Gourmet of Another World 191-200

 ตอนที่ 191 ต้นไม้ที่ปลูก

“เจ้าเรียกต้นไม้ว่าต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาเหรอ?” บู่ฟงมองหนี่เหยี่ยนแล้วถาม

“เจ้าไม่รู้เหรอว่าต้นไม้นี้มีชื่อว่าอะไร?” ดวงตาหนี่เหยี่ยนเบิกกว้าง ใบหน้าของนางฉายความแปลกใจออกมา ริมฝีปากมนกลมเชอรี่ของนางก็เปิดปากออกมา ริมฝีปากของนางแดงมันเงาน่าหลงใหล

“เจ้าไม่รู้ชื่อมันด้วยซ้ำทำไมเจ้าต้องปลูกมันไว้ในร้าน?”

บู่ฟงยกมุมปากขึ้น “ข้าต้องการปลูกต้นไม้ให้ร้านมีพื้นที่สีเขียวเล็กๆ”

ท่าทางของบู่ฟงดูใจเย็นมาก หนี่เหยี่ยนมองเขาอย่างจริงจังแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เขารู้ไหมต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาเป็นของล้ำค่าแค่ไหน? เขาเอามันมาปลูกไว้ในร้าน….เป็นเถ้าแก่ร้านที่โหดจริงๆ บู่ฟงอาจจะเห็นต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาเป็นต้นไม้ที่แปลกเลยเอามาปลูกไว้ที่ร้าน

“ข้ามีผลไม้สามเส้นทางพุทธิปัญญา ไม่รู้ว่าทั้งสองอย่างนี้จะเกี่ยวข้องกันไหม?” บู่ฟงถามด้วยความสงสัย ตอนที่รู้ชื่อเมล็ดพืชที่เขาปลูกครั้งแรก

เมื่อวานนี้มาชายชรา……….ปรากฏตัวมาดูเหมือนว่าจะรู้ชื่อของต้นไม้น้อยนี้ดูเหมือนกับว่าเขาจะมีเป้าหมายที่ไม่ดีที่จะเอาต้นไม้นี้ไป

เขาจะต้องลำบากมาก…..เมื่อเขาปลูกต้นไม้นี้ในร้าน

“ต้นไม้นี้เรียกว่าต้นห้าเส้นทางพุทธิปัญญา เป็นธรรมดาที่ผลมันเรียกว่าต้นผลไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา มันเทียบไม่ได้กับผลไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา ผลไม้ทั้งสองอย่างไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน” หนี่เหยี่ยนกระแอมพูด

“ผลไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาช่วยให้จักนพรรดินักรบขั้นที่หกสามารถเลื่อนขั้นเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด แต่ผลไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาช่วยให้นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดกลายเป็นเทพสงครามขั้นที่แปด……ทั้งสองอย่างนี้จึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง”

บู่ฟงสังเกตอยู่สักพักเขาก็รู้สึกว่าต้นไม้เล็กๆ นี้ไม่ธรรมดา

“หากมีคนรู้ว่า ร้านของเจ้ามีต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา ไม่นานร้านของเจ้าก็จะมีนักรบขั้นที่เจ็ดมารายล้อมอยู่” หนี่เหยี่ยนพูด

“ก็ดี”

บู่ฟงพูดประโยคนี้ออกมาเบาๆ

หนี่เหยี่ยนหน้าหมอง เจ้าผีนี่ยังดูสงบนิ่งอยู่? นักรบขั้นที่เจ็ดมากมาย……..ไม่ใช่สินักรบมากมายจะต้องเข้ามา เขาดูไม่กังวลบ้างเลยเหรอ?

ตั้งแต่ที่รู้ชื่อต้นไม่นี่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรหนี่เหยี่ยนนานนัก เขาตะลึงไปสักพักก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าไปที่ห้องครัว

หนี่เหยี่ยนพูดอะไรไม่ออกบางทีบู่ฟงจะปลอดภัยจากฝูงนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ก็ได้ แค่คืดฉากนี้ก็น่ากลัวแล้ว

เมื่อมองไปต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาอย่างไม่เต็มใจ หนี่เหยี่ยนก็กลับมานั่ง ไม่นานกลิ่นหอมของเนื้อก็แพร่กระจายออกมา หมู่ตุ๋นน้ำแดงส่งกลิ่นหอมน่ากินออกมา

เมื่อเจออาหาร หนี่เหยี่ยนก็ไม่ได้สนใจต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาอีก สายตาของนางจ้องมองมาที่หมูตุ๋นน้ำแดงชิ้นมันวาว

เมื่อเทเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะมากินพร้อมกันกับเนื้อ ทำให้รู้สึกเปรี้ยวและสดชื่นอย่างมาก

เสียอย่างเดียวเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะไม่อาจจะเทียบกับเหล้าลมหายใจมังกรของเจ้าแก่นั้นได้ หากเปลี่ยนเป็นเหล้าลมหายใจมังกรละก็มันก็จะไร้ที่ติ

เมื่อหนี่เหยี่ยนและคนอื่นๆ เริ่มกินอาหารเสียงฝีเท้าในซอยก็ดังออกมา

ร่างของเซียวเม้งตรงเข้ามาในร้านเขาสาวเท้าก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ท่านลุงเซียว” โอวหยางเสี่ยวยี่ทักทายด้วยความเคารพ ดวงตาของนางมองเซียวเม้งที่เข้ามา ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเขาที่นี่

“เถ้าแก่บู่ละ?” เซียวเม้งพยักหน้าถามเสี่ยวยี่

โอวหยางเสี่ยวยี่บอกว่าเขาไปที่ห้องครัว เซียวเม้งก็ไม่พูดอะไร เขามองหาที่นั่งใกล้ๆต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา เขาสังเกตและพยายามทำความเข้าใจต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปปัญญาอย่างใกล้ชิด

“ท่านลุงเซียว ท่านอยากจะกินอะไร?” เสี่ยวยี่ถาม

“ขอเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะขวดหนึ่ง” สายตาของเซียวเม้งมองไปที่ต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาโดยพูดออกมาลอยๆ

“ท่านลุงเซียว….หม้อหยกหัวใจหิมะขายสามไหต่อวันตอนนี้มันหมดแล้ว”

“อืม?” เซียวเม้งมองไปที่พื้นดินแล้วมองไปที่โอวหยางเสี่ยวยี่ ทันใดนั้นเขาก็เห็นหนี่เหยี่ยนที่กินเหล้าและกินเนื้อ ดวงตาขของเขาก็หดตัวลง

คนของนิกายสวรรค์ลึกลับทำไมมาถึงไวอย่างนี้?

เซียวเม้งถอนหายใจเขาเลือกเกี๊ยวสายรุ้งเจ็ดสีแทน

หนี่เหยี่ยนรู้สึกมีคนบางคนจ้องมองมาที่นางทันที นางเงยหน้าขึ้นมองเซียวเม้ง นางไม่อยากจะสนใจนักจึงก้มหน้ากินอาหารต่อ

นักรบศักดิ์สิทธิ์สองคน ……..หัวใจเซียวเม้งแอบมองผู้อาวุโสสามนิกายสวรรค์ลึกลับ ตอนนี้ก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับนักรบศักดิ์สิทธิ์สองคนแล้ว ในตอนนี้ก็มีพ่อครัวผีหวางติงที่มีระดับการฝึกฝนขั้นที่เจ็ด ตอนนี้ในเมืองหลวงมีนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดมาอย่างต่อเนื่อง

บู่ฟงเอาเกี๊ยวน้ำสายรุ้งเจ็ดสีออกมาจากห้องครัว เซียวเม้งได้แต่มองบู่ฟงไม่ได้ถามอะไร เขาไม่ได้ถามอะไรกับต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา

หลังจากที่กินเสร็จแล้วเซียวเม้งก็รีบออกไป

แต่หนี่เหยี่ยนก็เข้ามาวุ่นวายกับบู่ฟง สุดท้ายนางก็มาขอแนะนำการทำอาหารของนาง เป็นธรรมดาของบู่ฟงที่พูดออกมาอย่างไร้ปราณี

เถ้าแก่บู่ก็วิจารย์ออกมาไม่หยุด คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาไม่หยุด เขาพูดข้อบกพร่องของอาหารแต่ละจานออกมาอย่างละเอียด

สุดท้ายหนี่เหยี่ยนถอนหายใจด้วยความโกรธหอบกล่องอาหารออกไป และมีถังหยินที่ตามออกไป

บู่ฟงเห็นพวกเขากลับไปเขายืนอยู่ที่ทางเข้าร้านอย่างใจเย็น มองดูท้องฟ้าที่มีหิมะตกลงมาเพียงชั่วหนึ่งลมหายใจเบาๆ

……

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

อุณหภูมิในเมืองหลวงเริ่มอบอุ่น เกล็ดหิมะบนท้องฟ้าก็เริ่มลดน้อยลง ในเวลาไม่นานดวงอาทิตย์ก็ให้ความอบอุ่นมากกว่าเดิม

สายลมเย็นก็กลายมาเป็นสายลมที่อ่อนเย็น เมื่อก่อนเมื่อมันถูกแก้มก็รู้สึกเหมือนใบมีดบาด ไม่รู้สึกลำบากเหมือนสายลมหนาวที่พัดมาอย่างรุนแรง

ในตอนนี้เมืองหลวงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เพียงแต่มีทหารยามในเมืองมากขึ้น และทหารยามที่สวมชุดเกราะมากขึ้น

ในเมืองหลวงมีคนแปลกหน้ามากมายเข้ามา คนมากมายที่เข้ามาเที่ยวล้วนน่าเกรงขามส่วนใหญ่เป็นราชันนักรบระดับห้ากับจักรพรรดินักรบขั้นที่หก…….

การที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มาเยือนสร้างความกดดันให้แก่ทหารยามในเมืองหลวง แม้แต่เซียวเม้งที่รักษาการณ์เมืองหลวงยังกังวล

คฤหาสน์ตระกูลเซียว ห้องเขียนอักษร

เซียวเยว่พิงกับกรอบประตู ในมือของเขากำลังถือกระบี่ยาวอยู่ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงผู้ชายมารายงานเรื่องลับตรงหน้าโต๊ะเขียนอักษร เขามารายงานต่อหน้าเซียวเม้ง “บรรพบุรุษตระกูลหลิวที่ดูแลเมืองอู้โจวเดินทางมาถึงเมืองหลวงเมืองคืนนี้ เขาได้ต่อสู้กับสิบสามโจรเมืองโม่นอกเมืองหลวงเมื่อคืน…”

“นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดบรรพบุรุษตระกูลหลิว ที่ร่างกายครึ่งหนึ่งเกือบจะโดนฝั่งเอาไว้?” เซียวเม้งเก็บจดหมายลับที่อยู่ในมือ เขาเอามือลูบตาแล้วพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า

“ดีแล้ว ระดับการฝึกฝนของสิบสามโจรนั้นก็ดี แต่หากพวกเขารวมมือกันก็อาจจะปราบบรรพบุรุษตระกูลหลิวได้” เซียวเยว่เริ่มแกว่งดาบยาว เสียงดาบดังออกมาสดใสแกว่งสะท้อนไปทั่วห้องเขียนอักษร

“ครึ่งร่างของเขาถูกฝังเอาไว้ ในตอนที่สภาพร่างกายของเขาแข็งแกร่งกวว่าคนทั่วไป บรรพบุรุษตระกูลหลิวอาจจะปราบกลุ่มโจรจักรพรรดินักรบขั้นที่หกสิบสามคนได้เป็นธรรมดา แต่ยังมีสถานการณ์อื่นที่น่าสงสัยอีกไหม?” เซียวเม้งถาม

“บรรพบุรุษของตำหนักกระบี่สาบสูญก็ออกมาจากภูเขา……….เป็นข้อความที่ข้าได้รับมาแต่ไม่ถูกยืนยัน แต่มีความเป็นไปได้มาก” เซียวเยว่พูดออกมาด้วยท่าทางที่สง่างาม

บรรพบุรุษของตำหนักกระบี่สาบสูญ………….เซียวเม้งได้ยินสิ่งนี้ก็ลังเลอยู่สักพัก เขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่าทุกคน เมื่อยังหนุ่มเขาทำให้โลกสั่นไหว จากนั้นเขาก็หันเหออกจากโลกของผู้ฝึกตน ผู้คนนึกว่าเขาจากไปแล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้ตอนนี้ยังมีบรรพบุรุษของตำหนักกระบี่สาบสูญเข้ามา ไม่เพียงมีผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์ลึกลับเท่านั้น

“เมื่อเพิ่มบรรพบุรุษของนิกายไป ก็เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์คนที่สิบห้าเท่าที่พวกเรารู้ใช่ไหม?”

เซียวเยว่ห่อลิ้น นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด…….แม้จะไม่ใช่ผู้นำ แต่นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดมากมายก็เข้ามารวมตัวกันที่อาณาจักรสายลมแห่งแสง

วันนี้ในเมืองหลวง……..หากเดินบนถนน หากไม่ได้ทำท่าทางหยิ่งยโสจนเกินไปฝ่ายตรงข้ามอาจจะเป็นจักรพรรดินักรบขั้นที่หก

เมืองหลวงอาจจะมีคนเสเพลกินแล้วไม่จ่ายอยู่มาก หากพวกเขาฉลาดก็ควรจะพักอยู่ที่บ้าน

“ดีเมื่อตรวจสอบข่าวว่ามีนักรบศักดิ์สิทธิ์อีกให้มาบอกข้าทันที” เซียวเม้งบอกเซียวเยว่เขาลุกขึ้นแล้วก็ถอนหายใจ

เซียวเยว่พยักหน้า แสงตั้งแต่หัวจรดเท้าก็หายไป แสงที่ออกมาจากดาบก็ไม่เห็นแล้ว

……

ในเมืองหลวงดูงดงามและคฤหาสน์ก็ดูหรูหรา พ่อครัวผีหวางติงนั่งตรงหน้าโต๊ะ บนโต๊ะมีจานอาหารหลายจานที่เขากำลังปรุงอยู่ ยังไหเหล้ากับจอกเหล้าเล็กๆที่เอาไว้ดื่มอีกด้วย

เมื่อดื่มเหล้าองุ่นใบหน้าของพ่อครัวผีค่อยมืดมัวแล้วสั่นนิดๆ

“หนึ่งเดือนมานี้มีลมหายใจที่แข็งแกร่งเข้ามาในเมืองหลวงมากขึ้น ………..แต่มันไม่มากพอที่ชายชราคนนี้คาดเอาไว้ ข่าวต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา ทำให้นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดไม่อาจจะนั่งลงได้ แต่ไม่รู้ว่าต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาจะใช้เวลาในการเติบโตนานแค่ไหน แต่ร้านนั้นเร่งให้มันเติบโตขึ้นคงใช้เวลาอีกไม่นาน”

เขาค่อยๆเทเหล้าลงจอก พ่อครัวผีมองคราบของเหลวจากเหล้า มุมปากของเขาก็ยกขึ้น

“ปลามาแล้วแต่น้ำยังไม่ขุ่น”


ตอนที่ 192 การต่อสู้ของนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เดินทางมาทั่วทุกแห่ง

ด้านนอกเมืองหลวง ทหารกลุ่มหนึ่งเดินมาอย่างช้าๆ เสียงลากล้อดังออกมาจากโลกที่เงียบสงบ

กองกำลังเหล่านี้เปล่งกลิ่นอายที่พลังออกมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้สายตาของทุกคนกำลังกระตือรือร้นเหมือนดอกไม้กำลังบานออกมา

ข้างในมีกรงนักโทษขนาดยักษ์ กรงกำลังลากสามคนไปตามขบวน……….

หากบู่ฟงมาเห็นทั้งสามคนที่อยู่ในกรงก็คงจะจำได้ พวกเขามีอะไรพิเศษที่แตกต่างจากคนธรรมดา ตรงที่ท่อนล่างของพวกเขาสามคนเป็นงูขนาดใหญ่

“พี่อาหนี่แน่ใจเหรอว่าที่นี่เป็นอาณาจักรสายลมแห่งแสง?” เสียงคนที่โดนใส่กุญแจมือถามด้วยความขี้อาย

ทั่วทั่งร่างมนุษย์งูเป็นแผลได้รับบาดเจ็บ เขาหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ยังฝืนยิ้มก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ฟังจากที่พวกเขาพูดคุยกันพวกเราจะไปที่นั่น……..” ร่างกายส่วนบนของอาหนี่มีกลิ่นอายที่อ่อนแอ แต่ใบหน้าของเขาพยายิ้มแล้วพูดออกมา

หยี่ฟูพยักหน้า มองไปดูร่างที่อยู่ข้างร่างกายของนาง หยี่ฟงพ่อของนางที่ปิดตาอยู่กำลังหายใจเบาๆ

“แม้ว่าพวกเราเผ่างูจะมาอย่างเร่งรีบแล้ว เพื่อที่จะมาถึงอาณาจักรสายลมแห่งแสงในครึ่งเดือน แต่นี่เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ท่านลุงหยี่ฟงอาจจะรู้อยู่แล้วว่าครึ่งเดือนนี้เป็นไปไม่ได้ เขาจึงปิดกั้นร่างกายจำศีลอยู่ ตอนนี้เข้าเมืองอย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ท่านลุงหยี่ฟงต้องไม่เป็นไรหยี่ฟูเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” อาหนี่พยายามพูดให้หยี่ฟูสบายใจ

หยี่ฟูพยักหน้า ตอนนี้นางเข้าใจอย่างชัดเจนตอนนี้พ่อของนางมีเป้าหมายอยู่ที่พักฟื้นตัว

อาหนี่เหยียดตัวตรง มองไปที่ช่องว่างของแผ่นเหล็ก นางเห็นกำแพงเมืองหลวงยาวไม่มีที่สิ้นสุดและประตูเมืองยักษ์

“ที่แห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลกว่าเผ่าของเรามาก……….มันหรูหราจนไม่อาจจะเปรียบเทียบได้ มนุษย์พวกนี้มีความคิดสร้างสรรค์มากจริงๆ”

อาหนี่ถอนหายใจออกมา กรงถูกกระแทกอย่างรุนแรงทันที เสียงดังสั่นไหวก็ดังออกมา

“อย่าพูดจาไร้สาระ อยู่นิ่งๆ” ข้างนอกกรงมีเสียงระเบิดออกมาด้วยความร้อนใจ

ทันใดนั้นใบหน้าอาหนี่ก็แดงออกมาด้วยความโกรธเขากำหมัดออกมาแล้วทรุดตัวลงด้วยความโกรธ

พวกเขาเดินทางออกมาจากบึงวิญญาณลวงตา เข้ามาที่เขตแดนอาณาจักรสายลมแห่งแสง แล้วเดินมาตรงตามเส้นทาง เดิมอาหนี่ที่เป็นคนกล้าหาญ เขาเป็นจักรพรรดินักรบขั้นที่หก เขาจึงไม่กลัว…..แต่คิดไม่ถึงเด็หนุ่มในพวกเขาจะเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด

ตอนนี้อาหนี่กำลังเผชิญหน้ากับนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด เป็นธรรมดาที่เขาจะพ่ายแพ้ ท่านลุงหยี่ฟงก็จำศีลอยู่ พวกเขาจึงถูกขังแล้วถูกส่งไปที่เมืองหลวง

หัวใจของอาหนี่รู้สึกดีใจมากเมื่อปลายทางของคนพวกนี้คือเมืองหลวง ถ้าเป็นที่อื่นๆอาจจะทำให้ท่านลุงหยี่ฟงเสียเวลาขึ้นไปอีก

บูม บูม บูม

พื้นดินสั่นสะเทือน ดวงตาของอาหนี่หดตัว เขามองไปก็มองไปที่สัตว์วิญญาณที่มีขนาดใหญ่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

มันคือสิงโตไฟ มันมีเขี้ยวโก้งโค้งเหมือนกับดาบ

“สัตว์วิญญาณดุร้ายขั้นที่เจ็ด….สิงโตไฟ” ดวงตาอาหนี่หดตัว

กลุ่มคนที่ถูกขังกับกองทหารก็ได้ยินเสียงที่แผ่กระจายออกมา

สิงโตไฟคำรามเสียงดังราวกับฟ้าร้อง ทำให้สัตว์วิญญาณที่ดุร้ายในขบวนเริ่มกังวนกระสับกระส่ายและกลัวอย่างมาก

“เมืองหลวงอาณาจักรสายลมแห่งแสง ต้องโทษเจ้าไฟน้อยที่เล่นสนุกตลอดเวลา ตอนเช้ามันรีบมาจนมาถึงแล้ว” มีเสียงดังออกมาจากหลังสิงโตไฟที่เอ่ยปากออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เงาของคนสวมเสื้อคลุมสีแดงก็ปรากฏขึ้นมา

เสียงฝ่าเท้าดังออกมาไกลออกไป สิงโตไฟมีชายสวมเสื้อคลุมแดงขี่มันเดินตรงเข้าไปในเมืองหลวง

มันเป็นการรวมตัวที่น่ากลัวของ นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดกับสัตว์วิญญาณดุร้ายขั้นที่เจ็ดด้วยกันอย่างน่ากลัว…………เมืองหลวงอาณาจักรสายลมแห่งแสงมีนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดเดินไปทุกแห่ง?

ภายในใจของอาหนี่ค่อนข้างสับสน

“ดินแดนรกร้างพระราชวังสามเทพคนโฉด อาณาจักรคนฝึกสัตว์ดุร้าย? พวกเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ………”เสียงคนแก่หัวเราะดังออกมาไม่หยุด อาหนี่จำได้เขาอยู่ในขบวนนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดที่อยู่ในขบวนที่ทำร้ายพวกเขาที่ถูกเรียกว่า เทียนฉือสื่อเจตจำนงดาบปรากฏออกมาอย่างน่าแปลกใจ เจตจำนงของดาบพุ่งออกมาทำให้อากาศแทบที่จะหายใจไม่ออกได้ พลังวิญญาณที่ออกมาจากอากาศทำให้เขาไม่สบายใจ

เสียงของนกอินทรีย์ดังออกมาก้องกังวานคนที่อยู่บนดินเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ประหนึ่งว่าเป็นร่างจำลองของสวรรค์ที่แปลงตัวมา

ปีกของนกอินทรีย์ขนาดใหญ่บินสยายตัวขึ้นมา ผู้คนเห็นหลังของนกอินทรีย์ที่ลอยขึ้นมาบนอากาศมีคนอยู่ข้างหลัง เบื้องล่างในขบวน สัตว์วิญญาณที่ดุร้ายในขบวนส่งเสียงวุ่นวายไม่มีหยุด

เด็กสาวร่างเพรียวบางผูกผมหางม้า สวมชุดเกราะนักรบไหล่สะพายคันธนูยาว

เด็กสาวตั้งท่ามองไปรอบๆ ด้วยความสับสน นางไม่รู้จักทิศทางเลยอยู่นาน นางจำอะไรบางอย่างได้ ก็โบกมืออยู่ข้างบนฟ้าให้นกอินทรีย์ “พี่เตียวท่านบินเล่นไปช้าๆ เดี๋ยวข้าจะบอกท่านอีกครั้ง”

เสียงนกอินทรีย์ก็ดังก้องสะท้อนออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นแววตาของนกอินทรีย์ก็เปลี่ยนไป มันกระพือปีก ปีกที่แข็งแรงของมันก็ส่งเสียงผ่านลม พัดเมฆแตกกระจายทันที

เด็กสาวยิ้มมองไปที่ขบวนทหารที่อยู่เบื้องหลัง นางมองดูขบวนอย่างดูถูก แล้วพุ่งเข้าไปตรงทางเมืองหลวง

อาหนี่ไม่กล้าหายใจออกมา บ้าจริง………..สัตว์วิญญาณดุร้ายขั้นที่เจ็ด นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด……..นอกจากนี้พวกเขายังอายุไม่มาก? เมืองหลวงนี้น่ากลัวจริงๆ

“สัตว์ร้ายขั้นที่เจ็ด ปีศาจนกอินทรีย์พายุสายฟ้า………เบื้องหลังของสาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดา” ชายชราคนนี้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจอีกครั้ง อาหนี่ได้ยินตัวก็สั่นนิดๆ ……..เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้กลัวที่จะได้ต่อสู้

” พี่อาหนี่เราจะไปที่เมืองหลวงกัน ข้าจะปลุกพ่อให้ตื่นนอนได้หรือยัง?” หยี่ฟูถาม

อาหนี่แปลกใจสักพัก มุมปากของเขาก็ยกขึ้นมาทันที นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดบ้าจริง………..ตรงนี้มีนักรบศักดิ์สิทธิ์มากมายมากกว่าหลายปีที่เขาได้เห็น

จริงๆแล้วโลกนี้กวางใหญ่นัก เมื่อได้เห็น……จะรู้ว่าสิ่งที่รู้นั้นน้อยมาก

“ปลุกเถอะ……..ไม่อย่างนั้นเราจะออกไปจากขบวนนี้ไม่ได้” อาหนี่ฝืนยิ้มพูดออกมา

ดวงตาของหยี่ฟูส่องสว่างก่อนที่นางจะเอายาวิญญาณบดละเอียดแล้วกรอกใส่ปากมนุษย์งูหยี่ฟง

……

“รายงานท่านแม่ทัพ ตอนนี้เรารู้ตำแหน่งของนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามาในเมืองหลวงแล้ว…..”

“รายงานท่านแม่ทัพเซียว ตอนนี้นักรบศักดิ์สิทธิ์ขี่สัตว์วิญญาณดุร้ายเข้ามาในเมืองหลวง…..”

“รายงานท่านแม่ทัพเซียว ที่ประตูเมืองหลวงมีการต่อสู้ของนักรบศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้น……….”

……

เซียวเม้งปวดหัวเมื่อฟังที่ทหารรายงาน เขาทนไม่ได้ตบบหน้าตัวเอง หนึ่งเดือนนี้มีนักรบศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในเมืองหลวงมากมาย มันทำให้เซียวเม้งหัวใจสั่นไหวในสถานการณ์ในยามนี้

เขาไม่รู้ว่านักรบศักดิ์สิทธิ์พวกนี้มาจากไหน

“ฝ่าบาทฝ่าบาท…………ตอนนี้ข้าน้อยหัวใจไม่สงบสุข” เซียวเม้งยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเพื่อความปลอดภัยของเมืองหลวง จีเฉิงเชี่ยรีบไปเชิญขันทีเหลียนฟูกลับมาจากสุสานหลวงทันที มีนักรบศักดิ์สิทธิ์สองคนดูแลความปลอดภัย แต่เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนก่อน

เมืองหลวงเริ่มมีน้ำขุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

……

บู่ฟงเปิดประตูเอาซี่โครงหมูอ่อนขี้เมาไปวางไว้ตรงหน้าเจ้าดำน้อย วันนี้เขารู้สึกตื่นเต้นเพราะเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนในการหมักเหล้าวิญญาณ

สามสมุนไพรวิญญาณขั้นที่เจ็ดที่ใช้เอามาหมักเหล้าวิญญาณ หัวใจของเขามีความคาดหวังอย่างมาก

แต่เขาก็ไม่กังวล เขาฝึกฝีมือการใช้มีดและการแกะสลัก หลังจากที่ฝึกซ้อมมานานฝีมือของเขาก็พัฒนาขึ้นมามาก

หลังจากฝึกฝนฝีมือการใช้มีดกับการแกะสลักเสร็จ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากประตู เจ้าอ้วนจินนำกองทัพคนอ้วนมาได้ทันเวลา

ธุรกิจของร้านก็เริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าอ้วนจินเข้ามาสั่งอาหาร ใบหน้าที่ร่าเริงของโอวหยางเสี่ยวยี่ก็เข้ามา เช่นเดียวกันกล่องอาหารของเจี๋ยนเอ้อก็เข้ามาหลังจากที่ไม่ได้เห็นเป้นเวลานาน

ตามมาด้วยลั่วสื่อเหนียงที่พลังของนางได้พัฒนาขึ้น เข้ามาในร้าน

“เถ้าแก่บู่ไม่อยู่นาน ข้ากับเจี๋ยนเอ้อเข้ามา ทาร์ตไข่ของเจี๋ยนเอ้อจะต้องสยบท่านได้อย่างแน่นอน” ลั่วสื่อเหนียงเดินผ่านประตูแล้วตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจ

บู่ฟงก้าวออกมาช้าๆจากในห้องครัวมองดูผู้หญิงคนนี้โดยไม่ได้พูดอะไร

เจ้าอ้วนจินกับคนอื่นก็กินอาหารจนเสร็จ ก็บอกลาบู่ฟง บู่ฟงก็พยักหน้าให้เขานิดๆ

หลังจากที่พวกเขาจากไปบู่ฟงก็มองมาที่เจี๋ยนเอ้อแล้วพูดออกมา “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายเจ้าคงจะทำทาร์ตไข่ได้มาตรฐานและเป็นอย่างที่ข้าต้องการได้นะ?”

เจี๋ยนเอ้อถือกล่องอาหาร ใบหน้าเล็กๆของนางปรากฏความมั่นใจและเชื่อมั่นตัวเอง นางผงกหัวอย่างรุนแรงทันที

โอวหยางเสี่ยวยี่กับลั่วสื่อเหนียงก็เข้ามาด้วยความอยากรู้

ลั่วสื่อเหนียงเมื่อได้ลองชิมทาร์ตไข่ของเจี๋ยนเอ้อ นางก็ยอมรับมัน หากทาร์ตไข่นี้ไม่อาจที่จะทำให้บู่ฟงพอใจได้ ลั่วสื่อเหนียงจะต้องมีเรื่องกับบู่ฟงแน่นอน

มันเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของนมทำให้ตาของบู่ฟงสว่างขึ้นมานิดๆ

ตึก ตึก ตึก

ตอนที่บู่ฟงกำลังลิ้มรสชาติของทาร์ตไข่ เขาได้ยินเสียงคนตะโกนหัวเราะเยาะเย้ยดังออกมา

“ต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาอยู่ในมุมร้านแห่งนี้ใช่ไหม? ร้านนี้ข้าใช้เพียงฝ่ามือเดียวก็พังมันได้เป็นชิ้นๆแล้ว….”

มันก็ถูกวางอยู่ตรงหน้าบู่ฟง


ตอนที่ 193 เจ้าขาวโยนเขาออกไป

เจ้ามู่เซิ้งสวมผ้าคลุมตัว เขาย่างเท้าก้าวเข้าเหยียบพื้นดินและหินในเมืองหลวง เขาเงยหน้ามุมปากของเขาก็เชิดขึ้นมา

เขาจากเมืองหลวงไปหลายเดือน เขาจำกลิ่นอายของที่นี่ได้ เขาอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเวลานานมาก นานมากจนเขาคิดว่าเขาเป็นคนของเมืองหลวง

เสียงของถนนทั้งสองด้านยังดังเหมือนเดิม แต่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนยามรักษาการณืของเมืองหลวงเข็มงวดมาก ทุกคนต่างสวมชุดเกราะเห็นได้ทุกที่

บนถนนหลักของเมืองหลวง บนถนนก็มีคนท่าทางแปลกๆ ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างมากมาย คนพวกนี้มีกลิ่นอายที่มีแรงกดดันที่แข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน เจ้ามู่เซิ้งรู้คนพวกนี้เข้ามาหาต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา ตอนนี้ข่าวแพร่กระจายออกไป ไม่เพียงแต่นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด จักรพรรดินักรบขั้นที่หก ราชันนักรบขั้นที่ห้าทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์ในเมืองหลวงของอาณาจักรสายลมแห่งแสงและพื้นที่ภายนอก

ตอนนี้ท่าทางของเจ้ามู่เซิ้งสนใจเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ตอนนี้อากาศกำลังดี สภาพในอากาศในเมืองหลวงกำลังดีก่อนที่ฝนจะตกลงมาเรื่อยๆ มีคนบางคนกวนปลาให้น้ำขุ่นใช่ไหม คนที่กล้าทำแบบนี้ยังจะกล้าหายใจออกมาหลังจากที่ทำเรื่องแบบนี้ใช่ไหม?

ทันใดนั้นเจ้ามู่เซิ้งที่ยืนอยู่ ก้หันไปมองร่างทั้งสามร่างที่อยู่ไกลออกไป

คนรอบๆ ต่างมองร่างทั้งสามร่างด้วยความอยากรู้อยากเห็นและแปลกใจ

“มนุษย์งู…………” เจ้ามู่เซิ่งพึมพำเบาๆ เผ่ามนุษย์งูที่อยู่ในบึงวิญญาณลวงตามาทำอะไรที่นี่ จากบึงวิญญาณลวงตามาที่นี่นั่นไกลมาก เผ่ามนุษย์งูมาที่นี่ไม่กลัวลำบากและเหนื่อยเปล่าหรือ? เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะมาเพาะต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา?

มนุษย์งูสามตน ทั้งสองตนมีสภาพที่น่าสมเพช ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือด ช่วงล่างที่เป็นเกล็ดมีแผลฉกรรน่ากลัว

หญิงสาวมนุษย์งูแบกทั้งสองคนเอาไว้ ใบหน้าตื่นตระหนก นางแทบที่ยืนคนเดียวไม่ไหวในถนนแห่งนี้

น่าสนใจจริงๆ……มุมปากของเจ้ามู่เซิ้งยกขึ้น เขาเดินไปหามนุษย์งูทั้งสามตน

……

เขาพูดจายโสโอหังมากดังก้องในซอย มันดังเข้ามาในหูของบู่ฟง คนน่าเบื่อบังเอิญเข้ามาที่ร้านอีกแล้ว

มือเดียวทำลายร้าน……..ใครกันที่มาพูดเขาไม่กลัวเหรอ?

ลั่วสื่อเหนียงเดาะลิ้นด้วยความตกใจ นางเคยมีประสบการณ์ที่น่ากลัวกับร้านฟงฟงน้อย ใครกันที่กล้ามาพูดแบบนี้เขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน?

บู่ฟงได้ยินคำพูดนี้ เขาเพียงแต่แปลกใจนิดๆ เขายังใจเย็นหยิบทาร์ตไข่ที่เจี๋ยนเอ้อทำ

กลิ่นหอมของทาร์ตไข่หอมโชยออกมา กลิ่นของมันหอมเข้ามาในรูจมูก ลักษณะของมันดูดีทีเดียว ลักษณะของมันเป็นไปตามที่บู่ฟงคาดหวังเอาไว้ในใจ

“เถ้าแก่บู่…..ตอนนี้มีคนบางคนจะมาทำลายร้านท่าน ท่านไม่สนใจเหรอ?” ลั่วสื่อเหนียงมองดูบู่ฟงที่ยังชิมทาร์ตไข่ไปเรื่อยๆ เขาไม่สนใจอะไรเห็นทีต้องทนพูดเตือนเขา

แม้ว่านางจะเป็นคนที่พูดจาไร้สาระออกมาแต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องตลกๆ แต่เถ้าแก่บู่ก็จะทำเหมือนกับว่ามองไม่เห็น นี่เหมือนกับว่าไร้มารยาทไม่ใช่เหรอ

……

เสียงฝีเท้าคนหลายคนเดินออกมา มีเงาของคนหลายคนก้าวเข้ามาในร้าน

คนพวกนี้สวมชุดแบบเดียวกัน แรงกดดันน่ากลัวมาก หัวหน้าของพวกเขามีใบหน้าน่าเกลียดและมองมาอย่างโหดร้าย

“โอ๊ะ ร้านเล็กๆ นี้เป็นร้านพิเศษ……..ใครเป็นเสี่ยวเอ้อออกมาหาข้า” ใบหน้าที่น่าเกลียดตะโกนออกมาอย่างโหดเหี้ยมและก้าวร้าว

แต่……ในร้านช่างเงียบสงบ ไม่มีใครออกมาสนใจชายคนนี้

เขารู้สึกว่ามีฝูงกาบินออกมาจากหัว เขารู้สึกอึดอัด

ทันใดนั้นชายคนนั้นก็กระตุกคิ้ว เขาดึงมีดออกมาฟาดลงบนพื้น เสียงเหล็กที่อยู่ในมือก็ฟาดดังออกมา ประกายไฟก็พุ่งออกมาทั่ว

“แม่เอ๊ย หูหนวกเหรอไง? รู้ไว้ซะพ่อเป็นโจรคนเจ็ดของสิบสามโจรเมืองโม่ก่อนที่จะทำให้ข้าเหลืออดแล้วร้านนี้จะหายไป พ่อจะทำให้ร้านนี้เหลือแต่ซาก” ชายคนนั้นตะโกนออกมาแล้วเชิดคอขึ้น

ลมพัดมาอย่างรุนแรงแต่ไม่มีใครตอบอะไร

มีเพียงหมาดำตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าประตูกางอุ้งเท้าออกมาเลีย มันเหลือบตามองครั้งหนึ่งแล้วกลับไปนอนต่อ…….

“ไร้สาระ ทำไมไม่มีใครสนใจข้า” ตอนนี้สายตาของหัวหน้าโจรคนที่เจ็ดเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคว้าดาบ แล้วหยิบดาบขนาดใหญ่เข้าไปในร้าน

ด้านหลังเขามีกลุ่มนักเลงกลุ่มใหญ่พวกมันเป็นหมาล่าเนื้อกับนายคนที่เจ็ดของมัน นี่เป็นประสบการณ์ที่พวกมันได้รับตลอด

บู่ฟงกำลังกัดทาร์ตไข่ชิ้นเนียมนุ่ม เมื่อเขาลองชิม รสชาติของนมก็เต็มช่องปาก กลิ่นหอมของไข่กระจายออกมาทั่วในตอนที่เขาเคี้ยวกลิ่นหอมก็กระจายออกมา

“เถ้าแก่ร้านอยู่ไหน? แม่มันกล้าไม่สนใจพ่อด้วยเหรอ”

หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดก้าวเข้าไปในร้านแล้วคำรามออกมา

ทุกคนที่เข้าไปในร้านก็แปลกใจ พวกเขากระพริบตาฉากที่อยู่ในร้านค่อนข้างอึดอัด

บู่ฟงกัดทาร์ตไข่อีกครั้ง เขากินมันแล้วพยักหน้า เขาบอกว่าคราวนี้เจี๋ยนเอ้อทำทาร์ตไข่ตามที่เขาต้องการได้ นางใช้เวลาศึกษาการทำหนึ่งเดือน นี่แสดงให้เห็นถึงความรักความเอาใจใส่ของเจี๋ยนเอ้อในการทำทาร์ตไข่

เขาหายใจเข้าไปเบาๆ ก่อนที่จะมองเจี๋ยนเอ๋อ แล้วพูดออกมาเบาๆว่า “รสชาติดี ถึงจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้ข้าพอใจ ข้าจะบอกวิธีการทำทาร์ตไข่ที่เจ้าสนใจให้”

“สวัสดี ………ไอ้หน้าขาวเจ้าไม่รู้เหรอว่าพ่อมาทำอะไรอยู่ที่นี่?” หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดโบกมือแล้วลมแรงพัดไปทางบู่ฟง

สิบสามโจรเมืองโม่ มีระดับการฝึกฝนที่น่ากลัว แต่ละคนล้วนเป็นจักรพรรดินักรบขั้นที่เจ็ด พวกเขาผูกขาดและปกครองเมืองโม่อย่างกดขี่ข่มเหง สิบสามพี่น้องเข้ามาเมืองหลวงเพื่อต้องการต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา

หากมีต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา พวกเขาสิบสามพี่น้องก็ก้าวขึ้นสู่นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด เมื่อเวลาผ่านไปทั้งสิบสามพี่น้องก็จะมีอำนาจสูงสุดในเมืองโม่ เมื่อตอนนั้นใครไม่เห็นด้วยพวกเขาจะทำลายล้างอาณาจักรสายลมแห่งแสง

บู่ฟงวางทาร์ตไข่บนมือลง สายตาของเขามองไปที่หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดอย่างใจเย็น

“หากจะสั่งอาหารดูที่เมนูที่อยู่ข้างงหลัง” บู่ฟงพูดออกมาอย่างไม่สนใจสิ่งใดๆ หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดตัวแข็งไปด้วยความตกตะลึงทันที ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเขามองบู่ฟงเหมือนกับว่ามองคนโง่

“เจ้าหนุ่มเจ้าล้อเล่น เจ้าไม่กลัวเหรอ? บิดาผู้นี้จะปรากฏตัวมากินอาหารเหรอ? ฮะฮะ พ่อมาเอาต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา เจ้าอย่ามาแกล้งโง่พูดกับบิดาคนนี้เลย” หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดจ้องมองมาอย่างโหดร้ายเหมือนกับดวงตาของปีศาจ

หน้าตาของเขาน่าเกลียดน่ากลัว เจี๋ยนเอ้อที่อยู่ข้างหลังบู่ฟงหน้าก็ซีด

ลั่วสื่อเหนียงขดริมฝีปากแล้วปลอบเจี๋ยนเอ้อ นางสาปแช่งเจ้าบ้าหัวหน้าโจรคนที่เจ็ด……

ตอนนี้สีหน้าของบู่ฟงแปลกใจ เดือนนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนบางคนมายืนอยู่ตรงหน้าเขาบอกว่าจะมาเอาต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา……….ดูเหมือนว่าเดือนที่เงียบสงบเริ่มจะมีพายุระเบิดออกมาแล้ว

แต่เมื่อ………บู่ฟงเหลือบไปมองหัวหน้าโจรคนที่เจ็ด เขาก็พบว่าเขาเป็นเพียงแค่จักรพรรดินักรบขั้นที่หก ไม่ใช่นักรบศักดิ์สิทธิ์ที่มาตามหา

“ไม่สั่งอาหารก็ออกไป”

บู่ฟงขี้เกียจจะพูดอย่างอื่น เขาหันหลังไปเพื่อที่จะเข้าไปในห้องครัว

ไม่สั่งอาหารก็ออกไป? โอ? ไอ้หน้าขาวมันกล้าสร้างความวุ่นวายกับนายท่านเจ็ด วันก่อนเจ้าแก่หลิวเผชิญหน้ากันกับสิบสามพี่น้อง เขาถูกสิบสามพี่น้องรุมกันทำร้าย เจ้าหน้าขาวนี่……..มันกำลังแสวงหาความตายเหรอ?

ใบหน้านายท่านน่าเกลียดและทำท่าทางน่ากลัว เขาเอามือใหญ่จะจับไปที่บู่ฟง

สำหรับคนบ้าที่ดีแต่พูด หากไม่ได้ตีเขาคงไม่ได้ พลังงานที่แท้จริงแพร่กระจายออกมารอบตัวเขา

“ต่อหน้าข้ายังกล้าเย็นชากับนายท่านเจ็ด แสวงหาความตายจริงๆ”

ลั่วสื่อเหนียงเห็นนายท่านคนที่เจ็ดเริ่มลงมือ นางคิดจะโต้กลับแต่นางยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังงานที่แท้จริง ทันใดนั้นก็มีลมพัดมาอย่างรุนแรง

ปัง

กรงเล็บของนายท่านเจ็ด ถูกหุ่นยนต์ตัวใหญ่หยุดเอาไว้

บู่ฟงหยุดเดินแต่ไม่ได้หันกลับมามอง ก่อนจะพูดเบาๆว่า “เจ้าขาวโยนเขาออกไป”

เจ้าขาวท้องกลมป๋องที่พุ่งเข้ามาช่วย ตาหุ่นยนต์ของมันเป็นสีแดง น้ำเสียงจักรกลของมันก็พูดออกมาว่า ” เจ้าคนสร้างปัญหาเจ้าจะต้องถูกเปลื้องผ้าเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น”

“นายท่านเจ็ดถูกผีหยุดเอาไว้? ไอ้เจ้ากลมๆนี่เป็นหุ่นเชิดเหรอ?”

“ข้าจะขุดย่าเจ้าขึ้นมา พ่อเจ้าต้องตาย”

ตาของนายเจ็ดเบิกกว้างออกมาอย่างดุร้าย ใบหน้าของเขาโกรธมาก ทันใดนั้นเขาชกไปที่หัว หมัดรุนแรงก็กระแทกโดนหัวของเจ้าขาว

ตึง เสียงต่อสู้กันดังออกมากลางร้านอย่างชัดเจน……….

ร่างของนายเจ็ดสั่นไหวทันที ผิวของเขาซีด ภายใต้ดวงตาและใบหน้าที่ก้าวร้าวนั้นน้ำแทบที่จะไหลออกมา (สำนวนจีนอยากร้องไห้) เขารู้สึกถึงอันตราย

เมื่อเห็นมีช่องว่างเขาก็หมุนตัวไปฟันก้อนเหล็กที่เป็นส่วนหัวทันที ใบมีดก็ยุบโหว่ออกมาเป็นช่องว่างทันที….

หัวของเจ้าขาวกลมน่ารักไม่ได้ถูกยุบหรือแตกสลายมันมีสภาพเหมือนเดิมเหมือนกับเป็นมาก่อน

“เจ้าคนก่อกวนจะต้องถูกเปลื้องผ้าเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ ” หุ่นยนต์เจ้าขาวพูดออกมา ตาของมันแดงฉานมองไปที่หน้าของหัวหน้าโจรคนที่เจ็ด


ตอนที่ 194 เนื้อตัวล่อนจ้อนไม่ใส่เสื้อผ้า

ใบหน้าของนายเจ็ดที่ดุร้ายและน่าเกลียดกำลังตัวสั่น ปากของเขาเปิดอ้ากว้างเกือบจะเอามะเขือเทศลูกใหญ่ยัดเข้าไปได้

ดาบของเขาที่ทำมาจากโลหะชั้นดี คาดไม่ถึง….มันบุบลงไป?!

เจ้าหุ่นเชิดตัวนี้มีอะไรเป็นพิเศษใช่ไหม? ดาบของเขาที่ฟันลงไป……….คาดไม่ถึงมันบุบลงไปลึกมาก แต่ที่สำคัญเจ้าหุ่นเชิดนี่กลับไม่เป็นอะไรเลย

เมื่อแสงสีแดงฉายเข้ามาที่หน้าหัวใจของเขาก็ว่างเปล่า เขารีบลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองเจ้าขาวอย่างโหดร้าย เขายิ้มออกมาแล้วเหวี่ยงมีดในมือทิ้งลงไป

“แม่เอ๊ย มันถึกจริงๆ” นายเจ็ดฉีกเสื้อผ้าบางส่วนออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเหมือนมังกร ทั่วทั้งตัวของเขามีรอยแผลเป็นเหมือนตะขาบไปทั่วช่างน่าตกใจ

“บิดาผู้นี้ทุบเจ้า ข้าใช้ชีวิตอยู่เมืองโม่ที่มีแต่คนโฉดมีหรือจะกลัวเจ้าก้อนเหล็กอย่างเจ้า?!” นายคนที่เจ็ดเอากำปั้นชกหน้าอกตัวเอง เขาหันหน้าส่งเสียงคำรามที่เจ้าขาว

ปัง!

ในตอนนี้ นายเจ็ดของกลุ่มโจรก็ได้ระเบิดพลังงานที่แท้จริงออกมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ตอนนี้อากาศพัดมาอย่างรุนแรง ลมพายุล้อมรอบร่างกายของเขา

“บิดาผู้นี้จะให้เจ้าตาย”

นายเจ็ดคำรามทั่วร่างกายของเขาก็สั่นไหว เขายกหมัดขึ้นไปชกเจ้าขาวที่ยืนนิ่ง หมัดนั้นหนักมาจนได้ยินเสียงอากาศฉีกออกมา

หมัดของนายท่านเจ็ดทรงพลังอย่างมาก มันเร็วจนมองไม่เห็นว่าหมัดนี้มาได้ยังไง กำปั้นต่อยรั่วๆไปหลายหมัด

กำปั้นเต็มไปด้วยวิชาการต่อสู้ มันใช้พลังงานที่แท้จริงที่หมุนเวียน มันกระหน่ำซัดเข้าไปอย่างน่ากลัว

นี่คือวิชาการต่อสู้ของสิบสามโจรเมืองโม่ ระเบิดกำปั้น

ลั่วสื่อเหนียงรู้สึกได้ถึงพลังและความแข็งแกร่งที่ได้จากกำปั้นนี้ หมัดแค่ละหมัดล้วนให้นางรู้สึกได้ถึงความรู้สึกความน่ากลัว แม้นางจะรู้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดินักรบระดับเดียวกันกับนาง แม้แต่นางก็ยากที่จะต้านทานเขาอยู่…..

หุ่นยนต์เจ้าขาวกระพริบตา ก่อนที่แสงในตาของมันจะส่องแสงสว่าง

เมื่อประจันหน้ากับหมัดนี้ เขาไม่หลบและไม่ซ่อนตัว

“หาเรื่องอยากตาย” นายท่านเจ็ดแสดงท่าทางที่โหดเหี้ยม แล้วชกต่อไปอย่างรุนแรง เขายังชกต่อไปอย่างหนักหน่วง

ปัง

ปัง ปังเสียงนายคนที่เจ็ดต่อยไปที่ท้องของเจ้าขาว

หน้าท้องเป็นรอบกลวง มุมปากของนายเจ็ดก็ยิ้มออกมานิดๆ ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปนิดๆ ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ระเบิด”

ปัง

เสียงที่ดังออกมาปัง ทำให้ทุกคนเอามือปิดหูอย่างช่วยไม่ได้ เสียงดังเหมือนกับระเบิดระเบิดออกมาทำให้ร่างกายของทุกคนตัวสั่น

หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดถอยหลังไปสองก้าวแล้วหัวเราะออกมา

“แม่เอ๊ย เจ้าก้อนเหล็กเจ้ากล้ามาเย็นชาต่อหน้านายท่านเจ็ด ตอนนี้เจ้าจะได้รู้จักความโหดร้ายของนายท่านเจ็ดวันนี้”

บู่ฟงเดินเข้าไปในห้องครัวเขาได้ยินเสียงหัวเราะที่โหดร้ายดังออกมา เขาขมวดคิ้วทันทีแล้วเดินไปดูอย่างช้าๆ เมื่อเขาเห็นหัวหน้าโจรคนที่เจ็ดหัวดิ้นเพราะกำลังหัวเราะออกมา เขาก็พูดออกมาเบาๆว่า ” เจ้าขาวอย่าเล่น โยนพวกเขาออกไป ดูสิส่งเสียงน่ารำคาญ”

เสียงเครื่องจักรสั่นสะเทือนหัวของเจ้าขาวก็มองมาอย่างดูถูก แสงสีแดงของมันล็อกเป้าหมายไปที่หัวหน้าโจรคนที่เจ็ด

ท้องของเจ้าขาวยังขาวยังกลวงโบรว มันเริ่มซ่อมแซมตัวเองต่อหน้าหัวหน้าโจรคนที่เจ็ดอย่างช้าๆ

ปัง

ทันใดนั้นฝ่ามือของเจ้าขาวก็วัดมาที่นายท่านคนที่เจ็ด นายท่านเจ็ดรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน ร่างของเขาก็ทรุดตัวคุกเข่าลงมาบนพื้น มองดูใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว

พรึบ

เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้นมา นายท่านคนที่เจ็ดรู้สึกได้ทันทีว่าส่วนล่างของเขามีลมเย็นโชยออกมา เมื่อเขาถูกตบเบาๆความแข็งแกร่งของเขาก็หายไป

แควก

รูปร่างที่สมส่วนของนายท่านคนที่เจ็ดก็ลอยตกในซอย เสื้อผ้าของเขาหายไปจนหมด

เลือดไหลพุ่ง นายท่านคนที่เจ็ดเต็มไปด้วยความอายและความโกรธ มีเพียงผ้าเตี่ยวปิดร่าง เขารู้สึกว่าร่างของเขาเย็นไปทั่วร่าง ลมเย็นพัดมาเขาเหลือเพียงที่ปิดไข่…….

ลูกน้องของจอมโจรคนที่เจ็ดตาละห้อยเมื่อเห็นร่างเจ้านายของตนเปลือยเปล่า เขาหน้าของเขายังบินออกมาแบบนี้ หัวใจของพวกเขาก็เหมือนมีหมาดำหนึ่งหมื่นตัววิ่งผ่าน

แคว่ก แคว่ก

“เจ้าคนก่อกวนจะต้องถูกเปลืองผ้าเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ”

หุ่นยนต์เจ้าขาวพูด ทันใดนั้นมันก็ฉีกเสื้อผ้าคนทั้งหมดให้พวกเขาหนาวเย็นในซอยที่มีน้ำแข็งปกคลุม พวกเขายืนตัวสั่นใบหน้าของพวกเขาโศกเศร้าเสียใจและไม่พอใจ

ใบหน้าของเจี๋ยนเอ้อแดงนางเอามือปิดตาตัวเองเมื่อเห็นฉากนี้

โอวหยางเสี่ยวยี่ก็เอามือปิดตาของตัวเอง แล้วแอบมองฉากนี้ที่ช่องว่างบนฝ่ามือ ใบหน้าของนางมองฉากนี้อย่างตื่นเต้น

ลั่วสื่อเหนียงดูตรงๆ นางเม้มปาก แล้วเลียริมฝีปาก ดวงตาทั้งสองข้างของนางหดตัวลง

นายท่านเจ็ดรู้สึกว่าหน้าอกของเขาหนัก เหมือนถูกกดทับ ทำไม………..เจ้าก้อนเหล็กนั้นเขาต่อยมันไปหลายครั้ง แต่ทำไม? มันถึงไม่เป็นอะไรเลย

ดวงตาหุ่นยนต์ของเจ้าขาวก็กวาดตามองพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง

หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดกับคนอื่นๆก็ตกใจกลัว รางของเขาไม่มีอะไรปกปิดเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า ” เจ้า…….ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า รอข้าก่อน ข้าจะพาพี่น้องอีกสิบสิงคนมา ตอนนี้ข้าจะไม่แค่พังร้านของเจ้า”

นายท่านเจ็ดพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม เขาหันไปมองรอบๆแล้ววิ่งออกไป ใบหน้าของเขามีดมัวจอมโจรแห่งเมืองโม่ หัวทิ่มออกมากระแทกถนน………หากใครรู้เรื่องนี้เขาต้องหัวเราะออกมาดังๆ

ลั่วสื่อเหนียงมองร่างอ้วนของเจ้าขาวแล้วประเมิน หัวหน้าเจ็ดของเหล่าโจรมาท้าชาวบ้านเขาเห่าไม่หยุดแล้วรีบวิ่งหนีไป

“เจ้าขาวเจ้าเองก็เหมือนกัน เจ้าชอบคนเปลือยเปล่าไม่ชอบคนสวมเสื้อผ้า” ลั่วสื่อเหนียงลูบร่างกายของเจ้าขาว นางยิ้มแล้วพูดออกมา

ดวงตาของเจ้าขาวหมุนรอบแล้วมองไปที่ร่างของรั่วสื่อเหนียง หัวใจของนางกระโดดโลดเต้นแทบที่จะแตกกระจายออก จากการที่พูดเรื่องตลก…….เจ้าก้อนเหล็กนี้ไม่พูดอะไร แต่เป็นไปได้ที่จะถูกมันจะจับแก้ผ้าจนหมด

เจ้าขาวกลับไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ บู่ฟงถือชามกระเบื้องฟ้าขาวออกมา กลิ่นหอมของมันเกินที่จะต้านทานมันคือทาร์ตไข่สีเหลืองทอง

“เอาละงั้นเรามาพูดเรื่องทาร์ตไข่กันดีกว่า”

บู่ฟงใจเย็นราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาพูดออกมาอย่าสงบนิ่ง

……

“จุ๊ จุ๊ นี่เป็นมนุษย์งูจริงๆ? ดูน่าแปลกจริงๆอ๊า”

“เด็กสาวมนุษย์งูนั้นดูดี หรือจะพากลับไปที่บ้าน…..เฮ้”

“มนุษย์งูวิ่งไปมาที่เมืองหลวงมาทำอะไรกัน? ดูเหมือนมนุษย์งูผู้ชายสองคนจะได้รับบาดเจ็บหนักนะ……….ดูเหมือนมนุษย์งูพวกนี้กำลังเดือดร้อน”

……

บนถนนยาวในเมืองหลวง ใบหน้าของหยี่ฟูกำลังสับสน ตรงหน้าของนางหยี่ฟงกำลังฝึกฝนอยู่ แต่เขาก็ต้องมาสู้กันกับชายชราที่เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์การต่อสู้เป็นไปอย่างรุนแรงอย่างมาก พ่อของนางที่ได้รับบาดเจ็บก็บาดเจ็บหนักกว่าเดิมและแทบที่จะไม่ได้สติ

นางถูกผู้คนล้อมเอาไว้ใบหน้าของพวกเขาอยากรู้อยากเห็น ภายในใจของหยี่ฟูรู้สึกหวาดกลัว

นางเพิ่งเข้ามาที่เมืองหลวง นางไม่รู้ว่าร้านของผู้อาวุโสบู่อยุ่ที่ไหน นางอยากจะถามมากแต่นางก็ไม่กล้า ในสายตาของนางคนที่อยู่รอบๆ เต็มไปด้วยอันตราย

ทันใดนั้นผู้คนก็แยกตัวออกมา ชายชราค่อยๆเดินมาหานางอย่างช้าๆ และเข้ามาหาอย่างสุภาพ

หูของหยี่ฟูดูเหมือนจะตั้งใจฟังสิ่งที่ออกมาจากปวกเจ้าเหอจิตใจของนางก็มั่นคงอย่างช่วยไม่ได้

นางไม่อาจควบคุมร่างได้ก้าวออกไป จากฝูงชนไป

เขาค่อยๆหายตัวไปอย่างช้ากับผู้คน

ในโรงเตี๊ยมที่หรูหราในเมืองหลวง

มุมปากของจอมโจรคนที่เจ็ดมีเลือดอาบ เขาเปิดประตูโรงเตี๊ยมเข้ามา คนที่นั่งดื่มเหล้าและกินเนื้ออยู่หัวใจก็สั่นไหว

“บ้าเอ๊ย คนที่เหลือเพียงผ้าเตี่ยววิ่งหายไปไวเหมือนผายลม ที่วิ่งผ่านไปเมื่อกี้ไม่ใช่น้องเจ็ดหรือไง? เขา……เล่นอะไรแรงไปเปล่าทำไมถึงเปลือยกลับมา?” ชายคนที่มีเคราตะโกนออกมาเสียงดัง

ใบหน้าคนอื่นๆก็แปลกใจมาก แต่เขาก็หัวเราะ เจ้าเจ็ดเปลือยมา นี่น่าสนใจจริงๆ

เมื่อหัวหน้าโจรคนที่เจ็ดเปลี่ยนเสื้อผ้า ใบหน้าของเขาขุ่นมัวออกมาจากห้อง คนพวกนั้นหัวเราะแล้วมองเขาที่ออกมา

หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดกัดฟันพูดถึงสิ่งที่เกิดเมื่อตะกี้ออกมา เมื่อได้ยินฉากนี้ตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง บางคนก็ทนไม่ไหวทุบโต๊ะ

“มารดาเถอะ มันกล้าทำแบบนี้กับน้องชาย บิดาคนนี้ไม่ได้ทุบเหล็กแผ่นนั้น”

ทันใดนั้นสิบสามโจรเมืองโม่ ก็วางแผนที่จะรวมตัวกันบุกเข้าไปที่ร้านฟงฟงน้อย

“หยุดก่อน”

แต่เมื่อตอนที่พวกเขาจะออกไป ห็มีคนมาหยุดพวกเขาด้วยความโกรธ พวกเขามองชายหนุ่มที่เดินมาในห้องอย่างช้าๆ

คนๆนี้เป็นพี่คนโตของสิบสามโจร เขามีระดับการฝึกฝนที่แข็งแกร่งที่สุดในสิบสามโจร เพียงอีกครึ่งก้าวเขาก็เข้าสู่ระดับนักรบศักดิ์สิทธิ์

“เมืองหลวงในตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญซ่อนตัวกันอยู่มาก มีนักรบศักดิ์มากมายและน่ากลัว หากพวกเขาบุกเข้ามาที่ร้านพวกเขาไม่พุ่งเข้ามาเหรอ? เจ้าอยากจะเปิดเผยเป้าหมายให้คนอื่นรู้หรือไง?เจ้าโง่?”


ตอนที่ 195 ได้เวลาเปิดไหเหล้าวิญญาณ

 


“พี่ใหญ่น้องเจ็ดของเราสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่พวกเราจะไม่กลับไปเล่นงานมันเหรอ?”เสียงของคนที่มีเคราบนใบหน้าพูดด้วยความเศร้าใจ เคราบนหน้าของเขาสั่นสะเทือนเพราะความโกรธ

 


“จะกลับไปที่นั้นเหรอ? เจ้ารู้ไหมทำไมนักรบศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่ออกเคลื่อนไหวไปเอาต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาจนถึงตอนนี้?” ฮูยี่ฟงกวาดตามองเหล่าพี่น้องตอนที่ถามออกมาแล้วหัวเราะ

 


ใบหน้าของทุกคนปรากฏสีหน้าสับสน เพียงแค่ร้านเล็กๆ ที่เถ้าแก่มีระดับการฝึกฝนขั้นราชันนักรบขั้นที่เจ็ด กะอีแค่ราชันนักรบขั้นที่ห้าในสายตาของพวกเขาเป็นเพียงแค่มด พวกนักรบศักดิ์สิทธิ์กับราชันนักรบขั้นที่ห้าต่างกันมากแค่ไหนพวกเขาไม่รู้เหรอ?

 


นี่เป็นเรื่องตลกมากๆ ในโลก

 


“เมื่อมาถึงเมืองหลวงข้าส่งคนไปรวบรวมข้อมูลที่ร้าน มันดูเป็นร้านค้าที่เรียบง่าย……” ฮูหยี่ฟงสูดลมหายใจเขาไม่แน่ใจแต่มันก็มีความเป็นไปได้สูง มันอาจะเป็นจริงได้หรือไม่ได้

 


“ข้อมูลที่ไปสืบมาบอกว่าร้านค้ามีหุ่นเชิดที่สามารถต่อสู้กันกับนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้ แล้วที่ประตูร้านยังมีสัตว์วิญญาณที่ดุร้ายขั้นสูงสุดนอนเล่นอยู่ แต่การมีสัตว์วิญญาณดุร้ายขั้นสูงสุดน่าจะเป็นข่าวลือ มันไม่น่าจะใช่สัตว์วิญญาณดุร้ายขั้นสูงสุด อย่างน้อยมันก็น่าจะเป็นสัตว์วิญญาณขั้นที่เจ็ด ร้านที่มีสองนักรบศักดิ์สิทธิ์ปกป้องอยู่ เจ้ายังกล้าพุ่งเข้าไปจะทำลายร้านเล็กๆ นั้นอีก?

 


ฮูยี่ฟงพูดออกมาอย่างจริงจัง เมื่อเขาบอกข้อมูลที่ไปสืบมาลับๆ ของร้าน

 


หัวหน้าโจรคนที่เจ็ดตัวสั่น บ้าเอ๊ย………….มันเป็นหุ่นเชิดที่เก่งกว่าหุ่นเชิดทั่วไป มันไม่ใช่แค่ก้อนเหล็ก คิดไม่ถึงมันสู้กับนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หกได้………แล้วยังมีหมาอีกตัว

 


“การที่น้องเจ็ดมีชีวิตกลับมาได้นับว่าโชคดี” ฮูยี่ฟงพูด

 


“พี่ใหญ่ หมดกันแล้วเรื่องน่าเศร้าของน้องเจ็ดละ” จอมโจรคนที่เจ็ดกัดฟันกราม เขาจำได้เมื่อตอนที่เขาถูกโยนออกมา แล้วไข่ของเขาก็รู้สึกโล่งๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะรู้สึกว่าเลือดไหลขึ้นไปบนหัวแทบที่จะระเบิดออกมา

 


ฮูยี่ฟงที่เอาเอามือไขว้หลัง ก็หรี่ตาแล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า “เราต้องหาทางกลับไป แต่อย่ารีบร้อน……….พวกเราต้องหาเวลาที่เหมาะสม”

 


……

 


“พระเจ้ามันน่ากลัวมาก……..นี่มันตัวอะไรกัน”

 


“ท่านแม่ มีสิงโต อะสิงโตกินคน”

 


“นี่มันสิงโตวิญญาณ? มันสง่างาม ตัวสูงใหญ่และแข็งแกร่ง……..”

 


สิงโตไฟเดินมาอย่างช้าๆ มันเข้ามาสำรวจเมืองหลวง แต่ละก้าวของมันดูเหมือนจะเผาไหม้พื้นที่ปูด้วยอิฐไหม้เกรียม ดวงตาคมของสิงโตไฟ มองดูรอบๆ อย่างรวดเร็วมันจ้องมองมนุษย์ที่ต่ำต้อยที่อยู่รอบตัวอย่างภูมิใจ

 


สิงโตคำราม ทำให้คนมากมายตัวสั่นไหวด้วยความกลัว

 


บนหลังของสิงโตไฟ มีชายสวมชุดแดงหัวเราะลูบหัวสิงโตไฟเพื่อปลอบอารมณ์ของมัน

 


“อย่าทำแบบนี้สิ อย่าทำให้คนกลัว” น้ำเสียงของชายหนุ่มปลอบมันอย่างอ่อนโยน สายตาของเขามองเมืองหลวงด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขากำลังอารมณ์ดี

 


ทันใดนั้นบนพื้นที่ห่างไกลที่อยู่สูงร่างที่แข็แกร่งก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาตรงหน้าของเขา

 


ดวงตาของชายชุดแดงหดตัวลง เขามองดูร่างที่สูงแข็งแกร่งและสง่างามที่อยู่ตรงหน้าแล้วพยักหน้าลงนิดๆ ชายตัวสูงและแข็งแกร่งนี้มีกลิ่นอายที่น่ากลัว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง

 


“สัตว์วิญญาณที่แสนฉลาดของเจ้าไม่อนุญาตให้เข้ามาที่นี่ในเมืองหลวง ไม่อนุญาตให้เอาสัตว์วิญญาณมาเดินเล่นที่เมืองหลวง ข้าหวังว่าเจ้าจะให้ความร่วมมือ” เซียวเม้งที่สง่าผ่าเผยมองไปคนที่ขี่สัตว์วิญญาณ ภายในใจของเขาก็รู้สึกสั่นไหว

 


สิงโตไฟระดับที่เจ็ด นักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับที่เจ็ด พวกเขารวมตัวกันมันน่ากลัวจริงๆ

“ข้ามู่หลิงฟงมาจาก…….ดินแดนรกร้าง นานมาแล้วข้าได้ยินว่าที่เมืองหลวงของอาณาจักรสายลมแห่งแสงมีแม่ทัพใหญ่ที่แข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัว ท่านมีพลังวิญญาณมากมายสมควรแล้วที่ท่านจะมีชื่อเสียง” ชายชุดแดงมู่หลิงฟงพูดออกมาแล้วยิ้ม

 


เขากระโดดออกมาจากหลังของสิงโตไฟ เขาลูบหัวสิงโตไฟเบาๆ ในมือของเขาก็ถือแผ่นหยกออกมา แสงสว่างก็พุ่งออกมาสิงโตไฟก็หายเข้าไปในแผ่นหยก

 


ดวงตาของเซียวเม้งหดตัวอีกครั้ง หัวใจของเขาหนาวเหน็บคนที่มาจากดินแดนรกร้าง เป็นไปได้ที่เขาจะมาจากอาณาจักรฝึกสัตว์ที่ดุร้าย คนที่อยู่ที่นั้นล้วนแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว?!

 


คนที่มาจากภูเขานั้น…ล้วนน่ากลัว?!

 


“ขอเชิญท่านมาเป็นแขกข้าจะเตรียมห้องที่ดีที่สุดเอาไว้ให้ท่าน” เซียวเม้งพูด

 


มู่หลิงฟงเข้าใจความหมายลึกซึ้งนี้ เขามองไปที่เซียวเม้ง เขาไม่ได้พยายามปฎิเสธเซียวเม้งแล้วตามเซียวเม้งไป

 


……

 


“แม่นาง ปิ่นหยกอันนี้เป็นหยกเนื้อดี ท่านมองสิมันเนื้อใสโปร่งแสง แค่เหรียญทองราคาไม่แพงแน่นอน”

 


ตามถนนมีพ่อค้าแผงขายลอยจ้องมองไปที่หญิงสาวคนหนึ่ง สาวน้อยท่าทางซื่อสวมเสื้อผ้านักรบ ตอนนี้สายตาคมของคนขายกำลังจับจ้องสาวน้อย เหมือนนางเป็นแกะอ้วนสาวน้อยซื่อๆคนนี้หลอกง่ายมาก

 


“เหรียญทอง?” สาวน้อยมองบนสลับกับมองล่าง ไปที่หยกชิ้นนี้ด้วยข้อสงสัยบางอย่าง

 


หยกนี้เป็นหยกธรรมดา ขั้นตอนการทำหยกมีอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?

 


“แม่นางนี่คือแผ่นพับที่เราทำขึ้น ปิ่นหยกนี้ไม่ใช่ของธรรมดา มันมีบางอย่างที่พิเศษ ท่านใจเย็นก่อน หากท่านใส่มันท่าจะรู้สึกว่าการฝึกฝนของท่านดีขึ้น ท่านเป็นหญิงสาวที่ฝึกฝนการต่อสู้ปิ่นหยกนี้ก็เหมาะกับท่านมาก” พ่อค้าพยายามมาวนพูดรอบๆตัวนาง

 


สาวน้อยหลงกลมองเข้าไปที่ปิ่นหยก นางพบว่าปิ่นหยกนี้ไม่มีปฎิกริยาอะไรเลย หรือว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่มีพลังวิญญาณระดับต่ำ?

 


สาวน้อยคิดอย่างมีความสุขนางวางแผนจะดึงกระเป๋าเก็บสมบัติออกมาจ่ายเงิน

 


“สวัสดีสาวน้อย หลายปีดีดักแล้วที่ไม่เห็นคนโง่อย่างเจ้า”

สาวน้อยที่กำลังหยิบเหรียญทองออกมา แขนขาวนวลราวกับดอกบัวหยกจับต้นคอของนางทันที

ทันใดนั้นใบหน้าที่สวยงามก็ปรากฏอยู่ด้านข้างเธอแล้วยิ้มออกมา

 


“พี่หนี่เหยี่ยน ท่านมาได้ยังไง” สาวน้อยมองดูร่างที่อยู่ข้างๆนาง นางอยู่ที่นี่ได้นังไง? นางยิ้มอย่างมีความสุขให้กับที่เรียกนางว่าเด็กโง่

 


หนี่เหยี่ยนเอามือลูบหัวสาวน้อยคนนี้ นางฉวยปิ่นเอาไปไว้ในมือของนาง มุมปากของนางยกขึ้นแล้วไปบอกคนขาย “เจ้าพูดใหม่อีกครั้งสิ?”

 


พ่อค้าไม่คิดว่าจะมีหญิงสาวสวยคนนี้โผล่มาทันที ดวงตาของเขาหมุนวน เขาอยากจะพูดอะไรออกมา แต่เขาเห็นปิ่นหยกที่อยู่ในมือหญิงสาวคนนี้หลอมละลายออกมาอย่างรวดเร็ว

 


มารดาเถอะ……….พ่อค้ารู้สึกกลัวผู้หญิงคนนี้แทบที่จะฉี่ราด นางเป็นปีศาจ

 


“นี่ไม่คุ้มแม้กระทั่งเหรียญทองแดงเลยด้วยซ้ำ เจ้ายังกล้าอ้าปากเรียกเหรียญทองอีก พูดออกมาไม่กลัวข้าจะทำให้เจ้าฟันหักหมดปากหรือไง?” หนี่เหยี่ยนพูดกับคนขายด้วยน้ำเสียงหนาวเหน็บ

 


พ่อค้ารู้สึกกลัวเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

 


หนี่เหยี่ยนเห็นพ่อค้าประเภทนี้แล้วรู้สึกอารมณ์ไม่ดี เมื่อเขาหมดสตินางก็ดึงตัวสาวน้อยคนนั้นออกมาจากที่นี่

 


“เย่สื่อหลิงเย่สื่อหลิงเจ้ากล้าออกมาข้างนอกแล้วเหรอ? เจ้ากำลังจ่ายเงินเพื่อซื้อของธรรมดาอย่างนั้น” หนี่เหยี่ยนมองเด็กสาวที่กำลังขบผลไม้วิญญาณอยู่ข้างๆ นางพูดออกมาดังๆ

 


“ข้าไม่กลัวเขาเอาชนะข้าไม่ได้” เย่สื่อหลิงพูดออกมาแล้วกระพริบตา

 


“แม้ว่าเจ้าจะโง่แต่ระดับการฝึกฝนของเจ้าก็ไม่อ่อนแอ” หนี่เหยี่ยนกระซิบตอนที่เดิน “สาวน้อยเราไปกินอะไรดีๆกันเถอะ”

 


เย่สื่อหลิงได้ยินว่ามีอาหารดีๆ ตาของนางส๋องสว่างทันที ใบหน้าเล็กๆของนางเต็มไปด้วยความดีใจ

 


“อาจารย์บอกว่าให้ข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหาของล้ำค่า พี่หนี่เหยี่ยนท่านรู้ไหมว่าของล้ำค่านั้นอยู่ที่ไหน?” เย่สื่อหลิงตามหนี่เหยี่ยนไป แล้วถามด้วยความสงสัย

 


“ใครจะรู้ว่ามันอยู่ไหน ใครจะสน มันเป็นของล้ำค่า หากมีวาสนาก็มีโอกาสที่จะได้เจอ” มุมปากของหนี่เหยี่ยนยกขึ้น หัวหน้าผู้อาวุโสก็จะให้นางหาของล้ำค่าเช่นกัน มีแต่ผีเท่านั้นที่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน

 


ต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา? บางที…

 


ข้างนอกประตูเมืองหลวงก็มีคนขี่ม้าสามคนแต่

 


อู่อวิ๋นไป๋มองไปที่กำแพงที่กว้างใหญ่เมืองหลวงอาณาจักรสายลมแห่งแสง นางหรี่ตาแล้วพยักหน้า นางชักม้าวิญญาณให้เดินเข้าไปในเมืองหลวง

 


ขบวนของนางเดินทางมาหนึ่งเดือนแล้วจากคฤหาสน์เมฆขาวเพื่อเข้ามาที่เมืองหลวงได้ในที่สุด

 


“พี่ชาย……..พวกเราหวังว่าท่านจจะจำได้ว่าเก็บเมล็ดดอกบัวราชาวิญญาณน้ำแข็งให้หญิงสาวคนนี้” อู่อวิ๋นไป๋พึมพำเบาๆแล้วเดินทางเข้าเมืองหลวงอย่างราบลื่น

 


……

 


ใบหน้าของเจี๋ยนเอ้อมีความสุขนางก็ออกไป โอวหยางเสี่ยวยี่วันนี้นางก็วุ่นวายตลอดทั้งวัน เวลาเปิดร้านวันนี้หมดแล้ว

 


บู่ฟงบิดขี้เกียจแล้วเดินเข้าไปปิดประตูร้าน

 


ต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาอยู่ในกระถางสีน้ำตาลมันสูงแล้วกว่าหนึ่งเมตร บู่ฟงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของมันที่ปลดปล่อยออกมามีความผันผวน

 


ตามคำอธิบายของโอวหยางเสี่ยวยี่ต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญามันสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนและช่วยให้คนเข้าถึงเส้นทางพุทธิปัญญาได้

 


โอวหยางเสี่ยวยี่ใช้เวลาที่เหลือฝึกฝนอยู่ใต้ต้นไม้นี้

 


ถึงแม้ว่าบู่ฟงจะรับรู้ได้ถึงแรงกดดันนี้ แต่พลังวิญญาณที่ปลดปล่อยออกมาก้ไม่ช่วยให้เขาเพิ่มระดับการฝึกฝนเพราะว่า ระดับการฝึกฝนของเขาไม่ได้มาจากการฝึก แต่มาจากผลึกที่เขาได้มาจากการขาย

 


เห็นได้ชัดว่าบู่ฟงรู้ว่าต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญานี้มีค่ามากแค่ไหน เขากลับไปที่ห้องครัว ตักน้ำพุฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเข้ามา แล้วเทลงในกระถาง

 


“ที่ร้านนี้ยังมีสีเขียวไม่มากพอ กินเข้าไปให้มีสีเขียวมากกว่านี้” บู่ฟงมองดูต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาแล้วพูดออกมาเบาๆ

 


เมื่อกลับไปที่ห้องครัวบู่ฟงก็ฝึกการใช้มีด เขาทำท่าทางสงบวันนี้เป็นเวลาที่ดีก่อนที่เขาจะเดินไปอยู่ตรงหน้าตู้

 


หัวใจของเขาอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ วันนี้จะได้ลองชิมเหล้าที่ทำมาจากยาสมุนไพรวิญญาณทั้งสามชนิดแล้วในวันนี้

 


เมื่อเปิดตูกลิ่นทะเลก็ออกมาจนทั่วร้าน

 


ตู่ได้ปรับสภาพแวดล้อมแล้ว บู่ฟงรู้สึกได้ถึงสายลมที่กลิ่นทะเลรสเค็ม

 


บู่ฟงยืนแขนออกไป หลังจากนั้นบู่ฟงก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เบาบาง สายตาของเขามองไหเหล้ายักษ์ที่อยู่ในตู้อย่างสงบนิ่ง

 


เหล้าถูกหมักเอาไว้หนึ่งเดือนแล้วมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย แต่บู่ฟงรู้ดีว่าข้างในมีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

 


บู่ฟงยกเหล้าขึ้นช้าๆอย่างยากลำบาก เขาพบว่าไหเหล้าหนักมากจนเขาแทบที่จะขยับไม่ได้

 


บู่ฟงขมวดคิ้ว บู่ฟงโคจรพลังที่จุดตันเถียนอีกครั้ง สุดท้ายบู่ฟงก็ยกไหขึ้นมาจากตู้วางไว้บนพื้นห้องครัว

 


ปากไหเหล้าถูกมัดเอาไว้แน่น เหล้าวิญญาณไม่มีการไหลซึมออกมา ในใจของบู่ฟงอยากรู้มาก

 


บู่ฟงเปิดปากไหที่ปกปิดเอาไว้อย่างตื่นเต้น มันเผยให้เห็น “ด้านใน” เผยออกมา


ตอนที่ 196 กลิ่นเหล้าหอมคลุ้งไปครึ่งเมืองหลวง

เมื่อเผยให้เห็น “ด้านใน” ที่บู่ฟงเปิดออกมา กลิ่นเหล้าหอมกลมกล่อมเมื่อเปิดมันออกมามีคลื่นพลังวิญญาณออกมาหนาแน่น ตรงจุดที่เปิดออกมาพลังวิญญาณก็พุ่งเข้าไปสู่โพรงจมูกของเขาทันทีมันทำให้เขาอยากจะลองชิมรสชาติ

มันเป็นเหล้าผลไม้ที่มีกลิ่นกลมกล่อมและมีกลิ่นหอมหวานนิดๆ แต่กลิ่นหอมหวานนี้ไม่ส่งผลอะไรต่อเหล้า แต่มันทำให้เหล้าดูน่าสนใจน่าลิ้มลองรสชาติของมันมากขึ้น

บู่ฟงเบิกตากว้างเขาไม่อาจที่จะทนต่อไปได้ “อึก อึก” เสียงกลืนน้ำลาย เมื่อกลิ่นเข้าไปในจมูก เหล้านี้เหมือนงูตัวเล็กๆที่เลื้อยเข้าไปในโพลงจมูก ขาซี่โครง แขน กระดูกทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“มันหอมมันต้องเป็นเหล้าชั้นดี”

บู่ฟงชมออกมา แต่ใบหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปนัก เพราะเขาหมักเหล้าด้วยวิธี “เอาเหล้าใส่เหล้าเอาไหใส่ไห” นี่จึงไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้าย

เหล้านี่ไม่เลว แต่มันก็เทียบเท่ากับเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะ เพื่อให้มันสมบูรณ์แบบและเหนือกว่าที่หนี่เหยี่ยนเล่าถึง “ลมหายใจมังกร” เขาจะต้องทำให้เหล้ารสชาติกลมกล่อมและน่ากินมากยิ่งขึ้น

บู่ฟงไม่รีบร้อน เขาเอาไหเหล้ามาสามใบ เขาก็ตักเหล้าจากกระบวยไม้ไผ่ ใส่ลงไปในไหเหล้าเล็กๆ

กระบวยตักเหล้าไม้ไผ่ก็ดำดิ่งในเหล้า เสียงที่ดังออกมามันดูนุ่มนวล เสียงของเหลวไหลลงมา ดูเหมือนว่าเหล้านี้มันตกตะกอนมานานแล้ว แสงของมันระเบิดออกมาทันทีต่อหน้าบู่ฟง

เหล้าชนิดนี้ไม่ได้เหมือนน้ำฤดูใบไม้ผลิที่สะอาดหมดจด เหล้านี้ส่องประกายสีเหลืองอ่อน มันออกสีเหลืองบริสุทธิ์ไม่ได้แต่งสี ไม่ใช่สีเหลืองบริสุทธิ์ ไม่ใช่เปลี่ยนไปเพราะสีเหลืองขุ่น

บู่ฟงตักเหล้าใส่ไว้ในไหเล็กๆ เหล้าที่เหลือบู่ฟงก็เอามันมากรอง ก็ยังเหลือเหล้าไว้อีกครึ่งไห

เมื่อทำเสร็จแล้วหัวใจของบู่ฟงก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้งหนึ่ง

เขาใช้พลังงานที่แท้จริงปกคลุมมือของเขา เขาถือเหล้าที่อยู่ในมืออย่างระมัดระวัง ไหเหล้าเล็กๆนี้ให้ความรู้สึกร้อนสุด ตะแป๊ปเดียวก็เย็นสุดขั้ว

“นี่เป็นเพราะเอาสมุนไพรเลือดฟินิกส์มาหมักเหล้า” ภายในใจของบู่ฟงระมัดระวังอย่างมากที่จะหยิบเหล้าไหเล็กๆนี้ออกมา

ไหที่จับเหล้านั้นมีขนาดเล็กและอาจจะหลุดไปได้เพราะมันลื่น หากฝ่ามือไม่ถูกปกคลุมด้วยพลังงานที่แท้จริงแล้ว บู่ฟงก็ไม่อาจหยิบไหเหล้าขึ้นมาได้

ตอนที่เอาไหเหล้าออกมา ร่างของบู่ฟงก็เปลี่ยนเป็นซีด เหล้าที่บู่ฟงถืออยู่ในมือก็เปลี่ยนไป เหล้าเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงเข้มเหมือนกับสีของไฟ ก็เปลี่ยนก็เป็นสีใสโปร่งแสงทันที

ราวกับว่ามองเห็นฉากที่เปลี่ยนไปในไห ของเหลวสีแดงสดใสเหมือนกับไฟ มีฟองไอหมอกขึ้นอยู่เหลือเหล้า

ภายในใจของบู่ฟงแปลกใจอยู่นิดๆ เขาวางไหเหล้าเล็กๆลงบนโต๊ะ มันฉายแสงสีแดงสว่างออกมาปรากฏต่อตามนุษย์ช่างงดงามเหลือเกิน

บู่ฟงแปลกใจมาก เขาเอามือที่มีพลังงานที่แท้จริงหยิบไหเหล้าเย็นๆออกมา

เหล้านี้เปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อน มันเหมือนกับผลึกน้ำแข็ง กระแสลมเย็นไหลออกมาจากไห

ไม่ต้องสงสัยเลยมันเป็นไหเหล้าที่ทำมาจากเมล็ดดอกบัวราชัยวิญญาณน้ำแข็ง

ไหที่สามอันสุดท้าย ที่บู่ฟงยกมาเป็นไหที่ทำมาจากผลไม้สามเส้นทางพุทธิปัญญา

ผิวหน้าเหล้าทั้งสองไหไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบมากนัก แต่ไหที่สามรูปร่างที่มันแสดงออกมาเปลี่ยนแปลงไปมาก ราวกับว่ามีเมฆหนาทึบลอยอยู่มากมาย

เขาเอาไหเหล้าสามไหวางบนโต๊ะ เรียงตามลำดับมันดูสวยงามมาก

บู่ฟงดึงพลังงานที่แท้จริงออกไปจากฝ่ามือ เขาหรี่ตาลงมองเหล้าสามขวดอีกครั้งหนึ่ง มุมปากของเายกขึ้นนิดๆด้วยท่าทางน่าสนใจ

เขาหยิบไหเหล้าเปลวไฟ มันพองขึ้นมานิดราวกับว่ามันจะถูกทำลายได้ทันที

บู่ฟงหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆเปิดมันออกมา

“ปัง” เสียงดังกังวานออกมา ที่ปิดไหลอยขึ้นฟ้า มันเป็นเสียงนกฟินิกส์ร้องดังออกมาจากไหเหล้า

ร่างของนกฟินิกส์กำลังสยายปีกออกไป

เปลวไฟลุกอยู่หนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่เหล้าเปลี่ยนแปลงเสียงระเบิดเปิดเหล้าดังออกมา

บู่ฟงร้สึกสึกว่าเหล้านี้ทำให้ทั่วทั้งร่างสั่นสะเทือน ภายในร่างกายของเขามีชีวิตชีวา ดวงตาก็สดใส พลังงานที่แท้จริงในร่างของเขาก็โคจรอย่างรวดเร็ว

“เสียงเปลวไฟร่ำร้องออกมาจากเหล้าที่สงกลิ่นหอมนี้ จนรู้สึกได้”

บู่ฟงพึมพำในใจ สายตาของเขาเหมือนปกป้องเหล้าจากเด็ก หากตู้ไม่ได้เร่งเวลา เหล้าไหนี้น่าจะถูกหมักเอาไว้สามปี มันระเบิดปะทุออกมาแทบที่จะทำให้ช็อค

เหล้าขวดนี้ไม่เพียงส่งกลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่วทั่วร้าน แต่มันยังลอยละลิ่วไปที่อื่น

เจ้าดำน้อยที่กำลังนอนอยู่ถูกปลุกด้วยเหล้า มันเงยหัวหมาของมัน มันกระพริบตาแล้วมองไปที่ร้านของบู่ฟง

เหล้าไหนี้มีเปลวไฟสีแดงออกมา เหล้ามีเปลวไฟลุกไหม้อยู่บางๆ หากไม่เพ่งดูก็คงมองไม่เห็น และดูเหมือนจะมีเสียงนกฟินิกส์ร้องออกมาเบาๆ

บู่ฟงหันไปมองเหล้าผลึกน้ำแข็ง เมื่อเปิดผ้าปิดฝา เหล้าที่ถูกหมักไว้สามปีก็ไหลมารวมตัวกันบนไหที่เหมือนท้องฟ้า เปลี่ยนเป็นดอกบัวน้ำแข็งสีฟ้าอย่างช้าๆ

เหล้าในไหนี้ไม่ร้อนแต่เย็น บู่ฟงรู้สึกว่าจมูกของเขาแทบที่จะถูกแช่แข็งเขาขมวดคิ้วนิดๆ

เขาเอานิ้วแหย่ลงไปในเหล้า เหล้านำแข็งก็สั่นสะเทือน สั่นเป็นละลอกคลื่นกระเพื่อมไป

บู่ฟงเลียริมฝีปาก สุดท้ายเขาก็มองมาที่ไหเหล้าสามเส้นทางพุทธิปัญญา เมื่อเปิดไหก้ไม่มีอะไรปรากฏออกมา

บู่ฟงมองไปที่ไหเหล้าอันแรกหัวใจของเขาก็เต้นโครมคราม กลิ่นหอมของเหล้าพุ่งพล่านเข้ามาหาบู่ฟง

กลิ่นหอมของเหล้าไฟแพร่กระจายไปทั่ว มันแพร่ออกไปนอกร้าน พุ่งออกไปจากซอย คนมากมายมีใบหน้าหลงใหล ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเหล้าแดง พวกเขาตัวสั่นไหวเหมือนกับคนเมาเหล้า

เหมือนมีเวทมนตร์ทำให้บู่ฟงเวียนหัวกลิ่นหอมของเหล้าทำให้ร่างของผู้คนสั่นไหว คลื่นแพร่กระจายเป็นเมฆออกไปอีกเป็นระลอกสอง กลิ่นหอมของเหล้าพุ้งเข้ามากระแทกบู่ฟงอีกครั้ง

มันแพร่ไปเงียบๆ เป็นละลอกคลื่นปกคลุมภัตตาคารฟินิกส์อมตะ

ในภัตตาคารฟินิกส์อมตะเย่สื่อหลิงที่กินกินอาหารอร่อยอยู่กับหนี่เหยี่ยน จู่ๆ จมูกขาวใสงดงามเหมือนหยกก็สูดกลิ่น ดวงตาของนางเบิกกว้างเหมือนดวงดาวยาวค้ำคืนที่ส่องแสง

“เหล้านี้……มาจากไหน?มันหอมมากๆ”

หยี่เหยี่ยนดมกลิ่นแล้วรีบพาเย่สื่อหลิงออกมาจากภัตตาคารฟินิกส์อมตะ จมูกของนางดมกลิ่นมายังตรงพื้นที่เหล้าส่งกลิ่นออกมา

กลิ่นเหล้าสามเส้นทางพุทธิปัญญาแพร่กระจายในร้าน ภายในร้านของบู่ฟงมันก็เปลี่ยนเป็นกลิ่นเหล้าทะเล ที่มีกลิ่นหอม สีหน้าของบู่ฟงไม่อาจจะทนต่อไปไหว ใบหน้าของเขาแดงเหมือนกับดื่มเหล้าที่มีรสชาติโอชาลงไป

บุ่ฟงโคจรพลังงานที่แท้จริงเพื่อให้สร้างเมาในร่าง สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้

วัตถุดิบสามอย่างที่ใช้หมักเหล้ากลายเป็นเหล้าสุดวิเศษอย่างไม่คาดคิด………

แต่นี่…………ไม่ใช่เหล้าที่หมักเอาไว้ดีแล้ว

บู่ฟงหยิบไหเหล้าหยก ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเทเหล้าสีเหลืองไปครึ่งไหหยก ครั้งแรกเขาเทเหล้าเปลวไฟ ครึ่งไห เหล้าน้ำแข็งสีฟ้าครึ่งไห เหล้าสามเส้นทางพุทธิปัญญาครึ่งไห

ในไหหยกเหล้าทั้งสามก็ผสมรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว

เหล้าในไหหยกสั่นขึ้นมาในทันที

ดวงตาของบู่ฟงส่องสว่าง เขารวบรวมพลังงานที่แท้จริงปกคลุมมือเอาไว้

ฝ่ามือของเขาก็กระแทกไห ไหก็ลอยสูงขึ้น มันหมุนลอยไป เสียงหมุนดังออกมาไม่หยุด

ชิ้ง

ไหหยกเหล้าวางลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง เสียงหมุนดังออกมา หน้าผากของบู่ฟงมีเหงื่ออกมาไม่หยุด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคลื่นความร้อน

ในที่สุด……เหล้านี้ก็เสร็จ

เขาค่อยเปิดฝาไหหยกอย่างระมัดระวัง ไหหยกไม่มีอะไรปรากฏขึ้น เทียบกับเหล้าก่อนหน้านี้ เหล้านี้มีกลิ่นหอมกว่ากันมาก

เเทียบกับกลิ่นเหล้าก่อนหน้านี้เปรียบเสมือนทะเลที่ผุดขึ้นมาจากทะเล

ทั่วทั้งร่างของบู่ฟงเหมือนถูกแช่แข็งทันที

กลิ่นหอมของเหล้าเหมือนคลื่นที่พัดพาไปโดยมีร้านมีศูนย์กลาง

ใบหน้าของเย่สื่อหลิงกับหนี่เหยี่ยนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเข้ามา ใบหน้าของพวกนางแดงเหมือนมีเลือดสูบฉีด ทั่วทั้งร่างสั่นไหวเหล้านี้……….นอกจากสมบัติล้ำค่า มันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง

กลิ่นเหล้าพัดกระจายไปเหมือนคลื่น มองพัดกระจายไปทุกทิศรอบร้านปกคลุมครึ่งเมืองหลวง


ตอนที่ 197 น้ำแข็งเปลวเพลิงหอมฟุ้งขึ้นสองเท่า

ครึ่งเมืองหลวงถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นหอมของเหล้ามันทำให้คนมากมายมึนเมา กลิ่นเสมือนเป็นคลื่นซัดกระจายออกไปทั่ว ผู้คนมากมายต่างอยู่นิ่งถูกมันสยบ

หนี่เหยี่ยนกับเย่สื่อหลิงที่อยู่ไม่ไกลก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ใบของทั้งสองคนก็สีแดงเหมือนกับคนที่เมาเหล้า ทั้งสองคนมองหน้ากันและกันด้วยความตกตะลึงสายตาของทั้งคู่แทบที่จะไม่เชื่อ

“ทำไมเหล้าถึงหอมแบบนี้?” หนี่เหยี่ยนพึมพำ นางเร่งความเร็วไปหาแหล่งที่มาของเหล้า

ภายในโรงเตี๊ยมที่หรูหรา

สิบสามโจรเมืองโม่กำลังล้อมวงอยู่ด้วยในโรงเตี๊ยม พวกมันต่างดื่มให้กัน หัวเราะออกมาเสียงดังไม่หยุด พวกมันกำลังรินและลิ้มรสเหล้ารสชาติอร่อยหวานหอมตลอดเวลา

ทกลิ่นหอมที่มองไม่เห็นก็พุ่งไปข้างหน้ากลิ่นเหล้าหอมฟุ้งออกมาไม่หยุด ทันใดนั้นคลื่นที่มองไม่เห็นก็พุ่งออกมา กลิ่นของเหล้าหอมมากจนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้

เพล้ง (เสียงแตก)

เสียงดังชัดโจรทั้งสิบสามคนตกตะลึง มือที่ถือไหเหล้าเล็กๆอยู่ก็หล่นลงพื้นแล้วตกลงไป พื้นก็เต็มไปด้วยของเหลว

แม้พวกเขาจะไม่เห็นแต่ดวงตาของพวกเขาก็หดตัวลง จมูกของพวกเขาสูดกลิ่นอย่างไม่รู้ตัว มุมปากของพวกเขาน้ำลายไหล ใบหน้าของพวกเขาเคลิ้บเคลิ้ม

“หอม………หอมมาก นี่มันเหล้าใช่ไหม? มันยากเกินไปที่พวกเราจะควบคุมตัวได้………มาพี่น้องพวกเราไปดื่มกันเถอะ”

ทันใดสิบสามโจรก็ได้สติทำลายไหเหล้าทิ้ง กลิ่นหอมนี้ทำให้วิญญาณในร่างของพวกเขายอมแพ้ แม้พวกเขาจะฝึกฝนวิชาการต่อสู้พวกเขาก็ยังเป็นคอสุราอีกด้วย พวกเขาอยากให้เหล้าที่มีกลิ่นหอมล่อลวงนี้อัดแน่นเต็มท้อง

ตอนนี้สิบสามโจรพูดได้ว่าเผ่นออกมาจากโรงเตี๊ยมที่หรูหรา พวกเขาวิ่งไปตามทางเหล้าที่ส่งกลิ่นหอมมันหอมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ที่คฤหาสน์ตระกูลเซียว

เซียวเม้งที่นั่งลงห้องเขียนอักษรที่มีแสงสว่างพาดผ่านเข้ามา ลมที่หนาวเย็นพัดเข้ามาที่หน้าต่าง เขาวางปากกาที่อยู่ในมือ เขาลูบคิ้วของเขา แล้วเอามือแตะหนังตาเบาๆ……….

กลิ่นเหล้าที่น่าหลงใหลหองฟุ้งขึ้นมามันเหมือนกับสัมผัสการกอดของคนรัก ทำให้ร่างกายของเซียวเม้งสั่นสะเทือนไปทั่ว ดวงตาของเขาเบิกกว้างกลิ่นเหล้าเข้าไปสลักที่หัวใจของเขา

“เหล้าดี มันหอมเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์”

เซียวเม้งหายใจเข้าไปลึกๆ เขาอยากจะจับกลิ่นเหล้าที่อยู่ในอากาศทั้งหมด เขายืนขึ้นเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ จากนั้นเขาก็ออกไปตามหาเหล้า

เซียวเยว่นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องของเขา ร่างกายของเขามีแสงสว่างสีขาวส่องออกมา พลังงานที่หนักแน่นรวดเร็วรุนแรงพุ่งออกมาไม่หยุด มันลอยขึ้นเหนือหัวของเขาเมื่อเวลาผ่านไปมันก็เปลี่ยนเป็นดาบเล็กๆ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็เปลี่ยนไปเป็นดาบนับพันที่ส่องแสง

ทันใดนั้นแสงดาบที่ส่องก็ “ฟิ้ง” กระจายหายไป เซียวเยว่ลืมตา เขาทนไม่ไหวเลียริมฝีปาก

“เหล้า…..เมื่อเทียบกับเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะแล้วมันหอมกว่ามาก พระเจ้า”

เสียงแหบของเซียวเยว่พูดออกมาตอนที่เขาตกใจมันแทบที่จะไม่เป็นภาษา

เมื่อได้กลิ่นเหล้าเซียวเยว่ก็ไม่สนใจเรื่องการฝึกฝนอีกต่อไป เขากระโดดเด้งขึ้นเปิดประตูทันที เขาเดินไปเหยียบดาบที่ส่องแสงแล้วพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“เหล้านี้ไม่นานมันต้องเป็นของข้าเซียวเยว่ ฮ่าฮา”

คฤหาสน์ตระกูลโอวหยาง

เสียงนอนกรนดังเหมือนเสียงฟ้าร้องดังออกมาสะเทือนหูดังออกมาจากห้องสามคนโฉดโอวหยาง สามพี่น้องนอนอยู่ในห้องทุกคืน เสียงดังออกมาเป็นเสียงฟ้าร้องเหมือนเดียวกัน ดูเหมือนจะไม่ต้องมีคนใช้เฝ้าเพราะเสียงจะป้องกันโจรเอง

ทันใดนั้นเสียงกรนที่ดังออกมาทั้งคืนก็หายไปทันที สามพี่น้องอ้าปากเหมือนจะดูดอะไรบางอย่าง ตาของสามพี่น้องคนโฉดถลนออกมาเหมือนลูกปัดเมื่อจ้องอะไรบางอย่าง จมูกของพวกเขาก็สูดกลิ่นในอากาศดูคล้ายกันกับสุนัขที่สูดกลิ่นเนื้อ

เปาะ เปาะ เปาะ (เสียงน้ำหยด สามพี่น้องคนโฉดน้ำลายไหล)

สามพี่น้องคนโฉดลุกขึ้นมาจากเตียงแต่งตัว มุมปากของพวกเขายังมีน้ำลายไหล พวกเขาลนลานออกไปจากห้องด้วยท่าทางของสัตว์ป่าเถื่อนที่แข็งแกร่งและทรงพลัง พวกเขาพุ่งไปตรงที่เหล้าอยู่

ครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นเหล้า กลิ่นเหล้าทำให้คนที่รักเหล้าตามกลิ่นเหล้าไปอย่างขาดสติไม่รู้ตัว

……

เหงื่อของบู่ฟงออกมาเหมือนลูกปัด มุมปากของเขาก็ยกขึ้น มองดูเหล้าที่อยู่ในไหหยกหัวใจของเขาก็สบายใจ

เหล้าที่มีวัตถุดิบสี่ชนิด (รวมผลไม้วิญญาณที่เอาหมักตอนแรกไปด้วย) เหล้านี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ไม่ใช่แค่เขย่าให้มันเข้ากันเท่ากัน แต่บู่ฟงยังต้องปลดปล่อยพลังงานที่แท้ออกมาผสมเหล้าให้มันเข้ากันรวมเป็นเนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบด้วย

มันไม่ใช่ผสมให้เข้ากัน แต่เป็นการผสมให้มันมีคุณภาพดีมากขึ้นเท่านั้น การปรับปรุงมันให้มีคุณภาพดีคือสิ่งสำคัญที่สุด

กลิ่นหอมที่ออกมาจากไหหยกดูหอมน่ากินมาก เพียงแค่ได้กลิ่นมันอย่างเดียวบู่ฟงแทบที่จะเมาเมื่อดมกลิ่นหมอกของมันที่ออกมา เหล้านี้มีพลังอยากให้คนดื่มมันลงไปอย่างมาก

เหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะเมื่อเอามันมาเปรียบเทียบกับเหล้ามันแทบที่กลายเป็นเหล้าจืดๆ เหมือนน้ำ ราวกับเหมือนหิ่งห้อยกับดวงจันทร์

แน่นอนนี่เป็นความแตกต่างกันระหว่างเหล้า ไม่ต้องคิดเลยรสชาติเมื่อเทียบกันจะมีช่องว่างไม่มากนัก แต่พลังวิญญาณที่ได้จากสมุนไพรที่ใช้หมักเหล้าวิญญาณนี้กับเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะมีช่องว่างระหว่างกันมาก

บู่ฟงเอาจอกเหล้าที่ทำจากไพลินวางไว้ตรงหน้า แล้วเทเหล้าจอกหนึ่งให้ตัวเอง เหล้าที่ผสมผสายกันเกิดเป็นสีฟ้าอ่อน แสงและหมอกควันแพร่กระจายอยู่เหนือจอกเหล้า มันหาที่เปรียบเทียบใดๆได้ในความทรงจำ ราวกับเหล้าอมตะที่อยู่ในพระราชวังบนสวรรค์

เขาถือจอก บู่ฟงมองไปที่จอกเหล้าถ้วยเล็กๆ เขาทนไม่ไหวเลียริมฝีปาก หัวใจของเขารอช้าไม่ได้

เหล้าที่ดีต้องกินอย่างช้าๆ อย่าเพิ่งกินเต้าหู้ตอนที่ยังร้อน บู่ฟงเข้าใจเรื่องนี้ดี

เขาค่อยๆจิบเหล้าทีละนิด

เหล้าเย็นหวานสดชื่นเข้าไปในปากของเขาทันที หลังจากที่ผ่านเข้าไปในลำคอเขาก็รู้สึกร้อนแรงเหมือนภูเขาไฟระเบิด มันร้อนแรงราวกับว่าจะแผดเผาไปทั้งตัว

บู่ฟงรู้สึกว่ารูขุมขนทั้งหมดของเขาเปิดออกมาตาของเขาเบิกตากว้าง

เมื่อเหล้าเข้าท้องบู่ฟงรู้สึกราวกับว่าเขาจมอยู่ใต้ทะเลทราย ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่ระเบิดออกมาในท้อง มันระเบิดออกมาสามครั้งบู่ฟงต่องอดทนที่ถูกเหล้าปะถะเข้ามา เขาเร่อออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ความรู้สึกเย็นสบายพัดเข้าในทั่วร่างกายของบู่ฟง บู่ฟงหรี่ตาออกมาปากของเขามีรอยยิ้มนิดๆ

“ใช่แล้ว เหล้าดีจริงๆ”

แม้จะไม่พูดออกมาก็รู้ว่าเหล้านี้เป็นเหล้าดี เหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะไม่อาจจะเทียบได้กับรสชาติของเหล้านี้ ไม่ว่ารสชาติหรือเรื่องอื่นโดยรวมหม้อหยกหัวใจหิมะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์

เมื่อเขาดื่มอีกครั้ง เขารู้สึกถึงความเย็นที่สดชื่นกับเปลวไฟที่ระเบิดออกมาอีกครั้ง ทำให้บู่ฟงพ่นคลื่นอากาศออกจากรูจมูก

“น้ำแข็งเปลวเพลิงหอมฟุ้งขึ้นสองเท่า” บู่ฟงยกเหล้าดื่มขึ้นมาอีกครั้ง เขาดื่มเหล้าสามครั้งในจอกไพลินจนหมดจอก

หัวของเขาสั่นนิดๆ บู่ฟงรู้สึกว่ากำลังเมาเหล้าแล้วรู้สึกมึนๆ หากเขาดื่มไปอีกจอก เขารู้สึกว่าเข่าของเขาต้องทรุดเพราะว่าเมาเหล้า คิดไม่ถึง…….เหล้าใหม่นี่แรงจริงๆ จนน่ากลัว

โชคดีที่เขาใช้พลังงานที่แท้จริง ทำให้หัวของเขามีสติมากขึ้น บู่ฟงเดาะลิ้นมองเหล้าชั้นดีที่อยู่ในไหหยก รูม่านตาของเขาก็ร้อนแรงอย่างบ้าระห่ำเทียบกันไม่ได้

บู่ฟงคิดว่าเขาหมักเหล้าเพียงแค่สามไหเท่านั้น ถ้าเขาจะขายเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพียงแค่ไม่กี่ไหเหล่านี้

เหล้านี่ก็แรงจนเกินไป บู่ฟงจวนจะยืนไม่ได้เมื่อกินไปจอกหนึ่ง

แม้จะผสมเหล้าที่เหลือให้เข้ากัน แต่พลังงานที่แท้จริงมันก็ยังมีมากเกินไป แล้วยังมีเหล้าอีกสองไหที่เหลือจากการหมักเอาไว้อีก

เมื่อมองเหล้าที่เหลือบู่ฟงก็เทลงในปากของเจ้าขาว เมื่อหัวก้อนเหล็กของเจ้าขาวสัมผัส หัวของมันก็ว่างเปล่า ดวงตาหุ่นยนต์ที่ส่องแสงก็ไม่ได้ตอบสนองอะไร

……

“นี่……….เถ้าแก่บู่จริงๆ ข้าบอกแล้วจะมีใครในเมืองหลวงที่จะสามารถทำเหล้าที่มีกลิ่นหอมได้นอกจากเถ้าแก่บู่”

หนี่เหยี่ยนตามกลิ่นเหล้าองุ่นมาที่ซอยเล็กๆ เมื่อเห็นซอยนี้ที่นางคุ้นเคยนางก็รู้ทันที ใบหน้าที่งดงามของนางตอนแรกเผยรอยยิ้มหวานๆ ไม่นานรอยยิ้มหวานๆของนางก็หายไป ใบหน้าที่งดงามของนางก็บูดเบี้ยว

“……….ตอนนี้เย็นแล้วเถ้าแก่บู่คงไม่เปิดประตูขายเหล้าให้ดื่มใช่ไหม?!”

หนี่เหยี่ยนไม่แน่ใจ กลางคืนบนถนนกว้างก็มีเสียงฝีเท้าคนก้าวเข้ามา

หนี่เหยี่ยนหันหัวมองคนกลุ่มหนึ่ง นางเห็นคนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นคนพวกนี้เข้าซอยมุมปากของหนี่เหยี่ยนก็ยกขึ้น……คนที่เรียงรายเข้ามานี้ น่ากลัวนิดๆ

สิบสามโจรวิ่งเข้ามาที่ซอยอย่างรวดเร็วและรุนแรง พวกเขาสูดกลิ่นเหล้าเข้าไปอย่างรุนแรง

ด้านหลังสิบสามคน มีกลิ่นอายของชายแก่ที่พุ่งเข้ามาที่มีระดับพลังงานขั้นที่เจ็ดพุ่งพล่านอยู่

มีชาวสวมเสื้อแดงย่นจมูก เขาเอามือไขว้หลัง

ชายชราผมขาวเคราขาวถือดาบยาวก้าวเข้าไปในร้าน

สามคนเถี่ยนโอวหยางขี้เหล้าก็เดินมาอย่างรุนแรง มุมของเขาเต็มไปด้วยน้ำลาย มีแม่ทัพใหญ่โอวหยางซ่งเหิงตามมาด้วยโอวหยางฉี……..

สามคนโฉดโอวหยางที่ชอบกินเหล้าเกือบจะไปถึงที่นั้นแล้ว

ประกายแสงของดาบเข้ามา เซียวเยว่ที่ขี่ดาบก็เข้ามาถึง ยังมีเซียวเม้งที่ตามกลิ่นเหล้ามา

กลุ่มคนที่น่ากลัวมารวมตัวกัน พวกเขาที่มารวมตัวกันก็จ้องหน้ากันด้วยความแปลกใจ

เซียวเม้งไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ผีเถ้าแก่บู่ทำเหล้าแบบไหนในร้านฟงฟงน้อย ผู้คนมากมายถึงได้ปรากฏอยู่ที่นี่

ใบหน้าผู้เชี่ยวชาญขั้นที่เจ็ดสีน้ำเงินแล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงบ้าเอ๊ย…….พวกเขาอยู่ที่นี่ได้ไง? เขาจำไม่ได้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

คนอื่นก็มองกันและกันและทักทายกัน แต่ไม่พูดอะไรอีก สถานะของพวกเขาตอนนี้ค่อนข้างน่าอึดอัด พวกเขาต่างมีสถานะ แต่พวกเขาวิ่งมาทั้งคืนตามกลิ่นเหล้า แต่คิดไม่ถึงพวกเขาจะพบกัน พวกเขาทำเป็นพูดกันแก้ความเขินอาย

พวกเขาเดินเข้าไปในซอยต่อไป พวกเขาเห็นร้านที่อยู่ในซอยปิดประตู แต่กลิ่นเหล้ากลับหอมฟุ้งออกมาต่อเนื่อง

หลายคนพูดออกมาอย่างแปลกใจว่ากลิ่นเหล้าหอมลอยไปกับลมไกลถึงสิบลี้ แต่เหล้าอยู่ข้างในร้าน……..แต่กลิ่นหอมปกคลุมไปหลายร้อยลี้ อ้า

“เหล้านี้ทำให้ชายชราคันหัวใจอย่างมาก ชายแก่อยากจะลิ้มรสเหล้าเป็นคนแรก เพื่อนทุกๆ คนกรุณารอก่อน”

ชายชราผมขาวคิ้วขาวแบกดาบยาวอยู่บนหลัง เขาพูดออกมาแล้วยิ้มให้กับผู้คน เขาหยิบดาบก้าวเข้าไปในทางเข้าร้าน

“บรรพบุรุษของนิกายกระบี่สาบสูญ เทียนฉีสื่อ” ดวงตาของเซียวเยว่หดตัว นี่เป็นปรมาจารย์ดาบขั้นที่เจ็ดนักรบศักดิ์สิทธิ์

ไม่นานใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทางแปลกๆ เมื่อมองด้านหลังเทียนฉีสื่อเขาทำท่าทางคิดก่อนที่มุมปากจะคลี่ยิ้มออกมา


ตอนที่ 198 เถ้าแก่บู่กวนโอ๊ย

เทียนฉีสื่อเป็นคนชอบเหล้า นี่เป็นเรื่องของนิกายตำหนักกระบี่สาบสูญทุกคนรู้

การฝึกฝนดาบเพื่อไปเส้นทางแห่งดาบ ดื่มเหล้าเคล้าดนตรี ดาบกับเหล้าเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะแบ่งแยกจากกันได้ ผู้ที่ฝึกฝนหนทางแห่งดาบก็เป็นผู้ที่ชอบเหล้า (ตอนนี้มันประชดเล่งฮู้ชง) ดูเหมือนว่านี่จะเป็นข้อบัญญัติเอาไว้ซะแล้ว

เซียวเยว่เองก็ชอบเหล้า เขาจึงถูกเหล้าล่อใจให้เข้ามา เทียนฉีสื่อรักเหล้าดังนั้นเขาจึงไม่อาจที่จะทนรอได้

เซียวเยว่มองเทียนฉีสื่ออย่างครุ่นคิด กลิ่นเหล้านี้แพร่กระจายออกมาจากร้านของเถ้าแก่บู่ ไม่คิดว่าเทียนฉีสื่อจะมา จริงแล้วเถ้าแก่บู่เป็นโจรอันดับหนึ่งในเมืองหลวงที่อยู่ในร้านอาหารไม่มีชื่อเสียงใช่ไหม?

ทุกคนไม่ได้แสดงอาการบ้าบิ่น พวกเขามองด้านหลังของเทียนฉีสื่ออย่างแปลกใจ พวกเขามองดูชายคนนี้เดินเข้าไปในซอย

เทียนฉีสื่อเอามือไขว้หลังแล้วยืน ไหล่ของเขาสะพายกระบี่ยาว เขาสวมเสื้อคลุมยาว เขาบินลอยไปเสื้อผ้าโบกสะบัด ชุดยาวของเขาส่งเสียงดังพรึ่บๆ เมื่อก้าวเท้าลงมา เทียนฉีสื่อก็ลงมาที่ประตูร้าน

เขาเห็นหมาดำตัวใหญ่นอนอยู่ที่ประตูร้านมันนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจ

เสียงของเขาลังเลอยู่นาน เทียนฉีสื่อมองประตูร้านปิดสนิทดูเหมือนว่าไม่ใช่เปิดร้าน

เทียนฉีสื่อยกมือขึ้นเคาะประตู

เสียงเคาะประตูสะท้อนออกมาในซอย ภายในหัวใจของทุกคนรู้สึกอัดแน่น มองเขาที่มีท่าทางสง่าผ่าเผย

เขาเคาะประตูอยู่สักพัก เทียนฉีสื่อหน้าตามืดมัว………ไม่คาดคิดว่าในร้านไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อยหมายความว่าคนในร้านไม่ได้สนใจเขา ไม่อยากที่จะเปิดประตูให้

“เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาแค่ไม่รู้ชื่อของชายชราคนนี้…….”เทียนฉีสื่อพูดออกมาใบหน้าของเขาใจเย็น แต่หัวใจของเขาขุ่นมัว

เขากระแอมออกมาเบาๆ เปิดปากพูดออกมาด้วยเสียงคนแก่ว่า “เถ้าแก่ข้า เทียนฉีสื่อจากนิกายกระบี่ที่สาบสูญ วันนี้ข้าได้กลิ่นหอมจากร้านของท่าน เหล้าของท่านวันนี้พิเศษจริงๆ ข้าอยากจะให้เถ้าแก่เปิดประตูเพื่อพูดคุยกัน”

คำพูดของเทียนฉีสื่อดังก้องสะท้อนซอยที่เงียบสนิท

เป็นเวลานานก็ไม่มีใครตอบ ร้านก็ยังคงปิดสนิทไม่มีสัญญาณว่าจะมีคนมาเปิดประตู

ในที่สุดความอดทนของเทียนฉู่สื่อก็หายไป ใบหน้าของเขาหดหู่เหมือนน้ำ ใบหน้าที่บึงตึงเย็นชาของเขาก็พูดออกมาว่า “ข้าอยากจะดื่มเหล้า ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบอะไรเลย? อย่าบอกว่าเจ้าไม่เห็นแก่หน้าข้าเทียนฉู่สื่อ ยังออกมาเปิดประตูร้านอีก?”

ตอนที่เทียนฉู่สื่อบรรพบุรุษของนิกายตำหนักกระบี่ที่สูญหายยังหนุ่มไม่มีใครขัดขวางในอาณาจักรสายลมแห่งแสงขัวขวางเขาได้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะแก่ แต่พลังและตำนานของเขายังไม่จางหาไปจากอาณาจักร

เซียวเยว่ยิ้มออกมาบางๆ ตอนนี้เหมือนเทียนฉู่สื่อพูดเรื่องตลกๆ ออกมา…..บอกตามตรงหน้าของเขาไม่มีค่าให้เถ้าแก่บู่เปิดประตู

“ไม่มีเหตุผลไม่ไว้หน้าชายแก่คนนี้เลย เจ้าหยิ่งมาก แต่มาหยิ่งกับชายแก่คนนี้ผิดคนแล้ว” เทียนฉู่สื่อโกรธมากเขากำลังโคจรพลังงานที่แท้จริงจากจุดตันเถียน ผมขาวขาวของเขาปลิวสยายทันที

พลังงานที่แท้จริงหลั่งไหลไปทั่วร่างของเขาเหมือนมังกรไหลเวียนไปทั่วร่าง

ปัง!

สายตาของเทียนฉู่สื่อเต็มไปด้วยความโกรธ เขาใช้ฝ่ามือของเขาที่มีพลังงานที่แท้จริงเต็มอยู่ซัดออกไป เขาซัดอย่างรุนแรงที่ประตูร้าน

คลื่นพลังกลายเป็นอากาศม้วนตัวออกไป พลังงานที่แท้จริงทำให้หลายคนเห็นฉากนี้ใบหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

นี่เป็นระดับการฝึกฝนของเทียนฉู่สื่อจริงๆ………สมควรแล้วที่เขาจะมีชื่อเสียงอ้า!

แต่คนที่อยู่ข้างหลังกำลังงง ใบหน้าของพวกเขากำลังแปลกใจ เย่สื่อหลิงเห็นฉากนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เวลานี้บรรยากาศช่างน่าอึดอัด

คลื่นที่เทียนฉู่สื่อระเบิดออกมาจากฝ่ามือ คาดไม่ถึงประตูนี้ไม่สั่นสะเทือนแม้แต่นิด ประตูก็ยังปิดอยู่เหมือนเดิม

เครากับผมของเทียนฉู่สื่อกระดิกออกมาทั้งหมด เขาเบิกตากว้างฝ่ามือของเขาที่ซัดออกไปเปิดประตูร้านไม่ได้ เขาซัดมันไปแล้วนี่หรือว่าเขาไม่ได้ซัดกัน……….

เขาจะเข้าไป…………แต่ไม่อาจที่จะเปิดประตูได้ หน้าของเขาชาที่ไม่ใช่ว่าเป็นการตบหน้าเขาเหรอ ตอนนี้เขารู้สึกอึดอัด

เทียนฉู่สื่อชักฝ่ามือกลับ เขากระแอมเบาๆ ยกปลายเท้าขึ้นถอยหลังไปจากที่นี่ ตัวของเขาลอยขึ้น แล้วพุ่งออกมาจากร้านค้า

มือของเขาถือกระบี่ข้างเดียว พลังดาบของเทียนฉู่สื่อพุ่งขึ้นสูงหมุนวนแทบที่จะฉีกขาดอากาศที่อยู่รอบๆ

“ชายแก่คนนี้ให้โอกาสเจ้ามากแต่เจ้ากลับไปรับโอกาส………เจ้าไม่รับโอกาสข้าก็จะทำลายมัน” เมื่อพูดเสร็จใบหน้าของเทียนฉู่สื่อก็สงบนิ่งไม่หวือหวา

แต่ร้านก็ยังปิดสนิท มีสภาพเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับว่าไม่ได้แม้แต่จะผายลมใส่

เทียนฉู่สื่อโกรธแล้วอายอย่างมาก เขาด่าออกมาเบาๆ พลังงานดาบพุ่งออกมาหมุนเวียนไปทั่วร่างกายของเขา ดาบนับพันเคลื่อนที่พุ่งไปที่ประตูร้าน

ดำน้อยที่นอนอยู่บนพื้นก็อ้าปากหาวออกมาอย่างขี้เกียจ ดูเหมือนพลังดาบที่แข็งแกร่งจะโจมตีประตูร้าน ดำน้อยหันมามองดูแล้วนอนต่อ

ลมพัดหมอกควันรอบตัว ปลิวไสว หมอกและควันกระจายตัวไปประตูร้านก็เปิดเผยออกมา

ดวงตาของเทียนฉู่สื่อสั่นไหว ดวงตาแทบที่จะถลนออกมา…….

“บ้าเอ๊ย? ร้านนี้อยู่ในกระดองใช่ไหม? มันไม่บุบ? ไม่เป็นแตกเลยไม่พัง………มันไม่มีแม้แต่ร่องรอยเลย? มันทำให้ข้ารู้สึกเสียหน้า”

เทียนฉู่สื่อรู้สึกอายกลายเป็นหมา พลังดาบที่เคลื่อนไหวเมื่อกี้ เพียงครั้งเดียวก็โจมตีประตูเมืองหลวงระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆ แต่ประตูร้านนี้……..เป็นเพียงแค่ไม้แผ่นไม่กี่แผ่นยังไม่ถูกพังอีก

“ฮะฮ่า ตาเฒ่าไม่ว่าเจ้าเป็นสวะไปแล้วเหรออ๊า? อีแค่ประตูแค่นี้ก็พังไม่ได้”

“บรรพบุรุษนิกายตำหนักกระบี่ที่สาบสูญสมควรแล้วที่จะมีชื่อเสียง เขาทุบประตูเสียงดั๊งดัง”

“พี่หนี่เหยี่ยน……ไม่ใช่ว่าเจ้าแก่นี่โง่เหรอ?”

……

ฉึก

เทียนฉู่สื่อฟังคนมากมายหัวเราะเยาะเย้ยภายในใจของเขาก็รู้สึกว่ามีลูกศรที่มองไม่เห็นพุ่งเข้ามาทันที……

เมื่อเห็นคนหัวเราะเยาะเย้ย เทียนฉู่สื่อก็เริ่มโกรธและอับอาย เฉียนฉู่สื่อดึงดาบที่อยู่ด้านหลังออกจากฝัก เขาเตรียมที่จะลงมืออย่างเต็มที่ แต่ประตูร้านก็เปิดออกมา

ประตูร้านเปิดออกมา กลิ่นเหล้าก็ยิ่งหอม เหมือนกับยาพิษที่ทำให้คนหลงเสน่ห์

รางหนึ่งแหวกออกมาถือจอกกระเบื้องสีฟ้าขาวโผล่ออกมาจากประตู เขายืนพิงประตูใบหน้าของเขาเมามาย

“ฮึก(เสียงสะอึก)………ใครเป็นคนที่มาเคาะแประตูกลางคืนนี้?”

ใบหน้าบู่ฟงกำลังเมาค้าง เขาเช็ดหน้าเผยให้เห็นใบหน้าของเขามีสีแดงเหมือนมีโลหิตสูบฉีดด้วยอาการเมา แต่ท่าทางของเขาจริงจัง เขาไม่พอใจมากคนคนแปลกหน้าที่สวมเสื้อคลุมมาเรียกให้เขาเปิดประตู หน้าอกของเขาดูเหมือนจะมีความร้อนเผยออกมา

กลิ่นเหล้าที่อยู่ในร้านทำให้ตาของเทียนฉู่สื่อทั้งร่างกายและตาของเขามองตรงมามาที่จอกกระเบื้องฟ้าขาวในบู่ฟงถืออยู่

“สุราชั้นเลิศ ชั้นเลิศแน่นอนอ๊า มันดีที่สุดที่ข้าเคยเห็นในชีวิต”

เทียนฉู่สื่อพูดออกมา

จอกกระเบื้องสีฟ้าขาวที่บู่ฟงถือมานั้นมีพลังวิญญาณอยู่อย่างเข้มข้น มีเมฆสามลวดลายลอยมาอีกด้วย เมื่อหมักเหล้าวิญญาณก็ระเบิดออกมาเป็นเรื่องธรรมดา

“มันเป็นเหล้าชั้นเลิศ แต่เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลย? เจ้าเป็นคนที่มาเคาะประตูตอนกลางคืนใช่ไหม?” บู่ฟงกำลังพิงประตูค่อยๆ เหลือบมองเทียนฉู่สื่อ

“ชายชราคนนี้มาถามหาเหล้า หวังว่าคงจะช่วยให้สมหวังได้” เทียนฉู่สื่อพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น

บู่ฟงขมวดคิ้ว หยิบจอกเหล้าฟ้าขาวในมือแล้วแวกว่างมันต่อหน้าทุกคนสักพัก…..

“เจ้าบอกว่า…..เหล้าในจอกนี้?” บู่ฟงพูดออกมาแล้วน้ำลายกระเด็นนิดๆ

กลิ่นเหล้าพุ่งออกมาจากบู่ฟงพุ่งเข้าจมูกของทุกคน ทำให้ตาของทุกคนสว่างสดใส

หนี่เหยี่ยน เซียวเยว่และคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าแปลกๆ ที่ยากจะได้เห็น….

เมื่อพวกเขามองสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะดื่มเหล้า มุมปากของบู่ฟงข้างหนึ่งเปิดอ้าออกมา ท่าทางแบบนี้เถ้าแก่บู่ไม่รู้ตัวหรือไง? ปกติใบหน้าของเขาจะไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา……แต่ตอนนี้ดวงตาของเขาร้อนแรง

เถ้าแก่บู่……..เขากำลังเมา?

“แน่นอน” เทียนฉู่สื่อกลืนน้ำลาย เขาอยากจะซัดเหล้านี้เข้าไปในท้อง

บู่ฟงมองเขามุมปากของเขาก็ยิ้มออกมา เทียนฉีสื่อก็พูดไม่ออกเขาดื่มเหล้าไปจนหมด

“อ๊า เหล้าชั้นเลิศ”

บู่ฟงพ่นลมหายใจออกมาทางปากแล้วชม

เทียนฉู่สื่อรู้สึกราวกับว่ามีดเจาะหัวใจเจ้าเพื่อนคนนี้….เขาตั้งใจจะกวนโอ๊ยแน่นอน!

“วันนี้เวลาเปิดร้านหมดแล้วไม่ขายอาหารจานไหน….รวมทั้งเหล้าด้วย” บู่ฟงตะโกนแล้วถอนลมหายใจเบาๆ พูดออกมา

ใบหน้าของเทียนฉู่สื่อมืดมัว ใบหน้าเย็นชาอย่างมาก “ชายแก่คนนี้บอกให้เจ้าขายเหล้าเจ้าก็ต้องขายอย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ”

ในนิกายตำหนักกระบี่สาบสูญ ใครบ้างจะกล้าพูดแบบนี้กับเทียนฉู่สื่อแม้แต่ในอาณาจักรสายลมแห่งแสง เขายังขโมยเหล้ามาดื่ม เจ้าคนนี้กล้าพูดจาไร้สาระ

เถ้าแก่ร้านที่อยู่ตรงหน้านี่หยิ่งซะเหลือเกิน…..

เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ร่างของเทียนฉู่สื่อก็เปล่งประกายแสงของดาบออกมารอบๆ ตัว ตรงหน้าของบู่ฟงมีลมที่พัดแรงและแข็งแกร่งอยู่ด้านหลัง

“เจ้าคนนี้กล้าที่จะเล่นกับชายแก่ ตอนนี้ร่างของเจ้าจะต้องถูกฟอกจนซีดขาวไปถึงกระดูก เด็กน้อย….เจ้าอยากตายเหรอ?”

เขาแสดงท่าทางที่ก้าวร้าวกับเพิ่มแรงกดดันออกมาอย่างมาก พลังดาบพวยพุ่งออกมา ตอนนี้เทียนฉู่สื่อแสดงพลังของบรรพบุรุษนิกายตำหนักกระบี่ที่สาบสูญออกมาอย่างเต็มที่ พลังของกระบี่ตอนนี้แข็งแกร่งมากๆ

บู่ฟงพิงประตู เอาสองนิ้วคีบจอกกระเบื้องสีฟ้าขาว เขาเรอเหล้าออกมากลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ

ข้างเขาตาสีแดงก็กระพริบตาออกมา เจ้าขาวก็ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ

บู่ฟงมองไปที่มือของเทียนฉู่สื่อ มองเครากับผมขาวที่ยาวออกมาส่องประกายเขาย่นจมูก

“ข้าบอกวันนี้หมดเวลาเปิดร้านแล้ว ข้าไม่ขายเหล้า เจ้าอยากจะสร้างปัญหาเหรอ? แล้วเจ้าจะรู้ผลที่อวดดี”


ตอนที่ 199 ดวงตาเจ้าขาวเปล่งแสงน่ากลัว

“เจ้าอยากจะสร้างปัญหาเหรอ? แล้วเจ้าจะรู้ผลที่อวดดี”


“เจ้าอยากจะสร้างปัญหาเหรอ? แล้วเจ้าจะรู้ผลที่อวดดี”


เสียงของบู่ฟงเบามากร่างของเขาพิงกรอบประตู นิ้วของเขาคีบจอกกระเบื้องฟ้าขาว เขาเรอออกมาเบาๆ แต่กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่ว หน้าของเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ เขาตาลายมือจับเหล้าเอาไว้ เขาดื่มเหล้าจนตาลาย ท่าทางของเขากวนตีนจริงๆ


เทียนฉู่สื่อได้กลิ่นเหล้าที่เขาเรอออกมา ใบหน้าของเขาก็บูดบึ้งเขาถอยหลังไปสิบสองก้าว แล้วมองบู่ฟงอย่างเย็นชา


ใบหน้าของเขาหัวเราะเยาะ เคราขาวกับผมขาวของเขาแกว่งขึ้นลงไปมา พลังดาบพุ่งออกมาจากตัวของเขาอย่างรุนแรงและเหี้ยมโหด


“อะไรคือสร้างปัญหา? วันนี้ชายแก่คนนี้ยังไม่ได้ดื่มเหล้า เจ้าจะต้องเปิดร้านตอนนี้” เทียนฉู่สื่อชักดาบออกจากฝักเป็นดาบยาวส่องแสงวาบวับ มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที มันลอยหมุนบนหัวของเขาแล้วหมุนไปหลายรอบ


ดาบของเขาสว่างสดใสมองดูเหมือนดวงดาวในที่มืดมันดูสว่างสะดุดตา


นี่คือวิชาลับของนิกายตำหนักกระบี่สาบสูญ วิชาดาบจักรพรรดิ


ตรงที่ไกลออกไป มุมปากของเซียวเยว่คลี่ออกมา เขามองดูวิชากระบี่จักรพรรดิที่เทียนฉู่สื่อแสดงออกมา เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เทียนฉู่สื่อมาเมืองหลวงเขาไม่ได้หาข้อมูลและเตรียมตัวให้พร้อม เขาจึงไม่รู้ว่าร้านฟงฟงน้อยมีไพ่ลับอยู่ในมือ


เซียวเม้งเคยมากินอาหารในร้านและติดหนี้บุญคุณ เกี่ยวกับนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดเถ้าแก่บู่……..เถ้าแก่บู่ไม่กลัวบ้างเลยหรือ?


หนี่เหยี่ยนเห็นเป็นเรื่องสนุก สายตาคู่สวยของนางเบิกกว้างเมื่อจะเห็นหายนะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ นางหรี่ตาแววตาส่องประกายแสงแวววับ ที่ด้านหลังบู่ฟงมีร่างกลมน่ารักของเจ้าขาวเดินมา


เจ้าหุ่นเชิดนี่……..น่าสนใจมาก หนี่เหยี่ยนไม่เคยเห็นหุ่นเชิดตัวไหนสามารถ สู้กับนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เจ็ดได้ วันนี้เป็นวันที่นางสามารถจะเปิดตาเห็นอะไรมากจริงๆ


“พี่หนี่เหยี่ยน เราผ่านมาจะไม่ช่วยเขาเหรอ? เทียนฉู่สื่อเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด เถ้าแก่เป็นเพียงแค่ราชันนักรบขั้นที่ห้าเท่านั้น……..เขาจะไม่ตายเอาเหรอ?”


เย่สื่อหลิงสายตาเบิกกว้าง นางมองไปยังร่างของหนี่เหยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ที่กำลังสนุกอยู่ นางพูดออกมาเหมือนงงมีหมอกปกคลุมหัว


“ใช่แล้ว ตาแก่นี่ต้องไม่ตาย” หนี่เหยี่ยนเขกตัวของเย่สื่อหลิงแล้วพูดออกมา


เย่สื่อหลิง “………”


“พี่หนี่เหยี่ยน……..ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าหมายถึงเถ้าแก่อาจจะมีอันตรายจากนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง” เย่สื่อหลิงพูดออกมาอย่างจริงจัง


หนี่เหยี่ยนมองดูสาวน้อยคนนี้อย่างจริงจัง สาวน้อยคนนี้ไม่ค่อยจะรู้อะไร นางยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ใช่แล้วตาแก่นั้น…….ไม่ต้องตาย”


เย่สื่อหลิง “…….”


เซียวเม้งไม่กังวลกับคนที่ปรากฏตัวมา เขาเอามือยืนไขว้หลัง เขาเห็นว่าระดับการฝึกฝนของผู้เฒ่าบรรพบุรุษตำหนักกระบี่สาบสูญแข็งแกร่งอย่างมาก แต่เจ้าขาวก็ยากที่จะโคนมันเหมือนกัน หากเทียนฉู่สื่ออยากจะโค่นมันเขาก็ต้องพยายามเอาจริงอย่างมาก


สิบสามโจรเมืองโม่มีใบหน้าที่ตื่นเต้น พวกเขามองเทียนฉู่สื่อกับบู่ฟงด้วยรอยยิ้มที่มีความหมาย


ชายหนุ่มชุดแดงมู่หลิงฟงเข้ามาใกล้กับกำแพงซอยเมื่อนิ้วเรียวยาวสัมผัสกับมัน(หมายถึงกำแพงซอย) เขาก็รู้สึกได้ว่าด้านในนี้กำลังจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น


บู่ฟงขากรรไกรค้างเนื่องจากว่าเขาได้ดื่มเหล้ารสชาติโอชาจนเมา ร่างของเขาเหยียดตรงค่อยขยับไปข้างหน้า เขาหันหน้าไปมองรอบๆ เขาเห็นท้องเจ้าขาวแล้วลูบก็พูดออกมาเบาๆว่า ” คนที่สร้างปัญญาจะต้องถูกโยนออกไป”


“สุภาพบุรุษ สุภาพสตรีทั้งหลายตอนนี้หมดเวลาเปิดร้านแล้ว หากทุกคนอยากลองชิมเหล้าชั้นเลิศ ให้มาวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ร้านไม่เปิดให้บริการ”


บู่ฟงซ่อนตัวอยู่ในเงามือของร้าน แต่น้ำเสียงที่เย็นชาก็ลอยมาที่หูของทุกคน


ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนสี พรุ่งนี้………ค่อยเข้ามา?

บางคนยกมุมปากขึ้นมา บางคนคิดในใจดูถูกคำพูดของคนต่ำต้อยของบู่ฟง เขาคิดว่าเขาเป็นใครจะให้พวกนักรบขั้นที่เจ็ดต่อแถวกันมาเพื่อที่จะรอให้ร้านเปิด?


แม้ว่าจะเป็นฮ่องเต้….ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำแบบนี้


“หา พรุ่งนี้ให้มาเข้าคิว? ข้าจะพังประตูเจ้าคืนนี้จะได้ไม่ต้องต่อแถวเข้าคิววันพรุ่งนี้” ผู้เชี่ยวชาญนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดกับสิบสามโจรเมืองโม่ มองท่าทางของเทียนฉู่สื่อที่แสดงออกมา ใบหน้าของทุกคนก็ทำท่าทางเยาะเย้ย (เยาะเย้ยบู่ฟง จีนมันเขียนมาแค่นี้อ่านจะได้ไม่งง)


คิดไม่ถึงเทียนฉุ่สื่อกลับถูกเมิน เขาตรงเข้าไปร้านของบู่ฟงร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความอับอาย แซ่ของเขาราวว่าเป็นต้นกำเนิดโลก (เทียนแปลว่า ฟ้า) ตอนนี้เจ้าเด็กนั้นเมินดูถูกไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา


“เจ้าเด็กน้อยหยิ่งยโส เจ้าคิดว่าเจ้าหุ่นเชิดนี่จะหยุดชายแก่ผู้นี้ได้? ไร้สาระ”


เทียนฉู่สื่อโกรธ เขาแกว่งดาบ ดาบที่ลอยอยู่ก็เปลี่ยนเป็นแสง ร่างของเทียนฉู่สื่อก้าวออกไปกลายเป็นภาพลวงตา แสงกระบี่ชี้ไปทางร้านพุ่งไปที่บู่ฟง


หน้าที่อ้วนของหุ่นยนต์เจ้าขาวกำลังเคลื่อนไหวพุ่งตัวออกไป ดวงตาหุ่นยนต์ของมันกระพริบแสงสีแดงออกมา ทั่วร่างของเหล่าผู้เชี่ยวชาญนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดตัวกำลังสั่นไหว สารเลวหัวใจของพวกเขากำลังได้รับความกดดัน


แสงกระบี่สาดส่องไปทั่วทุกแห่งมันเร็วขึ้น ความเร็วของเทียนฉู่สื่อก็เร็วขึ้น ชั่วพริบตาก็พุ่งไปรอบเจ้าขาว


เทียนฉู่สื่อมีระดับการฝึกฝนที่อยู่สูงมาก ผู้คนที่เห็นฉากนี้ต่างสูดลมหายใจเย็นๆ ใบหน้าของเขากำลังจริงจังอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญนักรบศักดิ์สิทธิ์กำลังใช้วิชาดาบเพื่อที่จะฆ่ามันดูน่ากลัวอย่างมาก


เซียวเม้งเองก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากการเคลื่อนไหวนี้


ริมฝีปากของหนี่เหยี่ยนขดตัว เพลงดาบที่กำลังเคลื่อนไหว รูปแบบของมันทำให้ผู้คนน่ากลัว แม้แต่นางก็ต้องบอกว่า……..มันน่ากลัวมาก


“พี่หนี่เหยี่ยน……..” เย่สื่อหลิงเห็นเทียนฉู่สื่อเคลื่อนไหว นางก็หันหัวไปมองหนี่เหยี่ยนอีกครั้ง นางอยากจะถามถึงการเคลื่อนไหวนี้


แม้แต่หนี่เหยี่ยนเองก็ยังส่ายหัว ใบหน้าที่งดงามของนางก็ยังคงมีอาการลังเลบ้างในตอนนี้


เทียนฉู่สื่อลอยตัวขึ้นมา แสงของดาบตรงพุ่งเข้าไปที่ร้าน ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของกระบี่จักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นการถูกฆ่าหรือการหลบเจ้าหุ่นเชิดก็ไม่อาจจะหลีกไปได้ แล้วการป้องกันจะเป็นไปได้ยังไง?


เจ้าเด็กคนนี้หยิ่งยโสมากข้าจะสอนให้เจ้ารู้จักเคารพผู้ที่แข็งแกร่งเอง


ภายในใจของเทียนฉู่สื่อแสดงท่าทางดูถูก


ปัง!!


ทันใดนั้นเสียงกับแสงของดาบที่ส่องสว่างไปทุกที่บนท้องฟ้าก็หายไปจนหมด


เสียงดาบยาวตกกระแทกพื้นเสียงดังฟังชัด


ใบหน้าของเทียนฉู่สื่อแทบไม่เชื่อ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที แม้แต่ภาพลวงตาของเขาที่กำลังพุ่งไปหาเจ้าขาวก็หายไป ร่างของเขาสั่นไหว สายตาของเขามองเห็นฝ่ามือยักษ์ที่ขยายตัวขึ้นของหุ่นยนต์เจ้าขาว


ปัง


เทียนฉู่สื่อถูกฝ่ามือของเจ้าขาวตีหัว แสงสว่างแวบหนึ่ง เสียงการปะทะกันก็ดังขึ้นทันที ความรู้สึกดีและชั่วร้ายก็พุ่งเข้ามาในใจของเขาเช่นดัน


“ข้ากำลังจะพุ่งไปแล้ว…”


ร่างของเทียนฉู่สื่อที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก็หยุดลง เสียงถูกตบอย่างรุนแรงดังขึ้น ตัวของเขาหมุนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากที่หมุนตัวก็พุ่งตกลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง แรงตบอย่างรุนแรงทำให้เขากระเด็นออกไปไกล……..


บรรยากาศยังคงน่าอึดอัดใจ ทุกอย่างเงียบสนิท……..


ฉากที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนแปลกใจอยู่นิดๆ


ตอนนี้ทุกคนตะลึงมองคนที่อยู่บนพื้นอย่างกระวนกระวายใจแทบที่จะไม่เชื่อ พวกเขาได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของเทียนฉู่สื่อ พวกเขามองดูเจ้าขาวอีกครั้งร่างเป็นเหล็กหน้าท้องใหญ่…..เหมือนกับสิงโตกัดสุนัขครั้งเดียวตาย


ตอนนี้ดวงตาของเย่สื่อหลิงเบิกกว้าง ริมฝีปากสีแดงมันวาวของนางเปิดอ้าออกมากว้างเหมือนจะยัดไข่เข้าไปได้


มุมปากของหนี่เหยี่ยนยกขึ้น หัวใจของเขาถอนหายใจออกมา เถ้าแก่บู่ไม่ต้องลงมือเองแต่เขามีเจ้าตัวใหญ่นี้


ไม่รู้ว่าเขาโชคดีมากแค่ไหน แต่ฝ่ามือเดียวทำให้นักรบศักดิ์สิทธิ์ปลิวกระเด็นออกไปไกล……..เจ้าขาวดวงตาของมันกำลังเปล่งแสงน่ากลัว


หัวใจของหนี่เหยี่ยนดีใจ


จมูกของเทียนฉู่สื่อฝังลงกับดิน เขาค่อยยืนขึ้นมาบนพื้น เมื่อตะกี้แสงสว่างผ่านวาบมา ฝ่ามือหุ่นยนต์ก็พุ่งเข้ามาที่จมูกของเขา เมื่อเจ้าขาวเข้ามาทำให้เขารู้สึกเปรี้ยว หัวใจของเขาแทบที่อยากจะร้องไห้……


เขาโกรธอย่างมากเขาเพียงแค่อยากจะสั่งสอนเจ้าเด็กบ้าที่หยิ่งยโสนี่ แต่ตอนนี้เจ้าหุ่นยนต์นี้เข้ามาทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก


เพราะเขาประมาททำให้เขาพ่ายแพ้อย่างง่ายๆ….นี่มันน่าอับอาย


ฉับฉับ


เสียงดาบดังออกมาเสียงดาบที่ตกอยู่กับพื้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งต่อหน้าเทียนฉู่สื่อ แววตาของเขาดูจริงจัง ดาบเล็กมากมายก็หมุนวนรอบ มีกระบี่ยาวปรากฏออกมา หนึ่งดาบ สอง สี่ กระบี่ใหญ่มากมายสี่ที่เต็มทับถมกันไปหมด……


กระบี่เหล่านี้กำลังลอยอยู่ตรงหน้าของเขา


กระบี่ของข้าโจมตี


ตอนที่ 200 แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังไม่มีแล้วตอนนี้จะดื่มเหล้าอีกเหรอ?


บู่ฟงเดินเซกลับเข้าไปในห้องครัว เขาถอนลมหายใจออกมาเบาๆ เหล้าที่มีพลังวิญญาณมากมายออกมาจากปาก


เขาดื่มเหล้าไปสองจอก บู่ฟงก็รู้สึกเวียนหัวมาก หากจะให้พูดเหล้าใหม่นี้เมื่อเทียบกับเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะเหล้านี้แรงกว่ามาก


เขาเข้าไปในห้องครัวเก็บกวาดเหล้า เหลือเพียงไหเหล้าหยกขาวสามใบ ข้างในมีของที่เขาเพิ่งเอาหมักลงไป กลิ่นหอมของเหล้าวิญญาณหอมมากจนปกคลุมไปครึ่งเมืองหลวง


ไหเหล้าหยกสามไหที่ปากไหเป็นทรงกลมถูกปิดเอาไว้ บู่ฟงทนไม่ไหวลูบไหเหล้าหยกแล้วเลียริมฝีปาก กลิ่นอายไหลออกมาจากปากเขาพลังวิญญาณก็พุ่งออกมาจากปากของเขา


เมื่อมองดูไหเหล้าหยกสีขาว บู่ฟงลังเลอยู่นานพยายามคิดชื่อเหล้า……..


……


จะให้เรียกชื่อเหล้าที่หมักจากสมุนไพรวิญญาณขั้นที่เจ็ดสามชนิดว่าเหล้าอะไรดี? เหล้าสามสิ่งล้ำค่า บู่ฟงส่ายหัว ชื่อนี้มันน่าอึดอัด มันจะทำให้เหล้านี้ราคาตก


“มันลุกไหม้ทันทีเหมือนเปลวไฟ เมื่อเข้าไปในลำคอมันกลับเย็นเหมือนน้ำแข็ง…..จะเรียกมันว่าเหล้าหมักน้ำแข็งดีไหม? ไม่ดีแน่หรือว่าเหล้าโลก หรือเรียกเหล้าเส้นทางพุทธิปัญญาดี?…….งั้น…..น้ำแข็งไฟเส้นทางพุทธิปัญญา”


บู่ฟงพยายามคิดแล้วลูบคาง เหล้านี้มันแรงมาก เหล้าน้ำแข็งไฟเส้นทางพุทธิปัญญา เมื่อเทียบกับเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะมันดีกว่ามาก แต่ไม่รู้ว่าเทียบกับลมหายใจมังกรมันจะเป็นยังไง?”


บู่ฟงรู้เรื่องลมหายใจมังกรมาจากหนี่เหยี่ยน แต่เขาไม่เคยได้ลองชิมลมหายใจมังกรมาก่อน เขาจึงไม่อาจบอกได้


“ระบบเปรียบเทียบได้ว่า เหล้าน้ำแข็งไฟพุทธิปัญญากับลมหายใจมังกรอันไหนรสชาติดีกว่ากัน?” บู่ฟงถามระบบด้วยความหวัง


เสียงระบบเงียบเป็นเวลานานก่อนที่จะตอบเขาอย่างจริงจังกับซีเรียส “การประเมินต้องใช้คนที่เคยชิมลมหายใจมังกร ไม่เช่นนั้นภารกิจของโฮสต์ไม่อาจจะสำเร็จลุล่วงไปได้ กรุณาพยายามอีกนิด แต่เหล้าน้ำแข็งไฟเส้นทางพุทธิปัญญาตอนนี้กำลังประเมินราคาขาย….”


การตอบกลับมาของระบบเหนือความคาดหมายทำให้บู่ฟงตะลึงในที่ตรงนั้น


ต้องให้คนที่เคยชิมเหล้าลมหายใจมังกรมาตัดสิน? นี่ทำให้บู่ฟงขมวดคิ้ว


ไม่นานเขาก็เลิกขมวดคิ้ว มุมปากของเขาคลี่ออกมา ในเมืองหลวงมีคนที่เคยลองชิมลมหายใจมังกรมาก่อน มีเพียงคนเดียวแน่นอนคือหนี่เหยี่ยน อีกไม่นานนางก็ต้องมาวันพรุ่งนี้เมื่อหนี่เหยี่ยนลองชิมเหล้าน้ำแข็งไฟเส้นทางพุทธิปัญญาก็จะตัดสินได้


ระบบกำลังประเมินราคาขาย แต่บู่ฟงไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ บู่ฟงเข้าใจว่าราของมันคงจะไม่แพงมากนัก


เวลาผ่านไปอยู่นานระบบก็ยังประมาณผลไม่สำเร็จ บู่ฟงก็ไม่รู้ว่าราคามันเท่าไหร่ แต่ราคามันคงไม่แพงนัก บู่ฟงอดนอนก็คงไม่ดี เขาหาวออกมา เขาปิดประตูห้องครัวขึ้นไปข้างบนเพื่อนอน


……


เจ้าขาวน้อยยืนตัวตรงนิ่งไม่ขยับเหมือนภูเขาที่ตั้งสูงไม่สั่นไหวอยู่ที่ทางเข้าร้าน ดวงตาหุ่นยนต์ของมันส่องแสงสีแดงไม่หยุด


ร่างของเทียนฉู่สื่อมีกระบี่ยาวล้อมรอบมากมาย มือของเขาก็ถถือกระบี่ยาวอยู่


ใบหน้าดทียนฉู่สื่อเต็มไปด้วยความโกรธ (เทียนฉู่สื่อแปลว่าลูกชายสวรรค์) จมูกของเขามีเลือดไหลออกมาอย่างน่ากลัว มันหยดลงมาเปื้อนเคราสีขาวของเขา……..


“เจ้าหุ่นเชิดก้อนเหล็กนี่ต้องโดนข้าตัด” เทียนฉู่สื่อเช็ดเลือดกำเดามีความสุขอย่างมาก


เสียงก่นด่าดังออกมาในความคิดของเทียนฉู่สื่อ ทั่วร่างของเขามีพลังงานที่แท้จริงปกคลุมอยู่ เสียง ติ้ง ติ้งดังออกมา (เสียงดาบกระทบกัน) ดาบมากมายก็เข้ามารวมกันแล้วพุ่งไปหาเจ้าขาวน้อยอย่างรุนแรง


ภายใต้ท้องฟ้ามีดาบมากมายปิดบังโลก มองดูคล้ายกับมีฝนดาบตกลงมา ความรู้สึกนี้เหมือนกับจะกดทับหัวใจ ทำให้หัวใจรู้สึกสั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้


ฝนดาบที่ตกลงมาเป็นพลังดาบที่เทียนฉู่สื่อควบคุมอยู่ เป็นการโจมตีของนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด แม้แต่ประตูเมืองก็ต้องพังทลายลงมา มันเป็นธรรมดาของพลังนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่โจมตีลงมา เมื่อเผชิญหน้ากับฝนกระบี่นี้ไม่มีใครที่อาจจะต้านทานได้


การเคลื่ิอนไหวนี้…….น่ากลัวมาก


คนทุกคนที่อยู่รอบก็เข้าใจถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเทียนฉู่สื่ออย่างดี


ร่างของเจ้าขาวที่ตาเปล่งประกายสีแดง ก็เหมือนกับเผชิญกับเรือที่เผชิญกับคลื่นลมแรงในมหาสมุทรที่จะพลิกคว่ำเมื่อไหร่ก็ได้


ทันใดนั้นเขาก็หยุดหัวเราะ


ด้านหน้าเขาเจ้าหุ่นเชิดไม่มีแม้แต่รอย


มีแต่ดาบที่หยุดเอาไว้


ดวงตาของเทียนฉู่สื่อเบิกกว้าง มองดูเจ้าขาว ที่กางมืออกมา ตัวมันไม่แม้แต่จะสั่นไหว …..บ้าเอ๊ย ทำไมโลกนี้ถึงมีหุ่นเชิดที่น่ากลัวแบบนี้


ดวงตาของเจ้าขาวส่องแสงสว่างสีแดง แขนของมันจับกระบี่เหล็กชั้นดีเอาไว้แล้วหักมันออก….


เสียงดังฟังชัดมาก ตอนนี้ในซอยก็ๆด้ยินเสียงเข็มตกลงมาที่ซอย


ทุกคนสูดลมหายใจเย็นๆ ทันที เทียนฉู่สื่อก็กระอักเลือดออกมาทันที ใบหน้าของเขาดูบูดเบี้ยวถอยหลังไปหลายก้าว ร่างของเขาก็สั่นสะเทือน


นี่เป็นสิ่งสำคัญเขาใช้เลือดของเขาปรับแต่งดาบวิญญาณ คิดไม่ถึงเจ้าหุ่นเชิดยังมีชีวิตอยู่…..ไม่ได้กลายเป็นเศษเหล็ก


เทียนฉู่สื่อรู้สึกว่าไตของเขากระตุก มีแต่เสียไม่มีอะไรดีเลย


“เจ้าคนสร้างปัญหาจะต้องถูกแก้ผ้าเป็นตัวอย่างแก่คนอื่น”


เสียงของเจ้าขาวน้อยดังสะท้อนออกมา ทุกคนจ้องมองยางคนก็ไม่รู้เรื่องอะไร


ในกลุ่มผู้คนมีผู้เชี่ยวชาญนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดซ่อนตัวอยู่ เมื่อได้ยินเสียงนี้ร่างกายของเขาก็เหมือนกับฝันร้าย ทั่วร่างมีความรู้สึกกลัวแผ่พุ่งออกไป ร่างสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งร่าง


อีกแล้ว……..มันมาอีกแล้ว ปีศาจบ้าคลั่งฉีกเสื้อผ้า


เจ้าขาวโยนดาบหักในมือลงบนพื้น มันยกฝ่ามือขึ้น ฝ่ามือของมันก็ยืดยาวออกมาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ฝ่ามือจับหัวของเทียนฉู่สื่อออกมาแล้วยกขึ้น


นี่คือฝ่ามือเดียวกันกับที่ขยี้ดาบวิญญาณให้เป็นเศษซากได้………


ทุกคนรู้สึกหัวสมองชา หากฝ่ามือนี่ขยี้หัวของเทียนฉู่สื่อเหมือนดาบวิญญาณยากที่จะคิดผลที่ตามมา………ไม่กล้าที่จะนึกภาพออกมา


แต่ความจริงไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด แม้ว่าก่อนหน้าจะเป็นภาพที่สวยงาม แต่ทุกคนก็ไม่อยากมองตรงไปข้างหน้า


แคว๊ก


ร่างของเทียนฉู่สื่อรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่าง เสื้อคลุมของเขาถูกก้อนเหล็กฉีกเป็นชิ้นๆ ทันที……


พระเจ้า เจ้าก้อนเหล็กนี่ทำได้ยังไง?! มันบ้าคลั่งเลวทรามจนไม่ปล่อยตาแก่นี่ออกไปเหรอ?


ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกำลังตัวสั่นกัดฟัน ภาพนี้ช่างคุ้นเคยและบาดตามาก……….ทั้งหมดนี่ทำให้พวกเขาเจ็บปวดหัวใจ


ดวงตาของเจ้าขาวเป็นสีแดงมองดูร่างที่เปลือยเปล่าของเทียนฉู่สื่อที่มันจับแก้ผ้า xxxแกว่งไปมา เทียนฉู่สื่อก็ถูกโยนไปทันที ร่างของเขาถูกโยนไปไกลที่กองทรายเต็มไปด้วยฝุ่นควันคลุ้งออกมาไปทั่ว


หนี่เหยี่ยนกระพริบตาแล้วรีบเอามือมาปิดตาเย่สื่อหลิง “สาวน้อยห้ามดู”


สิบสามโจรปวดฟันทันที แต่กี้พวกเขาต่างส่งเสียงเชียร์ บ่าเอ๊ย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดยังบอกว่า…..เจ้าก้อนเหล็กนั้นเป็นปีศาจบ้าคลั่งฉีกเสื้อผ้า มันอาจจะไม่ฆ่า แต่มันอาจจะโยนออกไป สิบสามโจรเมืองโม่แทบที่บ้าคลั่ง


เทียนฉู่สื่อลุกขึ้นมาจากพื้นดิน ลมเย็นๆพัดมา XXXของเขาก็หนาว ใบหน้าของเขาซีดมากตอนนี้เขาได้สติจากความลุ่มหลงเหล้าชั้นเลิศ ตอนนี้ แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังไม่มีแล้วตอนนี้จะดื่มเหล้าอีกเหรอ?


ในตอนนี้เจ้าหุ่นเชิดเหล็กมีความสามารถในการต่อสู้อย่างมาก มันต้องเป็นไพ่ที่ซ่อนอยู่ในร้านแน่นอน……..ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมทางร้านถึงกล้าปลูกต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญา มันเคลื่อนไหวจัดการเสื้อผ้าของนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด น่ากลัวจริงๆ


เทียนฉู่สื่อไม่มีหน้าแม้แต่จะอยู่ที่นี่ เขาเคลื่อนไหวหยิบดาบยาวที่อยู่ในมือ เขาดึงดาบยาวนี้มาปกปิดท่อนล่าง เพื่อให้มันเหมือนผ้าเตี่ยวบังเอาไว้………อย่างน้อยก็ปิดไม่ให้มันอุจาดตา


เซียวเยว่ตะลึง แม้แต่บรรพบุรุษของนิกายตำหนักกระบี่สาบสูญยังกล้าจะเล่นอยู่อีก


ตึก ตึก เสียงฝีเท้าดังออกมาเบาๆ ใบหน้าของบู่ฟงก็โผล่ออกมาที่ทางเข้าร้าน เขามองไปที่ร่างเปลือยเปล่าของเทียนฉุ่สื่อที่เอาดาบปิดของสงวน ร่างของเขายกขึ้นมุมปากของเทียนฉู่แทบที่จะมีคราบน้ำตา


เขาลูบท้องอ้วนของเจ้าขาวน้อย บู่ฟงพูดจาออกมาอย่างไม่สนใจอะไร “วันนี้ปิดแ้ว ถ้าอยากกินเหล้าให้เข้าแถวมาวันพรุ่งนี้….”


“เหล้ามีจำนวนจำกัดใครมาก่อนก็ได้ก่อน”


บู่ฟงพูดออกมาเบาๆ เจ้าขาวก็หมุนตัวกลับเข้าไปในร้าน บู่ฟงก็ปิดประตูร้านทุกคนก็ตะลึง


เมื่อปิดประตู บู่ฟงงวงมากเขาต้องต่อสู้กับความงวง การอดนอนเป็นสิ่งไม่ดี เขาพ่นลมหายใจออกมาพลังวิญญาณจากอากาศก็ออกมา เขาเข้าไปชั้นสอง เข้าไปอาบน้ำ นอนบนเตียง แล้วหลับลงไป


เหล้ามีจำนวนจำกัด มาก่อนได้ก่อน………ประโยคนี้ทำให้สายตาของทุกคนใจจดใจจ่อ ตอนนี้ในความคิดของทุกคนคือถอย


ดูเหมือนว่าเหล้านี่………..จะดื่มได้วันพรุ่งนี้

.

ปล้น? ภาพที่ของเทียนฉู่สื่อที่น่าอายยังชัดเจนในสายตาของพวกเขา พวกเขาไม่ใช้คนและไม่ใช่คนบ้าที่จะมาสู้กันกับปีศาจบ้าคลั่งฉีกเสื้อผ้า


“ไปกันเถอะ คืนนี้การเล่นละเล่นจบแล้ว พรุ่งนี้เช้าพวกเราค่อยมาดื่ม” หนี่เหยี่ยนลูบหัวเย่สื่อหลิง นางพูดเสร็จก็พากันออกไปจากซอย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม