Genius Doctor Black Belly Miss 1355-1361

 ตอนที่ 1355  หรือนี่จะเป็นความฝัน (1)


การที่เห็นบรรยากาศและท่าทางของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในทันที  ไม่ใช่สถานการณ์ที่จวินอู๋เสียเคยเห็นบ่อยนัก  และถึงแม้ว่าบรรยากาศจะเปลี่ยนไป  แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้  แต่ “เด็กหญิง” ตรงหน้ากำลังทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ


แค่เพียงพริบตา  คนตรงหน้านางก็ไม่ใช่เด็กหญิงใสซื่อไร้เดียงสาอีกต่อไป  แต่เป็นเด็กหนุ่มที่มีสายตาคมกริบซึ่งเปล่งรังสีฆ่าฟันออกมาจากทั่วทั้งร่าง!


เสียงพื้นสั่นสะเทือนดังกึกก้องรุนแรงขึ้น  และเสียงกระแทกก็ดังไปทั่วทุกหนแห่ง


หนูนรกที่อยู่บนไหล่ของ “เด็กหญิง” กระโจนลงมาในช่วงเวลาเดียวกันกับที่หน้ากากโลหะย้ายตำแหน่ง  ร่างเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือของมันเปลี่ยนเป็นเสือเขี้ยวดาบสีทองขณะที่มันลงสู่พื้น


“ใครมันบังอาจสร้างความเสียหายให้สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด!”  เสียงที่นุ่มนวลสงบเสงี่ยมของเด็กหญิงพลันเปลี่ยนเป็นเสียงที่ดังชัดเจนของเด็กหนุ่ม  ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย  รังสีฆ่าฟันเปล่งออกมาจากร่างอย่างน่ากลัว!


เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้น!!!


หลังคาของห้องโถงที่จวินอู๋เสียอยู่พลันเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้น!


เศษหินแตกร่วงหล่นลงมาพร้อมกับฝุ่นละอองขนาดใหญ่  พวกมันหล่นลงบนสมบัติที่ปกคลุมพื้นห้องโถง  ก่อให้เกิดเสียงกริ๊งๆขึ้น


เมฆฝุ่นขนาดใหญ่ลอยฟุ้งบดบังสายตาของจวินอู๋เสีย  นางจึงเห็นเพียงร่างเบลอๆผ่านช่องขนาดใหญ่บนเพดาน


ก่อนที่นางจะมองออกว่าเป็นใคร  เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆนางก็กระโจนขึ้นไปทันที  โดยมีหมอกสีดำหลงเหลืออยู่ตรงจุดที่เขาเคยยืน


“คนที่ทำลายสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดต้องตาย!”


เสียงที่ดุดันเหี้ยมเกรียมดังขึ้น  เด็กหนุ่มพุ่งผ่านเมฆฝุ่น  กระโจนขึ้นไปบนช่องขนาดใหญ่นั้น  พร้อมด้วยหนูนรกที่แปลงร่างเป็นเสือเขี้ยวดาบพุ่งตามหลังเขาขึ้นไป!


ในขณะที่ฝ่าฝุ่นผงเข้าไป  และกำลังจะเข้าโจมตีผู้บุกรุกนั้นเอง  ร่างที่สง่างามสูงส่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา!


พอเห็นชายหนุ่มรูปหล่อเคลื่อนไหวต้านสายลม  เท้าของเขาเหยียบอยู่บนอากาศ  สายลมแรงพัดเส้นผมสีดำยาวของเขาไปทางด้านหลัง  ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขาแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด


ในทันทีนั้นเอง  เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าเลือดในกายทั้งหมดกลายเป็นน้ำแข็ง  แววตาโหดเหี้ยมน่ากลัวของเขาหายไป  เขายืนเบิกตากว้างอ้าปากค้างมองชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้า


“จักร……”


ก่อนที่คำพูดจะหลุดออกจากปากเด็กหนุ่ม  เงาดำก็พุ่งเข้าใส่เขากลางอากาศ  พวกเขาร่วงกลับลงไปในห้องโถงด้านล่าง!


ทันใดนั้น  สมบัติจำนวนมากก็กระเด็นขึ้นไปจากแรงกระแทกครั้งใหญ่  และตกลงมาเหมือนห่าฝนโปรยปรายไปทั่ว


พวกของเฉียวฉู่ที่ยืนอยู่บนหลังคาของห้องโถงมองไปยังร่างที่เย่เหม่ยพุ่งเข้าชนอย่างโหดเหี้ยมด้วยความสับสนงุนงง  ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกระทันกันเกินไป  พวกเขายังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น


“นั่น……มีคนอยู่ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดจริงๆหรือ?”  เฉียวฉู่พูดพลางชะเง้อคอมองลงไป  แต่เนื่องจากเมฆฝุ่นหนาเกินไป  เขาจึงมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเลย


ตอนที่จวินอู๋เสียบังเอิญตกลงไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด  พวกเฉียวฉู่ต่างตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก  ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้เห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวของจวินอู๋เหยาอีกครั้ง


ชายผู้ที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอนั้น  พอร่างของจวินอู๋เสียหายไปจากสายตา  รอยยิ้มทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย  แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ  แต่ออร่าที่เปล่งออกมาร่างกายของเขาก็ทำให้พวกของเฉียวฉู่แทบหายใจไม่ออก


ตอนที่ 1356  หรือนี่จะเป็นความฝัน (2)


พวกเขาเห็นกับตาตัวเอง  จวินอู๋เหยาที่โกรธจัดไม่ได้ใช้อย่างอื่นทำลายเขตแดนที่กางไว้หน้าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเลยนอกจากพละกำลังล้วนๆ


และเขาก็ทำให้เกิดช่องขนาดใหญ่บนหลังคาของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด!


พลังที่รุนแรงนั้นทำให้พวกเขาที่ยืนอยู่ข้างนอกรู้สึกว่าทั้งพื้นและภูเขาสั่นสะเทือนไปหมด  ราวกับว่าสวรรค์จะถล่มลงมา  และแผ่นดินกำลังจะแยกออกจากกัน  เป็นภาพที่น่ากลัวอย่างแท้จริง


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จวินอู๋เหยาแสดงพลังต่อหน้าพวกเขา  แต่ครั้งนี้มันทำให้พวกเฉียวฉู่รู้สึกเคารพจวินอู๋เหยามากขึ้นไปอีก


พลังที่สามารถทำลายสวรรค์และพื้นพิภพได้แบบนั้น  ไม่ใช่พลังที่มนุษย์จะสามารถมีได้


ในตอนที่จวินอู๋เหยาทำการโจมตีครั้งแรก  พวกเขาต่างคิดว่าพวกเขาจะต้องถูกทำลายไปพร้อมกับสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดอย่างแน่นอน


“นั่นคือผู้พิทักษ์สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเหรอ?  พี่ใหญ่อู๋เหยา  ปล่อยให้เย่เหม่ยจัดการกับเขาคนเดียวจะดีหรือ?”  เฟยเหยียนอดถามอย่างกังวลไม่ได้  ตอนที่เงาดำนั้นพุ่งเข้ามาหาพวกเขาเมื่อกี้  พวกเขารู้สึกได้ถึงรังสีกดดันอย่างรุนแรงที่ปล่อยออกมาจากตัวเขา  พลังแบบนั้นเหนือกว่าคนจากสิบสองวิหารที่พวกเขาเคยพบมาซะอีก


มันทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมาว่า  ในกลุ่มพวกเขาทั้งหมด  พลังของคนผู้นั้นด้อยกว่าจวินอู๋เหยาแค่คนเดียวเท่านั้น  และยังแข็งแกร่งกว่าเย่ฉาและเย่เหม่ยอยู่นิดหน่อย


จวินอู๋เหยาไม่ตอบ  เขาลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ  พวกเฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาไม่รู้ว่าดวงตาของจวินอู๋เหยาเปลี่ยนเป็นสีม่วงไปแล้ว


ดวงตาสีม่วงคู่นั้นมองเห็นร่างเล็กๆท่ามกลางกลุ่มฝุ่นที่หมุนวนเป็นลูกคลื่น  แล้วในทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นสีดำสนิทตามปกติ  จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและพลังที่มองไม่เห็นก็ยกร่างเล็กๆที่ซ่อนอยู่หลังสมบัติจำนวนมากมายมหาศาลนั้นลอยขึ้นมาใกล้เขาอย่างช้าๆ


“เอ๋?  เสี่ยวเฮย!”  ดวงตาคมของเฉียวฉู่มองเห็นแมวดำตัวน้อยขณะที่มันค่อยๆลอยเข้ามาตรงหน้าจวินอู๋เหยา


สายตาของเจ้าแมวดำเย็นชา  มันแค่ชำเลืองมองเฉียวฉู่แวบเดียวเท่านั้น


“นั่นเสี่ยวเสีย”  ฮัวเหยาพูดพลางจ้องมองแมวดำด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย  และนึกถึงวิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณที่จวินอู๋เสียเคยใช้ตอนที่พวกเขาอยู่ในตระกูลชิงอวิ๋น


ในร่างของแมวดำตัวน้อยตอนนี้  น่าจะเป็นจวินอู๋เสียอย่างแน่นอน


จวินอู๋เหยายื่นมือออกมาอุ้มเจ้าแมวดำที่ข้างในเป็นจวินอู๋เสียเอาไว้ในอ้อมแขน  ความเหี้ยมโหดในดวงตาของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย  เขาลูบหูแมวดำอย่างนุ่มนวลและพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า  “เจอตัวแล้ว”


จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เหยา


นอกจากเฉียวฉู่และฮัวเหยาแล้ว  คนอื่นๆไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียมีความสามารถนั้น  จึงพากันตกตะลึงเล็กน้อย


ที่ด้านล่าง  เสียงการต่อสู้ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของพวกเขา


พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนอยู่ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดจริงๆ!


“เราควรลงไปช่วยพี่เย่เหม่ยรึเปล่า?”  เฉียวฉู่ถามอย่างตื่นเต้นพลางถูหมัดตัวเอง


จวินอู๋เหยากลับส่ายหัว


ที่ห้องโถงด้านล่าง  เด็กหนุ่มถูกเย่เหม่ยเหวี่ยงกลับไปที่พื้น  หลังของเขากระแทกพื้นอย่างแรง  แต่สายตาของเขายังคงจ้องมองผ่านเมฆฝุ่นกลุ่มใหญ่ไปที่ร่างของผู้ชายซึ่งอยู่เหนือหลังคาห้องโถง  เขาก้มหน้าเล็กน้อยและยิ้มบางๆให้กับแมวดำที่อุ้มไว้ในอ้อมแขน  เด็กหนุ่มไม่สามารถละสายตาจากร่างนั้นได้


“จักร……”  เด็กหนุ่มพูดตะกุกตะกัก  ก่อนที่เขาจะพูดจบ  เย่เหม่ยก็ชกเด็กหนุ่มคนนั้น  ทำให้เขาต้องกลืนคำพูดพวกนั้นกลับลงคอ


ในที่สุดความเจ็บปวดบนใบหน้าก็ทำให้เด็กหนุ่มได้สติอีกครั้ง  เขามองคนที่ตรึงเขาไว้กับพื้นอย่างสับสน  สีหน้าของชายคนนั้นดูดุดันมาก


“เย่เหม่ย……ทำไมเจ้า……”  เด็กหนุ่มไม่คิดว่าเขาจะได้เจอสหายที่คุ้นเคย  จึงไม่สามารถระงับสีหน้าประหลาดใจได้


ตอนที่ 1357  หรือนี่จะเป็นความฝัน (3)


แต่ทันใดนั้น  เย่เหม่ยก็จับเขาขึ้นมาและโจมตีเขาอย่างโหดเหี้ยมต่อไป  การโจมตีชุดใหญ่ที่ปล่อยออกมาทำให้พวกผู้เยาว์อย่างเฉียวฉู่และคนอื่นๆที่มุงดูอยู่รอบๆช่องด้านบนอ้าปากค้างซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความตกใจ!


เด็กหนุ่มยังคงตกตะลึงกับการโจมตีเป็นชุดอย่างต่อเนื่องของเย่เหม่ย  การโจมตีที่ดูเหมือนรุนแรงกลับสร้างความเสียหายให้ร่างกายเขาแค่เล็กน้อยเท่านั้น  ถ้าเขาป้องกันขึ้นมาล่ะก็  การโจมตีพวกนั้นจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่เส้นผมสักเส้น  การโจมตีดูเหมือนรุนแรงโหดเหี้ยม  แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงก็แค่งั้นๆ


“เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย!!”  เด็กหนุ่มตะโกนอย่างสับสนพร้อมขมวดคิ้ว  เขามองเย่เหม่ยที่ดูเหมือนเตรียมต่อสู้กับเขาจนถึงตาย  แล้วสงสัยว่าน้ำเข้าไปในสมองของเย่เหม่ยรึยังไง  พวกเขาไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้  ยังไม่ทันมีโอกาสได้พูดคุยถึงช่วงเวลาเก่าๆกัน  เย่เหม่ยก็พุ่งเข้าโจมตีเขาแล้ว!


เย่เหม่ยไม่ตอบ  แต่การโจมตีของเขากลับทวีความรุนแรงขึ้นแทน  ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว


“ไอ้บ้า!  ข้าจะไม่นอนอยู่แบบนี้แล้วนะโว้ย!!”  เด็กหนุ่มโกรธจัด  เขากำลังจะตอบโต้แล้ว


ทันใดนั้น  เย่เหม่ยก็พุ่งเข้าชนเด็กหนุ่ม  และทั้งสองก็กระเด็นลอยไปที่มุมหนึ่งของห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งมองจากช่องด้านบนเพดานไม่เห็น


“นายท่าน!  ข้า……”


“เย่กู!  นานมากเลยนะ!”  เมื่ออยู่ห่างจากสายตาของคนอื่น  สีหน้าของเย่เหม่ยก็เปลี่ยนไปทันที  เขาฉีกยิ้มอย่างดีใจให้กับเด็กหนุ่มที่กำลังโกรธจัด เย่กู


เย่กูตกใจกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเย่เหม่ยและอึ้งอยู่นาน


“พี่น้องข้า  ต้องขอโทษจริงๆ  เมื่อกี้ข้าไม่มีทางเลือก  อย่าใส่ใจเลยนะ”  เย่เหม่ยพูดพร้อมกับฝืนยิ้ม  แม้ว่าคำพูดจะฟังดูขอโทษขอโพย  แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจสักนิด


อย่าตัดสินเย่กูจากรูปร่างหน้าตาภายนอกของเขาที่ดูเหมือนเด็กอายุ 11-12 ปีเชียว  เย่กูที่ดูเหมือนเด็กคนนี้  จริงๆแล้วเป็นผู้บัญชาการของกองทัพราตรี!


ในกองทัพราตรี  เขาเป็นผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้เป็นอันดับต้นๆ  ทั่วทั้งราชอาณาจักรแห่งความมืด  มีเพียงคนเดียวที่มีอำนาจมากพอจะอยู่เหนือเย่กูได้  นั่นคือจักรพรรดิแห่งความมืด  ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็  เย่เหม่ยไม่มีวันกล้าโจมตีเย่กูอย่างวันนี้หรอก  แต่สถานการณ์ก็ไม่ให้ทางเลือกอื่นกับเขา


“เกิดอะไรขึ้น?  จักรพรรดิแห่งความมืด……ข้าเพิ่งเห็นจักรพรรดิแห่งความมืด……ท่านจักรพรรดิแห่งความมืด……”  ในใจของเย่กูยังคงกังวลเรื่องที่ได้เห็นจวินอู๋เหยาเมื่อครู่  จึงไม่ได้สนใจที่จะทะเลาะกับเย่เหม่ย


เขาจะไปคิดได้ยังไงว่าจักรพรรดิแห่งความมืดที่เชื่อกันว่าเสียชีวิตไปนานแล้ว  จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าเขา  ตอนนี้ในหัวเขาจึงระเบิดไปแล้ว!


“เรื่องมันยาว”  เย่เหม่ยตอบพร้อมกับถอนใจเล็กน้อย  ทันใดนั้นเขาก็สะบัดมือออกและชกไปที่กำแพงข้างๆทำให้เกิดเสียงดัง


“เจ้าต้องจำไว้ว่าจะต้องไม่เปิดเผยตัวตนของนายท่านเจว๋  และจะเปิดเผยเรื่องที่เจ้ารู้จักพวกเราไม่ได้เด็ดขาด  นั่นเป็นคำสั่งของนายท่านเจว๋”  เย่เหม่ยเองก็จนปัญญา  ตอนที่เห็นเย่กู  เขาก็รู้ทันทีว่าไม่ดีแน่แล้ว  จึงพุ่งเข้าไปตรึงเย่กูเอาไว้  ถ้าเย่กูพูดคำว่า “จักรพรรดิแห่งความมืด” ออกมาต่อหน้าทุกคนล่ะก็  จบเห่แน่!


เย่กูมองเย่เหม่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว  หลายปีที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดกันมาทำให้เขารู้ได้อย่างรวดเร็วว่าทำไมเย่เหม่ยจึงทำเช่นนั้น  เขายกเท้าขึ้นและกระทืบลงไปบนพื้นแข็งๆ  ทั้งสองคุยกันไปพลาง สร้างเสียงดังเหมือนว่ากำลังต่อสู้กันไปพลาง  เพื่อไม่ให้คนอื่นเกิดความสงสัยขึ้นมา


“นายท่านเจว๋……สบายดีไหม?”  เย่กูถามพลางหลุบตาลง


“ทั้งดีและไม่ดี  นายท่านเจว๋มีแผนการของตัวเองอยู่  ไม่ใช่เรื่องที่เราควรจะเข้าไปยุ่ง  กองทัพราตรีมีไว้เพื่อทำตามคำสั่งของนายท่านเจว๋  เราแค่ทำตามคำสั่งไปโดยไม่ต้องตั้งคำถามอะไร”  เย่เหม่ยตอบพร้อมกับเตือนความจำ


ตอนที่ 1358  หรือนี่จะเป็นความฝัน (4)


เย่กูพูดเย้ยหยันว่า  “ตอนที่ข้าเข้ากองทัพราตรี  ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าอยู่ที่ไหน!  ยังต้องให้เจ้ามาสอนข้าด้วยรึไงว่าควรจะทำอะไร?”


พูดจบ เย่กูก็เตะเย่เหม่ยลอยกระเด็นออกไป!


ร่างของเย่เหม่ยพุ่งออกไปตรงบริเวณที่มองเห็นได้จากช่องด้านบนหลังคา  หน้าท้องของเขาเจ็บจากลูกเตะของเย่กู  หยดเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา  ขณะที่เขาจ้องมองเย่กูที่ยังซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องโถง


เย่กูทำปากพูดแบบไม่ออกเสียงว่า  ‘เราต้องแสดงละครให้ดี  ต้องให้มันสมจริง’


เย่เหม่ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  เจ้าวายร้ายนั่นฉวยโอกาสจากสถานการณ์แก้แค้นเขาชัดๆ!


แต่เย่เหม่ยก็ไม่สามารถส่งเสียงโวยวายออกมาได้


พวกเฉียวฉู่ที่ยืนอยู่บนหลังคาห้องโถงเห็นเย่เหม่ยได้รับบาดเจ็บ  ก็พากันกระวนกระวายใจมาก  พวกเขาอยากจะกระโดดลงไปต่อสู้กับผู้พิทักษ์สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด  แต่ถูกเย่ฉาห้ามเอาไว้


ขณะที่เย่เหม่ยปลงแล้วว่าเขาจะต้องสู้กับเย่กู  ทันใดนั้นเย่กูก็พุ่งเข้ามาตรงบริเวณที่มองเห็นได้จากช่องด้านบนหลังคา


เขาเข้ามาด้วยการ……กลิ้งตัวเข้ามา!


“อ๊าก!”  เย่กูนอนขดตัวแน่นอยู่บนพื้นพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด


เสียงร้องอย่างน่าเวทนานั้น  ทำให้เย่เหม่ยตกตะลึง


[นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย?]


“ร้าย……ร้ายกาจนัก……วันนี้ข้าสู้เจ้าไม่ได้……ข้ายอมรับ……ข้าแพ้เจ้า……”  เย่กูพยายามจะพูดคำพวกนี้ออกมาอย่างอ่อนแรง  พร้อมกับยันตัวขึ้นนั่ง  ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่อยู่นอกหน้ากากซีดขาว  คนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นย่อมคิดว่าเขาเพิ่งสู้กับเย่เหม่ยอย่างดุเดือดรุนแรง  และถูกเย่เหม่ยทำให้บาดเจ็บสาหัส


มีเพียงเย่เหม่ยเท่านั้นที่รู้สึกรวดร้าวจนแทบจะกระอักเลือดออกมา


[เสแสร้ง!]


[โคตรของโคตรแม่เสแสร้งเลย!]


[ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเห็นพรสวรรค์นี้มาก่อนเลย!]


เย่กูนอนลงบนพื้น  แสดงสีหน้า ‘ข้าไม่รอดแล้ว  ข้าบาดเจ็บหนัก  ข้ากำลังจะตาย’


เหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกระทันหัน  ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องกึกก้องด้วยความตื่นเต้นจากพวกผู้เยาว์ที่อยู่บนหลังคา!


“พี่เย่เหม่ยสุดยอดไปเลย!”  เฉียวฉู่ตะโกนอย่างตื่นเต้น  พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้เขา  ในใจของพวกเขา  อำนาจของราชอาณาจักรแห่งความมืดนั้นลึกล้ำและไม่อาจประเมินได้  พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่พวกเขาสามารถเอาชนะคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดได้  แต่วันนี้ เย่เหม่ยก็เอาชนะผู้พิทักษ์สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดได้อย่าง ‘ง่ายดาย’  เป็นชัยชนะที่ทำให้ทุกคนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก!


มุมปากของเย่เหม่ยกระตุก  พอเจอเข้ากับอาการดีอกดีใจเกินพอดีของพวกผู้เยาว์กลุ่มนั้นแล้ว  เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน


เขาไม่ได้สุดยอดอะไรขนาดนั้นเลย  แต่เพราะเจ้าตัวร้ายเย่กูแสดงดีเกินไปต่างหาก


ถ้าเป็นคนอื่น  อาจจะไม่ได้ผลมากนัก


แม้ว่าเย่กูจะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ  แต่เขาหน้าเด็ก  ร่างกายก็เหมือนเด็กผู้ชายที่ยังไม่โตเต็มที่  ต่อให้มีออร่าของราชอาณาจักรแห่งความมืดอยู่กับตัว  แต่ในใจผู้คนแล้ว  เด็กชายที่ยังไม่โต เป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น  ดังนั้นพอเขานอนหน้าซีดอยู่บนพื้นด้วยท่าทางน่าเวทนา  จึงยากที่จะแยกความแตกต่างได้ว่าจริงหรือปลอม


ภายใต้เสียงโห่ร้องยินดีและคำชื่นชม  เย่เหม่ยพยายามที่จะทำสีหน้าให้เหมือนว่าเพิ่งกลับมาจากการต่อสู้ครั้งใหญ่  และพยักหน้าให้พวกของเฉียวฉู่


เย่ฉาที่เข้าใจทุกอย่างดีได้แต่แอบส่ายหัวไปมา


ผู้พิทักษ์สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดถูกจับได้แล้ว  อุปสรรคใหญ่อีกอย่างในการเข้าสู่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดถูกแก้ไขได้แล้ว


จวินอู๋เหยาอุ้มแมวดำตัวน้อยที่ภายในเป็นวิญญาณของจวินอู๋เสีย  ลอยลงมาอย่างช้าๆ  มายืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ที่พังพินาศ  เย่กูที่นอนอยู่บนพื้นพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงสายตาที่ร้อนแรงมากเกินไปขณะที่มองร่างอันสง่างามของจักรพรรดิแห่งความมืด


พวกเฉียวฉู่ก็กระโดดตามลงมา  พอลงถึงพื้น  ทุกคนก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงกับสมบัติที่กองเป็นภูเขา  ทั้งเงิน ทอง และอัญมณีเต็มห้องโถง!


ตอนที่ 1359  เผ่าวิญญาณ (1)


ภูเขาเงิน ภูเขาทอง เป็นยังไง!


พวกเขาได้เห็นกับตาแล้ว!


เย่กูนอนอยู่บนพื้น  เขาไม่กล้ามองจวินอู๋เหยานานเกินไป  และไม่กล้ามองเย่ฉากับเย่เหม่ยมากเกินไปด้วย  ได้แต่มองเจ้างี่เง่าเฉียวฉู่ทำตัวเหมือนคนบ้านนอกเข้ากรุง  ปากอ้าตาค้าง  จ้องมองอย่างโง่ๆไปที่ห้องโถงที่เต็มไปด้วยสมบัติ


[ชิ!  พวกปัญญาอ่อนกลุ่มนี้มาจากไหน?  ทำไมถึงติดตามนายท่านเจว๋มาได้?!]


ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมายไม่สิ้นสุด  แต่เย่กูทำได้แค่นอนอยู่บนพื้นและแสร้งทำเป็นอ่อนแรง


ยากมากกว่าเฉียวฉู่จะละสายตาออกจากสมบัติทั้งหมดนั้นได้  และหันมาเห็นเย่กูที่นอนแสร้งทำสีหน้าเกลียดชังอยู่บนพื้น  ทำให้เฉียวฉู่รู้สึกประหลาดใจมาก


“ผู้พิทักษ์สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด  ที่แท้ก็เป็นเจ้าหนูตัวเล็กๆแบบนี้!  คนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดคิดอะไรอยู่กันเนี่ย?”


พอเฉียวฉู่พูดคำพวกนั้นออกมา  เย่ฉากับเย่เหม่ยก็เหงื่อออกชุ่มหลังทันที


เย่กูไม่ใช่คนที่มีปัญหาอะไรนักหรอก  แต่สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือถูกคนอื่นพูดว่าเขา “ตัวเล็ก” !


ด้วยเหตุนี้  ตอนที่อยู่ในกองทัพราตรี  เขาจึงกระทืบคนไปไม่น้อย


คำพูดที่ไม่ได้ใส่ใจของเฉียวฉู่ไปโดนจุดระเบิดของเย่กูเข้าโดยบังเอิญ  ทั้งสองคนจึงหันไปมองเย่กูในทันทีอย่างพร้อมเพรียงกัน


อย่างที่คาด  ใบหน้าของเย่กูถมึงทึงขึ้นทันที


ทั้งสองคนสบตากัน  แล้วกระโจนเข้าหาเย่กูพร้อมกัน  คนหนึ่งซ้าย คนหนึ่งขวา ช่วยกันจับเย่กูเอาไว้แน่น


เฉียวฉู่มองการกระทำของเย่ฉาและเย่เหม่ยแบบมึนๆ  ซื่อบื้อเกินกว่าจะรับรู้อะไร  แค่คิดว่ามันแปลกๆเท่านั้น  เขาถามอย่างโง่งมว่า  “พี่เย่ฉา พี่เย่เหม่ย  เจ้าหนูตัวเล็กนี่น่าจะบาดเจ็บหนักอยู่  พวกท่านจำเป็นต้องระวังเขามากขนาดนั้นเลยหรือ?”


เย่เหม่ยเกือบร้องไห้แล้ว  แต่เขาต้องทำหน้านิ่งและฝืนยิ้มแข็งๆให้เฉียวฉู่  “ยังไงซะก็เป็นคนของราชอาณาจักรแห่งความมืด  ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า”


ในเวลาเดียวกัน  เย่ฉาก็กระซิบที่ข้างหูเย่กูว่า  “หัวหน้า!  ใจเย็นๆ!”


“ใจเย็นบ้านแม่มันซิ!  ไอ้เด็กโง่นี่มันโผล่มาจากหินก้อนไหนกัน?  ขนยังขึ้นไม่หมดก็รนหาที่ตาย!  ถ้าข้าไม่สับมันเป็นชิ้นๆ  ข้าก็ไม่ใช่เย่กู……”  เย่กูระเบิดออกมาในทันที


เย่ฉาและเย่เหม่ยพยายามรั้งเย่กูเอาไว้อย่างเต็มที่  แต่พลังของทั้งสองคนรวมกันยังไม่พอจะยับยั้งเย่กูเอาไว้ได้  ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะถูกเย่กูเหวี่ยงออกไปนั้น  จวินอู๋เหยาก็ชะงักฝีเท้าในทันที  เขาอุ้มจวินอู๋เสียเอาไว้  และหันหน้ามาเล็กน้อย  ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งๆของเขามองผ่านร่างของเย่กูไปแวบหนึ่ง


เย่กูสงบลงในทันที


เย่ฉาและเย่เหม่ยลอบถอนใจอย่างโล่งอก  ในโลกนี้  คนที่ควบคุมเย่กูได้มีเพียงจวินอู๋เหยาคนเดียวเท่านั้น


ขณะที่เย่ฉาและเย่เหม่ยกำลังถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่นั้นเอง  จู่ๆก็มีร่างหนึ่งเดินเข้ามายืนตรงหน้าทั้งสองคน


พูดให้ถูกต้อง  ร่างนั้นมายืนตรงหน้าเย่กูต่างหาก


เย่กูกำลังกลั้นโทสะเอาไว้  ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้เยาว์ที่หน้าตาหล่อเหลาปรากฏขึ้นตรงหน้า  จึงขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ


หรงรั่วมองเย่กูที่สวมหน้ากากครึ่งหน้า  แล้วดวงตาของนางสั่นไหว  ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย  นางจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของเย่กู  ร่างกายของนางแข็งทื่อเล็กน้อย


“เสี่ยวรั่ว”  เฟยเหยียนเรียกขณะที่เข้ามายืนอยู่ข้างๆหรงรั่ว  เขาจับปฏิกิริยาแปลกๆจากหรงรั่วได้อย่างรวดเร็ว


หรงรั่วไม่ตอบเฟยเหยียน  นางเอาแต่มองเย่กูอยู่อย่างนั้น  และถามขึ้นด้วยเสียงหดหู่ว่า  “ท่านคือ……คนเผ่าวิญญาณใช่ไหม?”


เย่กูชะงักเล็กน้อยกับคำถามนั้น  เขาหันไปมองหรงรั่ว  แล้วทันใดนั้นเอง  ก็มีร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของเขา


“เผ่าวิญญาณ?  เสี่ยวรั่ว  เจ้าบอกว่าเขาเป็นคนของเผ่าวิญญาณงั้นเหรอ?”  เฟยเหยียนถามด้วยความสงสัย


ตอนที่ 1360  เผ่าวิญญาณ (2)


สำหรับคนในอาณาจักรกลาง  คำว่า เผ่าวิญญาณ ไม่ใช่คำที่แปลกใหม่เลย  พวกเขาเป็นเผ่าที่ลึกลับและแข็งแกร่ง  แต่พลังที่แข็งแกร่งนั้นได้นำหายนะมาสู่พวกเขา  ไม่รู้ว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร  แต่คนของเผ่าวิญญาณลดจำนวนลงอย่างมาก  และในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา  เผ่าวิญญาณได้หายไปจากอาณาจักรกลางโดยสิ้นเชิง  และไม่พบร่องรอยของพวกเขาอีกต่อไป


ทุกคนคิดว่าเผ่าวิญญาณถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว


แต่ตำนานของเผ่าวิญญาณไม่เคยหายไป


“ไม่ผิดแน่  หน้ากากนี่คือสมบัติของเผ่าวิญญาณ  ชื่อว่าหน้ากากผูกวิญญาณ”  หรงรั่วกลืนน้ำลาย  หลังจากตั้งสติได้นางก็พูดต่อว่า  “ว่ากันว่า  คนของเผ่าวิญญาณเกิดมาพร้อมกับวิญญาณ 2 ดวงในร่างเดียว  ดวงหนึ่งเป็นวิญญาณหลัก  อีกดวงหนึ่งเป็นวิญญาณรองคอยสนับสนุน  วิญญาณคู่แข็งแรงที่สุดในทารกแรกเกิดของเผ่าวิญญาณ  แต่เมื่อเวลาผ่านไป  พวกเขาโตขึ้น  การมีวิญญาณสองดวงในร่างเดียวจะทำให้พวกเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ  วิญญาณหลักจะค่อยๆลดทอนและทำให้พลังของวิญญาณรองเสื่อมสภาพลง  พอเติบโตเต็มที่  วิญญาณรองก็จะหายไปอย่างสมบูรณ์”


คนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในเผ่าวิญญาณไม่ใช่ผู้ใหญ่  แต่เป็นเด็กที่ยังไม่โตเต็มที่


ยิ่งอายุน้อย  พลังของวิญญาณสองดวงก็ยิ่งเสถียร  พลังอันมหาศาลที่วิญญาณสองดวงมอบให้  ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าอื่นจะสามารถเปรียบเทียบได้


แต่เมื่ออายุมากขึ้น  พรสวรรค์แต่กำเนิดนี้ก็จะค่อยๆอ่อนแอลงจนกระทั่งพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่  วิญญาณรองก็จะถูกวิญญาณหลักดูดกลืนอย่างสมบูรณ์


ยิ่งไปกว่านั้น  ในวิญญาณสองดวงของคนเผ่าวิญญาณ  ดวงหนึ่งจะเป็นหยิน  และอีกดวงจะเป็นหยาง  และเพศก็จะแตกต่างไปตามคุณสมบัติของวิญญาณหลักด้วย


“หน้ากากผูกวิญญาณ  มันคืออะไร?”  เฟยเหยียนไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเผ่าวิญญาณมากนัก


หรงรั่วไม่ตอบ  นางแค่จ้องไปยังหน้ากากโลหะบนหน้าของเย่กู


“หน้ากากผูกวิญญาณ  เป็นสมบัติของเผ่าวิญญาณที่ใช้เก็บรักษาวิญญาณสองดวงไว้ในร่างกาย”  ทันใดนั้นเสียงของฟ่านจั๋วก็ดังขึ้น  เขาเดินไปยืนข้างๆหรงรั่วกับเฟยเหยียน  และมองเย่กูที่เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอด


“การที่เผ่าวิญญาณจะรักษาพลังอันมหาศาลของพวกเขาเอาไว้ได้  พวกเขาจะต้องทำให้แน่ใจว่าวิญญาณคู่ของพวกเขายังคงอยู่ครบสมบูรณ์  หน้ากากผูกวิญญาณเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ตอบสนองความต้องการนั้น  ลือกันว่าหัวหน้าที่ถูกเลือกทุกคนของเผ่าวิญญาณจะสวมหน้ากากผูกวิญญาณนี้ตั้งแต่เด็ก  เมื่อสวมหน้ากากผูกวิญญาณแล้ว  ก็จะไม่สามารถถอดออกได้  เว้นแต่ว่าผู้สวมจะตาย  มันก็จะหลุดออกมา  หลังจากสวมหน้ากากผูกวิญญาณแล้ว  วิญญาณทั้งสองดวงก็จะไม่หายไปและยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์  แต่ในขณะเดียวกัน  ใบหน้าและร่างกายของผู้สวมก็จะไม่โตขึ้นอีก  ร่างกายของพวกเขาจะเป็นเหมือนวิญญาณสองดวงของพวกเขา  ถูกหน้ากากผูกวิญญาณพันธนาการเอาไว้  ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต”


หัวหน้าทุกคนที่ได้รับเลือกจากในเผ่าวิญญาณ  เพื่อรักษาพลังอันยิ่งใหญ่ไว้เพื่อปกป้องคนของเขา  จึงสวมหน้ากากผูกวิญญาณ  สละร่างของตนเองเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งนั้น  แต่ไม่รู้ว่าหน้ากากผูกวิญญาณได้หายไปจากเผ่าวิญญาณตั้งแต่เมื่อไร  การที่หน้ากากผูกวิญญาณหายไป  ทำให้เผ่าวิญญาณตกต่ำลง


จนกระทั่งหายไปจากอาณาจักรกลางจนหมดสิ้น


“ว่ากันว่า  หัวหน้าคนสุดท้ายของเผ่าวิญญาณที่สวมหน้ากากผูกวิญญาณ  คือผู้ก่อตั้งวิหารจิตหวนคืน  แต่ความขัดแย้งภายในวิหารจิตหวนคืนทำให้คนของเผ่าวิญญาณถูกขับไล่ออกจากที่นั่น  และหัวหน้าคนนั้นก็หายตัวไปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  บางคนบอกว่าเขาถูกประมุขคนปัจจุบันของวิหารจิตหวนคืนฆ่าตายไปแล้ว  บางคนก็บอกว่าเขาได้นำคนของเขาจากเผ่าวิญญาณไปอยู่อย่างสันโดษในป่าเพื่อหลบหนีการถูกก่อกวนข่มเหง……”  ฟ่านจั๋วพูด  จากนั้นเขาก็ลังเล  และหันไปมองเย่กูครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า


“แต่ข่าวลือก็เชื่อถือไม่ได้  และไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น  ถ้าข้าเดาไม่ผิด  ท่านคงเป็นหัวหน้าของเผ่าวิญญาณ  ผู้ก่อตั้งวิหารจิตหวนคืนในตอนนั้น  ใช่ไหม?”


ตอนที่ 1361  เผ่าวิญญาณ (3)


เย่กูมองฟ่านจั๋ว  แล้วเงียบกริบ  เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย


ฟ่านจั๋วยังคงมองไปที่เย่กูอย่างสอบถาม


ทันใดนั้น  ปากของเย่กูก็โค้งงอ  เขาตะโกนออกมา  “อ๊าก!  โอ๊ย!  เจ็บๆๆ!!!”


เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากปากของเย่กู  เขากุมท้องด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวด  ขณะที่นอนกลิ้งไปมาบนพื้น


ฟ่านจั๋วตกตะลึง  เขาเงยหน้าขึ้นไปมองเย่เหม่ย


เย่เหม่ยก็นิ่งงันไปด้วยความประหลาดใจ  ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำไมเย่กูจึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้


[เจ้าตัวร้ายแสดงละครอีกแล้ว!]


แต่คำพูดของฟ่านจั๋วเมื่อครู่ก็ทำให้เย่เหม่ยตกใจเช่นกัน  เป็นความจริงที่เย่กูเป็นคนเผ่าวิญญาณ  และบนใบหน้าของเขาก็สวมหน้ากากผูกวิญญาณเอาไว้จริงๆ  แต่เย่เหม่ยไม่คิดว่าหรงรั่วจะสามารถบอกได้ว่าเย่กูเป็นคนเผ่าอะไรจากการมองแค่แวบแรก  และไม่คิดว่าฟ่านจั๋วจะรู้เรื่องของเผ่าวิญญาณมากขนาดนี้


เพื่อช่วยเย่กูปกปิด  เย่เหม่ยกับเย่ฉาสบตากันทันที  และหิ้วปีกเย่กูที่แกล้งทำเป็นเจ็บปวดขึ้นมา  ก่อนจะพูดอย่างแข็งกร้าวว่า  “เราไม่รู้ว่าในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดจะมีอันตรายอะไรบ้าง  เอาเจ้านี่ไปด้วยจะได้เข้าใจสถานที่นี้ได้ดีขึ้น”


คำพูดของเย่เหม่ยขัดจังหวะและทำลายความอยากรู้อยากเห็นของหรงรั่วและฟ่านจั๋ว  ยังไงซะ เป้าหมายหลักของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้  ก็คือการค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด  ไม่ใช่หาคนเผ่าวิญญาณ


“เอาล่ะ  ถ้าเสี่ยวรั่วสนใจเผ่าวิญญาณ  หลังจากเราทำความคุ้นเคยกับที่นี่มากขึ้นแล้ว  ค่อยถามเขาเพิ่มเติมทีหลังก็ได้”  ฟ่านจั๋วพูดพร้อมหัวเราะ


หรงรั่วพยักหน้า  ดูเหมือนนางยังใจลอยอยู่นิดหน่อย


เฟยเหยียนเฝ้ามองสีหน้าของหรงรั่ว  แล้วอดรู้สึกกังวลไม่ได้  แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี


จวินอู๋เหยาอุ้มจวินอู๋เสียเดินไปข้างหน้า  ขณะที่จวินอู๋เสียยื่นหัวออกไปมองด้านหลังเพื่อดูพวกเขา


เย่กูดูซึมเศร้าอย่างมากขณะที่ถูกเย่เหม่ยกับเย่ฉาขนาบข้าง  แต่เขายังสังเกตเห็นแมวดำตัวน้อยที่ยื่นหัวออกมาจากอ้อมแขนของจวินอู๋เหยา  นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนายท่านเจว๋ปฏิบัติกับสิ่งมีชีวิตอย่างเอาอกเอาใจขนาดนี้  หรือว่าเจ้าแมวดำนั่นจะเป็นภูติประจำตัวของจักรพรรดิแห่งความมืด?


แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนี่……


พอความคิดแปลกๆนั้นผุดขึ้นมาในหัว  สีหน้าเศร้าซึมของเย่กูก็จางหายไปเล็กน้อย  เย่เหม่ยเองก็สังเกตเห็นว่าจวินอู๋เสียกำลังจ้องมองมาทางพวกเขา


[นั่นเป็นคนที่ฉลาดสุดๆเลยนะ!]


[พลาดนิดเดียวถูกจับได้แน่นอน!]


เย่เหม่ยแอบหยิกเย่กูทันที  และพูดเสียงเบาว่า  “อย่าให้ใครจับได้ซิ”


“ใครจะจับได้?  คนที่มองข้าอยู่ตอนนี้  นอกจากเจ้าสองคน  ก็มีแค่แมวตัวนั้นตัวเดียว”  เย่กูพึมพำตอบกลับเบาๆ


เย่ฉาถอนหายใจอย่างจนปัญญา  เย่เหม่ยกัดฟันและพูดว่า  “มีวิญญาณที่น่าทึ่งอยู่ในแมวตัวนั้น  วิญญาณนั่นเป็นยอดดวงใจของนายท่านเจว๋ของพวกเรา  ถ้าเจ้าถูกจับได้ขึ้นมา  เจ้าคิดถึงผลลัพธ์เอาเองแล้วกัน”


หลังจากโดนเย่เหม่ยเตือน  เย่กูก็ควบคุมตัวเองมากขึ้น  และแสร้งทำท่าทางไม่พอใจต่อไป  แต่ในใจของเขายิ่งเกิดคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ


จวินอู๋เสียใช้อุ้งเท้าชี้ทาง  นำจวินอู๋เหยาไปยังจุดที่พวกบัวเมาอยู่


นางสลับวิญญาณกับเจ้าแมวดำภายใต้การปกป้องของจวินอู๋เหยา


ทันทีที่อิงซู่กับบัวเมาเห็นจวินอู๋เหยาปรากฏตัว  ทั้งสองก็พากันเงียบกริบเหมือนก้อนหิน  ไม่ขยับเขยื้อนจากจุดที่ยืนอยู่เลยแม้แต่นิ้วเดียว


หลังจากจวินอู๋เสียสลับวิญญาณกับแมวดำเสร็จ  เย่กูที่เห็นกระบวนการทั้งหมดก็ตกตะลึง


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่สามารถสลับวิญญาณกับภูติประจำตัวของตัวเองได้  เขาก็รู้สึกอยู่ว่าวิญญาณของเจ้าแมวดำค่อนข้างแปลก  แต่ไม่คิดว่ามันจะแปลกขนาดนี้


การที่วิญญาณของมนุษย์สามารถสลับที่กับภูติประจำตัวได้  เป็นเรื่องที่เกินความรู้ของเขาจริงๆ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม