Invincible Combat Strength System ระบบสงคราม 106-119

 ICSS บทที่ 106: การเป็นLive สดนี่ทำเงินได้ไหม?


“ซูซู”


“เธอเป็นLive สดเหรอ?”


หนิงเทียนซินที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย ไม่รู้สึกที่อยากจะนอนอีกแล้ว เธอรู้สึกกลัวและไม่กล้าที่จะล้มตัวลงนอนด้วยซ้ำ เธอกลัวว่าในฝันเธอจะได้เห็นพี่ชายที่ตัวเปื้อนเลือดและพยายามต่อสู้ เรื่องนั้นทำให้เธอเจ็บปวดใจอย่างมาก


เธอสนิทกับพี่ชายหนิงเทียนหลินมากตั้งแต่ยังเล็กๆแล้ว เธอไม่อยากที่จะเชื่อว่าพี่ชายเธอจะตายแบบนั้นและเธอไม่ได้บอกลาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ


ในเวลานี้หนิงเทียนซินหันกลับและพิงเข้ากับกำแพงที่ติดโปสเตอร์ไว้ เธอมีสีหน้าซีดเผือดและจ้องไปยังที่นั่งที่เพื่อนเธอเพิ่งจะนั่งอยู่เมื่อกี้ กำลังไลฟ์สดอยู่จึงถามออกไปอย่างเงียบๆเพราะกลัวว่าจะรบกวนอีก

2 คนที่กำลังนอนอยู่ พวกรูมเมทของเธอ


โปสเตอร์ที่อยู่บนกำแพงเป็นรูปของถังหยานหยานดาราคนโปรดของหนิงเทียนซิน เธอยังฝันที่อยากจะเป็นเหมือนถังหยานหยานคือเป็นที่โด่งดังไปทั่วทั่งประเทศ ตอนที่เธอย้ายเข้ามาที่หอเมื่อบ่ายวันนี้เธอก็ติดรูปนี้ไว้ที่กำแพง


“ใช่”


ซูซูเพียงแค่พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรเพราะในไลฟ์นี้เธอไม่ได้อยากที่จะพูดอะไร เธอแค่โต้ตอบกับแฟนๆด้วยการพิมพ์ลงไปที่หน้าจอ

อีกอย่างพวกแฟนๆก็รู้ดีว่าเธอเริ่มเรียนวันนี้และเป็นเด็กใหม่ในสาขาการแสดงของวิทยาลัยศิลปะปักกิ่งเหนือ


คืนแรกเธอไม่อยากที่จะรบกวนการนอนของรูมเมท


“โอ้”


หนิงเทียนซินพิงไปที่กำแพงและพูดออกมา เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเป็นLive สดเลยแต่เธอยังสงสัยเพราะเธอเคยได้ยินมาว่าในธุรกิจนี้ เธอสามารถหาเงินได้แต่จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ หลายคนที่ร่ำรวยจากงานนี้และเรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาอีกเลย


“เทียนซินมานี่สิ แฟนๆของฉันอยากจะเห็นเธอ”


“ฉันเพิ่งบอกพวกเขาเรื่องการฝันร้ายของเธอและพวกเขาอยากที่จะเห็นว่าเด็กสาวที่ตื่นเพราะฝันร้ายหน้าตาเป็นยังไง”


ชื่อเต็มของซูซูคือหยินซูซู ตอนที่ภาพยนต์เรื่อง “ดาบมังกรหยก”

ได้รางวัล พ่อของเธอก็เอามาตั้งเป็นชื่อให้เธอ เธอมีชื่อเหมือนกับหยินซูซูและเธอก็สวยมากๆด้วย ไม่งั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมาเข้าเรียนในสาขาการแสดงของวิทยาลัยศิลปะปักกิ่งเหนือแบบนี้


สาขาวิชานี้ไม่ได้ต้องการแค่คนที่มีความสามารถและฝีมืออย่างเดียวแต่ต้องการคนที่หน้าตาดีมากด้วยเช่นกัน


ในตอนนี้หยินซูซูกวักมือเรียกหนิงเทียนซินและพูดอย่างแผ่วเบา


“เห็นหน้าฉันเหรอ?” หนิงเทียนซินโบกมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่เอา”

“ฉันยังใส่ชุดนอนอยู่เลย ไม่เอาอ่ะ”


ในตอนนี้สีหน้าของหนิงเทียนซินซีดเซียวและหน้าผากก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ถึงแม้มันจะเป็นแค่วีดีโอ เธอก็ไม่อยากที่จะให้คนมากมายเห็นใบหน้าแบบนี้มากนัก จึงรีบปฎิเสธออกไป


“โอ้”


“โอเค”


หยินซูซูไม่ได้บังคับ ยังไงซะเธอก็เพิ่งเจอหนิงเทียนซินวันนี้เอง เธอยังไม่สนิทกัน ถึงแม้จะเป็นรูมเมทกันแต่มันก็เพิ่งจะแค่วันเดียว เรื่องแบบนี้ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากทำก็ช่างมันเถอะ


“ซูซู เธอหาเงินจากการเป็นLive สดได้จริงๆเหรอ?”


หนิงเทียนซินอยากที่จะถามคำถามนี้กับหยินซูซูแต่เธอก็แค่คิดขึ้นมาและก็เงียบไป ถึงแม้เธอจะต้องการเงินแต่นี่มันก็เลยตี 4 แล้ว ถ้าพวกเขาคุยกันจะต้องเป็นการรบกวนรูมเมทอีก 2 คนแน่ๆ


นี่เป็นวันแรกที่โรงเรียนและมันก็ง่ายมากที่จะสร้างความประทับใจที่ไม่ดีกับอีกฝ่ายและก็ไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงเรื่องแบบนี้ เธอถามหยินซูซูพรุ่งนี้ก็ได้ หลังจากที่คิดถึงเรื่องนี้เธอก็กลับลงไปนอนอีกครั้ง นอนลงไปที่เตียงแต่ในใจเธอยังนึกถึงร่างของพี่ชาย หนิงเทียนหลินอยู่ตลอดเวลา



“เทียนหลิน นายจ่ายเงินเพิ่มอีกแล้วนะ!”


ตอน 7 โมงเช้าในตอนท้ายของคืน เขาเห็นหนิงเทียนหลินจ่ายค่าบริการที่โต๊ะอีกแล้วและในแต่ละครั้งจะจ่ายไป 1,000 หยวน ชิเซียวจุนตะลึงและถามออกไป “เทียนหลินนายยังจ่ายต่อเวลาอีกเหรอ นี่นายจะไม่ไปเรียนเหรอ?”


“นี่แค่วันที่ 2 เองนะ! และชั้นเรียนภาษาอังกฤษ อาจารย์จะต้องเช็คชื่อแน่ๆ!”


ในระหว่างปีแรก ชิเซียวจุนก็โดดเรียนเหมือนกันแต่ก็ไม่บ่อยแค่ในบางโอกาส แต่ในวิชาภาษาอังกฤษไม่มีใครกล้าที่จะโดดหรอกเพราะถ้าไม่เข้าเรียนเกิน 3 ครั้งก็จะไม่มีสิทธิ์ในการเข้าสอบ!


“ไม่หรอก” หนิงเทียนหลินส่ายหัวและพูดออกมาอย่างร้ายกาจ

“แค่เช็คชื่อ ฉันคิดว่าอาจารย์ไม่เช็คหรอก ถ้านายคิดมากก็ช่างมันเถอะ โลกนี้กว้างขวางแต่ LOL กว้างกว่า”


เขาอยากที่จะทำภารกิจของระบบการต่อสู้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด นี่แค่บทเรียนเดียวและเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจ อีกอย่างเขารู้ดีกว่าในอนาคตเขาคงจะไม่ได้มาเข้าเรียนบ่อยๆด้วย


เขาต้องการพลังงาน ต้องการที่จะเพิ่มพลังในการต่อสู้และที่โรงเรียนก็ให้สิ่งเหล่านี้ไม่ได้!


เขามาที่นี่ก็เพื่อแค่มาแสดงตัวเพื่อที่จะพิสูนจ์ว่าเขายังอยู่ที่โรงเรียน

1 เดือน, 2 เดือน เมื่อ “ความทรงจำ” ของเขากลับมาเขาก็จะกลับบ้าน ไปหาพ่อแม่เพื่อบอกให้พวกท่านรู้ว่าเขายังไม่ตาย!


พอถึงเวลานั้นโลกอันกว้างใหญ่นี้ เขาก็จะไปที่ไหนก็ได้ที่เขาต้องการและเขาก็จะท่องไปทั่วโลก! เพื่อเก็บคะแนน!


จนถึงวันหนึ่งที่มีความสามารถพอที่จะออกไปจากโลก เขาก็จะจากโลกนี้ไปและออกไปจัดการจักรวาล! แล้วเขาจะมาติดอยู่ในโรงเรียนเล็กๆแบบนี้ได้ยังไง ทะเลแห่งดวงดาวคือการเดินทางที่ดีที่สุดสำหรับเขา!


“ไอ้ตัวร้าย!”


“นายมันขี้คลาด!”


“ยายแก่กล้าที่จะหนีแล้ว!”


ชิเซียวจุนยกนิ้วให้และมองอย่างประหลาดใจ


“ฉันไม่สังเกตเห็นได้ยังไงว่าการกลับมาครั้งนี้ของนายมันจะแข็งแกร่งขนาดนี้!”


“ร้ายกาจจริงๆ ฉันไม่เคยทำมาก่อนเลย ใครกันที่จะกล้าโดดเรียน! แค่ถามเพื่ออยากให้คิดเฉยๆ!”


“เนียนมากๆ!”


หนิงเทียนหลินยิ้มและพูดออกมาอย่างลับๆ “ถ้านายมีระบบการต่อสู้ นายก็อาจจะแข็งแกร่งได้มากกว่าฉัน!”


“แล้วนายล่ะ? จะไปเรียนหรือเปล่า? หรือจะเล่นเกมส์ที่นี่ต่อ?” หนิงเทียนหลินถามกลับชิเซียวจุน


“ไม่กล้าหรอก!” ชิเซียวจุนส่ายหัว “ใครจะกล้าโดด ยายแก่นั่นน่ากลัวจะตาย เพื่อใบปริญญาฉันไปนอนหลับในห้องเรียนดีกว่า!”


“หลินเจียอี้แล้วเธอล่ะ? อยากจะเล่นต่อหรือไปเข้าเรียน?” ชิเซียวจุนถามหลินเจียอี้ที่กำลังจ้องมาที่พวกเขาทั้งคู่


“เข้าเรียน!”


หลังจากที่หลินเจียอี้ตอบ เธอก็มองไปที่หนิงเทียนหลินอย่างไม่อยากจะเชื่อ เอไม่เคยคิดว่าหนิงเทียนหลินจะติดเกมส์ขนาดนี้! แม้แต่การเล่นเกมส์หลังจากชั้นเรียนการไม่เหมือนอย่างที่เธอคิดไว้แล้ว


คนที่แน่วแน่ในเรื่องศิลปะการต่อสู้แบบนี้ทำไมถึงมาเล่นเกมส์ทั้งคืนหลังจากเข้าเรียนแบบนี้!


ถึงแม้เธออยากที่จะอยู่กับหนิงเทียนหลินที่นี่ แต่วันนี้ก็เป็นชั้นเรียนแรกของเด็กปีหนึ่งที่ที่ปรึกษาจัดขึ้นมา แล้วยิ่งพรุ่งนี้จะมีการฝึกวิชาทหารอีก เธอยิ่งต้องพักผ่อนและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง


อีกอย่างเธอเป็นสาวสวยที่รู้ว่าการอดนอนจะทำลายผิวพรรณได้! ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงเทียนหลินเมื่อคืนเธอก็คงไม่ยอมอดนอนทั้งคืนหรอก! เมื่อคืนนี้เป็นครั้งแรกของเธอเลย! ถึงแม้เธอจะรู้จักเกมส์ลีกออฟเลเจนด์แต่ก็ไม่ได้ชอบอะไรมาก


“งั้นเราไปกันเถอะ เทียนหลินเดี๋ยวเรียนเสร็จแล้วฉันกลับมาหา”


“นายยังต้องช่วยดูเครื่องฉันด้วยแล้วก็ช่วยอัพเกรดด้วย ตอนนี้ถึงส่วนสีทองแล้ว”


ชิเซียวจุนก็ยังห่วงเรื่องบัญชีเกมส์ LOL ของตัวเองอยู่และอัตราการชนะของเขาก็ดูจะน่าประทับใจมาก


ICSS บทที่ 107: ใครบางคนสามารถรักษานายได้!


“ได้ยังไง!”


“ยังหาไอพีอีกฝ่ายไม่เจอเลย! ไม่เจอช่องโหว่อะไรของอีกฝ่ายเลย!”


“พวกนายกินหญ้ากันหรือไง? โบนัทเดือนนี้ไม่มีแล้วนะ!”


สำนักงานใหญ่เกมส์เทนเซ็นต์


แผนก LOL


หัวหน้าตะโกนด่ากลุ่มช่างเทคนิค นี่มันเกือบจะ 18 ชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่มีโปรนี่โผล่มา! ตอนนี้เกือบจะทั่วทั้งเครื่อข่ายเกมส์ต่างก็กำลังเดือด!

ต่างก็เฝ้าถามเรื่องการปรากฎตัวของโปรใน LOL!


อีกฝ่ายเล่นชนะติดต่อกัน 50 เกมส์ไปแล้ว! หรือจะพูดอีกอย่างก็คือมีวีดีโอภายนอกโผล่ขึ้นมาในอินเตอร์เน็ต 50 รอบแล้ว! ทั้งหมดติดอันดับยอดฮิตและจัดอันดับโดยเวปไซต์วีดีโอซึ่งอันที่จริงเป็นการทำให้LOL ของพวกเขาเสียหน้า!


นอกจากนี้ในแต่ละวีดีโอยังมีคนตามมากกว่าหมื่นคนด้วย! ลองนึกภาพความนิยมสิ!


หัวหน้าของเขานอนไม่หลับมาทั้งคืน ตอนที่เจอกันเมื่อเช้าหัวหน้าก็ด่าเขาซะเละ และเมื่อเข้ามาในห้องนี้เขาก็เอาความโมโหทั้งหมดมาลงที่ช่างเทคนิค!


พวกนายบอกเองไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดโปรใน LOL! บอกว่าเกมส์นี้ไม่มีช่องโหว่อย่างแน่นอน! แต่ตอนนี้ไอ้โปรนี่กำลังทำลายแผนกผู้เชี่ยวชาญของเขาซะเละเทะไปหมดแล้ว!

อีกอย่างนะเกมส์ LOL เป็นเกมส์ที่ดังไปทั่วโลก มันดังมากในยุโรป, อเมริกา, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แค่เฉพาะในจีนก็มีผู้เล่นกว่า 10 ล้านคนแล้วนะ! ถ้าบล็อคโปรนี่ไม่ได้มันจะต้องทำลาย LOL จนไม่เหลือซากแน่ๆ!


โปรนี่จะต้องทำลายเกมส์นี้แน่ๆ!


ลองนึกถึงคนมากมายที่ฝึกฝีมือ, ตั้งทีมขึ้นมาท้งวันทั้งคืนแต่อีกฝ่ายกลับทำลายทุกอย่างลงได้ง่ายๆตราบใดที่ยังมีโปร ใครจะอยากมาสนใจเกมส์นี้อีก


“วันนี้ พวกนายจะต้องหาโปรนี่มาให้ฉันให้ได้!”


“ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่ต้องมาคุยเรื่องโบนัทของเดือนนี้เลยและไม่ต้องพูดถึงโบนัทปลายปีเลยด้วย!”


หัวหน้าพูดเสียงดังใส่พวกช่างเทคนิคแล้วก็รีบออกไป ข้างนอกมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ ทั้งพวกสื่อและอินเตอร์เน็ตอีกมากมาย เขาจะต้องชี้นำความคิดของประชาชนให้ไปในทิศทางที่เขาต้องการ


“ครับ!”


ช่างเทคนิครับปากกับเขาแต่ต่างก็ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงกันดีเพราะนี่มันก็นานแล้ว เกือบจะ 1 วัน 1 คืนแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่พบอะไรเลย โปรนี่ถูกป้องกันมาอย่างดีมากจริงๆ ดูเหมือนว่าโปรแกรมที่ถูกเขียนออกมาจะไม่ใช่อะไรที่พวกเขารู้จักเลย!


คนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถและบางคนก็ทำงานกับเกมส์นี้มากว่า 10 ปีแล้ว พวกเขายังไม่เคยเห็นอะไรเหมือนโปรตรงหน้ามาก่อนเลย พวกเขาจะต้องแพ้แน่ๆ พวกเขาไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง!

ในเวลาเดียวกันนั้น


เมืองปักกิ่ง


ใกล้กับมหาวิทยาลัยเสฉวน ภายในชุมชน


“อืม”


“ตราบใดที่ฉันอัพโหลดวิดีโอนี่ลงในอินเตอร์เน็ตและดูสินายจะรอดตายมาได้ยังไง!”


“ตอนนั้นฝ่ายกฎหมายจะต้องมาตามตัวนายแน่ๆแล้วส่งนายเข้าคุก! ข้อหาเป็นผู้สร้างและเผยแพร่โปร! มันต้องติดคุกสักปีหรือ 2 ปี!”


เด็กหนุ่มที่ทั้งมือและเท้าต่างก็มีผ้าพันแผลพันไว้รอบ นั่งพิงอยู่บนเก้าอี้พร้อมดวงตาที่เย็นชาอย่างโหดร้าย ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น 1 ใน 4 คนที่ถูกหนิงเทียนหลินซ้อมในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เมื่อวานและต้องถูกบังคับให้เลียที่เขี่ยบุหรี่จนสะอาดอีกด้วย


เขาเพิ่งจะกลับมาจากโรงพยาบาลหลังจากที่ตรวจร่างกายและทำแผลเสร็จและไม่มีใครรู้เลยว่าที่หนิงเทียนหลินเล่นเกมส์เมื่อวาน เขาแอบถ่ายวีดีโอการใช้โปรด้วยโทรศัพท์มือถือไว้ด้วย ตอนที่หนิงเทียนหลินเพิ่งจะเดินออกไปและวีดีโอนี้ก็ถูกบันทึกที่บัญชีของชิเซียวจุนที่นั่งข้างๆเขาไว้ได้แทนและตอนนี้เมื่อเขาล็อคอินเข้าไปในเกมส์ ฟอรั่ม, เวปไซต์วีดีโอเกมส์เขาก็ได้พบว่าเรื่องโปรนี่แพร่กระจายไปทั่วเครื่อข่าย


ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนพูดเรื่องโปรนี้ มีโพสมากมายนับ

ไม่ถ้วน


“ฉันยาสุโอะ น่ากลัวมาก: ฉันให้ 1,000 หยวนเพื่อขอซื้อโปร

เบอร์โทรติดต่อ: XXXXXX, แอปคิวคิว: XXXXXX, แอปวีแชท: XXXXXX ถ้าต้องการขายกรุณาติดต่อมา ถ้าหลอกลวงจะตามฆ่าทั้งครอบครัวเลย!”


“กล้าที่จะเล่นเกมส์: นี่มันฝืนชะตาฟ้าจริงๆ! ทันทีที่ฉันได้มาไว้ในมือ

ฉันก็จะได้ทุกอย่างในโลกนี้เลย!”


“กาเลนนั่งยองๆ: 666 โปรนี่มันง่ายมาก ฉันเพิ่งลองใช้มันดู ได้เงินไม่จำกัด, ไม่ต้องมีทักษะเลย, ได้อัพเกรดมากมาย กรุณาติดต่อ XXXXX ถ้าอยากได้บ้าง ห้ามก่อกวน”


“ฉันคือราชาแห่ง LOL: ฉันพนันได้เลยว่าโปรนี่อยู่ได้ไม่นานกว่า

3 ชั่วโมงหรอก ไม่ใกล้เคียง 3 ชั่วโมงเลย ฉันจะถ่ายทอดสดรอดูเลย!”


“นี่มัน 5 ชั่วโมงแล้วนะรอนานแล้วเนี้ย!”


“5 ชั่วใมงกับอีก 1 นาที บ้าจริง! นอกจากนี้ไอ้งี่เง่านี้ยังไม่หยุดเล่นอีก!”


…………..


ความคิดเห็นต่างๆมากมายและส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องโปรแต่ก็มีแค่ไม่กี่คนที่อยากจะรู้ว่าใครกันที่เป็นคนใช้โปรและใครที่สร้างมันขึ้นมา อย่างที่สองก็คือมีพวกคนที่อยากจะติดต่อกับโปรนี้เพราะพวกเขาอยากที่จะซื้อ สามคือพวกที่เข้ามาเพื่อจะดูว่าเมื่อไรเจ้าปีศาจวายร้ายตัวนี้มันจะถูกบล็อคไปซะที!


แม้แต่ผู้เล่นบางคนก็ได้ทำวีดีโอลงในคอเล็คชั่นมากกว่า 50 วิดีโอ โดยใช้ชื่อว่า “โปรที่ตีไม่แตก” บทส่งท้ายสุดท้ายยังกล่าวอีกว่า: บางทีโปรนี้อาจจะถูกบล็อคภายใน 1 ชั่วโมงเหรอ? 2 ชั่วโมง? แต่ตอนนี้มันก็ยังอยู่ ยังไม่หายไปไหน ให้เราจ่ายส่วยให้ผู้สร้างโปร!


“ตราบใดที่ฉันอัพโหลดวิดีโอนี้ลงไปและดูว่าจะเป็นยังไง!”


“เวลาและสถานที่ ฉันจะใส่ข้อมูลให้ชัดเจน เทนเซ็นต์จะไม่มีทางหานายหรือฉันเจอเลยแน่นอน!” เรื่องใหญ่แบบนี้กำลังถูกกล่าวถึงโดยนักเล่นเกมหลายล้านคน เขาไม่เชื่อว่าเทนเซ็นต์เกมส์จะจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆและมันจะทำให้ประชาชนพอใจกับคำอธิบายแน่นอน! เขาไม่รู้ว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นคนที่สร้างโปรนี้ขึ้นมาเองหรือเปล่าแต่ตราบใดที่เขาใส่เรื่องนี้ลงไปด้วย มันจะต้องดึงดูดความสนใจได้มากแน่ๆ!


และถึงแม้มันจะไม่ใช่ผู้สร้างหรือผู้ใช้ก็ตาม ก็สามารถที่จัดการเรื่องนี้ได้!

มันก็เหมือนในวีดีโอ คนที่สร้างจะต้องถูกลงโทษแต่คนดูก็จะต้องถูกลงโทษด้วย เพียงเพื่อดูว่าแผนกที่เกี่ยวข้องมีความหมายนั้นหรือไม่!


“อืม”


“ฉันอาจจัดการนายไม่ได้! แต่บางคนจัดการนายได้!”


ความแค้นปรากฏในสายตาของชายหนุ่ม สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จะถูกจดจำไปตลอดชีวิตของเขาเลย เขาโตมาขนาดนี้เขายังไม่เคยโดนหยามขนาดนี้มาก่อนเลยแถมยังเกิดต่อหน้าคนมากมายอีกด้วย! เขาเสียใจจริงๆ!


ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆที่จะบุกรุกฐานข้อมูลของบริษัทต่างๆโดยไม่ได้รับอนุญาต


“หึ!”


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็โอนวีดีโอที่ถ่ายไว้เมื่อวานไปที่คอมพิวเตอร์ของตัวเองผ่านทางโทรศัพท์ของเขาเอง เขาคิดเรื่องชื่อหัวข้อที่จะโพสไว้แล้วและมันคือ


“แอบถ่ายผู้สร้างและผู้ใช้โปรของเกมส์ LOL โดยวีดีโอนี้จะเป็นหลักฐาน!”


ICSS บทที่ 108: ขึ้นระดับไปที่ระดับ 20!


“ทำไมภาพคลุมเคลือจัง! ฉันมองไม่เห็นเลยสักนิด!”


“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องโปรเลย ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเล่นเกม LOL อยู่หรือเปล่า!”


เมื่อวีดีโอปรากฎที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เด็กหนุ่มถึงกับตะลึงเพราะภาพที่หน้าจอคอมพิวเตอร์มันเบลอมาก เหมือนภาพโมเสกเลย มันไม่ชัดเจนเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังใช้งานการปลั๊กอินอยู่และแม้แต่ภาพเงาของอีกฝ่ายก็ยังมองไม่ชัดเลย


“เกิดอะไรขึ้น? ภาพวีดีโอที่ถ่ายมามันดีมากเลยนะ!”


เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและดูภาพวีดีโออีกรอบ เขาเพิ่งจะดูมันเองตอนที่กำลังอัพโหลดและมันชัดเจนมาก ถึงแม้จะไม่ใช่แบบความคมชัดสูง แต่ภาพที่อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่มันชัดเจนมาก!


เพียงแค่ครั้งนี้ที่เขาเปิดดูเขาถึงกับตะลึงเพราะวีดีโอที่ชัดเจนอย่างมากแต่ตอนนี้กลับเบลอจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลย! และในทันทีซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส 360 ก็ส่งคำเตือนขั้นสูงแจ้งเรื่องวีดีโอที่ดาวน์โหลดจากโทรศัพท์ของเขามา!


“ปัง!”


ต่อมาหน้าจอที่โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดับไปและกลายเป็นหน้าจอดำมือไปเลย


“บ้าน่า! เกิดอะไรขึ้น!”


เขาอยากจะโยนโทรศัพท์ทิ้งจริงๆแต่นี่ดันเป็นไอโฟน 7 ที่เขาต้องจ่ายไปกว่า 5,000 หยวนเพื่อซื้อมา เขาก็อดเสียดายไม่ได้!


“อะไรว่ะเนี่ย! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!”


หลังจากที่พยายามซ่อมอยู่สักพัก อย่าว่าแต่ให้เครื่องติดเลยแม้แต่จะบูทเครื่องยังยากเลย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโห


“โทรศัพท์****อะไรว่ะเนี่ย! ไอโฟน! ไอโฟน! ห่าเอ่ย!”


เด็กหนุ่มทำได้แค่เพียงระบายความโกรธไปที่ไอโฟน 7 เครื่องนี้ เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเพราะเขาอัพโหลดวีดีโอ ต้องมีคนทำแบบนี้กับเขาแน่ๆ



“ติ่ง!”


“ยินดีด้วยกับเจ้านายที่ทำภารกิจชนะเกมส์ลีกออฟเลเจนด์ติดต่อกัน 100 เกมส์รวดได้สำเร็จ!”


กลางดึกเวลาตี 4


หนิงเทียนหลินที่อยู่โต้รุ่งมาทั้งคืน ในที่สุดเสียงของระบบการต่อสู้ที่เขารอมาอย่างยาวนานก็ดังขึ้นมา “ในภารกิจนี้ เจ้านายฆ่าศัตรูไปทั้งหมด 198,000 รายและตอนนี้นายจะได้รางวัลเป็นคะแนนพลังงาน 1,980 คะแนน”


“1,980 คะแนน!”


เมื่อหนิงเทียนหลินได้ยินตัวเลขนี้ เขาก็ตื่นเต้นอย่างมาก ฆ่าไปประมาณ 5 คนใน 3 วินาที รอบละ 20 นาทีก็เท่ากับ 2,000 คน 100 เกมส์ก็เท่ากับ 200,000 คนมีช้าไปบ้างเลยได้ 198,000 คน เจ๋ง เยี่ยมไปเลย!


“ถ้าเป็นแบบนี้ คะแนนพลังงานของเขาตอนนี้ก็จะเท่ากับ 2,080 คะแนน มากกว่า 2,000 แล้ว!”


สายตาของหนิงเทียนหลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่คะแนนสำคัญของเขาแตะไปถึง 2,000 คะแนนแต่มันก็เร็วมากๆเลยแต่คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อย “แต่คะแนนสำคัญพวกนี้จะใช้แลกเป็นง้าวโบราณหรือใช้อัพเกรดดี?”


ตอนนี้เขาอยู่ที่ระดับที่ 17 แล้วมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเลือกอาวุธเหมาะมือระดับต่ำมาพอดีและมันไม่ต้องใช้คะแนนเยอะเพื่อมาแลกด้วย เพียงแค่ 870 ก็ได้แล้ว แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกลังเล เพราะตอนนี้เขาไม่มีศัตรูแล้ว!


แม้ถ้าเขาเลือกง้าวโบราณ เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปฆ่าใครแต่ทำได้แค่แกล้งๆทำไป!


อีกอย่าง “ง้าวด้ามยาว” นี้เป็นเพียงง้าวมือต่ำที่สุดซึ่งสามารถแลกได้ในระดับที่ 15 แต่ก็ยังมีง้าวโมลาร์วูฟที่จะแลกได้ในระดับที่ 20 และง้าวเฟลมเรดที่จะแลกได้ในระดับที่ 25 โบนัสพลังการต่อสู้ของง้าวประเภทนี้ก็แตกต่างกันเช่นกัน!


และความแตกต่างนี้ก็ค่อนข้างจะมากด้วย!


เขาสามารถกำจัดวิญญาณเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์และหากจำเป็นให้เปลี่ยนเป็นพลังง้าวโบราณที่มีพลังมากขึ้น!


ไม่ว่าจะเป็นการจะนำหอกหรือง้าวไปใช้ เขาก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ตราบใดที่หอกทำงานได้อย่างดี เขาก็สามารถใช้พลังงานของเขาเพื่อแลกการ์ดความชำนาญในระบบการแลกเปลี่ยนมาได้ เพื่อการใช้ง้าวนี้ได้อย่างมีความชำนาญ!


30% จะเป็นมือโปร ได้ 50% จะควบคุมได้เหมือนแขนขา 80% ก็จะใช้ได้เหมือนเทพเซียน 100% ก็จะสมบูรณ์แบบ! ในเวลานั้นด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้ง้าวของเขาก็จะสามารถควบคุมง้าวได้อย่างสมบูรณ์แบบ!


ต้องมีพลังในการต่อสู้มาแค่ไหน ประสิทธิภาพการต่อสู้เท่าไหร่!


“การอัพเกรดนี้ต้องใช้คะแนนพลังงาน 980 คะแนน เพื่ออัพเกรด!”


หนิงเทียนหลินคิดถึงเรื่องนี้และยังใช้คะแนนวิญญาณทั้งหมดนี้เพื่อที่จะอัพเกรด และเขาคิดว่าเขาจะยังมีภารกิจอยู่ นั่นคือพลังในการต่อสู้ทางกายภาพแตะที่ 100 คะแนนในระดับที่ 25 ระบบการต่อสู้จะให้รางวัลเขาเป็นเครื่องบินเอฟ-คลาส!


ตราบใดที่เขามีเครื่องบินเอฟ-คลาส เขาก็อยากรู้เรื่องใบอนุญาตฆ่า!

ตอนนั้นถ้าเขาอยากไปไหนในแผ่นดินใหญ่ เขาก็จะสามารถฝ่าและฆ่าไปได้ตลอดทาง!


แต่นี่ตรงกันข้ามกับความตั้งใจดั้งเดิมของเขาอย่างสิ้นเชิง!


แต่ด้วยเครื่องบินเอฟ-คลาสนี้ การเดินทางด้วยการบินก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี


“ติ่ง! ยินดีด้วยนะเจ้านาย ระดับที่ 18!”


“ติ่ง! ยินดีด้วยนะเจ้านาย ระดับที่ 19!”


“ติ่ง! ยินดีด้วยนะเจ้านาย ระดับที่ 20!”


ทันทีที่คำพูดของหนิงเทียนหลินดังออกมา เสียงของระบบการต่อสู้ก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในหูของเขา ทำให้เขาตื่นเต้นมาก


“3 ระดับ! ไม่เลวเลยนะ!”


“เมื่อวาน คะแนนพลังงานกว่า 1,000 คะแนนทำให้เขาได้ขึ้นไป 5 ระดับและตอนนี้ 2,000 คะแนนก็ขึ้นมาอีก 3 ระดับ!”


“ภายใน 2 วัน มันก็ดอเคที่จะอัพเกรดไป 8 ระดับ!”


หนิงเทียนหลินไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักความพอใจ ตอนนี้หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ไม่ถึง 10 วันแต่ก็ขึ้นไปถึงระดับที่ 20 แล้ว พลังในการต่อสู้ขึ้นจากของเดิมที่ 8 คะแนนมาเป็นมากกว่า 100 คะแนนภายในวันนี้!

โตขึ้นมาเกือบจะ 20 เท่าเลยทีเดียว


เขาพอใจกับความแข็งแกร่งนี้!


“เทียนหลิน ทำไมนายไม่เริ่มซะที?”


“ดาบฉันอยากฆ่าแล้วเนี่ย!”


ในเวลาที่หนิงเทียนหลินกำลังคิดถึงเรื่องต่างๆ ชิเซียวจุนที่นั่งข้างๆเขาก็ถามขึ้นมา ในระหว่างวันที่เรียนเขาได้แอบหลับมา 5-6 ชั่วโมงแล้วและคืนนี้เขามาเพื่อโต้รุ่งอีกรอบ และอันดับตอนนี้ของเขาก็เป็นระดับเพชรที่สุดยอดมาๆ! และเขาก็ชนะมาเป็นร้อยรอบแล้ว! เขาเป็นราชาที่แข็งแกร่งมาก ติด 50 อันดับแรกของคนในเขต แล้วเขาจะเลิกเล่นได้ยังไง!


เมื่อมีโปรอยู่ในมือ ทุกอย่างก็เป็นไปได้!


“ไม่เล่นแล้ว”


“นี่มันเกือบ 2 วันแล้วและฉันก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแล้วสิ”


ถึงแม้หนิงเทียนหลินจะชอบ LOL แต่เขาก็ไม่ได้หมกหมุ่นกับเกมส์

ถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากระบบการต่อสู้ เขาก็คงจะบ้าไปแล้ว เล่นเกมส์ตลอดมา 2 วัน 2 คืนแล้ว ถ้าเป็นคนปกติธรรมดาทั่วไปก็อาจจะฟุบลงไปนอนกับโต๊ะแล้ว


“โอ้”


เมื่อได้ยินแบบนี้ ชิเซียวจุนก็พยักหน้า ในระหว่างวันเขานอนมาแล้ว

5-6 ชั่วโมงแล้วแต่หนิงเทียนหลินยังไม่ได้นอนเลยและนี่มัน 2 วัน 2 คืนมาแล้ว ถ้าเขายังทนได้จนถึงตอนนี้เขาก็เป็นไอรอนแมนแล้ว!


“งั้นถ้าใครหลับก่อน ฉันจะเล่นแทนเอง”


ชิเซียวจุนยังไม่อยากเลิกเล่นและอยากที่จะอัพเกรดอันดับของตัวเองแต่เขาจะต้องเป็นราชาที่แข็งแกร่งที่สุด และเขาไม่ได้คาดคิดว่าการใช้โปรมันจะดีขนาดนี้และมันก็ยังไม่ถูกบล็อคเลย เขายังสังเกตด้วยว่าตอนนี้ในอินเตอร์เน็ต มีแต่คนพูดถึงโปร


แต่เมื่อนึกถึงประโยชน์ของโปร เขาก็ไม่กังวลอะไรเลยแต่กลับตื่นเต้นอย่างมาก พวกนายนี่โง่จริงๆแม้แต่หาโปรมาใช้ก็ยังหาไม่ได้ มัวเล่นอะไรกันอยู่? ทันทีที่เขาได้มาในมือเขาก็เหมือนกับครองโลกได้เลย


และเขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก! เขาอยากที่จะใช้โปรอีกนิดหน่อย ทำให้อีกฝ่ายตรวจจับได้ยากขึ้น! ทั้งเงิน ทั้งฝีมือ เขาจะเพิ่มทุกอย่างขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย เขาคือราชาที่แข็งแกร่งที่สุด!


ICSS บทที่ 109: เจ้านาย มีคนไม่ชอบนายอยู่นะ!


“สกปรกอย่างกับหมูเลย! นี่พึ่งเปิดเทอมมาได้แค่ 3 วันเองแล้วยังไม่ได้อาบน้ำมาตั้ง 2 วันแล้ว แถมยังมาหลับทันทีที่เดินเข้ามาอีก นี่ก็หลับอย่างกับตายเลย!”


เมื่อเห็นว่าหนิงเทียนหลินที่ฟุบลงไปนอนกับโต๊ะอีกรอบ ชายอ้วนที่นั่งข้างหลังเขาก็พูดประชดออกมา


ชายอ้วนคนนี้ก็ไม่อ้วนเท่าไรแต่เขามีหน้าที่กลมและพุงใหญ่ๆ ตัวเขาเต็มไปด้วยไขมันพร้อมดวงตาที่ตี่เล็ก ผิวที่ขาวอย่างมากและผมที่ยาวรุ่มร่ามเหมือนผู้หญิงอ้วนๆ โดยเฉพาะไขมัน 2 ก้อนที่อยู่ตรงหน้าอกที่นูนออกมาด้านหน้าและบางคนก็คิดว่าเป็นผู้หญิง เลยมีฉายาที่ถูกเรียกว่า “นมใหญ่”


และเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเพื่อนร่วมหอเดียวกับหนิงเทียนหลินเอง ตอนที่เปิดเรียนปีหนึ่งใหม่ๆ หวังน่านใส่ร้ายหนิงเทียนหลินว่าขโมยเงินเขาไป 3,000 หยวน! ความสัมพันธ์ของชายทั้ง 2 ก็ต้องจบลงตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ปีหนึ่งแล้ว เขาทั้ง 2 ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย


“เจ้านาย มีบางคนแอบเรียกนายว่าเป็นหมูอยู่ในใจ! เขาเกลียดนายมากเลยจริงๆ!”


หนิงเทียนหลินที่กำลังฟุบนอนที่โต๊ะแต่ไม่ได้หลับ ถึงแม้เขาจะไม่ได้นอนมามากกว่า 2 วันแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ง่วงอะไรมาก คุณลักษณะทางจิตของเขาตอนนี้สามารถประคองให้เขาตื่นอยู่ได้มากกว่าครึ่งเดือนโดยที่ไม่ต้องพักเลย


ที่มากกว่านั้นเขากำลังคิดถึงเรื่องต่างๆมากมายโดยที่ตาไม่ได้ปิด คิดถึงว่าเขาจะไปไหนต่อ


เมื่อมีระบบการต่อสู้ มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะใช้ชีวิตแบบทีละก้าวเหมือนแต่ก่อน


“ใครเหรอ?”


หนิงเทียนหลินยังฟุบลงอยู่กับโต๊ะ โดยไม่ต้องลืมตา การที่ด่าเขาในเรื่องแบบนี้แถมยังด่าเขาในใจอีกเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจ คนพวกนี้ในชั้นเรียนไม่มีใครอยู่ในระดับเดียวกับเขาเลย เขาและพวกนั้นจะต้องแยกเป็น 2 โลกในที่สุด และเขาเดาว่าถ้าวันหนึ่งที่เขาขึ้นไปยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลกและเป็นที่เปิดเผยกับทุกคน บางคนจะต้องสรรเสริญเขาแต่แน่นอนว่าจะต้องมีคนนับไม่ถ้วนที่เกลียดเขาผสมปะปนกันไปเพราะเส้นทางของเขาจะต้องเหยียบข้ามศพไปมากมาย ศพพวกนี้รวมถึงนก, สัตว์, ปลาและแม้แต่มนุษย์นับไม่ถ้วน!


ในเวลานั้นจะต้องมีคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับตัวเขา แต่เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอีกแล้วเพราะเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็คงจะออกจากโลกนี้ไปแล้ว! เมื่อมองดูสิ่งมีชีวิตทั้งมวลจากนอกโลกแล้วเริ่มการเดินทางระหว่างดวงดาวก็ปล่อยให้โลกพูดเกี่ยวกับเขาไป


“หวังน่าน”


“คนที่ด่านายบอกว่านายขโมยเงินเขาไป 3,000 หยวน” ระบบการต่อสู้ล้อเล่นออกมา


“อืม ไอ้ขยะคนนี้นี่เอง”


หนิงเทียนหลินเย้ยอยู่ในใจ ในเวลานั้นเขาไม่ได้ทำอะไร ถึงแม้ครอบครัวเขาจะไม่ได้ร่ำรวยแต่เขาไม่มีทางทำอะไรแบบการขโมยแบบนี้แน่ๆ คนแบบนี้ที่เดาสุ่มๆโดยไม่มีหลักฐานมีจิตใจที่สกปรกมากกว่าหมูอีก!


ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานั้นเหตุการณ์นี้ก็ค่อนข้างจะดัง แถมเรื่องยังถึงฝ่ายรักษาความปลอดภัยด้วย ทั้งชั้นได้รับรู้ว่า “โจร” ในเงามืดคนนั้นก็คือหนิงเทียนหลินมาตลอดทั้งปี ผลของเรื่องนี้ทำให้หนิงเทียนหลินไม่มีเพื่อนเลยมาเป็นปี ยกเว้นแต่ก็รูมเมทของเขา ชิเซียวจุนเท่านั้น ส่วนคนอื่นก็มองเขาเหมือนเป็นอากาศธาตุ


แม้แต่สิ่งที่หนิงเทียนหลินจำได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คือเขาไปที่หอพักอื่นเพื่อเยี่ยมเยียน แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นและตอนที่เขากำลังจะกลับก็

เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกันตะกร้าผ้าและถามว่าเขามาทำอะไร แล้วมานานแค่ไหนแล้ว นั่นเหมือนกับโจรมากๆ เขายังจำมันได้อย่างชัดเจน!


“สตาร์วอร์ส เกิดอะไรขึ้นกับเงินที่หายไปวันนั้น!”


ทันใดนั้นหนิงเทียนหลินก็คิดถึงระบบการต่อสู้ กลายเป็นว่าเขาไม่รู้อะไรเลยและทำได้เพียงพึ่งพาจินตนาการของตัวเองเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อระบบการต่อสู้เคยบอกว่าไม่มีอะไรในจักรวาลที่เขาไม่รู้ บางทีเขาอาจจะเคลียร์เรื่องนี้ได้!


“ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย”


ระบบการต่อสู้พูด “หวังน่านคนนี้ไม่ได้เสียเงิน 3,000 หยวนเลยสักนิด! เขาคิดว่าเงินถูกขโมยแต่หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็เจอมันอยู่ในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง”


“มันเกิดขึ้นหลังจากที่เขารายงานเรื่องนี้กับที่ปรึกษาของนายแล้วและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้รับแจ้งไปแล้วด้วยแต่เขาก็ยืนยันที่จะไม่บอกใครเรื่องนี้! พร้อมทั้งยังยืนยันว่านายเป็นคนขโมยเงินเขาไปด้วย!”


“ไอ้เลว!” เมื่อได้ยินคำอธิบายของระบบการต่อสู้ หนิงเทียนหลินก็ถึงกับตะลึงแล้วความโกรธแค้นก็ก่อตัวขึ้นมาเต็มร่างกายไปหมด คนแบบนี้เรียกว่าไอ้เลวยังน้อยไปเลย ในเมื่อเจอเงินแล้วทำไมถึงยังไม่พูดอะไรอีก! ทำให้เขาเป็นคนผิดในสายตาคนอื่นมาเป็นปี!


ถึงแม้ว่าหนิงเทียนหลินจะไม่ได้สนใจเรื่องคนอื่นตราบใดที่ยังมีคนหรือ 2 คนที่ยังเข้าใจเขา แต่มันก็น่าอึดอัดที่จะต้องถูกเข้าใจแบบผิดๆ


“ชู หยิชานมาแล้ว! ดูสิ ชู หยิชานมาแล้ว!”


ทันทีที่หนิงเทียนหลินกำลังคิดว่าจะตอบโต้หรือสู้กลับยังไง ก็มีเด็กผู้ชายหลายคนตะโกนโวยวายทั้งที่ด้านหน้าและด้านหลังของเขาด้วยความตื่นเต้น ชูหยิชานเทพธิดาและดอกไม้งามของชั้น


หลายวันที่ผ่านมามีแต่คนพูดกันว่าสาวสวยคนนี้หายไปไหนและทำไมถึงยังไม่มาเรียน


“สุดที่รักของฉัน สวยอีกแล้ว!”


ในเวลานี้ ไอ้ “นมใหญ่” หวังน่านที่อยู่ข้างหลังหนิงเทียนหลินพูดขึ้นมาอย่างเบิกบานใจ อาการของเขาก็ช่างปิติยินดีเหลือเกิน เขาเป็นลูกชายเจ้าของถ่านหินชานซี ถึงแม้เขาจะเป็นลูกชายของเจ้าของเหมืองถ่านหินส่วนตัวขนาดเล็กซึ่งมีมูลค่าอยู่ประมาณล้านหรืออาจจะหลายสิบล้าน


ดังนั้นชูหยิชานจึงถูกมองว่าเป็นของตายสำหรับเขา แถมยังคุยโวไปกับคนมากมายว่าในอนาคตชูหยิชานจะต้องมาเป็นแฟนของเขาแน่ๆแต่ก็เพียงแค่รอให้ถึงเวลาเท่านั้น


แต่ตอนปีหนึ่งเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอุกอาจมากนัก

ก็เป็นเพราะชูหยิชานไม่ได้ตอบกลับอะไรเขาและของขวัญทุกชิ้นที่เขาส่งไปก็ถูกตีกลับ


“ใช่ สวยเหมือนเดิมเลย”


ในเวลานี้ ในระหว่างเบรคและคนที่นั่งข้างๆเขาก็พยักหน้าและพูดย้ำออกมา


“ว่าไงนะ?”


“เธอกำลังมองหาอะไร!”


“เธอมองมาทางนี้แล้ว!”


“เธอมาหาเรา!”


หนิงเทียนหลินที่กำลังฟุบอยู่กับโต๊ะแกล้งทำเป็นหลับ ตอนที่เขาได้ยินว่าชูหยิชานกำลังมาเขาคิดที่จะลุกขึ้นมาแต่เขา “หลับ” มามากกว่าชั่วโมงแล้วและมันคงจะชัดเกิดไปที่อยู่ดีๆจะตื่นขึ้นมาเพราะสาวสวยเข้ามา


งั้นนิ่งไว้ ฟุบลงกับโต๊ะแกล้งทำเป็นหลับ


แค่ได้ยินเสียงความตื่นเต้นของคน 2-3 คนที่อยู่ข้างหลังเขา เขาก็ตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยเพราะเขารู้สึกว่าชูหยิชานน่าจะกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา! ยังไงซะเมื่อ 2 วันที่แล้วก็เพิ่งจะเกิดเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไป


“หยิชานนั่งนี่ก่อนสิ! ไม่เจอกันนานเลยนะ”


แต่ในเวลานี้เสียงของ”นมใหญ่” หวังน่านก็ดังขึ้นมาอยู่ด้านหลัง ทำให้หนิงเทียนหลินต้องขมวดคิ้ว นั่นหมายความว่าชูหยิชานกำลังนั่งอยู่ข้างๆหวังน่านงั้นเหรอ?


“ลุกขึ้น! ลุกเลยไอ้ตัวแสบ! ไปนั่งข้างไอ้โจรเลย!”


“ยกที่นั่งให้หยิชาน”


รอบๆหวังน่านไม่มีเก้าอี้ว่างเลยมีเพียงหนิงเทียนหลินที่นอนอยู่คนเดียวตรงโต๊ะ เพื่อนรักคนเดียวของเขาชิเซียวจุนง่วงเกินไปเลยกลับไปนอนที่หอเพราะเขาต้องนอนบนเก้าอี้มา 2 คืนแล้ว


หวังน่านบอกให้พี่สะใภ้ไปนั่งข้างๆหนิงเทียนหลินเพื่อเว้นที่ว่างให้ชูหยิชาน


เขาเพิ่งจะพูดถึงหนิงเทียนหลินเพียงแต่ว่าไม่ได้เรียกชื่อออกมาแต่ใช่คำว่า “โจร” แทน


ICSS บทที่ 110: ถ้าทำได้ ก็จัดการเลย


“ไร้สาระ! เทียนหลินไม่ใช่โจรซะหน่อย!”


ทันทีที่หวังน่านหัวเราะและบอกให้เพื่อนหลีกทางให้ชูหยิชาน ชูหยิชานก็ไปยืนอยู่ตรงที่นั่งที่ว่างข้างๆหนิงเทียนหลินแล้วแต่แทนที่จะนั่งลงเธอกลับเผชิญหน้ากับหวังน่านและตำหนิเขาออกมา


“หวังน่าน ถ้าในอนาคตนายไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดก็อย่าพูดอะไรไร้สาระอีกนะ นายไม่รู้หรอกว่าทำให้ใครเสียใจบ้าง!”


เกี่ยวกับเรื่องความจริงที่ว่าหนิงเทียนหลินเป็นโจร สมัยตอนที่เพิ่งจะเข้ามาปีหนึ่งเรื่องนี้เธอจะไม่รู้ได้ยังไงเพราะมันแพร่กระจายไปทั่วทั้งชั้นเรียนและแม้แต่คนมากมายในคณะก็ยังรู้เรื่องนี้เลย ในตอนนั้นเธอสงสัยว่าในเมื่อแผนกรักษาความปลอดภัยก็รับเรื่องไปแล้วแต่ก็ไม่เจอหลักฐานอะไร งั้นทำไมยังบอกว่าเขาเป็นโจรอยู่อีกล่ะ!


แต่ตอนนี้หยิชานรู้สึกมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นโจรมากกว่า

หนิงเทียนหลินซะอีก! เขามีเงินตั้งหลายร้อยล้านแล้วจะมาขโมยเงินแค่ 3,000 หยวนได้ยังไง! แค่ 3,000 หยวนยังไม่ได้ค่าอาหารมื้อหนึ่งของเขาเลยด้วยซ้ำมั้ง!


“หยิชานเธอจะทำอะไร?”


หวังน่านถึงกับตะลึง หนิงเทียนหลินก็ตะลึง ทุกคนในชั้นต่างก็ตกตะลึงเพราะคำพูดของชูหยิชานถูกต้องและเขามีน้ำเสียงที่สงสัยและเสียงที่สูงเกินไป คนกว่า 30 คนในห้องต่างก็ได้ยินพร้อมทั้งหันมาจ้องที่ชูหยิชานด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป!


คือเธอจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีหนิงเทียนหลินในช่วงวันก่อนหน้านี้!

หนิงเทียนหลินเป็นโจรจริงหรือเปล่า? จะสำคัญอะไรกับเธอล่ะ?


โดยเฉพาะหวังน่านที่จ้องชูหยิชานด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความรู้สึก “ดีๆ” และของมากมายที่ให้เธอไปเพื่อให้เธอกลับมาด่าเขางั้นเหรอ! มาเถียงแทนไอ้โจรนั่น! และในเวลานี้คนทั้งห้องต่างก็กำลังจ้องมาที่พวกเขา ทำให้มันยากขึ้นไปอีกที่เขาจะเดินหนีออกไปได้!


“หยิชาน เป็นอะไรของเธอเนี่ย?”


หวังน่านเก็บกดความโกรธไว้แล้วแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา


“หนิงเทียนหลินเป็นโจร! เขาขโมยเงินฉันไป 3,000 หยวน ถึงแม้ในตอนนั้นจะไม่มีหลักฐานแต่ในเวลานั้นก็มีแต่เขาที่อยู่ในหอ งั้นถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครล่ะ! ถึงแม้เงิน 3,000 หยวนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เป็นเงินแค่สำหรับอาทิตย์เดียวแต่ฉันจะปล่อยให้เขามทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้! ถ้าฉันไม่บอกเรื่องนี้ เขาก็อาจจะขโมยอีกเป็นครั้งที่ 2 และ 3 อีก! ในตอนนั้นมันไม่ใช่การปกป้องเขาเลยแต่เป็นการทำร้ายเขาต่างหาก!”


แม้แต่ตอนนี้หวังน่านก็ยังไม่ลืมที่จะอวดรวยใส่ชูหยิชานอยู่ดี เงิน

3,000 หยวนมันก็แค่ค่าขนมอาทิตย์เดียวของเขาและเขาก็พูดแบบนี้กับเพื่อนทุกคน!


“ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้เนี่ย!”


หน้าของชูหยิชานมีสีแดงขึ้นมาเล็กน้อยและเธอไม่อยากที่จะทะเลาะต่อหน้าคนมากมายแบบนี้แต่เธอรู้สึกไม่ดีเลยที่ได้ยินเขาด่าหนิงเทียนหลินและในใจของเธอ หนิงเทียนหลินไม่มีวันเป็นคนแบบนั้นแน่ๆ!

เขาสามารถจ่ายเงินค่าเช่าห้องเพรสิเดนสวีท 30 ล้านหยวนได้โดยไม่ลังเลและจะมาสนใจอะไรกับเงินแค่ 3,000 หยวนล่ะ?


ถ้าเขาทำหล่นก็คงจะไม่เก็บขึ้นมาด้วยซ้ำไป!


“นายบอกเองว่านายไม่มีหลักฐาน แค่เพราะมีหนิงเทียนหลินอยู่คนเดียวนายก็โทษว่าเขาเป็นคนขโมยแล้ว นายไม่มีเหตุผลขนาดนั้นได้ยังไง! แล้วนายก็รู้ด้วยว่าทุกคนชอบเรื่องนี้ เทียนหลินไม่ใช่โจร นายแหละที่น่าจะเป็นโจร!”


“ในอนาคตฉันหวังว่าเธอจะไม่พูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกนะ!”


สีหน้าของหวังน่านเปลี่ยนไปนิดหน่อย ในสายตาของคนมากมายเขากำลังถูกตำหนิและนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตเขาด้วยแต่เขาก็ยังกดมันเอาไว้และพูดออกไป


“หยิชานในตอนนั้นเธอไม่เข้าใจสถานการณ์เลยนะ ในตอนนั้นมีแค่หนิงเทียน มีแค่หลิน…”


“ช่วยเรียกฉันว่าชูหยิชานด้วยนะ ฉันมีนามสกุลด้วย!” ชูหยิชานได้ยินว่าอีกฝ่ายยังพยายามที่จะโยนหมวกใส่หัวหนิงเทียนหลินและสีหน้าของเธอก็เริ่มที่จะแข็งกร้าวขึ้น


“เขาไม่ได้ชื่อเทียนหลิน…”


“หยิชานนั่งลง!” พร้อมกันนั้นมืออันแข็งแรงก็จับเข้าที่ข้อมือของเธอโดยตรงและนี่ก็ขัดสิ่งที่เธอกำลังจะพูดในระหว่างนั้นเธอก็พูดออกมาว่า


“ฉันจะบอกเขาเรื่องนี้”


ตอนนี้หนิงเทียนหลินรู้แล้วว่าเขาจะแกล้งทำเป็นหลับอีกไม่ได้แล้วและชูหยิชานก็เถียงแทนเขาและอยู่เคียงข้างเขา แล้วเขาจะนิ่งเฉยอยู่แบบนี้ได้ยังไง พร้อมกันนั้นเขาก็ลุกขึ้น วางมือลงที่ไหล่ของชูหยิชานและกดให้เธอนั่งลง


“เธอนั่งเถอะเดี๋ยวฉันจัดการเอง”


น้ำเสียงแผ่วเบาและสุภาพมากๆแล้วมองไปที่ชูหยิชานพร้อมทั้งมองเธอด้วยสายตาให้ความมั่นใจ พร้อมกันนั้นก็ยิ้มที่มุมปากซึ่งทำให้ชูหยิชานรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก


“ได้ ฉันรู้ว่านายไม่ใช่โจร”


ชูหยิชานก็ยิ้มไปด้วยเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มาก


“บ้าไปแล้ว! ชูหยิชานกับหนิงเทียนหลินต้องมีอะไรกันแน่ๆ”


ในตอนนี้มีเพื่อนร่วมชั้นมากมายเริ่มสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างสองคนนี้ ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นเองกับตาก็คงจะไม่เชื่อแน่ๆ!


“ฉันไม่เจอเธอเลยตลอดปิดเทอมหน้าร้อน ใช่แน่เลย” มีบางคนกระซิบออกมา


“เป็นไปได้ยังไง? ตาบอดหรือไง! ชูหยิชานสาวสวยระดับโรงเรียนไปสนใจคนแบบหนิงเทียนหลินได้ยังไง! ธรรมดาเกินไป!” แน่นอน มีหลายคนที่ไม่อยากจะเชื่อและคนที่พูดออกมาคือเด็กสาวหน้าตกกระ แม้แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าหนิงเทียนหลินธรรมดาเกินไปที่จะชายตามามอง


“ใช่แน่เลย ฉันเข้าใจแล้ว ชูหยิชานก็อาจจะแค่มีเจตนาดี ฉันคิดว่าหนิงเทียนหลินก็แค่มีความหวัง เธอแค่พูดออกมาไม่กี่คำเอง ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนั้นได้หรอก” บางคนก็ไม่เห็นด้วยแต่กับกันหวังน่าน ในตอนนี้ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธและมือของชูหยิชาน หนิงเทียนหลินมาจับแบบนี้ได้ยังไง! เธอแตะที่ไหล่ของหนิงเทียนหลินงั้นเหรอ? ชูหยิชานเป็นแฟนลับๆของเขาแน่ๆ ซึ่งหวังนานทำได้เพียงแค่จับมือเธอฝ่ายเดียว!


ถ้ามีใครกล้าขยับเขาจะฆ่าให้หมดเลย!


“หนิงเทียนหลิน เอามือสกปรกของแกออกไปเลยนะ!”


เมื่อเห็นว่ามือของหนิงเทียนหลินจับไปที่ไหล่ของชูหยิชาน หวังน่านถึงกับโมโหและตรงเข้าไปจับแขนเขาและผลักเขาออกไป! และตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้จับตัวหนิงเทียนหลินเลยสักนิด!


เขากล้าที่จะเรียกอีกฝ่ายว่าโจรมาตลอดทั้งปีเพราะเขารู้สึกว่าหนิงเทียนหลินคือคนที่สามารถแกล้งได้, ไม่พูดอะไรมากและไม่มีเพื่อน

เลยแค่แกล้งเล่นเฉยๆ!


“เปี๊ยะ!”


ทันทีที่หวังน่านกำลังจะจับเข้าที่ข้อมือของหนิงเทียนหลิน หนิงเทียนหลินก็ตบหลังมือเข้าที่หน้าของเขา เสียงดังฟังชัดจนคนทั้งห้องได้ยินอย่างชัดเจน


แม้แต่การตบก็แรงมากๆและตบลงไปที่หวังน่านโดยตรง


“หวังน่าน ฉันไม่ได้ขโมยเงิน 3,000 หยวนของนายไป และนายก็รู้ดีด้วย!”


หนิงเทียนหลินถามมาจากระบบการต่อสู้เลยรู้ว่าอีกฝ่ายเจอเงิน 3,000 หยวนแล้ว แต่ก็ยังเรียกเขาว่าโจร เขารู้สึกโกรธมาก


“แต่ก่อนฉันขี้เกียจที่จะมีเรื่องกับนาย มันไม่คุ้มที่จะโมโหหรือเข้ามาสุงสิงด้วย”


“แต่วันนี้ฉันต้องกระโดดลงมายุ่งด้วยหน่อยแล้ว และฉันจะไม่สุภาพด้วยแน่! เรื่องตอนนั้นเรามีเรื่องกัน! นายไม่ได้บอกเหตุผลกับฉันเลยไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก!”


“เพราะคนแบบฉันจัดการปัญหาด้วยตัวเองได้ โดยไม่มีปัญหาอะไรเลย!


ICSS บทที่ 111: ไม่มีใครห้ามได้!


“เปี๊ยะ!”


หลังจากที่เขายกหลังมือขึ้นแล้วตบลงไปที่หน้าของหวังน่านทันที อารมณ์บางอย่างหวังน่านก็อยากที่จะปิดบังไว้แต่การตบครั้งนี้มันตบตรงเข้ามาที่หน้าของเขา จนไม่มีอะไรที่จะปิดบัง!


เพียงไม่นาน หน้าทั้ง 2 ด้านของเขาก็บวมขึ้นมานิดหน่อย


“หนิงเทียนหลิน นี่ห้องเรียนนะนายจะทำอะไร!”


ในเวลานี้โจวฉีผู้ดูแลห้องเรียนก็รีบเดินเข้ามาเพื่อห้าม เขาเป็นผู้ดูแลซึ่งจะปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ เพียงแค่ว่าหนิงเทียนหลินไม่สนใจเขาเลยแล้วเดินผ่านชูหยิชานไปยืนตรงทางเดิน พร้อมทั้งยืดแขนออกไปและจับตรงเข้าไปที่คอของหวังน่านซึ่งตัวเริ่มเขียวและหัวเริ่มจะมึนๆแล้ว

ทันทีที่เขากดอย่างแรงและกดร่างของอีกฝ่ายติดไปกับกำแพง


“ปัง!”


ทั้งห้องต่างก็ถึงกับช็อค


“โอ๊ย!”


และหวังน่านก็ยิ่งรู้สึกอายเข้าไปอีก ภายใต้การปะทะที่หนักหน่วงนี้ทำให้เลือดกระอักออกมาเต็มปาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอวัยวะภายในถูกสั่นอย่างแรง หนิงเทียนหลินจับตัวเขาบิดเพื่อให้อีกฝ่ายถุยเลือดไปข้างๆแทน


“หนิงเทียนหลิน หยุดนะ! ถ้านายทำแบบนี้อีก ทางสาขาจะต้องไล่นายออกแน่ๆ!”


“รีบปล่อยเขาเลย! อย่าทำแบบนี้!”


โจวฉีรีบตรงมาในตำแหน่งที่หนิงเทียนหลินยืนและตำหนิเขาในระหว่างที่เดินไปด้วย พร้อมกันนั้นผู้ชายหลายคนที่อยู่รอบๆตัวหนิงเทียนหลินก็พยายามที่จะดึงเขาไว้ นั่นเป็นตอนที่เขาเริ่มจะสังเกตได้ว่ามือของผู้ชายพวกนั้นกำลังดึงเขาอยู่ พวกเขาอยู้ใกล้กับหนิงเทียนหลินที่สุดและพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของหนิงเทียนหลิน เหมือนกับสัตว์ป่าเลย!


เขาเคยฆ่าคนมาแล้วมากมายทำให้อารมณ์ของหนิงเทียนหลินแน่นอนว่าต้องแตกต่างจากคนอื่นแน่ๆ ปกติแล้วก็จะไม่มีอะไรแต่ตอนนี้เขารู้สึกโกรธและคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็รู้สึกขนลุกเหมือนกำลังจ้องความตายอยู่อย่างไงอย่างงั้นเลย


นอกจากนี้พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นความแข็งแกร่งของหนิงเทียนหลิน และถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขาเอง พวกเขาก็คงจะทนไม่ไหวแน่ๆ!


ดังนั้นพวกเขาอยากที่จะดึงหนิงเทียนหลินออกมาแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเดินเข้าไป!


“ปัง! ปัง!”


หนิงเทียนหลินจะไม่สนใจคำขู่ของหัวหน้าโจวฉีได้ยังไง? ทางคณะจะทำอะไรได้บ้างล่ะ? เขาสนใจเหรอ? ถ้าเขากล้าที่จะทำ เขาก็ไม่กลัวที่จะต้องถูกลงโทษหรอก! นอกจากนี้เขาก็เตรียมพร้อมที่จะต้องเผชิญหน้ากับหัวหน้าคณะและที่ปรึกษาคนอื่นๆไว้แล้ว


การจะผ่านคนพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย

มือซ้ายจับเข้าที่หวังน่านที่กำลังมึนงงและโบกมือขวาตรงเข้าไปที่หน้าของหวังน่าน 2 ทีโดยพยายามลงความแรงไปที่ฟันในปากของหวังน่าน มุมปากอีกด้านของเขาเลือดออกอยู่สักพัก


“หนิงเทียนหลิน หยุดนะ!”


ในเวลานี้ผู้ดูแลโจวฉีเดินไปอยู่ที่ข้างตัวหนิงเทียนหลิน พร้อมทั้งเอื้อมมือออกไปจับที่ตัวของหนิงเทียนหลินและดึงเขาออกมาแต่ทันทีที่เขาพยายามจะดึงอย่างแรง เขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่ตรงท้องแล้วทั่วทั้งร่างก็ลอยกลับไปชนกับโต๊ะข้างๆอย่างไม่ทันตั้งตัว


เขาสลบไปแทบจะในทันที


แน่นอนนี่เป็นฝีมือของหนิงเทียนหลิน เขาดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยได้ยังไง? เขาเตะโจวฉีเข้าอย่างจังที่ท้องแต่ไม่ได้ออกแรงเต็มๆไม่งั้นอีกฝ่ายจะต้องไส้ไหล่มากองอยู่ข้างนอกแล้วแน่ๆ!


“เห็นโจวฉีเป็นตัวอย่างแล้วนะ มีใครกล้าจะเข้ามาอีกไหม!”


หนิงเทียนหลินพูดออกมาอย่างเยือกเย็นโดยไม่หันหน้ากลับไปมองด้วยซ้ำพร้อมกันนั้นก็ตบเข้าที่หน้าของหวังน่าน เพื่อนร่วมห้องงั้นเหรอ? ฮ่า ฮ่า หนิงเทียนหลินกล้าที่จะรับประกันกับทุกคนเลยว่า ไม่ว่าจะอยู่ห้องไหน จะต้องมีคนที่ไม่ชอบและเกลียดโจวฉีอยู่ด้วยแน่ๆ!


โจวฉีคนนี้ ในความคิดของหนิงเทียนหลินถึงแม้จะไม่ได้น่ารำคาญเหมือนหวังน่านแต่เขาก็ไม่เป็นที่ยอมรับแน่ๆ!


“ตบอีก 10 ที! ฉันจะตบหวังน่าน 10 ที ตอนนี้ตบไป 5 ทีแล้ว! ก่อนที่จะจบใครก็ตามที่เข้ามาห้าม ฉันจะตบคนนั้นด้วย!”


ตั้งแต่ที่หนิงเทียนหลินเริ่ม แน่นอนว่ามันจะไม่จบง่ายๆและวันนี้เขาแค่อยากจะสั่งสอนด้วยระดับปานกลางเท่านั้น! เพื่อบอกให้เขารู้ว่าเขาจะไม่ทนแล้ว! เขาทนมาทั้งปีแล้วและตอนนี้เขาอยากที่จะแก้แค้น หาทางที่จะจัดการเรื่องนี้!


เขาจะยังกินข้าวได้ปกติแต่จะพูดเรื่องนี้ออกไปไม่ได้!


“เปี๊ยะ!” ครั้งที่ 6!


“เปี๊ยะ!” ครั้งที่ 7!


หนิงเทียนหลินค่อยๆบิดฝ่ามือแต่แรงจนทุกคนในห้องได้ยินเสียงกระดูกลั่นเหมือนกับว่าเสียงนี้ดังก้องอยู่ในใจของทุกคน การตบแต่ละครั้งทำให้หวังน่านถึงกับเลือดออกและฟันร่วงออกมาทีละซี่


ตอนนี้หนิงเทียนหลินกดมือลงไปกับกำแพง


คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็แอบนับจำนวนครั้งการตบอย่างเงียบๆและหวังให้มันจบลงเร็วๆ ไม่มีใครคิดว่าหนิงเทียนหลิน คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรมาทั้งปีจะระเบิดออกมาได้แรงขนาดนี้!


มีเด็กผู้ชายยืนอยู่มากมายแต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะเข้าหาเขา

และชูหยิชานคนเดียวที่สามารถพูดกับหนิงเทียนหลินได้ ได้เงียบไปสักพักแล้วเพียงแค่มองไปที่หนิงเทียนหลินเล็กน้อย


อีกฝ่ายรุนแรง เธอเคยเห็นมาแล้วในโรงอาบน้ำวันนั้น เธอเห็นหนิงเทียนหลินถือไม้กระบอกและใช้จัดการคน 5-6 คน และมีคนหนึ่งที่แขนหักและฟันร่วง, เลือดสาดกระจายและต้องบาดเจ็บอย่างหนัก


ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าโหดร้ายมาก


แต่อย่างไรก็ตามเธอก็เคยเห็นความสุภาพของหนิงเทียนหลินกับตัวเองมาแล้ว เขาใช้เงินกว่า 30 ล้านเพื่อเธอ จองห้องเพรสิเดนเชียลสวีทให้ทั้งปีและวันนั้นที่มีการนวดเขาก็สามารถเดินออกไปได้โดยไม่ลังเล เห็นได้ชัดว่าเขาให้เกียรติเธออย่างมาก


โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่หนิงเทียนหลินเดินออกไป คำพูดพวกนั้นก็ช่วยเปิดใจเธอและทำให้เธอรู้สึกจนต้องร้องไห้ออกมาอยู่นาน ประโยคสุดท้ายของหนิงเทียนหลินก็ไม่ต่างอะไรกับคำสารภาพ


ในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้เธอคิดอย่างหนักซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของหนิงเทียนหลิน


สำหรับผู้หญิงมันง่ายมากที่จะจำคนที่คอยช่วยเหลือยามยาก เธอก็ไม่มีข้อยกเว้นและเพราะจากเรื่องปัญหาที่บ้าน เธอก็อยากจะหาไหล่ไว้พักพิงบ้าง


สามารถกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้เขาเป็นคนเลือกเอง เดิมแล้ว

หนิงเทียนหลินฟุบนอนอยู่กับโต๊ะอย่างสบาย เขาขี้เกียจที่จะสนใจคนแบบหวังน่านเพราะเขาไม่อยากที่จะต้องเหนื่อย


เพราะเรื่องนี้เธอจึงไม่ห้ามปรามแต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นในจิตใจแทน


“เห้ย! อะไรกัน!”


“ทำอะไรกันอยู่นักเรียน!”


“ยังไม่หยุดอีก!”


ทันทีที่หนิงเทียนหลินตบครั้งที่ 8 ออกไปชายวัยกลางคนก็เดินผ่านประตูเข้ามา ทำให้นักเรียนทุกคนรู้ได้ทันที! “อาจารย์มาแล้ว!” ตอนนี้เป็นช่วงพักเบรคระหว่างเรียน 10 นาที อาจารย์จึงต้องเข้ามาเพื่อเช็คชื่อ!

และชายวัยกลางคนนี้ก็คืออาจารย์ “วิชาเทคโนโลยีชีวภาพ” ของพวกเขาเอง!


“เปี๊ยะ!”


แต่หนิงเทียนหลินก็ไม่ได้หยุด เขาก็ยังคงยกมือขึ้นและต่อหน้าสายตาของทุกคน เขาก็ตบลงไปฉากใหญ่! เขาไม่ได้ฟังคำพูดของครูเลยสักนิด!


แล้วก็ตบครั้งที่ 9!


ตบครั้งที่ 10!


ICSS บทที่ 112: แม้แต่ฉันก็กลัว!


“บ้า!”


“หนิงเทียนหลินคนนี้บ้าไปแล้ว!”


“อาจารย์ห้ามแล้วนะ! เธอไม่กลัวถูกไล่ออกเหรอ!”


ยกเว้นชูหยิชาน ทุกคนในห้องต่างก็จ้องไปที่ดวงตาของหนิงเทียนหลิน เหมือนกำลังมองคนบ้าที่กำลังทำร้ายคนอื่นต่อหน้าอาจารย์ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในสายตาของทุกคน! และอาจารย์ได้หยุดตะโกนไปแล้ว!


“ปัง!”


แต่ในเวลานี้หนิงเทียนหลินที่ตบไป 10 ครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่หยุด ยังคงตบหน้าบวมๆของหวังน่านอยู่และโยนเขาลงกับพื้น โดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายเขาก็ชี้หน้าและถมน้ำลายใส่อีกฝ่าย

พร้อมทั้งทำปากเบ้ใส่!


นี่มันจบแล้ว!


“เธอ! ชื่ออะไร! มานี่เลย! ตามฉันไปห้องคณบดีเลย วันนี้ต้องจัดการเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง!”


อาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพคนนี้ ถึงจะสอนมาแล้วทั้งปีแต่กลับไม่รู้ชื่อของหนิงเทียนหลิน ในเวลานี้เขาตัวสั่นไปหมดและชี้มาที่หน้าของหนิงเทียนหลินและถามออกมา เขาสั่งให้หยุดแต่อีกฝ่ายก็ยังคงตอบต่อไปแล้วยังถุ่ยน้ำลายอีก เหมือนเขาไม่ได้เคารพอาจารย์เลยสักนิด!


“อาจารย์ครับ ผมชื่อหนิงเทียนหลิน”


ตอนนี้หนิงเทียนหลินค่อยๆเดินตรงไปที่ประตูช้าๆ พร้อมทั้งจ้องไปที่ตาของอาจารย์วิชาเทคโนโลยีชีวภาพคนนี้ในระหว่างที่เดินด้วยและพูดออกมาอย่างช้าๆ


“อาจารย์ไม่ควรจะชี้นิ้วมาที่ผมนะครับ ผมไม่ชอบ ผมมันโหดและผมก็เป็นบ้าด้วย มันน่ากลัวนะ ผมไม่รู้จะควบคุมตัวเองไม่ให้ทำร้ายอาจารย์ได้หรืเปล่า”


หลังจากที่พูดคำพวกนี้ออกไป หนิงเทียนหลินก็มายืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพพอดีพร้อมทั้งจ้องหน้าด้วย เขาฆ่าคนไปหลายร้อยแล้วและกำลังส่งลมหายใจรุ่นแรงออกมาด้วย ทำให้อีกฝ่ายต้องถอยหลังไปอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้ววางนิ้วลงโดยไม่รู้ตัว

อาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพรู้สึกว่าถ้าเขายังชี้นิ้วใส่หนิงเทียนหลินอยู่แบบนี้ เขาก็อาจจะเป็นคนต่อไปที่จะโดนด้วย! ลมหายใจอันเย็นชาของอีกฝ่ายทำให้เขาถึงความตาย!


“เธอ! เธอตามฉันมา! ไปพบคณบดี! เธอจะต้องถูกจัดการ!”


ในตอนนี้ถึงแม้เขาจะรู้สึกอายแต่เพราะมีนักเรียนมากมายอยู่ด้วยเขาจึงรีบพูดขึ้นมาและลากอีกฝ่ายไปพบหัวหน้าคณะ และปกติแล้วเรื่องแบบนี้ที่ปรึกษาและหัวหน้าคณะจะเป็นคนจัดการ เขาก็เป็นแค่อาจารย์สอนแทน


เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังและเดินตรงไปที่ประตูโดยไม่หันกลับมา เขาไม่อยากที่จะให้นักเรียนเห็นว่าขาเขากำลังสั่น ลมหายใจของเด็กหนุ่มคนนี้ช่างเย็นชาและน่ากลัวมาก!


“เทียนหลินฉันจะไปกับนายเองเพราะนี่เป็นความรับผิดชอบของฉันด้วย”


ทันทีที่หนิงเทียนหลินกำลังจะเดินออกจากห้องไป ชูหยิชานก็รีบพูดออกมาและเดินตรงไปหาหนิงเทียนหลิน และก่อนที่เธอจะพูดจบเธอก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปหาเขา ไปหาหนิงเทียนหลิน เพราะถ้าเป็นหนิงเทียนหลินเขาก็คงไม่ปล่อยให้เธอไปคนเดียวแน่ๆ


เมื่อชูหยิชานเดินมาถึง เขาก็ตบไปที่ไหล่ของเธอพร้อมด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องหรอก”


“เชื่อฉันสิ ฉันจัดการได้”


ไม่ต้องพูดอะไรมากแต่คำพูดของเขาหนักแน่นจนทำให้ชูหยิชานเชื่อในสิ่งที่เขาพูด อีกอย่างเมื่อนึกถึงภูมิหลังที่แข็งแกร่งของหนิงเทียนหลิน เธอก็พยักหน้าและไม่ดื้อรันต่อ อย่างไรก็ตามเธอก็ยังบอกหนิงเทียนหลินว่า “ค่อยๆพูดกับอาจารย์นะ”


“รับรองได้เลย ฉันรู้น่า”


หนิงเทียนหลินพยักหน้าพร้อมร้อยยิ้ม น้ำเสียงของชูหยิชานเหมือนน้ำอันชุ่มชื่นที่ไหลมาสู้หัวใจอันด้านชาของเขา ทำให้อยู่ดีๆก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา



คณะชีววิทยา


ห้องทำงานคณบดี


“คณบดีฝาง นี่หนิงเทียนหลินเขาตั้งใจฝ่าฝืนกฎและระเบียบวินัยของโรงเรียนอย่างร้ายแรง! เขาทำร้ายคนอื่นต่อหน้านักเรียนคนอื่นๆจนอีกฝ่ายกระอักเลือด แม้แต่ผู้ดูแลก็โดนไปด้วย จนถึงกับสลบ!”


“นักเรียนแบบนี้ไม่ทำตามกฎระเบียบของโรงเรียนโดยใช้ความรุนแรง และผิดกฎหมายด้วย!”


“เข้าใจแล้ว งั้นส่งตัวให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนแล้วให้ทางนั้นส่งตัวเขาไปรับโทษที่สถานีตำรวจ!”


อาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพรายงานความผิดของหนิงเทียนหลินในห้องทำงานของหัวหน้าคณะ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใส่สีตีไข่มากนักแต่แค่นี่ก็เพียงพอแล้ว! ถึงขนาดพูดเพื่อให้ถูกไล่ออกจากโรงเรียนไปเลย!


“พูดจบหรือยัง? ช่วยออกไปด้วยแล้วปล่อยให้ผมคุยกับคณบดีฝาง”


ในเวลานี้นอกจากอาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพ ก็ยังมีหนิงเทียนหลินและหัวหน้าคณะ ฝางแอนหมิง ในฐานะพยานของนักเรียน สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นถูกรายงานให้กับหัวหน้าของคณะและเขาก็ฟังอย่างเงียบๆ


พร้อมกันนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าอาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพคนนี้พูดจบแล้ว หนิงเทียนหลินก็พูดออกมาตรงๆว่าให้เขาออกไป เขารู้ดีว่าอาจารย์สอนแทนแบบนี้ก็แค่อาจารย์ธรรมดาๆ ถึงแม้เขาจะสามารถรายงานเรื่องและทำให้เกิดการจัดการอะไรขึ้นมาได้ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิที่จะจัดการเรื่องที่สำคัญจริงๆ เป็นหน้าที่ของคณบดีที่จะตัดสินใจทุกอย่าง


“คณบดีฝาง ดูสิ่งที่เกิดขึ้นนี่สิครับ! นักเรียนกล้าที่จะพูดกับอาจารย์แบบนี้ได้เลยเหรอ!


“แถมยังไล่ผมออกไปอีกเนี่ยนะ? นี่เป็นห้องทำงานของหัวหน้านะ ไม่ใช่บ้านของเธอนะหนิงเทียนหลิน! เธอไม่มีสิทธิมาไล่ฉันออกไป!”


ดวงตาของอาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพเบิกกว้างขึ้นมาทันที เขารู้สึกโกรธหนิงเทียนหลินมาก เขาไม่คิดว่าหนิงเทียนหลินจะกล้าขนาดนี้ เขากล้าที่จะพูดแบบนี้ต่อหน้าคณบดีคณะเลย! และจากเรื่องนี้เขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคารพอาจารย์เลย!


คณบดีฝางที่กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะก็ต้องขมวดคิ้ว หนิงเทียนหลินคนนี้ช่างอวดดีจริงๆ นี่เป็นห้องทำงานของเขาเป็นห้องที่เขากุมอำนาจ! ไม่ใช่อาณาเขตของหนิงเทียนหลิน!


เขาเป็นคณบดีคณะมามากกว่า 10 ปีและยังไม่เคยเจอนักเรียนที่กล้าแบบนี้! แถมยังกล้าที่จะไล่อาจารย์ออกไปอีก!


“คณบดีฝาง คุณน่าจะให้เขาออกไปก่อนจะดีกว่า! เพราะไม่งั้นรอจนกว่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นหรือไม่ฟังในเรื่องที่ไม่ควรจะได้ฟังก่อนก็ได้ อย่าโทษว่าผมไม่เตือนนะครับ! และคุณน่าจะลองเช็คเมลล์ดูก่อนเพื่อการตัดสินใจ!”


หนิงเทียนหลินไม่สนใจอาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพเลยสักนิดแต่กลับจ้องไปที่หัวหน้าคณะ เขารู้คณบดีจะต้องเห็นด้วยแน่นอนเพราะระบบการต่อสู้ได้ส่งสำเนาจดหมายของหัวหน้าคณะมาให้เขาแล้ว

สำเนาของอะไรบางอย่างที่คณบดีจะต้องสนใจแน่ๆ!


แน่นอน ในตอนแรกคณบดีถึงกับตัวแข็งทื่อแต่หลังจากนั้นเขาก็เบนสายตาไปที่คอมพิวเตอร์และก็เจอเข้ากับอีเมลใหม่ที่ยังไม่ได้อ่าน เขากดเปิดเข้าไปและอ่านเพียงไม่กี่คำ!!


อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน!


“คุณจาง คุณออกไปก่อนนะ ให้ผมคุยกับหนิงเทียนหลินเอง”


หลังจากนั้นสักพัก คณบดีฝางก็ใจเย็นลงและโบกมือเป็นสัญญาณให้อาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพออกไปข้างนอก รายละเอียดของอีเมลนี้มันอ่อนไหวเกินไป ถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไปเขาจะต้องไม่ได้เกษียณจากตำแหน่งอย่างปลอดภัยแน่เลย แต่จะต้องไปเข้าคุก ต้องอยู่ไปอีกนานแน่ๆ!


ICSS บทที่ 113: ผมพูดได้แค่เพียงว่า ผมให้สัญญา!


“ครับ! คณบดีฝาง เชิญคุณตามสบาย”


ถึงแม้อาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพจะรู้สึกสงสัยว่าอีเมลที่หนิงเทียนหลินพูดถึงมันคืออะไรกัน? แต่ในเวลานี้เขาก็ทำได้เพียงทำตามที่อีกฝ่ายสั่งเท่านั้น ไม่งั้นถ้าเขาเกินไปได้ยินอะไรที่ไม่ควรจะได้ยินเข้า ในอนาคตเขาก็คงจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ


ถึงแม้หัวหน้าคณะจะมีอำนาจน้อยกว่าอาจารย์ใหญ่แต่มันก็มีอีกหลายวิธีที่จะรวมอำนาจเข้าด้วยกัน


“หนิงเทียนหลิน เธอได้อีเมลนี้มาได้ยังไง!”


หลังจากที่อาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพเดินออกไปแล้ว สีหน้าของคณบดีก็หมองลงและดูไม่ดีเท่าไร เขารู้ดีว่าถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปไม่เพียงแต่ตำแหน่งคณบดีที่เขาจะรักษาไว้ไม่ได้แต่เขาอาจจะต้องติดคุกด้วย!


ในอีเมลมีบันทึกรายละเอียดของช่วงปีที่เขาเป็นหัวหน้าคณะ เขาใช้อำนาจเพื่อยักยอกเงินทุนงานวิจัยวิทยาศาสตร์และรับเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะ แถมเขายังนอนกับนักศึกษาแลกกับปริญญาบัตรอีกด้วย!!


ถ้าเป็นบันทึกธรรมดาๆเขาก็คงจะอ้างได้ง่ายๆว่านี่เป็นเรื่องกุขึ้นมาแต่ในข้อมูลพวกนี้ มีรายงานว่าเงินมาจากไหน เขาทำอะไรและตอนนี้เงินอยู่ในบัญชีไหนของเขา หรือแม้แต่เลขที่บัญชีก็ยังถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน!


อีกอย่างเขายังเห็นวีดีโอในกล่องข้อความด้วย หลังจากที่ดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยหน้าเขาก็ถึงกับซีดเผือดเพราะในวีดีโอคือภาพเหตุการณ์ระหว่างที่เขากับเด็กนักเรียนสาวนอนอยู่ด้วยกันบนเตียง กำลังมีอะไรกันอยู่! ไม่ใช่แค่บทสนทนาที่ชัดเจนแต่ใบหน้าของเด็กสาวและของเขาก็ชัดเจนเช่นกัน!


ช่างเป็นภาพวีดีโอที่มีความละเอียดสูงจริงๆ!


ไม่ต้องพูดถึงเรื่องใบหน้าเลย แม้แต่เส้นผมก็ยังชัดจนแทบจะนับได้เลย!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนแบบหนิงเทียนหลินได้วีดีโอนี้มาได้ยังไง! แล้วเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่เขามีอะไรกับเด็กนักเรียนสาวคนนั้น มันไม่มีกล้องวีดีโอเลยสักนิด! หรือแม้แต่การแอบถ่ายก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ! ในวีดีโอแม้แต่มุมกล้องก็เปลี่ยนตามไปด้วย!


เวลาที่เขาเปลี่ยนท่าทางบนเตียง มุมกล้องก็เปลี่ยนตามไปด้วย! กล้องเล็งไปที่หน้าของเขาเร็วมากและแม่นยำด้วย!


“คณบดีฝาง มันจะสำคัญยังไงว่าของพวกนี้มาจากไหน?”


หนิงเทียนหลินหัวเราะออกมา ระบบการต่อสู้แตกต่าง มันจะมีม่านแสงที่ไม่มีใครเห็นอยู่ตรงหน้าเขา ที่ตรงหน้าคณบดีฝางและเด็กนักเรียนสาวกำลังพลิกไปมาอยู่บนเตียงเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปอีกฝ่ายจะยังอยู่ในโรงเรียนอีกได้ยังไง!


“ถ้าผมส่งวีดีโอนี้ให้ทางโรงเรียนหรืออัพโหลดลงอินเตอร์เน็ต พาดหัวข้อว่า “ฝางแอนหนิง คณบดีของภาควิชาชีววิทยาของมหาวิทยาลัยเสฉวน ล่อลวงนักเรียนสาวถ่ายคลิปโป๊” คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”


หนิงเทียนหลินไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างปัญหาให้นักเรียนสาวเหล่านั้น เขามองไปที่พวกเธอและบางคนก็ดูว่าจะสมยอม อีกฝ่ายให้สัญญาว่าจะมอบใบปริญญาให้ นักเรียนพวกนี้คือเด็กที่ไม่ได้สนใจเรื่องการเรียนมากนักจึงสมยอมไปกับคำสัญญานี้


ถึงแม้เรื่องนี้จะดูเป็นการข่มเหงแต่มันเกี่ยวอะไรกับหนิงเทียนหลินล่ะ? เส้นทางนี้เป็นของพวกเขาเอง!


ในโลกนี้มีคนมากแค่ไหนที่ต้องทุกข์ทรมาน? เจ้าหน้าที่รัฐบาลก็ละเลยและสิ่งที่เขาทำมันก็สายเกินไปแล้วสำหรับทุกคน! แต่กับฝางแอนหมิง เขายังมีประโยชน์อยู่ ถ้าจับเขาไว้ในกำมือได้ ชีวิตในมหาลัยนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับเขาได้เลย!


“อย่านะ! อย่าทำแบบนั้นนะ!”


เมื่อได้ยินว่าหนิงเทียนหลินอยากที่จะโพสคลิปนี้ลงอินเตอร์เน็ต ฝางแอนหมิงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้กทันทีและแกล้งที่จะทำเป็นใจเย็นอีกไม่ได้แล้ว เขารู้ดีว่าถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปชีวิตเขาจะต้องพังแน่ๆ!


และอย่างที่หนิงเทียนหลินพูดก่อนหน้านี้ ว่าของเหล่านี้มาได้อย่างไรไม่ความสำคัญอีกต่อไป มันชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายไม่เคยทำเรื่องนี้มาก่อน!


“คณบดีฝาง คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้”


ในเวลานี้หนิงเทียนหลินหันกลับไปแล้วนั่งลงที่โซฟาพร้อมทั้งหัวเราะออกมา “ถ้าผมอยากที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ผมก็คงทำไปแล้วโดยไม่ต้องมาบอกคุณก่อนหรอก”


“ผมพูดถูกไหม?”


หนิงเทียนหลินกำลังกำชัยชนะ ตราบใดที่เขาต้องการ ฝางแอนหนิงก็เหมือนปลาที่นอนรอให้เขาเฉือดอยู่บนเขียง!


“นายหมายความว่ายังไง? นายต้องการอะไร!”


พร้อมกันนั้นฝางแอนหนิงก็นั่งลงและเริ่มที่จะใจเย็น อีกอย่างถ้าอีกฝ่ายอยากที่จะเล่นงานเขา ก็คงจะส่งหลักฐานพวกนี้ให้ทางโรงเรียนหรือโพสลงอินเตอร์เน็ตไปแล้ว


อย่างไรก็ตามความรู้สึกเหมือนมีชนักติดหลังก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดไม่น้อย!


“ผมไม่ได้ต้องการอะไร” หนิงเทียนหลินยิ้มเยาะ “ถ้าวันนี้ผมไม่ได้ซ้อมไอ้โง่หวังน่าน ผมก็คงไม่ต้องมาเจอคณบดีฝางและอีเมลพวกนั้นก็คงจะโผล่ออกมาแบบนี้”


“คณบดีฝางเข้าใจที่ผมพูดไหม?”


ฝางแอนหนิงขมวดคิ้ว “เธอหมายถึง เธออยากที่จะทำให้เรื่องนี้เงียบงั้นเหรอ?”


เรื่องแบบนี้สามารถตกลงกันภายในได้ไม่ว่าเรื่องมันจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม สำหรับเขามันไม่ยากเลย เมื่อเทียบกับเรื่องผิดศิลธรรมที่เขาทำ นี่เป็นเรื่องที่เล็กมากๆ


“ทำให้เรื่องเงียบงั้นเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไง?”


หนิงเทียนหลินยิ้ม “สุดท้ายแล้วคุณจะต้องลงโทษหวังน่าน”


“เขาใส่ร้ายผมมาตลอดทั้งปีแล้วยังพยายามที่จะทำร้ายผมอีก

เรื่องแบบนี้จะต้องถูกแก้ไขและอธิบายให้ทั้งชั้นเรียนเข้าใจ ทำให้เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิทำแบบนี้”


“ถ้าไม่ทำ ก็จะมีบางคนในคณะของเราที่ชอบพูดเรื่องไร้สาระซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย”


“เธอ!” ฝางแอนหนิงตัวแข็งทื่อ เขาคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะใช้จัดการเรื่องการทำลายร่างกายนี้ แต่หนิงเทียนหลินอยากจะให้ลงโทษเหยื่อที่ถูกทำลายร่างกายด้วย ซึ่งเขาทำได้!


อย่างมากที่สุดพวกนักเรียนก็ได้แค่ร้องเรียนหรือบ่นกันนิดหน่อย พวกเขาจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ!


หลังจากเดือนหรือ 2 เดือน เดี๋ยวเรื่องแบบนี้ก็ผ่านไป!


“โอเค ฉันจะจัดการให้”


ฝางแอนหมิงคิดเรื่องนี้และตกลงที่จะจัดการให้ เมื่อเทียบกับความมั่นคงของเขา ซึ่งมีอะไรมากมายที่เขาต้องรักษาไว้! เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยและถามหนิงเทียนหลินออกไป


“แล้วเรื่องอีเมลนี้ล่ะ?”


“มันจะหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อนเลยิผมสัญญา” หนิงเทียนหลินพูด


“ฉันขอต้นฉบับด้วยได้ไหม? ฉันจะเอามาทำลาย!” ฝางแอนหมิงจะมั่นใจได้อย่างไรนอกจาเขาจะได้ทำลายต้นฉบับของคลิปนี้ซะ นี่ก็เพื่อความสบายใจแต่เขาก็รับรองไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะทำสำเนาไว้หรือเปล่า


“ไม่ได้” หนิงเทียนหลินปฎิเสธออกมาตรงๆ “ผมพูดได้แค่เพียงว่า ผมให้สัญญา!”


“แก!” ฝางแอนหนิงรู้สึกโกรธแต่สิ่งที่เขาพูดออกมาได้มีเพียงคำว่า “แก” แล้วเขาก็เงียบปากไปในทันทีเพราะในเวลานี้ หนิงเทียนหลินกำลังจ้องตรงมาที่เขา สายตาของเขาคมและดูมีความเหี้ยมโหดมากขึ้น ทั้งดุดันและเยือกเย็นไม่เหมือนกับนักเรียนทั่วๆไปที่เขามี!


ทำให้เขารู้สึกเย็นไปถึงไขสันหลังได้ในทันที!


“คุณมั่นใจได้เลยว่าสิ่งที่ผมพูดคุณเชื่อใจได้อย่างแน่นอน”


หนิงเทียนหลินพูด


“อีกอย่างยังมีอีกเรื่องที่ผมหวังว่าคณบดีฝางจะเห็นด้วย”


ICSS บทที่ 114: เลี้ยงคุณเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง


“มีเรื่องอื่นอีกเหรอ?”


คณบดีฝางขมวดคิ้ว เหตุการณ์นั้นทำให้เขารู้สึกอับอายเล็กน้อยและเขาจะต้องมีข้อร้องเรียนในหมู่นักเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ แต่ตอนนี้หนิงเทียนหลินยังมีเรื่องอื่นอีก! เขาเริ่มจะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังควบคุม

“ชีวิต” ของเขาอยู่และเขาทำได้แค่เพียงทนจึงถามออกไป “เรื่องอะไร?”


“ถ้ายากเกินไป ฉันก็ทำให้ไม่ได้หรอกนะ!”


“ไม่ยากหรอก” หนิงเทียนหลินยิ้ม “ก็แค่ว่าผมอาจจะไม่ได้มาเข้าเรียนบ่อยๆ เวลาส่วนใหญ่มันยากี่จะอยู่ในโรงเรียนเพราะผมมีอย่างอื่นที่จะต้องทำ ผมเลยอยากให้หัวหน้าคณะไปคุยกับพวกอาจารย์และจัดการเรื่องนี้ด้วย”


“ทำให้เรื่องการเรียนของผมราบรื่น”


พูดตรงๆตอนนี้หนิงเทียนลินไม่ได้สนใจเรื่องที่โรงเรียนแล้วแต่ในอนาคตเขายังต้องการตัวตน การเป็นนักเรียนที่นี่เป็นเกราะป้องกันที่ดี ถึงแม้พ่อแม่เขาจะรู้แล้วว่าเขายังไม่ตายเขาก็ยังอยากที่จะให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป


แต่ตอนนี้เมื่อมีระบบการต่อสู้เข้ามา เขาก็คงจะอยู่ที่โรงเรียนไม่ได้บ่อยๆงั้นต้องเตรียมตัวไปก่อนล่วงหน้า


“นี่…”


คณบดีฝางคิดว่าอีกฝ่ายจะขาอะไรที่มากเกินไปแต่นี่ไม่ใช่เรื่องยากเลย ตราบใดที่เขาไม่ต้องไล่ใครออก แค่เรื่องความคิดเห็นของพวกอาจารย์เป็นไร้สาระมาก! ทุกการตัดสินใจจะต้องได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าภาคของเขา


นอกจากนี้พวกอาจารยืก็ไม่ได้โง่ ถ้าพวกนั้นเห็นว่าเขาปกป้องหนิงเทียนหลินก็อาจจะสงสัยและคิดว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆแล้วก็ต้องสืบหาความจริง แต่ถ้าเขาไม่มีเข้าเรียนก็ไม่มีอะไรเหลือให้ต้องทำ


“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”


คณบดีฝางพยักหน้าและรับรองออกมาว่าเขาทำได้


“กริ๊ง!”


ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของฝางแอนหนิงก้ดังขึ้นมาและเตือนเขาว่ามีข้อความเข้ามา เพียงแค่ในเวลานี้เพราะจากเรื่องของหนิงเทียนหลินทำให้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะเปิดออ่านเท่าไรแต่แค่จ้องไปที่หนิงเทียนหลินว่าเขาจะโอเคหรือเปล่า


“คณบดีฝาง คุณน่าจะเปิดข้อความอ่านหน่อยนะครับ คุณไม่สนใจเรื่องเงินหรือไง? เงินตั้ง 5 ล้านเลยนะครับ”


อยู่ดีๆหนิงเทียนหลินก็พูดออกมา พร้อมทั้งเอนตัวพิงไปที่โซฟาแล้วจ้องมาที่หน้าของฝางแอนหมิง เขาไม่จำเป็นต้องมองเลยแต่เขาก็รู้ว่าเป็นข้อความของอะไรเพราะเขาถามระบบการต่อสู้ให้ดูให้เขาแทนอยู่ในใจ


“ว่าไงนะ?”


ฝางแอนหมิงขมวดคิ้ว สงสัยว่าหนิงเทียนหลินกำลังพูดเรื่องอะไรแล้วมีข้อความอะไรที่ส่งมา 5 ล้านเหรอ เขาได้ยินอย่างชัดเจนและรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะ รีบเปิดดูในทันที


“เรียนท่านลูกค้า บัญชีของท่านที่ลงท้ายด้วยเลข XXXX ได้รับยอดโอนเข้ามา 5 ล้านหยวน กรุณาตรวจสอบได้เลย!”


ไม่ใช่ข้อความที่ยาวมากนักแต่ปฎิกิริยาของฝางแอนหมิงกลับช็อคอย่างมาก เขามองมาที่หนิงเทียนหลินด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ได้เลยว่าเงิน 5 ล้านนี้จะต้องมากจากหนิงเทียนหลินคนที่อยู่ตรงหน้าเขาแน่ๆ! ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่เตือนให้เขาอ่านข้อความในโทรศัพท์หรอก


“ฝีมือเธอเหรอ?”


นอกจากอาการช็อคของฝางแอนหมิงแล้วก็ยังมีความไม่อยากจะเชื่อด้วย นี่มันเงิน 5 ล้านหยวนเลยนะไม่ใช่ 500! นักเรียนธรรมดาๆจะมีเงินขนาดนี้ได้ยังไง! หนิงเทียนหลินเป็นลูกหลานเศรษฐีหรือไง?


อย่างไรก็ตามเขารู้ข้อมูลของพวกนักเรียนมานานแล้ว เขารู้มานานแล้วว่าใครที่มีเงินหรือไม่มีเงิน แต่ใครเป็นลูกเศรษฐีหรือใครไม่ใช่เขาไม่มีข้อมูลเรื่องพวกนี้เลย


ดังนั้นเขาในฐานะหัวหน้าคณะจึงไม่ค่อยสนใจนักเรียนเหล่านี้เท่าไร!

แต่หนิงเทียนหลินไม่เคยอยู่ในข่ายของนักเรียนรวยๆเลยแต่ตอนนี้เขากลับมีเงิน 5 ล้านหยวน! และมันดูเป็นเรื่องธรรมดามากๆ!


เขาเป็นหัวหน้าภาคมานานกว่า 10 ปีและเขาทำงานอย่างหนักและประหยัดมานานกว่า 10 ปี แต่ก็ยังมีเงินไม่ถึง 2 ล้านเลย! พูดได้เลยถ้าไม่รวมบ้านและรถ เงิน 5 ล้านนี้ก็มากกว่ามูลค่าสุทธิของเขาซะอีก!


“ผมทำเอง”


หนิงเทียนหลินยิ้มและพยักหน้า แน่นอนเขาเข้าใจดีการตบหัวแล้วลูบหลัง หลักฐานก่อนหน้านี้เท่ากับการตบและเงินก็เท่ากับการลูบหลัง ถึงแม้ว่าเงิน 5 ล้านหยวนจะฟังดูเหมือนว่าเยอะ แต่กับเขาตอนนี้มันก็แค่คะแนนพลังงาน 5 คะแนนเอง แค่นี้ขนหน้าแข่งไม่ร่วงหรอก

อีกอย่างหัวหน้าภาคก็เป็นกุญแจสำคัญสำหรับชีวิตนักเรียนในอนาคตเขาด้วย


“เธอหมายความว่าไง?” คณบดีฝางจ้องไปที่หนิงเทียนหลิน พยายามที่จะหาเจตนาของอีกฝ่าย!


“ไม่มีอะไร” หนิงเทียนหลินพูด “ผมแค่อยากจะเลี้ยงคุณเหมือนเป็นหมา แล้วเงิน 5 ล้านนี้ก็เหมือนขนมที่ผมยื่นให้หมา”


หนิงเทียนหลินรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไงและเขาไม่จำเป็นต้องสภาพด้วยจึงพูดแรงแบบนั้นออกไป


“แก!”


สีหน้าของฝางแอนหมิงเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาแทบจะอดไม่ได้อยากที่จะพุ่งเข้าไปตบปากหนิงเทียนหลินจริงๆ เขาเป็นหัวหน้าภาคนะไม่ใช่หมา! แต่ถ้าเป็นหมาก็เป็นหมาที่ได้เป็นคณบดี ไม่ใช่เขา


อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่าถ้าเงิน 5 ล้านเป็นขนมหมาก็เป็นขนมหมาที่ไม่เลวเท่าไร!


นอกจากนี้ในเมื่อหนิงเทียนหลินที่อยู่ตรงหน้าให้เงินเขามา 5 ล้าน นั่นก็หมายความว่าเรื่องความผิดของเขามันจบไปแล้ว เพราะยังไงซะอีกฝ่ายก็ใช้ความผิดของเขามาข่มขู่ได้ตลอดโดยไม่จำเป็นต้องให้เงินเขาเลย

5 ล้าน งั้นก็หมายความว่าเขาต้องทำให้ดีที่สุดแล้ว


ตอนนี้อะไรๆก็ต่างไป!


“แกอะไร!”


หนิงเทียนหลินเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงโกรธอยู่และอดไม่ได้นอกจากเยาะเย้ยออกมา “เจ้าหมาในอนาคตจงช่วยผมด้วย อย่าสร้างปัญหา แล้วก็มั่นใจได้เลยว่าเรื่องที่ผมจะให้คุณทำในอนาคตเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเรียนแน่ๆ ซึ่งอยู่ภายใต้ความสามารถของคุณและจะไม่ทำให้คุณอับอายด้วย”


“ครั้งนี้ในการต่อสู้ครั้งนี้ คุณจัดการเรื่องนี้ให้ผมแล้วก็ลงโทษเจ้าโง่หวังน่านซะ!”


“ถ้าเรื่องนี้ทำไม่ได้ ก็รอดูได้เลยว่าหลักฐานการกระทำความผิดพวกนี้จะต้องแพร่กระจายออกไปสู่อินเตอร์เน็ตทันทีแน่ๆ!”


ก่อนที่คณบดีฝางจะตอบอะไร เขาก็ลุกขึ้นจากโซฟา เปิดประตูและเดินออกจากห้องไป


ใช่ หนิงเทียนหลินแค่อยากจะเลี้ยงฝางแอนหมิงเป็นสัตว์เลี้ยง ทั้งตับหัวและลูบหลัง ทุกๆอย่างเพื่อที่เรื่องในโรงเรียนจะได้ราบรื่นในอนาคต

ไม่ว่าฝางแอนหมิงจะเป็นคนดีหรือไม่ แต่เขาจะทำอะไรหนิงเทียนหลินได้ล่ะ! ตราบใดที่เขายังทำงานให้หนิงเทียนหลินได้ เขาก็เป็นคนที่มีประโยชน์! นอกจากนี้ในโลกนี้ยังไม่มีขอบเขตเรื่องความดีหรือความเลวที่ชัดเจน


คนเลวก็ยังเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น แต่เพื่อครอบครัว มันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของครอบครัวของเขาเอง คนดีก็เป็นคนดีด้วยหัวใจ!

คนดีในสายตาของทุกคน แต่ในสายตาของครอบครัวของพวกเขาเอง มันเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้ดูแลครอบครัว, ไม่ได้ดูแลลูก, แต่กลับไปสนใจเรื่องของคนอื่นแทนซึ่งไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาเลย และเรื่องนี้ทำให้เกิดการหย่าร้างมากขึ้น!


หนิงเทียนหลินหลังจากประสบความทรมานเพื่อต่อสู้กับความยุติธรรม ไม่มีใครร้องไห้ให้เขาเลยนอกจากครอบครัวเขาเองและแม้แต่เด็กสาวที่เขาเข้าไปช่วยก็ไม่เคยมาขอบคุณกับครอบครัวของเขาเลย ในสังคมทุกวันนี้เหลยเฟิงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกแล้ว


เขาไม่อยากที่จะเป็นคนดีอีกแล้ว


ตอนนี้การฆ่าเท่านั้นคือสิ่งที่เขาเชื่อ!


ICSS บทที่ 115: ขายตัว


“เทียนหลิน นายโอเคไหม? อาจารย์ว่ายังไงบ้าง?”


เมื่อเธอเห็นว่าหนิงเทียนหลินเดินเข้าห้องมา สีหน้าของทุกคนก็มีปฎิกิริยาที่แตกต่างกันไป ไม่มีใครคาดคิดว่าหนิงเทียนหลินคนที่ไม่ค่อยพูดจะกลายเป็นคนที่โหดร้ายได้ขนาดนี้ หวังน่านเป็นคนอ้วนๆธรรมดาไม่คิดว่าเขาจะร้ายขนาดนี้!


แม้แต่คนดูแลที่สูงกว่าและดูท่าทางแข็งแร็งก็ยังถูกเขาเตะเลย!

คนจากซัลหลินจะสู้แบบนี้ได้ไหม?


แต่ในเวลานี้มีเพียงชูหยิชานเท่านั้นที่เดินตรงเข้ามาถามเรื่องผลการพูดคุยกับอาจารย์


“ก็โอเค ไม่มีปัญหาอะไร”


“ฉันช่วยอะไรได้ไหม? ผลออกมาดีหรือเปล่า?”


หนิงเทียนหลินแตะไปที่ไหล่ของชูหยิชาน หัวใจเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยแล้วหัวเราะออกมา “คณบดีไม่ได้พูดอะไรแค่ถามเรื่องสาเหตุของเรื่องนี้และบอกว่าเขาจะทวงความยุติธรรมจากหวังน่านคืนให้ฉัน หวังน่านจะถูกลงโทษด้วย”


อะไรนะ!


บ้าน่า!


เมื่อได้ยินคำอธิบายจากหนิงเทียนหลินทุกคนในห้องต่างก็คิดว่ามันก็ยุติธรรมกับเขาดี แต่ตอนนี้หวังน่านอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาฟันกับหมอฟันอยู่และคนดูแลก็สลบไปตั้งหลายรอบก่อนที่จะฟื้น

หนิงเทียนหลินก็ควรจะยุติธรรมกับพวกเขาด้วย!


“คิดว่าฉันโกหกหรือไง?” หนิงเทียนหลินยิ้ม


“กลับไปนั่งที่กันเถอะ ยังต้องเรียนต่ออีก”


“โอเค” ชูหยิชานเห็นหนิงเทียนหลินผ่อนคลายเหลือเกินก็ทำให้เธอสบายใจไปด้วย เธอไม่รู้ว่าทำไมว่าเวลาที่เธอได้ยินคำยืนยันของหนิงเทียนหลิน เธอจะไม่สงสัยอะไรอีกเลย


เรียนเหรอ?


ยังจะเรียนต่ออีกเหรอ?


หลังจากที่ซ้อมคนอื่นแล้วยังจะเรียนต่อได้อีกเหรอ? อีกอย่างหัวหน้าภาคไม่แม้แต่จะสั่งพักการเรียนเลยเหรอ!


เพื่อนๆในชั้นเมื่อได้ยินว่าหนิงเทียนหลินจะไปเข้าเรียน พวกเขาต่างก็รู้สึกประหลาดใจพร้อมทั้งมองไปที่หนิงเทียนหลินและชูหยิชานที่ยืนอยู่ข้างกัน พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคิดว่าระหว่างสองคนนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ!


อย่างน้อยๆก็ต้องไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเรียนกันแน่ๆ บางทีอาจจะตกหลุมรักกัน


เมื่อคิดแบบนี้นักเรียนชายต่างก็ต้องเศร้าใจเพราะดอกไม้งามหันไปคบกับหมาวัดแทน ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะ ส่วนนักเรียนหญิงต่างก็รู้สึกขำที่คนแบบชูหยิชานตาบอดไปเลือกคนธรรมดาๆแบบนี้ได้!


อีกอย่างเมื่อเป็นเรื่องของความรักคนเราก็จะไม่ค่อยใช้สมองกันเท่าไร!

ชูหยิชานเป็นที่รู้จักดีในนามดอกไม้งามของชั้นเรียนและสติปัญหาก็ไม่เป็นรองใคร แต่กลับเชื่อในคำพูดไร้สาระของหนิงเทียนหลินเนี่ยนะ! เขาไม่ถูกลงโทษแต่หวังน่านกลับต้องรับผิดชอบงั้นเหรอ?


เชื่อได้จริงๆงั้นเหรอ?


โคตรจะไม่น่าเชื่อเลย!


“ขอบคุณนะที่ช่วยฉัน ที่เชื่อในตัวฉัน”


หนิงเทียนหลินนั่งลงกับที่ มองตรงไปที่ตาของชูหยิชานอย่างจริงจัง อยู่ดีๆในเวลานี้เขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก ถึงแม้คนในโลกนี้จะไม่มีใครเชื่อเขาแต่ตราบใดที่คนที่เขารักและแคร์เชื่อในตัวเขา แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!


“นายต้องไม่ใช่โจรแน่ๆ แล้วนายรวยขนาดนี้จะมาขโมยเงิน 3,000 หยวนได้ยังไง! ฉันคิดว่าถ้าเงินตกนายก็คงไม่ก้มลงไปเก็บด้วยซ้ำ”


“อีกอย่าง หวังน่านก็ไม่มีหลักฐานเลยด้วย ทุกอย่างก็เป็นแค่การเดาสุ่ม” ชูหยิชานหน้าแดงเล็กน้อยเพราะหนิงเทียนหลิน


“ผิดแล้ว ถ้าฉันทำเงิน 3,000 หยวนตกฉันก็ต้องเก็บสิ” ถึงแม้หนิงเทียนหลินจะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่พูดเป็นตัวอย่างแต่เขาก็ยังเอามาล้อเลียน


“ฉันขี้งกจะตาย”


“พูดจริงป่ะเนี่ย?”


แน่นอนชูหยิชานรู้ว่าหนิงเทียนหลินแค่แหย่เล่น แต่เธอก็ยังทำเป็นไม่อยากจะเชื่อและห้วเราะออกมา


“งั้นนายจะจ่ายค่าเช่าห้องเพรสิเดนเชียลสวีททำไม? ต่อให้ขายตัวฉันก็ยังจ่ายไม่ได้เลย”


“ใครบอกว่าถ้าเธอขายตัวจะจ่ายไม่ได้ล่ะ?” หนิงเทียนหลินจ้องไปที่ตาของชูหยิชานอย่างจริงจัง “ในสายตาฉันเธอเป็นสมบัติอันล้ำค่า

มีค่ามากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าอีก ฉันพร้อมจะมอบทุกอย่างที่ฉันมีให้เลย”


“หยิชาน เธออยากที่จะขายให้ฉันไหม?”


“ฉัน…” เมื่อได้ฟังคำสารภาพของหนิงเทียนหลิน หน้าของชูหยิชานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เมื่อ 2-3 วันก่อนที่หนิงเทียนหลินจากมา เธอก็รู้สึกได้ว่าหนิงเทียนหลินชอบเธอ ตอนนี้เธอไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด


“นักเรียน เริ่มเรียนกันได้แล้ว”


ในเวลานี้อาจารย์เทคโนโลยีชีวภาพยืนอยู่หน้าชั้นเรียบร้อยแล้ว เธอเพิ่งจะสอนและออกมาจากห้องวิจัย แต่ก็ได้ยินข่าวเรื่องเรื่องการทำร้ายร่างกายกันแล้ว แต่เธอไม่รู้ว่าหนิงเทียนหลินคือใคร หรือว่านั่งอยู่ตรงไหน เลิกคุยแล้วมาเรียนกันได้แล้ว


“ฉันไม่บอกหรอก อาจารย์มาแล้ว”


“ตั้งใจเรียนได้แล้ว”


เมื่อพูดจบ เธอก็หันหน้ากลับไปแทนที่จะมองที่หนิงเทียนหลินแต่กลับแกล้งทำเป็นจ้องไปที่หน้าชั้นเรียนแทน แต่ในหัวใจกลับยังเต้นรัวอยู่แม้แต่หน้าเธอก็ยังแดงระเรื่อ และอาการนี้หนิงเทียนหลินจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเป็นเพราะอะไร


ถึงแม้เธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่ใจของหนิงเทียนหลินก็เบิ่งบานเป็นดอกไม้ไปแล้ว



“อร่อยไหม?”


“ชอบไหม?”


ร้านซุปเผ็ดหน้าโรงเรียน ชูหยิชานมองไปที่หนิงเทียนหลินและถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม


“มันเผ็ดแต่กินเท่าไรก็ไม่พอ ไม่มีก๊วยเตี๊ยวไก่เหรอ”


หนิงเทียนหลินชอบพาสต้ากับอาหารรสจัดประเภทที่พวกผู้หญิงชอบกินกัน มันเป็นอาหารที่กินเท่าไรก็ไม่เคยพอ


“แต่ฉันก็นั่งกินกับเธอได้ ไม่ว่าจะให้กินอะไรก็ตาม”


หนิงเทียนหลินรีบใช้โอกาสนี้ในการแสดงความรู้สึกในใจอีกครั้ง


“เกลียด…”


หน้าของชูหยิชานแดงระเรื่อและหัวใจเต้นรัวอีกครั้งแต่ก็ยังพูดต่อว่า


“งั้นพรุ่งนี้ฉันขอชวนนายไปกินก๊วยเตี๊ยวไก่ด้วยกันนะ”


“ได้” หนิงเทียนหลินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแต่แล้วก็ต้องส่ายหัว


“ไม่สิพรุ่งนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้บ่ายฉันมีเรื่องต้องไปจัดการซึ่งอาจจะไม่ได้มาเรียนด้วย ช่วง 2-3 วันนี้ฉันคงจะไม่ค่อยว่างเลยจะไม่ได้มาเรียนสัก

2-3 วัน”


“มีอะไรเหรอ? นายเป็นอะไรหรือเปล่า?”


“เรื่องที่นายทำร้ายหวังน่านหรือเปล่า? มีปัญหาเหรอ?”


ชูหยิชานคิดว่าหนิงเทียนหลินต้องหลบหน้าไปสักพักและเขาขอให้ช่วยไม่ได้


“ไม่มีอะไร มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” หนิงเทียนหลินส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม


“ต่อให้ฉันฆ่าเขาฉันก็ไม่เป็นไรหรอก”


“ฉันแค่ยุ่งเฉยๆ เลยต้องไปจัดการธุระสัก 2-3 วัน หรืออาจจะอาทิตย์หนึ่ง”


ถึงแม้ว่าเรื่องความรักและความสุภาพจะสำคัญแต่การหาพลังงานและการอัพเกรดพลังในการต่อสู้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดอันดับต้นๆในใจเขาเลย ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็คงไม่มีความแข็งแกร่ง ถ้าอยากจะให้ความสัมพันธ์ยาวนานก็แค่เรื่องดอกไม้เท่านั้น


ICSS บทที่ 116: จางเตียนชิ


“โอ้”


เมื่อได้ยินว่าหนิงเทียนหลินยุ่งมาก ชูหยิชานไม่ได้ถามต่อยังไงซะ

ในความคิดของเธอคนรวยแบบนี้ก็จะต้องยุ่งเป็นธรรมดา ต่อไปคงจะเจอหนิงเทียนหลินแบบคนปกติธรรมดาไม่ได้อีกแล้ว


“งั้นก็ระวังตัวด้วยนะ” สุดท้ายชูหยิชานก็พูดต่อ


“ฉันรู้แล้วสบายใจได้เลย” หนิงเทียนหลินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม


“งั้นเดี๋ยวตอนบ่ายเราค่อยออกไปกินก๊วยเต๊ยวไก่กันก็ได้”


“ได้” ชูหยิชานพยักหน้าพร้อมกับอาการเขินๆ



หยินเชาไต้ฟู


การ์ดหยินจิน


“ทำไม? ยังติดต่อเกาปิงไม่ได้อีกเหรอ?” เกาถัง ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสูทอย่างดี ขมวดคิ้วและถามไปที่เสมียนด้านล่าง


“ยังครับ” เสมียนส่ายหน้า สีหน้าของเขาก็ดูสงสัยเล็กน้อย


“พวกเขาควรที่จะกลับมาตั้งนานแล้ว เช้าวันที่ 15 กรกฎาคมพวกเขาควรที่จะพวกตัวพวกวิญญาณกลับมาที่นี่ได้แล้ว”


“ไม่เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่กลับมาแต่ตอนนี้ผมใช้ทุกวิธีแล้วก็ยังติดต่อพวกเขาไม่ได้เลย”


เขาเป็นเสมียนมาเกือบจะ 3 ทศวรรษและยังไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ในวันที่ 14 กรกฎาคมของแต่ละปี พวกวิญญาณที่อยู่ภายใต้อำนาจศาลจะได้กลับไปบ้านเพื่อเยี่ยมญาติพี่น้องโดยไม่มีข้อยกเว้น

ยังไงซะกฎหมายของนรกนั้นรุนแรงมากเทียบได้กับความร้อนแรงของดวงอาทิตย์เลย! ที่นี่ไม่มีใครพูดถึงความเป็นมนุษย์เลย ที่นี่มีสิทธิที่จะหักมือ, หักขา, ทรมานด้วยไฟซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำกันมานานแล้วที่จังเจียนหมิง!


เกาปิงไม่เคยมีประวัติด่างพล่อยและคงไม่โง่พอที่จะทำผิดกฎของนรกแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าประตูผีปิดและเปิดในวันที่ 14 กรกฎาคมซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย ถ้าเลยเวลาที่กำหนดจะไม่สามารถกลับมาได้ ในปีนี้เขาจะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับมาในนรกอีก!


นอกจากจะถึงเวลาครั้งต่อไปที่ประตูจะเปิดขึ้นอีกครั้ง!


“นายคิดว่าจะมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนคิดเรื่องนี้อยู่สักพักแล้วจึงถามออกมา “เกาปิงออกไปจัดการเรื่องธุระกับฉันมานานกว่า 10 ปีแล้วแต่ 5 ปีที่ผ่านมาเขาเริ่มที่จะเปลี่ยนไปนำพวกวิญญาณกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องแทน แต่ทุกครั้งเขาก็จะกลับมาทันเวลาตลอด”


“แต่ในครั้งนี้ไม่เพียงเขาไม่กลับมา แต่แม้แต่ข้อความก็ไม่มีมาบอกด้วย นี่มันแปลกจริงๆ”


ชายวัยกลางคนที่ดูแลกองฟางหยิน มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลจิตวิญญาณมนุษย์ทั้งหมดในปักกิ่ง ในเวลานี้มันสำคัญมากที่จะต้องบอกไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่แต่ถ้าบอกให้หัวหน้ารู้ เขาก็จะช่วยดูแลเรื่องนี้


อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นอาชญากรรมภายใต้กฎหมายที่เข้มงวดที่ปล่อยให้ลูกน้องของเขาอยู่กลางแดดโดยไม่ได้รับอนุญาต!


“อาจจะไม่ใช่ก็ได้”


เสมียนส่ายหัว “ตอนนี้มีไม่กี่คนในหยางหยางที่ทำงานได้ไม่ดี เช่น พระลัทธิเต๋าที่มีชื่อเสียงและผู้ปลูกฝัง เราต่างก็มีบันทึกอยู่ที่นี่และพวกเขาจะไม่เพิ่มขึ้นถึงสิบ”


“ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่กล้าที่จะทำให้ตัวเองขายหน้า พวกเขาไม่กล้าหรอก!”


“การทำให้หยินขายหน้าก็เท่ากับทำให้แผนกหยินและหยินเชาไต้ฟูขายหน้าไปด้วย! ผมไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับพวกเขาหรอก!”


เสมียนปฎิเสธเรื่องความเป็นไปได้นี้ออกมาตรงๆ


“หัวหน้า ท่านอยากยื่นเพื่อขออนุมัติไหมครับ ผมจะให้ท่านไปเที่ยวที่แม่น้ำแยงซีและจะมีการสอบสวนอย่างชัดเจน ถ้าเกาปิงเจออุบัติเหตุ ทีมวิญญาณที่อยู่ในมือพวกเขาจะต้องมีปัญหาแน่ๆ! แม้ว่าวิญญาณทั้งร้อยจะเชื่อมต่อกับรัฐบาลหยินเชาไต้ฟูของเราแต่ภายใต้แสงแดดแน่นอนว่ามันสามารถทำให้เกิดภัยพิบัติได้เลย!”


“เรื่องแบบนี้จะให้ล่วงเลยไปนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว”


ดวงตาของเสมียนปรากฎความเคร่งขรึมและเมื่อเขานึกถึงผลลัพธ์ที่อาจจะเป็นไปได้เขาก็ต้องรู้สึกกลัวไปสักพัก


“ไม่หรอก”


“ประตูผีปิดไปแล้วและไม่มีวิญญาณที่อยากจะออกไปข้างนอกหรอก! มันยากเกินไปที่จะอนุมัติเรื่องแบบนั้นเพื่อที่จะไปกลางโลกแบบนั้น! ฉันเป็นแค่ขันทีเล็กๆและการอนุมัติต้องรายงานหลายระดับ คำตัดสินสุดท้ายก็ยังเป็นของท่านลอร์ดอยู่ดี”


“นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องใช้เวลากว่าจะได้รับการอนุมัติ แค่การทำแบบนี้ฉันก็จะบอกให้หัวหน้ารู้ได้ว่ายังมีคนของฉันที่อยู่ข้างนอกและยังไม่กลับมา! เรื่องนี้จะทำให้หัวหน้าหันมามองฉันแน่ๆ!”


“ฮิวจ์กำลังจะพูดเรื่องนี้แล้ว!”


ชายวัยกลางคนปฎิเสธข้อเสนอของเสมียนตรงๆพร้อมทั้งส่ายหน้าด้วย


“สิ่งที่จะต้องทำคือต้องจัดการเรื่องนี้ ไม่งั้นวิญญาณพวกนี้จะต้องสร้างปัญหาขึ้นมาแน่ๆ…”เสมียนยังคงมีความกังวล

วิญญาณที่ไร้การจัดการทั้งร้อยดวงจะต้องสร้างความวุ่นวายให้ปักกิ่งเหนือแน่นอน!


“ผมคิดว่า…” ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่รู้ผลลัพธ์ข้อนี้ได้ยังไงและถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับหยิน วิญญาณที่ไร้การจัดการทั้งร้อยดวงจะต้องมีปัญหาจริงๆแน่ “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”


หลังจากนั้นสักพักเขาก็โบกมือเป็นสัญญาณให้เสมียนลงไปได้


“ครับ” เสมียนหยุดพูดและเดินกลับไป



โลก


จีน ภูเขามังกรเสือ เวลาตี 3


“โอ้!”


แสงสีแดงพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถงมังกรและเสือ ชายสูงอายุคนหนึ่งที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องโถงก็ต้องดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ! เพราะเขาเห็นว่าจี้หยกสีแดงของเขาหักลง!


“อะไรเนี่ย?”


สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปเนื่องจากจี้หยกนี้ถูกมอบให้แก่เขาโดยผู้อำนวยการของเลขานุการหยินเมื่อเขาถูกส่งไปยังจังหวัดเพื่อช่วยบุคคลสำคัญในประเทศตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นั้นเขาก็พกมันไว้ตลอด


โดยไม่คาดคิดมันมาหักในวันนี้!


ในเวลานี้เขายังจำคำพูดที่ชายคนนั้นจากหยินเชาไต้ฟูพูดกับเขาได้ “จี้หยกนี้จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สื่อสารกับหยินเชาไต้ฟู ถ้าในอนาคตนายมีปัญหาอะไร นายก็ใช้จี้หยกนี้เรียกฉันได้”


“ถ้าฉันช่วยได้ ฉันจะจัดการให้ในนรก”


“แต่จี้หยกนี้มาจากหยินเชาไต้ฟู ถ้ามันถูกใช้ภายใต้แสงอาทิตย์มันจะมีอายุขัยเพียงครั้งเดียว หลังจากที่ใช้แล้วมันก็จะหัก”


ตอนที่ชายแก่ได้จี้หยกนี้มา เขาบูชามันเป็นอย่างมากและเขาคิดว่ามันเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าที่เขาต้องเก็บไว้ข้างกายเพราะนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้ติดต่อกับยมฑูต บางทีเขาอาจจะมีเรื่องที่ต้องใช้ เขาก็จะสามารถติดต่อกับยมฑูตได้โดยตรง


แม้ว่าเขาจะสามารถใช้วิธีลับและลงไปยังนรกได้แต่เขาก็ต้องเจ็บปวดอย่างมาก เมื่อเขากลับมาร่างกายของเขาจะถูกหยินกัดกร่อนอย่างหนัก ถ้าครั้งที่แล้วเขาไม่ได้รับหมอบหมายจากคนที่สำคัญของประเทศ เขาก็คงจะไม่ยอมเสี่ยงหรอก!


ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เขาอายุกว่า 80 ปีแล้ว เขาไม่อยากที่จะคิดอะไรอีกแล้ว!

ร่างกายของเขาทนกับวิธีลับนั่นไม่ได้อีกแล้ว!


ดังนั้นเขาจึงดูแลจี้หยกนี้เป็นพิเศษและถึงขนาดจะส่งต่อไปยังรุ่นต่อไปของภูเขามังกรเสือหลังจากเขากลับสู่สรวงสวรรค์ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะมาหักในตอนนี้!


“จางเตียนชิ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


ในเวลานี้แสงสีแดงปกคลุมไปทั่ว พลังหยินเริ่มก่อตัวและในเพียงชั่วขณะก็มีร่างก่อตัวขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็หยุดลง ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นกองหยินของหยินเชาไต้ฟู จางเตียนชิที่กำลังนั่งไขว้ขาหัวเราะออกมา


ICSS บทที่ 117: โรงฆ่าสัตว์


“ท่านหลี่!”


“ใช่ท่านจริงๆด้วย!”


จางเต้าฉิงรู้สึกตกใจ เขาแอบคิดอยู่เงียบๆว่าการหายไปของหยูเป่ยอาจเกี่ยวข้องกับบุคคลนี้แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าร่างของเขาจะปรากฏต่อหน้าต่อตาแบบนี้ เขาช่วยไม่ได้จนต้องลุกขึ้นจากฟูกและเดินตรงเข้าไปยังหลี่เสี่ยวอย่างรวดเร็ว “ผมได้เจอกับท่านหลี่!”


“จางเตียนชิ เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนี้ก็ได้” หลี่เสี่ยวที่ยืนเย้ยฟ้าอยู่พร้อมกับโบกมือ “นี่มันก็เกือบ 20 ปีแล้วนะ”


“19 ปี 8 เดือนครับ” จางเต้าเฉิงตอบอย่างจริงจัง


“ในชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอกับท่านหลี่ ผมคิดว่าโอกาสที่จะได้เจอคือผมต้องตายลงไปที่หยินเชาไต้ฟูเท่านั้น”


“พูดอะไรแบบนั้นจางเตียนชิ ด้วยพลังงานของเจ้าอยู่ได้อย่างน้อยอีก 10 ปีสบายๆ” หลี่เสี่ยวกล่าวชม


“ท่านหลี่ก็พูดเกินไป ผมรู้ร่างกายของตัวเองดี” จางเต้าเฉิงพูด


“ถ้าถึงเวลานั้นผมยังไม่ได้ลงไปที่หยินเชาไต้ฟู ผมก็อาจจะอยู่ได้นานขนาดนั้น แต่ตอนนี้ผมคงไม่สามารถอยู่ได้นานขนาดนั้นหรอกครับ”


เมื่อพูดแบบนี้จางเต้าเฉิงก็ยิ้มออกมาเพราะถึงแม้รัฐบาลบนโลกจะแย่ แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว ยังไงซะเขาก็รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรัฐบาล ตลอดชีวิตของเขา เขาทำตามกฎของรัฐบาลท้องถิ่นมาตลอด

ยมฑูตธรรมดาเมื่อมาถึงที่นี่หรือต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็ไม่มีปัญหาเลย!


“ไม่ทราบว่าครั้งนี้ท่านหลี่มีเรื่องอะไร ถ้ามีต้องการอะไรท่านให้ลูกน้องที่มีมากมายของท่านมาแทนก็ได้นะครับ”


แน่นอนจางเต้าเฉิงรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองเขาเป็นคนต่ำต้อยเลยได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง การที่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของหยินเชาไต้ฟูและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีจะสร้างประโยชน์ให้กับเขาในภายหลังเมื่อเข้าไปที่หยินเชาไต้ฟูได้อย่างดีเลย


“อย่าพูดแบบนั้นเลย” หลี่เสี่ยวโบกมือปฎิเสธ “แต่มีบางเรื่องที่ต้องให้จางเตียนชิช่วยหน่อย”


“เรื่องอะไรครับ?” จางเต้าเฉิงขมวดคิ้วและถามออกมาอย่างจริงจัง



หลังจากนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่เสี่ยวก็หายตัวไป สีหน้าของจางเต้าเฉิงเปลี่ยนไปและหลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลูกน้องคนสนิท 3 คน เขาเป็นหัวหน้าของภูเขาหลงฮู แม้ว่าจะมีลูกน้อยหลายร้อยคน แต่เขาก็มีลูกน้องที่สนิทจริงๆไม่กี่คนและสามารถใช้ให้ไปจับวิญญาณได้ด้วย


ในอนาคตเมื่อหัวหน้าของภูเขาหลงฮูสิ้นชีวิตไปเขาก็ตัดสินใจที่จะเลือกคนใหม่จาก 3 คนนี้แหละ


นี่เป็นสถานการณ์เร่งด่วนและเขาจึงโทรปลุกลูกน้องทั้ง 3 คนโดยไม่ใสนใจเลยว่านี่เป็นเวลาเกือบจะตี 4 แล้ว


หลังจากนั้นนานกว่าชั่วโมง ท้องฟ้าเริ่มจะสว่าง ทั้ง 3 แต่งตัวแตกต่างกันด้วยสูทและรองเท้าหนัง, รองเท้ากีฬาและมัดผมห่างม้า พวกเขาต่างก็แบกกระเป๋าเป้และเดินลงมาตามทางของภูเขา


ที่ตีนภูเขามีรถสีดำ 3 คันจอดรอพวกเขาพร้อมอยู่แล้ว

หลังจากที่ทั้ง 3 นั่งอยู่ในรถเรียบร้อย พวกเขาก็เร่งเครื่องแล้วขับตรงไปที่สถานบินทันที



เมืองปักกิ่ง


ชานเมือง


กลิ่นเหม็นแรงมาก


ถึงแม้จะปิดจมูกไว้แล้วแต่ก็ยังได้กลิ่นเหม็นแรงไกลไปเป็นร้อยเมตร


“นายอยากที่จะทำงานที่นี่ 1 อาทิตย์งั้นเหรอ?”


“ทั้งหมดก็ 100 ล้านหยวนใช่ไหม?


ในปักกิ่งมีโรงฆ่าสัตว์ขนาดใหญ่ทั้งหมด 6 ที่ นี่ก้เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เป็นที่ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการฆ่าวัวเพื่อนำไปกิน ในแต่ละวันสามารถเฉือดได้มากกว่า 1,000 ตัวแต่มีกำลังคนน้อยมาก ขั้นตอนส่วนใหญ่จะใช้เครื่องจักรและยังไงเครื่องจักรก็พังได้


ในเวลานี้ชายวัยกลางคนที่อ้วนเล็กน้อย กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องทำงานเขาและถามเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าออกไปอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ


วัว 1,000 ตัว ราคาตัวล่ะ 10,000 หยวน รวมเป็นเงิน 10 ล้านหยวน ไม่รวมค่าไฟ, ค่าน้ำ, ค่าแรงและอื่นๆ ซึ่งจะเข้ากระเป๋าพวกเขาก็จะเหลือแค่ 1-2 ล้านหยวน แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มเสนอเงินให้เขา 100 ล้านหยวนเพื่อทำงานที่โรงฆ่าสัตว์นี้เป็นเวลา 1 อาทิตย์!


เขาเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็สามารถประหยัดเงินไปได้ตั้งเป็นสิบๆล้าน!


เรื่องแบบนี้เหมือนลาภตกมาจากฟ้าจริงๆ!


“ใช่” เด็กหนุ่มพยักหน้า “1 อาทิตย์”


“ภายใน 1 อาทิตย์นี้ คุณจะให้คนของคุณเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด พวกเขาจะต้องออกไปให้หมด”


เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหนิงเทียนหลินที่มาจากโรงเรียน เมื่อไม่มีภารกิจเขาก็คิดถึงวิธีที่จะทำให้เขาได้พลังงานแบบเร็วที่สุดก็มีเพียงแค่โรงฆ่าสัตว์นี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาได้ฆ่าอย่างอิสระ


ในทะเลมีสิ่งมีชีวิตมากมายเป็นหมื่นๆชนิดมากมายมหาศาล แต่เมื่อเขาถามระบบการต่อสู้และตอนนี้สภาพร่างกายเขาไม่สามารถลงไปในทะเลได้เลยและเขาอยู่ในทะเลได้ไม่นานด้วย ยิ่งโดยเฉพาะใต้น้ำด้วยแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงเลย ความดันมหาศาลจะทำให้เนื้อของเขาแตก!


ถ้าเขาอยากที่จะเคลื่อนไหวในทะเลได้อย่างอิสระแบบที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นมาหายใจ อย่างน้อยเขาต้องอยู่ในระดับที่ 50


นอกจากนี้การฆ่าแบบบ้าคลั่งนี้ แน่นอน เขาไม่อยากให้คนอื่นได้เห็น โดยเฉพาะเรื่องซากศพที่วานซูจะต้องกิน การมีตัวตนของแมนจูเรียจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด


“ว่ายังไง?”


“ถ้าคุณตกลง คุณจะได้รับเงินสด 100 ล้านในทันทีเลย”


“คนงานของคุณมีหน้าที่แค่เพียงส่งวัวเข้ามาที่โรงงานในทุกๆวัน”


หนิงเทียนหลินจ้องไปที่ดวงตาของเจ้าของอย่างจริงจัง


“ให้คนของฉันออกไปให้หมดแต่เครื่องจักรพวกนี้…”


ผู้จัดการโรงงานตัวตกลงที่จะให้คนงานออกไปให้หมด แต่แล้วเครื่องจักรพวกนี้ล่ะ? เครื่องจักรพวกนี้ราคาแพงมาก ถ้าไม่ได้เปิดใช้งานเครื่องก็จะต้องขาดทุนแน่ๆ โดยเฉพาะค่าอะไหล่และอื่นๆอีก ซึ่งจะให้เกิดปัยหาใหญ่แน่ๆ


“งั้นผมจะเพิ่มให้อีก 100 ล้านหยวน”


“หลังจาก 1 อาทิตย์ ถ้าโรงงานคุณขาดทุนเล็กน้อย เงินฝาก 100 ล้านจะถูกหักออกไป!”


หนิงเทียนหลินพูดออกมาตรงๆ ตราบใดที่ใช้เงินแก้ปัญหาได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหา!


ถึงแม้เขาจะไม่มีเงินแต่เขาก็สามารถยืมมาจากระบบการต่อสู้ได้ อีกฝ่ายจะเก็บดอกเบี้ยเพียง 1% นั่นก็คือคะแนนพลังงาน 100 คะแนนแล้วก็ 101


“ตกลง!”


“ในเมื่อคุณหนิงพูดแบบนั้น ผมก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรงั้นผมจะทำตามนั้นเลยครับ”


“ผมจะให้คนเตรียมเอกสารมาให้คุณเซ็นภายในครึ่งชั่วโมงนะครับ!”


เมื่อได้ยินเรื่องเงินฝาก 100 ล้านหยวน เจ้าของโรงงานก็ถึงกับโล่งอก ถึงแม้เครื่องจักรเขาจะมีค่ามากกว่า 130 ล้านหยวนแต่มันก็ถูกใช้มา 7-8 ปีแล้ว ถ้าเอามาขายก็น่าจะขายได้แค่ 60-70 ล้านหยวนเท่านั้นแต่ตอนนี้ 100 ล้านหยวนก็มากเกินพอแล้ว!


ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรที่นี่ มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา!


เขาเป็นนักธุรกิจไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาเมาเละเทะหรืแม้แต่จะฆ่าคนเพื่อความสนุกเขาก็ไม่สนใจหรอก ตราบใดที่เขาได้เงิน เขาก็จะทำขอแค่มันไม่ผิดกฎหมาย!


“ดีมาก” หนิงเทียนหลินพยักหน้า “ผมจะโอนเงินให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”


ICSS บทที่ 118: หยินเชาไต้ฟูขึ้นมาที่โลกงั้นเหรอ?


“โอ้! โอ้!


ร่างของหนิงเทียนหลินกำลังเต้นอยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์

ที่นี่เต็มไปด้วยฝูงวัวที่เพิ่งถูกส่งมา หนิงเทียนหลินกำลังถือมีดเล่มใหญ่ที่ทำมาจากโลหะผสมไว้ในมือ ซึ่งใช้คะแนนพลังงานแลกมาจากระบบการต่อสู้ ถึงแม้มันจะไม่ใช่อาวุธเวทมนตร์แต่มันก็คมมากกว่าดาบธรรมดาทั่วไป!


เขาไม่มีทักษะในการฆ่าวัวเลยและใช้พลังงานเกือบทั้งหมด ตอนที่เขาเฉือดเขาปล่อยให้หัวของวัวลอยปลิดปลิวไปแยกออกจากร่างและขนาดใช้หลังมีดเขาก็เฉือดวัวตัวใหญ่ยักษ์ได้สบายๆ


ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง วัวมากกว่า 50 ตัวก็ตายด้วยน้ำมือของเขา

อาจจะเป็นเพราะสิ่งกระตุ้นที่ทำให้วัวพวกนี้วิ่งอย่างบ้าคลั่งไปทั่งโรงงาน เหมือนกับวัวบ้า วัวไม่เพียงแค่วิ่งตรงเข้ามาหาหนิงเทียนหลิงผู้ที่เป็นคนสร้างเรื่องนี้แต่ยังวิ่งวนไปทั่วด้วย


“คาดไม่ถึงเลยว่าวัวพวกนี้จะมีวิญญาณด้วย”


เพราะหนิงเทียนหลินเปิดดวงตาแห่งหยินและหยาง ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาค่อนข้างจะดำมืด ยกเว้นเนื้อและเลือดและวิญญาณโปร่งใสมากมายที่ยืนอยู่ข้างๆวัวพวกนี้ พวกมันมีสายตาแห่งความสูญเสียและสับสนเล็กน้อย


“โลกของนาย ไม่วาสิ่งมีชีวิตไหนๆก็มีวิญญาณทั้งนั้น” ในเวลานี้เสียงของระบบการต่อสู้ก็อธิบายออกมา “ไม่ต้องพูดถึงคนเลย แม้แต่มด, แมลงสาบ, แมลง ต่างก็มีวิญญาณทั้งนั้น”


“วิญญาณของพวกมันก็จะได้ลงไปที่นรก, ไปเกิดใหม่หรือยังคงอยู่ในรูปแบบเดิมด้วยเหมือนกัน หลังจากที่ไปเกิดใหม่ พวกมันก็อาจจะได้เป็นมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆก็ได้”


“แบบนี้…” คำพูดของระบบการต่อสู้เตือนเขาถึงเรื่องตำนานหกวิญญาณ ที่วิญญาณมากมายได้รับการเกิดใหม่ ไม่เพียงแค่มนุษย์ อย่างไรก็ตามทันทีหลังจากนั้น เขาก็รู้ถึงปัญหาเพราะตอนนี้ระบบการต่อสู้ใช้คำว่า “โลกของนาย!”


จึงถามออกไป “นายหมายถึงว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกของเรามีวิญญาณแต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆในดาวดวงอื่นไม่เป็นแบบนี้เหรอ?”

ถ้าเป็นแบบนี้มันก็เจ๋งไปเลยสิ! ชีวิตของเอเลี่ยนไม่มีวิญญาณเหรอ? มันตายได้ไหม?


“วิญญาณ เจ๋งจริงๆเลย”


ดูเหมือนจะทำให้เกิดความทรงจำที่ห่างไกลและระบบการต่อสู้ก็พูดออกมาอย่างช้าๆ “นายคิดว่าจะเก็บวิญาณได้ง่ายๆงั้นเหรอ? การมีอยู่ของวิญญาณในโลกของนายหมายความว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะไม่มีวันตาย! แม้ว่าพวกเขาจะตาย ก็ยังจะตายอยู่ ในหยินเชาไต้ฟู จะเป็นอีกชีวิตหนึ่งเลย!


“ถ้านายโชคดีก็คงใช้เวลาไม่กี่ปีแล้วนายก็จะได้เกิดใหม่ ถึงแม้จะไม่มีความทรงจำแต่แก่นแท้ก็ยังเหมือนเดิม ทุกอย่างคือเรื่องของวิญญาณ”

แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่คำพูดของระบบการต่อสู้ยังคงทำให้หนิงเทียนลินรู้ว่าไม่ใช่ว่าทุกชีวิตในจักรวาลจะมีวิญญาณ เช่นที่หยินเชาไต้ฟู ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเป็นเพียงโลกนี้หรือเปล่า แต่ชีวิตของดาวดวงอื่นๆจะตายไปด้วยเมื่อพวกเขาตาย


“ว้าว!”


ในขณะนี้พลังงานที่ค่อนข้างเย็นอยู่ดีๆก็ปรากฏขึ้นมาทั่วโรงงาน ถ้าไม่ใช่หนิงเทียนหลินที่ตอนนี้การรับรู้ทางจิตของเขารุนแรงมากจนทำให้เขารู้สึกถึงสิ่งนี้ได้ในทันที พร้อมกันนั้นก็มีอากาศร่างๆปรากฎขึ้นมา

เขาถึงขนาดรับรู้ได้เลยในหัวใจ ตอนนี้เขายังไม่ได้เปิดดวงตาแห่งหยินและหยางเขาจึงมองไม่เห็นอากาศสีเทา!


และในไม่ช้าวิญญาณสีเทาเหล่านี้ก็ห่อหุ้มผีของวัวที่ตายแล้วทั้งหมด จากนั้นผีของวัวเหล่านี้ก็เริ่มจางหายไปและในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีพวกมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย


“วิญญาณจางๆพวกนี้คืออะไร?”


“วิญญาณของวัวหายไปไหนล่ะ?”


หนิงเทียนหลินสงสัยในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ


“อากาศสีเทาเป็นวิธีการตรวจจับของหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ง่ายที่จะตรวจจับว่าตรงไหนที่มีวิญญาณ จากนั้นอากาศสีเทาเหล่านี้จะนำผีไปยังสถานที่เฉพาะ เมื่อเราตายเราจะไม่ถูกอากาศที่เยือกเย็นพวกนี้พาไปยังนรกหรอกเหรอ?”


ระบบการต่อสู้อธิบาย


“คนเพิ่งตาย ยังจมอยู่ในความเศร้าโศกเลยไม่ได้สังเกตเรื่องนี้เลย”


หนิงเทียนหลินคิดเรื่องนี้อยู่สักพักและในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจเรื่องคนนำสารในตำนานเลย เขาติดอยู่ที่ดินแดงขาวดำในหยินเชาไต้ฟูแต่ยังไงไม่รู้ว่าตัวเองเข้าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง


“ตอนนี้โลกของนายอยู่ในยุดสุดท้าย ประตูของหยินและหยางจะถูกปิด มีเพียงปีละครั้งเท่านั้นที่จะได้ติดต่อกับคนอื่นๆ ในเวลานั้นวิญญาณต่างๆที่อยู่ในนรกจะสามารถขึ้นมาที่สวรรค์ได้ ในเวลาปกติเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นไปที่สวรรค์”


“ความปีติยินดีหรือบางสิ่งบางอย่างเมื่อนานมาแล้ว”


“ในเวลานั้น ความคิดเรื่องผู้นำสารสามารถนำวิญญาณที่ตายแล้วไปสู่ความเป็นความตายได้เลย แม้จะมีคนตายเป็นหมื่นๆ ที่สามารถกลับมาได้ในทันที แต่ตอนนี้มีเพียงยมฑูตไม่กี่คนที่สามารถทำได้”


“ทุกอย่างบนโลกไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่ต้องตายวันละเป็นแสนๆคนทุกวัน บวกปลาอีกหลายล้านตัว, แมลง, นกและสัตว์อื่นๆอีก นายคิดว่าพวกเหล่าเทพจะจับวิญญาณพวกนั้นยังไงล่ะ? ไล่จับที่ละดวงงั้นเหรอ? เหนื่อยตายเลย!”


“งั้นตอนนี้พวกวิญญาณก็กลับมาที่โลกแล้วด้วยวิธีแบบนี้มากขึ้นๆ ทำให้ประหยัดกำลังคนและทรัพยากรวัสดุจำนวนมากไปได้ด้วย”


ระบบการต่อสู้รู้เรื่องยมฑูตอย่างชัดเจนจึงอธิบายให้หนิงเทียนหลินฟัง เพียงแค่ว่าหลังจากนั้นเขาก็พูดเสริมว่า “มันเป็นเพียงระบบตรวจจับก๊าซสีเทา แต่ก็มีปัญหาด้วยเหมือนกันคือมันใช้ได้กับวิญญาณธรรมดาและวิญญาณที่มีพลังสักหน่อย แต่ถ้าวิญญาณเกิดมาพร้อมกับพลังอันแข็งแกร่งหรืออะไรแบบนั้น มันก็จะสามารถต่อต้านก๊าซสีเทานี้ได้อย่างเด็ดขาดเลย มันต้องใช้คะแนนสำคัญถ้านายไม่อยากที่จะไปกับยมฑูต นายก็สามารถต่อต้านมันได้!”


“อีกอย่างคนที่ตายในสถานที่ที่ดำมืดมากๆ ที่มีเกราะกำบังของโลกก็จะสามารถหนีรอดไปได้”


“กล่าวคือยังมีผีและผีอยู่ในหยางของนาย แต่มีน้อยมากขึ้นอยู่กับว่านายมีโอกาสได้พบกันหรือไม่”


หนิงเทียนหลินพยักหน้า จดจำสิ่งที่ระบบการต่อสู้พูดออกมา นอกจากนี้ทุกระบบการตรวจสอบจะต้องมีรูรั่ว ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ จะต้องมีผีในดวงอาทิตย์ ถ้าไม่อย่างนั้นพุทธศาสนิกชน, ลัทธิเต๋า, เวทและอะไรแบบนั้นจะเจริญขึ้นมาได้อย่างไร


“ตุบ!”


หลังจากที่เข้าใจเรื่องนี้แล้ว ดาบของหนิงเทียนหลินก็กวัดแกว่งและในไม่ช้าวัวอีกตัวก็ล้มลงไปอยู่ในกองเลือด ความเมตตาที่เขามีให้พวกวัวมันหมดไปนานแล้วและเหลือไว้แต่คนที่ไม่สนใจอะไรกับเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว!


ถ้าเขาไม่ฆ่า พวกคนงานในโลกฆ่าสัตว์ก็ต้องทำอยู่ดี!


ตราบใดที่คนในโลกนี้ยังกินเนื้อ, หมู, เนื้อกะ ก็ฆ่าแบบนี้ก็ไม่มีวันหายไปได้หรอก คนบอกว่าไม่กล้าที่จะฆ่าวัว แต่กลัวเอามันใส่จานแล้วเอาไปทำอาหารได้ เวลาที่อาหารมาวางอยู่ตรงหน้าเราจะไม่กินมันงั้นเหรอ?


ICSS บทที่ 119: ช่างมันเถอะ ฉันจะวางสาย (ตอนเพิ่ม)


“ในที่สุดมันก็จบซะที”


ในเวลาตี 2 วัวมากกว่าพันตัวในที่สุดก็ถูกหนิงเทียนหลินเฉือดจนหมดซึ่งต้องใช้เวลาทั้งหมด 13-14 ชั่วโมง ตึกในโรงงานมีเพียงเขาและกลิ่นเหม็นคลุ้งไปหมด


“สตาร์วอร์ส ฉันเก็บคะแนนได้เท่าไรแล้ว?” หนิงเทียนหลินถามออกไปด้วยความคาดหวัง


“2,232 คะแนน!” สตาร์วอร์สตอบ


“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”


หนิงเทียนหลินถึงกับตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ดีว่าการฆ่าคนจะได้พลังงานโดยเฉลี่ยแต่ตอนนี้การฆ่าวัวไป 1,000 ทำให้เขาได้ตั้ง 2,232 คะแนนเลยทีเดียว!


ในอีกแง่ก็คือการฆ่าวัวได้คะนนพลังงานมากกว่าการฆ่าคนซะอีก!


“ใช่แล้ว!” ระบบการต่อสูอธิบาย “คะแนนพลังงานที่นายได้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องพลังในการต่อสู้ของอีกฝ่ายด้วยอย่างมาก ยิ่งพลังในการต่อสู้มากเท่าไรก็ยิ่งได้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น”


“วัวพวกนี้สามารถจัดการมนุษย์ 2 คนได้อย่างสบายๆ ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาๆตอนนี้เทียบอะไรกับมันไม่ได้เลย”


“โอ้” หนิงเทียนหลินพยักหน้าซึ่งนี่ทำให้เขารู้ว่าคะแนนพลังงานเกี่ยวข้องกับพลังในการต่อสู้ของคู่ต่อสู้อย่างมาก


“ขออัพเกรด!”


“ขออัพเกรดคะแนนพลังงานทั้ง 2,232 คะแนน ทั้งหมดเลย!”


หนิงเทียนหลินตัดสินใจโดยไม่ลังเลเลย สิ่งที่เขาต้องการที่สุดตอนนี้คือการอัพเกรดไปให้ถึงระดับ 25 และเพื่อจะได้เห็นว่าเครื่องบินเอฟ-คลาสที่ระบบการต่อสู้จะให้เป็นรางวัลมันหน้าตาเป็นอย่างไรและในระดับที่ 25 พลังการต่อสู้ทางกายภาพของเขาเองจะสูงถึง 100


เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะขึ้นฝั่งไปที่จงหนานไห่และจัดการเรื่องใบอนุญาตการฆาตกรรม!


ถ้าไม่ มีบางสิ่งที่จะพูดเกี่ยวกับการแสดงในดินแดนของจีนเสมอ


“ติ่ง! ยินดีด้วยนะเจ้านายที่ขึ้นมาได้ถึงระดับที่ 21”


“ติ่ง! ยินดีด้วยนะเจ้านายที่ขึ้นมาได้ถึงระดับที่ 22”


ทันทีที่หนิงเทียนหลินพูดจบ เสียงของระบบการต่อสู้ก็ดังขึ้นมาในหูของเขา บอกให้เขารู้ว่าระดับของเขาขึ้นจาก 20 มาที่ 22 แต่เขาก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาจำได้ว่าครั้งล่าสุดระดับของเขาขึ้นมาได้ตั้งหลายระดับ


แต่ตอนนี้มีคะแนนพลังงานมากกว่า 2,000 คะแนน เขาน่าจะได้อัพเกรดมากกว่า 2 ระดับสิ!


ก่อนหน้านี้ เขาได้ขึ้นมาตั้งเกือบ 10 ระดับ!


“ดูเหมือนว่ายิ่งมาไกลเท่าไรก็ยิ่งอัพเกรดได้ยากขึ้นเท่านั้นเลยนะ” หนิงเทียนหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปที่กองศพที่กองอยู่เต็มตา แล้วจิตเขาก็มีเสียงร้องออกมา “อยากออกแล้ว”


“โอ้!”


เจ้าหนูตัวเล็กขนาดเท่านิ้วก็ค่อยๆคลานออกมาจากรูหูเขาแล้วจึงลอยลงมา ตัวเริ่มใหญ่ขึ้นๆ เมื่อมันลงถึงพื้นมันก็มีขนาดประมาณผ่ามือแล้ว โดยไม่รีรอเจ้าตัวนี้ก็รีบตรงเข้าไปที่กองศพของวัวตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

ซากศพวัวหลายพันปอนด์ถูกกลืนเข้าไปภายในเวลาไม่นาน


“อร่อยเลยใช่ไหมล่ะ”


เมื่อหนิงเทียนหลินเห็นแบบนี้เขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา แม้แต่กระดูกก็ถูกกินจนไม่เหลือซึ่งต้องใช้ฟันที่คมกริบและระบบย่อยที่แข็งแกร่งอย่างมาก


“ว่าไง?”


“เกิดอะไรขึ้น?”


แต่สิ่งที่ทำให้หนิงเทียนหลินไม่อย่างจะเชื่อก็คือหลังจากที่ร่างทั้งร่างของวัวได้ถูกกลืนไปจนหมด มันก็เริ่มที่จะกินตัวถัดมา ในการต่อสู้ที่เจ็บปวดของอีกฝ่ายมันใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีในการกินวิญญาณนี้ ทั้งหมดถูกกืนกินทั้งเป็น!


“มันกลืนวิญญาณได้ด้วย!”


แค่ตะลึงยังอธิบายถึงอาการของหนิงเทียนหลินไม่ได้เลยเพราะสิ่งนี้บอกได้ว่าเจ้าตัวนี้มีดวงตาหยินและหยางด้วยเหมือนกันและยังสามารถเห็นผีเหล่านี้ได้! แม้แต่ผีที่ไม่มีตัวตนที่มองไม่เห็นเหล่านี้ก็ยังสามารถกลืนกินเข้าไปได้!


นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกินวิญญาณได้!


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หนิงเทียนหลินก็มองไปที่ร่างของวานซูด้วยความสุขอย่างยิ่ง! เพราะหนึ่งในผู้ช่วยของเขาเอง วานซูจิน เขาเพิ่งฆ่ายมฑูต 2 คนและวิญญาณมากกว่าร้อยดวงและบางทีเขาจะทำงานกับวิญญาณในอนาคต ซึ่งสามารถทำได้โดยไม่คาดคิด!


“กรุบกรับ!”


“กรุบกรับ!”


หลังจากกินจนหมด วานซูก็รีบคลานไปหาซากวัวอีกตัว และก็แบบเดียวกันมันกลืนร่างทั้งร่างของวัว รวมทั้งกระดูกและแม้แต่วิญญาณก็ด้วยเข้าไป ไม่เหลือเลย


“ว้าว!”


หลังจากที่ซากวัว 5 ตัวได้ถูกกินเข้าไปแล้วก็ปรากฎอากาศสีเทาก่อตัวขึ้นมาในอากาศห่อวิญญาณที่เพิ่งถูกฆ่าแล้วก็หายไป


“ขอบฟ้าอันกว้างใหญ่คือที่รักของฉัน…”


หลังจากเวลานานกว่า 30 นาที ทันทีหลังจากที่วานซูเพิ่งจะกินซากวัวไปมากกว่าครึ่ง โทรศัพท์ของหนิงเทียนหลินอยู่ดีๆก็ดังขึ้นมาและเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะลึง นี่มันดึกมากแล้วประมาณตี 2 หรือตี 3


เบอร์นี้เป็นเบอร์ที่เขาใช้ตอนปีหนึ่ง เขาเพิ่งจะเปิดใช้ใหม่เมื่อเช้านี้เอง เมื่อมีระบบการต่อสู้แล้ว โทรศัพท์ก็เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ไปเลยแต่ทุกครั้งที่มีคนถามเขาเรื่องเบอร์โทรนี้เขาก็ปฎิเสธไปตลอดและเขาไม่สามารถที่จะรับโทรศัพท์ต่อหน้าคนมากมายได้


เขาจ้องไปที่ชื่อที่แสดงขึ้นมาและต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขาไม่รู้จักเบอร์นี้เลย อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายที่โทรมาจากเมืองจิงเปย เขาลังเลอยู่สักพักและกดรับสายไป


“สวัสดีค่ะ”


หลังจากที่รับสายเสียงของอีกฝ่ายก็ต้องทำให้หนิงเทียนหลินรู้สึกขนลุกเล้กน้อย เสียงปลายสายเหมือนเด็กสาวอายุประมาณ 17-18 แต่ไม่เกิน 20 เขาไม่แน่ใจ


“นี่ใคร? มีอะไร?”


หนิงเทียนหลินไม่ได้พูดดีๆกับอีกฝ่าย เขารู้สึกว่าการที่เขาพูดแบบนี้ทำให้อีกฝ่ายเป็นกังวลมากๆ! และยิ่งขนลุกมากขึ้นไปอีก


“สวัสดีค่ะ”


เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตกใจมากเพราะเธอเคยโทรมาหลายสายแล้ว แต่ผู้ชายทุกคนที่ได้ยินเสียงของเธอจะต้องรู้สึกตื่นเต้นและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ เอถึงขนาดรู้สึกว่าเสียงของเธอมันเซ็กซี่มาก

แต่ในครั้งนี้อีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวมาก


แต่ตอนนี้ที่เธอกำลังอยู่ในสาย หลายคนที่กำลังดูอยู่และมีคอมเม้นมากมายขึ้นมาที่หน้าจอที่คอมพิวเตอร์ของเธอ


“555! เปิดเลย! ลองดูว่าเพื่อนเราจะจะหยุดได้ไหม! สุดยอดเลย!


“จัดการเลยคนสวย หากคุณสามารถขอให้อีกฝ่ายขอให้คุณไม่วางสายคืนนี้ พี่ชายฉันจะส่งของขวัญไปให้เลย!”


“ฮ่าฮ่า ชายคนนี้คืนนี้ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ เมื่อได้รู้ว่ามีมีนางฟ้าร่วงลงมาจากสวรรค์แล้ว!”


“เฮ้ ไม่ใช่แหละ ฉันคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับทัศนคติของผู้ชายคนนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ อาซิชอบเพศเดียวกันไม่ใช่เหรอ เกิดความรักแล้ว!



คอมเม้นมากมายที่เลื่อนขึ้นมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าเธอทำให้เธอรู้ว่าอย่างน้อยก็มีคน 1,000 คนที่กำลังดูเธอถ่ายทอดสดอยู่ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดไม่ดีแต่เธอก็ยังพูดต่อ “สวัสดีค่ะ ฉันกวนเวลานอนคุณหรือเปล่า?”


น้ำเสียงสุภาพและมีเสน่ห์สุดๆ


“มีอะไรก็ว่ามาเร็วเข้าไม่งั้นฉันจะวางสายแล้วนะ”


หนิงเทียนหลินมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักเขาเลยและพร้อมที่จะวางสายแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม