่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยวิจัย ไม่ว่าจะเป็นไม่ว่าใครก็ต้องประหลาดใจแน่นอน


 


รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าผู้จัดการแฟรงค์ เขาตบไหล่เฟิงหลินๆ “ แม้ว่าผลึกผงจะล้มเหลว แต่ผมเชื่อว่าคุณได้ลงเดินสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จแล้ว แนวคิดนี้ถูกต้องแน่นอน นี่เป็นเพียงการทดลองครั้งแรก แต่ผลที่ได้เกินคาดมาก นี่คือเหตุผลที่ผมต้องการให้คุณเป็นหัวหน้าหน่วยใหม่และมุ่งเน้นไปยังเทคนิคการสร้างผลึกยาอย่างแท้จริง! “


 


เขาเชื่อในตัวเฟิงหลินมาก


เฟิงหลินยังแกล้งทำเป็นประหลาดใจ แสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน “ผู้จัดการเชื่อใจผมมากเกินไป ผมแค่โชคดีเท่านั้น”


“ไม่ต้องถ่อมตัว การถ่อมตัวมากเกินไปก็ไม่ต่างอะไรกับความเย่อหยิ่ง” แฟรงก์ส่ายหัวแล้วพูด


เมื่อแฟรงก์พูดแบบนี้เฟิงหลินก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป ถ้าไม่เช่นนั้นมันจะกระตุ้นความสงสัยของแฟรงค์


 


เขาพยักหน้าและยอมรับมัน ใบหน้าเขาดูสับสนและพูดว่า “เนื่องจากผมได้กลายเป็นหัวหน้าหน่วยวิจัย ผมควรค้นคว้ายาพันธุกรรมชนิดใด? สำหรับยาน้ำทุกชนิดวิธีการตกผลึกจะแตกต่างกัน การปรุงยาพันธุกรรมที่คนทั่วไปบริโภคได้นั่นไม่ใช่หัวข้อการวิจัยที่หัวหน้าไอค์รับผิดชอบอยู่หรอครับ?”


“ผมรู้ว่าคุณจะถามเรื่องนี้ ไม่ต้องกังวลเพราะตอนนี้คุณเป็นหัวหน้าแล้ว เราอนุญาตให้คุณรู้ความลับหลักของบริษัทยาไจแอนท์ได้” แฟรงค์ยิ้ม พอใจกับคำตอบของเฟิงหลินมาก


เมื่อเห็นนักวิจัยที่เบียดเสียดอยู่รอบตัว เขาก็พูดอย่างใจเย็น“แยกย้ายกันไปได้แล้ว”


นักวิจัยพยักหน้าเชื่อฟังคำสั่ง


หลังจากนั้นแฟรงค์ก็มองที่เฟิงหลินและพูดนิ่งๆ “ตามผมมา”


เฟิงหลินยอมรับ


ไอค์ยืนกัดฟันอยู่ด้านหลัง อย่างไรก็ตามหากไม่ได้รับอนุมัติจากผู้จัดการ เขาก็ไม่กล้าตามพวกเขาไป


 


หลังจากเดินออกจากแผนกวิจัยและพัฒนา พวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปในส่วนลึกของบริษัทยาไจแอนท์ หลังจากผ่านประตูโลหะขนาดยักษ์สามประตูที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา มันก็พบลิฟต์ลงไปด้านล่าง


เมื่อแฟรงค์เห็นหน้าตาประหลาดใจของเฟิงหลิน เขาก็หัวเราะและยักไหล่ “มีความลับมากมายในบริษัทของเรา ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่เราจะใช้วิธีพิเศษเพื่อปกป้องใช่ไหม?”


เฟิงหลินยังคงนิ่งเงียบ


ท่าทีของแฟรงก์เคร่งขรึมมาก


 


“เฟิงหลินตอนนี้คุณได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยวิจัย คุณได้รับการพิจารณาให้เป็นสมาชิกหลักของบริษัทไจแอนท์ ยังไงก็ตามต้นไม้ใหญ่จะดึงดูดลมเสมอ มีผู้คัดค้านและผู้ทำผิดกฎบางคนที่ต้องการขโมยความลับของบริษัทเรา  เมื่อคุณเป็นสมาชิกหลักคุณจะต้องไม่เปิดเผยอะไร ผมแน่ใจว่าคุณรู้ผลที่จะตามมา ” แฟรงก์พูดอย่างมีความหมาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำเตือน ขณะที่จ้องที่เฟิงหลิน สังเกตปฏิกิริยาของเขา


หัวใจของเฟิงหลินสั่นไหว ชัดเจนว่านี่เป็นการทดสอบ


ดูเหมือนว่าความลับที่จะเปิดเผยในไม่ช้าจะเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา นี่คือเหตุผลว่าทำไมแฟรงค์ถึงเตือนเขา


หากเขาไม่ตอบคำถามนี้และทำให้แฟรงค์รู้สึกกังวลในตัวเขา เขาจะเดือดร้อน


ผู้คัดค้านและผู้ทำผิดกฎหมายที่เขาพูดถึงไม่น่าใช่ใครนอกจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร


ความคิดนี้ส่งประกายความคิดของเขาออกมา แต่สีหน้าของเฟิงหลินก็สงบนิ่งเหมือนเคย เขาตอบว่า “นั่นแน่นอนอยู่แล้วครับ ผมได้ลงนามในสัญญาบริษัทแล้ว ผมย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทอย่างแน่นอน!”


แฟรงค์พยักหน้าหลังจากเขาได้ยินเช่นนั้น


ลิฟต์พาพวกเขาลงไปอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาเกินความคาดหมาย มันใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งชั่วโมง


เฟิงหลินรำพึงเงียบๆ ดูจากเวลาแล้ว เขาอาจจมลึกลงไปจนมาถึงใจกลางดาวอังคารแล้ว


ความจริงเป็นไปตามที่เขาคาดไว้


แม้ว่าลิฟต์นี้จะมีการห่อหุ้มที่แข็งแกร่งมาก แต่เขก็าสามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน


เสียงดังกึกก้องของลิฟต์หยุดลงในที่สุด


 


“หลังจากนี้ คุณจะเห็นกิจการที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่มีใครเทียบได้ นี่เป็นความลับที่แท้จริงของบริษัทยาไจแอนท์ เปิดตาให้กว้าง!” สีหน้าของแฟรงค์ดูสงบลง น้ำเสียงของเขาตื่นเต้นเล็กน้อย


เฟิงหลินพยักหน้าเบาๆ  ไม่ให้ความอยากรู้อยากเห็นกวนใจ


เมื่อประตูเปิด เขาก็เดินตามหลังแฟรงค์ไป มีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก แต่พื้นนั้นถูกสร้างขึ้นจากโลหะผสมที่โปร่งใส เมื่อเขาก้มศีรษะลง เขาจะเห็นลูกไฟยักษ์ลอยอยู่ นี่คือแก่นดาวอังคาร


ลาวาปั่นป่วนเมื่อคลื่นความร้อนเต็มอากาศ ไอที่เกิดขึ้นนั้นมีพิษรุนแรงกับกลิ่นของกำมะถันและองค์ประกอบโลหะอื่น ๆ


โชคดีที่พื้นที่ถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ ปิดกั้นองค์ประกอบที่เป็นพิษในไอน้ำอย่างสมบูรณ์


หุ่นยนต์รับความรู้สึกเดินเป็นแถวบนพื้นโปร่งใสล้อมรอบด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ล้ำสมัยมากมาย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นฐานลับที่สร้างขึ้นลึกลงไปในใจกลางดาวอังคาร


เฟิงหลินเหลือบมอง ทำให้เห็นเครื่องมือที่คล้ายเสาหลักฝังอยู่ในแกนกลาง ดึงพลังความร้อนและเปลี่ยนเป็นพลังงาน


ผู้จัดการแฟรงค์คุ้นเคยกับภาพนี้มานานและเดินต่อไป


ประตูยักษ์เปิดออก


เฟิงหลินเดินตามหลังแฟรงค์เข้าสู่พื้นที่ใหม่


จากความประหลาดใจของเขา เขาเห็นหลอดทดลองนับไม่ถ้วนที่นี่ เยอะเหมือนต้นไม้ในป่า จริงๆแล้วมีคนเป็นหมื่นๆคน มากเกินกว่าที่เขาจะรับได้


ในหลอดทดลองมีของเหลวสีแดงอยู่ภายใน หลอดทดลองแต่ละหลอดมีผู้ชายเปลือยอยู่ มนุษย์เพศชายเหล่านั้นใรรูปร่างสูง กล้ามเนื้องดงามและแข็งแกร่ง พวกเขาทั้งหมดให้ความรู้สึกเหมือนนักเพาะกายในอดีต


เป็นไปได้ไหมว่านี่คือมนุษย์ทดลองทั้งหมด?


จำนวนศพที่นี่สูงจนน่าตกใจ เฟิงหลินรู้สึกว่าเลือดของเขาค่อยๆเย็นลง



แต่หลังจากสังเกตอย่างใกล้ชิด เฟิงหลินก็รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เหมือนมนุษย์ทดลอง คนเหล่านี้ล้วนมีกระดูกที่แข็งแรงและดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ พลังของพวกเขายังแข็งแกร่งมากแตกต่างจากหนูทดลองตัวเล็กๆที่เป็นมนุษย์ทดลองที่หมดสติ


เฟิงหลินรู้สึกว่าแปลกมาก


มีร่างมนุษย์มากมาย บริษัทยาไจแอนท์เอามาจากที่ไหนกัน?


บริษัทนี้เต็มไปด้วยความลับจริงๆ ความกังวลใจในหัวของเฟิงหลินรุนแรงขึ้น


แต่นอกเหนือจากความประหลาดใจบนใบหน้า เขาไม่ได้เปิดเผยอารมณ์อื่นหรือสิ่งที่เขาคิดในหัวออกมา


แฟรงก์สังเกตท่าทีของเฟิงหลินอย่างลับๆ เมื่อเห็นว่าปฏิกิริยาของเขาเป็นตามที่คาดหวังแฟรงค์ก็ยิ้มออกมา


เฟิงหลินทำตัวเหมือนนักวิจัยที่หลงใหล รีบวิ่งไปสังเกตอย่างใกล้ชิด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ใจเขารู้สึกเย็นชา


เพราะเขาพบว่าร่างกายมนุษย์เหล่านี้เหมือนกันไปหมด พวกเขาทั้งหมดมีความสูง 1.98 เมตรและหากต่างกันก็จะห่างกันไม่เกิน 1 ซม. โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาทั้งหมดมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน


เมื่อพบประเด็นนี้ เฟิงหลินก็รู้สึกตกใจมาก จากการสังเกตอย่างใกล้ชิด เขาค้นพบว่าความยาวของแขนขาของ ‘มนุษย์ทดลอง‘ เหล่านี้ล้วนเหมือนกัน พวกเขาทั้งหมดมีผิวขาวและผมสีบลอนด์เป็นประกายราวกับดวงอาทิตย์


ผมที่ไม่ยุ่งเหยิงของพวกเขาเผยให้เห็นใบหน้า พวกเขาทั้งหมดมีผมสีบลอนด์ดวงตาสีฟ้า ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดี กล้ามเนื้อของพวกเขาเหมือนประติมากรรมหินยุคกรีซโบราณ เป็นวีรบุรุษในอดีตที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา


ทั้งหมดนี่คือการโคลน!


การคาดเดาของเฟิงหลินได้รับการยืนยันในที่สุด ความวุ่นวายสิ้นสุดลงในใจเขา


ห้องปฏิบัติการใต้ดินนี่มีจุดประสงค์อะไร?


เพื่อผลิตมนุษย์เทียม?


เป็นไปได้ไหมว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือสร้าง …


กองทัพโคลน?!


ตอนที่ 104

 

โคลนที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงเหล่านี้ทั้งหมดลอยอยู่ในของเหลวสีแดงภายในหลอดทดลองราวกับเปียกโชกไปด้วยน้ำคร่ำในครรภ์ของแม่ หน้าตาของพวกเขาดูไร้เดียงสาและสงบราวกับยังอยู่ในครรภ์ และยังไม่ได้ ‘มาถึง’ โลกนี้


มีเพียงเครื่องมือวัดที่อยู่ด้านบนของหลอดทดลองเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความพิเศษยังไง ทุกคนมีสถานะพลัง 3.0 พวกเขาสูงและมีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งคล้ายเทพในตำนานกรีก


ถ้ามันเป็นหนึ่งหรือสองก็ยังคงดี แต่มีมากกว่าพันถึงหมื่น จำนวนมากเท่าที่จะมีในกองทัพ ถ้าพวกเขาถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน มันจะกลายเป็นความหายนะ


ในความคิดของเขาโคลนเหล่านี้คือมนุษย์ทดลอง แต่ทันทีที่คิดดังกล่าว จิตใจของเฟิงหลินก็ทำเครื่องหมาย ‘x’ และส่ายหัวทันที


ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดูจากสถานะพลังของโคลนเหล่านี้ มันชัดเจนว่าพวกมันถูกดัดแปลงพันธุกรรมและเพียงตัวเดียวก็ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์ทดลองจะถูกนำมาใช้ทดลองแค่ครั้งเดียว


มีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่!


กองทัพโคลน!


เฟิงหลินนึกถึงสิ่งที่ลุคพูดตอนนั้น แต่ลุคไม่สามารถเดาคำตอบได้ถูกต้อง


มันเป็นความจริงที่บริษัทยาไจแอนท์กำลังสร้างกองทัพ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขากำลังสร้างไม่ใช่กองทัพธรรมดาวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเหล่านี้คือการสร้างโคลนนิ่ง และกลายเป็นกองทัพโคลน


โคลนนิ่งเหล่านี้มีค่าพลังชีวิตถึง 3.0 แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดาที่มีค่าพลังชีวิตเพียง 0.1 ถึงสามสิบเท่า พอโคลนนี้ถูกสร้างและกองทัพได้ก่อตัวขึ้น พวกเขาจะไม่อ่อนแออย่างแน่นอนในระบบสุริยจักรวาล


สิ่งนี้แตกต่างจากกองทัพทางพันธุกรรมของผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวที่ลุคพูดถึง โคลนเหล่านี้มีสถานะพลังที่น่ากลัว แต่อย่างมากที่สุดพวกเขายังถือว่าเป็นแค่ผู้บ่มเพาะฝึกหัด และยังไม่ถึงระดับของผู้บ่มเพาะดวงดาว


แต่ถึงกระนั้นก็น่ากลัวมากพอแล้ว


การโคลนถือเป็นข้อห้ามที่มนุษย์ทุกคนในยุคสมัยดวงดาวเห็นพ้อง ไม่ใช่แค่จักรวรรดิดวงดาวจะต้องเชื่อฟัง แต่แม้กระทั่งประเทศเล็กๆที่วุ่นวายและเขตดาวโกลาหลก็ยังต้องเชื่อฟังเช่นกัน


เพราะเมื่อการโคลนถูกตรวจสอบ มันอาจละเมิดหลักคำสอนของมนุษยชาติและทำให้ยีนของมนุษยชาติอ่อนแอลงและไม่เป็นระเบียบ หลังจากนั้นไม่นานมนุษย์ที่บริสุทธิ์อาจจะสูญพันธุ์ ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติในอนาคตและเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น มนุษย์ยุคระหว่างดวงดาวทุกคนจึงทำข้อตกลงเพื่อจัดแบบแผนระหว่างดวงดาวขึ้น


ถ้าประเทศใดสร้างโคลนอย่างลับๆ เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ประเทศนั้นก็จะกลายเป็นศัตรูสาธารณะของมนุษยชาติทั้งหมดทันที แม้ว่ากาแลคซีจะกว้างใหญ่ขนาดไหนก็จะไม่มีสถานที่ให้เริ่มต้นใหม่ได้


 



 


หัวใจของเฟิงหลินเต็มไปด้วยความตกใจ เขาไม่ได้คิดว่าบริษัทยาไจแอนท์จะกล้าขนาดนี้ พวกเขาท้าทายการชุมนุมระหว่างดวงดาว พวกเขาวางแผนจะทำอะไรกันแน่?


คลื่นในใจของเขาเหมือนคลื่นในมหาสมุทร แต่การแสดงออกของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง ไม่เคยเปิดเผยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


ในเวลานั้น แฟรงค์ก็เดินมาและพูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “ดูเหมือนคุณจะสามารถบอกได้ว่านี่คือโคลน คุณรู้หรือไม่ว่าพวกมันจะถูกนำมาใช้เพื่ออะไร?”


“พวกมันจะถูกนำไปใช้ในการทดลองใช่ไหมครับ?” เฟิงหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูด เขาเข้าใจถึงคุณค่าของการแกล้งโง่บ้างในบางครั้ง


 


“คุณยังเด็กเกินไป!” แฟรงค์หัวเราะ“ โคลนนิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมตั้งแต่ตอนปฏิสนธิ พวกมันสูญเสียความบริสุทธิ์ของยีนดั้งเดิมตั้งแต่แรก หากคุณต้องการทดลองผลของการใช้มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมใด ๆ มันจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากตอนนี้คุณเป็นสมาชิกหลักของบริษัทยาไจแอนท์แล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร ยังไงคุณก็ต้องรู้เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว ผมจะบอกความจริงกับคุณ ทุกสิ่งที่คุณเห็นที่นี่จะกลายเป็นกองทัพของเรา! “


“กองทัพโคลน?!” เฟิงหลินทำเหมือนเพิ่งและตะโกนด้วยความสับสน หลังจากนั้นเขาดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง “การสร้างกองทัพเราจะไม่ถูกลงโทษจากมนุษย์ทุกคนในยุคระหว่างดวงดาวหรอครับ? “


 


เขาแสร้งทำเป็นเป็นมือใหม่ที่ไม่รู้อะไร มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ


 


แฟรงค์พยักหน้า เขาพอใจกับปฏิกิริยาของเฟิงหลินมาก จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “สิ่งต่างๆเช่นกฎหมายเป็นเพียงการทำเพื่อให้คนธรรมดาเห็น แม้ว่าจะมีการห้ามโคลนนิ่งแต่ในความเป็นจริงก็มีการผลิตพวกมันลับๆ เหตุผลที่เราจัดตั้งกองทัพเป็นเพราะระบบสุริยจักรวาลถือเป็นเขตดาวโกลาหล บริษัทยาไจแอนท์ของเราเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ และนี่คือเหตุผลที่เราต้องการกองทัพที่ทรงพลังเพื่อปกป้องความปลอดภัย! “


 


เขาพยายามหลอกเด็ก?


เฟิงหลินหัวเราะอย่างเยือกเย็นในใจ แต่ใบหน้าเคร่งเครียด เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ


ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันแฟรงค์ก็ยังไม่พบข้อบกพร่องใดๆในท่าทีของเฟิงหลิน ในที่สุดเขาก็ปล่อยวาง


 


“แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับหัวข้อการวิจัยของผมหรือครับ?” เฟิงหลินถามด้วยความงุนงง


แฟรงค์ยิ้มอย่างลึกลับ “มากับฉันสิ!”


เฟิงหลินตามหลังแฟรงค์ และเดินท่ามกลางโคลนเหล่านี้


หลอดทดลองมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง คล้ายเสาหลักที่ตั้งอยู่


หลังเดินเข้ามาลึก เฟิงหลินก็ค้นพบกลุ่มคนชุดขาวที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และคอยสังเกตโคลนนิ่งอย่างใกล้ชิด จดบันทึกคร่าวๆราวกับว่าพวกเขากำลังวิเคราะห์อะไรบางอย่าง


 


เฟิงหลินครุ่นคิดเงียบๆ ดูเหมือนว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขาจะถูกต้อง ที่นี่คือห้องปฏิบัติการใต้ดิน


แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกคือนักวิจัยที่นี่ทุกคนต่างมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า พวกเขาคือชาวผิวขาวแท้ๆ


ทำไมบริษัทยาไจแอนท์ถึงรับแต่พนักงานผิวขาวเท่านั้น?


เฟิงหลินรู้สึกงงมาก แต่เขาไม่กล้าถาม เขาฝังความอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจของเขา


 


“เฟิงหลิน ในอนาคตคนพวกนี้จะเป็นสมาชิกหน่วยงานของคุณ!” แฟรงค์ชี้ไปที่คนผิวขาวและแนะนำ


“อะไรนะ” เฟิงหลินประหลาดใจอย่างมาก


“นี่คือหัวกะทิของบริษัทยาเรา คนเหล่านี้ก็เหมือนกับคุณ อัจฉริยะที่แท้จริงที่เราคัดเลือกมาเป็นพิเศษ พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตของทฤษฎีทางพันธุกรรม และตอนนี้ผมก็พร้อมที่จะส่งพวกเขาให้คุณ พวกเขาจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ คุณต้องมุ่งเน้นไปที่เทคนิคการสร้างยาผลึกผงที่สมบูรณ์ แนวคิดใหม่นี้มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีเก่าๆที่เราเคยลอง มันอาจเป็นคำตอบในการแก้ไข เราจะสามารถทำลายความลับทางพันธุกรรมของยาโบราณและสร้างยาทางพันธุกรรมที่คนทั่วไปสามารถบริโภคได้ “แฟรงค์ยิ้ม


 


เฟิงหลินพยักหน้าและมองคนเหล่านี้


งั้นคนพวกนี้ก็คืออัจฉริยะทางพันธุกรรมที่บริษัทยาไจแอนท์คัดเลือก พวกเขาทั้งหมดถูกส่งมาห้องปฏิบัติการใต้ดินเพื่อทำงาน ไม่แปลกใจที่กองทัพปฏิวัติดาวอังคารจะไม่สามารถหาร่องรอยได้และคิดว่าพวกเขาหายไป


 


ในกรณีดังกล่าวบริษัทยาไจแอนท์ไม่ควรเป็นอันตรายอย่างที่กองทัพปฏิวัติดาวอังคารกล่าวไว้


 


อย่างไรก็ตามเฟิงหลินกลับรู้สึกทันทีว่ามีอะไรผิดปกติ คนผิวขาวกลุ่มนี้แปลกเกินไป


เป็นไปได้ไหมที่บริษัทไจแอนท์จะคัดเลือกแต่คนผิวขาวเท่านั้น? ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมถึงรับเขาเข้ามา?


ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ยังไม่รู้ เขารู้สึกถึงความหนาวที่วิ่งแล่นลงกระดูกสันหลัง


เมื่อเปรียบเทียบกับเฟิงหลินแล้ว คนผิวขาวเหล่านี้ล้วนสับสนอย่างมาก มองเฟิงหลินด้วยใบหน้าแปลกๆ


 


“นี่คือคนที่จะเป็นผู้นำของเราหรอครับ?”


“เด็กเหลือขอนี่ทำยังไงถึงปีนไปถึงตำแหน่งนั่นได้?”


“เทคนิคการสร้างการยาผลึกผง? เรื่องไร้สาระนี้มันอะไรกัน”


 



 


คนเหล่านี้พึมพำ ไม่เชื่อในความสามารถของเฟิงหลิน


เฟิงหลินสงบนิ่งๆ


 


ในขณะนั้น ชายผิวขาววัยกลางคนที่อวบเล็กน้อย ทรงผมสไตล์ดวงจันทร์จากญี่ปุ่นเดินมาข้างหน้า ศีรษะของเขาล้าน แต่มีผมอยู่ด้านข้าง มัดเป็นมวยไว้ด้านหลัง ทำให้เขาดูค่อนข้างแปลกและตลก


 


เขาพยักหน้าและเอามือเท้าเอว “ผู้จัดการ เด็กนี่จะกลายเป็นหัวหน้าในหน่วยงานของเราได้ยังไง นอกจากนี้เขายังเป็นคนจีน เป็นไอพวกผิวเหลือง!เขามีความสามารถอะไร?”


 


สีหน้าของแฟรงค์เปลี่ยนไป “มัตสึชิตะ โอนิจิน ผมหวังว่าคุณจะไม่สงสัยในการตัดสินใจของผม เฟิงหลินได้คิดค้นวิธีสร้างยาผลึกผงขึ้นมาจากยาโบราณ แม้มันจะแค่ช่วงเริ่มต้นก็ตามเถอะ นี่คือเหตุผลที่ผมต้องการให้คุณทุกคนเป็นลูกน้องและช่วยเหลือเขาสุดความสามารถ เพื่อทำให้เทคนิคนี้สมบูรณ์แบบ! ผมไม่สนใจว่าจะเป็นใคร แต่ถ้าใครกล้าต่อต้านเฟิงหลินไม่ว่าจะเปิดเผยหรือลับหลัง คนๆนั้นจะถูกไล่ออก! “


 


“เป็นไปได้ยังไง?” นักวิจัยเหล่านี้ไม่กล้าเชื่อ ยาโบราณที่อัจฉริยะหลายคนพยายามค้นหาความลับแต่ล้มเหลวนั่น?!


 


แต่เนื่องจากแฟรงค์พูดเองกับปาก พวกเขาจึงไม่อาจปฏิเสธมันได้


แฟรงค์พูดความจริง เขาใช้ไมโครชิปของเขาเพื่อฉายภาพฉากที่เกิดขึ้นให้นักวิจัยเหล่านี้เห็น


หลังจากที่พวกเขาเห็นมัน พวกเขาก็ไม่แสดงความคิดเห็นอีกต่อไป ยอมรับความจริงที่ว่าเฟิงหลินจะกลายเป็นหัวหน้าของพวกเขา


 


“เฟิงซาน ผมขอโทษ ผมไม่ควรสงสัยคุณ โปรดยอมรับคำขอโทษของผมด้วย” ชายที่ชื่อมัตสึชิตะโอนิจินมาต่อหน้าเฟิงหลินและโค้งคำนับเขาอย่างสุดซึ้งแสดงคำขอโทษ


 


ดวงตาของเฟิงหลินลดลง ไม่ว่าเขาจะดูยังไง ชาวผิวขาวตรงหน้าเขาก็มีร่องรอยของคนญี่ปุ่นอยู่ทั่ว แต่ทำไมเขาถึงมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า?


อย่างไรก็ตาม หน้าเขากลับยังคงยิ้ม “มัตสึชิตะ โอนิจิน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก เราทุกคนจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันในอนาคต โปรดชี้แนะผมด้วย!”


 


“ครับ!” มัตสึชิตะ โอนิจินโค้งตัวและพูดด้วยความเคารพ


“ผมควรทำยังไงต่อ” เฟิงหลินถาม


“คุณรู้ไหมว่าทำไมบริษัทของเราถึงว่าเรียกบริษัทยาไจแอนท์” แฟรงค์ตอบคำถามของเขาด้วยการถามคำถามอื่น


 


เฟิงหลินส่ายหัว เขารู้สึกว่าความลับสุดยอดของบริษัทยาไจแอนท์กำลังเผยออกมา


 


แฟรงค์ยิ้ม “นี่เป็นเพราะเราเชี่ยวชาญหนึ่งในเส้นทางตำนานเพื่อกลายเป็นยักษ์ ความพยายามของเราในการวิจัยทั้งหมดเป็นเพราะเราต้องการที่จะพัฒนายาทางพันธุกรรมที่สามารถทำให้มนุษย์สามัญสามารถกระตุ้นยีนยักษ์ในตัวพวกเขาได้ เราหวังที่จะสร้างยักษ์เกรดต่างๆที่เป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว!”


 


หลังจากพูดแล้ว เขาก็นำยาที่มีสีเขียวและสีอำพันออกมา


 


“นี่คือน้ำยาพันธุกรรมยักษ์เขียวระดับต่ำเกรดสูง!ภารกิจของคุณคือการปรุงยาเหล่านี้ให้คนทั่วไปสามารถบริโภคได้ ถ้าคุณทำได้ เราจะได้รับการยกย่องจากมนุษยชาติในดวงดาวทุกดวง อนุญาตให้พวกเขาทั้งหมดปลุกยีนยักษ์เขียวขึ้น หากคุณทำสำเร็จผมจะอนุญาตให้คุณมีส่วนในพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้คุณกลายเป็นบุตรของพระเจ้า คุณจะเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่ยาวนานและสถานะพลังของคุณจะพุ่งสูงขึ้น! ในเวลานั้นคุณจะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในพวกเรา ได้รับตำแหน่งระดับสูงในบริษัทยาไจแอนท์และได้รับโอกาสอันล้ำค่าที่จะเข้าสำนักงานใหญ่ของเราในโลกระหว่างดวงดาวเพื่อบ่มเพาะ”


 


“พิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์?บุตรแห่งพระเจ้า?!” เฟิงหลินร้องอุทานออกมา


“ถูกต้องแล้ว” แฟรงค์ยิ้ม “นี่เป็นพิธีกรรมประเภทหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนยีนของคุณ เปลี่ยนสายเลือดและปรับแต่งพันธุกรรมของคุณ ทำให้คุณกลายเป็นบุตรแห่งพระเจ้า!”


“เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาทั้งหมดเป็น … ” เฟิงหลินจ้องมองไปที่นักวิจัยชาวผิวขาวเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ารูปร่างหน้าตาและท่าทางต่างเชื้อชาติกัน แต่พวกเขาทั้งหมดมีผิวขาวผมบลอนด์และตาสีฟ้า


“ถูกต้องแล้ว! พวกเขาได้กลายเป็นบุตรแห่งพระเจ้าผ่านพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์แล้ วการมีผิวขาวผมบลอนด์และดวงตาสีฟ้าเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่บุตรแห่งพระเจ้าต้องมี ยังไงก็ตามมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าด้วยวิธีธรรมชาติ” เขาพูดด้วยความตื่นเต้น


 


เฟิงหลินยืนนิ่ง รู้สึกหนาวสั่นไปทั่ว หัวใจเขาแทบดีดเต้นหลุดออกมา 

 

 


ตอนที่ 105

 

“เฟิงหลิน ทำให้ดีล่ะ หากเทคนิคการสร้างยาผลึกผงสำเร็จ บริษัทยาของเราจะตอบแทนคุณอย่างงาม!” แฟรงค์ยิ้มหลังจากนั้นเขาก็หันหลังและเดินออกไป


 


หัวใจของเฟิงหลินยังคงหนาวสั่น


ดูเหมือนว่าจากสนามเด็กเล่นจะขยายออกไปจนอยู่เหนือการควบคุมของเขา


หากการวิจัยประสบความสำเร็จเขาจะกลายเป็นบุตรแห่งพระเจ้าอย่างงั้นหรอ?


ใครเขาต้องการรางวัลแบบนั้นกัน!


เฟิงหลินเชี่ยวชาญด้านทฤษฎีพันธุกรรมมาก มาพูดเรื่องเลือดศักดิ์สิทธิ์บ้าบออะไรกัน?


มันคือกระบวนการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม พันธุกรรมที่มาจากสายเลือดและเผ่าพันธุ์เดิมจะถูกกำจัดและเปลี่ยนแปลงทั้งหมด


ไม่น่าแปลกใจที่นักวิจัยเหล่านี้ไม่มีกิริยาท่าทางและลักษณะของเผ่าพันธุ์อื่นเลย แต่ทุกคนมีผิวขาวให้ความรู้สึกแปลกประหลาดมาก


ทำไมเฟิงหลินถึงจะไม่อยากเป็นคนจีนและกลายเป็นมนุษย์ไข่ – สีขาวด้านนอก สีเหลืองด้านใน – แทนล่ะ?หยุดล้อเล่นได้แลว?


ไม่ว่าผลประโยชน์จากการเป็นบุตรของพระเจ้านั้นจะดีแค่ไหนก็ตาม เฟิงหลินก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย!


ที่สำคัญที่สุดคือเขากำลังเดินบนเส้นทางตำนานของซุนหงอคงในตำนานฮัวเซีย และในตำนานบอกไว้ว่าต้องเป็นคนเชื้อสายจีนเท่านั้นที่จะสามารถปลุกยีนในตำนานของซุนหงอคงได้


ถ้าเขาเปลี่ยนเป็นมนุษย์ไข่ บางทีลักษณะเฉพาะของยีนที่เขาปลุกและพลังชีวิตของเขาจะถูกปรับเปลี่ยน นี่หมายความว่าเขาจะต้องทำลายเส้นทางการบ่มเพาะของตัวเองหรอ?


แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการคาดเดา แต่เขาก็รู้สึกว่าตราบใดที่มีโอกาสเฟิงหลินจะไม่เสี่ยง


แต่แม้ว่าเขาจะเสียใจตอนนี้ ทุกอย่างก็สายเกินไป


หลังจากเข้าห้องปฏิบัติการใต้ดินนี้ และเข้าร่วมแผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์ เขาได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงมากแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหนีไป


เขาต้องคิดถึงหาทางปกป้องตัวเอง!


ขณะที่เฟิงหลินกำลังไตร่ตรอง มนุษย์ไข่เหล่านั้นก็เดินมาล้อมเขา พวกเขาจ้องมองเฟิงหลิน “หัวหน้า เริ่มการวิจัยได้แล้วครับ!”


 


หัวใจของเฟิงหลินเต้นกระหน่ำ มนุษย์ไข่เหล่านี้อาจได้ชื่อว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว?พวกเขามีหน้าที่จับตามองเฟิงหลินใช่ไหม?


เขาพยักหน้าเงียบๆ“ มันสำคัญมากสำหรับบริษัทยาไจแอนท์ของเราที่จะพัฒนาเทคนิคการสร้างยาผลึกผงที่สมบูรณ์ นี่จะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาในอนาคตของเรา ดังนั้นเราจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้สำเร็จ!”


 


“ครับ!” นักวิจัยเหล่านั้นพยักหน้าและเตรียมพร้อม


“เอาสูตรยาพันธุกรรมยักษ์เขียวมาให้ผม!” เฟิงหลินสั่ง


“ครับ!” มัตสึชิตะ โอนิจินเหมือนลูกแกะเชื่อง ความคิดของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขาเชื่อฟังไม่ต่อต้าน ส่งสูตรยาพันธุกรรมให้เขา โค้งคำนับราวกับเขาไม่มีศักดิ์ศรี แต่ดวงตาฉายแววสุนัขจิ้งจอกที่หิวโหย


 


เฟิงหลินไม่ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้


เห็นได้ชัดว่ามัตสึชิตะ โอนิจินเป็นคนญี่ปุ่นที่กลายมาเป็นคนผิวขาว เขามีลักษณะของชาวญี่ปุ่น สำหรับเขามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้แข็งแกร่งจะข่มเหงผู้อ่อนแอ


สำหรับคนอย่างมัตสึชิตะ โอนิจิน พวกเขาคงถูกสั่งสอนมาก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กลายมาเป็นแบบนี้


เฟิงหลินเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวและเขายังมีเทคนิคยาผลึกผง ไม่ต้องคำนึงถึงความแข็งแกร่งหรือเทคนิคทางพันธุกรรมของเขา มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะกำราบคนๆนี้ เขามั่นใจว่ามัตสึชิตะ โอนิจินจะไม่สามารถลอบกัดเขาได้


เขาไม่กังวลเลย ดังนั้นเขาจึงรับสูตรมาและเริ่มต้นการวิจัย


 


ยิ่งเขาแสดงความมั่นใจมากเท่าไร มัตสึชิตะ โอนิจินก็ยิ่งเคารพเขามากขึ้นเท่านั้น


และเฟิงหลินก็แน่ใจในข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจนี้


ทรัพยากรบ่มเพาะวัดตามขั้นพลังงาน พวกมันสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่ระดับ ต่ำ กลาง สูง และสูงสุด แต่ละระดับยังสามารถแบ่งออกเป็นเกรดต้น กลาง สูง ไร้ที่ติและสมบูรณ์


ดังนั้นจึงปรากฏว่ายายักษ์เขียวเป็นยาระดับต่ำเกรดสูง การกินมันหลายครั้งจะทำให้สามารถปลุกยีนยักษ์เขียวขึ้นมาได้!


ยีนยักษ์เขียวคือประเภทของยีนยักษ์เกรดกลางที่เกิดจากการรวมยีนยักษ์และยีนรังสีเข้าด้วยกันผ่านการดูดซับพลังงานรังสีไม่หยุดหย่อน ผู้ที่ปลุกยีนนี้จะมีความแข็งแกร่งไร้ขีดสุด แต่เป็นเพราะผลข้างเคียงของรังสี ความคิดของพวกเขาจะงง สับสน และมีแนวโน้มที่จะโกรธและใช้ความรุนแรง (เช่นฮัค)


สิ่งที่ยากยิ่งกว่าก็คือนี่เป็นยีนที่สร้างขึ้นตามตำนานที่ไม่ค่อยพบเห็น


ทุกคนรู้ว่าผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวส่วนใหญ่จะใช้ตำนานเป็นแนวทางของพวกเขา ในขณะที่พวกเขายังคงพัฒนายีนของพวกเขา เดินบนเส้นทางที่จะนำไปสู่ความเป็นเทพ


แต่ละเส้นทางในตำนานมีรูปแบบการวิวัฒนาการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงและตัวเลือกเส้นทางก็คือจุดสำคัญหลักของผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว


แต่เพราะวิชายุทธ์ยีนหายากมาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับ


เมื่อเผชิญกับความยุ่งยาก ภูมิปัญญาของมนุษยชาติจึงไร้ขอบเขต


พวกเขาเริ่มพยายามใช้กระบวนการทางพันธุวิศวกรรมเพื่ออนุมานคุณสมบัติของยีน หลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ เชื่อมโยงยีนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับยีนหลักเข้าด้วยกัน ทำให้พวกมันรวมกันเป็นหนึ่งเดินบนเส้นทางใหม่


 


โดยธรรมชาติ กลุ่มยีนที่เข้ากันไม่ได้มักปฏิเสธกัน ท้ายที่สุด ร่างมนุษย์จะระเบิด


แต่ก็ยังมีผู้ที่ได้รับพรจากโชคชะตาและสามารถอยู่รอดได้ด้วยโชคชะตา ประสบความสำเร็จ เปิดทางเดินใหม่และมีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ทุกประเภท


ยีนยักษ์เขียวคือเส้นทางนี้อย่างแน่ชัด


นี่เป็นยีนที่สร้างขึ้นโดยการรวมยีนยักษ์เข้ากับยีนรังสี ยีนนี้จะให้พละกำลังไร้สิ้นสุดและร่างกายที่ทรงพลังมหาศาลนอกจากนี้เนื่องจากการดูดซับพลังงานรังสี มันจึงมีความสามารถต้านทานผลกระทบของพลังงานต่างๆ


จุดๆนี้ดูคล้ายกับยีนลิงหินมาก


อย่างไรก็ตาม แม้ยีนลิงหินจะเป็นแค่ยีนแรกเริ่มที่ด้อยกว่ายีนยักษ์เขียว ความสามารถของยีนลิงหินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า


แต่ถ้ามันเป็นยีนลิงหินจิตวิญญาณซึ่งเป็นระดับหลุดพ้น อย่างน้อยมันก็จะเป็นยีนขั้นผันแปรหรือสมบูรณ์

และยีนยักษ์เขียวซึ่งเป็นแค่ยีนระดับหลุดพ้นขั้นกลางย่อมไม่อาจเทียบกับมันได้


 


เฟิงหลินเข้าใจข้อมูลทั้งหมดนี้ จากนั้นเขาก็นึกถึงประเด็นหนึ่ง บริษัทยาไจแอนท์ทำเช่นนี้เพราะพวกเขาต้องการสร้างกองทัพยักษ์เขียว?


หากกระบวนการตกผลึกสำหรับยายักษ์สีเขียวเสร็จสิ้นแล้วและคนทั่วไปสามารถบริโภคได้ โคลนเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก แฟรงก์บอกว่าจะจัดตั้งกองทัพเพื่อป้องกันตัวเอง … หรือจะเป็นกองทัพยักษ์เขียว


หัวใจของเขาเย็นเฉียบ


ต้องรู้ว่ายีนยักษ์ใหญเขียวเป็นยีนระดับหลุดพ้น เมื่อปลุกมันขึ้น คนๆนั้นจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง ก้าวเหนือกว่าผู้บ่มเพาะดวงดาวทั่วไป


มันปรากฏว่ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารเดาผิดอย่างสิ้นเชิง บริษัทยายักษ์ต้องการสร้างกองทัพพันธุกรรม แต่มันไม่ได้สร้างขึ้นจากผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว กองทัพที่พวกเขาต้องการสร้างจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงแทน


ต้องรู้ว่าในโรงเรียนที่เฟิงหลินมา อาจารย์ใหญ่ก็ยังเป็นแค่ผู้บ่มเพาะระดับสูงคนเดียว แต่ถึงกระนั้น เขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของเมืองฮั่วเซีย


หากกองทัพที่น่าสะพรึงกลัวนี้สามารถก่อตัวขึ้นได้จริง มันก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดผ่านระบบสุริยะทั้งหมดไปพร้อมๆกัน


เฉพาะตอนนี้เฟิงหลินก็เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าสิ่งที่แฟรงค์พูดกับเขาก่อนหน้านี้คือเรื่องโกหกทั้งหมด


การสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้เพื่อปกป้องตัวเอง ใครจะไปเชื่อกัน?


พายุกำลังกวาดไปทั่วระบบสุริยะ


ในเวลานั้นเขาควรเลือกยังไง?


 


….


เฟิงหลินกำลังไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง


 


“หัวหน้าคุณดูสูตรของยายักษ์เขียวแล้วหรือยัง?เราจะเริ่มต้นการวิจัยเกี่ยวกับเทคนิคการตกผลึกได้หรือยังครับ?”โอนิจินถาม


 


มนุษย์ไข่เหล่านี้แน่นขนัดไปรอบตัวเขารอให้เขาออกคำสั่ง


 


ริมฝีปากของเฟิงหลินขดตัวด้วยรอยยิ้มลึกลับ “แน่นอน!”


“บางทีพวกคุณทุกคนอาจจะตั้งคำถามนี้: เทคนิคการเรียงตัวของการตกผลึกเป็นเทคนิคอะไรกันแน่?ความเชื่อมโยงระหว่างเทคนิคกับยาโบราณคืออะไร?”


“นี่เป็นเพราะโครงสร้างภายในของยาโบราณอันศักดิ์สิทธิ์เป็นโครงสร้างผลึกจริงๆ มันสามารถระงับความแรงของยาและปล่อยมันออกมาช้าๆ ทำให้มนุษย์ธรรมดาสามารถดูดซับมันได้ เทคนิคการสร้างผลึกยาของผมถูกสร้างขึ้นเนื่องจากผมพยายามเลียนแบบโครงสร้างผลึกภายในยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ “


“โอ้ ผลึกอะไรกัน?”


“ พวกมันเต็มไปด้วยความงามทางคณิตศาสตร์ แต่คุณต้องใช้พลังงานจิตก่อน คุณถึงจะสามารถทำลายกำแพงของอนุภาควิญญาณเพื่อรับรู้พวกมันได้!”


“แล้วเราจะตกผลึกยาได้อย่างไร?”


“ไฟ! ใช้ไฟและพลังจิตเพื่อสังเกตองค์ประกอบโมเลกุล และพยายามเลียนแบบลักษณะเฉพาะของโครงสร้างผลึกที่พบในยาโบราณ!”


 



 


ภายในห้องปฏิบัติการใต้ดินนั กวิจัยยังคงถามคำถามกับเฟิงหลินเกี่ยวกับความลับของเทคนิคการสร้างยาผลึกผง


เฟิงหลินดูเหมือนจะเปิดกว้าง เขาบอกพวกเขาทุกอย่างแบบไม่กั๊ก


อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสังเกตเห็นว่านิ้วมือข้างหนึ่งของเขาเคลื่อนไหวเรื่อยๆ ระลอกคลื่นไร้รูปร่างทางจิตแผ่ออกมาจากเขา


นักวิจัยเหล่านี้รู้สึกว่ามีลมอุ่นพัดผ่านใบหน้า ความวุ่นวายในใจของพวกเขาที่มีต่อเฟิงหลินก็ค่อยๆหายไป


 


“ หัวหน้าเป็นคนดีจริงๆ เขาไม่ปิดบังสักนิดและบอกเราทุกอย่าง!”


“ แม้ว่าหัวหน้าจะยังเด็ก แต่ไม่มีอะไรให้สงสัยเกี่ยวกับความสามารถของเขาเลย!”


 



ความคิดและความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อเฟิงหลินเริ่มเปลี่ยนไป


หากก่อนหน้านี้ทุกสิ่งที่พวกเขารู้สึกต่อเฟิงหลินคือความเป็นปฏิปักษ์และการดูถูก ตอนนี้พวกเขาก็เต็มไปด้วยความหลงไหลและชื่นชมจนเกือบยกย่องเหมือนเทพ


อิทธิพลที่มองไม่เห็นนี้ค่อยๆเปลี่ยนหัวใจของนักวิจัยโดยพลังงานจิตของเฟิงหลิน เขาค่อยๆควบคุมทุกคนที่นี่ในห้องทดลองใต้ดิน


เขาไม่กังวลว่าความลับของเทคนิคการสร้างยาผลึกผงจะรั่วไหลเลยหรอ?


 


เฟิงหลินไม่กังวลเลย


ตั้งแต่เริ่ม ไม่มีเทคนิคใดเหมือนเทคนิคการสร้างยาผลึกผง นั่นเป็นเพียงการโกหกที่เฟิงหลินสร้างขึ้นเพื่อปกปิดความลับของเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุ


เทคนิคการสร้างยาผลึกผงนี้เป็นเพียงรูปแบบขั้นพื้นฐาน มันไม่สำคัญอะไร


ทั้งสองนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง เป็นระบบที่ต่างกันสุดขั้ว


พวกเขาไม่มีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุของจีนโบราณ เพียงแค่สิ่งพื้นฐานที่สุดก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นักวิจัยเหล่านี้ใช้เวลาทำความเข้าใจนานนม


นอกจากนี้เทคนิคการสร้างยาผลึกผงยังต้องใช้พลังจิตซึ่งจำเป็นต้องมีการปลุกยีนจิต เงื่อนไขนี้เข้มงวดเพียงพอแล้ว


เฟิงหลินไม่กังวลเลยว่าพวกเขาจะสามารถแกะความจริงเบื้องหลังเทคนิคนี้ได้


เมื่อมองไปที่นักวิจัยเหล่านี้ เขาก็หัวเราะในใจ ความพยายามของพวกเขาจะล้มเหลวและเสียเวลาเปล่า


แม้ว่าเขาจะหัวเราะเยาะ แต่เขาก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก


หลังจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เขาเพิ่งตระหนักว่าเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุที่น่าตกใจของโลกที่เขาได้เรียนรู้มาจริงๆแล้วเป็นวิชาสังหารมังกร! 

 

 


ตอนที่ 106

 

การถ่ายทอดยาพันธุกรรมมาจากภูมิภาคตะวันตกของยุคโลกโบราณ เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นระบบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการเล่นแร่แปรธาตุ


ความรู้ที่แตกต่างกันเหมือนอยู่คนละโลก!


ยาพันธุกรรมคือวิธีทางวิทยาศาสตร์ ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่หลากหลายเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมยาที่แตกต่างกันสามารถผสมเข้าด้วยกันได้ ทำให้อนุภาควิญญาณมีบทบาทและสร้างประสิทธิภาพที่เป็นไปไม่ได้


อย่างไรก็ตามการเล่นแร่แปรธาตุแตกต่างกัน


จีนโบราณมักพูดถึงมนุษย์และสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีความรู้สึก รวมถึงหญ้าและต้นไม้ ต่างล้วนเป็นผลผลิตจากธรรมชาติทั้งหมด


การเล่นแร่แปรธาตุเป็นเทคนิคการสร้างชนิดหนึ่งที่วิวัฒนาการมาจากเทคนิคการกลั่นยาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างชีวิตได้


ยาเม็ดมีรูปร่างเป็นวงกลมหมายถึงเอกภาพของทุกสิ่ง เป็นสัญลักษณ์ของจักรวาลด้วยความลึกลับไม่สิ้นสุด


ยาเม็ดแต่ละเม็ดถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต


และหากใครต้องการสร้างยาวิเศษ นอกเหนือจากความชำนาญในการเล่นแร่แปรธาตุก็ยังต้องใช้เตาหลอมยาด้วยเช่นกัน


เตาหลอมมีสาม ‘ขา’ สอง’หู’และแปดหลุม สอง’หู’แทนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ‘ขา’ ทั้งสามแสดงถึงสวรรค์ โลกและมนุษย์ สำหรับแปดหลุมหมายถึงแปดทิศทาง เตาหลอมยานั้นแยกจากกันด้วยเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบพิเศษ ยาเม็ดที่สร้างขึ้นจะได้รับโชคของฟ้าดิน กลายเป็นยาวิเศษที่ ‘มีชีวิต’ บรรลุผลอันศักดิ์สิทธิ์


แต่ถึงแม้จะอยู่ในยุคการบ่มเพาะโบราณบนโลก เตาหลอมยาเม็ดก็ถือว่าเป็นสมบัติที่หายาก นอกจากนี้นี่คือยุคระหว่างดวงดาวแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เขาจะหาเตาหลอมยาได้จากที่ไหน?


ถ้าไม่มีเตาหลอมยาก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเฟิงหลินจะชำนาญการเล่นแร่แปรธาตุแค่ไหน  มันก็ไม่ต่างอะไรกับวิชาสังหารมังกร ที่ไม่มีมังกรให้เข่นฆ่า(เปรียบเปรย)


เฟิงหลินรู้สึกสิ้นหวัง เขาพยายามที่จะลดความซับซ้อนของเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุห ลอมรวมความรู้ด้านการเล่นแร่แปรธาตุและการปรุงยาพันธุกรรมเข้าด้วยกัน ในขณะที่เขาพัฒนาการสร้างยาผลึกผง


ก่อนหน้านี้ในระหว่างทดลองครั้งแรก เขาสนุกกับความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ ซึ่งหมายความว่าเส้นทางนี้มีโอกาสสำเร็จในอนาคต


การใช้การเล่นแร่แปรธาตุปรับแต่งยาพันธุกรรมก็เหมือนกับการใช้วิชาสังหารมังกรมาสังหารงู เหมือนการใช้ค้อนทุบถั่ว แต่อย่างน้อยที่สุดเขาควรจะทำอะไรสำเร็จบ้าง


เฟิงหลินไม่คิดว่ามันเสียเวลา


หากเขาสามารถทำให้เทคนิคการสร้างยาผลึกผงได้ผลจริงๆ เขาอาจสามารถสร้างวิธีสร้างยาพันธุกรรมที่เป็นของเขาคนเดียว  อนาคตเขาในฐานะผู้บ่มเพาะจะต้องไร้ขอบเขต


 


เฟิงหลินเริ่มทำการทดลอง ในขณะที่นักวิจัยคนอื่นๆก็ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคนิคการสร้างยาผลึกผง


ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะในเรื่องการปรุงแต่งยาพันธุกรรม แต่เฟิงหลินก็ไม่ได้กังวลอะไร


แม้แต่เขาที่เป็นคนคิดค้นเทคนิคการสร้างยาผลึกผงยังทำไม่สำเร็จ คนพวกนั้นจะทำสำเร็จได้ยังไง?


ต่อให้พวกเขามีความสามารถจริงๆ พวกเขาก็คงใช้เวลานานในการถอดความลับของยาโบราณ


พวกเขายังคงตามหลังเฟิงหลิน ทำการวิจัยเทคนิคการสร้างยาผลึกผงที่เขาเป็นคนคิด


เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความสามารถ!


เทียบกับเขาที่รู้ความลับของการเล่นแร่แปรธาตุ เฟิงหลินเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะทำให้เทคนิคการสร้างยาผลึกผงสมบูรณ์แบบได้


นี่คือความจริงที่แน่นอน


เมื่อเขานึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ของเขากับเทคนิคการสร้างยาผลึกผง เฟิงหลินก็ค่อยๆทำทีละขั้นตอน หลอมรวมหลักการเล่นแร่แปรธาตุลงไป เขาต้องการเพียงประสบการณ์ระหว่างทดลอง


แต่เมื่อเขามองไปที่นักวิจัยมนุษย์ไข่เหล่านี้ เฟิงหลินก็ปกปิดสิ่งที่เขาทำ


ถ้าเขาดึงเอาเทคนิคการสร้างยาผลึกผงไม่ได้ เขาจะไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ไข่พวกนี้


เฟิงหลินรู้สึกว่าเงินเดิมพันสูงเกินไป เขาอยากออกไปที่นี่เงียบๆหากเป็นไปได้


ตอนนี้เขาได้รับเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุจากยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ตราบใดที่เขาเพิ่มพูนความรู้ มันไม่เป็นปัญหาอะไรกับการที่เขาจะกลายเป็นนักพันธุศาสตร์ ในความเป็นจริงมันเกินพอสำหรับเขาที่จะกลายเป็นนักพันธุศาสตร์แล้ว เป้าหมายของเขาในการเข้าร่วมบริษัทยาไจแอนท์บรรลุเกินคาด เฟิงหลินไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อในที่ๆเต็มไปด้วยความลับและความอันตราย


แต่ตอนนี้เขาได้เข้าสู่แผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์แล้ว มันไม่ง่ายที่เขาจะหนี ตอนนี้เฟิงหลินจึงตัดสินใจที่จะอยู่ไปก่อนและรอโอกาสที่เหมาะสม


ในชั่วพริบตา มันก็ผ่านไปห้าถึงหกวัน ห้องปฏิบัติการใต้ดินนี้เดิมเป็นแผนกลับอยู่แล้วและตั้งแต่เฟิงหลินกลายเป็นหัวหน้าคนใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เขาได้รับก็แตกต่างไปจากเดิม


ที่ที่เฟิงหลินพักอยู่ ณ ตอนนี้ถือว่าหรูหราสุด มีห้องบ่มเพาะที่ทันสมัยที่สุดและอุปกรณ์และเครื่องมือไฮเทคทุกประเภท


เฟิงหลินยังสามารถวัดข้อมูลของเขาได้อย่างแม่นยำ แรงหมัดของเขาคือ 7.8 ตัน ความเร็วของเขาคือ 1.98 วินาทีต่อร้อยเมตรแล้ว


นอกจากนี้ ทรัพยากรการบ่มเพาะที่บริษัทไจแอนท์มอบให้เขาทุกวันก็แตกต่างเช่นกัน พวกเขาให้ยาแห่งชีวิตระดับสูงเกรดสมบูรณ์


เฟิงหลินรู้สึกถึงความแตกต่างทันทีที่เขาดื่ม เปลี่ยนพลังงานเป็นชี่ ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


น่าเศร้าที่ตอนนี้เขาเข้าสู่แผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์แล้ว และการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขาล้วนถูกเฝ้าดูอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่มีโอกาสได้ออกไปข้างนอกเพื่อดูดซับพลังงานของดวงดาวเพื่อปลุกยีนวิญญาณของเขา


 


เฟิงหลินใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อทำให้ร่างกายของเขาเย็นลง ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขากลับคืนมาเป็น 701% และสถานะพลังของเขาตอนนี้สูงถึง 23.2


ก่อนหน้านี้เขาได้เพิ่มศักยภาพทางพันธุกรรม 300% ให้กับยีนลิงหิน ตอนนี้เฟิงหลินเพิ่มอีก 700% ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาตอนนี้จึงเหลือแค่ 1%


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างก็คือยีนลิงหินของเขาซึ่งในตอนแรกมีความแข็งแกร่งแค่1ได้กลายเป็น2


เฟิงหลินรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นและกระแสความอบอุ่นก็ออกมาจากส่วนลึกของไขกระดูก ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังแช่อยู่ในน้ำพุร้อน เนื่องจากทุกส่วนของร่างกายได้รับการพัฒนา เขาจึงรู้สึกเหมือนตอนนี้ร่างของเขาถูกสร้างขึ้นจากแท่งเหล็กเสริม แม้ว่าเขาจะดูเพรียวบาง แต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังงานที่พร้อมจะระเบิด


ชี่และเลือดของเขากำลังเดือดเหมือนลาวาที่ปั่นป่วน


เฟิงหลินใช้พลังจิตของเขาในการสำรวจร่างกาย ทำให้เขามองเห็น’ภายใน’ เขาค้นพบว่าเส้นเอ็นและเส้นใยกล้ามเนื้อทั้งหมดของเขานั้นเหนียวเหมือนลวดเหล็ก


กระดูกของเขาเปล่งประกายสีคล้ายหยก


นี่คือร่างหินที่มีกระดูกเหล็กจริงๆ


ผิวของเขานั้นแข็งเหมือนหยกและหิน เมื่อเขาสะบัดนิ้วจะได้ยินเสียงการสั่นสะเทือนในอากาศ นอกจากนี้เขายังสามารถต้านรับดาบและหอกได้อีกด้วย


สิ่งที่ยากกว่าคือเฟิงหลินพบว่าทุกเซลล์ในร่างกายของเขาไม่มีรอยร้าว ไร้ข้อบกพร่องใดๆ ร่างกายทั้งหมดของเขาเหมือนภาชนะที่ปิดล้อมอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการโจมตีจากพลังงานใด ที่จะซึมเข้าไปได้


 


ยีนลิงหิน : กายหินและกระดูกเหล็ก ความแข็งแกร่งไร้สิ้นสุด ดาบและหอกไม่สามารถทะลุผ่าน ทนต่อไฟและน้ำ


 


เมื่อเขาเสริมความแข็งแกร่ง ความสามารถทั้งสี่นี้ก็ได้รับการเสริมแกร่งขึ้น


เขาคาดว่าถ้าเขายังคงเพิ่มความแข็งแกร่ง ความสามารถเหล่านี้จะได้รับการขยายจนถึงขีดจำกัด


ในขณะนี้สถานะพลังของเฟิงหลินสูงถึง 32.4แล้ว


ตามที่คาดไว้จากยีนแรกเริ่มขั้นผันแปร ทุกๆจุดที่เพิ่มเข้ามานั้น สถานะพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า


พลังที่เพิ่มขึ้นของเขาตอนนี้ถูกคำนวณโดย1หน่วย ไม่ใช่ 0.1 อีกต่อไปและในหนึ่งลมหายใจ มันก็เพิ่มขึ้นถึง9.2


แต่น่าเศร้าที่การได้รับศักยภาพพันธุกรรมนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ


เมื่อเขาไตร่ตรองว่าจะทำอย่างไร คำตอบที่ไม่คาดคิดก็ผุดขึ้น


และนั่นก็คือ … รับสินบน!


ตอนนี้เขากลายเป็นหัวหน้าของห้องปฏิบัติการใต้ดิน ส่วนผสมทางยาและน้ำยาที่เขาต้องการทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ให้ไม่จำกัด เฟินหลินสามารถใช้มากเท่าที่เขาต้องการได้ภายใต้ข้ออ้างการวิจัยและบริโภคเอง เพียงเขาปรับปรุงยาผลึกผงเพียงเล็กน้อย มนุษย์ไข่เหล่านี้ก็เต็มไปด้วยความชื่นชมไม่มีใครสงสัย


เฟิงหลินใช้ยาที่ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาเพิ่มสูงขึ้น


 


สิบวันผ่านไป เฟิงหลินสะสมศักยภาพทางพันธุกรรมเพียงพอ ได้รับจุดพันธุกรรมเพิ่มอีกหนึ่งจุดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีนลิงหิน ทำให้ความสามารถของเขาแข็งแกร่งขึ้นอีก ตอนนี้สถานะพลังของเขามากถึง41.4 เพิ่มขึ้น 9.0 เท่านั้น


ท้ายที่สุดร่างกายของคนเราถูกจำกัดเพื่อสร้างความต้านทาน ถ้าหากใครกินยาเป็นเวลานานผลจะไม่ดี และหากสิ่งต่างๆดำเนินต่อไป ยาอาจไม่มีผลอะไรอีกต่อไป


ในช่วงเวลาสั้นๆก็ผ่านไปถึงสัปดาห์ ความแข็งแกร่งของเฟิงหลินเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งจุด แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในภายนอก


นี่เป็นจุดที่น่ากลัวในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีน ถ้าเขามีศักยภาพทางพันธุกรรมเพียงพอ เขาจะสามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกวันที่ผ่านไป เฟิงหลินปิดบังทุกอย่างไว้เงียบๆ ในบางครั้งเขาจะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเล็กน้อยในเทคนิคการสร้างยาผลึกผง แสดงให้คนที่เฝ้าดูเขาอยู่ว่าเขาไม่ได้ทำงานเล่นๆ


ในขณะเดียวกันการบ่มเพาะของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ศักยภาพทางพันธุกรรมในร่างกายของเขาสูงจนเกือบถึง 1,000%


ตอนนี้เขากำลังรอโอกาสที่จะออกจากบริษัทไจแอนท์เงียบๆ


และในวันนี้ที่เขากำลังยุ่งอยู่ในห้องทดลอง จู่ๆพื้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


เฟิงหลินมองไปที่ต้นตอของการสั่น เขาตกใจเมื่อเห็นแกนกลางของดาวอังคารหมุนอย่างรวดเร็ว คลื่นความร้อนปกคลุมอยู่บริเวณนั้น ราวกับมีสิ่งมีชีวิตตื่นขึ้นดูเหมือนว่าจะต้องการออกจากกรงที่ขังมันอยู่


ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด


เสียงเตือนในห้องปฏิบัติการใต้ดินดังขึ้นทันที


ทหารจำนวนหนึ่งจากบริษัทยาไจแอนท์เดินไปสู่แกนกลางของดาวอังคาร เงาของพวกเขาค่อยๆหายไป จริงๆแล้วมันมีพื้นที่ลับภายในแกนอีก!


 


“นั่นคืออะไร” เฟิงหลินถามผู้ช่วยของเขา


 


มนุษย์ไข่ญี่ปุ่นที่ชื่อมัตสึชิตะ โอนิจินโค้งคำนับ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยลักษณะของผู้ใต้บังคับบัญชาที่พยายามประจบเจ้านาย เขาอธิบายให้เฟิงหลินฟัง”สถานที่นั้นคือส่วนต้องห้ามสุดของบริษัทยาเรา สถานที่แห่งประวัติศาสตร์!” 

 

 


ตอนที่ 107

 

“สถานที่ประวัติศาสตร์?” เฟิงหลินตกใจ


แกนของดาวอังคารเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ที่มีลาวาปั่นอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิอย่างน้อยน่าจะเป็นหมื่นองศาหรือสูงกว่านั้น ใครจะคิดว่าจะมีอีกหนึ่งมิติในนั้น?


โบราณสถานแบบไหนกันที่อยู่ในแกนกลางของดาวเคราะห์ได้?มันเหลือเชื่อเกินไปไหม?


 


“โบราณสถานนี้มีต้นกำเนิดจากอะไร?” เฟิงหลินถามผู้ช่วยของเขามัตสึชิตะ โอนิจิน


 


ยีนจิตของเฟิงหลินสูงถึง 9 จุด ผลจากการสะกดจิตรุนแรงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้  อิทธิพลที่มองไม่เห็นนั้นน่ากลัวมาก ทำให้มนุษย์ไข่เหล่านี้เชื่อฟังเฟินหลินง่ายๆ พวกเขาจะตอบทุกคำถามที่เขาถาม เพราะพวกเขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคการสร้างยาผลึกผง


 


มัตสึชิตะ โอนิจินตอบด้วยความเคารพ “สถานที่ทางประวัติศาสตร์นี้คือซากปรักหักพังที่บริษัทของเราขุดขึ้น ภายในมีความลับมากมายที่เกี่ยวข้องกับยุคโบราณ แม้แต่ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณก็มาจากที่นั่น แต่ตอนนี้ที่นั้นกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของบริษัทเรา! หากไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทจะไม่สามารถเข้าไปได้ ไม่อย่างงั้นจะถูกฆ่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม!”


“โอ้?” สีหน้าของเฟิงหลินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความคิดแวบหนึ่งผุดขึ้นมาเมื่อเขานึกถึงบางสิ่งที่เขามองข้าม โดยไม่ตั้งใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะที่จ้องมองไปยังแกนกลางของดาวอังคาร ความลับทั้งหมดอยู่ภายในนั้น


มันอาจเป็นซากปรักหักพังของนิกายเตาหลอมอมตะ? มีแสงไฟส่องสว่างในใจของเฟิงหลิน มันเป็นไปได้มาก


ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณเป็นที่รู้จักกันในนามเม็ดยาหมอกลิขิต เนื่องจากบริษัทยาไจแอนท์ค้นพบสิ่งนี้ พวกเขาจะต้องค้นพบโบราณวัตถุหรือซากปรักหักพังจากนิกายเตาหลอมอมตะ


นับตั้งแต่มนุษยชาติเหยียบบนดาวอังคารมานานนับหมื่นปี ซากปรักหักพังนิกายเตาหลอมอมตะก็ถูกบริษัทยาไจแอนท์ค้นพบ


เมื่อพิจารณาถึงเทคโนโลยีขั้นสูงในปัจจุบัน ทุกตารางนิ้วในดาวอังคารถูกสแกนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มาก่อน ในกรณีนี้ที่ไหนคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด?


ดังนั้นมีเพียงพื้นที่ภายในแกนกลางของดาวอังคารเท่านั้นที่มีโอกาสสูงที่สุด!


ท้ายที่สุดแกนกลางของดาวเคราะห์คือหัวใจของดาวเคราะห์ มันเกี่ยวข้องกับความเสถียรของดาวเคราะห์ทั้งดวงและการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าทำอะไรกับแกนกลางดาวเคราะห์


ไม่มีใครกล้าที่จะแบกรับความเสี่ยงในการทำลายชีวิตของดาวเคราะห์


 


เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เฟิงหลินมั่นใจ 70% ถึง 80% ว่าซากปรักหักพังโบราณของนิกายเตาหลอมอมตะอยู่ในแกนกลางของดาวอังคาร


นี่ใกล้เคียงกับความลับของการเล่นแร่แปรธาตุ


การปรุงยาต้องใช้ไฟและไฟของแกนกลางดาวเคราะห์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อเพลิงผลาญพิภพ ในการเล่นแร่แปรธาตุถือว่าเป็นเปลวไฟชั้นหนึ่งในการผสมยา อุณหภูมิมันสูงมากและมีลักษณะที่ประหลาดมากมาย หากสามารถใช้เปลวไฟดังกล่าว มันย่อมปรุงยาวิเศษได้ทุกชนิด


จะมีอะไรภายในโบราณสถาน?จะมีเตาปรุงเม็ดยาหรือไม่?


หัวใจของเฟิงหลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาขาดเตาปรุงยา?หากเขาได้รับมัน เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุที่เขามีจะสามารถเอาชนะผลของยาพันธุกรรมทั้งหมดได้อย่างแน่นอน


หากเขาได้รับมันจริง ๆ แล้วละก็…


เฟิงหลินแสร้งทำเป็นไม่สนใจและถามว่า “มัตสึชิตะทำไมคุณถึงรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ในโบราณสถานล่ะ? หรือว่าคุณเคยเข้าไปมาแล้ว”


“ครับ!” มัตสึชิตะ โอนิจินไม่โกหก “พิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์จัดขึ้นที่นั่น ตอนที่ผมเปลี่ยนเป็นบุตรแห่งพระเจ้า ผมเคยเข้าไปที่นั่น สิ่งต่างๆภายในนั้นไม่สามารถจินตนาการได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นข้อมูลลับผมไม่สามารถพูดอะไรได้”


 


เนื่องจากเขาบอกแบบนี้ เฟิงหลินจึงไม่ได้บีบเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม


ถึงแม้เขาจะสามารถใช้อิทธิพลทางจิตที่ไร้รูปร่างได้ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถควบคุมจิตใจของคนเหล่านี้ได้


หากเขาแสดงเจตนามากเกินไป ในความเป็นจริงมันอาจทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นและส่งผลในทางลบ


ก่อนหน้านี้ไอค์เคยประทับใจเขามากหลังจากถูกสะกดจิต แต่เมื่อเขากลายเป็นหัวหน้าหน่วยวิจัยคนใหม่ ไอค์ที่รู้สึกว่าถูกคุกคามก็กลับสู่สถานะเดิมทันที


เฟิงหลินไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขารู้อยู่แล้วว่าเขาอยากรู้อะไร


จากนั้นเขาก็เริ่มไตร่ตรองเส้นทางในอนาคตของเขา


ในช่วงเวลานี้เขาพยายามคิดหาวิธีหนีออกไป แต่เขาหาโอกาสไม่ได้


โครงสร้างภายในของบริษัทไจแอนท์มีความเข้มงวดและความลับที่เป็นอันตรายมาก เขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีออกจากที่นี่โดยใช้ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือการเข้าร่วมกับกองกำลังภายนอกเพื่อออกจากที่นี่


เนื่องจากการทดลองซ้ำๆของเขา ความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุของเฟิงหลินจึงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เทคนิคการสร้างยาผลึกผงของเขาก็พัฒนาจนเกือบจะสมบูรณ์


ด้วยเทคนิคผลึกผงนี้ เฟิงหลินแน่ใจว่าเขาไม่ใช่นักวิจัยพันธุกรรมอีกต่อไป ตอนนี้เขาสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นนักพันธุศาสตร์ระดับต้น


การใช้เทคนิคนี้ปรับแต่งส่วนผสมยาให้อยู่ในรูปแบบผลึกไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบของยาได้อย่างมาก แต่ความแรงของยาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน


 


แม้ว่านี่จะห่างไกลกับเทคนิคการทำเม็ดยาที่แท้จริง แต่ความสามารถในการควบคุมผลึกผงแบบนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่เฟิงหลินจะเป็นอิสระ


ต่อไปก็ถึงเวลาที่จะปรับแก้ยายักษ์เขียว


การตกผลึกแตกต่างจากน้ำยาประเภทต่างๆ วิธีกลั่นต้องรัดกุม มันไม่เหมือนเทคนิคของการปรุงน้ำยา


แถม ยานี้ยังเป็นยาระดับต่ำเกรดกลาง ความยากยิ่งสูงขึ้น


นี่เป็นยาพันธุกรรมระดับแรกที่เฟิงหลินได้สัมผัส แต่ละขั้นตอนนั้นซับซ้อนมากและเป็นเรื่องยากมากที่จะเชี่ยวชาญ


โชคดีที่นี่มีนักวิจัยพันธุกรรมอัจฉริยะมากมาย ถ้าไม่พูดถึงเทคนิคผลึกผง คนที่นี่มีความสามารถด้านยาพันธุกรรมมากกว่าเขา


เฟิงหลินเฝ้าดูคนเหล่านี้วิ่งวุ่นกับขั้นตอนการปรุงยายักษ์เขียว เขาเข้าใจกระบวนการที่จำเป็นอย่างรวดเร็ว


อย่างไรก็ตาม เขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับไปที่บ้านพักของตัวเองและเริ่มทดลองด้วยตัวเอง


โปรตีนยักษ์, ผงรังสี, พาร์สันส์อัลลอยโซลูชั่น …


ส่วนผสมทุกอย่างเป็นของที่หายากมาก


เฟิงหลินเตรียมส่วนผสมที่จำเป็น แต่ยังไงก็ต่างจากในอดีต เพราะเขาไม่ได้ปรับอะไร แต่ใช้ไฟเพื่อควบคุมส่วนผสม


พลังจิตที่แผ่ออกมาจากเฟิงหลินตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่รวบรวมประสบการณ์ของเขาจากอดีต เขาก็ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นโครงสร้างผลึกที่มั่นคงสามารถขังพลังยาภายในได้


โดยการรวมประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาและเทคนิคการผสมยาจำนวนมาก มันทำให้เฟิงหลินพัฒนาและเชี่ยวชาญมากขึ้น


ในระหว่างการทดลองครั้งแรกที่เขาล้มเหลว จริงๆแล้วเป็นเพราะขาดประสบการณ์ เขาไม่สามารถควบคุมความแรงของไฟได้ดีพอและทำให้ล้มเหลว


แต่ทว่าเฟิงหลินไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขามีทรัพยากรทางการแพทย์มากมาย และสามารถทดลองกี่ครั้งก็ได้ตามที่เขาต้องการจนกว่าจะประสบความสำเร็จ


ในที่สุดผลึกสีฟ้าเขียวก็ปรากฏในมือของเขา มันสว่างมาก มีมุมยี่สิบมุม เต็มไปด้วยความงามทางคณิตศาสตร์และเรขาคณิต ทำให้คนไม่สามารถละสายตาได้เมื่อมองมัน


อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เห็นครั้งแรก พวกเขาจะถือว่านี่เป็นเพชรธรรมดาและไม่ใช่สารยาทางพันธุกรรม


ยาผลึกผงยักษ์เขียวสำเร็จ!


เฟิงหลินรีบเก็บมัน ไม่อยากเปิดเผย


หลังจากนั้นเขาก็เปิดใช้งานไมโครชิพและเก็บข้อมูลทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันนี้รวมถึงกองทัพโคลน, ยายักษ์เขียว, พิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์, บุตรของพระเจ้า … เป็นไฟล์ขนาดเล็ก จากนั้นเขาหฌเลือกข้อมูลติดต่อลึกลับลุคที่ให้เขาไว้ และส่งข้อมูลออกไป


จากนั้นเขาก็ลบบันทึกทั้งหมดทันที เขาไม่ต้องการทิ้งร่องรอยใดๆไว้


 


เนื่องจากเขาเลือกแบบนี้  เฟิงหลินรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเขากับบริษัทยาไจแอนท์จะตัดขาดกันอย่างสมบูรณ์แบบ


เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทางนี้


ในที่สุดเฟิงหลินก็รู้ว่าทำไมแฟรงค์ถึงยอมให้เด็กใหม่อย่างเขาได้มารับผิดชอบในตำแหน่งใหญ่แบบนี้ ได้มาเป็นหัวหน้าของแผนกการวิจัยใหม่ที่ตั้งอยู่ในห้องปฏิบัติการใต้ดิน บอกเรื่องโคลนนิ่งแก่เขา


เหตุผลนั่นเพราะสุดท้าย พิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์กำลังรอเฟิงหลินอยู่


หากเขาประสบความสำเร็จในการสร้างเทคนิคยาผลึกผง เขาจะกลายเป็นคนของเผ่าพันธุ์ขาว กลายเป็นบุตรของพระเจ้า จากนั้นเขาก็จะกลายเป็นบุคคลประเภทเดียวกันกับพวกเขา ไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป


แต่ถ้าเขาปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงทุ กอย่างจะยิ่งอันตรายสำหรับเขา!


เนื่องจากเขารู้ความลับมากมายของบริษัทยาไจแอนท์ ไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้ออกไปได้ง่ายๆ


เฟิงหลินไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีอะไรรอเขาอยู่


นี่คือปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่และเฟิงหลินไม่เคยคิดมาก่อนหน้านี้ เขามาที่นี่เพียงเพราะเขาต้องการเรียนรู้เทคนิคการสร้างยาพันธุกรรม เขาไม่ต้องการที่จะเดินบนเส้นทางอันดำมืดของบริษัทไจแอนท์ ละทิ้งเชื้อสายจีนของตัวเองและกลายเป็นมนุษย์ไข่


ตอนนี้เขาเหลือเพียงสองทางเลือกเท่านั้น


อย่างแรกคือออกจากที่นี่อย่างเงียบๆและกลับไปที่โลก


และอย่างที่สอง … ทำให้เกิดความวุ่นวายในบริษัทยาไจแอนท์เพื่อให้เขามีโอกาสหาผลประโยชน์


กองทัพปฏิวัติดาวอังคารเป็นศัตรูของบริษัทยาไจแอนท์ ข่าวที่เขาเพิ่งปล่อยออกไปคือความลับหลักที่แท้จริง หากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารรู้ว่าศัตรูของพวกเขากำลังสร้างกองทัพโคลนและแผนการของพวกเขาคือทำให้โคลนนิ่งเหล่านี้กลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง พวกเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน


เพื่อปกป้องตนเองจากการถูกบริษัทยาไจแอนท์ทำลาย พวกเขาจะต้องรีบลงมือ เมื่อถึงเวลานั้นเฟิงหลินก็จะนั่งดูและตัดสินใจในสิ่งที่เห็นสมควรตามสถานการณ์


หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นจริง เฟิงหลินจะยอมเสี่ยงเพื่อทำกำไร เขาอยากรู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้รับความลับจากนิกายเตาหลอมอมตะหรือไม่


ถ้ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารพยายามเข้าหาเขาอย่างเปิดเผย เฟิงหลินก็จะตัดสินใจเดินหน้าโดยไม่หันหลังกลับทันที


ไม่ว่าบริษัทยาไจแอนท์จะใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าถึงโลกได้


อย่างมากเขาก็แค่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการทำสัญญา!


เขากลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว ตอนนี้แค่ 50,000 เหรียญดาราไม่มีความหมายสำหรับเขา!


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปกลับไกลเกินจินตนาการของเฟิงหลิน


เปลวไฟแห่งสงครามทะยานสู่ท้องฟ้า!


สงครามภายในดาวอังคารปะทุขึ้นทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน! 

 

 


ตอนที่ 108

 

สงครามภายในดาวอังคารปะทุขึ้นทันทีอย่างไม่มีสัญญาณ เกินความคาดหมายของทุกคน


กองทัพปฏิวัติดาวอังคารซึ่งแต่เดิมเหมือนหนูที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดิน ตอนนี้กลายเป็นแสงอาทิตย์หลังฝนตก ทำให้เกิดการจราจลในเมืองใต้ดินของดาวอังคาร และพยายามโค่นล้มรัฐบาล สงครามมีให้เห็นทุกที่


สถานการณ์บนดาวอังคารมีแต่ความโกลาหล


การต่อสู้รุนแรงและกระจายอย่างรวดเร็วคล้ายไฟป่า


ทุกที่บนดาวอังคารล้วนพัวพันในสงคราม


เฟิงหลินอ่านข่าวอย่างตั้งใจ เขาค้นพบว่าแผนที่ของดาวอังคารแยกดาวอังคารออกเป็นสองส่วนคือส่วนสีแดงและส่วนสีน้ำเงิน ดูเหมือนสัตว์ป่าสองตัวพยายามกัดและตะครุบ มีอาวุธทุกชนิด เช่น จักรกล ไอพ่น ปืนอนุภาค มีให้เห็นในข่าวอาวุธที่อันตรายถูกนำมาใช้ และสถานการณ์ก็ถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว


โชคดีที่ดาวอังคารได้รับพิจารณาว่าเป็นดาวเคราะห์ที่แห้งแล้ง มนุษย์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใต้ดิน ไม่เช่นนั้นด้วยความหนาแน่นของปืนไฟ มนุษยบนดาวอังคารคงสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว


ภูเขาถูกระเบิด เกิดหลุมอุกกาบาตเจาะพื้นดินไปหมด


ภูมิภาคสีน้ำเงินที่แสดงบนแผนที่เป็นดินแดนที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลดาวอังคาร กองทัพปฏิวัติของดาวอังคารคือพื้นที่สีแดง อาณาเขตขยายจากเล็กไปใหญ่เหมือนปลาตัวเล็กๆที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในท้ายที่สุดปลาตัวเล็กก็กลายเป็นปลาใหญ่


ตอนนี้ดาวอังคารถูกแยกออกเป็นสองกลุ่มอย่างสมบูรณ์


การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆภายในครึ่งเดือน จากแผนที่ที่แสดง พื้นที่สีแดงยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง – ไปยังเมืองชิไทบนดาวอังคาร!


ตอนนี้บรรยากาศภายในบริษัทยาไจแอนท์เปลี่ยนไป ตึงเครียดมากจนทำให้รู้สึกอึดอัด


บริษัทยาไจแอนท์เป็นหนึ่งในกลุ่มการเงินชั้นนำไม่กี่แห่งบนดาวอังคาร พวกเขาถูกส่งไปประจำการที่นี่และเป็นศัตรูที่ร้ายกาจกับกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร


แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารเป็นศัตรูกับบริษัทยาไจแอนท์


หากพวกเขาสามารถกลืนกินส่วนที่ใหญ่ที่สุดอย่างบริษัทยาไจแอนท์ได้ ความแข็งแกร่งทางการเงินและเทคโนโลยีของกองทัพปฏิวัติดาวอังคารจะสูงขึ้นไปอีกระดับ


ดังนั้นความมั่งคั่งของบริษัทยาไจแอนท์จึงเป็นสิ่งที่กองทัพปฏิวัติดาวอังคารต้องการ


ทหารในเครื่องแบบลาดตระเวนในบริษัทยาไจแอนท์จำนวนมาก และมีการตรวจสอบคนเข้าคนออกอย่างละเอียด


แม้แต่คนจากแผนกวิจัยและพัฒนาก็ด้รับผลกระทบ มีความรู้สึกกังวลในสงครามด้านบน


แต่เฟิงหลินสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ในความเป็นจริงเฟิงหลินเองไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ก่อให้เกิดสงครามภายในนี้หรือไม่


ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ทำไมถึงไม่มีการตอบกลับจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารหลังจากที่พวกเขาได้รับข่าว?“


ในช่วงเวลาเหล่านี้เฟิงหลินมุ่งตั้งใจและฝึกฝนอย่างหนัก เขาได้รับจุดพันธุกรรมแรกเริ่มอีกสองจุด พลังของเขาทะลุ 45.0 ไปถึง 45.8


อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เพิ่มแต้มเหล่านั้นทันที


เมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มันไม่เหมาะสำหรับเขาที่จะเพิ่มแต้มมากเกินไปภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่งั้นคนอื่นอาจสงสัย


นอกจากนี้เนื่องจากเขาได้เพิ่มแต้มให้กับยีนลิงหินอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ ความสามารถของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เขายังไม่คุ้นเคยกับมัน นี่จะส่งผลต่อการควบคุมความสามารถของเขาถ้าเขาเพิ่มแต้มอีก มันอาจทำให้สิ่งต่างๆพังด้วยความรีบมากเกินไปของเขา


แม้ว่าเฟิงหลินจะกระหายความแข็งแกร่ง หลังจากที่เขาเจอกับการพลังชีวิตล้นตอนที่เขายังเป็นผู้บ่มเพาะฝึกหัด ตอนนี้เขาเข้าใจดีว่าการพัฒนาอย่างช้าๆและมั่นคงย่อมดีกว่า เขาต้องการที่จะทำให้รากฐานของเขามั่นคงก่อน


นอกจากนี้ไม่ต้องพูดถึงประโยชน์มากมายในการเก็บจุดพันธุกรรมแรกเริ่ม ในช่วงเวลาที่สำคัญ เขาสามารถกู้คืนสู่สภาวะสูงสุดของเขาได้ทันทีด้วยการเพิ่มและเสริมสร้างความเข้มแกร่งของยีน


นี่เป็นเทคนิคที่ดีที่สุด


เมื่อเฟิงหลินยังอ่อนแอ เขาพึ่งพาความสามารถนี้เพื่อปีนขึ้นไปบนหอต่อสู้ลวงตา


เขาอยากมีจุดพันธุกรรมสำรองไว้ในกรณีที่สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่แย่ นี่อาจเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเขา


 


ยิ่งสถานการณ์วุ่นวายมากขึ้นเท่าไร เฟิงหลินยิ่งต้องการอยู่ในเงามากเท่านั้น


ในช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนนี้ ผู้ที่โดดเด่นจะถูกกำจัด เขาเลือกที่จะเก็บรายละเอียดไปก่อนเพื่อรอโอกาสของเขา


เขาควรจะออกจากดาวอังคารอย่างเงียบๆ หรือเขาควรพยายามหาผลประโยชน์จากสถานการณ์นี่และฉวยหาความลับจากซากปรักหักพังในตำนานของนิกายเตาหลอมอมตะ?


เขากำลังรออยู่เงียบๆเพื่อให้สิ่งต่างๆวุ่นวายมากกว่านี้ หลังจากนั้นเขาจะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อได้ในสิ่งที่เขาต้องการอย่างไรก็ตามถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เขาหวัง เขาก็จะเลือกหนีไปอย่างไม่ลังเล


เขาจะไม่วางเดิมพันชีวิตเล็กๆของเขาไว้ในกระแสน้ำวนแห่งความโกลาหลนี้เพียงเพราะความโลภ


ไม่ว่าซากปรักหีกพังในตำนานจะยิ่งใหญ่เพียงใดมันก็ไม่มีค่ามากไปกว่าชีวิตเล็กๆของเขา


ตามความหมายของการบ่มเพาะ เราต้องบ่มเพาะชีวิตตก่อนที่จะบ่มเพาะสถานะ


หากเขาเสียชีวิตทุกอย่างจะเหมือนความฝัน ความสำเร็จทั้งหมดของเขาจะหายไปเหลือแต่ความว่างเปล่า


ในขณะที่เฟิงหลินคิดว่าเขายังใจเย็นอยู่ได้ วันหนึ่งเมื่อเขากำลังบ่มเพาะอย่างขยันขะมักเขม้น ไมโครชิฟของเขาก็สั่นและภาพฉาย 3 มิติของชายชุดยาวขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือลุคจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร


 


เขาจ้องมองเฟิงหลินและยิ้ม “ขอบคุณมากเฟิงหลิน! ข่าวที่คุณส่งมาให้ผมมีค่าอย่างยิ่ง หลังจากได้รับข่าวของคุณ ตอนแรกกองทัพปฏิวัติดาวอังคารของเรายังแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายต่อต้านและฝ่ายสันติคอยขัดแย้งกันเสมอ แต่หลังจากได้รับข่าวของคุณ เราจากฝ่ายต่อต้านก็ได้รับอนุญาตให้เริ่มต้นแผนของเราและก่อจลาจลได้ ตอนนี้เราไม่รู้จำนวนทหารและข้อมูลลับของบริษัทยาไจแอนท์  เราอยากขอรบกวนให้คุณ … “


 


คลิก!


การสตรีมวิดีโอปิดกะทันหัน เฟิงหลินเป็นคนปิดมันเอง


ไม่เพียงเท่านั้นเขายังลบข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว รวมถึงแหล่งที่มาของข้อมูล


ตั้งแต่แรกเขาใช้ประโยชน์จากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารเท่านั้น เขาแค่อยากให้พวกเขาต่อสู้กับบริษัทไจแอนท์เท่านั้น


เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสตกปลาในบ่อน้ำวน


ตั้งแต่แรกเขาไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร


ยิ่งเขามีปฏิสัมพันธ์กันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายสำหรับเขามากขึ้นเท่านั้น


ยิ่งไปกว่านั้นลุคจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารยังทำเหมือนเขาเป็นสายลับ และขอให้เขาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม


เฟิงหลินไม่ต้องการแม้แต่จะได้ยินประโยคแบบนี้


ดังนั้นแสดงว่ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารได้วางแผนมานานแล้วในการก่อความวุ่นวาย แต่เพียงเพราะว่ากลุ่มภายในของพวกเขาได้รับข้อมูลลับจากเขา นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นก่อให้เกิดสงครามบนดาวอังคาร


นี่คือสิ่งที่เฟิงหลินไม่ได้คาดเอาไว้


ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่คงไม่มีใครคิดเรื่องนี้ นี่เป็นสงครามภายในขนาดใหญ่บนดาวอังคาร แต่จริงๆแล้วกลับเกิดจากคนๆหนึ่ง


เฟิงหลินเองก็ประหลาดใจเช่นกัน


ดูเหมือนว่าเงินเดิมพันจะสูงขึ้นมาก!


ไม่ว่าในกรณีใด เฟิงหลินก็ไม่อยากจะคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เขากำลังจะยุติการติดต่อที่เขามีกับกองทัพปฏิวัติดาวอังคารและซ่อนตัวเป็นเงา


เขาซึ่งตอนนี้เป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว มีความแข็งแกร่งพิเศษและไม่ใช่คนอ่อนแอบนดาวอังคาร ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใดเขาก็ยังคงมีกำลังที่จะปกป้องตัวเองได้


เฟิงหลินรู้สึกว่าความสามารถยีนลิงหินแรกเริ่มแค่ทนต่อดาบและหอก ไฟและน้ำ เขาไม่แน่ใจว่าอาวุธเทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านั้นจะทำอะไรเขาได้หรือเปล่า


สงครามแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว


กองทัพปฏิวัติดาวอังคารชนะอุปสรรคทุกอย่าง พวกเขาเป็นเหมือนคลื่นไฟสวรรค์ที่ต้องการทำลายทั้งดาวอังคารให้สะอาดเปลี่ยนท้องฟ้าและโลก ไม่ว่าจะไปที่ไหนรัฐบาลดาวอังคารจะพ่ายแพ้เสมอ- ขวัญกำลังใจลดน้อยลง


แม้แต่เฟิงหลินซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ก็ยังตกตะลึงกับพลังทำลายล้างที่น่าตกใจของกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร


ดูเหมือนว่ากองทัพจะเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้มาเป็นเวลานาน


เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ กองทัพปฏิวัติดาวอังคารเป็นเหมือนลูกธนูพุ่งตรงไปยังเมืองชิไท


 


บริษัทยาไจแอนท์ไม่สามารถอยู่นิ่งได้อีกต่อไป พวกเขาส่งกองกำลังออกไป


ห้าถึงหกวันผ่านไป …


เฟิงหลินเฝ้าดูข่าวและวิเคราะห์ เขาค้นพบว่าแผนกยาภายในบริษัทยาไจแอนท์นั้นเหมือนคลื่นทะเลเล็กๆที่พุ่งเข้าสู่ทะเลเพลิงพยายามจะดับมันแต่ทำอะไรไม่ได้  ไม่มีควันจากการดับไฟแม้แต่น้อย ในไม่ช้าพวกเขาก็ถูกกลืนหายไปจหมด


บรรยากาศในบริษัทยาไจแอนท์รุนแรงและตึงเครียดมาก


แม้ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจเอกชนที่มีกองทหารเป็นของตนเอง แต่กองทัพที่พวกเขามีจะเทียบกับกองทัพจริงๆได้ยังไง


ในกรณีนี้บริษัทยาไจแอนท์วางแผนที่จะทำอะไรต่อไป


เฟิงหลินสังเกตอย่างเงียบๆ และรู้สึกอยากรู้อยากเห็นโดยไม่ตั้งใจ


บูม บูม บูม!


อีกสามวันผ่านไป เฟิงหลินดูมนุษย์ไข่พวกนี้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการหาวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างยายักษ์เขียว แต่พื้นกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


เฟิงหลินและคนอื่นๆ มองหาที่มาของความปั่นป่วน


ไม่มีใครรู้ แต่โคลนในหลอดทดลองกลับตื่นออกมา ร่างเปลือยเปล่าของพวกมันยืนบนพื้นโลหะผสม เหมือนทหารของกองทัพแผร่รังสีสง่างาม


โคลนนิ่งสูงและมีกล้ามเนื้อ พวกมันเป็นเหมือนรูปปั้นของวีรบุรุษจากตำนานเทพเจ้ากรีกซึ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้ง


พวกมันทุกคนมีผมสีทองเปล่งปลั่งคล้ายกับดวงอาทิตย์ พวกมันลืมตาแต่สีหน้าราบเรียบเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีลมหายใจ


กองทัพที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวนี้จะทำให้ศัตรูรู้สึกหนาวสั่น


หุ่นยนต์จำนวนมากเตรียมปืนรังสี ชุดเกราะ และอุปกรณ์ทางทหารต่าง ๆ ให้พวกมัน


มีเครื่องจักรสงครามเพียงไม่กี่เครื่อง


เครื่องจักรแต่ละเครื่องเป็นเครื่องจักรสงครามที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล แม้แต่บริษัทยาไจแอนท์พวกเขายังมีเครื่องจักรสงครามเพียงสามเครื่องเท่านั้น


ครื่นน ~


จักรกลสูงร้อยเมตรเริ่มเดินนำ พวกโคลนรีบสวมอุปกรณ์ทหารที่หุ่นยนต์ยื่นให้ พวกมันปรับขบวนเหมือนกองทัพเหล็กที่เดินไปข้างหน้า


ร่างกายพวกมันสมบูรณ์เหมือนนักล่า เวลาที่พวกมันขยับพวกมันดูเหมือนหนึ่งเดียวกัน


เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงทุกประเภทได้ถูกยัดเข้าไปในหัวพวกมันแล้ว พวกมันแต่ละตัวถือได้ว่าเป็นเครื่องจักรสังหารในสนามรบ


เมื่อเผชิญกับความพ่ายแพ้หลายครั้งบริษัทยาไจแอนท์ก็ตัดสินใจใช้ไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุด


สายตาของเฟิงหลินแข็งค้าง เขาเห็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นบนอุปกรณ์ต่อสู้เหล่านี้


“卍”!


นี่คือสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของสวัสดิกะ มันถูกสร้างขึ้นจากตัวอักษรรูปสายฟ้ากลับหัว ‘S’ สองตัว


“พวกนาซี … ?” 

 

 


ตอนที่ 109

 

การปรากฏของกองทัพโคลนในสนามรบไม่ใช่แค่ดาวอังคารที่ตกใจ แต่ทั้งระบบสุริยะล้วนตกใจ


ตามอนุสัญญาระหว่างดวงดาว การสร้างโคลนเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาด


ใครก็ตามที่ไม่สนใจสิ่งนี้จะเป็นศัตรูของมนุษยชาติ


อย่างไรก็ตามด้วยความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของพวกเขา บริษัทยาไจแอนท์ไม่สนใจอีกต่อไป พวกเขาส่งกองทัพโคลนเข้าต่อสู้ในสนามรบ


พลังของทหารโคลนสูงถึง 3.0 และเทคนิคการต่อสู้ล่าสุด – แต่ละคนมีเทคนิคสังหาร – ฝังอยู่ในสมองของพวกมัน สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อพวกมันเข้าร่วมในการต่อสู้


โมเมนตัมของกองทัพปฏิวัติดาวอังคารทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่


บริษัทยาไจแอนท์อาจหลุดจากการถูกถูกทำลายชั่วคราว แต่ชื่อเสียงของพวกเขาต้องมัวหมอง!


แม้ว่ารัฐบาลพันธมิตรระบบสุริยะเป็นเพียงหุ่นเชิดและกฎหมายใช้บังคับไม่ได้ แต่พวกเขายังต้องการรักษาความเคารพไว้


บริษัทยาไจแอนท์ทำผิดกฎหมายต่อสาธารณะ ใช้กองทัพโคลนมากมาย มันเป็นเรื่องที่จะทำลายกฎหมายของระบบสุริยะ และทำลายกฎหมายมนุษย์ระหว่างดวงดาว


จักรวรรดิดวงดาวทุกดวงเริ่มกล่าวโทษพวกเขา


ดังนั้นถ้ารัฐบาลระบบสุริยะหนุนหลังบริษัทยาไจแอนท์อยู่ ตอนนี้ก็ไม่สามารถปกป้องได้อีกแล้ว พวกเขาประกาศว่าบริษัทยาไจแอนท์ฝ่าฝืนอนุสัญญาระหว่างดวงดาว แต่ทุกคนที่ฉลาดสามารถบอกได้ว่าคำพูดรุนแรงกว่าการกระทำ


ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลระบบสุริยะมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร พวกเขาประกาศว่ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารเป็นกบฏและต้องรวบรวมกองทัพเพื่อปราบปรามอย่างเร่งด่วน!


เฟิงหลินคิดไม่ออกว่าทำไมบริษัทยาไจแอนท์ถึงบุ่มบ่าม?​ เห็นได้ชัดว่าโคลนนิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเผยให้เห็นต่อสาธารณชน แต่พวกเขาก็กล้าปล่อยออกมาอย่างบุ่มบ่าม


ถ้าพวกเขาพ่ายแพ้ต่อกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร บริษัทยาไจแอนท์จะไม่มีที่ในโลกระหว่างดวงดาว กลายเป็นหนูที่มองไม่เห็นแสงสว่าง


บางทีพวกเขาอาจมีกำลังสนับสนุนอีก


ในความคิดของเฟิงหลินเขานึกถึงสัญลักษณ์ “สวัสติกะ” แบบกลับด้าน


มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสัญลักษณ์ในยุคดวงดาว แต่มันไม่แปลกต่อเขา


นี่เพราะทุกคนที่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปในยุคโลกโบราณเพียงนิดเดียวต่างก็รู้ถึงความน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังสัญลักษณ์นั้น


ประเทศที่ใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวมีอำนาจที่จะนำความเสียหายมาสู่โลกในเวลานั้น


เฟิงหลินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะยังคงเห็นสัญลักษณ์นี้หลังจากเดินทางมาข้ามอนาคตเป็นหมื่น ๆ ปี!


 


นี่บังเอิญหรือมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้?


เฟิงหลินมีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะตัดสินในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็เริ่มระมัดระวังอย่างมากต่อแรงจูงใจของบริษัทยาไจแอนท์


แม้ว่ากองทัพโคลนจะอยู่ยงคงกระพันในสนามรบ แต่เฟิงหลินก็สามารถมองเห็นความว่างเปล่าในตัวพวกมันได้หากผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวที่แข็งแกร่งมาถึง พวกเขาอาจจะสามารถกำจัดพวกมันทั้งหมดได้


อย่างที่บอก เฟิงหลินไม่หุนหันพลันแล่น การปรากฏตัวที่น่าเกรงขามของเงาลึกลับในบันทึกการวิจัยเป็นสิ่งที่เขาลืมไม่ลง


การเร่งรีบก่อนที่จะรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นคืออะไรจะทำให้เขาตกลึงลงไปในก้นบึ้งของเหว


การต่อสู้บนดาวอังคารกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น บริษัทยาไจแอนท์และกองทัพปฏิวัติดาวอังคารผลัดกันระเบิดอย่างโหดร้าย และเฟิงหลินชอบที่จะเป็นผู้ชมอยู่หลังความวุ่นวายนี้ ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นโอกาสที่เขาจะได้ประโยชน์จากวิกฤติก็ยิ่งมากขึ้น


อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่คิด


ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ!


ชิปตัวตนของเขายังไม่หยุดดัง เฟิงหลินตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ศักยภาพทางพันธุกรรมที่เพิ่มขึ้นหยุดลงทันที


เฟิงหลินลืมตาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญ ใครที่ไร้มารยาทขนาดนี้?


การถูกทำลายสมาธิในขณะบ่มเพาะย่อมทำให้พวกเขาระคายเคืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


สิ่งที่แปลกเกี่ยวกับเขาก็คือเขาได้ตัดการติดต่อทุกรูปแบบนับตั้งแต่เขามาถึงดาวอังคารเพื่อกำจัดความคิดหลงผิดอื่นๆ เขามุ่งแต่เพียงการฝึกฝนอย่างเดียวและไม่สนใจสิ่งรบกวนอื่นๆ


ใครกันที่ติดต่อเขาในตอนนี้


ในวินาทีต่อมา เขาก็ได้เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาวปรากฏตัวต่อหน้าเขา นั่นคือลุค


การแสดงออกของเฟิงหลินเปลี่ยนไป ไม่ช้าสัญชาตญาณของเขากระตุ้นให้เขาปิดภาพฉาย


ลุคคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้“ อย่าขยับ!” เขาพูดอย่างชัดเจนว่า“ หากคุณไม่อยากให้บริษัทยาไจแอนท์รู้ความลับของคุณ”


 


มือของเฟิงลินค้างกลางอากาศ เขาเหล่ตาไปที่ผู้บุกรุกและ เปล่งกลิ่นอายอันตรายออกมา “คุณขู่ผม?”


“มันไม่ใช่การขู่ ผมแค่อยากทำงานร่วมกันมากกว่านี้” ลุคไม่กลัวท่าทางของเฟิงหลินเขากลับหัวเราะแทน


“ทำงานร่วมกัน คุณคิดอะไรอยู่” เฟิงหลินถามช้าๆไม่เชื่อว่าลุคมาด้วยเจตนาดี


 


เฟิงหลินจะไม่เชื่อว่าคนพาลนี้เป็นคนไร้เดียงสา – เป็นเรื่องตลก! เราควรระวังของขวัญที่น่าสงสัยของชาวบ้านเพราะแน่ใจว่าต้องมีเจตนาร้าย


 


“บางสิ่งที่ต้องการเพียงความพยายามเล็กน้อยสำหรับใครบางคนเช่นคุณ! กองทัพโคลนเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา มันยากสำหรับเราที่จะชนะในระยะเวลาอันสั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้เราจะต้องเริ่มดำเนินการตามแผนเท่านั้นหากเรากำจัดผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังบริษัทไจแอนท์ได้ เราก็จะชนะเราจึงต้องการให้คุณบอกเราถึงกองกำลังติดอาวุธและการป้องกันภายใจของบริษัทยาไจแอนท์! “ลุคร้องขอ


“คุณต้องการให้ผมเปิดเผยความลับของบริษัทยาไจแอนท์?” เฟิงหลินหรี่ตามอง


“เฟิงหลิน เลิกแกล้งโง่ได้แล้ว!” ลุคส่ายหัว “คุณไม่ใช่คนที่ปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพโคลนเหล่านั้นหรือไง? แม้ว่าคุณจะตั้งใจปกปิดว่าใครเป็นคนส่งข้อมูล แต่ผมเดาได้เลยว่าเป็นคุณ! ใครกันที่มีสิทธิ์เข้าถึงแผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์และสามารถได้รับข้อมูลที่เป็นความลับดังกล่าวได้ถ้าไม่ใช่คุณ? “


 


เฟิงหลินจะไม่ยอมรับสิ่งที่ลุคพยายามให้เขายอมรับ “ไร้สาระ! ถ้าผมบอกความลับของบริษัทยาไจแอนท์แล้วผมจะได้อะไร?”


“อย่างน้อยที่สุดบริษัทยาไจแอนท์จะไม่พบว่าคุณเป็นคนปล่อยข้อมูลลับสินะ?” ลุคตอบด้วยความหมายลึกซึ้งเบื้องหลังคำพูดของเขา “ตอนนี้นอกจากคุณ ผม สวรรค์ และโลกเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นคุณ ผมไม่ได้บอกใครเลย”


“อย่างไรก็ตาม ถ้าผมเผลอปล่อยมันออกไปมันคงไม่ดีแน่ๆ ต้องมีสายจากบริษัทยาไจแอนท์ในกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร ถ้ามันรู้ไปถึงหูพวกเขา ผมไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้คุณตกอยู่ในอัตรายหรือเปล่า ผมกลัวว่าคุณอาจไม่สามารถอยู่ในบริษัทยาไจแอนท์ได้อีกหรือคุณอาจจะต้องตาย แม้ว่าคุณจะโชคดีหนีไปได้แต่ก็ต้องโดนไล่ล่าไม่มีวันจบ! ผมเสียไปเยอะมากกับการเก็บความลับนี้ เฟิงหลินทำไมคุณถึงไม่เข้าร่วมกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร? บริษัทยาไจแอนท์เป็นศัตรูของเราและของคุณเช่นกัน เราสามารถอยู่ข้างเดียวกันได้! “


 


เขาดูเหมือนจะมาอย่างสันติ แต่ทุกคำที่เขาพูดรับรู้ได้ว่าเป็นการข่มขู่


หากเขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของลุค ลุคก็อาจปล่อยให้บริษัทยาไจแอนท์รู้ว่าเขาเป็นคนที่เปิดเผยข้อมูล ผลที่ตามมาไม่สามารถจินตนาการได้


เฟิงหลินคิดไม่ออก เขาระมัดระวังอย่างมากและกำจัดร่องรอยทุกอย่าง พวกเขารู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดทำให้เขาจนมุม


เฟิงหลินเริ่มไตร่ตรอง


ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถประมาทใครได้เลยแม้แต่คนเดียว!


กองทัพปฏิวัติดาวอังคารมีอำนาจมาก สังคมใต้ดินเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความสามารถ พวกเขาจะต้องมีแฮ็กเกอร์ระหว่างดวงดาว


พวกเขาเข้ามาหาเขาหาทันทีตอนที่เฟิงหลินกำลังไขว้เขว้


เขาจะต้องระวังให้มากกว่านี้ในครั้งต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน


เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร?


เขาต้องล้อเล่นแน่ๆ!


เฟิงหลินไม่มีทางเห็นด้วยกับมัน


ถ้าเขาเลือกระหว่างหมาป่ากับเสือ แล้วมันจะแตกต่างอะไรกัน?


 


 


ในการเป็นเพื่อนกับเสือ คุณจะต้องระมัดระวังว่าจะถูกมันกินถ้าเข้าใกล้มากเกินไป


 


เฟืองในใจของเฟิงหลินเริ่มเมื่อมีความคิดผุดขึ้นในหัวของเขา เขาเริ่มเจรจา “คุณคิดว่าบริษัทยาไจแอนท์จะปล่อยผมไปไหม ถ้าผมบอกความลับกับคุณ? อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว! ถ้าผมบอกความลับให้คุณ คุณต้องปล่อยให้ผมออกจากดาวอังคารแล้วกลับไปที่โลก! “


 


ลุคลังเลเมื่อได้ยินคำขอของเฟิงหลิน แต่ก็พยักหน้า “ก็ได้! งั้นตอนนี้คุณก็บอกผมมาได้แล้ว!”


“ไม่!” เฟิงหลินส่ายหัว “ผมไม่เชื่อพวกคุณ! ถ้าผมบอกความลับกับคุณและคุณไม่ทำตามสัญญา ผมจะมีชีวิตได้ยังไงถ้าบริษัทยาไจแอนท์คิดบัญชีผม ผมต้องพบกับคุณด้วยตัวเองและคุณจะต้องจัดการให้ผมออกจากดาวอังคารทันทีที่ผมบอกความลับ!


 


“ นี่…” ลุคลังเล พยามอ่านความตั้งใจที่แท้จริงของเฟิงหลิน


 


เฟิงหลินดูออกว่าเขาไม่ซื่อสัตย์


บางทีอาจเป็นเพราะเขามีองค์กรที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน ลุคจึงดูมั่นใจ ไม่มีร่องรอยความกลัวจากครั้งก่อนที่เขาพ่ายแพ้เฟิงหลิน เขาพยักหน้ายินยอม “ผมจะไปพบคุณคืนนี้เวลา3ทุ่ม เราจะพบกันที่ลานขยะถนนนรกของเมืองชิไท!”


เขาระบุสถานที่


“ ผมแน่ใจว่าคุณรู้ดีว่าควรทำยังไง?อย่าตุกติก ไม่อย่างงั้นคุณจะไม่มีทางรับผลที่ตามมาได้!” สิ้นคำเตือน การฉายภาพของลุคก็หายไป


เขาปิดเครื่องฉายและลบร่องรอยบันทึกทั้งหมด


เขาไม่ลังเลและตัดสินใจไปพบตามนัด


มันดูอันตรายมากในการไปพบกับสมาชิกของกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร และเผชิญกับอันตรายเพียงลำพัง


แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องกำจัดความกังวลนี้ และหากำไรกับทุกสิ่งที่เขาลงทุนไปอย่างหนัก


หลังจากพักผ่อนทั้งวันเฟิงหลินก็ออกเดินทาตอน 20.00 น.


เขารู้สึกว่ามีบางอย่างตามหลังเขาเมื่อก้าวออกจากบริษัยาไจแอนท์!


คือหนึ่งในผู้คนจากบริษัยาไจแอนท์!


เฟิงหลินเสียวกระดูกสันหลังตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่แผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์และรู้ความลับมากเกินไป แม้ว่าบริษัทยาไจแอนท์จะไม่ได้จำกัดอิสระของเขา แต่เขาก็รู้ว่ากำลังถูกจับตามองอยู่


เขาทำตัวเฉยเมยขณะเดินไปชานเมืองชิไท


ยังมีคนตามหลังเขาอยู่ไกลๆ


เมื่อเขามุ่งหน้าไปในตรอกมืด ชายสองคนในชุดดำก็ตามมา


 


“เขาไปไหน?” ทั้งสองหันมามองกัน


 


“การสะกดจิต!” เสียงดังขึ้นเบาๆจากด้านข้าง ชายสองคนหันไปมองเห็นรอยประทับฝ่ามือลอยอยู่ในอากาศ มันดูอ่อนโยนแต่ก็ขยายอย่างรวดเร็วในสายตาของพวกเขา ครอบคลุมทั้งวิสัยทัศน์และประทับบนหน้าผากของพวกเขา


 


ดูเหมือนว่าวิญญาณของพวกเขาจะถูกกลืนไปกับความมืด ขณะที่การมองเห็นของพวกเขาลดลง ทำให้พวกเขาหมดสติ


เฟิงหลินสะกดจิตทั้งสองคน เมื่อพวกเขากลับไปที่บริษัทยาไจแอนท์ พวกเขาจะจำอะไรไม่ได้


เมื่อดูชายชุดดำสองคนเดินกลับไป เฟิงหลินก็ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในเมืองชิไท ไปยังจุดนัดพบ


เขาเดินอย่างรวดเร็ว มีเสียงคนกรีดร้องตลอดทาง


เฟิงหลินไม่หยุดและก่อนที่เขาจะเข้าสู่ถนนที่มืดและวุ่นวาย


ตรงหัวมุมถนนนำไปสู่ลานขยะรถบินขนาดใหญ่ ไม่มีคนอยู่แถวนี้มากนัก มีแต่อุปกรณ์สนิมเคอะมากมายเป็นภูเขา


เฟิงหลินรู้สึกเหมือนว่าเขาเพิ่งเดินเข้าไปในป่ารกร้าง รอบตัวเขามืดมิดไม่มีแสงทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าขนลุก


ทันใดนั้นเขาก็หยุด เขาไม่แน่ใจเมื่อเงาสี่เงาปรากฏขึ้นล้อมเขา ตัดเส้นทางหลบหนีทุกทาง 

 

 


ตอนที่ 110

 

เฟิงหลินถูกล้อม


รถที่ถูกทิ้งและอุปกรณ์เสริมโลหะซ้อนกันรอบลานขยะรถบินขนาดใหญ่ ทำให้เส้นทางยุ่งเหยิงและซับซ้อนเหมือนเขาวงกต


เงาทั้งสี่ยืนอยู่แต่ละทิศ ล้อมรอบเขาไว้ไม่มีโอกาสหลบหนีได้


ในความมืด  มีสายตาจ้องมองเฟิงหลินอย่างฟาดฟันราวกับจะทะลุผ่านร่างของเขา


บรรยากาศมืดและน่ากลัว


นี่เป็นดินแดนรกร้าง ยากที่จะมีผู้คนมาวุ่นวายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


จากที่เห็นดูเหมือนว่าลุคจะไม่ได้มีเจตนาดีในการนัดครั้งนี้


ช่างบังเอิญ!


นี่คือสิ่งที่ฉันคิดไว้เช่นกัน!


มันเหมาะกับฉันมากที่นัดพบในสถานที่ที่โดดเดี่ยวเช่นนี้!


ในกรณีนี้ มันจะไม่เป็นที่น่าสนใจมากเกินไปไม่ว่าฉันจะทำอะไรหรือก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น


ฮี่ๆๆๆ…


เงาทั้งสี่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาคือทั้งสี่ดูแตกต่างกัน


“หัวหน้า นี่คือเฟิงที่คุณพูดถึงหรอ? ก็แค่เด็กเหลือขอ!” ร่างสูงสามเมตรก้าวออกมาจากเงามืด เขาเป็นชายร่างใหญ่ที่สวมชุดเกราะ จ้องมองเฟิงหลินเหมือนเหยี่ยว และยิ้มอย่างเหนือชั้น “ถึงอย่างนั้น เจ้าหนูนี่ก็มีความกล้าพอ กล้าที่จะมาพบกับหน่วยเลือดเหล็ก ไม่รู้ว่าโง่หรือ…อวดดีกันแน่?”


“อย่าประมาท เสือโอหัง! ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านาย!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังชายร่างใหญ่ ลุคก้าวออกมาในชุดปกติ – เสื้อคลุมโบราณของดาวอังคาร


“เขาเนี่ยนะ?!” ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความไม่เชื่อ ตาของเขาเบิกกว้างมองเหมือนเสือที่มองเห็นเหยื่อ


เฟิงหลินยังคงนิ่งเฉย เขาไม่สนใจคนเหล่านี้ขณะมองไปยังอีกสองเงาที่เหลือ


คนหนึ่งคือชายที่มีปืนสไนเปอร์โดดเด่นอยู่บนหลัง ดวงตาของเขาเรียวยาวราวกับเหยี่ยว และอีกคนคือผู้หญิงที่เย้ายวนทรงเสน่ห์ มีร่างกายที่น่าดึงดูด เธอสวมกางเกงขาสั้นกระชับพอดีตัว เอวเรียวนั้นช่างดึงดูดใจ เธอมีรอยสักเป็นเอกลักษณ์ของคนจากดาวอังคาร


แม้ทั้งสี่จะดูแตกต่างกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่แตกต่าง พวกเขาทั้งหมดมีกลิ่นอายดุร้ายและเป็นภัย นี่เกิดจากสถานะพลังที่สูง


บุคคลทั่วไปจะมีใครกล้าเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งสี่คน


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนพวกนี้เป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวที่มีพลังมากกว่า 10


หัวใจของเฟิงหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จำได้ว่าลุคเป็นหัวหน้าทีมของหนึ่งในหน่วยรบของกองทัพปฏิวัติดวงดาว เขาทำการเชื่อมต่อกับสิ่งที่ชายร่างใหญ่พูดขึ้นก่อนหน้า…หรือว่าคนเหล่านี้จะเป็นเพื่อนร่วมทีมเขา?


ถ้าอย่างนั้นทำไมสเนคบอยถึงไม่มาล่ะ?


เป็นเพราะพวกเขากลัวว่าลูกศิษย์จะเป็นตัวถ่วง?นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีแต่ผู้บ่มเพาะพันธุกรรมสี่คนนี้เท่านั้น



มุมปากของเฟิงหลินขดเป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม


ตามที่คาดไว้ พวกเขามาพร้อมกับเจตนาไม่ดี!


“เฟิงหลินคุณรักษาสัญญาจริงๆ! เอาละ จงบอกความลับของบริษัทยาไจแอนท์มา!จากนั้น เรา กองทัพปฏิวัติจะรับคุณเข้าร่วมเป็นสมาชิก!” ลุคยิ้ม


“พาผมเข้าเป็นสมาชิก?” เฟิงหลินหรี่ตา แผ่กลิ่นอายอันตราย เขาถามคำถามกลับ “หืม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราพูดกันก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าคุณจะพาผมออกจากดาวอังคารทันทีที่ผมบอกความลับกับคุณหรอกหรือ?”


“ไม่ ไม่ ไม่!” ลุคพูดต่ออย่างมั่นใจ “เฟิงหลินผมพูดว่าผมจะจัดการให้คุณออกเดินทาง แต่ผมไม่ได้พูดว่าเมื่อไหร่ ในความเป็นจริง เราต้องการความสามารถของคุณและต้องการให้คุณเป็นสายในบริษัทยาไจแอนท์เพื่อรวบรวมข้อมูลภายใน ตราบใดที่คุณช่วยเราทำลายบริษัทยาไจแอนท์ เราจะส่งคุณกลับสู่โลกทันที!”


เขาเสนอการร้องขอที่อุกอาจต่อเฟิงหลิน โดยขอให้อีกฝ่ายเสี่ยงชีวิตยอมเป็นไส้ศึกในบริษัทยาไจแอนท์


ทุกคนหันมาเยาะเย้ย พวกเขาดูมั่นใจมาก แสดงว่าพวกเขามีข้อมูลที่จะเอามาใช้บังคับเฟิงหลินได้


“ คุณจะกลับคำพูด!” ดวงตาของเฟิงหลินหรี่แคบลง


ลุคไม่พอใจ “ไม่! เฟิงหลิน คุณต้องโทษที่ความสามารถของคุณ อย่างที่เขาบอกกันว่าคนที่มีความสามารถที่สุดมักทำงานได้ดีที่สุด”


เฟิงหลินพูด “คุณทำเหมือนผมเป็นคนโง่? ถ้าคุณเปิดเผยว่าผมคือคนที่ปล่อยข้อมูล ผมจะไม่รนหาที่ตายด้วยการกลับไปที่บริษัทยาไจแอนท์แน่นอน”


ลุคหัวเราะ เมื่อรู้สึกว่าเฟิงหลินเริ่มเข้าใจ “ไม่ต้องกังวล! เนื่องจากเราต้องการข้อมูลวงในจากคุณ พวกเราจะเก็บความลับนี้ไว้อย่างแน่นอน นอกจากพวกเราทั้งสี่คนก็ไม่มีใครรู้ความลับนี้แล้ว!สเนคบอยประมาทไป ดังนั้นผมจึงไม่บอกเขา!”


เฟิงหลินหัวเราะในใจและพึมพำกับตัวเองว่า “งั้นก็ค่อยโล่งใจขึ้นหน่อย”


“เยี่ยม!” ลุคพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม


โดยไม่พูดอะไรเลย เฟิงหลินพุ่งเข้าหาเขา ดวงตาของเขาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ท่าทางทั้งหมดของเขาเหมือนมีดที่ค่อยๆเผยให้เห็นความคมชัดอย่างช้าๆ


“แกจะทำอะไร?”ลุคพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ”ระวัง!”


เฟิงหลินลงมือในชั่วพริบตาก่อนเสียงเตือนเขาจะดัง ด้วยพลังชีวิต45.8 พลังเขาจึงเหมือนศรที่พุ่งจากคันศร ตัดผ่านเหมือนสายฟ้าฟาด


ลุคคร่ำครวญด้วยความโกรธ“ เฟิงหลิน แกไม่กลัวว่าเราจะล้างแค้นและเผยความลับของแกงั้นหรอ?”


เฟิงหลินหัวเราะลาน “ฉันไม่มีทางยอมให้คนคุกคามฉันไปตลอดชีวิต!”


เขายกแขนทั้งสอง รวบรวมพลังและเหวี่ยงมันลงอย่างฉับพลัน แขนของเขาหมุนวนในอากาศเหมือนแส้พระเจ้า


มันบดขยี้ทุกอย่างตรงหน้าจนแหลกเป็นผุยผง


เฟิงหลินไม่เคยเชื่อใจใครเลย ถึงอย่างงั้นก็มีคนสองประเภทที่เขาไว้ใจ : ตัวเขาเองและอีกอย่างคือ …


คนตาย!


เปิดเผยความลับของเขา?แก้แค้น?


ไม่มีใครสามารถทำอย่างนั้นได้ ถ้าพวกเขาจะต้องตาย!


เขาจะไม่เลือกเส้นทางที่คนอื่นเลือกให้เขา เขาจะใช้วิธีของเขาผ่านทุกปัญหา!


บูม!


รอยแตกจากการฟาดทำให้อากาศดูราวกับติดไฟ พร้อมกับทำให้เกิดสูญญากาศไร้เสียงขึ้น


ชายร่างสูงสามเมตรฉายา’เสือโอหัง’กระโจนเข้าใส่เฟิงหลิน


ใช้มือทั้งสองเป็นอุ้งเล็บ ตะปบไปที่ลำคอของเฟิงหลิน หากมันโดน คอของเฟิงหลินจะถูกฉีก


พายุเริ่มก่อตัวขึ้นด้านหลังชายร่างใหญ่ ก่อตัวเป็นรูปเสือ เอียงศีรษะพร้อมกับปล่อยเสียงคำราม มันดังก้องกังวานอยู่ในอากาศ


พยัคฆ์คำรน!


แส้ปะทะกับค้อน พายุพลันหายไปและเสือก็ถูกทำลาย กระดูกเขาถูกบดขยี้จนแหลกเละ


รอยยิ้มของชายร่างใหญ่หายไป ดวงตาถลนออกมาจากเบ้าตา


ร่างใหญ่ของเขาทรุดลงในวินาทีต่อมา พร้อมกับมีเลือดไหลออกจากมุมปาก


เพียงเพราะมีขนาดใหญ่ไม่ได้หมายความว่าพละกำลังจะเหนือกว่า!


เฟิงหลินมีสถานะพลังอยู่ที่ 45.8 ยีนลิงหินทำให้เขามีกระดูกที่แข็งแกร่งและมีพลังมหาศาล เขาไม่ได้อยู่ในขอบเขตของมนุษย์อีกแล้ว


ชายร่างใหญ่อาจดูดุร้าย แต่สถานะพลังของเขาอยู่ที่ประมาณ 20 แค่แส้ก็จัดการเขาได้แล้ว!


เฟิงหลินจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา รอยประทับฝ่ามือของเขาไล่ตามโจมตีที่หน้าผากศัตรู อีกครั้งพลังที่ท่วมท้นทำให้เลือดไหลผ่านรูรับแสงทั้งเจ็ด


รอยประทับของเฟิงหลินพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง สร้างเป็นรอยประทับอีกอันและแสดงการเปลี่ยนแปลงในหยินหยางไม่รู้จบ


ชายร่างใหญ่จ้องมองด้วยความงุนงง ดวงตาของเขาเริ่มไม่อยู่กับที่ สติของเขาพลันเรือนราง


ยีนจิตของเฟิงหลินแข็งแกร่ง เขามีพลังจิตที่แข็งแกร่งมาก ดุจดั่งคลื่นเมื่อพุ่งผ่านช่องว่างระหว่างคิ้วของชายร่างใหญ่


“แกควรสำนึกเสียใจที่กล้ามาสู้กับฉันซึ่งๆหน้า!”สีหน้าโหดเหี้ยมของเฟิงหลินกลายเป็นความทรงจำสุดท้ายของชายร่างใหญ่ สายตาเขาซ้อนทับในวินาทีถัดมาและหมดสติไป เขาพลันยืนขึ้นด้านหลังเฟิงหลิน ขยับตามคำสั่งเขา


“ฆ่าพวกมัน!” เสียงเฟิงหลินสั่ง ชายร่างใหญ่พุ่งเข้าหาชายหนุ่มและหญิงสาวในทันที


“เสือโอหัง แกบ้าไปแล้วหรือไง!”


“หยุด!”



นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับผู้บ่มเพาะดวงดาวหนุ่มเหล่านี้


ชายร่างใหญ่งอตัว กล้ามเนื้อของร่างกายใหญ่ขึ้น เส้นผมจากทุกส่วนของร่างกายของเขาตั้งเหมือนเข็ม เขากลายเป็นเหมือนมนุษย์เสือดุร้ายเปล่งรัศมีรุนแรงและอันตราย


กรงเล็บของเขาฉีกทะลุพายุ ทำให้สายลมหมุนวนเหมือนใบมีดที่มองไม่เห็น


รถที่ถูกทิ้งร้างถูกแบ่งออกจากกันด้วยใบมีดลม


สิ่งนี้ทำให้ชายและหญิงสาวมาก ในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาว ยีนของเสือโอหังคือยีนแรกเริ่มเกรดกลาง ยีนเสือลม!


มังกรมาจากก้อนเมฆ และเสือมาจากสายลม!


เสือโอหังคนนี้ไม่เพียงแต่น่ากลัวในการต่อสู้ระยะประชิด แต่เทคนิคของเขายังมาพร้อมกับความแข็งแกร่งเหมือนพายุเฮอริเคน พลังของเขาก็บ้าดีเดือด ทำให้เขาแข็งแกร่งที่สุดในหน่วยพวกเขา


พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้


ท้ายที่สุดแล้วยีนที่พวกเขาปลุกขึ้นนั้นไม่ใช่ชนิดทำให้ร่างกายแข็งแรง ถ้าพวกเขาถูกลมพัดหรือถูกดูดเข้าสู่พายุเฮอริเคนของเสือโอหัง พวกเขาจะบาดเจ็บสาหัส


พวกเขาหลบเลี่ยงการโจมตีแต่อย่างไรก็ถูกเสือโอหังดึงเอากลับมา พวกเขาเสียเปรียบมาก


“เทคนิคสะกดจิต?” ลุคตกใจมาก เขารู้ว่าเฟิงหลินปลุกยีนจิต แต่ไม่คิดว่าจะมีพลังจิตสูงส่งขนาดนี้


เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมทีมทั้งสามของเขาต่อสู้กันเอง เขาก็กังวลอย่างมากและสีหน้าของเขาก็ดูไม่ดีนัก


“แกควรกังวลตัวแกเอง!” เฟิงหลินหัวเราะเบาๆ มือของเขากำแน่นกลายเป็นค้อนพลิกฟ้าเหมือนภูเขาที่ถูกกดลงอย่างไร้ความปราณี


ฉันคือคนที่สอนรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนให้กับแก!


แกอยากใช้มันกับฉัน?!


ลุคพูดดูถูกเหยียดหยาม ใช้ค้อนพลิกฟ้าตอบโต้กลับ


แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ถูกเหวี่ยงออกไปเหมือนกระสอบทรายชนเข้ากับกองขยะ


เขาพยายามยันตัวลุกขึ้นจากกองซากโลหะสนิม เขาดูย่ำแย่มาก สองมือเขาต้องรับพลังมหาศาลและยังสั่นอยู่


“…. ” ลุคตกใจจนพูดไม่ออก


พวกเขาทั้งคู่ใช้รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนและเขาก็เป็นคนสอนเฟิงหลิน!


นั่นเป็นเทคนิคแบบเดียวกัน แต่เขาแพ้!


เป็นไปได้ไหมว่าในระยะเวลาอันสั้นเฟินหลินกลับเก่งเกินกว่าความสามารถของอาจารย์อย่างเขาแล้ว!


ตอนที่ 111 เหนือกว่าอาจารย์

รอยประทับฝ่ ามือคุนหลุนปะทะรอยประทับฝ่ ามือคุนหลุน!

ค้อนพลิกฟ้าปะทะค้อนพลิกฟ้า!

ศิลปะและเทคนิคการต่อสู้แบบเดียวกัน …

เบื้องหลังความประหลาดใจของลุคทําให้เกิดความสับสน เขาเป็น

คนที่สอนศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ให้กับเฟิ งหลินแล้วเฟิ งหลินจะ

แข็งแกร่งกว่าเขาไปได้ยังไง?!

ทําไม?

เขาไม่เข้าใจและไม่สามารถหาคําตอบได้

แต่นั่นไม่เป็นไร ไม่นานเฟิ งหลินก็ให้คําตอบเขาด้วยการโจมตีอย่าง

หนัก

เฟิ งหลินจะไม่ให้โอกาสคู่ต่อสู้โต้กลับ หลังจากถูกโจมตีด้วยความ

งุนงง เขาก็แบนิ้วเรียงกันแหลมเหมือนดาบแทงไปกลางคิ้วของลุค

ดาบสังหารเทพ!

การโจมตีที่ดูเหมือนปกติ แต่มันมากกว่าสิ่งที่เห็นด้วยตา กล้ามเนื้อ

นิ้วมือสั่นสร้างแรงมหาศาลในอากาศตัดผ่านช่องว่าง มันคือแก่น

ของการสังหารเทพที่แท้จริง

จากศิลปะการต่อสู้ทุกรูปแบบในโลก การสังหารด้วยเต๋าดาบน่า

ประทับใจสุด

ในตํานานการบ่มเพาะยุคโบราณ ดาบเทพคือหลักการของเต๋าดาบ มี

การทํางานของชะตากรรมหลายชั้น ทําให้มันเข้าถึงได้ยากกว่าการ

บ่มเพาะสายอื่น

หากดาบเทพเป็นอันดับสองในด้านเทคนิคการสังหาร ใครจะกล้า

บอกตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ?

ดาบสังหารเทพรวบรวมพลังทั้งหมดของร่างกายไว้ในปลายนิ้วเล็ก ๆ

ทําให้นิ้วต้องรับพลังมหาศาลที่จะต้องทนให้ได้ เฟิ งหลินก็ไม่ได้ใช้

มันบ่อยนัก เหมือนคําปฏิญาณที่จะฆ่าศัตรูด้วยคมดาบ

ดวงตาของลุคถลนออกมา เขารู้สึกถึงจิตสังหารเบื้องหลังการโจมตีนี้

แต่เขาไม่สามารถหลบสิ่งนี้ได้!

ในจุดสําคัญระหว่างชีวิตกับความตาย เขากดปุ่ มบนเอวทันที ทันใด

นั้นข้อมือของเขาก็เริ่มเปล่งแสงและสร้างเป็นโล่แข็งตรงหน้าเขา

บูม!

เขาใช้นิ้วเป็นดาบแทงทะลุอย่างไร้เมตตา

ถึงกระนั้นพลังก็อ่อนกําลังลงครึ่งหนึ่ง

ลุคดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาได้ เขารีบถอยหนีอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจ

อุปกรณ์หายาก

“ไม่ดีแล้ว!พลังและความเร็วฉันเทียบไม่ได้กับเด็กนี่! พลังการต่อสู้

ของฉันไม่สามารถทําอะไรได้แล้ว และแม้มีเทคนิคก็เปล่าประโยชน์!

ฉันต้องใช้ – การโจมตีด้วยลมและไฟ!”

เทคนิคไม่อาจเอาไปเทียบกับพลังนั่นได้ มีเพียงพลังต่อสู้ถึงสามารถ

ใช้ได้ในสถานการณ์แบบนี้

เขาตระหนักว่าเขาอยู่ในสภาพเลวร้าย!

เขาอาจคาดไม่ถึง…

ความรู้สึกหดหู่เข้ากลืนกิน

เฟิ งหลินเกรี้ยวกราดมาก ในทํานองเดียวกัน ลุคก็ปฏิเสธที่จะพึ่งพา

โชคชะตาและตัดสินใจปลดปล่อยพลัง เขาเข้าปะทะกับเฟิ งหลินซึ่ง ๆ

หน้า

ยิ่งลากถ่วง เขาก็ยิ่งได้เปรียบ

เมื่อความช่วยเหลือมาถึง เขาก็จะถือโอกาสนั่นรุมสังหารเฟิ งหลิน

ต่อให้เฟิ งหลินมีปี กก็หนีไม่พ้น!

ลุคมีลมและไฟที่มือทั้งสอง

ไฟเป็นหยางลมเป็นหยิน!

ด้วยการรวมกันของไฟและลม ก่อเป็นกงล้อแห่งลมและไฟล้อมรอบ

ทุกสิ่งไว้รอบตัว ทําให้เกิดพายุและคลื่นความร้อน

เฟินหลินรู้ว่าเป็นรอยประทับกระจกหยินหยาง อย่างไรก็ตามลุคได้

ผสมผสานรอยประทับฝ่ ามือคุนหลุนเข้ากับวิชายุทธ์ยีน และได้

พัฒนาให้เป็นเทคนิคใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

วงล้อแห่งลมและไฟหมุนด้วยความเร็วสูงมาก เฟิ งหลินถูกขังอยู่ใน

กงล้อลมและไฟ พายุทอร์นาโดที่ล้อมรอบเขาไม่ยอมปล่อยให้เขาหนี

เฟิ งหลินมองเห็นลุครีบไปที่อีกด้านผ่านช่องว่างของพายุไฟเหล่านี้

เสือโอหังที่ถูกสะกดจิตต่อสู้กับชายหนุ่มและหญิงสาว

ชายตาเหยี่ยวใช้ปื นรังสียิงอย่างบ้าคลั่ง

หญิงสาวมีแส้ในมือ มันร่ายรําขณะฟาดใส่รอบ ๆ เสือโอหัง ทําให้

มันยากสําหรับเขาที่จะเคลื่อนที่ได้อิสระ

ในฐานะเพื่อนร่วมทีม พวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าและหลีกเลี่ยง

จุดสําคัญของเสือโอหัง

อย่างไรก็ตาม หลังถูกเฟิ งหลินสะกดจิต เขาจึงขาดสติ ทุกการโจมตี

ของเสือโอหังเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ด้วยความได้เปรียบของการมียีนเสือลม ร่างกายของเขาจึงเต็มไป

ด้วยกล้ามเนื้อ เขาปล่อยลมพายุ โจมตีอย่างดุเดือดและระงับศัตรูสอง

คนด้วยตัวคนเดียว

ลุคได้ประมือกับเฟิ งหลินมาก่อนและเข้าใจว่าพลังลมและไฟเขาไม่

อาจทําลายการป้องกันของเฟิ งหลินได้ ดังนั้น เขาจึงอยากถ่วงเวลา

เฟิ งหลิน ใช้เวลานี้เพื่อปลุกเสือโอหังให้ตื่นเพื่อที่พวกเขาจะได้รวม

พลังกันจัดการกับเฟิ งหลิน

มันเป็นความคิดที่ดี แต่เฟิ งหลินรู้กลยุทธ์ของเขา เขาจะปล่อยให้เป็น

ยังงั้นทําไม?

เฟิ งลินเหยียดแขนออกจากเกลียวคลื่นซึ่งเต็มไปด้วยพลังแรกเริ่ม

เทคนิคฝ่ ามือยังสําแดงออกมาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งมันทิ้งร่องรอย

ของฝ่ ามือจํานวนนับไม่ถ้วนไว้บนอากาศ ปั่นป่ วนพายุให้เกิดความ

ไม่มั่นคง

“ทําลาย!”

เฟิ งหลินคําราม อากาศที่รวมกันตรงหน้าอกเขาระเบิด ทําให้พายุลม

ร้อนที่ขังเขาอยู่สลายหายไป

เขาหลบหนีได้ เคลื่อนที่ดุจสายฟ้าและตัดผ่านระยะทางอย่างรวดเร็ว

ความเร็วนั้นเร็วเกินกว่าจะเปรียบได้ แม้แต่เฟิ งหลินเองยังไม่มีเวลาที่

จะเปลี่ยนเทคนิคของเขา

การโจมตีไม่มีอะไรงดงาม แต่มันเต็มไปด้วยผลกระทบที่มาจากพลัง

หมัดความเร็วสูง มันเร็วและรุนแรงมาก เหมือนกระสุนปื นใหญ่ที่ยิง

ใส่ร่างมนุษย์

“แย่แล้ว!” การแสดงออกของลุคเปลี่ยนไปอย่างมากก่อนที่จะใช้รอย

ประทับธงแรกเริ่มที่เด่นด้านการป้องกัน

เทคนิคเดียวกันอาจมีพลังที่แตกต่างกันมากถ้าถูกใช้โดยคนอื่น

การชกตามปกติของเฟิ งหลินทําให้พลังฝ่ ามือป้องกันพังทลายลง

และกระแทกใส่หน้าอกของลุคอย่างโหดเหี้ยม

ปัง!

เกราะที่ลุคสวมทับถูกกระแทก เผยให้เห็นรอยแตกคล้ายกับเปลือก

ของเต่าที่ลุกลามไปทั่ว ขณะที่เขากระอักเลือดออกมาพร้อมอวัยวะ

ภายใน

ถึงกระนั้นเขาก็เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มามาก เขาถ่มนํ้าลาย

ออกมาเป็นลูกศรเลือดพุ่งใส่เฟิ งหลิน

เฟิ งหลินหลบและลุคก็รีบถอยร่น น่าเสียดายที่มันเป็นแค่การดิ้นรน

ไร้ความหมาย

คว้าโอกาสตอนคู่ต่อสู้กําลังอ่อนแอ เฟิ งหลินยึดมั่นคตินี้มาตลอด!

เฟิ งหลินจะปล่อยให้คนหนีไปง่าย ๆ ได้ยังไง? เขารีบไล่ตาม

กรงเล็บมังกรวัชระ

มือข้างหนึ่งของเฟิ งหลินเปลี่ยนเป็นกรงเล็บแล้วเอื้อมมือไปบนสุด

ของหัวคู่ต่อสู้

มือของเขาตะปบลง กะโหลกของลุคกําลังจะถูกบดขยี้เป็นฝุ่ นผงโดย

การคว้า

ในช่วงเวลาวิกฤต ร่างเขาพลันหมุนเหมือนลูกข่าง หลบช่วงเวลา

แห่งความเป็นและความตายมาได้ เขาล้มลงกับพื้น ดูไม่มั่นคงขณะ

หนีไปอย่างทุลักทุเล

กรงเล็บที่แข็งแกร่งนั้นแหลมคมมากและเต็มไปด้วยพลังการคว้าจับ

มันฉีกเสื้อเขาเป็นเศษผ้า

ลุคยืนอย่างสั่นคลอน ต้องฝืนทนอาการบาดเจ็บภายในนับไม่ถ้วน

หัวใจเขาจมลงก้นบ่อ

พวกเขาต่างใช้รอยประทับฝ่ ามือคุนหลุน แต่เฟิ งหลินกลับเก่งเกิน

ความสามารถของเขา ลุคไม่ใช่คู่ต่อกรเลย

เสือโอหังนั้นคือคนที่แกร่งสุดในหน่วยพวกเขา แต่ก็ถูกสะกดจิตไป

แล้ว มันจึงทําให้พวกเขาเสียเปรียบ

ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสเลย!

เขาไม่คิดว่าเฟิ งหลินจะพัฒนาขึ้นมามากขนาดนี้หลังไม่เจอกันแค่สัก

พัก วิธีการและกระบวนการเขาดูแปลกไป

แผนเดิมคือใช้พลังของหน่วยเพื่อสะกดข่มเฟิ งหลิน แต่ตอนนี้พวก

เขากลับยังเอาตัวไม่รอด!

“เอ๊ะ?” ในเวลานั้น เฟิ งหลินก็เปล่งเสียงอยากรู้ออกมา

พลังชีวิตเขามีมากกว่าลุคอย่างน้อยสามเท่า แม้จะโจมตีต่อเนื่อง ศัตรู

ก็ยังสามารถหลบได้

มันไม่แปลกใจที่ลุคคือผู้บ่มเพาะดวงดาวที่ผ่านประสบการณ์มาอย่าง

โชกโชน

นี่เป็นเหตุผลหลักว่าทําไมเฟิ งหลินถึงไม่อาจปล่อยให้ใครรอดชีวิต

ไปได้

เหตุผลนั้นง่ายมาก มีเพียงคนตายถึงเก็บความลับได้!

เว้นแต่เขาจะไม่มีทางเลือก เฟิ งหลินไม่อยากทิ้งโอกาสที่จะเข้าไป

สํารวจเศษซากนิกายเตาหลอมอมตะ นี่ทําให้คนเหล่านี้ต้องตาย!

รอยประทับค้อนพลิกฟ้า!

หมัดเขาเหมือนกลองสายฟ้า ที่กระหนํ่าซัดลงมา

เฟิ งหลินรุกคืบอย่างไร้ปราณี

ลุครวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลือและแทบไม่อาจป้องกันตัวเองได้

หมัดเหมือนก้อนหินใหญ่ที่กลิ้งตกลงมา และเขาก็เหมือนวัชพืชที่

แกว่งอยู่ท่ามกลางการถล่มของภูเขา

หากมันเป็นสัปดาห์ก่อน เขาคงยังสามารถพึ่งพารอยประทับฝ่ ามือ

คุนหลุน อย่างน้อยก็รับกระบวนท่าของเฟิ งหลินได้นับร้อย

ตอนนี้ เขาไม่อาจรับได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว

ทุก ๆ หมัด ร่างเขารู้สึกเหมือนถูกภูเขาบดทับ

เขากระอักเลือดไม่หยุด ร่างเขาล้อมไปด้วยพลังของลมและไฟ แต่

ภายใต้หมัดของเฟิ งหลิน พวกมันกลับมอดดับทีละน้อย

เฟิ งหลินปล่อยคลื่นหมัดถาโถมเขา ไม่มีแสงแห่งความหวังใด ๆ

เขารู้สึกเสียใจที่ประมาทไปและนําแค่ทีมเล็ก ๆ มายับยั้งเฟิ งหลิน ดู

เหมือนว่าการที่เขาจะหลบหนีไปได้คงยากมาก!

แต่เขาไม่อาจตายไปแบบนี้ได้ เขาคว้าความหวังสุดท้ายและอ้อนวอน

“เฟิ งหลิน ฉันคือคนที่สอนรอยประทับฝ่ ามือคุนหลุนให้นาย ยังไง

เราก็นับว่ารู้จักกัน นายต้องกําจัดเราทุกคนจริงงั้นหรอ?”

ดวงตาของเฟิ งหลินไม่ไหวติ่งและเย็นชา เขากระโดดไปข้างหน้า

แทนคําตอบ

ด้วยหมัดวัชระสยบอสูร แขนเขากวัดแกว่งเหมือนไม้เท้า ฟาดใส่

กะโหลกของลุคอย่างโหดเหี้ยม

หากลุครู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ เขาคงไม่แม้แต่จะคิดถึง!

ลางสังหรณ์ของลุคถูกต้อง

เฟิ งหลินอยากกําจัดพวกเขาทุกคน!



ตอนที่ 112 ถอนรากถอนโคน

ซวบ!

เสียงแหวกลมดังขึ้น

หมัดพุ่งมาต่อหน้าต่อตาของลุค

แรงกดดันจากหมัดเหมือนของแข็ง ก่อนที่หมัดจะมาถึงลุคก็รู้สึก

หายใจไม่ออกแล้ว

ฉันไม่อาจป้องกันหมัดนี้ได้!

ใบหน้าของลุคเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง!

ความแข็งแกร่งของเฟิ งหลินเติบโตเร็วเกินไป มันเกือบจะแข็งแกร่ง

กว่าเดิมถึงสามเท่า

เขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิ งหลิน และน่าจะพ่ายแพ้ใน

การโจมตีครั้งเดียว

หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเก่งการต่อสู้ในสนามรบ และมี

ประสบการณ์เยอะกว่าเฟิ งหลินเขาคงตายไปตั้งแต่หมัดแรก

นี่อาจเป็นแง่มุมเดียวที่เขาเหนือกว่าเฟิ งหลิน

แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์มากนัก ถ้าเทียบกับความแตกต่าง

ด้านความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว ความได้เปรียบในประสบการณ์

การต่อสู้นับเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์

เช่นเดียวกับอนิเมะสงครามที่มีชื่อเสียงในยุคโลกโบราณ ตัวละคร

หนึ่งกล้าที่จะต่อสู้กับทุกสิ่งไม่ว่าฝ่ ายตรงข้ามจะเป็นใคร หรือขนาด

ตัวใหญ่กว่า แม้ว่าประสบการณ์การต่อสู้จะไม่มาก มันไม่กลัวและสู้

ต่อไปต่อให้จะเจอกับราชาของสรรพสัตว์!

นี่คือความรู้สึกปัจจุบันของลุค

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะ

หลบหมัดนี้ได้

เพื่อประโยชน์ของชีวิตเล็ก ๆ แม้ว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจาก

ผลกระทบที่จะเกิดในอนาคตเขาก็ไม่สนใจอะไรแล้วในตอนนี้

ถ้าเขาเสียชีวิตเขาจะต้องสูญเสียทุกอย่าง!

สีหน้าของลุคเปลี่ยนเป็นดุร้าย เขาหยิบขวดยาสีแดงที่ปล่อยกลิ่นฉุน

ออกมาและกลืนมันลงไป

ดวงตาของเฟิ งหลินหรี่ตํ่า เขารู้จักยานี้ ยานี้เป็นยาพันธุกรรมระดับ

ตํ่าเกรดกลาง ยาเลือดเดือด!

นี่เป็นยาพันธุกรรมที่สามารถทําให้เกิดศักยภาพทันที ทําให้ผู้ใช้

ได้รับความสามารถในการต่อสู้เพิ่มขึ้น 50%

สิ่งที่ต้องแลกก็คือผลกระทบนี้สามารถใช้ได้เพียงหนึ่งชั่วโมง

หลังจากนั้นชี่และเลือดของคนที่ทานจะได้รับความเสียหายรุนแรง

ผู้ใช้จะเข้าสู่สถานะอ่อนแอเป็นเวลาหนึ่งเดือน คนจะใช้ก็ต่อเมื่อถูก

บีบจนตรอก

ดูเหมือนว่าลุคกําลังหาทางเอาตัวรอดอยู่!

ริมฝีปากของเฟิ งหลินแย้มเป็นรอยยิ้มเย็นชา

แม้ว่าลุคจะมีวิธีการมากมาย แต่ก็ไม่มีวิธีที่เขาสามารถลดความ

แตกต่างเรื่องพลังของพวกเขาได้เพียงแค่กลเม็ดเล็กน้อยนี่

ต่อไปเขาจะให้ลุครู้จักกับความสิ้นหวัง!

หลังจากลุคกินยาจนหมด –ใบหน้าของเขาก็แดงกํ่าและมีไอนํ้าร้อน

พุ่งออกมาจากจมูกและปากของเขา เขารู้สึกว่าเลือดของเขาเดือด

เหมือนลาวา พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก

เขารู้สึกถึงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน และไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน บาง

ทีเขาอาจจะ… ชนะ!

เขาไขว้แขนแล้วพุ่งตรงไปข้างหน้า

บูมม!

เสียงระเบิดดังขึ้นคล้ายกับภูเขาสองลูกชนกัน

ลุครู้สึกถึงแรงกด ดวงตาของเขาถลนขึ้น เส้นเลือดดําที่คอของเขา

สั่นเทา

ด้วยการใช้พลังทั้งสองแขน เขาเกือบไม่สามารถป้องกันกําปั้นของ

เฟิ งหลินได้

แคร่ก!

การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปมาก พื้นดินใต้เขาแตกเป็นรูขนาด

ใหญ่และเขาก็ตกลงไป

ด้วยการหยิบยืมพลังของยาเลือดเดือด เขาจึงพอต้านทานหมัดของ

เฟิ งหลินได้ หรือเขาจะชนะได้จริง ๆ ?

ฮี่ ฮี่ ฮี่…

ลุคคิดมากเกินไป!

ฮุ้ ฮุ้ ฮุ้!

เฟิ งหลินพ่นลมหายใจออก หมัดของเขาเหมือนพายุฝนกระหนํ่า

ต่อยคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง พายุถาโถมกดลุคจมลงไป

ทุกครั้งที่ลุคป้องกัน มันจะทําให้ทั่วร่างเขาสั่นอย่างรุนแรง

ดวงตาของเฟิ งหลินเปล่งประกายความเหี้ยมโหด เขาไม่หยุดชะงัก

แม้แต่น้อย

ตั้งแต่ที่คนเหล่านี้ข่มขู่เขา ในใจเขาคนพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่

ตายไปแล้ว

มังกรทุกตัวล้วนมีเกล็ดย้อน ใครที่แตะต้องเกล็ดย้อนของมันจะทํา

ให้มังกรโกรธแค้น

เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากการควบคุมของตระกูล เฟิ งหลินหนีมาที่

ดาวอังคาร ใครจะคิดว่าคนเหล่านี้ก็อยากจะข่มขู่เพื่อควบคุมเขา เขา

ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

ครืนนนน ~

พลังหมัดของเขาเหมือนสายฟ้า

หมัดต่อหมัด หมัดแต่ละหมัดของเขาถูกต่อยออกมาด้วยความ

แข็งแกร่ง ทําให้เกิดโซนิคบูมในอากาศ

ลุคมึนจากการป้องกันการโจมตี ตอนแรกใบหน้าของเขาเป็นสีเลือด

หลังจากนั้นสีใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด และค่อย ๆ

กลายเป็นสีเขียวอมม่วงตามมา

ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หัน

ไปทางชายและหญิงที่ต่อสู้กับเสือโอหังอยู่ เขาตะโกน “รีบหนีเร็ว!”

หลังพูดจบ เขาก็หมดลมและตายไปทันที

เขาถูกเฟิ งหลินทุบตีจนตาย!

เขาใช้พลังของยาเลือดเดือดก็จริง แต่ก่อนที่เขาจะได้ปลดปล่อยพลัง

อย่างเต็มที่ เขาก็ถูกทุบตีจนตาย

ดวงตาของลุคเปิ ดกว้าง เต็มไปด้วยความลังเลและเสียใจ

เฟิ งหลินยืนอยู่ตําแหน่งเดิม การฆ่าคนครั้งแรกทําให้เขารู้สึกแปลก ๆ

อย่างไรก็ตามเขากลับหายใจลึก และกดความรู้สึกนี้ไว้ ปรับสภาพ

จิตใจของเขาใหม่อย่างรวดเร็ว

“หัวหน้า!” ชายและหญิงตะโกน พวกเขาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็น

ในสายตาของพวกเขา เฟิ งหลินน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เหมือนพระเจ้าหรือปี ศาจ เขาเป็นเหมือนเทพแห่งความตายที่กลับ

ชาติมาเกิดใหม่

แม้แต่เสือโอหังที่ถูกสะกดจิตก็ยังตกตะลึง นํ้าตาค่อยไหลลงมาจาก

ดวงตาว่างเปล่าเขา

บูม!

เฟิ งหลินกระทืบเท้าอย่างแรงเพื่อเพิ่มแรงผลัก

ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างตกใจ

เงาร่างของเสือโอหังกระพริบ ทันใดนั้นก็เข้ามาขวางตรงหน้าเฟิ ง

หลิน ตาของเขาตอนนี้แดงกํ่า เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

การตายของลุคทําให้เกิดอาการตกใจอย่างหนัก ทําให้หัวใจของเขา

สั่นไหวจนเขาสามารถปลดปล่อยตัวเองจากการถูกสะกดจิตได้

“ตาย!” สายตาของเฟิ งหลินเย็นชา เขาสร้างรอยประทับด้วยมือสอง

ข้าง แผ่กลิ่นอายที่ปกคลุมฟ้าดิน เปลี่ยนเป็นค้อนพลิกฟ้าและถล่มลง

มา

เสือโอหังสกัดกั้นการโจมตีได้ แต่ก็มีเสียงกระดูกถูกทําลายจนอาจ

เป็นอัมพาตได้ อย่างไรก็ตาม เขากัดฟันแน่น เหมือนเสือที่กําลังดึง

พลังเฮือกสุดท้ายของเขา เขาคว้าแขนของเฟิ งหลินอย่างแน่นหนา ทํา

ให้เฟิ งหลินไม่สามารถสะบัดมือออกจากการคว้าจับได้

“มัวตกใจอะไรกัน?รีบหนีไป บอกองค์กรให้มาแก้แค้นให้พวกเรา!”

ใบหน้าของเสือโอหังมีเส้นเลือดเต็มไปหมด เขาคํารามด้วยความ

โกรธที่ชายหนุ่มและหญิงสาวยืนนิ่งเหมือนคนโง่

“เธอไป ฉันจะไปช่วยเสือโอหัง!” ชายตาเหยี่ยวพูดด้วยเสียงตํ่า เขา

ก้าวไปข้างหน้าวิ่งเข้าหาเฟิ งหลิน

หญิงสาวนํ้าตาคลอ มองเพื่อนสองคนของเธอโอบกอดความตาย

อย่างกล้าหาญ

นํ้าตาของหญิงสาวไหลลงมาตามใบหน้า ขณะที่เธอหยุดเพื่อดูฉากนี้

แวบนึง หลังจากนั้นเธอก็หันหลังหนีไป ไม่ลังเลอีก เธอไม่ต้องการ

ทําให้การเสียสละของเพื่อนเธอสูญเปล่า

“พวกนายสบายใจได้ ฉันจะบอกองค์กรให้ค้นหาและแก้แค้นให้

พวกเราทุกคน”

หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเฟิ งหลิน

“ไม่มีใครหนีไปไหนได้ทั้งนั้น” เฟิ งหลินเย้ยหยันอย่างเย็นชา เปิ ดใช้

งานยีนลิงหิน ทําให้ร่างกายทั้งหมดของเขากลับกลายเป็นเหมือน

โลหะ กระแทกตัวใส่เสือโอหัง

ฝ่ ามือที่ดูอ่อนโยนสับลงมาใส่หน้าผากของเสือโอหัง แฝงไปด้วย

พลังน่าสะพรึงกลัว

หน้าผากของเสือโอหังแยกออกจากกัน ร่างกายสูงสามเมตรเต็มไป

ด้วยมัดกล้ามล้มลงมาเหมือนภูเขา

“เสือโอหัง!” เพื่อนอีกคนตายไปด้วยนํ้ามือของเฟิ งหลิน ตาของชาย

หนุ่มตาเหยี่ยวเป็นสีแดง มีเลเซอร์ยิงออกมาจากปื นรังสีในมือเขา

รังสีของแสงนั้นหนาแน่นเหมือนเม็ดฝน

เฟิ งหลินหลบไม่ทัน แต่เขาต้องหลบจริง ๆ หรอ?

หากเป็นกระสุนเหล็กจากเทคโนโลยีย้อนหลังของโลก เขาอาจยัง

รู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่รังสีจากพลังงานแสงนี้ไม่มีผลกระทบอะไรต่อ

เฟิ งหลิน

ยีนลิงหินไม่กลัวผลกระทบจากคุณสมบัติด้านพลังงาน ฝ่ ามือของ

เฟิ งหลินวางอยู่ตรงหน้าอกของเขาและทําหน้าที่เหมือนเกราะ

ป้องกันเขา

“อะไรกัน?” ชายตาเหยี่ยวร้องด้วยความตกใจ วินาทีต่อมาดาบสอง

นิ้วก็ปรากฏต่อหน้าเขาและทะลุกลางคิ้วเขา

การมองเห็นของเขาค่อย ๆ กลายเป็นสีดํา ความรู้สึกนึกคิดของเขา

ดําดิ่งลงไปในความมืดไม่มีที่สิ้นสุด

นอกจากลุคที่มีไพ่ตาย การโจมตีของเฟิ งหลินก็สามารถฆ่าคนอื่นได้

อย่างง่ายดายด้วยพลังของเขา

เฟิ งหลินหันไปมองหญิงสาวที่หนีไปแล้ว เงาของเขาพุ่งไล่ตามเธอ

เธอรู้สึกขนลุกอย่างฉับพลัร รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่

ใกล้เข้ามาหาเธอ

เธอหันมองโดยสัญชาตญาณเพียงเพื่อจะพบว่าเฟิ งหลินตามมาถึง

ด้านหลังของเธออย่างเงียบ ๆ เหมือนผีที่จ้องมองเธออย่างเย็นชา

เธอร้องอ้อนวอน “อย่า ได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลย … “

ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค คอของเธอก็ถูกบีบ เลือดไหลออกมา

จากลําคอจนเธอไม่สามารถพูดจบประโยคได้

ดวงตาที่สวยงามของเธอตอนนี้เหมือนขี้เถ้าที่ตายแล้ว เต็มไปด้วย

การต่อต้าน

เฟิ งหลินจ้องมองคู่ต่อสู้ของเขา ดอกไม้ที่สวยงามถูกเขาทําลาย แต่

ไม่มีความสุขหรือเสียใจบนใบหน้าของเขา

ในสนามรบจะมีความแตกต่างระหว่างเพศชายและเพศหญิงได้ยังไง?

มีเพียงพันธมิตรหรือศัตรู

แกต้องตาย ฉันถึงจะมีชีวิตอยู่!

เฟิ งหลินไม่หยุด เขาวางศพทั้งสี่ไว้ด้วยกันและจุดไฟเผา หลังจากนั้น

เขาก็ทําลายข้อมูลทั้งหมดในไมโครชิปของพวกเขาก่อนที่จะหายไป

จากตําแหน่งนี้ในพริบตา

สี่คนนี้ถูกกําจัดไปหมดแล้ว เขาไม่จําเป็นต้องกลัวปัญหาจากคน

เหล่านี้อีกในอนาคต

หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เขาจากไปเงาดําคลํ้าคล้ายกับงูก็มาถึงบริเวณ

นั้น เมื่อเขาเห็นศพที่ไหม้เกรียม เงานั่นก็ตัวสั่น ร้องโหยหวนออกมา

“มันเป็นใคร …”

ทหารกลุ่มหนึ่งสวมอุปกรณ์ต่อสู้รีบกรูกันเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็น

ฉากที่น่าสลดใจตรงหน้า ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความ

ตกใจ

“ลุคหัวหน้าหน่วยเลือดเหล็ก หนึ่งในทีมต่อสู้ชั้นนําในกองทัพ

ปฏิวัติดาวอังคาร พวกเขาถูกสังหารตายหมดเหลือแต่สเนคบอยที่

รอดมาได้ ใครเป็นคนทํา?”

“จากร่องรอยการต่อสู้บนพื้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการสังหารอย่าง

สมบูรณ์ ศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่!”

“สถานการณ์ในเมืองชิไทมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น เราต้องรีบเร่ง

และดําเนินการอย่างเด็ดขา จัดการบริษัทยาไจแอนท์ให้สิ้นซาก!”

“นายกําลังจะพูดว่า … “

“ถูกต้องแล้วมันถึงเวลาที่เราจะใช้ปื นใหญ่อนุภาคไพโรไลซิส!”




ตอนที่ 113 จุดจบ

บูม บูม บูม!

รังสีสีขาวระเบิดในอากาศ รังสีเหล่านี้มีอุณหภูมิสูงแผดเผาราวกับว่า

สามารถสลายทุกอย่างในโลกได้

ภายใต้รังสี สิ่งต่าง ๆ มากมายจะถูกสลายจนถึงอะตอม

ปื นใหญ่อนุภาคไพโรไลซิสเป็นอาวุธขนาดใหญ่ที่ถูกห้ามใช้โดย

รัฐบาลต่าง ๆ ของยุคดวงดาว

แต่เนื่องจากบริษัทยาไจแอนส่งกองทัพโคลนออกมา กองทัพปฏิวัติ

ดาวอังคารจึงไม่มีเหตุผลที่จะแสดงความสุภาพและนําไพ่ตายออกมา

โคลนเหล่านั้นสลายตัวเป็นอนุภาคไปพร้อมกับอุปกรณ์ของพวกมัน

กองทัพโคลนเสียหายหนัก

เนื่องจากตําแหน่งนี้อยู่ใกล้กับฐานพวกเขา กองทัพปฏิวัติดาวอังคาร

จึงมีคลื่นกําลังเสริมแทบไม่รู้จบ

บริษัทยาไจแอนแพ้ซํ้าแล้วซํ้าอีก และเมืองชิไทขนาดใหญ่เกือบครึ่ง

ก็ถูกยึดโดยกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร

สถานการณ์การต่อสู้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

แม้กระทั่งเฟิ งหลินผู้รับผิดชอบสงครามภายในนี้ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ

นับตั้งแต่เขากําจัดคนเหล่านั้นเพื่อป้องกันปัญหา เฟิ งหลินก็เก็บตัว

ในบริษัทยามาตลอด

บูม!

ประตูห้องปฏิบัติการใต้ดินถูกเปิ ด

เฟิ งหลินมอง และเห็นแฟรงค์มีสีหน้าหนักอึ้งเดินเข้ามาพร้อมกับ

กลุ่มคน

กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนแต่งกายเสื้อผ้าสีขาวสไตล์จีน และมีทหารโคลน

ยืนเรียงกันเป็นสองแถวอารักขาพวกเขา ในหมู่คนชุดขาว เฟิ งหลิน

ยังเห็นไอค์ ตอนนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง แขนของไอค์ข้างหนึ่งถูกตัด

เขาเหลือแค่แขนซ้ายและมีสีหน้าขาวซีด

กลุ่มคนนี้ดูเหมือนกลุ่มสุนัขขี้แพ้ ไม่เต็มไปด้วยความอวดดีเหมือน

อดีตตอนทําการทดลองมนุษย์

แฟรงค์เดินมาด้านหน้าขณะเปิ ดเผยความจริง “ทุกคน เราแพ้แล้ว

บริษัทยาเราได้เสียฐานปฏิบัติการทั้งหมด เราคือกลุ่มเดียวที่เหลือ!”

“ว่าไงนะ?มันเป็นไปได้ยังไงที่บริษัทยาเราจะแพ้?”

“เราควรทํายังไง?เราต้องหนี หากเราถูกจับโดยกองทัพปฏิวัติ เราทุก

คนต้องตายแน่!”

“แต่เราอยู่ใต้ดินและเหมือนนกที่ถูกขัง ไม่มีทางที่เราจะหนีได้เลย!”

..

เสียงเตือนภัยแผดดังในห้องทดลองใต้ดิน มนุษย์ไข่เหล่านี้หวาดกลัว

มากและตรรกะทั้งหมดก็ลอยออกหัว

บริษัทยาเป็นศัตรูตัวฉกาจกับกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร หากพวกเขา

ตกอยู่ในเงื้อมมือของกองทัพปฏิวัติ ชะตากรรมพวกเขาย่อมเลวร้าย

ก่อนหน้านี้ พวกเขาทําการทดลองมนุษย์ มนุษย์ทดลองเหล่านั้นคือ

นักโทษต้องประหาร แต่จริง ๆ แล้ว พวกเขาคือเชลยจากกองทัพ

ปฏิวัติดาวอังคาร

ใครก็สามารถมองได้ว่ามือของบริษัทยาไจแอนท์เปื้อนไปด้วยเลือด

ของกองทัพปฏิวัติ ดังนั้น หากพวกเขาถูกจับ พวกเขาคงไม่กล้าคิด

ด้วยซํ้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเขาทําการทดลองมนุษย์ พวกเขาไม่รู้สึกว่าสิ่งที่

พวกเขาทํานั้นโหดร้ายเลย แต่ตอนนี้ ทั้งหมดกลับหวาดกลัว

อารมณ์กลัวและตื่นตระหนกลุกลาม ตรงหน้า พวกเขาเห็นได้แค่

ความมืดราวกับพวกเขากําลังเดินต่อไปบนเส้นทางนี้ พวกเขารู้สึก

สิ้นหวังมาก

เฟิ งหลินยืนท่ามกลางพวกเขา แต่สีหน้าเขายังไม่เปลี่ยน เขาไม่แสดง

ความตื่นตระหนก

ด้วยฐานการบ่มเพาะเขา ไม่มีอะไรต้องกังวล

นี่ยังเป็นประโยชน์ของการมีพลัง

เขามีความมั่นใจมากพอ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง เขาก็มี

ความหวังที่จะพลิกกระดาน

ในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอ่อนแอเหมือน

นักวิจัยเหล่านี้

ความคิดผุดขึ้นในหัวเขา ขณะลอบสังเกตผู้จัดการแฟรงค์

ใครจะคิดว่าบริษัทยาจะพ่ายแพ้เร็วขนาดนี้!

ตอนนี้บริษัทยาถูกผลักไปขอบเหวแล้ว เมื่อพวกเขาเจอกับสถานการณ์

ที่อันตรายกว่านี้ ความลับทั้งหมดของพวกเขาจะถูกเปิ ดเผย?

นั่นจะไม่เป็นโอกาสให้เขา?

สิ่งที่คาดไม่ถึงผุดขึ้นในหัวใจ

ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาด

เมื่อเจอกับความกลัวและความตื่นตระหนกของนักวิจัยรอบตัว

ผู้จัดการแฟรงค์กลับดูสงบนิ่ง เขาดูมั่นใจมาก

ดวงตาเขากวาดผ่านนักวิจัยและเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟิ งหลินไม่มี

ความตื่นตระหนกใด ๆ เขาก็พยักหน้าชื่นชม “ทุกคน ไม่จําเป็นต้อง

ตื่นตัว โชคดีที่เราบริษัทยาเรายังมียานบินส่วนตัว เราสามารถออก

จากได้ทางอุโมงค์ลับใต้ภูเขาไฟที่ใหญ่สุด ภูเขาไฟโอลิมปัส! พวก

คุณคือบุคลากรชั้นสูงของบริษัทเรา เราสามารถไปได้ด้วยกันได้

ตราบเท่าที่เรารอด เราจะสามารถสร้างบริษัทยาขึ้นใหม่ได้!”

ประกายแสงส่องสว่าง

“ตามคาด ผู้จัดการมักมีแผนฉุกเฉินเสมอ!”

“ใช่แล้ว พวกที่ตายคือนักวิจัยชั้นตํ่าที่ไม่รู้จักวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ด้วย

การรอดของเรา เราจะสร้างบริษัทยาขึ้นใหม่ได้!”

“รออะไรกันอยู่ละ? กองทัพปฏิวัติกําลังโจมตีเราในไม่ช้า รีบไปกัน

เถอะ!”

ทุกคนร้อนใจ อยากออกไปทันที ไม่อยากอยู่พูดสักนิด

แต่เฟิ งหลินยังเงียบ เพราะเมื่อแฟรงค์พูด คําพูดเขาไม่ได้ระบุอะไร

เลยว่าทุกคนจะได้ออกไปพร้อมกัน มันย่อมมีอะไรอยู่ในคําพูดเขา

ทุกคนรู้สึกร้อนใจมาก แต่แฟรงค์กลับยืนตําแหน่งเดิมด้วยสีหน้าเย็นชา

“น่าเสียดาย กระสวยอวกาศมีขนาดเล็กและสามารถจุคนได้แค่ 15

คน ทุกคน ผมขอโทษด้วย บริษัทยาเราไม่ต้องการพวกขยะ พวกที่มี

พรสวรรค์จริง ๆ จึงจะออกไปพร้อมผมได้!”

“อะไรนะ?” ทุกคนตกใจ

เพียงเมื่อพวกเขากําลังมีความสุข สถานการณ์ก็แปรผัน

ยังมีนักวิจัยนับร้อยเหลืออยู่ นั่นหมายความว่าคนกว่าครึ่งที่นี่จะไม่

สามารถออกไปได้?

หากพวกเขาสามารถออกจากที่นี่ได้ มันก็หมายความว่าพวกเขา

สามารถรอดชีวิตได้ แน่นอน หากพวกเขายังอยู่ มันหมายถึงความ

ตาย

ไม่มีใครรู้ว่าใครจะอยู่หรือตาย บรรยากาศกลายเป็ นเงียบสงัด

แฟรงค์ไม่สนใจ เขาเปิ ดใช้ไมโครชิปและแสดงรายชื่อ หลังจากนั้น

ก็ตะโกน “แอนดรูว์!”

“ขอบคุณมากครับ ผู้จัดการแฟรงค์ หลังออกไป ผมจะทํางานอย่าง

หนักเพื่อสร้างบริษัทยาขึ้นใหม่!” ชายผิวขาวผมบลอนด์ฉีกยิ้ม คิดว่า

เขาคือคนที่ถูกเลือกให้ออกจากที่นี่

แต่วินาทีถัดมา คําพูดของแฟรงค์ก็ทําให้หัวใจเขาหยุดเต้น

“แอนดรูว์ ความสําเร็จคุณน้อยไป คุณไม่อาจออกไปกับเราได้!”

“ผู้จัดการแฟรงค์ คุณทําอย่างนี้ไม่ได้ ผมคือคนออกแบบแผนพัฒนา

หลังศึกษายาโบราณ!” แอนดรูว์ประท้วง

“แล้วมันได้ผลไหม?”แฟรงค์กล่าวเสียงเย็น

แอนดรูว์เริ่มกรีดร้อง

แฟรงค์ไม่อยากได้ยินเสียงของเขาอีก ชี้นิ้วไปที่แอนดรูว์ และทหาร

โคลนสองนายก็เดินออกมาจับเขาไว้

พื้นเปิ ดออกเงียบ ๆ เผยให้เห็นทางเดินโลหะที่นําตรงไปสู่แกนของ

ดาวอังคาร ตรงนั้น ลาวากําลังปั่นป่ วน หากใครตกลงไป มันคงไม่

เหลือแม้แต่กระดูก

แอนดรูว์ร้องอ้อนวอน”ผมไม่อยากไปแล้ว ผมจะอยู่ที่นี่ ตกลงไหม?

ปล่อยผมเถอะ!”

“ไม่”แฟรงค์กล่าว “คุณรู้ความลับมากเกินไป และเราไม่อาจยอมให้

คุณตกอยู่ในมือของกองทัพปฏิวัติได้ ผมขอโทษ”

เขาส่งสัญญาณให้ทหารโคลนโยนแอนดรูว์ลงไป เสียงร้องโหยหวน

ดังขึ้นเมื่อเขาตกไปในลาวา แต่ในไม่ช้าเสียงก็เงียบหายไป

“เลียร์!” แฟรงค์ขานชื่อต่อ ชายผิวขาวกรีดร้อง เขาหมุนตัวและอยาก

หนีแต่ก็ถูกจับได้ เขาเหมือนหมูที่ถูกเชือดตอนถูกโยนลงไป

“โครซอฟ!”

“จางเทียนเฟย!”

“ซาบูโระ เอ็นโมโตะ!”

แฟรงค์ขานชื่อต่อ เขาเหมือนเทพแห่งความตาย ประกาศโทษต่อ

มนุษย์ เมื่อชื่อถูกกล่าว คน ๆ นั้นจะถูกกําหนดให้ตาย

นักวิจัยที่เปราะบางเหล่านี้ไม่มีทางขัดขืนมนุษย์โคลนได้เลย พวก

เขาเหมือนเกี๊ยวที่ถูกโยนลงซุปร้อน ๆ

นักวิจัยคนอื่นยืนนิ่งอย่างขลาดกลัว พวกเขาดูเพื่อนร่วมงานตายทีละ

คน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร หากไม่ พวกเขาอาจทําให้แฟรงค์

หงุดหงิดจนขานชื่อพวกเขา

เนื่องจากบริษัทยามาถึงจุดจบแล้ว คนเหล่านี้จึงไม่มีที่ให้ไปอีก

เฟิ งหลินมองดูทุกอย่างด้วยความเย็นชา ความตื่นตระหนกปรากฏ

บนหน้าเขา แต่จริง ๆ แล้วเขากําลังหัวเราะอยู่ในใจ

โคลนเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิจัย แต่ตอนนี้ พวกเขากําลังตาย

ด้วยสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมา



ตอนที่ 114 การค้นพบ

หากมนุษย์มีวิญญาณ เมื่อคนเหล่านี้ตกนรกและกลายเป็นผี พวกเขา

จะเสียใจกับการกระทําของพวกเขา พวกเขาปฏิบัติต่อชีวิตมนุษย์

เป็นเหมือนหญ้าไม่สนใจอะไรสักนิด พวกเขาคืออาชญากรที่ไม่อาจ

ให้อภัยได้!

เฟิ งหลินไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่เนื่องจากพวกเขาเสียชีวิตในมือของทหารโคลนจึงอาจกล่าวได้ว่า

บั้นปลายชีวิตของพวกเขาสมเหตุสมผลแล้ว

เฟิ งหลินให้ความสําคัญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้

บริษัทยาไจแอนท์ล่มสลายไปแล้วและตอนนี้นี่เป็ นเรื่องของชีวิต

และความตาย มันถึงเวลาที่จะชักดาบออกจากฝักแล้ว

แฟรงค์เหมือนเทพเจ้าแห่งความตาย ทุกครั้งที่เขาเรียกชื่อใครคน ๆ

นั้นจะตายทันที

ต่อหน้าเหล่าทหารโคลนที่ดุร้าย นักวิจัยที่อ่อนแอเป็นเหมือนลูกแกะ

รอการสังหาร พวกเขาไม่กล้าและไม่มีหนทางที่จะต่อต้านได้เลย

ตามธรรมชาติแล้ว เฟิ งหลินเป็นข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียว

ถ้าแฟรงค์เรียกชื่อเขาออกมา เฟิ งหลินจะไม่ซ่อนความสามารถของ

เขาอีกต่อไป

เขาพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาตลอดเวลา!

แต่ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขา ชื่อของเฟิ งหลินไม่เคยถูก

เรียก

เฟิ งหลินไตร่ตรองเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้และในไม่ช้าก็เข้าใจ

มีข้อจํากัดเรื่องพื้นที่ของกระสวยอวกาศ คนเหล่านี้ที่ถูกเรียกชื่อคือผู้

ที่ประสบความสําเร็จน้อยกว่าหรือมีประสิทธิภาพการทํางานตํ่ากว่า

ที่ควรจะเป็น พวกเขาจะถูกกําจัดไปจนเหลือเพียงห้าสิบคน (ตอนที่

แล้วเขียนผิดไปว่า 15 คนค่ะ)

สําหรับเฟิ งหลิน หากไม่คํานึงถึงการดัดแปลงยาอะดรีนาลีนหรือการ

สร้างเทคนิคยาผลึกผงที่สมบูรณ์แบบความสําเร็จของเขานั้นถือว่า

ค่อนข้างดี นี่คือเหตุผลว่าทําไมการเรียกชื่อที่ดําเนินมาเป็นเวลานาน

ยังไม่มีชื่อของเขา

เมื่อเขาคิดถึงสิ่งนี้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น

จํานวนคนที่นี่ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เหลือเพียงห้าสิบเอ็ด

คน

สายตาของทุกคนฉายแววความหวัง

เพียงอีกชื่อเดียวถ้าไม่ใช่ชื่อของพวกเขา คนที่เหลือก็จะรอด

สําหรับทหารโคลน พวกนี้เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่มีใครปฏิบัติกับมัน

เหมือนมนุษย์

สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่แฟรงค์รอให้เขาเรียกชื่อ

“มัตสึชิตะ โอนิจิน!” แฟรงค์เรียกชื่อญี่ปุ่ นที่ไม่ใช่คนอื่นนอกจาก

ผู้ช่วยของเฟิ งหลิน

คนที่ไม่ถูกเรียกรู้สึกโล่งอก

ในที่สุดพวกเขาก็ปลอดภัย …

เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขาจํานวนมากตาย หัวใจของพวกเขา

ก็เกือบจะหลุดออกจากอก ใครจะไปคิดว่าพวกเขาสามารถอยู่รอด

ได้จนกว่าจะถึงตอนนี้

“บากะ!” มัตสึชิตะ โอนิจิอุทานเป็นภาษาแม่ของเขาอย่างไม่ตั้งใจ

แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ขาว แต่เขาก็ไม่สามารถระงับ

สัญชาตญาณของเขาได้

“แฟรงค์ซัง ความสําเร็จของผมยอดเยี่ยมมาก ทําไมคุณถึงกําจัดผม?

ผมป็นนักพันธุศาสตร์และได้สร้างนํ้ายาฟอกสีที่สามารถทําให้มนุษย์

ผิวสีต่าง ๆ กลายเป็นเผ่าพันธุ์สีขาวได้” เขาทําดีที่สุดเพื่อปกป้อง

ตัวเอง

“ขอโทษจริง ๆ ยานั้นไม่มีประโยชน์อะไรสําหรับเรา เรามีพิธีเลือด

ศักดิ์สิทธิ์ที่เปลี่ยนคนให้เป็นบุตรของพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์ ยา

ของคุณสามารถเปลี่ยนสีผิวของคน ๆ หนึ่งได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถ

เปลี่ยนคุณลักษณะหรือสายเลือดได้ “แฟรงค์พูดอย่างเย็นชา

“เป็นไปได้ยังไง?” มัตสึชิตะไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ได้ ตั้งแต่เขายังเด็ก

เขามักจะอยากเป็นคนผิวขาว นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเขาจึงคิดค้นนํ้ายา

เปลี่ยนสีและกลายเป็นนักพันธุศาสตร์ในบริษัทยาไจแอนท์

แต่เดิมเขาคิดว่าหลังจากพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์และเขากลายเป็นบุตรของ

พระเจ้า เขาจะมีความสําคัญอย่างยิ่งในการดํารงอยู่ของเผ่าพันธุ์สี

ขาว และถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว

ใครจะคิดว่าท้ายที่สุดเขานั้นต้องถูกกําจัดทิ้งอย่างนี้

“พิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์?” เขาพูดพึมพําและจ้องมองโคลนนิ่งเคลื่อนเข้า

หาเขา หัวใจของเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งนี้

ทันใดนั้นแสงสีดําก็เข้าปกคลุมตาสีฟ้าเขา จิตใจของมัตสึชิตะโอนิ

จินเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ เขาชี้นิ้วไปที่เฟิ งหลิน

“แล้วเขาล่ะ? ทําไมเขาถึงไม่ถูกกําจัด?

แฟรงค์ตอบว่า “เฟิ งหลินมีความสําเร็จที่โดดเด่นและเป็นอัจฉริยะที่

ยอดเยี่ยม ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่จะต้องถูกกําจัด”

“ไม่ยุติธรรม! เด็กเหลือขอนี่ยังไม่ได้เข้าพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์ ผม

และตาของเขายังเป็นสีดํา เขาไม่ใช่คนอย่างเราที่มีผมสีบลอนด์และ

ตาสีฟ้า เขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างและไม่น่าไว้ใจ ทําไมคุณไม่กําจัด

เขา แต่มาเลือกผมแทน” มัตสึชิตะ โอนิจินใช้ข้อนี้มาแข่งขัน เพื่อที่จะ

ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากคนอื่น ๆ

นักวิจัยไข่คนอื่น ๆ ก็ค่อนข้างเห็นด้วย พวกเขาเริ่มพูดคุย

“นั่นเป็นความจริงเพื่อนคนนี้มีผมสีดําและผิวสีเหลือง เขาแตกต่าง

จากเรา เราไม่สามารถไว้วางใจเขาได้!”

“ก่อนที่จะเข้าพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับ

เรา!”

“ไม่ว่าในกรณีใด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะ แต่เทคนิคยาผลึกผง

ของเขาก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ? ความสําเร็จของเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่ไป

กว่ามัตสึชิตะ!”

“ความสามารถของมัตสึชิตะ โอนิจินอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสําเร็จอย่างน่าทึ่ง แต่เขาก็ทํางานอย่าง

หนักเพื่อบริษัทมาเป็นเวลาหลายปี เขาถือว่าเป็นผู้บุกเบิกบริษัทยา

ไจแอนท์ของเรา และเราไม่ควรกําจัดเขาอย่างไร้ความปราณี!”

เสียงการสนทนาดังขึ้น

ไม่ใช่เผ่าเดียวกัน ไม่สามารถไว้วางใจได้!

ตรรกะนี้ใช้ได้ทุกที่ในโลก

ก่อนหน้านี้คนเหล่านี้ทั้งหมดได้รับประโยชน์จากเฟิ งหลิน เขาถ่ายทอด

ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการสร้างยาผลึกผงให้กับพวกเขา นอกจากนี้

อิทธิพลไร้รูปร่างของการสะกดจิตยังทําให้ทุกคนรู้สึกดีต่อเขา

แต่ตอนนี้ ในสถานการณ์ที่เกี่ยวกับชีวิตและความตาย การสะกดจิต

กลายเป็นไร้ประโยชน์เพราะสัญชาตญาณในการปกป้องตัวเอง

ความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่นั้นยิ่งใหญ่กว่าอารมณ์อื่น ๆ

ตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ใครจะคิดว่าในท้ายที่สุด

สิ่งนี้จะเกิดขึ้น?

เมื่อมองไปที่ใบหน้าน่าเกลียดของมัตสึชิตะ โอนิจิน เขาก็หัวเราะ

เยือกเย็นในใจ

เป็นไปตามคาดของคนญี่ปุ่ น ถึงแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนเชื้อชาติ บุคลิกที่

เหมือนสุนัขจิ้งจอกของเขาและนิสัยชอบกัดเจ้านายของตัวเองจะไม่

มีวันเปลี่ยนแปลง

แฟรงค์หารือกับไอค์ สายตาของเขาเปลี่ยนไป

มัตสึชิตะ โอนิจินรู้สึกมีความหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาเห็นทุกคน

กําลังสับสน เขาก็ตะโกนเสียงดัง “แม้ว่าเฟิ งหลินจะปรับเปลี่ยนสูตร

ยาอะดรีนาลีนและยาแห่งชีวิตก่อนหน้านี้ได้ เทคนิคยาผลึกผงก็ยัง

ไม่สําเร็จสมบูรณ์ บางทีสิ่งที่เขาพูดอาจจะไม่ใช่ความจริง เทคนิคนั่น

อาจไม่มีทางสมบูรณ์ได้ ไม่มีใครมีพลังจิตแข็งแกร่งเท่าเขา ดังนั้นจึง

ไม่มีใครสามารถตรวจสอบสิ่งที่เขาพูดได้ ทุกคนอย่าหลงกลเขา! “

เพื่อปกป้องชีวิตของเขา เขาใส่ร้ายหัวหน้าของเขา การกระทําของ

เขาน่ารังเกียจสิ้นดี

เขาลืมไปว่าตอนที่เขาต้องการให้เฟิ งหลินถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับ

เทคนิคยาผลึกผงให้ เขาทําหน้ายังไง

ตอนนี้แม้แต่แฟรงค์ก็ยังเงียบ

ทันใดนั้นไอค์ก็พูดขึ้นมา “ผู้จัดการ เวลามีค่า ถ้าเราไม่ตัดสินใจ

ตอนนี้ทุกอย่างจะสายเกินไป”

“เฟิ งหลินเป็นอัจฉริยะ แต่มัตสึชิตะเป็นพนักงานเก่าของบริษัท ผม

จะเลือกยังไง การตัดสินใจครั้งนี้ยากเกินไป” แฟรงค์ลังเล

ทันใดนั้นไอค์ก็หันมาจ้องเฟิ งหลินอย่างเยือกเย็น

เฟิ งหลินรู้สึกไม่สบายใจ

ไอค์ตัดสินใจเติมนํ้ามันลงกองไฟ “แม้ว่าความสามารถของมัตสึชิตะ

จะค่อนข้างธรรมดา แต่เขาก็เป็นพนักงานที่ภักดีมาก เขาอยู่กับเรามา

นาน นอกจากนี้เนื่องจากเขาเป็นผู้ช่วยของเฟิ งหลิน เขาก็น่าจะเรียนรู้

มาอย่างเต็มที่แล้ว สําหรับเฟิ งหลิน ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะ

โดดเด่น แต่เขาก็ยังไม่ผ่านพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ และเราไม่สามารถ

ไว้วางใจเขาได้ ในเวลาที่อันตรายเช่นนี้ เราไม่สามารถรับความเสี่ยง

ได้อีก นอกจากนี้ยังมีคําพูดที่ว่า – อัจฉริยะที่ตายแล้วย่อมไม่ใช่

อัจฉริยะอีกต่อไป! “

เฟิ งหลินตกอยู่ในสถาณการณ์ที่ยากลําบาก หลังจากที่ไอค์รู้ว่าตําแหน่ง

ของเขาถูกคุกคาม ในสายตาของเขา เฟิ งหลินก็เหมือนเสี้ยนหนามที่

คอยทิ่มแทงเขา

เห็นได้ชัดว่าเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์

“เฟิ งหลิน ผมขอโทษ แต่คุณก็ยังทํายาผลึกผงไม่สมบูรณ์แบบจริง ๆ”

แฟรงค์กล่าว พร้อมส่งสัญญาณให้ทหารโคลน

มัตสึชิตะ โอนิจินรู้สึกโชคดีมากที่สามารถรอดชีวิตได้

เมื่อเห็นโคลนนิ่งเหล่านี้เคลื่อนเข้าใกล้ ถึงแม้เฟิ งหลินจะรู้สึกโกรธ

ในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเลย ความแข็งแกร่งของเขาคือสิ่งที่

ไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปได้

หากเขาแสดงความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ แม้กระทั่งกองทัพปฏิวัติ

ดาวอังคาร ถ้าพวกเขาไม่ส่งคนจํานวนมากมาล้อมก็จะไม่สามารถ

ขัดขวางเขาได้เลย

เพียงแต่เฟิ งหลินกลับรู้สึกลังเล หากเขาลงมือตอนนี้ นั่นก็หมายความ

ว่าเขาจะสละโอกาสในการเข้าสู่ซากปรักหักพังในตํานานที่ถูกทิ้งไว้

ของนิกายเตาหลอมอมตะ และเขาจะไม่สามารถได้รับมรดกที่แท้จริงได้

ถ้าเขาไม่มีทางเลือกจริง ๆ เขาก็ไม่ต้องการที่จะทําเช่นนี้

ความสําเร็จของเขานั้นไม่ถือว่าแย่ เพียงเพราะเขาไม่ใช่คนเผ่าเดียวกัน

แฟรงค์จึงตัดสินใจแบบนี้

เฟิ งหลินรําพึงเงียบ ๆ เขารู้สึกว่าเขาควรจะเดิมพันให้หนักพอที่จะ

เปลี่ยนความคิดของแฟรงก์

ทันใดนั้นความคิดต่าง ๆ ก็วิ่งวนไปหมดอยู่ในหัวเขา ก่อนที่โคลนนิ่ง

จะเข้าใกล้ เขาก็ตะโกนเสียงดัง

“เดี๋ยวก่อน! ฉันได้ทําการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ จริง ๆ แล้วเทคนิคการ

สร้างยาผลึกผงนั้นสมบูรณ์แล้ว!”

“นั่นมันเป็นไปไม่ได้!” ทุกคนอุทานอย่างไม่เชื่อ

“เขาโกหก! ฉันเฝ้าดูเขามาหลายวันแล้วและเขาก็ไม่เคยประสบความ

สําเร็จแม้แต่ครั้งเดียว!” มัตสึชิตะ โอนิจินกระโดดโหยงเหมือนหนูที่

ถูกเผา

แต่ในขณะที่เขาพูด เสียงของเขาก็เหมือนเป็ดที่ถูกบีบคอ เขาไม่

สามารถพูดอะไรได้อีก

ผลึกโปร่งแสงสีเขียวหยกปรากฏในมือของเฟิ งหลิน มันเป็นวัตถุที่

สวยที่สุดในโลก มันดึงดูดสายตาของทุกคน ไม่มีใครสามารถละ

สายตาไปจากมันได้




ตอนที่ 115 ความก้าวหน้าครั้งใหญ่

“นี่คือ … ?”

ตาหลายคู่จ้องไปที่คริสตัลโปร่งแสงสีเขียวหยก

“คุณบอกว่าคุณประสบความสําเร็จในการสร้างยายักษ์เขียวแล้ว

อย่างงั้นหรือ?” ผู้จัดการแฟรงค์กําลังหอบอย่างตื่นเต้นเมื่อเขาได้ยิน

สิ่งนี้ ไม่สงบเหมือนเคย

“ใช่แล้ว” เฟิ งหลินพยักหน้า “นี่เป็นผลิตภัณฑ์สุดท้ายของผม ใช้

เทคนิคการสร้างยาผลึกผงที่สมบูรณ์แบบในนํ้ายายักษ์เขียว”

“คุณทําสําเร็จแล้วจริง ๆ !” แฟรงค์เดินเข้ามา โบกมือให้ทหารโคลน

ถอยกลับไป ไม่มีความตั้งใจที่จะจับเฟิ งหลินอีกต่อไป

ข้ออ้างของพวกเขาก่อนหน้านี้คืออะไร?ไม่ใช่บุตรของพระเจ้า?นั่น

ยังสําคัญอีกไหม?

เฟิ งหลินได้พิสูจน์ความสามารถของเขาแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย การ

เปลี่ยนเป็นบุตรของพระเจ้าเป็นเพียงกระบวนการผ่านพิธีเลือด

ศักดิ์สิทธิ์ สองสิ่งนี้นํามาแทนได้กันได้ไหม?

เมื่อเห็นว่าแฟรงค์ดูตื่นเต้นขนาดไหน มัตสึชิตะ โอนิจินก็รู้ว่าตัวเอง

กําลังตกอยู่ในที่นั่งลําบาก

เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฟิ งหลินจะมีไพ่ตาย

ก่อนหน้านี้เขาได้พูดเรื่องไม่ดีของเฟิ งหลินเพื่อทําให้ตัวเองดูดีขึ้น

ในตอนแรกเขาคิดว่าเฟิ งหลินไม่น่าจะมีอะไรซ่อนไว้แบบนี้

ช่างอํามหิต!

มัตสึชิตะ โอนิจินจ้องมองเฟิ งหลินด้วยความเกลียดชัง เขากัดฟันให้

ใจเย็นลง

แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ยังเด็ก แต่เขาก็วางแผนมาอย่างดี

ตอนนี้นี่เป็นชื่อสุดท้ายที่จะถูกเรียก ไม่เขาก็เฟิ งหลินที่ต้องตาย!

แต่เขาจะเอาชนะได้จริง ๆ ?

ความรู้สึกไม่สบายเกิดขึ้นในหัวใจของมัตสึชิตะ โอนิจิน เพื่อชีวิต

ของเขา เขาไม่เต็มใจที่จะนั่งนิ่ง ๆ และรอความตายเขาตะโกนออกมา

อีกครั้งและชี้ไปที่เฟิ งหลิน “หากเฟิ งหลินทําสําเร็จแต่แรก ทําไมเขา

ถึงไม่นํามันออกมา เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่นํามันออกมา ทําไม

เขาถึงซ่อนมันอย่างนี้ ผู้จัดการแฟรงค์ พวกคุณต้องไม่เชื่อเขา!”

สิ่งที่เขาพูดก็น่าคิด

ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างรู้สึกว่าเทคนิคยาผลึกผงล้มเหลว แต่เฟิ งหลิน

กลับดึงเอาผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ออกมาเพื่อปกป้องชีวิตของเขา มัน

บังเอิญ?

สิ่งนี้ทําให้หลายคนสงสัยในใจ

“ผู้จัดการคุณต้องพิจารณาให้ดี!” ไอค์พูด

แฟรงค์ลังเล เขาจ้องไปที่เฟิ งหลิน “เฟิ งหลิน คุณคงต้องอธิบายให้

เราเข้าใจ”

ดวงตาของเขาเย็นชา ถ้าเฟิ งหลินไม่มีคําอธิบายที่สมเหตุสมผล เขา

จะต้องเข้าไปในนั้นอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเฟิ งหลินกล้าที่จะนําออกมา นั่นแสดงว่าเขา

คิดดีแล้ว

“ที่ผมไม่ได้เอาออกมาก่อนหน้านี้เพราะเทคนิคผลึกผงยังไม่สมบูรณ์

ดี ผมเอาส่วนผสมกลับไปบ้านเพื่อวิจัยและทดลองทุกวัน ผมประสบ

ความสําเร็จเพียงหนึ่งครั้งจากการทดลองหลายร้อยครั้ง นี่คือเหตุผล

ที่ผมยังคงเน้นไปที่การทําให้เทคนิคสมบูรณ์ ผมต้องการรอให้มัน

สมบูรณ์เต็มที่ก่อนที่จะรายงานเรื่องนี้”

แม้ว่าเหตุผลนี้จะฟังดูเป็ นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็มีความน่าเชื่อถือมาก

สีหน้าตึงเครียดของแฟรงค์เริ่มผ่อนคลาย

เฟิ งหลินกล่าวต่อ “ทุกคนที่นี่สามารถเป็นพยานให้กับผมได้ว่าผม

ค้นคว้าและทดลองอย่างขยันทุกวัน”

นักวิจัยทุกคนเงียบไป พวกเขาสามารถปฏิเสธได้ แต่ความจริงแล้ว

อุปกรณ์ตรวจสอบในห้องใต้ดินจะยืนยันทุกอย่าง แน่นอนว่ามันไร้

ประโยชน์แม้ว่าพวกเขาจะอยากโกหกก็ตาม

พวกเขาทําได้แค่อยู่เงียบ ๆ

แต่ความเงียบก็เท่ากับการยอมรับ!

แฟรงค์ชัดเจนมากในประเด็นนี้

เขาเดินไปหาเฟิ งหลินและหยิบผลึกหยกเขียวขึ้นมา เขาสํารวจมัน

เขาไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะสมบูรณ์ “สําหรับผลที่เกิดขึ้น เราจะรู้ได้หลังจาก

ที่เราทดสอบเท่านั้น”

“นั่นเป็ นเรื่องธรรมชาติ” เฟิ งหลินไม่ได้พยายามอธิบายอะไร เขาเต็ม

ไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อเห็นความมั่นใจของเฟิ งหลิน แฟรงค์ก็อดเชื่อมั่นเฟิ งหลินขึ้นไม่ได้

แต่ความเชื่อมั่นที่แท้จริงของเฟิ งหลินคือความแข็งแกร่งของเขา ไม่ใช่

ผลึกหยกนี่

ในความเป็นจริง เขาอาจประสบความสําเร็จในการสร้างยายักษ์เขียว

แล้ว แต่เขายังไม่ได้ทดสอบมัน

หากผลึกหยกเขียวนี้มีประสิทธิภาพ ทุกอย่างจะดีเอง เขาจะใช้ข้ออ้างนี้

ต่อและหาโอกาสเข้าซากปรักหักพักของนิกายเตาหลอมอมตะ

หากผลึกไม่มีประสิทธิภาพ เขาจะแสดงความแข็งแกร่งโดยตรง และ

ฆ่าทุกคน

“กินมันซะ!” แฟรงค์วางคริสตัลไว้ในมือของทหารโคลนและสั่ง

ทหารโคลนไม่พูดอะไรและตอบรับ

ด้วยเสียงดังกึกก้อง มันกลืนคริสตัลสีเขียวหยกเข้าไปในท้อง

ในทันใด ทหารโคลนก็อยู่ในสภาพที่ผิดปกติ บริเวณท้องของมันมี

พลังงานสีเขียวหยกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแพร่กระจายอย่าง

รวดเร็วไปทั่วตัว ผิวของมันโปร่งแสงและทุกคนสามารถเห็นการ

เคลื่อนไหวของพลังงานสีเขียวได้

โคลนนิ่งไม่มีสติปัญญาสูงมากนัก แต่พวกมันมีสัญชาตญาณของ

ชีวิต ทหารโคลนได้รับความเจ็บปวด มันจึงเริ่มกรีดร้องเสียงดัง

กล้ามเนื้อของมันสั่นไหวเพราะพลังงานสีเขียวหยก

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนการเปลี่ยนสีผิว

เปรี้ยะ เปรี้ยะ!

มีเสียงของกระดูกแตกดัง ทหารโคลนขยายตัวอย่างรวดเร็ว สูงขึ้น

และใหญ่ขึ้น ทําให้คนมองมันอย่างงง ๆ

ไม่กี่วินาทีต่อมา ทหารโคลนก็ได้แปรสภาพเป็นยักษ์ผิวเขียวสูงกว่า

สามเมตร มันมีกลิ่นอายดุร้ายทําให้หัวใจสั่นเทาหากจ้องตามัน นั่น

ไม่ใช่มนุษย์โคลน แต่เป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัว

ดวงตาของยักษ์เขียวเต็มไปด้วยจิตสังหาร

แฟรงค์ยินดี เขาหยิบปื นรังสีออกมาแล้วยิงใส่ยักษ์เขียว

ยักษ์เขียวไม่หลบ เพียงแค่ยืนอยู่ที่ตําแหน่งเดิมของมัน เมื่อรังสีถูกยิง

ใส่มัน พลังงานของรังสีก็ถูกดูดกลืนโดยผิวหนังของยักษ์เขียว ตัว

ของมันขยายใหญ่ขึ้น

เฟิ งหลินมองจากด้านข้างอย่างเย็นชา เขาค้นพบว่าความสามารถของ

ยักษ์เขียวนี้ค่อนข้างคล้ายกับความสามารถของยีนลิงหินของเขา

ยีนลิงหินสามารถแยกพลังงานได้ ในขณะที่ยักษ์สีเขียวตัวนี้สามารถ

ดูดซับรังสีจากรังสีแสงเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวมันเอง

นอกจากนี้แม้ว่ายีนยักษ์เขียวอาจเป็นยีนที่ยอดเยี่ยม แต่มันก็ถูกปลุก

ให้ตื่นด้วยวิธีปรุงยาพันธุกรรมและย่อมด้อยกว่ายีนที่ตื่นโดย

ธรรมชาติ

เฟิ งหลินจดจ่ออยู่ในใจ แม้ว่าแฟรงค์จะควบคุมยักษ์เขียวตัวนี้และจู่

โจมเขา เขาก็ยังรับมือได้

นอกจากนี้เฟิ งหลินยังรู้ว่ามีข้อบกพร่องในยักษ์เขียวและเขาจะสามารถ

ปราบยักษ์เขียวผ่านข้อบกพร่องนี้ได้ ถ้าหากแฟรงค์มีเจตนาไม่ดี เขา

จะต้องตกใจอย่างแน่นอน

“เฟิ งหลินทําได้ดีมาก! เพราะคุณบริษัทยาไจแอนท์ของเราจะต้อง

กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้อย่างแน่นอน! หนีไปด้วยกันเถอะ!” แฟรงค์

ตบไหล่เฟิ งหลิน ความเย็นชาก่อนหน้านี้หายไปเมื่อเขาเห็นการพัฒนา

ของเฟิ งหลิน

ความสําเร็จของเทคนิคผลึกผงของยีนยักษ์เขียวกลายเป็นฟางเส้น

สุดท้าย ความจริงปรากฏต่อหน้าของทุกคนเทคนิคยาผลึกผงนั้น

สมบูรณ์แบบแล้วจริง ๆ !

คนที่มีความสามารถมักทําให้คนอื่นมองพวกเขาอย่างแตกต่าง

เฟิ งหลินยิ้มและพยักหน้า

พวกเขาทั้งสองสบสายตากันและหัวเราะราวกับว่าความทุกข์ทั้งหมด

ก่อนหน้านี้เป็นแค่ความฝัน

แฟรงค์กวาดสายตาอย่างเงียบ ๆ โดยบอกให้ทหารโคลนเดินไป

ที่มัตสึชิตะ โอนิจิน

“เขาโกหก!” มัตสึชิตะกรีดร้อง เมื่อเขาเห็นฉากนี้ เขาก็ต่อสู้ด้วยพลัง

ทั้งหมดและรีบพูด “บางทีเขาอาจจะเป็นสายลับของกองทัพปฏิวัติ

ดาวอังคาร ทําไมกองทัพปฏิวัติของดาวอังคารจึงรู้ข้อมูลลับของเรา

มากมาย ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ มีเพียงเขาที่เพิ่งเข้าร่วมกับเรา!”

เขาเห่าเหมือนสุนัขบ้าและพูดมั่วเดาไปเรื่อย

เฟิ งหลินซึ่งสงบนิ่งมาตลอดอดรู้สึกใจสั่นไม่ได้

แต่น่าเศร้าที่แฟรงค์ไม่ฟังมัตสึชิตะอีกต่อไป เขาโบกมือและทหาร

โคลนก็เข้ามาจับตัวมัตสึชิตะและเหวี่ยงเขาลงไปในลาวา ไม่นาน

เสียงกรีดร้องของเขาก็เงียบลง เขาถูกเผาให้กรอบไม่เหลือแม้แต่

กระดูก

นักวิจัยคนอื่นไม่กล้าหายใจดัง พวกเขารู้สึกเสียใจกับการตายของ

ทุกคน อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกโล่งใจที่ตัวเองรอดจากเหตุการณ์นี้

“เฟิ งหลินอย่าไปสนใจ เขาก็แค่เห่าไร้สาระ” แฟรงค์ยิ้มแล้วปลอบใจ

เฟิ งหลิน “ไปกันเถอะผมจะพาคุณไปรับพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์!”

“เราไม่ควรรีบไปก่อนหรอครับ?” เฟิ งหลินอุทานด้วยความประหลาดใจ

คําพูดถัดไปของแฟรงค์ทําให้หัวใจของเฟิ งหลินดิ่ง “ไม่ต้องกังวล

เรายังมีเวลา! ก่อนที่เราจะจากไป เรายังมีบางสิ่งที่เราต้องแก้ไขและ

บางสิ่งที่เราต้องการนําออกไป เราสามารถช่วยคุณให้ผ่านพิธีเลือด

ศักดิ์สิทธิ์ได้ก่อนที่เราจะจากไป”

เฟิ งหลินอยากปฏิเสธ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นแววตาเย็นชาของแฟรงค์

เขาก็ไม่พูดอะไรอีก

“ครับ” เฟิ งหลินแสร้งทําเป็นมีความสุข

ดูเหมือนว่าคําพูดของมัตสึชิตะก่อนที่จะตายจะไม่ไร้ประโยชน์

แฟรงค์ยังไม่เชื่อในตัวเขาสนิท เขาต้องการหลักประกันสุดท้าย

ตราบใดที่เขากลายเป็นบุตรของพระเจ้า กลายเป็นคนของเผ่าพันธุ์สี

ขาว เขาจะอยู่บนเรือลําเดียวกัน ตอนนั้น พวกเขาจะไม่ต้องกังวลอะไร

“ตามผมมา!” แฟรงค์พูด จากนั้นเขาก็เปิ ดอุโมงค์โลหะที่ทอดลึกเข้า

ไปในแกนกลาง

กลุ่มของพวกเขาเดินตามแฟรงค์

แม้ว่าบรรยากาศจะร้อนมาก แต่ก็สามารถทนได้

ในไม่ช้าทุกคนก็มาถึงขั้นสุดท้าย ประตูเปิ ดเงียบ ๆ พื้นที่ลับนี้จริง ๆ

แล้วมีทรงกลมมหึมา วัสดุผนังล้อมรอบที่สร้างแน่นหนาและแยก

ลาวาภายนอกได้อย่างสมบูรณ์

กลางห้องมีห้องโดยสารขนาดใหญ่ด้านใน สามารถมองเห็นยักษ์สี

เงินสูงกว่าห้าเมตร กล้ามเนื้อของยักษ์สีเงินกระเพื่อมด้วยพลังมหาศาล

ผิวของมันเหมือนหินอ่อน และเปล่งกลิ่นอายความสง่างาม ยักษ์สีเงิน

นี้เป็นเหมือนเทพเจ้าในสวรรค์ที่สืบเชื้อสายมาสู่โลกมนุษย์ คนจะ

รู้สึกอึดอัดเมื่อขยับเข้าใกล้มัน

นี่คือแรงกดดันของพลัง

เฟิ งหลินมองหน้ามันด้วยความตกใจ สถานะพลังของเขาสูงถึง 45.8

แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงการคุกคามอย่างรุนแรงจากยักษ์สีเงินตัวนี้ สถานะ

พลังของยักษ์สูงแค่ไหนกันแน่?

ผู้บ่มเพาะระดับสูง?

แฟรงค์จ้องมองเฟิ งหลิน รอยยิ้มลึกลับปรากฏบนใบหน้าของเขา

“เฟิ งหลินไม่ต้องตกใจอะไร ที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้คือความลับที่ยิ่งใหญ่

ที่สุดของบริษัทของเราและนั่นก็คือ…”

“โครงการสร้างเทพ!”




ตอนที่ 116 โครงการสร้างเทพ

มียักษ์ตัวสูงกว่าห้าเมตร ผิวของมันมีรอยด่างและมีลวดลายเหมือน

หินอ่อน มันมีใบหน้าที่ดูธรรมดาแต่มีกล้ามเนื้อที่ชัดเจน เป็น

สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบราวกับเทพแห่งสวรรค์ในตํานาน

“มัน…มันคือเงาดําลึกลับในบันทึกการวิจัย!” เฟิ งหลินคิดในใจ

ในบันทึกการวิจัย เขาเคยเห็นเงาดําบดขยี้มนุษย์ทดลองที่ปลุกปี กลม

และพายุขึ้นมาอย่างง่ายดาย

แม้ว่าเขาจะไม่เห็นใบหน้าของเงาดํานั่นชัดเจน แต่เขาก็ไม่อาจลืมได้

แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะ

ตอนนี้ยักษ์เงินลอยอยู่ในหลอดทดลองที่แช่อยู่ในของเหลวสีแดง

จาง ๆ คล้ายกับนํ้าครํ่าในมดลูก มันหลับเหมือนเด็กไร้เดียงสา แต่มี

วัตถุระเบิดอยู่ในร่างกายของมัน เมื่อมันระเบิด มันจะสั่นสะเทือน

อย่างแน่นอน

“โครงการสร้างเทพ!” เฟิ งหลินร้องอุทานด้วยความตกใจ นึกถึงคํา

ก่อนหน้าของแฟรงค์

“ถูกต้องแล้ว!” แฟรงค์มองดูใบหน้าของเขา ขณะที่มองดูยักษ์สูงห้า

เมตรนี้ “ไททันเป็นเทพเจ้ายักษ์ในตํานานกรีก พวกมันสืบเชื้อสายมา

จากไกอาในปฐมภพ ยีนไททันยังคงหลับอยู่ภายในร่างกายของเรา

และหลังจากที่เราป้อนยาศักดิ์สิทธิ์โบราณให้กับโคลน บางส่วน

สามารถปลุกยีนไททันได้จริง ๆ การพัฒนาไททันนี้เป็นผลงานชิ้น

เอกของบริษัทยาไจแอนท์เรา ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทําคือปรับสูตรการ

ปรุงยาพันธุกรรมเพื่อจําลองประสิทธิภาพของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณที่

ช่วยให้มนุษย์ธรรมดาเริ่มต้นบนเส้นทางของการกลายเป็นไททันได้

ค่อย ๆ พัฒนาไปจนถึงจุดที่พวกมันกลายเป็นไททันที่เหมือนเทพเจ้า

ยีนยักษ์เขียวเป็นเพียงยีนหลุดพ้นขั้นกลาง และเราไม่ได้ถือว่ามันมี

ค่าขนาดนั้น แม้ว่าเราจะทําสําเร็จ ยักษ์เขียวก็เป็นได้มากสุดแค่ทหาร

สิ่งที่เราปรารถนาที่จะทําให้สําเร็จก็คือการสร้างเทพ! “

ยิ่งเขาพูดเสียงของเขาก็ยิ่งดัง

“โอ้ผมเข้าใจแล้ว!” เฟิ งหลินเงียบ ในที่สุดเขาก็ได้รับคําตอบ

ในที่สุดเขาก็ได้รู้ความลับที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทยาไจแอนท์

ใครจะคิดว่าความทะเยอทะยานของพวกเขาจะยิ่งใหญ่ถึงขนาด

ต้องการสร้างเทพ

เฟิ งหลินไม่รู้สึกแปลกใจที่ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณสามารถทําให้ใครบาง

คนปลุกยีนไททันได้

อันที่จริงยาศักดิ์สิทธิ์โบราณคือยาหมอกลิขิต มันคือยาศักดิ์สิทธิ์ใน

สมัยโบราณที่ช่วยให้มนุษย์สามารถปลดปล่อยศักยภาพที่ยิ่งใหญ่

ที่สุดของพวกเขาได้

ต้องรู้ว่าปี กลมและพายุนั้นเป็นความสามารถของเทพเจ้าสายฟ้า บุตร

สายฟ้าในตํานานจีนโบราณ ความสามารถของบุตรสายฟ้าไม่ได้

ด้อยกว่าแต่เหนือกว่าไททันมาก

มันเป็นเพียงแค่มนุษย์ทดลองมีร่างกายอ่อนแอมากและไม่สามารถ

แสดงความแข็งแกร่งของยีนที่ถูกปลุกให้ตื่นได้อย่างเต็มที่

“เฟิ งหลินตามผมมา!” หลังจากแสดงความงดงามของไททันให้เฟิ ง

หลินเห็น แฟรงค์ก็เดินนําเฟิ งหลินเข้าไปในส่วนลึกของที่นี่ มีหลอด

ทดลองขนาดมหึมาอีกหนึ่งอัน แต่ของเหลวภายในนั้นเป็นสีแดง

สุกใส แม้จะส่องแสงแวววาวแต่กลิ่นก็ช่างน่ากลัว นี่คือเลือดของ

สิ่งมีชีวิตทางชีววิทยาสักชนิดหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก

“เฟิ งหลินนี่คือพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ ผมเลือกคุณเพราะคุณมีความเข้าใจ

อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตํานาน รวมถึงความสามารถทางพันธุกรรมของ

คุณ หากเราต้องการบรรลุเป้าหมายในการสร้างเทพ เราต้องดูดซับ

พรสวรรค์จากทุกที่และเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นคนของเรา ตราบ

ใดที่คุณสามารถเปลี่ยนสายเลือดที่อ่อนแอของคุณให้กลายเป็น

สายเลือดบุตรของพระเจ้าได้ ในเวลานั้นคุณจะกลายเป็นส่วนหนึ่ง

ของเราอย่างเป็นทางการ เทคนิคการสร้างยาผลึกผงที่สมบูรณ์แบบ

ของคุณ ผมแน่ใจว่ามันคงไม่ยากที่จะสร้างยาผลึกผงยีนไททันได้

คุณสามารถใช้สิ่งนั้นเพื่อปลุกยีนไททันและค่อย ๆ วิวัฒนาการ ขยับ

เข้าใกล้จุดสูงสุดบนเส้นทางแห่งการเป็นเทพที่แท้จริง…” มือของ

เขาลอยขึ้นไปในอากาศ ใบหน้าเขาดูเหมือนคนบ้า

เฟิ งหลินตกใจ เขาเห็นความบ้าคลั่งในสายตาของแฟรงค์

“บ้าจริง ๆ !” เขารําพึงเงียบ ๆ

“เฟิ งหลินแค่เข้าไป คุณก็จะกลายเป็นบุตรของพระเจ้า คุณจะเป็น

เหมือนพวกเรา!” แฟรงค์ออกคําสั่งอย่างเคร่งขรึม

เฟิ งหลินปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น และเดินหน้าเข้าไป เขายัง

สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ สถานที่นี้ไม่ควรจะเป็นตํานาน

โบราณ

ทําไมมันดูเหมือนห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์

เป็นไปได้ไหมว่าเขาเดาผิดหรือมัตสึชิตะ โอนิจินโกหกเขา …

ไม่ใช่แล้ว!

เฟิ งหลินจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างมัตสึชิตะ โอนิจินที่มีบุคลิก

เหมือนหมาจิ้งจอก

ในช่วงเวลานี้เขาได้รับคําตอบจากนักวิจัยคนอื่น ๆ โดยถามคําถาม

เดียวกันกับเขา

สิ่งที่มัตสึชิตะโอนิจินกล่าวไว้คือพื้นที่ที่ซ่อนอยู่ในใจกลางของดาว

อังคารเป็นซากปรักหักพังของตํานานโบราณ

เป็นไปได้ไหมว่าความลับทั้งหมดได้ถูกเปลี่ยนแปลงและบริษัทยา

ไจแอนท์เก็บซ่อนเอาไว้?

ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้จุดตั้งพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ หัวใจของเขาก็

เริ่มเต้นเร็วขึ้น เขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

ฉันจะยอมทิ้งสายเลือดของฉันเพื่อเป็นคนของเผ่าพันธุ์ขาวได้ยังไง?

เป็นบุตรของพระเจ้า?

สายเลือดของฉันมาจากเผ่าพันธุ์สีเหลือง ลูกหลานของมังกร!

นี่ดีกว่าบุตรของพระเจ้าสิบเท่าซะอีก

เฟิ งหลินปล่อยหมัดออกไปอย่างไม่ออมแรง ปล่อยพลังทั้งหมดและ

ยังลากดึงพลังเพิ่มจากความโกรธเขา

“บูมม!”

เสียงทุ้มคล้ายกับเสียงระฆังยักษ์ดังขึ้น หลอดทดลองสั่น

เฟิ งหลินตื่นตกใจ การต่อยของเขาล้มเหลวจริง ๆ ?

ไม่รู้ว่าหลอดทดลองนี่สร้างขึ้นจากอะไร แต่มันแข็งมาก แม้แต่ความ

แข็งแกร่งของเฟิ งหลินก็ไม่สามารถทําลายมันได้ มันแข็งกว่าโลหะ

ผสม

แฟรงค์กับคนอื่นก็ตกใจ

“คุณทําอะไร?” หลังจากหายจากอาการตกใจ แฟรงค์ก็มองด้วย

สายตาสงสัยและเย็นชา

เฟิ งหลินหันไปมองและกางมือออก จากนั้นเขาก็ยิ้ม “ไม่มีอะไรมาก

ผมแค่อยากดูว่าจะสามารถทําลายหลอดทดลองได้หรือไม่”

เนื่องจากสถานการณ์มาถึงจุดนี้แล้ว มันจึงไม่จําเป็นต้องซ่อนตัวอีก

ต่อไป

“อะไรกัน?คุณหมายความว่ายังไง?” ดวงตาของแฟรงค์เบิกกว้าง

อย่างน่ากลัว เขาจ้องเขม็งไปที่เฟิ งหลิน

เขารู้สึกได้ว่าเฟิ งหลินแตกต่างจากเมื่อก่อน กลิ่นอายไร้รูปร่างเปล่ง

ออกมาจากเฟิ งหลินเหมือนลูกแกะที่ไร้เดียงสากลายเป็นหมาป่ าร้าย

ที่ต้องการกินมนุษย์

เฟิ งหลินตอบอย่างใจเย็น “หมายความว่าไงนะหรอ?ฉันแค่ไม่อยาก

เป็นมนุษย์ไข่!”

คนเหล่านี้เข้าใจทันที

“แสดงว่าทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงข้ออ้างสินะ?” สีหน้าของ

แฟรงค์ตกใจหนักมาก เขาคิดย้อนกลับไปที่คําพูดของมัตสึชิตะ โอนิ

จินก่อนตาย “แกเป็นสายลับของกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร?”

“ไม่” เฟิ งหลินส่ายหัว “ฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ต้องการมีส่วนร่วม

ในเรื่องนี้ พวกแกบังคับให้ฉันต้องทําแบบนี้!”

หลังจากได้ยิน แฟรงค์ก็สะดุ้ง เฟินหลินดูน่าจะไม่โกหก การแสดงออก

ของเขาดูผ่อนคลาย “ฉันเป็นคนจ้างแก แกวางแผนตอบแทนความ

เมตตาของฉันด้วยการเป็นศัตรูอย่างงั้นหรอ? “

“แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง อย่าบอกฉันว่าแกไม่รู้ว่าอะไร

คือจุดประสงค์แท้จริงที่แกจ้างฉัน? ตั้งแต่แรกแกไม่มีความตั้งใจที่จะ

ให้ฉันกลับไปยังโลก แกยังต้องการที่จะเปลี่ยนสายเลือดบรรพบุรุษ

ของฉันและเปลี่ยนฉันให้เป็นลูกของพระเจ้าอะไรนั่น! ขอโทษที

ฉันไม่ต้องการที่จะกลายเป็นมนุษย์ไข่” เฟิ งหลินเยาะเย้ย คําพูดของ

เขาทําให้นักวิจัยคนอื่น ๆ โกรธจนหน้าแดง

เฟิ งหลินไม่อยากจะพูดอะไรกับคนพวกนี้มากนัก

ดาวที่แตกต่างกันย่อมไม่อาจเข้ากันได้!

เฟิ งหลินเปิ ดใช้งานยีนลิงหินและปลดปล่อยความสามารถของเขา

สถานะพลังส่งคลื่นแรงดันทําให้ทุกคนตกใจพวกเขาถูกแรงกดดัน

ไร้รูปร่างผลักถอยออกไป

“ผู้จัดการแฟรงค์ เห็นแก่ที่เราเคยร่วมงานกัน ฉันจะยอมให้แกออกไป

ตราบเท่าที่ส่งสิทธิ์ควบคุมกระสวยให้ฉัน รวมถึงความลับของซาก

โบราณ หากไม่ พวกแกจะถูกทรมานจนตายหากตกอยู่ในมือของ

กองทัพปฏิวัติดาวอังคาร หากแกไม่ตกลง อย่าตําหนิว่าฉันโหดร้าย”

เฟิ งหลินพูดอย่างโหดเหี้ยม

“แกเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวอยู่แล้ว แกซ่อนตัวเก่งจริง ๆ !” แฟรงก์หรี่

ตาลง “ดูเหมือนฉันจะประเมินแกตํ่าไป จับมันมาให้ฉัน!”

ทันใดนั้นแฟรงค์ก็คํารามและทหารโคลนก็รีบจู่โจมทันที

แฟรงค์กับไอค์หัวเราะอย่างเย็นชา ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นฉากการ

ตายของเฟิ งหลินแล้ว

อย่างไรก็ตาม ดวงตาของพวกเขาก็ต้องเบิกกว้างในวินาทีต่อมา

“อย่าเสียเวลาเลย” เฟิ งหลินหัวเราะและต่อยหมัดของเขา

รอยประทับค้อนพลิกฟ้า!

เขาปลดปล่อยคลื่นสังหารในทันที แรงหมัดของเขาหนักเหมือน

ภูเขาขนาดยักษ์

โคลนเหล่านั้นถูกพัดหายไปและตายทันที

“อะไรกัน?” ไอค์ตกตะลึงและโมโห “ยิงเขาให้ตายเดี๋ยวนี้!”

ทหารโคลนที่เหลือหยิบปื นรังสีออกมาและยิงเฟิ งหลิน

ลําแสงอันร้อนระอุพุ่งออกไป แต่เฟิ งหลินกลับยืนนิ่งอยู่ในตําแหน่ง

เดิม ร่างกายของเขาเปล่งประกายแวววาวราวกับหยกที่ปิ ดกั้นรังสี

พลังงานได้อย่างสมบูรณ์

ปัง ปัง ปัง!

เขาสะบัดนิ้วของเขาและสร้างกระแสอากาศไร้รูปร่างซึ่งทําหน้าที่

เหมือนกระสุนที่พุ่งเข้าหานักวิจัยมนุษย์ไข่ ร่างกายของพวกเขาเต็ม

ไปด้วยบาดแผล ในไม่ช้าก็เต็มไปด้วยเลือดและล้มลงกับพื้น

เฟิ งหลินไม่แสดงความเมตตาและเริ่มต้นการสังหารหมู่!



ตอนที่ 117 สังหารหมู่

“รีบหนีเร็ว!”

“เขาบ้าไปแล้ว!”

“ความผันผวนของพลังงานที่แผ่จากตัวเขาถึงระดับของผู้บ่มเพาะ

ดวงดาวแล้ว!”

กระสุนอากาศพุ่งผ่านอากาศ บินเร็วเท่ากับกระสุนจริงและมีความ

หนาแน่นเท่ากับเม็ดฝน พลังทําลายล้างสูงมาก

นักวิจัยเหล่านั้นพากันหนีตาย

ทรงพลังดุจเสือ เกรี้ยวกราดดุจหมาป่ า

วินาทีที่เฟิ งหลินเผยสีหน้าที่แท้จริง เขาก็เริ่มเข่นฆ่า

นักวิจัยเหล่านี้ดูเหมือนลูกไก่ แต่จริง ๆ แล้วทุกคนคือฆาตกรเลือดเย็น

ไม่รู้ว่าพวกเขาฆ่ามนุษย์ไปกี่คนแล้ว

เฟิ งหลินไม่รู้สึกผิดบาปอะไรกับการฆ่าพวกเขา

หากต้องฆ่าคนชั่วบ้าง บางครั้งพวกเขาก็อาจต้องเลวร้ายยิ่งกว่า

“พอแล้ว!” เฟิ งหลินลงมือเร็วเกินไป ก่อนแฟรงค์จะตอบสนองทัน

เขาก็เห็นคนของบริษัทยาถูกฆ่าทีละคน แฟรงค์โกรธจัด “ยักษ์เขียว

ฆ่าเขาซะ!”

ครืน!

ยักษ์เขียวสูงกว่าสามเมตรกระโดดออกมา ทําให้พื้นสั่นสะเทือน ร่าง

สูงใหญ่มันขวางตรงหน้าเฟิ งหลิน ทําเหมือนโล่รับกระสุนอากาศ

นักวิจัยเหล่านั้นที่โชคดีพอยังรอดรีบคลานหนี พวกเขาอยากอยู่ให้

ไกลจากเฟิ งหลินที่สุด

“เฟิ งหลิน ฉันประเมินแกตํ่าไป!” แฟรงค์ผลักทุกคนและเดินออกมา

เขามีแว่นไฮเทคตรงตาขวาและกําลังสแกนเฟิ งหลิน ในไม่ช้าข้อมูล

ก็ปรากฏและแฟรงค์ก็อุทานด้วยความตกใจ “สถานะพลังชีวิต 45.8

ไม่คิดเลยว่าคนหนุ่มอย่างแกจะมาถึงช่วงกลางแล้ว น่าประทับใจ

มาก!”

แม้เขาจะชมเชย แต่นํ้าเสียงเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร

เครื่องสแกนพลัง!

เฟิ งหลินรู้ทันทีและเข้าใจว่ามันคืออุปกรณ์ต่อสู้ระดับสูง ช่วยให้ผู้ใช้

สแกนสถานะของฝ่ ายตรงข้ามได้ มันสามารถบอกได้ว่าเขาอยู่ใน

ช่วงกลางของอาณาจักรผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว

ทุก ๆ ก้าวในอาณาจักรผู้บ่มเพาะดวงดาวถือว่าเป็นก้าวใหญ่ พลังชีวิต

ฐานพวกเขาจะเพิ่มเป็นสิบเท่า

ตัวอย่างเช่น ผู้บ่มเพาะฝึกหัดที่มีสถานะพลังชีวิตเริ่มจาก 1 ผู้บ่มเพาะ

ดวงดาวจะเริ่มจาก 10 และผู้บ่มเพาะระดับสูงจะเริ่มจากร้อย

ทุกอาณาจักรบ่มเพาะสามารถแบ่งได้เป็นห้าขั้นเล็ก ๆ ตามสถานะ

พลังชีวิต ขั้นต้น กลาง ท้าย สมบูรณ์ และสูงสุด

สําหรับผู้บ่มเพาะดวงดาวที่มีพลังชีวิตตํ่ากว่าสามสิบ พวกเขาถือเป็น

ขั้นต้น หากเป็น 30 – 60 พวกเขาจะถือเป็นขั้นกลาง 60 – 90 ถึงจะ

เป็นขั้นท้าย

สําหรับผู้บ่มเพาะขั้นท้าย การควบคุมความสามารถพันธุกรรมพวก

เขาได้มาถึงจุดอิ่มตัวและสามารถเลือกวิวัฒนาการเป็นยีนขั้นสูงขึ้น

ได้

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาถึงมาขีดจํากัดของอาณาจักรบ่มเพาะ

แล้ว

หากสถานะพลังชีวิตเกินกว่า 90 นั่นจะถือเป็นขั้นสมบูรณ์

ขั้นนี้ คนจะสามารถควบคุมความสามารถยีนได้อย่างสมบูรณ์และ

ยีนพวกเขาจะสามารถกระตุ้นพลังชีวิตพวกเขาได้ ช่วยให้สถานะ

พลังชีวิตพวกเขาเพิ่มถึงขั้นที่มีน้อยคนจะบรรลุได้

แต่นี่ไม่ใช่ขั้นสุดท้าย เหนือกว่าขั้นสมบูรณ์ยังมีขั้นสูงสุด

หากพลังชีวิตมาถึง 100 ที่อาณาจักรผู้บ่มเพาะดวงดาว พวกเขาจะเจอ

กันขีดจํากัดและจะไร้เทียมทานที่ระดับนั้น

“ผู้จัดการ ฆ่าเขาซะ!” ไอค์คําราม หัวใจเขารู้สึกเหมือนกําลังหลั่ง

เลือด “นักวิจัยเหล่านี้สิ้นเปลืองทรัพยากรเราไปมาก แต่เขาก็ฆ่าไป

หลายคน”

แฟรงค์จ้องศพบนพื้นขณะที่สีหน้าเขากลายเป็นบิดเบี้ยว

คนเหล่านี้แตกต่างจากพวกที่ถูกโยนเข้าลาวา คนเหล่านี้ถือเป็นหัว

กะทิอย่างแท้จริง การเสียไปสักคนก็ทําให้หัวใจเขาเจ็บปวดแล้ว

“ยักษ์เขียว ฆ่าเขาซะ!” ดวงตาของแฟรงค์ทอประกายเย็นชา

โฮก!

ยักษ์เขียวคํารามขึ้นฟ้า ระดับเสียงคํารามนี้น่ากลัวมาก พลังเสียงทํา

ให้การไหลของอากาศทั้งหมดปั่นป่ วน

วินาทีต่อมา ยักษ์เขียวก็กลายเป็นสัตว์ป่ าและวิ่งสี่ขาหาเฟิ งหลิน

“อืม?” เฟิ งหลินจ้องมันเงียบ ๆ มันราวกับหลุมดําที่สามารถกลืน

วิญญาณของเป้าหมายได้ พลังงานจิตเขาหลั่งไหลออกมา ยิงไป

ข้างหน้าจากใจกลางระหว่างคิ้ว

ยีนจิตเขามีถึง 9 จุดแล้ว ทําให้พลังจิตของเฟิ งหลินทรงพลังมาก มัน

เหมือนดาบที่มองไม่เห็น เจาะเข้าไปในจิตใจของยักษ์เขียวตรง ๆ

ยักษ์เขียวโหยหวน และมือมันก็กุมหัวแน่นขณะกลิ้งกับพื้น หัวมัน

รู้สึกปวดราวกับสมองมันกําลังเปลี่ยนเป็นกาว

“เกิดอะไรขึ้น?” แฟรงค์ตกใจ “รีบฆ่าไอเด็กเหลือขอนั่นซะ!”

“ฆ่าคนขาวเหล่านั้นซะ!” เฟิ งหลินออกคําสั่ง

สีหน้าของยักษ์เขียวบิดเบี้ยว มันไม่รู้ว่าจะฟังคําสั่งไหน

“รีบฆ่าเขา!” แฟรงค์สั่งต่อ

“ฆ่าพวกมันให้หมด!” เฟิ งหลินทําเหมือนกัน

ทั้งสองผลัดกันออกคําสั่ง ซึ่งเจาะไปในจิตใจของยักษ์เขียว

ยักษ์เขียวไม่รู้ว่าจะฟังใคร หนึ่งคือสัญชาตญาณในการเชื่อฟัง อีกหนึ่ง

คือคําแนะนําไร้รูปร่างที่ยังดังก้องในหัวมัน ทําให้มันอยากทําตาม

คําสั่งด้วย

สีหน้ามันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ดวงตาคล้ายวัวมันแดงกํ่า ความบ้าคลั่ง

ในสายตามันเพิ่มขึ้น ทันใดนั้น มันก็คํารามและแปลงเป็นสัตว์ป่ าที่

เริ่มทําลายไปทั่ว

ยักษ์เขียวกลิ้งไปมาและกระโดด หมัดขนาดใหญ่ของมันเหมือน

ค้อนทุบทุกอย่างที่ขวางหน้า พลังน่าสะพรึงกลัวของมันปลดปล่อย

มาเต็มที่ ทําให้พื้นสั่นสะเทือนไม่หยุด

นักวิจัยอ่อนแอที่รอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้โชคร้ายมาก พวกเขาถูก

ทุบจนกลายเป็นแผ่นเนื้อ

หลังการฆ่าล้างของเฟิ งหลิน ยักษ์เขียวก็เริ่มสืบสาน

“แกทําได้ยังไงกัน?” สีหน้าแฟรงค์น่ากลัวมาก เขาพบว่าเขาสูญเสีย

การควบคุมยักษ์เขียวไปแล้ว “ฉันฝังชิปในสมองของมัน ทําไมมัน

ถึงฟังคําสั่งของแกแทน?”

“ยากมากหรือไง?” เฟิ งหลินหัวเราะเสียงเย็น “แกคิดจริง ๆ ว่าฉันจะ

ไม่มีมาตรการเตรียมไว้เมื่อฉันทํายายักษ์เขียว? ยักษ์เขียวไม่ใช่แค่

เครื่องจักรสังหาร มันมีชีวิต!”

“การควบคุมจิต!” แฟรงค์เข้าใจทันที “ฉันควรคิดถึงเรื่องนี้แต่แรก

ในเมื่อแกปลุกยีนจิต มันก็ไม่ควรยากเกินสําหรับแกที่จะเรียนรู้การ

สะกดจิต”

ไอค์ผู้อยู่ข้าง ๆ เห็นแจ้ง “ในอดีต แกก็ใช้มันกลับฉันด้วยสินะ?”

เขาพลันนึกถึงความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีต่อเฟิ งหลินก่อนหน้า ทุกอย่าง

แปลกมาก

เฟิ งหลินหัวเราะเสียงเย็น “แกยังไม่ถือว่าโง่!”

“แก..” สีหน้าของไอค์น่าเกลียด

ปัง!

เฟิ งหลินกระทืบเท้าอย่างแรง ถีบตัวขึ้นอากาศ พุ่งใส่แฟรงค์

เขาสะบัดมือ มือหนึ่งเป็นหยาง อีกมือเป็นหยิน ทั้งหยินและหยาง

รวมกัน ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไร้ขอบเขต

ระลอกคลื่นไร้รูปร่างแผ่ออกไป

แฟรงค์และไอค์ได้รับผล ถูกชักจูงด้วยการเปลี่ยนแปลงของท่ามือ

นับไม่ถ้วน จิตสํานึกพวกเขาเริ่มดําดิ่ง

รอยประทับกระจกหยินหยาง

เฟิ งหลินลงมือทันที อยากถือไพ่เหนือกว่า

เพื่อปราบกลุ่มโจร มันต้องเด็ดหัวหัวหน้า!”

ตราบเท่าที่เขาจัดการแฟรงค์ได้ ศึกนี้ก็จะจบ เฟิ งหลินไม่อยาก

เสียเวลา

เปลือกตาของไอค์เริ่มหนัก เขากําลังจะหลับ

“ตื่น!” แฟรงค์คําราม แสงสาดออกจากตาเขาขณะที่เขาตื่นจากอาการ

มึนงงและรีบทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับเฟิ งหลิน

เมื่อเห็นแบบนี้ เฟิ งหลินก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่แปลกใจเกินไป

ยีนจิตเป็นแค่ยีนพื้นฐาน แม้เขาจะเสริมมันถึง 9 จุด มันก็ไม่อาจ

สะกดจิตผู้บ่มเพาะดวงดาวที่ปลุกยีนแรกเริ่มได้

เนื่องจากการเดิมพันล้มเหลว เฟิ งหลินจึงเปลี่ยนเทคนิค ทั้งสองมือ

เขากลายเป็นไร้กระดูก คล้ายกับงูตัวใหญ่ที่ฉกใส่แฟรงค์ อยากจับ

เขา

รอยประทับเชือกบ่วงเทพ!

แขนเขาพันกันเป็นเกลียมปม มันรู้สึกแม้กระทั่งเทพในตํานานก็ยัง

ถูกจับได้ กระบวนท่านี้ทําให้เป้าหมายถูกพันธนาการ

“ปัง!”

ลําแสงสีขาวสว่างวูบ

“อะไรกัน?” เฟิ งหลินพบว่ามีปี กสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏบนหลังของ

แฟรงค์ ขนบนปี กแหลมดุจมีดและแข็งเหมือนเหล็กเย็น พวกมัน

ห่อหุ้มแฟรงค์ไว้เป็นการปกป้อง

เฟิ งหลินคว้าเข้ากับปี กนั่นขณะเกิดประกายไฟ

แต่ด้วยการกระพือปี ก พลังมหาศาลก็ผลักเฟิ งหลินออกไป

หวืด หวืด

ปี กกระพืออย่างรวดเร็ว ทําให้เกิดพายุขนาดเล็ก แฟรงค์ลอยขึ้น จ้อง

มองเฟิ งหลินด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวเงินและ

ไม่มีอารมณ์ใดบนหน้า เขาเหมือนทูตจากสวรรค์ เหยียดมองมายัง

โลกมนุษย์



ตอนที่ 118 ยีนเทวฑูต

ปี กสีขาวบริสุทธิ์สะบัดทําให้เกิดลมแรง

แฟรงค์เปลี่ยนเป็นทูตสวรรค์และพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ มองลงมาที่

เฟิ งหลินอย่างเด็ดเดี่ยว

“ยีนเทวฑูต!” เฟิ งหลินมองด้วยความตกใจ ระแวดระวังเต็มหัวใจ

“ตามที่คาดจากอัจฉริยะที่ฉันจ้างมา แกสามารถบอกได้ทันทีว่ายีนที่

ฉันปลุกขึ้นมาคืออะไร!” แฟรงก์รู้สึกว่าชัยชนะอยู่ในมือของเขา เขา

หัวเราะเยือกเย็น “เฟิ งหลิน ถ้าแกคิดว่าสามารถทําทุกอย่างที่ต้องการ

ได้เพียงเพราะแกอยู่ในช่วงกลางของอาณาจักรผู้บ่มเพาะระหว่าง

ดวงดาว แกก็ไร้เดียงสามากเกินไปและประเมินตนเองสูงเกินไป แก

ประเมินรากฐานของบริษัทยาไจแอนท์ตํ่ากว่าความจริง ในเมื่อแกรู้

ผลของยาโบราณ ฉันจะไม่กินมันได้ยังไง?หลังกินมัน ฉันก็ปลุกยีน

นี่ขึ้นมา นี่คือยีนแรกเริ่มขั้นผันแปร!แกควรรู้สึกภูมิใจที่ทําให้ฉัน

ต้องเผยพลัง ต่อไป เตรียมตัวตายได้!”

“แกพูดไร้สาระมากเกินไป!” เฟิ งหลินขัดจังหวะอย่างเย็นชา ไม่ยอม

ล่าถอย

ศัตรูทุกคนในภาพยนตร์เสียชีวิตเนื่องจากพวกเขามักพูดมากเกินไป

ใครสนใจถ้าแฟรงค์มียีนเทวฑูตหรือยีนปี ศาจ ตราบใดที่เขาปิ ดกั้น

เส้นทาง เฟิ งหลินจะไม่แสดงความเมตตา

เขาไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากมนุษย์นก เนื่องจากกรณีนี้เราก็มา

กําจัดนกตัวนี้เสียก่อน

กรงเล็บมังกรวัชระ!

มือของเฟิ งหลินขยุ้มเป็นกรงเล็บขึ้นมา เขากรีดมันอย่างแรงทําให้

กรงเล็บกระจายไปทั่วอากาศโจมตีคู่ต่อสู้ของเขา

แฟรงก์กําลังลอยอยู่ในอากาศและมีสีหน้าเย่อหยิ่ง เขาไม่ได้ตระหนัก

ถึงความรวดเร็วและความดุร้ายจากการโจมตี ในไม่ช้ารอยเลือดก็

ปรากฏบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขาล้มลงกับพื้น

“แกกล้าดียังไง!” เขาบังคับตัวเองลอยขึ้น ผมและใบหน้าของเขาเต็ม

ไปด้วยฝุ่น จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปในอากาศอีกครั้งและคํารามด้วย

ความโกรธ “แก เตรียมตัวตาย!”

ปี กของเขากระพือปี กเต็มที ขณะที่ขนนกของเขาเปล่งประกายและ

ลุกตั้งขึ้นทันที มันยิงออกมาเหมือนสายฝนเล็งไปที่เฟิ งหลิน

เฟิ งหลินต้องการหลบ แต่ในทันใด แรงกดที่หนักหน่วงเหมือนภูเขา

ยักษ์ก็จู่โจม จํากัดการเคลื่อนไหวของเขา

ยีนแรงโน้มถ่วง!

เฟิ งหลินจําได้ถึงความสามารถทางพันธุกรรมอื่น ๆ ที่แฟรงก์มีได้

ชัดเจน แฟรงค์ควบคุมการเคลื่อนไหวของเขา ทําให้เขาไม่สามารถ

หลบการโจมตีได้

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาจึงเลือกที่จะไม่หลบ เขาวางแขนไว้ตรงหน้าอก

ทําหน้าที่เป็นเกราะป้องกันจุดสําคัญของเขาในขณะที่ผิวของเขาตึง

ตัว เงาดุจหยก

ปัง ปัง ปัง!

เสียงปะทะกันของโลหะคล้ายกับพายุหนัก

ขนพุ่งเข้าหาเฟิ งหลิน แต่เมื่อกระทบกัน ทั้งหมดก็งอและร่วงลงกับ

พื้นแทน

นอกเหนือจากเสื้อผ้าของเฟิ งหลินที่ขาดรุ่งริ่ง เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ

เลยแม้แต่น้อย

“อะไรกัน?” รอยยิ้มบนใบหน้าของแฟรงค์หายไป

เฟิ งหลินปลุกยีนที่ทําให้ร่างกายแข็งแกร่งอย่างงั้นหรอ?

ในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาวมากประสบการณ์ การตัดสินของแฟรงค์

ไม่เลว เขาสามารถบอกได้ทันทีว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของยีนลิงหิน

ความแข็งแกร่งของร่างกายเฟิ งหลินเกินความคาดหมายของเขา

แม้แต่ขนของเขาที่แข็งเหมือนเหล็กก็ไม่สามารถทะลุร่างกายของ

เฟิ งหลินได้

ขนมีความหนาแน่นเท่ากับเม็ดฝน ด้วยการโจมตีของขนนกจํานวน

มาก เฟิ งหลินต้านรับจนร่างกายเปลือยเปล่า

ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาถูกเปิ ดเผย กล้ามเนื้อของเขามีสัดส่วนที่

ดีมากและมีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนลิงโบราณ เต็มไปด้วยพละกําลัง

และความดุร้าย

ในฐานะผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว เฟิ งหลินไม่สนใจสถานการณ์ที่

เกิดขึ้น เขายังทําการโจมตีต่อไปโดยไม่คํานึงถึงร่างกายที่เปลือยเปล่า

ของเขา “เข้ามา!”

ทุกหมัดต่างปล่อยพลังหมัดโปร่งใสที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

กระแสอากาศระเบิดเป็นปื นใหญ่อากาศใส่ท้องฟ้า

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นอย่างนี้แฟรงค์ก็โอบปี กของ

เขาเพื่อป้องกันร่างกาย

เมื่อเห็นว่าขนของเขาไม่สามารถทําอะไรเฟิ งหลินได้ แฟรงค์ก็ขยับ

มือเป็นรูปร่างคล้ายไม้กางเขนและวางไว้ตรงหน้าอกเขา เกิดเป็น

แสงรวมกันที่ฝ่ ามือ

“คนบาปที่ดูหมิ่นเลือดของพระเจ้า ฉันจะตัดสินบาปในนามของ

พระองค์ ภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์นี้ จงเตรียมรับการชะล้าง!” แฟรงค์

สวดคาถาเสียงดังและผลักฝ่ ามือออกไป

หมัดแสงเทวฑูต!

ลําแสงสีขาวบริสุทธิ์ส่องประกายราวกับแสงแห่งสวรรค์ ปกคลุมไป

ทั่วโลกมนุษย์

แฟรงค์ปล่อยหมัดออกไป และเสาแสงก็ปกคลุมเฟิ งหลิน

เฟิ งหลินรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงไปทั่วตัว เหมือนเขาถูกเข็ม

แทง แสงศักดิ์สิทธิ์เหมือนเนื้องอก ฆ่าเซลล์ทั้งหมดที่สัมผัสกับมัน

ภายใต้รังสีแสงแห่งการลงทัณฑ์ เฟิ งหลินเหมือนสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่

กําลังถูกชําระล้าง

“ตามที่คาดไว้จากยีนแรกเริ่มขั้นผันแปร!” เฟิ งหลินถอนหายใจ นี่

เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับผลกระทบจากพลังงานมหาศาลเช่นนี้ และ

มันก็ทําให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก

เฟิ งหลินกระตุ้นยีนลิงหินเต็มที่ ทําให้ไฟและนํ้าทําอะไรเขาไม่ได้

ความแวววาวทําหน้าที่เป็นเกราะป้องกันแสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่อนุญาต

ให้แสงศักดิ์สิทธิ์ซึมเข้ามาในร่างกายเขาได้

แฟรงค์ยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ปี กของเขากระพือ ขณะที่เขาบินไป

ในอากาศ ลําแสงศักดิ์สิทธิ์ยิงมาจากทุกทิศทาง

เฟิ งหลินถูกขังอยู่ข้างใน หลังไม่เห็นการเคลื่อนไหว แฟรงค์ก็คิดว่า

การชําระล้างได้ผล

หลังจากนั้นครู่หนึ่งแฟรงค์ก็หุบปี กของเขาลง แต่ขณะที่เขากําลังจะ

ลงสู่พื้น ความรู้สึกอันตรายก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของเขา เขารีบทะยาน

ขึ้นฟ้าตามสัญชาตญาณ

ความสว่างของแสงศักดิ์สิทธิ์จางหายไป เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่า

ยืนอยู่บนพื้นดิน ถ้านี่ไม่ใช่เฟิ งหลิน แล้วมันจะเป็นใคร?

“อะไรกัน แสงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ผล?” แฟรงค์ตกใจ

เฟิ งหลินมียีนแบบไหนกันแน่?ทําไมเขาถึงไม่ได้รับบาดเจ็บ?

แฟรงค์เริ่มตื่นตระหนก

“ลงมา!” ในช่วงเวลาที่แฟรงค์กําลังฟุ้งซ่านอยู่ เฟิ งหลินก็กระโดด

ขึ้นไปในอากาศ มือของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บอย่างรวดเร็ว

แฟรงค์ไม่สามารถป้องกันได้ทัน ขนจํานวนมากถูกฉีกออกจากปี ก

เขา ทําให้กลายเป็นปี กไร้ขน

“แม้ว่าแกจะเป็นนก ฉันก็จะกําจัดขนทั้งหมดของแก ทําให้แกกลายเป็น

นกหัวล้าน!” เฟิ งหลินพูดอย่างน่ากลัว มือกรงเล็บของเขาเฉือนอย่าง

โหดเหี้ยม

โล่แสงศักดิ์สิทธิ์!

แฟรงค์เปิ ดใช้งานโล่แสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อป้องกัน

ตรงกันข้าม เฟิ งหลินได้เปรียบอยู่แล้วโดยธรรมชาติ เขาไม่คิดออมมือ

แข็งแกร่งของเขาดูไร้ขีดจํากัด เขาโจมตีด้วยกรงเล็บอย่างต่อเนื่อง

โจมตีซํ้า ๆ จนกระทั่งแสงโล่ศักดิ์สิทธิ์จางลง และแตกสลายหายไป

หลังจากการโจมตีสั้น ๆ เขาสามารถเห็นจุดบอดของยีนเทวฑูตได้

ผู้ที่ครอบครองยีนนี้จะสามารถบินและควบคุมพลังงานของแสง

ศักดิ์สิทธิ์ได้

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้ไร้จุดอ่อน ยีนเทวฑูตนี้แค่ยีนขั้นผันแปร มัน

ไม่ใช่ขั้นสมบูรณ์

ยิ่งไปกว่านั้นแฟรงค์มีปี กเพียงหนึ่งคู่เท่านั้นและถือได้ว่าเป็นเกรดที่

ตํ่าที่สุดในบรรดาเทวฑูต ความสามารถของเขาไม่ได้แข็งแกร่งมาก

และแน่นอนว่านี่เป็นจุดอ่อน

เฟิ งหลินค้นพบว่าแม้ว่าสถานะพลังของแฟรงค์จะสูงกว่าเขาอย่าง

เห็นได้ชัด เขาก็ยังคงลอยอยู่ในอากาศ ไม่กล้าลงมา

หมายความว่า? แฟรงค์กลัวการต่อสู้ระยะประชิด!

เขาไม่กล้าเข้าใกล้เฟิ งหลินเพราะร่างกายของเขาอ่อนแอ

เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของเฟิ งหลินก็สว่างขึ้น ในเมื่อแกไม่ยอมลง

มา งั้นก็ให้ฉันขึ้นไปแทนละกัน!

กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปหลังจากรวบรวมพลัง เขากระโดดขึ้นไป

ในอากาศด้วยความเร็วที่มากกว่าแฟรงค์

ร่างของเขากลับหัวกลับหาง คล้ายดาวตกที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มือ

ข้างหนึ่งของเขาสะบัดไปข้างหน้าเหมือนแส้

เปรี้ยะ!

ก่อนที่แส้จะมาถึง รอยสีขาวก็เกิดขึ้นในอากาศแล้ว ราวกับอากาศถูก

ฉีก

รอยประทับแส้กระหนํ่าเทพ!

ดวงตาของเฟิ งหลินล็อคที่เป้าหมาย ใบหน้าของเขาอํามหิต

เป็นเทวฑูตจากตํานานแล้วยังไง?

ฉันจะทุบตีจนแกตกลงมาสู่โลกมนุษย์!



ตอนที่ 119 ลงมา!

รอยประทับแส้เต็มไปด้วยพลัง

ร่างของเฟิ งหลินเหมือนดาวหาง พุ่งลงมาจากฟ้า แขนข้างหนึ่งเขา

เป็นแส้ อยากฟาดใส่มนุษย์นกให้ลงจากสวรรค์ ทุบเขาลงจากพื้น

ด้วยการหักปี ก

บูม!

แส้มือชนกับโล่แสง มันเหมือนการปะทะระหว่างหอกที่แข็งแกร่ง

สุดกับโล่ที่แข็งแกร่งสุด ทําให้เกิดคลื่นกระแทกขนาดใหญ่

เปรี้ยง!

สีหน้าของแฟรงค์เปลี่ยนไปไม่หยุด กลายเป็นตื่นตระหนก

รอยแตกที่มองเห็นได้ตาเปล่าสามารถเห็นได้บนโล่แสง

“ลงไป!” รอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏบนหน้าเฟิ งหลิน แส้ตวัดออกด้วย

พลังเผด็จการ ฟาดใส่ปี กของแฟรงค์อย่างไร้ปราณี

ปี กข้างหนึ่งเขาหักทันที

จากนั้นเฟิ งหลินก็จับแฟรงค์กดลงไป

แฟรงค์หวาดกลัวมากและดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง อยากหนีจากมือของ

เฟิ งหลิน อย่างไรก็ตาม มือของเฟิ งหลินก็เหมือนงู รัดแน่นรอบตัว

เขา ทําให้แฟรงค์ไม่อาจหลุดได้ ในความเป็นจริง ยิ่งเขาดิ้นรน เขาก็

ยิ่งหายใจลําบากและกําลังขาดอากาศ

หากเป็นแบบนี้ต่อไป แฟรงค์รู้ว่าเขาต้องตายแน่ เขารู้สึกกลัวและตื่น

ตระหนกมาก

ในฐานะผู้ครอบครองยีนเทวฑูต เขารู้ว่าความสามารถเขาเหนือลํ้าสุด

ยีนเทวฑูตสามารถควบคุมแสงศักดิ์สิทธิ์และให้ความสามารถการบิน

แต่ร่างเขาไม่ถือว่าแข็งแกร่งเลย หากเขาเจอกับคนในระยะประชิด

มันก็ยังไม่ลําบากมาก แต่โชคร้ายที่ยีนของเฟิ งหลินเป็นประเภท

เสริมแกร่งร่างกายจนทําให้ร่างเขาแข็งแกร่งมาก มันแข็งจนไม่อาจ

อธิบายได้ว่าเป็นมนุษย์

นอกจากนี้ หากพวกเขากระแทกพื้น เขาจะไม่ตายดีแน่

“สมควรตาย!” เขาพยายามดิ้นให้หลุด แต่มือของเฟิ งหลินก็แน่น

หนามาก ทําให้เขาไม่อาจขยับได้

ทันใดนั้น เขาก็สูดหายใจลึกและเปิ ดปาก รังสีแสงสีขาวบริสุทธิ์อัด

แน่นอยู่ภายใน

ปื นใหญ่แสงศักดิ์สิทธิ์!

จากนั้นแฟรงค์ก็อ้าปากกว้างและพ่นลําแสงออกมา

เฟิ งหลินหลับตาตามสัญชาตญาณ ด้วยระยะประชิดเช่นนั้น เขาไม่มี

ทางหลบได้ ตาเขายังรู้สึกเจ็บปวดแม้จะปิ ดเปลือกตาแล้ว

โอกาสดี!

เมื่อเห็นว่าเฟิ งหลินหลับตา แฟรงค์จะปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้ได้

ยังไง?

เขาทุ่มพลังงานทั้งหมดของยีนกับปี ก ทันใดนั้น พลังงานแสงก็

ระเบิดออกมา ทําให้เกิดพายุปั่นป่ วนขณะพยายามดิ้นรนเป็นอิสระ

มือของเฟิ งหลินถูกผลักออก และแฟรงค์ก็รีบคว้าโอกาสยืดระยะห่าง

ระหว่างพวกเขา เขากระพือปี กถี่ยิบ อยากหนีให้ไกลจากเฟิ งหลิน

ที่สุด

“เพลิงศักดิ์สิทธิ์!”

“แสงศักดิ์สิทธิ์!”

“การลงทัณฑ์แห่งแสง!”

แฟรงค์บินสูงขึ้นอากาศ ห่างจากพื้นประมาณร้อยเมตร สูงจนเป็นไป

ไม่ได้ที่เฟิ งหลินจะเข้าใกล้เขา ทั่วร่างเขาเปล่งแสงและปลดปล่อย

การโจมตีอย่างต่อเนื่อง

แสงศักดิ์สิทธิ์ไร้รูปร่างระเบิดจากปี กเขา เปลี่ยนเป็นพลังงานประเภท

ต่าง ๆ แสง ไฟ สายฟ้า

ปริมาณของแสงนั้นกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร เฟิ งหลินถูกฝังอย่าง

สมบูรณ์ภายในพลังงานแสงอีกครั้ง

ต้านทานผลของพลังงานได้แล้วยังไงละ? แฟรงค์อยากดูว่าเฟิ งหลิน

จะยังต้านทานได้อีกไหม

ในฐานะผู้บ่มเพาะ แฟรงค์เข้าใจจุดหนึ่งดี ในความสามารถทั้งหมด

ของโลก มีความแตกต่างเดียวระหว่างผู้อ่อนแอและผู้แข็งแกร่ง ไม่มี

เรื่องเช่นอยู่ยงคงกระพัน

หากมีความสามารถอยู่ยงคงกระพันจริงในโลก ผู้ครอบครองก็คง

เป็นพระเจ้า!

แต่เด็กเหลือขอนี่จะเป็นพระเจ้าได้?ไร้สาระ!

ทุกความสามารถย่อมมีขีดจํากัด เขามั่นใจมากในพลังของยีนเขา

และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะอ่อนแอกว่ายีนอื่น

แฟรงค์ปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์สุดกําลัง อยากใช้การโจมตีท่วมท้นเพื่อ

บดขยี้การป้องกันของเฟิ งหลิน

ในความเป็นจริง การคาดเดาเขาถูกต้อง

แสงไร้ขอบเขตได้ปิ ดล้อมเฟิ งหลินทุกทิศทาง เฟิ งหลินรู้สึกเหมือน

ตกไปในมหาสมุทรแห่งพลังงานและพร้อมจมตลอด

แม้ยีนลิงหินจะทรงพลังและมีความสามารถทนไฟและนํ้า มันก็ยังมี

ข้อจํากัด

นอกจากนี้ พลังงานที่ปลดปล่อยและความหนาแน่นของแสงยังสูง

จนเหนือเกินขอบเขตที่เฟิ งหลินจะต้านได้

เขารู้สึกว่าแม้กระทั่งผิวเขา ซึ่งคล้ายกับคุณสมบัติของหินกําลังถูก

หลอมละลาย

ความต้านทานเขาไม่แกร่งพอ มันต้องเป็นเพราะพลังรวมของยีนลิง

หินไม่สูงพอ!

แบบนั้น งั้นก็เพิ่มจุดพันธุกรรมสิ!

ยีนลิงหินเป็นยีนขั้นแปรผัน ดังนั้นจึงไม่ต่างมากนัก ในเวลานี้ คนที่

อ้างว่าจะได้รับชัยคงเป็นผู้ที่เสริมแกร่งให้ยีนมากสุด

โชคดีที่เฟิ งหลินยังมีจุดพันธุกรรมสองจุดที่เก็บไว้

งั้นก็มาเพิ่มเลย!

เฟิ งหลินลงมือทันที ความแข็งแกร่งของยีนลิงหินเพิ่มจาก 3 เป็น 4

และสถานะพลังชีวิตเขาก็ไต่จาก 45.8 เป็น 54.6 เพิ่มถึง 8.8

เมื่อเสริมจุดพันธุกรรม เฟิ งหลินก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง จากภายใน

กระแสความอบอุ่นกําลังไหลเวียน ช่วยให้เขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ชั้นของแสงสามารถเห็นได้ว่ากําลังแผ่จากผิวเฟิ งหลิน สร้างเป็นกําแพง

กั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ไว้ภายนอก ไม่ยอมให้แทรกซึม

แรงกดดันของเฟิ งหลินลดลงมากและเขาก็ยืนขึ้น แต่ตอนนั้น หอกที่

ก่อตัวจากแสงก็แหวกผ่านเข้ามา!

เฟิ งหลินคว้ามันด้วยมือเดียว บดขยี้ปลายหอกสุดแรง ทําให้มันแตก

สลายเป็นกลุ่มแสง

เขาค่อย ๆ เดินออกจากมหาสมุทรพลังงาน และก็เปล่งประกายไป

ด้วยกลิ่นอายเทวะ

“อะไรกัน?” แฟรงค์ตกใจ ไม่กล้าเชื่อว่าเฟิ งหลินจะไม่บาดเจ็บเลย

ทั้ง ๆ ที่เขาระดมโจมตีไปขนาดนั้น

ยีนเทวฑูต ยีนแรกเริ่มขั้นแปรผันมีความสามารถควบคุมแสง นี่คือ

พลังงานที่น่ากลัวมาก และความแข็งแกร่งของยีนเทวฑูตเขาก็มาก

ถึง 3 จุด

มันเป็นไปได้ยังไง?

แฟรงค์ไม่กล้าเข้าใกล้และยังใช้แสงศักดิ์สิทธิ์โจมตี แต่ตอนนี้ความ

แข็งแกร่งของยีนลิงหินนั้นเหนือกว่าเขา ดังนั้น เฟิ งหลินจึงไม่กลัว

แฟรงค์เลย

ทั้งสองคือยีนขั้นแปรผัน!

แฟรงค์เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นการโจมตีทุกชนิด

สีหน้าเฟิ งหลินยังสงบ ต้านรับทุกอย่างที่เห็น ไม่ว่าพลังงานแสงจะ

รุนแรงแค่ไหน ทั้งหมดก็สลายไปต่อหน้าพลังสัมบูรณ์

แต่ทว่า มันยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชนะในเวลาอันสั้น

พลังการบินเป็นความสามารถทั่วไปของยีนเทวฑูต แต่ตอนนี้ มัน

กลายเป็นปัญหาที่ยากสุดของเฟิ งหลิน

แฟรงค์ลอยสูงในอากาศและเฟิ งหลินก็ไม่มีทางเข้าใกล้ได้ มันเป็น

ปัญหามาก

และดังนั้น ทั้งสองจึงพัวพันกันแบบนี

เฟิ งหลินรู้ว่าพวกเขาต้องรีบจบเรื่อง หากไม่ เมื่อกองทัพปฏิวัติบุก

มาถึง จะไม่มีใครรอดไปได้

เฟิ งหลินไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับกองทัพปฏิวัติอีกต่อไป

เขารู้ว่าแม้กองทัพปฏิวัติจะดูเหมือนไร้เทียมทาน แต่พวกเขาก็ถูก

กําหนดให้ล้มเหลว

นี่เพราะรัฐบาลกลุ่มระบบสุริยะยังไม่เข้ามาแทรกแซง รัฐบาลมีหน่วย

ที่รวมพลังจากทั่วระบบสุริยะ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ วิทยาศาสตร์ และ

เทคโนโลยีหรือทรัพยากร พวกเขาเหนือกว่ากองทัพปฏิวัติมาก!

ต้องรู้ว่าดาวอังคารถือเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่เล็กสุดของระบบสุริยะ

“เอ๊ะ?” เฟิ งหลินกวาดตามอง เขาพลันพบว่าไอค์กําลังยืนอยู่ในตําแหน่ง

เดิม ไอค์ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ ดังนั้น เขาจึงไม่อาจหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้

ได้ไม่ว่ายังไง แต่ทว่า เมื่อพิจารณาว่าเฟิ งหลินและแฟรงค์กําลังปะทะ

เดือดกัน ไอค์มีหรือจะไม่บาดเจ็บเลย?

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!

หรือว่า…

เฟิ งหลินจ้องแฟรงค์ด้วยสายตาล้อเลียน

มันเป็นแฟรงค์ที่ตั้งใจย้ายสนามรบให้ห่างจากไอค์ เพราะไอค์คือ

ผู้ช่วยเขา เขาจึงไม่อยากให้ไอค์ตาย

ตอนนี้เฟิ งหลินตระหนักแล้ว เขาพลันเคลื่อนเข้าหาไอค์

แฟรงค์ยังพบเจตนาของเฟิ งหลินและอดส่งเสียงเตือนไม่ได้

ลําแสงพลังงานยิงลงมา แต่เฟิ งหลินไม่สนใจพวกมัน หลังเข้าใกล้

ไอค์ เขาก็ยกไอค์ขึ้นอากาศด้วยมือเดียวและใช้เขาเป็นกระสอบทราย

โยนเขาไปในทิศทางของแฟรงค์

การโจมตีของแฟรงค์ถูกขวาง หากไอค์ถูกลําแสงโจมตี ร่างเขาจะถูก

ชําระให้บริสุทธิ์

เพียงเมื่อเขาอยากบินไปรับตัวไอค์ เงาร่างของเฟิ งหลินก็กระพริบ

กลางอากาศ เขาใช้ตัวไอค์เป็นกระดานสปริงและถีบตัวขึ้นอากาศ

ร่างของไอค์ถูกถีบลงพื้นด้วยแรงย้อน กระแทกกับพื้นเหมือนปืน

ใหญ่ กระดูกทั่วตัวเขาแหลกละเอียดและหมดลมหายใจตายไป

“น่ารังเกียจ!’แฟรงค์โกรธ แต่เฟิ งหลินกําลังเข้าใกล้เขาเรื่อย ๆ

โล่แสง!

เฟิ งหลินถ่ายพลังจากเอว บิดอย่างแรง และปล่อยการโจมตีแรก ‘หมัด

วัชระสะกดอสูร’และทําให้โล่แสงแตกกระจาย

เฟิ งหลินบิดตัวเขาและสามารถไปโผล่ด้านหลังแฟรงค์ได้ ด้วยแรง

ดึงมหาศาล ปี กเลือดถูกกระชากมาอยู่ในมือเขา

แฟรงค์ร้องโหยหวนขณะตกลงมา

ฟีนิกซ์ที่เสียขนก็ไม่ต่างอะไรกับไก่



ตอนที่ 120 กระสวยอวกาศย่อส่วน

ปี กข้างหนึ่งของแฟรงค์ถูกกระชากขาด

ความสมดุลของเขาจึงพังลง แฟรงค์ร่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว

เขาปวดหลังมากและสิ่งที่ทําให้เขาอับอายมากที่สุดคือเฟิ งหลินขึ้นขี่

เขาอยู่เหมือนกําลังขี่ม้า

เขากระแทกลงกับพื้น และปี กข้างหนึ่งถูกกระชากออกทําให้เกิด

แผลขนาดใหญ่ ส่วนปี กอีกข้างหนึ่งก็หักจากแรงกระแทก

ถึงแม้เขาจะเป็นเทวทูต แต่เขาก็ไม่รู้สึกภูมิใจอีกกับตอนที่ปี กของเขา

ถูกกระชากและร่วงลงมากระแทกกับพื้น

บูม บูม บูม!

เสียงหอบหายใจดังขึ้นพร้อมกับเงาสีเขียวขนาดใหญ่ที่เดินมาและ

ยืนด้านหลังเฟิ งหลิน นี่ไม่ใช่ใครนอกจากยักษ์เขียว

โดยไม่มีแฟรงค์ เฟิ งหลินจึงสามารถสะกดจิตยักษ์เขียวได้อย่าง

สมบูรณ์ เขาสามารถควบคุมยักษ์เขียวได้ตามต้องการ

“เอากระสวยอวกาศมาให้ฉัน และฉันจะไว้ชีวิตแก” เฟิ งหลินพูด

อย่างใจเย็นถึงแม้ว่าแฟรงค์จะหลอกเขา แต่มันก็เป็ นเรื่องจริงที่เขา

ได้รับผลประโยชน์มากมายจากการเข้าร่วมบริษัทยาไจแอนท์

หากเขาต้องการให้เฟิ งหลินไว้ชีวิต มันก็ขึ้นอยู่กับว่าแฟรงค์จะเลือก

ยังไง

ถ้าเฟิ งหลินบังคับแฟรงค์มากเกินไป แหจะขาดและปลาจะตาย และ

เฟิ งหลินก็จะไม่ได้อะไรเลย

“แค่ก แค่ก!” แฟรงค์บาดเจ็บและไอเป็นเลือด

เขาก้มหัวและหัวเราะด้วยเสียงตํ่า “แกคิดว่าแกชนะแล้วสินะ?”

ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมาเสียงดัง ‘ไททัน!”

นํ้าเสียงเขามีทํานองและคําพูดของเขาดูเหมือนคําสาปโบราณที่

พยายามปลุกชีวิตแสนน่ากลัวขึ้นมา

แคร่ก ๆ!

เฟิ งหลินพบว่าร่างประติมากรรมหินของไททันเริ่มเคลื่อนไหว

เปลือกตาของมันค่อย ๆ เปิ ดออก มีแสงศักดิ์สิทธิ์จาง ๆ อยู่ข้างใน

มันกําลังตื่นขึ้น!

เฟิ งหลินรู้สึกตกใจมาก

ก่อนหน้านี้ มีมนุษย์ทดลองคนหนึ่งได้ปลุกปี กแห่งลมและพายุจน

ทําให้คนธรรมดากลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว อย่างไรก็ตาม

มนุษย์ทดลองคนนั้นถูกฆ่าโดยไททัน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าระดับความ

แข็งแกร่งของไททันนี้เป็นถึงผู้บ่มเพาะระดับสูงแล้ว แม้ว่าไททันนี้

อาจจะด้อยกว่า แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่เฟิ งหลินสามารถเอาชนะได้

ในตอนนี้

แต่เนื่องจากแฟรงค์ไม่ใช้ไททันก่อนหน้านี้ มันน่าจะหมายความว่า

การปลุกไททันไม่ใช่เรื่องง่าย แสดงว่าต้องมีเวลาและขั้นตอนที่

แน่นอน

แฟรงค์คํารามอีกครั้ง “อัฟวาเช่น!(ตื่น)” แฟรงค์คําราม

เฟิ งหลินพลันรู้สึกทันทีว่าพลังพันธุกรรมในร่างกายของแฟรงค์

กําลังพุ่งออกไปหาไททัน เพื่อปลุกสัญชาตญาณชีวิตของไททัน

เฟิ งหลินไม่ยอมโง่และปล่อยให้แฟรงค์ทําตามขั้นตอนได้สําเร็จ เฟิ ง

หลินบีบมือเขา เสียงเรียกพลันหายไป เขาบีบคางของแฟรงค์อย่าง

แรงจนแฟรงค์ไม่อาจอ้าปากได้ ดวงตาของแฟรงค์เบิกกว้าง เต็มไป

ด้วยความกังวล

การเคลื่อนไหวของไททันเองก็หยุดนิ่งเช่นกัน

แฟรงค์ออกแรงขัดขืนและคางของเขาก็กลับไปอยู่ที่ตําแหน่งเดิม

“อัฟวาเช่น! (ตื่น!)” แฟรงค์แผดเสียงร้อง! ไททันขยับอีกครั้งดวงตา

ของมันทอประกายเรืองกล้า

เฟิ งหลินบีบคางของแฟรงค์อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าแฟรงค์ขัดขืน เฟิ งหลิน

ก็ไม่สิ้นเปลืองคําพูด เขาบิดคางของแฟรงค์กลับไปตําแหน่งเดิมและ

เมื่อเห็นว่าแฟรงค์กําลังจะตะโกน เขาก็บิดมันอีกครั้ง

เป็นอย่างนี้ซํ้าไปซํ้ามาจนปากของแฟรงค์บวม เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้

อีกต่อไปที่จะปลุกไททัน ดังนั้นเขาจึงหยุดดิ้นรน

“ในที่สุดแกก็เรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง?” เฟิ งหลินบีบคางของเขากลับมาอยู่

ในตําแหน่งที่ถูกต้องอีกครั้ง และจ้องตาของแฟรงค์ “ส่งกระสวย

อวกาศให้ฉัน และฉันจะอนุญาตให้แกออกจากที่นี่ได้!”

แฟรงค์ยังคงนิ่งเงียบ เขาเพียงแค่จ้องมองเฟิ งหลินอย่างโหดเหี้ยม ตา

ของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ความรู้ที่เก็บไว้ในกระสวยอวกาศ ข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ เป็น

ความหวังสุดท้ายของบริษัทยาไจแอนท์ จะให้ยอมให้ได้ยังไง?

หากกล่าวว่ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารเป็นกองทัพที่ทําลายฐานปัจจุบัน

ของบริษัทยาไจแอนท์ เฟิ งหลินก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ทําลายความหวัง

สุดท้ายที่บริษัทยาไจแอนท์จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ในใจเขามีแต่ความเกลียดชังต่อเฟิ งหลิน เขาจะไม่ยอมเปิ ดเผยอะไร

ทั้งนั้น

“แกไม่อยากพูดงั้นสิ?” เฟิ งหลินหัวเราะเยือกเย็น “แกไม่มีทางเลือก”

เขาขยับนิ้วมือ ในขณะที่ระลอกพลังไร้รูปร่างแผ่ออกจากเขา แทรก

ซึมเข้าไปในหัวของแฟรงค์

แฟรงค์มองหน้าเขาด้วยความหวาดกลัว เขาลืมความจริงที่ว่าเฟิ งหลิน

เชี่ยวชาญการสะกดจิต

ทันใดนั้นท่าทางของเฟิ งหลินก็เปลี่ยนไป กลายเป็นรอยประทับแส้

กระหนํ่าเทพ

ฮ่าห์!

เขาถอนหายใจ พลังที่เขาปล่อยออกมาโหดเหี้ยมมาก พลังจิตที่เขา

ปล่อยเข้าไปเปลี่ยนรอยประทับฝ่ ามือกลายเป็นอะไรบางอย่าง สี

หน้าของแฟรงค์บิดเบี้ยว เขารู้สึกว่าการป้องกันทางจิตของเขากําลัง

พังทลายและจิตใจของเขาก็สับสนวุ่นวาย

หลังจากนั้นท่าทางของเฟิ งหลินก็เปลี่ยนไปเป็น รอยประทับหยิน

หยางทําให้คนที่เห็นงุนงงตกอยู่ในภาพลวงตา

แสงในตาของแฟรงค์ค่อย ๆ เปลี่ยนไป

เฟิ งหลินใช้รอยประทับแส้กระหนํ่าเทพเพื่อทําลายการป้องกันทาง

จิตของแฟรงค์ และใช้รอยประทับกระจกหยินหยางเพื่อสะกดจิต

แฟรงค์อย่างสมบูรณ์

“กระสวยอวกาศอยู่ที่ไหน” เฟิ งหลินถามด้วยเสียงตํ่า

“กับฉัน!” แฟรงค์พูดพึมพํา

“แกเหรอ?” เฟิ งหลินตกใจมากสถานการณ์เป็นแบบนี้ได้ยังไง?

กระสวยอวกาศขนาดยักษ์จะซ่อนอยู่ในร่างกายได้ยังไง

อย่างไรก็ตาม แฟรงค์ถูกสะกดจิตอย่างสมบูรณ์และเขาจะเชื่อฟังทุก

อย่าง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะโกหก

แววตาของเฟิ งหลินเปล่งประกาย เขายังคงถามเพิ่มเติมว่า “มันอยู่ที่

ไหนกันแน่”

แฟรงค์ยื่นมือออกมา นิ้วมือข้างหนึ่งของเขามีแหวนขนาดเล็กที่แผ่

กลิ่นอายเทคโนโลยี

“นี่คือแหวนกระสวยอวกาศของฉัน! มันเป็นกระสวยอวกาศที่สามารถ

ย่อขนาดได้ ถ้าคุณสวม มันจะซิงค์ข้อมูลทางพันธุกรรมเข้ากับกระสวย

โดยอัตโนมัติ หากใส่รหัสผ่านที่ถูกต้อง คุณจะได้รับสิทธิ์สูงสุด

รหัสผ่านคือ : wycwds20181210 …”

แฟรงค์หยุดต่อต้านอย่างสมบูรณ์และเปิ ดเผยรหัสผ่านอย่างไม่ปกปิ ด

อะไรเลย

เฟิ งหลินหยิบแหวนออกมาจากนิ้วมือของเขาและสวมมัน เขาสามารถ

รู้สึกว่ามีเข็มเล็ก ๆ จากแหวนทิ่มนิ้วเขา เขาเหลือบมอง สิ่งเล็ก ๆ นี่

เป็นเทคนิคทางพันธุกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการเชื่อมเข้ากับ

ผู้ใช้

เขาไม่ได้ใช้ความสามารถทางพันธุกรรมของเขา ในไม่ช้าแหวนก็

ได้รับข้อมูลทางพันธุกรรมของเขา

“การเชื่อมโยงทางพันธุกรรมสําเร็จ!” หลังจากที่สําเร็จ เฟิ งหลินก็

เริ่มป้อนรหัสผ่านเพื่อรับสิทธิ์ในระดับสูงสุดหลังจากนั้นก็สิ้นสุด

การเชื่อมต่อ ข้อมูลปรากฏตรงหน้าของเฟิ งหลินทันที

ดวงตาของเฟิ งหลินเปล่งประกาย เขาเข้าใจว่าแฟรงค์ไม่ได้โกหก

จริง ๆ นี่เป็นกระสวยอวกาศที่ย่อขนาดได้

ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการย่อ กระสวยอวกาศจึงถูกเก็บไว้

ในพื้นที่เล็ก ๆ และสามารถนําติดตัวไปได้ทุกที่ โดยปกติแล้ว

เทคโนโลยีนี้ใช้สําหรับจักรกลและอุปกรณ์ไฮเทคขนาดใหญ่เช่น

กระสวยอวกาศ

เทคโนโลยีดังกล่าวไม่ควรมาอยู่กับระบบสุริยะที่ล้าหลัง!

เป็นไปได้ไหมว่ายังมีความลับอื่น ๆ ของบริษัทยาไจแอนท์อีก พวก

เขาได้รับการสนับสนุนจากจักรวรรดิดวงดาว?

เฟิ งหลินเริ่มสงสัยและเมื่อเขาพร้อมที่จะถามเพิ่มก็มีเสียงก็ดังขึ้น

เฟิ งหลินเหลือบมอง และเห็นว่าปากของแฟรงค์เต็มไปด้วยเลือด เขา

กัดลิ้นตัวเอง

ในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาว ไม่ว่าพลังแห่งการสะกดจิตจะมีประสิทธิภาพ

เพียงใด สัญชาตญาณของเขาจะเตือนว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่ช้าก็

เร็ว เขาก็คิดวิธีปลุกตัวเองได้

“แกคิดว่าแกได้รับชัยชนะไปแล้วจริง ? ฉันอยากให้แกตาย!” แฟรงค์

พูดออกมาทีละคําอย่างมุ่งร้าย

ครืนน

ตาของยักษ์ส่องแสงอีกครั้งราวกับมันได้ชีวิตคืน หมัดยักษ์ของมัน

ทุบหลอดทดลองและพูดด้วยเสียงเย็นชา

“เจ้าของที่ได้รับอนุญาตกําลังพบกับอันตรายร้ายแรงที่คุกคามถึง

ชีวิต เข้าสู่โหมดการปลุกอัตโนมัติ”

เฟิ งหลินรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมีวิธีที่สองในการ

ปลุกไททัน เขาคํานวณผิด!

เทพเทียมตนนี้ตื่นขึ้นแล้ว!


ตอนที่ 121 สู้กับเทพเทียม

ครืน

ไททันยักษ์สูงกว่าห้าเมตรหลุดออกจากกรงขังและพุ่งออกมา มัน

เปล่งรัศมีดุดัน และความกดดันที่ท่วมท้นราวกับกระแสนํ้าไหลท่วม

การแสดงออกของเฟิ งหลินเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

“เร็ว ฆ่ามันเดี๋ยวนี้!” แฟรงค์กัดฟันและออกคําสั่ง

สีหน้าของเฟิ งหลินเปลี่ยนไป เพียงแค่เขาเตรียมพร้อมที่จะฆ่าแฟรงค์

ทันใดนั้นยักษ์ก็เคลื่อนไหว

ในขณะที่มือของเฟิ งหลินสัมผัสกับคอของแฟรงค์ เขาสามารถจบ

ชีวิตของแฟรงค์ได้ทันทีด้วยการบีบเบา ๆ

แต่ในพริบตา … บูม!

เกิดเสียงดังสนั่นเมื่อยักษ์พุ่งเข้าใส่

ความรู้สึกอันตรายเกิดขึ้นในหัวใจของเฟิ งหลิน เขาไม่มีเวลาฆ่า

แฟรงค์และต้องเลือกหลบ

หมัดยักษ์ทะลุผ่านช่องว่างถัดจากร่างกายของเขา ขูดเขาเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามเพียงแค่เล็กน้อยนี้ก็เพียงพอที่จะทําให้เฟิ งหลินรู้สึก

“อะไรกัน?” เฟิ งหลินก้มหัวลงแล้วมองไปที่ผิวหนังของเขาซึ่งเดิมที

แข็งเหมือนเหล็กแต่ตอนนี้บาดเจ็บ มันถลอกจากแรงเฉียด เผยให้

เห็นเนื้อสีแดง มีเลือดไหลออกมา

ไททันนี้เป็นไปอย่างที่คิด แค่หมัดเดียวก็น่ากลัวมากแล้ว

เขาไม่มีเวลาที่จะประหลาดใจ ไททันพุ่งเข้าหาอีกครั้ง เปลี่ยนเป็ นเฮ

อริเคน ใคร ๆ ก็จินตนาการได้ว่าไททันนั้นเร็วแค่ไหน มันมาถึงเฟิ ง

หลินในพริบตา

“เร็วมาก! ความเร็วของไททันนี้เกินกว่า 100 เมตรในหนึ่งวินาที มัน

เร็วกว่าฉันมาก!” เฟิ งหลินประหลาดใจอย่างมาก ด้วยความเร็วเช่นนั้น

มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบ

รอยประทับธงแรกเริ่ม!

มือของเฟิ งหลินขยับเป็นวงกลมตรงหน้าหน้าอกเขา เหมือนเกราะ

ขนาดมหึมาที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกัน แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกราว

กับว่าถูกค้อนขนาดเท่าภูเขาทุบ

ปัง!

กระดูกของเขาส่งเสียงดังเอี๊ยดราวกับมันเกินขีดจํากัดของนํ้าหนักที่

สามารถทนได้ ความเจ็บปวดซึมลึกลงไปในกระดูกของเขา พร้อม

เกิดรอยแตก

ทั่วร่างเขาถูกเหวี่ยงไปในอากาศเหมือนกระสุนปื นใหญ่

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เฟิ งหลินจะรักษาเสถียรภาพของตัวเองได้ เงา

ของไททันก็พุ่งตรงมาหาเขา ไม่มีอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าของไททัน

มือของมันกําหมัดและต่อยออกมาเหมือนค้อนทุบใส่เฟิ งหลิน

เฟิ งหลินถูกทุบลงบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม

เขาไม่มีเวลาที่จะคิด เขากระโดดออกมาตามสัญชาตญาณแล้วถอย

กลับอย่างเร็ว

พลังของไททันนั้นดุร้ายมากและหมัดของมันก็เหมือนค้อนที่โจมตี

อย่างต่อเนื่อง

เฟิ งหลินหลบซ้ายและขวา อยู่ในสภาพที่น่าสงสารมาก เขาถูกฝ่ าย

ตรงข้ามกําราบอย่างสมบูรณ์

ไททันเป็นลูกหลานของสวรรค์และโลกในเทพนิยายกรีก พวกมัน

เคยปกครองโลกและเป็นเทพโดยธรรมชาติ

ถึงแม้ว่าไททันตรงหน้าเขานี้จะเป็นเพียงอาวุธประดิษฐ์ เป็นอาวุธ

สังหารที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่มันก็สามารถปลุกยีนไททันได้และได้รับ

ความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งของยีนทําให้มันน่ากลัวอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ งหลินถูกฝ่ ายตรงข้ามได้เปรียบในด้านความ

แข็งแกร่งและความเร็ว

อาวุธสังหารนี้ถือเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง นี่เป็นการปราบปรามที่เกิด

จากความแตกต่างในอาณาจักรการบ่มเพาะ ไม่ว่าเทคนิคของเฟิ งหลิน

จะยอดเยี่ยมแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะได้ มีแต่ความ

พ่ายแพ้

ไททันไม่ได้ใช้เทคนิคอะไรนอกจากความแข็งแกร่งและความเร็ว

ของมัน แต่ก็ทําให้เขาหวาดกลัว

มันเหมือนกับวิธีที่ลุคเคยต่อสู้กับเฟิ งหลินในอดีต เทคนิคของลุคนั้น

เหนือกว่าเฟิ งหลิน แต่เฟิ งหลินใช้ความแข็งแกร่งทําลายลุค

นี่คือสิ่งที่เฟิ งหลินรู้สึกอยู่ในขณะนี้ การปราบปรามนํามาซึ่งความ

แตกต่างในการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเขา

หากไม่ใช่เพราะยีนลิงหินยกระดับการป้องกันขึ้น ร่างเขาอาจแหลก

สลายไปแล้ว

“ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไม่ได้” เฟิ งหลินพึมพําเงียบ ๆ เขามีจุดอ่อน

เยอะมาก! เขารู้ว่าถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาจะไม่สามารถยืนหยัด

ต่อไปได้

แต่ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสได้พักหายใจ เขาไม่สามารถทําอะไรได้

ในช่วงเวลาที่อันตราย ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างได้ เขาลืมความ

สามารถนี้ไปได้ยังไง

สายตาของเขาเริ่มสงบลงเมื่อสมองหลั่งอะดรีนาลีนออกมาและไหล

เวียนไปทั่วร่างกาย เขาสามารถสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแตกต่างไป

มุมมองโลกของเขาเปลี่ยนไป และมันก็เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกําลัง

เคลื่อนไหวช้าลง

กระสุนเวลา!

ความเร็วของไททันทําให้เขามองตามไม่ทันในตอนแรก อย่างไรก็

ตามตอนนี้เขาสามารถเห็นหมัดได้ แม้ว่าหมัดจะยังคงเร็วมาก แต่เขา

ยังสามารถตอบสนองได้

เฟิ งหลินหลบอย่างคล่องแคล่ว ทุกครั้ง เขาสามารถหลบได้เฉียดฉิว

แค่พอให้เขาได้หายใจ

แต่อยากชนะ? นั่นยังไม่มีหวัง

กระสุนเวลาอยู่ได้แค่ยี่สิบวินาที ระยะเวลาสั้นมาก!

หลังมันผ่านไป เขาจะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง

ดังนั้น ในระยะเวลานี้ เขาต้องทําสิ่งต่าง ๆ ให้มากพอย้อนคืน

สถานการณ์

เขาจ้องมองยักษ์เขียวที่ยืนอย่างโง่เง่า ทันใดนั้น พลังงานจิตก็แผ่ออก

จากเขา “สะกดจิต!”

ยักษ์เขียวดูว่างเปล่า มันคํารามอย่างบ้าคลั่งและรีบพุ่งใส่ไททัน

แม้ยักษ์เขียวจะสูงกว่าสามเมตร มันก็เหมือนเด็กเมื่อนําไปเทียบกับ

ไททันที่สูงกว่าห้าเมตร แต่โชคดี พลังของยักษ์เขียวสูงพอ

เมื่อมันลงมือ ไททันก็พบว่าสถานการณ์ค่อนข้างลําบาก

มีความคลุ้มคลั่งบนหน้าของยักษ์เขียว มันเหมือนสัตว์ป่ าคลั่ง พุ่งใส่

อย่างไร้ความกลัว ชกหมัดและกัดด้วยฟัน ยักษ์เขียวทําทุกอย่างเพื่อ

ขัดขวางไททัน

แม้ไททันจะขับไล่ยักษ์เขียวไปได้ทุกครั้ง ไททันก็มีเลือดออกแล้ว

เลือดสีเขียวไหลออกจากแผล แต่ไททันดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวด

ขณะสู้กับยักษ์เขียวต่อ

แรงกดดันของทางฝั่งเฟิ งหลินลดลงมาก

“อะไรกัน? ยักษ์เขียว กลับมานี่!”เมื่อเห็นยักษ์เขียวกําลังก่อกวน

แฟรงค์ก็โกรธมาก ไมโครชิปที่ฝังในหัวของยักษ์เขียวทําให้มันทํา

ตามคําสั่ง การเคลื่อนไหวมันช้าลงและมันก็ถูกส่งลอยออกไปด้วย

หมัดของไททัน

เฟิ งหลินคาดการณ์ไว้แล้ว เนื่องจากเขาได้รับกระสวยอวกาศแล้ว

แฟรงค์จึงไม่เป็นประโยชน์อีก การปล่อยเขาให้มีชีวิตมีแต่จะทําลาย

แผนเขา

เฟิ งหลินไม่แสดงความเมตตาใด ๆ เมื่อเห็นไททันและยักษ์เขียว

กําลังสู้ เขาก็ออกสนามรบและรีบวิ่งไปหาแฟรงค์ กุมคอแฟรงค์ไว้

และค่อย ๆ เพิ่มแรงกดบนนิ้ว เลือดไหลลง ย้อมพื้น

ดวงตาของแฟรงค์เบิกกว้างและมีเสียงลมรั่วจากคอเขา อนิจจา จากนั้น

เขาก็ตายไป ก่อนเขาจะตาย เขาสามารถเห็นได้แค่ดวงตาคู่หนึ่งที่จ้อง

เขาไม่ไหวติง

เขาไม่คิดว่าเฟิ งหลินจะโหดเหี้ยมขนาดนี้

เขายังอยากรู้เกี่ยวกับความลับของชีวิตเพิ่ม

เขาจะตายแบบนี้?

ตอนนี้โดยปราศจากการแทรกแซงจากแฟรงค์ ยักษ์เขียวจึงกลับสู่

การควบคุมของเฟิ งหลิน ภายใต้การสะกดจิตเขา ยักษ์เขียวพุ่งใส่

ไททันซํ้าแล้วซํ้าเล่า

เนื่องจากแฟรงค์ตายแล้ว เฟิ งหลินจึงหันความสนใจไปยังไททัน

ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถเริ่มกําจัดศัตรูตนนี้ได้

เฟิ งหลินพุ่งไปและเริ่มแสดงเทคนิคทั้งหมดของเขา รอยประทับแส้

กระหนํ่าเทพ รอยประทับค้อนพลิกฟ้า รอยประทับดาบสังหารเทพ

ทุกการโจมตีเขาทรงพลังมาก สร้างเป็นชุดเสียงระเบิดเมื่อพวกมัน

กระแทกเข้ากับไททัน ราวกับเขากําลังสู้กับยักษ์โลหะ

ชั่วระยะเวลาหนึ่ง มนุษย์และยักษ์เขียวกําลังสู้กับเทพเทียมอย่าง

ดุเดือด

ไททันตนนี้มีพลังสูงมาก หมัดมันกวาดออกมา ขวางกําลังทั้งสองได้

มันยังได้เปรียบด้วย

ตอนนี้ ดวงตาของไททันกวาดไปมองศพของแฟรงค์ จากนั้นแสงสี

แดงอันตรายก็เปล่งประกายอยู่ภายใน เสียงหุ่นยนต์ดังขึ้น

“เจ้าของสิทธิ์ตายแล้ว ยกเลิกข้อจํากัดด้านพลังงาน เป้าหมาย : ฆ่า

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดรอบ ๆ ดัชนีพลังงานกําลังเพิ่มขึ้น 50% 51%

52%…!”

บูม!

พลังงานขนาดใหญ่แผ่จากไททันเหมือนพายุ ก่อนหน้านี้ ความ

แข็งแกร่งมันถูกจํากัด ตอนนี้พลังทั้งหมดของมันปะทุ ให้ความรู้สึก

ที่สามารถพลิกโลกได้

เฟิ งหลินถูกบังคับให้ถอยโดยแรงกดดันไร้รูปร่าง มันยากที่เขาจะ

จ้องศัตรูตรง ๆ ได้

คําพูดจากไททันทําให้เขารู้สึกตกใจมาก

มันปรากฏว่าไททันทรงพลังเกินไป ก่อนหน้านี้ ไททันอยู่ในสภาวะ

จํากัด ใช้พลังได้แค่ 50% แต่ถึงกระนั้น ทุกการเคลื่อนไหวก็ยังมาก

พอจะสร้างความเสียหาย

ตอนนี้เจ้าของอย่างแฟรงค์ตายแล้ว มันจึงไม่มีอะไรมาผูกมัด พลัง

มันปะทุออกมาอย่างสมบูรณ์

แรงกดดันในอากาศดูเหมือนจะแข็งขึ้น ทําให้เฟิ งหลินยากจะหายใจ

นี่คือการสะกดข่มในด้านความแตกต่างด้านพลังชีวิต

นี่คือพลังที่แท้จริงของผู้บ่มเพาะระดับสูง?

หัวใจของเฟิ งหลินจมลงในหุบเขา เขารู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยให้เป็น

แบบนี้ต่อได้ ไม่งั้นเขาจะต้องตาย

แสงในดวงตาเขาทอประกายและพลังงานจิตก็ยิงออกจากใจกลางคิ้ว

เขาอยากลองทําแบบเดียวกับยักษ์เขียว ควบคุมไททันภายใต้การ

สะกดจิตเขา ใครจะรู้?หากมันสําเร็จ เขาก็อาจมีไททันเป็นผู้ช่วยได้

แต่ทว่า ในไม่ช้าเขาก็พบว่าพลังงานจิตเขาเหมือนจะพุ่งชนกับ

กําแพงเหล็ก

ไททันลืมตา พลังงานจิตเดียวกันสะท้อนกลับหาเฟิ งหลิน แถมยัง

ทรงพลังขึ้น ส่งเขาลอยออกไปในอากาศ

พลังของไททันเปรียบเสมือนเทพและปี ศาจ!


ตอนที่ 122 พลังของไททัน

เหล่าไททันเป็นเทพโดยธรรมชาติ การป้องกันทางจิตของพวกมันอยู่

เหนือการประเมินของเฟิ งหลิน

การสะกดจิตของเฟิ งหลินไม่เพียงแต่ไม่เป็นผลต่อไททันเท่านั้น แต่

มันเด้งกลับเข้าหาตัวเขาเองด้วยทําเขาปวดหัวราวกับถูกขวานฟัน

การสะกดจิตของเขาล้มเหลว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

เหล่าไททันเป็นเทพเจ้าแห่งยักษ์ในตํานาน

เมื่อขีดจํากัดของไททันถูกปลดปล่อย ร่างมหึมาของมันยิ่งใหญ่โต

ขึ้นจนสูงถึงสิบเมตร ตอนนี้ไททันเหมือนภูเขาลูกเล็ก ๆ

เฟิ งหลินโฟกัสที่พลังงานของเขา เขารู้สึกเสียวกระดูกสันหลัง การ

เคลื่อนไหวของเขาถูกแช่แข็ง

นี่เป็นการหยุดยั้งเนื่องจากความแตกต่างของพลังชีวิต เหมือนหนูที่

เจอแมวและกระต่ายที่เจอเสือ ก่อนที่พวกมันจะเข้าใกล้กับนักล่า

หัวใจของพวกมันจะสั่นเทาจากความกลัว

“แกฆ่าเจ้าของที่มีสิทธิ์ แกต้องตาย!” เสียงที่เยือกเย็นและไร้อารมณ์

ยิ่งไททันแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ จิตสังหารของมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ซึ่งทําให้เฟิ งหลินรู้สึกราวกับว่าเขาถูกฝังอยู่ในอาณาจักรหิมะและ

นํ้าแข็ง ทําให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

กระนั้นยักษ์เขียวก็ยังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไรใน

โลกนี้ แต่เดิมยักษ์เขียวตัวนี้เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ยิ่งยักษ์

เขียวต่อสู้นานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งสูญเสียเหตุผล

กลัวหรอ?

ไม่มีความคิดนี้ในใจของยักษ์เขียว

ยักษ์เขียวกระทืบพื้นอย่างหนัก ทําให้พื้นดินสั่นสะเทือน กระโดด

ขึ้นไปในอากาศและหมัดของมันก็ถูกบีบอัดเข้าด้วยกันคล้ายกับค้อน

ยักษ์ที่ทุบลงมาจากท้องฟ้า มันมุ่งเป้าไปที่หัวของไททัน

อย่างไรก็ตาม ตาของไททันมีแสงเย็นยะเยือก มือยักษ์ยื่นออกมา

อย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์และสามารถจับยักษ์เขียวได้

ไททันจับยักษ์เขียวไว้ในมือเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก

ยักษ์เขียวมีสีหน้ามุ่งร้าย ดิ้นรนอย่างดุเดือดเพื่อให้หลุดจากการถูก

จับและต่อต้าน

ไททันบีบมือทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อบีบยักษ์เขียวให้ตาย ยักษ์เขียว

กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงดังลั่น ร่างยักษ์เขียวถูกบีบจนจะ

กลายเป็นขนมพายเนื้อ

ในเวลาเดียวกัน ลําแสงสีแดงที่ลุกเป็นไฟก็ถูกปล่อยออกมาจากตา

ของไททัน เกิดอุณหภูมิร้อนแผดเผาอบยักษ์เขียว

อย่างไรก็ตาม ผิวหนังของยักษ์เขียวกลับบิดไปมาไม่หยุดยั้ง และ

กลืนแสงสีแดงที่เต็มไปด้วยรังสีเข้าสู่ร่างกายของมันทันที ร่างกาย

ของมันใหญ่ขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อขยายตัว เส้นเลือดเขียวก็กระเพื่อม

เพราะพลังที่เพิ่มขึ้นจนดิ้นหลุดจากการจับของไททันได้

“หืมม?” ไททันขมวดคิ้ว สีหน้าโกรธแค้น คล้ายกับธรรมชาติของ

มนุษย์

แม้ว่ามันจะไม่มีอารมณ์ แต่มันคือเทพเทียมที่สติปัญญาเหนือกว่า

มนุษย์ธรรมดา!

ในทันใด ไททันค้นพบว่ายักษ์เขียวสามารถดูดซับรังสีเพื่อเพิ่มความ

แข็งแกร่งได้ แน่นอนมันไม่ทําอะไรโง่ ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ให้

แมลงตัวเขียวนี่

เปรี๊ยะ ๆ ๆ!

หลังจากนั้นสายฟ้าก็พุ่งออกมาจากตาของไททัน ฟ้าผ่าแรงสูงทําให้

ยักษ์เขียวกรีดร้อง ร่างของมันเปลี่ยนเป็นสีดํา

นี่คือสิ่งที่ยีนยักษ์เขียวด้อยกว่ายีนลิงหิน แม้ว่ายักษ์เขียวจะสามารถ

ดูดซับพลังงานรังสีเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้ การป้องกัน

ของมันด้อยกว่ายีนลิงหิน

ทั้งสองต่างเป็นยีนหลุดพ้น แต่ยักษ์เขียวไม่มีทางต้านพลังของไททัน

ได้ มันเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ต่อสู้กับผู้ใหญ่

เฟิ งหลินมองอย่างสงบ ยักษ์เขียวเป็นยีนหลุดพ้นขั้นกลาง และไททัน

ก็เป็นยีนหลุดพ้นด้วยเช่นกัน แต่ทําไมถึงแตกต่างกันขนาดนี้? ความ

แตกต่างของขั้นทําให้ความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากขนาดนี้? หรือ

ไททันเป็นยีนหลุดพ้นขั้นสูง?

ไม่น่าใช่ อย่างน้อยต้องขั้นผันแปรหรือขั้นสมบูรณ์!

เฟิ งหลินรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง ไททันกับเขาอยู่กันคนละชั้นอย่าง

สมบูรณ์ ไททันจะทําให้คนที่เผชิญหน้ากับมันรู้สึกหมดหนทางและ

สิ้นหวัง

แต่เฟิ งหลินไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่าย ๆ จนกว่าจะสุดทางจริง ๆ เขาจะ

ไม่ยอมแพ้

แม้ว่ายักษ์เขียวจะไม่สามารถทําให้ไททันกลัวได้ แต่โชคดีที่สามารถ

ซื้อเวลาให้เฟิ งหลินได้

เฟิ งหลินยืนขึ้น ร่างกายของเขาตึงคล้ายกับทํามาจากหยก ความสามารถ

ทางพันธุกรรมของยีนลิงหินถูกปลดปล่อยถึงขีดสุด

กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปมาก เหมือนภูเขาไฟระเบิด พลังของเขา

เหมือนลาวาปั่นป่ วนพร้อมที่จะปะทุออกมา

ในช่วงเวลาที่อันตรายเช่นนี้ หากเขาเก็บซ่อนอะไรไว้ก็เท่ากับความ

ตาย!

ฮ่า!

เฟิ งหลินหายใจออกและทุบลงอย่างแรงด้วยรอยประทับค้อนพลิกฟ้า

ในขณะนี้ไททันมองลงมาเหมือนมองแมลง

มือข้างหนึ่งบีบยักษ์เขียวเอาไว้ เสียงแหลมดังลั่นราวกับว่าจะบีบ

เนื้อสัตว์ออกมาจากลูกชิ้น

อีกมือก็ปล่อยหมัดออกมาใส่เฟิ งหลิน

บูม!

หมัดชนกันทําให้เกิดคลื่นพลังงานกระจายออกมา

ร่างยักษ์ของไททันที่สูงเกินสิบเมตรสั่นสะเทือนอย่างแรงและ …

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น …

สําหรับเฟิ งหลินเขาถูกกระแทกลงพื้นอย่างหนัก

“เอ๊ะ?” นี่เป็นครั้งแรกที่ไททันส่งเสียงออกมา

ข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่เกิดขึ้นนี้ทําให้มันสั่นคลอน นี่ทําให้เขามองเห็น

ข้อผิดพลาดอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ แต่นี่เป็นเพียงข้อมูลเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม แมลงสีเขียวตัวใหญ่นี่ค่อนข้างลําบากเล็กน้อย!

ไททันไม่สนใจเฟินหลิน ก่อนหน้านี้การระเบิดพลังของเฟิ งหลิน

เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ เท่านั้น

ความสนใจของไททันยังจับจ้องอยู่ที่ยักษ์เขียว

แม้ว่ายักษ์เขียวนั้นจะเป็นอาวุธประดิษฐ์ที่ด้อยกว่า แต่ก็ถือว่าเป็น

สิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาและทําให้ไททันลําบาก

ไททันกําหมัดแน่น และทุบใส่ยักษ์เขียวซํ้า ๆ

ความบ้าคลั่งของยักษ์เขียวไม่ได้ลดน้อยลง มันยิ่งโกรธมากขึ้น

ไททันโมโห อากาศเย็นจัดพ่นออกมาจากปากของมัน ต้องการที่จะ

ตรึงยักษ์เขียวก่อนที่จะใช้เปลวไฟเพื่อย่างยักษ์เขียว ในที่สุด ไททันก็

เรียกกระแสไฟฟ้าออกมา ต้องการเผายักษ์เขียวให้เกรียม …

ไททันใช้การโจมตีทุกรูปแบบ ยักษ์เขียวเหมือนกบสีเขียวที่ถูกจับถูก

ทรมานทุกรูปแบบไม่ว่ายักษ์เขียวจะมีพลังสูงแค่ไหนก็ไม่สามารถ

ทนได้ ร่างกายของมันเริ่มอ่อนแรงลง

เฟิ งหลินที่เฝ้ามองอยู่ข้าง ๆ รู้สึกประหลาดใจมาก เขารู้สึกโกรธ

เพราะไททันมองเขาด้วยความเหยียดหยาม

ไททันสามารถใช้การโจมตีด้วยพลังทุกประเภทได้อย่างง่ายดาย และ

มีวิธีนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ร่างกายทางกายภาพของไททันยังมีความ

ทนทานสูงมาก ไร้ข้อบกพร่อง อาจกล่าวได้ว่ามันสมบูรณ์แบบ

ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในหัวใจของเฟิ งหลินโดยไม่ตั้งใจ

แต่เขาต้องชนะ เขาไม่สามารถนั่งเฉย ๆ เพื่อรอความตายได้!

เฟิ งหลินจ้องตาของไททัน สิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายแข็งแกร่งและมี

กล้ามเนื้อมากมาย ดวงตาที่นุ่มนวลเป็นจุดอ่อนที่สุด

ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็กระโจนขึ้น เขาเร่งไปข้างหน้า

ยักษ์เขียวยังปล่อยหมัดดิ้นรนไม่หยุด

ฝ่ ามือแปดเหลี่ยม!

เฟิ งหลินใช้กระบวนท่าแปดเหลี่ยม เหยียบบนจุดสัมผัสขณะที่ร่างกาย

ของเขาหมุนอย่างปั่นป่ วน หลบการโจมตีของไททัน เขากระโดดไป

ที่แขนของไททัน หลังจากนั้นขาของเขาก็ขยับอย่างรวดเร็ว

มืออีกข้างของไททันตบไปทั่ว ด้วยใบหน้าที่ดูราวกับกําลังตบแมลงวัน

เฟิ งหลินบิดร่างของเขาไปด้านข้าง หลบไปเรื่อย ๆ วิ่งบนแขนของ

ไททันเคลื่อนไปยังบริเวณหัว

รอยประทับดาบสังหารเทพ!

เขาเข้าใกล้ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

ตาขนาดใหญ่เท่ากับลูกฟุตบอลในที่สุดก็อยู่ตรงหน้าเฟิ งหลิน เขาใช้

นิ้วมือเปลี่ยนเป็นดาบอมตะ

นิ้วมือ แขน ร่างกาย …

ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นดาบที่ไม่มีใครเทียบได้และแทงอย่างโหดเหี้ยม

ฉัวะ!

เลือดสาดไปทั่ว

นิ้วดาบของเฟิ งหลินแทงลึกเข้าไปในดวงตาของไททัน ทําให้เลือด

มากมายไหลออกมา

ในที่สุดไททันก็ชดใช้ความประมาทของมันด้วยตาหนึ่งข้าง

ฝ่ ามือใหญ่กระแทกทันที

หลังจากโจมตีแล้ว เฟิ งหลินก็ล้มเลิกความคิดและเลือกที่จะล่าถอย

ด้วยความรวดเร็ว

ความเจ็บปวดที่รุนแรงทําให้ไททันยิ่งบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้มันโกรธและ

บีบยักษ์เขียวในมือจนละเอียด เสียงแตกดังขึ้นในขณะที่เลือดสีดํา

เขียวมีกลิ่นคาวไหลออกมาจากปากของมัน

เฟิ งหลินตกใจ เขาค้นพบว่าถึงแม้ไททันจะมีตาข้างเดียว แต่ความผัน

ผวนจากพลังชีวิตของไททันนั้นไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ในความ

เป็นจริงมันรู้สึกน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมอีก!

หัวใจของเขาดิ่งในหุบเขา เขาเข้าใจว่าต่อไปเขาจะต้องเผชิญกับ

สถานการณ์ที่สิ้นหวังจริง ๆ


ตอนที่ 123 ไร้ความหวัง

ไททันคือทวยเทพยุคแรกในหมู่เทพของตํานานกรีก พวกเขาถือ

กําเนิดขึ้นจากพระแม่แห่งผืนธรณี ไกอาและสามารถกินสิ่งมีชีวิต

มากมาย พวกเขายังมีพลังปกครองฟ้าและดิน

ไททันคือเผ่าพันธุ์ และก็มีหลายขนาด มีไททันพันตา ไททันร้อย

แขน ไททันมังกร…

แต่ละตนจะมีความสามารถต่างกัน แต่ก็ล้วนทรงพลังถึงขีดสุด ใน

ตํานานกรีก พวกเขาเป็นคู่ปรับของเหล่าทวยเทพแห่งภูเขาโอลิมปัส

เกิดสงครามเทพนับไม่ถ้วน แต่เทพก็ไม่มีทางกําจัดได้อย่างหมดสิ้น

เพราะพวกเขาสืบเชื้อสายของมารดาแห่งโลกอย่างไกอา ตราบเท่าที่

ไกอาไม่ตาย พวกเขาก็จะเป็นที่รักของฟ้าดิน ได้รับพร

และสําหรับเทพเทียมนี้ เขาปลุกยีนไททันและความสามารถก็ช่วย

ให้ควบคุมเวลา สายฟ้า นํ้าแข็ง ไฟและพลังงานทุกประเภทได้ ทําให้

มีวิธีโจมตีนับไม่ถ้วน

หลังกลืนยักษ์เขียว พลังชีวิตของไททันก็พุ่งสูงขึ้น หลังมันดูดซับ

พลังงานของยักษ์เขียว ไททันก็ตัวสูงขึ้นกว่าสิบห้าเมตร

ดวงตาสีเลือดอยู่ในมือของเฟิ งหลิน เขาตึงเครียดมาก

แม้เขาจะสามารถทําให้ไททันบาดเจ็บได้ เขาก็ยังทําให้มันโกรธเช่นกัน

ไททันตนนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น กลิ่นอายที่มันปลดปล่อยมา

เกรี้ยวกราดขึ้น ตาเดียวของมันกวาดไปรอบ ๆ และจ้องลูกตาในมือ

เฟิ งหลิน เปลวไฟแห่งความโกรธผุดในหัวใจมัน

โฮก!

ปากของมันเปิ ด เผยให้เห็นเปลวไฟภายในคอที่กําลังหมุนวน

เฟิ งหลินรีบหลบ แต่ไฟเหล่านี้ก็ราวกับถูกเติมด้วยนํ้ามัน เผาไหม้ทุก

อย่างที่สัมผัสและขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ทําให้เขาพบว่ามันยาก

จะหลบเลี่ยง

วูบ วู้ม

ลมแรงโหมกระหนํ่า ทําให้เกิดพายุลม

เปรี้ยะ เปรี้ยะ ซี่ ๆ

สายฟ้าแลบผ่านอากาศ

ตึง ตึง

นํ้าแข็งเย็นเปลี่ยนเป็นฝน ขู่ว่าจะแช่แข็งทั้งพื้นที่นี้

ไททันใช้พลังเทพเพื่อควบคุมพลังงานทุกประเภท ฝังเฟิ งหลินไว้

ภายใน

เฟิ งหลินรู้สึกว่าอีกไม่นานเขาจะถูกหลอมเป็นเถ้าถ่านโดยพลังงาน

โกลาหลเหล่านี้

ความสามารถทนไฟและนํ้ามาถึงขีดจํากัดอีกครั้ง เขาต้องเพิ่มจุด

พันธุกรรม!

เฟิ งหลินไม่มีเวลาคิด เขาใช้จุดพันธุกรรมแรกเริ่มที่เหลือกับยีนลิง

หัน ทําให้พลังมันเพิ่มจาก 4 เป็น 5 พลังชีวิตเขากลายเป็น 63.2

เพิ่มขึ้น 8.6

กระแสความอบอุ่นปรากฏในส่วนลึกของร่างเขา ไหลเวียนไปทั่ว

ทําให้เขาฟื้นตัว

จากจุดนี้ ทุกคนจําต้องชมเฟิ งหลินที่เก็บจุดพันธุกรรมไว้สํารอง เขา

สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้และช่วยให้เขายืนหยัดได้นาน

ขึ้น

อาการบาดเจ็บเฟิ งหลินหายและความเหนื่อยล้าที่รู้สึกจากการใช้

พลังงานจิตมากไปก็ถูกชะล้าง ตอนนี้ผิวเขาแข็งขึ้น ปิ ดกั้นพลังงาน

จากการแทรกซึม

บูมมม!

หมัดเขาเหมือนฟ้าผ่า สามารถสร้างแรงระเบิดรั้งใหญ่

เฟิ งหลินดีดตัว เคลื่อนที่เหมือนลิง หลบกระแสพลังงานต่าง ๆ

“?”ไททันตกใจ ไม่คิดว่าแมลงที่มันสามารถบดขยี้ได้ง่าย ๆ จะดิ้นรน

เฟิ งหลินใช้ลูกไม้เดิมและรีบหลบ ด้วยการกระโดดครั้งเดียว เขา

กระโดดขึ้นตัวไททัน ปล่อยหมัดรัวไม่หยุดขณะหาจุดอ่อน

ไททันโกรธมาก และสองมือมันก็ทุบไม่หยุด

โชคดี เฟิ งหลินไวมาก เขาเปลี่ยนตําแหน่งเรื่อย ๆ และหลบซ้ายขวา

แถม ยิ่งพลังชีวิตของไททันสูงขึ้น ขนาดตัวมันก็ยิ่งใหญ่ แต่เพราะ

ตรรกะพื้นฐาน ความไวมันจึงลดลง สําหรับเฟิ งหลิน นี่เป็ นเรื่องดี

เขาใช้ขนาดตัวที่เล็กและความว่องไวของเขาเพื่อหลบ

ยิ่งไปกว่านั้น ไททันยังมีตาเดียว เพราะวิสัยทัศน์ลดลงมาก การ

เคลื่อนไหวจึงยิ่งช้า มันยังไม่มีทางทําอะไรเฟิ งหลินได้

เฟิ งหลินอดถอนหายใจไม่ได้กับความโชคดีของเขา ไททันนี้ดูเหมือน

จะมีทักษะรอบด้านยกเว้นโชค มันไม่มีความสามารถฟื้นฟูตัวเอง

หากมี ตาที่บอดมันคงงอกใหม่และจากนั้นเฟิ งหลินคงหมดหวัง

ใช้ทักษะต่อสู้พละกําลัง!

เป็นเวลาหนึ่ง เฟิ งหลินในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาวได้สู้กับไททันที่

เป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงอย่างเท่าเทียม

แต่เฟิ งหลินร้ดีว่านี่แค่ภาพลวงตา!

ตอนนี้ เขาทําได้แค่หลบ มันยากมากที่เขาจะทําร้ายมันได้

ไททันสูงใหญ่มาก ร่างมันยังแข็งเหมือนภูเขาและแกร่งเหมือนหิน

และเหล็ก

เฟิ งหลินปล่อยการโจมตีทุกรูปแบบ ส่งผลให้เกิดเสียงอึกทึกตอนเขา

โจมตี แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางทําลายการป้องกัน

ได้เลย

สําหรับจุดนี้ มันก็เหมือนตอนคนอื่นรู้สึกเมื่อสู้กับเฟิ งหลิน หมด

หนทาง

และตอนนี้เอง หลังไททันเสียเปรียบ มันก็ยอมรับเฟิ งหลินขึ้น มือ

หนึ่งมันปิ ดตาที่เหลือ ไม่อยากให้เฟิ งหลินได้มีโอกาสเข้าใกล้

สําหรับอีกมือ มันไล่โจมตีเฟิ งหลินต่อ

ปัง ปัง ปัง!

พลังของไททันสูงเกินไป เพื่อจับเฟิ งหลิน มันทุ่มสุดตัว กระแทกกับ

ทุกส่วนของร่างมัน ทําให้เกิดเสียงดังสนั่น

ทุก ๆ ฝ่ ามือที่ตบออกไป เฟิ งหลินรู้สึกเหมือนภูเขายักษ์กําลังพุ่งใส่

เขา

ร่างเขาไม่แข็งเหมือนไททัน และเมื่อถูกโจมตี เขาจะกลายเป็นกอง

เนื้อ

เฟิ งหลินหลบไปรอบ ๆ นี่ไม่ใช่การเต้นรําบนลวดเหล็ก มันเหมือน

การเต้นบนดินถล่มแทน หากเขาพลาดเล็กน้อย เขาจะถูกบดขยี้จน

แหลกเละ

ตาของไททันแดงกํ่า ยิงรังสีพลังงานออกมา

มันยังตระหนักว่าเฟิ งหลินมีความสามารถต้านทานผลพลังงาน ดังนั้น

มันจึงเลือกรวบรวมพลังงานเป็นรังสีแสงที่แผดเผาอย่างรุนแรง ช่วย

ให้การโจมตีมีความเร็วสูงสุด

แม้เฟิ งหลินจะไม่กลัวมาก เขาก็ยังไม่ต้านรับเหมือนคนโง่

เขารีบหลบรังสีแสง

รังสีแสงเหล่านี้ร้อนเกินไป และแม้กระทั่งตัวไททันเองก็ไม่อาจ

ต้านทานมันได้ หลังเฟิ งหลินหลบ รอยสีแดงเด่นชัดก็ปรากฏบนผิว

ไททัน มันดูเหมือนถูกเผาจากการใช้รังสีแสงโจมตีเฟิ งหลิน นี่ทําให้

ไททันคํารามด้วยความเจ็บปวด

หัวใจของเฟิ งหลินปั่นป่ วน นี่เป็นโอกาส!

เขารีบพุ่งทะยาน ล่อให้ไททันยิงรังสีแสงเพิ่ม

เฟิ งหลินถูกแสงเฉียดบ้าง แค่การเฉียดเล็กน้อยก็ทําให้เขารู้สึกร้อน

เหมือนถูกเผา

หัวใจเขาจมดิ่ง เฟิ งหลินรู้ว่าหากเขาถูกรังสีแสงโจมตีเขาสักครั้ง เขา

คงบาดเจ็บสาหัส

ท้ายที่สุด ไททันก็พบสิ่งผิดปกติ ด้วยการทําแบบนี้ ไม่ใช่แค่มันจะ

ทําร้ายแมลงตรงหน้าไม่ได้ แต่มันยังทําร้ายตัวเองแทน

แมลงนี้เหมือนหมัดที่กระโดดไปรอบ ๆ ร่างมัน แม้หมัดจะไม่อาจ

ทําร้ายมันได้ มันก็หงุดหงิดมาก

หลังเวลาผ่านไป ไททันก็ยังไม่มีวิธีจับเฟิ งหลิน ไททันเปลี่ยนวิธีและ

ตอนนี้ มันหมุนด้วยความเร็วเหมือนลูกข่าง เพิ่มความเร็วการหมุน

แรงเหวี่ยงจํานวนมากทําให้เฟิ งหลินรู้สึกไม่มั่นคงอย่างยิ่ง รู้สึก

เหมือนจะร่วงหล่นได้ตลอดเวลา

เขาร้องเงียบ ๆ ตระหนักถึงเจตนาของมัน เขารีบใช้สองมือเพื่อจับ

ส่วนหนึ่งของร่างมัน

อากาศส่งเสียงผ่านหู เฟิ งหลินรู้สึกตาพร่ามัวและราวกับเขาไม่อาจ

จับได้แน่น แต่ด้วยการทําแบบนี้ เขายังจํากัดการเคลื่อนไหวตนเอง

แม้ไททันจะยังหมุน สองมือมันก็ขยับอย่างอิสระ พวกมันเคลื่อนไป

ทางเฟิ งหลิน

เฟิ งหลินอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายไม่ว่าจะหลบสองมือหรือจับต่อไป

นี่ก็เหมือนกับความตาย

แต่เมื่อมือของไททันใกล้เขา เขาก็ไม่สนอีก เขาปล่อยมือและพยายาม

ใช้แรงเพื่อกระโดดขึ้น แต่การทําแบบนี้ก็เท่ากับเขาเสียโอกาสที่จะ

ขยับอย่างอิสระเพราะตอนนี้เขาอยู่ในอากาศ

จากนั้นมือที่คล้ายกับภูเขาเล็ก ๆ ตบลงมา

เฟิ งหลินรู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยค้อน กระดูกเขาหัก ร่างเขาบิน

เหมือนกระสุน

จะจบลงแบบนี้งั้นหรอ?

เฟิ งหลินรู้สึกท้อแท้ หัวใจเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ

ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกราวกับหัวเขากระแทกกับของแข็ง เขาสามารถ

เจาะผ่านหลอดกระจกที่เคยใช้ประกอบพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์ได้

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถ

เลือดไหลออกมา เต็มไปด้วยพลังชีวิต ฝังเขาไว้ภายใน ทําลายอวัยวะ

เซลล์และยีนเขา…

นี่เป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างแท้จริง…



ตอนที่ 124 ไม่ยอมแพ้

เลือดพลุ่งพล่านในร่างกายเฟิ งหลิน ทวารทั้งเจ็ดและอวัยวะอื่น ๆ ถูก

แผดเผา เดือดเหมือนลาวา

เฟิ งหลินได้รับบาดเจ็บสาหัส และเลือดที่ไหลออกมามีฤทธิ์กัดกร่อน

ทําให้ภายในรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงราวกับว่าร่างกายของเขากําลังจะเน่า

เขาเรียกพลังจิตครั้งสุดท้ายมาประเมินร่างกายภายในของเขา

เลือดดูเหมือนว่าจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง พุ่งเข้ามาเหมือนปลาปิ รันย่า

เฟิ งหลินเหมือนเหยื่อ มันพุ่งเข้าไปในร่างกายของเขา

เฟิ งหลินรู้สึกว่าพวกมันเป็นเหมือนแมลงตัวเล็กที่บินว่อนในส่วนลึก

ของร่างกายมนุษย์ และแทะยีนมนุษย์เปลี่ยนให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิต

อะไรสักอย่าง

ก่อนหน้านี้เขาหลีกเลี่ยงพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้คาดหวังว่าจะต้อง

มาจบลงแบบนี้

เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ต่อต้าน เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บและกลายเป็นบุตร

ของพระเจ้าที่มีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า

แม้แต่นักวิจัยที่อ่อนแอเหล่านั้นก็สามารถทนพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ได้

และพลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่ามาก มันไม่สมเหตุสมผลที่เขาจะไม่

อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่เฟิ งหลินจะยอมแพ้และไม่ต่อต้าน!

เฟิ งหลินจะยอมแพ้ในสายเลือดของเขาและเปลี่ยนเป็นมนุษย์ไข่ที่น่า

ขยะแขยงนะหรอ?ไม่มีทาง!

นี่เป็นพื้นฐานที่เขามีในฐานะมนุษย์ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับให้เขา

เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าสถานการณ์ของเขาจะเป็นยังไง!

ตัดเรื่องของอารมณ์ออกไป เฟิ งหลินจะไม่เลือกที่จะเปลี่ยนสายเลือด

ของเขาแน่ถ้ามันไม่มีเหตุผล

ตามประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ อารยธรรมฮั่วเซียเป็นอารยธรรม

โบราณเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงดําเนินต่อมาตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุค

เทคโนโลยีและยุคแห่งดวงดาว มันเป็นตํานานที่ยอดเยี่ยมที่สุด

มีตัวละครที่ยอดเยี่ยมมากมายที่สามารถควบคุมกฎธรรมชาติได้

ในการเปรียบเทียบตัวละครจากตํานานของอารยธรรมอื่น ๆ เป็นเพียง

ทาสต่อกฎธรรมชาติ พวกเขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีชื่อเสียง เมื่อ

ประชาชนหมดศรัทธาก็จะไม่เหลืออะไรเลย

เทพสวรรค์และเจ้าเมืองฮั่วเซียพึ่งพาพลังของตนเองและไม่กลัวตก

จากสถานภาพปัจจุบันของพวกเขา

บนพื้นฐานของอิสรภาพและศักยภาพ เส้นทางของตํานานฮั่วเซียจะ

กว้างกว่าเมื่อเทียบกับอารยธรรมอื่น ๆ

มันไม่เป็นไรถ้าเขาไม่รู้เรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เฟิ งหลินคุ้นเคยกับตํานานจากอารยธรรมโบราณต่าง ๆ

เป็นอย่างมาก เขาเลือกที่จะทําสิ่งที่โง่เขลาเช่นนี้โดยละเลยสิ่งสําคัญ

และสนใจสิ่งสําคัญน้อยกว่า!

แน่นอนเขาจะไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแน่!

ดังนั้นเฟิ งหลินจึงไม่ยอมเปลี่ยนเป็นมนุษย์ไข่

การต่อต้านที่แข็งแกร่งของเขาดูเหมือนจะไปกระตุ้นความโกรธแค้น

ของพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์

เลือดของพระเจ้าพลุ่งพล่าน แสดงความโกรธเหมือนคลื่นนํ้าขึ้นลง

ไม่พอใจที่ขัดพระประสงค์ของพระเจ้า

เลือดของพระเจ้าครอบคลุมทั่วทั้งร่างกายของเฟิ งหลินเหมือนแมลง

ชอนไช

เฟิ งหลินนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างใน ปกป้องตัวเอง อย่างไรก็ตามเลือด

ของพระเจ้ายังคงพยายามหาช่องว่างเพื่อเข้าไปในร่างกายของเขา

มันเจ็บปวดอย่างมาก

เลือดของพระเจ้ายังคงหมุนเวียน มันเป็นภาพที่แปลกและน่ากลัว

มาก

แม้แต่ไททันเองก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อเห็นเฟิ งหลินจมลงในพิธี

เลือดศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าที่แข็งกระด้างเหมือนหุ่นยนต์ของมันก็เผยให้

เห็นการระแวดระวัง

เฟิ งหลินซึ่งอยู่ในนั้นรู้สึกระทมทุกข์ยิ่งขึ้น

มันต้องไม่เป็นแบบนี้!

เฟิ งหลินรู้สึกว่าเขาต้องค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังเลือดของพระ

เจ้าและหาวิธีตอบโต้

พลังจิตของเขาถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง และเขาก็เริ่มสแกนภาพที่อยู่

ตรงหน้า มันแปลกและน่ากลัว

เซลล์เม็ดเลือดแดงจํานวนมากปรากฏตัวขึ้น แม้จะเรียกว่าเซลล์ แต่

พวกมันอาจจะเหมาะกับคําว่าจุลินทรีย์มากกว่า

เซลล์เม็ดเลือดแดงเหล่านี้มีปากแหลมงอกอยู่รอบตัว พวกมันอ้าปาก

อย่างดุร้าย

เมื่อพวกมันเข้าไปในร่างกาย มันจะดูดซับเซลล์และทําให้กลายเป็น

รูปแบบอื่น จากนั้นใช้ยีนของพวกมันแทนที่ยีนเดิม

เฟิ งหลินรู้สึกรังเกียจ เมื่อคิดว่านี่เป็นสิ่งที่พิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ทํา!

วิธีการเปลี่ยนยีนทําให้เขานึกถึงหนังสยองขวัญที่เขาเคยดูเรื่อง Dark

Water!

นี่เป็นการเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นสัตว์ประหลาด มันเป็นสิ่งที่เขาทน

ไม่ได้

เขาต้องหาวิธีปกป้องตัวเอง เขาควรทํายังไง?

เซลล์เหล่านี้ในเลือดของพระเจ้านั้นแปลกและมีพลังอย่างน่าอัศจรรย์

มันเต็มไปด้วยพลังงาน!

พวกมันกลั่นได้ไหม?

เพียงความคิดเดียว เฟิ งหลินเริ่มหมุนเวียนกระบวนการเปลี่ยนพลังงาน

เป็นชี่ กระเพาะอาหารของเขาเป็นเหมือนหม้อขนาดใหญ่ ไร้การ

ต่อต้านใด ๆ อีกต่อไป มันเริ่มกลืนเลือดของพระเจ้าเข้าไปมากมาย

เมื่อเลือดของพระเจ้าเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย มันก็เหมือนยาพิษ ทําให้

ร่างเขารู้สึกเจ็บปวดมหาศาล

เทคนิคในการแปลงพลังงานเป็นชี่หมุนเวียนด้วยตัวมันเอง เป็น

เหมือนหม้อไฟ หลอมและกลั่นพวกมัน เปลี่ยนเป็นคลื่นความร้อน

แผดเผาในตัว

เลือดของพระเจ้าสัมผัสได้ถึงอันตราย มันกระตุ้นอวัยวะภายในของ

เฟิ งหลินให้ไม่สงบ

เฟิ งหลินรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงทั้งภายในและภายนอกร่างกาย เขาเกือบ

หมดสติ

อย่างไรก็ตาม เขาทนต่อ หากเขาหมดสติ เขาย่อมตายแน่

เขาจะต้องสู้ต่อ

เซลล์ในเลือดของพระเจ้ามีพลังมหัศจรรย์ หลังจากที่พวกมันถูกกลั่น

พวกมันก็หนาเหมือนหินหนืด เฟินหลินรู้สึกราวกับว่าเขากําลังถูก

ยัดไส้จนระเบิด

สิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่บริษัทไจแอนท์ทําได้!

ศูนย์ใหญ่ระหว่างดวงดาวหรอ?

หัวใจของเฟิ งหลินกลับมากลัวอีกครั้ง เขาเคยได้ยินแฟรงค์พูดถึงบาง

สิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน บริษัทยาไจแอนท์เป็นเพียงบริษัทย่อยใน

ระบบสุริยจักรวาล ยังมีสํานักงานใหญ่อยู่เบื้องบน

ความคิดเหล่านี้พุ่งผ่านจิตใจของเขา ในช่วงเวลาสําคัญนี้เขาจะไปคิด

เรื่องอื่นได้ยังไง?

เฟิ งหลินสนใจกับการปรับแต่งเลือดของพระเจ้า

ศักยภาพทางพันธุกรรม + 60%, + 60%, + 60% …

อัตราศักยภาพทางพันธุกรรมเพิ่มขึ้นสูงเกินจินตนาการของเขา

เฟิ งหลินดีใจ นี่เป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ !

หากเขาสามารถเสริมพลังยีนลิงหินได้ การต้านทานของเขาจะเพิ่มขึ้น

อย่างมากและอัตราการปรับแต่งก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายมัน

จะย่อยเซลล์ทั้งหมดในเลือดของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ เปลี่ยนให้เป็น

สารอาหารเพื่อเติมเต็มร่างกายของเขา

ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนจรวด

จนได้รับจุดพันธุกรรมฟรีหนึ่งจุด

เฟิ งหลินเพิ่มความแข็งแกร่งของยีนลิงหินเป็น 6 จุด

สิ่งที่เขาคิดก่อนหน้านี้ถูกต้อง

ร่างกายของเขาฟื้นตัวและพลังของเขาก็เพิ่มขึ้น อัตราการกลั่นเพิ่ม

สูงขึ้น และศักยภาพพันธุกรรมเขาก็เพิ่มไม่หยุด

ศักยภาพทางพันธุกรรม + 70%, + 70%, + 70% …

เฟิ งหลินค่อย ๆ พลิกกระดาน สู้กับเลือดพระเจ้า

อย่างไรก็ตาม เลือดของพระเจ้าดูเหมือนจะสังเกตเห็น พวกมันเริ่ม

รวมกัน

พวกมันไม่อาจยอมให้มนุษย์ต่อต้านเจตจํานงค์ของพระเจ้าได้ ทันใด

นั้นเลือดก็ควบแน่นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสิ่งที่เหมือนของแข็ง

กระโจนหาเฟิ งหลิน

อ่า!

สมดุลถูกโค่น

เฟิ งหลินรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง

นี่จะเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก มีสิ่งที่อยู่เหนือกว่าความเป็นมนุษย์กําลัง

ยืนก้มมองอย่างเหยียดยาม ทําให้เขาไม่อาจสู้กลับได้และค่อย ๆ เสีย

จิตสํานึก

ความคิดของเฟิ งหลินจมลึกลงไปราวกับว่ามันตกลงไปในหลุมที่

ค่อย ๆ ลึกลงไปในส่วนลึกของหัวใจคน

ความมืดไร้สิ้นสุดรวบรวมมาจากทุกทิศทุกทาง ไหลพุ่งราวกับคลื่น

ยักษ์ จมเขาลง

เมื่อเผชิญกับการกลายพันธุ์เช่นนี้ ความคิดรุนแรงที่ต้องการทําลาย

โลกทั้งโลกก็โหมกระหนํ่าขึ้นในใจของเขา ยีนลิงหินในร่างกายของ

เขากระตุกเหมือนหัวใจ

นี่มันอะไรกัน?!

พินาศ!

ร่างกายของเฟิ งหลินม้วนตัวขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้เช่นเดียวกับ

ตัวอ่อนในครรภ์ หนังกําพร้าเติบโตบนร่างของเขา ห่อเขาเหมือน

เปลือกหอยก่อตัวเป็นไข่หิน

เปลือกหินก่อตัวจากความโกลาหลและไร้ที่ติอย่างสมบูรณ์ ไม่

อนุญาตให้มีการรั่วไหลของพลังงานเลย

เลือดของพระเจ้าหยุดนิ่งที่ด้านนอก

จิตสํานึกของเฟิ งหลินจมลึกลงไป ในช่วงเวลาสําคัญเขาสามารถกระตุ้น

ยีนลิงหินได้โดยบังเอิญ

เขาต่อต้านการไหลของเวลา ค้นหาความทรงจําโบราณและมรดกใน

ตํานานที่ปลายสายแม่นํ้าแห่งกาลเวลา เขาอยากมองความจริงของ

กายอมตะเขา!



ตอนที่ 125 สวรรค์และโลกให้กําเนิดข้า ซุนหงอคง

มีเกาะโดดเดี่ยวที่มีภูเขาอันตราย ด้านบนของภูเขามีภูเขาหินธรรมดา

เมฆหมอกปกคลุมทั่วพื้นที่ คลื่นซัดเข้าหาชายฝั่ง

เวลาไหลผ่านไปเงียบ ๆ 1,000 ปี 10,000 ปี ส่องประกายเหมือน

กระแสนํ้า

เกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นั้นแห้งแล้ง ไม่มีหญ้าหรือต้นไม้ อย่างไรก็ตาม

ความเขียวขจีก็เริ่มเติมเต็มหญ้าและต้นไม้โตขึ้น นกจํานวนมากบิน

มาจากทะเลและสิ่งมีชีวิตมากมายก็เริ่มเกิดขึ้นมาบนดินแดนนี้

ท่ามกลางป่ าต้นพีช

ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ ช้า ๆ การปรากฏตัวของเกาะไร้ผู้คน

ผ่านเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กลายเป็นภูเขาผลไม้ที่เต็มไปด้วยนกร้อง

ขับขานและกลิ่นหอมของดอกไม้บาน

หินก้อนนั้นตั้งอยู่บนยอดเขานิรนาม ได้รับแก่นแท้จากดวงอาทิตย์และ

ดวงจันทร์ ทนต่อลมและฝนได้หลายปี ค่อย ๆ พัฒนาสติสัมปชัญญะ

มันไม่มีตา จมูกและหู แต่กระนั้นมันก็เกิดมาพร้อมความฉลาดที่ทํา

ให้มันสัมผัสโลกที่ไม่คุ้นเคยซึ่งเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ไม่รู้จบ

มันเริ่มตั้งคําถามในใจ

ข้าเป็นใคร?

สายลมเบา ๆ พัดผ่านทะเลสาบที่เงียบสงบ ทําให้เกิดระลอกคลื่นจาง ๆ

จิตใจของมันเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น

มันไม่รู้คําตอบและสามารถมองได้แค่ท้องฟ้า ทะเลและผืนดินเงียบ ๆ

เฝ้าคอยคําตอบ

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปหลายปี ความคิดก็ส่งประกายในใจ

และมันก็ถามตัวเองเป็นครั้งที่สองว่า

ข้าอยู่ที่ไหน?

ลมและก้อนเมฆมารวมตัวกันและโลกก็เข้าสู่ความวุ่นวาย ราวกับว่า

แสงอาทิตย์ผลักเมฆมืดออกไป ส่องสว่างอยู่ด้านหน้า

ความคิดในใจเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นและทุกสิ่งในโลกก็ชัดเจน

ขึ้นเรื่อย ๆ

คราวนี้มันไม่ได้ใช้เวลานานอีกต่อไป

หลายปี ผ่านไป

มันถามคําถามที่สามซึ่งเป็นคําถามสุดท้ายว่า ข้ามาจากที่ไหน?

มันเริ่มนึกถึงอดีต

เป็นเพราะมันเห็นว่าดอกไม้เติบโตจากโลก นกออกมาจากเปลือกไข่

และลิงเติบโตขึ้นในอ้อมกอดของแม่ …

มันเริ่มไตร่ตรองว่าแล้วมันล่ะมาจากไหน

เสียงฟ้าร้องแยกความวุ่นวายและแยกความบริสุทธิ์ออกจากความขุ่น

มั่ว แบ่งสวรรค์และโลก ทุกสิ่งในโลกค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น

นับตั้งแต่ที่ถามคําถามสามข้อ ชีวิตก็ดูเหมือนจะมีความหมาย

หินเริ่มมีจังหวะการเต้นของหัวใจและเริ่มให้สารอาหารมัน มันพัฒนา

โพรง 908 ช่อง และสามารถรับรู้ทุกสิ่งในโลกได้

ดังนั้นสายลมจึงกลายเป็นอ่อนโยนและนุ่มนวล เสียงร้องของนกช่าง

เริงร่า และกลิ่นหอมของดอกไม้นั้นช่างหอม …

ในอดีตมันมีเพียงความรู้สึกที่ไม่ชัดเจน แต่ตอนนี้มันสามารถสัมผัส

กับประสาทสัมผัสทั้งห้าได้

หัวใจที่ทําจากหินเริ่มมีความแข็งและเลือดก็เริ่มค่อย ๆ เพิ่มเข้า มัน

เริ่มเต้นแรง และชีวิตใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็เกิด

มันแปลกมาก ค่อย ๆ สัมผัสโลกใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง

มันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ มันนานเกินไปและชีวิตใหม่ก็จํา

ได้เพียงแค่การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ มันยังลืมเรื่องของเวลา

มันเห็นหมู่เกาะ ทะเล เมฆ และท้องฟ้า …

อย่างไรก็ตาม ชั้นของเปลือกหินหนาเป็นตัวจํากัด หลายปีที่ผ่านมา

มันไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว

ทรายและผืนดินกองอยู่และทิวเขาก็ยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี ซึ่งทํา

ให้ร่างกายของมันค่อย ๆ สูงขึ้นบนพื้นดิน

มุมมองที่เห็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

ค้นพบว่ามันอยู่บนหน้าผาของยอดเขาเพียงคนเดียว สภาพแวดล้อม

รอบ ๆ เป็นหน้าผาทั้งหมด

ภูเขาเป็ นเกาะ และเกาะก็เป็นภูเขาเช่นกัน

มีมหาสมุทรทอดยาวอยู่รอบเกาะไม่มีที่สิ้นสุด มีปลาวาฬกระโดด

และนกนางนวลร้องเพลงอย่างร่าเริง …

อย่างไรก็ตามมันยังไม่สามารถขยับได้!

เมื่อเห็นว่าทุกชีวิตในโลกสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ความ

โกรธที่รุนแรงก็เพิ่มขึ้นในใจ

ทําไม?

มันต้องการที่จะวิ่งบนผืนดินที่กว้างใหญ่เหมือนชีวิตอื่นโดยปราศจาก

ข้อจํากัด ใด ๆ

มันรู้สึกเหมือนไม่เคยมีชีวิตมาก่อน มันต้องการมีชีวิตอยู่!

อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถหาวิธีที่จะทําได้

ความโกรธที่ค่อย ๆ สงบลงกลายเป็นความชั่วร้ายที่เติมเต็มหัวใจ

มันมีความต้องการที่แข็งแกร่งเพื่อทําลายเปลือกหินที่ขังมันไว้ และ

เปลี่ยนโลกให้วุ่นวาย

แบกความชั่วร้ายไว้ในใจ มันก็ยังไม่สามารถออกจากกรงที่ขังมัน

เอาไว้ได้

ไม่ทราบว่ามาผ่านมากี่ปี และวันหนึ่ง ลิงก็มาถึงไหล่เขา

ลิงตัวนี้แก่มาก ขนของมันเปลี่ยนเป็นสีขาว และมีหนวดเครายาว

ลากพื้น

หินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่มาจากลิงแก่ตัวนี้ แต่คลื่น

ของพลังนั้นแข็งแกร่งมากจนทําให้หินรู้สึกขัดแย้ง

นี่คือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าลิง หินมักจะเห็นพวกมันอาศัยอยู่ในป่ าต้นพีช

พวกมันกินลูกพีชเป็นอาหาร และมักมีอายุเพียงสิบปี เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ลิงแก่ตัวนี้ดูแตกต่าง มันแก่มาก ๆ จากการประเมิน

มันรู้สึกเหมือนลิงแก่จะตายลงได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตามลิงแก่นี่ยังยืน

หยัดอยู่อย่างอดทน

หินไม่เคยพบลิงแก่แบบนี้มาก่อน รู้สึกว่าลิงแก่นี่ต้องมีชีวิตอยู่นาน

กว่า 100 ปี

ลิงแก่ทําได้ยังไง?

อยากรู้อยากเห็นคือสิ่งที่มันคิด

ลิงแก่ตัวนี้ทําลายชะตากรรมของมัน? เกินขีดจํากัดของชีวิต …

สัญชาตญาณของก้อนหินรู้สึกว่า ถ้ามันสามารถศึกษาและค้นหา

ความลับของลิงแก่ได้ มันอาจจะสามารถออกจากเปลือกหินนี้และมี

วิถีชีวิตที่แท้จริงได้

และในวินาทีต่อมา ตาของมันก็เบิกกว้าง

ดวงจันทร์สว่างและมีดาวเพียงไม่กี่ดวงในท้องฟ้า

ลิงแก่เงยหน้าขึ้นบนท้องฟ้าและร้องออกมา มันยืนอยู่บนยอดเขา

โดดเดี่ยว อาบแสงจันทร์

แสงดาวส่องมารวมกันเหมือนแม่นํ้ามากมายที่ไหลไปสู่ทะเล เข้าสู่

ร่างกายของลิงแก่ ขนสีขาวมันเริ่มเปลี่ยนสี เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ลิงแก่เป็นเหมือนหลุมดํากลืนแสงจันทร์รอบข้างทําให้โลกมืดมน

ผสานแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์!

ก้อนหินเข้าใจจุดนี้ด้วยเหตุผลบางอย่างและจมลงอย่างแปลกประหลาด

ไม่สามารถออกไปได้ มันไม่ได้ตระหนักเลยว่าลิงแก่ออกไปอย่าง

เงียบ ๆ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น

แม้ว่าลิงแก่จะไม่มาอีกเลยหลังจากนั้น ร่างของลิงแก่ก็ฝังอยู่ในใจไม่

เคยลืม

มันเลียนแบบการกระทําของลิงแก่และเริ่มกลืนแสงจากดวงอาทิตย์

และดวงจันทร์

ดวงอาทิตย์แผดเผาและดวงจันทร์ก็ทําให้เย็น

แสงสองประเภทส่องลงบนร่างกายของมัน กลายพลังงานแปลก ๆ

ที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย

มันรู้สึกว่าพลังในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และสติปัญญาของมัน

ก็เพิ่มสูงขึ้น หากสิ่งนี้ยังคงดําเนินต่อไป จะมีสักวันหนึ่งที่มันจะ

สามารถแยกตัวออกจากกรงที่ถูกสาปนี้ได้

กระแสนํ้าขึ้นและลง พระอาทิตย์ขึ้นและตก

ผ่านไปเนิ่นนาน

ลิงแก่ตัวขาวนั้นได้กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว

อย่างไรก็ตามหินภูเขาที่โดดเดี่ยวยังคงยึดมั่นในแก่นแท้ของดวงอาทิตย์

และดวงจันทร์อย่างไม่หยุดหย่อน จิตใจของมันค่อย ๆ สงบ สะสม

พลัง รอวันที่มันจะแตกออกจากหิน

อยู่มาวันหนึ่งเสียงร้องที่น่ากลัวก็ดังขึ้นที่เชิงเขา เสียงลิงร้อง เสือ

คําราม นกร้อง … เกาะที่มีภูเขาขนาดใหญ่นั้นวุ่นวายมาก เต็มไป

ด้วยเสียงร้องหวาดกลัวทุกที่

มันดูประหลาดใจและเห็นแสงสีแดงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

คลื่นยักษ์สีแดงพุ่งขึ้นจากขอบฟ้าในระยะไกลและโถมมาทางเกาะ

มันมาพร้อมกับแรงกระตุ้นราวกับต้องการกลืนโลกทั้งใบ

โลกเข้าสู่ความโกลาหล ในขณะที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีแดง ราวกับว่า

วันโลกาวินาศมาถึงแล้ว

ไม่ว่าคลื่นยักษ์สีแดงจะผ่านไปที่ใด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะถูกกําจัด

ออกไป หญ้าและต้นไม้จะเหี่ยวแห้งและโลกที่เต็มไปด้วยชีวิตจะ

เหลือแต่ความตาย

สัตว์หนีไปทุกทิศทุกทาง

อย่างไรก็ตาม นี่คือเกาะโดดเดี่ยว พวกมันจะหลบหนีไปที่ไหนได้?

ในไม่ช้าคลื่นยักษ์สีแดงก็มาถึงชายฝั่ง ทุกที่ที่พวกมันเคลื่อนผ่าน

พวกนกและสัตว์ต่างก็ดิ้นรนกันอย่างไร้ประโยชน์และจมนํ้าตาย

เหลือเพียงกระดูก

ทันใดนั้นเกาะที่เหมือนสวรรค์ก็ได้กลายเป็นนรก!

คลื่นยักษ์สีแดงนั้นดูเหมือนจะไม่หยุดและมุ่งหน้าไปยังก้อนหิน

ก้อนเดียวบนหน้าผาสูงชัน

มันต้องการที่จะกําจัดความตั้งใจนับหมื่นปี !

จิตใจของหินทรมาน ความโกรธ ความชั่วร้ายไม่รู้จบที่ถูกระงับไว้

ในใจปะทุขึ้นในทันที

บัดซบ!

ข้าไม่สามารถทําลายเปลือกหินนี้ได้ และเรื่องนี้ยังมาทําให้ข้าวุ่นวาย

ใจอีก?

มันโมโห หงุดหงิด ดื้อรั้น … มันมีความต้องการที่จะใช้หมัดของมัน

ทําลายเปลือกหินและเปลี่ยนโลกที่วุ่นวายนี้

พลังงานเกรี้ยวกราดพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า ระเบิดออกมาจากร่างมัน

คลื่นยักษ์สีแดงนั้นดูเหมือนจะตกใจมากและถอยกลับอย่างรวดเร็ว

ราวกับว่ามันเจอมัจจุราช

อย่างไรก็ตาม พลังงานชั่วร้ายในหัวใจมันระเบิดออกมาแล้ว มันจะ

ปล่อยคลื่นยักษ์สีแดงนี่ได้ยังไง?

มันกําหมัดและทุบเปลือกหินอย่างรุนแรง

ข้าอยากให้สวรรค์นี้ไม่อาจปกปิ ดตาข้าได้อีก!

ข้าอยากให้โลกไม่อาจกลบฝังหัวใจข้าได้อีก!

บูม!

โลกแตกเป็นเสี่ยง ๆ !

เสาแสงสีทองแหวกผ่านเมฆ และพลังจิตแข็งกร้าวก็ปกคลุมไปทั้ง

โลก ทําให้สามอาณาจักรถึงกับสั่นคลอน

เสียงที่หยิ่งผยองและเย่อหยิ่งดังกึกก้องอยู่ในหัวใจของสิ่งมีชีวิตทุก

ชนิด มันเป็นเสียงร้องยินดีกับชีวิตใหม่

สวรรค์!

โลก!

ให้กําเนิด!

ข้า!

ซุน!

หงอ!

คง!

ลิงหินตัวน้อยที่ผอมเพรียวโผล่ออกมาจากกรง คลื่นยักษ์สีแดงที่

กําลังกลัวถูกลิงหินอ้าปากแล้วดูดมันเข้าไป

แรงดูดไม่มีที่สิ้นสุดทําให้คลื่นยักษ์แดงเปลี่ยนเป็นเส้นสีแดงและถูก

กลืนเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว

ต่อมาลมและควันก็จางหายไป และโลกก็กลับสู่ความสงบ

อึก!

ลิงหินลูบท้องของมัน!

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันจับหัวอย่างงงงวย

ทําไมข้าถึงมีชื่อ?

ทําไมข้าถึงเรียกตัวเองว่าซุนหงอคง?

มันดิ่งลึกลงไปในความทรงจําราวกับว่าคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็

ไม่สามารถนึกอะไรได้เลย

ทันใดนั้นมันก็เหมือนมีร่างโดดเดี่ยวยืนอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่ มัน

จมลงไปในความรู้สึกเศร้าโศก

ฟิ้ว ~~~

ลมพัดและโลกรู้สึกเย็น

โลก …

จงหยุดนิ่ง!

ปัง!

เฟิ งหลินลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ผ่านความมืดราวกับสายฟ้าที่พุ่งทะลุ

ท้องฟ้า

ชิ้นส่วนของเปลือกหินในร่างกายของเขาเริ่มหล่นลงมา

เขายืนขึ้น รู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

พลังงานในร่างกายของเขาพุ่งออกมาเป็นคลื่นเหมือนหินหนืดที่ปะทุ

ขึ้น อากาศถูกบีบให้บิดเบือนและคลื่นก็แผ่ออกไปทุกทิศทาง

สถานที่ที่เฟิ งหลินยืนอยู่นั้นกลายเป็นกระแสนํ้าวนขนาดใหญ่ที่

วกวนอย่างว่างเปล่า

ตัวเขาเองได้รับการเปลี่ยนแปลงที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลก เขาสูงขึ้น

ถึง 1.98 เมตร

ยีนในร่างกายของเขายังคงกระพริบอยู่ตลอดเวลา

ยีนลิงหิน +1, +1, +1

ยีนพลังจิตตื่นขึ้น +1 +1 +1…

ยีนวิญญาณตื่นขึ้น +1 +1 +1…

ในที่สุดค่าสถานะพลังของเฟิ งหลินก็กลายเป็น

=======

ชื่อ : เฟิ งหลิน

พลัง : 88.9

ยีนแรกเริ่ม : ยีนลิงหิน : 10

ยีนพื้นฐาน : ยีนลิง 10 ยีนหิน 10 ยีนอะดรีนาลีน 1 ยีนจิต 9 ยีนพลัง

จิต 4 ยีนวิญญาณ 3

ศักยภาพทางพันธุกรรม : 18%





ตอนที่ 126 เจตจํานงค์

เฟิ งหลินค่อย ๆ ลืมตา ร่างของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

พลังงานในร่างกายของเขาพุ่งทะลักออกมาเป็นเกลียวคลื่น ก่อตัว

เป็นคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

จุดที่เขายืนอยู่พลันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย

เฟิ งหลินเงียบ มองไปที่มือทั้งสองและร่างกายของเขา เขารู้สึกว่า

พลังงานมากมายในร่างกายของเขาพุ่งออกมาเหมือนนํ้า ซึมเข้าไป

ในแต่ละเซลล์ เข้าไปในเลือดและอวัยวะของเขา … ร่างกายเต็มไป

ด้วยพลังงานทั้งภายในและภายนอก

แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นวัตถุ แต่ตอนนี้มันแตกต่าง มีพลังงาน

บางชนิดที่เป็นวัตถุและไม่มีตัวตนมันลึกลับมาก

นี่คือ ‘วิวัฒนาการพลังงาน’ ใช่ไหม?

เฟิ งหลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ร่างกายที่เปลี่ยนแปลงของเขานั้น

ยอดเยี่ยมมากจนเขาแทบไม่อยากจะเชื่อ

หากร่างกายของเขาผ่านการ ‘วิวัฒนาการพลังงาน’ เขาจะสามารถ

ควบคุมพลังโกลาหลและใช้พลังพิเศษได้ นี่คืออาณาจักรของผู้บ่ม

ร่างกายมนุษย์มีพื้นฐานเดิมเป็นสิ่งสําคัญ มันไร้ขอบเขตและกระบวนการ

เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ

อย่างไรก็ตามเมื่อเซลล์แต่ละเซลล์ผ่านการ ‘วิวัฒนาการพลังงาน’

ร่างกายมนุษย์จะสามารถเชื่อมต่อกับจักรวาลจากระยะไกลได้ ทําให้

เกิดการเชื่อมต่อที่ไม่สามารถพรรณนาได้

ระหว่างที่หายใจ พวกมันจะดูดซับพลังงานของจักรวาล ทําให้กลาย

เป็นพลัง

และในขณะที่ ‘วิวัฒนาการพลังงาน’ ดําเนินต่อไป ผู้บ่มเพาะจะสามารถ

อยู่รอดได้ด้วยลมและนํ้าค้าง ทําลายข้อจํากัดของอาหาร พวกเขาจะ

สามารถใช้พลังงานของจักรวาลแทนอาหาร เปลี่ยนเป็นพลังงาน

หล่อเลี้ยงร่างกาย

ในจักรวาลวิธีการเติมพลังงานด้วยอาหารถือเป็นวิธีที่ด้อยกว่าและ

ไม่มีประสิทธิภาพ อัตราการแปลง 30% นั้นถือว่ามีประสิทธิภาพ

มากแล้ว

แต่ทว่า การกินพลังงานโดยตรงจะสามารถเข้าถึงพลังงานบริสุทธิ์ได้

มากกว่า อัตราการแปลง 80% จะถือว่าปกติในกรณีนี้ มันยังหลีกเลี่ยง

สิ่งสกปรกที่จะชักนําเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย

นี่เป็นวิธีการยกระดับชีวิตให้สูงขึ้นในจักรวาล มักจะใช้เพื่อความอยู่

รอด อาหารเป็นเพียงวิธีการที่ทําให้พอใจต่อรสชาติและไม่ใช่สิ่งจําเป็น

ลักษณะดังกล่าวถูกบันทึกแม้ในตํานานจากอารยธรรมโบราณต่าง ๆ

ของโลก ท่ามกลางตํานานของฮั่วเซียน มันมักถูกเรียกว่าการงดเว้น

อาหาร

หลังจากที่ร่างกายมนุษย์ได้รับการ ‘วิวัฒนาการพลังงาน’ การหายใจ

ของพวกเขาจะสอดคล้องกับจักรวาลใหม่ เปลี่ยนธรรมชาติที่แท้จริง

จากนั้นร่างกายมนุษย์จะพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ชีวิตและอายุขัย

จะเพิ่มขึ้นตาม

ผู้บ่มเพาะระดับสูงจะมีอายุอย่างน้อย 300 ปี

เฟิ งหลินมองเข้าไปในร่างกายของเขา ยีนลิงหินของเขาพุ่งสูงขึ้นไป

ถึงจุดสูงสุดคือ 10 จาก 6 ยีนพลังจิตเขาและยีนวิญญาณที่เพิ่งตื่นก็

ถึงจุดสูงสุดเช่นกัน พลังชีวิตเขาทะยานถึง 88.9

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์

หากเมื่อก่อนเขาเปรียบเหมือนปลา ตอนนี้เขาก็เป็นมังกร

แม้ว่าเขาจะยังเป็นปลา เขาก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยม มีลักษณะ

เหนือธรรมชาติ เผยให้เห็นสัญญาณของความสามารถที่โดดเด่น

มันใช้เวลาเพียงก้าวเดียวจากปลาที่กระโดดข้ามประตูมังกร กลายเป็น

มังกรที่ท่องไปในสวรรค์

การเปลี่ยนแปลงนั้นยิ่งใหญ่มาก แม้แต่เฟิ งหลินก็ยังงงอยู่

สิ่งนี้เกิดขึ้นบนโลกได้ยังไง?

เขามองไปยังหลอดทดลองซึ่งใช้สําหรับพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ เซลล์ที่

น่ากลัวจากเลือดของพระเจ้าหายไปหมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือนํ้า

เพียงเล็กน้อย ไม่มีร่องรอยของเลือด

เฟิ งหลินนึกถึงความทรงจําที่เหลืออยู่ของเขา และท่าทางของเขาก็

เปลี่ยนไป

เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะกลืนเซลล์ทั้งหมดจากเลือดของพระเจ้า ซึ่งทํา

ให้ศักยภาพทางพันธุกรรมของฉันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยีนของ

ฉันก็แข็งแกร่งขึ้นทันที?

แต่ฉันจะย่อยพลังงานขนาดใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง?

คําถามมากมายลอยอยู่ในใจของเฟิ งหลิน และเขารู้สึกราวกับว่ามีผี

ซ่อนอยู่ในร่างกายที่ออกมารบกวนเขาตลอดเวลา

ฉากนี้ทําให้เขากลัว!

เขารู้สึกไม่สบายใจและพยายามนึกถึงรายละเอียดการเปลี่ยนแปลง

เสียงร้องที่ดื้อดึงพลันดังขึ้นในใจอย่างฉับพลัน

สวรรค์และโลกให้กําเนิดข้าซุนหงอคง!

ดูเหมือนว่าเฟิ งหลินจะเห็นลิงแหวกออกจากก้อนหินและส่งเสียง

กรีดร้องไปยังท้องฟ้าด้วยท่าทางดุร้าย

ความทรงจําทางพันธุกรรม?

เฟิ งหลินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัวทันที

ไม่ มันไม่ง่ายเลย!

หากสิ่งที่เขาเห็นคือฉากของลิงที่กําลังเกิดขึ้น มันไม่ควรพูดว่า

“สวรรค์และโลกให้กําเนิดข้าซุนหงอคง”

แม้แต่มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เทียมสวรรค์ก็อ่อนแอมากตอนเพิ่งเกิด

มันจะรู้ชื่อของมันจากอนาคตได้อย่างไร?

แล้วนี่คืออะไร?

มันเป็นเหมือนความทรงจํา หรือไม่ใช่?

เฟิ งหลินระลึกถึงความทรงจําของวิญญาณที่หลับใหลมานานหลายปี

พัฒนาสติและเรียนรู้วิธีใช้แก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ใน

ที่สุดก็พบกับความยากลําบากของคลื่นยักษ์สีแดง จากนั้นซุนหงอคง

ก็โผล่ออกมาจากหิน เกิดขึ้นมาบนโลกแห่งนี้

มันเต็มไปด้วยความชั่วร้ายที่เพิ่มขึ้น – ไร้ระเบียบวินัยและอยู่นอก

การควบคุม – สามารถเปลี่ยนอาณาจักรทั้งสามให้วุ่นวาย

คลื่นยักษ์สีแดงนั้นถูกทําลายอย่างง่ายดาย ด้วยการเคลื่อนไหวครั้ง

เดียวและซุนหงอคงก็กลืนไปหมดราวกับว่าได้รับสารอาหารชั้นเลิศ

เขาเริ่มนึกถึงฉากเหล่านี้ทั้งหมด

กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากคลื่นยักษ์สีแดงนั้นทําลายทุกสิ่ง มันทํา

ให้เฟิ งหลินรู้สึกคุ้นเคยมาก

เป็นไปได้ไหมว่า …?

ก่อนหน้านี้จิตที่ครอบงําในเซลล์ของเลือดของพระเจ้าได้บุกเข้ามา

ในร่างกายของเขา ทําให้จิตสํานึกของเขาดิ่งลงสู่ความเงียบงัน

เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันเข้าลึกไปในร่างกายและกระตุ้นจิตสํานึกที่

หลงเหลืออยู่ของซุนหงอคงขึ้น?

ยิ่งเฟิ งหลินนึกถึงมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นไปได้

มันเป็นตํานาน?

ขึ้นอยู่กับการคาดเดาที่ไม่สิ้นสุด เมื่อตัวละครแข็งแกร่งมากและ

กล่าวว่าได้มาถึงระดับของเทพปี ศาจ แม้แต่การดํารงอยู่ของพวกเขา

เองก็ต้องมีลักษณะเหนือธรรมชาติ กลายเป็นศูนย์รวมของบางสิ่ง

ชนิดของพลังเทพและปี ศาจมีลักษณะเฉพาะตัวและไม่อาจแทนที่ได้

ร่างกาย วิญญาณ ความทรงจําของพวกเขา … ทั้งหมดกลายเป็นหนึ่ง

เดียวกัน ก่อให้เกิดเจตจํานงค์อันเป็นตํานาน และไม่อาจเปลี่ยนแปลง

ได้

แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นฝุ่น ตราบใดที่พวกเขามีลมหายใจสุดท้าย

เหลืออยู่ พวกเขาก็จะสามารถคืนชีพได้ในเวลาที่เหมาะสม

ในฐานะที่เป็นเทพแห่งการต่อสู้ในตํานานฮั่วเซีย เฟิ งหลินคงไม่เชื่อ

อย่างแน่นอนว่าซุนหงอคงจะไม่ทิ้งเจตจํานงค์มันไว้เลย

จากความคิดนี้ทําให้เขาค่อย ๆ เข้าใจ

แม้ว่ายีนลิงหินจะเป็นเพียงยีนแรกเริ่ม มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของซุน

หงอคง ดังนั้นจึงมีตํานานของซุนหงอคงเหลืออยู่โดยธรรมชาติ

แม้ว่าจะมีน้อยมาก แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เซลล์เลือดของพระเจ้าจะ

สามารถต่อสู้ได้

เจตจํานงค์ของมหาเทพเทียมฟ้ากําลังจําศีล หากเฟิ งหลินต้องพึ่งพา

ตนเองเพื่อปลุกมัน เขาก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม เซลล์เลือดของพระเจ้าได้รนหาที่ตายเอง มันปลุก

เจตจํานงค์ของมหาเทพเทียมฟ้าขึ้น พวกมันลงเอยอย่างน่าสมเพช

ในขณะที่เฟิ งหลินจบลงด้วยดี

เฟิ งหลินเข้าใจว่ามรดกในตํานานนั้นไม่ง่ายเหมือนความทรงจําใน

ตํานาน นอกจากนี้ยังมีเจตจํานงค์

จากเจ้าแม่หนี่วาผู้ซ่อมสวรรค์ โฮ้วอี้ผู้ยิงธนูดับดวงอาทิตย์ ควาฟู่ ผู้

ไล่ตามดวงอาทิตย์ ยู่กงผู้ขับเคลื่อนภูเขา..

ตัวละครเหล่านี้จากตํานานค่อย ๆ เติบโตทีละขั้นจนกระทั่งพวกเขา

มาถึงจุดสูงสุด อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เส้นทางที่พวกเขาเดินนั้น

ขรุขระมาก และสุดท้ายก็ทําให้หลายคนตกตะลึง

เมื่อพลังอันยิ่งใหญ่มาจากร่างเดียว มันเป็นไปได้ที่จะเขย่าดวงอาทิตย์

และดวงจันทร์ ย้ายภูเขาและแม่นํ้า เปลี่ยนสวรรค์และโลก …

ไม่มีใครที่เกิดมาเป็นเซียนและด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมีวิญญาณที่จะ

พยายามแข็งแกร่งขึ้น

เจตจํานงค์ของพวกมันไม่ยอมถูกทําลายแม้จะตายไปแล้ว

หากมีใครสามารถสัมผัสได้ถึงเจตจํานงค์ สัมผัสวิญญาณของเทพ

ปี ศาจเหล่านั้นก็จะปลุกหัวใจพวกเขาให้ตื่นขึ้น

นี่คือสิ่งที่เฟิ งหลินคิดอยู่ ด้วยความกลัว สับสนที่เขาเคยรู้สึกในอดีต

หายไปจนสิ้น มันราวกับหัวใจเขาถูกชําระล้าง ใสดุจผลึก

ไม่มีต้นโพธิ์และไม่มีกระจกเงา

เดิมที ไม่มีสิ่งใด แล้วฝุ่ นตกลงมาจากไหน?

เขาสัมผัสถึงพลังอันทรงพลังที่ไม่เคยยอมแพ้ของซุนหงอคง

หินเป็นวัตถุไร้ชีวิต แต่เนื้อและเลือดที่มีชีวิตสามารถเกิดขึ้นจากมัน

ได้ จะต้องใช้เจตจํานงค์มากแค่ไหนในการบรรลุเป้าหมายนี้?

คํานับพันกลายเป็นหนึ่งประโยคนั่นคือ …

สวรรค์และโลกให้กําเนิดข้า ซุนหงอคง!

ซุนหงอคงมีร่างกายที่แข็งแกร่งซึ่งทําลายไม่ได้

มันถูกเรียกอีกอย่างว่าลิงวิญญาณ ด้วยจิตวิญญาณที่สามารถสั่นคลอน

ทั้งสามอาณาจักร สามารถเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ และแม้กระทั่งพลังแห่ง

อุดมคติอันแข็งกร้าว

ซุนหงอคงมาจากเอกภพทั้งสอง – วัตถุนิยมและอุดมการณ์ – บรรจุ

ความลึกลํ้าของจักรวาล ความจริงที่ว่ามันเกิดมาแล้วนั้นนับเป็น

ปาฏิหาริย์และมันมีศักยภาพที่ไร้ขีดจํากัด อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไป

ได้ว่าการแทรกแซงของพระพุทธเจ้าได้ตัดอนาคตของมันโดยไม่

รู้ตัว

โดยไม่คํานึงถึง สําหรับเฟิ งหลิน การสามารถเดินบนเส้นทางของ

ซุนหงอคงได้นับเป็ นเรื่องน่ายินดี

ด้วยความโชคดีนี้ ความเข้าใจของเฟิ งหลินเกี่ยวกับสูตรทางพันธุกรรม

นั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น

แม้ว่าสูตรทางพันธุกรรมนั้นจะง่ายมาก แต่ละส่วนของมันก็ลึกเข้า

ไปในเนื้อแท้ของเส้นทางการบ่มเพาะในตํานานที่มีความลึกลับที่สุด

ยีนลิงหินเป็นยีนที่เป็นรูปธรรม มีความสามารถในการเสริมสร้าง

ความแข็งแกร่งของร่างกาย ทําให้ดาบและหอก ไฟและนํ้าทําอะไร

มันไม่ได้

ยีนวิญญาณเป็นยีนในอุดมคติ พลังทางจิตที่มองไม่เห็นสามารถนํา

ทางพลังงานของจักรวาลโดยใช้อุดมคติในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

หากปราศจากวิญญาณอันยิ่งใหญ่ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ลิงจะเกิดจากหิน

..

ความลึกซึ้งเติบเต็มในหัวใจของเฟิ งหลิน

“เป้าหมายฟื้นสัญญาณชีพ กําจัดทันที!” จิตสังหารระเบิดออกมา

เฟิ งหลินรีบเหลียวมองไปในทิศทางนั้นและเห็นร่างแข็งแกร่งเหมือน

ภูเขาลูกเล็ก ๆ พุ่งเข้าหาเขา

แสงที่แผดเผาซึ่งพุ่งออกมาจากตาเพียงข้างเดียวของมัน มีอุณหภูมิ

สูงมากตัดผ่านทุกอย่าง

หลอดทดลองถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนทันที แสงที่ยิงออกมาทาง

เฟิ งหลินต้องการเฉือนเขาเป็นชิ้นเล็ก ๆ

บูม!

อากาศสั่นสะเทือน

ตาของเฟิ งหลินเปล่งแสงและคลื่นที่มองไม่เห็นก็ออกมาจากหน้าผาก

ของเขา

อากาศรอบข้างรวมตัวกัน ควบแน่นกลายเป็นกระจก

บูม!

แสงถูกทําให้ผิดเพี้ยนเพราะกระจกและหันเหสะท้อนกลับหาไททัน

ทําให้มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

เฟิ งหลินกระโดดขึ้น เขามองดูโลกที่เหลืออยู่ในร่างกายของเขาราว

กับว่ามหาเทพเทียมฟ้าในตํานานได้กลับสู่โลกมนุษย์

ก่อนหน้านี้เขาถูกทุบตีอย่างรุนแรงและถึงเวลาต้องตอบโต้แล้ว!

มหาเทพเทียมฟ้าไม่ได้ตายแต่แค่มาช้า

ตอนนี้ …

มหาเทพเทียมฟ้าได้หวนคืนแล้ว!


ตอนที่ 127 การหวนคืนของมหาเทพเทียมฟ้า

ฮ่าห์!

เฟิ งหลินกระโดดขึ้น ตีลังกากลางอากาศ ด้วยการกระโดดครั้งเดียว

เขาสามารถถีบตัวสูงถึงสามสิบเมตรได้ จากนั้นร่างเขาก็พลิก180

องศา ดิ่งลงมาเหมือนดาวหาง ทําให้กระแสลมรอบตัวเขาบิดเบี้ยว

เปรียบเสมือนการร่อนลงมายังโลกมนุษย์

ด้วยหมัดเดียว มันรู้สึกเหมือนพื้นด้านล่างแตกเป็นเสี่ยง ๆ

ปุ ปุ !

รังสีแสงลุกไหม้จํานวนมากยิงออกมา

เฟิ งหลินใช้พลังจิตไร้รูปร่างเพื่อรวมไอนํ้าใกล้ ๆ เป็นสารคล้าย

กระจก สะท้อนรังสีแสงใส่ไททัน

ยีนพลังจิต ทํางาน!

นี่คือยีนประเภทที่ช่วยให้ผู้ใช้ยิงพลังจิตออกมาได้ ควบคุมพลังงาน

ไร้รูปร่างนี้ในการใช้จิตควบคุมของ มันเป็นพลังที่แปลกประหลาด

มาก

พลังจิตเดิมทีคือสิ่งที่เปลี่ยนจากพลังงานจิต มันช่วยให้พลังงานจิต

ไร้รูปร่างกลายเป็นการควบคุมสสาร

แต่เพราะธรรมชาติไร้รูปร่างมัน พลังขับเคลื่อนเบื้องหลังมันจึง

อ่อนแอมากและมันก็ทําได้แค่รบกวนคนอื่น

ในอดีต ผู้บ่มเพาะดวงดาวที่เฟิ งหลินเจอในหอต่อสู้ลวงตาก็มีความ

สามารถแบบนี้ พลังจิตที่อีกฝ่ ายใช้ยังไม่ถือว่าแข็งแกร่ง

แต่มันแตกต่างสําหรับเฟิ งหลิน ยีนจิตเขาสูงสุดแล้วและเกินขีดจํากัด

มัน เมื่อมันแปลงเป็นพลังจิต มันก็เหมือนคลื่นนํ้า สามารถสั่นคลอน

ได้หมด

แถมยีนลิงหินยังมีพลังของยีนประเภทจิต นั่นจะแข็งแกร่งขึ้นขนาด

ไหน?

พลังชีวิตของเฟิ งหลินพุ่งสูงขึ้นและเขาก็ไม่รู้สึกถึงการสะกดข่มด้าน

พลังของไททันอีก

งั้น ไททันนี้ก็อยู่แค่ระดับนี้?

เจตจํานงค์ของมหาเทพจะแสดงถึงความหาญกล้า เขาคือผู้ที่กล้า

ทําลายสวรรค์

แม้กระทั่งเทพที่สามารถควบคุมชีวิตและชะตากรรมได้ มหาเทพ

เทียมฟ้าก็ยังกล้าทําให้พวกเขาสลายเป็นฝุ่ นและเปลี่ยนอาณาจักรทั้ง

สามให้เป็นหนึ่งเดียว

ไททันเป็นเพียงความล้มเหลวที่ถูกขับจากบัลลังก์เทพโดยแพนธีออน

ของเทพกรีก ทําไมมหาเทพเทียมฟ้าต้องกลัวด้วย?

เฟิ งหลินได้สัมผัสกับเจตจํานงค์ของมหาเทพเทียมฟ้าและตอนนี้ เขา

ก็เหมือนการจุติของมหาเทพเทียมฟ้า เขารับรู้อารมณ์ทั้งหมด แต่ไม่

มีความกลัวอยู่ด้วย

เห้ย!

กินหมัดของฉันไปซะ!

ร่างเขาตกลงมาจากอากาศ ใช้โมเมนตัมของแรงโน้มถ่วง เขารวบรวม

พลังทั้งหมดไปที่หมัด หมัดเขาเหมือนค้อนที่สามารถพลิกฟ้าได้

“ตาย!” พลังหมัดสามารถทําให้แม้แต่ภูเขายังถล่ม

ดวงตาของไททันสั่นไหวด้วยความโกรธ มันเหมือนเทพยักษ์ใน

ตํานานกรีกที่แบกสวรรค์ไว้บนหลัง ร่างมันคล้ายกับเสาสวรรค์ขณะ

ปล่อยหมัดออกมาเช่นกัน

จากนั้นหมัดทั้งสองก็ปะทะกัน

เฟิ งหลินถูกเหวี่ยงผ่านอากาศจากแรงปะทะและต้องหมุนหลายครั้ง

ก่อนปรับสมดุลได้ ส่วนร่างของไททันก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เฟิ งหลินตัดสินใจได้

ต่อหน้าไททันสูง 15 เมตร เขาตัวจ้อยและไม่ต่างอะไรกับแมลง แต่

ตอนนี้ พลังของพวกเขาถือว่าสูสีกัน

ยีนไททันคือยีนหลุดพ้น ช่วยให้ผู้ที่ปลุกมันได้รับพละกําลังมหาศาล

กายเหล็กและความสามารถควบคุมพลังงานต่าง ๆ ดูเหมือนจะไร้จุด

บอด มันแข็งแกร่งในทุกแง่มุม

แต่สําหรับทุกพลังในจักรวาล การแข็งแกร่งรอบด้านนั้นเป็นไปไม่ได้

ไม่มีเผ่าใดในโลกนี้ที่ไร้เทียมทาน แน่นอนว่าย่อมไม่มียีนใดที่ไร้

เทียมทาน

ยีนไททันอาจรอบด้านก็จริง แต่ทุกความสามารถมันไม่ถึงจุดสูงสุด

ตัวอย่างเช่น ยีนลิงหินเป็นแค่ยีนแรกเริ่ม ด้อยกว่ายีนไททันหนึ่งระดับ

แต่ทว่า สําหรับการเสริมร่างกายของยีนลิงหิน มันเหนือกว่ายีนไททัน

มาก ตัวอย่างเช่น การต้านดาบและหอก การทนไฟและนํ้า…

หากอยากพูดถึงด้านร่างกาย ยีนลิงหินย่อมไม่ด้อยกว่ายีนใด

เฟิ งหลินถีบตัวอีกครั้ง เขาพึ่งพาความเร็วเขาและพละกําลัง และ

สามารถต้านทานการโจมตีของไททันได้นาน

“อะไรกัน?” ไททันตกใจมาก มันรู้สึกว่าแมลงตัวน้อยตรงหน้ามัน

แตกต่าง ในร่างเล็ก ๆ ของแมลง มันสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ทํา

ให้ผู้คนหวั่นเกรง

และทั้งหมดนี้เกิดในชั่วพริบตา

ในเวลาอันสั้น แมลงเช่นนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ได้ยังไง?

แม้ไททันจะเป็นสุดยอดของการดัดแปลงยีน มันก็ไม่อาจคิดสิ่งต่าง ๆ

ได้

แต่ มันก็เป็นที่เข้าใจได้ที่ไททันไม่อาจขบคิด

หากเทียบพื้นฐานของยีนพวกเขา ไททันจะมาเทียบกับมหาเทพเทียม

ฟ้าได้ยังไง?ไททันก็แค่มดตัวน้อยที่อยากไปเทียบกับมังกร

ลําแสงยิงออกจากตาของไททัน กวาดผ่านไปทั่ว ทําให้เกิดการ

ทําลายล้างทุกที่ที่มันผ่าน

ดวงตาของเฟิ งหลินเปล่งประกาย พลังจิตเขาพุ่งออกมา บิดเบือน

รอบ ๆ และเผยให้เห็นวังวนที่กลืนลําแสง ลําแสงไม่มีทางทําร้ายเฟิ ง

หลินได้

เปลวไฟ ลมและสายฟ้าระเบิด…

ตาเดียวของไททันปล่อยทักษะทั้งหมดออกมา พลังงานหลากประเภท

รุกลํ้า ห่อหุ้มเฟิ งหลินไว้

เฟิ งหลินไม่หลบ เขาเผชิญกับคลื่นการโจมตีตรง ๆ

ไททันทรงพลังแค่นี้?

ในตํานาน มหาเทพสามารถบินขึ้นไปบนสวรรค์หรือดําลงก้นสมุทร

ได้ เขาสามารถปี นขึ้นภูเขาดาบหรือลงสู่มหาสมุทรแห่งไฟ เขา

สามารถทําอะไรก็ได้

แม้พายุพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจะทรงพลัง ความหนาแน่นก็ไม่

สูง

ยีนลิงหินของเฟิ งหลินถึงระดับ 10 แล้ว ความสามารถเขาในการต้าน

ไฟและนํ้ายิ่งแกร่ง เขาไม่รู้สึกกดดันเลย

เขาค่อย ๆ เดินออกจากพายุพลังงาน ไร้บาดเจ็บโดยสิ้นเชิง

เดิมทีเขาคิดว่าไททันแข็งแกร่งมาก แต่ในความเป็นจริง มันกลับ

อ่อนแอ

ไททันนั้นไม่ได้รับพลังจากการบ่มเพาะ วิธีที่ไททันใช้พรสวรรค์มัน

ถือว่าตํ่าชั้นมาก

มันรู้แค่การใช้พลังงานมั่ว ๆ แต่มันไม่รู้ว่าพลังงานประเภทต่าง ๆ

เสริมและขัดแย้งกันยังไง ลมและไฟสามารถกลืนกินได้ทุกสิ่ง สายฟ้า

และไฟตกลงจากฟ้า ลมและสายฟ้าสามารถรวมกันเป็นพายุ…ไม่ว่า

จะรวมกันยังไง ผลของพลังงานสองประเภทย่อมดีกว่าประเภทเดียว

อาจเพราะก่อนหน้านี้ มันพึ่งพากําลังเพื่อสะกดเฟิ งหลินและดูไร้

เทียมทาน แต่ ณ จุดนี้ ที่สถานะพลังของเฟิ งหลินไม่ได้ต่างจากมัน

วิธีโจมตีของไททันจึงดูด้อยกว่ามาก

หมัดลิง!

เฟิ งหลินแสดงกระบวนท่าเขา หลบการโจมตีอย่างว่องไว

หมัดลิงธรรมดานี้ เมื่อถูกสําแดงโดยเขา มันได้เปลี่ยนเป็นสิ่งมหัศจรรย์

ทุกการเคลื่อนไหวเขาเต็มไปด้วยความคล่องแคล่วและราบรื่น เขา

กระโดดขึ้นไปบนร่างไททันและเริ่มวิ่ง

มหาเทพเทียมฟ้าคือบรรพบุรุษของลิงทั้งมวล หลังทําความเข้าใจ

เจตจํานงค์ ความเข้าใจในหมัดลิงของเฟิ งหลินก็มาถึงจุดที่ลึกซึ้งยิ่ง

ตอนนี้เขาเหมือนลิงร่างมนุษย์

ฉันกําลังเดินไปบนเส้นทางสู่การเป็นลิงจริง ๆ …?

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เฟิ งหลินพลันรู้สึกขุ่นเคือง แต่การเคลื่อนไหว

กลับไม่ช้าลง

พลังหมัดเขาเหมือนสายฟ้า เล็งไปยังรักแร้ หน้าอก คอของไททัน…

จุดสําคัญทุกจุด

มือของไททันยังคงทุบไม่หยุด อยากบดขยี้เฟิ งหลินเป็นกองเนื้อ

แต่ทว่า การเคลื่อนไหวของเฟิ งหลินราบรื่นหาที่เปรียบไม่ได้ เขา

หลบเรื่อย ๆ ขณะมองหาโอกาสโจมตี

ร่างของไททันเหมือนภูเขา เพราะขนาดมัน นี่จึงให้เฟิ งหลินมีโอกาส

แสดงความคล่องแคล่วเขา ช่วยให้เขาหลบการโจมตีได้ง่าย ๆ

สีหน้าของไททันยิ่งบิดเบี้ยว มันรู้สึกว่าเฟิ งหลินเหมือนเห็บหมัดที่

ยังคงกระโดดไปมั่ว ๆ และก็ไม่มีทางจับได้

แต่ไททันไม่ได้โง่ แม้มันจะเป็นสิ่งมีชีวิตเทียมและไม่มีประสบการณ์

ต่อสู้ สติปัญญามันก็ไม่ได้ตํ่า ในไม่ช้ามันก็ตระหนักว่าหากอยาก

จัดการเฟิ งหลิน สิ่งแรกที่ต้องทําคือจํากัดการเคลื่อนไหว

ตาเดียวของมันเปล่งแสง ผลึกเริ่มก่อตัวอย่างรวดเร็วบนผิวมัน คล้าย

กับชุดเกราะ

“อะไรกัน?”เฟิ งหลินตอบสนองไม่ทัน ผลึกบางส่วนติดกับร่างเขา

และในไม่กี่วินาที มันก็คลุมทั้งตัวเขา เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นรูปปั้น

เขาพยายามดิ้นรน

“ตาย!” ไททันเปล่งเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง ฝ่ ามือมันตบลงมา อยากบด

ขยี้เฟิ งหลินก่อนจะกลืนเขา

เฟิ งหลินฝืนยกหัวและเห็นฝ่ ามือไททันซึ่งคล้ายกับภูเขาห้านิ้วกําลัง

ตบลงมา

สีหน้าเขาดํามืด มันรู้สึกราวกับเขาเคยเห็นฉากนี้มาก่อน ฉากที่เต็ม

ไปด้วยความสิ้นหวัง!

จากนั้นสีหน้าของเฟิ งหลินก็เปลี่ยนไป กลิ่นอายคุกกรุ่นที่ไม่อาจดับ

ได้โดยกาลเวลาเพิ่มขึ้นจากส่วนลึกของหัวใจเขา หลังจากนั้นก็มี

เสียงคํารามโกรธเกรี้ยวดังออกจากปากเขา

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นองค์ยูไลหรือยังไง?”



ตอนที่ 128 สังหารเทพ

ฝ่ ามือยักษ์และนิ้วทั้งห้าทุบลงเหมือนฝ่ ามือยูไลที่อยากผนึกซุนหงอคง

ในอดีต

เฟิ งหลินเอียงหัว พลังชี่ร้ายกาจถาโถมในหัวใจเขาขณะที่คลื่นความ

โกรธปะทุออกมาเหมือนลาวาปั่นป่ วนในภูเขาไฟ อยากแผดเผาทุก

อย่างในโลกมนุษย์

เป็นแค่ไททัน คิดว่าเป็นองค์ยูไลหรือยังไง?

หัวใจของเฟิ งหลินเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เขาไม่ขยับ ทั่วร่างเขา

คล้ายกับถูกแช่แข็ง ฝ่ ามือปกคลุมเขาโดยสิ้นเชิง กระแทกลงมาอย่าง

โหดเหี้ยม

ไททันตัวนี้ใช้กระบวนท่าเดิม อยากบดขยี้เฟิ งหลินเหมือนกับที่มัน

ทํากับยักษ์เขียวก่อนกลืน

เสียงเอี๊ยดดังสะท้อน

มือของไททันออกแรงมากขึ้น ทําให้กระดูกของเฟิ งหลินส่งเสียง ให้

ความรู้สึกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

เฟิ งหลินทนความเจ็บปวด กลิ่นอายแข็งกร้าวเขาร้อนแรงเหมือนไฟ

กระตุ้นการไหลของกระแสพลังงาน

เขาจะยอมประสบชะตากรรมเหมือนยักษ์เขียวได้ยังไง?

“เปิ ด!” สีหน้าเขาบิดเบี้ยว ร่างเขาสั่นอย่างรุนแรงและก็ทําลายสาร

คล้ายผลึกเป็นชิ้น ๆ พลังลึกลับพวยพุ่งออกมา ทําให้เขาสามารถ

ผลักมือไททันออกไปได้

หลังจากนั้น แขนสองข้างของเฟิ งหลินก็กอดนิ้วคล้ายเสายักษ์ไว้

ขณะใช้พลังและดึง

เปรี้ยะ!

นิ้วหัก

จริง ๆ แล้วพลังของเฟิ งหลินและไททันไม่ต่างกันมาก และตอนนี้

เขาทุ่มพลังทั้งหมดใส่นิ้วของไททัน เช่นนั้น ไททันจะต่อต้านได้

ยังไง?

ไททันดึงมือมันกลับและคว้านิ้วที่หัก โหยหวนอย่างเจ็บปวด จาก

แผล หยดเลือดสีแดงไหลออกมาเหมือนนํ้าพุร้อน

มันได้ผล!

เนื่องจากมันได้ผล เฟิ งหลินจึงอยากทําอีกครั้ง

เฟิ งหลินยังใช้พลังสุดตัวเพื่อทําลายอีกสี่นิ้วของมือซ้ายไททันต่อ

ไททันเจ็บปวดมาก มันสะบัดมืออย่างแรง อยากเหวี่ยงเฟิ งหลินออกไป

แต่มันเป็ นเรื่องง่ายที่จะเชิญแขกเข้ามาและยากที่จะพาแขกออกไป!

เฟิ งหลินยึดมั่นและกอดข้อมือไททันแน่น เขาไม่เต็มใจถูกโยน

ในเมื่อแกคว้าฉันไว้เอง แกจะผลักไล่ฉันอกไปง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?

แกไม่ถือว่าเป็นเทพ แต่ก็ยังอยากทําตัวเป็นพระพุทธองค์? แม้กระทั่ง

ใช้ฝ่ ามือภูเขาห้านิ้ว..?

แบบนี้ ฉันก็จะทําลายนิ้วแกให้หมด!

เฟิ งหลินกระโดขึ้นสูง จากมือซ้ายของไททันไปมือขวา จากนั้นก็

กระแทกพลังงานทั้งหมด ใส่นิ้วนางและกลางของมือขวาไททันและ

ทําลายพวกมันในคราเดียว ทําให้เลือดไหลออกมาเหมือนนํ้าตก

ไททันถูกหักนิ้วอย่างต่อเนื่องและร้องโหยหวนไม่หยุด

เฟิ งหลินไม่หยุด ไม่ว่าไททันจะพยายามหยุดเขาแค่ไหน เขาก็ยัง

โจมตีอย่างต่อเนื่อง ทําลายนิ้วทั้งสิบของไททัน

ตอนนี้มือทั้งสองมันพิการ พลังต่อสู้มันลดลงมาก

สถานการณ์เปลี่ยนไป

ร่างของไททันใหญ่เกินไปและการเคลื่อนไหวมันก็ช้ามาก เมื่อเจอ

กับคนตัวเล็กอย่างเฟิ งหลิน มันย่อมเสียเปรียบ

เฟิ งหลินอาจสามารถใช้ประโยชน์นี้เพื่อโจมตีไททันได้ และเมื่อ

บาดแผลเล็ก ๆ สะสมกัน ไททันก็อาจบาดเจ็บสาหัสและตายในการ

โจมตีเดียวหลังจากบาดเจ็บสาหัส

ตอนนี้เฟิ งหลินมีแผน รอยยิ้มเย็นผุดบนหน้าเขา

แล้วหากไททันคือเทพจริง ๆ ละ?

ต่อให้มีเทพในโลกนี้ วันนี้ฉันก็จะสังหารเทพ

โดยไม่เสียเวลา เฟิ งหลินลงมืออย่างโหดเหี้ยม เขาเล็งคอ ขมับ แก้วหู

ของไททัน…โจมตีใส่ทุกจุดสําคัญ

กรงเล็บมังกรทองวัชระ

หมัดปื นใหญ่ไทชิ

รอยประทับค้อนพลิกฟ้า

เขาปล่อยเทคนิคทุกประเภทขณะที่ไททันร้องโหยหวน

แม้อาการบาดเจ็บจะน้อย ความเจ็บปวดก็ยังรุนแรงมากและนี่ก็ทํา

ให้ไททันยิ่งโกรธ

แต่การเคลื่อนไหวของไททันเงอะงะเกินไป และมันก็ไม่มีทางจับ

เฟิ งหลินได้ เฟิ งหลินเหมือนแมลงวันที่บินรอบ ๆ โดยที่มันไม่อาจ

ทําอะไรได้

อย่างไรก็ตาม เฟิ งหลินไม่พอใจ หลังโจมตีอยู่ครึ่งวัน ไททันก็ยัง

คล้ายมังกรหรือเสือและยังมีพลังชีวิตแข็งแกร่ง

อาจกล่าวได้ว่าแม้ร่างของไททันจะขยาย การเคลื่อนไหวมันก็ช้าลง

แลกกับความทนทานและความต้านทาน

ความคิดก่อนหน้าไม่ผิด เขาอยากสะสมบาดแผลเล็กน้อยก่อนพยายาม

ล้มไททันในการโจมตีครั้งเดียว

แต่เขาลืมจุดหนึ่งไป เขาขาดเวลาและนั่นคือสิ่งสําคัญสุด!

เขาต้องใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อสะสมบาดแผลให้ไททันสูงกว่า 15

เมตรล้ม?

หนึ่งชั่วโมง? หนึ่งวัน? หรือสามวัน?…

บางทีแผนนี้อาจสําเร็จก็จริง แต่เฟิ งหลินไม่มีเวลามากขนาดนั้น

บริษัทยาไจแอนท์ล่มแล้ว และด้านนอก เปลวไฟแห่งสงครามกําลัง

กวาดผ่านไปทั่ว มันเป็นไปได้ที่กองทัพปฏิวัติอาจบุกมาที่นี่ และ

หากเป็นเช่นนั้น เขาจะตกอยู่ในอันตราย

เขาต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด

เฟิ งหลินรู้ว่าเขาไม่มีเวลาให้เสีย ความคิดเขาหมุนอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น หัวใจเขาก็เต้นกระหนํ่า เขากําลังคิดว่าซุนหงอคงจะทํา

ยังไงหากเจอกับสถานการณ์เช่นนี้?

เหนือสิ่งอื่นใด ซุนหงอคงในตํานานคือเทพแห่งการต่อสู้ที่ผ่านการ

ต่อสู้มานับไม่ถ้วน มีอะไรที่เขาไม่เคยเจอ?

บางที เขาอาจได้รับแรงบันดาลใจจากซุนหงอคง

“เอ๊ะ?” เฟิ งหลินจ้องร่างยักษ์ของไททัน รวมถึงปากมันที่เปิ ดกว้าง

ความคิดพลันพุ่งขึ้น

เงาร่างเขาเหยียบไปบนนิ้วที่หัก จากนั้นก็ดึงมันอย่างรุนแรง ทําให้

นิ้วของไททันถูกดึง

ไททันเจ็บปวดมากจนอ้าปากกว้างเพื่อกรีดร้อง มันเหมือนหลุมดํา

และอากาศร้อนก็ไหลออกมา

โอกาส!

เฟิ งหลินไม่ถอยแต่กลับเลือกบุกแทน เขากระโดดเข้าปากไป

เมื่อสัมผัสได้ว่ามีวัตถุแปลกปลอมเข้าลําคอมัน สีหน้าของไททันก็

เปลี่ยนไป มันกุมมือรอบคอขณะไอ

มันรู้สึกเจ็บปวดในคอมาก มันพ่นเลือดคล้ายลาวาเดือดออกมา

ตอนนั้นเอง เฟิ งหลินได้เข้าสู่ทางเดินอบอุ่นและเหม็นอับ กําแพง

กล้ามเนื้อกระตุกและของเหลวเหนียวกลิ่นคาวก็เต็มไปหมด หยดใส่

เขา มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง

กลิ่นเน่าลอยอยู่ทั่วอากาศ

เฟิ งหลินกลั้นหายใจ รู้ว่าเขายังอยู่ในบริเวณคอของไททัน

ฉันไม่เชื่อว่าภายในร่างกายแกจะแข็งเหมือนผิวแก

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใด อวัยวะภายในมักเป็นจุดอ่อนเสมอ

ดวงตาของเฟิ งหลินเปรียบเสมือนนํ้าแข็งขณะแทงมือออกไป

พลังอัดอากาศไร้รูปร่างระเบิดออกมา สร้างเป็นคมมีดอากาศคล้าย

ดาบเซียนที่บินออกจากฝัก ฝังลึกลงในกําแพงเนื้อ

ฉึก!

ใบหน้าเฟิ งหลินแดงจากการใช้พลังงาน แต่เขาไม่หยุด มือเขาเฉือน

ลงเหมือนดาบอีกครั้ง ทุกที่ที่ดาบแหวกผ่าน บาดแผลจะปรากฏบน

กําแพงเนื้อ ทําให้เลือดไหลออกมาเหมือนนํ้า

สําหรับเฟิ งหลิน เขาทนเลือดเดือดและขุดลึกลงแผล ยังคงขุดจนถึง

ภายในของไททัน

ปัง ปัง ปัง!

ทวารทั้งเจ็ดของไททันเลือดออก ความเจ็บปวดรุนแรงทําให้ไททัน

คลุ้มคลั่ง

หน้าอกมันยกขึ้นและคล้ายกับถุงเนื้อใหญ่ และดูเหมือนจะมีหนูตัว

เล็ก ๆ วิ่งไปมารอบมัน บางครั้ง หนูจะขยับไปในปอดมัน ตับมัน

และจากนั้นก็ท้อง..

สําหรับอวัยวะภายในทุกชิ้นที่ ‘หนู’ เข้าไป ไททันจะกรีดร้องพลาง

กระอักเลือด กลิ่นอายแข็งกร้าวมันแผ่วเบา

และเพียงเมื่อไททันกําลังจะตาย หน้ามันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง อึดใจ

ต่อมา สัญญาณชีพมันก็ดับไป

บูม!

ศพระเบิดขณะที่มนุษย์ชุ่มเลือดเดินออกมา ในมือหนึ่งของเขา มันมี

บอลเปล่งประกายแสงสีแดงในมือ

บูม บูม บูม!

มันเต้นเหมือนเสียงสะท้อนของกลอง น่าแปลกใจ ก้อนกลม ๆ นี้

เหมือนหัวใจ มันกระตุกอย่างรุนแรง

ร่างของเฟิ งหลินเปี ยกโชกไปด้วยเลือด และหน้าตาดั้งเดิมเขาก็ไม่

หลงเหลือ มีเพียงดวงตาเขาที่เย็นเฉียบดุจนํ้าแข็ง

แล้วหากไททันคือเทพละ?

นั่นไม่ใช่ว่าฉันคือผู้สังหารเทพ?!

 

 

 


ตอนที่ 129 เตาหลอม

 

บูม!

ร่างของไททันที่ใหญ่เหมือนภูเขาลูกเล็ก ๆ ล้มลงกับพื้น ทําให้เกิด

แรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เฟิ งหลินยืนอยู่ที่ตําแหน่งเดิม เลือดสด ๆ หยดออกมาจากร่างกาย มี

กลิ่นอายการสังหารที่น่ากลัวจนทําให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้เขา

บูม บูม บูม!

หัวใจทรงกลมขนาดครึ่งเมตรยังเต้นในมือเขา

นี่คือหัวใจของไททัน!

เฟิ งหลินดึงหัวใจของไททันออกมา เป็นการโจมตีที่ทําให้ไททันตาย

ทันที

มองไปที่หัวใจของไททัน เขารับรู้ได้ถึงปริมาณพลังงานมหาศาลที่

อยู่ภายใน เหมือนมีระเบิดปรมาณูอยู่ในมือ

ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าแค่มองมัน แต่ถ้าพลังงานปะทุ

ออกมา มันมีพลังมากพอทําลายสวรรค์และโลก

นี่เป็นอวัยวะของสิ่งเหนือธรรมชาติ?

เฟิ งหลินนึกถึงความรู้ทั่วไปที่ผู้บ่มเพาะทุกคนจะรู้เมื่อมาถึงอาณาจักร

ผู้บ่มเพาะระดับสูง พวกเขาจะเริ่มก้าวสู่เส้นทางที่นําไปสู่การเป็นสิ่ง

เหนือธรรมชาติ (หลุดพ้น) ร่างกายของพวกเขาจะค่อย ๆ ได้รับ

‘วิวัฒนาการพลังงาน’

นอกจากนี้ยังมีลําดับเมื่อร่างกายมนุษย์ผ่านกระบวนการนี้

บ่อยครั้ง อวัยวะแรกที่เสร็จสิ้นกระบวนการวิวัฒนาการพลังงานจะ

กลายเป็นแกนของพลังบ่มเพาะ ศักยภาพและพรสวรรค์ ในภาษาของ

โลกบ่มเพาะ อวัยวะนั้นได้รับการขนานนามว่าเป็นอวัยวะหลุดพ้น

เห็นได้ชัดว่าหัวใจของไททันนี้เป็นอวัยวะหลุดพ้นของไททัน มัน

เป็นแกนพลังงานที่ให้พลังแก่ไททัน

อาจกล่าวได้ว่าเมื่อเฟิ งหลินได้รับสิ่งนี้ มันก็หมายความว่าเขาได้รับ

พลังอันยิ่งใหญ่ของไททัน

แต่ตอนนี้เขาเพิ่งก้าวบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ และขอบเขตของ

เขาก็ยังคงแคบ หลังจากตรวจหัวใจครึ่งวัน เขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาสามารถ

ทําอะไรกับหัวใจของไททันนี้ได้

หัวใจของไททันนี้ไม่ใช่วัตถุธรรมดาแน่นอน มันควรจะมีประโยชน์

มากมาย

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้งานมันได้ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความ

ว่าเขาจะไม่สามารถใช้งานมันในอนาคตได้

สําหรับของที่น่าประหลาดใจนี้ มีนย่อมมีประโยชน์มากมายที่มาพร้อม

กับธรรมชาติของมัน อาจจะสามารถปรับปรุงรากฐานของเขาได้

เฟิ งหลินเก็บไว้อย่างระมัดระวัง เขาจะหาเวลาค้นหาความลับมัน

สายตาของเขากวาดไปทั่วพื้นที่ที่ตอนนี้เงียบสนิท มีศพทุกหนทุกแห่ง

ปล่อยควันคละคลุ้ง

ผู้คนในบริษัทยาไจแอนท์ถูกเขากําจัดอย่างสมบูรณ์ มันถึงเวลาแล้ว

ที่เขาจะจากไป

อย่างไรก็ตาม เฟิ งหลินยังคงไตร่ตรองอยู่ เขาไม่ได้ออกไปทันที แต่

เริ่มสํารวจรอบ ๆ อย่างระมัดระวังแทน

เขารู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นซากปรักหักพังในตํานานที่ถูกทิ้งไว้จาก

นิกายเตาหลอมอมตะ อาจจะมีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่อีกมาก

ตอนนี้ยังไม่มีความวุ่นวายอะไรข้างนอก ดังนั้นเขาจะมีเวลาค้นหา

อย่างรวดเร็วก่อนที่คนจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารจะมาถึง

เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะมาที่นี่ ถ้าเขาออกไปมือเปล่าแล้ว

เขาจะได้อะไร?

เฟิ งหลินเริ่มค้นหาจากบริเวณรอบนอกของสถานที่แห่งนี้ด้วยความเร็ว

และในไม่ช้าก็สํารวจรอบนอกเสร็จ

เขาค้นพบว่าพื้นที่นี้เป็นวงกลม มันเหมือนเขาอยู่ภายในบอลเหล็ก

ตึง ตึง

เฟิ งหลินใช้นิ้วเคาะกําแพง และไม่ช้าก็ค้นพบว่าที่นี่ดูเหมือนจะมี

ประตูอีกแปดประตูใกล้ ๆ แต่ถูกซ่อนไว้ด้วยโลหะทั้งหมด

เฟิ งหลินส่งพลังจิตของเขาและทําให้เขาต้องประหลาดใจ เขาพบว่า

ลาวาเดือดของแกนกลางดาวอังคารอยู่นอกประตูเหล่านี้ ที่ที่เขาอยู่

จริง ๆ แล้วเป็นวัตถุทรงกลมมหึมาซึ่งลอยอยู่กลางลาวา

วัตถุทรงกลมที่แปลกประหลาดนี้ทําให้เฟินหลินรู้สึกคุ้นเคย มัน

เหมือนว่าเขาเคยรู้เรื่องจากที่ไหนสักแห่ง

แปลก ฉันไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ทําไมถึงคุ้นเคย?

เฟิ งหลินไม่คิดว่าความรู้สึกของเขาผิด พลังงานจิตและความสามารถ

ด้านความทรงจําของเขานั้นทรงพลังมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะ

พลาด

เนื่องจากเขามีความคุ้นเคย มันอาจหมายความว่าเขาเคยมาที่นี่มาก่อน

หรือเขาเคยเห็นฉากที่คล้ายกันในอดีต

แต่เขาเคยเห็นสิ่งนี้ที่ไหน?

ดวงตาของเฟิ งหลินเปล่งประกายเมื่อเขาจําได้ ย้อนกลับไปเมื่อเขาใช้

พลังงานจิตในการสํารวจสิ่งมีชีวิตผลึกของยาโบราณ เขาเคยเห็น

ฉากนี้จากอดีตกาล

ภาพที่ตัวเขาเองเป็นยาเม็ดและถูกหลอมในเตาหลอม คล้ายกับสิ่งที่

เขาเห็นในตอนนี้

เตาหลอมยา?

หัวใจของเฟิ งหลินสั่นไหว พื้นที่วงกลมที่เขาอยู่นี้ดูเหมือนจะเป็น

ภายในเตาหลอม แม้ว่ามันจะใหญ่มาก รูปร่างก็ไม่ต่างจากเตาหลอม

จีนโบราณ

ในตํานานกล่าวกันว่าสมบัติบางอย่างมีความสามารถเปลี่ยนให้เล็ก

ลงหรือใหญ่ขึ้นได้ตามความประสงค์ มันอาจเป็นเตาหลอมจริง ๆ ?

ความเป็นไปได้สูงมาก!

แม้ว่ามันจะดูไม่น่าเชื่อ เฟิ งหลินก็รู้สึกว่ามันน่าจะจริง

บริษัทยาไจแอนท์พบยาศักดิ์สิทธิ์โบราณที่นี่ใช่ไหม?

น่าจะเป็นยาที่อยู่ในเตาหลอม

เตานี้จริง ๆ แล้วใช้ไฟจากแกนกลางของดาวอังคารเพื่อกลั่นสิ่งต่าง ๆ

มันอาจถือได้ว่าเป็นสมบัติลํ้าค่าที่สุดของนิกายเตาหลอมอมตะ

ในกรณีนั้นทําไมฉันไม่เอาติดตัวไปด้วยล่ะ?

หัวใจของเฟิ งหลินเต้นกระหนํ่าและรู้สึกว่าการคิดของเขาค่อนข้าง

สมเหตุสมผล

จากเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุทั้งหมดที่เขาได้รับมา มีเทคนิคพื้นฐาน

ที่สุดอย่างหนึ่งคือการทําให้เตาหลอม ‘เชื่อง’ และยอมรับ

หากเขาสามารถพึ่งพาเทคนิคนี้เพื่อทําให้เตาหลอมนี้เชื่องและนําติด

ตัวไปด้วยได้ พื้นฐานของเขาจะได้รับการเสริมแกร่งอย่างแน่นอน

นอกจากนี้เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุของเขาจะไม่เหมือนวิชาสังหาร

มังกรอีกต่อไป เขาจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน

ตั้งแต่เฟิ งหลินคิดเรื่องนี้ เขาก็ไม่ลังเลและลองใช้ทันที มือทั้งสองทํา

ท่าทางเหมือนผีเสื้อกําลังเต้นอยู่ในสายลม ทําให้ผู้ที่เห็นมันตกอยู่

ในภวังค์

มันค่อย ๆ เชื่อมกับจิตใจของเขา พลังจิตของเขาทะลักไหลออกมา

จากท่าทางและก่อระลอกไร้รูปร่างเข้าสู่เตาหลอม

ตอนนี้ตราบใดที่เฟิ งหลินได้รับการยอมรับ เขาก็จะสามารถแสดง

พลังของเตาหลอมนี้ได้

มันได้ผลจริง ๆ

เฟิ งหลินรู้สึกดีใจ เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเขากําลังทําให้เตาหลอมนี้

เชื่องด้วยความเร็ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะรู้สึกมีความสุขเกินไป หูที่เฉียบแหลม

ของเขาก็ได้ยินเสียงเท้า เสียงฝี เท้าดังอยู่ข้างบนและดังขึ้นเรื่อย ๆ ดู

เหมือนว่าจะมีกลุ่มคนจํานวนมากเข้ามาในห้องทดลองด้านนอก

ขณะนี้เขาอยู่ท่ามกลางการสร้างสัมพันธ์กับเตาหลอม มันเป็นไป

ไม่ได้ที่เขาจะหลบคนพวกนั้น

ทันใดนั้นทหารจํานวนหนึ่งสวมเครื่องแบบกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร

ก็พุ่งเข้ามา

“ในที่สุดพวกเขาก็พบทางเข้าที่นี่” เฟิ งหลินไม่ตื่นตระหนก เขาจ้อง

มองทหารอย่างใจเย็น และคิดแผนไปด้วย

“ดูนั่น คนจากบริษัทยาไจแอนท์ที่หลบหนี!”

“พวกมันถูกฆ่าตายหมด ใครกันที่ทําแบบนี้?!”

“ดูนั่น มีคนที่ยังไม่ตาย หากเขาต่อต้าน ก็ฆ่าเขาทันที!”

เสียงตะโกนดังขึ้นและทหารเหล่านั้นก็หันปื นรังสีใส่เฟิ งหลินทันที

หากเฟิ งหลินขยับ ร่างกายของเขาก็จะเต็มไปด้วยรู

ทหารคนหนึ่งเดินไปข้างหน้า จ้องไปที่ศพรอบ ๆ ร่างไททันและศพ

ของแฟรงค์ เขามีสีหน้าตกใจ

จากนั้นเขาก็เหลือบมองเฟิ งหลินที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เต็มไปด้วย

เลือด เขาสั่งอย่างเย็นชา “ฆ่าเขาซะ!”

ฟิ้ว

ลําแสงจากปื นยิงผ่านอากาศ ระเบิดใส่ด้านหลังของเฟิ งหลิน แต่ด้วย

เหตุผลบางอย่าง การโจมตีของลําแสงทั้งหมดหายไปอย่างเงียบ ๆ

“อะไรกัน?” ทหารเหล่านั้นอุทานด้วยความตกใจและสับสน

เฟิ งหลินไม่ขยับ เขาแค่มองและพูดอย่างใจเย็น “ปล่อยให้ไฟส่อง

สว่าง!”

มือของเขาทําท่าทางและชี้ไปมั่ว ๆ โดยเน้นพลังจิตทั้งหมดของเขาที่

ไปนั่น

ครืน

ทันใดนั้น ประตูทั้งแปดของเตาหลอมก็เปิ ดออกให้ลาวาเดือดไหล

เข้ามา อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทําให้ที่แห่งนี้กลายเป็นนรก

ที่ร้อนแรง

ไฟ ไฟ ไฟ…

เปลวไฟอยู่ทุกทิศทาง ที่แห่งนี้ถูกเปลี่ยนเป็นมหาสมุทรไฟอย่าง

สมบูรณ์ ทําให้ทหารเหล่านั้นจมหายไปหมด

ทหารเหล่านั้นไม่มีเวลาตะโกนและพวกเขาก็ถูกเผาด้วยไฟร้อนกว่า

พันองศา ไม่เหลือแม้แต่กระดูก

ลาวาไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ร่างของเฟิ งหลินขดตัวโดยธรรมชาติ ผิวของเขาเปล่งประกายแวววาว

ราวกับหยก เศษหินคล้ายกับเปลือกไข่ก่อขึ้นรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เหมือนเขาหวนกลับไปสู่ยุคก่อนที่ซุนหงอคงเกิด เมื่อซุนหงอคงอยู่

ในหิน หินก้อนนี้ลอยขึ้นและจมลงในมหาสมุทรไฟ ล้างสิ่งสกปรก

ออกจนบริสุทธิ์

เตาหลอมไฟกําลังชะล้าง!


ตอนที่ 130 ปรับแต่งเตาหลอม

หินปกคลุมร่างเขาเปลี่ยนเป็นเปลือกหินที่ปิ ดผนึกอย่างสิ้นเชิง

เฟิ งหลินเปลี่ยนเป็นลิงหิน (อีกชื่อของซุนหงอคง) คุ้มกันร่างเขาและ

ต่อต้านความร้อนของลาวา

นี่คือวามสามารถพิเศษของลิงหินหลังมันเสริมแกร่งจนเต็ม ความ

สามารถนี้คือการแปลงเป็นหิน

ราคาของความสามารถนี้คือการที่ขยับไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ในสภาพนี้

การป้องกันเขาจะเพิ่มขึ้นมหาศาล

อุณหภูมิลาวาสูงกว่าหมื่นองศา ทหารที่กรูกันเข้ามากลายเป็นเถ้าถ่าน

แต่เฟิ งหลินยังไม่บาดเจ็บ นี่คือการป้องกันสูงสุดของยีนลิงหิน

นับตั้งแต่เขายืนยันว่าเขาอยู่ในเตาหลอม เขาก็คิดถึงกลยุทธ์นี้

ทหารของกองทัพปฏิวัติดาวอังคารดูเหมือนจะมีมากมาย มากันทีละ

กลุ่ม พลังของคน ๆ เดียวย่อมไม่พอจะต้านทาน

แม้จะฆ่าได้ แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะฆ่าหมด?

ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายเขาก็ต้องตายจากความเหนื่อย

ดังนั้น เฟิ งหลินอาจเปิ ดเตาหลอมและล่อพวกเขาเข้ามายังแกนดาว

อังคาร เปลี่ยนสถานที่นี้ให้เป็นขุมนรก ทําให้มันไม่มีใครเข้ามาได้ มี

เพียงเขาที่รอดด้วยความสามารถการแปลงเป็นหิน

ดังนั้นตอนนี้ เฟิ งหลินจึงแปลงเป็นลิงหินที่ยังอยู่ภายในเปลือกหิน

ลอยอยู่ท่ามกลางลาวา

สถานที่นี้เต็มไปด้วยไฟของแกนดาว และอุณหภูมิก็สูงมาก สามารถ

กลั่นและหลอมอะไรก็ได้ ความร้อนทําให้ร่างกายเขาตื่นตัวตลอดเวลา

และเปลือกหินก็โปร่งใสขึ้น เปล่งประกายแสงมันวาว

หากก่อนหน้าเขาเป็นหินทั่วไป ตอนนี้สิ่งสกปรกทั้งหมดได้ถูกลบ

หมดแล้ว เปลือกหินตอนนี้ดูเหมือนชิ้นหยกขาวบริสุทธิ์

แม้ยีนลิงหินจะเสริมแกร่งจนเต็ม นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าความสามารถ

ทั้งหมดถึงขีดสุดแล้ว

การเพิ่มแต้มความแข็งแกร่งของยีนเทียบกับการเพิ่มพรสวรรค์ เมื่อ

พรสวรรค์ถึงขีดจํากัด เพื่อให้เติบโตต่อได้ พวกเขาต้องฝึกฝนความ

สามารถให้แข็งแกร่งขึ้น

เมื่อซุนหงอคงถือกําเนิด เขาก็เป็นลิงหินวิญญาณแล้ว แต่พลังเขาไม่ใช่

สิ่งที่ได้รับมาโดยกําเนิด มันแค่เพราะพรสวรรค์เขาดีและสติปัญญาก็

เหนือกว่าลิงทั่วไปซึ่งทําให้เขาไร้เทียมทาน ตอนแรก เขาก็แค่ลิงหิน

ตัวน้อยแสนอ่อนแอ

ต่อมา ซุนหงอคงก็ได้ข้ามมหาสมุทรทั้งสี่และเจอกับเรื่องราวมากมาย

ก่อนจะเป็นศิษย์ของพระสุภูติ จากนั้น เขาก็ได้เรียนรู้ความสามารถ

มากมายจากสวรรค์และกลายเป็นมหาเทพเทียมฟ้า!

ดังนั้น การเสริมยีนจึงแค่ช่วยเพิ่มพรสวรรค์ สําหรับวิธีใช้พรสวรรค์

เพื่อเพิ่มศักยภาพและเพิ่มพลัง นั่นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง มีวิธีบ่มเพาะ

มากมาย ดังนั้น จะมีความแตกต่าง

ตัวอย่างเช่นยีนนํ้าแข็ง คนจํานวนมากใช้ยีนนี้เพื่อสร้างนํ้าแข็งจาก

ไอนํ้าในอากาศเพื่อฆ่าศัตรู ยังมีบางคนที่ใช้พลังแช่แข็งเพื่อหยุดศัตรู

ความทนทานของเฟิ งหลินเริ่มเปลี่ยนภายใต้การกลั่นของไฟแก่นดาว

สิ่งสกปรกจํานวนมากยังถูกขับอย่างต่อเนื่องและทันทีที่พวกมันไหล

ออก มันก็จะระเหยไป

สารอาหารที่สะสมในร่างเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ร่างเขาเริ่มหดจาก

ส่วนสูง 1.98 เป็น 1.9 และ 1.78 เมตร

แต่ทว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าเฟิ งหลินอ่อนแอ ตรงกันข้าม ร่างของ

เขากลับบริสุทธิ์และแข็งแกร่งขึ้นมาก

หากเป็นอดีต ร่างเขาคงถูกกล่าวว่าหลอมจากเหล็ก ตอนนี้ กายเหล็ก

เขาได้เปลี่ยนเป็นโลหะผสมที่แข็งแกร่งสุด โครงสร้างร่างกายเขา

เปลี่ยนไป กระดูกเขาขาวดุจหยก เปล่งแสงสีทองจาง ๆ และกล้ามเนื้อ

เขาก็เหมือนลวดเหล็ก มีความยืดหยุ่นสูง

เฟิ งหลินพลันเห็นแจ้ง

เส้นทางบ่มเพาะไร้สิ้นสุด มีเพียงก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลัง

การเผชิญทั้งหมดของเขากลายเป็นประสบการณ์ที่สลักในหัว ไม่

อาจลืมได้แม้จะผ่านไปนาน

ลาวาที่นี่ไหลย้อนกลับ เผาทุกอย่างภายในเตาหลอม ร่างไททัน ร่าง

ของแฟรงค์..ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่าน

ไม่ว่าพวกเขาจะเคยแข็งแกร่งแค่ไหน ไม่ว่าสถานะจะสูงเพียงใด ทุก

อย่างก็ไร้ค่า

มันรู้สึกเหมือนเปลวไฟที่แผดเผาทุกอย่างในโลกให้บริสุทธิ์

เป็นเวลาหนึ่ง ทุกสิ่งถูกเผาไหม้ เฟิ งหลินคือสิ่งเดียวที่ยังเหลือภายใน

เปลือกหิน

ในเวลาเดียวกันขณะที่ร่างเขากําลังกลั่น เขาก็ทําผนึกมุทรา ควบคุม

พลังงานจิตให้เข้ากับเตาหลอมต่อขณะฝังตราประทับจิตตัวเองใน

แกนของเตาหลอม สร้างความเชื่อมต่อระหว่างพวกเขา

เมื่อตราประทับจิตจมลึกไป การเชื่อมต่อก็ยิ่งแน่นขึ้น เตาหลอมรู้สึก

เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา

เฟิ งหลินรู้สึกว่าตราบเท่าที่เขาสั่งการมัน เขาจะควบคุมการเคลื่อนไหว

ของเตาหลอมได้

แต่ตอนนี้ เสียงหนึ่งกลับดังขึ้น

“นี่คือโบราณสถานที่บริษัทยาไจแอนท์ค้นพบ?”

“ยังมีพวกที่หลงเหลือจากบริษัทยา เราต้องจับเขาไว้!”

“อะไรนะ? พวกกลุ่มแรกที่เข้ามากลายเป็นจุลไปหมดแล้ว!”

มีเสียงร้องตกใจดังจากด้านบนเตาหลอม

เห็นได้ชัดว่าสถานที่นี้ถูกค้นพบแล้ว และทหารจํานวนมากก็กรูกัน

เข้ามา เขาควบคุมเตาหลอมให้สั่นอย่างรุนแรง ตัดทางเดินที่นํามาสู่

สถานที่นี้ ด้านบนของเตาหลอมปิ ดอย่างสมบูรณ์

ทหารกรีดร้องขณะตกลงมาในลาวา

ด้วยการทําเช่นนี้ พื้นที่ภายในเตาหลอมจึงแยกจากโลกภายนอกโดย

สิ้นเชิง เขาสามารถทุ่มสมาธิทั้งหมดกับการกลั่นได้โดยไม่ถูกรบกวน

เว้นแต่กองทัพปฏิวัติจะนําเทคโนโลยีมาขุดลึกถึงภายในแกนดาว

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครทําอะไรเขาได้

แต่ถึงกระนั้น เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต เฟิ งหลินจึงเริ่มทุ่มสมาธิ

กับการปรับแต่งเตาหลอม

ตอนนี้ดาวอังคารอยู่ท่ามกลางสงครามภายใน ทุกที่บนดาวสับสน

อลหม่าน มันไม่เหมาะที่เขาจะอยู่นานเกินไป มันจะดีสุดหากเขา

ออกจากที่แห่งนี้ได้

แสงสีเงินส่องจากกลางคิ้วของเฟิ งหลิน พลังงานจิตเขาพรั่งพรู

ออกมา เชื่อมต่อเข้ากับเตาหลอม

เตาหลอมนี้เป็นสมบัติโบราณของนิกายเตาหลอมอมตะตามคาด มี

พื้นที่ภายในนั้น และมันก็เต็มไปด้วยความลับ

เมื่อพลังงานจิตของเฟิ งหลินเข้าสู่เตาหลอม มันก็รู้สึกเหมือนกําลัง

เข้าหลุมไร้ก้น ไม่ว่าเขาจะดําลึกแค่ไหน เขาก็ไม่อาจไปถึงด้านใต้ได้

เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานลี้ลับด้านใต้ แต่ตอนนี้ ความสามารถ

เขายังห่างไกลจากการค้นหาทุกอย่าง

เขายังล้มเหลวหลังพยายามหลายครั้งและทําได้แค่ยอมแพ้ไปก่อน

ทิ้งแค่รอยประทับจิตไว้

ในกรณีนี้ การปรับแต่งเตาหลอมเขาสามารถพิจารณาได้ว่าอยู่ขั้นต้น

เท่านั้น เขายังไม่อาจได้รับสิทธิ์ควบคุมมันสมบูรณ์

แต่นี่พอแล้ว

เหนือสิ่งอื่นใด พื้นฐานการบ่มเพาะของผู้บ่มเพาะดวงดาวตํ่าเกินไป

มันห่างไกลจากการจะควบคุมสมบัติเช่นนี้ได้

การไปถึงขั้นนี้คือขีดจํากัดของเฟิ งหลินแล้ว

เฟิ งหลินไม่เสียใจมาก เขารําพึงเงียบ ๆ ว่ามันได้เวลาออกไปแล้ว

แกนดาวคือใจกลางดาวอังคาร หากเขาอยู่นานเกิน เขาอาจเป็น

เหมือนเต่าที่ติดในขวด และไม่อาจจากไปได้แม้ต้องการ

ตามสิ่งที่แฟรงค์บอกก่อนหน้า ควรมีเส้นทางลับอยู่ นําไปสู่ภูเขาไฟ

ที่สูงสุดบนดาวอังคาร ภูเขาไฟสูงสุดชื่อโอลิมปัสและมันก็สูงกว่า

สองหมื่นเมตร

เขาควรเดินทางผ่านลาวาไปภูเขาไฟ ปี นออกจากปล่องไปยังผิวดาว

ตามข้อมูลที่เขาได้เรียนจากแฟรงค์ เฟิ งหลินเริ่มควบคุมเตาหลอม

เคลื่อนผ่านลาวา

หากลาวาของแดนดาวเหมือนมหาสมุทร เตาหลอมนี่ก็เป็ นเรือดํานํ้า

ของเขา

ตามความประสงค์เขา เฟิ งหลินสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของ

เตาหลอมได้ มันลึกลับอย่างแท้จริง

ในไม่ช้า เขาก็มาถึงตําแหน่งที่แฟรงค์บอก

พื้นที่ด้านในแกนมีอุโมงค์นับไม่ถ้วน ตอนนี้เตามาหยุดหน้าอุโมงค์

ใหญ่ที่ลาวาไหลเข้าไป มันเหมือนแม่นํ้าลาวาใต้ดิน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม