Genius Doctor Black Belly Miss 1369-1374

 ตอนที่ 1369  สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (7)


จักรพรรดิแห่งความมืดอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว  แต่ชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของเขายังคงอยู่  ขนาดพวกวัยรุ่นนอกคอกพวกนี้ก็ยังเคารพยำเกรงอดีตจักรพรรดิคนนี้เช่นกัน


จวินอู๋เสียมองท่าทางเคร่งเครียดของพวกเฉียวฉู่  แล้วเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เหยาด้วยแววตายิ้มๆ


จวินอู๋เหยามองสบตาจวินอู๋เสีย  แล้วรอยยิ้มของเขาก็จางหายไปเล็กน้อย  ดวงตาของนางทำให้เขารู้สึกว่าเขาถูกมองออกแล้ว


“นั่นคือโลงศพของจักรพรรดิแห่งความมืดหรือ?”  จวินอู๋เสียหันกลับไป  ไม่ได้มองจวินอู๋เหยาอีก  แต่กลับมองไปที่เย่กูซึ่งสะกดกลั้นตัวเองอยู่นานแล้ว


เย่กูมองจวินอู๋เสีย  เขาอยากรู้มากเกี่ยวกับตัวตนของจวินอู๋เสีย  แต่เพราะมีจวินอู๋เหยาอยู่  เขาจึงไม่กล้าถามนางตรงๆ  ตอนนี้จวินอู๋เสียกำลังถามคำถามกับเขาโดยตรง  เขาไม่อาจทำอะไรได้นอกจากพยักหน้าตอบ


“ร่างของจักรพรรดิแห่งความมืดอยู่ในนั้นด้วยรึเปล่า?”  จวินอู๋เสียถามต่อทันที


เย่กูชะงัก  ดวงตามีแววประหลาดใจ


เย่ฉาและเย่เหม่ยที่อยู่ข้างๆตกใจกับคำถามของจวินอู๋เสียจนเหงื่อแตกพลั่ก


[ทำไมจู่ๆคุณหนูถึงถามแบบนั้น?  หรือว่านางจะค้นพบอะไรเข้าแล้ว?]


ทั้งสองคนออกจากราชอาณาจักรแห่งความมืดมาพร้อมกับจวินอู๋เหยา  และก็ไม่ได้กลับไปตั้งแต่นั้น  พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเลยจนกระทั่งได้ยินจากพวกจวินอู๋เสีย  พวกเขาไม่รู้ว่าพี่น้องของพวกเขาที่ราชอาณาจักรแห่งความมืดคิดว่านายท่านเจว๋เสียชีวิตไปแล้ว  และไม่รู้เลยว่าพวกเขาได้สร้างสุสานให้กับนายท่านเจว๋ด้วย


พวกเขารู้แค่ว่านายท่านเจว๋ยังมีชีวิตอยู่  ดังนั้นจะไปมี “ร่าง” ของเขาอยู่ในโลงศพได้ยังไง?!


[คุณหนูต้องรู้แล้วแน่ๆว่ามีบางอย่างผิดปกติ  ถึงได้พยายามขุดข้อมูลเพิ่มเติมจากเย่กู]


ทั้งสองคนพากันตื่นตระหนก  และทำได้แค่แอบหยิกที่เอวด้านหลังของเย่กู  แม้ว่าจะไม่เจ็บ  แต่อย่างน้อยก็ช่วยส่งข้อความถึงเขาได้


เย่กูเข้าใจทันที  เขาขมวดคิ้วพูดว่า  “แน่นอนซิ  จะเป็นใครได้อีกล่ะ!”


จวินอู๋เสียหรี่ตา  ไม่ใช่นางคิดมากเกินไป  แต่เหตุการณ์บางอย่างมันค่อยๆเชื่อมโยงปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน  ก่อเกิดเป็นรูปเป็นร่างที่คลุมเครืออยู่ในหัวนาง  ถึงจะเป็นการเดาที่ใจกล้าบ้าบิ่นไปหน่อย  แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีที่มาที่ไป


[จวินอู๋เหยาคือใคร?]


จวินอู๋เสียไม่ได้อยากจะสืบสาวเรื่องในอดีต  แต่หลังจากเข้าใจความรู้สึกของหัวใจตัวเองแล้ว  นางก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเขา  และรู้จักเขาให้มากขึ้น


ถ้าตัวตนของเขาคือคนอื่น  ก็ไม่เป็นไร  แต่ถ้าเป็นอย่างที่นางเดาเอาไว้  งั้นสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความจริงนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆธรรมดาแล้ว


จักรพรรดิแห่งความมืดมีอำนาจมากขนาดไหน?  เขาตายได้ยังไง?


จวินอู๋เหยาแข็งแกร่งมากขนาดไหน?  ทำไมเขาถึงติดอยู่ในถ้ำนั้นได้?


จวินอู๋เหยาแอบไปจัดการกับเรื่องอะไรตลอดเวลาที่ผ่านมา?


ถ้าเขาคือจักรพรรดิแห่งความมืดจริงๆ  แล้วใครเป็นคนขังเขาเอาไว้ในถ้ำแห่งนั้น?  ในโลกนี้จะมีใครที่สามารถโค่นจักรพรรดิแห่งความมืดของราชอาณาจักรแห่งความมืดได้!?


จวินอู๋เสียจำเป็นต้องรู้เรื่องทั้งหมดนี้  นางไม่สนว่าตัวจริงของจวินอู๋เหยาจะยิ่งใหญ่หรือไม่  ที่นางอยากรู้ก็คืออันตรายที่เขากำลังเผชิญอยู่มาจากไหน?


“ข้าอยากเปิดโลงศพ”  จู่ๆจวินอู๋เสียก็พูดขึ้น


ประโยคเดียวนี้ทำให้ทุกคนในห้องโถงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ!


เย่ฉากับเย่เหม่ยมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่อยากจะเชื่อ  ในใจเกิดลางสังหรณ์ร้ายขึ้นมาทันที


[จบกัน!]


[คุณหนูรู้แล้ว!]


เฉียวฉู่และคนอื่นๆที่ยังคารวะจักรพรรดิแห่งความมืดกันอยู่  ก็เบิกตาโตอ้าปากค้างมองไปทางจวินอู๋เสีย


“ข้า……หูฝาดไปรึเปล่า?  เสี่ยวเสีย……นาง……นางอยากเปิดโลงศพของจักรพรรดิแห่งความมืด?”  เฉียวฉู่พูดตะกุกตะกัก  ใบหน้าเริ่มกระตุกโดยไม่ได้ตั้งใจ  [นั่นเป็นเรื่องตลก หรือว่าเขาหูฝาด?]


ตอนที่ 1370  สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (8)


ฟ่านจั๋วก็ตกใจเช่นกัน  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจวินอู๋เสียถึงได้สนใจโลงศพของจักรพรรดิแห่งความมืดขึ้นมา


พูดตามตรง  พวกเขาทุกคนแค่อยากได้พลังที่แข็งแกร่ง  แต่ไม่อยากรบกวนการพักผ่อนชั่วนิรันดร์ของจักรพรรดิแห่งความมืด  ดังนั้น  การเปิดโลงศพ……จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ


เย่กูอ้าปากค้าง  มองเด็กสาวผู้งดงามที่เอ่ยคำพูดน่าตกใจออกมา  ทั้งร่างเขาแข็งทื่อไปทันที


[เด็กสาวคนนี้เป็นใคร?  ถึงได้กล้าขอให้เปิดโลงศพของนายท่านเจว๋?]


หลังจากจวินอู๋เสียพูดคำพวกนั้นออกมา  นางก็หันหลังกลับและเดินไปหาจวินอู๋เหยาที่อยู่ห่างจากนางเพียงไม่กี่ก้าว


“ท่านจะช่วยข้าไหม?”  จวินอู๋เสียจ้องมองจวินอู๋เหยาโดยไม่ละสายตา


จวินอู๋เหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย  แต่ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา  “ถ้าเจ้าสนใจ  งั้นเราก็เปิดกัน”


เย่ฉากับเย่เหม่ยแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว


[นายท่านเจว๋!  พูดง่ายไปแล้วขอรับ!]


[ท่านไม่รู้หรือขอรับว่าตัวท่านยังยืนสบายดีอยู่ตรงนี้  เพราะงั้นในโลงก็ต้องว่างเปล่า!  คุณหนูพยายามจะหาคำตอบเรื่องตัวจริงของท่าน!  คุณหนูสงสัยแล้วว่าท่านคือจักรพรรดิแห่งความมืด  ท่านจะไม่หาทางจัดการหน่อยหรือขอรับ!?]


[นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเอาใจสาวแบบไม่มีขอบเขตนะขอรับ!!]


แม้ว่าเย่ฉากับเย่เหม่ยจะกังวลจนแทบบ้าแล้ว  แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำพูดที่จวินอู๋เหยาพูดออกมาแล้วได้


จวินอู๋เสียเพียงแค่มองอย่างเงียบๆไปที่จวินอู๋เหยาซึ่งยังคงยิ้มมุมปากอยู่  มองเข้าไปในดวงตาของเขาที่มีประกายรื่นเริงที่คุ้นเคย


“เสี่ยว……เสี่ยวเสีย……เจ้าอยากเปิดโลงศพจริงๆหรือ?”  เฉียวฉู่ถามเสียงสั่น


“ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะนะ  จักรพรรดิแห่งความมืด……เสียชีวิตมาหลายปีแล้ว  การที่พวกเรามาที่นี่เพื่อขโมยสมบัติของเขาที่ถูกฝังไว้ในสุสานของเขาก็ถือเป็นการดูหมิ่นอย่างมากแล้ว  ถ้าเรายังจะรบกวนการพักผ่อนอันสงบสุขของเขาอีก……”  เฉียวฉู่พยายามเกลี้ยกล่อมอย่างเต็มที่  เขาไม่เข้าใจเลยว่าจวินอู๋เสียไปเอาความคิดบ้าๆนี้มาจากไหน


ตลอดการเดินทางมาที่นี่  เขาไม่เคยได้ยินนางพูดถึงความคิดแบบนี้เลยสักครั้ง


จวินอู๋เสียลดสายตาลงต่ำเล็กน้อย  นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า


“ข้าล้อเล่นน่ะ”


“หา?”  เฉียวฉู่ยืนแข็งค้างทันที


เขาไม่เคยเห็นจวินอู๋เสียล้อเล่นอะไรมาก่อน  พอทำเป็นครั้งแรกก็เล่นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลย  เล่นเอาพวกเขากลัวแทบตาย


พอจวินอู๋เสียเปลี่ยนคำพูดอย่างกระทันหัน  เย่ฉากับเย่เหม่ยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


“แค่ล้อเล่นงั้นหรือ?”  แต่จวินอู๋เหยาเฝ้ามองจวินอู๋เสียอยู่อย่างใกล้ชิด  เขาจับได้ว่าสาวน้อยดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างแล้ว  แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามี “ร่างของจักรพรรดิแห่งความมืด” อีกร่างอยู่ในโลงศพหรือเปล่า  และถ้าโลงศพถูกเปิดออกและพบว่ามันว่างเปล่า  จวินอู๋เสียก็จะสามารถยืนยันการคาดเดาของตัวเองได้


[แต่……]


[ทำไมเด็กน้อยถึงเปลี่ยนใจ?]


ดูเหมือนว่าจวินอู๋เสียจะไม่สืบสาวเรื่องนั้นต่อแล้ว  นางมองไปที่ของวิเศษที่วางอยู่บนชั้นวางโครงกระดูก  ท่าทางสงบนิ่งและสุขุมของนางดูเหมือนคำพูดเมื่อกี้เป็นเพียงการล้อเล่นจริงๆ


ขณะที่นางเดินไปที่หน้าชั้นวางโครงกระดูก  เจ้าแมวดำที่นอนอยู่ไหล่ของจวินอู๋เสียก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนว่า


“เจ้านายเจออะไรเข้าหรือ?”  มันรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆของจวินอู๋เสีย  และเมื่อครู่นี้มันก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของจวินอู๋เสีย


“มันจะแตกต่างกันตรงไหน?”  จู่ๆจวินอู๋เสียก็ถามขึ้น


เจ้าแมวดำชะงักไป


ตอนนั้นจวินอู๋เสียอยากรู้ตัวตนของจวินอู๋เหยาจริงๆ ว่าจะเป็นอย่างที่นางเดาเอาไว้รึเปล่า  แต่พอนางถามเขาว่าเขาจะยอมช่วยนางไหม  ท่าทางที่เด็ดเดี่ยวและหนักแน่นของเขาทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกว่า……


การพิสูจน์ความจริงของนางไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย


[เขาเป็นใคร  หรือเคยเป็นใครมาก่อน  ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป]


[สำหรับนาง  เขาก็คือจวินอู๋เหยา]


[เป็นจวินอู๋เหยาหนึ่งเดียวไม่มีสอง  จวินอู๋เหยา คนที่คอยปกป้องและคอยชี้แนะให้นางอยู่เสมอ!]


ตอนที่ 1371  ฟังนายท่านเจว๋อธิบายเรื่องสมบัติวิเศษ (1)


หัวใจจะไม่เปลี่ยนไปเพียงเพราะตัวตนของคนเปลี่ยนไป  และจะไม่เปลี่ยนเพราะเขาแตกต่างไปจากสิ่งที่คิดเอาไว้


คนที่จวินอู๋เสียยอมรับมาตั้งแต่แรกก็คือ จวินอู๋เหยา


แค่จวินอู๋เหยาเท่านั้น


ถ้าตัวตนของเขาทำให้หัวใจของนางเปลี่ยนไป  งั้นหัวใจนั่นก็คงไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงแล้ว


เมื่อคิดได้เช่นนั้น  จวินอู๋เสียก็รู้สึกกระจ่างชัดในใจขึ้นมา  ทำไมนางต้องสืบสาวเรื่องราวในอดีตด้วย?  ทำไมต้องดื้อดึงอยากเปิดเผยทุกอย่าง?


อดีตของจวินอู๋เหยาจะเป็นยังไง  นางไม่สนใจอีกแล้ว  สิ่งที่นางต้องการก็คือปัจจุบันและอนาคตของพวกเขา


จวินอู๋เหยาเฝ้ามองด้านหลังของจวินอู๋เสีย  ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข


เมื่อกี้เขากำลังจะยอมแพ้และเลิกปกปิดแล้ว  แต่เด็กน้อยของเขาก็กลับปิดมันไว้ซะเองในตอนที่นางกำลังจะเปิดเผยความลับได้แล้ว  นั่นทำให้จวินอู๋เหยารู้สึกประหลาดใจมาก  ในใจของเขาพองโต  รู้สึกเต็มตื้นและมีความสุข


“การล้อเล่น” แค่ครั้งเดียวของจวินอู๋เสียทำให้ทุกคนใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆกันไปหมด


“ข้ารู้สึกว่า  เสี่ยวเสียไม่เหมาะกับการล้อเล่นเลยจริงๆ”  มุมปากเฉียวฉู่กระตุกเล็กน้อย  ความพยายามล้อเล่นครั้งแรกของนางก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นขนาดนี้  ถ้านางทำอีกสักสองสามครั้ง  หัวใจดวงน้อยๆของพวกเขาจะรับไหวได้ยังไง?


เฟยเหยียนพยักหน้าเห็นด้วยแบบเงียบๆ


บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น  พวกผู้เยาว์ก็ฮึกเหิมกันมากขึ้น


ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น  แต่เพราะแค่ของวิเศษที่กองเป็นภูเขาอยู่ในห้องโถงนั้นอย่างเดียวก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้นจนอยากจะกรีดร้อง!


ของวิเศษพวกนั้นแค่ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง  ถ้านำออกไปข้างนอกจะเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากพอจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนได้  และตรงหน้าพวกเขาก็มีพวกมันอยู่มากมายนับไม่ถ้วน  ทำให้พวกเขาตื่นเต้นจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้


มีของวิเศษอยู่หลายชนิด  แต่ละชนิดก็จะให้ผลที่แตกต่างกัน


ครั้งนี้พวกจวินอู๋เสียมาที่นี่เพื่อค้นหาของวิเศษที่สามารถเพิ่มพลังวิญญาณให้พวกเขาได้ในระยะเวลาสั้นๆ  ของวิเศษประเภทนั้นแม้แต่ในอาณาจักรกลางก็หายากมาก  นอกจากสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดแล้ว  จำนวนของวิเศษแบบนั้นที่มีอยู่ในอาณาจักรกลางตอนนี้มีไม่ถึง 10 อันเลยด้วยซ้ำ


จักรพรรดิแห่งความมืดมีของวิเศษอยู่มากที่สุด  และทั้งหมดก็ถูกฝังเอาไว้ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดนี้


พวกเฉียวฉู่ไม่สามารถรั้งตัวเองเอาไว้ได้อีกแล้ว  พวกเขาพากันเดินไปรอบๆเพื่อค้นหาของวิเศษที่เหมาะกับตัวเอง


แต่หลังจากวนไปรอบหนึ่งแล้ว  พวกเขาก็พบกับความสลดใจ……


พวกเขาจำต้นกำเนิดของสมบัติวิเศษพวกนั้นไม่ได้เลย!


ของวิเศษทั้งหมดนี้ถูกกักตุนไว้ในราชอาณาจักรแห่งความมืดตอนที่จักรพรรดิแห่งความมืดยังครองราชย์อยู่  และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกมันก็ถูกปิดผนึกเอาไว้ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด  ข้อมูลเกี่ยวกับต้นกำเนิดและข่าวลือของสมบัติวิเศษพวกนี้จึงแทบไม่มี  ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการระบุตัวตนพวกมันเลย  มากกว่าครึ่งพวกเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกมันด้วยซ้ำ  ให้พวกเขาเลือกของจากในนี้  พวกเขาก็ทำได้แค่จ้องมองอย่างหมดหนทาง


ความรู้สึกเหมือนพวกเขาถือตำราเคล็ดวิชาที่ไร้เทียมทานเอาไว้ในมือ  แต่กลับไม่รู้ว่าจะอ่านมันได้ยังไง


ในตอนนั้นแม้แต่จวินอู๋เสียก็จนปัญญา  เมื่อไม่รู้ว่าของวิเศษพวกนี้ใช้ยังไง  ต่อให้สวมพวกมันเอาไว้จนเต็มตัว  ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย


ในทันทีที่จวินอู๋เสียตระหนักถึงเรื่องนี้  นางก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่จวินอู๋เหยา


สายตานั้นเห็นได้ชัดว่ามันกำลังพูดว่า


[ท่านยังไม่สอนเราอีกเหรอ?]


จวินอู๋เหยาเดินไปข้างหน้าพร้อมหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้  สายตาของจวินอู๋เสียชัดเจนมาก  แล้วเขาจะทำเป็นยืนอยู่เฉยๆได้ยังไง?


เย่เหม่ยกับเย่ฉาค่อนข้างมั่นใจแล้ว  ท่าทางที่คุณหนูมีต่อนายท่านเจว๋นั้น  คุณหนูต้องรู้ตัวจริงของนายท่านแล้วแน่!


“สิ่งที่พวกเจ้าทุกคนกำลังหากันก็คือ  ของวิเศษที่จะช่วยเพิ่มพลังวิญญาณของพวกเจ้าได้เร็วๆใช่ไหมล่ะ?”  อย่างที่คาด  จวินอู๋เหยาเดินมาอยู่ข้างๆจวินอู๋เสีย  พร้อมกับมองใบหน้าเล็กๆของนาง


จวินอู๋เสียพยักหน้า  และก่อนที่นางจะได้พูดอะไร  เฉียวฉู่ก็โดดเข้ามาพร้อมด้วยเสียงโห่ร้องดีใจ!


ตอนที่ 1372  ฟังนายท่านเจว๋อธิบายเรื่องสมบัติวิเศษ (2)


“พี่ใหญ่อู๋เหยา!  ข้ารู้ว่าไม่มีอะไรที่ท่านไม่รู้!  ท่านช่วยพวกเราได้!”  เฉียวฉู่แทบร้องไห้  ดวงตาที่เป็นประกายของเขาจับจ้องไปที่จวินอู๋เหยา  ราวกับกำลังคิดว่าจะคุกเข่าลงกอดขาของจวินอู๋เหยาดีไหม


เย่ฉากับเย่เหม่ยยืนพูดไม่ออกอยู่ข้างๆพร้อมกับกลอกตาไปมา


[เมื่อไรเจ้าเด็กโง่คนนี้จะฉลาดขึ้นมาบ้าง?]


“ได้เลย”  จวินอู๋เหยายิ้มสดใส  รอยยิ้มนั้นเหมือนกับสายลมอันสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิแฝงด้วยกลิ่นอายที่ชั่วร้ายเล็กน้อย  เป็นภาพที่ทำให้คนรู้สึกสดชื่นจริงๆ


เฉียวฉู่กำลังคิดว่า  ถ้าตัวเขาเป็นผู้หญิง  เขาอาจจะกลายเป็นคู่แข่งทางความรักของจวินอู๋เสียก็ได้


จวินอู๋เหยาหยิบกระถางธูปปิดทองข้างตัวเขาขึ้นมา  กระถางธูปมีขนาดเท่าฝ่ามือของเขาเท่านั้น  ตัวกระถางเปล่งแสงสีทองจางๆ


“สำหรับพวกเจ้าทุกคน  พลังวิญญาณแบ่งออกแค่ 7 ระดับ คือ แดง, ส้ม, เหลือง, เขียว, ฟ้า, คราม, และม่วง  แต่จริงๆแล้วการแบ่งแยกพลังวิญญาณไม่ได้มีแค่นั้น  แกนกลางของพลังวิญญาณเป็นสิ่งที่สะท้อนจากวิญญาณของเจ้าเองกับภูติประจำตัวของเจ้า  พวกเจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าการหาเจ้านายของภูติประจำตัวนั้นขึ้นอยู่กับอะไร?”


คำถามของจวินอู๋เหยาทำให้ทุกคนพากันคิดหนัก


ไม่มีใครรู้กฎที่ภูติประจำตัวใช้เวลาเลือกเจ้านาย  นอกจากรู้ว่าพวกเผ่าพิเศษจะมีภูติชนิดพิเศษแล้ว  พวกเขาก็ไม่รู้อะไรเลย


“โดยปกติแล้ว  ภูติประจำตัวแบ่งออกเป็น 3 ประเภท  ประเภทอาวุธ, สัตว์อสูร, และพืช  ใน 3 ประเภทนี้  ประเภทอาวุธและสัตว์อสูรยังแบ่งออกไปอีก 7 ธาตุ คือ ความมืด, แสง, โลหะ, สายฟ้า, น้ำ, ไฟ, และดิน  เวลาภูติประจำตัวหาเจ้านาย  พวกมันจะเลือกตามธาตุของวิญญาณคน  ธาตุทั้ง 7 นี้ซ่อนอยู่ในจิตวิญญาณของทุกคน  และภูติประจำตัวที่มีธาตุตรงกันเท่านั้นที่จะเลือกส่งตัวเองมาที่พวกเจ้าทุกคน”


นี่เป็นครั้งแรกที่พวกของเฉียวฉู่ได้ยินเรื่องคุณสมบัติพวกนี้แม้ว่าพวกเขาจะมาจากอาณาจักรกลางก็ตาม  พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าจิตวิญญาณของคนและภูติประจำตัวจะมีกฎแบบนี้ซ่อนอยู่


จวินอู๋เหยามองพวกผู้เยาว์ที่กำลังตกตะลึงและพูดต่อช้าๆว่า  “พลังวิญญาณที่พวกเจ้าฝึกกันอยู่ทุกวันก็แบ่งตามประเภทที่เจ้าเป็นอยู่  ของวิเศษพวกนี้ก็เช่นกัน  การที่พวกเจ้าจะยืมพลังจากพวกมันเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณของตัวเองในช่วงสั้นๆ  ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย  เจ้าก็แค่ต้องหาของวิเศษที่สอดคล้องกับธาตุของตัวเองก็เท่านั้น”


“แต่……แต่เราไม่รู้ว่า……พวกเรามีธาตุแบบไหน……”  เฟยเหยียนเครียดเล็กน้อย  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องธาตุพวกนี้  ก่อนหน้านี้เขาจึงไม่เคยคิดถึงมันเลยสักครั้ง


จวินอู๋เหยายิ้มเล็กน้อย  มือข้างที่ว่างของเขายกขึ้นดีดนิ้วเสียงดัง  แสงสีทองลอยออกมาจากปลายนิ้วของเขาและขึ้นไปลอยอยู่เหนือหัวของพวกเฉียวฉู่  ก่อตัวเป็นลูกบอลแสงขนาดเท่าเล็บมือ  ประกายแสงสีทองโปรยปรายจากลูกบอลแสงเล็กๆนั้นเข้าห่อหุ้มร่างของพวกผู้เยาว์ทั้งตัว


ไม่ช้า  พวกเขาก็ค้นพบว่าลูกบอลแสงเหนือหัวของพวกเขาเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา!


สีของพวกเขาไม่ใช่สีเดิมที่เป็นสีทองอีกแล้ว  แต่เปลี่ยนไปเป็นสีต่างๆกัน


ลูกบอลแสงบนหัวของเฉียวฉู่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง  ขณะที่บอลแสงบนหัวของเฟยเหยียนยังคงเป็นสีทองเหมือนเดิม  บอลแสงบนหัวของฮัวเหยากลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม  และของฟ่านจั๋วเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง  มีเพียงบอลแสงบนหัวของหรงรั่วเท่านั้นที่กระพริบไม่หยุดระหว่างสีทองและสีเทา  แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นสีเทา


ทุกคนมองไปรอบๆ ดูลูกบอลแสงเหนือหัวของทุกคนเปลี่ยนสีไปด้วยความสงสัย


ตอนที่ 1373  ฟังนายท่านเจว๋อธิบายเรื่องสมบัติวิเศษ (3)


“นี่แสดงถึงธาตุของจิตวิญญาณของพวกเจ้า”  จวินอู๋เหยาพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ


“เฉียวฉู่คือไฟ  เฟยเหยียนคือโลหะ  ฮัวเหยาคือสายฟ้า  ฟ่านจั๋วคือน้ำ  ส่วนหรงรั่ว……”  จวินอู๋เหยาหรี่ตาเล็กน้อย  แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ


“ไม่เลว  ของนางคือความมืด”


“ความมืดดีมากหรือ?”  เฉียวฉู่กระพริบตาปริบๆ  จวินอู๋เหยาแค่พูดว่าไม่เลว  ก็ทำให้เขาเกิดความสนใจขึ้นมา


จวินอู๋เหยายิ้มแต่ไม่พูดอะไร  เป็นเย่เหม่ยที่ทนไม่ไหว  ต้องอธิบายให้เด็กโง่พวกนี้ฟัง


“ใน 7 ธาตุ  ธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือแสงกับความมืด  แต่ 2 ธาตุนี้หายากที่สุด  ไม่ค่อยได้เห็นกันหรอก”


เฉียวฉู่พยักหน้าเหมือนเข้าใจ  แต่ก็ยังสับสนอยู่ดี


เฟยเหยียนมองหรงรั่วด้วยความประหลาดใจ  แววตาของเขาดูตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าถ้าตัวเขาเองได้คุณสมบัติความมืดซะอีก


แต่เทียบกับความตื่นเต้นของเฟยเหยียนแล้ว  หรงรั่วกลับเป็นฝ่ายฝืนยิ้มซะเอง


“แล้วของเสี่ยวเสียอยู่ธาตุไหนเหรอ?  พี่ใหญ่อู๋เหยา  ทำไมท่านไม่ทดสอบเสี่ยวเสียล่ะ?”  เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างๆจวินอู๋เหยา  เขาอยากรู้มากว่าจิตวิญญาณของเจ้าปีศาจน้อยที่ท้าทายสวรรค์จะจัดอยู่ในประเภทไหน


จวินอู๋เหยาหันหน้าไปมองจวินอู๋เสีย  “เดาซิว่าเจ้าอยู่ธาตุไหน”


จวินอู๋เสียตอบนิ่งๆ  “ข้าเดาว่า  ข้าแตกต่างจากทุกคน”


จวินอู๋เหยาเลิกคิ้วและถามว่า  “ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ?”


จวินอู๋เสียถอนใจ  พร้อมกับรู้สึกขึ้นมาทันทีว่ามีคนกำลังดูถูกสติปัญญาของนาง


“ท่านบอกอยู่เมื่อกี้ว่ามีภูติประจำตัวอยู่ 3 ประเภทหลักๆ  แต่พอแยกธาตุ  ท่านก็ยกเว้นภูติประเภทพืช  อธิบายแต่ภูติประเภทสัตว์อสูรและอาวุธ  ไม่ได้พูดถึงประเภทพืชเลย”


คำพูดของเขาเจาะจงมากแล้ว  จวินอู๋เสียไม่คิดว่านางจะต้องใช้สมองเดาอะไรให้มากมาย


จวินอู๋เหยาหัวเราะเบาๆ  สีหน้าเซ็งๆของจวินอู๋เสียทำให้เขามีความสุข


“เจ้าฉลาดมากจริงๆ”  ดูถูกเด็กน้อยไม่ได้เลย  นางมองได้ทะลุปรุโปร่งทั้งหมด


จวินอู๋เสียกลอกตาใส่เขา  แสดงให้เห็นว่านางรู้สึกเหมือนโดนดูถูก


“เจ้าแตกต่างจากพวกเขาจริงๆ  ภูติประเภทพืชไม่ได้ถูกแบ่งเป็นหลายธาตุ  เนื่องจากภูติประเภทพืชมีอยู่ธาตุเดียวเท่านั้น  นั่นก็คือธาตุไม้”  มีรอยยิ้มอยู่ในแววตาของจวินอู๋เหยา  ภูติประเภทพืชสามารถกล่าวได้ว่าเป็นภูติประจำตัวชนิดที่หายากที่สุด  แม้แต่ในโลกวิญญาณที่พวกภูติอาศัยอยู่  ก็ยังไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป


“ไม้?”  จวินอู๋เสียรู้สึกว่าหมวดหมู่นี้ค่อนข้างตรงกับภูติประเภทพืชเลยทีเดียว


“หล่อเลี้ยงทุกชีวิต  เป็นรากฐานของทุกชีวิต”  จวินอู๋เหยาพูดพร้อมพยักหน้า


แม้ว่าพวกของเฉียวฉู่จะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องธาตุต่างๆพวกนี้  แต่หลังจากได้ยินจวินอู๋เหยาพูดเช่นนั้น  พวกเขาก็รู้ว่าจวินอู๋เสียอยู่ในหมวดหมู่ที่แตกต่างกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง  แม้ว่าธาตุของพวกเขาจะฟังดูมีพลังน้อยกว่าแสงและความมืด  แต่ก็ยังดูเหมือนว่าธาตุของพวกเขามีพลังอยู่บ้างเล็กน้อย


หลังจากที่จวินอู๋เหยาทำให้พวกเขารู้ธาตุของตัวเองแล้ว  เขาก็เริ่มอธิบายให้พวกเขาฟังเรื่องความแตกต่างของสมบัติวิเศษ


แต่เขาแค่อธิบายให้ฟังสั้นๆเท่านั้น


สมบัติวิเศษถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท  อย่างแรกคือแบบถาวร  ของวิเศษประเภทนี้จะไม่มีวันหายไปจนกว่าจะถูกทำลาย  ประเภทที่สองคือแบบสิ้นเปลือง  สามารถใช้งานได้เป็นเวลานาน  แต่พอพลังของสมบัติวิเศษหมดลง  พวกมันก็จะกลายเป็นเครื่องประดับไร้ค่า  หรืออาจใช้วิธีการอื่นเพื่อเติมพลังที่หมดไปได้  ประเภทที่สามและประเภทสุดท้ายสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น  ของวิเศษประเภทนี้เป็นประเภทที่ทรงพลังที่สุด  แต่ใช้ครั้งเดียวแล้วก็หมดอายุไป  หลังจากใช้งานแล้ว  ก็จะสูญเสียประสิทธิภาพไปและไม่มีทางที่จะกู้คืนได้


ตอนที่ 1374  ฟังนายท่านเจว๋อธิบายเรื่องสมบัติวิเศษ (4)


หยกกล่อมวิญญาณจัดอยู่ในประเภทที่สอง  พลังจะหมดลงไปเรื่อยๆ  ต้องเติมพลังให้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาพลังของมันเอาไว้


ถ้าพวกเฉียวฉู่ต้องการเพิ่มพลังวิญญาณของตัวเอง  พวกเขาต้องไม่ใช้แค่ประเภทเดียวในสามประเภท  แต่ต้องใช้รวมกันอย่างเหมาะสมเพื่อทะลวงขั้นพลังได้ในระยะเวลาสั้นๆ


จากนั้นจวินอู๋เหยาก็เลือกของวิเศษที่เหมาะกับคุณสมบัติวิญญาณของแต่ละคนให้กับพวกเด็กๆ


แม้ว่าของวิเศษแบบถาวรจะไม่ให้ผลที่รุนแรง  แต่พวกมันก็ได้รับการยกย่องในเรื่องความเสถียรและความคงทน  พวกมันจะทำหน้าที่เป็นของที่ช่วยบำรุงและสนับสนุนในการบ่มเพาะพลังของพวกเขา


ตัวอย่างเช่น เฉียวฉู่ เขามีคุณสมบัติไฟ  จวินอู๋เหยาจึงเลือกหม้อเพลิงวิญญาณที่เป็นธาตุไฟให้เขา  แน่นอนว่าหม้อเพลิงวิญญาณต้องมีเปลวไฟที่รุนแรงลุกไหม้อยู่ข้างใน  แต่ไฟนี้ไม่ได้เผาไหม้ร่างกายคน  ไม่มีใครรู้สึกร้อนเมื่อสัมผัสเปลวไฟ  แต่ถ้ามีใครกล้าวางมือไว้ข้างในนานๆ  ผลลัพธ์ก็จะคิดไม่ถึงจริงๆ


เปลวไฟในหม้อเพลิงวิญญาณเรียกอีกอย่างว่า อัคคีวิญญาณ  เป็นไฟชนิดหนึ่งจากโลกวิญญาณ  ไฟชนิดนี้จะมีผลต่อวิญญาณของคนหรือร่างวิญญาณเท่านั้น  ถ้าร่างวิญญาณที่ไม่ใช่ธาตุไฟสัมผัสมันเข้า  วิญญาณนั้นจะถูกเผาโดยอัคคีวิญญาณในหม้อเพลิงวิญญาณ  แต่สำหรับวิญญาณธาตุไฟ  อัคคีวิญญาณนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการกล่อมเกลาจิตวิญญาณของพวกเขา  ทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น


การฝึกพลังวิญญาณ  คนมักจะคิดว่าต้องขยายเส้นลมปราณเท่านั้น  แต่โดยเนื้อแท้แล้ว  แหล่งกำเนิดของพลังวิญญาณมาจากจิตวิญญาณและภูติประจำตัว  เมื่อร่างวิญญาณทั้งสองแข็งแกร่งขึ้น  นั่นจึงจะสามารถยกระดับพลังวิญญาณให้สูงขึ้นไปอีกขั้นได้


นอกจากหม้อเพลิงวิญญาณแล้ว  เฉียวฉู่ยังได้ของวิเศษชิ้นเล็กๆอีกอัน ชื่อว่า กระดิ่งสุริยา  รูปร่างภายนอกของกระดิ่งสุริยาก็เหมือนกับกระดิ่งเล็กๆอันหนึ่ง  แต่เป็นสีแดงสดและมีรูปแกะสลักเปลวไฟปกคลุมอยู่ทั่วทั้งอัน


กระดิ่งสุริยาไม่ส่งเสียงใดๆ  แต่ให้กลิ่นหอมที่ช่วยกระตุ้นพลังวิญญาณ  กลิ่นหอมนั้นส่งผลกับวิญญาณธาตุไฟเท่านั้น


กระดิ่งสุริยาเป็นของวิเศษประเภทสิ้นเปลืองเหมือนหยกกล่อมวิญญาณ  แต่ความแตกต่างระหว่างพวกมันคือ  เมื่อพลังในกระดิ่งสุริยาหมดลง  มันจะแตกสลายเป็นชิ้นๆ


นอกเหนือจากของวิเศษที่อยู่ได้นานพวกนี้  จวินอู๋เหยายังเลือกของวิเศษบางอย่างที่ใช้ได้แค่ครั้งเดียว  ของวิเศษพวกนี้ล้วนซ่อนพลังวิญญาณที่ทรงพลังเอาไว้ภายใน  ซึ่งสามารถเพิ่มพลังวิญญาณของคนได้อย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆ  แต่ถึงแม้ว่าของวิเศษพวกนี้จะมีพลังสูง  แต่ก็สามารถก่อให้เกิดผลร้ายได้เช่นกัน  การใช้ด้วยความประมาทเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้คนร่างระเบิดตายได้


ดังนั้น  จวินอู๋เหยาจึงให้ทุกคนเอาของวิเศษไปเพิ่มอีกสองสามอย่างที่จะช่วยให้พวกเขาฝึกฝนจิตวิญญาณของตัวเองก่อนที่จะใช้ของวิเศษแบบใช้ครั้งเดียวพวกนั้น  ไม่งั้นถ้าพวกเขาใช้มันแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวในทันที  หลังจากใช้ไป 2 อัน  จิตวิญญาณของเด็กพวกนี้คงเกิดอาการพังพินาศจากการที่พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเกินไป


อาจกล่าวได้ว่า  จวินอู๋เหยารับผิดชอบการแจกจ่ายของวิเศษให้กับพวกเด็กๆอย่างเต็มที่  สำหรับของวิเศษของจวินอู๋เสียนั้น  จวินอู๋เหยายิ่งเลือกอย่างพิถีพิถันมากขึ้นไปอีก


ตอนที่พวกของเฉียวฉู่เริ่มใช้ของวิเศษฝึกฝนจิตวิญญาณของตัวเองกันแล้ว  จวินอู๋เสียยังไม่มีของวิเศษอยู่ในมือเลยสักชิ้น


วิญญาณธาตุไม้นั้นหายากมากอยู่แล้ว  ไม่อย่างนั้นภูติประเภทพืชที่ปรากฏในโลกก็คงไม่เหมือนขนฟีนิกซ์หรือเขามังกรหรอก  ของวิเศษที่เหมาะกับธาตุไม้จึงหายากพอๆกัน


แต่ไม่ว่าจะหายากยังไง……


มันก็ไม่ได้ยากขนาดที่เป็นอยู่ตอนนี้


สาเหตุจริงๆที่หายากนั้นก็คือ……


“นี่ใช้ไม่ได้”  จวินอู๋เหยาพูดหลังจากมองของวิเศษที่เหมาะกับวิญญาณธาตุไม้  เขาโยนมันลงไปบนพื้นด้วยความรังเกียจอย่างที่สุด  นั่นเป็นของวิเศษที่ผู้คนนับไม่ถ้วนปรารถนากันอย่างมากในอดีต  แต่ตอนนี้กลับถูกโยนทิ้งไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นเย็นๆอย่างน่าเวทนา


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม