Genius Doctor Black Belly Miss 1338-1342
ตอนที่ 1338 สุสานที่หายไป (8)
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่จวินอู๋เสียจะตอบสนองได้ทัน ร่างเล็กๆของนางถูกความมืดกลืนกินทันที!
ในเสี้ยววินาทีก่อนที่นางจะถูกลากเข้าไปในความมืด นางเห็นร่างของจวินอู๋เหยาพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น นางได้เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเขาเป็นครั้งแรก
มันแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น แล้วทุกอย่างที่เห็นก็กลายเป็นความมืดมิด
ไม่รู้ว่าที่นางตกลงไปนั้นเป็นอะไร ในความมืดมิดนั้น ดูเหมือนจวินอู๋เสียจะตกลงไปตามทางลาดชัน พื้นที่นั้นแคบจำกัด นางไหลลงไปเรื่อยๆพร้อมกับเศษหินเศษดิน
ภายในความมืด นางได้ยินแต่เสียงกระทบของเศษหิน
หลังจากไหลลงมาพักใหญ่ ในที่สุดเท้าของจวินอู๋เสียก็แตะพื้นราบ ความมืดค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ แสงไฟสลัวส่องให้เห็นภาพตรงหน้า
จวินอู๋เสียตกลงไปในสถานที่ที่ดูเหมือนพระราชวังใต้ดิน!
ผนังโดยรอบเต็มไปด้วยการแกะสลักเหมือนจริงบนหิน นางหันไปมองที่ที่นางเพิ่งไถลลงมา และในขณะที่นางหันไปตรวจสอบมันนั่นเอง ประตูหินก็เลื่อนลงมาจากด้านบน ปิดผนึกทางเข้าที่นางเพิ่งเข้ามา!
จวินอู๋เสียพยายามทุบหินก้อนใหญ่นั้น แต่หินก็แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดนางเร่งระดับพลังขึ้นเป็นขั้นสีม่วง ก็ยังไม่สามารถสร้างรอยบิ่นให้หินก้อนนั้นได้เลย!
เมื่อทางออกถูกปิดและไม่สามารถทำลายได้ จวินอู๋เสียก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ นางเงยหน้าขึ้นมองรอบๆตัว สถานที่ที่นางอยู่ดูเหมือนจะเป็นทางเดินกว้าง บนผนังโดยรอบมีโคมไฟหินที่แกะสลักเป็นรูปสัตว์อสูร แต่ละตัวถือเปลวไฟที่อบอุ่น ระยะห่างระหว่างโคมไฟสัตว์แต่ละตัวมีความยาวเท่ากัน ไฟไม่ได้สว่างมากนัก เพียงแค่ให้แสงสลัวๆเท่านั้น
“นี่คือสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดงั้นหรือ?” แมวดำที่นั่งอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียพูดขึ้น มันสะบัดตัวเอาสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนร่างของมันออก ตอนที่จวินอู๋เสียตกลงมา มันอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียตามปกติ จึงตกลงมากับนางด้วย
“ก็น่าจะใช่” จวินอู๋เสียตอบขณะรวบรวมความคิด พวกเขาค้นหาทางเข้าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดไปทั่ว และท้ายที่สุด นางไม่คิดว่านางจะ “เข้ามา” ที่นี่โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดที่ทำให้ผู้คนในอาณาจักรกลางค้นหากันจนเลือดตาแทบกระเด็น สุดท้ายก็เผยความลับขึ้นต่อหน้าจวินอู๋เสีย แต่น่าเสียดายที่นางได้เข้ามาในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเพียงคนเดียว นางสงสัยว่าพรรคพวกของนางที่อยู่ข้างนอกกำลังทำอะไรอยู่?
ในใจของจวินอู๋เสียมีภาพสีหน้าสุดท้ายของจวินอู๋เหยาปรากฏขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความร้อนรนและตื่นตระหนก นั่นเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นสีหน้าแบบนั้นจากเขา
แม้ว่ามันจะไม่เหมาะกับเขา แต่มันก็ทำให้นางรู้สึกอยากหัวเราะ ตอนนี้ข้างนอกนั่น เขาต้องบ้าคลั่งไปแล้วแน่
“อากาศที่นี่ไม่มีพิษ” เสี่ยวเฮยพูดพลางสูดกลิ่น ประสาทรับกลิ่นของมันไวยิ่งกว่าเครื่องจักร
“แปลกจริงๆ สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดนี่เป็นสุสานแท้ๆ ทำไมถึงไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นในนี้เลยสักนิด? ไม่มีกลิ่นแปลกๆอย่างอื่นด้วย แล้วโคมไฟพวกนั้นอีก ทำไมมันยังติดไฟอยู่ล่ะ? จักรพรรดิแห่งความมืดตายไปหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วใครจุดโคมไฟพวกนี้? คงไม่ใช่ผีหรอก ใช่ไหม……” เจ้าแมวดำตัวสั่น มันไม่กลัวอะไรเลยทั้งบนสวรรค์และบนพื้นพิภพ ยกเว้นเรื่องผีอย่างเดียวเท่านั้น……
จวินอู๋เสียเหลือบมองเจ้าแมวดำ อยากจะเตือนมันว่าผีที่เรียกกันน่ะ ก็แค่อีกชื่อหนึ่งของร่างวิญญาณ พูดกันจริงๆจากมุมมองนั้นแล้ว เจ้าแมวดำเองก็เป็น “ผี” เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
แต่สิ่งที่เจ้าแมวดำพูดก็น่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ จวินอู๋เสียเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน เปลวไฟที่ถูกจุดบนโคมไฟรูปสัตว์อสูรพวกนั้นควรจะมีระยะเวลาจำกัด จักรพรรดิแห่งความมืดเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว แต่ไฟพวกนี้ก็ยังไม่ดับ เป็นเรื่องที่แปลกมาก
ตอนที่ 1339 สมบัติของสุสานจักรพรรดิ (1)
ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เหมือนจริงถูกแกะสลักลงบนผนังหินโดยรอบ เทคนิคที่ประณีตและล้ำเลิศทำให้ตัวละครที่ปรากฏบนนั้นดูเหมือนมีชีวิตขึ้นมา จวินอู๋เสียมองสิ่งที่สลักไว้ผนังหินภายใต้แสงสลัว กำแพงตั้งแต่ต้นจนจบเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง แทนที่จะบอกว่ามันเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง อาจกล่าวได้ว่าพวกมันเป็นเหมือนบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจะตรงกว่า
บนผนังที่อยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย มีชายคนหนึ่งสวมหน้ากากถูกแกะสลักเอาไว้ หน้ากากของชายคนนี้งดงามเป็นพิเศษ เขายืนอยู่ที่จุดสูงสุดของทุกคน ร่างสูงตรง มือไขว้ไว้ด้านหลัง เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตัวขนาดมหึมา สัตว์ยักษ์นั้นจมอยู่ใต้น้ำครึ่งหนึ่ง หนวดของมันโบกอย่างร้ายกาจ ดูเหมือนมันจะกระโดดออกมาจากภาพได้ทุกเมื่อ
“นี่คือจักรพรรดิแห่งความมืด” จวินอู๋เสียพูดขณะมองดูชายสวมหน้ากาก จากตำแหน่งที่เขายืนในภาพ เขาถูกทุกคนล้อมรอบเอาไว้ จึงเดาตัวตนของเขาได้ง่ายมาก
ยิ่งรวมกับความจริงที่ว่าตอนนี้นางอยู่ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด นางจะนึกถึงคนอื่นไปได้ยังไง
สำหรับสัตว์อสูรตัวยักษ์นั้น ก็ไม่ใช่ว่าจวินอู๋เสียจะไม่เคยเห็น นั่นคือ “ปลาหมึกยักษ์” ที่พวกเขาเจอในทะเลสาบระหว่างทางมาที่นี่นั่นเอง
บนภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้ มันน่าจะเป็นภาพตอนที่จักรพรรดิแห่งความมืดปราบ “ปลาหมึกยักษ์” ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แกะสลักเรียงรายไปตามกำแพงนี้ ทุกภาพดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราว ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดคาด ภาพแกะสลักบนผนังทั้งหมดก็น่าจะเป็นการสรรเสริญชีวิตที่รุ่งโรจน์ของจักรพรรดิแห่งความมืด
แต่สิ่งที่จวินอู๋เสียกำลังมองไม่ใช่จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ
บนภาพจิตรกรรมฝาผนังนั้น ชายลึกลับสวมหน้ากากคือจักรพรรดิแห่งความมืดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ในทุกๆภาพแกะสลัก เขามักจะยืนอยู่คนเดียวเหนือผู้อื่นเสมอ ไม่รู้ว่าผู้คนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดจงใจยกย่องหรือเปล่า แต่ในภาพพวกนั้น ดูเหมือนจักรพรรดิแห่งความมืดจะมีอำนาจไร้ที่สิ้นสุดราวกับพระเจ้า
ปราบสัตว์ประหลาด, เอาชนะกองทัพทั้งหมด, ครองอำนาจเหนืออาณาจักรกลาง
แค่ดูภาพไม่กี่ภาพก็บอกถึงความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิแห่งความมืดได้แล้ว เขาดูไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริง
“นี่คือจักรพรรดิแห่งความมืดเหรอ? ทำไมเขาต้องสวมหน้ากากด้วยล่ะ?” เจ้าแมวดำถามอย่างงุนงงพลางแกว่งหางไปมาอย่างเกียจคร้าน ตอนที่พวกเฉียวฉู่พูดถึงจักรพรรดิแห่งความมืด ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่จักรพรรดิแห่งความมืดสวมหน้ากากเลย
“เป็นเพราะเขาน่าเกลียดล่ะมั้ง?” เจ้าแมวดำคิด
จวินอู๋เสียส่ายหน้าขณะเดินไปยืนหน้าภาพแกะสลักอีกภาพ มองดูหน้ากากหรูหรางดงามที่สวมอยู่บนหน้าของจักรพรรดิแห่งความมืด
“การออกแบบบนหน้ากากพิเศษมาก ข้าเคยเห็นมันมาก่อน เจ้ายังจำตอนที่เราทดลองใช้คาถาผ่านอักษรรูนได้ไหม? พวกมันบางอันข้ายังไม่แน่ใจความหมาย ที่อยู่บนหน้ากากนั่นสลักอักษรรูนที่ข้าไม่เข้าใจเอาไว้” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับเอามือลูบคาถาอักษรรูนที่ซ่อนอยู่ในภาพจิตรกรรมฝาผนังนั้นอย่างระมัดระวัง
นางไม่คิดว่าชายที่แข็งแกร่งขนาดทำให้ทั้งอาณาจักรกลางยอมสยบต่อเขาได้จะต้องสวมหน้ากากเพราะใบหน้าของเขา ความจริงหน้ากากดูเหมือนถูกเพิ่มเข้ามาโดยช่างฝีมือของราชอาณาจักรแห่งความมืดหลังจากที่จักรพรรดิแห่งความมืดเสียชีวิตแล้ว
ด้วยอำนาจที่ไม่มีใครเทียบได้ของจักรพรรดิแห่งความมืดและตำแหน่งที่สูงส่งในราชอาณาจักรแห่งความมืดของเขา คนในราชอาณาจักรแห่งความมืดจึงไม่กล้าแกะสลักใบหน้าของจักรพรรดิแห่งความมืด นี่จึงเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะทำได้เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าลบหลู่จักรพรรดิแห่งความมืดด้วยการบรรยายรูปลักษณ์ของเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มหน้ากากเข้าไป และอักษรรูนที่สลักไว้บนหน้ากากก็น่าจะมีความหมายพิเศษบางอย่าง
จวินอู๋เสียมองยังคงมองดูภาพจิตรกรรมฝาผนังต่อไป ถ้าเรื่องราวทั้งหมดที่สลักไว้เป็นเรื่องจริง ชายผู้ที่เคยครองอำนาจเหนืออาณาจักรกลางทั้งหมดก็มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือกว่าอะไรทั้งหมดที่พวกเขาเคยรู้จัก
ในแสงไฟสลัวนั้น มีภาพแกะสลักอยู่เต็มทุกฝาผนัง ในขณะที่จวินอู๋เสียเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆเพื่อหาทางออก นางก็มองภาพแกะสลักหินทั้งหมดไปด้วย
ตอนที่ 1340 สมบัติของสุสานจักรพรรดิ (2)
จวินอู๋เสียมองดูภาพแกะสลักพวกนั้นแล้ว ก็เข้าใจถึงสถานะของจักรพรรดิแห่งความมืดในหัวใจของผู้คนในราชอาณาจักรแห่งความมืดได้ดีขึ้น เขาไม่เพียงเป็นผู้ปกครองที่มีอำนาจเหนือพวกเขาเท่านั้น แต่ในใจของคนในราชอาณาจักรแห่งความมืด เขาเป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า พวกเขาเกรงกลัวเขา บูชาเขา เคารพนับถือเขา ในสายตาพวกเขา จักรพรรดิแห่งความมืดคือพระเจ้าผู้มีอำนาจเหนือสรรพสิ่ง
ในงานแกะสลักหินพวกนั้น นอกจากเรื่องที่จักรพรรดิแห่งความมืดมักจะโดดเด่นออกมาจากผู้คนจำนวนมากอยู่เสมอนั้น คนอื่นๆทั้งหมดก็ดูนอบน้อมและอุทิศตัวจงรักภักดีต่อเขาอย่างมาก
จวินอู๋เสียนึกถึงพวกสมาชิกในลัทธิที่อุทิศตัวอย่างมากมายในชาติก่อนของนาง คนพวกนั้นก็เสียสละทุกอย่างเพื่อพระเจ้าที่พวกเขาเคารพนับถือ แต่เนื่องจากจวินอู๋เสียไม่เคยเชื่อในศาสนาไหนเลย นางจึงไม่ได้รู้สึกต่อต้านรุนแรง
แม้ว่านางจะไม่เชื่อในสิ่งเหล่านี้ แต่นางก็เคารพความเชื่อของคนอื่น
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดนั้นกว้างใหญ่มาก พอนางเข้ามาอยู่ในนี้ถึงได้รู้สึกว่าจริงๆแล้วมันใหญ่โตขนาดไหน จวินอู๋เสียเดินมาครึ่งชั่วโมงแล้ว และนางเพิ่งจะมาถึงสุดทางเดินก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังมองทางเดินอีกทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้แสงไฟสลัวนั้น ทางเดินดูทอดยาวไปเรื่อยๆไม่มีจุดสิ้นสุด เสาและคานก็มีอยู่เป็นช่วงๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่านางต้องไปที่ไหนถึงจะพบทางออก จวินอู๋เสียสังเกตเห็นว่าผนังทั้งสองฝั่งทางเดินมีฐานรูปกรงเล็บถือลูกกลมสีม่วงที่วางไว้อย่างเรียบร้อย ลูกทรงกลมพวกนั้นดูสวยงาม ทุกอันมีขนาดเท่ากับลูกปิงปอง พวกมันถูกวางไว้ในช่องรูปกรงเล็บ แสงไฟสลัวสะท้อนออกจากพื้นผิวเรียบของมันรางๆ
มันไม่ใช่ไข่มุกหรืออัญมณี แต่จะเป็นอะไรก็ไม่สามารถยืนยันได้
มันเรียงเป็นสองแถวอย่างเป็นระเบียบติดกับผนัง ลูกกลมสีม่วงทุกลูกมีขนาดเท่ากัน ตามทางเดินแค่ทางเดียวก็มีอย่างน้อยหลายพันลูกแล้ว ไม่ว่าลูกทรงกลมพวกนั้นจะทำมาจากอะไรก็ตาม แค่จำนวนที่มากมายของมันก็ทำให้อ้าปากค้างได้แล้ว
จักรพรรดิแห่งความมืดเคยปล้นสมบัติทั้งหมดของอาณาจักรกลาง หลังจากที่เขาตาย คนของเขาก็ฝังสมบัติพวกนั้นทุกชิ้นไว้ในสุสานโดยที่ไม่ทิ้งอะไรเอาไว้สักชิ้น มองแวบแรก การตกแต่งภายในของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดไม่ได้ดูหรูหราเป็นพิเศษอะไร แต่เมื่อมองดูดีๆแล้ว จะเห็นว่าทุกมุมของสถานที่นี้ ไม่ว่าจะมุมใดก็ตาม จะพบสมบัติล้ำค่าทุกประเภทซุกซ่อนอยู่
ทองและเงินในสถานที่แห่งนี้ไม่ถือว่าเป็นของมีค่าอีกต่อไป เนื่องจากทองดำและเงินดำสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกหนแห่ง ใช้ในการตกแต่งภายในสถานที่ ฟ่านจั๋วเคยพูดไว้ว่าราคาของเงินดำสูงกว่าทองหลายเท่าเลยทีเดียว
หินชิ้นนั้นที่จวินอู๋เสียชนะการประมูลมาด้วยเงินหลายแสนตำลึงนั้น เป็นแค่เศษเล็กๆของเงินดำในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดนี้เท่านั้น แม้แต่ฐานรูปกรงเล็บตามขอบผนังก็ยังหลอมมาจากเงินดำ แค่ราคาของฐานอันเดียวก็ไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านตำลึงแล้ว
และภายในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดทั้งหมดนั้น ดูเหมือนว่าฐานที่สร้างด้วยเงินดำเหล่านี้มีจำนวนหลายหมื่น หรือกระทั่งหลายแสนอัน
ความมั่งคั่งของจักรพรรดิแห่งความมืดไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะจินตนาการได้
จากการคำนวณของนาง จวินอู๋เสียคาดว่าตำแหน่งที่นางอยู่ในปัจจุบันน่าจะยังอยู่ในขอบด้านนอกของสุสานและอยู่ไกลที่สุด แต่ถึงอย่างงั้น สิ่งที่นางเห็นในที่นี้ก็ทำให้นางประหลาดใจมากแล้ว
“มิน่า คนจากอาณาจักรกลางถึงเคารพนับถือจักรพรรดิแห่งความมืดมากมายขนาดนั้น” จวินอู๋เสียแสดงความเห็นขณะมองดูทุกอย่างที่นางเดินผ่านไป คุณค่าของสิ่งต่างๆในทุกๆตารางนิ้วของที่นี่มากพอจะเลี้ยงครอบครัวให้อยู่ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าไปตลอดชีวิต
การครองอำนาจเหนือที่ใดๆก็ตาม พลังอำนาจเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน ความร่ำรวยก็เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
ไม่ต้องพูดถึงว่าในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดมีของวิเศษที่ผู้คนปรารถนาอยู่มากมายเพียงใด แค่ความร่ำรวยอย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนร้อนรนอยู่ไม่สุขกันได้แล้ว
ตอนที่ 1341 สมบัติของสุสานจักรพรรดิ (3)
ยิ่งเห็นมากเท่าไร จวินอู๋เสียก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นว่าจักรพรรดิแห่งความมืดที่เสียชีวิตไปนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด ทุกอย่างที่สลักไว้บนภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์และความสำเร็จอันน่าทึ่งของจักรพรรดิแห่งความมืดที่ไม่มีใครในอาณาจักรกลางเทียบได้เลย ในบรรดาภาพบนฝาผนังทั้งหมด มีภาพหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้กับจวินอู๋เสีย ชายสวมหน้ากากนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้สูง ตรงหน้าเขามีคน 25 คนคุกเข่าอยู่
เป็นการคุกเข่าเรียงตามลำดับชั้น
คน 4 คนคุกเข่าอยู่หน้าสุด โดยมีอีก 9 คนอยู่ข้างหลัง และแถวที่ 3 ก็คือ 12 คนเป็นแถวสุดท้าย
ถ้าจวินอู๋เสียเดาไม่ผิดล่ะก็ นั่นน่าจะเป็น 25 คนที่ยืนอยู่ปลายยอดปิรามิดในอาณาจักรกลาง
4 พรรค 9 อาราม และ 12 วิหาร
ก่อนที่จักรพรรดิแห่งความมืดจะปรากฏตัวขึ้น คนพวกนี้แต่ละคนมีอำนาจเหนือส่วนหนึ่งของอาณาจักรกลาง แต่เมื่อจักรพรรดิแห่งความมืดมาพร้อมกับราชอาณาจักรแห่งความมืด บรรดาผู้มีอำนาจเหล่านี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสละตำแหน่งจากจุดสูงสุดและยอมจำนนแทบเท้าของจักรพรรดิแห่งความมืด
นั่นคือความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิแห่งความมืด
ผู้ปกครองที่มีอำนาจเพียงคนเดียวได้รับการยอมรับจากคนทั้ง 25 คน เมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนเดียวนั้น ทุกคนก็ทำได้แค่หมอบราบคาบแก้วต่อเขาโดยที่ไม่อาจโต้แย้งได้
จวินอู๋เสียเคยสู้กับคนจากสิบสองวิหารมาก่อน นางรู้ว่าความแข็งแกร่งของสิบสองวิหารนั้นไม่ใช่การพูดโอ้อวดเกินจริงเลย และคนที่นางเจอก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆของสิบสองวิหารเท่านั้น ยกเว้นชายชุดเทาแล้ว ความแข็งแกร่งของคนอื่นๆก็น่าจะต่ำกว่าระดับกลางๆของสิบสองวิหาร แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ตอนที่ปะทะกัน พวกเขาก็ยังสู้ลำบากเลย
และระดับที่เหนือกว่าคนพวกนั้นผู้อาวุโสและประมุขของสิบสองวิหาร
พลังระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่จวินอู๋เสียและเพื่อนๆของนางจะเอาชนะได้ในเวลานี้
หนึ่งราชอาณาจักร สี่พรรค เก้าอาราม สิบสองวิหาร
สิบสองวิหารอยู่อันดับล่างสุดในบรรดากลุ่มอำนาจทั้งหมดนี้ แต่เนื่องจากพวกเขามีจำนวนมากที่สุด และปกติจะร่วมมือกันต่อต้านคนภายนอก จึงสามารถรักษาชื่อสิบสองวิหารเอาไว้ได้ ถ้าแค่วิหารเดียวลำพังล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งราชอาณาจักรเลย แค่กลุ่มอำนาจเดียวจากสี่พรรคหรือเก้าอารามก็สามารถบดขยี้พวกเขาให้ตายได้แล้ว!
จากปัจจัยเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าอำนาจของราชอาณาจักรแห่งความมืดนั้นน่ากลัวจริงๆตามที่เขาลือกัน
ไม่เช่นนั้น หลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่จักรพรรดิแห่งความมืดตายไป ทำไมกลุ่มอำนาจต่างๆในอาณาจักรกลางถึงยังกลัวราชอาณาจักรแห่งความมืดอยู่ และไม่กล้าที่จะให้เรื่องเกี่ยวกับการตามหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเปิดเผยออกไป
พวกเขามีชิ้นส่วนของแผนที่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่กล้าตามหาไปมากกว่านี้ แต่กลับแอบส่งมันลงไปที่อาณาจักรล่างเพื่อให้คนจากอาณาจักรล่างจัดการแทน ความกลัวที่มีต่อราชอาณาจักรแห่งความมืดของพวกเขาต้องฝังรากลึกจนไม่กล้าแม้แต่จะเก็บแผนที่ไว้ในครอบครอง
“คนที่กดขี่ข่มเหงผู้อ่อนแอจะต้องได้รับผลกรรมตามมาแน่” จวินอู๋เสียอดเยาะเย้ยไม่ได้ สิบสองวิหารโหดเหี้ยมไร้ความปราณีจนถึงขีดสุด แต่พวกเขาก็ยังต้องยอมสยบต่อราชอาณาจักรแห่งความมืด
โลกดำเนินไปด้วยกฎเดียวกันสำหรับทุกคน ถ้าไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งและปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูงกว่าได้ล่ะก็ พวกเขาก็จะถูกคนอื่นขย้ำตายในที่สุด
เรือที่แล่นทวนกระแสน้ำจะไม่เดินหน้าไปได้ แต่จะถอยหลังแทน
จวินอู๋เสียเดินไปตามทาง แล้วจู่ๆนางก็สังเกตเห็นแสงไฟเหนือหัวโอนเอนเล็กน้อย แสงไฟริบหรี่อยู่ช่วงหนึ่ง แล้วไฟที่ส่องทุกอย่างในทางเดินทั้งหมดก็สับสนวุ่นวายขึ้นมา
ประสาทสัมผัสของจวินอู๋เสียตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกๆเซลล์ในร่างกายของนางตึงเครียดขึ้นด้วยความวิตกกังวล
เมื่อคำนวณจากช่วงเวลาที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดถูกสร้างขึ้นและถูกผนึกเอาไว้ทุกด้าน ก็ไม่น่าจะมีใครเฝ้าอยู่ในนี้ เมื่อไม่มีทั้งอาหารและน้ำ การจะอยู่อาศัยที่นี่เป็นเวลาหลายร้อยปีถึงเกือบพันปีนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่มีสิ่งหนึ่งได้สร้างความสงสัยขึ้นในใจของจวินอู๋เสีย และทำให้นางไม่กล้าที่จะมั่นใจในเรื่องนี้มากเกินไปนัก
มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหวินหยู……
เหวินหยูบังเอิญเข้ามาในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดได้ แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองไปอยู่บนยอดผาสุดสวรรค์ได้ยังไง!
ตอนที่ 1342 สมบัติของสุสานจักรพรรดิ (4)
นั่นเป็นจุดหนึ่งที่จวินอู๋เสียรู้สึกแปลกๆ ด้วยสภาพของเหวินหยูในเวลานั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาจะสามารถออกจากสุสานได้ เนื่องจากตัวเขาไม่สามารถคงสติเอาไว้ได้ด้วยซ้ำ
อะไรที่ส่งเขาออกจากสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด?
ถ้าเป็นคน งั้นก็น่าจะเป็นผู้พิทักษ์สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด แต่เหวินหยูเป็นผู้บุกรุกเข้าไปในสุสาน ทำไมผู้พิทักษ์ถึงไม่ฆ่าเขา แต่กลับส่งเขาออกไปข้างนอกแทนล่ะ?
และถ้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์สุสาน เขาจะสามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดได้ยังไง?
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง เงาสีดำก็ปรากฎขึ้นที่ปลายสุดของทางเดิน!
“เหมียว!!!” ขนบนหลังของเจ้าแมวดำตั้งชันขึ้น! สิ่งที่มันกลัวที่สุดก็คือ “ผี” ที่หลายคนพูดถึง! มันกางกรงเล็บออกและเกาะไหล่ของจวินอู๋เสียแน่น มันกลัวจัดจนขนจะร่วงหมดแล้ว
“ผี!! เหมียววว ผี!!!” เสียงร้องโหยหวนอย่างขวัญหนีดีฝ่อดังออกมาจากปากของเจ้าแมวดำตัวน้อย
ตอนแรกจวินอู๋เสียก็ไม่ได้ตกใจกลัว แต่พอได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากเจ้าแมวดำ นางก็ตกใจขึ้นมา
ตัวเองเป็นร่างวิญญาณแท้ๆ ยังจะกลัว “ผี” อีกเหรอ?
บ้ารึเปล่าเนี่ย?
จวินอู๋เสียตัดสินใจในตอนนั้นว่า ถ้านางยังคงเดินในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดกับเจ้าแมวดำตามลำพัง ต่อให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเจ้าแมวดำเล่นตกใจกับเรื่องเล็กน้อยทุกอย่างแบบนี้ล่ะก็ แก้วหูของนางคงแตกในไม่ช้า
ทันใดนั้น จวินอู๋เสียก็สะบัดมือเรียกอิงซู่และบัวน้อยออกมา
เมื่อบัวน้อยปรากฏตัวและเห็นจวินอู๋เสีย ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มสดใสขึ้นทันที เขากางแขนอวบอ้วนออก อยากจะกระโจนเข้าใส่อ้อมแขนของจวินอู๋เสีย แต่สุดท้ายเขาก็เห็นอิงซู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสีย เด็กน้อยหัวหดตัวสั่น แข็งทื่ออยู่กับที่ทันที
“เอ๋? ท่านผู้นั้น……ไม่ได้ตามเจ้านายมาหรือ?” สายตาของอิงซู่กวาดมองไปรอบๆทางเดินที่มืดสลัว แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของจวินอู๋เหยา รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“หยุดไร้สาระได้แล้ว ที่นี่คือสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ถ้าไม่อยากตายก็ทำตัวดีๆ” จวินอู๋เสียไม่มีอารมณ์มารับมือกับความเป็นเด็กของพวกเขา นางไม่กล้าผ่อนความระมัดระวังลงจากเงาที่เห็นเมื่อครู่ ถ้ามีคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยพลังของนางในตอนนี้ นางไม่แน่ใจว่าพวกนางจะสามารถรอดชีวิตไปได้รึเปล่า
คนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดเคารพนับถือจักรพรรดิแห่งความมืดมาก ผู้พิทักษ์ที่พวกเขาให้ทำหน้าที่ปกป้องสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดย่อมไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน ถ้าพวกเขาเจอกันขึ้นมา จะต้องเกิดการต่อสู้รุนแรงขึ้นแน่
นางไม่กล้าหวังที่จะชนะด้วยซ้ำ แต่กำลังคิดว่านางจะรอดรึเปล่ามากกว่า
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดมีขนาดใหญ่เกินไป ผลึกคริสตัลที่นางทุบทำลายก่อนหน้านี้ต้องเชื่อมโยงกับสวิตช์ที่ทำให้นางหล่นลงไปในสุสาน แต่ทางเข้านั้นถูกปิดผนึกทันที นางรออยู่ที่นั่นพักนึงก็ไม่เห็นคนอื่นๆทำลายประตูหินเข้ามา จึงสันนิษฐานว่าทางนั้นถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ แม้แต่จวินอู๋เหยาก็ไม่สามารถเปิดได้
รอที่นั่นต่อไปก็คงไม่ช่วยอะไร นางจึงตัดสินใจหาทางออกจากสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดแทน
ในตอนนั้น จวินอู๋เสียรู้สึกขอบคุณที่ตัวเองมีภูติประจำตัวหลายตน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ นางอาจจะพอทำอะไรได้บ้าง
เมื่อมีอิงซู่กับบัวน้อยมาร่วม เจ้าแมวดำก็กล้าขึ้นเล็กน้อย แต่มันยังคงซ่อนตัวอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียไม่ยอมไปไหน
แต่พวกเขาเพิ่งจะก้าวไปได้สองก้าว ก็มีเงาดำแวบผ่านหน้าพวกเขาไปประมาณ 10 เมตร!
ก่อนที่จวินอู๋เสียจะทันได้พูดอะไร อิงซู่ก็พุ่งตัวออกไปแล้ว ร่างสีแดงของเขากลายเป็นแสงฟ้าแลบสีแดงเพลิงภายใต้แสงไฟสลัว พุ่งตรงไปยังเงาดำ
“จี๊ด!!”
เสียงร้องแหลมสูงแต่แผ่วเบาดังขึ้นทันที!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น