Invincible Combat Strength System 49-78

 บทที่ 49 : ประตูแห่งการแลกเปลี่ยนเปิดแล้ว!


เจ้าของร้าน “คุณกลับไปก่อนเถอะ คืนนี้ผมจะอยู่ที่นี่เอง”


หนิงเทียนหลินใช้มีดมามากกว่า 10 ชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเหนื่อย

เขาตัดสินใจว่าคืนนี้จะอยู่ทั้งคืน งั้นเที่ยงวันพรุ่งนี้บางทีเขาก็น่าจะฆ่าปลาได้หมด 100,000 ตัวแล้ว! เขาต้องดูว่าเขามีคะแนนพลังงานมากแค่ไหนก่อนที่ระบบการต่อสู้จะเปิดประตูแห่งการแลกเปลี่ยนให้เขา! อีกอย่างเขาไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่เพราะอีก 3 วันโรงเรียนก็จะเปิดแล้วและเขามีงานอีกมากที่ต้องทำ!


“แต่…”


เจ้าของร้านลังเลอยู่นิดหน่อยเพราะนี่เป็นร้านของเขาและมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกี่ยวกับ…สถานการณ์นี้ ซึ่งเขาไม่เคยเจอมาก่อน


“เจ้าของร้าน ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมจะจ่ายให้ 30,000 หยวน ถ้าคุณมาพรุ่งนี้แล้วมีอะไรเสียหายคุณก็คิดเงินมาได้เลย!”


แน่นอนหนิงเทียนหลินรู้ว่าอีกฝ่ายกังวลเรื่องอะไร เขาเลยเสนอเงินสดให้ 30,000 เพื่อรับรองใจอีกฝ่าย


“ไม่จำเป็นหรอก…”


สีหน้าของเจ้าของร้านเปลี่ยนไปชั่วครู่ หลังจากคิดเรื่องนี้เขาก็ส่ายหน้าและปฎิเสธข้อเสนอของหนิงเทียนหลิน เพราะในร้านนี้ไม่ได้มีของมีค่าอะไร สิ่งที่มีค่าที่สุดก็น่าจะเป็นปลาที่ใช้ฆ่าปลาซึ่งราคาหลายสิบเหรียญ

หรือถึงมันจะหายไปแต่จากสิ่งที่หนิงเทียนหลินพูดขึ้นมาก็ทำให้เขาสบายใจได้หน่อย


“งั้นคืนนี้นายค้างที่นี่ก็ได้”


“ฉันจะกลับมาอีกครั้งพรุ่งนี้”


เจ้าของร้านรู้สึกว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคงจะไม่ทำอะไรอย่างการขโมยของได้หรอก การฆ่าปลานี้ก็ราคามากกว่า 100000 ไปแล้ว

เด็กหนุ่มนี้น่าจะมีเงินมากกว่านี้ เขาตอบและตกลงที่จะให้หนิงเทียนหลินอยู่ค้างคืนนี้ที่นี่


อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกชื่นชมความมุ่งมั่นของหนิงเทียนหลินที่จะฝึกเทคนิคมีดมากจนบ้าคลั่งขนาดนี้


“ขอบคุณนะเจ้าของร้าน ถ้าผมออกไปก่อนก็จะล็อคประตูไว้ให้นะครับ”


ในขณะที่พูดหนิงเทียนหลินก็ยังคงทำงานต่อไป 1 นาทีและ 1 วินาที ตอนนี้เขาไม่อยากที่จะเสียเวลาแล้ว


“70 คะแนน”


“80 คะแนน”


“90 คะแนน”


5 ชั่วโมงต่อมา เกือบจะตี 4 แล้ว คะแนนพลังงานของหนิงเทียนหลินก็แตะที่ 90 แล้วแต่ประตูแห่งการแลกเปลี่ยนของระบบการต่อสู้ก็ยังไม่เปิด ในเวลานี้จำนวนของปลาคาร์พที่เขาฆ่าไปก็แตะมากกว่า

43,000 ตัวแล้ว!


มีเลือดเต็มไปหมดทั้งที่พื้นและในห้อง! มีซากปลาคาร์พกองอยู่แน่นหนามาก!


“95 คะแนน”


“96”

จนถึงตี 5 คะแนนสำคัญก็แตะที่ 97 คะแนน แต่ประตูแห่งการแลกเปลี่ยนก็ยังไม่เปิดอยู่ดี!


นี่เริ่มจะทำให้เขากังวลนิดหน่อยเพราะจำนวนของปลาคาร์พที่ยังไม่ตายในร้านนี้มีเหลือไม่พอ มันเหลืออีกประมาณ 200 ตัวเท่านั้นเอง เพียงพอที่จะให้ฆ่าได้ภายในครึ่งชั่วโมง! นี่คือตอนที่เจ้าของร้านขายปลาออกไปและเอาปลาคาร์พมาให้เขาอีกอ่าง! เดิมเขาคิดไว้ว่าจะฆ่าวันละ 30,000 ตัวแต่ตอนนี้มันเพิ่มมาเป็น 50,000 ตัวแล้ว!


ถ้าการฆ่าสิ้นสุดลงและประตูแห่งการแลกเปลี่ยนยังไม่เปิด เขาก็ยังสามารถนอนที่นี่ได้แล้วรออีกประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อให้เจ้าของร้านกลับมาตอน 8 โมงเช้าและเพิ่มปลาให้กับเขา ในร้านนี้ไม่สามารถที่จะเก็บปลามากขนาดนั้นได้ในทีเดียว!


มากกว่า 2 ชั่วโมงสำหรับหนิงเทียนหลินที่ตอนนี้ตื่นเต้นมากๆตอนนี้เขาคลั่งอยู่กับการฆ่าปลาคาร์พอย่างมาก มันเป็นเพราะเขาต้องการที่จะดูการเปิดของประตูแห่งการแลกเปลี่ยนในคืนนี้!


ประตูแห่งการแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งล่อใจกับเขาอย่างมาก!


ตอนนี้เขาอยากที่จะรู้มากๆว่าประตูแห่งการแลกเปลี่ยนของระบบการต่อสู้มันเป็นยังไงกันแน่? มันคือการรวมทุกอย่างไว้จริงๆ! มันมีทุกอย่างที่อยู่ในจักรวาลและไม่มีอะไรในจักรวาลเลย!


“98 คะแนน!”


“99 คะแนน!”


หนิงเทียนหลินถามเกี่ยวกับคะแนนพลังงานของตัวเองเพราะในอ่างมีปลาคาร์พมากเหลือเกิน ในเมื่อขนาดของปลาคาร์พไม่ได้ขนาดเท่ากันหมด มันเลยไม่จำเป็นที่ต้องฆ่าปลาทั้ง 500 ตัวเพื่อที่จะให้ได้คะแนนวิญญาณนิดหน่อย

บางครั้งก็อาจจะได้มาก บางครั้งก็อาจจะได้น้อย


“ติง”


“ยินดีด้วยนะเจ้านายที่สะสมคะแนนพลังงานได้ 100 คะแนนแล้ว ขอเปิดประตูแห่งการแลกเปลี่ยนของระบบนี้!”


25 นาทีต่อมามันหลือปลาคาร์พประมาณ 50 ตัวอยู่ในอ่าง ตอนที่หนิงเทียนหลินเริ่มรู้สึกว่ามือชาขึ้นมาเล็กน้อย หูของเขาก็ได้ยินเสียงที่รอมานานของสตาร์วอร์ส หัวใจที่เหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยก็รู้สึกตกใจขึ้นมา


“เปิดแล้ว!”


“ในที่สุดประตูแห่งการแลกเปลี่ยนก็ถูกเปิดออก!”


ทันทีที่หนิงเทียนหลินสะบัดมือ เขาก็เก็บมีดกลับเข้าไปในแหวนอวกาศและในเวลาเดียวกันเขาก็จ้องไปที่ม่านแสงสีเขียวที่อยู่ดีๆก็ปรากฎขึ้นมาตรงหน้าต่อตาเขา ม่านแสงนี้เหมือนตะแกรงจิวกงที่แบ่งออกเป็น 9 เหลี่ยมและมีรูปทรงสี่เหลี่ยม


“พื้นที่อุปกรณ์”


“โซนยา”


“โซนการก่อตัว”


“โซนสมบัติ”



“โซนปริศนา”


“โซนของชำ”


“พื้นที่อื่นๆ”


ในแต่ละเหลี่ยมจะมีเครื่องหมายตัวอักษรจีนกำกับอยู่ ทำให้เพียงมองแค่แวบเดียวหนิงเทียนหลินก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร


“9 เขต!”


หนิงเทียนหลินมีจุดต่ำสุดในใจ แล้วมันก็ควบคุมจิตใจเขาและเปิดพื้นที่อุปกรณ์ที่ด้านซ้ายบน


“อาวุธ, เสื้อผ้า, รองเท้า, สร้อยคอ, แหวน, กำไล, ต่างหู, ที่รองเข่า…”

และพื้นที่อุปกรณ์นี้ก็แยกเป็นมากกว่าสิบประเภท ซึ่งหนิงเทียนหลินกำลังมองอยู่


“อาวุธ” ควบคุมจิตใจแล้วค่อยๆเปิดโซนอาวุธที่ตั้งอยู่อันแรก


“มีด, ปืน, ไม้, ส้อม, ขวานโบราณ…” หนิงเทียนหลินพูดไม่ออกนิดหน่อยเพราะหลังจากอาวุธที่ถูกเปิดมันก็มีการแยกประเภทอีกมากมาย

“ขวานโบราณ” ถึงแม้ว่าตอนนี้หนิงเทียนหลินจะมีมีดแล้ว เขาก็ยังอยากได้ขวานโบราณอยู่ดี ตอนที่เขายังเด็กเขาเคยดูหนังเรื่องสามก๊ก

และจำได้อย่างชัดเจนว่าตัวละครแรก ลิโป้ใช้ง้าวกรีดฟ้า!


ตอนนั้นเขาฝันว่าอยากจะเป็นฮีโร่ เขาฝันว่าวันหนึ่งเขาจะขี่ม้าเซ็กเธาว์และใช้ฟางเทียนที่วาดเป็นรูปขวานโบราณในการพิชิตโลก! ทุกทิศทาง! ใครกล้าเข้ามาขวาง! คนมากมายนับไม่ถ้วนจำชื่อของเขาได้!


“ว้าว!”


เมื่อหน้าของ “ขวานโบราณ” เปิดออก หนิงเทียนหลินก็เห็นการแบ่งประเภทมากมายอีกรอบ

“ระดับชั้น, ดวงดาว, กาแล็คซี่, สิ่งที่คล้ายดาว, สนามดาว, กระจุกดาว, แผนที่ดวงดาว…” น่าเวียนหัวจริงๆ


อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเต็มใจที่จะเป็น “ระดับของอุปกรณ์” อยู่ดีเพราะเขายังจำได้ว่าเตาหลอมที่เขาได้มาเมื่อวานดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ที่ด้อยค่ามาก


“พระเจ้า! มันไม่มีที่สิ้นสุดเลย!”


หนิงเทียนหลินตะลึงไปหมดเพราะหลังจากที่ระดับ “สิ่งประดิษฐ์” ถูกเปิดออก มันก็ถูกแยกไปอีก 5 ประเภท “สิ่งประดิษฐ์, จิตวิญญาณ, ขุมทรัพย์, เต๋า และศิลปวัตถุ” ทำให้เขาเวียนหัวไปหมด มันมีการแยกประเภทเยอะเกินไป


“อาวุธเวทมนต์!”


หนิงเทียนหลินกัดฟันพร้อมทั้งกดไปที่ปุ่มนี้และมันถูกแยกประเภทไปอีก 5 ประเภท “อาวุธขั้นล่างสุด, อาวุธขั้นล่าง, อาวุธขั้นกลาง,อาวุธขั้นสูง และอาวุธขั้นดี”


“สิ่งประดิษฐ์สำเร็จ!”


หนิงเทียนหลินไม่สนใจประเภทอื่นเพราะเตาหลอมในมือเขาเป็นอาวุธเวทมนต์ เขาต้องการที่จะรู้ว่าพลังขั้นสุดท้ายของอุปกรณ์ประเภทเตาเผาแบบนี้มีระดับแบบไหนและต้องใช้พลังงานมากแค่ไหนเพื่อที่จะแลกมันมา!


บทที่ 50 : ข้างหลังมีศูนย์กี่ตัวกันเนี่ย


“ว้าว!”


ครั้งนี้เมื่อหนิงเทียนหลินเปิดเข้าไปก็มีขวานโบราณแขวนอยู่ที่ม่านแสง ทำให้ตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาทันทีเพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่เขากำลังตามหา! โดยไม่ลังเลเขาก็รีบที่จะเปิดขึ้นมาทันที


“ขวานโบราณแวงฟ่างเป็นอาวุธขนาดปานกลางยาวประมาณ 2 เมตรและหนัก 5 ปอนด์ มันถูกตีมาจากฟันของหมาป่าของดาวคาวาต้า เหล็กและเหล็กกล้าแตกหักซึ่งบรรจุเวทย์แวงฟ่างไว้จำนวนหนึ่ง”


“ความแข็งแกร่ง 22”


“ความว่องไว 28”


“วิญญาณ 20”


“กายภาพ 25”


“พลังในการทำลายล้าง 95 คะแนน”


“ข้อกำหนดของอุปกรณ์ ระดับ 50”


“ต้องแลกด้วยคะแนนสำคัญ 950 คะแนน”


เพียงมองครั้งแรกหนิงเทียนหลินก็ต้องตะลึกกับรูปทรงของขวานโบราณ ขวานทั้งอันเป็นสีฟ้าจุดสามและสองแฉก ทั้งอันเป็นเนื้อแบบที่ไม่ใช่โลหะโดยเฉพาะแสงสีฟ้าที่ไหลรอบตัวมันเป็นประกาย น้ำหนักของขวานโบราณนี้ทำให้เขาต้องอ้าปากค้าง หนักมากจริงๆ! หนักพอๆกับผู้ชายโตๆ 2 คนเลยนะ!

ถ้าเขาถือขวานโบราณนี้และเหวี่ยงมันออกไป แค่น้ำหนักของขวานก็ทำให้คนตายแล้วนะ!


นอกจากนี้วิญญาณเวทมนต์ของขวานนี้น่าจะเป็นแหล่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ ตราบใดที่ยังถือขวานโบราณนี้ พลังงานเวทมนต์ของขวานก็จะไหลเข้าสู้ร่างกายทั้งหมดและช่วยเร่งพลัง!


“เพิ่มพลังการต่อสู้ไปอีก 95 คะแนน!”


โดยเฉพาะเมื่อหนิงเทียนหลินเห็นตัวเลขนี้ ดวงตาของเขาก็ยิ่งเปล่งประกาย ประสิทธิผลในการต่อสู้ของเขาตอนนี้รวมทั้งโบนัสอื่นมากๆมีแค่ 30 คะแนนเอง น้อยกว่า 1 ใน 3 ของขวานอันนี้อีก! ถ้าผสานเข้ากับอาวุธนี้…


นอกจากนี้เมื่อได้เห็นข้อจำกัดของอุปกรณ์ที่อยู่เบื้องหลัง หนิงเทียนหลินถึงกับพูดไม่ออกไปสักพัก กลายเป็นว่ามันอยู่ในระดับ 50 เลย

ทีเดียว! ของเขาแค่ระดับ 6 เองนะ! เขายังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะไปถึงระดับนั้น!


“บ้าจริง!”


“คะแนนวิญญาณ 950 คะแนน…”


อย่างไรก็ตามเมื่อหนิงเทียนหลินเห็นค่าสุดท้ายของคะแนนสำคัญในการแลกเปลี่ยน เขาก็ถึงกับสบถออกมา ต้องรู้ก่อนว่าคุณภาพของขวานโบราณนี้เป็นเพียงอาวุธขั้นล่างสุดเท่านั้น ถึงแม้มันจะเป็นระดับกลางแต่มันก็เป็นอาวุธขั้นล่างสุดด้วย อาวุธความแตกต่างคือไม่ควรจะใหญ่เกินไป! และเตาหลอมนี้ คะแนนในการแลกเปลี่ยนของระบบการต่อสู้ควบคุมวิญญาณได้เพียงแค่ 10 คะแนนเอง!

จริงๆแล้วมันน่าจะได้สัก 100 คะแนนด้วยซ้ำ!


แต่เมื่อคิดว่าสตาร์วอร์สเคยอธิบายให้เขาฟังแล้ว และเพื่อประโยชน์ของเขาเอง เขาสามารถถอนตัวและหยุดเรื่องพวกนี้ได้


“ขวานซิงหยีว หยาน อาวุธสุดท้ายที่ดีที่สุดยาว 3 เมตรและหนัก 452 กิโลกรัม มันถูกทำมาจากดวงดาวบนฟากฟ้าและเปลวไฟควบแน่นจากพื้นดิน ขวานโบราณแต่ละอันจะบานออกราวกับว่ามันเป็นเปลวไฟ”


“ความแข็งแกร่ง 40”


“ความว่องไว 45”


“วิญญาณ 55”


“กายภาพ 45”


“โบนัสพลังในการต่อสู้ 185 คะแนน”


“ข้อกำหนดของอุปกรณ์ ระดับ 30”


“ต้องแลกด้วยคะแนนสำคัญ 1850 คะแนน”


เมื่อหนิงเทียนหลินกดไปที่อันที่ 2 ในทันที ซึ่งน่าตกใจมาก


“อาวุธสุดท้ายสุดยอดมาก! เพิ่มคะแนนพลังงานตั้ง 185 คะแนน! คะแนนสำคัญที่ใช้แลก 1850 คะแนน!” ช่องว่างกับอาวุธอันแรกช่างห่างกันเหลือเกิน!


“ทั้ง 2 อย่างเป็นอาวุธล่างสุดแต่ต่างกันเพียงคำๆเดียว นั่นคือ ‘กลาง’ และ ‘สูง’!”


“ดูเหมือนจะมีความแตกต่างในอาวุธล่างสุดนี้ด้วย!”

ทันใดนั้นตอนนี้หนิงเทียนหลินก็อยากที่จะรู้ว่าระดับของอาวุธสุดท้ายเป็นอย่างไรในอาวุธชิ้นนี้!


“สตาร์วอร์ส เตาหลอมที่อยู่ในมือฉันมันระดับอะไร?”


หนิงเทียนหลินถามระบบการต่อสู้ ถ้ามันเป็นสินค้าของจีนที่ด้อยกว่า มันก็น่ามีคะแนนประมาณ 90 คะแนน!


“ถ้านายอยากจะเช็ค มันก็ต้องใช้คะแนนพลังงาน 10 คะแนน นายจะว่ายังไง?” เสียงของสตาร์วอร์สเยือกเย็นและไม่เว้นที่ว่างให้โต้เถียงอะไรเลย


“คะแนน!” หนิงเทียนหลินรู้สึกเจ็บปวด พยักหน้า 10 คะแนน 10 คะแนน ถึงแม้มันจะเป็นอาวุธสุดท้าย เขาก็จะเอา! และตอนนี้เขามีคะแนนตั้ง 100 กว่าคะแนน งั้นจะไปห่วงอะไร!


“เสียใจด้วยนะ นายไม่มีพลังงานพอที่จะดูสิ่งนี้”


เพราะคำพูดต่อมาของสตาร์วอร์สทำให้หนิงเทียนหลินตะลึงทันทีและรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาทันทีตั้งแต่ปลายเท้าเลย “ไม่พองั้นเหรอ?”


“มันจะเป็นไปได้ไง?”


“ฉันเพิ่งจะได้คะแนนพลังงานมา 100 คะแนนไม่ใช่เหรอ?”


“แล้วมันจะไม่พอได้ยังไง!”


เพื่อตอบคำถามของหนิงเทียนหลิน สตาร์วอร์สก็ตอบออกมาอย่างสงบ

“มันก็แค่ 100 คะแนน แต่ 100 คะแนนนี้ถูกใช้เพื่อเปิดประตูแห่งการแลกเปลี่ยนไปแล้ว งั้นคะแนนสำคัญของเจ้านายตอนนี้ถึงเป็นศูนย์”


“บ้าไปแล้ว!”

หนิงเทียนหลินไม่ได้ยั้งตัวจึงสบถออกมาแต่มันคือคะแนนพลังงานตั้ง 100 คะแนนเลยนะ! เขาเสียเงินไปตั้ง 250,000 หยวน แถมต้องทำงานหนักอีกทั้งคืน! และตอนนี้ก็กลายเป็นสูญเปล่า! อย่างไรก็ตามด้วยน้ำเสียง เขาก็ต้องยั้งใจและพูดความจริงกับระบบการต่อสู้ นั่นเป็นไปไม่ได้


“นายไม่ต้องห่วงเปิดแล้ว 1 ครั้ง ครั้งต่อไปก็ไม่เสียแล้ว”


“นายก็ห่วงแต่ว่าจะเปิดประตูได้ไหม แต่ตอนนี้ฉันไม่มีคะแนนแล้วนะ!

ถ้านายบอกฉันตั้งแต่แรกว่าคะแนนพลังงาน 100 จะถูกใช้ไป ฉันก็คง

ใช้มันเพื่ออัพเกรดแทนนะ! ทีนี้ มันโคตรจะแย่เลย! ถึงแม้ประตูแห่งการแลกเปลี่ยนจะเปิดแล้ว แต่ฉันก็เป็นศูนย์เลย! แลกอะไรไม่ได้เลย!”


หนิงเทียนหลินไม่มีอะไรเลยนอกจากโกรธมากๆและความต้องการของเขาที่จะแลกเปลี่ยนของก็หายไปในทันที

เสียงของสตาร์วอร์สเต็มไปด้วยความประชดประชัน


“ตราบใดที่ใจนายยังเชื่อมอยู่กับประตูแห่งการแลกเปลี่ยนนี้ ไม่ต้องพูดถึงคะแนนพลังงานแค่ 100 หรอก จะ 1,000 คะแนน, 10,000 คะแนน หรือ 100 ล้านคะแนน หรือแม้แต่ล้านล้านคะแนน นายก็หาได้! อีกอย่าง ฉันจะมอบภารกิจให้นายเป็นครั้งเป็นคราวแล้วตอบแทนด้วยคะแนนสำคัญอีกด้วย! ด้วยประตูแห่งการแลกเปลี่ยนี้ สักวันไม่ต้องพูดถึงโลกเลย ทั่วทั้งจักรวาลนี้ก็ทำอะไรนายไม่ได้! ประตูแห่งการแลกเปลี่ยนเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของระบบนี้เลยนะ!”


หนิงเทียนหลินพูดอะไรไม่ออกและเขาไม่ใช่คนโง่ ทำไมเขาจะไม่รู้เรื่องนี้แต่ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรแล้วและหลังจากนี้ก็ต้องรอจนกว่าเจ้าของร้านจะกลับมาตอน 8 โมงเช้าเพื่อที่เขาจะสามารถเพิ่มคะแนนพลังงานต่อได้ แต่ตอนนี้จะแลกอะไรก็ทำไม่ได้เลย!


เขาเดาว่าประตูแห่งการแลกเปลี่ยนจะต้องมีจุดให้แลกพลังงานอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ในโซนอาวุธ

ตอนนี้เขารอไม่ได้สักนาทีแล้ว เขาต้องหาอะไรเพื่อจะแลกเปลี่ยนแล้ว! มันแค่เหมือนกับว่าคืนนี้เขาได้ออกไปเที่ยวแต่ไม่ได้พกเงินมาด้วยเลย!


“ช่างมันเถอะ แค่เลือกระดับล่างๆไปก่อน”


หนิงเทียนหลินทได้แค่ตัดใจเลือกอาวุธระดับล่างไปก่อน อย่างน้อยมันก็จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าของพวกนี้จะต้องใช้คะแนนสำคัญกี่คะแนนในการแลกของพวกนี้และในตอนนี้ เขาก็เลือกขวานโบราณในหมวดสิ่งประดิษฐ์


“โบนัสคะแนนพลังงานคือ 10,000 คะแนน…”


“ต้องใช้คะแนนสำคัญ 1,000,000 คะแนน”


เมื่อเห็นตัวเลขพวกนี้ หนิงเทียนหลินก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ของชิ้นนี้ช่างห่างจากสิ่งที่เขาจะจิตนาการได้ในตอนนี้จริงๆ


“นายเห็นมันหมดแล้ว งั้นลองดูอันใหญ่สิ!”


ทันทีที่ความไม่พอใจของหนิงเทียนหลินกลับมาอีกรอบ เขาก็กลับไปที่ม่านแสงและเลือกประตูด่านสุดท้าย เขาไม่เห็นโบนัสคะแนนพลังงานมากนัก หลังจากที่มองไปที่คะแนนในการแลก เขาก็รีบหันกลับและไปมองคุณลักษณะทางวิญญาณแทน เพียงเสี่ยววินาทีที่เขาเห็น นั่นมันมีศูนย์กี่ตัวกันเนี่ย?


บทที่ 51: รายการแลกเปลี่ยนต่างๆ


“โซนยา”


แล้วหนิงเทียนหลินก็เปลี่ยนม่านแสงให้เป็นพื้นที่เวชภัณฑ์ ที่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยตารางรายชื่อยา แต่เขาก็เลือกเปิดขึ้นมาดูนิดหน่อย


“ยาปรุงสำเร็จทางจิตวิญญาณ หลังจากที่กลืนเข้าไป จะเพิ่มคุณลักษณะทางจิตใจได้ 10 คะแนน ต้องใช้คะแนนสำคัญ 1,000 คะแนน (จำกัดที่ 10 ขวด)”


“ยาลดพลัง หลังจากที่กลืนเข้าไป จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้ 50 คะแนน ต้องใช้คะแนนสำคัญ 5,000 คะแนน (จำกัดที่ 10 ขวด)”


“ยาเพิ่มความว่องไวระดับกลาง หลังจากที่กลืนเข้าไป จะเพิ่มคะแนนความว่องไวได้ 100 คะแนน ต้องใช้คะแนนสำคัญ 10,000 คะแนน

(จำกัดที่ 10 ขวด)”



“นี่ดีจริงๆ!”


“แค่กินเข้าไปก็เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้โดยตรงเลย!

สาวตาของหนิงเทียนหลินเปล่งประกาย ถึงแม้ว่าเขาจะต้องใช้คะแนนเยอะเลยเพื่อเอามาแลก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหาไม่ได้ เมื่อคืนเขาก็เพิ่งจะได้คะแนนพลังงานมา 100 คะแนนไม่ใช่เหรอ? หลังจากที่ต้องต่อสู้มาเป็น 10 วัน เขาก็สามารถแลกยาอายุวัฒนะได้สักขวด! แล้วเพิ่ม 10 คะแนนให้กับคุณลักษณะทางกายภาพ!

ถ้าสามารถแลกยาจีนได้สักขวด ก็สามารถเพิ่มคะแนนได้ 100 คะแนนแล้วซึ่งเท่ากับระดับที่ 25 เลยนะ!


“น่าเสียดายที่แต่ละอย่างแลกได้แค่ 10 ขวดเอง”

สำหรับหนิงเทียนหลินมันน่าเสียดายมาก เพราะถ้าสามารถเอาของแบบนี้ได้ตลอดเวลา เขาก็จะกินมันแล้วก็เพิ่มพลังการต่อสู้ไปจนถึงระดับที่น่าทึ่งได้เลยล่ะ อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าไม่ว่าร่างกายคนเราจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน การที่กินยาเข้าไปมากก็สามารถเป็นผลเสียได้เหมือนกัน

อีกอย่าง ในม่านแสงนี้ยังมียาอีกหลายชนิด และถ้าเขากินพวกมันทั้งหมดก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาและพลังงานมากแค่ไหน ตอนนี้มันก็มีแค่พื้นฐาน, กลาง, สูงสุด และแม้แต่ดีที่สุดก็ด้วย

มียาที่อยู่ในระดับสุดยอด, ยาระดับภาค, และต่อไปอีก กินพวกมันแค่ขวดเดียวก็สามารถเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้ตั้ง 10,000 คะแนนแนะ!”


ประเด็นคือนี่เป็นแค่น้ำยาเพิ่มคุณลักษณะ หลังจากที่กินเข้าไปยาจะช่วยเพิ่มคุณลักษณะทางกายภาพได้แค่ 1 หรือ 2 อย่าง ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้โดยตรง มันจึงถูกเรียกว่ายาสำหรับต่อสู้

หลังจากที่หนิงเทียนหลินเห็นยาแก้พิษ, การรักษา, ชีวิตเป็นอมตะ และอื่นๆอีก


โดยเฉพาะเมื่อหนิงเทียนหลินได้เห็นน้ำยาชีวิตเป็นอมตะ ดวงตาของเขาก็ต้องการมันมาก ชีวิตเป็นอมตะ! นี่มันชีวิตที่เป็นอมตะจริงๆนะ! ตราบใดที่ใช้ชีวิตอย่างดี ก็จะไม่มีวันตาย! เขาไม่รู้เลยว่ามีกี่คนกันที่ฝันอยากจะได้ยาตัวนี้


นี่ยังไม่พูดถึงคนธรรมดาทั่วไปนะ ใครกันบ้างที่ไม่อยากจะเป็นแบบนี้! ใน 5,000 ปีของจีน จักรพรรดิที่อยากมีอายุยืนยาวนับด้วยนิ้วไม่พอแล้ว!


และเขา หนิงเทียนหลิน ถ้าเขามีพลังงานมากพอ เขาก็สามารถได้สมบัติชิ้นนี้ที่คนมากมายต่างก็ฝันถึงแล้ว! โดยเฉพาะเมื่อยาสำหรับการมีชีวิตที่ยืนยาวนี้ก็ไม่ได้แพงอะไร แค่ 100,000 คะแนนเอง หนิงเทียนหลินลองคำนวณ ถ้ามีเงินมาช่วยสนับสนุน เขาก็สามารถแลกมันมาได้หลังจากที่ต้องต่อสู้เป็นเวลา 10 ปี!


อีกอย่างเขาเดาว่าความเร็วในการที่จะได้คะแนนพลังงานของตัวเองก็จะเร็วขึ้นๆอีกในอนาคต บางทีเขาอาจจะเอามันมาได้โดยใช้เวลาไม่ถึง

1 หรือ 2 ปีด้วยซ้ำ!


“โซนการก่อตัว”


ไม่นานนักหนิงเทียนหลินก็เบนสายตาไปทางพื้นที่ทางวิธีการ และมันแยกออกเป็นอีกหลายระดับ อย่างไรก็ตามหนิงเทียนหลินแค่อ่านคำไม่กี่คำ นั่นคือแถวของวิธีการเพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้และแถวของวิธีการเพื่อล้อมกรอบผู้คน และการก่อตัวของผู้ปกครอง, ทุกประเภทเลย

แล้วมันก็ยังมีสิ่งจำเป็นและไม่เพียงแค่มันสามารถแลกเปลี่ยนเพื่อทักษะลับที่ต้องใช้ในการจัดเรียงการก่อตัวแต่ยังเป็นแหล่งข้อมูลและพื้นฐานของการก่อตัวที่สามารถได้รับในทันทีอีกด้วย!


“โซนสมบัติ”


สมบัติทุกประเภท หนิงเทียนหลินเปิดหน้าสุดท้ายโดยตรง แม้จะได้เห็นอะไรบางอย่างที่ถูกเรียกว่า “แผ่นดินไหว” ซึ่งสามารถพังสนามดาวได้ด้วยการตีค้อนเพียงทีเดียว! ปัญหาก็มีแค่คะแนนพลังงานที่จำเป็นจะต้องใช้แลกที่เขาเลิกนับไปนานแล้ว


“โซนปริศนา”


เป็นพื้นที่ที่หนิงเทียนหลินสนใจมากที่สุดเพราะมันมีศิลปะการต่อสู้, ทักษะปริศนา, วิธีการปลอมและแม้แต่ความลึกลับที่แปลกประหลาดมากมายในทุกประเภทที่เขาอยากได้เพื่อมาเพิ่มพลังในการต่อสู้!


มันมีแม้แต่เวทมนต์ในการจับผีด้วยซ้ำ!


หนิงเทียนหลินสงสัยมาตลอดว่าผีที่มีอยู่และผีในหยินเชาไต้ฟูมีหน้าตาเป็นยังไง จับต้องตัวได้ไหม เขากลัวว่าพวกผีคงจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย งั้นถ้าวันหนึ่งเขาได้เจอกับผีจริงๆ เขาคิดว่าก็คงจะได้แต่จ้องกันเองแค่นั้นและตอนนี้เมื่อเขาเจอหนทางที่จะควบคุมพวกผีไว้ในโซนปริศนานี้ได้ แล้วเขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง! “พิธีฟูหยิน” เป็นชื่อทั่วไปของเทคนิคลับนี้! อย่างไรก็ตามตอนนี้หนิงเทียนหลินไม่ได้มองที่มันแล้วเพราะมันไม่ใช่เวลาและมันก็ยังไม่สายที่จะกลับมาหามันพร้อมพลังงานที่เพียงพอ


เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็สามารถเข้ามาแลกปริศนานี้ได้โดยตรงเลย!


“โซนเทคโนโลยี”


เมื่อหนิงเทียนหันมาจ้องโซนนี้เขาก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้หลักสำคัญของโลกทั้งหมดคือเทคโนโลยี! การสื่อสารก็ต้องใช้เทคโนโลยี, ชีวิตประจำวันก็ต้องใช้เทคโนโลยี, เรื่องทางการแพทย์ก็ต้องใช้เทคโนโลยี, การท่องเที่ยวก็ต้องใช้เทคโนเลยี, และแม้แต่เรื่องอาหารการกินก็แยกจากเรื่องเทคโนโยลีไม่ได้แล้ว! เทคโนโลยีเข้าไปมีบทบาทกับทุกแง่มุของมนุษย์บนโลกทุกวันนี้หมดแล้ว


แต่เมื่อหนิงเทียนหลินลองค้นหาบทความของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เขาไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาอธิบายถึงมันได้เลยเพราะจากเรื่องข้างบน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในโลกปัจจุบันนี้ยังไม่แม้แต่จะติดอันดับที่ 9 ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอารยธรรมจักรวาลเลย ในโซนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนี้ อารยธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจักวาลถูกแยกอีกเป็น 9 ประเภท


ประเภทแรกคืออันที่แข็งแกร่งที่สุดและประเภทที่ 9 คืออ่อนที่สุด แต่แม้แต่ประเภทที่ 9 นี้ก็สามารถเดินทางไปกลับระหว่างดาวเคราะห์ดวงอื่นเพื่อการเดินทางระหว่างดวงดาวได้แล้ว แม้แต่สหรัฐอเมริกาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกที่อ้างว่าสามารถส่งนักบินอวกาศไปดาวอังคารได้ก็ยังต้อใช้เวลาตั้งนานกว่าจะทำได้ และยังไม่สามารถที่จะกินหรือดื่มในระหว่างเดินทางได้อีกด้วย


ประเด็นคือมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินทางโดยยานลำใหญ่ๆ

ถ้าสักวันหนึ่งที่ยานอวกาศสามารถบรรทุกคนแล้วเดินทางในปริมาณมากๆได้หรือแม้แต่คนทั่งโลกก็สามารถเดินทางไปกลับดาวอื่นๆได้นั่นก็หมายความว่าโลกทั้งโลกได้เข้าสู่อารยธรรมดวงดาวแล้ว

แต่เขายังคงซื้อแค่ประเภทที่ 9


“เคลื่อนย้ายมวลสารไปอวกาศขั้นสุดยอด! จะสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุข้ามห้วงอวกาศได้ แม้แต่การข้ามหลายๆกาแล็คซี่ก็ทำได้! หลายๆสนามดาว! คะแนนพลังงานในการแลก: 10,000,000 คะแนน!”


“สุดยอดพลังงานปืนใหญ่! เพียงนัดเดียวก็สามารถสร้างหลุดดำได้แล้ว และพลังงานระเบิดสามารถกลืนกินได้ทั้งจักรวาล ซึ่งปกติไม่มีใครจะทำได้! คะแนนสำคัญในการแลก: 100,000,000,000,000,000 คะแนน!”


“สุดยอดเรือรบจักรวาล! แม้แต่ดวงดาวที่แข็งแกร่งในจักรวาลก็ยังตามความเร็วของการเคลื่อนไหวไม่ทัน! ลำแสงไอออนที่ถูกปล่อยออกมาสามารถฆ่าคนที่มีพลังในการต่อสู้ระดับหนึ่งล้านได้ในทันที! คะแนนพลังในการแลกเปลี่ยน: 99,999,999,999,999 คะแนน!”


หนิงเทียนหลินโฟกัสที่ไปอันสุดท้ายในทันทีและอยากที่จะเห็นว่าอารยธรรมของจักรวาลที่ก้าวหน้าเป็นยังไงแต่ยิ่งมองเท่าไร มันก็ยิ่งน่าสนใจมากเท่านั้นเพราะอารยธรรมเทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาไปในระดับ 1 มันให้ความสนใจและสร้างความเป็นไปได้ให้กับร่างกาย เพื่อนักรบในการแข่งขัน!


เขารีบเปิดไปที่หน้าแรกเพราะอยากจะเห็นว่าเทคโนโลยีจะเหมาะกับโลกในปัจจุบันหรือเปล่า ถ้าเขาเก่งในเรื่องเทคโนโลยีพวกนี้แล้วสามารถเปลี่ยนให้มันเป็นผลผลิตได้ ความรวยก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่ไหมล่ะ?


ทุกวันนี้ยกเว้นพวกคนที่รวยมากๆจากสมบัติกับน้ำมัน ส่วนใหญ่คนรวยเป็นพวกผูกขาดในบริษัทเทคโนโลยีไม่ใช่เหรอ?


เจ้าแห่งเทคโนโลยีก็หมายถึงเจ้าแห่งความมั่งคั่งนั่นเอง!


บทที่ 52: เงินก็สามารถแลกเปลี่ยนได้เหมือนกัน!


“ระบบควบคุมอัจฉริยะหลักสามารถให้เครื่องจักรที่มีความฉลาดได้,

เชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าของ และจัดการเรื่องง่ายๆได้ด้วยตัวมันเอง

จะต้องใช้คะแนนสำคัญ 50 คะแนนเพื่อแลก”


“เทคโนโลยีดุลการสำรวจระยะไกลแบบ 6 มิติ เทคโนโลยีขั้นต้นที่สามารถรักษาสมดุล สามารถทำให้วัตถุใด ๆ รักษาความสมดุลภายใต้สถานะที่แน่นอนได้ ต้องใช้คะแนนสำคัญ 80 คะแนนในการแลก”


“เทคโนโลยีการสกัดไฮโดรเจนที่มีความเสถียรสูง สามารถทำให้เป็นของเหลวไฮโดรเจนได้อย่างรวดเร็วและสามารถเก็บไว้ได้ด้วย ต้องใช้คะแนนก๊าซกลั่น 100 คะแนน ในการแลกเปลี่ยน”


“เทคโนโลยีการสกัดพลังงานแสงอาทิตย์ขั้นต้นสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้ 60% แม้ว่าจะมีแสงแดดไม่เพียงพอที่จะมองออกไปข้างนอก แม้ในวันที่มีเมฆมากก็ตาม การใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อบีบอัดแบตเตอรี่หนึ่งวันสามารถให้ครอบครัวปกติใช้ชีวิตในเดือนมกราคมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ต้องใช้คะแนนพลังงาน 80 คะแนน ในการแลก”



รายการแนะนำสินค้าเหล่านี้ทำให้หนิงเทียนหลินตะลึงอยู่หน่อยๆ เพราะการแนะนำทั่วไปนี้ เขาไม่เข้าใจอยู่นิดหน่อย อย่างเช่นเทคโนโลยีไฮโดรเจนเหลว เขาไม่รู้เลยว่าของแบบนี้จะเอาไปใช้ทำอะไรได้?

แล้วยังจะมีเทคโนโลยีดุลการสำรวจระยะไกลแบบหกมิติอีก มันแค่ช่วยเรื่องการรักษาสมดุลใช่ไหม? ทำไมต้องแลกด้วยคะแนนพลังงานตั้ง 80 คะแนนแน่ะ?

แต่ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ตรงนี้ด้วย ถ้าเห็นเทคโนโลยีพวกเหล่าในแวบแรก รับรองได้เลยว่าจะต้องบ้าตายแน่ๆเพราะถ้าดึงหนึ่งในเทคโนโลยีพวกนี้ออกมาก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้เลย!


การสกัดไฮโดรเจนเหลวหมายถึงมันสามารถเผาไหม้ได้ ด้วยการเผาไหม้ของไฮโดรเจน มันจะเข้ามาแทนที่แหล่งพลังงานมากมาย เช่น ปิโตรเลียมและถ่านหิน หลังจากการเผาไหม้ของไฮโดรเจนก็จะกลายเป็นน้ำ ซึ่งจะช่วยเลี่ยงการสร้างมลพิษทางอากาศได้ด้วย

ถ้าใช้ดีๆ นี่จะเป็นการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ในพลังงานโลกที่สามารถเกิดขึ้นได้เลย!


ด้วยเทคโนโลยีการตรวจจับระยะไกลแบบหกมิติ ผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้กับเครื่องบิน, ยานอวกาศ, และอื่นๆ เพื่อให้เครื่องบินสามารถแก้ไขสมดุลช็อตที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความเร็วและมุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แม้แต่เครื่องบินก็สามารถเคลื่อนที่ได้ยากในสภาวะที่สมดุลอย่างนับไม่ถ้วน


นอกจากนี้เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้กับรถยนต์จำนวนมากได้ แม้กระทั่ง “รถยนต์ที่กำลังบินได้” รถยนต์ในทุกวันนี้ไม่สามารถบินได้ เหตุผลส่วนใหญ่คือหลังจากที่รถยนต์บิน พวกมันจะไม่สามารถควบคุมความสมดุลได้เลย เทคโนโลยีนี้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีอื่น ๆ ในสักวันหนึ่งรถก็อาจจะบินอยู่ในอากาศไดก็ได้!


นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ที่สมบูรณ์แบบซึ่งสามารถนำไปใช้กับเครื่องบินได้และยังสามารถยืดอายุแบตเตอรี่ได้มากขึ้นด้วย


อาจกล่าวได้ว่าหนิงเทียนหลินไม่รู้จักเทคโนโลยีเหล่านี้มากนักในตอนนี้ และไม่รู้ถึงประโยชน์ของมันเลย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดคิดว่าของพวกนี้คือสมบัติได้เลย! ระบบการต่อสู้จะให้แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพซึ่งเป็นหลักการที่สอดคล้องกันของเขา!

“นอกจากนี้การแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นพื้นฐานเหล่านี้ไม่ต้องการคะแนนพลังงานมากด้วย ในอนาคตหากได้พบมืออาชีพก็จะสามารถสร้างอาณาจักรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้อย่างแน่นอน! “


ตอนนี้เมื่อหนิงเทียนหลินกำลังโต เขาต้องการพลังงานสำคัญและเขาก็ต้องการพลังงานเดี๋ยวนี้และเขาก็ยังต้องการเงินมากๆด้วย ดังนั้นหนิงเทียนหลินจึงเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพวกนี้อย่างมาก นอกจากนี้บางทีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพวกนี้อาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับประเทศจีนหรือแม้แต่ทั่วทั้งโลกได้เลย!


เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงชีวิต!


พื้นที่ของใช้


หนิงเทียนหลินรีบเลื่อนสายตามาที่พื้นที่ของใช้อย่างรวดเร็ว มีของมากมายหลายประเภททั้งขนาดเล็ก, ขนาดกลาง, และ แม้แต่อวัยวะใหญ่ๆ ของสัตว์, หุ่นยนต์ และอื่นๆ ของประเภทนี้ หนิงเทียนหลินประมาณการว่ามีไว้เพื่อให้ความสะดวกกับการแสดงและมอบให้ตัวเอง ไม่มีอะไรมาก ท้ายที่สุด ก็ไม่สามารถทำมันได้ตามลำพัง

บางครั้ง สัตว์หนึ่งตัวสามารถมีบทบาทที่ยิ่งใหญ่ได้


เขตอื่นๆ


“ฉันบอกแล้ว! ในที่สุดเจ้าก็รู้แล้วว่าทำไมข้าถึงบอกว่าประตูแห่งการแลกเปลี่ยนนี้ จะทำให้เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป…”


เดิมทีหนิงเทียนหลินคิดว่าระบบการต่อสู้บอกว่าเขาจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกเป็นเพราะเขาไม่สามารถหามาซื้อของในนี้ได้ แต่สุดท้ายแล้ว

กลายเป็นว่าทุกอย่างในนี้มีค่ามากๆ ทั้งนั้นและบางอันก็ตีค่าเป็นเงินไม่ได้ด้วยซ้ำ

แต่เมื่อเขาเปิดพื้นที่ “อื่นๆ” นี้ เขาก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิดและมันเป็นความผิดพลาดที่น่าขำมากๆ เพราะสิ่งแรกที่ม่านแสงแสดงให้เห็นว่าคะแนนสำคัญสามารถแลกเป็นเงินได้โดยตรงด้วย! แม้จะได้สัดส่วนออกมาก็ตาม!


คะแนนวิญญาณเล็กน้อย สามารถแลกเป็นเงินได้ 1 ล้านหยวน!


“ฉันเข้าใจแล้ว! เข้าใจแบบสุดๆเลยละ!”


หนิงเทียนหลินถึงกับกลืนน้ำลาย ด้วยการแลกเปลี่ยนนี้ พูดง่ายๆเลยว่าเขาสามารถเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกได้แบบง่ายๆเลย และก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องเงินอีกเลย! การฆ่าปลาคาร์พพันตัวในแต่ละวันมีค่าเท่ากับหนึ่งล้านเลยนะ!


ลองเปลี่ยนจากปลาคาร์พเป็นวัว, เป็นแกะ หรือแม้แต่คนดูสิ เงินพวกนี้ก็จะมาเร็วขึ้นไปอีก!


“นอกจากนี้ ก็ยังมีเหรียญกาแล็กซี่, เหรียญของดวงดาว…”

เมื่อมองลึกลงไปอีก หนิงเทียนหลินก็ยิ่งพูดไม่ออกขึ้นไปอีกเพราะในระบบการต่อสู้นี้ เขากลัวว่าเงินที่เขาพูดถึงคงจะใช้แบบเงินทั่วไปไม่ได้จริงๆ โดยไม่คำนึงถึงสกุลเงิน อัตราส่วนการแลกเปลี่ยนทั้งหมดตั้งไว้ที่หนึ่งต่อหนึ่งล้าน!!


ตราบใดที่มันยังเป็นเงิน มันก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงิน 1 ล้านหยวนได้อยู่ดีนี่หมายความว่าหนิงเทียนหลินจะไม่ต้องห่วงเรื่องเงินในโลกหรือจักรวาลอีกเลยในอนาคต และสามารถกลับมาแลกเปลี่ยนได้เสมอถ้าเขาไม่มีเงิน!


“เจ๋ง!”


หนิงเทียนหลินหยุดดูส่วนอื่นๆ และเข้าไปปิดประตูแห่งการแลกเปลี่ยนโดยตรง แล้วเอื้อมมือไปจับปลาคาร์พในอ่างและเริ่มฆ่าต่อ ในอ่างยังเหลืออีกหลายร้อยตัวเลย เขาอยากจะรู้ว่าตัวเองจะเพิ่มคะแนนพลังงานได้อีกหน่อยไหมแล้วแลกเปลี่ยนมันเป็นเงินสด 1 ล้านหยวนทันที!

ตอนนี้เขาต้องการเงินและตราบใดที่เขามีเงิน เขาก็สามารถฆ่าไปได้ตลอดกาล!


มันแค่น่าเสียดายเวลาที่เขาใช้ฆ่าปลาคาร์พ เพราะเขาชดเชยสิ่งนี้ไม่ได้ เขาทำได้แค่เพียงเปิดประตูแห่งการแลกเปลี่ยนต่อไปแล้วหาว่าจะเจออะไรได้บ้าง


“ว้าว!”


ตั้งแต่ตอนนี้ไม่ถึง 10 นาที ประตูของร้านขายปลาก็ถูกดึงเปิดออกแล้วร่างของเจ้าของร้านวัยกลางคนก็เดินเข้ามาที่ประตู และเบื้องหลังเขาคือถังใส่ปลาที่เต็มไปด้วยปลาอยู่เต็มถัง


“มาแล้วเหรอครับ!”


ด้วยรอยยิ้ม หนิงเทียนหลินปิดระบบการแลกเปลี่ยนทันที เขาได้เรียนรู้จากระบบการต่อสู้ว่าเขาเท่านั้นที่จะเห็นประตูแห่งการแลกเปลี่ยนได้ แม้แต่ในท่ามกลางฝูงชนก็ตาม


“นาย…ฆ่าพวกปลาหมดเลยจริงๆ…”


ทันทีที่เจ้าของร้านขายปลาเดินเข้าประตูมา เขาเห็นว่าในอ่างไม่มีปลาเหลืออยู่แล้ว แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเวียนหัว นี่มันปลา 50,000 ตัวเลยนะ มือเปล่าต้องใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะจับได้ แต่พ่อหนุ่มคนนี้เหมือนจะใช้เวลาไม่ถึงวันฆ่ามันทั้งหมดเลย!

ช่างเป็นเด็กที่ฝีมีดและความเร็วของมือที่เร็วมากๆ!


“ครับ”


หนิงเทียนหลินยิ้มรับพร้อมทั้งพยักหน้า


“โอเคเจ้าของร้าน ลงปลาใหม่ได้เลยครับ ถ้าคุณมีอีก ผมขอสั่งเพิ่มอีก 100,000 ตัวนะ!”


ยังเหลือเวลาอีก 3 วันก่อนที่โรงเรียนจะเปิด เขามีแผนว่าจะใช้เวลา

2 วันที่นี่ เก็บพลังงานก่อนเป็นอย่างแรกแล้วใช้ที่เหลือเพื่ออัพเกรด เขาอยากจะเห็นปลาพวกนี้ช่วยให้เขาขึ้นได้อีก 2-3 ระดับ


บทที่ 53: ชางเหมอน


“เพิ่มอีก 100,000 งั้นเหรอ!”


เจ้าของร้านที่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้ามาในร้านเลยแต่ดวงตากลับเปล่งประกายออกมา สำหรับปลาอีก 100,000 ตัว เขาสามารถทำเงินได้อย่างน้อย 20,000 หรือ 30,000 หยวนเลยนะ! ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคาดไว้จะถูกต้อง เด็กหนุ่มตรงหน้าเขารวยจริงๆด้วย! เขามาเพื่อฝึกฝีมือมีดที่นี่!


“เยี่ยมเลย! รอเดี๋ยวนะ ฉันจะโทรสั่งมาตอนนี้เลย!”


ครั้งนี้เจ้าของร้านไม่พูดถึงเงินมัดจำด้วยซ้ำ เขากลับรีบหันไปแล้วโทรหาเพื่อนให้เอาปลาเข้ามาส่งพร้อมทั้งรีบออกไปข้างนอก

ปลา 100,000 ตัวไม่ใช่อะไรที่ครอบครัวเขาจะหาได้ง่ายๆเมื่อวานนี้สินค้าคงคลังของเขาหมดแล้วและลูกชายของเขาก็จับมาเพิ่มได้เยอะเลยสำหรับปลาอีก 100,000 ตัวเขาต้องไปต่อรองมาจากร้านอื่นที่ถนนนี้


“ว้าววว!”


ตอนที่ปลาเกือบจะพร้อมแล้ว หนิงเทียนหลินก็ดึงกริซออกมา โบกไปทั่วและเริ่มที่จะฆ่าปลาอีกรอบ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะไปหาพลังงานที่อื่น เช่น โรงฆ่าสัตว์ ไปหาพลังงานจากหมู, วัว, หรือโค ซึ่งก็คงจะเร็วกว่าปลามาก แต่ในตอนแรกเขาใช้เงินได้แค่ 500,000 หยวนและราคาของวัวก็คงจะแพงมากกว่า 10,000 หยวนแน่ๆ และเขาคงต้องใช้ประมาณ 50 ตัวเลยนะ!


การฆ่าพวกนั้น เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองจะได้พลังงานเท่าไร

แต่ถ้าเขาไม่สมัครงานในโรงฆ่าสัตว์ เป็นคนฆ่าสัตว์ เขาก็จะสามารถได้พลังงานมาแบบฟรีๆเลย เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เดี๋ยวนี้โรงฆ่าสัตว์มักจะใช้เครื่องจักรกันหมดแล้ว เครื่องจักรฆ่าโคได้ประมาณวันละหลายพันตัวเลย แต่ถ้าใช้คนก็ต้องจ้างคนงานอีกเป็นพันๆคน แถมถ้าใช้เครื่องจักรก็ไม่ต้องจ่ายค่าแรงด้วย

นอกจากนี้ในฐานะคนฆ่าสัตว์ ก็จะต้องมีใบรับรองการฆ่าสัตว์, ใบรับรองสุขภาพ, และการตรวจอีกมากมาย แถมยังเอกสารใบรับรองที่กรมอนามัยออกให้อีก ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้งานภายในวันหรือ 2 วัน หนิงเทียนหลินมีเวลาแค่อีกไม่กี่วันก็จะโรงเรียนเปิดแล้ว งั้นนั่นมันสายเกินไปแล้ว!


แต่ตอนนี้เขารวยแล้วหรือจะบอกว่ามีเงินแบบนับไม่ถ้วนเลย หนิงเทียนหลินเริ่มคิดเรื่องนี้ใหม่อีกรอบ นักฆ่าสัตว์ต้องมีใบรับรองการทำงาน แต่เขาฆ่าหมูกับวัวเพื่อความสนุก ไม่มีใครหยุดเขาได้! เขาไม่ได้เอาไปขายนิ!


โรงงานฆ่าสัตว์ใช้เครื่องจักรในการฆ่า และเขาจะซื้อสัตว์มาทั้งหมดและฆ่าได้มากเท่าที่เขาต้องการเลย!


ดังนั้นหลังจากนั้นสักพักหนิงเทียนหลินก็พร้อมที่จะไปโรงงานฆ่าสัตว์หลังจากที่จัดการเรื่องเปิดเทอมเสร็จ อีกอย่างเมื่อถือเวลานั้นการ์ดเพิ่มพลังเป็น 2 เท่า 1 ชั่วโมงก็ยังอยู่และพร้อมที่จะให้ใช้เมื่อถึงเวลา!


ตอนนี้เขาสามารถแลกเงินได้เยอะๆ ความคิดนี้เขาจำได้อย่างขึ้นใจเลย!

อย่างไรก็ตามหนิงเทียนหลินก็ยังรู้ด้วยว่าอันที่จริงนี่ยังเป็นแค่จุดเล็กๆ ในทะเลยังมีอะไรอีกมากมาย! สิ่งมีชีวิตพวกนี้มีเป็นร้อยๆล้านชนิด แค่มหาสมุทรทั้ง 5 อย่างเดียวก็ฆ่าทั้งชีวิตก็ไม่หมดแล้ว! มีมากมายมหาศาล! นั่นเป็นสวรรค์ของเขาชัดๆ


แต่การพยายามจับปลาจากทั้ง 5 มหาสมุทรไม่ใช่งานง่ายๆ พลังในการต่อสู้ของเขายังไม่ถึงระดับที่แน่นอน แค่เรื่องการหายใจในน้ำอย่างเดียวก็เป็นไปไม่ได้แล้ว นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องความดันมหาศาลของใต้ทะเลลึกที่สามารถบดกระดูเราจนกลายเป็นฝุ่นแป้งได้อีก


ถ้าเขาอยากที่จะทำเรื่องนี้จริงๆ เขาก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ!


“พลังงาน!”

หลังจากนั้นไม่ถึง 10 นาที หนิงเทียนหลินก็ได้พลังงานขึ้นมานิดหน่อยพร้อมทั้งรีบหยุดมือทันทีเพื่อที่จะเปิดม่านแสงแห่งการแลกเปลี่ยน และใช้พลังงานนี้เพื่อที่จะแลกเป็นเงิน 1 ล้านหยวนโดยตรง


“จริงด้วย! มันเป็นเรื่องจริง!”


ตอนนี้หนิงเทียนหลินไม่เหลืออะไรเลยแต่ในใจของเขามีข้อมูลเฉพาะที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเขาเองโดยระบบการต่อสู้ แน่นอน ในหัวข้อเรื่องสมดุล เขาเห็นเงินหนึ่งล้านหยวนและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ถ้าเป็นแบบนี้ในอนาคตเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกเลย! เขาจะต้องการเท่าไรล่ะ!


“ฉับ!”


“ฉับ!”


หนิงเทียนหลินหยุดคิดเรื่องนี้แล้วหยิบกริซในมือขึ้นมาแล้วเริ่มกวักแกว่งอีกครั้งแต่เมื่อเขาเก็บคะแนนสำคัญได้ 10 คะแนน เขาก็บอกให้สตาร์วอร์สหยุดเก็บคะแนนแล้วใช้คะแนนสำคัญพวกนี้เพื่ออัพเกรดและเพิ่มพลังงานต่อสู้!


แต่เขารู้ว่าเบื้องหลังอุปกรณ์พวกนั้นคือกฎข้อบังคับเรื่องระดับ นั่นคือไม่ว่าเขาจะมีพลังงานมากแค่ไหนแต่ถ้าระดับไม่อยู่ในระดับที่เพียงพอมันก็ไม่มีประโยชน์! ที่ 10 คะแนนมันก็เพียงพอที่จะแลกเงินมาแล้วเอาไปใช้ได้แล้ว


“อะไรนะ! ไม่เจออะไรเลยงั้นเหรอ! เกิดอะไรขึ้น!”


เมืองปักกิ่ง


สนามที่เงียบสงบ ในห้องที่ได้รับการตกแต่งอย่างค่อนข้างแปลกตา

หลังจากที่ได้รับรายงานจากการ์ดของเขา ชายแก่ก็ต้องแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ต้องรู้ก่อนว่าเขาคือคนที่สามารถใช้แหล่งข้อมูลทางการเมืองและทางธุรกิจในจีนได้มากที่สุด แถมยังมีการ์ดอยู่อีกมากมาย ลองคิดสิว่าเขาจะสำคัญขนาดไหน


แต่ตอนนี้กลับหาร่องรอยของเด็กหนุ่มคนนั้นไม่เจอเลย! ถึงแม้ใน

มือของพวกเขาจะมีรูปวาดของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ก็ตาม! โดยเฉพาะที่ภาพวาดจากคำอธิบายของพ่อมดเจียงฮูก็ไม่ต่างอะไรกับตัวจริงเลยสักนิด!

พวกเขาก็อยากจะได้ภาพถ่ายจริงๆและวีดีโอของเด็กหนุ่มคนนี้มากแต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเพราะเด็กหนุ่มนั่งรถไฟมาจากจินฉวนแต่กลับไม่มีภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดของเด็กหนุ่มคนนี้เข้ามาในสถานี

รถไฟเลย!


นอกจากนี้พวกเขายังได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดของเมืองจินฉวนและแม้แต่ทั่วทั้งเมืองด้วยซ้ำ แต่ไม่มีอันไหนตรงกับรูปวาดของเด็กหนุ่มคนนี้เลย หรือแม้แต่ในระบบการซื้อตั๋วรถไฟก็ยังไม่มีเลขของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลยสักนิด! โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บนรถไฟขบวนนี้ก็มีคนของเขาขึ้นไปด้วยแต่ก็กลับไม่มีข้อมูลอะไรเลย


“ทุกอย่างถูกตรวจสอบหมดแล้วครับ”


การ์ดก้มหัวเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเข้ากับเหตุการณ์แบบนี้ ในอดีตถ้าให้หาข้อมูลของคนนี้โดยผ่านภาพๆเดียวจากคน 1.3 พันล้านคนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรแต่ครั้งนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนเลยนอกจากนี้คนๆนี้เกี่ยวข้องกับเตาหลอมวิญญาณดังนั้นจะต้องตามหาเขาให้เจอ!


“แต่เพื่อนของเขา เด็กสาวคนนั้นน่าจะมีเบาะแสนะครับ” ในไม่ช้าการ์ดก็พูดขึ้นมากับชายแก่ เขาไม่อยากที่จะทิ้งความรู้ไร้ประโยชน์ไว้ในหัวใจของชายแก่

“เบาะแสอะไร?” ชายแก่ถามขึ้นมา คิ้วขมวด สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดตอนนี้คือเด็กหนุ่มคนนั้น ในมือของเขากุมชะตาชีวิตของพ่อมดที่จะช่วยหลานสาวเขาอยู่


“เธอมาจากชังเมิ่ง” การ์ดรายงาน


“ชังเมิ่งเหรอ?”


ชายแก่ขมวดคิ้ว เพราะจากชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาบ้างถึงแม้เขาจะไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมากนักแต่เขาก็พอจะรู้ว่าองค์กรภายใต้ชื่อนี้ทำอะไร หรือจะพูดได้ว่าชุมชนทั่วทั้งจีนโดยเฉพาะฮ่องกง, ไต้หวัน, มาเก๊า, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแม้กระทั่งประเทศต่างประเทศตราบใดที่มีชาวจีนโพ้นทะเลอยู่ในประเทศนั้นๆจะต้องมีองค์กรนี้แทรกซึมอยู่ด้วยตลอด

เพียงแต่มันไม่ค่อยมีบทบาทในแผ่นดินใหญ่เท่าไรแค่นั้น

แต่โดยไม่คาดคิดครั้งนี้พวกนั้นกลับมาจับคนของเขา


“งั้นเด็กหนุ่มนั่นเป็นใครกัน?”


ชายแก่ยังคงถามต่อ ชังเมิ่งทรงอำนาจและพวกเขาก็เจ้าเล่ห์และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จัดการคนพวกนี้ แน่นอนว่าถึงแม้อีกฝ่ายจะทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้พวกชังเมิ่งเริ่มจะแผ่อิทธิพลไปมากจนเขาเริ่มจะอิจฉาขึ้นมานิดหน่อยแล้ว


บทที่ 54: นี่เป็นความผิดของเขาทั้งหมด


“ยังไม่แน่ใจครับ”


การ์ดส่ายหน้า “เด็กสาวคนนี้ปฎิเสธ เธอบอกว่าพวกเขาเพิ่งเจอกันบนรถไฟ”


“แล้วผมก็สอบถามคนอื่นๆบนรถไฟที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”


การ์ดไม่ได้อธิบายว่าสอบถามยังไงและชายแก่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ด้วย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสอบสวนคนที่มาจากชังเมิ่งโดยไม่ใช้ความรุนแรง และในบางครั้งถึงแม้จะพูดออกมาแต่สิ่งที่พูดออกมาก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง


“ไปเช็คมาอีกรอบ! ให้เวลาอีกวันเดียว ต้องเจอเด็กหนุ่มเข้าใจไหม!”


ชายแก่ไม่พอใจกับผลของการสืบสวนที่เขาได้รับเลย เขาคิดว่าเพียงไม่กี่นาทีก็จะหาตัวเด็กหนุ่มนี้ได้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีภาพของอีกฝ่ายอยู่ในมือแล้วแท้ๆหรือถึงแม้จะอยู่ในปักกิ่งก็ตาม! เพียงแค่ครั้งนี้ผลลัพท์ที่ได้กลับไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังไว้เลย


“ครับ!”


การ์ดก้มหัวและหันหลังออกไป



“เป็นไงบ้าง?”

5 นาทีต่อมาการ์ดก็เดินเข้ามาในห้องใต้ดินเย็นๆและยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมทั้งเด็กสาวคนที่เจอหนิงเทียนหลินบนรถไฟที่ถูกมัดอยู่ เพียงแค่ในตอนนี้หัวแก๊ปหลุดออกครึ่งหนึ่งและผมสั้นของเธอก็ดูยุ่งเหยิงมากๆ

นอกจากนี้ยังมีห่วงโซ่เหล็กที่มัดอยู่รอบตัวเธอเพื่อผูกเธอไว้กับเสาเหล็กที่ด้านหลัง เสื้อผ้าเธอก็เลอะเทอะไปหมดพร้อมทั้งรอยแส้มากมายรอบตัว ใบหน้าของซูเหม่ยเต็มไปด้วยรอยช้ำสีฟ้าสีม่วงและที่มุมปากของเธอก็มีรองรอยเลือดที่ไหลออกมา เธอมีอาการเหนื่อยอ่อนอย่างมากเห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนเธอถูกทรมานอย่างหนักมาก


“ไม่ได้อะไรเลยครับ”


ชายที่กำลังถือเหล็กเส้นส่ายหัวพร้อมทั้งรายงานว่า


“ผู้การเหลา เธอก็ยังยืนยันว่าไม่เคยเจอเด็กหนุ่มคนนั้นเลยแต่บังเอิญเจอกันเฉยๆ ไม่แน่ใจว่าจะจริงหรือเปล่า?”


ชายคนนี้ก็ยังรู้สึกสงสัยในการตัดสินใจของตัวเอง ต้องรู้ไว้ก่อนว่าถ้าเป็นคนธรรมดาป่านนี้ก็คงจะพูดความจริงไปแล้วและเมื่ออีกฝ่ายกล้าฆ่าคนเพราะเธอก็ยอมรับว่าเธอเป็นคนที่ฆ่าหัวนั้นมาเองและพวกเขาต่างก็รู้ว่าเธอเป็นคนของชังเมิ่ง งั้นทำไมเธอถึงไม่ยอมรับในเรื่องนี้ล่ะ?

มันจริงหรือเปล่าที่ 2 คนนี้เพิ่งจะเจอกัน?


“ถามสิ! ถามไปเรื่อยๆ! สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นจริงหรือเปล่า”


การ์ดขมวดคิ้วอย่างช้าๆและเขาก็อดไม่ได้ ในกรณีนี้เรื่องนี้ต้องสำเร็จในเวลาอันสั้น ผู้ที่มีส่วนร่วมในการรวบรวมข่าวกรองตอนนี้ดูเหมือนจะไม่น่าเชื่อถือเท่าไร นานมากแล้วที่เฟสบุ๊คของอีกฝ่ายไม่ได้อัพเดทอะไรเลย

ในทุกวันนี้มีเพียงความริบหรี่แห่งความหวัง


“ครับ!”

การ์ดพยักหน้า โดยไม่ลังเลก็เริ่มที่จะหวดไม้ในมือและตีไปที่เด็กสาวอย่างแรงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ในกฎระเบียบจะระบุว่าห้ามใช้ความรุนแรง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาและวิธีที่ทำ พวกเขาใช้ความรุนแรงและมีใครบ้างที่กล้าจะทำอะไรพวกเขา!


อีกอย่างเธอคนนี้มาจากแก๊งชังเมิ่ง มาจากด้านที่ดำมืดงั้นไม้แท่งนี้จะเป็นแสงสว่างให้เอง!


“ผู้การเหลา คุณชิงมาครับ”


ทันใดนั้นชายร่างกำยำก้มคำให้การ์ด เบื้องหลังเขาคือคน 5 คน เป็นชาย 3 คนและ หญิง 2 คน บางคนก็ถือเครื่องมือ, บางคนก็ถือกล่อง และและบางคนที่มือก็อัดแน่นด้วยด้ายไหม


“สวัสดีผู้การเหลา”


เสียงของชายร่างกำยำเงียบไปและเสียงหวานไพเราะก็ดังตามขึ้นมาพร้อมทั้งยื่นมือบางออกมาที่การ์ด


“คุณชิง มาถึงนี่เลยนะครับ”


การ์ดก็ยื่นมือออกไปจับกับมือของอีกฝ่าย


“ครั้งนี้ผมคงต้องรบกวนคุณอีกครั้งแล้ว”


“ค่ะ”


“นี่คือปัญหาที่เราต้องจัดการ”


คุณชิงที่สูงประมาณ 170 อยู่ในชุดเครื่องแบบทหาร เธออายุประมาณ 40 จับมือกับการ์ดและมองตรงไปที่เด็กสาวที่ถูกมัดไว้พร้อมทั้งเลิกคิ้วและถามว่า


“เธอคนนี้เหรอ?”


“ครับ” การ์ดพยักหน้า เขาไม่มีทางอื่นนอกจากใช้วิธีนี้ อีกอย่างเขากลัวว่าถ้าเด็กสาวนี่ตายเขาก็จะไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการ


“พร้อมแล้วครับ” เมื่อการ์ดพยักหน้า คุณชิงก็โบกมือส่งสัญญาณและอีก 4 คนข้างหลังเธอก็เอาอุปกรณ์มาวางที่พื้นและเริ่มทำงาน หลังจากไม่กี่นาทีต่อมา เด็กสาวก็มี****วางอยู่บนหัว พร้อมทั้งสายต่างๆมากมายที่ติดเข้ากับตัวเด็กสาว


“อ่า”


เด็กสาวทำน้ำเสียงเยาะเย้ย เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่านอยากจะทำอะไร ช่างเป็นองค์กรที่กระตือรือร้นดีจริงๆแต่เธอก็เคยผ่านการฝึกในเรื่องนี้มาแล้ว ถ้าเป็นปกติเธอก็จะสามารถควบคุมจิตใจตัวเองและปกปิดจากเครื่องมือนี้ได้


แต่ตอนนี้เธอไม่อยากจะทำแบบนั้นและมันก็ไม่จำเป็นด้วย สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงละไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังเลย เธอกับเด็กหนุ่มเพิ่งจะเคยเจอกันจริง! เธอไม่เคยคิดว่าคนพวกนี้จะจับเธอด้วยแถมไม่ใช่เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพวกเขาด้วยแต่เป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนั้น!


แม้ว่าเธอจะรู้สึกอยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะไม่ธรรมดาขนาดนี้ แม้แต่พวกทหารก็ยังต้องการตัวเขาด้วย!

อีกอย่างเมื่อพิจารณาจากเครื่องแบบของทหารที่อยู่เบื้องหน้าเธอ

คนพวกนี้ก็คงจะไม่ใช่ทหารธรรมดาด้วยเหมือนกัน


“ทุกอย่างเป็นเพราะเด็กหนุ่มนั่นคนเดียว!”


ตอนนี้เด็กสาวรู้สึกอยากจะฆ่าหนิงเทียนหลินมากๆ ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้พูดได้เลยว่าเป็นเพราะหิงเทียนหลิน! และตอนนี้เธอก็รู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย วันนั้นเธอไม่น่าเดินตามเด็กหนุ่มนั่นเข้าไปเลย ถ้าเธอยังนั่งอยู่ที่เดิมป่านนี้เธอก็คงจะได้หนีไปไกลแล้ว!


“มองเข้าไปในตาฉัน”


หลังจากนั้นเสียงของคุณชิงก็ดังขึ้นมาในหูของเด็กสาว เสียงที่เต็มไปด้วยความหลอกล่อ เด็กสาวเงยหน้าขึ้นและจ้องเข้าไปในตาของคุณชิง และเพียงแค่ชั่วครูเธอก็รู้สึกว่าเธอกำลังมองเข้าไปในแสงดวงจันทร์ที่สว่างจ้า ดวงจันทร์กลมโตที่สว่างจ้าในความมืด

ในไม่ช้าดวงตาของเด็กสาวก็เริ่มที่จะสั่นและก็หลับลงภายในไม่ถึงนาที ในเวลานั้นคุณชิงก็หันไปพยักหน้ากับการ์ดและพูดว่า


“ถามได้เลย”


การสะกดจิตพร้อมทั้งใช้เครื่องจับเท็จเป็นวิธีที่จะใช้เพื่อซักคำตอบอย่างที่ต้องการและการสะกดจิตของคุณชิงก็ไม่ใช่การสะกดจิตธรรมดาด้วยซึ่งคนปกติธรรมดาไม่มีทางต้านทานได้แน่ๆ


“มันง่ายเกินไป เธอแกล้งทำหรือเปล่า?”


“ผมจำได้ว่าครั้งแรกๆต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าที่คนจะหลับ”


การ์ดมีความรู้สึกสับสนนิดหน่อย เพราะปกติแล้วจะต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าที่คนส่วนใหญ่จะหลับได้แต่ครั้งนี้มันใช้เวลาไม่ถึงนาที


“เธอไม่ได้ฝืน”


“ยิ่งฝืนน้อยเท่าไรมันก็ยังง่ายขึ้นเท่านั้น ครั้งแรกๆคนพวกนั้นมีสิ่งที่จะต่อต้านมากมายเกิดขึ้นในใจและจากสถานการณ์ของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเธออาจจะบอกทุกอย่างไปหมดแล้วเลยไม่อยากขัดขืนเพราะมันเสียแรงเปล่าถ้าจะต้องต่อต้าน…”


คุณชิงมองเข้าไปที่ตาของการ์ดและพูดออกมาอย่างจริงจัง


บทที่ 55: ครึ่งปี


“ใช่”


“แค่บังเอิญเจอบนรถไฟ”


เด็กสาวที่ไม่รู้สึกตัวตอบคำถามที่การ์ดถามขึ้นมาและระลอกคลื่นบน

โพโลกราฟก็สงบไม่มีความผันผวนเลยและทุกคนก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเด็กสาวได้คะแนน 99% ซึ่งหมายความว่านั่นอาจจะเป็นความจริง

ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาจะหาเด็กหนุ่มนั่นเจอได้ยังไงกัน?

ในขณะนั้นเอง


ในห้องที่เงียบสงบ


“คุณจางพอจะมีวิธีอื่นไหม? เตาหลอมเป็นของสำคัญกับคุณมาก

ถ้าไม่มีมันก็จะช่วยชีวิตหลานสาวผมไม่ได้ใช่ไหม? อย่าลืมนะว่าวันนั้นคุรได้สัญญาได้แล้วว่าถ้าช่วยชีวิตหลานสาวผมไม่ได้ คุณจะต้องถูกฝังไปด้วย!”


ชายแก่จู้หลิน มองพ่อมดผู้เก่งกาจที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขา รู้สึกบีบคั้นที่หัวใจอย่างมาก ในเมื่อเตาหลอมเป็นสิ่งที่สำคัญมากงั้นทำไมถึงไม่ดูแลมันให้ดีและทำไมถึงให้เด็กหนุ่มนั่นเอาไปได้? และทำไมอีกฝ่ายถึงรู้ว่านี่เป็นของสำคัญ!


“ไม่ครับ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ผมก็ช่วยไม่ได้จริงๆ”


หัวใจของพ่อมดเจียงฮูถึงกับสะดุดเพราะประโยชน์สุดท้ายของจู้หลินเต็มไปด้วยความโกรธไม่เหมือนว่าเขาแค่กำลังล้อเล่น อีกอย่างถ้าเขาอยากจะทำอะไรบางอย่างก็มีคนมากมายที่พร้อมจะทำแทนเขา คำว่าความตายก็เป็นแค่คำพูดง่ายๆไปเลยเท่านั้น

แต่พ่อมดก็ยังคงถอนหายใจและพูดต่อไปว่า


“เตาหลอมเป็นอาวุธเวทมนต์ที่มีหน้าที่ในการกักเก็บวิญญาณ มันคือการจัดเรียงองค์ประกอบห้าอย่าง ชีวิตของหลานสาวคุณเต็มไปด้วยความร่ำรวยและมั่งคั่ง ผมได้รวบรวมหญิงสาวอีก 4 คนที่เกิดวันเดียวกับเธอมา”


“แต่ในเวลาที่จำกัดผมเลยเจอผู้หญิงแค่ 3 คนและได้ดึงวิญญาณของพวกเธอมาเก็บไว้ในเตาหลอม แต่ต่อให้ไม่มีองค์ประกอบห้าอย่างและไม่ได้จัดเรียงเป็นดี ผมก็ยังมีความมั่นใจถึง 80% อยู่ดี จนหลังจากนั้นเมื่อผมเจอไอ้****บนรถไฟ และผู้หญิงที่ตามเขามาผมก็นับชีวิตของเธอมาด้วย เมื่อรวมกับผู้หญิงอีก 3 คนและหลานสาวคุณอีก 1 ก็จะจัดได้ 5 องค์ประกอบ ในตอนนี้ผมมั่นใจ 99% เลย ว่าจะช่วยหลานคุณได้แน่ๆ!”


พูดถึงเรื่องนี้พ่อมดก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาหน่อยแต่เหยื่อที่กำลังจะถูกเฉือดก็ต้องหยุดลอยไปและตอนนี้ก็เหมือนว่าชีวิตเขาก็จะหาไม่ด้วย แล้วเขาจะไม่หงุดหงิดได้ยังไง?


“ตราบใดที่องค์ประกอบทั้ง 5 ครบนั้นมีโอกาศมากขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ผมสามารถชดเชยข้อบกพร่องของวิญญาณหลานสาวของคุณได้อย่างสมบูรณ์ผ่านวิญญาณของผู้หญิง 4 คนนั้น ในอนาคตหลานสาวของคุณจะไม่ต้องทนกับความเจ็บปวดจากการกลืนวิญญาณอีก”


เมื่อจ้องเข้าไปในตาของชายแก่จู้หลิน พ่อมดเจียงฮูก็พูดออกมาอย่างจริงจัง


“ผมไม่รู้ว่าเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง เรื่องหลักตอนนี้คือการตามหาเด็กหนุ่มคนนั้นให้เจอ ตราบใดที่ได้ของคืนจากเด็กหนุ่มนั่นภายในเที่ยงวันวันนี้ ก็ยังจะสามารถช่วยชีวิตหลานสาวของคุณได้อยู่!”


“แล้วถ้าไม่ได้ล่ะ?”


ชายแก่จูหลินขมวดคิ้วเข้ม แม้ว่าเขาจะเชื่อในเรื่องของฮวงจุ้ย แต่เขาก็พูดถึงเรื่องผีและเทพเจ้าแห่งวิญญาณทั้ง 3 และวิญญาณทั้ง 6 ด้วยหน้าตาที่ดูหมิ่น ถ้ามันมีวิธีอื่นที่เขาได้ลองมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วนเขาก็คงไม่เชื่อพ่อมดที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาหรอก


“ถ้าขนาดใช้อำนาจของคุณยังหามันไม่เจอ…ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้…”


คำพูดที่เน้น “อำนาจ” ที่ประโยคท้าย ก่อนที่เขาจะพูดเขาถึงกับปิดปากเพราะเขาเห็นจู้หลิน ชายแก่ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ที่ขมวดคิ้วเข้มและมีความเป็นไปได้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาได้ตลอดเวลา และทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าตัวเองทำสัญญาชีวิตไว้!


ถ้าเขาช่วยเด็กสาวไม่ได้ เขาจะต้องถูกฝังไปด้วยกับเธอ!


“มี! ทางอื่นอีก!”


พ่อมดเจียงฮูเป็นคนที่ไร้หัวใจ แต่ถ้าเขาทำไม่ได้ เขาก็อาจจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับหลานสาวของชายแก่ด้วยแน่ๆ!


เขาคือพ่อมดผู้เก่งกาจที่มากไปด้วยประสบการณ์แต่รับรองได้เลยว่าประสบการณ์มากมายของเขาจะไม่มีค่าอะไรเลยกับชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าเขา เขารอดจากศึกดำมืดมากมายและยังไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในระดับนี้ได้ ไม่ธรรมดาเลยนะ! เป็นคนที่เด็ดขาดจริงๆ!


“พูดมา!”


ชายแก่ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นและในดวงตาเปล่งประกายแห่งความหวังเล็กๆ


“หลานสาวของคุณไม่มีทางรอดจนถึงคืนนี้แน่ๆเพราะวิญญาณของเธอเสียหายอย่างมากแล้วแต่ครั้งนี้ ผมยินดีที่จะใช้เทคนิคการยืดชีวิตเพื่อยืดชีวิตของเธอออกไปอีกครึ่งปี! ถ้าภายใน 6 เดือนนี้คุณสามารถหาตัวเด็กหนุ่มนั่นมาได้ แล้วเอาเตาหลอมคืนมาได้ ผมก็ยังจัดองค์ประกอบทั้ง 5 และช่วยชีวิตหลานสาวของคุณได้”


“แต่ภายในระยะเวลา 6 เดือน ถ้าคุณเอาเตาหลอมคืนมาไม่ได้ หลานสาวของคุณกับผมก็ต้องตาย!”


วิธีนี้ในฐานะพ่อมด เขายังไม่พร้อมที่จะใช้เท่าไรเพราะเทคนิคการชีวิตแบบนี้ไม่ใช่แค่ว่าชายแก่และหลายสาวจะมีชีวิตต่อไปได้ แต่นี่เป็นการผูกชีวิตเขาไว้กับหลานสาวของชายแก่อีกด้วย!


ใช้วิญญาณของเขาเองเพื่อรักษาวิญญาณของเด็กสาวในขณะเดียวกันก็เป็นการแบ่งปันความเจ็บปวดของเด็กสาวมาที่เขาด้วย!


อีกอย่างตราบใดที่ยังมีการใช้วิธีนี้อยู่ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาทั้งคู่จะมีชีวิตได้อีกแค่ 6 เดือน! ถ้าภายใน 6 เดือนเขาหาเตาหลอมเจอ เขาก็จะสามารถดึงวิญญาณของตัวเองออกมาและแยกออกจากวิญญาณของเด็กสาวได้ แต่ถ้าหาไม่เจอเขาก็จะต้องตายไปพร้อมเด็กสาวด้วย!


“แบบนั้นก็ดีเลย! ครึ่งปีก็เพียงพอแล้ว!”


ดวงตาของชายแก่เปล่งประกายแสงแห่งความหวังและเขาไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนี้ด้วยอำนาจของเขา เขาจะหาคนภายในเวลา 6 เดือนไม่เจอ!


2 วันที่ผ่านมานี้เวลามันกระชั้นชิดเกินไป! ชายแก่ไม่ได้ถามว่าทำไมหลังจาก 6 เดือน พ่อมดจะต้องตายไปพร้อมกับหลานสาวเขาด้วย เขาไม่ได้สนใจที่อยากจะรู้เรื่องอะไรแบบนี้ เขาแค่อยากจะใช้หลานสาวรอดและใช้ชีวิตอย่างดีต่อไป!


“ต้องเตรียมอะไรหรือเปล่า?” ชายแก่จู้หลินถาม


“ไม่ต้อง” พ่อมดเจียงฮูโบกมือปฎิเสธ


“ขอพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆให้ผมก็พอ”


1 วันต่อมา


พ่อมดเจียงฮูก็เดินออกมาจากห้องมืดๆ เขามีอาการเหนื่อยอ่อนมากและผมที่เคยมีสีดำก็เปลี่ยนเป็นสีเทาภายในเวลาแค่หนึ่งวันและร่างกายเขาก็ดูจะไม่ค่อยแข็งแรงขึ้นมาในทันที วิญญาณของเขาได้รับความเสียหายและต้องใช้เวลาในการเยียวยาและในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าอาการเจ็บป่วยของเด็กสาววัย 17 ปีของบ้านนี้คืออะไร เธอเคยเจอแต่ “หมอ” แบบปกติทั่วไปและไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรตอนนี้เขาได้แบ่งวิญญาณกับเธอแล้วและเขาก็จะต้องทนรับความเจ็บปวดครึ่งหนึ่งของเด็กสาวด้วย

แต่ความเจ็บปวดเพียงแค่ครึ่งเดียวก็ทำให้เขาได้รู้ว่านี่คือโรคอะไร

เด็กสาวคนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่แถบไม่น่าเชื่อ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


“เป็นเพราะอาการป่วยของเด็กสาวงั้นเหรอ มันเป็นไปได้ยังไง?”


เขา พ่อมดผู้เก่งกาจเพียงได้เห็นว่าวิญญาณของอีกฝ่ายได้รับความเสียหายแต่เขาไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของความเสียหายนี้ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ว่าอาการเจ็บป่วยของเด็กสาวไม่ใช่อาการธรรมดา แต่เป็นการบุกรุกจากปีศาจร้ายบางตน!


แต่เขาไม่รู้ว่าเป็น “ปีศาจ” ตนไหน


“6 เดือน! มากที่สุดครึ่งปี คุณจะต้องหาเด็กหนุ่มนั้นและเอาเตาหลอมกลับมาคือนให้ผมให้ได้!”


พ่อมดเจียงฮูพูดกับชายแก่ตรงหน้าประตู เขาจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ครึ่งปี ถึงแม้เขาจะอายุ 70 แล้วแต่เขาก็ยังไม่อยากที่จะตาย ด้วยวิญญาณและพลังงานของเขามันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะมีอายุถึง 90


บทที่ 56: เจียอี้มาซื้อปลา


เมืองปักกิ่ง


วิลล่าที่ตกแต่งอย่างหรูหรา


“คุณอาหวัง จะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”


หลินเจียอี้นอนอยู่บนโซฟา สวมชุดสีชมพูพร้อมโบว์ที่มัดอยู่บนผมที่

ยุ่งเหยิงนิดหน่อย จากบนโซฟาที่กว้างขวางนี้เธอสามารถมองเห็นทุกอย่างได้เลย นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นมือก็กำลังถือรีโมททีวีคอยเปลี่ยนช่องไปมาด้วยความรู้สึกเบื่อ


เมื่อได้เห็นคุณอาหวังกำลังจะออกไปเธอจึงถามขึ้นมา


“ค่ะคุณหลิน”


คุณอาหวังพยักหน้า “ฉันจะออกไปตลาดหน่อยค่ะเพื่อหาซื้อผักและปลามาให้คุณทานหน่อย คืนนี้ฉันจะทำปลาผัดเปรี้ยวหวานให้คุณทาน”

คุณอาหวังอยู่กับหลินมาเกือบจะ 10 ปีแล้ว หรือพูดได้ว่าเธอโตมาเพื่อดูแลหลินเจียอี้ แน่นอนว่าคุณอาหวังจะต้องรู้อย่างดีกว่าเธอชอบกินอะไรบ้างและเธอชอบกินปลา ในครั้งนี้เธอเธอตามหลินเจียอี้มาที่ปักกิ่งด้วยนั่นไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากมาคอยดูแลเธอ


“โอ้”


หลินเจียอี้ถามต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


“ทำไมไม่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตละคะ? มันก็มีทุกอย่างเหมือนกัน”


คุณอาหวังยิ้ม “ถึงแม้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะมีทุกอย่างแต่ผักที่ตลาดก็สดกว่าเยอะเลย และฉันได้ยินมาว่าที่ตลาดก็มีของทุกอย่างเลยนะคะทั้ง ผัก, ปลา,ไก่, เป็ด แม้แต่อาหารทะเลก็มีนะคะ นี่เป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่งเลยนะคะ”


“อีกอย่างตลาดผักนี้เป็นทางผ่าน ที่ราชวงศ์ชิงตอนบ่ายสามจะมีการแสดงการประหารนักโทษด้วยความโกรธแค้น และฉันเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกและอยากที่จะไปดูซะหน่อยน่ะค่ะ”


คุณอาหวังยิ้มอย่างอายๆ ต่อหน้าหลินเจียอี้เธอไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรเลยเพราะหลินเจียอี้ไม่มีทางกล่าวโทษหรือตัดสินอะไรเธอเลย


“อะไรนะ!”


เมื่อหลินเจียอี้ได้ยินเรื่องการประหารนักโทษ โดยเฉพาะคำว่า

“ความโกรธแค้น” เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนๆหนึ่งขึ้นมาในใจ เป็นคนๆที่ดูเหนื่อยอ่อนและสวมชุดผ้าห่อศพ ที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เด็กหนุ่มคนนั้น

ใบหน้านี้วันนี้ได้มาโผล่อยู่ตรงหน้าเธอ ทำให้เธอดูลังเลนิดหน่อย เธอเดาว่าชายคนนี้เป็นผี ไม่ใช่คน!


ในเวลาเดียวกัน เธอก็หันไปมองห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่าและที่ชั้นสองก็ไม่มีใครอยู่ เธอรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อยจึงรีบพูดออกไปว่า


“คุณอาหวังฉันจะไปด้วยนะคะ ไปช้อปปิ้งกันเถอะค่ะ”


“ฉันก็อยากจะเห็นว่าตลาดสดในจินเปยจะเป็นยังไง จะเหมือนที่บ้านเราเหรือเปล่า”


เมื่อพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นและรีบวิ่งกลับไปที่ห้อง


“รอฉันเดี๋ยวนะคะ ขอฉันเปลี่ยนชุดก่อน”


หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็เดินคล้องแขนกันออกมาจากวิลล่าหรู…


“ติง!”


“ยินดีด้วยนะเจ้านายสำหรับการอัพเกรด ไปสู่ระดับที่ 10 แล้ว!”


มีดกำลังแกว่งไกว เมื่อหยิงเทียนหลินเริ่มฆ่าปลาอีกรอบ เสียงของการปรับระดับก็ดังขึ้นมาในหูของเขา


“เยี่ยมไปเลย! ระดับที่ 10! ฆ่ามา 2 วันแล้วในที่สุดก็ระดับที่ 10! แค่พลังการต่อสู้ทางร่างกายของฉันอย่างเดียวก็แตะที่ 40 แล้ว!”


นี่เป็นเช้าวันที่ 3 แล้วที่หนิงเทียนหลินอยู่ที่นี่ เขาเปิดประตูแห่งการแลกเปลี่ยนในวันแรกและได้คะแนนพลังงาน 20 คะแนน ส่วนที่เหลือถูกใช้เพื่ออัพเกรด 2 วันที่ผ่านมาเขาฆ่าปลาไปกว่า 200,000 ตัวแล้ว ซึ่งเท่ากับชีวิตคนกว่า 200 ชีวิต!


ปลาเกือบทั้งตลาดถูกเขาซื้อไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามการซื้อปลาจากร้านอื่นไม่ใช่ตัวละ 5 หยวนแต่เป็นตัวละ 6 หยวน แต่ตอนนี้เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องที่หนิงเทียนหลินห่วงอีกแล้ว! มันค่าไม่มีอะไรเพราะเขามีคะแนน!


“เยี่ยมไปเลย! ปลานี่น่าจะจัดการได้หมดภายในเที่ยงวันนี้ แล้วตอนบ่ายก็ไปเก็บของ อาบน้ำแล้วก็ไปรายงานตัวที่โรงเรียน”


“พรุ่งนี้โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว”


หนิงเทียนหลินตัดสินใจและเขาต้องอาบน้ำบ่ายนี้และกลิ่นมันค่อนข้างแรง กลิ่นปลาที่ตัวเขาแรงมาก และมันไม่ง่ายเลยที่จะล้างกลิ่นพวกนี้ออกหมด


“ฉับ! ฉับ!”

ด้วยมีดที่กวัดแก่ง หนิงเทียนหลินก็เริ่มที่จะฆ่าปลาอีกรอบ



หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง


“อะไรนะ! ขายหมดแล้ว? ทำไมถึงไม่มีปลาเหลือเลยล่ะ? คนในจินเปยชอบกินปลากันขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือที่นี่ไม่ได้เอาปลามาเยอะ?”


คุณอาหวังที่กำลังถือผักสดอยู่เต็มมือ มองไปที่เจ้าของร้านอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นร้านขายปลาร้านที่ 5 แล้วที่เธอเดินเข้ามาซื้อ แต่ก็เป็นอย่างที่คาดคือในอ่างมีปลามากมายหลายชนิด ยกเว้นปลาคาร์พ!

ไม่ใช่ว่าที่เธออยากได้ปลานี่เพราะมันแพงแต่เป็นเพราะอาหารจานโปรดของหลินเจียอี้คือปลาคาร์พผัดเปรี้ยวหวาน ถ้าไม่มีปลาคาร์พ ก็ทำผัดเปรี้ยวหวานให้อร่อยแบบนั้นไม่ได้เธอจึงยอมซื้อปลาคาร์พที่มีราคาแพง

แต่สิ่งที่ทำให้เธอสงสัยมากก็คือถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านขายปลาและร้านขายอาหารทะเลแต่กลับไม่มีร้านไหนที่มีปลาคาร์พขายเลย!


“หมายความว่าไงที่ว่าไม่มีปลาคาร์พ”


“แถวไหนของเมืองนี้ที่มีปลาคาร์พขายบ้าง? หรือร้านอาหารทะเลที่เราจะหาซื้อได้บ้าง!”


จินเปยภูมิใจในความเป็นคนจินเปยเสมอ ภายใต้รากฐานของเมืองแห่งจักรวรรดิ เขาไม่ค่อยมั่นใจ เมื่อได้ยินผุ้หญิงที่อยู่ตรงหน้าพูดอย่างไม่เต็มใจนัก


“คุณมาช้าไป ร้านนี้ขายหมดแล้ว!


“ถ้าอยากได้ปลาคาร์พ ก็ลองไปดูที่นั่น”


พูดจบ เขาก็โบกมือให้ผู้หญิง 2 คนออกจากร้ายไป

“ไม่เหลือเลยเหรอเนี่ย?”


คุณอาหวังไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นถนนที่ขายปลาคาร์พนะ และเธอรู้มาว่าที่นี่มีปราคลาร์พขายอยู่มากมายและทั้งหมดก็ถูกส่งมาจากข้างนอกด้วย


“พวกคุณไปเถอะ!”


“เจียอี้ เราลองไปดูตรงนั้นแล้วดูว่าจะหาปลาคาร์พได้ไหม ฉันไม่เคยเห็นปลาคาร์พถูกขายหมดไวแบบนี้เลย”


คุณอาหวังไม่อยากจะเชื่อ ปลาคาร์พทั้งตลาดหายไปไหนหมดเนี่ย? ปลาคาร์พขายดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?


“ค่ะ”


หลินเจียอี้พยักหน้า ตอนอยู่ที่บ้านเธอรู้สึกกลัว เธอรู้สึกเสมอว่าผีของเด็กหนุ่มนั้นอาจจะออกมาตอนไหนก็ได้ งั้นมันก็ไม่สำคัญว่าเธอจะอยู่ที่ไหน และเธอก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยด้วย ที่ปลาคาร์พทั้งตลาดหายไปไหนหมด?



“อีกแค่ 10 นาที ก็จะเสร็จแล้ว”


หนิงเทียนหลินโบกมีด ปลา 1 ตัวต่อ 2 วินาที และทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของปลา ในเวลาเดียวกันเขาก็พูดกับระบบการต่อสู้


“เก็บพลังงานที่เหลือทั้งหมด”


ด้วยปลาที่มากมายมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอัพเกรดเป็นระดับอื่นอีกและคะแนนก็ยังถูกเก็บไว้ด้วย ถึงแม้มันจะเล็กน้อยมันก็สามารถแลกเป็นเงินล้านหยวนได้ ซึ่งจะเอาออกมาใช้เมื่อไรก็ได้


“เจ้าของร้านคะมีปลาคาร์พบ้างไหมคะ?”


ในเวลานั้นก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นที่นอกร้านและภายใน 3 วินาที ประตูก็ถูกผลักเปิดเข้ามา หญิงสาวและเด็กสาวที่แต่งตัวด้วยสีสันสดใสก็ยืนอยู่ที่ประตูพอดีกับที่หนิงเทียนหลินนั่งลงที่พื้นพร้อมทั้งแบกซากปลาไว้ที่หลัง เขาไม่ทันได้เห็นว่าใครที่เดินเข้ามาในร้าน ในสายตาของเขามีเพียงแค่ปลาคาร์พัวสุดท้าย


ที่ประตูหลินเจียอี้ตอนที่เธอเห็นหลังของหนิงเทียนหลิน เธอถึงกับตะลึงทั่วทั้งร่างของเธอรู้สึกเย็นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ และแม้แต่ปากของเธอก็เปิดกว้างออกด้วยความประหลาดใจ!


ICSS บทที่ 57: ไม่ใช่ผีจริงๆด้วย


“ภาพลวงตาแน่ๆ! ต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ! ฉันจะเจอเขาที่นี่ได้ยังไง!”


หลินเจียอี้ แน่นอนว่าต้องจำคนๆนี้ได้ หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ยังไม่ถึง

5 วันเลย นี่คือชายที่ช่วยเธอจากน้ำมือของพวกแก๊ง แม้จะแค่ข้างหลัง แต่รูปร่าง ท่าทาง และทรงผมเขาเหมือนเดิมไม่มีผิด! ผู้ชายคนนี้คือคนที่ช่วยเธอวันนั้นแน่ๆ!


“มันจบแล้ว! เขาเป็นผี! เขามาหาฉันอีกแล้ว!”


ถึงแม้เขาจะเป็นผู้มีบุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตเธอ หลินเจียอี้ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเป็นผี ไม่ใช่คน! แต่ตอนนี้เขามาปรากฎต่อหน้าเธอและนี่มันดูจริงมากๆ! ทำไมเขายังตามรังควานเธออยู่อีก?


“จะอ้วก!”


ในเวลานี้คุณอาหวังที่ยืนอยู่ข้างเธอรีบหันตัวกลับแล้วอาเจียนออกมาเพราะทั้งห้องเต็มไปด้วยซากปลาตายและเลือดก็กองอยู่ทุกที่ ตอนที่ประตูถูกเปิดออกก็จะได้กลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายไปทั่ว ไม่ต่างอะไรกับโรงฆ่าสัตว์! ความสนใจของหลินเจียอี้อยู่ที่ร่างของหนิงเทียนหลิน เลยไม่มีปฎิกิริยากับเรื่องกลิ่นมากนัก


“ครับ?”


หนิงเทียนหลินหยุดการแคลื่อนไหวแล้วหันกลับมา แน่นอนเขาได้ยินเสียงอาเจียนอย่างชัดเจนจนต้องหันกลับมา แต่แค่เพียงมองแว่บเดียวเขาก็ถึงกับตัวแข็งเพราะเขาได้เจอกับเธอ นี่คือเด็กสาวที่เขาได้ช่วยชีวิตจากน้ำมือของพวกแก๊งที่ชานเมืองในจินฉวน!


เธอมาที่นี่!

ปฎิกิริยาแรกของเขาคืออีกฝ่ายหาเขาเจอด้วยความตั้งใจ ไม่งั้นจะเป็นไปได้ยังไงที่จะมาเจอกันในร้านขายปลาในตลาดสดแบบนี้ในเมืองจิงเปยแบบนี้ต้องเป็นการมาตามหาเขาแน่ๆ!


“สตาร์วอร์ส เกิดอะไรขึ้น นายไม่ได้ลบข้อมูลฉันงั้นเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? เธอตามหาฉันเจอได้ยังไง?”


หนิงเทียนหลินคิดว่าคงเป็นเพราะพ่อของเธอแน่ๆ เธอเจอเขาด้วยความตั้งใจ เขามองไปรอบๆตัวและด้านหลังของเด็กสาว เด็กสาวคนนี้จะมาคนเดียวได้ยังไง? บางทีอาจจะมีบอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่ตามเธอมาด้วยก็ได้


“นายถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร”


สตาร์วอร์สตอบอย่างเยือกเย็นและเขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาอยู่ที่ประตูได้ยังไงแต่เขากล้าการันตรีเลยว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆที่ข้อมูลของเจ้านายเขาจะรั่วไหลออกไป ไม่ต้องพูดถึงข้อมูลในเรื่องเครือข่ายเลยเพราะทั้งหมดได้รับการตรวจสอบหมดแล้ว แม้แต่ภาพวีดีโอก็ถูกล้างโดยระบบไปหมดแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาข้อมูลของหนิงเทียนหลินจากที่ไหนเลย!

บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องของโชคชะตาในตำนาน…


“ผิดแล้ว! คนที่มาด้วยกับเธอเพิ่งจะถามว่ามีปลาคาร์พขายหรือเปล่า?”


ทันใดนั้นหนิงเทียนหลินก็รับรู้ถึงบุคคลอีกคนที่มาด้วย อีกฝ่ายอาจจะเจอเขาด้วยความบังเอิญแต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่านี่จะเป็นไปได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดเขาไม่อยากที่จะเจอเด็กสาวคนนี้โดยเฉพาะพ่อของเธอ และความรู้สึกที่รุนแรงของพ่อเธอทำให้เขามั่นใจมากว่ามันช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องได้เจอและมีเรื่องกับพ่อเธออีกครั้ง!


“เธอมาได้ยังไง? หาที่นี่เจอได้ยังไง?”


หนิงเทียนหลินขี้เกียจที่จะคาดเดาเรื่องอะไรแบบนี้ เลยถามออกไปตรงๆ แล้วถ้าข้างนอกมีคนเป็นโหลรออยู่ล่ะ พลังการต่อสู้ของเขาตอนนี้

ข้างนอกจะมีกี่คน เขาจะสู้ได้เท่าไร! น่าตื่นเต้นจริงๆ เขากล้าที่จะฆ่าให้หมดทุกคนเลย!


อย่างไรก็ตามน้ำเสียงเขาก็ยังสบายๆเพราะเขาจำได้ว่าเด็กสาวร้องไห้เพื่อที่จะกันพ่อเธอจากการทำร้ายเขา และถึงขนาดพาพ่อเธอขึ้นไปหาหลักฐานทีละชั้นเองเลยก็ดูไม่แย่เท่าไร


“อะไรน่ะ!”


แต่หลินเจียอี้ไม่ได้ตอบอะไร ตอนที่เธอได้ยินคำถามของหนิงเทียนหลิน เธอตะโกนและมองเข้าไปในร้านเพราะในเวลานี้หนิงเทียนหลินกำลังถือมีดไว้ในมือและที่หน้าก็เต็มไปด้วยเลือด เลือดของปลาคาร์พ นี่ดูน่าสยองและเลอะเทอะมากเลย


ควบคุมกับที่ในใจของหลินเจียอี้ หนิงเทียนหลินคือผี งั้นคำถามนี้ทำให้เธอตกใจโดยตรง ตะโกนและรีบวิ่งหนีออกไป


“เกิดอะไรขึ้น! เป็นอะไรเหรอเจียอี้”


คุณอาหวังที่กำลังอาเจียนรีบฝืนอาการคลื่นไส้ เช็ดปากและรีบวิ่งตามหลินเจียอี้ไปทันที เธอรักงานนี้มาก ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลยและเธอก็ทำหน้าที่อย่างดี นอกจากนี้หลินเจียอี้คือคนที่เธอเฝ้าดูการเจริญเติบโตมาโดยตลอดจนเกิดความรักใคร่ งั้นเมื่อเธอได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของหลินเจียอี้เธอก็รีบลุกขึ้นมาทันที


“ผี!”


“ผี!”


ใบหน้าของหนิงเทียนหลินทำให้เธอกลัวขึ้นมาจริงๆ ถึงแม้ว่าเลือดพวกนี้จะมาจากเลือดปลาก็ตามแต่เลือดปลาเป็นแสนๆตัวก็ทำให้หน้าของหนิงเทียนหลินดูหน้ากลัวมากๆเลย ควบคูไปกับเงาดำมืดในใจของเธอที่คิดไปแล้วว่าหนิงเทียนหลินคือผี


“เปล่า! เขาไม่ใช่ผี!”


ในเวลานี้คุณอาหวังหันกลับมามอง โดยเฉพาะเมื่อเธอได้เห็นหนิงเทียนหลินที่เดินออกมาจากร้าน เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดและทันใดนั้นเธอก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องเป็นเพราะที่หลินเจียอี้คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผีแน่ๆ จึงรีบอธิบายออกไป


“เลือดพวกนั้นเป็นเลือดของปลาค่ะ ไม่ต้องกลัว! ดูสิคะ ยังมีเกล็ดปลาอยู่บนตัวเขาเลยเห็นไหม?”


เมื่อพูดจบ เธอก็ลองแตะที่ตัวของหนิงเทียนหลินเพื่อที่จะมอบความกล้าให้หลินเจียอี้ เมื่อหลินเจียอี้ได้ยินคำอธิบายและเห็นการกระทำดังกล่าว เธอก็หยุดเดินหนี


“เลอะเทอะอะไรอย่างนี้เนี่ย!”


หนิงเทียนหลินยอมให้คุณอาหวังแตะที่ตัวเขาแต่เขาก็ไม่ใช่หุ่น จึงหันเพื่อหลบอย่างง่ายๆและร่างกายของเขาก็ออกมาจากชายคาและยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด


“ดูสิ! เจียอี้!” เขายืนอยู่กลางแดดได้ด้วย ผีที่ไหนจะทำแบบนี้ได้! และเห็นไหม เขามีเงาด้วย ผีต้องไม่มีเงาสิใช่ไหม!”


คุณอาหวังรีบอธิบายพร้อมทั้งรู้สึกเสียใจที่พาหลินเจียอี้มาที่นี่ด้วย

เธอคิดว่าเป็นเพราะภาพเหตุการณ์นี้ที่ทำให้หลินเจียอี้กลัว เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน


“จริงๆ…ไม่ใช่ผีจริงๆ…”


หลังจากที่ได้ฟัง หลินเจียอี้ก็มองไปตำแหน่งของหนิงเทียนหลินและเธอก็ได้เห็นเด็กหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเธอชัดๆ กำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์และก็ยังมีเงาอยู่ด้วย ใกล้จะสิ้นเดือนสิงหาคมและตอนเที่ยงแบบนี้ เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของวันเลย แล้วเธอก็ค่อยๆเงยหน้าและจ้องไปที่หน้าของหนิงเทียนหลิน


“นายเป็นใคร? นายเป็นผีใช้หรือเปล่า”


หนิงเทียนหลินไม่ได้ตอบคำถามน่าขำนี้ เขาจะเป็นผีได้ยังไงถึงแม้เขาจะฟื้นคืนชีพมาจากหยินเชาไต้ฟูก็เถอะ อีกอย่างมันก็เหลือปลาคาร์พ

ไม่มากแล้วด้วย หลังจากฆ่าพวกมันหมดเขาก้พร้อมที่จะไปรายงานตัวที่โรงเรียนแล้ว


“เอ่อใช่! พ่อหนุ่ม เรามาเพื่อซื้อปลาและอยากได้ปลาคาร์พหน่อย”


คุณอาหวังคิดว่าเรื่องเข้าใจผิดได้คลี่คลายแล้วและไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว เธอขอซื้อปลาเพื่อที่จะได้รีบกลับ แต่หลินเจียอี้ที่ยืนถัดจากเธอกลับจ้องไปที่ตาของหนิงเทียนหลินในเวลานี้และพูดออกมาอย่างจริงจังเพราะในเมื่อเขาไม่ใช่ผี


“นายมาที่นี่ทำไม? ตามฉันมาทำไม?”


ICSS บทที่ 58: เขาชอบปลา


“ตามเธอเหรอ?”


หนิงเทียนหลินตัวแข็งแล้วก็รู้สึกขำหน่อยๆ


“ทำไมฉันต้องตามเธอด้วย? ฉันมาที่นี่เพราะฉันมีธุระบางอย่าง”


ในเวลาเดียวกันเขาก็จ้องไปที่คุณอาหวัง


“ที่นี่ไม่มีปลาคาร์พขาย คุณไปที่อื่นเถอะ”


เมื่อพูดจบโดยไม่รอคำตอบจากทั้ง 2 สาว เขาก็ปิดประตูทันทีพร้อมทั้งล็อคประตูจากด้านในทันที


เขาแค่อยากจะผ่านวันนี้ไปอย่างเงียบๆและกลับไปที่โรงเรียน เด็กสาวร่ำรวยแบบหลินเจียอี้และคนแบบพ่อเธอ เขาไม่อยากที่จะยุ่งด้วยหรอก


“นาย! นายทำแบบนี้ได้ยังไง?”


หลินเจียอี้ไม่ได้คาดว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้และเขาไม่แม้จะอธิบายกับเธอด้วยซ้ำ เธอเลยรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อยแต่เมื่อเธอคิดถึงที่อีกฝ่ายจากไปเมื่อวันนั้นทำให้เธอและครอบครัวไม่พอใจอย่างมาก


“คนพวกนี้เป็นใครกัน? นี่ร้านขายปลาไม่ใช่เหรอ?”


ถึงแม้คุณอาหวังจะเป็นพี่เลี้ยงแต่ในจินฉวน หลายร้านก็ดีใจเมื่อได้เห็นเธอมาก เธอเป็นพี่เลี้ยงของตระกูลหลินในเมืองเล็กๆอย่างจินฉวนซึ่งมีหลายคนที่อยากจะเข้ามาทำธุรกิจด้วยมากมาย

เธอไม่ใช่พี่เลี้ยงธรรมดาๆนะ!


“ไปเถอะ เจียอี้ ไปกัน ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกัน! อย่ามาที่นี่อีกเด็ดขาด”

คุณอาหวังเริ่มจะรู้สึกโมโหเลยพูดออกไปและทันทีที่เธอกำลังจะดึงมือหลินเจียอี้ เธอก็ต้องรู้สึกแปลกหน่อยๆ เพราะตอนนี้คุณหลินพูดออกมาว่า “นายตามฉันมาทำไม?” พวกเขารู้จักกันงั้นเหรอ?

เธอรู้สึกอยู่ในใจว่าไม่อยากให้คุณหลินมาค้องเกี่ยวอะไรกับคนฆ่าปลานี่ และอีกฝ่ายก็ดูหยาบคายและไม่เอาไหนมากๆด้วย

ทันใดนั้นหลินเจียอี้ก็ถูกดึงออกมาจากที่นั่น


“ปัง!”


“ปัง!”


“ปัง!”


เมื่อหลินเจียอี้สะบัดมือหลุด เธอรีบตรงเข้าไปทุบประตูร้านขายปลาพร้อมทั้งพรั่งพรูคำพูดออกมามากมาย


“นายยังโกรธพ่อฉันอยู่งั้นเหรอ? พ่อไม่รู้ว่านายช่วยชีวิตฉันไว้จริงๆ แต่คิดว่านายเป็นอีกคนที่มาหลอกท่าน นายบอกฉันมานะว่าวันนั้นโจรพวกนั้นหายไปไหน? ทำไมในบ้านถึงไม่มีอะไรเลย?”


ถ้าศพพวกนั้น, กองเลือด, มีดมากมายและปืนยังอยู่ที่นั่นมันก็คงไม่มีการเข้าใจผิดกันหรอก เธอสงสัยเรื่องนี้มาตลอดว่าของพวกนั้นมันหายไปไหนกัน? วันนั้นเด็กหนุ่มแค่ลงมาทีหลังเธอเล็กน้อย แต่ทุกอย่างก็หายไปหมดแล้ว!


ทุกอย่างวันนั้นเหมือนอย่างกันความฝัน!

ไม่ว่าเขาจะปลุกตัวเองมากแค่ไหนมันก็กลับไปแก้อะไรในห้องนั้นไม่ได้แล้ว แล้วหนิงเทียนหลินจะอธิบายเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ


“นายเปิดประตูมาเลยนะ! แล้วเงิน 400,000 หยวนอีกล่ะ ฉันให้นายยืมแค่ 4,000 หยวนเองนะ ทำไมนายถึงคืนฉันมาตั้ง 400,000 หยวนล่ะ? แล้วนายรู้เลขบัญชีฉันได้ยังไง?”

หลินเจียอี้ยังคงเคาะประตูและถามต่อไปเรื่อยๆ

ทุกอย่างมันแปลกไปหมด วันนี้เธอจะต้องถามให้รู้เรื่อง ไม่งั้นเธอนอนไม่หลับแน่ๆ! ที่ผ่านมากลายเป็นว่าเธอใช้เหตุผลที่ว่าเขาเป็นผีเพื่อหลอกตัวเองแต่ตอนนี้ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่ผี งั้นเรื่องทุกอย่างมันก็น่าสงสัยไปหมด จะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ว่ายังไง!

เรื่องนี้มันตามหลอกหลอนจิตใจเธอมาตลอด!


“ใครกันที่จะรวยขนาดนั้นและยอมที่จะให้เงินคนอื่นตั้ง 400,000 หยวน!”


ภายในร้านหนิงเทียนหลินพร้อมกริซที่อยู่ในมือยังคงฆ่าปลาอย่างเร่งรีบ ใน 10 นาทีเขาก็คงจะจัดการทั้งหมดเสร็จ แล้วจะได้ไปอาบน้ำแล้วกลับไปที่โรงเรียน แต่เมื่อเขาได้ยินหลินเจียอี้ที่อยู่ข้างนอกพูดถึงเงิน 400,000 หยวน หัวใจเขาก็ถึงกับกระโดดโลดเต้น


“ทำไมล่ะ? แน่นอนว่านั่นเพื่อเกียรติของระบบการต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาล! มันช่างสูงส่งเหลือเกิน!”


หนิงเทียนหลินฆ่าตกรรมแต่ในใจเขาก็หวังว่อีกฝ่ายจะให้เงินเขา 400,000 หยวนหลังจากที่เขาได้ช่วยชีวิตเอไว้!


“ฉับ!”


“ฉับ!”


หนิงเทียนหลินขี้เกียจที่จะคิดเรื่องนี้ ยังไงซะตอนนี้เขาก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินแล้ว ไม่ว่าจะต้องการเท่าไรขอแค่เวลาให้เขาหน่อย เขาก็กล้าที่จะท้าดวลกับคนที่รวยที่สุดในโลกอย่างบิลล์ เกต์สได้เลย! แค่เงิน 400,000 ไม่ได้หายากอะไรหรอก เขาโบกมือและยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง


“พูดมาสิ! พูดออกมา!”

หลินเจียอี้ที่อยู่นอกร้าน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเธอเลย ก็ยิ่งเคาะประตูแรงขึ้นๆจนมืออันบอบบางเริ่มจะเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่เปิดประตูออกมาแน่ๆไม่ว่าเธอจะทุบประตูแรงแค่ไหน มันก็ไม่มีอะไรแตกต่าง


“เจียอี้ คุณหนู…รู้จักกันเหรอคะ?”


ในเวลานี้แน่นอนที่คุณอาหวังเริ่มที่จะเห็นเค้ารางๆแล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องที่พวกเขาคุยกัน เรื่องเงิน 400,000 เธอไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไร เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น หลินซวงไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย!


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่เลี้ยงอย่างเธอ หรือภรรยาของหลินซวง แม่ของหลินเจียอี้ เขาก็ไม่เล่าให้ฟังเช่นกัน! เรื่องแบบนี้ผู้ชายสามารถจัดการเองได้และจะถือเป็นภาระของตัวเอง ซึ่งจะไม่เอามาทำให้ครอบครัวต้องเป็นห่วง


“ค่ะ”


หลินเจียอี้พยักหน้า


“คุณอาหวัง กลับไปก่อนนะคะ หนูจะรอจนกว่าเขาจะออกมาแล้วเดี๋ยวหนูจะกลับไปเอง”


หลินเจียอี้ไม่อยากให้คุณอาหวังเข้ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้ด้วยและเรื่องนี้จะต้องห้ามบอกพ่อของเธอไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้พ่อของเธอก็กำลังพลิกโลกเพื่อตามหาเขาอยู่ด้วย!!

ทันทีที่ความคิดของเธอกลับมา เธอก็พูดต่อ


“คุณอาหวัง เขาเป็นเพื่อนของหนูที่โรงเรียนอยู่ที่เมื่องจินฉวนเหมือนกับเรา ครอบครัวเขาจนมากเลยมาทำงานช่วงปิดเทอมหน้าร้อน เขามาที่นี่เพื่อฆ่าปลาและขายปลา ครั้งล่าสุดหนูให้เขายืมเงินไป 4,000 เหรียญ แล้วเพิ่งจะคืนมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง หนูไม่คิดว่าเขาจะได้เงินจากการฆ่าปลาและขายปลาอยู่ที่นี่”


“เงิน 400,000 เป็นเงินค่าใช้จ่ายที่พ่อให้มาสำหรับช่วง 2-3 ปี หนูเข้าใจผิดเอง”


ในขณะที่กำลังโกหก เธอก็ดันให้คุณอาหวังออกมาด้วย


“คุณอาหวัง กลับไปก่อนนะคะ หนูจะรอจนกว่าเขาจะออกมาก เขาเป็นเพื่อนหนู ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมื่อเขาออกมา หนูจะชวนเขาไปทานข้าวด้วย เขาชอบปลามาก เขาอาจจะไม่อยากให้หนูต้องมาเห็นเขาฆ่าปลาที่นี่ ที่กลัวเมื่อกี้ก็แค่เรื่องล้อเล่นน่ะค่ะ”


หลินเจียอี้ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเธอจะเล่าเรื่องโกหกได้เนียนขนาดนี้และทันทีที่เธออ้าปาก ข้ออ้างเรื่องเมืองจินฉวน, เพื่อร่วมชั้นเรียน ก็คงช่วยให้คุณอาหวังคลายข้อสงสัยไปได้บ้าง


“งั้น…ก็โอเคค่ะ ในเมื่อเป็นเพื่อนที่โรงเรียนของคุณหนู อาก็จะไม่ห้ามแล้ว”


เธอรู้ดีว่าถ้าเป็นเธอการเจอเพื่อนตอนที่กำลังซื้อปลาอยู่ในต่างเมืองอย่างปักกิ่งก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่กับหลินเจียอี้เอไม่ค่อยอยากที่จะเชื่อเท่าไร


แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลินเจียอี้ไม่เคยที่จะโกหกเธอเลย งั้นมันก็อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้


“แต่รีบกลับนะคะ นี่ก็เกือบจะ 11 โมงแล้ว คุณหนูต้องกลับบ้านก่อน 6 โมงเย็นนะคะ”


คุณอาหวังพูด 6 โมงเย็นตอนสิ้นเดือนสิงหาคมมันก็ยังสว่างอยู่ยังไม่ถึงกับมืดเท่าไร


“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณอาหวัง”


หลินเจียอี้ผลักให้คุณอาหวังกลับไปแล้วหันกลับมา ท่าทางไม่ค่อยพอใจแล้วนั่งลง มองจ้องไปที่ร้านที่ติดป้ายว่า


“ห้ามเปิดประตู! ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ในห้องนั้นมีแต่เลือด กลิ่นปลาก็เหม็นจะตาย นายจะอยู่ในนั้นไม่ออกมาได้ยังไง!”


“ฉันจะรอให้นายออกมาตรงนี้นี่แหละ!”


ICSS บทที่ 59: การอาบน้ำจินซูวาน


“ฉันไปเป็นเพื่อนร่วมห้องเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน?”


เมื่อหนิงเทียนหลินได้ยินดังนั้น แน่นอนที่เขาต้องได้ยินการสนทนาข้างนอกอยู่แล้วซึ่งนี่เป็นสิ่งที่หลินเจียอี้ตะโกนเป็นเรื่องสุดท้าย เขาได้ยินอย่างชัดเจน จากเรื่องนี้เขาพูดได้อย่างเดียวว่าอีกฝ่ายเป็นจอมโกหก

เธอมาจากเมืองจินฉวนแต่เธอมาอยู่ห้องเดียวกับเขาเมื่อไรกัน ไม่ได้เรียนชั้นเดียวกันด้วยซ้ำ! และเขาก็จนมากด้วยแต่ตอนนี้เขาห่างไกลจากความจนมากเลย! มีอะไรต้องเผชิญหน้า ทำไมเขาจะไม่กล้าออกไป

ไร้สาระสุดๆ!


แล้วเขาก็มองขึ้นไปที่หน้าต่างบนกำแพง หลินเจียอี้คงจะต้องผิดหวังซะแล้วล่ะ ถ้าไม่ออกทางประตูงั้นก็หน้าต่างและลูกกรงเหล็กที่หน้าต่างก็ขึ้นสนิมแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้วก็คงไม่ยากเท่าไรที่จะหักลูกกรงพวกนี้


ในเมื่อเธอพูดเรื่องโกหก งั้นก็รอต่อไปแล้วกัน!

อันที่จริงหนิงเทียนหลินไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบหน้าเธอ เขาแค่ไม่รู้ว่าจำตอบคำถามที่เธออยากจะรู้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นในกรณีนี้การหายไปก็คงจะดีกว่า


อีกอย่างประชากรของเมืองจินเปยนี้ก็มีเป็นสิบๆล้าน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะไปบังเอิญเจอกันที่โรงเรียน งั้นก็ทำให้เรื่องนี้ผ่านไปซะที


“พลังงานเท่าไร?”


13 นาทีต่อมา หนิงเทียนหลินก็ฆ่าปลาคาร์พหมดแล้ว และตอนนี้เขาก็เริ่มถามสตาร์วอร์สคะแนนพลังงานตอนนี้แล้ว เขายังจำได้ตั้งแต่แรกว่าเขามีคะแนนพลังงานอยู่ที่ 20 คะแนนแล้วก็ใช้อัพเกรดไปหมด


“38 คะแนน บวกอีก 18 คะแนน” สตาร์วอร์สตอบ

“เปลี่ยนคะแนนพลังงาน 20 คะแนนเป็นเงินและใส่เข้าไปในบัญชีแล้ว”


หนิงเทียนหลินคิดถึงเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะแลกมันเป็นเงิน 20 ล้านหยวน ครั้งที่แล้วเขาใช้ไปเกือบหนึ่งล้านหยวน และครั้งนี้เขาเกรงว่าคงจะต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่และก็คงจะต้องการเงินเหยอะหน่อย


“การแลกเปลี่ยนสำเร็จแล้ว”


ทันใดนั้นสตาร์วอร์สก็ทำรายงานสำเร็จแต่หนิงเทียนหลินไม่ได้เช็คยอดเงินเพราะเขากลัวว่าตัวเองจะอดขำออกมาไม่ได้

20 ล้านหยวน คนมากมายที่ต้องดิ้นรนหามาทั้งชีวิตก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเงินก้อนนี้มาได้!


“ปัง! ปัง!”


ไม่นานหนิงเทียนหลินก็ยืนขึ้นและบิดลูกกรงเหล็กขึ้นสนิมที่หน้าต่างด้วยมือของเขาเอง เขาทิ้งลูกกรงลงที่พื้นแล้วกระโดดออกไปทันทีและหันมาทางหน้าต่าง เขากระโดดลงมายืนอย่างมั่นคงที่พื้นโดยไม่แม้ที่จะล้มไปกองกับพื้น


“ไปล่ะ!”


หนิงเทียนหลินกำลังยืนอยู่ที่ด้านหลังถนน จ้องไปที่หน้าต่างและก้าวออกไป ค่าเสียหายของหน้าต่างน่าจะประมาณ 1-2 ร้อยเหรียญ เจ้าของร้านขายปลานี้ทำเพื่อเขามามากแล้วและไม่ควรจะต้องมารับภาระอะไรอีก


“จะเอาเงินสดมาได้ยังไง?”


เงินปัจจุบันของหนิงเทียนหลินอยู่ในรูปของยอดเงินที่เก็บอยู่ในบัญชีระหว่างดวงดาวที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยสตาร์วอร์สเอง ทั้งหมดอยู่ในม่านแห่งแสงในจิตใจของเขาเอง เขาเลยลองโอนด้วยตัวเองแล้วและหลินเจียอี้ก็ได้รับโดยตรง ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าสตาร์วอร์สทำได้ยังไงก็ตาม

แต่เมื่อตอนนี้ที่เขาต้องการเงินสด เขาต้องใช้การ์ดด้วยหรือเปล่า?


“นายจะถอนออกมาเมื่อไรที่นายต้องการก็ได้”


สตาร์วอร์สตอบกลับมา


“บัตรเครดิต 10 ล้าน รหัส 666 และเงินสดอีก 10 ล้านถูกฝากไว้ในแหวนอวกาศของนายแล้ว ถ้านายอยากจะให้ทั้งหมดเป็นเงินสดหรือทั้งหมดอยู่ในบัตรก็ได้หมดเลย หรือแม้แต่ถ้านายอยากได้บัตรเครดิตของธานาคารไหนจะในประเทศ, ยุโรป, สหรัฐ หรือแม้แต่ของสวิตก็บอกมาได้เลยนะ”


“โอเคเลย!”


หนิงเทียนหลินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและในเวลาเดียวกันเขาก็มองไปที่แหวนที่อยู่ในมือและมั่นใจมากว่าตัวเองเห็นการ์ดสีดำและมีกองเงินมากมายถูกกั้นอยู่ในนั้น ลอยอยู่อย่างเงียบๆ


เขาขยับและก้อนเงิน 100 หยวนก็มาปรากฎอยู่ที่มือเขา เขาไม่ได้นับแต่รีบเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงทันที


เดี๋ยวค่อยใช้เงินทีหลัง!



ณ เวลาเที่ยงครึ่ง พระอาทิตย์ส่องแสงร้อนแรงมาก ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของวันแต่กลัวไม่ค่อยมีคนถนนยางมะตอยนี้เลยแต่ทุกคนที่เดินผ่านต่างก็มองมาที่ร่างกายของหนิงเทียนหลิน

เพราะร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด ไม่เว้นแม้แต่ที่หน้า หลังจากที่ต้องเฉือดปลาอยู่นาน 3 วันก็เหมือนเขาต้องไปนอนจมอยู่ในทะเลเลือดเลย นี่ถ้าตอนนี้เขาถือมีดอยู่ในมือคนอื่นก็คงจะคิดว่าเขาเป็นฆาตกรและคงจะแจ้งตำรวจไปแล้ว


คะแนนพลังงาน 10 คะแนน!


คะแนนพลังงาน 10 คะแนนเพื่อชำระล้างร่างกาย แต่ยังคงมีพวก

แบคทีเรียที่เขาไม่สามารถล้างออกจากตัวได้!


“ทำไมล่ะ!”


นี่คือปฎิกิริยาแรกของหนิงเทียนหลิน ร่องรอยของการฆ่าถูกล้างออกไปได้อย่างง่ายดาย แล้วทำไมรอยเลือดนี้บนตัวเขาถึงต้องใช้พลังงานตั้ง 10 คะแนนเลยล่ะ! นี่มันตั้ง 10 ล้านหยวนเลยนะ! เขาต้องทำงานอย่างหนักตั้งหลายชั่วโมง!


“เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องกำจัดหลักฐานเพื่อที่ตัวฉันเองจะได้อยู่ได้อย่างปลอดภัย แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่!” สตาร์วอร์สตอบออกมาอย่างสบายๆ


เมื่อเป็นแบบนี้หนิงเทียนหลินไม่สามารถที่จะเดินบนถนนในสภาพแบบนี้ได้ เขาต้องมองหาที่อาบน้ำ เขาแค่ยังไม่รู้เกี่ยวกับประตูแห่งการแลกเปลี่ยนของระบบการต่อสู้ ถ้าเขาเข้าไปถึงบริเวณที่ขายของจิปาถะได้เขาก็คงจะหาน้ำ, ถัง, สบู่ และแม้แต่เสื้อผ้าได้! อย่างไรก็ตามอันที่ถูกที่สุดก็ยังต้องใช้พลังงานนิดหน่อยอยู่ดี เพราะในประตูแห่งการแลกเปลี่ยนนี้ ไม่มีอะไรที่น้อยกว่า “1” เลย ไม่มี 0.5, 0.1 ไม่มีเลย! ถึงแม้ถ้าหนิงเทียนหลินจะหาเจอ แต่เขาก็คงจะไม่ใช้มันอยู่ดี

1 คะแนนคือ 1 ล้านหยวนเลยนะ!


“อ่าวจินซู”


ในเวลาไม่ถึง 15 นาที หนิงเทียนหลินก็จอโรงอาบน้ำในถนนเส้นนี้และมันก็ใหญ่ซะด้วย มันเป็นโรงอาบน้ำที่ใหญ่จริงๆ มีทั้งหมด 7 ชั้น มีห้องอาหาร, คาราโอเกะและอื่นๆอีก


ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาก็คงจะหันหลังกลับเพราะที่แบบนี้ สถานที่หรูหราแบบนี้คนธรรมดาแบบเขาไม่มีปัญญาจ่ายได้เลย


ถ้าไม่มีเงินเป็นร้อยเป็นพันเหรียญ เดาได้เลยว่าคนแบบเขาไม่มีทางได้อาบน้ำที่นี่แน่ๆ นั่นรถเบนซ์, รถบีเอ็มดับเบิ้ลยู, และออดี้จอดเต็มหน้าประตูไปหมดใช่ไหม?


มีแค่ตอนนี้ที่เขาหยุดแล้วจึงเดินตรงเข้าประตูสีทองไป กระเป๋าเต็มไปด้วยเงินและตอนนี้เขาก็มีความมั่นใจที่จะทำอะไรก็ได้! อีกอย่างเขาต้องล้างคราบไคล้ ตอนนี้เนื้อตัวเขามีแต่เลือด, เหงื่อ และเมือกลื่นๆ!


ICSS บทที่ 60: เริงร่าในโรงอาบน้ำสุดหรู


“อ่า เฮ้ ปาจี ดูชายคนนั้นสิ!”


หนิงเทียนหลินเดินตรงเข้าไปที่ประตูของจินซูวาน รปภ.ที่ประตูเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาจึงรีบตะโกนเรียกเพื่อน เพราะค่อนข้างจะกังวลกับการปรากฎตัวของเขา เขายังไม่เคยเห็นใครที่เดินเข้ามาที่นี่ด้วยเนื้อตัวเปื้อนเลือดแบบนี้เลย


“ว่าไง? ชอบหรือเปล่า? เท่ไหมล่ะ?”


ปาจีค่อนข้างจะสับสน ตอนบ่ายๆแบบนี้เขารู้สึกง่วงมากๆ เขาถือโทรศัพท์ไว้ในมือที่สั่นเทา เขาแทบจะล้มลงไปกองที่พื้น เขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายและมองไปที่ทางเดิน เขาทำเป็นพูดตลก

เท่อะไรกันว่ะเนี่ย! มีแต่เลือด!


เขารีบยืนขึ้นมาทันที และเหมือนกับเพื่อนของเขาที่มองไปที่หนิงเทียนหลินด้วยท่าทางเป็นกังวล คนแบบนี้จะให้เข้าไปดีไหมน่ะ?


ถ้าให้เข้าไปก็กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้แขกคนอื่นๆแต่ถ้าไม่ให้เข้าไปก็กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้พวกเขาแทน!


พวกเขาเป็น รปภ. แต่ก็เป็นคนธรรมดาด้วย พวกเขารู้สึกกลัวสุดใจเลย!


“อะไร…อะไร?”


เมื่อเห็นว่าหนิงเทียนหลินกำลังจะมาถึงตัวพวกเขา ทั้งสองคนมองกันและกันด้วยความลังเล แต่แล้วทั้งสองคนก็ย่นจมูกพร้อมกันเพราะกลิ่นปลาที่แรงมากๆลอยเข้ามาแตะจมูกพวกเขาอย่างจัง


ชาย 2 คนแทบจะเป็นลมในทันที บ้าเอ๊ย นี่มันคนฆ่าปลาชัดๆ! นี่มันมีแต่เลือดของปลา!

พวกเขากลัวกันสุดๆ!


“อาบน้ำ, กิน, ร้องเพลง, ชิล, อะไรก็ได้ที่เขาทำได้ที่นี่!”


ถึงแม้หนิงเทียนหลินจะเคยมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรกแต่เขาก็แกล้งทำเป็นว่าไม่ใช่แบบนั้น เขาเอื่อมมือที่สกปรกออกมาแล้วหยิบบึกเงินออกมาจากกระเป๋าและยังไม่ทันได้นับก็โยนเงินทั้งหมดไปที่ รปภ. พร้อมทั้งพูดว่า


“เอาไป ซื้อชุดจากร้านไฮหนาน เฮ้าส์มาให้ฉันที เอารองเท้าแล้วก็เข็มขัดด้วย สูง 175 รองเท้าหนังไซต์ 42”


“ส่วนเงินที่เหลือก็ถือว่าเป็นรางวัลของพวกนาย”


“ฉันจะอยู่ข้างบน ซื้อแล้วเอามาให้ฉันด้วย”


เมื่อพูดจบโดยไม่รอให้ รปภ. ตอบอะไรกลับ เขาก็เดินตรงไปที่ประตูโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา


ไฮหนาน เฮ้าส์เป็นเสื้อผ้าแบรนด์ หนิงเทียนหลินไม่เคยใส่หรอกแต่เขาได้ยินมาจากโฆษณา “ไฮหนาน เฮ้าส์ ชุดสำหรับคุณสุภาพบุรุษ” และเขาก็พอจะรู้ราคาของเสื้อผ้าแบรนด์นี้มาบ้าง


เพราะหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของเขามักจะสวมเสื้อผ้าประเภทนี้ แต่ละตัวจะราคาประมาณ 300 หยวน แน่นอนก็ยังมีแบบที่แพงกว่านี้ด้วยแต่มันก็ไม่ได้แพงเกินไปและ 1,000 หยวนก็น่าจะได้ครบ

และเงินที่หนิงเทียนหลินโยนไปนั้น น่าจะประมาณ 10,000 หยวนด้วยซ้ำ!


หนิงเทียนหลินอยากที่จะซื้อแบรนด์ที่ดีกว่านี้แต่เขาเป็นแค่นักเรียนไม่วันที่เขาจะรู้จักแบรนด์พวกนี้! เขาเลยสั่งให้ซื้อแบรนด์นี้ไป!

ถ้ามีเงินทอนเขาก็ไม่อยากที่จะต้องมานั่งนับ เขาแค่อยากจะแกล้งทำว่าตัวเองไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เขาเคยจนมาก่อน! แต่ตอนนี้ 10,000 หยวน ก็แค่คะแนนพลังงานนิดหน่อยเองที่เขาเสียไป! เห็นไหมว่าพวก รปภ. ตกใจกับเงินพวกนั้นมากแค่ไหน? เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาไหม?


“ครับ!”


“ได้ครับ!”


“ได้เลยครับ ผมจะจัดการให้คุณทันทีเลยครับ”


รปภ. ไม่ได้สนใจน้ำเสียงของหนิงเทียนหลินที่เพิ่งพูดออกมาเลย แต่รีบหยิบเงินในมือเขาทันทีพร้อมทั้งก้มหัวให้และยิ้มตอบ มองจากสายตานี่น่าจะประมาณ 10,000 หยวน เสื้อผ้าแบรนด์ไฮหนาน เฮ้าส์ เขารู้ว่าราคาค่อนข้างสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ เงินพวกนี้พอที่จะซื้อได้สัก 10-20 ชุดเลยนะเนี่ย!


เงินนี่น่าจะเหลือให้เขาประมาณ 5-6 พันหยวนเลย! คนฆ่าปลาคนนี้สุดยอดจริงๆ! ใครก็ตามที่จะจ้างเขาอีก ต้องทำแบบนี้ โยนเงินมาเลย!!!!!


รปภ. อีกคนได้แต่มองเพื่อนตัวเองรีบวิ่งออกไปทั้งๆที่หัวหน้ายังไม่ได้บอกให้ไปเลยด้วยซ้ำ ค่าจ้างมากที่สุดก็แค่ 200 หยวน แต่ครั้งนี้น่าจะได้เท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนของเขาเลยก็ได้!


“เชิญครับ!”


หนิงเทียนหลินแค่เดินเข้าประตูไป ผู้หญิงในชุดกี่เพ้าสีแดง 2 แถวที่ยืนก้มทักทาย กำลังมองหน้าเขาอยู่ แม้ว่าผู้หญิงบางคนจะมีรูปร่างอวบ แต่ก็หน้าตาสวยพร้อมทั้งกำลังโค้งทักทายอยู่


หนิงเทียนหลินหัวใจเต้นรัว ถึงแม้สีหน้าของเขาจะนิ่งสงบแต่ในใจเขาก็ตื่นเต้นสุดๆ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกผู้ชายถึงชอบมาสถานที่แบบนี้ มารับบริการแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้เป็นจังหวะเพลงที่ดูโรแมนติกภายใต้ดอกโบตั๋น


แต่เขาก็ยังเห็นว่าสายตาของผู้หญิงพวกนี้ที่มองเขาแบบแปลกๆ มีทั้งความกลัวและความรังเกียจ และแม้แต่ตอนที่หนิงเทียนหลินเดินผ่าน อีกฝ่ายถึงกับเดินถอยหลังไป 2 ก้าวอย่างไม่ทันตั้งตัว


ตอนนี้หนิงเทียนหลินไม่ได้พูดอะไรเพราะเขารู้ว่าถ้าหน้าตาของเขาเหมือนปกติคนพวกนี้ก็คงจะเข้ามาต้อนรับเขา ซึ่งที่นี่ก็เป็นมืออาชีพที่มีคุณภาพสูงมากอยู่แล้ว


“ขอโทษนะคะ มีอะไรให้ฉันดูแลไหมคะ?”


ในเวลานั้นก็มีหญิงร่างอวบสวมชุดเครื่องแบบสีดำ เสื้อแขนสั้นสีขาว พร้อมผ้าคลุมไหลผืนสั้นเข้ามาต้อนรับหนิงเทียนหลิน และดูเหมือนจะไม่สนใจเลือดที่อยู่บนตัวหนิงเทียนหลินหรือกลิ่นปลาที่เหม็นฟุ้งที่อยู่รอบๆตัวเขาเลย


ถึงแม้เธอจะไม่ใช่หัวหน้าแต่เธอก็มีประสบการณ์มาก เธอเคยเจอคนมามากมายหลายแบบหลายครั้งในแต่ละเดือนจนทำให้เธอชินกับเรื่องนี้แล้ว


“อาบน้ำ, นวด, กิน, ชิล”


หนิงเทียนหลินไม่รู้ว่าที่นี่ทำอะไรได้บ้าง แต่เขาก็ยังพูดออกไปตรงๆ ที่นี่ก็เหมือนที่เห็นในทีวีใช่หรือเปล่า?


“เรามีนวดไทย 188, นวดฮ่องกง 288, นวดน้ำมันทั่วตัว 388 และอื่นๆอีก คุณต้องการแบบไหนดีคะ?”

หญิงคนนี้อายุประมาณ 27 แก่กว่าหนิงเทียนหลิน เธอโตเป็นสาวเต็มตัวและเสียงของเธอก็ช่างมีเสน่ห์


“เอาแบบที่แพงที่สุด!”


หนิงเทียนหลินจำที่พูดมาไม่ได้เลย อีกอย่างเขาไม่รู้ความแตกต่างระหว่างนวดไทยกับนวดฮ่องกงหรืออื่นๆเลยด้วย เลยพูดออกไปตรงๆว่า เอาแบบที่แพงที่สุด! เขาถึงกับอย่างที่จะเปลี่ยนแต่เดาว่ามันก็คงจะสายเกินไป


ในอีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะต้องไปโรงเรียนแล้ว


“โอเคค่ะ”


เมื่อพูดแบบนั้นเธอก็ยื่นมือไปที่หนิงเทียนหลิน ในเวลาเดียวกันก็คล้องแขนเข้ากับแขนขวาของหนิงเทียนหลิน


“คุณคะ นี่ของของคุณนะคะ พร้อมอยู่ตรงนี้แล้ว


“โอเค”


หนิงเทียนหลินมาที่นี่เป็นครั้งแรกจึงยอมให้อีกฝ่ายจับมือเขาไปด้วย ทั้งสองเดินออกไปนานแล้วแต่กลิ่นจองเขาก็ยังคงอบอวลจนทำให้คนรอบๆรู้สึกคลื่นไส้กันเล็กน้อย


“โอเคค่ะ”


“เชิญเปลี่ยนรองเท้าก่อน ห้องอาบน้ำชายอยู่ชั้นสองค่ะ”


อีกฝ่ายจัดการทุกอย่างไว้ให้อย่างดี ปล่อยมือจากเขาและแสดงรอยยิ้มอย่างมืออาชีพบนใบหน้า


“ครับ”


หนิงเทียนหลินพยักหน้าและเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ค่อยๆเดินลงไปชั้น 2 เขาก้อยากจะรู้ว่าโรงอาบน้ำสุดหรูที่เลื่องชื่อนี่จะหน้าตาเป็นยังไงเหมือนกัน


ICSS บทที่ 61: เตะ!


“ใหญ่อะไรขนาดนี้เนี่ย!”


หนิงเทียนหลินเดินเข้าไปในห้องน้ำและสิ่งแรกที่เขาเห็นคือสระรูปวงกลมขนาดใหญ่มากเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เมตร น้ำที่อยู่ในอ่างเป็นสีฟ้าเหมือนอย่างท้องฟ้าและใสมากๆ ทำให้คนที่มาเป็นครั้งแรกอย่างหนิงเทียนหลินอยากที่จะกระโดดลงไปแวกว่ายจริงๆ


แต่มีคน 20-30 คนที่กำลังอาบน้ำอยู่ แต่กลับมีแค่ 4 คนที่ว่ายอยู่ในสระใหญ่นี้และพวกเขาต่างอยู่ร่วมกันไม่มีใครหัวเราะ สายตาของทั้ง 4 คนมองตรงไปที่หนิงเทียนหลินพร้อมทั้งเอนหลังพิงไปที่ขอบสระ ที่แขนของพวกเขาต่างก็มีรอยสัก


เป็นรูปหมาป่า, เสือ, มังกร, เหยี่ยว, อะไรพวกนั้นและพวกเขาก็จ้องมาที่หนิงเทียนหลินที่เดินเข้ามา


“พวกแก๊งในตำนานงั้นเหรอ?”


นี่คือปฏิกิริยาแรกของหนิงเทียนหลิน


ทั้ง 4 คนนี้มีรูปร่างใหญ่เต็มไปด้วยรอยสัก มี 2 คนที่มีลักษณะหัวล้านและมีสร้อยทองเส้นใหญ่แขวนอยู่ที่คอ นอกจากนี้หนิงเทียนหลินยังสังเกตุเห็นชายวัยกลางคนที่เพิ่งอาบน้ำล้างตัวเสร็จและดูเหมือนอยากที่จะลงไปแช่น้ำในสระ แต่เมื่อมองไปที่ชาย 4 คนในสระชายคนนั้นก็ถึงกับรีบเดินออกไปด้วยความหวาดกลัว


“อาเกวียงคือคนที่นายบอกว่าสวยใช่ไหม?”


ชายตัวใหญ่ที่หัวล้านสวมสร้อยทองเส้นใหญ่ที่คอสะบัดมือในน้ำ นำน้ำมารดตัวเองและถามชายที่อยู่ด้านขวามือของเขา


“ใจเย็นพี่ชาย นายต้องพอใจแน่ๆ เมื่อวานฉันมาที่นี่แล้วเหมือนอย่างกับขึ้นสวรรค์แน่ะ! และเมื่อพิจารณาจากสายตานับไม่ถ้วนแล้วนะ ผู้หญิงคนนี้ถึงแม้จะทำงานในที่แบบนี้แต่รับรองได้เลยว่ายังบริสุทธิ์แน่ๆ! ถ้าไม่คิดว่านายเป็นพี่นะ เมื่อวานฉันแย่งไปแล้ว ดีนะที่พวกเขาเก็บไว้ให้พี่ก่อนเลย!”


อาเกวียงคนนี้เป็นที่ต้องตาของชายที่หัวล้านมาก อันที่จริงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ และถ้าอีกฝ่ายไม่ได้บังคับใครหรือทำร้ายอะไรใครจนตายเขาก็จะปล่อยให้คนพวกนี้อยู่รอดไป!


เขาแค่อยากจะสนุกก่อนสักหน่อย!


วันนี้เขาแค่อยากจะดูว่าสาวสวยที่ถูกชายคนนี้บังคับจะทำยังไง! มีบางอย่างผิดปกติ พี่ชายคนนั้นจะลงมือก่อน! แต่ถ้าพี่คนโตพอใจ เขาก็พร้อมที่จะออกไปนั่งรอก่อน

แม้จะเป็นของเหลือแต่ก็เป็นของเหลือที่สวยมากๆ!


“ดีเลย! อาเกวียง ผมเคารพพี่มากๆเลยนะ!”


ชายหัวล้านแตะที่ไหล่ของอาเกวียง พร้อมทั้งหัวเราะออกมา แม้แต่อีก 2 คนที่เหลือก็หัวเราะตามด้วยและพวกเขาดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องนี้ดี และพวกเขาจำได้ว่าเด็กสาวที่ทำงานในที่แบบนี้จะไม่อนุญาตให้แขกถูกเนื้อต้องตัว ที่นี่แกล้งทำเป็นว่าบริสุทธิ์


เสียงหัวเราะและบทสนทนาของคนทั้ง 4 เสียงดังแต่ก็ไม่ได้แสดงความเกรงใจต่อคนอื่นในโรงอาบน้ำเลย ตอนที่หนิงเทียนหลินได้ยิน

เขาขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรแต่กลับรู้สึกสะอิดสะเอียนเล็กน้อย


ในโลกนี้มีเรื่องแปลกๆมากมาย มีพวกขยะสังคมแบบนี้อยู่ทั่วไปหมด

อย่างไรก็ตามเขาก็หยุดเดิน จริงๆแล้วเขาอยากที่จะอาบน้ำฝักบัว แล้วหลังจากล้างเลือดที่หน้าและที่แขนออกหมดแล้ว เขาก็อยากที่จะลงไปแช่น้ำในสระ

หันหลังกลับมาแล้วเดินตรงไปที่สระ

เขาอยากจะทำให้พวกขยะนี้รู้สึกรังเกียจ!


“ไง! หันไปเลย! นายลงมาในสระนี้ไม่ได้?”


1 ใน 4 เพิ่งจะเดินมาเผชิญหน้ากับหนิงเทียนหลิน เมื่อเขาเห็นว่าหนิงเทียนหลินกำลังเดินไปที่สระ เขาโกรธจนไม่กล้าลงมาโดยไม่เห็นใครเลยเหรอ? 4 คนนั้นอยู่ที่นี่ ทำตัวเป็นเจ้าของสระครอบครองไว้คนเดียว!


“ไม่เห็นเหรอว่านี่สกปรกแค่ไหน? ถ้านายกล้าลงมา วันนี้ฉันจะให้แกกิน****น้ำในสระเอง!”


ชายคนนี้สู้งกว่าเขาประมาณนิ้วและตอนที่เขาพูดก็ยังชี้นิ้วมาที่หน้าของหนิงเทียนหลินด้วยสายตาจองหอง นอกจากนี้เขาก็ยังเห็นเลือดที่หน้าของหนิงเทียนหลินด้วยแต่จะทำไมล่ะ เวลาที่เขาต่อยใคร ที่หน้าก็ต้องมีเลือดออกใช่ไหมล่ะ?


เขาไม่กลัวเลย!


อีกอย่างพวกเขามีกันตั้ง 4 คน แต่อีกฝ่ายมีแค่คนเดียว! และถ้าพวกเขาแค่ยกหูก็สามารถเรียกพวกแก๊งมาได้อีกเป็นโหลในทันที!

และกระกระทำของชายคนนี้ทำให้อีก 3 คนต้องหันมามองในทิศทางของหนิงเทียนหลิน พร้อมทั้งอีกหลายคนที่กำลังอาบน้ำก็หันมามองทางนี้ด้วย


“เร็วหน่อยไอ้หนู ฉันไม่มีเวลามาเล่นอะไรแบบนี้นะ”


ถ้าอีกฝ่ายเข้ามาข่มขู่เขาตอนก่อนที่เขาจะได้เกิดใหม่ เขาก็คงจะหยุดเดิน แต่ตอนนี้เขากล้าที่จะฆ่าทุกคนและเขาก็มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งด้วย แล้วแบบนี้เขาจะกลัวการข่มขู่จากอีกฝ่ายได้ยังไง! อีกอย่างการที่มือของอีกฝ่ายชี้มาที่เขาทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากต่างฝ่ายต่างจ้องตากันมีทั้งสงบและหวาดกลัว และเขาเอาแต่เดินตรงไปที่ทิศทางของสระว่ายน้ำ


“เฮ้! ไอ้หนูบ้าหรือไง!”


ด้วยความสูงที่ห่างกันเป็นนิ้วทำให้เขาคิดว่าหนิงเทียนหลินคงไม่กล้าที่จะคุยตอบกับเขา จึงพูดข่มขู่ต่อไปและเดินออกมาจากสระ เขาลุกขึ้นมาจากสระทันทีและชี้นิ้วไปที่หนิงเทียนหลินอีกรอบงั้นเหรอ?”


“วันนี้ฉันจะจัดการแกเอง ดีไหมว่ะ?”


ขณะที่พูดเขาก็เดินตรงมาที่ตำแหน่งของหนิงเทียนหลิน คำเยาะเย้ยพรั่งพรูออกมาจากปากพร้อมที่จะจัดการหนิงเทียนหลิน

และเพื่อนของเขาอีก 3 คนก็ลุกขึ้นมาจากสระในเวลานี้ด้วยและมองมาที่หนิงเทียนหลินเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ พร้อมที่จะจัดการคนตรงหน้าและจับเอาน้ำในสระกรอกปากเขาซะ! อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครเดินเข้ามาช่วย เรื่องนี้ พวกเขาไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่ง


“ฮึ”


หนิงเทียนหลินไม่ได้ตอบและเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเถียงอะไรด้วย ในขณะที่รอเขาก็หาวิธีที่จะจัดการหุบปากไอ้คนตรงหน้าซะ!

สระว่ายน้ำไม่ได้ใหญ่ ไม่ช้าชาย 2 คนที่อยู่ในสระและชายที่สูงกว่าเขาประมาณนิ้ว ต่างก็ชูหมัดและโบกมาในทิศทางของหนิงเทียนหลิน เขามั่นใจมากว่าอีกฝ่ายอยากที่จะชกหน้าเขา


เด็กหนุ่มคนนี้ ดูจากหน้าแล้วน่าจะอายุประมาณ 17-18 ปี และคงจะมีประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างช่ำชอง! บางทีเขาอาจจะได้แผลมาจากการต่อสู้!


“โอ้!”

แต่เพียงชั่วครู่ก็มีเสียงแปลกๆออกมาจากปากของเขา และในเวลาเดียวกันร่างของเขาก็ถูกโยนไปในทิศทางของสระน้ำและมือเขาก็อดไม่ได้ที่จะกุมไปที่เป้ากางเกง ดูเจ็บปวดมาก


หนิงเทียนหลินจะยอมให้คนแบบนี้หยุดเขาได้ยังไง ตอนที่อีกฝ่ายเหวี่ยงหมัดออกมา เขาก็ยกขาขวาขึ้นมาทันทีและเล็งไปในทิศทางของสระน้ำแล้วเตะไปที่ไข่ของอีกฝ่าย นอกจากนี้เพราะความแข็งแกร่งของเขา เลยทำให้ความเร็วและความแข็งแกร่งของเท้าเขาแรงกว่าปกติ


“ปัง!”


ทันทีที่เตะออกไป ศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงไม่มั่นคงและตกลงไปในน้ำโดยตรงจากอากาศ และในไม่ช้าน้ำก็เริ่มท่วมท้นไปด้วยแสงสีแดงจำนวนมาก


การเตะครั้งนี้ หนิงเทียนหลินสามารถอธิบายได้ว่าเป็นมือที่โหดร้าย และเตะไปที่ไข่ของแต่ละคนเข้าอย่างเต็มแรง!


ICSS บทที่ 62: ผู้หญิงจะเป็นคนนวดให้ฉันหรือเปล่า?


“บ้าเอ๊ย!”


“บ้าเอ๊ย!”


เพราะความเจ็บปวดอย่างมากจนต้องอ้าปากทำให้น้ำในสระไหลเข้าไปในปากไหลลงคอทันที จมูกและหูอื้อไปชั่วขณะ ในน้ำมีฟองอากาศมากมายและผสมเข้ากับเลือด


ตอนนี้ไข่ที่ถูกเตะไปฉีกขาดจนเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาให้หายได้ หนิงเทียนหลินทรงพลังขนาดไหนเนี่ย แม้แต่ตอนนี้ก็สามารถเตะวัวให้ตายได้เลย! แค่ตอนนี้เขาใช้ความแข็งแกร่งไปถึง 60%!


“ช่วยด้วย!”


ชายคนนั้นอยากที่จะลุกขึ้นมาจากน้ำแต่ด้วยความเจ็บปวดทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงและรู้สึกหน้ามืดทันทีที่เขาขยับตัว ตอนนี้เขาทำได้เพียงจิบน้ำที่อยู่ในสระ


“เปียวจี!


อีก 3 คนถึงกับตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เขาคิดว่าหมัดของเพื่อนจะต้องทำให้เด็กหนุ่มนั่นตายได้แน่ๆ! แต่วันนี้ผลที่เห็นมันตรงกันข้ามเลย! และจากสถานการณ์วันนี้ ดูเหมือนว่าถ้ายังไม่รีบช่วยเปียวจีจะต้องจมน้ำในสระตายแน่ๆ!


“ฉันจะฆ่าแก!”


ชายหัวล้านตัวใหญ่รีบวิ่งตรงมาหาหนิงเทียนหลินด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว แต่เพราะแรงต้านในน้ำ ทำให้การเดินของเขาดูค่อนข้างช้า สิ่งที่เขาเพิ่งเห็นชัดเจนมากเมื่อคิดถึงสิ่งที่เด็กหนุ่มนั่นเพิ่งจะทำร้ายจุดที่สำคัญที่สุดของผู้ชายจนแทบไม่มีใครยืนได้เลย ดังนั้นเขาไม่ได้คิดว่าหนิงเทียนหลินเก่งเท่าไรแต่เขามันก็แค่ไอ้หน้าตัวเมีย


“ปัง!”


แต่ก่อนที่จะถึงตัวหนิงเทียนหลิน หนิงเทียนหลินก็วางเท้าอย่างมั่นคงแล้วกระโดดออกมาจากน้ำห่างไปประมาณ 1 เมตร เอนตัวลงและต่อยเขาเข้าที่หน้า


“เร็วอะไรอย่างนี้!”


ชายหัวล้านถึงกับผวาและในทันทีเขาก็รีบยืดแขน เหวี่ยงกำปั้นเพื่อทำร้ายเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา


“ไปฝึกมาใหม่นะ!”


ในเวลาเดียวกันในใจของเขาก็ประเมินความแข็งแกร่งของหนิงเทียหลินใหม่และถ้าไอ้หนุ่มนี่สามารถกระโดดขึ้นมาจากน้ำได้สูงขนาดนี้ คนปกติไม่มีทางทำได้แน่ๆ ในใจเขาเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมาหน่อยแล้ว


“ปัง!”


แต่ในเวลานั้นก็เกิดเสียงแห่งความเจ็บปวดจากหมัดที่เขาเหวี่ยงออกไป และทุกคนที่มองอยู่ก็ได้ยินเสียง “กึก” ตามมาด้วยเสียงเจ็บปวดของชายหัวล้าน


“เจ็บโว้ย!”


“กระดูก!”


“กระดูกแตก!”

เขาไม่รู้ว่าใครกันที่พึมพำด้วยความตกใจ ตกตะลึง เขาเห็นว่ามือขวาของชายหัวล้านที่ข้อมือมีกระดูกขาวๆโผล่ออกมาด้วย และในไม่ช้ามันก็เต็มไปด้วยเลือด นี่…เด็กหนุ่มนี้แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้ทำกระดูกคนหักได้เนี่ย!


ความแข็งแรงเป็นสิ่งร่วมกัน ทำ…อะไรเขาไม่ได้เลยเหรอ?


“ฆ่าตัวเองตายซะ แล้วไม่ต้องโทษคนอื่น!”


หนิงเทียนหลินพูดออกมาอย่างเยือกเย็น กับคนแบบนี้ไม่มีความสงสารให้หรอก เมื่อทำผิดศิลธรรมก็ต้องจัดการ

เขาจัดการคนพวกนี้ด้วยตัวเองคนเดียว นอกจากนี้เขายังขยับมืออยู่เรื่อยๆ เขากดข้อศอกลงไปที่คางของอีกฝ่ายแล้วดึงออกมาจากสระน้ำ

พื้นที่เรียบๆทำให้ชายหัวล้านกระเด็นห่างไปอีกหลายเมตร


“พระเจ้า!”


เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ 2 คนที่ยังอยู่ในสระได้กลืนน้ำลาย พวกเขาไม่เคยคิดได้ยังไงว่าเด็กหนุ่มนี้จะรุนแรงได้ขนาดนี้! เรื่องการต่อสู้ของหัวหน้าก็ติดอันดับ 1 ใน 3 มาตลอด!


แม้พวกเขาจะรุม 2 ก็ยังอาจจะเอาชนะหัวหน้าไม่ได้เลย!


ตอนนี้เด็กหนุ่มนี้จัดการทำทั้งหมดนี้เพียงคนเดียว


โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มนี่ ที่ค่อยเดินเข้ามาหาพวกเขาทีละก้าวๆ และพูดเพียงว่า “โอ้” แค่นั้นพวกเขาก็รีบขึ้นจากสระ หันหลังและรีบวิ่งออกไปอย่างลนลานเพราะกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้ก้จะถูกเด็กหนุ่มนี้จัดการแน่ๆ


เจตนาของเด็กหนุ่มคนนี้พวกเขาเพิ่งได้เห็นมากับตา ช่างโหดร้าย, รุนแรง, และลงมือแค่ทีเดียวก็หักขาหรือหักแขนกันได้เลย! พวกเขาไม่อยากที่จะต้องเจอความเจ็บปวดอะไรแบบนี้! และพวกเขาเป็นคนที่จัดการง่ายที่สุดแล้วในสถานการณ์แบบนี้ซึ่งถ้าโดนจับได้พวกเขาถูกดึงขาขาดแน่ๆ


“ปัง!”


แทนที่จะไล่ล่า หนิงเทียนหลินกลับเตะชายที่สูงกว่าเขาประมาณนิ้วที่กำลังจะจมน้ำให้ลอยไปทาง 2 คนที่กำลังหนีไปแทน


“ปัง!”


ทั้ง 2 ถูกร่างของชายที่ลอยมาชนจนล้มไปกองกับพื้น


“เอาตัวพวกมันออกไปเลย!”


“ถ้ากล้ากลับเข้ามาอีกฉันจะฆ่าให้หมดเลย!”


ถ้าไม่มีคนอื่นเขาก็คงจะฆ่าคนทั้ง 4 หมดไปแล้ว แต่ในนี้มีสายตาเป็นสิบคู่ที่กำลังจ้องอยู่และเขาไม่อยากที่จะทำต่อหน้า ส่วน 2 คนที่ได้รับบาดเจ็บก็ค่อนข้างจะร้ายแรง ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาแต่ก็ไม่น่าจะรอดมาอย่างสมประกอบเท่าไร


อีกประเด็นก็คือถ้าเขาปล่อยพวกมันรอดไปพวกมันก็คงจะไม่โทรแจ้งตำรวจ พวกตำรวจน่าจะเบื่อพวกแก๊งนี้เต็มทีแล้วและไม่อยากที่จะเข้ามายุ่ง อีกอย่างหนิงเทียนหลินก็หาทางตอบโต้ไว้แล้วด้วย แม้ว่าถ้าตำรวจมาจริงๆและคนพวกนี้ให้ปากคำเขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้

มีสิ่งหนึ่งในประตูแห่งการแลกเปลี่ยนที่สามารถช่วยเขาได้มาก


“ครับพี่!”


“เข้าใจแล้วครับ!”

ถึงแม้อีก 2 คนจะบวดเจ็บแต่ก็ยังพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นจนได้ คนที่อยู่ข้างหลังเขารีบวิ่งหนีออกไปแล้ว เพราะถ้าอยู่ต่ออีกหน่อยก็กลัวว่าชีวิตก็จะไม่รอด


“ช่างมันเถอะ”


“ไม่ต้องแช่น้ำแล้ว อาบฝักบัวแล้วค่อยไปนวดต่อแล้วกัน”


หนิงเทียนหลินมองเลือดที่อยู่ในสระน้ำ เมื่อคิดว่าเลือดนี้ออกมาจากไข่ของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาจะอ้วกได้แล้ว เขาหันหลังกลับแล้วเดินไปในตำแหน่งของฝักบัว และทันทีที่เขาเดินไปเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนที่กำลังนั่งกินเมลอน ทุกคนรีบหันหน้ากลับทันทีเพราะไม่กล้าที่จะมองตาอเขา

คนพวกนั้นรู้ว่าเขาคือชายคนที่เลือดร้อนคนนั้น


“ฉันจะขึ้นไปที่ชั้น 3 ได้ยังไงล่ะเนี่ย?”


หลังจากนั้นสักพักหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาสวมกางเกงขาสั้นที่ทางร้านได้เตรียมไว้ให้ หนิงเทียนหลินถามชายที่อยู่ถัดจากเขา เขาเห็นป้ายตรงหัวมุมเขียนไว้ว่า


“ห้องนวดเชิญชั้น 3 ออกประตูไปแล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอบันไดครับ”


เด็กเสริฟบอกเส้นทางแก่หนิงเทียนหลินด้วยความเคารพพร้อมทั้งโค้งคำนับอย่างไม่เต็มใจนัก จากภาพนี้เห็นได้ชัดว่าเขารู้ดีว่าชายคนนี้เป็นใคร แต่ชายคนที่โค้งให้เขาดูเหมือนจะเป็นครูฝึกที่มีชื่อเสียง เขาต้องคอยระวังแล้ว


“โอ้”


หนิงเทียนหลินพยักหน้าและถามออกไป


“ผู้หญิงจะเป็นคนนวดให้ฉันหรือเปล่า?” เขาไม่ได้โรคจิตนะ แค่ไม่อยากให้ชายคนนี้เป็นคนมานวดเขา


หลังจาก 3 วัน 3 คืนของการเฉือดปลาอย่างต่อเนื่องแม้แต่แขนเขาก็ปวดไปหมดแล้ว จิตใจเขาก็เหนื่อยอ่อนและเขาอยากที่จะผ่อนคลาย และในฐานะของผู้ชายเขาก็อยากที่จะได้รับประสบการณ์การนวดแบบฮ่องกง, นวดแบบไทย และนวดน้ำมันหอมละเหยในตำนานซะหน่อย


“ครับ คุณเลือกเองได้เลยครับ คุณสามารถเลือกให้ใครมานวดคุณก็ได้ครับ”


พนักงานโค้งตัวลงและก็ยังชื่นชมในความกล้าของหนิงเทียนหลิน ใครก็ตามที่มาที่นี่ต่างก็อยากให้ผู้หญิงเป็นคนนวดแต่ก็ไม่มีใครกล้าบอก ไม่มีใครพูดออกมาเลย แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเขากลับขอออกมาตรงๆ

มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะอยากให้ผู้หญิงเป็นคนนวดให้ไม่ใช่เหรอ?


บทที่ 63: ผู้หญิงจะเป็นคนนวดให้ฉันหรือเปล่า?


“บ้าเอ๊ย!”


“บ้าเอ๊ย!”


เพราะความเจ็บปวดอย่างมากจนต้องอ้าปากทำให้น้ำในสระไหลเข้าไปในปากไหลลงคอทันที จมูกและหูอื้อไปชั่วขณะ ในน้ำมีฟองอากาศมากมายและผสมเข้ากับเลือด


ตอนนี้ไข่ที่ถูกเตะไปฉีกขาดจนเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาให้หายได้ หนิงเทียนหลินทรงพลังขนาดไหนเนี่ย แม้แต่ตอนนี้ก็สามารถเตะวัวให้ตายได้เลย! แค่ตอนนี้เขาใช้ความแข็งแกร่งไปถึง 60%!


“ช่วยด้วย!”


ชายคนนั้นอยากที่จะลุกขึ้นมาจากน้ำแต่ด้วยความเจ็บปวดทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงและรู้สึกหน้ามืดทันทีที่เขาขยับตัว ตอนนี้เขาทำได้เพียงจิบน้ำที่อยู่ในสระ


“เปียวจี!


อีก 3 คนถึงกับตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เขาคิดว่าหมัดของเพื่อนจะต้องทำให้เด็กหนุ่มนั่นตายได้แน่ๆ! แต่วันนี้ผลที่เห็นมันตรงกันข้ามเลย! และจากสถานการณ์วันนี้ ดูเหมือนว่าถ้ายังไม่รีบช่วยเปียวจีจะต้องจมน้ำในสระตายแน่ๆ!


“ฉันจะฆ่าแก!”


ชายหัวล้านตัวใหญ่รีบวิ่งตรงมาหาหนิงเทียนหลินด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว แต่เพราะแรงต้านในน้ำ ทำให้การเดินของเขาดูค่อนข้างช้า สิ่งที่เขาเพิ่งเห็นชัดเจนมากเมื่อคิดถึงสิ่งที่เด็กหนุ่มนั่นเพิ่งจะทำร้ายจุดที่สำคัญที่สุดของผู้ชายจนแทบไม่มีใครยืนได้เลย ดังนั้นเขาไม่ได้คิดว่าหนิงเทียนหลินเก่งเท่าไรแต่เขามันก็แค่ไอ้หน้าตัวเมีย


“ปัง!”


แต่ก่อนที่จะถึงตัวหนิงเทียนหลิน หนิงเทียนหลินก็วางเท้าอย่างมั่นคงแล้วกระโดดออกมาจากน้ำห่างไปประมาณ 1 เมตร เอนตัวลงและต่อยเขาเข้าที่หน้า


“เร็วอะไรอย่างนี้!”


ชายหัวล้านถึงกับผวาและในทันทีเขาก็รีบยืดแขน เหวี่ยงกำปั้นเพื่อทำร้ายเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา


“ไปฝึกมาใหม่นะ!”


ในเวลาเดียวกันในใจของเขาก็ประเมินความแข็งแกร่งของหนิงเทียหลินใหม่และถ้าไอ้หนุ่มนี่สามารถกระโดดขึ้นมาจากน้ำได้สูงขนาดนี้ คนปกติไม่มีทางทำได้แน่ๆ ในใจเขาเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมาหน่อยแล้ว


“ปัง!”


แต่ในเวลานั้นก็เกิดเสียงแห่งความเจ็บปวดจากหมัดที่เขาเหวี่ยงออกไป และทุกคนที่มองอยู่ก็ได้ยินเสียง “กึก” ตามมาด้วยเสียงเจ็บปวดของชายหัวล้าน


“เจ็บโว้ย!”


“กระดูก!”


“กระดูกแตก!”

เขาไม่รู้ว่าใครกันที่พึมพำด้วยความตกใจ ตกตะลึง เขาเห็นว่ามือขวาของชายหัวล้านที่ข้อมือมีกระดูกขาวๆโผล่ออกมาด้วย และในไม่ช้ามันก็เต็มไปด้วยเลือด นี่…เด็กหนุ่มนี้แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้ทำกระดูกคนหักได้เนี่ย!


ความแข็งแรงเป็นสิ่งร่วมกัน ทำ…อะไรเขาไม่ได้เลยเหรอ?


“ฆ่าตัวเองตายซะ แล้วไม่ต้องโทษคนอื่น!”


หนิงเทียนหลินพูดออกมาอย่างเยือกเย็น กับคนแบบนี้ไม่มีความสงสารให้หรอก เมื่อทำผิดศิลธรรมก็ต้องจัดการ

เขาจัดการคนพวกนี้ด้วยตัวเองคนเดียว นอกจากนี้เขายังขยับมืออยู่เรื่อยๆ เขากดข้อศอกลงไปที่คางของอีกฝ่ายแล้วดึงออกมาจากสระน้ำ

พื้นที่เรียบๆทำให้ชายหัวล้านกระเด็นห่างไปอีกหลายเมตร


“พระเจ้า!”


เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ 2 คนที่ยังอยู่ในสระได้กลืนน้ำลาย พวกเขาไม่เคยคิดได้ยังไงว่าเด็กหนุ่มนี้จะรุนแรงได้ขนาดนี้! เรื่องการต่อสู้ของหัวหน้าก็ติดอันดับ 1 ใน 3 มาตลอด!


แม้พวกเขาจะรุม 2 ก็ยังอาจจะเอาชนะหัวหน้าไม่ได้เลย!


ตอนนี้เด็กหนุ่มนี้จัดการทำทั้งหมดนี้เพียงคนเดียว


โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มนี่ ที่ค่อยเดินเข้ามาหาพวกเขาทีละก้าวๆ และพูดเพียงว่า “โอ้” แค่นั้นพวกเขาก็รีบขึ้นจากสระ หันหลังและรีบวิ่งออกไปอย่างลนลานเพราะกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้ก้จะถูกเด็กหนุ่มนี้จัดการแน่ๆ


เจตนาของเด็กหนุ่มคนนี้พวกเขาเพิ่งได้เห็นมากับตา ช่างโหดร้าย, รุนแรง, และลงมือแค่ทีเดียวก็หักขาหรือหักแขนกันได้เลย! พวกเขาไม่อยากที่จะต้องเจอความเจ็บปวดอะไรแบบนี้! และพวกเขาเป็นคนที่จัดการง่ายที่สุดแล้วในสถานการณ์แบบนี้ซึ่งถ้าโดนจับได้พวกเขาถูกดึงขาขาดแน่ๆ


“ปัง!”


แทนที่จะไล่ล่า หนิงเทียนหลินกลับเตะชายที่สูงกว่าเขาประมาณนิ้วที่กำลังจะจมน้ำให้ลอยไปทาง 2 คนที่กำลังหนีไปแทน


“ปัง!”


ทั้ง 2 ถูกร่างของชายที่ลอยมาชนจนล้มไปกองกับพื้น


“เอาตัวพวกมันออกไปเลย!”


“ถ้ากล้ากลับเข้ามาอีกฉันจะฆ่าให้หมดเลย!”


ถ้าไม่มีคนอื่นเขาก็คงจะฆ่าคนทั้ง 4 หมดไปแล้ว แต่ในนี้มีสายตาเป็นสิบคู่ที่กำลังจ้องอยู่และเขาไม่อยากที่จะทำต่อหน้า ส่วน 2 คนที่ได้รับบาดเจ็บก็ค่อนข้างจะร้ายแรง ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาแต่ก็ไม่น่าจะรอดมาอย่างสมประกอบเท่าไร


อีกประเด็นก็คือถ้าเขาปล่อยพวกมันรอดไปพวกมันก็คงจะไม่โทรแจ้งตำรวจ พวกตำรวจน่าจะเบื่อพวกแก๊งนี้เต็มทีแล้วและไม่อยากที่จะเข้ามายุ่ง อีกอย่างหนิงเทียนหลินก็หาทางตอบโต้ไว้แล้วด้วย แม้ว่าถ้าตำรวจมาจริงๆและคนพวกนี้ให้ปากคำเขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้

มีสิ่งหนึ่งในประตูแห่งการแลกเปลี่ยนที่สามารถช่วยเขาได้มาก


“ครับพี่!”


“เข้าใจแล้วครับ!”

ถึงแม้อีก 2 คนจะบวดเจ็บแต่ก็ยังพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นจนได้ คนที่อยู่ข้างหลังเขารีบวิ่งหนีออกไปแล้ว เพราะถ้าอยู่ต่ออีกหน่อยก็กลัวว่าชีวิตก็จะไม่รอด


“ช่างมันเถอะ”


“ไม่ต้องแช่น้ำแล้ว อาบฝักบัวแล้วค่อยไปนวดต่อแล้วกัน”


หนิงเทียนหลินมองเลือดที่อยู่ในสระน้ำ เมื่อคิดว่าเลือดนี้ออกมาจากไข่ของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาจะอ้วกได้แล้ว เขาหันหลังกลับแล้วเดินไปในตำแหน่งของฝักบัว และทันทีที่เขาเดินไปเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนที่กำลังนั่งกินเมลอน ทุกคนรีบหันหน้ากลับทันทีเพราะไม่กล้าที่จะมองตาอเขา

คนพวกนั้นรู้ว่าเขาคือชายคนที่เลือดร้อนคนนั้น


“ฉันจะขึ้นไปที่ชั้น 3 ได้ยังไงล่ะเนี่ย?”


หลังจากนั้นสักพักหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาสวมกางเกงขาสั้นที่ทางร้านได้เตรียมไว้ให้ หนิงเทียนหลินถามชายที่อยู่ถัดจากเขา เขาเห็นป้ายตรงหัวมุมเขียนไว้ว่า


“ห้องนวดเชิญชั้น 3 ออกประตูไปแล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอบันไดครับ”


เด็กเสริฟบอกเส้นทางแก่หนิงเทียนหลินด้วยความเคารพพร้อมทั้งโค้งคำนับอย่างไม่เต็มใจนัก จากภาพนี้เห็นได้ชัดว่าเขารู้ดีว่าชายคนนี้เป็นใคร แต่ชายคนที่โค้งให้เขาดูเหมือนจะเป็นครูฝึกที่มีชื่อเสียง เขาต้องคอยระวังแล้ว


“โอ้”


หนิงเทียนหลินพยักหน้าและถามออกไป


“ผู้หญิงจะเป็นคนนวดให้ฉันหรือเปล่า?” เขาไม่ได้โรคจิตนะ แค่ไม่อยากให้ชายคนนี้เป็นคนมานวดเขา


หลังจาก 3 วัน 3 คืนของการเฉือดปลาอย่างต่อเนื่องแม้แต่แขนเขาก็ปวดไปหมดแล้ว จิตใจเขาก็เหนื่อยอ่อนและเขาอยากที่จะผ่อนคลาย และในฐานะของผู้ชายเขาก็อยากที่จะได้รับประสบการณ์การนวดแบบฮ่องกง, นวดแบบไทย และนวดน้ำมันหอมละเหยในตำนานซะหน่อย


“ครับ คุณเลือกเองได้เลยครับ คุณสามารถเลือกให้ใครมานวดคุณก็ได้ครับ”


พนักงานโค้งตัวลงและก็ยังชื่นชมในความกล้าของหนิงเทียนหลิน ใครก็ตามที่มาที่นี่ต่างก็อยากให้ผู้หญิงเป็นคนนวดแต่ก็ไม่มีใครกล้าบอก ไม่มีใครพูดออกมาเลย แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเขากลับขอออกมาตรงๆ

มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะอยากให้ผู้หญิงเป็นคนนวดให้ไม่ใช่เหรอ?


บทที่ 64: สุดหล่อ ว่าไงนะ?


 


“สวัสดีครับ คุณมีแบบผู้เชี่ยวชาญไหม? หรือแค่เลือกใครก็ได้?”


 


ตอนที่หนิงเทียนหลินเดินเข้าไป ก็มีผู้หญิงชุดสีดำเดินเข้ามาต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม ตอบว่าจะเลือกหัวหน้าหรือตามที่ชอบก็ได้ ในใจของหนิงเทียนหลินผู้เชี่ยวชาญก็น่าจะเป็นหมดนวดที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว


 


“งั้นผมขอแบบมืออาชีพที่สวยๆด้วยแล้วกัน”


 


หนิงเทียนหลินคือชายหนุ่มที่ยังบริสุทธิ์อยู่ และแน่นอนเขาไม่อยากได้หมอนวดมืออาชีพที่หุ่นใหญ่ยักษ์ให้มานวดแล้วทำให้เขาเสียอารมณ์หมด อีกอย่างที่ข้างล่างเขาเพิ่งได้ยินไอ้พวกแก๊งคุยกันว่าอยากจะแนะนำหมอนวดมืออาชีพสาวสวยให้หัวหน้าได้รู้จักด้วย


 


ความสวยของผู้หญิง แน่นอนแบ่งได้เป็น 3, 6 หรือ 9 และแน่นอนสวยตาที่ยั่วยวนเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากกว่ารูปร่างหรือสีผิวซึ่งก็เป็นปัญหาปกติของผู้ชายทุกคน หนิงเทียนหลินไม่ใช่พระงั้นแน่นอนไม่ยกเว้นเขาด้วยเหมือนกัน


 


“โอเคค่ะ เบอร์ 18 ของเราเก่งมากๆ ถ้าคุณชอบเธอก็ช่วยคุณได้นะคะ”


ด้วยประสบการณ์ที่มากมายของหัวหน้า ทันทีที่ได้ยินคำตอบของหนิงเทียนหลินเธอก็รู้เลยว่าไม่ได้มาบ่อยแน่ๆ หรืออาจจะมาเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ ลูกค้าประจำมักจะเรียกหมดนวดมืออาชีพด้วยหมายเลขเองเลยมากกว่าที่จะให้ทางร้านเป็นคนเลือกให้


 


เพียงแต่เธอไม่ค่อยจะเห็นใครอย่างหนิงเทียนหลินที่มาถามหาสาวสวยและเป็นมืออาชีพด้วยในเวลาเดียวกัน คำขอของคนส่วนใหญ่ก็มีแต่ของแบบ “สวยๆ” เท่านั้น แต่ถ้าอยากได้สวยๆก็ต้องทนกันหน่อย


 


มาที่นี่ก็เพื่อมานวดไม่ใช่เพื่อความสวย


แต่แน่นอนเธอไม่ขัดอยู่แล้ว หลังจากที่คิดเรื่องนี้อยู่สักพักเอก็แนะนำหมายเลขให้หนิงเทียนหลินไป หมอนวดมืออาชีพคนนี้ถึงจะไม่ได้สวยมากแต่ก็ระดับกลางๆ แต่ถ้าเรื่องฝีมือเธอคนนี้ถือว่าเด็ด ผู้ชายมาที่นี่ก็เพื่อมานวด ถ้าอยากได้นวดดีๆฝีมือเก่งๆก็ต้องเลือกสาวแก่เพราะมากประสบการณ์ ชอบแบบนั้นไหมล่ะ?


 


“โอเคเลย”


 


หนิงเทียนหลินพยักหน้าและอยากที่จะถามว่าขอดูหน้าผู้หญิงก่อนได้ไหมแต่เมื่อคิกว่านี่มันไม่เหมือนกับการเลือกสิ่งของ เขาก็เปลี่ยนในและเขาก็บอกไปแล้วว่าขอแบบสวยๆ คนที่จะมานวดก็คงไม่แย่เท่าไร


 


“ได้ค่ะ เชิญตามฉันมาเลย”


 


เมื่อพูดจบหัวหน้าก็เดินนำไป เลี้ยวซ้ายและขวา 2-3 รอบ แล้วพาหนิงเทียนหลินเข้าไปที่ห้อง


ในห้องมีเตียงขนาดใหญ่และรูปแบบห้องก็เหมือนห้องตามโรงแรมทั่วไป ไม่ใช่เตียงนวดแบบพิเศษที่หนิงเทียนหลินเคยเห็นในทีวี เมื่อลองนั่งก็รู้สึกว่ามันนุ่มและมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย และการตกแต่งของห้องก็เน้นโทนสีชมพู


ที่ขอบของเตียงก็มีจอม่านสีชมพูหล่นลงมาจากอากาศ


 


“นี่สนุกดีนะ”


 


นี่คือปฎิกิริยาแรกของหนิงเทียนหลิน


 


“คุณคะ นั่งดูทีวีรอสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันจะไปตามหมอนวดมาให้ค่ะ”


 


เมื่อพูดจบหัวหน้าก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตู และหนิงเทียนหลินก็เดินไปตรวจดูและพบว่าห้องนี้สามารถล็อคจากข้างในได้ด้วย!


 


“นี่ไม่ใช่ห้องตามโรงแรมนิ!”


นี่หนิงเทียนหลินไม่ได้พักในโรงแรมแต่เขาก็เคยพักในโรงแรมมาก่อน แน่นอนว่าเขารู้ว่ามันจะต้องเป็นยังไง ทันใดนั้นห้องนวดนี้อันที่จริงก็คือห้องพักตามโรงแรม แต่นี่มันแค่ห้องนวดไง!


 


“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม 4 คนข้างล่างถึงบอกว่าพวกมันสามารถทำเรื่องอะไรแบบนั้นที่นี่ได้ เมื่อล็อคประตูก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น!”


 


หนิงเทียนหลินไม่เคยไปโรงอาบน้ำที่อื่นและเขาไม่รู้ว่าห้องนวดที่นี่จะต่างจากที่อื่นไหมแต่เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในสถานที่แบบนี้ เตียงใหญ่ 1.8 เมตรพร้อมการตกแต่งสีชมพูและประตูที่ปิดได้ ในห้องที่มีเพียงผู้ชายกับผู้หญิงถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงจะเชื่อยากไปหน่อย


 


“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมใครถึงพุดกันว่าผู้หญิงที่ทำงานในโรงอาบน้ำไม่บริสุทธิ์แต่เขาก็ไม่เคยเชื่อ แต่เมื่อได้มาที่นี่ถึงแม้จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แค่บรรยากาศก็ทำให้เขาเชื่อแล้ว”


 


ไม่ใช่แค่หอพักนักศึกษาแต่หอพักนักเรียนมัธยมด้วย หลังจากที่ไฟปิดลงตอนกลางคืน บางครั้งพวกรูมเมทก็มักจะคุยกันเรื่องนี้ บอกว่าสาวๆที่นี่ง่ายกันมากๆ ตราบใดที่มีเงินพวกเขาก็จัดการได้หมด


คำพูดพวกนี้ฝังอยู่ในใจของหนิงเทียนหลินว่าสาวๆที่ทำงานที่นี่ง่ายกันทุกคน และตอนนี้บรรยากาศในห้องนี้ก็ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว


 


“ก๊อกๆ!”


 


“ก๊อกๆ!”


 


“ก๊อกๆ!”


 


ทันทีที่หนิงเทียนหลินเปิดทีวี ก็มีเสียงเคาะที่ประตูและเสียงหวานก็พูดดังขึ้นมา


 


“คุณคะ ขอฉันเข้าไปได้ไหมคะ?”


 


แต่ก่อนที่หนิงเทียนหลินจะได้ตอบ อีกฝ่ายก็ผลักเปิดประตูเข้ามาแล้ว


และก็เข้ามาพร้อมรอยยิ้มมีเสน่ห์บนใบหน้า


 


“สวย!”


 


นี่คือสิ่งแรกที่หนิงเทียนหลินคือเมื่อได้เห็นหญิงสาว


คนที่เข้ามาอายุประมาณ 22 ผมที่ยาวประบ่าที่ได้รับการตัดแต่งมาอย่างดีทั้งดำและดูนุ่มสลวย ใบหน้าที่แต่งมาอย่างดี สวมชุดกระโปรงสั้นสีชมพู ช่างเป็นชุดทำงานที่ดูยั่วยวนจริงๆ หน้าอกสองข้างที่ดูอวบอิ่มขาวนวลโชว์เนินอกออกมาจากชุด กระโปรงรัดรูปที่รัดสะโพกให้ดูแน่นและเซ็กซี่


 


พร้อมกล่องสีดำที่อยู่ในมือทำให้ทุกอย่างที่ดูยั่วยวนดูยั่วยวนมากขึ้นไปอีก


 


“สวัสดีคะ คุณต้องการนวดไทย 188 หยวน, นวดแบบฮ่องกง 288 หยวน, นวดน้ำมันทั่วตัว 388 หยวน หรือนวดแบบราชวงศ์ 588 หยวนดีคะ?”


 


หญิงสาวถามหนิงเทียนหลินด้วยรอยยิ้มพร้อมเดินทั้งเดินช้าๆไปที่เตียง


เป็นเพราะรูปร่างนี้ที่ทำให้หนิงเทียนหลินเพิ่งจะสังเกตว่าเธอกำลังนั่งใกล้ๆเตียง เผยให้เห็นผิวขาอันเปลือยเปล่า โดยเฉพาะขาขวาเอนเอียงอย่างตั้งใจ และขาซ้ายเรียวยาวที่ถูกนั่งทับไว้ ช่างเป็นรูปร่างที่น่ามองจริงๆ


 


“พระเจ้า!”


 


หนิงเทียนหลินถึงกับกลืนน้ำลายอย่างไม่ตั้งใจ เขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องชายหญิงมาก่อนเลย


ตอนที่เขาอยู่ในหอพัก เขาเคยเห็นรูมเมทใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเล่นหนังโป๊แต่ความตื่นเต้นในตอนนั้นมันน้อยกว่าตอนนี้มาก โดยเฉพาะเมื่อเขายังยืนอยู่แบบนี้ทำให้เขาเห็นว่าอีกฝ่ายแต่งตัวไม่มิดชิดหรือตั้งใจเปิดช่วงหน้าอกให้เขาเห็นได้อย่างง่ายๆ


 


ทั้งหมดนี้มันดูจริงมากๆ แม้แค่การยั่วยวนแค่นี้ก็ทำให้น้องชายเขาที่อยู่ข้างล่างถึงกับต้องตื่นตัวขึ้นมาเลย


 


เขาสามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาแต่เมื่อเขาต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกหัวใจเขากลับเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียวแต่เขาก็กลั้นไว้แล้วถามออกไป


 


“การนวดพวกนี้กับการนวดแบบราชวงศ์มันต่างกันยังไง เขาไม่รู้เรื่องนี้เลย?”


 


“เพราะมันแพงที่สุดหรือว่าเพราะมันสบายที่สุด?”


 


หนิงเทียนหลินเพิ่งจะเห็นป้ายบนโต๊ะที่อยู่ในห้องนอนนี้ซึ่งเขียนว่ามีนวดแบบไทย, นวดแบบฮ่องกง และนวดน้ำมันทั่วตัวแต่ไม่เห็นมีการนวดแบบราชวงศ์เลย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ


 


“หมายความว่าไงสุดหล่อ?”


 


“แน่นอนว่ามันแพงที่สุด มันก็ต้องสบายที่สุดแล้วมันก็สนุกสุดๆด้วย”


 


“อยากลองไหมล่ะ?”


 


ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ตอบความแตกต่างระหว่างการนวดพวกนี้หรืออธิบายว่าทำไมถึงไม่มีการนวดแบบราชวงศ์ แต่เธอกลับเอนตัวลงไปนอนที่เตียง ปากเผยอเล็กน้อย พร้อมทั้งขยิบตาโปรยเสน่ห์แบบรู้กันมาให้หนิงเทียนหลิน


ICSS บทที่ 65: เทียนหลิน ช่วยด้วย!


“อะไรนะ? ไม่มีเงินเหรอ! นี่ล้อกันเล่นหรือไง? ไม่มีเงินแล้วมาที่นี่ทำไม? ถ้าไม่มีเงินแล้วมาเลือกการนวดแบบราชวงศ์ได้ยังไง?”


ที่หน้าของหญิงสาวไม่มีรอยยิ้มอีกแล้ว พร้อมทั้งน้ำเสียงและความนุ่มนวลก็ไม่เหมือนเดิม ในหูของหนิงเทียนหลินได้ยินแต่น้ำเสียงประชดประชัน


“ฉันเพิ่งจะนึกออกว่าตัวเองไม่มีเงิน”


ใจของหนิงเทียนหลินเย็นเยือกไปหมดและแม่นใจมากว่าไม่มีอะไรที่ต้องคุยกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว เธอสนใจแต่เรื่องเงิน ทั้งความปรารถนาและความหลงไหลทุกอย่างก็เพื่อเงินเท่านั้น ใบหน้าเย็นชาของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกแย่มากและในเวลานี้เขาก็ยังสังเกตได้ว่าที่หน้าของอีกฝ่ายพอกแป้งซะจนหนาหลายชั้น มองในแวบแรกมันดูสวยมากแต่เมื่อเข้ามามองใกล้ๆจริงๆ มันแทบดูไม่ได้เลย


“ถ้านายไม่มีเงินแล้วนายมาทำอะไรที่นี่! เป็นเด็กหรือไง? ถ้านายยังไม่เคยลองและนี่เป็นครั้งแรก! แต่ถ้าครั้งหน้านายมาที่นี่อีกนายโดนดีแน่!”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเกียจชังและสายตาดูถูก และในเวลาเดียวกันเธอก็หันหลังกลับและไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนเตียงและหันกลับมาพร้อมทั้งเดินออกไปด้วยรองเท้าส้นสูงกว่า 8 ซม. เดินกระแทกพื้นออกไปอย่างหงุดหงิด


“ฮ่า ฮ่า”


เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้หนิงเทียนหลินเกิดความลังเลในหัวใจ เขาอยากที่จะจับอีกฝ่ายมาและโยนเงินใส่หน้าเธอสัก 10,000 หรือ 20,000 หยวน ทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขามีเงินแต่แค่ไม่ให้! แต่เมื่อคิดแบบนั้นถ้าเขาทำจริงๆ อีกฝ่ายก็คงจะไม่ได้โกรธแต่จะมีความสุขแทน

แม้แต่ร่างกายก็สามารถทรยศและละทิ้งศักดิ์ศรีได้ด้วย

เงินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด


“ไปกันเถอะ นายไปจากที่นี่ได้แล้ว ในอนาคตสถานที่แบบนี้ก็จะค่อยๆหายไป”


ตอนนี้หนิงเทียนหลินไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ในตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นแล้วมันก็ได้เวลาที่เขาจะต้องไปแล้ว


“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!”


เป็นตอนที่หนิงเทียนหลินกำลังจะเดินออกจากห้องพอดี ความตื่นตระหนกและเสียงร้องไห้ผสมอยู่ในน้ำเสียงที่ดังมาจากตรงทางเดินและก็มีคนวิ่งออกมาจากประตูห่างไปประมาณ 20-30 เมตรข้างหน้า

และทันทีกับที่ผู้ชายอีกคนที่วิ่งออกมาจากห้องและจับเข้าที่ผมของเธอและลากเข้าไป


“จะทำอะไร! ของคนที่บริสุทธิ์หน่อยได้ไหม! มันลำบาคมากนักหรือไง?”


ชายคนนี้เปลือยร่างกายช่วงบนและปากก็กร่นด่าไปด้วย เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่ามีใครอยู่ที่ทางเดินบ้าง หลังจากที่เขาลากผู้หญิงเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็กระแทกประตูปิดอย่างดัง


“ชู หยิชาน! เธอคนนี้คือชู หยิชาน!”


หัวของหนิงเทียนหลินงุนงงเล็กน้อยเพราะผู้หญิงที่สวมชุดเครื่องแบบที่เพิ่งโผล่มาปรากฎว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาเอง ชู หยิชาน!


สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชู หยิชานคนนี้เป็นที่รู้จักกันในนามสาวงามของชั้น, ของแผนก และแม้แต่ของโรงเรียนด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าปกติเธอจะสวม

ชุดธรรมดาๆและไม่ได้แต่งตัวสวยอะไรแต่ในบางโอกาสเธอก็ใส่ชุดเดซี่สีชมพู และการปรากฎตัวของเธอก็จะทำให้หนุ่มๆทุกคนต้องตกตะลึง!


เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! เป็นหมอนวดงั้นเหรอ?


อย่างไรก็ตามหนิงเทียนหลินก็รีบตอบโต้ในทันที เธอกำลังอยู่ในอันตราย เธอดูเหมือนจะกำลังถูกบังคับ เขาเพิ่งออกมาจากห้องแต่ก็รู้ว่าฉากภายในห้องข้างในเป็นยังไง ทันทีที่ประตูปิดไปมันจะทำอะไรเธอก็ได้!


“โอ้!”


โดยไม่ลังเลเขารีบวิ่งไปในทิศทางนั้นทันทีและเขาอาจจะไม่สนใจใครก็ได้แต่เธอคนนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาและถึงแม้ในช่วงการฝึกทหารครั้งแรกเธอก็ยืนห่างจากเขาอยู่ไม่ไกล! และเรื่องความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แย่อะไร


ครั้งนี้เขาต้องจัดการ!


นอกจากนี้ในเวลานี้เขาก็ยังเห็นว่ามีคน 3-5 คนอยู่ตรงทางเดินและพวกนั้นทั้งหมดเป็นพนักงานแต่ก้แค่ยืนกันเฉยๆ ไม่มีใครเดินเข้าไปช่วยเลยและเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาถึงขนาดได้ยินเสียงจะพนักงานผู้หญิงพูดว่า


“โชว์สนุกจริงๆ”


“ปล่อยให้เบอร์ 36 บริสุทธิ์มาตั้งนาน ยอมนวดแค่แบบฮ่องกง, แบบไทย, นวดน้ำมัน แต่ไม่ยอมนวดแบบราชวงศ์แต่กลับมาทำงานที่นี่ รนหาที่เอง ใช่ น่าสมเพชจริงๆ”


จากน้ำเสียงมีแต่ความพออกพอใจ


“เพราะงี้เราถึงทำเรื่องที่เธอไม่ทำงานเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเธอยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลยใช่ไหม? อวดดีจริงๆ เดี๋ยวนี้นักเรียนก็มีทุกที่แหละ ทำมาเป็นอ้าง!” ผุ้หญิงอีกคนที่ไม่ได้แนะนำตัวพูดขึ้นมา


“พวกเธอจำไว้นะ!”


หนิงเทียนหลินไปถึงหน้าประตูของห้องแล้วแล้วก็หยุดในทันที แทนที่เขาจะเคาะไปที่ประตูแต่เขากลับยืดแขนขวาออกไป พร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่ผู้หญิงสองคนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตัดสินใจที่จะรอให้พวกเขาออกมา เขาต้องทำให้สองคนนี้ชดใช้เรื่องนี้ คนที่เคี้ยวลิ้นอยู่ด้านหลังน่ารังเกียจที่สุด!


“ปัง!”


หลังจากนั้นเขาก็ไม่ลังเลและไม่ได้ดูปฎิกิริยาของผู้หญิงสองคนนั้น เขาเตะเข้าไปที่ประตูแทนการ “เคาะ” ประตูทั้งบานล้มไปใต้เท้าเขาและลอยไปชนกับกำแพงข้างใน ทำให้ชายที่กำลังนอนทับตัวชู หยิชานต้องตกใจและหยุดถอดเสื้อผ้าเธอไปได้สักพัก


“ใครกันว่ะ! กล้าดียังไงมากวนใจหลาว ซู!”


ชายคนนี้ยังไม่ลุกขึ้นแต่เขาแค่กรนด่าออกมา เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีใครกล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่กลัวหรอก เขาพร้อมที่จะลงมือ


“ปัง!”


ทันทีที่คำพูดจบลงเขาก็รู้สึกถึงมือใหญ่อันทรงพลังที่จับเข้าที่คอของเขาแล้วก็เกิดความเจ็บขึ้นมาทันที ร่างกายทั้งร่างเริ่มที่จะลอยกลับหัวภายในไม่กี่วินาทีแล้วชนเข้ากับขอบโต๊ะอย่างจัง


“โครม!”


โต๊ะสีแดงหักแยกเป็นสองส่วนและถึงแม้จะมีทีวีตั้งอยู่ด้วยทำให้เครื่องทีวีระเบิดและมีประกายไฟออกมา

และการปะทะนี้ค่อนข้างจะรุนแรงจนเขารู้สึกว่าอวัยวะภายในถึงกับสั่นและที่มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา และสันหลังก็ดูเหมือนจะหัก และแม้แต่หัวเขาก็ออกจะเขียวขึ้นมาหน่อยๆซึ่งเป็นผลทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลม


“ชู หยิชาน! ช่างมันเถอะ”


หนิงเทียนหลินไม่สนใจอาการของอีกฝ่ายเลยแต่เขากลับจ้องไปที่

ชู หยิชานที่นอนอยู่บนเตียงอาการแทบจะไม่ไหว ในเวลาเดียวกันเขาก็ก้มลงไปพร้อมที่จะอุ้มเธอขึ้นมาจากเตียง


ในเวลานี้ ชูหยิชาน หน้าของเธอมีรอยเขียวช้ำ, หัวของเธอก็มีเลือดสีแดงสด, ที่คอก็มีรอยช้ำ, และเสื้อผ้าของเธอก็ฉีกขาดเละไปหมด เขาอุ้มเธอขึ้นมาแต่เธอไม่ให้เขาแตะตัว เขาเลยเลี่ยงที่จะแตะตัวเธอ


แต่มันเห็นได้ชัดว่าเธอถูกซ้อมมาอย่างหนักโดยชายคนนี้ก่อนที่เธอจะพยายามหนีออกจากห้อง


ทันใดนั้นหนิงเทียนหลินก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอีกครั้ง


“เทียนหลิน!”


ในเวลานี้เธอสลบไปแล้วและดูเหมือนว่าจะได้ยินคนเรียกชื่อ เมื่อเธอได้ยินบางคนเรียกชื่อเธอและมองไปตรงหน้า เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอ หนิงเทียนหลินกำลังมองมาที่เธอ จึงรีบลุกขึ้นมาจากเตียงทันทีและไม่ได้มองสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจับเข้าที่แขนของหนิงเทียนหลินและร้องไห้


“เทียนหลิน ช่วยฉันด้วย!”


“ช่วยฉันด้วย!”


“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่”


สาวไม้งามกำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดภายในอ้อมกอดของเขา


ICSS บทที่ 66: อย่าเข้ามานะ


“โอเค ไม่เป็นไร”


หัวของชูหยิชานตอนนี้ซุกอยู่กับปากของหนิงเทียนหลิน เธอร้องไห้เหมือนฝนตกซึ่งทำให้หนิงเทียนหลินช่วยอะไรไม่ได้นอกจากตบที่ไหล่เธอเบาๆเพื่อปลอบโยน


“พวกเราไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ไปกันเถอะ”


เมื่อพูดจบเขาก็โอบเธอและเดินออกไปด้วยกัน


“ฉัน…ฉันต้องเปลี่ยนชุดก่อน เสื้อผ้าฉันยังอยู่ที่เลานจ์”


ตอนนี้ชูหยิชานยังสวมชุดทำงานสีชมพูอยู่ เป็นชุดสั้นรัดรูปโชว์เรือนร่าง ชุดแบบนี้ทำให้คนรู้ว่าต้องจ้องไปที่ไหน ถึงแม้เธอจะเป็นหมอนวดที่นี่แต่เธอก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอทำงานที่ไหน


“ได้”


หนิงเทียนหลินพยักหน้า “ฉันจะไปกับเธอ ฉันจะรอเธออยู่ข้างนอกห้อง”

หนิงเทียนหลินรู้ว่าตอนนี้จิตใจของเธอบอบบางมากและเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องไม่คาดฝันใดๆที่จะเกิดเขาจึงตัดสินใจที่จะไปกับเธอด้วย ตรงบันไดทางเดินใช่ รปภ. กำลังวิ่งมาทางนี้ใช่ไหม? ระหว่างที่รอคำตอบจากชูหยิชานเขาก็จับไหล่ของชูหยิชานและเดินไปข้างหน้า


“นั่นไง!”


“สองคนนั้นที่ก่อเรื่อง!”


รปภ. ตะโกนในระหว่างที่วิ่ง โบกกระบองที่อยู่ในมือไปด้วย

“อย่าเข้ามานะ ใครที่กล้าเข้ามา ฉันจะฆ่าให้หมดเลย!”


เมื่อเห็นว่าชูหยิชานที่อยู่ในมือเขา เธอค่อนข้างกลัวเมื่อเห็น รปภ. จนตัวสั่นไปหมด หนิงเทียนหลินหัวเราะออกมาแล้วรีบพุ่งเข้าไปหาพวก รปภ. ที่เข้ามา อีกอย่างเขาเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างมาก ตอนที่ชูหยิชานวิ่งออกมาจากห้องเพื่อขอให้คนช่วยแต่ไม่มีใครมาช่วย แต่พอหนิงเทียนหลินเข้าไปช่วย รปภ. กลับแห่กันมาเพื่อที่จะจับพวกเขา


นี่มันหมายความว่าไง!


เรื่องแย่ๆพวกนี้ที่ชูหยิชานต้องเผชิญอยู่นี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะได้เห็น!


“เฮ้!”


“อวดดี!”


“กล้าดียังไงเข้ามาก่อเรื่องที่นี่?”


“เป็นบ้าหรือไง!”


มี รปภ. ทั้งหมด 6 คน หนึ่งในนั้นคือคนที่หนิงเทียนหลินเจอแล้วตอนที่กั้นประตูอยู่ ส่วนเพื่อน รปภ. อีกคนของเขาน่าจะกำลังถือเงิน 10,000 หยวนของหนิงเทียนหลินไปซื้อเสื้อผ้าอยู่ที่ร้านไฮนานเฮ้าส์ ไม่ใช่ รปภ. คนนั้นที่กำลังพูดแต่เป็นชายวัยกลางคนที่กำลังถือกระบองไม้อย่าง


เจ้ายศเจ้าอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นหัวหน้าของคนทั้ง 6 เมื่อได้ฟังเสียงดุร้ายของหนิงเทียนหลินในตอนแรกเขาถึงกับตกใจเพราะการเคลื่อนไหวของหนิงเทียนหลินค่อนข้างน่ากลัวและดำมืด


สำหรับเขาดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องเคยฆ่าคนมาก่อนแน่ๆ! แต่แล้วเขาก็ส่ายหน้าและรู้สึกขำเล็กๆ ในสังคมทุกวันนี้มีคนไม่มากหรอกที่กล้าฆ่าคน ใช่เมื่อดูจากหน้าตาท่าทางแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 20!


และเมื่อคิดว่าเขาเงินเดือน 5,000 หยวน/เดือน ถ้าตอนนี้เขาไม่จัดการเรื่องนี้จะต้องโดนหัวหน้าไล่ออกแน่ๆ! ทุกวันนี้งานก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆและในตอนนี้ตรงทางเดินก็มีหมอนวดสาวสวยยืนอยู่หลายคนและต่างก็จ้องมาที่พวกเขา


ตอนนี้ถ้าเขาเกิดกลัวขึ้นมางั้นในอนาคตเขาจะเป็นยังไงแล้วเขาจะเป็นหัวหน้า รปภ. ได้ยังไง!


จากสายตาของเขามี รปภ. ทั้งหมด 6 คน แต่ละคนถือไม้กระบอง แต่อีกฝ่ายไม่มีอะไรเลยแถมกำลังสวมรองเท้าอาบน้ำอีกต่างหาก แล้วพวกเขาจะต้องกลัวอะไรล่ะ! ดังนั้นหัวหน้า รปภ. จึงตะโกนใส่หนิงเทียนหลิน


ออกไปแถมใช้ไม้กระบองชี้ไปที่หัวของหนิงเทียนหลินด้วยซ้ำ

เขาเพิ่งได้รับรายงานจากคนอื่นว่ามีคนทำร้ายลูกค้าแล้วยังพังประตูห้องและทำข้าวของในห้องเสียหายด้วย ครั้งนี้เขาเป็นตัวแทนของร้านเพื่อมาเรียกร้องค่าเสียหายและขอคำอธิบายจากแขกพวกนี้!


ลูกค้าคือพระเจ้า!


อย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังไม่ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องอาบน้ำและที่นั่นก็ไม่มีกล้องวงจรปิดด้วย เขาไม่รู้ว่าหนิงเทียนหลินกล้าที่จะสู้กับคนจากแก๊งที่ตัวใหญ่กว่าเขาตั้งเยอะ ถ้าตอนนี้เขารู้เขาก็คงไม่กล้าที่จะชี้ไปหน้าของหนิงเทียนหลินแบบนี้หรอก


หนิงเทียนหลินรู้ตัวตนของอีกฝ่ายอย่างดี! ชายคนนั้นโดยเฉพาะชายหัวล้านคือหัวหน้าแก๊งโง่ๆที่ปล่อยเงินกู้, ตามเก็บเงินกู้ และเก็บดอกเบี้ย และมีลูกน้องเป็นโหลอยู่ภายใต้เขา


โรงอาบน้ำนี้ต้องเสียเงินเพื่อปกป้องคนแบบนี้ต่อปีไปเท่าไรเนี่ย!


ในเวลาเดียวกัน ชายวัยกลางคนที่อยากจะ****ชูหยิชาน ที่ถูกหนิงเทียนหลินจับโยนและบาดเจ็บอย่างหนัก ดูเหมือนว่ากระดูกสันหลังเขาจะหักและในเวลาเดียวกันเขาก็พยายามที่จะคลานมาที่ข้างเตียง มันเจ็บมาก เขาพยายามเอื่อมมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างเตียงและกดเบอร์โทรออก


“พี่เกวียง ผมน้องสามนะ ผมถูกซ้อม ตอนนี้อยู่ในห้อง 308 ที่ชั้น 3 ของโรงอาบน้ำจินซูวาน พี่มาช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”


“อะไรนะ พี่อยู่ที่ประตูเหรอและพี่กำลังพาคนขึ้นมา โอเคๆ เข้าใจแล้ว”


เมื่อวางโทรศัพท์ ชายวัยกลางคนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แต่ก็แสดงสีหน้าที่โหดร้ายไปพร้อมๆกันด้วย พี่ชายคนนี้เป็นหนึ่งในพวกแก๊งที่แข็งแกร่งมากๆ เขาสู้มานับครั้งไม่ถ้วน หาเงินจากการปล่อยกู้ เขาเคยช่วยให้คนๆนี้กู้เงินมาหลายครั้งแล้ว


ถ้าคนนี้เข้ามาช่วย เขาจะต้องแก้แค้นศึกครั้งนี้ได้แน่ๆ!


ถึงแม้อีกฝ่ายจะหนีไปแล้วแต่โรงอาบน้ำจะต้องมีข้อมูลของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ บางทีบัตรประชาชนของเธออาจจะยังอยู่ที่ล็อคเกอร์ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะไปตามหาเธอที่บ้านได้แน่ๆ!



“ขวัาง!”


หนิงเทียนหลินแค่หันหลังกลับไปและกระบองในมือของหัวหน้า รปภ. ก็มาอยู่ในมือเขา โดยไม่ลังเลหนิงเทียนหลินก็โยนกระบองใส่หน้าของหัวหน้า รปภ.


“แก๊ก!”


เสียงของกระดูกแตกในขณะที่หัวหน้า รปภ. กระเด็นไปข้างหลัง ถุยฟันที่หักออกมาจากปากหลังจากที่ร่วงไปกองที่พื้น เขาช่วยไม่ได้ที่จะกุมมือจับที่แก้มและร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่พออ้าปาก ก้อนเลือดก็ไหลออกมาจากปาก


“บอกแล้วว่าอย่าเข้ามา ก็ไม่ยอมฟัง!”


หนิงเทียนหลินมองไปที่หัวหน้า รปภ. และพูดออกมาอย่างเย็นชา

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้กระบองแต่ไม้กระบองกลับหมุนอย่างเร็วในมือเขาและลอยผ่านอากาศออกไป ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด เมื่อ รปภ. คนอื่นไม่ได้ข่มขู่อะไรเขา แต่เขาก็ได้ทำให้คนที่เหลือกลัวเพราะสิ่งที่ทำกับหัวหน้า รปภ.!


มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ฟันที่ร่วงลงมาหมดและแม้แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ยังต้องตกตะลึง


โดนทีเดียว เหมือนโดนคนทั้ง 6!


“เฮ้…เทียนหลิน”


ตั้งแต่ต้นจนจบ แขนซ้ายของหนิงเทียนหลินยังคงกอดปกป้องชูหยิชานไว้ตลอด และชูหยิชานได้หยุดร้องไห้แล้วแต่กลับจ้องที่หน้าของหนิงเทียนหลินด้วยใบหน้าตกตะลึง เธอไม่เคยคิดว่าเพื่อร่วมชั้นเรียนของเธอคนนี้จะโหดร้ายและแข็งแกร่งขนาดนี้


เขาไม่กลัวที่จะทำร้ายคนเลย! เขาจะทำยังไงตอนที่ตำรวจมาจับ!

นอกจากนี้ในความรู้สึกของเธอ หนิงเทียนหลินเป็นเด็กดีมาตลอด ในชั้นเรียนเขาดูเป็นคนธรรมดามากๆและไม่มีอะไรเด่นเลย บางครั้งเขาถึงกับเขินด้วยซ้ำเวลาที่เขาคุยกับเธอ


“ไม่ต้องห่วงหรอก”


“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”


หนิงเทียนหลินไม่ได้พูดอะไรมากแต่ดันให้เธอเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วจึงปิดประตูให้ เพราะในเวลานี้เขาเพิ่งจะได้เห็นคลื่นกลุ่มคนที่กำลังเข้ามาอีกกลุ่มตรงประตูทางเข้า และแต่ละคนก็ถือมีดและไม้มาด้วย

หัวหน้าคนที่เขาเห็นในห้องอาบน้ำเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วก็มาด้วย


ICSS บทที่ 67: ตอกไว้กับกำแพง!


“ฮ่า ฮ่า มาแก้แค้นเร็วจริงๆ!”


หนิงเทียนหลินหัวเราะอยู่ในใจเพราะหัวหน้าแก๊งคือหนึ่งในสี่คนที่เขาจัดการไปในห้องอาบน้ำเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ที่ชื่ออาเกวียง หัวหน้าที่หัวล้านคงจะถูกพาไปโรงพยาบาลแล้ว


แต่ไม่ว่าจะรักษายังไงมือขวาของเขาก็คงไม่หายดีได้หรอก หนิงเทียนหลินจำได้ว่ากระดูกเขาเละเทะมาก และคนที่สูงกว่าเขาประมาณนิ้วไข่ก็เสียหายไปแล้ว ในชีวิตนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสัมพันธ์อีกต่อไปและมันก็ไม่ต่างจากขันทีในวังโบราณ


“ลูกพี่! มันอยู่นั่นไง! ไอ้ตัวนี้แหละ…”


ในเวลานี้เขาดิ้นรนคลานออกมาจากห้อง พยายามที่จะลุกขึ้นและเห็นว่าชายวัยกลางคนกำลังเดินมาตรงทางเดิน และได้เห็นพี่ชายตัวเองนำกลุ่มคนที่กำลังโกรธแค้นเข้ามาก็รู้สึกพอใจขึ้นมาทันทีและรีบตะโกนเรียกพี่ชาย เขาอยากที่จะแก้แค้น!


วันนี้เขาจะต้องให้พี่ชายหักขาไอ้หนุ่มนั่นให้ได้! ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนโง่แต่เราก็ร่ำรวย โลกนี้มันเป็นของคนรวยไม่ใช่เหรอ! ตราบใดที่ไม่มีการฆ่ากันตาย เงินก็แก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง!

เพียงแค่ว่า “ไอ้ลูกหมา” นี่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา กระบองลอยไปตรงหน้าเขาเมื่อเขาไม่ได้ตอบสนองอะไร กระบองก็ลอยปลิวอย่างแรงเลยไหล่เขาไปที่ด้านหลัง


“ปัง!”


กระบองไม้อันสุดท้าย ด้วยสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน ลอยอย่างแรงเสียบเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายทำให้ร่างปลิวไปติดอยู่ที่กำแพง


“น่าเสียดาย กะระยะผิดไปหน่อย จริงๆแล้วเล็งไว้ที่หัวนะเนี่ย”


หนิงเทียนหลินแสดงความเสียดายออกมาเงียบๆ ตอนนี้เขาหวังที่จะระเบิดหัวของชายคนนั้นด้วยไม้กระบอง น่าเสียดายที่กระบองลอยไปไม่ตรงเป้าเลยทำได้แค่เพียงเสียบเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่เขาก็ไม่เคยเล่นปาลูกดอก


อย่างไรก็ตามเขามั่นใจมากว่าถ้าไม้เสียบเข้าที่หัวของอีกฝ่ายจริงๆ มันจะต้องทำให้หัวระเบิดและตายในทันทีแน่ๆ!

เขาอยากที่จะฆ่าคนๆนี้อย่างโหดร้ายและเขาแค่ต้องการ****ชูหยิชาน


“นี่…คือสิ่งที่คนบางคนทำได้งั้นเหรอ…”


และภาพเหตุการณ์นี้ทำให้คนที่เห็นตกใจกลัวมาก แม้แต่พี่ชายที่เพิ่งรีบวิ่งขึ้นบันไดมาพร้อมกับขาที่พิการเล็กน้อยและพร้อมกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเขาด้วย รปภ. จะทำเรื่องพวกนี้ได้ไหม? ด้วยกระบองไม้ สามารถตรึงคนเข้ากับกำแพงปูได้จริงๆเหรอ! ทรงพลังอะไรขนาดนี้!


นี่ไม่ใช่มีดนะแต่มันคือกระบองไม้!


ถ้าเป็นมีดสั้น ฉากแบบนี้มีให้เห็นแค่ในหนังกังฟูเท่านั่นแหละ!


“ฉัน…ฉันมาแล้ว ในนามของพี่ใหญ่…ฉันต้องขอโทษสำหรับความไม่สะดวกของนายด้วย”


ฮาดรอนเห็นหนิงเทียนหลินหันมาและจ้องไปที่ร่างของเขาและทันใดนั้นก็โยนมีดยาวในมือทิ้งและคุกเข่าลง เขาหวาดกลัว ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ของพวกแก๊ง แต่เขาก็ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนนะ!


แค่อีกฝ่ายจ้องเขาด้วยสายตาแบบนี้เขาก็ตายได้แล้ว! เขาเห็นว่ามี รปภ. อีก 6 คนที่นอนกองอยู่ที่พื้น ร้องโอดครวญ นั่นฟันของพวกนั้นร่วงหมดปากเลยเหรอ?

ถ้าเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเรื่องที่เด็กหนุ่มนี่ลงมือในห้องอาบน้ำเป็นแค่ของเล่น ตอนนี้ก็เป็นการแสดงฝีมือของจริงแล้วล่ะ! นั่นมันกำแพงปูนเลยนะ ต้องใช้ค้อนทุบเท่านั้น เขาไม่รู้เลยว่าต้องใช้กำลังมากแค่ไหน!

คน 30 คนที่เขาพามาด้วยคงจะไม่เพียงพอที่จะสู้กับเด็กหนุ่มตรงหน้าแน่ๆ!


อีกฝ่ายต้องได้รับการฝึกมาอย่างดีแน่ๆหรือไม่ก็เป็นเจ้าแห่งกังฟู! บางทีเขาอาจจะเป็นเจ้าแห่งความแข็งแกร่ง! ถ้ามีใครเอาปืนให้เขาตอนนี้ เขาก็ไม่กล้าลุกขึ้นมาอยู่ดี!


“มาขอโทษแต่เอามีดมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”


หนิงเทียนหลินยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ตอนนั้นในห้องอาบน้ำพวกนี้อาจจะยังแก้แค้นไม่ได้ แต่ก็กลับไปแล้วรวบรวมพรรคพวกและกลับมาเพื่อแก้แค้น


“ฉัน…เราได้ยินว่ามีบางคนสร้างปัญหาที่นี่และฉันกลัวว่าพวกนั้นอาจจะทำร้ายนาย ฉันก็เลยมาเพื่อช่วยนาย”


ฮาดรอนคิดเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นออกมาและในเวลาเดียวกันก็ตะโกนไปที่เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเขา


“ทุกคนเลิกยุ่งกับชายคนนี้ สิ่งที่ชายคนนี้ทำมันสมควรแล้ว!”


“แก๊ก!”


“แก๊ก!”


เมื่อสิ้นคำพูด เขาก็ได้ยินเสียงมีดวางลงกับพื้น ลูกน้องพวกนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวเหมือนกัน คนพวกนี้ไม่ได้ฉลาดนัก ชอบการรังแกคนไม่มีทางสู้แต่กลับคนที่แข็งแกร่งกว่า ทรงอำนาจกว่า! เด็กหนุ่มคนนี้เป็นแบบนั้นเลย


“วางมือขวาลงที่พื้น”


หนิงเทียนหลินไม่เห็นได้ยังไงว่าฮาดรอนที่อยู่ตรงหน้าเขาใบหน้าซีดเซียวไปหมด ถึงแม้เขาจะนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น แต่ก็ยังคงมีความเย็นชาอยู่ในน้ำเสียงซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ


“มือขวา…วางลงที่พื้น”


ฮาดรอนไม่ค่อนชัดเจนและทำให้รู้สึกแย่เล็กน้อย น้ำเสียงของอีกฝ่ายเย็นชาเกินไปทำให้ไม่ง่ายเลยที่จะขอโทษ จึงเกิดความลังเลเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรกับเขา


“ไม่เข้าใจหรือไง?” หน้าของหนิงเทียนหลินดื้อรั้นขึ้นมาในทันที “ภายใน 3 วินาทีถ้ายังไม่วาง ฉันจะฆ่าให้หมดเลย!”


“3”


“2”


โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบโต้อะไร เขาก้เริ่มนับถอยหลังทันที


“วางแล้ว”


“วางแล้ว”


หลังจากที่รอให้หนิงเทียนหลินไปต่อ ไอ้เด็กคนนี้ไม่เพียงกีดกันเขาแต่ยังให้เขาวางมือขวาลงที่พื้นอีกและตอนนี้เขาก็ยังคุกเข่าอยู่และดูเหมือนหนิงเทียนหลินจะเล็งอยู่ที่หัวของเขา การได้เห็นเหตุการณ์นี้ ทำให้ไม่มีใครในพวกแก๊งทั้ง 30 คนที่จะกล้าเดินหน้าเข้ามาหรือพูดอะไรออกมา


ทุกคนต่างหยุดนิ่งเพราะอำนาจของหนิงเทียนหลิน

แม้แต่ตลอดทางเดินมีเพียงแค่ชายที่โดนตรึงอยู่กับกำแพงและร้องโอดครวญอยู่เท่านั้น


“โอ้!”


ก่อนที่มือของฮาดรอนจะแตะลงที่พื้น ร่างของหนิงเทียนหลินก็ก้มลงและในมือเขาก็ถือกริซสีฟ้าไว้ พร้อมทั้งแทงเข้าไปที่กลางมือขวาของฮาดรอน แทงทะลุลงไปถึงฝ่ามือตรึงเขาไว้กับพื้น มันแปลกมากที่มือขวาของฮาดรอนไม่มีเลือดเลย แต่กลับมีชั้นน้ำแข็งขึ้นมาแทน ดูเหมือนว่าอากาศเย็นจากกริซจะทำให้มันแข็งตัว


“3 นาที”


“ถ้าฉันดึงกริซนี่ออกภายใน 3 นาที มือขวาของนายจะรักษาไม่ได้แต่ถ้าเลย 3 นาทีไปแล้วและกริซนี่ยังปักอยู่ ไม่ต้องพูดถึงมือขวานายเลยแต่แขนทั้งแขนของนายจะต้องหลุดออกมาด้วย”


หนิงเทียนหลินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยไม่สนใจสีหน้าของฮาดรอนเลยที่ตอนนี้บิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด อีกอย่างเขาไม่ได้พูดเล่นเพราะกริซนี้ไม่ใช่กริซธรรมดา แต่เป็นอาวุธแห่งการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยอากาศเย็นซึ่งเขาได้มาตอนที่รับของขวัญรับน้องใหม่


“ฉันอยากจะดึงกริซออกนะแต่มีเงื่อนไขเดียว คือให้ลูกน้องของนายใช้มีดพวกนี้เพื่อนำความตายมาสู่ชายคนนั้น!” หนิงเทียนหลินพูดพร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่ชายที่ถูกตรึงอยู่กับกำแพง ชายวัยกลางคนที่ตอนนี้กำลังทรมานและร้องโอดครวญ พร้อมทั้งพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ


“จำไว้นายตายแน่!”


“ถ้าเขาไม่ตาย จะไม่ใช่แค่มือและแขนเท่านั้นนะที่นายจะรักษาไม่ได้ แต่ฉันจะเอาชีวิตนายด้วย!”


ICSS บทที่ 68: ใบอนุญาตการฆ่า


“ฆ่าเหรอ?”


ฮาดรอนประหลาดใจมากเพราะจากความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปหมดอย่างไม่น่าเชื่อ ไอ้เด็กคนนี้อยากได้ชีวิตเขา! ถึงเขาจะโง่แต่ไม่ใช่ฆาตกร! สองเรื่องนี้มันแตกต่างกันอย่างมาก!


“2 นาที 40 วินาที”


“เร็วเข้า”


หนิงเทียนหลินลุกขึ้นยืนและไม่ได้พูดเล่นอีกแล้ว จริงๆแล้วเขาอยากจะฆ่าชายคนนั้นด้วยตัวเองแต่หลังจากที่เขาคิดเรื่องนี้ การสังหารประชาชนในศาลมักจะสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่เสมอ

นอกจากว่าเขาจะฆ่าทุกคนที่อยู่ในนี้แวปล่อยให้ระบบการต่อสู้จัดการเรื่องศพ


“ถ้าเพียงแต่มีใบอนุญาตการฆ่า”


ทันใดนั้นหนิงเทียนหลินก็คิดถึงความเป็นไปได้ แล้วดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย ถ้าเขามีใบอนุญาตการฆ่า เขาก็สามารถใช้แขนขาตัวเองได้อย่างไม่มีข้อจำกัด


ถ้าการฆ่าเป็นความลับระบบการต่อสู้ก็จะสามารถทำลายทุกอย่างให้เขาได้อย่างไม่มีร่องรอย มองด้านดีถ้าเขามีใบอนุญาตการฆ่าเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องนี้ได้ มีดก็อยู่ตรงนี้แล้ว! จัดการเขาเลย!


“และใบอนุญาตการฆ่านี้ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงคนเดียวในจีนที่จะมอบใบอนุญาตนี้ให้เขาได้”

หนิงเทียนหลินรู้ว่าในจีนเดี๋ยวนี้ ถ้าใครจะฆ่าคนได้โดยไม่มีปัญหาและไม่มีปัญหากับพวกรัฐบาลด้วยก็มีเพียงคนๆเดียวเท่านั้นซึ่งอยู่ในใจกลางเมืองต้องห้ามภายใต้การปกครองของเมืองอิมพีเรียล!


ราชวงศ์ที่แท้จริงที่ส่งเสริมระบอบกษัตริย์และอำนาจของจักรพรรดิมีคนคนเดียว!


“นายแน่ใจเหรอว่าเขาจะให้นาย?”


“ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย! ไม่มีอะไรที่ต้องคิดให้ยากเลย และนายก็คิดมากเกินไปแล้ว”


ในเวลานี้คำเยาะเย้ยของระบบการต่อสู้ก็ดังขึ้นมาในหูของเขาและมันง่ายมากที่จะเยาะเย้ยเขา


“ถ้านายอยากให้ฉันพูด นายก็ทำได้โดยไม่ต้องกังวลเลย! กฎหมายอยู่ในใจของนายเอง นายจะใช้มันเพื่อแสดงออกมาก็ได้!”


“กฎหมายบังคับใช้โดยบุคคล ผู้คนที่ใช้มันเพื่อฆ่าคนอื่นแล้วนายไม่อยากทำเหรอ? ฆ่าใครก็ได้ที่อยากจะฆ่าและจะไม่มีใครกล้ามาจับนายด้วย!”


“ใครทำให้นายขัดใจ ฆ่าเลย!”


“ใครเดินชนนาย ฆ่าเลย!”


“ใครสบประมาทนาย ฆ่าเลย!”


“ใครที่ทำนายเสียใจ ฆ่าเลย!”


“ฆ่าให้หมดเลย ให้เลือดไหลเป็นแม่น้ำไปเลย ไม่มีใครฆ่าคนได้ทั้งโลกหรอก! พวกนั้นเป็นพลังงานที่สำคัญและแรงกระตุ้นในการอัพเกรดของนายเลยนะ! สังคมที่สกปรกจะสะอาดได้โดยการฆ่า! งั้นนายก็ต้องใช้****

ใบอนุญาตการฆ่า!”


น้ำเสียงของระบบการต่อสู้เต็มไปด้วยความอึดอัดและไร้อารมณ์


“มันก็เหมือนตอนนี้ ถ้านายกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าคนทั้งโรงอาบน้ำถูกฆ่าหมด ใช่ไหม? งั้นฉันรับรองได้เลยว่าจะไม่มีใครรู้ว่านายเป็นคนทำ”


“ถ้าฉันฆ่า ฉันคิดว่าอีกไม่นายก็จะกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร”


หนิงเทียนหลินหัวเราะอย่างขมขื่นและกล้าที่จะไม่เห็นด้วยกับมุมมองของระบบการต่อสู้


“ผลพวงของการทำเรื่องนี้คือทุกคนจะหวาดกลัวฉัน จะไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับฉันและก็จะปฎิบัติกับฉันเหมือนเป็นฆาตกรโรคจิต”


“เรื่องจริงคือ ฉันจะไม่สามารถอยู่ในเมืองนี้ได้ ไม่ว่าจะในจีนหรือแม้แต่ในโลกนี้”


หนิงเทียนหลินปฎิเสธข้อเสนอของระบบการต่อสู้ไปตรงๆแต่พูดเสริมว่า


“บางทีในสายตานาย มนุษย์โลกก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กกว่าหยดน้ำในมหาสมุทรในอารยธรรมอันกว้างใหญ่ของจักรวาลอันกว้างใหญ่”


“ถึงแม้ว่าโลกทั้งโลกจะถูกทำลาย แต่ก็ไม่มีพื้นที่ในจักรวาล”


“แต่เรื่องนี้สำหรับฉันมันใหญ่กว่านั้น นี่เป็นรากฐานของชีวิตฉันและเป็นสถานที่ที่ฉันอยู่ สำหรับฉันมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำกับคนอื่นแบบนั้นเพื่อใช้เป็นพลังงานและการอัพเกรด”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้มีความสับสนเล็กน้อยในสายตาของหนิงเทียนหลิน “บางทีในอนาคตเมื่อฉันไปจากโลกและออกไปท่องจักรวาล ฉันก็จะทำและฉันจะใช้มนุษย์ทั้งหมดเป็นเครื่องมือในการอัพเกรดแต่ไม่ใช่ตอนนี้”


“อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่ในประเทศจีนทั้งหมด”


ทันใดนั้นก็มีความมั่นใจในสายตาของหนิงเทียนหลิน


“งั้นไม่ว่าในอนาคตจะเกิดปัญหาอะไร ฉันจะใช้ใบอนุญาตการฆ่านี้!”


หนิงเทียนหลินรู้สึกว่ามันเป็นไปได้ที่จะฆ่าด้วยใบอนุญาตการฆ่า

เด็กคนนี้เป็นห่วงกิจการระดับชาติ, เศรษฐกิจของประเทศและการดำรงชีวิตของผู้คน, คิดเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงความแข็งแกร่งโดยรวมของประเทศ, จะทำอย่างไรถึงจะทำให้จีนผู้ยิ่งใหญ่อยู่เหนือโลกได้อย่างไร, และวิธีการฟื้นฟูชาติให้สมบูรณ์ และทั้งหมดนี้ต้องการการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง! หากเขาไม่สามารถเปลี่ยนผู้อื่นได้ แต่เขามีเทคโนโลยีขั้นสูงมากมาย! แม้แต่อารยธรรมทั้งเก้าที่มีระดับต่ำที่สุดก็สามารถเปลี่ยนแปลงจีนได้ทั้งหมด


มันใช้เวลาน้อยกว่า 20 ปีและภายใน 10 ปี เขาก็สามารถบรรลุความแข็งแกร่งที่ครอบคลุมและก้าวกระโดดสู่ระดับโลกได้แล้ว!


เพราะตราบใดที่เขายังใช้คะแนนสำคัญเพื่อแลกเป็นเทคโนโลยีพวกนี้ พวกมันพร้อมใช้อยู่แล้วและเขาสามารถทำตามขั้นตอนได้โดยตรง แม้ว่าเขาจะต้องการทำการวิจัย แต่ก็มีวัสดุมากมายสำหรับการอ้างอิง

หนิงเทียนหลินมองดูมันครั้งหนึ่ง มีวิธีที่จะเปลี่ยนทะเลทรายให้กลายเป็นโอเอซิสได้ มันมีความสามารถในการชำระล้างหมอกควันที่ตอนนี้ถูกกวาดไปทั่วทั้งแผ่นดินจีน มันมีพลังที่จะทำให้รถยนต์ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า, เปลี่ยนรถให้ขับในทะเลได้และแม้กระทั่งเครื่องบินจะเร็วขึ้นอย่างมาก ช่วยกวาดล้างเทคโนโลยีที่ดำมืดให้หมดสิ้น!และเทคโนโลยีที่นับไม่ถ้วนเหล่านี้ล้วนเป็นอารยธรรมระดับเก้าที่ต่ำที่สุดและมันก็ไม่ต้องคะแนนพลังงานเยอะด้วย เช่นเดียวกับวิธีเปลี่ยนทะเลทรายให้เป็น


โอเอซิส ซึ่งต้องใช้คะแนนพลังงานแค่ 5 คะแนนเอง! พลังวิญญาณนี้ หนิงเทียนหลินใช้ได้อย่างสมบูรณ์!


เขาสามารถบริหารบริษัทได้, ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับสูงสุดและสนับสนุนเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างไม่ลดละตราบใดที่เขามีใบอนุญาตการฆ่า


แม้แต่ของเหล่านี้ถ้าอีกฝ่ายยังไม่สนใจ เขาสามารถใช้ “ยาอมตะ” เพื่อแลกเปลี่ยนความเป็นอมตะ การมีชีวิตที่เป็นนิรันดิ์ได้ ไม่มีใครปฎิเสธเรื่องนี้ได้หรอก!


ทุกอย่างก็เพื่อใบอนุญาตการฆ่า!


เป็นเพราะความมั่นใจนี้ที่ทำให้หนิงเทียนหลินรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นไปได้ อีกอย่างฉันรับประกันกับเขาได้ว่าใครก็ตามที่ฆ่าตัวตายจะต้องฆ่าคนนี้และจะไม่ต้องฆ่าคนบริสุทธิ์


“ยังไงก็ตาม ไม่ว่ามันได้หรือไม่ ก็ลองดูแล้วกัน!”


หนิงเทียนหลินตัดสินใจแล้วที่จะเดินทางไปพื้นที่ไกลโผ่นของเมืองนี้เพื่อพบกับชายคนนั้นหลังจากวันที่วุ่นวายนี้ ตราบใดที่เขามีใบอนุญาตการฆ่า ในอนาคตเขาจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหาอะไรอีก ยังมีอะไรต้องระวังอีกมากมาย


“จริงๆเหรอ…อยากจะฆ่าเขาจริงๆเหรอ?”


มีประกายแห่งความหวาดกลัวในสายตาของฮาดรอน ถ้าเขาทำเรื่องนี้เขาจะต้องเจอปัญหาอะไรเยอะเลยแน่ๆแต่เขารู้ดีอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ เขาเคยทำเรื่องแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง สุดท้ายแล้วตอนนั้นเขายังเป็นผู้เยาว์ อายุเพียง 15 ปี พี่ชายจากชนบทสารภาพและถูกตัดสินจำคุก 25 ปี

พี่ใหญ่มอบเงินให้เด็กหนุ่มที่รับโทษ 1 ล้านหยวนเพื่อเป็นการยอมความ


ICSS บทที่ 69: ตบหน้าให้ฉันที!


“ฉันล้อเล่นหรือไง?”


สีหน้าของหนิงเทียนหลินเยือกเย็นพร้อมในมือที่ถือกริซ และยังจะคิดว่าเขาล้อเล่นอีกงั้นเหรอ? อีกอย่างชายวัยกลางคนนี้จะต้องตาย!


ถ้าวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ ชูหยิชานก็คงจะถูกย่ำยี่ไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดชะตากรรมของเขาจะถูกเขียนใหม่อย่างแน่นอน! คนอื่นอาจจะไม่สนใจหนิงเทียนหลินแต่เรื่องแบบนี้ห้ามเกิดกับชูหยิชานเด็ดขาด!


ในจิตใจของชายทุกคนมีความลับอยู่ไม่มากก็น้อย หนิงเทียนหลินก็เหมือนกัน


ตอนที่ยังเป็นน้องใหม่ที่โรงเรียน ตอนที่ทุกคนแนะนำตัวเองหน้าชั้นเรียน การปรากฎตัวของชูหยิชานทำให้ผุ้ชายทุกคนต่างก็ตกตะลึง

หนิงเทียนหลินก็ด้วย หัวใจของเขาถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ เขามั่นใจ

มากกว่าตั้งแต่เขาโตมาเขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยขนาดนี้เลย!


เสื้อยืดยาวสีขาวจาง ๆ, กางเกงสีชมพู, มัดผมหางม้า, แต่งดอกเดซี่สีชมพู ดูสะอาด, เรียบร้อย, ใบหน้าขาวใส ดูอ่อนเยาว์เหลือเกิน สวยกว่าดาราในทีวีซะอีก!


เขามั่นใจเลยว่าตั้งแต่ตอนนั้นผู้ชายทุกคนในชั้นเรียนก็จำชื่อเธอได้หมด!

หนิงเทียนหลินก็เป็นแค่เด็กธรรมดา ซึ่งมีจิตนาการเรื่องชูหยิชานเหมือนกันเต่เขารู้ดีว่าตัวเองไม่อาจเอื้อม เขาไม่มีเงินและหน้าตาไม่ดี

เขาไม่เหมาะกับเธอหรอก


ชูหยิชานเป็นดอกไม้งามของห้อง, ของแผนกและของโรงเรียนซึ่งไม่เหมาะกับคนแบบเขา

อย่างไรก็ตามในระหว่างการฝึกทหารภายหลัง พระเจ้าทรงโปรดเขา เขาและชูหยิชานยืนอยู่ข้างกัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะสวมเครื่องแบบฝึกทหาร เขาก็ยังได้กลิ่นหอมจากร่างของอีกฝ่ายและเห็นผิวขาวใสที่ลำคอของเธอ

ไม่ต้องห่วง!


เมื่อการฝึกทหารจบลง พวกเขาก็มีโอกาสได้คุยกัน ได้หัวเราะด้วยกัน หนิงเทียนหลินรู้สึกว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดในช่วงการฝึกทหารของเขาเลย และก็เป็นเพราะช่วงเวลานั้นด้วยที่ทำให้พวกเขารู้จักกันและกันและได้พูดคุยกัน


เวลาที่พวกเขาเจอกันในชั้นเรียนหรือเจอกันตามท้องถนนก็จะกล่าวทักทายกัน แต่หนิงเทียนหลินก็เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ

เขาแค่ไม่คิดว่าในช่วงเวลาปิดเทอม 2 เดือนที่พวกเขาไม่ได้เจอกันแต่กลับได้มาเจอที่นี่! และในเหตุการณ์แบบนี้ด้วย


“ฆ่า! ฉันจะฆ่าไอ้หมอนี่เอง!”


ในเวลานี้ฮาดรอนที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและมือขวาก็ยังถูกตรึงอยู่กับพื้นมีสายตาที่ไร้ความปราณี แค่ฆ่าใช่ไหม? ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็ใช้เงินหาแพะมารับบาปแทนสิ! อีกอย่างเขาเริ่มจะรู้สึกถึงความเย็นขึ้นมาที่แขนแล้ว ถ้าเขาไม่รีบลงมือ เขาก็กลัวว่าจะเป็นอย่างที่เด็กหนุ่มคนนี้พูด แขนเขาจะต้องถูกทำลาย!


“อาซาน! มานี่สิ! หยิบมีดให้ฉันที! ฉันมีบางอย่างที่จะต้องทำ!”


ฮาดรอนใช้แรงของเขาทั้งหมดและตะโกนไปที่ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขา นอกจากนี้ชื่อของคนลัทธิเต๋าสามารถเป็นผู้นำได้และเขาเป็นห่วงว่าลูกน้องเหล่านี้สามารถต่อสู้ได้ แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะฆ่า!


อาซานเป็นลูกน้องที่มีค่าสำหรับเขามาก! เด็กหนุ่มนี่หน้าตาดีและทะเยอทะยานมาก


“ดีเลย!”


“ไปด้วยกันเลย!”


เด็กหนุ่มที่ชื่ออาซานอายุประมาณ 20 ปี มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย กัดปากตัวเองแน่น ก้มลงไปพร้อมทั้งหยิบดาบที่เพิ่งจะโยนทิ้งไปขึ้นมาและโปกไปที่ผู้คนรอบๆเขา!!


เขามาจากชนบท เขาอยากจะไปที่ปักกิ่งและอยากจะซื้อบ้านสักหลัง ไม่อยากที่จะสู้ ไม่อยากทำอะไรโหดร้ายแต่มันก็เป็นไปไม่ได้!


นอกจากนี้กฎหมายจะไม่โทษประชาชน พวกเขาทำด้วยกันและสุดท้ายก็ตัดหัวคนที่พวกเขาเคารพ ก็คงจะถูกจำคุกแค่ไม่กี่ปี! ถึงแม้เขาจะต้องเข้าคุก เกวียงก็จะต้องจ่ายค่ายอมความให้ครอบครัวเขาแน่ๆ! เขามาที่เมืองจินเปยเพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่เพื่อตัวเขาเองแต่เพื่อครอบครัวเขาด้วย!


บางครั้งครอบครัวก็สำคัญมากกว่าตัวเขาเอง!


และบางทีเกวียงจะจ่ายค่ายอมความให้เขาก้อนและเขาก็อาจจะไม่ต้องเข้าคุกด้วยซ้ำ!


“เร็วเข้า!”


เมื่อได้เห็นอาซานรีบวิ่งไป กลุ่มของผู้คนข้างหลังเขาก็หยิบดาบและรีบลุกขึ้นเช่นกัน ในเวลานี้ใครก็ตามที่ไม่รีบลุกขึ้นมาจะต้องถูกเตะออกจากทีมและนี่ถือเป็นการลงโทษ!


“ตุบ!”


“ตุบ!”


“ฉึก!”


“ฉับ!”


ไม่ช้าเสียงของดาบและกระบองไม้ที่กำลังหยิบขึ้นมาจากพื้นและแม้แต่ชายวัยกลางคนที่ถูกตรึงอยู่กับกำแพง ที่ต้องตายอย่างน่าสลดใจและเขาก็เงียบลงในทันที ทั้งคอ, หน้า, ท้อง, ขา, หัว และแม้แต่ไอ้หนูของเขาก็มีรอยมีดอยู่เต็มไปหมด มีเลือดมากมายไหลมาจากร่างเขาไม่หยุด


“ดูเหมือนลูกน้องนายจะแข็งแกร่งมากเลยนะ”


เมื่อรู้ว่าชายวัยกลางคนคนนี้ตายสนิทแล้ว หนิงเทียนหลินก็นั่งลงเยาะเย้ยไปที่ฮาดรอน ในเวลาเดียวกันก็เอื้อมมือออกไปจับที่ด้ามกริซและดึงกริซออกมาจากฝ่ามือของฮาดรอนโดยตรง


“จำไว้นะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้ามีใครมาตามตัวฉันเพราะเรื่องนี้ ฉันจะกลับมาฆ่านายซะ!”


ในระหว่างที่พูด เขาก็เก็บมีดเข้าไปที่วงแหวนอวกาศและเหตุการณ์นี้ทำให้ฮาดรอนหวาดกลัวอย่างมาก เขาไม่รู้ว่ามีดของอีกฝ่ายออกมาจากไหน ตอนนี้กลายเป็นว่ามันออกมาจากตัวขงเด็กหนุ่มคนนี้เองเลย เหมือนเวทมนต์เลย! หนิงเทียนหลินสวมเสื้อแขนสั้นและกางเกงอาบน้ำในเวลานั้น!


“มันจะต้องถูกซ่อนไว้ในเข็มขัดแน่ๆและเขาก็ไม่กลัวที่จะใช้มันด้วย”


แฮดรอนได้ตัดสินว่าชายหนุ่มผู้นี้ว่าเป็นอาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในตำนานและเขายังมีมีทักษะภายในด้วย เขาจะต้องซ่อนกริซไว้ในเข็มขัดที่กางเกงด้วยความเร็วที่ตาเปล่ามองไม่ทันแน่ๆ เหมือนเวทมนต์เลย

แต่ด้วยความเร็วนี้รวมทั้งน้ำเสียงที่เย็นชาของหนิงเทียนหลินทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ

“เข้าใจแล้วๆ มั่นใจได้เลยว่าเรื่องนี้จะสาวไม่ถึงตัวพี่แน่ๆ”

เขาเด็กกว่าหนิงเทียนหลินแต่ไม่รู้ว่าอายุเท่าไรแต่ในเวลานี้เขาให้หนิงเทียนหลินเป็นพี่ด้วยความกลัว

เขากลัวว่าถ้าเขาไม่ระวังเรื่องนี้ อีกฝ่ายจะต้องกลับมาอีกแน่ๆ


“อีกอย่าง ผู้หญิง 2 คนนั้น ตบหน้าพวกหล่อนให้ฉันที!”


“ถ้าไม่เป็นอย่างที่ฉันพอใจ ฉันจะเอาเลือดของนายมาล้างหน้า!”


หนิงเทียนหลินยืนขึ้นและชี้ไปที่หมอนวดหน้าตาน่าเกลียด 2 คนที่กลัวจนเดินหนีไปไหนไม่ได้เลย 2 คนนี้ไม่ใช่แค่เพียงเห็นเหตุการณ์การฆ่านี้แต่ยังล้อเล่นกับเรื่องที่ชูหยิชานถูกกระทำอีกด้วย


ผู้หญิงปากเสียแบบนี้คือคนประเภทที่หนิงเทียนหลินอยากจะอ้วกใส่หน้าจริงๆ!


“ได้! ผมจัดการให้เอง!”


มีดถูกดึงออกจากมือขวาของเขาแล้วพร้อมอาการเจ็บปวดแต่มือซ้ายของเขายังสามารถใช้ได้ อีกอย่างในเวลานี้เขารู้อยู่แก่ใจและไม่อยากที่จะถูกแทงอีกรอบ เขาจึงรับปากกับหนิงเทียนหลิน เมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและเดินช้าๆไปที่หญิงสาว 2 คนนั้น


“ปล่อยฉันนะ…”


“เราไม่ได้ตั้งใจ…”


“อย่านะ…”


แน่นอนสองสาวนั่นรู้เหตุผลดี ตอนที่หนิงเทียนหลินเคาะประตู พวกเธอหันมามองและพูดตลกล้อเลียนกันสนุกและถึงขนาดพูดตลกกับชายหนุ่มว่าทำอะไรเวอร์เกินไป ที่นี่จะนองเลือดได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

แต่ตอนนี้พวกเธอมีสีหน้าเศร้าเสียใจมาก ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยน้ำตา


“เพี๊ยะ!”


“เพี๊ยะ!”


ฮาดรอนเดินช้าๆไปอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่าย มือซ้ายตบออกไปอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเสียง “เพี๊ยะ” ดังลั่น! แรงมากด้วย!


“ยอมรับซะ”


เวลาไม่ถึงนาที ประตูห้องรับรองถูกดันเปิดออกมาและชูหยิชานที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา เพียงแวบแรกสิ่งที่เธอเห็นคือเหตุการณ์นี้


ICSS บทที่ 70: ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


“หยิชานไปกันเถอะ”


หนิงเทียนหลินเห็นว่าหน้าของชูหยิชาน “นิ่งจนอึ้ง” และกลายเป็นซีดเซียวและรู้ได้เลยว่าเธอกำลังหวาดกลัว ทางเดินเต็มไปด้วยมีดที่ใช้ฆ่าและอีก

2 สาวที่ถูกตบหน้า จากเหตุการณ์นี้เพียงเห็นครั้งแรกก็ทำให้เธอเงียบไปได้เลย


เขารีบหันกลับไปและไปยืนอยู่หน้าเธอทันที ใช้ตัวเขาเองเพื่อบังสายตาของเธอพร้อมทั้งกอดเธอเข้าที่ไหล่และผลักเธอไปที่บันได


“โอ้”


หลังจากตกใจอยู่สักพัก ชูหยิชานไม่ได้ถามอะไรมากและเธอก็รีบเดินไปข้างหน้าพร้อมกับมือของหนิงเทียนหลิน


เธอแค่อยากจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้! ออกไปจากโรงอาบน้ำนี้! ในทุกก้าวที่เดินเธอก็กลัวว่าจะมีคนมาจับพวกเขาและฆ่าพวกเขาด้วยมีดพวกนั้นแต่กลับไม่มีใครตามพวกเขามาเลยจนเดินออกประตูโรงอาบน้ำไป

จนถึงตอนนี้ หัวใจของเธอก็ยังเต้นรัว!


“เทียนหลิน เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมีคนมากมายขนาดนั้น?”


เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้านในและไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก เมื่อเธอออกมาก็เห็นเพียงคนมากมายตรงทางเดิน มีเสียงดังมากมายจากมีดและกระบองไม้ที่อยู่ในมือและไม่รู้เลยว่าคนที่ต้องการตัวเธอได้ถูกจัดการไปแล้ว!


ฉันเห็นแค่หมอนวดแบบเธอ 2 คนกำลังถูกซ้อมอยู่!


ถึงแม้เธอจะมาอยู่ที่นี่หลายเดือนแล้วแต่เธอก็ไม่คุ้นกับหมอนวด 2 คนนั้นเลย ในโรงอาบน้ำมีหมอนวดมากกว่า 80 คน พวกเธอเรียกกันด้วยหมายเลยเลยไม่รู้ชื่อจริงของพวกเธอ


“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”


หนิงเทียนหลินยิ้ม “พวกคนที่พกมีดกับไม้กระบอง ทันทีที่พวกเขาขึ้นบันไดมาแล้วก็เริ่มไล่ล่าคนที่อยากจะย่ำยีเธอ พวกเขาปิดตรงทางเดินและเริ่มฆ่ากัน แล้วก็ตะโกนและไล่ทวงเงินคืน”


“ดูเหมือนว่าจะมีคนติดหนี้และไม่ยอมจ่ายคืน อีกฝ่ายเลยมาตามเก็บหนี้”


หนิงเทียนหลินไม่อยากที่จะสร้างความเลือดเย็นให้กับจิตใจของชูหยิชาน เขาเลยเล่าเรื่องโกหกออกไป ถึงแม้เขาจะโกรธแทนชูหยิชานก็ตาม


“ตายเหรอ? นายบอกว่าผู้ชายในห้องเพิ่งตายงั้นตาย?”


ในสายตาของชูหยิชาน มีแต่ความตกใจเธอไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะตาย! ตายตรงทางเดิน! เขาเพิ่งจะซ้อมเธอในห้องเมื่อกี้นี้เองและเขาก็ยังแข็งแรงอยู่เลย


“อื่ม” หนิงเทียนหลินพยักหน้า “ฉันคิดว่าเขาตายอย่างดีและมีความสุขมากนะ ไอ้คนเลวๆแบบนั้นไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้หรอก ก็คิดซะว่าไอ้เจ้าหนี้ที่มาตามเก็บหนี้แก้แค้นแทนเธอแล้วกัน”


“ก็เหมือนหมากัดกันเองแหละ”


“แล้วนายจะทำยังไง? นายเพิ่งจะทำร้ายผู้ชายคนนั้นไป เมื่อตำรวจมาถึงพวกเขาจะไม่ตามมาจับนายใช่ไหม?” ในเวลานี้ ชูหยิชานคิดถึงความปลอดภัยของเขาขึ้นมาทันทีและถามหนิงเทียนหลินออกไปด้วยความกังวล


เพราะตอนที่เธออยู่ในห้อง เธอเห็นชายคนนั้นนอนกองอยู่ที่พื้นและร้องโอดครวญ ขยับไปไหนไม่ได้ตั้งนาน ตอนนี้เขาตายแล้วมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว


“ไม่มีไรหรอก ฉันแค่ลากเขาขึ้นมาแล้วก็โยนออกไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ถ้าตำรวจมาหาฉันก็คงไม่ทำเหมือนฉันเป็นฆาตกรหรอก”


หนิงเทียนหลินโบกมือด้วยรอยยิ้มและดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรเลย แต่การที่ได้ยินว่าชูหยิชานเป็นห่วงเขาก็ทำให้หัวใจเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเลย


“แล้วพอ…รปภ.ล่ะ? ฉันเห็นนายทำพวกเขาฟันร่วงเลยนิ!”


ในเวลานั้นเธออยู่ในอ้อมกอดของหนิงเทียนหลินแต่เธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหนิงเทียนหลินใช้กระบองของ รปภ. ตีเข้าที่ฟันของทุกคนเลย


“ไม่เป็นไรหรอก ฉันคิดว่าแค่ให้เงินพวกเขาไปก็โอเคแล้ว แค่สู้กันเฉยๆไม่ถึงกับต้องเข้าคุกหรอกจริงไหม?”


หนิงเทียนหลินยังคงยิ้มอยู่


“ฉันเก่งไหมล่ะ? คนเดียวจัดการ 6 คนได้เลยนะฉันเรียนการต่อสู้มาบ้างน่ะ อืมมมม ใช่ๆวิชาต่อสู้ อืม แค่ใช้มันฉันก็บินข้ามกำแพงได้เลยละ”


หนิงเทียนหลินพูดแล้วก็เต้นไปด้วยนิดหน่อย

“อุ ฮ่าฮ่า”


เมื่อได้เห็นแบบนี้ ชูหยิชานก็ยิ้มออกมาทันที เธอรู้ดีว่าหนิงเทียนหลินพยายามที่จะหยอกล้อเธอแต่ก็มีเพียงรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ แต่เธอก็อดไม่ได้แล้วก็พูดกับหนิงเทียนหลินอย่างจริงจัง


“ขอบคุณนะเทียนหลิน ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะนาย ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง บางที…”


เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา ชูหยิชานก็ยังรู้สึกกลัวอยู่เลย


“ไม่ต้องขอบคุณหรอก”


หนิงเทียนหลินยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เขารู้ว่ามีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่รอยยิ้มของเขาจะช่วยคลายความกดดันให้ชูหยิชานได้


“ใครใช้ให้เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันล่ะ อีกอย่างตอนฝึกทหาร เราก็ได้อยู่ใกล้ๆกันและเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย โชคชะตานำพาจริงๆเนอะ!”


ในเวลานี้หนิงเทียนหลินดูเหมือนจะสบายใจมากและเขาไม่รู้เลยว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ต่อหน้าชูหยิชานในตอนนี้เลย เวลาที่เขาเจอคนสวยๆเขามักจะซีเรียสและพูดติดอ่างด้วยซ้ำ นี่อาจจะเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขาเองก็ได้


“ขอบคุณจริงๆเลยนะ” ชูหยิชานดูจริงจังมากๆ


“ฉันจะคืนเงิน 3,000 เหรียญให้ทีหลังนะ ฉันติดนายไว้ก่อนนะ ฉันไม่รู้ว่ามากแค่ไหนแต่ฉันจะทำงานแล้วหาเงินมาคืนนายนะ”

“เธอหมายความว่าไง?” หนิงเทียนหลินตัวแข็งทื่อแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา


“มันคือค่าชดเชยให้ รปภ. พวกนั้นไม่ใช่เหรอ?” ชูหยิชานพูด


“ฟันของพวกนั้นร่วงหมดเลย อย่างน้อยก็ต้องจ่ายหลายหมื่นเหรียญ นี่ก็เพราะฉัน ฉันจะหาวิธีหาเงินมาคืนนายนะ ไม่งั้นพวกนั้นก็ต้องจับนายแน่ๆ”


“ไม่ต้องหรอก” หนงเทียนหลินตอบไปในทันทีพร้อมทั้งโบกมือปฎิเสธ


“ไม่ต้องคืนหรอก เธอจะไปหาเงินจากไหน อีกอย่างไม่ต้องพูดถึงหลายหมื่นหรอก เป็นแสนเธอก็ไม่ต้องคืน”


ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาก็คงไม่พูดอะไรแบบนี้แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง ในบัตรเครดิตเขามีเงินตั้ง 10 ล้านหยวนและก็ยังมีเงินสดอีก 10 ล้านหยวนอยู่ในแหวนอวกาศอีก!! และถึงแม้เงินจะหมดไป เขาก็เอาพลังงานไปแลกได้เสมอ


“เป็นแสนงั้นเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไง? ฉันรู้ว่านายทำเพื่อฉันแต่สำหรับเงิน 3,000 เหรียญ นายต้องเอาคืน”


ถึงแม้เธอจะไม่รู้พื้นเพครอบครัวหนิงเทียนหลินมากนัก แต่เธอก็ดูจากเสื้อผ้าที่ธรรมดาและการกระทำในทุกๆวันได้ อีกอย่างโรงเรียนก็เป็นโรงเรียนธรรมดาและแน่นอนว่าเขาก็ต้องมาจากครอบครัวธรรมดาๆเหมือนกัน ถึงแม้เขาจะมีเงิน แต่ก็ไม่มีวันมีมากมายได้หรอก


แม้แต่ลูกคนรวยยังไม่กล้าพูดเลยว่าตัวเองเป็นเป็นแสนอยู่ในธนาคาร

ถึงยังไงเงินก็เป็นของพ่อแม่และจะโอนมาให้พวกเขาเวลาที่ต้องการก็เถอะ

และตอนนี้หนิงเทียนหลินก็ดูเหมือนอย่างนั้น เธอคิดว่าอีกฝ่ายพูดเพื่อให้เธอสบายใจ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกังวล


“เฮ้”


“พ่อหนุ่ม ทำไมยังใส่ชุดจากโรงอาบน้ำอยู่อีก ฉันซื้อเสื้อผ้ามาให้แล้ว ทั้งหมด 2,600 หยวนแล้วที่เหลือ…”


ทันทีที่หนิงเทียนหลินกำลังจะอธิบาย รปภ. หนุ่มก็มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาพร้อมถุงเสื้อผ้าถูงใหญ่ที่อยู่มือ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนที่หนิงเทียนหลินใช้ให้ไปซื้อเสื้อผ้าให้เขาตอนที่เขาเดินเข้าประตูมา

ในเวลานั้นเสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นปลาและเลือดจนเขาสวมต่อไปไม่ได้แล้ว


ICSS บทที่ 71: เปิดห้องเหรอ?


“เก็บที่เหลือไว้เถอะ เอาเสื้อผ้ามา”


ก่อนหน้านี้หนิงเทียนหลินให้เงินเขาไป 10,000 หยวน และใช้ไป 2,600 หยวน และแน่นอนยังเหลืออีก 7,400 หยวน แต่ในเวลานั้นหนิงเทียนหลินใช้เพื่อให้ได้เข้าไปในโรงอาบน้ำแล้วตอนนี้จะมาเอาคืนได้ยังไงและอีกอย่าง 7,400 หยวนสำหรับเขาวันนี้มันไม่พอสำหรับเขาด้วยซ้ำ


พลังงานเพียงเล็กน้อยก็สามารถแลกได้ตั้งหนึ่งล้านหยวนแล้ว งั้น 7,400 หยวน มันก็เล็กน้อยมากๆ!


“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะพ่อหนุ่ม! พ่อหนุ่มใจดีมากๆเลย”


รปภ. รีบคืนเงินในทันที แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าปฎิเสธผลประโยชน์ง่ายๆแบบนี้ เงินนี่เท่ากับเงินเดือนเขา 2 เดือนเลยทีเดียว อีกอย่างเขาได้มาแบบง่ายๆเลย แล้วทำไมจะไม่เอาล่ะ?


เมื่อพูดจบเขาก็ส่งถุงเสื้อผ้าในมือให้หนิงเทียนหลินไป แล้วรีบก้มหัวขอบคุณอย่างมีความสุขแล้วกล่าวลากับหนิงเทียนหลินและชูหยิชาน


“นาย…นายสวมเสื้อผ้าราคากว่า 2,000 หยวนเลยเหรอ!”


ตอนนี้ชูหยิชานมองไปรอบๆและไม่มีใครเลยนอกจากหนิงเทียนหลิน แน่นอนเสื้อผ้านี้ถูกซื้อมาให้เขาเองแต่เธอไม่เคยคาดคิดว่าเด็กนักเรียนธรรมดาๆในความคิดของเธอจะสามารถซื้อเสื้อผ้าราคา 2,600 ได้

ถึงแม้เสื้อผ้าพวกนี้ในสายตาของคนที่รวยจริงๆ ราคานี้ยังไม่ได้กางเกงสักตัวเลยด้วยซ้ำแต่สำหรับนักเรียนราคานี้มันแพงมากๆ และส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ทั้งนั้น


สำหรับหนิงเทียนหลิน แค่อดิดาสก็ถือว่ายากแล้ว


ซื้อรวมๆกันจนราคาเป็นพันและบางทีก็ไม่ถึงพันด้วย!


ตอนนี้หนิงเทียนหลินซื้อได้แบบง่ายๆ แถมให้คนอื่นไปซื้อให้โดยที่ตัวเองไม่ได้ลองด้วยซ้ำแต่ได้เสื้อผ้ามาราคากว่าสองพันบาท เรื่องนี้ยังติดอยู่ในใจของเธอ เพื่อร่วมชั้นเรียนของเธอที่มาจากครอบครัวธรรมดาที่เธอคิดถึงอยู่เสมอ


“ทำไมฉันจะใส่แบบนี้ไม่ได้ล่ะ?”


หนิงเทียนหลินยิ้ม เขาไม่ได้บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาใส่เสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้


“นายใส่ได้แต่นายจะให้เงินที่เหลือกับเขาไปไม่ได้” เมื่อได้เห็นสายแต่แบบไม่แยแสของหนิงเทียนหลิน ชูหยิชานรู้สึกเป็นกังวล


“ฉันเดาว่านายให้เงินเขาไป 3,000 แล้วเหลือเงินทอนมา 400 หยวนใช่ไหม?”


หลังจากที่รอให้หนิงเทียนหลินตอบ ชูหยิชานก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง


“นายให้เขาไป 400 หยวนได้ยังไง? ให้เขาแค่ 20-30 หยวนก็พอแล้ว แค่นั้นก็พอแล้ว เงิน 400 หยวนมันหาไม่ได้ง่ายๆเลยนะ” ชูหยิชานคิดว่าหนิงเทียนหลินเสียเงินไปเปล่าๆ แต่ถ้าเขาบอกให้เธอรู้ว่า 400 หยวนมันก็แค่เศษเงิน และจริงๆแล้วเงินที่ให้ไปมันแพงกว่าราคาเสื้อผ้า 2-3 เท่าด้วยซ้ำ แบบนี้เธอจะตกใจหรือเปล่า? เธอมองมาที่หนิงเทียนหลินเหมือนเขาเป็นคนโง่

“ช่างมันเถอะ”


หนิงเทียนหลินโบกมือด้วยรอยยิ้ม “ฉันเพิ่งบอกไปไม่ใช่เหรอ ว่าฉันมีเงินเป็นแสนน่ะ? ฉันไม่สนใจหรอก” เขาไม่อยากจะอธิบาย มันไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เขาแค่อยากมีความสุข อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องสนใจเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น


“คืออย่าพูดแบบนี้เลย นายไม่จำเป็นต้องให้เงินฉัน 3,000 หยวน ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพวก รปภ. เอง ถ้านายให้มา ฉันอาจจะเอาไปซื้อเสื้อผ้าอีก”


ถึงแม้หนิงเทียนหลินจะไม่รู้ว่าทำไมชูหยิชานถึงอยากจะเป็นหมอนวดในที่แบบนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพราะเงินและคาดว่าตอนนี้เธอน่าจะมีเงิน

3,000 หยวน ไม่งั้นเธอคงไม่พูดแบบนี้ออกมา


“เธออยากจะกินอะไร? ไปหาะไรกินกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”


“ฉันขอช่วยเธอไปกินข้าวด้วยกัน”


หลังจากรอให้ชูหยิชานตอบ หนิงเทียนหลินก็รีบเป็นเรื่องคุย ช่วงนี้เขาไม่ได้กินอะไรดีๆเลย การฆ่าปลาทุกวันทำให้เขาได้กินแต่อาหารฟาสฟู้ด เขาจะไปโรงเรียนเมื่อถึงเวลาแต่ตอนนี้ไปหาอะไรอร่อยๆกินก่อนดีกว่า


“ไม่อ่ะ นายไปกินเถอะ”


ถ้าเป็นปกติดวงตาของชูหยิชานคงจะเปล่งประกายเมื่อเมื่อเขาชวนเธอไปกินข้าว เธอมีความลับเล็กๆน้อยๆ เมื่อไรก็ตามที่เธอไม่มีความสุข เธอชอบที่จะหาของกินเพื่อผ่อนคลายความเครียดเพราะเธอคิดมาเสมอว่าความกังวลพวกนี้จะค่อยๆหายไปเมื่อเธอทำแบบนี้

แต่ในครั้งนี้เธอกลับปฎิเสธเพราะเธอเพิ่งจะส่องกระจกในห้องรับรอง หน้าของเธอเขียวช้ำไปหมดและมีรอยฝ่ามืออย่างชัดเจน และที่คอก็มีรอยสีแดงซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าถูกซ้อมมา เธอไม่อยากเข้าไปกินในร้านอาหารด้วยสภาพแบบนี้ ถ้าไปเธอจะต้องกลายเป็นเป้าสายตาแน่ๆ


“มีอะไรเหรอ?”


เกี่ยวกับปฏิกิริยาของหนิงเทียนหลินในวันนี้ แน่นอนในตอนแรกเขาสังเกตเห็นความดีใจในสายตาของเธอ แต่ความดีใจนั้นได้จางหายไปในไม่ช้าและเดาว่าคงมีบางอย่างในใจของเธอแน่ๆ


ในก้นบึ้งของหัวใจ หนิงเทียนหลินหวังที่จะมีโอกาสได้กินข้าวกับชูหยิชาน ตอนปีหนึ่งในโรงอาหารของโรงเรียน เขาได้เจอชูหยิชานหลายครั้งและเคยได้กินอาหารค่ำกับเพื่อนร่วมห้องของเธอ เขาอยากที่จะได้แบบนั้นมากๆ เพียงแค่ตอนนั้นเขาตัวผอมเล็กและไม่มีความกล้า


“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน”


ชูหยิชานรีบโบกมือปฎิเสธและหน้าของเธอก็มีความอายอยู่เล็กน้อย ในใจของเธอ หนิงเทียนหลินช่วยเธอไว้แต่ก็ทำร้ายเธอด้วย ไม่ว่าจะกรณีไหนเธอก็ควรจะชวนหนิงเทียนหลินกินข้าวเป็นการตอบแทน

มันควรจะเป็นตอนนี้แหละ…


“สภาพ…สภาพฉันตอนนี้…ไม่ค่อยเหมาะที่จะออกไปเจอผู้คน ใครก็ตามที่เห็นก็ต้องคิดว่าฉันถูกซ้อมมาแน่ๆ แล้วก็ล้อเลียนฉัน” หลังจากนั้นก็เกดิความผิดหวังในสายตาของหนิงเทียนหลิน เธอต้องบอบช้ำแล้วมาคอยอธิบาย


“โอ้”

ในเวลานี้หนิงเทียนหลินตบไปที่หัวตัวเองอย่างแรงเหมือนกับกำลังปลุกตัวเองจากความฝัน เขานี่โง่จริงๆเลย ตอนนี้ชูหยิชานจะเดินไปตามถนนในสภาพนี้ไม่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าผู้หญิงทุกคนห่วงเรื่องความสวย?


“งั้นฉันจะพาเธอกลับไปที่โรงเรียน”


โรงเรียนจะเปิดพรุ่งนี้ ตอนนี้มันก็บ่ายสามแล้วและมันถึงเวลาที่ต้องไปรายงานตัวแล้ว เขาก็มีแผนแบบนี้เหมือนกัน


“อย่านะ!”


ทันทีที่หนิงเทียนหลินพูดจบ ชูหยิชานก็ปฎิเสธในทันที


“ฉันไปโรงเรียนไม่ได้”


“ตอนนี้สภาพฉันแบบนี้ ฉันจะไปเจอเพื่อนๆได้ยังไง? พวกเขาจะต้องถามนั่นถามนี่แน่ๆ ฉันอยากจะตอบว่าตัวเองถูกรถชนแต่แผลที่คอมันไม่ใช่แบบนั้นเลย…”


ชู หยิชานรู้สึกเสียใจมาก เธออยากที่จะเริ่มเทอมใหม่พรุ่งนี้แต่วันนี้กลับเกิดเรื่อง


“ฉันนี่โง่จริงๆ!” เมื่อได้เห็นอารมณ์ของชูหยิชานเศร้าลงอีกครั้ง หนิงเทียนหลินก็คิดขึ้นมาได้ทันทีว่าตอนนี้ชูหยิชานกลัวที่จะต้องออกไปข้างนอกแค่เพราะเธอกลัวว่าคนอื่นจะเห็น


ร่องรอยแบบนี้เขาสามารถไปแลกยามาจากประตูแห่งการแลกเปลี่ยนได้เพื่อช่วยลบรอยพวกนี้ให้เธอ! ในประตูแห่งการแลกเปลี่ยนมีแม้กระทั่งยาอายุวัฒนะ เขาไม่เชื่อว่ามันจะไม่มียารักษาเกี่ยวกับผิวหนังเลย!

อีกอย่างเขาก็ยังพอมีคะแนนพลังงานอยู่บ้างซึ่งน่าจะเอามาแลกเปลี่ยน

ในเวลานั้นที่เขากำลังจะมองหายามาจากประตูแห่งการแลกเปลี่ยนและดูว่ามียาที่เหมาะสมหรือไม่ เสียงของชูหยิชานก็ดังขึ้นมาในหูของเขาแต่เธอดูลังเล


“เทียนหลิน บ่านนี้นายช่วยฉันหาโรงแรม แล้วเปิดห้องแล้วรอให้หน้าฉันหายสัก 2-3 ก่อนที่จะโรงเรียนได้ไหม?”


ICSS บทที่ 72: ครั้งแรก


“โรงแรมเหรอ?”


“เปิดห้องเหรอ?”


หนิงเทียนหลินนิ่งไปแต่ก็ตอบโต้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในทันทีและเขามีความสุขมากเพราะชูหยิชานสามารถพูดเรื่องนี้กับเขาได้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมองเขาเป็นเพื่อนจริงๆและเหมือนกับว่าเขาและชูหยิชานมีโอกาสได้กันตามลำพัง


ถึงแม้มันจะยากที่จะมีอะไรเกิดขึ้นแต่มันก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้


“ได้แน่นอน แต่ไม่ใช่แค่โรงแรมธรรมดาๆนะ”


“ไปโรงแรมห้าดาวเลยดีกว่า ไปที่ที่เธอจะได้พักอย่างดีและฉันได้ยินมาว่าโรงแรมห้าดาวนั้นมีร้านอาหารดีๆที่สามารถเอามาเสริฟที่ห้องได้ ในเมื่อเธอออกไปกินข้างนอกไม่ได้งั้นเราก็กินอาหารดีๆในห้องกันเลยก็ได้”


หนิงเทียนหลินรู้ความแตกต่างระหว่างโรงแรมธรรมดากับโรงแรมห้าดาว โรงแรมธรรมดาก็พวกโรงแรมขนาดเล็กๆและขนาดกลาง โดยมีเงื่อนไขปานกลางและมันไม่ได้ดีด้วยซ้ำ และโรงแรมดีๆโดยเฉพาะโรงแรมที่มีดาวเป็นโรงแรมดีๆ โรงแรมห้าดาวก็เรียกได้ว่าโรงแรมสุดหรู

ถึงแม้หนิงเทียนหลินจะไม่เคยไปแต่ในทีวี, ในอินเตอร์เน็ตและสื่ออื่นๆต่างก็มีข้อมูลของเรื่องพวกนี้ เมื่อได้ฟังได้เห็นบ่อยๆก็เหมือนเขารู้เรื่องพวกนี้ดีเลย


“โรงแรมห้าดาวเหรอ? ไม่! ไม่เอา! มันแพงเกินไป”

ทันทีที่ชูหยิชานได้ยิน เธอก็ส่ายหน้าทันที


“ฉันจะมีปัญหาจ่ายค่าห้องได้ยังไง! ลองหาโรงแรมเล็กๆเถอะ ฉันพอมีเงินจ่ายได้ 2-3 วัน แล้วฉันจะกลับไปเรียนเมื่อหายดีแล้ว”


เดี๋ยวนี้เธอมักจะพักที่ทำงานเสมอ เธอเลยไม่ได้เช่าบ้านไว้เลย ตอนนี้เธอมีเงินพอที่จะเช่าห้องได้แค่ 2-3 วัน แต่เธอปฎิเสธข้อเสนอโรงแรมห้าดาวของหนิงเทียนหลินอย่างสิ้นเชิง


ในกระเป๋าเธอมีบัตรเครดิตอยู่ซึ่งมีเงินอยู่แค่ 8,000 หยวน เธอใช้ช่วงปิดภาคเรียนนี้ในการหาเงินค่าเรียนและค่าใช้จ่ายสำหรับเทอมสุดท้าย แล้วเธอจะเอาไปใช้ฟุ่มเฟือยได้ยังไง


“ไปกันเถอะ ฉันจะปล่อยให้เธอจ่ายได้ยังไง ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันมีเงิน?”


ทันใดนั้นหนิงเทียนหลินก็ยืดแขนแล้วจับเข้าที่มือขวาของชูหยิชานโดยตรง ช่างนุ่มเหลือเกิน เขารู้ว่าเธอไม่มีวันไปโรงแรมห้าดาวกับเขาแน่ๆนอกจากเธอจะลำบาค เขาปลอบเธอคงจะมีปัญหาเรื่องเงินแน่ๆ


อย่างไรก็ตาม ในใจของหนิงเทียนหลินเขาก็ยังชื่นชมนิสัยของชูหยิชานอยู่ดี หน้าตาสวย ระดับดอกไม้งามของโรงเรียน ตราบใดที่เธอยอม เขาไม่รู้ว่าจะมีคนรวยๆกี่คนที่พร้อมจะเลี้ยงดูเธอขอแค่บอกมา เด็กรวยๆที่โรงเรียน, คนมากมายที่พร้อมจะตกหลุมรักเธอและสู้เพื่อที่จะได้กินข้าวกับเธอมีมากมาย


ในเวลานั้นกระเปาหรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมไม่จำเป็นเลย


แต่หนิงเทียนหลินไม่เคยได้ยินเลยว่าเธอเลือกใคร เธออยู่คนเดียวมาโดยตลอด แม้แต่ลูกชายของชานซีในหอพักของเธอ ซึ่งมักจะใช้เงินของครอบครัวเสมอและให้ของขวัญราคาแพงชูหยิชานอยู่เสมอๆแต่เธอก็ปฎิเสธที่จะรับ แม้แต่เพื่อร่วมห้องเธอจะรับไว้ เธอก็จะเอามาคืนและในครั้งนี้หนิงเทียนหลินเดาว่าถ้าไม่ใช่เพราะเงิน เธอก็คงไม่ไปทำงานในโรงอาบน้ำหรอก ในที่แบบนั้นมีคนที่เก่งเรื่องนวดจริงๆแล้วก็มีคนที่เก่งทั้งเรื่องนวดและเรื่องการบริการพิเศษด้วย


ชูหยิชานคงจะต้องทำการนวดธรรมดา

แต่ในสถานที่แบบนั้น มันก็จะมีทั้งลูกค้าธรรมดาและลูกค้าที่หวังอะไรบางอย่าง ถ้ามันไม่เกิดขึ้นวันนี้สักวันชูหยิชานก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่ดี


“วันนี้นายช่วยฉันไว้ แล้วฉันจะให้นายจ่ายเงินอีกได้ยังไง”


ชูหยิชานอยากที่จะปล่อยมือแต่มือของหนิงเทียนหลินจับเธอไว้แน่นและภายใน 10 วินาที หนิงเทียนหลินก็โบกรถและลากเธอขึ้นไป เธอรีบส่ายหัวอยู่ในใจทันที ค่าใช้จ่ายสำหรับเทอมสุดท้ายของเธอจะต้องหมดแน่ๆ

หนิงเทียนหลินช่วยเธอไว้ แล้วเธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายจ่ายเงินแทนเธอได้ยังไง เธอไม่ใช้ผู้หญิงแบบนั้น


“โรงแรมห้าดาวใกล้ๆเลย”


แล้วหนิงเทียนหลินก็ปล่อยมือชูหยิชานและพูดกับคนขับรถในเมืองอื่นๆก็อาจจะไม่มีโรงแรมห้าดาวหรือมีเพียงไม่กี่ที่ แต่นี่ในปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนก็จะมีโรงแรมแบบนี้มากมาย


“แวนด้าฮิลตัน”


20 นาทีต่อมา แท็กซี่ก็มาจอดที่ทางเข้าหลัก ก่อนที่หนิงเทียนหลินจะเปิดประตูพนักงานในชุดสีแดงก็รีบเข้ามาช่วยหนิงเทียนหลินเปิดประตูด้วยความเคารพ หนิงเทียนหลินและชูหยิชานได้รับการต้อนรับอย่างดี

พนักงานต้อนรับไม่ลังเลเลยเพราะหนิงเทียนหลินใส่เพียงแค่เสื้อแขนสั้นและกางเกงจากโรงอาบน้ำ การทำงานตรงประตูไม่ต้องทำอะไรมากเพียงแค่ต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น ถึงแม้ป่วยจะใกล้ตายเขาก็ต้องต้อนรับด้วยรอยยิ้ม


ถ้าคนพวกนี้ต้อนรับด้วยสายเหยียดหยามเขาก็คงจะต้องมีเจ็บตัวบ้างแล้วล่ะ


“หรูมาก!”


“สวยมากเลย!”


“เยี่ยมไปเลย!”


“ปราสาทโบราณ ไม่มีอะไรเหมือนแบบนี้เลย!”


นี่คือปฎิกิริยาแรกของหนิงเทียนหลินหลังจากที่เดินเข้าประตูมา

ห้องรับรองมีขนาดใหญ่มากๆด้วยความกว้างและสูงเป็นสิบๆเมตร กระเบื้องปูพื้นสีน้ำตาล สะอาดและสวยงามมาก และโคมระย้ารูปหอที่อยู่ด้านบนยาวกว่า 3 เมตร


ที่ตรงกลางมีหินวางอยู่และก็มีน้ำไหลลงมา ที่ด้านข้างยังมีโซฟาสีเหลืองตั้งอยู่ 5-6 ตัวด้วย ไม่จำเป็นต้องลองนั่งเลยหนิงเทียนหลินก็รู้ได้เลยว่าเป็นโซฟาหนัง


หนิงเทียนหลินไม่เคยมาในที่แบบนี้เลยแต่ครั้งนี้เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย ถ้าเขาไม่รู้ว่าตัวเองมีเงินพออยู่ในกระเป๋าและเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม เขาก็คงจะหันหลังออกไปทันทีเมื่อเห็นสถานที่แบบนี้

ก็เหมือนกับชูหยิชานที่ยืนอยู่ข้างเขา หนิงเทียนหลินถึงขนาดได้ยินเสียงหายใจของเธอเลย


“นี่เป็นครั้งแรก”


หนิงเทียนหลินตัดสินใจในหัวใจ


“ยินดีต้อนรับค่ะ คุณจะค้างคืนใช่ไหมคะ?”


ตรงหน้าเคาน์เตอร์ พนักงานสาวสวยถามหนิงเทียนหลิน


“ค้างครับ” หนิงเทียนหลินตอบออกไป


“เตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่คะ? หรือห้องดีลักซ์เตียงเดี่ยวหรือห้องดีลักซ์เตียงคู่คะ?” พนักงานถามค่อนข้างเร็วและพูดอย่างช่ำชอง


“เทียนหลิน ไป…กันเถอะ”


“ที่นี่แพงเกินไป”


“ห้องเตียงเดี่ยวธรรมดาราคา 1,288 หยวน เงินฉันไม่พอหรอก”


ชูหยิชานตกตะลึงเมื่อมองเห็นป้ายราคาที่กำแพง เธอไม่รู้ว่าแค่อยู่ในห้องมันจะแพงได้ขนาดนี้เลยเหรอ! เงินของเธอไม่ใช่แค่สำหรับค่ากินค่าใช้ในครึ่งเทอมแรกแต่เป็นเป็นค่าเทอมของพรุ่งนี้ด้วย! เธอจับมือหนิงเทียนหลินและกระซิบที่ข้างหูเขา


“โอ้ เลวอะไรขนาดนี้ถึงขนาดให้สาวสวยจ่ายค่าห้องเลยเหรอเนี่ย”


“ถ้าไม่มีเงินก็กลับบ้านไปเลี้ยงนถเถอะ ไป๊!”


ถึงแม้เสียงของชูหยิชานจะเบามาก แต่ชายอ้วนที่อยู่ข้างๆก็ยังได้ยินอยู่ดีและเขาก็พูดกระแนะกระแหนออกมาตรงๆ ชายอ้วนเห็นชายหนุ่มคู่นี้เข้ามาเปิดห้องแต่มาผิดที่แล้วแถมยังไม่มีเงินอีก


พวกนี้น่าจะไปโรงแรมเล็กๆที่อยู่ข้างถนนสิ! มาโรงแรมห้าดาวทำไม! แล้วยังมาแวนด้าอีก!


ICSS บทที่ 73: ฉันจอง 1 ปีเลย


“ไม่มีเงินจ่ายหรอก!”


“พวกเด็กๆก็ควรจะอยู่โรงแรมเล๋กๆข้างถนนสิ”


ชายอ้วนเป็นชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่ หัวกลม, ผมสั้น หนีบกระเป๋าสีน้ำตาลไว้ที่ข้อศอกและกำลังมองมาที่หนิงเทียนหลินด้วยความดูถูก เขาเป็นรองประธานบริษัทและคิดว่าตัวเองเป็นคนมีสายตาแหลมคม เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเขาใส่เสื้อแขนสั้นพร้อมกางเกงขาสั้นซึ่งดูบ้านๆเหมือนชุดในโรงอาบน้ำ


ซึ่งราคาแต่ละชิ้นไม่น่าจะถึง 100 หยวนด้วยซ้ำ!


คนแบบนี้จะมาพักในโรงแรมแวนด้าได้ยังไง! นอกจากจะขายไตแล้วเอาเงินพวกนั้นมาจ่ายค่าห้อง!


อีกอย่างตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ด้านขวาของหนิงเทียนหลินและชูหยิชานก็อยู่ที่ด้านซ้ายของหนิงเทียนหลิน ทั้งสามยืนเคียงข้างกันอยู่หน้าแผนกต้อนรับ ถึงแม้เขาจะไม่เห็นหน้าตาของชูหยิชานเพราะเขาเดินมาจากข้างหลัง แต่รูปร่างของหญิงสาวก็ดีและเซ็กซี่มาก! จนเขาอยากที่จะเดินไปดูหน้าเลย!


ในใจเขารู้สึกว่าเด็กจนๆอย่างหนิงเทียนหลินนี่โชคดีจริงๆ เพราะผู้หญิงที่เขามาด้วยแค่เห็นหุ่นอย่างเดียวก็รู้แล้วว่าต้องสวยมากแน่ๆ!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขารู้สึกว่าหนิงเทียนหลินเป็นแค่เด็กนักเรียนจนๆ เขาเลยพูดก่อกวนและแม้แต่กระแนะกระแหนด้วยซ้ำ


“ว่าไงนะ?”

หนิงเทียนหลินขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ ฉันไม่มีเงินจ่ายงั้นเหรอเดี๋ยวนายจะได้รู้


“แค่พูดเฉยๆ ไม่เห็นด้วยเหรอ?”


ชายวัยกลางคนทำงานอย่างหนักอยู่ในสังคมทุกวันและคิดว่าตัวเองเห็นโลกมาหมดแล้ว เขาเลยไม่รู้สึกกลัวท่าทางของหนิงเทียนหลินและโต้กลับไป เขาถึงขนาดยืดอกและพร้อมที่จะสู้


“ฉัน…”


หนิงเทียนหลินรู้สึกตลกอีกฝ่ายมาก เขาถึงขนาดอยากจะตบหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำแต่เมื่อคิดว่าชูหยิชานยืนอยู่ข้างเขา เขาก็แทบทนไม่ได้แล้ว เขาไม่อยากที่จะให้เธอเห็นด้านที่โหดร้ายของเขาและดูเหมือนว่าเขามีระบบการต่อสู้ที่น่าทึ่งและเขาก็หมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกนี้

เขาเก่งเรื่องความรุนแรงแต่ไม่อยากที่จะพูดอะไรเลย!


“ไอ้หนู เด็กนักเรียนจนๆถ้าจะเปิดห้องก้ไปโงแรมเล็กๆข้างถนนไป๊ อย่ามาโรงแรมหรูแบบนี้ น่าอายจริงๆ”


เมื่อเห็นอาการของหนิงเทียนหลินที่อยากจะเขามาตบเขา ชายวัยกลางคนจึงพูดเยาะเย้ยเขาพร้อมทั้งหันหน้ามาในเวลาเดียวกัน


“ไม่งั้นนะมาพนันกันได้เลย พนันเลยว่านายมีเงินอยู่แค่ 10,000 หยวน ไม่ว่าจะในบัตรเครดิตหรือในธนาคาร แล้วก็พิสูจน์ได้เลยว่านายมันก็แค่เด็กจยหรือไม่งั้นก็ทำเป็นโอ้อวดที่มาที่นี่”


“ถ้านายมี 10,000 หยวน ฉันก็แพ้ วันนี้ฉันก็จะจ่ายค่าเช่าห้องให้นายไม่ว่าจะอยู่ห้องแบบไหนก็ได้ แม้แต่ห้องชุดสุดหรูราคาคืนละ 10,888 หยวน ซึ่งเป็นห้องเตียงคู่ที่แพงที่สุด แต่ถ้านายไม่มีเงิน เฮ้ ฉันก็เสียใจด้วยนะ ตรงนี้ฉันมีกุญแจรถอยู่และนายต้องกลื่นมันเข้าไปต่อหน้าแฟนของนาย”


“เป็นยังไง?”


เมื่อพูดจบเขาก็โยนกุญแจรถมาบนเคาเตอร์ รอดูหน้าหนิงเทียนหลิน

เขามั่นใจในความคิดของตัวเองมาก อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นคู่รักนักเรียนและราคาชุดที่ใส่ก็ดูราคาถูกและมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเงิน 10,000 หยวนในเวลานี้


จริงๆแล้วเขาอยากที่จะทายว่า 5,000 หยวน แต่เพื่อกันความเสี่ยงเลยเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย


แล้วยังไงถ้าเขาแพ้มากสุดที่เขาจะเสียมันก็แค่ 10,888 หยวนเอง เสียเงินนิดหน่อยแต่ได้สนุกไม่ดีหรือไง?


“เทียนหลิน ไปกันเถอะ ออกไปข้างนอกเถอะแล้วอย่าไปพนันกับเขาเลย”

หลังจากที่ชูหยิชานได้ฟัง เธอก็ดึงแขนหนิงเทียนหลินเพื่อจะให้ออกไปข้างนอก ถึงแม้เธอจะรู้สึกอายจากสิ่งที่ชายวัยกลางคนพูด แต่เธอรู้สึกโกรธมากๆจนต้องกัดปากไว้


มันก็ดีที่มีเงิน แต่เอาเรามาเล่นสนุกแบบนี้ได้เหรอ?


ทำไมเราต้องไปพนันกับเขาด้วยล่ะ?


ในที่แบบนี้ถึงเธอจะไม่เข้ามาโรงแรมก็ยังอยู่ต่อได้! เธอไม่ใช่คนที่จะยอมทนกับอะไรแบบนี้! เธอมองจ้องไปที่กุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะ ถ้าเขาต้องกลืนเข้าไปจริงๆ ท้องจะต้องทะลึแน่ๆเลย!

ไม่ว่าหนิงเทียนหลินจะมีเงิน 10,000 หยวนนี่หรือไม่ก็ตาม เธอก็ไม่อยากให้หนิงเทียนหลินพนันกับคนแบบนี้หรอก!


“พนันแบบนั้นไม่ได้หรอก”


หนิงเทียนหลินไม่ได้ออกไปไหนเพราะเขากำลังถูกรังแกในแบบที่เขาจะหนีไปไหนไม่ได้แต่กลับจ้องไปที่ตาของชายวัยกลางคน เสียงของเขาเยือกเย็นมาก


“ให้ฉันกลืนกุญแจ”


“แต่ถ้าฉันเอาเงิน 10,000 หยวนออกมาได้ คุณไม่ต้องจ่ายค่าห้องให้ผมหรอก เอาเป็นว่าคุณกลืนกุญแจรถคุณเองเป็นไง?”


หนิงเทียนหลินรู้สึกโมโหมากๆ ทำไมในโลกนี้มีคนมากมายที่ไม่ทำอะไรเลยแต่ชอบที่จะเหยียดหยามคนอื่น! วันนี้เขาเจอเข้ากับตัวเอง ซึ่งไม่ใช่ความผิดหนิงเทียนหลินเลย!


“ได้เลย!”


“ฉันพนันด้วย!”


ชายวัยกลางคนลังเลไปสักพัก จ้องไปที่ตาหนิงเทียนหลินแต่แล้วเมื่อคิดว่านี่เหมือนกับว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขากำลังถือใพ่เหนือเขา กำลังพยายามทำให้เขายกเลิกการพนันเลยพูดแบบนี้ออกมา ในใจเขารู้สึกสนุกมากจึงตอบออกไป


เขาไม่เชื่อว่าเด็กนักเรียนที่แต่งตัวจนๆตรงหน้าเขามีเงิน 10,000 หยวน วันนี้เขาอยากจะทำให้เด็กจนๆคนนี้จำไปจนวันตาย ว่าอย่ามาในที่หรูหราแบบนี้ มันน่าละลายใจ


“จำไว้นะ ถ้าคุณไม่กลืนกุญแจ ฉันจะทำให้คุณกลืนเอง!”


หนิงเทียนหลินพูดออกไปอย่างรุนแรง ก่อนที่จะรอให้อีกฝ่ายตอบ เขาก็หันไปหาพนักงานและมองไปที่ป้ายราคาที่กำแพง


“คุณครับ ห้องที่แพงที่สุดของคุณคือห้อง เพรสิเดนเชียล สวีท คืนละ 88,888 หยวนใช่ไหมครับ?”


“ใช่ค่ะ”


พนักงานยิ้มอย่างมืออาชีพ บทสนทนาระหว่างทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วเธอจะไม่ได้ยินได้ยังไงแต่พูดกันตรงๆ เธอก็ไม่ได้มอง “คู่นี้” ในทางที่ดีนักหรอก เธอเป็นพนักงานอยู่ที่นี่ ได้เจอคนมากมายหลายประเภทที่นี่ ซึ่งเธอบอกได้เลยว่า 99% เป็นพวกคนมีตังค์ทั้งนั้น


แต่จากตรงหน้าเธอคู่นี้ดูแตกต่างเพราะดูจากการแต่งตัว!


ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมหนิงเทียนหลินถึงถามถึงห้องเพรสิเดนเชียล สวีทสุดหรู แต่เธอก็ตอบออกไปอย่างเป็นมืออาชีพและสุภาพ เธอไม่เชื่อว่านักเรียนที่อยู่ตรงหน้าเธอจะมีเงินมาจ่ายค่าห้องเพรสิเดนเชียล สวีทได้หรอก!


และชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ถึงกับเยาะเย้ยออกมาใช่แล้ว เขามีเงินเป็น 10 ล้านและทนที่จะอยู่ในห้องเพรสิเดนเชียล สวีทไม่ได้หรอก ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีปัญญาจ่ายนะแต่มันหรูเกินไป! ถ้าเขาต้องอยู่ 10 คืน 8 คืน เขาคงจะเครียดน่าดู!


“งั้นจองห้องเพรสิเดนเชียล สวีทตั้งแต่วันนี้ จองให้ผม 1 ปี ผมเอากระเป๋า

มาแล้ว!”


หนิงเทียนหลินพูดเยาะเย้ย ถ้าเขาไม่มีเงิน เขาก็คงต้องใช้เงินเพื่อฆ่าบิล เกตส์ ชายที่รวยที่สุด! เขาเพิ่งจะเปลี่ยนคะแนนพลังงาน 23 คะแนนให้เป็นเงินหยวน บวกกับของเดิมอีก 10 ล้าน และตอนนี้เขามีเงินทั้งหมด 33 ล้านหยวน!


นี่ยังไม่รวมเงินสด 10 ล้านในแหวนอวกาศด้วย!

อีกอย่างหนิงเทียนหลินได้เห็นคำว่า “ยืม” ในตัวเลือก “อื่นๆ” ของประตูแห่งการแลกเปลี่ยนในระบบการต่อสู้ เขามองไปที่มัน ตราบใดที่เขาไม่มีเงิน เขาก็สามารถยืมเงินมาใช้ก่อนได้


และเขาสามารถยืมเงินได้มากเท่าที่ต้องการเลย 100 ล้าน, 1 พันล้าน, 10 พันล้านก็ทำได้ ไม่มีจำกัดเลย!


ICSS บทที่ 74: ฉันจอง!


เพื่อที่จะขอบคุณทุกคนสำหรับรางวัล เราจะเพิ่มอีกพรุ่นี้

แต่เงินกู้นี้แน่นอนไม่ได้ให้ยืมเปล่าๆ ระบบการต่อสู้จะคิดดอกเบี้ยและไม่ได้จ่ายคืนด้วยเงิน มันจะต้องจ่ายคืนด้วยคะแนน สำคัญ โดยที่อัตราการแปลงจะเท่ากับ 1 ล้านหยวน ดอกเบี้ยจะเท่ากับ 1%


หนิงเทียนหลินคำนวนและคิดว่า 1% นี้ไม่มากเท่าไร

ตัวอย่างเช่น ถ้าหนิงเทียนหลินยืมมา 100 ล้านหยวนซึ่งก็จะเท่ากับคะแนนพลังงาน 100 คะแนน หลังจากปี เขาจะต้องจ่ายเพียงแค่ 1,000 เท่านั้นเอง ซึ่งก็เป็นคะแนนพลังงานที่ไม่มากเท่าไร! ทั้งหมดก็จะเท่ากับ 101! นี่ทำให้หนิงเทียนหลินเข้าใจสิ่งที่ระบบการต่อสู้เคยพูดไว้มากขึ้น ตราบใดที่เขามีระบบการต่อสู้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกแล้ว!

เงินกู้แบบนี้ก็เหมือนกับเป็นการให้เปล่า!


งั้นไม่มีใครจะมาว่าเขาเรื่องเงินได้อีก แม้แต่บิล เกตส์จะมาอยู่ตรงนี้ก็ตาม!


“อะไรนะ?”


“1 ปีเหรอคะ?”


“คุณจะจองห้องเพรสิเดนเชียล สวีท 1 ปีเหรอคะ?”

พนักงานสาวสวยคิดว่าตัวเองฟังผิด จะเป็นไปได้ยังไงที่จะจองห้องเพรสิเดนเชียล สวีทนานขนาดนั้น! จะอยู่ในห้องเพรสิเดนเชียล สวีทตลอดโดยไม่ไปไหนเลยได้ยังไง! แล้วมันราคาเท่าไรกัน? 88,888 หยวน/วัน 365 วัน/ปี รวมกันเป็นเท่าไรเนี่ย?


เธอทำงานที่นี่มา 2 ปีแล้วและยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย แม้แต่ตอนที่โรงแรมแวนด้าเพิ่งจะสร้าง ก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย!

แม้แต่ชายวัยกลางคนก็มองมาที่หนิงเทียนหลินเหมือนเขาเป็นคนโง่ นายนี่โง่หรือไงคิดเองไม่เป็นหรือไง? จบมายังไงเนี่ย? 1 ปี ก็ต้องมากกว่า 30 ล้านหยวน จะมีคนรวยในจีนกี่คนที่จะทำเรื่องนี้ได้? นี่มันเงินสดมากกว่า 30 ล้านหยวนเลยนะ!


ฉันต้องลำบาคมาทั้งชีวิตแต่ก็ยังมีเงินไม่มากขนาดนั้นเลย! นี่ไม่ต้องพูดถึงเงินสดเลยด้วย! แม้ว่าเขาจะมองผิดไป เด็กนี่เป็นลูกคนรวยแต่พ่อของไอ้เด็กนี่ก็คงไม่ยอมจ่ายเงินมากขนาดนี้หรอก!


“เท่าไร?”


“ไม่เหรอ?”


หนิงเทียนหลินกดดันนิดหน่อย เข้าใจภาษาจีนหรือเปล่า? ไม่เข้าใจเหรอ? ในเวลาเดียวกันเขาก็ยื่นมือขวาออกไป บัตรเครดิตสีดำก็ถูกยื่นออกไปข้างหน้าและส่งให้พนักงาน


“คุณ…จะจองห้อง 1 ปีจริงๆเหรอคะ?”

เมื่อได้เห็นการ์ดที่ยื่นมาตรงหน้า พนักงานก็รีบรับมาโดยสัญชาตญาณแต่ก็ยังถามออกไปเพื่อยืนยันอีกครั้ง


“จะให้ผมป้อนให้คุณเองไหม?”


รอยยิ้มหายไปจากหน้าของหนิงเทียนหลินพร้อมทั้งพูดด้วยเสียงเย็นชา ในเวลาเดียวกันเขาก็หันไปจ้องที่ชายวัยกลางคน สายตาเขาเยือกเย็นและเขาจะให้อีกฝ่ายกลืนกุญแจเข้าไปจริงๆ!


 


เขาเสียคะแนนพลังงานไป 33 คะแนนเพื่อที่จะเล่นกับผู้ชายคนนี้!

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาอยากจะแสดงให้ชูหยิชานที่อยู่ข้างเขาได้เห็นว่าเขารวยจริงๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะความสนุก นี่มันการพนันอะไรกันที่ต้องสนใจคำพูดของคนพวกนี้ เขาคงไม่รู้ว่าตัวเองมีพลังการต่อสู้

มากขนาดนี้โดยไม่ต้องฆ่าคน!


“งั้น…เดี๋ยวฉันคำนวนให้นะคะ”


สีหน้าของพนักงานสาวสวยเปลี่ยนไปทันทีเพราะถ้าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขารวยจริงๆ นี่ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ใช่แล้ว เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอรวยจริงๆและเขาเป็นคนประเภทที่รวยสุดๆแบบที่จ่ายเงินเป็น 10 ล้านได้ในทันที มูลค่าสุทธินี้อย่างน้อย 100 ล้าน!

เมื่อดูจากอายุ เขาน่าจะ 18-19 ปีแน่ๆ งั้นก็หมายความว่าพ่อเขาต้องรวยมากแน่ๆ! ที่สามารถให้เงินลูกชายได้ตั้ง 10 ล้านและในจีนก็ไม่ได้มีคนแบบนี้เยอะด้วย!


“ติ๊ก!”


“ติ๊ก!”


พนักงานหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมาและเริ่มคำนวนราคาห้องทั้งหมดและชายอ้วนวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเขาก็เริ่มที่จะกังวลเมื่อได้ยินแบบนี้ เขาคิดว่าถ้าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง นั่นก็หมายความว่าเขาเข้าไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งซะแล้ว!


เด็กพวกนี้มีภูมิหลังยังไงนะถึงได้สามารถใช้เงินได้ทีละเยอะๆแบบนี้! เขาเป็นแค่รองประธานบริษัท เงินได้สุทธิของเขาก็แค่ไม่เท่าไรเอง และเงินสดที่เขาหาได้ก็แค่ 1 ล้านหยวน ซึ่งเมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มคนนี้มันเทียบไม่ติดเลย!

และด้วยวัยของเด็กหนุ่มคนนี้ เงินนี้ต้องไม่ใช่เงินที่เขาหามาเองแน่ๆ พ่อเขาต้องเป็นคนให้แน่ๆ พ่อที่สามารถให้เงินลูกชายไว้ใช้ได้เป็นสิบๆล้านและเขาก็ใช้หมดภายในไม่กี่นาทีจริงๆ!!


แต่ในเวลานี้เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและเชื่อว่าหนิงเทียนหลินต้องทำอะไรพลาด มีคนรวยแบบนี้ในจีนไม่เยอะหรอก แล้วเขาจะมาเจอกันตัวเองได้ยังไง! เขาแค่พูดออกไปเล่นแล้วไม่ได้คิดว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้ด้วย!


นี่เงินต้องเยอะขนาดไหนเนี่ย แล้วทำไมถึงแต่งตัวราคาถูกแบบนี้ได้ล่ะ!


“คุณคะ ห้องราคา 88,888/คืน จองทั้งหมด 365 วัน ทั้งหมดจะเท่ากับ 32,444,120 หยวนค่ะ”


พนักงานสาวรู้สึกได้เลยว่าหัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เงินมากขนาดนี้ เธอพูดจำนวนออกไปด้วยความระวัง! เขาจะมีเงินมากขนาดนี้จริงๆเหรอ?


“จอง!” หนิงเทียนหลินพูด เพียงแค่คำเดียว


“คือ…โอเคคะ” พนักงานพยักหน้ารัก พร้อมทั้งรับบัตรในมือของเขามา

แล้วรูดไปที่เครื่องรูดบัตรแล้วเตรียมที่จะกดรหัส ศูนย์ 6 ตัว อย่างที่หนิงเทียนหลินเพียงจะบอกเธอไป


“เดี๋ยวก่อน”


ในเวลานี้ชูหยิชานที่เงียบมาตลอดอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา หยุดการกระทำของพนักงาน ชายวัยกลางคนที่ตอนนี้หัวใจเต้นรัวไปหมดแล้ว เมื่อได้ยินคำนี้แต่ในใจกลับหยุดหายใจไปแล้วพูดออกมา “โกหก เรื่องโกหกแน่ๆ!”


“ฉันกลัวแทบตาย!”


“ฉันไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ๆ ไม่มีเงินแต่มาแกล้งทำเป็นมี ฉันมั่นใจเลย!”

ชายวัยกลางคนเดาว่าผู้หญฺงไม่ยอมให้รูดบัตรเพราะเธอรู้ว่าในบัตรไม่มีเงินแน่ๆ!


“เทียนหลิน นายมีเงินมากขนาดนั้นจริงๆเหรอ?” เพราะคำพูดของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาเองที่ทำให้เขาตกใจ ดูเหมือนเรื่องมันจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด!


“มีสิ” หนิงเทียนหลินสุภาพกับชูหยิชานมากและพยักหน้ารับ


“งั้นเราก็ไม่ควรใช้เงินไปกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ มาเสียไปกับค่าห้องแบบนี้นายอาจจะต้องใช้กับอย่างอื่นนะ” ชูหยิชานยิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิมอีก เธออึ่งไปเลย เธอเชื่อว่าหนิงเทียนหลินไม่ได้หลอกเธอแน่ๆ เขามีเงินมากขนาดนั้นจริงๆ!


10,000 สำหรับนักเรียน แม้แต่กับเศรษฐีก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาประกาศเลย!

แต่ในเวลานี้เธอจะไม่ยอมให้เขาเสียเงินเพราะต้อนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าหนิงเทียนหลินไม่ได้โกหกและชายวัยกลางคนนี้ก็เลว! เป้าหมายก็แค่เพื่อจะพิสูจน์ว่าเขามีเงินแต่ต้องเสียเงินกว่า 30 ล้านไปเปล่าๆเนี่ยนะ!

นี่มันมากกว่า 30 ล้านอีกนะ ในชีวิตนี้เธอไม่มีทางหาได้แน่ๆ! เธอไม่อยากให้หนิงเทียนหลินต้องมาเสียใจที่เสียเงินไปเพียงเพราะความโกรธ!


“ไม่เป็นไร”


“หยิชานเชื่อฉันสิ ฉันมีหุ้นของตัวเอง”


หนิงเทียนหลินตบที่ไหล่ของชูหยิชานพร้อมรอยยิ้ม

เขาพูดออกไปแล้ว จะให้หนิงเทียนหลินกลืนน้ำลายตัวเองได้ยังไง อีกอย่างเงิน 30 ล้านหยวนมันก็แค่เศษเงิน แค่คะแนนพลังงาน 30 คะแนนเอง และแค่เขาลงมืออย่างหนักแค่ 3 วันก็หาได้แล้ว! วันนี้เขาต้องให้บทเรียนชายคนนี้ซะหน่อย ว่าอย่ามาเหยีบย่ำคนอื่นตามอำเภอใจ


สิ่งที่สำคัญที่สุด เขาอยากจะให้ชูหยิชานลืมภาพเขาคนเดิมไปให้หมดจากหัวใจด้วย นี่คือเป้าหมายของเขา ถึงแม้ชูหยิชานจะไม่ได้เกลียดเขาคนเดิม แต่มันก็ไม่เสียหายอะไรที่จะเป็นคนโคตรรวย!


ICSS บทที่ 75: อยากให้ฉันป้อนนายไหม?


วันนี้เปลี่ยนไป 3 และอีก 2


“คุณพนักงานคะ ในเมื่อเราจองห้องเพรสิเดนเชียล สวีททั้งหมด 1 ปี งั้นเราจะได้ส่วนลดไหมคะ? ลด 20% เราขอส่วนลด 20% ค่ะ”


เมื่อได้เห็นว่าหนิงเทียนหลินตัดสินใจไปแล้ว ชูหยิชานก็ยอมแพ้และช่วยต่อรอง นี่มันมากกว่า 30 ล้าน ถ้าได้ลด 10! ก็จะประหยัดไปได้อีกหลายล้านเลย! บางทีนี่อาจจะมากกว่าที่เธอจะหาได้ทั้งชีวิตอีก


“ขอโทษนะคะ ที่แวนด้าเราไม่มีส่วนลด ไม่ว่าจะห้องประเภทไหนค่ะ”

ในเวลานี้พนักงานดูเหมือนคนโมโหหน่อยๆ แวนด้าก็คือแวนด้า และต้องจัดงานเท่านั้นถึงจะได้รับส่วนลด ถึงแม้สองคนนี้จะจ่ายทีเดียว 30 ล้านก็เถอะ


“งั้นเราไม่เอาใบเสร็จ”


“เวลาไม่ออกใบเสร็จมันก็จะต้องถูกกว่า”


ชูหยิชานรู้ว่าตราบใดที่ออกใบเสร็จก็จะต้องถูกคิดค่าภาษีเพื่อจ่ายให้ประเทศด้วย อย่างไรก็ตามถ้าไม่ขอใบเสร็จ โรงแรมก็จะประหยัดค่าพวกนี้ให้ได้ ภาษีจะถูกคิดที่ 5% ซึ่งก็มากกว่าล้านหยวนอยู่ดี

ตัวอย่างง่ายๆก็เหมือนเวลาที่เราไปกินอาหารในร้านอาหาร เราต้องจ่าย 2-3 ร้อยหรือแม้แต่ 70-80 หยวน เราสามารถขอให้ทางร้านออกใบเสร็จได้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ขอใบเสร็จเพื่อนำไปขอคืนเงิน ทางร้านก็จะต้องจ่ายภาษีนี่เป็นสิทธิของเรา

โดยทั่วไปเจ้าของโรงแรมจะบอกว่าไม่มีใบเสร็จหรือมีใบเสร็จ เราก็สามารถขอคุยกับหัวหน้าได้และเขาก็มักจะให้เครื่องดื่ม หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ ซึ่งหัวหน้าก็จะเห็นด้วยเสมอ

โดยปกติแล้วเขาต้องจ่ายภาษี


“ ขอโทษนะคะ เราไม่มีการเลี่ยงภาษีค่ะ เราจะต้องออกใบเสร็จค่ะ”


พนักงานตอบด้วยรอยยิ้ม ตอนที่เธอเข้ามาทำงานแรกๆ ทางบริษัทบอกเธอว่าลูกค้าจะต้องออกใบเสร็จด้วยทุกครั้ง ทางแวนด้าไม่ได้สนใจเรื่องเงินพวกนั้น


“หยิชาน”


หนิงเทียนหลินมองไปที่ชูหยิชานที่พยายามสู้ดวยเหตุผลต่างๆนานา มันก็ตลกอยู่หน่อยๆ เหมือนพวกแม่บ้านแต่เขาก็รู้ดีว่าเธอมีเจตนาดีและอยากจะช่วยเขาประหยัดเงิน วันนี้หนิงเทียนหลินไม่สนใจ เงินล้านก็แค่คะแนนพลังงานนิดหน่อยเอง เขาหาได้ภายในครึ่งชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียเวลามาคุยให้มากเรื่องด้วยและเธอรู้ดีว่าถ้ายังยืนยันเรื่องส่วนลดแบบนี้ เธอก็คงจะได้ส่วนลดถ้าเขาเรียกตัวผู้จัดการออกมา ยังไงซะมันก็ตั้ง 30 ล้านหยวน! แต่ในเวลาแบบนี้ เธอจะทำให้หนิงเทียนหลินเสียเวลา!


“กดรหัสด้วย”


หนิงเทียนหลินยิ้มให้ชูหยิชานแล้วหันไปคุยกับพนักงาน


“ค่ะ”


พนักงานพยักหน้า พยายามบังคับจังหวะการเต้นของหัวใจ พร้อมทั้งเริ่มกดจำนวนยอดเงินลงไปและกดรหัสศูนย์ทั้ง 6 ตัว เธอรู้ว่าถ้าในบัตรมีเงินมากขนาดนั้น งั้นคนที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้ก็ต้องโคตรรวยเลย! ที่ยอมเสียเงินเป็นสิบๆล้านแค่เพื่อจะเอาชนะ!

ในใจเธอ เธอเชื่อว่าคนตรงหน้าเธอพวกนี้พยายามที่จะเอาชนะกันอยู่! โดยไม่รู้เลยว่า หนิงเทียนหลินแค่อยากจะทำให้ชูหยิชานประทับใจว่าเขาเป็นคนรวย


“กำลังดำเนินการ!”


“กำลังดำเนินการ!”


ในเวลานี้ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองไปที่เครื่องรูดบัตร จะรูดได้ 30 ล้านจริงๆเหรอ!


“สำเร็จ!”


ในเวลาแค่ 2-3 วินาที ดวงตาของพนักงานก็เปล่งประกายและเริ่มหายใจอย่างหนักหน่วงเพราะกระดาษ “สลิป” ที่ค่อยๆออกมาจากเครื่องรูดบัตร


“มี…มีเงิน 30 ล้านจริงๆด้วย!”


ดวงตาของชูหยิชานก็เบิกกว้างเช่นกัน มองไปที่เครื่องรูดบัตรด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ปฎิกิริยาแรกคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอคนนั้น เขามีเงินมากขนาดนี้เลยเหรอ เขารวยจริงๆด้วย! ระบะเวลาเป็นปีในโรงเรียนเธอไม่รู้เรื่องนี้เลย!


“รูด…รูดผ่าน”


ชายวัยกลางคนรู้สึกงุนงงในหัวไปหมดพร้อมทั้งโกรธมาก! เด็กนักเรียนจนๆที่เขาเพิ่งจะเยาะเย้ยไปมีเงินมากกว่า 30 ล้านจริงๆ มากกวาเงินที่เขาหาได้ทั้งหมดซะอีก! อีกอย่างนี่แค่เงินสดของอีกฝ่ายนะ ยังไม่รวมถึงทรัพสินอย่างอื่นอีก บางทีเขาอาจจะยังมีเงินอีกเยอะเลยที่เหลืออยู่ในบัตร!

นี่…เขาเพิ่งจะดูถูกใครไปเนี่ย!


“คนพวกนี้…”


นี่คือปฎิกิริยาต่อมาของชายอ้วนวัยกลางคน แล้วเขาก็เปลี่ยนใจทันที มาคิดว่าเขาจะจัดการเรื่องต่อไปยังไงดี กุญแจรถนี่ เขากลื่นเข้าไปไม่ได้แน่ๆ เขาต้องทำกระเพาะเป็นรูและอาจจะเลือดออกด้วยซ้ำ!


“คุณคะ กรุณาเช็นต์ที่ใบสลิปด้วยค่ะ”


หลังจากรออยู่ครึ่งนาที พนักงานก็พูดขึ้นมาพร้อมทั้งส่งสลิปจากเครื่องรูดบัตรให้หนิงเทียนหลิน


“โอ้!”


หนิงเทียนหลินหยิบปากกาและเซ็นชื่อลงไป แม้ว่าเขาจะเซ็นชื่อมันก็ไม่จำเป็นต้องจริงจังมาก


“ฉันขอบัตรประชาชนคุณด้วยค่ะเดี๋ยวฉันจะได้ลงทะเบียนให้ค่ะ”


ในเวลานี้พนักงานเปลี่ยนเป็นเรียก “คุณ” ด้วยความนอบน้อม ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแค่เล็กๆ แต่เธอก็ยังรู้สึกตกใจในตัวเองเลย เธอเคยเจอคนรวยๆมาก็เยอะแต่ที่โคตรรวยแบบนี้ ที่สามารถใช้เงิน 30 ล้านเช่าห้องได้แบบนี้เธอยังไม่เคยเจอ!


ปกติแล้วจะต้องต้องขอบัตรประชาชนมาลงทะเบียนก่อนที่จะจ่ายเงินแต่มีแค่ตอนนี้ที่เธอไม่เชื่อว่าหนิงเทียนหลินจะมีปัญญาจ่ายเงินมากขนาดนั้น เธอเลยยังไม่ได้ลงทะเบียนในทันที


“หยิชานใช้บัตรเธอแหละกันนะ นี่จะเป็นห้องของเธอ ฉันเตรียมไว้ให้เธอ” หนิงเทียนหลินยิ้ม เมื่อได้เห็นว่าชูหยิชานกำลังจะเถียง ปฎิเสธข้อเสนอนี้จึงรีบพูดออกไปทันที “ฉันไม่ได้เอาบัตรประชาชนมาด้วย”

ในเวลาเดียวกันเขาก็ดึงกระเป๋ากางเกงของโรงอาบน้ำออกมาและในนั้นก็ไม่มีอะไรเลย


“งั้นก็โอเค”


เมื่อเห็นแบบนี้ ชูหยิชานก็ตกลงที่จะทำตามเธอก็คงไม่อยู่ที่นี่ถึงปีหรอก อย่างมากก็แค่ 2-3 วันแล้วเธอก็จะคืนกุญแจให้หนิงเทียนหลินแล้วกลับไปโรงเรียน เมื่อพูดจบเธอก็เดินมาข้างหน้าพร้อมทั้งหยิบใบประชาชนออกมาจากกระเป๋าที่เธอถืออยู่และส่งให้พนักงาน


“กินซะ”


“ไม่ต้องรอให้ฉันป้อน!”


ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ หนิงเทียนหลินหันมามองที่ชายอ้วนวัยกลางคนที่อยู่ข้างเขา ในเวลาเดียวกันก็หยิบกุญแจที่เคาเตอร์หินอ่อนขึ้นมาแล้วส่งต่อให้เขา


“น้องชาย…น้องชาย…ฉันแค่ล้อเล่น…ไม่…จะทำจริงๆซะหน่อย”


ชายอ้วนวัยกลางคนจะกินกุญแจนี่เข้าไปได้ยังไง นี่มันเป้นอันตรายนะ! ใครบอกให้เขาเอาตุ๊กตารูปผู้หญิงมาห้อยกับกุญแจเนี่ย มันกลืนไม่ลงคอแน่ๆอยู่แล้ว!


“ล้อเล่นเหรอ?”


“ทำให้ฉันเสียเงินไปกว่า 30 ล้านนี่แค่เล่นๆเหรอ?”


หนิงเทียนหลินไม่มีเวลามาคุยกับเขาจึงพูดออกไปอย่างเยือกเย็น


“10 วินาที ถ้าใน 10 วินาทีนายไม่กลืนลงไป ฉันจะป้อนนายเอง!”


อันที่จริงในใจเขาก็อยากจะขอบคุณไอ้คนน่าตบคนนี้นะ ถ้าไม่ใช่เพราะ

ไอ้คนนี้เขาจะทำให้ชูหยิชานมองเขาใหม่และเข้าใจเขามากขึ้นได้ยังไง เต่เขาก็ยังต้องกลืนกุญแจเข้าไปอยู่ดี!


เขาแค่ไม่รู้ว่ามันไม่ราบรื่นแบบนี้ได้ยังไง!


ICSS บทที่ 76: ห้องนี่เลยค่ะ


“มา…ลอง…วิธีอื่นได้ไหม?”


“ฉัน…ฉันต้องขอโทษนายด้วยนะ?”


ที่หน้าฝากของชายวัยกลางคนตอนนี้มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา เขากลืนกุญแจใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้จริงๆ มันอันตรายเกินไป!


“ล้อเล่นหรือไง!” สายตาของหนิงเทียนหลินเยือกเย็น และพูดเสริม


“อีก 5 วินาที”


“ไม่ๆๆๆๆ!”


ทันทีที่เสียงของหนิงเทียนหลินเบาลง สีหน้าของชายวัยกลางคนก็เปลี่ยนพร้อมทั้งหันหลังกลับและวิ่งออกมา เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะพนันแล้วยอมที่จะแพ้ได้! นักธุรกิจส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนหางเสือ พวกเขาซื่อตรงแต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่มีศิลธรรมเลย!


“หมับ!”


ทันทีที่เขาหันหลังกลับแต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวไปไหน คอเขาก็ถูกจับไว้อย่างแรง และยกเขาขึ้นเหมือนตะขอเหล็ก


“อยากจะไปแล้วเหรอ?”


หนิงเทียนหลินพูดเยาะเย้ย พร้อมทั้งใช้มือซ้ายกดอีกฝ่ายไว้ที่พื้นเหมือนลูกไก่แล้วก็เปลี่ยนท่าเป็นเอาเข่ากดไปที่ท้องของอีกฝ่ายและใช้มือซ้ายง้างปาก หยิบกุญแจขึ้นมาด้วยมือขวาและใส่ลงไปในปาก


“นายไม่กิน งั้นฉันป้อนเอง!”


เพียงชั่วครู่กุญแจที่มีตุ๊กตาเล็กๆห้อยอยู่ก็ถูกใส่เข้าไปในปากของชายวัยกลางคน หน้าของเขาแดงไปหมดและเขาไม่อยากที่จะกลืนมันเข้าไป หนิงเทียนหลินจึงทำอย่างที่เขาต้องการ แต่ด้วยหมัดเดียวเขาต่อยเข้าไปที่ปากของอีกฝ่าย ทำให้ฟันร่วงหมดปาก แล้วเขาจึงดึงกุญแจออกมาและยัดฟันพวกนั้นลงไปในคอของอีกฝ่ายแทน


“ตุบ!”


ทันทีที่ทั้งหมดถูกกลืนลงไป


“ฮึ!”


หนิงเทียนหลินพ่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา คนประเภทนี้ต้องถูกจัดการและถ้าไม่จัดการก็น่าเสียดายแย่! ไม่มีใครสนใจเลย! และตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาประมาณ 5 วินาทีและหนิงเทียนหลินก็พอใจกับผลของการพนันครั้งนี้มาก


“ออกไปเลย!”


หนิงเทียนหลินไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเอามือมากุมที่ปากและท้องด้วยซ้ำ และเขาเจ็บปวดมากจนเหมือนจะตายเลย เขาเตะอีกฝ่ายเข้าอย่างจังทำให้อีกฝ่ายล้มไปนอนที่พื้น พร้อมทั้งเดินไปที่ประตู ที่ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งเข้ามา


“ไม่อยากให้ไอ้คนนี้ตาย ส่งมันไปโรงพยาบาลที”


“ฝากบอกเขาด้วยว่าถ้าอยากจะมาแก้แค้นฉัน ฉันจะรออยู่ที่ห้องเพรสิเดนเชียล สวีท!”


เสียงของหนิงเทียนหลินสดใสมาก ดังก้องไปทั่วห้องโถงและแน่นอนดังไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 คนที่กำลังวิ่งเข้ามาพอดี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างก็ต้องตกตะลึง พวกเขารู้สึกว่าคนคนนี้บ้าจริงๆ หลังจากที่ทำร้ายคนอื่นแล้วยังกล้าที่จะโอ้อวดอีก แต่แล้วพวกเขาก็เห็นพนักงานคนสวยที่เคาเตอร์ที่กำลังโบกมือและขยิบตาให้พวกเขา พร้อมทั้งขอให้พวกเขารีบออกไป ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง


เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนที่พวกเขาจะยุ่งด้วยได้!


พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ก็เป็นแค่คนธรรมดา พวกเขารู้ว่าในเมืองจิงเปยมีคนประเภทพยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก ที่เป็นพวกคนรวยรุ่นที่สอง รุ่นที่สองของพวกผู้มีอิทธิพลหรือพวกรุ่นที่ 3-4 ของพวกผู้มีอิทธิพล เมื่อได้เห็นสัญญาณของพนักงานที่เคาเตอร์ พวกเขาก็หันไปมองหน้ากันเองพร้อมทั้งช่วยยกร่างของชายวัยกลางคนที่กำลังนอนร้องโอดครวญอยู่ที่พื้นขึ้นมาแล้วเดินตรงไปที่ประตู


ส่งชายคนนี้ไปโรงพยาบาลก่อนและอย่าให้มาตายที่โรงแรมแวนด้า ไม่งั้นหัวหน้าต้องโทษพวกเขาแน่ๆ!


“ไปกันเถอะ หยิชาน”

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีทุกอย่างก็เรียบร้อยและในเมื่อชูหยิชานไม่ได้เห็นทุกอย่างเองกับตา เธอเห็นแค่ตอนท้ายแต่ก็ยังรู้สึกตกใจจนพูดอะไรไม่ออกอยู่ดี เพื่อนเธอคนนี้ให้อีกฝ่ายทำจริงๆ ให้กลืนกุญแจจริงๆ!

มันไม่เจ็บอีกแล้ว! โลหะไม่ค้างอยู่ในท้อง แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกดีหรอก!


“แต่นั่นคือสิ่งที่พวกเขาพนันกันไว้…”


มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ชูหยิชานจะทำให้ตัวเองสบายใจได้ เธอสามารถบอกตัวเองได้แค่ว่าตัวเองไม่เข้าใจโลกของพวกคนรวยจริงๆ 30 ล้าน เงินนี้สามารถซื้อบ้านสวยๆดีๆในเมืองจิงเปยได้เลย บ้านที่มีพื้นที่กว้างขวางแต่มันถูกใช้ไปเพราะความโกรธแค่นั้น!


“โอ้”


โดยไม่รู้ตัวชูหยิชานตอบไปพร้อมทั้งรับคีย์การ์ห้องมา แล้วเดินตามหนิงเทียนหลินที่เดินตรงไปที่ลิฟต์แล้ว แค่มองไปที่ร่างของหนิงเทียนหลิน ชูหยิชานก็รู้สึกได้เลยว่ามันแปลกๆ นี่ไม่ใช่หนิงเทียนหลินที่เธอเคยรู้จักที่โรงเรียน


ในความทรงจำของเธอ หนิงเทียนหลินไม่ใช่คนที่ชอบพูดมากนัก เขาเป็นคนจิตใจดี เป็นคนธรรมดาๆ แต่คนที่อยู่ในโรงอาบน้ำหรือที่โรงแรมแวนด้า กลับเป็นที่แข็งแกร่งมากๆ! ไม่เหมือนนักเรียนธรรมดาๆเลยสักนิด!

แล้วยังเงินมากกว่า 30 ล้านนั้นอีก ของจริงเลยนะ! เงินจริงๆเลย!

คนธรรมดาๆจะมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน!


“ฉันไม่คิดเลยว่าตอนอยู่โรงเรียนนายจะเก็บ…ความลับไว้ลึกขาดนี้ ฉันไม่รู้มาก่อนเลย”


ในลิฟต์ ชูหยิชานจ้องไปที่หนิงเทียนหลินอย่างเอาจริงเอาจัง


“ฮ่า ฮ่า”


หนิงเทียนหลินทำได้แค่หัวเราะออกมา เขาจะอธิบายเรื่องพวกนี้ได้ยังไง เขาบอกไม่ได้ว่าตัวเองก็เพิ่งจะเริ่มทำตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อ 2 วันที่แล้วเอง ใครกันที่จะเชื่อ?


“อะไรกัน?”


ฉันกดไปที่ชั้น 20 ทำไมลิฟต์ไม่ขยับเลยล่ะ?”

ประตูลิฟต์ปิดแล้วแต่ไม่ขยับไปไหนเลย ชูหยิชานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


“ลิฟย์นี้ต้องใช้คีย์การ์ดแตะด้วย เธอต้องแตะคีย์การ์ดด้วยมันถึงจะขึ้น ดูสิที่การ์ดมันมีแถบแม่เหล็กใช่ไหมล่ะ?”


หนิงเทียนหลินอธิบาย แน่นอนนี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดออกเองแต่เป็นสิ่งที่ระบบการต่อสู้บอกเขาไว้ เขาก็เคยเป็น****มาก่อนเหมือนกัน ก็เขาไม่เคยเห็นลิฟต์แบบนี้มาก่อนนิ เขาไม่เคยเข้ามาในโรงแรมหรูแบบนี้เลย ลิฟต์ปกติทั่วไปแค่กดทีเดียวก็ใช้ได้แล้ว


“โอ้” ชูหยิชานหันมาและเห็นว่าที่ตรงกลางมีที่ให้แตะคีย์การ์ด เธอจึงหยิบคีย์การ์ดออกมาและแตะลงไป แน่นอนลิฟย์เริ่มที่จะขยับขึ้น


“ดูเหมือนว่านายจะเคยมาที่แบบนี้บ่อยๆนะ” ชูหยิชานกล่าว


“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นลิฟต์แบบนี้เลย”


“ฮ่าฮ่า” หนิงเทียนหลินหัวเราะอีกครั้งแต่เขาไม่ได้บอกว่าตัวเองก็มาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน

“ปิ่งป่อง!”


ไม่ช้าลิฟต์ก็มาหยุดที่ชั้น 20 ทันทีที่ประตูเปิดออก พนักงานสาวสวยก็ยืนอยู่ที่ประตูพร้อมรอยยิ้ม


“สวัสดีค่ะ คุณใช่คุณชูหรือเปล่าคะ?”


“ค่ะ” ชูหยิชานพยักหน้า


“งั้นเชิญตามฉันมาได้เลยค่ะ”


“ห้องดีลักซ์ เพรสิเดนเชียล สวีทอยู่ทางนี้ค่ะ ฉันจะพาคุณไปเอง”


ขณะที่พูดเธอก็ยิ้มและเดินนำทางไปด้วยและเธอดูให้ความเคารพอย่างมาก เธอเพิ่งได้รู้จากพนักงานที่เคาเตอร์ว่าห้องเพรสิเดนเชียล สวีทเพิ่งถูกเด็กตรงหน้าเธอจองไว้ทั้งปีแล้ว ทั้งปีราคากว่า 30 ล้านหยวน!


“ในชั้นนี้ จะมีห้องเพรสิเดนเชียล สวีททั้งหมด 3 ห้อง”


“ห้องของคุรจะอยู่ทางด้านขวา”


ในระหว่างที่เดินพนักงานสาวก็จะอธิบายไปด้วยพร้อมรอยยิ้มและหนิงเทียนหลินก็สังเกตเห็นว่าพื้นทั้งชั้นจะถูกปูด้วยพรมแดง สดใส เหมือนของใหม่เลย เดินบนพรมนี่มันช่างนุ่มและสบายดีจริงๆ


“พรมเปอร์เซียนี้เป็นของใหม่ ซึ่งจะถูกเปลี่ยนใหม่ทุกวันจันทร์ เรารับประกันได้เลยค่ะ และถ้ามีฝุ่นหรือสกปรกทางเราก็จะรีบมาทำความสะอาดให้ทันที”

เมื่อได้เห็นสายตาของหนิงเทียนหลินที่จ้องไปที่พรม พนักงานคิดว่าหนิงเทียนหลินเห็นรอยสกปรกจึงรีบอธิบายพร้อมทั้งรับปากอย่างรวดเร็ว


“ครับ”


หนิงเทียนหลินพยักหน้าและมันเป็นของใหม่ทั้งหมดและนี่เป็นพรมนำเข้ามาจากเปอร์เซียด้วย!


“ห้องนี้เลยค่ะ”


พนักงานยืนอยู่หน้าประตูเงินและกล่าวอย่างเคารพ


“ถ้าคุณต้องการอะไร คุณเรียกดิชั้นได้ตลอดเลยนะคะ ฉันจะอยู่ที่ตรงสุดทางเดิน ที่นี่ฉันจะเป็นคนดูแลของพวกคุณ ถ้าพวกคุณต้องการอะไร บอกฉันได้ทันทีเลยนะคะ”


ICSS บทที่ 77: หนี!


“ห้องเพรสิเดนเชียล สวีท เป็นห้องสำหรับประธานจริงๆ…”


หนิงเทียนหลินกับชูหยิชานใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าจะสำรวจห้องทุกมุมเสร็จ


ห้องนี้ใหญ่มาก เกือบจะ 1,000 ตรม.ได้ ซึ่งมีห้องทั้งหมดกว่า 10 ห้อง ทั้งห้องนอน, ห้องแต่งตัว, ห้องครัว, ห้องทานอาหาร และแม้แต่ที่สำหรับทำสปาและฟิตเนสด้วย ห้องอาบน้ำเดี่ยวพื้นหินอ่อนมีพื้นที่ 50 ตรม. รวมด้วยอ่างจากุซซี่ขนาด 4 ตรม. และห้องซาวหน้าด้วย


ตู้เย็นและตู้เก็บไวน์ยังไม่ได้พูดถึง


ความหรูหราพวกนี้ลบล้างความเข้าใจก่อนหน้านี้ที่มีต่อโรงแรมของหนิงเทียนหลินไปจนหมดสิ้น แม้แต่กระจก, ประตู และหน้าต่างของห้องนี้ก็เป็นแบบกันกระสุนด้วย!


“เทียนหลิน ในห้องมีหมอน 4 แบบ หมอนฟองน้ำ, หมอนบัควีท, หมอนเมโมรี่โฟม และหมอนแข็งๆ ปกติฉันจะเลือกอันที่มันนอนสบาย”


ชู หยิชานหยิบใบแนะนำของโรงแรมที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาและมองด้วยความสนใจ มันเริ่มแล้วและทุกครั้งที่เธอมองมัน มันก็เริ่มจะน่ากลัวแล้ว


“เทียนหลิน ห้องเพรสิเดนเชียล สวีทนี่มีบริการพิเศษเยอะมากเลย ทุกวันจะมีรถมายบบัคพร้อมคนขับรออยู่ที่โรงรถ พร้อมให้เรียกได้ตลอด”


“แล้วก็มีพ่อบ้านให้เรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย ผู้หญิงสวยๆที่อยู่ข้างนอกตอนนี้ก็น่าจะใช้ด้วย”

“แล้วก็มีครูฝึกส่วนตัว, บริการสปา และสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ชั้นบนด้วย แม้แต่เชฟในห้องครัวก็เป็นเชฟต่างชาติที่มีดาวด้วยนะ ไม่ว่าเราอยากจะกินอะไร เขาทำให้ได้หมดเลย”


ชูหยิชานรู้สึกว่าชีวิตเธอก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือเลย เธอเคยคิดว่าโรงแรมนี้ไม่ใช่ที่แค่สำหรับนอน ทำไมมันช่างแพงขนาดนี้แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอุปกรณ์และบริการพวกนี้ก็แค่สวรรค์บนดินชัดๆนี่เอง!


การอยู่ที่นี่ก็เหมือนความสนุกของพวกประธานบริษัทใหญ่ๆ!


เธอเคยห่วงว่าชายวัยกลางคนที่พนันกับหนิงเทียนหลินจะเข้ามาแก้แค้นแต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ข้างนอกมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นสิบนี่แค่ที่ห้องเพรสิเดนเชียลสวีทที่เดียวนะ และทั้งหมดต่างก็เป็นอดีตทหารที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีแล้วทั้งนั้น! เพื่อแขกที่พักในห้องเพรสิเดนเชียลสวีทสุดหรูนี่เท่านั้นด้วย!


ถ้าไม่ได้รับอนุญาต คนนั้นจะไม่มีทางได้เข้ามาเลยเด็ดขาด!


“ว้าวว”


“ยอดไปเลยเนอะ”


ทุกครั้งที่หนิงเทียนหลินได้ยินชูหยิชานพูด เขาจะพยักหน้า โดยไม่พูดอะไรเหมือนกับว่าเขารู้ทุกอย่างดีอยู่แล้ว แต่ในใจเขากลับเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะในเวลานี้เขารูสึกว่ามันไม่เกินจริงเลยที่จะเรียกเขาว่าคนรวย

เขาไม่เคยคิดถึงบริการแบบนี้มาก่อนเลย! เขาไม่รู้เลยว่าบริการพวกนี้จะละเอียดได้ขนาดนี้! นี่เกือบจะเป็นทุกอย่างที่เขาต้องการเลย! ช่างเป็นบริการสำหรับจักรพรรดิจริงๆ!

“แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นวัตถุแปลกปลอมอยู่เสมอ! พวกมันก็แค่ของประดับ! เหมือนอย่างที่สตาร์วอร์สเคยพูดไว้ ภายใต้ท้องฟ้าที่สุกสกาว ก็จะมีห้องเพรสิเดนเชียลสวีท นี่มันราชาของจริงเลยและที่สุดของโลกก็คือสิ่งที่เห็นอยู่นี่”


“ถ้าไม่มีการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ทุกอย่างก็จะเปล่าประโยชน์”


“เพียงแค่พลังในการต่อสู้ พลังในการต่อสู้จากฟากฟ้าคือทุกสิ่ง”


เมื่อคิถึงเรื่องนี้หนิงเทียนหลินก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยแต่อยู่ดีๆก็กลายเป็นสงบนิ่ง คนรวยพวกนี้ชอบเรื่องพวกนี้ ด้วยพลังในการต่อสู้ของตงเตียน, เงินและอำนาจ ก็สามารถมีทุกอย่างได้ภายในพริบตาแล้ว!

แล้วจักรพรรดิและพระเจ้าแห่งดาวเคราะห์ล่ะ? เมื่อเขาสู้มาทั้งวัน ฆ่าเลย

ถ้าต้องการ! แค่ฆ่าไปเลย!


“นายคิดว่าพวกคนรวยจะมีความสุขแบบนี้ทุกวันไหม?”


ชูหยิชานที่นั่งอยู่บนโซฟาหนัง วางโบชัวร์ของโรงแรมลง เอียงหัวพร้อมทั้งนึกภาพไปด้วยขณะที่ถามหนิงเทียนหลิน


“มีความสุขเหรอ?” หนิงเทียนหลินยิ้ม “พวกเขาเจออะไรแบบนี้มาเยอะแล้วและพวกเขาไม่คิดว่านี่เป็นความสุขหรอก เดาว่าเวลาที่นอนอยู่บนโซฟาแบบนี้แต่หัวก็ยังคิดเรื่องปัญหาของประเทศชาติที่มันวุ่นวายอยู่ดีล่ะมั้ง? แล้วยังเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติอีก”


เมื่อคิดถึงเรื่องสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยไปแล้ว เราก็จะรู้สึกว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องปกติ เมื่อคิกถึงการมาถึงของประธานาธิบดีสหรัฐ มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตื่นเต้นกับของพวกนี้หรอก


“ก็จริง”


“ทุกอย่างที่เป็นปกติ ถึงแม้มันจะดีก็คงไม่น่าตื่นเต้นอยู่ดี ก็เหมือนพวกผู้ชาย เวลาที่เห็นผู้หญิงสวยๆและพอได้ครอบครองแล้วก็คงจะไม่คิดว่าเธอสวยอีกแล้ว”


ชูหยิชานทำงานที่โรงอาบน้ำมากว่าเดือนแล้ว ระหว่างที่นวดเธอจะได้ยินเรื่องซุปซิปมากมายที่ผู้ชายพูดถึงเมียที่บ้านว่านอกจากจะน่าเบื่อแล้วยังซุ่มซ่ามอีก


ก็แค่ว่าพอพวกผู้ชายได้แล้วก็หมดความเชิดชู


“จ๊อกๆ”


“จ๊อกๆ”


แต่ในเวลานี้ อยู่ดีๆท้องของชูหยิชานก็ดังขึ้นมา ทำให้หนิงเทียนหลินหัวเราะออกมาแล้วก็หัวเราะอีก เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายหิวแล้ว และหัวเราะอีก


“ฉันจะไปตามเชฟมาให้ บอกให้เขาเตรียมอาหารให้เรา ฉันบอกแล้วไงว่าอยากเชิญเธอมากินข้าวด้วย”


ด้วยรอยยิ้มหนิงเทียนหลินหยิบโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นและกดเบอร์ไปที่โทรศัพท์ของเชฟที่ติดไว้ข้างบน หลังจากคุยไม่กี่คำเขาก็วางสายไป


“เขาถามว่าฉันอยากกินอาหารจีนหรืออาหารฝรั่ง? แล้วนอกจากอาหารจีนก็จะมีอาหารอิตาเลี่ยน, อาหารฝรั่งเศสและอื่นๆอีก?”


“ฉันขอให้เขาขึ้นมาแล้วจะบอก” หนิงเทียนหลินยิ้มให้ชูหยิชาน

“นายอยากกินอะไรล่ะ?” ชูหยิชานไม่ได้ตอบแต่ถามหนิงเทียนหลินแทน เพราะเธอรู้ว่าวันนี้หนิงเทียนหลินเป็นคนจัดการทุกอย่างและเขาคือเจ้าของตัวจริง


“อะไรก็ได้” หนิงเทียนหลินหัวเราะ


“ฉันเชิญเธอมาทานอาหารด้วย แน่นอนว่าต้องตามใจเธอสิ งั้นอาหารฝรั่งเศสแล้วกัน”


“ฉันเคยแต่ได้ยินแต่ยังไม่เคยกินเลย” ชูหยิชานรู้ว่าถามกันไปถามกันมาแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ และเธอก็เคยได้ยินในทีวีบอกว่าอาหารฝรั่งเศสมันอร่อยมากแค่ไหนแต่ก็ยังไม่เคยกินเลย



เมืองปักกิ่ง


ตลาดสด


“หนี!”


“หนีไปแล้ว!”


“แค่กระโดดออกไปทางหน้าต่างแล้วไม่ยอมเจอหน้าฉันเหรอ!”


เมื่อเจ้าของร้านขายปลาตัวจริงผลักประตูเข้าไป หลินเจียอี้ก็รีบตามเข้าไปทันทีแต่ก็ได้เจอว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลยและหนิงเทียนหลินที่เขาตามหาก็ไม่อยู่ในนั้นด้วย มันช่วยไม่ได้นอกจากผิดหวังและโกรธมาก

ในวันที่อากาศร้อน เด็กสาวนั่งรออยู่ข้างนอกตั้ง 5 ชั่วโมงแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเปิดประตูและสุดท้ายก็ไม่อยากที่จะเจอเธอด้วยซ้ำ เขากลับหนีออกทางหน้าต่างไป!


“ฉัน…ฉันไม่น่าไว้ใจงั้นเหรอ?”


ดวงตาของหลินเจียอี้แดงก่ำไปหมด เธอไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเลย เธอแค่อยากจะถามเขาว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นและเขาชื่ออะไร เธอไม่รู้ว่าผู้มีบุญคุณของเธอชื่ออะไรแล้วก็อีกอย่าง อยากจะคืนเงิน 400,000 หยวนให้เขาและชวนเขาไปกินข้าวเพื่อเป็นการขอบคุณ


แต่ตอนนี้ เธอไม่มีโอกาสอีกครั้งแล้ว


เธอไม่รู้ เธออาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว! ปักกิ่งกว้างใหญ่มาก มีคนเป็นสิบๆล้านคน แล้วจะหาเจอได้ยังไง! เธอถามเจ้าของร้าน แต่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรหรือว่าชื่ออะไร รู้แต่ว่าเขาซื้อปลาเยอะมากๆ

มีคนตั้งมากมายแบบนี้จะเจอกันอีกได้ยังไง


“พรุ่งนี้โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว เดาได้เลยว่าเวลาส่วนใหญ่เราก็คงจะอยู่แต่ที่โรงเรียน เธอจะต้องไม่ได้เจอเขาอีกแน่ๆ”


หลินเจียอี้รู้สึกหมดกำลังใจเล็กน้อย เธอไม่สวยเลยงั้นเหรอ?

เธอก็แค่อยากจะแสดงความขอบคุณเท่านั้นเออง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้แม้แต่โอกาสด้วยซ้ำ!


มองไปที่หน้าต่างที่ว่างเปล่า หลินเจียอี้รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย


ICSS บทที่ 78: อยากให้ฉันช่วยไหม?


“ดีจังที่ได้กิน”


“อร่อยมากเลย”


รายการอาหารฝรั่งเศสมากมายอย่างเช่น มาร์เซย์ฟิชสเต็ก,สเต็กตับห่าน, ลอบสเตอร์ปารีส, ไก่ฟ้าไวน์แดง, ไก่สีเหลือง, สเต็กตับไก่ และอื่นๆอีก ถูกเอามาวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะตอนเวลา 1 ทุ่มตรง


เชฟออกมาทักทายหนิงเทียนหลินและชูหยิชานที่โต๊ะอาหารและเริ่มที่จะเพลิดเพลินไปกับอาหารมื้อนี้


เพียงแค่ใน 2 คนนี้ มีคนหนึ่งที่ใช้ตะเกียบแทนที่จะใช้มีดและส้อม หนิงเทียนหลินตอบข้อสงสัยของชูหยิชานด้วยการตอบไปว่า “ไม่ชอบ”

และชูหยิชานไม่ได้คิดมาก คนที่รวยขนาดหนิงเทียนหลินจะไม่เคยกินอาหารฝรั่งได้ยังไงกัน


อย่างไรก็ตามกับชูหยิชานนี่เป็นครั้งแรกที่ได้กินอาหารฝรั่ง เธอไม่ชอบที่ต้องใช้มีดกับส้อมและรู้สึกไม่คุ้นชินเลย งั้นเมื่อเธอเห็นหนิงเทียนหลินเธอ

จึงเปลี่ยนมาใช้ตะเกียบแทน


“เทียนหลิน ขอบคุณนะ”


“ฉันไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงถ้าไม่ได้นายช่วยไว้”


“ฉันขอดื่มให้นายนะ”

ชูหยิชานยกแก้วไวน์แดงในมือขึ้นมา ทำแบบในทีวีแล้วดื่มให้หนิงเทียนหลิน และเพราะเธอดื่มเข้าไปหน่อยแล้วทำให้หน้าเธอเริ่มจะมีสีแดงระเรื่อ ดูมีเสน่ห์มากๆ


“เธอขอบคุณมาหลายรอบแล้ว ไม่ต้องขอบคุณแล้ว”


หนิงเทียนหลินส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม ยกแก้วขึ้นและชนไปที่แก้วของชูหยิชาน แล้วก็เอามาดื่ม เขาแทบจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์แต่ในบางโอกาสก็ดื่มบ้างนิดหน่อยเวลาที่รวมญาติๆหรือเพื่อนๆ


แต่ด้วยสภาพร่างกายปัจจุบันนี้เขาอยากที่จะดื่มไวน์ขาวสัก2-3 ขวดเลย ไม่ต้องพูดถึงไวน์แดงเลย


เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะไวน์แดงมันราคาแพงหรือเพราะสาวสวยที่อยู่ข้างกายกันแน่ที่ทำให้วันนี้เขารู้สึกว่าไวน์แดงรสชาติดีมากๆ


“ขอบคุณนะ” หน้าของชูหยิชานสีแดงก่ำเพราะเมาและสับสน เธอดื่มเข้าไปอีกและพูดเปิดอกออกมา “ฉันไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงถ้าไม่มีนาย”


“ฉันคิดว่าถ้าฉันทำงานในที่แบบนั้น ตราบใดที่ฉันมีระเบียบ, รักตัวเองและยึดมั่นในหลักการของฉัน จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันเคยคบพวกผู้ชายที่

****มาก่อนแต่ฉันก็เลิกไปหลังจากที่ฉันเลิกดื่ม ไม่มีใครที่ดีพอเลย”


“จนกระทั่งวันนี้ ฉันรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้ดีอย่างที่ฉันคิด มีทั้งคนที่ดีและคนไม่ดี แล้วก็พวกที่เลวสุดๆ ตอนที่ฉันถูกเขาปิดตาไว้ ฉันอยากที่จะตายเลย”


ชูหยิชานนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ด้วยสายตาที่เศร้าสร้อยและหวาดกลัวเล็กน้อย


“ไม่เป็นไรนะ” หนิงเทียนหลินปลอบ “มันจบแล้ว อย่าไปคิดถึงมันเลย”


“เมื่อแผลหายแล้วก็ไปโรงเรียน ต่อไปก็อย่าไปทำงานในที่แบบนั้นอีกนะ”


หนิงเทียนหลินรู้อยู่แก่ใจว่าถึงแม้เธอจะทำงานในที่แบบนั้นนานๆ เธอก็ต้องมีความรู้สึกหรือความคิดที่ไม่ดีแน่ๆ ถ้าพวกผู้หญิงที่ยอมนอนก็จะหาเงินได้ประมาณ 5-6 ร้อยหยวนหรืออาจจะถึง 1,000 ด้วยซ้ำ และสาวๆที่นวดอย่างเดียวก็จะหาเงินได้แค่ 10-100 หยวนเท่านั้นเอง และในบางครั้งก็อาจจะได้แค่เศษเงินด้วยซ้ำ


เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดช่องว่างทางจิตวิทยา ซึ่งอาจจะทำให้เสียเงินโดยไม่รู้ตัวได้ ตราบใดที่มีก้าวแรกแล้วมันก็ยากที่จะย้อนหลับ ถึงแม้เธอจะย้อนกลับมาได้ เธอก็จะกลายเป็นคนที่ก้าวร้าวและฉุนเฉียว

ถ้าไม่มีผู้ชาย ผู้หญิงก็พร้อมที่จะทำก็จะกลายเป็นคนแบบนั้น


“นายคิดว่า…นายคิดว่าที่ฉันทำงานในที่แบบนั้น มันสกปรกไหม?”


ทันใดนั้นชูหยิชานก็วางแก้วลง แล้วมองไปที่ตาของหนิงเทียนหลินและถามออกมาอย่างจริงจัง


“ไม่เลย”


หนิงเทียนหลินส่ายหน้า


“ถ้าฉันคิดแบบนั้นฉันก็คงไม่ช่วยเธอออกมาหรอก”


“ถ้าฉันเห็นว่าเธอทำบริการพิเศษในเวลานั้น ฉันคงไม่มีวันที่จะคุยกับเธออีกเลยในชีวิตนี้! แต่ในเวลานั้นมันไม่ใช่ เธอกำลังถูกอีกฝ่ายซ้อมเพราะเธอไม่ยอม”

“ก็เหมือนที่เธอบอก ในโลกนี้มีคนเลวแต่ก็ยังมีคนดีอยู่ด้วย แล้วก็ยังมีคนที่ไม่มีระเบียบและไม่สะอาดด้วย ฉันเชื่อว่าเธอเป็นคนประเภทที่สะอาดและดี”


หนิงเทียนหลินรู้ว่าคำอธิบายนี้ทำให้ชูหยิชานโล่งใจ เขาจึงตอบออกไป

อย่างระวัง


“ขอบคุณนะ ขอบคุณมากเลย”


ชูหยิชานพยักหน้าอย่างแรงถึงขนาดต้องพูดขอบคุณซ้ำๆพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นในตาแต่เธอก็กลั้นไว้แต่ก็ทนไม่ไหวและสะอื้นออกมาเล็กน้อยแต่ก็พูดอย่างเด็ดขาด


“ฉันจะไม่มีวันกลับไปทำงานในที่แบบนั้นอีกเด็ดขาด แค่ต้องการเงินอย่างเร่งด่วน ไม่อีกแล้ว! ไม่เด็ดขาด!”


หนิงเทียนหลินพูดออกมา “เธอต้องการใช้เงินด่วนเหรอ?”


หนิงเทียนหลินรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่เพราะแบบนั้น ชูหยิชานจะไปทำงานในที่

แบบนั้นได้ยังไง ที่แบบนั้นทำให้หาเงินได้อย่างรวดเร็ว แค่นวดคนเยอะๆต่อวัน ต้องเยอะมากๆ


“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”


ชูหยิชานหัวเราะร่าและก็พูดออกมาอย่างคาดไม่ถึง พร้อมยกแก้วขึ้นมาอีกครั้งและรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วนายล่ะ?”


“ตอนที่นายไปที่จินซูวาน นายไปทำอะไรเหรอ? นายไปทำอะไรที่นั้น?”


ชูหยิชานไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเพื่อนร่วมชั้นเรียนในที่แบบนั้นเพราะยังไงแล้วพวกนักเรียนก็ไม่ค่อยไปในที่แบบนั้นอยู่แล้ว และอยู่ดีๆเธอก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าหนิงเทียนหลินไปทำอะไรที่นั้น


แล้วเธอก็รู้ด้วยว่าการนวดแบบราชวงศ์ 588 หยวนมีบริการในโรงอาบน้ำด้วย ถ้าจะพูดกันตรงๆมันก็คือบริการพิเศษแต่ไม่มีเขียนไว้ในรายการ ถ้าพวกหมอนวดอยากที่จะทำก็สามารถบอกกับแขกได้

และเธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอต่อต้านที่จะทำเรื่องนี้มากๆ


“มันผ่านไปแล้วจริงๆใช่ไหม? ถ้าเธอต้องการเงิน ฉันช่วยเธอได้นะ”


หนิงเทียนหลินไม่ได้ตอบแต่กลับถามชูหยิชานต่อว่าเธอต้องการเงินหรือเปล่า


“มันผ่านไปแล้วแหละ” ชูหยิชานเป็นคนที่มีระเบียบมากและรู้ว่าอะไรที่ควรพูดและอะไรที่ไม่ควรพูด และในเวลานี้เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว เธอไม่ได้ต้องการเงินเยอะๆแบบเร่งด่วนแล้ว


“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? พูดได้ไหม?”


“นายได้ใช้บริการนวดแบบราชวงศ์ 588 หยวนหรือเปล่า?”


ชูหยิชานตั้งใจเปลี่ยนเรื่องและพูดอะไรที่จริงจังขึ้นมาแทน


“บริการนวดแบบราชวงศ์ 588 หยวนเหรอ?”


“นายก็อยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ? ทำไมฉันไม่เห็นเลยล่ะ?”


หนิงเทียนหลินจงใจที่จะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องบริการนี้ ไม่งั้นเขาก็คงไม่สามารถที่จะไปว่าคนอื่นได้


“เธอจะพูดอะไร ฉันเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและกำลังจะไปหาคนมานวดหน่อย ก่อนที่หมอนวดจะมาฉันก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น”


หนิงเทียนหลินไม่มีวันพูดว่าเขาถูกไล่ออกมาเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าหมอนวด


“ตอนนี้ฉันรู้สึกง่วงหน่อยๆแล้ว เธอไม่รู้หรอกช่วง 2-3 วันมานี้ฉันยุ่งมากเลย

ฉันไม่ได้นอนมามากกว่า 3 วันแล้วนะ”


“อะไรนะ!”


“นายไม่ได้นอนมา 3 วันแล้วงั้นเหรอ?”


เมื่อชูหยิชานได้ยินแบบนี้ เธอก็รีบพูดออกมาทันที


“พวกคนรวยๆนี่ยุ่งกันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”


ชูหยิชานไม่ได้รู้สึกว่าหนิงเทียนหลินกำลังหลอกเธอเลย เพราะเธอรู้ดีว่าเงินของพวกคนรวยๆไม่ได้ตกมาจากฟ้าแต่ต้องใช้ความพยายามในทุกๆด้าน โดยเฉพาะคนรวยๆแบบหนิงเทียนหลินถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเขาทำอะไรก็ตามแต่เมื่อเขายุ่งมันก็เป็นไปได้ที่เขาจะไม่ได้นอน 3 วัน 3 คืนแบบนี้


“งั้น…นายอยากให้ฉันนวดให้ไหม? ที่นั่นฉันได้เรียนรู้อะไรเยอะเลยนะ”


ชูหยิชานรู้สึกเขินเล็กน้อย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม