God Level Demon 1145-1165

 1145

“ท่าไม่ดีแล้ว เขาไม่ใช่ผู้คนของทวีปโลหิตวิญญาณของพวกเรา เป็นปีศาจต่างถิ่น มีเพียงแค่ปีศาจต่างถิ่นเท่านั้นที่จะควบคุมพลังอำนาจเช่นนี้ได้” บางคนที่ตะโกนออกมาทันที


ภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น เกือบทุกคนที่จะฝึกฝนทักษะการโจมตีทางจิตวิญญาณ มีจำนวนน้อยมากที่ฝึกฝนทักษะวิทยายุทธในด้านอื่นๆ การที่สามารถควบคุมพลังอำนาจของเปลวไฟได้นั้น นอกจากปีศาจต่างถิ่นก็ไม่มีใครอื่นอีก


อะไรนะ?!


ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหรามีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ในช่วงเวลานี้เขาก็ล่วงรู้ได้ในทันทีว่าทำไมเจ้าชายหนุ่มคนนี้ถึงไม่ได้เกรงกลัวสถานะของตนเอง อีกทั้งยังอาจหาญและบ้าบิ่นอย่างถึงที่สุด เดิมทีเป็นเพราะว่าเขานั้นไม่ใช่เป็นผู้คนของทวีปโลหิตวิญญาณนั่นเอง ทว่าเป็นปีศาจต่างถิ่น


สำหรับปีศาจต่างถิ่นที่แท้จริงนั้น ภูมิหลังและสถานะของเขานั้นจะกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย ไม่มีปีศาจต่างถิ่นใดๆที่จะไม่กล้าสังหารเขา


“ไม่นะ!!”


กลุ่มของผู้คุ้มกันรู้สึกได้ถึงอันตรายในทันที เดิมทีพวกเขานั้นก็คิดว่าจะสามารถขี่มังกรดินออกไปและบดขยี้เจ้าเด็กที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนี่จนตายไป


ใครจะไปคิดกันว่าเจ้าเด็กนี่จะกลายเป็นปีศาจต่างถิ่นอย่างกะทันหัน พลังอำนาจของเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวได้ปะทุออกมา เหมือนกับว่าเปลวไฟนี้สามารถที่จะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างได้


ปัง!


ทันใดนั้น ดวงอาทิตย์ก็ตกลงมาจากท้องฟ้า พลังอำนาจของเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวได้ปะทุออกมาในทันที ระเบิดออกมาเหมือนกับเป็นระเบิดนิวเคลียร์ก็ว่าได้ กวาดออกไปในทุกทิศทาง


ทันใดนั้นที่พื้นก็ปรากฏเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าหลายกิโลเมตร เสียงสายฟ้าฟาดได้ดังขึ้นมา


ในเวลาเดียวกันพลังอำนาจของเปลวไฟก็ได้ปะทุออกมาเช่นกัน กวาดออกไปรอบด้าน ลุกลามไปที่ผู้คุ้มกันเหล่านี้


ภายในหนึ่งลมหายใจ ผู้คุ้มกันเหล่านี้ก็ถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟ เปลวไฟได้ทำการแผดเผา จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช เป็นเสียงที่แสบแก้วหูอย่างมาก


ทว่าเสียงร้องเหล่านี้ก็ไม่ได้ดำเนินต่อเป็นระยะเวลานาน เพราะว่าร่างกายของพวกเขานั้นถูกเปลวไฟเหล่านี้เผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว แม้แต่กลุ่มของมังกรดินก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีไปจากความตายได้ ถูกเผาไหม้จนไหม้เกรียมกลายเป็นถ่าน


เปลวไฟก็ได้ลุกลามไปที่พื้นเช่นกัน แผดเผาก้อนหิน เปลี่ยนกลายเป็นลาวา คลื่นความร้อนได้กระจายออกไปรอบๆ พื้นดินนั้นปรากฏเป็นรอยแตกร้าวจำนวนมาก ลาวาไหลไปตามทาง ควันโขมงได้ลอยออกมาจากทุกทิศทาง


ภาพที่เห็นนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากการระเบิดของภูเขาไฟเลย


“ถูกสังหารไปทั้งหมดหรือ?!”


ในช่วงเวลานี้หลิวหยูหลานก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา แม้ว่าเธอจะยืนอยู่ข้างหลังของเซี่ยปิง ก็สามารถที่จะรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจของเปลวไฟที่ส่งผลกระทบออกไปรอบๆ คลื่นความร้อนได้ปัดเป่าออกไปรอบๆ แม้แต่กระดูกก็ดูเหมือนว่าจะละลายไปอย่างรวดเร็ว


เธอตกใจอย่างมาก การโจมตีนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด ผู้คุ้มกันที่เป็นภัยคุกคามเหล่านี้ได้ตายไปทั้งหมด หากไม่ตายไปด้วยคลื่นกระแทกของการระเบิดนั้น ก็ถูกเปลวไฟเหล่านี้แผดเผาไปจนตาย ไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่แม้แต่คนเดียว


ในตอนนี้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มีเพียงแค่ชายชุดคลุมที่หรูหราและลูกน้องที่ไว้วางใจของเขาอีก2-3คน


“หลบหนี หลบหนีเร็ว”


“นี่คือปีศาจต่างถิ่น ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะต่อกรได้”


“รีบไปที่สำนักวิญญาณ รายงานเรื่องนี้กับท่านจ้าวสำนักทันที มีปีศาจต่างถิ่นที่น่าสะพรึงกลัวได้ปรากฏตัวขึ้นมา จะต้องส่งกองทัพออกมาห้อมล้อมในทันที”


ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราและคนอื่นๆหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง พวกเขาไม่มีความกล้าหาญในการต่อสู้อีกต่อไป ชื่อเสียงของปีศาจต่างถิ่นนั้นเป็นที่เลื่องลืออย่างมากในบรรดาผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ ไม่รู้ว่าได้สังหารยอดฝีมือภายในทวีปโลหิตวิญญาณไปเป็นจำนวนมากแค่ไหน


ซึ่งพลังอำนาจที่ได้แสดงออกมาในตอนนี้นั้น ก็ได้ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนไม่มีความกล้าเหลืออยู่


พวกเขาต่างก็ขี่มังกรดินหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อ สำหรับดอกสงบวิญญาณนั้น พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะคาดหวังอีกต่อไป การที่สามารถรักษาชีวิตของตนเองได้นั้นก็ถือว่าโชคดีเกินพอ


ซู่ ซู่ ซู่!!!


เซี่ยปิงมองอย่างที่ไม่ต้องการมอง พลังงานฉีได้รวบรวมอยู่ที่นิ้วมือของเขา ทันใดนั้นลูกบอลเปลวไฟกว่าสิบลูกก็ถูกปล่อยออกไป พุ่งออกไปเหมือนกับเป็นเลเซอร์ก็ว่าได้ มีความรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่


“อ๊ากก!!!”


ทันใดนั้นผู้คุ้มกันหลายคนก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสมเพช ร่างกายของพวกเขาถูกเจาะทะลวงไปโดยตรง กระเด็นปลิวออกไปและระเบิดกลางอากาศ เปลี่ยนกลายเป็นก้อนเศษชิ้นเนื้อ


จบสิ้น จบสิ้นกัน ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหรามีสีหน้าที่ซีดเซียว เขารู้สึกว่าตนเองกำลังจะตาย หากลูกบอลเปลวไฟเหล่านี้กระทบกับร่างกายของเขาล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต้านทาน


ทว่าในตอนนี้ จู่ๆก็มีเสียงที่เหมือนกับเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน


ปัง!


ทันใดนั้น บนอากาศก็มีเสียงที่ดังสนั่นออกมา เป็นเสียงที่ทำให้สวรรค์สั่นสะท้าน คำรามออกมาเหมือนกับเป็นอสูรโบราณก็ว่าได้ คลื่นเสียงที่น่าสะพรึงกลัวได้ถ่ายทอดออกมา ส่งผลกระทบในพื้นที่ระยะสิบกิโลเมตร


ทันใดนั้นเดิมทีเหล่าลูกบอลเปลวไฟที่กำลังจะกระทบเข้ากับชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดคลุมนั้น พวกมันกลับถูกปัดเป่าจนหายไปอย่างกะทันหัน เปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่า อีกทั้งพลังอำนาจนี้ก็ได้ถ่ายทอดออกไปตามอากาศ พุ่งไปสู่ร่างกายของเซี่ยปิง อากาศเกิดการสั่นสะเทือนนับแสนครั้ง


“ในที่สุดก็เคลื่อนไหวหรือ?”


เซี่ยปิงไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด เขารู้มานานแล้วว่ามียอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธ์ที่กำลังหลบซ่อนอยู่ เขาจึงไม่ได้ใช้พลังอำนาจทั้งหมดออกไปและระวังฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา


ทว่าทันทีที่เขาจะสังหารชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราคนนี้นั้น ในที่สุดยอดฝีมือคนนี้ก็ข่มใจไว้ไม่ไหว เลือกที่จะเคลื่อนไหวออกมา


ร่างกายของเขาได้หายไป ฟึบ เขาได้เก็บดอกสงบวิญญาณและนำมาไว้ในแหวนห้วงมิติ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการที่จะถูกคลื่นเสียงการโจมตีนี้ทำลายไป เขาได้เคลื่อนย้ายออกไปในระยะทางหลายร้อยเมตรอย่างกะทันหัน


ทว่าพลังอำนาจของคลื่นเสียงนี้ได้ผลักออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน กระทบเข้ากับภูเขาขนาดเล็กที่อยู่ข้างหลัง ทันใดนั้นภูเขาลูกนี้ก็ถล่มลงมา แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เปลี่ยนกลายเป็นเศษซาก


ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่บนภูเขานั้นก็ถูกบดทำลายจนกลายเป็นผุยผง พลังทำลายล้างนั้นน่าอัศจรรย์อย่างมาก


วิซ!


วินาทีต่อมา ชายชราที่มีเครายาวก็ได้ปรากฏตัวออกมา มาถึงที่ข้างกายของชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราโดยตรง เสื้อผ้าของเขานั้นนิ่งสงบ หลั่ว หลั่ว หลั่ว มีเสียงดังขึ้นมา ออร่านั้นดูน่าเกรงขาม เหมือนกับว่าทุกท่วงท่าทุกการเคลื่อนไหวนั้นสามารถที่จะดึงพลังอำนาจของธรรมชาติมาได้


“ผู้อาวุโสฉี ทำไมท่าน ทำไมท่านถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้?”


เห็นชายชราคนนี้ที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้น ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญจริงๆ


“พ่อของท่านได้ไหว้วานให้ข้ามาแอบสอดส่องดูแลท่านอย่างลับๆ ไม่สามารถที่จะเปิดเผยตนเองได้ เพราะว่าถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการหาประสบการณ์ของตัวท่านเอง”ี ชายชราลูบเคราของตนเองและยิ้มออกมาเล็กน้อย “แต่ในเมื่อมีปีศาจต่างถิ่นปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้ นี่ก็ไม่ใช่ถือว่าเป็นการหาประสบการณ์อีกต่อไป ดังนั้นชายชราผู้นี้จึงได้เคลื่อนไหวออกมา”


เขาจ้องมองไปที่เซี่ยปิงด้วยท่าทางที่สูงส่งอย่างมาก


ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณ?!


หลิวหยูหลานมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที เธอล่วงรู้ว่าผู้ที่สามารถครอบครองตำแหน่งผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณนั้น อย่างน้อยจะต้องอยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ จ้าวสำนักของเมืองฮวายหนิงเองก็เป็นยอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้น


ตอนนี้การที่ยอดฝีมือในระดับนี้ปรากฏตัวขึ้นมานั้น ดูเหมือนว่าดวงของพวกเขานั้นถึงคราวยากที่จะพ้นเคราะห์


“ถูกต้อง ท่านผู้อาวุโสฉี เจ้านี่เป็นปีศาจต่างถิ่น ก่อนหน้านี้เขาก็ต้องการที่จะสังหารข้า ท่านจะต้องรีบสังหารเขาทันที กำจัดเจ้าปีศาจนี้ออกไป เพื่อความสงบสุขของทวีปพวกเรา!” ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราได้ตะโกนออกมา เหมือนกับว่าได้พบผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้มีท่าทางที่หวาดกลัวเหมือนกับก่อนหน้านี้อีกต่อไป


เขาจ้องมองไปที่เซี่ยปิง มองดูด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง หาก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสฉีไม่ได้เคลื่อนไหวออกมาล่ะก็ บางทีเขาอาจจะถูกเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่สังหารไปแล้ว ความเคียดแค้นครั้งนี่ถือว่าเป็นความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด


หากสามารถที่จะจับตัวเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่มาเป็นๆ เขาจะต้องทำให้เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ใช้ชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน


“เจ้าปีศาจต่างถิ่น”


ชายชราพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย “ไม่คาดคิดว่าจะกล้าเข้ามาทวีปโลหิตวิญญาณ ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตจริงๆ เจ้ามัดมือมัดเท้าและยอมจำนนซะโดยดี พวกเราจะจับเจ้าขังไว้ในคุกของสำนักวิญญาณ อย่าคิดดิ้นรนไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่อย่างนั้นชายชราผู้นี้จะลงมือสังหารเจ้าด้วยตนเอง!”


“ด้วยพลังอำนาจของเจ้าที่อยู่ในระดับสมปรารถนานั้น การที่ต้องการจะต่อต้านชายชราผู้นี้นั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การที่เจ้าบังเอิญได้พบเจอกับชายชราผู้นี้ในสถานที่แห่งนี้นั้น ถือว่าเป็นความโชคร้ายของเจ้า”


“ต้องขอโทษด้วย แต่การเดินทางของเจ้ามาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว”


1146

ออร่าที่ทรงอำนาจแผ่ออกมาจากร่างกายของชายชรา เป็นเหมือนกับออร่าของขุมนรกก็ว่าได้ สร้างความกดดันอย่างมหาศาล ดูเหมือนว่าจะเป็นการโจมตีทางจิตวิทยาต่อเซี่ยปิง คิดที่จะเอาชนะศัตรูโดยที่ไม่ต้องต่อสู้


ถึงแม้ว่าเขานั้นจะมีความมั่นใจในพลังอำนาจของตนเอง ทว่าหากสามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้โดยที่ไม่ต้องต่อสู้กับเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่นั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี


เพราะว่าถึงอย่างไร ปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ต่างก็มีวิธีการที่แปลกประหลาดมากมาย หากต้องต่อสู้โดยที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันจริงๆล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


“คุกเข่าซะ!”


การที่มีการช่วยเหลือของผู้อาวุโสฉีนั้น ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราก็ยโสโอหังขึ้นมามากกว่าเดิม “เจ้าปีศาจต่างถิ่น คุกเข่าและอ้อนวอนขอความเมตตาในทันที โค้งคำนับแปดร้อยครั้ง ยอมสารภาพความผิดที่ได้สังหารลูกน้องของข้า ไม่อย่างนั้นหากผู้อาวุโสฉีลงมือขึ้นมาจริงๆล่ะก็ เจ้าจะต้องตายโดยที่ไร้หลุมฝังศพ”


สีหน้าของเขานั้นดุร้ายอย่างมาก เขากำลังคิดถึงวิธีการต่างๆในการทรมานเซี่ยปิงอย่างโหดเหี้ยม เป็นการระบายความโกรธแค้นของตนเอง


“ชายชรา เจ้าต้องการที่จะช่วยเหลือเขาหรือ? ช่างตลกสิ้นดี หากข้าต้องการที่จะสังหารใคร ก็ไม่มีใครที่จะสามารถขัดขวางได้ ในเมื่อเจ้าต้องการความตายเช่นกัน ข้าก็จะสนองให้” เซี่ยปิงยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับเผยให้เห็นถึงสายตาที่เยือกเย็น


ต่อให้จะมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธ์ปรากฏขึ้นมา เขาก็ไม่ได้เป็นกังวล เพราะว่าเขาก็เคยสังหารผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์มาแล้วเช่นกัน


“ดื้อรั้นจริงๆ นี่คือความผิดพลาดของเจ้า”


ชายชรามีสายตาที่เย็นชา สัญชาตญาณของเขากำลังสัมผัสได้ถึงออร่าที่อันตรายซึ่งออกมาจากร่างกายของเซี่ยปิง ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่จะมีวิธีการอะไรอยู่ ทว่าเขาก็ไม่ได้โง่เขลาที่จะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามได้ใช้ออกมาได้


เขาจะต้องใช้วิธีการสังหารอย่างรวดเร็วฉับพลัน ปิดบัญชีอย่างรวดเร็วที่สุด สังหารเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่อย่างกะทันหัน ต่อให้จะมีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้


ทักษะพลังวิญญาณ ทักษะค้างคาวทำลายล้าง!


ทันใดนั้นชายชราคนนี้ก็ได้เปิดฉากโจมตีทันที เห็นเพียงแค่ว่ามือทั้งสองของเขาประสานกัน พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รวมตัวกันที่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว เขาอ้าปากออกมา ทันใดนั้นก็ได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโมโห


ทว่าเสียงคำรามนี้นั้นไร้เสียง หูของมนุษย์นั้นไม่สามารถที่จะได้ยิน เพราะว่านี่คือคลื่นซูเปอร์โซนิก เป็นทักษะพลังวิญญาณที่ทรงอำนาจซึ่งจำลองเสียงของค้างคาว


เมื่อใดที่ปล่อยออกมา คลื่นซูเปอร์โซนิกที่มีพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์จะกระจายออกไป ส่งผลระทบออกไปในระยะนับสิบกิโลเมตร ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆภายใต้คลื่นซูเปอร์โซนิกนี้ จะต้องถูกทำลายอย่างกะทันหัน


อีกทั้งการที่เป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้นนั้น ทำให้พลังอำนาจของชายชราผู้นี้มีความน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด สามารถที่จะควบแน่นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้ การที่ใช้การโจมตีนี้นั้น มันได้เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด มีพลังอำนาจที่อยู่ในจุดที่ไม่สามารถคาดฝัน


หล่ง หล่ง หล่ง!!!


ทันใดนั้นคลื่นเสียงก็กระจายออกไปโดยที่มีร่างกายของเขาเป็นจุดศูนย์กลาง ก่อตัวขึ้นมาเป็นสสาร แม้แต่ที่พื้นก็ถูกคลื่นซูเปอร์โซนิกนี้กระแทกเข้าไป ปัง ทำให้ก้อนหินจำนวนมากที่อยู่ที่พื้นกลายเป็นผุยผงอย่างกะทันหัน


ใต้ทั้งสองข้างของเขาก็เกิดรอยแตกร้าวจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นเหมือนกับใยแมงมุมก็ว่าได้ ลุกลามออกไปรอบๆ ส่งเสียงดังขึ้นมา แผ่นดินในพื้นที่ระยะกว่าสิบกิโลเมตรสั่นสะเทือน


“จบสิ้นกัน”


หลิวหยูหลานกำหมัดขึ้นมาอย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อย นี่มันช่างเป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนกับเทพเจ้าในยุคโบราณ เมื่อใดที่กระทบเข้าไป จะต้องหายวับไปกับตาอย่างแน่นอน นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์


เธอนั้นไม่ได้เกรงกลัวความตาย ทว่ากลับเกรงกลัวว่าตนเองนั้นจะไม่ได้ชำระความแค้นให้กับพ่อแม่ที่ตายไป การที่ตายไปโดยที่ไม่ได้ล้างแค้นนั้น นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถยอมรับได้


“ตายไปซะ เจ้าปีศาจต่างถิ่น”


พลังอำนาจของชายชราเพิ่มขึ้นมาจนถึงขีดสุด เพื่อที่จะสังหารเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่อย่างกะทันหันและเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการที่ความล่าช้าจะก่อให้เกิดปัญหาตามมานั้น ต่อให้เขาและเซี่ยปิงจะแตกต่างกันถึงหนึ่งระดับเต็มๆ ทว่าก็ยังคงใช้พลังอำนาจทั้งหมดออกมา


ดังนั้นพลังทำลายล้างของการโจมตีครั้งนี้นั้นไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ คำรามออกมาเหมือนกับเป็นค้างคาวโบราณ คลื่นเสียงสั่นสะท้าน คลื่นซูเปอร์โซนิกที่ทรงอำนาจได้ปะทุออกไป เหมือนกับเป็นระเบิดนิวเคลียร์ก็ว่าได้


ยิ่งไปกว่านั้นพลังทำลายล้างของมันก็น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์เสียอีก มันจะเจาะเข้าไปในแกนกลางของสิ่งนั้นๆ เมื่อใดที่สิ่งมีชีวิตกระทบเข้ากับพลังอำนาจของคลื่นซูเปอร์โซนิกนี้นั้น ภายในหนึ่งลมหายใจ จะต้องถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์ จิตวิญญาณจะแตกสลายและหายไปตลอดกาล


“ออกมา!”


เซี่ยปิงมองอย่างที่ไม่ต้องการมอง เขาได้เคลื่อนไหวความคิด ทันใดนั้นก็ได้ปล่อยยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากแหวนห้วงมิติทันที


ทว่าด้วยขนาดที่ใหญ่ของยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นมาจากห้วงมิติเช่นนี้นั้น มันได้พุ่งออกไปที่ชายชราคนนั้น เป็นเหมือนกับอุกกาบาตที่ปรากฏขึ้นมาในอากาศก็ว่าได้ เหมือนกับตกลงมาจากอาณาเขตดวงดาว


นี่คือการโจมตีที่เซี่ยปิงได้คิดมาเป็นระยะเวลานาน เป็นการที่ใช้แหวนห้วงมิติในการโจมตีที่ทรงพลัง หากปล่อยสิ่งของภายในแหวนห้วงมิติออกมาอย่างกะทันหันนั้น มันสามารถที่จะสร้างผลกระทบที่คาดไม่ถึงได้


อีกทั้งการที่จะยานอวกาศขนาดใหญ่เช่นนี้ตกลงมานั้น มันเป็นเหมือนกับการที่อุกกาบาตตกลงมาจากอาณาเขตดวงดาวก็ว่าได้


อะไรกัน?!


ชายชราสะดุ้งตกใจขึ้นมาทันที รู้สึกงุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีวัตถุขนาดใหญ่ตกลงมาอย่างกะทันหัน เกือบที่จะปกคลุมทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะถูกปกคลุมไปด้วยเงาก็ว่าได้


เพ่ง เพ่ง เพ่ง !!!


ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นมา การโจมตีคลื่นซูเปอร์โซนิกถูกต้านทานไว้โดยวัตถุขนาดใหญ่นี้ ทว่ายานจันทราศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นมาโดยวัสดุที่พิเศษนั้น มีความแข็งแรงทนทานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้


ต่อให้ชายชราผู้นี้จะมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังทำลายล้างที่ทรงอำนาจอย่างถึงที่สุดนั้น ทว่าก็ไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายใดๆต่อเกราะของยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ได้ เกิดเพียงแค่เสียง เพ่ง เพ่งขึ้นมาเท่านั้น ไร้รอยขีดข่วน


“บัดซบ!”


ชายชรามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หากถูกวัตถุขนาดใหญ่นี้อัดลงมาล่ะก็ บางทีด้วยร่างกายของเขานั้น อาจจะถูกบดขยี้จนกลายเป็นเนื้อบดก็เป็นได้


“หลบหนี!”


สัญชาตญาณของเขากำลังบ่งบอกว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่อันตรายอย่างมาก ต่อให้ตนเองและฝ่ายตรงข้ามจะแตกต่างกันถึงหนึ่งระดับ ทว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ก็มีวิธีการมากมาย ไม่รู้ว่าวินาทีต่อมาจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น


ดังนั้นเขาจึงคิดว่าการที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี นี่คือสิ่งที่เรียกว่าวิญญูชนจะไม่ฝ่ากำแพงอันตราย ควรกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของสำนักวิญญาณก่อนและเรียกระดมกองทัพออกมาทำการห้อมล้อมอีกครั้ง


วิซ!


เขาได้ยกชายหนุ่มชุดคลุมที่หรูหราขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว เหมือนกับเป็นการจับไก่ก็ว่าได้


ร่างกายของชายชราได้หายไป เคลื่อนย้ายออกไปอย่างกะทันหัน หลีกเลี่ยงออกไปได้ทันเวลา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้หยุดแต่อย่างใด เลือกที่จะหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะมองกลับมาด้วยซ้ำ


“หลบหนีอย่างนั้นหรือ?!”


ดวงตาที่งดงามของหลิวหยูหลานกลอกไปมา เธอไม่คาดคิดว่าผู้บ่มเพาในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จะหลบหนีออกไปเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณ ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าปีศาจต่างถิ่นในระดับสมปรารถนานี่  กลับเลือกที่จะหลบหนีออกไป ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดฝัน


เมื่อไหร่กันที่ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณจะขี้ขลาดเช่นนี้ ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับปีศาจต่างถิ่นจนตัวตาย


“ยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ สังหารเขาซะ!”


เซี่ยปิงได้ติดต่อกับสมองไฮเทคของยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ทันที เริ่มการทำงานของระบบอาวุธ ปืนใหญ่อัสนีสีม่วงได้ถูกกระตุ้นขึ้นมา


ตึบ!


ทันใดนั้นลำแสงก็สีม่วงก็ถูกยิงออกไปจากยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ ล็อกออร่าของชายชราคนนี้ เป็นเหมือนกับหอกยาวของเทพเจ้าแห่งความตายก็ว่าได้ พุ่งออกไปโดยตรง


“ไม่นะ!!”


ชายชรามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกได้ถึงวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเขาหันหลังมองกลับไป ก็เห็นลำแสงสายฟ้าสีม่วงที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน ซึ่งมีความรวดเร็วที่น่าอัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้


ตึบ!


ลำแสงสายฟ้าสีม่วงนี่ได้เจาะทะลวงผ่านร่างกายของเขาไปอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราคนนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทั่วทั้งร่างกายระเบิดออกมาโดยลำแสงสายฟ้านี้


“ม่ายยย!!!”


ชายหนุ่มชุดคลุมที่หรูหราได้ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง แตกตื่นอย่างมาก เขานั้นเป็นผู้ที่มีสถานะที่ยิ่งใหญ่ มีอนาคตที่สดใสรออยู่ เป็นไปได้อย่างไรที่จะต้องมาตายอยู่ในสถานที่ที่ทุรกันดารเช่นนี้


ไม่ว่าเขาจะตะโกนออกมาอย่างไร ภายใต้การโจมตีของปืนใหญ่อัสนีสีม่วงนั้น ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยอย่างรวดเร็ว


หายไปจากโลกแห่งนี้เช่นเดียวกับชายชราคนนั้น


อีกทั้งลำแสงของปืนใหญ่อัสนีสีม่วงก็ได้พุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง ตึบ อัดภูเขาที่อยู่ห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตรจนหายไปครึ่งลูกอย่างกะทันหัน ทำให้บริเวณยอดเขาหายไปตลอดกาล


1147

“ตายไปทั้งหมดหรือ?!”


หลิวหยูหลานตกตะลึง ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าการที่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้นมานั้น เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่จะต้องตาย อีกทั้งตนเองที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ก็จะต้องเผชิญกับหายนะเช่นกัน


ทว่าใครจะไปคิดกัน จู่ๆวัตถุขนาดใหญ่นั้นก็ได้ยิงลำแสงออกมา จากนั้นก็ได้กำจัดผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณไปอย่างกะทันหัน สังหารผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ภาพที่เห็นนั้นน่าอัศจรรย์อย่างมาก


ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหรานั้นก็ได้ตายไปอย่างน่าสลดเช่นกัน ไม่มีข้อยกเว้น


หากชายคนนี้เป็นผู้คนของทวีปโลหิตวิญญาณล่ะก็ บางทีก็อาจจะเป็นกังวลว่าตนเองจะท้าทายบุคคลที่ยิ่งใหญ่เข้า ทว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นปีศาจต่างถิ่น ไม่ได้เกรงกลัวเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย


หากมองว่าสถานการณ์ไม่ดีล่ะก็ ก็สามารถที่จะหลบหนีไปได้ทันที หลบหนีออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณ หลังจากนั้นใครกันที่จะสามารถทำอะไรเขาได้


“บางทีหากอยู่กับเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ อาจจะมีโอกาสในการกำจัดจ้าวสำนักของเมืองฮวายหนิงจริงๆ” หลิวหยูหลานกำหมัดขึ้นมา เธอรู้สึกมีความหวังในการล้างแค้นที่มากขึ้น


วิซ!


ในตอนนี้ เซี่ยปิงก็ได้เก็บยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ไว้ในแหวนห้วงมิติอีกครั้ง ไม่สามารถที่จะทำให้ตัวตนของเครื่องจักรสังหารขนาดใหญ่นี้รั่วไหลออกไปได้


“หืมม? บนตัวเจ้านี่มีหินวิญญาณด้วยหรือ?”


เซี่ยปิงค้นพบอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราถูกตนเองสังหารไปนั้น ถุงกระสอบเล็กๆที่อยู่ติดกับร่างกายก็ได้ร่วงลงมา เขาได้ยื่นมือและหยิบขึ้นมา จากนั้นก็เปิดดู ทันใดนั้นก็ค้นพบหินวิญญาณจำนวน4-5ก้อน


นอกจากชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมคนนี้นั้น บนตัวของผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณก็มีหินวิญญาณอีกเป็นจำนวน4-5ก้อนเช่นกัน


เขาหยิบหินวิญญาณเหล่านี้มาไว้บนมือของตนเองและรู้สึกได้ทันทีว่าพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของตนเองเหมือนกับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย


“สมกับที่เป็นหินที่มหัศจรรย์ในตำนานจริงๆ หากสามารถที่จะดูดกลืนหินวิญญาณเหล่านี้และดอกสงบวิญญาณนั้น จะต้องสนับสนุนการบ่มเพาะได้อย่างมาก บางทีอาจจะสามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลางได้อย่างรวดเร็ว”


เซี่ยปิงกำหมัดขึ้นมาอย่างแน่น เขาไม่คาดคิดว่าจะทำภารกิจได้สำเร็จอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หากเขาออกไปจากที่นี่ในตอนนี้ ภารกิจของเขาก็จะสำเร็จ ง่ายดายเหมือนกับการเป่าฝุ่นให้หายไป


แต่ปัญหาก็คือว่า เขานั้นมาถึงที่ทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อหินวิญญาณเหล่านี้เท่านั้น ทว่าเขาก็ต้องการที่จะครอบครองทักษะพลังวิญญาณของสถานที่แห่งนี้เช่นกัน


“ใช่สิ เซี่ยปิง มันจะดีที่สุดหากเจ้าไม่ใช้ดอกสงบวิญญาณในตอนนี้”


ในตอนนี้เสียงของแมวนักปราชญ์ได้ดังขึ้นมา


“ทำไมหรือ?” เซี่ยปิงถามอย่างสงสัย


แมวนักปราชญ์พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ดอกไม้ที่ประหลาดนี้นั้น แม้แต่ในจักรวาลเองก็ถือว่าเป็นสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่าอย่างมาก โดยเฉพาะผู้บ่มเพาะที่เข้าใกล้สู่ระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น มันถือว่าเป็นสมุนไพรวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์เลยก็ว่าได้”


“หากเจ้าใช้ดอกสงบวิญญาณนี้ในระดับสมปรารถนาขั้นสูงสุดนั้น มันจะทำให้เจ้าอยู่ในสภาวะเห็นแจ้งและแตกฉาน ซึ่งนี่จะสามารถทำให้เจ้าควบแน่นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังทำให้แกนพลังฉีเสถียรและมั่นคงขึ้นมาก”


“สำหรับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น การที่สามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นจำนวนมากนั้น แน่นอนว่าจะต้องทรงอำนาจกว่าผู้บ่มเพาะคนอื่นๆในระดับเดียวกัน”


มันได้บอกกับเซี่ยปิง ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ปกติทั่วไปนั้นจะสามารถควบแน่นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ทว่าผู้ที่มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจที่แท้จริงจะสามารถควบแน่นขึ้นมาได้ถึงสาม ห้าหรือแม้กระทั่งในจำนวนที่มากกว่านั้น


งยิ่งสามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นจำนวนมากแค่ไหน พลังการต่อสู้ก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น เรียกได้ว่าผู้ที่สามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้หลากหลายนั้น จะมีความแตกต่างกับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆอย่างมหาศาล


แต่แน่นอนว่าไม่ใช่การที่มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมากนั้น จะเป็นเรื่องที่ดีเสมอไป เพราะว่ามันจะต้องดูคุณภาพของความสามารถศักดิ์สิทธิ์นั้นเช่นกัน หากคุณภาพไม่ดีและมีพลังอำนาจอ่อนแอนั้น การที่จะสามารถใช้ได้เป็นจำนวนมากนั้นก็เปล่าประโยชน์ มันจะเป็นเหมือนกับสินค้าไร้คุณภาพที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมากก็ว่าได้


ซึ่งนักวิทยายุทธบางคนที่สามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธ์โบราณได้นั้น เพียงพอที่จะรับมือกับนักวิทยายุทธในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ปกติธรรมดาถึง2-3คน


“เจ้าปีศาจต่างถิ่น”


ในตอนนี้ หลิวหยูหลานได้เดินเข้าไปและพูดออกมาทันที “พวกเราไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จะต้องรีบหลบหนีออกไปทันที”


“ทำไม?”


เซี่ยปิงกระพริบตา สงสัยอย่างมาก


“จะต้องถามอีกหรือ เจ้ารู้หรือไหมว่าบุคคลที่เจ้าเพิ่งสังหารไปนั้นเป็นใคร?” หลิวหยูหลานกัดฟันพูดออกมา “หากข้าคาดเดาไม่ผิดนั้น ชายชราคนนั้นควรที่จะเป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงของสำนักวิญญาณ มีตำแหน่งที่สูงกว่าจ้าวสำนักของสาขาย่อยส่วนใหญ่เสียอีก”


“ทว่าการที่สามารถสั่งการให้ผู้อาวุโสในระดับนี้เคลื่อนไหวได้นั้น มีเพียงแค่คนๆเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจ้าวสำนักของสำนักวิญญาณสาขาหลักฉางซื่อเซิง ส่วนชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราคนนี้นั้นก็คงจะเป็นลูกชายของฉางซื่อเซิงนั่นเอง”


สีหน้าของเธอนั้นจริงจังอย่างมาก เหมือนกับตอนนี้เธอนึกได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้


ทว่าตอนนี้การที่จะขัดขวางเซี่ยปิงนั้นก็สายเกินไปเสียแล้ว ฝ่ายตรงข้ามได้ถูกสังหารไปจนหมดสิ้น ต่อให้จะต้องการขัดขวางก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้


“เจ้าลองคิดอย่างรอบคอบ การที่ตอนนี้ลูกชายของจ้าวสำนัก ผู้อาวุโสและยอดฝีมือจำนวนมากของสำนักวิญญาณได้ตายไปในสถานที่แห่งนี้ บางทีเรื่องนี้มันอาจจะทำให้ฉางซื่อเซิงเดือดระอุขึ้นมาก็เป็นได้”


หลิวหยูหลานกัดฟันพูดออกมา “การที่จ้าวสำนักวิญญาณโมโหขึ้นมานั้น มันจะเป็นเหมือนกับการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้จะไม่มีที่ให้หลบซ่อน หากฉางซื่อเซิงล่วงรู้ว่าพวกเราสังหารลูกชายของเขาล่ะก็ ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะไม่สามารถจินตนาการได้”


เธอคิดว่าการที่เธอติดตามเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่มานั้น ช่างเป็นความโชคร้ายที่ต่อให้มีแปดชีวิตก็ไม่เพียงพอ การที่ยั่วยุให้เกิดปัญหาโดยที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อใดที่ถูกจับตัวไปล่ะก็ การที่จะถูกฆ่าล้างทั้งตระกูลนั้นก็เป็นเรื่องที่เล็กน้อย


หากถูกจับตัวไปจริงๆ ต่อให้พวกเธอจะต้องการความตาย มันก็เป็นเรื่องที่ยากมาก


ภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น จ้าวสำนักวิญญาณคือเทพเจ้าก็ว่าได้ ไม่สามารถที่จะขัดคำสั่งของเขาได้ ไม่อย่างนั้นก็มีเพียงแค่ความตายที่รออยู่


แน่นอนว่าเธอก็ล่วงรู้ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณประกาศออกมาว่าจะต้องสังหารฝ่ายของพวกเธอ ต้องการที่จะครอบครองดอกสงบวิญญาณไว้แต่เพียงผู้เดียวและต้องการถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้น


หากลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณไม่ตาย ก็คงจะเป็นพวกเธอที่ต้องตายไป


“ลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณหรือ? ครั้งนี้ได้ปลาตัวใหญ่จริงๆ” เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องจะบังเอิญเช่นนี้ ตนเองได้สังหารลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณไป


ปลาตัวใหญ่ตูดข้าสิ นี่เป็นปลาที่ตายแล้ว ซึ่งจะพาปัญหาใหญ่มาในภายหลัง


หลิวหยูหลานปรารถนาที่จะตบใบหน้าของเซี่ยปิงทันที เธอสามารถที่จะล่วงรู้ได้ว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี้ปรารถนาให้ทั่วทั้งโลกอยู่ในความโกลาหล


“เดี๋ยวก่อน เจ้าต้องการที่จะทำอะไร?”


ทันใดนั้น เธอก็ค้นพบว่าเซี่ยปิงนั้นได้ยกซากศพที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมาทั้งหมดและนำไปกองไว้เป็นภูเขาขนาดเล็ก จากนั้นเขาก็ได้เขียนอะไรบางอย่างลงไปบนก้อนหินที่อยู่ถัดจากกองศพเหล่านั้น ผู้ฆ่าคืออู๋ไท่โต่ว จงรำลึกไว้ถึงสิ่งนี้


“นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?!”


หลิวหยูหลานตกใจอย่างมาก เจ้านี่สังหารลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณไป ไม่ใช่เพียงแค่ไม่หลบหนีออกไปทันที ทว่ายังเกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะไม่รู้ว่าเขาเป็นฆาตกร ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทิ้งชื่อของตนเองไว้ บ่งบอกว่าตนเองเป็นคนทำ


นี่จะไม่เป็นการทำให้จ้าวสำนักวิญญาณคลุ้มคลั่งขึ้นมาหรือ?!


หากจ้าวสำนักวิญญาณไดมาเห็นข้อความนี้ล่ะก็ บางทีทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณอาจจะสั่นสะเทือน ไม่รู้ว่าศัตรูที่ทรงพลังจำนวนมากแค่ไหนที่จะตามหาเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่


สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือการถูกจับตัวไปเป็นๆ จากนั้นก็จะไม่สามารถควบคุมความเป็นความตายของตนเองได้อีกต่อไป


“สบายใจได้ นี่เป็นเพียงแค่การทำให้พวกเขาล่วงรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนี้มันจะกลายเป็นเรื่องที่สนุก”


เซี่ยปิงหรี่ตามอง


สนุกตูดข้าสิ!


หลิวหยูลานรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง ใบหน้าซีดเผือด เกิดความเสียใจในภายหลังอย่างมาก


เดิมทีทำไมตนเองถึงได้ติดตามเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่มาอย่างโง่เขลากัน อีกทั้งยังต้องการที่จะใช้ฝ่ายตรงข้ามเพื่อการล้างแค้นของตนเอง ตอนนี้จบสิ้นกัน เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากนี้ต่อให้จะสามารถล้างแค้นได้สำเร็จ กำจัดจ้าวสำนักวิญญาณของเมืองฉวายหนิงได้


บางทีในอนาคตเธอก็อาจจะไม่มีที่อยู่ภายในทวีปโลหิตวิญญาณ จะต้องกลายเป็นอาชญากรที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปโลหิตวิญญาณอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่ต้องการจะเด็ดหัวเธอ


การที่ได้ท้าทายสำนักวิญญาณ แต่ต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณต่อไปนั้น ช่างเป็นเรื่องที่เพ้อฝันสิ้นดี


1148

หลังจากนั้นไม่กี่วัน


ณ สถานที่ที่เซี่ยปิงลงจอดภายในทวีปโลหิตวิญญาณเป็นครั้งแรก ในช่วงเวลานี้บนท้องฟ้ามียานอวกาศปรากฏขึ้นมาลำหนึ่ง ตึบ จากนั้นก็ลงจอดที่พื้นอย่างเบาบาง ทำให้ฝุ่นและควันรอบๆฟุ้งขึ้นมา


ปัง!


ทันใดนั้นประตูของยานอวกาศก็ได้เปิดออก ภาพเงาของนักวิทยายุทธเจ็ดคนได้เดินออกมาจากข้างใน แต่ละคนนั้นมีออร่ากระหายเลือดที่แผ่ออกมา ซึ่งออร่านี้เอ่อล้นออกมาจนเหมือนกับว่าท้องฟ้าจะถูกย้อมกลายเป็นสีแดง


ทั้งเจ็ดคนนี้ก็คือกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั่นเอง


ในการที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการสังหารเซี่ยปิงนั้น พวกเขาจึงได้เดินทางเข้ามาที่ทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้ล่าช้าไปหลายวัน ทว่าตอนนี้ก็ได้มาถึงแล้ว


อย่างไรก็ตาม การที่ต้องการทำภารกิจของทวีปโลหิตวิญญาณให้สำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากไม่ได้ใช้ระยะเวลาหลายเดือน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เป็นกังวลว่าเซี่ยปิงจะทำภารกิจสำเร็จและเดินทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้


“ในที่สุดก็มาถึงที่ทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้”


“จะต้องระมัดระวังตัวไว้ สถานที่แห่งนี้เป็นของชนเผ่าวิญญาณ พวกเขานั้นเชี่ยวชาญด้านทักษะพลังวิญญาณ มีวิธีการที่แปลกประหลาด หากไม่ระมัดระวังตัวและบังเอิญพบเจอกับพวกเขา อาจจะเกิดอันตรายได้”


“ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฝังกระดูกของนักวิทยายุทธภายในจักรวาลเป็นจำนวนมาก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่ตายไป ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกหวาดกลัวเพียงแค่ได้ยินชื่อของสถานที่แห่งนี้”


“ไม่ต้องกังวลไป ท่านเพชฌฆาตบ้าคลั่งได้มอบสมบัติบางอย่างให้กับพวกเรา ซึ่งสามารถที่จะต่อกรกับการโจมตีทางจิตวิญญาณได้ ต่อให้กลุ่มผู้คนของชนเผ่าวิญญาณจะร้ายกาจแค่ไหน ก็เชื่อว่าไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อพวกเราได้”


“ตราบใดที่สามารถตามหาเจ้าเซี่ยปิงและสังหารเขาได้ ภารกิจครั้งนี้ของพวกเราก็จะสำเร็จ”


“หากไม่ใช่เขาตาย ก็เป็นพวกเราที่ตายไป ไม่มีทางเลือกอื่น”


กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังมีสายตาที่เย็นชา ร่างกายของพวกเขานั้นมีพลังอำนาจของเซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งฝังอยู่ หากทำภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จและไม่สามารถที่จะสังหารเซี่ยปิงได้ จากนั้นพวกเขาก็จะต้องตาย จะต้องถูกสังหารโดยเซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งอย่างแน่นอน


ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องสังหารเซี่ยปิง


“ไม่ต้องเป็นห่วง ตามข้อมูลที่ได้รับมา เจ้าเด็กนี่เป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา ต่อให้เป็นลูกศิษย์ของเซนต์ ทว่าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับพวกเราที่อยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ศัตรูก็ไม่ได้ล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเรา พวกเรามีข้อได้เปรียบอย่างมาก ตราบใดที่ฉวยโอกาสในระหว่างที่เขาประมาท ก็สามารถที่จะลอบสังหารเขาได้สำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม”


ผู้ที่พูดออกมานั้นก็คือฟางกุ่ยผู้นำของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง เขานั้นเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านทักษะหุ่นเชิด คนๆหนึ่งเปรียบเสมือนกับทั้งกองทัพ สิ่งที่เขามักทำนั้นก็คือการควบคุมหุ่นเชิดและเข้าไปใกล้เป้าหมาย จากนั้นก็โจมตีแบบพลีชีพออกไป ระเบิดร่างหุ่นเชิดอย่างกะทันหัน


ต่อให้ข้างกายของเป้าหมายนั้นจะมีบอดี้การ์ดเป็นจำนวนมากก็ยังคงสามารถที่จะสังหารได้ แต่เป็นเพราะว่าการลอบสังหารของเขานั้นมีรัศมีวงกว้างเกินไป ส่งผลให้ประชากรทั่วไปจำนวนนับไม่ถ้วนบาดเจ็บล้มตายไปเช่นกัน ซึ่งนี่ทำให้เขานั้นกลายเป็นอาชญากรที่มีค่าหัวสูงที่สุดในกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง


“พี่ใหญ่พูดถูก ไม่ต้องกังวลถึงเจ้าเด็กนั่น ตราบใดที่พวกเราตามหาเขาพบ เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้เป้าหมายของพวกเราคือการหาตำแหน่งของเขา จากนั้นก็สังหาร เรียบง่ายเพียงเท่านี้”


ผู้ที่พูดออกมานั้นก็คือขงนั่ว เขานั้นดูไม่เหมือนทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไม่ใช่ทั้งหยินและหยาง เหมือนกับว่าเป็นเพศที่สามก็ว่าได้ น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นก็ฟังดูแปลกประหลาดอย่างมาก ทำให้ผู้อื่นรู้สึกขนลุก


เขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านทักษะการปลอมตัว มีคนเคยกล่าวไว้ว่าเขานั้นมีใบหน้านับพัน มักที่จะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้คน ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถตามรอยของเขาได้


“ตามข้อมูลภายในที่พวกเราได้รับมานั้น สถานที่แห่งนี้ควรที่จะเป็นสถานที่ลงจอดของเซี่ยปิง ทว่าผ่านไปเป็นระยะเวลานาน ไม่รู้ว่าอันที่จริงเขาได้เดินทางไปที่ใด ใช่สิ น้องสอง เจ้าสามารถที่จะแกะรอยหาตำแหน่งของเจ้าเด็กนั่นได้หรือไม่?”


ฟางกุ่ยมองไปที่น้องสองของตนเอง


น้องสองนั้นมีชื่อว่าเหมาปู้ เก่งกาจในเรื่องการแกะรอย สามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์จมูกไล่ลม สามารถที่จะดมกลิ่นที่อยู่ห่างออกไปไกลได้นับห้าร้อยกิโลเมตร แยกแยะกลิ่นที่แตกต่างกันกว่าหลายพันกลิ่นได้ เป็นเหมือกับจมูกของสุนัข


ผู้คนที่ถูกเขาแกะรอยนั้น ไม่ว่าจะหลบหนีไปที่ใด ก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีไปจากเงื้อมมือของเขาได้


“สบายใจได้ นี่เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย”


เหมาปู้ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้าได้กลิ่นของเจ้าเด็กนั่นอยู่บนอากาศ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เขาได้อยู่ที่นี่ อีกทั้งเหมือนกับว่าจะได้กลิ่นของคนอื่นๆที่แตกต่างออกไปเช่นกัน คาดการณ์ได้ว่าคงจะเป็นกลิ่นของผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นก็เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างทั้งสองฝ่าย ทว่าพวกเขากลับถูกเจ้าเด็กนั่นสังหารไปจนหมด”


“ใช่สิ บนอากาศก็มีกลิ่นที่หอมมากเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นกลิ่นของหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง”


“มีความเป็นไปได้สูงว่าหญิงสาวคนนี้จะร่วมมือกับเจ้าเด็กนั่นเช่นกัน”


จมูกของเขานั้นสูดดมเพียงแค่เบาบาง เหมือนว่ากับล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไม่กี่วันที่ผ่านมาทั้งหมด ล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสถานที่แห่งนี้


“บัดซบ อันที่จริงเจ้าเด็กนั่นมาที่นี่เพื่อทำภารกิจหรือว่ามาหาผู้หญิงกันแน่ เพิ่งลงจอดในทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้ ก็เริ่มที่จะสานสัมพันธ์กับผู้หญิงที่งดงามของชนเผ่าวิญญาณ ผู้กล้ายากจะฝ่าด่านหญิงงามจริงๆ“


“ลูกศิษย์ของเซนต์นี่ยิ่งใหญ่จริงๆ สามารถที่จะทำอย่างไรก็ได้ ทุกๆคนต่างก็ให้อภัยในทุกหนแห่ง”


“ลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่แต่ละคนนั้นต่างก็เป็นเช่นนี้ พึ่งพาการที่ตนเองเติบโตขึ้นมาอย่างมีภูมิฐานและร่ำรวย ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย จีบสาวไปวันๆ เมื่อท้องก็หลบหนีออกมา ไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อย คนพวกนี้ช่างบัดซบยิ่งนัก”


“ชายหนุ่มที่หล่อเหลาจะต้องตาย”


กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังหลายคนกัดฟันอย่างแน่น รู้สึกเกลียดชังอย่างมาก ต้องรู้ด้วยว่าทวีปโลหิตวิญญาณนั้นเป็นสถานที่ที่ทุกๆคนต่างก็เตรียมใจพร้อมที่จะตาย เพราะว่าอัตราการตายนั้นสูงถึง99%


ไม่ว่าใครที่เข้ามาภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ต่างก็ต้องรู้สึกตื่นตระหนก เป็นกังวลและเกรงกลัวว่าจะเผชิญกับการห้อมล้อมของชาวพื้นเมือง


ทว่าเจ้าเด็กนี่กลับแตกต่างออกไป เพิ่งมาถึงที่ทวีปโลหิตวิญญาณได้ไม่นาน เริ่มที่จะเป็นผู้กล้าที่ยากจะฝ่าด่านหญิงงาม สานสัมพันธ์กับหญิงสาวที่งดงามของชนเผ่าวิญญาณ นี่มันยังมีความความยุติธรรมอยู่อีกหรือ?!


บอกตามตรง พวกเขา2-3คนนั้นมีบาดแผลบางอย่างอยู่ในหัวใจ ในอดีตนั้นภรรยาของพวกเขานั้นได้ทอดทิ้งพวกเขาไปและหนีตามชายหนุ่มที่หล่อเหลาของนิกายที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน หลงเหลือเพียงแค่กระดาษแผ่นเดียว บอกว่าเธอไปตามหาความรักที่แท้จริง


ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังดูถูกที่เขานั้นไม่มีเงิน อีกทั้งยังแก่และหน้าตาน่าเกลียด


เป็นเพราะว่าเรื่องนี้ เมื่อใดที่พวกเขามาเจอกับเรื่องที่คล้ายคลึงกันนั้น พวกเขาจะมีจิตวิทยาที่ปั่นป่วน ปรารถนาที่จะไล่ตามจับเซี่ยปิงทันที สังหารเจ้าพ่อหนุ่มรูปงามนี่ กำจัดความชั่วร้ายให้หายไปจากผู้คน


“เหอะ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนใดก็เหมือนกันหมด บัดซบ จะต้องสังหารด้วยพิษ!” ผู้ที่พูดออกมานั้นก็คือหยุนเสี่ยวตง น้ำเสียงของเธอนั้นน่าขนลุก เธอนั้นดูแก่อย่างมาก เป็นเหมือนกับแม่มดก็ว่าได้ ผิวหนังนั้นเหี่ยวเหมือนกับเปลือกไม้ร้อยปี มีหน้าตาที่ดุร้ายอย่างมาก


อย่ามองว่าตอนนี้เธอนั้นแก่ชรา เหมือนกับมีอายุประมาณ70-80ปี ทว่าในความจริงนั้นเธอมีอายุเพียงแค่30ปีเท่านั้น


เพราะว่าในการที่ฝึกฝนทักษะพิษมานานเป็นปีๆนั้น ส่งผลให้พิษที่ร้ายแรงเข้าไปในร่างกายของเธอ ทำให้รูปลักษณ์ของตนเองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงกลายเป็นผู้หญิงที่แก่ชราเช่นนี้


เพราะว่าเป็นเช่นนี้ เธอจึงเกลียดชังเหล่าหญิงสาวที่งดงามอย่างมาก เมื่อใดที่เห็น ก็ปรารถนาที่จะสาดน้ำกรดใส่ ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวเหล่านี้น่าเกลียดน่ากลัว ตามรอยเท้าของตนเองไป


ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทำให้ผู้หญิงที่งดงามเหล่าเสียโฉมนั้น มันก็เป็นความสุขของเธอเช่นกัน


“น้องสอง เจ้าเด็กนั่นอยู่ที่ใดหรือ?”


พี่ใหญ่ฟางกุ่ยมองไปที่น้องสองเหมาปู้ ในช่วงเวลานี้ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม


“พี่ใหญ่ คงจะอยู่ในทางทิศตะวันออก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาได้เดินทางไปไกลแค่ไหน ทว่าในระหว่างทางจะต้องมีร่องรอยของเขาหลงเหลืออยู่อย่างแน่น เขาไม่สามารถที่จะหลบหนีไปได้”


เหมาปู้ยิ้มออกมา เขานั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์จมูกไล่ลมเท่านั้น ทว่าเขานั้นก็เคยฝึกฝนอยู่ในกองทัพมาก่อน เชี่ยวชาญในด้านทักษะการแกะรอยต่างๆ


ภายในยุทธภพนั้นเขาถูกเรียกว่าเป็นสุนัขไล่ล่า เมื่อใดที่ถูกเขาเพ่งเล็ง นอกจากความตายนั้น ก็ไม่มีทางที่จะรอดออกไปได้อย่างแน่นอน


“เอาล่ะ ไล่ตามเจ้าเด็กนั่นไปทันที”


1149

ในเวลาเดียวกัน ณ จุดที่ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมและคนอื่นๆได้ตายไป ในช่วงเวลานี้มีชายชุดดำจำนวนหลายร้อยคนได้ปรากฏอยู่ที่นี่ พวกเขาได้ทำการปิดกั้นทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละคนนั้นยังมีออร่าที่ทรงอำนาจ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับสมปรารถนา


แม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เองก็มีเป็นจำนวนนับสิบ นี่เป็นกลุ่มคนที่มีพลังอำนาจที่ล้นหลาม เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงของสำนักวิญญาณ


ทว่ามีชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีความสูงสองเมตรอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ เขานั้นมีใบหน้าที่เหลี่ยม ร่างกายนั้นอ้วนท้วน เหมือนกับเป็นลูกบอล ดูเหมือนกับว่าจะมีน้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งตัน


บนตัวของเขานั้นมีออร่าของผู้มีบุญวาสนาชั้นสูง เหมือนกับว่าคุ้นชินกับการยืนอยู่เหนือคนอื่นๆ


ชายชุดดำที่ล้อมรอบอยู่ข้างกายเขานั้น เป็นเหมือนกับลูกน้องที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี แต่ละคนนั้นต่างก็มีท่าทางที่ไม่กล้าจะหายใจออกมาด้วยซ้ำ เกรงกลัวว่าจะทำให้ชายวัยกลางคนคนนี้โมโหขึ้นมา


ซึ่งชายวัยกลางคนคนนี้นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณ เป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด!


สีหน้าของเขานั้นมืดมนอย่างถึงที่สุด เหมือนกับว่ามีเมฆมืดครึ้มที่ปกคลุมอยู่ ดวงตานั้นกำลังจ้องมองไปที่ซากศพที่อยู่ที่พื้น อีกทั้งข้อความที่ถูกเขียนไว้บนก้อนหินก้อนหนึ่ง


“ผู้ฆ่าคืออู๋ไท่โต่ว อืม อู๋ไท่โต่ว เป็นเจ้านี่ใช่หรือไม่ที่ได้สังหารลูกชายของข้าฉางซื่อเซิง?!” เมฆที่มืดครึ้มปกคลุมใบหน้าของฉางซื่อเซิง เขาโมโหอย่างถึงที่สุด ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโมโห


บนตัวของเขานั้นมีพายุพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาทันที กวาดออกไปทุกทิศทาง ชายชุดดำที่อยู่รอบๆนั้นต่างก็รีบถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่อง ทว่าหัวใจของพวกเขาก็ได้รับความเสียหายพอสมควร มีเลือดไหลออกมาที่มุมปาก


ทั่วทั้งแผ่นดินกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายกิโลเมตรโดยที่มีร่างกายของเขาเป็นจุดศูนย์กลาง รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน ปาช่า ส่งเสียงดังขึ้น ลุกลามออกไปไกลกว่าสิบกิโลเมตร


เหล่าอสูรดุร้ายที่อยู่รอบๆในระยะสิบกิโลเมตรนั้นต่างก็หวาดกลัวจนหลบหนีออกไปจากบริเวณนี้ คิดว่าพื้นที่บริเวณนี้นั้นเป็นพื้นที่ต้องห้ามชั่วคราว


เขากำหมัดขึ้นมาอย่างแน่น ความรู้สึกของเขานั้นเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ร้อนระอุ


เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนั้น เขาไม่สามารถติดต่อกับลูกชายของตนเองได้ แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณก็ไม่สามารถที่จะติดต่อได้ ทันใดนั้นก็เริ่มรู้สึกได้ถึงลางร้าย ดังนั้นจึงได้ส่งลูกน้องออกไปตามหาเบาะแสของลูกชาย


ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะค้นพบซากศพของลูกชาย ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณรวมถึงยอดฝีมือของสำนักวิญญาณคนอื่นๆอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ แต่ละคนต่างก็กลายเป็นเศษซาก ตายไปโดยที่ไม่สามารถตายได้อีก


การที่ได้เห็นซากศพของลูกชายตนเองนั้น เขาเกือบที่จะหมดสติไป


ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา ทว่าก็เป็นหนึ่งในลูกชายที่มีพรสวรรค์ที่สุด ได้รับความโปรดปรานไปจากเขามากมาย อีกทั้งยังถูกฝึกฝนในฐานะผู้สืบทอดคนต่อไป


แม้แต่การที่จะออกไปข้างนอกเพื่อหาประสบการณ์นั้น เขาก็ยังแอบส่งผู้อาวุโสในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ออกไปเพื่อคุ้มครองอย่างลับๆ เกรงกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น


ใครจะไปคิดกัน แม้ว่าจะมีการป้องกันที่ปลอดภัยเช่นนี้แล้ว ลูกชายของตนเองก็ยังคงถูกสังหาร ถูกสังหารในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งด้วยสภาพศพเช่นนี้นั้น ก็ไม่มีวิธีการใดที่จะทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้


เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ฉางซื่อเซิงนั้นโมโหแค่ไหน หากเจ้าอู๋ไท่โต่วปรากฎขึ้นมาต่อหน้าตนเอง เขาจะต้องฉีกเจ้านั่นให้เป็นพันๆชิ้น อีกทั้งกักขังจิตวิญญาณไว้อย่างแน่นอน ทรมานทั้งวันทั้งคืน


“ท่านจ้าวสำนัก”


ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามา “เจ้าอู๋ไท่โต่วนี่บางทีอาจจะไม่ใช่ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณของพวกเรา แต่เป็นปีศาจต่างถิ่น หลังจากได้มองดูร่องรอยการต่อสู้นี้แล้วนั้น มันมีร่องรอยของเปลวไฟอยู่ เป็นระยะเวลานานก็ไม่ได้มอดดับไป ก้อนหินได้เปลี่ยนกลายเป็นลาวา เหมือนกับว่าเกิดภูเขาไฟระเบิดก็ว่าได้”


“อย่างไม่ต้องสงสัย ผู้คนที่สังหารนายน้อยนั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเปลวไฟ ซึ่งพลังอำนาจนี้ไม่ใช่ของผู้คนในชนเผ่าวิญญาณของพวกเรา ดังนั้นฆาตกรจะต้องเป็นปีศาจต่างถิ่นอย่างแน่นอน”


เขายืนยันสถานะของฆาตกร จะต้องไม่ใช่ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณอย่างแน่นอน


ต้องรู้ด้วยว่าชายหนุ่มชุดคลุมคนนี้นั้นมีสถานะที่สูงส่งอย่างถึงที่สุด เป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ อยู่ใต้คนๆเดียวแต่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น หากเป็นยอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าวิญญาณนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะกล้าทำร้ายนายน้อย


การกระทำที่บ้าบิ่นเช่นนี้ มีเพียงแค่พวกปีศาจต่างถิ่นเท่านั้นที่กล้าทำ


ยอดฝีมือของสำนักวิญญาณต่างก็พยักหน้า เห็นด้วยกับจุดๆนี้ เพราะว่าด้วยสภาพแวดล้อมการต่อสู้นั้น รอบๆเต็มไปด้วยคลื่นความร้อน เป็นระยะเวลาหลายวันก็ไม่ได้หายไป


ผู้บ่มเพาะที่สามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้นั้น นอกจากปีศาจต่างถิ่นแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีก


“ปีศาจต่างถิ่น เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตยิ่งนัก”


ฉางซื่อเซิงไม่สามารถที่จะยับยั้งความโมโหของตนเองได้อีกต่อไป “สังหารลูกชายของข้าไม่พอ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทิ้งชื่อของตนเองไว้อีก เกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะไม่รู้หรือว่าเขาคือฆาตกร? ช่างยโสโอหังอย่างถึงที่สุด”


เขานั้นเดือดระอุอย่างแท้จริง สีหน้าแดงก่ำ ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยเห็นฆาตกรที่ยโสโอหังเช่นนี้มาก่อน


ภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น เขาเป็นดั่งเทพเจ้า ไม่เคยเห็นใครที่กล้าขัดคำสั่งของเขา ไม่ว่าใครก็เคารพนับถือเขาอย่างมาก ไม่กล้าที่จะทำให้เขาหงุดหงิดเพราะเกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดหายนะได้


อย่าพูดถึงการที่จะมีใครบางคนที่สังหารลูกชายของเขา ทว่าการที่กล้าเปิดเผยสถานะของตนเองออกมาเช่นนี้ เขียนข้อความลงบนก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆ เกรงกลัวว่าเขาจะไม่รู้นั้น


อันที่จริงเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่จะต้องการเหยียดหยามเขาไปถึงไหนกัน?!


ดวงตาทั้งสองของเขาเหมือนกับพ่นไฟออกมาได้


“ท่านจ้าวสำนัก เจ้าปีศาจต่างนี่ยโสโอหังจริงๆ กล้าที่จะทิ้งชื่อของตนเองไว้เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการท้าทายพวกเรา เป็นการเหยียดหยามสำนักวิญญาณของพวกเราอย่างแท้จริง”


“เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ต้องการที่จะทำสงครามกับชนเผ่าวิญญาณของพวกเราหรือ?!”


“เจ้าปีศาจต่างถิ่นบัดซบ เรื่องนี้ไม่จบลงแค่นี้อย่างแน่นอน จะต้องทำให้เจ้าอู๋ไท่โต่วนั้นได้ชดใช้”


“แม้แต่ผู้อาวุโสเองก็ตายไปโดยน้ำมือของเขา นี่ความความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด”


ผู้อาวุโสจำนวนมากของสำนักวิญญาณกัดฟันอย่างแน่น พวกเขานั้นก็โมโหกับเรื่องนี้อย่างแท้จริง หากไม่ได้สังหารเจ้าอู๋ไท่โต่วที่ยโสโอหังคนนี้ล่ะก็ ในอนาคตสำนักวิญญาณของพวกเขาจะหลงเหลือศักดิ์ศรีใดๆอีก


“ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป”


ฉางซื่อเซิงตะโกนออกมาอย่างโมโห คำรามเหมือนกับสายฟ้าฟาด “รีบแจ้งเตือนทุกคนทันที ทำให้ผู้คนทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณล่วงรู้ถึงตัวตนของเจ้าอู๋ไท่โต่วที่เป็นปีศาจต่างถิ่นนี้ ระบุว่าเขาเป็นอาชญากรที่เป็นที่ต้องการอันดับหนึ่งของทวีปโลหิตวิญญาณ สังหารเขาโดยที่ไร้ความปราณี”


“หากใครสามารถที่จะสังหารเจ้าอู๋ไท่โต่วนี้ได้ จะได้รับรางวัลไปอย่างมหาศาล อีกทั้งยังได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาอย่างเป็นทางการเช่นกัน!”


เขาต้องการที่จะออกหมายจับเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ไปทั่วทั้งทวีป เสนอรางวัลที่มหาศาลตอบแทน


ต่อให้เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่จะมีความสามารถในการหลบซ่อนที่ร้ายกาจ ทว่าภายใต้พลังอำนาจของสำนักวิญญาณนั้น เขาจะไม่มีที่ให้หลบซ่อนได้


ตราบใดที่เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่กล้าปรากฏตัวขึ้นมา กล้าที่จะทำให้ตำแหน่งของตนเองรั่วไหล จะต้องตายโดยการห้อมล้อมของยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนภายในทวีปโลหิตวิญญาณอย่างแน่นอน เขาจะพ่ายแพ้ต่อความตาย ไม่มีทางที่จะเอาชีวิตรอดออกมาได้


ในฐานะจ้าวสำนักวิญญาณนั้น เรียกได้ว่าเขานั้นมีอำนาจควบคุมเหนือทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณและรวมถึงพลังอำนาจของกองทัพเช่นกัน เพียงแค่สั่งการ กองทัพจำนวนนับร้อยล้านคนก็จะถูกส่งออกมา สามารถที่จะทำให้ทั่วทั้งทวีปสั่นสะเทือนได้


เมื่อใดที่เจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ปรากฏตัวขึ้นมา จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย


“รับทราบท่านจ้าวสำนัก”


“จะต้องสังหารเจ้าอู๋ไท่โต่วให้ได้”


“เพื่อรับใช้ท่านจ้าวสำนัก ข้าและคนอื่นๆจะยอมตายด้วยความตายที่โหดเหี้ยมที่สุด บุกน้ำลุยไฟจนกว่าชีวิตจะหาไม่”


ผู้อาวุโสจำนวนมากต่างก็ตะโกนออกมาเสียงดัง พวกเขานั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับตนเอง บ่งบอกว่าจะต้องจับตัวเจ้าปีศาจต่างถิ่นอู๋ไท่โต่วที่ยโสโอหังนั้นให้ได้ ล้างแค้นให้กับลูกชายของจ้าวสำนัก


อย่างแรกไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่เป็นอาชญากรที่ทุกๆคนมีสิทธิที่จะลงโทษ เพียงแค่การสังหารยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณไปจำนวนมากนั้น นี่ก็คือความผิดที่ร้ายแรง จะต้องชดใช้ด้วยเลือดเท่านั้น


ทันใดนั้น เมืองจำนวนนับไม่ถ้วนของทวีปโลหิตวิญญาณก็ได้รับข่าวหมายจับของเจ้าปีศาจต่างถิ่นอู๋ไท่โต่วทันที ยอดฝีมือจำนวนมากก็ล่วงรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่สั่นสะท้านไปทั่วทั้งทวีป


ยอดฝีมือแต่ละคนต่างก็พร้อมที่จะสร้างปัญหา ต้องการที่จะสังหารเซี่ยปิงและครอบครองรางวัล


1150

หนึ่งเดือนต่อมา


ในที่สุดเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนก็ได้เข้าใกล้เขตพื้นที่ของเหมืองหินวิญญาณ ตามที่หลิวหยูหลานพูดออกมานั้น  อีกเพียงแค่หนึ่งวันก็จะสามารถเดินทางไปถึงเหมืองหินวิญญาณได้


ทว่าในตอนนี้พวกเขาได้มองหาถ้ำเพื่อทำการพักผ่อนชั่วคราวเป็นระยะเวลาหนึ่งคืน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมกับการที่พวกเขาอาจจะเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ดุเดือดภายในเหมืองหินวิญญาณ ในตอนนั้นหากไม่มีพลังอำนาจในการต่อสู้ล่ะก็ อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้


ในช่วงเวลานี้เซี่ยปิงก็อยู่ภายในถ้ำ เขากำลังนั่งขัดสมาธิและดูดซับหินวิญญาณที่ได้รับมา


“หินวิญญาณเหล่านี้ช่างมีพลังงานวิญญาณที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก”


หินวิญญาณได้เปลี่ยนกลายเป็นผง เซี่ยปิงได้ลืมตาขึ้นมา ม่านตาของเขาเหมือนกับว่ามีหลุมวนอยู่ มีพลังงานที่ไม่สามารถคาดฝันแอบแฝงอยู่ ทำให้ผู้คนที่เข้ามาเห็นรู้สึกหวาดกลัวได้


จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธ์ได้กระจายออกไปโดยที่มีร่างกายของเป็นจุดศูนย์กลาง มันได้บิดเบือนอากาศ เหมือนกับว่าได้ก่อตัวกลายเป็นสนามพลังวิญญาณ พื้นที่ในระยะหลายกิโลเมตรได้ถูกครอบคลุมอยู่ในระยะของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่ว่าจะมีสัญญาณของปัญหาใดๆ ก็ไม่สามารถที่จะหลบซ่อนไปจากจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ได้


ในหนึ่งเดือนนี้เซี่ยปิงก็ไม่ได้รีบร้อนเดินทางแต่อย่างใด เขาได้ใช้เวลาในการบ่มเพาะและได้ดูดกลืนหินวิญญาณ7-8ก้อนเข้าไปซึ่งได้ครอบครองมาจากชายหนุ่มชุดคลุมและคนอื่นๆ


แกนพลังฉีของเขานั้นก็ได้พัฒนาขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสมปรารถนาขั้นเริ่มต้น ขาดอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลาง นักวิทยาทุธปกติธรรมดานั้น หากไม่ได้รับทรัพยากร การที่ต้องการจะพัฒนาพลังอำนาจของตนเองเช่นนี้นั้น อย่างน้อยก็จะต้องใช้ระยะเวลากว่าสิบปี


“หากครอบครองหินวิญญาณได้มากขึ้นล่ะก็ การที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลางหรือแม้แต่เลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นสูงนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องที่ง่ายดาย ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลานาน”


เซี่ยปิงต้องการที่จะไปที่เหมืองหินวิญญาณใจจะขาด เพื่อการบ่มเพาะของตนเองนั้น ไม่ว่าใครที่ต้องการขัดขวางเขา จะต้องถูกเขาทำลายไปโดยสมบูรณ์ ไม่ไว้หน้าปราณีใครทั้งนั้น


“สไลม์!”


ทันใดนั้นเซี่ยปิงก็รู้สึกใจสั่นเล็กน้อย มีเสียงดังขึ้นมากส่วนลึกของความรู้สึก ทันใดนั้นสไลม์ทองที่อยู่ภายในแหวนห้วงมิติก็ตื่นขึ้นมา ทำการติดต่อกับจิตวิญญาณของเขา


“ตื่นขึ้นมาแล้วหรือ?”


ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้สไลม์ทองได้กลืนกินชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์เข้าไปและตกอยู่ในภวังค์หลับใหล ผ่านมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน ก็ไม่มีเสียงใดๆ


เขาไม่คาดคิดว่าในตอนนี้สไลม์ทองจะตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้


วิซ!


เซี่ยปิงโบกมือออกไป สไลม์ทองได้ปรากฏตัวออกมาจากแหวนห้วงมิติทันที มันดูเหมือนกับเมื่อก่อน เป็นทรงกลม มีความนุ่มนิ่มและมีขนาดเท่ากับลูกฟุตบอล


ทว่าเขาก็ค้นพบว่า บนตัวของสไลม์ทองนั้นมีลวดลายที่พิเศษอยู่ แอบแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่ลึกลับ เหมือนกับว่ามีออร่าของเซนต์ที่แผ่ออกมาลางๆ


ถึงแม้ว่าออร่านี่จะมีเพียงเล็กน้อย ทว่ามันก็น่าอัศจรรย์อย่างมาก แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของมัน เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วนั้น เหมือนกับว่ามีการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณภาพ เพียงแค่การเคลื่อนไหวเล็กน้อยนั้น ก็เหมือนกับว่ามีพลังอำนาจมากพอในการทะลวงผ่านสวรรค์


เซี่ยปิงคิดว่าในข่วงเวลานี้ออร่าของสไลม์ทองนั้นมีความคล้ายคลึงกับอาจารย์เซนต์อสูรมืดของตนเองอย่างมาก คาดการณ์ได้ว่าการที่ได้กลืนกินชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์เข้าไปนั้น ทำให้มันได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมหาศาล


“ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด!”


วินาทีต่อมา เซี่ยปิงก็เคลื่อนไหวความคิด ทันใดนั้นสไลม์ทองก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด คมดาบที่แหลมคมปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขาทันที มีแสงที่หนาวเหน็บส่องสว่างขึ้นมา


แสงที่หนาวเหน็บนี้กระพริบไปมา มีความแหลมคมที่น่าสะพรึงกลัว


ปัง!


เซี่ยปิงเพียงแค่แกว่งดาบออกไปอย่างเบาบาง ทันใดนั้นดาบพลังฉีก็ได้ปะทุออกมา เหมือนกับเป็นการโจมตีของยอดนักดาบระดับสุดยอดก็ว่าได้ ดึงดูดพลังอำนาจของสวรรค์และโลก


ก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของเขาถูกผ่ากลายเป็นสองซีกอย่างกะทันหัน อีกทั้งมันยังขยายวงกว้างออกไป ตัดภูเขาที่อยู่ห่างออกไปเช่นกัน เจาะเข้าไปในภูเขาหลายร้อยเมตร ราวกับว่าต้องการที่จะผ่าภูเขาลูกนี้กลายเป็นครึ่งซีก


อีกทั้งเซี่ยปิงก็ไม่ได้ใช้พลังอำนาจมากมาย มันกลับตัดออกไปอย่างง่ายดายเหมือนกับการตัดเต้าหู้ก็ว่าได้


เพราะว่าแสงที่เปล่งออกมานั้นมีความแหลมคมอย่างถึงที่สุด การที่ตัดภูเขาไปนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงดังออกมามากนัก หากเซี่ยปิงไม่ได้มีประสาทการได้ยินที่เฉียบแหลมล่ะก็ คงจะไม่สามารถยินเสียงใดๆ


“น่าสะพรึงกลัวจริงๆ นี่คือพลังอำนาจของชิ้นส่วนสิ่งประดิษฐ์เซนต์ที่ถูกกลืนกินเข้าไปหรือ?”


เซี่ยปิงสะดุ้งตกใจ ถึงแม้ว่าเขาจะล่วงรู้ว่าสไลม์ทองนั้นได้รับการวิวัฒนาการที่ยิ่งใหญ่ ได้รับผลประโยชน์ที่มหาศาล ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่าพลังอำนาจของดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้จะพัฒนาจนถึงขั้นนี้


คาดการณ์ได้ว่าเขาที่ใช้ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดในตอนนี้นั้น ด้วยพลังอำนาจของความแหลมคมของมัน เขาสามารถที่จะต่อสู้กับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้ สามารถที่จะผ่าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ทันได้ระวังตัวกลายเป็นสองท่อนอย่างกะทันหัน


ต่อให้ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จะมีทักษะการป้องกันที่ทรงพลังอย่างถึงที่สุด ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้นั้น ก็จะกลายเป็นสิ่งที่เปราะบางเหมือนกับเต้าหู้ ไม่สามารถที่ต้านทานได้แม้แต่ดาบเดียว


“สมกับที่เป็นสไลม์ทอง ไม่คาดคิดว่าจะสามารถกลืนกินชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ มีศักยภาพที่ไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ”


แมวนักปราชญ์ก็ได้พูดขึ้นมาเช่นกัน กล่าวชื่นชมออกมา “ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด คาดการณ์ได้ว่าตอนนี้การที่มันได้อัพเกรดขึ้นมานั้น อย่างน้อยก็มีพลังอำนาจที่อยู่ในระดับสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นกลาง หากพัฒนาต่อไปล่ะก็ จะเลื่อนขั้นไปในระดับของสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นสูงได้ แม้กระทั่งการที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับของสิ่งประดิษฐ์เซนต์นั้นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”


มันรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะว่าถึงอย่างไรนี่ก็คือชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์ ต่อให้จะเป็นพลังอำนาจของสไลม์ทอง ทว่าการที่จะใช้ระยะเวลาหนึ่งปีในการย่อยสลายนั้นก็ถือว่าเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วมากแล้ว


เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสไลม์ทองแรกเกิด เป็นเพียงแค่ทารก ไม่สามารถที่จะเทียบกับสไลม์ทองที่โตเต็มวัยได้


ทว่ามันนั้นใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนในการกลืนกินชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์และย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ สามารถพูดได้แค่ว่ามันนั้นมีศักยภาพที่ไร้ที่สิ้นสุด นี่คือสไลม์ทองที่เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจ เหนือธรรมชาติจริงๆ


“สไลม์!”


สไลม์ทองถูตัวเองเข้ากับเซี่ยปิง มีท่าทางที่ผูกพันอย่างมาก


“เยี่ยม ไม่คาดคิดว่าสไลม์ทองจะตื่นขึ้นมาในตอนนี้ การที่มีอาวุธนี้อยู่นั้น ข้าก็มีความมั่นใจในการที่จะดำเนินตามแผนการต่อไป” เซี่ยปิงกำหมัดขึ้นมา


วิซ เขาได้เคลื่อนไหวความคิด จากนั้นสไลม์ทองก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นสายรัดข้อมือและผูกติดอยู่ที่ข้อมือของเขา


……………..


ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว


เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนก็ได้ออกมาจากถ้ำและเดินทางไปสู่เหมืองหินวิญญาณต่อไป เนื่องจากใกล้ที่จะถึงจุดหมายปลายทางมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนจึงมีความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย


“หืมม? ข้างหน้า เหมือนกับมีใครบางคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับเหล่าอสูรดุร้าย?!”


ทันใดนั้น เซี่ยปิงก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากป่าที่อยู่ห่างออกไป รวมถึงเสียงของคมมีดที่ปะทะกัน อีกทั้งยังรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดิน ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรง


เดิมทีเขานั้นไม่ต้องการที่จะสนใจเรื่องเช่นนี้ ทว่ากลุ่มของผู้คนเหล่านั้นกลับวิ่งเข้ามาหาเขาและหลิวหยูหลานอย่างรวดเร็ว


ภายในไม่กี่ลมหายใจ พวกเขาก็ปรากฏตัวมาต่อหน้าเซี่ยปิง


กลุ่มของพวกเขานั้นมีจำนวน3-4คน สีหน้านั้นแตกตื่น กำลังวิ่งหนีเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทว่าข้างหลังของพวกเขานั้นมีอสูรดุร้ายที่เหมือนกับหมาป่าที่หิวโหยจำนวนกว่ายี่สิบตัวที่กำลังวิ่งไล่ตามมา


นี่ก็คือหมาป่าเขี้ยวดำของทวีปโลหิตวิญญาณ ร่างกายของพวกมันนั้นใหญ่โต มีความสูงสองเมตร เขี้ยวของพวกมันเผยให้เห็นถึงความแหลมคม หากกัดเข้าไปที่ร่างกายของมนุษย์ จะต้องถูกฉีกกลายเป็นชิ้นๆอย่างกะทันหัน


เหล็กไทเทเนี่ยมที่อยู่ต่อหน้าหมาป่าเขี้ยวดำนั้นเป็นได้เพียงแค่ช็อกโกแลตเท่านั้น


ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของพวกมันก็แข็งแกร่ง การโจมตีปกติทั่วไปสำหรับพวกมันนั้น เป็นแค่การสะกิดเท่านั้น


อย่าพูดถึงการที่พวกมันอยู่รวมกันเช่นนี้ เป็นเหมือนกับกลุ่มนักล่าก็ว่าได้


มีผู้คนของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากที่เรียกพวกมันว่าเทพเจ้าแห่งความตายของป่าลึก


“หืมม?! พวกเขาไม่ใช่ชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ แต่เป็นนักวิทยายุทธที่มาจากนอกจักรวาลอย่างนั้นหรือ?” ทันใดนั้นเซี่ยปิงก็สัมผัสได้ถึงออร่าของทั้ง3-4คนที่แตกต่างไปจากออร่าของผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ


1151

“ไม่คาดคิดว่าจะพบเจอคนอื่นๆที่เข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณเช่นกัน?!”


เซี่ยปิงขมวดคิ้ว เขาไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ เนื่องจากผู้คนที่เข้ามาทำภารกิจภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นมีจำนวนที่น้อยมาก เพราะว่าถึงอย่างไรอัตราการตายก็อยู่ในจุดที่น่าสะพรึงกลัว


ยิ่งไปกว่านั้นทวีปโลหิตวิญญาณก็มีขนาดที่ใหญ่มาก มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เมืองกระจัดกระจายอยู่ในสถานที่ต่างๆ ต่อให้จะต้องการเจอกันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยทั่วไปแล้วผู้ที่เข้ามาทำภารกิจภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นจะไม่ได้พบเจอคนนอกอื่นๆ


ทว่าเขาไม่คาดคิดว่าในสถานที่แห่งนี้จะได้บังเอิญเจอนักวิทยายุทธจากนอกจักรวาลถึง3-4คน


กลุ่มคนเหล่านี้ก็เห็นเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานเช่นกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็มีความสุขกันอย่างมาก คิดว่าเป็นกำลังเสริม ทว่าเมื่อพวกเขาสังเกตดูดีๆ เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานนั้นมีแกนพลังฉีที่อยู่ในระดับสมปรารถนาเพียงเท่านั้น ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา


การที่จะเผชิญหน้ากับหมาป่าเขี้ยวดำจำนวน20ตัวด้วยพลังอำนาจเช่นนี้นั้น มันเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ก็ว่าได้


“คำราม!”


ในตอนนี้ หมาป่าเขี้ยวดำตัวหนึ่งได้ส่งเสียงคำรามออกมา คิดว่าเจ้ามนุษย์บัดซบเหล่านี้ที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นกำลังเสริม สายตาของแต่ละตัวต่างก็เผยให้เห็นถึงแสงสีเลือดที่ส่องประกายออกมา


พวกมันแต่ละตัวต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก คิดว่ามีอาหารเพิ่มขึ้น ไล่ตามมาด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม เริ่มที่จะก่อให้เกิดสายลมที่รุนแรงพัดเข้ามา ซึ่งแรงลมนั้นน่าอัศจรรย์อย่างมาก ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆเริ่มที่จะหักและล้มลงมา


“สังหารพวกมันซะ”


เซี่ยปิงไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แต่กลับสั่งการหลิวหยูหลาน สำหรับอสูรดุร้ายเหล่านี้นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องถึงมือเขา


หลิวหยูหลานยืนอย่างมั่นคง เห็นเพียงแค่ว่ามือทั้งสองของเธอได้ประสานกัน ทันใดนั้นก็ได้แสดงทักษะพลังวิญญาณออกมา ทักษะคลื่นจู่โจมจิตวิญญาณ!


ปัง!


ทันใดนั้นพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ปะทุออกมาจากร่างกายของเธอ ราวกับว่ามันทำปฏิกิริยาตอบสนองกับธรรมชาติก็ว่าได้ พุ่งออกไปสู่กลุ่มของหมาป่าเขี้ยวดำเหล่านี้


หมาป่าเขี้ยวดำเหล่านี้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสมเพชทันที พวกมันรู้สึกเหมือนกับว่าศีรษะของตนเองถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่ก็ว่าได้ แม้แต่จิตวิญญาณของพวกมันก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง


เพ่ง เพ่ง เพ่ง พวกมันไม่สามารถที่จะต้านทานพลังอำนาจของการสั่นสะเทือนนี้ได้ อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างหนัก จิตวิญญาณล่มสลายอย่างรวดเร็ว


หลังจากไม่กี่ลมหายใจ หมาป่าเขี้ยวดำเหล่านี้ก็ได้ล้มลงไปกับพื้น เลือดไหลออกมาและตายไปอย่างน่าสลด


หมาป่าเขี้ยวดำจำนวนยี่สิบตัวถูกสังหารไปเช่นนี้


“ทรงพลัง!”


ชายหนุ่มหลายคนตกตะลึง ไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง เห็นได้ชัดว่าอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าหมาป่าเขี้ยวดำเหล่านี้ไล่ล่าพวกเขาเหมือนกับเป็นหมาข้างถนน แต่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ กลับเปราะบางอย่างมาก เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียว หมาป่าเขี้ยวดำเหล่านี้ก็ถูกสังหารไปทั้งหมด


“ดูเหมือนว่าข้าจะแข็งแกร่งมากขึ้น”


หลิวหยูหลานก็รู้สึกพึงพอใจจากผลลัพธ์ของการโจมตีนี้ หากเป็นก่อนหน้าที่จะได้พบกับเซี่ยปิงนั้น การที่เห็นหมาป่าเขี้ยวดำจำนวนยี่สิบตัวนั้น เธอก็จะไม่สามารถที่จะจัดการกับพวกมันอย่างแน่นอน


ทว่าหลังจากที่ติดตามเซี่ยปิงและเดินทางมาด้วยกัน เธอก็ได้กินเนื้อของอสูรดุร้ายเป็นประจำทุกวัน เสริมสร้างร่างกายของตนเอง หากเทียบกับก่อนหน้านี้นั้น เธอมีความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาหลายเท่า สามารถที่จะต้านทานพลังอำนาจทางจิตวิญญาณได้มากขึ้น


อีกทั้งเธอยังรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง การที่ตนเองติดตามเซี่ยปิงมานั้น รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่ลึกลับของเจ้านี่ ทำให้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของเธอเติบโตขึ้นมาไม่รู้กี่เท่า เหมือนกับว่าได้อาบแสงสว่างของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็ว่าได้ ทำให้ร่างจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ของเธอพัฒนาขึ้นมา


ทว่าเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้พูดออกไป ทำได้เพียงแค่แอบสงสัยอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าในตัวของเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่มีความลับอะไรอยู่ ทำไมการที่อยู่ข้างกายของเจ้านี่ ตนเองถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่แปลกประหลาดเช่นนี้


“ท่าไม่ดีแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าผู้หญิงคนนี้จะเป็นชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ”


ทว่ากลุ่มผู้คนก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว พวกเขาค้นพบว่าตนเองนั้นหนีเสือปะจระเข้ ต้องรู้ด้วยว่าชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณนั้นมีความเป็นปรปักษ์ต่อนักวิทยายุทธจากนอกจักรวาล


เมื่อใดที่ถูกค้นพบ จะต้องเกิดการต่อสู้อย่างแน่นอน


ตอนนี้เจ้าผู้หญิงคนนี้นั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง สามารถที่จะสังหารหมาป่าเขี้ยวดำจำนวนยี่สิบตัวได้อย่างง่ายดาย จากนั้นการที่คิดจะสังหารพวกเขาเพียงแค่ไม่กี่คนนั้น คาดการณ์ได้ว่าคงจะไม่ใช่เรื่องยาก


ทันใดนั้นพวกเขาก็ต้องการที่จะหลบหนีออกไปทันที


“สหาย ไม่ต้องเกรงกลัวไป ข้าไม่ใช่ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ พวกเจ้าก็คงจะเข้ามาทำภารกิจในทวีปโลหิตวิญญาณเช่นกัน ใช่หรือไม่?” เซี่ยปิงเริ่มพูดขึ้นมา บ่งบอกสถานะของตนเอง บอกว่าไม่ใช่ชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ


ในเวลาเดียวกันมือขนาดใหญ่ของเขาก็ได้โบกออกไป ทันใดนั้นบนฝ่ามือก็ปรากฏกลุ่มเปลวไฟขึ้นมา


“อะไรนะ?!”


ได้ยินแบบนี้ ทั้ง3-4คนก็รู้สึกมีความสุขทันที ในเมื่อสามารถที่จะควบคุมพลังอำนาจของเปลวไฟได้นั้น จะต้องไม่ใช่ชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณอย่างแน่นอน จะต้องเป็นนักวิทยายุทธที่มาจากนอกจักรวาลเช่นเดียวกันพวกเขา


เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณนั้นเชี่ยวชาญในด้านทักษะพลังวิญญาณ สำหรับทักษะอื่นๆนั้น ไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของพวกเขา


“ใช่ พวกเราเป็นลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยาน ครั้งนี้ที่มาที่นี่ก็เพื่อที่จะทำภารกิจของทวีปโลหิตวิญญาณ”


ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีเทาได้พูดขึ้นมา “ข้ามีชื่อว่าฉางเซวีย ส่วนทั้งสามคนนี้ก็เป็นลูกศิษย์ในนิกายเมฆาทะยานเช่นเดียวกับข้า พวกเขามีชื่อว่าหวังเฉิน เว่ยฉีและจินเจ๋อ ครั้งนี้ต้องขอบคุณสหายมากที่ได้ช่วยเหลือพวกเราไว้”


“ใช่สิ ไม่ทราบว่าสหายมีนามว่าอะไรหรือ?”


พวกเขาต่างก็มองไปที่เซี่ยปิง


“ข้ามีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว เป็นนักบ่มเพาะอิสระ” เซี่ยปิงกระพริบตา ถึงแม้ว่าทวีปโลหิตวิญญาณนั้นจะอยู่ในการควบคุมของนิกายจำนวนมาก ทว่าก็มีผู้บ่มเพาะอิสระบางคนที่จะเข้ามาเพื่อทำภารกิจเป็นครั้งคราวเช่นกัน


แน่นอนว่าการที่ต้องการเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณในฐานะนักบ่มเพาะอิสระนั้น ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่มหาศาล ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่แปลกแต่อย่างใด


“อู๋ไท่โต่ว?!”


ได้ยินเช่นนี้ ฉางเซวียและคนอื่นๆก็มีสีหน้าที่แปลกประหลาดเล็กน้อยพร้อมทั้งมองเซี่ยปิงตั้งแต่หัวจรดเท้า


“เกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอะไรหรือ?” เซี่ยปิงถามอย่างสงสัย


ฉางเซวียไอออกมา “สหายอู๋ ช่างเป็นการเสียมารยาทจริงๆ เพราะว่าชื่อของเจ้า พวกเราจึงนึกได้ถึงเรื่องสำคัญที่โด่งดังภายในอาณาเขตดวงดาวทั้งห้าที่อยู่ในการปกครองของนิกายเมฆาทะยานของพวกเราเมื่อไม่นานมานี้”


“เรื่องสำคัญหรือ? เรื่องสำคัญอะไรกัน?”


เซี่ยปิงแสดงสีหน้าที่งุนงงออกมา


“คือว่า เมื่อไม่นานมานี้ในอาณาเขตดวงดาวทั้งห้าของพวกเรานั้นมีนักต้มตุ๋นที่โด่งดังคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เขามีชื่อว่าอู๋ตี่เป็นยอดนักต้มตุ๋นที่ยิ่งใหญ่”


“ใช่ เป็นเจ้านักต้มตุ๋นที่ไร้ยางอายอย่างมาก ไม่มีความละอายใจแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาด้านหนายิ่งกว่าอิฐเสียอีก ชอบที่จะหลอกลวงทายาทของผู้คนระดับสูง ฉ้อโกงเงินของพวกเขาไปนับสิบล้านเหรียญจักรวาล”


“บัดซบจริงๆ เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เขาได้ปรากฏตัวขึ้นมาในเมืองภายในเครือข่ายเสมือนจริงและทำการฉ้อโกงครั้งยิ่งใหญ่ ฉ้อโกงเงินไปกว่าพันล้านเหรียญจักรวาล ผู้เคราะห์ร้ายนั้นมีเป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านคนเสียอีก เรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวที่โด่งดังไปทั่วทั้งอาณาเขตดวงดาวทั้งห้า ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่ต้องการล้างแค้นเขา ทว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย เงียบหายไปเป็นระยะเวลานาน”


“ใช่ ญาติของข้าก็ถูกเจ้าบัดซบนั่นฉ้อโกงเงินไปเป็นจำนวนหลายแสนเหรียญจักรวาลเช่นกัน ซื้อรองเท้าปลอมมาเป็นจำนวนมาก ทุกๆวันทำได้แต่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เขานั้นเกลียดชังเจ้าอู๋ตี่นั้นจนถึงไขกระดูกดำ ทุกๆวันเอาแต่สาปแช่งเจ้านักต้มตุ๋นนั่น”


ฉางเซวียและคนอื่นๆพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก บอกว่าเกลียดชังเจ้าอู่ตี่นั่นอย่างมาก


“ฉ้อโกงเงินไปนับพันล้านเหรียญจักรวาลหรือ? ช่างร้ายกาจริงๆ เจ้านี่เป็นยอดนักต้มตุ๋นที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง” เซี่ยปิงพยักหน้าและรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นกับตนเอง “นักต้มตุ๋นเช่นนี้ ทุกๆคนมีสิทธิที่จะลงโทษเขา”


“ใช่ไหม? ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินชื่อของสหาย ข้าจึงคิดว่ามันมีความคล้ายคลึงกับเจ้าอู๋ตี่นั่นมาก อีกทั้งคิดว่าเจ้าอาจจะเป็นพี่น้องกับเขา เกือบทำให้พวกเราหวาดกลัว ทว่าหลังจากที่ลองคิดดูดีๆแล้วนั้น มันก็เป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไป ก่อนหน้านี้ข้าเกือบที่จะเข้าใจเจ้าผิด ช่างเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ”


ฉางเซวียยิ้มออกมา


“ไม่เป็นไร ในชีวิตย่อมมีการเข้าใจผิดอยู่บางประการ เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วชื่อของผู้คนนั้นก็มักที่จะมีความคล้ายคลึงกันอยู่เสมอ ไม่ใช่เรื่องที่แปลกแต่อย่างใด” เซี่ยปิงพูดออกมา บ่งบอกว่าตนเองนั้นเข้าใจอย่างมาก


1152

“สหายอู๋ อย่าหาว่าข้าพูดมากเกินไปเลย”


ฉางเซวียจ้องมองไปที่หลิวหยูหลานที่อยู่ข้างกายของเซี่ยปิง “หากข้าคาดเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ใช่ผู้คนในจักรวาลเหมือนกับพวกเราใช่หรือไม่ แต่เป็นผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ”


คนอื่นๆอีกสามคนก็มองไปที่หลิวหยูหลานเช่นกัน


“เหอะ!”


หลิวหยูหลานรู้สึกอึดอัดกับการมองของคนเหล่านี้อย่างมาก เธอได้เปล่งเสียงในลำคอออกมา ทว่าก็ไม่ได้โจมตีแต่อย่างใด


“ใช่ เธอไม่ใช่นักวิทยายุทธของจักรวาล ทว่าเป็นผู้หญิงของชนเผ่าวิญญาณ” เซี่ยปิงยอมรับอย่างเป็นธรรมชาติ “ก่อนหน้านี้ที่ข้าลงจอดในที่นี่เป็นครั้งแรก ข้าก็ได้เผชิญหน้ากับเธอ จากนั้นข้าก็ได้พิชิตเธออย่างง่ายดาย ในตอนนี้เธอคือทาสของข้า”


“สบายใจได้ ถึงแม้ว่าเธอเป็นผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ แต่เธอจะไม่ทำอะไรพวกเจ้าอย่างแน่นอน”


ทาส?!


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าที่อิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันที พวกเขาสามารถมองเห็นได้ว่าหลิวหยูหลานนั้นเป็นผู้หญิงที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง หากไม่ใช่มีต้นกำเนิดอยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณ แต่เป็นในจักรวาลล่ะก็ คาดการณ์ได้ว่าคงจะกลายเป็นนักบุญหญิงของนิกายที่ยิ่งใหญ่ได้


ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีออร่าที่ศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง มีเรือนร่างที่เย้ายวน อีกทั้งยังมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ ช่างเป็นผู้หญิงที่หายากอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่ามีผู้ชายจำนวนมากแค่ไหนที่ใฝ่ฝันถึงเทพธิดาเช่นนี้


ทว่าตอนนี้กลับกลายมาเป็นทาสของเจ้านี่อย่างไม่คาดคิด เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่จะต้องใช้งานเธออย่างหนักทั้งวันทั้งคืน บางทีอาจจะทุ่มเทด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจนกว่าชีวิตจะหาไม่


“สหายอู๋ ผู้หญิงของชนเผ่าวิญญาณคนนี้ดูเหมือนว่าจะมีพลังอำนาจที่ไม่ธรรมดาเลย อันที่จริงแล้วเจ้าใช้วิธีการใดในการกำราบเธอ?” หวังเฉินถามขึ้นมาอย่างสงสัย การที่ได้เห็นพลังอำนาจของหลิวหยูหลานก่อนหน้านี้นั้นทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะดูถูกเธอ


เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวก็สามารถที่จะสังหารหมาป่าเขี้ยวดำจำนวนยี่สิบตัวได้อย่างง่ายดาย พลังอำนาจช่างน่าสะพรึงกลัว ต่อให้พวกเขาจะร่วมมือกันก็คงจะไม่ใช่คู่มือของเจ้าผู้หญิงของชนเผ่าวิญญาณคนนี้


หากควบคุมไม่ได้ เธอจะไม่ใช่เทพธิดา แต่เป็นปีศาจ ในเวลาที่กำลังหลับนอนอาจจะถูกผู้หญิงคนนี้สังหารได้ ไม่สามารถที่จะนอนหลับพักผ่อนได้อย่างอุ่นใจ


“ไม่ใช่ความลับอะไร เป็นการที่ปล่อยให้เวลาก่อเกิดให้ความผูกพันขึ้นมา”


เซี่ยปิงพูดโอ้อวดออกมา แบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง


“สูงส่ง สูงส่งจริงๆสหาย ช่างร้ายกาจจริงๆ นี่มันเป็นการบ่งบอกความหมายโดยนัย” หวังเฉินและคนอื่นๆต่างก็ยกนิ้วให้ กล่าวชื่นชมออกมา ความรู้สึกนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา ผู้หญิงที่งดงามของชนเผ่าวิญญาณคนนี้ได้กลายเป็นของเจ้านี่แล้วจริงๆ


ไม่รู้ว่าอันที่จริงเจ้าบัดซบนี่จะทำให้ผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้โพสท่ามากแค่ไหนในเวลากลางคืน เทียบกับเจ้านี่แล้วนั้น พวกเขาถือว่าห่างชั้นอย่างมาก พวกเขาถูกอสูรดุร้ายไล่ล่าภายในผืนป่า ทว่าเจ้านี่กลับเดินทางร่วมกับผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ ไม่รู้ว่าสุขสบายแค่ไหน


“บอกตามตรง ข้านั้นไม่ชอบผู้หญิงตัวเล็กเช่นนี้ ต้องพูดว่าผู้หญิงระดับสุดยอดของโลกที่แท้จริงนั้นไม่ใช่เป็นหญิงสาว ทว่าเป็นผู้หญิงโตเต็มวัย” เซี่ยปิงเผยให้เห็นถึงท่าทางที่มีลับลมคมนัย


“ทำไมถึงพูดเช่นนี้?”


หวังเฉินและคนอื่นๆถามอย่างสงสัย


“พวกเจ้าลองคิดดูดีๆ ผู้หญิงโตเต็มวัยนั้นคือผู้หญิงที่มีประสบการณ์ ทันทีที่เจ้าตบตูดของเธอ เธอก็จะรู้ว่าต้องเปลี่ยนท่า ทันทีที่เจ้านอนลงไป เธอก็จะรู้ว่าต้องนั่ง ทันทีที่เจ้ายืนขึ้น เธอก็จะรู้ว่าต้องคุกเข่า ทันทีที่เจ้าคุกเข่า เธอก็จะรู้ว่าต้องหมอบลงไป” เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างอิ่มเอมใจ “ทว่าหากเป็นพวกหญิงสาวนั้น ทันทีที่เจ้าตบตูดของเธอ เธอก็จะหันกลับมาต่อว่า:บ้าไปแล้วหรือ ตีข้าทำไม?!”


“นี่คือความแตกต่างระหว่างหญิงสาวและผู้หญิงโตเต็มวัย ซึ่งห่างชั้นกันอย่างมาก”


เขาถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม


“สหาย เจ้าช่างเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง ช่างเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน”


“อันที่จริงจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่มีประสบการณ์เชิงลึกเช่นนี้ หวังว่าข้าจะได้พบเจอสักคน”


“โปรดให้พวกเราเรียกเจ้าว่าพี่ใหญ่ด้วยเถอะ”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็กล่าวชื่นชมออกมา ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสหายอู๋ไท่โต่วนี่จะมีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หญิงมามากแค่ไหน ซึ่งพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่มือใหม่เท่านั้น ไม่รู้ว่าห่างไกลกับเจ้านี่มากแค่ไหน


นี่คือความแตกต่างของประสบการณ์ชีวิต ไม่สามารถที่จะเทียบด้วยได้


เจ้าอสูรหื่นกาม!


ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่งดงามของหลิวหยูหลานก็แดงขึ้นมา ต้องการที่จะตบใบหน้าของเซี่ยปิง เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่สามารถที่จะสร้างปัญหากับทุกคำพูดที่กล่าวออกมา ทั้งวันคิดแต่เรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้


หากเปิดศีรษะของเจ้าผู้ชายบัดซบคนนี้ออกมา รับประกันได้ว่าคงจะมีเพียงแค่คำว่าผู้หญิงเพียงคำเดียว เป็นอสูรที่ใช้เพียงแค่ส่วนล่างเท่านั้น ทำไมปีศาจที่ชั่วร้ายเช่นนี้ถึงไม่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์


“สุภาพ สุภาพเกินไป นี่ก็แค่ประสบการณ์เล็กน้อยเท่านั้น ไม่คู่ควรแก่การกล่าวถึง”


เซี่ยปิงกวักมือ


“พี่ใหญ่อู๋ ในเมื่อทุกๆคนพูดคุยกันถูกคอเช่นนี้ จากนั้นพวกเราก็ไม่ต้องการที่จะปิดบังอะไร” ฉางเซวียพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “อันที่จริงการที่พวกเรามาที่นี่นั้นก็มีเป้าหมายอยู่เหมือนกัน”


“เป้าหมายหรือ? เป้าหมายอะไร?” เซี่ยปิงขมวดคิ้ว


ฉางเซวียพูดออกมา “ก่อนหน้านี้พวกเราได้รับข่าว บริเวณใกล้เคียงนั้นมีเหมืองหินวิญญาณอยู่ ทว่าถูกคุ้มกันโดยกองทัพขนาดใหญ่ของสำนักวิญญาณ หากอยู่เพียงลำพังล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าทะลวงเข้าไปได้”


“ทว่าหากพวกเรานักวิทยายุทธจากจักรวาลร่วมมือกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จากนั่นมันก็จะมีโอกาสในการฝ่าเข้าไปภายในเหมืองหินวิญญาณนี้ได้ สังหารเจ้าชาวพื้นเมืองของชนเผ่าวิญญาณเหล่านั้นและแย่งชิงหินวิญญาณมา”


“หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ ครอบครองหินวิญญาณและออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้”


เขาได้พูดถึงเป้าหมายของการที่ตนเองมาที่นี่


อะไรนะ?!


เซี่ยปิงสะดุ้งขึ้นมา เดิมทีเขาคิดว่ามีเพียงแค่ตนเองและหลิวหยูหลานเท่านั้นที่รู้เรื่องของเหมืองหินวิญญาณ ไม่คาดคิดว่าข่าวนี้จะกระจายออกไป แม้แต่ฉางเซวียและคนอื่นๆเองก็ล่วงรู้อย่างชัดเจน ช่างแปลกประหลาดจริงๆ


หลิวหยูหลานก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าเรื่องของเหมืองหินวิญญาณนั้นแพร่งแพรายออกไปได้อย่างไร เพราะว่าถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นความลับสุดยอด ทว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ถึงได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลนี้เช่นกัน


เธอรู้สึกงุนงงอย่างมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จ้าวสำนักของเมืองฮวายหนิงนั่นไม่ระมัดระวังจนข่าวเรื่องนี้รั่วไหลออกไปถึงพวกปีศาจต่างถิ่นอย่างนั้นหรือ?!


ในช่วงเวลานี้ เธอรู้สึกสับสนอย่างมาก


“เจ้าได้รับข่าวนี้มาได้อย่างไร?”


เซี่ยปิงถามขึ้นมา


“ผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกได้แจ้งข่าวสารเรื่องนี้กับข้าและคนอื่นๆ”


ฉางเซวียพูดออกมาอย่างมั่นใจ “พวกเราบังเอิญเจอกับฝ่ายตรงข้ามและได้รู้ว่าผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกนั้นต้องการที่จะรวมกำลังยอดฝีมือเป็นจำนวนมาก มีแผนการที่ยิ่งใหญ่ คิดที่จะฝ่าเข้าไปในเหมืองหินวิญญาณและยึดครองหินวิญญาณมา”


“ในความเป็นจริง ตอนนี้ก็ได้รวบรวมยอดฝีมือของนิกายเป็นจำนวนมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายเซียนเหินเวหา นิกายหวนคืนปรโลกและนิกายที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ ครั้งนี้ศิษย์พี่และศิษย์น้องจำนวนมากได้เข้าร่วมกับแผนการนี้เช่นกัน พวกเขาต่างก็รวมตัวกัน มีจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยคน รอให้ถึงวันเวลาที่จะได้โจมตีเหมืองหินวิญญาณนั้น”


“ทว่าครั้งนี้พวกเราก็วางแผนที่จะไปที่นั่นเช่นกัน รวมตัวกับบรรดาลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้น”


เซี่ยปิงก็ล่วงรู้ว่านิกายเมฆทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายเซียนเหินเวหาและนิกายหวนคืนปรโลกนั้นต่างก็เป็นนิกายระดับเซนต์เช่นกัน เป็นนิกายที่มีอิทธิพลที่ทรงอำนาจ


ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทำภารกิจในทวีปโลหิตวิญญาณที่มีความอันตรายเช่นนี้นั้น ปกติแล้วผู้คนก็มักที่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ผู้ที่อยู่เพียงลำพังอย่างเช่นเขานั้น เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมาก


การที่ศิษย์พี่และศิษย์น้องเหล่านี้ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันนั้น มันทำให้อัตราการสำเร็จของภารกิจเพิ่มสูงขึ้นมาก


ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็จะพกพาเครื่องมือสื่อสาร ต่อให้จะอยู่ในระยะที่ห่างไกลออกไป ก็สามารถที่จะติดต่อกันได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าจะพลัดหลงกัน


“ใช่สิ สหายอู๋ เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ สนใจที่จะเข้าร่วมแผนการโจมตีเหมืองหินวิญญาณด้วยกันหรือไม่?” ฉางเซวียและคนอื่นๆมองไปที่เซี่ยปิงอย่างคาดหวัง


เซี่ยปิงคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมา “ไม่มีปัญหา การที่มีความช่วยเหลือของทุกๆคนนั้น เชื่อว่าความเสี่ยงของภารกิจนี้คงจะลดน้อยลงไปอย่างมาก นี่เป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ”


“เยี่ยม การที่สหายอู๋เข้าร่วมกับพวกเรานั้น พลังอำนาจโดยรวมของพวกเราจะต้องเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็มีความสุขอย่างมาก พวกเขานั้นไม่ได้ดูถูกเซี่ยปิง การที่สามารถทำให้ผู้หญิงที่แข็งแกร่งของชนเผ่าวิญญาณเชื่อฟังได้เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องแข็งแกร่งเช่นกัน


ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะนักบ่มเพาะอิสระ การที่กล้าเข้ามาทำภารกิจในสถานที่แห่งนี้โดยลำพังนั้น หากไม่ได้มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งล่ะก็ เป็นไปได้อย่างไรที่จะกล้าเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้


 

 

 


ตอนที่ 1153

 

ณ ส่วนลึกของผืนป่า มีแคมป์ตั้งอยู่


สถานที่แห่งนี้มีเต็นท์ปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นแคมป์พักผ่อนชั่วคราวของนักวิทยายุทธของจักรวาล


เต็นท์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของที่นี่นั้นมีขนาดเท่ากับบ้านก็ว่าได้ ซึ่งในช่วงเวลานี้มีผู้คนจำนวนมากที่รวมตัวกันอยู่ที่เต็นท์แห่งนี้


ทว่าในตอนนี้ฉางเซวียและลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยานคนอื่นๆก็ได้นำตัวเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานมา พวกเขานั้นได้เดินทางมาไกลและเหน็ดเหนื่อย วิ่งมาเป็นระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆกว่าที่จะมาถึงได้


“ที่นี่คือสถานที่รวมตัวของพวกปีศาจต่างถิ่นหรือ?!”


หลิวหยูหลานติดตามเซี่ยปิงมา เธอนั้นตึงเครียดอย่างมาก ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเข้ามาในสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน ทุกๆที่มีแต่ปีศาจต่างถิ่น เป็นสถานที่รวบรวมความชั่วร้ายก็ว่าได้


หากมีบางอย่างผิดปกติไป บางทีเธออาจจะตายไปโดยที่ร่างกายหายไปตลอดกาล


โชคดีที่เซี่ยปิงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นต่อให้ตายเธอก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ แน่นอนว่าหากไม่มีเซี่ยปิงอยู่ เธอก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสถานที่ชุมนุมเช่นนี้อยู่เหมือนกัน


ทว่าบรรยากาศตอนนี้นั้นดูเคร่งขรึมอย่างมาก ผู้คนจำนวนมากกำลังจ้องมองเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคน เผยให้เห็นสีหน้าที่เยาะเย้ย


“ฉางเซวีย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”


ผู้ที่พูดออกมานั้นก็คือชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาว “พวกเราคิดว่าการที่พวกเจ้าเป็นลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยานนั้น คงจะมีฝีมืออยู่บ้าง ดังนั้นจึงได้เชิญชวนพวกเจ้ามาเข้าร่วมกับแผนการของพวกเรา”


“ทว่าพวกเจ้ากลับนำพาคนแปลกหน้าสองคนมาที่นี่อย่างไม่คาดคิด คนหนึ่งเป็นนักบ่มเพาะอิสระที่ดูอ่อนแอและไม่คาดคิดว่าอีกคนจะเป็นชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!”


เขานั้นเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก มีชื่อว่าเฟิงเจ๋อ มีแกนพลังฉีอยู่ในระดับสมปรารถนาขั้นสูงสุด มีท่าทางการพูดที่ยโสโอหังอย่างมาก


ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่นั้นต่างก็เป็นผู้คนจากนิกายเมฆาทะยาน นิกายหวนคืนปรโลก นิกายเซียนเหินเวหาและนิกายห้าธาตุ พวกเขาต่างก็เป็นลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่


ยิ่งไปกว่านั้นการที่กล้าเข้าร่วมในภารกิจของทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้นั้น พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีความมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยมเช่นกัน


“เฟิงเจ๋อ โปรดเชื่อข้า ถึงแม้ว่าสหายอู๋จะเป็นนักบ่มเพาะอิสระ ทว่าพลังอำนาจของเขานั้นก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด เขาจะต้องเป็นประโยชน์ต่อแผนการของพวกเราอย่างแน่นอน” ฉางเซวียตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว


“ประโยชน์ตูดข้าสิ”


เฟิงเจ๋อแสยะออกมา “พวกเราแต่ละคนนั้นต่างก็เป็นลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเขานั้นเป็นเพียงแค่นักบ่มเพาะอิสระที่แม้แต่นิกายก็ไม่สามารถที่จะเข้าร่วมได้ บุคคลไร้ค่าเช่นนี้จะมีพลังอำนาจอะไรกัน”


“บอกตามตรง พวกเรานั้นมีจำนวนมากกว่าร้อยคน อย่างน้อยก็อยู่ในระดับสมปรารถนา อีกทั้งยังมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้นเป็นจำนวน7-8คน การที่เจ้าบอกให้เขาเข้าร่วมกับพวกเรานั้น เขาเพียงแค่คนเดียวจะไปมีประโยชน์อะไรต่อพวกเรากัน”


ท่าทางของเขานั้นยโสโอหังอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีอคติกับเซี่ยปิงซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะอิสระ อีกทั้งยังพูดจาเหยียดหยามออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้


ภายในจักรวาลนั้น ความแตกต่างของระดับก็เป็นสิ่งที่เข้มงวดเช่นกัน หากเป็นนักบ่มเพาะอิสระ จะถือว่าเป็นคนที่ไม่ได้มีพลังอำนาจ ไม่มีภูมิหลัง ไม่ว่าใครก็สามารถที่จะรังแกได้


หากพูดเปรียบเปรยนั้น ผู้บ่มเพาะอิสระนั้นก็เหมือนกับคนจรจัด เทียบเท่ากับขอทานที่ไม่ได้มีประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัย ทำได้เพียงแค่หาเงินเลี้ยงตนเองไปวันๆ ไม่ได้มีความสามารถใดๆทั้งสิ้น


ทว่าผู้คนของนิกายที่ยิ่งใหญ่นั้น พวกเขาเทียบเท่าได้กับนักศึกษาที่จบจากมหาลัยชื่อดัง เป็นไปได้อย่างไรที่บุคคลในระดับนี้จะมีปฏิบัติต่อคนจรจัดอย่างเป็นมิตร?!


“แท้ที่จริงแล้วนี่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา แต่กลับเป็นประโยชน์ต่อเขา”


“เดิมทีเขานั้นคงจะต้องการทำภารกิจของทวีปโลหิตวิญาณและพบว่ามันยากเกินไปเหมือนกับการทะยานขึ้นสวรรค์ก็ว่าได้ ทว่าหลังจากที่เขาได้เข้าร่วมกับพวกเรานั้น จะสามารถเกาะแข้งเกาะขาพวกเราได้ ใช้ประโยชน์จากพวกเราเพื่อให้ภารกิจของตนเองสำเร็จ”


“เขาต้องการที่จะเกาะแข้งเกาะขาของพวกเรา ทว่าการที่พวกเราจะปล่อยให้เขาเกาะไหมนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”


“หากคุกเข่าและโค้งคำนับ บางทีข้าอาจจะพิจารณา”


ผู้คนจำนวนมากต่างก็พูดจาดูถูกถากถาง ยืนกอดอกด้วยมือทั้งสองข้าง มีสีหน้าที่กำลังเยาะเย้ยเซี่ยปิง


“พวกเจ้า!”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็โมโห พวกไม่คาดคิดว่าเจตนาที่ดีของพวกเขาในการเชิญชวนยอดฝีมือมาเข้าร่วมนั้น จะทำให้เซี่ยปิงถูกคนกลุ่มนี้ดูถูกเช่นนี้ ดูถูกถากถางอย่างที่ไม่เกรงใจใคร


“ฉางเซวีย เห็นแก่หน้าของนิกายเมฆาทะยาน ข้าจะไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเจ้า ทว่าการที่เจ้าต้องการให้เจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่เข้าร่วมนั้น มันเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขาพวกเราเกินไป นี่ไม่ใช่เป็นเกมส์การสานสัมพันธ์ ทว่าเป็นการต่อสู้ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แม้แต่การก้าวพลาดเพียงแค่ก้าวเดียว พวกเราก็อาจจะตายได้”


“พูดถูก ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายของเขาก็มีชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณอยู่ ถึงแม้ว่าจะบอกว่าเป็นทาส ใครจะไปรู้กันว่าเธอก็อาจจะเปิดโปงแผนการของพวกเราออกไปได้และบอกชาวพื้นเมืองคนอื่นๆ เมื่อใดที่แผนการของพวกเรารั่วไหลออกไปล่ะก็ พวกเราจะต้องจบสิ้นกันจริงๆ”


“ผู้คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือแม้แต่น้อย”


ผู้คนจำนวนมากต่างก็ตะโกนออกไป บ่งบอกว่าตนเองนั้นไม่ยอมรับการเข้าร่วมของเซี่ยปิง สำหรับพวกเขานั้น เจ้านี่ไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีพลังอำนาจเท่านั้น ทว่ายังเป็นตัวตนที่อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อแผนการของพวกเขาได้


ไม่ว่าจะมองอย่างไร พวกเขาก็คิดว่าการที่เซี่ยปิงเข้าร่วมนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี หนำซ้ำยังมีข้อเสียที่มากมาย


“กลับไปซะ”


เฟิงเจ๋อโบกมือ “ออกไปจากที่นี่ มองดูรูปลักษณ์ของเจ้านั้น ให้ความรู้สึกที่เกะกะลูกตาจริงๆ การที่อยู่ร่วมกับคนอย่างเจ้านั้น คงจะทำให้อากาศของที่นี่เป็นมลพิษได้”


“สหายอู๋”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด เดิมทีพวกเขานั้นมีเจตนาที่ดีต้องการที่จะเชิญชวนเซี่ยปิงมาเข้าร่วมด้วยกัน ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ทำให้เซี่ยปิงถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม


“ไม่เป็นไร ในเมื่อไม่ต้องการให้ข้าเข้าร่วม ข้าก็จะไม่เข้าร่วม ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร” เซี่ยปิงมีสีหน้าที่นิ่งเฉย ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด


พลังอำนาจที่แท้จริงนั้นมาจากตัวเอง คำดูถูกเหยียดหยามจากคนอื่นๆนั้นไม่สามารถที่จะทำร้ายเขาได้แม้แต่นิดเดียว


สำหรับเขา การที่มาพบเจอกับคนกลุ่มนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ ในเมื่อฝ่ายตรงข้าไม่ต้องการให้เขาเข้าร่วมและมีท่าทางที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป


คิดได้แบบนี้ เขาก็หันหลังและต้องการที่จะกลับออกไปพร้อมกับหลิวหยูหลาน


“ช้าก่อน เจ้าหนู เจ้าไปได้ แต่ว่าผู้หญิงของเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่” ทันใดนั้นเฟิงเจ๋อก็เริ่มพูดออกมาพร้อมกับมองหลิวหยูหลานด้วยสีหน้าที่แฝงด้วยเจตนาที่ชั่วร้าย ดวงตานั้นเผยให้เห็นถึงความละโมบ


ชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆกับเขาหลายคนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย


อะไรนะ?!


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็สะดุ้งตกใจ มองเฟิงเจ๋อด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ พวกเขาล่วงรู้ได้อย่างกะทันหันว่าเฟิงเจ๋อนั้นมีความคิดอะไรอยู่ เป็นการประกาศออกมาว่าสนใจในตัวผู้หญิงของเซี่ยปิง ต้องการที่จะแย่งชิงไปอย่างซึ่งๆหน้า


หลิวหยูหลานก็รู้สึกใจสั่น ในตอนนี้เธอนั้นตื่นตัวอย่างมาก หลังจากได้ยินว่าให้ออกไปนั้น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ถูกเรียกให้หยุดอย่างกะทันหัน


การที่มีปีศาจต่างถิ่นจำนวนมากเช่นนี้อยู่ล้อมรอบนั้น ต่อให้เธอจะต้องการหลบหนีออกไป ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากมาก


“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”


เซี่ยปิงหยุดเดินและหันไปมองเฟิงเจ๋อ ออร่าที่อันตรายแผ่ออกมาจากร่างของเขา


“หมายความตามที่พูด ผู้หญิงคนนี้เป็นชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ เป็นศัตรูของพวกเรา ใครจะไปรู้กันว่าเธอจะนำแผนการของพวกเราไปบอกกับชาวพื้นเมืองคนอื่นๆหรือไม่”


เฟิงเจ๋อพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ความลับของพวกเราจะรั่วไหลออกไปและหลีกเลี่ยงการที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เธอจะต้องอยู่ที่นี่ หลังจากที่รอให้แผนการของพวกเราเสร็จสิ้น เธอจึงจะสามารถกลับไปได้”


คนอื่นๆก็เหมือนกับกำลังมองดูเรื่องที่สนุกสนาน พวกเขาก็ล่วงรู้เช่นกัน หากหลิวหยูหลานถูกขังอยู่ที่นี่ทั้งคืนนั้น เห็นได้ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น


พวกเขาก็ล่วงรู้ว่าเฟิงเจ๋อนั้นมีเจตนาที่ชั่วร้ายแอบแฝงอยู่

 

 

 


ตอนที่ 1154

 

“เฟิงเจ๋อ นี่มันมากเกินไป”


ฉางเซวียมีสีหน้าที่โมโหอย่างมาก เขานั้นเป็นคนที่นำเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองมายังสถานที่แห่งนี้ แต่กลับทำให้พวกเขาต้องมาเผชิญกับเรื่องเช่นนี้ เขาคิดว่าตนเองนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น


ปัง!


หลังจากที่พูดจบ เฟิงเจ๋อก็เคลื่อนไหวออกมาอย่างกะทันหัน เป็นเหมือนกับกระแสลมก็ว่าได้ หมัดได้ประเคนออกไปที่หน้าท้องของฉางเซวียอย่างรวดเร็ว


“อ๊าก!”


ฉางเซวียไม่คาดคิดว่าเฟิงเจ๋อจะลงมือโจมตีเช่นนี้ ดังนั้นจึงได้ประมาทไปชั่วครู่หนึ่งและเป็นผลให้ฝ่ายตรงข้ามฉวยจังหวะลอบโจมตี โจมตีอย่างกะทันหัน พลังอำนาจที่แข็งแกร่งได้ปะทุออกมาที่ร่างกายของเขา ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสมเพช


วินาทีต่อมา เขาก็ถูกอัดจนล้มไปกับพื้นและขดตัวอยู่ที่พื้นเหมือนกับเป็นกุ้งต้มก็ว่าได้ เส้นประสาททั่วทั้งร่างกายเหมือนกับถูกทิ่มแทง มุมปากมีเลือดไหลออกมา


“เจ้าบัดซบ!”


หวังเฉิน เว่ยฉีและจินเจ๋อทั้งสามคนต่างก็จ้องมองอย่างโมโห พวกเขานั้นก็ต้องการที่จะเคลื่อนไหวเช่นกัน ทว่าผู้คนมากกว่าสิบคนที่ยืนอยู่รอบๆก็ได้ก้าวออกมาทันที ผู้คนเหล่านี้อยู่ในฝั่งเดียวกับเฟิงเจ๋อ เป็นเหมือนกับเสือที่จับจ้องเหยื่อ เผยให้เห็นถึงสัญญาณของการเตือน


ทันใดนั้น พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว เพราะเมื่อใดที่เคลื่อนไหวออกมาที่นี่ จะต้องถูกคนกลุ่มนี้ล้อมรอบอย่างแน่นอน


ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ก็คือทวีปโลหิตวิญญาณ หากพวกเขาตายไปในสถานที่แห่งนี้ แม้แต่นิกายเองก็ไม่สามารถที่จะตามหาฆาตกรได้ ไม่มีใครที่จะล้างแค้นให้กับพวกเขา


เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ลูกศิษย์ของนิกายที่ตายไปภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นก็มีจำนวนมากจริงๆ ไม่สามารถที่จะนับได้


“ช่างเป็นคนที่พูดจาน่ารำคาญจริงๆ ต้องการที่จะปกป้องเจ้านักบ่มเพาะอิสระคนนี้ แต่กลับไม่ดูความสามารถของตนเอง” เฟิงเจ๋อแสยะออกมา “การที่ไม่มีนิกายเมฆาทะยานคอยช่วยเหลือพวกเจ้านั้น พวกเจ้ามันก็แค่กลุ่มคนไร้ค่าเท่านั้น”


“รีบไสหัวออกไปซะ อย่าทำให้ข้าโมโห ไม่อย่างนั้นข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด”


ฉางเซวียโมโหเจียนตาย ใบหน้านั้นแดงก่ำ ไม่มีทางเลือก การที่เฟิงเจ๋อมีจำนวนที่ได้เปรียบเช่นนี้ อีกทั้งยังทรงพลังอย่างมาก ต่อให้จะต้องการต่อต้าน ก็ไม่มีทางที่จะได้ทำ


เขานั้นจ้องมองเฟิงเจ๋ออย่างโมโห


“เจ้ามองอะไร ไม่คาดคิดว่าจะกล้าชักสีหน้าใส่ข้าเช่นนี้ ไม่เต็มใจยอมรับหรือ? นี่เป็นการที่เจ้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง!”


เฟิงเจ๋อมีสายตาที่เย็นชา จิตสังหารพุ่งออกมาจากทุกทิศทาง ทันใดนั้นเขาก็ยกเท้าขึ้นมาและไหลเวียนพลังเวทมนตร์ เหยียบออกไปเหมือนกับช้างบาบีเรี่ยน ต้องการที่จะเหยียบลงไปที่ร่างกายของฉางเซวีย


“ไม่นะ!!”


หวังเฉินและคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าเฟิงเจ๋อนั้นเอาจริง มีจิตสังหารที่แอบแฝงอยู่ เมื่อใดที่เหยียบลงไปนั้น ต่อให้จะไม่ตาย ก็จะต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน


ทว่าตอนนี้ต่อให้พวกเขาจะต้องการเข้าไปช่วยเหลือ มันก็สายเกินไป ไม่สามารถที่จะเข้าไปขัดขวางได้ทันเวลา


ฉางเซวียมีสีหน้าที่ซีดเซียว เขาต้องการที่จะหลบหลีก ทว่าหมัดเมื่อครู่นี้นั้นทำให้เขาไร้เรี่ยวแรง ร่างกายของเขาไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนได้ในตอนนี้ การที่คิดจะหลบหลีกออกไปนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


ในตอนนี้ ภาพเงาได้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสายฟ้า มาถึงตรงหน้าของเฟิงเจ๋ออย่างกะทันหันและยกเท้าของเฟิงเจ๋อขึ้นมา สองพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้ปะทะกัน


ตึบ!


ทันใดนั้นรอบๆก็เกิดลมที่น่าสะพรึงกลัวพัดออกไป ก่อตัวขึ้นมาเป็นสสาร เป็นเหมือนกับคลื่นมหาสมุทรก็ว่าได้ กวาดออกไปทุกทิศทาง เริ่มทำให้เกิดคลื่นลมกระโชกที่รุนแรง ฝุ่นและควันฟุ้งกระจายขึ้นมา


ผู้คนที่อยู่รอบๆสามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของลมนี้ เหมือนกับว่าทำให้พวกเขาทั้งหมดเสียสมดุล


“อู๋ไท่โต่ว!”


บางคนที่ตะโกนขึ้นมา เห็นได้ถึงภาพเงาที่ปรากฏขึ้นมานี้ ก็คือเจ้านักบ่มเพาะอิสระอู๋ไท่โต่วนั่นเอง ในช่วงเวลาวิกฤติเขาได้เคลื่อนไหวออกมาและต้านทานการโจมตีของเฟิงเจ๋อไว้


เขาได้หยุดการเคลื่อนไหวของเท้าเฟิงเจ๋อไว้ ไม่อย่างนั้นฉางเซวียจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน


ผู้คนจำนวนมากต่างก็ช็อกไปตามๆกัน พวกเขาไม่คาดคิดว่าเจ้านี่จะกล้าเข้ามาขัดขวางเช่นนี้


“อู๋ไท่โต่ว เจ้าต้องการที่จะทำอะไร ทำไมถึงเข้ามาขัดขวางข้า? ข้าเพียงแค่ต้องการที่จะสั่งสอนเขาเท่านั้น!” เฟิงเจ๋อจ้องมองเซี่ยปิงด้วยสายตาที่เย็นชา ออร่าจิตสังหารได้แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา


“นี่มันเป็นไปไม่ได้ เขาคือสหายของข้า การที่มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่สามารถที่จะทำร้ายเขาได้”


เซี่ยปิงมองเฟิงเจ๋ออย่างดูถูก


“น่าสนใจจริงๆ ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะสั่งสอนเจ้าก่อน!” เฟิงเจ๋อระเบิดอารมณ์ออกมา


ทักษะลูกเตะทะลวงวิญญาณ!


ภายในพริบตา เฟิงเจ๋อก็ได้นำเท้าขวากลับไปและเตะเข้าไปอีกครั้ง พลังเวทมนตร์ทั่วทั้งร่างกายได้ไปรวมอยู่ที่เท้าขวา จากนั้นก็ปะทุออกมาอย่างกะทันหัน มีพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด


รอบๆบนอากาศนั้นมีเสียงคร่ำครวญของภูตผีวิญญาณที่ดังขึ้นมา เหมือนกับว่าจิตวิญญาณที่ชั่วร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังโหยหวนออกมา


นี่คือหนึ่งในทักษะระดับจักรพรรดิขั้นสุดยอดของนิกายหวนคืนปรโลก ลูกเตะที่เตะออกไปนั้น มีพลังอำนาจของภูติผีวิญญาณที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ต่อให้เป็นภูเขา ก็สามารถที่จะตัดผ่านไปได้


เรียกได้ว่าพลังอำนาจของลูกเตะนี้นั้น เกือบที่จะแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของเฟิงเจ๋ออย่างชัดเจน ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเทียบได้กับการโจมตีก่อนหน้านี้ นี่คือการโจมตีของระดับสมปรารถนาขั้นสูงสุด มีพลังอำนาจที่เคลื่อนย้ายภูเขาและแหวกว่ายท้องทะเลได้


“ทรงพลัง!”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ช็อกไปตามๆกัน ถึงแม้ว่าเฟิงเจ๋อนั้นจะมีลักษณะนิสัยที่ยโสโอหังอย่างมาก โหดเหี้ยมและไร้ความปราณี ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพลังอำนาจของเฟิงเจ๋อนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้บ่มเพาะในระดับระดับสมปรารถนาคนอื่นๆ


ในบรรดาผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาจำนวนมากนั้น ผู้ที่สามารถเอาชนะเฟิงเจ๋อได้นั้นมีเพียงจำนวนน้อยนิด


แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะเฟิงเจ๋อ


“เจ้าเด็กนี่จะต้องตาย ไม่คาดคิดว่าจะกล้าขัดขวางสหายเฟิง ช่างเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยน” ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็แสยะออกมา เห็นเป็นเรื่องสนุก พวกเขาเหมือนกับว่าเห็นได้ถึงชะตากรรมของเจ้าอู๋ไท่โต่วคนนี้


คาดการณ์ได้ว่าเพียงแค่ลูกเตะนี้ เจ้าเด็กนี่จะต้องพิการในทันที ใครกันที่ใช้ให้เขาเข้ามาขัดขวางทั้งๆที่ไม่มีพลังอำนาจ นี่ไม่ใช่เป็นการนำพาหายนะมาสู่ตนเองหรือ?


การที่เผชิญกับลูกเตะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เซี่ยปิงก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่จุดๆเดิมอย่างแน่นิ่งด้วยสีหน้าที่สุขุมเยือกเย็น


ตึบ!


ลูกเตะนี้ได้อัดเข้าไปที่ร่างกายของเซี่ยปิงอย่างรุนแรง พลังอำนาจของทักษะลูกเตะทะลวงวิญญาณได้ปะทุออกมา


อะไรกัน?!


เดิมทีเฟิงเจ๋อต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของตนเอง คิดว่าลูกเตะของตนเองนั้นจะทำให้เจ้านักบ่มเพาะอิสระบัดซบนี่ตายไป ทว่าเมื่อลูกเตะปะทะเข้ากับร่างกายของเซี่ยปิงนั้น เขากลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก


เพราะว่าเขารู้สึกว่าบนตัวของเจ้านี่มีบาเรียพลังฉีที่ปรากฏขึ้นมาเป็นชั้นๆ พลังอำนาจที่แข็งแกร่งที่ระเบิดออกไปนั้น เหมือนกับการอัดเข้าไปกับก้อนนุ่นก็ว่าได้ พลังอำนาจถูกทำให้อ่อนลงในแต่ละชั้นๆ


ในที่สุด พลังอำนาจของเขาก็หายไป นี่เป็นความรู้สึกอึดอัดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เหมือนกับว่าลูกเตะของเขานั้นไร้ประโยชน์ ไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อเจ้านี่ได้แม้แต่นิดเดียว


“ไม่นะ!!”


เฟิงเจ๋อมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะว่าเขารู้สึกได้ถึงหมัดของเซี่ยปิงที่ได้ประเคนออกมา พลังเวทมนตร์รวมเข้าที่หมัดขวาเหมือนกับเป็นหลุมวนก็ว่าได้ อากาศสั่นสะเทือน เหมือนกับว่ามีพลังอำนาจที่จะทำให้ภูเขาขนาดใหญ่สั่นสะเทือนได้


เซลล์ทั่วทั้งร่างกายของเขาสั่นไหว ออร่าแห่งความตายได้กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย เส้นประสาทแต่ละเส้นรัดแน่น เหมือนกับว่ากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่สิ้นหวัง


ตึบ!


หมัดได้อัดไปที่ร่างกายของเฟิงเจ๋อ บาเรียพลังฉีของเขาแตกกระจายออกไปเหมือนกับเป็นเศษกระดาษ แตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างกะทันหัน พลังเกลียวของหมัดได้เจาะเข้าไปในร่างกายของเขา สร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในอย่างรุนแรง


“อ๊าก!”


เฟิงเจ๋อส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช ร่างกายของเขาโค้งงอ ถูกอัดเหมือนกับเป็นลูกบอลยางก็ว่าได้


เสียงปังดังขึ้นมา ร่างกายของเขาถูกอัดกระแทกลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง ทันใดนั้นที่พื้นก็ปรากฏเป็นหลุมขนาดใหญ่ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายกิโลเมตร


เต็นท์ที่อยู่รอบๆนั้นถูกบดทำลายจนกลายเป็นผุยผงโดยพลังอำนาจนี้


ผู้คนที่เห็นเช่นนี้ต่างก็หวาดกลัวจนเจียนตาย แต่ละคนรีบถอยหลังออกไป หลีกเลี่ยงคลื่นพลังงานของหมัดๆนี้


ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มลงมาโดยลมที่รุนแรงและปลิวออกไปตามอากาศ จากนั้นก็ถูกบดขยี้ด้วยแรงลม


“อั่ก!”


ร่างกายของเฟิงเจ๋อจมลงไปในหลุมลึกนี้ กระอักเลือดออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน มีสีหน้านั้นที่ซีดเซียวอย่างมาก

 

 

 


ตอนที่ 1155

 

“ศิษย์พี่เฟิง!”


เห็นเฟิงเจ๋อที่ถูกอัดจนลงไปนอนกับพื้น ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกอีกสองคนก็ตกใจขึ้นมาทันที พวกเขามองดูเซี่ยปิงด้วยแววตาที่แอบแฝงไปด้วยจิตสังหาร


“ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำให้ศิษย์พี่เฟิงบาดเจ็บเช่นนี้ ตายไปซะ!”


“ไม่ต้องพูดจาไร้สาระอะไรกับเขาอีก สังหารเขาทันที!”


ทั้งสองคนมองหน้าซึ่งกันและกัน จากนั้นก็ได้เคลื่อนไหวออกมาอย่างกะทันหัน คนหนึ่งไปทางซ้าย อีกคนหนึ่งไปทางขวา พุ่งออกไปราวกับสายฟ้า


“ไสหัวไปซะ!”


เซี่ยปิงมองอย่างที่ไม่ต้องการมอง เขายกหมัดขึ้นมา ทักษะหมัดเกลียวทมิฬ!


ทันใดนั้นบนอากาศเกิดเป็นคลื่นระรอกขึ้นมา ทับซ้อนในแต่ละชั้นๆ ทำให้พลังอำนาจทวีคูณขึ้นมา


“อ๊าก!”


ทั้งสองคนมีสีหน้าที่แตกตื่น พวกเขาค้นพบว่าพลังหมัดของตนเองนั้นถูกดูดกลืนเข้าไปโดยหลุมวนนี้ ไม่มีพลังอำนาจหลงเหลืออยู่เลย แม้แต่ร่างกายของพวกเขาก็ยังควบคุมไม่ได้


วินาทีต่อมา พลังหมัดก็ได้เจาะเข้าไป ร่างกายของพวกเขาถูกอัดกระเด็นออกไปทันที เหมือนกับเผชิญหน้ากับการโจมตีสายฟ้าฟาดก็ว่าได้ พลังอำนาจของคลื่นระรอกที่น่าสะพรึงกลัวได้ทำให้อวัยวะภายในของพวกเขาบาดเจ็บโดยตรง


ปัง พวกเขาดูเหมือนกับเป็นลูกฟุตบอลที่กระแทกลงไปกับพื้น ไถลออกไปไกล2-3กิโลเมตร จนในที่สุดก็พุ่งชนเข้ากับภูเขาลูกหนึ่ง กระแทกเข้าไปจนกลายเป็นหลุมรูปมนุษย์ เศษหินแตกกระจายออกมา


ทั้งสองคนต่างก็พ่นฟองออกมาจากปาก หมดสติไปทันที ไม่มีพลังอำนาจในการต่อสู้อีกต่อไป


“แม่เจ้า ลูกศิษย์สามคนของนิกายหวนคืนปรโลกถูกอัดจนลงไปนอนกองกับพื้น”


“นี่มันตลกสิ้นดี อันที่จริงใครเป็นลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่กัน ทำไมเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ถึงได้ทรงอำนาจยิ่งนัก?”


“ใช่ นี่เขาไม่ใช่เป็นนักบ่มเพาะอิสระหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นแกนพลังฉีของเขาก็อยู่ในระดับสมปรารถนาขั้นเริ่มต้น เป็นไปได้อย่างที่จะเป็นคู่มือให้กับเฟิงเจ๋อได้ ทว่าทำไมสถานการณ์มันถึงพลิกกลับตาลปัตรเช่นนี้?”


“หรือว่าเจ้าเฟิงเจ๋อนี่จะเป็นผู้ที่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง? อันที่จริงที่ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เห็น”


“ผายลม ความแข็งแกร่งของเฟิงเจ๋อนั้น ในระยะเวลาหลายวันนี้เจ้าไม่ได้เห็นหรือ? พลังอำนาจของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องสงสัย”


“หากนั่นเป็นความจริง การที่อู๋ไท่โต่วสามารถเอาชนะเฟิงเจ๋อได้นั้นจะหมายความว่าอะไรกัน?”


ผู้คนต่างก็ตกใจและตกตะลึง พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง เฟิงเจ๋อลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ถูกเจ้านักบ่มเพาะอิสระนี้อัดจนไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรในตอนนี้


แม้แต่ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกสองคนที่พยายามร่วมมือกันลอบโจมตีนั้น ก็ยังถูกอัดจนบาดเจ็บสาหัสภายในหมัดๆเดียว ไม่มีพลังอำนาจที่จะต่อสู้ต่อไป พลังการต่อสู้เช่นนี้นั้นช่างเหนือจินตนาการของพวกเขาไปอย่างมาก


เมื่อไหร่กันที่นักบ่มเพาะอิสระจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้


ก่อนหน้านี้พวกเขายังเหยียดหยามเจ้านี่ คิดว่าเป็นเพียงแค่ขยะที่ต้องการเกาะแข้งเกาะขาของพวกเขา หากขยะสามารถเอาชนะเฟิงเจ๋อได้ จากนั้นพวกเขาซึ่งอ่อนแอยิ่งกว่าเฟิงเจ๋อนั้นจะเป็นอะไรกัน ด้อยยิ่งกว่าขยะอีกอย่างนั้นหรือ?!


“พี่ใหญ่อู๋ ช่างร้ายกาจจริงๆ”


หวังเฉินและคนอื่นๆต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขานั้นล่วงรู้มานานว่าเซี่ยปิงนั้นเป็นนักวิทยายุทธที่ล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้ ทว่าการที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะยืนยันได้ถึงความแข็งแกร่งของเซี่ยปิง


ทว่าตอนนี้เซี่ยปิงได้แสดงพลังอำนาจที่แท้จริงให้พวกเขาได้เห็นแล้ว ซึ่งพวกเขาก็มีท่าทางที่เหมือนกับคนอื่นๆ ช็อกอย่างมาก


เห็นได้ชัดว่าทุกๆคนนั้นต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาเหมือนๆกัน ทว่าเซี่ยปิงนั้นกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขาอย่างมาก ดูเหมือนกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจซึ่งหลุดออกมาจากออีกห้วงมิติหนึ่งก็ว่าได้


หลิวหยูหลานมีสีหน้าที่สงบนิ่ง เพราะว่าการที่เธอและเซี่ยปิงได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้น เธอก็ล่วงรู้อย่างชัดเจนถึงความเหนือธรรมชาติของผู้ชายคนนี้ ต่อให้เธอจะอยู่ในช่วงเวลาที่มีพลังอำนาจสูงสุด เธอก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของผู้ชายคนนี้


ทว่าเธอก็แอบถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม ดูเหมือนว่าความแตกต่างระหว่างปีศาจต่างถิ่นนั้นก็มีมากเหมือนกัน ไม่ใช่ปีศาจต่างถิ่นทุกคนที่จะร้ายกาจเหมือนกับเจ้าหื่นกามนี่ ยังมีความแตกต่างในระดับอยู่เช่นกัน


ปัง!


เซี่ยปิงเดินเข้าไปและมองเฟิงเจ๋อด้วยสีหน้าที่ดูถูก


“บัดซบ เจ้าบัดซบ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำให้ข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้” เฟิงเจ๋อดิ้นรนและจ้องมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เป็นเหมือนกับสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ


“รอข้าก่อนเถอะ การที่ท้าทายนิกายหวนคืนปรโลกนั้น เจ้าจะไม่ได้พบกับจุดจบที่ดี รอให้ข้าได้สังหารเจ้าในภายหลัง รอให้ข้าได้สังหารเจ้า”


เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง การที่ถูกเซี่ยปิงอัดจนมีสภาพที่บาดเจ็บเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนจำนวนมากนั้น นี่ทำให้เขาเสียหน้าอย่างแท้จริง เป็นความอับอายที่ยิ่งใหญ่


ความอับอายเช่นนี้ มีเพียงแค่การลบล้างด้วยเลือดเท่านั้น


“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่ได้อยู่เห็นวันนั้น เพราะว่าเจ้าจะต้องตายในตอนนี้” เซี่ยปิงมีน้ำเสียงที่นิ่งเฉย สุขุมและเยือกเย็นอย่างมาก ทว่าความสุขุมนี้ที่ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆรู้สึกหวาดกลัว


โดยเฉพาะเฟิงเจ๋อ เขารู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่ปกคลุมร่างกาย อุณหภูมิของร่างกายเหมือนกับว่าลดฮวบลงไปเหลือลบสามสิบองศาก็ว่าได้ แม้แต่อากาศก็เหมือนกับว่าใกล้ที่จะแช่แข็ง


เขาล่วงรู้ว่าเจ้านี่ไม่ได้กำลังล้อเล่น แต่ต้องการที่จะสังหารเขาจริงๆ


ในตอนนี้ ในที่สุดเขาก็แสดงความหวาดกลัวออกมา ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทา ตะโกนออกมาเสียงดัง “ศิษย์พี่ฟ่าน เร็ว ช่วยข้าเร็ว มีบางคนที่ต้องการสังหารข้า ต้องการที่จะสังหารศิษย์น้องของท่าน”


เขาตะโกนขอความช่วยเหลืออกไป เสียงนั้นได้ถ่ายทอดออกไปไกลหลายกิโลเมตร


“คิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือหรือ? ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้” เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย


เฟิงเจ๋อตะโกนออกมา “อู๋ไท่โต่ว เจ้าเสียสติหรือ? เจ้ามีสถานะใด ข้ามีสถานะใด หากเจ้ากล้าที่จะสังหารข้า เจ้าจะต้องกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของนิกายหวนคืนปรโลกอย่างแน่นอน”


“เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เจ้าจะออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณ ทั่วทั้งจักรวาลก็จะไม่มีที่ให้เจ้าหลบซ่อน ไม่มีที่ให้เจ้าหลบซ่อน เจ้ารู้ไหม? เจ้าลองคิดเกี่ยวกับผลที่จะตามมาอย่างรอบคอบ”


เขาได้ข่มขู่เซี่ยปิง ใช้ทั้งการโน้มน้าวและการข่มขู่ หวังว่าจะทำให้เซี่ยปิงหวาดกลัวสถานะของนิกายหวนคืนปรโลก


“กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของนิกายหวนคืนปรโลกหรือ? เจ้านี่ช่างมองตัวเองสูงส่งจริงๆ เชื่อว่าถ้าข้าสังหารเจ้า นิกายหวนคืนปรโลกจะไม่จัดการอะไรข้า เจ้านั้นทำได้เพียงแค่ตายไปอย่างไร้ค่าเท่านั้น ไม่มีใครที่จะหลั่งน้ำตาให้กับเจ้าแม้แต่หยดเดียว”


เซี่ยปิงแสยะออกมา


เฟิงเจ๋อก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วทั้งร่างกาย เขาล่วงรู้ว่าคำพูดของอู๋ไท่โต่วนั้นไม่ได้เป็นการโกหก ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก ทว่าปัญหาก็คือว่าลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกนั้นมีจำนวนมากเกินไป มีนับพันล้านคน การที่ตายไปเพียงคนเดียวนั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง


หากเขาเป็นลูกศิษย์ของเซนต์นั้น ก็อาจจะมีสถานะที่แตกต่างออกไป ทว่าน่าเสียดายอย่างมาก เขานั้นเป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถที่จะทำให้นิกายหวนคืนปรโลกล้างแค้นให้กับการตายของเขาได้


“สหายนักวิทยายุทธ โปรดแสดงความเมตตา”


ในตอนนี้ ระยะที่ห่างออกไปนั้นมีเสียงที่ดังขึ้นมา ชายที่สวมใส่ชุดสีขาวซึ่งมีดาบพาดอยู่ข้างหลังกำลังบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขานั้นมีออร่าของขุมนรกที่แผ่ออกมา


คนๆนี้ก็คือผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง มีพลังอำนาจในการกำราบทุกสิ่งทุกอย่าง


“ศิษย์พี่ฟ่านหมิง เร็ว รีบมาที่นี่โดยเร็ว สังหารไอ้ลูกหมาที่อาจหาญอย่างถึงที่สุดคนนี้ สังหารเขาทันที”


เห็นคนๆนั้นที่ปรากฏตัวขึ้นมา เฟิงเจ๋อก็มีความสุขอย่างมาก แสดงความยโสโอหังของตนเองออกมาทันที “ก่อนหน้านี้เขากล้าที่จะข่มขู่ข้าอย่างไม่คาดคิด ยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่ได้เห็นนิกายหวนคืนปรโลกของพวกเราอยู่ในสายตา หากไม่สังหารเขานั้น นิกายหวนคืนปรโลกของพวกเราคงจะกู้หน้ากลับคืนมาไม่ได้”


เขานั้นมีความมั่นคงดั่งขุนเขาไท่ซาน การที่มีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังนั้น เขาก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัว


“ตายไปซะ!”


เซี่ยปิงมองอย่างที่ไม่ต้องการมอง เขาได้ชี้นิ้วออกไป เล็งไปที่หน้าผากของเฟิงเจ๋อ


“บัดซบ เจ้าหนู เจ้าต้องการที่จะทำอะไร รีบหยุดทันที เจ้ากล้าที่จะสังหารลูกศิษย์ในนิกายหวนคืนปรโลกของข้าหรือ?!” ชายที่สวมชุดคลุมสีขาวเห็นการกระทำของเซี่ยปิง ทันใดนั้นก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก


ทว่าเขานั้นอยู่ห่างจากเซี่ยปิงมากเกินไป ต่อให้จะเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ทว่าก็ยังคงไม่สามารถเข้าไปขัดขวางได้ทันเวลา


“เจ้า!”


เฟิงเจ๋อรู้สึกงุนงง เขาไม่คาดคิดว่าการที่ศิษย์พี่ของนิกายหวนคืนปรโลกปรากฏตัวขึ้นมา มีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้ เจ้านี่ก็ยังกล้าที่จะลงมือ


ตึบ พลังงานฉีได้พุ่งทะลวงหน้าผากของเขาไปอย่างกะทันหัน


วินาทีต่อมา เลือดก็กระเซ็นออกมา หน้าผากของเขาปรากฏเป็นรูเลือดขนาดใหญ่ เลือดไหลออกมา ดวงตาเบิกกว้าง ส่วนลึกของม่านตากำลังจะสูญเสียวี่แววของชีวิตไป


เฟิงเจ๋อเสียชีวิตแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 1156

 

“นี่มัน นี่มัน!”


“ไม่มีทาง เฟิงเจ๋อตายไปแล้วหรือ? ถูกเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่สังหารหรือ?!”


“ยโสโอหังเกินไป ช่างยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกก็กล้าสังหาร นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือ?”


“ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นต่อหน้าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นการที่เขานำพาภัยพิบัติมาสู่ตนเอง”


“เสียสติจริงๆ ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นบุคคลที่เสียสติจริงๆ”


ผู้คนจำนวนมากต่างก็ตกใจ ต่อให้พวกเขาจะจินตนาการไปได้ไกลแค่ไหน พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกได้ตายไปอย่างน่าสลดเช่นนี้


ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์และต่อหน้าลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวนมาก เจาะทะลวงหน้าผากไปโดยตรง ปลิดชีวิตเฟิงเจ๋ออย่างกะทันหัน


“แม่เจ้า!”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกงุนงงอย่างแท้จริง พวกเขารู้สึกว่าเซี่ยปิงนั้นโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุด ช่างไม่เกรงกลัวกฎหมายและสวรรค์ บ้าระห่ำอย่างมาก ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกก็กล้าสังหาร ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ


ต่อให้จะมีโอกาสเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำ เพราะว่าถึงอย่างไร การที่สังหารลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกซึ่งๆหน้านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก จะทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างแน่นอน


สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเฟิงเจ๋อนั้นมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่สนับสนุนอยู่ข้างกาย ใครกันที่จะกล้าทำการสังหารพวกพ้องของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าต่อตา นี่ไม่ใช่เป็นการตบใบหน้าของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์โดยตรงหรือ?


หากผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เดือดระอุขึ้นมา เจ้าเด็กนี่จะต้องตายไปโดยที่ไร้หลุมฝังศพอย่างแน่นอน เป็นได้อย่างไรที่ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาจะต่อกรกับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ จะต้องถูกสังหารอย่างกะทันหัน


วิซ!


ในช่วงเวลานี้ชายชุดขาวฟ่านหมิงก็ได้มาถึงสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว เขาได้เหยียบลงไปที่พื้นดินอย่างเบาบางและเห็นเฟิงเจ๋อที่ถูกสังหารไป สีหน้าของเขานั้นมืดมนอย่างถึงที่สุด มืดเหมือนกับถ่านก็ว่าได้


“อู๋ไท่โต่ว”


ฟ่านหมิงจ้องมองเซี่ยปิงอย่างไม่ละสายตา จิตสังหารกำลังเดือดดาลออกมา “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าหยุดหรือ? ไม่คาดคิดว่าจะกล้าสังหารศิษย์น้องเฟิงเจ๋อต่อหน้าต่อตาข้าเช่นนี้ ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตยิ่งนัก”


ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว คิดว่านี่เป็นการที่เสียหน้าอย่างแท้จริง


เห็นได้ชัดว่าเขานั้นได้บอกให้เจ้านี่หยุดทำร้ายศิษย์น้องของตนเอง ทว่ากลับเพิกเฉยต่อคำพูดของเขา นี่ทำให้เขานั้นรู้สึกเสียหน้าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ตอนนี้ความรู้สึกของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ร้อนระอุ


“ต้องการให้ข้าหยุด? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน หากข้าต้องการที่จะสังหารใคร ก็ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือได้”


เซี่ยปิงแสยะออกมา เขายืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง เขานั้นไม่ได้มองว่าฟ่านหมิงเป็นปัญหา ต่อให้เจ้านี่จะเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์และมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง ทว่าตอนนี้เขานั้นไม่ได้เห็นฟ่านหมิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย


หากต้องการที่จะเข้ามาสร้างปัญหาให้กับเขา จากนั้นเขาก็จะต่อสู้จนตัวตาย ไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น


อะไรนะ?!


ปอดของฟ่านหมิงระเบิดออกมาด้วยความโมโห เจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่ช่างยโสโอหังอย่างถึงที่สุด ยโสโอหังอย่างที่ไม่ได้เห็นใครอยู่ในสายตา มองดูลักษณะท่าทางของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้นั้น ไม่รู้ว่าใครที่เป็นลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ ใครที่เป็นนักบ่มเพาะอิสระ


“เยี่ยม เยี่ยมมาก หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะต้องชดใช้ชีวิตของเจ้าให้กับศิษย์น้องเฟิงเจ๋อ” ฟ่านหมิงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย


จบสิ้นกัน!


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป การที่ทำให้ผู้บ่มเพาในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์โมโหเช่นนี้นั้น มันจะกลายเป็นหายนะอย่างแท้จริง นี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าการท้าทายเฟิงเจ๋อก่อนหน้านี้เสียอีก


การที่ยั่วยุผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น ต่อให้พวกเขาจะต้องการหลบหนีออกไป ก็เป็นไปไม่ได้ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย


“เอาล่ะ ศิษย์น้องฟ่านหมิง พอแค่นี้”


ทันใดนั้นภาพเงาก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน เข้ามาขวางข้างหน้าของฟ่านหมิง ไม่ให้เขาได้เริ่มลงมือ


“ศิษย์พี่เฉินเหว่ย”


ผู้คนต่างก็มีความสุขกันอย่างมาก เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นผู้ชายที่สวมใส่ชุดคลุมสีเทาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน พวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายลง เพราะว่าคนๆนี้นั้นก็คือเฉินเหว่ยผู้ที่ได้รวบรวมพวกเขาทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน


ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกเช่นกัน ทว่าเขานั้นมีบารมีที่สูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้คนจำนวนมากเชื่อในตัวเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็มีความยุติธรรมอย่างมาก ไม่มีท่าทางยโสโอหัง ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเท่าเทียมกัน แตกต่างจากคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง


เซี่ยปิงขมวดคิ้ว เขาเตรียมพร้อมที่จะลงมือ ทว่าดูเหมือนว่าจะมีคนกลางเข้ามาขัดขวาง เขาไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ทว่ายืนอยู่อย่างสงบนิ่ง มองดูอย่างเงียบๆ


“ศิษย์พี่เฉิน การสังหารศิษย์น้องเฟิงเจ๋อนั้นเป็นการดูหมิ่นนิกายหวนคืนปรโลกของพวกเรา ศิษย์พี่ต้องการที่จะขัดขวางข้าอย่างนั้นหรือ?!” ฟ่านหมิงโมโหอย่างมาก


เฉินเหว่ยไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างและพูดออกมา “ศิษย์น้องฟ่านหมิง ก่อนหน้านี้ข้าได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นความผิดของศิษย์น้องเฟิงเจ๋อ เขาล้ำเส้นเกินไป การได้รับบทลงโทษเช่นนี้ก็ถือว่าสมควร”


“ตอนนี้การที่เขาถูกสังหารไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก ไม่สามารถที่จะโทษคนอื่นได้ พูดได้เพียงแค่ว่านี่คือโชคชะตาของเขา เป็นเคราะห์ร้ายของเขา”


“ทว่าหากเจ้ายังต้องการที่จะเปิดฉากโจมตีและบ่อนทำลายความสามัคคีของที่นี่ จากนั้นศิษย์พี่ผู้นี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องขัดขวางเจ้า”


เขาประกาศออกว่าต้องการช่วยเหลือเซี่ยปิงโดยที่เอาตัวเข้าแลก


“ไม่คาดคิดว่าจะปล่อยเจ้านี่ไป?!”


“เจ้านี่สังหารลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก นี่ก็สามารถที่จะปล่อยไปได้หรือ? อีกทั้งยังคุ้มครองเขาเช่นนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป”


“ศิษย์พี่เฉินนั้น มีชื่อเล่นว่านักบุญเฉิน เป็นคนที่ใจกว้างอย่างมากและมีคุณธรรมอย่างยิ่ง”


“ทว่าน่าเสียดายที่คนดีไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลได้เป็นระยะเวลานาน”


“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องนี้ การที่เขาเป็นคนดีนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเรา อย่างน้อยพวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าเขานั้นจะมีกลอุบายอะไร”


“พูดถูก การที่ร่วมมือกับบุคคลเช่นนี้นั้นทำให้พวกเรารู้สึกอุ่นใจอย่างมาก”


ผู้คนต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลามและรู้สึกประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คิดว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ไม่ใช่ทั้งญาติพี่น้องหรือว่ามีสายเลือดเดียวกันกับเฉินเหว่ย แต่ว่าทำไมเฉินเหว่ยถึงได้เข้ามาขัดขวางฟ่านหมิงเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจเรื่องนี้ได้


ทว่าฉางเซวียและคนอื่นๆกลับรู้สึกขอบคุณอย่างมาก การที่มีบุคคลเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมานั้น ช่างเป็นการช่วยชีวิตของพวกเขาจริงๆ


“ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่เฉิน ในเมื่อศิษย์พี่พูดออกมาเช่นนี้ จากนั้นข้าก็จะปล่อยเขาไปเป็นการชั่วคราว หวังว่าหลังจากนี้เขาจะไม่มาตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า” ฟ่านหมิงมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก เขาได้เปล่งเสียงออกมาในลำคอและมองเซี่ยปิงอย่างลึกซึ้งครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ได้หันหลังเดินออกไป


เขาก็ล่วงรู้ว่าการที่มีเฉินเหว่ยอยู่ในสถานที่แห่งนี้นั้น เขาไม่สามารถที่จะจัดการกับเซี่ยปิงได้


“ข้าต้องขอโทษด้วยสหายอู๋ ไม่คาดคิดว่านิกายหวนคืนปรโลกของข้าจะมีขยะสังคมเช่นนี้อยู่เหมือนกัน อีกทั้งยังเกือบที่จะทำร้ายเจ้า นี่เป็นความผิดของนิกายหวนคืนปรโลกของข้า โปรดให้ข้าได้ขอโทษแทนนิกายหวนคืนปรโลกด้วยเถอะ”


เฉินเหว่ยโค้งคำนับเซี่ยปิง


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่เคยเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อน ไม่คาดคิดว่าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จะโค้งคำนับให้กับผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล


ทว่าเซี่ยปิงกลับแสดงท่าทางตอบโต้โดยการกวักมือ “ไม่เป็นไร อย่าไปสนใจเลย ขยะสังคมเช่นนี้ที่ตกอยู่ในมือของข้านั้น มีแค่จุดจบคือความตายเท่านั้น”


อะไรนะ?!


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็มีสีหน้าที่แปลกประหลาด คิดว่าเจ้าเด็กนี่ยโสโอหังเกินไป คนอื่นๆนั้นช่วยเหลือเจ้า ต้องการที่จะปรับความเข้าใจกับเจ้า ทว่าเขากลับพูดเช่นนี้ออกมา เป็นการพูดเหน็บแหนมว่านิกายหวนคืนปรโลกนั้นมีขยะสังคมอยู่จริงๆ ช่างเป็นการตบใบหน้าของเฉินเหว่ยอย่างซึ่งๆหน้า


ทว่าเฉินเหว่ยดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของเซี่ยปิง ยังคงยิ้มออกมา “หากสหายอู๋ไม่ถือโทษโกรธเคืองก็ถือว่าเพียงพอ หวังว่าเมื่อออกไปจากที่นี่ สหายอู๋จะไม่มีความรู้สึกอคติต่อนิกายหวนคืนปรโลกของพวกเราเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้”


“อีกอย่าง ข้าคิดว่าการที่สหายอู๋และคนอื่นๆจะเข้าร่วมกับแผนการของพวกเรานั้น จะถือว่าเป็นเกียรติของพวกเราอย่างยิ่ง”


เขาต้องการที่จะให้เซี่ยปิงเข้าร่วมกับพวกเขา ไม่ต้องการให้แยกออกไปเพราะเหตุการณ์นี้


“อันที่จริงข้าก็ไม่มีปัญหาที่จะเข้าร่วมกับพวกเจ้า ทว่าพูดตามตรง ข้ามีความสงสัยอย่างมาก เจ้ามีวิธีการใดในการฝ่าทะลวงผ่านกองทัพที่คุ้มกันเหมืองหินวิญญาณกัน?” เซี่ยปิงขมวดคิ้วขึ้นมา “ตราบที่ข้ารู้นั้น สถานที่แห่งนั้นมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา มียอดฝีมือที่มากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า อีกทั้งยังมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน การที่ต้องการโจมตีสถานที่แห่งนั้น บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก”

 

 

 


ตอนที่ 1157

 

“ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่สหายอู๋เท่านั้นที่สงสัย คนอื่นๆก็คงจะสงสัยอยู่เหมือนกัน”


เฉินเหว่ยยิ้มออกมาเล็กน้อยและมองผู้คนที่อยู่รอบๆ “เดิมทีข้าก็คิดที่จะบอกพวกเจ้าในภายหลัง ทว่าในเมื่อเจ้าถามขึ้นมาเช่นนี้นั้น จากนั้นข้าก็จะใช้โอกาสนี้ในการบอกกับทุกๆคนล่วงหน้า”


เขาได้หยิบขวดแก้วที่โปร่งใสออกมาจากร่างกาย ข้างในนั้นเหมือนกับว่ามีหมอกสีแดงอยู่ “สิ่งที่อยู่ในขวดนี้คือหมอกพิษ ซึ่งมีชื่อว่าหมอกแดง”


“เชื่อว่าทุกๆคนก็คงจะล่วงรู้ถึงความร้ายกาจของหมอกพิษนี้ เมื่อใดที่สิ่งมีชีวิตหายใจเอาหมอกแดงนี้เข้าไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็จะหมดสติเป็นระยะเวลาสามวันสามคืน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะตื่นขึ้นมาได้”


“หากวันพรุ่งนี้ข้าใช้หมอกพิษนี้ จากนั้นก็จะสามารถทำให้ชาวพื้นเมืองส่วนใหญ่หมดสติไปในทันที เมื่อถึงเวลานั้นการที่พวกเราจะจัดการกับกลุ่มของชาวพื้นเมืองนั้น จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก”


เขาได้บอกแผนการของตนเอง


อะไรนะ?!


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็มีความสุขอย่างมาก พวกเขานั้นก็เคยได้ยินถึงหมอกแดงซึ่งเป็นหมอกพิษนี้มาก่อน ตำนานกล่าวไว้ว่ามันมาจากดาวเคราะห์ที่มีพิษร้ายแรงดวงหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าที่ไม่ได้น้อยเลย ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะในระดับแกนทองที่ได้สูดดมเข้าไปเพียงเล็กน้อยนั้น ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานฤทธิ์ของมันได้


เพราะว่ามันนั้นหายากอย่างมากและมีราคาที่ประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้นนักวิทยายุทธปกติธรรมดาจึงไม่มีทางที่จะครอบครองมันได้ ต่อให้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับสูงก็ไม่สามารถที่จะหาซื้อได้


หลิวหยูหลานก็แอบตกใจเล็กน้อย เจ้าพวกปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะมีสิ่งของที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่เหมือนกัน เธอเริ่มที่จะคิดว่าพลังอำนาจของพวกปีศาจต่างถิ่นนั้นช่างล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้


“หากเจ้ามีหมอกแดงนี้ล่ะก็ ทำไมเจ้าถึงไม่กำจัดชาวพื้นเมืองทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นด้วยตัวเองกัน? ทำไมถึงจะต้องให้พวกเราช่วยเหลือ?” เซี่ยปิงขมวดคิ้วขึ้นมา


“นี่ก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน”


เฉินเหว่ยพูดออกมา “ถึงแม้ว่าข้านั้นจะมีหมอกแดงนี่อยู่ แต่ปัญหาก็คือว่าปริมาณของหมอกแดงนี้นั้นมีน้อยเกินไป ไม่สามารถที่จะครอบคลุมทั่วทั้งเหมืองแร่ได้ ต่อให้จะใช้ไป คาดการณ์ได้ว่าก็ยังคงมีชาวพื้นเมืองบางส่วนที่ยังคงมีสติอยู่”


“ถึงแม้ว่าจะมีชาวพื้นเมืองส่วนน้อยที่หลงเหลืออยู่นั้น ทว่าด้วยพลังอำนาจของพวกเรา ก็เป็นไปได้ยากมากที่จะกำจัดพวกเขาทั้งหมดไป บางทีภายใต้การตอบโต้ของฝ่ายตรงข้ามนั้น อาจจะส่งผลให้พวกเราเผชิญกับการบาดเจ็บล้มตายได้”


“ดังนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ พวกเราจึงต้องการที่จะขอยืมพลังอำนาจของทุกๆคน ร่วมมือกันเพื่อทำให้แผนการนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี”


“แต่แน่นอนว่าการที่ข้าได้ลงทุนไปมากเช่นนี้ ดังนั้นการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ข้าก็จะต้องครอบครองส่วนแบ่งที่มากกว่าคนอื่นๆเช่นกัน”


เขาได้บอกเหตุผลของตนเอง


“เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่คาดคิดว่าพี่ใหญ่เฉินจะมีเหตุผลเช่นนี้อยู่”


“หากมีหมอกแดงนี้ล่ะก็ แน่นอนว่าพวกเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”


“การที่พี่ใหญ่เฉินจะได้ส่วนแบ่งมากกว่าคนอื่นๆนั้น นี่ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดา หากปราศจากหมอกแดงของพี่ใหญ่เฉินนั้น มีที่ไหนที่พวกเราจะสามารถสังหารกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านั้นได้โดยที่ไร้รอยขีดข่วน ครอบครองหินวิญญาณมา”


“ถึงแม้ว่าแผนการจะยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ ทว่าข้าก็เห็นได้ถึงความสำเร็จในอนาคต”


“ขอบคุณพี่ใหญ่เฉินที่ให้โอกาสพวกเราได้ครอบครองหินวิญญาณ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ”


ผู้คนต่างก็รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจอย่างยิ่ง อีกทั้งยังรู้สึกมั่นใจว่าแผนการนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน การที่ศัตรูหมดสติไปและถูกสังหารโดยไม่รู้ตัวนั้น นี่ถือว่าเป็นเครื่องมือสังหารที่น่าสะพรึงกลัว เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะล้มเหลวในแผนการครั้งนี้?


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตื่นเต้นเช่นกัน เดิมทีอัตราการสำเร็จของภารกิจนั้นก็ต่ำมาก เป็นไปได้ยากที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จด้วยตัวพวกเขาเอง ทว่าการที่มีความช่วยเหลือของเฉินเหว่ยนั้น นี่จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก


“สหายอู๋ มีคำถามอะไรอีกหรือไม่?” เฉินเหว่ยมองไปที่เซี่ยปิง


คนอื่นๆต่างก็มองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ หากเซี่ยปิงต้องการที่จะจับผิดอีกล่ะก็ จากนั้นก็อย่าโทษพวกเขาหากว่าพวกเขาจะทำตัวเสียมารยาท


เซี่ยปิงส่ายหัว “ไม่มี”


เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงแม้ว่าเขานั้นจะรู้สึกสงสัยอยู่ไม่มากก็น้อย ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก


“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ใกล้ที่จะมืดเต็มที เกือบที่จะถึงเวลาอาหารค่ำ ก่อนหน้านี้ข้าได้ออกไปล่าข้างนอกและบังเอิญสังหารอสูรดุร้ายได้เป็นจำนวนมาก คาดการณ์ได้ว่านี่คงจะเพียงพอที่ทำให้ทุกคนได้กินกันจนอิ่มหนำสำราญ”


เฉินเหว่ยโบกมือออกไป ทันใดนั้นซากศพของอสูรดุร้ายจำนวน5-6ตัวก็ออกมาจากแหวนห้วงมิติของเขาในทันที


หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็ได้เปลี่ยนสถานที่ตั้งแคมป์ไปในอีกสถานที่หนึ่ง ตั้งเต็นท์ขึ้นมาใหม่ พวกเขาทั้งหมดเข้าไปอยู่ในเต็นท์เดียวกัน แต่ละคนต่างก็หยิบเนื้ออสูรดุร้ายที่ผ่านการปรุงสุกมารับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย


ผู้คนจำนวนมากต่างก็ตื่นเต้นที่ได้ทานอาหารที่เอร็ดอร่อยเช่นนี้


“สหายอู๋ ก่อนหน้านี้ขอบคุณเจ้ามาก ไม่อย่างนั้นข้าคงจะตายไปแล้วจริงๆ”


ฉางเซวียมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้ง


“ไม่มีปัญหา ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะข้าที่ทำให้เจ้าต้องเผชิญกับเรื่องเช่นนั้น” เซี่ยปิงกวักมือ


ฉางเซวียพูดออกด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม “โชคดีที่ศิษย์พี่เฉินเข้ามาช่วยเหลือพวกเราไว้ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่ออกมานั้นอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายจนไม่กล้าคิด”


“ใช่ หากปราศจากความช่วยเหลือของเฉินเหว่ย ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายไปถึงขั้นไหน”


“เฟิงเจ๋อและฟ่านหมิงทั้งสองนั้นเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย ทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจ ไม่คาดคิดว่าเฉินเหว่ยที่เป็นคนที่ใจกว้างเช่นนี้นั้นจะเป็นลูกศิษย์ภายในนิกายหวนคืนปรโลกเช่นเดียวกับพวกเขา ทำไมความแตกต่างถึงได้มีมากขนาดนี้”


“นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเก้าลูกมังกรที่ไม่เป็นมังกร มีความแตกต่างกันออกไป นี่คือความจริง ทว่าสรุปสั้นๆก็คือการที่พวกเราได้พบกับศิษย์พี่เฉินเหว่ยนั้นเป็นโชคดีของพวกเรา”


“อย่ามัวแต่พูดเลย รีบกินเถอะ เนื้ออสูรดุร้ายเช่นนี้เป็นสิ่งที่หายากอย่างมาก พวกมันมีพลังงานที่บริสุทธิ์ เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของพวกเราอย่างมาก”


หวังเฉินและคนอื่นๆต่างก็หยิบเนื้ออสูรดุร้ายขึ้นมากัดกิน ง่ำ ง่ำ พวกเขาวางแผนที่จะกินจนอิ่มท้อง การที่พรุ่งนี้จะมีการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นั้น จะต้องมีพลังงานมหาศาลในการรับมือ


“หืมม?!”


เซี่ยปิงก็คิดที่จะกินอาหารของตนเองเช่นกัน ทว่าทันใดนั้น สายเลือดในร่างกายของเขาก็เกิดอาการพลุ่งพล่านขึ้นมา ดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเนื้ออสูรดุร้ายเหล่านี้ ทันใดนั้นก็เกิดความลังเล


“เซี่ยปิง ระวังด้วย ออร่าของที่นี่มีความแปลกประหลาดทีเดียว”


ทันใดนั้นเสียงของแมวนักปราชญ์ก็ได้ดังขึ้นมา มีน้ำเสียงที่เคร่งขรึมอย่างมาก


“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เซี่ยปิงขมวดคิ้ว


แมวนักปราชญ์พูดออกมา “ก่อนหน้านี้ข้าได้ใช้ระบบการสำรวจเพื่อตรวจสอบองค์ประกอบของอากาศรอบๆและค้นพบว่าอากาศของที่นี่นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของดอกน้ำค้าง”


“เป็นจริงอย่างที่ว่า ข้าก็ได้กลิ่นบางอย่างที่แปลกประหลาดเหมือนกัน”


เซี่ยปิงกวาดสายตามองออกไปรอบๆและค้นพบว่าในแต่ละมุมของเต็นท์นั้นมีกระถางดอกไม้สีม่วงจำนวนหนึ่ง ซึ่งดูงดงามอย่างมาก เป็นสิ่งที่ผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกได้ใช้เพื่อตกแต่งเต็นท์นี้


“หากมีเพียงแค่ดอกน้ำค้างนั้นก็คงจะไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะว่าดอกไม้นี้นั้นไม่ได้มีผลอะไรสำหรับร่างกายมนุษย์ แต่ปัญหาก็คือว่าดอกไม้นี้นั้นมีคุณลักษณะพิเศษบางอย่างอยู่ หากผสมผสานมันเข้ากับหญ้าขาวนั้น สามารถที่จะผสมผสานกันกลายเป็นพิษพลังฉีที่ไร้สีและไร้กลิ่นได้”


แมวนักปราชญ์พูดออกมาอย่างจริงจัง “พิษพลังฉีนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก หากนักวิทยายุทธสูดดมเข้าไป จะอ่อนกำลังและไร้เรี่ยวแรงเป็นระยะเวลาหนึ่งวันเต็มๆ พลังฉีในร่างกายจะหายไปทั้งหมด ร่างกายจะเปราะบางอย่างมาก”


“นี่คือพิษที่เป็นที่ต้องห้ามของจักรวาล”


อะไรนะ?!


เซี่ยปิงขมวดคิ้ว “ท่านหมายความว่าผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกต้องการที่จะวางยาพวกเราอย่างนั้นหรือ?!”


“อย่างไม่ต้องสงสัย”


แมวนักปราชญ์พูดยืนยันออกมา “อาหารเหล่านี้จะต้องมีหญ้าขาวเป็นส่วนผสมอย่างแน่นอน เพราะว่ามันสามารถใช้ในการปรุงรสได้ เป็นเรื่องที่ธรรมดา ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการหนึ่งของเหล่านักฆ่าเช่นกัน”


“ในอดีตที่ข้าใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลนั้น ก็มีองค์กรนักฆ่าจำนวนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าได้ใช้วิธีการนี้ในการสังหารยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมากแค่ไหน”


“หากข้าไม่ได้ติดตามผู้นำนิกายมาเป็นระยะเวลานาน คาดการณ์ได้ว่าก็คงจะไม่รู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน”

 

 

 


ตอนที่ 1158

 

“ทว่าดูเหมือนผู้คนที่อยู่รอบๆนั้นจะไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆออกมา”


เซี่ยปิงมองออกไปรอบๆ ผู้คนที่อยู่รอบๆนั้นต่างก็กำลังกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีวี่แววของการถูกวางยาพิษ


“พิษนี้จะไม่ออกฤทธิ์ในทันที มันจะมีระยะเวลาการฟักตัวประมาณครึ่งวัน มันจะกระจายไปทั่วทั้งร่างกายอย่างช้าๆ ในระหว่างนี้จะไม่มีความผิดปกติใดๆ รอให้ได้ออกอาการในคราวเดียว”


แมวนักปราชญ์พูดออกมา


“ใช้ระยะเวลาฟักตัวประมาณครึ่งวัน?”


เซี่ยปิงมีสายตาที่เย็นชา “หากพูดอีกนัยหนึ่งก็คือนิกายหวนคนปรโลกได้ไต่ตรองไว้ล่วงหน้า พวกเขาไม่ต้องการที่จะแบ่งหินวิญาณในเหมืองแร่ให้กับพวกเรา หลังจากที่ใช้ประโยชน์จากพวกเราในการกำจัดกลุ่มของชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ก็ต้องการที่จะใช้วิธีการนี้ในการจัดการกับพวกเราภายในคราวเดียว ทำลายทุกอย่างให้สิ้นซาก พวกเขาต้องการที่วางแผนตลบหลังพวกเราเช่นนี้หรือ?! ช่างมีความละโมบยิ่งนัก”


เขาเข้าใจแผนการของผู้คนในนิกายหวนคืนปรโลกในทันที ช่างเป็นแผนการที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยมจริงๆ


“ใช่ มีความละโมบอย่างยิ่ง”


แมวนักปราชญ์แสยะออกมา “หินวิญญาณภายในจักรวาลนั้นก็เป็นแร่ที่ล้ำค่าอย่างมาก สามารถที่จะเสริมสร้างพลังงานวิญญาณได้ ไม่รู้ว่ามีนักวิทยายุทธจำนวนมากแค่ไหนที่ต้องการครอบครองมัน ซึ่งสามารถที่จะปั่นราคาให้สูงเฉียดฟ้าภายในจักรวาลได้”


“เรียกได้ว่าหากครอบครองเหมืองหินวิญญาณนี้นั้น มันจะเทียบเท่ากับการร่ำรวยขึ้นมาภายในคืนเดียว”


“เจ้าลองคิดดูดีๆ หากเป็นเจ้า เจ้าจะมอบเหมืองแร่นี่ให้อย่างง่ายๆหรือ? นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไมได้ การที่แบ่งปันไปนั้น มีที่ไหนที่จะมีอำนาจในการผูกขาดได้”


“ข้าคิดว่าเจ้าควรที่จะเปิดเผยแผนการของนิกายหวนคืนปรโลกในตอนนี้ ไม่สามารปล่อยให้เป็นไปตามแผนการของพวกเขาได้”


มันได้เสนอความคิดเห็นของตนเองออกไป


“ไม่ต้องเป็นกังวลไป”


เซี่ยปิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “หากพวกเขาต้องการที่จะตลบหลังพวกเรา ทำไมพวกเราถึงไม่ทำเหมือนกับฝ่ายตรงข้ามกัน สำหรับการที่จะได้ครอบครองเหมืองหินวิญญาณแต่เพียงผู้เดียวนั้น ข้าก็มีความสนใจอยู่เช่นกัน”


“อะไรนะ? เจ้าคิดที่จะทำอะไรกัน?” แมวนักปราชญ์สั่นไหวเล็กน้อย มันไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงคิดว่าเจ้านี่เป็นตัวตนที่เลวร้ายยิ่งกว่ากลุ่มของนิกายหวนคืนปรโลกเสียอีก อีกทั้งยังน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก


“ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น แต่ไม่เห็นว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง ข้าจะรอดูว่าใครจะได้เป็นฝ่ายหัวเราะในภายหลัง” เซี่ยปิงกำหมัดขึ้นมา นิกายหวนคืนปรโลกต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากพวกเขา ทว่าเขานั้นก็ต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากนิกายหวนคืนปรโลกเพื่อกำจัดกลุ่มของชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณเช่นกัน


เพราะว่าถึงอย่างไร การที่ต้องการครอบครองหินวิญญาณที่อยู่ข้างในเหมืองหินวิญญาณนั้น อันดับแรกจะต้องจัดการกับกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านั้น รวมถึงผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน


แน่นอนว่าเพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่กี่คนนั้นไม่ถือว่าเป็นปัญหา สิ่งที่น่าเกรงกลัวคือพวกเขาจะเรียกคนอื่นๆมาอีก หากทำให้สำนักวิญญาณล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ บางทีอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องตกอยู่ในการห้อมล้อมอย่างแน่นอน


ทว่าหากมีผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกช่วยเหลืออยู่ จากนั้นก็จะสามารถกำจัดกลุ่มคนที่ขวางทางเหล่านี้ไปได้อย่างกะทันหัน จะไม่ให้กลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านั้นได้มีโอกาสในการเรียกกองกำลังเสริมมา


ส่วนชีวิตของผู้คนของนิกายห้าธาตุ นิกายเมฆาทะยานและนิกายอื่นๆนั้น ก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาที่เขาเผชิญกับปัญหานั้น กลุ่มคนเหล่านี้ก็ต้องการที่จะซ้ำเติมเขาในขณะที่ล้มอยู่ เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องเป็นห่วงพวกเขา


แน่นอนว่าฉางเซวียและคนอื่นๆนั้นเป็นคนดี ด้วยพลังอำนาจของเขาในตอนนี้นั้น การที่จะต้องการช่วยชีวิตของคนเหล่านี้นั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ตอนนี้เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ไปก่อน หลีกเลี่ยงการที่จะทำให้ศัตรูรู้ตัว


“สหายอู๋”


ทันใดนั้นเฉินเหว่ยก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเซี่ยปิง มีสีหน้าที่สดใสอย่างมาก “มองดูเจ้าเหมือนกับว่ากำลังมีปัญหาหนักใจอะไรบางอย่างอยู่ ไม่พึงพอใจกับอาหารที่ข้าได้เตรียมไว้ให้หรือ? ทานไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”


“บัดซบ ไม่คาดคิดว่าเจ้านี่จะปรากฏตัวขึ้นมา เจ้าบุคคลชั่วร้ายที่น่ารังเกียจนี่ เขาจะต้องจับตาดูทุกๆคนอย่างแน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปลาตัวไหนเล็ดรอดไปได้ นี่คือการรับประกันความปลอดภัยที่แน่นอน”


แมวนักปราชญ์ตะโกนออกมาทันที “เซี่ยปิง ไม่ว่าอย่างไรก็อย่ากินเข้าไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกยาพิษอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นมันจะเป็นเรื่องยากที่จะขจัดพิษออกไปจากร่างกาย เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเผชิญหน้ากับชายคนนี้โดยตรง”


มันได้ย้ำเตือนออกมาทันที


ทว่าเซี่ยปิงกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่ อาหารเหล่านี้จะไม่พึงพอใจข้าได้อย่างไร เมื่อครู่นี้ข้าเพียงแค่คิดบางอย่างอยู่เท่านั้นเอง” จากนั้นเขาก็หยิบเนื้อขึ้นมากัดกิน


จบสิ้นกัน


แมวนักปราชญ์กระวนกระวายใจอย่างมาก วิตกกังวลอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าห้ามไม่ให้เจ้านี่กินเข้าไป ทำไมถึงยังโง่เขลาตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามได้ นี่มันไม่ใช่การกระทำที่โง่เขลาหรือ?!


“เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะไม่รบกวนเจ้า สหายอู๋ไม่จำเป็นต้องรีบกิน ยังมีอาหารเหลืออีกมาก” เห็นเซี่ยปิงที่ได้กินเนื้ออสูรดุร้ายเข้าไป เฉินเหว่ยก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่สดใสมากกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่ารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก


จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปกล่าวทักทายคนอื่นๆและเข้าไปถามถึงความพึงพอใจต่ออาหารมื้อนี้ หลังจากนั้นเหมือนกับว่าเมื่อเห็นว่าแต่ละคนได้กินเนื้ออสูรดุร้ายเข้าไปนั้น ในที่สุดเขาก็เดินจากไปอย่างเงียบสงบ


แน่นอนว่าท่าทางอบอุ่นของเขานั้น ดูเหมือนจะเป็นคนอัธยาศัยดีต่อหน้าคนอื่นๆ เหมือนกับว่าเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน ไม่ได้มีเจตนาที่ชั่วร้าย แต่ละคนต่างก็มีความสุขกันอย่างมาก


“เซี่ยปิง เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? เมื่อครู่นี้ข้าห้ามเจ้าไม่ให้กิน เจ้าไม่ได้ยินอย่างนั้นหรือ? เมื่อใดที่กินเข้าไป การที่จะต้องการขจัดพิษออกไปนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” แมวนักปราชญ์พูดออกมา “เจ้าควรที่จะใช้โอกาสในตอนนี้ ในระหว่างที่พิษยังไม่ได้ฟักตัวหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว”


“สบายใจได้ พิษนี้ไม่มีผลอะไรต่อข้า ร่างกายของข้าเป็นร่างที่ร้อยพิษไม่กล้ำกราย” เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย หลังจากที่ได้กลืนกินเนื้ออสูรดุร้ายเหล่านี้เข้าไปในกระเพาะของตนเองนั้น


กระเพาะของเขาก็มีเปลวไฟกลุ่มหนึ่งที่ลุกโชนออกมา เปลวไฟกำลังแผดเผาอย่างบ้าคลั่ง เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นพลังงาน ผสมผสานเข้ากับกล้ามเนื้อและกระดูกของร่างกาย


สิ่งสกปรกเจือปนต่างๆที่ไม่จำเป็นสำหรับร่างกายของเขานั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นแก๊สและลอยออกมาจากรูขุมขนทั่วทั้งร่างกาย ถูกปล่อยออกมาเช่นนี้ หายไปอย่างไร้ร่องรอย


ไม่ว่าพิษใดๆที่เข้ามาในร่างกายของเซี่ยปิงนั้น จะถูกแผดเผาจนหมดจด ไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อเขาได้


โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ปลุกพลังอำนาจของกระเพาะอีกานรกทองคำขึ้นมานั้น เขาจึงมีความต้านทานพิษที่ทรงอำนาจอย่างมาก


ทว่านี่ก็สามารถที่จะต้านทานพิษส่วนใหญ่ได้เท่านั้น ไม่สามารถที่จะต้านทานพิษที่พิเศษซึ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านี้ เมื่อใดที่เขากระตุ้นพลังอำนาจของไตอีกานรกทองคำขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็จะสามารถต้านทานพิษทุกอย่างในโลกได้อย่างแท้จริง


“ร้อยพิษไม่กล้ำกราย?!”


แมวนักปราชญ์กัดมุมปาก ร่างกายสั่นสะเทือน ไม่คาดคิดว่าเซี่ยปิงจะมีร่างกายเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ไม่ประหลาดใจว่าทำไมถึงกล้ากินเข้าไปโดยที่ไม่ลังเล เดิมทีเป็นเพราะไม่ได้เกรงกลัวพิษเหล่านี้นี่เอง


ทว่าการที่มีร่างกายเช่นนี้ภายในจักรวาลนั้น ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วในส่วนลึกของจักรวาลนั้นก็มีพิษจำนวนนับไม่ถ้วน หากเคลื่อนไหวอย่างไม่ระวังตัว อาจจะตายไปโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้


ในทุกๆปีจะมีนักวิทยายุทธที่แข็งแกร่งเป็นจำนวนมากที่ล้มตายไปโดยพิษที่ร้ายแรง ตายไปอย่างน่าสลด


“ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าวันพรุ่งนี้พวกเขาจะใช้กลอุบายอย่างไร”


เซี่ยปิงหรี่ตามอง มองไปที่เฉินเหว่ยและคนอื่นๆที่เดินออกไปจากเต็นท์


………..


ในช่วงเวลานี้ เฉินเหว่ยและคนอื่นๆที่เดินออกมาจากเต็นท์นั้นก็ได้มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขามาถึงที่ถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ที่นี่เป็นสถานที่ชั่วคราวที่เหล่าลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวนมากมารวมตัวกัน


ฟ่านหมิงผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ก็ได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน


“เฉินเหว่ย อันที่จริงก่อนหน้านี้เจ้าคิดที่จะทำอะไรกัน?”


เห็นเฉินเหว่ยที่มาถึง ฟ่านหมิงก็ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “ไอ้ลูกหมาอู๋ไท่โต่วนั่นยโสโอหังอย่างมาก สังหารศิษย์น้องเฟิงเจ๋อของพวกเราต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะปล่อยเขาไปเช่นนั้น”


“อันที่จริงเจ้ายังเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกเช่นเดียวกับพวกเราหรือไม่?! เจ้าเห็นเจ้าอู่ไท่โต่วนั่นสำคัญกว่าลูกศิษย์ในนิกายของพวกเราหรือ?”


เขานั้นโมโหอย่างมาก จ้องมองเฉินเหว่ยอย่างไม่ละสายตา คิดว่าเฉินเหว่ยนั้นเป็นคนขี้ขลาดตาขาว


 

 

 


ตอนที่ 1159

 

“ศิษย์น้องฟ่าน อย่ากังวลไป ข้าเป็นอย่างไร เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่หรือ? การที่ท้าทายผู้คนในนิกายหวนคืนปรโลกของข้านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นี่ไม่ใช่เป็นการดูถูกเหยียดหยามข้าหรือ?”


เฉินเหว่ยมองไปที่ฟ่านหมิงพร้อมกับยิ้มออกมา ดวงตาของเขานั้นเป็นเหมือนกับงูอสรพิษก็ว่าได้ ทำให้ผู้คนอื่นๆสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว


“เกิดอะไรขึ้น? เฉินเหว่ยนี่เจ้าจัดการกับเจ้าเด็กนั่นแล้วหรือ?” ฟ่านหมิงสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บบนอากาศเมื่อเห็นสายตาที่น่าสะพรึงกลัวของเฉินเหว่ย


เขาไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ตนเองได้เห็นเฉินเหว่ยแสดงสายตาเช่นนี้ออกมา ทว่าทุกครั้งที่เห็นนั้น มันจะเป็นตัวแทนของการนองเลือดครั้งยิ่งใหญ่ ไม่รู้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่จะต้องตายไปด้วยกลอุบายที่ชาญฉลาดของเขา


เฉินเหว่ยหรี่ตามอง “ยังไม่ได้จัดการ ทว่าตอนนี้เขานั้นไม่ได้อยู่ห่างไปจากความตายมากนัก”


“เจ้าเด็กนั่นก็ถูกยาพิษเช่นกันหรือ?”


ฟ่านหมิงเข้าใจได้ถึงคำพูดของเฉินเหว่ยได้ทันที เพราะว่าเขานั้นก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ ล่วงรู้ถึงแผนการต่อไปของเฉินเหว่ย


“ใช่”


เฉินเหว่ยพยักหน้า “ข้าเห็นกับตาของตนเองว่าเขาได้กินอาหารของข้าเข้าไป ตอนนี้เขาได้รับพิษที่ร้ายแรง คาดการณ์ได้ว่าในวันพรุ่งนี้ เขาจะต้องกลายเป็นซากศพ“


“แน่นอนว่าไม่ใช่มีเพียงแค่เจ้าอู๋ไท่โต่วเท่านั้น แม้แต่คนของเขาเองก็ต้องตายไปเช่นกัน”


น้ำเสียงของเขานั้นไร้อารมณ์อย่างมาก ดูไม่เหมือนกับเป็นการสังหารผู้คน แต่เป็นการเหยียบย่ำมดปลวกเพียงไม่กี่ตัว


“เยี่ยม”


ฟ่านหมิงก็มีความสุขขึ้นมา เผยรอยยิ้มที่แสดงถึงความพึงพอใจออกมาทันที “รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ จะสามารถเห็นเจ้าเด็กนั่นนอนร่ำไห้อยู่ที่พื้นและอ้อนวอนขอความเมตตา ดูสิว่าเขาจะสามารถแสดงความยโสโอหังออกมาได้อีกหรือไม่”


“แต่ข้าก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขาเป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะอิสระ เป็นเพียงแค่ขยะเท่านั้น ทำไมถึงต้องใช้กลอุบายในการจัดการกับเขา ทำไมถึงไม่ใช้หมัดสังหารเขาไปโดยตรง?”


เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย


“เจ้าโง่”


เฉินเหว่ยเปล่งเสียงออกมาในลำคอ “หากเจ้ายังเป็นคนที่บุ่มบ่ามและไม่ใช้สมองคิดเช่นนี้ เจ้าอาจจะเสียท่าให้กับคนอื่นได้ง่ายๆ ในฐานะที่นักบ่มเพาะอิสระนั้น การที่กล้าเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณเพียงลำพังโดยที่ไม่ได้มีฝีมือนั้น เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ?”


“แม้แต่การที่เผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งๆหน้าเช่นนั้น เจ้าเด็กนั่นก็ไม่ได้แสดงความกลัวออกมาแม้แต่น้อย ข้าสามารถยืนยันได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นจะต้องมีวิธีการบางอย่างที่สามารถต่อกรกับพวกเราได้อย่างแน่นอน”


น้ำเสียงของเขานั้นจริงจังอย่างมาก


“ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา ต่อให้จะร้ายกาจเพียงใด เขาจะมีวิธีการใดที่จะเอาชนะพวกเราได้ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจ้าเด็กนั่นมีวิธีการบางอย่างนั้น พวกเราจะไม่มีหรือ?” ฟ่านหมิงไม่เต็มใจยอมรับเรื่องนี้เล็กน้อย


“เป็นไปได้ว่าอาจจะมี เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มี ทว่านี่คือความไม่แน่นอน”


เฉินเหว่ยเผยให้เห็นสายตาที่เย็นชา “อันที่จริงไม่ว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีวิธีการอะไรเพื่อช่วยเหลือตนเองอยู่ สรุปสั้นๆก็คือแผนการนี้ของข้านั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน”


“ข้าเฉินเหว่ยจะไม่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่แน่นอน ข้าไม่เคยหวังพึ่งโชคดวง ข้าเชื่อมั่นในแผนการที่จะสามารถสังหารศัตรูได้อย่างแท้จริงเท่านั้น ไม่ให้การกระทำที่โง่เขลาทำให้ปัญหาใหม่สอยแทรกเข้ามา”


“ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้เขาได้แสดงท่าทางยโสโอหังไปได้ชั่วคราว เมื่อพิษในร่างกายของเขาออกฤทธิ์และไม่มีพลังอำนาจที่จะต้านทานได้ เขาก็จะเป็นเพียงแค่มดปลวกในกำมือของข้า สามารถที่จะใช้ฝ่ามือสังหารได้อย่างกะทันหัน”


“ฟ่านหมิง ข้าขอเตือนเจ้า จนกว่าเรื่องของวันพรุ่งนี้จะสิ้นสุดลง อย่าทำอะไรที่โง่เขลาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นต่อให้เจ้าจะเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก ข้าก็จะส่งเจ้าไปที่ยมโลกเช่นกัน”


เขาได้เตือนฟ่านหมิงอย่างโหดเหี้ยม จิตสังหารเดือดดาลออกมา ไม่ได้ปกปิดแม้แต่น้อย


“เข้าใจแล้ว”


ทั่วทั้งร่างกายของฟ่านหมิงสั่นเทา รู้สึกเหมือนกับว่าอากาศทิ่มแทง ต่อให้เขาและเฉินเหว่ยนั้นจะอยู่ในฝ่ายเดียวกัน เป็นศิษย์พี่และศิษย์น้อง ทว่าเขาก็ยังมีความรู้สึกเกรงกลัวฝ่ายตรงข้ามอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ


หากเฉินเหว่ยต้องการที่จะสังหารเขาจริงๆ บางทีมันอาจจะง่ายดายเหมือนกับการเป่าฝุ่นให้หายไป


เขาก้มหัวลงทันที ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทางต่อต้านอีกต่อไป


“เยี่ยมมาก จากนั้นก็รอให้ถึงวันพรุ่งนี้” เฉินเหว่ยพยักหน้า รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก


…………..


ค่ำคืนได้ผ่านไปโดยที่ไม่ได้เกิดปัญหาใดๆ


วันต่อมา เซี่ยปิงและคนอื่นๆได้ตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ได้เดินทางไปสู่เหมืองหินวิญญาณ ใช้ระยะเวลาการเดินทางเพียงไม่นาน ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงที่พื้นที่รอบนอกของเหมืองหินวิญญาณ


มองดูจากระยะไกล พวกเขาค้นพบทันทีว่ามีทหารที่คุ้มกันอยู่รอบๆเหมืองหินวิญญาณ มีจำนวนมหาศาล กระจายตัวออกไปในทุกซอกทุกมุมของเหมืองแร่แห่งนี้


บนอากาศนั้น ภายในส่วนลึกของเหมืองแร่แห่งนี้เหมือนกับว่ามีออร่าของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมา คืบคลานอยู่ในความมืด เหมือนกับว่ามีอสูรโบราณที่น่าสะพรึงกลัวกำลังจำศีลอยู่ข้างในความมืดก็ว่าได้ รอให้ศัตรูเข้ามา จากนั้นก็สังหารศัตรูให้สิ้นซาก


“ใช่ ที่นี่คือเหมืองหินวิญญาณจริงๆ ข้าสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงออร่าที่อุดมสมบูรณ์ของหินวิญญาณได้อย่างชัดเจน”


“เป็นจริงอย่างที่ว่า มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา บางทีหากมีเพียงแค่พวกเรานั้น คงจะไม่สามารถฝ่าเข้าไปในเหมืองแร่แห่งนี้ได้”


“ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก็คุ้มกันอยู่ที่นี่เช่นกัน หากพวกเราถาโถมกันเข้าไป จะต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน”


“ใช่ เพราะว่าถึงอย่างไรชาวพื้นเมืองที่อยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นก็น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก พวกเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านทักษะพลังวิญญาณ เมื่อใดที่โจมตีออกมานั้น เป็นไปได้ว่าจะสามารถสังหารพวกเราทั้งหมดโดยที่ไร้เสียงและไร้ร่องรอย”


ผู้คนต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม ลดเสียงและลมหายใจของตนเอง ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น เพราะว่าเหมืองหินวิญญาณอยู่ต่อหน้าตนเอง ภารกิจใกล้ที่จะสำเร็จเต็มที ไม่มีใครที่จะไม่รู้สึกตื่นเต้น


ทว่าเซี่ยปิงนั้นมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก เขายืนอยู่ในกลุ่มผู้คนอย่างเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา


“ทุกๆคน”


ในตอนนี้เฉินเหว่ยพูดขึ้นมา “แผนการจะเริ่มในไม่ช้า ข้าจะแอบลักลอบเข้าไปและปล่อยหมอกแดงนี่ออกไป หลังจากที่ชาวพื้นเมืองทั้งหมดเหล่านั้นหมดสติไปนั้น พวกเจ้าก็สังหารพวกเขาทันที สังหารชาวพื้นเมืองที่หมดสติไปให้หมดสิ้น”


“ศิษย์พี่เฉิน การที่ศิษย์พี่ทำเช่นนี้มันจะไม่เป็นการเสี่ยงเกินไปหรือ?”


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกคนหนึ่งได้พูดแทรกขึ้นมาทันที “เดิมทีแผนการนี้ก็เป็นศิษย์พี่ที่ได้เสนอขึ้นมา ทว่าภารกิจที่อันตรายที่สุดก็ให้ศิษย์พี่เป็นคนทำอีก หากกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านั้นค้นพบร่องรอยของศิษย์พี่ขึ้นมา บางทีอาจจะเผชิญกับการห้อมล้อมของชาวพื้นเมืองได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะไม่รอดชีวิตกลับมา”


เซี่ยปิงมองดูอย่างเงียบๆ ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกคนนี้คือหน้าม้าอย่างแน่นอน ทำหน้าที่เพิ่มภาพลักษณ์ของเฉินเหว่ยให้ดูดีมากขึ้น


“เฮ้ เจ้าอย่าพูดเช่นนั้น หากข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลง” เฉินเหว่ยเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่เคร่งขรึม “แผนการนี้ข้าเป็นคนเสนอขึ้นมา ภารกิจที่อันตรายที่สุดก็ควรจะเป็นข้าที่ต้องทำ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่สมควรที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้”


“ข้าไม่มีอะไรที่จะพูดมากไปกว่านี้ เริ่มต้นแผนการกันเถอะ สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือเข้ามาช่วยเหลือข้าโดยเร็ว มันจะเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าเฉินเหว่ย”


ได้ยินคำเหล่านี้ ผู้คนก็รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจอย่างยิ่ง เจ้าเฉินเหว่ยนี่ช่างเป็นคนที่มีคุณธรรมยิ่งนัก หากเป็นผู้นำปกติทั่วไปล่ะก็ เมื่อเผชิญกับอันตรายจะต้องส่งลูกน้องออกไปอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่จะเสียสละตนเองเช่นนี้


ทว่าเฉินเหว่ยนั้นกลับยอมเสียสละ ยอมก้าวนำหน้าและให้เหล่าลูกน้องรั้งท้าย เข้าไปเผชิญกับอันตรายเป็นคนแรก หากนี่ไม่ใช่บุคคลที่มีคุณธรรมล่ะก็ ใครกันที่จะมีอีก


ตอนนี้พวกเขานั้นไม่ได้มีความเคลือบแคลงใจแม้แต่น้อย อีกทั้งบางคนนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งในการกระทำของเฉินเหว่ยอย่างมาก


“นี่ก็ถือว่าเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง”


เซี่ยปิงแอบชื่นชมอย่างลับๆ หากเขาไม่ได้ล่วงรู้มาล่วงหน้านั้น คาดการณ์ได้ว่าก็คงจะเป็นเหมือนกับกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่รู้ว่าตนเองกำลังจะตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้าม


วิซ!


หลังจากที่พูดจบ เฉินเหว่ยก็เคลื่อนไหวออกไปทันที หายไปจากจุดเดิมโดยที่ไร้ร่องรอย แอบลักลอบเข้าไปในเหมืองหินวิญญาณ


ปัง!


ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน เซี่ยปิงและคนอื่นๆได้ยินเสียงระเบิดที่ดังออกมาจากส่วนลึกของเหมืองแร่ เหมือนกับเป็นเสียงสายฟ้าฟาด จากนั้นหมอกสีแดงก็ลอยออกมาจากส่วนลึกของเหมืองแร่


ภายในไม่กี่ลมหายใจ หมอกสีแดงนี้ก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่


จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ เสียงของการล้มลงไปกับพื้น รวมถึงเสียงของดาบที่ปะทะกันและเสียงคร่ำครวญก่อนตายเช่นกัน


“เวลามาถึงแล้ว พวกเราลุย” ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกได้สั่งการออกไป

 

 

 


ตอนที่ 1160

 

ซู่ ซู่ ซู่!!!


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที พวกเขาเป็นเหมือนกับวานรก็ว่าได้ พุ่งเข้าไปในเหมืองหินวิญญาณนี้อย่างกะทันหัน ต้องการที่จะสังหารเหล่าชาวพื้นเมืองที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น


ในช่วงเวลานี้ หมอกสีแดงก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมดั้งเดิม


“หืม? แปลกจริงๆ ชาวพื้นเมือง? อันที่จริงพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน?”


เมื่อฉางเซวียและคนอื่นๆพุ่งออกไปนั้น พวกเขากลับพบกับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด ที่พื้นนั้นไม่ได้มีร่างของใครที่นอนหมดสติอยู่ แม้แต่ภูตผีวิญญาณสักตนก็ไม่ได้ปรากฏให้เห็น


สัญชาตญาณของพวกเขากำลังบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดี เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย


“ใช่ การที่สูดดมหมอกแดงเข้าไปนั้น ควรที่ไม่จะสามารถเคลื่อนไหวได้ถึงจะถูก ทว่าชาวพื้นเมืองเหล่านั้นหายไปไหนกัน?”


“หรือว่าศิษย์พี่เฉินเหว่ยจะสังหารพวกเขาไปทั้งหมด?”


“นี่ก็ไม่ถูก ต่อให้จะสังหารไปหมดแล้วจริงๆ ก็ต้องมีซากศพที่หลงเหลือให้พวกเราได้เห็น”


“แปลกจริงๆ ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่ามีชาวพื้นเมืองที่คุ้มกันอยู่เป็นจำนวนมาก ตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะหายไปกันหมด”


ผู้คนจำนวนมากต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม พวกเขาต่างก็มองออกไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างจากที่พวกเขาจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง แต่ละคนต่างก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี


ในช่วงเวลานี้ รอบๆมีเสียงของอากาศที่แตกแยกและมีเสียงของฝีเท้าจำนวนมาก วินาทีต่อมา ภาพเงาก็ปรากฏขึ้นมารอบๆ ล้อมรอบฉางเซวียและคนอื่นๆอย่างกะทันหัน


ทว่าผู้คนเหล่านี้นั้นก็คือชาวพื้นเมืองที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้นั่นเอง


“เป็นได้อย่างไร? ทำไมชาวพื้นเมืองเหล่านี้ถึงได้ไร้รอยขีดข่วน?” ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ช็อกไปตามๆกัน พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง นี่มันช่างเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการจริงๆ


เพราะว่าภายใต้หมอกแดงนั้น แม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับแกนทองก็ต้องหมดสติไป ด้วยพลังอำนาจของชาวพื้นเมืองเหล่านี้นั้น ควรที่จะไม่สามารถต้านทานพิษของหมอกแดงนี่ได้ถึงจะถูก


แต่ปัญหาก็คือว่า สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไรกัน ชาวพื้นเมืองเหล่านี้ไม่ใช่แค่ไม่ตาย ทว่าหนำซ้ำยังใช้โอกาสนี้ในการห้อมล้อมพวกเขาจนไม่มีเส้นทางหลบหนี ตกอยู่ในการห้อมล้อมรอบด้าน


“ฮ่าฮ่า เจ้าพวกปีศาจต่างถิ่นที่โง่เขลา พวกเจ้าหลงกลแล้ว”


ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนที่ศีรษะโล้นซึ่งมีความสูง190เซนติเมตรได้เดินเข้ามา เขามองฉางเซวียและคนอื่นๆด้วยสีหน้าที่พึงพอใจอย่างมาก สายตาเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม


อะไรกัน?!


หลิวหยูหลานสะดุ้งตกใจ เพราะว่าเธอจดจำสถานะที่แท้จริงของชายหัวโล้นคนนี้ได้ทันที ต่อให้จะกลายเป็นเถ้าถ่านเธอก็สามารถที่จะจดจำได้ เขานั้นก็คือจั่วฮาว จ้าวสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิง


เธอไม่คาดคิดว่าจะมาพบเจอกับจั่วฮาวอีกครั้งอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้


“สหายเฉิน ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะรักษาสัญญาของตนเองและนำพากลุ่มของปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้มาตายจริงๆ ข้าพึงพอใจกับการทำธุรกิจครั้งนี้อย่างมาก” ชายวัยกลางคนหัวโล้นได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย


“สหายจั่วฮาว การที่เจ้าพึงพอใจก็เป็นเรื่องที่ดี ความซื่อสัตย์ก็คือพื้นฐานของนักธุรกิจ เดิมทีการร่วมมือของพวกเรานั้นไม่ได้สร้างขึ้นมาจากความซื่อสัตย์หรอกหรือ?”


ในช่วงเวลานี้ ชายหนุ่มได้เดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย


“เฉินเหว่ย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน? ทำไมกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ถึงได้มีชีวิตอยู่?” ฉางเซวียและคนอื่นๆเห็นว่าเฉินเหว่ยยืนอยู่ข้างชาวพื้นเมืองเหล่านี้อย่างไม่คาดคิด เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่เหมือนกับเป็นความรู้สึกของนักวิทยายุทธของจักรวาลที่มีความบาดหมางกับผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ


พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง คิดว่านี่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สมเหตุสมผล เมื่อไหร่กันที่ชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณจะมีท่าทางเป็นมิตรกับนักวิทยายุทธของจักรวาลเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้


“นี่จำเป็นที่จะต้องถามอีกหรือ?”


เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย “เห็นได้ชัดว่าเจ้าเฉินเหว่ยนี่ได้ทรยศพวกเรา ร่วมมือกับชาวพื้นเมืองเหล่านี้”


เขาขมวดคิ้วขึ้นมา รู้สึกว่าตนเองนั้นประเมินความสามารถของเฉินเหว่ยต่ำเกินไป เป้าหมายตั้งแต่แรกของฝ่ายตรงข้ามนั้นก็คือกลุ่มของพวกเขา ฝ่ายตรงข้ามได้ร่วมมือและวางแผนสมคบคิดกับชาวพื้นเมืองเหล่านี้มาตั้งแต่แรกแล้ว


“ทรยศพวกเรา? เฉินเหว่ย เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าตนเองมีสถานะอะไร?”


“ไม่คาดคิดว่าจะร่วมมือกับชาวพื้นเมือง? หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ทั่วทั้งจักรวาลจะไม่มีที่ให้เจ้าอาศัยอยู่”


“ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้? อันที่จริงกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ให้ผลประโยชน์อะไรกับเจ้ากัน?!”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห พวกเขานั้นไม่ใช่คนโง่เขลา ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้นั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเฉินเหว่ยได้ทรยศพวกเขาอย่างแท้จริง ร่วมมือกับกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้


“ผลประโยชน์? เจ้าคิดว่าการที่ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่มากพอนั้น ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้หรือ?” เฉินเหว่ยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ตอนนี้ต่อให้ข้าจะบอกพวกเจ้าถึงเหตุผลของเรื่องนี้ก็คงจะไม่เป็นไร พวกเรานิกายหวนคืนปรโลกนั้นได้ทำข้อตกลงร่วมกับสหายชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้”


“หากทำการแลกเปลี่ยนด้วยชีวิตของพวกเจ้านั้น หินวิญญาณสองในสามส่วนของเหมืองหินวิญญาณแห่งนี้ก็จะตกเป็นของพวกเรา เจ้าคิดว่าผลประโยชน์เช่นนี้นั้น เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะปฏิเสธ?!”


เขา จั่วฮาวและคนอื่นๆได้ทำการเจราจาตกลงเงื่อนไขกันก่อนหน้านี้


หลิวหยูหลานก็เข้าใจได้อย่างกะทันหันว่าทำไมจั่วฮาวถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ เพราะว่าสำหรับสำนักวิญญาณนั้น ชีวิตของปีศาจต่างถิ่นนั้นสำคัญยิ่งกว่าหินวิญญาณ หากใครสามารถที่จะสังหารปีศาจต่างถิ่นได้นั้น จะได้ครอบครองรางวัลที่มหาศาลและจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง อีกทั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณ


ด้วยตำแหน่งเช่นนี้ในสำนักวิญญาณ รวมถึงรางวัลที่สำนักวิญญาณมอบให้ แลกกับการที่เสียหินวิญญาณของเหมืองหินวิญญาณไปบางส่วนนั้น พวกเขาก็ยินดีที่จะร่วมมือกับเฉินเหว่ยและคนอื่นๆ


จั่วฮาวและผู้คนของชนเผ่าวิญญาณคนอื่นๆต้องการชีวิตของฉางเซวียและปีศาจต่างถิ่นคนอื่นๆ ส่วนเฉินเหว่ยและลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกคนอื่นๆนั้นก็ต้องการหินวิญญาณ เรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ตอบสนองความต้องการของทั้งสอง เป็นการร่วมมือกันโดยที่ไม่มีช่องโหว่


“เฉินเหว่ย เจ้าเสียสติไปแล้ว ชาวพื้นเมืองเหล่านี้แต่ละคนนั้นต่างก็เป็นอาชญากรที่ไม่มีจริยธรรม เมื่อพวกเขาสังหารพวกเราเสร็จสิ้น พวกเขาก็จะสังหารพวกเจ้าเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นมันจะเป็นเหมือนกับการใช้ตะกร้าไผ่หาบน้ำ เจ้าจะไม่ได้พบกับจุดจบที่ดี” ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตะโกนออกมาอย่างโมโหพร้อมกับจ้องมองไปที่เฉินเหว่ย


“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป”


เฉินเหว่ยมีท่าทางที่สงบนิ่ง “ข้าได้เซ็นสัญญาทางจิตวิญญาณกับพวกเขา หากใครกล้าที่จะละเมิดสัญญา จิตวิญญาณก็จะแตกสลายไปในทันที ตายไปอย่างน่าสมเพช”


“การที่มี่สัญญาทางจิตวิญญาณอยู่นั้น ไม่มีใครที่จะกล้าทรยศหักหลัง!”


เขาได้เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นคงจะไม่กล้าร่วมมือกับผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้


ซึ่งแน่นอนว่าผู้คนของชนเผ่าวิญญาณก็คิดเช่นเดียวกัน


สัญญาทางจิตวิญญาณ?!


หลิวหยูหลานก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึม แม้แต่ในทวีปโลหิตวิญญาณเอง สัญญาทางจิตวิญญาณนั้นก็เป็นม้วนกระดาษอักขระที่ล้ำค่าอย่างถึงที่สุด มันนั้นเป็นอักขระลึกลับที่มาจากยุคสมัยโบราณ เมื่อใดที่เซ็นสัญญานี้ จิตวิญญาณของทั้งสองฝ่ายจะผูกมัดกัน หากใครฝ่าฝืนข้อบังคับของสัญญานั้น จิตวิญญาณจะถูกทำลายและแตกสลายไปในทันที ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือได้


เพื่อที่จะกำจัดกลุ่มของปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าจั่วฮาวนี่ก็ได้ลงทุนพอสมควร


“บัดซบ เฉินเหว่ย เจ้าขายจิตวิญญาณของตนเองให้กับศัตรู เจ้าไม่ใช่คนของพวกเราอีกต่อไป”


“อย่าคิดว่าการที่ร่วมมือกับชาวพื้นเมืองนั้นจะทำให้เจ้าได้เปรียบ พวกเรายังคงมีจำนวนมากกว่าร้อยคน เจ้าจะไม่ได้พบกับจุดจบที่ดี”


“พวกเราร่วมมือกัน สังหารเจ้าเฉินเหว่ยนี่และกลุ่มของชาวพื้นเมืองที่เหลือซะ”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็โมโหอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะถูกผู้คนของชนเผ่าวิญญาณซุ่มโจมตี ทว่าด้วยพลังอำนาจของพวกเขานั้น การที่จะต่อสู้จนตัวตาย ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ


แต่ละคนต่างก็ต้องการที่จะพุ่งตัวออกไป ต้องการที่จะปลิดชีวิตของเจ้าเฉินเหว่ยนี่


“ต้องการที่จะสังหารข้าอย่างนั้นหรือ? สายเกินไป คำนวณจากเวลาแล้วนั้น ฤทธิ์ของยาคงจะแสดงอาการออกมาในตอนนี้”


เฉินเหว่ยยิ้มออกมาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทางของคนที่ได้วางแผนทุกอย่างไว้ล่วงหน้า ไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อความโมโหของฉางเซวียและคนอื่นๆ อีกทั้งยังมองดูคนกลุ่มนี้เหมือนกับว่ากำลังมองมดปลวกก็ว่าได้

 

 

 


ตอนที่ 1161

 

ฤทธิ์ของยาจะแสดงอาการออกมาตอนนี้?!


ไม่ทันรอให้ฉางเซวียและคนอื่นๆเข้าใจความหมายของเฉินเหว่ย ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองอ่อนแอลง พลังเวทมนตร์ภายในส่วนลึกของราชวังสีม่วงเหมือนกับว่ากำลังหายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าพลังอำนาจทั่วทั้งร่างกายกำลังจะหายไปก็ว่าได้


“ท่าไม่ดีแล้ว พลังเวทมนตร์ของข้าหายไปอย่างไม่คาดคิด?!”


“แม่เจ้า ท้ายที่สุดแล้วนี่คืออะไรกัน ข้ารู้สึกว่าพลังอำนาจในร่างกายกำลังหายไปเรื่อยๆ”


“เจ้าบัดซบเฉินเหว่ย เจ้าทำอะไรกับพวกเรา?”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็แตกตื่นขึ้นมา พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองไร้เรี่ยวแรง แต่ละคนต่างก็ล้มลงไป ปัง อาวุธในมือของพวกเขาก็ได้ร่วงลงไปที่พื้นเช่นกัน


พวกเขาหายใจอย่างยากลำบาก เหงื่อโชกทั่วทั้งร่างกาย เหมือนกับว่าตกลงไปในโคลนก็ว่าได้ ไม่สามารถที่จะใช้พลังอำนาจใดๆได้เลย


เดิมทีพวกเขาซึ่งอยู่ในระดับสมปรารถนาหรือแม้แต่บางคนที่อยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น มีพลังอำนาจที่สามารถซัดภูเขาจนถล่มลงมาได้ หากอยู่ภายในอาณาจักรของยุคสมัยโบราณนั้น พวกเขาก็มีตัวตนเป็นดั่งเทพเจ้าก็ว่าได้


ทว่าตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าพลังอำนาจของตนเองกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าตนเองได้เปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา เปราะบางยิ่งกว่าทารกเสียอีก แม้แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายที่ฝึกฝนมานานหลายร้อยปีนั้น ก็เหมือนจะหายไปในเวลานี้


แต่ละคนต่างก็แตกตื่นและสิ้นหวังอย่างมาก


“ไม่ต้องเป็นกังวลไป พวกเจ้าเพียงแค่ถูกยาพิษ ส่งผลให้พลังอำนาจหายไปชั่วคราว นี่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถาวร ทว่ามีฤทธิ์เพียงแค่24ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนี้มันจะฟื้นฟูขึ้นมาอย่างช้าๆ”


เฉินเหว่ยเผยรอยยิ้มออกมา


24ชั่วโมง?!


ได้ยินเช่นนี้ ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกสิ้นหวัง ต่อให้จะอ่อนแอลงเพียงแค่ในเวลาไม่กี่นาทีนั้น พวกเขาทั้งหมดก็จะต้องตาย จะต้องถูกเฉินเหว่ยและกลุ่มของชาวพื้นเมืองสังหารไปอย่างรวดเร็ว


อย่าพูดถึงว่าการที่ต้องไร้เรี่ยวแรงถึง24ชั่วโมงนั้น ต่อให้พวกเขาจะมีนับร้อยชีวิตก็คงจะไม่เพียงพอ


พวกเขารู้สึกหดหู่อย่างมาก ล่วงรู้ว่าตนเองได้หลงกลอย่างแท้จริง ตกหลุมพรางที่ชั่วร้ายของเจ้าเฉินเหว่ยและกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่มีโอกาสที่จะได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป


“สหายเฉิน พิษนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เหล่าปีศาจต่างถิ่นที่แข็งแกร่งตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้ ไม่มีพลังอำนาจที่จะต้านทานแม้แต่น้อย พวกเราสามารถที่จะสังหารอย่างไรก็ได้”


จั่วฮาวมองไปที่เฉินเหว่ยด้วยสายตาที่เผยให้เห็นถึงแสงที่หนาวเหน็บ “พิษนี้ หากใช้กับพวกเราชนเผ่าวิญญาณ มันจะมีผลเหมือนกันหรือไม่?”


เขานั้นรู้สึกหวาดกลัววิธีการนี้ของเฉินเหว่ย


หากเฉินเหว่ยใช้วิธีการนี้กับพวกเขาล่ะก็ คาดการณ์ได้ว่าชะตากรรมของพวกเขาก็คงจะไม่ต่างไปจากปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้


“ไม่ต้องเป็นกังวลไป พิษนี้เป็นสิ่งที่หายากอย่างมาก แม้แต่ข้าเองก็ต้องลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อที่จะได้มันมา จะไม่มีทางใช้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ได้เซ็นสัญญาทางจิตวิญญาณ จะไม่มีทางทรยศหักหลังกัน เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะใช้วิธีการนี้กับเจ้า? ท้ายที่สุดแล้วพวกเราไม่ใช่พวกพ้องกันหรือ?” เฉินเหว่ยเผยให้เห็นสีหน้าที่ชั่วร้ายออกมา


พวกพ้องตูดข้าสิ!


จั่วฮาวแอบเย้ยหยันในความรู้สึกลึกๆ เขาไม่เชื่อคำพูดของเฉินเหว่ยแม้แต่น้อย แม้แต่คนในฝ่ายเดียวกันก็กล้าที่จะหลอกลวงได้เช่นนี้ มีที่ไหนที่เขาจะเชื่อว่าเจ้านี่จะไม่เริ่มลงมือกับพวกเขา


ทว่าการที่มีสัญญาทางจิตวิญญาณอยู่นั้น เชื่อว่าต่อให้เจ้านี่จะชั่วร้ายแค่ไหน ก็ไม่กล้าที่จะแทงข้างหลังของเขา


เฉินเหว่ยก็ไม่ได้พูดอะไรกับจั่วฮาวอีก เขาได้พูดกับฟ่านหมิงและลูกศิษย์คนอื่นๆของนิกายหวนคืนปรโลกแทน “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดไร้สาระอะไรอีก สังหารพวกเขาทั้งหมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”


เขานั้นโหดเหี้ยมและไร้ความปราณีอย่างมาก ต้องการที่จะสังหารฉางเซวียและคนอื่นๆในทันที ถอนรากถอนโคนให้หมด ไม่ต้องการที่จะเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว


“เจ้าบัดซบเฉินเหว่ย เจ้าจะต้องตายเยี่ยงสุนัข”


“ความเชื่อใจที่ข้ามีให้เจ้าก่อนหน้านี้ช่างสูญเปล่า ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะเป็นอาชญากรที่น่ารังเกียจเช่นนี้”


“ต่อให้ข้าตายไป ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน”


กลุ่มของผู้คนที่ตะโกนออกมาอย่างโศกเศร้าและไม่พึงพอใจ รู้สึกว่าตนเองนั้นโง่เขลาที่หลงเชื่อคำพูดของเฉินเหว่ยก่อนหน้านี้ ทว่าน่าเสียดายที่บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจในภายหลัง


“รู้สึกผิดอย่างนั้นหรือ? มันสายเกินไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำเมื่อออกไปข้างนอกนั้นก็คือการไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า พ่อของเจ้าไม่ได้สอนความจริงข้อนี้ให้กับพวกเจ้าในตอนเด็กๆหรือ?”


เฉินเหว่ยพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม


“กลุ่มคนไร้สมอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีไอคิวที่ต่ำเช่นนี้”


“ใช่ หากสามารถที่จะจัดการกับกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและครอบครองหินวิญญาณนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเราจะยอมมอบส่วนแบ่งให้กับพวกเจ้า?”


“ลงนรกไปซะและคิดทบทวนถึงความโง่เขลาของตนเองที่หลงเชื่อพวกเรา”


“คนโง่เขลาไม่มีวันที่จะเอาชีวิตรอดภายในจักรวาลได้ ตอนนี้พวกเราได้สอนเจ้าถึงความจริงข้อนี้”


กลุ่มของลูกศิษย์นิกายหวนคืนปรโลกได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย พวกเขาต่างก็ยกอาวุธขึ้นมา เตรียมที่จะสังหาร เป็นเหมือนกับกลุ่มโจรที่ฆ่าล้างชาวบ้านที่ถูกมัดอยู่ก็ว่าได้


“ม่ายยย ไว้ชีวิตข้าเถอะ โปรดไว้ชีวิตข้า”


“ตราบใดที่ไว้ชีวิตสุนัขของข้า ข้าเต็มใจที่จะทำงานรับใช้พวกเจ้าอย่างหนัก”


“เจ้าไม่สามารถที่จะสังหารข้า ไม่สามารถที่จะสังหารข้า พ่อของข้านั้นเป็นพ่อบ้านของนิกายห้าธาตุ”


“ข้ามีเงิน มีเงินเป็นจำนวนมาก พวกเจ้าต้องการเท่าไหร่ ข้าสามารถมอบให้ได้”


ผู้คนต่างก็ร่ำไห้ออกมา อ้อนวอนขอความเมตตาอย่างไม่หยุดหย่อน ทว่าผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกนั้นก็ไม่ได้เมตตาแม้แต่น้อย เพราะว่าเมื่อเทียบกับผลประโยชน์เหล่านี้นั้น หากเรื่องนี้รั่วไหลออกไป มันจะก่อให้เกิดหายนะกับพวกเขาได้


เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปล่อยให้ลูกศิษย์เหล่านี้มีชีวิตต่อไป มีเพียงแค่คนตายเท่านั้นที่จะสามารถเก็บความลับได้


เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกเหล่านี้ต่างก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ทันใดนั้นศีรษะก็กระเด็นออกมา เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ ผู้คนจำนวนนับสิบถูกสังหารไปในทันที เปลี่ยนกลายเป็นซากศพที่ตกลงพื้น


“จบสิ้น จบสิ้นกัน ครั้งนี้พวกเราไม่มีทางรอด”


ฉางเซวียและลูกศิษย์นิกายเมฆาทะยานคนอื่นๆต่างก็รู้สึกสิ้นหวัง เดิมทีพวกเขาต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการครอบครองหินวิญญาณและทำภารกิจของตนเองให้สำเร็จ ทว่าตอนนี้กลับตกอยู่ในหลุมพรางของฝ่ายตรงข้าม อ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง ต่อให้จะต้องการหลบหนีออกไป ก็ไม่มีพละกำลังมากพอ


“คราวนี้จะต้องตายจริงๆหรือ?”


หลิวหยูหลานก็ไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่พื้น เพราะว่าเธอนั้นก็ได้กินอาหารของเมื่อวานเข้าไปมากพอสมควร ถูกยาพิษเช่นกัน เธอไม่คาดคิดว่าการที่หลบหนีเป็นระยะเวลานานนั้น จะไม่มีทางหลบหนีไปจากเงื้อมมืออันชั่วร้ายของจั่วฮาวจ้าวสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงได้ ยังคงตายไปอย่างน่าสลดโดยลูกน้องของฝ่ายตรงข้าม


“อู๋ไท่โต่ว!”


ทันใดนั้น คลื่นเสียงก็ได้ระเบิดออกมา ฟ่านหมิงนั้นไม่ได้สนใจคนอื่นๆแม้แต่น้อย เขาก้าวมาถึงตรงหน้าของเซี่ยปิงอย่างรวดเร็ว ประชันหน้ากันซึ่งๆหน้า จิตสังหารกำลังเดือดดาลออกมา


สำหรับการที่เมื่อวานกล้าหักหน้าของเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากนั้น นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก เป็นการเสียหน้าอย่างแท้จริง เขานั้นเกลียดชังเซี่ยปิงจนถึงไขกระดูกก็ว่าได้ ปรารถนาที่จะได้สังหารและถลกหนังออกมาทันที


การที่สามารถอดทนอดกลั้นได้เป็นระยะเวลาหนึ่งคืนนั้น ก็ถือว่าเป็นความใจเย็นมากพอแล้ว


ตอนนี้การที่ไม่มีใครขัดขวางเขาอีกต่อไปนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่ใช้โอกาสนี้ในการล้างแค้น?!


“เจ้าหนู เมื่อวานเจ้ายโสโอหังอย่างมาก เจ้าได้คิดหรือไม่ว่าวันนี้จะได้เผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ ยโสโอหังอีก แสดงความยโสโอหังของเจ้าให้ข้าได้เห็นอีก อีกทั้งการที่กล้าสังหารลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกต่อหน้าต่อตาข้านั้น ช่างยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เจ้าคงจะเบื่อหน่ายกับชีวิตของตนเอง!”


ฟ่านหมิงแสยะออกมา ร่างกายของเขานั้นมีออร่าความกดดันที่แผ่ออกมา กดดันเหมือนกับเป็นภูเขาที่หล่นลงมา เหมือนกับว่าต้องการที่จะกดขี่ร่างกายของเซี่ยปิงให้ทรุดลงไปที่พื้น ทำให้เซี่ยปิงคุกเข่าต่อหน้าตนเองและกราบสำนึกผิด


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกตะลึง ออร่าความกดดันที่ออกมาจากผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นช่างน่าอัศจรรย์อย่างมาก ผู้บ่มเพาะปกติธรรมดานั้นไม่สามารถที่จะเข้าใกล้เขาได้แม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าถูกกดจนจมลงไปที่พื้นดินหลายเซนติเมตร


กลุ่มของลูกศิษย์นิกายหวนคืนปรโลกต่างก็มองเซี่ยปิงด้วยสายตาที่เหมือนกับกำลังมองซากศพก็ว่าได้ การที่ได้ท้าทายฟ่านหมิงนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะได้มีชีวิตต่อ


การที่เฉินเหว่ยไม่ได้ขัดขวางนั้น ตอนนี้สถานการณ์ได้ถูกตัดสินแล้ว เจ้าเด็กนี่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

 


ตอนที่ 1162

 

“ยโสโอหังแล้วอย่างไรกัน เจ้ากล้าที่จะกัดข้าอย่างนั้นหรือ?!”


ได้ยินคำเหล่านี้ เซี่ยปิงก็ยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับมองฟ่านหมิงด้วยสายตาที่ดูถูก ซึ่งไม่มีท่าทางของความเกรงกลัวแม้แต่น้อย


“เวรเอ๊ย เจ้าหนูนี่มันจะยโสโอหังเกินไป”


“เห็นได้ชัดว่าถูกยาพิษ สูญเสียพลังอำนาจของร่างกายไป กลายเป็นเหมือนกับนักโทษ บางทีหากอ้อนวอนขอความเมตตาอาจจะรักษาชีวิตสุขันของตนเองไว้ได้ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าท้าทายเช่นนี้ นี่ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายหรือ?!”


“เจ้าเด็กนี่คาดการณ์ได้ว่าคงจะเสียสติอย่างแท้จริง ล่วงรู้ว่าตนเองกำลังจะตาย จึงได้ระบายอารมณ์ออกมาก่อนที่จะถึงจุดจบ”


“ระบายอารมณ์? การที่ยั่วยุศิษย์พี่ฟ่านหมิงนั้น ต่อให้จะต้องการตาย ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่ายเช่นนั้น”


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวนมากต่างก็จ้องมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่สงสาร พวกเขาล่วงรู้ว่าฟ่านหมิงนั้นเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมแค่ไหน การที่ท้าทายฟ่านหมิงเช่นนี้นั้น บางทีความตายอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า


“สหายอู๋”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็วิตกกังวลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พวกเขาสามารถที่จะสัมผัสถึงจิตสังหารที่ออกมาจากร่างกายของฟ่านหมิงได้อย่างชัดเจน ทว่าในตอนนี้แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่สามารถที่จะปกป้องได้ การที่ต้องการจะเข้าไปช่วยเหลือนั้น ไม่มีทางทำได้


“เยี่ยม เยี่ยมมาก”


ฟ่านหมิงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “ข้าชื่นชอบบุคคลที่กระดูกแข็งอย่างเจ้าที่สุด มันจะมีความสุขอย่างมากกับการได้ทรมานคนอย่างเจ้า บอกเจ้าตามตรง หลังจากนี้ต่อให้เจ้าจะต้องการความตาย มันก็จะเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง”


หลังจากที่พูดจบ เขาก็เคลื่อนไหวออกมาทันที มือพลังเวทมนตร์ขนาดใหญ่ได้ยื่นออกไปทันที เป็นเหมือนกับมือของยักษ์ก็ว่าได้ ต้องการที่จะบีบเซี่ยปิงไว้ในกำมือ บีบจนพิการอย่างโหดเหี้ยม


นี่เป็นการโจมตีที่มีพลังอำนาจของเขาอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งการที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงเพื่อจัดการกับคนที่ร่างกายถูกยาพิษนั้น เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ฟ่านหมิงโมโหเพียงใด ต้องการที่จะสังหารเซี่ยปิงนับสิบๆครั้ง


“ตายไปซะ!”


เซี่ยปิงมีสายตาที่เย็นชา เขาได้กระตุ้นดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดออกมาทันที ทันใดนั้นดาบยาวที่แหลมคมก็ปรากฏมาในมือขวาของเขาอย่างกะทันหัน


“สังหารเขา ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด!”


หลังจากที่พูดจบ ดาบยาวนี้ก็ได้ยืดออกไปอย่างกะทันหัน มีความเร็วที่รวดเร็วอย่างสุดขีด เป็นเหมือนกับงูอสรพิษ พุ่งไปสู่ร่างกายของฟ่านหมิง บนอากาศนั้นมีแสงที่หนาวเหน็บส่องสว่างออกมา


อะไรกัน?!


ฟ่านหมิงสะดุ้งตกใจ เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะสามารถเคลื่อนไหวและต่อต้านตนเองได้ในช่วงเวลานี้ หากพูดตามความเป็นจริงนั้น การที่เจ้าเด็กนี่ปราศจากพลังเวทมนตร์ ควรที่จะเปราะบางยิ่งกว่าเด็กทารกถึงจะถูก


ทว่าตอนนี้ทำไมดาบยาวนี้ถึงได้มีดาบพลังฉีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกกังวลและไม่สบายใจ เหมือนกับว่าถูกเพ่งเล็งโดยยอดนักดาบระดับสุดยอดก็ว่าได้ มีเจตจำนงแห่งดาบที่สามารถฉีกสวรรค์ได้


ตึบ!


บนอากาศ มือพลังเวทมนตร์ขนาดใหญ่นั้นได้พุ่งเข้ามา ทว่าดาบยาวนี้กลับเจาะทะลวงผ่านมือขนาดใหญ่นี้ไปอย่างกะทันหัน ดาบพลังฉีที่ทรงอำนาจนี้ได้ฉีกพลังเวทมนตร์เหล่านี้กลายเป็นชิ้นๆจำนวนนับไม่ถ้วนภายในพริบตา


อีกทั้งดาบยาวนี้ก็ได้ฝ่าทะลวงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถที่จะต้านทานได้ ความเร็วของมันก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย มันยังคงพุ่งออกไปที่ร่างกายของฟ่านหมิง มีความเร็วที่ก้าวผ่านความเร็วเสียงไปถึง20-30เท่า


ความเร็วที่รวดเร็วจนถึงจุดนี้นั้น นักวิทยายุทธที่อยู่รอบๆไม่สามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน พวกเขาเห็นเพียงแค่ว่าบนอากาศนั้นมีแสงหนาวเหน็บที่ส่องสว่างพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมา ซึ่งความหนาวเหน็บนี้ได้กัดไปถึงกระดูก


“ท่าไม่ดีแล้ว!”


ฟ่านหมิงขนลุกขึ้นมา รู้สึกว่าเซลล์ทั่วทั้งร่างกายตนเองกำลังเดือดระอุ ออร่าของความอันตรายกำลังกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย เหมือนกับว่าเทพเจ้าแห่งความตายได้มาเยือน


เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าดาบยาวนี้แตกต่างจากดาบสมบัติอื่นๆอย่างสิ้นเชิง มีออร่าของเซนต์อยู่ เหมือนกับว่ามีพลังอำนาจของเซนต์อยู่ในนั้น ล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้


เพียงแค่เศษเสี้ยวของออร่าเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะเจาะทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ทั่วไปนั้นไม่สามารถที่จะต้านทานปลายดาบที่แหลมคมเช่นนี้ได้


“ทักษะหมัดอุกกาบาต!”


ฟ่านหมิงระเบิดพลังอำนาจออกมา พลังเวทมนตร์ทั่วทั้งร่างกายของเขากำลังไหลเวียน ทันใดนั้นก็ได้แสดงความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมา หมัดได้ประเคนออกไป กระแสพลังฉีสีเทานับไม่ถ้วนกำลังรวมตัวกันอย่างรวดเร็วบนอากาศ เปลี่ยนกลายเป็นอุกกาบาตสีเทาขนาดยักษ์


ทว่าอุกกาบาตสีเทานี้มีรูปลักษณ์ที่แปลกตา ล้อมรอบไปด้วยกระแสพลังฉี ไหลเวียนอย่างไม่หยุดหย่อน เป็นเหมือนกับดวงดาวก็ว่าได้ ถูกควบคุมโดยฟ่านหมิงและพุ่งออกไปสู่เซี่ยปิง


นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเขา มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง หมัดที่ประเคนออกไปนั้นจะพุ่งออกไปเหมือนกับอุกกาบาต มีพลังอำนาจเพียงพอที่จะกวาดล้างเมืองทั้งเมือง นักวิทยายุทธปกติธรรมดานั้นไม่สามารถที่จะต้านทานหมัดๆนี้ได้


ภายใต้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้นั้น ต่อให้จะโจมตีออกไปอย่างเบาบาง ก็เพียงพอที่จะบดทำลายพื้นดินจนกลายเป็นหลุมขนาดยักษ์ได้


อย่าพูดถึงว่าตอนนี้การที่ฟ่านหมิงรู้สึกได้ถึงอันตรายนั้น เขาจึงได้แสดงพลังอำนาจทั้งหมดออกมาอย่างกะทันหัน


ตึบ!


ทันใดนั้น อุกกาบาตและดาบยาวก็ได้ปะทะกันบนอากาศ เสียงที่ดังสนั่นได้ปะทุออกมาทันที พลังงานฉีสั่นสะเทือน เหมือนกับว่าภายในหนึ่งวินาทีนั้นเกิดการสั่นสะเทือนนับหลายพันครั้ง มีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด


พลังงานฉีเช่นนี้นั้น ทำให้ที่พื้นกลายเป็นหลุมลึกอย่างกะทันหัน ดินกระจุยกระจายออกไป แผ่นดินแตกร้าวและลุกลามออกไปไกล2-3กิโลเมตร ก้อนหินถูกบดทำลายกลายเป็นผุยผง


นักวิทยายุทธที่อยู่รอบๆต่างก็กระเด็นปลิวออกไป กระอักเลือดกลางอากาศ อวัยวะภายในได้รับความเสียหายพอสมควร


แม้แต่นักวิทยายุทธบางคนที่ถูกยาพิษนั้นก็ไม่มีพลังอำนาจที่จะต้านทานได้ ถูกพลังงานฉีเหล่านี้กวาดออกไปจนกลายเป็นกลุ่มของก้อนเนื้อบดอย่างกะทันหัน ตายไปโดยที่ไร้ซากศพ


“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”


เดิมทีฟ่านหมิงคิดว่าหมัดที่มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเองนี้ ต่อให้จะไม่สามารถทำลายดาบยาวนี้ได้ ก็สามารถที่จะเอาชนะพลังอำนาจของมันได้อย่างแน่นอน ทว่าทันทีที่หมัดของเขาปะทะเข้ากับดาบยาวนี้นั้น เขาก็ค้นพบว่าตนเองได้คิดผิด คิดผิดอย่างมหันต์


เพราะว่าพลังอำนาจที่แหลมคมของดาบยาวเล่มนี้นั้นอยู่เหนือจินตนาการของเขาไปอย่างสิ้นเชิง มีพลังอำนาจที่สามารถพิชิตทุกสิ่ง เพียงแค่อุกกาบาตนั้นไม่สามารถที่จะต้านทานปลายดาบที่แหลมคมนี้ได้


คาช่า คาช่า!


ในเสี้ยววินาที ดาบยาวนี้ก็ได้เจาะทะลวงผ่านอุกกาบาตไป ตัดออกไปสองซีก พลังเวทมนตร์ที่อยู่รอบๆก็ถูกบดทำลายหายไป เหมือนกับว่าในช่วงเวลานี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่าทั้งหมด


วินาทีต่อมา ดาบยาวนี้ก็ได้แทงเข้าไปที่หน้าอกของฟ่านหมิง เลือดสาดกระเซ็นออกมา ต่อให้เขาจะสวมใส่ชุดเกราะที่เป็นสิ่งประดิษฐ์สมบัติขั้นสูงนั้น ทว่าต่อหน้าดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ มันก็ดูเหมือนเป็นสิ่งที่เปราะบางยิ่งกว่าเต้าหู้ก็ว่าได้


“อ๊าก!”


ฟ่านหมิงส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดลวดร้าวที่ส่วนลึกของหน้าอก จากนั้นความเจ็บปวดนี้ก็ได้กระจายออกไปที่เส้นประสาทแต่ละเส้นอย่างรวดเร็ว


เขาคลุ้มคลั่งออกมาทันที เหมือนกับตกอยู่ในห้วงลึกของหุบเหวที่สิ้นหวัง เพราะว่าดาบนี้ไม่ใช่เพียงแค่เจาะทะลวงหน้าอกของเขาเท่านั้นแต่ว่าหัวใจของเขาก็ถูกทะลวงจนระเบิดออกมาเช่นกัน


เลือดมหาศาลได้พุ่งออกมจากปากของเขา เป็นเหมือนกับน้ำตกก็ว่าได้ ไหลลงไปทั่วพื้นดิน


“นี่ข้า…นี่ข้าจะตายไปเช่นนี้หรือ?!”


ฟ่านหมิงจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เขาไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ ตนเองเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ สามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้และมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด


ทว่าฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา อีกทั้งยังถูกยาพิษเข้าไปนั้น


ตอนนี้เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ก็เจาะทะลวงหัวใจของเขาไปโดยตรง ปลิดชีวิตของเขา


สำหรับเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสามารถยอมรับได้


ทว่าต่อให้เขาจะไม่ยอมรับ ฟ่านหมิงก็รู้สึกได้ว่าพลังอำนาจของตนเองกำลังหายไปจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ดวงตาของตนเองเริ่มที่จะมืดมัว เหมือนกับว่ากำลังตกไปในส่วนลึกของขุมนรกอย่างช้าๆ


วิซ!


เซี่ยปิงเคลื่อนไหวความคิด ดาบยาวนั้นหดตัวกลับมาทันที แยกออกมาจากร่างกายของฟ่านหมิง ทำให้บาดแผลของฟ่านหมิงขยายมากขึ้นและเลือดฉีดพ่นออกมา


อั่ก ร่างของฟ่านหมิงล้มลงไปที่พื้นโดยตรง ฝุ่นและควันที่พื้นฟุ้งกระจายขึ้นมา ในช่วงเวลานี้ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าตายตาไม่หลับ

 

 

 


ตอนที่ 1163

 

เมื่อฟ่านหมิงล้มลงไป ถูกสังหารไปอย่างกะทันหัน ผู้คนที่อยู่รอบๆก็ช็อกไปตามๆกัน


“นี่มันตลกสิ้นดี ศิษย์พี่ฟ่านหมิงตายไปเช่นนี้หรือ?!”


“นี่มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้ ศิษย์พี่ฟ่านหมิงนั้นเป็นถึงผู้บ่มเพาในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้านักบ่มเพาะอิสระในระดับสมปรารถนานี่จะสามารถสังหารเขาได้”


“พูดถูก จะต้องเป็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน อีกอย่างเจ้าเด็กนี่ก็ถูกวางยา ร่างกายไม่มีพลังเวทมนตร์ เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีพลังอำนาจในการสังหารศิษย์พี่ฟ่านหมิงได้”


“คำพูดของเจ้าฟังดูมีเหตุผล ทว่าการที่ศิษย์พี่ฟ่านหมิงล้มลงไปกับพื้นและหัวใจถูกเจาะทะลวงนั้น หากนี่ไม่ได้เรียกว่าตาย แล้วอย่างไหนถึงจะเรียกว่าตาย ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่ได้รู้สึกถึงภาพลวงตาใดๆเช่นกัน”


“ไม่ นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา ศิษย์พี่ฟ่านหมิงถูกเจ้าเด็กนี่สังหารไปแล้วจริงๆ”


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวนมากต่างก็ตกใจอย่างมากและมองไปที่เซี่ยปิงซึ่งยืนอยู่ที่จุดๆเดิม ร่างกายของพวกเขานั้นรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่ทิ่มแทงอยู่บนอากาศ เหมือนกับว่ากำลังมองเทพเจ้าแห่งความตายอยู่ก็ว่าได้


เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่เป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายก็ถูกพิษที่ร้ายแรงเข้าไป ในสถานการณ์เช่นนี้จะสามารถสังหารฟ่านหมิงได้อย่างไรกัน นี่มันช่างเหนือจินตนาการจริงๆ


พวกเขาต่างก็มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เกรงกลัวและแตกตื่นทันที คิดว่าเจ้านี่ปีศาจที่อำพรางตนเอง


“แข็งแกร่งเกินไป ไม่คาดคิดว่าจะสังหารฟ่านหมิงภายในเสี้ยววินาที”


“ไม่ประหลาดใจว่าทำไมหลังจากที่สังหารเฟิงเจ๋อลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกนั้น เจ้านี่ถึงไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้แต่น้อย หากมีพลังอำนาจในการสังหารผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์อยู่ล่ะก็ จากนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด”


“การที่สามารถกระโดดข้ามระดับขึ้นไปสังหารผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น พลังการต่อสู้เช่นนี้แม้แต่ในนิกายระดับเซนต์เองก็ถือว่าหายากอย่างมาก เป็นไปได้อย่างไรที่นักบ่มเพาะอิสระจะทรงอำนาจถึงขั้นนี้?”


“อันที่จริงในสังคมของพวกเรานั้นก็มีนักบ่มเพาะอิสระเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่นั้นจะอ่อนแอ ทว่าก็ยังคงมีผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจที่ปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราว พูดได้เพียงแค่ว่าในโลกนี้นั้นยังมีเสือซ่อนเล็บอยู่อีกมากมาย”


“สมกับที่เป็นสหายอู๋ ข้าล่วงรู้มานานแล้วว่าพลังอำนาจของเขานั้นล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก ถึงแม้ว่าเมื่อวานนั้นพวกเขาจะได้เห็นพลังอำนาจของเซี่ยปิง ทว่านั่นมันก็เป็นเพียงแค่ส่วนน้อย ไม่ว่าพวกเขาจะมีจินตนาการที่กว้างไกลแค่ไหน ก็ไม่คาดคิดว่าเซี่ยปิงจะมีพลังอำนาจที่สามารถสังหารผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์อย่างฟ่านหมิงได้อย่างกะทันหันเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ


“ไม่ นี่มันไม่ถูก ร่างกายของเจ้านี่ยังคงมีพลังเวทมนตร์อยู่ นี่เจ้าไม่ได้รับยาพิษเหมือนกับคนอื่นๆหรือ? ทว่าเมื่อวานข้าก็ได้เห็นกับตาว่าเจ้ากินอาหารเหล่านั้นเข้าไป” เฉินเหว่ยมีสีหน้าที่มืดมนอย่างที่สุด


เขานั้นไม่ได้รู้สึกโศกเศร้ากับความตายของฟ่านหมิงแม้แต่น้อย ทว่าเขานั้นรู้สึกหงุดหงิดกับเซี่ยปิงหมากตัวหนึ่งบนกระดานที่อยู่เหนือความคาดหมายเช่นนี้ รู้สึกว่าแผนการของตนเองที่ได้วางไว้อย่างสมบูรณ์แบบกำลังจะถูกทำลายไป


หากแผนการที่สมบูรณ์แบบของตนเองพลิกกลับตาลปัตรเพราะเจ้าเด็กนี่ล่ะก็ บางทีนี่มันจะกลายเป็นเรื่องที่ขำไม่ออก


ซึ่งเขาก็ไม่ยินยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาอย่างแน่นอน


“ใครจะรู้ ข้าแนะนำให้เจ้าลงไปถามยมราชในขุมนรกว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น” เซี่ยปิงหรี่ตามองไปที่เฉินเหว่ยและเสนอคำแนะนำของตนเองออกไป


“หยิ่งผยองอย่างถึงที่สุด!”


เฉินเหว่ยเปล่งเสียงออกมาในลำคอ “คิดว่าการที่เพียงแค่สังหารฟ่านหมิงไปนั้น จะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้หรือ? ช่างเป็นการประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป ศิษย์น้องทุกๆคน ร่วมมือกันสังหารเจ้าคนเสียสตินี่ด้วยกัน!”


บนตัวของเขามีออร่าจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงไม่ได้ถูกยาพิษเหมือนกับคนอื่นๆ ทว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้นั้น พวกเขาก็ยังคงมีความได้เปรียบอย่างมหาศาล มีความได้เปรียบในด้านจำนวนอย่างท่วมท้น


ต่อให้จะปราศจากยาพิษ ทว่าด้วยพลังอำนาจของพวกเขาทั้งหมดนั้น ก็ยังคงสามารถที่จะสังหารเจ้าเด็กนี่ได้นับสิบๆครั้ง


วิซ!


ทันใดนั้น ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวน3-4คนที่อยู่ด้านข้างก็พุ่งตัวออกมาทันที แต่ละคนนั้นเป็นผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาขั้นสูงสุด ร่างกายของพวกเขาหายไปเป็นเหมือนกับภูตผีวิญญาณก็ว่าได้ เข้ามาใกล้เซี่ยปิงโดยที่ไร้ร่องรอยและไร้เสียง


“ตายไปซะเจ้าอู๋ไท่โต่ว!” กลุ่มของผู้คนตะโกนเสียงดังออกมา


พวกเขาได้ดึงดาบออกมาจากร่างกายและแทงออกไปที่เซี่ยปิงเช่นนี้


ทันใดนั้นดาบพลังฉีที่น่าสะพรึงกลัวนับสิบก็ได้ปะทุออกมา เป็นเหมือนกับงูอสรพิษก็ว่าได้ มีความรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ แอบแฝงไปด้วยเจตนาที่ชั่วร้าย ต้องการที่จะแทงไปที่มุมบอดของเซี่ยปิงเพื่อที่จะไม่สามารถหลบหลีกไปได้


“ไม่นะ!!”


ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บบนอากาศ ยอดฝีมือจำนวนมากที่ได้โจมตีเซี่ยปิงพร้อมๆกันเช่นนี้นั้น สองมือไม่สามารถต้านทานสี่มือได้ ตราบใดที่ดาบสักเล่มแทงไปที่ร่างกายของเซี่ยปิง จากนั้นมันก็กลายเป็นวิกฤติจริงๆ การต่อสู้นี่จะไม่อนุญาตให้เกิดความผิดพลาดได้แม้แต่นิดเดียว


วิชาการป้องกันนรกกลืนกิน!


เซี่ยปิงแสยะออกมาพร้อมทั้งไหลเวียนพลังเวทมนตร์ พลังงานขนาดใหญ่ได้ปกคลุมเขาอย่างกะทันหัน ข้างหลังมีอสูรหยานเป่ยที่ปรากฏขึ้นมาลางๆ โลดแล่นไปตามห้วงมิติ


บาเรียพลังฉีนี้เป็นเหมือนกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวก็ว่าได้ หมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าเป็นหยินหยางที่ได้ผสมผสานกันกลายเป็นสภาวะเกลียว เป็นเหมือนกับหลุมวนก็ว่าได้ มีอักขระที่ลึกลับมากมายแอบแฝงอยู่


เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!


ภายในพริบตา ดาบพลังฉีเหล่านี้ก็ได้ระเบิดเข้าไปที่ร่างกายของเซี่ยปิง ทันใดนั้นก็มีเสียงเพ่ง เพ่ง เพ่ง ปะทุออกมา


อะไรกัน?!


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกเหล่านี้ต่างก็ตกตะลึง เพราะพวกเขาค้นพบว่าดาบพลังฉีของตนเองที่แทงออกไปที่ตัวของเจ้านี่นั้น กลับถูกดูดกลืนโดยบาเรียพลังฉีอย่างกะทันหัน เหมือนกับถูกดูดกลืนเข้าไปในหลุมวนก็ว่าได้ ไม่สามารถที่จะทำอันตรายใดๆต่อเจ้าเด็กนี่ได้แม้แต่นิดเดียว


อีกทั้งพวกเขายังรู้สึกว่าร่างกายของตนเองถูกควบคุมโดยพลังการดูดกลืนที่ทรงอำนาจ ต่อให้จะต้องการหลบหนีออกไป ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้  เหมือนกับว่าออร่าของร่างกายถูกล็อกอย่างสมบูรณ์ก็ว่าได้


“ตายไปด้วยน้ำมือของข้าซะ!” จิตสังหารของเซี่ยปิงปกคลุมไปทั่วทั้งอากาศ เหมือนกับว่าในช่วงเวลานี้พื้นที่ในระยะรอบๆสิบกิโลเมตรได้เปลี่ยนกลายเป็นโดมสีเลือด ท่วมท้นไปด้วยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว


“ช่วยข้าด้วย ศิษย์พี่เฉิน!”


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกเหล่านี้ต่างก็หวาดกลัวจนเจียนตาย สีหน้าของพวกเขาซีดเซียว พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าความตายกำลังจะมาเยือน ล่วงรู้ว่าตนเองนั้นไม่สามารถที่จะหลบหนีออกไปจากระยะการโจมตีของเจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่ได้ ดังนั้นจึงได้ตะโกนออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ


“เจ้านักบ่มเพาะอิสระ หยุดเดี๋ยวนี้!”


ลูกศิษย์ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวน2-3คนที่อยู่ใกล้ๆซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นั้น พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทนดูอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เหล่าลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจะต้องตายไปอย่างแน่นอน


สำหรับเรื่องเช่นนี้นั้น เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทนดูอยู่เฉยๆโดยที่ไม่ลงมือทำอะไร


ทันใดนั้นพวกเขาก็เคลื่อนไหวออกมา แยกออกไปคนละทิศทาง พุ่งไปสู่เซี่ยปิง ต้องการที่จะใช้กลยุทธ์ให้ศัตรูล้มเลิกการโจมตีของตนเองเพื่อหันมาป้องกันแทน


“ข้าบอกว่าหากข้าต้องการที่จะสังหารใคร ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้!”


ทักษะหมัดดวงตะวันศักดิ์สิทธิ์!


เซี่ยปิงก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและได้แสดงทักษะหมัดระดับเซนต์ออกมา ทักษะหมัดดวงตะวันศักดิ์สิทธิ์!


ทันใดนั้นหมัดนี้ก็เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ฉายขึ้นมาจากทิศตะวันออก คลื่นความร้อนที่ไร้จุดสิ้นสุดได้รวมตัวกันที่หมัดของเขา เปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวได้ปะทุออกมาอย่างกะทันหัน มีพลังระเบิดที่น่าสะพรึงกลัว


“ท่าไม่ดีแล้ว!”


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก3-4คนมีใบหน้าที่ซีดเผือด เปลวไฟเช่นนี้มีพลังการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เข้าใกล้ ทว่าพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่สามารถเผาละลายทุกสิ่งทุกอย่าง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถต้านทานได้


หล่ง หล่ง หล่ง~


วินาทีต่อมา พลังอำนาจของหมัดก็ได้ระเบิดออกมา เปลวไฟได้กวาดออกไปบนท้องฟ้า ล้อมรอบร่างกายของเหล่าลูกศิษย์นิกายหวนคืนปรโลกอย่างกะทันหัน กลืนกินพวกเขาเหมือนกับเป็นเปลวไฟปีศาจก็ว่าได้


“อ๊ากก!!”


พวกเขาส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพชทันที ราวกับว่าอยู่ในเปลวไฟขุมนรกก็ว่าได้ เซลล์ทั่วทั้งร่างกายถูกแผดเผาโดยเปลวไฟนี้ เจ็บปวดทรมานอย่างมาก


ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็จะไม่ใช่ความตายที่ฉับพลัน ทว่าเป็นการแผดเผาไปทีละเล็กทีละน้อยจนตายไป เหมือนกับว่าสามารถเห็นกระบวนการตายของตนเองได้ นี่มันช่างเป็นความเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด


โชคดีที่การทุกข์ทรมานนี้ไม่ได้มีระยะเวลาที่นานนัก เพียงแค่ไม่กี่วินาที ร่างกายของพวกเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

 

 


ตอนที่ 1164

 

“บัดซบ!”


ลูกศิษย์ระดับกายาศักดิ์สิทธิ์สามคนของนิกายหวนคืนปรโลกต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหมัดนี้ แม้แต่พวกเขาที่เป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานได้ จำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงพลังอำนาจของมัน


เพราะว่านี่เป็นพลังอำนาจของเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ สามารถที่จะเผาไหม้พลังเวทมนตร์ได้ เมื่อใดที่สัมผัสเปลวไฟเหล่านี้ ต่อให้พวกเขาจะมีทักษะการป้องกันที่แข็งแกร่งนั้น ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานได้


แม้ว่าจะไม่สามารถสังหารพวกเขาได้ ก็สามารถที่จะทำให้พลังชีวิตของพวกเขาหลงเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว


“อันที่จริงนี่มันคือเปลวไฟอะไรกัน? ทำไมถึงมีพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นนี้?”


ผู้คนต่างก็แตกตื่นกันอย่างมาก พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหมัดนี้ เหมือนกับว่านี่คือเปลวไฟระดับสุดยอดที่ปะทุออกมาจากส่วนลึกของดวงดาวก็ว่าได้ เต็มไปด้วยการทำลายล้าง การเผาไหม้และอื่นๆ


เมื่อลุกลามที่เข้าไป หากไม่ได้เผาไหม้จนสิ่งนั้นกลายเป็นเถ้าถ่านล่ะก็ จะไม่มีทางมอดดับไป


ภายในจักรวาล ผู้คนจำนวนมากจะเรียกเปลวไฟนี่ว่าเป็นเปลวไฟแห่งสวรรค์!


“เจ้านี่ไม่ใช่นักบ่มเพาะอิสระทั่วไป ทว่าเป็นผู้ที่สามารถใช้เปลวไฟแห่งสวรรค์ได้! ไม่ประหลาดใจว่าทำไมถึงกล้าเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณโดยลำพัง” เฉินเหว่ยมีสีหน้าที่บิดเบี้ยว เขาคิดว่าตนเองนั้นได้ประเมินความสามารถของเจ้านักบ่มเพาะอิสระอู๋ไท่โต่วนี่ต่ำเกินไป


เพียงแค่พลังอำนาจนี้ก็เพียงพอให้เขากวาดล้างผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาได้ หากไม่ระวัง ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก็จะได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน เพราะว่าถึงอย่างไร เปลวไฟแห่งสวรรค์นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถมองข้ามได้


“ช่างเป็นปีศาจต่างถิ่นที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ”


จั่วฮาวและคนอื่นๆของชนเผ่าวิญญาณต่างก็ตื่นตระหนกอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอกับปีศาจต่างถิ่นที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เป็นเหมือนกับเทพเจ้าแห่งเปลวไฟก็ว่าได้ มีพลังอำนาจที่สามารถทำลายล้างแผ่นดินและสวรรค์


“หืมม นี่มัน? กำลังจะเลื่อนขั้นหรือ?”


เซี่ยปิงค้นพบอย่างรวดเร็วว่าภายในส่วนลึกของราชวังสีม่วงนั้น มีกำแพงที่ได้พังทลายอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดเสียงแตกดังขึ้นมา เป็นเหมือนกับเสียงแก้วที่ตกแตกก็ว่าได้


เขาล่วงรู้ทันทีว่าตนเองนั้นกำลังจะเลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลาง!


เดิมทีก่อนหน้านี้นั้น การที่ได้ดูดกลืนหินวิญญาณจำนวนหนึ่งส่งผลให้จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์และพลังเวทมนตร์ของเขาทรงอำนาจขึ้นมาอย่างมาก ทำให้เขาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสมปรารถนาขั้นเริ่มต้น


ซึ่งขาดอีกเพียงแค่ก้าวเดียว เขาก็สามารถที่จะก้าวเข้าไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลางได้


ทว่าในที่สุดตอนนี้โอกาสก็ได้มาถึง ภายใต้การโจมตีของกลุ่มลูกศิษย์นิกายหวนคืนปรโลกนั้น มันได้กระตุ้นร่างกายของเขา ทำให้ศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ในร่างกายถูกกระตุ้นขึ้นมา พลังเวทมนตร์ปริมาณมหาศาลได้เอ่อล้นออกมา


พลังเวทมนตร์เหล่านี้ เป็นเหมือนกับแรงผลักดันสุดท้ายที่ช่วยให้เขาได้เลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลาง


เมื่อใดที่เลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลางนั้น พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ พลังเวทมนตร์และศักยภาพของร่างกายจะได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก จะแตกต่างกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


แม้แต่การที่จะเป็นคู่มือที่สมศักดิ์ศรีให้กับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยาก


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จากนั้นก็เลื่อนขั้นทันที”


เซี่ยปิงไม่ได้ควบคุมพลังเวทมนตร์ที่กำลังพรั่งพรูในส่วนลึกของราชวังสีม่วงอีกต่อไป ตึบ อาณาเขตจิตใต้สำนักของเขาสั่นสะเทือน กำแพงถูกทำลาย ทันใดนั้นพลังเวทมตร์ปริมาณมหาศาลก็หลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ของราชวังสีม่วงทันที


ส่วนลึกของราชวังสีม่วง พลังเวทมนตร์กำลังควบแน่นขึ้นมากลายเป็นท้องทะเลที่แปรปรวน ในช่วงเวลานี้มันได้ก่อตัวกลายเป็นหลุมวนขนาดใหญ่ หมุนวนตรงกลางอย่างไม่หยุดหย่อน เจาะเข้าไปในพื้นที่ส่วนลึกของราชวังสีม่วงอย่างรวดเร็ว


ด้วยการหมุนวนและการเจาะทะลวงอย่างต่อเนื่องของกระแสน้ำเหล่านี้นั้น มันได้เปิดพื้นที่ของราชวังสีม่วง ทันใดนั้นทั่วทั้งราชวังสีม่วงก็ได้ขยายออกไป พื้นที่ท้องทะเลก็ได้ขยายออกไปเช่นกัน


ระดับสมปรารถนาขั้นกลาง!


เซี่ยปิงรู้สึกว่าได้ถึงแสงที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน ล่วงรู้ทันทีว่าในที่สุดตนเองก็ได้พัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับสมปรารถนาขั้นกลาง ในช่วงเวลานี้พื้นที่ของราชวังสีม่วงก็ได้ขยายออกไปหนึ่งเท่าจากก่อนหน้านี้ พลังเวทมนตร์มหาศาลกำลังไหลเชี่ยวอยู่ในส่วนลึกของราชวังสีม่วง เป็นพลังอำนาจอันมหาศาล กระแสคลื่นพัดกระพือฮือโหม


อีกทั้งออร่าที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ปะทุออกมาจากตัวเขา พื้นที่ในระยะร้อยกิโลเมตรอยู่ภายใต้การครอบคลุมของพลังเวทมนตร์นี้โดยที่มีร่างกายของเขาเป็นจุดศูนย์กลาง เริ่มที่จะทำให้เกิดพายุที่ไร้ที่สิ้นสุด


“นี่มันเรื่องอะไรกัน? อันที่จริงเกิดอะไรขึ้น?”


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกใจอย่างมาก เห็นออร่าที่น่าสะพรึงกลัวของเซี่ยปิงปะทุออกมาอย่างกะทันหัน ก่อตัวเป็นสสารและกลายเป็นกำแพงอากาศที่ผลักออกไปสู่ทุกทิศทางอย่างรุนแรง


ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆไม่สามารถที่จะต้านทานได้ แต่ละคนต่างก็ถอยหลังออกไป2-3กิโลเมตร ผู้บ่มเพาะบางคนที่อ่อนแอนั้น ถูกแรงผลักนี้กระแทกจนกระเด็นปลิวออกไปโดยตรง กระอักเลือดออกมากลางอากาศ


“นี่มันตลกสิ้นดี เจ้าเด็กนี่กำลังเลื่อนขั้น กำลังจะเลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลาง?!” บางคนที่สัมผัสได้ทันทีว่าออร่าของเจ้าเด็กนี่ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมาก


เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือการเลื่อนระดับ เป็นการพัฒนาตนเองไปอีกขั้นหนึ่ง


“แม่เจ้า เจ้าเด็กนี้ช่างเหนือธรรมชาติจริงๆ สามารถที่จะเลื่อนขั้นเช่นนี้หรือ?!”


ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวนมากต่างก็ไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเอง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เป็นการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ทว่าเจ้าเด็กนี่กลับมีความคิดที่แตกต่างออกไป ไม่คาดคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ในการเลื่อนระดับขึ้นไป


เรื่องเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน


“จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงอำนาจมากขึ้น”


เซี่ยปิงไม่ได้สนใจความตกใจของผู้คนที่อยู่รอบข้าง เขากำลังดื่มด่ำกับการเลื่อนขั้นขึ้นมาในระดับสมปรารถนาขั้นกลางของตนเอง พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของตนเองก็ทรงอำนาจยิ่งกว่าเดิม


เขาเคลื่อนไหวความคิดของตนเอง พื้นที่ในระยะหลายร้อยกิโลเมตรถูกครอบคลุมอยู่ในขอบเขตของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ สามารถล่วงรู้ข้อมูลอย่างละเอียด ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถที่จะหลบซ่อนไปจากพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้


อีกทั้งเขายังควบแน่นพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เกิดพลังอำนาจที่ลึกลับขึ้นมาในความว่างเปล่า ก้อนหินเล็กๆบนพื้นกำลังสั่นไหว ดูเหมือนกับว่าจะสามารถลอยขึ้นมาได้โดยการควบคุมของความคิดเขา


การที่จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงอำนาจถึงขั้นนี้นั้น ก็สามารถที่จะส่งผลกระทบต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกได้


ปาช่า เซี่ยปิงไหลเวียนพลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ออกมาและโจมตีก้อนหินที่อยู่ที่พื้น บดทำลายก้อนหินนี่จนแตกเป็นเสี่ยงๆ ปรากฏรอยแตกมากมาย


“เซลล์อีกานรกทองคำก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน”


ไม่ใช่แค่จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ได้พัฒนาขึ้นมา เซี่ยปิงก็รู้สึกได้ว่าเซลล์อีกานรกทองจำนวนหนึ่งพันเซลล์ในร่างกายของเขาก็ได้ตื่นขึ้นมาเช่นกัน ทันใดนั้นพลังงานมหาศาลของอีกานรกทองคำก็ได้เอ่อล้นออกมา


เลือดในส่วนลึกของร่างกายเขากำลังไหลเวียนเหมือนกับเป็นลาวา ปรากฏเป็นสีทองอ่อน เหมือนกับว่าเป็นเลือดของเทพเจ้าก็ว่าได้ มีออร่าของความโบราณ ความสูงส่ง ความศักดิ์สิทธิ์ ความโกลาหลและออร่าอื่นๆ


ในช่วงเวลานี้ กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นลมปราณ ผิวหนัง เส้นผมและจุดอื่นๆของร่างกายก็ได้รับการเสริมสร้าง เสียงแตกดังขึ้นมา แม้แต่กระดูกก็กลายเป็นสีทองอ่อนในช่วงเวลานี้ ดูแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้


อากาศรอบๆเดือดระอุ เหมือนกับว่าร่างกายของเขาเป็นดวงอาทิตย์ก็ว่าได้ ส่วนลึกของดวงอาทิตย์เหมือนกับจะมีนกศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ คำรามออกสู่ท้องฟ้า ทำปฏิกิริยาตอบสนองกับโลก


ทั่วทั้งแผ่นดินกำลังสั่นสะเทือน!


“นี่มันอะไรกัน?!”


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็สั่นเทา เมื่อรู้สึกได้ถึงออร่าของความโบราณนี้ พวกเขาก็หวาดกลัวจนฉี่ราด ปรารถนาที่จะคลานลงไปที่พื้นทันที นี่เหมือนกับการที่ตนเองได้เผชิญหน้ากับเทพเจ้าซึ่งไม่มีทางที่จะต่อกรได้


การที่กล้าลงมือกับเทพเจ้าเช่นนี้ เป็นการดูหมิ่นอย่างแท้จริง จะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์ของสวรรค์!


นี่คือคู่ต่อสู้ที่มนุษย์ปกติธรรมดาไม่สามารถที่จะต่อกรด้วยได้ การที่กล้าต่อต้านนั้น จะต้องตาย!


“ท่าไม่ดีแล้ว อย่าปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ได้เลื่อนขั้นจนสำเร็จ จะต้องขัดขวางเขา ทำให้แกนพลังฉีของเขาผันผวน” เฉินเหว่ยมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาคิดว่าภัยคุกคามจากเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าหลังจากที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลางนั้น เจ้านี่จะมีพลังอำนาจในการต่อกรกับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้


เขาคิดว่าจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ จะต้องรีบเข้าไปขัดขวางก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้นมา


“ถอยไป ข้าจะสังหารเขาเอง”


ในตอนนี้จั่วฮาวก็ได้ตะโกนออกมาพร้อมกับจิตสังหารที่กำลังเดือดดาล

 

 

 


ตอนที่ 1165

 

หากในตอนนี้มีใครที่ต้องการจะสังหารเซี่ยปิงไปมากกว่าเฉินเหว่ยล่ะก็ อย่างไม่ต้องสงสัยว่าคือจั่วฮาว


ในฐานะชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ เขานั้นเกลียดชังปีศาจต่างถิ่น ต้องการที่จะสังหารให้หมด ไม่ไว้หน้าปราณี


อย่าพูดถึงว่าตอนนี้เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี้ก็ได้จับตัวหลิวหยูหลานของเขาไปและอาจจะได้ทำเรื่องที่มิดีมิร้ายที่ไม่สามารถอธิบายได้กับเธอ ซึ่งนี่ทำให้เขานั้นรู้สึกโมโหอย่างมาก


นี่ให้ความรู้สึกเหมือนกับการที่ภรรยามีชู้ก็ว่าได้ ทำให้จั่วฮาวเกลียดชังเซี่ยปิงจนถึงไขกระดูก ต้องการที่จะสังหารเขาใจจะขาด


ดังนั้น เขาจะไม่ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่พัฒนาตนเองจนแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างแน่นอน มันจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อเขา


“พวกเราร่วมมือกัน สังหารเจ้าเด็กนี่ซะ”


จั่วฮาวได้ทำการสื่อสารทางความคิด บอกกับลูกน้องของตนเอง นอกจากนี้ก็ยังมีสหายของเขาจำนวน2-3คนซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้นเช่นกัน เขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ต้องการที่จะสังหารในทันที


แนวทางที่ถูกต้องของการเอาชนะศัตรูนั้น ก็คือการใช้วิธีการที่รวดเร็วที่สุดและโหดเหี้ยมที่สุด!


“รับทราบ!”


ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากต่างก็พยักหน้า พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่ออกมาจากร่างกายของเจ้าเด็กนี่เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงได้ทำตามคำสั่งของจั่วฮาวโดยที่ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย


ทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณ ทักษะแรงกดดันของภูเขาไท่ซาน!


ทันใดนั้นพลังวิญญาณของพวกเขาแต่ละคนก็ได้รวมเข้าด้วยกัน พลังวิญญาณผสมผสานกันอย่างต่อเนื่อง รวมตัวกันอย่างไม่หยุดหย่อน ทันใดนั้นก็เกิดเป็นคลื่นพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัว


จากนั้นภูเขาที่เกิดขึ้นจากพลังวิญญาณก็ได้ปรากฏขึ้นมา เหมือนกับเป็นภาพลวงตาก็ว่าได้ มีออร่าของการกดดันแผ่ออกมา ส่งผลกระทบต่อห้วงอากาศเช่นกัน


“สิ่งนี้คืออะไรกัน?!”


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็แตกตื่นอย่างมาก พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังอำนาจการกดดันทางจิตวิญญาณจากผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้ ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับอสูรโบราณก็ว่าได้


เหมือนกับว่าตราบใดที่ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ก็สามารถที่จะบดพวกเขากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้


“ไม่นะ! นี่คือทักษะแรงกดดันของภูเขาไท่ซาน คนเหล่านี้ต้องการที่จะสังหารในทันที”


หลิวหยูหลานมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ในฐานะที่เธอเคยเป็นนักบุญหญิงของสำนักวิญญาณมาก่อนนั้น เป็นธรรมดาที่เธอจะต้องรู้ว่าทักษะแรงกดดันของภูเขาไท่ซานนี้เป็นทักษะพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน


มันใช้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณเพื่อควบแน่นขึ้นมาเป็นภูเขา มีความหนักหน่วงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เหมือนกับเป็นภูเขาที่ตกลงมา เหมือนกับว่าภูเขาไท่ซานกดอยู่บนศีรษะ ระเบิดใส่จิตวิญญาณของศัตรูอย่างรุนแรง


ทักษะนี้นั้น ศัตรูจะมีชีวิตอยู่หากต้านทานมันได้ แต่ก็จะตายไปหากว่าต้านทานมันไม่ได้!


ทว่าศัตรูส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถที่จะต้านทานการโจมตีนี้ได้ นี่คือการโจมตีเพื่อสังหาร ในอดีตเมื่อครั้งที่ทวีปโลหิตวิญญาณเผชิญกับการรุกรานของปีศาจต่างถิ่นนั้น ชนเผ่าวิญญาณก็ได้พึ่งพาทักษะนี้ในการสังหารปีศาจต่างถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างกะทันหัน


เพราะว่าทักษะนี้สามารถที่จะผสมผสานพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของยอดฝีมือในชนเผ่าวิญญาณได้นับไม่ถ้วน ยิ่งมีจำนวนผู้คนมากแค่ไหน พลังอำนาจที่ปะทุออกมาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น


ถามว่าพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของคนๆหนึ่งนั้น จะสามารถต้านทานผู้คนนับสิบได้อย่างไร แม้กระทั่งจำนวนหลายร้อย ดังนั้นปีศาจต่างถิ่นส่วนใหญ่จึงถูกสังหารไปอย่างกะทันหัน จิตวิญญาณถูกทำลายและล่มสลายไป


ถึงแม้ว่าตอนนี้นั้นจะไม่ใช่เป็นจำนวนหลายร้อยคน ทว่าก็มีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์3-4คนและมีผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา20-30คน พลังอำนาจทั้งหมดนี้ที่รวมกันนั้น มันจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด


เมื่อใดที่เผชิญกับการโจมตีนี้ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย


“ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ”


ใบหน้าของเฉินเหว่ยเผยให้เห็นความหวาดกลัวทันที เหตุผลที่เขาได้ร่วมมือกับผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ เซ็นสัญญาทางจิตวิญญาณ ไม่ได้สังหารคนกลุ่มคนนี้และแย่งชิงหินวิญญาณมาทั้งหมดนั้น


เป็นเพราะว่าเขานั้นมีความสนใจในทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณเช่นกัน


เมื่อฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังหรือแม้แต่อยู่ในจุดที่กำลังจะตายนั้น ก็ยังคงสามารถที่จะสังหารพวกเขาทั้งหมดได้ เรียกได้ว่าทักษะพลังวิญญาณเหล่านี้นั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด


นี่คือเหตุผลว่าทำไมอัตราการตายของนักวิทยายุทธจักรวาลในทวีปโลหิตวิญญาณถึงได้สูงยิ่งนัก หากไม่ถูกค้นพบโดยผู้คนของชนเผ่าวิญญาณก็ถือว่าโชคดีไป แต่หากถูกค้นพบล่ะก็ มันจะมีหนทางการเอาตัวรอดที่ริบหรี่


“แต่ด้วยวิธีนี้นั้น เจ้าเด็กนี่จะต้องตาย”


เฉินเหว่ยมองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เวทนา คิดว่าเจ้าเด็กนี่โชคไม่ดี เพิ่งที่จะเลื่อนขั้นได้ ทว่าไม่มีโอกาสที่จะดีใจด้วยซ้ำ จะต้องถูกสังหารไปในตอนนี้


ทว่านี่ก็คือจุดจบของเจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่ การที่ท้าทายเขาเฉินเหว่ย อีกทั้งยังกล้าที่จะสังหารลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกนั้น หากเขาไม่ตายไปเช่นนี้ มันก็จะไม่มีความยุติธรรมอยู่บนโลกจริงๆ


“ตายไปซะ!”


จั่วฮาวตะโกนออกไปอย่างโมโห ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว


หล่ง หล่ง หล่ง~


ทันใดนั้นภูเขาก็ได้ตกลงไปที่จิตวิญญาณของเซี่ยปิง เป็นเหมือนกับการรับน้ำหนักของภูเขาไท่ซานก็ว่าได้ อากาศระเบิดออกมา ดูเหมือนกับว่าจะต้องการบดขยี้แผ่นดินนี้เช่นกัน


พลังวิญญาณของผู้คนหลายสิบที่ได้รวมกัน โดยเฉพาะพลังวิญญาณของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์หลายคนนั้น นี่เป็นพลังอำนาจที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ผู้คนปกติธรรมดานั้นจะถูกบดขยี้เพียงแค่การสัมผัสแรงกดดันนี้เข้าไปเล็กน้อย


แม้ว่าจะยังไม่ถึงตัวเซี่ยปิง นักวิทยายุทธจักรวาลจำนวนมากกว่าสิบคนที่อยู่ที่พื้นนั้นก็ไม่สามารถที่จะต้านทานได้ พวกเขาถูกกระแทกเข้าไปอย่างกะทันหัน เลือดไหลออกมาจากอวัยวะต่างๆของร่างกาย จิตวิญญาณถูกทำลายและล่มสลายไป ตายไปเช่นนี้


“เป็นพลังวิญญาณที่ทรงพลังจริงๆ!”


สายตาของเซี่ยปิงเปล่งประกายขึ้นมา เขารู้สึกว่าการโจมตีพลังวิญญาณนี้ไม่ธรรมดา เป็นพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง เป็นการเผชิญกับศัตรูซึ่งๆหน้า ใครที่มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าก็จะเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ


ทว่าต่อให้พลังอำนาจนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน หากเทียบกับแรงกดดันวิญญาณจากกำแพงฟ้าดินนั้น ไม่รู้ว่ายังห่างไกลกันอีกมากแค่ไหน


ทันใดนั้น เขาก็เคลื่อนไหวความคิด ไหลเวียนพลังอำนาจของต้นไม้โลกที่อยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ


วิซ!


ต้นไม้โลกที่สูงตระหง่านได้ปรากฏออกมา ดูเหมือนว่าจะขุกรากลงไปในห้วงอากาศ สามารถที่จะค้ำจุนสวรรค์และโลก เหมือนกับเป็นต้นไม้มหัศจรรย์ที่มีมานับตั้งแต่ยุคโบราณ


ทันที่มันปรากฏขึ้นมา สภาพแวดล้อมรอบๆก็เหมือนกับว่าจะอยู่ในสภาวะที่เงียบสงบ แสงสีเขียวส่องสว่างออกมา เหมือนกับว่าพื้นที่ในระยะนับสิบกิโลเมตรกลายเป็นโดมสีเขียว


ตึบ!


ในช่วงเวลานี้ ภูเขาพลังวิญญาณที่ได้ตกลงมานั้นก็ได้อัดเข้ากับต้นไม้โลกอย่างรุนแรง ทว่าในพริบตาภูเขาก็พังทลายไป เปลี่ยนกลายเป็นชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วน


ต่อให้ภูเขานี้จะร้ายกาจ ทว่าก็ไม่คู่ควรที่จะต่อกรกับต้นไม้โลก แม้แต่กิ่งไม้เดียวก็ไม่สามารถที่จะทำให้แตกหักได้ กิ่งไม้ได้แทงทะลุทั่วทั้งภูเขาภายในคราวเดียว


ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยปิงก็ยังคงยืนอยู่ที่จุดๆเดิมโดยที่ไร้รอยขีดข่วน


“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?!”


จั่วฮาวและคนอื่นๆรู้สึกงุนงง พวกเขานับสิบคนที่ได้ประสานพลังอำนาจของทักษะแรงกดดันของภูเขาไท่ซานเพื่อที่จะทำลายเจ้าเด็กนี่อย่างฉับพลัน กำจัดเจ้าหอกข้างแคร่นี้ไปนั้น


ทว่าดูตอนนี้ ทักษะแรงกดดันของภูขาไท่ซานดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ต่อหน้าเจ้าเด็กนี่ หนำซ้ำภูเขาไท่ซานของพวกเขายังถูกทำลายไป ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นอะไรแม้แต่น้อย นี่มันน่าหัวเราะเกินไป


พลังวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามนั้นทรงอำนาจยิ่งกว่าพวกเขาจำนวนนับสิบคนรวมกันอีกหรือ? ไม่อย่างนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดเรื่องที่เหนือจิตนาการเช่นนี้ได้


“ตายไปซะ!”


ในขณะที่จั่วฮาวและคนอื่นๆยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เซี่ยปิงก็ได้ใช้จังหวะนี้ทันที ขับเคลื่อนพลังอำนาจของต้นไม้โลก


หลั่ว หลั่ว หลั่ว!


ทันใดนั้นต้นไม้โลกก็สั่นสะเทือน กิ่งก้านจำนวนนับไม่ถ้วนได้ยืดออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเป็นหอกที่ใช้สังหารเทพเจ้า แทงเข้าไปที่จั่วฮาวและนักบ่มเพาะของชนเผ่าวิญญาณคนอื่นๆอย่างโหดเหี้ยม


นี่คือหนามจิตวิญญาณ!


เป็นหนามที่แทงตรงไปที่จิตวิญญาณของพวกเขา!


เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!


เมื่อไม่มีสิ่งกีดขวาง กิ่งไม้เหล่านี้ก็ได้เจาะทะลวงจิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะของชนเผ่าวิญญาณแต่ละคนอย่างกะทันหัน เจาะทะลวงจิตวิญญาณของพวกเขาจากภายในออกสู่ภายนอก เหมือนกับฉีกกลายเป็นชิ้นๆอย่างกะทันหัน


“อ๊าก!!”


จั่วฮาวและคนอื่นๆส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช เหมือนกับเป็นเสียงของหมูที่ถูกเชือดก็ว่าได้ เพราะว่านี่เป็นความเจ็บปวดของจิตวิญญาณ หากเทียบกับบาดแผลของร่างกายนั้น ไม่รู้ว่านี่มีความเจ็บปวดที่มากกว่ากี่เท่า

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม