Legend of the mythological genes 211-220
ตอนที่ 211
ยานรบดวงดาวคือการตกผลึกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสุดยอดของมนุษยชาติ มันคือยานรบดวงดาวขนาดใหญ่ที่มีขนาดใกล้เคียงกับดาวเคราะห์ดวงนึง เนื่องจากขนาดใหญ่เกินไปมันจึงมักลอยอยู่ในอวกาศเนื่องจากไม่สามารถลงจอดบนดาวเคราะห์ได้
นี่เป็นเหมือนกับปราสาทโลหะเคลื่อนที่ คนนับไม่ถ้วนสามารถอาศัยในนั้นได้ และมันก็เหมือนฐานมนุษย์ คล้ายเรือบรรทุกเครื่องบินของยุคโลกโบราณ แต่ขนาดมันใหญ่กว่ามาก
เฟิงหลินและคนอื่น ๆ นั่งมองยานรบดวงดาวขนาดใหญ่พวกเขากลายเป็นเหมือนแมลงตัวเล็กๆ
“มากับฉัน ต่อไปผู้สมัครสอบของระบบสุริยะทั้งหมดจะรวมตัวกันที่นั่น ถัดไปเราจะเข้าสู่รูหนอนเพื่อเข้าสู่สถานที่สอบรอบสอง… ” ผู้เชี่ยวชาญกล้ามโต ในชุดเกราะนำผู้สมัครสอบเข้าสู่ยานรบ
การตกแต่งภายในของยานรบเปรียบเสมือนวังมหึมา มีผู้สมัครสอบกว่าหมื่นคนเข้ามาที่นี่
ไม่ต้องสงสัยเลย คนเหล่านี้คือผู้สมัครสอบทั้งหมดจากระบบสุริยะ
มีหลายคนที่มีกลิ่นอายทรงพลังและเฟิงหลินค้นพบว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ดูจะอ่อนแอกว่าเขา!
สถานะพลังของพวกเขาทั้งหมดสูงกว่า 200 และเป็นชนชั้นสูงในดินแดนผู้บ่มเพาะระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
ระบบสุริยะนั้นกว้างใหญ่มีประชากรกว่า 2แสนล้านคน เป็นเรื่องปกติที่จะมีอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาด
เฟิงหลินพัฒนาช้าเกินไป การสะสมพลังของเขายังไม่เพียงพอและยังไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะระดับสูงสุด
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
สำหรับคนที่มีพลัง พวกเขาต้องการคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเสมอ
เขาอยู่บนเส้นทางในตำนานของซุนหงอคงและเขาก็เคยสัมผัสกับแก่นแท้เจตจำนงค์ของมหาเทพเทียมฟ้า เขาจะต่อสู้ต่อไป ต่อให้ยังต้องพ่ายแพ้เขาจะไม่ย่อท้อและไม่เสียใจแม้ว่าเขาจะต้องตายถึงเก้าครั้ง ยิ่งคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีไฟต่อสู้
ลานสาธารณะในยานรบมีขนาดใหญ่มากและผู้สมัครสอบของระบบสุริยะทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ หลายคนมีกลุ่มของตนเองแยกกันอย่างชัดเจน บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่ยอายความเป็นศัตรู
คนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะจากระบบสุริยะ แต่ละคนมีความจองหองสูงและไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าพวกเขาด้อยกว่าคนอื่น
พวกเขาทั้งหมดจะปฏิบัติต่อกันในฐานะศัตรู มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเป็นมิตรต่อกัน
นี่เป็นเหมือนการวางสัตว์จำพวกลิง หมาป่าและเสือดำเข้าสู่สนามรบ ความขัดแย้งจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เนื่องจากคำเตือนของนักรบติดอาวุธ พวกเขาจึงไม่ทำอะไร อย่างไรก็ตามความผันผวนของพลังชีวิตที่ไร้รูปแบบจากคนเหล่านี้ปะทะกันโดยตรงในอากาศ ไม่มีใครอยากยอมรับว่าพวกเขาด้อยกว่า รังสีแสงเริ่มบิดเมื่อความเป็นศัตรูเต็มไปในบรรยากาศ
การปะทะกันของรัศมีเดิมนั้นอยู่ในสภาพสมดุล แต่มนุษย์บนโลกแทรกแซงและทำลายความสมดุลทำให้ทุกคนในปัจจุบันมองกันด้วยความเป็นศัตรู
โลกเป็นดาวเคราะห์แม่ของมนุษยชาติ ผู้เชี่ยวชาญจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะต้องการที่จะดูว่ามนุษย์บนโลกมีอะไรพิเศษหรือไม่ ความผันผวนของพลังชีวิตมากมายพุ่งกระหน่ำอยากจะสอนบทเรียนให้กับมนุษย์โลก
การแสดงออกของผู้สมัครสอบจากโลกเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาตกอยู่ในฝูงสัตว์ป่า
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง
พวกเขาทั้งหมดเรียกพลังและใช้มันเพื่อต่อสู้กับคนอื่น พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือน อากาศบิดเบี้ยวก่อคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เฟิงหลินยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
เขาสังเกตการณ์คู่ต่อสู้เหล่านี้เงียบ ๆ
ระบบสุริยะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่มากและมีระบอบการปกครองมากมายรอบๆ มีโลก, ดาวอังคาร, ดาวเสาร์, แถบดาวเคราะห์น้อย … ทุกประเภทของสภาพพื้นที่ที่ซับซ้อน ตราบใดที่มีทรัพยากรที่สามารถใช้ได้สถานที่นั้นจะถูกแปลงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์
สภาพแวดล้อมมีความแตกต่างกันและตลอดชั่วอายุคนสิ่งนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภูมิภาคนั้นเปลี่ยนไป
สำหรับคนจากดาวเสาร์ มนุษย์อาศัยอยู่บนวงแหวนรอบดาวเคราะห์ มีดาวเทียมมากกว่าสามสิบดวงและดาวเคราะห์น้อยอีกหลายดวงที่นั่น ขนาดของดาวเสาร์ใหญ่กว่าโลกประมาณ 100เท่า แรงโน้มถ่วงก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน ดังนั้นสำหรับมนุษย์ที่อยู่ที่นั่นร่างกายของพวกเขาจะมีความสูงน้อยกว่าประมาณ 1.7 เมตรเท่านั้น และเนื่องจากวงแหวนของดาวเสาร์ซึ่งปิดกั้นแสงแดดส่วนใหญ่ ผู้คนจากดาวเสาร์จึงจะมีสีผิวซีดกว่าเมื่อเทียบกับผู้คนที่อยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น
แต่จะต้องไม่ประมาทคนจากดาวเสาร์ เพราะแรงโน้มถ่วงที่หนักกว่านำไปสู่กล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูกที่แน่นกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก ทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งมากกว่า สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนนั้นสามารถทำให้ร่างกายของมนุษย์มีพื้นฐาน มีสถานที่มากมายที่ผู้บ่มเพาะสามารถฝึกฝนตนเองได้ในดาวเสาร์
ดังนั้นมาตรฐานการบ่มเพาะในดาวเสาร์จึงสูงที่สุดในระบบสุริยะ
สำหรับคนที่อาศัยอยู่บนแถบดาวเคราะห์น้อย พวกเขาจะตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากภูมิภาคที่พวกเขาอยู่นั้นปราศจากแรงโน้มถ่วง มนุษยชาติอยู่ในสถานีอวกาศเท่านั้นและขุดทรัพยากรในแถบดาวเคราะห์น้อยเพื่อหาเลี้ยงชีพ ความสูงของพวกเขาจะสูงกว่า 2.2 เมตรโดยเฉลี่ยโดยไม่ขึ้นอยู่กับเพศ
สภาพแวดล้อมที่นั่นมักขาดทรัพยากรการบ่มเพาะและยากลำบากมาก สิ่งนี้นำไปสู่มาตรฐานการบ่มเพาะที่ต่ำที่สุด
ถัดไปคือดาวอังคารตามด้วยโลก ดาวเคราะห์สามัญเหล่านี้ถือได้ว่ามีมาตรฐานการบ่มเพาะในระดับปานกลาง
… ..
“อืม?” เมื่อเฟิงหลินเฝ้าสังเกตทุกคนอย่างเงียบ ๆ สายตาที่เยือกเย็นก็จับจ้องเขา
พลังวิญญาณของเขาพลิกผันในขณะที่เขามองไปในทิศทางนั้นโดยสัญชาตญาณ เขาเห็นมนุษย์ในชุดเกราะที่จ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยม ใบหน้าของบุคคลนี้ถูกปกปิด เปิดเผยเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความมาดร้ายจ้องมองเขาด้วยเจตนาฆ่าที่ไม่ปกปิด
ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเฟิงหลิน
เฟิงหลินยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมคนคนนี้ถึงดูเกลียดเขาขนาดนี้?
จำคนผิดหรือเปล่า?
ขณะที่เฟิงหลินกำลังงง ชายที่ดูประสงค์ร้ายก็ถอนหายใจเบาๆ ร่างของเขาหายไปในความมืดและดูเหมือนไม่มีอยู่จริง เขาเป็นเหมือนงูพิษที่รอโอกาสที่จะโจมตีเฟิงหลิน เขายังปล่อยกลิ่นอายความมืดมนและน่ากลัว
ความผันผวนทำให้อากาศสั่นสะเทือนในขณะที่เสียงเยือกเย็นดังกึกก้องอยู่ในใจของเฟิงหลิน “เฟิงหลิน แกต้องตาย ฉันจะฆ่าแก!”
กระแสจิต!
ผู้ชายคนนี้สามารถใช้ความสามารถนี้ได้ ดูเหมือนว่าบุคคลลึกลับนี้จะปลุกยีนประเภทวิญญาณหรือยีนจิต
ในท่ามกลางการไขปริศนาเฟิงหลินก็ได้รับคำตอบ คนที่ดูเป็นอันตรายนี้รู้จักเขา? นอกจากนี้ ความเกลียดชังที่เขามีต่อเฟิงหลินดูจะสูงมาก
เฟิงหลินรู้สึกว่านี่แปลกมาก จากจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ เขาอยู่คนเดียวและเป็นอิสระไม่พึ่งพาคนอื่น มีคนจำนวนไม่มากที่มีปฏิสัมพันธ์กับเขา ผู้ชายคนนี้เกลียดชังอะไรเขากันแน่? ผู้ชายคนนี้ดูไม่พอใจ ทำไมดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้ต้องการจะฆ่าเขาให้ได้ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม?
เมื่อมองไปยีงตำแหน่งที่ชายคนนั้นยืนอยู่ เฟิงหลินก็ส่งกระแสจิตของเขาไปตรวจ นั่นคือทิศทางของชาวอังคาร!
บุคคลนี้อาจเป็นผู้รอดชีวิตจากบริษัทยาไจแอนท์หรือใครบางคนจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร?
(หากเป็นกรณีนี้ … )
เจตนาฆ่าเพิ่มสูงขึ้นในหัวใจของเฟิงหลิน
ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่มีคนต้องการปิดกั้นเส้นทางของเขา เฟิงหลินจะไม่เมตตาเด็ดขาด
ปัง!
“ทำความเคารพ ท่านจอมพลจีรอส!” นักรบเกราะทั้งหมดตะโกนพร้อมกันเสียงดัง
เกิดเสียงรองเท้าบู๊ตหนังกระแทกพื้น
ชายร่างสูงสองเมตรดูน่าประทับใจและสวมชุดทหารพร้อมกับยศจอมพลเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ดวงตาของเขาเหมือนนกอินทรีจ้องมองทุกคนอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “การสอบรอบที่สองของมหาวิทยาลัยเอกภพกำลังจะเริ่มขึ้น ตราบใดที่คุณผ่านการสอบ คุณจะมีคุณสมบัติเลือกว่าคุณต้องการเข้าร่วมในมหาวิทยาลัยเอกภพหรือไม่ผ่านการลงทะเบียนอิสระ ต่อไป ตำแหน่งของการสอบจะตั้งบนดาวอาชูร่า รูปแบบการสอบจะเป็นเข่นฆ่าอย่างอิสระ ไม่มีกฏหรือข้อจำกัด สำหรับคนที่ได้แต้มสูง เขาหรือเธอจะกลายเป็นราชาของระบบสุริยะในหมู่คนรุ่นใหม่!”
ตอนที่ 212
“ราชาแห่งระบบสุริยะ?”
หลังจากที่จอมพลพูด ทุกคนในพื้นที่ก็เริ่มหายใจหอบ
สีหน้าของอัจฉริยะจากทั่วทั้งระบบสุริยะจักรวาลกลายเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาส่องแสงประกายแห่งความคาดหวัง
การลงทะเบียนอิสระจะมีแต่นักเรียนที่มีความสามารถสูงสุดเท่านั้น ผู้สมัครสอบที่ไม่ใช่อัจฉริยะจะไม่มีความมั่นใจและกล้าหาญที่จะสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกภพ
ตราบใดที่พวกเขาได้คะแนนสูงสุดในการสอบรอบที่สอง พวกเขาก็จะกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในระบบสุริยะ ราชาแห่งระบบสุริยะ!
ใครจะไม่ต้องการสิ่งนี้?
ผู้สมัครสอบเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อคนอื่นๆมากมายในรุ่นเดียวกัน พวกเขามีความเย่อหยิ่งอยู่ในใจตามธรรมชาติและต้องการจะประสบความสำเร็จ
แม้แต่เฟิงหลินก็รู้สึกได้ว่ามีไฟเผาไหม้อยู่ในใจของเขา
ความขัดแย้งของเต๋า มันไม่อนุญาตให้ใครถอยออกไป
หากใครพลาดโอกาส ใครจะรู้ว่าจะไม่พลาดโอกาสที่สอง?
หากหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและทำให้พลาดโอกาส แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะพวกเขาก็จะกลายเป็นขยะในที่สุด
เฉพาะผู้ที่มีความกล้าที่จะเดินหน้าต่อไปเท่านั้นที่จะสามารถหลบสิ่งกีดขวางได้ เมื่อมุ่งหน้าไปด้วยแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่
ผู้สมัครสอบทั้งหมดที่นี่มุ่งมั่นที่จะชนะ
เราอดไม่ได้ที่จะพูดว่าจอมพลนี้มีหลายวิธี เพียงคำพูดง่ายๆจากเขาทำให้หัวใจของทุกคนกระจัดกระจาย
ความเป็นปรปักษ์ในอากาศทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
จอมพลจีรอสพูดต่อ “ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปยังดาวอสุรา มันเป็นสถานที่ที่อยู่กาแล็กซี่ทางช้างเผือกตอนหน้าที่ขับไล่อาชญากร บนดาวอสุรามีสัตว์ประหลาดชีวเคมีมากมายนับไม่ถ้วนที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์แข็งแกร่ง หลังจากระยะเวลาหนึ่งสัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะทวีคูณเป็นจำนวนมากและมนุษยชาติจะต้องส่งคนไปเป็นประจำและแน่นอนว่าส่งไปเพื่อกำจัดสัตว์ประหลาด ดังนั้นการสอบรอบที่สองนี้ งานของพวกคุณคือการฆ่าสัตว์ประหลาดชีวเคมีเหล่านี้ และยิ่งถ้าคุณฆ่าได้เยอะคะแนนจะยิ่งสูงขึ้น ฉันขอเตือนว่ามีอาชญากรที่น่ากลัวมากมายที่นั่น พวกมันเหล่านี้สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายและแต่ละคนก็คล้ายกับปีศาจร้าย อาชญากรเหล่านี้จะเป็นศัตรูของเธอในสายตาของพวกมัน พวกเธอทุกคนเป็นอาหารแสนโอชะ เมื่อพวกมันเจอเธอ มีโอกาสสูงที่พวกมันจะโจมตีเธอตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่มีกฎใดๆในดาวอสุรา พวกเธอสามารถฆ่าพวกมันได้เช่นกันและจะไม่มีการลงโทษใด ๆ … เพื่อเคารพความเป็นส่วนตัวจะไม่มีระบบตรวจสอบที่นั่น เธอสามารถใช้วิธีการใดก็ได้ที่คุณต้องการ หลังจากล่าสัตว์ชีวเคมีแล้วอย่าลืมตัดกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวาของมันมา ในตอนท้ายของการสอบขนาดและประเภทของนิ้วหัวแม่มือมอนสเตอร์ที่เธอมีจะมีคะแนนที่แตกต่างกัน”
คำปราศรัยของจอมพลนั้นรัดกุมและครอบคลุม แจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับเนื้อหาและอันตรายของการสอบรอบสอง
หลังจากพูดจนถึงตรงนี้ เขาหยุดสักครู่ก่อนจะพูดต่ออย่างลึกซึ้ง “แต่ฉันยังต้องเตือนพวกเธอ ในระหว่างการสอบเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าผู้แข่งขันโดยตรง หากถูกค้นพบ เธอจะหมดสิทธิ์และถูกส่งกลับทันที”
หลังจากได้ยินคำเหล่านี้บรรยากาศก็เงียบลง
เฟิงหลินเข้าใจดี
แม้ว่าคำพูดของจอมพลดูเหมือนจะเป็นคำเตือนเพื่อประโยชน์ของทุกคน ความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในก็กระตุ้นให้ผู้สมัครทุกคนพยายามอย่างดีที่สุดและฆ่ากันเอง
ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าผู้แข่งขันโดยตรง?
หมายความว่าการฆ่าทางอ้อมจะได้รับอนุญาต?
…
คะแนนสอบจะขึ้นอยู่กับจำนวนกระดูกนิ้วหัวแม่มือสัตว์ประหลาดที่ฆ่ามาได้ มีหลายวิธีในการเพิ่มคะแนน ตราบใดที่คนๆหนึ่งฆ่าคนอื่นโดยอ้อม พวกเขาก็จะได้รับกระดูกนิ้วหัวแม่มือของสัตว์ประหลาดที่คนๆนั้นมี ไม่ว่าในกรณีใดไม่มีการตั้งค่าระบบการตรวจสอบ
จิตสังหารครอบคลุมไปทั่ว
ผู้สมัครสอบต่าง ๆ ทุกคนมีสถานะพลังสูงมาก ไม่มีคนโง่ที่นี่ ทุกคนฉลาดมาก พวกเขาสามารถมองเห็นจุดสำคัญได้ทันทีและหลายคนเริ่มยิ้มอย่างเย็นชา
ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยประกายความมุ่งร้าย ขณะที่พวกเขาสำรวจคู่ต่อสู้ความคิดต่างๆก็พุ่งทะลุจิตใจของพวกเขา
“ดาวอสุรา อสุราเป็นเทพชั่วร้ายในตำนานฆ่าคนมานับไม่ถ้วนสถานที่แห่งนี้เหมาะสมจริงๆ” หัวใจของเฟิงหลินเย็นชาดุจน้ำแข็ง เขาไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ(อาชูร่า)
เขานึกภาพออกแล้วว่าการสอบรอบสองนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการนองเลือด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเวลาสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถ
หากคนอื่นมีเจตนาร้ายต่อเขาอย่างแท้จริงก็จะไม่มีใครมาตำหนิเขาไร้เมตตา
การแก้แค้นนั้น สิบปีก็ยังถือว่าไม่สาย
สำหรับเฟิงหลินเขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้แก้แค้น นี่เป็นโอกาส!
…
“ดาวสุราอยู่ในภูมิภาคดาวห่างจากระบบสุริยะประมาณ 5,000 ปีแสง แม้จะเดินทางผ่านรูหนอนเราก็ยังต้องใช้เวลาอีกสามวัน พวกเธอสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เรามีเวลาพักผ่อนสามวัน สิ่งที่กำลังรอพวกเธออยู่คือการเดินทางแสนน่ากลัว ฉันขอให้พวกเธอทุกคนโชคดี ” จอมพลจีลอสหัวเราะ และเดินนำทหารติดอาวุธออกไป
ภายใต้ข้อมูลที่ได้รับจากปัญญาประดิษฐ์ยานรบ เฟิงหลินและคนอื่น ๆ เดินไปที่ห้องของพวกเขาเพื่อพักผ่อน
การตกแต่งภายในของยานรบนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ผู้สมัครสอบทุกคนจะได้รับห้องพักหรูหราขนาดประมาณ 200 ตารางเมตร ห้องพักเต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงห้องเสมือน ห้องบ่มเพาะและห้องพักผ่อน …
เฟิงหลินนั่งบนเตียงและเริ่มบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเสียงออดก็ดังขึ้น
เขาขมวดคิ้วและลืมตา ใครมาหาเขา?
หลังจากที่เขาเปิดประตู คนแปลกหน้าสี่คนก็ยืนอยู่หน้าห้อง มีทั้งชายและหญิง และบุคคลที่เป็นผู้นำก็คือชายหนุ่มหน้ากลมดูไม่เป็นอันตราย
“ฉันขอถามว่าอะไรนายหน่อยได้ไหมเฟิงหลิน? นายสนใจที่จะร่วมทีมกับเราไหม?” ชายหนุ่มหน้ากลมยิ้ม
“หืมม?” เฟิงหลินรู้สึกสับสน
“การสอบรอบที่สองบนดาวอสุราโหดร้ายมาก การรวมกลุ่มกันเท่านั้นที่เราจะมีโอกาสรอดชีวิต! ผู้สมัครคนอื่น ๆ ได้เริ่มสร้างพันธมิตรขึ้นมาแล้วไม่มีใครต้องการพวกเราสี่คน ดังนั้นจึงเราตัดสินใจที่จะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันและทำคะแนนให้ดีที่สุด ฉันสังเกตเห็นว่านายอยู่คนเดียวเช่นกัน นายต้องการเข้าร่วมกับเราหรือไม่ มันจะปลอดภัยกว่านี้หากเรามีคนมากกว่านี้ ” ชายหนุ่มหน้ากลมพูดเชิญอย่างจริงใจ
พวกขี้แพ้เหล่านี้ตัดสินใจที่จะรวมกลุ่มเพื่อเป็นพันธมิตรกันเอง?
ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีเจตนาดี แต่พลังวิญญาณของเฟิงหลินนั้นไวมาก เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อชายหนุ่มหน้ากลมพูดหัวใจของเขาส่งความผันผวนแปลกๆ เคลือบด้วยความเป็นศัตรู
ชายหนุ่มหน้ากลมคนนี้ดูไม่เป็นอันตราย แต่ตามความเป็นจริงเขาซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ เขาไม่ใช่คนดี
จะมีเรื่องดีๆเช่นนี้ในโลกได้ยังไง?
เฟิงหลินยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งของเขา แต่คนเหล่านี้ต้องการให้เขาเป็นพันธมิตรด้วย?
คนพวกนี้มีความคิดที่จะตามหาเขา พวกเขาไม่กลัวว่าเขาจะเป็นภาระและทำให้คนในกลุ่มต้องตายบนดาวอสุราหรือไงกัน?
พวกเขามีความตั้งใจดีจริงๆหรอ?
เจตนาดีจะมีอยู่จริงในการทดสอบที่โหดร้ายเช่นนี้จริงๆ?
…
เฟิงหลินเป็นอิสระมานานแล้ว เขามักจะมองในมุมมองที่ร้ายที่สุดเสมอ
ในมุมมองของเขาแรงจูงใจของคนเหล่านี้ไม่ได้บริสุทธิ์
เฟิงหลินไม่คุ้นเคยกับการอยู่เป็นกลุ่ม ยิ่งกว่านั้นคนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาที่ไม่ดี ไม่มีทางที่เขาจะตกลง
“ฉันขอโทษด้วย ฉันจะไม่เข้าร่วมกลุ่มใครทั้งนั้น” เฟิงหลินปฏิเสธและไม่รอให้คนเหล่านั้นพูดอะไร เขาปิดประตู ไม่พูดกับพวกเขาอีกต่อไป
เมื่อชายหนุ่มหน้ากลมเห็นว่าเฟิงหลินไม่ไว้หน้าพวกเขาเลย ดวงตาของเขาก็หรี่แคบลง รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนจากความอบอุ่นและอ่อนโยนเป็นเยือกเย็น
คราวนี้เฟิงหลินสัมผัสถึงเจตนาร้ายได้ชัดเจน รู้สึกเหมือนมีเข็มแทงที่หลังของเขา
ชายจากดาวอังคารก่อนหน้านี้ และแขกที่ไม่ได้รับเชิญกลุ่มนี้ เฟิงหลินสามารถรู้สึกถึงกระแสน้ำที่เคลื่อนไหวในที่มืด แม้ว่าเขาจะยังคงโดดเดี่ยวและเป็นอิสระอยู่เสมอ ไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางได้อยู่คนเดียวแน่ บนดาวอสุรา เขาต้องระวังตัวให้มาก
สามวันผ่านไป ยานรบสั่นสะเทือนขณะที่มันกำลังบินผ่านอวกาศ การเดินทางผ่านรูหนอนสิ้นสุดลงแล้ว
เฟิงหลินลืมตา เห็นดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ปกคลุมไปด้วยความมืด ลอยโดดเดี่ยวในอวกาศ
พวกเขามาถึงดาวอสุราแล้ว!
ตอนที่ 213
ดาวอสุราเป็นดาวเคราะห์ที่มีสภาพแวดล้อมเลวร้าย แม้ว่าบรรยากาศจะปกติและมนุษย์สามารถอยู่รอดได้ แต่อุณหภูมิที่นี่แปลกประหลาดสุดขั้วมาก ในตอนกลางคืนอุณหภูมิจะลดลงต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียสและในตอนกลางวันอุณหภูมิจะสูงขึ้นเกือบ 80 องศาเซลเซียส มันอาจจะเย็นจนแข็งหรือร้อนจนเหมือนโดนอบ นี่เป็นสถานที่ที่คล้ายกับนรก โดยทั่วไปแล้วมันไม่เหมาะสำหรับมนุษย์ที่จะอยู่ที่นี่
ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นเขตต้องห้ามที่อาชญากรถูกส่งไป หากอาชญากรโทษประหารต้องการมีชีวิตต่อพวกเขาจะต้องปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทำให้มันกลายเป็นดาวเคราะห์ของสิ่งชีวิตที่เหมาะสำหรับมนุษย์
แม้ว่ากระบวนการนี้จะช้ามาก แต่การใช้คนร้ายก็เป็นการรีไซเคิลได้ใช่ไหมล่ะ?
นี่ไม่ใช่ที่อื่น มันคือที่ตั้งของการสอบรอบสองของมหาวิทยาลัยเอกภพ ดาวเคราะห์อสุรา!
ดวงอาทิตย์ของดาวอสุรามีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ของโลกถึงหมื่นเท่า ดังนั้นการแผ่รังสีที่นี่ก็รุนแรงเช่นกัน คนธรรมดาจะตายหากเจอสภาพแวดล้อมที่นี่โดยตรง เนื่องจากเซลล์ร่างกายจะกลายเป็นมะเร็งทันที
มีเพียงผู้บ่มเพาะดวงดาวที่มีสถานะพลังสูงเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดและเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้
“ทุกคนมารวมตัวกันที่ลานสาธารณะของยานรบเดี๋ยวนี้!” เสียงดังขึ้น เฟิงหลินและผู้สมัครสอบคนอื่น ๆ มารวมตัวกันอย่างรีบเร่ง รู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในระบบสุริยจักรวาลอีกต่อไป
“เรามาถึงดาวอสุราแล้ว” จอมพลจีลอสพูดเสียงดังและพูดต่อ “ระยะเวลาของการสอบรอบสองจะถูกตั้งไว้ที่สิบวันทุกคนได้รับอนุญาตให้นำยา อาหารและน้ำไปได้ ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อย่างอื่น ข้อมูลพื้นฐานได้ถูกส่งไปยังไมโครชิปของเธอแล้ว พวกเธอสามารถดูได้ตลอดเวลา ยิ่งเธอกำจัดสัตว์ประหลาดชีวเคมีได้มากเท่าไหร่คะแนนก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ฉันขอเตือนว่าสถานที่นี้เป็นดาวเคราะห์ที่อาชญากรโทษประหารอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อกับเว็บระหว่างดวงดาว ในจักรวาลที่หนาวเย็นและมืดมิดความสำคัญอันดับแรกของมนุษยชาติคือการอยู่รอด ดังนั้นภารกิจที่สำคัญที่สุดของเธอคือการเอาชีวิตรอด มีเพียงผู้ที่สามารถอยู่รอดได้เท่านั้นถึงจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ถ้าไม่งั้นไม่ว่าคะแนนของเธอจะสูงแค่ไหนก็จะไร้ประโยชน์เมื่อเธอตาย ตอนนี้มีนักเรียนคนไหนจะถอนตัวไหม? นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอที่จะเลือกยอมแพ้ สำหรับผู้ที่ยอมแพ้ให้ไปรอในยานรบ เมื่อเวลาผ่านไปสิบวันเราจะส่งเธอกลับไปยังระบบสุริยะ หลังจากนี้ ไม่ว่าในกรณีใด ชีวิตและความตายของเธอไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา “
ไม่มีใครที่ถูกกดดันภายใต้แรงกดดัน
นี่เป็นเรื่องธรรมดา
มหาวิทยาลัยเอกภพจะรับสมัครนักเรียน 10,000 คนจากมนุษย์หลายพันล้านคนเท่านั้น การแข่งขันรุนแรงอย่างไม่มีใครเทียบ อัตราการตายก็สูงมากเช่นกัน
ทุกคนมีตัวเลือกให้เลือกที่จะไม่ทำการทดสอบ อย่างไรก็ตามมีเพียงโอกาสเดียวที่ทุกคนจะได้ลงทะเบียนเรียนกับมหาวิทยาลัยเอกภพ หากใครตัดสินใจที่จะยอมแพ้พวกเขาจะต้องไม่มาเสียใจทีหลัง
ไม่มีผู้สมัครคนไหนยอมแพ้
จะมีโอกาสสักกี่ครั้งในชีวิต?
เนื่องจากพวกเขากล้าที่จะลงทะเบียนมหาวิทยาลัยเอกภพ ทุกคนต้องตระหนักอยู่ในใจอยู่แล้ว พวกเขาจะไม่ยอมแพ้แม้ว่าสถานการณ์จะอันตราย
ท้ายที่สุดถ้าพวกเขายอมแพ้ตอนนี้คงไม่มีโอกาสในอนาคตสำหรับพวกเขาอีกแล้ว
นี่เป็นบททดสอบความกล้าหาญของพวกเขาด้วย
“ยอดเยี่ยม อย่างที่คาดหวังจากอัจฉริยะระดับสูงในระบบสุริยะ ความกล้าหาญของพวกเธอน่ายกย่อง! เนื่องจากไม่มีใครปรารถนาที่จะยอมแพ้ ฉันก็ขอให้พวกเธอโชคดี ฉันหวังว่าพวกเธอทุกคนจะสามารถได้คะแนนสูงกันทุกคน!” จอมพลจีลอสพยักหน้าและพอใจกับสิ่งนี้มาก “ตอนนี้การสอบได้เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว ออกไปได้!”
ประตูยานรบเปิดออก ผู้สมัครสอบนั่งอยู่บนยานบินขนาดเล็กซึ่งทะลุผ่านชั้นบรรยากาศ
ในเวลานี้เป็นตอนเช้าบนดาวอสุรา รังสีจากดวงอาทิตย์แผดเผามาก อุณหภูมิสูงถึง62 องศาเซลเซียส!
คลื่นความร้อนที่รุนแรงแทรกซึมอยู่ในชั้นบรรยากาศอยากอบให้ทุกคนแห้งเกรียม
เฟิงหลินปิดรูขุมขนทันทีป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
มนุษย์ธรรมดาจะตายทันทีเมื่อต้องเผชิญกับอุณหภูมิแดดที่สูง ผู้สมัครสอบอย่างพวกเขาที่มีสถานะพลังสูงเท่านั้นจึงจะสามารถทนได้
พวกเขาลงมาบนยอดเขาเตี้ย ๆ คล้ายกับแท่นหิน
หลังจากที่ผู้สมัครสอบถูกส่งตัวลงจากยานบิน ยานบินก็บินกลับขึ้นไปในอากาศกลับไปที่ยานรบ
เลือดเป็นสารที่มีฤทธิ์เป็นกรด!
หินที่ถูกโยนลงไปจะทำให้เกิดระลอกคลื่น
ป่าเงียบ แต่ดูเหมือนเคยมีชีวิตขึ้นมา แม้แต่สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายปลาหมึกยักษ์ก็ยังมีคลื่นซัดขึ้นมาก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นและบังแดดให้ตัวมัน
พลังวิญญาณของเฟิงหลินได้ก่อตัวเป็นดาบและกำจัดสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ชั่วระยะเวลาหนึ่งฝนกรดตกลงมาจากท้องฟ้า เลือดของพวกมันกัดกร่อนพื้นทำให้เกิดหลุมหลายรู หากเลือดที่เป็นกรดโดนมนุษย์มันจะไม่ดีแน่
หวด, หวด, หวด ~
เสียงของสิ่งมีชีวิตที่วิ่งผ่านป่าอย่างรวดเร็วและเคลื่อนเข้าหาเฟิงหลิน
กรี้ดดดด!
เสียงโหยหวนดังกึกก้องไป กลิ่นอายดุร้ายเต็มไปหมด
เงาดำขนาดมหึมาสี่ตัวปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ เฟิงหลินโดนล้อมรอบและปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมด ดวงตาของพวกมันจ้องมองเฟิงหลิน เต็มไปด้วยความหิวโหย น้ำลายหยดไหลออกมาจากปากของพวกมัน เหมือนพวกมันกำลังจ้องมองเหยื่ออยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ
สัตว์ประหลาดสี่ตัวนี้สูงประมาณสามเมตรและมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ดวงตาสีดำสนิท ปากของพวกมันเต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แม้แต่กระดูกในร่างกายก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนผิวหนัง
ลิ้นหนาของพวกมันมีน้ำลายไหลหยดส่งกลิ่นเหม็น ด้านหลังหางของพวกมันเหวี่ยงไปมาทำให้หินในบริเวณนั้นถูกบดขยี้จากแรงกระแทก ความแข็งแกร่งของพวกมันช่างน่ากลัว
เฟิงหลินรู้สึกว่าคุ้นเคยกับรูปร่างหน้าตาของพวกมันดี
สัตว์ประหลาดทางชีวเคมี?
เห็นได้ชัดว่าพวกมัน …
ผิดปกติ!
ตอนที่ 214
แหมะ แหมะ..
น้ำลายเหม็นหยดลงบนพื้นทำให้เกิดเสียงดัง ควันสีดำฟุ้งออกมา
มีพวกผิดแปลกอยู่สี่ตน เขี้ยวของพวกมันเปล่งประกายน่าสะอิดสะเอียน พวกมันก้มหน้าก้มตาล้อมรอบเฟิงหลินทุกทาง ดวงตายาวเหยียดของพวกมันมองอย่างน่ารังเกียจ สายตาเต็มไปด้วยความโลภและมุ่งร้าย กลิ่นอายแข็งแกร่งเปล่งประกายออกมาจากพวกมัน สัตว์ประหลาดคล้ายปลาหมึกนับว่าน่ากลัวสุด
เกรดระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างกันชัดเจน เมื่อมันเจอสิ่งที่เหนือกว่าในห่วงโซ่อาหารพวกมันจะหนีไปเร็วที่สุด
กรี้ดดด!
สัตว์ประหลาดทั้งสี่ขยับเข้ามาใกล้ไม่สามารถระงับความหิวได้อีกต่อไป ภายใต้แรงกระตุ้นจากธรรมชาติที่โหดร้ายพวกมันคลุ้มคลั่ง
กรงเล็บเหมือนตะขอ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นเงาดำที่ไหลผ่านป่าเข้าหาเฟิงหลิน
ปากของพวกมันเปิดกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวเรียงแถวข้างใน แต่ที่น่ากลัวที่สุดอาจเป็นลิ้นแปลกๆ ดูอันตราย พวกมันเหมือนหอกคมสามารถเจาะทะลุร่างเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย
สัตว์ประหลาดทั้งสี่สมกับเป็นสัตว์ประหลาดทางชีวเคมีสุดอันตราย พลังต่อสู้พวกมันสูงมาก พลังโจมตีของพวกมันระเบิดจนน่ากลัว หากมนุษย์ธรรมดาเผชิญกับการโจมตีนี้จะต้องถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ทันทีและถูกมันกลืนกินจนหมดทั้งตัว
ตอนนี้ปาดของพวกมันอยู่ใกล้เฟิงหลินมาก เขาได้กลิ่นน้ำลายได้อย่างชัดเจน
“ไปซะ!” เขายืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมและคำรามอย่างโกรธเคือง แสงสีเงินปะทุออกมาจากกึ่งกลางคิ้ว พลังวิญญาณของเขาพุ่งทะลักออกมาราวกับสายน้ำทำให้เกิดคลื่นพลังลูกใหญ่
กลิ่นอายของเขาก็พุ่งออกมาทุกทิศทาง เมฆฝุ่นรูปเห็ดก่อตัวจากแรงกระแทก
สัตว์ประหลาดทั้งสี่กระเด็นลอยไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง
ในฐานะที่เป็นสัตว์ประหลาด โครงกระดูกภายนอกพวกมันแข็งแรงเหมือนโลหะ มันป้องกันอวัยวะภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันส่ายหัวเพื่อสะบัดความมึนก่อนที่จะรีบพุ่งกลับไปหาเฟิงหลินพร้อมกับเปล่งเสียงโหยหวน เหมือนพวกมันไม่รู้จักเหนื่อยและไม่กลัวอะไร
สัตว์ประหลาดสองตัวเร่งความเร็วบนพื้นดินในขณะที่อีกสองตัวกระโดดบนต้นไม้และหมุนจากกิ่งหนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่ง กรงเล็บของพวกมันคมมากทำให้หินแตกได้ และความเร็วก็สูงมาก
กลิ่นอายของพวกมันคุกคาม ความมุ่งร้ายบนใบหน้าไม่จางหายไป หางที่หนาของพวกมันกวาดไปซ้ายและขวาไม่หยุดเหมือนแส้เหล็ก สัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นเหมือนอสูรที่คลานออกมาจากส่วนลึกสุดของนรกต้องการที่จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
พลังวิญญาณทรงพลังของเฟิงหลินยังคงพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่องเปลี่ยนเป็นหมัดวิญญาณกระแทกเข้ากับสัตว์ประหลาด
อย่างไรก็ตาม พวกมันเหมือนเป็นแมลงสาบที่ไม่สามารถฆ่าได้
หากเสือไม่ได้ปลดปล่อยพลังของมัน มันจะไปต่างอะไรกับแมวป่วย?
เฟิงหลินพูดอย่างเฉยเมยในใจ
หลังจากการโจมตีระยะสั้น เฟินหลินก็เข้าใจธรรมชาติของสัตว์ผิดปกติพวกนี้มากขึ้น มันคล้ายกับสิ่งที่เขาเข้าใจก่อนหน้านี้มาก สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ แต่พวกมันคือยอดนักล่า พวกมันน่ากลัวกว่าเมื่อเทียบกับทีเร็กซ์, แมมมอธ, ไดโนซูซุส …
พวกมันมีความแข็งแกร่งและความเร็วที่น่าตกใจ ร่างกายของพวกมันแข็งเหมือนโลหะ นอกเหนือจากความจริงที่ว่าสติปัญญาของพวกมันนั้นต่ำ พวกมันอาจถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อบกพร่องอื่น
พลังวิญญาณของเฟิงหลินสามารถยกหินได้สิบหมื่นตัน แต่เขาก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงกับพวกมันได้
และจากสิ่งที่เขารู้ เมื่อสัตว์ผิดปกติเหล่านี้เข้าใกล้ร่างกายมนุษย์ พวกมันสามารถวางไข่ในร่างมนุษย์ได้ เมื่อวางไข่แล้วพวกมันจะใช้พันธุกรรมของมนุษย์เป็นวัตถุและรวมยีนของพวกมันเข้ากับเจ้าของร่าง เพื่อช่วยในการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว มันน่ากลัวมาก
แม้ว่าเฟิงหลินจะไม่กลัวพวกมัน แต่เขาก็ไม่ต้องการเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากปรสิต ใครจะรู้ว่าความสามารถอื่น ๆ ของสัตว์ประหลาดเหล่านี้มีอะไรบ้าง?
“เปลี่ยน!” เมื่อเห็นว่าพลังวิญญาณของเขาไม่สามารถทำร้ายสัตว์ผิดปกติเหล่านี้ได้อย่างร้ายแรง เฟิงหลินก็ตะโกนเสียงดัง แหวนที่นิ้วของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ค่อยๆยาวขึ้นและยังคงยาวขึ้น หนาขึ้นกลายเป็นกระบองโลหะที่สมบูรณ์แบบในมือของเขา
วู วู วู!
ในอดีตก่อนที่มหาเทพเทียมฟ้าจะฟื้นขึ้นมา เฟิงหลินได้เรียนชุดวิชากระบองมหาเทพเทียมฟ้าผ่านความทรงจำของเขา เขาโบกมือรอบโดยสัญชาตญาณทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาพลังดุร้าย
สัตว์ผิดปกติรีบพุ่งไปข้างหน้า
เฟิงหลินกระโดดและทุบด้วยกระบองศักดิ์สิทธิ์ ไม่ยอมให้มันหลบหนี
ปัง!
สมองของสัตว์ถูกขยี้เหมือนแตงโมสาดน้ำไปทุกทิศทาง กลิ่นของของเหลวในสมองฟุ้งอยู่ในอากาศและเมื่อของเหลวสัมผัสกับพื้นดิน ควันดำก็กระจายออกมาพร้อมเสียงซู่ซ่าจากความร้อน
สัตว์ผิดปกติที่เหลืออยู่ทั้งสามตัวแผดเสียงเมื่อเห็นเพื่อนกำลังจะตาย พวกมันเกรี้ยวกราดมากขึ้น ไม่กลัวอะไรเลย
สัตว์ประหลาดคือสัตว์ประหลาด พวกมันเทียบสัตว์ป่าไม่ได้!
สัตว์ป่าจะมีสัญชาตญาณในการหลีกเลี่ยงอันตราย แต่สัตว์ผิดปกติเหล่านี้ไม่รู้สึกถึงอันตราย
เฟิงหลินหัวเราะเยาะ นี่เป็นไปตามที่เขาคิดจริงๆ
เขากระโดดข้าม กระบองโลหะของเขาเคลื่อนไหวในอากาศ ก่อตัวเป็นลมพายุทำลายล้างและบดขยี้ทุกสิ่งที่มันสัมผัส
ไม่ว่าร่างของความสัตว์ประหลาดทั้งสามจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกมันจะทนแรงกระแทกจากกระะบองโลหะนี้ที่มีน้ำหนักมากกว่าหมื่นชั่งได้ยังไง พวกมันถูกบดเป็นชิ้นๆทันที
เฟิงหลินพับเก็บกระบองโลหะ กระบองโลหะนั้นหดตัวและกลายเป็นแหวนรอบนิ้วของเขา
มีกองกระดูกแหลกและเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขา กลิ่นกรดฟุ้งกระจาย
เฟิงหลินเก็บรักษากระดูกนิ้วหัวแม่มือของสัตว์ผิดปกติทั้งสี่อย่างระมัดระวัง นี่เป็นของที่จะได้รับคะแนนในการสอบรอบสองนี้ มันน่าเสียดายถ้าเขาทำมันหาย
เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยเนื่องจากมีสัตว์ผิดปกติน้อยเกินไป
หลังจากสัตว์ผิดปกติทั้งสี่ถูกฆ่าตายป่าก็กลับสู่ความเงียบเหมือนเดิมทันที
หลังจากจัดการทุกอย่างเขาก็เดินทางต่ออย่างรวดเร็ว
สภาพแวดล้อมบนดาวเคราะห์อสุรานั้นเลวร้ายเกินไป ไม่มีทรัพยากรเช่นอาหารและน้ำ มันเป็นเรื่องยากมากที่คนจะอยู่รอด
ถ้าเขาต้องการที่จะอยู่ให้ถึงสิบวัน เขาต้องจัดการความต้องการทางร่างกายของเขาก่อน เขาต้องพักใจให้สบาย และมุ่งเน้นไปที่การตามล่าสัตว์ประหลาดทางชีวเคมี
ภายใต้การสแกนของพลังวิญญาณ เขาสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบ หลังจากยีนวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึง 10 ระยะการสแกนของเขาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10 กม. ความผิดปกติแม้เล็กน้อยไม่สามารถหลบหนีจากการรับรู้ของเขา
ประสาทสัมผัสที่คมชัดของเฟิงหลินบอกเขาว่าไอน้ำในทิศทางตะวันตกเฉียงใต้นั้นเข้มข้นกว่าปกติ ในทันทีต่อมาเขาก็ไปที่นั่นอย่างมุ่งมั่น
เขาเดินทางประมาณ 50 กม.ภายในระยะเวลาชั่วขณะ ตอนนี้ตรงหน้าเขามีทะเลสาบที่สวยงาม ความเย็นและความชื้นกับสายลมที่พัดเบา ๆ ทำให้เขารู้สึกสบายมาก อุณหภูมิในพื้นที่ก็ลดลงประมาณ 10 องศาเนื่องจากปัจจัยเหล่านี้
ความใสของน้ำในทะเลสาบทำให้เห็นปลาว่ายอยู่ในนั้น แสดงว่าคุณภาพน้ำดีมาก อาหารและน้ำสามารถหาได้ง่ายที่นี่
หลังจากใช้เวลาภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนจัดรวมถึงการออกแรงอย่างหนักก่อนหน้านี้ เฟิงหลินก็รู้สึกว่าคอแห้ง ความปรารถนาที่จะดื่มน้ำสะอาดของทะเลสาบเพิ่มขึ้นในใจของเขา
แต่ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวด เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่มีศัตรู แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นจาง ๆ ของศัตรูที่แทรกซึมอยู่ในอากาศ สิ่งนี้ไม่ตรงกับภาพบรรยากาศที่เงียบสงบเลย
“ใคร?ออกมา!” เฟิงหลินตะโกนออกมาพร้อมกับต่อยหมัด แรงหมัดอันทรงพลังดูเหมือนจะทะลุผ่านสิ่งกีดขวางที่ไม่มีรูปร่าง เมื่อสิ่งกีดขวางหายไปเงา11ร่างก็ปรากฏออกมา พวกมันซุ่มโจมตีอยู่
เมื่อเห็นว่าภาพลวงของพวกมันถูกจับได้ พวกมันก็ไม่ปิดบังความตั้งใจ พุ่งมาล้อมรอบเฟิงหลินอย่างรวดเร็ว!
ตอนที่ 215
“ โอ้พวกนายเองเหรอ?” เมื่อเห็นทั้งสิบเอ็ดคนนี้ เฟิงหลินก็หรี่ตาลงและรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
สี่คนในนี้เขารู้สึกคุ้นหน้ามาก พวกเขาคือกลุ่มสี่คนที่มาชวนเฟิงหลินเข้าร่วมทีมก่อนหน้านี้
คนกลุ่มนี้ดูมีเจตนาชั่วร้าย พฤติกรรมก่อนหน้านี้เป็นเพียงข้ออ้าง พวกเขาเป็นเหมือนกิ้งก่าที่เปิดเผยสีที่แท้จริง พวกเขาล้อมรอบเฟิงหลิน ดูเหมือนจะรอเขาอยู่นานแล้ว
“เฟิงหลิน แกคิดว่าจะสามารถหนีได้?แม้ว่าแกจะหนีไปได้สักพักหนึ่งแต่ก็จะไม่สามารถหนีไปได้ตลอดกาล! ในที่สุดแกก็ต้องตกอยู่ในมือของเรา” ชายหนุ่มหน้ากลมยิ้ม เขาเป็นเหมือนเสือที่จ้องมองเหยื่อของมัน
คนเหล่านี้ล้วนมีท่าทีก้าวร้าว เฟิงหลินหัวเราะเยาะเย้ยอย่างมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเลือกก่อนหน้านั้นถูกต้องแล้ว
ผู้ที่ตั้งใจดีจะไม่มา ผู้ที่มาแน่นอนว่าไม่ดี
โชคดีที่เขารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติก่อนหน้านี้และไม่ได้เข้าร่วม ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะโดนอะไรบ้าง?
หากปราศจากกลอุบายเล็กๆน้อยๆ เหล่านั้น หากพวกเขาปะทะกันใครจะกลัวใครกันแน่?
เฟิงหลินไม่กังวลเลย ในความเป็นจริงเขารู้สึกอยากรู้มากกว่า
เขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครมากนักและไม่ได้ตั้งใจสร้างศัตรู ทำไมคนเหล่านี้ถึงเล็งเป้ามาที่เขา
จากกับดักก่อนหน้านี้ ที่พวกเขามาเชิญชวนให้เฟิงหลินเข้าร่วม จนมาถึงการซุ่มโจมตีในตอนนี้ พวกเขาตั้งใจ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!
“ทำไมพวกแกถึงต่อต้านฉัน?” เฟิงหลินถามด้วยความอยากรู้
“แกลืมสิ่งที่ทำไปแล้วหรือไง?” ชายหนุ่มหน้ากลมหัวเราะเยือกเย็น
เฟิงหลินเงียบ เขาไม่รู้ว่านี่หมายถึงอะไร
“ในเมื่อแกจำไม่ได้ ฉันจะเมตตาและให้คำแนะนำ มันถึงเวลาที่แกจะคืนกระสวยอวกาศที่แกชิงไป” เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ พวกเขาก็มองเฟิงหลินเหมือนงูพิษ
“พวกแกมาจากสังคมชาวอารยัน?” สายตาเฟิงหลินเปล่งประกายด้วยความเย็นชา เขาตระหนักได้ในทันที
ก่อนหน้านี้เขายึดข้อมูลของบริษัทยาไจแอนท์ทั้งหมดมา ในที่สุดศัตรูของเขาก็ติดตามเขามาจนได้
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็พบว่ารูปร่างหน้าตาและความสูงของคนเหล่านี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นของเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สิ่งเดียวที่พวกเขามีร่วมกันคือสีผิว ผมและดวงตา เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ได้รับพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นมนุษย์ไข่
“ไม่เลว” รอยยิ้มน่ากลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม “เฟิงหลิน แกคิดว่าเราไม่รู้สิ่งที่แกทำกับบริษัทยาไจแอนท์ของเรา?ข้อมูลทั้งหมดถูกบันทึกและส่งกลับไปที่สำนักงานใหญ่ พวกเราสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ถือเป็นขุมกำลังสำคัญในจักรวาล แกคิดว่าเรามีบริษัทเพียงสาขาเดียวคือบริษัทยาไจแอนท์ในระบบสุริยจักรวาลหรือไง?นั่นเป็นเพียงบริษัทผลิตและปรุงยาทางพันธุกรรมองค์กรเรา ทุกคนในที่นี้เป็นทีมต่อสู้ที่แท้จริง เรามีผู้บ่มเพาะระดับสูงหลายคน “
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยน้ำเสียงคุกคาม แต่เฟิงหลินดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ “ไม่จำเป็นต้องทำให้ฉันกลัว ถ้าพวกแกมีพลังมากจริงตอนที่กองทัพปฏิวัติของดาวอังคารโจมตี พวกแกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?”
ชายหนุ่มหน้ากลมนิ่งงันในความเงียบ เขาต้องการที่จะโต้แย้ง แต่ดูเหมือนกลัวว่าอาจจะรั่วไหลข้อมูลสำคัญบางอย่างและในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร
เฟิงหลินเข้าใจ
ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับสังคมชาวอารยันอันบริสุทธิ์เกินกว่าจินตนาการของผู้คนเหล่านี้ เขารู้จักธรรมชาติของคนพวกนั้นดีมาก
สังคมอารยันเลือดบริสุทธิ์เป็นเป้าหมายของการโดนคนอื่นดูถูกเหยียดหยาม พวกเขาไม่กล้าเผยตัวในที่สาธารณะ
“แกต้องการอะไร? เฟิงหลินสงบนิ่งเหมือนเดิม
ชายหนุ่มเดินไปรอบๆ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย”เฟิงหลินถึงแม้ว่าแกจะยึดสมบัติของสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ของเราไป แต่ตราบใดที่แกคืนกระสวยบินตอนนี้และเข้าร่วมกับเรา กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน เราจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต ถ้าไม่อย่างนั้นละก็…”
(กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแก?)
เฟิงหลินหัวเราะโดยไม่ปกปิดความรังเกียจของเขา “เข้าร่วมสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์? ทรยศบรรพชนของฉันและกลายเป็นมนุษย์ไข่?”
คำพูดของเขาเหมือนดาบแทงทะลุเข้าไปในจุดที่เจ็บปวดของหัวใจของคนเหล่านี้
สีหน้าของชายหนุ่มร้ายกาจอย่าง “ในเมื่อแกเลือกปฏิเสธฉัน ก็อย่าโทษว่าฉันไร้ความปราณี แกล้าที่จะเป็นปฏิปักษ์กับสังคมชาวอารยันเลือกบริสุทธิ์ของเราเอง! ฉันจะทำให้แกไม่ได้ตายอย่างสงบ หลังจากพวกเราฆ่าแกเสร็จแล้ว ฉันจะตามล่าครอบครัวของแก! “
คำพูดของเขาโหดเหี้ยมและเต็มไปด้วยการคุกคามครอบครัวของเฟิงหลิน
เขาต้องการดูว่าเฟิงหลินจะดื้อรั้นได้สักแค่ไหน
ทุกคนต้องรู้จักคำว่าเสียใจหากพวกเขากล้าที่จะเป็นศัตรูกับสังคมอารยันเลือดบริสุทธิ์ของพวกเขา
บูม!
เมื่อชายคนนี้รู้สึกพอใจในความงี่เง่าของตัวเอง เฟิงหลินก็คำราม พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นพร้อมกับพายุฝนคลั่ง
คนเหล่านี้รู้สึกราวกับว่าหัวใจโดนก้อนหินขนาดมหึมากดทับ พวกเขาไม่มีทางต้านทาน
อันตราย!
อันตรายมาก!
ชายหนุ่มหน้ากลมรู้สึกกลัวในหัวใจ
เฟิงหลินกระโดดขึ้นไปในอากาศคล้ายกับเทวดาจากสวรรค์ที่ลงมาสู่โลกมนุษย์ เขายินดีและไม่รังเกียจที่จะต่อสู้กับพวกเขาทั้งๆที่เขามีคนเดียว
นิ้วของเขาเหมือนกรงเล็บกวาดไปรอบๆตัว มือของเขาคล้ายกับมือของพระเจ้าควบคุมชีวิตและความตายของมนุษย์ พลังวิญญาณของเขาแข็งกร้าว… ทุกอย่างปะทุออกมาเป็นแรงกดดัน
พลังของเฟิงหลินเหนือกว่าคู่ต่อสู้มาก พวกมันไม่มีโอกาสได้หายใจ
นี้…
(ไม่มีทางหลบเลี่ยง!)
ชายหนุ่มหน้ากลมรู้สึกราวกับว่าสวรรค์ลงทัณฑ์ เขาไม่มีทางที่จะหนีไปได้ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าพลังของเฟิงหลินจะน่ากลัวขนาดนี้
ที่เส้นแบ่งระหว่างชีวิตและความตาย เขาโหยหวนด้วยความโกรธและจับเพื่อนคนหนึ่งใกล้ๆเขา โดยสัญชาตญาณโดยโยนคนที่โชคร้ายนั้นมาหาเฟิงหลิน
คนนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด กะโหลกศีรษะของเขาถูกจับโดยนิ้วของเฟิงหลิน วินาทีที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเฟิงหลิน เสียงแตกพลันดังขึ้นเมื่อหัวกะโหลกของเขาถูกบีบอย่างแรง
เมื่อเฟิงหลินปล่อยมือ กระดูกของคนคนนั้นก็แหลกเละแล้ว คนโชคร้ายคนนั้นนอนราบบนพื้น กลิ่นอายของเขาค่อยๆอ่อนลงเรื่อย ๆ
ในตอนนี้เฟิงหลินสามารถทำให้โลหะแตกเหมือนโคลนได้เพียงมือสัมผัส ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเกี่ยวกับกระดูกมนุษย์ที่เปราะบาง
แม้ว่าเฟิงหลินจะต้องเชื่อฟังกฎไม่ฆ่าผู้สมัครสอบโดยตรง แต่คนๆนี้พิการไปแล้ว ในสภาพแวดล้อมที่ชั่วร้ายของดาวอสุราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกเกี่ยวกับชะตากรรมของเขา
แม้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ความตายกลับดีเสียยิ่งกว่า!
คนพวกนี้ซุ่มโจมตีเฟิงหลิน แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือ หนึ่งในพวกเขาก็ตายไปแล้ว
บนสนามรบอสุรา ถ้าไม่มีคนตามสนามรบนี้จะยังคงมีชื่อว่า ‘อสุรา’ ได้ยังไง?
เหมือนกับการกดสวิตช์ ความคิดของเฟิงหลินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาทิ้งประเด็นทางศีลธรรมทั้งหมดออกไป หัวใจของเขาชัดเจนมากขึ้น
รัศมีทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไป เขาเป็นเหมือนเทพปีศาจ เหมือนเหวและนรกลึกไร้ขอบเขตเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
สีหน้าของชายหนุ่มหน้ากลมเปลี่ยนไป เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าสิ่งที่เขาทำได้ปล่อยมังกรร้ายออกมา
“เฟิงหลิน แกโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!แกไม่กลัวว่าสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ของเราจะแก้แค้นเลยหรือไง?” เขาพูดด้วยความโกรธ
“แก้แค้น?” เฟิงหลินยื่นหน้าไปสำรวจคนกลุ่มนี้ หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มทันที “โอ้ ฉันลืมบอกแกว่าฉันไม่เคยโดนข่มขู่มาก่อน เมื่อมีคนพยายามที่จะขู่ฉัน ฉันจะกำจัดแหล่งที่มาของอันตรายที่เป็นไปได้ทั้งหมดทันที พอศัตรูตาย พวกมันก็จะทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันอาจใช้โอกาสนี้ส่งพวกแกทั้งหมดไปสู่นรก กำจัดปัญหาทั้งหมดในอนาคต!
“แก … ” การแสดงออกของชายหนุ่มรอบเปลี่ยนไปอย่างมาก
เฟิงหลินไม่ต้องใส่ใจให้เสียเวลา เขายกมือขึ้นขณะที่ตะโกน “ลุกขึ้น!”
พื้นดินสั่นสะเทือนเมื่อพลังวิญญาณไร้รูปร่างของเขาทำให้พื้นลอยขึ้น หลังจากนั้นสิ่งสกปรกและดินก็ไหลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มมนุษย์ไข่และจับพวกเขาไว้ในเปลือกหอยที่ทำมาจากดิน
“ลงมือเลย! ถ้ามันไม่ตาย เราก็ต้องตาย!” ชายหนุ่มหน้ากลมกรีดร้อง ส่งสัญญาณให้คนในกลุ่มลงมือ
คลื่นเพลิง!
กระบี่น้ำแข็ง!
ปืนใหญ่อากาศ!
…
คนเหล่านี้ได้ปลดปล่อยพลังทางพันธุกรรมของพวกเขาตามลำดับ ระเบิดเปลือกดิน
อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะได้ยินดี เสาศักดิ์สิทธิ์ก็กวาดไปทางพวกเขาแล้ว
พลังของเสาศักดิ์สิทธิ์ยากจะอธิบาย มันเหมือนกับขุนเขาที่กดทับลงมา สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง
เสียงเยือกเย็นดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา เหมือนเสียงเทพเจ้าแห่งความตายประกาศตัดสินโทษแก่มนุษย์
“ตาย!”
ตอนที่ 216
ผู้ที่ทำให้ฉันวุ่นวายใจ ฆ่า!
ผู้ที่ทำให้ฉันกังวลใจ ฆ่า!
ผู้ที่ขัดใจฉัน ฆ่า!
…
เมื่อเสาศํกดิ์สิทธิ์พุ่งลงมา มันมีน้ำหนักถึงหนึ่งหมื่นชั่งสามารถทำลายทุกอย่างได้
ดาวอสุราเป็นสถานที่ที่อาชญากรถูกส่งตัวไป ไม่มีอารยธรรมหรือความสงบเรียบร้อยที่นี่ กฎหมายที่โหดร้ายของป่าคือทุกสิ่ง คนอ่อนแอเป็นอาหารสำหรับคนเข้มแข็ง
ในเวลานี้เฟิงหลินเลือกที่จะละทิ้งเหตุผลและศีลธรรมของเขา ไม่มีสิ่งรบกวนในใจเขาเข้าสู่สภาวะที่สมบูรณ์แบบ
กฎถูกกำหนดโดยผู้ที่แข็งแกร่ง ผู้อ่อนแอทำได้เพียงทำตาม
เขาจะฆ่ามนุษย์แล้วยังไง?
ผู้เชี่ยวชาญคืออะไร?
ผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงแต่มีอำนาจอยู่ยงคงกระพัน แต่ยังต้องมีสถานะที่อยู่ยงคงกระพันด้วย
ตราบใดที่สภาพจิตใจของเขาไม่ถูกรบกวน จะมีศัตรูในโลกได้ยังไง?
เมื่อเสาโลหะตกลงมาผู้คนในสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ก็รู้สึกราวกับว่าวันโลกาวินาศมาถึงแล้ว จิตสังหารที่ออกมาจากเฟิงหลินกลืนพวกเขาด้วยความเย็นที่ซึมเข้ากระดูก พวกเขาไม่มีทางต้านทาน
“แกสมควรตาย!” ชายหนุ่มหน้ากลมที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุด สะบัดตัวออกเป็นอิสระจากพลังจิตของเฟิงหลิน ใบหน้าของเขาดุร้ายและคำราม “ส่งพลังทั้งหมดของพวกแกมาให้ฉัน!”
คนที่อยู่ข้างหลังขยับ ถ่ายโอนพลังงานไปยังร่างกายของเขา พลังพันธุกรรมจากพวกเขาทั้งหมดได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน สถานะพลังชีวิตของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความผันผวนทำให้เกิดแสงที่โค้งงอและทำให้พื้นที่รอบตัวเขามีประกายระยิบระยับ
สถานะ 110, 120, 130 … การรวมพลังทำให้สถานะพลังของเขาทะลุขีดจำกัด 100 สำหรับผู้บ่มเพาะหว่างดวงดาว มันยังคงเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่แม้แต่เฟิงหลินยังรู้สึกกดดัน เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความสามารถนี้คืออะไร
“เชิงเทินจักรวรรดิเทวะ!” ชายหนุ่มหน้ากลมคำราม ฝ่ามือของเขาแผ่ออกไปด้านข้าง คลื่นพลังงานหมุนตัวออกมาเผยให้เห็นเชิงเทินรูปพระจันทร์เสี้ยวที่อยู่เหนือพวกเขา
บูมม!
กำแพงดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เสาโลหะกระแทกอย่างหนักและการโจมตีครั้งนี้ของเฟิงหลินก็ล้มเหลว ไม่สามารถแยกกำแพงออกจากกัน ความสามารถนี้เปรียบเหมือนกำแพงที่แท้จริงของจักรวรรดิเทวะที่อยู่เหนือดวงดาว มนุษย์จะสร้างความเสียหายกับมันได้ยังไง?
“เฟิงหลินก่อนหน้านี้ที่แกโจมตีเราได้สำเร็จเพราะการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว แกคิดว่าแกจะยังมีโอกาสครั้งที่สองอีกหรือไง?ต่อหน้าสิ่งนี้ การโจมตีทั้งหมดของแกจะเปล่าประโยชน์ จะดีกว่าถ้าแกเลิกพยายาม…” ชายหนุ่มหน้ากลมพึงพอใจราวกับว่าเขาชนะการต่อสู้ไปแล้ว
“โอ้?” เฟิงหลินยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่สามารถฟังคนพูดจาไร้สาระได้อีกต่อไป เขาคว้าเสาศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น และตะโกนว่า “ขยาย!”
ในขณะที่เสียงของเขาดังขึ้น เสาโลหะก็ขยายขนาด เฟิงหลินส่งพลังวิญญาณออกไป ตัดสินรูปแบบและขนาดของเสา
มันสามารถกลายเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมาที่หนุนทั้งทวีปหรืออาจเป็นเพียงเข็มปักขนาดเล็กราวกับเส้นผมบางซ่อนอยู่ในหูของเขา
ยิ่งรูปแบบยิ่งใหญ่เฟิงหลินยิ่งต้องพลังวิญญาณมากนั้น
เมื่อพิจารณาจากพลังวิญญาณของเฟิงหลินในปัจจุบัน เขาจึงไม่สามารถทำให้เสาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในรูปแบบของเสาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นได้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนมันเป็นกระบองที่หนาและยาวกว่าสิบเมตรก็ยังเป็นไปได้ พลัง20ตันบดขยี้ลงมาอย่างเผด็จการ การกระทำมักหนักกว่าคำพูด
แคร่ก แคร่กก ~
กระบองเหล็กบดขยี้เข้ากับเชิงเทินจนเกิดเสียงแตก
สีหน้าของชายหนุ่มหน้ากลมบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง รอยร้าวเหมือนใยแมงมุมปรากฏขึ้นบนกำแพง รอยแตกขยายอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วเท่าระเบิด
การโจมตีนี้จากเฟิงหลินล้วนอัดแน่นในกระบองเหล็ก ไม่มีอะไรรั่วไหลมาแม้แต่น้อย
“หนีเร็ว!” โชคดีที่กำแพงกันไว้ได้ชั่วครู่ ทำให้พวกเขารีบหนีไปคนละทิศคนละทางได้ทัน
“ค่ายกลรังสีหกเหลี่ยม!” กลุ่มของศัตรูยืนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน มือของพวกมันก่อเป็นท่าทาง พลังงานพันธุกรรมที่ไหลออกมาจากร่างกายเชื่อมต่อถึงกันในหกจุดที่แตกต่าง
รังสีแสงทั้งหกจากหกมม สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แตกต่างกันหกชนิด – แสง ความมืด ดิน ไฟ ลมและน้ำ!
แสงศักดิ์สิทธิ์สามารถชำระล้าง ความมืดสามารถกลืนกิน ดินคือแรงโน้มถ่วง ไฟที่ลุกโชติช่วง น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ลมสามารถกัดกร่อน … พลังงานที่แตกต่างกันเหล่านี้ผสมเข้าด้วยกันเป็นวังวนพลังงานยักษ์ที่ให้ความรู้สึกโกลาหล
เฟิงหลินเข้าไปใกล้ช้าๆ ในทันทีพลังงานจากวังวนก็สาดใส่เขา เขารู้สึกราวกับว่ามีเข็มหนึ่งพันเล่มแทงผิวหนังด้วยพลังที่สามารถเจาะกระดูกของเขาได้
พลังงานเหล่านี้ไม่ธรรมดา มีสัญญาณของพลังศักดิ์สิทธิ์ภายใน แม้ว่าเฟิงหลินจะมีความสามารถของยีนลิงหิน แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานสิ่งนี้ได้เป็นเวลานาน
สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงคือความจริงที่ว่ายีนในตำนานที่พวกมันปลุกขึ้นมานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และแต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญในพลังงานชนิดเดียวเท่านั้น กระนั้นพวกเขากลับสามารถหลอมรวมพลังงานเข้าด้วยกันเป็นรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์บีบอัดมันไว้เป็นหนึ่งเดียว
พลังเช่นนั้นเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะระดับสูงขั้นกลางที่มีพลังชีวิตกว่า500 มันสามารถข่มเฟิงหลินได้
เสาโลหะของเฟิงหลินหมุนตัวในอากาศปกป้องตัวเองอย่างแน่นหนา ในขณะที่พลังงานแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
มันไม่รู้ว่ากระบองเหล็กไร้ขอบเขตนี้คือสมบัติเกรดใด แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตกค้างมาจากอารยธรรมโบราณ มันย่อมไม่อ่อนแอ
มีความลับที่ลึกซึ้งยิ่งซ่อนอยู่ข้างใน แต่เฟิงหลินไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากพลังในปัจจุบันของเขา
เสาโลหะดูเหมือนจะคงกระพันต่อความเสียหายทุกรูปแบบ พลังของกระบองเขาก่อตัวเป็นสิ่งคุ้มกายรอบเขา พลังงานเหล่านี้ไม่อาจเข้าใกล้เขาได้เลย
“เป็นฐานการบ่มเพาะที่ทรงพลังนัก ดูเหมือนว่าพลังของแกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ขโมยข้อมูลของสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์เรา!” ดวงตาของชายหนุ่มหน้ากลมเต็มไปด้วยความระวัง
อัตราการเติบโตของเฟิงหลินเร็วเกินไป ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากในบันทึกของ บริษัทยาไจแอนท์ มันเหมือนกับว่าเฟิงหลินเป็นคนละคน อย่างน้อยที่สุดสถานะพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า
ภายในระยะเวลาอันสั้นเฟิงหลินทำได้ยังไง?
หากพวกเขาไม่สามารถจัดการเฟิงหลินได้ในวันนี้ มันจะเท่ากับพวกเขาปล่อยเสือกลับภูเขา การจัดการเขาในอนาคตคงยากยิ่งขึ้น
“หอกราชาเทพ!” เขาตะโกนอีกครั้ง กระแสพลังงานวนก่อตัวเปลี่ยนไป คนอื่นติดตามการเรียกของเขาและรวมพลังงานไว้ในจุดเดียว ทำให้พวกเขาสามารถสร้างและปราบซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นครู่หนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น พลังงานควบแน่นเป็นหอกสีดำ
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นไปทั่วหอก แหวกบริเวณนั้น เฟิงหลินยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไม่ขยับ ผิวของเขาไหม้เกรียมและร่างกายมีบาดแผล แม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็ถูกเผาไหม้เป็นถ่าน
“กองกำลังของเราเป็นสิ่งที่แกไม่อาจจินตนาการได้ หลังจากผ่านพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์ ยีนของเราก็คล้ายคลึงกันและพลังงานที่เราผลิตออกมาก็สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ ด้วยการสนับสนุนของค่ายกลรังสีหกเหลี่ยม เราเทียบเท่ากับพระเจ้า! แกเป็นเพียงมนุษย์และแกต้องการที่จะกบฏต่อพระเจ้า ถ้าแกยอมจำนนต่อเราอย่างเชื่อฟังเราก็จะไว้ชีวิตแก “ชายหนุ่มหน้ากลมพูดอย่างสุขุมราวกับเป็นเทพผู้สูงส่ง จ้องมองมนุษย์ที่ไม่สำคัญ
“แกบอกว่าพวกแกคือพระเจ้าเหรอ?” เฟิงหลินหัวเราะเยาะเย้ย เขาเอียงศีรษะและจ้องมองที่หอก จากนั้นเขาก็ถามคำถามแปลก ๆ ว่า “ค่ายกลเต่าหัวหดนี้เทียบกับสวรรค์ได้ด้วย?”
“หือ?” สายตาของชายหน้ากลมหรี่แคบลง เขาไม่รู้ว่าเฟิงหลินหมายถึงอะไร แต่ความรู้สึกไม่สบายใจกลับเกิดขึ้นในใจของเขา
เฟิงหลินฝังเสาของเขาลงบนพื้น จากนั้นเขาก็รวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดลงไป ทำให้มันพุ่งออกมาเหมือนกระแสน้ำ
“ขยาย ขยาย ขยาย!” เสาโลหะเป็นเหมือนหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่เจอฝนและขยายตัวเร็วมาก
20 เมตร, 30 เมตร, 40 เมตร …
ขณะที่เสาโลหะขยายตัว ค่ายกลที่กังขังเฟิงหลินไว้ก็ไม่อาจแบกรับวัตถุขนาดใหญ่นี้ได้ แรงกดดันที่เกิดจากการขยายตัวของกระบองเลห็กบังคับให้พื้นที่ในค่ายกลต้องเปลีย่น
เสาโลหะเป็นเหมือนเสาหลักสวรรค์ที่สามารถยกสวรรค์ได้
บูม!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ค่ายกลแตกเหมือนกระจก
ท้องฟ้า…
ถึงกับแยก!
ตอนที่ 217
ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเป็นลูกไฟที่แผ่ความร้อนได้ไม่จำกัด อบดินเบื้องล่าง อุณหภูมิสูงมากจนคนธรรมดาไม่สามารถทนได้
ร่างสูงและแข็งแกร่งเร่งความเร็วผ่านพื้นดิน ผิวของเธอเป็นสีบรอนซ์และสวมกางเกงขาสั้น ขายาวเรียวของเธอมีกล้ามเนื้อ แต่ก็น่ามอง
มีหญิงสาวที่สวยงามอีกคนบนหลังของเธอซึ่งถูกเธออุ้มอยู่ เธอมีผิวสีขาวซีดจากอาการป่วย ภายใต้ความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ ใบหน้าสีซีดของเธอแดงผิดธรรมชาติ เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเธอและริมฝีปากของเธอก็ซีดไม่มีสี
“น้องไม่ควรพาพี่มาเข้าร่วมการทดสอบด้วยเลย สำหรับน้อง พี่คือภาระ!”หญิงสาวผู้อ่อนแอพูดอย่างเฉื่อยชาขณะที่เธอทนแสงจ้าและความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์แทบไม่ไหว
หญิงสาวผมบรอนซ์แสดงออกถึงความกล้าหาญขณะที่เธอพูดว่า “พี่กำลังพูดเรื่องอะไร?ฉันสัญญากับแม่ว่าจะดูแลพี่อย่างดี! ถึงแม้ว่าร่างกายของพี่จะไม่แข็งแรง แต่ความสามารถของพี่ไม่ได้อ่อนแอ พี่จะช่วยเหลือฉันได้อย่างมากในระหว่างการสอบครั้งนี้ พี่ต้องรู้ว่าตราบใดที่หัวใจของพวกเรายังเป็นพี่น้องกัน เราก็จะสามารถเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดได้! “
หญิงสาวผู้อ่อนแอพยักหน้าอย่างไร้ประโยชน์ แม้ว่าเธอจะเป็นพี่สาวและน้องสาวของเธอก็ฟังสิ่งที่เธอพูดเสมอ แต่น้องสาวของเธอไม่ใช่คนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เนื่องจากสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว มันก็ไร้ประโยชน์แม้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
ทันใดนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว พลังจิตไหลออกมาจากกลางคิ้ว ราวกับว่าเธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
น้องสาวอุ้มพี่สาววิ่งมานานกว่าสิบนาที
ทันใดนั้นหญิงสาวผู้อ่อนแอก็ลืมตา ดวงตาสดใสของเธอเปล่งประกายด้วยสติปัญญาขณะที่เธอพูดว่า “ดาวอสุรานี้เป็นนรกที่แท้จริง สภาพแวดล้อมนั้นเลวร้ายมากเราไม่จำเป็นต้องรีบฆ่าสัตว์ผิดปกติเหล่านั้น สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือการหาแหล่งน้ำและอาหารเพื่อให้เราสามารถตอบสนองความต้องการทางร่างกายของเราได้ก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นเราไม่สามารถอยู่รอดได้และไม่มีแรงไปฆ่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้น จากการสำรวจทางจิตของพี่ มีแหล่งน้ำจำนวนมากทางนั้น! “
เธอยกนิ้วชี้ไปทางขวา
น้องสาวพยักหน้า เธอเหยียดขายาวและพุ่งออกไปเหมือนเสือดาวล่าสัตว์
หลังจากวิ่งมานานกว่ายี่สิบกิโลเมตร ก็มีทะเลสาบน้ำสีฟ้าใสปรากฏอยู่
เธอรู้สึกดีใจและตัดสินใจเพิ่มความเร็ว
อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายผิดปกติกลับแทรกซึมอยู่ด้วย
เธอหยุดด้วยสัญชาตญาณ ประสาทสัมผัสของเธอบอกกับเธอว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“มีอะไรเหรอ?” พี่สาวผู้อ่อนแอถาม
“ มีบางคนกำลังต่อสู้อยู่ตรงนั้น” น้องสาวของเธอตอบและทำท่าทางเตรียมพร้อม
“ไปกันเถอะ เราค้นหามานานแล้วและนี่คือแหล่งน้ำเดียวในรัศมี 100 กิโลเมตรนี้ เราไม่สามารถละทิ้งมันได้! ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำร้ายเรา เราจะจากไปทันทีหลังจากได้รับน้ำจืด! “พี่สาวกล่าวอย่างคนอ่อนแอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจระหว่างสองคนนี้
น้องสาวหน้าตาดุร้ายพยักหน้า เธอชะลอตัวลงและเดินเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวังเหมือนเสือเข้าใกล้เงียบๆ
… … ..
บูม บูม บูม! เสียงของการต่อสู้ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน จิตสังหารเข้าปกคลุมไปทั่ว
จากระยะไกลพวกเธอสามารถเห็นใครบางคนควงกระบองเหล็กปะทะกับกลุ่มคนอยู่
“ตาย!” กระบองเหล็กเปลี่ยนเป็นเสายักษ์และแยกค่ายกลออกจากกัน เฟิงหลินไม่ลังเล เขากระโจนเข้าไปในฝูงชน
กระบองเหล็กยาวและภายใต้การกวาดของมัน มันทำลายผู้เชี่ยวชาญสองคนทันที บดขยี้กระดูกหลังของพวกเขา พวกเขาแผดเสียงร้องและกลายเป็นคนพิการในบัดดล
เฟิงหลินสูดหายใจลึก เงาของกระบองเต็มไปทั่วท้องฟ้า เผยให้เห็นพายุเฮอริเคนที่เกิดขึ้นจากคลื่นความร้อนขณะที่โลหะเหล็กพุ่งชนชายหนุ่มหน้ากลม
หากต้องการจับกลุ่มหัวขโมยเราต้องจับหัวหน้าของพวกมันก่อน!
มันเป็นอีกเรื่องหากเฟิงหลินไม่อยากลงมือ แต่วินาทีที่เขาลงมือ เขาจะระเบิดพลังสุดตัว พลังของกระบองเขาเหมือนอัสนีบาต สำแดงพลัง218หน่วยจนถึงขีดสุด
สายตาของชายหน้ากลมหรี่แคบลง กลิ่นอายของเขาพุ่งขึ้นขณะดูดซับพลังพันธุกรรมจากคนในกลุ่มของเขาไปจนถึงสภาวะที่ไม่ด้อยกว่าเฟิงหลิน
“มนุษย์โง่เขลา ให้ฉันบอกอะไรแก ต่อหน้าพระเจ้า การต่อต้านทั้งหมดไม่มีอะไรนอกจากเรื่องตลก!”สีหน้าเขาดำมืด ผมยาวของเขาสั่นไหวในอากาศ ขณะที่ดวงตาเขาทอประกายเรืองกล้า “ไปลงนรกซะ!”
หมัดเทพสงคราม!
กำปั้นของเขาเต็มไปด้วยพลังสายฟ้า ระเบิดออกไปอย่างอุกอาจ มันให้ความรู้สึกเหมือนตำนานค้อนโยเนียร์ที่ธอร์ใช้
กำปั้นชนกับกระบอง ก่อให้เกิดแรงระเบิดจากแรงกระแทก ซึ่งทำให้หินและทรายรอบข้างถูกพัดออกไป
ร่างกายของเฟิงหลินสั่น แต่ยังไม่ขยับ สำหรับชายหนุ่มหน้ากลม เขาถอยไปหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ
“ตาย!” เฟิงหลินกดดันอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ให้โอกาสคู่ต่อสู้ได้หายใจ พลังงานทางกายภาพของเฟิงหลินดูเหมือนไร้ขอบเขต กระบองของเขาถูกใช้เหมือนหอกแทงไปข้างหน้าด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อและทำลายกำแพงต้องการเจาะทะลุคู่ต่อสู้ของเขา
นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในเส้นทางของเขา เฟิงหลินเดินจนมาถึงที่นี่โดยประสบกับการต่อสู้ที่โหดร้ายและต้องอาบเลือดมานับไม่ถ้วน ประสบการณ์การต่อสู้ของเขานั้นเหนือกว่าชายหนุ่มพวกนี้และสถานะพลังของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน นอกจากนี้เขายังมีกระบองเหล็ก หากเขาต่อสู้ตัวต่อตัวกับชายหนุ่มนี่ เขาจะได้เปรียบโดยสมบูรณ์
เขาต้องการที่จะฆ่าทุกคนที่นี่ด้วยการระเบิดพลังงาน
ปัง ปัง ปัง!
ชายหนุ่มหน้ากลมไม่คาดหวังว่าการโจมตีของเฟิงหลินจะดุร้ายขนาดนี้ หลังรับมือด้วยความตื่นตระหนก เลือดและปราณเขาก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่งจากแรงกระแทก ตอนนี้เขามึนงงและบาดเจ็บภายใน
ชีวิตและความตายถูกแบ่งโดยเส้นบาง ๆ เท่านั้น!
เขาโหยหวนด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาขยายตัว เสื้อผ้าของเขาระเบิดออกเช่นกันจากการขยายร่าง “มนุษย์ไม่คิดเลยว่าฐานบ่มเพาะของแกจะแข็งแกร่งขนาดนี้และแกยังมีสมบัติเวทย์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ วันนี้ ฉันจะแสดงให้เห็นถึงพลังของหมัดเทพสงคราม– วิชายุทธ์ยีนระดับต่ำขั้นสูง จงลืมตาและดูให้ดี!”
บรื้อออ~
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวทะลักออกมาจากชายหนุ่ม สายฟ้าฟาดรอบตัวเขาคล้ายกับเทพนักรบในตำนาน ใช้การลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ในรูปแบบของสายฟ้าและอ้างว่าตัวเองไร้เทียมทาน
แคร๊กก!
ไฟฟ้าระเบิดออกมาคล้ายกับการระเบิดของปืนใหญ่แม่เหล็กไฟฟ้า หมัดนี้สามารถสกัดกั้นการโจมตีจากกระบองเหล็กของเฟิงหลินได้
“ตาย!” เฟิงหลินไม่พูดมากและเปลี่ยนท่าทางของเขาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ลังเล ต้องการจัดการให้คู่ต่อสู้ตายที่นี่
ระดับต่ำขั้นสูง? แล้วยังไงล่ะ?
ไม่ว่าเทคนิคร้ายกาจแค่ไหน พลังอันเผด็จการสามารถโต้ตอบได้ทุกสิ่ง!
วิชากระบองมหาเทพเทียมฟ้า!
ด้วยเจตจำนงค์เขา เขารวบรวมพลังทั้งร่างและบีบอัดลงกระบอง กลิ่นอายเขารุนแรงมากขณะที่พลังงานเขา ปราณเขาและวิญญาณเขาได้รวมเป็นหนึ่ง
การเผาไหม้พลังงานฉับพลัน!
พลังจากกระบองทำให้เกิดคลื่นพลังทำลายสภาพแวดล้อม มันให้เกิดภาพลวงตาเสมือนเฟิงหลินเป็นเทพสูงสุด ราวกับกระบองเหล็กในมือเขาสามารถถล่มได้ทั้งสวรรค์!
คชา!
แม้ว่าชายหนุ่มหน้ากลมจะมีความมั่นใจมาก แต่พลังกำปั้นสายฟ้าของเขากลับแตกสลายหายไปทันที แขนของถูกแรงกระแทกให้อ้าออกกว้างขณะที่กระบองเหล็กกระแทกใส่หน้าอกเขา ทำให้กระดูกเขาแตก ทั่วร่างเขากลายเป็นเส้นฝาง บินลอยออกไปกระแทกพื้นอย่างแรง
“ไม่!” เขาสามารถสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามของความตายที่ปรากฏอยู่เหนือเขา เขากระอักเลือดกองโต ความหวาดกลัวฉาบบนหน้า
ด้วยการบาดเจ็บอย่างหนัก ถึงแม้ว่าเฟิงหลินจะไม่ฆ่าเขา แต่โอกาสในการอยู่รอดของเขาบนโลกที่มีสภาพแวดล้อมเลวร้ายเช่นดาวอสุรานั้นไม่มีอยู่จริง
“เฟิงหลินแกกล้าดียังไง?ถ้าแกฆ่าเรา สังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์จะไม่ปล่อยแกไว้แน่!พ่อแม่และน้องๆของแกจะถูกทรมานจนกว่าจะตาย!” เขาขู่คำรามเหมือนสัตว์ป่าที่ติดอยู่ในกรง ใช้หน้ากากดุร้ายเพื่อซ่อนความกลัวในหัวใจ
“พูดมาก” เฟิงหลินกระโจนและฟาดลงด้วยกระบอง
แคร๊กก ~
กระดูกในร่างกายของชายหนุ่มแตกร้าว แม้กระทั่งกระดูกคางก็ยังแตก สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มั่นใจได้เลยว่าเขาต้องตายแน่ กระนั้นเขาก็ไม่สามารถตายได้ในเวลาอันสั้นและทำได้เพียงรอ
แท้จริงนี่คือชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!
เฟิงหลินไม่ได้หยุดการกระทำของเขา เขาไล่ตามคนอื่นในกลุ่มสังคมอารยันเลือดบริสุทธิ์
อ๊ากก อ๊ากกก อ๊ากกก …
เสียงกรีดร้องของความทุกข์ทรมานดังขึ้นไม่หยุด
แม้แต่หัวหน้าก็ยังโดนจัดการ สมาชิกคนอื่นจึงไม่สามารถต้านทานได้ พวกมันกลายเป็นคนพิการภายใต้การโจมตีที่น่ากลัวของกระบอกเหล็ก
บนดาวอสุรา คนพิการไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน!
เฟิงหลินยืนสำรวจคนที่เหลือ คนเหล่านี้ทั้งหมดกำลังจะตาย
ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่ง นี่คือความหมายของการฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาสินะ
หือ?
ทันใดนั้นดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง สายตาของเฟิงหลินแหลมคมดุจดาบ จ้องไปยังตำแหน่งหนึ่งในป่าดำ พลังวิญญาณเขาแหวกผ่านชั้นพลังจิตตรงนั้นและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสองสาย
“ใคร? ไสหัวออกมา!” เฟิงหลินตะโกนอย่างเย็นชา เขาเหมือนลูกศรพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นร่างสูงและสวยงามก็กระโดดออกมา
ปัง!
การปะทะกันครั้งใหญ่ดังขึ้นเหมือนระเบิด
เงาร่างนั้นแลกหมัดกับเฟิงหลินก่อนทั้งสองจะถอยจากการปะทะ พวกเขาดูสูสี
เฟิงหลินจับจ้องที่พวกเธอและค้นพบว่าจริงๆแล้วเป็นหญิงสาวสองคนที่มีความคล้ายคลึงกัน ภาพลักษณ์ของพวกเธอนั้นสวยงามเหมือนภาพวาด แต่พวกเธอก็ดูแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งคู่กำลังจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง
ตอนที่ 218
“เธอสองคนเป็นใคร” เฟิงหลินจ้องหญิงสาวทั้งสองคน เขาถามด้วยความกดดันอย่างหนัก น้ำเสียงของเขาแข็งเหมือนน้ำแข็ง หัวใจของเขาไม่ได้หวั่นไหวไปกับความงามของพวกเธอเลย
หญิงสาวที่ดูดุดันไม่ตอบ ร่างกายของเธอโค้งงอเหมือนธนู กลิ่นอายมุ่งร้ายปะทุออกมาจากเธอ เธอจ้องมองเฟิงหลินอย่างระมัดระวัง
เหมือนกับว่าหากเฟิงหลินทำอะไรผิดปกติเมื่อไหร่ เธอจะพุ่งเข้าหาและฉีกเขาเป็นชิ้นๆทันที
“อืมม?” เฟิงหลินกดดันหนักขึ้น จริงๆแล้วหญิงสาวที่ดูดุร้ายนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เขารู้สึกตกใจและกังวล
เขาอดไม่ได้ที่จะสำรวจทั้งสองคนอย่างจริงจัง
หญิงสาวที่มีผิวสีบลอนด์ ร่างกายของเธอมีกล้ามเนื้อและแข็งแรง แต่ไม่น่าดึงดูดเท่าไหร่และความผันผวนของพลังชีวิตของเธอก็น่าตกใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงและไม่ใช่คนที่เพิ่งจะได้เป็น สถานะพลังของเธอสูงเกิน 100 และอาจเกิน 200 ทำให้เธอแข็งแกร่งกว่าเฟิงหลิน ถ้าไม่เช่นนั้นเธอจะไม่สามารถทำให้เฟิงหลินรู้สึกกดดันเช่นนี้
เธอมีคุณสมบัติที่กล้าหาญและมีลักษณะคล้ายกับรูปปั้นกรีก ใบหน้าดูเด็ก เธอยังไม่แก่มากนัก แต่ทว่ายอดเขาทั้งสองที่หน้าอกของเธออาจอธิบายได้ว่าเป็นอาวุธทำลายล้างขั้นสูง แม้แต่เฟิงหลินก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และแอบมองมัน
ในอ้อมแขนของเธอมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ดูนุ่มนวลและบอบบางมาก หญิงสาวคนนี้สวยงาม แต่สีหน้าของเธอซีดขาวราวกับว่าเธอป่วยเป็นโรค เธอดูเหมือนตุ๊กตาพอร์ซเลนที่บอบบางมาก
อย่างไรก็ตามเราไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก!
ไม่มีคนอ่อนแอที่สามารถผ่านการสอบรอบแรกของมหาวิทยาลัยเอกภพและมาที่นี่เพื่อการทดสอบรอบสองเด็ดขาด
เมื่อเธอรู้ว่าเฟิงหลินกำลังจ้องมองอยู่ ดวงตาของหญิงสาวที่ดูดุร้ายก็เบิกกว้าง ตาเล็กเบิกกว้าง เธอส่งเสียงคำรามคล้ายกับเสือตัวเมีย กลิ่นอายดุร้ายเปล่งประกายชัดเจนมาก
ความเป็นปรปักษ์เย็นชาของเธอไม่ใช่ของปลอมเพราะเฟิงหลินรู้สึกว่าการจ้องมองของเธอทิ่มแทงเขาเหมือนเข็ม ในทางกลับกันดวงตาของเขาก็เย็นชามาก พวกเขายืนเผชิญหน้ากัน กลิ่นอายของพวกเขาปะทะกัน บรรยากาศเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพวกเขาจะปะทุความขัดแย้งในเวลาใดก็ได้
“พวกเธอคือพวกเดียวกันกับสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์หรือเปล่า?” เฟิงหลินจับกระบองเหล็กแน่นขณะที่ถาม
หญิงสาวที่ดูดุร้ายเปล่งประกายความเกลียดชัง “นายเป็นฆาตกร ทำไมเราต้องบอกนายด้วย?”
เมื่อเฟิงหลินได้ยินดวงตาของเขาหรี่แคบลงอย่างเป็นอันตราย
แค่ก แค่ก แค่ก …
หญิงสาวผู้บอบบางเริ่มไออย่างจริงจัง ทำให้ความตึงเครียดในอากาศจางลงเล็กน้อย “น้อง อย่าสร้างปัญหาสิ”
หลังจากนั้นเธอก็หันมาพูดเบา ๆ กับเฟิงหลิน“ เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณตกใจ เราแค่มาที่นี่เพื่อมาหาน้ำดื่มและจะออกจากที่นี่ทันทีหลังจากที่เราได้น้ำแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอดูเหมือนจะไม่โกหก ท่าทางของเฟิงหลินก็เบาลงบ้างเช่นกัน
ท้ายที่สุดถ้าทั้งสองนี้มาจากสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ พวกเธอจะไม่ยืนมองจากด้านข้างและเวลาที่พวกเขาต่อสู้กันก่อนหน้านี้ก็ใช้เวลาตั้งนาน ทำไมพวกเธอจะต้องรอจนถึงตอนนี้
เขามีความมั่นใจประมาณ 80% ถึง 90% ว่าทั้งสองนี้เป็นผู้สมัครสอบและพวกเธอผ่านมาที่นี่โดยบังเอิญ
“เธอไม่ควรเข้ามายุ่งกับเรื่องของฉัน” เฟิงหลินมองไปที่พวกเธอก่อนที่จะหันหลังและออกไป หัวใจของเขาไม่ได้อ่อนลงเลยแม้จะได้เจอกับสาวสวยทั้งสองคนอย่างพวกเธอ
“นาย… ”หญิงสาวหน้าตาดุร้ายขมวดคิ้วขณะโกรธในใจ อย่างไรก็ตามเธอโดนหญิงสาวบอบบางหยุดเอาไว้ “พี่กำลังทำอะไร?ชายคนนั้นเป็นฆาตกรและเขาก็แสดงความหยิ่งยโส ถ้าฉันไม่สั่งสอนเขา เขาจะไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของสวรรค์และโลก”
หญิงสาวที่ดูบอบบางส่ายหัว “น้องควรเปลี่ยนอารมณ์ เรามาที่นี่เพื่อสอบและไม่ควรมีปัญหาอะไร ความขัดแย้งของชายคนนั้นกับคนอื่นเกี่ยวข้องอะไรกับเรา เขาเป็นคนโหดเหี้ยมมาก หักกระดูกของคนเหล่านั้นทั้งหมด พวกเขาจะไม่ตายอย่างรวดเร็ว แต่ชะตากรรมของพวกเขาถูกปิดผนึก พวกเขาจะไม่สามารถได้รับโอกาสใดๆบนดาวอสุรานี่ และรอความตายกลายเป็นอาหารสำหรับสัตว์ผิดปกติที่แย่กว่าความตายอย่างแท้จริง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะทำเช่นนี้เพื่อให้ไม่ถูกพิจารณาว่าผิดกฎของการทดสอบ มันจะนำมาซึ่งปัญหาไม่สิ้นสุดเนื่องจากผลกำไรไม่ได้ชดเชยความสูญเสีย “
“เราต้องกลัวอะไร?” หญิงสาวที่ดูดุดันไม่เห็นด้วย “ในระบบสุริยะทั้งหมดมีคนไม่เกินสิบคนที่สามารถสู้กับน้องได้ มีเพียงอัจฉริยะที่แท้จริงจากจักรวาลเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับน้องได้ น้องไม่เชื่อว่าเด็กเหลือขอนี่มีความสามารถ! “
การแสดงออกของหญิงสาวบอบบางเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม “ น้องไม่สามารถมีความคิดเช่นนี้ได้ ผู้ที่สามารถกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวได้ย่อมมีไพ่ตายอยู่เสมอและมีความสามารถทางพันธุกรรมทุกประเภท ชายคนนั้นอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของน้อง แต่ถ้าเขาเลือกที่จะหลบหนี และกลับมาแก้แค้นในอนาคตมันจะมีปัญหาไม่รู้จบ! “
เมื่อมองพี่สาวของเธอ แม้เธอจะไม่พอใจแต่ก็ทำได้เพียงแค่เม้มปาก ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เมื่อรับรู้ถึงการทะเลาะวิวาทระหว่างพี่น้อง เฟิงหลินไม่ได้สนใจอะไรพวกเธอ
ทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำแห่งเดียวใน 100 กิโลเมตรดังนั้นผู้สมัครสอบคนอื่น ๆ จะพบว่ามีที่นี่ไม่ช้าก็เร็ว เขาไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป
เฟิงหลินเอาสิ่งของทั้งหมดมาจากสมาชิกของสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์ไป น่าเศร้าที่ไม่มีใครสามารถนำสิ่งของมามากมายมในการทดสอบรอบสองนี้ นอกเหนือจากแคปซูลน้ำแล้วเขาไม่ได้อะไรอีกเลย
นอกเหนือจากของของเขาเองตอนนี้เขามีเพียงยี่สิบแคปซูลน้ำ สิ่งเหล่านี้คือน้ำในรูปแบบที่ควบแน่น มีน้ำมากพอที่จะอยู่ได้ยี่สิบวัน
แน่นอนคนๆหนึ่งจะไม่สามารถรวยได้หากไม่มีโชคลาภ!
เฟิงหลินพยักหน้าสมาชิกเหล่านี้จากสังคมชาวอารยันเลือดบริสุทธิ์เป็นคนดีจริงๆ พวกมันได้แก้ไขความต้องการเร่งด่วนที่สุดสำหรับเฟิงหลินแล้ว
ต่อไปเขาสามารถสบายใจขึ้นและตามล่าสัตว์ประหลาดทางชีวเคมีเหล่านั้น
ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว อุณหภูมิร้อนแรงถึง 80 องศาและอากาศระเหยอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่เฟิงหลินก็ทนไม่ไหว
เฟิงหลินออกไปด้วยความเร็วสูง เขากำลังเตรียมที่จะหาที่ซ่อนตัวจากความร้อนของดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันก่อน
เขาเคลื่อนไหวไปในทิศทางของทิวเขาทิ้งคู่พี่น้องที่เขาพบก่อนหน้านี้ไว้ข้างหลัง
ภูเขาที่นี่เชื่อมต่อกัน ความแตกต่างของความสูงทำให้ยอดเขาดูเหมือนคลื่นเมื่อมองจากระยะไกล นอกจากนี้พวกมันยังให้ร่มเงาจากดวงอาทิตย์ที่ปราศจากความเมตตา
เฟิงหลินเข้าลึกไปในหุบเขา แต่ยิ่งเขาเข้าไปลึกเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากเท่านั้น ความเงียบมีอยู่ทั่วไป บรรยากาศยังคงเป็นอันตรายถึงุตาย มีบางอย่างผิดปกติกับความรู้สึกของเขา
กระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ ถูกฝังอยู่ในโคลน กระดูกที่เป็นของมนุษย์กับสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จักบางชนิดสามารถพบได้ในภูเขานี้
“ช่วยด้วย! ฉันเป็นผู้สอบจากมหาวิทยาลัยเอกภพมีใครบ้างที่สามารถช่วยฉันได้ ฉันจะให้รางวัลอย่างงาม!” เสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังล่องลอยมาจากระยะไกล
รอยยิ้มเย็น ปรากฎบนริมฝีปากของเฟิงหลิน เขาไม่ได้พูดอะไรและหันไปรอบ ๆ เร่งความเร็วไปในทิศทางที่ต่างออกไปโดยไม่สนใจเสียงที่ขอความช่วยเหลือ
“ หัวหน้าเด็กน้อยนั่นไม่หลงกล” ในร่มเงาของหุบเขาแห่งหนึ่งมีคนราวๆสามสิบคนเดินออกมา พวกเขาเปลือยกายครึ่งหนึ่งและมีเสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์คลุมอยู่รอบตัว รอยสักของสัตว์ป่าสามารถมองเห็นได้ทั่วร่างกาย พวกมันคล้ายกับมนุษย์ดึกดำบรรพ์
ดวงตาของพวกมันส่องประกายรุนแรงขณะที่จ้องมองด้านหลังของเฟิงหลิน ลิ้นสีแดงของพวกมันเลียริมฝีปากราวกับว่ากำลังมองอาหารแสนอร่อยและไม่สามารถทนต่อความหิวได้
ผู้ชายที่เป็นผู้นำคือผู้ชายที่มีกล้ามเนื้อใส่หมวก เขาสูงประมาณสามเมตรและเปล่งกลิ่นอายดุร้าย เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักหน่วง “ปล่อยมันไป”
“หัวหน้า มันน่าจะอร่อยมาก นานแล้วที่เราไม่ได้เจอผู้บ่มเพาะ เราจะปล่อยให้มันหนีไปได้ยังไง” คนเหล่านั้นงงงวย
“ทำไมถึงต้องรีบร้อนนัก? มีผู้สมัครสอบประมาณ 10,000 คน มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเปิดเผยตัวเราเองเพื่อจับมันด้วย?” หัวหน้าพูดด้วยเสียงหนัก “ ฉันสามารถบอกได้ว่าเด็กเหลือขอนี่เป็นตที่โหดเหี้ยม เพียงแค่มองเขาเขาสามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาและยังมีความจริงที่ว่าเขาทิ้งมนุษย์พิการหลายคนไว้ก่อนหน้านี้ มนุษย์พิการพวกนั้นเป็นอาหารของเรา เราจำเป็นต้องทำให้มันลำบากทำไม ถ้าเราทำให้เกิดความปั่นป่วนมากเกินไปผู้สมัครสอบคนอื่น ๆ ก็อาจจะรู้ตัว และมันยากกว่าที่เราจะได้เหยื่อของพวกมัน ผลประโยชน์ไม่ได้ชดเชยความสูญเสีย! “
“หัวหน้าท่านพูดถูก!” คนอื่นหัวเราะอย่างดูถูกหลังจากได้ยิน
เฟิงหลินรักษาความเร็วของเขา เขาชะลอตัวลงหลังจากที่เขาค้นพบว่าอาชญากรเหล่านั้นไม่ได้ไล่ล่าเขา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเปลืองกำลังในการเร่งความเร็ว7
ใครจะถูกหลอกด้วยเทคนิคขั้นต่ำเช่นนี้?
เขาชัดเจนมากว่านั่นไม่ใช่แค่ความผิดปกติทางชีวเคมีและผู้สมัครสอบในดาวอสุรา นอกจากนี้ยังมีอาชญากรต้องโทษประหารที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ อาชญากรเหล่านั้นเป็นปีศาจในหมู่มนุษย์และนี่อาจเป็นกับดักที่พวกเขาตั้งไว้
มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะโง่เขลามากจนต้องเดินเข้าไปในกับดักที่เขาเห็นได้
ทุกอย่างจะดีถ้าสนใจแต่เรื่องของตัวเอง!
ตราบใดที่อาชญากรเหล่านี้ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเขา เฟิงหลินก็จะไม่ไปเป็นศัตรูด้วย
เขาพบถ้ำที่ห่างไกลและเข้าไปในถ้ำเพื่อหลบความร้อน ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มบ่มเพาะ
ศักยภาพทางพันธุกรรม + 18%, + 18%, +18% … เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ทันใดนั้นความโกรธแค้นก็ปะทุออกมาจากด้านนอกถ้ำทำให้เขาตกใจ พลังวิญญาณของเขาพุ่งออกมา เขาค้นพบว่าหญิงสาวสองคนที่เขาพบก่อนหน้านี้กำลังต่อสู้กับกลุ่มอาชญากรโทษประหาร หญิงสาวสองคนถูกล้อมและอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายอย่างมาก
เฟิงหลินหลับตาอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
(ฮีโร่ที่ช่วยหญิงสาวซึ่มตกอยู่ในความทุกข์?)
(สิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงในโลกแห่งความจริง!)
ตอนที่ 219
“หัวหน้าพูดถูก! ถ้าเราไม่ปล่อยเด็กเหลือขอก่อนหน้านี้ไป เราคงไม่สามารถหลอกเหยื่อตัวใหญ่สองตัวนี้ได้”
“ถูกต้องแล้ว! เราไม่ได้ลิ้มรสผู้หญิงมานานแล้ว!”
“จับพวกผู้หญิงและให้กำเนิดลูกของเรา ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
… …
เสียงหัวเราะน่ากลัวนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้า
“จับพวกมันมาให้ฉันได้ลิ้มรสก่อน จากนั้นพวกแกจะทำอะไรก็ได้ตามที่พวกแกต้องการ!” ผู้นำที่ดุร้ายและชั่วร้ายพูดหัวเราะ
กลุ่มผู้ชายที่ล้อมรอบสองสาวเหมือนหมาป่าหิวจ้องกินกระต่ายน่ารักสองตัว พวกมันเล่นกับเหยื่อและไม่ยอมให้เหยื่อหลบหนี
“สารเลว!” เด็กผู้หญิงที่ดูดุร้ายกำลังสั่นคลอนอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้และปล่อยหมัดใส่พวกนักโทษ
หมัดลมไฟ!
หมัดของเธอทั้งสองข้างห่อหุ้มด้วยพลังแห่งลมและไฟ เมื่อพลังโหมกระหน่ำเธอโจมตีหมัดของเธอไปยังคู่ต่อสู้
แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่แรงหมัดของเธอนั้นแข็งแกร่งและดุดันมาก กระโดดขึ้นไปและลงมาราวกับว่าเธอเป็นเทพธิดาอเมซอนจากตำนาน
บูม บูม!
ด้วยการเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าของเธอและหมัดอันทรงพลังที่หนักเหมือนภูเขา เธอจึงจัดการอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด
พวกเขามีท่าทางหวาดกลัว ยังไม่เห็นร่างของฝ่ายตรงข้ามชัดเจน เลือดก็ออกจากมุมปากเมื่อถูกหมัดซัดใส่หน้าอก พวกมันไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
เด็กหญิงดุร้ายนั้นดุจเสือในฝูงแกะ เธอกำลังต่อยและเตะเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ
มันไม่มีความชัดเจนว่าแรงหมัดของเธอแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถ้ามีใครโดนเข้าคงจะเห็นแม่น้ำสีเหลืองในพริบตา
ในช่วงเวลาสั้นๆ ชายห้าถึงหกคนได้ล้มลงไปด้วยหมัดของเธอและกลายเป็นคนพิการทันที เมื่อฉากนี้ปรากฏต่อหน้าพวกมัน พวกมันก็เริ่มล่าถอย
“ช่างเป็นผู้หญิงที่ดุร้าย!” หัวหน้าหัวเราะด้วยความโกรธ เขากระโดดอย่างกะทันหันและเปิดฝ่ามือยักษ์ของมัน ใช้นิ้วก่อเป็นกรงเล็บและพุ่งไปที่หญิงสาว
เกิดเสียงดังปัง
หมัดและฝ่ามือปะทะกันกลางอากาศ
เขาซัดฝ่ามือไปที่หมัดของหญิงสาวที่ ไม่ยอมให้หญิงสาวก้าวไปข้างหน้าได้อีก
หญิงสาวยกคิ้วขึ้นและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหมัดของเธอ ขาเรียวยาวของเธอปัดสะบัดราวกับแส้เหล็ก มันเร็วมากจนไม่เห็นเงา ขณะที่เธอเตะไปที่ร่างของหัวหน้าอย่างดุเดือด สามารถได้ยินเสียงของกำแพงเหล็กที่ถูกกระแทก
พลังของหัวหน้านั้นแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง แต่เขาก็ยังถูกเตะ
เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้จับเสือดุร้ายอยู่ในมือ ที่ซึ่งพร้อมจะหลบหนีและตอบโต้
“ฉันจะจัดการกับผู้หญิงดุร้ายนั่น! พวกแกจัดการกับคนอ่อนแอได้เลย!” หัวหน้าตะโกนเมื่อผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีทอง ตอนนี้เขาเป็นเหมือนรูปปั้นทองคำในขณะที่ร่างของเขาสูงสี่ถึงห้าเมตร มันเป็นวัชระคงกระพัน!
หญิงสาวดุร้ายเตะแรงเหมือนพายุเฮอร์ริเคนและทุบร่างของหัวหน้าจนสั่น
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขานั้นแข็งอย่างหาที่เปรียบมิได้และมือของเขาก็เหมือนกรงเล็บ ล็อคหมัดทั้งสองของเธอไม่ปล่อยให้หลุด
“ที่รักให้เราได้มอบความรักให้เอะ!” นักโทษอีกคนหนึ่งยิ้มเยาะ ขณะที่พวกมันเข้าหาหญิงสาวที่ดูอ่อนแอ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยตัณหาต้องการที่จะเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอ
กลุ่มคนล้อมรอบเธอเหมือนหมาป่าที่หิวโหย แต่เด็กหญิงที่ดูอ่อนแอไม่ได้หลบสายตา ในทางตรงกันข้ามเธอยิงแสงสีทองลึกลับกระจายออกไปเป็นลูกศรเล็ก ๆ ในอากาศ พวกมันกลายเป็นด้ายสีทองบาง ๆ เจาะหน้าผากของชายทั้งสามคนตรงหน้า
ลูกศรวิญญาณ!
การแสดงออกของนักโทษทั้งสามคนนั้นเฉยชา
แคร๊ก …
ร่างทั้งสามแข็งเหมือนตุ๊กตาไม้ พวกมันหันไปมองเพื่อนด้วยความเฉยเมย ทันใดนั้นพวกเขาก็วิ่งไปหาเพื่อนๆและข่วนเล็บเข้าที่คอ
เมื่อเห็นการแสดงออกที่เฉยชาของทั้งสามคนนักโทษทุกคนก็ตกใจ “นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะเสียสติไปแล้ว พวกมันโจมตีพวกกันเองอย่างบ้าคลั่ง ฝูงชนตกอยู่ในความวุ่นวาย
“พลังงานจิต!” เฟิงหลินตื่นขึ้นมาทันทีและสังเกตเห็นว่ามีความผันผวนของพลังงานจิตในอากาศ
ด้วยการใช้พลังวิญญาณของเขา เขาสามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น
เขาเห็นภาพของเด็กผู้หญิงที่ดูอ่อนแอใช้พลังงานจิตเพื่อเปลี่ยนนักโทษสามคนให้กลายเป็นหุ่นเชิดของเธอทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่พวกมัน
มันเป็นครั้งแรกที่เฟิงหลินเห็นการใช้พลังงานจิตในระดับหนึ่ง พลังของมันน่าตกตะลึง และแปลกมาก เขาค้นพบว่าหญิงสาวไม่ได้วิวัฒนาการยีนวิญญาณ เธอดูเหมือนจะเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยซึ่งมีแนวโน้มที่จะใช้เทคนิคและการควบคุมด้านการสะกดจิตมากกว่า ถึงอย่างนั้นเฟิงหลินก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นยีนแบบไหน
ในขณะนี้หญิงสาวมีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของเธอ เห็นได้ชัดว่าการจัดการกับคนสามคนในระดับเดียวกันนั้นต้องเสียพลังเป็นอย่างมาก
ตุบ ตุบ ตุบ!
นักโทษเหล่านี้ไม่มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่เลย พวกมันไม่มีความเมตตาต่อผู้อื่นและพวกมันก็ไม่ได้มีความเมตตาต่อพวกมันกันเอง เมื่อพวกมันตั้งตัวได้ พวกมันก็รุมสังหารเพื่อนทั้งสามที่ถูกสะกดจิตอย่างอำมหิต
“ผู้หญิงคนนี้รู้เทคนิคการสะกดจิต อย่าหลงกลเธอ!” นักโทษตะโกนและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรุนแรงเพื่อโจมตี คนเหล่านี้คือผู้รอดชีวิตจากดาวอสุราที่โหดร้าย ความกล้าหาญในการต่อสู้ของพวกมันแตกต่างจากคนทั่วไป
สีหน้าของหญิงสาวที่ดูบอบบางนั้นดูซีดเซียว เธอยิงลูกธนูเล็กๆออกมาจากพลังงานจิตของเธอ อย่างไรก็ตามแต่ละลูกศรล้วนถูกปัดกั้น เด็กหญิงกำลังจะตกอยู่ในมือของปีศาจเหล่านี้
เฟิงหลินรำลึกถึงพลังวิญญาณของเขาหลังจากระบุอย่างชัดเจนว่าความผันผวนมาจากไหน เขาไม่สนใจผลลัพธ์หรือชะตากรรมของเธอ
เขาไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะเสียวิญญาณให้กับผู้หญิงสวย
“พี่!” หญิงสาวที่ดุร้ายตะโกนขณะที่เธอเห็นพี่สาวของเธอตกอยู่ในอันตราย เธอรีบใช้ไพ่ตายทันที “กลิ่นอายทรราช!”
ผ้าห่อศพสีดำปกคลุมร่างกายของเธอทั้งหมดและแข็งตัวเป็นชุดเกราะสีดำอย่างรวดเร็ว
เธอมีขนาดใหญ่ขึ้นและพัฒนาเป็นนักรบที่มีประสบการณ์การต่อสู้นับไม่ถ้วน ราวกับว่าเธอเป็นนักรบในตำนานที่กลับมาสู่โลก สามารถปลดปล่อยกลิ่นอายความกล้าหาญสู่อากาศที่จะทำให้คู่ต่อสู้ของเธอหายใจไม่ออก
ฮา!
เธอประสานฝ่ามือของเธอเข้าด้วยกันและมีหอกยาวสามเมตรออกมา เธอแทงไปที่หัวหน้าของพวกมันอย่างรุนแรง ด้วยปลายแหลมแทงทะลุมือทำให้เขาหลั่งเลือด
หญิงสาวที่ดุร้ายตะโกนอีกครั้งและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เธอรีบเข้าไปในฝูงชนโดยใช้หอกเพื่อทุบและแทงไปที่กลุ่มนักโทษ ผูกมัดพวกมันไว้ที่หอกเหมือนลูกชิ้นปลา
เธอโจมตีด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อช่วยเหลือพี่สาวของเธอ
หญิงสาวผู้บอบบางตัดสินใจอย่างรวดเร็วและกระโดดขึ้นไปที่หลังน้องสาวของเธอ
ติ้ง ติ้ง …
เลือดไหลลงมา
ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูดุร้ายยังคงแข็งแกร่งและดุร้าย
“น้องพวกมันมีมากเกินไป เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน รีบไปกันเถอะ!” หญิงสาวบอบบางพูดเบา ๆ
“ฉันจะฆ่านังสารเลวนั่น!” หัวหน้ายืนขึ้นขณะที่กำหมัดเลือดของเขา เขาต่อยพื้นกระจาย เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่เทียบเท่าแผ่นดินไหว และทำให้ผู้หญิงสองคนไม่สามารถทรงตัวได้
นักโทษคนอื่นๆจำนวนมากกรูเข้าไป
“พี่เราควรไปไหนดี?” หญิงสาวหน้าตาดุร้ายถาม
หญิงสาวที่ดูบอบบางนั้นหลับตารู้สึกถึงความผันผวนของพลังวิญญาณที่ดูเหมือนจะอยู่ที่นั่น แต่ไม่ได้อยู่ในเวลาเดียวกัน ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ทางนั้น!”
เธอชี้ไปยังทิศทางของเฟิงหลิน
“ตกลง!” หญิงสาวที่ดูดุดันไม่ลังเล ด้วยแรงระเบิดฉับพลัน เธอเหวี่ยงหอกไปในทิศทางที่พี่สาวของเธอชี้ หอกกลายเป็นลูกศรคมจำนวนนับไม่ถ้วนในอากาศและเปิดทางให้พวกเธอ
เธอยังคงก้าวต่อไปเช่นเดิมราวกับว่าเธอเป็นเสือที่เดินทางผ่านภูเขา
“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไป!” นักโทษไล่ล่าพวกเธอพูดและที่กัดฟัน สิ่งที่พวกมันต้องการคือการจัดการสองพี่น้องนี้
บูม บูม บูม!
รอยเท้าของพวกเขาหนักและพื้นก็สั่น
การปะทะกำลังเข้าใกล้เฟิงหลินและปลุกเขาขึ้นมา เขาปล่อยพลังวิญญาณของเขาเพียงเพื่อพบว่าสองพี่น้องกำลังเข้ามาใกล้เขา เส้นทางของพวกเธอมุ่งตรงมาทางเขา
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!
พวกเธอต้องการเบี่ยงเบนความสนใจมาที่เขา
(นั่นแย่มาก)
เฟิงหลินหัวเราะและกระพริบตา ด้วยความเร็วของเขา เขาหลบสองพี่น้องอย่างรวดเร็ว
“เฟิงหลินเห็นไหมว่าเราเป็นผู้สมัครสอบ นายจะช่วยเราได้ไหม?” การระเบิดของความผันผวนทางวิญญาณทำให้เสียงของหญิงสาวที่บอบบางทะลุมา
เฟิงหลินไม่ตอบ แต่เพิ่มความเร็วในการหลบหนี
ความสวยไม่มีประโยชน์กับเฟิงหลิน
(อืม เธอรู้ชื่อของฉันอีกแล้วได้ยังไงกันนะ?)
(ดี ช่างมันก่อน…)
(ต้องการให้ฉันเป็นฮีโร่ช่วยหญิงสาวตกอยู่ในความทุกข์??)
(สิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงในโลกแห่งความเป็นจริง!)
เฟิงหลินกระโดดขึ้นไปบนฟ้าด้วยขี่เมฆา และบินหนีไป
อย่างไรก็ตาม คำพูดต่อไปจากหญิงสาวที่ดูบอบบางทำให้เขาหยุดอยู่กับที่ “ แม้จะทำลายผ่านอุปสรรคด้านพลัง แต่นายยังติดอยู่ในช่วงสุดท้ายของผู้บ่มเพาะดวงดาวสินะ? ถ้านายช่วยเรา ฉันจะบอกวิธีข้ามไปยังอาณาจักรผู้บ่มเพาะระดับสูงให้!”
ตอนที่ 220
คำพูดของเธอทำให้เฟิงหลินหยุด
วิธีการที่จะบรรลุความก้าวหน้าและกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง?
เฟิงหลินหยุดอยู่กับที่มาพักหนึ่งแล้ว แม้ว่าพลังของเขาจะเกิน100 ยีนของเขาก็ติดคอขวดและไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเพื่อไปสู่โลกใบใหม่
ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงเพราะเขาไม่ได้พบจุดเชื่อมต่อที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา
อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่ผู้หญิงบอบบางคนนี้พูดดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่มากกว่านี้
เฟิงหลินจ้องมองหญิงสาวที่ดุร้ายและค้นพบว่าเธอเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงแล้ว นี่ทำให้คำพูดที่เธอโน้มน้าวดูสมเหตุสมผลมากขึ้น
ท้ายที่สุดก็มีหลักฐานที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเธอและดูเหมือนจะไม่ใช่การหลอกลวง
เขาต้องบอกว่าผู้หญิงที่ดูบอบบางนั้นฉลาดและเข้าใจสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟิงหลิน
เธอรับรู้ได้ว่าเฟิงหลินหวั่นไหว แต่ไม่เชื่อเธออย่างเต็มที่ เสียงของเธอเปล่งออกมาอีกครั้งผ่านคลื่นจิตพยายามที่จะชักนำเขา “การพัฒนาเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในเส้นทางตำนาน ผู้บ่มเพาะดวงดาวเข้าใจเฉพาะพลังเหนือธรรมชาติและต้องการเพียงวิวัฒนาการยีน ความยากลำบากนั้นไม่มากเกินไป และเมื่อบุคคลกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง ร่างกายทั้งหมดของพวกเขาจะได้รับการดัดแปลงโดยใช้พลังงานทางพันธุกรรมและผ่านการวิวัฒนาการ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่แท้จริง สิ่งนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตและไม่ง่ายเหมือนการวิวัฒนาการยีน!”
เฟิงหลินไม่ตกอยู่ในจังหวะคำพูดของอีกฝ่าย เขากระโจนออกมาและถามด้วยเสียงต่ำว่า“ ฉันคิดว่าเราไม่เคยรู้จักกัน เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันยังไม่ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะของฉัน”
“นี่เป็นความสามารถของฉัน!” ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอพูดเบาๆปัดไปที่ความสามารถของเธอ เธอระวังและไม่เปิดเผยความสามารถของเธอ “ฉันบอกได้ว่านายมีพลังเกินขีดจำกัดของผู้บ่มเพาะดวงดาว แต่นายยังไม่ประสบความสำเร็จในอาณาจักรของนาย แม้ฉันจะไม่รู้ว่านายมีพลังเท่าไหร่แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายติดอยู่ที่คอขวด! “
เธอเอนพิงน้องสาวของเธอและสื่อสารกับเฟิงหลินในขณะที่พวกเขากำลังวิ่งหนีและหลีกเลี่ยงการไล่ล่าจากอาชญากร
สีหน้าของเฟิงหลินยังคงสงบและถามอีกครั้ง “แล้วเธอรู้ชื่อของฉันได้ยังไง?”
ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอยิ้มจาง ๆ “ฉันไม่เพียงแค่รู้ชื่อของนาย! ฉันรู้ว่านายมาจากโลกเรียนมัธยมโลกจากเมืองฮั่วเซียและเกิดในตระกูลใหญ่ – ตระกูลเฟิง อย่างไรก็ตามนายไม่ได้ปลุกยีนพันธุกรรมของตระกูลนาย แต่เป็นเส้นทางยีนสำหรับตัวนายเอง … “
เธอยกภูมิหลังของเฟิงหลินขึ้นมาอย่างชัดเจน หากคนทั่วไปไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาคงคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงหลินนั้นใกล้ชิดสนิทสนมมาก มิฉะนั้นเธอจะรู้เรื่องเหล่านี้ได้ยังไง?
“เธอตรวจสอบฉันเหรอ?” สีหน้าของเฟิงหลินเปลี่ยนเป็นน่ากลัวทันที และเขาปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมาอีกครั้ง
เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน ทำไมเธอถึงรู้รายละเอียดลึกซึ้งเช่นนี้? เธอกำลังวางแผนอะไรอยู่ …
ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอมีไหวพริบมากและมองดูสีหน้าของเฟิงหลิน เธอเข้าใจในทันทีว่าเขาเข้าใจผิด
“อย่าเข้าใจผิด! ฉันมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครสอบทั้งหมดในหัวของฉัน เส้นทางยีนของฉันไม่มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามนี่คือความสามารถของฉัน ก่อนที่จะมาทดสอบ ฉันใช้เครือข่ายดวงดาวเพื่อตรวจสอบข้อมูลของผู้สมัครทุกคน! ” เธอชี้ไปที่หัวของเธอแล้วพูดอย่างตั้งใจ ราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดถึงนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย
แฮกเกอร์ระหว่างดวง?
ข้อมูลของผู้สมัครนั้นเป็นความลับและแฮ็กเกอร์ระหว่างดวงดาวชั้นยอดเท่านั้นที่จะสามารถแฮกผ่านไฟร์วอลล์ทั้งหมดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
อย่าตัดสินหนังสือจากปก!
ผู้หญิงที่ดูดีคนนี้มีความสามารถในการแฮ็คที่น่าทึ่ง ยิ่งกว่านั้นพลังสมองของเธอก็สุงจนสามารถจดจำข้อมูลทั้งหมดได้
เฟิงหลินเชื่อในตัวเธอเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เมื่อยีนจิตถูกปลุกขึ้นมา ผู้ใช้จะสามารถพัฒนาพลังสมองของพวกเขาได้อย่างมาก ทำให้พวกเขามีความทรงจำและสติปัญญาสูงเป็นพิเศษ
ยีนวิญญาณของเฟิงหลินก็เช่นกันที่โน้มเอียงไปทางพลังจิต จากการสำรวจก่อนหน้าของเขา ผู้หญิงที่ดูบอบบางคนนี้ดูเหมือนจะใช้เส้นทางอื่นที่มีแนวโน้มมุ่งเน้นไปที่เทคนิคการสะกดจิต
การสื่อสารผ่านความคิดเกิดขึ้นในทันที
ในขณะนี้อาชญากรโจมตีพวกเธอจากทุกทิศทุกทาง
หัวหน้าประกบมือกัน กระตุ้นความสามารถทางพันธุกรรม สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่บนดาว เปลือกด้านล่างก่อตัวเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่พุ่งพล่าน
ไม่ว่าแผ่นดินไหวจะผ่านไปที่ไหน ภูเขาก็พังทลายลงและผืนดินก็แตกยุบ
ขายาวและเรียวของหญิงสาวที่ดูดุดันมีความแข็งแกร่งมาก เต็มไปด้วยพลัง เธอกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่หยุดหย่อนท่ามกลางโขดหินที่กำลังตกลงมา เธอหลบด้วยความว่องไว
อย่างไรก็ตาม เปลือกโลกในสภาพแวดล้อมถูกพลิกคว่ำอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นกรงขังพวกเธอไว้
ชีวิตของพวกเธอกำลังจะถูกกลืนกิน
ไม่ว่าผู้หญิงที่ดูบอบบางจะดูสงบแค่ไหนแต่เธอก็ไม่สามารถสงบได้อีกต่อไป
ตอนนี้พวกเธอถูกขังทุกทิศทางและมีเพียงความสามารถในการบินของเฟิงหลินเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเธอให้หลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้
“การวิวัฒนาการของยีนนั้นไม่ง่ายเลย! การได้รับความก้าวหน้าในการเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงนั้นต้องการความลึกซึ้งที่ไม่เหมือนใคร นายถูกขังอยู่ในดินแดนผู้บ่มเพาะดวงดาวและมีเพียงเราที่สามารถช่วยนายได้ … ” เธอพูดด้วยความกังวล .
เมื่อได้ยิน เฟิงหลินไม่ลังเลอีกต่อไป เขาก็ยกมือทั้งสองขึ้น “ขึ้นไป!”
พลังวิญญาณที่มองไม่เห็นโผล่ออกมา กลั่นตัวเป็นไอน้ำ เปลี่ยนเป็นเมฆสีขาวซึ่งดูเหมือนวัตถุ มันลอยอยู่ต่อหน้าพี่น้องสองคน
“อย่าต่อต้าน! กระโดดขึ้นไปบนนั้น!” เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงลึก
“น้องขึ้นไป!” หญิงสาวที่ดูอ่อนแอพูดด้วยเสียงนุ่มนวล หญิงสาวที่ดูดุร้ายกัดฟันและกระโดดลงบนก้อนเมฆในทันใด
เมฆเป็นเหมือนพรมบินนำทั้งสองมาอย่างรวดเร็ว
“ไป!” ด้วยความคิดเดียว เฟิงหลินก็บินออกไปด้านนอก
“แกจะไปที่ไหน!” หัวหน้าอาชญากรตะโกนอย่างดุเดือดเมื่อเห็นเหยื่อที่เกือบจะตกอยู่ในมือของพวกมันกำลังหนี “โจมตีพวกมัน! โจมตีพวกมันทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”
คลื่นแผ่นดินไหว!
เขาตบมือทั้งสองของเขาอย่างรุนแรงไปที่พื้น
แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงแผ่ขยายออกไปและแผ่นดินสั่นสะเทือน หินบางก้อนถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาพวกเธอ
นกไฟ ลูกศรบิน ใบพัดลม … ลูกน้องคนอื่นๆก็ใช้วิธีการของพวกมันเช่นกัน
โค่นแม่น้ำและทะเล!
เฟิงหลินถูฝ่ามือของเขาเข้าด้วยกันและกระบองก็ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเสาเหล็กยาวสิบเมตรที่ถืออยู่ในมือ มือของเขาเริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น
วู วู วู!
อากาศเริ่มมีความหนืดภายใต้การเคลื่อนไหวของกระบองเหมือนกับน้ำทะเล ทำให้เกิดกระแสวังวนขนาดใหญ่
หิน, เปลวไฟ, ใบมีดน้ำแข็ง – การโจมตีทุกรูปแบบร่อนลงสู่มัน ภายใต้การเคลื่อนไหวของกระบอง พลังทุกประเภทล้วนถูกบดขยี้และสลายไปอย่างสมบูรณ์
เฟิงหลินจับด้วยมือทั้งสอง ทำตัวเหมือนตัวละครเทพผู้กวนทะเลและนำเอาไต้ฝุ่นและลมพายุมา ทำให้เป็นเรื่องยากที่คนจะยืนให้มั่นคงได้
เมื่อหญิงสาวที่ดูดุร้ายมองเห็น ตาของเธอก็เปล่งประกาย “ นี่คืออาวุธอะไร มันวิเศษมาก! เมื่อไรที่ฉันจะได้อาวุธที่ทรงพลังแบบนี้บ้าง?”
อย่างไรก็ตามเมื่อหญิงสาวที่ดูอ่อนแอเห็นรูปร่างหน้าตาของกระบองและคำว่า “วัตถุนี้ไม่มีรูปแบบตายตัว มันขึ้นอยู่กับความคิดในใจ” ดวงตาของเธอก็ทอประกาย
ไม่ใช่เพียงพวกเธอที่คิดเช่นนี้ แม้แต่เฟิงหลินเองก็ยังรู้สึกว่าเสาศักดิ์สิทธิ์นี้สุดยอดมาก
เขาปลุกยีนลิงหินขึ้นมาและมีความแข็งแกร่งและความเร็วที่น่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตามเขาเก่งในการต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้น
ท้ายที่สุดร่างกายมนุษย์มีข้อจำกัด และอำนาจถูกจำกัดไปพร้อมกับร่างกาย ไม่สามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่และมีการเปลี่ยนแปลงน้อยเกินไป
ในทางกลับกันเสาศักดิ์สิทธิ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระ มันสามารถขยายได้อย่างอิสระ ปลดปล่อยพลังของมันอย่างสมบูรณ์แบบเพิ่มพลังต่อสู้เขาหลายเท่าและมีวิธีต่อสู้หลากหลายมากขึ้น
เขาเหวี่ยงออกไปเต็มกำลัง สร้างกระแสวังวนขนาดใหญ่ในอากาศและกระจายการโจมตีทั้งหมด ในเวลาเดียวกันพลังวิญญาณของเขาก็ลากพี่น้องสองคนขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วสูงถึง 10,000 เมตร สิ่งนี้สูงเกินกว่าที่การโจมตีของอาชญากรจะสามารถเข้าถึงได้
เหยื่อของพวกเขาหนีไปแล้ว!
คนเหล่านั้นตะโกนอย่างโกรธ รู้สึกว้าวุ่นและโกรธเคือง
“ทำไมเราไม่ไป?” เมฆลอยอยู่บนท้องฟ้า แต่ไม่เคลื่อนไหว ผู้หญิงที่ดูดุร้ายก็ถามอย่างใจจดใจจ่อ
เฟิงหลินหันมาสวมรอยยิ้มจางๆ “ เธอสองคนดูเหมือนจะลืมอะไรไป ฉันเพิ่งช่วยพวกเธอไว้ พวกเธอไม่ควรบอกสิ่งที่ฉันต้องการก่อนหรือไง?”
“ อะไร?นายต้องการรู้ความลับของการพัฒนาสู่อาณาจักรผู้บ่มเพาะระดับสูง? มันจะง่ายขนาดนั้น?”หญิงสาวที่ดูดุร้ายจ้องเขม็งและพูดอย่างโกรธแค้นอยากจะโจมตีถ้าการเจรจาล้มเหลว
เฟิงหลินสวมรอยยิ้มที่ผิดธรรมชาติ “เธอควรคิดถึงสิ่งต่างๆก่อน เราอยู่สูงกว่า 10,000 เมตรบนท้องฟ้า ถ้าฉันถอนพลังจิตของฉัน เธอสองคนจะ … “
เขายิ้มและไม่พูดต่อ มันชัดเจนว่าเขาหมายถึงอะไร
“นายกล้าข่มขู่ฉันเหรอ?” หญิงสาวที่ดูดุด่าโกรธแค้น
หญิงสาวที่ดูอ่อนแอจับเธอไว้และจ้องเฟิงหลิน พูดด้วยเสียงเย็นชา “นายต้องการอะไร?”
หัวใจของเธอดิ่งลง
พวกเธอเพิ่งหนีจากอาชญากรมา และตอนนี้ต้องมาเจอกับเฟิงหลินต่อ ความสามารถในการบินนั้นหายากเกินไปและความสูง 10,000 เมตรบนท้องฟ้าเป็นเหมือนทุ่งนาของเขา ความสามารถของพวกเธอนั้นไร้ประโยชน์
ชะตากรรมของสองสาวตกอยู่ในมือของเขา
หากพวกเธอถูกโยนลงมาจากความสูง 10,000 เมตร ต่อให้ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส
พวกเธอจะต้องทำให้สถานการณ์นี้มีเสถียรภาพ
เฟิงหลินส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการอะไรเลย ฉันรักษาสัญญาและช่วยชีวิตเธอ ได้เวลาที่เธอสองคนจะต้องทำตามคำสัญญาให้จบ!”
“นายกล้าสงสัยพวกเราหรอ?! ในนามของเทพเจ้าแห่งสงครามแอรีสและเทพีแห่งปัญญาอาธีน่า เรารักษาคำพูดของเราอย่างแน่นอน!” สาวแกร่งกล่าวอย่างดุเดือด
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเฟิงหลินก็เปล่งประกาย นี่ไม่ใช่ชื่อของเหล่าเทพเจ้าโอลิมปัสทั้งสิบสองของกรีกงั้นหรือ?
ในนามของเทพเจ้าแห่งสงครามแอรีสและเทพีแห่งปัญญาอาธีน่า?
เป็นไปได้ไหมว่าความเชื่อของพวกเธออยู่ในเทพนิยายและตำนานกรีก หรือว่าเป็นเส้นทางในตำนานของพวกเธอ
นี่มีโอกาสสูงมาก!
เฟิงหลินนึกถึงก่อนหน้านี้และรู้สึกว่ามันเป็นไปได้มาก
ความกล้าหาญในการต่อสู้ของหญิงสาวดูแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอ เธอเป็นคนที่กล้าหาญมากในการต่อสู้และไม่อ่อนแอกว่าผู้ชาย เป็นไปได้ไหมว่าเธออยู่ในเส้นทางแห่งเทพแอรีส?
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเทพเจ้าผู้ชาย!
ท่าทางของเฟิงหลินสับสนมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการสืบทอดของยีนในตำนานเป็นลักษณะเหนือธรรมชาติและไม่เกี่ยวข้องกับเพศ แต่เขาก็ยังพบว่ามันแปลก
เป็นไปได้ไหมที่ผู้หญิงที่ดูบอบบางคนนี้เดินไปในเส้นทางของตำนานของเทพีอาธีน่า?
เธอมีความสามารถพิเศษและลักษณะของเธอนั้นเหมือนกับเทพีอาธีนาา
อย่างไรก็ตาม อาธีนาไม่ได้เป็นเพียงเทพีแห่งปัญญา เธอยังเป็นเทพีแห่งสงครามด้วย เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่หายากแม้ในตำนานกรีก
ถ้าผู้หญิงคนนี้เดินบนเส้นทางนี้ ทำไมความกล้าหาญในการต่อสู้ของเธอถึงอ่อนแอ
เป็นเพราะระดับยีนในตำนานของเธอต่ำเกินไปหรือมีปัญหาอื่นอีกบ้าง?
เฟิงหลินคิดอย่างลึกซึ้ง
เมื่อเห็นว่าน้องสาวของเธอกำลังพูดโดยไม่คิด เผยให้เห็นภูมิหลังของพวกเธอ ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูอ่อนแอเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอพูดว่า “น้อง…”
เส้นทางในตำนานของผู้บ่มเพาะดวงดาวเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากผู้อื่นทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะไม่สามารถซ่อนอะไรได้อีกต่อไปและคนอื่นๆก็จะชัดเจนเกี่ยวกับความสามารถของพวกเธอ หากคนอื่นๆมีเป้าหมายที่ไม่ดี พวกเธอจะลำบาก
สาวแกร่งปิดปากและรู้ว่าเธอพูดมากเกินไป
หญิงสาวที่ดูอ่อนแอถอนหายใจ เธอไม่รู้จะทำยังไงกับน้องสาวของเธอ
โชคดีที่เธอไม่ได้พูดอะไรมากและคน ๆ นี้ก็ไม่น่าจะรู้อะไรนัก
ตำนานกรีกได้กลายเป็นเรื่องเก่าแก่และถูกทอดทิ้งไปแล้วในยุคระหว่างดวงดาว คนส่วนใหญ่รู้จักแค่ชื่อเทพเจ้าโอลิมปัสสิบสององค์เท่านั้น แต่ไม่เข้าใจเรื่องราวของพวกเธอมากนัก
สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ ชื่อทั้งสองที่เปิดเผยได้ทำให้เฟินหลินเชื่อมต่อทุกอย่างและคาดเดาภูมิหลังของพวกเธอได้อย่างชัดเจน
เฟิงหลินไม่เปิดเผยความผิดปกติใดๆบนหน้าของเขา แต่เขาก็ให้ความสนใจกับทั้งสองคนมากขึ้น
“เนื่องจากนี่เป็นการแลกเปลี่ยนและพวกเธอรู้เรื่องของฉันมากเกินไป พวกเธอควรบอกชื่อของพวกเธอ มิฉะนั้นมันจะไม่ยุติธรรมเลย!” เขาสามารถบอกได้ว่าหญิงสาวที่ดูดุร้ายนั้นโน้มน้าวได้ง่ายกว่าและดูไม่ค่อยมีสมอง คนที่เขาต้องให้ความสนใจมากขึ้นคือผู้หญิงที่ดูอ่อนแอแทน ดังนั้นเขาจึงถามสิ่งนี้
หญิงสาวบอบบางคิดเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจความตั้งใจของเฟิงหลิน
อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินก็ไม่เชื่อใจพวกเธอมากนัก หากพวกเธอไม่เต็มใจแม้แต่จะบอกชื่อ มันจะทำให้เขายิ่งสงสัยมากขึ้น
“เราชื่อว่ายานาและแอริส เรามาจากดาวเคราะห์ราชาสวรรค์!” เธอพูดช้าๆ
“พี่น้องชาวกรีก?” จิตใจของเฟิงหลินถูกทำให้กระจ่าง ชื่อของสองสาวคู่นี้มีความคล้ายคลึงกับเทพเจ้าแห่งสงครามแอรีสและเทพีแห่งปัญญาอาธีน่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนและเขาก็มีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา
ยานาหน้าตาดูบอบบาง เธอเป็นคนที่ฉลาดมากและรู้ว่าอาชญากรกำลังมองดูพวกเธออยู่บนพื้นดิน ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะตกลงไป
“เฟิงหลินฉันรู้ว่านายไม่ไว้ใจเรา ในทำนองเดียวกันเราก็ไม่เชื่อใจนายเช่นกัน ทำไมเราไม่ทำเช่นนี้? ฉันจะบอกวิธีการครึ่งหนึ่งให้นายก่อนและเมื่อนายพาเราไปยังจุดปลอดภัย เราจะบอกนายอีกครึ่งหนึ่ง โอเคไหม?” ” เธอพูดอย่างจริงใจด้วยการประนีประนอม
นี่ก็ไม่ได้แย่!
เฟิงหลินแอบคิด
เขาจะไม่สูญเสียถ้าเขาได้รับครึ่งหนึ่งของวิธีการบรรลุความก้าวหน้าในอาณาจักรของเขา หากสิ่งนี้สามารถให้แรงบันดาลใจแก่เขาได้จริง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลใจในเรื่องอื่น
ยิ่งกว่านั้น ถ้าพี่น้องคู่นี้รู้ว่าอะไรดีสำหรับพวกเธอ พวกเธอจะไม่พูดอย่างนี้และสร้างศัตรู
“เอาล่ะ! ฉันจะทำตามที่เธอพูด!” เฟิงหลินพยักหน้าในที่สุด
การแลกเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์
“เหตุผลที่นายไม่สามารถก้าวหน้าในอาณาจักรของนายได้และติดอยู่ที่คอขวดนี้เกี่ยวข้องกับยีนในตำนานของนาย! มีสามขั้นตอนในการบ่มเพาะยีนในตำนาน: การปลุก เสริมพลัง และวิวัฒนาการตามลำดับ! คนส่วนใหญ่จะติดอยู่ในขั้นตอนการวิวัฒนาการและไม่สามารถข้ามมันได้ “
เฟิงหลินฟังอย่างอดทน
ถ้าสิ่งที่ยานาพูดนั้นเป็นความจริงนี่ก็เป็นสิ่งที่เขามองข้ามไปก่อนหน้านี้
“หากนายต้องการพัฒนายีนในตำนานของนาย สิ่งที่จำเป็นต้องคือการเข้าใจคุณสมบัติที่แท้จริงของยีนในตำนาน และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน โดยทั่วไปมันแบ่งออกเป็นสองขั้นตอน ซึ่งคือวิธีการหักลบและวิธีการสรุปผล!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น