Genius Doctor Black Belly Miss 1343-1349
ตอนที่ 1343 แขกไม่ได้รับเชิญ (1)
เสียงที่แผ่วเบาและไร้เรี่ยวแรงดังก้องอยู่ในสุสาน ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกเย็นวาบ เจ้าแมวดำกลัวจัดจนเป็นลมไปทันที มันหล่นลงจากไหล่ของจวินอู๋เสีย โชคดีที่จวินอู๋เสียไวพอ จึงรับมันเอาไว้ได้ทัน
เมื่อเห็นแมวดำหมดสติไปในอ้อมแขนของนาง จวินอู๋เสียก็หมดคำพูด
ตัวมันเองก็เป็นวิญญาณ แต่ดันกลัวจนเป็นลมกับแค่เสียงร้องจี๊ดเบาๆ น่าขายหน้าชะมัด
จากนั้นอิงซู่ก็พุ่งกลับมาผ่านทางเดินที่มีแสงสลัวๆ ราวสายฟ้าสีแดงอีกครั้ง
เมื่อเขามายืนอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย อิงซู่ก็ถือบางสิ่งที่ไม่สามารถระบุได้เอาไว้ในมือ
“ก็แค่เจ้าตัวเล็ก ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย” อิงซู่พูดพลางเลิกคิ้วเมื่อเห็นเจ้าแมวดำเป็นลมไปเพราะความกลัว พร้อมกับเขย่าเจ้าตัวที่อยู่ในมือเขา
เสียงร้องแปลกๆดังขึ้นอีกครั้ง
“จี๊ด……จี๊ด……”
อิงซู่ถือสิ่งมีชีวิตขนฟูเอาไว้ในมือ ร่างของเจ้าตัวเล็กขนฟูเป็นสีของข้าวสาลีสุกปนด้วยสีทอง ขนาดของมันใหญ่พอๆกับฝ่ามือ
เจ้าก้อนขนสีข้าวสาลีที่ถูกจับเอาไว้ในมือของอิงซู่ตัวสั่นไม่หยุด
จวินอู๋เสียมองเจ้าก้อนขนนั้น แล้วมุมปากของนางก็กระตุก
ไม่ว่าจะมองยังไง เจ้าตัวเล็กขนฟูก็ดูไม่มีพิษมีภัยเลยสักนิด เจ้าแมวดำเป็นลมเพราะกลัวไปเอง นี่มันช่าง……
“นั่นตัวอะไรน่ะ?” บัวน้อยถามพลางกระพริบตาด้วยความสงสัย เขาอยากรู้เกี่ยวกับเจ้าก้อนขนตัวนั้นมาก ในเรื่องความกล้าหาญแล้ว บัวน้อยขี้ขลาดกว่าเจ้าแมวดำหลายเท่า แต่เนื่องจากตัวเขาเป็นร่างวิญญาณ เขาจึงไม่กลัว “ผี”! ในฐานะที่เป็นภูตประจำตัว “ผี” ก็เหมือนกับเขา เขาจึงไม่คิดว่าจะมีอะไรให้เขาต้องกลัว
“มันเป็นผีรึเปล่า?” บัวน้อยถามขณะจิ้มเจ้าก้อนขน พอโดนจิ้ม เจ้าก้อนขนก็ตัวสั่นทันที เสียงร้องจี๊ดอย่างน่าสงสารดังขึ้นอีกครั้ง
“น่าจะเป็นภูติประจำตัว” อิงซู่พูดขณะเอาเจ้าก้อนขนวางบนฝ่ามือแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ
เมื่อมันพบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศ เจ้าก้อนขนก็ตกใจและยืดตัวออกทันที!
ในที่สุดจวินอู๋เสียก็สามารถมองเห็นเจ้าก้อนขนได้ชัดๆซะทีว่ามันคือตัวอะไร
“หนูแฮมสเตอร์?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองไปที่สิ่งมีชีวิตที่ตกลงมาบนฝ่ามือของอิงซู่ ขาเล็กๆทั้งสี่ข้างของมันกางออก มันตัวสั่นอย่างเงียบๆ จวินอู๋เสียเริ่มสงสัยว่าตัวเองเห็นภาพหลอนรึเปล่า
เจ้าก้อนขนที่กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้วคือหนูแฮมสเตอร์เหมือนกับหนูที่นางที่เคยดูแลในร้านขายสัตว์เลี้ยงเมื่อชาติก่อนงั้นหรือ?
มันมีขนาดใหญ่กว่าหนูแฮมสเตอร์ทั่วไป แต่ก็เล็กกว่าหนูแกสบี้หลายเท่า
“หนูแฮมสเตอร์? คืออะไรหรือขอรับ?” บัวน้อยถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียอย่างสงสัย ดวงตากลมโตของเขาเต็มไปด้วยคำถาม
อิงซู่ใช้นิ้วจิ้มหนูแฮมสเตอร์ที่กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมด แล้วพูดว่า “นี่น่าจะเป็นภูติประเภทหนูนรก มันคือภูติประจำตัวชนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ภูตประเภทนี้ไม่ได้ปรากฏตัวมานานแล้ว ในโลกวิญญาณมันก็ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นมันที่นี่ ว่ากันว่าภูติประเภทหนูนรกจะจับคู่กับคนที่มาจากเผ่าพันธุ์พิเศษเท่านั้น แต่คนเผ่าพันธุ์นั้นก็ใกล้จะสูญพันธุ์แล้วเหมือนกัน หนูนรกพวกนี้ก็เลยหายไปพร้อมกับพวกเขาด้วย”
“เผ่าพันธุ์พิเศษ?” จวินอู๋เสียถามพลางมองไปที่อิงซู่ อาจจะเป็นเพราะโดนจวินอู๋เหยาข่มขู่เอาก่อนหน้านี้ ตอนนี้อิงซู่จึงดูเหมือนจะประพฤติตัวดีขึ้นแล้ว
อิงซู่พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหมือนกับฮัวเหยาที่มาจากเผ่าผู้ใช้กระดูก คนจากเผ่านั้นมักจะจับคู่กับภูติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระดูก ขณะที่คนจากเผ่าวิญญาณก็มักจะจับคู่กับภูติประเภทจิตวิญญาณ”
ตอนที่ 1344 แขกไม่ได้รับเชิญ (2)
สาเหตุที่ภูติประจำตัวจะเชื่อมโยงกับคนนั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว สถานการณ์นี้อาจจะไม่ชัดเจนนักในอาณาจักรล่าง แต่ในอาณาจักรกลางนั้นมักจะเห็นกรณีแบบนี้บ่อยๆ
นอกเหนือจากการจำแนกตามภูมิภาคต่างๆแล้ว อาณาจักรกลางยังมีคนจากเผ่าพันธุ์พิเศษ เช่น เผ่าผู้ใช้กระดูก และเผ่าวิญญาณ อีกด้วย
คนจากเผ่าผู้ใช้กระดูกจะมีพรสวรรค์แต่กำเนิดในการใช้อาวุธและสิ่งประดิษฐ์จากกระดูก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่ต้องการของผู้มีอำนาจมาก พรสวรรค์เช่นนี้เป็นข้อได้เปรียบที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้ สำหรับคนของเผ่าวิญญาณนั้น พวกเขาเป็นเผ่าชั้นสูงท่ามกลางเผ่าต่างๆ
มีข่าวลือว่าเผ่าวิญญาณนั้นมีความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวิญญาณ และยังสามารถสร้างวิญญาณและฟื้นฟูวิญญาณได้
ความสามารถฟื้นฟูวิญญาณนั้นคล้ายกับวิชารักษาวิญญาณของกู้หลีเชิง แต่วิชารักษาวิญญาณทำได้โดยการเปลี่ยนสภาพพลังวิญญาณและใช้มันซ่อมแซมฟื้นฟูร่างวิญญาณ แม้ว่าวิชานี้จะพัฒนาขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ คนของเผ่าวิญญาณนั้นเกิดมาพร้อมความสามารถแต่กำเนิดในการสื่อสารกับวิญญาณและมีประสาทสัมผัสที่ไวมากพอจะรับรู้สิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกภายในวิญญาณนั้น
เมื่อนานมาแล้ว เผ่าวิญญาณเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรกลาง พวกเขาทรงพลังและลึกลับ แต่เผ่าวิญญาณมีอัตราการสืบพันธุ์ที่ต่ำมาก ไม่สามารถให้กำเนิดและเพิ่มจำนวนคนในเผ่าได้ คนในเผ่าจึงมีจำนวนอยู่น้อยนิด
“เจ้านายรู้ไหมว่ามีวิหารจิตหวนคืนอยู่ในบรรดาสิบสองวิหารด้วย?” อิงซู่ถามขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียพยักหน้า นางไม่ได้แค่รู้เกี่ยวกับวิหารจิตหวนคืน แต่นางยังเคยสู้กับพวกเขาด้วย ยัยแก่ฉูซินรุ่ยจากเมืองพันอสูรก็มาจากวิหารจิตหวนคืนไม่ใช่หรือ?
“จริงๆแล้ว ตอนแรกนั้น สิบสองวิหารถูกสร้างขึ้นโดยสมาชิกระดับสูงของเผ่าพันธุ์ต่างๆ พวกเขาก่อตั้งสิบสองวิหารขึ้นเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนน้อยนิดของตัวเอง ว่าไปแล้วก็ค่อนข้างแปลก เผ่าที่มีพรสวรรค์พิเศษมักมีความสามารถในการสืบพันธุ์ต่ำ ทำให้เผ่าของพวกเขามีจำนวนคนน้อย เผ่าวิญญาณเป็นเผ่าที่มีคนน้อยที่สุด ในช่วงแรกนั้นหัวหน้าของเผ่าวิญญาณได้ก่อตั้งวิหารจิตหวนคืนขึ้น แต่เนื่องจากสิบสองวิหารแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตำแหน่งของประมุขวิหารต่างๆก็เริ่มเปลี่ยนไป การหลอกลวงและความไม่ไว้ใจก็เริ่มเกิดขึ้น ผู้ก่อตั้งถูกโค่นล้มด้วยเหตุผลมากมายและหลากหลายวิธีการ และก็กลายมาเป็นสิบสองวิหารในทุกวันนี้”
อิงซู่หยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “วิหารจิตหวนคืนในตอนนี้ยังใช้สิ่งที่คนของเผ่าวิญญาณทิ้งเอาไว้ แต่น่าเสียดายยิ่งนัก นานมาแล้ว เผ่าวิญญาณพบกับหายนะและพวกเขาก็หายไปจากอาณาจักรกลางอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ดูเหมือนว่าภายในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดอาจจะมีคนที่เป็นเผ่าวิญญาณอยู่ แต่มันก็พูดยากนะ”
[คนจากเผ่าวิญญาณ…..]
จวินอู๋เสียหรี่ตา
หนูแฮมสเตอร์ตัวจิ๋วที่กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้วนั้น ดูเหมือนจะเริ่มได้สติขึ้นมา เมื่อมันลืมตาขึ้นและเห็นตัวเองถูกล้อมโดยจวินอู๋เสียและบัวน้อย ดวงตาสีดำเหมือนลูกปัดของมันก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายและวิตกกังวล เมื่อมันหันไปเห็นเจ้าแมวดำในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย……
“จี๊ด!!!”
เสียงร้องแหลมสูงก็ดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้าหนูแฮมสเตอร์ก็ล้มลงหมดสติ นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนมือของอิงซู่ กรงเล็บเล็กๆของมันสั่นเล็กน้อย
“………..” จู่ๆจวินอู๋เสียก็รู้สึกว่าการที่นางดูถูกความกล้าของเจ้าแมวดำอาจเป็นความผิดพลาด หนูแฮมสเตอร์ที่กลัวจนเป็นลมแค่เพราะเห็นแมวดำหมดสตินี่ต่างหากที่ควรจะได้ครองมงกุฎผู้ขี้ขลาดตัวจริง!
“ภูติประจำตัวแบบนี้จะใช้ประโยชน์ได้จริงหรือ?” จวินอู๋เสียถามพลางเลิกคิ้ว ภูติประจำตัวที่ขี้ขลาดถึงขนาดนี้แทบไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ไม่ว่ามันจะเชื่อมโยงกับคนแบบไหนก็ตาม
ตอนที่ 1345 แขกไม่ได้รับเชิญ (3)
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเผ่าวิญญาณถึงถูกทำลาย ก็ภูติประจำตัวของพวกเขาอ่อนแอแบบนี้ไง!
ความสามารถในการโจมตีของมันยังสู้บัวน้อยไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“มันเป็นลมเพราะตกใจกลัวเหรอ?” บัวน้อยถามพลางกระพริบตาปริบๆ สีหน้าไร้เดียงสามาก
อิงซู่หัวเราะเบาๆ เขาไม่กล้าแกล้งจวินอู๋เสียแล้ว แต่……
“มันเป็นลม แต่เจ้ารักษาได้ไม่ใช่เหรอ? มาๆ เอาเจ้าตัวเล็กไปดูซิว่ามันจะฟื้นรึเปล่า” ขณะที่พูด อิงซู่ก็ดึงเอี๊ยมของบัวน้อยแล้วหย่อนหนูแฮมสเตอร์ที่หมดสติลงไปข้างใน
เจ้าก้อนขนนุ่มนิ่มเลื่อนลงมาตามร่างกายของเขา เด็กน้อยหน้าซีดขาวทันที เขากระโดดไปมาพร้อมกับโบกแขนขา ร้องโวยวายเสียงดังพร้อมน้ำตา
จวินอู๋เสียรู้สึกปวดหัวขึ้นมา นางจ้องอิงซู่ที่กำลังยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นก็ดึงเอาขวดเหล้าออกมาจากกระเป๋ามิติ คว้าตัวบัวน้อย แล้วกรอกเหล้าเข้าปากเขาที่กำลังแหกปากโวยวายเสียงดัง
อิงซู่หน้าเครียดทันที……
หลังจากต่อสู้ประมาณ 10 นาที อิงซู่ก็ถูกบัวเมากดติดกับกำแพงและเจอกับการทุบตีที่โหดร้ายก่อนที่จะจบลงในที่สุด
“เราจะทำยังไงกับหนูแฮมสเตอร์ตัวนี้ดี” บัวเมาถามด้วยรอยยิ้มหยิ่งยโส เขาหยิบหนูแฮมสเตอร์ที่หดตัวกลับไปเป็นลูกบอลขึ้นมาถามจวินอู๋เสีย
“ถ้าเป็นภูติประจำตัว ก็แสดงว่ามีคนอยู่ที่นี่แน่นอน” จวินอู๋เสียสูดหายใจเข้าลึกๆ ความสับสนวุ่นวายไร้สาระก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เรื่องที่หนูแฮมสเตอร์ปรากฏตัวที่นี่ก็แทบจะเป็นการยืนยันสิ่งที่นางเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้ ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด……มีคนอยู่!
และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนจากเผ่าที่เกือบสูญพันธุ์ในอาณาจักรกลาง เผ่าวิญญาณ
“ทำไมเราไม่ฆ่าเจ้าตัวเล็กนี่ก่อน แล้วพอเจอเจ้าของมัน เราค่อย……” บัวเมาทำท่าปาดคอตัวเอง นั่นทำให้เจ้าก้อนขนตัวสั่นหนักขึ้น มันรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงรังสีอำมหิตที่รุนแรงจากบัวเมา มันไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขดตัวเป็นลูกบอลอีกแล้ว ได้แต่นอนแผ่ ขาทั้งสี่กางออก มันมองจวินอู๋เสียที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลยสักคำด้วยความสิ้นหวัง
จวินอู๋เสียมองไปที่เจ้าก้อนขนตัวน้อย และทันใดนั้นก็คิดถึงสิ่งมีชีวิตในโรงพยาบาลสัตว์ที่มีหนูแฮมสเตอร์วิ่งไปรอบๆกรงของพวกมันและขออาหารด้วยท่าทางที่น่ารัก นั่นทำให้นางหมดความตั้งใจที่จะฆ่าไปเลย
ถ้ามันเป็นศัตรูที่เป็นอันตราย นางก็คงไม่ลังเลแม้แต่น้อย แต่กับเจ้าก้อนขนที่ไร้ทางสู้แบบนี้ นางไม่มีความคิดที่จะฆ่ามันเลย เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบ้าที่ทำร้ายสัตว์
“ปล่อยมันไป” จวินอู๋เสียพูดอย่างเด็ดขาด
“อะไร? ปล่อยมันไปเหรอ?” บัวเมารู้สึกประหลาดใจที่จวินอู๋เสียตัดสินใจเช่นนี้
จวินอู๋เสียพูดว่า “เราไม่มีความบาดหมางกับราชอาณาจักรแห่งความมืด แถมการมาที่นี่เพื่อปล้นสมบัติจากจักรพรรดิแห่งความมืดของพวกเขาก็ถือเป็นการดูหมิ่นพวกเขาอยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้ข้าไม่อยากจะขัดแย้งกับคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดเพิ่มอีก ยิ่งไปกว่านั้น……มันก็ไร้เดียงสาออก แต่ถ้าเราต้องสู้กับคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดในภายหลัง มันก็จะกลายเป็นศัตรู แต่ข้าไม่อยากทำร้ายมันตอนนี้”
จวินอู๋เสียมีความประทับใจที่ดีต่อราชอาณาจักรแห่งความมืด ถ้าไม่ใช่เพื่อความอยู่รอดของพวกเขาเอง นางก็คงไม่เลือกที่จะปล้นสมบัติของจักรพรรดิแห่งความมืด
เมื่อเทียบกับสิบสองวิหาร คนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดควรค่าให้นางเคารพมากกว่าเยอะ
และ……
นางไม่คิดว่าการปล่อย “หนูแฮมสเตอร์” ตัวเล็กๆจะทำให้พวกเขามีอันตรายเพิ่มขึ้นมาได้ ถ้าพวกเขาจะต้องสู้กันจริงๆ นางก็แค่ผลักเจ้าแมวดำไปข้างหน้า แล้วเจ้าหนูแฮมสเตอร์ก็จะกลายเป็นเจ้าก้อนขนกลมๆที่ไม่มีอันตรายอีกครั้ง
ด้วยคำสั่งที่หนักแน่นของจวินอู๋เสีย บัวเมาจึงไม่มีทางปฏิเสธและทำได้แค่วางหนูแฮมสเตอร์ที่ตัวสั่นด้วยความกลัวลงบนพื้น
หนูแฮมสเตอร์ดูเหมือนจะรู้ว่าตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว มันยื่นอุ้งเท้าเล็กๆออกวิ่งหนีห่างออกไปสองสามเมตรทันที
ตอนที่ 1346 แขกไม่ได้รับเชิญ (4)
เมื่อเจ้าหนูนรกวิ่งออกไป มันก็ไม่ได้จากไปในทันที แต่กลับยืนอยู่ตรงที่ที่มันคิดว่าปลอดภัย มันหยุดแล้วหันกลับมามองจวินอู๋เสียด้วยดวงตาสีดำเหมือนลูกปัดเล็กๆ ไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
ในขณะที่บัวเมากำลังจะไล่มันไป หนูนรกตัวนั้นก็ยกเท้าหน้าเล็กๆของมันขึ้นและทำดุ๊กดิ๊กอะไรอยู่รอบปากของมันก่อนที่แก้มมันจะป่องออกมา
ทันใดนั้นลูกกลมเล็กๆก็ถูกพ่นออกมาปากของมัน มันถือลูกนั้นเอาไว้ด้วยอุ้งเท้าเล็กๆของมันก่อนจะวางลงบนพื้น จากนั้นก็มองไปที่จวินอู๋เสียอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับและหนีไปโดยไม่ลังเลอีก ร่างเล็กๆของมันหายไปภายใต้แสงไฟสลัวอย่างรวดเร็ว
“อะไรกันล่ะนั่น?” บัวเมางงเล็กน้อยกับการกระทำของเจ้าตัวเล็ก
อิงซู่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองไปที่บัวเมาพลางพูดว่า “เจ้าไม่รู้กระทั่งการตอบแทนบุญคุณเชียวหรือ?”
พูดจบอิงซู่ก็เดินไปหยิบลูกกลมที่เปื้อนน้ำลายหนูนรกขึ้นมา และนำมันมาตรงหน้าจวินอู๋เสีย
ลูกกลมนั้นมีขนาดประมาณไข่นกกระทา สีขาวล้วน ดูเหมือนหยก บนพื้นผิวมีการแกะสลักลวดลายงดงาม ดูเหมือนงูที่ขดอยู่รอบๆลูกทรงกลมนั้น หัวงูที่อยู่ตรงกลางนั้นสลักไว้อย่างชัดเจน ตรงที่เป็นตางูมีจุดสีเขียวสองจุด
จวินอู๋เสียมองงูที่แกะสลักบนลูกกลมนั้น แล้วรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของงูดูคุ้นมาก
นอกจากสีตาแล้ว มันดูเหมือนงูดำที่จวินอู๋เหยาใช้อยู่เป็นประจำ
เสียแต่ว่า ตัวนึงขาว ตัวนึงดำนี่ซิ
“มีของแบบนั้นซ่อนอยู่ในปากหนูนรกเหรอ? ทำไมเมื่อกี้ข้าไม่เห็น?” บัวเมาถามด้วยความประหลาดใจ ลูกทรงกลมไม่ได้ใหญ่มากก็จริง แต่สำหรับหนูตัวเท่าฝ่ามือ มันก็ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ถ้าหนูนรกซ่อนมันไว้ในปาก ตอนที่เขาถือเจ้าหนูนรกนั่นเมื่อกี้ เขาก็ต้องเห็นแล้วซิ
“หนูนรกอ่อนแอในเรื่องการโจมตี แต่ปากของมันเป็นพื้นที่มิติที่ดีที่สุด เหมือนกับกระเป๋ามิตินั่นแหละ อย่ามองว่าหนูนรกตัวเล็กนิดเดียว ถ้าพวกมันมีพลังมากพอ พวกมันจะสามารถกลืนทองและเงินได้มากเป็นภูเขาเลย เผ่าวิญญาณมักจะใช้หนูนรกเป็นที่เก็บของ และไม่จำเป็นต้องกังวลว่าของจะถูกขโมยหรือถูกยึดไปด้วย พวกมันสามารถสามารถกลืนสิ่งของได้ไม่จำกัดจำนวน และก็เก็บของเอาไว้อย่างดีเลย” อิงซู่พูดพร้อมกับมองไปที่บัวเมา สีหน้าของเขาเหมือนจะบอกว่า “เจ้ามันโง่เขลาสิ้นดี”
สายตาของอิงซู่ทำให้บัวเมาเกือบจะถกแขนเสื้อขึ้นและต่อยกับเขาอีกรอบ
“แต่ดูท่าทางแล้ว มันก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก เจ้าหนูนรกนั่นดูเหมือนไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเจ้านาย คิดว่ามันคงจะไม่ไปฟ้องเจ้านายมันล่ะนะ” อิงซู่พูดยิ้มๆ
จวินอู๋เสียเอาลูกกลมที่สลักรูปงูขึ้นมาส่องดูเพื่อศึกษาอย่างละเอียด และทันใดนั้นความคิดแปลกๆก็ผุดขึ้นมาในหัวนาง
ตอนที่เหวินหยูบังเอิญเข้าไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดก่อนหน้านี้ สถานการณ์ของเขาก็เหมือนกับนาง ตรงที่เขาล้มมีประตูกลอยู่ข้างใต้ พอเขาไปโดนสวิตช์ก็ตกลงมาในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด
และหยกกล่อมวิญญาณนั่นก็ได้มาจากหนูนรกตัวเดียวกันนี้เอง
ถ้าหากเป็นไปตามนี้ จวินอู๋เสียก็ค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่พาเหวินหยูออกจากผาสุดสวรรค์ก็คือเจ้านายของหนูนรกตัวนี้!
คนผู้นั้นไม่ได้ทำร้ายเหวินหยู แต่กลับพาเขาออกไปข้างนอกแทน ดูแล้ว ท่าทางนิสัยใจคอของคนคนนั้นจะไม่ได้โหดร้ายเกินไป
ด้วยความคิดนั้น จวินอู๋เสียจึงเก็บลูกกลมนั้นและเดินต่อไป
หลังจากเดินไปได้พักใหญ่ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทางแยกที่แยกออกเป็นสองทาง ทางหนึ่งนำไปสู่อีกทางเดินที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งมีคานและเสาอยู่เป็นระยะ ส่วนทางที่สองเป็นประตูหินขนาดมหึมา!
ตอนที่ 1347 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (1)
ประตูหินขนาดมหึมาไม่ได้ปิดสนิท มีช่องว่างเล็กๆอยู่ ช่องว่างนั้นเล็กมาก กว้างประมาณ 2 นิ้วเท่านั้น ไม่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ แต่ที่ด้านล่างประตูหิน มีรอยขูดจางๆให้เห็น รอยพวกนั้นหนาเท่าเส้นผมเท่านั้น ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างขูดมันให้เกิดร่องรอยเอาไว้
“หนูนรกนั่นออกมาจากตรงนี้เหรอ?” บัวเมาถามพลางเลิกคิ้ว พวกเขาอยู่ในทางเดินที่มีเสากั้นตลอดเวลา นอกจากประตูหินนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นทางออกอื่นอีก หนูนรกเป็นภูติประจำตัว อยู่ๆจะโผล่มาจากอากาศไม่ได้ ดูจากรอยขีดข่วนเล็กๆพวกนี้ คงเป็นหนูนรกตัวนั้นทิ้งรอยเอาไว้ตอนที่มันบีบตัวเองผ่านช่องว่างนี้ออกมา
จวินอู๋เสียอดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพตลกๆขึ้นมาในหัวตอนที่หนูนรกขนฟูนุ่มนิ่มเหมือนไม่มีกระดูกเบียดตัวเองผ่านช่องว่างเล็กๆนี้ กรงเล็บเล็กๆของมันข่วนประตูหินอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่มันพยายามดันตัวเองออกมา
“ถ้าหนูนรกตัวนั้นมาจากที่นั่นได้ หลังประตูบานนั้นก็น่าจะปลอดภัยนะ” อิงซู่พูด แล้วเดินไปผลักประตูให้เปิดออก
แต่ตอนเขาผลัก ประตูหินตรงหน้าเขาก็ยังนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
อิงซู่มีสีหน้าประหลาดใจ เขาผลักอีกครั้งแบบสุดแรง แต่ประตูหินก็ยังนิ่งเฉยอย่างท้าทาย ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
“……….” ใบหน้าของอิงซู่เริ่มดูน่ากลัวขึ้น
“ฮ่าๆ” บัวเมาหัวเราะเยาะ เขายืนกอดอกมองสีหน้าไม่พอใจของอิงซู่อยู่ด้านข้าง
อิงซู่ไอเล็กน้อยและจ้องไปที่ใบหน้ายิ้มเยาะของบัวเมา “นี่ไม่ใช่ประตูหินธรรมดา มันหนักกว่าปกตินิดหน่อย”
หลายหน่อยเลยแหละ!
แม้ว่าอิงซู่จะไม่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลัง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถเปรียบเทียบได้ แต่ถึงเขาจะออกแรงจนสุดแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่สามารถขยับประตูนั้นได้แม้แต่นิ้วเดียว นั่นแสดงว่าน้ำหนักของประตูหินนั้นมากกว่าที่ดูเหมือนจะเป็นมาก
ประตูหินที่แม้แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงยังไม่สามารถขยับได้……
แค่ประตูหินบานเดียวก็หนักมากกว่าสิบตันไปแล้ว
หนักกว่าช้างแอฟริกาตัวผู้ที่โตเต็มวัยสองตัวรวมกันซะอีก!
ขนาดบัวเมาที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาพยายามผลักมัน ก็ยังทำได้แค่หน้าแดงจากการออกแรงเท่านั้น ไม่สามารถขยับมันได้สำเร็จเช่นกัน
ตอนนั้นเอง บัวเมาก็ไม่สามารถหัวเราะเยาะอิงซู่ได้อีกต่อไป
“ประตูหินนี่ทำมาจากอะไรเนี่ย? ทำไมถึงได้หนักขนาดนี้!?” บัวเมาบ่นขณะหอบหายใจอย่างหนัก พลางคิดว่าประตูหินนี่หนักมากจนน่าตกใจ
แม้ว่าพวกเขาสามคนจะรวมพลังกัน ก็ยังไม่สามารถขยับมันได้แม้แต่น้อย
แค่แรงของพวกเขาสองสามคน แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเปิดประตูนั้น หลังจากพิจารณาอยู่สักพัก จวินอู๋เสียก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ช่องว่างในประตูนั้นเล็กมาก เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเบียดตัวผ่านเข้าไป แต่สำหรับแมวดำตัวเล็กๆก็อาจจะเบียดผ่านไปได้
“เจ้าสองคนยืนเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้าเจออันตรายอะไรก็หลีกเลี่ยงการต่อสู้ คว้าตัวข้าขึ้นมาแล้ววิ่งหนี ถ้าเจอคนอื่นๆก็ให้ดูว่าพวกเขาสามารถผลักประตูให้เปิดได้ไหม” ขณะที่พูด จวินอู๋เสียก็นั่งลงเอาหลังพิงกำแพง แล้วจากนั้นเจ้าแมวดำก็กระโดดขึ้นไปนอนบนตักของนาง
เมื่อได้เข้ามาในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นลึกๆในใจของจวินอู๋เสียก็ทำให้นางอยากเข้าไปดูว่าอะไรอยู่ข้างหลังประตูหินบานนั้น แม้ว่านางจะไม่สามารถทำเองได้ แต่เจ้าแมวดำทำได้!
แม้ว่าอิงซู่กับบัวเมาจะไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียกำลังจะทำอะไรต่อไป แต่ในฐานะภูติประจำตัวของนาง พวกเขาจึงยอมทำตามคำสั่งของนาง
จากนั้นจวินอู๋เสียก็หลับตาลงช้าๆ ดูราวกับว่านางได้หลับไป
ตอนที่ 1348 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (2)
จวินอู๋เสียหลับตาลงช้าๆ ดูราวกับว่านางได้หลับไป
ไม่นานเจ้าแมวดำก็ลุกขึ้นจากตักของจวินอู๋เสีย สะบัดขนนิดหน่อย แล้วเดินไปที่ประตูหิน
อิงซู่กับบัวเมาทำตาโตมองเจ้าแมวดำที่มีท่าทางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ทำไมจู่ๆพวกเขาก็รู้สึกขึ้นมาว่าเจ้านายของพวกเขาได้กลายเป็นเจ้าแมวดำที่ปกติมักจะทำให้รู้สึกว่ามันสมควรโดนฟาด!
“เฝ้าข้าให้ดี” เจ้าแมวดำหันมาพูดกับบัวเมาและอิงซู่
เสียงนั่น และน้ำเสียงนั่น เหมือนกับของจวินอู๋เสียเป๊ะเลย!
ภูติสองตนตกตะลึงในทันที พวกเขาทำได้แต่จ้องมองเจ้าแมวดำทำตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูกลอดผ่านช่องว่างเล็กๆตรงประตูหินเข้าไป
หลังจากนั้นไม่นาน บัวเมาก็ก้มหน้าลงมองจวินอู๋เสียที่นั่งหลับตาอยู่บนพื้น แล้วเขาก็กลืนน้ำลาย
เจ้าแมวดำมีขนาดตัวเล็ก และแมวก็ตัวอ่อนอยู่แล้ว จวินอู๋เสียย้ายวิญญาณของตัวเองเข้าไปในร่างของเจ้าแมวดำและยืมร่างเล็กๆนั้นลอดผ่านช่องว่างที่ประตูหิน จากมุมมองของแมวดำ สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีก หลังจากผ่านประตูหินแล้ว แสงไฟสลัวก็กระพริบและสั่นไหว มันส่องไปที่ร่างของเจ้าแมวดำ ทำให้เกิดเงาเล็กๆทอดยาวบนพื้น
ภายในห้องโถงที่ว่างเปล่า ไม่มีเครื่องประดับตกแต่งแม้แต่ชิ้นเดียว มีแต่บัลลังก์หยกขาวแกะสลักวางอยู่บนแท่นยกที่มีขั้นบันไดขึ้นไป ที่ผนังทั้งสี่ด้านของห้องโถงกว้างมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เหมือนจริง แต่ภาพแกะสลักที่นี่แตกต่างจากภาพในทางเดินที่มีเสาหินก่อนหน้านี้ ภาพของที่นี่เต็มไปด้วยสีสัน เพิ่มความสดใสให้กับงานแกะสลักทุกชิ้น ทำให้ดูงดงามสะกดสายตามากขึ้น
แต่ความว่างเปล่าของห้องโถงกว้างทำให้รู้สึกแปลกๆ และทำให้บัลลังก์หยกที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวนั้นดูน่าเศร้า
ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่ห้องโถงใหญ่ จวินอู๋เสียหรี่ตาพร้อมกับก้าวอย่างว่องไวเข้าไปในห้องโถงขนาดใหญ่นั้น ไกลออกไปข้างหน้า นางสามารถมองเห็นอีกด้านหนึ่งของห้องโถงที่มีประตูหินขนาดมหึมาอีกบานแง้มอยู่ครึ่งหนึ่ง นางอยากจะกระโดดข้ามไปดูขึ้นมาทันที
แต่พอนางไปถึงหน้าประตูหินนั้น เงาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลังประตู!
“เอ๋?” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างสงสัย ร่างเล็กๆผลักประตูที่หนักจนน่าตกใจนั้นเปิดออกแล้วเดินเข้ามาข้างใน
เสียงกรุ๊งกริ๊งดังมาพร้อมกับที่ร่างนั้นปรากฏขึ้น มันก้องสะท้อนอยู่ในห้องโถงกว้างที่ว่างเปล่านั้น
จวินอู๋เสียซ่อนตัวอยู่หลังบัลลังก์หยกกว้าง ร่างเพรียวบางของนางแนบติดกับพื้น เฝ้าดูร่างที่ปรากฏขึ้นในห้องโถงอย่างกระทันหันผ่านรอยแตกใต้บัลลังก์ด้วยความระมัดระวัง
ร่างนั้นคือเด็กสาวตัวเล็กที่อายุประมาณ 12 ปี สวมชุดสีดำ เท้าเล็กๆสองข้างเปลือยเปล่าขณะก้าวเดินไปบนพื้นเย็นๆ รอบข้อเท้าทั้งสองข้างมีกำไลข้อเท้าเงินที่มีกระดิ่งติดอยู่ ทำให้เกิดเสียงกรุ๊งกริ๊งขึ้นทุกครั้งที่นางก้าวเดิน
สิ่งที่จวินอู๋เสียคิดว่าแปลกเกี่ยวกับเด็กสาวคนนี้ก็คือ นางสวมหน้ากากสีดำปิดเอาไว้ครึ่งหน้า ใบหน้าอีกครึ่งที่เผยให้เห็นนั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าสวย แต่ก็พอจะนับได้ว่ามีเสน่ห์อยู่บ้าง
แต่การที่เด็กสาวอายุน้อยแบบนี้ปรากฏตัวในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด มันก็ออกจะแปลกๆเล็กน้อย
“แปลกจัง คิดว่าเห็นอะไรอยู่ที่นี่ซะอีก?” เด็กสาวที่สวมหน้ากากครึ่งหน้าพูดขึ้นอย่างงุนงง นางมองไปรอบๆห้องโถงที่ดูเหมือนว่างเปล่า นางเห็นเงาเล็กๆแวบผ่านไปแน่ๆ ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนแล้ว?
“เจ้าจี๊ด เจ้ารึเปล่า?” นางเรียกออกมาเพื่อดูว่าจะมีการตอบสนองหรือไม่
“จี๊ด!” และก็มีเงาทรงกลมพุ่งตรงมาหานางอย่างรวดเร็ว!
ตอนที่ 1349 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (3)
“วิ่งไปทั่วอีกแล้ว วันไหนถูกขังขึ้นมาจะรู้สึก” เด็กสาวพูดพร้อมกับลงนั่งยองๆบนพื้น ยื่นมือออกไปอุ้มหนูนรกตัวน้อยที่โดดดึ๋งๆเข้ามาหานาง รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ไม่มีอะไรปกปิด
หนูนรกยืนบนขาหลัง ดวงตาสีดำของมันมองไปที่เจ้านาย ดูน่ารักและเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
เด็กหญิงหัวเราะเบาๆ วางหนูนรกไว้บนไหล่ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตูหินที่เพิ่งเข้ามา
จวินอู๋เสียกำลังจะออกมาจากใต้บัลลังก์ นางก็เห็นเด็กหญิงกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางถือถังไม้ใส่น้ำมาด้วย
จวินอู๋เสียไม่มีทางเลือกนอกจากซ่อนตัวกลับไปใต้บัลลังก์
การที่ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดมีเด็กหญิงตัวเล็กๆเช่นนี้ดูจะแปลกเกินไป เมื่อมองดูเด็กหญิงแล้ว คนก็คงเดาว่านางอายุประมาณ 12 ปี แต่นางสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในสุสาน และประตูหินที่จวินอู๋เสียกับภูติประจำตัวของนางรวมพลังกันยังไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว ก็เป็นเหมือนประตูไม้ธรรมดาสำหรับเด็กหญิงคนนี้ แค่นางผลักนิดเดียวก็เปิดออกแล้ว!
ไม่ว่าเด็กหญิงคนนั้นจะดูไม่เป็นอันตรายเพียงใด จวินอู๋เสียก็รู้ว่านางจะมองเด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไปไม่ได้เด็ดขาด
เด็กหญิงคนนั้นถือถังไม้เข้ามากลางห้องโถง จากนั้นนางก็ม้วนแขนเสื้อขึ้น คว้าผ้าเปียกจากในถัง คุกเข่าลง แล้วก็เริ่มต้นถูกระเบื้องทุกแผ่นบนพื้น
“……….” จวินอู๋เสียนิ่งเงียบขณะซ่อนตัวอยู่ใต้บัลลังก์หยกขาว เฝ้ามองเด็กผู้หญิงคนนั้นถูพื้นด้วยผ้าผืนนั้นอย่างพิถีพิถันจนสะอาดทุกซอกมุม นางพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดถูกสร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ดูจากการกระทำของเด็กหญิง ท่าทางนางจะคุ้นชินกับการทำเช่นนี้อยู่แล้ว
จวินอู๋เสียไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในสุสานที่มีอายุกว่าพันปี จะมีคนมาทำความสะอาดสถานที่รอบๆด้วย จากสิ่งที่นางเห็น เด็กหญิงคนนั้นไม่ได้ทำเหมือนสถานที่แห่งนี้เป็นสุสาน แต่เป็นเหมือนวังที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยมากกว่า
ที่จริง ตั้งแต่ตอนที่นางเข้ามาในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด นางก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกัน แทนที่จะเรียกมันว่าสุสาน น่าจะเรียกว่าเป็นพระราชวังขนาดใหญ่มากกว่า อาจกล่าวได้ว่า ในใจของผู้คนในราชอาณาจักรแห่งความมืด จักรพรรดิแห่งความมืดไม่ได้ตายและยังมีชีวิตอยู่ในใจของพวกเขา การสร้างสุสานนี้และฝังสมบัติทุกชิ้นของเขาไว้ที่นี่ก็เพื่อให้จักรพรรดิแห่งความมืดสามารถเพลิดเพลินกับทุกสิ่งที่เขามีต่อไปได้นั่นเอง
เด็กหญิงคนนั้นถูพื้นกระเบื้องอย่างขยันขันแข็งราวกับไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ห้องโถงที่กว้างใหญ่ขนาดนั้น นางถูทุกจุดอย่างละเอียดพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย ไม่มีทีท่าไม่เต็มใจเลยสักนิดขณะที่ทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ
ในบางครั้งนางก็จะกระซิบกับหนูนรกบนไหล่ของนางด้วยเสียงเบาจนไม่ได้ยิน
“เจ้าจี๊ด อย่าวิ่งไปทั่วคนเดียวอีกนะ ถ้าเกิดไปเจอคนไม่ดีพวกนั้นอีก แล้วพวกเขาจับเจ้าขึ้นมาจะทำยังไง?” เด็กหญิงอาจจะเริ่มเหนื่อย นางหยุดงานในมือครู่หนึ่ง แล้วจับหนูนรกตัวกลมขึ้นมาพร้อมกับนั่งลงบนพื้นกระเบื้องที่สะอาด
หนูนรกดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงการตักเตือนในน้ำเสียงของเจ้านายมัน มันส่งเสียงจี๊ดออกมาอย่างไม่พอใจ ส่ายบั้นท้ายอ้วนกลมไปมา พร้อมกับวิ่งไปรอบๆบนฝ่ามือของเด็กหญิง เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากนาง
“โวยวายตามสบายเลย แต่เจ้าห้ามออกไปวิ่งตามใจแล้วนะ ไม่งั้นถ้าวันหลังจักรพรรดิแห่งความมืดรู้เข้า เจ้าโดนลงโทษแน่” เด็กหญิงพูดพร้อมกับเอานิ้วจิ้มพุงนุ่มๆของหนูนรก
จวินอู๋เสียที่ยังซ่อนตัวอยู่ตลอดก็รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
ถ้าวันหลังจักรพรรดิแห่งความมืดรู้เข้างั้นหรือ?
หมายความว่ายังไง?!
จักรพรรดิแห่งความมืดยังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ?
ทันใดนั้นความคิดแปลกๆก็ผุดขึ้นมาในใจของจวินอู๋เสีย เด็กหญิงไม่รู้ว่านางอยู่ในห้องโถงนั่นด้วย และคำพูดนั้นก็พูดกับหนูนรกตัวจิ๋วนั่น ดังนั้นก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่คำพูดของนางจะไม่เป็นความจริง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น