God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ 1166-1185

ตอนที่ 1166

 

“อั่ก!”


ชาวพื้นเมืองของชนเผ่าวิญญาณแต่ละคนต่างก็กระอักเลือดออกมา เดิมทีพวกเขานั้นต้องการที่จะสังหารเซี่ยปิง ทว่ากลับถูกสะท้อนกลับมาแทน ส่วนลึกของจิตวิญญาณได้รับความเสียหาย เลือดไหลอกมาจากทุกๆอวัยวะ


ตึบ ตึบ ตึบ!!!


อย่างรวดเร็ว พวกเขาแต่ละคนก็ได้ล้มลงไป ทั่วทั้งร่างกายมีเลือดปริมาณมหาศาลที่ไหลออกมา ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง ร่างกายกระตุกอย่างไม่หยุดหย่อน


ไม่นานนัก ร่างกายของชาวพื้นเมืองของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้ก็ได้หยุดกระตุก เห็นได้ชัดว่าไม่มีออร่าของพลังชีวิตหลงเหลืออยู่


“ตายอย่างนั้นหรือ?!”


หลิวหยูหลานจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง มองดูกลุ่มผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้ สัญชาตญาณของเธอกำลังบ่งบอกว่าผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้ไม่มีร่องรอยของชีวิตหลงเหลืออยู่ ร่างกายกลายเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น


นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของการปะทะทางพลังวิญญาณ


หากประสบความสำเร็จนั้น จะสามารถสังหารศัตรูได้อย่างกะทันหัน ทว่าหากล้มเหลวล่ะก็ จะเผชิญกับผลสะท้อนกลับ ร่างกายจะถูกผลกระทบเข้าไป เผชิญกับความตายอย่างกะทันหันเช่นกัน


ในสงครามภายในของทวีปโลหิตวิญญาณนั้น เหตุผลที่ไม่มีใครตกเป็นเชลยเลยนั้น เป็นเพราะว่าต่อสู้ของพลังวิญญาณทั้งสองฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยงของการเสียชีวิต เมื่อใดที่พ่ายแพ้ นอกจากความตายนั้น ก็ไม่มีทางเลือกอื่น


ต่อให้จะมีชีวิตอยู่ได้ ก็จะยังคงกลายเป็นคนปัญญาอ่อน นี่คือการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมของทวีปโลหิตวิญญาณ


ในการต่อสู้ระหว่างชนเผ่าวิญญาณนั้น นอกจากชัยชนะ ก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น


“ท่าไม่ดีแล้ว จะต้องรีบหลบหนีออกไป”


ทว่าจั่วฮาวยังคงมีชีวิต ถึงแม้ว่าเขานั้นจะได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่ปัญหาก็คือว่าแกนพลังฉีของเขานั้นทรงอำนาจอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็สามารถที่จะไหวตัวทันในช่วงเวลาวิกฤติ ถอดถอนพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเผชิญกับการสะท้อนกลับเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ร่างกายเสียหายไปในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น


ทว่าคนอื่นๆนั้นมีชะตากรรมที่น่าสิ้นหวัง จิตวิญญาณของพวกเขาถูกเจาะทะลวงไปโดยต้นไม้โลก ถูกทำลายป่นปี้ไปอย่างสมบูรณ์ ต่อให้จะเป็นเทพเจ้าที่จุติลงมา ก็ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตของพวกเขาได้


ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเกรงกลัวเซี่ยปิงอย่างสุดขั้วหัวใจ เจ้านี่เป็นเหมือนกับปีศาจที่แท้จริง พวกเขานั้นไม่ใช่คู่มือแม้แต่น้อย การที่อยู่ที่นี่ต่อไป จะต้องถูกเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่สังหารอย่างแน่นอน


วิซ!


โดยที่ไม่พูดอะไรเพิ่มเติม จั่วฮาวก็ได้หลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังปรารถนาให้พ่อแม่ของตนเองให้กำเนิดมาโดยที่มีขามากกว่านี้ วิ่งหนีออกไปสู่ระยะที่ห่างออกไป หวังว่าจะไปให้ไกลจากเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ให้มากที่สุด หลบหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต


“จะหลบหนีไปไหน!”


เซี่ยปิงไม่ต้องการให้จั่วฮาวหลบหนีไป เมื่อใดที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จนั้น จะต้องรายงานเรื่องนี้กับสำนักวิญญาณอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นผู้คนของทวีปโลหิตวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนจะต้องไล่ล่าเขา มันจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน


ดังนั้น เจ้าจั่วฮาวจะต้องตายที่นี่เท่านั้น!


เขามองอย่างที่ไม่ต้องการมองและชี้นิ้วออกไปบนอากาศ วิซ พลังงานฉีก่อตัวขึ้นมาเป็นสสารและยิงออกไป มีความเร็วที่น่าอัศจรรย์ ฉีกอากาศออกไป เป็นเหมือนกับเลเซอร์ก็ว่าได้


ปัง พลังงานฉีนี้ได้เจาะทะลวงผ่านแผ่นหลังของจั่วฮาว อีกทั้งยังทำลายหัวใจของเขาจนระเบิดออกมาทันที


“นี่มัน นี่มัน!”


ร่างกายของจั่วฮาวหยุดชะงักอย่างกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้าง เผยให้เห็นถึงความแตกตื่น ความไม่เต็มใจและความรู้สึกผิด บางทีหากไม่ได้ร่วมมือกับเฉินเหว่ยล่ะก็ เขาก็คงจะไม่เผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ คงจะไม่ได้เผชิญหน้ากับเจ้าเทพเจ้าแห่งการสังหารนี่


แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุกๆอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว


อั่ก ร่างกายของเขาแข็งทื่อ สูญเสียออร่าพลังชีวิตไป ล้มลงไปเช่นนี้ เลือดมหาศาลไหลออกมาจากร่างกายของเขาและเปรอะเปื้อนไปตามพื้นดินที่อยู่รอบๆ


“พ่อแม่ ในที่สุดข้าก็สามารถชำระความแค้นให้กับพวกท่านได้”


เห็นจั่วฮาวที่ตายไปอย่างน่าสลดนั้น หลิวหยูหลานก็ตื่นเต้นขึ้นมา ศัตรูคู่อาฆาตที่สังหารสมาชิกครอบครัวทั้งหมดของเธอได้ตายไปในที่สุด ถึงแม้ว่าเธอนั้นไม่ใช่เป็นคนที่ได้ลงมือสังหารด้วยตนเอง ทว่านี่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน


สรุปก็คือศัตรูคู่อาฆาตได้ตายไป นี่ก็คือเรื่องที่ดีที่สุด ในที่สุดเธอก็สามารถที่จะชำระความแค้นครั้งนี้ได้


“บัดซบ เจ้าปีศาจนี่ปรากฏตัวมาจากที่ใดกัน?”


“แม้แต่ทักษะแรงกดดันของภูเขาไท่ซานก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้ ถูกเขาทำลายไปอย่างกะทันหัน หนำซ้ำผู้คนของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากก็ถูกสังหารไปโดยการสะท้อนของพลังวิญญาณ อันที่จริงในตัวเขามีจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงอำนาจแค่ไหนกัน?”


“นี่อาจจะไม่ใช่พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปได้ว่าบนตัวเขาอาจจะมีสมบัติที่ทรงอำนาจบางอย่างที่สามารถต้านทานการโจมตีของพลังวิญญาณได้ ดังนั้นจึงได้ไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้”


“บัดซบ ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณก็ไม่ใช่คู่มือของเขา นี่เขาต้องการที่จะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอย่างนั้นหรือ?”


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวนมากต่างก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยว เดิมทีการต่อสู้นี้ควรที่จะเป็นชัยชนะอย่างง่ายดายของพวกเขา ควรที่จะสังหารกลุ่มคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ทำตามสัญญาระหว่างผู้คนของชนเผ่าวิญญาณจนสำเร็จ จากนั้นก็ครอบครองหินวิญญาณจำนวนมหาศาลมา


เดิมทีแผนการก็เป็นเช่นนี้ ในจุดเริ่มต้นนั้นก็ราบลื่นอย่างมาก ผู้คนส่วนใหญ่นั้นต่างก็ถูกยาพิษเข้าไป ไม่มีพลังอำนาจที่จะต่อสู้กับพวกเขาได้ เป็นเหมือนกับแกะที่รอถูกเชือด


ทว่าไม่คาดคิดว่าเจ้านักบ่มเพาะอิสระอู๋ไท่โต่วนี่จะปรากฏตัวออกมา ทำลายแผนการของพวกเขาจนราบคาบ แม้แต่ศิษย์พี่ฟ่านหมิงและคนอื่นๆก็ได้ตายไปอย่างกะทันหันโดยพลังอำนาจของชายคนนี้


ตอนนี้กลุ่มผู้คนของชนเผ่าวิญญาณก็ได้ถูกสังหารไปเช่นกัน ไม่มีใครเหลือ


ถึงแม้ว่าความตายของผู้คนในชนเผ่าวิญญาณนั้นจะไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับพวกเขา ทว่าพลังอำนาจที่เจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ได้แสดงออกมาให้เห็นนั้น ทำให้พวกเขารู้สึกใจสั่น รู้สึกวิตกกังวลและรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก


“อู๋ไท่โต่ว”


เฉินเหว่ยจ้องมองไปที่เซี่ยปิง “ข้ายอมรับ ก่อนหน้านี้ข้าอาจจะประเมินความสามารถของเจ้าต่ำเกินไป สำหรับจุดๆนี้ ข้าต้องขอโทษ หากเจ้าต้องการ ข้าสามารถที่จะแบ่งปันเหมืองหินวิญญาณนี่ให้กับเจ้าได้อย่างเท่าเทียม”


“ถึงอย่างไรในตอนนี้กลุ่มผู้คนของชนเผ่าวิญญาณก็ได้ตายไปทั้งหมด ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดพวกเราได้อีกต่อไป”


เขาต้องการที่จะเปลี่ยนจากสงครามการต่อสู้เป็นสันติภาพ หากสามารถที่จะสะสางความขัดแย้งนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวนมากก็กำหมดขึ้นมาอย่างแน่น พวกเขาไม่เต็มใจอย่างมาก ตอนนี้ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องพูดเจราจาสงบศึกกับเจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่ที่ได้สังหารลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกไปเป็นจำนวนมาก นี่มันช่างตลกสิ้นดี


เมื่อไหร่กันที่นิกายหวนคืนปรโลกจะตกต่ำจนถึงขั้นนี้ อยู่ต่อหน้าฆาตกรที่ได้สังหารลูกศิษย์ของตนเอง ทว่าทำได้เพียงแค่พูดเจรจาสงบศึก ไม่มีทางที่จะสังหารเจ้าปีศาจนี่ได้และล้างแค้นให้กับพวกพ้องที่ได้ตายไป


พวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความเดือดระอุรวมถึงไม่เต็มใจยอมรับอย่างมาก


“แบ่งปันอย่างเท่าเทียมหรือ?”


เซี่ยปิงยิ้มออกมาทันที อันที่จริงเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้ง เขามองเฉินเหว่ยด้วยสายตาที่ดูถูก “เฉินเหว่ย ก่อนหน้านี้ในตอนที่เจ้าต้องการที่จะสังหารข้า ทำไมถึงไม่เสนอที่จะทำการแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกันตั้งแต่แรก?!”


หากเขาไม่ได้มีความแข็งแกร่งล่ะก็ คงจะถูกสังหารโดยเจ้าเฉินเหว่ยนี่ ตายไปโดยที่ไร้หลุมฝังศพ นี่คือความเคียดแค้นที่ไม่สามารถลบล้างได้


ตอนนี้เจ้านี่เห็นว่าเขานั้นมีพลังอำนาจที่จะสังหารทุกๆคนได้ กลับต้องการที่จะพูดเจรจาสงบศึก เปลี่ยนสงครามการต่อสู้เป็นสันติภาพ


หากการที่สังหารใครสักคนและทำเรื่องที่เลวร้ายทั้งหมด จากนั้นเพียงแค่ขอโทษออกมาและจะทำให้เรื่องทุกอย่างยุติลงโดยที่ไม่ต้องรับโทษนั้น ถ้าอย่างนั้นบนโลกนี้จะมีตำรวจและกฎหมายไว้ทำไมกัน?!


“พูดดีๆไม่ฟัง จะต้องมีกระบี่จ่อที่ลำคอเจ้าจึงจะฟังใช่ไหม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะต้องตาย!” เฉินเหว่ยเปล่งเสียงออกมาในลำคอ ได้ยินคำเหล่านี้เขาก็ล่วงรู้ทันทีว่าการพูดคุยเจรจาสงบศึกนั้นล้มเหลว ดังนั้นจึงมีทางเลือกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการต่อสู้


ตึบ แสงที่หนาวเหน็บระเบิดออกมา ทันใดนั้นบนมือของเขาก็มีดาบยาวปรากฏขึ้น เป็นดาบสมบัติสีดำ นี่คือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำ ดาบเงาเดม่อน!


“เจ้าหนู ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าการที่ท้าทายนิกายหวนคืนปรโลกและการที่ได้ท้าทายข้าเฉินเหว่ยนั้นจะมีผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน จงลงไปสำนึกความผิดที่ได้ท้าทายข้าเฉินเหว่ยในขุมนรกซะ”


เฉินเหว่ยแสยะออกมาอย่างต่อเนื่อง พลังเวทมนตร์ได้หลั่งไหลเข้าไปในดาบเงาเดม่อนนี้


หลั่ว หลั่ว หลั่ว~


ดาบเงาเดม่อนสั่นสะเทือนในทันที หมอกสีดำได้ลอยออกมาจากดาบเล่มนี้และกระจายออกไปรอบๆ ภายในไม่กี่ลมหายใจ ก็ปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่สิบกิโลเมตร


หมอกสีดำนี้มีออร่าการกัดกร่อนที่ทรงพลังอย่างมาก อีกทั้งยังมีพลังทำลายล้างที่ทรงพลังต่อพลังเวทมนตร์เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นมันก็สามารถที่จะหลอกลวงประสาทสัมผัสทั้งห้าอีกด้วย มันคือดาบเดม่อนที่สมบูรณ์แบบ


บ่อยครั้งที่ศัตรูไม่สามารถมองเห็นได้ถึงเงาของดาบเดม่อนสีดำนี้ด้วยซ้ำ จากนั้นศีรษะก็ถูกตัดออกมาอย่างกะทันหัน

 

 

 


ตอนที่ 1167

 

“หืมม!?”


เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกาย เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบมืดมัว พื้นที่ในระยะนับสิบกิโลเมตรปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ ไม่มีแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามา เป็นเหมือนกับโลกแห่งความมืดก็ว่าได้


ในโลกแห่งความมืดเช่นนี้นั้น มันได้ทำลายวิสัยทัศน์การมองเห็น ทำให้เขาไม่สามารถที่จะมองเห็นสิ่งใดได้ เทียบเท่ากับการที่พลังอำนาจส่วนหนึ่งหายไป อยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างมาก


อีกทั้งการสัมผัสของเขาในโลกแห่งความมืดนี้นั้น เหมือนกับว่าพลังอำนาจของจิตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ถูกบดบังอย่างมาก เหมือนกับว่ามีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งบางอย่างที่กำลังยับยั้งจิตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขา


แน่นอนว่าสำหรับเขาที่มีพลังอำนาจของจิตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ที่มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่านั้น สิ่งบดบังนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องคำนึงถึง ทว่าสำหรับผู้บ่มเพาะในระดับเดียวกันหรือว่าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น นี่คือฝันร้ายอย่างแท้จริง


“พวกเราร่วมมือกัน!”


“ตายไปซะเจ้าอู๋ไท่โต่ว!”


ทันใดนั้นในความมืดก็มีจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวแผ่อกมา ผู้ที่เคลื่อนไหวออกมานั้นก็คือผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์สามคนและผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาห้าคนที่เหลืออยู่ พวกเขาได้ใช้โอกาสนี้ในการสังหารเซี่ยปิง


หนึ่งในผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นหมัดวารี พลังเวทมนตร์ของเขาได้เอ่อล้นออกมา เป็นเหมือนกับท้องทะเลที่ไร้ที่สิ้นสุด ควบคุมพลังอำนาจของน้ำ ก่อตัวกลายเป็นภูเขากระแสน้ำ


บนอากาศ กระแสน้ำได้กลายเป็นสสาร เหมือนกับเป็นมังกรน้ำก็ว่าได้ ต้องการที่จะบีบรัดเซี่ยปิงจนตาย เมื่อใดที่ถูกการโจมตีนี้เข้าไป ทั่วทั้งร่างกายจะต้องแตกกลายเป็นเสี่ยงๆ


หนึ่งในผู้บ่มเพาะอีกคนหนึ่งมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของกรงเล็บปีศาจเหยี่ยว นี่คือการเลียนแบบกรงเล็บของปีศาจเหยี่ยวในยุคโบราณ เหมือนกับว่านกที่ดุร้ายในสมัยโบราณตัวนี้ได้จุติลงมาก็ว่าได้ มีออร่าที่ชั่วร้ายและออร่าจิตสังหารที่แผ่ออกมา


ภายในพริบตา กรงเล็บเหยี่ยวสีดำก็ได้ยื่นออกไป ฉีกอากาศ กระแสพลังฉีที่ไร้ที่สิ้นสุดกำลังหมุนเวียนอยู่บนกรงเล็บที่แหลมคมนี้ เขาจะต้องฉีกร่างกายของเซี่ยปิงให้เป็นชิ้นๆให้ได้


ส่วนผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์คนสุดท้ายนั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของธาตุไม้ เขากำดาบใหญ่ขึ้นมาและแกว่งออกไป ออร่าของธาตุไม้ที่ไร้ขอบเขตในโลกได้มารวมตัวกันที่ดาบใหญ่ของเขา


ตึบ จากนั้นเขาก็ได้ปักดาบใหญ่ลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง พลังเวทมนตร์ที่เป็นธาตุไม้ได้หลั่งไหลเข้าไปที่แผ่นดิน


ทันใดนั้นพลังเวทมนตร์ธาตุไม้ที่ไร้ที่สิ้นสุดก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ ไม่คาดคิดว่าจะมีเถาวัลย์สีเขียวเติบโตขึ้นมา เป็นเหมือนกับงูอสรพิษก็ว่าได้ ผุดขึ้นมาจากพื้นดินและพันรอบร่างกายของเซี่ยปิงอย่างกะทันหัน


หากถูกเถาวัลย์เหล่านี้บิดรัดล่ะก็ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย


ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาคนอื่นๆก็ได้ตามมาติดๆเช่นกัน พวกเขาได้ร่วมมือกัน ก่อตัวกลายเป็นค่ายกลที่มีเอกลักษณ์ แต่ละคนต่างก็ผสมผสานลมหายใจด้วยกัน เหมือนกับกลายเป็นหนึ่งเดียว ออร่าที่ปะทุออกมานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เลย


กลุ่มของคนเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะคุ้นชินกับการต่อสู้ในความมืด เหมือนกับว่าโลกแห่งความมืดสำหรับพวกเขานั้นเป็นเหมือนกับปลาได้น้ำ ล่วงรู้อย่างชัดเจนถึงตำแหน่งของเซี่ยปิง


“พอมีฝีมืออยู่เหมือนกัน”


เซี่ยปิงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันพอสมควร หากเป็นก่อนหน้านี้ บางทีอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ตกที่นั่งลำบากอยู่เหมือนกัน บางทีอาจจะถูกห้อมล้อมโดยภัยอันตรายจากทุกทิศทาง ทว่าหลังจากที่เขาได้เลื่อนขั้นมาในระดับสมปรารถนาขั้นกลางนั้น พลังเวทมนตร์ของเขาก็ทรงอำนาจขึ้นมาหนึ่งเท่า จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงอำนาจขึ้นมาหนึ่งเท่า อีกทั้งการที่เซลล์อีกานรกทองคำถูกกระตุ้นขึ้นมาถึงหนึ่งพันเซลล์นั้น มันได้ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก


เรียกได้ว่าตอนนี้พลังอำนาจของเขานั้นไม่ได้แตกต่างไปจากผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้น ต่อให้กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นภัยคุกคามในระดับหนึ่ง ทว่าการที่ต้องการสร้างความกดดันที่ถึงแก่ชีวิตนั้น พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอ!


ทักษะหมัดเกลียวทมิฬ!


เมื่อคนเหล่านี้โจมตีเข้ามาพร้อมๆกัน เซี่ยปิงก็ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าและประเคนหมัดออกไป พลังเวทมนตร์ภายในส่วนลึกของราชวังสีม่วงก็ได้เอ่อล้นออกมาเหมือนกับเป็นคลื่นมหาสมุทรก็ว่าได้ หลั่งไหลเข้าไปในหมัดนี้


หล่ง หล่ง หล่ง!!!


ทันใดนั้นพลังฉีธรรมชาติที่อยู่รอบๆก็สั่นสะท้าน พื้นที่รอบๆเปลี่ยนกลายเป็นหลุมวนพลังเวทมนตร์สีดำขนาดใหญ่ซึ่งมีหมัดของเซี่ยปิงเป็นจุดศูนย์กลาง ปกคลุมพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณ สร้างแรงดึงดูดที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมา


เหมือนกับว่าในตอนนี้ อากาศรอบๆเปลี่ยนกลายเป็นกระแสสีดำ ไม่ว่าแสงสว่างใดๆที่เข้าไปในหลุมวนนี้จะถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างหมดจด เป็นเหมือนกับหลุมดำก็ว่าได้


อะไรกัน?!


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกเหล่านี้ต่างก็สะดุ้งตกใจ พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง เพราะว่าพวกเขาค้นพบว่าการโจมตีของตนเองที่ได้อัดเข้าไปที่หลุมวนสีดำนี้นั้น มันกลับไม่มีผลใดๆ ถูกกลืนกินเข้าไปจนหมดจด


ไม่ว่าจะเป็นกระแสน้ำ กรงเล็บเหยี่ยวหรือเถาวัลย์ ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็หายเข้าไปในหลุมวนนี้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับการหายเข้าไปในปากของอสูรโบราณก็ว่าได้ ถูกกลืนกินไปอย่างกะทันหัน


“ฆ่า!”


สายตาของเซี่ยปิงเปล่งประกายออกมา หมัดได้ประเคนออกไป นี่คือหมัดที่มีพลังอำนาจสูงสุดของเขา เป็นทักษะหมัดระดับเซนต์ที่มีความลึกซึ้ง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเกลียว


บนอากาศ ปรากฏเป็นพลังหมัดนับสิบทันที ก่อตัวขึ้นมาเป็นสสาร เป็นเหมือนกับหมัดที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ สั่นสะท้านห้วงอากาศ อากาศแตกแยกออกไป มีพลังอำนาจที่สามารถทำลายภูเขาได้


“อ๊าก!”


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกเหล่านี้ไม่สามารถที่จะต้านทานได้ ทันใดนั้นก็เผชิญกับหมัดนี้เข้าไป พลังอำนาจเกลียวที่น่าสะพรึงกลัวได้เจาะเข้าไป ต่อให้ร่างกายของพวกเขาจะมีทักษะการป้องกันที่ทรงอำนาจก็ไม่มีประโยชน์ ถูกบดทำลายไปโดยพลังหมัดนี้อย่างกะทันหัน


อันดับแรกร่างกายของผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาทั้งห้าถูกอัดจนระเบิดออกมาทันที ระเบิดกระจุยกระจายออกไปเหมือนกับเป็นลูกแตงโม ถูกสังหารไปโดยหมัดนี้


ส่วนผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือนั้นเป็นเพราะว่ามีแกนพลังฉีที่ทรงอำนาจและมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีสภาพที่ดีกว่าผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาเหล่านั้น ทว่าพลังหมัดนี้ก็ยังคงเจาะทะลวงเข้าไปที่หัวใจของพวกเขาและทำลายล้างอย่างบ้าคลั่ง เป็นเหมือนกับเครื่องบดเนื้อก็ว่าได้ พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที


“ท่าไม่ดีแล้ว เจ้านี่เป็นปีศาจอย่างแท้จริง”


“เวรเอ๊ย ใครกันที่บอกว่าเจ้าเด็กนี่เป็นเพียงแค่นักบ่มเพาะอิสระ เห็นได้ชัดว่าเป็นสัตว์ประหลาด อ๊าก!”


“ล่าถอย ล่าถอยทันที ไม่สามารถที่จะต่อกรกับเจ้าเด็กนี่ได้”


ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนหวาดกลัวจนฉี่ราด ไม่คาดคิดว่าการที่พวกเขาร่วมมือกันเพื่อสังหารเจ้าเด็กนี่นั้น พวกเขาจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ไป ศิษย์น้องทั้งห้าคนตายไปโดยหมัดของเจ้านี่ทันที อีกทั้งพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส


หากฝ่ายตรงข้ามปล่อยหมัดออกมาอีกครั้งล่ะก็ มีที่ไหนที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้


ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้ดูถูกถากถางเจ้าอู๋ไท่โต่วที่เป็นนักบ่มเพาะอิสระนี้ คิดว่าเจ้านี่ต้องการที่จะเกาะแข้งเกาะขาพวกเขาเพื่อทำภารกิจของตนเองให้สำเร็จ ทว่าเมื่อดูในตอนนี้ มีที่ไหนที่จำเป็นต้องเกาะแข้งเกาะขาพวกเขา การที่พวกเขาไม่เกาะแข้งเกาะขาฝ่ายตรงข้ามนั้นก็ถือว่าดีเกินพอ


พวกเขาคาดการณ์ว่าแม้แต่ในนิกายระดับเซนต์ของพวกเขาเอง ก็ไม่ได้มีผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่


ซู่ ซู่ ซู่!!!


ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนต่างก็หวาดกลัวจนใบหน้าซีดเซียว ไม่กล้าที่จะอยู่ที่เดิม พวกเขาได้ใช้พลังอำนาจทั้งหมดของร่างกาย หลบหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต


“ตายไปซะ!”


เซี่ยปิงไล่ตามไป แสดงทักษะย่างก้าวหยานเป่ยออกมา แผ่นหลังของเขามีปีกอีกานรกทองคำคู่หนึ่งปรากฏขึ้นมา ข้างหนึ่งเป็นสีแดง อีกข้างเป็นสีดำ ขนนกนั้นก่อตัวขึ้นมาจากเปลวไฟ เหมือนกับว่ามีอักขระที่ลึกลับแอบแฝงอยู่เช่นกัน


วิซ ความเร็วของเขาไปถึงจุดสูงสุด บนอากาศปรากฏเป็นภาพเงาของเขาจำนวนนับไม่ถ้วน มาถึงตรงหน้าของลูกศิษย์ระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนของนิกายหวนคืนปรโลกอย่างกะทันหันและได้ประเคนหมัดออกไปที่ร่างกายของพวกเขาทันที


“ท่าไม่ดีแล้ว!”


ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก พยายามที่จะต่อต้าน ทว่าก็สายเกินไป หมัดนี้ได้อัดเข้าไปที่ร่างกายของพวกเขา เป็นเหมือนกับการโจมตีของช้างบาบีเรี่ยน เพียงพอที่จะบดทำลายแผ่นดินได้


ตึบ พลังหมัดนี้ได้เจาะทะลวงร่างกายของพวกเขาในทันที หน้าอกปรากฏเป็นรูเลือดขนาดใหญ่


ปัง!


จากนั้นซากศพของทั้งสามคนก็ได้กระแทกลงไปที่พื้น ปรากฏเป็นหลุมสามหลุมในทันที ดินกระจุยกระจายออกไป คาช่า คาช่า ส่งเสียงดังขึ้นมา รอยแยกนับสิบได้ลุกลามออกไปไกลกว่าสิบกิโลเมตร

 

 

 


ตอนที่ 1168

 

วิซ!


ทันทีที่เซี่ยปิงลงเหยียบพื้น ในความมืดนี้ก็มีแสงที่หนาวเหน็บกระพริบขึ้นมาทันที เหมือนกับว่าเป็นแสงของดาบพลังฉีที่สามารถแทงทะลวงสวรรค์ แทงตรงไปที่แผ่นหลังของเขา


เรียกได้ว่าดาบนี้เป็นการใช้จังหวะที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก แทงเข้ามาในระหว่างที่เซี่ยปิงลงสู่พื้นดิน ลอบสังหารอย่างกะทันหัน จะต้องเจาะทะลวงร่างกายของเซี่ยปิงด้วยดาบนี้


ซึ่งผู้ที่เคลื่อนไหวออกมานี้ ก็เห็นได้ชัดว่าคือเฉินเหว่ย


เขานั้นหลบซ่อนอยู่ในความมืดเป็นระยะเวลานาน ต่อให้จะเห็นศิษย์น้องของตนเองถูกสังหารไปโดยหมัดของเซี่ยปิง ศิษย์น้องจำนวนมากตายไปอย่างน่าสลดนั้น เขาก็ยังคงรักษาความสงบนิ่งของตนเองไว้ได้ แม้แต่สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนด้วยซ้ำ


เมื่อเห็นว่าโอกาสที่เหมาะเจาะได้มาถึง เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างกะทันหัน แทงดาบออกมาเพื่อสังหารเซี่ยปิง


“ตายไปซะเจ้าอู๋ไท่โต่ว!”


เฉินเหว่ยระเบิดพลังอำนาจออกมา สีหน้าของเขานั้นดุร้ายอย่างถึงที่สุด ในมือกำสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำดาบเงาเดม่อนไว้อย่างแน่น ต้องการที่จะสังหารเซี่ยปิงด้วยดาบเล่มนี้


ด้วยการที่เขาเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้น บวกกับการที่มีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำนี้นั้น มันทำให้ดาบเล่มนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ดาบพลังฉีที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นสสาร เป็นเหมือนกับงูอสรพิษก็ว่าได้ มีพลังอำนาจที่สามารถเจาะทะลวงทุกสิ่ง


ตึบ!


เซี่ยปิงยืนอยู่ที่จุดๆเดิม ทว่าดาบเล่มนี้ก็ได้แทงเข้ามาที่ร่างกายของเขา ดาบพลังฉีที่แหลมคมได้ปะทุออกมา ทว่าทันใดนั้นร่างกายของเขาก็มีพลังงานสีดำที่ปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน


สิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำ เกราะเขาทมิฬ!


ในช่วงเวลาที่อันตรายนี้ เซี่ยปิงก็ได้กระตุ้นพลังอำนาจของสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำเกราะเขาทมิฬออกมาเช่นกัน พลังงานสีดำทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ปรากฏเป็นลวดลายที่เหมือนกับกระดองเต่า ก่อตัวขึ้นมาเป็นสสาร มีพลังป้องกันที่ทรงพลังอย่างถึงที่สุด เป็นเหมือนกับอสูรโบราณเฮยเจี่ยว มีพลังป้องกันที่สามารถต้านทานการโจมตีส่วนใหญ่ได้


หล่ง หล่ง หล่ง~


ทันใดนั้นดาบเงาเดม่อนและเกราะเขาทมิฬก็ได้ปะทะกัน นี่คือการปะทะกันของสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำและสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำ เป็นการต่อสู้ของดาบและเกราะ ทันใดนั้นเสียงที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกก็ได้ปะทุออกมา


ทั้งสองพลังงานที่ปะทะกันนั้น กระตุ้นให้เกิดประกายไฟที่เจิดจ้าออกมา ที่พื้นก็ถูกคลื่นพลังงานกวาดออกไปจนเกิดเป็นรอยแตกร้าวที่น่าอัศจรรย์ขึ้นมาทันที ลุกลามออกไปไกลหลายร้อยเมตร แผ่นดินแตกแยกจนกลายเป็นหุบเหวลึกอย่างไม่คาดคิด


“นี่มันเป็นไปไม่ได้ บนตัวเจ้าก็มีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำอย่างนั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณประเภทป้องกัน?!” เฉินเหว่ยตกใจอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าดาบของตนเองนั้นไร้ช่องโหว่ สามารถที่จะสังหารเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ได้


ใครจะไปคิดกันว่าบนตัวของเจ้าเด็กนี่ก็มีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำที่เป็นประเภทป้องกัน


ภายในจักรวาลนั้น สิ่งประดิษฐ์วิญญาณหรือว่าสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ระดับสูงอื่นๆนั้น ไม่ได้มีมูลค่าที่น้อยเลย ไม่ใช่เป็นสมบัติที่สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ เขาเฉินเหว่ยก็ได้ลงทุนไปอย่างมหาศาลเพื่อให้ได้ครอบครองสิ่งประดิษฐ์วิญญาณชิ้นนี้มา


ทว่าเจ้าเด็กนี่กลับมีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำเช่นกัน นี่มันช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ ทำไมเจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่ถึงสามารถเปิดไพ่ในมือออกมาได้เรื่อยๆ ดูเหมือนว่าจะมีเงินมากกว่าเขาด้วยซ้ำ


เขารู้สึกอิจฉาจนตาร้อนขึ้นมาในทันที


“เจ้ามีสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ได้ แต่ข้ามีสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ไม่ได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสสังหารข้าหากว่าเจ้าลอบโจมตีข้าเช่นนี้หรือ? ช่างตลกสิ้นดี ทุกการเคลื่อนไหวทุกการกระทำของเจ้านั้นอยู่ในสายตาของข้า ข้ารู้ทุกอย่าง ต่อให้เจ้าจะจะอุจจาระหรือว่าจะเยี่ยว ข้าก็รู้” เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม “ยอมแพ้ซะเถอะ เจ้าไม่สามารถสังหารข้าได้”


“ไม่ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่สามารถสังหารเจ้าได้ ข้าเฉินเหว่ยเป็นถึงผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะไม่สามารถสังหารนักบ่มเพาะอิสระในระดับสมปรารถนาอย่างเจ้าได้ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”


เฉินเหว่ยคำรามออกมา ไม่เต็มใจที่จะยอมรับอย่างมาก นี่มีความเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของเขา


เขาคิดว่าตนเองนั้นเป็นลูกศิษย์อัจฉริยะของนิกายหวนคืนปรโลกและเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ หากไม่มีทางที่จะจัดการแม้แต่กับนักบ่มเพาะอิสระในระดับสมปรารถนานั้น จากนั้นเขาจะมีหน้าไปพบใครอีก


หากเขาเฉินเหว่ยยอมแพ้ที่นี่และคิดว่าตนเองไม่สามารถที่จะเป็นคู่มือให้กับเจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่ได้ จากนั้นหากในอนาคตเขาได้พัฒนาตนเองและเลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับสูงนั้น มันจะต้องมีปมอยู่ในหัวใจของเขาอย่างแน่นอน


นี่จะเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สำหรับเส้นทางในการพัฒนาเป็นเซนต์ของเขา ไม่ว่าอย่างไร เขาเฉินเหว่ยก็จะไม่ยินยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน จะต้องกำจัดเจ้านักบ่มเพาะอิสระที่ยโสโอหังคนนี้ให้ได้


หลั่ว หลั่ว หลั่ว~


ในช่วงเวลานี้ พลังเวทมนตร์ทั่วทั้งร่างกายของเขาได้หลั่งไหลเข้าไปในดาบเงาเดม่อน ทันใดนั้นก็มีพลังฉีเดม่อนสีดำที่ไร้ขอบเขตเอ่อล้นออกมาจากดาบเดม่อนนี้ทันที แสงสีดำเปล่งประกายออกมาจากดาบ


บนใบมีดมีลวดลายของค่ายกลจำนวนมากปรากฏขึ้นมา บนอากาศมีพลังฉีเดม่อนสีดำที่แผ่ออกมานับไม่ถ้วน เหมือนกับว่ากำลังจะควบแน่นขึ้นมากลายเป็นโครงกระดูกสีเลือด


ในตอนนี้ อุณหภูมิภายในพื้นที่ระยะนับสิบกิโลเมตรได้ลดฮวบลง ออร่าที่หนาวเหน็บและเสียดแทงได้แผ่ออกไป ที่พื้นนั้นดูเหมือนว่าจะถูกกวาดไปโดยลมที่หนาวเหน็บนี้ ทำให้น้ำแข็งจับตัวที่พื้นอย่างรวดเร็ว


ทว่านี่ไม่ใช่พลังฉีเย็นที่ธรรมดา ทว่าเป็นพลังฉีเดม่อน มีออร่าที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งสามารถกัดกร่อนสิ่งมีชีวิตได้


“ทำลายมันซะ ทำลายมันเดี๋ยวนี้ รีบทำลายให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆซะ อ๊าก!”


เฉินเหว่ยกำดาบเงาเดม่อนในมืออย่างแน่นพร้อมกับคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องการที่จะใช้ดาบเดม่อนนี้แทงทะลุการป้องกันของเกราะเขาทมิฬจนใจจะขาด ทั่วทั้งร่างกายของเขาสั่นเทา กัดริมฝีปากจนเลือดเกือบที่จะไหลออกมา


เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!


ทันใดนั้นดาบยาวของเขาก็ได้เจาะทะลวงพลังงานสีดำที่ปกคลุมอยู่นี้ ประกายไฟปะทุออกมา เป็นเหมือนกับเหล็กที่ถูกับพื้นก็ว่าได้ ส่งเสียงแหลมดังขึ้นมา


เฉินเหว่ยทุ่มเทพลังอำนาจทั้งหมดออกไป เจาะทะลวงผ่านพลังงานสีดำนี้ไปทีละเล็กทีละน้อย


“ทำลายตูดข้าสิ เสียงดังน่ารำคาญ!”


ไม่รอให้เฉินเหว่ยได้ดำเนินการต่อ เซี่ยปิงก็ได้เคลื่อนไหวออกมาอย่างกะทันหัน เขาไม่ได้โง่เขลาจนถึงขั้นมองดูเฉินเหว่ยเจาะทะลวงเกราะเขาทมิฬของตนเองไปอย่างนิ่งเฉย เขาได้ตบฝ่ามือออกไปทันที


แย่แล้ว!


เฉินเหว่ยมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาต้องการที่จะหลบหลีกการโจมตีของเซี่ยปิง ทว่ากลับค้นพบว่าดาบเงาเดม่อนของตนเองนั้นได้ติดอยู่กับพลังงานปกคลุมของเกราะเขาทมิฬ ไม่สามารถที่จะดึงออกมาได้


ในตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว


ตึบ!


ฝ่ามือได้ตบเข้าไป โจมตีเหมือนกับอสูรโบราณ ทรงอำนาจอย่างถึงที่สุด ตบลงไปที่ร่างกายของเฉินเหว่ยเช่นนี้ อากาศแตกแยกออกมา


“อ๊าก!”


เฉินเหว่ยส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช ดาบเงาเดม่อนในมือของเขาหลุดออกไป ร่างกายของเขาเป็นเหมือนกับลูกบอลยางก็ว่าได้ ถูกอัดจนกระเด็นออกไปเช่นนี้ ปลิวไปบนอากาศ


พลังอำนาจของฝ่ามือได้เจาะเข้าไปในอวัยวะภายใน ซี่โครงมากกว่าสิบซี่ได้แตกหัก เส้นประสาททั่วทั้งร่างกายเหมือนกับถูกทิ่มแทง เหมือนกับว่ามีมดจำนวนกว่าหมื่นตัวกำลังกัดกินร่างกายของเขา


สิ่งที่ทำให้เฉินเหว่ยแตกตื่นมากที่สุดนั้น ก็คือฝ่ามือนี้มีพลังอำนาจของเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ นี่คือเปลวไฟแห่งสวรรค์ ลุกลามเข้าไปที่ร่างกายของเขา เผาไหม้อย่างรวดเร็ว เริ่มที่จะแผดเผาพลังเวทมนตร์ของเขา


นี่ก็ส่งผลให้พลังเวทมนตร์ของเขาปั่นป่วน


ปัง เฉินเหว่ยได้กระแทกลงไปกับพื้นดิน เหมือนกับเป็นสุนัขที่ตายแล้วก็ว่าได้ ที่พื้นก็ถูกกระแทกจนปรากฏเป็นรอยแตกร้าวจำนวนนับสิบ


ในขณะที่เขาล้มลง ดาบเงาเดม่อนก็เหมือนจะสูญเสียพลังอำนาจไป หมอกสีดำรอบๆหายไปอย่างรวดเร็ว กลับคืนสู่โลกที่สดใสเช่นเดิม แสงอาทิตย์ส่องลงมา


ทว่าในตอนนี้ลูกศิษย์จำนวนมากของนิกายที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ตายไปในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ได้ถูกสังหารไปโดยลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก ทว่าตายไปด้วยการโจมตีของผู้คนในชนเผ่าวิญญาณก่อนหน้านี้


มีเพียงแค่ฉางเซวียและคนอื่นๆเท่านั้นที่เซี่ยปิงจงใจปกป้องไว้ ไม่ได้ตายไปจากคลื่นของการต่อสู้ที่ได้กวาดออกไปก่อนหน้านี้


ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ฉางเซวียและคนอื่นก็ได้หมดสติไป นอนหมดสติอยู่ที่พื้น


หลิวหยูหลานก็เป็นเช่นเดียวกัน เพราะว่าถูกยาพิษ เธอจึงได้หมดสติไปอย่างเงียบๆ

 

 

 


ตอนที่ 1169

 

“สมกับเป็นลูกศิษย์ที่ข้าแมวนักปราชญ์ได้เลือกมา”


เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แมวนักปราชญ์ก็ลูบเคราของตนเอง รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ในช่วงเวลานี้ศัตรูเกือบทั้งหมดได้ตายไป ซึ่งในบรรดาพวกเขาก็มีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งจำนวนหลายคนเช่นกัน


ด้วยการที่ในตอนนี้เซี่ยปิงมีพลังอำนาจในระดับสมปรารถนาขั้นกลางนั้น ผู้ที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ภายในจักรวาลนั้นมีจำนวนที่น้อยมาก เรียกได้ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่รู้สึกหวาดกลัว


มันถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม เฉินเหว่ยและกลุ่มลูกศิษย์นิกายหวนคืนปรโลกเหล่านี้ช่างไม่รู้ว่าตนเองได้ท้าทายตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน สุดท้ายจึงได้เผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ นี่เป็นการนำพาภัยพิบัติมาสู่ตนเอง


ยิ่งไปกว่านั้นการที่กลุ่มคนเหล่านี้ตายไป ทั่วทั้งเหมืองหินวิญญาณนี่ก็จะกลายเป็นของพวกเขา ได้รับผลประโยชน์มาอย่างมหาศาล


“เอาล่ะ ทำให้ทุกอย่างมันจบสิ้น”


ในตอนนี้ เซี่ยปิงเดินออกไปข้างหน้า คิดที่จะใช้ฝ่ามือจบชีวิตของเฉินเหว่ย เพราะว่าถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามนั้นก็เป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก หากปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามหลบหนีไปได้ ไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาแค่ไหน จะต้องถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้น


วิซ!


ทว่าในตอนนี้ เดิมทีที่นอนนิ่งเหมือนกับเป็นซากศพ ร่างกายของเฉินเหว่ยก็ได้เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน เหมือนกับว่าเป็นแรงเฮือกสุดท้ายก็ว่าได้ รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยปิง


เขาได้ดิ้นรนลุกขึ้นมา จากนั้นร่างกายก็หายไปเหมือนกับเป็นภูตผีก็ว่าได้ ปรากฏขึ้นมาที่ข้างกายของหลิวหยูหลานอย่างกะทันหัน ใบหน้านั้นเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมพร้อมกับจ้องมองไปที่เซี่ยปิงอย่างไม่ละสายตา


“อู๋ไท่โต่ว อย่าขยับเป็นอันขาด หากเจ้ากล้าที่จะก้าวเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป”


ในช่วงเวลานี้ เฉินเหว่ยได้จับตัวหลิวหยูหลานเป็นตัวประกัน สีหน้าของเขานั้นดุร้าย ถึงแม้ว่าเขานั้นจะได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ ทว่าก็ยังคงมีพลังอำนาจเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง การที่ต้องการจะสังหารคนที่หมดสติอยู่นั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมาก


“หืมม?! ในฐานะลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก ไม่คาดคิดว่าจะใช้วิธีการที่สกปรกอย่างการจับตัวประกันเช่นนี้ นี่เจ้าไม่รู้สึกละอายใจหรือ? ต่อให้จะต้องตายไป เจ้าก็ควรจะตายไปอย่างมีศักดิ์ศรีถึงจะถูก”


เซี่ยปิงขมวดคิ้ว


“ผายลม! ตายไปตูดข้าสิ”


เฉินเหว่ยต่อว่าออกมา “ศักดิศรีไร้สาระอะไรของเจ้า การที่ตายไปนั้น ศักดิ์ศรีจะไปมีประโยชน์อะไรกัน? สรุปก็คือหากเจ้าทำอะไรบุ่มบ่ามออกมาล่ะก็ ข้าจะใช้ฝ่ามือทำลายศีรษะของเธอทันที”


“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่อยากเห็นผู้หญิงที่งดงามคนนี้ตายไปอย่างอนาถภายใต้ฝ่ามือของข้า นี่เป็นการแลกเปลี่ยนชีวิตของเธอกับชีวิตของข้า เจ้าไม่คิดหรือว่านี่เป็นสิ่งที่ยุติธรรม?”


เพื่อที่จะรักษาชีวิตของตนเอง เขาสามารถที่จะใช้วิธีการทุกอย่างได้ ต่อให้จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาดและไร้ศักดิ์ศรี เขาก็ไม่สนใจ


แท้ที่จริงแล้วเขาคิดว่านอกเหนือจากตัวเขาเองนั้น คนอื่นๆไม่ได้มีความสำคัญอะไร


“เฉินเหว่ย ข้าคิดว่าเจ้ากำลังเข้าใจอะไรผิด คิดว่าเจ้าจะสามารถข่มขู่ข้าด้วยชีวิตของเธออย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าห่วงใยเธอจริงๆอย่างนั้นหรือ?” เซี่ยปิงมีสีหน้าที่ไม่แยแส มองเฉินเหว่ยอย่างดูถูก “เจ้าคิดว่าข้านั้นจะปล่อยเจ้าซึ่งจะนำพาภัยพิบัติมาให้ข้าในอนาคตไปเพื่อแลกกับชีวิตของเธออย่างนั้นหรือ? ข้าคิดว่าเจ้าประเมินคุณค่าของผู้หญิงคนนี้มากเกินไป”


น้ำเสียงของเขานั้นดุดันอย่างมาก อีกทั้งยังมีจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจนสั่นเทา


“อู๋ไท่โต่ว เจ้าอย่ามาวางมาดเสแสร้งที่นี่ ข้าล่วงรู้เป็นอย่างดีว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร”


เฉินเหว่ยแสยะออกมาอย่างต่อเนื่อง “หากเจ้าไม่ได้ห่วงใยผู้หญิงคนนี้จริงๆ แน่จริงก็เข้ามาตบข้าให้ตาย อย่างมากข้าก็จะตายไปพร้อมกับผู้หญิงคนนี้ ข้าจะลากเธอลงนรกไปด้วยกัน”


“แต่ว่าเจ้าจะกล้ารึเปล่า? เจ้ามีความกล้ามากพอหรือไม่?!”


เขาสามารถมองเห็นได้ถึงธาตุแท้ของเจ้าอู๋ไท่โต่งนี่ เป็นคนที่มักมากในกามอย่างแท้จริง ไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ตายไปอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่มีความเกรงกลัว


ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นวิธีการสุดท้ายของเขา หากแม้แต่การข่มขู่นี่ก็ไม่ได้ผลนั้น จากนั้นเขาคงจะต้องตายจริงๆ


ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็คือฟางเส้นสุดท้ายที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อได้ เขาจะต้องยึดมั่นในวิธีการสุดท้ายนี้อย่างหัวชนฝา


“เจ้าต้องการที่จะทำให้ข้าโมโหไปมากกว่านี้หรือ?!”


เซี่ยปิงหรี่ตามองไปที่เฉินเหว่ยซึ่งอยู่ตรงหน้า


ทว่าเห็นท่าทางเช่นนี้ของเซี่ยปิง เฉินเหว่ยก็ยิ่งแสดงความยโสโอหังออกมา เขาคิดว่าตนเองนั้นกำลังบีบเซี่ยปิงอยู่ในกำมือ “บัดซบ ทำให้เจ้าโมโหแล้วอย่างไรกัน ถึงอย่างไรตัวประกันก็อยู่ในมือข้า”


“นี่ไม่ใช่เป็นการที่ข้าพูดจาดูถูกเจ้า ทว่าหากเจ้าแน่จริง ก็สังหารข้าไปพร้อมกับผู้หญิงนี้เลย เข้ามา หากเจ้าแน่จริงล่ะก็ เข้ามาสังหารข้าซะ”


“ข้ายืนอยู่ตรงนี้ ไม่มีแรงเรี่ยวที่จะจับไก่ด้วยซ้ำ แน่จริงก็เข้ามาสังหารข้า!”


เขาตะโกนออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง เหมือนกับว่าล่วงรู้ถึงจุดอ่อนของเซี่ยปิง คิดว่าเจ้านี่ไม่กล้าที่จะลงมือ


ในตอนนี้เขานั้นมีตัวประกันอยู่ในมือ ฝ่ายตรงข้ามจะต้องฟังคำสั่งของเขา


“โอ้ ถ้าอย่างนั้นก็ตายไปซะ” เซี่ยปิงมองเฉินเหว่ยอย่างดูถูก


อะไรนะ?!


เฉินเหว่ยสะดุ้งตกใจ เจ้าเด็กนี่ไม่ได้สนใจชีวิตของผู้หญิงคนนี้จริงๆ เรื่องนี้มันอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างสิ้นเชิง


วิซ!


ทันใดนั้น ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งหลบซ่อนอยู่ใต้พื้นดินก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันได้พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน มีความเร็วที่ก้าวผ่านความเร็วเสียงไปนับสิบเท่า ทะลวงผ่านพื้นดินขึ้นมาเหมือนกับว่าพื้นดินเป็นเต้าหู้ก็ว่าได้


“ท่าไม่ดีแล้ว!”


เฉินเหว่ยมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป สัญชาตญาณของเขากำลังบ่งบอกถึงวิกฤติที่กำลังใกล้เข้ามา ทว่าเขาก็ไม่รู้ว่าอันตรายนั้นมาจากที่ใด แม้แต่รอบๆก็เหมือนกับว่าจะไม่มีร่องรอยของจิตสังหารแม้แต่น้อย


ปัง!


วินาทีต่อมา คมมีดก็ได้แทงขึ้นมาจากพื้นดิน ทั่วทั้งพื้นดินแตกกระจายออกไป ปรากฏเป็นรูขนาดใหญ่


ภายในพริบตา ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ได้เจาะเข้าไปที่ร่างกายของเฉินเหว่ย ซึ่งดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้มีพลังอำนาจของสิ่งประดิษฐ์เซนต์ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จะต้านทานได้แม้แต่น้อย


ต่อให้การป้องกันพลังฉีของเขาจะทรงอำนาจแค่ไหน ทว่าก็ยังคงถูกเจาะทะลวงผ่านไปโดยดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้อย่างกะทันหัน เป็นเหมือนกับกระดาษก็ว่าได้


ทั่วทั้งร่างกายของเขาแยกออกจากตรงกลาง ถูกดาบตัดกลายเป็นสองซีกเช่นนี้ เลือดมหาศาลสาดกระเซ็นออกมาเหมือนกับเป็นน้ำพุก็ว่าได้ ติ้ง ติ้ง ส่งเสียงดังออกมา


“นี่มัน นี่มัน!”


ดวงตาของเฉินเหว่ยเผยให้เห็นถึงความแตกตื่น ความรู้สึกผิดและความไม่เต็มใจ ก่อนที่เขาจะตายไปนั้น เขาต้องการที่จะใช้ฝ่ามือตบหลิวหยูหลานให้ตายไปเช่นกัน ทว่ามันก็สายเกินไป เพราะว่าความเร็วที่ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งขึ้นมานั้น รวดเร็วยิ่งกว่าการเคลื่อนไหวของเขา


เมื่อเขาต้องการที่จะลงมือนั้น ทั่วทั้งร่างกายก็ถูกฉีกกลายเป็นชิ้นๆ


“ข้า..ข้าไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ อ๊าก!”


ก่อนหน้าที่ร่างกายจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เฉินเหว่ยก็ได้คำรามออกมา คำรามออกสู่ท้องฟ้า เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและไม่พึงพอใจ เขานั้นเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกและเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ มีอนาคตที่สดใส ในอนาคตมีโอกาสที่จะได้ก้าวเข้าสู่ระดับเซนต์ ทะยานขึ้นท้องฟ้าภายในก้าวเดียว


ทว่าตอนนี้กลับถูกสังหารไปภายในทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้ แสงสว่างของอนาคตได้ดับไป ถามว่าเขาเฉินเหว่ยผู้ที่มีความทะเยอทะยานสูงนั้นจะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้หรือ?!


ทว่าไม่ว่าเขาจะต้องการปฏิเสธเรื่องนี้มากเพียงใด ตอนนี้เขาก็ถูกสังหารไปแล้ว ต่อให้เทพเจ้าจะจุติลงมายังผืนดิน ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเขาได้


“เจ้าโง่”


เซี่ยปิงมองเฉินเหว่ยอย่างไม่แยแส การที่เขาได้พูดสนทนามากมายกับเฉินเหว่ยก่อนหน้านี้นั้น เพียงเพื่อที่จะเบี่ยงแบนความสนใจของเจ้านี่และแอบส่งดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดออกไปอย่างลับๆ


ด้วยพลังอำนาจของดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น มันไม่มีออร่าของจิตสังหาร ผู้บ่มเพาะปกติธรรมดาไม่สามารถที่จะล่วงรู้ถึงตำแหน่งของมันได้ ถือว่าเป็นอาวุธสังหารที่ยอดเยี่ยมที่สุด


ดังนั้น เมื่อมันลงมือ พลังอำนาจปะทุออกมา ก็ได้สังหารเฉินเหว่ยไปอย่างกะทันหัน แม้แต่โอกาสให้เขาหลบหลีกออกไปก็ไม่มี ถูกสังหารไปเช่นนี้


การที่ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมใดๆนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่จะสามารถต้านทานได้


การที่เจ้าเฉินเหว่ยนี่ต้องการที่จะประกาศออกมาอย่างยโสโอหังต่อหน้าเขานั้น ช่างไม่ดูว่าตนเองนั้นมีหลายชีวิตหรือไม่

 

 

 


ตอนที่ 1170

 

“หืมม? นี่ข้าตายไปแล้วหรือ?”


ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน หลิวหยูหลานก็ได้ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ เธอได้ลืมตาขึ้นมาและค้นพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ที่พื้น พริบตาที่หมดสติไปนั้น เธอคิดว่าตนเองคงจะต้องถูกส่งไปที่ยมโลก


ทว่ารอให้เธอได้ฟื้นคืนสติกลับมา เธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของร่างกาย เธอล่วงรู้ทันทีว่าตนเองนั้นยังไม่ตาย ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้


“พลังเวทมนตร์ของข้าก็ฟื้นฟูกลับมา ยาพิษหมดฤทธิ์อย่างนั้นหรือ?”


หลิวหยูหลานค้นพบอย่างกะทันหันว่าพลังเวทมนตร์ของตนเองก็ได้ฟื้นฟูกลับมาแล้ว สามารถที่จะเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ เธอยืนขึ้นมาจากพื้นทันทีและค้นพบว่านอกจากตนเองและเซี่ยปิงนั้น ก็ไม่ได้มีผู้คนจำนวนมากที่ยังมีชีวิตอยู่


เธอมองออกไปและค้นพบว่าเซี่ยปิงหรือว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่กำลังทำลายซากศพโดยที่ไม่ให้เหลือร่องรอย นิ้วได้ชี้ออกไป กลุ่มเปลวไฟขนาดเล็กได้ถูกยิงออกไปอย่างเบาบาง จากนั้นก็แผดเผาซากศพเหล่านี้


หลั่ว หลั่ว หลั่ว~


หลังจากไม่กี่ลมหายใจ ซากศพเหล่านี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่าน สายลมพัดออกมา จากนั้นก็ได้พัดเถ้าถ่านเหล่านี้ปลิวหายไปจากโลกใบนี้


หลังจากนั้นไม่กี่นาที นอกจากฉางเซวียและคนอื่นๆที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นนั้น ซากศพอื่นๆก็ได้หายไปอย่างหมดจด


ในช่วงเวลานี้หลิวหยูหลานก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่านี่เป็นภาพลวงตา หากไม่ใช่เพราะสถานที่แห่งนี้มีร่องรอยความเสียหายที่ร้ายแรงอยู่ ทุกๆที่มีแต่ความยุ่งเหยิงนั้น เธอก็คงจะคิดว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น


วิธีการที่เจ้าบัดซบนี่ใช้ในการทำลายซากศพโดยที่ไม่มีร่องรอยใดๆหลงเหลืออยู่เลยนั้น ช่างดูเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้วเจ้านี่ได้ทำเรื่องที่เลวร้ายมามากแค่ไหนกัน?


“นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนอื่นๆตายไปทั้งหมดหรือ? นี่มันผ่านไปนานแค่ไหน ทำไมพิษในร่างกายของข้าถึงได้หายไป?” หลิวหยูหลานเดินเข้าไปและรัวคำถามใส่เซี่ยปิง


“อืม ตายไปทั้งหมด”


เซี่ยปิงพยักหน้า “และก็ไม่นาน เจ้าหมดสติไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ส่วนพิษของเจ้านั้น ข้าก็ได้จัดการให้กับเจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าไม่มีอะไรที่ต้องกังวล”


สำหรับเขานั้น การที่ต้องการถอนพิษออกจากร่างกายของหลิวหยูหลานนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ตราบใดที่ปล่อยเปลวไฟของเขาเข้าไป ก็สามารถที่จะแผดเผาพิษเหล่านี้จนหมดจดในทันที


ทว่าก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ทำเช่นนี้ เป็นเพราะกังวลว่ามันจะทำให้ศัตรูรู้ตัว ทำให้เฉินเหว่ยและคนอื่นๆไหวตัวขึ้นมา ทว่าตอนนี้การที่กลุ่มคนเหล่านั้นได้ตายไปจนหมดสิ้นนั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องนี้อีก


“ตายไปทั้งหมดหรือ?!”


หลิวหยูหลานรู้สึกผ่อนคลายลง ล่วงรู้ว่าศัตรูคู่อาฆาตจั่วฮาวได้ตายไปด้วยน้ำมือของเซี่ยปิง ความแค้นได้รับการชำระ ทว่าในตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ตนเองควรที่จะทำอย่างไรต่อ


“ใช่สิ เจ้าตื่นขึ้นมาก็ดี ข้าต้องการให้เจ้าระบุว่าสิ่งของต่างๆที่ข้าได้ปล้นชิงมาจากจ้าวสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิงนั้นคืออะไร?” เซี่ยปิงพูดกับหลิวหยูหลาน เขาได้นำสิ่งของต่างๆออกมา สาเหตุที่เขาถอนพิษให้กับหลิวหยูหลานและทำให้ตื่นขึ้นมานั้น เพราะต้องการที่จะล่วงรู้ว่าสิ่งของที่อยู่บนตัวของจั่วฮาวเหล่านี้คือสมบัติอะไร


“นี่คือเม็ดยาบำรุงวิญญาณ เป็นเม็ดยาที่มีประโยชน์ต่อผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก สามารถที่จะทำให้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น มีสรรพคุณที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าหินวิญญาณเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้มีผลข้างเคียง เป็นเม็ดยาที่มีมูลค่าที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก”


หลิวหยูหลานเห็นขวดเม็ดยา4-5ขวดที่พื้น เธอก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที ในอดีตนั้นแต่ละครั้งที่ตระกูลหลิวต้องการซื้อเม็ดยาบำรุงวิญญาณนั้น จำเป็นต้องใช้เงินในจำนวนที่มหาศาล


ทว่าตอนนี้เซี่ยปิงได้ครอบครองขวดเม็ดยานี้มา4-5ขวดอย่างง่ายดาย ช่างโชคดีเหลือเกิน คาดการณ์ได้ว่าคงจะมีแค่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะมีเม็ดยาที่ล้ำค่าเช่นนี้ได้


เม็ดยาเหล่านี้นั้นไม่ใช่แค่ได้มาจากจั่วฮาวเท่านั้น ทว่าเซี่ยปิงก็ได้ปล้นชิงมาจากผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆของชนเผ่าวิญญาณเช่นกัน ซึ่งรวมทั้งหมดเป็นเม็ดยาบำรุงวิญญาณในจำนวน4-5ขวด


“สิ่งเหล่านี้คือสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่าในทวีปโลหิตวิญญาณของพวกเรา โสมทองคำ เฉ่าอู รากธรณีและอื่นๆ” หลิวหยูหลานบ่งบอกถึงสมุนไพรวิญญาณต่างๆที่เซี่ยปิงได้รับมาภายในหนึ่งลมหายใจ สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างมาก


“นี่คือ..นี่มันคือเครื่องหมายอะไรหรือ?”


เซี่ยปิงยกเครื่องหมายสีดำขึ้นมา มีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือ เขาคิดว่าเครื่องหมายสีดำนี้มีพลังอำนาจที่ลึกลับแอบแฝงอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีค่ายกลยับยั้งจิตวิญญาณที่ลึกลับบางอย่างถูกจารึกไว้ ดูล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้


“นี่คือตราของจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อย เป็นตราของจ้าวสำนัก การที่ได้เห็นตรานี้ก็เหมือนกับการที่ได้เห็นจ้าวสำนัก”


ทันทีที่เห็นตรานี้ปรากฏขึ้นมานั้น หลิวหยูหลานก็สะดุ้งตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นตราของจ้าวสำนัก “ว่ากันว่าตรานี้มีความล้ำค่าอย่างมาก ฟ้าดินไม่อาจให้อภัย หลังจากที่ได้ครอบครองตรานี้ จากนั้นจะสามารถระดมกองกำลังทั้งหมดของสำนักวิญญาณในเมืองฮวายหนิงได้”


“แม้แต่ค่ายกลยับยั้งภายในสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้น ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตรานี้ หลังจากที่มีตรานี้นั้น จะสามารถผ่านเข้าออกพื้นที่หวงห้ามต่างๆของสำนักวิญญาณได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่ายกลเทเลพอร์ตเพื่อไปยังสำนักวิญญาณสาขาหลักได้”


เธอได้บ่งบอกข้อมูลที่ตนเองรู้


“หากเป็นเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่าตรานี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก”


เซี่ยปิงเอามือเท้าคางในขณะที่สายตาเป็นประกาย


“เจ้าอันธพาล เจ้าต้องการที่จะทำอะไร? เจ้าคงจะไม่คิดใช้ตรานี้ในการทำเรื่องไม่ดีใช่หรือไม่?” สัญชาตญาณของหลิวหยูหลานกำลังบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี เธอคิดว่าสิ่งของที่อันตรายของสำนักวิญญาณได้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปีศาจต่างถิ่นที่แข็งแกร่งอย่างมาก


หากเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ต้องการที่จะทำเรื่องที่เลวร้ายล่ะก็ สำนักวิญญาณก็คงจะไม่สามารถต้านทานได้


“แน่นอน คนดีอย่างข้า เป็นไปได้อย่างไรที่จะคิดทำเรื่องไม่ดี เขาเพียงแค่ต้องการไปเยี่ยมเยียนสำนักวิญญาณเพียงเท่านั้น” เซี่ยปิงพูดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม สำหรับเรื่องทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณนั้น มันอยู่ในสมองของเขามาตลอด


ตอนนี้ต่อให้จะสังหารผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเป็นจำนวนมาก ทว่าก็ยังคงไม่ได้ครอบครองทักษะพลังวิญญาณใดๆ เห็นได้ชัดว่าชนเผ่าวิญญาณนั้นเข้มงวดเรื่องการปกปิดทักษะลับแค่ไหน ไม่อนุญาตให้มันรั่วไหลออกไปอย่างแน่นอน


“เจ้าต้องการจะทำเรื่องที่ไม่ดีจริงๆ”


หลิวหยูหลานตะโกนออกมา “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าคิดทำอะไรบุ่มบ่าม สำนักวิญญาณนั้นมียอดฝีมือที่มากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่รู้ว่ามีจำนวนมากแค่ไหน พลังอำนาจของพวกเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่จั่วฮาวจะสามารถเทียบด้วยได้”


“หากเจ้าบุกรุกเข้าไปและถูกค้นพบโดยผู้คนของสำนักวิญญาณล่ะก็ ไม่สามารถที่จะหลบหนีออกมาได้อย่างแน่นอน ข้าขอเตือนให้เจ้าล้มเลิกความคิดที่อันตายนี่ซะ”


เธอได้ทำการโน้มน้าวและห้ามปราบเซี่ยปิง เพราะเธอล่วงรู้ว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน หากเจ้าอันธพาลนี่เข้าไปในสำนักวิญญาณได้จริงๆ ไม่รู้ว่าจะก่อให้เกิดการทำลายล้างมากแค่ไหน บางทีอาจจะทำให้ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณสั่นสะเทือน


การที่สำนักงานใหญ่ของสำนักวิญญาณถูกบุกรุกเข้าไปโดยปีศาจต่างถิ่นนั้น นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ผ่านมาเป็นระยะเวลาหลายหมื่นปีก็ไม่เคยมีเรื่องที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกเช่นนี้เกิดขึ้น


“สบายใจได้ ข้าเตรียมพร้อมมาอย่างดี มันจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”


เซี่ยปิงตบหน้าอกของตนเอง


หลิวหยูหลานมีสีหน้าที่ซีดเผือด เจ้านี่ยังต้องการที่จะไปจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี ท้ายที่สุดแล้วจะต้องเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์แค่ไหนกันที่ทำให้เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ยอมล้มเลิกได้?


“ใช่สิ สมบัติของเฉินเหว่ยและคนอื่นๆ จะต้องทำการตรวจสอบ”


เซี่ยปิงไม่ได้สนใจหลิวหยูหลานอีกต่อไป เขาได้โบกมือออกไป ทันใดนั้นแหวนห้วงมิติจำนวนนับสิบก็ได้ปรากฏขึ้นมา นี่คือสิ่งที่พบจากซากศพของเฉินเหว่ยและคนอื่นๆก่อนหน้านี้ สมบัติของพวกเขาถูกเก็บไว้ในแหวนห้วงมิติเหล่านี้


สำหรับจักรวาลในยุคนี้นั้น แหวนห้วงมิติถือว่าเป็นไอเท็มที่ธรรมดาอย่างมาก มีอยู่ทั่วไปในสังคม


ทว่าในตอนนี้เขาก็มีความคาดหวังอย่างมาก ไม่รู้ว่าอันที่จริงกลุ่มของเฉินเหว่ยนี่จะพกพาสมบัติที่ล้ำค่าอะไรมา

 

 

 


ตอนที่ 1171

 

“ดูเหมือนจะมีเม็ดยาเป็นจำนวนมาก”


อย่างแรกเซี่ยปิงสังเกตเห็นว่าภายในแหวนห้วงมิติของคนเหล่านี้มีเม็ดยาที่ใช้สำหรับการบ่มเพาะเป็นจำนวนมาก เขาได้นับอย่างคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีประมาณหนึ่งร้อยขวด ซึ่งข้างในแต่ละขวดนั้นก็มีเม็ดยาที่แตกต่างกันมากมาย


“เยี่ยมจริงๆ นี่มันเหมาะสำหรับการบ่มเพาะของเจ้ามาก สามารถที่จะทำให้พลังเวทมนตร์ของเจ้าเพิ่มขึ้นมา”


แมวนักปราชญ์ก็ได้เห็นสิ่งของภายในแหวนห้วงมิติเช่นกันและได้พูดออกมา “ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาห้าธาตุของนิกายห้าธาตุ เม็ดยาหมอกเมฆาของนิกายเมฆาทะยาน เม็ดยาหวนคืนปรโลกของนิกายหวนคืนปรโลก เม็ดยาเหล่านี้ต่างก็เป็นเม็ดยาที่มีชื่อเสียงภายในจักรวาล ซึ่งมูลค่าของพวกมันนั้นสามารถเทียบได้กับเม็ดยาหยินหยางของนิกายฟ้าดิน การที่กินเม็ดยาเหล่านี้เข้าไปนั้น อย่างน้อยก็สามารถประหยัดระยะเวลาการบ่มเพาะของเจ้าไปได้ถึงสามเดือน”


เซี่ยปิงก็ล่วงรู้เช่นกัน นิกายระดับเซนต์แต่ละนิกายนั้นต่างก็มีเม็ดยาที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง อย่างเช่นเม็ดยาห้าธาตุนั้นมีพลังอำนาจของทั้งห้าธาตุของโลก มีผลประโยชน์สำหรับร่างกายของมนุษย์อย่างมหาศาล ว่ากันว่าสามารถทำให้ร่างกายของมนุษย์นั้นอยู่ในสภาวะที่ทั้งห้าธาตุสมดุลกัน


เม็ดยาหมอกเมฆานั้นก็เป็นเม็ดยาที่อยู่ในการครอบครองของนิกายเมฆาทะยาน สามารถที่จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย รักษาอาการบาดเจ็บภายใน อีกทั้งยังมีคุณประโยชน์อย่างมหาศาลในการเสริมสร้างร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นก็สามารถที่จะเพิ่มศักยภาพของร่างกายได้เช่นกัน


ส่วนเม็ดยาหวนคืนปรโลกของนิกายหวนคืนปรโลกนั้นเป็นเม็ดยาที่มีสรรพคุณทางยาที่รุนแรงอย่างยิ่ง มีสรรพคุณของหมื่นพุทธธรรมกลับคืนสู่หนึ่งเดียว เปรียบดั่งสายน้ำหลากหลายสายรวมกันเป็นสายใหญ่สายเดียว เป็นเม็ดยาที่เหมือนกับอสูรดุร้าย รวดเร็วและรุนแรง  หากร่างกายทนได้ มันจะกลายเป็นเม็ดยาที่มีประสิทธิภาพในการบ่มเพาะที่เหนือกว่าเม็ดยาจำนวนมาก


แน่นอนว่าเม็ดยาหยินหยางของนิกายฟ้าดินนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเม็ดยาเหล่านี้ เป็นเม็ดยาที่มีพลังอำนาจของหยินหยาง เรียกได้ว่าเม็ดยาแต่ละอย่างนั้นต่างก็มีจุดแข็งเป็นของตนเอง


“เยี่ยม เยี่ยม เหมือนกับว่าจะมีเม็ดยาจำนวน2-3หมื่นเม็ด ครั้งนี้ได้รับโชคลาภที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” เซี่ยปิงรู้สึกดีใจอย่างมาก เม็ดยาเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้เขาบ่มเพาะไปจนถึงระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ช่างเป็นความมั่งคั่งที่ไม่คาดฝัน


ภายในนิกายฟ้าดินนั้น การที่ต้องการจะครอบครองเม็ดยาหยินหยางเป็นจำนวนสามหมื่นเม็ดนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องรอระยะเวลานานแค่ไหน การปล้นชิงนั้นคือหนทางสู่ความร่ำรวยที่แท้จริง ทว่าความเสี่ยงก็มีมากเช่นกัน หากล้มเหลวนั้นก็หมายถึงความตาย


ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากเม็ดยาเหล่านี้ เขาก็ได้เจอสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ของผู้บ่มเพาะเหล่านี้เช่นกัน


ภายในจักรวาล นอกจากคนยากคนจนนั้น คนอื่นๆก็มีสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ในระดับสิ่งประดิษฐ์สมบัติอยู่ทั่วไป เรียกได้ว่านี่เป็นสิ่งของที่หาได้ทั่วไป ในฐานะลูกศิษย์ในนิกายระดับเซนต์นั้น แน่นอนว่าผู้บ่มเพาะเหล่านี้จะต้องมีสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์บางอย่างอยู่เช่นกัน


สิ่งประดิษฐ์วิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมาก ไม่ใช่สิ่งที่ลูกศิษย์ปกติธรรมดาจะมีได้ ทว่าสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ในระดับสิ่งประดิษฐ์สมบัติขั้นสูงนั้นมีเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยเซี่ยปิงก็พบเจอในแหวนห้วงมิติเหล่านี้เป็นจำนวนมาก


แมวนักปราชญ์ได้ทำการตรวจสอบอย่างคร่าวๆ ครั้งนี้เซี่ยปิงได้ครอบครองสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ในระดับสิ่งประดิษฐ์สมบัติขั้นสูง40ชิ้น สิ่งประดิษฐ์สมบัติขั้นกลาง60ชิ้นและสิ่งประดิษฐ์สมบัติขั้นต่ำอีกเป็นจำนวนมาก


สิ่งประดิษฐ์สมบัติเหล่านี้มีทั้งดาบยาว ดาบใหญ่ คันธนู ง้าว กลองและอื่นๆ แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเภท


หากขายสิ่งประดิษฐ์สมบัติเหล่านี้ออกไป อย่างน้อยก็จะได้รับเงินมาในจำนวนสิบล้านเหรียญจักรวาล


แน่นอนว่าสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำดาบเงาเดม่อนของเฉินเหว่ยนั้นยังคงเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด มันมีมูลค่าที่มากกว่าสิ่งประดิษฐ์สมบัติขั้นสูงกว่าสิบเท่า


ถึงแม้ว่านี่จะเป็นดาบเดม่อน ไม่เหมาแก่การใช้งานของเซี่ยปิง ทว่าหากขายออกไปนั้น จะต้องได้รับเงินมาเป็นจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน


“ใช่สิ ไม่ใช่ว่าเจ้านี่บอกว่าตนเองมีหมอกแดงหรือ? ทำไมข้าถึงหาไม่เจอ?” เซี่ยปิงสำรวจแหวนห้วงมิติของเฉินเหว่ยอย่างละเอียด ทว่ากลับไม่สามารถหาหมอกพิษนี้ได้


“คงจะเป็นเพียงแค่การโกหกเพื่อหลอกลวงพวกเรา”


แมวนักปราชญ์พูดออกมาอย่างดูถูก “หมอกแดงนั้นมีความล้ำค่าอย่างมาก การที่ต้องการครอบครองมันนั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หากบนตัวของเขาหมอกแดงจริงๆล่ะก็ ก่อนหน้านี้คงจะใช้มันในระหว่างการต่อสู้กับเจ้าแล้ว”


“ยิ่งไปกว่านั้นหากเขามีหมอกพิษนี่จริงๆ คงจะสังหารผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้ด้วยตนเอง มีที่ไหนที่จะต้องทำการเซ็นสัญญาทางจิตวิญญาณกับพวกเขาและครอบครองหินวิญญาณมาโดยการร่วมมือกัน”


มันคิดว่าเฉินเหว่ยจะต้องโกหกอย่างแน่นอน


“มีเหตุผลทีเดียว”


เซี่ยปิงพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของแมวนักปราชญ์ ทว่าเขาก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย หากได้ครอบครองหมอกแดงจริงๆล่ะก็ ในมือของเขาก็จะมีไพ่ตายที่เพิ่มมากขึ้น


ต่อให้จะเผชิญกับศัตรูที่ทรงพลัง เขาก็สามารถที่จะจัดการกับศัตรูด้วยหมอกแดงนี่ได้ สังหารศัตรูในขณะที่หมดสติไป


“ถึงแม้ว่าจะไม่มีหมอกแดง ทว่าข้าก็เจอยาพิษมากมายในแหวนของเจ้านี่ มีพิษที่ร้ายแรง พิษที่เรื้อรังและพิษอื่นๆอีกมาก” แมวนักปราชญ์พูดออกมา “แม้แต่พิษสลายพลังงานที่ใช้กับพวกเจ้าก่อนหน้านี้นั้นก็มีเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง คุ้นเคยกับการใช้วิธีการที่สกปรกๆมามากมาย เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี”


มันก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มันพบยาพิษมากกว่าร้อยอย่างในแหวนห้วงมิติของเฉินเหว่ย พิษแต่ละอย่างนั้นมีฤทธิ์ที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งพิษบางอย่างนั้นก็สามารถที่จะสังหารผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย


คาดการณ์ได้ว่าเจ้าเฉินเหว่ยนี่ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีก่อนที่จะเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้ การที่พกพาพิษเหล่านี้เข้ามาด้วยนั้น เขาจะสามารถเอาตัวรอดในสถานที่แห่งนี้ได้เหมือนกับปลาได้น้ำ สามารถที่จะใช้ได้อย่างราบลื่นไปในทุกหนแห่ง


“พิษสลายพลังงาน?!”


เซี่ยปิงขมวดคิ้ว ในที่สุดเขาก็ล่วงรู้ถึงชื่อพิษที่สามารถทำให้พลังเวทมนตร์ของผู้บ่มเพาะหายไป มีชื่อว่าพิษสลายพลังงานนี่เอง ซึ่งฤทธิ์ของมันก็เป็นไปตามชื่อ


“ใช่สิ พิษสลายพลังงานนี่จะต้องทำการผสมวัตถุดิบที่แตกต่างกันสองอย่างไม่ใช่หรือ? การที่ต้องการใช้พิษนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือ?” เซี่ยปิงถามขึ้นมา


แมวนักปราชญ์ส่ายหัว “ม่ายย นี่เป็นเพราะว่าเฉินเหว่ยวางแผนที่จะตลบหลังพวกเจ้า จึงได้ทำเช่นนี้ เขาคิดที่จะให้พิษในร่างกายของพวกเจ้าฟักตัวเมื่อผ่านระยะเวลาไปครึ่งวัน ดังนั้นจึงได้ตั้งใจผสมพิษออกมาเช่นนี้ ซึ่งนี่เป็นหมอกพิษที่ชะลอระยะเวลาการออกฤทธิ์”


“ทว่าหากทำการผสมล่วงหน้านั้น สามารถที่จะทำให้พิษพลังฉีออกมาเป็นขวดได้ ไร้สีและไร้กลิ่น อีกทั้งยังออกฤทธิ์ได้ในทันที หากศัตรูได้กลิ่นพิษพลังฉีนี้เข้าไป ก็จะหมดเรี่ยวแรงและล้มลงไปกับพื้นภายในระยะเวลาไม่ถึงสามนาที”


“ตอนนี้ภายในแหวนห้วงมิตินี้ก็มีพิษสลายพลังงานนี้อยู่เป็นจำนวน2-3ขวด หากต้องการ เจ้าสามารถที่จะใช้มันได้ในทันที ถือว่าเป็นไพ่ตายอย่างหนึ่ง”


มันบ่งบอกว่าพิษสลายพลังงานนี้ถูกระบุว่าเป็นพิษต้องห้ามของจักรวาล มีเพียงแค่ในตลาดมืดเท่านั้นที่บ่มมันขึ้นมา ไม่สามารถที่จะขายอย่างเปิดเผยได้ การที่ต้องการจะได้มันมานั้นก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่มหาศาล


ไม่รู้เหมือนกับว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าเฉินเหว่ยของนิกายหวนคืนปรโลกนี่ใช้วิธีการใดในการครอบครองพิษนี้มา


“เยี่ยม เยี่ยมมาก”


เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง เขาล่วงรู้ถึงความร้ายกาจของพิษนี้ สามารถที่จะทำให้ศัตรูสูญเสียพลังอำนาจไปโดยที่ไม่รู้ตัว ช่างเป็นพิษที่เหมาะสำหรับอาชญากรที่เจ้าเล่ห์อย่างมาก


ในบางสถานการณ์ พิษนี้จะสร้างผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก


หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เซี่ยปิงและแมวนักปราชญ์ก็ได้ทำการตรวจสอบสมบัติทั้งหมด จากนั้นก็ได้นำตัวฉางเซวียและคนอื่นๆไปไว้ในถ้ำลับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป


เขานั้นไม่ได้ต้องการที่จะถอนยาพิษของฉางเซวียและคนอื่นๆเหล่านี้ ปล่อยให้พวกเขาได้หลับต่อไป ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาลืมตาตื่นขึ้นมา มันจะเป็นเรื่องยากมากในการอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยปิงก็ไม่ได้มีความสนใจที่จะอธิบายเรื่องนี้เช่นกัน


สรุปสั้นๆก็คือ หลังจากที่ออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณ คาดการณ์ได้ว่าคงจะเป็นเรื่องยากมากที่จะได้พบเจอกับฉางเซวียและคนอื่นๆอีกครั้ง โชควาสนาของพวกเขาคงจะสิ้นสุดเพียงแค่นี้


ไม่ว่าในอนาคตพวกเขาจะได้มีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่นั้น มันก็เป็นเรื่องของโชคชะตา


“เอาล่ะ จากนี้ก็ต้องทำการขุดเหมืองหินวิญญาณแห่งนี้ ไม่รู้ว่าข้างในจะมีหินวิญญาณจำนวนมากแค่ไหน” เซี่ยปิงคาดหวังไว้อย่างมาก


ตอนที่ 1173

 

เซี่ยปิงเปิดฉากโจมตีทันที ประเคนหมัดไปสู่บาเรียนี้


ตึบ!


ทันใดนั้น พลังหมัดที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ปะทุออกมา ปรากฏเป็นสภาวะเกลียวขึ้นมา เป็นเหมือนกับเครื่องขุดเจาะก็ว่าได้ เจาะทะลวงเข้าไปอย่างต่อเนื่อง พยายามที่จะทำลายบาเรียนี้


ทว่าเมื่อพลังหมัดของเขาโจมตีค่ายกลบาเรียนี้ ก็มีหลุมวนที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน เป็นเหมือนกับอสูรยักษ์ที่อ้าปากออกมาก็ว่าได้ พลังหมัดถูกกลืนกินเข้าไปจนหมดจด


“อะไรกัน? ไม่คาดคิดว่าจะไร้รอยขีดข่วน?!”


เซี่ยปิงขมวดคิ้ว เขาค้นพบว่าการป้องกันของค่ายกลบาเรียนี้อยู่ในจุดที่เหนือจินตนาการอย่างมาก แม้แต่พลังอำนาจของเขาในตอนนี้ ก็ไม่สามารถที่จะสร้างความเสยหายให้กับบาเรียนี้แม้แต่น้อย


ต้องรู้ด้วยว่าพลังอำนาจของเขาในตอนนี้นั้น สามารถที่จะต่อกรกับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้นได้ ทว่าค่ายกลบาเรียนี้กลับไม่ได้ถูกทำลายไป เห็นได้ชัดว่าบาเรียของสถานที่แห่งนี้แข็งแกร่งแค่ไหน เหนือธรรมชาติจริงๆ


“เปล่าประโยชน์ หากข้าคาดเดาไม่ผิด นี่คือค่ายกลห้วงมิติ ไม่ใช่ว่าจะใช้พลังอำนาจเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะทำลายมันได้” ในตอนนี้ แมวนักปราชญ์เริ่มพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับจ้องมองไปที่บาเรียนี้อย่างไม่ละสายตา


“ค่ายกลห้วงมิติ?”


เซี่ยปิงมองไปที่แมวนักปราชญ์อย่างสงสัย


“สิ่งที่เรียกว่าค่ายกลห้วงมิตินั้น ก็คือค่ายกลที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง เป็นค่ายกลที่สร้างขึ้นมาจากพลังอำนาจเชิงห้วงมิติ เหมือนกับการสร้างโลกขนาดเล็กขึ้นมาก็ว่าได้ นี่คือค่ายกลที่มีความลึกซึ้งอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่เป็นค่ายกลในระดับที่เจ้าจะสามารถสร้างความเสียหายได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายมัน”


แมวนักปราชญ์พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม


“ร้ายกาจเพียงนั้นเลยหรือ?”


เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง มองไปที่ค่ายกลบาเรียตรงหน้า “ถ้าอย่างนั้น ข้างในก็คงจะมีสมบัติที่ล้ำค่าอย่างมากใช่หรือไม่?”


“ถูกต้อง มีความเป็นไปได้สูง เพราะว่าถึงอย่างไรก็คงจะไม่มีใครที่จะสร้างค่ายกลห้วงมิตินี้ขึ้นมาโดยที่ไม่มีเหตุผล บางทีข้างในนี่อาจจะเป็นสถานที่ที่ยอดฝีมือบางคนเคยอาศัยอยู่หรืออาจจะเป็นสถานที่บ่มเพาะก็เป็นได้” แมวนักปราชญ์พูดออกมา “ทว่าตอนนี้คงจะไม่มีใครอาศัยอยู่แล้ว”


“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน?” เซี่ยปิงถามขึ้นมา


แมวนักปราชญ์พูดออกมาอย่างดูถูก “หากมีใครบางคนอยู่ข้างในค่ายกลห้วงมิตินี่จริงๆ จากการโจมตีของเจ้าเมื่อครู่นี้นั้น จะต้องมีการต่อต้านที่รุนแรงอย่างแน่นอน บางทีเจ้าอาจจะถูกสังหารไปอย่างกะทันหัน”


“จนถึงตอนนี้ ค่ายกลนี้ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา เพียงพอที่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้อีกแล้ว”


เซี่ยปิงถามต่อ “ท่านมีวิธีการใดหรือไม่ในการฝ่าเข้าไปในค่ายกลห้วงมิตินี้?”


เขาล่วงรู้ว่าแมวนักปราชญ์นั้นได้ติดตามเซนต์มาเป็นระยะเวลานาน ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดประเภทนี้นั้นจะไม่สามารถทำการบ่มเพาะได้ ทว่าภายใต้ประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมาซึ่งได้เห็นและได้ยินมานั้น สำหรับความรู้ในเรื่องการบ่มเพาะและความรู้ในปริศนาต่างๆของค่ายกลนั้น มันถือว่าเป็นยอดฝีมือในระดับสูง


“ข้าจะลองดู”


แมวนักปราชญ์มีสายตาเป็นประกาย ดวงตาทั้งสองของมันมีกระแสข้อมูลนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา แสงสีฟ้าได้ส่องสว่างออกมา ทำการสแกนค่ายกลนี้อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์ข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่าง


หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ในที่สุดการวิเคราะห์นี้ก็เสร็จสิ้น


“เป็นอย่างไร?” เซี่ยปิงมองไปที่แมวนักปราชญ์


แมวนักปราชญ์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เอาล่ะ โชคดีที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ภายในค่ายกลห้วงมิตินี้ ปริศนาต่างๆของค่ายกลนี้จึงได้ปรากฏขึ้นมา ท้ายที่สุดข้าก็ค้นพบช่องโหว่ของค่ายกลห้วงมิตินี้ พบเจอรอยต่อของห้วงมิติ”


“ตราบใดที่เจ้าเข้าไปทางรอยต่อของห้วงมิตินี้ เจ้าก็จะสามารถเข้าไปในค่ายกลห้วงมิตินี้ได้อย่างแน่นอน”


หลังจากนั้น มันก็ได้อธิบายว่าต้องทำอย่างไร บ่งบอกถึงวิธีการในการเข้าไปข้างในค่ายกลห้วงมิตินี้


“เป็นอย่างนี้นี่เอง”


เซี่ยปิงยืนอยู่ที่จุดๆเดิม พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้เจาะเข้าไปในค่ายกลบาเรียนี้ ทำการสำรวจอย่างต่อเนื่องตามที่แมวนักปราชญ์ได้บอกมา ในที่สุดเขาก็พบรอยต่อของห้วงมิติเช่นกัน


รอยต่อของห้วงมิตินี้ดูเหมือนว่าจะเป็นช่องทางเล็กๆ ปกปิดอยู่ในห้วงมิติ หากพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ทรงอำนาจมากพอนั้น ไม่สามารถที่จะค้นพบได้


ตึบ!


วินาทีต่อมา พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ได้กระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง ทันใดนั้นช่องทางก็เหมือนจะถูกกระตุ้นออกมา สร้างแรงดึงดูดที่มหาศาล ทันใดนั้นเขาและหลิวหยูหลาน รวมถึงสไลม์ทองก็ถูกดูดเข้าไปด้วยกัน


“เกิดอะไรขึ้น?”


หลิวหยูหลานสะดุ้งตกใจทันที เห็นได้ชัดว่าเธอยืนอยู่ข้างนอกโดยที่ไม่ได้ทำอะไร ทว่ากลับถูกดูดเข้าไปอย่างไร้เหตุผล ในช่วงเวลานี้เธอรู้สึกมึนงงอย่างมาก เหมือนกับว่าตนเองปรากฏตัวขึ้นมาในอีกสถานที่หนึ่ง


“สไลม์!”


สไลม์ทองก็หวาดกลัวเช่นกัน ทว่าเมื่อได้เห็นเซี่ยปิงอยู่ข้างกายนั้น มันก็รู้สึกผ่อนคลายลงทันที จากนั้นก็เปลี่ยนกลายเป็นสายรัดข้อมือ กลับมาอยู่ติดกับเซี่ยปิงอีกครั้ง


“ที่นี่คือข้างในค่ายกลห้วงมิติหรือ?”


เซี่ยปิงยืนอยู่ที่จุดเดิม เขาค้นพบว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่ได้กว้างใหญ่นัก มีพื้นที่ประมาณหนึ่งพันตารางเมตร มีความสูงประมาณ20-30เมตร ดูเหมือนจะเป็นที่อยู่อาศัยปกติทั่วไป มีห้องอยู่ข้างใน5-6ห้อง


ห้องเหล่านี้นั้นมีทั้งห้องหนังสือ ห้องนอน ห้องกลั่นกรองเม็ดยา ห้องที่เงียบสงบและห้องอื่นๆตามลำดับ อีกทั้งยังมีเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเตียง เครื่องครัว ชั้นวางของและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันอื่นๆ เหมือนกับว่าเคยมีใครบางคนอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน


“หืมม? สิ่งนี้คืออะไรกัน?!”


เซี่ยปิงเดินเตร่ไปตามพื้นที่แห่งนี้ ทว่ากลับไม่ได้ค้นพบว่ามีสมบัติใดๆ ท้ายที่สุดเขาก็เดินมาถึงที่ห้องหนังสือ ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่าบนกำแพงนั้นมีภาพเขียนพู่กันจีนแปะอยู่


ซึ่งมีเพียงแค่คำเดียวเท่านั้นที่เขียนอยู่ : เจิ้น!


ทว่าตัวอักษรนี้กลับมีออร่าของความยิ่งใหญ่ที่ไร้ที่สิ้นสุด มีแสงสว่างเปล่งประกายออกมา เหมือนกับว่ามีพลังอำนาจที่สามารถกำราบปีศาจที่ชั่วร้ายได้ แรงกดดันที่มหาศาลเหมือนดั่งภูเขาได้ทับลงมา มีความหนักหน่วงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้


ภาพเขียนพู่กันจีนนี้มีความคล้ายคลึงกับยันต์ที่เซนต์อสูรมืดได้มอบให้เขามา มันมีออร่าของเซนต์แอบแฝงอยู่


“อั่ก!”


หลิวหยูหลานก็มองอย่างสงสัย ทว่าเธอมองเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็กระอักเลือดออกมาทันทีและล้มลงไป เธอไม่กล้าที่จะมองมันอีก ไม่อย่างนั้นจิตวิญญาณของเธอจะต้องได้รับความเสียหายอย่างหนัก


“เป็นแรงกดดันที่หนักหน่วงพอสมควร!”


ทว่าเซี่ยปิงนั้นมีต้นไม้โลกที่ค้ำจุนจิตวิญญาณของเขาอยู่ ดังนั้นภาพเขียนพู่กันจีนของเซนต์นี้จึงไม่ได้มีผลกระทบกับเขามากนัก เขาเดินเข้าไปและดึงภาพเขียนนี้ออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ากระดาษแผ่นนี้มีน้ำหนักมากกว่าสิบตันเสียอีก


เขาต้องไหลเวียนพลังเวทมนตร์ออกมาเพื่อที่จะสามารถถือภาพเขียนพู่กันจีนนี้ได้ หากเป็นคนปกติธรรมดาล่ะก็ การที่เห็นภาพเขียนพู่กันจีนนี้นั้น ต่อให้จะใช้พลังอำนาจทั้งหมดก็ไม่สามารถที่จะดึงมันออกมาได้


“นี่คือตัวอักษรที่เซนต์ได้เขียนลงไป มีการประทับตราวิญญาณของเซนต์อยู่” แมวนักปราชญ์ที่มีความรู้และประสบการณ์มากมาย มันล่วงรู้ทันทีว่าสิ่งนี้คืออะไร “ในยุคสมัยโบราณนั้นว่ากันว่ามียอดฝีมือที่ใช้พลังอำนาจของตัวอักษรได้ แค่พูดก็มีพลังอำนาจของเซนต์ แค่เขียนตัวอักษรออกมาอย่างอิสระก็มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ในระดับสุดยอดแอบแฝงอยู่ด้วย มีพลังอำนาจที่ไร้ที่สิ้นสุด”


“คาดการณ์ได้ว่าครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวของเซนต์”


มันได้ยืนยันออกมา


“เป็นสมบัติที่ดี”


เซี่ยปิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ทันใดนั้นก็ได้เก็บภาพเขียนพู่กันจีนนี้ หากในช่วงเวลาวิกฤติ นำภาพเขียนพู่กันจีนนี้ออกมา จะสามารถกำราบและสังหารศัตรูได้ มูลค่าของมันนั้นจะต้องเทียบได้กับยันต์ของเซนต์อย่างแน่นอน เทียบเท่าได้กับการมีไพ่ตายเพิ่มขึ้นมาอีกใบ


หลังจากที่เห็นว่าภาพเจียนพู่กันจีนนี้ได้หายไป หลิวหยูหลานก็รู้สึกผ่อนคลายลงทันที ไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันที่มหาศาลอีกต่อไป เธอก็ได้ลุกยืนขึ้นมาจากพื้นและมองออกไปรอบๆ ทว่าดวงตาที่งดงามของเธอก็เผยให้เห็นถึงความตกใจในทันที “สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เซนต์โลหิตวิญญาณเคยอาศัยอยู่อย่างนั้นหรือ?”


เธอรู้สึกสงสัยในจุดๆนี้อย่างมาก เพราะว่าสถานที่ที่มีค่ายกล้วงมิติเช่นนี้หากไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัยของเซนต์โลหิตวิญญาณล่ะก็ เธอก็ไม่สามารถที่จะคิดถึงใครที่จะมีพลังอำนาจในระดับนี้ได้อีก ในความเป็นจริงทวีปโลหิตวิญญาณนั้นก็มีซากปรักหักพังโบราณปรากฏอยู่มากมาย ซึ่งสถานที่เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เซนต์โลหิตวิญญาณได้ทิ้งไว้


ทว่าเธอไม่คาดคิดว่าตนเองจะโชคดีเช่นนี้ จะบังเอิญมาพบเจอสถานที่เช่นนี้ได้

 

 

 


ตอนที่ 1174

 

“ข้าก็คิดว่าที่นี่คงจะเป็นที่ที่เซนต์โลหิตวิญญาณเคยอาศัยอยู่ ทว่ามันคงจะเป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัยชั่วคราวของเขาเท่านั้น เพราะว่ามันไม่มีสมบัติใดๆเลย” เซี่ยปิงรู้สึกเสียดายอย่างมาก นอกจากภาพเขียนพู่กันจีนนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอสมบัติอื่นใด เดิมทีเขานั้นต้องการที่จะครอบครองสิ่งประดิษฐ์เซนต์ คิดที่จะร่ำรวยขึ้นมาภายในคืนเดียว


หลิวหยูหลานก็มองดูเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ด้วยสายตาที่รังเกียจ การที่ได้ครอบครองภาพเขียนพู่กันจีนนั้นก็ถือว่าโชคดีมากเกินแล้ว ทว่าเจ้านี่ยังต้องการที่จะครอบครองสมบัติอื่นๆของเซนต์อีกหรือ ช่างเพ้อฝันสิ้นดี


ทว่าเมื่อคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบนั้น ภาพเจียนพู่กันจีนนั่นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างมาก เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นสมบัติดั้งเดิมของทวีปโลหิตวิญญาณ ทว่าการที่ถูกเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ปล้นชิงไปนั้น เธอก็รู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อย


โชคดีที่ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีสมบัติอื่นๆอีก ไม่อย่างนั้นทวีปโลหิตวิญญาณคงจะต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างมหาศาล


“เซี่ยปิง ข้าได้ทำการตรวจสอบค่ายกลห้วงมิตินี้อย่างกระจ่างแจ้งแล้ว เจ้าสามารถที่จะเจาะเข้าไปในแกนหลักของมันและทำการหล่อหลอมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมการทำงานทั้งหมดของค่ายกลห้วงมิตินี่ได้” แมวนักปราชญ์เริ่มพูดออกมา


เซี่ยปิงพยักหน้า จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้เจาะเข้าไป ทันใดนั้นก็พบแกนหลักของค่ายกลนี้ จากนั้นก็เริ่มทำการหล่อหลอม การที่ไม่มีผู้สร้างค่ายกลนี้อยู่ที่นี่นั้น เขาก็สามารถที่จะทำการควบคุมค่ายกลนี้ได้อย่างง่ายดาย


หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ในมือของเขาก็มีวัตถุบางอย่างปรากฏขึ้นมาทันที มันเป็นเหมือนกับลูกบอล กำลังไหลเวียนอยู่ ออร่าของห้วงมิติแผ่ออกมา นี่คือแกนหลักของค่ายกลนี้ที่ได้ก่อตัวขึ้นมา


เขารู้สึกว่าการที่ตนเองได้ครอบครองลูกบอลสีดำนี่มา ทำให้สามารถที่จะควบคุมค่ายกลทั้งหมดได้อย่างอิสระ พลังป้องกันของค่ายกลก็สามารถที่จะเพิ่มขึ้นมาได้หลายเท่า อีกทั้งยังสามารถที่จะเทเลพอร์ตออกไปข้างนอกได้ตลอดเวลา สะดวกสบายอย่างมาก


“ทว่าสิ่งที่ใช้ควบคุมค่ายกลนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีประโยชน์อะไร ไม่สามารถที่จะนำมันออกไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้มีสมบัติใดๆ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป” แมวนักปราชญ์พูดอย่างเสียดาย มันคิดว่าการที่ทำการหล่อหลอมแกนหลักของค่ายกลนี้ขึ้นมานั้นไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ


“เฮ้เฮ้ ข้ามีแผนการบางอย่าง สามารถที่จะเพิ่มพูนหินวิญญาณของพวกเราได้ อีกทั้งยังเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แอบลักลอบเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสำนักวิญญาณ” เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง ดวงตาเผยให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ หลังจากที่ล่วงรู้ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเซนต์โลหิตวิญญาณนั้น เขาก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาทันที


“แผนการอะไร?”


ทำไมก็ไม่รู้ แมวนักปราชญ์รู้สึกว่าร่างกายของตนเองสั่นเทา มันคิดว่าเจ้าบุคคลที่ชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์นี่คงจะมีแผนการที่สกปรกๆบางอย่าง ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่ตกหลุมพรางของเขา


“ท่านมีวิธีการสร้างเครื่องถ่ายเอกสารขึ้นมาหรือไม่?” เซี่ยปิงถามขึ้นมา


แมวนักปราชญ์พยักหน้า “ไม่มีปัญหา ภายในแหวนห้วงมิตินั้นมีหุ่นยนต์นาโนอยู่นับไม่ถ้วน อีกทั้งมีวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่เพียงพอ การที่ต้องการจะสร้างเครื่องถ่ายเอกสารขึ้นมานั้น เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก”


เรียกได้ว่าในการซ่อมแซมยานดาราจักรนั้น ในช่วงเวลานี้แหวนห้วงมิติก็ได้กลายเป็นเหมือนกับโรงงานขนาดเล็ก มีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงอยู่ภายใน ตราบใดที่ไม่ใช่เครื่องจักรที่ซับซ้อนเกินไป ก็สามารถที่จะสร้างขึ้นมาได้


“เยี่ยมมาก”


เซี่ยปิงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก


“ท้ายที่สุดแล้วเจ้าต้องการที่จะทำอะไรกัน?” แมวนักปราชญ์ถามอีกครั้ง รู้สึกสงสัยอย่างมาก


ทว่าเซี่ยปิงก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาได้นำกระดาษและปากกาออกมาจากแหวนห้วงมิติ เดินไปที่ห้องหนังสือและนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นก็เริ่มลงมือเขียนอย่างตั้งใจ


หลิวหยูหลานก็ได้เดินเข้ามาและมองอย่างสงสัย เห็นเพียงแค่ว่าบนกระดาษนั้นเขียนไว้ว่า “ข้า เซนต์โลหิตวิญญาณ จริงๆแล้วข้ายังไม่ได้ตาย ยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงแค่ว่าศัตรูได้ทำการผนึกข้าอยู่ข้างในหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปจากเมืองฮวายหนิงหลายร้อยกิโลเมตร ในตอนนี้ข้าไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อออกไปได้ หากใครสามารถที่จะมายังหุบเขาที่ปิดผนึกแห่งนี้เพื่อช่วยเหลือข้าด้วยหินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนนั้น หลังจากที่ข้าออกไปได้ ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณอย่างแน่นอน จะมอบพลังอำนาจในการปกครองทวีปแห่งนี้”


“เจ้าอันธพาล นี่เจ้าคิดที่จะทำอะไรกัน?!”


หลิวหยูหลานกัดมุมปากพร้อมกับมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่พูดอะไรไม่ออก


“ตามที่เจ้าเห็น ข้าวางแผนที่จะหลอกลวงกลุ่มผู้คนเพื่อมอบหินวิญญาณให้กับข้า ทำให้พวกเขาโยนหินวิญญาณเข้ามาในค่ายกลห้วงมิตินี้ จากนั้นข้าก็ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรและตักตวงผลประโยชน์จากคนอื่น ร่ำรวยขึ้นมาภายในคืนเดียว” เซี่ยปิงพูดโอ้อวดออกมา


“เจ้าเสียสติไปแล้ว เจ้าคิดว่าผู้คนของทวีปโลหิตวิญญาณมีไอคิวที่ต่ำถึงเพียงนั้นหรือ จะถูกเจ้าหลอกลวงอย่างง่ายดายเพียงนั้นหรือ? ข้าคิดว่าเจ้าดูถูกผู้คนของทวีปโลหิตวิญญาณมากเกินไป” หลิวหยูหลานมีสีหน้าที่พูดอะไรไม่ออก


เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ช่างอาจหาญอย่างถึงที่สุด ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ในนามของเซนต์ อีกทั้งยังต้องการที่จะหลอกลวงหินวิญญาณมาหนึ่งร้อยก้อน นี่เขาต้องการหินวิญญาณจนเสียสติเลยหรือ?


บอกตามตรง เมื่อเธอเห็นข้อความเหล่านี้นั้นเธอก็รู้สึกสมเพช ข้อความเหล่านี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะหลอกลวงผู้อื่นได้ เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่คิดว่าผู้คนของทวีปโลหิตวิญญาณของเธอนั้นมีไอคิวของเด็กอายุสามขวบอย่างนั้นหรือ?! ถูกหลอกลวงด้วยข้อความที่เห็นได้ชัดเช่นนี้ อีกทั้งการที่จะกล่าวว่าเซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตายไปนั้น ช่างเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี


“เจ้าไม่จำเป็นที่จะสนใจเรื่องนี้ สรุปก็คือหากมีคนโง่เขลาเข้ามา ข้าก็จะร่ำรวย” เซี่ยปิงไม่ได้สนใจสีหน้าที่ดูถูกของหลิวหยูหลาน เขาบอกกับแมวนักปราชญ์ทันที ให้ถ่ายเอกสารกระดาษแผ่นนี้มาหนึ่งล้านแผ่น


เพราะว่าเขาต้องการที่จะกระจายข่าวนี้ไปทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณ


ถึงแม้ว่าทวีปโลหิตวิญญาณนั้นจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ทว่ามันก็มีเมืองขนาดใหญ่เพียงแค่108เมืองเท่านั้น สถานที่อื่นๆส่วนใหญ่นั้นต่างก็เป็นป่า ภูเขา ทะเลและสถานที่อื่นๆ


สำหรับหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปและเมืองขนาดเล็กนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คาดการณ์ได้ว่าผู้คนภายในสถานที่เหล่านี้ก็เป็นคนยากคนจน ไม่สามารถที่จะนำหินวิญญาณมาได้


ดังนั้น ตราบใดที่กระจายข่าวนี้ไปตามเมืองขนาดใหญ่ ดึงดูดผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ในเมืองต่างๆมาได้นั้น แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอ


“เข้าใจแล้ว”


แมวนักปราชญ์ก็คิดว่าแผนการนี้ดูไม่น่าเชื่อถือ ทว่าในเมื่อเซี่ยปิงพูดออกมาเช่นนี้ มันก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงอย่างไรซะ ไม่ว่าแผนการนี้จะได้ผลหรือไม่นั้น เมื่อถึงเวลาก็จะได้รู้เอง


………………..


หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองก็ได้ออกไปจากค่ายกลห้วงมิตินี้ พวกเขาวางแผนที่จะเดินทางไปยังเมืองฮวายหนิง


เพราะว่าการที่ต้องการกระจายข่าวสารนี้ไปยังเมืองทั้ง108เมืองภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น จะต้องใช้ความช่วยเหลือจากค่ายกลเทเลพอร์ตของสำนักวิญญาณเช่นกัน นี่จะทำให้ไปที่เมืองอื่นๆได้อย่างรวดเร็ว


ไม่อย่างนั้นการที่พื้นที่ของทวีปโลหิตวิญญาณกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้นั้น การที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหน


เซี่ยปิงไม่ได้กังวลว่าตนเองจะไม่สามารถใช้เทเลพอร์ตของสำนักวิญญาณได้ เพราะว่าบนตัวของเขานั้นมีตราของสำนักวิญญาณซึ่งเป็นของจั่วฮาวอยู่ การที่มีตรานี้และมีหน้ากากปลอมตัวนั้น เขาจะสามารถเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นจั่วฮาวได้อย่างแน่นอน สามารถที่จะหลอกตาผู้คนของสำนักวิญญาณ กลายเป็นนกกระจอกเข้ารัง


“เจ้ากำลังทำอะไร?”


หลิวหยูหลานมองไปที่เซี่ยปิง บนศีรษะของเธอเหมือนกับมีเครื่องหมายคำถาม เพราะว่าเธอสังเกตเห็นว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่กำลังทำป้ายบอกทางที่หุบเขาแห่งนี้อย่างไม่คาดคิด ไม่รู้ว่าเจ้านี่ได้นำก้อนหินขนาดใหญ่นี่มาจากที่ใดและเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ลงไปโดยตรง: สถานที่ผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณ


ยิ่งไปกว่านั้นเส้นทางจากหุบเขาไปสู่เมืองฮวายหนิงนั้น เจ้านี่ก็ได้ทำเครื่องหมายบอกทางบนต้นไม้แต่ละต้น ซึ่งมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เหมืองหินวิญญาณ เหมือนกับเกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะไม่รู้เส้นทางก็ว่าได้


“แน่นอนว่ากำลังทำป้ายบอกทาง หากหลังจากนี้มีใครบางคนเดินทางเข้ามา พวกเขาจะไม่รู้ว่าหุบเขาแห่งนั้นอยู่ที่ใด นี่เป็นการที่ข้าช่วยเหลือพวกเขา” เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างโอ้อวด


ผายลม!


หลิวหยูหลานมองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่รังเกียจ มีที่ไหนที่เป็นการช่วยเหลือผู้คน เห็นได้ชัดว่าเป็นกังวลว่าคนอื่นๆจะไม่สามารถหาหุบเขาแห่งนั้นได้พบ ซึ่งส่งผลให้ตนเองไม่มีทางหลอกลวงเอาหินวิญญาณมาจากพวกเขาได้


ทว่าในอีกมุมหนึ่ง คนโง่เขลาที่ไหนจะถูกหลอกลวงด้วยการโกหกที่ชัดเจนเช่นนี้ บางทีอาจจะไม่มีใครสักคนที่เดินทางมา เมื่อถึงเวลานั้นทุกๆอย่างที่เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ทำไปก็จะสูญเปล่า


เธอกำลังตั้งหน้าตั้งตารอท่าทางที่ผิดหวังของเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่อยู่

 

 

 


ตอนที่ 1175

 

ณ เมืองฮวายหนิง


นี่คือเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้คนได้กว่าหลายร้อยล้านคน มีพื้นที่ที่กว้างขวาง มีตึกและสิ่งก่อสร้างมากมาย เป็นเหมือนกับเมืองในยุคสมัยโบราณก็ว่าได้ มีผู้คนของชนเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ที่นี่


ทว่าพื้นที่ใจกลางของเมืองฮวายหนิงนั้น ไม่ใช่เป็นคฤหาสน์ของผู้ปกครองเมือง ทว่าเป็นสำนักวิญญาณสาขาย่อย มีตึกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของศูนย์กลาง ดูยิ่งใหญ่และสูงตระหง่านอย่างมาก


สามารถที่จะเห็นถึงความสำคัญของสำนักวิญญาณได้จากสิ่งนี้ ซึ่งมีพลังอำนาจและอิทธิพลที่อยู่เหนือผู้ปกครองเมือง


ในช่วงเวลานี้ เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนก็ได้ปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิง


“ในที่สุดก็ได้กลับมา”


หลิวหยูหลานถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เธอถูกขับไล่ออกไปจากเมืองฮวายหนิง ไม่คาดคิดว่าจะได้กลับมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาอย่างเปิดเผย ศัตรูก็ได้ตายไปเช่นกัน


ทว่าในตอนนี้เธอก็ได้ปกปิดใบหน้าของตนเอง ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนอื่นๆที่ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอ


“สมกับที่เป็นสถานที่สำคัญของทวีปโลหิตวิญญาณ ช่างมีการป้องกันที่แน่นหนาจริงๆ” เซี่ยปิงหรี่ตามอง เขาสามารถสัมผัสได้ว่าตึกขนาดใหญ่ตรงหน้านี้มีค่ายกลป้องกันอยู่ ซึ่งครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่


หากมีศัตรูกล้าบุกรุกเข้าไป จะต้องเผชิญกับการโจมตีที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตาย


“ระวังตัวด้วย ข้าสัมผัสได้ว่ามีศัตรูที่กำลังติดตามเจ้าอยู่ หลังจากที่เข้ามาในเมืองฮวายหนิงนั้น ฝ่ายตรงข้ามก็ตามหลังพวกเรามาตลอด” แมวนักปราชญ์ได้พูดเตือนเซี่ยปิง มันตรวจจับได้ว่ามีอันตรายอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เป็นไปได้ว่ามีศัตรูในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์


ทว่ามันก็รู้สึกสงสัยอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้านี้นั้นเป็นความลับ ควรที่จะไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ถึงจะถูก ทว่าทำไมเมื่อมาถึงที่เมืองฮวายหนิงแห่งนี้ถึงได้มีกลุ่มผู้คนที่ติดตามพวกเขามา


ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เซี่ยปิงก็กำลังปลอมตัวโดยที่มีรูปลักษณ์เป็นจั่วฮาว แตกต่างกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


“ไม่ต้องกังวลไป ข้ารู้ว่าศัตรูเป็นใคร”


เซี่ยปิงหรี่ตามอง หางตาของเขาได้มองออกไปที่มุมถนน ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นภาพเงาจำนวนหนึ่งที่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าตำแหน่งของตนเองนั้นเป็นความลับ แต่กลับหารู้ไม่ว่าระบบได้ตรวจจับพวกเขามาเป็นระยะเวลานานแล้ว


เขาก็ล่วงรู้ว่าผู้ที่ติดตามเขามานั้นก็คือกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังที่โด่งดังนั่นเอง


เมื่อกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังถ่ายทอดจิตสังหารออกมานั้น ระบบความเกลียดชังปีศาจของเขาก็สามารถที่จะตรวจจับได้ทันที ทว่าในตอนนั้นกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังยังอยู่ห่างไกลกับตนเองอีกมาก เขาจึงไม่ได้สนใจคนเหล่านี้เป็นการชั่วคราว


ทว่าไม่คาดคิดว่านักฆ่าเหล่านี้จะมีฝีมืออยู่พอสมควร ไม่คาดคิดว่าจะแกะรอยตามตนเองมาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้


อย่างไรก็ตาม เมืองฮวายหนิงแห่งนี้นั้นเป็นเมืองของชนเผ่าวิญญาณ หากไม่แน่ใจ กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่ต้องการสังหารเซี่ยปิงเท่านั้น ทว่าพวกเขาก็ต้องการที่จะมีชีวิตกลับไปเช่นกัน ไม่คิดที่จะดับสลายไปพร้อมๆกัน


“เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าจะได้ท้าทายศัตรูในระดับนี้ แต่ในเมื่อข้าตั้งตัวเป็นลูกศิษย์ของเซนต์อสูรมืดนั้น มันก็ย่อมที่จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย” สายตาของเซี่ยปิงเป็นประกาย “แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะปล่อยให้กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังติดตามต่อไป ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาโอกาสในการสังหารพวกเขาให้สิ้นซาก”


คิดได้แบบนี้ เขาและหลิวหยูหลานก็ได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปในสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิง


“ใต้เท้าจั่วฮาว”


ในตอนนี้ ผู้คุ้มกันหน้าประตูของสำนักวิญญาณได้ค้นพบตัวตนของเซี่ยปิงในทันที พวกเขาต่างก็แสดงท่าทางที่เคารพนับถือ ทันใดนั้นก็กล่าวทักทาย เพราะว่านี่คือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของเมืองฮวายหนิง หากทำให้ฝ่ายตรงข้ามหงุดหงิดขึ้นมา การที่ศีรษะจะหลุดออกจากบ่านั้นก็ยังคงเป็นเรื่องที่เล็กน้อย


“ไม่มีทาง ใต้เท้าจั่วฮาวกลับมาแล้ว”


“นี่เป็นเรื่องที่ดี การที่ได้ออกเดินทางเป็นระยะเวลานานนั้น ข้าคิดว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นเสียอีก”


“หืม? แปลกจริงๆ ทำไมข้างกายของใต้เท้าจั่วฮาวถึงได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ผู้คุ้มกันคนอื่นๆหายไปไหนกัน?”


กลุ่มพ่อบ้านของสำนักวิญญาณที่ได้รับข่าว พวกเขาก็รีบเข้ามาทักทายทันที ทว่าพวกเขาก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่านอกจากจั่วฮาวและหลิวหยูหลานนั้น ก็ไม่มีใครอื่นอีก


“พวกเขายังมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ ข้าเป็นคนสั่งการให้พวกเขาออกไปทำภารกิจลับเอง” เซี่ยปิงยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับมีท่าทางที่คนรับใช้ไม่มีสิทธิ์สงสัย ไม่อย่างนั้นเขาจะคลุ้มคลั่งออกมา


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็เงียบลงทันที ไม่กล้าที่จะสงสัยอะไรอีก


“ไง จั่วฮาว ช่างวางมาดใหญ่โตจริงๆ การที่ได้กลายเป็นจ้าวสำนักของสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้น เจ้าคิดว่าอิทธิพลของสำนักวิญญาณเป็นอิทธิพลของเจ้าเองอย่างนั้นหรือ สามารถใช้งานส่วนตัวได้หรือ ล่วงรู้หรือไม่ว่านี่เป็นความผิดที่ร้ายแรง ข้าสามารถที่จะรายงานเรื่องนี้ให้กับท่านจ้าวสำนักได้รู้ จากนั้นเจ้าก็จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง เจ้ารู้หรือไม่?”


ชายวัยกลางคนที่มีเสียงคล้ายไก่ได้เดินเข้ามา ดวงตาของเขานั้นเป็นทรงสามเหลี่ยม แสดงให้เห็นถึงสายตาที่เจ้าเล่ห์อย่างมาก อีกทั้งยังมองมาที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เกลียดชัง


“เจ้าเป็นใครกัน?”


เซี่ยปิงชำเลืองมองชายวัยกลางคนคนนี้


พ่อบ้านคนหนึ่งตกใจขึ้นมาทันทีและรีบเข้าไปกระซิบอย่างเร่งรีบ “ใต้เท้าจั่วฮาว ข้าน้อยคิดว่านี่มันไม่เหมาะสมเล็กน้อย นี่คือผู้อาวุโสถันป๋อจากสำนักวิญญาณสาขาหลัก เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ข้าได้ยินมาว่าเขาเคยรู้จักกับท่านมาก่อน”


สีหน้าของเขานั้นดูแปลกประหลาดเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าจั่วฮาวจะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสถันป๋อเป็นใคร ช่างแปลกประหลาดจริงๆ


หัวใจของหลิวหยูหลานก็สั่นระรัว หวังว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้การปลอมตัวถูกเปิดเผยออกไป


“รู้จักอย่างนั้นหรือ? บุคคลที่ต่ำต้อยเช่นนี้ข้าจะไปรู้จักได้อย่างไร ตลกสิ้นดี”


เซี่ยปิงยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับมองถันป๋อด้วยสีหน้าที่ดูถูกมากกว่าเดิม ไม่มีท่าทางเกรงกลัวแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังพูดอย่างมั่นใจว่าตนเองไม่ได้รู้จักคนๆนี้


“จั่วฮาว ใครกันที่เป็นบุคคลต่ำต้อย เจ้านี่ช่างกล้าจริงๆที่พูดคำเหล่านี้ออกมา การที่ไม่ได้พบเจอกันมาสักพักนั้น ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะเริ่มแสดงความยโสโอหังออกมาเช่นนี้!” ได้ยินคำเหล่านี้ ถันป๋อก็โมโหขึ้นมาทันที ปรารถนาที่จะกระโจนเข้าไปอัดเซี่ยปิงอย่างป่าเถื่อน


เขาคิดว่าจั่วฮาวนั้นตั้งใจพูดคำเหล่านี้ออกมา ต้องการที่จะพูดจาเสียดสีเหน็บแหนมเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก บอกว่าเขาถันป๋อนั้นเป็นเพียงแค่บุคคลต่ำต้อยที่ไม่ควรค่าแก่การจดจำ


ก่อนหน้านี้เขาและจั่วฮาวนั้นก็มีความบาดหมางกันมาก่อน มีความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ดีนัก ชนิดที่เกือบลงไม้ลงมือกันทุกครั้งที่ได้พบเจอกัน แต่ไม่คาดคิดว่าครั้งนี้มันจะยิ่งอุกอาจมากกว่าเดิม พูดจาเสียดสีว่าไม่รู้จักเขา ช่างไร้สาระสิ้นดี


ผู้คนที่อยู่รอบๆก็ผุดเหงื่อเย็นออกมา นี่มันเป็นความขัดแย้งของผู้มีอิทธิพลที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ อีกทั้งพวกเขาก็ล่วงรู้เช่นกันว่าการที่ใต้เท้าจั่วฮาวบอกว่าไม่รู้จักถันป๋อนั้น มันเป็นการพูดจาเหน็บแนม


ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของจั่วฮาวและถันป๋อนั้นไม่ได้ดีนัก ทว่าก็ไม่คาดคิดว่ามันจะไม่ดีจนถึงขั้นนี้


หลิวหยูหลานก็กำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ช่างอาจหาญอย่างถึงที่สุด กล้าที่จะพูดเช่นนี้ออกมา หากสถานะที่แท้จริงของพวกเธอถูกค้นพบล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะต้องตายไปด้วยวิธีใด


เจ้าคนหื่นกามนี่ทำไมถึงได้มีความกล้าหาญถึงขั้นนี้


“นี่มันไม่ใช่ธุระของเจ้า หากไม่มีอะไรจะพูดก็ไสหัวออกไปให้พ้น ข้าเพิ่งกลับมาจากการเดินทางเป็นระยะเวลานาน เหน็ดเหนื่อยอย่างมาก ต้องการที่จะพักผ่อน ไม่มีเวลาที่จะไร้สาระกับเจ้า” เซี่ยปิงโบกมือและขับไล่แขกออกไป


“พักผ่อน? พักผ่อนตูดข้าสิ ข้าคิดว่าเจ้าต้องการที่จะกลับมาเสพสุขกับผู้หญิงคนนี้มากกว่า”


ถันป๋อมองหลิวหยูหลานด้วยสีหน้าที่กระหาย มองดูรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอ สัดส่วนที่โค้งเว้า รวมถึงออร่าศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญหญิงที่แผ่ออกมา ซึ่งทำให้เขารู้สึกอิจฉาจนตาร้อน


ผู้หญิงที่มีเสน่ห์เช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าจะตกอยู่ในมือของจั่วฮาว สวรรค์ช่างไม่มีตาจริงๆ


เจ้าบัดซบนี่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองฮวายหนิงอย่างสะดวกสบาย ได้ทุกอย่างที่ต้องการ เทียบกับเขาที่เป็นนักบวชอยู่ในสำนักวิญญาณสาขาหลักนั้น ไม่รู้ว่ามีชีวิตที่สุขสบายมากกว่าแค่ไหน


บอกตามตรง ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณสาขาหลัก มีตำแหน่งที่สูงกว่าจั่วฮาวเล็กน้อย ทว่าเมื่อพูดถึงการใช้อำนาจของตนเองและการเพลิดเพลินกับสิ่งต่างๆนั้น เขายังห่างไกลกับเจ้านี่อีกมาก


เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วการที่อยู่ในสายตาของจ้าวสำนักวิญญาณสาขาหลักนั้น มีใครกันที่จะกล้าติดสินบนหรือว่าทำการทุจริตใดๆ แต่ละคนต่างก็เกรงกลัวและไม่กล้าที่จะทำตามใจตนเอง

 

 

 


ตอนที่ 1176

 

“พวกเจ้ากำลังส่งเสียงดังอะไรกัน?”


ในตอนนี้มีเสียงของชายหนุ่มที่ได้ดังขึ้นมา


ระยะที่ห่างออกไปมีผู้คน2-3คนเดินเข้ามา ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมใส่ชุดคลุมที่หรูหรา มีท่าทางที่ยโสโอหังอย่างมาก ร่างกายมีออร่าของความหรูหราและความเป็นขุนนางแผ่ออกมา ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่งอย่างมาก


ทว่าข้างกายของชายหนุ่มก็มีชายชราสองคนที่ได้ติดตามมาเช่นกัน เดินเหมือนมังกรก้าวเหมือนเสือ มีออร่าที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม เหมือนกับเป็นภูเขาที่สูงตระหง่าน ทั้งสองนั้นเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้น มีพลังอำนาจที่เทียบเท่าได้กับถันป๋อ


เห็นทั้งสามคนที่เดินเข้ามา ถันป๋อก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันทีและรีบก้าวออกไปอย่างเร่งรีบ “นายน้อยฉาง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? ขออภัยที่ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับด้วยตนเอง ขออภัยที่ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับด้วยตนเอง”


เขาจำจดชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราคนนี้ได้อย่างกะทันหัน ซึ่งก็คือฉางฉือลูกชายลำดับที่สามของจ้าวสำนักวิญญาณ ส่วนชายชราทั้งสองคนนั้นเป็นมือขวาและมือซ้ายของฉางฉือ มีสถานะเป็นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณและยังมีสถานะที่สูงกว่าเขา


เพราะว่าถึงอย่างไร ในบรรดาผู้อาวุโสจำนวนมากของสำนักวิญญาณนั้น ตำแหน่งของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีระดับชั้นต่างๆที่หลากหลายเช่นกัน


อย่าพูดถึงว่านี่คือลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ เทียบเท่าได้กับเจ้าชายสืบทอดบัลลังก์ของอาณาจักร มีที่ไหนที่จะกล้าแสดงความยโสโอหังออกมาต่อหน้าฝ่ายตรงข้าม


“ครั้งนี้ที่ข้าได้เดินทางมาที่นี่นั้น เป้าหมายก็เพื่อตามหาฆาตกรที่ได้สังหารพี่ชายของข้า ซึ่งฆาตกรนั้นมีนามว่าอู๋ไท่โต่ว” จิตสังหารของฉางฉือเดือดดาลออกมา “เจ้าฆาตกรนั่นยโสโอหังอย่างมาก หลังจากที่ได้สังหารพี่ชายของข้านั้น ไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าทิ้งชื่อของตนเองไว้ ทำให้ท่านพ่อเดือดระอุอย่างมาก สาบานว่าจะจับตัวเจ้าฆาตกรนั่นให้ได้และฉีกร่างกายให้เป็นพันๆชิ้น”


“ใช่สิ เจ้ามีเบาะแสอะไรหรือไม่ มีข้อมูลอะไรที่สามารถช่วยให้ข้าตามหาเจ้าฆาตกรนั่นหรือไม่?”


เขามองไปที่ถันป๋อ


“ข้าก็เพิ่งมาถึงที่เมืองฮวายหนิงแห่งนี้ ไม่ได้มีเบาะแสใดๆเลย” ในความจริง สาเหตุที่ถันป๋อเดินทางมาที่เมืองฮวายหนิงนั้นก็เพื่อติดตามเรื่องนี้เช่นกัน


ตอนนี้จ้าวสำนักวิญญาณฉางซื่อเซิงได้ถ่ายทอดคำสั่งออกมา ทำให้ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณสั่นสะเทือน พวกเขาซึ่งเป็นผู้อาวุโสนั้นก็ถูกส่งออกไปทั่วทั่งทวีปเพื่อตามหาตัวเจ้าฆาตกรอู๋ไท่โต่ว


“การที่เจ้าจะไม่ล่วงรู้ถึงเบาะแสอะไรเลยนั้นก็คงจะเป็นเรื่องที่ปกติ”


ฉางฉือไม่ได้สนใจ อย่างรวดเร็วความสนใจของเขาก็ได้มุ่งตรงไปยังเซี่ยปิงและหลิวหยูหลาน โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นหลิวหยูหลาน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าหลิวหยูหลานนั้นก็กำลังปลอมตัว ปกปิดใบหน้าที่งดงามของตนเองไว้ ทว่าด้วยรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ดึงดูดของเธอนั้น มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายที่ได้พบเห็นเกิดอาการหวั่นไหว


“จั่วฮาว ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”


ฉางฉือถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเป็นคำสั่ง ถามเซี่ยปิง ดูเหมือนเป็นการที่เจ้านายถามลูกน้องก็ว่าได้


“ผู้หญิงของข้า”


เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย อีกทั้งยังยื่นแขนออกไปโอบเอวของหลิวหยูหลานและกอดร่างกายของเธอไว้อย่างแน่น ทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามของหลิวหยูหลานก็แดงขึ้นมา ทว่ากลับไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย ราวกับว่าร่างกายอ่อนแรงเมื่อถูกเขาสัมผัสก็ว่าได้


“ดี หลังจากนี้นำตัวเธอมาที่ห้องของข้า ข้าจะพูดถึงความดีความชอบของเจ้าให้พ่อของข้าได้ฟัง” ฉางฉือพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่าต้องการตัวหลิวหยูหลานมาจากเซี่ยปิง


นี่สำหรับเขานั้น เป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก ในฐานะลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณนั้น สถานะของเขาสูงส่ง เป็นเหมือนกับเจ้าชายสืบทอดบัลลังก์ก็ว่าได้ การที่เดินทางออกไปที่เมืองขนาดใหญ่ต่างๆของทวีปโลหิตวิญญาณนั้น เป็นเหมือนกับที่เจ้าชายของทวีปออกเยี่ยมชมสภาพบ้านเมืองก็ว่าได้


ไม่ว่าจะเดินทางไปที่เมืองขนาดใหญ่ใดๆ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้หรือว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้นจะต้องเข้ามาประจบประแจงเขา ตราบใดที่เขามีความสนใจในเรื่องอะไร ก็พร้อมที่จะมอบให้ทุกอย่าง


อีกทั้งตราบใดที่เขามีความสนใจในสิ่งใดนั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดไร้สาระอะไรมาก เพียงแค่มอบให้โดยตรง ต่อให้จะต้องมอบลูกสาวหรือว่าภรรยาของตนเองไปดูแลปรนนิบัติเขานั้น ก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้


ตราบใดที่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ บางทีก็อาจจะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาลมาในทันที


ในความเป็นจริงพ่อของเขาฉางซื่อเซิงก็เป็นเช่นเดียวกัน ในฐานะจ้าวสำนักวิญญาณ มักที่จะออกเยี่ยมชนสภาพบ้านเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทุกๆครั้งก็ใช้อำนาจของตนเองอย่างอิสระ ไม่รู้ว่ามีลูกติดอยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณจำนวนมากแค่ไหน


ได้ยินคำเหล่านี้ หลิวหยูหลานก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยว เพราะเธอก็ล่วงรู้ว่าภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ผู้หญิงไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เป็นเหมือนกับยุคศักดินาก็ว่าได้ ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ


โดยเฉพาะเมื่อบุคคลที่มีอิทธิพลเกิดสนใจในตัวของผู้หญิงที่งดงามบางคนนั้น ต่อให้จะฉุดไปกลางถนน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด ใครที่กล้าต่อต้าน จะต้องถูกสังหารในทันที


“นำตัวเธอไปที่ห้องของเจ้า?”


เซี่ยปิงมองฉางฉือด้วยสีหน้าที่เหมือนกับกำลังมองคนโง่เขลา “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ช่างไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว คิดว่าการที่เป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณนั้นจะสิทธิพิเศษมากนักหรือ?!”


“ปกติแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านั้นเพราะเห็นแก่หน้าของพ่อเจ้า เจ้าคิดจริงๆหรือว่าตนเองมีความสามารถให้คนอื่นๆเคารพได้ เชื่อเถอะว่าข้าจะหักขาเจ้าต่อหน้าทุกๆคน วันนี้เจ้าจะได้กลับไปในสภาพที่พิการ”


อะไรนะ?!


ไม่ใช่แค่ถันป๋อ ทว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงต่างก็ช็อกไปตามๆกัน ตกตะลึงอย่างมาก พวกเขาไม่คาดคิดว่าจั่วฮาวจะกล้าพูดคำเหล่านี้ออกมา เผชิญหน้ากับลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณโดยตรง อีกทั้งยังแสดงท่าทางที่เกลียดชังออกมาซึ่งๆหน้า ไม่มีการเคารพนับถือแม้แต่น้อย


เจ้านี่ไม่เกรงกลัวว่านี่จะทำให้จ้าวสำนักวิญญาณฉางซื่อเซิงเดือดระอุหรือ?!


ถันป๋อตกตะลึงอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าจั่วฮาวมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ดูก้าวร้าวขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะยโสโอหังจนถึงขั้นนี้ แม้แต่ลูกชายของจ้าวสำนักก็กล้าที่จะดูหมิ่น


“จั่วฮาว เจ้านี่ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าดูหมิ่นแม้กระทั่งนายน้อยฉาง ล่วงรู้หรือไม่ว่าตนเองอยู่ในสถานะใด?!” ชายชราระเบิดอารมณ์ออกมา จ้องมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่โมโห เหมือนกับว่าไม่สามารถที่จะยับยั้งอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป


ฉางฉือก็มีสีหน้าที่มืดมนอย่างถึงที่สุด มืดมนเหมือนกับถ่าน


การที่เขาได้ออกเยี่ยมชมสภาพบ้านเมืองเป็นระยะเวลานานนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อยที่ไม่ไว้หน้าตนเองเช่นนี้ ช่างเป็นการตบใบหน้าของเขาซึ่งๆหน้า


เพียงแค่เรียกร้องผู้หญิงของเจ้านี่ ไม่คาดคิดว่าจะแสดงความยโสโอหังออกมาเช่นนี้ ช่างไม่สมเหตุสมผลจริงๆ


“สถานะใดหรือ?”


เซี่ยปิงแสยะออกมา “เจ้าเด็กนี่เป็นเพียงแค่ลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณเพียงเท่านั้น ลูกชายของจ้าวสำนักนั้นไม่รู้ว่ามีเป็นจำนวนมากแค่ไหน เขาฉางฉือนั้นไม่ได้มีสถานะที่ใหญ่โตอะไร ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกคำสั่งกับข้าเช่นนี้”


“ตอนนี้รีบไสหัวออกไปจากสำนักวิญญาณสาขาย่อยของข้าซะ ไม่อย่างนั้นอย่าให้ว่าข้าไม่เตือน”


เขาได้ขับไล่แขกออกไปทันที


ถันป๋อและคนอื่นๆก็สะดุ้งตกใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะล่วงรู้ถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ ทว่าก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ คำพูดเหล่านี้ ช่างเป็นการตบใบหน้าของฉางฉืออย่างแท้จริง ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย


“เจ้าบัดซบนี่”


ฉางฉือคลุ้มคลั่งออกมาอย่างแท้จริง โมโหจนปอดเกือบที่จะระเบิดออกมา “จั่วฮาว เจ้าบัดซบ ไอ้ลูกหมาที่พึ่งพาความอาวุโสของตนเอง เมื่อเสือไม่แสดงพลังบารมีออกมา คนอื่นๆก็จะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่แมวป่วย”


“ไม่คาดคิดว่าจะกล้าขับไล่ข้าออกไปเช่นนี้? พวกเจ้าจัดการกับไอแก่นี้ซะ ทำให้เขารู้ว่าการที่สุภาพบุรุษโมโหขึ้นมานั้นจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร”


“การที่ทำงานเป็นสุนัขรับใช้มานาน ไม่คาดคิดว่าจะกล้าลุกขึ้นต่อต้านเจ้านายเช่นนี้ นี่เป็นการกระทำที่ขัดบัญชาสวรรค์!”


คำพูดเหล่านี้ของเซี่ยปิงนั้นได้จี้ปมของเขาอย่างแท้จริง โมโหจนกัดฟันอย่างแน่น เป็นจริงอย่างที่ว่า เขานั้นไม่ใช่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของจ้าวสำนัก อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้กลายเป็นจ้าวสำนักคนต่อไปเช่นกัน


ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาลูกชายจำนวนมากนั้น เขาก็ยังถือว่าเป็นลูกชายที่น่าผิดหวัง ไม่เคยมีผลงานเหมือนกับคนอื่นๆ


ทว่าไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังคงเป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ ยังคงมีสถานะดั่งเจ้าชายของทวีปแห่งนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะอดทนอดกลั้นกับการดูหมิ่นเช่นนี้ นี่มันช่างเป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง!


เขาได้สั่งการให้ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณสองคนเริ่มลงมือในทันที ทำให้เขาพิการอย่างสมบูรณ์


“รับทราบ นายน้อยฉาง!”


ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทั้งสองคนได้มองหน้าซึ่งกันและกัน จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันที

 

 

 


ตอนที่ 1177

 

“ไม่นะ!!”


ได้ยินแบบนี้ เจ้าหน้าที่จำนวนมากของสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป พวกเขาไม่คาดคิดว่าฉางฉือจะถ่ายทอดคำสั่งออกมาเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกให้ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทั้งสองคนลงมือพร้อมกัน


หากจั่วฮาวพ่ายแพ้และถูกจับตัวไปจริงๆนั้น บางทีเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่โตได้


ทว่าต่อหน้าผู้อาวุโสสำนักวิญญาณนั้น พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะตอบโต้หรือเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้ ความแตกต่างของพลังอำนาจนั้นมีมากเกินไป มีมากเกินไปจริงๆ


“นี่คือผลกรรมที่สมควรได้รับ เป็นผลกรรมที่สมควรได้รับ เจ้านี่จะต้องเผชิญกับเคราะห์ร้าย”


ในช่วงเวลานี้เจ้าหน้าที่ของเมืองฮวายหนิงต่างก็เป็นกังวล ทว่าถันป๋อกลับมีความรู้สึกตรงกันข้าม เขาได้หัวเราะคิกคักออกมา ต้องการให้เซี่ยปิงได้รับผลกรรมที่สมควรได้รับ หากไม่ใช่เป็นเพราะการที่แสดงท่าทางยโสโอหังและหยิ่งผยองเช่นนั้นออกมา เป็นไปได้อย่างไรที่จะเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้


เขาคิดว่าเจ้านี่จะต้องตายอย่างแน่นอน


ถึงแม้ว่าทุกๆคนจะอยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้นเหมือนๆกัน ทว่ามันก็ไม่ได้บ่งบอกว่าพลังอำนาจของทั้งสองฝ่ายนั้นเท่าเทียมกัน ในฐานะผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณนั้น พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะพลังวิญญาณมากมายจากสำนักวิญญาณสาขาหลักโดยตรง ซึ่งไม่ใช่ทักษะพลังวิญญาณที่จ้าวสำนักวิญญาณของสาขาย่อยจะเทียบด้วยได้


อย่าพูดถึงว่าตอนนี้พวกเขาก็มีถึงสองคน มีความได้เปรียบในด้านจำนวน เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน จะต้องถูกอัดจนพิการ ไม่สามารถที่จะใช้อำนาจของตนเองรังแกผู้อื่นได้อีก


“การเดินอยู่แถวแม่น้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้อย่างไร ในที่สุดก็ถึงตาของเจ้าที่จะต้องถูกสั่งสอน” ถันป๋อรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ เขาและจั่วฮาวนั้นมีความขัดแย้งกันมานาน การที่ได้เห็นศัตรูที่เก่าแก่เผชิญกับเคราะห์ร้ายนั้น เขาก็รู้สึกดีใจกับความทุกข์ของคนอื่นอย่างถึงที่สุด


รอให้เขาได้เหยียบย่ำในระหว่างที่เจ้านี่กำลังล้มอยู่ ระบายความโกรธแค้นทั้งหมดที่ผ่านมาหลายปี


“ทักษะระฆังทองสั่นสะเทือน!”


ทันใดนั้นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทั้งสองคนก็ได้โจมตีออกมา พวกเขาได้แสดงทักษะพลังวิญญาณของชนเผ่าวิญญาณออกมาทันที บนอากาศนั้นเหมือนกับปรากฏเป็นระฆังทองขึ้นมา แสงสีทองได้ส่องสว่างออกไปไกลหลายกิโลเมตร นี่คือสิ่งที่แปรเปลี่ยนมาจากพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์


“ไม่มีทาง นี่คือทักษะระฆังทองสั่นสะเทือน เป็นทักษะพลังวิญญาณระดับสุดยอดของชนเผ่าวิญญาณ!”


เจ้าหน้าที่ของเมืองฮวายหนิงจำนวนมากต่างก็ตกตะลึง พวกเขาเคยได้ยินถึงทักษะพลังวิญญาณที่น่าอัศจรรย์นี้มาก่อน สามารถที่จะแปรเลี่ยนกลายเป็นระฆังทองและมีคลื่นสั่นสะเทือนของพลังวิญญาณที่แผ่ออกมา


เมื่อใดที่เสียงระฆังทองดังขึ้นมา พลังทำลายล้างของคลื่นวิญญาณที่สั่นสะเทือนนี้ก็จะปะทุออกมา มีพลังอำนาจที่เหนือยิ่งว่าการทักษะพลังวิญญาณอื่นๆถึงหลายเท่า


ต่อให้ร่างกายจะมีการป้องกันของพลังเวทมนตร์ก็เปล่าประโยชน์ อาณาเขตจิตใต้สำนึกจะถูกทำลายอย่างกะทันหัน เป็นเหมือนกับการเผชิญหน้ากับสายฟ้าฟาดก็ว่าได้


ครั้งหนึ่งทักษะพลังวิญญาณนี้ก็ได้แสดงประสิทธิภาพที่ยิ่งใหญ่ออกมาในระหว่างการทำสงครามกับปีศาจต่างถิ่น เสียงระฆังทองที่ได้ดังขึ้นมา เป็นดั่งเสียงแห่งความตายที่ทำให้ศัตรูนับหมื่นเสียชีวิตไป สามารถที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใกล้คำว่าไร้เทียมทาน


ปัง ปัง ปัง!!!


ทันใดนั้นพลังอำนาจของทักษะระฆังทองสั่นสะเทือนนี้ก็ได้ปะทุออกมา บนอากาศมีเสียงของระฆังทองดังขึ้น เป็นเสียงที่ดังอย่างชัดเจน จากนั้นคลื่นพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ถ่ายทอดออกมาจากผู้อาวุโสทั้งสอง


บนอากาศ ปรากฏเป็นคลื่นระรอกที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นสสารทันที เป็นเหมือนกับคลื่นทะเลก็ว่าได้ พุ่งออกไปสู่เซี่ยปิง ปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่


ทั่วทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือน ที่พื้นปรากฏเป็นรอยแตกร้าวจำนวนมาก คาช่า คาช่า ส่งเสียงดังออกมา


“หลบหนี หลบหนีเร็ว”


ถันป๋อและคนอื่นๆมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่อันตราย เพราะว่าการโจมตีพลังวิญญาณนี้เป็นการโจมตีที่ไม่ได้เจาะจงเป้าหมาย หากพวกเขาอยู่ในระยะการโจมตีนั้น ก็จะถูกคลื่นพลังวิญญาณกระแทกเข้าไปพร้อมกับศัตรู จะตายไปโดยที่ไร้หลุมฝังศพ


พวกเขาต่างก็หลบหนีออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่กระจายตัวไปคนละทิศคนละทาง เกรงกลัวว่าการที่ตนเองอยู่ที่นี่ต่ออีกครึ่งวินาทีนั้น ก็จะถูกสังหารไปอย่างกะทันหัน


พลังอำนาจของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้นสองคนนั้นไม่ใช่เรื่องตลก หากผู้บ่มเพาะคนใดที่ยังไม่ได้อยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์และถูกการโจมตีพลังวิญญาณนี้เข้าไปล่ะก็ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย


ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะในระดับเดียวกัน หากไม่มีพลังอำนาจทางจิตวิญญาณที่มากพอนั้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนได้


ตึบ!


เซี่ยปิงมองอย่างที่ไม่ต้องการมองพร้อมกับก้าวเท้าออกไป แสดงทักษะมังกรสวรรค์คำรามออกมา!


คำราม!


ทันใดนั้น บนอากาศก็เหมือนกับว่ามีมังกรสวรรค์ปรากฏขึ้นมา คำรามออกสู่ท้องฟ้า มีพลังอำนาจของมังกรระดับสุดยอด สะเทือนน้ำสะเทือนบก เหมือนกับว่าเสียงคำรามนี้ได้ถ่ายทอดออกไปสู่พื้นที่ครึ่งหนึ่งของเมืองฮวายหนิง


อีกทั้งบางคนก็สังเกตเห็นมังกรสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นมาเหนือท้องฟ้าของเมืองฮวายหนิง หลบซ่อนตัวอยู่ในหมอกเมฆ ความกดดันที่มหาศาลได้หล่นทับลงมา น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด


ภายในพริบตา ระฆังทองก็ได้ปะทะกับพลังอำนาจมังกร ทันใดนั้นก็ถูกบดทำลายจนแตกกลายเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับว่าถูกบดขยี้ก็ว่าได้ ระเบิดออกมาจนที่พื้นปรากฏเป็นหลุมขนาดใหญ่


“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”


ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทั้งสองคนสะดุ้งขึ้นมาทันที พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง เห็นได้ชัดว่าตนเองได้โจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยทักษะระฆังทองสั่นสะเทือนซึ่งเป็นทักษะลับระดับสุดยอดของชนเผ่าวิญญาณ ควรที่จะสังหารศัตรูได้ในทันทีทันใดถึงจะถูก


ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นการที่พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันเพื่อจัดการกับคนๆเดียว


ทว่าตอนนี้การคำรามของจั่วฮาวกลับทำลายการโจมตีของพวกเขาจนแตกสลายไป ระฆังทองได้แตกกลายเป็นเสี่ยงๆ เปลี่ยนกลายเป็นเศษซาก อีกทั้งแรงกดดันวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ถ่ายทอดมาที่ร่างกายของพวกเขาเช่นกัน ทำให้พวกเขาเผชิญกับการสะท้อนกลับทางจิตวิญญาณ


“อ๊าก!”


ทันใดนั้นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทั้งสองก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช เลือดไหลออกมาจากส่วนต่างๆของร่างกาย ทั่วทั้งร่างกายกระเด็นออกไป ไถลไปกับพื้นไกลหลายร้อยเมตร ที่พื้นนั้นก็ปรากฏเป็นรอยขีดยาว ในที่สุดก็พุ่งชนเข้ากับกำแพง


พวกเขาไม่สามารถกลั้นเลือดที่พุ่งออกมาได้ หัวใจได้รับความเสียหายอย่างหนัก หายใจอย่างติดๆขัดๆ


แม้แต่จิตวิญญาณของพวกเขาก็ได้รับบาดแผลเช่นกัน หากพวกเขาไม่ใช่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธ์และมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งในระดับหนึ่งนั้น การคำรามเมื่อครู่นี้ก็คงจะทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาแตกสลาย


“ช่างเป็นการประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป!”


เซี่ยปิงมองออกไปที่ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทั้งสองคนที่นอนอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าที่ดูถูก ร่างกายของเขามีออร่าที่น่าเกรงขามแผ่ออกมา เหมือนกับว่ามีมังกรสวรรค์อาศัยอยู่ภายในส่วนลึกของร่างกายก็ว่าได้


“แข็งแกร่งเกินไป”


เจ้าหน้าที่ของเมืองฮวายหนิงจำนวนมากต่างก็ตกตะลึง พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มหาศาล เหมือนกับเผชิญหน้ากับศัตรูตามธรรมชาติ พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าตนเองกำลังมองไปที่สิ่งมีชีวิตระดับสุดยอดซึ่งมีออร่าของความศักดิ์สิทธิ์ ความโบราณและความยิ่งใหญ่แผ่ออกมา


เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นได้ทำงานร่วมกับจั่วฮาวมาเป็นระยะเวลานาน ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ความแข็งแกร่งเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกต่ำต้อยและปรารถนาที่จะคลานเข้าไปแทบเท้า


“ทำไมถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้?!”


ถันป๋อมีสีหน้าที่ซีดเผือด รู้สึกอิจฉาอย่างมาก อีกทั้งยังรู้สึกตกใจอยู่ลึกๆ เขาคิดว่าเดิมทีต่อให้พลังอำนาจของตนเองจะด้อยไปกว่าจั่วฮาว ทว่าก็ไม่ได้ห่างไกลกันมากนัก


อย่าพูดถึงว่าการที่เขาเข้าร่วมกับสำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นก็เพื่อที่จะทำการศึกษาเรียนรู้ทักษะลับต่างๆ ซึ่งเขาก็ได้เรียนรู้ทักษะพลังวิญญาณมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ตนเองมีทักษะการโจมตีที่ทรงอำนาจมากมาย ซึ่งควรที่จะอยู่เหนือกว่าจั่วฮาวถึงจะถูก


ทว่าดูตอนนี้ ตนเองกลับอ่อนแอนกว่าจั่วฮาวอย่างมาก ความแตกต่างช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน พลังอำนาจของเจ้านี่ช่างล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้ อันที่จริงประสบการณ์หลายปีในการขยันเรียนรู้ทักษะลับอย่างหนักนั้นไม่ได้มีความหมายเลย


แท้ที่จริงแล้วเจ้านี่ได้ครอบครองทักษะพลังวิญญาณนี่มาจากที่ใดกัน ทำไมถึงไม่เคยพบเห็นมาก่อน


“นี่มัน นี่มัน!”


ฉางฉือหวาดกลัวจนไร้เรี่ยวแรงและล้มลงไปโดยตรง ผู้ที่หนุนหลังตนเองทั้งสองต่างก็ถูกอัดจนหมดสภาพไป ตอนนี้ไม่มีใครที่จะสามารถปกป้องตนเองได้อีก


ในตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดเซียวพร้อมกับมองไปที่เซี่ยปิงด้วยความแตกตื่น


“เจ้า เจ้า อย่าเข้ามา ข้าเป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ ข้าคือลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ เจ้ารู้ไหม?!” ฉางฉือแสดงท่าทางที่แข็งนอกอ่อนใน เขาได้ตะโกนออกมาเพื่อพยายามข่มขู่เซี่ยปิง


“หนวกหู!”


ปัง เซี่ยปิงได้ใช้ฝ่ามือตบเข้าไป ตบจนฉางฉือกระเด็นออกไปโดยตรงและหมุนกลางอากาศสามรอบ ฟันของเขาหลุดออกมา2-3ซี่ ในที่สุดก็ร่วงลงไปกับพื้น จากนั้นก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช

 

 

 


ตอนที่ 1178

 

“หากปราศจากพ่อของเจ้า ขยะอย่างเจ้าจะสามารถทำอะไรได้อีก?! มีความสามารถเพียงแค่นี้ แต่บังอาจแสดงความยโสโอหังออกมาต่อหน้าข้า นี่เจ้าประเมินความสามารถของตนเองแล้วอย่างนั้นหรือ?”


เซี่ยปิงมองฉางฉือด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม


“เจ้า เจ้า!”


ฉางฉือโมโหจนจมูกแดงขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ การที่ถูกเซี่ยปิงตบใบหน้าเช่นนี้ มันเป็นความเจ็บปวดที่บาดลึกไปถึงหัวใจ เหมือนกับว่าเซลล์ทั่วทั้งร่างกายถูกมดกัดกินอยู่ก็ว่าได้


ในฐานะที่เป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณนั้น ตั้งแต่เด็กจนโตถูกประคบประหงม มีที่ไหนที่จะได้รับความเจ็บปวดเช่นนี้ อย่าพูดถึงการที่ถูกตบด้วยฝ่ามือจนฟันหลุดออกมา3-4ซี่เช่นนี้


นี่มันเป็นความอัปยศอดสูครั้งยิ่งใหญ่!


“ไม่ต้องการยอมรับอย่างนั้นหรือ? ยังกล้าที่จะมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้หรือ?! ข้าจะทำให้ขาข้างที่สามของเจ้าใช้การไม่ได้ หลังจากที่เปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นขันทีนั้น ดูสิว่าเจ้าจะยังมีความยโสโอหังอีกหรือไม่ อีกทั้งเจ้าจะมีโอกาสได้กลายเป็นจ้าวสำนักได้อีกหรือไม่?!”


เซี่ยปิงหรี่ตามอง ทันใดนั้นก็ยกเท้าขึ้นมาและเหยียบลงไปที่หว่างขาของฉางฉือ เหยียบลงไปเหมือนกับเท้าช้างก็ว่าได้


“ม่ายยยย!!!”


ฉางฉือส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช เหมือนกับหมูที่ถูกเชือดก็ว่าได้ ดวงตาเบิกกว้าง ในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายนั้น นี่เป็นจุดที่สำคัญที่สุด หากหลังจากนี้ใช้การไม่ได้ล่ะก็ จากนั้นเขาก็ยอมตายเสียดีกว่า


ต่อให้จะกลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณในอนาคต มันก็ยังคงไร้ความหมาย การที่เผชิญกับฮาเร็มผู้หญิงจำนวนนับพัน ก็ทำได้เพียงแค่มองโดยที่ไม่สามารถแตะต้องได้ นี่มันช่างเป็นการทรมานที่โหดร้ายที่สุดในโลก


หากกลายเป็นขันทีขึ้นมา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นจ้าวสำนักได้อีก ไม่มีใครที่จะอยากรับใช้ขันที นี่มันมีความเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงบารมีของเขาในสำนักวิญญาณ ช่างเป็นการทำลายอนาคตของเขาจนป่นปี้


ตึบ!


ทว่าเซี่ยปิงเหยียบลงไปที่พื้นดินเท่านั้น ทำให้ที่พื้นดินกลายเป็นหลุมลึกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เศษหินแตกกระจายออกไป เท้าของเขายังไม่ได้เหยียบไปที่จุดสำคัญของฉางฉือ ทว่าห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


เพราะว่าถึงอย่างไร ในตอนนี้เขาก็กำลังปลอมตัวเป็นจั่วฮาวจ้าวสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงอยู่ หากทำให้ฉางฉือพิการขึ้นมาจริงๆ บางทีอาจจะทำให้จ้าวสำนักวิญญาณเดือดระอุขึ้นมาได้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง


ดังนั้น เขาจึงเพียงแค่ทำให้ฉางฉือหวาดกลัวและตกใจเพียงเท่านั้น


“หวาดกลัวจนหมดสติหรือ?” เซี่ยปิงขมวดคิ้วขึ้นมา เขาคิดว่าการที่ตนเองทำให้หวาดกลัวนี่ ดูเหมือนว่ามั้นจะได้ผลมากเกินไป


เพราะว่าในช่วงเวลานี้ฉางฉือหวาดกลัวจนหมดสติไปอย่างสมบูรณ์ มีเพียงแค่ตาขาวปรากฏให้เห็น ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน ฟองไหลออกมาจากปาก ดูเหมือนกับเป็นปลาตายก็ว่าได้


คาดการณ์ได้ว่าเท้านี้ คงจะส่งผลให้มีปมอยู่ในจิตใจของเขาไปตลอดทั้งชีวิต


“นำตัวขยะเหล่านี้ไปรักษาซะ อย่าให้อยู่เกะกะลูกตาข้าที่นี่” เซี่ยปิงโบกมือ ถ่ายทอดคำสั่งให้กับเจ้าหน้าที่ของสำนักวิญญาณที่กำลังช็อกอยู่รอบๆ


“รับทราบ ท่านจ้าวสำนัก” ในช่วงเวลานี้ เจ้าหน้าที่หลายคนก็ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน พวกเขาต่างก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและนำตัวผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทั้งสองคนและฉางฉือที่หมดสติไปทำการรักษา


หากบุคคลที่มีอิทธิพลเหลานี้ตายอยู่ที่นี่ ผู้คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดจะไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้ จะต้องเผชิญกับความเกรี้ยวกราดของจ้าวสำนักวิญญาณอย่างแน่นอน หลังจากนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง


“จั่วฮาว เจ้าเสียสติไปแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลลัพธ์ของการทำเช่นนี้จะเป็นอย่างไร? ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำร้ายแม้กระทั่งลูกชายของจ้าวสำนัก?!” ถันป๋อมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เหมือนกับกำลังมองบุคคลที่เสียสติ


“จะมีผลลัพธ์อะไรกัน เขากล้าที่จะปลดข้าออกจากตำแหน่งอย่างนั้นหรือ?” เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย


ถันป๋อก็พูดอะไรไม่ออก อันที่จริงการที่สามารถกลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้น จะมีสถานะที่เทียบเท่าได้กับขุนนางศักดินาก็ว่าได้ ต่อให้จ้าวสำนักวิญญาณสาขาหลักจะมีอำนาจปกครองที่มหาศาล ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปลดตำแหน่งของเขาอย่างไร้เหตุผล


เพราะว่าถึงอย่างไรผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวิญญาณจำนวนมากก็จำกัดอำนาจของจ้าวสำนักอยู่ ไม่สามารถที่จะทำอะไรตามอำเภอใจได้


แต่ปัญหาก็คือว่า ต่อให้จะไม่สามารถปลดตำแหน่งของเขาได้ชั่วคราว ทว่าก็ยังคงสามารถที่จะชักใยเบื้องหลังได้ ตราบใดที่ยังใช้ชีวิตอยู่ภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีไปจากอิทธิพลของจ้าวสำนัก


ต่อให้จะหลบหนีไปได้เป็นระยะเวลาถึงหนึ่งปี ทว่าก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีไปได้ตลอด ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีช่วงเวลาที่พลาดท่า


ทว่าถันป๋อนั้นไม่ได้รู้ว่านี่ไม่ใช่จั่วฮาวตัวจริง ทว่าเป็นนักวิทยายุทธจากนอกจักรวาล เขานั้นไม่ได้เป็นกังวลเรื่องการล้างแค้นใดๆของจ้าวสำนัก ตราบใดที่แผนการของเขาสำเร็จ จากนั้นเขาก็สามารถที่จะเดินทางออกไปได้ในทันที


แน่นอนว่าหากมีเรื่องที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นนั้น การที่เขาจะออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณในตอนนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นกังวลเรื่องการล้างแค้นของจ้าวสำนักวิญญาณ


“ยิ่งไปกว่านั้นพวกกษัตริย์และขุนนางนั้นไม่ได้เป็นเมล็ดพันธุ์จากสวรรค์! การที่เขาสามารถกลายเป็นจ้าวสำนักได้นั้น ทำไมข้าจะเป็นไม่ได้?” เซี่ยปิงหรี่ตามอง


อะไรนะ?!


ได้ยินแบบนี้ ถันป๋อก็สะดุ้งตกใจ ต่อให้ตายเขาก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าจั่วฮาวจะมีความทะเยอทะยานเช่นนี้อยู่ ต้องการที่จะกลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณ ช่างเป็นความมักใหญ่ใฝ่สูงจริงๆ


ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณนั้นมียอดฝีมือที่มากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า การที่ต้องการกลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณซึ่งเรียกได้ว่าผู้ปกครองของทั่วทั้งทวีปนั้น มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างถึงที่สุด เทียบเท่ากับการทะยานขึ้นสวรรค์ก็ว่าได้ ทว่าทำไมเจ้านี่ถึงได้มีความมั่นใจเช่นนี้กัน?


หรือว่าเขาได้พบเจอกับโชคลาภที่ไม่คาดฝันในการเดินทางก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้เขามีความมั่นใจถึงเพียงนี้?!


ในช่วงเวลานี้ ถันป๋อมีสายตาเป็นประกาย เขารู้สึกงุนงงอย่างมาก ไม่รู้ว่าทำไมจั่วฉาวถึงได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เหมือนกับว่ามีปริศนาอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง


ทว่าเซี่ยปิงก็ไมได้สนใจถันป๋อ เขาได้หันหลังและเดินจากไปพร้อมกับหลิวหยูหลาน


……………………


ในช่วงเวลานี้ ณ มุมถนน ข้างนอกสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิง


ซู่ ซู่ ซู่!!!


ภาพเงาเจ็ดภาพได้ปรากฏอยู่ในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาต่างก็แต่งตัวอย่างกลมกลืนพร้อมกับมองไปที่ตึกขนาดใหญ่ตรงหน้า พวกเขานั้นก็คือกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังที่กำลังไล่ล่าเซี่ยปิงนั่นเอง


“แปลกจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะปลอมตัวและลักลอบเข้าไปในภายในสำนักวิญญาณสาขาย่อย นี่มันช่างเป็นการกระทำที่อาจหาญอย่างถึงที่สุด เขาไม่เกรงกลัวว่าจะถูกผู้คนของสำนักวิญญาณค้นพบหรือ ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกสังหารและดับสลายไปตลอดกาลหรือ?” พี่ใหญ่ฟางกุ่ยมีสีหน้าที่เคร่งขรึมอย่างมาก


เดิมทีเมื่อค้นพบตัวตนของเซี่ยปิงในเมืองฮวายหนิงนั้น เขาก็ต้องการที่จะลงมือทันที ทว่าไม่คาดคิดว่าเซี่ยปิงนั้นจะเดินทางอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้หยุดพัก ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ลงมือ เข้าไปในสำนักวิญญาณสาขาย่อยโดยตรง


หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะว่าเมื่อใดที่เริ่มลงมือในสถานที่แห่งนี้ จะต้องถูกยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณค้นพบอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องตกอยู่ในความโกลาหลอย่างแน่นอน


หากสามารถสังหารอย่างรวดเร็วฉับพลันก็โชคดีไป ทว่าสิ่งที่พวกเขาเกรงกลัวที่สุดก็คือการที่ลอบสังหารไม่สำเร็จและตกอยู่ในห้อมล้อมของยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณ หนำซ้ำพวกเขาก็จะกลายฝ่ายที่ถูกไล่ล่าเสียเอง ซึ่งจะกลายเป็นสถานการณ์ที่พลิกกลับตาลปัตร


ในฐานะที่เป็นนักฆ่าที่โด่งดังของจักรวาลนั้น หากไม่มีความแน่นอนจริงๆ พวกเขาก็จะไม่ลงมือ นี่จะเป็นการทำให้ศัตรูรู้ตัว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามตื่นตัวขึ้นมา หากครั้งหน้าต้องการที่จะลงมืออีกครั้งนั้น มันก็จะไม่เรียบง่ายเหมือนอย่างเดิม


แน่นอนว่าในบรรดาพวกเขานั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าแท้ที่จริงในตอนนี้ตัวตนของตนเองถูกเปิดเผยแล้ว


“เป็นจริงอย่างที่ว่า ช่างแปลกประหลาดจริงๆ ต้องรู้ด้วยว่าสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้นมีค่ายกลยับยั้งอยู่ ซึ่งสามารถตรวจสอบว่าเป็นพลังอำนาจของชนเผ่าวิญญาณหรือนักวิทยายุทธจากจักรวาล หากมีพลังอำนาจที่แปลกประหลาดปะปนอยู่ในสำนักนั้น จะต้องส่งสัญญาณแจ้งเตือนในทันที เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้จะต้องการหลบหนี ก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีได้ ถึงแม้ว่าข้านั้นจะมีความมั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับการลักลอบเข้าไปในสถานที่ต่างๆนั้น ทว่าข้าก็ไม่กล้าที่จะลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณ”


ขงนั่วพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม เขานั้นเป็นยอดฝีมือในการลอบสังหาร ในอดีตเขาเคยลอบสังหารประธานาธิบดีของอาณาจักรขนาดเล็กแห่งหนึ่ง อีกทั้งเคยลักลอบเข้าไปในสถานที่หวงห้ามต่างๆซึ่งมีการคุ้มกันที่แน่นหนา เรียกได้ว่าเขานั้นมีประสบการณ์ในการลอบสังหารมากมาย


ทว่าสำหรับการคุ้มกันของสำนักวิญญาณนั้น เขาก็ต้องล้มเลิกความคิด เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วด้วยวิธีการสแกนพลังวิญญาณนั้น เขาก็ไม่มีวิธีการที่จะตบตาได้ ออร่าของนักฆ่าอย่างเขา ออร่าของนักวิทยายุทธจากนอกจักรวาลนั้น ไม่สามารถที่จะปกปิดได้


ในอดีตที่ผ่านมานั้นก็เคยมีนักฆ่าบางคนของจักรวาลที่คิดลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณ ทว่าพวกเขาทั้งหมดก็ถูกสังหารโดยผู้คนของสำนักวิญญาณ ไม่มีใครเหลือรอด นี่คือการเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น


หากเพียงแค่การปลอมตัวก็สามารถที่จะทำให้แฝงตัวเข้าไปได้นั้น จากนั้นก็คงจะไม่มีผู้คนจำนวนมากที่ตายไปในทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้


 

 

 


ตอนที่ 1179

 

“อันที่จริงก็ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไร”


น้องสองเหมาปู้มีสายตาเป็นประกาย “ในฐานะที่เจ้าเด็กนี่เป็นลูกศิษย์ของเซนต์นั้น บางทีอาจารย์ของเขาอาจจะมอบสมบัติที่พิเศษบางอย่างให้กับเขา สามารถที่จะปกปิดตัวตนที่แท้จริงได้ ซึ่งนี่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด”


เขาคาดเดาว่าเรื่องนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเซนต์อสูรมืดซึ่งเป็นอาจารย์ของเซี่ยปิง


“บัดซบ เจ้านี่ช่างโชคดีเหลือเกิน การที่มีอาจารย์ดีๆเช่นนี้ ช่างเป็นสิทธิพิเศษที่เหนือกว่าคนอื่นๆ”


“นี่มันยิ่งกว่าสิทธิพิเศษเสียอีก นี่มันเป็นเหมือนกับการทะยานขึ้นสวรรค์ภายในก้าวเดียวก็ว่าได้ สามารถที่จะเดินทางไปได้ทุกหนแห่ง เป็นผลประโยชน์ที่มหาศาล”


กลุ่มของผู้คนที่รู้สึกอิจฉาตาร้อน


“ทว่าพวกเราจะทำอย่างไร ตอนนี้เขาเข้าไปข้างในสำนักวิญญาณ พวกเราไม่สามารถที่จะลักลอบเข้าไปได้ ทำได้เพียงแค่มองดูอยู่ที่นี่หรือ?” บางคนที่ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้า


“ข้าคิดว่าพวกเราควรที่จะเปิดเผยสถานะของเขา บอกว่าแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นปีศาจต่างถิ่น พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”


“เจ้าโง่ ก่อนที่จะได้เปิดเผยตัวตนของฝ่ายตรงข้าม สถานะของพวกเราก็คงจะถูกเปิดเผยก่อน เจ้าต้องการที่จะดับสลายไปพร้อมกับเขาหรือ?”


“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต่อให้จะบอกสถานะของเจ้าเด็กนั่นไป ก็อาจจะไม่มีใครเชื่อพวกเรา”


“เป็นจริงอย่างที่ว่า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นกำลังคิดทำอะไร แต่ในเมื่อกล้าที่จะลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณนั้น มันแสดงว่าเขาจะต้องเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี พวกเราไม่สามารถที่จะเปิดเผยสถานะของเขาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำได้”


“ทำได้เพียงแค่รอให้เจ้านั่นออกมาเท่านั้น ถึงอย่างไรซะก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะล่วงรู้ว่าพวกเรากำลังรอสังหารเขาอยู่ การที่ตัวตนของพวกเรายังคงเป็นความลับนั้น เขาจะไม่มีทางไหวตัวได้ทันอย่างแน่นอน”


“พูดถูก ไม่ว่าอย่างไรก็อย่ารีบร้อนไป รอให้ได้โอกาสในการลอบสังหารอย่างช้าๆ ตราบใดที่เขาไม่ได้เดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณนั้น พวกเราก็มีโอกาสที่จะลอบสังหารเขาได้”


กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็พยักหน้า การที่จะเป็นนักฆ่าที่ยอดเยี่ยมนั้น อันที่จริงมันก็เทียบเท่าได้กับการเป็นนักล่าที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน สำหรับการเฝ้ารอตะครุบเหยื่อนั้น พวกเขามีความอดทนที่เพียงพอ


ครั้งหนึ่งในอดีตพวกเขาเคยลอบสังหารผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ซึ่งต้องหลบซ่อนตัวเป็นระยะเวลานานถึงหกเดือน ทุกๆวันทำได้เพียงแค่ดื่มน้ำและกินหญ้าเท่านั้น ทว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็สามารถที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามได้


ดังนั้นเรื่องการอดทนรอสำหรับพวกเขานั้น ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่


…………


ค่ำคืนเดียวกัน ณ บ้านหลังหนึ่งภายในเมืองฮวายหนิง


ในช่วงเวลานี้ ฉางฉือรวมถึงผู้อาวุโสทั้งสองคนต่างก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา ทว่าในตอนนี้สภาพของพวกเขานั้นเป็นเหมือนกับมัมมี่ก็ว่าได้ มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบตัว ไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนร่างกายได้แม้แต่นิดเดียว


พวกเขาได้รับการรักษาอย่างเรียบง่ายจากแพทย์ นอกจากนี้ก็ยังได้รับยาที่ล้ำค่าเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถฟื้นฟูพลังอำนาจมาได้ส่วนหนึ่ง ทว่าการที่ต้องการจะลุกขึ้นจากเตียงนั้น ยังคงต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน


“จั่วฮาว เจ้าบัดซบจั่วฮาว ไอ้ลูกหมานั่น!”


ฉางฉือที่เพิ่งฟื้นคืนสติคำรามออกมาทันที เสียงของเขาดังเหมือนกับสายฟ้าฟาด “ข้าไม่สามารถที่จะให้อภัยเขาได้ ไม่สามารถที่จะให้อภัยเขาอย่างแน่นอน ข้าจะต้องบอกพ่อของข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่งกองทัพออกไปจัดการเขา สังหารเขาให้สิ้นซาก ฆ่าล้างบรรพบุรุษทั้งเก้าชั่วโคตรของเขา อ๊าก!”


เขาโมโหอย่างถึงที่สุด ต้องการที่จะแยกชิ้นส่วนร่างกายของเซี่ยปิงใจจะขาด


ในฐานะที่เป็นลูกชายชองจ้าวสำนักวิญญาณนั้น ตั้งแต่เด็กจนโตนั้นได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ได้รับการดูแลปฏิบัติที่ดีจากทุกๆคน เมื่อไหร่กันที่เขาจะต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังหวาดกลัวจนหมดสติไป


นี่มันช่างเป็นความอับอายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!


โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาก็ยังคงสั่นเทาด้วยความเกรงกลัว หากเท้าของเซี่ยปิงคลาดเคลื่อนเพียงแค่เล็กน้อยล่ะก็ จุดสำคัญของเขาก็คงจะใช้งานไม่ได้ไปตลอดชีวิต


การที่คิดว่าตนเองอยู่ห่างจากการกลายเป็นขันทีเพียงนิดเดียวนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกเคียดแค้นเซี่ยปิง ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทา เหมือนกับว่าหากเซี่ยปิงปรากฎตัวขึ้นมาที่นี่ เขาจะต้องกระโจนเข้าไปและฉีกร่างกายให้เป็นพันๆชิ้นทันที


“นายน้อยฉาง โปรดสงบสติอารมณ์ ท่านควรสงบสติอารมณ์ลงก่อน ไม่ใช่มีเพียงแค่ท่านเท่านั้นที่ต้องการสังหารเขา พวกเราก็ต้องการที่จะสังหารเขาในทันทีเช่นกัน” ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณได้พูดห้ามปราบออกมา


“เจ้าจะให้ข้าสงบสติอารมณ์อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรที่จะสงบสติอารมณ์ได้อีก?!” ฉางฉือเดือดระอุขึ้นมา “ไอ้ลูกหมานั่นเกือบทำให้ข้าพิการ ขาดอีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น หากเจ้าบัดซบนั่นไม่ระวังและขาดสติเพียงนิดเดียวล่ะก็ ข้าก็จะกลายเป็นขันทีของทวีปโลหิตวิญญาณ ไม่สามารถที่จะสืบพันธ์กับผู้หญิงได้อีกต่อไป เจ้ากำลังพูดว่าการที่ข้าเผชิญกับกระทำเช่นนี้นั้นข้าไม่สมควรเคียดแค้นหรือ ไม่สมควรเคียดแค้นอย่างนั้นหรือ?! การที่เจ้าต้องการทำให้ข้าสงบสติอารมณ์ลงนั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร?!”


เขาไม่สามารถที่จะยับยั้งอารมณ์ความโมโหของตนเองได้อีก


“นายน้อยฉาง ท่านลองคิดดูดีๆว่าทำไมเจ้านี่ถึงยโสโอหังยิ่งนัก แม้แต่ลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา ท่านคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ผิดปกติหรือ? ข้าคิดว่าเขานั้นเป็นเพียงแค่ผู้นำ ทว่าอันที่จริงนั้นเบื้องหลังของเขาก็ยังคงมีกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาก็อาจจะเป็นการวางแผนแย่งชิงตำแหน่งของท่านจ้าวสำนัก?!”


ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม เขาสงสัยอย่างมากว่าเซี่ยปิงมีเป้าหมายอยู่ ไม่ว่าจะมองอย่างไร การที่กล้าต่อปากต่อคำกับลูกชายของจ้าวสำนักและถึงขั้นลงมือโดยที่ไม่สนใจกับผลลัพธ์ที่จะตามมานั้น นี่มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างมาก


การที่สามารถกลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อยได้นั้น ใครกันที่จะเป็นคนอ่อนแอและไร้สมอง ทุกๆการกระทำนั้นย่อมมีการคิดไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี ไม่มีทางที่จะทำอะไรโดยที่ไร้เหตุผล


“นี่มัน!”


ในช่วงเวลานี้ฉางฉือก็สงบสติอารมณ์ลง ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทา เมื่อคิดได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเจ้านี่ไม่ใช่เพื่อจัดการกับตนเอง แต่เป็นพ่อของตนเองที่อยู่เบื้องหลังนั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวจนสั่นเทาทันที


หากพ่อของเขาไม่ใช่จ้าวสำนักวิญญาณอีกต่อไปและล้มไปจากตำแหน่งอย่างกะทันหันนั้น จากนั้นเขาจะสามารถใช้อำนาจในการรังแกและข่มเหงผู้อื่นเหมือนอย่างที่เคยผ่านๆมาหรือ?! บางทีเมื่อถึงเวลานั้น ผู้คนที่ต้องการสังหารเขานั้น อาจจะถาโถมเข้ามาจากทุกหนแห่งของทวีป


ดังนั้นสีหน้าความโมโหของเขาจึงหายไปอย่างหมดจดและถูกแทนที่ด้วยสีหน้ามืดมนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าศักดิ์ศรีของตนเอง ควรที่จะคิดอย่างรอบคอบถึงการเคลื่อนไหวต่อไป


“ชายชราพาน ทำไมถึงได้คิดเช่นนี้?”


ฉางฉือถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลง


เห็นฉางฉือที่ใจเย็นลง ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมากและได้พูดออกมา “ข้าคิดว่าการที่เจ้าจั่วฮาวกล้าที่จะแสดงความยโสโอหังเช่นนี้นั้น คาดการณ์ได้ว่ามีความเป็นไปได้อยู่สองทาง อย่างแรกคือเขานั้นยังมีอายุที่น้อย จึงยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทว่าข้าคิดว่าความเป็นไปได้ของเรื่องนี้นั้นไม่ได้สูงนัก เพราะว่าถึงอย่างไรการที่สามารถดำรงตำแหน่งจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อยได้นั้น มีที่ไหนที่จะเป็นคนที่อ่อนหัดและไม่มีไหวพริบ”


“ส่วนความเป็นไปได้ที่สองก็คือเขานั้นได้ร่วมมือกับกองกำลังอื่นๆของสำนักวิญญาณ เป็นกลุ่มอิทธิพลที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านจ้าวสำนักวิญญาณ ดังนั้นการที่เขาได้อัดท่านนายน้องฉาง ก็คงจะเป็นแผนการส่วนหนึ่งของพวกเขา”


“เป็นไปได้ว่าการกระทำนี้ มีจุดประสงค์เพื่อยุแหย่และล่อลวง คิดที่จะดึงงูออกมาจากรู ตรวจสอบสถานการณ์โดยรวมของท่านจ้าวสำนัก ดูว่าข้างกายของท่านจ้าวสำนักนั้นมีกองกำลังมากแค่ไหน”


“ไม่ว่าอย่างไร ข้าคิดว่าการกระทำเหล่านี้ต่างก็โยงไปถึงตัวท่านจ้าวสำนัก เป็นกลอุบายที่เชื่อมโยงในการล้มล้างตำแหน่งของท่านจ้าวสำนัก นายน้อยฉางเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก พวกเราจะต้องคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ ไม่อย่างนั้นหากก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ก็อาจจะไม่มีทางฟื้นกลับคืนมาได้ตลอดไป”


ตั้งแต่ในยุคสมัยโบราณถึงจนตอนนี้นั้น ความขัดแย้งทางการเมืองนั้นก็มักที่จะเป็นสิ่งที่โหดร้ายรุนแรงที่สุด มักที่จะเกิดการฆ่าล้างตระกูลอยู่บ่อยครั้ง ไม่สามารถที่จะมองข้ามเรื่องนี้ไปได้


“ข้าควรทำอย่างไร?”


การที่ได้ยินผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณพูดออกมาเช่นนี้ ฉางฉือก็รู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา


“หยุดยั้งกองกำลังไว้ก่อน”


ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “สรุปก็คือพวกเราจะต้องทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน อีกทั้งสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนเขาทั้งหมด รอดูว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไร เมื่อพวกเราได้ข้อมูลทั้งหมดมานั้น หลังจากนั้นมันก็ไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจใหม่อีกครั้ง”


“นี่คือสิ่งที่เรียกว่าลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย”


“เมื่อพวกเราค้นพบความจริงทั้งหมด เขาก็จะต้องตาย ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้”


จิตสังหารของเขาเดือดดาลออกมา เห็นได้ชัดว่าโกรธแค้นกับการกระทำของเซี่ยปิงเป็นอย่างมาก ทั้งสองฝ่ายนั้นมีความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด


“ชายชรา ข้าจะเชื่อฟังคำพูดของเจ้า อดทนอดกลั้นกับเขาไปชั่วคราว” ฉางฉือกำหมัดขึ้นมา

 

 

 


ตอนที่ 1180

 

หลังจากนั้นสามวัน


หลังจากที่เซี่ยปิงได้เข้ามาในสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงนั้น เขาก็ไม่ได้กระทำอะไรที่บุ่มบ่ามตั้งแต่เริ่มต้น ทว่าเขาได้ใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบข้อมูลและทำความเข้าใจธุรกิจต่างๆของสำนักวิญญาณ รวมถึงกิจกรรมที่ต้องห้ามต่างๆ


เพราะว่าการที่ก่อนหน้านี้เซี่ยปิงได้คลุ้มคลั่งออกมาและได้อัดฉางฉือนั้น มันได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเขาที่ได้อัดฉางฉือนั้น ก็ไม่คาดคิดว่าฉางฉือจะไม่ได้ทำการล้างแค้นใดๆ นี่มันช่างเป็นข่าวที่น่าตกใจมากกว่า


ดังนั้นนี่ทำให้อำนาจของเขาในฐานะจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้นอยู่ในจุดที่สูงที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีใครที่จะกล้าสงสัยในการกระทำใดๆของเขา พวกเขาต่างก็ไม่กล้าที่จะทำให้เซี่ยปิงหงุดหงิด ไม่ว่าเซี่ยปิงจะถามอะไรขึ้นมา พวกเขาก็จะตอบกลับมาด้วยความจริงทั้งหมด ไม่กล้าที่จะปกปิดข้อมูลใดๆ


“สามารถเริ่มได้”


หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมของสำนักวิญญาณ เซี่ยปิงก็ได้เดินทางโดยใช้เทเลพอร์ตของเมืองฮวายหนิง ใช้อำนาจของจ้าวสำนักวิญญาณในการเดินทางไปยังเมืองขนาดใหญ่อื่นๆ เริ่มที่จะทำการกระจายใบปลิวเหล่านี้


เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวด้วยตนเอง เพียงแค่ถ่ายทอดคำสั่งไปให้กับสไลม์ทอง จากนั้นมันก็แยกร่างออกมานับหมื่นและนำใบปลิวเหล่านี้ไปกระจายรอบๆเมืองในเวลากลางคืน เข้าไปในถนนสายหลักและซอกซอยต่างๆ ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนล่วงรู้ถึงข่าวนี้


เพราะว่าการเคลื่อนที่ของสไลม์ทองนั้นรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นก็สามารถที่จะเปลี่ยนรูปร่างและสีของตนเองได้ ดังนั้นมันจึงอยู่ในสภาวะล่องหน ไม่มีใครที่จะล่วงรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วใครเป็นคนที่กระจายข่าวนี้ออกมา


เช้าวันต่อมา ผู้คนเกือบทั้งหมดที่อยู่ตามท้องถนนก็ล่วงรู้ถึงข่าวนี้


“เจ้าได้ข่าวหรือไม่? อันที่จริงแล้วเซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตาย ทว่าถูกผนึกไว้ ตอนนี้ต้องการหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนเพื่อช่วยเหลือเขา หากมันเป็นความจริงล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะร่ำรวยขึ้นมาได้ สามารถที่จะกลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณ”


บางคนที่กำลังถือใบปลิวนี้ตะโกนออกมาเสียงดัง


“ผายลม การที่ไม่รู้ว่าข่าวลือเหล่านี้มาจากที่ใดนั้น เจ้าเชื่อมันจริงๆหรือ? ช่างโง่เขลาเสียจริง”


“พูดถูก ต่อให้เซนต์โลหิตวิญญาณจะยังไม่ตาย เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะใช้วิธีการที่ไร้สาระเช่นนี้ในการแก้ปัญหาของตนเอง เจ้าเห็นเซนต์เป็นอะไรกัน”


“หินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนก็สามารถที่จะช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณให้รอดพ้นจากปัญหาได้ นี่เซนต์โลหิตวิญญาณอ่อนแอถึงเพียงนั้นเลยหรือ? นี่จะต้องเป็นฝีมือของนายน้อยที่ชอบก่อกวนผู้อื่นของตระกูลที่ยิ่งใหญ่สักตระกูลอย่างแน่นอน ปล่อยข่าวลือที่ไม่เป็นจริงเช่นนี้ออกมา”


“ผู้ที่สามารถเชื่อในสิ่งที่ใบปลิวเหล่านี้เขียนอยู่นั้น คงจะมีเพียงแค่คนที่โง่เขลาเท่านั้น”


“หากนี่เป็นเรื่องจริงล่ะก็ มีที่ไหนที่จะกระจายข่าวให้ผู้คนได้รับรู้เช่นนี้ คงจะนำหินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนไปที่นั่นด้วยตนเองแล้ว”


“นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในรอบปี”


ผู้คนจำนวนมากของเมืองต่างก็ได้ล่วงรู้ถึงข่าวสารเรื่องนี้ ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็รู้สึกเอือมระอา ไม่เชื่อสิ่งที่เขียนอยู่ในใบปลิว เห็นเป็นเรื่องตลกเพียงเท่านั้น


อย่างแรกไม่ต้องพูดถึงการที่บอกว่าเซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตาย ทว่าถูกผนึกอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งและต้องการก้อนหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนเพื่อช่วยเหลือเขานั้น นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ตลกอย่างนั้นหรือ?


สิ่งที่สามารถผนึกพลังอำนาจของเซนต์โลหิตวิญญาณได้นั้น มันจะทรงอำนาจเพียงใดกัน เป็นไปได้อย่างไรที่ก้อนหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนจะสามารถลบล้างผนึกได้?!


ทว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไปหนึ่งวัน สิบวัน ยี่สิบวันและในที่สุดก็ผ่านระยะเวลาไปถึงหนึ่งเดือนนั้น


ไม่ใช่มีเพียงแค่เมืองนี้เท่านั้น ทว่าเมืองขนาดใหญ่ทั้ง108ของทวีปโลหิตวิญญาณต่างก็ได้รับข่าวสารเรื่องนี้เช่นกัน บอกว่าเซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงของเมืองฮวายหนิง


นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสามคนกลายเป็นเสือและการกระพือข่าวลือที่มีอยู่แล้วให้กระพือแผ่กว้างออกไป บางครั้งการที่ข่าวลือถูกพูดมากขึ้นเรื่อยๆนั้น มันก็มักที่จะกลายเป็นความจริง


“นี่มันเรื่องอะไรกัน? การแพร่กระจายของข่าวลือเหล่านี้มันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณล่วงรู้ถึงข่าวนี้ เซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตาย ทว่าถูกผนึกอยู่ในหุบเขา?”


“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้เซนต์โลหิตวิญญาณจะยังไม่ตายและถูกผนึกอยู่นั้น ทว่าการที่เขาอยู่ในสถานที่ถูกผนึกนั้น เป็นได้อย่างไรที่จะกระจายข้อมูลของตนเองออกมาเช่นนี้”


“แต่ปัญหาก็คือว่าข่าวลือเรื่องนี้กำลังแพร่กระจายมากขึ้นเรื่อยๆ พูดคนต่างก็พูดคุยกันเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องจริง ทำให้บางคนเชื่อว่านี่ไม่ใช่ข่าวลืออีกต่อไป”


“เป็นจริงอย่างที่ว่า พวกเราควรที่จะคิดในอีกมุมมองหนึ่ง ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวนี้อาจจะฟังดูน่าหัวเราะ ทว่าหากมันเป็นความจริงขึ้นมา หากมีโอกาสเพียงเล็กน้อยว่าจะเป็นความจริงขึ้นมา จากนั้นพวกเราจะไม่ร่ำรวยไปสิบชาติหรือ? ก้อนหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนก็สามารถที่จะช่วยให้เซนต์โลหิตวิญญาณหลุดออกมาได้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะกลายเป็นผู้มีบุญคุณของเซนต์โลหิตวิญญาณ จะสามารถทะยานขึ้นท้องฟ้าภายในก้าวเดียว การที่จะได้กลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร”


“ใช่ ในใบปลิวนั้นมีที่อยู่ของหุบเขาที่เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่เช่นกัน พวกเราจะไม่ลองไปดูกันหน่อยหรือ? หากเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั่นและค้นพบว่ามันไม่ใช่ความจริง ก็สามารถที่จะเดินทางกลับมาได้ ไม่ได้เผชิญกับความสูญเสียอะไร ทว่าหากนี่เป็นความจริงล่ะก็ พวกเราก็จะโชคดีไปสิบชาติ”


ต่อให้ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อเรื่องนี้ ทว่าการที่มีคนหลงเชื่อเพียงแค่ไม่กี่คนนั้น ก็ถือว่าเพียงพอ พวกเขาจะพยายามวัดดวงดูว่าข่าวลือนี้เป็นความจริงหรือไม่


ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกเขาได้เดินทางไปยังสถานที่ปิดผนึกเพื่อพิสูจน์และค้นพบว่ามันไม่ใช่ความจริงนั้น พวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ก็ไม่ได้ต้องมอบหินวิญญาณให้ใคร ไม่ว่าจะมองอย่างไร พวกเขาก็จะไม่เผชิญกับความสูญเสีย


ดังนั้นจึงได้มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่เดินทางไปตรวจสอบที่หุบเขาแห่งนั้นซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองฮวายหนิงเพื่อลองพิสูจน์ดูว่าท้ายที่สุดแล้วข่าวสารบนใบปลิวนี้เป็นความจริงหรือไม่


แม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะเป็นสัดส่วนที่น้อยมากหากเทียบกับประชากรจำนวนมหาศาลของทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ทว่าหากพวกเขาได้พิสูจน์ว่ามันเป็นความจริงและได้กระจายข่าวออกไปนั้น จำนวนของผู้คนก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่ไม่สามารถคาดฝันได้


………..


ทว่าอย่างไม่ต้องสงสัยว่าข่าวนี้ก็ได้กระจายไปที่สำนักวิญญาณเช่นกัน ทันใดนั้นผู้มีอิทธิพลระดับสูงจำนวนมากของสำนักวิญญาณก็ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้


“ท้ายที่สุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมถึงได้มีข่าวลือที่หนาหูเช่นนี้? บอกว่าเซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตายและถูกผนึกอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง แท้ที่จริงแล้วใครกันที่เป็นคนปล่อยข่าวลือเรื่องนี้ พวกเจ้าได้พบเจอไอ้บัดซบที่ปล่อยข่าวลือเรื่องนี้หรือไม่?!”


ฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณรู้สึกโมโหอย่างมาก เดิมทีเรื่องการไล่ล่าฆาตกรที่ได้สังหารลูกชายของตนเองนั้นก็น่าหงุดหงิดมากพอแล้ว ในตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องใหญ่โตเช่นนี้อีก ในตอนนี้เขานั้นต้องการที่จะสังหารผู้คนใจจะขาด


“ขออภัยท่านจ้าวสำนัก พวกเราได้ใช้กำลังคนทั้งหมดในการตามหาเบาะแส ล่วงรู้เพียงแค่ว่าข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกมาภายในคืนเดียว ทว่าการที่ข่าวลือนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกมาจากแหล่งที่มาใดนั้น พวกเราไม่สามารถที่จะสืบหาได้อย่างชัดเจน”


กลุ่มของลูกน้องที่รู้สึกละอายใจอย่างมาก ในฐานะที่พวกเขาเป็นอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปโลหิตวิญญาณนั้น มีหน้าที่รับผิดชอบในการสังเกตการณ์ทั่วทั้งทวีป ทว่ากลับไม่สามารถที่จะสืบหาแหล่งที่มาของข่าวลือนี้ได้ นี่มันเป็นเหมือนกับการล้มเหลวในหน้าที่ของตนเองก็ว่าได้


ต่อให้พวกเขาจะถูกจ้าวสำนักวิญญาณไล่ออกในทันที พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้


ทว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นลึกลับอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่าใบปลิวเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาได้อย่างไรหรือว่ามาจากที่ไหน ผู้คนเพียงแค่จำได้ว่าเมื่อสายลมพัดผ่าน ใบปลิวเหล่านี้ก็ถูกพัดมากับสายลม ไม่ได้เห็นพบเห็นภาพเงาแม้แต่เงาเดียว


“ขยะ กลุ่มของขยะ!”


ฉางซื่อเซิงไม่สามารถที่จะยับยั้งความโมโหของตนเองได้


“ท่านจ้าวสำนัก อันที่จริงพวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลถึงเรื่องนี้”


ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้จะมีความคิดอะไรอยู่ คาดการณ์ได้ว่าเป้าหมายของเขานั้นก็คือการที่ต้องการชี้นำพวกเราไปที่หุบเขาแห่งนั้นซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองฮวายหนิง”


“ทำไมพวกเราไม่ใช่กลยุทธ์แผนซ้อนแผน ปฏิบัติตามผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น ไปตรวจสอบสถานที่แห่งนั้นว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ลึกลับใดกันที่ได้ปล่อยข่าวลือนี้ออกมา”


“ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ที่ลูกชายของท่านจ้าวสำนักได้เสียชีวิตไปนั้น ก็เหมือนกับว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณนั้นเช่นกัน นี่มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัยอย่างมาก เป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไป ข้าคิดว่าควรที่จะพิจารณาถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบ”


อะไรนะ?!


ฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณเผยสายตาที่เย็นชาออกมาทันที “เจ้าพูดถูก รีบส่งคนไปทันที ไปทำการสืบสวนที่หุบเขาแห่งนั้น ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าใครที่กล้าสร้างปัญหาเช่นนี้ขึ้นมา”


ในตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสใดๆ ทว่าหากทำการติดตามเรื่องนี้ไปเรื่อยๆนั้น ไม่ช้าก็เร็วฝ่ายตรงข้ามจะต้องเผยพิรุธออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีเบาะแสมากมายปรากฏขึ้นมา นี่ก็เป็นความคิดของผู้มีอิทธิพลจำนวนมากของสำนักวิญญาณ

 

 

 


ตอนที่ 1181

 

ในช่วงเวลานี้ ณ บริเวณใกล้เคียงกับเมืองฮวายหนิง


มีผู้คนจำนวนมากที่ถูกดึงดูดโดยข่าวของการที่เซนต์โลหิตวิญญาณยังมีชีวิตอยู่ บางคนเชื่อข่าวลือนี้เป็นความจริง บางคนต้องการที่จะแกะรอยตามผู้ที่อยู่เบื้องหลังของข่าวลือนี้และมีบางคนที่ต้องการจะดูอะไรที่สนุกสนาน


ผู้คนจำนวนมากต่างก็ปรากฏตัวอยู่ที่นี่


“ถึงแม้ว่าจะเดินทางมาถึงที่เมืองฮวายหนิงตามข้อมูลบนใบปลิว ทว่าปัญหาก็คือบริเวณพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับเมืองฮวายหนิงนั้นก็มีขนาดกว้างใหญ่ เป็นพื้นที่เทือกเขาที่มีอย่างน้อยหลายหมื่นกิโลเมตร มีต้นไม้ที่ปกคลุมทั่วทั้งผืนป่า หุบเขาจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเราจะตามหาสถานที่ที่เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่ได้?” บางคนที่พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม รู้สึกสบสนในตอนนี้ ไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อย


นี่ก็เป็นความคิดของผู้คนจำนวนมากที่ได้เดินทางมายังเมืองฮวายหนิงเช่นกัน เพราะว่าข้อมูลที่บอกบนใบปลิวนั้นเป็นเพียงแค่ข้อมูลคร่าวๆเท่านั้น ไม่ได้มีพิกัดที่แม่นยำ ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าควรที่จะเริ่มจากตรงไหน


“ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นี่คือสถานที่ถูกปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณ การที่มันเป็นความลับนั้นก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก มีที่ไหนที่จะหาเจอได้ง่ายดายเช่นนั้น ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องใช้ระยะเวลาอันยาวนานในการเดินทางสำรวจครั้งนี้”


“ถูกต้อง ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วนั้น แน่นอนว่าจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางอันยาวนาน”


“พวกเราสามารถทำการสำรวจหาอย่างช้าๆ อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้ตำแหน่งคร่าวๆมา”


บางคนที่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปกติ หากสถานที่ถูกปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่สามารถตามหาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นในระยะเวลาหลายหมื่นปีที่ผ่านมานั้น ก็คงจะมีบางคนที่ได้พบเจอเซนต์โลหิตวิญญาณแล้ว มีที่ไหนที่จะต้องรอจนถึงตอนนี้


พวกเขานั้นได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นอย่างดี คาดการณ์ได้ว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนในการออกสำรวจ


“ไม่ ไม่จำเป็นต้องสำรวจหา ข้าพอจะรู้ว่าสถานที่ที่เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่ตรงไหน” บางคนที่พูดออกมาอย่างกะทันหันพร้อมกับมีท่าทางที่แปลกประหลาด


“นี่มันเป็นไปไม่ได้ เจ้าค้นพบสถานที่แห่งนั้นได้อย่างไร?”


“ใช่ เจ้าจะบอกว่าเจ้าเคยไปที่นั่นหรือ?!”


“ผู้คนจำนวนมากไม่ค้นพบ แต่มีเจ้าเพียงคนเดียวที่ค้นพบ อย่าพูดจาโอ้อวดคุยโวที่นี่”


กลุ่มของผู้คนที่มองคนๆนั้นด้วยสีหน้าที่เหยียดหยาม คิดว่าเจ้านี่กำลังโกหกอยู่


“ข้าไม่ได้โอ้อวดคุยโว เจ้าลองมองดูนี่” คนๆนั้นชี้ไปที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ตรงหน้า


อะไรนะ?!


ผู้คนต่างก็มองไปที่ยังทิศทางที่ฝ่ายตรงข้ามได้ชี้ออกไป เห็นทันทีว่าบนต้นไม้นั้นมีป้ายไม้ขนาดใหญ่แขวนอยู่ ซึ่งเป็นเหมือนกับป้ายบอกทางก็ว่าได้ ชี้ออกไปที่ทางทิศตะวันออก อีกทั้งยังเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ไว้เช่นกัน: สถานที่ถูกปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณ


“เวรเอ๊ย เมื่อไหร่กันที่มีป้ายบอกทางไปสู่สถานที่ถูกปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณ”


“แม่เจ้า ช่างรู้ใจกันเกินไป เกรงกลัวว่าพวกเราจะหลงทาง ไม่สามารถที่จะหาที่ปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณได้อย่างนั้นหรือ?”


“ใครกัน ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นฝีมือของใครกัน ช่างแปลกประหลาดจริงๆ”


ผู้คนต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก ต่อให้จินตนาการของพวกเขาจะกว้างไกลแค่ไหน พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น สถานที่ถูกปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณควรต้องเป็นความลับสุดยอด ตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะมีบางคนที่ได้ทำป้ายบอกทาง ชี้พวกเขายังตำแหน่งนั้น


พวกเขายิ่งรู้สึกได้มากขึ้นเรื่อยๆว่าตนเองกำลังตกอยู่ในหลุมพราง เหมือนกับว่าผู้ที่ได้ทำป้ายบอกทางนี้มีเจตนาที่ไม่ดี ล่อลวงพวกเขาไปสู่กับดัก


ทว่าหากเป็นการหลอกลวงจริงๆ นี่มันช่างเป็นการหลอกลวงที่เปิดเผยและไม่เกรงกลัว ช่างเป็นวิธีการที่โง่เขลาเกินไป เจ้านักต้มตุ๋นนั่นไม่กังวลว่าการหลอกลวงของตนเองจะถูกเปิดโปงหรือ?


เพราะว่าวิธีการหลอกลวงของเจ้านี่ดูโง่เง่าอย่างมาก พวกเขาจึงรู้สึกสงสัยอย่างถึงที่สุด คิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ปกติ อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล


“ในเมื่อมีป้ายบอกทางเช่นนี้ พวกเราก็ควรที่จะลองไปดูก่อน” ผู้คนต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกัน ในเมื่อเดินทางมาถึงที่นี่แล้วนั้น ก็ไม่สามารถที่จะหันหลังกลับไปอีก


อย่างน้อยก็ต้องลองไปดูว่าสิ่งที่เรียกว่าสถานที่ปิดผนึกนี้มีสภาพเป็นอย่างไร


หลายชั่วโมงต่อมา


พวกเขาก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ผ่านพื้นที่กว้างใหญ่ ผ่านผืนป่ามากมาย ภายใต้การชี้นำของป้ายบอกทางที่แม่นยำนั้น ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงที่หุบเขาซึ่งดูลึกลับแห่งหนึ่ง


ในช่วงเวลานี้ คนเหล่านี้ต่างก็แอบดีใจกันอย่างลับๆ โชคดีที่มีป้ายบอกทางเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนกว่าที่จะหาสถานที่ที่ทุรกันดารซึ่งอยู่ห่างไกลเช่นนี้ได้


เห็นได้ชัดว่าข้างหน้าของหุบเขาแห่งนี้นั้นก็มีก้อนหินขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่อย่างสูงตระหง่าน ซึ่งบนก้อนหินนี้ก็มีตัวอักษรที่ถูกเขียนไว้เช่นกัน: สถานที่ถูกปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณ


บัดซบ เจ้าคนผนึกนี่ไม่เกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะล่วงรู้ถึงสถานที่ปิดผนึกเซนต์โลหิตวิญญาณอย่างนั้นหรือ ไม่คาดคิดว่าจะเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่เช่นนี้ บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ก็คือสถานที่ที่เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกไว้


ผู้คนที่ได้มาถึงที่นี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองดูโง่เขลามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่คาดคิดว่าจะหลงเชื่อตำหลอกลวงของผู้ที่ปล่อยข่าวลือนี้ อีกทั้งยังเดินทางมาอย่างยาวนานและลำบากลำบน มาถึงที่พื้นที่ซึ่งห่างไกลและทุรกันดารแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่แม้แต่นกก็ไม่เข้ามาอุจจาระ


“ทุกๆคน ในเมื่อมาถึงที่นี่ ก็ควรที่จะเข้าไปดูสักหน่อย”


“พูดถูก มาถึงที่นี่แล้ว ไม่สามารถที่จะหันหลังกลับได้อีกต่อไป”


“เข้าไปดูกันเถอะ ข้าอยากจะรู้เหมือนกับว่าข้างในจะมีอะไรรอพวกเราอยู่”


ผู้คนต่างก็ยับยั้งอารมณ์ความหงุดหงิดของตนเองไว้ อันที่จริงอย่างน้อยก็ควรเข้าไปดูว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าบัดซบที่ไหนกันที่กล้าหลอกลวงพวกเขาเช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าจะปล่อยข่าวลือหลอกลวงผู้อื่น ทำให้ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณอยู่ในความปั่นป่วน


โดยเฉพาะบางคนที่เป็นสายลับของสำนักวิญญาณนั้น ดวงตาของพวกเขามีแสงที่หนาวเหน็บส่องประกายออกมา รอให้ได้จับตัวผู้ที่ทำเรื่องนี้ จะต้องอัดเจ้านั่นอย่างป่าเถื่อน ทำให้เจ้าบัดซบนั่นล่วงรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่ากำปั้นเหล็กของสำนักวิญญาณนั้นเป็นอย่างไร


ซู่ ซู่ ซู่!!!


โดยที่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม พวกเขาก็เข้าไปในถ้ำทันที เดินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็มาถึงที่ส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ


ทว่าเมื่อคนเหล่านี้ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของถ้ำนั้น พวกเขาแต่ละคนก็ช็อกไปตามๆกัน เพราะพวกเขาค้นพบว่าปลายทางของถ้ำนั้นมีค่ายกลบาเรียขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่อย่างไม่คาดคิด มีรูปร่างโปร่งใส ปกคลุมรอบๆเหมือนกับเป็นเปลือกไข่ก็ว่าได้


“บาเรีย นี่มันค่ายกลบาเรีย!”


“แม่เจ้า สถานที่แห่งนี้มีค่ายกลปิดผนึกอยู่จริงๆ นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย”


“ทว่านี่ก็อาจจะไม่ใช่สถานที่ที่เซนต์โลหิตวิญญาณถูกปิดผนึกอยู่”


“ต่อให้จะไม่ใช่ ทว่าจะต้องเป็นซากปรักหักพังโบราณที่มีความสำคัญอย่างมาก นี่เป็นค่ายกลบาเรียที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ ข้างในจะต้องมีสมบัติที่ล้ำค่าอย่างแน่นอน”


“ซากปรักพักพังโบราณหรือ? ไม่คาดคิดว่าจะพวกเราจะค้นพบซากปรักหักพังโบราณ ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”


ผู้คนต่างก็ตกใจ พวกเขานั้นไม่ได้มีอารมณ์โมโหอีกต่อไป ทว่าถูกแทนที่ด้วยความตกใจกับภาพที่เห็น แต่ละคนต่างก็รู้สึกปลื้มปิติอย่างที่เกินบรรยาย ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด นี่มันเป็นเหมือนกับการที่มีเนื้อพายตกลงใส่หัวก็ว่าได้


ภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น เป็นระยะเวลานานมากกว่าจะมีซากปรักพักพังโบราณปรากฏขึ้นมา ทว่าเมื่อใดซากปรักหักพังโบราณเหล่านี้ปรากฏขึ้นมานั้น ก็มักที่จะมีสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายใน


บุคคลในตำนานจำนวนมากที่ได้ครอบครองสมบัติลับที่ซากปรักหักพังโบราณได้ทิ้งไว้นั้น พวกเขาต่างก็ทะยานขึ้นมาและมีจำนวนมากก็ได้กลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณ ได้รับพลังอำนาจในการปกครองทั่วทวีป


เรื่องราวเช่นนี้ได้กระจายไปทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณ เป็นที่ล่วงรู้โดยผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาล่วงรู้ว่าการที่ได้พบเจอซากปรักหักพังโบราณนั้นหมายถึงอะไร นี่คือตัวแทนของความมั่งคั่งและพลังอำนาจ รวมถึงความอายุยืนเช่นกัน!


ทว่าตอนนี้ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะได้ค้นพบซากปรักหักพังโบราณที่ใหม่เอี่ยม ไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน หากนี่ไม่ใช่เนื้อพาย แล้วอะไรกันที่จะเรียกว่าเนื้อพาย


อย่าพูดถึงว่าพื้นที่ข้างในบาเรียนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเซนต์โลหิตวิญญาณเช่นกัน นี่มันเป็นเหมือนกับขุมสมบัติขนาดใหญ่ก็ว่าได้


พวกเขาคิดว่าเลือดของตนเองกำลังเดือดระอุขึ้นมา

 

 

 


ตอนที่ 1182

 

“ไปเถอะ รีบไปดูว่าข้างในบาเรียนี้มีสมบัติอะไรอยู่”


“พูดถูก รีบทำลายผ่านบาเรียตรงหน้านี้”


สายตาของผู้คนต่างก็เต็มไปด้วยเปลวไฟนักสู้ บางคนที่อดใจรอไม่ไหวก็เริ่มที่จะเปิดฉากโจมตีทันที ปล่อยพลังเวทมนตร์ออกมาทั่วทั้งร่างกายและโจมตีไปที่บาเรียข้างหน้าอย่างรุนแรง


เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!


พลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวได้โจมตีออกไป เป็นเหมือนกับระเบิดนิวเคลียร์ที่ได้ระเบิดออกไปหลายลูกก็ว่าได้ ทว่าพวกมันก็เปล่าประโยชน์ พลังอำนาจของการโจมตีเหล่านี้ถูกบาเรียดูดซับเข้าไปอย่างกะทันหัน บนพื้นผิวของบาเรียเกิดเป็นเพียงแค่คลื่นระรอกเท่านั้น ไม่สามารถที่จะทำให้ให้เกิดความเสียหายใดๆได้


หลังจากนั้นกลุ่มผู้คนเหล่านี้ก็ได้ทำการโจมตีเป็นระยะเวลาถึงหนึ่งชั่วโมง พลังอำนาจของพวกเขาถูกใช้ไปจนหมด ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีกระหน่ำเข้าไปมากเพียงใด บาเรียนี้ก็เป็นเหมือนกับภูเขาขนาดใหญ่ที่ไม่ขยับเขยื้อน


“เป็นบาเรียที่ร้ายกาจจริงๆ พลังป้องกันช่างแข็งแกร่งเกินไป”


“สมกับเป็นบาเรียที่ใช้ในการผนึกเซนต์โลหิตวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสร้างความเสียหายได้แม้แต่น้อย”


“แต่หากเป็นเช่นนี้ มันก็ยิ่งบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ หากสถานที่นี้ไม่ได้มีสมบัติที่ล้ำค่าอย่างมหาศาลจริงๆล่ะก็ เป็นไปได้อย่างที่จะสร้างบาเรียเช่นนี้ขึ้นมา ต่อให้ข้างในจะไม่มีเซนต์โลหิตวิญญาณอยู่ ทว่าก็ยังคงมีสมบัติที่ล้ำค่าอยู่อย่างแน่นอน”


สำหรับการที่ไม่สามารถทำลายบาเรียนี้ได้นั้น ทว่ากลับไม่มีใครที่รู้สึกท้อแท้ หนำซ้ำพวกเขายิ่งรู้สึกฮึกเหิมมากกว่าเดิม เพราะมันหมายความว่าข้างในบาเรียนี้จะต้องมีสมบัติที่เหนือจินตนาการอยู่อย่างแน่นอน


พวกเขารู้สึกว่าเลือดของตนเองเดือดระอุขึ้นมา เหมือนกับกำลังจินตนาการว่าข้างในบาเรียมีสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ มีทรัพย์สินเงินทองที่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นมาภายในคืนเดียว


“การที่จะทำลายผ่านบาเรียนี้ไปนั้น มีเพียงแค่การโยนหินวิญญาณเข้าไปอย่างนั้นหรือ?” บางคนที่นึกได้ถึงข้อความที่ถูกเขียนบนใบปลิวทันที จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนในการปลดผนึกและช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณ


“ทว่าบาเรียนี้สามารถที่จะต้านทานพลังอำนาจทั้งหมดของพวกเรา เป็นไปได้หรือที่จะสามารถโยนหินวิญญาณเข้าไปได้?” บางคนที่สงสัยว่าบาเรียนี้จะสามารถขัดขวางทุกสิ่งทุกอย่าง ต่อให้โยนหินวิญญาณออกไปก็คงจะเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์


“ลองดูก็ไม่ได้เสียหายอะไร อย่างไรซะตอนนี้พวกเราก็ไม่มีวิธีการอื่น”


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็พยักหน้า เทียบกับสมบัติข้างในพื้นที่บาเรียนี้ หินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เป็นเพียงแค่หยดน้ำในมหาสมุทร การที่ไม่ยินยอมสละความมั่งคั่งส่วนน้อยไปนั้น ก็ไม่มีวันที่จะได้ความมั่งคั่งส่วนใหญ่มา


ทันใดนั้น บางคนก็เริ่มนำหินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนออกมาจากร่างกาย จากนั้นก็โยนไปที่บาเรียตรงหน้าทันที


วิซ เกิดคลื่นระรอกที่บาเรียในทันที หินวิญญาณเหล่านี้ได้จมหายเข้าไปข้างในอย่างกะทันหัน หายไปโดยที่ไร้ร่องรอย


“สามารถที่จะโยนมันเข้าไปได้จริงๆหรือ?!”


กลุ่มของผู้คนที่ตกตะลึง เดิมทีพวกเขาก็เพียงคิดที่จะลองดู ไม่คาดคิดว่าจะได้ผลจริงๆ หินวิญญาณได้จมหายเข้าไปในบาเรียเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาจะต้องการนำกลับมา ก็ไม่สามารถทำได้


“นอกจากหินวิญญาณ ไม่รู้ว่าจะสามารถโยนสิ่งของอื่นๆเข้าไปได้หรือไม่?” บางคนที่รู้สึกสงสัยในจุดๆนี้ เขาคิดว่าบางทีสิ่งของอื่นๆที่ไม่มีชีวิตก็อาจจะเข้าไปในบาเรียนี้ได้เช่นกัน


ทว่าเมื่อเขาได้โยนก้อนหินออกไป มันกลับกระเด็นออกมาเหมือนกระทบกับกำแพงก็ว่าได้ แตกกระจายอย่างกะทันหัน ไม่สามารถที่จะผ่านบาเรียไปได้


“บาเรียนี่ช่างเป็นเหมือนกับอสูรที่กระหายจริงๆ กลืนกินเพียงแค่หินวิญญาณ ไม่มีอะไรที่จะสามารถเข้าได้อีก” ผู้คนจำนวนมากรู้สึกหดหู่ เห็นได้ชัดว่าบาเรียนี้เป็นเหมือนกับปีศาจกินทอง


ทว่าพวกเขาจะรู้ได้อย่างไร ในช่วงเวลานี้บาเรียนี้กำลังอยู่ในการควบคุมของแมวนักปราชญ์ สามารถเลือกสิ่งที่จะผ่านเข้ามาในบาเรียนี้ได้ ไม่ว่ามันคิดที่จะทำอะไร บาเรียก็จะปฏิบัติตามคำสั่งของมันทุกอย่าง


ในช่วงเวลานี้ เซี่ยปิงนั้นกำลังบ่มเพาะอยู่ในภายในสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิงโดยที่ใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบข้อมูลต่างๆของสำนักวิญญาณเช่นกัน


ทว่าแมวนักปราชญ์นั้นยังคงอยู่ที่นี่ รับผิดชอบในการเก็บรวบรวมหินวิญญาณจำนวนมหาศาลและดำเนินการตามแผนการที่เซี่ยปิงได้มอบหมายให้


“ทว่าในใบปลิวบอกว่าต้องการหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนก็สามารถที่จะช่วยเซนต์โลหิตวิญญาณออกมาได้ไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ?” บางคนที่ถามขึ้นมา


“เจ้าโง่ นี่คือค่ายกลบาเรียที่ใช้ปิดผนึกเซนต์ เป็นไปได้อย่างไรที่ก้อนหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนจะเพียงพอ?”


“พูดถูก บางทีพวกเราแต่ละคนอาจจะต้องใช้หินวิญญาณคนละหนึ่งร้อยก้อน”


“ใช่ พวกเราทั้งหมดควรที่จะลองโยนพวกมันออกไปพร้อมๆกัน ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่”


ผู้คนต่างก็พยักหน้า พวกเขาแต่ละคนต่างก็นำหินวิญญาณของตนเองออกมาและโยนออกไปที่บาเรีย ทันใดนั้นก้อนหินวิญญาณจำนวนหลายพันก้อนก็ได้จมหายเข้าไปในบาเรียนี้อย่างกะทันหัน


แต่ปัญหาก็คือว่าหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงนั้น บาเรียนี้ก็ยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ยังคงสงบนิ่งเหมือนอย่างเดิม


อย่างไรก็ตาม แมวนักปราชญ์ที่อยู่ข้างในค่ายกลบาเรียนี้กลับหัวเราะและยิ้มออกมาอย่างเบ่งบาน มันไม่คาดคิดว่ากลุ่มคนของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้จะถูกหลอกลวงอย่างโง่เขลาเช่นนี้ เต็มใจที่จะโยนหินวิญญาณเข้ามา นี่ไม่ใช่เป็นการมอบเงินให้กับมันหรือ?!


มันได้ติดตามผู้นำนิกายเป็นระยะเวลาที่ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ทว่ามันก็ไม่เคยพบเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อน กลุ่มของผู้คนต่อแถวกันมอบหินวิญญาณให้กับมัน เต็มใจให้โดยที่ไม่มีความลังเล


“นี่มันเรื่องอะไรกัน? จำนวนนี้ไม่เพียงพออย่างนั้นหรือ? หรือว่าข้อความบนใบปลิวนั้นจะเป็นข่าวลือที่หลอกลวงพวกเรา?” บางคนที่เริ่มสงสัยในจุดๆนี้ การที่ก้อนหินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนของเขาหายไปในพริบตานั้น นี่ทำให้เขารู้สึกโศกเศร้าอย่างมาก


ถึงแม้ว่าเพื่อที่จะได้ครอบครองผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า เขาจึงยอมเสียสละหินวิญญาณเหล่านี้ ทว่าหากตอนนี้ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลยนั้น มันก็เป็นเหมือนกับการโยนเงินทิ้งลงถังขยะก็ว่าได้


วิซ!


ในตอนนี้บาเรียก็เกิดคลื่นระรอกขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีกระดาษสีขาวที่ปลิวออกมาจากข้างในและตกลงพื้นดินเช่นนี้


ผู้คนต่างก็สะดุ้งตกใจ ทันใดนั้นก็รีบเข้าไปดู เห็นเพียงแค่ว่าบนกระดาษมีคำเพียงแค่คำเดียว: ไม่เพียงพอ!


“บัดซบ สรุปว่าข้างในบาเรียมีผู้คนอยู่จริงๆอย่างนั้นหรือ?!”


“จะต้องเป็นเซนต์โลหิตวิญญาณ จะต้องเป็นเซนต์โลหิตวิญญาณอย่างแน่นอน เขายังไม่ตาย!”


“เยี่ยม แสดงว่าข่าวลือเรื่องนี้ก็เป็นความจริง”


“หากนึกถึงความเป็นจริง นี่ก็สมเหตุสมผลทีเดียว หินวิญญาณเพียงแค่ไม่กี่พันก้อนนั้นจะสามารถช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณที่ถูกผนึกไว้ได้อย่างไร นี่มันเป็นไปไม่ได้ นี่จะต้องใช้หินวิญญาณในปริมาณของทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณ”


“ใช่ รีบรายงานคนอื่นๆโดยเร็ว มีเพียงแค่การที่ทุกๆคนร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะมีโอกาสในการช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณ”


“เมื่อใดที่เซนต์โลหิตวิญญาณกลับคืนมาอีกครั้ง เป็นไปไม่ได้ที่พวกปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นจะแสดงความยโสโอหังออกมาได้อีก”


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็ตื่นเต้นกันอย่างมาก คิดว่ากระดาษแผ่นนี้จะต้องเป็นสิ่งที่เซนต์โลหิตวิญญาณได้โยนออกมา ถึงแม้ว่าเซนต์โลหิตวิญญาณจะมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ทว่าการที่ถูกผนึกอยู่นั้น ก็คงจะใช้ได้เพียงแค่วิธีการเช่นนี้เท่านั้น แจ้งให้คนอื่นๆเข้ามาช่วยเหลือ


ซู่ ซู่ ซู่!!!


ทันใดนั้นกลุ่มของผู้คนก็ได้รีบเดินทางออกไปอย่างรวดเร็ว วางแผนที่จะกลับไปยังเมืองฮวายหนิงและรายงานเรื่องนี้ให้กับผู้มีอิทธิพลในตระกูลของตนเองได้รู้


เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วใครที่สามารถช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณได้ก่อนนั้น จะกลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล


ในอนาคตหากมีเซนต์โลหิตวิญญาณหนุนหลังอยู่นั้น ตระกูลของพวกเขาจะไม่สามารถโลดแล่นไปตามทวีปโลหิตวิญญาณได้อย่างอิสระหรือ? ต่อให้เป็นในจักรวาลเอง ก็สามารถที่จะย่ำเท้าออกไปได้ กลายเป็นตระกูลที่รุ่งเรืองไปนับหมื่นปี มีพลังอำนาจที่สามารถปกครองทวีปได้


สายลับของสำนักวิญญาณจำนวนมากต่างก็เดินทางกลับไปอย่างเร่งรีบโดยที่ไม่ได้หยุดพัก พวกเขาต้องรีบเข้าไปรายงานผู้มีอิทธิพลระดับสูงของสำนักวิญญาณสาขาหลักในทันที ข่าวที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลอื่นๆได้ไปถึงที่นั่นก่อนอย่างแน่นอน


ผู้ที่สามารถช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณและได้กลายเป็นวีรบุรุษนั้น จะต้องเป็นสำนักวิญญาณของพวกเขาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหากตระกูลอื่นได้เซนต์โลหิตวิญญาณไปร่วมด้วยล่ะก็ จากนั้นสำนักวิญญาณของพวกเขาจะมีอำนาจอยู่ในเหนือทวีปแห่งนี้ได้อย่างไรอีก

 

 

 


ตอนที่ 1183

 

เมื่อผู้คนเหล่านี้ได้กลับไปที่เมืองฮวายหนิง พวกเขาแต่ละคนก็ได้เทเลพอร์ตจากเมืองฮวายหนิงกลับไปยังเมืองขนาดใหญ่ต่างๆที่อยู่ตามทวีปโลหิตวิญญาณ ทันใดนั้นข่าวที่ว่าเซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่ในหุบเขาจริงๆนั้นก็ถูกแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งทวีป ส่งผลให้เกิดความโกลาหลอย่างมาก


“ข่าวด่วน ข่าวด่วน ข่าวลือเป็นเรื่องจริง เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่ในหุบเขาจริงๆ บางคนได้เดินทางไปทำการตรวจสอบที่หุบเขาแห่งนั้นและค้นพบบาเรียที่ลึกลับซึ่งแม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถที่จะทำลายได้”


บางคนที่ได้ประโคมข่าวออกไปในทันที บ่งบอกว่ามีบางคนที่ได้เดินทางไปสืบสวนที่หุบเขาแห่งนั้นและค้นพบบาเรียห้วงมิติขนาดใหญ่ที่ปิดกั้นอยู่ ซึ่งนี่ไม่ใช่เป็นการกุเรื่องสร้างภาพหลอกลวง


“นี่เป็นความจริงหรือ ไม่ใช่ข่าวลืออีกอย่างหรือ?”


“พูดถูก หากเป็นสถานที่ที่เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกไว้จริงๆ มีที่ไหนที่จะตามหาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้”


“การปล่อยข่าวลือนั้นเป็นความผิดทางอาญา ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าพูดจาไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้”


ต่อให้จะมีบางคนประโคมข่าวออกมาเช่นนี้ ก็ยังคงมีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกสงสัยและไม่เชื่อ คิดว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล หากสามารถที่จะตามหาสถานที่ปิดผนึกเซนต์โลหิตวิญญาณได้อย่างง่ายดายเพียงนั้น ถ้าอย่างนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่หลายหมื่นปีที่ผ่านมานี้จะไม่ได้มีข่าวอะไรออกมาเลย


“นี่เป็นเรื่องจริง ข้าจะได้ประโยชน์อะไรจากการหลอกลวงพวกเจ้า หากไม่เชื่อก็สามารถที่จะเดินทางไปตรวจสอบที่หุบเขานั่นด้วยตนเอง ถึงอย่างไรซะสถานที่แห่งนั้นก็ตั้งอยู่ที่เดิม คงจะไม่หนีไปไหน”


บางคนที่พูดออกมาอย่างจริงจัง บ่งบอกว่าตนเองนั้นไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน “แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณรวมถึงจ้าวสำนักวิญญาณก็ได้เดินทางไปที่นั่น พวกเขาเริ่มที่จะทำการปิดกั้นหุบเขาแห่งนั้นแล้วเช่นกัน”


“หากไปช้าแม้แต่ก้าวเดียว อาจจะไม่ได้มีโอกาสได้เข้าไปใกล้อีก”


เขาได้ตบหน้าอกของตนเอง


“เป็นจริงอย่างที่ว่า นี่เป็นเรื่องจริง ข้าได้รับข่าววงในมา ญาติของญาติของข้านั้นได้เดินทางไปที่สถานที่แห่งนั้นและค้นพบบาเรียที่ลึกลับขนาดใหญ่ คาดการณ์ได้ว่าอาจจะเป็นซากปรักหักพังโบราณที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน”


บางคนที่ได้พูดเสริมขึ้นมาทันที เขาก็ยอมรับว่าตนเองได้รับข่าวนี้มาเช่นกัน ไม่สามารถที่จะปกปิดได้ เพราะว่าข้อเท็จจริงนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะเก็บเป็นความลับไว้แต่เพียงผู้เดียวได้ เพียงพอที่จะทำให้ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณสั่นสะเทือน


วันต่อมา ผู้คนต่างก็ทยอยกันเข้ามาในเมืองฮวายหนิง


บางคนก็ได้เห็นว่าสิบตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดของทวีปโลหิตวิญญาณได้ส่งกองกำลังทั้งหมดออกมา ผู้อาวุโสจำนวนมาก รวมถึงยอดฝีมือจำนวนมหาศาลของตระกูลต่างก็ถูกส่งออกมาที่นี่ หลั่งไหลเข้ามาในเมืองฮวายหนิงแห่งนี้จากทุกทิศทาง


แม้แต่บรรพบุรุษเก่าแก่รวมถึงชายชราจำนวนมากที่ได้หายตัวเป็นระยะเวลานานนั้นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่เช่นกัน ต้องการไปที่หุบเขาแห่งนั้นเพื่อสืบหาความจริงให้ได้ ว่ากันว่าชายชราเหล่านี้ต่างก็หวังว่าจะได้พบเจอวิธีที่จะยืดอายุขัยของตนเอง


นอกจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้แล้วนั้น ก็มียอดฝีมือจำนวนมากที่ปฏิเสธที่จะดูด้อยกว่า พวกเขาต่างก็รู้สึกสงสัยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่ละคนต่างก็ส่งกองกำลังของตนเองออกไป


แน่นอนว่ากลุ่มอิทธิพลที่มีจำนวนผู้คนมากที่สุดและมีพลังอำนาจมากที่สุดนั้น ก็คือสำนักวิญญาณ


ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสสูงสุดหรือแม้แต่จ้าวสำนักวิญญาณเองก็ไม่สามารถที่จะทนอยู่เฉยๆได้ พวกเขาต่างก็เดินทางมาจากสำนักวิญญาณสาขาหลักและมาถึงที่เมืองฮวายหนิงโดยตรง พวกเขานั้นเป็นกลุ่มคนที่เคยอวดอ้างว่าตนเองเป็นทายาทของเซนต์โลหิตวิญญาณและเป็นผู้สืบทอดของเขา


หากแม้แต่การที่ได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่ส่งกองกำลังออกมานั้น หลังจากนี้พวกเขาจะกล้าอ้างสิทธิ์ได้อย่างไรว่าตนเองเป็นทายาทของเซนต์โลหิตวิญญาณ


อีกทั้งหากเซนต์โลหิตวิญาณสามารถหลุดพ้นออกมาปัญหานี้ได้จริงๆโดยที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือนั้น หลังจากนั้นพวกเขาอาจจะถูกคิดบัญชีโดยเซนต์โลหิตวิญญาณ ตายไปโดยที่ไร้หลุมฝังศพ


ดังนั้น ไม่ว่าบาเรียนี้จะเป็นสถานที่ที่ปิดผนึกเซนต์โลหิตวิญญาณไว้หรือไม่ พวกเขาก็จะต้องเดินทางไปตรวจสอบ ไม่สามารถให้ใครตัดหน้าพวกเขาไปก่อนอย่างแน่นอน


ในช่วงเวลานี้ เมืองฮวายหนิงกลายเป็นศูนย์กลางความวุ่นวายของทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณ กองทัพจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็เดินทางมาจากทุกซอกทุกมุมของทวีป รวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้ จำนวนของผู้คนนั้นมหาศาล มียอดฝีมือมากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า


เรียกได้ว่าเพียงแค่หลับตาและโยนก้อนหินออกไปนั้น ก็สามารถที่จะปาถูกผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้


ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าหลายหมื่นปีของทวีปโลหิตวิญญาณและด้วยพรสวรรค์ของชนเผ่าวิญญาณนั้น ที่นี่จึงมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ในจำนวนที่นับไม่ถ้วนที่มารวมตัวกันอยู่ เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก


เหล่าอาชญากร โจร อันธพาลหรือว่ากลุ่มอิทธิพลมืดต่างๆของเมืองฮวายหนิงนั้น พวกเขาแต่ละคนต่างก็หดตัวเหมือนเป็นไข่ ไม่กล้าที่จะเงยหัวขึ้นมา พวกเขาเกรงกลัวว่าหากมียอดฝีมือคนใดที่รู้สึกว่าพวกเขาเกะกะลูกตาและใช้ฝ่ามือตบเข้าไปนั้น เมื่อถึงเวลานั้นการตายของพวกเขาจะไม่เป็นธรรมอย่างมาก


ดังนั้นในช่วงเวลานี้นั้นความปลอดภัยของเมืองฮวายหนิงจึงอยู่ในจุดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีการลักเล็กขโมยน้อยใดๆเกิดขึ้น แต่ละคนต่างก็ไม่กล้าที่จะปรากฏตัวออกมา อพยพออกไปจากเมืองฮวายหนิงทั้งหมด


“ช่างน่าอัศจรรย์เกินไป ผู้นำตระกูลของสิบตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปโลหิตวิญญาณและผู้อาวุโสจำนวนมากต่างก็เดินทางมาที่นี่ นี่มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นเหตุการณ์ที่ในชีวิตนี้คงจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียว”


“นี่มันเรื่องอะไรกัน ก่อนหน้านี้จ้าวสำนักวิญญาณฉางซื่อเซิงและผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวิญญาณจำนวนมากก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่เมืองแห่งนี้ การที่ได้เห็นกองทัพเช่นนี้นั้น ข้าคงจะจดจำไปตลอดชีวิต คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่”


“ใช่ไหม? ตอนนี้ร้านน้ำชาและโรงแรมต่างๆในเมืองคงจะมีความสุขกันอย่างมาก รับเงินรับทองไปอย่างมหาศาล คาดการณ์ได้ว่าบุคคลที่มีอิทธิพลและยอดฝีมือของทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่”


“สถานการณ์ในอดีตที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลจำนวนมากขนาดนี้มารวมตัวกันได้นั้น คาดการณ์ได้ว่าคงจะมีเพียงแค่ช่วงเวลาการทำสงครามกับปีศาจต่างถิ่น”


“ดูเหมือนว่าข่าวนี้จะมีโอกาส99%เป็นจริง ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่จะดึงดูดผู้มีอิทธิพลจำนวนมากเช่นนี้ให้เข้ามาที่นี่ได้”


พลเรือนจำนวนมากของเมืองฮวายหนิงต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม พวกเขาต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยเห็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่มารวมตัวกันมากขนาดนี้มาก่อน ทว่าตอนนี้กลับได้พบเห็นทั้งหมด


เรียกได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่พวกเขาจะสามารถพูดโอ้อวดคนอื่นๆได้ตลอดชีวิต


“ข้ารู้สึกผิดอย่างมากที่ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เป็นเรื่องตลก ใครจะไปคิดกันว่าเรื่องนี้เป็นความจริง หากเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเองก่อนหน้านี้ล่ะก็ บางทีข้าอาจจะเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณได้สำเร็จ”


บางคนที่กระทืบเท้าอย่างรุนแรง รู้สึกผิดกับการตัดสินใจของตนเองในอดีต


“อย่างเจ้านี่หรือ?”


ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆพูดจาเหยียดหยามออกมา “อย่าว่าแต่การที่เจ้าไม่เชื่อตั้งแต่แรก ต่อให้เจ้าจะเชื่อและเดินทางไปยังหุบเขาแห่งนั้น เจ้าก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณได้”


“หากมองข้ามเรื่องทั้งหมดไป เพียงแค่ก้อนหินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนนั้น เจ้ามีอย่างนั้นหรือ?”


คนๆนั้นหน้าซีดทันที อย่าว่าแต่หินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนเลย เพียงแค่ก้อนเดียวก็ไม่มี เพราะว่าถึงอย่างไรภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นหินวิญญาณก็ถือว่าเป็นสินค้าที่ล้ำค่า มีมูลค่ามากกว่าทองคำเสียอีก


ผู้คนที่สามารถนำหินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนออกมาได้นั้น หากไม่ใช่ยอดฝีมือ ก็มักจะเป็นผู้ที่มีต้นกำเนิดมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่


“เป็นจริงอย่างที่ว่า ต่อให้จะเชื่อตั้งแต่แรก พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี”


“แต่ว่านี่ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ตราบใดที่สามารถช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณได้ จากนั้นทวีปโลหิตวิญญาณของพวกเราก็จะโชคดีไปสิบชาติ”


“พูดถูก ดูสิว่ากลุ่มของปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นจะกล้าแสดงความยโสโอหังออกมาอีกหรือไม่ หลังจากนี้พวกปีศาจต่างถิ่นคงจะไม่กล้าเข้ามาที่นี่อีก”


“เมื่อใดที่เซนต์โลหิตวิญญาณปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันจะเป็นฤกษ์ยามงามดีของพวกเรา”


พลเรือนจำนวนมากต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ


…………………..


ในช่วงเวลานี้ กลุ่มอิทธิพลต่างๆของทวีปโลหิตวิญญาณต่างก็มารวมตัวกันที่หุบเขาแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ผู้นำตระกูลหรือว่ายอดฝีมือของสำนักวิญญาณจำนวนมหาศาล พื้นที่รอบๆในระยะหลายหมื่นกิโลเมตรนั้นก็ถูกระบุให้เป็นพื้นที่หวงห้าม คุ้มกันโดยกองทัพขนาดใหญ่ บุคคลภายนอกไม่สามารถที่จะผ่านเข้าออกได้


เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ถูกระบุเป็นพื้นที่หวงห้ามโดยสมบูรณ์ แม้แต่การป้อนกันของสำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นก็ไม่ได้มีความเข้มงวดเช่นนี้ ยอดฝีมือเกือบทั่วทั้งทวีปได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่


ไม่ว่าศัตรูใดๆที่กล้าบุกรุกเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ มีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่

 

 

 


ตอนที่ 1184

 

ณ มุมหนึ่งของเมืองฮวายหนิง


กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังก็ได้เห็นเหตุการณ์ความวุ่นวายของเมืองฮวายหนิงเช่นกัน ทว่าตอนนี้พวกเขานั้นกลับรู้สึกหดหู่อย่างมาก เพราะว่าเฝ้ารอมาเป็นระยะเวลาถึงหนึ่งเดือน เจ้าบัดซบเซี่ยปิงก็ไม่ได้ออกมาจากสำนักวิญญาณ ไม่สามารถที่จะมองหาโอกาสในการลงมือได้


“บัดซบ เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าบัดซบนั่นอยู่ภายในสำนักวิญญาณเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนโดยที่ไม่ก้าวเท้าออกมาแม้แต่ก้าวเดียว แม้แต่โอตาคุที่เก็บตัวก็ไม่ได้มีพฤติกรรมเช่นนี้ นี่เขาไม่คิดที่จะออกมาสูดอากาศหายใจข้างนอกเลยหรือ?!” ฟางกุ่ยพูดออกมาอย่างหดหู่ ต่อให้เขาจะเป็นนักฆ่าที่มีความอดทนสูง ทว่าสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังคงวิตกกังวล


เพราะทุกครั้งที่พวกเขาอดทนเฝ้ารอนั้น พวกเขาจะต้องมีหลักฐานรับประกัน ล่วงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะปรากฏตัวออกมาที่นี่อย่างแน่นอน ล่วงรู้ว่าตนเองจะสังหารเป้าหมายได้อย่างแน่นอน


ทว่าเมื่อเผชิญกับเซี่ยปิงซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ปฏิบัติตามสามัญสำนึกของมนุษย์ปกติทั่วไปนั้น พวกเขาก็ไม่มีความแน่ใจ


สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ชีวิตสุนัขของพวกเขานั้นอยู่ในกำมือของเซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่ง อยู่ในสภาวะที่ตายได้ทุกเมื่อ หากไม่ได้กำจัดเซี่ยปิง พวกเขาก็จะต้องตาย ไม่มีใครที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้


หากจู่ๆเจ้าเด็กนี่เปลี่ยนใจและตัดสินใจที่จะเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณอย่างกะทันหันล่ะก็ จากนั้นชีวิตของพวกเขาก็คงจะจบสิ้น


เพราะว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาจะได้ยินถึงเรื่องสถานที่ปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณ พวกเขาก็ยังคงนิ่งเฉยและไม่ได้สนใจ สมบัตินั่นก็เป็นสิ่งที่ดี ทว่าชีวิตของตนเองสำคัญยิ่งกว่า


ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเท่านั้น สำหรับพวกเขามันยิ่งเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ มีความเป็นไปได้สูงขึ้นว่าเจ้าเซี่ยปิงจะเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณอย่างกะทันหัน


“ออกมาหายใจตูดข้าสิ ไม่ใช่ว่าก่อนที่เขาจะเข้าไปในสำนักวิญญาณนั้นเขาได้นำหญิงสาวที่งดงามไปด้วยหรือ? คาดการณ์ได้ว่าภายในสำนักวิญญาณนั้น เจ้าเด็กนั่นคงจะร้องเพลงทั้งวันทั้งคืน มีความสุขกับการเก็บตัว กลายเป็นเจ้าบ่าวในทุกๆวัน”


“ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินข่าวมา ผู้ที่เจ้าเด็กนี่ได้ใช้สถานะในการปลอมตัวนั้นก็คือจ้าวสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิง สถานะเช่นนี้มีพลังอำนาจและอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัวในเมืองฮวายหนิง ได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ ทว่าไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องเช่นนี้ไปทำไมกัน การที่คิดปลอมตัวเป็นจ้าวสำนักวิญญาณนั้น ไม่เกรงกลัวว่าสถานะของตนเองจะถูกเปิดเผยและตายไปโดยที่ไร้หลุมฝังศพอย่างนั้นหรือ?”


“บัดซบ มีพลังอำนาจและอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัว? หากเป็นนั้น ไม่ได้หมายความว่าหากเขาต้องการผู้หญิงคนใด เขาก็จะได้มาอย่างนั้นหรือ? นี่มันช่างเป็นการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจริงๆ”


“ข้าได้ยินมาอีกเรื่องหนึ่งเช่นกัน ว่ากันว่าจั่วฮาวจ้าวสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิงนั้นมีนางสนมที่งดงามเป็นจำนวนนับสิบคน ตอนนี้การที่เจ้าบัดซบนั่นปลอมตัวเป็นจั่วฮาวนั้น คาดการณ์ได้ว่าคงจะต้องการเสพสุขกับผู้หญิงเหล่านี้เช่นกัน หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ไม่รู้ว่านางสนมของจั่วฮาวจำนวนกี่คนที่ได้ดูแลปรนนิบัติเขา ถึงอย่างไรซะนางสนมเหล่านี้ก็คงจะไม่ล่วงรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเขา”


“บัดซบ นี่มันยังมีความเป็นมนุษย์อีกหรือไม่? สังหารคนอื่นไม่พอ ยึดครองสถานะของเขาและใช้สถานะนั้นในการเสพสุขกับภรรยาและนางสนมของเขาอย่างนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นนักฆ่า ทว่าข้าก็ไม่กล้าที่จะทำเรื่องที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ข้ารู้สึกรังเกียจไอ้ลูกหมาที่ตีท้ายครัวคนอื่นเช่นนี้มาก!”


“บัดซบ นี่คือการเข้ามาทำภารกิจอย่างนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าเป็นการใช้พลังอำนาจของตนเองในการข่มเหงผู้อื่น การเป็นลูกศิษย์ของเซนต์นี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”


“ลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ต่างก็มีพฤติกรรมเช่นนี้ อย่าพูดถึงว่าเจ้าเด็กหนุ่มนี่ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าคนอื่นๆ ทะยานขึ้นฟ้าภายในก้าวเดียว กลายเป็นลูกศิษย์ของเซนต์ นี่เป็นสิทธิพิเศษที่เหนือยิ่งกว่า ต่อให้มีฮาเร็มจำนวนสามพันคนก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ”


“คาดการณ์ได้ว่าการที่เขาปลอมตัวเป็นจั่วฮาวนั้นไม่ใช่เพียงแค่ต้องการครอบครองหินวิญญาณเท่านั้น ทว่าต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการเสพสุขกับนางสนมเหล่านี้เช่นกัน เพราะว่าถึงอย่างไร นางสนมที่มีประสบการณ์เหล่านี้ก็ย่อมที่จะดีกว่าเหล่าหญิงสาวตัวเล็กๆ”


กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็รู้สึกอิจฉาจนเกลียดชัง อิจฉาอย่างถึงที่สุด คิดว่าเจ้าบัดซบเซี่ยปิงนี่ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาในสำนักวิญญาณ ทุกคืนต่างก็เป่าขลุ่ย มีความสุขกับผู้หญิงจำนวนมาก นี่ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด


ทำไมพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตรออยู่ข้างนอกเช่นนี้ ในระหว่างที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นี่มันช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ


“ไม่สามารถที่จะรอต่อไปได้ จะต้องริเริ่มการจู่โจม ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าพวกเราจะต้องรอจนถึงเมื่อไหร่” ขงนั่วพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม


“ริเริ่มการจู่โจม? จะริเริ่มการจู่โจมอย่างไร? นั่นคือสำนักวิญญาณ มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา หากพวกเราเข้าไป จะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามห้อมล้อมและอัดอย่างป่าเถื่อนอย่างแน่นอน เป็นการรนหาที่ตายอย่างเห็นได้ชัด”


“ใช่ รออยู่ที่นี่เถอะ อย่าทำเรื่องที่ไม่จำเป็น ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการแจ้งเตือนศัตรู ทำให้เจ้าเด็กนี่ไหวตัวขึ้นมา หากฝ่ายตรงข้ามหลบหนีออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณอย่างกะทันหันนั้น พวกเราจะต้องเผชิญกับความตาย”


คนอื่นๆส่ายหัว คิดว่าไม่ควรกระทำอะไรที่บุ่มบ่าม บางครั้งการทำอะไรโดยที่ไม่ไตร่ตรองให้ดีนั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายล้าง ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะเริ่มอดทนรอไม่ไหว ทว่าพวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่เขลา


“ม่ายยย พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปด้วยตนเอง” ขงนั่วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินข่าวบางอย่างมา เหมือนกับว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีความขัดแย้งกับฉางฉือลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณและได้ทำร้ายฉางฉือเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายมีความบาดหมางกันจนอยู่ในจุดที่ไม่สามารถคลี่คลายได้ ต่อให้ใช้แม่น้ำทั้งห้าสายก็ไม่สามารถที่จะลบล้างได้”


“พวกเราควรที่จะใช้ประโยชน์จากฉางฉือ บีบบังคับให้เจ้าเด็กนั่นออกมาจากสำนักวิญญาณ”


สายตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงที่หนาวเหน็บ


“เจ้าต้องการที่จะทำอย่างไร?”


คนอื่นๆของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็มองไปที่ขงนั่ว


“ง่ายมาก รายงานเขา!”


ขงนั่วยิ้มออกมาเล็กน้อย “พวกเราส่งคนออกไปยังสถานที่อยู่อาศัยของฉางฉือ รายงานว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าจั่วฮาวนั่นเป็นปีศาจต่างถิ่นที่แอบแฝงตัวเข้ามา เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉางฉือจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างแน่นอน”


“เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราก็จะราดน้ำมันลงสู่กองไฟอีกครั้ง แอบใส่ร้าย จากนั้นก็เป็นไปได้ยากที่เจ้าเด็กนั่นจะหลบหนีไปจากสำนักวิญญาณได้”


เขาบ่งบอกกลยุทธ์ของตนเองออกมา


“เยี่ยม เป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม”


“กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน นี่เป็นแผนการที่ดี ดำเนินทันที ข้าไม่ต้องการที่จะรออีกต่อไป”


“พูดถูก ในเมื่อเขาไม่ต้องการออกมานั้น จากนั้นพวกเราก็จะบีบบังคับให้เขาออกมา ดูสิว่าเขาจะต้องการเสพสุขกับผู้หญิงอีกหรือไม่”


กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็มีจิตสังหารที่เดือดดาลออกมา ทันใดนั้นก็รีบดำเนินตามแผนการทันที


……………


ในตอนนี้ ณ ห้องที่เงียบสงบแห่งหนึ่งในสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิง


เซี่ยปิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรม เขาได้หลับตาและไหลเวียนพลังเวทมนตร์ อากาศรอบๆนั้นบิดเบือน มีปรากฏการณ์เกิดขึ้น เหมือนกับว่ากลุ่มเปลวไฟได้ลุกโชนขึ้นมาและเปลี่ยนรูปกลายเป็นนกศักดิ์สิทธิ์


ทั่วทั้งห้องที่เงียบสงบแห่งนี้เต็มไปด้วยอุณหภูมิที่เร่าร้อน ดูเหมือนกับเป็นห้องอบไอน้ำก็ว่าได้ อากาศร้อนระอุ


ตึบ!


ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเปล่งแสงสีทองสองดวงทันที เหมือนกับว่าเจาะทะลวงห้วงมิติก็ว่าได้ ห้องที่เงียบสงบแห่งนี้เต็มไปด้วยเปลวไฟ ในช่วงเวลานี้ดูเหมือนว่าเปลวไฟเหล่านี้จะมีชีวิตเป็นของตนเองก็ว่าได้ พวกมันได้หลั่งไหลเข้าไปในรูขุมขนทั่วทั้งร่างกายของเซี่ยปิง


ภายในไม่กี่ลมหายใจ เปลวไฟของทั่วทั้งห้องก็ได้หายไปจนหมดจด พลังอำนาจในร่างกายของเขาก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น เหมือนกับเป็นภูเขาที่ตั้งตระหง่านเป็นระยะเวลานานก็ว่าได้


เพราะว่าการที่ดูดกลืนหินวิญญาณเป็นจำนวนมหาศาลนั้น จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ทรงอำนาจจนอยู่ในจุดที่ไม่สามารถคาดฝันได้ ส่วนลึกของความว่างเปล่า เหมือนกับว่ามีคมมีด ดาบ ระฆัง ค้อน ง้าวและอาวุธอื่นๆปรากฏขึ้น นี่คือภาพลวงตาที่เกิดขึ้นจากพลังอำนาจของจิตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์


จุดสูงสุดของระดับสมปรารถนาขั้นกลาง!


หลังจากการบ่มเพาะเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน เซี่ยปิงก็ได้ดูดกลืนเม็ดยาและหินวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาก็สามารถพัฒนาแกนพลังฉีของตนเองจนอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสมปรารถนาขั้นกลาง ทั่วทั้งราชวังสีม่วงเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์ที่อุดมสมบูรณ์


ขาดอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะสามารถก้าวเข้าไปในระดับสมปรารถนาขั้นสูงได้ นี่จะทำให้เขาเข้าใกล้ระดับกายาศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ


ความเร็วการบ่มเพาะเช่นนี้ ช่างรวดเร็วจนน่าสะพรึงกลัว


หากอยู่ในภายในโลกแห่งเมฆาต่อไป คาดการณ์ได้ว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลานับสิบปีในการที่เขาจะสามารถพัฒนาตนเองมาถึงระดับนี้ได้


อีกทั้งภายในจักรวาลนั้น มีสมบัติลับและเม็ดยาที่ล้ำค่าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงสามารถที่จะพัฒนาแกนพลังฉีของตนเองได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้วิ่งได้วันละพันลี้

 

 

 


ตอนที่ 1185

 

ดิ้ง!


ในตอนนี้ เสียงของระบบได้ดังขึ้นมา “ขอเตือนผู้เล่น จิตสังหารของศัตรูที่ถ่ายทอดมาสู่ผู้เล่นกำลังอยู่ในจุดสูงสุด โปรดให้ความสนใจกับเรื่องนี้”


“หืมม? นี่มันกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง?! กลุ่มของคนเหล่านั้นต้องการที่จะทำอะไรกัน?!”


เซี่ยปิงรับรู้ถึงภาพที่ระบบได้ถ่ายทอดมาทันที ล่วงรู้ถึงแผนการของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง ฝ่ายตรงข้ามต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากความแค้นของฉางฉือในการสังหารเขาและต้องการที่จะรายงานสถานะปีศาจต่างถิ่นของเขาเช่นกัน


เดิมทีเขานั้นไม่ต้องการสนใจกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังเหล่านี้เป็นการชั่วคราว ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีแผนการที่เป็นอันตรายจริงๆ


“ดูเหมือนว่าจะต้องกำจัดกลุ่มคนเหล่านี้ให้รวดเร็วที่สุด ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาเป็นอุปสรรคอยู่ที่นี่ได้” เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกาย หลังจากการหมักหมมเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้น ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ถูกดึงดูดไปที่หุบเขาแห่งนั้น


ยอดฝีมือของสำนักวิญญาณจำนวนมากก็ได้หลั่งไหลเข้าไปเช่นกัน ในช่วงเวลานี้สำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นอยู่ในสภาวะที่การป้องกันอ่อนแอที่สุด เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณสาขาหลัก


ดังนั้น เขาจะไม่สามารถปล่อยให้กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังเข้ามาสร้างปัญหาให้กับเขาในเวลานี้ได้อย่างแน่นอน


ดิ้ง!


ในช่วงเวลานี้ เครื่องมือสื่อสารของเขาก็ส่งเสียงดังขึ้นมา ทันใดนั้นภาพเสมือนจริงของแมวนักปราชญ์ก็ได้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเซี่ยปิงอย่างกะทันหัน


“เซี่ยปิง แผนการของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ กลุ่มของผู้คนเหล่านั้นต่างก็ถูกดึงดูดมาที่หุบเขาแห่งนี้ทั้งหมด” แมวนักปราชญ์พูดออกมา “เจ้าสามารถที่จะดำเนินขั้นตอนต่อไปได้”


“เยี่ยมมาก”


เซี่ยปิงพยักหน้า “ทว่าตอนนี้มีปัญหาบางอย่าง เมื่อครู่นี้ข้าได้รับข่าวมาว่ากลุ่มของนักฆ่าที่มีชื่อว่ากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต้องการที่จะสร้างปัญหาให้กับข้า อีกทั้งต้องการที่จะรายงานเรื่องที่ข้าเป็นปีศาจต่างถิ่น จะต้องคิดหาวิธีการในการกำจัดพวกเขา”


“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?! เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร สามารถพูดมาได้อย่างอิสระ”


จิตสังหารของแมวนักปราชญ์เดือดดาลออกมา


เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง “อันที่จริงเรื่องนี้พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือเอง ใช้กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนก็เพียงพอ”


“เจ้าจะใช้กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนอย่างไร?” แมวนักปราชญ์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย


เซี่ยปิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “ท่านลืมไปแล้วหรือ? ตอนนี้ท่านคือเซนต์โลหิตวิญญาณ เป็นผู้ปกครองของทวีปนี้ การที่ใช้สถานะของท่านในการชี้นำกลุ่มของยอดฝีมือสำนักวิญญาณให้ไล่ล่ากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังเหล่านั้น นี่มันไม่ใช่เป็นเรื่องที่เรียบง่ายหรือ?”


แมวนักปราชญ์นึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน มันก็เกือบที่จะลืมเรื่องนี้ ตนเองนั้นเป็นเซนต์โลหิตวิญญาณที่ถูกปิดผนึกอยู่ในส่วนลึกของหุบเขา หากพึ่งพาความสามารถในการหลอกลวงของมัน ก็สามารถที่จะสั่งการกลุ่มยอดฝีมือของสำนักวิญญาณได้ไม่ใช่หรือ?!


บางทีเมื่อใดที่สถานะปีศาจต่างถิ่นของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังถูกเปิดโปงออกมานั้น ความตายของพวกเขาก็คงจะน่าสิ้นหวังอย่างมาก


อีกทั้งการที่ต้องการรายงานเซี่ยปิงนั้น ช่างไม่รู้เลยหรือผู้ที่อยู่เบื้องของกลุ่มคนที่ต้องการจะไปฟ้องนั้นเป็นใคร


ความรู้สึกลึกๆของเซี่ยปิงกำลังเหยียดหยามกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังเหล่านี้


“ข้าจะส่งรูปลักษณ์ของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังเหล่านี้รวมถึงสถานที่หลบซ่อนของพวกเขาไปให้กับท่าน” เซี่ยปิงพูดออกมาทันที ด้วยภาพที่ระบบได้ถ่ายทอดมาให้กับเขานั้น เขาสามารถที่จะวาดรูปลักษณ์ของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังได้ จากนั้นก็ส่งไปให้กับแมวนักปราชญ์


………………..


ในช่วงเวลานี้ ณ หุบเขาแห่งหนึ่ง


เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!


ทันใดนั้นยอดฝีมือจำนวนมากก็ได้ร่วมมือกัน โจมตีประสานกันไปที่บาเรียตรงหน้า พลังอำนาจในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากได้ระเบิดออกมา เป็นเหมือนกับการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์จำนวนหลายพันลูกก็ว่าได้


ทว่าพวกมันก็เปล่าประโยชน์ ถูกค่ายกลบาเรียนี้ดูดซับเข้าไปจนหมดจด ไร้รอยขีดข่วน


“ไม่สามารถที่จะทำลายบาเรียนี้ได้จริงๆ”


“ช่างแข็งแกร่งเกินไป พวกเราผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเช่นนี้ที่ร่วมมือกันนั้น ไม่คาดคิดว่าจะไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนด้วยซ้ำ”


“หากข้าคาดเดาไม่ผิด นี่คือค่ายกลห้วงมิติ มีมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ ก่อตัวเป็นบาเรียห้วงมิติ พลังอำนาจปกติธรรมดาไม่สามารถที่จะทำลายได้”


“สมกับเป็นสถานที่ที่สามารถผนึกเซนต์โลหิตวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนทั่วไปจะสามารถทำลายได้”


“ดูเหมือนว่าตอนนี้ทำได้เพียงแค่โยนหินวิญญาณเข้าไป ทำให้เซนต์โลหิตวิญญาณได้รับพลังอำนาจที่มากพอ จากนั้นก็จะสามารถทำลายบาเรียนี้ออกมาได้”


เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ยอดฝีมือของสำนักวิญญาณจำนวนมากก็ไม่ได้ท้อแท้แต่อย่างใด หนำซ้ำยังตื่นเต้นอย่างมาก เพราะว่ายิ่งสามารถต้านทานพลังอำนาจของพวกเขาได้มากแค่ไหน มันก็ยิ่งบ่งบอกว่าเรื่องนี้เป็นความจริงมากเท่านั้น


ซู่ ซู่ ซู่!!!


ทันใดนั้นผู้คนจำนวนมากก็เริ่มที่จะนำหินวิญญาณออกมาและโยนเข้าไปที่บาเรียตรงหน้า


สำหรับยอดฝีมือเหล่านี้ หินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนนั้นเป็นเพียงแค่เศษเงินก็ว่าได้ แม้แต่หยดน้ำในมหาสมุทรก็ไม่ใช่


หลั่ว หลั่ว หลั่ว!!!


ทันใดนั้นทั่วทั้งบาเรียนี้ก็ดูดกลืนหินวิญญาณจำนวนมหาศาลเข้าไป ดูเหมือนว่าโยนเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ หินวิญญาณทั้งหมดที่ถูกโยนมานั้นมีจำนวนที่มากยิ่งกว่าหินวิญญาณของเหมืองหินวิญญาณขนาดเล็กนี่เสียอีก


แมวนักปราชญ์ก็ตกใจอย่างมาก เพียงแค่หินวิญญาณเหล่านี้ก็มีจำนวนถึง2-3แสนก้อน ซึ่งทำให้ทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยพลังงานวิญญาณจนเกือบที่จะก่อตัวขึ้นมาเป็นสสาร


“เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ ขอบคุณพวกเจ้ามาก”


แมวนักปราชญ์นำหินวิญญาณทั้งหมดมาเก็บไว้ภายในแหวนห้วงมิติ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ได้ปล้นชิงแหวนห้วงมิติของลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ต่างๆมา ไม่ว่าจะเป็นนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุและนิกายอื่นๆ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าร้อยวง ทำให้มีพื้นที่รองรับที่มหาศาล


ไม่อย่างนั้น หากต้องการที่จะนำหินวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมดกลับไป มันจะต้องเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างแน่นอน


เซี่ยปิงก็ได้เห็นเหตุการณ์นี้ผ่านทางภาพเสมือนจริง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก ไม่คาดคิดว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะนำหินวิญญาณมามอบให้อย่างโง่เขลาเช่นนี้ ช่างเป็นการที่ทำงานอย่างหนักเพื่อเขาจริงๆ


“ดีมาก!”


แมวนักปราชญ์โยนเศษกระดาษออกไปจากบาเรียทันที ผู้คนข้างนอกก็เห็นว่ากระดาษนี้ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นก็เกิดความวุ่นวาย ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็จ้องมองเศษกระดาษนี้อย่างไม่ละสายตา


“แม่เจ้า เซนต์โลหิตวิญญาณอยู่ข้างในบาเรียนี้จริงๆ”


“ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของพวกเราจะถูกต้อง”


“ไม่คาดคิดว่าเซนต์โลหิตวิญญาณจะถูกผนึกอยู่ในสถานที่แห่งนี้จริงๆ ครั้งนี้พวกเราคิดถูกแล้วที่ได้เดินทางมา”


“เซนต์โลหิตวิญญาณกำลังกล่าวชมพวกเรา ช่างเป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ”


ผู้คนจำนวนมากต่างก็ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ชายชราบางคนร่ำไห้ออกมาอย่างซาบซึ้ง เซนต์โลหิตวิญญาณสำหรับพวกเขานั้น เทียบเท่าได้กับตัวตนของเทพเจ้าก็ว่าได้ การที่สามารถได้พบเจอกับตัวตนเช่นนี้ นี่มันถือว่าเป็นเกียรติที่ทำให้ภาคภูมิใจไปตลอดทั้งชีวิต


ชายชราบางคนนั้นมีอายุขัยที่ใกล้จะสิ้นสุดลง ทว่าในช่วงเวลานี้พวกเขากลับรู้สึกว่าร่างกายของตนเองเต็มไปด้วยพลังอำนาจ เหมือนกับว่าพลังชีวิตได้ฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อย


ฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณมีสายตาเป็นประกาย อันที่จริงเขานั้นก็ยังมีความสงสัยอยู่เล็กน้อยว่าทำไมคนระดับเซนต์ถึงใช้วิธีการสื่อสารด้วยเศษกระดาษเช่นนี้ เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองกำลังรู้สึกอะไร


ทว่าเขาก็ไม่ได้กังวล เพราะว่าหินวิญญาณที่โยนเข้าไปในบาเรียนี้ ตราบใดที่ถึงเวลาที่บาเรียถูกทำลาย หากฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่เซนต์โลหิตวิญญาณนั้น หินวิญญาณเหล่านี้ก็จะกลับมาสู่มือของพวกเขาอยู่ดี อย่างไรซะหินวิญญาณก็ไม่ได้มีเท้า ไม่สามารถที่จะวิ่งหนีไปไหนได้


ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นการหลอกลวงหรือไม่ ความสำเร็จก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม พวกเขาไม่มีอะไรจะเสีย


“ข้าต้องการระยะเวลาสามวันในการทำลายผนึก”


เศษกระดาษได้ปลิวออกมาอีกครั้ง นี่เป็นเวลาที่เซี่ยปิงได้ให้กับแมวนักปราชญ์ ตราบใดที่ได้รับทักษะลับมาจากสำนักวิญญาณ หลังจากนั้นสามวัน พวกเขาก็จะสามารถหลบหนีออกไปอย่างไร้ร่องรอย


“เยี่ยม รอเพียงแค่สามวันเท่านั้น”


“อีกสามวันก็จะได้เห็นเซนต์โลหิตวิญญาณจริงๆหรือ? ช่างเป็นเกียรติจริงๆ”


“นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปโลหิตวิญญาณ”


ผู้คนจำนวนมากต่างก็ตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พวกเขาแทบจะไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ของตนเองได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะเซนต์โลหิตวิญญาณอยู่ในสถานที่แห่งนี้เช่นกันนั้น พวกเขาคงจะเริ่มส่งเสียงเชียร์ออกมา

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม