God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ 1186-1200
ตอนที่ 1186
ทว่าอย่างรวดเร็วเศษกระดาษก็ลอยออกมาอีกครั้งซึ่งเขียนไว้ว่า “อย่างไรก็ตาม เซนต์ผู้นี้คาดการณ์ไว้ว่าคงจะมีกลุ่มปีศาจต่างถิ่นที่พยายามจะขัดขวางไม่ให้เซนต์ผู้นี้ทำลายผนึกได้ ศัตรูเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องให้พวกเจ้าจัดการ”
“อะไรนะ?! ไม่คาดคิดว่าจะมีบางคนที่กล้าขัดขวางการทำลายผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณ ช่างรนหาที่ตายจริงๆ ปีศาจต่างถิ่นไหนกันที่ยโสโอหังเช่นนี้ ชายชราจะสังหารเขาทันที”
ชายชราระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เดือดระอุขึ้นมา เขาและปีศาจต่างถิ่นนั้นมีความบาดหมางดั่งทะเลเลือด ในอดีตที่ผ่านมาสหายที่ดีของเขาเป็นจำนวนมากนั้นได้ตายในระหว่างการต่อสู้กับปีศาจต่างถิ่น
ดังนั้นการที่ได้ยินมาว่าปีศาจต่างถิ่นปรากฏตัวขึ้นมานั้น เขาจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์โมโหของตนเองได้
“ใช่ ปีศาจต่างถิ่นไหนกันที่ยโสโอหังเช่นนี้?!”
“โปรดบอกพวกเรา พวกเราจะจัดการกลุ่มของเจ้าพวกนั้นในทันที”
“ใช่ พวกเราจะออกไปสังหารพวกเขาจนถึงคนสุดท้าย”
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็รู้สึกไม่พึงพอใจ แต่ละคนต่างก็ส่งเสียงดังออกมา ตะโกนออกมาว่าต้องการสังหารกลุ่มของปีศาจต่างถิ่นที่ยโสโอหังเหล่านั้น
“กลุ่มของปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองฮวายหนิง รอให้ได้โอกาสในการเคลื่อนไหว พวกเขามีทั้งหมดเจ็ดคน นี่คือรูปลักษณ์ของพวกเขารวมถึงตำแหน่งที่พวกเขาอาจหลบซ่อนอยู่ พวกเจ้ารีบไปสังหารพวกเขาโดยเร็วที่สุด”
ทันใดนั้นแมวนักปราชญ์ก็ได้โยนรูปวาดของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังพร้อมทั้งข้อมูลตำแหน่งที่พวกเขาหลบซ่อนอยู่
“ร้ายกาจจริงๆ สมกับที่เป็นท่านบรรพบุรุษเก่าแก่ ถึงแม้ว่าจะถูกผนึกอยู่ในหุบเขา ทว่าก็ยังคงมีพลังอำนาจในการตรวจจับศัตรูที่อยู่ห่างออกไปกว่าหมื่นกิโลเมตร อีกทั้งไม่ใช่แค่สามารถระบุตำแหน่งที่แม่นยำของปีศาจต่างถิ่นได้เท่านั้น ทว่าก็สามารถที่จะวาดรูปลักษณ์ของพวกเขาออกมาได้เช่นกัน”
กลุ่มของผู้คนที่รู้สึกชื่นชมนับถือว่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เคารพเซนต์ผู้นี้อย่างสุดซึ้ง
สมกับที่เป็นบรรพบุรุษเก่าแก่ที่ได้สร้างทวีปโลหิตวิญญาณขึ้นมา เป็นดั่งตัวตนของเทพเจ้าก็ว่าได้ ต่อให้พลังอำนาจจะถูกผนึกอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ทว่าก็ยังคงใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์บางอย่างได้ ช่างน่าสะพรึงกลัวเกินไป
“ใช่สิ ดูเหมือนว่าหนึ่งในพวกเขาจะมีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว เป็นบุคคลที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุด ก่อกรรมทำชั่วต่างๆนาๆ สังหารผู้คนเป็นว่าเล่น วิทยายุทธของเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ทุกๆคนจะต้องรับมือกับเขาอย่างระมัดระวัง จะดีที่สุดหากว่าโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็วฉับพลัน สังหารอย่างกะทันหัน ไม่ให้โอกาสพวกเขาในการต่อต้าน ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะหลบหนีออกไปได้” เศษกระดาษได้ลอยออกมาอีกครั้ง ซึ่งมีคำเตือนอยู่เช่นกัน
“อู๋ไท่โต่ว?!”
ได้ยินเช่นนี้ ฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณก็มีสายตาที่แดงก่ำ เหมือนกับเป็นกระทิงที่คลุ้มคลั่งก็ว่าได้ จมูกแดงขึ้นมา ทั่วทั้งร่างกายมีจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเอ่อล้นออกมา เกือบที่จะก่อตัวเป็นสสาร
“ท่านจ้าวสำนักฉาง? ทำไมถึงเดือดระอุขึ้นมาเช่นนี้เมื่อได้ยินชื่ออู๋ไท่โต่ว?” บางคนที่สังเกตเห็นฉางซื่อเซิงที่มีอาการผิดปกติทันทีจึงได้ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้าปีศาจต่างถิ่นอู๋ไท่โต่วนี่ได้สังหารลูกชายของข้า ข้าและเขานั้นมีความบาดหมางดั่งทะเลเลือด ไม่คาดคิดว่าเขาจะอาจหาญอย่างถึงที่สุด กล้าที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองฮวายหนิง ถืออำนาจอยู่ภายใต้จมูกของข้า” ฉางซื่อเซิงกัดฟันอย่างแน่นและพูดถึงเรื่องของลูกชายตนเองที่ถูกเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่สังหาร
เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินชื่อของฆาตกรที่ได้สังหารลูกชายตนเองที่นี่ ในช่วงเวลานี้มันทำให้อารมณ์ของเขาระเบิดออกมา
อีกทั้งฉางซื่อเซิงก็ไม่คาดคิดว่าเซนต์โลหิตวิญญาณที่ถูกผนึกอยู่ในบาเรียนี้จะร้ายกาจจนถึงขั้นค้นพบตัวตนของศัตรูตัวฉกาจของตนเองเช่นนี้
“เยี่ยม ช่างเป็นปีศาจต่างถิ่นที่ยโสโอหังยิ่งนัก ช่างเป็นตัวตนที่ชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด แม้แต่ลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณก็กล้าสังหาร”
“บุคคลที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ทุกๆคนมีสิทธิ์ที่จะลงโทษเขา”
“โชคดีที่ว่าท่านบรรพบุรุษเก่าแก่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลม สามารถที่จะล่วงรู้ถึงตำแหน่งของศัตรูได้ ค้นพบที่อยู่ของปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้น ไม่อย่างนั้นกลุ่มปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นคงจะโลดแล่นอยู่เหนือกฎหมายอย่างอิสระ หลบหนีออกไปโดยที่ไร้ร่องรอย!”
“ไม่ต้องเสียเวลาอีกต่อไป พวกเราเดินทางไปสังหารกลุ่มปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นทันที ฆ่าล้างจนคนสุดท้าย”
ผู้คนต่างก็ตะโกนเสียงดังออกมา จิตสังหารกำลังเดือดดาล แม้แต่ลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณก็ตายไปด้วยน้ำมือของเจ้าพวกปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นเป็นภัยคุกคามต่อทวีปโลหิตวิญญาณ
ต่อให้จะไม่ใช่เป็นการปกป้องเซนต์โลหิตวิญาณ ทว่ากลุ่มของปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นก็ถือว่าเป็นภัยร้ายของทุกคน มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาส่งกองกำลังออกไปและสังหารศัตรูให้หมดสิ้น
“ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่ ข้าจะออกไปสังหารศัตรูเหล่านี้ ถอนรากถอนโคนพวกเขาให้หมดสิ้น” มีที่ไหนที่ฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณจะอยู่นิ่งเฉยได้ เขาได้ส่งกองกำลังออกไปทันที กลับไปที่เมืองฮวายหนิง สำหรับศัตรูที่ได้สังหารลูกชายของตนเองนั้น เขาปรารถนาที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามในทันที
ชายชราระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดคนอื่นๆที่ได้ยินคำเหล่านี้ พวกเขาแต่ละคนก็ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน สำหรับการกำจัดศัตรูของเซนต์โลหิตวิญญาณนั้น พวกเขาไม่สามารถที่จะละทิ้งความรับผิดชอบนี้ได้
……………..
ในช่วงเวลานี้ ณ บ้านธรรมดาหลังหนึ่งภายในเมืองฮวายหนิง สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักชั่วคราวของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง
เจ้าของบ้านหลังนี้ได้ถูกพวกเขาสังหารไปและได้ทำลายซากศพจนไม่หลงเหลือร่องรอย อีกทั้งยังปลอมตัวเป็นเจ้าของบ้านเช่นกัน ผู้คนรอบๆไม่สามารถที่จะตรวจจับความผิดปกติได้
วิซ!
ทันใดนั้นก็มีเสียงของแขกผู้มาเยือน ภาพเงาของขงนั่วปรากฏขึ้นมาต่อหน้าผู้คนทันที ก่อนหน้านี้เขาได้ออกไปหาฉางฉือเพื่อทำการพูดคุย ต้องการที่จะเปิดโปงสถานะของเซี่ยปิงโดยที่ใช้ประโยชน์จากฉางฉือ
“เป็นอย่างไร? สามารที่จะติดต่อฉางฉือลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณได้หรือไม่?”
ฟางกุ่ยถามขึ้นมาทันที คนอื่นๆก็มองไปที่ขงนั่วเช่นกัน
“ภารกิจลุล่วงไปด้วยดี”
ขงนั่วยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้าได้พูดคุยกับฉางฉือ ฝ่ายตรงข้ามสนใจในข้อมูลนี้อย่างมาก ทว่าเขาก็ยังสงสัยในคำพูดของข้าอยู่เล็กน้อยเช่นกัน บอกว่าพวกเราจำเป็นต้องมีหลักฐานไปให้กับเขา”
“หลักฐาน?”
ได้ยินเช่นนี้ ฟางกุ่ยก็ขมวดคิ้วทันที “พวกเราจะไปหาหลักฐานมาจากไหนกัน?”
คนอื่นๆก็พยักหน้า หากพวกเขามีหลักฐานล่ะก็ ก็คงจะเปิดโปงสถานะที่แท้จริงของเจ้าเซี่ยปิงและทำให้ฝ่ายตรงข้ามตกอยู่ในการห้อมล้อมของยอดฝีมือชนเผ่าวิญญาณไปตั้งนานแล้ว
“ม่ายยยย สิ่งที่เจ้าเด็กนั่นต้องการไม่ใช่หลักฐานธรรมดา ทว่าต้องการตัวของจั่วฮาว” ขงนั่วหรี่ตามอง “เจ้าเด็กนั่นเกลียดชังจั่วฮาวที่เจ้าเซี่ยปิงใช้สถานะในการปลอมตัวอยู่จนถึงไขกระดูก ต้องการที่จะกำจัดให้รวดเร็วที่สุด”
“การที่เห็นพวกเราปรากฏตัวขึ้นมานั้น เขาก็ไม่ได้ผลักไส หนำซ้ำยังอ้าแขนรับ”
“ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อคำพูดของพวกเรา ทว่าเขาก็บ่งบอกว่าจะช่วยพวกเราในการเข้าไปในสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิง อีกทั้งยังจะช่วยให้พวกเขาได้มีโอกาสในการลอบสังหารเซี่ยปิง”
เขามองไปที่คนอื่นๆ
“เป็นอย่างนี้นี่เอง เจ้าเด็กนั่นคิดที่จะใช้กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนเช่นกัน”
“นี่ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ ทว่าการที่ต้องการสังหารจ้าสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือเอง ทำได้เพียงแค่ใช้คนอื่นในการจัดการกับปัญหานี้”
“ฮ่าฮ่า เยี่ยมจริงๆ เจ้านั่นจะต้องได้รับผลกรรม การที่สร้างศัตรูในทุกหนแห่งนั้น ตอนนี้ชาวพื้นเมืองของที่นี่ก็ช่วยเหลือพวกเรา ตราบใดที่สามารถเข้าไปในสำนักวิญญาณได้ ต่อให้เจ้านั่นจะมีเก้าชีวิตก็ไม่เพียงพอ”
“ใครกันที่ใช้ให้เขายโสโอหังเช่นนั้น ไม่คาดคิดว่าจะกล้าท้าทายลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณอย่างเปิดเผยและไม่เกรงกลัวเช่นนี้ นี่ไม่ใช่เป็นการนำพาความตายมาสู่ตนเองหรือ?”
กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็รู้สึกอิ่มเอมใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าแผนการจะราบลื่นเช่นนี้ การที่มีความช่วยเหลือของฉางฉือนั้น พวกเขาจะสามารถลักลอบเข้าไปสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงได้อย่างง่ายดาย
“เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่สามารถที่จะล่าช้าได้อีกต่อไป ตอนนี้ฉางฉือได้ช่วยดำเนินเรื่องให้พวกเราได้เข้าไปสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงแล้ว” ขงนั่วพูดออกมาอย่างตื่นเต้น เขานั้นเหมือนกับเห็นภาพล่วงหน้าที่ตนเองได้ทำภารกิจสำเร็จ
ตึบ!
หลังจากที่พูดจบ ประตูหน้าบ้านก็ถูกถีบกระเด็นออกมาด้วยพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ออร่าที่ยิ่งใหญ่ได้แผ่ออกมา พื้นที่ในระยะนับสิบกิโลเมตรกำลังสั่นสะเทือน
“ใครคืออู๋ไท่โต่ว รีบออกมารับความตายทันที!”
ชายวัยกลางคนคนนั้นได้คำรามออกมา สีหน้านั้นดุร้าย จิตสังหารก่อตัวขึ้นมาเป็นสสาร
เขานั้นก็คือฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณ เพื่อที่จะสังหารปีศาจต่างถิ่นที่ได้สังหารลูกชายของตนเองนั้น เขาจึงได้วิ่งมาจากหุบเขาแห่งนั้นอย่างไม่คิดชีวิตและมาถึงเป็นคนแรก
ตอนที่ 1187
อะไรกัน?!
รู้สึกได้ถึงออร่าที่ทรงพลังที่แผ่ออกมาและแรงกดดันของพลังอำนาจระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดที่ได้กดทับร่างกาย กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังก็สะดุ้งตกใจ เซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายของเขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับว่าชายวัยกลางคนคนนี้มีพลังอำนาจที่จะสังหารพวกเขาได้
โดยเฉพาะจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามที่แผ่ออกมานั้น อยู่เหนือพวกเขาอย่างมาก พวกเขาล่วงรู้ได้ในทันทีว่าชายวัยกลางคนคนนี้คือยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณอย่างแน่นอน ไม่สามารถที่จะประเมินความสามารถต่ำเกินไป
ทันใดนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยับยั้งอารมณ์ของตนเองไว้ ตอนนี้เป็นโอกาสทองในการลอบสังหารเซี่ยปิง ไม่สามารถที่จะพลาดท่าที่นี่ได้
“สหาย ข้าคิดว่าเจ้ามาผิดที่แล้ว ที่นี่ไม่มีใครที่มีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว” ฟางกุ่ยพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม บ่งบอกว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเดินทางมาผิดที่ ในบรรดาพวกเขานั้นไม่มีใครที่มีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว
“ข้าไม่ได้มาผิดที่ การที่ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่บอกว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เจ้านั่นก็จะต้องอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน” ฉางซื่อเซิงเผยสายตาที่เย็นชาออกมา “ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่น่ารังเกียจซึ่งออกมาจากตัวพวกเจ้า พวกเจ้าไม่ใช่คนของชนเผ่าวิญญาณ ทว่าเป็นปีศาจต่างถิ่นที่มาจากนอกจักรวาล คำพูดของบรรพบุรุษเก่าแก่ถูกต้องจริงๆ”
ในฐานะที่เป็นจ้าวสำนักวิญญาณ พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของเขานั้นอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆอย่างมาก แม้แต่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดด้วยกัน ก็ไม่สามารถที่จะเทียบกับเขาได้ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์เหนือธรรมชาติ
การที่มีพลังอำนาจทางจิตวิญญาณที่ทรงอำนาจเช่นนี้ เขาจึงมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมในการระบุถึงออร่าต่างๆ
หากอยู่ห่างไกลออกไปโดยที่กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังปกปิดตนเองนั้น บางทีฉางซื่อเซิงก็อาจจะไม่สามารถสัมผัสได้ ทว่าการที่เข้ามาใกล้ในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำการตรวจสอบอย่างละเอียดนั้น
เขาก็สามารถที่จะสัมผัสได้อย่างกะทันหันว่าทั้งเจ็ดคนนี้ไม่ใช่ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของคนเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร เหมือนกับว่าเบื้องหลังของพวกเขามีซากศพที่กองกันเป็นเนินเขา
คนเหล่านี้จะต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน มือของพวกเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของผู้คนมากมาย เป็นตัวตนของอาชญากรก็ว่าได้
สำหรับผู้คนเช่นนี้ ต่อให้จะไม่ใช่อู๋ไท่โต่ว ก็ยังคงเป็นศัตรูที่สำนักวิญญาณจะต้องกำจัด
“บรรพบุรุษเก่าแก่ที่ไหนกัน?!”
กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็สะดุ้งตกใจ พวกเขาคิดว่าตนเองนั้นได้หลบซ่อนตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งก็ระมัดระวังตลอดเวลา ไม่เคยประมาท ทว่าท้ายที่สุดแล้วใครกันที่เปิดเผยตัวตนของพวกเขา ทำให้ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณผู้นี้เพ่งเล็งพวกเขา ผู้ที่ถูกเรียกว่าบรรพบุรุษเก่าแก่นี่คือใครกัน?!
“สหาย พวกเราไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังหมายถึงอะไร ผู้ที่เจ้ากำลังตามหานั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้ามาผิดที่แล้ว” ฟางกุ่ยพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
“ท่านจ้าวสำนักฉาง ไม่จำเป็นต้องพูดจาไร้สาระอะไรกับปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่บอกให้พวกเราสังหารพวกเขาอย่างกะทันหัน ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามเสียเวลาไปกับพวกเขาเด็ดขาด” ทันใดนั้นภาพเงาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาจากระยะที่ห่างออกไป
ซู่ ซู่ ซู่!!!
ภายในไม่กี่ลมหายใจ ภาพเงานับสิบก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่บ้านหลังนี้อย่างกะทันหัน แต่ละคนนั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด พวกเขาต่างก็พุ่งตัวเข้ามาจากทุกทิศทาง ล้อมรอบสถานที่แห่งนี้ไว้ทั้งหมด
คนเหล่านี้คือยอดฝีมือของสำนักวิญญาณ ถึงแม้ว่าจะมาช้ากว่าฉางซื่อเซิงไปก้าวหนึ่ง ทว่าพวกเขาก็ได้ตามมาติดๆ ซึ่งยังคงมีผู้คนจำนวนมากที่กำลังเดินทางมาที่นี่เช่นกัน
“เวรเอ๊ย เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ทำไมถึงถูกล้อมรอบเช่นนี้?!”
กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็มีสีหน้าที่ซีดเผือด ในฐานะที่เป็นนักฆ่า มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่เป็นฝ่ายซุ่มโจมตีศัตรู ไม่เคยเป็นฝ่ายที่ถูกศัตรูซุ่มโจมตี ทว่าตอนนี้กลับถูกยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณจำนวนนับสิบๆคนล้อมรอบไว้
อีกทั้งพวกเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าระยะที่ห่างออกไปนั้นก็มีออร่าจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังถาโถมเข้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว นี่มันเป็นเพียงแค่กลุ่มผู้นำเท่านั้นที่มาถึงก่อน
ในหลายปีที่พวกเขาได้ดำเนินอาชีพนักฆ่านั้น ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน นี่มันมีความคล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่ถูกหักหลังก็ว่าได้ ในที่สุดก็ตกอยู่ในกับดักของศัตรู
แต่ปัญหาก็คือว่ากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้น ทุกๆคนต่างก็เป็นเหมือนพี่น้องแท้ๆ ยิ่งไปกว่านั้นก็เห็นพ้องต้องกันมาตลอด ไม่มีทางเกิดเรื่องหักหลังขึ้นอย่างแน่นอน อันที่จริงใครกันที่เปิดเผยที่อยู่ของพวกเขา ใครกันที่มีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว?
นี่จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีชื่อว่าอู๋ไท่โต่วอย่างแน่นอน เป็นการนำพาภัยพิบัติมาสู่บ่อปลา หากเป็นเช่นนั้น นี่ก็เป็นเรื่องที่โชคร้ายอย่างแท้จริง บนโลกมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?!
“ช้าก่อน เจ้ากำลังเข้าใจผิดบางอย่าง ที่นี่ไม่มีใครที่ชื่ออู๋ไท่โต่วจริงๆ เจ้า ต่อให้เจ้าจะต้องการล้างแค้นมากแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล อย่าเข้าใจพวกเราผิด พวกเรานั้นบริสุทธิ์” การที่ถูกจ้องมองโดยยอดฝีมือจำนวนมากนั้น ขงนั่วก็มีสีหน้าที่ซีดเผือด รู้สึกว่าชีวิตสุนัขของตนเองกำลังจะเผชิญกับจุดจบ
“ความตายใกล้มาเยือนก็ยังจะเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นที่นี่ ข้าคิดว่าคนอย่างพวกเจ้านั้น หากไม่เห็นโรงศพคงจะไม่หลั่งน้ำตา เมื่อไหร่ที่ข้าสามารถจับตัวปีศาจต่างถิ่นอย่างพวกเจ้ามาทรมานนั้น ก็คงจะล่วงรู้เองว่าใครที่มีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว”
ฉางซื่อเซิงคำรามออกมา ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ ทันใดนั้นก็เริ่มลงมือทันที พลังวิญญาณที่ผันผวนได้กระจายออกไป ครอบคลุมกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังทั้งหมดอย่างกะทันหัน
อีกทั้งไม่ใช่มีเพียงแค่ฉางซื่อเซิงเท่านั้นที่ลงมือ คนอื่นๆก็ได้เปิดฉากโจมตีออกมาเช่นกัน ไม่ไว้หน้าปราณีทั้งนั้น
“บัดซบ!”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้?!”
“อันที่จริงเจ้าอู๋ไท่โต่วนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเราเช่นนี้?!”
รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจนี้ ฟางกุ่ยและคนอื่นๆก็มีสีหน้าที่ซีดเผือด นี่มันช่างเป็นเคราะห์ร้ายที่ไม่คาดคิด อันที่จริงเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่เป็นใครกัน ทำไมถึงทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อเช่นนี้?
พวกเขารู้สึกเกลียดชังเจ้าอู๋ไท่โต่วขึ้นมาทันที หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าบัดซบนั่น เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อเช่นนี้ ถูกยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากล้อมรอบ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
ในช่วงเวลานี้กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังก็ล่วงรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามหาเหตุผลกับยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้ พวกเขาได้โจมตีออกมาด้วยพลังอำนาจที่เต็มเปี่ยมในทันที พลังเวทมนตร์ที่น่าสะพรึงกลัวได้ปะทุออกมาอย่างกะทันหัน
ตึบ ตึบ ตึบ!!!
พลังอำนาจของทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันอย่างกะทันหัน เกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้นกลางอากาศ ทั่วทั้งบ้านหลังนี้ได้ราบเป็นหน้ากลอง เศษหินถูกบดทำลายกลายเป็นผุยผง
พื้นที่ในระยะรอบๆหลายสิบกิโลเมตรเกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรง ส่งเสียงสายฟ้าฟาดดังขึ้นมา
“อั่ก!”
กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังแต่ละคนต่างก็กระอักเลือดออกมา เพราะว่าการโจมตีพลังวิญญาณของชนเผ่าวิญญาณนั้นน่าสะพรึงกลัวจริงๆ เจาะเข้าไปในจิตวิญญาณ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อจิตวิญญาณของพวกเขาอย่างกะทันหัน
ฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆก็ถูกแรงปะทะจนถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“เป็นปีศาจต่างถิ่นจริงๆ พลังอำนาจเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนของพวกเราจะมีได้”
“โชคดีที่ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลม มีวิสัยทัศน์เหมือนกับไฟฉายส่องทาง ไม่คาดคิดว่าจะสามารถค้นพบปีศาจต่างถิ่นที่แข็งแกร่งเหล่านี้ได้”
“โชคดีที่พวกเราค้นพบที่อยู่ของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้พวกเขาอาศัยอยู่ในอาณาเขตของพวกเราต่อไปเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดหายนะอย่างไรบ้าง”
“สังหารพวกเขา”
ยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากต่างก็ตะโกนออกมา ยิ่งพลังอำนาจของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังแข็งแกร่งเช่นนี้นั้น พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกเกรงกลัว การที่ยอดฝีมือที่ทรงอำนาจเช่นนี้หลบซ่อนอยู่ภายในอาณาเขตของชนเผ่าวิญญาณโดยที่ไม่มีเป้าหมายที่ชั่วร้ายนั้น พวกเขาไม่เชื่อ
ทันใดนั้นพวกเขาก็ร่วมมือกัน แต่ละคนต่างก็ผสมผสานพลังวิญญาณเข้าด้วยกัน เปลี่ยนกลายเป็นทะเลพลังวิญญาณ ก่อตัวขึ้นมาเป็นสสาร ดูปั่นป่วนแปรปรวนอย่างมาก พุ่งออกไปสู่กลุ่มของเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง
“ท่าไม่ดีแล้ว!”
กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก หากถูกการโจมตีนี้เข้าไป พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณจำนวนนับสิบๆคนที่ร่วมมือกันนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังจะสามารถต้านทานได้
“ยันต์เคลื่อนย้ายขนาดเล็ก!”
ในตอนนี้กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังได้ตะโกนออกมาเสียงดัง พวกเขาได้หยิบยันต์สีทองออกมาจากร่างกายของตนเองทันทีและไหลเวียนพลังเวทมนตร์ ทันใดนั้นยันต์สีทองก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นแสงสีทองและห่อหุ้มร่างกายของพวกเขา
วินาทีต่อมา ร่างกายของพวกเขาก็ได้หายไปจากจุดเดิมอย่างกะทันหัน เคลื่อนย้ายออกไปไกลนับร้อยกิโลเมตร
ตอนที่ 1188
“บัดซบ พวกเขาหลบหนีไปได้”
ฉางซื่อเซิงมีสีหน้าที่บิดเบี้ยว เขาสังเกตเห็นว่ากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้นได้หายไปจากจุดเดิมอย่างกะทันหัน หายไปโดยที่ไร้ร่องรอย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมพวกเขาถึงหลบหนีออกไปจากการห้อมล้อมของพวกเราได้อย่างกะทันหันเช่นนี้?”
บางคนที่รู้สึกงุนงงอย่างมาก
“นี่คือยันต์พิเศษของพวกปีศาจต่างถิ่น มีพลังอำนาจที่ไม่สามารถคาดฝันได้ สามารถที่จะหลบหนีไปจากจุดเดิมอย่างกะทันหัน มันมีพลังอำนาจของห้วงมิติอยู่ ทว่ายันต์นี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่าเช่นกัน ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนปกติธรรมดาจะมีได้”
ชายชราพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม เขานั้นได้ผ่านการต่อสู้กับปีศาจต่างถิ่นมานับครั้งไม่ถ้วน ล่วงรู้ถึงวิธีการต่างๆของฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเชน ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่าปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้จะมียันต์ที่พิเศษอยู่เช่นกัน
“ทว่าการที่ปล่อยให้พวกปีศาจต่างถิ่นหลบหนีไปได้เช่นนี้ หากพวกเรานำเรื่องนี้ไปรายงานกับท่านบรรพบุรุษเก่าแก่ นี่จะไม่ใช่เป็นความผิดที่ร้ายแรงหรือ?”
บางคนที่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง
อย่างแรกไม่ต้องพูดถึงการที่พวกเขาทำภารกิจล้มเหลว เพียงแค่การปล่อยให้ปีศาจต่างถิ่นที่ชั่วร้ายเหล่านี้หลบหนีไปได้นั้น ในอนาคตจะต้องเกิดปัญหาที่ยิ่งใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน แค่คิดพวกเขาก็สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องเป็นกังวลไป ในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองฮวายหนิงนั้นปกคลุมไปด้วยค่ายกล ผนึกฟ้าปิดกั้นพสุธา พวกเขาไม่สามารถที่จะหลบหนีไปจากเมืองฮวายหนิงได้ ตราบใดที่พวกเราทำการสำรวจหาอย่างละเอียด ไม่ช้าก็เร็วจะต้องตามหาเจ้าพวกปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นได้” จิตสังหารของฉางซื่อเซิงเดือดดาลออกมา เพื่อที่จะทำการซุ่มโจมตีและสังหารปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ให้สิ้นซากนั้น เขาจึงได้จัดเตรียมค่ายกลไว้ล่วงหน้า
“ยอดเยี่ยม!”
ผู้คนต่างก็พยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็แยกตัวกันออกไปตามหากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังเหล่านั้นทันที เมื่อใดที่พบเจอ สามารถที่จะจัดการในทันที ไม่จำเป็นที่จะต้องรอคนอื่นๆ
………….
ในช่วงเวลานี้ กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังได้เคลื่อนย้ายมาที่มุมหนึ่งของเมืองฮวายหนิง
เดิมทีพวกเขาต้องการที่จะเคลื่อนย้ายออกไปจากเมืองฮวายหนิง ทว่ากลับถูกค่ายกลของเมืองฮวายหนิงสกัดกั้นไว้ การที่พื้นที่แห่งนี้ถูกปิดกั้นไว้นั้น ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงมากลางคัน ตกลงมาสู่พื้นที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะหลบหนีออกมาอย่างรวดเร็ว ทว่าการที่เผชิญกับการโจมตีของฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆก่อนหน้านี้นั้น มันก็ส่งผลให้จิตวิญญาณของพวกเขาได้รับเสียหายอย่างหนัก สูญเสียพลังการต่อสู้ไปถึง90%
ตอนนี้พวกเขากำลังหอบหายใจกันอย่างหนัก ทั่วทั้งร่างกายมีเลือดไหลออกมา อยู่ในสภาวะที่บาดเจ็บสาหัส
“บัดซบ อันที่จริงกลุ่มของคนเหล่านั้นค้นพบพวกเราได้อย่างไรกัน? ไม่คาดคิดว่าจะถูกห้อมล้อมได้ เกือบที่จะตายด้วยน้ำมือของกลุ่มชาวพื้นเมือง นี่มันเป็นความอัปยศ เป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ อ๊าก!”
ฟางกุ่ยโมโหอย่างมาก เขาได้คำรามออกมาอย่างเสียงดัง ในฐานะที่เป็นนักฆ่านั้น ไม่คาดคิดว่าจะมีสักวันที่ตนเองถูกศัตรูห้อมล้อมโดยที่ไม่รู้ตัว นี่มันช่างเป็นความอัปยศอดสูอย่างแท้จริง
“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินกลุ่มพวกบัดซบเหล่านั้นพูดถึงบรรพบุรุษเก่าแก่สักอย่าง บอกว่าต้องการจับตัวอู๋ไท่โต่ว ดังนั้นจึงได้ห้อมล้อมพวกเรา” ขงนั่วกัดฟันพูดออกมา “อีกทั้งดูเหมือนว่าพวกเขานั้นจะไม่ได้ต้องการจับตัวพวกเราโดยเฉพาะ แต่ว่าต้องการจับตัวเจ้าอู๋ไท่โต่วนี้ เป็นการที่ได้รับข้อมูลผิดๆมา จึงได้ปรากฏขึ้นมาที่รังชั่วคราวของพวกเรา”
“บัดซบ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เป็นเหมือนกับแพะรับบาปอย่างนั้นหรือ? ช่างเป็นเคราะห์ร้ายที่ไม่คาดคิด อันที่จริงเจ้าบัดซบอู๋ไท่โต่วนี่เป็นใครกัน ข้าจะสังหารเขาในทันที”
น้องสองเหมาปู้โมโหจนกระอักเลือดออกมา แค่คิดว่าพวกเขานั้นเกือบที่จะถูกสังหารโดยชาวพื้นเมือง เขาก็เดือดระอุอย่างมาก ไม่ได้ตายไปด้วยน้ำมือของเซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่ง แต่เกือบที่จะต้องตายไปด้วยความเข้าใจผิดที่เกี่ยวโยงกับบุคคลที่มีนามว่าอู๋ไท่โต่ว
สถานการณ์ที่หดหู่เช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะอดทนอดกลั้นได้
หากก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วและหลบหนีออกมาโดยที่ใช้ยันต์เคลื่อนย้ายขนาดเล็กซึ่งได้ซื้อมาในราคาแพงนั้น บางทีพวกเขาอาจจะต้องตายไปจริงๆ
เรียกได้ว่านี่มันเป็นความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“อู๋ไท่โต่ว”
“ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด ก็อย่าให้ข้าได้พบเจอเจ้าเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้ชดใช้อย่างสมสม!” ฟางกุ่ยคำรามออกสู่ท้องฟ้า เขานั้นเกลียดชังเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่จนถึงไขกระดูกทั้งๆที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน
หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าไอ้ลูกหมานี่ที่ได้ยั่วยุยอดฝีมือของสำนักวิญญาณนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะเผชิญกับเคราะห์ร้ายเช่นนี้ เกือบที่จะถูกฆ่าตาย
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อที่จะรักษาชีวิตของตนเองนั้น พวกเขาก็ต้องใช้ยันต์ที่ล้ำค่าในการหลบหนีออกมา นี่เป็นยันต์ที่พวกเขาได้ซื้อมาด้วยราคาที่สูง มีที่ไหนที่คิดจะใช้ในสถานที่แห่งนี้
เพียงแค่ยันต์เคลื่อนย้ายขนาดเล็กนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินในจำนวนมากเท่าไหร่เพื่อที่จะซื้อมาอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเขานั้นเผชิญกับความสูญเสียที่ร้ายแรงอย่างถึงที่สุด
“โอ้ ทำไมหรือ? เจ้าต้องการที่จะทำอะไรข้าอย่างนั้นหรือ?”
วิซ ในตอนนี้เสียงได้ดังขึ้นมา ทันใดนั้นภาพเงาก็ได้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้ากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังอย่างกะทันหัน
อะไรนะ?!
ได้ยินเสียงนี้ ฟางกุ่ยและคนอื่นๆก็สะดุ้งตกใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าการที่หลบซ่อนอยู่ในสถานที่ลับแห่งนี้ จะมีคนที่ค้นพบที่อยู่ของพวกเขาอย่างรวดเร็วเช่นนี้
พวกเขาหันไปมองทันทีและเห็นถึงตัวตนของผู้ที่ปรากฏขึ้นมานี้
“เซี่ยปิง?!”
ฟางกุ่ยและคนอื่นๆต่างก็มีดวงตาที่เบิกกว้าง เพราะว่าผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าพวกเขานั้น ก็คือเป้าหมายที่พวกเขาต้องการที่จะสังหารนั่นเอง
ต่อให้ตายพวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ในตอนนี้การที่เห็นเซี่ยปิงปรากฎตัวขึ้นมานั้น ช่างเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการ ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขากลับไม่ได้รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย
เพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาจากบรรดายอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณ ต่อให้จะต้องการกำจัดเซี่ยปิงในตอนนี้นั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“นี่เจ้าหมายความว่าอะไร? เจ้าคืออู๋ไท่โต่วอย่างนั้นหรือ? นี่เจ้ารู้หรือว่าพวกเราวางแผนลอบสังหารเจ้า?”
ฟางกุ่ยและคนอื่นๆต่างก็นึกได้ถึงคำพูดที่เซี่ยปิงพูดออกมาเมื่อครู่นี้ พวกเขาต่างก็ตกตะลึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ว่าเป็นแผนการของเจ้าบัดซบนี่
แต่ปัญหาก็คือว่า ทำไมยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณถึงต้องฟังคำพูดของเจ้าเด็กนี่กัน?
อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขานั้นไม่ได้เปิดเผยตัวเอง ไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหวไปใกล้เซี่ยปิงด้วยซ้ำ ทว่าทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงล่วงรู้ว่าพวกเขาต้องการที่จะลอบสังหาร ช่างแปลกประหลาดเกินไป
“ถ้าพวกเจ้าอยากรู้ล่ะก็ ก็ลงไปถามยมราชซะ”
ดวงตาของเซี่ยปิงเปล่งประกาย เขาค้นพบตำแหน่งที่แน่นอนของฟางกุ่ยและคนอื่นๆผ่านทางระบบ จากนั้นก็เดินทางมาที่นี่โดยตรง เป้าหมายก็เพื่อถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้น มีที่ไหนที่จะต้องการพูดจาไร้สาระกับพวกเขา
คนเหล่านี้เป็นนักฆ่าที่มีวิธีการลอบสังหารมากมาย รวมถึงมีวิธีการหลบหนีที่มากมายเช่นกัน หากปล่อยให้พวกเขาได้มีโอกาสหลบหนีแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ มันจะต้องทำให้เกิดปัญหาที่ตามมาในอนาคตอย่างแน่นอน
ดังนั้น เขาจึงได้เตรียมการไว้ทั้งหมด จะต้องสังหารกลุ่มนักฆ่าเหล่านี้ให้สิ้นซาก
ทักษะหมัดดวงตะวันศักดิ์สิทธิ์!
ภายในพริบตา เซี่ยปิงก้ได้ประเคนหมัดออกไป บนอากาศมีพลังหมัดเปลวไฟปรากฏขึ้นมาเจ็ดหมัดอย่างกะทันหัน เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์เจ็ดดวงก็ว่าได้ พุ่งออกไปสู่พวกเขาทุกคน มีพลังอำนาจที่จะสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
“ม่ายย!”
กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังตะโกนเสียงดังออกมา ในฐานะผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดนั้น พวกเราสามารถที่จะต้านทานการโจมตีนี้ได้ ทว่าในตอนนี้พวกเขามีอาการบาดเจ็บสาหัส ทั่วทั้งร่างกายมีพลังอำนาจไม่ถึง10%ด้วยซ้ำ
การที่เผชิญกับทักษะหมัดนี้ของเซี่ยปิงซึ่งได้ล็อกออร่าในร่างกายของพวกเขาทุกคน
อีกทั้งการที่ไม่ได้เตรียมตัวก่อนเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะสามารถต้านทานได้
“เดี๋ยวก่อน หยุดก่อน เจ้าไม่ต้องการรู้หรือว่าใครส่งพวกเรามาลอบสังหารเจ้า?” ฟางกุ่ยและคนอื่นๆต่างก็แตกตื่นอย่างถึงที่สุด พวกเขาได้ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว หวังว่าจะสามารถใช้ความลับนี้ในการแลกเปลี่ยนกับชีวิตของตนเอง
“ไม่จำเป็น ตายไปซะ”
เซี่ยปิงประเคนหมัดออกไปโดยที่ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ปัง!
พลังหมัดที่น่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดใส่ร่างกายของนักฆ่าทั้งเจ็ดคน วินาทีต่อมา ทั่วทั้งร่างกายของพวกเขาก็ระเบิดเป็นชิ้นๆและถูกแผดเผาโดยเปลวไฟจนเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ตึบ มีเพียงแค่แหวนห้วงมิติของพวกเขาเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่
ตอนที่ 1189
ณ ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลออกไปในจักรวาล
“หืมม?!”
เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน แสงสว่างที่น่าสะพรึงกลัวส่องออกมาจากดวงตาของเขา ซึ่งเหมือนกับจะสามารถเจาะทะลวงห้วงมิติก็ว่าได้ เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าพลังอำนาจของตนเองที่ฝังอยู่ในร่างกายของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้นได้หายไป
นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงการตายของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง ไม่มีใครหลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว
“พวกขยะ ไม่คาดคิดว่าจะถูกสังหารได้!”
เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งมีสีหน้าที่มืดมนอย่างยิ่ง เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถสังหารลูกศิษย์ของเซนต์อสูรมืดได้โดยที่พึ่งพาพลังอำนาจของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง ทว่าไม่คาดคิดว่าขยะเหล่านี้จะไม่สามารถสังหารเซี่ยปิง หน้ำซ้ำพวกเขายังถูกสังหารไปเสียเอง
เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด ทว่าก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
ตอนนี้หากเขาเลือกที่จะเคลื่อนไหว จะต้องถูกเซนต์อสูรมืดค้นพบอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นเขาเกรงกลัวว่าตนเองจะถูกเซนต์อสูรมืดไล่ล่า ซึ่งสิ่งที่ได้มานั้นจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป
“บัดซบ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกชั่วคราว ทว่าครั้งหน้ามันจะไม่ง่ายดายเช่นนี้อีก” เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งเปล่งเสียงออกมาในลำคอและได้เรียกความสงบนิ่งของตนเองกลับมาอย่างรวดเร็ว
เพราะว่าการที่ได้ส่งกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังออกไปนั้น เป็นเพียงแค่การลองเชิงเบื้องต้น เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น หากประสบความสำเร็จก็ถือว่าดีไป แต่หากล้มเหลวก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอะไร
สรุปก็คือ ในโลกนี้ยังมีโอกาสอีกมากมาย ไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องมีโอกาสในการสังหารลูกศิษย์ของเซนต์อสูรมืด
คิดได้แบบนี้ เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งก็ได้หลับตาลงอีกครั้ง ทำการบ่มเพาะต่อไป ด้วยลมหายใจของเขานั้น ทั่วทั้งดาวเคราะห์เหมือนกับก่อตัวกลายเป็นหลุมวนขนาดใหญ่ หมอกและควันสีเลือดได้ห่อหุ้มทั่วทั้งดาวเคราะห์และดึงดูดพลังงานของจักรวาลเข้ามา
……………..
ในช่วงเวลานี้ ณ สำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิง
เซี่ยปิงได้สังหารกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังและได้แย่งชิงแหวนห้วงมิติของพวกเขามาทั้งหมด จากนั้นเขาก็ได้แอบกลับมาอย่างเงียบๆ กลับมาที่สำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงอีกครั้ง
ซึ่งด้วยการกระทำเช่นนี้ ไม่มีใครรู้ว่ากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้นได้ถูกเซี่ยปิงกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว
ทว่าในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองฮวายหนิงยังคงแตกตื่นกันอยู่ ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังออกสำรวจ พยายามที่จะค้นหาปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้น ทว่าน่าเสียดาย ไม่ว่าพวกเขาจะตามหาอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพบเจอทั้งเจ็ดคน
“เป็นสมบัติที่ดี”
เซี่ยปิงทำการตรวจสอบสมบัติภายในแหวนห้วงมิติเหล่านี้ ทันใดนั้นก็ค้นพบว่าข้างในมีเม็ดยาที่ช่วยในการเสริมสร้างพลังเวทมนตร์ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาห้าธาตุ เม็ดยาหยินหยางและเม็ดยาอื่นๆ ซึ่งมีเป็นจำนวนกว่าสามหมื่นเม็ด
อีกทั้งเขาก็ได้ค้นพบเม็ดยาฟื้นฟูและสมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก แต่ละชนิดนั้นไม่ได้มีมูลค่าที่น้อยเลย
“บัตรธนาคาร?! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบัตรธนาคารที่ไม่ระบุตัวตน?!”
เซี่ยปิงก็ค้นพบว่าภายในแหวนห้วงมิติของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้นมีบัตรธนาคารอยู่ ซึ่งมีทั้งหมดเจ็ดใบ
ในฐานะที่เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงนั้น พวกเขาไม่สามารถที่จะเปิดเผยสถานะของตนเองได้ เพราะว่าเมื่อใดที่ถูกเปิดเผย จะต้องเผชิญกับการไล่ล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน
พวกเขาจึงมีความระมัดระวังอย่างมาก ไม่เคยไว้ใจใคร ไม่ต้องการที่จะทิ้งข้อมูลของตนเองไว้ในที่ใดสักที่ ดังนั้นจึงได้จัดทำบัตรธนาคารที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งใช้เพื่อเก็บเงินทั้งหมดของตนเองไว้
อีกทั้งบัตรธนาคารที่ไม่ระบุตัวตนประเภทนี้ก็ไม่ได้มีรหัสผ่าน ตราบใดที่บางคนเก็บบัตรธนาคารนี้ขึ้นมา ก็สามารถที่จะไปที่ธนาคารเพื่อถอนเงินออกมาได้ทันทีโดยที่จะไม่มีใครสอบถามข้อมูลใดๆ ซึ่งผู้คนปกติธรรมดานั้นจะไม่มีทางใช้บัตรประเภทนี้เด็ดขาด
ทว่าสำหรับกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้น พวกเขามีความมั่นใจในพลังอำนาจของตนเอง คิดว่าจะไม่มีทางทำให้บัตรธนาคารนี้สูญหายอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อใดที่สูญหายนั้น มันก็เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาได้ตายไปแล้ว
ในเมื่อตายไปนั้น การที่บัตรธนาคารจะสูญหายไปหรือไม่นั้นก็คงจะไม่สำคัญอะไรอีกต่อไป
“ไม่รู้ว่าข้างในจะมีเงินจำนวนมากเท่าไหร่”
เซี่ยปิงรู้สึกสงสัยอย่างมาก เขาได้หยิบบัตรธนาคารมาในทันที ล็อกอินเข้าไปในเครือข่ายเสมือนจริงและป้อนหมายเลขบัตรเข้าไป จากนั้นก็ได้ตรวจสอบจำนวนเงินในบัตรเหล่านี้อย่างรวดเร็ว
“50ล้านเหรียญจักรวาล ไม่คาดคิดว่าบัตรธนาคารแต่ละใบจะมีเงินถึง50ล้านเหรียญจักรวาล การมีอาชีพเป็นนักฆ่านี่ช่างมีรายได้ที่ดีจริงๆ” เซี่ยปิงกล่าวชมออกมา ไม่คาดคิดว่าบัตรธนาคารเหล่านี้จะมีเงินเป็นจำนวนมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ได้สังหารเป้าหมายไปมากแค่ไหนถึงได้รับเงินในจำนวนที่มากขนาดนี้ได้
เงินของทั้งเจ็ดคนที่รวมกันนั้น เป็นเงินทั้งหมด350ล้านเหรียญจักรวาล นี่มันเป็นเงินก้อนใหญ่จริงๆ
แม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ปกติทั่วไปนั้นก็ไม่ได้เงินที่มากมายเหมือนกับกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังเหล่านี้ เรียกได้ว่าพวกเขานั้นก็เป็นกลุ่มนักฆ่าที่มั่งคั่งทีเดียว
“เดี๋ยวก่อน เหมือนกับมีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณอยู่?!”
เซี่ยปิงทำการค้นหาสมบัติในแหวนห้วงมิติต่อไป ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบถึงสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ภายในแหวนห้วงมิติของฟางกุ่ยทันที มันมีออร่าที่ทรงอำนาจแผ่ออกมา ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณนั่นเอง
เห็นเพียงแค่สิ่งประดิษฐ์วิญญาณนี้อยู่ในรูปร่างของมนุษย์ เหมือนกับเป็นหุ่นเชิดก็ว่าได้ เหมือนกับก่อตัวขึ้นมาจากของเหลว มีความคล้ายคลึงกับหุ่นยนต์ของเหลวอย่างมาก บนตัวของมันก็มีอักขระที่ซับซ้อนและลึกลับจารึกไว้อยู่ ดูลึกลับและเป็นปริศนาอย่างมาก
“นี่มันคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณอะไรกัน?”
เซี่ยปิงรู้สึกสงสัยอย่างมาก เขาได้ทำการค้นหาในแหวนห้วงมิติต่อไป ทันใดนั้นก็ได้เห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ฟางกุ่ยได้เก็บเอาไว้ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้มีข้อมูลของหุ่นเชิดนี่อยู่ :มันถูกเรียกว่าหุ่นเชิดอนันต์
หุ่นเชิดอนันต์นี้เป็นสมบัติที่ฟางกุ่ยได้รับมาจากซากปรักหักพังโบราณสักแห่งภายในจักรวาล ว่ากันว่าเป็นสมบัติพิเศษที่หลงเหลือมาจากนิกายหุ่นเชิดที่โด่งดังในยุคสมัยโบราณ
เมื่อนานมาแล้ว นิกายหุ่นเชิดนั้นได้สร้างหุ่นเชิดขึ้นมา พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ประเภทนี้ หุ่นเชิดแต่ละตัวที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นทรงอำนาจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นอกจากนี้ก็ยังได้ดำเนินสายการผลิตเช่นกัน สร้างหุ่นเชิดที่ทรงอำนาจขึ้นมาจำนวนนับพันล้านตัว
ว่ากันว่าพวกเขานั้นก็ได้สร้างหุ่นเชิดบางตัวที่สามารถต่อกรกับผู้บ่มเพาะในระดับเซนต์ได้เช่นกัน ในช่วงเวลานั้นนิกายของพวกเขาเป็นที่รู้จักกันดีภายในจักรวาล ถือว่าเป็นนิกายที่ไร้เทียมทาน
ทว่านิกายที่ทรงอำนาจนี้ก็ได้สูญสลายไป ถูกทำลายไปโดยนิกายที่ทรงอำนาจอื่นๆ ถอนรากถอนโคนไปจนหมดสิ้น หลงเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพังโบราณที่กระจายอยู่ตามมุมต่างๆของจักรวาล
ซึ่งเมื่อฟางกุ่ยบังเอิญเข้าไปในหนึ่งของซากปรักหักพังโบราณนั้น เขาก็ได้ครอบครองหุ่นเชิดอนันต์นี่มา ซึ่งอย่างน้อยก็อยู่ในระดับของสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นกลาง
เมื่อใดที่ใช้หุ่นเชิดอนันต์นี่ ตราบใดที่ผู้ใช้มีพลังเวทมนตร์ที่ทรงอำนาจมากพอ จากนั้นก็จะสามารถแยกร่างทหารหุ่นเชิดออกมาได้ พวกมันจะมีพลังการต่อสู้เป็นครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ เป็นเหมือนกับกองทหารก็ว่าได้ สามารถช่วยเหลือตนเองในการต่อสู้
อีกทั้งต่อให้ผู้ใช้จะอยู่ห่างออกไปนับหลายร้อยกิโลเมตร ก็ยังสามารถควบคุมหุ่นเชิดเหล่านี้ในการต่อสู้จากระยะไกลได้
ด้วยการที่ฟางกุ่ยมีหุ่นเชิดอนันต์นี้ เขาจึงกลายเป็นหัวหน้าของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง มีทหารหุ่นเชิดจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งมีคุณสมบัติของความเป็นอมตะเช่นกัน
หากเจ้าของไม่ตายไปและตราบใดที่ยังสามารถใช้พลังเวทมนตร์ได้ หุ่นเชิดนี่ก็จะสามารถเกิดใหม่ขึ้นมาได้เรื่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติได้ตลอดเวลา
หากตกอยู่ในการห้อมล้อมของกองทัพหุ่นเชิดและไม่สามารถที่จะฝ่าออกไปได้ ศัตรูก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือหุ่นเชิดอนันต์นี้สามารถที่จะพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นตามพลังอำนาจของผู้ใช้ได้เช่นกัน มีศักยภาพในการพัฒนาที่สูงมาก
แม้แต่ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดของนิกายหุ่นเชิดนั้น หุ่นเชิดอนันต์นี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่ล้ำค่าอย่างมาก
“เป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
เซี่ยปิงมีความสุขอย่างมาก เขาได้หลั่งไหลพลังเวทมนตร์เข้าไปทันทีและทำการผสมผสานเข้ากับหุ่นเชิดอนันต์นี้
ดิ้ง!
ในตอนนี้ดวงตาทั้งสองของหุ่นเชิดอนันต์ได้ส่องแสงสีน้ำเงินออกมาพร้อมกับมีเสียงเครื่องจักรดังขึ้นมา “ฟางกุ่ยเจ้าของเก่าได้ตายไปแล้ว อยู่ในสถานะที่ไร้เจ้าของ ยอมรับข้อมูลของเจ้าของใหม่ในตอนนี้”
“ทำการสแกน เจ้าของใหม่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นยิ่งกว่าเจ้าของเก่า ตรงตามเงื่อนไขของการอนุมัติ”
“ขั้นตอนการยอมรับเสร็จสมบูรณ์ ขอให้เจ้าของใหม่ตั้งชื่อให้กับข้า”
เซี่ยปิงรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนเองได้เชื่อมต่อกับหุ่นเชิดอนันต์นี้ทันที ล่วงรู้ว่าตนเองได้รวมเป็นหนึ่งกับสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นกลางนี้ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหุ่นเชิดอนันต์ เขาก็ได้เอามือเท้าคางครู่หนึ่งก่อนพูดออกมา “หลังจากนี้เจ้าจะมีชื่อว่าอนันต์”
“การตั้งชื่อประสบความสำเร็จ”
หุ่นเชิดอนันต์มีสีหน้าที่ไร้อารมณ์และไร้ความรู้สึก พูดออกมาเหมือนกับเป็นเครื่องจักร
ตอนที่ 1190
“เป็นหุ่นเชิดที่ร้ายกาจจริงๆ!”
หลังจากที่ได้ทำการประทับตราวิญญาณกับหุ่นเชิด เซี่ยปิงก็เข้าใจถึงวิธีการใช้งานสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นกลางนี่อย่างชัดเจน ล่วงรู้ว่าการที่หุ่นเชิดอนันต์นี้จะทรงพลังมากแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับพลังอำนาจของผู้ใช้ทั้งหมด
ด้วยพลังเวทมนตร์ของเขาในตอนนี้นั้น สามารถที่จะทำให้หุ่นเชิดอนันต์แยกร่างโคลนออกมานับหมื่นร่างได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นทหารหุ่นเชิดที่เป็นอมตะ เพียงพอที่จะเข้ายึดครองเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่งได้
เนื่องจากหุ่นเชิดอนันต์นี้มีวัสดุที่พิเศษ จึงสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้หลายพันรูปแบบ สามารถที่จะเปลี่ยนกลายเป็นรูปร่างต่างๆได้
เดิมที ฟางกุ่ยก็ใช้หุ่นเชิดอนันต์นี้ในการเปลี่ยนกลายเป็นรูปลักษณ์ของตนเองและให้ออกไปทำภารกิจลอบสังหาร ทว่าเขานั้นก็คอยควบคุมอยู่ในระยะไกล หากเป็นเช่นนี้ เขาก็จะมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
ดังนั้นภารกิจในการลอบสังหารของเขาจึงมีอัตราการสำเร็จถึง100% เป็นที่นับถือว่าคือนักฆ่าที่ไม่เคยล้มเหลว ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของเขา นี่ก็ทำให้มูลค่าในการจ้างวานเขาสูงขึ้นเช่นกัน
อีกทั้งเขาก็ยังใช้หุ่นเชิดอนันต์นี่เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตัวเขาเอง หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้จะมีศัตรูที่ลอบโจมตีเข้ามา ก็จะกำจัดร่างโคลนของหุ่นเชิดอนันต์ไปเพียงเท่านั้น ร่างหลักของเขายังคงไร้รอยขีดข่วน
ทว่าเป็นเพราะว่าฟางกุ่ยนั้นพึ่งพาหุ่นเชิดอนันต์นี่มากเกินไปและคอยควบคุมอยู่ในระยะไกลนั้น เมื่อใดที่ร่างหลักของเขาตกอยู่ในอันตรายนั้น เขาจึงไม่สามารถปกป้องตนเองได้
มันดูเหมือนว่าในเวลานั้น เขาก็ไม่คาดคิดว่ากลุ่มของตนเองจะถูกซุ่มโจมตีเช่นกัน ดังนั้นจึงประมาทไปชั่วขณะ ทำให้เผชิญกับหายนะ
อีกทั้งเซี่ยปิงก็ได้เดินเข้ามาโดยตรงและสังหารเขาไปโดยที่ไม่ทันได้นำหุ่นเชิดอนันต์ออกมาด้วยซ้ำ ช่างเป็นการตายที่ไม่ยุติธรรมจริงๆ
“เอาล่ะ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางไปที่สำนักวิญญาณสาขาหลัก”
เซี่ยปิงได้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างไป
ในเมื่อจัดการปัญหาของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังได้นั้น ก็ไม่มีใครที่จะขัดขวางเขาในการไปที่สำนักวิญญาณสาขาหลักอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้สำนักวิญญาณสาขาหลักก็อยู่ในสภาวะที่ไร้การป้องกันที่สุด ยอดฝีมือจำนวนมากได้เดินทางออกไป ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสทองในการที่จะแอบลักลอบเข้าไปข้างใน
หากพลาดโอกาสนี้ไป ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่
………..
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง การเทเลพอร์ตของสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงก็ได้เริ่มต้นขึ้น
วินาทีต่อมา เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนก็ได้ปรากฏตัวมาที่สำนักวิญญาณสาขาหลัก
หลิวหยูหลานก็ได้ติดตามมา เพราะว่าเซี่ยปิงนั้นไม่ได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลของสำนักวิญญาณสาขาหลักนี่มากนัก การที่มีความช่วยเหลือของหลิวหยูหลานอยู่นั้น จะสามารถช่วยให้เขาเข้าไปในสถานที่ต่างๆของสำนักวิญญาณสาขาหลักได้อย่างง่ายดาย
“มาที่นี่แล้วจริงๆ”
ดวงตาที่งดงามของหลิวหยูหลานเผยให้เห็นถึงความสับสน เธอไม่คาดคิดว่าตนเองจะมีโอกาสได้กลับมายังสำนักวิญญาณสาขาหลักอีกครั้ง เธอจำจดได้ว่าครั้งล่าสุดที่ได้มานั้นเป็นครั้งที่เธอได้รับการสืบทอดทักษะลับมาจากสำนักวิญญาณ หลังจากตอนนั้นเธอก็ไม่ได้มีโอกาสมาที่นี่อีกเลย
อีกทั้งตอนนี้เธอก็ไม่ได้มาเพียงคนเดียวเท่านั้น ทว่านำพาปีศาจต่างถิ่นมาเช่นกัน หากถูกค้นพบโดยยอดฝีมือของสำนักวิญญาณล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่ใหญ่ขนาดไหน
คาดการณ์ได้ว่าทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณจะต้องสั่นสะเทือน
อีกทั้งตอนนี้เธอก็ได้ร่วมหัวจมท้ายกับเซี่ยปิง ยากที่จะถอนตัวออกจากเสือ ต่อให้จะต้องการล่าถอยออกไปก็เป็นไปไม่ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเธอนั้นถูกจั่วฮาวใส่ร้ายว่าร่วมมือกันปีศาจต่างถิ่น นี่เป็นความผิดที่ร้ายแรงซึ่งทำให้ตระกูลของเธอถูกฆ่าล้างไป ในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นไม่มีที่ให้เธอได้อยู่อีกต่อไป ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ติดตามเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่มาเท่านั้น
“ที่นี่คือสำนักวิญญาณสาขาหลักหรือ?”
เซี่ยปิงเงยหน้ามองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็เห็นว่าตนเองอยู่ในห้องโถงหลัก รอบๆนั้นมีจุดเทเลพอร์ตมากมาย จะมีแสงกระพริบขึ้นมาเป็นครั้งคราว ภาพเงาแต่ละเงาได้ออกมาจากจุดเทเลพอร์ต
คนเหล่านี้ก็คือผู้คนที่ได้เดินทางมาจากส่วนต่างๆของทวีปโลหิตวิญญาณ พวกเขามาถึงที่สำนักวิญญาณสาขาหลักนี้ด้วยเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป
จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้แผ่ออกไป รู้สึกได้ว่าตึกขนาดใหญ่นี้ซ่อนออร่าที่ทรงพลังไว้มากมาย แม้ว่าข่าวของเซนต์โลหิตวิญญาณจะทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากเดินทางออกไปนั้น ทว่าสถานที่ศูนย์กลางของทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้นั้นก็ยังคงมีพลังป้องกันที่อยู่ในขั้นที่ไม่สามารถคาดฝันได้
ทั่วทั้งตึกขนาดใหญ่นี้มีการติดตั้งค่ายกลระดับสุดยอดอยู่ ส่วนลึกของความว่างเปล่าเหมือนกับเป็นว่ามีออร่าของกฎบางอย่าง เป็นเหมือนกับห่วงโซ่ของกฎ ทำให้ตกลงไปสู่ความว่างเปล่า
หากค่ายกลของสถานที่แห่งนี้เริ่มต้นทำงาน จะสามารถตรวจสอบศัตรูที่อยู่ภายในและจะทำให้ศัตรูนั้นตายไปโดยที่ไร้ซากศพอย่างกะทันหัน
“สำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นจะแยกออกเป็นตำหนักมากมาย อย่างเช่นตำหนักสมบัติ ตำหนักวิทยายุทธ ตำหนักสืบทอด ตำหนักกลั่นกรองเม็ดยาและตำหนักอื่นๆ ซึ่งครั้งนี้พวกเราจะต้องเข้าไปที่ตำหนักสืบทอด”
หลิวหยูหลานได้ถ่ายทอดข้อความไปสู่เซี่ยปิงอย่างลับๆ “ตำหนักสืบทอดนั้นมีศิลาจารึกอยู่ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของเซนต์โลหิตวิญญาณ มีทักษะลับระดับสุดยอดมากมายของชนเผ่าวิญญาณ”
“แต่ไม่ว่าจะต้องการครอบครองทักษะลับอะไรมานั้น ก็ขึ้นอยู่กับโชคดวงเพียงเท่านั้น”
“เพราะว่ากันว่าศิลาจารึกนี้นั้นเป็นสมบัติระดับสุดยอด มันมีพลังอำนาจในการตรวจสอบพรสวรรค์ของลูกศิษย์ สามารถที่จะมอบทักษะลับที่เหมาะสมกับผู้สืบทอดได้อย่างอัตโนมัติ”
“โดยปกติแล้วตำหนักสืบทอดนั้นจะไม่ได้เปิดให้เข้าไปในทุกวัน ทว่าทุกๆสามปีจะเปิดขึ้นมาหนึ่งครั้ง ให้เหล่าอัจฉริยะที่อยู่ตามภูมิภาคต่างๆของทวีปโลหิตวิญญาณได้เข้าไปรับการสืบทอด ซึ่งวันนี้ก็ไม่ใช่วันที่ตำหนักสืบทอดจะเปิดขึ้นเช่นกัน”
‘’ดังนั้น ตำนักวิญญาณจึงมีการคุ้มกันที่เข้มงวดอย่างมาก การที่ต้องการเข้าไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่าย”
เธอคิดว่าการที่ต้องการรับสืบทอดทักษะลับของสำนักวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้ในตอนนี้ยอดฝีมือส่วนใหญ่ของสำนักวิญญาณจะเดินทางออกไป ทว่าก็ยังคงมีส่วนน้อยที่คุ้มกันที่นี่อยู่
ผู้คุ้มกันเหล่านี้ก็ควบคุมค่ายกลของสำนักวิญญาณอยู่ ซึ่งสามารถที่จะบดขยี้ผู้บุกรุกที่เข้ามาในสำนักวิญญาณสาขาหลักได้ในทันที
“ตำหนักสมบัติ? ข้างในมีสมบัติอะไรอยู่หรือ?”
เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกายทันที
“อย่าแม้แต่จะคิด ตำหนักสมบัตินั้นมีการคุ้มกันที่แน่นหนายิ่งกว่าตำหนักสืบทอดกว่าร้อยเท่า เรียกได้ว่าเป็นกองทัพที่คุ้มกันอยู่ หากมีแม้แต่ใครคนเดียวที่ค้นพบพวกเราล่ะก็ พวกเราจะต้องตายอย่างแน่นอน” หลิวหยูหลานมองไปที่เจ้าโจรบัดซบนี่ด้วยสีหน้าที่ไม่สบอามรณ์ เป็นปีศาจต่างถิ่นจริงๆ เมื่อได้ยินคำว่าสมบัติ ก็มีสายตาที่ส่องแสงเหมือนกับดวงอาทิตย์ทันที
“น่าเสียดายจริงๆ”
เซี่ยปิงรู้สึกเสียดายอย่างมาก ทว่าเทียบกับสมบัติจำนวนมากนั้น ทักษะลับของสำนักวิญญาณนั้นมีความสำคัญกว่ามาก เพราะว่าถึงอย่างไรหากสามารถที่จะครอบครองทักษะพลังวิญญาณที่ทรงอำนาจมาได้ ในอนาคตก็จะสามารถค้นหาสมบัติมาได้อีกมากมาย
ภายในจักรวาลนั้น ความแข็งแกร่งคือสิ่งที่สำคัญที่สุด สมบัติเหล่านี้เป็นเพียงแค่สิ่งของนอกกายเท่านั้น
เพื่อที่จะได้สมบัติบางอย่างมา ทว่าต้องแลกด้วยการทำลายแผนการในการลักลอบเข้ามาในสำนักวิญญาณครั้งนี้นั้น สิ่งที่ได้รับมานั้นจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป
“มากับข้า”
หลิวหยูหลานได้พาเซี่ยปิงออกไปจากจุดเทเลพอร์ตแห่งนี้และลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณสาขาหลักอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็ได้เดินเปลี่ยนทิศทางอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การนำทางของหลิวหยูหลานนั้น เธอก็ล่วงรู้ถึงเส้นทางที่ถูกต้อง เธอได้นำพาเซี่ยปิงหลีกเลี่ยงผู้คุ้มกันจำนวนนับไม่ถ้วนจนในที่สุดมาถึงที่ราชวังสีดำแห่งหนึ่ง
ทว่าข้างบนราชวังนี้นั้นมีป้ายขนาดใหญ่ที่ติดไว้อยู่ เขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ไว้ว่า:ตำหนักสืบทอด เหมือนกับว่ามีการประทับตราวิญญาณอยู่เช่นกัน ทำให้ผู้คนไม่สามารถที่จะมองเข้าไปตรงๆได้
สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นพื้นที่หวงห้าม รอบๆนั้นมีการติดตั้งค่ายกลยับยั้งที่ทรงอำนาจอยู่ ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ทว่าในตอนนี้ทางเข้าของราชวังนั้นเหมือนกับว่าจะไม่มีผู้คุ้มกันอยู่
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงไม่มีใครคุ้มกันสถานที่แห่งนี้?”
หลิวหยูหลานรู้สึกสงสัยอย่างมาก ดวงตาที่งดงามของเธอกระพริบอย่างต่อเนื่อง
“ง่ายมาก ข้างในตำหนักสืบทอดนั้นมียอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดอยู่5-6คน ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรับการสืบทอดจากศิลาจารึกอยู่” ผ่านระบบการตรวจจับของแมวนักปราชญ์ เซี่ยปิงก็ล่วงรู้ได้อย่างกะทันหันว่าข้างในตำหนักสืบทอดนั้นมียอดฝีมือหลายคนปรากฏตัวอยู่
ตอนที่ 1191
“มีผู้อาวุโสระดับกายาศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือ?! นี่พวกเขากำลังทำอะไรกัน?”
หลิวหยูหลานตกตะลึง ในช่วงเวลาปกตินั้นตำหนักสืบทอดจะมีทหารยอดฝีมือในระดับสมปรารถนาที่คุ้มกันอยู่ ผู้อาวุโสในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นจะไม่ปรากฏตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้
เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณแต่ละคนล้วนครอบครองทักษะลับที่ทรงอำนาจมาจากศิลาจารึกแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาที่นี่อีก
ทว่าหากข้างในตำหนักสืบทอดมีผู้อาวุโสระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวอยู่หลายคนจริงๆล่ะก็ จากนั้นแผนการของพวกเธอในครั้งนี้ก็คงจะล้มเหลว เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วเมื่อใดที่ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณไหวตัวขึ้นมา พวกเธอก็จะไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้
“ไม่เป็นไร ข้าสามารถที่จะจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย”
เซี่ยปิงตบหน้าอกของตนเอง บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่ปัญหา
“สามารถที่จะจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย? อย่ามาตลกที่นี่ นี่คือยอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เจ้าจะมีพลังอำนาจในการเอาชนะยอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ทว่าเจ้าสามารถรับประกันได้หรือว่ามันจะไม่เกิดเสียงดังขึ้นมาแม้แต่เล็กน้อย?”
หลิวหยูหลานพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ในตอนนี้พวกเรานั้นอยู่ในรังของศัตรู เพียงแค่สัญญาณของปัญหาแม้แต่น้อย ก็จะทำให้ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางในทันที”
“เมื่อถึงเวลานั้น ทั่วทั้งสำนักวิญญาณสาขาหลักก็จะกลายเป็นศัตรูของพวกเรา”
เธอคิดว่าการที่ข้างในตำหนักสืบทอดมียอดฝีมืออยู่หลายคนนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือกำลังเสริมที่จะตามมา นี่คือภัยอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต ไม่สามารถที่จะทำอะไรสิ้นคิดได้
“ไม่มีปัญหา การที่ต้องการจะจัดการกับพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก”
เซี่ยปิงหรี่ตามอง เขาได้ก้าวเข้าไปที่ตำหนักสืบทอดและเคาะประตูโดยตรง
ทันใดนั้นหน้าประตูของตำหนักสืบทอดก็มีเสียง ก๊อก ก๊อก ดังขึ้นมา
“เจ้าคนเสียสตินี่!”
หลิวหยูหลานปรารถนาที่จะจับตัวเซี่ยปิงมาอัดอย่างป่าเถื่อนทันที แม้แต่การรนหาที่ตายก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าจะเคาะประตูอย่างโง่เขลาเช่นนี้ นี่มันไม่ใช่เป็นการทำให้ศัตรูค้นพบตนเองหรือ?
พวกเธอได้เดินทางมาที่นี่เพื่อที่จะปล้นชิงทักษะลับของสำนักวิญญาณ ควรที่จะหลบซ่อนตำแหน่งของตนเองถึงจะถูก ไม่คาดคิดว่าจะมีมารยาทขึ้นมาในตอนนี้ เคาะประตูก่อนเข้าไป เกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะไม่รู้ เจ้าปีศาจต่างถิ่นที่โง่เขลานี่ ท้ายที่สุดแล้วมีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรกัน?
“ใครกัน ใครกันที่เคาะประตูอยู่ข้างนอก ไม่รู้หรือว่าพวกเราผู้อาวุโสกำลังทำการสืบทอดทักษะลับของศิลาจารึกอยู่? หากขัดจังหวะการตระหนักรู้ของพวกเราและส่งผลให้จิตวิญญาณของพวกเราเสียหายนั้น เจ้าจะสามารถรับผิดชอบเรื่องนี้ได้หรือไม่?!”
ประตูหน้าของตำหนักสืบทอดได้เปิดขึ้นมาทันที ชายชราที่สวมใส่ชุดคลุมสีเทาได้วิ่งออกมาอย่างโมโห เคราของเขาชี้ตั้งขึ้น สีหน้านั้นโมโหอย่างมาก เหมือนกับปรารถนาที่จะอัดผู้ที่เคาะประตูนี้อย่างป่าเถื่อน
ซู่ ซู่ ซู่!!!
เดิมทีชายชราระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จำนวน5-6คนที่กำลังหลับตาและพยายามสืบทอดทักษะลับอยู่นั้นก็ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน หันมามองด้วยสีหน้าที่โมโห มองไปที่ประตู ดูเดือดระอุอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าตนเองได้สั่งการไม่ให้ใครเข้ามารบกวนในเวลานี้อย่างแน่นอน
ทว่ากลับมีใครบางคนที่ขัดคำสั่งของพวกเขา เข้ามาสร้างปัญหาที่ตำหนักสืบทอดแห่งนี้ นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?
โชคดีที่พวกเขานั้นเพิ่งเริ่มต้นการทำความเข้าใจทักษะลับของศิลาจารึกนี้ หากเข้าไปสู่การรับรู้ที่ลึกซึ้งและสะดุ้งขึ้นมาเช่นนี้ล่ะก็ บางทีอาจจะทำให้พวกเขาตกใจสะดุ้งขึ้นจนหัวใจวายขึ้นไปสู่สวรรค์ก็เป็นได้
เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้พวกเขาโมโหมากเพียงใด
“ท่านผู้อาวุโส ขออภัยด้วย ข้าเพิ่งมาใหม่ ต้องการที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนตำหนักสืบทอด ข้าต้องขอโทษจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะเข้ามารบกวนพวกท่าน” เซี่ยปิงพูดออกมาพร้อมกับจับมือของหลิวหยูหลานขึ้นมาเช่นกัน ทำเหมือนกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของตนเอง ก้าวเข้าไปในตำหนักสืบทอดโดยตรง
“หึหึ นี่คือตำหนักสืบทอดของสำนักวิญญาณที่โด่งดังอย่างนั้นหรือ ดูไม่เหมือนกับที่จินตนาการไว้ บ้านของข้ายังมีขนาดที่ใหญ่กว่านี้อีก การตกแต่งของที่นี่ก็ไม่ได้ดูสละสลวย ไม่ได้ดูโดดเด่นและเฉิดฉาย ไม่สง่างามแม้แต่น้อย”
เขากำลังวิพากษ์วิจารณ์สถานที่แห่งนี้
พูดตามตรง ตำหนักสืบทอดนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่ เป็นเพียงแค่ห้องโถงห้องหนึ่ง รอบๆนั้นว่างเปล่า มีเพียงแค่ศิลาจารึกขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางของตำหนักสืบทอดแห่งนี้
บนศิลาจารึกนั้นก็มีอักขระโบราณนับไม่ถ้วนที่ถูกจารึกไว้ เหมือนกับว่ามีปริศนาของจักรวาลอยู่ เส้นลวดลายกระพริบแสงอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าเป็นทางช้างเผือกของจักรวาลก็ว่าได้ เหมือนกับว่าซ่อนความลับของจักรวาลไว้อยู่ ดูล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้
เข้ามาเยี่ยมเยียน?!
สีหน้าที่โมโหของผู้อาวุโสสำนักวิญญาณเหล่านี้เปลี่ยนกลายเป็นสีหน้าที่ซีดเผือดทันที นี่มันเจ้าลูกผู้ดีมีเงินจากไหนกัน เห็นตำหนักสืบทอดของสำนักวิญญาณเป็นที่ไหนกัน ต้องการที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนก็เข้ามาเยี่ยมเยียนอย่างนั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดจาดูถูกเหยียดหยามบอกว่าตำหนักสืบทอดไม่ได้ดูสละสลวย อีกทั้งยังบอกว่าไม่ใหญ่เท่ากับบ้านของตนเอง
บัดซบ สิ่งที่สำคัญที่สุดของตำหนักสืบทอดนั้นก็คือศิลาจารึก นี่คือรากฐานของพลังอำนาจ เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดมรดกของสำนักวิญญาณมานานนับหมื่นปี ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการตกแต่งของสถานที่แห่งนี้แม้แต่น้อย
อีกทั้งการที่เข้ามาเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้ก็ได้นำผู้หญิงมาข้างกายเช่นกัน เดินเข้ามาอย่างไร้มารยาท ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าพวกเขาผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณจะอนุญาตหรือไม่
มองดูท่าทางของเจ้าบัดซบนี่ ดูเหมือนจะเห็นสำนักวิญญาณเป็นบ้านของตนเองก็ว่าได้ นำพาผู้หญิงของตนเองเข้ามาเที่ยวเล่น ไม่ได้มีความเคารพนับถือต่อสถานที่สำคัญของสำนักวิญญาณแม้แต่น้อย
บางทีหากพวกเขาไม่ถือสาล่ะก็ เจ้านี่ก็อาจจะต้องการเข้ามาร่วมรักกับผู้หญิงในสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้
“เจ้าบัดซบ ใครกันที่บอกเจ้าว่าสำนักวิญญาณเป็นสถานที่ที่เจ้าจะสามารถเข้ามาเที่ยวเล่นได้ ไอ้บัดซบไหนกันที่อนุญาตให้เจ้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ล่วงรู้หรือไม่ว่าการที่จะบุกรุกเข้ามาในตำหนักสืบทอดนั้นเป็นความผิดที่ร้ายแรง มีโทษจำคุกนานหลายร้อยปีหรืออาจถึงขั้นถูกประหารชีวิตในทันที!”
ชายชราที่สวมชุดคลุมสีเทาจ้องมองเซี่ยปิงอย่างโมโห
ชายชราคนอื่นๆก็โมโหอย่างมากเช่นกัน มีสีหน้าที่มืดมน เพราะว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป การกระทำของเซี่ยปิงนั้นดูเปิดเผยและไม่เกรงกลัวอย่างถึงที่สุด นอกจากนี้การที่สำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นก็ไม่ได้ต้อนรับผู้บุกรุกมานานหลายพันปีนั้น พวกเขาจึงไม่คาดคิดว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเองในตอนนี้นั้นจะเป็นปีศาจต่างถิ่นได้
“มีความผิดร้ายแรงถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ทว่าข้าก็มีคนหนุนหลังอยู่”
เซี่ยปิงบ่งบอกว่าตนเองมีภูมิหลังที่ล้ำลึก
เป็นลูกผู้ดีมีเงินจริงๆ!
เห็นเจ้านี่ที่แสดงท่าทางที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ ชายชราชุดคลุมสีเทาและคนอื่นๆก็โมโหจนปอดเกือบที่จะระเบิดออกมา ใครกันในสำนักวิญญาณสาขาหลักที่ไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่การปาก้อนหินออกไปอย่างมั่วซุ่มนั้น ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณหรือว่าผู้สืบทอดโดยตรงของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ทุกๆคนต่างก็มีสถานะที่สูงส่ง
สำหรับเจ้าเด็กนี่ที่ต้องการจะแสดงความยโสโอหังออกมาต่อหน้าพวกเขาผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณนั้น มั่นใจเพราะว่าตนเองมีคนหนุนหลังอยู่นั้น ช่างเป็นการกระทำที่บ้าระห่ำยิ่งนัก
คาดการณ์ได้ว่าชายคนนี้คงจะคุ้นชินกับการใช้อำนาจของตระกูลในการข่มเหงผู้อื่น มาถึงที่สำนักวิญญาณสาขาหลักก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง อีกทั้งยังคิดว่าสำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นจะปล่อยให้เขาได้ทำอะไรตามอำเภอใจ
“มีผู้หนุนหลังตูดข้าสิ ข้าอยากจะรู้เหมือนกับว่าไอ้บัดซบที่ไหนกันที่หนุนหลังเจ้าอยู่ถึงได้ทำให้เจ้าแสดงความหยิ่งผยองออกมาเช่นนี้ คิดว่าสามารถฝ่าฝืนกฎของสำนักวิญญาณโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อให้เจ้าจะเป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ วันนี้เจ้าก็จะต้องได้รับการลงโทษ ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้”
ชายชราชุดคลุมสีเทาและคนอื่นๆต่างก็ระเบิดอารมณ์ออกมา พวกเขาตัดสินใจที่จะลงโทษเจ้าลูกผู้ดีมีเงินนี่อย่างสาสม ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆก็อาจจะทำตามพฤติกรรมของเจ้านี่ได้ ซึ่งจากนั้นกฎระเบียบของสำนักวิญญาณจะมีความศักดิ์สิทธิ์อะไรอีก
ในตอนนี้เซี่ยปิงก็ได้ลงมืออย่างกะทันหัน นำขวดแก้วออกมาจากแหวนห้วงมิติและโยนลงไปที่พื้น
ทันใดนั้นก็มีหมอกสีแดงกลุ่มหนึ่งที่ลอยออกมาจากขวดแก้วที่แตกทันที กระจายออกไปทั่วทั้งตำหนักสืบทอดอย่างรวดเร็ว
ทว่าหมอกสีแดงเหล่านี้ ก็คือพิษสลายพลังงานที่เซี่ยปิงได้รับมาจากเฉินเหว่ยนั่นเอง พิษนี้มีผลในการสลายพลังงานของร่างกายมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นก็สามารถที่จะออกฤทธิ์ได้อย่างกะทันหัน
อะไรกัน?!
ชายชราชุดสีเทาและคนอื่นๆต่างก็สะดุ้งตกใจ ไม่คาดคิดว่าเจ้าลูกผู้ดีมีเงินนี่จะกล้าทำเช่นนี้ โยนขวดแก้วในตำหนักสืบทอดแห่งนี้อย่างไม่คาดคิด ทว่าเมื่อพวกเขาค้นพบหมอกสีแดงที่กระจายไปรอบๆตำหนักสืบทอดแห่งนี้ ร่างกายของพวกเขาก็ได้สูดพิษสลายพลังงานเข้าไปแล้ว
ตอนที่ 1192
“ท่าไม่ดีแล้ว! นี่มันคือหมอกพิษ อย่าสูดดมเข้าไปเด็ดขาด”
ชายชราชุดคลุมสีเทาและคนอื่นๆต่างก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ทันทีว่าตนเองได้สูดดมหมอกพิษเข้าไป พลังอำนาจกำลังหายไปจากร่างกายอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าพลังเวทมนตร์ที่ได้บ่มเพาะมานานหลายปีกำลังจะหายไปก็ว่าได้
ความผิดปกติเช่นนี้ทำให้พวกเขาแตกตื่นกันอย่างมาก
ในฐานะที่เป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น พวกเขาคุ้นชินกับพลังอำนาจที่สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาและแหวกว่ายน้ำทะเล ทว่าในช่วงเวลานี้การที่ได้สูดดมหมอกพิษนี้เข้าไปนั้น ไม่คาดคิดว่าพลังอำนาจที่ตนเองได้บ่มเพาะมานานหลายปีกำลังจะหายไป ตนเองกำลังจะกลายเป็นมนุษย์ปกติธรรมดาที่ไร้ซึ่งพลังก็ว่าได้
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ทว่าพิษสลายพลังงานนี้มีผลที่เผด็จการอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ตราบใดที่สูดดมเข้าไปเพียงเล็กน้อยโดยที่ปราศจากยาถอนพิษนั้น ก็ไม่สามารถที่จะขจัดมันออกไปได้เลย ต่อให้จะเป็นถึงผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม
ตึบ ตึบ ตึบ!!!
ร่างกายของพวกเขาแต่ละคนต่างก็อ่อนแรงอย่างถึงที่สุด เป็นเหมือนกับปลาที่ขาดน้ำก็ว่าได้ ล้มลงไปทันที ทั่วทั้งร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืนขึ้นอีกต่อไป แม้แต่การที่จะขยับนิ้วมือนั้นก็เป็นเรื่องที่ยาก
“นี่มันไม่ถูก เจ้าไม่ใช่ผู้คนของสำนักวิญญาณ เจ้า…แท้ที่จริงแล้วเจ้าเป็นใครกัน?”
ในช่วงเวลานี้ ชายชราชุดคลุมสีเทาและคนอื่นๆต่างก็จ้องมองเซี่ยปิงอย่างโมโห
มีที่ไหนที่ตอนนี้พวกเขาจะไม่รู้อีก ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินของสำนักวิญญาณ เพราะลูกผู้ดีมีเงินจริงๆนั้นจะไม่มีความกล้าหาญในการทำร้ายผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณเช่นนี้
เจ้านี่ไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะเยี่ยมเยียนสำนักวิญญาณหรือว่ามาหาพวกเขา ทว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคือตำหนักสืบทอดแห่งนี้
ทว่าการที่พวกเขาสามารถเข้าใจถึงจุดนี้ได้ในตอนนี้นั้น มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ หลับให้สบาย”
เซี่ยปิงเคลื่อนไหวทันที ทันใดนั้นพื้นที่รอบๆก็มีภาพเงาของเขาปรากฏขึ้นมามากกว่าสิบภาพเงา เคลื่อนที่ไปที่ชายชราชุดคลุมสีเทาและคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว ซึ่งมือของเขาได้สับเข้าไปที่หลังคอของพวกเขาทันที
ตึบ พวกเขาต่างก็หมดสติและคว่ำหน้าลงไปในทันที อย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลาสามวันในการที่จะฟื้นคืนสติกลับมา
“เอาล่ะ จัดการกับพวกเขาเรียบร้อย”
เซี่ยปิงปรบมือ เขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก อีกทั้งก็ใช้จังหวะนี้ในการปิดประตูหน้าของตำหนักสืบทอดเช่นกัน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการที่ทหารที่เดินผ่านมาจะค้นพบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่
“นี่มัน!”
หลิวหยูหลานก็ช็อกอย่างมาก ต้องรู้ด้วยว่านี่คือผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จำนวน5-6คน เป็นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณ ตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะสามารถจัดการไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ง่ายดายเหมือนกับการเป่าฝุ่นให้หายไป
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการที่พึ่งพาหมอกพิษที่แปลกประหลาดบางอย่าง ทว่านี่ก็คือความเป็นจริง นี่เป็นการต่อสู้ มีที่ไหนที่ศัตรูจะต่อสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม แน่นอนว่ามีวิธีการใดก็จะต้องงัดออกมาใช้ทั้งหมด
“ใช่สิ ข้าจะต้องทำอย่างไรเพื่อรับการสืบทอดของชนเผ่าวิญญาณ?” เซี่ยปิงมัดมือมัดเท้าของคนกลุ่มนี้ไว้ทั้งหมด จากนั้นก็หันไปถามหลิวหยูหลาน
หลิวหยูหลานก็จ้องมองอย่างวอกแวก เธอไม่คาดคิดว่าเรื่องมันจะดำเนินไปอย่างราบลื่นเช่นนี้
ทว่าหากเซี่ยปิงไม่ได้ครอบครองพิษสลายพลังงานมาจากเฉินเหว่ย บางทีการที่จะต้องการจัดการกับกลุ่มผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้นั้นคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องขอบคุณเฉินเหว่ยจริงๆที่ได้มอบยาพิษที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้กับเขา
เธอครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมา “ตราบใดที่เจ้าวางมือไว้บนศิลาจารึกและใช้จิตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ในการเชื่อมโยงกับมัน ก็จะสามารถรับการสืบทอดทักษะลับจากศิลาจารึกได้”
“ทว่านี่เป็นศิลาจารึกของชนเผ่าวิญญาณของข้า ตั้งแต่ยุคสมัยโบราณจนถึงปัจจุบันนั้นไม่เคยมีบุคคลภายนอกใดๆที่เคยแตะต้องมันมาก่อน เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าจะสามารถรับการสืบทอดทักษะลับจากศิลาจารึกได้หรือไม่”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบเจอสถานการณ์เช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลองดู”
เซี่ยปิงมีกล้าหาญเพราะว่ามั่นใจในฝีมือของตนเอง เขาได้วางมือขวาลงไปที่ศิลาจารึกอย่างเบาบาง ในขณะเดียวกันก็ได้ไหลเวียนพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ออกมาและเชื่อมต่อเข้ากับศิลาจารึกตรงหน้านี้
บึ้ซ~~
ในตอนนี้ ศิลาจารึกสั่นสะเทือน มีแสงสีดำที่ส่องสว่างออกมา เป็นเหมือนกับพลังงานที่ปกคลุมก็ว่าได้ มันได้กระจายออกไปรอบๆ ห่อหุ้มทั่วทั้งตำหนักสืบทอดแห่งนี้
แม้แต่หลิวหยูหลานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
จากนั้นเสียงเครื่องจักรก็ดังออกมาจากศิลาจารึกนี้ “ดิ้ง ดิ้ง ตรวจสอบสถานะผู้รับการสืบทอด เพศชาย ไม่ใช่ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ หลังจากการตรวจสอบ มีคุณภาพของจิตวิญญาณที่สูงอย่างถึงที่สุด”
“ดิ้ง ดิ้ง ในบริเวณใกล้เคียงก็มีเพศหญิงเช่นกัน เป็นผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ มีร่างจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ มีคุณภาพของจิตวิญญาณที่สูงอย่างถึงที่สุด”
“ตรงตามเงื่อนไขของการสืบทอด โปรดรับการสืบทอดไป!”
ปัง!
ทันใดนั้นก็มีพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากศิลาจารึกนี้ ซึ่งได้ปกคลุมเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนอย่างกะทันหัน
อะไรกัน?!
เซี่ยปิงตกใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าพลังอำนาจนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาในตอนนี้จะต้านทานได้แม้แต่น้อย
ปัง เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนถูกห่อหุ้มด้วยพลังอำนานนี้ ทั้งสองต่างก็กอดรัดกันอย่างแน่น เกือบที่จะไม่มีช่องว่างระหว่างกันแม้แต่น้อย
“อ๊าก!”
ใบหน้าที่งดงามของหลิวหยูหลานแดงขึ้นมา เธอรู้สึกได้ถึงออร่าของผู้ชายที่แข็งแกร่งซึ่งแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยปิง ทั้งชีวิตนี้เธอไม่เคยได้เข้าใกล้ผู้ชายมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงการที่จะได้อยู่ติดกันเช่นนี้
ต้องรู้ด้วยว่าครั้งหนึ่งนั้นเธอเคยเป็นนักบุญหญิงของสำนักวิญญาณ เป็นดั่งเทพธิดาของทวีปโลหิตวิญญาณ มีที่ไหนที่ชายใดจะมีโอกาสได้เข้าใกล้เธอ แม้แต่การที่ต้องการให้เธอเหลียวตามองนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก
ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
หลั่ว หลั่ว หลั่ว~
วินาทีต่อมา ก็มีลำแสงสีดำสองเส้นที่ได้พุ่งออกมาจากศิลาจารึกและพุ่งเข้าไปที่ศีรษะของเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคน ข้อมูลที่มหาศาลได้พรั่งพรูเข้ามาในอาณาเขตจิตใต้สำนักของพวกเขาทั้งสอง
ทักษะเชื่อมโยงจิตใจ!
เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองล่วงรู้อย่างกะทันหัน นี่คือทักษะพลังวิญญาณระดับสุดยอดที่ศิลาจารึกได้มอบให้กับพวกเขา ทว่าหลิวหยูหลานนั้นรู้สึกเขินอายจนใบหน้าแดงเหมือนกับลูกมะเขือเทศทันที เกือบที่จะมีไอร้อนแผ่ออกมา
อย่ามองเพียงแค่ว่าทักษะลับนี้มีชื่อที่ฟังดูดีอย่างมาก ทว่าในความเป็นจริงนั้น นี่คือทักษะการบ่มเพาะคู่
นี่คือทักษะลับที่เซนต์โลหิตวิญญาณได้ครอบครองมาจากซากปรักหักพังโบราณสักแห่ง มีประโยชน์ในการใช้งานที่ไร้จุดสิ้นสุด เป็นทักษะที่ใช้ในการบ่มเพาะระหว่างคนรักหรือว่าสามีและภรรยา
เมื่อใดที่บ่มเพาะสำเร็จ ทั้งสองคนจะอยู่ในสภาวะที่สามารถเข้าถึงจิตใจของกันและกันได้ เพราะในช่วงเวลานี้ผู้หญิงและผู้ชาย หยินและหยางทั้งสองได้ปรับตัวเข้าหากัน มันจะเสริมสร้างพลังงานวิญญาณและทำให้จิตวิญญาณบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง เป็นการบ่มเพาะที่พัฒนาด้วยความรวดเร็วที่รวดเร็วอย่างถึงที่สุด
อีกทั้งยังสามารถที่จะเชื่อมโยงความคิดของกันและกันได้ สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงประสบการณ์วิทยายุทธที่อีกฝ่ายมีและส่งเสริมซึ่งกันและกัน
นี่มีผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
ว่ากันว่าทักษะลับนี้เป็นสิ่งที่เซนต์ที่ไร้เทียมทานในยุคสมัยโบราณได้คิดค้นขึ้นมา เดิมทีเขานั้นมีฮาเร็มของผู้หญิงจำนวนสามพันคน ซึ่งผู้หญิงแต่ละคนนั้นต่างก็เป็นดั่งเทพธิดาในยุคนั้น มีพรสวรรค์ระดับสุดยอด
การที่ใช้ทักษะการบ่มเพาะนี้ เซนต์ผู้นี้จึงได้ทำการบ่มเพาะคู่กับหญิงสาวทั้งสามพันคน จากนั้นก็ได้เรียนรู้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของหญิงงดงามทั้งสามพันคนอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าประหยัดระยะเวลาและความพยายามในการบ่มเพาะไปมากแค่ไหน
นี่เทียบเท่ากับการมีร่างโคลนหลายพันร่างที่ช่วยในการบ่มเพาะก็ว่าได้
ทว่าข้อกำหนดของทักษะลับนี้ก็สูงมากเช่นกัน พรสวรรค์ของผู้หญิงและผู้ชายทั้งสองนั้นจะต้องอยู่ในระดับสูงสุดจึงจะสามารถบ่มเพาะด้วยกันได้ ต่อให้ขาดเพียงเล็กน้อย ก็จะถือว่าไม่ตรงตามข้อกำหนด
ดังนั้นศิลาจารึกนี้จึงได้ตรวจสอบว่าทั้งสองคนนั้นมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติระดับสูงสุด เป็นผู้หญิงและผู้ชายที่ตรงตามเงื่อนไขของการสืบทอดทักษะเชื่องโยงจิตใจนี้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่เป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อนานแค่ไหน
“ไม่นะ!!”
รู้สึกได้ถึงทักษะที่น่าอัศจรรย์นี่ เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนก็ดื่มด่ำไปกับมันโดยที่ไม่ตั้งใจ ทำการบ่มเพาะอย่างอัตโนมัติ ไม่คาดคิดว่าจะสำเร็จการบ่มเพาะทักษะนี้อย่างกะทันหัน มือเท้าทั้งสองต่างก็สัมผัสซึ่งกันและกัน
ปัง!
ร่างกายของทั้งสองสั่นสะท้าน บนอากาศมีเสียงระเบิดที่ได้ดังขึ้นมา ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของทั้งสองจะลอยออกมาจากร่างกายและลอยขึ้นไปบนอากาศ
ในช่วงเวลานี้จิตวิญญาณของเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนต่างก็เชื่อมโยงกัน อยู่ในสภาวะที่ดั้งเดิมที่สุดและเปลือยเปล่า นี่คือแก่นแท้ของหยินและหยาง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถูกดึงดูดเข้าด้วยกันโดยที่ไม่ตั้งใจ เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
โดยเฉพาะขาที่เรียวยาวของหลิวหยูหลาน เอวเพรียวบางของเธอและผิวที่ขาวผุดผ่อง ซึ่งต่อให้จะอยู่ในรูปของจิตวิญญาณ รูปร่างที่เย้ายวนนี้ไม่ว่าใครเห็นก็ไม่สามารถที่จะต้านทานอารมณ์ของตนเองได้ นี่คือหญิงสาวที่งดงามอันดับต้นๆของทวีปโลหิตวิญญาณ
“ไม่ ไม่ต้องการ”
ใบหน้าของหลิวหยูหลานแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศเสียอีก ทว่าก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านได้ ทำให้เพียงแค่คล้อยตามกระบวนการไป
ตอนที่ 1193
“นี่มันความรู้สึกอะไรกัน?!”
เซี่ยปิงรู้สึกมหัศจรรย์อย่างยิ่ง การบ่มเพาะคู่ของจิตวิญญาณนั้น ไม่รู้ว่ายอดเยี่ยมยิ่งกว่าการบ่มเพาะปกติธรรมดามากแค่ไหน นี่ดูเหมือนเป็นการหลอมรวมกันก็ว่าได้ เป็นการประทะกันของจิตวิญญาณ
เดิมทีจิตวิญญาณในสภาวะหยางบริสุทธิ์นั้นได้ผสมผสานเข้ากับร่างจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ของหลิวหยูหลาน หยินและหยางทั้งสองได้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว ก่อตัวกลายเป็นรูปร่างของจักรวาล ทั้งสองฝ่ายต่างก็มาถึงสภาวะที่สมบูรณ์
จิตวิญญาณของเขาเหมือนกับมีเส้นไหมสีดำที่ถูกขจัดออกไปอย่างรวดเร็ว สิ่งสกปรกภายในส่วนลึกของจิตวิญญาณถูกขจัดออกไปภายใต้การบ่มเพาะนี้ มาถึงสภาวะที่บริสุทธิ์อย่างถึงที่สุด
นี่ก็ทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งมากขึ้น กลายเป็นจิตวิญญาณที่ไร้เทียมทาน
“นี่มัน นี่มัน!”
หลิวหยูหลานก็รู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์อย่างยิ่งเช่นกัน รู้สึกว่าตนเองได้เข้ามาในอ้อมกอดของแม่ อยู่ในน้ำคร่ำก็ว่าได้ ทั่วทั้งร่างกายอบอุ่นอย่างมาก รู้สึกได้ถึงความสบายใจบางอย่าง
ร่างจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ของเธอก็เหมือนกับว่าจะได้รับการพัฒนาก็ว่าได้ เกิดการระเหิดขึ้น พลังงานวิญญาณก็ได้เพิ่มขึ้นมาด้วยความเร็วที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวดเร็วยิ่งกว่าการบ่มเพาะใน18ปีที่ผ่านมาของเธอก็ว่าได้
อีกทั้งในสภาวะที่จิตใจที่เชื่อมโยงกันนั้น เธอก็สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงปริศนาของวิทยายุทธที่อยู่ในส่วนลึกของอาณาเขตจิตใต้สำนึกของเซี่ยปิงเช่นกัน นี่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่มหาศาลกับเธอ เป็นเหมือนกับสภาวะการเห็นแจ้งก็ว่าได้
ซึ่งภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ สำหรับความเข้าใจของเธอในวิทยายุทธนั้น มันก็อยู่ในจุดที่สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทั้งสองคนต่างก็ทำการบ่มเพาะอย่างต่อเนื่อง เพิ่มพลังงานวิญญาณของตนเอง ร่างกายของทั้งสองเปลี่ยนกลายเป็นหลุมวนขนาดใหญ่สองหลุม พลังฉีของธรรมชาติกำลังเอ่อล้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง
พลังเวทมนตร์ของทั้งสองก็ได้เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ภายในพริบตา ระยะเวลาหนึ่งวันก็ได้ผ่านไป
ในช่วงเวลานี้ ณ ตำหนักสืบทอดภายในสำนักวิญญาณสาขาหลัก
เซี่ยปิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น หลังจากทำการบ่มเพาะเป็นระยะเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ทำการบ่มเพาะคู่กับหลิวหยูหลานนั้น ทั้งสองฝ่ายก็ได้ทำความเข้าใจทักษะเชื่อมโยงจิตใจอย่างสมบูรณ์ มาถึงจุดที่หยินและหยางหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ซึ่งนี่ก็ทำให้เซี่ยปิงได้รับผลประโยชน์ที่มหาศาล
เขานั่งอยู่ที่พื้น เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ก็ว่าได้ ทั่วทั้งร่างกายมีแสงที่ส่องประกายออกมา เหมือนกับว่าจะทำให้ทั่วทั้งตำหนักสืบทอดนี้กลายเป็นสีทอง แสงสว่างเจิดจ้าอย่างมาก เหมือนกับว่าทำมาจากทองคำก็ว่าได้
หากบางคนอยู่ในตำหนักสืบทอดแห่งนี้ จะต้องรู้สึกอัศจรรย์อย่างแน่นอน เพราะว่าในช่วงเวลานี้พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยปิงเป็นเหมือนกับเปลวไฟก็ว่าได้ กำลังจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่าง
เปลวไฟเหล่านี้เหมือนกับเป็นเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีวันดับมอด จิตวิญญาณก็เกือบที่จะก่อตัวเป็นสสาร คลื่นความร้อนปัดเป่าออกไป เหมือนกับว่าสถานที่แห่งนี้กำลังจะเปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิง
ระดับสมปรารถนาขั้นสูง!
หลังจากที่ได้ทำการบ่มเพาะกับหลิวหยูหลานนั้น เซี่ยปิงก็ได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล ในที่สุดก็ก้าวผ่านระดับสมปรารถนาขั้นกลางและเลื่อนขั้นมาในระดับสมปรารถนาขั้นสูงโดยตรง
อีกทั้งเพราะว่าทักษะเชื่อมโยงจิตใจนี้ ก็ทำให้พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์และพลังเวทมนตร์เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พลังงานเม็ดยาในร่างกายก็ถูกกลั่นกรอง ทำการพัฒนาร่างกายอย่างต่อเนื่อง ไม่คาดคิดว่าจะพัฒนาจนมาถึงจุดสูงสุดของระดับสมปรารถนาขั้นสูงโดยตรง
นี่เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะสามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้
เมื่อใดที่เขาทำความเข้าใจความสามารถศักดิ์สิทธ์ได้ ก็จะสามารถก้าวขึ้นไปในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแท้จริง
หากพัฒนาไปถึงระดับนั้น จะถือว่ามีพลังการต่อสู้ในระดับหนึ่งหากเทียบกับภาพรวมของจักรวาล สามารถที่จะกลายเป็นหน่วยกล้าตายระดับสูงได้ ไม่รู้ว่าพลังการต่อสู้นั้นจะทรงอำนาจกว่าเดิมถึงกี่เท่า
ในช่วงเวลานี้ เซลล์อีกานรกทองคำของเขาก็ได้ตื่นขึ้นมากว่าสองพันเซลล์ ละลายเข้ากับร่างกายอย่างต่อเนื่อง พลังงานของอีกานรกทองคำที่ไร้ขอบเขตเป็นเหมือนกับลาวาก็ว่าได้ โลดแล่นไปตามเส้นลมปราณในร่างกายของเขา
นี่ก็ทำให้ร่างกายของเซี่ยปิงแข็งแกร่งขึ้นมาเช่นกัน ทุกท่วงท่าทุกการเคลื่อนไหวเหมือนกับมีพลังอำนาจของอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ หมัดที่ประเคนออกไปนั้น จะสร้างแรงลมออกมา ซึ่งมีแรงกดดันเพียงพอที่จะถล่มภูเขาขนาดเล็กได้
ทว่าหลิวหยูหลานนั้นได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่าเสียอีก เธอได้เลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นสูงสุดเช่นกัน พลังงานวิญญาณของเธอก็ได้เพิ่มขึ้นมาหลายเท่า เธอนั่งอยู่ที่จุดเดิม ร่างกายมีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องสว่างออกมา เป็นเหมือนกับเทพธิดาก็ว่าได้
ในตอนนี้ทั้งสองคนต่างก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมๆกัน ในที่สุดก็ฟื้นคืนสติกลับมาจากสภาวะการบ่มเพาะ พลังอำนาจของศิลาจารึกที่ห่อหุ้มตัวของทั้งสองก่อนหน้านี้ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
“อ๊าก!”
หลังจากที่ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าที่งดงามของหลิวหยูหลานก็แดงขึ้น ดวงตาที่งดงามของเธอเผยให้เห็นถึงความอับอาย เธอได้ยกมือขึ้นมาและผลักเซี่ยปิงที่ติดอยู่กับตนเองออกไป ร่างกายกำลังสั่นเทาเล็กน้อย
ขาเรียวราว เอวเพรียวบางและสัดส่วนโค้งเว้าถูกเปิดเผยจนหมด รูปลักษณ์ที่ทำให้ผู้หญิงทั้งทวีปต้องยอมจำนน มีเสน่ห์ที่ไร้ที่สิ้นสุด หากชายคนอื่นๆได้เห็น บางทีอาจจะคลุ้มคลั่งออกมาได้ ไม่มีชายคนใดจะสามารถยับยั้งอารมณ์ของตนเองอยู่
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?!” ดวงตาที่งดงามของหลิวหยูหลานแวววาวสดใส ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย นึกได้ถึงเรื่องเมื่อคืน เธอก็รู้สึกเขินอายอย่างถึงที่สุด เหมือนกับว่าตนเองได้กลายเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอาย
เพราะว่าทักษะเชื่อมโยงจิตใจนั้นเป็นทักษะการบ่มเพาะที่แนบชิดจริงๆ ต่อให้จะเป็นสมาชิกของครอบครัวก็ไม่ได้แนบชิดกันเช่นนี้ นี่คือการบ่มเพาะคู่ของจิตวิญญาณ หลอมรวมกันกลายเป็นหนึ่ง สามารถที่จะแบ่งบันความลับและความรู้สึกของกันและกันได้
เรียกได้ว่าบนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะแนบชิดไปกว่านี้อีกแล้ว แม้กระทั่งสามีและภรรยาก็ไม่ได้แนบชิดกันถึงขั้นนี้
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสกันทางกายภาพ ทว่าหากต้องอธิบายความรู้สึกจริงๆ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้สูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับเจ้าคนหื่นกามนี้ก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำการบ่มเพาะเป็นระยะเวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน ไม่รู้ว่าใช้วิธีการจำนวนมากแค่ไหน
จดจำได้ว่าในการบ่มเพาะนั้นเจ้าหื่นกามนี้ มีความคล่องตัวอย่างมาก เปลี่ยนแปลงท่าทางอย่างไม่ขาดสาย หลิวหยูหลานรู้สึกละอายใจจนโมโห อันที่จริงเจ้าบัดซบนี่ได้ร่วมรักกับผู้หญิงจำนวนมากแค่ไหนกันถึงได้เข้าใจความรู้มากมายเช่นนี้ อันที่จริงข้างกายของเขามีนางสนมจำนวนมากแค่ไหนกัน?
ว่ากันว่าในจักรวาลนั้น มีดาวเคราะห์จำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งดาวเคราะห์แต่ละดวงก็มีจำนวนของปีศาจต่างถิ่นที่มากมายเหมือนกับจำนวนปลาคาร์ฟก็ว่าได้ ไม่สามารถที่จะนับได้ ซึงไม่รู้ว่าเจ้าป่าเถื่อนนี่จะมีผู้หญิงเป็นของตนเองจำนวนมากแค่ไหน
“โอ้ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ทั้งวันเอาแต่ตีห่าน ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งจะถูกห่านจิกตา ไม่คาดคิดว่าข้าเซี่ยปิงจะมีวันนี้เช่นกัน ไม่คาดคิดว่าจะถูกผู้หญิงขืนใจ ช่างเป็นความอัปยศอดสูที่ยิ่งใหญ่จริงๆ”
เซี่ยปิงคำรามออกมาสู่ท้องฟ้า ขอบตาเหมือนกับว่ามีน้ำตาอยู่ ท่าทางของเขาเหมือนกับเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาที่ถูกราชินีจับไปก็ว่าได้ ถูกราชินีปู้ยี้ปู้ยำทั้งคืน หดหู่อย่างมาก เป็นความเจ็บปวดทรมานของจิตใจ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” ดวงตาที่งดงามของหลิวหยูหลานเป็นเปลวไฟขึ้นมา จ้องมองไปที่เซี่ยปิง
การที่ได้ทำการบ่มเพาะคู่กับผู้หญิงที่งดงามอย่างเธอนั้น ไม่รู้ว่าเป็นความฝันที่ผู้ชายจำนวนมากแค่ไหนเฝ้ารอให้เกิดขึ้นกับตนเอง หากปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดมือไปนั้น จะต้องทำให้หลุมฝังศพของบรรพบุรุษเต็มไปด้วยควันที่ร้อนระอุอย่างแน่นอน
ทว่าเจ้าบัดซบนี่กลับมีความคิดที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังบอกว่าสี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ราวกับว่าเธอได้บีบบังคับผู้ชายคนนี้
ในฐานะที่เธอเป็นนักบุญหญิงของสำนักวิญญาณนั้น เธอได้พบเจอกับชายชราที่เจ้าเล่ห์มากมายและลูกศิษย์ที่โหดเหี้ยมเป็นจำนวนมาก ทว่าชายที่ไม่มีความละอายใจเช่นนี้ เธอเพิ่งได้พบเห็นเป็นครั้งแรก
“เจ้า…เจ้าต้องการจะทำอะไร? อย่าใช้พละกำลังบีบบังคับข้า!”
เซี่ยปิงมองหลิวหยูหลานด้วยสีหน้าที่แตกตื่น เหมือนกับมองปีศาจที่กำลังจะเข้ามาทำร้ายตนเองก็ว่าได้
“ใครต้องการจะใช้พละกำลังบีบบังคับเจ้ากัน อย่าเพ้อฝันไป!”
หลิวหยูหลานจ้องมองอย่างโมโห ปรารถนาที่จะกัดเจ้าคนป่าเถื่อนนี่จนตาย
“อย่าปิดบัง ข้าสามารถเห็นได้ว่าเจ้านั้นกำลังพยายามจะขืนใจข้า”
เซี่ยปิงเผยท่าทางที่สามารถมองอย่างทะลุปรุโปร่ง “ถึงแม้ว่าข้านั้นจะต้องการต่อต้าน ทว่าข้าก็รู้ดีว่าข้านั้นไม่ใช่คู่มือของเจ้าอย่างแน่นอน ต่อให้วันนี้เจ้าจะได้ร่างกายของข้าไป แต่เจ้าจะไม่มีวันได้หัวใจของข้า!”
ตอนที่ 1194
“เหอะ เจ้าคนป่าเถื่อน ใครจะไม่รู้กันว่าเจ้านั้นเป็นคนโกหกหลอกลวง”
หลิวหยูหลานส่งเสียงในลำคอออกมา
เนื่องจากการบ่มเพาะคู่นั้น เธอก็ได้ล่วงรู้ถึงธาตุแท้ของเจ้าบัดซบนี่เช่นกัน ซึ่งไม่ได้มีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว แม้กระทั่งรูปลักษณ์ที่ผ่านมาก็เป็นการปลอมตัว เป็นนักต้มตุ๋นที่ไร้ยางอาย
เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วนั้น รูปลักษณ์สามารถที่จะอำพรางได้ ทว่าจิตวิญญาณนั้นไม่มีทางที่จะอำพรางได้
ดังนั้นเธอจึงล่วงรู้อย่างชัดเจนถึงข้อมูลบางอย่างของเซี่ยปิง อย่างเช่นมีต้นกำเนิดมาจากดาวหยานหวง มาจากโลกแห่งเมฆา กลายเป็นลูกศิษย์ของเซนต์ในนิกายฟ้าดิน มีตำแหน่งที่สูงส่ง
แน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญกว่านี้เธอไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้ เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้คือความลับในส่วนลึกของจิตวิญญาณ หากเซี่ยปิงไม่ได้ต้องการให้คนอื่นล่วงรู้ เธอก็ไม่มีทางที่จะค้นพบความลับเหล่านี้ได้
เรียกได้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าอันธพาลนี่ไม่ได้เป็นความจริง หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้เกิดเรื่องบังเอิญและได้รับสืบทอดทักษะการบ่มเพาะคู่มาล่ะก็ เธอก็คงจะถูกหลอกลวงไปตลอดกาล ไม่สามารถที่จะรู้ถึงสิ่งใดๆ
ทว่าหลังจากที่ทำการบ่มเพาะคู่นี้ หลิวหยูหลานก็เข้าใจอย่างท่องแท้ว่าเจ้าบัดซบที่มีชื่อว่าเซี่ยปิงนี่เป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของเขานั้นอยู่ในจุดที่ทรงอำนาจกว่าผู้บ่มเพาะของชนเผ่าวิญญาณนับสิบเท่า
อีกทั้งพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของเขานั้นก็เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ก็ว่าได้ สามารถที่จะแผดเผาศัตรูใดๆจนตาย หากมีผู้บ่มเพาะใดๆของชนเผ่าวิญญาณที่กล้าท้าทายเซี่ยปิงล่ะก็ จะต้องตายโดยที่ไร้หลุมฝังศพอย่างแน่นอน
เจ้านี่เรียกได้ว่าเป็นปีศาจที่มาจากส่วนลึกของจักรวาล เป็นลูกศิษย์ของเซนต์ มีแกนพลังฉีที่ล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้ อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ระดับสุดยอดที่คนอื่นๆไม่มีทางที่จะเทียบด้วยได้ ซึ่งบุคคลเช่นนี้เป็นบุคคลที่ไม่ควรจะเข้าไปท้าทายอย่างยิ่ง
เซี่ยปิงต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา ทว่าทันใดนั้นศิลาจารึกก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง เสียงเครื่องจักรได้ดังขึ้นมา “การบ่มเพาะทักษะเชื่อมโยงจิตใจประสบความสำเร็จ หลิวหยูหลานบรรลุข้อกำหนดของการสืบทอด จะถูกเทเลพอร์ตไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในทันที รับการสืบทอดสุดท้ายที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
ปัง!
วินาทีต่อมา แสงสีดำก็ได้ปกคลุมร่างกายของหลิวหยูหลานอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นใต้เท้าทั้งสองของเธอก็มีค่ายกลเทเลพอร์ตที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นมา อีกทั้งยังมีลวดลายมากมายที่ปรากฏขึ้นมา
ลวดลายเหล่านี้เหมือนกับว่าถูกจารึกอยู่ในความว่างเปล่า เป็นประทับตราวิญญาณของเส้นทางบางอย่าง ล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”
เซี่ยปิงไม่ได้ตอบสนองใดๆ เขาไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
หลิวหยูหลานอุทานออกมา เธอรู้สึกว่าร่างกายของตนเองถูกพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ห่อหุ้มไว้โดยที่ตนเองไม่สามารถต้านทานได้ ทั่วทั้งร่างกายของเธอได้หายไปจากจุดเดิมเช่นนี้ ไม่รู้ว่าถูกเทเลพอร์ตไปที่ใด
“ศิลาจารึก นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”
เซี่ยปิงจ้องมองไปที่ศิลาจารึกตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา เขาล่วงรู้ว่าศิลาจารึกนี้เป็นเหมือนกับสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ มีตัวตนของจิตวิญญาณอยู่เช่นกัน มีสติปัญญาเป็นของตนเอง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่วัตถุธรรมดาๆอย่างแน่นอน
“หากเจ้าไม่พูดอะไรออกมา ก็อย่าโทษข้าหากข้าจะทำตัวเสียมารยาท”
เซี่ยปิงหรี่ตามอง ออร่าจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวได้แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา เขาจ้องมองไปที่ศิลาจารึกตรงหน้า หากมันกล้าเสแสร้งว่าตนเองไม่สามารถพูดได้นั้น เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำลายศิลาจารึกนี้ทันที
เหมือนกับรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมานี้ ทันใดนั้นศิลาจารึกก็เริ่มพูดออกมา “ไม่ต้องกังวล เธอไม่ได้เป็นอะไร เพราะว่าผ่านการทดสอบและได้บรรลุข้อกำหนดการสืบทอดของเซนต์โลหิตวิญญาณ ดังนั้นเธอจึงได้ถูกเทเลพอร์ตไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และรับการสืบทอดสุดท้าย ในตอนนี้เธอได้ถูกรับเลือกให้กลายเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของเซนต์โลหิตวิญญาณแล้ว”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใดกัน?” เซี่ยปิงถามขึ้นมา
ศิลาจารึกพูดออกมา “ไม่สามารถตอบได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณ มันอยู่ในมุมหนึ่งของจักรวาล เป็นสถานที่ลึกลับและเป็นปริศนา แม้แต่เซนต์เองก็ไม่สามารถที่จะค้นพบสถานที่แห่งนั้นได้ มันคือรังที่แท้จริงของเซนต์โลหิตวิญญาณ”
เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง ในเมื่อถูกเลือกเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของเซนต์โลหิตวิญญาณนั้น จากนั้นมันก็ดูสมเหตุสมผลขึ้นมา หลิวหยูหลานก็คงจะสบายดี ไม่มีปัญหาในด้านความปลอดภัย
เขามองไปที่ศิลาจารึกและถามออกไป “ข้าก็เป็นผู้ที่สำเร็จทักษะเชื่อมโยงจิตใจเช่นกัน ทำไมข้าถึงไม่ได้รับการสืบทอดจากเซนต์โลหิตวิญญาณ? นี่มันเป็นการแบ่งแยกชนเผ่าอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าไม่ใช่คนของชนเผ่าวิญญาณ” ศิลาจารึกมีน้ำเสียงที่ไม่แยแส บ่งบอกว่ามีเพียงแค่ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติในการรับการสืบทอดจากเซนต์โลหิตวิญญาณได้ คนอื่นๆนั้นไม่มีคุณสมบัติ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ว่าแต่เจ้ามีทักษะพลังวิญญาณอื่นๆอีกหรือไม่? หากมีล่ะก็ รีบมอบพวกมันให้กับข้าแล้วเจ้าจะได้รับรางวัลในภายหลัง” เซี่ยปิงก็ต้องการที่จะครอบครองทักษะพลังวิญญาณอื่นๆมาจากศิลาจารึกเช่นกัน
“เจ้าคนต่างถิ่น เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะครอบครองทักษะพลังวิญญาณของชนเผ่าวิญญาณ การที่สามารถครอบครองทักษะเชื่อมโยงจิตใจนั้นก็ถือว่าเป็นความโชคดีที่ยิ่งใหญ่แล้ว คนต่างถิ่นอย่างเจ้าควรที่จะพึงพอใจกับสิ่งนี้” ศิลาจารึกเหมือนกับจะรู้สึกรังเกียจเซี่ยปิงผู้ที่ไม่รู้จักพอคนนี้
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าขอเพียงแค่ทักษะเดียวก็เพียงพอ ข้าต้องการทักษะลับของเซนต์โลหิตวิญญาณที่ทำให้สามารถควบคุมเซนต์คนอื่นๆได้ เจ้ามีมันหรือไม่? หากมอบทักษะนี้ให้ข้า ในอนาคตข้าจะสานต่อเจตนารมณ์ของเซนต์โลหิตวิญญาณอย่างแน่นอน ทำให้ชื่อเสียงบารมีของเซนต์โลหิตวิญญาณกระจายไปทั่วทั้งจักรวาล” เซี่ยปิงยังคงไม่ยอมแพ้ เขาต้องการที่จะครอบครองทักษะระดับสุดยอดนี้
“เจ้าคนต่างถิ่น นี่คือทักษะลับระดับสุดยอดของชนเผ่าวิญญาณของข้า ไม่สามารถที่จะมอบให้กับคนนอกอย่างเจ้าได้อย่างแน่นอน เจ้าตัดใจซะเถอะ”
ศิลาจารึกนี้พูดอะไรไม่ออก มันคิดว่าตนเองนั้นดูถูกความหน้าด้านของเจ้าคนต่างถิ่นนี่มากเกินไป แม้กระทั่งทักษะที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของเซนต์โลหิตวิญญาณก็ต้องการที่จะครอบครอง ช่างเพ้อฝันจริงๆ
แม้แต่เซนต์จำนวนมากที่ร่วมมือกันและยอมแลกด้วยต้นทุนที่มหาศาลนั้น ก็ไม่สามารถที่จะครอบครองทักษะลับสุดยอดนี้ของเซนต์โลหิตวิญญาณได้ เป็นไปได้อย่างไรที่มันจะเผยแพร่ทักษะลับนี้ออกไป?
นี่เป็นทักษะลับระดับสุดยอดที่มีเพียงแค่ผู้สืบทอดโดยตรงของเซนต์โลหิตวิญญาณเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติในการเรียนรู้!
“ไม่สามารถมอบได้? นั่นแสดงว่าเจ้ามีอยู่จริงๆ” เซี่ยปิงหรี่ตามอง
ศิลาจารึกเงียบกริบในทันที มันคิดว่าตนเองนั้นพูดออกมามากเกินไป ทำให้ข้อมูลรั่วไหล
ทว่าการที่มันไม่ได้พูดคุยกับใครมาเป็นระยะเวลานานนั้น ในช่วงเวลานี้เมื่อได้พบเจอกับคนที่มีคุณสมบัติในการสื่อสารกับมันนั้น มันก็อดใจที่จะพูดออกมาไม่ได้ ตอนนี้จึงประมาทและพลั้งปากไป
“ระบบ มีวิธีการใดที่จะครอบครองทักษะลับข้างในศิลาจารึกนี่หรือไม่?”
เซี่ยปิงถามระบบในส่วนลึกของความคิดตนเองทันที การที่วิธีการปกติธรรมดาไม่สามารถที่จะครอบครองทักษะลับจากศิลาจารึกนี่ได้นั้น เขาก็ต้องพึ่งพาความระบบซึ่งเป็นเหมือนกับตัวตนที่รู้ทุกอย่าง เป็นความหวังสุดท้ายของเขา
“เรื่องนี้ง่ายมาก”
ระบบตอบกลับมา “เพื่อที่จะครอบครองทักษะลับสุดยอดของศิลาจารึกนี้ จำเป็นต้องใช้คะแนนความเกลียดชังทั้งหมด800ล้านคะแนน”
คะแนนความเกลียดชัง800ล้านคะแนน?!
เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกาย หากสามารถที่จะครอบครองทักษะลับของเซนต์โลหิตวิญญาณได้ คะแนนความเกลียดชัง800ล้านคะแนนนั้นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง นี่มันถือว่าคุ้มค่าจริงๆ
“เยี่ยม แลกเปลี่ยนคะแนนความเกลียดชัง800ล้านคะแนนทันที” เซี่ยปิงพูดออกมาทันที
ระบบตอบกลับ “ขอให้ผู้เล่นนำมือขวาไปวางไว้บนศิลาจารึก ระบบจะทำการสืบทอดทักษะลับนี้มาทันที”
วิซ!
เซี่ยปิงวางมือขวาของตนเองลงบนศิลาจารึกทันที
“เจ้าคนต่างถิ่น เจ้าต้องการจะทำอะไร ต่อให้เจ้าจะวางมือบนนี้ ก็จะไม่มีทางที่จะได้ครอบครองทักษะลับใดๆ รีบนำมือออกไปซะ” ศิลาจารึกพูดจาหักห้ามเซี่ยปิง หวังว่าฝ่ายตรงข้ามจะเชื่อฟังแต่โดยดี
ทว่าวินาทีต่อมา มันก็รู้สึกถึงพลังอำนาจที่ไม่สามารถต้านทานได้เอ่อล้นขึ้นมาทันที เป็นเหมือนกับเทพเจ้าระดับสุดยอดก็ว่าได้ เผด็จการอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำลายระบบการป้องกันภายในของมันโดยตรง
เหมือนกับว่าค่ายกลป้องกันภายในศิลาจารึกนี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่เปราะบางก็ว่าได้ ถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าคนต่างถิ่น นี่เจ้ากำลังทำอะไรกับข้า?!”
ศิลาจารึกแตกตื่นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่มันเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ พลังอำนาจนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในระดับสูงสุด น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเซนต์เสียอีก ช่างไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ เหมือนกับว่าเป้นพลังอำนาจที่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง
ตึบ!
วินาทีต่อมา มันก็รู้สึกว่าสติรับรู้ของตนเองกำลังจะหายไป อีกทั้งดูเหมือนว่าทักษะลับบางอย่างภายในส่วนลึกของศิลาจารึกได้หายไปโดยตรง มันคิดว่าตนเองได้สูญเสียความทรงจำบางอย่างไปก็ว่าได้
อย่างรวดเร็ว ศิลาจารึกนี้ก็ตกอยู่ในภวังค์หลับใหล
ตอนที่ 1195
“ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นที่ได้ครอบครองทักษะลับ: ทักษะผนึกวิญญาณ!”
ทันใดนั้นเสียงของระบบก็ได้ดังขึ้นมา
“ทักษะผนึกวิญญาณ?!”
เซี่ยปิงรู้สึกได้ว่ามีข้อมูลมากมายที่กำลังพรั่งพรูเข้ามาในความคิดของเขาอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นอักขระโบราณและลวดลายที่นับไม่ถ้วน เหมือนกับว่าในช่วงเวลานี้ทั่วทั้งอาณาเขตจิตใต้สำนึกของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง
ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าอักขระและลวดลายเหล่านี้หมายความว่าอะไร ทว่าด้วยความช่วยเหลือของระบบนั้น เขากลับสามารถทำความเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์
ทักษะผนึกวิญญาณ นี่คือทักษะพลังวิญญาณที่ครั้งหนึ่งเซนต์โลหิตวิญญาณเคยใช้ในการกดขี่และควบคุมสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน!
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆที่มีจิตวิญญาณนั้น จะไม่สามารถหลบหนีไปจากการควบคุมของทักษะผนึกวิญญาณนี้ได้
ทักษะนี้จะใช้พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ในการควบแน่นขึ้นมากลายเป็นผนึกวิญญาณ มีการประทับตราวิญญาณของตนเองอยู่ นี่คือผนึกวิญญาณที่สามารถหลอมรวมเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณศัตรูได้
เมื่อใดที่หลอมรวมเข้าไปสำเร็จ ผนึกวิญญาณนี่ก็จะสามารถควบคุมความเป็นความตายของฝ่ายตรงข้ามได้ ตราบใดที่เจ้านายรู้สึกไม่สบอารมณ์ ก็สามารถที่จะปลิดชีวิตของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างกะทันหัน นี่คือทักษะลับในการควบคุมทาสระดับสุดยอด
อีกทั้งสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของทักษะผนึกวิญญาณนั้น ก็คือมันสามารถที่จะมีอิทธิพลต่อจิตวิญญาณของทาสได้โดยที่ไม่รู้ตัว ทำให้ทาสแสดงความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายโดยที่ไม่รู้ตัว เป็นเหมือนกับการล้างสมองก็ว่าได้
ต่อให้จะมีความแค้นที่เทียบได้กับการสังหารพ่อแม่ของตนเองนั้น ทว่าภายใต้อิทธิพลของผนึกวิญญาณนั้น ก็จะกลายเป็นทาสผู้จงรักภักดีทันที มีเพียงแค่การที่เจ้านายปลดผนึกวิญญาณเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ตลอดชีวิต
เดิมทีเซนต์โลหิตวิญญาณก็ใช้ทักษะผนึกวิญญาณนี้ในการทำให้เซนต์แต่ละคนกลายเป็นทาสของเขา ทำให้พวกเขากลายเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์และเข้ายึดครองอาณาเขตต่างๆของจักรวาล
“ช่างซับซ้อนจริงๆ”
เซี่ยปิงถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม หากไม่มีระบบที่ช่วยเหลือนั้น คาดการณ์ได้ว่าต่อให้ทักษะผนึกวิญญาณนี้จะถูกวางอยู่ตรงหน้าของตนเอง ทว่าการที่ต้องการจะเรียนรู้และทำความเข้าใจมันนั้นอย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลากว่าสิบปี ซึ่งระยะเวลานี้ก็อาจจะเข้าใจได้เพียงแค่เบื้องต้นเท่านั้น
เพราะว่าการที่ต้องการควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมานั้นจำเป็นที่จะต้องใช้การดำเนินการที่ซับซ้อน จะต้องไหลเวียนจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์และวาดเส้นอักขระโบราณที่ซับซ้อนในความว่างเปล่า ซึ่งแต่ละเส้นนั้นจะไม่สามารถมีข้อผิดพลาดได้เด็ดขาด
หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา มันจะเป็นเหมือนกับการที่เรือล่มเมื่อจอด ส่งผลให้ผนึกวิญญาณล่มสลายไปทันที
อีกทั้งเส้นของอักขระโบราณเหล่านี้ มีกว่าหลายแสนเส้น มีจำนวนที่มากมาย ซึ่งดูซับซ้อนและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าใยแมงมุมเสียอีก
ดังนั้นต่อให้ศิลาจารึกนี้จะดำรงอยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณมาเป็นระยะเวลากว่าล้านปีนั้น ก็ยังคงไม่ค้นพบผู้สืบทอดที่เหมาะสม เพราะว่าการที่ต้องการจะหาผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจที่เรียนรู้ทักษะผนึกวิญญาณได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากอย่างถึงที่สุด
“อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จึงจะควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมาได้และเรียนรู้ทักษะลับนี้จนสำเร็จ?!”
เซี่ยปิงก็ค้นพบว่าด้วยพลังอำนาจของตนเองในตอนนี้นั้น การที่ต้องการจะควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมาจนประสบความสำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จึงจะมีความเป็นไปได้ในการที่จะเรียนรู้จนสำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จะเรียนรู้ทักษะลับนี้จนสำเร็จได้ ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมศัตรูเป็นจำนวนมากได้เช่นกัน
เพราะว่าการที่ต้องการควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมานั้น จำเป็นที่จะต้องแยกพลังอำนาจทางจิตวิญญาณบางส่วนออกมา นี่จะสร้างความเสียหายให้กับตนเองอย่างมาก ดังนั้นจำนวนในการที่จะควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมานั้นก็มีจำกัดเช่นกัน
บางทีหากไม่มีขีดจำกัดล่ะก็ เซนต์โลหิตวิญญาณก็คงจะกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานและกลายเป็นเจ้านายของเซนต์ทั่วทั้งจักรวาลแล้ว
ประการต่อมา พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของผู้ที่ใช้ทักษะผนึกวิญญาณนั้นจะต้องทรงอำนาจมากกว่าทาส ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลให้ผนึกวิญญาณล่มสลายในทันที อีกทั้งยังส่งผลสะท้อนกลับมาที่ตนเองเช่นกัน
ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำการคิดและคำนวณอย่างรอบคอบก่อนที่จะใช้ทักษะนี้ สิ่งมีชีวิตที่มีศักยภาพที่ไร้ที่สิ้นสุดและเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจมากกว่าตนเองนั้น ไม่สามารถที่จะใช้ทักษะผนึกวิญญาณกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ทว่านี่ก็ยังคงเป็นทักษะพลังวิญญาณในด้านการควบคุมที่น่าสะพรึงกลัว
หากใช้อย่างเหมาะสม มันจะนำพาผลประโยชน์มหาศาลมาสู่ตนเองอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมลูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์ ควบคุมผู้นำของกลุ่มอิทธิพลระดับสุดยอดหรือว่าควบคุมเซนต์บางคนก็ทำได้หากว่าตัวผู้ใช้มีพลังอำนาจที่เพียงพอ สรุปก็คือนี่เป็นไพ่ตายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ทำให้เซนต์จำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกเกรงกลัว ถือว่าเป็นทักษะต้องห้ามของจักรวาล ไม่สามารถที่จะให้ใครได้ครอบครอง
เมื่อใดที่ถูกค้นพบ จะต้องถูกหมายหัวโดยเซนต์ทั่วทั้งจักรวาลในทันที จะกลายเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดของจักรวาลและตายไปโดยที่ไร้ซากศพ
ทว่าพลังอำนาจของผนึกวิญญาณนั้นเป็นความลับสุดยอด หลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ การที่ต้องการค้นพบมันนั้นไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่าย
“ทักษะผนึกวิญญาณนี่ช่างวิเศษจริงๆ มีประโยชน์ใช้งานที่ไร้จุดสิ้นสุด”
เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกาย การที่ทักษะลับนี้สามารถที่จะควบคุมสิ่งมีชีวิตได้นั้น เพียงแค่นี้ก็ถือว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ทว่าในความเป็นจริงนั้นมันก็ยังมีประโยชน์ใช้งานอื่นๆอีก
อย่างเช่นสามารถที่จะฝังประทับตราวิญญาณภายในร่างของศัตรู ไม่ว่าศัตรูจะหลบหนีไปที่ใด ก็สามารถที่จะไล่ตามไปได้
ดังนั้นเดิมทีศัตรูที่ได้ท้าทายเซนต์โลหิตวิญญาณจึงถูกจับตัวและสังหารไปทั้งหมด ไม่มีใครรอดชีวิตทั้งนั้น
อีกทั้งมันก็สามารถที่จะปกป้องจิตวิญญาณได้เช่นกัน ปกป้องอาณาเขตจิตใต้สำนึกและความทรงจำ ขัดขวางศัตรูที่เชี่ยวชาญในด้านทักษะพลังวิญญาณจากการที่จะทำอันตรายต่อตนเอง
แน่นอนว่ายังมีประโยชน์ใช้งานอื่นๆที่เซี่ยปิงยังไม่ได้ค้นพบ นี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
“ทักษะผนึกวิญญาณนี้ช่างเป็นทักษะที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีใครได้ครอบครองมันอีกหรือไม่” ในตอนนี้เซี่ยปิงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทำไมเซนต์คนอื่นๆถึงได้หวาดกลัวเซนต์โลหิตวิญญาณยิ่งนัก หากฝึกฝนทักษะนี้จนสำเร็จ แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมสำหรับตนเอง
ทว่าหากทักษะลับนี้ตกอยู่ในมือของศัตรูล่ะก็ มันก็จะเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
บางทีในระหว่างที่ไม่รู้ตัวนั้น บุคคลที่ใกล้ชิดที่สุดของเราอาจจะถูกควบคุมโดยศัตรูได้ กลายเป็นคนทรยศ ในช่วงเวลาวิกฤติก็อาจจะใช้ดาบแทงข้างหลังของเรา
ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครจะยอมให้เกิดอย่างแน่นอน
“สบายใจได้ ทักษะผนึกวิญญาณที่อยู่ในศิลาจารึกนี้ได้ถูกกำจัดออกไปโดยระบบแล้ว ไม่มีใครที่จะสามารถสืบทอดทักษะผนึกวิญญาณมาจากศิลาจารึกนี้ได้อีกต่อไป” ระบบพูดออกมา “อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการสืบทอดทักษะผนึกวิญญาณนี้อยู่ในสถานที่อื่นๆเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะยืนยันได้”
ร้ายกาจ!
เซี่ยปิงรู้สึกนับถือ ระบบของเขานั้นช่างมหัศจรรย์อย่างมาก เห็นได้ชัดว่าศิลาจารึกนี้ก็เป็นสมบัติลับเช่นกัน คาดการณ์ได้ว่าอยู่ในระดับที่เหนือกว่าสิ่งประดิษฐ์วิญญาณเสียอีก พลังอำนาจปกติธรรมดานั้นไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายต่อมันได้แม้แต่นิดเดียว มีคุณสมบัติของความไร้เทียมทานก็ว่าได้
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับระบบ สิ่งนี้ก็ไม่มีพลังอำนาจในการต้านทาน ความรู้ที่สืบทอดกันมานานถูกระบบลบล้างออกไปอย่างง่ายดาย อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็เหมือนจะสูญเสียความทรงจำไป ไม่รู้ว่าตนเองเคยมีทักษะลับนี้มาก่อน
“ในเมื่อได้ครอบครองทักษะผนึกวิญญาณมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะออกไปจากสำนักวิญญาณ ไม่อย่างนั้นหากถูกค้นพบโดยยอดฝีมือคนอื่นๆของสำนักวิญญาณนั้น มันอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ได้”
เซี่ยปิงตัดสินใจที่จะออกไปจากสำนักวิญญาณ เดิมทีเขาต้องการที่จะครอบครองทักษะลับจำนวนมากมาจากศิลาจารึกนี้ ทว่าดูเหมือนว่าศิลาจารึกนี้จะไม่อนุญาตให้คนต่างถิ่นได้รับการสืบทอดทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณไป
เพื่อที่จะครอบครองทักษะผนึกวิญญาณนั้น เขาต้องใช้คะแนนความเกลียดชังไปถึง800ล้านคะแนน ตอนนี้ในตัวของเขานั้นมีคะแนนความเกลียดชังหลงเหลือเพียงแค่80ล้านคะแนนเท่านั้น
ดังนั้น เขาจึงไม่มีคะแนนความเกลียดชังเหลือในการสืบทอดทักษะลับอื่นๆที่อยู่ในภายในศิลาจารึก
สำหรับหลิวหยูหลานที่ถูกเทเลพอร์ตไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าวิญญาณนั้น คาดการณ์ได้ว่าเธอคงจะปลอดภัย คงจะไม่มีใครที่สามารถตามหาเธอได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นเขาจะต้องเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณโดยลำพัง
วิซ!
คิดได้แบบนี้ เซี่ยปิงก็ออกไปจากตำหนักสืบทอดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปที่จุดเทเลพอร์ตและกลับมาสู่เมืองฮวายหนิง
“สำเร็จแล้วหรือ?”
ในช่วงเวลานี้ แมวนักปราชญ์ก็ได้ออกมาจากหุบเขาพร้อมกับนำหินวิญญาณจำนวนมหาศาลกลับมาเช่นกัน ไม่มีใครที่ค้นพบมัน มันได้กลับมาที่เมืองฮวายหนิงเพื่อพบกับเซี่ยปิงอีกครั้ง
“สำเร็จแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณ”
เซี่ยปิงยิ้มออกมาเล็กน้อย การเก็บเกี่ยวของภารกิจครั้งนี้นั้นมหาศาล ไม่ใช่แค่เพียงครอบครองทักษะผนึกวิญญาณเท่านั้น ทว่าก็ได้ครอบครองหินวิญญาณมาเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน หากบอกคนอื่นๆเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวของตนเองล่ะก็ คาดการณ์ได้ว่าแม้แต่เซนต์เองก็คงจะรู้สึกอิจฉา
“เยี่ยมมาก” แมวนักปราชญ์พยักหน้า
ปัง~
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ยานอวกาศก็ได้บินออกไปจากสถานที่ลับแห่งหนึ่ง เซี่ยปิงและแมวนักปราชญ์ได้เดินทางจากทวีปโลหิตวิญญาณไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลานี้ ณ หุบเขาที่แมวนักปราชญ์ได้จากมา เมื่อปราศจากการควบคุมของแมวนักปราชญ์นั้นก็เหมือนกับว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น
ตอนที่ 1196
“ดูเร็ว พลังอำนาจของบาเรียนี้เหมือนกับว่ากำลังอ่อนแอลง”
ในช่วงเวลานี้ ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนของชนเผ่าวิญญาณก็ได้รวมตัวกันอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ พวกเขาต่างก็วิตกกังวลกันอย่างมาก กำลังมองดูสถานการณ์ของบาเรียตรงหน้า
บางคนที่มีพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เฉียบแหลมนั้น ตรวจจับได้อย่างกะทันหันว่าบาเรียตรงหน้านี้เหมือนกับว่าเกิดความผันผวนบางอย่าง เหมือนกับว่าพลังอำนาจของมันกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้แข็งแกร่งและไร้เทียมทานเหมือนกับก่อนหน้านี้
“ใช่ เป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ”
“นี่แสดงว่าผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณกำลังจะคลายลงหรือ?”
“มีความเป็นไปได้สูง นี่ก็ผ่านระยะเวลามาสองวัน การที่ผนึกจะอ่อนแอลงนั้นก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก”
“คาดการณ์ได้ว่ารออีกเพียงแค่หนึ่งวัน พวกเราก็จะได้เห็นเซนต์โลหิตวิญญาณ”
“ทว่าการที่พวกเราไม่สามารถจับตัวปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้น ไม่ได้ทำภารกิจที่ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่มอบหมายให้สำเร็จนั้น ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่จะไม่โมโหหรือ?”
“ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่เป็นคนที่ใจกว้าง เป็นไปได้อย่างไรที่จะโมโหกับเรื่องแค่นี้?!”
“ใช่ พวกเรารอดูเถอะ อีกไม่นานก็จะได้เห็นท่านบรรพบุรุษเก่าแก่ที่กลับมาอีกครั้ง”
ผู้คนต่างก็ตื่นเต้นกันอย่างมาก เมื่อคิดได้ว่าผนึกกำลังจะคลายลงและเซนต์โลหิตวิญญาณใกล้ที่จะออกมาจากบาเรียนี้นั้น พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งอารมณ์ของตนเองได้
เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว เซนต์โลหิตวิญญาณนั้นคือตำนานของทวีป ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณทุกคนต้องได้ยินถึงเรื่องราวของเซนต์โลหิตวิญญาณมาตั้งแต่เด็กๆ นี่มันช่างเป็นบุคคลในตำนานจริงๆ
ฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้นำกองกำลังจำนวนมากออกไป ใช้อำนาจและอิทธิพลอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่สามารถที่จะจับตัวปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นได้ ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย นี่มันเป็นความอัปยศอดสูที่ยิ่งใหญ่
พวกเขาไม่รู้ว่าเซนต์โลหิตวิญญาณจะรู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไร หากพวกเขาเผชิญกับการลงโทษอย่างหนักล่ะก็ คงจะเป็นโชคร้ายของพวกเขาจริงๆ
ทว่าระยะเวลาหนึ่งวันก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ค่ายกลบาเรียนี้ก็ยังคงไม่ได้หายไป ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่แม้แต่จะส่งเสียงใดๆออกมา
บางคนเริ่มรู้สึกตึงเครียด “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าท่านบรรพบุรุษเก่าแก่บอกว่าภายในระยะเวลาสามวันจะสามารถทำลายผนึกได้หรือ? ตอนนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้ว ทำไมถึงไม่มีวี่แววใดๆ? หรือว่าการทำลายผนึกจะล้มเหลว?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้จะล้มเหลวก็ควรที่จะต้องส่งเสียงออกมา อย่างน้อยท่านบรรพบุรุษที่อยู่ข้างในบาเรียจะต้องแจ้งพวกเราถึงเรื่องนี้ เจ้าอย่าพูดเรื่องที่จะทำให้ผู้คนตกอกตกใจเช่นนี้”
บางคนที่พูดโต้แย้งออกมาทันที
“ทว่าในกรณีนี้ ทำไมถึงไม่มีการตอบสนองใดๆ? ต่อให้จะล้มเหลว ก็ควรที่จะบอกพวกเรา” คนๆนั้นพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม เขาคิดว่าเรื่องนี้มันดูไม่ชอบมาพากลขึ้นเรื่อยๆ
ฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆก็พยักหน้าเช่นกัน พวกเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
“ข้าคิดว่าพวกเราไม่สามารถที่จะรอได้อีก การรอเช่นนี้จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์”
บางคนที่เริ่มหมดความอดทนได้พูดออกมา “ข้าคิดว่าพวกเราควรที่จะช่วยเหลือเช่นกัน ช่วยท่านบรรพบุรุษเก่าแก่ในการทำลายผนึกนี้ ทำไมพวกเราไม่โจมตีจากข้างนอกบาเรียเช่นกัน ประสานการโจมตีจากทั้งข้างนอกและข้างใน มันจะไม่ทำให้ผนึกถูกคลายเร็วขึ้นหรือ?”
“ข้าไม่เห็นด้วย ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ใครจะไปรู้กันว่าผนึกนี้มีกลไกการทำงานอย่างไร? หากเจ้าโจมตีออกไปอย่างสิ้นคิด มันอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหากับการปลดผนึกมากกว่าเดิม อาจจะทำให้ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่บาดเจ็บได้เช่นกัน ผลลัพธ์เช่นนี้เจ้าสามารถที่จะรับผิดชอบได้หรือ?”
บางคนที่พูดจาต่อว่าออกมา
“ช่างมันเถอะ หากเจ้าไม่กล้า ข้าจะทำเอง”
ชายวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดสีดำได้พูดแทรกขึ้นมา จากนั้นเขาก็ประเคนหมัดไปสู่บาเรียตรงหน้า
เดิมทีเขานั้นเตรียมพร้อมสำหรับการต้านทานของบาเรียนี้ ทว่าในตอนนี้ไม่คาดคิดว่าหมัดของเขาจะผ่านบาเรียนี้ไปได้โดยตรง ทำให้ร่างของเขานั้นล้มไปที่บาเรียเช่นกัน
วิซ วินาทีต่อมา ทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ได้จมหายไปในบาเรียเช่นนี้
อะไรกัน?!
ผู้คนต่างก็มองอย่างตกตะลึง มองหน้าซึ่งกันและกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้บาเรียนี้แข็งแรงทนทานแค่ไหน ต่อให้พวกเขาจะร่วมมือกันก็ไม่สามารถที่จะสร้างรอยขีดข่วนได้ ทว่าตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะเข้าไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดฝัน
“เป็นไปได้ว่าท่านบรรพบุรุษเก่าแก่อาจจะปลดผนึกได้แล้ว พวกเราลองเข้าไปดูเถอะ” ฉางซื่อเซิงตอบสนองในทันที ล่วงรู้ว่าบาเรียนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็ได้ก้าวเข้าไปในบาเรียนี้ทันที
ซู่ ซู่ ซู่!!!
คนอื่นๆก็มองหน้าซึ่งกันและกัน จากนั้นแต่ละคนก็ได้ก้าวตามฉางซื่อเซิงเข้าไปในบาเรีย
ทันใดนั้น ฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาข้างในพื้นที่ของค่ายกลบาเรียนี้
“ที่นี่คือพื้นที่ข้างในบาเรียอย่างนั้นหรือ? นี่มันอะไรกัน? ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่อยู่ที่ใด?” บางคนที่เดินเข้ามาและมองสำรวจออกไปรอบๆก่อนที่จะพบว่าข้างในพื้นที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลย
อย่าว่าแต่ภาพเงาของบรรพบุรุษเก่าแก่เลย แม้แต่ภาพเงาของคนๆเดียวก็ไม่มี
ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่แห่งนี้ก็กว้างใหญ่อย่างมากแต่ก็ไม่มีที่ให้ใครได้หลบซ่อนเช่นกัน
“หากไม่มีใครจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเศษกระดาษที่ปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้นั้นเป็นฝีมือของใครกัน?” บางคนที่รู้สึกสับสนอย่างมาก นี่มันช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด ก่อนหน้านี้มันคือภาพลวงตาอย่างนั้นหรือ?
“ใช่ หินวิญญาณ พวกเราได้โยนหินวิญญาณเข้ามามากมาย แต่ว่าทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้มีหินวิญญาณอยู่ที่นี่แม้แต่ก้อนเดียว?!” ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณตะโกนออกมา ไม่ใช่เพียงแค่ไม่ค้นพบใครเท่านั้น ทว่าแม้แต่หินวิญญาณก็ไม่ได้ค้นพบเช่นกัน ช่างเป็นเรื่องที่แปลกเกินไป
“เดี๋ยวก่อน บนโต๊ะนี้เหมือนกับว่ามีข้อความบางอย่างที่ถูกเขียนไว้”
ทันใดนั้นก็มีบางคนที่ค้นพบว่าเหมือนกับมีใครบางคนที่ได้ทิ้งข้อความเอาไว้บนโต๊ะในห้องหนังสือ
ผู้คนจำนวนมากที่ได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องหนังสือทันที จากนั้นก็ได้อ่านข้อความในทันที “การเดินทางของอู๋ไท่โต่วที่นี่ได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณสหายชนเผ่าวิญญาณทุกๆคนที่ได้มอบหินวิญญาณเหล่านี้เป็นของขวัญแก่ข้า คุณงามความดีครั้งนี้ข้าจะจดจำไปตลอดทั้งชีวิต ในอนาคตข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างแน่นอน”
“อู๋ไท่โต่ว ทำไมชื่อนี้ถึงฟังคุ้นหูยิ่งนัก เหมือนกับว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง”
ชายหัวโล้นได้ลูบศีรษะของตนเอง
“เจ้าโง่!”
บางคนที่อยู่ใกล้ได้ต่อว่าออกมาและตบเข้าไปที่ศีรษะของชายหัวโล้นทันที “แน่นอนว่าต้องคุ้นหู เจ้าอู๋ไท่โต่วนี่คือฆาตกรที่สังหารลูกชายของจ้าวสำนักฉาง เป็นผู้ที่มาจากนอกจักรวาล เป็นปีศาจต่างถิ่นที่ชั่วร้ายซึ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตา!”
ชายหัวโล้นคนนี้ก็ทำสีหน้าที่งุนงงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อสามวันก่อนได้อย่างรวดเร็ว
“เวรเอ๊ย แต่ทำไมเขาถึงต้องขอบคุณพวกเรา? เขาเป็นปีศาจต่างถิ่น เป็นผู้ที่ชนเผ่าวิญญาณของพวกเราไล่ล่า” บางคนที่อยู่ในสภาวะงุนงงอย่างถึงที่สุด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ? พวกเราถูกหลอกลวง ถูกหลอกลวง ผู้ที่อยู่ข้างในพื้นที่บาเรียนั้นไม่ใช่ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่ ทว่าเป็นเจ้าปีศาจต่างถิ่นอู๋ไท่โต่วนั่น เจ้าบัดซบนั่นใช้สถานะของท่านบรรพบุรุษเก่าแก่ในการหลอกลวงพวกเรา”
ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณคนหนึ่งที่ตะโกนออกมาอย่างโศกเศร้าและไม่พึงพอใจ การที่เห็นข้อความที่ทิ้งไว้นี้ มีที่ไหนที่เขาจะไม่เข้าใจอีก พวกเขาทั้งหมดได้หลงกลฝ่ายตรงข้ามแล้ว ถูกเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นหลอกลวงเหมือนกับเป็นคนโง่เขลาก็ว่าได้
ผู้คนจำนวนมากที่อยู่รอบๆก็เหมือนกับว่าเข้าใจได้อย่างกะทันหัน ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดเผือดเหมือนกับว่าภรรยามีชู้ก็ว่าได้
“ไม่มีทาง หินวิญญาณทั้งหมดที่พวกเราได้โยนเข้ามา มีจำนวนกว่า2-3แสนก้อน หินวิญญาณทั้งหมดหายไปไหนกัน?” มีบางคนที่ตะโกนออกมา “นั่นคือหินวิญญาณในจำนวนกว่า3แสนก้อน กองกันได้เป็นภูเขาขนาดเล็ก เขาจะนำพวกมันทั้งหมดกลับไปอย่างไร ไม่เกรงกลัวว่ามันจะทับเขาจนตายหรือ?!”
เขาไม่เข้าใจถึงจุดๆนี้ ก้อนหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก่อนนั้น ต่อให้คนๆหนึ่งจะมีสามเศียรหกกรก็ไม่สามารถที่จะนำกลับไปได้ นี่มันเทียบเท่ากับการเดินแบกภูเขาขนาดเล็กไว้บนหลังก็ว่าได้
ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะพวกเขาจะไม่ค้นพบ
“ยังจะต้องถามอีกหรือ? เขานั้นเป็นปีศาจต่างถิ่น ข้าได้ยินมาว่าบนตัวของปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้นั้นมีสมบัติที่มีชื่อว่าแหวนห้วงมิติอยู่ สามารถที่จะเก็บสิ่งของได้มากมาย คาดการณ์ได้ว่าไอ้ลูกหมานั่นก็คงจะขนย้ายหินวิญญาณทั้งหมดออกไปด้วยแหวนห้วงมิตินี้”
ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณตะโกนออกมา
ตอนที่ 1197
แหวนห้วงมิติ?!
ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากก็พยักหน้า พวกเขาและปีศาจต่างถิ่นนั้นได้เผชิญหน้ากันมานานหลายปี เกิดการต่อสู้นับไม่ถ้วน แน่นอนว่าต้องรู้ถึงสมบัติที่มีชื่อว่าแหวนห้วงมิติเช่นกัน
ซึ่งแม้แต่คนของพวกเขาบางคนก็มีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เป็่นไปไม่ได้ที่มีอยู่ทั่วไปเหมือนกับสังคมของปีศาจต่างถิ่น มีเพียงแค่ผู้มีอิทธิพลระดับสูงของสำนักวิญญาณหรือว่าผู้อาวุโสของตระกูลที่ยิ่งใหญ่บางตระกูลเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติในการครอบครองสมบัติเช่นนี้
ทว่าพื้นที่ของแหวนห้วงมิตินั้นก็มีจำกัดเช่นกัน ไม่สามารถที่จะรองรับหินวิญญาณเป็นจำนวนกว่าสามแสนก้อนได้อย่างแน่นอน ดังนั้นในช่วงเวลานี้พวกเขาจึงประสาทและไม่คาดคิดถึงจุดๆนี้
“นี่มันไม่ถูกต้อง”
บางคนที่ตะโกนออกมา “ต่อให้เขาจะมีแหวนห้วงมิติเป็นจำนวนมากซึ่งสามารถที่จะเก็บหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนได้ทั้งหมดนั้น ทว่าแท้ที่จริงแล้วเขาหลบหนีออกไปอย่างไรกัน?”
“ต้องรู้ด้วยว่าพื้นที่ในระยะรอบๆกว่าร้อยกิโลเมตรนั้นถูกปิดกั้นเส้นทางโดยยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณของพวกเรา แม้แต่น้ำหยดเดียวก็ไม่สามารถที่จะผ่านไปได้ ต่อให้จะเป็นแมลงวันที่บินออกไป พวกเราก็สามารถที่จะรับรู้ได้อย่างชัดเจน อันที่จริงเขาหลบหนีออกไปได้อย่างไรกัน?”
ผู้คนต่างก็พยักหน้า เพราะว่าจุดๆนี้ พวกเขาจึงไม่ได้เป็นกังวลว่าผู้ที่อยู่ข้างในพื้นที่บาเรียนั้นจะเป็นตัวปลอม เพราะว่าถึงอย่างไรยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากก็คุ้มกันอยู่รอบๆสถานที่แห่งนี้ ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นก็มีในจำนวนที่นับไม่ได้
ซึ่งการที่พวกเขาห้อมล้อมหุบเขาแห่งนี้อยู่นั้น ถามว่าฝ่ายตรงข้ามจะหลบหนีอออกไปได้อย่างไรกัน
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ไม่ได้เป็นกังวลถึงพลังอำนาจของผู้ที่อยู่ข้างในพื้นที่บาเรีย ภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ต่อให้จะมีแกนพลังฉีที่ทรงอำนาจนั้น ทว่าก็จะยังคงถูกยับยั้งโดยกฎแห่งธรรมชาติของดินแดนผืนนี้ จะไม่มีทางอยู่เหนือกว่าระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเทียบเท่ากับระดับของพวกเขา
มีเพียงแค่ว่าการที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นเซนต์โลหิตวิญญาณซึ่งก็คือผู้ที่สร้างทวีปโลหิตวิญญาณนี้ขึ้นมาเท่านั้นที่จะมีความเป็นไปได้ในการทำลายกฎแห่งธรรมชาติของโลกใบนี้ ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าก็ไม่สามารถที่จะก้าวผ่านข้อจำกัดนี้ได้
ดังนั้น ภายใต้การยับยั้งของพลังอำนาจของทวีปแห่งนี้ พวกเขาจึงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม หากฝ่ายตรงข้ามเป็นตัวปลอม พวกเขาก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ล่วงรู้อย่างแน่นอนว่าทำไมดอกไม้ถึงเป็นสีแดง
ทว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวปลอมเท่านั้น ทว่ายังเสแสร้งเป็นเซนต์โลหิตวิญญาณ อีกทั้งยังหลบหนีออกไปจากการห้อมล้อมของพวกเขาอย่างไร้ร่องรอย เหมือนกับหายไปในกลีบเมฆก็ว่าได้
นี่ทำให้พวกเขาโมโหอย่างมาก
“อุโมงค์ใต้ดิน ที่นี่มีอุโมงค์ใต้ดินอยู่ ไอ้ลูกหมานั่นหลบหนีออกไปจากทางนี้” บางคนที่ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าข้างใต้พื้นดินแห่งนี้มีรูขนาดใหญ่ปรากฏอยู่
ทว่ารูขนาดใหญ่นี้ลึกเกินไปจนมองไม่เห็นข้างใต้ ผู้บ่มเพาะของชนเผ่าวิญญาณบางคนได้ลงไปสำรวจทันที ค้นพบว่าอุโมงค์ใต้ดินนี้เจาะลึกลงไปกว่าหลายร้อยเมตร ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความยาวกว่าหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งนำทางไปสู่สถานที่อีกแห่งหนึ่งโดยตรงและอยู่ห่างไกลไปจากหุบเขาแห่งนี้อย่างมาก
คาดการณ์ได้ว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นก็คงจะใช้อุโมงค์ใต้ดินนี้ในการหลบหนีออกไปอย่างอิสระ ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกใครค้นพบ
เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วต่อให้พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะร้ายกาจเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสัมผัสได้ถึงใต้ดินที่ลึกลงไปหลายร้อยเมตร ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีใครที่มีความคิดที่จะทำการสำรวจใต้ผืนโลกอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
ดังนั้นเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นจึงได้หลบหนีออกไปจากหุบเขาเช่นนี้ ไม่มีใครที่สามารถค้นพบได้
“แม่เจ้า อันที่จริงเจ้านี่ขุดอุโมงค์ใต้ดินด้วยวิธีการไหนกัน? ช่างเป็นเหมือนกับโครงการท่อระบายน้ำที่กว้างขว้าง ไม่คาดคิดว่าจะขุดอุโมงค์ยาวออกไปหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อทำเส้นทางหลบหนี เจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ช่างเป็นคนเสียสติอย่างแท้จริง”
กลุ่มของผู้คนที่ตกตะลึง การที่ขุดอุโมงค์ใต้ดินที่มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรนั้น พวกเขาไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ถึงโครงการที่ใหญ่เช่นนี้ ต่อให้ผู้คนจำนวนหลายหมื่นคนที่ร่วมมือกันนั้น ก็ยังต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน
ในการที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้ อันที่จริงเจ้านี่ใช้ระยะเวลานานแค่ไหนกัน?
ทว่าพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าการที่ขุดอุโมงค์ใต้ดินนี้สำหรับเซี่ยปิงนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากหรือเรียกว่าง่ายดายสำหรับสไลม์ทองคงจะเหมาะสมกว่า
มันใช้ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ก็สามารถที่จะขุดอุโมงค์ใต้ดินนี้จนเสร็จสมบูรณ์ ดินในปริมาณที่มหาศาลถูกมันกลืนกินเข้าไปจนหมดจด
หากให้เวลามันที่มากพอล่ะก็ ต่อให้จะขุดทั่วทั้งดาวเคราะห์นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมัน
“เจ้าบัดซบอู๋ไท่โต่ว ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้าอย่างแน่นอน แม้แต่หินวิญญาณสามแสนก้อนก็ถูกขโมยไปโดยไอ้ลูกหมานี่ ไม่มีแม้แต่เส้นผมที่หลงเหลืออยู่ ช่างละโมบยิ่งนัก ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์หรือ?!”
ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณโมโหขึ้นมา เขานั้นหดหู่อย่างมาก หินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่สามารถจินตนาการได้ แม้แต่ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้มีมูลค่าที่มากไปกว่านี้
แม้แต่ปีศาจต่างถิ่นคนอื่นๆที่มาที่ทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้เพื่อทำภารกิจนั้น หากสามารถที่จะรอดชีวิตกลับออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ การที่ทุกๆคนก็ได้ครอบครองหินวิญญาณไปสิบกว่าก้อนนั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
ทว่าตอนนี้ไม่คาดคิดหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนจะถูกเจ้าบัดซบนี้ปล้นชิงไปทั้งหมด นี่มันช่างเป็นการขูดเลือดขูดเนื้อของพวกเขาก็ว่าได้
“เจ้าบัดซบนั่นไม่รู้ว่าเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายแค่ไหน”
“หินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนก็กล้าที่จะขโมยไป มีที่ไหนบนโลกนี้ที่จะมีนักต้มตุ๋นเช่นนี้อีก”
“ไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะการที่ใช้ชื่อของท่านบรรพบุรุษเก่าแก่เพื่อหลอกลวงพวกเราเช่นนี้ ช่างไม่มีความละอายใจแม้แต่น้อย”
“เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ข้าจะสามารถไว้ใจใครได้อีก?”
“ช่างเป็นปีศาจต่างถิ่นจริงๆ แต่ละคนต่างก็ไม่รู้จักความผิดชอบชั่วดี ไม่มีศีลธรรมในหัวใจแม้แต่น้อย”
“เจ้าบัดซบอู๋ไท่โต่ว ข้าขอสาปแช่งให้ลูกชายของเจ้าเกิดมาไม่มีช้างน้อย”
ยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากต่างก็ต่อว่าออกมา ปรารถนาที่จะอัดเจ้าเซี่ยปิงอย่างป่าเถื่อน ระบายความโกรธแค้นในหัวใจ
ผู้คนต่างก็โมโหที่ตนเองถูกหลอกลวงเช่นนี้ หากเซี่ยปิงปรากฎตัวขึ้นที่นี่ จะต้องถูกผู้คนที่โมโหเหล่านี้ฉีกกลายเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน แม้แต่เศษซากใดๆของร่างกายก็ไม่มีเหลือ
“อู๋ไท่โต่ว ข้าจะต้องสังหารเจ้าให้ได้!”
ตึบ ฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณไม่สามารถที่จะยับยั้งตนเองได้อีกต่อไป เขาใช้ฝ่ามือตบลงไปที่โต๊ะทันที ทันใดนั้นโต๊ะไม้นี้ก็แตกกระจุยกระจายออกไป ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวได้แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
เจ้าปีศาจต่างถิ่นบัดซบนั่นไม่ใช่เพียงแค่สังหารลูกชายขอตนเอง ทว่ายังปล้นชิงหินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนไปจากทวีปโลหิตวิญญาณอย่างสบายใจ นี่คือความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน
คาดการณ์ได้ว่าคงจะไม่มีใครที่รู้สึกโมโหไปมากกว่าเขาอีก
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็รู้สึกได้ถึงความโมโหของฉางซื่อเซิง เป็นเหมือนกับพระวัชระที่คลุ้มคลั่งก็ว่าได้ จะต้องสังหารปีศาจและเดม่อนให้หมดสิ้น กำจัดความชั่วร้ายไปจากสังคม หากเทพเจ้ากีดขวาง ก็จะสังหารเทพเจ้า หากพระอรหันต์ขัดขวาง ก็จะสังหารพระอรหันต์เช่นกัน
“ขอรายงาน!”
ทันใดนั้นยอดฝีมือของสำนักวิญญาณคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาจากระยะที่ห่างออกไป มาถึงข้างกายของฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆโดยตรง สีหน้าของเขานั้นแตกตื่นอย่างมาก เหงื่อโชกทั่วทั้งตัว มีท่าทางเหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
“เจ้าคือหัวหน้าผู้คุ้มกันของสำนักวิญญาณสาขาหลักไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่อยู่คุ้มกันที่สาขาหลัก หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่สาขาหลักอย่างนั้นหรือ?!” ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณคนหนึ่งที่จดจำสถานะของคนๆนี้ได้ทันที
หัวใจของฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆต่างก็บีบรัดแน่น พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องที่ร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้น
คนๆนั้นตะโกนออกมาทันที “เรียนท่านจ้าวสำนักและท่านผู้อาวุโสทุกๆคน ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่กับสำนักวิญญาณสาขาหลัก ตำหนักสืบทอดถูกบุกรุกโดยปีศาจต่างถิ่น ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณจำนวนมากถูกอัดจนหมดสติไป แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา”
“หากไม่ใช่เป็นเพราะสงสัยว่าภายในตำหนักสืบทอดไม่ได้มีเสียงใดๆดังขึ้นมาเป็นระยะเวลานานและได้ส่งผู้คุ้มกันออกไปตรวจสอบนั้น ก็คงจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องที่ร้ายแรงข้างในตำหนักสืบทอด”
อะไรนะ?!
ผู้คนต่างก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา การสูญเสียหินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนนั้น เป็นเพียงแค่การสูญเสียสิ่งของนอกกายเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไรมากมาย เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นก็ยังคงมีหินวิญญาณอยู่อีกมาก ไม่ช้าก็เร็วจะสามารถหามาทดแทนได้หมด
ทว่าตำหนักสืบทอดนั้นแตกต่างออกไป นี่คือรากฐานการสืบทอดทักษะของชนเผ่าวิญญาณ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสถานที่แห่งนั้น ต่อให้พวกเขาจะตายไปเป็นจำนวนนับหมื่นคน ก็ไม่สามารถที่จะชดใช้กับความสูญเสียนี้ได้
ตอนที่ 1198
“ท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับตำหนักสืบทอด?”
ผู้อาวุโสจำนวนมากของสำนักวิญญาณต่างก็มองผู้คุ้มกันคนนี้ด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด สัญชาตญาณของพวกเขากำลังบ่งบอกว่านี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดที่เกิดขึ้นกับตำหนักสืบทอดนั้นล้วนเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างถึงที่สุด ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยได้
“หากดูจากผิวเผินก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงแค่การที่ผู้อาวุโสบางคนหมดสติไปและไม่ได้รับอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงนัก ทว่าข้ารู้สึกได้ว่าทักษะลับบางอย่างของชนเผ่าวิญญาณพวกเราอาจจะถูกขโมยไป”
ผู้คุ้มกันคนนี้พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม สีหน้าของเขานั้นมืดมนอย่างถึงที่สุด
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าถูกขโมยไป? ต่อให้จะสามารถเข้าไปในตำหนักสืบทอดได้ ทว่าศิลาจารึกนั้นเป็นสมบัติลับของพวกเราชนเผ่าวิญญาณ หากไม่ใช่ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะรับการสืบทอดทักษะจากศิลาจารึก”
บางคนที่ถามขึ้นมา
ผู้คุ้มกันมีสีหน้าที่แปลกประหลาดและพูดออกมาว่า “เพราะว่าบนกำแพงของตำหนักสืบทอดนั้นมีข้อความที่เจ้าโจรขโมยนั่นได้เขียนไว้: ช่างผิดหวังจริงๆ ไม่คาดคิดว่าการป้องกันของสำนักวิญญาณจะหละหลวมเช่นนี้ ข้าได้ขโมยทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณมา ถือว่าเป็นของที่ระลึก ลงนาม อู๋ไท่โต่ว”
“อะไรนะ อู๋ไท่โต่ว?!”
ได้ยินเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็สะดุ้งตกใจทันที ไม่กล้าที่จะเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน พวกเขาต่างก็จ้องมองไปที่ผู้คุ้มกันคนนี้อย่างไม่ละสายตา
โดยเฉพาะจ้าวสำนักฉางซื่อเซิง สายตาที่เขามองเหมือนกับว่าจะกินคนๆนั้นก็ว่าได้ จิตสังหารทะยานขึ้นสู่สวรรค์ เหมือนกับว่าจะสามารถเจาะทะลวงผ่านสวรรค์ก็ว่าได้
“ใช่ อู๋ไทโต่ว นี่พวกท่านรู้หรือว่าเขาเป็นใคร?” การที่ผู้คุ้มกันคนนี้ถูกจ้องมองโดยผู้คนจำนวนมาก อีกทั้งยังมีจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมานั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เหมือนกับถูกจับจ้องโดยอสูรที่ดุร้ายก็ว่าได้
“รู้สิ ต่อให้จะกลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าก็ยังคงรู้ว่าเจ้าบัดซบนั่นเป็นใคร เขาได้ปั่นหัวผู้คนทั่วทั้งทวีปของพวกเรา เห็นพวกเราเป็นคนโง่เขลาที่สามารถหลอกลวงได้อย่างง่ายดาย เขาเพิ่งที่จะขโมยหินวิญญาณไปจากที่นี่เป็นจำนวนกว่าสามแสนก้อน จำนวนกว่าสามแสนก้อน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอะไร อ๊าก!”
ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณคำรามออกสู่ท้องฟ้า เมื่อคิดได้ว่าหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนได้หายไปในอากาศและเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของปีศาจต่างถิ่นนั้น เขาก็รู้สึกโศกเศร้าอย่างมาก เหมือนกับว่าเลือดเนื้อในร่างกายของตนเองถูกตัดออกไปก็ว่าได้
หินวิญญาณกว่าสามแสนก้อน?!
หัวหน้าผู้คุ้มกันของสำนักวิญญาณคนนั้นก็ตกใจอย่างมาก ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทา นี่คือตัวเลขที่น่าสะพรึงกลัว อันที่จริงเขาไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ด้วยซ้ำว่ามันมีมูลค่าเป็นเงินจำนวนมากแค่ไหน นี่จะต้องเป็นตัวเลขที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน
คนอื่นๆก็มีสีหน้าที่ซีดเซียว นึกขึ้นได้ว่าตนเองได้มอบหินวิญญาณให้กับเจ้าปีศาจต่างถิ่นนั่นอย่างโง่เขลา พวกเขาก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา ต้องการที่จะตบใบหน้าของตนเอง นี่มันไม่ใช่เป็นการโยนเงินให้กับศัตรูอย่างนั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็ร่าเริงกันอย่างมาก
คิดได้ถึงจุดๆนี้ พวกเขาก็ปรารถนาที่จะขุดหลุมฝังตัวเอง ช่างเป็นการทำให้ตัวเองเสียหน้าอย่างแท้จริง
“เวรเอ๊ย เจ้าบัดซบนี่ช่างยโสโอหังเกินไป ยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ขโมยทักษะลับของสำนักวิญญาณของพวกเราไปไม่พอ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าเป่าประกาศชื่อของตนเองอย่างเปิดเผยเช่นนี้ เกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะไม่รู้ว่านี่เป็นการกระทำของเขา เจ้านี่จะยโสโอหังไปจนถึงขั้นไหนกัน เมื่อไหร่กันที่พวกเราเป็นเพียงแค่มดปลวกที่เขาจะสามารถบี้ได้ง่ายๆ?” ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณอีกคนหนึ่งที่คำรามออกมา
เขานั้นโมโหจนกัดฟันอย่างแน่น เขาใช้ชีวิตอยู่มานานกว่าห้าร้อยปี ได้พบเจอปีศาจต่างถิ่นมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นปีศาจต่างถิ่นที่โหดเหี้ยมหรือว่าชั่วร้ายเพียงใด เขาก็เคยพบมาหมดแล้ว
ทว่าเขานั้นไม่เคยเห็นปีศาจต่างถิ่นที่ยโสโอหังเช่นนี้มาก่อน ขโมยทักษะลับของพวกเขาไปไม่พอ ทว่ายังเขียนข้อความบอกว่าเป็นของที่ระลึก ทำเหมือนกับตนเองมาท่องเที่ยวในทวีปแห่งนี้และได้ทิ้งข้อความขอบคุณพวกเขาสำหรับความมีน้ำใจ
ของที่ระลึกตูดเจ้าสิ! พวกเขาต่างก็ปรารถนาที่จะจับเจ้าชายคนนี้ถลกหนังออกมาทันที ฉีกร่างกายให้เป็นพันๆชิ้นและโยนให้สุนัขกิน
นี่มันเป็นการตบใบหน้าของพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม ตบจนใบหน้าบวมเป่งและแทบที่จะไม่สามารถหายใจได้
พวกเขาแต่ละคนต่างก็รู้สึกได้ถึงความอัปยศอดสูที่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิต ต่อให้ภรรยาของตนเองจะมีชู้ ก็ยังคงไม่ได้รู้สึกแย่ได้เท่านี้
“บัดซบ เขาไม่ใช่เพียงแค่หลอกลวงเอาหินวิญญาณของพวกเราไปเป็นจำนวนมาก ไม่คาดคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ในการลักลอบเข้าไปในตำหนักสืบทอดภายในสำนักวิญญาณสาขาหลัก แย่งชิงทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณของพวกเราไป พวกเราและเขาจะต้องมีความอาฆาตแค้นอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน!”
“ไม่สามารถให้อภัยได้ ไม่สามารถให้อภัยไอ้ลูกหมานั่นอย่างแน่นอน ข้าขอสาบานว่าจะจับตัวเขามาให้ได้และฉีกร่างกายของเขาให้เป็นพันๆชิ้น”
“อันที่จริงเจ้าบัดซบนั่นอยู่ที่ใดกัน พวกเราจะออกไปตามล่าเขาทันที จะต้องสังหารเขาให้ได้ อ๊าก!”
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าอู๋ไท่โต่วคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของชนเผ่าวิญญาณของพวกเรา ข้าขอสาบานว่าจะต้องสังหารเขาให้ได้!”
ยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณแต่ละคนต่างก็คำรามออกมา จิตสังหารกำลังเดือดดาล เกือบที่จะก่อตัวขึ้นเป็นสสาร จิตสังหารนั้นเข้มข้นจนเหมือนกับว่าจะทำปฏิกิริยากับโลกก็ว่าได้ ทำให้ท้องฟ้าและแผ่นดินแปรปรวน
ทั่วทั้งท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีเลือด แม้แต่แสงอาทิตย์ก็สลัวลง สายลมที่หนาวเหน็บพัดผ่าน เสียงคร่ำครวญของภูตผีวิญญาณดังขึ้นมา ทุกๆคนต่างก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่แทรกซึมเข้าไปถึงกระดูก
“ทว่าการที่เจ้าปีศาจต่างถิ่นนั่นได้ทำเรื่องที่สั่นสะท้านสวรรค์เช่นนี้ คาดการณ์ได้ว่าคงจะหลบหนีออกไปโดยที่ไร้ร่องรอย หลบหนีออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณ เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเราจะตามจับเขาได้อีก?” บางคนที่พูดออกมาอย่างสิ้นหวัง
พวกเขาชนเผ่าวิญญาณนั้นถูกกลุ่มอิทธิพลมากมายในจักรวาลที่จับตาดูอยู่ แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถที่จะบินออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณได้ หากฝ่ายตรงข้ามได้ออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณล่ะก็ จากนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกใดๆ ทำได้เพียงแค่มองดูฝ่ายตรงข้ามที่หลบหนีออกไปอย่างไร้หาทาง
ทันใดนั้นทุกๆคนก็รู้สึกหดหู่ สิ่งที่น่าสิ้นหวังที่สุดก็คือการที่ตนเองทำได้เพียงแค่มองดูศัตรูที่โลดแล่นอย่างอิสระอยู่เหนือกฎหมาย ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นี่มันเป็นเรื่องที่น่าหดหู่อย่างถึงที่สุด
“ไม่ต้องกังวลไป”
ฉางซื่อเซิงแสยะออกมา “ต่อให้เขาจะออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้ พวกเราจะกระจายข่าวเรื่องที่เขามีหินวิญญาณกว่าสามแสนก้อนอยู่ในการครอบครองทันที ทำให้ทุกๆคนทั่วทั้งทวีปล่วงรู้ถึงเรื่องนี้และทำให้พวกปีศาจต่างถิ่นทั่วทั้งจักรวาลล่วงรู้เช่นกัน”
“เมื่อถึงเวลานั้น ผู้ที่ต้องการสังหารเขาภายในจักรวาลนั้น คาดการณ์ได้ว่าคงจะมีมากกว่าผู้คนของชนเผ่าวิญญาณของพวกเราเสียอีก”
เขาได้เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา
“ใช่ แม้แต่ในจักรวาลหินวิญญาณก็ถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างถึงที่สุด ไม่ได้มีมูลค่าที่น้อยเลย”
“พูดถูก การที่ทุกๆปีกลุ่มของปีศาจต่างถิ่นจะทำทุกวิถีทางเพื่อเดินทางมาที่ทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ไม่ใช่เพื่อครอบครองหินวิญญาณเหล่านี้หรือ? เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นต่างก็หวังที่จะได้ครอบครองหินวิญญาณกันทั้งนั้น”
“บนตัวของเจ้านั่นมีหินวิญญาณอยู่กว่าสามแสนก้อน หากข่าวเรื่องนี้ได้แพร่งพรายออกไป เหล่าปีศาจต่างถิ่นที่ต้องการครอบครองหินวิญญาณนั้นจะต้องถาโถมเข้าหาเขาอย่างแน่นอน”
“ต่อให้เจ้านักต้มตุ๋นอู๋ไท่โต่วจะร้ายกาจเพียงใด สองมือก็ยากที่จะต่อกรกับสี่มือ จะต้องตายภายใต้การห้อมล้อมของกองทัพศัตรู ไม่มีโอกาสที่จะได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่มีวิธีการในการสังหารเจ้าปีศาจต่างถิ่นนั่นด้วยตนเอง ทว่าตราบใดที่เขาตายไป พวกเราก็จะมีความสุขเช่นกัน”
“ชาญฉลาดจริงๆ แผนการนี้ช่างชาญฉลาดจริงๆ”
“ทว่าหากปล่อยข่าวนี้ออกไป จากนั้นพวกเราจะไม่เสียหน้าครั้งใหญ่หรือ?”
“จะต้องกังวลเรื่องเสียหน้าไปอีกทำไมกัน?! เขาได้ปล้นขโมยทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณไป อีกทั้งยังได้หลอกลวงหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนไปจากพวกเรา ข้าต้องการความตายของเขาเพื่อที่จะบรรเทาความโกรธแค้นครั้งนี้ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าหลอกลวงพวกเราเช่นนี้ ข้าจะต้องสังหารเขาให้ได้”
“ใช่ ต่อให้จะไม่ได้หินวิญญาณกลับคืนมาก็ไม่เป็นไร ทว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นจะต้องตาย”
ผู้คนต่างก็โมโหจนกัดฟันอย่างแน่น พวกเขานั้นต่างก็เกลียดชังเจ้าปีศาจต่างถิ่นอู๋ไท่โต่วไปจนถึงไขกระดูกดำ
“รีบออกไปเผยแพร่ข่าวเรื่องนี้ทันที ออกหมายจับตัวเจ้าปีศาจต่างถิ่นอู๋ไท่โต่วนี่ทันทีโดยที่ไม่ต้องคำนึงว่าจะจับเป็นหรือจับตาย!” ฉางซื่อเซิงคำรามออกมา ทันใดนั้นก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งออกไป
“รับทราบ!”
ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณจำนวนมากต่างก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห ทันใดนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที
ซู่ ซู่ ซู่!!!
พวกเขาแต่ละคนต่างก็กลับไปที่เมืองฮวายหนิง จากนั้นก็แยกตัวออกไปตามเมืองต่างๆ ใช้พลังอำนาจและอิทธิพลทั้งหมดของสำนักวิญญาณ ปล่อยข่าวเรื่องหมายจับของเจ้าอู๋ไท่โต่ว ทำให้ทุกๆคนได้รู้ถึงเรื่องนี้
ซึ่งแม้แต่นักวิทยายุทธของนอกจักรวาลที่อยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณก็ได้ล่วงรู้ถึงข่าวนี้เช่นกัน
ตอนที่ 1199
ในช่วงเวลานี้ นักวิทยายุทธจากนอกจักรวาลแต่ละคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในมุมต่างๆของทวีปโลหิตวิญญาณก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วข่าวนี้ก็เป็นเรื่องที่ใหญ่โตเกินไป ไม่ว่าใครก็สามารถล่วงรู้ได้
อู๋ไท่โต่วได้กลายเป็นอาชญากรที่มีรางวัลค่าหัวที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปโลหิตวิญญาณ อาจเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรหมายเลขหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆนั้นโมโหเซี่ยปิงแค่ไหน
“แม่เจ้า ไม่คาดคิดว่าจะมีใครบางคนที่ได้ครอบครองหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนมาจากชนเผ่าวิญญาณ นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์จริงๆ ท้ายที่สุดแล้วหินวิญญาณเหล่านี้มีมูลค่าเท่าไหร่กัน?”
บางคนที่พูดออกมา หลังจากที่ได้รับข่าวนี้ เขาก็มีอาการตกใจอย่างมาก หินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่กัน เขาไม่รู้ว่าจะทำการคำนวณพวกมันอย่างไร
คาดการณ์ได้ว่าต่อให้เขาจะทำงานหนักไปทั้งชีวิตก็คงจะไม่ได้รับเงินในจำนวนนี้มา ทว่าตอนนี้กลับมีคนๆหนึ่งที่ได้รับมาอย่างง่ายดาย
“ใช่ เป็นตัวเลขที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก หากนำหินวิญญาณเหล่านี้ไปขายในจักรวาล จะได้ครอบครองความมั่งคั่งอย่างมหาศาล เพียงพอที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายไปนับสิบชาติ จะสามารถซื้อทรัพยากรในการบ่มเพาะจนพัฒนาไปถึงจุดที่ไม่สามารถคาดฝันได้”
“ข้าก็ได้รับข่าวนี้เช่นนี้ ว่ากันว่าผู้ที่กระทำเรื่องที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกเช่นนี้นั้นมีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว ทว่าอันที่จริงไม่รู้ว่าเขานั้นมีสถานะเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าเป็นนักบ่มเพาะอิสระหรือว่าเป็นลูกศิษย์ของนิกายระดับเซนต์”
“ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่ได้ครอบครองหินวิญญาณมากว่าสามแสนก้อนเท่านั้น ได้ยินมาว่าเขาก็ได้ลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณสาขาหลักและสามารถที่จะขโมยทักษะลับข้างในศิลาจารึกได้จนสำเร็จเช่นกัน นี่มันเป็นโชคลาภที่มหาศาลจริงๆ”
กลุ่มของผู้คนที่รู้สึกอิจฉาตาร้อน พวกเขานั้นปรารถนาที่จะสลับตนเองกับอู๋ไท่โต่ว การที่ได้ครอบครองหินวิญญาณในจำนวนกว่าสามแสนก้อนนั้น แม้แต่ในทั้งชีวิตนี้พวกเขาก็ไม่เคยคาดหวังมาก่อนว่าตนเองจะได้รับความมั่งมั่งในจำนวนมากเช่นนี้
ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้นั้น แต่ละคนต่างก็มีดวงตาที่แดงก่ำ
“บัดซบ กลุ่มผู้คุ้มกันของชนเผ่าวิญญาณนั้นเป็นกลุ่มคนสติปัญญาเสื่อมอย่างนั้นหรือ? ไม่คาดคิดว่าจะปล่อยให้เจ้านั่นผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระ ทำเหมือนกับว่าสำนักวิญญาณเป็นบ้านของตนเอง หากข้าลองทำเช่นกัน บางทีอาจจะสามารถลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณและปล้นชิงทรัพย์สินมาได้อย่างมหาศาล ร่ำรวยขึ้นมาภายในคืนเดียว”
บางคนที่เผยสายตาที่ละโมบออกมา ต้องการที่จะเลียนแบบการกระทำของอู๋ไท่โต่ว ลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณและปล้นชิงทรัพย์สินข้างใน
“เจ้าโง่ หากมันเรียบง่ายเช่นนั้น สำนักวิญญาณก็คงจะล่มสลายไปนานแล้ว มีที่ไหนที่จะอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งก็เคยมีผู้คนจำนวนมากที่มีความคิดแบบเจ้า ทว่าพวกเขาทั้งหมดก็ได้ตายไป”
บางคนที่พูดออกมาอย่างเหยียดหยาม คิดว่านี่เป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง เขาได้ฟังคำเตือนของศิษย์พี่จำนวนนับไม่ถ้วน บอกว่าห้ามคิดที่จะลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นจะต้องเผชิญกับความตายอย่างแน่นอน
เดิมทีเพียงแค่การเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นก็เป็นเรื่องที่อันตรายมากแล้ว การที่ต้องการจะแอบลักลอบเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของศัตรูนั้น นี่ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?
“ถึงแม้ว่าการแอบลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณนั้นจะเป็นพฤติกรรมที่โง่เขลาอย่างมากและไม่สามารถที่จะทำได้ ทว่าหากพวกเราหาตัวเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นและสังหารเจ้านั่น จากนั้นก็จะสามารถครอบครองหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนมาได้ไม่ใช่หรือ?”
บางคนที่เผยสายตาที่โหดเหี้ยมออกมา สำหรับสำนักวิญญาณสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไป ทว่าสำหรับเจ้าอู๋ไท่โต่วที่อยู่เพียงลำพังนั้น การจัดการกับเขาเป็นเรื่องที่ง่ายดายกว่ามาก
นี่มันเหมือนกับการที่เด็กอายุสามขวบได้ครอบครองเงินล้านมาจากครอบครัวอย่างกะทันหันก็ว่าได้ การที่คนอื่นๆที่รู้เรื่องนี้จะไม่มีความละโมบและคิดแย่งชิงนั้น นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“พูดถูก รีบหาเบาะแสของเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นทันที แย่งชิงหินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนไปจากเขา”
“หากพบเจอเจ้านั่น บางทีอาจจะไม่ใช่เพียงแค่ได้ครอบครองหินวิญญาณเท่านั้น ทว่าอาจจะสามารถครอบครองทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณได้เช่นกัน เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
“แต่คาดการณ์ได้ว่าเขาคงจะเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณแล้วในตอนนี้ พวกเราจะตามหาเขาอย่างไร?”
“เหอะ เขาไม่สามารถที่จะหลบหนีได้ พวกเรายังมีเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองมากมายอยู่ในจักรวาล เมื่อใดที่ค้นพบว่ามีใครบางคนขายหินวิญญาณในจำนวนมหาศาลนั้น ทันใดนั้นจะสามารถค้นพบตำแหน่งของเขาได้อย่างแน่นอน เขาไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้”
“ใช่ เมื่อใดที่ค้นพบตำแหน่งของเขา สมบัติทั้งหมดของเขาก็จะกลายเป็นของพวกเรา”
ผู้คนจำนวนมากต่างก็มีสายตาที่ละโมบ สมบัตินั้นสามารถเปลี่ยนใจคนได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงหินวิญญาณที่มีจำนวนถึงสามแสนก้อน นี่เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนตามล่าเขาได้ สังหารอู๋ไท่โต่ว
ในช่วงเวลานี้ ผ่านทางเครือข่ายเสมือนจริงนั้น พวกเขาก็ได้เผยแพร่ข่าวนี้ออกไปทันที แจ้งเตือนผู้คนให้ล่วงรู้ถึงการที่เจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ได้ครอบครองหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนมาจากชนเผ่าวิญญาณ
หากค้นพบตำแหน่งของเขาล่ะก็ ให้รีบจับตัวเขามาทันที
………………
ในสถานที่แห่งหนึ่งภายในทวีปโลหิตวิญญาณ ฉางเซวีย หวังเฉิน เว่ยฉีและจินเจ๋อลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยานทั้งสี่คนก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน เมื่อเห็นว่าผู้ที่ถูกหมายหัวก็คืออู๋ไท่โต่วนั้น พวกเขาแต่ละคนต่างก็สะดุ้งตกใจ
“ไม่คาดคิดว่าการที่ไม่ได้พบเจอเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน สหายอู๋จะก่อเรื่องที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกเช่นนี้ หลอกลวงผู้คนทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณจนได้รับหินวิญญาณมาเป็นจำนวนกว่าสามแสนก้อนไปอย่างง่ายดาย ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”
ฉางเซวียกล่าวชื่นชมออกมา
“หินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนนี้ เป็นเหมือนกับมันฝรั่งร้อนกว่าได้ เมื่อใดที่สหายอู๋โผล่หัวขึ้นมา จะต้องถูกนักวิทยายุทธจากจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ล่า กลุ่มของผู้คนที่ละโมบจะต้องถาโถมเข้ามาอย่างแน่นอน หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะพลาดท่าและเผชิญกับหายนะได้”
หวังเฉินก็เห็นได้ถึงความเสี่ยงนี้ หากอู๋ไท่โต่วเป็นทายาทของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ล่ะก็ การที่ได้ครอบครองหินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ไม่มีใครกล้าที่จะคิดแย่งชิง
ทว่าอู๋ไท่โต่วนั่นเป็นเพียงแค่นักบ่มเพาะอิสระ เป็นดั่งแกะตัวอ้วนในสายตาของผู้คน เป็นไปได้ว่ายอดฝีมือในระดับแกนทองก็อาจจะเคลื่อนไหวออกมาเพื่อจัดการกับอู๋ไท่โต่วเช่นกัน ต้องการที่จะแย่งชิงหินวิญญาณไป
“ไม่ต้องกังวลไป สหายอู๋นั่นเป็นคนที่ชาญฉลาด ก่อนหน้านี้ที่ฟ่านหมิงและพวกบัดซบนั่นต้องการที่จะตลบหลังพวกเรานั้น ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรสหายอู๋ได้ หนำซ้ำยังถูกสหายอู๋ทำลายไปอย่างราบคาบ เห็นได้ชัดว่าสหายอู๋ร้ายกาจเพียงใด ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆอย่างแน่นอน”
เว่ยฉีพูดออกมาอย่างนับถือ “การที่พวกเราสามารถรอดชีวิตออกมาจากเงื้อมมือของฟ่านหมิงและเจ้าพวกบัดซบเหล่านั้นได้ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของสหายอู๋เช่นกัน เรื่องนี้พวกเราต้องขอบคุณเขาจริงๆ”
หลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมาในหุบเขาสักแห่งนั้น พวกเขาก็ค้นพบว่าตนเองนั้นไร้รอยขีดข่วน ทว่าเซี่ยปิงกลับหายไป ซึ่งจากเหตุการณ์นี้พวกเขาก็ล่วงรู้ว่าเซี่ยปิงจะต้องเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเขาอย่างแน่นอน
ส่วนเหตุผลว่าทำไมเซี่ยปิงถึงจากไป คาดการณ์ได้ว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องการที่เจาะลึกเช่นกัน
“พูดตามตรง พวกเจ้าไม่คิดว่าความสามารถในการหลอกลวงนี้ดูคุ้นเคยอย่างมากหรือ? เหมือนกับว่าคล้ายคลึงกับวิธีการของนักต้มตุ๋นบางคน เหมือนกับว่าสืบทอดมาทางสายเลือด” จินเจ๋อเริ่มพูดออกมาอย่างกะทันหัน
“นักต้มตุ๋นบางคน? เจ้ากำลังพูดถึงอู๋ตี่อย่างนั้นหรือ?!”
ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตะโกนออกมาทันที พวกเขาต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกัน เห็นถึงความตื่นตระหนกของอีกฝ่าย
พวกเขาก็นึกถึงเรื่องการทุจริตครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ฉ้อโกงเงินไปกว่าพันล้านเหรียญจักรวาล มีเหยื่อเป็นจำนวนนับล้านคน ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก
แม้แต่เย่เมิ่งเหยาที่อยู่ในนิกายเมฆาทะยานเช่นเดียวกับพวกเขาก็พูดออกมาเช่นกัน บอกว่าจะต้องจับเจ้านักต้มตุ๋นอู๋ตี่นั่นให้ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้านั่นได้ทำเรื่องที่บัดซบไว้แค่ไหน ผู้คนต่างก็พากันรังเกียจกันถ้วนหน้า
ทว่าตอนนี้กลับถึงคราวของทวีปโลหิตวิญญาณ ยอดฝีมือจำนวนมากของชนเผ่าวิญญาณถูกหลอกลวงจนสูญเสียหินวิญญาณไปกว่าสามแสนก้อน เทียบกับความสูญเสียของเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนที่แล้ว เหตุการณ์ในตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่ามาก
ยิ่งไปกว่านั้นชื่อของทั้งสองก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก การที่จะไม่รู้สึกระแคะระคายหูนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“หรือว่าเจ้าอู๋ตี่นั่นและอู๋ไท่โต่วจะเป็นคนเดียวกัน?”
ฉางเซวียอดใจที่จะพูดออกมาไม่ได้
“อาจจะไม่ใช่เป็นคนเดียวกัน แต่เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพี่น้องกัน เป็นสายเลือดที่สืบทอดกันมา มีต้นกำเนิดมาจากตระกูลที่เชี่ยวชาญด้านการหลอกลวง” หวังเฉินพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม เขาคิดว่าอู๋ไท่โต่วและอู๋ตี่ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่แค่มีเล่ห์เหลี่ยมในการหลอกลวงที่ชาญฉลาดเท่านั้น ทว่าพลังอำนาจการต่อสู้ก็น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน เป็นไปได้ว่าจะสืบทอดสายเลือดของตระกูลที่น่าอัศจรรย์มา ซึ่งอาจจะเทียบเท่าได้กับนิกายระดับเซนต์
“ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเรา สหายอู๋เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตของพวกเราไว้ เป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้ ทว่าก็ไม่สามารถทรยศเขาอย่างแน่นอน สรุปก็คือเรื่องนี้พวกเราจะต้องเก็บเป็นความลับ”
ฉางเซวียพูดออกมา
หวังเฉินและคนอื่นๆก็พยักหน้า เห็นด้วยกับเรื่องนี้
ตอนที่ 1200
ทว่าเรื่องนี้ที่ได้เกิดขึ้นในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นก็ได้กระจายออกไปสู่โลกภายนอกอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การกระจายข่าวของเครือข่ายเสมือนจริงนั้น ไม่ว่าจะเป็นนิกายเมฆาทะยาน นิกายฟ้าดิน นิกายห้าธาตุ นิกายหวนคืนปรโลกและนิกายที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ ผู้คนของนิกายเหล่านี้ต่างก็ได้รับข่าวนี้อย่างรวดเร็ว
เพราะว่าถึงอย่างไรหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนนั้นเป็นจำนวนที่น่าอัศจรรย์จริงๆ มันให้ความรู้สึกที่มากกว่าเงินพันล้านเหรียญจักรวาลเสียอีก เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วหินวิญญาณนั้นก็มีมูลค่าที่มากกว่าเงินเหรียญจักรวาล
“หินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อน แม่เจ้า ไม่คาดคิดว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นจะหลอกลวงเอาหินวิญญาณมาจากทวีปโลหิตวิญญาณเป็นจำนวนกว่าสามแสนก้อน นี่เขาต้องการที่จะขัดบัญชาสวรรค์หรือ ช่างเป็นนักต้มตุ๋นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ“
บางคนที่ตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจ “ท้ายที่สุดแล้วเขาทำได้อย่างไร? ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณโง่เขลาและเบาปัญญาจนมอบหินวิญญาณให้กับเขาโดยตรงอย่างนั้นหรือ?”
เขาไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้จริงๆ
ผู้คนจำนวนมากต่างก็พูดไม่ออก หินวิญญาณทั้งหมดรวมกันนั้นไม่ได้มีมูลค่าที่น้อยเลย หินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนนี่หมายความว่าอะไร ในฐานะที่พวกเขาเป็นคนยากจนนั้น พวกเขาไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลย
ความยากจนได้จำกัดจินตนาการของพวกเขาไว้
“ทำไมข้าถึงคิดว่าเรื่องนี้มันฟังคุ้นหูอย่างมาก ความสามารถในการหลอกลวงเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเคยปรากฏขึ้นในอาณาเขตดวงดาวที่นิกายเมฆาทะยานของพวกเราปกครองอยู่” ลูกศิษย์ของนิกายเมฆทะยานคนหนึ่งที่ตะโกนออกมา “คนๆนั้นมีชื่อว่าอู๋ตี่ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามนั้นได้ทำการฉ้อโกงประชากรในเครือข่ายเสมือนจริงซึ่งอยู่การปกครองของนิกายเมฆาทะยานของพวกเราไปกว่าพันล้านเหรียญจักรวาล พฤติกรรมที่ต่ำช้าเช่นนี้ มันทำให้เลือดของข้าเดือดระอุขึ้นมา”
เขากัดฟันอย่างแน่น เพราะว่าเขานั้นก็เป็นหนึ่งในเหยื่อเช่นกัน นึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นถูกฉ้อโกงเงินไปกว่าหลายแสนเหรียญจักรวาลและได้รับรองเท้าปลอมมาเป็นจำนวนมากในเครือข่ายเสมือนจริงนั้น เขาก็ปรารถนาที่จะตบใบหน้าของเจ้าอู๋ตี่นั่นด้วยรองเท้าเหล่านี้
“หรือว่าทั้งสองคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกัน?”
บางคนที่มีสายตาเป็นประกาย คิดว่าการที่ชื่อของทั้งสองฟังดูคล้ายคลึงกันนั้น อาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญ
“ยังจะต้องถามอีกหรือ จะต้องเป็นพี่น้องกันอย่างแน่นอน ทั้งสองคนจะต้องเป็นฝาแฝดกัน”
ลุงคนหนึ่งที่เคยถูกฉ้อโกงโดยเจ้าอู๋ตี่นั้นก็ได้ต่อว่าออกมา “เจ้าพวกบัดซบนั่น ทั้งครอบครัวของพวกเขาเป็นนักต้มตุ๋นทั้งหมด เป็นครอบครัวที่ไร้ยางอาย บัดซบ หากข้าจับตัวเจ้านักต้มตุ๋นสองพี่น้องนั่นได้ ข้าจะหักขาทั้งสองของพวกเขา”
เขากำหมัดขึ้นมา ปรารถนาที่จะประเคนหมัดใส่เจ้าอู๋ตี่และอู๋ไท่โต่วนั่น
“นี่ก็อาจจะไม่ใช่ นี่มันเป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้นที่คล้ายคลึงกัน อาจจะไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน บางทีอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ บนโลกนี้ก็มีผู้คนที่มีนามสกุลเดียวกันเป็นจำนวนมากไม่ใช่หรือ?” บางคนที่คิดว่านี่เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ ทั้งสองคนอาจจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน
“ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องหรือไม่ สุดท้ายแล้วเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นก็ได้ครอบคอรงหินวิญญาณไปกว่าสามแสนก้อน นี่มันเป็นเงินก้อนใหญ่จริงๆ”
“พูดถูก ว่ากันว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นเป็นเพียงแค่นักบ่มเพาะอิสระเท่านั้น ไม่ได้มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครที่จะสามารถรักษาหินวิญญาณของเขาไว้ได้”
“หากสามารถที่จะตามหาเจ้านั่นได้ หินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนจะต้องตกเป็นของพวกเรา”
ผู้คนจำนวนมากที่เผยสายตาละโมบออกมา
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าคนย่อมไร้ความผิด แต่ผิดที่ถือครองหยก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีพลังอำนาจแต่ได้ครอบครองความมั่งคั่งมาอย่างกะทันหันนั้น มันจะเป็นส่งผลให้อาชญากรจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดความโลภขึ้นมา เป็นเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นเลือดก็ว่าได้
“หินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อน หากข้าได้ครอบครองพวกมัน จากนั้นข้าก็จะสามารถพัฒนาแกนพลังฉีของตนเองได้อย่างแน่นอน อีกทั้งอาจจะสามารถเลื่อนขั้นไปในระดับแกนทองเช่นกัน” ชายชราที่สวมใส่ชุดสีเทาคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องที่เงียบสงบ ดวงตาทั้งสองของเขาเผยให้เห็นแสงที่หนาวเหน็บส่องออกมา
เขานั้นได้ติดอยู่ในจุดก้าวผ่านมาเป็นระยะเวลานาน ไม่สามารถที่จะเลื่อนขั้นขึ้นไปได้ ทว่าหากได้หินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนมาล่ะก็ จะสามารถนำพวกมันไปขายและซื้อเม็ดยาที่ช่วยให้เขาได้เลื่อนขั้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะตามหาเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่น ต้องการที่จะสังหารและแย่งชิงทรัพย์สมบัติมา
“หินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อน ไม่ผิดแน่ หากสามารถที่จะครอบครองพวกมัน องค์กรของพวกเราจะมีอิทธิพลที่ขยายออกไปอย่างแน่นอน จะสามารถปกครองอาณาจักรได้ในทันที ไม่มีใครที่จะสามารถยับยั้งพวกเราได้”
หัวหน้าขององค์กรมืดได้กำหมัดขึ้นมาอย่างแน่น จิตสังหารกำลังเดือดดาลออกมา หินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนนั้นเป็นมูลค่าที่เพียงพอที่จะพัฒนาองค์กรของพวกเขาได้ สามารถที่จะทำลายองค์กรอื่นๆได้อย่างง่ายดาย
มันสามารถที่จะซื้ออาวุธที่ทรงอำนาจได้เป็นจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังสามารถที่จะจ้างวานยอดฝีมือเพื่อทำงานให้กับตนเองได้ หากสามารถที่จะครอบครองหินวิญญาณเหล่านี้ ตำแหน่งของเขาก็จะเจริญรุ่งเรืองดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า
“รีบแกะรอยหาเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ทันที หากมีความคืบหน้าใดๆเกี่ยวกับเจ้าอู๋ไท่โต่วให้รีบเข้ามารายงานข้าทันที ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าปล่อยให้เบาะแสใดๆของเขาหายไปเด็ดขาด” องค์กรใต้ดินจำนวนนับไม่ถ้วนภายในจักรวาลต่างก็มีเจตนาที่ชั่วร้าย พวกเขาได้ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ต้องการที่จะล่วงรู้ข่าวคราวของอู๋ไท่โต่วผ่านทางองค์กรข่าวกรองต่างๆ
องค์กรข่าวกรองแต่ละองค์กรต่างก็เริ่มเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่ลับจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ถูกส่งออกไปทำการสืบสวนหาเบาะแส กระจายตัวออกไปตามดาวเคราะห์ต่างๆ
ตอนนี้มันคือการแข่งขัน หากใครสามารถที่จะหาเจ้าอู๋ไท่โต่วได้ก่อน จากนั้นก็จะได้รับเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอิทธิพลใดก็ต้องการที่จะครองครองเงินนี้
………….
ในช่วงเวลานี้ ณ หุบเขาแห่งหนึ่งภายในอาณาเขตของนิกายเมฆาทะยาน
ลูกศิษย์หญิงสาวที่งดงามจำนวนมากต่างก็อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งผู้นำของกลุ่มลูกศิษย์หญิงสาวเหล่านี้นั้นก็คือเย่เมิ่งเหยานั่นเอง เธอนั้นมีพลังอำนาจที่ล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้ อีกทั้งยังมีการกล่าวว่าเธอนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดของนิกายเมฆาทะยาน
“ศิษย์พี่ ข้าได้รับข่าวบางอย่างมา”
ลูกศิษย์หญิงสาวที่ตาโตคนหนึ่งได้รีบเข้ามาอย่างตื่นเต้น เข้าไปในห้องของเย่เมิ่งเหยาและรายงานข่าวของอู๋ไท่โต่ว เรื่องนี้ทำให้อาณาเขตดวงดาวโกลาหลวุ่นวายอย่างมาก องค์กรมืดหลายแห่งพร้อมที่จะสร้างปัญหา
องค์กรอาชญากร องค์กรทหารรับจ้างหรือแม้กระทั่งลูกศิษย์ของนิกายระดับเซนต์จำนวนมากต่างก็ต้องการที่จะตามหาเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วสำหรับพวกเขานั้นา หินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนนั้นก็ถือว่าเป็นมูลค่าที่ไม่สามารถจินตนาการได้เช่นกัน
“นักต้มตุ๋นที่มีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว?!”
ได้ยินคำเหล่านี้ ดวงตาที่งดงามของเย่เมิ่งเหยาก็เผยแสงที่หนาวเหน็บออกมา “เจ้านักต้มตุ๋นบัดซบ เจ้าคิดว่าการปลอมตัวแค่นี้จะทำให้ข้าไม่รู้หรือ? ชายคนนี้จะต้องเป็นเจ้านักต้มตุ๋นอู๋ตี่อย่างแน่นอน”
“ต่อให้จะไม่ใช่เจ้าอู๋ตี่ ก็จะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าอู๋ตี่อย่างแน่นอน นี่ไม่มีทางที่จะผิดพลาดไปได้”
สัญชาตญาณของเธอกำลังบ่งบอกว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่เป็นคนที่เธอจะต้องตามหา
“แม่เจ้า ข้าก็คิดว่าเจ้าบัดซบนี่จะเคลื่อนไหวเพียงแค่ในโลกเสมือนจริงเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าจะโผล่หัวออกมาในโลกแห่งความเป็นจริงเช่นกัน อีกทั้งยังก่อเรื่องที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกเช่นนี้”
เย่เมิ่งเหยากัดฟันอย่างแน่น “หากปล่อยให้เจ้านักต้มตุ๋นนี่หลอกลวงผู้อื่นต่อไป ไม่รู้ว่าจะทำให้ครอบครัวของผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่ล้มละลายไปเพราะเขา ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน”
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่เหตุผลส่วนหนึ่งเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พึงพอใจที่สุดนั้นก็คือเจ้าบัดซบนี่ได้หลอกลวงสมาชิกครอบครองของเธอ
น้องสาวของเธอดูเหมือนว่าจะถูกเจ้านักต้มตุ๋นไร้ยางอายนี่หลอกลวงจนสภาพจิตใจเสื่อมถอยก็ว่าได้ ทั้งวันเอาแต่จินตนาการว่าตนเองจะเข้าไปโลกเสมือนจริงเพื่อเป็นโจร กลายเป็นราชินีแห่งกองโจร สังหารและปล้นสะดมผู้อื่น
ทั้งหมดนี้ต่างก็มาจากพฤติกรรมที่ย่ำแย่ของเจ้าบัดซบนั่นที่ส่งผลต่อน้องสาวของเธอ น้องสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอได้เปลี่ยนไป หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าอู๋ตี่นั่นที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้น เป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอจะต้องล้างแค้นให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านฝึกหัด ในฐานะที่เป็นนักบุญหญิงของนิกายเมฆาทะยาน เป็นนักบุญหญิงของชนเผ่าเอลฟ์และเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบเทียมนั้น ไม่คาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับความอัปยศเช่นนั้น
คนที่ล่วงรู้ถึงอดีตอันข่มขื่นของเธอนั้น จะต้องถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด
“รีบถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไปทันที”
คิดได้แบบนี้ เย่เมิ่งเหยาก็กัดฟันพูดออกมา “ใครที่สามารถตามหาเบาะแสของเจ้าอู๋ไท่โต่วได้ ให้มารายงานข้าทันที ข้าจะเคลื่อนไหวด้วยตนเองและจับตัวเจ้าโจรนั่นมาให้ได้”
อะไรนะ?!
ลูกศิษย์หญิงสาวคนนี้ตกใจขึ้นมา เธอไม่คาดคิดว่าศิษย์พี่จะต้องการเคลื่อนไหวด้วยตนเองเช่นนี้ หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ เจ้าอู๋ไท่โต่วนั่น ไม่ว่าจะหลบซ่อนอยู่ที่ใด ก็ไม่มีทางจะหลบหนีไปไหนได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น