Legend of the mythological genes 80-97

 ตอนที่ 80 เผยหาง

Those Who Sneak Around Naturally Have Ill Intentions

“นั่นใคร?” เฟิงหลินตะโกนด้วยความโกรธ


 


ชัดเจนว่าเงาดำที่คลานอยู่นั้นคือสิ่งมีชีวิต แม้ว่าร่างกายของมันจะเบาบางและยืดหยุ่นคล้ายกับงู แต่ก็มีหัวและแขนขาสี่ข้าง ชัดเจนว่าเป็นมนุษย์ กำลังเข้าใกล้เขาอย่างเงียบๆ


ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ตาม คงไม่ผิดที่จะรีบจับเขา


เฟิงหลินสูดหายใจเข้าลึกแล้วอ้าปาก เสียงที่ระเบิดออกมาเหมือนสายฟ้าฟาด ทำให้หัวใจของทุกคนแทบหยุดเต้น


ลำแสงสีขาวส่องสว่าง ปรากฎเป็นลูกศรอากาศที่หากโจมตีโดนสามารถทำร้ายคนได้


เฟิงหลินกระทืบอย่างหนักลงบนพื้น หินบนยอดเขาแตกและหล่นกระจายลงมา ด้วยการกวาดขาของเขา เศษกระสุนหินหลายสิบก้อนถูกกวาดออกไปจากแรงเตะของเขา


เขาไม่หยุดและทำตัวเหมือนเสือที่ดุร้าย กระโจนเข้าใส่ เขาต้องการที่จะปราบคู่ต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดของเขา เขาเปิดชุดการโจมตี เฟิงหลินขยับไปด้านข้าง หลบสารคล้ายปรอทสีเงินที่อีกฝ่ายพ่นออกมา ขยับไล่ตามโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหายใจ


 


“ไม่ดีแล้ว!” เงาร่างนั้นถูกพบและอดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้


 


เงานั้นไม่คิดว่าชายคนนี้จะมีสัมผัสที่เฉียบแหลม และมีการโจมตีรุนแรงดุจดั่งเปลวไฟ และกลายเป็นมันเองที่ตกอยู่ในอันตรายและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้


ร่างบางเหมือนงูบิดไปทางซ้ายทีขวาที แขนขาทั้งสี่สะบัดไปมาอยู่บนพื้น เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วข้ามกำแพงภูเขาหลบลูกธนูอากาศและก้อนหิน


เมื่อการโจมตีของเฟิงหลินใกล้เข้ามา ร่างคล้ายงูก็โก่งหลังและกระโดดขึ้นไปในอากาศอย่างกะทันหัน หลบการจู่โจม หลังจากนั้นเขาก็หลบหนีไปด้วยความเร็วสูง


 


“จะหนีไปไหน!” เฟิงหลินพูดอย่างนิ่งเฉย ฝ่ายตรงข้ามหลบการโจมตีของเขาได้ ทำให้เฟิงหลินได้เห็นร่างของศัตรูอย่างชัดเจน มันคือชายร่างผอมและยืดหยุ่นราวกับไม่มีกระดูกเลย ชั้นของเกล็ดดำที่ปกคลุมร่างของเขาทำให้คล้ายงูหลามดำขนาดใหญ่ ทำให้สามารถซ่อนกับสภาพแวดล้อมอันดำมืดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเฟิงหลินปลุกยีนจิตของเขาขึ้นมา เขาคงไม่มีทางรู้ตัว


 


ชายร่างงูคนนี้แปลกมาก นอกจากนี้ยังพิสูจน์ให้เห็นอีกว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ ทำไมมันถึงต้องมาคอยสังเกตเขา


ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะปล่อยชายคนนี้ไป


ฮา!


จู่ ๆ ขาของเฟิงหลินก็พลันเหยียบลงบนพื้นผิวภูเขาเหมือนเต้าหู้นุ่ม วินาทีที่ขาของเขาจมลงไป เขาก็สูดหายใจเขาพร้อมปลดปล่อยความโกรธออกมา


 


หมัดหง!


 


นี่เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้โบราณที่ธรรมดาที่สุด แม้จะไม่มีความสามารถทางพันธุกรรม แต่ก็แสดงถึงความกล้าหาญ ศิลปะการต่อสู้สามัญนี้เมื่อเฟิงหลินนำมาใช้กลับส่งเป็นกระแสแรงหมัดไร้รูปร่างที่พุ่งผ่านอากาศ ระเบิดเป็นการโจมตีระยะไกล


ปัง ปัง ปัง!


เกิดเสียงดังสนั่น


กำลังหมัดเหมือนปืนใหญ่และมีความหนาแน่นเหมือนฝ นยิงไปในทิศทางเดียวกัน กำแพงภูเขาหินเต็มไปด้วยหลุมและหินที่แตกเป็นเสี่ยง


ร่างที่กำลังเลื้อยอยู่นั้นขยับเหมือนงูจริงๆ ร่างกายของเขาบิดตัวตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการโจมตีของเฟิงหลินอย่างคล่องแคล่ว


ความยืดหยุ่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะมีได้


เมื่อเห็นดังนั้น เฟิงหลินก็ไม่เข้าใจว่าชายคนนี้ปลุกยีนอะไรขึ้นมา ความสามารถของเขานั้นแปลกประหลาดอย่างมาก เขามีความยืดหยุ่นสูงเป็นพิเศษคล้ายกับงู


มันเป็นสายพันธุ์งู สัตว์เลื้อยคลาน, ยีนกระดูก หรือยีนยืดหยุ่น?


เขาไม่รู้เลย


มียีนมากมายที่ให้ความยืดหยุ่นและมีลักษณะคล้ายกัน เขาไม่อาจยืนยันได้


 


“ทุกอย่างค่อนข้างลำบาก” เฟิงหลินพึมพำอย่างเงียบๆ แต่ถึงกระนั้นด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา


นี่ถือเป็นปัญหาเล็กน้อย


หลังจากกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว มีวิธีการมากมายที่เขานำมาสามารถใช้ได้ เขามีทางออกสำหรับสถานการณ์ที่ซับซ้อน


 


เฟิงหลินไล่ตามชายเหมือนงูที่กำลังหนีอย่างบ้าคลั่ง


อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถวิ่งได้เร็วถึง100 เมตรภายใน2.28 วินาที


ด้วยความเร็วของเขา ไม่เพียงแต่จะเกินขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์เท่านั้น แต่เขายังมีความเร็วเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถมองตามได้ด้วยตาเปล่า


มือหนึ่งของเฟิงหลินงองุ่มเหมือนกรงเล็บและตะปบอย่างโหดเหี้ยม


 


จิ …


 


อากาศฉีกกระจายเหมือนเศษผ้า ชายร่างงูไม่สามารถหลบได้ทัน เขาถูกจับได้และหายใจติดขัดในอากาศ


เฟิงหลินเห็นรูปร่างแปลกประหลาดของเขา ไม่มีคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์ ชายคนนี้ถูกบีบอัดกันอย่างน่าเกลียดและผิดปกติ ร่างกายของเขานุ่มเหมือนน้ำและมีความยืดหยุ่นราวกับไม่มีกระดูก เห็นได้ชัดว่าเป็นมนุษย์งู


ไม่ทราบว่าเขาใส่อะไรอยู่ มันเหมือนเกล็ดที่ส่องประกายและดูลื่น ถ้าเขาไม่จับชายร่างงูนี่ให้ไว้แน่นพอมันก็จะบิดตัวได้อย่างอิสระ


เฟิงหลินต้องเพิ่มแรงมากกว่าเดิม


 


“อัก!” ร่างของชายร่างงูนั้นบิดเบี้ยว และกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากพลังมหาศาลของเฟิงหลิน ในทันใดนั้นชายร่างงูก็เปิดปากของเขาและลำแสงสีเขียวก็ส่องประกายออกมาสองดวง ดูเหมือนว่ามีสองสิ่งที่คมเท่าเข็มพุ่งใส่ตาของเฟิงหลิน


ด้วยระยะประชิด มันจึงไม่มีทางหลบได้เลย


 


“นั่นมันอะไรกันแน่?” เฟิงหลินรู้สึกถึงความอันตรายขึ้นมาในหัวใจ เขาหลับตาโดยสัญชาตญาณ และกระตุ้นยีนลิงหิน ทำให้ผิวหนังของเขาแกร่งขึ้นจนกลายเป็นหินอ่อน


วัตถุมีคมขนาดเล็กกระแทกเข้ากับเปลือกตาของเขา สร้างเป็นประกายไฟ เกิดเสียงกระแทกและกระจายออกไป


 


“ อะไรกัน?” เสียงอุทานด้วยความไม่เชื่อ นั่นเป็นเทคนิคสังหารอย่างแน่นอน แต่ทำไมถึงไม่มีผลอะไรกับเขาเลย ชายร่างงูไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


 


วินาทีที่เฟิงหลินละความสนใจจากร่างกายลื่นๆ เขาก็หลุดออกจากเงื้อมมือของเฟิงหลิน จากนั้นก็รีบหนีโดยไม่ต้องการอะไรไปกว่าที่จะอยู่ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้


จิ จิ!


เข็มสีเขียวสองอันตกลงมาบนพื้นทำให้เกิดควันดำ เนื่องจากพื้นผิวของดินเริ่มเป็นสนิม นี่จึงบ่งชี้ว่าเข็มนี่มีพิษร้ายแรงอยู่


เฟิงหลินรู้สึกโกรธมาก นี่เป็นวิธีที่ร้ายกาจ! ชายคนนี้ต้องการฆ่าเขา


ในตอนแรกเขาเพียงต้องการปราบผู้ชายคนนี้ และค้นหาว่าเขามาจากไหนและทำไมต้องมาติดตามเขา


แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาสิ่งต่างๆอีกแล้ว


เนื่องจากอีกฝ่ายประกาศสงครามแล้ว ถ้าเขายังเมตตาต่อไป เขาคงจะบ้าจริงๆ


เฟิงหลินเริ่มใช้เทคนิคทั้งหมดของเขา และเริ่มการโจมตีที่สามารถฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้


นิ้วของเขาสะบัดออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื้อนุ่มสั่นสะเทือนจนเกิดความถี่สูง เข็มอัดอากาศขนาดเล็กพลันระเบิดออกไปเหมือนกระสุน


แม้ว่ากระสุนลมที่เกิดจากการสะบัดนิ้วของเขาจะไม่ได้ทรงพลังมาก แต่มันก็มีจำนวนเยอะและยากที่จะหลบเลี่ยง


ชายร่างงูรู้ว่าเฟิงหลินแข็งแกร่งแค่ไหน เขาอ้าปากพ่นเข็มพิษสีเขียวจำนวนมากเพื่อโต้ตอบ


กระสุนพิษปะทะกับกระสุนอากาศเกิดเสียงก้องดังเหมือนการชนกันระหว่างโลหะและหิน


เข็มสีเขียวเหล่านี้แหลมคมมาก เข็มทั้งหมดถูกฝังอยู่ในพื้นดินเนื่องจากแรงกระทบจากการชนกัน กระสุนลมเองก็เบี่ยงออกนอกเส้นทาง ทำให้เกิดหลุมจำนวนมาก


ดูเหมือนว่าพวกมันจะสูสีกัน แต่เฟิงหลินพบว่าคู่ต่อสู้ของเขานั้นช้าลง และเขาก็ไม่มีทางพลาดโอกาสนี้


 


หมัดวัชระ!


 


ยีนลิงหินทำให้ร่างของเขาแข็งเหมือนหินด้วยกระดูกเหล็กกล้า ความเหนียวของร่างกายไม่ได้ด้อยกว่าลักษณะของผู้ที่มียีนวัชระ เขาสามารถปลดปล่อยพลังของเคล็ดพันธุกรรมนี้ได้อย่างสมบูรณ์


เฟิงหลินยังคงโจมตีต่อไป เหมือนกับวัชระตัวจริงที่สืบเชื้อสายมาสู่โลกมนุษย์ เขาเดินไปสามเมตรภายในก้าวเดียวขณะที่เขาไล่ตามคู่ต่อสู้ของเขา


บูม!


กำปั้นของเขามีแรงมหาศาล กระแสลมที่โหมกระหน่ำกระจายตัวอย่างแรงจนกลายเป็นแรงลมที่ทำให้ชายร่างงูแบนราบกับพื้นตรึงเขาไว้ที่อย่างนั้น


กำปั้นนี้ … ชายร่างงูรู้ว่าเขาไม่สามารถรับมือกับมันได้!


ชายร่างงูทำอะไรไม่ถูก และไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้ เขาถูกกระแทกอย่างแรง และเนื้อตัวของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นหนังงูเหี่ยวๆ


“ต้องมีอะไรผิดปกติ!” เฟิงหลินรู้สึกไม่สบายใจเมื่อพิจารณาความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา และความจริงที่ว่าก่อนหน้านี้เขาใช้พลังเต็มที่ในการออกหมัด ครั้งนี้ทำไมชายร่างงูนี้ถึงไม่หลั่งเลือดออกมา เป็นไปได้ยังไง!


 


ซู่!


ทันใดนั้นร่างอันบิดเบี้ยวของเขาก็ออกมาจาก ‘หนังงู’ ขณะที่ร่างนั้นพยายามหนี


ความเสียหายของผิวหนังงูจริงๆแล้วเป็นความสามารถในการปกป้องชีวิตของเขา เฟิงหลินคาดไม่ถึง แต่เมื่อมันพยายามจะฆ่าเขาแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะไว้ใจคนๆนี้ได้อีก


พลังงานจิตที่ไร้รูปร่างของเขาพุ่งออกมาล็อคร่างของคู่ต่อสู้ไม่ยอมให้เขาหลบหนี


ชายร่างงูผู้น่าสงสารคนนี้ด้อยกว่าเฟิงหลินในเรื่องความเร็วและความแข็งแกร่ง เขาถูกบีบให้ถึงขีดจำกัด จนกระทั่งไม่อาจทนได้อีกต่อไป ทันใดนั้นเขาก็เลี้ยวแล้วเด้งเข้าหาเฟิงหลิน


ร่างแบนของเขาพองตัวขึ้นทันทีในร่างที่คล้ายกับมนุษย์ พลางหยิบปืนรังสีออกมายิงใส่เฟิงหลิน


ลำแสงโชติช่วงทะลุความมืดทำลายทุกสิ่งที่กีดขวาง


ความรู้สึกวิกฤตครั้งนี้ปรากฏขึ้นมาในหัวใจของเฟิงหลิน เขายกแขนไว้ตรงหน้าอก พยายามปิดกั้นลำแสง


 


จิ!


 


ลำแสงระเบิดใส่แขนของเฟิงหลิน ทำให้เขาถอยหลังไปกว่าสิบก้าว เท้าเขาลากยาวไปกับพื้น


ยีนลิงหินทำให้เกิดไฟและน้ำ ดังนั้นเขาจึงสามารถป้องกันพลังงานที่รวดเร็วนี้ได้


มือของเฟิงหลินสั่นเล็กน้อย แขนของเขาดำคล้ำ เขาโมโหมาก


“ตาย!” เขาคำรามด้วยความโกรธ และกระโดดขึ้นไปในตำแหน่งที่ไม่มีใครสามารถขวางเขาได้ หมัดของเขาหนักพอๆกับภูเขาหนึ่งลูก


ก่อนที่หมัดเขาจะมาถึง แรงกดดันที่เขาปล่อยออกมานั้นก็ทำให้ชายร่างงูตะลึงงัน


แม้ว่าแกจะเป็นงูจริงๆ แกก็จะถูกบดขยี้กลายเป็นร่างงูที่ตายแล้วด้วยกำปั้นของฉัน!


เมื่อเห็นการโจมตีที่ทรงพลังนี้ ชายร่างงูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหลบเลี่ยงได้ยังไง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับรู้ชะตาชีวิตตัวเอง


 


“ยั้งมือด้วย!” จากความมืด สองฝ่ามือพุ่งออกมา พวกมันดูธรรมดา แต่ก็เต็มไปด้วยความผันแปร สามารถแปรเปลี่ยนเป็นกระบวนท่านับล้านได้

 

 

 


ตอนที่ 81 หลังทุบตีคนหนุ่ม พวกตาแก่ก็ออกมา

 

นี่ดูเหมือนฝ่ามือธรรมดา แต่กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงนับล้าน กลายยเป็นฝ่ามือ ดัชนี ค้อน…ทุกท่วงท่าสามารถผสมกันได้ และพวกมันก็ลึกซึ้งอย่างยิ่ง


เฟิงหลินรู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนการเคลื่อนไหวยังไง พวกมันก็ล้วนถูกฝ่ามือของผู้มาใหม่จับได้ ไม่มีทางที่เขาจะหลบได้เลย


ปัง!


ฝ่ามือดูช้า แต่จริงๆแล้วกลับเร็วมาก พวกมันปะทะกับหมัดของเฟิงหลินและลากไปข้างหลังเล็กน้อย พลังหมัดรุนแรงสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนกับลมฤดูใบไม้ผลิที่เปลี่ยนเป็นฝน


ชายร่างงูมีโอกาสได้หายใจ เขาคว้าโอกาสนี้ทันทีและหนีไปไกล ไม่กล้าเข้าใกล้เฟิงหลินอีก


ก่อนหน้านี้ ในช่วงการโจมตีสุดท้ายของเฟิงหลิน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความตายที่กดทับตัวเขา หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ


เฟิงหลินไม่เลือกไล่ตามชายร่างงู ดวงตาเขาจับจ้องผู้มาใหม่ที่ปรากฏตรงหน้าเขา ชายคนนี้สวมเสื้อคลุมยาวโดบราณซึ่งคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า มันเป็นการแต่งกายของชาวดาวอังคาร ร่างเขาดูซูบผอม แต่ก็เปล่งกลิ่นอายหนักแน่นดุจขุนเขา


จากศัตรูเขา เฟิงหลินสามารถรู้สึกได้ถึงอันตราย


 


“พ่อหนุ่ม เมื่อปล่อยไ เราก็ควรรับเอาโอกาส ทำไมต้องเอากันให้ถึงตายด้วยเล่า?”ชายชุดยาวพูดด้วยน้ำเสียงเก่าแก่ราวกับเขาเป็นผู้อาวุโสที่กำลังตำหนิหลาน


เฟิงหลินขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง


หลังเอาชนะคนหนุ่ม พวกตาแก่ก็ออกมา?


เขาหัวเราะเสียงเย็น”ก่อนหน้านี้เมื่อเจ้างูนี่คิดสังหารผม ทำไมคุณไม่ปรากฏตัวออกมาละ?ทำไมเพิ่งมาทำเป็นคนดีเอาตอนนี้?”


“เขาแค่บังเอิญเข้าใกล้เธอและถูกเธอโจมตี ภายใต้ความตื่นตระหนก เขาย่อมโจมตีไปตามสัญชาตญาณ ไม่ว่ายังไง เธอก็เป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวแล้ว พ่อหนุ่ม ทำไมต้องลดตัวเองมาสั่งสอนผู้บ่มเพาะฝึกหัดอย่างเขาด้วยเล่า?”ชายชุดยาวหัวเราะ  ไม่สนใจเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เลย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเป็นเรื่องไม่สำคัญ


“คุณเชื่อคำพูดตัวเองด้วยงั้นหรอ?”เฟิงหลินถากถางและส่ายหัว เขาไม่อาจทนฟังตรรกะแบบนั้นได้


เนื่องจากพวกแกมาด้วยกัน ทำไมต้องพูดให้มากความ?


คำตอบที่เฟิงหลินมอบให้ศัตรูเขาก็คือ…


ในเมื่ออยากสู้ งั้นก็มาสู้กัน!


กรงเล็บมังกรวัชระ!


นิ้วของเขาก่อร่างเป็นกรงเล็บมังกรและตะปบใส่อากาศ เปล่งเสียงคำรามสูงส่งของมังกร


ร่างของเฟิงหลินส่องแสง เขาเคลื่อนที่เร็วมากจนเงาของเขาหายไป เขาตะปบมือใส่จุดสำคัญของศัตรู-คอ!


หากเขาโจมตีโดน ต่อให้ศัตรูจะเป็นมนุษย์เหล็ก หลอดลมของเขาก็จะต้องถูกบดขยี้!


ชายในชุดยาวเผยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาไม่คิดว่าแค่การพูดไม่กี่คำ เฟิงหลินจะตอบสนองอย่างเกรี้ยวกราดและโหดเหี้ยมขนาดดนี้


เฟิงหลินหแค่นหัวเราะ เดิมที พวกเขาก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ทำไมต้องพูดให้มากความ?ในเมื่อชอบพูดนัก งั้นก็พูดไปหลังฉันฆ่าแก!


ปฏิกิริยาของชายชุดยาวเร็วมาก เมื่อเผชิญกับการโจมตีฉับพลัน เขาเปลี่ยนท่าทาง ฝ่ามือเขากลายเป็นนิ้วที่กระแทกออกไป เล็งไปยังใจกลางฝ่ามือ


นิ้วแหวกผ่านอากาศเป็นเสียงดัง มันเหมือนดาบศักดิ์สิทธิ์ รัศมีความคมปะทะกับกรงเล็บ ผลกระทบทำให้เกิดระลอกคลื่นกระจายไปทั่ว


ฝ่ามือของเฟิงหลินรู้สึกเจ็บปวดอย่างหนักราวกับถูกผึ้งต่อย เขาถอนมือกลับตามสัญชาตญาณ ผิวเขาไม่เสียหาย แต่มีอาการปวดที่ถูกเจาะเข้าเส้นประสาท


แต่ทว่า ชายชุดยาวก็ไม่ได้ดีนัก เขาไม่คิดว่ากรงเล็บของเฟิงหลินจะแข็งขนาดนั้น นิ้วเขารู้สึกเหมือนกระแทกเข้ากับกระดดานเหล็ก กระดูกนิ้วมือเขารู้สึกเหมือนกำลังจะหัก


 


“อีกครั้ง!”เฟิงหลินคำราม เปลี่ยนการโจมตีอีกครั้ง


ฝ่ามือวัชระ!


ฝ่ามือเขาเหมือนกระบี่ เขาบิดมันเป็นท่าสับและสับมาลงอย่างแรง


สีหน้าของชายชุดยาวเปลี่ยนไป เขารู้ว่าการโจมตีนี้ทรงพลังแค่ไหน เขาเปลี่ยนท่าทางและกำหมัดแน่น หลังจากนั้น เขาก็เหมือนค้อนที่หมุนชักนำพลัง


หมัดเขากระแทกกับฝ่ามือของเฟิงหลิน ร่างพวกเขาสั่นจากผลกระทบและมันก็สูสีกัน


แต่ทว่า เฟิงหลินกลับถีบไปข้างหน้าแทนที่จะถอย เขาใช้โมเมนตัมนี้และโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย กระแทกกับศัตรูเขาซึ่งๆหน้า


หมัด8พิชิต เกาะติดภูผา!


 


ชายชุดยาวรู้สึกราวกับกำแพงเหล็กกระแทกใส่เขา ทั่วร่างเขาถูกส่งลอยออกไปและไหล่เขาก็รู้สึกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ


ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือความแข็งของร่างกาย เขาด้อยกว่าเฟิงหลินหมด


เพื่อจะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งเขา เฟิงหลินจึงจู่โจมอย่างโหดเหี้ยม ไม่แสดงความเมตตา หมัดเขาชก ขาเขาเตะ เขาเหมือนพยัคฆ์ดุร้ายที่โจมตีไม่หยุดยั้ง


ชายชุดยาวรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมเขาเต็มไปด้วยเงาหมัดและเขาก็อยู่ในสภาพน่าสมเพชอย่างยิ่ง


 


“อะไรกัน?หัวหน้ากลับสู้ชายคนนี้ไม่ได้?!”ชายร่างงูค่อยๆกลับมามองหลังหลบหนีจากเฟิงหลินไปไกล เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ปัจจุบัน ใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ


ชายชุดยาวคือตัวตนที่ทรงพลังอย่างมากหาใครเทียบ เขาไม่คิดว่าชายชุดยาวจะพ่ายแพ้เลย ไม่ใช่แค่นั้น แต่ศัตรูของชายชุดยาวยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม นี่ทำให้เขารู้สึกยากจะยอมรับ


กระบองวัชระสยบอสูร!


หมัดของเฟิงหลินเหมือนกระบองยักษ์ ฟาดลงมาอย่างโหดเหี้ยม อยากแบ่งแยกภูเขา โมเมนตัมนั้นเหนือจนไม่มีอะไรสามารถขัดขวางได้ กลิ่นอายเขาทรงพลัง กดดันศัตรูเขาให้ทรุดลง


มือของศัตรูเปลี่ยนท่วงท่าอีกครั้ง กดเข้าด้วยกันพลางดันขึ้น ท่านี้เหมือนผานกู่ที่ค้ำจุนสวรรค์และโลก ยกทั้งผืนฟ้าไว้


บูม!


พลังทั้งสองบดขยี้กัน


สีหน้าของชายชุดยาวเปลี่ยนไป แรงกดดันคล้ายกับภูเขากำลังกดทับเขา อยากบดขยี้เขาจนแหลก


ปึก!


เขายืนหยัดได้ แต่พื้นด้านล่างเขาไม่อาจทนได้


ขาของชายชุดยาวฝังลึกลงในดิน ซึ่งเกิดจากแรงปะทะ


“ท่าไม่ดีแล้ว!”ชายชุดยาวไม่คิดว่าพลังของเฟิงหลินจะเหนือล้ำขนาดนี้ เขาถูกสะกดข่มและเข้าสู่สถานการณ์เสียเปรียบ


เนื่องจากขาเขาติด เขาจึงไม่มีทางหนีได้ สถานการณ์กลับกลายเป็นวิกฤติ


เขากำลังพยายามทำให้ขาเขาเป็นอิสระเพื่อหนี แต่เฟิงหลินจะให้โอกาสเขาได้พักหายใจงั้นหรอ?


ปัง ปัง ปัง!


ฝ่ามือเขาเหมือนสายฟ้าฟาด ทุกการโจมตีทำให้เกดิเสียงระเบิดดังในอากาศ


หมัดเขาทุบมาเหมือนค้อนยักษ์ พลังทั้งหมดเขาผสานอยู่ในนั้น


แต่ทว่า การเคลื่อนไหวที่ชายชุดยาวใช้ล้วนแต่ลึกล้ำ เทคนิคเขาเหนือกว่าเฟิงหลินมาก


ตอนนี้ มือเขาเหมือนโล่ยักษ์ ปิดบังส่วนสำคัญของร่างกาย ไม่แสดงจุดบอดใด เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ทั่วไป


ทุกการเคลื่อนไหวของเฟิงหลินถูกปัดป้อง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็ไม่อาจแหวกผ่านกระดองเต่าได้


แต่ทว่า เฟิงหลินไม่ใช่มังสวิรัติ เนื่องจากชายคนนี้อยากป้องกันการโจมตีเขามากนัก งั้นเขาก็จะสนองให้ เขาทุ่มพลังทั้งหมดและทำเหมือนศัตรูเป็นกระสอบทราย การโจมตีของเฟิงหลินไม่ได้รับได้ง่ายๆ


พลังจะเอาชนะทุกสิ่ง


แม้เทคนิคของศัตรูจะลึกล้ำ ร่างกายของเขาก็เหมือนตะปูที่ถูกตอกลงพื้นด้วยค้อน เขายิ่งจมลึกทุกการโจมตี


บูม!


อีกหมัดระเบิดพลังมัน


ชายชุดยาวถูกฝังเกือบทั้งตัว ไม่มีใครเห็นเขาอีกต่อไป


“แกเป็นรายต่อไป!’หลังกำจัดชายคนนี้ เฟิงหลินก็หันไปมองชายร่างงู ดวงตาเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร


ชายร่างงูเฝ้าดูอยู่จากด้านข้าง ทันใดนั้น ความกลัวสุดขีดก็ปรากฏบนหน้าเขาพลางถอยหนีอย่างรวดเร็ว


เฟิงหลินเย้ยและอยากไล่ตาม


บูม!


ทันใดนั้น การระเบิดก็เกิดขึ้น


เฟิงหลินหันมาและเห็นลำแสงกำลังพุ่งหาเขาจากพื้น วินาทีถัดมา เงาร่างมนุษย์ก็ระเบิดพลังงานร้อนแรงออกมา ทำให้อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้น


มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้บ่มเพาะฝึกหัดจะปล่อยเปลวไฟเกรี้ยวกราดเช่นนี้ออกมาได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศัตรูเขาคือผู้บ่มเพาะดวงดาว!


 


“จบกันแค่นี้แหละ”ชายชุดยาวมีสีหน้ามั่นใจ มันราวกับเขามั่นใจมากหลังปล่อยเปลวไฟออกมา เหมือนทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมเขา


“แกยังออกมาได้อีก!”เฟิงหลินไม่รู้สึกตกใจแต่กลับเต็มไปด้วยความสุข


 


คนๆนี้มีรอยยิ้มอวดดีบนหน้า เขาคือผู้บ่มเพาะดวงดาวและได้ปลุกยีนแรกเริ่มขั้นสูง ยีนทะเลเพลิง คนธรรมย่อมไม่ใช่คู่ต่อกรเขา


ชายคนๆนี้เด็กไป แต่ก็กลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวแล้ว เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์เขาไม่ธรรมดา แต่เขาจะทรงพลังได้แค่ไหน?


นิ้วของชายชุดยาวขยับ เปลี่ยนเป็นท่วงท่าหลากหลาย ขยับในท่าทางที่คาดเดาไม่ได้ กลุ่มก้อนไฟยิงออกมา คล้ายกับดาวตก วงแหวนไฟ และบอลไฟ…


รูปแบบของเปลวไฟไม่มั่นคง พวกมันบรรจบกันและกลายเป็นทะเลเพลิง เข้ากลืนกินเฟิงหลินทันที


รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนหน้าของชายชุดยาว แต่ ในไม่ช้ารอยยิ้มเขาก็ต้องหายไป


เงาร่างมนุษย์ค่อยๆเดินออกจากไฟ นอกจากชุดที่ไหม้ เขาดูเหมือนจะไม่ได้รับความเสียหายเลย


ฝ่ามือวัชระสกัดจับ!


ดวงตาของเฟิงหลินแผดเผาด้วยความโกรธ กรงเล็บเขาตะปบออกไป ปล่อยการโจมตีดุร้ายหาใดเปรียบ แม้เทคนิคศัตรูจะมหัศจรรย์ แต่เขาก็ยังเหนือกว่าโดยสมบูรณ์


พลังกรงเล็บน่าหวาดกลัวบังคับให้ชายชุดยาวต้องถอย


เฟิงหลินรู้ว่าศัตรูเขาคือผู้บ่มเพาะดวงดาว ดังนั้น การโจมตีเขาจึงยิ่งเหี้ยมโหด


นี่คือครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับผู้บ่มเพาะ ประสบการณ์เช่นนี้หาได้ยากยิ่ง เนื่องจากความสามารถของศัตรูถูกโต้ตอบโดยยีนลิงหินเขา เขาจึงมีโอกาสชนะแบบเด็ดขาด ดังนั้น เขาจึงโจมตีแบบไม่รีบร้อน แสวงหาประสบการณ์การต่อสู้ที่ล้ำค่าขึ้น


การเคลื่อนไหวของเฟิงหลินยิ่งราบรื่น เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องคล้ายเมฆและกระแสน้ำ


ชายชุดยาวรู้สึกราวกับเขากำลังจะคลั่ง “เราไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตกัน!แกต้องการอะไรถึงจะหยุด?!”

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก เฟิงหลินสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อพัฒนาความสามารถเขา ดังนั้น เขาจะยอมเลิกได้ง่ายๆรึไง?คำตอบเดียวของเขาคือเสียงหัวเราะดังสนั่น


“มาสู้กันจนกว่าฉันจะพอใจ!”

 

 

 


ตอนที่ 82 สู้กับผู้บ่มเพาะ

 

“คนบ้า คนบ้าเรียนวิชายุทธ์!”ชายชุดยาวกรีดร้อง ไม่อาจสงบได้เหมือนเดิม


ทุกครั้งที่สู้ เขาไม่อาจทำร้ายเฟิงหลินได้เลยและรู้สึกเหมือนหมัดและขาเขากำลังกระแทกกระดานเหล็ก ทำให้เขาบาดเจ็บ


พลังเอาชนะทุกอย่าง!


ยิ่งไปกว่านั้น ในศิลปะการต่อสู้ภายใต้ผืนฟ้า ความเร็วคือหัวใจหลัก


ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของชายชุดยาวจะลึกล้ำเพียงใด ความเร็วและพละกำลังเขาก็ด้อยกว่าเฟิงหลิน


เฟิงหลินแสดงความเหนือกว่า เขาหมุนวนรอบๆและโจมตีเหมือนคลื่นน้ำ จังหวะสมบูรณ์แบบจนศัตรูไม่มีเวลาหายใจ


ภาพติดต่อเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวเขา จากหนึ่งเป็นสิบ ล้อมชายชุดยาวไว้ ทำให้ชายชุดยาวไม่อาจหลบหนีได้


ชายชุดยาวลอบสาปแช่ง รู้สึกราวกับเขากำลังสู้กับคนสิบคนพร้อมกัน สถานการณ์เลวร้ายมาก


แต่ เขารู้ว่าผลนี้เกิดขึ้นเพราะความเร็วของเฟิงหลิน


ชายชุดยาวยังเปลี่ยนท่วงท่าตลอด ทั่วร่างเขาปกคลุมด้วยไฟ เหมือนมนุษย์ไฟ ทำให้คนธรรมดาไม่อาจเข้าใกล้เขาได้


แต่เฟิงหลินไม่ได้กลัวสิ่งนี้เลย เขาทนน้ำและไฟ ความรุนแรงของไฟดังกล่าวไม่อาจเผาผิวหนังบนมือเขาได้ด้วยซ้ำ


แม้เทคนิคของชายชุดยาวจะยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่อาจได้เปรียบเหนือเฟิงหลิน


สิ่งที่ไม่น่าเชื่อสุดคือพลังไฟเขา ซึ่งไม่เคยทำให้เขาผิดหวังมาตลอดกลับไร้ประโยชน์เมื่อใช้กับเฟิงหลิน เขาไม่อาจทำร้ายเส้นผมของเฟิงหลินได้ด้วยซ้ำ


นี่คือการต้านไฟสมบูรณ์ มันเป็นยีนอะไรกัน?


เขารู้สึกสับสนมาก ต่อให้มันจะเป็นยีนประเภทป้องกันร่างกายที่เสริมพลังป้องกัน มันก็ไม่ควรทรงพลังขนาดนี้


แต่มันน่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาให้คิดมากนัก


เฟิงหลินไม่กลัวไฟเลย เขาล้อมศัตรูและหมัดเขาก็ชกโดนทุกหมัด


ชายชุดยาวรู้สึกเสียเปรียบ เขารู้สึกว่าความสามารถทั้งหมดเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นแบบนี้ วิธีเดียวที่เหลือก็คือ…


หวือ!


จิ จิ จิ


ท่ามกลางหมัดและลูกเตะ  ลมพายุก่อตัวขึ้นจากพลังของการโจมตี


ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง กระบวนท่าปะทะกระบวนท่า


ทุกครั้งที่หมัดชนกัน ชายชุดยาวจะล่าถอย


ความเร็วและพละกำลังเขาด้อยกว่าเฟิงหลิน


นี่เป็นความไม่เทียมเทียมในด้านพลัง ไม่ว่าเทคนิคเขาจะลึกล้ำแค่ไหน พวกมันก็ไม่อาจชดเชยได้


ชายชุดยาวไม่เคยเจอกับศัตรูที่รับมือได้ยากแบบนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนเฟิงหลินเป็นมนุษย์เหล็ก แม้กระบวนท่าของเฟิงหลินจะไม่ข้อบกพร่องมากมาย การป้องกันเขาก็สูงเกินไปและเขาก็รู้สึกเหมือนหมัดเขาจมไปในกำแพงเหล็ก ไม่ว่าเทคนิคเขาจะดีแค่ไหน ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์


เขายังเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าตลอดเวลา ทุกการโจมตีเขายอดเยี่ยมมาก ปฏิเสธพลังของเฟิงหลิน เบี่ยงมันหยิบยืมมันเพื่อย้อนคืน…เขาใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อพลิกกระดาน มันกลายเป็นสถานที่เขาจะไม่มีทางแพ้ แม้เขาจะยังเสียเปรียบ


เฟิงหลินรู้สึกว่ามันแปลก เขาเหนือกว่าแต่ก็ยังไม่อาจได้รับชัย


เขาอดถอนหายใจด้วยความชื่นชมในวิชาของศัตรูไมได้ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนมีการแปรเปลี่ยน เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน มันให้ความรู้สึกราวกับว่าแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้ทั้งโลกอยู่ในตัวเขา


ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีโจมตีแบบไหน ศัตรูก็มีวิธีโต้ตอบ


“น่าสนใจ!”เฟิงหลินรุ้สึกตื่นเต้น เขายังไม่รีบฆ่าชายชุดยาวและเริ่มไตร่ตรองขณะแลกกระบวนท่ากับศัตรู


หมัดหงในระยะประชิด ไทชิเพื่อขวางคู่ต่อสู้ พลังระเบิดของหมัดซิงยี่ เฟิงหลินปล่อยทุกกระบวนท่าออกมา


แม้ชายชุดยาวจะผอมแห้งและไม่มีพละกำลังเยอะ เทคนิคเขาก็เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมากมาย มากพอจะปกป้องเขา เขาเหมือนของเล่นอ้วน ไม่ว่าจะถูกตียังไง เขาก็ไม่ล้มลง


ยิ่งเฟิงหลินสู้กับเขา เขาก็ยิ่งแปลกใจ เขารับรู้ได้ว่าเทคนิคของอีกฝ่ายลึกล้ำแค่ไหนและสามารถบอกได้ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ กราะบวนท่าที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ล้วนมาจากวิชายุทธ์อันเดียว มันเป็นวิชายุทธ์ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน


นี่ดูเหมือนจะเป็นวิชายุทธ์ยีนที่ลึกซึ้งยิ่ง


เขาจะไปหาคู่ฝึกซ้อมที่ดีขนาดนี้ได้จากไหน?


ช่างเป็นคนดีจริงๆ!


สายตาที่เฟิงหลินจ้องชายคนนี้เปลี่ยนไป


เขาเพิ่งกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว และไม่มั่นใจถึงระดับพลังต่อสู้จริงของเขา


นี่คือครั้งแรกที่เขาสู้กับผู้บ่มเพาะอื่น และประเด็นสำคัญคือศัตรูนั้นไม่ทรงพลังเกินไป ช่วยให้เขาปลดปล่อยการโจมตีตนเองได้โดยไม่ต้องกลัวการโต้ตอบของศัตรู


เฟิงหลินเร่งความเร็ว เพิ่มความเร็วการโจมตีเขา ใช้ทุกกระบวนท่าที่เขาเรียนรู้เพื่อตรวจสอบขีดจำกัดเขา


ทุกครั้งที่การโจมตีเขาถูกปัดป้อง เฟิงหลินก็พบว่ามันเพราะกระบวนท่าเขาขาดไป เขาค่อยๆพัฒนาพวกมันและรวมพวกมันเข้ากับประสบการณ์ที่ได้รับ


ชายชุดยาวสามารถบอกได้ว่าเฟิงหลินกำลังใช้เขาเป็นคู่ซ่อมเพื่อเรียนเทคนิคเขา และเขาก็โกรธอย่างมากจากความอับอาย


ในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาว เขาคือผู้ยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะไปไหนและได้รับความเคารพจากทุกคน เมื่อไรกันที่เขาต้องถูกทำให้อับอายขนาดนี้?


หลังจากนั้น ดวงตาเขาก็ปล่อยไฟออกมา!


สวบ สวบ


เปลวไฟสองกลุ่มยิงใส่ตาของเฟิงหลิน


เฟิงหลินหลับตา หน้าเขาเหมือนหยก เมื่อไฟพุ่งใส่หน้าเขา พวกมันก็สลายหายไป แต่ทว่า เพราะวิสัยทัศน์เขาถูกรบกวน การเคลื่อนไหวเขาจึงช้าลง


มันไม่ง่ายที่จะได้รับโอกาสหายใจ ชายชุดยาวรีบทิ้งระยะห่างและจ้องเฟิงหลินเข็มง เขาคำราม”เจ้าหนู แกรู้ว่าอะไรดีสำหรับแก แกบังคับฉันเอง อย่าตำหนิว่าฉันโหดร้าย!”


เขาโกรธถึงขีดสุด!


การถูกคนที่เด็กกว่าสะกดข่มทำให้ชายชุดยาวเต็มไปด้วยความอับอาย


เขากำมือข้างหนึ่ง ลมหมุนรวมกันในฝ่ามือเขา สร้างเป็นพายุขนาดเล็ก สำหรับอีกมือหนึ่ง เปลวไฟแผดเผาอย่างรุนแรงและคลื่นความร้อนก็ถาโถมออกมา


ฝ่ามือทั้งสองของเขาผสานกัน”กงล้อพายุเพลิง!”


พายุลูกใหญ่ระเบิดออกมา ตามด้วยบอลไฟขนาดใหญ่ พวกมันพลันรวมเข้าด้วยกัน เมื่อไฟถูกหนุนโดยลม พลังทำลายล้างจึงยิ่งทวี พวกมันก่อตัวเป็นกงล้อพายุเพลิงที่หมุนเข้าหาเฟิงหลิน


เฟิงหลินยืนนิ่ง ไม่ขยับ


พลังของกงล้อนี้ไม่ธรรมดา อุณหภูมิของมันพุ่งไม่หยุด อยากฝังเขาไว้ภายใน ทำให้เขาเป็นเถ้าถ่าน


“หยุด!”เฟิงหลินยื่นมือออกไป ฝ่ามือเขาส่องแสงดุจหยก ค่อยๆผลักกงล้อพายุออกไป


เมื่อฝ่ามือเขาสัมผัสกับไฟ แขนของเฟิงหลินก็สั่นอย่างแรง


คลื่นพลังมหาศาลพลันปะทุ ทำให้กงล้อพายุเพลิงสลายเป็นเศษ เปลี่ยนเป็นประกายไฟที่บินไปทั่วก่อนสลายหายไป นอกจากชุดเขาที่ไหม้แล้ว ร่างเขาไม่มีบาดแผลอะไร


“อะไรกัน?”หลังเห็นกระบวนท่าไม้ตายเขาถูกจัดการง่ายๆ ชายชุดยาวก็ตื่นตระหนก เขารีบปล่อยการโจมตีต่อไป


 


เปลวไฟระเบิดออกมาเป็นรูปแบบต่างๆ บอลไฟ อุกกาบาต นกไฟ มีหลายรูปทรงและขนาด แต่ละการโจมตีล้วนเต็มไปด้วยพลัง


นี่เฉพาะตอนการโจมตีธาตุไฟเหล่านี้ถูกหนุนด้วยลม ลมมีความคมอย่างไม่มีใครเทียบ ทำให้เกิดคมมีดลมที่พยายามเฉือนเฟิงหลิน


ดูเหมือนว่าชายชุดยาวนี้จะปลุกยีนแรกเริ่มมาสองชนิด หนึ่งคือธาตุไฟ ส่วนอีกหนึ่งคือธาตุลม


การผสานลมกับไฟ ตามคุณสมบัติร่วมกันของธาตุทั้งห้า พลังของชายชุดยาวย่อมรุนแรงขึ้น


แต่ทว่า เฟิงหลินกลับยืนนิ่งอยู่กับที่และออกกระบวนท่าต่อไป ไม่ว่าไฟของศัตรูจะมาในรูปแบบไหนหรือใช้ลมหนุนเสริมยังไง พลังของมันก็ถูกฝ่ามือของเฟิงหลินขับไล่ได้ง่ายๆ


เมื่อเผชิญกับไฟเกรี้ยวกราด เฟิงหลินก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้


หมัดระเบิดไทชิ!


การโจมตีของเฟิงหลินเหมือนกระสุนปืนใหญ่ที่ทำลายบอลไฟยักษ์ตรงหน้าเขา จากนั้นพลังฝ่ามือเขาก็กดดันไปข้างหน้า


ชายชุดยาวทำอะไรไม่ถูก เขาทำได้แค่ปะทะซึ่งๆหน้า พยายามทำลายทุกการโจมตีของเฟิงหลิน


ทั้งสองปะทะกัน


ร่างของเฟิงหลินสั่นเล็กน้อยก่อนรุดหน้าอีกครั้ง หลังการปะทะก่อนหน้า ชายชุดยาวก็ถูกบังคับให้ถอยไปกว่าสิบก้าว เขาไม่มีโอกาสได้หายใจก่อนก่อนเฟิงหลินจะเข้าประชิดอีก ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่กัดฟันและรับมือกับเฟิงหลินต่อไป


ชายชุดยาวที่น่าสังเวชค้นพบว่าทุกการโจมตีของเขาค่อยๆหมดประสิทธิภาพ เขากลายเป็นคู่ซ้อมของเด็กสารเลวนี่อีกครั้ง กลายเป็นเป้าชีวิตให้เฟิงหลินฝึกซ้อมต่อ


ทำไมเขาถึงเพิ่มคำว่า’อีกครั้ง’?


นี่ช่างน่าเศร้านัก..

 

 

 


ตอนที่ 83 ไม่อาจต่อกร

 

แม้เทคนิคต่อสู้จะมหัศจรรย์ ช่วยให้คนอ่อนแอเอาชนะผู้แข็งแกร่งกว่าได้ แต่ต่อหน้าพลังสมบูรณ์ ทุกอย่างล้วนไร้ประโยชน์ ไม่ว่าหนูจะดุร้ายแค่ไหน มันก็ไม่อาจเอาชนะเสือได้


พลังสัมบูรณ์ชนะทุกสิ่งอย่าง!


นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ


เพราะยีนลิงหินของเฟิงหลินคือยีนแรกเริ่มขั้นผันแปร มันสามารถต้านน้ำและไฟได้ ป้องกันผลทางพลังงานทั้งหมด


ชายชุดยาวนี้ปลุกสองยีนและเขาย่อมไม่ถือว่าอ่อนแอในหมู่ผู้บ่มเพาะ แค่ว่าเขาโชคร้ายดันมาเจอเฟิงหลินที่โต้ตอบได้ทุกความสามารถของเขา


นี่ทำให้ชายชุดยาวรู้สึกอับอาย


พลังงานลมและไฟไม่ได้ผลเลย ดังนั้นเขาจึงสามารถทำได้แค่สู้กับเฟิงหลินซึ่งๆหน้า


เฟิงหลินมีความสุข หมัดของพวกเขาปะทะกันอย่างต่อเนื่อง แต่มีเพียงเฟิงหลินที่ทำเช่นนั้นได้ ทั้งหมดที่ชายชุดยาวรู้สึกคือความเจ็บปวด


แม้เทคนิคเขาจะลึกล้ำ ทุกการปะทะ เขากลับรู้สึกเหมือนชกกำแพงเหล็ก เขาไม่สามารถทำร้ายศัตรูเขาได้เลยและยังบาดเจ็บเอง


นี่เหมือนกับการทำร้ายตัวเองซะมากกว่า


ความสามารถทางกายไม่ตรงกัน แถมยังมีการต้านทานพลังงาน นี่เหมือนการโกง!


ชายชุดยาวรู้สึกอยากร้องไห้


แต่ทว่า เฟิงหลินไม่สนใจว่าศัตรูเขากำลังคิดอะไร เขาปล่อยกระบวนท่าต่อไปป กระแทกหมัดใส่เนื้อศัตรู


สำหรับเหตุผลที่ทำไมเฟิงหลินถึงไม่รีบฆ่าศัตรู มันเพราะเฟิงหลินสนใจในเคล็ดวิชาของชายคนนี้มาก


ตั้งแต่ต้น เคล็ดวิชาที่เฟิงหลินใช้นั้นเรียนรู้มาจากหอต่อสู้ลวงตา ตอนนี้ที่เขาเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว เทคนิคเหล่านั้นจึงไม่เหมาะกับเขาอีก


เนื่องจากบุคคลนี้ปรากฏตรงหน้าเขา เขาจึงอาจบีบให้ชายคนนี้ดึงพลังออกมาได้หมดและเรียนรู้เทคนิคแสนอัศจรรย์


สำหรับเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้ง พวกมันต้องมีเทคนิคที่หลากหลาย มันอาจผลักวิชายุทธ์เขาให้สูงขึ้นและช่วยให้เขาพัฒนาวิชาที่เหมาะกับเขาคนเดียว


ดังนั้น เฟิงหลินจึงมุ่งมั่นจะได้รับวิชานี้ ในสายตาเขา ชายชุดยาวก็เหมือนแกะที่รอให้เขาเชือด


สำหรับวิธีได้รับมัน เขาต้องคิดหาวิธีบางอย่าง แต่อย่างน้อย เขาก็ต้องปราบพยศชายตรงหน้าก่อน!


เมื่อเขาทดลองวิชาทั้งหมดของเขา เฟิงหลินจะไม่สุภาพอีกและปล่อยพลังทั้งหมด


ท่าทางและกระบวนท่าเหมือนกัน แต่พลังที่เขาส่งผ่านจะยิ่งเกรี้ยวกราดขึ้น สถานะพลังชีวิตเขาสูงถึง13.6 และวินาทีที่เขาระเบิดพลัง พลังที่เขาสร้างจะน่ากลัวอย่างแท้จริง


ตอนนี้  แม้แต่ตัวเฟิงหลินเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน


เขารู้แค่ว่าเขาทรงพลัง ทรงพลังมาก…


ชายชุดยาวถูกบังคับให้ถอย ความตื่นตระหนกเขียนทั่วหน้า เห็นได้ชัดว่ากระบวนท่าเฟิงหลินนั้นธรรมดาสามัญ แต่เขากลับไม่อาจต้านทานได้เลย


นี่ต้องเป็นแก่นแท้แห่งพลังสัมบูรณ์!


ชายชุดยาวรู้สึกราวกับแขนเขากำลังจะหัก


 


“ฉันไม่อาจปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อได้ สิ่งที่ฉันปลุกมาไม่ใช่ยีนประเภทเสริมร่างกาย ความเร็วและพลังฉันด้อยกว่าเขา และลมกับไฟฉันก็ไมได้ผล ฉันเสียเปรียบทุกด้าน และหากเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันจะต้องตาย!”เขาตั้งใจหนี


 


แต่ทว่า เขาถูกกดดันโดยเฟิงหลินจนถึงจุดที่ไม่มีโอกาสหายใจด้วยซ้ำ แล้วเขาจะหนีได้ยังไง?การพยายามคิดแผนเพื่อหนีมีแต่จะทำให้เขาปวดหัว


จากมุมมองเขา เฟิงหลินเหมือนเกราะไร้เทียมทาน ไม่มีทางทำลายหรือสร้างความเสียหายให้มันได้ เขาท้อแท้ เฟิงหลินดูไม่มีจุดอ่อนเลย


ไม่ มันควรมีจุดอ่อนและนั่นก็คือ…


หัวใจของชายชุดยาวปั่นป่วนขณะจ้องไปในตาเฟิงหลิน


ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแค่ไหน ลูกตาของมนุษย์ก็มักเป็นจุดอ่อน


ด้วยเจตนา เขาปล่อยพลังเต็มกำลัง มือเขาปล่อยการโจมตีนับไม่ถ้วนและเหมือนกับผีเสื้อ


“ไม่เลว!”ดวงตาเฟิงหลินสดใสขึ้น กระบวนท่าที่ชายชุดยาวใช้เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมากมาย และแก่นแท้ของวิชายุทธ์ก็สามารถมองเห็นได้ ในมุมมองของเฟิงหลิน มันเหมือนกับว่าชายคนนี้กำลังแสดงให้เขาเห็นว่าจุดสูงสุดของวิชาคืออะไร ทำให้เขาเพลิดเพลินไปกับมัน


เฟิงหลินตอบสนองทุกกระบวนท่า ค่อยๆเปลี่ยนเทคนิคตัวเอง


หลังแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันกว่าสิบกระบวนท่า เฟิงหลินก็ถูกโจมตีหลายครั้ง เสื้อผ้าเขาฉีกขาด แต่เขากลับไม่บาดเจ็บเลย


ไม่ว่าวิชาต่อสู้จะลึกล้ำแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์หากทำลายการป้องกันศัตรูไม่ได้


ดวงตาของเฟิงหลินสว่างขึ้น เขาได้รับประสบการณ์มากมายจากการต่อสู้กับผู้บ่มเพาะดวงดาว และนี่ก็ทำให้ศักยภาพยีนเขาพุ่งสูงขึ้น


ศักยภาพพันธุกรรม +20% +20% +20%….


อย่างรวดเร็ว ศักยภาพพันธุกรรมเขาพุ่งสูงถึง368%


หลังแลกเปลี่ยนกัน เฟิงหลินก็ได้รับศักยภาพพันธุกรรมกว่า100%


หลังกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว แม้ทุกความก้าวหน้าก็ยังต้องผลาญศักยภาพพันธุกรรมจำนวนมาก ปริมาณศักยภาพพันธุกรรมที่เขาได้รับต่อการฝึกทุกรอบห่างกับอดีตที่ผ่านมา


นี่คือเรื่องที่ทำให้เขาปวดหัวและทำให้เขารู้สึกยินดีพร้อมกัน…


 


“ถึงเวลาแล้ว”ชายชุดยาวเห็นถึงความสนใจของเฟิงหลิน เมื่อเห็นเฟิงหลินกำลังหมกมุ่นกับกระบวนท่าและเทคนิคเขา เขาก็พลันใช้วิชายุทธ์ยีนที่แข็งแกร่งสุดของเขา-เคล็ดระเบิดเพลิง!


ชายชุดยาวพับมือ กลุ่มไฟบรรจบกันในฝ่ามือเขา พวกมันถูกบีบไปยังจุดหนึ่งก่อนระเบิด เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวแพรวพราว


เฟิงหลินประมาท ด้วยระยะใกล้แค่นี้ ทั้งหมดที่เขาเห็นได้คือแสงสีขาว


ลำธารแสงสีขาวเหมือนดาบแหลมที่เจาะตาเขา ทั้งสองตาเขาเจ็บปวดมาก เขาไม่อาจลืมตาขึ้นได้เลย ควันที่เกิดจากไฟยังแผดเผาตาเขา


“ไป!”ชายชุดยาวไม่อยากสู้อีก เขาดึงชายร่างงูหนีไป


เฟิงหลินหลับตาแน่น น้ำตานั้นไหลออกจากหางตาเขาไม่หยุด เขารู้สึกปวดหัว และก็ยังคงกระพริบตาแต่ก็ไม่อาจลืมตาขึ้นได้


ใครก็สามารถบอกได้ว่าชายชุดยาวนั้นมีประสบการณ์การต่อสู้สูงและพบจุดอ่อนเขาได้ง่ายๆหลังปะทะกัน


ในตำนาน ซุนหงอคงมีกายหินและกระดูกเหล็ก ทำให้เขามีพลังป้องกันสูง เขาไม่กลัวไฟในเตาหลอมแปดเหลี่ยมที่สามารถเผาได้ทุกอย่าง แต่ตาเขาคือจุดอ่อนเดียว กล่าวกันว่าเขาสามารถใช้วิชา’เนตรทองพิโรธ’ได้ แต่จริงๆแล้วเขาเป็นโรคตา


ความอ่อนแอของตาอาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดอ่อนที่ใหญ่สุดของยีนลิงหิน แต่ฝ่ายตรงข้ามเขาก็มองออกอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม…


พวกมันคิดจริงๆว่าจะหลบหนีไปได้แบบนี้?มันไร้เดียงสาเกินไป!


เฟิงหลินขยายพลังจิตออกไป รับรู้ทุกอย่าง นี่ช่วยให้เขาเห็นชัดเจนกว่าสายตาเขาอีก การรับรู้เขาจับจ้องอยู่สองร่างนั้น


 


“หัวหน้า ทำไมเราต้องหนีด้วย?”ชายร่างงูกล่าว”คุณได้เปรียบไม่ใช่หรอ?ทำไมไม่ฆ่าเขา?ไม่มีคนดีในหมู่พนักงานของบริษัทยาไจแอนท์หรอก!”


“ฉันไม่สามารถสู้เขาได้ คนๆนั้นมีกายหินและกระดูกเหล็ก ฉันไม่อาจทำลายการป้องกันเขาได้!ความสามารถยีนเขานั้นแหกกฏเกินไป เขาต้านการโจมตีลมและไฟฉันได้และเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!”ชายชุดยาวส่ายหัวและกล่าว”รีบหนีเร็ว หากไม่ เราจะไม่อาจหนีพ้นตอนตาเขาหายดี”


“ฮ่าๆ ไม่ต้องรอให้ตาฉันหายดีหรอก พวกแกไม่อาจหนีได้แล้ว”เสียงหัวเราะน่ากลัวดังขึ้น เสียงของเฟิงหลินเหมือนผีที่ไล่ล่าพวกเขา


“อะไรกัน?”


ทั้งสองหันไปมองและพบว่าเฟิงหลินกำลังเข้าใกล้ ดวงตาเขายังหลับแต่กลับติดตามการเคลื่อนไหวพวกเขาได้


ระลอกพลังงานแปลกๆผันผวนในอากาศ ดูเหมือนใบที่มองไม่เห็นกำลังห่อหุ้มพวกเขา หยุดพวกเขาจากการหลบหนี


ชายชุดยาวรู้สึกถึงระลอกพลังงาน และสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป


ยีนจิต!


เขาเป็นผู้มากประสบการณ์และรู้ว่าผู้บ่มเพาะที่ปลุกยีนจิตนั้นทรงพลังแค่ไหน


นี่ถือได้ว่าเป็นยีนประเภทตรวจจับที่ช่วยให้ผู้ใช้รับรู้สภาพแวดล้อมได้ เมื่อร่วมกับความสามารถไร้เทียมทานของเฟิงหลิน การต้านทานผลพลังงาน มันเรียกได้ว่าไร้ผู้ต้านแล้ว!


วันนี้ มันยากเหมือนกับการต่อกรกับสวรรค์หากพวกเขาอยากหนี!


ความจริงเป็นแบบนั้น หลังเจอการโจมตีก่อนหน้า เฟิงหลินก็อับอายและโกรธมาก ดังนั้น เขาจึงโจมตีด้วยความดุดันยิ่งกว่าเดิม


วัชระแบกหม้อ!


เฟิงหลินยกมือขึ้นสูงและทุบลง


บูม!


อากาศดูหเมือนแข็ง แรงกดดันไร้รูปร่างคล้ายกับภูเขากดลงมา ทำให้การเคลื่อนไหวของทั้งสองถูกขัดขวาง


ชายชุดยาวยกมือขึ้น ลมพลุ่งพล่าน โหมเปลวไฟเขาขณะพยายามป้องกันการโจมตีนี้ แต่เขาก็ยังถูกกดดันช้าๆ


แรงกดดันหนักมาก เม็ดเหงื่อสามารถมองเห็นได้บนหน้าผากเขา เมื่อแรงกดดันเพิ่ม ความรู้สึกอึดอัดก็ยิ่งเพิ่ม ความรู้สึกแบบนี้คล้ายกับการเผชิญกับภัยพิบัติ มันทรมานเกินไป


ชายร่างงูไม่อาจทนได้ เขากรีดร้อง”ฉันจะสู้ตายกับแก!”


ร่างเขาบิดและกลายเป็นงู และพ่นเข็มพิษสีเขียวออกจากปาก


นิ้วทั้งห้าของเฟิงหลินสะบัด สร้างเป็นกระสุนอากาศที่ดีดเข็มเขียวออกไป


หลังจากนั้น เขาก็สะบัดมือออกไป คว้าคอของชายร่างงูและยกเขาขึ้น


เมื่อจุดสำคัญถูกจับ ชายร่างงูก็ไม่อาจขยับและพยายามดิ้นรนหายใจ เขารู้สึกเหมือนกำลังจะตาย


“หยุด!”ชายชุดยาวพูด เขาไม่กล้าดูถูกเฟิงหลินอีกเพราะเขายังเด็กและพยายามรังแกเขา เขากลับเคารพเฟิงหลินด้วยการเรียกว่า’ปรมาจารย์น้อย’


“ปรมาจารย์น้อย ท่านอยากเป็นศัตรูกับเรา กองทัพปฏิบัติดาวอังคารงั้นหรอ?”

 

 

 


ตอนที่ 84 ถามหาค่าชดเชย

 

“กองทัพปฏิวัติดาวอังคาร?”เฟิงหลินสับสน เขาคว้าคอของชายร่างงูไว้ ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ ด้วยการออกแรงเล็กน้อย ชายร่างงูก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด


เมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงข่มขู่ของชายชุดยาว เขาก็ยิ้ม”โทษที ฉันไม่รู้จักพวกแก และแกก็ผิดแล้ว ฉันไม่ใช่คนที่โจมตีพวกแกก่อน พวกแกต่างหากที่อยากเป็นศัตรูกับฉัน!”


เสียงของกองทัพปฏิวัติดาวอังคารฟังดูเหมือนองค์กรใต้ดินลับ ดูเหมือนจะทรงพลังมากทีเดียวจากน้ำเสียงข่มขู่ของชายชุดยาว


แต่ทว่า เฟิงหลินไม่รู้สึกกลัวเลย หลังพิจารณาสถานการณ์ที่พวกเขาทั้งสองพยายามฆ่าอีกฝ่ายก่อนหน้า พวกเขาก็เป็นศัตรูกันแล้ว เขาจะยังสุภาพกับพวกเขาได้ยังไง?


“เราไม่ได้ตั้งใจ เราแค่มาที่นี่โดยบังเอิญ!”ชายชุดยาวอธิบาย


 


เฟิงหลินหัวเราะ ออกแรงบีบ ทำให้ชายร่างงูหายใจไม่ออก หน้าของชายร่างงูค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง


สีหน้าของชายชุดยาวเปลี่ยนไป”ท่านกำลังทำอะไร?”

เฟิงหลินหัวเราะเสียงเย็น”ๆๆ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว หากไม่ ฉันกังวลว่าเจ้างูน้อยนี่อาจตายได้”


ชายชุดยาวเงียบไป เขาสามารถมองเห็นความเย็นชาในสายตาเฟิงหลินได้


หากเขายังพูดไร้สาระ ชายร่างงูซึ่งเป็นพวกเขาอาจต้องเสียชีวิตแน่


“ท่านต้องการอะไรกันแน่?”เขาถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


ชายชุดยาวคนนี้ยอมจำนนแล้ว?


เฟิงหลินหัวเราะเสียงเย็น เขาคลายแรงและยอมให้ชายร่างงูได้หายใจ


ชายร่างงูรีบสูดเอาอากาศเข้าปอด รู้สึกยินดีที่รอดพ้นความตายมาได้


“ทำไมพวกแกสองคนถึงอยากล่าฉัน?”เฟิงหลินถาม


 


เมื่อเผชิญการโจมตีของทั้งสอง ปฏิกิริยาแรกเขาคือมันต้องเป็นตระกูลเขาที่ส่งทั้งสองมาฆ่าเขา แต่เมื่อเขาคิด เขาก็รู้สึกว่าไม่ถูก


ในตระกูลเขา เขาเป็นแค่คนระดับต่ำที่ไม่มีพรสวรรค์ใด ไม่จำเป็นที่พวกเขาต้องใช้จ่ายเงินและส่งคนบินมาดาวอื่นเพื่อจับเขา


นอกจากนี้ หนึ่งในสองคนยังเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว ตัวตนเช่นนั้นนับว่าหาได้ยากยิ่งในตระกูลเขา


เมื่อพิจารณาว่าพ่อบ้านใหญ่นั้นฉลาดแค่ไหน พ่อแม่เขาต้องยังอยู่ในตระกูล ไม่จำเป็นที่พ่อบ้านใหญ่ต้องตามจับตัวเพราะยังไงเฟิงหลินก็ต้องกลับไป ตอนนั้นพ่อบ้านใหญ่ย่อมรู้สึกว่าเขาสามารถจัดการเฟิงหลินได้ง่ายๆ


ดังนั้น เมื่อเขาไตร่ตรอง เฟิงหลินก็สามารถกำจัดความเป็นไปได้ที่คนเหล่านี้จะถูกตระกูลเขาส่งมา


งั้นมันก็น่าสนใจแล้ว!


เฟิงหลินเพิ่งมาดาวอังคารและไม่รู้ว่ามีคน เขาอยู่ในบริษัทยาตลอดและไม่ได้ทำอะไร ทำไมคนพวกนี้ถึงอยากล่าเขา?

ทุกอย่างยังเป็นปริศนา


ดังนั้น เฟิงหลินจึงต้องรู้สาเหตุ หากไม่ ศัตรูลึกลับมักอยู่ในเงา ส่วนเขาอยู่ในแสง  การไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนที่อยากเอาชีวิตเขาย่อมทำให้เขานอนไม่หลับหรือกินไม่ลง


มันจำต้องกำจัดแหล่งปัญหาในอนาคต


หลังได้ยินคำถามของเฟิงหลิน ชายชุดยาวก็เงียบไป เขาปิดปากสนิท ไม่อยากเผยอะไร


เฟิงหลินขมวดคิ้วและจากนั้นก็ออกแรงบีบอีกครั้ง ชายร่างงูเหมือนเป็ดกำลังจะถูกเชือดและปล่อยเสียงคร่ำครวญ เขาทำท่าเหมือนคนกำลังจะตาย


สายตาของเฟิงหลินเหมือนดาบ เขาจ้องชายชุดยาวและถามต่อ”เรามีความแค้นอะไรกัน?ทำไมพวกแกสองคนถึงโจมตีฉัน?”


“นี่…”ชายชุดยาวลังเล อยากปฏิเสธมันแต่เมื่อเห็นชายร่างงู เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้และรู้ว่าหากเขายังไม่บอกความจริง เรื่องราวอาจไม่สวยนัก


สีหน้าเขาดำมืด”เราไม่มีความแค้นอะไรกัน หากท่านอยากตำหนิ ก็ต้องตำหนิที่ท่านเป็นคนของบริษัทยาและที่ท่านออกจากบริษัทมาลำพัง กองทัพปฏิวัติเราเป็นฝ่ายต่อต้านบริษัทยาไจแอนท์ พนักงานทุกคนคือศัตรูเรา เมื่อเราพบใครด้านนอก พวกเขาจะกลายเป็นเป้าหมายของกองทัพปฏิวัติดาวอังคารเรา นี่ทำให้ท่านถูกสมาชิกทีมผม สเนคบอยติดตาม”


เมื่อเขาพูด เขาก็กัดฟันราวกับเขาเกลียดทุกคนจากบริษัทยาจริงๆ  เฟิงหลินก็ไม่เว้น


หัวใจเฟิงหลินปั่นป่วน ความเกลียดนี้คือของจริง เห็นได้ชัดว่ามีความไม่พอใจอย่างลึกซึ่งหรืออาจเป็นหนี้เลือดระหว่างสององค์กร นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองพยายามล่าเขา


มันกลับกลายเป็นว่ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารคือศัตรูของบริษัทยา เขาแค่ติดลูกหลง


หากเขาถูกฆ่าแบบนั้น เขาจะไปบ่นกับใครได้?


เฟิงหลินรู้สึกหมดหนทาง หลังจากนั้น เขาก็จ้องชายชุดยาวอย่างโหดเหี้ยม


เขาไม่สนใจว่าทั้งสองจะมาจากกองทัพปฏิวัติอะไร พวกเขายังไม่มีเหตุผลดีที่ลากเขามาด้วย หากคิดรอดชีวิตกลับไปฟรีก็ฝันไปได้เลย!


หลังจากนั้น รอยยิ้มก็ฉาบบนหน้าเฟิงหลิน เมื่อเห็น ชายชุดยาวก็อดรู้สึกหนาวสั่นไม่ได้ เขารู้สึกราวกับเขาถูกแวมไพร์จ้องจะดูดเลือด


“มีพนักงานหลายคนทำงานในบริษัทยา ทำไมถึงเจาะจงฉัน?”เฟิงหลินถามอีกครั้ง เขาจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง อยากแน่ใจว่าเขาไม่ถูกหลอก


“กองทัพปฏิวัติดาวอังคารขัดแย้งกับบริษัทยาไจแอนท์ ขอแค่ท่านเป็นพนักงานที่นั่น ท่านก็คือศัตรูเรา!ทหารขององค์กรเราทุกคนจะคิดหาทางล่าพนักงานของบริษัทยาทันทีที่เห็นตัว มันแค่ว่าพนักงานส่วนใหญ่นั้นออกมาเป็นกลุ่ม ดังนั้นเราจึงยากต่อการลงมือ แต่ใครจะรู้ ท่านกลับออกมาดึกดื่นลำพังและยังสวมชุดของบริษัทยา ดังนั้น ทีมต่อสู้เล็กๆของผมจึงลงมือ แค่ว่าเราไม่มีเวลาคิดแผนฆ่า และเจ้าหนูงูก็ลงมือโดยไม่ได้รับอนุญาติ สิ่งที่เราไม่คิดคือพลังอันไร้ผู้ต้านของท่าน และตอนนี้ ท่านกลับไม่ใช่คนที่ตกอยู่ในอันตราย แต่เป็นเราแทน”


“ฉันเข้าใจแล้ว”เฟิงหลินพยักหน้า ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเรื่องไม่คาดฝัน


หลังออกบริษัท เขาก็แค่อยากมายังผิวดาวเพื่อดูดซับพลังงานดวงดาวและบ่มเพาะ ใครจะไปคิดว่าทหารของกองทัพปฏิวัติกำลังเพ่งเล็งเขา?


แต่ทว่า เนื่องจากบริษัทยามีศัตรูเช่นนั้น ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกเขาก่อน?


ไม่ว่ามันเป็นบริษัทยาที่อยากปิดบังเรื่องนี้หรือชายชุดยาวกำลังโกหก เฟิงหลินก็พบว่าสถานการณ์บนดาวอังคารไม่สงบอย่างผิวเผิน มีพายุกำลังซุกซ่อนอยู่ในความมืด


 


“แล้วเจ้าหนูงูนี่ละ?”เฟิงหลินเหลือบมองร่างที่ใกล้ตายในมือเขา ชื่อเล่นนี้เหมาะจริงๆ


มันเป็นไปได้สูงว่าสเนคบอยได้ปลุกยีนประเภทงูขึ้น นี่ทำให้ร่างเขาอ่อนและยืดหยุ่นเหมือนงู


ฝ่ามือเขากระชับแน่นโดยไม่ตั้งใจ ทำให้สเนคบอยหอบหนัก


สีหน้าของชายชุดยาวเปลี่ยนไป”ผมก็บอกไปหมดแล้ว ทำไมถึงยังไม่ปล่อยเขาอีก?!”


“ปล่อยเขา?”เฟิงหลินทำหน้าสับสน”ไม่คิดว่าง่ายไปงั้นหรอ?ชายคนนี้พยายามฆ่าฉันอย่างไร้เหตุผล คิดว่าโลกนี้มันง่ายขนาดนั้นรึไง?”


“งั้นท่านต้องการอะไร?”หัวใจของชายชุดยาวเต้นกระหน่ำ เขาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการเรื่องนี้ในวันนี้


สายตาของเฟิงหลินดูเย็นชาดุจน้ำแข็ง”ในเมื่อชายคนนี้พยายามทำร้ายฉันก่อน หากไม่มีการชดเชยที่น่าพอใจ พวกแกสองคนก็เลิกคิดเรื่องที่จะหนีไปได้เลย”


“ต้องการอะไร?บอกเงื่อนไขมา แต่ปล่อยเขาก่อน!”


เฟิงหลินหัวเราะเสียงเย็นแต่ไม่ปล่อยมือ ในความเป็นจริง เขายังออกแรงมากกว่าเดิม


“คิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบที่แกสามารถหลอกได้งั้นหรอ?!”เขาแสยะยิ้ม”โทษที ตัวประกันอยู่ในมือฉัน แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน”


 


สีหน้าของชายชุดยาวดำมืด


“หากแกอยากแลกตัวประกัน แกก็ต้องมอบวิชาที่แกใช้ให้ฉัน”เฟิงหลินพูด เผยเจตนาเขา หัวใจเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อคิดถึงความลึกล้ำที่ชายชุดยาวใช้


“ว่าไงนะ?อยากได้วิชาของฉัน?เป็นไปไม่ได้!”ชายชุดยาวคำรามด้วยความโกรธ


 


วิชายุทธ์นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมีชื่อเสียง เขาไม่เคยสอนมันให้คนนอกมาก่อน นับประสาอะไรกับพนักงานจากบริษัทยาแสนน่ารังเกียจ


เฟิงหลินไม่เสียเวลาพูดด้วย เขากำมืออย่างไร้เมตตา ทำให้สเนคบอยขาดอากาศ”โทษที แกไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับฉัน พวกแกสองคนจะอยู่ที่นี่ไปตลอด หรือแกจะทำให้ฉันพอใจ หากไม่ อย่าตำหนิว่าฉันโหดร้าย”


น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าชัดเจน เมื่อคนๆนี้ปฏิเสธเขาอีกครั้ง เขาจะลงมือฆ่าทันที


เฟิงหลินตัดสินใจเตือนเป็นครั้งสุดท้าย”นี่คือการเตือนครั้งสุดท้าย อย่าพยายามเอาวิชาพื้นๆมาหลอกฉัน ฉันเคยเห็นกระบวนท่าแกมาแล้ว หากฉันพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ มือฉันอาจกระชับแน่นและ…”


เขายกร่างเจ้าหนูงูขึ้นสูงราวกับกำลังถืองูที่ตายแล้ว


หากชายชุดยาวกล้าเล่นตลก ชะตากรรมของเขาก็คงไม่ต้องพูดถึง


ใบหน้าของชายชุดยาวบิดเบี้ยว เขากำลังจะยอมรับ แต่วินาทีนั้น สเนคบอยกลับดิ้นและคำรามออกมา”หัวหน้า อย่าเชื่อเขา!คนของบริษัทยาไม่สามารถเชื่อถือได้ อย่ามอบเคล็ดวิชาให้เขา!ทิ้งผมไป กองทัพปฏิวัติเราจะไม่มีทางปล่อยเขาไป ผมอยากตายไปพร้อมกับเขา!”


“อยากตายไปพร้อมกับฉัน?”เฟิงหลินหัวเราะเสียงเย็น”ปากแกยังดีอยู่เลยนะ”


 


เขาออกแรงอย่างโหดเหี้ยม วินาทีถัดมา สเนคบอยก็หน้าขาวซีด แต่ก็ยังจ้องเฟิงหลินอย่างอาฆาต ดวงตาเขาแดงก่ำและไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าฉีกเฟิงหลินเป็นชิ้นๆ


“พอแล้ว!”เมื่อเห็นสเนคบอยกำลังจะตาย ชายชุดยาวก็กล่าวขึ้น เขามองเฟิงหลินอย่างเกลียดชัง กัดฟันขณะพูด”ฉันจะมอบวิชาให้แก”


แม้จะถูกจ้องอย่างเกลียดชัง เฟิงหลินก็ไม่สนใจ”คนที่ยอมจำนนต่อสถานการณ์ถึงเป็นคนฉลาด เอาละส่งข้อมูลมาให้ฉัน ฉันจะตรวจสอบมัน”


ชายชุดยาวรู้สึกท้อแท้ เขาทำได้แค่ใช้ไมโครชิปตนและทำการโอนข่าวมูลภาพให้เฟิงหลิน


เฟิงหลินมองมัน และก็พบคำสี่คำด้านบน-ฝ่ามือคุนหลุน!

 

 

 


ตอนที่ 85 รอยประทับฝ่ามือคุนหลุน

 

“ฝ่ามือคุนหลุนคือวชายุทธ์โบราณจากยุคโลกโบราณ ต้นกำเนิดมันไม่ชัดเจนแต่ตามชื่อมัน มันควรเป็นสุดยอดวิชาจากเขาคุนหลุนแห่งจีนโบราณ มีบันทึกวิชาไว้ทั้งหมด12เส้นทาง วิชาฝ่ามือ ดัชนี ตะปบ แส้ ดาบ ค้อนและทุกกระบวนท่าที่ทรงพลังล้วนมาจากอาวุธ รวมถึงวิธีเชื่อมผสานพวกมัน ช่วยให้ผู้ใช้ฝึกการผันแปรนับไม่ถ้วน มันดูเหมือนว่าวิชานี้จะเต็มไปด้วยแก่นแท้ของวิชาทั้งหมดภายใต้สวรรค์ ไม่ว่าวิชายุทธ์นี้จะคืออะไร พวกมันก็ต้องเป็นของ1ใน12วิชา ฝ่ามือคุนหลุนนี้ประกอบไปด้วยทุกสิ่งและสามารถโต้ตอบได้ทุกท่า..”


ในภาพ เงาร่างชายร่างโตกำลังออกกระบวนท่าดุดันดั่งเสือ แสดงท่าทางของวิชาโบราณนี้ขณะแสดงให้เห็นถึงสูตรดั้งเดิมของเส้นทางแต่ละเส้น


เฟิงหลินเพ่งสมาธิและพบว่านี่คือวิชายุทธ์โบราณที่สืบทอดมาจากยุคโลกโบราณถึงตอนนี้ มันไม่เหมือนกับที่เขาคิดก่อนหน้า วิชานี้ไม่ใช่วิชายุทธ์ยีน!


พลังของศิลปะการต่อสู้โบราณธรรมดานี้สามารถลึกซึ้งได้ถึงเพียงนั้น มันสามารถร่วมแก่นแท้ของวิชาทุกประเภทในโลกไว้ได้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเติบโต


เขารู้ว่ามันคือของจริง เมื่อเขาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับชายชุดยาว เทคนิคของชายชุดยาวก็เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง นี่คือศิลปะการต่อสู้โบราณที่ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย


สิ่งนี้ทำให้เฟิงหลินสะดุ้ง ในบรรดากระบวนท่าของฝ่ามือคุนหลุนนี้ มีบางอันที่ฟังดูลึกซึ้งมากอย่าง’แส้กระหน่ำเทพ’ ‘ค้อนพลิกฟ้า’ ‘กระจกหยินหยาง’


ชื่อทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เขาเพ้อฝัน


เฟิงหลินเริ่มดำดิ่ง เมื่ออ่านและไตร่ตรอง เขาก็พบว่าวิชานี้อัศจรรย์ยิ่ง แม้จะไม่มีขั้นตอนหรือทฤษฏีทางพันธุกรรมใดๆ มันก็เต็มไปด้วยตรรกะของแก่นแท้ มีรอยประทับฝ่ามือที่แตกต่างกัน12แบบ และแต่ละแบบก็เต็มไปด้วยตรรกะไร้สิ้นสุด รอยประทับแส้ช่วยให้การโจมตีเขาเร็วและดุดันขึ้น รอยประทับค้อนช่วยให้การโจมตีเขารุนแรงขึ้น รอยประทับกระจกช่วยให้หยินและหยางอยู่ร่วมกันและเติมเต็มกัน…


แม้มันจะไม่มีเกรดในการจัดประเภท มันก็ย่อมไม่ใช่วิชาธรรมดา เทคนิคเหล่านี้ได้รับการขัดเกลาครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายล้านปี พลังที่พวกมันสามารถปลดปล่อยได้ไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชายีน ในความเป็นจริง มันอาจเหนือซะยิ่งกว่า


มันแค่ว่าเคล็ดวิชาโบราณนี้ไม่อาจรวมความสามารถพิเศษของยีนในตำนานเข้าได้


เขากำลังอ่านเนื้อหาอย่างจริงจังขณะยังกุมสเนคบอยไว้ด้วยมือเดียว อีกมือเริ่มขยับโดยไม่รู้ตัว ไล่ตามการเคลื่อนไหวในภาพ พยายามเข้าใจแก่นสำคัญของวิชาในหนึ่งประทับฝ่ามือ


ทันใดนั้น เงาดำก็พุ่งผ่านตรงหน้าเขา


ความสงบสุขบังเกิดในหัวใจของเฟิงหลิน เขาเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ”ประทับแส้กระหน่ำเทพ’ที่เขาเพิ่งเข้าใจ แขนเขาตวัดออกไปเหมือนแส้ ทั้งดุดันและเร็ว บังคับให้คนที่วิ่งเข้าหาเขาต้องถอยไป ชายชุดยาวหยุดหลังถูกซัดกระเด็นไปกว่าสิบก้าว


 


“อะไรกัน?เธอสามารถเรียนประทับแส้กระหน่ำเทพได้เร็วขนาดนั้นเลย?!”ฝ่ามือของชายชุดยาวสั่นสะท้าน พลังก่อนหน้ารุนแรงจนเขารู้สึกเหมือนกระดูกแขนกำลังจะแตก เขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ


“แกคิดทำอะไร?”ดวงตาของเฟิงหลินเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาจับมือแน่น ทำให้สเนคบอยหยุดหายใจ


ชายชุดยาวรีบหยุด เขาระบุว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย ชี้ไปยังสเนคบอยและถอนหายใจ”หากเธอยังไม่ปล่อยเขา เขาคงตาย ฉันแค่อยากรีบไปช่วยเขา”


 


ดวงตาเขาจ้องเฟิงหลินอย่างไร้ปราณีและเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร


เฟิงหลินแปลกใจ เขาเงยหน้าและตระหนักว่าเพราะเขาจดจ่อกับการเรียน เขาจึงไม่ได้สนใจกับอีกมือ คอของสเนคบอยเกือบถูกเขาขยี้จนแหลก สองตานั้นพลิกเป็นสีขาวและเกือบขาดอากาศตาย


งั้นนี่ก็น่าอึดอัด…


เฟิงหลินแสร้งทำเป็นไม่ผิดและคลายข้อมือ


สเนคบอยล้มลวกับพื้นเหมือนกองโคลน นอนนิ่ง เขาไม่อาจคงท่าทางแบบเดิมได้อีก เขาหอบหายใจหนัก มีความกลัวบนหน้า รวมถึงความยินดีที่รอดตาย น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจระงับได้


 


“เจ้าหนู!”ชายชุดยาวรีบวิ่งมาตรวจสอบ เมื่อพบว่าลูกน้องเขายังไม่ตาย เขาก็ถอนหายใจโล่งอก


เมื่อจ้องสภาพน่าสังเวชของสเนคบอย สีหน้าของเฟิงหลินก็เปลี่ยนไป เขาเกือบฆ่าคน


เขาไม่ใช่คนที่ไม่รักษาสัญญา เนื่องจากเขาได้รับวิชามาแล้ว เขาย่อมไม่อยากฆ่าตัวประกัน


เมื่อได้รับวิชามา ผลประโยชน์ที่เขาได้รับก็คุ้มกับความเสี่ยง เฟิงหลินไม่โกรธอีก


แม้เขาจะฆ่าผู้บ่มเพาะฝึกหัดได้ง่ายๆ ชายชุดยาวนี้ก็เป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวแก่ประสบการณ์ มันง่ายที่จะได้เปรียบเขา แต่ก็ไม่ง่ายที่จะฆ่า


เหนือสิ่งอื่นใด เฟิงหลินเพิ่งเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวใหม่


แมกระทั่งกระต่ายโกรธก็ยังกัดคน!นับประสาอะไรกับผู้บ่มเพาะดวงดาว


เฟิงหลินแค่มนุษย์คนหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องก่อความเสียหายให้กองทัพปฏิวัติดาวอังคารเพื่อบริษัทยา มันไม่คุ้มเลย


แต่หากกองทัพปฏิวัติไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดีและยังพยายามล่าเขา เขาย่อมไม่แสดงความเมตตา


 


“ฉันปล่อยตัวประกันแล้ว และจะปล่อยพวกแกสองคนไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่งั้นพวกแกจะไม่โชคดีแบบนี้อีก!”เฟิงหลินเตือน จากนั้นก็หมุนตัวออกไป เขาไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร


องค์กรใต้ดินประเภทนี้มักเป็นปัญหา เฟิงหลินไม่เต็มใจคบหาสมาคม


เฟิงหลินปล่อยสเนคบอยไปจริงๆ!


ชายชุดยาวสับสน นี่คือฆาตกรเลือดเย็นจากบริษัทยาจริงๆงั้นหรอ?


เขาจ้องเฟิงหลินด้วยดวงตาเบิกบาน ทันใดนั้น ร่างเขาก็หายวูบและปรากฏตรงหน้าเฟิงหลิน ขวางทางเขาไว้”รอก่อน!”


สีหน้าเฟิงหลินดำมืด”ต้องการอะไร?ฉันไว้ชีวิตแกและศิษย์แกแล้ว นั่นยังไม่พอใจ?”

“ท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ชายชุดยาวรีบสุภาพ”ผมมีเรื่องอยากคุยกับท่าน”


“จะมีเรื่องอะไรที่เราสามารถคุยกันได้?”เฟิงหลินกล่าว


นี่คือการปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่ชายชุดยาวกลับไม่โกรธ ในความเป็นจริง เขากลับยิ้ม”หากผมเดาไม่ผิด ท่านควรเป็นเฟิงหลิน พนักงานใหม่ของบริษัทยาสินะ?”

“แกรู้ชื่อฉันได้ยังไง?”สายตาของเฟิงหลินเปลี่ยนไป หากชายคนนี้ไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุ เขาจะลงมือทันทีท


ชื่อเขาเป็นที่รู้จัก?นี่อันตรายเกินไป


สีหน้าของชายชุดยาวกลับเป็นดดั่งเดิม เขารู้สึกว่าได้เป็นผู้ริเริ่มอีก เขายิ้มและกล่าว”ผมไม่ได้รู้แค่ชื่อ แต่ยังรู้ตัวตนและต้นกำเนิด ท่านมาจากตระกูลเล็กๆบนโลก  ท่านถูกขับไล่โดยตระกูลและไม่เต็มใจยอมรับชะตากรรม ดังนั้น ท่านจึงมาสัมภาษณ์และสามารถเข้ากับบริษัทยาได้..”


ชายชุดยาวรีบเล่าอย่างใจเย็น


ความคิดของเฟิงหลินหมุน”ฉันไม่เคยเจอกับใครบนดาวอังคารมาก่อน ใครกันที่รู้ต้นกำเนิดฉัน?”

เขาเห็นไมโครชิปของชายชุดยาวกำลังกระพริบ ชายชุดยาวดูเหมือนกำลังอ่านข้อมูลจากมัน


เฟิงหลินพลันเข้าใจ”พวกแกมีสายในบริษัทยาสินะ?”

ชายชุดยาวหัวเราะ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ


เฟิงหลินเงียบ เขามาจากโลก และพวกเดียวที่เขาติดต่อด้วยก็คือบริษัทยา มีเพียงบริษัทถึงมีข้อมูลเกี่ยวกับเขา


เนื่องจากชายชุดยาวที่มาจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารยังรู้จักเขา สิ่งเดียวที่สมเหตุสมผลก็คืออีกฝ่ายมีสายในบริษัทยา


เมื่อรู้เหตุผลของการรั่วไหล เฟิงหลินก็ไม่ต้องกังวลอีก


ระบบสุริยะคือเขตดาวโกลาหล และสภาพแวดล้อมก็อันรตายมาก มนุษย์ทั่วไปต้องพึ่งพาตระกูลเพื่อรับการปกป้อง


เนื่องจากพ่อแม่เขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตระกูลเฟิง ไม่ว่าแขนของกองทัพปฏิวัติจะยาวแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจแตะต้องครอบครัวเขาได้


เฟิงหลินไม่สนใจความขัดแย้งระหว่างสององค์กร เหตุผลที่เขามาดาวอังคารก็เพื่อเรียนรู้และพัฒนาความรู้ ปูทางไปสู่การบ่มเพาะในอนาคต เขาไม่อยากมีส่วนร่วมในข้อพิพาทระหว่างชาวดาวอังคาร


แถม เฟิงหลินยังชัดเจนว่าเขาเป็นแค่ผู้บ่มเพาะดวงดาว หน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวสู่เส้นทางบ่มเพาะ พลังเขายังห่างไกลจากการพอจะกวาดล้างทุกอย่าง


เขาไม่อยากเจอกับหายนะ


 


“ฉันไม่คิดเข้าร่วมเรื่องระหว่างสององค์กร อย่ามาหาฉันอีก ไม่งั้นอย่าตำหนิว่าฉันโหดร้าย!”เฟิงหลินจ้องชายคนนั้นอย่างเย็นชา เต็มไปด้วยการเตือน หลังจากนั้นก็หมุนตัวและจากไป


ความเร็วเขาสูงขึ้น สามารถเดินทางได้กว่าสิบเมตรในก้าวเดียว ในชั่วพริบตา เขาก็ไกลออกไปร้อยเมตร


ครั้งนี้ ชายชุดยาวไม่ไล่ตาม รอยยิ้ไม่เร่งรีบปรากฏบนหน้าเขาขณะพูดไล่ตาม แต่คำพูดเขาก็ทำให้เฟิงหลินชะงักเท้า


“ท่านคิดจริงๆว่าบริษัทยาไจแอนท์ก็แค่ผู้ผลิตน้ำยายีนทั่วไป?การทดลองมนุษย์เหล่านั้นที่พวกมันกำลังทำแค่การทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่?หากท่านยังอยู่ที่นั่น จุดจบของท่านจะแย่ยิ่งกว่ามนุษย์ที่ถูกนำไปทดลองนับร้อยเท่า พันเท่า!”


 

 

 


ตอนที่ 86 กองทัพยีน

 

“พูดมาให้ชัด!หมายความว่ายังไง?”เฟิงหลินชะงักขณะถาม


มันราวกับชายชุดยาวคาดไว้แล้วว่าเฟิงหลินต้องชะงัก เขาสวมรอยยิ้มสงบและรู้สึกว่าสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม


“บริษัทยาได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลกลุ่มระบบสุริยะและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำยายีนที่ผูกขาดอุตสาหกรรม เป้าหมายเดียวมันคือผลกำไรและมันก็ทำร้ายเราชาวดาวอังคาร กองทัพปฏิวัติเราไล่ตามเจตนารมณ์ของความยุติธรรมและสันติสุข ดังนั้น เราจึงเป็นศัตรูกับบริษัทยา และความเข้าใจเราก็เหนือกว่าคุณ คุณคิดจริงๆว่ามันแค่บริษัทผลิตน้ำยาทั่วไป?คุณคิดตื้นไป!”สีหน้าของชายชุดยาวเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์”ระบบสุริยะคือเขตโกลาหล และกฏก็มีแค่ในนาม บริษัทยาเป็นองค์กรใหญ่ คิดจริงๆว่าพวกเขาจะทำธุรกิจโดยสุจริต?หากพวกเขาไม่ว่อนพลังไว้ พวกเขาคงกลายเป็นเหมืองทองในสายตาคนและถูกฮุบไปนานแล้ว”


หัวใจเฟิงหลินเต้นกระหน่ำและนึกถึงการทดลองมนุษย์แสนน่ากลัว นักวิจัยที่ดูอ่อนแอต่างมีสายตาเย็นชาและมองชีวิตเป็นเหมือนหนูทดลองไร้ชีวิต ความไม่สบายใจพลันเกิดขึ้นในหัวใจเขา


แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าเขา เขาพูดต่ออย่างใจเย็น”แล้วไง?เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับฉัน?”


ต่อให้จะมีการสมคบคิดเบื้องหลังบริษัทยา ตราบเท่าที่มันไม่เกี่ยวกับเขา เฟิงหลินก็ไม่อยากยุ่ง


เขารู้ว่าตอนนี้เขาทรงพลังแค่ไหน และเขาก็จะไม่ก้าวล้ำเส้น!


เฟิงหลินไม่เสียสติเพราะเขาเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว


เขาไม่วางแผนค้นหาคำตอบเบื้องหลังการทดลองมนุษย์


บางทีในฐานะมนุษย์ เฟิงหลินอาจรู้สึกเห็นใจและโกรธเมื่อเห็นเพื่อนมนุษย์ถูกนำมาทดลอง แต่เพราะสติปัญญาและเหตุผลเขา เขาจึงไม่ตั้งใจยุ่งและสอดรู้สอดเห็นเกินไป


นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลังเห็นครั้งแรก เขาจึงไม่สนใจเหตุผลเบื้องหลังการทดลองมนุษย์อีก


โดยปราศจากพลังเพียงพอจะปกป้องตนเอง หากเขายังพยายามสอดรู้ นั่นคงไม่พ้นความตาย


เมื่อเจอกับการตอบของเฟิงหลิน ชายชุดยาวก็ตกใจ ไม่คิดว่าบุคลิกของเฟิงหลินจะเย็นชาและไร้อารมณ์ นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจจนพูดไม่ออก


แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ


ดูเหมือนว่าหากเขาไม่เผยข่าวออกไป หัวใจของเฟิงหลินคงไม่ถูกกระตุ้น!


ชายชุดยาวกัดฟัน น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นลึกลับ”เรารู้ว่าคุณได้รับเลือกโดยแผนกวิจัยของบริษัทยา แต่คุณรู้ไหมว่าแผนกวิจัยกำลังจัดการหัวข้อวิจัยใหม่?เนื้อหาของหัวข้อคือวิธีผลิตน้ำยายีนที่สามารถใช้กับคนธรรมดาได้!”


 


สีหน้าเฟิงหลินเปลี่ยนไป ชายคนนี้ได้รับข้อมูลเกือบหมด ข่าวเขาถูกต้อง ดูเหมือนสายต้องมีตำแหน่งสูงมากในบริษัทยา ไม่งั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่สายจะรู้ข้อมูลลับดังกล่าว


เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฟิงหลิน ชายชุดยาวก็ตัดสินใจเผยข่าวเพิ่ม เติมเชื้อเพลิงให้กับกองไฟ


“จากแหล่งข้อมูลของเรา จุดประสงค์ของหัวข้อวิจัยนี้ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ต่อมวลชน คิดจริงๆหรอว่าบริษัทยานั้นทำเพื่อการกุศล?พวกเขามีแค่จุดประสงค์เดียว..”เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ เขาก็แสร้งทำเป็นลึกลับและลากเสียง


“จุดประสงค์พวกเขาคืออะไร?”เฟิงหลินพูดด้วยีสหน้าเฉยเมย ยังคงกดดันเพื่อหาคำตอบ


“เพื่อสร้างกองทัพ!”ชายชุดยาวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


“กองทัพ?”สีหน้าเฟิงหลินเปลี่ยนไป เขาคิดถึงหัวข้อวิจัยและพยายามเชื่อมโยงกับสิ่งที่เขาได้ยิน กองทัพสามารถสร้างขึ้นได้โดยน้ำยา?


“ถูกต้อง พวกเขาอยากสร้างกองทัพที่ประกอบไปด้วยผู้บ่มเพาะดวงดาว!”ชายชุดยาวพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว


“มันจะเป็นไปได้ยังไง?”เฟิงหลินยืนยันตามสัญชาตญาณ


 


เขารู้ดีว่าการเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวนั้นยากแค่ไหน


ทุกขั้นตอนของการวิวัฒนาการยีนยากมากและต้องใช้ความพยายามสูง เฟิงหลินมีความรู้ในตำนานและมีความสามารถสมการทางพันธุกรรมคอยช่วย แต่ถึงกระนั้น เส้นทางเขาก็ยังไม่ราบรื่น และเขาก็ต้องหนีจากตระกูล ทุกสิ่งที่เขาทำก็เพื่อวิวัฒนาการเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว เพื่อควบคุมชะตากรรมเขาไว้ในมือ


เมื่อคนกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ไหนบนโลกมนุษย์ เขาย่อมได้รับการปฏิบัติเป็นเหมือนแขกพิเศษ!


ตอนนี้ ชายชุดยาวกลับบอกว่าบริษัทยาอยากสร้างกองทัพของผู้บ่มเพาะดวงดาว


เการผลิตผู้บ่มเพาะดวงดาวเป็นไปได้ซะที่ไหน?ชายชุดยาวพูดถึงพวกเขาเหมือนเครื่องมือที่สร้างขึ้นจากเครื่องจักรโรงงาน สร้างได้มากตามต้องการ


ความคิดแรกที่เฟิงหลินคิดคือมันเป็นไปไม่ได้ มันรู้สึกไร้สาระ แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องขมวดคิ้ว


การช่วยให้มนุษย์ธรรมดาใช้น้ำยายีนได้ อะไรคือจุดประสงค์จริงๆเบื้องหลังมัน?


มันเพื่อกระตุ้นศักยภาพแฝงพวกเขา ช่วยให้พวกเขาได้รับพลังของผู้บ่มเพาะดวงดาว?


วัตถุประสงค์จริงๆของบริษัทยาคืออะไร?เพื่อผลประโยชน์ต่อมวลชน?ทำไมพวกเขาต้องนำ1พันล้านเหรียญมาเป็นรางวัล?


จำนวนเงินนั้นสูงเกินไปไหม?!

..


เฟิงหลินคิดลึก


“ดูเหมือนว่าคุณจะพบสิ่งผิดปกติแล้ว!”ชายชุดยาวหัวเราะ”หัวไวสมกับเป็นนักวิจัยพันธุกรรมอัจฉริยะ!”


คำพูดต่อไปเขาได้ยืนยันความคิดในหัวเฟิงหลิน


“ทำไมพวกเขาถึงคิดสร้างน้ำยายีนที่คนธรรมดาสามารถใช้ได้?เพราะเมื่อมันสำเร็จ พวกเขาจะสามารถใช้น้ำยายีนเพื่อกระตุ้นยีนตำนานของคนธรรมดาได้ บังคับให้ยีนตำนานปลุกขึ้นและวิวัฒนาการเป็นยีนแรกเริ่ม ช่วยให้พวกเขากลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว!”


“ในกรณีนี้ ทหารยีนจะบังเกิดขึ้น เมื่อกองทัพเกิดขึ้น ใครในระบบสุริยะนี้ที่จะสามารถหยุดพวกเขาได้?บริษัทยาย่อมครอบครองพลังที่มากพอจะกวาดล้างทั้งระบบสุริยะ!”


“ต้องรู้ว่ามีกองทัพหลากหลายในจักรวรรดิดวงดาว กองทหารยีนถือเป็นกองกำลังชั้นยอด แม้พวกที่ถูกสร้างขึ้นจะด้อยกว่า แต่หากวางในระบบสุริยะโกลาหลละก็ พวกเขาย่อมไร้เทียมทาน!ตอนนั้น สงครามจะแตกหักทั่วระบบสุริยะ นำความตายมานับไม่ถ้วน”


 


เฟิงหลินเริ่มตกใจ หากนี่เป็นจริง แผนของบริษัทยาก็นับว่าน่ากลัวมาก


สงครามที่กวาดไปทั่วระบบสุริยะ ตอนนั้น มันเป็นไปได้สูงที่เขาจะถูกลากเข้าไปต่อให้ไม่อยากร่วมด้วยก็ตาม


แม้เฟิงหลินตกรู้สึกตกใจ แต่สีหน้าเขาก็ยังไม่เปลี่ยน เขายังไม่เชื่อชายชุดยาวสนิทใจ เรื่องนี้อาจเป็นจริงหรือเท็จก็ได้ เขาต้องตรวจสอบก่อน


จากนั้นเขาก็พูดถึงปริศนาในหัวใจ”พลังของน้ำยายีนน่ากลัวมาก มันเป็นเรื่องยากมากที่ร่างกายของคนธรรมดาจะสามารถปรับตัวได้ หัวข้อวิจัยนี้อาจล้มเหลว ตอนนั้น กองทัพนี้คงไม่เกิด ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นเล่า?”


“ไม่ พวกเขาจะต้องทำสำเร็จแน่”ชายชุดยาวพูด


“ทำไมละ?ในฐานะศัตรู แกควรหวังให้พวกเขาล้มเหลวสิ?”เฟิงหลินอยากรู้


ชายชุดยาวส่ายหัว”เราเป็นศัตรูกับบริษัทยาและหวังให้พวกมันล้มเหลว แต่ถึงกระนั้น เราก็ยอมรับความเป็นจริง ตามสายเรา บริษัทยาได้พบโบราณสถานในตำนาน และในนั้นก็มีเทคนิคอัศจรรย์เพื่อสร้างน้ำยายีนบันทึกไว้ ช่วยให้มนุษย์ธรรมดากินมันได้ นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมหลายอย่างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหลังผ่านไปนาน พวกมันสามารถทำให้คนธรรมดาปลุกยีนขึ้นได้และได้รับความสามารถพิเศษ ดังนั้น บริษัทยาจึงไม่จำเป็นต้องสร้างสูตรขึ้นใหม่ พวกมันแค่ต้องทดลองและพยายามฟื้นเทคนิคโบราณกลับสู่สภาพเดิม!”


 


เฟิงหลินตกใจมาก มีความลับมากมายในยุคโลกโบราณ เขาไม่คิดว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงเช่นนั้นจะอยู่มาถึงตอนนี้ เขาทำได้แค่ถอนหายใจเงียบๆ


“เนื่องจากความทะเยอทะยานของบริษัทยาไจแอนท์จะคุกคามมนุษยชาติ ทำไมพวกแกไม่แจ้งรัฐบาลกลุ่มระบบสุริยะละ?”เฟิงหลินถาม


“ไม่!เราไม่เชื่อในรัฐบาลหุ่นเชิด พวกมันเป็นแค่หุ่นเชิดของมนุษยชาติระหว่างดวงดาวและจักรวรรดิดวงดาวต่างๆ หากเราบอกความจริง ความลับย่อมรั่วไหลโดยเปล่าประโยชน์ เรา กองทัพปฏิวัติดวงดาวก่อตั้งขึ้นเพื่อสู้กับสิทธิ์และเสรีภาพของมนุษย์ทั้งหมดบนดาวอังคาร!ไม่ใช่แค่บริษัทยาที่เป็นศัตรูกับเรา แต่เรายังอยากโค่นล้มรัฐบาลหุ่นเชิดและสร้างรัฐบาลชาวดาวอังคารที่เป็นอิสระ เราจะสร้างประเทศที่สามารถเป็นตัวแทนของมนุษย์ทุกคนในระบบสุริยะ…”


 


ชายชุดยาวไม่สงบเหมือนเดิม สีหน้าเขาเกรี้ยวกราด น้ำเสียงเขากลายเป็นเร่าร้อน


สเนคบอนที่อยู่ข้างๆฟื้นตัวเสร็จแล้ว ใบหน้าและสายตาเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น


สีหน้าแบบนี้…


เฟิงหลินตกใจ หัวใจพวกเขาเต็มไปด้วยวเป้าหมายอันแรงกล้า เพื่อบรรลุมัน พวกเขายอมตาย


น้ำเสียงชายชุดยาวเปลี่ยนไป และเขาก็เชิญชวนเฟิงหลิน


“เฟิงหลิน เราเข้าใจว่าคุณถูกเอารัดเอาเปรียบโดยตระกูลคุณ เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติดาวอังคารเรา!สโลแกนของเราคือ’ไฟแห่งดาวอังคารจะแผดเผาเท่าดวงอาทิตย์!’ “หลังโค่นบริษัทยา เราจะปลดปล่อยมนุษย์ในระบบสุริยะ ทุกคนจะได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกันและได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ไม่ต้องถูกกดขี่และเอารัดเอาเปรียบอีกต่อไป..”

 

 

 


ตอนที่ 87 กองทัพปฏิวัติดาวอังคาร

 

เฟิงหลินดูประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าชายชุดยาวจะเชิญเขาให้เข้าร่วมกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร


แต่เขาต้องขอโทษ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าร่วมองค์กรนี้


มีหลายเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจของเขา


สิ่งสำคัญสุดคือเขาไม่เคยได้ยินชื่อขุมอำนาจดังกล่าวในระบบสุริยะมาก่อน นอกจากนี้ มันเห็นได้ชัดว่านี่คือองค์กรใต้ดิน มันไม่อาจออกมาสู่แสงสว่างได้ ไม่งั้นรัฐบาลกลุ่มระบบสุริยะอาจออกหมายจับสมาชิกของกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร


เฟิงหลินไม่อยากเข้าร่วม หากเขาเข้า เขาก็คงกลายเป็นหนูที่ต้องซ่อนอยู่ใต้ดินตลอด?


แม้เขาจะเคารพทางเลือกพวกเขา แต่คนแต่ละคนก็มีเส้นทางไม่เหมือนกัน เฟิงหลินปฏิเสธอย่างสุภาพ


 


“ขอโทษด้วย ผมจะไม่พูดกับคนอื่นเรื่องนี้ แต่ผมไม่มีทางเข้าร่วม ความแค้นของคุณกับบริษัทยาไม่เกี่ยวอะไรกับผม!”


เขาเป็นแค่คนนอก ทำไมเขาต้องไปพัวพันกับความขัดแย้งบนดาวอังคารด้วย?ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา


คนฉลาดย่อมอยู่นิ่งๆ!


ไม่ว่ายังไง เฟิงหลินก็ไม่คิดยุ่งด้วย


ระบบสุริยะคือเขตดาวโกลาหล กฏและความสงบไม่มีอยู่จริง มันไม่ใช่เพราะเหตุผลภายใน แต่เพราะเหตุผลภายนอก มันเป็นผลของเกมระหว่างจักรวรรดิดวงดาวต่างๆ


เว้นแต่ระบบสุริยะจะผนวกเข้ากับหนึ่งในจักรวรรดิดวงดาวโดยสมบูรณ์ หรือมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งพอจะปกครองทุกคนได้ปรากฏ มันเป็นไปไม่ได้ที่ความมั่นคงจะหวนกลับคืน


มันเป็นไปไม่ได้สำหรับจักรวรรดิดวงดาวที่จะยอมให้ระบบสุริยะมีรัฐบาลที่สงบและเป็นเอกภาพ พวกเขาย่อมคิดส่งกองกำลังเข้ามาแทรกซึม


กองทัพปฏิวัติจะไปเทียบกับขุมอำนาจระหว่างดวงดาวที่ปกครองทั้งกาแล็กซี่ได้ยังไง!


แม้อุดมการณ์พวกเขาจะสูงส่ง แต่ก็ไร้ประโยชน์ อย่างแรก พวกเขาไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถครอบครองอวกาศได้ สอง พวกเขาไม่มีเทคโนโลยีล้ำยุค เพื่อจัดการกับบริษัทยา พวกเขายังต้องลงมือในเงามือ ดังนั้น การอยากจัดการกับจักรวรรดิดวงดาว?นี่เป็นแค่ความฝัน ไม่มีโอกาสชนะเลย


แม้ความคิดพวกเขาจะสวยงาม แต่มันจะเป็นจริงได้?


จักรวาลมีแต่ความป่าเถื่อน พลังคือสิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพาได้


เฟิงหลินมองโลกในแง่ร้ายมากเกี่ยวกับกองทัพปฏิวัตินี้ องค์กรใต้ดินเช่นนี้ถูกกำหนดให้ไร้อนาคต เขาไม่มีทางเข้าร่วม


 


“แกมันอำมหิตมาก!แกไม่มีมนุษยธรรมอย่างที่คาดไว้ในฐานะคนของบริษัทยา!แกมันก็เป็นพวกที่ชอบการทดลองมนุษย์!”เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินเป็นยังไงและดูถูกอุดมคติอันสูงส่งขององค์กร สเนคบอยก็โกรธและสาปแช่ง


สายตาเฟิงหลินเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขากวาดสายตาและกล่าว”ฉันไว้ชีวิตแกไปแล้ว อย่ามาท้าทายความอดทนฉัน แกควรระวังคำพูดแกให้ดี!”


น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยการเตือน สเนคบอยอยากโต้กลับตามสัญชาตญาณ แต่ก็ถูกหยุดโดยชายชุดยาว


“พอแล้ว !”เขาตะคอก หยุดสเนคบอยไม่ให้พูดจาเพิ่มเติมเพราะกลัวจะทำให้เฟิงหลินโกรธ


เขาชัดเจนมากถึงพลังของเฟิงหลิน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคลายความตึงเครียดระหว่างพวกเขาและเขาก็ไม่อยากสร้างปัญหา


หากพวกเขาทำให้ชายคนนี้โกรธจริงๆ เขาอาจสามารถใช้วิธีลับเพื่อหลบหนีได้ แต่สเนคบอยย่อมตายแน่ ในฐานะหัวหน้า ชายชุดยาวย่อมไม่อยากให้ลูกน้องตายอย่างโง่เขลา


สเนคบอยถูกหยุดโดยชายชุดยาว บางที เขาอาจนึกถึงหัวหน้าหรืออาจเพราะกลัวพลังของเฟิงหลิน ไม่ว่ายังไง เขาก็ทำได้แค่ระงับความโกรธไว้


แม้ความสามารถของสเนคบอยจะแปลกประหลาดและถือได้ว่าพิเศษเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะฝึกหัด เขาก็ไม่มีอะไรมากกว่ามดในสายตาเฟิงหลิน


หลังระเบิดอารมณ์สั้นๆ เฟิงหลินก็ไม่เหลือบมองเขาอีก


สเนคบอยกำหมัด รู้สึกเจ็บปวดจากการจ้องมองของเฟิงหลิน


 


“คิดจริงๆว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ?”เมื่อเจอกับการปฏิเสธของเฟิงหลิน ชายชุดยาวก็ไม่ยอมแพ้ เขากลับยิ้ม”คุณเชื่อคำพูดของบริษัทยาไจแอนท์?มนุษย์ที่ใช้ในการทดลองล้วนเป็นนักโทษต้องประหาร?ผมจะบอกความจริงให้ มนุษย์ส่วนใหญ่นั้นเป็นคนจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร พวกเขาไม่เคยทำอาชญากรรมอะไรที่ต้องโทษตาย แม้สมาชิกของกองทัพเราจะมีอยู่ทั่วดาวอังคาร เราก็ยังอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับรัฐบาลกลุ่มระบบสุริยะ รัฐบาลกลัวเราและประกาศว่าเราคือกบฏ เราจะได้รับโทษตายเมื่อถูกจับ และใช้สมาชิกที่จับได้จากเราในการทดลองมนุษย์..”


เมื่อพูดจนถึงตอนนี้ เขาก็กำหมัดและใบหน้าก็บิดเบี้ยว ความเกลียดชังสลักอยู่ทั่วหน้าเขา


เฟิงหลินฟังเงียบๆ เขาไม่คิดว่าจะได้ยินความจริงเช่นนี้!

ในกรณีนั้น การทดลองมนุษย์ของบริษัทยาไจแอนท์ก็ไม่ได้เป็นดั่งตาเห็น


ก่อนหน้านี้ เขาเองก็สับสน แผนกวิจัยได้ทำการทดลองมนุษย์เป็นประจำ และอัตราการใช้มนุษย์ทดลองก็สูงมาก มันจะมีอาชญากรต้องโทษประหารมากขนาดนั้นได้ยังไง?


ตอนนี้ ความสงสัยเขาได้รับคำตอบแล้ว มันปรากฏว่านี่คือคำตอบ แต่เฟิงหลินก็ยังไม่เชื่อสนิท


แม้เขาจะเต็มไปด้วยความสงสารต่อชะตากรรมคนเหล่านั้น ความสงสารก็คือความสงสาร เขาไม่เสียเหตุผลเพราะเรื่องนี้


หลังฟังคำพูดของชายชุดยาว เฟิงหลินก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่เข้าร่วมกองทัพปฏิวัตินี้


ชายชุดยาวอยากให้เขาเข้าร่วม และเหตุผลเบื้องหลังก็อาจเพราะอยากใช้เขาเป็นสาย


มันอันตรายมาก!


เมื่อเขาเข้าร่วมกองทัพปฏิวัติ เขาย่อมกลายเป็นหนามยอกฝั่งบริษัทยากับรัฐบาล เมื่อตัวตนเขาถูกพบ ชะตากรรมเขาย่อมน่าสังเวช


เฟิงหลินไม่ใช่นักบุญ เขาไม่มีทางเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น


หากเขาตกลง นั่นแปลว่าเขาบ้าไปแล้ว!


ไม่ว่าผลประโยชน์จะมากแค่ไหน มันจะไปเทียบกับชีวิตเขาได้ยังไง?


ระบบสุริยะกว้างใหญ่มากและมีขุมอำนาจทุกประเภท ตอนนี้พลังเขายังอ่อนแอ…


หดหัว นั่นคือทางเดียวสำหรับเขาตอนนี้!


หลังคุยกับเฟิงหลินอยู่ครึ่งวัน เฟิงหลินก็ยังไม่พูดสักคำและไม่เอนเอียงเลย ชายชุดยาวรู้สึกว่าหัวใจเขาจมลงในหุบเขา


เฟิงหลินคนนี้ใจแข็งมาก คำพูดธรรมดาไม่อาจกระตุ้นเขา จิตใจเขาแน่วแน่เหมือนเหล็ก


 


เขาลดเสียง”เฟิงหลิน คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังเผชิญกับหายนะ?”


เฟิงหลินไม่แสดงความคิดเห็น เขาไม่แสดงท่าทีต่อคำพูดเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยการคุกคาม


ใช้อันตรายของชีวิตเขามาขู่เขา?กลยุทธ์นี้ต่ำชั้นเกินไป


ชายชุดยาวกัดฟันและเติมเชื้อเพลิงเพิ่ม”จากสิ่งที่ผมรู้ คุณได้โน้มน้าวใจผู้สัมภาษณ์เพราะการแสดดงที่ไม่ธรรมดาของคุณก่อนจะได้รับเลือกให้เข้าแผนกวิจัย แต่คุณรู้ไหมว่านี่คือต้นกำเนิดของหายนะที่คุณกำลังจะเจอ?บริษัทยาไจแอนท์มักรับสมัครอัจฉริยะ และคุณก็ไม่ใช่คนแรก แต่คุณรู้ไหมว่าอัจฉริยะทั้งหมดตอนนี้อยู่ไหน?”

หัวใจเฟิงหลินเริ่มสั่น แต่สีหน้าเขายังไม่เปลี่ยน”พวกเขาไปไหน?”


ดวงตาเขาจับจ้องสีหน้าของชายชุดยาว เขาจะสามารถบอกได้ทันทีหากชายคนนี้โกหก


แต่ตรงข้ามกับความคาดหวังเขา ชายชุดยาวกลับส่ายหัว”เราเองก็ไม่รู้”


“ไม่รู้?”เฟิงหลินไม่เข้าใจ เขาไม่คิดว่าชายคนนี้จะให้คำตอบแบบนี้


ตามเหตุผล คนเหล่านี้ควรลองใช้ความตายที่กำลังจะเกิดมาบีบให้เขาเข้าร่วมกองทัพสิ?


ทำไมชายชุดยาวถึงให้คำตอบที่ขาดการโน้มน้าวใจเช่นนี้?


แต่ความแปลกนั่นกลับทำให้เฟิงหลินเชื่อในตัวเขามากขึ้น


เมื่อชายชุดดยาวกำลังพูดเรื่องนี้ ความสับสนก็สามารถเห็นได้ในตาเขา เขาดูเหมือนจะไม่ได้โกหก


 


“เราไม่รู้จริงๆ แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนหายไปอย่างกะทันหัน แม้กระทั่งกองทัพปฏิวัติดาวอังคารเราก็ยังไม่อาจพบร่องรอยได้!”ชายชุดยาวกล่าวต่อ”แต่มันย่อมต้องเกี่ยวกับแผนร้ายของบริษัทยาไจแอนท์แน่ คุณควรรู้ว่าคุณกำลังเจอกับอันตรายแค่ไหน การเข้าร่วมกองทัพปฏิวัติเราคือทางเดียวที่จะปกป้องตัวคุณได้ มีเพียงเราถึงสามารถปกป้องคุณได้ เข้าร่วมกันเราซะเฟิงหลิน!ด้วยความสามารถของคุณและการพัฒนาสูตรยาตอนคุณอยู่ในบริษัท เราย่อมดูแลคุณอย่างดีหากเข้าร่วมกับเรา!..”


 


ชายชุดยาวให้สัญญากับเฟิงหลินมากมาย น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความจริงใจและดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง


น่าเศร้า มันถูกกำหนดไว้แล้วว่าเขาต้องผิดหวัง


เมื่อเฟิงหลินตัดสินใจแล้ว หัวใจเขาไม่มีทางหวั่นไหวกับคำพูด คำตอบเดียวเขาคือเสียงหัวเราะ


“คุณพูดถูก แต่นั่นเกี่ยวอะไรกับผม?”

 

 

 


ตอนที่ 88 การเชิญที่ล้มเหลว

 

“ อะไรนะ?” ชายชุดยาวไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการอธิบายสิ่งต่างๆกับชายผู้นี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือคำตอบแบบนี้


สิ่งนี้ทำให้เขายอมรับได้ยาก


สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับคุณได้ยังไง? ไม่ได้ยินที่ฉันพูดก่อนหน้านี้หรือยังไง? คุณมีสมองแค่ไหนกัน มีอันตรายอยู่มากในบริษัทยา คุณอยากมีชะตากรรมร่วมกับพวกอัจฉริยะที่หายไปหรือยังไง … ?


การแสดงออกของชายชุดคลุมยาวเปลี่ยนไป เขาเองก็เดาไม่ได้ว่าเฟิงหลินกำลังคิดอะไรอยู่


เมื่อเห็นหัวหน้าที่เคารพของเขาถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายร่างงูก็รับไม่ได้อีกต่อไปและคำรามด้วยความโกรธ”ไอคนบาป อย่าโง่และไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับแก หัวหน้าของฉันต้องการช่วยแกด้วยความมีเมตตา แต่แก … “


“ระวัง!” สีหน้าชายชุดคลุมยาวเปลี่ยนไปในทันที


“บูมมมม!”


ในขณะที่ชายร่างงูตะโกน ต่อมาเขาก็ต้องเงียบ พลังหมัดไร้รูปร่างพุ่งออกมาจากอากาศกระแทกเขา


ชายร่างงูรู้สึกเหมือนถูกภูเขายักษ์กระแทกเข้าที่หน้าอก ร่างกายของเขาเหมือนกระสอบทรายที่ถูกเหวี่ยงไปในอากาศ จากนั้นก็กระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง เขานอนแน่นิ่งและครวญครางด้วยความเจ็บปวด


เมื่อมองจากระยะไกล แม้กระทั่งชายชุดยาวก็ยังไม่อาจมองตามทัน แค่กระพริบตาลูกน้องเขาก็ลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นแล้ว


ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา นี่มันจะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!


แต่เมื่อเขานึกถึงพลังของเฟิงหลินและเป้าหมายต่อไปของเขา เขาก็ทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น


การขาดความอดทนในเรื่องเล็กๆมีแต่จะทำให้แผนการแย่ลง!


ชายชุดยาวสูดหายใจลึก เขาสูดลมหายใจอีกครั้งและปล่อยออกมา สะกดกลั้นอารมณ์ลง มันราวกับเขาไม่เห็นฉากตรงหน้าเขา


เฟิงหลินค่อยๆดึงกำปั้นเขากลับ เขายืนอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่ขยับและไม่มีสีหน้าใดๆ ดูราวกับว่าเป้าหมายที่เขาจัดการเป็นเพียงแมลงวันน่ารำคาญ


น้ำเสียงของเฟิงหลินเปลี่ยนไป เขาเตือน “อย่ายั่วยุฉันอีก แกควรรู้ว่าความอดทนของฉันมีจำกัด หากมีครั้งต่อไปอย่าหาว่าฉันไร้เมตตา.”


หลังจากนั้นเขาพูดกับชายชุดยาว “ฉันไม่ขอมีส่วนร่วมในเรื่องของกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร หรือเข้าร่วมการต่อต้านบริษัทยาไจแอนท์และรัฐบาล ฉันไม่เชื่อว่าแนวคิดการต่อต้านของคุณเป็นเพียงวิธีเดียว ฉันไม่เชื่อใครเลย ฉันจะควบคุมชะตากรรมของฉันเอง”


เสียงของเฟิงหลินนั้นเด็ดเดี่ยวมาก ไม่มีทางที่จะเจรจาได้


เขารู้ดีว่าตราบที่ยังมีมนุษย์อยู่ มันย่อมมีความขัดแย้งอยู่เสมอ


ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงหลินเองก็เป็นเพียงคนภายนอก เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะให้ความสำคัญกับเขามากจนต้องทำให้เขากลายเป็นสมาชิกหลัก


สถานการณ์ของเขาในบริษัทยาไจแอนท์ก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว


แม้ว่าเขาจะได้เข้าร่วมแผนกวิจัยและพัฒนา แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่เขาไม่รู้


ทำไมเขาต้องเข้าร่วมกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร?


ไม่ว่าคำเชื้อเชิญจะน่าสนใจแค่ไหน มันก็ทำอะไรเขาไม่ได้? เฟิงหลินไม่ต้องการเข้าร่วมกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร!


เมื่อได้ยินคำเตือนของเฟิงหลิน ชายชุดคลุมยาวก็ยังคงเต็มไปด้วยความสับสน “หรือคุณเต็มใจจะอยู่ที่นั่นจริงๆ?คุณจะตายโดยไม่รู้เหตุผลเข้าสักวันหนึ่ง การเข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติเราคือทางออกที่ปลอดภัยสุดของคุณ!”


แต่น่าเศร้าที่เฟิงหลินไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง มันก็แค่คำพูดจากปากคุณ ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมากังวลอะไรแทนฉัน”


“ ทำไม? ถ้าคุณเข้าร่วมกับเรา คุณก็จะสามารถได้รับความช่วยเหลือจากทุกคน มันย่อมดีกว่าการต่อสู้เพียงลำพังมาก!” ชายชุดยาวไม่ต้องการที่จะยอมแพ้และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อโน้มน้าวเฟิงหลิน


เฟิงหลินยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขาไม่ให้พูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว คำตอบนั้นง่ายมาก ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ต่อให้พูดยังไงก็เปล่าประโยชน์!”


“เดี๋ยวก่อน … ” ชายชุดยาวยังดื้อรั้น


แต่ด้วยความเร็วของเฟิงหลิน เขาจึงยืดระยะห่างระหว่างพวกเขาในทันที ราวกับว่าเขาไม่เต็มใจที่จะอยู่ต่อ


ชายชุดยาวไม่อาจตอบสนองได้ทัน และทำได้เพียงมองเฟิงหลินหายลับไป


เขาล้มเหลว!


เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แต่ในเวลานี้เขาไม่ได้พยายามบังคับให้เฟิงหลินหยุดอีกต่อไป


เขาพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดไปหมดแล้ว


อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีความหวังในการพยายามครั้งสุดท้าย เขาตะโกนออกมา”ถ้าคุณเสียใจในสิ่งที่คุณเลือกวันนี้ คุณสามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลา ผมเป็นหัวหน้าของหน่วยเลือดเหล็กจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร ชื่อผมคือลุค! “


หลังจากที่เขาพูด เขาก็ส่งข้อมูลการติดต่อของเขาผ่านไมโครชิป


เฟิงหลินไม่หยุด และไม่ตอบกลับ ไม่รู้ว่าเขาได้รับข้อมูลหรือไม่ เขาหายตัวไปอย่างรวดเร็วจากวิสัยทัศน์ของชายชุดยาว หายลับไปในความมืด


ลุคถอนหายใจ


การเชื้อเชิญครั้งนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง


มันยากเกินไปที่จะใช้คำพูดเพื่อโน้มน้าวใจมนุษย์ที่มีจิตใจมุ่งมั่น!


อย่างไรก็ตาม สเนคบอยไม่คิดอย่างนั้น เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้เดินออกไป ความกดดันในใจของเขาก็ลดลงและเขาก็รู้สึกยินดีในความโชคร้ายของเฟิงหลิน “หัวหน้า เด็กนั่นไม่รู้เลยว่าอะไรดีไม่ดี กองทัพปฏิวัติดาวอังคารของเราให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก แต่เขาไม่รู้วิธีรักษามันไว้ ยังไงซะ เขาก็เป็นเพียงมนุษย์จากโลกที่เข้าร่วมบริษัทยาไจแอนท์ ในอนาคตเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องตายยังไง “


เขาตะคอกอย่างเย็นชา ดวงตาที่จ้องมองหลังของเฟิงหลินนั้นเย็นชามาก เหมือนว่าเขากำลังมองคนตาย


ก่อนหน้านี้เขาต้องทนทุกข์ทรมานในเงื้อมมือเฟิงหลิน หัวใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความริษยา


“ พอแล้ว” ลุคพูดเสียงดัง


“หัวหน้า!” สเนคบอยเบิกตากว้าง เขาไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรผิดไป


“สเนคบอย เธอเป็นผู้บ่มเพาะฝึกหัดอัจฉริยะของกองทัพปฏิวัติของเรา และห่างจากผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวแค่ก้าวเดียว ดังนั้นเธอจึงหยิ่งและปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อผู้อื่นเสมอ แต่เธอควรรู้ว่ามีคนเก่งกว่าเธออยู่เสมอ ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เหนือผู้เชี่ยวชาญ เหนือฟ้ายังมีฟ้า โลกระหว่างดวงดาวนั้นกว้างใหญ่ไพศาล มีอัจฉริยะอยู่ทุกที่ดังนั้นจะมีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เกินกว่าจินตนาการของเธอเสมอ วันนี้เพราะความสะเพร่าของเธอ มันเกือบทำให้ เราสองคนต้องตาย! “ชายชุดยาวตำหนิ เสียงของเขาน่ากลัวมาก


สเนคบอยสะดุ้งตกใจ เขาค้นพบว่าหัวหน้าผู้ซึ่งแข็งแกร่ง ตอนนี้กลับมีอาการเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ


“วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าชายคนนั้นต้องการได้รับศิลปะการต่อสู้โบราณ – รอยประทับฝ่ามือคุนหลุน และไม่มีเจตนาสังหารจริงๆ ฉันอาจจะหนีไปก็ได้ แต่เธอจะถูกฝังอย่างแน่นอน ในอนาคตเธอจะต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจ และพยายามไม่สร้างปัญหาอีก เธอต้องรู้ว่าเฟิงหลินอายุแค่17 ปีเขาอายุน้อยกว่าเธอซะอีก แต่ก็กลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวแล้ว “ชายชุดยาวเตือนสเนคบอย ” เธอต้องรู้ว่ามีเพียงผู้ชนะถึงมีสิทธิ์ประเมินคนอื่น ไม่ว่าคำพูดของผู้แพ้จะแหลมคมสักแค่ไหน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเห่าของสุนัข”


ในฐานะผู้บ่มเพาะอัจฉริยะของกองทัพปฏิวัติ เขาไม่เคยถูกหัวหน้าตำหนิขนาดนี้มาก่อน


สเนคบอยโกรธจนหน้าแดง และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความลังเลขณะรำพึง “ผมอยู่ห่างจากผู้บ่มเพาะดวงดาวแค่ก้าวเดียว ผมอาจไม่แพ้เจ้าเด็กนั่น”


เขาไม่กล้าต่อต้านหัวหน้าที่เขานับถือ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนความโกรธและไม่พอใจโยนใส่เฟิงหลิน เขาพูดด้วยความไม่เต็มใจ “แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องเชื้อเชิญเขาเลย เขาก็แค่ผู้บ่มเพาะดวงดาว มีผู้บ่มเพาะมากมายในกองทัพเรา จะมีเขาหรือไม่ก็ไม่แตกต่าง นอกจากนี้ เขายังเป็นคนจากโลก ไม่คู่ควรให้เราไว้ใจ”


“เธอคิดผิดแล้ว” ชายชุดยาวส่ายหัว”แม้ว่าเราจะมีผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวหลายคน จำนวนผู้ที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในแผนกวิจัยได้ก็น้อยเกินไป แผนกวิจัยเป็นแผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์ เราอยากแทรกซึมคนของเราเข้าไป แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ หากเราสามารถทำให้เฟิงหลินเข้าร่วมกับเราได้ มันก็หมายความว่าเราประสบความสำเร็จในการแทรกซึมเข้าแกนหลักของบริษัทยาไจแอนท์ ซึ่งมันจะช่วยองค์กรได้มาก! นอกจากนี้ตัวตนของเขาในฐานะคนจากโลกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา บริษัทยาไจแอนท์ไม่มีทางคิดว่าคนจากโลกจะมาจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารของเรา น่าเศร้าที่เขาไม่เห็นด้วย!”


เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ส่ายหัว


เขาไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าไม่พอใจของสเนคบอย ชายชุดยาวเหลือบมองทิศทางที่เฟิงหลินเดินจากไป สายตาของเขาเงียบสงบและลึกลับมาก ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


แม้ว่าการเชิญจะล้มเหลว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้รับประโยชน์ใดเลย


เขายังมีความสุดท้ายอยู่ในหัวใจ


การไม่เข้าร่วมกองทัพปฏิวัติดาวอังคารเป็นเรื่องหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังสามารถร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เดียวกันได้!

 

 

 


ตอนที่ 89 พลังชีวิตที่พุ่งพรวด

 

หลังจากการบ่มเพาะและการเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิดกับกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วและท้องฟ้าก็มืดลง


เฟิงหลินใช้ความเร็วเต็มกำลังทำให้เกิดภาพติดตาไล่ตามหลัง


เสื้อผ้าของเขาสั่นไหวไปตามลมด้วยความเร็วสูงคน การเคลื่อนไหวของเขาเหมือนมีดคมฟาดกับผ่าลมทำให้เกิดเสียงหวีด


เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น อุณหภูมิของดาวอังคารก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิสูงเกิน 50 องศา ร้อนจนไม่สามารถทนได้ ลมแรงทำให้เกิดทรายและฝุ่นฟุ้งกระจายอย่างบ้าคลั่ง


หลังลงมาจากภูเขา เฟิงหลินก็ไม่ได้หยุด เขาใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการเข้าถึงป่ากังหันลมของของเมืองชิไท จากนั้นเขาก็เข้าไปในลิฟต์และลงไปใต้เมือง


ต่อจากนี้เป็นเวลาว่างของเขา เฟิงหลินรีบเอาไมโครชิปออกมาและเคาะมันอย่างรวดเร็ว


ไมโครชิปสามารถบันทึกข้อมูลและประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับในทุกวันโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องช่วยจำ เพื่อให้ไม่ลืมสิ่งสำคัญและสามารถอ่านสิ่งที่บันทึกไว้ได้ตลอดเวลา


อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกองทัพปฏิวัติดาวอังคารไม่สมควรที่จะถูกบันทึกไว้


สิ่งต่างๆในไมโครชิปไม่ได้เป็นความลับ แฮกเกอร์ระหว่างดวงดาวสามารถใช้ไวรัสเพื่อทำลายไฟร์วอลล์(ความปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์)และเข้าถึงข้อมูลภายในได้


มีความลับที่แปลกๆมากเกินไปในบริษัทยาไจแอนท์ที่ทำให้เฟิงหลินรู้สึกได้ว่าเขาต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด


ถ้ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารไม่ได้โกหก สถานการณ์ของเขาย่อมไม่ดีอย่างแน่นอน


ด้วยอำนาจของบริษัทยาไจแอนท์ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจ้างแฮ็กเกอร์ระหว่างดวงดาว


หากผู้คนในบริษัทไจแอนท์รู้ถึงการเผชิญหน้าของเขากับกองทัพปฏิวัติ เขาไม่แน่ใจว่าจะมีเกิดปัญหาหรือเปล่า


ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย เฟิงหลินจึงตัดสินใจลบข้อมูลที่บันทึกโดยอัตโนมัติ เผื่อมันตกไปอยู่ในมือคนอื่นและทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย


แต่เมื่อเขาเห็นข้อมูลการติดต่อที่ส่งมาจากชายชุดยาว เขาก็ครุ่นคิดเล็กน้อยและตัดสินใจที่จะเก็บไว้ตามที่มันถูกเข้ารหัสเอาไว้แล้ว


หากเขาเจอกับอันตรายจริงๆ การมีทางเลือกมากกว่าหนึ่งทางจะเท่ากับการมีเส้นทางเอาชีวิตรอดเพิ่มมาอีกทางหนึ่ง


หลังจากเดินออกจากลิฟต์ เขาก็เหลียวมองไปทางใต้ของเมืองที่มีชีวิตชีวา และเฟิงหลินก็ขึ้นรถไฟที่จะพาเขาไปบริษัทยาไจแอนท์


สีหน้าเขาสงบลง เขาตัดสินใจที่จะลืมเรื่องการเผชิญหน้าของเขาเมื่อคืน และไม่คิดถึงมันอีก


สำหรับข้อมูลที่ลุคบอกเขา ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อเลย แต่เพียงว่าเขาไม่เชื่อทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม มีความจริงบางอย่างอยู่ภายใน


ต่อไปสิ่งที่เขาต้องทำคือพยายามตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้เรียนรู้


หากบริษัทยาไจแอนท์มีเจตนาชั่วร้ายจริงๆ ก็ไม่เป็นไรตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขา


เฟิงหลินรู้จักตัวเองดีพอ เขาเพิ่งก้าวไปบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะไม่นานมานี้ เขากลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว เขายังคงห่างไกลจากการมีพลังมากพอที่จะควบคุมชะตากรรมของเขาเอง


ความระมัดระวังและความอดกลั้นเป็นเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว!


แต่ถ้าคนอื่นทำให้เขาขุ่นเคืองจริงๆ เฟิงหลินก็คงจะไม่ยอมง่ายๆ


แม้ว่าเขาจะไม่แข็งแกร่งพอ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนั่งรอความตาย


ทุกย่างก้าวบนเส้นทางแห่งการฝึกฝนนั้นยากมาก หากไม่มีความกล้าพอและมีหัวใจที่แน่วแน่ เขาจะไม่สามารถเดินไปได้ไกลบนเส้นทางนี้



เฟิงหลินสวมเครื่องแบบของบริษัทยาไจแอนท์ และเป็นที่จับตามองอย่างมากของชาวดาวอังคาร คนรอบข้างจะมองเขาแปลกๆ ทั้งมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความโลภ ความริษยา ความอาฆาตพยาบาท – มีหลากหลายอารมณ์


 


“ดูเร็ว คนนั้นเป็นพนักงานของบริษัทยาไจแอนท์ เขาคงจะร่ำรวยมากใช่ไหม ฉันอิจฉาเขาจัง!”


“คนในบริษัทยาไจแอทน์เป็นแวมไพร์ดูดเลือด ไม่มีอะไรให้น่าอิจฉา!”


“บริษัทนั้นเป็นเนื้อร้ายของเมืองชิไทของเรา!”


 



 


เสียงบทสนทนามีอยู่ทุกหนทุกแห่งและบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง หัวใจของเฟิงหลินดำดิ่งลง บริษัทยาไจแอนท์เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิไท แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง มันคุ้มค่าที่จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียด


เมื่อเผชิญหน้ากับความคิดเห็นรอบตัว เขาก็ทำตัวเหมือนคนพวกนั้นไม่ได้พูดถึงเขา และเขาก็ไม่เห็นหรือได้ยินอะไรเลย จนกระทั่งมาถึงหน้าบริษัทยาไจแอนท์


วันนี้เป็นวันพักผ่อนของเขา เขามีเวลาว่างที่จะบ่มเพาะ เสริมสร้างรากฐานของเขาต่อ


พื้นที่ที่บริษัทยาไจแอนท์ครอบครองนั้นยอดเยี่ยมมาก มีแผนกสิบแผนก และมีอาชีพทุกประเภท


ในฐานะเด็กใหม่เฟิงหลินเลือกที่จะไม่เดินให้ทั่ว เขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น


หลังจากกลับไปที่ห้องพักของเขา เขาก็เริ่มฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง


โครก~


ความหิวโหยทำให้ท้องของเขาร้องเสียงดัง หลังจากการฝึกฝน มันก็ผลาญทั้งพลังงานกายและใจ มันรู้สึกราวกับเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ยาวนานและพลังเขาก็หมดลง


เฟิงหลินหิวมากมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้


เขาหยิบสารอาหารเหลวประเภทAที่ผลิตโดยบริษัทยาไจแอนท์ออกมาและดื่มมัน


น่าเศร้าที่มันมีรสชาติอ่อน นอกจากกลิ่นอาหารเล็กๆน้อยๆ เขาไม่รู้สึกอะไรเลย มันจืดชืดเหมือนน้ำ


สารอาหารคุณภาพสูงชนิดนี้อาจเหมาะกับมนุษย์ธรรมดา แต่สำหรับเฟิงหลินซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว มันแทบไม่ส่งผลอะไรกับเขาเลย


ตอนนี้ เขาทำได้เพียงดื่มยาแห่งชีวิต!


เฟิงหลินหยิบยาแห่งชีวิตออกมาแล้วดื่มมัน เขารู้สึกถึงของเหลวเย็นๆไหลผ่านร่างกาย ช่วยดับความร้อนในกายเขา


ในที่สุดก็มีผลกระทบบางอย่าง แม้ว่าจะอ่อนมากก็ตาม


ตอนนี้สิ่งทุกอย่างแตกต่างอย่างแท้จริง!


เฟิงหลินรู้สึกหมดหนทาง แต่ก็มีความสุขเช่นกัน


เขายังคงจำได้ในครั้งแรกที่เขาดื่มยาแห่งชีวิตนี้ ร่างกายของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลง และเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดมหาศาล กระบวนการก็รู้สึกเหมือนอยู่ระหว่างชีวิตและความตาย แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย


สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าแก่นแท้ของชีวิตของเขาได้มาถึงระดับที่สูงมากแล้ว และค่อยๆปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือเหตุผลว่าทำไมผลกระทบของยาแห่งชีวิตจึงส่งผลกระทบน้อยขนาดนี้


สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางก็คือเขาต้องหายาที่มีคุณภาพสูงกว่านี้!


เฟิงหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาปวดหัวอีกครั้ง


ยาแห่งชีวิตเป็นหนึ่งในยาทางพันธุกรรมที่มีระดับต่ำสุด และเป็นยาที่ถูกที่สุด ยาพันธุกรรมชนิดอื่นๆล้วนแต่มีค่าใช้จ่าย


ผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวเป็นอาชีพที่ใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะ เขาต้องใช้เงินเหมือนน้ำ


ถ้าใครอยากเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะให้ราบรื่น พวกเขาไม่ควรขาดคุณสมบัติเรื่องเงิน


เขาต้องเริ่มคิดแผนหาเงิน


แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องนี้ เฟินหลินพบว่ามันยากที่จะทนความหิว และเขาก็ดื่มยาแห่งชีวิตอย่างต่อเนื่อง


ตัวอักษรจีนสำหรับน้ำยาแห่งชีวิตมีคำว่า’น้ำ’ ตอนนี้เขาดื่มพวกมัน พวกมันก็รสชาติเหมือนน้ำจริงๆ


ในหนึ่งลมหายใจ เฟิงหลินก็ดื่มยาที่ได้รับการปรุงด้วยเครื่องจักรไปสิบขวด หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความหิวที่หายไปเล็กน้อย โดยไม่มีทางเลือกอื่น เขาดื่มยาระดับสูงกว่าไปอีกห้าขวด แต่ก็แทบไม่พอต่อความหิวโหยของเขา!


เขาหลับตา และนั่งลงเริ่มบ่มเพาะทันที


วิธีการเปลี่ยนพลังงานเป็นชี่ไหลเวียนโดยอัตโนมัติ


เฟิงหลินรู้สึกว่ากระเพาะของเขากำลังไหม้ ราวกับว่ามันกลายไปเป็นเตาเผาขนาดใหญ่ที่เผาผลาญสารอาหารเหล่านั้น ชำระสิ่งสกปรกให้เขา กระแสความอบอุ่นที่หมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขาเติมพลังงานจากสารอาหารบริสุทธิ์ เปลี่ยนเป็นศักยภาพทางพันธุกรรมเก็บไว้


 


ศักยภาพทางพันธุกรรม + 20%, + 20%, + 20% …


ด้วยสารอาหารที่เพียงพอจะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนวิธีการบ่มเพาะนี้ มันหมุนด้วยความเร็วที่น่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ ช่วยให้ศักยภาพทางพันธุกรรมในร่างกายของเขาพุ่งขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในไม่ช้าศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาก็ขึ้นสูงถึง 521%


ในขณะเดียวกันพลังของเฟิงหลินก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


หลังจากทะลุการเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวได้ ดูเหมือนว่าวิวัฒนาการชีวิตของเขาจะไม่ได้หยุดเลยภายใต้การเติมสารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ


สถานะพลัง 13.9, 14.1, 14.3 …


ทุกครั้งที่เพิ่มมันจะเพิ่มขึ้น 0.2 อย่างน้อย สถานะพลังของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


อย่างรวดเร็วสถานะพลังของเฟิงหลินทะลุ 15.0 และในที่สุดก็มาถึง 16.8

 

 

 


ตอนที่ 90 รอยประทับฝ่ามือคุนหลุน

 

เฟิงหลินเหยียดตรง ดวงตาของเขาทอประกายทรงพลัง ออร่าเปล่งประกายจากส่วนลึกภายในตัว มีวิญญาณของมังกรและความดุร้ายของเสือ


พลังที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งคือวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตให้เพิ่มสูงขึ้น


มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสิ่งมีชีวิตเกรดต่ำที่จะรู้สึกได้รับแรงกดดันจากสิ่งมีชีวิตระดับสูง นี่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นพลัง เหมือนหนูกับแมว ระดับพลังที่ต่ำจะแพ้โดยไม่ต้องต่อสู้


พลังของเฟิงหลินทะลุ16และร่างของเขาก็ใหญ่โตอย่างไม่น่าเชื่อ


เขารู้สึกเหมือนการสั่นสะเทือนของภูเขาไฟ ร่างกายของเขาซ่อนพลังจำนวนมหาศาลไว้ มันเงียบสงบภายใต้การควบคุมของเขา แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็สามารถระเบิดได้ในทันที พลังนั้นเหมือนลาวาเดือดพุ่งพรวดที่สามารถทำลายทุกสิ่งในเสี้ยววินาที


เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงความรู้สึกหิวโหยที่รุนแรงนั้น ลึกๆแล้วเฟิงหลินรู้สึกดีใจ


โชคดีที่เขาไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยีนของเขาและอดทนรอ เขาชดเชยพลังชีวิตส่วนเกินเขาและเติมเต็มด้วยสารอาหาร


ผู้บ่มเพาะดวงดาวต้องการสารอาหารเพื่อรักษาตัวเอง หากมีการเพิ่มระดับพลังของพวกเขาในระดับที่กว้างขึ้นอย่างมาก มันจะขัดกับกฏการอนุรักษ์พลังงาน และทำให้ร่างกายของพวกเขาเข้าสู่ภาวะขาดสารอาหาร


การบ่มเพาะแต่ละครั้ง เฟิงหลินยิ่งเข้าใจลึกซึ้งขึ้น


การบ่มเพาะนั้นคล้ายกับการสร้างบ้าน คุณไม่สามารถประมาทได้เลย หนึ่งควรวางอิฐแต่ละก้อนอย่างช้าๆและต่อเนื่อง จนกระทั่งในที่สุดสามารถสร้างเป็นตึกระฟ้าได้


มันไม่ง่ายเหมือนการพายเรือต้นน้ำที่ถ้าคุณล้มคุณก็แค่หยุดเคลื่อนไปข้างหน้า แต่นี่ถ้ามันไม่คืบหน้ามันจะนำไปสู่การพังทลายทันที ตกจากท้องฟ้าและกลายเป็นฝุ่น


มีความเสี่ยงอย่างมากที่มาพร้อมกับการฝึกฝน!


การสะสมประสบการณ์อันมีค่าเหล่านี้กลายเป็นสมบัติที่เฟื่องฟูที่สุดของเฟิงหลินในกระบวนการฝึกฝนของเขา


หลังจากเติมสารอาหารด้วยตัวเอง พลังงานทั้งหมดก็ถูกเปลี่ยนเป็นศักยภาพยีน หลังจากนี้เฟิงหลินจะขังตัวในห้องเพื่อเอาชนะการเปลี่ยนแปลง


เมื่อมองไปที่คลื่นใต้น้ำของดาวอังคารและความขัดแย้งของบริษัทยาไจแอนท์ ความรู้สึกของเขาบอกเขาว่าเขาควรจะเสริมกำลังให้กับร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว


เฟิงหลินเงียบลงและเริ่มค้นคว้าศิลปะการต่อสู้ที่เขาเพิ่งได้รับ: รอยประทับฝ่ามือคุนหลุน


นี่คือศิลปะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ขุดออกมาจากเทพนิยาย มันสิบสองฝ่ามือรวมถึงเทคนิคดาบ และอาวุธอื่นๆ ที่ใช้กันทั่วไปและซับซ้อนก็เช่น รอยประทับดาบสังหารเทพ ค้อนพลิกฟ้า แส้กระหน่ำเทพ…


 


ศิลปะต่อสู้โบราณฮั่วเซียพัฒนามาจากการต่อสู้ระยะประชิดในสนามรบ ยกตัวอย่างเช่น 8หมัดพิฆาตมาจากเทคนิคหอก, หมัดไทชิมาจากเทคนิคค้อน, และฝ่ามือ8เหลี่ยมก็มาจากเทคนิคการใช้มีด …


 


รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนนี้มีลักษณะอาวุธต่างๆ มันดูเรียบง่ายและไม่โดดเด่น แต่เต็มไปด้วยแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้


เทคนิคทุกอย่างเป็นแบบพื้นฐาน และสามารถรวมกันได้อย่างอิสระ มีการผสมผสานแก่นของศิลปะการต่อสู้ต่างๆ ไว้ในที่เดียว เทคนิคที่สามารถใช้ได้นั้นไม่มีขอบเขต


เฟิงหลินคิดกับตัวเอง ไม่น่าแปลกใจที่ชายชุดยาวสามารถต่อต้านการโจมตีที่หลากหลายของเขาได้แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับความสามารถเท่าเขา


ใครจะคาดคิดว่าชายผู้นั้นจะมีความรู้ลึกล้ำเช่นนี้ น่าเสียดายที่นี่ไม่ใช่วิชายุทธ์ยีนและไม่สามารถควบคุมพลังทางพันธุกรรมได้


ทว่าบางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ศิลปะการต่อสู้นี้เป็นแบบนี้


ศิลปะการต่อสู้ทางพันธุกรรมมีความแข็งแกร่งเพราะพลังแห่งยีน แต่มันก็ยังถูกกำจัดด้วยเอกลักษณ์มันซึ่งกำจัดความยืดหยุ่น


ยกตัวอย่างเช่น หมัดวัชระสยบอสูร ใช้ยีนวัชระเป็นพื้นฐานของพลัง มันอาจยืดหยุ่นได้เช่นเดียวกับไทชิโดยใช้ความนุ่มนวลเพื่อพิชิตความแข็งแกร่งและเปลี่ยนพลังงานโจมตีเป็นของตนเอง


ศิลปะการต่อสู้โบราณไม่มีข้อจำกัดเช่นนี้เนื่องจากตรรกะของศิลปะการต่อสู้มันไม่ได้ถูกจำกัดโดยพันธุศาสตร์และสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากมาย


รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนทำให้เฟิงหลินจินตนาการได้มาก – ดาบสังหารเทพ, กระจกหยินหยาง, ค้อนพลิกฟ้า, แส้กระหน่ำเทพ – เหล่านี้ถือเป็นอาวุธตำนานในเทพนิยายฮัวเซีย และมีอำนาจทำลายสวรรค์และโลกได้


รอยประทับเหล่านี้ได้รับการยกย่องในแบบเดียวกับชื่อ ด้วยความสง่างามของอาวุธเพียงหนึ่งในพันหรือแม้แต่หนึ่งในหมื่น อำนาจของมันคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม


มันไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ทางพันธุกรรม แต่มันก็ยอดเยี่ยมกว่ามาก


เฟิงหลินคาดหวังต่อมันมากขึ้นและเริ่มทดสอบ


ดาบสังหารเทพ!


มือของเฟิงหลินกลายเป็นปลายดาบแทงไปข้างหน้าเหมือนดาบในตำนาน


มันเหมือนจะเป็นการแทงตามปกติ แต่กลับมีเล่ห์เหลี่ยม กล้ามเนื้อบนนิ้วมือของเขาสั่นสะเทือนทำให้อากาศรอบตัวเกิดพลังงานที่มองไม่เห็นตัดผ่านอากาศ เสียงแหลมสูงดังขึ้นแหวกอากาศ ปล่อยรังสีที่เหมือนจะสามารถสังหารเทพและทำลายเทพเจ้าได้จริงๆ


อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้น


นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงหลินพยายามใช้เทคนิคนี้ และเขาก็ไม่เข้าใจมันดี ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นศักยภาพได้อย่างเต็มที่


รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนเป็นศิลปะการต่อสู้โบราณที่เฟิงหลินไม่เคยพบมาก่อน มันมีเทคนิคที่ซับซ้อนมาก แต่ละขั้นตอนต้องใช้ความพิถีพิถัน ลักษณะการกระจายพลังงานที่เข้มงวด


ผู้บ่มเพาะดวงดาวที่สามารถควบคุมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์จึงจะสามารถสั่งการได้อย่างง่ายดาย


เฟิงหลินรีบหยิบยกขึ้นมาพิจารณา กระบวนการเหล่านั้นยากสำหรับคนปกติ – ในระดับที่ดูเหมือนจะขัดกับตรรกะของร่างกายมนุษย์ – เฟิงหลินเชี่ยวชาญเรื่องนี้ในทันที อย่างไรก็ตาม เขายังต้องใช้เวลามากกว่านี้เพื่อดึงเอาศักยภาพมันออกมา


หลังเขาฝึกรอยประทับดาบสังหารเทพ เฟิงหลินก็เริ่มฝึกเทคนิคต่อไปโดยไม่หยุด


รอยประทับค้อนพลิกฟ้า!


เฟิงหลินขยับมือทั้งสองเป็นหมัด กล้ามเนื้อในร่างกายของเขาขยายและหดตัวเหมือนคลื่น ร่างกายของเขารวบรวมพลังงานเอาไว้และใส่ทุกอย่างในหมัดเดียว


ฮ่าห์!


การโจมตีของเฟิงหลินเป็นเหมือนค้อนยักษ์ทุบลงมา ราวกับว่ามันพลิกท้องฟ้าและกดทับโลกมนุษย์ไว้!


อากาศรอบตัวเขาดูเหมือนจะถูกบดขยี้ด้วยพลัง ลมแรงแหวกออกมาจากหมัดของเฟิงหลิน เกิดเป็นเสียงดังกึกก้อง


 


“ช่างเป็นเทคนิคที่ร้ายกาจมาก!”เฟิงหลินถึงกับตกตะลึง


 


รอยประทับค้อนพลิกฟ้าอัดแน่นพลังทั้งหมดไว้ในการโจมตีเดียว มันทรงพลังอย่างยิ่ง


หากลุคสามารถใช้เทคนิคนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มันคงกดดันเฟิงหลินได้


ภายใต้การฝึกของเฟิงหลิน ศักยภาพของรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนเริ่มปรากฏขึ้น เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเร็ว


เหมือนเด็กที่เพิ่งได้รับของเล่นชิ้นโปรด เฟิงหลินไม่สามารถหยุดฝึกได้


 


รอยประทับแส้กระหน่ำเทพ


เฟิงหลินสะบัดแขนอย่างดุดัน เหมือนแส้ซึ่งเพิ่งฟาดใส่เทพ มันมีพลังมากพอจะฟาดเทพให้ตกลงมาบนพื้นโลก


 


รอยประทับกระจกหยินหยาง


หยางอยู่ในมือข้างหนึ่งและหยินบนมืออีกข้างหนึ่ง รวมกันเหมือนกระจกสองด้าน ข้างหนึ่งแข็งกร้าวในขณะที่อีกด้านหนึ่งอ่อนโยนมีชีวิตชีวา ไม่มีทางป้องกันมันได้


 


รอยประทับเชือกมัดเทพ


แขนของเขาไหลลื่น มันทำงานเหมือนเถาองุ่น มันสามารถจับมังกรได้โดยการพันรอบศัตรูด้วยพลังมหาศาล



เฟิงหลินฝึกฝนทุกเทคนิคในรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน ทุกอย่างมีลักษณะเฉพาะของมันเอง มีเทคนิคกำปั้น เทคนิคค้อน และเทคนิคการจับ …บางเทคนิคอ่อนโยน บางเทคนิคแข็งกระด้าง ทำให้มีรูปแบบที่หลากหลาย


จากการทดลองอย่างไม่หยุดยั้ง เฟิงหลินยิ่งเข้าใจมันยิ่งขึ้น เขาเข้าใจทฤษฎีเบื้องหลังเทคนิคการต่อสู้แต่ละอันที่แตกต่างกัน รวมถึงเทคนิคในการใช้พลังของเขา


ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคพื้นฐานที่ทำให้เขาสามารถนำไปใช้กับทักษะการต่อสู้ที่มีลักษณะคล้ายกันได้


รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนนี้เปรียบเสมือนเตาที่ให้การต้อนรับทุกสิ่งทุกอย่างผสมผสานเข้ากันอย่างสมบูรณ์


เฟิงหลินดีใจมากถ้าเขาสามารถใช้เทคนิคการต่อสู้โบราณเหล่านี้ได้ ทักษะต่อสู้เขาย่อมแกร่งขึ้นแบบก้าวกระโดด


ในความเป็นจริง โดยไม่คำนึงถึงศิลปะการต่อสู้โบราณหรือทางพันธุกรรม ความแตกต่างที่สำคัญของมันคือการใช้พลังพันธุกรรม แต่ทว่า  เทคนิคพื้นฐานสุดก็มีการใช้พลังเหมือนๆกัน


เฟิงหลินเห็นแจ้ง บางทีรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนนี้อาจรวมกับศิลปะการต่อสู้ทางพันธุกรรมได้


นั่รเป็นไปได้มาก!


อยู่ๆเขาก็คิดได้ รอยประทับของลุคเคยเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้โดยใช้พลังลมและไฟ


ทุกรูปแบบในรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนมีความแตกต่างกันมาก แต่มันอาจรวมเข้ากับวิชายุทธ์ยีนที่มีความคล้ายคลึงกับมันได้


ความคิดที่ว่าสามารถใช้วิชายุทธ์ยีนประเภทต่างๆได้อย่างอิสระทำให้เฟิงหลินมีแรงบันดาลใจ


 


นี่จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วนได้ไหม?

 

 

 


ตอนที่ 91 การเปลี่ยนแปลงนับพัน

 

ในตำนาน ซุนหงอคงมีความสามารถในการแปลงกาย เขาสามารถใช้รูปแบบของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดและเลียนแบบความสามารถของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย


ทำให้เฟิงหลินเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีทางพันธุกรรม เขามั่นใจได้ว่าเมื่อเขาปลุกยีนซุนหงอคง เขาจะได้รับความสามารถด้านการแปลงกายนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่แค่จินตนาการ แต่เขาไม่รู้อะไรที่แน่นอนเกี่ยวกับมัน


หากเขาสามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ และใช้ความสามารถได้ทุกประเภทจริงๆ มันจะไม่ง่ายเกินไปหน่อยหรอ?


ความสามารถในตำนานทุกประเภทแตกต่างกัน วิธีการใช้งานก็แตกต่างกัน


หากรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนสามารถรวมกับความสามารถที่หลากหลายของวิชายุทธ์ยีนหรือใช้ร่วมกับความสามารถในการแปลงกายนับไม่ถ้วนได้ นี่จะเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบและเขาจะประสบความสำเร็จในทุกๆอย่าง


แม้ว่าเฟินหลินจะเดินบนเส้นทางตามตำนานซุนหงอคง เขาจะไม่ถูกจำกัดเพียงแค่เส้นทางนี้


ไม่ว่าเส้นทางของเทพนิยายจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่มันก็ยังคงเป็นเส้นทางของคนอื่นไม่ใช่ของคุณเอง ขั้นตอนก่อนหน้าการฝึกฝนในการปลุกยีนในตำนานนั้นถือเป็นเพียงกระบวนการเรียนรู้


แต่ถ้าต้องการก้าวขึ้นไปบนเส้นทางที่สูงกว่า ก็ต้องหาเส้นทางของตัวเองเพื่อไปถึงจุดสูงสุด


บางทีรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนนี้อาจเป็นโชคที่ทำให้เขาก้าวข้ามเส้นทางของซุนหงอคงได้


เมื่อเขาคิดเรื่องนี้เฟิงหลินก็ตื่นเต้น


อย่างไรก็ตาม การผสมผสานศิลปะการต่อสู้ทางพันธุกรรม ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในขั้นตอนเดียว


สำหรับครั้งแรกเฟิงหลินตัดสินใจที่จะเริ่มต้นด้วยศิลปะการต่อสู้โบราณ


และอะไรจะดีไปกว่าการเริ่มต้นด้วยวิชาแรกของเขา – หมัดหง!


หมัดหงเป็นหมัดที่ดุเดือด หมัดของเขาจะพุ่งเป็นแนวตรงและดุร้ายอย่างไม่มีที่เปรียบ การโจมตีทุกครั้งคล้ายกับปรอทที่ไหลเวียน ทำให้คู่ต่อสู้ของเขาไม่มีโอกาสตอบโต้ ในสนามรบโบราณ วิชานี้นับว่าดุดัน การเคลื่อนไหวของมันคล้ายกับค้อน


เฟิงหลินค่อยๆแสดงกระบวนท่า เขาใช้คการเคลื่อนไหวทั้งหมดของหมัดหง ซึ่งเขาเข้าใจและทำให้พวกมันช้าลงพยายามอย่างดีที่สุดที่จะคิดหาวิธีผสานเข้ากับกระบวนท่าของรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน – รอยประทับค้อนพลิกฟ้า เขาพยายามหาจุดร่วมระหว่างวิชาทั้งสอง


รอยประทับค้อนพลิกฟ้ามีทั้งหมดสามรูปแบบ แต่เมื่อเฟิงหลินค่อยๆรวมหมัดหงเข้ามามันก็เกิดอีกรูปแบบหนึ่งขึ้น


 


ต่อไป หมัดแปดพิฆาต!


 


หมัดแปดพิฆาตนั้นถูกสร้างขึ้นในยุคอาวุธเย็นของโลกโบราณ มันคือศิลปะหอกมีการเคลื่อนไหวกว้างขวางและเป็นการสังหารอย่างเลือดเย็น


มีคนบอกว่าถ้าใครฝึกฝนแปดหมัดพิฆาตเป็นเวลาหนึ่งปีจะสามารถฆ่ามนุษย์ได้


สำหรับผู้ที่เพิ่งฝึก พวกเขาจะมีความกล้าหาญในการต่อสู้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปีกำลังหมัดจะหนักหน่วงมากและสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้


เฟิงหลินฝึกอย่างต่อเนื่อง … เขาพยายามรับรู้พลังงานที่ไหลเวียนในร่างกายของเขา การโจมตีที่เขาปลดปล่อยออกมาเหมือนหอกยักษ์แทงทะลุอย่างรุนแรง


หอกมีจุดสำคัญร่วมกับแส้ แม้ว่าจะมีหลายส่วนที่ไม่เป็นอันตราย แต่เฟิงหลินก็มุ่งความสนใจไปที่จุดร่วมและพยายามรวมเข้ากับ “รอยประทับแส้กระหน่ำเทพ” ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนรูปแบบการโจมตีของรอยประทับแส้กระหน่ำเทพเป็นสาม


หลังจากหลอมรวมศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและดุเดือดเหล่านี้แล้ว เฟิงหลินก็เริ่มพยายามหลอมรวมวิชาที่นุ่มนวลบ้าง


ในตอนแรกศิลปะการต่อสู้ที่เขาต้องการหลอมรวมคือหมัดไทชิ


หมัดไทชิเป็นหนึ่งในสามของการฝึกกำลังภายในที่แข็งแกร่งสุดของฮั่วเซียโบราณ ความลึกของความรู้ในวิชานี้ลึกซึ้ง มันรวมทั้งแข็งและอ่อนเอาไว้ ช่วยให้ควบคุมพลังภายนอกมาเพิ่มพลังภายใน


ไทชิสามารถแบ่งออกเป็นหยินและหยาง, ชีวิตและความตาย, แข็งและอ่อน


มันมีลักษณะเฉพาะของความเป็นคู่ ทั้งหยินและหยางมีจุดร่วมกันและสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้


จับหางนกกระจอก!


หมัดระเบิด!


 



 


เฟิงหลินแสดงกระบวนท่าของไทชิ และสัมผัสการผสมผสานระหว่างความอ่อนและความแข็ง ผสานเข้ากับรอยประทับกระจกหยินหยาง


 


เขาหลอมรวม ฝ่ามือแปดเหลี่ยมเข้ากับรอยประทับธงต้นกำเนิด หมัดเซียงยี่เข้ากับรอยประทับเสาลี้มังกร และวิชากรงเล็บมังกรกับรอยประทับเชือกบ่วงเทพ


มีวิชามากมายในโลก แต่ตรรกะเบื้องหลังนั้นคล้ายกัน


 


“มหาสมุทรเกิดจากแม่น้ำและลำธารนับร้อย”


รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนคือสุดยอดวิชาโบราณจากตำนานจริงๆ มันเต็มไปด้วยแก่นแท้ของทุกวิชา


หากเฟิงหลินสามารถผสมผสานได้หมด แม้เขาจะไม่อาจสำแดงพลังสูงสุดของมันได้ มันก็มากเกินไป


และผ่านการพยายามซ้ำๆ เฟิงหลินก็ค่อยได้รับความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน


รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนนี้เทียบได้กับสูตรทางคณิตพื้นฐาน และวิชาอื่นก็เทียบเท่ากับตัวแปรที่สามารถรวมเข้ามา ผลลัพธ์สุดท้ายจะก่อเกิดเป็นวิชาและกระบวนท่าใหม่


วิชายุทธ์ยีนก็เหมือนกัน แต่ข้อมูลพวกมันซับซ้อนและยากกว่ามาก


ก่อนหน้านี้ หัวหน้าของกองทัพปฏิวัติดาวอังคารสามารถควบคุมพลังของลมและไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาผสานวิชายุทธ์ยีนบางอย่างเข้ากับรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนได้สำเร็จ ซึ่งทำให้พลังของลมและไฟเขาใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ


หากไม่ใช่เพราะยีนลิงหินเขาที่ต้านน้ำและไฟได้ เฟิงหลินคงต้องเหนื่อยหน่อย


แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้เฟิงหลินหดหู่คือแม้เขาจะระวังแค่ไหน เขาก็ยังไม่รู้ว่าลุคเก็บซ่อนไว้แค่ไหน เขาใช้แค่พื้นฐานของฝ่ามือคุนหลุนและไม่ใช่รูปแบบที่เขาอนุมานและสร้างขึ้นเลย


หากเขาอยากเพิ่มพลังของรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน เขาทำได้แค่อนุมานและพยายามผสานวิชาอื่นเข้ากับมัน


แต่นี่ก็พอแล้ว ตราบเท่าที่เขารู้ตรรกะของ’มหาสมุทรประกอบไปด้วยแม่น้ำและลำธารนับร้อย’ เฟิงหลินก็สามาราถสร้างเทคนิคใหม่ได้ เขาไม่ต้องพึ่งพาอะไรอื่น


เฟิงหลินแช่ตัวเองในการฝึก ดูเหมือนจะสนุกกับมันและไม่เบื่อเลยเมื่อเริ่มฝึกอีกครั้ง


แต่ทว่า มันยากมากที่จะทำให้สมบูรณ์แบบ


ตอนนี้ เขาทำได้แค่หลอมรวมวิชาโบราณต่างๆเหล่านี้กับฝ่ามือคุนหลุน ไม่งั้น  มันคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม


วิชายุทธ์โบราณเหล่านี้ส่งต่อมาจากยุคโลกโบราณและย่อมมีความรู้พิเศษภายใน ไม่งั้นมันคงไม่ถ่ายทอดมาถึงทุกวันนี้


และตำนานก็เป็นสิ่งตรงข้าม ในช่วงยุคโลกโบราณ ไม่มีใครคิดว่าการรู้เรื่องตำนานเป็นประโยชน์และพวกเขาก็ไม่สนใจมันเลย หลังสงครามโลกครั้งที่สาม สงครามดาวเคราะห์สองครั้งและสงครามดวงดาวห้าครั้ง อารยธรรมโบราณส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายและเหตุนั้น เรื่องเล่าตำนานจึงค่อยๆเริ่มหายไป ทิ้งไว้แค่คำพูดที่ใช้อ้างอิง


สงครามที่ไร้ประโยชน์ปกคลุมกาแล็กซี่จนกระทั่วยุคดวงดาวมาถึง จากนั้นพวกเขาถึงรู้ตัวและค้นพบถึงการมีอยู่ของตำนานใหม่ แต่น่าเศร้า ทุกอย่างสายไป


แก่นสำคัญของวิชาโบราณคือการตกผลึกของภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน


เฟิงหลินไม่เชื่อว่าพรสวรรค์เขาในวิชาต่อสู้จะด้อยกว่าอัจฉริยะยุคโบราณ ช่วยให้เขาเข้าใจแก่นแท้ของวิชาโบราณเหล่านี้และผสานพวกมันกับรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน


การบ่มเพาะคงถาวร ทุกๆก้าวต้องใช้พลังงานและความพยายาม


เฟิงหลินไม่รีบ และก็ค่อยๆเริ่มกระบวนการผสาน


เขายังคงทดลองกับกระบวนท่าต่างๆ และนี่ก็เป็นกระบวนการบ่มเพาะประเภทตัวมันเองที่ผลักร่างเขาให้สมบูรณ์แบบขึ้น ช่วยให้เขาควบคุมพลังได้อย่างสมบูรณ์

ศักยภาพพันธุกรรม +5% +5% +5%


ศักยภาพพันธุกรรมของเฟิงหลินยังเพิ่มขึ้น แม้ความเร็วจะไม่สูงนัก มันก็ยังไม่ถือว่าต่ำ หลังผ่านไปสักพัก ศักยภาพพันธุกรรมเขาก็สูงถึง588%


หากมันเพิ่มขึ้นอีกนิ เขาคงสามารถได้รับแต้มพันธุกรรมฟรีและสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของยีนลิงหินได้อีกหนึ่ง


เฟิงหลินใช้ความพยายามอย่างมากกับการบ่มเพาะเขา มันเหมือนกับเขาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย


ร่างที่ทรงพลังเขาสามารถยืนหยัดได้ ช่วยให้เขาฝึกต่อได้จนจบ ในชั่วพริบตา สิบชั่วโมงก็ผ่านไป


เฟิงหลินขยับและกระโดดภายในห้องฝึก รอยฝ่ามือเขาเปลี่ยนไปเรื่อยๆและเหมือนผีเสื้อบินผ่านดอกไม้ สำแดงกระบวนท่าต่างๆ ใช้มือเขาเป็นค้อน กรงเล็บหรือฝ่ามือ


ฝ่ามือเขาบินวนไปมาอย่างดุเดือด  และกระบวนท่าเขาก็ดูเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน


ในที่สุดเฟิงหลินก็สร้างกระบวนท่าใหม่ให้ทุกเทคนิคในรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนไ เมื่อเขาสำแดงพวกมัน เขาก็รู้สึกว่าพวกมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้นับพันจริงๆ


ไม่ต้องสงสัย เขาเดินถูกทางแล้ว


จากเทคนิคแรก ‘รอยประทับค้อนพลิกฟ้า’ถึงเทคนิคสุดท้าย ‘รอยประทับธงต้นกำเนิด’เฟิงหลินแสดงทั้งหมดออกมาและหยุดขยับ ไม่ฝึกต่ออีก


ตามเทคนิคดั้งเดิมในรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน เฟิงหลินทำการลดและสร้างการเคลื่อนไหวใหม่ เริ่มผสานระหว่างวิชาโบราณต่างๆ นี่ทำให้พลังของฝ่ามือคุนหลุนเพิ่มขึ้นมาก แกร่งกว่าก่อน


เขาตัดสินใจตั้งชื่อรอยประทับฝ่ามือฉบับใหม่นี้ว่า’รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนเวอร์ชั่น1.0’ ในอนาคตเมื่อเขาเข้าใจแก่นของวิชาบราณเพิ่ม เขาจะค่อยๆผสานพวกมันภายในและสร้างเป็นเวอร์ชั่น1.1 1.2 1.3


หากเขาสามารถไปถึงรับที่สามารถผสานวิชายุทธ์ยีนเข้าได้ ตอนนั้น เขาคงตั้งชื่อใหม่ว่า’รอยประทับฝ่ามือคุนหลุน2.0’


หลังสำเร็จ เฟิงหลินก็รู้ว่าเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว หากเขาอยากพัฒนาต่อ เขาคงต้องฝึกเพิ่มและเพิ่มระดับความสำเร็จในวิชายุทธ์


แม้เขาจะกระหายพลัง เขาก็ยังเคารพความจริง


และตอนนี้ ความเข้าใจวิชาเขายังไม่พอ เขาเองก็ไม่มีเวลาพอแล้ว


เขายอมแพ้การเพิ่มพลังชั่วคราวและเริ่มวิจัยความสามารถพันธุกรรมเขาต่อไป


หลังสู้กับผู้บ่มเพาะดวงดาวมา เขาก็ได้ยืนยันความสามารถของยีนลิงหินบ้างแล้ว ในฐานะยีนแรกเริ่มผันแปร ความสามารถทั้งสี่อย่างของยีนลิงหินคือ กระดูกเหล็กหายหิน พลังไร้ขอบเขต กายคงกระพันต่อดาบและหอก และต้านไฟและน้ำ ในหมู่ผู้บ่มเพาะระดับเดียวกัน เขาเหมือนแมลงสาป


ต่อมา เฟิงหลินก็เริ่มทดสอบความสามารถของยีนจิตเขา


นี่คือยีนพื้นฐานเกรดสูง เฟิงหลินไม่เชื่อว่ามันจะมีความสามารถแค่การรับรู้ทางจิต


พลังงานจิตไร้รูปร่างและมีพลังยากจะคาดเดา หากเขาพัฒนาการโจมตีระยะไกลที่สอดคล้องกัน นั่นจะช่วยลดความจริงที่ว่าเขาถนัดแค่การต่อสู้ระยะประชิด ด้วยวิธีจมตีมากขึ้น เขาย่อมมีความสามาราถปรับเปลี่ยนีขึ้น และพลังรบเขาย่อมเพิ่มขึ้น นี่มีประสิทธิภาพมากกว่ามาก


สิ่งสำคัญเกี่ยวกับความสามารถพันธุกรรมคือคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ!


เฟิงหลินวิจัยอย่างพิถีพิถัน พลังงานจิตเขาเกิดจากกึ่งกลางคิ้ว มันเหมือนตาข่ายยักษ์ที่ครอบคลุมทั่ว ทุกที่ที่พลังงานจิตเขากวาผ่าน เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างไ


แต่ผลนี้ก็แค่การสนับสนุน


มันจะทำยังไงให้พลังงานจิตเขามีพลังสังหาร?เฟิงหลินพยายามอยู่นาน แต่เขายังไม่อาจหาทางได้ เขาทำได้แค่ยอมแพ้ชั่วคราว


หากมีคำถาม ก็ให้ถามเครือข่ายดาว!


เขาแตะไมโครชิปเขาและเชื่อมต่อกับเครือข่าย จากนั้นก็ป้อนคำ’ยีนจิต’ ‘พลังงานจิต’ ‘อาชีพ’..และคำสำคัญอื่นๆ


ปรากฏผลนับร้อยในทันที เฟิงหลินจับสายตากับชื่ออาชีพที่ปรากฏบนสุด


 


“นักสะจิตพันธุกรรม!”


 

 

 


ตอนที่ 92 การสะกดจิต

 

พลังงานจิตเป็นพลังงานไม่มีรูปแบบหรือสสารใดๆเลย เมื่อถูกส่งออกไปก็ยากที่คนอื่นจะป้องกันได้


นักวิทยาศาสตร์ค้นพบหลังจากทดลองหลายครั้งว่าพลังงานจิตคือคลื่นสมองที่แปลกประหลาด


เมื่อปลุกยีนจิต จะสามารถส่งคลื่นสมองเหล่านี้ออกมาเหมือนคลื่นเสียง มีเสียงสะท้อนกลับมาอีกครั้งเมื่อคลื่นสมองกระทบกับวัตถุ ต่อมใต้สมองจะรับรู้คลื่นสมองที่ส่งกลับมา และรับรู้สภาพแวดล้อมจากมัน สิ่งนี้คล้ายกับความสามารถในการสะท้อนตำแหน่งของปลาโลมา


นอกจากนี้เมื่อคลื่นสมองชนิดนี้มีความแข็งแรงในระดับหนึ่ง มันจะสามารถแทรกแซงความคิดของผู้อื่น สะกดจิตพวกเขาหรือทำให้พวกเขาติดอยู่ในภาพลวงตาได้


นี่คือทฤษฎีของการสะกดจิตพันธุกรรม


นักสะกดจิตพันธุกรรมผ่านการปลุกยีนในตำนาน สามารถใช้พลังงานจิตเพื่อสะกดจิตคนได้


แต่ในทำนองเดียวกันก็มีบางคนเลือกใช้การสะกดจิตพันธุกรรมเพื่อควบคุมหัวใจมนุษย์ เพื่อตอบสนองความโลภในหัวใจ


ไม่ว่าในกรณีใดนักสะกดจิตพันธุกรรมเป็นนักพันธุศาสตร์ประเภทที่ไม่มีให้เห็นมากนัก ความสามารถของพวกเขาไม่สามารถถูกมองว่าทรงพลังหรือรอบด้านมากนัก แต่มันแปลกและมากความสามาราถ


อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้หัวใจเฟิงหลินตื่นเต้น


หัวใจมนุษย์นั้นยากที่จะหยั่งถึง


หากเขาสามารถสะกดจิตได้ เขาจะสามารถเข้าไปในหัวของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย นั่นจะมีประโยชน์ขนาดไหน?


เขาจะสามารถรู้ได้ว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรอยู่ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น นี่คือข้อได้เปรียบอย่างมาก เมื่อกำลังต่อสู้ในสงครามจิตวิทยา


สถานการณ์ภายในของบริษัทยาไจแอนท์แปลกมาก มีข่าวลือมากมายและมีหลายคนที่เจตนาไม่ดี


บางทีเขาอาจใช้ความสามารถทางจิตเพื่อค้นหาความลับและรู้ความจริง เพื่อที่เขาจะได้ป้องกันล่วงหน้า ทำให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงกว่านี้


เมื่อเขาคิดเช่นนี้ เฟิงหลินก็เริ่มค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสะกดจิตพันธุกรรม


ถึงแม้ว่าบริษัทยาไจแอนท์จะเป็นเพียงผู้ผลิตยาพันธุกรรม แต่โมดูลการฝึกอบรมการศึกษาเกี่ยวกับนักพันธุศาสตร์นั้นมีรายละเอียดสูงมาก ดังนั้นจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับการสะกดจิตพันธุกรรม


 


“การสะกดจิตคือการควบคุมจิตใจชนิดหนึ่ง ผู้ใช้จะต้องมีความแข็งแกร่งทางจิตใจ หลังจากนั้นผ่านการใช้ภาษาการกระทำและการเคลื่อนไหวร่างกาย พวกเขามีความสามารถในการปลดปล่อยเสน่ห์ของตัวเองเพื่อสร้างความสัมพันธ์และสร้างข้อเสนอที่แข็งแกร่ง พยายามโน้มน้าวจิตใจเป้าหมายจนสามารถควบคุมจิตใจของเป้าหมายได้ … คุญสมบัติของนักสะกดจิตพันธุกรรมสามารถจำแนกได้ว่าเป็นนักสะกดจิตฝึกหัด, นักสะกดจิตระดับเริ่มต้น, สะกดจิตระดับกลาง, สะกดจิตระดับสูง และระดับปรมาจารย์ เงินเดือนสำหรับนักสะกดจิตฝึกหัดไม่สูง ไม่ว่าใครปลุกยีนจิตขึ้นมาก็สามารถเรียนรู้เทคนิคการสะกดจิตเบื้องต้นได้ แตกต่างกับนักสะกดจิตอย่างเป็นทางการที่จะต้องผ่านการทดสอบที่ยากมากมาก่อนถึงจะควบคุมจิตใจของผู้คนผ่านการสะกดจิตได้ นั่นจึงจะถือเป็นนักสะกดจิตตัวจริง นักสะกดจิตระดับเริ่มต้นสามารถทำให้เป้าหมายนอนหลับลึกและรักษาบาดแผลทางจิตใจของพวกเขาให้ดีขึ้นได้! นักสะกดจิตระดับต้นมีเงินเดือนตั้งแต่ 100,000 เหรียญถึงล้านเหรียญดารา … “


 


ในโมดูลข้อมูลเรื่องการสะกดจิตพันธุกรรมมีรายละเอียดเยอะมาก


เฟิงหลินอ่านข้อมูลและตกใจ “อะไรกัน?นักสะกดจิตระดับต้นมีเงินเดือนสูงขนาดนี้เลยหรอ?”


 


หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความปราถนา หากเขาสามารถเป็นนักสะกดจิตพันธุกรรมได้ พลังงานจิตของเขาจะมีพลังสังหาร ไม่เพียงแค่นี้ มันหมายความว่าเขาจะมีอีกหนึ่งวิธีป้องกันตัวเอง เขายังสามารถพึ่งพาพลังงานจิตของเขาแลกกับจำนวนเหรียญดารา นี่อาจถือได้ว่าเป็นทักษะที่เหมาะสมมากๆ


เมื่อเขาตัดสินใจ เฟิงหลินก็หมกมุ่นอยู่กับมัน


แม้ว่าโมดูลศึกษาของบริษัทยาไจแอนท์จะมีเพียงความรู้ทั่วไปของการสะกดจิตพันธุกรรม แต่ก็เพียงพอสำหรับเฟิงหลินในตอนนี้แล้ว


เฟิงหลินเคาะโมดูล มีภาพของชายวัยกลางคนหนวดเคราเฟิ้มในชุดคลุมยาวปรากฏขึ้น เขานั่งสมาธิและนิ่งเหมือนบ่อน้ำโบราณที่ไม่มีคลื่น และเริ่มชี้แนะ


 


“ถ้าคุณต้องการเรียนรู้วิธีที่จะเป็นนักสะกดจิต คุณต้องเข้าใจสนามแม่เหล็กชีวภาพก่อน”


“สนามแม่เหล็กชีวภาพ?” เฟิงหลินไตร่ตรอง รู้สึกว่าคำนี้ดูลึกซึ้งมาก


 


ชายวัยกลางคนในภาพฉายเริ่มอธิบาย“สนามแม่เหล็กชีวภาพคือความลึกลับปริศนา มันยากมากที่จะวัดโดยใช้เครื่องจักรและคนเพียงคนเดียว มันสัมผัสได้จากการใช้พลังงานจิตที่ละเอียดอ่อน สนามแม่เหล็กชีวภาพเป็นสนามแม่เหล็กพิเศษที่ประกอบด้วยการหายใจ การเต้นของหัวใจ ชีพจร และแม้กระทั่งคลื่นสมองของสิ่งมีชีวิตและมีคลื่นความถี่ที่ไม่ซ้ำกัน สนามแม่เหล็กชีวภาพของมนุษย์ทุกคนมีเอกลักษณ์เหมือนลายนิ้วมือ หากมีคนนับพันคนจะมีสนามแม่เหล็กชีวภาพแตกต่างกันหลายพัน แม้ว่ากาแล็กซีจะกว้างใหญ่ขนาดไหนก็ไม่มีทางที่คนสองคนจะมีสนามแม่เหล็กชีวภาพเดียวกันได้ แม้จะเป็นฝาแฝดก็ยังคงมีความแตกต่าง ดังนั้นสิ่งที่นักสะกดจิตพันธุกรรมต้องทำคือการใช้พลังจิตของพวกเขาเพื่อที่จะเข้าใจสนามแม่เหล็กชีวภาพของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตนั้นๆ หลังจากนั้นด้วยการใช้ภาษา การกระทำและภาษากาย พวกเขาสามารถก่อให้เกิดเสียงสะท้อนทางจิตกับเป้าหมายก่อนที่จะทำให้จิตใจของเป้าหมายค่อยๆมึนงงและในที่สุดก็จะถูกควบคุม แม้ว่าสิ่งนี้จะฟังดูไม่น่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อพูดถึงเหตุผลนั้นกลับง่ายมาก ยกตัวอย่างเช่นทหารก่อนทำสงคราม การพูดปลุกระดม การร้องเพลงของกองทัพ – สิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้ทหารมีแรงฮึกเหิม พวกเขาจะต่อสู้อย่างกล้าหาญโดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเอง นี่แหละคือการสะกดจิตอย่างหนึ่ง…”


 


ดวงตาของเฟิงหลินส่องแสงจ้าเก็บความรู้อันมีค่านี้ไว้ในหัว


 


“การสะกดจิตเด่นด้านการไม่ทิ้งร่องรอย มันเป็นเทคนิคที่เหนือชั้น หากอยากเจตนาสะกดจิตคนอื่น มันก็จะทำให้หัวใจของเป้าหมายเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ดังนั้นจึงมีสามเทคนิคที่นักสะกดจิตใช้บ่อย นั่นก็คือรอยประทับฝ่ามือ การพูดและเครื่องมือ


 


“ฝ่ามือประทับเป็นศิลปะการต่อสู้พิเศษที่สามารถกระตุ้นพลังงานทางจิตของคนๆหนึ่งและใช้มันเพื่อทำให้จิตสำนึกของผู้อื่นเลือนรางเหมือนกับถูกสะกดจิต การพูดเป็นวิธีการหนึ่งที่ขึ้นอยู่กับการออกเสียง คำพิเศษ หรือจังหวะที่จะเขย่าจิตสำนึกของผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่นบางส่วนของบทสวดพุทธจากยุคโลกโบราณมีชื่อเสียงในการสะกดจิตทำให้ตรัสรู้ สำหรับเครื่องมือก็หมายความว่านักสะกดจิตจะใช้เครื่องมือพิเศษต่างๆเช่นนาฬิกาพก, เหรียญ, การ์ด … เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเป้าหมายก่อนที่จะบรรลุผลการสะกดจิตอย่างเงียบ


 


แม้ว่าเทคนิคจะแตกต่างกัน แต่ตรรกะที่อยู่เบื้องหลังเหมือนกันคือคำนึงถึงธรรมชาติของการสะกดจิต


 


“มีสามจุดสำคัญคือ หนึ่งนักสะกดจิตจะต้องเข้าใจสนามแม่เหล็กชีวภาพของเป้าหมาย ประเด็นแรกขึ้นอยู่กับความคมชัดของความรู้สึกทางจิตวิญญาณ ประการที่สองคือต้องปลดปล่อยพลังงานจิตและมุ่งเน้นไปที่เป้าหมาย ผ่านการเคลื่อนไหวของร่างกายและเสียงเพื่อสร้างอิทธิพลที่แข็งแกร่ง ประการที่สาม ช่วงเวลาคือสิ่งที่สำคัญมากต้องหาจังหวะเวลาที่ดีที่สุดในการป้องกันการโจมตีของเป้าหมาย ประเด็นสำคัญทั้งสามคือคุณสมบัติที่นักสะกดจิตต้องมี… “


 


เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฟิงหลินก็หยุดบทเรียนชั่วคราวและเริ่มคิดทบทวน


ประเด็นสำคัญทั้งสามของการสะกดจิตฟังดูง่าย แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุ


ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขาจะต้องเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ก่อนที่จะปล่อยพลังออกมา ไม่งั้นก็เหมือนวัวโง่


ในทำนองเดียวกันไม่ว่าพลังงานทางจิตจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็ต้องเรียนรู้เทคนิคที่เหมาะสมก่อนที่พวกเขาจะใช้มัน


มันง่ายที่จะใช้พลัง แต่การเอาชนะใจตัวเองยากกว่าเป็นพันเท่า


เขาควรทำยังไง?


เฟิงหลินฟังต่อ


 


“มีวิธีและเทคนิคทุกชนิดที่จะปลดปล่อยความคิดของตัวเอง เราจะแนะนำหนึ่งในกลวิธีที่ง่ายที่สุด – การยิ้ม รอยยิ้มที่มาจากใจที่ปรากฏบนใบหน้าจะมีอิทธิพลไร้รูปร่างอันทรงพลัง ทำให้คนอื่นมีความสุข การยิ้มอาจทำให้คุณได้รับความไว้วางใจจากคนอื่น ถ้าสีหน้าของคุณเย็นชาและหน้าตาดุร้าย คนอื่นจะระวังคุณทันทีที่เห็น ถ้าเป็นอย่างนั้น ความน่าจะเป็นของคุณที่จะสะกดจิตเป้าหมายได้สำเร็จก็ย่อมลดน้อยลงอย่างมาก รอยยิ้มและท่าทางคือสะพานที่สั้นสุดในการเชื่อมต่อกับคนแปลกหน้า..”


 


โมดูลการศึกษาสิ้นสุดตรงนี้


 


“เพื่อปลดปล่อยพลังจิต  มันต้องเริ่มจากรอยยิ้ม”


 


เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ เฟิงหลินก็เห็นแสงสว่าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าภาษากาย และวิธีการปลดปล่อยพลังจิต นี่คือตรรกะที่ง่ายที่สุด


เขาเข้าใจความจริงทั่วไปแล้ว ต่อไป สิ่งที่เขาต้องเรียนรู้คือเขาจะกลายเป็นนักสะกดจิตพันธุกรรมได้ยังไง

 

 

 


ตอนที่ 93 ภาพลวงตาหยินหยาง

 

บูมมม!


รอยประทับฝ่ามือของเฟิงหลินกลายเป็นแส้ เขาฟาดแส้อย่างดุดันราวกับว่าเขาเป็นผู้ควบคุมจักรวาลนี้ นั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง


ไท!


หลังจากเคลื่อนไหวหนึ่งครั้ง ท่าทางของเฟิงหลินก็เปลี่ยนไป ฝ่ามือของเขาแปรเป็นรอยประทับค้อนพลิกฟ้า และทุบอย่างไร้ความปราณี มันคล้ายกับเสาสวรรค์ในตำนาน


บรื้ออ!


รอยฝ่ามือของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง นิ้วเขาเหยียด หนึ่งคือหยางและอีกหนึ่งคือหยิน หนึ่งคือดวงอาทิตย์และอีกหนึ่งคือดวงจันทร์ มือของเขาเปลี่ยนไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย


อัง!


มือของเขาเหมือนภูเขา เขายกพวกมันขึ้นสูง การเคลื่อนไหวของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาเหมือนกับภูเขาที่สูงส่งและสง่าผ่าเผย …


พวกมันคือรูปแบบต่างๆของรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน


อย่างไรก็ตามเฟิงหลินไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้เขา ตอนนี้เขาพยายามที่จะสัมผัสถึงพลังรอยประทับฝ่ามือ


หลังจากดูโมดูลการศึกษาขั้นพื้นฐานเรื่องการสะกดจิตพันธุกรรม เฟิงหลินก็ได้เรียนรู้ทฤษฎีและเทคนิคการสะกดจิตขั้นพื้นฐานบางอย่าง เขาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีก


หนึ่งในเทคนิคคือการใช้ท่าทางมือเพื่อกระตุ้นการสะกดจิตโดยใช้คลื่นไร้รูปร่างเพื่อเขย่าหัวใจของเป้าหมาย ผ่านแนวป้องกันทางจิตวิทยาของเป้าหมาย


และอย่างที่รู้ พูดถึงท่าทางมือ เขาบังเอิญมีรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนพอดี ทำไมเขาจะไม่ใช้มันล่ะ?


เมื่อเขาใช้รอยประทับฝ่ามือ กลิ่นอายพวกมันไม่ธรรมดา และมีอิทธิพลต่อหัวใจของผู้อื่น ก่อนที่พลังจากรอยประทับจะส่งออกมา ลักษณะที่น่าประทับใจก็ทำให้หัวใจของผู้อื่นสั่นคลอนแล้ว และได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องต่อสู้


แต่นี่เป็นเพียงศิลปะการต่อสู้โบราณ เขาไม่มีปัญหาในการเขย่าหัวใจเป้าหมาย แต่ถ้าเขาต้องการที่จะบรรลุผลการสะกดจิตจริงๆ เขาก็ยังจำเป็นต้องรวมการใช้เทคนิคพลังงานจิตและวิธีอื่น ๆ


 


เฟิงหลินออนไลน์อีกครั้งเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเฉพาะในการใช้รอยประทับเพื่อสะกดจิต ท่าสะกดอสูรจากพุทธศาสนา, ท่าราชสีห์, สายฟ้าห้าสวรรค์จากลัทธิเต๋า, การระบำขอฝน และแม้แต่ท่าอธิษฐานจากศาสนาคริสต์ – เขาต้องการที่จะรวมพิธีกรรมของศาสนาต่างๆเข้าด้วยกัน


แม้ว่าการใช้งานทั้งหมดจะเหนื่อยมาก แต่เขาจะไม่ผิดหวังตราบใดที่เขาสามารถหาวิธีควบคุมจิตใจได้


เฟิงหลินยิ่งเข้าใจรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนลึกซึ้งมากขึ้น และเขาก็พบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะคิดออกอย่างแจ่มชัดภายในระยะเวลาอันสั้น ความสามารถของมันในการรวมแก่นแท้ของวิชาน่ากลัวเกินไป


นี่คือศิลปะการต่อสู้ที่จะพัฒนาขึ้นเมื่อผู้ฝึกฝนแกร่งขึ้น ในปัจจุบันความสามารถที่เขาปลดปล่อยได้จากการใช้นั้นอาจไม่ถือว่ามีประสิทธิภาพมากนัก แต่ก็มีศักยภาพไม่สิ้นสุด


เฟิงหลินลอบดีใจ เขาโชคดีพอที่จะได้รับศิลปะการต่อสู้นี้ ทำให้เขาสามารถเพิ่มเทคนิคของเขาได้อย่างมาก


เขาใช้รอยประทับฝ่ามือเป็นภาษากาย – กระตุ้นให้เกิดการสะกดจิต – เขาทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก


เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เฟิงหลินไม่มีใครให้ทดลอง เขาทำได้เพียงยืนอยู่หน้ากระจกและพยายามสะกดจิตตัวเอง


อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากมากที่จะสะกดจิตตัวเอง เพราะตัวเองรู้อยู่แล้วว่าจะถูกสะกดจิต ธรรมชาติในใจของเขาจะป้องกันการสะกดจิตโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงยากที่การสะกดจิตจะประสบความสำเร็จ


มันเหมือนกับการใช้มือของตัวเองยกตัวเองขึ้น มันขัดแย้งกับตรรกะและยากที่จะทำได้


มีเพียงนักสะกดจิตระดับสูงเท่านั้นที่จะทำได้


เฟิงหลินไม่ได้หลอกตัวเองว่าเขาจะทำได้ในครั้งเดียว เพราะเขาไม่มีเป้าหมายให้ฝึก เขาจึงต้องฝึกด้วยตัวเองเท่านั้น


หากเทคนิคการสะกดจิตนี้สำเร็จเพียงเล็กน้อย มันก็ชี้ให้เห็นว่าการใช้กับคนอื่นย่อมรุนแรงกว่า


เมื่อหันหน้าไปทางกระจก เขาก็สูดหายใจลึก เลิกคิดฟุ้งซ่าน ตัดเสียงรอบข้าง เหลือแต่ความเงียบ


เฟิงหลินเน้นพลังงานจิต และรับรู้การเปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะพลังชีวิต การหายใจ การเต้นของหัวใจ ชีพจรและความเปลี่ยนแปลงทางความคิดและอารมณ์ของเขา


ทันใดนั้นเขาก็จัดการมันราวกับว่ารับรู้โครงสร้างพื้นฐานของการสะกดจิต


มือของเขาสั่นจากจังหวะพลังชีวิต เมื่อจังหวะเร็วขึ้นและเร็วขึ้น มือของเขาก็เกิดทั้งหยินและหยาง และรอยประทับฝ่ามือก็ก่อตัวกันเหมือนไทชิ –เต๋าก่อให้เกิดสิ่งหนึ่ง สิ่งหนึ่งก่อให้เกิดอีกสิ่งหนึ่ง สองสิ่งเป็นสาม สามเป็นทุกสิ่ง


รอยประทับของเขามีความสมมาตรเหมือนภาพสะท้อนจากกระจก โดยแยกหยินและหยาง


รอยประทับกระจกหยินหยาง


เฟิงหลินทดสอบมาเป็นเวลานานและค้นพบว่ารอยประทับฝ่ามือนี้มีความแตกต่างและมีรูปแบบมากมาย หากเขาเร่งการเคลื่อนไหวของเขา คนอื่นๆจะตื่นตา เวียนหัวและหน้ามืด มันควรใช้เพื่อการสะกดจิต


ตามที่คาดไว้ เมื่อเขาใช้ท่าทางมือ เฟิงหลินจะจับจ้องที่ฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกว่าตาของเขาพร่ามัวในขณะที่สติของเขาค่อยๆถูกลากเข้าสู่จังหวะของรอยฝ่ามืออย่างไม่รู้ตัว


เขารู้สึกว่าสภาพแวดล้อมรอบข้างค่อยๆช้าลง ราวกับว่าฝนกำลังตก ดอกไม้และวิสัยทัศน์ของเขาอยู่ในความผิดปกติ ร่างกายของเขาทั้งหมดกลับจากด้านหนึ่งไปอีกด้านราวกับเมา


เพราะเหตุนี้ ท่าทางมือในรอยประทับฝ่ามือจึงช้าลง จากนั้นเฟิงหลินถึงได้สติ


เขาไม่สะดุ้ง แต่รู้สึกมีความสุข


เขาทำสำเร็จภายในครั้งเดียวและมันก็มีประสิทธิภาพมากแม้ว่าเขาจะใช้กับตัวเขาเองก็ตาม ไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่ามันจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนถ้าเขาใช้มันกับคนอื่น


 


“ฉันทำได้จริงๆ ! รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนช่างลึกซึ้งจริงๆ” เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ทำได้ในครั้งเดียง


 


อย่างไรก็ตาม ผลดังกล่าวยังคงอ่อนเกินไปและเขาต้องฝึกฝนต่อ


เฟิงหลินจำความรู้สึกแปลกๆก่อนหน้านี้ได้ รู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกแยกออกจากเวลาและสถานที่


จากตำนานของฮั่วเซียกระจกหยินหยางเป็นสมบัติที่ไม่เหมือนใครของ บุตรเพลิงชาติแห่งสิบสองเทพทองคำของคุนหลุน มันบอกว่าสามารถเชื่อมโยงทั้งหยินและหยางได้ มีความสามารถที่จะบอกว่าอาจมีคนตายได้ถ้าคนๆนั้นมองดูเงาสะท้อนจากมัน


รอยประทับฝ่ามือหยินหยางนี้อาจมีร่องรอยของความศักดิ์สิทธิ์จากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ช่วยให้มีภาพลวงตาที่หยินหยางกลับตัว


เฟิงหลินไตร่ตรองเรื่องนี้และหลังจากที่เขาเข้าใจ เขาก็ลองอีกครั้ง


มือหนึ่งของเขาหันหน้าไปทางกระจกซึ่งก็คือหยินและอีกข้างคือหยาง มือของเขามีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่พวกมันก็มีความสมมาตรซึ่งกันและกัน


หลังจากนั้นท่าทางก็เปลี่ยนไปหลายครั้ง ทั้งความจริงและภาพลวงตา ความจริงและภาพลวงตาไม่มีใครสามารถแยกแยะได้


ไม่นานเฟิงหลินก็รู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของเขาเริ่มยุ่งเหยิง เขาเข้าไปในพื้นที่แปลกๆ หยินและหยางกลับกันไปหมด เวลาและสถานที่ก็วุ่นวายเช่นกัน


แต่เมื่อจิตสำนึกของเขาตกลงไปในภาพลวงตา ท่าทางมือของเขาก็ชะลอตัวลงอีกครั้ง


 


“การทดลองครั้งที่สองได้ผลไหมนะ?”


 


เฟิงหลินจ้องมือของเขาอย่างตะลึง ในที่สุดเขาก็มั่นใจได้ว่าเขาได้กลายเป็นนักสะกดจิตระดับเริ่มต้นแล้ว เงินเดือนๆละหนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านเหรียญร้องเรียกเขาอยู่


เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดตอนเขาจมลงสู่ภาพลวงตา เขาก็ยิ่งเชื่อว่าการสะกดจิตตัวเองนั้นยากกว่าการสะกดจิตคนอื่นมาก


เนื่องจากผลที่ออกมาดีกับตัวเองมาก ถ้าเขาใช้มันกับคนอื่น พวกเขาย่อมไม่อาจหลุดจากภาพลวงตาได้


 


“วิธีการสะกดจิตก่อนหน้านี้ได้ผลมาก ฉันตั้งชื่อมันว่าภาพฝันหยินหยาง!” เฟิงหลินพึมพำเงียบๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง


 


ตอนนี้ภาพฝันหยินหยางไม่มีอะไรมากไปกว่าภาพลวงตาเสมือนจริง แต่เมื่อเขาพัฒนาขึ้น ภาพลวงตาเสมือนจริงนี้อาจกลายเป็นภาพลวงตาจริงหรือไม่แตกต่างจากความจริงเลยก็เป็นได้?


แต่ถ้าเขาต้องการที่จะไปถึงขั้นตอนนั้น หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล การยืนบนพื้นมั่นคงอย่างค่อยเป็นค่อยไปย่อมดีกว่า


หลังจากมองผ่านโมดูลการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ศึกษาโดยบริษัทยาไจแอนท์ เฟิงหลินก็เริ่มการค้นหาข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับวิธีการสะกดจิตที่หลากหลาย


 


[การสะกดจิต], [โครงสร้างของจิตสำนึกมนุษย์], [การวิเคราะห์รายละเอียดของพลังงานทางจิต] … เนื่องจากการพัฒนาระหว่างดวงดาวยุคนี้ทำให้ความเข้าใจร่างกายและจิตวิทยาเกินกว่ายุคโบราณ จำนวนหนังสือเกี่ยวกับมันมีนับไม่ถ้วน


ตอนนี้พลังของเฟิงหลินแข็งแกร่งมาก ความคิดก็คิดได้เร็วราวกับฟ้าผ่า หน่วยความจำของเขาทะลุขีดความสามารถ พูดได้ว่าความทรงจำทุกอย่างของเขาเหมือนภาพถ่าย


เขาอ่านสิบย่อหน้าด้วยการมองเพียงครั้งเดียวและจดจำเนื้อหาได้ทันที สามารถสรุปประเด็นสำคัญและเรียนรู้ความรู้ที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว ความเร็วในการอ่านของเขาเร็วมากจนจินตนาการไม่ได้


หนึ่งวันผ่านไป


เขาเก็บความรู้จากหนังสือจิตวิทยาทั้งหมดที่เขาอ่าน


แต่ด้วยจำนวนประชากรของมนุษยชาติและความกว้างใหญ่ของกาแล็กซี เขาเข้าใจว่าความรู้นั้นไร้ขอบเขต

มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเรียนรู้พวกมันทั้งหมด แม้จะใช้เวลาตลอดชีวิตก็ตาม


ความรู้ทั้งหมดที่เขาสะสมมาจนถึงตอนนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ


อย่างรวดเร็ว ในช่วงวันหยุดของเขาทุกสัปดาห์ เขาจะใช้เวลาไปกับการฝึกฝนและสะสมความรู้


ในที่สุดรุ่งอรุณก็เข้ามาใกล้ มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง หลังจากการอาบน้ำล้างหน้าในตอนเช้า เฟิงหลินก็มุ่งหน้าไปยังแผนกวิจัยของบริษัทยาไจแอนท์

 

 

 


ตอนที่ 94 อิทธิพลไร้รูปร่าง

 

ถึงวันทำงานอีกครั้ง ผู้คนคึกคักภายในบริษัทยา ทุกแผนกวุ่นวายมาก


เฟิงหลินเดินเข้าไปในแผนกวิจัยและพัฒนา เขาพบว่าเพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนมาถึงแล้ว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ไปกับการทดลองมนุษย์


ผมกระเซอะกระเซิงและมีกลิ่นเน่าเหม็น ไม่รู้ว่าพวกเขาอาบน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ พวกเขาคือนักวิจัยที่บ้าคลั่ง


คนเหล่านี้ทำเหมือนแผนกวิจัยและพัฒนาเป็นบ้าน พวกเขาทำงานที่นี่ตลอดทั้งวัน นอกจากการนอนและทานอาหาร นอกนั้นพวกเขาใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในการทำวิจัย พวกเขาหลงใหลมากจนเกือบบ้า


ประตูเปิดออกเงียบๆ เฟิงหลินเดินเข้ามาดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายในทันที


ลึกๆแล้วพวกเขาประทับใจความสามารถของเฟิงหลิน


ก่อนหน้านี้มือใหม่นี้ใช้เวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งวันกับการประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนสูตรยาอะดรีนาลีนและสร้างความตกใจอย่างมากแม้แต่หัวหน้าแผนกไอค์ที่น่ากลัวก็นิ่งเงียบ


พวกเขาทุกคนต่างมีสายตาที่หลากหลาย เย็นชา เกลียดชัง กังวลใจ …


 


“อรุณสวัสดิ์ทุกคน!” เฟิงหลินยิ้มและพยักหน้าให้เพื่อนร่วมงาน รอยยิ้มของเขามีอิทธิพลต่อหัวใจของผู้อื่น


“ประการแรกจัดการคนด้วยรอยยิ้มของผู้ชาย”


 


ความรู้สึกไม่ชอบเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของพวกเขาต่อเฟิงหลินค่อยๆลดลงเช่นกัน


ไม่มีใครสังเกตเห็นว่านิ้วของเฟิงหลินเคลื่อนไหวเหมือนเต้นขยับไปมาอย่างน่าประหลาดใจ ความสับสนแปลกประหลาดขยายออกไปอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน


ทุกคนรู้สึกขาดสติเล็กน้อย พวกเขารู้สึกแค่ว่ารอยยิ้มของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอบอุ่นและอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ทำให้อยากเข้าใกล้เขาโดยไม่ตั้งใจ


 


ฉันเป็นอะไรเนี่ย?


พวกเขาพึมพำเงียบๆกับตัวเอง ส่ายหัว แต่หลังจากเวลาผ่านไป พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยอะไร


ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขารู้สึกว่าเฟิงหลินน่ามองมาก


พวกเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่เขาคิดกับเฟิงหลินก่อนหน้านี้ เต็มไปด้วยความความเกลียดชัง


เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?


ทำไมฉันถึงรู้สึกอิจฉาหนุ่มนั่น? เขาเป็นแค่เด็กใหม่ที่เพิ่งมา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคุกคามตำแหน่งของเรา แต่ความสามารถของเขาในเรื่องของการปรุงยาพันธุกรรมสูงเกินกว่าคนอื่น เขามาวันเดียวก็สามารถปรับเปลี่ยนสูตรของยาอะดรีนาลีนให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมแล้ว การมาของเขาจะช่วยเร่งให้หัวข้อการวิจัยสำเร็จเร็วขึ้น!


 


ในฐานะที่อยู่มาก่อน พวกเขาควรที่จะต้อนรับและดูแลเด็กใหม่แทนไหม?


ความคิดดังกล่าวปรากฏในใจของพวกเขา แผนกวิจัยและพัฒนาเงียบสนิท พวกเขาเริ่มมองเฟิงหลินด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร


พวกเขารู้สึกถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจ และไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งที่พวกเขารู้สึกอย่างไร


ถ้าใครอยากจะอธิบายสิ่งนี้อย่างง่ายก็คือ …


 


เสน่ห์ของเฟิงหลิน + 10


 


“ได้ผลจริงๆ” เฟิงหลินไม่รู้สึกแปลกใจกับสิ่งตรงหน้ามากนัก


 


ใช่แล้ว เขาใช้เทคนิคการสะกดจิตอย่างลับๆแต่เป็นธรรมชาติ เมื่อมีคนจำนวนมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าใจสนามแม่เหล็กชีวภาพของพวกเขา และทำให้หลับ


เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น


ถ้าเขาใช้พลังงานจิตมากเกินไป ทั้งแผนกวิจัยอาจถูกสะกดจิต และนั่นจะสร้างปัญหาให้เขา ทุกคนจะรู้ว่ามีปัญหา


ดังนั้นเฟิงหลินจึงแค่เปลี่ยนสนามแม่เหล็กชีวภาพของตัวเองเพียงเล็กน้อย และแผ่อิทธิพลไร้รูปร่างซึ่งลดความรู้สึกเป็นศัตรูที่คนอื่นมีต่อเขา และทำให้พวกเขาอยากเข้าหาโดยไม่ตั้งใจ


แต่เดิมเขาเป็นเด็กใหม่ที่ใช้เส้นสายเข้ามาในแผนก การแข่งขันเรื่องผลประโยชน์มันยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่ตอนนี้ความรู้สึกเป็นศัตรูกลับลดลงอย่างมากและมักจะมีคนรอบข้างส่งยิ้มให้เขา


เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในการเรียนรู้เทคนิคสะกดจิต เขากำจัดความรู้สึกต่อต้านที่เพื่อนร่วมงานมีต่อเขาจนหมด


นี่เป็นเหมือนการใช้อาวุธของผู้อื่นโดยไม่ต้องต่อสู้


คนที่ต่อต้านเขาลดน้อยลงอย่างมาก ในอนาคตสถานการณ์ของเขาในแผนกวิจัยจะสะดวกสบายมากขึ้น


เฟิงหลินไม่ได้กลับไปที่นั่งของเขา เขาเริ่มสังเกตการทดสอบของมนุษย์ที่อยู่ในหลอดทดลอง


ใบหน้าของเพื่อนนักวิจัยของเขาเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ พวกเขาแทรกส่วนผสมของยาพันธุกรรมเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ จากนั้นรอดูปฏิกิริยาของร่างกาย ความตื่นเต้นฉาบอยู่บนหน้าพวกเขา


เครื่องมือบนหลอดทดลองตรวจสอบปฏิกิริยาอย่างต่อเนื่องและบันทึกข้อมูลทั้งหมด


ภายใต้ผลกระทบจากพลังงานที่บรรจุอยู่ภายในยาพันธุกรรม บางครั้งมนุษย์ทดลองจะระเบิด กลายเป็นกองเลือดเนื้ออยู่ข้างใน หลังหลอดกระจกถูกทำความสะอาด มนุษย์ทดลองคนใหม่ก็ถูกบังคับให้เข้าไป


เฟิงหลินยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้รบกวนนักวิจัยพวกนั้นและไตร่ตรองอย่างรอบคอบเรื่องการทดลองมนุษย์


เมื่อมองใกล้ๆ เขาได้ค้นพบบางจุดที่เขาพลาดไปก่อนหน้านี้


จากสิ่งที่ผู้จัดการบอกเขา การทดลองมนุษย์เหล่านี้ล้วนแต่เป็นนักโทษประหาร นี่อาจเป็นความจริง แต่ก็ควรคิดถึงต้นกำเนิดของนักโทษประหารด้วย


แม้ว่านักโทษประหารเหล่านี้จะไม่รับรู้อะไรเนื่องจากผลของยา แต่ร่างกายของพวกเขายังคงแข็งแรง ไม่เหมือนมาจากคุก


เมื่อพิจารณาถึงรัฐบาลระบบสุริยะ สภาพแวดล้อมในคุกนั้นเหมือนนรก มันไม่ใช่ที่ที่มนุษย์จะอยู่ได้ เมื่อนักโทษถูกส่งตัวเข้าคุก มันจะดีมากถ้าเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้ เขาจะกินอาหารให้อิ่มได้ยังไง? คนที่อยู่ในคุกอย่างน้อยก็ต้องผอมแห้งติดกระดูก


 


นักโทษต้องประหารส่วนใหญ่ควรจะผอมแห้ง แต่มนุษย์ที่ถูกส่งมาทดลองเหล่านี้เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ มีกลิ่นอายดุเดือดและดุร้ายคล้ายทหารผ่านประสบการณ์การต่อสู้มาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง


เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว เฟิงหลินก็เริ่มเชื่อคำพูดของกองทัพปฏิวัติดาวอังคารขึ้นมาเล็กน้อย


แต่ก็แค่เล็กน้อย


ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ เฟิงหลินจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เขาจะฝังสิ่งที่เขาคิดไว้ในใจ


เขายังคงรู้สึกตื่นตัวในใจ แต่เป็นเพราะเขาต้องการเตรียมตัวให้พร้อมในทุกกรณี


หลังจากนั้นเฟิงหลินไม่ได้ทำหรือถามคำถามอะไร เขาแสร้งทำเป็นว่าเป็นอยากรู้อยากเห็น เขาเดินเข้ามาใกล้เพื่อสังเกตจากนั้นก็กลับไปที่ของตัวเอง


ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของแผนกวิจัย เฟิงหลินใช้ไมโครชิปของเขาเพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายในแผนก จากนั้นดาวน์โหลดข้อมูลและทำความเข้าใจเนื้อหาของหัวข้อการวิจัย


เขาค้นพบว่าการค้นคว้าเกี่ยวกับวิธีการอนุญาตให้มนุษย์ธรรมดาบริโภคยาพันธุกรรมเป็นเรื่องจริง และโครงการนี้ก็มีมาเกือบสองปีแล้ว


ความคิดของพวกเขาคือการปรับปรุงจุดอ่อนของยาพันธุกรรมระดับต่ำทั้งหมดเพื่อให้มนุษย์ธรรมดาบริโภคได้ ค่อยๆพัฒนาร่างกายของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น ยาอย่างยาอะดรีนาลีนจะค่อยๆทำให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับประสิทธิภาพของยาพันธุกรรม จากนั้นพวกเขาจะค่อยๆเพิ่มระดับยาพันธุกรรมทีละขั้น ค่อยๆทำให้ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาปรับตัว


แต่ละขั้นตอนมีเป้าหมายอย่างสูงคือให้ยีนในตำนานของมนุษย์ธรรมดาถูกกระตุ้น กระตุ้นอย่างไม่หยุดหย่อนก่อนที่จะทำการพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีนที่มีอยู่อย่างช้าๆ


แต่เนื่องจากนี่เป็นวิธีการที่ทำลายวิธีการบ่มเพาะแบบปกติเกินไป ผู้บ่มเพาะเทียมเหล่านี้จะพบว่าศักยภาพของพวกเขาลดลงอย่างมาก และพลังชีวิตของพวกเขาจะถูกใช้เกิน ซึ่งนำไปสู่อายุขัยที่สั้นลงอย่างมาก


แต่นี่ก็เพียงพอแล้ว


ผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวมีอยู่จริง เช่นเดียวกับซูเปอร์แมนบนโลกสำหรับหลายๆคน นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้แม้ว่าพวกเขาจะต้องการมันมากแค่ไหน ดังนั้นแม้ว่าจะมีอายุขัยที่ลดลงก็ตาม ผู้คนมากมายที่ไม่มีความหวังในการฝึกฝนก็เต็มใจจะเสี่ยงโชคกับเรื่องนี้


 


แนวทางการคิดหัวข้อวิจัยดูเหมือนจะค่อนข้างดีไม่มีข้อบกพร่องเรื่องทฤษฎี แต่ในความเป็นจริงความคืบหน้าที่เกิดขึ้นจริงช้ามากในการรวบรวมข้อมูล แม้การใช้ยาพันธุกรรมเพื่อให้มนุษย์สามัญสามารถปลุกยีนพื้นฐานระดับต่ำสุดได้ก็ยังยากมาก ดังนั้น มันจึงเห็นได้ชัดว่าหากพวกเขายังคงวิจัยไปในทิศทางนี้ต่อ พวกเขาก็คงล้มเหลว


เมื่อเฟิงหลินดูข้อมูลของหัวข้อการวิจัย คนอื่นๆก็ให้ความสนใจเขาเช่นกัน


 


เฟิงหลินเปล่งประกายความเป็นมิตรทำให้คนอื่นรู้สึกดีกับเขามากขึ้นเรื่อย ๆ


ในที่สุดหนึ่งในนักวิจัยก็รวบรวมความกล้าและเดินมา “เฟิงหลิน การดัดแปลงยาอะดรีนาลีนของคุณประสบความสำเร็จมาก ผมอยากรู้ว่าคุณสามารถแบ่งปันสูตรให้ผมศึกษาได้ไหม?”


 


คำถามนี้หยาบคายมาก


จะมีคนถามความลับของใครตรงๆอย่างนี้ไหม?


แต่เฟิงหลินกำลังคิดเช่นนี้


นี่เป็นโอกาสที่ดีของเขาที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในแผนกสินะ?


มันแค่สูตรดัดแปลงยาอะดรีนาลีนเอง! เนื่องจากเฟิงหลินมีสูตรสำหรับยาอะดรีนาลีนที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว เขาจึงไม่สนใจสูตรระดับสูง เขาอาจจะใช้มันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่นี่


รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ดวงตาดูไว้วางใจและจริงใจในขณะที่เขาตอบว่า “แน่นอน!”


“ยาอะดรีนาลีนเป็นยาที่กระตุ้นร่างกายมนุษย์ให้หลั่งสารอะดรีนาลีน มันสามารถเพิ่มความเร็วในการตอบสนองทางความคิดได้ หากคุณต้องการเปลี่ยนสูตร คุณต้องเริ่มจากผลกระทบขององค์ประกอบทางการแพทย์ก่อน … ” เฟิงหลินพูด บอกพวกเขาถึงประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการดัดแปลงสูตรยาอะดรีนาลีนให้เป็นระดับสูง เขาไม่ได้พูดถึงสูตรอะดรีนาลีนที่สมบูรณ์แบบสักคำเดียว


 


แต่สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้ว นักวิจัยในบริเวณใกล้เคียงขยับเข้าใกล้อย่างต่อเนื่อง พวกเขาฟังประสบการณ์ของเฟิงหลินอย่างจริงจัง


ความรู้สึกไร้รูปแบบแสนอบอุ่นแผ่ออกมาจากเฟิงหลินคล้ายโรคระบาด


ทุกคนในแผนกวิจัยรู้สึกว่า เฟิงหลินช่างเป็นคนดีจริงๆ ไม่ได้ปิดบังอะไรเอาไว้เลย เขายินดีที่จะให้ความรู้และประสบการณ์ที่มีค่าแก่พวกเขา


ดวงตาสองคู่ในแผนวิจัยลอบมองเงียบๆ


สายตาของผู้จัดการแฟรงค์นั้นเงียบสงบ ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่


สำหรับดวงตาอีกคู่มาจากหัวหน้าไอค์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล – พวกมันเต็มไปด้วยความน่ากลัวและความกังวลใจ


เฟิงหลินเปลี่ยนจากเด็กใหม่เป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแผนกวิจัย


อิทธิพลไร้รูปร่างนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!

 

 

 


ตอนที่ 95 ล้างสมองสำเร็จ

 

“สูตรยาขั้นสูงนี้ช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของยาและเพิ่มระยะเวลา”


“ง่ายมาก!” ส่วนประกอบทางการแพทย์หลักๆของยาอะดรีนาลีนคือเกสรดอกเลือดมังกรและผงวิญญาณ สำหรับการปรับปรุงทั้งสองอย่าง เราเพียงแค่ต้องปรับประสิทธิภาพยาของทั้งสองก็จะได้ผล! “


“ทำไมคุณต้องใช้น้ำแข็งเหลว”


“เนื่องจากน้ำแข็งเหลวเป็นตัวยับยั้งอนุภาควิญญาณ ตามธรรมชาติมันสามารถลดอนุภาควิญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเนื่องจากมันทำจากโมเลกุลน้ำทั้งหมด จึงไม่ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ใดๆเมื่อผสมกับส่วนประกอบทางการแพทย์อื่น ๆ “


“คุณรู้อัตราส่วนที่แน่นอนของแต่ละองค์ประกอบทางการแพทย์ได้ยังไง”


“ง่ายๆ ยาอะดรีนาลีนเป็นยาเกรดต่ำ ประสิทธิภาพของยาไม่รุนแรงและแม้จะมีผลข้างเคียง ผู้บริโภคก็สามารถทนได้ ผมทดสอบกับตัวเองและรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของประสิทธิภาพยา ดังนั้นจึงค่อยๆปรับปรุงจนกระทั่งได้สูตรดีที่สุด ซึ่งได้ผลดีมากกว่าเมื่อทดลองกับมนุษย์ ทำให้ผมสามารถปรับเปลี่ยนสูตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น!



นักวิจัยของแผนกวิจัยและพัฒนาล้อมรอบเฟิงหลินที่อยู่ตรงกลางเขา ตอบคำถามแต่ละข้อด้วยความอดทนและมีเสียงปรบมือในตอนท้าย


“พูดดี!”


“อย่างที่คิดไว้นักวิจัยพันธุกรรมอัจฉริยะที่ได้รับคัดเลือกจากผู้จัดการแฟรงค์!”


“ความเร็วของกระบวนการคิดของนายสูงเกินกว่ามนุษย์ธรรมดา!”



ทุกคนมองมาอย่างประทับใจ


ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แผนกวิจัยและพัฒนาขนาดใหญ่ได้กลายเป็นเวทีของเฟิงหลินเพียงคนเดียวนักวิจัยเกือบทั้งหมดของที่นี่กลายเป็นแฟนคลับเขา


อิทธิพลไร้รูปร่างของเขากระจายออกไปอย่างเงียบ ๆ


เฟิงหลิน ลบล้างความเกลียดชังของทุกคนที่มีต่อเขา และโดยการตอบคำถามของนักวิจัยทุกคน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนอื่นๆก็ยิ่งดีขึ้น เพิ่มความประทับใจให้มากกว่าเดิมว่าเขาเป็นคนดี ความประทับใจนี้ลึกซึ้งมากจนไม่สามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆอีกต่อไป


เขาทำหลายอย่างเพราะเขาต้องการที่จะละลายความเกลียดชังในหัวใจของทุกคน ก่อนที่เขาจะพยายามใช้เทคนิคสะกดจิต


เมื่อทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ เฟิงหลินก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับการสะกดจิตมากขึ้น เขาไม่ได้ถูกจำกัดเพียงวิธีการเดียว แต่เรียนรู้วิธีการใช้เทคนิคอย่างสร้างสรรค์และใช้งานได้จริง


ถ้าก่อนหน้านี้เฟิงหลินถูกมองว่าเป็นศัตรูของทุกคน ความรู้สึกของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ความสัมพันธ์จากคนแปลกหน้าเปลี่ยนเป็นความคุ้นเคย และเปลี่ยนเป็นความหลงใหลในตัวเขา … ในที่สุดอารมณ์ก็กลายเป็นความชื่นชม


เฟิงหลินกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจในแผนกวิจัยและพัฒนาอย่างสมบูรณ์


“ทำอะไรกัน? ทำไมถึงไม่ทำงาน ใครสักให้อู้งาน ถ้าเป็นอย่างงี้ ลืมเรื่องโบนัสปลายปีไปได้เลย! ผมจะหักเงินเดือนพวกคุณด้วย!” เสียงไม่พอใจดังขึ้น


ถ้าไม่ใช่หัวหน้าไอค์ แล้วจะเป็นใคร?


ทุกคนบอกเฟิงหลินผ่านสายตาว่า ‘โชคดี’ และกระจัดกระจายเหมือนนกบินออกจากรัง


“เฟิงหลินคุณมาที่แผนกวิจัยและพัฒนาเพื่อทำงาน ถ้าอยากมาคุย คุณสามารถออกไปและกลับบ้านได้ทันที มีคนมากมายในอินเทอร์เน็ตที่จะเสียเวลามาคุยกับคุณ ” ไอค์ตำหนิอย่างหยาบคาย


เฟิงหลินตีหน้านิ่ง เขายิ้ม “งานที่คุณให้ผมก่อนหน้านี้เสร็จแล้ว ผมกำลังรอว่าหัวหน้ามีงานใหม่ให้ผมทำไหม?”


ไอค์โกรธ หมายความว่าหลังจากผ่านมาครึ่งวัน มันเป็นความผิดของฉันที่ปล่อยให้แกว่าง?


ในตอนแรกเขาต้องการที่จะเยาะเย้ยเฟิงหลิน แต่จู่ๆเขาก็เห็นแววตาลึกๆที่กำลังมองเขา


ดวงตาคู่นั้นเหมือนหลุมดำที่กลืนกินแสงสว่างทั้งหมด แม้สติสัมปชัญญะของเขาก็ถูกกลืนกินไปด้วย


ระลอกคลื่นพุ่งทะลักออกมา ทั้งไร้รูปร่างและไร้สสาร มันเหมือนสายลมอ่อนโยนที่พัดปะทะกับกำแพงภูเขาเช่นเดียวกับแสงจากดวงจันทร์ที่เปล่งประกายระยิบระยับบนผิวน้ำในทะเลสาบ


ทันใดนั้นความโกรธในใจของไอค์ก็ดูเหมือนจะถูกราดด้วยคลื่นน้ำเย็นๆ


การแสดงออกของเขาแข็งทื่อ แต่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาอยากจะโกรธ แต่โกรธไม่ได้ ท่าทางของเขาดูตลกมาก


เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?


ทันใดนั้นความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป ในฐานะหัวหน้าแผนกของหน่วยวิจัยและพัฒนานี้ ทำไมเขาต้องทำให้ลูกทีมเขาลำบากด้วย?


แม้ว่าเด็กใหม่นี่จะมองการณ์ไกลและทำให้เขาไม่มีความสุขกับการทดลองมนุษย์อย่างมาก แต่เฟิงหลินก็ถือว่าเป็นคนซื่อสัตย์ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน


ตัวเขาเองเป็นคนที่มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความสามารถที่ไร้ขอบเขต ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมาฟาดฟันกับเด็กใหม่และทำให้ตัวเองลำบาก



เมื่อความคิดของไอค์เปลี่ยนไปอารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาไม่โกรธอีกต่อไปแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะยังคงเย็นชาอยู่


“เฟิงหลิน ความสามารถของคุณไม่เลว การปรับปรุงยาอะดรีนาลีนทำให้ความเร็วในการทำงานของหน่วยวิจัยและพัฒนาของเรารวดเร็วขึ้นมาก เอาล่ะ งานต่อไปของคุณคือผมอยากให้คุณปรับปรุงสูตรสำหรับน้ำยาแห่งชีวิตและลดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อกินมันลงไป! “


คำพูดนี้ทำให้ทุกคนตกใจมาก


ผู้นำที่เคร่งครัดและไร้มนุษยธรรมแบบนี้กลับเป็นมิตรกับคนอื่น ผีเข้าหรือว่าเฟิงหลินใช้วิธีไหนเขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้??


ทุกคนเริ่มเดาอย่างเงียบๆ


ระลอกคลื่นไร้รูปร่างแผ่ขยายออกไป


ความสงสัยในใจของทุกคนหายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอับอายและรู้สึกผิด


ก่อนหน้านี้เฟิงหลินไม่ได้กักอะไรไว้เลย เขายังบอกเล่าประสบการณ์และสูตรยาอะดรีนาลีนปรับปรุงใหม่ให้กับเราแล้วเราจะเริ่มสงสัยเขาโดยไม่มีหลักฐานอะไรได้ยังไง?


เราแย่แค่ไหนกัน!


ทันใดนั้นพวกเขาก็เชื่อมโยงกับความจริงที่ว่าสิ่งที่เฟิงหลินทำก่อนหน้านี้ทำให้ไอค์เชื่อมั่น นี่คือสาเหตุที่ท่าทางของเขาต่อเฟิงหลินอ่อนโยนขึ้นมาก เขายังมอบหมายงานที่ง่ายกว่าเดิมขึ้นมาก


เฟิงหลินเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเทคนิคการสะกดจิตของเขาจะได้ผลดีแบบนี้


“ ขอบคุณมากครับหัวหน้า” เขาเห็นด้วยในทันทีและยอมรับภารกิจที่ไอค์มอบให้เขาไม่ปล่อยให้ไอค์เปลี่ยนใจ


ไอค์รู้สึกนิดๆว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เนื่องจากเขาได้พูดไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถกลับคำได้


“ทำมันให้ดี” พอจบประโยคเขารีบหมุนตัวเดินออกไป


เฟิงหลินลอบปาดเหงื่อเย็น ในขณะที่วิสัยทัศน์ของเขาเริ่มเลือนราง


การสะกดจิตของจริงไม่ใช่สิ่งที่ทำได้บ่อยๆ


เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เขาใช้ระลอกคลื่นสะกดจิตเพื่อจูงใจคนอื่น เฟิงหลินไม่ต้องเสียเวลากับไอค์เมื่อเขาเห็นว่า ไอค์อยู่ที่นี่ เพื่อไม่ให้ยากสำหรับเขา ดังนั้นเขาจึงใช้เทคนิคสะกดจิตเพื่อล้างสมองไอค์ การทำเช่นนี้จะเปลืองพลังงานจิตกว่ามาก


พลังงานจิตของเขาหมดลงในไม่ช้า มันเหนื่อยเกินไป


นอกจากนี้แม้ว่าวันนี้เขาจะล้างสมองไอค์ เขาต้องไม่ใช้มันบ่อยเกินไป มันจะมีผลกระทบย้อนกลับและทำให้คนอื่นรู้ว่ามีบางสิ่งแปลกๆเกิดขึ้น นั่นจะเป็นการทำร้ายตัวเอง


โชคดีที่เขาประสบความสำเร็จในขั้นตอนแรก


เฟิงหลินตัดสินใจหยุด เขาดึงพลังงานจิตกลับคืนมา และไม่ลองใช้เทคนิคใดๆอีกต่อไป


เมื่อความประทับใจเกิดขึ้นตราบใดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษ มันจะยังคงอยู่


เฟิงหลินไม่กังวลว่าคนเหล่านี้จะกลับสู่สภาวะเดิม


ช่วยไม่ได้ บอกได้เลยว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานของเขาดีขึ้นมาก


เฟิงหลินไม่รู้สึกเป็นเป้าหมายอีกต่อไป


เนื่องจากความจริงที่ว่าเขาใช้พลังงานจิตมากเกินไป เฟิงหลินจึงรู้สึกเหนื่อยล้าและไร้วิญญาณตลอดทั้งวัน


หลังจากใช้เวลาทำงานที่ไร้ประโยชน์ เขาก็กลับห้องแล้วทิ้งตัวลงนอน


ในวันถัดไปหลังจากพลังงานจิตของเขาฟื้นตัว เขาก็เริ่มพยายามปรับปรุงสูตรยาแห่งชีวิต


เฟิงหลินรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องทำต่อไปคือการสร้างผลงานที่โดดเด่นยอดเยี่ยมในทุกงานที่ได้รับมอบหมาย จากนั้นเขาจะกลายเป็นสมาชิกหลักของแผนกวิจัยและพัฒนา และรู้ความลับที่แท้จริงของบริษัท


งานนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แม้ว่าเขาจะต้องปรับปรุงสูตรยาให้ดีขึ้น เขาก็แค่ต้องลดความเจ็บปวดต่อร่างกายของคนที่ดื่มยาแห่งชีวิต


เมื่อพิจารณาถึงผลของยาที่เกิดจากการดื่มยาแห่งชีวิต เฟิงหลินก็คุ้นเคยอย่างมาก เพราะเขาเคยดื่มมามาก


โดยเฉพาะในครั้งแรก ผลของยาแห่งชีวิตจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายมนุษย์อย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกที่คล้ายกับ ‘ทำลายเพื่อสร้างใหม่’ จะสร้างคลื่นความเจ็บปวดแก่ผู้บริโภค ประสบการณ์ของเขาชัดเจน


สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติของยาแห่งชีวิต


โดยธรรมชาติแล้วยาแห่งชีวิตนั้นมีแต่ยาเกรดต่ำ จะกระตุ้นได้ยังไง?


ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นเกิดจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง


ยิ่งมีผลกระทบที่โดดเด่นมากเท่าไหร่ ระดับของการเปลี่ยนแปลงก็จะยิ่งมากขึ้น และความเจ็บปวดก็จะยิ่งมากขึ้นตามๆกัน


โดยทั่วไป อาการปวดแสดงว่ายาได้ผลดี


แต่เดิมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขยาแห่งชีวิตเลยแม้แต่น้อย ถ้าใครไม่สามารถทนความเจ็บปวดนี้ได้ พวกเขาจะคิดเรื่องการบ่มเพาะไปทำไม?


ผู้บ่มเพาะดวงดาวย่อมไม่ประสบความสำเร็จหากไม่ทนกับความทรมาน


แต่ไอค์กลับขอให้เขาปรับเปลี่ยนยาแห่งชีวิต เพื่อลดปริมาณความเจ็บปวดเมื่อกินเข้าไป


เฟิงหลินรู้สึกว่านี่เป็นการลดประสิทธิภาพ


เขาเริ่มไตร่ตรองอย่างละเอียด การลดความรุนแรงของความเจ็บปวด เพราะไอค์ไม่ต้องการให้มนุษย์ทดลองเหล่านี้ตาย และยังสามารถให้คนธรรมดาดื่มมันได้?


หัวของเฟิงหลินหมุนวนและคิดเพิ่มส่วนผสมทางการแพทย์


หากการรับรู้เจือจาง ความเจ็บปวดก็จะหมดไป เหมือนกับการฉีดยาชา


การคิดมันง่าย แต่ก็ไม่ง่ายที่จะทำให้สำเร็จ


เฟิงหลินใช้ประโยชน์จาก A.I ในแผนกวิจัยและพัฒนาเพื่อคำนวณส่วนผสมที่เขาสามารถเติมลงไปในยาแห่งชีวิต


อย่างรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์ได้แสดงส่วนผสมสามอย่าง หญ้างูร้อยดอก น้ำมันวาฬมังกร และน้ำผลไม้เมามาย


ท้ายที่สุดA.I.ก็ยังเป็นA.I  มันสามารถเริ่มคำนวณได้จากข้อมูลภายนอกเท่านั้น แต่หากต้องการค้นหาคำตอบจริงๆก็ยังต้องทดสอบด้วยตัวเอง


เฟิงหลินเริ่มการทดลอง เขาใช้ทักษะที่เขาค้นพบก่อนหน้านี้ – เทคนิคการควบคุมยีนขนาดไมโคร – เพื่อวางส่วนผสมและจัดสรรปริมาณที่เหมาะสมก่อนที่เขาจะทดลอง


ในที่สุดเขาก็สามารถสร้างเวอร์ชั่นใหม่ที่พัฒนาแล้วสำหรับยาแห่งชีวิตได้ ต้องเติมน้ำมันวาฬมังกร100 มิลลิลิตรเพื่อทำให้ผลมึนงง ผู้บริโภคจะหลับลึกและความเจ็บปวดจะหายไป


ประสิทธิภาพของการปรุงยาแบบเดิมยังไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่มีความมึนงงเพิ่มขึ้น


เนื่องจากเฟิงหลินทำภารกิจเสร็จแล้ว เขาจึงไม่ต้องเสียเวลาพยายามพัฒนาสูตรต่อ


แม้จะเป็นยาแห่งชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด มันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนักกับเฟิงหลินในปัจจุบัน


หลังเฟิงหลินส่งมอบสูตรที่ได้รับการปรับปรุงให้ ไอค์ก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ทดลองและพอใจกับผลลัพธ์มาก


มนุษย์ทดลองหลับเหมือนปลาตาย แต่สถานะพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


ผลลัพธ์ของการทดลองนั้นสมบูรณ์แบบมาก


ไอค์รู้สึกชื่นชอบเฟิงหลินมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนแรกจะไม่ค่อยชอบ แต่ความจริงที่ว่าพรสวรรค์ของเขาเหนือกว่าคนอื่นๆก็ช่วยให้แผนกวิจัยและพัฒนาก้าวหน้าอย่างมาก


อืม อาจถึงเวลาที่จะให้เฟิงหลินรู้เกี่ยวกับความลับของหน่วยวิจัยและพัฒนา!


ภายใต้อิทธิพลอันละเอียดอ่อนของเฟิงหลินจากเทคนิคการสะกดจิตของเขา ความอาฆาตของไอค์ที่มีต่อเฟิงหลินก็หายไป เขาปฏิบัติกับเฟิงหลินเหมือนผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถและมักจะยิ้มและหัวเราะกับเฟิงหลินเสมอ


หากก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาคือศัตรู พวกเขาในตอนนี้ก็เป็นกันเองอย่างมาก


คนในแผนกวิจัยและพัฒนามีสีหน้าตกใจเหมือนเห็นผี ความสัมพันธ์ระหว่างไอค์และเฟิงหลินกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?


กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นแสงแวววาวในดวงตาของเฟิงหลิน ดวงตาของเขาเหมือนหลุมดำที่สามารถกลืนวิญญาณผู้อื่นได้


ความพยายามในการล้างสมองประสบความสำเร็จ!

 

 

 


ตอนที่ 96 บันทึกการวิจัย

 

“นี่คือบันทึกการวิจัยเรื่อง นำกลับไปศึกษาให้ดี! เฟิงหลิน พรสวรรค์ของคุณเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป คุณไม่จำเป็นต้องทำงานปกติอีกต่อไป คุณจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่หลักของแผนกวิจัยของเรา “ภายใต้การล้างสมอง ทัศนคติของหัวหน้าไอค์เปลี่ยนไปมาก


 


เฟิงหลินอยู่ในแผนกวิจัยและพัฒนาเพียงไม่กี่วัน แต่เขาได้กลายเป็นพนักงานหลักแล้ว!


นี่เป็นจังหวะชีวิตแบบไหนกัน?


จังหวะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ทุกคนชื่นชมเขา ไม่มีใครอิจฉา


นั่นเป็นเพราะต่อให้อิจฉาก็ไม่ได้อะไรมา


ในฐานะแผนกหลักของบริษัทยาไจแนท์ แผนกวิจัยและพัฒนาเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่สำคัญที่สุดแม้ว่าความกดดันในการแข่งขันจะสูง แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนผู้มีความสามารถ


พวกเขาทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าการที่เฟิงหลินได้เข้าเป็นสมาชิกหลักไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือผู้สนับสนุนอื่น แต่เขาได้รับมันด้วยทักษะและความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของเขา


แม้ว่าทุกคนในแผนกวิจัยและพัฒนาจะค่อนข้างชื่นชอบเฟิงหลิน แต่การที่เด็กใหม่ข้ามหน้าข้ามตาก็ทำให้รู้สึกขมปาก แต่ก็ไม่ได้อิจฉา


สิ่งที่พวกเขาไม่ทราบคือเฟิงหลินสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเพราะเขาได้พัฒนาเทคนิคการจัดการไมโครยีนโดยใช้สมการทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐาน


อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเฟิงหลินใช้เทคนิคสะกดจิตล้างสมองไอค์ เพื่อลดอคติที่มีต่อเขา ดังนั้นไอค์จึงเลือกเขาแทน


ตอนนี้เฟิงหลินรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม เขาดีใจที่เขาเลือกเส้นทางถูก การเรียนรู้เทคนิคการสะกดจิตช่วยให้เขาใกล้ชิดกับคนอื่นได้


ตอนนี้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรูเปลี่ยนไปแล้ว พร้อมกับความเป็นอิสระและมีพื้นที่ เขาสามารถใช้วิธีการของเขาได้อย่างอิสระและง่ายดาย


เนื่องจากระบบสุริยจักรวาลค่อนข้างวุ่นวาย ระเบียบทางสังคมจึงอยู่แบบแยกตัวออกจากกันฃ


การเรียนรู้เทคนิคสะกดจิตจะช่วยให้เขาเข้าถึงหัวใจของคนอื่นอย่างเงียบๆ และสร้างสถานการณ์ที่ได้เปรียบสำหรับตัวเอง


นี่คือสิ่งที่เฟิงหลินต้องการ


ในตอนท้ายของวันทำงาน เฟิงหลินยิ้มและทักทายเพื่อนร่วมงานคนอื่น และเดินไปที่ห้องของเขา


เมื่อเขาแยกตัวออกจากผู้คน และไม่มีใครสังเกตเห็นสีหน้าของเขาอีกต่อไป รอยยิ้มของเฟิงหลินก็พลันก็หายไปอย่างรวดเร็ว


หลังกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง เฟิงหลินก็เริ่มการบ่มเพาะทันที เขาดื่มน้ำยาแห่งชีวิตสิบขวดติด ตามด้วยสารอาหารเหลวสิบขวด


 


แม้ว่าร่างกายของเขาจะผอมเพรีย วท้องของเขากลับเหมือนวัว ความกระหายของเขานั้นเกินจินตนาการ


เฟิงหลินรู้สึกว่าสิ่งที่เขาดื่มไม่ใช่ยา แต่เป็นเงิน เขากินเงินจำนวนมากอย่างรวดเร็วเข้าท้องของเขา


ความรู้สึกเร่งรีบปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาต้องการสร้างรายได้โดยเร็วที่สุด


เพื่อทำเงิน มีงานไหนบ้างที่จะสร้างความมั่งคั่งได้ดีไปกว่านักพันธุศาสตร์?


ดังนั้นการเป็นนักพันธุศาสตร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเฟิงหลิน


เขาไม่คิดมากเกินไป สงบลมหายใจและสติ


ใช้เทคนิคในการแปลงพลังงานเป็นชี่ อัตราสารอาหารที่ถูกแปลงเป็นศักยภาพทางพันธุกรรมกลายเป็นสองเท่า


ศักยภาพทางพันธุกรรม + 20%, + 20%, + 20% …


ไม่นานก็สูงถึง 668% พลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นถึง 18.9


เมื่อการฝึกฝนเสร็จสมบูรณ์ เฟิงหลินก็ลืมตาและถอนหายใจ


แม้ว่าศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจ


ตอนนี้ความต้องการศักยภาพทางพันธุกรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราที่เขาบ่มเพาะ อย่างน้อยต้องสามครั้งเขาถึงจะมีศักยภาพทางพันธุกรรมมากกว่า 1,000% เพื่อที่จะได้รับแต้มพันธุกรรมแรกเริ่มหนึ่งหน่วย


นอกจากนี้เขายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงยีนลิงหิน


อย่างไรก็ตาม แค่คิดมันไร้ประโยชน์


เขาเติมสารอาหารจนเต็ม การบ่มเพาะต่อเนื่องเปลืองพลังงานจิตมาก


เฟิงหลินนอนหลับ และตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เขารีบล้างหน้าและเริ่มดูบันทึกการวิจัย


ตอนเช้าสมองปลอดโปร่งที่สุด เขารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีในการอ่านบันทึกการวิจัย บันทึกนั้นมีข้อมูลที่ละเอียดมากเกี่ยวกับการทดลองมนุษย์ในช่วงเวลาต่างๆ


เขาทนกับความรู้สึกในใจ และดูบันทึกต่อไป เขาค่อยๆเข้าใจว่าแผนกวิจัยและพัฒนากำลังทำอะไรอยู่


 


ยายีนมีผลกระตุ้นยีน หลังจากบริโภคซ้ำๆ และกระตุ้นยีนบางอย่าง มันอาจปลุกยีนขึ้นมาอย่างถาวร


แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือร่างกายมนุษย์จะต้องทนผลข้างเคียงของยาได้


ในการทดลองครั้งแรก ผู้ทดลองไม่สามารถทนความแรงของยา หลังจากดื่มย าร่างกายของพวกเขาระเบิดจนเสียชีวิต


แต่ต่อมา ในขณะที่แผนกวิจัยและพัฒนายังคงเจือจาง และปรับความแรงของยาบางส่วน มีบางคนสามารถทนต่อยาที่มีเบาลงได้ พลังของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน สอดคล้องกับสัญญาณการตื่นของยีน


สถานการณ์ดูเหมือนจะดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล


นั่นเป็นเพราะความอดทนของร่างกายมนุษย์มีขีดจำกัด แม้จะเข้าใกล้ขีดจำกัดได้ แต่ก็ไม่สามารถเกินขีดจำกัดได้


ในขณะที่กลุ่มมนุษย์ทดลองถูกทดลองอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายร่างกายของพวกเขาก็ระเบิด


นั่นเป็นข้อจำกัดของร่างกายคนธรรมดา นี่คือสิ่งที่มีมาแต่กำเนิดและยากที่จะเปลี่ยนแปลง


หลังจากการทดลองซ้ำๆก็ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหา


 


เมื่อมาถึงจุดนี้เฟิงหลินก็รู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่ท้าทายขีดจำกัดร่างกายมนุษย์ พวกเขาจึงเริ่มต้นการพัฒนายาเอง


พวกเขาพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของยาและลดผลข้างเคียง


ประเด็นนี้กระตุ้นเฟิงหลิน ครั้งแรกที่เขามาแผนกวิจัยและพัฒนา เขาได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงยาอะดรีนาลีน หรือนี่คือจุดประสงค์?


อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับวิธีนี้


บริษัทยาไจแอนท์เป็นองค์กรที่มีความสามารถมากมาย มีนักพันธุศาสตร์หลายคนในแผนกวิจัยและพัฒนา  การปรับปรุงสูตรยาก็ไม่ยากสำหรับพวกเขา


เมื่อเห็นว่าไม่มีความก้าวหน้ามานาน วิธีก็คงไม่ได้ผล


แล้วปัญหาคืออะไร?


เฟิงหลินมีลางสังหรณ์ในใจว่านี่เป็นจุดสำคัญสำหรับเขาหากเขาไขข้อข้องใจนี้ได้ นอกจากนี้มันจะช่วยเขาอย่างมากในการก้าวเข้าสู่การเป็นนักพันธุศาสตร์ อนาคตของเขาจะไร้ขอบเขต


เฟิงหลินศึกษาภาพอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็มีฉากหนึ่งดึงดูดความสนใจเขา


บันทึกนี้คือบันทึกเมื่อสามปีที่แล้ว


มันแปลกมาก โดยเฉพาะฉากการทดลองที่ไม่ได้อยู่ในแผนกวิจัยและพัฒนา


ดูเหมือนว่านี่เป็นสถานที่อื่น


 


“เร็วเข้า รีบขุดซากปรักหักพัง มันอาจมีความลับจากตำนานโบราณ!”


“กลิ่นนี้คือกลิ่นอะไร? ดูเหมือนว่าจะเป็นยาชนิดหนึ่ง! บางทีนี่อาจเป็นยาโบราณ!”


“ทำไมน้ำยานี้ถึงเป็นยาทา?”


 



 


เสียงมาจากวิดีโอแต่ไม่มีมีคน


ทันใดนั้นภาพก็เปลี่ยนเป็นแผนกวิจัยทันที


มีการใส่สารคล้ายขี้ผึ้งสีม่วงเข้าไปในปากมนุษย์ทดลอง


ตัวอย่างต่อไป ท่าทางของมนุษย์ทดลองเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หลอดเลือดดำปูดขึ้นเหมือนมีใยแมงมุมปกคลุมร่างกาย เหมือนวิญญาณชั่วร้ายที่มาจากนรก ใบหน้าที่น่ากลัวจ้องมองคนที่อยู่รอบข้าง แยกเขี้ยวขบฟันต้องการดูดเลือดและกินเนื้อของพวกเขา


กลุ่มนักวิจัยยืนอยู่ใกล้หลอดทดลอง และสังเกตปฏิกิริยาอย่างใกล้ชิด คนที่อยู่หน้าสุดคือผู้จัดการแฟรงค์


ทันใดนั้นมนุษย์ทดลองก็ใช้มือบีบคอ และส่งเสียงร้อง มีปีกงอกขึ้นจากด้านหลังของเขาและโตขึ้นอย่างรวดเร็ว


แผนกวิจัยและพัฒนาส่งเสียงดัง


 


“นั่นเป็นยาศักดิ์สิทธิ์โบราณจริงๆ มันส่งผลกระทบต่อมนุษย์!”


“ผลจะเป็นยังไง? มันจะทำให้พวกเขากลายเป็นผู้บ่มเพาะยีนได้?”


“เหลือเชื่อ!”


 



 


บูม บูม!


เสียงบางอย่างทะลุผ่านร่างกายดังขึ้น!


เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว


ปีกคู่หนึ่งพุ่งทะลุด้านหลังมนุษย์ทดลอง ข้างหนึ่งเป็นสีทองอีกข้างหนึ่งเป็นสีเงิน เลือดหยดลงจากขนนกนุ่ม


ทันใดนั้น ปีกก็สะบัดอย่างดุร้าย หวือ ~ ลมและฟ้าปรากฏขึ้นพร้อมกัน ส่งเสียงดังกึกก้อง


นี่คือ …

 

 

 


ตอนที่ 97 ยาโบราณ

 

ผัวะ, ผัวะ, ผัวะ!


ปีกลมและพายุไม่หยุดนิ่ง ในขณะที่ลมและฟ้าร้องเสียงดัง


ภายในหลอดทดลองเล็กๆ สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือสายฟ้าและลมโหมกระหน่ำ พายุสายฟ้าหมุนวนอยู่ภายในนั้น


“ยีนตื่นขึ้นแล้ว! สมกับที่เป็นยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ผลที่ได้ช่างน่าอัศจรรย์


“ถ้าเราสามารถวิจัยเทคนิคที่จะพัฒนามันได้ เราจะสามารถผูกขาดตลาดยายีนได้ บริษัทยาไจแอนท์ของเราจะมั่นคงและร่ำรวย!”


“เร็วเข้าสิ คุณจะรออะไร! ศึกษาข้อมูลใหม่จากหนูทดลองนี่!”



แผนกวิจัยและพัฒนาในวิดีโอวุ่นวายและสับสน


เฟิงหลินก็แปลกใจ เมื่อเห็นภาพนี้


คนธรรมดาสามารถปลูกปีกลมและพายุได้หลังจากทานยาศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้ มันเกินจินตนาการ มันขัดแย้งกับทฤษฎีของยีนในตำนานอย่างสิ้นเชิง!


ไม่น่าแปลกใจที่ลุคจากกองทัพปฏิวัติของดาวอังคารจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มันกลับกลายเป็นว่า บริษัทยาไจแอนท์ค้นพบความเป็นไปได้ว่าคนทั่วไปสามารถบริโภคน้ำยายีนได้ แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถฟื้นคืนได้ตอนนี้


บูม!


ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหลอดแก้วระเบิด


เฟิงหลินมองดูอย่างประหลาดใจหลอดแก้วอุณหภูมิสูงแตกกระจายตกลงพื้น


ลมแรงพัดผ่านไป ชายร่างผอมยืนอยู่ ด้วยใจที่ไม่ย่อท้อ


ชายคนนั้นประกบปีกเพื่อปกปิดตัวเอง นักวิจัยไม่สามารถมองหน้าเขาได้ชัดเจน


“แย่แล้ว!หนูทดลองหลุดจากหลอดแก้ว!”


“ตามความรุนแรงของความผันผวนทางพลังงาน เขาอาจกลายเป็นผู้บ่มเพาะพันธุกรรมแล้ว!”


“จับเขา อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้ นี่เป็นหนูทดลองที่ดีที่สุดของเรา!”



เนื่องจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงฉับพลัน ความประหลาดใจของพวกเขากลายเป็นความตื่นตระหนก ยิ่งกว่านั้นคำพูดที่พวกเขาพูดยังทำให้มนุษย์ทดลองโกรธยิ่งกว่าเดิม


เขาสยายปีกและเผยให้เห็นดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่ง เสียงที่เขาปล่อยออกมาจากลำคอทั้งแหบและต่ำ ดูเหมือนว่ามนุษย์ทดลองจะไม่ได้พูดมานาน เขาแย้มฟันและพูดทีละคำ “ฉัน … อยาก…ให้…พวกแก…ตาย!”


เมื่อพูดคำว่ ‘ตาย’ มนุษย์ทดลองก็เร่งความเร็วไปถึงขีดสุด เปลี่ยนเป็นเงาและโยนตัวเขาไปหาฝูงชนราวกับเขาเป็นนักล่า ขนปีกเขาทั้งแหลมและแข็ง


ปีกของเขากวาดไปทั่วปล่อยแสงประกายรอบๆ พัดหมอกสีแดงกระจาย


นักวิจัยที่อ่อนแอเหล่านั้นไม่สามารถสู้ได้เลย ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก


ลมแรงและสายฟ้าดังทุกครั้งที่มนุษย์ทดลองกระพือปีก


เขาระบายอารมณ์อย่างบ้าคลั่ง แสดงอำนาจเปลี่ยนแผนกวิจัยที่เงียบสงบให้กลายเป็นมีแต่เสียงกรีดร้องและวิ่งกันกระจัดกระจาย


เพียงเมื่อมนุษย์ทดลองกำลังอาละวาด เขาก็สังเกตเห็นว่าผู้จัดการแฟรงค์ตะโกนอะไรบางอย่างในวิดีโอ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้จัดการแฟรงค์พูด


บันทึกได้รับการแก้ไขเป็นพิเศษเพื่อลบเสียงที่บันทึกในส่วนนี้


บูม!


เสียงระเบิดดังและเงาดำก็ปรากฏในอากาศ มันเร็วมากจนแม้แต่วิดีโอก็ไม่สามารถจับภาพได้ทัน


เงาดำเหมือนผีที่ปรากฏอยู่ด้านหลังมนุษย์ทดลอง มือของมันจับปีกที่กระพืออย่างรวดเร็วและฉีกออกอย่างรุนแรง


มนุษย์กลายพันธ์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่มองหลังตัวเอง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นปีกของตัวเองถูกกระชากจากหลังและเลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด


อย่างไรก็ตาม เงาดำก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย


เวลาผ่านไปเพียงวินาทีเดียวหลังจากที่เงาปรากฏจนกระทั่งมันจัดการกับมนุษย์กลายพันธุ์ได้สำเร็จ เร็วจนเปรียบเสมือนภาพลวงตา


อย่างเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเงาปรากฏขึ้นคือมนุษย์กลายพันธ์ที่นอนบิดกระตุกอยู่บนพื้น


สีหน้าเฟิงหลินเปลี่ยนไป บริษัทยาไจแอนท์มีความลับมากมายและตอนนี้ยังมีสิ่งที่น่าหวาดกลัวซ่อนอยู่อีก


แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็นเงาได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็สามารถประมาณความสูงของเงาได้ซึ่งน่าจะสูงประมาณห้าเมตร มันไม่ใช่มนุษย์แน่นอน


สมาชิกของแผนกวิจัยและพัฒนาเป็นเหมือนเด็กสามขวบเมื่อเทียบกับเงา


ในท้ายที่สุดมนุษย์กลายพันธุ์ที่บ้าดีเดือดก็ถูกมันจัดการได้



มนุษย์กลายพันธุ์กระตุกอย่างแรงบนพื้น อาการสาหัสมาก เลือดไหลออกมาจากแผลจนไม่สามารถอุดได้อีก


ราวกับว่าพลังทั้งหมดของเขาหมดไปเมื่อไม่มีปีก


ทุกคนวิ่งไปยังมนุษย์กลายพันธุ์และมัดเขาไว้


ข้อมูลที่แสดงยังพิสูจน์จุดนี้ ข้อมูลของมนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่บนกระดานกลับไปเป็นคนธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ


เฟิงหลินต้องการดูต่อ แต่บันทึกจบลงแค่นี้


เขาตระหนักว่าเขาเพิ่งได้ดูจุดเริ่มต้นของการค้นพบของบริษัทยาไจแอนท์ พวกเขาให้คนธรรมดาดื่มยาศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ค้นพบจากซากปรักหักพังในตำนาน น่าแปลกที่มันทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้บ่มเพาะได้


บางทีบริษัทยาไจแอนท์อาจเริ่มทำการวิจัยในหัวข้อนี้เพราะพวกเขาตระหนักถึงโอกาสนี้


เฟิงหลินดูซ้ำบันทึกซ้ำสามครั้ง เขาจดจำความก้าวหน้าของแผนกวิจัยและพัฒนาไว้ได้หมด


หลังจากค้นพบว่ายาโบราณมีผลอันน่าอัศจรรย์ แผนกวิจัยและพัฒนาของบริษัทยาไจแอนท์ก็เริ่มทำการวิจัยทันที พวกเขาทำอีกครั้งโดยใช้น้ำยายีน แต่ก็ไร้ผล


พวกเขามีความสามารถมากมายและแนวคิดที่หลากหลาย แต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จ


นี้เป็นยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่หายไปนาน มันมีความลับของการบ่มเพาะโบราณซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใหม่


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เฟิงหลินเข้าใจความกังวลของลุคจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารแล้ว


เทคโนโลยีสามารถเป็นจริงได้และบริษัทยาไจแอนท์ก็มีตัวอย่างยาดั้งเดิม หากพวกเขาทำซ้ำได้ มันก็จะสามารถพัฒนายาศักดิ์สิทธิ์โบราณได้


แม้ว่ามันยากที่จะเข้าใจตอนนี้ แต่ก็จะประสบความสำเร็จไม่ช้าก็เร็ว


หากบริษัทยาไจแอนท์มีแรงจูงใจซ่อนเร้น ด้วยประสิทธิภาพที่ยิ่งใหญ่และความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในเทคโนโลยีด้านการสร้างยาปรุงแต่งยีน พวกเขาอาจทำให้เกิดความวุ่นวายในระบบสุริยะได้


นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฟิงหลินยินดีที่จะเห็น


เขาอยู่ที่นี่เพียงเพื่อเป็นนักพันธุศาสตร์ เขาไม่ต้องการถูกลากเข้าไปในความขัดแย้ง หากเขาไม่ระวังชั่วขณะหนึ่งเขาอาจหายไปโดยไม่มีความช่วยเหลือ


ตอนนี้เขาควรทำยังไงดี?


เฟิงหลินไตร่ตรองและในทันใดความคิดก็ทำให้ใจสั่น


หากเขาเป็นผู้นำในการค้นพบสูตรยาโบราณ นั่นหมายความว่าเขาก็จะสามารถแทรกแซงทิศทางการวิจัยของแผนกวิจัยและพัฒนาเพื่อให้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาได้?


เขารู้สึกตื่นเต้นกับความคิดนี้


อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาที่จะประสบความสำเร็จในการวิจัย เขาต้องได้ศึกษายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ แต่การดูบันทึกการวิจัยไม่ได้ช่วยให้อะไร


บันทึกการวิจัยเหล่านี้เป็นประสบการณ์ของผู้ที่ล้มเหลว ถึงแม้จะดูหลายรอบก็ไม่ได้ช่วยให้เขาทำสำเร็จ


มีอะไรที่เขาต้องสนใจบ้าง


วันถัดไป เมื่อเขามาถึงแผนกวิจัยและพัฒนา เฟิงหลินก็บอกหัวหน้าทีมไอค์ถึงความตั้งใจของเขา


เมื่อไอค์ได้ยินเขาก็ตกใจ “อะไรนะ? คุณต้องการศึกษายาศักดิ์สิทธิ์โบราณด้วยตัวเองเหรอ?”


ผลจากการล้างสมองของเฟิงหลิน ความประทับใจของไอค์ที่มีต่อเฟิงหลินนั้นยอดเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเฟิงหลินกล่าวว่าเขาใช้เวลาเพียงวันเดียวในการดูบันทึกการวิจัยทั้งหมด และต้องการศึกษายาศักดิ์สิทธิ์โบราณด้วยตัวเอง


ไม่ว่าเขาจะเก่งแค่ไหนเด็กใหม่ก็ยังเป็นเด็กใหม่!


ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแผนกวิจัยและพัฒนา มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถขอดูได้เพียงเพราะเขาต้องการที่จะเห็น


“เฟิงหลิน อย่าข้ามขั้น! คุณควรทำทีละขั้นตอน!” แม้ว่าไอค์จะอารมณ์เสีย เขาก็ยังคงตอบเฟิงหลินอย่างอดทน


เมื่อเห็นว่าคนที่โหดร้ายและเคร่งเครียดนี้ยอมเขา เฟิงหลินก็หัวเราะในใจ นี่คือพลังอันน่าอัศจรรย์ของการล้างสมอง


ด้วยเทคนิคการสะกดจิต เขาสามารถเปลี่ยนมุมมองของคนอื่นได้ เทคนิคของเขาได้ผลดีมาก


แม้จะถูกปฏิเสธ แต่เฟิงหลินก็ยังคงดื้อต่อ ไม่ยอมแพ้


“ใช่แล้วหัวหน้า ผมดูบันทึกการวิจัยทั้งหมดแล้ว และผมก็ตระหนักว่าไม่มีความก้าวหน้าในหัวข้อการวิจัยเลย แม้ว่าแผนกวิจัยและพัฒนาจะเต็มไปด้วยความสามารถ – หลายคนคือนักพันธุศาสตร์มืออาชีพ – แต่พวกเขาก็ยังทำไม่สำเร็จ หากผมทำตามวิธีคิดพวกเขา ผมคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้!นั่นทำให้ผมอยากเข้าถึงหัวข้อวิจัยจากยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ  ผมอาจพบความคิดใหม่ๆได้!”


เขายังคงเป็นนักวิจัยพันธุกรรม แต่ต้องการพัฒนาวิธีการและความคิดของตัวเอง เรื่องตลกแบบนี้คืออะไรกัน?


สัญชาตญาณของไอค์ต้องการที่จะปฏิเสธเฟิงหลิน


“ฉันเห็นด้วย!” มีเสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะไอค์


ไอค์หันไปมอง และเห็นว่าผู้จัดการแฟรงค์กำลังเดินมา


“ผู้จัดการคุณหมายถึง … ” เขาไม่อยากจะเชื่อเลย


“ฉันคิดว่าที่เฟิงหลินพูดก็สมเหตุสมผลดี!” ผู้จัดการแฟรงค์หัวเราะขณะที่สั่ง “คุณช่วยพาเขาไปห้องแล็บเงียบๆที!”


ไอค์ตกใจมาก เขาไม่คิดว่าผู้จัดการแฟรงค์จะเห็นดด้วย ไม่ว่าเขาประทับใจเฟิงหลินแค่ไหนเขาก็ยังอิจฉา


หากเด็กใหม่นี่ทำผลงานได้มากมาย มันจะเกินหน้าไอค์?


ไม่ว่าความประทับใจของเขาที่มีต่อเฟิงหลินจะดีแค่ไหน แต่กับคนที่มาคุกคามสถานะของเขา เขาก็ยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ


อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แสดงความไม่พอใจต่อหน้าหัวหน้า เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ครับ!”


“ตามผมมา!” ไอค์พูด


ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปฉับพลันของไอค์ทำให้เฟิงหลินรู้สึกแปลกๆ


ตอนนี้การล้างสมองของเขาไม่ได้ผลแล้วหรอ?


หลังจากคิดซักพัก เขาก็เข้าใจเหตุผล นี่เป็นเพราะการแข่งขัน


นี่เป็นสัญชาตญาณที่สำคัญของมนุษย์ แม้แต่การล้างสมองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้


เขาหยุดกังวลและเดินตาม


จังหวะที่เขาเดินผ่าน ผู้จัดการแฟรงค์ก็ตบไหล่เขา “เฟิงหลิน ทำให้ดีที่สุดละ! ผมเชื่อว่าคุณต้องทำได้ดีแน่ๆ! ถ้าคุณสามารถไขความลับของยาโบราณได้ บริษัทยาไจแอนท์จะมอบรางวัลให้คุณอย่างงาม!”


เฟิงหลินพยักหน้า


ไอค์เดินไปมุมที่ลึกที่สุดของแผนกวิจัยและพูดด้วยเสียงต่ำ “A.I.เปิดห้องทดลองสันโดษ!”


แสงสีแดงส่องบนตัวเขาพร้อมเสียงจักรกล


“การยืนยันตัวตนผ่าน!เปิดห้องทดลองสันโดษ!”


กำแพงเหล็กตรงหน้าเคลื่อนเปิด เผยให้เห็นพื้นที่ขนาดใหญ่


มันคือห้องทดลองขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยโลหะทั้งหมด ผนังทั้งสี่ด้านไม่มีช่องว่าง ถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถเข้าไปได้


เฟิงหลินรู้สึกได้ขึ้นจากก้นบ่อ


บริษัทยาไจแอนท์มีความลับมากเกินไป ถ้าไม่ได้เป็นพนักงานหลัก มันไม่มีทางรู้ได้ว่าบริษัทมีไพ่ตายอะไร


เฟิงหลินเข้ามาในห้องทดลองและเห็นลูกบอลคริสตัลตรงกลางห้องซึ่งภายในเป็นสูญญากาศ ตรงกลางของสูญญากาศ ยาคล้ายยาขี้ผึ้งกำลังลอยอยู่อย่างอิสระ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม