Invincible Combat Strength System ระบบสงคราม 120-127

 ICSS บทที่ 120: โทรครั้งที่ 2


“วางสายเหรอ?”


“อีกฝ่ายน่าจะวางสาย!”


“เป็นไปได้ยังไง!”


ผู้หญิงคนนี้เป็นนักข่าวของสถานีโทรทัศน์โดหยู เธอออนไลน์ทุกคืนเพราะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก เธอจะจัดรายการเล้กๆทุกคืนเพื่อสร้างความนิยมก่อน นอกจากนี้ รายการเล็กๆนี่ค่อนข้างน่าอาย


การสุ่มโทรก็เป็นหนึ่งในเนื้อหาของรายการเล็กๆนี้ด้วย


เนื่องจากผู้ชมทุกคนที่ดูการถ่ายทอดสดของเธอจะต้องได้ยินเสียงทางโทรศัพท์ด้วย โทรศัพท์มือถือของเธอจึงเป็นแบบแฮนด์ฟรี และตอนนี้ผู้ชมทุกคนก็ได้ยินเสียงของหนิงเทียนหลินไปด้วย จนต่างก็อดไม่ได้และไม่อยากจะเชื่อ


“ชายคนนี้ต้องเป็นเกย์แน่ๆ เขาปฎิเสธเสียงเพราะๆแบบนี้ได้ยังไง!”


“เกย์อะไร นายก็พูดเกินไป เขาอาจจะไร้สมรรถภาพก้ได้ ถ้าฉันได้ยินเสียงไพเราะแบบนี้ คงจะแข็งโด่ไปแล้ว! จะมาวางสายได้ยังไงกัน!”


“อะไรกัน! บางทีอีกฝ่ายอาจจะเพิ่งเสร็จกิจก็ได้เลยรู้สึกเหนื่อยและอาจจะมีสาวสวยอยู่ร่ายล้อมอยู่แล้วและอยากที่จะกลับไปนอนแล้ว!”


“อาซิ เร็วเข้าสิใช้ไม้ตายเลย ไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะปฎิเสธได้! เมื่อใช้ไม้ตายแล้วถ้าอีกฝ่ายยังทนได้ ฉันก็ขอนับถือเลย! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนี้จะมีคนที่ทนอะไรแบบนี้ได้!”



“จะปฎิเสธได้ยังไง!”


“ก็ไม่ใช่คนแล้ว!”


อาซิเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ เธอมั่นใจในเสียงอันมีเสน่ห์ของตัวเองมาก คนส่วนใหญ่ที่ได้ฟังอย่าว่าแต่อยากจะคุยต่อเลยแต่หัวใจจะต้องเต้นระรัวไปเลย แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้กลับไปสนใจเธอและอยากที่จะวางสายจากเธออีก!


“อย่านะ!”


“อย่าวางสาย!” อาซิรีบพูดออกไป “ฉันโป๊อยู่นะ!”


ในเวลานี้เธอต้องใช้ไม้ตาย ไม้ตายนี้มีค่า 500 หยวนถึงแม้จะต้องจ่ายให้ทางสถานีครึ่งหนึ่งแต่อย่างน้อยเธอก็ยังไง 250 หยวน! เพียงพอเป็นค่าอาหารให้เธอได้ 3-4 วันเลย!


“มีอะไร? พูดมาสิ” ถึงแม้ตอนนี้หนิงเทียนหลินจะไม่ได้ทำอะไร มีเพียงวานซูที่กำลังยุ่งอยู่ แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะมายุ่งกับผู้หญิงที่โทรมาหาคนกลางดึกแบบนี้ เขาไม่เชื่อในเรื่องมีสาวสวยหล่นลงมาจากฟ้าอะไรแบบนี้ และอีกฝ่ายก็แค่อยู่ที่ปลายสาย ไม่เห็นภาพด้วยซ้ำ


“…แก้ผ้าเลย”


เธอแกล้งทำเป็นลังเลเล็กน้อย ขอโทษด้วยแต่เธอทำเรื่องแบบนี้มาเป็นเดือนแล้วและคุ้นเคยมากแล้ว ทุกคืนเธอจะสุ่มโทรออกไป กดเบอร์โทรหาคนอื่นและถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเธอก็จะแค่วางสายไป


แต่ถ้าเป็นผู้ชาย เธอก็จะใช้วิธีนี้เพื่อแกล้งหนุ่มๆ แน่นอนเธอไม่ได้แก้ผ้าจริงๆเพื่อที่จะทำให้พวกผู้ชายดูเหมือนตัวตลกต่อหน้าคนดูมากมายหรอก


แต่ปล่อยให้คนดูได้ฟังคำพูดทะลึ่งมากมายที่พวกผู้ชายขอร้องให้เธอแก้ผ้า


เป้าหมายหนึ่งคือเพื่อให้ผู้ชมถ่ายทอดสดได้ฟังเรื่องอย่างน่ารังเกียจและหยาบคายเพื่อความสนุกสนาน


“แก้ผ้างั้นเหรอ?”


หนิงเทียนหลินตกใจไปชั่วครู่แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นเรื่องจริง! กลางดึกแบบนี้จะมาแก้ผ้า แล้วรู้สึกว่างเปล่าและเหงาดึกๆ นอนไม่หลับ รู้สึกเร่าร้อนเลยมาแก้ผ้างั้นเหรอ? หนิงเทียนหลินไม่เคยรับสายอะไรแบบนี้และเขาไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้มาเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง


พร้อมกันนั้นเขาก็ถามระบบการต่อสู้ “นายเปิดให้เห็นได้ไหมว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่? เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”


หนิงเทียนหลินไม่ใช่คนที่จะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับผู้หญิง เขาคิดว่าเรื่องนี้มีอะไรผิดปกติแล้ว!


“ต้องใช้คะแนนพลังงานนิดหน่อยแลก” ระบบการต่อสู้ตอบออกมาง่ายๆ


“แลกเลย”


หนิงเทียนหลินนึกไม่ออกจริงๆว่าระบบการต่อสู้จะทำได้จริงๆไหมจึงยอมแลกด้วยคะแนนพลังงานไปนิดหน่อย สำหรับเขาวันนี้มันเล็กน้อยมาก ทันทีที่เขาพูดจบม่านแสงสีเขียวขนาดเท่ากระดานดำก็ปรากฎขึ้นมาที่กำแพงของอาคารโรงงาน


“อืม”


“ใช่เลยไม่มีอะไรดีเลย! ฉันกำลังสนุกเลย!”


จากม่านแสง หนิงเทียนหลินก็ได้รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ ถึงแม้เขาจะไม่คุ้นเคยกับงานแบบนี้เท่าไรแต่เขาก็ได้ยินเรื่องนี้มาเยอะ เดี๋ยวนี้อาชีพนี้กำลังดังมากในโลกอินเตอร์เน็ต คนรีวิวเกมส์, รีวิวอาหาร, รีวิวหนังและอื่นๆอีก


เวลานี้กลางดึก เขากำลังเจอกับคนที่อยากจะหาความโด่งดังโดยการโทรมามาหาเขาและอ้างว่าตัวเองกำลังโป๊!


“555! ผู้ชายคนนี้ ต้องเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวจนอยากจะปลดปล่อยแน่ๆ! ต้องเป็นคนแก่แน่ๆเลย!” เมื่อหนิงเทียนหลินพูดออกไปแบบนั้น ที่หน้าจอตรงหน้าของอาซิก็เริ่มที่จะพิมด่ากันมาตรงๆ


“ต้องแก่แน่ๆเลย! แก่กว่าอาซิแน่นอน การระบุเสร็จสมบูรณ์แล้ว!”


“อาซิ บอกเขาไปสิว่าเธอเปล่าเปลี่ยวและเหน็บหนาว ร่างกายกำลังเร้าร้อน! ยั่วเขาให้แก้ผ้าแล้วแสดงพลังออกมาเลย!”


“เห็นด้วย!”


มองไปที่คำด่าที่หน้าจอ อาซิไม่รู้สึกอับอายเลยสักนิดแต่กลับตกใจจึงพูดออกไป “ฉันเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยนะและฉันรู้สึกว่านายเสียงเย็นชามากเลย นายแตกต่างมากเลย ครั้งหน้าที่ฉันพูดคำว่าโป๊ฉันจะแสดงให้ดูนะ! ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกต้องการมากเลย”


“ใช่ นายดูดีและหล่อมากแน่ๆ” เสียงอาซิยิ่งยั่วยวนมากขึ้นไปอีก “คืนนี้ฉันอยู่คนเดียวทั้งคืนเลย เหงาเปล่าเปลี่ยว รู้สึกเร้าร้อนมากเลยและตอนนี้ก็กำลังนอนอยู่บนเตียง และกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่”


“สุดหล่อ ในเมื่อนายก็อยู่นี่แล้ว มาเริ่มกันเลยไหม?”


อาซิรู้สึกชื่นชมกับคำที่พูดออกไปมากๆแต่เธอก็ต้องใช้ความสามารถทั้งหมดของเธอและถึงขนาดหยอดเรื่องบนเตียงไปด้วย เธอเชื่อว่าหลังจากที่พูดออกไปแบบนั้นอีกฝ่ายจะต้องทนต่อไปไม่ได้แล้วแน่ๆ!


“อาซิ เธอเซ็กซี่มากจริงๆ! เมื่อได้ยินแบบนี้ฉันถึงกับแข็งโด่เลย!”


“ตอนนี้ฉันถอดกางเกงแล้วและฉันจะเริ่มแทงไปที่เธอแล้วนะ!”


“อาซิ เธอนี่ทรงอำนาจจริงๆนี่คือช่วงเวลาที่จะได้เห็นปาฏิหาริย์!”



คอมเม้นมากมายเริ่มพิมมาจนอ่านแทบไม่ทัน ทำให้อาซิรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย แต่เธอถูกปลดออกจากตงกวน นี่คือเรื่องที่เธอช่วยไม่ได้!


“เร็วเข้าสิ! ถ้าเธอพูดเรื่องเตียงอีกรอบ แล้วฟังดูดีก็มาเจอกัน! ออกมาเลย!” หนิงเทียนหลินไม่ได้สุภาพ ในเมื่อเธอเป็นคนเริ่ม เขาก็อาจจะเห็น!


“อะไรเนี่ย? หยาบคายอะไรแบบนี้เนี่ย?” ผู้ชมแข็งตัวก่อนการถ่ายทอดสด แต่หลังจากนั้นก็คลั่งไปด้วยความตื่นเต้น


“ฮ่าฮ่า! อาซิเจอคู่ต่อสู้แล้วและรีบไปเจอเขาแล้วโทรไปอีกรอบเลย! ไม่งั้นอีกฝ่ายต้องวางสายแน่ๆ!”


“อาซิ ฉันต่นเต้นมากเลย เร็วเข้าสิทำให้ฉันร่องลอยไปเลยสิ!”


“คู่นี่มีพลังมากเลย อาซิเร็วสิ ฉันรอฟังไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ได้ฟังมาตั้งหลายคืนแล้ว!”


“อาซิ วางสายเลย ฉันหมดอารมณ์แล้วเนี่ย!”


แถวความคิดเห็นปรากฏขึ้นอีกครั้งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของอาซิทำให้ใบหน้าของอาซิเป็นสีแดง แต่เธอก็โบกมือปฎิเสธอย่างแรง ถึงแม้ตงกวนจะปิดไปแล้วแต่เธอก็ยังแคร์เรื่องนี้อยู่ แต่แหม ในเมื่อคนดูอยากจะฟัง งั้นฉันจะโทรอีกรอบ!


เดี๋ยวนะ แต่มันต้องทำให้เธอดูไม่ดีแน่เลย!


ICSS บทที่ 121: ไม่มีวิชาเอกในตงกวน


“คือ…เอิ่ม…เอิ่ม…”


เสียงเย้ายวนน่าฟังจากปากของอาซิ ทำให้ผู้คนอ่อนระทวยแต่หลังจากโทรมาไม่ถึงห้าวินาที เธอก็หยุดแล้วพูดกับโทรศัพท์มือถือ “สุดหล่อเป็นไงบ้าง?”


“ช่างดีจริงๆ! เหมือนน้ำพริกถ้วยเก่าเลย! มันเลวร้ายยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญในตงกวนอีก!” ตอนที่หนิงเทียนหลินไปที่ตงกวนและรับบริการดังกล่าวเมื่อเขารู้ชื่อมันถูกบล็อกไว้แล้วที่นั่น? ไม่มีโอกาสไป


แต่เพื่อที่จะเปิดอาซินี้ เขายังคงแสร้งทำเป็นเป็นมืออาชีพมาก


“ฮ่าฮ่า แมวแก่! อาซิ เขาบอกว่าเสียงเธอเหมือนแมวแก่เลย! ฮ่าฮ่า! ไม่ใช่แมวธรรมดาด้วยนะ ก่อนหน้านี้ฉันสงสัยว่าเธอเป็นมืออาชีพหรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าเธอเป็นมืออาชีพเลย เป็นมืออาชีพสุดๆ! ช่วยพาฉันลงสนามหน่อยเถอะ!”


“อีกอย่างนะตงกวน! อาซิ เขาบอกว่าเธอไม่มืออาชีพเหมือนที่ตงกวน ฮ่าฮ่า! ไปเรียนมาเพิ่มซะนะ!”


“ป้าของฉันกลับกลายเป็นว่า **** ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ถูกฆ่าตายจากตงกวน ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงเงียบ! นับถือเลย!”


ข้อความคอมเม้นเลื่อนขึ้นมามากมายในทันที ทำให้สีหน้าของอาซิเปลี่ยนไปเลย แมวแก่เหรอ เธอถึงขนาดบอกไปว่าเธอจะโทรมา เรื่องบนเตียงเหมือนแมวแก่งั้นเหรอ แมวแก่อะไรจะเต้งตึงขนาดนี้! อีกอย่างทั้งตัวฉันได้มาจากแม่หมดเลย ตงกวน โอเค เป็นมืออาชีพโดยไม่ต้องไปที่ตงกวนเลย!


เมื่อคิดไปถึงเรื่องนี้ ฉันยังได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ!


“จริงเหรอ?” มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? อาซิแย่ขนาดนั้นเลย! “แต่เพื่อประโยชน์ของความนิยม, เพื่อการถ่ายทอดสด, เพื่อเป้าหมายใหญ่ เธอไม่ย่อท้อ! เธอเริ่มที่จะกดโทรศัพท์อีกรอบและดวงตาก็เป็นประกาย” เนื่องจากอาซิ ไม่ได้กรี๊ดกราดหนุ่มหล่อจึงโทรมาสองครั้ง ฉันชอบผู้ชายหล่อที่โทรมาด้วย!


“555! อาซิสวยมากเลยนะ”


“อาซิ เธอไม่มีเหตุผลเลย พวกผู้ชายอย่างเราไม่อยากจะฟังอะไรมากหรอก เธอต้องโทรอีกสองครั้งเพื่อชดเชยเรา!”


“ใช่แล้ว บวกอีกเสียง เธอต้องโทรหาเราอีก 2 ครั้งเพื่อชดเชยให้เรา! เราไม่อยากที่จะฟังเรื่องโม้อะไรเยอะแยะ!”


แต่ในครั้งนี้ อาซิไม่ได้สนใจเรื่องคอมเม้นมากนัก แต่กลั้นลมหายใจของเธอและดูว่าอีกฝ่ายตกลงหรือไม่ ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าเธอดูเหมือนจะได้พบกับคู่ต่อสู้แล้ว


“การโทรหาเธอทำให้ฉันหมดอารมณ์จริงๆ! และปากฉันก็มีค่ามากกว่าที่จะมาคุยกับเธออีกนะ!” หนิงเทียนหลินไม่ได้เปิดกล้องให้อีกฝ่ายเห็นซึ่งๆหน้า


“เธอโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วที่วางอยู่ข้างๆโต๊ะคอมพิวเตอร์คือแตงกวาใช่ไหม?”


“งั้นก็ใช้แตงกวากับตัวเองไปก่อนสิ! ข้างล่างเธอมันจะได้ไม่เหงาเปล่าเปลี่ยว!”


ทุกการกระทำของอีกฝ่ายปรากฎอยู่ต่อหน้าเขาคมชัดเหมือนกล้องความละเอียดสูงและถึงขนาดปรับมุมได้ 360 องศาอีกต่างหาก เหมือนได้เห็นเองซึ่งๆหน้า ทำให้หนิงเทียนหลินเห็นแตงกวาที่วางอยู่ข้างคอมพิวเตอร์ของเธอได้อย่างชัดเจน


และแตงกวานี้เป็นเพียงอุปกรณ์แระกอบฉากของอาซิสำหรับการถ่ายทอดสดนี้เท่านั้น


“นาย! นายรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์? และมีแตงกวาวางอยู่บนโต๊ะคอมด้วย!”


ตอนแรกที่อีกฝ่ายพูดว่า “การที่เธอโทรมาทำให้ฉันหมดอารมณ์จริงๆ” ทำให้อาซิรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที แต่แล้วคำพูดต่อๆมาของอีกฝ่ายก็ต้องทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที คือเธอเพิ่งบอกอีกฝ่ายไปว่าเธอนอนอยู่บนเตียง! ไม่ใช่โต๊ะคอมพิวเตอร์!


และอีกอย่างมันมีแตงกวาวางอยู่อยู่ด้วย เขารู้ได้ยังไงว่ามันวางอยู่ที่ด้านขวาของเธอ!


“นาย…นายกำลังดูถ่ายทอดสดอยู่!”


อาซิคิดเรื่องความเป็นไปได้นี้ขึ้นมาทันที ไม่งั้นอีกฝ่ายจะกล้าพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำแบบนี้ได้ยังไง นี่มันน่ากลัวจริงๆ!


และก็เหมือนกับเธอ พวกคนดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอ


“คุณอา อีกฝ่ายกำลังดูถ่ายทอดสดอยู่ด้วยแน่ๆ เป็น 1 ใน 1,132 คนในห้องของเรางั้นเหรอ?” คนดูคนหนึ่งแสดงความประหลาดใจออกมาที่หน้าจอ


“เป็นไปไม่ได้ อีกฝ่ายแค่เดาหรือเปล่า?” อีกคนสงสัย


“เดาบ้าอะไรเล่า ถ้าเดาว่าอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เดาว่ามีแตงกวาวางอยู่ที่ด้านขวาเนี่ยนะ จะเป็นไปได้ยังไง! ทำไมเขาไม่เดาว่าเป็นอย่างอื่นล่ะ อย่างมะเขือม่วงน่ะ!” อีกคนก็พูดมีประเด็น


“นั่นสิ ไม่ใช่การเดาแน่ๆ! เขาจะรู้ได้ยังไงว่าแตงกวาจะทำให้อาซิพอใจได้!” ในเวลานี้ บางคนก็พยายามที่จะราดน้ำมันลงไปอีก


“กำลังดูถ่ายทอดสดงั้นเหรอ? เธอกำลังถ่ายทอดสดงั้นเหรอ? เธอแสดงงั้นเหรอ! เธอมาแกล้งฉันงั้นเหรอ!” หนิงเทียนหลินแค่อยากจะไล่อีกฝ่ายไป เขาจะยอมรับได้ยังไง จึงพูดเย้ยเธอออกไปอีกรอบ


“ฮ่ะ? ไม่ใช่เหรอ?” ไม่เพียงอาซิที่งง แต่ผู้ชมคนอื่นก็ด้วย “อีกฝ่ายไม่ได้กำลังดูถ่ายทอดสดจริงๆงั้นเหรอ?”


“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้สุดๆ! ไม่งั้นจะเดาเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน!” อาซิไม่อยากจะเชื่อ “นายกำลังถ่ายทอดสดฉันอยู่แน่ๆ!”


“งี่เง่า ไร้สาระ จะเอาคนแบบเธอมาเทียบกับฉันเนี่ยนะ? ถ้าเธอเดาไม่ถูกก็แปลว่าฉันจะเดาไม่ได้งั้นเหรอ? จะเชื่อหรือไม่ก็ตามนะแต่ฉันเดาได้เลยว่าเธอใส่ชุดชั้นในสีชมพู ลายพิคาชูด้วย!”


หลังจากที่หนิงเทียนหลินพูดจบ อาซิก็ต้องตกตะลึงเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมามันถูกต้องทั้งหมด ตอนนี้เธอใส่ชุดชั้นในสีชมพูที่มีลายพิคาชูอยู่จริงๆ!


“ไม่นะอาซิ อีกฝ่ายพูดถูกหรือเปล่า? เธอใส่ชุดชั้นในสีชมพูลายพิคาชูจริงๆเหรอ?” เมื่อได้เห็นท่าทางน่าขำของอาซิแล้วผู้ชมที่หน้าจอของเธอจะไม่รู้ได้ยังไง? คำพูดของอีกฝ่ายจะต้องถูกต้องแน่ๆ!


“อาซิ ฉันอยากเห็นจัง ฉันอยากจะเห็นพคาชู!” ในเวลานี้ มีหลายคนที่เริ่มแซวออกมาแล้ว


“อาซิ เร็วสิ ถอดเสื้อผ้าเลย เราอยากจะเห็น! ว่าอีกฝ่ายพูดถูกไหม!”


อาซิใส่กางเกงสีกากีเลยมองไม่เห็นสีกางเกงในที่ใส่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงลสยเลยด้วยไม่เห็นแน่ๆ แต่เรื่องนี้กลับทำให้ผู้ชมของเธออยากจะเห็นขึ้นมาทันที ในโลกนี้มีคนแบบนี้จริงๆเหรอ? คนที่มีไอคิวสูงๆขนาดนี้?


หลังจากนั้นสักพัก อยู่ดีๆอาซิก็ตะโกนออกมาและเสียงก็เงียบไป


“ฉันรู้ว่านายต้องดูถ่ายทอดสดของฉันอยู่แน่ๆ นายต้องเป็นแฟนรายงานฉันแน่ๆและอาจจะเคยเห็นฉันใส่ชุดชั้นในลายนี้ตอนที่ฉันใส่กระโปรงแล้วก็เลยเอามาเดาอีกแน่ๆ!”


เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ดวงตาของอาซิก้เปล่งประกายขึ้นมาอีกและต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นถึงจะอธิบายเรื่องนี้ได้อ่างชัดเจน


แต่คำพูดของเธอเป็นการดูถูกหนิงเทียนหลินชัดๆ


“คนแบบเธอนี่น่าไม่อายจริงๆนะ! ดูเธอถ่ายทอดสดหรือเป็นแฟน

รายงานเธอเนี่ยนะ! เธอพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง ฉันดูเหมือนคนที่สนใจเธอขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”


“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าคนแบบฉันไม่ลดตัวลงไปหาคนแบบเธอหรอกนะ! เธอนี่มันหน้าไม่อายจริงๆนะ! ไร้สาระจริงๆ”


กับคนแบบนี้ หนิงเทียนหลินไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วย คนแบบไหนกันที่กล้าโทรมาหาเขากลางดึกแบบนี้? ถ้าเขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆ บางทีเขาอาจจะหลงเชื่อและก็คงจะนอนไม่หลับไปทั้งคืน! แต่เวลานี้ ในนามของผู้ชายส่วนใหญ่ ผู้หญิงแบบนี้ก็เหมือนโรคร้ายเลย!


ICSS บทที่ 122: วิญญาณในวิดีโองั้นเหรอ?


“เป็นไปไม่ได้!”


“นายต้องกำลังดูถ่ายทอดสดฉันอยู่แน่ๆ! หรือไม่ก็เป็นแฟนรายการของฉัน ไม่งั้นนายจะเดาถูกแบบนี้ได้ยังไง!”


เขาเดาว่านั่งอยู่ข้างคอมพิวเตอร์ได้หรือว่ามีแตงกวาวางอยู่ที่ด้านขวาได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเดาเรื่องชุดชั้นในถูกแบบนี้! แม้แต่สีและลายก็ยังถูกอย่างชัดเจน ใครจะไปเชื่อ!


“ใช่แล้ว ฉันว่าเขากำลังดูถ่ายทอดสดของเธออยู่ก็เพื่อที่จะเลี่ยงที่จะต้องเป็นไอ้โง่ ที่ถูกอาซิยั่วยวนออกอากาศแบบนี้ไง!” คอมเม้นเริ่มขึ้นมาอีกรอบ


“ใช่เลย ต้องเป็นแฟนรายการและกำลังดูถ่ายทอดสดอยู่ตอนนี้ด้วยแน่ๆ!” อาซิพูดยืนยัน


“เป็นไปไม่ได้! ในห้องแชทตอนนี้มีคนดูแค่ไม่กี่พันคนเองนะ! และในจีนก็มีเบอร์โทรศัพท์เปิดอยู่มากกว่า 1.2 พันล้านเบอร์ งั้นก็มีตัวเลขให้เดามากกว่า 5.6 พันล้านตัว เธอต้องเลือกจาก 5.6 พันล้านตัวพวกนี้ เพื่อมาเจอคนที่กำลังดูอยู่พันกว่าคนนี้ มีความเป็นไปได้น้อยมาก! ยากกว่าถูกล็อตเตอร์รี่อีกนะ!” น่าสงสัยจริงๆ


“ความเป็นไปได้น้อยมากๆแต่มันก็เป็นไปได้นะ! ยังไงซะก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่! แต่การที่จะเดาได้อย่างถูกต้องขนาดนี้ มันโคตรจะเป็นไปไม่ได้เลย! ใครที่ไม่เห็นด้วย งั้นก็เดาว่าสิว่าฉันใส่ชุดชั้นในสีอะไรอยู่!” อีกคนพูดออกมาอย่างกล้าหาญ


“เดาของนายแล้วหมดอารมณ์ว่ะ ฉันเดาของแม่นายดีกว่าเยอะเลย ทำไมต้องมาเดาสีกางเกงในผู้ชายด้วยว่ะ!” อีกคนเริ่มที่จะท่าทายอย่างกล้าหายด้วย


“ใครบอกว่าฉันเดาล่ะ?” ในเวลานี้ เสียงของหนิงเทียนหลินดังออกมาจากโทรศัพท์ ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง ไม่ได้เดา แต่เห็นงั้นเหรอ!

“ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นวิญญาณ เธอจะเชื่อไหมล่ะ?” หนิงเทียนหลินรู้สึกว่าอีกฝ่ายท้าทายมากเกินไป เขาจะต้องให้บทเรียนกับเธอเลยพูดออกไปตรงๆ


“วิญญาณเหรอ? ถ้านายเป็นวิญญาณ? ฉันก็เป็นบรรพบุรุษของนายแล้วล่ะ!” ในเวลานี้ อาซิคอมเม้นลงไปที่หน้าจอโดยไม่ได้พูดออกมา


“ใช่เลย! ในโลกนี้จะมีวิญญาณได้ยังไงกัน? ถ้าเขาเป็นวิญญาณจริง ฉันจะถ่ายทอดสดเลย!” พวกไม่เชื่อในพระเจ้าพูดออกมา

“ไม่นะ ฉันเคยเห็นวิญญาณจริงๆตอนยังเด็ก ในโลกนี้มีวิญญาณจริงๆนะ” ในเวลานี้อีกคนพูดออกมา “บางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นวิญญาณจริงๆก็ได้นะและกำลังมองเราอยู่ทุกการเคลื่อนไหว…ไม่งั้นอีกฝ่ายจะเดาถูกต้องขนาดนี้ได้ยังไงล่ะ!”


พร้อมกันนั้นเมื่อคอมเม้นนี้ขึ้นมา ทุกคนต่างก็รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ข้างหลังเหมือนกับในเวลามืดๆที่จะมีดวงตากำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ คือตอนนี้มันเป็นเวลาตี 3 แล้ว เป็นช่วงเวลาปล่อยผีแบบในตำนานเลยด้วย!


“เห็นด้วย ตอนเด็กๆฉันก็เคยเห็นวิญญาณ!” อีกเสียงสมทบขึ้นมา


“บอกให้เขาเปิดกล้องสิ ถ้าเปิดมาแล้วฉันจะเชื่อ! ฉันอยากจะเห็นว่านี่แกล้งเป็นผีหรือเปล่า!” พร้อมกันนั้นก็มีคอมเม้นจากฮีโร่ท้องถิ่นแสดงขึ้นมา


พร้อมกันนั้นอาซิก็เริ่มมีปฎิกิริยา ตอนนี้คำพูดของหนิงเทียนหลินเริ่มจะทำให้เธอกลัวขึ้นมาจริงๆ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่แฟนรายการถ่ายทอดสดของเธอจริงๆ แต่เป็น “ผี” ก็จะสามารถอธิบายสถานการณ์นี้ได้ทั้งหมด


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ถึงกับหันหัวไปมองทั่วห้องอย่างอดไม่ได้ว่ามีใครอยู่ด้วยหรือเปล่า!


“ฉันไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีวิญญาณหรอก” ตราบใดที่เธอยังเปิดกล้องวีดีโออยู่ ทุกอย่างก็จะได้เห็นอย่างชัดเจนและเธอก็ยังมีเพื่อนอยู่ด้วย อาซิจึงพูดออกไปตรงๆ “ถ้านายเป็นวิญญาณจริงๆ งั้นก็เปิดกล้องสิฉันอยากจะเห็นว่าวิญญาณจริงๆหน้าตาเป็นยังไงกันแน่!”


เมื่อเธอพูดจบก็รู้สึกหนาวๆ เธอเป็นเพียงเด็กสาวและเรื่องแบบนี้ก็ทำให้เธอกลัวได้จริงๆ


“เธออยากจะเห็นจริงๆงั้นเหรอ?” หนิงเทียนหลินไม่ได้ปฎิเสธ เขายิ้ม สายตาดูเหยือกเย็นมากๆท่ามกลางความมืดแบบนี้


“ดูเลย!”


“ใครไม่กล้าดูเป็นม้านะ!” เธอถ่ายทอดสดและจะกลัวการเปิดเผยตัวต่อสาธารณะงั้นเหรอ? อีกอย่างเธอเดาว่าอีกฝ่ายกำลังดูเธอถ่ายทอดสดอยู่และแค่แกล้งทำเป็นวิญญาณเท่านั้น


“555! อาซินี่เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญจริงๆ แม้แต่กับวิญญาณก็ไม่กลัวเลย!”


“อีกฝ่ายต้องแค่แกล้งเฉยๆแน่ๆ เห็นอยู่ชัดๆว่าก็แค่คนดูธรรมดาๆที่กำลังดูถ่ายทอดสดอยู่ แต่กล้าที่จะทำให้อาซิขอคุยวีดีโอแบบซึ่งๆหน้า! ฉลาดจริงๆ ฉันนับถือเลย!”


“ไอ้หนุ่มนี่ต้องกำลังหื่นแน่ๆเลย อย่าเพิ่งรีบหนีซะก่อนล่ะ ไม่งั้นโดนดีแน่ที่แกล้งทำเป็นมาหลอกผีแบบนี้!”


คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าคนที่กำลังคุยด้วยอีกฝ่ายเป็นวิญญาณ!


ผีจะตอบโทรศัพท์ได้ยังไง? ตลกแหละ!


“ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดแรงแบบนั้นเลย เดี๋ยวฉันจะเปิดกล้องแล้วแต่อย่ากลัวจนตายหนีไปก่อนล่ะ!” หนิงเทียนหลินหัวเราะกับคำขู่ของอีกฝ่าย พร้อมกันนั้นจิตของเขาก็รีบติดต่อไปที่ระบบการต่อสู้อย่างเร็วและถามว่าเรื่องแบบนี้จัดการได้ไหม


คำตอบคือต้องใช้พลังงานนิดหน่อยเพราะต้องแต่งให้น่ากลัวกว่าวิญญาณจริงๆ จะต้องน่ากลัวมากกว่า มากกว่า มากกว่าและมากกว่าหน่อย!


“จัดให้!” ด้วยพลังงานเพียงเล็กน้อย เขาไม่สดใจหนิงเทียนหลินเลย!


“กลัวตายล่ะ! นายแค่แกล้งมาทำเป็นผี!” อาซิอารมณ์ขึ้นแล้วและเลิกทำเป็นแอ๊บไปแล้ว คืนนี้เธอเบื่อมาก ทุกเรื่องนอกแผนเธอไปมากและนี่เป็นการก่อกวนของอีกฝ่ายชัดๆ


“ขอแอดเพื่อนในเพนกวินหรือวีแชทดีไหม?” ในเวลานี้หนิงเทียนหลินถูกถาม 2 โปรแกรมนี้เป็น 2 โปรแกรมหลักที่ต้องใช้กล้องวีดีโอ ตอนนี้พวกเขาแค่คุยกันผ่านโทรศัพท์เลยมองอีกฝ่ายไม่เห็น


“ฉันบอกว่าฉันเป็นผี แล้วฉันจะใช้เพนกวินหรือวีแชทได้ยังไงล่ะ?” หนิงเทียนหลินพูดออกไป “จับโทรศัพท์ดีๆนะแล้วคอยดู อย่ากลัวจนสิ้นสติล่ะ!”


“ว้าว!”


ทันทีที่สิ้นคำเตือนของเขา อยู่ดีๆไฟในบ้านของอาซิทั้งหมดก็ดับลงและแม้แต่โทรศัพท์มือถือของเธอก็หน้าจอดับไปเลยซึ่งตอนนี้กลายเป็นเพียงวัสถุธรรมดาๆไปแล้ว


“อ่า! ผี!”


“ผี!”


“ผีจริงๆด้วย! มีผีจริงๆด้วย!”


เมื่ออยู่ดีๆไฟในบ้านก็ดับและมืดไปหมด อยู่ดีๆอาซิก็สั่นไปถึงหัวใจ โทรศัพท์ในมือของเธอสั่นไปหมดด้วยความกลัวสุดขีด เมื่อเธอเลื่อนสายตามาที่หน้าจอโทรศัพท์ เธอก็ตะโกนออกมาว่า “ผี!” แล้วก็กลิ้งตกมาจากเก้าอี้


เธอถึงขนาดทำโทรศัพท์ตกลงไปที่พื้น แต่ด้วยคุณภาพของโทรศัพท์ที่ดีมันจึงไม่แตก


“ผี! ผี!”


“ผีจริงๆด้วย! ผีจริงๆด้วย!”


เพียงไม่กี่นาทีต่อมา อาซิเริ่มที่จะร้องไห้ออกมา เสียงของเธอร้องครวญครางเข้าไปใหญ่และเธอก็คลานไปทั่ว ไปขดตัวอยู่ที่มุมห้องตัวสั่นเทา

“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ ไปที่ชอบๆเถอะนะ!”


“เร็วสิ! ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ!”


“ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะนะ! ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ไม่กล้าทำอีกแล้ว!”


“ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ไม่ทำแล้ว!”


อาซิเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและตกใจสุดขีด ทำให้ทุกคนที่กำลังดูถ่ายทอดสดของเธออยู่ต่างก็กลัวสุดขีดและแม้แต่ขนก็ยังลุกขึ้นมาทั่วทั้งตัวอย่างห้ามไม่ได้


อีกฝ่ายเป็นผีจริงๆงั้นเหรอ? เธอเห็นผีจริงๆงั้นเหรอ? เขาเป็นผีจริงๆงั้นเหรอ?


ICSS บทที่ 123: ทุบคอมพิวเตอร์!


“มีอะไร? มีอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับอาซิ? ไฟดับได้ยังไง?”


ผู้ชมเหล่านี้ อย่างไรก็ตามรู้ดีว่าตอนที่อาซิเริ่มถ่ายทอดสดก็มีเพียงเธอเท่านั้นที่อยู่ในห้อง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่เห็นว่าเธอลุกไปปิดไฟตอนไหนเลยแต่ไฟในห้องอยู่ดีๆก็ดับลงหลังจากที่เสียงของชายหนุ่มจบลง!


“เป็นผีจริงๆหรือเปล่า?”


“เธอคุยอยู่กับผีงั้นเหรอ?”


คนพวกนี้มองไม่เห็นหน้าจอที่โทรศัพท์มือถือ

ก็เลยไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แต่ละคนต่างก็รู้สึกเย็นยะเยือกจากก้นบึ้งของหัวใจและก็รู้ได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งอยู่เบื้องหลังกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่


แต่ก็ยังมีความกล้าอยู่เล็กน้อย พวกเขาไม่เชื่อเรื่องผี จึงยังคงทิ้งข้อความไว้ที่หน้าจอ

“ฉันไม่เชื่อหรอก ฉันไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนี้จะมีผีด้วย! นี่ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ! นี่ต้องเป็นเรื่องที่อาซิแสดงขึ้นมาแน่ๆเลย! เธอต้องกำลังหลอกพวกเราอยู่แน่ๆ! แสดงให้เราเห็นสิ!”


“ใช่! ใช่เลย!” พร้อมกันนั้นก็มีบางคนที่ช่วยกันตอบโต้กลับมาด้วย “บางทีคนที่อยู่ปลายสายกับอาซิอาจจะรวมหัวกันก็ได้ พวกนั้นกำลังหลอกเราอยู่!”


“ไอ้คนพวกนี้ อยากจะเห็นฉันแบบนี้นักใช่ไหม?” แน่นอนว่าหนิงเทียนหลินเห็นสิ่งที่เหล่าคนดูพิมลงมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาจึงส่งเสียงครวญครางออกไปแล้วเสียงก็ส่งออกไปโดยตรงจากลำโพงของโทรศัพท์ เพื่อที่คนดูทั้งหมดได้ยินเสียงอย่างชัดเจน


และในตอนนี้อาซิก็ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง หน้าของเธอซีดขาวตอนที่พูดออกมาว่า “อย่า! อย่านะ! อย่าออกมานะ! ฉันไม่อยากเห็น ฉันกลัวแล้ว! ฉันไม่กล้าอีกแล้ว!”


“แสดงตัวออกมาเลย! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้จะมีผีอยู่จริงๆ!” ชายผู้กล้าหาญคนหนึ่งพิมลงมาที่หน้าจอ “ฉันเป็นลูกพี่ ฉันเป็นมาร์กซิสต์ที่ยึดมั่น ฉันอุทิศตนให้คอมมิวนิสต์ ฉันเป็นผู้สนับสนุนความคิดของประธานเหมา และฉันเป็นคอมมิวนิสต์ที่ยอดเยี่ยมที่พร้อมสู้กับทุกอย่าง!”


“โลกนี้ไม่มีผีหรอก!”


หนิงเทียนหลินอ่านข้อความที่อีกฝ่ายพิมมาและร่างกายเขาก็เริ่มสั่นเทา เขาเกือบจะซุดลงไปนั่งกับพื้นและย้อนกลับไปสู่พรรคคอมมิวนิสต์ สมาชิกกว่า 80 ล้านคนของพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่อยากจะเชื่อว่าในโลกนี้จะมีผี!


“เยี่ยมไปเลยดาเฟยเป็นพวกคิมมิวนิสต์ด้วย ฉันไม่เคยรู้เลย!”


ใช่แล้วดาเฟยเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์ ฉันชื่นชมหุ่นเซ็กซี่ๆ! ฉันมารอที่ช่องของอาซิทุกคน มารอที่จะดูอาซิโดยเฉพาะตอนที่น้องอาซิใส่เสื้อรัดๆ โอ้ ใช่เลย พรุ่งนี้ตื่นไปทำงานไม่ไหวเลยทีเดียว!”


“ไร้สาระจริงๆ ครั้งนี้ดาเฟยแสดงความเป็นผู้นำอย่างชัดเจนเลยนะ แถมกล้าที่จะสู้กับผีตัวนี้ด้วย ฉันก็อยากจะเห็นว่าผีตัวนี้มันหน้าตาเป็นยังไงเหมือนกัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนี้จะมีผีด้วย!” อีกคนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าเสริมขึ้นมา


หนิงเทียนหลินถูกท้าทาย ตอนแรกเขาไม่ได้อยากที่จะยุ่งกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์พวกนี้เลย นั่นคือตัวแทนของบุคลากรที่โดดเด่นทั้งหมดในประเทศจีน แต่เขาก็รีบพูดออกไปเพื่อทดสอบ “ต้องการแบบนี้ใช่ไหม ให้ฉันแสดงตัว! งั้นก็อย่าเสียใจทีหลังล่ะ!”


“”ฉันเนี่ยนะเสียใจ…” ตอนที่ดาเฟยกำลังจะพิมคำว่า “บ้า” หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที จากเดิมที่เป็นภาพหน้าจอของห้องแชทแต่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวและก็เงียบ เกิดม่านแสงขึ้นมา


ในภาพคือเด็กหนุ่มผมสั้น ล้อมรอบไปด้วยก๊าซสีเขียว กำลังยืนอยู่กลางหน้าจอมีเลือดอยู่ที่หน้า กำลังถือมีดเปื้อนเลือด มีดยาวมากๆ มือจับอยู่ที่ด้ามและปลายมีดชี้ไปที่พื้น


ข้างหลังเขาเต็มไปด้วยศพมากมาย ทั้งขาขาดและแขนขาด หัวของวัวและหางวัวลอยไปทั่ว เลือดไหลอย่างกับแม่น้ำ แถมยังมีหัวของวัวกระทิงและลูกตากลมโตที่กำลังจ้องมาที่หน้าจอตรงๆ แม้แต่ร่างกายเขาก็หายไปด้วย มันกระพริบไปๆมาๆ


โดยเฉพาะที่หน้าอกของชายหนุ่มมีจิ้งหรีดสีเลือดตัวยาวกว่าฟุตห้อยอยู่และคลานกลับไปกลับมา เขาแสยะยิ้มเป็นครั้งคราวและจ้องมาที่จอ


“ผี!”


“ผี!”


ที่หน้าจอเพียงแค่มองแวบเดียว สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ดาเฟยก็รีบหันเก้าอี้หนีทันทีแล้วกลิ้งลงไปที่พื้น ขดตัวอยู่ที่มุมห้องแล้วหันกลับมาจ้องที่หน้าจอ ร้องโวยวาย “ผี! ผี!”


“อย่าเข้ามานะ! อย่าเข้ามานะ!”


“ฉันเชื่อแล้ว! ฉันเชื่อแล้วว่าโลกนี้มีผี!”


หน้าของดาเฟยซีดเผือดและร่างกายซูบผอมเริ่มที่จะสั่นรัว หลังจากนั้นสักพักที่เป้ากางเกงก็เริ่มเปียกด้วยความกลัว


ในเวลาเดียวกันนั้นคนดูทั้งหมดที่กำลังดูถ่ายทอดสด ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็กลายเป็นภาพหน้ากลัวจนพวกเขาต่างก็ต้องร่วงจากเก้าอี้และถึงขนาดมีคนหนึ่งที่โชคร้าย หัวของเขาล้มไปชนเข้ากับขอบโต๊ะด้านหลังจนถึงกับสลบไปเลย


“อ่า! ผี! มีผีด้วย!” ชั่วขณะหนึ่ง บ้านกว่าพันหลังทัวจีนก็ต้องเจอกับเรื่องน่าสยอง!


“ไอ้พวกขี้คลาด! ตอนนี้เชื่อกันหรือยัง?” เสียงของหนิงเทียนหลิน หลังจากที่ระบบการต่อสู้เข้าครอบงำก็กลายเป็นมืดมนสุดๆ อย่างกับเพิ่งเดินออกมาจากนรกเลยพร้อมด้วยเสียงประกอบ ทั้งเสียงลมพัดปลิวในบางเวลา “วู้ว”


“ฉันเชื่อแล้ว!”


“เราเชื่อแล้ว!” ทุกคนตอบด้วยอาการสั่นสะท้าน


ถ้าพวกเขาไม่เชื่อ เขาไปคุยต่อหน้าโดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์ได้เลย แถมยังมีมีดอยู่ในมืออีกและจิ้งหนีดตัวยาวกว่าฟุตที่กำลังนอนอยู่บนตัวเขาอีก แม้แต่คอมพิวเตอร์ก็ยังเปลี่ยนเป็นภาพน่ากลัวนี้แบบเต็มจอเลย ถ้าไม่ใช่ผีแล้วใครจะทำได้!


และภาพนี้ เสียงแบบนี้ แม้แต่หนังผีเรื่องเด็ดก็ยังทำไม่ได้เลย!


“ในเมื่อเชื่อกันแล้ว งั้นทำไมไม่ทุบคอมพิวเตอร์ทิ้งซะล่ะ? จะรอให้ฉันออกไปหากันหรือไง?” หนิงเทียนหลินสั่งให้พวกเขาทุบคอมพิวเตอร์ทิ้งซะ


“ได้! ทุบเลย! ทุบแล้ว!”


หลายคนถึงกับตะลึงและนึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันที รีบพยักหน้าอย่างเร็วและในเวลาเดียวกันก็รีบยกเก้าอี้ที่อยู่ใกล้แล้วทุบลงไปที่คอมพิวเตอร์ของตัวเอง! ความหมายของผีดูเหมือนจะสั่งให้พวกเขาทุบคอมพิวเตอร์ตัวเองและจะไม่ออกมาหาพวกเขา!


เพื่อที่จะไม่ต้องกลัวจนหัวใจวายตาย ปฎิกิริยาแรกของพวกเขาคือทำตามที่อีกฝ่ายสั่ง!


ที่อยู่ข้างๆพวกเขาไม่มีอะไรที่แข็งแรงเท่ากับเก้าอี้เลยและเขาก็รีบใช้มือผลักคอมพิวเตอร์ลงมาจากโต๊ะมาที่พื้น ที่ทำแบบนี้เพราะความกลัวและในตอนนี้ร่างกายของเขาก็ใกล้กับหน้าจอที่สุด! เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะออกมาจากคอมพิวเตอร์และใช้มีดอันใหญ่นั้นตัดมาที่ร่างของเขา!


แม้แต่อาซิหลังจากที่ได้ยินก็รีบลุกขึ้นมาจากมุมห้อง วิ่งไปที่คอมพิวเตอร์และผลักคอมพิวเตอร์ของเธอลงมาที่พื้น พร้อมกันนั้นก็หยิบไมค์สีดำและทุบไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่ที่พื้นด้วย


หลังจากนั้นสักพัก โทรศัพท์ทั้งเครื่องก็แตกเป็นเสี่ยงๆ


“พังซะ!”


เจ้าของของเรื่องนี้หันมองไปทั่วห้อง เมื่อเธอแน่ใจแล้วว่า “ผี” ไม่อยู่แล้ว เธอก็หายใจยาวและล้มลงที่เตียงที่อ่อนนุ่ม เดาว่าคืนนี้คงเป็นคืนที่เธอจะไม่มีวันลืมเลย!

เลือกโทรสุ่มแล้วดันมาเจอผีงั้นเหรอ? แถมยังเป็นผีที่โคตรจะน่ากลัวพร้อมกับมีดเล่มใหญ่อีกต่างหาก!


ไม่เอาอีกแล้ว!


ไม่ถ่ายทอดสดตอนดึกแบบนี้อีกแล้วเด็ดขาด!


ICSS บทที่ 124: ฉันถ่ายพรุ่งนี้ได้ไหม?


“คนไลฟ์สดอะไรกัน! ขี้กลัวจนหัวหดขนาดนั้น!


ในตึกของโรงงาน หนิงเทียนหลินรู้สึกสนุกนิดหน่อย ผู้ประกาศโทรมาหาเขากลางดึกแล้วยังจะให้เขาเปิดกล้องอีก ถ้าไม่ใช่เพราะระบบการต่อสู้เขาก็คงไม่รู้หรอกว่าอีกกำลังทำอะไรอยู่ กำลังแกล้งเขาอยู่!


“เจ้านาย ฉันเพิ่งได้ข้อมูลจากฐานข้อมูลของผู้ประกาศคนนั้น นายอยากจะฟังหรือเปล่า?”


ในเวลานี้ ระบบการต่อสู้ไม่ได้สนุกไปกับเขาเรื่องที่แกล้งเป็นผีแต่กลับเปลี่ยนเรื่องคุยและพร้อมกันนั้นก็ทำให้หนิงเทียนหลินเกิดลังเลขึ้นมา

“ข้อมูลเหรอ เรื่องอะไรละ?” มีเรื่องอะไรที่มันเกี่ยวกับเขา


“ฐานข้อมูลการลงทะเบียนที่สมัครด้วยชื่อจริงเมื่อเร็วๆนี้ นายอาจจะรู้จักชื่อนี้ เธอชื่อหนิงเทียนซิน” ระบบการต่อสู้ไม่ได้รอหนิงเทียนหลินแต่กลับพูดออกไปตรงๆ


“เทียนซิน!”


“นายบอกว่าน้องสาวฉัน หนิงเทียนซินเหรอ!”


ทันใดนั้นสีหน้าของหนิงเทียนหลินก็เปลี่ยนไปและรีบถามออกมาทันที

“ไม่เอาน่า ไม่ใช่น้องสาวฉันใช่ไหม? เธอคือน้องสาวฉันจริงๆงั้นเหรอ?”


ในโลกนี้มีคนมากมายที่มีชื่อและนามสกุลเหมือนกันแต่หนิงเทียนหลินก็มั่นใจ 90% ว่านั่นคือน้องสาวของเขาเอง ไม่งั้นระบบการต่อสู้ก็คงจะไม่เอาเรื่องแบบนี้มาบอกเขาหรอก


“เธอมาจากเมืองสึกาวะ”


“เลขประชาชนคือ XXXXXX”


ระบบการต่อสู้ไม่ได้ตอบออกมาตรงๆแต่รายงานข้อมูลส่วนบุคคลในฐานข้อมูลออกมาแทน


“น้องสาวฉันจริงๆด้วย! นั่นน้องสาวฉัน!”


มีแสงแห่งความตื่นเต้นในสายตาของหนิงเทียนหลิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ข่าวของสมาชิกครอบครัวหลังจากที่เขาเกิดใหม่ แต่เขาไม่คิดว่าน้องสาวตัวเองจะสมัครเป็นผู้ประกาศของโดวยูทีวีช่วงกลางดึกแบบนี้


“ตอนนี้ เธออยู่ที่ไหน? เธออยู่ที่สถาบันศิลปะปักกิ่งหรือเปล่า?”


ตอนที่หนิงเทียนหลินตายครั้งที่แล้ว เขาเพิ่งจะได้รู้ว่าน้องสาวได้เข้าเรียนที่สาขาการแสดงของสถาบันศิลปะปักกิ่ง ในเวลานั้นทั้งครบอครัวมีความสุขมาก นี่ยังไม่พูดถึงว่าเธออาจจะได้เป็นดารานอนาคตอีกนะ แต่ก็รวมถึงการต้องงานอย่างหนักด้วย


และเขายังจำได้ว่าในตอนนั้นเขาพูดติดตลกกับเธอว่าถ้าในอนาคตเธอได้กลายเป็นดาราก็อย่าลืมพี่ชายด้วยล่ะ ตอนที่เขาของให้เธอเซ็นต์ชื่อให้ เธอก็ต้องเซ็นต์ให้เขาด้วย


เพียงแค่ว่าหนิงเทียนหลินไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องตายและวิญญาณของเขาจะได้กลับมาที่โลกอีก


ตอนนี้ได้เวลาที่น้องสาวของเขาจะต้องเริ่มเรียนแล้ว!


สถาบันศิลปะปักกิ่ง ตอนนี้เธอเป็นเด็กปีหนึ่งอยู่ในตึกของคณะการแสดง” ระบบการต่อสู้ตอบ


“นายช่วยเปิดภาพของน้องสาวฉันได้ไหม ฉันอยากจะเห็นเธอหน่อย” หนิงเทียนหลินหัวใจเต้นรัว เขาอยากที่จะเห็นน้องสาว แม้ก่อนตายมันจะยังไม่ถึง 20 วันเลยและหลังตายอีกยังไม่ถึง 10 วันที่เขาไม่ได้เจอเธอแต่ไม่มีใครเข้าใจเรื่อง “การแยกของหยินและหยาง” นี้หรอก


“ได้”


บางทีตอนนี้หนิงเทียนหลินอาจจะไม่สังเกตว่าระบบการต่อสู้โต้ตอบได้ดีมากและไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานแลกด้วย แต่กลับทำตามที่เขาบอกโดยทันที และตรงหน้าเขาก็เกิดม่านแสงขึ้นมา ไม่เพียงแค่ภาพเท่านั้นที่ชัดเจนแต่เสียงทุกอย่างก็ได้ยินอย่างชัดเจนด้วย


“ซูซู เธอคิดว่าถ้าฉันถ่ายทอดสดพรุ่งนี้จะมีใครดูฉันไหม? ถ่ายจากหน้าจอโทรศัพท์ฉันได้ไหม? เธอช่วยถ่ายรูปฉันชัดๆตอนที่ฝึกทหารได้ไหม?” หนิงเทียนซินนั่งลงที่เตียงแล้วถามเพื่อนเธอ ซูซูในทันที


ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนเธอ ซูซู เธอเพิ่งจะใช้คอมพิวเตอร์ของเพื่อนเพื่อสมัครบัญชีของโดวยูทีวีโดยใช้ชื่อว่า “มีความสุขที่รัก” ที่รักมาจากชื่อของเธอเอง “เทียนซิน” เธอแค่หวังว่าตัวเองจะมีความสุขได้เสมอ


เป้าหมายของการที่อยากจะเป็นผู้ประกาศนั้นง่ายมากๆ เพื่อหาเงินเพราะเธออยากจะมีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง ไม่งั้นเธอคงไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของเพื่อนเธอ ซูซูเพื่อสมัครเหมือนตอนนี้หรอก อีกอย่างถ้ามีคอมพิวเตอร์เธอก็จะใช้คอมพิวเตอร์ที่คมชัดแทนที่จะเป็นกล้องจากโทรศัพท์มือถือแบบนี้


มันจะทำให้งานมีคุณภาพมากขึ้นไปด้วย


ถึงแม้พ่อกับแม่บอกว่าจะซื้อคอมพิวเตอร์ให้เธอ แต่เธอปฎิเสธไป เพราะการตายของพี่ชายก็ทำให้พ่อแม่เธอเสียเงินไปเยอะแล้วเพราะต้องจ่ายค่างานศพและอื่นๆอีก


เงินชดเชยจากโจรก็น้อยมากจนแทบจะพูดว่าไม่ได้เลยดีกว่า โจรไม่มีเงินแล้วก็ไม่มีครอบครัวด้วย การตายของพี่ชายเธอสูญเปล่าจริงๆเลย! แล้วเด็กผู้หญิงที่ทำโทรศัพท์หายก็ยิ่งเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ หล่อนไม่เคยโผล่หน้ามาเลยด้วยซ้ำ!


นอกจากได้ส่งโจรเข้าคุกแล้วครอบครัวเธอก็ไม่ได้อะไรอีกเลย! พี่ชายเธอต้องตายไปทั้งคน! แม้แต่บางครั้งเธอยังได้ยินบางคนพูดเหน็บแนมเธอด้วยซ้ำ “หนิงเทียนหลินนี่โง่จริงๆเลย กล้าที่จะวิ่งตามโจรเนี่ยนะ นี่ไม่รู้ว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกันด้วยหรือเปล่า”


“ปีนี้ฉันได้เห็นความยุติธรรมแล้ว! ใครจะสมควรตายถ้าไม่ใช่เขา!”


ในเวลานั้นหนิงเทียนซินอยากจะออกไปตบหน้าคนพวกนี้ แต่เธอก็ไม่กล้าเธอรู้สึกอ่อนแอและเศร้าโศกอย่างมาก เธอไม่อยากยอมรับว่าพี่ชายของเธอต้องตายเลย! เธอถึงขนาดตัดสินใจว่าในชีวิตนี้เธอจะไม่ทำดีกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด!


“แน่นอนต้องมีคนดูอยู่แล้ว” ซูซูที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หัวเราะออกมา


“แต่ก็มีคนไม่เยอะและไม่ค่อยดังเท่าไร ยังไงซะนี่มันก็แค่การเริ่มต้นอยู่ดี เดี๋ยวอีกไม่นานมันก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง ตอนที่ฉันเริ่มแรกๆก็เริ่มจากเวลานั้นเหมือนกัน”


“แต่แค่ว่าโทรศัพท์…” ซูซูรู้สึกเขินเล็กน้อยแต่ก็ยังพูดออกไป “ถ้าเป็นไปได้ เปลี่ยนเครื่องใหม่ดีกว่า ฉันดูรูปถ่ายและวีดีโอของเธอแล้วถึงแม้มันจะถ่ายได้ แต่มันก็ไม่ค่อยชัดเท่าไรเลย และภาพมันก็สั่นๆด้วยตอนที่ฉันถ่ายให้”


“พวกนี้มันจะมีผลกับจำนวนคนดูด้วยนะ”


ซูซูไม่ได้พูดออกมาตรงๆว่าโทรศัพท์ราคาถูกของเธอใช้งานได้ไม่ดีเพราะเธอกลัวว่าหนิงเทียนซินจะรับไม่ได้ หลังจากที่เธอได้อยู่ด้วยกันมาในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เธอก็สังเกตได้ว่าฐานะทางครอบครัวของรูมเมทเธอดูจะฝืดเคืองนิดหน่อย


ซึ่งพูดได้ว่าไม่ใช่ครอบครัวที่ฐานะดีเท่าไรเลย


ไม่ต้องพูดถึงไอโฟนเลย แค่โทรศัพท์ราคา 2-3,000 เหรียญก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนแห่งการเปรียบเทียบสุดๆ ทั้งของใช้ราคาแพง, รถบีเอ็มดับเบิ้ลยู, รถเบ็นซ์ ก็เห็นได้ทั่วไปในโรงเรียนนี้


พวกคนรวย, เงินเยอะ, พวกผู้กำกับต่างก็เคยเรียนที่นี่กันทั้งนั้น


แม้แต่คนอย่าง ตงซินยังใส่เสื้อโค้ทราคาตั้ง 100,000 เหรียญเลย


โทรศัพท์ราคาแค่ 6-7,000 หยวนนี้เป็นแค่เศษเงินไปเลย


“เธอบอกว่าพรุ่งนี้จะถ่ายทอดสดครั้งแรก งั้นเอาโทรศัพท์ฉันไปใช้จะได้มีภาพสวยๆให้คนอื่นดู ความประทับใจแรกเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะ” หลังจากที่คิดเรื่องนี้ ซูซูก็บอกหนิงเทียนซินออกไป


โทรศัพท์ของเธอเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุดและก้ถ่ายภาพได้สวยมากๆด้วย

งั้นการถ่ายทอดสดกลางแจ้งจะต้องถ่ายได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน บางครั้งเธอเองก็ใช้เพื่อถ่ายทอดสดเหมือนกัน


ICSS บทที่ 125: ใช้การ์ดเพิ่มพลังสองเท่า


“ไม่ต้องหรอก นี่โอเคแล้ว”


หนิงเทียนซินส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มและพูดออกไป

“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่านี่เป็นถ่ายทอดสดครั้งแรกของวันและมันก็แค่เริ่มต้น ก็คงจะไม่มีใครดู หรือบางทีก็อาจจะมีแค่คนหรือ 2 คนที่มาดูในเวลานั้น ไม่สำคัญหรอกว่าโทรศัพท์จะดีหรือเปล่า เดี๋ยวฉันค่อยๆเก็บเงินแล้วค่อยซื้อเครื่องใหม่ทีหลัง แต่ก็ขอบใจนะซูซู”


หนิงเทียนซินรู้ดีว่าอีกฝ่ายดีกับเธอ ต้องขอบคุณมากๆเลย


“ไม่เป็นไรหรอก”


“เรา 2 คนเป็นรูมเมทกันนะ ก็ต้องช่วยกันสิ” ซูซูหัวเราะ


“อีกอย่างนะในหอนี้ก็มีกันแค่ 2 คน ถ้าไม่ช่วยเธอแล้วจะไปช่วยใครล่ะ”


ในหอนี้ปกติจะมี 4 คน แต่อีก 2 คนย้ายหอไปในวันที่ 2 ของการเรียน กลายเป็นว่าสภาพแวดล้อมในหอไม่ได้ดีเหมือนอพาร์เม้นที่ให้เช่าข้างนอก อีก 2 คนฐานะทางการเงินทางบ้านดีมากและไม่จำเป็นต้องมาอยู่รวมกับคนอื่น พวกเขาก็เลยออกไปหาบ้านเช่าแทน


สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ในมหาวิทยาลัยทั่วไป


ก็เหมือนหลินเจียอี้ที่หนิงเทียนหลินช่วยไว้ ก็ไม่ต้องเช่าหอพักแต่ออกไปเช่าวิลล่าข้างนอกแล้วถึงขนาดมีพี่เลี้ยงมาคอยดูแลอีกด้วยซ้ำ


“โทรศัพท์มือถือราคา 5-6,000 หยวน”


มองไปที่ม่านแสง หนิงเทียนหลินเห็นโทรศัพท์มือถือสีเทาอ่อน เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย เขายังจำได้ว่าตอนที่เขารู้ข่าวว่าน้องสาวจะได้เข้าเรียนที่สถาบันศิลปะปักกิ่งเหนือ เขารับปากกับเธอว่าเมื่อเธอเริ่มเรียน เขาจะซื้อไอโฟนรุ่นล่าสุดให้เธอ


การแบกอิฐแบกปูนเป็นวิธีหาเงินที่จะทำให้เขาได้ทำตามที่ได้ให้สัญญาไว้


เขามีร่างกายที่แข็งแรง หลังจากที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จ เขาก็ใช้เวลา 2 เดือนในการแบกอิฐแบกปูนและเก็บเงินได้มากกว่า 9,000 หยวน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาจะสามารถทำได้ด้วยฝีมือของตัวเอง


แต่มันน่าเศร้าที่เกิดเรื่องซะก่อนที่เขาจะเก็บเงินได้ครบ


“สตาร์วอร์ส นายรู้เลขบัญชีน้องสาวฉันหรือเปล่า?” ชั่วขณะหนึ่งหนิงเทียนหลินก็เกิดความคิดขึ้นมาและถามระบบการต่อสู้ออกไป


“ความสุขที่รัก” สตาร์วอร์สตอบ


“ความสุขที่รัก…” หนิงเทียนหลินตัวแข็งและถึงขนาดพูดพึมพำออกมา


“ความสุขที่รัก แล้วตอนนี้น้องเรามีความสุขไหมนะ…”


“สตาร์วอร์ส ช่วยฉันสมัครบัญชีของโดวยูด้วย” หนิงเทียนหลินพูด…!


7 โมงเช้า


ประตูโรงงานเปิดกว้าง


ที่ด้านนอกมีรถลากวัวหลายสิบคันบรรทุกอยู่ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ นี่เป็นเวลาที่หนิงเทียนหลินและเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ได้เจรจากันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้จำนวนวัวถูกเพิ่มจะ 1,000 เป็น 2,000 ตัว


เมื่อวานได้มีการประเมินความเร็วในการฆ่าวัวทั้งหมดแล้ว ประมาณ 100 ตัวต่อ 1 ชั่วโมง งั้น 2,000 ตัวก็ต้องใช้เวลามากกว่า 20 ชั่วโมง


“โอ้!”


เมื่อวัวทั้งหมดถูกส่งเข้ามาในอาคารของโรงงานแล้ว คนขับรถก็ออกไป

ถึงแม้เขาจะสงสัยว่าทำไมในโรงงานถึงไม่มีซากวัวเลยสักตัว แต่พวกเขาก็อาจจะขนย้ายออกไปตอนกลางคืนเพราะไม่อยากให้เลือดกองเลอะพื้นก็ได้ ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยมาก


พวกเขาแค่ต้องทำหน้าที่ให้เสร็จแค่นั้น


“ฉันต้องทำยังไงถ้าจะใช้การ์ดเพิ่มพลังตอนนี้?”


หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว หนิงเทียนหลินก็ยกมือขวาขึ้นมาและการ์ดสีทองก็ปรากฎขึ้นมาในมือของเขา นี่เป็นรางวัลที่ระบบการต่อสู้ให้เขามาหลังจากที่เขาทำภารกิจปกติสำเร็จครั้งที่แล้ว


ช่วงวันที่ผ่านมามันยังไม่ถูกเอามาใช้เลย เพราะเขายังไม่เจอโอกาสที่เหมาะสม มันน่าเสียดายที่จะใช้ตอนที่เขาฆ่าปลาเมื่อครั้งที่แล้ว วันนี้เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด


“แค่กดไปที่หน้าอกตัวเอง” ระบบการต่อสู้พูด


แป๊ะ!


หนิงเทียนหลินไม่เสียเวลาและทำในทันที แป๊ะเข้าไปที่หน้าอกและในทันทีการ์ดพลังงาน 2 เท่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่หนิงเทียนหลินรู้สึกแค่เพียงมีพลังงานลึกลับไหลอยู่ในร่างกาย แม้ว่าคุณสมบัติจะไม่ได้รับการปรับปรุง แต่พลังงานนี้มีอยู่ในร่างกายของเขาเองจริงๆ


“เริ่ม!”


ตอนนี้มันเริ่มออกฤทธิ์แล้ว แน่นอนหนิงเทียนหลินไม่อยากเสียเวลา ใน 1 ชั่วโมงนี้เขาจะไม่ยอมเวียเวลาไปแม้วินาที ดาบแกว่งไกวฆ่าวัวตัวแล้วตัวเล่าและพวกวัวต่างก็วิ่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทุกการเคลื่อนไหวของดาบทำให้เกิดลมห่าใหญ่


“ฉับ!”


เสียงดาบกระทบกระดูก


มีดเฉือนเข้าไปแต่มันก็ไม่ง่ายที่จะฆ่าได้ในครั้งเดียว ในแต่ละครั้งเขาต้องลงมือ 2-3 ครั้ง แต่ถ้าตัดไปที่หัวของวัว ก็จะสามารถตัดได้ในทันที! แม้แต่ใช้หลังมีด ร่างของวัวหนักหลายพันปอนด์ของวัวก็ต้องขาดในทันที!


“ฉับ!”


“ฉับ!”


ถัดจากหนิงเทียนหลินก็ยังมีจิ้งหรีดตัวใหญ่ขนาดประมาณ 1 ฟุต เมื่อคืนหลังจากที่กินซากวัวไปกว่าพันตัว เจ้าจิ้งหรีดขนาดประมาณผ่ามือก้กลายเป็นขนาดตัวยาวกว่าฟุตแล้ว


ทั้งตัวกลายเป็นสีแดงและร่างกายทั้งหมดเปล่งประกายแวววาวของโลหะที่ไม่รู้จัก ระหว่างเอวและหลังมีลายเส้นแนวนอนหนาแน่นมากมาย และที่ปากก็มีเคี้ยวงอกออกมา 2 ข้างตั้งแต่กรามด้านบน ยาวประมาณครึ่งนิ้ว


โดยเฉพาะที่ขาจากเดิมที่มีแค่ 4 ขาตอนนี้ก็กลายเป็น 8 ขาแล้ว


และหนิงเทียนหลินก็รู้อยู่แล้วว่าแต่ละขาหมายถึงคะแนนพลังงาน 10 คะแนนและ 8 ขาก็หมายถึงคะแนนพลังงาน 80 คะแนน! หรืออีกนัยหนึ่งก็คือไอ้ตัวร้อยขาตอนนี้มีพลังในการต่อสู้ 80 คะแนนแล้ว!


“กริ๊ก!”


“กริ๊ก!”


ไอ้ร้อยขาขยันมาก ทันทีที่หนิงเทียนหลินฆ่าวัวมันก็จะรีบตรงเข้ามาและกลืนวัวเข้าไป แม้แต่วิญญาณของพวกวัวก็ลงไปอยู่ในท้องมันทั้งหมดด้วย อากาศสีเทาที่จะเข้าไปในหยินเชาไต้ฟูต้องใช้เวลากว่าจะออกมาและหนิงเทียนหลินก็อยากจะใช้โอกาสนี้ให้วานซูยูได้กลืนวิญญาณพวกนี้ด้วย!


แม้ตอนนี้เขาจะไม่รู้ว่าวิญญาณพวกนี้จะมีผลอะไรกับวานซู แต่ถ้ามันกินได้ก็ปล่อยให้มันกินเข้าไปเถอะ!


กินเข้าไปเยอะๆ มันไม่มีอันตรายหรอก


และจากความเร็วที่มันกลืนก็ไม่แย่ไปกว่าการฆ่าของหนิงเทียนหลินเลย ในโรงงานไม่มีซากศพเหลืออยู่เลย


หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไป


“ติ่ง เจ้านาย หมดเวลาสำหรับการ์ดเพิ่มพลัง 2 เท่าแล้ว”


ทันทีที่หนิงเทียนหลินเหงื่อออกอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและทันทีที่เขาวางมีด เสียงของระบบการต่อสู้ก็ดังขึ้นมาในหูของเขา


“ได้พลังงานเท่าไร?”


หนิงเทียนหลินรีบถามออกไป ชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ได้พักแม้สักวินาทีแต่กลับฆ่าวัวอย่างบ้าคลั่ง


“ฆ่าวัวไปได้ทั้งหมด 158 ตัวและได้คะแนนสำคัญ 342 คะแนน การ์ดเพิ่มพลัง 2 เท่าทำให้ได้ผลเป็น 2 เท่า จึงได้คะแนนสำคัญไป 684 คะแนน” ระบบการต่อสู้ตอบ


“เยี่ยมเลย!” ดวงตาของหนิงเทียนหลินเป็นประกาย


“1 ชั่วโมงฆ่าได้ 158 ตัวได้พลังวิญญาณมากกว่าเมื่อวานเกือบครึ่งแน่ะ!”


เพื่อไม่ให้เสียพลังงานการ์ด หนิงเทียนลินไม่รอช้า


“สตาร์วอร์ส ทำไมฉันแลกเป็นปืนแล้วเอาไปใช้ล่าไม่ได้ล่ะ? แบบนั้นฉันน่าจะทำได้เร็วกว่านี้นะ!”


ICSS บทที่ 126: อนาคตดาวรุ่ง


“อาวุธเย็น”


“ฉันเคยบอกนายแล้วไงว่ามีเพียงอาวุธเย็นเท่านั้นที่สามารถรวบรวม

วิญญาญได้ และอาวุธร้อนจะทำลายวิญญาณพวกนี้”


“ถ้าอาวุธร้อนมันโอเค นายก็สามารถแลกกระสุนฮีเลียมจากฉันได้แล้ว

ยิงมันออกไปเพื่อที่จะได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตได้เยอะๆ ในกรณีนั้น วิญญาณที่นายจับมาก็เยอะมากแต่มันเป็นไปไม่ได้! อาวุธร้อนจะทำลายการเก็บพลังงานของฉันหมด”


“เพราะงั้นทำงานให้หนักและตัดคอพวกมันด้วยมีด เมื่อพลังในการต่อสู้จริงๆของนายได้ขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า นายก็จะรู้เองว่อาวุธเย็นเป็นราชาของการต่อสู้เลย ถ้านายทำได้อย่าว่าแต่แค่ทำลายโลกเลย แม้แต่ทั้ง

กาแล็กซี่ก็สบายๆ!”


ระบบการต่อสู้ สร้างภาพในหัวของหนิงเทียนหลิน


“โอเคๆ”


หนิงเทียนหลินพูดไม่ออกแต่เพียงแค่พูดตอบระบบการต่อสู้ออกไปและเขาก็เห็นด้วย ถึงแม้ว่าในวันนี้อาวุธเย็นจะดูไร้ประโยชน์ มันขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในมือใครมากกว่า! หนิงเทียนหลินกล้าที่จะสู้ด้วยมีดกับคนที่มีปืนไรเฟิลด้วยซ้ำ


แล้วคนที่ตายก็จะต้องเป็นอีกฝ่ายแน่ๆ!


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณสมบัตรทางร่างกายที่ดีเยี่ยมขนาดนี้ ไม่ว่าจะกระสุนหรืออะไรก็ตามที่มาโดนตัวก็คงเหมือนแค่ยุงกัดแม้จะเป็นอาวุธที่ร้ายแรงมากก็ตาม


หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง 8 นาที


“ติ่ง เจ้านาย การถ่ายทอดสดของน้องสาวนายเริ่มแล้วนะ อยากดูไหม?”


ตอนที่หนิงเทียนหลินกำลังฆ่าวัวพวกนี้อยู่อย่างเมามัน เสียงเตือนของระบบการต่อสู้ก้ดังขึ้นมาในหูของเขา ซึ่งก็เป็นอย่างที่สตาร์วอร์สบอกไว้เมื่อคืนว่าถ้าน้องสาวเขา หนิงเทียนซินเริ่มถ่ายทอดสดเมื่อไร มันจะมาบอกเขาอย่างแน่นอน


“ดูสิ”


หลังจากที่หนิงเทียนหลินฆ่าวัวมาอย่างต่อเนื่อง เขาก็เก็บมีดและพยักหน้าเป็นการยืนยัน

….


ที่สนามของวิทยาลัยศิลปะปักกิ่งเหนือ


สนามหญ้าสีเขียว ลู่วิ่งสีแดงมีเส้นสีขาวแบ่งแยกและราวสีฟ้าทำให้ที่นี่ดูสะอาดสุดๆ โดยเฉพาะตอนนี้ที่สนามแสนสะอาดนี้เต็มไปด้วยเด็กหนุ่มและเด็กสาวที่สวมชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวที่สะอาดและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเด็กๆ


แต่ในเวลานี้มีเด็กหนุ่มและเด็กสาวบางคนที่กำลังนั่งยองๆ, หรือนอนลงไปกับพื้นหญ้า บางก็ยืนอยู่เพราะพวกเขาเพิ่งจะยืนในท่าทหารมานานกว่าชั่วโมงและพวกเขาก็เหนื่อยกันมาก วันนี้ระหว่างคาบเรียนจะมีเวลาพักเบรค 20 นาที


แต่ก็ยังมีคน 5-6 คนที่กำลังถือไม้เซลฟี่โทรศัพท์มือถือและกำลังพูดคุยท่ามกลางฝูงชน ถ้าเข้าไปมองใกล้ๆก็จะเห็นว่าคนพวกนี้ต่างก็ทั้งสวย, สูง, ผิวขาวและคราบเหงื่อที่ไหลออกมาหลังจากที่ต้องยืนมาเป็นชั่วโมงก็ถูกพวกเอเช็ดออกไปแล้วด้วยผ้าที่เตรียมมาและพวกเธอต่างก็แต่งหน้าเพิ่มเข้าไปอีก


พวกเธอต่างก็เป็นผู้ประกาศ แต่ละคนก็คนละช่องสถานีแต่ต่างก็ทำเป็นพาร์ทไทม์กันทั้งนั้นเพราะพวกเธอยังเป็นนักเรียนอยู่ การหาเงินก็เปาเป้าหมายหนึ่งแต่ที่มากกว่านั้นก็เพื่อเพิ่มความโด่งดังให้กับตัวเองโดยผ่านการเป็นผู้ประกาศของสถานี


เพราะพวกเธอต่างก็จะไปเป็นดาราดังในอนาคต


ช่องทางการถ่ายทอดสดจึงเป็นเหมือนการฝึกความสามารถ


ดังนั้นถึแม้คนส่วนใหญ่จะนั่งพักกันอยู่ที่สนามและคอยมองพวกเธออยู่ แต่ก็ไม่มีความเขินอายเลยเพราะในอนาคต ทีวี หนังและละครก็จะต้องถูกห้อมล้อมไปด้วยคนดู ถ้ารับเรื่องนี้ไม่ได้แล้วในอนาคตจะเป็นดาราได้ยังไงกันล่ะ


และตอนนี้ก็เป็นการฝึกทหารของสถาบันศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน นักศึกษาปีหนึ่งจะต้องมีฝึกทหารรวมกันและแค่การโห่ร้องอย่างเดียวก็เรียกให้คนเข้ามาดูได้มากมายแล้ว ในบางครั้งจะได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากปากพวกเธอและคำพูดขอบคุณสำหรับคนที่ส่งสติ๊กเกอร์มาให้พวกเธอ


ที่สนามเพราะมีพวกเธอก็เลยทำให้บรรยากาศยิ่งสดใสเข้าไปใหญ่ แม้แต่ครูฝึกบางคนก็รู้สึกสดชื่นไปด้วย


“ยินดีต้อนรับนะคะคุณมาสเตอร์แคท ยินดีต้อนรับสู่ห้องถ่ายทอดสดของความสุขที่รักนะคะ”


มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในกลุ่ม ร่างสูงและสวมหมวกทหารด้วย กำลังยืนอยู่เงียบๆและถ่ายทอดสดไปด้วย แต่เอไม่มีไม้เซลฟี่อยู่ในมือ เธอแค่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือและขยับเข้าขยับออกไปมา


เมื่อเธอเห็นว่ามีใครเข้ามาดู เธอก็จะรีบทักทายด้วยรอยยิ้ม แม้อาการจะแสดงออกถึงความตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะมาสเตอร์แคทคนนี้เป็นคนดูคนแรกของเธอเลย และเธอเห็นว่าที่มุมบนของหน้าจอขึ้นคำว่า LV2


“ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามของวิทยาลัยศิลปะปักกิ่งเหนือ ฉันเป็นนักเรียนปีหนึ่งและกำลังถ่ายทอดสดการฝึกทหารของพวกเด็กปีหนึ่ง พวกคุณเห็นไหมรอบๆตัวฉันมีแต่เด็กปีหนึ่ง มีทั้งหนุ่มหล่อและสาวสวยมากมายเลย พวกเขากำลังนั่งพักกันอยู่ค่ะ”


ขณะที่พูด เด็กสาวก็หันโทรศัพท์เพื่ออยากที่จะให้คนดูเพียงคนเดียวของเธอได้เห็นว่าในเวลานี้กำลังพูดถึงอะไรกันอยู่


และเด็กสาวคนนี้ก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นหนิงเทียนซิน ที่เพิ่งจะลงทะเบียนสมัครกับทางโดวยูทีวีเมื่อคืนและถ่ายทอดสดครั้งแรกวันนี้เอง


“หยุดเลย! หยุด! หยุดไปเลย!”


“ถ่ายอะไรกันเนี่ยไกลขนาดนั้น ขนาดหน้าเธอเองฉันยังมองไม่ชัดเลย ไม่ต้องพูดถึงคนพวกนั้นเลย! ให้มองสาวสวยแต่กลับเห็นแต่อะไรก็ไม่รู้!” คนดูคนหนึ่งพิมลงไปที่หน้าจอและเมื่อพิมเสร็จก็ออกไปจากห้องแชททันทีโดยไม่รอให้หนิงเทียนซินได้มีเวลาตอบโต้อะไรเลย


“ยินดีต้อนรับนะคะอาปิน ยินดีต้อนรับเข้าสู้สตูดิโอของความสุขที่รักนะคะ”


หนิงเทียนซินรู้สึกเสียใจมากแต่กก่อนที่จะมีเวลาได้เศร้า ผู้ชมอีกคนก็เข้ามาในห้องแชทของเธอและเธอก็รีบกล่าวทักทายทันที


“ฉันล่ะเศร้าจริงๆ! ในห้องแชทนี้มีแค่เธอกับฉันแค่นั้นเอง ฉันอยากจะเข้ามาดูจริงๆว่าเธอจะน่าเกลียดขนาดไหนถึงได้ไล่คนดูหายไปหมดแบบนี้ได้!”


ทันทีที่ชายหนุ่มเข้ามาในห้องแชท เขาก็พิมข้อความลงไปที่หน้าจอทันที “ชื่อห้องแชทก็กล้าหาญจริงๆนะ คนอะไรกล้าตั้งชื่อว่า “อนาคตดาวรุ่ง” ไหนขอดูหน่อยสิว่าอนาคตดาวรุ่งยังไง?”


“สวัสดีค่ะอาปิน ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามของวิทยาลัยศิลปะปักกิ่งเหนือ ฉันเป็นนักเรียนปีหนึ่งของคณะการแสดง สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่คือการถ่ายทอดสดการฝึกทหารของเด็กปีหนึ่ง เห็นไหมคะรอบๆตัวเรามีแต่พวกเด็กปีหนึ่งที่ทั้งหล่อและสวยเต็มไปหมดเลยและพวกเขาก็กำลังพักผ่อนกันอยู่ด้วย”


เพราะนี่เป็นการถ่ายทอดสดครั้งแรกของหนิงเทียนซิน เธอดูเหมือนไม่ค่อยมีประสบการณ์จึงพูดตามบทที่ได้เตรียมมาตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกเหนื่อยที่ต้องคอยยิ้มให้กับคำพูดร้ายๆของคนอื่นแล้ว


“วิทยาลัยศิลปะปักกิ่งงั้นเหรอ?”


“เธอเป็นนักเรียนปีหนึ่งของวิทยาลัยศิลปะปักกิ่งเหนือเหรอ?”


ในเวลานี้ผู้ชมอีกคนที่ชื่อ “บัคส์ คัมมิ่ง อิน” ได้เข้ามา เขารู้สึกสนใจกับชื่อของห้องแชทที่ชื่อ “อนาคตดาวรุ่ง” จนอยากที่จะเห็นว่าใครกันที่มั่นใจจนประกาศอะไรแบบนี้ออกมา!


อนาคตดาวรุ่ง หันมาเป็นผู้ประกาศงั้นเหรอ?


เขาเพิ่งได้ยินการแนะนำตัวของหนิงเทียนซินก้ถึงกับถอนหายใจและตามด้วยความรู้สึกมีความสุข เพราะเขารู้ดีว่าสถาบันศิลปะปักกิ่งเหนือคืออะไรและที่นี่เป็นแหล่งผลิตนักแสดงและดาราเก่งๆของจีนเลย


เกือบครึ่งของดาราหนังในปัจจุบันก็จบมาจากที่นี่


และตอนนี้เขาก็ได้เข้ามาในห้องแชทของนักเรียนจากที่นี่ด้วยจริงๆ!


ใช่เลย อนาคตดาวรุ่ง ในกลุ่มคนพวกนี้จะต้องมีสักคนหรือสองคนแหละที่จะได้เป็น!


ICSS บทที่ 127: ฉันไม่ใช่คนโกหก


“ใช่แล้วค่ะ”


เมื่อเห็นว่ามีคนถามคำถามแทนที่จะเป็นติ หนิงเทียนซินจึงรีบพยักหน้าและยิ้มออกมา “ดูสิค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามฝึกทหารพอดีเลยและเพื่อนๆร่วมชั้นก็อยู่ทั่วไปหมดเลย” แล้วหันกล้องเพื่อจะให้ “คนดู” ได้ดู


แค่ว่าครั้งนี้การเปลี่ยนกล้องมันช้ามากและเธออยากที่จะให้อีกฝ่ายได้เห็นอย่างชัดเจน


“สาวน้อย ดูเหมือนโทรศัพท์เธอจะใช้การไม่ได้แล้วนะ!”


“บัคส์ คัมมิ่ง อิน” คนนี้เหมือนลุงเลยที่เรียหหนิงเทียนซินว่าสาวน้อย และคำพูดของเขาก็ดูไม่รุนแรง “แค่ถ่ายเธอใกล้ๆก็ไม่ค่อยจะชัดอยู่แล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงถ่ายคนอื่นเลย”


“เธอเป็นผู้ประกาศ อุปกรณ์เครื่องมือต้องทันสมัยหน่อยนะ เพื่อที่จะให้ได้ภาพดีๆโดยเฉพาะการถ่ายทอดสดกลางแจ้ง เธอก็ต้องมีไม้เซลฟี่ด้วยนะไม่งั้นภาพก็จะสั่นมากๆและบางครั้งนิ้วเธอเองก็ไปปิดหน้ากล้องด้วย”


หนิงเทียนซินหน้าแดง รู้ดีว่าข้อบกพร่องของตัวเองคืออะไรจึงรีบพูดออกไปทันที “ขอบคุณมากนะคะ ครั้งหน้าฉันจะเตรียมให้พร้อมกว่านี้ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกของฉันในฐานะสตริมเมอร์ บางทีก็รีบไปและบางอย่างก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ”


“สำหรับครั้งแรกก็ไม่เป็นไรหรอก ครั้งหน้าก็ค่อยๆพัฒนาไป” อีกฝ่ายพิมขึ้นมาที่หน้าจอพร้อมทั้งส่งสติ๊กเกอร์ให้เธอ หนิงเทียนซินรีบขอบคุณทันที ถึงแม้สติ๊กเกอร์นี้จะมีค่าแค่ 1 หยวนก็ตาม


และตกมาถึงมือของหนิงเทียนซินแค่ 50 เซนต์ก็ตาม


“ในเมื่อเธอบอกว่าเป็นเด็กปีหนึ่งในคณะศิลปะการแสดงของที่นี่ แล้วได้เรียนกับกวนเซียวตงหรือเปล่า? เธอบอกทางอินเตอร์เองใช่ไหมว่ากวนเซียวตงก็เรียนในคณะการแสดงนี้ด้วย? หล่อนอยู่ไหนล่ะ? เร็วเข้าสิ ขอฉันดูหน้าหล่อนหน่อยสิ”


“ฉันเป็นแฟนตัวยงของหล่อนเลย!”


ในตอนนี้ “อาปิน” ที่เพิ่งเข้ามาแล้วเข้าใจสถานการณ์พอดีก็อดไม่ได้ที่จะพิมลงมาที่หน้าจอ กวนเซียวตง! เล่นมาตั้งแต่เป็นดาราเด็กจนตอนนี้เป็นลูกสาวของชาติไปแล้ว ทำให้คนมากมายฆ่ากันตายเพื่อแย่งหล่อนได้เลย ไม่รู้มีคนมากแค่ไหนที่หลงรักหล่อนหมดใจ แต่ก่อนจะเห็นหล่อนก็ได้แค่จากทีวีเท่านั้น แต่ถ้าครั้งนี้สามารถเห็นหล่อนทางถ่ายทอดสดได้ ก็จะทำให้พวกแฟนๆของกวนเซียวตงอิจฉาตายไปเลย!


“กวนเซียวตง…”


หนิงเทียนซินตัวแข็งทื่อ เธอจะไม่รู้จักชื่อนี้ได้ยังไงกัน? ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หล่อนคือดาวรุ่งในวงการบันเทิงเลย เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่และได้เล่นละครมากมายหลายบทเลย มีแฟนๆทั่วทั้งประเทศ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชื่นชอบหล่อนอย่างมาก รักเหมือนเป็นลูกตัวเองเลยก็ว่าได้


วีดีโอการเต้นของอีกฝ่ายที่ส่งมาเพื่อทดสอบเป็นวีดีโอที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตมาได้อย่างยาวนาน


และตอนนี้หล่อนก้อยู่ในการฝึกทหารด้วย อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก


แต่เมื่อหนิงเทียนซินมองไปที่ที่อีกฝ่ายยืนอยู่และรู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายถูกห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนฝูงซึ่งเป็นรูมเมทกับหล่อนเองและต่างก็กำลังใช้ไม้เซลฟี่ถ่ายทอดสดกวนเซียวตงอยู่เพื่อให้ผู้ชมในห้องแชทของพวกเธอได้เห็นหล่อนด้วย


ห้องถ่ายทอดสดของอีกฝ่ายโด่งดังมากๆซึ่งตั้งชื่อว่า “รูมเมทของกวนเซียวตง”


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพูดคุยและหัวเราะอยู่ หนิงเทียนซินก็รู้สึกอายเล็กน้อยเพราะตั้งแต่เปิดเรียนนี่ก็ 3 วันแล้วแต่เธอยังไม่ได้คุยกับกวนเซียวตกสักคำเลยและก็ไม่สนิทกันเลยสักนิด และตอนนี้ก็มีผู้ประกาศอยู่รอบตัวหล่อนมากมายแล้วด้วย


ฉันจะเดินไปข้างหน้าเดี๋ยวนี้เลย ไม่ดีเลย…


“ว่าไงล่ะ?”


“เธอโกหกงั้นเหรอ?”


“เธอไม่ได้เรียนที่สถาบันศิลปะปักกิ่งเหนือใช่ไหม? กวนเซียวตงไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องเธอเลยใช่ไหม!”


เมื่อได้เห็นหนิงเทียนซินไม่โต้ตอบและกำลังเศร้า “อาปิน” คนนี้ก็รีบพิมข้อความขึ้นมาที่หน้าจอทันที

“ใช่ สาวน้อย น่าสนใจดีนะที่เริ่มต้นถ่ายทอดสดด้วยการโกหกแบบนี้น่ะ?” ในเวลานี้ คนที่เพิ่งจะใช้ “สติ๊กเกอร์” เป็นรางวัลกับเธอ “บัคส์ คัมมิ่ง อิน” ก็ส่งข้อความมาว่าเธอด้วยเหมือนกัน


“ฉันไม่ได้โกหกนะคะ ฉันเป็นเพื่อนร่วมห้องเธอจริงๆ เห็นไหม เธออยู่นั่นไง”


หนิงเทียนซินพูดออกไปพร้อมทั้งหันกล้องและชี้นิ้วไปในตำแหน่งที่กวนเซียวตงยืนอยู่ อีกอย่างถึงแม้หล่อนจะเดินออกไปจากกองฝึกทหารแล้วแต่ก็ไม่ได้ห่างไปมากนัก เพียงแค่ไม่กี่สิบเมตร แต่เพราะกล้องของเธอไม่ดีทำให้เห็นได้เพียงร่างเบลอๆ


“เดินเข้าไปเลย!”


“เร็วเข้าสิ! ไปเลย เราจะได้เห็นภาพชัดๆ! แบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าใช่กวนเซียวตงจริงหรือเปล่า” ในเวลานี้ “อาปิน” ก็เร่งออกมาอีกรอบ


“โอเคค่ะ” หนิงเทียนซินลังเลอยู่สักพักและเดินเข้าไปด้วยความเขินอาย เมื่อเข้าไปใกล้ได้ประมาณ 5-6 เมตร เธอก็ถามออกมาว่า “เห็นหล่อนไหมคะ?”


ถ้าเดินเข้าไปใกล้กว่านี้อีกฝ่ายก็จะรู้ว่าเธอกำลังถ่ายหล่อนเพื่อลงห้องแชทถ่ายทอดสด ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไร เธอไม่ใช่รูทเมทของอีกฝ่ายและก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไรด้วย


“เห็นแล้ว! เห็นแล้ว! ถึงแม้กล้องเธอจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ด้วยความรักที่ฉันมีให้กวนเซียวตง รูปร่างแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้ ใช่หล่อนแน่ๆ!” ในเวลานี้ “อาปิน” รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก


“ดีจริงๆที่ได้เห็นหล่อน ฉันไม่ใช่คนโกหกแล้ว” หนิงเทียนซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอไม่อยากที่จะให้คนอื่นเข้าใจเธอผิด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเรียกว่าคนโกหก


“แหม แม้กวนเซียวตงก็ยังจำได้นะ” แม้แต่ “บัคส์ คัมมิ่ง อิน” ก็พิมเสริมเข้ามา “โชคดีที่ฉันมีสติ๊กเกอร์ไม่จำกัด”


“อ่า เดินห่างมาทำไม เดินกลับไป เข้าไปอีก”


หลังจากที่ได้เห็นพวกเขาชื่นชม หนิงเทียนซินก็ถอยหลังกลับและถือโทรศัพท์ไว้ตลอดเพื่อถ่ายรูปซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้ตัวแน่ๆ แต่ทันทีที่เธอถอยมาได้ก้าวหรือสองก้าว “อาปิน” ก็พิมมาว่า “ขอฉันเห็นชัดๆหน่อย ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นเลย ภาพเบลอสุดๆเลย”


“ไม่ได้” หนิงเทียนซินส่ายหน้าด้วยความเขินเล็กน้อย “พวกคุณไม่เห็นเหรอว่ารอบตัวหล่อนมีคนอยู่เต็มไปหมด นั่นเป็นรูมเมทของหล่อน ฉันเดินผ่านมาแล้วซึ่งไม่เหมาะสมเท่าไรเลย”


“ไม่เหมาะสมอะไรกัน! เธอก็เป็นเพื่อนร่วมห้องจะมีอะไรต้องกลัวอีก!”


“เร็วเข้า! เดินไปบอกหล่อนหน่อยว่าฉันชอบแล้วให้หล่อนอ่านที่ฉันพิม แล้วเดี๋ยวฉันให้สติ๊กเกอร์เธอเป็นรางวัล!” ในเวลานี้ “อาปิน” พิมส่งมา


“ฉันก็จะส่งสติ๊กเกอร์ให้” บัคส์พิมเสริม


“ฉันด้วย ให้ 10 ดวงเลย”


“ฉันด้วย ฉันก็อยากจะเห็นกวนเซียวตงเหมือนกัน!”


เธอไม่รู้เลยว่าเมื่อไรที่มีอีก 2 คนเพิ่มเข้ามาในห้องแชทด้วย และพวกเขาต่างก็ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นกวนเซียวตงในถ่ายทอด

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม