Legend of the mythological genes 211-220

ตอนที่ 211

 

ยานรบดวงดาวคือการตกผลึกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสุดยอดของมนุษยชาติ มันคือยานรบดวงดาวขนาดใหญ่ที่มีขนาดใกล้เคียงกับดาวเคราะห์ดวงนึง เนื่องจากขนาดใหญ่เกินไปมันจึงมักลอยอยู่ในอวกาศเนื่องจากไม่สามารถลงจอดบนดาวเคราะห์ได้


นี่เป็นเหมือนกับปราสาทโลหะเคลื่อนที่ คนนับไม่ถ้วนสามารถอาศัยในนั้นได้ และมันก็เหมือนฐานมนุษย์ คล้ายเรือบรรทุกเครื่องบินของยุคโลกโบราณ แต่ขนาดมันใหญ่กว่ามาก


เฟิงหลินและคนอื่น ๆ นั่งมองยานรบดวงดาวขนาดใหญ่พวกเขากลายเป็นเหมือนแมลงตัวเล็กๆ


 


“มากับฉัน ต่อไปผู้สมัครสอบของระบบสุริยะทั้งหมดจะรวมตัวกันที่นั่น ถัดไปเราจะเข้าสู่รูหนอนเพื่อเข้าสู่สถานที่สอบรอบสอง… ” ผู้เชี่ยวชาญกล้ามโต ในชุดเกราะนำผู้สมัครสอบเข้าสู่ยานรบ


 


การตกแต่งภายในของยานรบเปรียบเสมือนวังมหึมา มีผู้สมัครสอบกว่าหมื่นคนเข้ามาที่นี่


ไม่ต้องสงสัยเลย คนเหล่านี้คือผู้สมัครสอบทั้งหมดจากระบบสุริยะ


มีหลายคนที่มีกลิ่นอายทรงพลังและเฟิงหลินค้นพบว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ดูจะอ่อนแอกว่าเขา!


สถานะพลังของพวกเขาทั้งหมดสูงกว่า 200 และเป็นชนชั้นสูงในดินแดนผู้บ่มเพาะระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย


ระบบสุริยะนั้นกว้างใหญ่มีประชากรกว่า 2แสนล้านคน เป็นเรื่องปกติที่จะมีอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาด


เฟิงหลินพัฒนาช้าเกินไป การสะสมพลังของเขายังไม่เพียงพอและยังไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะระดับสูงสุด


ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น


สำหรับคนที่มีพลัง พวกเขาต้องการคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเสมอ


เขาอยู่บนเส้นทางในตำนานของซุนหงอคงและเขาก็เคยสัมผัสกับแก่นแท้เจตจำนงค์ของมหาเทพเทียมฟ้า เขาจะต่อสู้ต่อไป ต่อให้ยังต้องพ่ายแพ้เขาจะไม่ย่อท้อและไม่เสียใจแม้ว่าเขาจะต้องตายถึงเก้าครั้ง ยิ่งคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีไฟต่อสู้


ลานสาธารณะในยานรบมีขนาดใหญ่มากและผู้สมัครสอบของระบบสุริยะทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ หลายคนมีกลุ่มของตนเองแยกกันอย่างชัดเจน บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่ยอายความเป็นศัตรู


คนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะจากระบบสุริยะ แต่ละคนมีความจองหองสูงและไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าพวกเขาด้อยกว่าคนอื่น


พวกเขาทั้งหมดจะปฏิบัติต่อกันในฐานะศัตรู มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเป็นมิตรต่อกัน


นี่เป็นเหมือนการวางสัตว์จำพวกลิง หมาป่าและเสือดำเข้าสู่สนามรบ ความขัดแย้งจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


เนื่องจากคำเตือนของนักรบติดอาวุธ พวกเขาจึงไม่ทำอะไร อย่างไรก็ตามความผันผวนของพลังชีวิตที่ไร้รูปแบบจากคนเหล่านี้ปะทะกันโดยตรงในอากาศ ไม่มีใครอยากยอมรับว่าพวกเขาด้อยกว่า รังสีแสงเริ่มบิดเมื่อความเป็นศัตรูเต็มไปในบรรยากาศ


การปะทะกันของรัศมีเดิมนั้นอยู่ในสภาพสมดุล แต่มนุษย์บนโลกแทรกแซงและทำลายความสมดุลทำให้ทุกคนในปัจจุบันมองกันด้วยความเป็นศัตรู


 


โลกเป็นดาวเคราะห์แม่ของมนุษยชาติ ผู้เชี่ยวชาญจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะต้องการที่จะดูว่ามนุษย์บนโลกมีอะไรพิเศษหรือไม่ ความผันผวนของพลังชีวิตมากมายพุ่งกระหน่ำอยากจะสอนบทเรียนให้กับมนุษย์โลก


การแสดงออกของผู้สมัครสอบจากโลกเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาตกอยู่ในฝูงสัตว์ป่า


มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง


พวกเขาทั้งหมดเรียกพลังและใช้มันเพื่อต่อสู้กับคนอื่น พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือน อากาศบิดเบี้ยวก่อคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า


เฟิงหลินยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย


เขาสังเกตการณ์คู่ต่อสู้เหล่านี้เงียบ ๆ


 


ระบบสุริยะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่มากและมีระบอบการปกครองมากมายรอบๆ มีโลก, ดาวอังคาร, ดาวเสาร์, แถบดาวเคราะห์น้อย … ทุกประเภทของสภาพพื้นที่ที่ซับซ้อน ตราบใดที่มีทรัพยากรที่สามารถใช้ได้สถานที่นั้นจะถูกแปลงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์


สภาพแวดล้อมมีความแตกต่างกันและตลอดชั่วอายุคนสิ่งนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภูมิภาคนั้นเปลี่ยนไป


สำหรับคนจากดาวเสาร์ มนุษย์อาศัยอยู่บนวงแหวนรอบดาวเคราะห์ มีดาวเทียมมากกว่าสามสิบดวงและดาวเคราะห์น้อยอีกหลายดวงที่นั่น ขนาดของดาวเสาร์ใหญ่กว่าโลกประมาณ 100เท่า แรงโน้มถ่วงก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน ดังนั้นสำหรับมนุษย์ที่อยู่ที่นั่นร่างกายของพวกเขาจะมีความสูงน้อยกว่าประมาณ 1.7 เมตรเท่านั้น และเนื่องจากวงแหวนของดาวเสาร์ซึ่งปิดกั้นแสงแดดส่วนใหญ่ ผู้คนจากดาวเสาร์จึงจะมีสีผิวซีดกว่าเมื่อเทียบกับผู้คนที่อยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น


แต่จะต้องไม่ประมาทคนจากดาวเสาร์ เพราะแรงโน้มถ่วงที่หนักกว่านำไปสู่กล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูกที่แน่นกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก ทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งมากกว่า สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนนั้นสามารถทำให้ร่างกายของมนุษย์มีพื้นฐาน มีสถานที่มากมายที่ผู้บ่มเพาะสามารถฝึกฝนตนเองได้ในดาวเสาร์


ดังนั้นมาตรฐานการบ่มเพาะในดาวเสาร์จึงสูงที่สุดในระบบสุริยะ


สำหรับคนที่อาศัยอยู่บนแถบดาวเคราะห์น้อย พวกเขาจะตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากภูมิภาคที่พวกเขาอยู่นั้นปราศจากแรงโน้มถ่วง มนุษยชาติอยู่ในสถานีอวกาศเท่านั้นและขุดทรัพยากรในแถบดาวเคราะห์น้อยเพื่อหาเลี้ยงชีพ ความสูงของพวกเขาจะสูงกว่า 2.2 เมตรโดยเฉลี่ยโดยไม่ขึ้นอยู่กับเพศ


สภาพแวดล้อมที่นั่นมักขาดทรัพยากรการบ่มเพาะและยากลำบากมาก สิ่งนี้นำไปสู่มาตรฐานการบ่มเพาะที่ต่ำที่สุด


ถัดไปคือดาวอังคารตามด้วยโลก ดาวเคราะห์สามัญเหล่านี้ถือได้ว่ามีมาตรฐานการบ่มเพาะในระดับปานกลาง


… ..


“อืม?” เมื่อเฟิงหลินเฝ้าสังเกตทุกคนอย่างเงียบ ๆ สายตาที่เยือกเย็นก็จับจ้องเขา


 


พลังวิญญาณของเขาพลิกผันในขณะที่เขามองไปในทิศทางนั้นโดยสัญชาตญาณ เขาเห็นมนุษย์ในชุดเกราะที่จ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยม ใบหน้าของบุคคลนี้ถูกปกปิด เปิดเผยเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความมาดร้ายจ้องมองเขาด้วยเจตนาฆ่าที่ไม่ปกปิด


ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเฟิงหลิน


เฟิงหลินยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมคนคนนี้ถึงดูเกลียดเขาขนาดนี้?


จำคนผิดหรือเปล่า?


ขณะที่เฟิงหลินกำลังงง ชายที่ดูประสงค์ร้ายก็ถอนหายใจเบาๆ ร่างของเขาหายไปในความมืดและดูเหมือนไม่มีอยู่จริง เขาเป็นเหมือนงูพิษที่รอโอกาสที่จะโจมตีเฟิงหลิน เขายังปล่อยกลิ่นอายความมืดมนและน่ากลัว


 


ความผันผวนทำให้อากาศสั่นสะเทือนในขณะที่เสียงเยือกเย็นดังกึกก้องอยู่ในใจของเฟิงหลิน “เฟิงหลิน แกต้องตาย ฉันจะฆ่าแก!”


กระแสจิต!


ผู้ชายคนนี้สามารถใช้ความสามารถนี้ได้ ดูเหมือนว่าบุคคลลึกลับนี้จะปลุกยีนประเภทวิญญาณหรือยีนจิต


ในท่ามกลางการไขปริศนาเฟิงหลินก็ได้รับคำตอบ คนที่ดูเป็นอันตรายนี้รู้จักเขา? นอกจากนี้ ความเกลียดชังที่เขามีต่อเฟิงหลินดูจะสูงมาก


เฟิงหลินรู้สึกว่านี่แปลกมาก จากจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ เขาอยู่คนเดียวและเป็นอิสระไม่พึ่งพาคนอื่น มีคนจำนวนไม่มากที่มีปฏิสัมพันธ์กับเขา ผู้ชายคนนี้เกลียดชังอะไรเขากันแน่? ผู้ชายคนนี้ดูไม่พอใจ ทำไมดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้ต้องการจะฆ่าเขาให้ได้ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม?


เมื่อมองไปยีงตำแหน่งที่ชายคนนั้นยืนอยู่ เฟิงหลินก็ส่งกระแสจิตของเขาไปตรวจ นั่นคือทิศทางของชาวอังคาร!


บุคคลนี้อาจเป็นผู้รอดชีวิตจากบริษัทยาไจแอนท์หรือใครบางคนจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร?


(หากเป็นกรณีนี้ … )


เจตนาฆ่าเพิ่มสูงขึ้นในหัวใจของเฟิงหลิน


ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่มีคนต้องการปิดกั้นเส้นทางของเขา เฟิงหลินจะไม่เมตตาเด็ดขาด


ปัง!


 


“ทำความเคารพ ท่านจอมพลจีรอส!” นักรบเกราะทั้งหมดตะโกนพร้อมกันเสียงดัง


 


เกิดเสียงรองเท้าบู๊ตหนังกระแทกพื้น


ชายร่างสูงสองเมตรดูน่าประทับใจและสวมชุดทหารพร้อมกับยศจอมพลเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ดวงตาของเขาเหมือนนกอินทรีจ้องมองทุกคนอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “การสอบรอบที่สองของมหาวิทยาลัยเอกภพกำลังจะเริ่มขึ้น ตราบใดที่คุณผ่านการสอบ คุณจะมีคุณสมบัติเลือกว่าคุณต้องการเข้าร่วมในมหาวิทยาลัยเอกภพหรือไม่ผ่านการลงทะเบียนอิสระ ต่อไป ตำแหน่งของการสอบจะตั้งบนดาวอาชูร่า รูปแบบการสอบจะเป็นเข่นฆ่าอย่างอิสระ ไม่มีกฏหรือข้อจำกัด สำหรับคนที่ได้แต้มสูง เขาหรือเธอจะกลายเป็นราชาของระบบสุริยะในหมู่คนรุ่นใหม่!”

 

 

 


ตอนที่ 212

 

“ราชาแห่งระบบสุริยะ?”


 


หลังจากที่จอมพลพูด ทุกคนในพื้นที่ก็เริ่มหายใจหอบ


สีหน้าของอัจฉริยะจากทั่วทั้งระบบสุริยะจักรวาลกลายเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาส่องแสงประกายแห่งความคาดหวัง


การลงทะเบียนอิสระจะมีแต่นักเรียนที่มีความสามารถสูงสุดเท่านั้น ผู้สมัครสอบที่ไม่ใช่อัจฉริยะจะไม่มีความมั่นใจและกล้าหาญที่จะสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกภพ


ตราบใดที่พวกเขาได้คะแนนสูงสุดในการสอบรอบที่สอง พวกเขาก็จะกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในระบบสุริยะ ราชาแห่งระบบสุริยะ!


ใครจะไม่ต้องการสิ่งนี้?


ผู้สมัครสอบเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อคนอื่นๆมากมายในรุ่นเดียวกัน พวกเขามีความเย่อหยิ่งอยู่ในใจตามธรรมชาติและต้องการจะประสบความสำเร็จ


แม้แต่เฟิงหลินก็รู้สึกได้ว่ามีไฟเผาไหม้อยู่ในใจของเขา


ความขัดแย้งของเต๋า มันไม่อนุญาตให้ใครถอยออกไป


หากใครพลาดโอกาส ใครจะรู้ว่าจะไม่พลาดโอกาสที่สอง?


หากหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและทำให้พลาดโอกาส แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะพวกเขาก็จะกลายเป็นขยะในที่สุด


เฉพาะผู้ที่มีความกล้าที่จะเดินหน้าต่อไปเท่านั้นที่จะสามารถหลบสิ่งกีดขวางได้ เมื่อมุ่งหน้าไปด้วยแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่


ผู้สมัครสอบทั้งหมดที่นี่มุ่งมั่นที่จะชนะ


เราอดไม่ได้ที่จะพูดว่าจอมพลนี้มีหลายวิธี เพียงคำพูดง่ายๆจากเขาทำให้หัวใจของทุกคนกระจัดกระจาย


ความเป็นปรปักษ์ในอากาศทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น


 


จอมพลจีรอสพูดต่อ “ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปยังดาวอสุรา มันเป็นสถานที่ที่อยู่กาแล็กซี่ทางช้างเผือกตอนหน้าที่ขับไล่อาชญากร บนดาวอสุรามีสัตว์ประหลาดชีวเคมีมากมายนับไม่ถ้วนที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์แข็งแกร่ง หลังจากระยะเวลาหนึ่งสัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะทวีคูณเป็นจำนวนมากและมนุษยชาติจะต้องส่งคนไปเป็นประจำและแน่นอนว่าส่งไปเพื่อกำจัดสัตว์ประหลาด ดังนั้นการสอบรอบที่สองนี้ งานของพวกคุณคือการฆ่าสัตว์ประหลาดชีวเคมีเหล่านี้ และยิ่งถ้าคุณฆ่าได้เยอะคะแนนจะยิ่งสูงขึ้น ฉันขอเตือนว่ามีอาชญากรที่น่ากลัวมากมายที่นั่น พวกมันเหล่านี้สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายและแต่ละคนก็คล้ายกับปีศาจร้าย อาชญากรเหล่านี้จะเป็นศัตรูของเธอในสายตาของพวกมัน พวกเธอทุกคนเป็นอาหารแสนโอชะ เมื่อพวกมันเจอเธอ มีโอกาสสูงที่พวกมันจะโจมตีเธอตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่มีกฎใดๆในดาวอสุรา พวกเธอสามารถฆ่าพวกมันได้เช่นกันและจะไม่มีการลงโทษใด ๆ … เพื่อเคารพความเป็นส่วนตัวจะไม่มีระบบตรวจสอบที่นั่น เธอสามารถใช้วิธีการใดก็ได้ที่คุณต้องการ หลังจากล่าสัตว์ชีวเคมีแล้วอย่าลืมตัดกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวาของมันมา ในตอนท้ายของการสอบขนาดและประเภทของนิ้วหัวแม่มือมอนสเตอร์ที่เธอมีจะมีคะแนนที่แตกต่างกัน”


 


คำปราศรัยของจอมพลนั้นรัดกุมและครอบคลุม แจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับเนื้อหาและอันตรายของการสอบรอบสอง


หลังจากพูดจนถึงตรงนี้ เขาหยุดสักครู่ก่อนจะพูดต่ออย่างลึกซึ้ง “แต่ฉันยังต้องเตือนพวกเธอ ในระหว่างการสอบเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าผู้แข่งขันโดยตรง หากถูกค้นพบ เธอจะหมดสิทธิ์และถูกส่งกลับทันที”


 


หลังจากได้ยินคำเหล่านี้บรรยากาศก็เงียบลง


เฟิงหลินเข้าใจดี


แม้ว่าคำพูดของจอมพลดูเหมือนจะเป็นคำเตือนเพื่อประโยชน์ของทุกคน ความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในก็กระตุ้นให้ผู้สมัครทุกคนพยายามอย่างดีที่สุดและฆ่ากันเอง


ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าผู้แข่งขันโดยตรง?


หมายความว่าการฆ่าทางอ้อมจะได้รับอนุญาต?



คะแนนสอบจะขึ้นอยู่กับจำนวนกระดูกนิ้วหัวแม่มือสัตว์ประหลาดที่ฆ่ามาได้ มีหลายวิธีในการเพิ่มคะแนน ตราบใดที่คนๆหนึ่งฆ่าคนอื่นโดยอ้อม พวกเขาก็จะได้รับกระดูกนิ้วหัวแม่มือของสัตว์ประหลาดที่คนๆนั้นมี ไม่ว่าในกรณีใดไม่มีการตั้งค่าระบบการตรวจสอบ


จิตสังหารครอบคลุมไปทั่ว


ผู้สมัครสอบต่าง ๆ ทุกคนมีสถานะพลังสูงมาก ไม่มีคนโง่ที่นี่ ทุกคนฉลาดมาก พวกเขาสามารถมองเห็นจุดสำคัญได้ทันทีและหลายคนเริ่มยิ้มอย่างเย็นชา


ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยประกายความมุ่งร้าย ขณะที่พวกเขาสำรวจคู่ต่อสู้ความคิดต่างๆก็พุ่งทะลุจิตใจของพวกเขา


 


“ดาวอสุรา อสุราเป็นเทพชั่วร้ายในตำนานฆ่าคนมานับไม่ถ้วนสถานที่แห่งนี้เหมาะสมจริงๆ” หัวใจของเฟิงหลินเย็นชาดุจน้ำแข็ง เขาไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ(อาชูร่า)


เขานึกภาพออกแล้วว่าการสอบรอบสองนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการนองเลือด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเวลาสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถ


หากคนอื่นมีเจตนาร้ายต่อเขาอย่างแท้จริงก็จะไม่มีใครมาตำหนิเขาไร้เมตตา


การแก้แค้นนั้น สิบปีก็ยังถือว่าไม่สาย


สำหรับเฟิงหลินเขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้แก้แค้น นี่เป็นโอกาส!



“ดาวสุราอยู่ในภูมิภาคดาวห่างจากระบบสุริยะประมาณ 5,000 ปีแสง แม้จะเดินทางผ่านรูหนอนเราก็ยังต้องใช้เวลาอีกสามวัน พวกเธอสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เรามีเวลาพักผ่อนสามวัน สิ่งที่กำลังรอพวกเธออยู่คือการเดินทางแสนน่ากลัว ฉันขอให้พวกเธอทุกคนโชคดี ” จอมพลจีลอสหัวเราะ และเดินนำทหารติดอาวุธออกไป


 


ภายใต้ข้อมูลที่ได้รับจากปัญญาประดิษฐ์ยานรบ เฟิงหลินและคนอื่น ๆ เดินไปที่ห้องของพวกเขาเพื่อพักผ่อน


การตกแต่งภายในของยานรบนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ผู้สมัครสอบทุกคนจะได้รับห้องพักหรูหราขนาดประมาณ 200 ตารางเมตร ห้องพักเต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงห้องเสมือน ห้องบ่มเพาะและห้องพักผ่อน …


เฟิงหลินนั่งบนเตียงและเริ่มบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเสียงออดก็ดังขึ้น


เขาขมวดคิ้วและลืมตา ใครมาหาเขา?


หลังจากที่เขาเปิดประตู คนแปลกหน้าสี่คนก็ยืนอยู่หน้าห้อง มีทั้งชายและหญิง และบุคคลที่เป็นผู้นำก็คือชายหนุ่มหน้ากลมดูไม่เป็นอันตราย


 


“ฉันขอถามว่าอะไรนายหน่อยได้ไหมเฟิงหลิน? นายสนใจที่จะร่วมทีมกับเราไหม?” ชายหนุ่มหน้ากลมยิ้ม


“หืมม?” เฟิงหลินรู้สึกสับสน


“การสอบรอบที่สองบนดาวอสุราโหดร้ายมาก การรวมกลุ่มกันเท่านั้นที่เราจะมีโอกาสรอดชีวิต! ผู้สมัครคนอื่น ๆ ได้เริ่มสร้างพันธมิตรขึ้นมาแล้วไม่มีใครต้องการพวกเราสี่คน ดังนั้นจึงเราตัดสินใจที่จะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันและทำคะแนนให้ดีที่สุด ฉันสังเกตเห็นว่านายอยู่คนเดียวเช่นกัน นายต้องการเข้าร่วมกับเราหรือไม่ มันจะปลอดภัยกว่านี้หากเรามีคนมากกว่านี้ ” ชายหนุ่มหน้ากลมพูดเชิญอย่างจริงใจ


 


พวกขี้แพ้เหล่านี้ตัดสินใจที่จะรวมกลุ่มเพื่อเป็นพันธมิตรกันเอง?


ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีเจตนาดี แต่พลังวิญญาณของเฟิงหลินนั้นไวมาก เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อชายหนุ่มหน้ากลมพูดหัวใจของเขาส่งความผันผวนแปลกๆ เคลือบด้วยความเป็นศัตรู


ชายหนุ่มหน้ากลมคนนี้ดูไม่เป็นอันตราย แต่ตามความเป็นจริงเขาซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ เขาไม่ใช่คนดี


จะมีเรื่องดีๆเช่นนี้ในโลกได้ยังไง?


เฟิงหลินยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งของเขา แต่คนเหล่านี้ต้องการให้เขาเป็นพันธมิตรด้วย?


คนพวกนี้มีความคิดที่จะตามหาเขา พวกเขาไม่กลัวว่าเขาจะเป็นภาระและทำให้คนในกลุ่มต้องตายบนดาวอสุราหรือไงกัน?


พวกเขามีความตั้งใจดีจริงๆหรอ?


เจตนาดีจะมีอยู่จริงในการทดสอบที่โหดร้ายเช่นนี้จริงๆ?



เฟิงหลินเป็นอิสระมานานแล้ว เขามักจะมองในมุมมองที่ร้ายที่สุดเสมอ


ในมุมมองของเขาแรงจูงใจของคนเหล่านี้ไม่ได้บริสุทธิ์


เฟิงหลินไม่คุ้นเคยกับการอยู่เป็นกลุ่ม ยิ่งกว่านั้นคนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาที่ไม่ดี ไม่มีทางที่เขาจะตกลง


 


“ฉันขอโทษด้วย ฉันจะไม่เข้าร่วมกลุ่มใครทั้งนั้น” เฟิงหลินปฏิเสธและไม่รอให้คนเหล่านั้นพูดอะไร เขาปิดประตู ไม่พูดกับพวกเขาอีกต่อไป


 


เมื่อชายหนุ่มหน้ากลมเห็นว่าเฟิงหลินไม่ไว้หน้าพวกเขาเลย ดวงตาของเขาก็หรี่แคบลง รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนจากความอบอุ่นและอ่อนโยนเป็นเยือกเย็น


คราวนี้เฟิงหลินสัมผัสถึงเจตนาร้ายได้ชัดเจน รู้สึกเหมือนมีเข็มแทงที่หลังของเขา


ชายจากดาวอังคารก่อนหน้านี้ และแขกที่ไม่ได้รับเชิญกลุ่มนี้ เฟิงหลินสามารถรู้สึกถึงกระแสน้ำที่เคลื่อนไหวในที่มืด แม้ว่าเขาจะยังคงโดดเดี่ยวและเป็นอิสระอยู่เสมอ ไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางได้อยู่คนเดียวแน่ บนดาวอสุรา เขาต้องระวังตัวให้มาก


สามวันผ่านไป ยานรบสั่นสะเทือนขณะที่มันกำลังบินผ่านอวกาศ การเดินทางผ่านรูหนอนสิ้นสุดลงแล้ว


เฟิงหลินลืมตา เห็นดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ปกคลุมไปด้วยความมืด ลอยโดดเดี่ยวในอวกาศ


พวกเขามาถึงดาวอสุราแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 213

 

ดาวอสุราเป็นดาวเคราะห์ที่มีสภาพแวดล้อมเลวร้าย แม้ว่าบรรยากาศจะปกติและมนุษย์สามารถอยู่รอดได้  แต่อุณหภูมิที่นี่แปลกประหลาดสุดขั้วมาก ในตอนกลางคืนอุณหภูมิจะลดลงต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียสและในตอนกลางวันอุณหภูมิจะสูงขึ้นเกือบ 80 องศาเซลเซียส มันอาจจะเย็นจนแข็งหรือร้อนจนเหมือนโดนอบ นี่เป็นสถานที่ที่คล้ายกับนรก โดยทั่วไปแล้วมันไม่เหมาะสำหรับมนุษย์ที่จะอยู่ที่นี่


ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นเขตต้องห้ามที่อาชญากรถูกส่งไป หากอาชญากรโทษประหารต้องการมีชีวิตต่อพวกเขาจะต้องปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทำให้มันกลายเป็นดาวเคราะห์ของสิ่งชีวิตที่เหมาะสำหรับมนุษย์


แม้ว่ากระบวนการนี้จะช้ามาก แต่การใช้คนร้ายก็เป็นการรีไซเคิลได้ใช่ไหมล่ะ?


นี่ไม่ใช่ที่อื่น มันคือที่ตั้งของการสอบรอบสองของมหาวิทยาลัยเอกภพ ดาวเคราะห์อสุรา!


ดวงอาทิตย์ของดาวอสุรามีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ของโลกถึงหมื่นเท่า ดังนั้นการแผ่รังสีที่นี่ก็รุนแรงเช่นกัน คนธรรมดาจะตายหากเจอสภาพแวดล้อมที่นี่โดยตรง เนื่องจากเซลล์ร่างกายจะกลายเป็นมะเร็งทันที


มีเพียงผู้บ่มเพาะดวงดาวที่มีสถานะพลังสูงเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดและเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้


 


“ทุกคนมารวมตัวกันที่ลานสาธารณะของยานรบเดี๋ยวนี้!” เสียงดังขึ้น เฟิงหลินและผู้สมัครสอบคนอื่น ๆ มารวมตัวกันอย่างรีบเร่ง รู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในระบบสุริยจักรวาลอีกต่อไป


“เรามาถึงดาวอสุราแล้ว” จอมพลจีลอสพูดเสียงดังและพูดต่อ “ระยะเวลาของการสอบรอบสองจะถูกตั้งไว้ที่สิบวันทุกคนได้รับอนุญาตให้นำยา อาหารและน้ำไปได้ ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อย่างอื่น ข้อมูลพื้นฐานได้ถูกส่งไปยังไมโครชิปของเธอแล้ว พวกเธอสามารถดูได้ตลอดเวลา ยิ่งเธอกำจัดสัตว์ประหลาดชีวเคมีได้มากเท่าไหร่คะแนนก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ฉันขอเตือนว่าสถานที่นี้เป็นดาวเคราะห์ที่อาชญากรโทษประหารอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อกับเว็บระหว่างดวงดาว ในจักรวาลที่หนาวเย็นและมืดมิดความสำคัญอันดับแรกของมนุษยชาติคือการอยู่รอด ดังนั้นภารกิจที่สำคัญที่สุดของเธอคือการเอาชีวิตรอด มีเพียงผู้ที่สามารถอยู่รอดได้เท่านั้นถึงจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ถ้าไม่งั้นไม่ว่าคะแนนของเธอจะสูงแค่ไหนก็จะไร้ประโยชน์เมื่อเธอตาย ตอนนี้มีนักเรียนคนไหนจะถอนตัวไหม? นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอที่จะเลือกยอมแพ้ สำหรับผู้ที่ยอมแพ้ให้ไปรอในยานรบ เมื่อเวลาผ่านไปสิบวันเราจะส่งเธอกลับไปยังระบบสุริยะ หลังจากนี้ ไม่ว่าในกรณีใด ชีวิตและความตายของเธอไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา “


 


ไม่มีใครที่ถูกกดดันภายใต้แรงกดดัน


นี่เป็นเรื่องธรรมดา


มหาวิทยาลัยเอกภพจะรับสมัครนักเรียน 10,000 คนจากมนุษย์หลายพันล้านคนเท่านั้น การแข่งขันรุนแรงอย่างไม่มีใครเทียบ อัตราการตายก็สูงมากเช่นกัน


ทุกคนมีตัวเลือกให้เลือกที่จะไม่ทำการทดสอบ อย่างไรก็ตามมีเพียงโอกาสเดียวที่ทุกคนจะได้ลงทะเบียนเรียนกับมหาวิทยาลัยเอกภพ หากใครตัดสินใจที่จะยอมแพ้พวกเขาจะต้องไม่มาเสียใจทีหลัง


ไม่มีผู้สมัครคนไหนยอมแพ้


จะมีโอกาสสักกี่ครั้งในชีวิต?


เนื่องจากพวกเขากล้าที่จะลงทะเบียนมหาวิทยาลัยเอกภพ ทุกคนต้องตระหนักอยู่ในใจอยู่แล้ว พวกเขาจะไม่ยอมแพ้แม้ว่าสถานการณ์จะอันตราย


ท้ายที่สุดถ้าพวกเขายอมแพ้ตอนนี้คงไม่มีโอกาสในอนาคตสำหรับพวกเขาอีกแล้ว


นี่เป็นบททดสอบความกล้าหาญของพวกเขาด้วย


 


“ยอดเยี่ยม อย่างที่คาดหวังจากอัจฉริยะระดับสูงในระบบสุริยะ ความกล้าหาญของพวกเธอน่ายกย่อง! เนื่องจากไม่มีใครปรารถนาที่จะยอมแพ้ ฉันก็ขอให้พวกเธอโชคดี ฉันหวังว่าพวกเธอทุกคนจะสามารถได้คะแนนสูงกันทุกคน!” จอมพลจีลอสพยักหน้าและพอใจกับสิ่งนี้มาก “ตอนนี้การสอบได้เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว ออกไปได้!”


 


ประตูยานรบเปิดออก ผู้สมัครสอบนั่งอยู่บนยานบินขนาดเล็กซึ่งทะลุผ่านชั้นบรรยากาศ


ในเวลานี้เป็นตอนเช้าบนดาวอสุรา รังสีจากดวงอาทิตย์แผดเผามาก อุณหภูมิสูงถึง62 องศาเซลเซียส!


คลื่นความร้อนที่รุนแรงแทรกซึมอยู่ในชั้นบรรยากาศอยากอบให้ทุกคนแห้งเกรียม


เฟิงหลินปิดรูขุมขนทันทีป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น


มนุษย์ธรรมดาจะตายทันทีเมื่อต้องเผชิญกับอุณหภูมิแดดที่สูง ผู้สมัครสอบอย่างพวกเขาที่มีสถานะพลังสูงเท่านั้นจึงจะสามารถทนได้


พวกเขาลงมาบนยอดเขาเตี้ย ๆ คล้ายกับแท่นหิน


หลังจากที่ผู้สมัครสอบถูกส่งตัวลงจากยานบิน ยานบินก็บินกลับขึ้นไปในอากาศกลับไปที่ยานรบ


เลือดเป็นสารที่มีฤทธิ์เป็นกรด!


หินที่ถูกโยนลงไปจะทำให้เกิดระลอกคลื่น


ป่าเงียบ แต่ดูเหมือนเคยมีชีวิตขึ้นมา แม้แต่สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายปลาหมึกยักษ์ก็ยังมีคลื่นซัดขึ้นมาก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นและบังแดดให้ตัวมัน


พลังวิญญาณของเฟิงหลินได้ก่อตัวเป็นดาบและกำจัดสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ชั่วระยะเวลาหนึ่งฝนกรดตกลงมาจากท้องฟ้า เลือดของพวกมันกัดกร่อนพื้นทำให้เกิดหลุมหลายรู หากเลือดที่เป็นกรดโดนมนุษย์มันจะไม่ดีแน่


หวด, หวด, หวด ~


เสียงของสิ่งมีชีวิตที่วิ่งผ่านป่าอย่างรวดเร็วและเคลื่อนเข้าหาเฟิงหลิน


กรี้ดดดด!


เสียงโหยหวนดังกึกก้องไป กลิ่นอายดุร้ายเต็มไปหมด


เงาดำขนาดมหึมาสี่ตัวปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ เฟิงหลินโดนล้อมรอบและปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมด ดวงตาของพวกมันจ้องมองเฟิงหลิน เต็มไปด้วยความหิวโหย น้ำลายหยดไหลออกมาจากปากของพวกมัน เหมือนพวกมันกำลังจ้องมองเหยื่ออยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ


สัตว์ประหลาดสี่ตัวนี้สูงประมาณสามเมตรและมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ดวงตาสีดำสนิท ปากของพวกมันเต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แม้แต่กระดูกในร่างกายก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนผิวหนัง


 


ลิ้นหนาของพวกมันมีน้ำลายไหลหยดส่งกลิ่นเหม็น ด้านหลังหางของพวกมันเหวี่ยงไปมาทำให้หินในบริเวณนั้นถูกบดขยี้จากแรงกระแทก ความแข็งแกร่งของพวกมันช่างน่ากลัว


เฟิงหลินรู้สึกว่าคุ้นเคยกับรูปร่างหน้าตาของพวกมันดี


สัตว์ประหลาดทางชีวเคมี?


เห็นได้ชัดว่าพวกมัน …


ผิดปกติ!

 

 

 


ตอนที่ 214

 

แหมะ แหมะ..


น้ำลายเหม็นหยดลงบนพื้นทำให้เกิดเสียงดัง ควันสีดำฟุ้งออกมา


มีพวกผิดแปลกอยู่สี่ตน เขี้ยวของพวกมันเปล่งประกายน่าสะอิดสะเอียน พวกมันก้มหน้าก้มตาล้อมรอบเฟิงหลินทุกทาง ดวงตายาวเหยียดของพวกมันมองอย่างน่ารังเกียจ สายตาเต็มไปด้วยความโลภและมุ่งร้าย กลิ่นอายแข็งแกร่งเปล่งประกายออกมาจากพวกมัน สัตว์ประหลาดคล้ายปลาหมึกนับว่าน่ากลัวสุด


เกรดระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างกันชัดเจน เมื่อมันเจอสิ่งที่เหนือกว่าในห่วงโซ่อาหารพวกมันจะหนีไปเร็วที่สุด


กรี้ดดด!


สัตว์ประหลาดทั้งสี่ขยับเข้ามาใกล้ไม่สามารถระงับความหิวได้อีกต่อไป ภายใต้แรงกระตุ้นจากธรรมชาติที่โหดร้ายพวกมันคลุ้มคลั่ง


กรงเล็บเหมือนตะขอ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นเงาดำที่ไหลผ่านป่าเข้าหาเฟิงหลิน


ปากของพวกมันเปิดกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวเรียงแถวข้างใน แต่ที่น่ากลัวที่สุดอาจเป็นลิ้นแปลกๆ ดูอันตราย พวกมันเหมือนหอกคมสามารถเจาะทะลุร่างเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย


สัตว์ประหลาดทั้งสี่สมกับเป็นสัตว์ประหลาดทางชีวเคมีสุดอันตราย พลังต่อสู้พวกมันสูงมาก พลังโจมตีของพวกมันระเบิดจนน่ากลัว หากมนุษย์ธรรมดาเผชิญกับการโจมตีนี้จะต้องถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ทันทีและถูกมันกลืนกินจนหมดทั้งตัว


ตอนนี้ปาดของพวกมันอยู่ใกล้เฟิงหลินมาก เขาได้กลิ่นน้ำลายได้อย่างชัดเจน


 


“ไปซะ!” เขายืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมและคำรามอย่างโกรธเคือง แสงสีเงินปะทุออกมาจากกึ่งกลางคิ้ว พลังวิญญาณของเขาพุ่งทะลักออกมาราวกับสายน้ำทำให้เกิดคลื่นพลังลูกใหญ่


กลิ่นอายของเขาก็พุ่งออกมาทุกทิศทาง เมฆฝุ่นรูปเห็ดก่อตัวจากแรงกระแทก


สัตว์ประหลาดทั้งสี่กระเด็นลอยไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง


ในฐานะที่เป็นสัตว์ประหลาด โครงกระดูกภายนอกพวกมันแข็งแรงเหมือนโลหะ มันป้องกันอวัยวะภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันส่ายหัวเพื่อสะบัดความมึนก่อนที่จะรีบพุ่งกลับไปหาเฟิงหลินพร้อมกับเปล่งเสียงโหยหวน เหมือนพวกมันไม่รู้จักเหนื่อยและไม่กลัวอะไร


สัตว์ประหลาดสองตัวเร่งความเร็วบนพื้นดินในขณะที่อีกสองตัวกระโดดบนต้นไม้และหมุนจากกิ่งหนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่ง กรงเล็บของพวกมันคมมากทำให้หินแตกได้ และความเร็วก็สูงมาก


กลิ่นอายของพวกมันคุกคาม ความมุ่งร้ายบนใบหน้าไม่จางหายไป หางที่หนาของพวกมันกวาดไปซ้ายและขวาไม่หยุดเหมือนแส้เหล็ก สัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นเหมือนอสูรที่คลานออกมาจากส่วนลึกสุดของนรกต้องการที่จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมด


พลังวิญญาณทรงพลังของเฟิงหลินยังคงพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่องเปลี่ยนเป็นหมัดวิญญาณกระแทกเข้ากับสัตว์ประหลาด


อย่างไรก็ตาม พวกมันเหมือนเป็นแมลงสาบที่ไม่สามารถฆ่าได้


หากเสือไม่ได้ปลดปล่อยพลังของมัน มันจะไปต่างอะไรกับแมวป่วย?


เฟิงหลินพูดอย่างเฉยเมยในใจ


หลังจากการโจมตีระยะสั้น  เฟินหลินก็เข้าใจธรรมชาติของสัตว์ผิดปกติพวกนี้มากขึ้น มันคล้ายกับสิ่งที่เขาเข้าใจก่อนหน้านี้มาก สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ แต่พวกมันคือยอดนักล่า พวกมันน่ากลัวกว่าเมื่อเทียบกับทีเร็กซ์, แมมมอธ, ไดโนซูซุส …


พวกมันมีความแข็งแกร่งและความเร็วที่น่าตกใจ ร่างกายของพวกมันแข็งเหมือนโลหะ นอกเหนือจากความจริงที่ว่าสติปัญญาของพวกมันนั้นต่ำ พวกมันอาจถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อบกพร่องอื่น


พลังวิญญาณของเฟิงหลินสามารถยกหินได้สิบหมื่นตัน แต่เขาก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงกับพวกมันได้


และจากสิ่งที่เขารู้ เมื่อสัตว์ผิดปกติเหล่านี้เข้าใกล้ร่างกายมนุษย์ พวกมันสามารถวางไข่ในร่างมนุษย์ได้ เมื่อวางไข่แล้วพวกมันจะใช้พันธุกรรมของมนุษย์เป็นวัตถุและรวมยีนของพวกมันเข้ากับเจ้าของร่าง เพื่อช่วยในการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว มันน่ากลัวมาก


แม้ว่าเฟิงหลินจะไม่กลัวพวกมัน แต่เขาก็ไม่ต้องการเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากปรสิต ใครจะรู้ว่าความสามารถอื่น ๆ ของสัตว์ประหลาดเหล่านี้มีอะไรบ้าง?


 


“เปลี่ยน!” เมื่อเห็นว่าพลังวิญญาณของเขาไม่สามารถทำร้ายสัตว์ผิดปกติเหล่านี้ได้อย่างร้ายแรง เฟิงหลินก็ตะโกนเสียงดัง แหวนที่นิ้วของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ค่อยๆยาวขึ้นและยังคงยาวขึ้น หนาขึ้นกลายเป็นกระบองโลหะที่สมบูรณ์แบบในมือของเขา


วู วู วู!


ในอดีตก่อนที่มหาเทพเทียมฟ้าจะฟื้นขึ้นมา เฟิงหลินได้เรียนชุดวิชากระบองมหาเทพเทียมฟ้าผ่านความทรงจำของเขา เขาโบกมือรอบโดยสัญชาตญาณทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาพลังดุร้าย


สัตว์ผิดปกติรีบพุ่งไปข้างหน้า


เฟิงหลินกระโดดและทุบด้วยกระบองศักดิ์สิทธิ์ ไม่ยอมให้มันหลบหนี


ปัง!


สมองของสัตว์ถูกขยี้เหมือนแตงโมสาดน้ำไปทุกทิศทาง กลิ่นของของเหลวในสมองฟุ้งอยู่ในอากาศและเมื่อของเหลวสัมผัสกับพื้นดิน ควันดำก็กระจายออกมาพร้อมเสียงซู่ซ่าจากความร้อน


สัตว์ผิดปกติที่เหลืออยู่ทั้งสามตัวแผดเสียงเมื่อเห็นเพื่อนกำลังจะตาย พวกมันเกรี้ยวกราดมากขึ้น ไม่กลัวอะไรเลย


สัตว์ประหลาดคือสัตว์ประหลาด พวกมันเทียบสัตว์ป่าไม่ได้!


สัตว์ป่าจะมีสัญชาตญาณในการหลีกเลี่ยงอันตราย แต่สัตว์ผิดปกติเหล่านี้ไม่รู้สึกถึงอันตราย


เฟิงหลินหัวเราะเยาะ นี่เป็นไปตามที่เขาคิดจริงๆ


เขากระโดดข้าม กระบองโลหะของเขาเคลื่อนไหวในอากาศ ก่อตัวเป็นลมพายุทำลายล้างและบดขยี้ทุกสิ่งที่มันสัมผัส


ไม่ว่าร่างของความสัตว์ประหลาดทั้งสามจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกมันจะทนแรงกระแทกจากกระะบองโลหะนี้ที่มีน้ำหนักมากกว่าหมื่นชั่งได้ยังไง พวกมันถูกบดเป็นชิ้นๆทันที


 


เฟิงหลินพับเก็บกระบองโลหะ กระบองโลหะนั้นหดตัวและกลายเป็นแหวนรอบนิ้วของเขา


มีกองกระดูกแหลกและเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขา กลิ่นกรดฟุ้งกระจาย


เฟิงหลินเก็บรักษากระดูกนิ้วหัวแม่มือของสัตว์ผิดปกติทั้งสี่อย่างระมัดระวัง นี่เป็นของที่จะได้รับคะแนนในการสอบรอบสองนี้ มันน่าเสียดายถ้าเขาทำมันหาย


เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยเนื่องจากมีสัตว์ผิดปกติน้อยเกินไป


หลังจากสัตว์ผิดปกติทั้งสี่ถูกฆ่าตายป่าก็กลับสู่ความเงียบเหมือนเดิมทันที


หลังจากจัดการทุกอย่างเขาก็เดินทางต่ออย่างรวดเร็ว


สภาพแวดล้อมบนดาวเคราะห์อสุรานั้นเลวร้ายเกินไป ไม่มีทรัพยากรเช่นอาหารและน้ำ มันเป็นเรื่องยากมากที่คนจะอยู่รอด


ถ้าเขาต้องการที่จะอยู่ให้ถึงสิบวัน เขาต้องจัดการความต้องการทางร่างกายของเขาก่อน เขาต้องพักใจให้สบาย และมุ่งเน้นไปที่การตามล่าสัตว์ประหลาดทางชีวเคมี


ภายใต้การสแกนของพลังวิญญาณ เขาสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบ หลังจากยีนวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึง 10 ระยะการสแกนของเขาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10 กม. ความผิดปกติแม้เล็กน้อยไม่สามารถหลบหนีจากการรับรู้ของเขา


ประสาทสัมผัสที่คมชัดของเฟิงหลินบอกเขาว่าไอน้ำในทิศทางตะวันตกเฉียงใต้นั้นเข้มข้นกว่าปกติ ในทันทีต่อมาเขาก็ไปที่นั่นอย่างมุ่งมั่น


เขาเดินทางประมาณ 50 กม.ภายในระยะเวลาชั่วขณะ ตอนนี้ตรงหน้าเขามีทะเลสาบที่สวยงาม ความเย็นและความชื้นกับสายลมที่พัดเบา ๆ ทำให้เขารู้สึกสบายมาก อุณหภูมิในพื้นที่ก็ลดลงประมาณ 10 องศาเนื่องจากปัจจัยเหล่านี้


ความใสของน้ำในทะเลสาบทำให้เห็นปลาว่ายอยู่ในนั้น แสดงว่าคุณภาพน้ำดีมาก อาหารและน้ำสามารถหาได้ง่ายที่นี่


หลังจากใช้เวลาภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนจัดรวมถึงการออกแรงอย่างหนักก่อนหน้านี้ เฟิงหลินก็รู้สึกว่าคอแห้ง ความปรารถนาที่จะดื่มน้ำสะอาดของทะเลสาบเพิ่มขึ้นในใจของเขา


แต่ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวด เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ


แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่มีศัตรู แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นจาง ๆ ของศัตรูที่แทรกซึมอยู่ในอากาศ สิ่งนี้ไม่ตรงกับภาพบรรยากาศที่เงียบสงบเลย


 


“ใคร?ออกมา!” เฟิงหลินตะโกนออกมาพร้อมกับต่อยหมัด แรงหมัดอันทรงพลังดูเหมือนจะทะลุผ่านสิ่งกีดขวางที่ไม่มีรูปร่าง เมื่อสิ่งกีดขวางหายไปเงา11ร่างก็ปรากฏออกมา พวกมันซุ่มโจมตีอยู่


เมื่อเห็นว่าภาพลวงของพวกมันถูกจับได้ พวกมันก็ไม่ปิดบังความตั้งใจ พุ่งมาล้อมรอบเฟิงหลินอย่างรวดเร็ว!

 

 

 


ตอนที่ 215

 

“ โอ้พวกนายเองเหรอ?” เมื่อเห็นทั้งสิบเอ็ดคนนี้ เฟิงหลินก็หรี่ตาลงและรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย


 


สี่คนในนี้เขารู้สึกคุ้นหน้ามาก พวกเขาคือกลุ่มสี่คนที่มาชวนเฟิงหลินเข้าร่วมทีมก่อนหน้านี้


คนกลุ่มนี้ดูมีเจตนาชั่วร้าย พฤติกรรมก่อนหน้านี้เป็นเพียงข้ออ้าง พวกเขาเป็นเหมือนกิ้งก่าที่เปิดเผยสีที่แท้จริง พวกเขาล้อมรอบเฟิงหลิน ดูเหมือนจะรอเขาอยู่นานแล้ว


 


“เฟิงหลิน แกคิดว่าจะสามารถหนีได้?แม้ว่าแกจะหนีไปได้สักพักหนึ่งแต่ก็จะไม่สามารถหนีไปได้ตลอดกาล! ในที่สุดแกก็ต้องตกอยู่ในมือของเรา” ชายหนุ่มหน้ากลมยิ้ม เขาเป็นเหมือนเสือที่จ้องมองเหยื่อของมัน


 


คนเหล่านี้ล้วนมีท่าทีก้าวร้าว เฟิงหลินหัวเราะเยาะเย้ยอย่างมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเลือกก่อนหน้านั้นถูกต้องแล้ว


ผู้ที่ตั้งใจดีจะไม่มา ผู้ที่มาแน่นอนว่าไม่ดี


โชคดีที่เขารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติก่อนหน้านี้และไม่ได้เข้าร่วม ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะโดนอะไรบ้าง?


หากปราศจากกลอุบายเล็กๆน้อยๆ เหล่านั้น หากพวกเขาปะทะกันใครจะกลัวใครกันแน่?


เฟิงหลินไม่กังวลเลย ในความเป็นจริงเขารู้สึกอยากรู้มากกว่า


เขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครมากนักและไม่ได้ตั้งใจสร้างศัตรู ทำไมคนเหล่านี้ถึงเล็งเป้ามาที่เขา


จากกับดักก่อนหน้านี้ ที่พวกเขามาเชิญชวนให้เฟิงหลินเข้าร่วม จนมาถึงการซุ่มโจมตีในตอนนี้ พวกเขาตั้งใจ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!


 


“ทำไมพวกแกถึงต่อต้านฉัน?” เฟิงหลินถามด้วยความอยากรู้


“แกลืมสิ่งที่ทำไปแล้วหรือไง?” ชายหนุ่มหน้ากลมหัวเราะเยือกเย็น


เฟิงหลินเงียบ เขาไม่รู้ว่านี่หมายถึงอะไร


“ในเมื่อแกจำไม่ได้ ฉันจะเมตตาและให้คำแนะนำ มันถึงเวลาที่แกจะคืนกระสวยอวกาศที่แกชิงไป” เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ พวกเขาก็มองเฟิงหลินเหมือนงูพิษ


“พวกแกมาจากสังคมชาวอารยัน?” สายตาเฟิงหลินเปล่งประกายด้วยความเย็นชา เขาตระหนักได้ในทันที


 


ก่อนหน้านี้เขายึดข้อมูลของบริษัทยาไจแอนท์ทั้งหมดมา ในที่สุดศัตรูของเขาก็ติดตามเขามาจนได้


เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็พบว่ารูปร่างหน้าตาและความสูงของคนเหล่านี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นของเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สิ่งเดียวที่พวกเขามีร่วมกันคือสีผิว ผมและดวงตา เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ได้รับพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นมนุษย์ไข่


 


“ไม่เลว” รอยยิ้มน่ากลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม “เฟิงหลิน แกคิดว่าเราไม่รู้สิ่งที่แกทำกับบริษัทยาไจแอนท์ของเรา?ข้อมูลทั้งหมดถูกบันทึกและส่งกลับไปที่สำนักงานใหญ่ พวกเราสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ถือเป็นขุมกำลังสำคัญในจักรวาล แกคิดว่าเรามีบริษัทเพียงสาขาเดียวคือบริษัทยาไจแอนท์ในระบบสุริยจักรวาลหรือไง?นั่นเป็นเพียงบริษัทผลิตและปรุงยาทางพันธุกรรมองค์กรเรา ทุกคนในที่นี้เป็นทีมต่อสู้ที่แท้จริง เรามีผู้บ่มเพาะระดับสูงหลายคน “


คำพูดของเขาเต็มไปด้วยน้ำเสียงคุกคาม แต่เฟิงหลินดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ “ไม่จำเป็นต้องทำให้ฉันกลัว ถ้าพวกแกมีพลังมากจริงตอนที่กองทัพปฏิวัติของดาวอังคารโจมตี พวกแกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?”


 


ชายหนุ่มหน้ากลมนิ่งงันในความเงียบ เขาต้องการที่จะโต้แย้ง แต่ดูเหมือนกลัวว่าอาจจะรั่วไหลข้อมูลสำคัญบางอย่างและในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร


เฟิงหลินเข้าใจ


ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับสังคมชาวอารยันอันบริสุทธิ์เกินกว่าจินตนาการของผู้คนเหล่านี้ เขารู้จักธรรมชาติของคนพวกนั้นดีมาก


สังคมอารยันเลือดบริสุทธิ์เป็นเป้าหมายของการโดนคนอื่นดูถูกเหยียดหยาม พวกเขาไม่กล้าเผยตัวในที่สาธารณะ


 


“แกต้องการอะไร? เฟิงหลินสงบนิ่งเหมือนเดิม


 


ชายหนุ่มเดินไปรอบๆ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย”เฟิงหลินถึงแม้ว่าแกจะยึดสมบัติของสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ของเราไป แต่ตราบใดที่แกคืนกระสวยบินตอนนี้และเข้าร่วมกับเรา กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน เราจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต ถ้าไม่อย่างนั้นละก็…”


(กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแก?)


เฟิงหลินหัวเราะโดยไม่ปกปิดความรังเกียจของเขา “เข้าร่วมสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์? ทรยศบรรพชนของฉันและกลายเป็นมนุษย์ไข่?”


 


คำพูดของเขาเหมือนดาบแทงทะลุเข้าไปในจุดที่เจ็บปวดของหัวใจของคนเหล่านี้


สีหน้าของชายหนุ่มร้ายกาจอย่าง “ในเมื่อแกเลือกปฏิเสธฉัน ก็อย่าโทษว่าฉันไร้ความปราณี แกล้าที่จะเป็นปฏิปักษ์กับสังคมชาวอารยันเลือกบริสุทธิ์ของเราเอง! ฉันจะทำให้แกไม่ได้ตายอย่างสงบ หลังจากพวกเราฆ่าแกเสร็จแล้ว ฉันจะตามล่าครอบครัวของแก! “


 


คำพูดของเขาโหดเหี้ยมและเต็มไปด้วยการคุกคามครอบครัวของเฟิงหลิน


เขาต้องการดูว่าเฟิงหลินจะดื้อรั้นได้สักแค่ไหน


ทุกคนต้องรู้จักคำว่าเสียใจหากพวกเขากล้าที่จะเป็นศัตรูกับสังคมอารยันเลือดบริสุทธิ์ของพวกเขา


บูม!


เมื่อชายคนนี้รู้สึกพอใจในความงี่เง่าของตัวเอง เฟิงหลินก็คำราม พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นพร้อมกับพายุฝนคลั่ง


คนเหล่านี้รู้สึกราวกับว่าหัวใจโดนก้อนหินขนาดมหึมากดทับ พวกเขาไม่มีทางต้านทาน


อันตราย!


อันตรายมาก!


ชายหนุ่มหน้ากลมรู้สึกกลัวในหัวใจ


เฟิงหลินกระโดดขึ้นไปในอากาศคล้ายกับเทวดาจากสวรรค์ที่ลงมาสู่โลกมนุษย์ เขายินดีและไม่รังเกียจที่จะต่อสู้กับพวกเขาทั้งๆที่เขามีคนเดียว


นิ้วของเขาเหมือนกรงเล็บกวาดไปรอบๆตัว มือของเขาคล้ายกับมือของพระเจ้าควบคุมชีวิตและความตายของมนุษย์ พลังวิญญาณของเขาแข็งกร้าว… ทุกอย่างปะทุออกมาเป็นแรงกดดัน


พลังของเฟิงหลินเหนือกว่าคู่ต่อสู้มาก พวกมันไม่มีโอกาสได้หายใจ


นี้…


 


(ไม่มีทางหลบเลี่ยง!)


ชายหนุ่มหน้ากลมรู้สึกราวกับว่าสวรรค์ลงทัณฑ์ เขาไม่มีทางที่จะหนีไปได้ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าพลังของเฟิงหลินจะน่ากลัวขนาดนี้


ที่เส้นแบ่งระหว่างชีวิตและความตาย เขาโหยหวนด้วยความโกรธและจับเพื่อนคนหนึ่งใกล้ๆเขา โดยสัญชาตญาณโดยโยนคนที่โชคร้ายนั้นมาหาเฟิงหลิน


คนนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด กะโหลกศีรษะของเขาถูกจับโดยนิ้วของเฟิงหลิน วินาทีที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเฟิงหลิน เสียงแตกพลันดังขึ้นเมื่อหัวกะโหลกของเขาถูกบีบอย่างแรง


เมื่อเฟิงหลินปล่อยมือ กระดูกของคนคนนั้นก็แหลกเละแล้ว คนโชคร้ายคนนั้นนอนราบบนพื้น กลิ่นอายของเขาค่อยๆอ่อนลงเรื่อย ๆ


ในตอนนี้เฟิงหลินสามารถทำให้โลหะแตกเหมือนโคลนได้เพียงมือสัมผัส ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเกี่ยวกับกระดูกมนุษย์ที่เปราะบาง


แม้ว่าเฟิงหลินจะต้องเชื่อฟังกฎไม่ฆ่าผู้สมัครสอบโดยตรง แต่คนๆนี้พิการไปแล้ว ในสภาพแวดล้อมที่ชั่วร้ายของดาวอสุราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกเกี่ยวกับชะตากรรมของเขา


แม้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ความตายกลับดีเสียยิ่งกว่า!


คนพวกนี้ซุ่มโจมตีเฟิงหลิน แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือ หนึ่งในพวกเขาก็ตายไปแล้ว


บนสนามรบอสุรา ถ้าไม่มีคนตามสนามรบนี้จะยังคงมีชื่อว่า ‘อสุรา’ ได้ยังไง?


 


เหมือนกับการกดสวิตช์ ความคิดของเฟิงหลินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาทิ้งประเด็นทางศีลธรรมทั้งหมดออกไป หัวใจของเขาชัดเจนมากขึ้น


รัศมีทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไป เขาเป็นเหมือนเทพปีศาจ เหมือนเหวและนรกลึกไร้ขอบเขตเต็มไปด้วยความเยือกเย็น


สีหน้าของชายหนุ่มหน้ากลมเปลี่ยนไป เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าสิ่งที่เขาทำได้ปล่อยมังกรร้ายออกมา


 


“เฟิงหลิน แกโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!แกไม่กลัวว่าสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ของเราจะแก้แค้นเลยหรือไง?” เขาพูดด้วยความโกรธ


 


“แก้แค้น?” เฟิงหลินยื่นหน้าไปสำรวจคนกลุ่มนี้ หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มทันที “โอ้ ฉันลืมบอกแกว่าฉันไม่เคยโดนข่มขู่มาก่อน เมื่อมีคนพยายามที่จะขู่ฉัน ฉันจะกำจัดแหล่งที่มาของอันตรายที่เป็นไปได้ทั้งหมดทันที พอศัตรูตาย พวกมันก็จะทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันอาจใช้โอกาสนี้ส่งพวกแกทั้งหมดไปสู่นรก กำจัดปัญหาทั้งหมดในอนาคต!


“แก … ” การแสดงออกของชายหนุ่มรอบเปลี่ยนไปอย่างมาก


เฟิงหลินไม่ต้องใส่ใจให้เสียเวลา เขายกมือขึ้นขณะที่ตะโกน “ลุกขึ้น!”


 


พื้นดินสั่นสะเทือนเมื่อพลังวิญญาณไร้รูปร่างของเขาทำให้พื้นลอยขึ้น หลังจากนั้นสิ่งสกปรกและดินก็ไหลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มมนุษย์ไข่และจับพวกเขาไว้ในเปลือกหอยที่ทำมาจากดิน


“ลงมือเลย! ถ้ามันไม่ตาย เราก็ต้องตาย!” ชายหนุ่มหน้ากลมกรีดร้อง ส่งสัญญาณให้คนในกลุ่มลงมือ


คลื่นเพลิง!

กระบี่น้ำแข็ง!


ปืนใหญ่อากาศ!



คนเหล่านี้ได้ปลดปล่อยพลังทางพันธุกรรมของพวกเขาตามลำดับ ระเบิดเปลือกดิน


อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะได้ยินดี เสาศักดิ์สิทธิ์ก็กวาดไปทางพวกเขาแล้ว


พลังของเสาศักดิ์สิทธิ์ยากจะอธิบาย มันเหมือนกับขุนเขาที่กดทับลงมา สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง


เสียงเยือกเย็นดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา เหมือนเสียงเทพเจ้าแห่งความตายประกาศตัดสินโทษแก่มนุษย์


“ตาย!”

 

 

 


ตอนที่ 216

 

ผู้ที่ทำให้ฉันวุ่นวายใจ ฆ่า!


ผู้ที่ทำให้ฉันกังวลใจ ฆ่า!


ผู้ที่ขัดใจฉัน ฆ่า!



เมื่อเสาศํกดิ์สิทธิ์พุ่งลงมา มันมีน้ำหนักถึงหนึ่งหมื่นชั่งสามารถทำลายทุกอย่างได้


ดาวอสุราเป็นสถานที่ที่อาชญากรถูกส่งตัวไป ไม่มีอารยธรรมหรือความสงบเรียบร้อยที่นี่ กฎหมายที่โหดร้ายของป่าคือทุกสิ่ง คนอ่อนแอเป็นอาหารสำหรับคนเข้มแข็ง


ในเวลานี้เฟิงหลินเลือกที่จะละทิ้งเหตุผลและศีลธรรมของเขา ไม่มีสิ่งรบกวนในใจเขาเข้าสู่สภาวะที่สมบูรณ์แบบ


กฎถูกกำหนดโดยผู้ที่แข็งแกร่ง ผู้อ่อนแอทำได้เพียงทำตาม


เขาจะฆ่ามนุษย์แล้วยังไง?


ผู้เชี่ยวชาญคืออะไร?


ผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงแต่มีอำนาจอยู่ยงคงกระพัน แต่ยังต้องมีสถานะที่อยู่ยงคงกระพันด้วย


ตราบใดที่สภาพจิตใจของเขาไม่ถูกรบกวน จะมีศัตรูในโลกได้ยังไง?


เมื่อเสาโลหะตกลงมาผู้คนในสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ก็รู้สึกราวกับว่าวันโลกาวินาศมาถึงแล้ว จิตสังหารที่ออกมาจากเฟิงหลินกลืนพวกเขาด้วยความเย็นที่ซึมเข้ากระดูก พวกเขาไม่มีทางต้านทาน


 


“แกสมควรตาย!” ชายหนุ่มหน้ากลมที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุด สะบัดตัวออกเป็นอิสระจากพลังจิตของเฟิงหลิน ใบหน้าของเขาดุร้ายและคำราม “ส่งพลังทั้งหมดของพวกแกมาให้ฉัน!”


 


คนที่อยู่ข้างหลังขยับ ถ่ายโอนพลังงานไปยังร่างกายของเขา พลังพันธุกรรมจากพวกเขาทั้งหมดได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน สถานะพลังชีวิตของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความผันผวนทำให้เกิดแสงที่โค้งงอและทำให้พื้นที่รอบตัวเขามีประกายระยิบระยับ


สถานะ 110, 120, 130 … การรวมพลังทำให้สถานะพลังของเขาทะลุขีดจำกัด 100 สำหรับผู้บ่มเพาะหว่างดวงดาว มันยังคงเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่แม้แต่เฟิงหลินยังรู้สึกกดดัน เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความสามารถนี้คืออะไร


 


“เชิงเทินจักรวรรดิเทวะ!” ชายหนุ่มหน้ากลมคำราม ฝ่ามือของเขาแผ่ออกไปด้านข้าง คลื่นพลังงานหมุนตัวออกมาเผยให้เห็นเชิงเทินรูปพระจันทร์เสี้ยวที่อยู่เหนือพวกเขา


บูมม!


กำแพงดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


เสาโลหะกระแทกอย่างหนักและการโจมตีครั้งนี้ของเฟิงหลินก็ล้มเหลว ไม่สามารถแยกกำแพงออกจากกัน ความสามารถนี้เปรียบเหมือนกำแพงที่แท้จริงของจักรวรรดิเทวะที่อยู่เหนือดวงดาว มนุษย์จะสร้างความเสียหายกับมันได้ยังไง?


 


“เฟิงหลินก่อนหน้านี้ที่แกโจมตีเราได้สำเร็จเพราะการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว แกคิดว่าแกจะยังมีโอกาสครั้งที่สองอีกหรือไง?ต่อหน้าสิ่งนี้ การโจมตีทั้งหมดของแกจะเปล่าประโยชน์ จะดีกว่าถ้าแกเลิกพยายาม…” ชายหนุ่มหน้ากลมพึงพอใจราวกับว่าเขาชนะการต่อสู้ไปแล้ว


“โอ้?” เฟิงหลินยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่สามารถฟังคนพูดจาไร้สาระได้อีกต่อไป เขาคว้าเสาศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น และตะโกนว่า “ขยาย!”


 


ในขณะที่เสียงของเขาดังขึ้น เสาโลหะก็ขยายขนาด เฟิงหลินส่งพลังวิญญาณออกไป ตัดสินรูปแบบและขนาดของเสา


มันสามารถกลายเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมาที่หนุนทั้งทวีปหรืออาจเป็นเพียงเข็มปักขนาดเล็กราวกับเส้นผมบางซ่อนอยู่ในหูของเขา


ยิ่งรูปแบบยิ่งใหญ่เฟิงหลินยิ่งต้องพลังวิญญาณมากนั้น


เมื่อพิจารณาจากพลังวิญญาณของเฟิงหลินในปัจจุบัน เขาจึงไม่สามารถทำให้เสาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในรูปแบบของเสาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นได้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนมันเป็นกระบองที่หนาและยาวกว่าสิบเมตรก็ยังเป็นไปได้ พลัง20ตันบดขยี้ลงมาอย่างเผด็จการ การกระทำมักหนักกว่าคำพูด


แคร่ก แคร่กก ~


กระบองเหล็กบดขยี้เข้ากับเชิงเทินจนเกิดเสียงแตก


สีหน้าของชายหนุ่มหน้ากลมบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง รอยร้าวเหมือนใยแมงมุมปรากฏขึ้นบนกำแพง รอยแตกขยายอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วเท่าระเบิด


การโจมตีนี้จากเฟิงหลินล้วนอัดแน่นในกระบองเหล็ก ไม่มีอะไรรั่วไหลมาแม้แต่น้อย


 


“หนีเร็ว!” โชคดีที่กำแพงกันไว้ได้ชั่วครู่ ทำให้พวกเขารีบหนีไปคนละทิศคนละทางได้ทัน


 


“ค่ายกลรังสีหกเหลี่ยม!” กลุ่มของศัตรูยืนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน มือของพวกมันก่อเป็นท่าทาง พลังงานพันธุกรรมที่ไหลออกมาจากร่างกายเชื่อมต่อถึงกันในหกจุดที่แตกต่าง


รังสีแสงทั้งหกจากหกมม สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แตกต่างกันหกชนิด – แสง ความมืด ดิน ไฟ ลมและน้ำ!


แสงศักดิ์สิทธิ์สามารถชำระล้าง ความมืดสามารถกลืนกิน ดินคือแรงโน้มถ่วง ไฟที่ลุกโชติช่วง น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ลมสามารถกัดกร่อน … พลังงานที่แตกต่างกันเหล่านี้ผสมเข้าด้วยกันเป็นวังวนพลังงานยักษ์ที่ให้ความรู้สึกโกลาหล


เฟิงหลินเข้าไปใกล้ช้าๆ ในทันทีพลังงานจากวังวนก็สาดใส่เขา เขารู้สึกราวกับว่ามีเข็มหนึ่งพันเล่มแทงผิวหนังด้วยพลังที่สามารถเจาะกระดูกของเขาได้


พลังงานเหล่านี้ไม่ธรรมดา มีสัญญาณของพลังศักดิ์สิทธิ์ภายใน แม้ว่าเฟิงหลินจะมีความสามารถของยีนลิงหิน แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานสิ่งนี้ได้เป็นเวลานาน


สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงคือความจริงที่ว่ายีนในตำนานที่พวกมันปลุกขึ้นมานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และแต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญในพลังงานชนิดเดียวเท่านั้น กระนั้นพวกเขากลับสามารถหลอมรวมพลังงานเข้าด้วยกันเป็นรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์บีบอัดมันไว้เป็นหนึ่งเดียว


พลังเช่นนั้นเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะระดับสูงขั้นกลางที่มีพลังชีวิตกว่า500 มันสามารถข่มเฟิงหลินได้


เสาโลหะของเฟิงหลินหมุนตัวในอากาศปกป้องตัวเองอย่างแน่นหนา ในขณะที่พลังงานแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ


มันไม่รู้ว่ากระบองเหล็กไร้ขอบเขตนี้คือสมบัติเกรดใด แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตกค้างมาจากอารยธรรมโบราณ มันย่อมไม่อ่อนแอ


มีความลับที่ลึกซึ้งยิ่งซ่อนอยู่ข้างใน แต่เฟิงหลินไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากพลังในปัจจุบันของเขา


เสาโลหะดูเหมือนจะคงกระพันต่อความเสียหายทุกรูปแบบ พลังของกระบองเขาก่อตัวเป็นสิ่งคุ้มกายรอบเขา พลังงานเหล่านี้ไม่อาจเข้าใกล้เขาได้เลย


 


“เป็นฐานการบ่มเพาะที่ทรงพลังนัก ดูเหมือนว่าพลังของแกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ขโมยข้อมูลของสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์เรา!” ดวงตาของชายหนุ่มหน้ากลมเต็มไปด้วยความระวัง


 


อัตราการเติบโตของเฟิงหลินเร็วเกินไป ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากในบันทึกของ บริษัทยาไจแอนท์ มันเหมือนกับว่าเฟิงหลินเป็นคนละคน อย่างน้อยที่สุดสถานะพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า


ภายในระยะเวลาอันสั้นเฟิงหลินทำได้ยังไง?


หากพวกเขาไม่สามารถจัดการเฟิงหลินได้ในวันนี้ มันจะเท่ากับพวกเขาปล่อยเสือกลับภูเขา การจัดการเขาในอนาคตคงยากยิ่งขึ้น


 


“หอกราชาเทพ!” เขาตะโกนอีกครั้ง กระแสพลังงานวนก่อตัวเปลี่ยนไป คนอื่นติดตามการเรียกของเขาและรวมพลังงานไว้ในจุดเดียว ทำให้พวกเขาสามารถสร้างและปราบซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นครู่หนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น พลังงานควบแน่นเป็นหอกสีดำ


เปรี้ยง!


เสียงฟ้าผ่าดังลั่นไปทั่วหอก แหวกบริเวณนั้น เฟิงหลินยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไม่ขยับ ผิวของเขาไหม้เกรียมและร่างกายมีบาดแผล แม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็ถูกเผาไหม้เป็นถ่าน


 


“กองกำลังของเราเป็นสิ่งที่แกไม่อาจจินตนาการได้ หลังจากผ่านพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์ ยีนของเราก็คล้ายคลึงกันและพลังงานที่เราผลิตออกมาก็สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ ด้วยการสนับสนุนของค่ายกลรังสีหกเหลี่ยม เราเทียบเท่ากับพระเจ้า! แกเป็นเพียงมนุษย์และแกต้องการที่จะกบฏต่อพระเจ้า ถ้าแกยอมจำนนต่อเราอย่างเชื่อฟังเราก็จะไว้ชีวิตแก “ชายหนุ่มหน้ากลมพูดอย่างสุขุมราวกับเป็นเทพผู้สูงส่ง จ้องมองมนุษย์ที่ไม่สำคัญ


“แกบอกว่าพวกแกคือพระเจ้าเหรอ?” เฟิงหลินหัวเราะเยาะเย้ย เขาเอียงศีรษะและจ้องมองที่หอก จากนั้นเขาก็ถามคำถามแปลก ๆ ว่า “ค่ายกลเต่าหัวหดนี้เทียบกับสวรรค์ได้ด้วย?”


 


“หือ?” สายตาของชายหน้ากลมหรี่แคบลง เขาไม่รู้ว่าเฟิงหลินหมายถึงอะไร แต่ความรู้สึกไม่สบายใจกลับเกิดขึ้นในใจของเขา


เฟิงหลินฝังเสาของเขาลงบนพื้น จากนั้นเขาก็รวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดลงไป ทำให้มันพุ่งออกมาเหมือนกระแสน้ำ


 


“ขยาย ขยาย ขยาย!” เสาโลหะเป็นเหมือนหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่เจอฝนและขยายตัวเร็วมาก


20 เมตร, 30 เมตร, 40 เมตร …


ขณะที่เสาโลหะขยายตัว ค่ายกลที่กังขังเฟิงหลินไว้ก็ไม่อาจแบกรับวัตถุขนาดใหญ่นี้ได้ แรงกดดันที่เกิดจากการขยายตัวของกระบองเลห็กบังคับให้พื้นที่ในค่ายกลต้องเปลีย่น


เสาโลหะเป็นเหมือนเสาหลักสวรรค์ที่สามารถยกสวรรค์ได้


บูม!


เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ค่ายกลแตกเหมือนกระจก


ท้องฟ้า…


ถึงกับแยก!

 

 

 


ตอนที่ 217

 

ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเป็นลูกไฟที่แผ่ความร้อนได้ไม่จำกัด อบดินเบื้องล่าง อุณหภูมิสูงมากจนคนธรรมดาไม่สามารถทนได้


ร่างสูงและแข็งแกร่งเร่งความเร็วผ่านพื้นดิน ผิวของเธอเป็นสีบรอนซ์และสวมกางเกงขาสั้น ขายาวเรียวของเธอมีกล้ามเนื้อ แต่ก็น่ามอง


มีหญิงสาวที่สวยงามอีกคนบนหลังของเธอซึ่งถูกเธออุ้มอยู่ เธอมีผิวสีขาวซีดจากอาการป่วย ภายใต้ความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ ใบหน้าสีซีดของเธอแดงผิดธรรมชาติ เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเธอและริมฝีปากของเธอก็ซีดไม่มีสี


 


“น้องไม่ควรพาพี่มาเข้าร่วมการทดสอบด้วยเลย สำหรับน้อง พี่คือภาระ!”หญิงสาวผู้อ่อนแอพูดอย่างเฉื่อยชาขณะที่เธอทนแสงจ้าและความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์แทบไม่ไหว


หญิงสาวผมบรอนซ์แสดงออกถึงความกล้าหาญขณะที่เธอพูดว่า “พี่กำลังพูดเรื่องอะไร?ฉันสัญญากับแม่ว่าจะดูแลพี่อย่างดี! ถึงแม้ว่าร่างกายของพี่จะไม่แข็งแรง แต่ความสามารถของพี่ไม่ได้อ่อนแอ พี่จะช่วยเหลือฉันได้อย่างมากในระหว่างการสอบครั้งนี้ พี่ต้องรู้ว่าตราบใดที่หัวใจของพวกเรายังเป็นพี่น้องกัน เราก็จะสามารถเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดได้! “


 


หญิงสาวผู้อ่อนแอพยักหน้าอย่างไร้ประโยชน์ แม้ว่าเธอจะเป็นพี่สาวและน้องสาวของเธอก็ฟังสิ่งที่เธอพูดเสมอ แต่น้องสาวของเธอไม่ใช่คนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เนื่องจากสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว มันก็ไร้ประโยชน์แม้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ


ทันใดนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว พลังจิตไหลออกมาจากกลางคิ้ว ราวกับว่าเธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง


น้องสาวอุ้มพี่สาววิ่งมานานกว่าสิบนาที


 


ทันใดนั้นหญิงสาวผู้อ่อนแอก็ลืมตา ดวงตาสดใสของเธอเปล่งประกายด้วยสติปัญญาขณะที่เธอพูดว่า “ดาวอสุรานี้เป็นนรกที่แท้จริง สภาพแวดล้อมนั้นเลวร้ายมากเราไม่จำเป็นต้องรีบฆ่าสัตว์ผิดปกติเหล่านั้น สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือการหาแหล่งน้ำและอาหารเพื่อให้เราสามารถตอบสนองความต้องการทางร่างกายของเราได้ก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นเราไม่สามารถอยู่รอดได้และไม่มีแรงไปฆ่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้น จากการสำรวจทางจิตของพี่ มีแหล่งน้ำจำนวนมากทางนั้น! “


 


เธอยกนิ้วชี้ไปทางขวา


น้องสาวพยักหน้า เธอเหยียดขายาวและพุ่งออกไปเหมือนเสือดาวล่าสัตว์


หลังจากวิ่งมานานกว่ายี่สิบกิโลเมตร ก็มีทะเลสาบน้ำสีฟ้าใสปรากฏอยู่


เธอรู้สึกดีใจและตัดสินใจเพิ่มความเร็ว


อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายผิดปกติกลับแทรกซึมอยู่ด้วย


เธอหยุดด้วยสัญชาตญาณ ประสาทสัมผัสของเธอบอกกับเธอว่ามีบางอย่างผิดปกติ


 


“มีอะไรเหรอ?” พี่สาวผู้อ่อนแอถาม


“ มีบางคนกำลังต่อสู้อยู่ตรงนั้น” น้องสาวของเธอตอบและทำท่าทางเตรียมพร้อม


“ไปกันเถอะ เราค้นหามานานแล้วและนี่คือแหล่งน้ำเดียวในรัศมี 100 กิโลเมตรนี้ เราไม่สามารถละทิ้งมันได้! ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำร้ายเรา เราจะจากไปทันทีหลังจากได้รับน้ำจืด! “พี่สาวกล่าวอย่างคนอ่อนแอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจระหว่างสองคนนี้


 


น้องสาวหน้าตาดุร้ายพยักหน้า เธอชะลอตัวลงและเดินเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวังเหมือนเสือเข้าใกล้เงียบๆ


… … ..


บูม บูม บูม! เสียงของการต่อสู้ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน จิตสังหารเข้าปกคลุมไปทั่ว


จากระยะไกลพวกเธอสามารถเห็นใครบางคนควงกระบองเหล็กปะทะกับกลุ่มคนอยู่


 


“ตาย!” กระบองเหล็กเปลี่ยนเป็นเสายักษ์และแยกค่ายกลออกจากกัน เฟิงหลินไม่ลังเล เขากระโจนเข้าไปในฝูงชน


 


กระบองเหล็กยาวและภายใต้การกวาดของมัน มันทำลายผู้เชี่ยวชาญสองคนทันที บดขยี้กระดูกหลังของพวกเขา พวกเขาแผดเสียงร้องและกลายเป็นคนพิการในบัดดล


เฟิงหลินสูดหายใจลึก เงาของกระบองเต็มไปทั่วท้องฟ้า เผยให้เห็นพายุเฮอริเคนที่เกิดขึ้นจากคลื่นความร้อนขณะที่โลหะเหล็กพุ่งชนชายหนุ่มหน้ากลม


หากต้องการจับกลุ่มหัวขโมยเราต้องจับหัวหน้าของพวกมันก่อน!


มันเป็นอีกเรื่องหากเฟิงหลินไม่อยากลงมือ แต่วินาทีที่เขาลงมือ เขาจะระเบิดพลังสุดตัว พลังของกระบองเขาเหมือนอัสนีบาต สำแดงพลัง218หน่วยจนถึงขีดสุด


สายตาของชายหน้ากลมหรี่แคบลง กลิ่นอายของเขาพุ่งขึ้นขณะดูดซับพลังพันธุกรรมจากคนในกลุ่มของเขาไปจนถึงสภาวะที่ไม่ด้อยกว่าเฟิงหลิน


 


“มนุษย์โง่เขลา ให้ฉันบอกอะไรแก ต่อหน้าพระเจ้า การต่อต้านทั้งหมดไม่มีอะไรนอกจากเรื่องตลก!”สีหน้าเขาดำมืด ผมยาวของเขาสั่นไหวในอากาศ ขณะที่ดวงตาเขาทอประกายเรืองกล้า “ไปลงนรกซะ!”


หมัดเทพสงคราม!


กำปั้นของเขาเต็มไปด้วยพลังสายฟ้า ระเบิดออกไปอย่างอุกอาจ มันให้ความรู้สึกเหมือนตำนานค้อนโยเนียร์ที่ธอร์ใช้


กำปั้นชนกับกระบอง ก่อให้เกิดแรงระเบิดจากแรงกระแทก ซึ่งทำให้หินและทรายรอบข้างถูกพัดออกไป


 


ร่างกายของเฟิงหลินสั่น แต่ยังไม่ขยับ สำหรับชายหนุ่มหน้ากลม เขาถอยไปหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ


 


“ตาย!” เฟิงหลินกดดันอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ให้โอกาสคู่ต่อสู้ได้หายใจ พลังงานทางกายภาพของเฟิงหลินดูเหมือนไร้ขอบเขต กระบองของเขาถูกใช้เหมือนหอกแทงไปข้างหน้าด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อและทำลายกำแพงต้องการเจาะทะลุคู่ต่อสู้ของเขา


 


นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในเส้นทางของเขา เฟิงหลินเดินจนมาถึงที่นี่โดยประสบกับการต่อสู้ที่โหดร้ายและต้องอาบเลือดมานับไม่ถ้วน ประสบการณ์การต่อสู้ของเขานั้นเหนือกว่าชายหนุ่มพวกนี้และสถานะพลังของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน นอกจากนี้เขายังมีกระบองเหล็ก หากเขาต่อสู้ตัวต่อตัวกับชายหนุ่มนี่ เขาจะได้เปรียบโดยสมบูรณ์


เขาต้องการที่จะฆ่าทุกคนที่นี่ด้วยการระเบิดพลังงาน


ปัง ปัง ปัง!


ชายหนุ่มหน้ากลมไม่คาดหวังว่าการโจมตีของเฟิงหลินจะดุร้ายขนาดนี้ หลังรับมือด้วยความตื่นตระหนก เลือดและปราณเขาก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่งจากแรงกระแทก ตอนนี้เขามึนงงและบาดเจ็บภายใน


ชีวิตและความตายถูกแบ่งโดยเส้นบาง ๆ เท่านั้น!


เขาโหยหวนด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาขยายตัว เสื้อผ้าของเขาระเบิดออกเช่นกันจากการขยายร่าง “มนุษย์ไม่คิดเลยว่าฐานบ่มเพาะของแกจะแข็งแกร่งขนาดนี้และแกยังมีสมบัติเวทย์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ วันนี้ ฉันจะแสดงให้เห็นถึงพลังของหมัดเทพสงคราม– วิชายุทธ์ยีนระดับต่ำขั้นสูง จงลืมตาและดูให้ดี!”


บรื้อออ~


กลิ่นอายน่าหวาดกลัวทะลักออกมาจากชายหนุ่ม สายฟ้าฟาดรอบตัวเขาคล้ายกับเทพนักรบในตำนาน ใช้การลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ในรูปแบบของสายฟ้าและอ้างว่าตัวเองไร้เทียมทาน


แคร๊กก!


ไฟฟ้าระเบิดออกมาคล้ายกับการระเบิดของปืนใหญ่แม่เหล็กไฟฟ้า หมัดนี้สามารถสกัดกั้นการโจมตีจากกระบองเหล็กของเฟิงหลินได้


 


“ตาย!” เฟิงหลินไม่พูดมากและเปลี่ยนท่าทางของเขาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ลังเล ต้องการจัดการให้คู่ต่อสู้ตายที่นี่


ระดับต่ำขั้นสูง? แล้วยังไงล่ะ?


ไม่ว่าเทคนิคร้ายกาจแค่ไหน พลังอันเผด็จการสามารถโต้ตอบได้ทุกสิ่ง!


วิชากระบองมหาเทพเทียมฟ้า!


ด้วยเจตจำนงค์เขา เขารวบรวมพลังทั้งร่างและบีบอัดลงกระบอง กลิ่นอายเขารุนแรงมากขณะที่พลังงานเขา ปราณเขาและวิญญาณเขาได้รวมเป็นหนึ่ง


การเผาไหม้พลังงานฉับพลัน!


พลังจากกระบองทำให้เกิดคลื่นพลังทำลายสภาพแวดล้อม มันให้เกิดภาพลวงตาเสมือนเฟิงหลินเป็นเทพสูงสุด ราวกับกระบองเหล็กในมือเขาสามารถถล่มได้ทั้งสวรรค์!


คชา!


แม้ว่าชายหนุ่มหน้ากลมจะมีความมั่นใจมาก แต่พลังกำปั้นสายฟ้าของเขากลับแตกสลายหายไปทันที  แขนของถูกแรงกระแทกให้อ้าออกกว้างขณะที่กระบองเหล็กกระแทกใส่หน้าอกเขา ทำให้กระดูกเขาแตก ทั่วร่างเขากลายเป็นเส้นฝาง บินลอยออกไปกระแทกพื้นอย่างแรง


 


“ไม่!” เขาสามารถสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามของความตายที่ปรากฏอยู่เหนือเขา เขากระอักเลือดกองโต ความหวาดกลัวฉาบบนหน้า


 


ด้วยการบาดเจ็บอย่างหนัก ถึงแม้ว่าเฟิงหลินจะไม่ฆ่าเขา แต่โอกาสในการอยู่รอดของเขาบนโลกที่มีสภาพแวดล้อมเลวร้ายเช่นดาวอสุรานั้นไม่มีอยู่จริง


 


“เฟิงหลินแกกล้าดียังไง?ถ้าแกฆ่าเรา สังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์จะไม่ปล่อยแกไว้แน่!พ่อแม่และน้องๆของแกจะถูกทรมานจนกว่าจะตาย!” เขาขู่คำรามเหมือนสัตว์ป่าที่ติดอยู่ในกรง ใช้หน้ากากดุร้ายเพื่อซ่อนความกลัวในหัวใจ


“พูดมาก” เฟิงหลินกระโจนและฟาดลงด้วยกระบอง


แคร๊กก ~


กระดูกในร่างกายของชายหนุ่มแตกร้าว แม้กระทั่งกระดูกคางก็ยังแตก สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มั่นใจได้เลยว่าเขาต้องตายแน่ กระนั้นเขาก็ไม่สามารถตายได้ในเวลาอันสั้นและทำได้เพียงรอ


แท้จริงนี่คือชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!


เฟิงหลินไม่ได้หยุดการกระทำของเขา เขาไล่ตามคนอื่นในกลุ่มสังคมอารยันเลือดบริสุทธิ์


อ๊ากก อ๊ากกก อ๊ากกก …


เสียงกรีดร้องของความทุกข์ทรมานดังขึ้นไม่หยุด


แม้แต่หัวหน้าก็ยังโดนจัดการ สมาชิกคนอื่นจึงไม่สามารถต้านทานได้ พวกมันกลายเป็นคนพิการภายใต้การโจมตีที่น่ากลัวของกระบอกเหล็ก


บนดาวอสุรา คนพิการไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน!


เฟิงหลินยืนสำรวจคนที่เหลือ คนเหล่านี้ทั้งหมดกำลังจะตาย


ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่ง นี่คือความหมายของการฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาสินะ


หือ?


ทันใดนั้นดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง สายตาของเฟิงหลินแหลมคมดุจดาบ จ้องไปยังตำแหน่งหนึ่งในป่าดำ พลังวิญญาณเขาแหวกผ่านชั้นพลังจิตตรงนั้นและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสองสาย


 


“ใคร? ไสหัวออกมา!” เฟิงหลินตะโกนอย่างเย็นชา เขาเหมือนลูกศรพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว


 


ทันใดนั้นร่างสูงและสวยงามก็กระโดดออกมา


ปัง!


การปะทะกันครั้งใหญ่ดังขึ้นเหมือนระเบิด


เงาร่างนั้นแลกหมัดกับเฟิงหลินก่อนทั้งสองจะถอยจากการปะทะ พวกเขาดูสูสี


เฟิงหลินจับจ้องที่พวกเธอและค้นพบว่าจริงๆแล้วเป็นหญิงสาวสองคนที่มีความคล้ายคลึงกัน ภาพลักษณ์ของพวกเธอนั้นสวยงามเหมือนภาพวาด แต่พวกเธอก็ดูแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งคู่กำลังจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง

 

 

 


ตอนที่ 218

 

“เธอสองคนเป็นใคร” เฟิงหลินจ้องหญิงสาวทั้งสองคน เขาถามด้วยความกดดันอย่างหนัก น้ำเสียงของเขาแข็งเหมือนน้ำแข็ง หัวใจของเขาไม่ได้หวั่นไหวไปกับความงามของพวกเธอเลย


หญิงสาวที่ดูดุดันไม่ตอบ ร่างกายของเธอโค้งงอเหมือนธนู กลิ่นอายมุ่งร้ายปะทุออกมาจากเธอ เธอจ้องมองเฟิงหลินอย่างระมัดระวัง


เหมือนกับว่าหากเฟิงหลินทำอะไรผิดปกติเมื่อไหร่ เธอจะพุ่งเข้าหาและฉีกเขาเป็นชิ้นๆทันที


 


“อืมม?” เฟิงหลินกดดันหนักขึ้น จริงๆแล้วหญิงสาวที่ดูดุร้ายนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เขารู้สึกตกใจและกังวล


 


เขาอดไม่ได้ที่จะสำรวจทั้งสองคนอย่างจริงจัง


หญิงสาวที่มีผิวสีบลอนด์ ร่างกายของเธอมีกล้ามเนื้อและแข็งแรง แต่ไม่น่าดึงดูดเท่าไหร่และความผันผวนของพลังชีวิตของเธอก็น่าตกใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงและไม่ใช่คนที่เพิ่งจะได้เป็น สถานะพลังของเธอสูงเกิน 100 และอาจเกิน 200 ทำให้เธอแข็งแกร่งกว่าเฟิงหลิน ถ้าไม่เช่นนั้นเธอจะไม่สามารถทำให้เฟิงหลินรู้สึกกดดันเช่นนี้


เธอมีคุณสมบัติที่กล้าหาญและมีลักษณะคล้ายกับรูปปั้นกรีก ใบหน้าดูเด็ก เธอยังไม่แก่มากนัก แต่ทว่ายอดเขาทั้งสองที่หน้าอกของเธออาจอธิบายได้ว่าเป็นอาวุธทำลายล้างขั้นสูง แม้แต่เฟิงหลินก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และแอบมองมัน


ในอ้อมแขนของเธอมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ดูนุ่มนวลและบอบบางมาก หญิงสาวคนนี้สวยงาม แต่สีหน้าของเธอซีดขาวราวกับว่าเธอป่วยเป็นโรค เธอดูเหมือนตุ๊กตาพอร์ซเลนที่บอบบางมาก


อย่างไรก็ตามเราไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก!


ไม่มีคนอ่อนแอที่สามารถผ่านการสอบรอบแรกของมหาวิทยาลัยเอกภพและมาที่นี่เพื่อการทดสอบรอบสองเด็ดขาด


เมื่อเธอรู้ว่าเฟิงหลินกำลังจ้องมองอยู่ ดวงตาของหญิงสาวที่ดูดุร้ายก็เบิกกว้าง ตาเล็กเบิกกว้าง เธอส่งเสียงคำรามคล้ายกับเสือตัวเมีย กลิ่นอายดุร้ายเปล่งประกายชัดเจนมาก


ความเป็นปรปักษ์เย็นชาของเธอไม่ใช่ของปลอมเพราะเฟิงหลินรู้สึกว่าการจ้องมองของเธอทิ่มแทงเขาเหมือนเข็ม ในทางกลับกันดวงตาของเขาก็เย็นชามาก พวกเขายืนเผชิญหน้ากัน กลิ่นอายของพวกเขาปะทะกัน บรรยากาศเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพวกเขาจะปะทุความขัดแย้งในเวลาใดก็ได้


 


“พวกเธอคือพวกเดียวกันกับสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์หรือเปล่า?” เฟิงหลินจับกระบองเหล็กแน่นขณะที่ถาม


หญิงสาวที่ดูดุร้ายเปล่งประกายความเกลียดชัง “นายเป็นฆาตกร ทำไมเราต้องบอกนายด้วย?”


เมื่อเฟิงหลินได้ยินดวงตาของเขาหรี่แคบลงอย่างเป็นอันตราย


แค่ก แค่ก แค่ก …


หญิงสาวผู้บอบบางเริ่มไออย่างจริงจัง ทำให้ความตึงเครียดในอากาศจางลงเล็กน้อย “น้อง อย่าสร้างปัญหาสิ”


 


 


หลังจากนั้นเธอก็หันมาพูดเบา ๆ กับเฟิงหลิน“ เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณตกใจ เราแค่มาที่นี่เพื่อมาหาน้ำดื่มและจะออกจากที่นี่ทันทีหลังจากที่เราได้น้ำแล้ว”


 


เมื่อเห็นว่าเธอดูเหมือนจะไม่โกหก ท่าทางของเฟิงหลินก็เบาลงบ้างเช่นกัน


ท้ายที่สุดถ้าทั้งสองนี้มาจากสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ พวกเธอจะไม่ยืนมองจากด้านข้างและเวลาที่พวกเขาต่อสู้กันก่อนหน้านี้ก็ใช้เวลาตั้งนาน ทำไมพวกเธอจะต้องรอจนถึงตอนนี้


เขามีความมั่นใจประมาณ 80% ถึง 90% ว่าทั้งสองนี้เป็นผู้สมัครสอบและพวกเธอผ่านมาที่นี่โดยบังเอิญ


 


“เธอไม่ควรเข้ามายุ่งกับเรื่องของฉัน” เฟิงหลินมองไปที่พวกเธอก่อนที่จะหันหลังและออกไป หัวใจของเขาไม่ได้อ่อนลงเลยแม้จะได้เจอกับสาวสวยทั้งสองคนอย่างพวกเธอ


“นาย… ”หญิงสาวหน้าตาดุร้ายขมวดคิ้วขณะโกรธในใจ อย่างไรก็ตามเธอโดนหญิงสาวบอบบางหยุดเอาไว้ “พี่กำลังทำอะไร?ชายคนนั้นเป็นฆาตกรและเขาก็แสดงความหยิ่งยโส ถ้าฉันไม่สั่งสอนเขา เขาจะไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของสวรรค์และโลก”


หญิงสาวที่ดูบอบบางส่ายหัว “น้องควรเปลี่ยนอารมณ์ เรามาที่นี่เพื่อสอบและไม่ควรมีปัญหาอะไร ความขัดแย้งของชายคนนั้นกับคนอื่นเกี่ยวข้องอะไรกับเรา เขาเป็นคนโหดเหี้ยมมาก หักกระดูกของคนเหล่านั้นทั้งหมด พวกเขาจะไม่ตายอย่างรวดเร็ว แต่ชะตากรรมของพวกเขาถูกปิดผนึก พวกเขาจะไม่สามารถได้รับโอกาสใดๆบนดาวอสุรานี่ และรอความตายกลายเป็นอาหารสำหรับสัตว์ผิดปกติที่แย่กว่าความตายอย่างแท้จริง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะทำเช่นนี้เพื่อให้ไม่ถูกพิจารณาว่าผิดกฎของการทดสอบ มันจะนำมาซึ่งปัญหาไม่สิ้นสุดเนื่องจากผลกำไรไม่ได้ชดเชยความสูญเสีย “


“เราต้องกลัวอะไร?” หญิงสาวที่ดูดุดันไม่เห็นด้วย “ในระบบสุริยะทั้งหมดมีคนไม่เกินสิบคนที่สามารถสู้กับน้องได้ มีเพียงอัจฉริยะที่แท้จริงจากจักรวาลเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับน้องได้ น้องไม่เชื่อว่าเด็กเหลือขอนี่มีความสามารถ! “


การแสดงออกของหญิงสาวบอบบางเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม “ น้องไม่สามารถมีความคิดเช่นนี้ได้ ผู้ที่สามารถกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวได้ย่อมมีไพ่ตายอยู่เสมอและมีความสามารถทางพันธุกรรมทุกประเภท ชายคนนั้นอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของน้อง แต่ถ้าเขาเลือกที่จะหลบหนี และกลับมาแก้แค้นในอนาคตมันจะมีปัญหาไม่รู้จบ! “


 


เมื่อมองพี่สาวของเธอ แม้เธอจะไม่พอใจแต่ก็ทำได้เพียงแค่เม้มปาก ไม่กล้าพูดอะไรอีก


เมื่อรับรู้ถึงการทะเลาะวิวาทระหว่างพี่น้อง เฟิงหลินไม่ได้สนใจอะไรพวกเธอ


ทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำแห่งเดียวใน 100 กิโลเมตรดังนั้นผู้สมัครสอบคนอื่น ๆ จะพบว่ามีที่นี่ไม่ช้าก็เร็ว เขาไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป


เฟิงหลินเอาสิ่งของทั้งหมดมาจากสมาชิกของสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ไป น่าเศร้าที่ไม่มีใครสามารถนำสิ่งของมามากมายมในการทดสอบรอบสองนี้ นอกเหนือจากแคปซูลน้ำแล้วเขาไม่ได้อะไรอีกเลย


นอกเหนือจากของของเขาเองตอนนี้เขามีเพียงยี่สิบแคปซูลน้ำ สิ่งเหล่านี้คือน้ำในรูปแบบที่ควบแน่น มีน้ำมากพอที่จะอยู่ได้ยี่สิบวัน


แน่นอนคนๆหนึ่งจะไม่สามารถรวยได้หากไม่มีโชคลาภ!


เฟิงหลินพยักหน้าสมาชิกเหล่านี้จากสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์เป็นคนดีจริงๆ พวกมันได้แก้ไขความต้องการเร่งด่วนที่สุดสำหรับเฟิงหลินแล้ว


ต่อไปเขาสามารถสบายใจขึ้นและตามล่าสัตว์ประหลาดทางชีวเคมีเหล่านั้น


ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว อุณหภูมิร้อนแรงถึง 80 องศาและอากาศระเหยอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่เฟิงหลินก็ทนไม่ไหว


เฟิงหลินออกไปด้วยความเร็วสูง เขากำลังเตรียมที่จะหาที่ซ่อนตัวจากความร้อนของดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันก่อน


เขาเคลื่อนไหวไปในทิศทางของทิวเขาทิ้งคู่พี่น้องที่เขาพบก่อนหน้านี้ไว้ข้างหลัง


ภูเขาที่นี่เชื่อมต่อกัน ความแตกต่างของความสูงทำให้ยอดเขาดูเหมือนคลื่นเมื่อมองจากระยะไกล นอกจากนี้พวกมันยังให้ร่มเงาจากดวงอาทิตย์ที่ปราศจากความเมตตา


เฟิงหลินเข้าลึกไปในหุบเขา แต่ยิ่งเขาเข้าไปลึกเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากเท่านั้น ความเงียบมีอยู่ทั่วไป บรรยากาศยังคงเป็นอันตรายถึงุตาย มีบางอย่างผิดปกติกับความรู้สึกของเขา


กระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ ถูกฝังอยู่ในโคลน กระดูกที่เป็นของมนุษย์กับสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จักบางชนิดสามารถพบได้ในภูเขานี้


 


“ช่วยด้วย! ฉันเป็นผู้สอบจากมหาวิทยาลัยเอกภพมีใครบ้างที่สามารถช่วยฉันได้ ฉันจะให้รางวัลอย่างงาม!” เสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังล่องลอยมาจากระยะไกล


รอยยิ้มเย็น ปรากฎบนริมฝีปากของเฟิงหลิน เขาไม่ได้พูดอะไรและหันไปรอบ ๆ เร่งความเร็วไปในทิศทางที่ต่างออกไปโดยไม่สนใจเสียงที่ขอความช่วยเหลือ


“ หัวหน้าเด็กน้อยนั่นไม่หลงกล” ในร่มเงาของหุบเขาแห่งหนึ่งมีคนราวๆสามสิบคนเดินออกมา พวกเขาเปลือยกายครึ่งหนึ่งและมีเสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์คลุมอยู่รอบตัว รอยสักของสัตว์ป่าสามารถมองเห็นได้ทั่วร่างกาย พวกมันคล้ายกับมนุษย์ดึกดำบรรพ์


 


ดวงตาของพวกมันส่องประกายรุนแรงขณะที่จ้องมองด้านหลังของเฟิงหลิน ลิ้นสีแดงของพวกมันเลียริมฝีปากราวกับว่ากำลังมองอาหารแสนอร่อยและไม่สามารถทนต่อความหิวได้


ผู้ชายที่เป็นผู้นำคือผู้ชายที่มีกล้ามเนื้อใส่หมวก เขาสูงประมาณสามเมตรและเปล่งกลิ่นอายดุร้าย เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักหน่วง “ปล่อยมันไป”


“หัวหน้า มันน่าจะอร่อยมาก นานแล้วที่เราไม่ได้เจอผู้บ่มเพาะ เราจะปล่อยให้มันหนีไปได้ยังไง” คนเหล่านั้นงงงวย


“ทำไมถึงต้องรีบร้อนนัก? มีผู้สมัครสอบประมาณ 10,000 คน มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเปิดเผยตัวเราเองเพื่อจับมันด้วย?” หัวหน้าพูดด้วยเสียงหนัก “ ฉันสามารถบอกได้ว่าเด็กเหลือขอนี่เป็นตที่โหดเหี้ยม เพียงแค่มองเขาเขาสามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาและยังมีความจริงที่ว่าเขาทิ้งมนุษย์พิการหลายคนไว้ก่อนหน้านี้ มนุษย์พิการพวกนั้นเป็นอาหารของเรา เราจำเป็นต้องทำให้มันลำบากทำไม ถ้าเราทำให้เกิดความปั่นป่วนมากเกินไปผู้สมัครสอบคนอื่น ๆ ก็อาจจะรู้ตัว และมันยากกว่าที่เราจะได้เหยื่อของพวกมัน ผลประโยชน์ไม่ได้ชดเชยความสูญเสีย! “


“หัวหน้าท่านพูดถูก!” คนอื่นหัวเราะอย่างดูถูกหลังจากได้ยิน


 


เฟิงหลินรักษาความเร็วของเขา เขาชะลอตัวลงหลังจากที่เขาค้นพบว่าอาชญากรเหล่านั้นไม่ได้ไล่ล่าเขา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเปลืองกำลังในการเร่งความเร็ว7


ใครจะถูกหลอกด้วยเทคนิคขั้นต่ำเช่นนี้?


เขาชัดเจนมากว่านั่นไม่ใช่แค่ความผิดปกติทางชีวเคมีและผู้สมัครสอบในดาวอสุรา นอกจากนี้ยังมีอาชญากรต้องโทษประหารที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ อาชญากรเหล่านั้นเป็นปีศาจในหมู่มนุษย์และนี่อาจเป็นกับดักที่พวกเขาตั้งไว้


มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะโง่เขลามากจนต้องเดินเข้าไปในกับดักที่เขาเห็นได้


ทุกอย่างจะดีถ้าสนใจแต่เรื่องของตัวเอง!


ตราบใดที่อาชญากรเหล่านี้ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเขา เฟิงหลินก็จะไม่ไปเป็นศัตรูด้วย


เขาพบถ้ำที่ห่างไกลและเข้าไปในถ้ำเพื่อหลบความร้อน ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มบ่มเพาะ


ศักยภาพทางพันธุกรรม + 18%, + 18%, +18% … เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!


ทันใดนั้นความโกรธแค้นก็ปะทุออกมาจากด้านนอกถ้ำทำให้เขาตกใจ พลังวิญญาณของเขาพุ่งออกมา เขาค้นพบว่าหญิงสาวสองคนที่เขาพบก่อนหน้านี้กำลังต่อสู้กับกลุ่มอาชญากรโทษประหาร หญิงสาวสองคนถูกล้อมและอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายอย่างมาก


เฟิงหลินหลับตาอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


(ฮีโร่ที่ช่วยหญิงสาวซึ่มตกอยู่ในความทุกข์?)


(สิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงในโลกแห่งความจริง!)

 

 

 


ตอนที่ 219

 

“หัวหน้าพูดถูก! ถ้าเราไม่ปล่อยเด็กเหลือขอก่อนหน้านี้ไป เราคงไม่สามารถหลอกเหยื่อตัวใหญ่สองตัวนี้ได้”


“ถูกต้องแล้ว! เราไม่ได้ลิ้มรสผู้หญิงมานานแล้ว!”


“จับพวกผู้หญิงและให้กำเนิดลูกของเรา ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”


… …


เสียงหัวเราะน่ากลัวนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้า


“จับพวกมันมาให้ฉันได้ลิ้มรสก่อน จากนั้นพวกแกจะทำอะไรก็ได้ตามที่พวกแกต้องการ!” ผู้นำที่ดุร้ายและชั่วร้ายพูดหัวเราะ


กลุ่มผู้ชายที่ล้อมรอบสองสาวเหมือนหมาป่าหิวจ้องกินกระต่ายน่ารักสองตัว พวกมันเล่นกับเหยื่อและไม่ยอมให้เหยื่อหลบหนี


“สารเลว!” เด็กผู้หญิงที่ดูดุร้ายกำลังสั่นคลอนอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้และปล่อยหมัดใส่พวกนักโทษ


หมัดลมไฟ!


หมัดของเธอทั้งสองข้างห่อหุ้มด้วยพลังแห่งลมและไฟ เมื่อพลังโหมกระหน่ำเธอโจมตีหมัดของเธอไปยังคู่ต่อสู้


แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่แรงหมัดของเธอนั้นแข็งแกร่งและดุดันมาก กระโดดขึ้นไปและลงมาราวกับว่าเธอเป็นเทพธิดาอเมซอนจากตำนาน


บูม บูม!


ด้วยการเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าของเธอและหมัดอันทรงพลังที่หนักเหมือนภูเขา  เธอจึงจัดการอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด


พวกเขามีท่าทางหวาดกลัว ยังไม่เห็นร่างของฝ่ายตรงข้ามชัดเจน เลือดก็ออกจากมุมปากเมื่อถูกหมัดซัดใส่หน้าอก พวกมันไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป


เด็กหญิงดุร้ายนั้นดุจเสือในฝูงแกะ เธอกำลังต่อยและเตะเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ


มันไม่มีความชัดเจนว่าแรงหมัดของเธอแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถ้ามีใครโดนเข้าคงจะเห็นแม่น้ำสีเหลืองในพริบตา


ในช่วงเวลาสั้นๆ ชายห้าถึงหกคนได้ล้มลงไปด้วยหมัดของเธอและกลายเป็นคนพิการทันที เมื่อฉากนี้ปรากฏต่อหน้าพวกมัน พวกมันก็เริ่มล่าถอย


“ช่างเป็นผู้หญิงที่ดุร้าย!” หัวหน้าหัวเราะด้วยความโกรธ เขากระโดดอย่างกะทันหันและเปิดฝ่ามือยักษ์ของมัน ใช้นิ้วก่อเป็นกรงเล็บและพุ่งไปที่หญิงสาว


เกิดเสียงดังปัง


หมัดและฝ่ามือปะทะกันกลางอากาศ


เขาซัดฝ่ามือไปที่หมัดของหญิงสาวที่ ไม่ยอมให้หญิงสาวก้าวไปข้างหน้าได้อีก


หญิงสาวยกคิ้วขึ้นและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหมัดของเธอ ขาเรียวยาวของเธอปัดสะบัดราวกับแส้เหล็ก มันเร็วมากจนไม่เห็นเงา ขณะที่เธอเตะไปที่ร่างของหัวหน้าอย่างดุเดือด สามารถได้ยินเสียงของกำแพงเหล็กที่ถูกกระแทก


 


พลังของหัวหน้านั้นแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง แต่เขาก็ยังถูกเตะ


เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้จับเสือดุร้ายอยู่ในมือ ที่ซึ่งพร้อมจะหลบหนีและตอบโต้


 


“ฉันจะจัดการกับผู้หญิงดุร้ายนั่น! พวกแกจัดการกับคนอ่อนแอได้เลย!” หัวหน้าตะโกนเมื่อผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีทอง ตอนนี้เขาเป็นเหมือนรูปปั้นทองคำในขณะที่ร่างของเขาสูงสี่ถึงห้าเมตร มันเป็นวัชระคงกระพัน!


หญิงสาวดุร้ายเตะแรงเหมือนพายุเฮอร์ริเคนและทุบร่างของหัวหน้าจนสั่น


อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขานั้นแข็งอย่างหาที่เปรียบมิได้และมือของเขาก็เหมือนกรงเล็บ ล็อคหมัดทั้งสองของเธอไม่ปล่อยให้หลุด


“ที่รักให้เราได้มอบความรักให้เอะ!” นักโทษอีกคนหนึ่งยิ้มเยาะ ขณะที่พวกมันเข้าหาหญิงสาวที่ดูอ่อนแอ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยตัณหาต้องการที่จะเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอ


กลุ่มคนล้อมรอบเธอเหมือนหมาป่าที่หิวโหย แต่เด็กหญิงที่ดูอ่อนแอไม่ได้หลบสายตา ในทางตรงกันข้ามเธอยิงแสงสีทองลึกลับกระจายออกไปเป็นลูกศรเล็ก ๆ ในอากาศ พวกมันกลายเป็นด้ายสีทองบาง ๆ เจาะหน้าผากของชายทั้งสามคนตรงหน้า


ลูกศรวิญญาณ!


การแสดงออกของนักโทษทั้งสามคนนั้นเฉยชา


แคร๊ก …


ร่างทั้งสามแข็งเหมือนตุ๊กตาไม้ พวกมันหันไปมองเพื่อนด้วยความเฉยเมย ทันใดนั้นพวกเขาก็วิ่งไปหาเพื่อนๆและข่วนเล็บเข้าที่คอ


เมื่อเห็นการแสดงออกที่เฉยชาของทั้งสามคนนักโทษทุกคนก็ตกใจ “นี่มันอะไรกันเนี่ย?”


ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะเสียสติไปแล้ว พวกมันโจมตีพวกกันเองอย่างบ้าคลั่ง ฝูงชนตกอยู่ในความวุ่นวาย


“พลังงานจิต!” เฟิงหลินตื่นขึ้นมาทันทีและสังเกตเห็นว่ามีความผันผวนของพลังงานจิตในอากาศ


ด้วยการใช้พลังวิญญาณของเขา เขาสามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น


เขาเห็นภาพของเด็กผู้หญิงที่ดูอ่อนแอใช้พลังงานจิตเพื่อเปลี่ยนนักโทษสามคนให้กลายเป็นหุ่นเชิดของเธอทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่พวกมัน


มันเป็นครั้งแรกที่เฟิงหลินเห็นการใช้พลังงานจิตในระดับหนึ่ง พลังของมันน่าตกตะลึง และแปลกมาก เขาค้นพบว่าหญิงสาวไม่ได้วิวัฒนาการยีนวิญญาณ เธอดูเหมือนจะเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยซึ่งมีแนวโน้มที่จะใช้เทคนิคและการควบคุมด้านการสะกดจิตมากกว่า ถึงอย่างนั้นเฟิงหลินก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นยีนแบบไหน


ในขณะนี้หญิงสาวมีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของเธอ เห็นได้ชัดว่าการจัดการกับคนสามคนในระดับเดียวกันนั้นต้องเสียพลังเป็นอย่างมาก


ตุบ ตุบ ตุบ!


นักโทษเหล่านี้ไม่มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่เลย พวกมันไม่มีความเมตตาต่อผู้อื่นและพวกมันก็ไม่ได้มีความเมตตาต่อพวกมันกันเอง เมื่อพวกมันตั้งตัวได้ พวกมันก็รุมสังหารเพื่อนทั้งสามที่ถูกสะกดจิตอย่างอำมหิต


 


“ผู้หญิงคนนี้รู้เทคนิคการสะกดจิต อย่าหลงกลเธอ!” นักโทษตะโกนและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรุนแรงเพื่อโจมตี คนเหล่านี้คือผู้รอดชีวิตจากดาวอสุราที่โหดร้าย ความกล้าหาญในการต่อสู้ของพวกมันแตกต่างจากคนทั่วไป


สีหน้าของหญิงสาวที่ดูบอบบางนั้นดูซีดเซียว เธอยิงลูกธนูเล็กๆออกมาจากพลังงานจิตของเธอ อย่างไรก็ตามแต่ละลูกศรล้วนถูกปัดกั้น เด็กหญิงกำลังจะตกอยู่ในมือของปีศาจเหล่านี้


เฟิงหลินรำลึกถึงพลังวิญญาณของเขาหลังจากระบุอย่างชัดเจนว่าความผันผวนมาจากไหน เขาไม่สนใจผลลัพธ์หรือชะตากรรมของเธอ


เขาไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะเสียวิญญาณให้กับผู้หญิงสวย


 


“พี่!” หญิงสาวที่ดุร้ายตะโกนขณะที่เธอเห็นพี่สาวของเธอตกอยู่ในอันตราย เธอรีบใช้ไพ่ตายทันที “กลิ่นอายทรราช!”


 


ผ้าห่อศพสีดำปกคลุมร่างกายของเธอทั้งหมดและแข็งตัวเป็นชุดเกราะสีดำอย่างรวดเร็ว


เธอมีขนาดใหญ่ขึ้นและพัฒนาเป็นนักรบที่มีประสบการณ์การต่อสู้นับไม่ถ้วน ราวกับว่าเธอเป็นนักรบในตำนานที่กลับมาสู่โลก สามารถปลดปล่อยกลิ่นอายความกล้าหาญสู่อากาศที่จะทำให้คู่ต่อสู้ของเธอหายใจไม่ออก


ฮา!


เธอประสานฝ่ามือของเธอเข้าด้วยกันและมีหอกยาวสามเมตรออกมา เธอแทงไปที่หัวหน้าของพวกมันอย่างรุนแรง ด้วยปลายแหลมแทงทะลุมือทำให้เขาหลั่งเลือด


หญิงสาวที่ดุร้ายตะโกนอีกครั้งและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เธอรีบเข้าไปในฝูงชนโดยใช้หอกเพื่อทุบและแทงไปที่กลุ่มนักโทษ ผูกมัดพวกมันไว้ที่หอกเหมือนลูกชิ้นปลา


เธอโจมตีด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อช่วยเหลือพี่สาวของเธอ


หญิงสาวผู้บอบบางตัดสินใจอย่างรวดเร็วและกระโดดขึ้นไปที่หลังน้องสาวของเธอ


ติ้ง ติ้ง …


เลือดไหลลงมา


ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูดุร้ายยังคงแข็งแกร่งและดุร้าย


 


“น้องพวกมันมีมากเกินไป เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน รีบไปกันเถอะ!” หญิงสาวบอบบางพูดเบา ๆ


“ฉันจะฆ่านังสารเลวนั่น!” หัวหน้ายืนขึ้นขณะที่กำหมัดเลือดของเขา เขาต่อยพื้นกระจาย เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่เทียบเท่าแผ่นดินไหว และทำให้ผู้หญิงสองคนไม่สามารถทรงตัวได้


นักโทษคนอื่นๆจำนวนมากกรูเข้าไป


“พี่เราควรไปไหนดี?” หญิงสาวหน้าตาดุร้ายถาม


หญิงสาวที่ดูบอบบางนั้นหลับตารู้สึกถึงความผันผวนของพลังวิญญาณที่ดูเหมือนจะอยู่ที่นั่น แต่ไม่ได้อยู่ในเวลาเดียวกัน ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ทางนั้น!”


เธอชี้ไปยังทิศทางของเฟิงหลิน


 


“ตกลง!” หญิงสาวที่ดูดุดันไม่ลังเล ด้วยแรงระเบิดฉับพลัน เธอเหวี่ยงหอกไปในทิศทางที่พี่สาวของเธอชี้ หอกกลายเป็นลูกศรคมจำนวนนับไม่ถ้วนในอากาศและเปิดทางให้พวกเธอ


เธอยังคงก้าวต่อไปเช่นเดิมราวกับว่าเธอเป็นเสือที่เดินทางผ่านภูเขา


“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไป!” นักโทษไล่ล่าพวกเธอพูดและที่กัดฟัน สิ่งที่พวกมันต้องการคือการจัดการสองพี่น้องนี้


บูม บูม บูม!


รอยเท้าของพวกเขาหนักและพื้นก็สั่น


การปะทะกำลังเข้าใกล้เฟิงหลินและปลุกเขาขึ้นมา เขาปล่อยพลังวิญญาณของเขาเพียงเพื่อพบว่าสองพี่น้องกำลังเข้ามาใกล้เขา เส้นทางของพวกเธอมุ่งตรงมาทางเขา


นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!


พวกเธอต้องการเบี่ยงเบนความสนใจมาที่เขา


(นั่นแย่มาก)


เฟิงหลินหัวเราะและกระพริบตา ด้วยความเร็วของเขา เขาหลบสองพี่น้องอย่างรวดเร็ว


 


“เฟิงหลินเห็นไหมว่าเราเป็นผู้สมัครสอบ นายจะช่วยเราได้ไหม?” การระเบิดของความผันผวนทางวิญญาณทำให้เสียงของหญิงสาวที่บอบบางทะลุมา


เฟิงหลินไม่ตอบ แต่เพิ่มความเร็วในการหลบหนี


ความสวยไม่มีประโยชน์กับเฟิงหลิน


(อืม เธอรู้ชื่อของฉันอีกแล้วได้ยังไงกันนะ?)


(ดี ช่างมันก่อน…)


(ต้องการให้ฉันเป็นฮีโร่ช่วยหญิงสาวตกอยู่ในความทุกข์??)


(สิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงในโลกแห่งความเป็นจริง!)


เฟิงหลินกระโดดขึ้นไปบนฟ้าด้วยขี่เมฆา และบินหนีไป


อย่างไรก็ตาม คำพูดต่อไปจากหญิงสาวที่ดูบอบบางทำให้เขาหยุดอยู่กับที่ “ แม้จะทำลายผ่านอุปสรรคด้านพลัง แต่นายยังติดอยู่ในช่วงสุดท้ายของผู้บ่มเพาะดวงดาวสินะ? ถ้านายช่วยเรา ฉันจะบอกวิธีข้ามไปยังอาณาจักรผู้บ่มเพาะระดับสูงให้!”

 

 

 


ตอนที่ 220

 

คำพูดของเธอทำให้เฟิงหลินหยุด


วิธีการที่จะบรรลุความก้าวหน้าและกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง?


เฟิงหลินหยุดอยู่กับที่มาพักหนึ่งแล้ว แม้ว่าพลังของเขาจะเกิน100 ยีนของเขาก็ติดคอขวดและไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเพื่อไปสู่โลกใบใหม่


ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงเพราะเขาไม่ได้พบจุดเชื่อมต่อที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา


อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่ผู้หญิงบอบบางคนนี้พูดดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่มากกว่านี้


เฟิงหลินจ้องมองหญิงสาวที่ดุร้ายและค้นพบว่าเธอเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงแล้ว นี่ทำให้คำพูดที่เธอโน้มน้าวดูสมเหตุสมผลมากขึ้น


ท้ายที่สุดก็มีหลักฐานที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเธอและดูเหมือนจะไม่ใช่การหลอกลวง


เขาต้องบอกว่าผู้หญิงที่ดูบอบบางนั้นฉลาดและเข้าใจสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟิงหลิน


 


เธอรับรู้ได้ว่าเฟิงหลินหวั่นไหว แต่ไม่เชื่อเธออย่างเต็มที่ เสียงของเธอเปล่งออกมาอีกครั้งผ่านคลื่นจิตพยายามที่จะชักนำเขา “การพัฒนาเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในเส้นทางตำนาน ผู้บ่มเพาะดวงดาวเข้าใจเฉพาะพลังเหนือธรรมชาติและต้องการเพียงวิวัฒนาการยีน ความยากลำบากนั้นไม่มากเกินไป และเมื่อบุคคลกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง ร่างกายทั้งหมดของพวกเขาจะได้รับการดัดแปลงโดยใช้พลังงานทางพันธุกรรมและผ่านการวิวัฒนาการ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่แท้จริง สิ่งนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตและไม่ง่ายเหมือนการวิวัฒนาการยีน!”


 


เฟิงหลินไม่ตกอยู่ในจังหวะคำพูดของอีกฝ่าย เขากระโจนออกมาและถามด้วยเสียงต่ำว่า“ ฉันคิดว่าเราไม่เคยรู้จักกัน เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันยังไม่ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะของฉัน”


“นี่เป็นความสามารถของฉัน!” ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอพูดเบาๆปัดไปที่ความสามารถของเธอ เธอระวังและไม่เปิดเผยความสามารถของเธอ “ฉันบอกได้ว่านายมีพลังเกินขีดจำกัดของผู้บ่มเพาะดวงดาว แต่นายยังไม่ประสบความสำเร็จในอาณาจักรของนาย แม้ฉันจะไม่รู้ว่านายมีพลังเท่าไหร่แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายติดอยู่ที่คอขวด! “


 


เธอเอนพิงน้องสาวของเธอและสื่อสารกับเฟิงหลินในขณะที่พวกเขากำลังวิ่งหนีและหลีกเลี่ยงการไล่ล่าจากอาชญากร


สีหน้าของเฟิงหลินยังคงสงบและถามอีกครั้ง “แล้วเธอรู้ชื่อของฉันได้ยังไง?”


ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอยิ้มจาง ๆ “ฉันไม่เพียงแค่รู้ชื่อของนาย! ฉันรู้ว่านายมาจากโลกเรียนมัธยมโลกจากเมืองฮั่วเซียและเกิดในตระกูลใหญ่ – ตระกูลเฟิง อย่างไรก็ตามนายไม่ได้ปลุกยีนพันธุกรรมของตระกูลนาย แต่เป็นเส้นทางยีนสำหรับตัวนายเอง … “


เธอยกภูมิหลังของเฟิงหลินขึ้นมาอย่างชัดเจน หากคนทั่วไปไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาคงคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงหลินนั้นใกล้ชิดสนิทสนมมาก มิฉะนั้นเธอจะรู้เรื่องเหล่านี้ได้ยังไง?


 


“เธอตรวจสอบฉันเหรอ?” สีหน้าของเฟิงหลินเปลี่ยนเป็นน่ากลัวทันที และเขาปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมาอีกครั้ง


 


เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน ทำไมเธอถึงรู้รายละเอียดลึกซึ้งเช่นนี้? เธอกำลังวางแผนอะไรอยู่ …


ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอมีไหวพริบมากและมองดูสีหน้าของเฟิงหลิน เธอเข้าใจในทันทีว่าเขาเข้าใจผิด


 


“อย่าเข้าใจผิด! ฉันมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครสอบทั้งหมดในหัวของฉัน เส้นทางยีนของฉันไม่มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามนี่คือความสามารถของฉัน ก่อนที่จะมาทดสอบ ฉันใช้เครือข่ายดวงดาวเพื่อตรวจสอบข้อมูลของผู้สมัครทุกคน! ” เธอชี้ไปที่หัวของเธอแล้วพูดอย่างตั้งใจ ราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดถึงนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย


 


แฮกเกอร์ระหว่างดวง?


ข้อมูลของผู้สมัครนั้นเป็นความลับและแฮ็กเกอร์ระหว่างดวงดาวชั้นยอดเท่านั้นที่จะสามารถแฮกผ่านไฟร์วอลล์ทั้งหมดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น


อย่าตัดสินหนังสือจากปก!


ผู้หญิงที่ดูดีคนนี้มีความสามารถในการแฮ็คที่น่าทึ่ง ยิ่งกว่านั้นพลังสมองของเธอก็สุงจนสามารถจดจำข้อมูลทั้งหมดได้


เฟิงหลินเชื่อในตัวเธอเพิ่มขึ้นเล็กน้อย


เมื่อยีนจิตถูกปลุกขึ้นมา ผู้ใช้จะสามารถพัฒนาพลังสมองของพวกเขาได้อย่างมาก ทำให้พวกเขามีความทรงจำและสติปัญญาสูงเป็นพิเศษ


ยีนวิญญาณของเฟิงหลินก็เช่นกันที่โน้มเอียงไปทางพลังจิต จากการสำรวจก่อนหน้าของเขา ผู้หญิงที่ดูบอบบางคนนี้ดูเหมือนจะใช้เส้นทางอื่นที่มีแนวโน้มมุ่งเน้นไปที่เทคนิคการสะกดจิต


การสื่อสารผ่านความคิดเกิดขึ้นในทันที


ในขณะนี้อาชญากรโจมตีพวกเธอจากทุกทิศทุกทาง


หัวหน้าประกบมือกัน กระตุ้นความสามารถทางพันธุกรรม สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่บนดาว เปลือกด้านล่างก่อตัวเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่พุ่งพล่าน


ไม่ว่าแผ่นดินไหวจะผ่านไปที่ไหน ภูเขาก็พังทลายลงและผืนดินก็แตกยุบ


ขายาวและเรียวของหญิงสาวที่ดูดุดันมีความแข็งแกร่งมาก เต็มไปด้วยพลัง เธอกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่หยุดหย่อนท่ามกลางโขดหินที่กำลังตกลงมา เธอหลบด้วยความว่องไว


อย่างไรก็ตาม เปลือกโลกในสภาพแวดล้อมถูกพลิกคว่ำอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นกรงขังพวกเธอไว้


ชีวิตของพวกเธอกำลังจะถูกกลืนกิน


ไม่ว่าผู้หญิงที่ดูบอบบางจะดูสงบแค่ไหนแต่เธอก็ไม่สามารถสงบได้อีกต่อไป


ตอนนี้พวกเธอถูกขังทุกทิศทางและมีเพียงความสามารถในการบินของเฟิงหลินเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเธอให้หลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้


 


“การวิวัฒนาการของยีนนั้นไม่ง่ายเลย! การได้รับความก้าวหน้าในการเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงนั้นต้องการความลึกซึ้งที่ไม่เหมือนใคร นายถูกขังอยู่ในดินแดนผู้บ่มเพาะดวงดาวและมีเพียงเราที่สามารถช่วยนายได้ … ” เธอพูดด้วยความกังวล .


 


เมื่อได้ยิน เฟิงหลินไม่ลังเลอีกต่อไป เขาก็ยกมือทั้งสองขึ้น “ขึ้นไป!”


พลังวิญญาณที่มองไม่เห็นโผล่ออกมา กลั่นตัวเป็นไอน้ำ เปลี่ยนเป็นเมฆสีขาวซึ่งดูเหมือนวัตถุ มันลอยอยู่ต่อหน้าพี่น้องสองคน


“อย่าต่อต้าน! กระโดดขึ้นไปบนนั้น!” เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงลึก


“น้องขึ้นไป!” หญิงสาวที่ดูอ่อนแอพูดด้วยเสียงนุ่มนวล หญิงสาวที่ดูดุร้ายกัดฟันและกระโดดลงบนก้อนเมฆในทันใด


 


เมฆเป็นเหมือนพรมบินนำทั้งสองมาอย่างรวดเร็ว


 


“ไป!” ด้วยความคิดเดียว เฟิงหลินก็บินออกไปด้านนอก


“แกจะไปที่ไหน!” หัวหน้าอาชญากรตะโกนอย่างดุเดือดเมื่อเห็นเหยื่อที่เกือบจะตกอยู่ในมือของพวกมันกำลังหนี “โจมตีพวกมัน! โจมตีพวกมันทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”


 


คลื่นแผ่นดินไหว!


เขาตบมือทั้งสองของเขาอย่างรุนแรงไปที่พื้น


แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงแผ่ขยายออกไปและแผ่นดินสั่นสะเทือน หินบางก้อนถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาพวกเธอ


นกไฟ ลูกศรบิน ใบพัดลม … ลูกน้องคนอื่นๆก็ใช้วิธีการของพวกมันเช่นกัน


โค่นแม่น้ำและทะเล!


เฟิงหลินถูฝ่ามือของเขาเข้าด้วยกันและกระบองก็ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเสาเหล็กยาวสิบเมตรที่ถืออยู่ในมือ มือของเขาเริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น


วู วู วู!


อากาศเริ่มมีความหนืดภายใต้การเคลื่อนไหวของกระบองเหมือนกับน้ำทะเล ทำให้เกิดกระแสวังวนขนาดใหญ่


หิน, เปลวไฟ, ใบมีดน้ำแข็ง – การโจมตีทุกรูปแบบร่อนลงสู่มัน ภายใต้การเคลื่อนไหวของกระบอง พลังทุกประเภทล้วนถูกบดขยี้และสลายไปอย่างสมบูรณ์


เฟิงหลินจับด้วยมือทั้งสอง ทำตัวเหมือนตัวละครเทพผู้กวนทะเลและนำเอาไต้ฝุ่นและลมพายุมา ทำให้เป็นเรื่องยากที่คนจะยืนให้มั่นคงได้


เมื่อหญิงสาวที่ดูดุร้ายมองเห็น ตาของเธอก็เปล่งประกาย “ นี่คืออาวุธอะไร มันวิเศษมาก! เมื่อไรที่ฉันจะได้อาวุธที่ทรงพลังแบบนี้บ้าง?”


 


อย่างไรก็ตามเมื่อหญิงสาวที่ดูอ่อนแอเห็นรูปร่างหน้าตาของกระบองและคำว่า “วัตถุนี้ไม่มีรูปแบบตายตัว มันขึ้นอยู่กับความคิดในใจ” ดวงตาของเธอก็ทอประกาย


 


ไม่ใช่เพียงพวกเธอที่คิดเช่นนี้ แม้แต่เฟิงหลินเองก็ยังรู้สึกว่าเสาศักดิ์สิทธิ์นี้สุดยอดมาก


เขาปลุกยีนลิงหินขึ้นมาและมีความแข็งแกร่งและความเร็วที่น่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตามเขาเก่งในการต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้น


ท้ายที่สุดร่างกายมนุษย์มีข้อจำกัด และอำนาจถูกจำกัดไปพร้อมกับร่างกาย ไม่สามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่และมีการเปลี่ยนแปลงน้อยเกินไป


ในทางกลับกันเสาศักดิ์สิทธิ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระ มันสามารถขยายได้อย่างอิสระ ปลดปล่อยพลังของมันอย่างสมบูรณ์แบบเพิ่มพลังต่อสู้เขาหลายเท่าและมีวิธีต่อสู้หลากหลายมากขึ้น


เขาเหวี่ยงออกไปเต็มกำลัง สร้างกระแสวังวนขนาดใหญ่ในอากาศและกระจายการโจมตีทั้งหมด ในเวลาเดียวกันพลังวิญญาณของเขาก็ลากพี่น้องสองคนขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วสูงถึง 10,000 เมตร สิ่งนี้สูงเกินกว่าที่การโจมตีของอาชญากรจะสามารถเข้าถึงได้


 


เหยื่อของพวกเขาหนีไปแล้ว!


คนเหล่านั้นตะโกนอย่างโกรธ รู้สึกว้าวุ่นและโกรธเคือง


 


“ทำไมเราไม่ไป?” เมฆลอยอยู่บนท้องฟ้า แต่ไม่เคลื่อนไหว ผู้หญิงที่ดูดุร้ายก็ถามอย่างใจจดใจจ่อ


เฟิงหลินหันมาสวมรอยยิ้มจางๆ “ เธอสองคนดูเหมือนจะลืมอะไรไป ฉันเพิ่งช่วยพวกเธอไว้ พวกเธอไม่ควรบอกสิ่งที่ฉันต้องการก่อนหรือไง?”


“ อะไร?นายต้องการรู้ความลับของการพัฒนาสู่อาณาจักรผู้บ่มเพาะระดับสูง? มันจะง่ายขนาดนั้น?”หญิงสาวที่ดูดุร้ายจ้องเขม็งและพูดอย่างโกรธแค้นอยากจะโจมตีถ้าการเจรจาล้มเหลว


เฟิงหลินสวมรอยยิ้มที่ผิดธรรมชาติ “เธอควรคิดถึงสิ่งต่างๆก่อน เราอยู่สูงกว่า 10,000 เมตรบนท้องฟ้า ถ้าฉันถอนพลังจิตของฉัน เธอสองคนจะ … “


เขายิ้มและไม่พูดต่อ มันชัดเจนว่าเขาหมายถึงอะไร


“นายกล้าข่มขู่ฉันเหรอ?” หญิงสาวที่ดูดุด่าโกรธแค้น


หญิงสาวที่ดูอ่อนแอจับเธอไว้และจ้องเฟิงหลิน พูดด้วยเสียงเย็นชา “นายต้องการอะไร?”


หัวใจของเธอดิ่งลง


พวกเธอเพิ่งหนีจากอาชญากรมา และตอนนี้ต้องมาเจอกับเฟิงหลินต่อ ความสามารถในการบินนั้นหายากเกินไปและความสูง 10,000 เมตรบนท้องฟ้าเป็นเหมือนทุ่งนาของเขา ความสามารถของพวกเธอนั้นไร้ประโยชน์


ชะตากรรมของสองสาวตกอยู่ในมือของเขา


หากพวกเธอถูกโยนลงมาจากความสูง 10,000 เมตร ต่อให้ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส


พวกเธอจะต้องทำให้สถานการณ์นี้มีเสถียรภาพ


 


เฟิงหลินส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการอะไรเลย ฉันรักษาสัญญาและช่วยชีวิตเธอ ได้เวลาที่เธอสองคนจะต้องทำตามคำสัญญาให้จบ!”


“นายกล้าสงสัยพวกเราหรอ?! ในนามของเทพเจ้าแห่งสงครามแอรีสและเทพีแห่งปัญญาอาธีน่า เรารักษาคำพูดของเราอย่างแน่นอน!” สาวแกร่งกล่าวอย่างดุเดือด


 


เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเฟิงหลินก็เปล่งประกาย นี่ไม่ใช่ชื่อของเหล่าเทพเจ้าโอลิมปัสทั้งสิบสองของกรีกงั้นหรือ?


ในนามของเทพเจ้าแห่งสงครามแอรีสและเทพีแห่งปัญญาอาธีน่า?


เป็นไปได้ไหมว่าความเชื่อของพวกเธออยู่ในเทพนิยายและตำนานกรีก หรือว่าเป็นเส้นทางในตำนานของพวกเธอ


นี่มีโอกาสสูงมาก!


เฟิงหลินนึกถึงก่อนหน้านี้และรู้สึกว่ามันเป็นไปได้มาก


ความกล้าหาญในการต่อสู้ของหญิงสาวดูแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอ เธอเป็นคนที่กล้าหาญมากในการต่อสู้และไม่อ่อนแอกว่าผู้ชาย เป็นไปได้ไหมว่าเธออยู่ในเส้นทางแห่งเทพแอรีส?


อย่างไรก็ตามนี่เป็นเทพเจ้าผู้ชาย!


ท่าทางของเฟิงหลินสับสนมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการสืบทอดของยีนในตำนานเป็นลักษณะเหนือธรรมชาติและไม่เกี่ยวข้องกับเพศ แต่เขาก็ยังพบว่ามันแปลก


เป็นไปได้ไหมที่ผู้หญิงที่ดูบอบบางคนนี้เดินไปในเส้นทางของตำนานของเทพีอาธีน่า?


เธอมีความสามารถพิเศษและลักษณะของเธอนั้นเหมือนกับเทพีอาธีนาา


อย่างไรก็ตาม อาธีนาไม่ได้เป็นเพียงเทพีแห่งปัญญา เธอยังเป็นเทพีแห่งสงครามด้วย เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่หายากแม้ในตำนานกรีก


ถ้าผู้หญิงคนนี้เดินบนเส้นทางนี้ ทำไมความกล้าหาญในการต่อสู้ของเธอถึงอ่อนแอ


เป็นเพราะระดับยีนในตำนานของเธอต่ำเกินไปหรือมีปัญหาอื่นอีกบ้าง?


เฟิงหลินคิดอย่างลึกซึ้ง


 


เมื่อเห็นว่าน้องสาวของเธอกำลังพูดโดยไม่คิด เผยให้เห็นภูมิหลังของพวกเธอ ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูอ่อนแอเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอพูดว่า “น้อง…”


เส้นทางในตำนานของผู้บ่มเพาะดวงดาวเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากผู้อื่นทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะไม่สามารถซ่อนอะไรได้อีกต่อไปและคนอื่นๆก็จะชัดเจนเกี่ยวกับความสามารถของพวกเธอ หากคนอื่นๆมีเป้าหมายที่ไม่ดี พวกเธอจะลำบาก


สาวแกร่งปิดปากและรู้ว่าเธอพูดมากเกินไป


หญิงสาวที่ดูอ่อนแอถอนหายใจ เธอไม่รู้จะทำยังไงกับน้องสาวของเธอ


โชคดีที่เธอไม่ได้พูดอะไรมากและคน ๆ นี้ก็ไม่น่าจะรู้อะไรนัก


 


ตำนานกรีกได้กลายเป็นเรื่องเก่าแก่และถูกทอดทิ้งไปแล้วในยุคระหว่างดวงดาว คนส่วนใหญ่รู้จักแค่ชื่อเทพเจ้าโอลิมปัสสิบสององค์เท่านั้น แต่ไม่เข้าใจเรื่องราวของพวกเธอมากนัก


สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ ชื่อทั้งสองที่เปิดเผยได้ทำให้เฟินหลินเชื่อมต่อทุกอย่างและคาดเดาภูมิหลังของพวกเธอได้อย่างชัดเจน


เฟิงหลินไม่เปิดเผยความผิดปกติใดๆบนหน้าของเขา แต่เขาก็ให้ความสนใจกับทั้งสองคนมากขึ้น


 


“เนื่องจากนี่เป็นการแลกเปลี่ยนและพวกเธอรู้เรื่องของฉันมากเกินไป พวกเธอควรบอกชื่อของพวกเธอ มิฉะนั้นมันจะไม่ยุติธรรมเลย!” เขาสามารถบอกได้ว่าหญิงสาวที่ดูดุร้ายนั้นโน้มน้าวได้ง่ายกว่าและดูไม่ค่อยมีสมอง คนที่เขาต้องให้ความสนใจมากขึ้นคือผู้หญิงที่ดูอ่อนแอแทน ดังนั้นเขาจึงถามสิ่งนี้


 


หญิงสาวบอบบางคิดเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจความตั้งใจของเฟิงหลิน


อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินก็ไม่เชื่อใจพวกเธอมากนัก หากพวกเธอไม่เต็มใจแม้แต่จะบอกชื่อ มันจะทำให้เขายิ่งสงสัยมากขึ้น


 


“เราชื่อว่ายานาและแอริส เรามาจากดาวเคราะห์ราชาสวรรค์!” เธอพูดช้าๆ


“พี่น้องชาวกรีก?” จิตใจของเฟิงหลินถูกทำให้กระจ่าง ชื่อของสองสาวคู่นี้มีความคล้ายคลึงกับเทพเจ้าแห่งสงครามแอรีสและเทพีแห่งปัญญาอาธีน่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนและเขาก็มีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา


ยานาหน้าตาดูบอบบาง เธอเป็นคนที่ฉลาดมากและรู้ว่าอาชญากรกำลังมองดูพวกเธออยู่บนพื้นดิน ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะตกลงไป


“เฟิงหลินฉันรู้ว่านายไม่ไว้ใจเรา ในทำนองเดียวกันเราก็ไม่เชื่อใจนายเช่นกัน ทำไมเราไม่ทำเช่นนี้? ฉันจะบอกวิธีการครึ่งหนึ่งให้นายก่อนและเมื่อนายพาเราไปยังจุดปลอดภัย เราจะบอกนายอีกครึ่งหนึ่ง โอเคไหม?” ” เธอพูดอย่างจริงใจด้วยการประนีประนอม


 


นี่ก็ไม่ได้แย่!


เฟิงหลินแอบคิด


เขาจะไม่สูญเสียถ้าเขาได้รับครึ่งหนึ่งของวิธีการบรรลุความก้าวหน้าในอาณาจักรของเขา หากสิ่งนี้สามารถให้แรงบันดาลใจแก่เขาได้จริง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลใจในเรื่องอื่น


ยิ่งกว่านั้น ถ้าพี่น้องคู่นี้รู้ว่าอะไรดีสำหรับพวกเธอ พวกเธอจะไม่พูดอย่างนี้และสร้างศัตรู


 


“เอาล่ะ! ฉันจะทำตามที่เธอพูด!” เฟิงหลินพยักหน้าในที่สุด


 


การแลกเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์


 


“เหตุผลที่นายไม่สามารถก้าวหน้าในอาณาจักรของนายได้และติดอยู่ที่คอขวดนี้เกี่ยวข้องกับยีนในตำนานของนาย! มีสามขั้นตอนในการบ่มเพาะยีนในตำนาน: การปลุก เสริมพลัง และวิวัฒนาการตามลำดับ! คนส่วนใหญ่จะติดอยู่ในขั้นตอนการวิวัฒนาการและไม่สามารถข้ามมันได้ “


 


เฟิงหลินฟังอย่างอดทน


ถ้าสิ่งที่ยานาพูดนั้นเป็นความจริงนี่ก็เป็นสิ่งที่เขามองข้ามไปก่อนหน้านี้


 


“หากนายต้องการพัฒนายีนในตำนานของนาย สิ่งที่จำเป็นต้องคือการเข้าใจคุณสมบัติที่แท้จริงของยีนในตำนาน และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน โดยทั่วไปมันแบ่งออกเป็นสองขั้นตอน ซึ่งคือวิธีการหักลบและวิธีการสรุปผล!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม