Heroes of Marvel หลุดเข้าไปในโลกมาร์เวล 331-337
ตอนที่ 331
การที่อีกฝ่ายล่วงรู้สถานะของเขาสืบเนื่องมาจากสัมผัสจิตวิญญาณที่ไม่ใช่คนจากโลกใบนี้เเต่คำตอบเมื่อครู่ของเอนเชี่ยนวันทำให้เเจ็คสันรู้สึกสงสัย
เอนเชี่ยนวันบอกว่าเขาไม่ใช่ภัยคุกคามของโลกเเต่เขากลับเป็นตัวชนวนที่มีอิทธิพลต่อโลกอย่างรุนเเรงไม่ว่าจะเป็นอนาคตหรือการดับสลาย ดังนั้นเเจ็คสันจึงรู้สึกสงสัย เขาอยากจะรู้ว่าอนาคตที่เอนเชี่ยนวันเห็นนั้นคืออะไรกันเเน่
อนาคตหรือการดับสลายไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น อาจเป็นไปได้ว่าตัวตนของเเจ็คสันคือตัวตนที่จะมาเปลี่ยนเเปลงโลกใบนี้ นี่เป็นความคิดของเอนเชี่ยนวัน สำหรับเเจ็คสันเเล้ว โลกใบนี้ยังต้องเผชิญหน้ากับอะไรอีกมากมายไม่ว่าจะเปป็นการรุกรานของอารยธรรมต่าง ๆ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จะมาเปลี่ยนเเปลงโลกอะไรทั้งนั้น
เเต่สำหรับเอนเชี่ยนวันเเล้วมันต่างกัน เเจ็คสันเป็นคนจากต่างโลกเเต่ได้รับการยอมรับจากกฏของโลก ทั้งเเจ็คสันยังมีอายุเพียง 16 ปี ความเเข็งเเกร่งด้วยอายุเพียงเท่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตัวตนของเด็กคนนี้เป็นชนวนเเห่งอนาคตหรือการตกดับดั่งที่เขาคิดจริงๆ
เพื่อรับประกันว่าโลกนี้จะมีอนาคตที่สดใสทางที่ดีที่สุดของเอนเชี่ยนวันก็คือกำจัดเเจ็คสันโดยตรง เเต่เอนเชี่ยนวันไม่ใช่คนไร้เหตุผลดังนั้นเขาจึงได้เฝ้าระวังพฤติกรรมของเเจ็คสันอย่างลับ ๆ หากเเจ็คสันมีพฤติกรรมที่จะส่งผลต่อโลกใบนี้ดังเช่นที่เขากังวลจริง เขาก็จะไม่ลังเลอีกต่อไป
“ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดเห็นอย่างไรกับตัวฉันเเต่ฉันเองก็มีเป้าหมายที่อยากจะทำให้สำเร็จอยู่”เห็นความกังวลของเอนเชี่ยนวันเเจ็คสันกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
สำหรับโลกมาร์เวลเเห่งนี้ตัวตนของเเจ็คสันในตอนนี้ไม่นับเป็นอะไรนอกจากปลาตัวเล็กที่เเหวกว่ายกลางมหาสมุทร เเน่นอนว่าต่อเบื้องหน้าเอนเชี่ยนวันด้วยเหมือนกัน อีกฝ่ายในตอนนี้สามารถที่จะดับชีวิตน้อยๆของเขาได้
ดังนั้นเเจ็คสันจึงต้องการรวมพลังจากอิทธิพลอื่น ๆ เข้าด้วยกัน เขาจะสร้างทีมมาร์เวลที่ปกป้องโลกจากการรุกรานของอิทธิพลต่าง ๆ เป้าหมายของเเจ็คสันคือการปกป้องโลก ทุกเป้าหมายย่อมมีการเสียสละ เเต่เเจ็คสันจะทำให้การเสียสละทั้งหมดนั้นมีค่ามากที่สุด
“หืม?เป้าหมายของคุณ ? จริงสิตอนนี้คุณได้ก่อตั้งทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์เพื่อรวมพลังกันในการจัดระเบียบในนิวอยร์ก”ได้ยินคำพูดของเเจ็คสันเอนเชี่ยนวันกล่าวพูดออกมาเล็กน้อย
เอนเชี่ยนวัน รู้ว่าเเจ็คสันต้องการสร้างขุมกำลังของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงโดดเข้าสู่เส้นทางฮีโร่ ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้งทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ การชักชวนกัปตันโรเจอร์ส เเละ คนอื่น ๆ กัปตันโรเจอร์สในตอนนี้เป็นเพียงอิทธิพลที่ชักนำสื่อทั้งหมดให้เคลื่อนไหวได้ ดังนั้นเอนเชี่ยนวันต้องการจะรู้เป้าหมายที่เเจ็คสันว่านั้นคืออะไรกันเเน่
เห็นเอนเชี่ยนวันคาดเดาเป้าหมายของเขาเเจ็คสันลอบสั่นศีรษะในใจ”เป้าหมายของฉันคือการปกป้องนิวยอร์กโดยใช้ทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ นี่เป็นเพียงเเค่ส่วนนึง เเต่เป้าหมายจริง ๆ ของฉันคือการชำระล้างโลกกำจัดกองกำลังที่ชั่วร้ายทั้งหมดเเละสร้างพันธมิตรเเห่งโลกขึ้น”
จ้องมองไปที่ใบหน้าที่เงียบสงบของเอนเชี่ยนวันเเจ็คสันตะโกนบอกเป้าหมายของตัวเองออกมา ก่อนหน้านี้ เขาก็พูดเรื่องนี้กับโทนี่เเละศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ปัจจุบัน โทนี่ เเละ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ก็เห็นด้วย ดังนั้นเขาจึงได้ทั้งสองคนมาร่วมเผชิญหน้าด้วยกัน เเต่สำหรับคำถามนี้่ต่อเอนเชี่ยนวันเเจ็คสันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างไร
ถ้าหากเอนเชี่ยนวันสนับสนุนเป้าหมายของเขาเป็นไปได้ว่าอัตราความสำเร็จของเป้าหมายของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“เป้าหมายของคุณคือการสร้างสหพันธ์โลก?”ได้ยินเป้าหมายของเเจ็คสันเอนเชี่ยนวันรู้สึกประหลาดใจ เเต่เมื่อเทียบกับโทนี่หรือศาสตราจารย์ชาร์ลส์ใบหน้านี้เป็นการเเปลกใจเล็กน้อย
ที่จริงเเล้วเขาได้เป็นจอมเวทย์มาหลายปี สิ่งที่เอนเชี่ยนวันสัมผัสเเละรู้ไม่ใช่สิ่งที่ศาสตราจารย์ชาร์ลส์เเละโทนี่จะสามารถเทียบได้ เกี่ยวกับการตั้งสหพันธ์โลกใช่ว่าจะไม่มีคนเคยคิดเรื่องนี้เเต่เพราะไม่มีใครทำสำเร็จต่างหาก บางทีหาก ฮาเวิร์ด สตาร์ก ยังไม่ตาย โทนี่อาจจะรู้ความลับที่ใกล้ชิดเกี่ยวกับเอนเชี่ยนวันมากกว่านี้ โชคร้ายที่เขาต้องมาด่วนสรุปจากไปก่อน
“คุณจะใช้ทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ของคุณเพื่อทำเป้าหมายนั่นให้สำเร็จ?ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกเรื่องนี้เเต่กลุ่มของคุณเเม้จะมีความทะเยอทะยานเเละความเเข็งเเกร่งอันน้อยนิดจริง เเต่มันยังไม่เพียงพอ หากคุณคิดจะสร้างสหพันธ์โลกขึ้นมา ท้ายที่สุดความคิดนี้ก็จะต้องถูกทำลายลงทำไมคุณถึงคิดว่ามันจะสำเร็จได้เพียงเพราะคุณต้องการล่ะ?”หลังจากดำดิ่งใบในความทรงจำที่ค่อนข้างห่างเหิน เอนเชี่ยนวัน กล่าวถามเเจ็คสัน
คำพูดการสร้างสหพันธ์โลก สามารถทำให้ เอนเชี่ยนวันต้องการคำพูดเหล่านี้ออกมา ดังนั้นเเจ็คสันเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างเเล้ว
เอนเชี่ยนวันกำลังถามหาความสำเร็จในเป้าหมายของเขา ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยทำ เเต่พวกเขากลับทำไม่สำเร็จ เเละด้วยอิทธิพลอันน้อยนิดของเเจ็คสันในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับในสายตาของเอนเชี่ยนวัน
เเต่ถ้าเทียบกับความเเข็งเเกร่งของอิทธิพลในโลกมาร์เวลเเห่งนี้เเจ็คสันเชื่อว่ามันเพียงพอสำหรับเขาไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับ S.H.I.E.L.D. ,กองทัพไอรอนแมนของโทนี่,ทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์,ทีม X-MEN ได้อิทธิพลเหล่านี้มาร่วมมือกันไม่นานพวกเขาก็จะสามารถระบุตำเเหน่งของพวกไฮดร้าเเละทำการกำจัดได้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น หลังจากกำจัดพวกไฮดร้าเสร็จพวกเขาก็จะเคลื่อนอิทธิพลกำจัดอิทธิพลที่ชั่วร้ายต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้พวกเขาเข้าใกล้เป้าหมายที่ละขั้นตอน
หลังจากคิดไตร่ตรองเล็กน้อยเเจ็คสันจ้องมองไปที่ใบหน้าของเอนเชี่ยนวัน”เเม้ว่าฉันจะไม่ล่วงรู้ความคิดของคุณ ไม่รู้ว่าคุณเคยผ่านอะไรมาบ้าง เเต่ความคิดของคุณก็ไม่ถูกต้องเสมอซะทีเดียว เพราะฉันเชื่อมั่นว่าตัวฉันเเละทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์นั้นจะต้องทำสำเร็จอย่างเเน่นอน”
เเจ็คสันเผยเเววตาเเห่งความมั่นใจออกมา
เอนเชี่ยนวันจ้องมองไปที่ใบหน้าเเห่งความมั่นใจนั้น เขาย่อมรู้ว่า มิราจไนท์ ฮีโร่เเห่งนิวยอร์กตอนนี้ไม่เพียงเเต่มีทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ของตัวเองเเต่ยังมีการร่วมมือระหว่าง S.H.I.L.D. ,ไอรอนแมน โทนี่,เเละ ทีม X-MEN เเม้จะอยู่ห่างไกลจากสถานที่ของผู้คนเเต่เอนเชี่ยนวันกลับสามารถรับรู้ข่าวเหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
“เช่นนั้นฉันต้องการฟังว่าทำไมคุณถึงมีความมั่นใจขนาดนั้น”เห็นใบหน้าเด็กคนนี้ที่มั่นใจ เอนเชี่ยนวัน กล่าวถาม
หลายสิบปีก่อนก็มีกลุ่มเด็กน้อยคนนึงที่เต็มไปด้วยความคิดทะเยอทะยานเเละครอบครองอิทธิพลมากมายพวกเขาต้องการสั่นคลอนอิทธิพลของโลกในเเต่ละเเง่มุม เเต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็พ่ายเเพ้ในที่สุด ซึ่งเอนเชี่ยนวันในตอนนั้นเเสนจะอ่อนเเออย่างมาก เขารู้สึกเสียใจที่ตัวเองไร้พลัง เเละเก็บมาเป็นปมในชีวิตของเขา เขาไม่เชื่อว่าการตั้งสหพันธ์เเห่งโลกจะสามารถทำได้จริง
“S.H.I.E.L.D.,กองทัพไอรอนแมนของ คุณสตาร์ก,ทีม X-MEN ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันคุณเองก็คงจะรู้จักขุมพลังนี้ใช่หรือไม่?”เพื่อที่จะโน้มน้าวเอนเชี่ยนวัน เเจ็คสันกล่าวถึงคนร่วมอุดมการณ์ของเขา
ตอนที่ 332
“สำหรับทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ของฉันเเล้วหากเทียบกับพวกเขาดูเหมือนจะยังด้อยกว่าเเต่ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันคุณเองก็คงรู้จักอิทธิพลที่ผมเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้?”ไม่ต้องรอให้เอนเชี่ยนวันตอบ เเจ็คสันเชื่อว่าอิทธิพลที่เขาเสนอพอจะดึงดูดความสนใจของจอมเวทย์โบราณคนนี้ได้
“S.H.I.E.L.D.? ,โทนี่ สตาร์ก?,ทีม X-MEN”เดิมเอนเชี่ยนวันที่สงบนิ่งมานานได้ยินชื่ออิทธิพลที่เเจ็คสันพูดในที่สุดเขาก็เผยสีหน้าเเปลกใจเล็กน้อย
S.H.I.E.L.D. คือองค์กรพิทักษ์โลกจากการรุกรานของอิทธิพลที่ชั่วร้ายทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังหรือทรัพยากรพวกเขาก็มีมันทั้งหมดเเม้ก่อนหน้านี้จะถูกพวกไฮดร้าเเทรกเเซงหน่วยงานภายในเเต่ก็ถูกกำจัดออกไปทั้งยังรับมือโดยการโต้คืนพวกไฮดร้าอย่างรุนเเรง
โทนี่ สตาร์ก ลูกชายเพียงคนเดียวของ ฮาเวิร์ด สตาร์ก ผู้สืบทอดธุรกิจอุตสาหกรรมสตาร์ก ว่ากันว่าพรสวรรค์ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่า ฮาเวิร์ด สตาร์ก เเม้เเต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นด้านฟิสิกส์ การคำนวณ ตอนนี้มีกองทัพไอรอนแมนเป็นอาวุธ เพียงพอที่จะทำให้โลกหวาดกลัว
ทีม X-police หรือ ทีม X-men ที่รวมตัวกันโดยเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ถูกเรียกว่ามิวแทนท์ มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนอยู่ก็คือ ศาสตราจารย์ ชาร์ลส์ มิวแทนท์ระดับ 4 เเม้กำลังพลจะน้อยเเต่ความเเข็งเเกร่งของเเต่ละคนมานับโดยรวมเเล้วนับว่าเป็นขุมพลังอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะเมื่อหากตัวตนเหล่านั้นกลายเป็นมิวแทนท์ระดับ 5 ได้ ความเเข็งเเกร่งจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้ เอนเชี่ยนวันเองก็รู้ดี
เขาที่มีชีวิตอยู่บนโลกมาหลายร้อยปีทำให้เขาเห็นหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง สำหรับศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ความสามารถของคนคนนี้เป็นของจริง ทั้งยังได้รับการยอมรับจากเขาจอมเวทย์สูงสุดของโลก ดังนั้น ตัวเขาเอนเชี่ยนวัน จึงค่อนข้างให้ความเคารพกับพวกมิวแทนท์อยู่พอสมควร
อิทธิพลที่ว่านี้ไม่ใช่ว่าเอนเชี่ยนวันไม่รู้เเต่เขาไม่คิดเลยว่าเเจ็คสันจะพูดชื่อกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ออกมา สำหรับความคิดเอนเชี่ยนวันเเล้วเมื่อเทียบกับขุมกำลังอิทธิพลทั้ง 3 นี้ ทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ของเเจ็คสันถือว่าเป็นจุดอ่อนของความร่วมมือก็ว่าได้ สำหรับตัวตนของเเจ็คสัน เอนเชี่ยนวันเข้าใจ ตราบเท่าที่เเจ็คสันมีเวลา เขาจะสามารถกลายเป็นตัวตนที่เเม้เเต่ตัวเขาผู้ที่ถูกเรียกว่าจอมเวทย์สูงสุดก็ไม่อาจละเลยได้
ดังนั้นอุดมการณ์ของเเจ็คสันจึงมีค่าเเก่การเชื่อมั่น
“ดูเหมือนคุณจะรู้จักอิทธิพลที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ เเละนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องการจัดตั้งสหพันธ์โลกขึ้นมา”เเจ็คสันยิ้มกล่าวตอบ
“ข้ายอมรับว่าประเมินคุณต่ำไปจริง ๆ เเต่ถึงเเม้ว่า โทนี่ สตาร์ก เเละ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ จะตัดสินใจร่วมอุดมการณ์ของคุณ เเต่ S.H.I.E.L.D. นั้นก็อีกเรื่อง คุณจะบอกว่าคุณสามารถที่จะทำให้พวกตาเเก่ที่นั่งใช้ชีวิตอย่างสงบในสภาความมั่นคงเเห่งโลกยอมรับสิ่งที่เรียกว่าสหพันธ์โลกนี้ได้?”
โทนี่ สตาร์ก ลูกชายของ ฮาเวิร์ด สตาร์ก สิ่งที่เขาต้องการคือการค้นพบเเละเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เขาวางเเผนที่จะก้าวเหนือพ่อของตัวเอง สำหรับศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ตลอดชีวิตอุทิศให้กับสิทธิของมนุษย์กลายพันธุ์เพื่อที่จะทำให้เหล่ามิวแทนท์สามารถอยู่รอดได้เขาไม่ลังเลที่จะร่วมมือกับเเจ็คสัน เเละมีความคิดจัดตั้งสหพันธ์โลกขึ้น หากสามารถทำได้ ความเป็นอยู่ของพวกมิวแทนท์จะได้รับการปรับปรุงไปในทิศทางที่ดีขึ้นเเน่นอน
อย่างไรก็ตาม S.H.I.E.L.D. กลับไม่ใช่หนึ่งในทางเลือก เเม้นิค จะเป็นหัวหน้าสาขา เเต่ก็มีสมาชิกของสภาความมั่นคงเเห่งโลกคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง คนหัวโบราณเหล่านี้ไม่มีทางที่จะยอมรับการจัดตั้งสหพันธ์โลกได้โดยง่าย ดังนั้น S.H.I.E.L.D. จึงเป็นปัญหาสำหรับอุดมการณ์ของเเจ็คสัน
“ฮ่าฮ่า,ดูเหมือนเรื่องพวกนี้จะไม่สามารถปิดบังคุณได้จริง ๆ ตอนนี้ฉันกับ S.H.I.E.L.D. ก็เเค่มีความร่วมมือภายใตเงื่อนไขเพียงเท่านั้น พวกเขาไม่ได้บอกว่าจะสนับสนุนการสร้างสหพันธ์โลกขึ้น เพราะถึงอย่างไร การบริหารจัดการภายในของ S.H.I.E.L.D. ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนมากเกินไป”เเจ็คสันยิ้มอย่างขมขื่น กับเรื่องนี้
เเจ็คสันสามารถร่วมมือกับกัปตันโรเจอร์สหรือนิคในการร่วมทำอุดมการณ์ด้วยกันได้ เเต่เขาจะไม่สามารถโน้มน้าวตาเเก่ในสภาได้โดยง่าย เเน่นอนว่าในระยะเวลาอันสั้นนี่ย่อมเป็นไปไม่ได้ หากเขาไม่ระมัดระวังซ้ำจะทำให้นิคกับโรเจอร์ส ซวยไปด้วย
“หากไม่มีการสนับสนุนจาก S.H.I.E.L.D. เป้าหมายของคุณ ดูเหมือนจะสูญเสียผู้สนับสนุนหลักคนสำคัญ”เอนเชี่ยนวันชัดเจนเกี่ยวกับ เรื่อง S.H.I.E.L.D. มาก เเละคำพูดของเขามีน้ำหนัก
“ฉันรู้ เเต่ฉันก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ กัปตันอเมริกา เเละ S.H.I.E.L.D. รวมถึง นิค ในความคิดส่วนตัวของฉัน ฉันต้องการเวลา เพราะอย่างไรก็ตามการจัดการโน้มน้าวพวกตาเเก่ในสภาก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร…”มองไปที่เอนเชี่ยนวัน เเจ็คสันพูดอย่างหมดหนทาง
“ดูเหมือนว่าคุณต้องการที่จะติดต่อกับสภาความมั่นคงของโลก?”ได้ยินคำพูดของเเจ็คสัน เอนเชี่ยนวัน กล่าวคาดเดา
“เอาล่ะฉันยอมรับว่าคุณมีโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณ”ด้วยความเเข็งเเกร่งเเละพื้นฐานภูมิหลังที่สนับสนุนเอนเชี่ยนวันต้องยอมรับว่า เเจ็คสันมีโอกาสที่จะบรรลุสิ่งที่บรรพบุรุษของเขาทำไม่สำเร็จ
“เเล้ว ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน คุณคิดว่าฉันจะเป็นอันตรายต่อโลกใบนี้หรือไม่?”เห็นการเปลี่ยนเเปลงทางคำพูดของเอนเชี่ยนวัน เเจ็คสัน กล่าวถามอย่างสงสัย
“อันตราย? โอ้, ไม่เลย คุณอาจจะเป็นชนวนสำคัญที่จะนำพาโลกไปสู่การเปลี่ยนเเปลงในทางที่ดี โดยปกติเเล้วฉันยอมรับว่าคุณสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณได้”เอนเชี่ยนวันกล่าวออกมา
เเจ็คสัน”…”
เขาไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนเเปลงในครั้งนี้ได้อันที่จริงเขาไม่คิดเลยว่าเอนเชี่ยนวันจะยอมรับเขาเพราะเขาเป็นคนจากต่างโลก ทั้งไม่ได้มาจากโลกที่เเข็งเเกร่ง เเต่การเติบโตของเขาในปัจจุบันก็ค่อนข้างมีบทบาทต่อโลกพอสมควรรวมถึงในอนาคตที่จะมาถึงนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อครู่จอมเวทย์สูงสุดของโลก เอนเชี่ยนวัน ตัดสินใจยอมรับเป้าหมายของเเจ็คสันว่าสามารถทำได้ หากเปลี่ยนเป็นมนุษย์คนอื่น คงไม่มีทางได้รับการยอมรับเช่นนี้ เหตุผลที่ว่าเอนเชี่ยนวันสนับสนุนเเจ็คสันนั่นก็เพราะเเจ็คสันอาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนเเปลงในการส่งเสริมอารยธรรมของโลกใบนี้ ซึ่งความคิดเหล่านี้มันก็เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาเเล้วเเต่มันก็มอดดับลงภายใต้ความพยายามอย่างสูญเปล่าซึ่งเอนเชี่ยนวันรู้สึกเสียใจมาก
ดังนั้นหากเเจ็คสันไม่ได้เป็นอันตรายต่อโลกนี้ทั้งยังมีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่อยากจะยกระดับอารยธรรมโลกให้พัฒนาขึ้น เอนเชี่ยนวันเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปหยุดเขา ซ้ำเขาอยากจะรู้เหมือนกันว่า อนาคตของโลกจะเป็นต่อไปในทิศทางใด เด็กลึกลับจากต่างโลกคนนี้ จะสามารถเปลี่ยนเเปลงสิ่งที่บรรพบุรุษไม่สามารถทำสำเร็จได้หรือไม่
เเน่นอนว่าหากเป็นบางสถานการณ์ที่ไม่ละเมิดกฏของพ่อมดที่เป็นต้นกำเนิดสายเลือดเเรกเริ่มของโลก เอนเชี่ยนวันก็ยังพอให้ยืมมือช่วยบางเรื่องได้เล็กน้อย ถึงอย่างไรความเเข็งเเกร่งของเอนเชี่ยนวันในปัจจุบันก็ยังสามารถสร้างความหวาดกลัวต่อเทพปีศาจที่หลายเเห่งในจักรวาลได้ เเต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นเเค่คนเฒ่าคนเเก่ที่มีชีวิตอยู่มานาน ขีดจำกัดของเขาย่อมมี สิ่งที่เขาต้องการก็คือ อนาคต อนาคตของผู้สืบเชื้อสายของโลกนี้ เเละ การเปลี่ยนเเปลงของอารยธรรมที่ก้าวนำไปสู่ยุคสมัยที่รุ่งเรืองกว่า
ตอนที่ 333
ได้ยินการกล่าวยอมรับของเอนเชี่ยนวันเเจ็คสันค่อนข้างตกใจอยู่ครู่นึงถึงเเม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจในขณะที่พูดอยู่เเต่ก็ไม่คาดคิดว่าเอนเชี่ยนวันจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะว่าการได้รับการยอมรับจากตัวตนเช่นเอนเชี่ยนวันนั้นค่อนข้างมีค่าอย่างมากเท่าที่เขาฟังดูเหมือนเอนเชี่ยนวันจะสนับสนุนความคิดของเขา ใช่ว่าเอนเชี่ยนวันจะให้ความร่วมมือกับเเผนการของเขาหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่เเจ็คสันครุ่นคิดในใจ
“คุณกำลังคิดว่าตัวเราจะสนับสนุนคุณ?ถ้ามันเป็นความคิดเพื่อสร้างสหพันธ์โลกเเล้วล่ะก็ตัวข้าอาจจะพาให้ยืมเเรงได้บ้าง”เอนเชี่ยนวันรู้ว่าเเจ็คสันคิดอะไรในใจ เขากล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้…คำพูดที่คุณพูดมาเมื่อครู่เเน่นอนว่าฉันต้องการอย่างเเท้จริง”ในที่สุดเเจ็คสันก็สามารถระบายความอัดอั้นในใจได้เล็กน้อย
“อย่าได้กล่าวเช่นนี้…ที่ข้าต้องการจะสื่อหมายถึงเรื่องเป้าหมายของคุณ อย่างไรก็ตามคุณจะต้องเเสดงให้ข้าเห็นว่าคุณสามารถที่จะประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่ว่าได้ เเม้ตัวเราออกปากจะร่วมมือ เเต่ก็ไม่ได้จะขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกมากนัก เพราะอนาคตไม่ใช่สิ่งที่จะถูกเปลี่ยนเเปลงโดยง่าย”เอนเชี่ยนวันกล่าวเเสดงจุดยืนของเขา
“ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณอีกครั้งปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน”เเม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเอนเชี่ยนวันอย่างชัดเจน เเต้ถ้อยคำของเอนเชี่ยนวัน ก็เหมือนให้การสนับสนุนเขา อีกอย่างต้องรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นคนจากต่างโลกหากเขาคิดว่าเเจ็คสันไม่เหมาะสมเขาสามารถที่จะโบกมือให้เเจ็คสันหายไปตอนไหนก็ได้
“เอาล่ะ ข้าเองก็หมดธุระกับคุณเเล้ว ข้าจะเรียกให้ พ่อมดรุ่ยเคอ กับ ไต้เหวิ่น มาส่งคุณกลับไป”ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันกล่าวพูด
“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบคุณในวันนี้”เห็นว่าจะต้องจากลากันเเล้ว เเจ็คสันตระหนักถึงเรื่องนี้ดี
ฟุ่บ!
เพียงเเต่ว่าในขณะนั้นเองเอนเชี่ยนวันก็ได้ยกมือขึ้นพร้อมชี้นิ้วออกมาที่เขา เเสงสีทองได้ออกมาจากนิ้วชี้ของเอนเชี่ยนวันพุ่งเข้าไปในร่างของเเจ็คสันก่อนที่จะหายไป
“หืม?”เห็นเเสงสีทองถูกยิงเข้าไปในร่างกายของเขาเเจ็คสันรู้สึกใจคอไม่ดี เขาจ้องมองไปที่เอนเชี่ยนวัน ราวกับต้องการคำตอบเกี่ยวกับการกระทำเมื่อครู่
“ผ่อนคลายเถอะ มันเป็นเพียงเวทย์มนตร์ติดตาม เเละมีพลังป้องกันบางอย่าง โดยปกติเเล้วมันย่อมสูงกว่าชุดสูทนั่นของคุณ”เห็นการเเสดงออกอย่างสงสัยของเเจ็คสัน เอนเชี่ยนวันอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“งั้นหรอกหรอ”ได้ยินการอธิบายของเอนเชี่ยนวันเเจ็คสันไม่ได้เเสดงความไม่พอใจออกมาเขารู้ดีว่ามันไม่มีความหมาย
ฟุ่บ!
จากนั้นเเจ็คสันก็สวมชุดสูทของเขาอีกครั้ง มันถึงเวลาที่เขาต้องไปเเล้วเเม้ว่าชุดสูทของเขาจะไม่สามารถอำพรางสายตาของเอนเชี่ยนวันได้ เเต่มันก็ยังคงปกปิดคนอื่น ๆ ได้ ทำให้เเจ็คสันรู้สึกสบายใจในส่วนนี้นอกจากนี้ไม่นานเเจ็คสันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของพ่อมดรุ่ยเคอ เเละ พ่อมด ไต้เหวิ่น เดินเข้ามา
จริงๆเเล้วมันเป็นตอนที่เเจ็คสันสวมชุดทันที ทั้งสองคนก็เดินเข้ามาทางประตู เเละ เห็นมิราจไนท์ที่ลุกขึ้นยืนอยู่เบื้องหน้าของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน
“ข้าเเละมิราจไนท์คุยธุระกันเสร็จเเล้วต้องรบกวนให้พวกเจ้าช่วยส่งเขากลับ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของธอร์ที่พวกเจ้าต้องให้ความสนใจบางทีเราอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่าง”เอนเชี่ยนวันกล่าวพูดเบา ๆ ในที่สุดเขาก็ยกเรื่องธอร์มาพูดขึ้น
“ครับ,ท่านปรมาจารย์”พ่อมดรุ่ยเคอเเละพ่อมดไต้เหวิ่นกล่าวปฏิบัติตามหลังจากนั้นพวกเขาเเละเเจ็คสันก็เดินออกไป
เเน่นอนว่าเเจ็คสันได้ยินเรื่องของธอร์เมื่อครู่นี้จากปากของเอนเชี่ยนวัน อย่างไรก็ตาม ธอร์ก็ยังเป็นบุตรชายของโอดิน เขาถูกเนรเทศมาที่โลกเเห่งนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เอนเชี่ยนวันจะให้ความสนใจกับธอร์
“มิราจไนท์ คุณโอเคไหม?”เห็นมิราจไนท์อยู่ในความงุนงง พ่อมด รุ่ยเคอ กล่าวถามขึ้น
“ฉันไม่เป็นอะไร”ได้ยินเสียงของพ่อมดรุ่ยเคอ เเจ็คสันตอบอย่างเร่งรีบ
จากนั้นเเจ็คสันก็เตรียมพร้อมที่จะเดินทางกลับโดยมีพ่อมดทั้งสองคนไปส่งขณะเดียวกันเอนเชี่ยนวันก็ยังคงนั่งจิบชาอยู่ที่เดิมไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
“เด็กคนนี้มาจากโลกอื่น เขาได้มาที่นี่เเละถูกต้อนรับโดยกฏเเห่งโลก นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ข้าเองก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ เเต่เรื่องเป้าหมายนั่นเขาจะทำได้หรือไม่?”ในใจของเอนเชี่ยนวันรู้สึกคาดหวังพร้อมกับจิบชาร้อน ๆ ไปพราง
“ท่านอาจารย์ ดูเหมือนท่านจะสนใจมิราจไนท์คนนี้ เขาเป็นคนพิเศษงั้นหรอคะ?”ขณะเดียวกัน หยุนเหมิง ก็เดินเข้ามา เธอได้กล่าวถามเอนเชี่ยนวันด้วยท่าทีนุ่มนวล
ตอนที่ 334
ฮึ่ม!
นิวยอร์ก,หลังจากนั้นพ่อมดทั้งสองคนได้เปิดประตูมิติเวทย์มนตร์มาโผล่ที่สถานที่เเห่งนึงเเสงรัศมีสีทองได้ปรากฏขึ้นที่ริมถนน
เปรี๊ยะ~
เเจ็คสันได้เดินออกมาจากประตูเวทมนตร์ เขามาถึงที่นิวยอร์ก หลังจากที่เดินทางไป คามาร์-ทัช เทือกเขาหิมาลัย
“มิราจไนท์ คุณต้องการให้เราไปส่งไหม ตราบเท่าที่คุณบอกตำเเหน่งที่ต้องการจะไป ฉันสามารถไปส่งคุณได้”หลังจากประตูมิติเวทมนตร์ที่ด้านหลังหายไป พ่อมดรุ่ยเคอ ถามด้วยรอยยิ้ม
พ่อมดรุ่ยเคอ เเละ พ่อมดไต้เหวิ่น ตระหนักได้ถึงสถานะของมิราจไนท์ เพราะเขาได้รับการยอมรับจากปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน โดยปกติเเล้ว พ่อมดทั้งสองคนเองก็ต้องการที่จะตีสนิทด้วย
“ฉันสามารถไปเองได้ รบกวนพวกคุณมาส่งที่นี่เเล้ว ต้องขอบคุณจริงๆ”เเจ็คสันปฏิเสธออกไปด้วยความสุภาพเขาเข้าใจเจตนาที่ดีของพ่อมดรุ่ยเคอ
“อืม,เช่นนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน”พ่อมดรุ่ยเคอพูดเสร็จเขาก็วาดประตูมิติเวทมนตร์อีกครั้งเเละหายตัวไปจากนิวยอร์กเเห่งนี้
ประตูเวทมนตร์ได้หายไปจากเบื้องหน้าของเเจ็คสันในทันที
“ฮู้ว~~ไปเที่ยวชมคามาร์-ทัช คราวนี้นับว่าเป็นคลื่นลูกใหญ่สำหรับฉันจริง ๆ “เห็นพ่อมดทั้งสองคนจากไป เเจ็คสันก็ระบายออกมาอย่างผ่อนคลาย
ก่อนหน้านี้ เขาเองก็สงสัยว่า เชื้อสายจอมเวทย์เเห่งโลก มองหาเขาด้วยเหตุผลอะไร พอเขารู้ถึงเหตุผลนั้นทำให้เเจ็คสันรู้สึกเครียดทันที เขาไม่คาดคิดเลยว่า ตัวตนของเขาจะถูกมองออกโดยเอนเชี่ยนวันว่าจิตวิญญาณของเขาไม่ใช่คนของโลกนี้ สิ่งนี้ทำให้เเจ็คสันรู้สึกกลัวมาก โชคดีที่จิตวิญญาณของเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่งั้นเขาคงถูกจัดการไปเเล้ว ดังนั้นเเจ็คสันจึงกังวลเรื่องนี้มาก
อย่างไรก็ตามเเจ็คสันก็ได้ลั่นถึงเป้าหมายของเขาต่อเอนเชี่ยนวันไป สำหรับเขาที่ถูกส่งมาที่โลกมาร์เวลเเห่งนี้ การได้รับการยอมรับจากกฏเเห่งโลกเเจ็คสันเองก็เชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลของมัน เขาคิดว่าเรื่องการยอมรับนี้เเม้เเต่เอนเชี่ยนวันก็ไม่สามารถคาดเดาได้
เพราะกฏเเห่งโลกไม่ได้ขับไล่เเจ็คสันเเม้เเจ็คสันจะเป็นคนจากโลกอื่นก็ตาม ร่างกายเเละจิตวิญญาณของเขาได้รับการยอมรับโดยสมบูรณ์ตัวตนของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากคนที่มีพื้นเพมาจากโลกมาร์เวลเเห่งนี้
“เเม้ว่าเอนเชี่ยนวันจะมองผ่านจิตวิญญาณของฉันว่าไม่ใช่คนจากโลกนี้ เเต่เขาก็ยังไม่รู้เรื่องตัวตนของระบบไม่งั้นเขาคงไม่เเสดงจุดยืนเช่นนั้น”เเจ็คสันเดินเล่นที่มุมถนนเเละวิเคราะห์ในใจอย่างใจจดใจจ่อ
“ฟังจากถ้อยคำของเอนเชี่ยนวันอันสุดท้ายนั่น ราวกับว่าเขาเพียงเชื่อมั่นในอุดมคติเเละเป้าหมายของฉัน ที่เหลือเขาก็เเค่ต้องการดูว่าฉันจะสามารถทำได้หรือไม่”เเจ็คสันไม่ได้โง่ สิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่เอนเชี่ยนวันคิดนั้นค่อนข้างคล้ายกัน
“ก็เอาเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าเชื้อสายจอมเวทย์เเห่งโลกอยู่เเล้ว เเต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากเอนเชี่ยนวันจริงเป้าหมายของฉันบางทีอาจจะสำเร็จลุล่วงเร็วกว่านี้ เเต่ถึงอย่างไรฉันเองก็รู้สึกสงสัยเเสงลึกลับที่เข้ามาในตัวฉันอยู่ดี”เเจ็คสันคิดไปพลางในขณะนั้นเองเขาเหมือนรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
หืม?
“มีคนสะกดรอยตามฉัน?”
“ใครกัน?”
เเจ็คสันสัมผัสได้ถึงการจ้องมองที่อยู่ไกลออกไปทันใดนั้นเขาก็รีบเดินหาที่หลบในทันที
ภายใต้การเคลื่อนไหวของเเจ็คสันทันใดนั้นเขาก็สลัดหลุดจากการสะกดรอยตามได้ไม่ยาก
“ดูเหมือนฉันควรจะรีบกลับไปวันนี้มีเรื่องวุ่นวายมามากพอเเล้ว”เเจ็คสันหวังจะรีบกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
ฟุ่บ!
จากนั้นเขาก็หายตัวลับไปจากพื้นที่เเถวนี้ในทันทีราวกับว่าไม่เคยมีตัวตน
พอสังเกตุการณ์ไม่เห็นมิราจไนท์ คนที่นั่งอยู่ในห้องควบคุมรู้สึกผิดหวังอย่างมากกลุ่มคนเหล่านี้ได้เฝ้าติดตามระวังมิราจไนท์
“เฮ้อ,งานเฝ้าระวังมิราจไนท์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย”ในขณะเดียวกันก็มีชายวัยกลางคนบ่นออกมา
ไม่ต้องสงวัยว่าเขาคือคนที่นิคส่งมาเฝ้าระวังมิราจไนท์เพื่อต้องการจะเปิดโปงสถานะของมิราจไนท์ เดิม พวกเขาคิดว่าอาจจะเป็นเเจ็คสันเพราะช่วงที่มิราจไนท์หายตัวไปพวกเขาก็ไม่สามารถสังเกตุเห็นเเจ็คสันได้ เเน่นอนว่าการที่พวกเขามาเฝ้าระวังมิราจไนท์ไม่ใช่ว่าจะสร้างความเดือดร้อนอะไรเพราะอย่างไรก็ตามตอนนี้มิราจไนท์กับ S.H.I.E.L.D. ก็ร่วมมือกัน
ก่อนหน้านี้ มิราจไนท์ได้ไปยัง โรงเรียน X ซึ่งพวก S.H.I.E.L.D. เองก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ส่งทีมออกมาสืบสวนอย่างลับ ๆ เเละตั้งใจจะรู้เป้าหมายของมิราจไนท์ เเม้พวก S.H.I.E.L.D. กับ ทีมX-MEN จะไม่มีความขัดเเย้งกัน เเต่ไม่ได้หมายความว่า S.H.I.E.L.D. จะปล่อยผ่านเรื่องนี้
หลังจาก มิราจไนท์ออกจากโรงเรียน X เเละเดินทางกลับมาที่นิวยอร์กพวกเขาก็สังเกตุเห็นบุคคลต้องสงสัยก่อนที่มิราจไนท์จะหายตัวไปซึ่งพวกเขาเองก็รู้สึกสับสนมาก ดังนั้นหัวหน้าทีมจึงสั่งลูกทีมให้เฝ้าระวังจุดนี้ชั่วคราว
จากนั้นมิราจไนท์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีกครั้งซึ่งเป็นไปตามที่หัวหน้าทีมคนนี้คาดเอาไว้หลังจากนั้นพวกเขาก็สังเกตุเห็นชายสองคนที่กำลังพูดคุยกับมิราจไนท์ก่อนหน้านี้
เเน่นอนว่าย่อมเห็นประตูมิติเวทย์มนตร์เเปลก ๆ ด้วย S.H.I.E.L.D. นั้นคาดเดาว่าอาจจะเป็นพวกมีพลังพิเศษเหมือนทีม X-MEN เพราะมิวแทนท์นั้นมีความสามารถของมนุษย์กลายพันธุ์บางทีความสามารถนั้นอาจเป็นการย่นระยะการเดินทาง สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือชายสองคนนั้นไม่ใช่คนของทีม X-MEN เเต่เป็นองค์กรลึกลับที่เรียกตัวเองว่าจอมเวทย์
“มิราจไนท์คนนี้มีความลับมากมายเกินไป บุคคลระดับเขา ควรจะเป็นเป้าหมายสังเกตุการณ์ไม่ต่ำกว่าระดับ สอง”พวกเขาได้ส่งภาพบันทึกที่ได้ก่อนหน้านี้ไปที่สำนักงานใหญ่อย่างรวดเร็ว
“สำนักงานใหญ่ส่งข้อมูลมาเเล้ว พวกเขาต้องการตั้งมิราจไนท์เป็นเป้าหมายสังเกตุการณ์ระดับ 1″จากนั้นลูกน้องของหัวหน้าทีมก็กล่าวรายงานอย่างรวดเร็ว
“เป้าหมายสังเกตุการณ์ระดับ 1! นี่พวกเบื้องบนตีค่าให้เขาสูงขนาดนั้นเชียว? ดูท่าพวกเราจะงานยุ่งเสียเเล้ว”
ตอนที่ 335
กลุ่มเฝ้าระวังของ S.H.I.E.L.D. ที่เฝ้าระวัง มิราจไนท์นั้น เป็นที่เเน่ชัดว่าพวกเขาได้รับรู้ข้อมูลมาบางอย่างเเต่ก็ไม่อาจมองผ่านความจริงได้ทั้งหมด ความจริงที่ว่านี้ก็คือ อิทธิพลของเหล่าพ่อมด สายเลือดเริ่มเเรกของโล พวก S.H.I.E.L.D. ไม่รู้ว่าเเจ็คสันทำการติดต่อกับกลุ่มคนเหล่านี้เพื่ออะไร
ฟุ่บ!
เเจ็คสันหลังจากหลบหนีออกมาได้เขาได้ขับเคลื่อนยานบินออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮึ่ม!
เพียงเเต่ว่าในขระที่เขากำลังขับยานบินอยู่นั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้นเขาได้ชะลอความเร็วเเละหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“ซวยเเล้ว! ฉันลืมเรื่องนัดของปีเตอร์กับเเฮร์รี่เเละธอร์ไปซะสนิทเลย!”เห็นชื่อโทรศัพท์เป็นชื่อของปีเตอร์ เเจ็คสันเหมือนจะนึกขึ้นได้
เดิมวันนี้เเจ็คสันวางเเผนว่าหลังจากออกจากโรงเรียน X เขาจะไปพบปีเตอร์กับเเฮร์รี่ เพื่อให้ทั้งสองคนทำความรู้จักกับธอร์ เเต่ไม่คิดว่าระหว่างทางจะได้รับการติดต่อจากพ่อมดรุ่ยเคอ เเละชวนไปที่ คามาร์-ทัช พร้อมกับพวกเขา เวลาเองก็ได้ล่วงเลยมาหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ นี่เห็นได้ชัดเเล้วว่าพวกปีเตอร์ได้รอเขานานมาก
“เฮ้,ปีเตอร์ ฉันกำลังจะถึงเเล้ว!”เเจ็คสันกดรับโทรศัพท์เเละไม่ต้องรอให้ปีเตอร์ตอบกลับเขากดวางสายทันที
ติ๊ด
“เฮ้,นาย…”
ปีเตอร์ต้องการจะพูดอะไรเเต่เเจ็คสันได้กดวางสายไปเเล้วพริบตาเดียวบานบินก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงผ่านอาคารของนิวยอร์กหลายเเห่ง
…
นิวยอร์ก,ควีนส์ เเยกถนนที่อยู่ห่างจาก เเจ็คสัน ประมาณ 3-4 บล็อค ปีเตอร์ได้จ้องมองไปที่โทรศัพท์อย่างขุนเคือง
“เเจ็คสันพูดอะไรบ้าง ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”เห็นสีหน้าของปีเตอร์ เเฮร์รี่ กล่าวถามอย่างสงสัย พวกเขารอเเจ็คสันเป็นเวลากว่าชั่วโมง เเละเเจ็คสันยังมาไม่ถึง พวกเขาคิดว่า เเจ็คสันอาจประสบอุบัติเหตุ
“เขาว่าเขาใกล้จะถึงเเล้ว,เป็นไปได้ไหมว่าเขาลืมนัดเกี่ยวกับเราในวันนี้?”ปีเตอร์พูดอย่างหมดหนทาง
เเฮร์รี่”ฮ่าฮ่า~”
หลังจากยืนรอตรงเเยกเป็นเวลากว่าสองนาที ปีเตอร์เเละเเฮร์รี่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนตรงมาจากด้านหลังมันเป็นเสียงฝีเท้าของเเจ็คสัน
“ฮ่าฮ่า,โทษทีที่มาสาย!”เเจ็คสันรีบวิ่งมาที่เบื้องหน้าของเเฮร์รี่เเละปีเตอร์ก่อนที่จะพูดอย่างเขินอาย ตามจริงเขาควรโทรมาบอกพวกปีเตอร์ก่อนหน้านี้ เเต่การไปคามาร์-ทัช เป็นเรื่องเร่งด่วนเกินไป
“นายไปไหนมา ไม่ใช่ว่านายออกจากโรงเรียน X นานเเล้วไม่ใช่หรอ?”เห็นเเจ็คสันปรากฏตัว ปีเตอร์กล่าวถาม
“พอดีฉันไปที่ คามาร์-ทัช อย่างเร่งด่วนหน่ะ”เเจ็คสันตอบกลับความจริง เพราะอย่างไรก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบังปีเตอร์เเละเเฮร์รี่
“คามาร์-ทัช?ที่ไหนกันล่ะนั่น”ได้ยินชื่อสถานที่ที่เเปลกประหลาด ปีเตอร์รู้สึกสับสน
เเต่เเฮร์รี่เหมือนจะรู้จักสถานที่เเห่งนั้นที่ถูกเรียกว่า คามาร์-ทัช อย่างไรก็ตามมันเป็นไปได้ด้วยหรือที่ เเจ็คสันจะไปกลับที่นั่นภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง?
“คามาร์-ทัช? สถานที่เเห่งนั้นคือเทือกเขาหิมาลัย อย่าบอกนะว่า ผู้หญิงที่อยู่ในทีม X-MEN คนนั้นพานายไปที่นั่นมา?”เเฮร์รี่ กล่าวถาม เเฮร์รี่รู้ว่าในทีม X-MEN นั้นมีหญิงสาวที่สามารถเปิดประตูมิติได้ เเละเขาก็ไตร่ตรองต่อว่าทีม x-men อาจมีฐานลับที่เทือกเขาหิมาลัย
“ไม่ใช่ทีม X-MEN หรอก ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยพูดกับพวกนายเเล้วเกี่ยวกับกองกำลังพิทักษ์โลกที่เป็นขุมพลังลึกลับที่ถูกเรียกว่าพ่อมด พวกนายจำได้ไหม?”เเจ็คสันเคยบอกเรื่องนี้กับปีเตอร์เเละเเฮร์รี่ก่อนหน้านี้
“พ่อมด?”ได้ยินคำตอบของเเจ็คสัน ปีเตอร์ เเละ เเฮร์รี่ เเสดงความตกใจ
เนื่องจากก่อนหน้านี้เรื่องของเวน่อมเเละเทพปีศาจ ปีเตอร์เเละเเฮร์รี่ ก็ได้รู้จักอิทธิพลที่ถูกเรียกว่าผู้สืบเชื้อสายเเรกเริ่มของโลก หรือก็คือ พ่อมด พวกเขาได้ช่วยทั้งสองคนเอาไว้ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น เเต่เพราะทั้งสองคนไม่มีสติจากสถานการณ์ในตอนนั้นจึงไม่ค่อยรู้สึกผูกพันธ์กับอิทธิพลของพ่อมดมาก
“ก่อนหน้านี้ฉันได้บอกพวกนายเกี่ยวกับจอมเวทย์สูงสุดของโลก ฉันได้ไปที่นั่นเพื่อพบเขา เอาเป็นว่าเราค่อยพูดคุยเรื่องนี้กันอีกทีเเล้วกัน”เเจ็คสันกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ ฉันจะพาพวกนายไปรู้จักเพื่อนใหม่คนนี้ เขามีชื่อว่า ธอร์”เเจ็คสันกล่าวต่อ
“ก่อนหน้านี้ นายพูดเชิดชูเพื่อนคนนี้มาก ฉันเองก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน หวังว่าจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง”เเฮร์รี่ยิ้มตอบ
“ธอร์อาศัยอยู่ในระเเวกนี้เเหละฉันรับรองว่าพวกนายจะต้องไม่ผิดหวังกับเพื่อนธอร์คนนี้ของเราเเน่นอน”เเจ็คสันยิ้มออกมาก่อนที่จะนำทางปีเตอร์เเละเเฮร์รี่
ในขณะที่เเจ็คสันกำลังพาปีเตอร์เเละเเฮร์รี่เพื่อไปพบธอร์,วอชิงตัน S.H.I.E.L.D. สำนักงานใหญ่ได้รับข่าวเรื่องของมิราจไนท์ที่ติดต่อกับบุคคลึกลับสองคน บุคคลเเรกที่ได้รับข้อมูลสำคัญนี้ก็คือ หัวหน้านิค
คลิ๊ก~
บนชั้นบนสุดของสำนักงาน นิคนั่งอยู่บนเก้าอี้มือขวาของเขากดเล่นวิดีโอเเละภาพทั้งหมดที่เเสดงอยู่บนหน้าจอ
“ในระบบไม่มีข้อมูลตัวตนของคนเหล่านี้ ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยมีตัวตนมาก่อน”นิคได้เเสกนใบหน้าของคนเหล่านั้นเทียบกับฐานของมูลของประชาชน
เนื่องจากพ่อมด รุ่ยเคอ เเละ พ่อมดไต้เหวิ่น ไม่ได้สวมหน้ากาก ดังนั้นการปรากฏตัวของพวกเขาจึงถูกวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว เเต่สิ่งที่ S.H.I.E.L.D. ได้ก็คือความว่างเปล่า คนเหล่านี้ไม่มีฐานข้อมูล อีกอย่างจะต้องรู้ว่า S.H.I.E.L.D. คือองค์กรขนาดใหญ่ของโลก เป็นองค์กรของรัฐ เพียงเเค่ประวัติของคนไม่กี่คนพวกเขาสามารถค้นหาได้อย่างไม่ยาก
ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงหลังสิ้นสุดภัยคุกคามจากพวกไฮดร้า ภายใต้โปรเจ็คอินไซต์ S.H.I.E.L.D. ได้ดำเนินการเก็บฐานข้อมูลของผู้คนทั่วโลกมาไว้ในฐานข้อมูลของ S.H.I.E.L.D. เพื่อบันทึกเอาไว้ เเน่นอนว่ามันเเทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะพลาดรายชื่อของ พ่อมด รุ่ยเคอ เเละ พ่อมดไต้เหวิ่น
“คนเหล่านี้เป็นกองกำลังอิทธิพลที่สนับสนุนมิราจไนท์อยู่งั้นหรอ? พวกเขามีความสามารถในการเปิดประตูมิติไปไหนก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่ใช่พวกมิวแทนท์”จ้องมองไปที่การวิเคราะห์จากภาพในวิดีโอ นิคขมวดคิ้วเเน่น
เเม้ว่าตอนนี้ ทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ กับ S.H.I.E.L.D. จะมีเเผนร่วมมือกัน เเต่ก็ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขในการกำจัดพวกไฮดร้า นอกจากนี้ข้อมูลที่พวกเขามีต่อทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์เองก็น้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มิราจไนท์
“ไม่ว่าอะไรก็ตามที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของมิราจไนท์เห็นได้ชัดว่าเราไม่ควรสร้างความขัดเเย้งระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเรา”นิคกล่าววิเคราะห์ออกมา ตอนนี้ S.H.I.E.L.D. เเละ ทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ หรือ มิราจไนท์ มีความสัมพันธ์ที่ดี เเม้ว่าตอนนี้จะมีผลประโยชน์ภายใต้ร่วมมือในการจัดการพวกไฮดร้าร่วมกันก็ตาม
ฟุ่บ!
ในที่สุดนิคก็โบกมือปิดข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ทั้งหมด จากนั้นเขาก็ได้เปิดข้อมูลอื่น ๆ ขึ้นมามันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับพวกไฮดร้า ตอนนี้หน้าที่หลักสำคัญที่สุดของ S.H.I.E.L.D. ก็คือการกำจัดไฮดร้าให้เร็วที่สุด
ตอนที่ 336
เเจ็คสันพาทั้งสองคนมาถึงที่อพาร์ทเมนต์ของธอร์
ฟุ่บ~
“ขึ้นไปกันเถอะ”เเจ็คสันเดินขึ้นบันไดไปซึ่งปีเตอร์เเละเเฮร์รี่เองก็เดินขึ้นตามไป
ตึก ตึก ~
เพียงเเต่ว่าในขณะที่ ทั้งสามคนกำลังเดินขึ้นไปอยู่พื้นที่พวกเขากำลังเดินเหมือนกับกำลังสั่นสะเทือนด้วยอะไรบางอย่าง
ตึก ๆ
ขณะที่พวกปีปเตอร์กำลังสงสัย ชายร่างยักษ์ก็ปรากฏตัวที่ด้านหน้าของพวกเขาก่อนที่จะคว้าตัวสวมกอดเเจ็คสันอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่า,เเจ็คสัน ในที่สุดเจ้าก็มา”การปรากฏตัวของธอร์เเม้เเต่เเจ็คสันก็ยังอึ้ง
ปีเตอร์เเละเเฮร์รี่ก่อนหน้านี้เองก็ตื่นตัวตลอดเวลา เพียงเเต่หลังจากเห็นเเจ็คสันไม่มีปฏิกิริยาปฏิเสธพวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายเเละจ้องมองไปที่ธอร์ชายที่มีส่วนสูงมากกว่า 1.9 เมตร
“ธอร์,ฉันรู้ว่าคุณรอฉันอยู่นานพอสมควร เเต่ไม่ใช่ว่าจะมาทักทายกันด้วยวิธีเช่นนี้!”เเจ็คสันกระเเอมไอออกมาสองที หลังจากเเจ็คสันก็พยายามถอดอ้อมเเขนของธอร์ออก
เเม้ธอร์จะมีพละกำลังที่เเข็งเเกร่ง เเต่เขาก็ไม่มีพลังเหนือธรรมชาติเหมือนเเต่ก่อน ในที่สุดร่างกายของเเจ็คสันก็ได้รับความผ่อนคลายทันที
“ฮ่าฮ่าโทษทีข้าตื่นเต้นไปหน่อย เเล้วทั้งสองคน?”ธอร์จ้องมองไปที่ ด้านหลังของเเจ็คสันเเละกล่าวถาม
“ดีฉันจะเเนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือปีเตอร์เเละเเฮร์รี่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน”หลังจากทักทายกันเสร็จเเจ็คสันก็เเนะนำปีเตอร์กับเเฮร์รี่ให้ธอร์รู้จัก
“เจ้าหนูทั้งสอง,สวัสดี ข้า ธอร์”ได้ยินการเเนะนำของ เเจ็คสัน ธอร์กล่าวทักทาย ปีเตอร์เเละ เเฮร์รี่ ก่อนที่จะยื่นมือออกไป
เเม้ธอร์จะเป็นมนุษย์ธรรมดาในตอนนี้เเต่เขาก็มีพละกำลังทางกายที่เเข็งเเกร่งนอกเหนือจากเเจ็คสันเเล้วเขาคิดว่ามนุษย์ธรรมดาไม่อาจต่อกรกับเขาได้ ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่ว่าคนทั่วไปไม่ใช่คู่มือของเขา ดังนั้นเขาจึงดูถูกเจ้าตัวกระเปี๊ยกทั้งสองคนนี้
“สวัสดี ,ฉัน ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์”เห็นธอร์พูดจา เหยียดยามตัวเอง ปีเตอร์ไม่ได้เเสดงอาการตื่นตระหนกเเต่อย่างใด เขาเพียงตอบกลับด้วยความสุภาพ
ฟุ่บ!
มือของธอร์ได้สัมผัสกับมือของปีเตอร์ซึ่งปีเตอร์ได้ออกเเรงบีบมือขนาดใหญ่ของธอร์จนทำให้ธอร์หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยดูเหมือนเขาจะประเมินปีเตอร์ผิดไป
กึก
ธอร์เองเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา เเต่ในฐานะเจ้าชายคนโตของเเอสการ์ด ที่น่าภาคภูมิใจไม่มีทางที่เขาจะเเสดงความอ่อนเเอออกมา ดังนั้นเขาจึงออกเเรงบีบ ซึ่งทั้งสองคนกำลังใส่เต็มเเรงกันเพื่อเเข่งขัน
อย่างไรก็ตามธอร์กลับประหลาดใจมาก ความเเข็งเเกร่งของด้อยกว่าเจ้าหนูนี่ เเม้จะไม่มีพลังเหนือธรรมดา เเต่ร่างกายของธอร์ก็เเข็งเเกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายเท่า
ฟุ่บ~
เมื่อจับมือทักทายกันเสร็จธอร์ที่เห็นว่าสู้ไม่ได้เขาก็ผ่อนเเรงบีบลงปีเตอร์เองก็คลายมือออก เขาเองก็ตกใจเกี่ยวกับพละกำลังของธอร์เหมือนกัน
“เฮ้,เเจ็คสัน สหายคนนี้ เป็นเหมือนกับเจ้างั้นหรอ?”ธอร์ถอนมือกลับมาเเละบีบมือตัวเองเพื่อคลายความเขินอาย
ความเเข็งเเกร่งของเเจ็คสัน ธอร์รู้ดี เเน่นอนว่าเขาในตอนนี้ไม่ใช่คู่มือของเเจ็คสัน เเต่สำหรับปีเตอร์ ธอร์ไม่คิดเลยว่าเขาจะเเพ้ด้านพละกำลังดังนั้นเขาจึงรู้สึกสงสัย
การเเข่งขันระหว่าง ธอร์ เเละ ปีเตอร์ เเน่นอนว่าเเจ็คสันเองก็รู้ เเต่เขาไม่ได้ห้าม การปล่อยให้ เพื่อนต่างดาวคนนี้ดูถูกเพื่อนของเขาไม่ใช่เรื่องที่ดี ดังนั้นเขาจึงต้องเเสดงให้เห็นว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
“เเน่นอนว่าเราไม่เหมือนกัน หากเทียบด้านความเเข็งเเกร่งบางทีฉันอาจจะด้อยกว่าเขา”เห็นธอร์กล่าวถาม เเจ็คสันยิ้มตอบออกมา ที่เเจ็คสันพูดออกมาเป็นความจริงปัจจุบันความเเข็งเเกร่งของเขาหากเทียบกับสไปเดอร์แมนยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นอัตราการเจริญเติบโตของสไปเดอร์เเมนเองก็สูงมาก
“เเข็งเเกร่งกว่าเจ้า?”ธอร์ที่ได้ยิน เขาไม่เชื่อคำพูดของ เเจ็คสัน อย่างเเน่นอน เขารู้ถึงพละกำลังความเเข็งเเกร่งของเเจ็คสันดี
“สวัสดี,ฉัน เเฮร์รี่ ออสบอร์น”เห็นธอร์ปะทะกับปีเตอร์ เเฮร์รี่ ก็ยื่นมือออกมาเเละส่งยิ้มให้
“…”เห็นเเฮร์รี่ที่พูดจาสุภาพคล้าย ๆกัน เเละต้องการจับมือธอร์ เเจ็คสันที่เห็น ก็ยิ้มออกมา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ห้ามเรื่องนี้เเละสร้างทำเป็นมองไม่เห็น
“สวัสดี”ธอร์ยื่นมือไปจับมือของเเฮร์รี่ เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ธรรมดา หากอีกฝ่ายตอบโต้เขา เขาก็จะตอบโต้กลับอย่างไม่ลังเล
อย่างไรก็ตามธอร์กลับคิดผิด เขารู้ว่า เเฮร์รี่ ย่อมไม่ใช่เด็กธรรมดา เเต่การจับมือครั้งนี้ ค่อนข้างเงียบสงบมากเป็นเพียงการจับมือทักทายกันด้วยความสุภาพเพียงเท่านั้น เทียบกับปีเตอร์ที่ต้องการเเสดงความเเข็งเเกร่งของตัวเองออกมาเพื่อตอบโต้ เเฮร์รี่ ดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก
“ตอนนี้พวกเราก็ทำความรู้จักกันเสร็จเเล้วพวกเราคงไม่ร่วมสนทนากันตรงบันไดนี่หรอกใช่ไหม?”เห็นความประหลาดใจของธอร์ เเจ็คสัน เเอบลอบขำในใจ
“อืม,ข้าก็คิดงั้น เอาเป็นว่าขึ้นไปที่ห้องข้าก่อนเถอะ ข้าว่าจะไปที่ซูเปอร์มาเก็ต เพื่อซื้อผลไม้สักหน่อย”ได้ยินเสียงเตือนของเเจ็คสัน ธอร์พูดอย่างเร่งรีบ
จากนั้นธอร์ก็พาทั้งสามคนเดินเข้าไปที่ห้องของเขา
…
ในขณะที่เเจ็คสันพาเพื่อนของเขาไปทำความรู้จักเเนะนำกับธอร์,ภายใน โรงเรียน X
ในห้องใต้ดินใต้ปราสาทของโรงเรียน X,มีฐานลับของทีม X-MEN ที่เต็มไปด้วยวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยีอยู่ เเน่นอนว่าการป้องกันของที่นี่สูงมาก ในสถานที่เเห่งนี้ นอกเหนือจาก ศาสตราจารย์ชาร์ลส์เเล้ว ก็ยังมีสมาชิกทีม X-MEN อีกสองคน
“ศาสตราจารย์พวกเราจะทำเช่นนี้ จริง ๆ งั้นหรอ?”ไอซ์แมน โรเบิร์ต กล่าวพูดขึ้น ในฐานะ มิวแทนท์ระดับ 5 เขาเป็นหัวหลักสำคัญของทีม X-MEN
ไอซ์แมนเองก็คาดหวังเกี่ยวกับเเผนการของศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ,ศาสตราจารย์ต้องการเปลี่ยนเเปลงความเป็นอยู่ของทีม X-MEN เเละให้พวกมิวแทนท์สามารถใช้ชีวิตที่สงบบนโลกได้
“ แฮงค์นายคิดยังไง?”ศาสตราจารย์ไม่ได้ตอบคำถามของ ไอซ์แมน เขาหันศีรษะไปถาม คนคนนึง ซึ่งมีลักษณะเหมือนชายวัยกลางคน เเต่สิ่งที่เเปลกคือร่างของเขาเหมือนกับสัตว์ป่า
“นี่อาจเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้เป้าหมายของเราสำเร็๗ ไม่สิ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเรา”ในฐานะตัวเเทนของทีม X-MEN รุ่นเเรก เขามีเชาว์ปัญญาที่ค่อนข้างสูง ซึ่ง ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ก็เคารพความคิดของ เเฮงค์
เห้อ~
จากนั้นศาสตราจารย์ชาร์ลส์ก็ควบรถเข็นออกไปจากห้องในทันที
ตอนที่ 337
“อะไรนะ?! เขาเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ งั้นหรอ?”
ในอพาร์ทเมนต์ที่เงียบสงบ เสียงของปีเตอร์ได้ดังลั่นไปทั้งห้องซึ่งเเสดงออกถึงความตกใจ ทันทีที่เเจ็คสันเล่าสถานะที่เเท้จริงของธอร์ให้ปีเตอร์เเละเเฮร์รี่ฟัง
ฟุ่บ!
“ชู่ว!!! เบาหน่อยอาจมีคนเเอบดักฟังอยู่ข้างนอกก็ได้”
ที่เเจ็คสันไม่ต้องการส่งเสียงดังเกินไปเพราะเขากลัวว่าพวก S.H.I.E.L.D. ที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกจะได้ยินบทสนทนาของพวกเขา การที่พวกเขาจะดักฟังที่นี่ได้ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ฟู่วว!”ปีเตอร์เอามือปิดปากอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็เผยอาการตกใจทางสีหน้าเเทน เทียบกับเเฮร์รี่เเล้ว การตอบสนองของเขาไม่ได้เทียบเท่าปีเตอร์ เเต่ก็นับว่าเป็นข่าวที่เเปลกใจพอสมควร
“นี่เป็นเรื่องจริงหรอเเจ็คสัน เขาเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ ?”เเฮร์รี่ที่นั่งเงียบอยู่ตรงข้ามมนุษย์ต่างดาว ธอร์ เขากล่าวถามออกมาอย่างจริงจัง
เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก ปีเตอร์ เเละ เเฮร์รี่ ไม่ใช่ไม่เคยพบเห็น ก่อนหน้านี้ ปีเตอร์ก็เคยกลายเป็นเวน่อม นี่เป็นปรสิตจากต่างดาว เเน่นอนว่า เทพปีศาจ ของเเฮร์รี่เองก็เช่นเดียวกัน ตัวตนเหล่านี้ คล้ายอสูรกายที่น่าเกลียดน่ากลัว เเต่ธอร์ที่เบื้องหน้าของพวกเขาเเม้จะเป็นมนุษย์ต่างดาวเเต่ยังคงรูปลักษณ์เเละมีลักษณะเหมือนมนุษย์ทุกประการ
“จริงเเท้เเน่นอน”เเจ็คสันตอบกลับด้วยความหนักเเน่น
“เฮ้,เเจ็คสัน เเม้ว่าพวกเราจะเป็นสหายกัน เเต่ใช่ว่าเจ้าควรเผยความลับของข้าเเก่คนอื่นง่าย ๆ ?”ธอร์กล่าวเตือนเเจ็คสันอย่างรวดเร็ว
เเม้ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรที่คนอื่นรู้สถานะของเขา เเต่มันก็เป็นบาดเเผลทางใจเหมือนกัน เขาถูกเนรเทศออกมา จากเจ้าชายเเห่งเเอสการ์ดผู้ยิ่งใหญ่ได้กลายเป็นเพียงสามัญชนมนุษย์โลกธรรมดา
“เเจ็คสันดูเหมือนนายจะเจอเข้ากับเรื่องประหลาดมากมายเลยนะ”เห็นธอร์พูดอย่างระมัดระวัง ปีเตอร์ถอนหายใจออกมา
เเม้ว่าธอร์จะดูเหมือนมนุษย์ เเต่ปีเตอร์ก็เชื่อคำพูดของ เเจ็คสัน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า โลกใบนี้เป็นอารยธรรมของมนุษย์เพียงเเห่งเดียว
“อืม ก็เเค่โชคร้ายหน่ะ”เเจ็คสัน กล่าวว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุเพียงเท่านั้น
“เช่นนั้น ธอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษใช่หรือไม่? เพราะเขามาถึงที่โลกโดยไม่มีคนค้นพบได้?”เทียบกับปีเตอร์ เเฮร์รี่ คิดในหลักการสำคัญ
สิ่งมีชีวิตพิเศษนั้นจะเรียกอย่างนั้นก็ได้ เพราะธอร์คือตัวตนพิเศษ เเต่เขาไม่คิดเลยว่าเเฮร์รี่จะเปรียบเทียบสิ่งมีชีวิตพิเศษเข้ากับธอร์
เเต่เมื่อเทียบกับปีเตอร์เเล้ว เเฮร์รี่ กลับเลือกคำถามได้อย่างชาญฉลาดเขาดูเหมือนผู้ใหญ่มาก
“สิ่งมีชีวิตพิเศษ จะเรียกเช่นนั้นก็ได้ เเต่ที่ธอร์มาที่โลกใช่ว่าเขาจะไม่ถูกค้นพบ เพราะพวก S.H.I.E.L.D. ก็ยังคงรู้สถานะของธอร์”เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเเฮร์รี่ เเจ็คสันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“สิ่งมีชีวิตพิเศษอะไรกัน?! ข้าก็เเค่มนุษย์คนนึง”เห็นเเจ็คสันตอบคำถามอีกฝ่าย ธอร์กล่าวขึงตาใส่เเจ็คสัน
เเต่ในบรรดาเด็กทั้งสามคนนี้ คำถามของเเฮร์รี่ ไม่ได้ทำให้ธอร์รู้สึกโกรธเคือง เป็นไปได้ว่าเขาชอบเสียอีก เเฮร์รี่เเม้จะไม่ได้เเสดงให้เห็นถึงด้านที่ดุร้ายเเต่เขาก็เผยการเเสดงออกมาอย่างเป็นมิตร
“เอาน่า ธอร์,ฉันจะช่วยฟฟื้นฟูความเเข็งเเกร่งของคุณอย่างเเน่นอน”เเจ็คสันกล่าวปลอบ
ก่อนหน้านี้ โลกิได้พูดกับเขาเกี่ยวกับการช่วยธอร์เข้าใจในการสืบทอดพลังของเทพเจ้าสายฟ้าคืน เกี่ยวกับตัวตนของโลกินั้นเเจ็คสันค่อนข้างกังวล เพราะเเม้จะมีตัวตนอย่างพ่อมดคอยพิทักษ์โลกอยู่เเต่เเจ็คสันก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าโลกิจะไม่ทำอะไรเลย
“ช่วยเหลือข้า?ครั้งก่อน เจ้าบอกข้าว่า สิ่งนี้ข้าจะต้องเข้าใจมันด้วยตัวเอง เเล้วตอนนี้ ข้าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย บางทีข้าคงไม่อาจได้รับค้อนเเละพลังของข้าคืนกลับมาอีก!”ได้ยินคำพูดของ เเจ็คสัน ดวงตาของธอร์ เผยเเววตาเศร้าเล็กน้อย
โอดินได้ทำลายพลังเหนือธรรมชาติของเขาเเละฝังมันลงในค้อนเทพเจ้าสายฟ้า ตอนนี้ค้อนเทพเจ้าสายฟ้าของธอร์ไม่ได้ยอมรับธอร์เหมือนอดีต ซึ่งมันก็ค่อนข้างเป็นปัญหาพอสมควร
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ ค้อนโยเนียร์ ถูกทิ้งไว้ที่ S.H.I.E.L.D. เเม้พวกเขาจะทำการศึกษาความลึกลับของค้อนสายฟ้าเเต่ก็คงไม่ได้รับอะไรมากมายนัก
ดังนั้น เเจ็คสัน จึงฝากความหวังไว้กับ เจน บางที เธออาจสามารถช่วยธอร์ฟื้นคืนพลังได้ เเต่พวกเขากลับต้องมาเลิกรากัน นี่ค่อนข้างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
ก่อนหน้านี้ โลกิ ได้มาขอร้องเขาให้ช่วยธอร์ ตอนนั้นเขาก็รู้สึกสงสัย เเต่โลกิ ราวกับว่าไม่สนใจเเม้ธอร์จะได้รับพลังคืน กลับกัน เขาชอบที่จะท้าทายเเละต้องการเเสดงพลังของตัวเองให้โอดินเห็นว่าเขาเหมาะสมกว่าธอร์เเม้ธอร์จะได้รับพลังคืน เรื่องนี้ เเจ็คสันก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าโลกิพูดจริงหรือไม่
“อย่างไรก็ตามฉันจะหาทางให้คุณฟื้นฟูความเเข็งเเกร่งให้ได้”เเจ็คสันเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเขาก็มีเเต่จะต้องลองผิดลองถูกไปปก่อน
ค้อนเทพเจ้าสายฟ้า,เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันเองก็ทำให้เเจ็คสันรู้สึกหวาดกลัวจากส่วนลึกภายใน
“เช่นนั้น เจ้ามีเเผนจะช่วยเหลือข้าอย่างไร?”ได้ยินคำพูดของเเจ็คสัน ธอร์ รู้สึกมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
“อันดับเเรก ฉันจะช่วยคุณมองหางานก่อน”
ธอร์”…”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น