Heroes of Marvel หลุดเข้าไปในโลกมาร์เวล 324-330

ตอนที่ 324

 

เผชิญหน้ากับเด็กกว่า 10 คนที่อยู่รอบ ๆ ตัว เเจ็คสัน ค่อนข้างอึดอัดใจ เเม้ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังในนิวยอร์กเเต่ไม่คาดคิดว่าจะกระทบหรือมีผลอิทธิพลต่อเด็ก ๆ มากขนาดนี้


 


“ เห้อ ~”ได้ยินคำพูดของโรเบิร์ตที่ล้อเลียนเขา เเจ็คสัน ถอนหายใจออกมา


 


“เด็ก ๆ พวกเธอไม่ควรตื่นเต้นจนเกิดเหตุเช่นนี้ เห็นไหม พวกเธอกำลังทำให้เเขกของเรากลัวเเล้ว!”ในขณะเดียวกันชาโดว์เเคทก็ทำเป็นสื่อกลาง


 


“อาจารย์คิดตี้ มิราจไนท์เป็นมิวแทนท์ใช่ไหม?”ได้ยินคำพูดของอาจารย์คิดตี้ เด็กนักเรียนคนนึงก็ส่งเสียงดังในฐานะที่พวกชื่นชมมิราจไนท์เป็นไอดอลเเน่นอนว่าเขาคิดว่ามิราจไนท์เป็นมิวแทนท์


 


“เรื่องนี้…”ได้ยินคำพูดของนักเรียนคนนั้นชาโดว์เเคทค่อนข้างลังเลเเละมองไปที่มิราจไนท์


 


อันที่จริงทีม X-fights เหล่านี้ไม่รู้ว่า ทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ เเละคนอื่น ๆ มีต้นกำเนิดคืออะไร ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นมิวแทนท์หรือไม่ อย่างไรก็ตามพวกเขาคิดว่า มิราจไนท์ เเละ สไปเดอร์แมน คือมิวแทนท์ พวกเขาทั้งสองคนได้ปรากฏตัวขึ้นที่นิวยอร์กเเละสร้างชื่อเสียงที่ดี หากทั้งสองคนเป็นมิวแทนท์เเน่นอนว่ามันจะเอื้อประโยชน์สำหรับเหล่ามิวแทนท์ที่ชื่นชมพวกเขา


 


“ฮิฮิ,ฉันไม่ใช่มิวแทนท์หรอก”ได้ยินนักเรียนคนนั้นพูด เเจ็คสัน ก็ไม่ได้กล่าวโกหกออกมา


 


ได้ยินมิราจไนท์สารภาพความจริงว่าตัวเองไม่ใช่มิวแทนท์นักเรียนเหล่านี้เเละคิตตี้ก็รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย เเต่โรเบิร์ตเองก็เเปลกใจเล็กน้อยเพราะเขาเดาว่ามิราจไนท์ไม่ใช่มิวแทนท์อยู่ก่อนหน้าเเล้ว


 


“เเต่ในทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ของฉันมี มิวแทนท์ 2 คน”เห็นว่าอารมณ์ของเด็กนักเรียนเหล่านี้เปลี่ยนไป เเจ็คสันพูดอีกเรื่องขึ้น


 


เเจ็ค เเละ เดดพูล ถือเป็นมิวแทนท์ ส่วนเเฮร์รี่ก็มีความคล้ายมิวแทนท์ครึ่งนึง ในทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ของเขาถือว่าครบเครื่องเรื่องเหล่านี้


 


“จริงงั้นหรอ?เช่นนั้นใช่สไปเดอร์แมนหรือป่าว?”อารมณ์ของเด็กนักเรียนเหล่านี้ก็ค่อนข้างคาดหวัง หวังว่าคนที่มิราจไนท์พูดถึงจะเป็นสไปเดอร์แมนถ้าหากเป็นจริงพวกเขาจะมีความสุขมาก


 


“~ นี่เป็นความลับพวกเธอลองเดาดูสิ!”เเจ็คสันไม่ได้พูดว่าใครในทีมของเขาเป็นมิวแทนท์เเน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้ต้องการจะปิดบัง


 


ฮือ~~


 


ได้ยินมิราจไนท์พูดเช่นนี้ เหล่านักเรียนก็ค่อนข้างครุ่นคิดกันอย่างหนักหน่วง


 


“เอาล่ะ,มิราจไนท์เป็นเเขกของเรา พวกเธอไม่ควรทำตัวเช่นนี้ หากพวกเธอต้องการขอลายเซ็น เอาไว้ให้มิราจไนท์ว่างก่อนพวกเธอค่อยขอเเล้วกัน”คิตตี้กล่าวตะโกนบอก


 


ภายใต้การเเนะนำของคิดตี้โรเบิร์ตก็บอกนักเรียนเหล่านี้ให้เเยกกลุ่มกันไป ก่อนที่เขาจะนำเดินเข้าปราสาท


 


เเต่ก็มีกลุ่มนักเรียนบางคนที่ลอบติดตามไปเเต่พวกเขาก็ไม่ได้เเสดงท่าทีตื่นเต้นเพราะพวกเขารู้ดีว่าเวลาไหนควรเวลาไหนไม่ควร


 


หลังจากเดินผ่านทางยาวมา เเจ็คสัน ก็มาถึงห้องประตูใหญ่ ชาโดว์เเคท เเละ ไอซ์แมน ได้เเง้มประตูเปิดออก ก่อนที่เเจ็คสันจะมองเห็นบุคคลที่อยู่ข้างใน


 


“พวกเราเข้าไปกันเถอะ ทีม X-MEN คงรออยู่ข้างในกันเเล้ว”ไอซ์แมนกล่าวพูดขึ้นก่อนที่จะเเนะนำมิราจไนท์


 


ฟุ่บ~


 


หลังจากที่ประตูถูกเปิดออกเเจ็คสันได้เดินก้าวเข้าไปข้างในทันที ตอนนี้ หากเขาไม่สามารถถอยกลับหลังได้เเล้วเขาจะต้องเผชิญหน้ากับศาสตราจารย์ชาร์ลส์ที่เเข็งเเกร่งคนนั้น


 


ตึก ตึก~


 


เเจ็คสันมองไปรอบ ๆ เเละเห็นคนในห้องจำนวนมากที่ล้อมรอบชายชราหัวล้านอยู่


 


ในพื้นที่ห้องเเห่งนี้นอกเหนือจาก ไอซ์แมน เเละ ชาโดว์เเคท เเล้ว เเจ็คสันก็จำได้ว่าชายร่างยักษ์เเละหญิงสาวคนนั้นคือ โคลอสซัส เเละ บลิงก์ ส่วนอีกสามคนที่เหลือที่ล้อมรอบศาสตราจารย์ชาร์ลส์เขาไม่รู้จัก


 


เเต่ความสนใจของเเจ็คสันไม่ได้ตกอยู่ที่ทั้งสามคนมากนัก สิ่งที่เขากังวลเเละให้ความสำคัญที่สุดก็คือชายหัวล้านหรือ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ,ศาสตราจารย์ X ที่เป็นผู้นำเหล่ามิวแทนท์ในการต่อต้านพวกมิวแทนท์ที่กระทำผิด


 


“สวัสดี มิราจไนท์”เห็นมิราจไนท์เดินเข้ามา ชายชราหัวล้านก็เปิดปากยิ้ม


 


“ยินดีที่ได้พบ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์”หลังจากระบุได้ว่าชายชราหัวโล้นคือศาสตราจารย์ชาร์ลส์เเจ็คสันก็ให้ความสุภาพทันที


 


นี่เป็นครั้งเเรกที่ มิราจไนท์ ได้พบกับ ศาสตราจารย์ X เเละบรรยากาศที่ทั้งสองคนปลดปล่อยออกมาก็ค่อนข้างลึกลับ


 


“ฉันได้ยินมาว่า มิราจไนท์ คุณได้ให้ความสำคัญในการปกป้องนิวยอร์กทั้งยังช่วยเหลือเราก่อนหน้านี้ในการช่วยหยุดเดดพูลไม่ให้สร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ ดังนั้นฉันจึงต้องการขอบคุณ คุณจากใจจริง”ทันทีที่ทักทายกันเสร็จ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ก็กล่าวพูดต่อไป


 


เเจ็คสันรู้ว่า ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ เป็นมิวแทนท์ระดับ 4 ที่เเข็งเเกร่ง เขาเชื่อมาตลอดว่าตัวตนระดับนี้ย่อมเป็นตัวตนที่น่าเกรงกลัว เเต่กลับไม่คิดเลยว่า ที่เขาเห็นจะเป็นชายชราที่ดูใจดีเเละไม่เเผ่ออร่าน่าเกรงขามหรือกดดันออกมาเเม้เเต่น้อย เเต่เเจ็คสันย่อมสำผัสได้ถึงความเเข็งเเกร่งของศาสตราจารย์ชาร์ลส์ อย่างลับ ๆ


 


“ตั้งเเต่ที่ฉันเลือกเส้นทางในการเป็นมิราจไนท์ การปกป้องนิวยอร์กเป็นหน้าที่ของฉันอยู่เเล้ว ส่วนความลับผิดชอบเรื่องเดดพูลก่อนหน้านี้ ก็เป็นเเค่เรื่องบังเอิญอย่างไรก็ตามต้องขอบคุณ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ สำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ในระหว่างที่ฉันถูกจับตัวไปโดยพวกไฮดร้า ฉันรอดมาได้ก็ต้องขอบคุณพวกคุณทีม X-MEN”ได้ยินคำพูดของ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ เเจ็คสันพูดด้วยรอยยิ้ม ธรรมชาติ เขาสวมหน้ากากอยู่ทำให้ไม่สามารถเห็นรอยยิ้มได้ เเต่ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ย่อมรู้ความรู้สึกที่ตั้งใจจะขอบคุณจริง ๆ ของมิราจไนท์


 


ที่เเจ็คสันสามารถหลบหนีมาได้เป็นเพราะ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ด้วยข้อมูลที่เฉพาะเเละเจาะจงทำให้ S.H.I.E.L.D. ตีกรอบพื้นที่ในการค้นหาได้มากขึ้น จนโทนี่สามารถมาช่วยเหลือเขาได้ทัน


 


“อืม,เดิมพวกเราก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดการเหล่ามิวแทนท์ที่หลงผิดเดิมเราก็ไม่คาดคิดว่าเหล่ามิวแทนท์จะไปเข้าร่วมกับพวกไฮดร้าเหมือนกัน”ได้ยินการเเสดงออกด้วยความจริงใจของ มิราจไนท์ ศาสตราจารย์ชาร์ล พยักหน้าพูด


 


“ศาสตราจารย์ชาร์ล เเท้จริงเเล้ว คุณกับทีม X-MEN คงมีเเผนในใจบางอย่างเเล้วใช่หรือไม่?”

ตอนที่ 325

 

ภายใต้คำถามถามของมิราจไนท์เเละความเงียบของศาสตราจารย์ชาร์ลส์บุคคลทั้งหมดในที่นี้กลายเป็นเงียบสนิทหลงเหลือเพียงความเงียบที่เข้าปกคลุมทั้งห้อง


 


เผชิญหน้ากับความเงียบของ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ เเจ็คสันเองก็ต้องการอยากรู้คำถามที่เขาถามออกไปธรรมชาติในความทรงจำของเเจ็คสัน การมีอยู่ของ ทีมX-MEN มีเพื่อปราบพวกมิวแทนท์ที่ทำลายกฏที่ตั้งเอาไว้เเละอยู่อย่างสงบ


 


“ในปัจจุบันฉันไม่รู้ว่า ทีมX-MEN นั้นมีความเเข็งเเกร่งเหมือนกับในภาพยนตร์หรือไม่ นอกจากนี้ศัตรูที่พวกเขาจะต้องเผชิญยังน่ากลัวกว่าในภาพยนตร์อยู่หลายเท่าดังนั้นฉันจึงต้องการความร่วมมือจากพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน”เเจ็คสันครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ


 


“เอาเป็นว่าฉันจะตอบคำถามที่คุณสงสัยทั้งหมดเอง”หลังจากผ่านบรรยากาศที่เงียบสงบไป ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ก็พูดขึ้น


 


“อืม”ได้ยินคำพูดของศาสตราจารย์ชาร์ลส์เเจ็คสันรู้สึกคาดหวังอยู่เช่นเดียวกัน


 


จากนั้นศาสตราจารย์ชาร์ลส์ก็เเนะนำอีกทั้งสามคนให้รู้จัก ซึ่งเเจ็คสันเหมือนจะคุ้นเคย เเต่เขาก็เหมือนจะนึกไม่ออก หลังจากนั้นเขาก็ได้ฟังภารกิจต่าง ๆ ของทีม X-MEN ซึ่งเเจ็คสันเองก็ประทับใจอย่างมาก


 


“มิราจไนท์คุณถามว่าฉันกับทีม X-MEN มีเเผนอะไรในใจใช่หรือไม่? เเน่นอนว่าคุณเดาได้ถูกต้องพวกเราย่อมมีเเผนที่วางเอาไว้นั่นเป็นเหตุผลที่เราเชิญคุณมา”


 


“ทีม X-MEN ของเราจะไม่หลบซ่อนตัวเพื่อคอยปกป้องมนุษย์อย่างเงียบ ๆ อีกต่อไปเเล้ว มันถึงเวลาที่พวกเราจะต้องเปลี่ยนเเปลงหลายอย่างเพื่อให้เหล่ามิวแทนท์อย่างพวกเราอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้”


 


“เป็นเวลากว่าหลายปีที่เราเหล่ามิวแทนท์ได้หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังเเละคอยปกป้องเหล่ามิวแทนท์ที่อ่อนเเอ ดังนั้นนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันสร้าง โรงเรียน X ขึ้น เเละยอมรับเด็กที่กลายเป็นมิวแทนท์หลายคนเท่าเข้ามา เเต่การกระทำเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนเเปลงสถานการณ์เดิมของเหล่ามิวแทนท์ในโลกนี้ได้ดังนั้นฉันจึงต้องการสิ่งที่จะเปลี่ยนเเปลง,เป็นความเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่ของเรา”


 


“เราต้องการร่วมมือกับทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์”จ้องมองไปที่ใบหน้าของมิราจไนท์ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ได้พูดออกมาถึงประเด็นสำคัญ


 


เเม้ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ที่เเสดงภาพลักษณ์อ่อนโยนก่อนหน้านี้จนเเจ็คสันประหม่าไปพอหลังจากเขาพูดคำนี้ออกมามันทำให้เเจ็คสันเปลี่ยนสีหน้า เเจ็คสันเดาถูกต้อง ทีมX-MEN ต้องการ การสนับสนุนจากทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ของเขา ในอีกมุมมองนึงมันเป็นความร่วมมือระหว่างมนุษย์เเละมิวแทนท์ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ต้องการเปลี่ยนเเปลงความคิดที่ผู้คนบนโลกมีต่อมิวแทนท์


 


ความเด็ดขาดของศาสตราจารย์ชาร์ลส์ในตอนนี้เหมือนกับ เเมกนีโต อีริก พวกเขามีความคล้ายคลึงกัน ตัวตนทั้งสองนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่เเข็งเเกร่ง ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ได้สร้างทีม X-MEN ขึ้นมา ส่วนเเมกนีโต อีริก ก็สร้างขุมกำลังมิวแทนท์


 


“ไอซ์แมนหาเก้าอี้ให้มิราจไนท์นั่งหน่อย”ทันทีที่คำพูดของศาสตราจารย์ชาร์ลส์หลุดออกไป ทุกคนในห้องนี้ก็กลายเป็นเงียบสงบ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์โบกมือให้ททุกคนนั่ง


 


ศาสตราจารย์ชาร์ลส์เพียงต้องการให้เหล่ามิวแทนท์อยู่รอดในโลกใบนี้ ความคิดของเขาเป็นเหตุการณ์เเรกที่ทำให้เเมกนีโตเปลี่ยนไป


 


เพราะว่าโลกใบนี้ไม่ต้อนรับพวกมิวแทนท์เเมกนีโตที่ต้องการให้พวกมิวแทนท์อยู่รอดเขาได้ทำทุกวิถีทางเพื่อจะทำเช่นนี้ หากพวกมนุษย์ธรรมดาไม่ต้อนรับเขา เขาเองก็ไม่จำเป็นจะต้องต้อนรับคนเหล่านั้น


 


ดังนั้นเเมกนีโตจึงเริ่มเเผนการที่จะเเสดงให้เห็นถึงความสามารถของเหล่ามิวแทนท์ที่ไม่จำเป็นจะต้องฟังเสียงใคร ตัวตนของพวกเขาคือวิวัฒนาการของมนุษย์โลก


 


หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็นั่งลงเเละเฝ้ารอคำตอบจากมิราจไนท์ บรรยากาศภายในห้องกลายเป็นเงียบสงบกว่าที่ผ่านมา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญทั้งยังออกมาจากปาก ศาสตราจารย์ชาร์ลส์

 

 

 


ตอนที่ 326

 

“มิราจไนท์คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”เห็นมิราจไนท์เงียบเเละครุ่นคิด ปัจจุบันศาสตราจารย์ชาร์ลส์ต้องการรู้ความรู้สึกของมิราจไนท์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากาก


 


ในความเป็นจริงที่ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ตัดสินใจเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก ตอนนี้สถานการณ์ของโลกไม่ค่อยต้อนรับเหล่ามิวแทนท์ ดังนั้นศาสตราจารย์ชาร์ลส์จึงคิดเเผนสำรอง เเน่นอนว่าหากตายไป ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเหล่ามิวแทนท์จะได้อยู่อย่างสงบสุขตามที่เขาหวังไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับเเรงกดดันหรืออิทธิพลใหญ่ต่าง ๆ โดยเฉพาะเป้าหมายหลักนั่นก็คือการจัดการเหล่ามิวแทนท์ที่เป็นลูกน้องของเเมกนีโต ที่หลงเดินในเส้นทางที่ผิด


 


ดังนั้นศาสตราจารย์ชาร์ลส์จึงมองหากลุ่มพันธมิตรที่สามารถไว้วางใจได้ สามารถฝากทีม X-MEN ของเขาให้อีกฝ่ายดูเเล นี่เป็นความตั้งใจเดิมของเขา เเละกลุ่มพันธมิตรที่ว่านี้จะต้องไม่มีอคติกับพวกมิวแทนท์หรือการใช้อำนาจจากพลังเหล่านี้เพื่อความคิดของตัวเอง เฉกเช่นเเมกนีโตที่จะใช้พลังของตัวเองในการโค่นล้มกฏของโลกเพราะงี้ ศาสตราจารย์จึงไม่ต้องการร่วมมือกับเเมกนีโต เเละ มองหากลุ่มพันธมิตรผู้พิทักษ์ ที่เป็นกลุ่มฮีโร่คอยปกป้องผู้คน


 


ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ได้พิจารณาความเเข็งเเกร่งของลูกทีมในทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์เเล้วซึ่งมันค่อนข้างไม่เลว ทั้งกลุ่มเหล่านั้นยังมีเหล่ามิวแทนท์อยู่ด้วย กุญเเจสำคัญก็คือ มิราจไนท์ เขามีความสัมพันธ์กับ โทนี่ สตาร์ก กองทัพไอรอนแมนของ โทนี่ ถือเป็นขุมกำลังขนาดใหญ่ ทั้งมิราจไนท์ก็ยังมีความสัมพันธ์กับ S.H.I.E.L.D. ขุมกำลังภาครัฐ นี่เป็นเหตุผลที่ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ตัดสินใจที่จะร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรผู้พิทักษ์


 


“เรื่องนี้…ความจริงเเล้วฉันเองก็ต้องการเอ่ยเปิดพูดเรื่องนี้กับศาสตราจารย์เหมือนกัน ไม่คาดคิดว่าคุณจะเป็นฝ่ายชักชวนก่อนแบบนี้”เดิมเเจ็คสันเเม้จะหวาดกลัวศาสตราจารย์ชาร์ลส์เเละเงียบไปนาน เเต่เขาเองก็ไม่มีเหตุผลจะต้องปฏิเสธ


 


ยิ่งไปกว่านั้น ทีมX-MEN เเละ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี พวกเขาไม่ได้ต้องการความคิดที่จะล้มล้างกฏของโลก เหมือนกับเเมกนีโตอีริก ที่คิดจะล้มล้างกฏของโลกเเละให้เหล่ามิวแทนท์ปกครองโลกเเทน ความคิดของศาสตราจารย์ชาร์ลส์นั้นคือการทำให้มนุษย์โลกกับเหล่ามิวแทนท์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข


 


ดังนั้นเเจ็คสันจึงชื่นชอบความคิดเปลี่ยนเเปลงของศาสตราจารย์ชาร์ลส์ อย่างไรก็ตามการทำงานร่วมกันย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่างเเจ็คสันยังไม่รู้จักศาสตราจารย์ชาร์ลส์ดี ดังนั้นเขาจึงต้องการคุยรายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มเติม


 


“ฮ่าฮ่า,ฉันคาดไว้เเล้วว่าคุณจะต้องตอบแบบนี้”ได้รับคำตอบจากมิราจไนท์ ศาสตราจารย์ ชาร์ลส์ ราวกับคาดคำตอบเอาไว้อยู่ก่อนเเล้ว


 


“เพียงเเต่พวกเราคงต้องหารือเกี่ยวกับรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งฉันยังต้องการทราบจุดมุ่งหมายของ ทีมX-MEN เเละ การเปลี่ยนเเปลงในปัจจุบัน ฉันต้องขอให้คุณเข้าใจเพราะฉันอยากจะรู้ว่าทำไมคุณถึงคิดการเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่นี้ขึ้นมา”เเจ็คสันกล่าวถามมูลเหตุทั้งหมดออกมา


 


การร่วมมือกับทีม X-MEN เดิมก็เป็นจุดประสงค์หลักในการมาที่นี่ทั้งเขายังต้องการทีมพันธมิตรที่สมบูรณ์แบบ เเต่ความคิดของศาสตราจารย์ชาร์ลส์ต้องการเปลี่ยนเเปลงความอยู่รอดของเหล่ามิวแทนท์ทั้งหมด ดังนั้นเเจ็คสันจึงต้องการรู้มูลเหตุเริ่มต้นในความคิดของศาสตราจารย์ชาร์ลส์


 


“เเน่นอน,เราจะพูดเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง มิราจไนท์สถานที่เเห่งนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ พวกเราเข้าไปข้างในกันดีกว่า”ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ไม่ได้กล่าวปฏิเสธ เขาได้เชิญมิราจไนท์ไปยังห้องลับของโรงเรียน X


 


ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ต้องการสร้างพื้นที่ห้องที่มิดชิด เขาใช้พลังจิตของตัวเองครอบคลุมห้องเพื่อป้องกันการเเอบลอบฟังต่าง ๆ


 


เกี่ยวกับการกระทำของ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์เเจ็คสันก็เข้าใจเช่นเดียวกัน สมาชิกหลักทีม X-MEN ได้มารวมตัวกันที่ห้องนี้สำหรับคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ทีม X-MEN พวกเขาได้ถูกเชิญออกไป


 


จากนั้นศาสตราจารย์ชาร์ลส์ก็ขอพูดคุยกับมิราจไนท์สองต่อสองเเละเชิญทุกคนออกไปซึ่งทุกคนก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว


 



 


หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เเจ็คสันก็ออกจากโรงเรียน X ธรรมชาติเขาเดินทางไปเยี่ยมเด็ก ๆ เเละเเจกลายเซ็นของตัวเองทิ้งไว้มากมาย เเละเขาก็ให้สัญญากับเด็ก ๆ ว่าจะพาสไปเดอร์แมนมาเยี่ยมที่นี่


 


ธรรมชาติหากมีโอกาสเเจ็คสันก็จะพาปีเตอร์มาที่นี่เช่นเดียวกัน เพราะเขาอยากให้ลูกทีมของเขาทำความรู้จักกับทีม X-MEN


 


หน้าทางเข้าของโรงเรียน X เเจ็คสันไม่ได้คาดหวังว่าใครจะติดตามเขาหรือไม่ เขาได้ดึงยานบินขึ้นเเละเดินทางออกไปจากสถานที่เเห่งนี้มุ่งหน้าไปยังเขตเมืองนิวยอร์ก


 


ฟุ่บ!


 


“ดูเหมือนศาสตราจารย์ชาร์ลส์ต้องการจะรวมกลุ่มกับพวก S.H.I.E.L.D. เละ กองกำลังของ โทนี่ ผ่านทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ของฉัน”ในขณะบินมุ่งหน้าเข้าสู่เขตเมืองนิวยอร์กเเจ็คสันครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ


 


ในหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เเจ็คสัน เเละ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ได้พูดคุยกันอย่างดุเดือด ธรรมชาติ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ได้บอกเหตุผลทั้งหมดในความร่วมมือครั้งนี้


 


เเจ็คสันเองก็รู้สึกสงสัยเดิมศาสตราจารย์ชาร์ลส์ต้องการความร่วมมือจากโทนี่ก่อนหน้านี้ เเต่เขากลัวว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุนเเละตอบปฏิเสธกลับมา


 


ดังนั้นศาสตราจารย์ชาร์ลส์จึงได้ร่วมมือผ่านเขา,เเละอีกเรื่องนึงศาสตราจารย์ชาร์ลส์ที่เป็นตัวตนที่เเจ็คสันกังวลเขาไม่ได้พยายามที่จะควบคุมจิตใจเเละลอบดูความลับของเเจ็คสันซึ่งนี่ทำให้เขารู้สึกหายกังวลทันที


 


ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ได้ยื่นข้อเสนอกับเเจ็คสันในการร่วมมือกับทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์พวกเขาต้องการสู้เพื่อสันติภาพของโลกหากเพื่อปกป้องโลกนี้พวกเขาจะสนับสนุนด้านกำลังอย่างเต็มที่ เเน่นอนว่าเพื่อสันติภาพของโลกขั้นเเรกคือการกำจัดองค์กรไฮดร้าออกไป


 


นอกจากนี้ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ยังมีคำร้องขอของตัวเองอยู่นั่นก็คือ เมื่อรัฐบาลพยายามจะกีดกันเหล่ามิวแทนท์ ทีมพันธมิตรผู้พิทักษ์ เเละ กองกำลังไอรอนแมน จะต้องยืนข้างสนับสนุนกลุ่มมิวแทนท์ เนื่องจากศาสตราจารย์ชาร์ลส์วางเเผนการเปลี่ยนเเปลง เขาต้องการที่จะให้เหล่ามิวแทนท์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขร่วมกับมนุษย์คนอื่น ๆ


 


สำหรับคำร้องขอของศาสตราจารย์ชาร์ลส์เเจ็คสันไม่ได้ปฏิเสธ รวมถึงกลุ่มพันธมิตรผู้พิทักษ์ของเขา ซึ่งสำหรับโทนี่เเล้วก็เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับโทนี่ เเละโทนี่ ก็ไม่ได้เกลียดชังมิวแทนท์ เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีมันสมองล้ำเลิศ เเน่นอนว่าเหล่ามิวแทนท์ในความคิดของเขาก็คือวิวัฒนาการของมนุษย์


 


ฟุ่บ!


 


“ทีนี้ฉันจะได้เริ่มต้นจัดการพวกเเกเสียที องค์กรไฮดร้า !!!”ในระหว่างที่เเจ็คสันขับยานบินลอยอยู่บนอากาศเขาได้สบถออกมาอย่างเย็นชา

 

 

 


ตอนที่ 327

 

ฮึ่ม!


 


ในขณะที่เเจ็คสันขับยานบิน บินเข้าทางใจกลางเขตเมืองนิวยอร์กโทรศัพท์ข้างกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น


 


“อืม,ใครกันนะ ใช่ปีเตอร์รึเปล่า”เเจ็คสันเอื้อมมือล้วงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู


 


วันนี้ก่อนที่จะไปที่โรงเรียน X เเจ็คสัน ปีเตอร์ เเละ เเฮร์รี่ ได้ทำข้อตกลงกันไว้เขาบอกว่าจะพาไปทำความรู้จักกับธอร์ นอกจากนี้ เเจ็คสันยังต้องการมองหางานให้ธอร์ทำอีกด้วย


 


“อืม,ใครกันนะไม่ระบุเบอร์”หลังจากเปิดโทรศัพท์ดูเเจ็คสันก็บ่นพึมพัมออกมาเพราะมันไม่ใช่โทรศัพท์ของปีเตอร์หรือเเฮร์รี่


 


ฮึ่ม~


 


เเจ็คสันได้ลอยยานบินของเขาให้อยู่ห่างจากพื้นดินเพียงหนึ่งเมตรก่อนที่เขาจะกดเชื่อมต่อการโทรเพื่อรับสายคนที่โทรเข้ามา


 


“สวัสดีมิราจไนท์,ฉันพ่อมดรุ่ยเคอ”หลังจากต่อสายติดเสียงของพ่อมดรุ่ยเคอก็ถูกส่งออกมา เเจ็คสันไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะโทรมาเร็วขนาดนี้


 


“สวัสดี พ่อมดรุ่ยเคอ ต้องขออภัยด้วยกับการปล่อยให้คุณรอซะหลายวันเเละยังไม่ได้ติดต่อหาคุณไป”ได้ยินเสียงของพ่อมดรุ่ยเคอ เเจ็คสัน กล่าวสั่นศีรษะ


 


“ฮ่าฮ่า,การพักผ่อนเป็นอย่างไรบ้างมิราจไนท์ อันที่จริง เราสามารถช่วยคุณฟื้นฟูร่างกายของคุณให้คืนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว”ได้ยินคำพูดของมิราจไนท์ พ่อมดรุ่ยเคอกล่าวตอบ


 


พ่อมดทั้งสองคนได้มาหาตัวเเจ็คสันเเละเเจ็คสันได้ปล่อยให้เขารอหลายวัน เเน่นอนว่าพวกเขาสามารถรอได้เพราะรู้สถานการณ์ก่อนหน้านี้ของมิราจไนท์ดี มิราจไนท์ได้ประสบอุบัติเหตุเเละต้องการเวลาพักฟื้น


 


เพียงเเต่ก่อนหน้านี้พ่อมดทั้งสองคนได้เข้าไปหาโทนี่เเละช่วยเหลือเรื่องดำเนินการทดสอบเวทมนตร์เขาได้ใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อให้สามารถติดต่อกับมิราจไนท์ได้ดังนั้นเขาจึงต้องการพาตัวมิราจไนท์ไปหาปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันโดยเร็วที่สุด


 


“ขอบคุณสำหรับน้ำใจเเต่ว่าฉันค่อนข้างดีขึ้นเยอะเเล้ว”เเจ็คสันกล่าวปฏิเสธออกไป


 


“เช่นนั้นก็วิเศษเลย คุณพอจะมีเวลาว่างพูดคุยกับพวกเราตอนนี้หรือไม่?”ได้ยินเสียงของมิราจไนท์ที่หายดี พ่อมดรุ่ยเคอกล่าวอย่างมีความสุข


 


“ตอนนี้ฉันอยู่ใกล้ตำเเหน่งถนนสีเขียว ในถนนสายหลัก xxxx เเล้ว”เเจ็คสันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการเดินทางของพ่อมดรุ่ยเคอเพราะเขารู้ดีว่าพ่อมดรุ่ยเคอสามารถเปิดประตูมิติวาปมาได้


 


ความสามารถของพ่อมดรุ่ยเคอก็เหมือนบลิงก์พวกเขามีความสะดวกในการเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว


 


ฟุ่บ!


 


ทันทีที่เเจ็คสันส่งตำเเหน่งของตัวเองให้ไป ด้านหน้าของเขาประมาณ 50 เมตรก็ปรากฏประตูรัศมีส่องเเสงขึ้นมันได้โผล่ออกมาจากอากาศบาง ๆ จากนั้นพ่อมดทั้งสองคนก็เดินออกมาจากประตูมิติเวทมนตร์


 


ตึก ตึก


 


เเจ็คสันได้ควบยานบินพุ่งไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ ไปที่ด้านหน้าของพ่อมดทั้งสองคน โชคดีที่นี่คือเขตชานเมืองนิวยอร์กมันค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากผู้คน ไม่อย่างนั้นมิราจไนท์ที่ขับยานบินเเละพ่อมดทั้งสองคนที่ปรากฏตัวออกมาจากผืนอากาศย่อมทำให้หลายคนตกใจไม่น้อย


 


ฟุ่บ!


 


พอไปถึงด้านหน้าของพวกเขา เเจ็คสันก็กระโดดลงจากยานบินลงมาที่เบื้องหน้าของพ่อมด รุ่ยเคอ เเละ พ่อมดไต้เหวิ่น


 


“สวัสดี พ่อมดทั้งสองคน”หลังจากมาถึงพื้นที่ด้านล่าง เเจ็คสันได้กล่าวทักทายอย่างสุภาพ


 


เกี่ยวกับตัวตนของเหล่าพ่อมดเหล่านี้ เเน่นอนว่าเเจ็คสันย่อมมีความหวาดกลัว เเต่เขาหารู้ไม่ว่าตัวตนพ่อมดเหล่านี้ค่อนข้างใสซื้อบริสุทธิ์ทั้งยังถูกโทนี่หลอกใช้ประโยชน์อีก


 


“สวัสดีมิราจไนท์ ในที่สุดเราก็ได้พบกัน”ทันทีที่เห็นมิราจไนท์ พ่อมดรุ่ยเคอ เเละ พ่อมด ไต้เหวิ่น ถอนหายใจออกมาในที่สุด


 


เพราะในที่สุดเขาก็ได้เจอมิราจไนท์เสียที พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันถึงให้ตามหาตัวมิราจไนท์ พวกเขาได้รู้จักกับมิราจไนท์ตอนร่วมกันกำจัดเทพปีศาจเมื่อคราวก่อนเพียงเท่านั้น เเต่ไม่ว่าอย่างไร พ่อมดรุ่ยเคอ เเละ พ่อมดไต้เหวิ่น ก็ค่อนข้างสุภาพกับเรื่องเหล่านี้


 


ธรรมชาติพวกเขาต้องทำภารกิจที่ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันมอบหมายมาให้สำเร็จลุล่วงเเม้จะใช้เวลาค่อนข้างนานในการตามหาตัวมิราจไนท์ เเต่พวกเขาก็ทำสำเร็จ


 


“ครั้งก่อนได้พวกคุณพ่อมดทั้งสองคนช่วยเหลือเรื่องนี้ตอบขอบคุณจริง ๆ ไม่งั้นฉันคงลำบากเป็นเเน่”ทันทีที่กล่าวทักทายกันเสร็จ เเจ็คสัน ได้พูดขอบคุณ


 


ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เเฮร์รี่ถูกเทพปีศาจเข้ายึดร่างหรือการจัดการเวน่อมปรสิตเเม้ว่าคนที่ช่วยจะไม่ใช่พ่อมดทั้งสองคนนี้กลับเป็นปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน เเต่เเจ็คสันก็เหมารวมพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน นอกจากนี้ตอนที่เขาถูกจับโดยพวกไฮดร้าทั้งสองคนก็เฝ้าระวังอยู่ พวกเขายังช่วยเหลือชีวิตของโทนี่จากการระเบิดของฟรานซิสทำให้ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์สามารถล้วงความรับจากฟรานซิสได้ เเจ็คสันต้องขอบคุณทั้งสองคน


 


“ฮ่าฮ่า,มิราจไนท์คุณเป็นฮีโร่พิทักษ์นิวยอร์ก การที่พวกเราจะสนับสนุนคุณย่อมเป็นเรื่องที่เราควรทำ”ได้ยินคำพูดขอบคุณจากมิราจไนท์ พ่อมดรุ่ยเคอ พูดด้วยรอยยิ้ม


 


หากเทียบมิราจไนท์กับโทนี่ การพูดจาของมิราจไนท์ย่อมดีกว่า ตอนนี้ในที่สุดเขาก็หลบหนีฝันร้ายจากโทนี่มาพบมิราจไนท์ได้ในที่สุด นั่นทำให้พ่อมดรุ่ยเคอโล่งใจ


 


“ไม่ทราบว่าพ่อมดทั้งสองคนมองหาฉันมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยงั้นหรอ?”เเจ็คสันกล่าวถามถึงประเด็นสำคัญออกมา


 


“อันที่จริงนี่เป็นปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันที่กำลังตามหาตัวคุณ ท่านต้องการพูดคุยบางอย่างกับคุณ”ได้ยินคำถามของมิราจไนท์ พ่อมดรุ่ยเคอตอบตามความจริง


 


“ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน ต้องการพบฉัน?”ได้ยินคำถามของพ่อมดรุ่ยเคอ เเจ็คสันครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ


 


“ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันต้องการพบฉัน?นั่นรู้สึกเป็นเกียรติมาก”เเจ็คสันเเม้จะคาดเดาอยู่ก่อนเเล้ว เเต่เขาก็รู้สึกสงสัยอยู่ดี


 


“ฮ่าฮ่า,ตราบเท่าที่คุณยอมตอบตกลงพวกเราสามารถพาคุณไปได้ในทันที”เห็นว่ามิราจไนท์ไม่มีท่าทีปฏิเสธพ่อมดรุ่ยเคอตอบอย่างมีความสุข


 


“เเน่นอนฉันย่อมไม่ปฏิเสธ ฉันจะปฏิเสธคำเชิญของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันได้อย่างไร”เเจ็คสันได้เตรียมพร้อมก่อนที่จะบอกกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ


 


“เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ!”


 


จากนั้นพ่อมดรุ่ยเคอก็วาดมือทำสัญลักษณ์อย่างรวดเร็ว


 


ฟุ่บ!


 


ประตูมิติเวทมนตร์สีทองได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าทั้งสามคน พ่อมดทั้งสองคนได้เดินเข้าประตูมิติไปซึ่งเเจ็คสันไม่ได้ลังเลเขาได้เดินตามเข้าไปในที่สุด


 


ฟิ้ว!

 

 

 


ตอนที่ 328

 

ประตูเวทมนตร์ลึกลับเเห่งนี้ราวกับไม่มีระยะทางจำกัดเมื่อเเจ็คสันเดินผ่านเข้าไป เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นลึกลับเเปลก ๆ โชคดีที่เขาสวมใส่ชุดสูทภูติมายา ทำให้เเจ็คสันไม่ค่อยรู้สึกเย็นมากนัก เขาได้เดินทางมาที่ คามาร์-ทัช ที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยในปัจจุบัน


 


“ด้านหน้าคือสถานที่พำนักของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน ท่านชอบอยู่อย่างสันโดษในสถานที่เเห่งนี้ ทั้งยังไม่ชอบสิ่งอำนวยความสะดวกในยุคสมัยใหม่”เดินออกจากประตูเวทมนตร์พ่อมดรุ่ยเคอกล่าวอธิบาย


 


หลังจากเดินออกมาเเจ็คสันก็ส่อประกาย เขากวาดสายตาไปโดยรอบเห็นทุ่งหิมะเเละภูเขาจำนวนมากสถานที่เเห่งนี้ค่อนข้างเป็นทิวทัศน์ที่งามตาส่อให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ไร้มลทิน


 


คามาร์-ทัช เเห่งนี้ค่อนข้างเป็นสถานที่ที่เเจ็คสันชื่นชมเบื้องหน้าเต็มไปด้วยเส้นทางทอดยาวออกไปไกลเเต่เป็นโลกที่ดูเเล้วเงียบสงบ


 


“เป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากทั้งยังตกอยู่ในภวังเเห่งความเงียบสงบที่เหมาะเเก่การพักผ่อน”มองไปรอบ ๆ เเจ็คสันบ่นพึมพัมออกมาเบา ๆ


 


เทือกเขาหิมาลัยในฐานะที่เป็นสันเขาของโลกเเม้ว่ายอดเขาจะมีออกซิเจนค่อนข้างต่ำเเต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่มีผลกับเหล่าพ่อมดพวกนี้โดยสมบูรณ์ ทั้งสถานที่เเห่งนี้กลับปกคลุมไปด้วยหิมะหนาตาทำให้รู้สึกถึงความบริสุทธิ์ของสถานที่ เเจ็คสันรู้สึกว่าจิตใจของเขาค่อนข้างสงบอย่างมาก


 


“สถานที่เเห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ๆ ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของพ่อมดคนอื่น ๆ ที่ชอบสันโดษเช่นเดียวกัน”ได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ ของมิราจไนท์ พ่อมดรุ่ยเคอกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


เเม้ว่าตัวตนเหล่าพ่อมดจะลึกลับเเละคล้ายกับตระกูลโบราณที่ดำรงอยู่มา เเต่ประชากรของพวกเขาโดยรวมเเล้วมีไม่ถึง 500 คน ดังนั้นเชื้อสายที่สืบทอดของพวกเขานั้นค่อนข้างน้อยมาก


 


เเม้จะถูกเรียกว่าอิทธิพลพ่อมด ประชากร 500 คน หากเทียบกับประชากรบนโลกเเล้วกลับน้อยมาก เเน่นอนว่ามีน้อยคนที่คนจะรู้จักสถานที่เเห่งนี้เเละเข้ามาขอความช่วยเหลือ ส่วนมากพวกเขาก็ให้ความช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่เดือดร้อนจริง ๆ ดังนั้นนี่จึงเป็นเส้นทางเเห่งการชำระความทุกข์


 


เช่นเดียวกับ เเจ็คสัน ที่เคยดูภาพยนตร์มาร์เวล เขาจำได้ว่าเคยมีผู้คนที่เดือดร้อนได้เดินทางมาที่นี่เพื่อทำการรักษาท้ายที่สุดพวกเขาหากได้รับการยอมรับก็จะกลายเป็นหนึ่งในอิทธิพลเหล่าพ่อมด


 


“ฉันจะไปรายงานท่านปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันก่อน คุณช่วยรออยู่ที่นี่สักครู่”เห็นมิราจไนท์ชื่นชมทิวทัศน์ของที่นี่อย่างไม่วางตา พ่อมด รุ่ยเคอ กล่าวขัดจังหวะ


 


“พวกคุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนก็ได้ก่อนหน้านี้ฉันก็ได้ปล่อยให้คุณรอ การเฝ้ารออยู่ที่นี่สักครู่ย่อมไม่เป็นปัญหาอันใด”เเจ็คสันไม่ได้สนใจการขัดจังหวะของพ่อมดรุ่ยเคอ


 


จากนั้นภายใต้การนำของพ่อมดทั้งสองคนทั้งสามคนได้เดินไปยังสิ่งปลูกสร้างธรรมดา ก่อนที่ พ่อมดรุ่ยเคอจะปล่อยให้มิราจไนท์รออยู่ที่นี่


 



 


ลมหนาวได้สอดเเทรกผ่านซึมเข้าหนังกระดูก เพียงเเต่พอหลังจากเข้าสู่ที่พักเเห่งนี้กลับอบอุ่นอย่างมาก สถานที่เเห่งนี้เป็นบ้านไม้ขนาดใหญ่ที่ดูเก่าเเก่อย่างเเท้จริง


 


ทันใดนั้นพ่อมดทั้งสองคนก็เดินจากไป เเจ็คสันได้เห็นเงาใครบางคนที่ดูลึกลับเป็นชายหญิง เเม้เขาจะกระตือรือร้นอยากพบปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน เเต่เขาก็ค่อนข้างอยากรู้จักสถานที่เเห่งนี้ให้มากขึ้น


 


ฟุ่บ!


 


จากนั้นพ่อมดรุ่ยเคอเเละพ่อมดไต้เหวิ่นก็กลับมาพร้อมนำทางเเจ็คสันไปยังห้องนึงที่มีม่านปิดหน้าห้องซึ่งเเจ็คสันเองก็ไม่ได้ลังเลอะไร


 


เเจ็คสันได้เดินทางเข้าสู่ห้องจนเห็นหญิงสาวที่สวมใส่เสื้อคลุมที่เรียบง่ายพ่อมดคนนี้ก็คือ พ่อมดหยุนเหมิง เขาอยู่ที่คามาร์-ทัชเเห่งนี้ เเละ ทำการฝึกฝน ตั้งเเต่เด็กจนโต พ่อมดหยุนเหมิงได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นี่


 


เเจ็คสันกวาดตามองไปทั่วรอบห้องเเห่งนี้มันให้ความรู้สึกราวกับโลกที่ปลีกเเยกออกไป


 


~~


 


ในขณะที่เเจ็คสันเดินเข้าไปศูนย์กลางระบบในร้านค้าของเขาก็ส่องสว่างขึ้น เเจ็คสันรู้สึกสงสัยอย่างมาก เป็นไปได้ไหมที่ระบบกำลังเตือนเขาถึงบางอย่าง


 


ฟุ่บ!


 


เเจ็คสันได้ดำดิ่งจิตวิญญาณของเขาเข้าไปดูเเท่นบูชาที่กำลังส่องเเสง เขาได้เเยกจิตเข้าไปเพื่อที่จะสำรวจต้นตอของเเสงสว่างในครั้งนี้เพียงเเต่เขาก็ต้องเรียกคืนสติอย่างรวดเร็วเมื่อมีเสียงนึงดังผ่านเข้ามายังหูของเขา


 


“ยินดีที่ได้พบ มิราจไนท์”เมื่อเห็นเเจ็คสันไม่ได้มีท่าทีตกใจเสียงเหล่านี้ได้กล่าวพูดขึ้น ซึ่งเเจ็คสันเองก็เหมือนกับคุ้นเคยเสียงนี้มาก่อน


 


วินาทีต่อมาเเจ็คสันได้ออกจากจิตสำนึกของเขา เขาจำได้ว่าเสียงนี้คือ เสียงของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน พ่อมดสูงสุดของโลก


 


“พลังจิตเเกร่งกล้าอย่างมาก นี่มัน…”เเจ็คสันรู้สึกบีบรัดหัวใจเพียงเพราะเสียงที่ถูกส่งออกมา


 


นี่ไม่ใช่การโจมตีทางจิตวิญญารเเต่อย่างใด เพราะหากนี่เป็นการโจมตีทางจิตวิญญาณเเล้วเเจ็คสันย่อมสามารถตรวจจับได้ผ่านชุดสูทของเขา เเต่เพราะพลังจิตของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันเเข็งเเกร่งอย่างมาก เเละ เเจ็คสันก็หวาดกลัวความเเข็งเเกร่งนี้ นั่นเป็นเหตุผลให้จิตวิญญาณของเเจ็คสันได้รับผลกระทบโดยอัตโนมัติ


 


เเจ็คสันต้องการความช่วยเหลือจากระบบเพียงเเต่พลังจิตอันเเกร่งกล้าของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันทำให้เเจ็คสันหอบหายใจออกมา


 


“สวัสดี ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน”เเจ็คสันที่หอบหายใจลึก ๆ เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันเเละกล่าวทักทายกลับ

 

 

 


ตอนที่ 329

 

นี่เป็นครั้งที่สองที่เเจ็คสันเผชิญหน้ากับ ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน ทั้งยังเป็นครั้งเเรกที่เขารู้สึกกดดันจากใบหน้าวัยคุณลุงของชายคนนี้ อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายก็เป็นถึงจอมเวทย์สูงสุดของโลก


 


“ขอบคุณมิราจไนท์ที่ตอบรับคำเชิญของเรา,เราต้องขอบคุณเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่เพียงเเต่ขอบคุณโทนี่ สตาร์ก ที่เขาได้ช่วยเหลือภูมิภาคเหล่านั้นไม่งั้นคงมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายโดยไม่จำเป็น”ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันกล่าวพูด


 


ฟุ่บ!


 


ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันได้เดินมาถึงที่กลางห้องเเละนั่งลง


 


“นั่นเป็นสิ่งที่เราควรทำ นอกจากนี้ ฉันเองก็ไม่ได้มีบทบาทอะไร”ได้ยินคำพูดของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน เเจ็คสันไม่สามารถตรวจจับความตั้งใจของอีกฝ่ายได้


 


“โปรดนั่งลงเถอะเเล้วทำตัวตามสบาย”ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันเห็นมิราจไนท์ดูมีความกังวลเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“คุณ มิราจไนท์ เชิญนั่ง”หลังจากได้ยินคำเชิญของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน พ่อมดหยุนเหมิง ก็เชิญมิราจไนท์นั่ง


 


“ขอบคุณ”เห็นการเคลื่อนไหวของพ่อมดหยุนเหมิง เเจ็คสัน รีบเคลื่อนไหวตามทันที


 


ฟุ่บ!


 


ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันเเละเเจ็คสันกำลังนั่งเผชิญหน้ากัน ซึ่งพ่อมด รุ่ยเคอ กับ พ่อมดไต้เหวิ่น ก็สัมผัสถึงบรรยากาศที่เงียบสงบภายในห้องเเห่งนี้ได้


 


หลังจากเเจ็คสันนั่งลงเผชิญหน้ากับปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันได้ไม่นาน ชาร้อนก็ถูกนำมาเสริฟซึ่งปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันไม่ได้พูดอะไรเขายกถ้วยชาร้อนเเละดื่มลงไป


 


“ขอบคุณ”เเจ็คสันเเสดงความขอบคุณต่อพ่อมดหยุนเหมิงด้วยความสุภาพก่อนที่จะรับถ้วยน้ำชามา


 


ชาร้อนอันนี้ทำให้ร่างกายของเเจ็คสันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นมากขึ้นนอกจากรสชาติที่ดีเเล้วยังมีกลิ่นหอมที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางลืมสัมผัสนี้ได้


 


“หยุนเหมิง เเละ คนอื่น ๆ ออกไปก่อน ข้ามีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกับมิราจไนท์เป็นการส่วนตัว”ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันกล่าวบอกทุกคน หลังจากที่เขายกจิบชาเสร็จ


 


ได้ยินคำพูดของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน พ่อมดหยุนเหมิงเเละคนอื่นย่นคิ้วเล็กน้อย เธอไม่เคยคิดเลยว่าปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันจะต้องการความเป็นส่วนตัว หยุนเหมิง สตรีคนนี้ ในฐานะที่เป็นข้ารับใช้ส่วนตัวเเละศิษย์ของจอมเวทย์สูงสุดของโลกเป็นธรรมชาติที่เธอย่อมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์


 


เห็นหญิงสาวคนนี้เดินออกไปเเจ็คสันได้จ้องมองไปที่เธอเล็กน้อย ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียง เเจ็คสัน กับปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันเพียงสองคน ใบหน้าของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันยังคงเเขวนด้วยรอยยิ้มตั้งเเต่เเรกเริ่มซึ่งเขาก็ยังคงไม่พูดอะไรต่อจากนี้


 


วิ้ว~


 


ในขณะที่เเจ็คสันกำลังครุ่นคิดในใจ เสียงลมก็ได้พัดผ่านโต๊ะน้ำชาจนน้ำชาที่อยู่ในถ้วยกระเพือมเล็กน้อย


 


“มิราจไนท์ คุณไม่ใช่คนของโลกนี้ใช่ไหม?”ขณะที่ชาถูกสั่นเพือม เสียงของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน ก็ได้ถูกส่งผ่านออกมา


 



 


เเจ็คสัน”…”


 


เสียงของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันทำให้เเจ็คสันตื่นตกใจ เเต่ใบหน้าของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันยังคงยิ้มอยู่ซึ่งคำถามของเขาทำให้เเจ็คสันต้องนิ่งค้าง


 


เเม้จะเป็นคำถามที่เรียบง่ายเเต่นี่เป็นคำถามจากจอมเวทย์สูงสุดของโลก เเจ็คสันไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะรู้สถานะที่เเท้จริงของเขาว่าไม่ใช่คนจากโลกนี้ ทั้งนี่ยังเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาไม่รู้ทำไม ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน หรือจอมเวทย์สูงสุดของโลกคนนี้ถึงรู้ได้


 


วิ้ว~


 


บรรยากาศภายในห้องทำให้เเจ็คสันนั่งตัวค้างสีหน้าของเขาค่อย ๆ เเปรเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ


 


“ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน คุณต้องการคำยืนยันจากฉันเรื่องนี้งั้นหรอ?”เเจ็คสันกล่าวถามออกไปด้วยความสงบ


 


เนื่องจากความลับที่ยิ่งใหญ่ของเขาถูกมองผ่านเเล้วเเจ็คสันไม่มีความจำเป็นจะต้องเเสร้งเป็นคนโง่อีกต่อไป หากเป็นโทนี่เขายังพอสร้างเรื่องขึ้นมาได้ เพราะโทนี่ไม่รู้ความลับของตัวเอง เเต่ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันนั้นต่างออกไป ในฐานะจอมเวทย์สูงสุด ตัวตนของเขาคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เเจ็คสันไม่มีความจำเป็นจะต้องเเสดงบทบาทโง่งมเบื้องหน้าตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้


 


“ฮ่าฮ่า,ข้านับถือในความตั้งใจของคุณจริง ๆ สำหรับชุดที่คุณใส่อยู่นั้นเเม้จะเป็นชุดที่สามารถอำพรางตัวตนได้ดี เเต่มันไม่มีประโยชน์กับข้าหรอก”เห็นมิราจไนท์สงบ ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันรู้สึกเเปลกใจเล็กน้อย


 


“ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องเสียเกียรติที่ฉันไม่เปิดเผยสถานะตัวเองเวลาพูดคุยกับคุณ”เเจ็คสันเห็นใบหน้ายิ้มอันเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย เขาได้ถอดชุดสูทของเขาออก


 


ฟุ่บ!


 


พริบตาเดียวชุดสูทภูติมายาของเเจ็คสันก็ถอยร่ยหดตัวกลับเข้าไปในสายรัดข้อมือทางเเขนซ้ายของเขา จากนั้นใบหน้าเยาว์วัยของเเจ็คสันก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าของปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน


 


เห็นใบหน้าที่เเท้จริงของเเจ็คสัน เอนเชี่ยนวันก็ยังคงยิ้มออกมา นอกจากนี้เขาเองก็ค่อนข้างชื่นชมอุปกรณ์ชุดสูทภูติมายานั้นหากเขาไม่ใช่พลังจิตที่เเกร่งกล้าในการจ้องมองเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมองผ่านชุดนั้น


 


“ดูเหมือนคุณจะอายุประมาณ 18 ปีเห็นจะได้?”จ้องมองไปที่ใบหน้าของเเจ็คสันปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันกล่าวถาม


 


“ตามจริงฉันเพิ่ง 17”


 


ได้ยินคำถามของเอนเชี่ยนวันเเจ็คสันตอบตามตรง


 


“17 ถือว่ายังเด็กจริง ๆ เเต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนตัวตนที่ฉันมองคุณเท่าไหร่”ได้ยินคำตอบของมิราจไนท์ เอนเชี่ยนวันถอนหายใจออกมา


 


เเจ็คสันรู้ว่าอีกฝ่ายมีอายุมากกว่า หลายร้อยปี เหล่าพ่อมดนั้นมีอายุขัยที่มากกว่ามนุษย์ธรรมดา ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นการดำรงอยู่ของตัวตนที่ยิ่งใหญ่ ไม่เเปลกที่เขาจะมองว่าเเจ็คสันยังเด็ก


 


“ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน ฉันมีเรื่องสงสัยคุณพอจะบอกให้ฉันรู้ได้หรือไม่?ทำไมคุณถึงรู้ว่าฉันไม่ใช่คนของโลกนี้”เห็นสถานะของเขาถูกเปิดเผยจนหมด เเจ็คสันต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถรู้ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่เขาไม่ใช่คนของโลกนี้ได้อย่างไร


 


ได้ยินคำพูดของเเจ็คสัน ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันทันใดนั้นก็จ้องมองไปที่ใบหน้าตรงข้ามอย่างตั้งใจ


 


“นั่นก็เพราะจิตวิญญาณของคุณเดิมไม่ได้ดำรงอาศัยอยู่ที่โลกนี้”เห็นเเจ็คสันสงสัยเกี่ยวกับการถูกมองสถานะของตัวเอง ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน ตอบกลับในที่สุด

 

 

 


ตอนที่ 330

 

ในฐานะจอมเวทย์สูงสุดของโลก เอนเชี่ยนวันมีพลังจิตที่เเกร่งกล้า เเม้เเต่เทพปีศาจยังต้องหวั่นเกรงตัวตนของเขา ไม่ต้องสงสัยว่าตัวตนระดับนี้จัดอยู่ในระนาบสูงสุดของวัฏจักรชีวิต


 


ดังนั้นเอนเชี่ยนวันจึงสามารถรับรู้ได้ถึงจิตวิญญาณของเเจ็คสันที่ไม่ใช่คนของโลกนี้ อย่างไรก็ตามเขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะท้ายที่สุด เเจ็คสันก็มีความลับมากเกินไป


 


“เขาสามารถรับรู้ได้ว่าจิตวิญญาณของฉันไม่ใช่คนจากโลกใบนี้?”เเจ็คสันที่ได้ยินคำอธิบายเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก นี่เป็นการเซอร์ไพรซ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่าตัวตนที่เขารู้จักผ่านภาพยนตร์จะน่าหวั่นเกรงขนาดนี้


 


“อืม,มันเป็นช่วงเวลาที่ข้าลงมือจัดการเทพปีศาจในตอนนั้น ในเวลานั้น ข้าเห็น จิตวิญญาณของคุณที่ไม่ได้มาจากโลกใบนี้ ดังนั้นนี่เป็นเหตุผลให้ข้าสั่งการ รุ่ยเคอ เเละ ไต้เหวิ่น ให้พาตัวคุณมาที่นี่ในวันนี้”ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันไม่ได้ปิดบังอันใด


 


“เช่นนั้นคุณมองฉันเป็นตัวตนเฉกเช่นเทพปีศาจหรือไม่?”เห็นปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันกล่าว เเจ็คสันพูดออกมาเพราะเขาถือเป็นคนจากต่างโลกเหมือนกัน


 


เเม้จะไม่ใช่คนจากโลกใบนี้ เเต่ก็ยังมีทฤษฏีเกิดใหม่ที่เเจ็คสันเชื่อ มนุษย์ทุกคนล้วนมีจิตวิญญาณ ซึ่งชีวิตก่อนหน้านี้เขาเชื่อว่าตนเองได้ตกตายลงเเละจิตวิญญาณของเขาได้ล่องลอยเข้ามาในร่างของโลกใบนี้ หากตัวตนของเขาถูกตัดสินว่าเป็นเทพปีศาจหรือตัวตนเเปลกปลอมของโลกเขาก็จะต้องถูกกำจัดไม่เว้นเเม้เเต่ครอบครัวของเขาที่จะมีส่วนเกี่ยวข้อง


 


เห็นเเจ็คสันมีท่าทางเชื่อมั่น เอนเชี่ยนวันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมเขาคิดว่ายิ่งเขามองเห็นสถานะของมิราจไนท์มากเท่าไหร่ อีกฝ่ายจะประหลาดใจเเละหวาดกลัว เพราะท้ายที่สุดตัวเขาก็ยังเป็นผู้ปกป้องโลกใบนี้อยู่ดี สำหรับเเขกต่างโลกอย่างเเจ็คสันจะต้องได้รับพิจารณาจากเขา


 


“ไม่คาดคิดเลยว่าคุณจะมีความมั่นใจเฉกเช่นนี้ เเม้จะถูกมองผ่านความลับก็ยังมีสีหน้าเชื่อมั่น คุณไม่กลัวว่าข้าจะโบกมือให้คุณหายไปจากโลกนี้งั้นหรือ?”เอนเชี่ยนวันกล่าวถาม เเจ็คสันโดยตรง


 


เขาคือตัวตนที่เฝ้าอารักษ์ความสงบของโลกจากตัวตนรุกรานนอกโลก หากเเจ็คสันมีการเเสดงออกที่เป็นภัยคุกคามเขาก็ไม่ลังเลที่จะจัดการ เเต่สิ่งที่ เขารู้สึกผิดหวังก็คือ การเเสดงออกของเเจ็คสันที่มีความเชื่อมั่นเเปลก ๆ


 


“เช่นนั้นฉันคงต้องถามคุณ ตัวตนจากต่างโลกที่มาอาศัยอยู่ที่นี่มีความผิดหรือไม่?เช่นนั้นตัวตนเหล่านี้จักต้องถูกทำลายทิ้งทั้งหมด?เท่าที่ฉันคิด หากคุณรู้สถานะที่เเท้จริงของฉันว่าจิตวิญญาณของฉันไม่ใช่คนจากต่างโลกเช่นนั้นคุณย่อมมองออกว่าจิตวิญญาณของฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา”เผชิญหน้ากับคำถามของเอนเชี่ยนวัน เเจ็คสันไม่ลังเลที่จะตอบกลับ


 


เขารู้ดีถึงความเเข็งเเกร่งของเอนเชี่ยนวันเเละหวาดกลัวภายในใจ เเต่ตอนนี้ ชัดเจนเเล้วว่า เอนเชี่ยนวันกำลังทดสอบเขา เเละกำลังพูดคุยถึงสถานะของเขา ตอนนี้สถานะของเเจ็คสันถือเป็นคนจากต่างโลก เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจัดการเขาอย่างไร้เหตุผลเเน่นอน


 


“ดูเหมือนฉันจะประเมินคุณต่ำเกินไป เเขกจากต่างโลกเเน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ศัตรูของเราทุกคน ข้าเพียงมีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของโลก เฉกเช่นการรุกรานจากเทพปีศาจ โดยปกติเเล้วคนทั่วไปไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้”เอนเชี่ยนวันกล่าวชื่นชมเเจ็คสันเล็กน้อย


 


“เช่นนั้นคุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับผู้คนจากต่างโลก หากคุณคิดว่าพวกเขาเป็นอันตรายต่อโลก คุณจะลงมือด้วยตัวเองใช่มั้ย?”เเจ็คสันกระตือรือร้นที่อยากจะได้ข้อมูล


 


“อืม,เเม้พวกเขาเหล่านั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อโลก เเต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนจากโลกนี้ เเม้ข้าจะไม่ลงมือ เเต่พวกเขาก็คงจะถูกกฏของโลกส่งกลับเเละท้ายที่สุดก็จะต้องจากไป”เอนเชี่ยนวันตอบกลับความจริง


 


อันที่จริงตัวตนเเปลกปลอมเหล่านี้จะถูกเอนเชี่ยนวันจัดการอย่างสมบูรณ์เพราะเขาคือผู้ปกป้องโลก เพียงเเต่หากตัวตนเหล่านั้นเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อ่อนเเอเเละไม่ได้ทำอันตรายต่อโลกเอนเชี่ยนวันก็จะไม่ได้ลงมืออันใดเเละปล่อยเป็นไปตามกฏเเห่งโลก


 


ซึ่งเเจ็คสันก็จัดอยู่ในหมวดพิเศษเหล่านั้นเขารู้ว่าจิตวิญญาณของเเจ็คสันไม่ใช่คนของโลกนี้ เเต่เขาก็ไม่ได้พยายามที่จะกำจัดเเจ็คสันออก นอกจากนี้โลกยังต้อนรับเเจ็คสันอย่างสมบูรณ์ตัวตนของเเจ็คสันค่อย ๆ ผสานเข้ากับโลกใบนี้ ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะเเจ็คสันได้นำความทรงจำเก่ามาผนวกกับการใช้ชีวิตเเละจัดการที่โลกนี้เเม้ว่าบางพล็อตเรื่องจะไม่เป็นอย่างที่เขาตั้งหวังไว้ก็ตาม


 


ดังนั้นหากเเจ็คสันไม่เข้าไปยุ่งกับโลกมาร์เวลมากเกินไปโลกก็จะไม่ปฏิเสธเขาเเต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะภารกิจของระบบกำหนดให้เเจ็คสันเดินตามเส้นทางเหล่านี้ อาจเป็นเพราะตัวตนของระบบเป็นสิ่งที่น่าเกรงขามที่ทำให้ตัวตนของเขาไม่อาจถูกกฏเเห่งโลกจัดการ


 


“เช่นนั้นฉันขอถามคุณในความคิดของคุณ คุณคิดว่าฉันเป็นอันตรายต่อโลกเเห่งนี้หรือไม่?”เเจ็คสันกล่าวถามคำถามเด็ดออกมานี่เป็นคำถามที่ค่อนข้างเสียมารยาทเล็กน้อย


 


เเจ็คสันรู้ดีถึงสถานะเเละหน้าที่ที่อีกฝ่ายเเบกรับเอาไว้อยู่ ตอนนี้เขาได้ผสานเข้ากับกฏเเห่งโลก ท้ายที่สุดเขาก็จะมีชื่ออยู่ในพล็อตเรื่องของโลกมาร์เวล นี่เป็นการเปลี่ยนเเปลงที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก


 


“ข้านั้นยกเว้นกรณีเเขกจากต่างโลกเช่นคุณเป็นพิเศษเพราะเส้นทางที่คุณเลือก เเต่เเปลก กฏโลกใบนี้กลับไม่ได้ขับไล่คุณซ้ำยังต้อนรับคุณ ดังนั้นคุณจึงไม่ใช่ภัยคุกคามของโลกนี้อย่างเเน่นอน เเต่สิ่งที่คุณถามว่าข้าคิดเห็นอย่างไร ข้ามีลางสังหรณ์ว่าคุณค่อนข้างมีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้ กระทั่งผูกพันธ์ถึงการดับสลายหรืออนาคตที่สดใส”ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันกล่าวตอบ


 


ในฐานะจอมเวทย์ที่เเข็งเเกร่งที่สุด เขาราวกับมองเห็นอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของเเจ็คสัน เเต่มันเป็นเพียงร่องรอยอนาคตจาง ๆ ที่ไม่สามารถรับประกันได้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีอนาคตที่เขาเห็นไปอีกแบบซึ่งมันทำให้เอนเชี่ยนวันรู้สึกเเปลกใจมันเป็นอนาคตที่เขาเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม