Genius Doctor Black Belly Miss 1324-1330
ตอนที่ 1324 ป่ากร่อนกระดูก (10)
ในป่ากร่อนกระดูกที่มืดมิด สายลมพัดหวีดหวิว ทั้งมืดและชื้น ดินใต้เท้าก็เฉอะแฉะราวอยู่ในบึง การเดินทางในป่านั้นก็ต้องเดินก้มหลัง พยายามไม่ให้โดนใบไม้และกิ่งของต้นกร่อนกระดูกที่ยื่นลงมาเพื่อป้องกันไม่ให้โดนข่วน
แม้ว่าการถูกต้นไม้ข่วนไม่ได้ทำให้พวกเขาเสียชีวิตก็จริง แต่ความเจ็บปวดที่รุนแรงนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากจะโดน
ในตอนนั้นพวกผู้เยาว์ที่ภูมิใจในความสูงของตัวเองมาตลอดก็พลันตระหนักได้ว่าความสูงจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดได้อย่างไร
ในหมู่พวกเขา มีเพียงจวินอู๋เสียและเสี่ยวเจว๋เท่านั้นที่เตี้ยที่สุด ต้นกร่อนกระดูกส่วนใหญ่ก็บิดงอพอดีกับความสูงของเสี่ยวเจว๋ทำให้เขาเดินได้โดยไม่ต้องก้ม ส่วนจวินอู๋เสียก็ต้องก้มเล็กน้อยเป็นครั้งคราวเมื่อเจอกับกิ่งที่ห้อยต่ำมากๆเท่านั้น
แต่สำหรับผู้เยาว์ตัวสูงๆอย่างพวกของเฉียวฉู่นั้น มันคือความทุกข์ระทมอย่างที่สุด
ส่วนสูงของผู้เยาว์ทั้งห้าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ในบรรดาผู้เยาว์ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ก็ถือได้ว่าพวกเขาโดดเด่นทั้งหน้าตาและรูปร่าง แต่ในป่ากร่อนกระดูกนี่ ความสูงที่น่าอิจฉาของพวกเขากลับเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรม
ทันทีที่เหยียบย่างเข้าไปในป่ากร่อนกระดูก หลังของพวกเขาก็ไม่มีโอกาสเหยียดตรงอีกเลย!
ถ้าแค่นั้นมันก็คงไม่แย่เท่าไร แต่ว่า……
พวกเขาถูกบังคับให้มองคนที่สูงกว่าพวกเขาหลายคนเดินไปในป่ากร่อนกระดูกอย่างสบายๆด้วยหลังที่ตั้งตรง!
เหมือนอิงซู่ที่เป็นร่างวิญญาณ……
เย่ฉาและเย่เหม่ยที่กล้าหาญและเก่งกาจ……
แล้วก็ จวินอู๋เหยา……
เอาล่ะ คนสุดท้ายนั่น พวกผู้เยาว์ทั้งหลายต่างเลือกที่จะไม่สนใจเพื่อรักษาความภาคภูมิใจในตัวเองเอาไว้!
อิงซู่เป็นภูติประจำตัว และเป็นภูติประจำตัวที่มีพิษร้ายแรงถึงตาย สำหรับเขา ยางพิษของต้นกร่อนกระดูกก็ไม่แตกต่างจากน้ำพุ พวกเขาเห็นกับตาว่าตอนที่เถาวัลย์ของต้นกร่อนกระดูกโดนหลังมือของอิงซู่นั้น เถาวัลย์นั่นก็เปลี่ยนเป็นสีดำและเหี่ยวเฉาทันที……
นั่นแสดงให้เห็นว่าใครที่มีพิษร้ายกว่ากัน!
เย่ฉาและเย่เหม่ยดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงพิษจากต้นกร่อนกระดูกเลย หรือพวกเขายอมทนเจ็บปวดมากกว่าจะยอมก้มหลังกันนะ……
ส่วนจวินอู๋เหยานั้น……
ฮ่าๆ พวกเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น นั่นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพ!
ท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของเย่ฉาและเย่เหม่ย ทั้งสองตัวดูจะสบายที่สุดในกลุ่ม พวกมันซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของชายชุดดำทั้งสองตลอดทาง ทั้งอบอุ่นและสบาย และถึงกับเอาใบบัวหิมะออกมาแทะตอนหิวอีกด้วย
พูดได้ว่า เจ้าตัวเล็กทั้งสองไม่ได้มาลำบากทรมานอะไรเลย แต่มาเดินทางอย่างสุขสบาย!
“แบะ ~” ท่านแบะแบะกระดิกหูอยู่ในอ้อมแขนของเย่ฉา มันมองต้นกร่อนกระดูกที่บิดงอแล้วส่งเสียงบ่น
“ปู้?” กระต่ายโลหิตที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเย่เหม่ย เลียขนของมันอย่างพึงพอใจ
เจ้าตัวเล็กทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันคุยอะไรกัน
“นี่เสี่ยวเฮย เจ้าสองตัวนั่นคุยอะไรกันเหรอ?” เฉียวฉู่เดินตามหลังจวินอู๋เสีย หลังของเขาแทบจะหักอยู่แล้ว เขาจับสะโพกด้วยมือข้างหนึ่งขณะที่เดินไปข้างหน้า เขาได้ยินบทสนทนาลึกลับของท่านแบะแบะกับกระต่ายโลหิต จึงพยายามจะหาความสนุกท่ามกลางความระทมทุกข์ของเขา เขาถามเจ้าแมวดำที่อยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสีย
เจ้าแมวดำหันหน้ากลับไปมองเฉียวฉู่ที่หน้าแดงจากการที่หลังของเขาต้องงออยู่ตลอดเวลา ก่อนจะตอบว่า
“พวกมันกำลังคุยกันว่า ใบของต้นกร่อนกระดูกกินได้รึเปล่า แล้วจะอร่อยไหม”
“………..” เฉียวฉู่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกอยากจะหันกลับไปซัดเจ้าอสูรโง่สองตัวนั้นจริงๆ!
แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างที่ต้องการ เพราะ……
เขาสู้เจ้าสองตัวนั้นไม่ได้จริงๆ!
ตอนที่ 1325 ทรายดูด (1)
ในป่ากร่อนกระดูกนั้น น้ำค้างแข็งสีขาวปกคลุมต้นไม้ทุกต้น ใบไม้ทุกใบ และเถาวัลย์ทุกเส้น ไม่ว่าจะมองจากที่ไกลๆ หรือยืนอยู่ท่ามกลางพวกมัน ก็จะรู้สึกว่ามันดูงดงามน่าหลงใหลมาก แต่สำหรับคนที่เข้าใจต้นกำเนิดของต้นกร่อนกระดูกจริงๆ พวกเขาจะไม่คิดเช่นนั้นแน่
ในป่ากร่อนกระดูกมีกองกระดูกให้เห็นที่โคนต้นไม้หลายต้น เนื้อเน่าเปื่อยสลายไปนานแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่มีเหลือแล้ว เหลือเพียงกระดูกที่ไม่ครบสมบูรณ์
พิษของต้นกร่อนกระดูกนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง และในกองกระดูกที่เห็นนั้นสามารถพูดได้เลยว่าไม่มีอันไหนที่ครบสมบูรณ์ อาจจะหลงเหลืออยู่บ้างหลังโดนกัดกร่อนละลายไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นกระดูกแตกๆหักๆที่มีคราบสีดำเปื้อนอยู่หลายแห่ง
ที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์ซ่อนอันตรายไว้ในทุกๆพื้นที่ ยิ่งรู้เกี่ยวกับสถานที่นี้มากเท่าไร ก็ยิ่งตกใจกับทุกอย่างในนั้นมากขึ้นเท่านั้น
สถานที่ทุกแห่งดูเหมือนจะวางแผนและเตรียมการกันมาอย่างละเอียดรอบคอบ และเป้าหมายของมันก็คือส่งคนที่มารบกวนการพักผ่อนชั่วนิรันดร์ของจักรพรรดิแห่งความมืดไปสู่ขุมนรก
หากไม่มีแผนที่ การจะค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
กองกระดูกที่เกลื่อนพื้นพวกนั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีที่สุด
ป่ากร่อนกระดูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก ใหญ่กว่าธารน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งหลายเท่า พวกของจวินอู๋เสียจำเป็นต้องหลบต้นกร่อนกระดูกกันไปตลอดทาง ทำให้การเดินทางของพวกเขาล่าช้าไปมาก พวกเขาใช้เวลาถึง 5 วันเต็มในการเดินผ่านป่า มีหยุดพักช่วงสั้นๆบ้าง แต่ไม่สามารถนั่งลงได้เลย
ต้นกร่อนกระดูกล้วนมีพิษทุกต้น พูดได้ว่าทั้งป่าเต็มไปด้วยพิษร้ายแรงถึงตาย การแตะต้องสิ่งใดในป่าเป็นเวลานานอาจทำให้พวกเขาเจอกับผลที่คาดไม่ถึงได้ ดังนั้น แม้ว่าจะมีอิงซู่อยู่ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงนั่งลงอยู่ดี
อุณหภูมิที่หนาวจัดจนถึงกระดูก ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ได้ทำให้สภาพจิตใจของทุกคนแย่ลงเรื่อยๆ แต่ตามเครื่องหมายบนแผนที่ พวกเขาเพิ่งจะเดินทางไปได้แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น
ด้านล่างของผาสุดสวรรค์นั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่ทุกคนคาดคิด
ในวันที่ 6 อุณหภูมิรอบตัวพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ความเย็นจัดที่มากพอจะทำให้เลือดของพวกเขาแข็งตัวก็ดูเหมือนจะเริ่มอุ่นขึ้น อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้พวกผู้เยาว์ที่ถูกทรมานมานานโล่งอกขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าลดความระวังตัวลง
ในที่สุดก็ถึงวันที่ 7 พวกเขามองเห็นชายป่าแล้วและดีใจกันมาก
แต่ภาพที่เห็นหลังจากนั้นก็ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาค่อยๆหายไป
ทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากป่ากร่อนกระดูก อุณหภูมิรอบตัวก็พุ่งสูงขึ้นหลายสิบองศาทันที!
เมื่อกี้ยังหนาวจัดจนเสียดกระดูกอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับร้อนจัดเหมือนอยู่กลางฤดูร้อน
ที่ชายป่าของป่ากร่อนกระดูกนั้นเป็นเหมือนอีกโลกนึง ผืนทรายสีทองที่กว้างใหญ่ไพศาล สายลมที่พัดผ่านความแห้งแล้ง ทรายละเอียดที่ปลิวปะทะใบหน้าทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บแปลบๆเหมือนโดนมีดเล่มจิ๋วแทง
ครู่ก่อนก็หนาวจนสั่นไปหมด แต่พอก้าวออกมาแค่ก้าวเดียวเท่านั้น พวกเฉียวฉู่ที่อยู่ในเสื้อผ้าหนาๆก็เหงื่อไหลชุ่มโชกเหมือนฝนตก!
ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“นี่มัน……เรื่องบ้า……อะไรเนี่ย……” เฉียวฉู่มองผืนทรายสีทองตรงหน้า ความร้อนระอุทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงก่ำทันที
เสื้อผ้าที่พวกเขาใช้รักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย ตอนนี้กลายเป็นเตาอบไปแล้ว ทั้งร่างเหมือนอยู่ในหม้ออบไอน้ำ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบาย
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันและสุดขั้วแบบนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง ปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้นี้ขัดต่อกฎธรรมชาติมาก มันเหลือเชื่อมากเกินไป!
ตอนที่ 1326 ทรายดูด (2)
ระยะแค่ก้าวเดียว แต่แบ่งระหว่างความหนาวจัดกับร้อนจัดได้อย่างชัดเจนมาก ที่ชายป่ากร่อนกระดูกเหมือนมีใครกางบาเรียกั้นเขตที่สร้างเส้นแบ่งระหว่างสองฤดูกาลที่ตรงกันข้ามกันเอาไว้
หมอกหนาที่อยู่รอบตัวทุกคนมานานได้สลายไป ลมพายุทะเลทรายพัดผ่านพวกเขา เหมือนมีผ้าโปร่งคลุมทะเลทรายตรงหน้าพวกเขาเอาไว้
ในตอนนั้น แม้แต่จวินอู๋เสียก็ยังตกตะลึง
ตลอดชีวิตทั้งชาติก่อนและชาตินี้ นางเคยเห็นสิ่งแปลกๆมามากมาย แต่ไม่เคยพบเจอปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
พื้นที่ติดกันแบบนี้ แต่อุณหภูมิของทั้งสองฝั่งกลับแตกต่างกันหลายสิบองศา
ก้าวเมื่อกี้หนาวจัดเสียดกระดูก ก้าวต่อมาร้อนระอุเหมือนอยู่กลางฤดูร้อน
อุณหภูมิและสภาพแวดล้อมแปลกๆนี้ ตามปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ แต่มันกลับเกิดขึ้นตรงหน้านางจริงๆ
“คนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดไม่ใช่คนแล้ว พวกเขาทำแบบนี้ได้ยังไง?” ใบหน้าของเฟยเหยียนเต็มไปด้วยเหงื่อ การเปลี่ยนแปลงจากเย็นไปร้อนอย่างกระทันหันแบบนี้ทำให้ร่างกายของพวกเขาปรับตัวไม่ทัน
มันเหมือนจับคนที่แช่ในทะเลสาบน้ำแข็งมาหลายวันไปย่างไฟอย่างกระทันหัน ทำให้ร่างกายเหมือนกับจะระเบิดออกมา
สถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้ คนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดมีพลังมากขนาดที่ควบคุมสภาพอากาศได้เชียวหรือ?!
“เป็นพลังกั้นเขตแดน” จวินอู๋เหยายกมือขึ้นยื่นออกไปข้างหน้าเล็กน้อย ความรู้สึกแปลกๆสัมผัสกับฝ่ามือของเขา แขนของเขายังรู้สึกเย็นอยู่ แต่นิ้วมือของเขาถูกห่อหุ้มด้วยความร้อนระอุแล้ว
ขั้วตรงกันข้ามของน้ำแข็งและไฟสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสวยงาม
จวินอู๋เหยาเลิกคิ้วขึ้น
“พลังกั้นเขตแดน?” จวินอู๋เสียถามพลางหันไปมองจวินอู๋เหยา
“สิ่งที่สามารถแบ่งพื้นที่สองแห่งออกจากกันได้ มันไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่การทำให้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยทีเดียว” เสียงของจวินอู๋เหยามีแววชื่นชม
นั่นทำให้เย่ฉาและเย่เหม่ยยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจทันที
“พี่ใหญ่อู๋เหยา นี่ใช่เวลาชื่นชมพวกเขาเหรอ?” เฉียวฉู่อยากจะร้องไห้ ความหนาวเย็นทรมานเขาแทบตาย เขาอยากได้ความอบอุ่นสักหน่อย แต่นี่มันเกินความอบอุ่นไปไกลแล้วไม่ใช่เหรอ?
ไม่ต่างอะไรจากอยู่ในเตาอบเลย!
“การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันจากหนาวไปร้อนสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายได้อย่างมาก ถ้าปรับตัวไม่ทัน แค่การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างเดียวก็ทำให้ตายได้แล้ว” จวินอู๋เสียอธิบายอย่างจริงจัง ต้องพูดเลยว่าคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดนี้ เพื่อที่จะสร้างสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดแล้ว พวกเขาทุ่มสุดตัวจริงๆ แม้แต่อากาศและอุณหภูมิก็ยังเอามาใช้ พวกเขาทำงานหนักจนสุดความสามารถจริงๆ
แม้ว่านางจะยังไม่เคยติดต่อกับราชอาณาจักรแห่งความมืด แต่ในใจจวินอู๋เสียก็เริ่มมีภาพคร่าวๆของราชอาณาจักรแห่งความมืดแล้วว่าเป็นอย่างไร
สถานที่ที่ภักดีต่อคนเพียงผู้เดียว แข็งแกร่งมากแต่ยังจงรักภักดีอย่างมั่นคง สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากที่จักรพรรดิแห่งความมืดตายไป ก็ไม่มีใครสักคนในราชอาณาจักรแห่งความมืดพยายามจะขึ้นมาแทนที่เขาเพื่อจะได้เป็นผู้นำคนใหม่ กลับกัน ในหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาพยายามปกป้องศักดิ์ศรีเกียรติยศของจักรพรรดิแห่งความมืดอย่างเต็มที่ จนถึงขั้นยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้นำของอาณาจักรกลางมากกว่าจะเลือกผู้นำคนใหม่ขึ้นมาแทน
แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็ทำให้จวินอู๋เสียชื่นชมมากแล้ว
เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดชีวิตทั้งชาติก่อนและชาตินี้ของนาง ทุกอย่างที่นางเคยเห็นและได้ยินมานั้น นางไม่เคยพบประเทศไหนที่กล้าทำเช่นนี้
แม้ว่าราชอาณาจักรแห่งความมืดจะมีช่วงเวลาที่โหดเหี้ยมดุร้าย แต่ปลายดาบของพวกเขาก็ชี้ไปทางศัตรูของพวกเขาเสมอ ไม่เคยชี้ไปทางผู้บริสุทธิ์เลย นั่นเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมาก
ตอนที่ 1327 ทรายดูด (3)
ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงผู้อ่อนแอ นั่นคือจุดหนึ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากสิบสองวิหาร
“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ” จวินอู๋เสียหรี่ตา ถ้าพวกเขาเดินไปในทะเลทรายด้วยเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้ ไม่ถึงชั่วโมงได้เกิดภาวะขาดน้ำแน่
แม้ว่าพลังวิญญาณจะสามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายได้ในระดับหนึ่ง แต่นั่นก็แค่ตอนที่อุณหภูมิร่างกายต่ำเกินไปเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าพลังวิญญาณของพวกเขาจะสามารถลดอุณหภูมิได้ด้วย
เมื่อเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นหลายสิบองศาอย่างกระทันหัน พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากถอดเสื้อผ้าหนาๆออกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางต่อไปในชุดที่เบาบางขึ้น
โชคดีที่พวกเขาเตรียมตัวมาดีในการเดินทางครั้งนี้ พวกเขาก็แค่ต้องถอดเสื้อผ้าหนาๆชั้นนอกที่ใส่อยู่ออกเท่านั้น
เสื้อผ้าที่พวกเขาถอดออกถูกเก็บไว้ในกระเป๋ามิติของจวินอู๋เสียเผื่อกรณีที่พวกเขาต้องการใช้อย่างกระทันหันอีกครั้ง
จากป่ากร่อนกระดูกที่หนาวเย็น ก้าวเข้าสู่ทะเลทรายที่ร้อนระอุ ความร้อนเข้าปะทะพวกเขาเหมือนคลื่นยักษ์ ลมพายุที่พัดเข้าใส่พวกเขามีกรวดและทรายอยู่ในนั้นด้วยและมันก็ข่วนใบหน้าของพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงการอ้าปากพูดเลย แม้แต่การหายใจก็ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บจากการที่มีกรวดทรายเข้าไปในโพรงจมูกของพวกเขา
พวกเขาฉีกชายเสื้อผ้าออกและเอามาใช้เป็นผ้าคลุมหน้าปิดปากปิดจมูกของพวกเขาไว้เพื่อป้องกันทรายที่อยู่ในลมพายุ
ทรายสีทองใต้เท้าของพวกเขาร่วนมากจนไม่สามารถใช้แรงได้ เมื่อเหยียบลงไป มันก็จะจมลงเป็นหลุม ทรายที่อยู่รอบๆก็จะไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่นานเท้าของพวกเขาก็ถูกฝัง
“นี่เป็นทรายดูด” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับรวบรวมพลังวิญญาณไว้ที่ใต้เท้าทันทีเพื่อลดน้ำหนักของร่างกาย
ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ไม่ใช่ทะเลทรายธรรมดา แต่เป็นพื้นที่ทรายดูดขนาดมหีมา หากประมาทเพียงเล็กน้อย ตกลงไปแล้วล่ะก็ ไม่นานก็จะถูกทรายสีทองกลืนกินเข้าไป
เมื่อไม่มีหมอกหนาปกคลุม ทัศนวิสัยในบริเวณนี้จึงดีขึ้นมาก ถึงไม่มีลูกบอลเพลิงวิญญาณ ก็สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน
แต่เส้นทางนี้ทำให้คนไม่สามารถเหยียบย่างไปได้เลย
เมื่อก้าวเข้าสู่ทรายดูด ทรายจะดูดเท้าของพวกเขาอย่างแรง ยิ่งดิ้นก็จะยิ่งถูกดูดมากขึ้น มันแตกต่างจากหนองบึงแฉะๆ เนื่องจากในหนองบึงยังสามารถมองหาร่องรอยของบ่อโคลนดูดได้ แต่ทรายดูดนั้นน่ากลัวกว่ามาก เนื่องจากแรงดูดในหนองบึงไม่ได้แรงมากนัก ถ้าพวกเขาก้าวพลาดเข้าไปในโคลนดูด พวกเขาก็ยังสามารถได้รับการช่วยเหลือออกมาได้ ขณะที่ทรายดูดนั้น……โอกาสรอดของพวกเขาต่ำกว่ามาก
ทะเลทรายตรงหน้าทำให้พวกผู้เยาว์สิ้นหวังจนแทบกระอักเลือด พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าคนที่สิบสองวิหารส่งมาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับทะเลทรายแห่งนี้หลังจากที่ผ่านความทรมานมาขนาดนั้น
อุปสรรคนับไม่ถ้วนและอันตรายที่ไม่สิ้นสุด เผยออกมาในรูปแบบต่างๆมากมาย ถ้าพวกเขาไม่ได้เจอเข้ากับตัวเองแล้วล่ะก็ พวกผู้เยาว์ก็คงร้องเพลงเต้นรำยกย่องสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดของคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดไปแล้ว แต่ในตอนนี้ แม้แต่ยิ้มบางๆก็ยังยิ้มไม่ออกเลย
“ราชอาณาจักรแห่งความมืดนี่จริงๆเลย” เฉียวฉู่ร้องอุทานพร้อมกับตบหลังหัวตัวเอง เขาคารวะคนของราชอาณาจักรแห่งความมืดจากใจจริงๆ พวกเขาทำทั้งหมดนี้ได้ยังไง?
จวินอู๋เสียไม่ได้รีบร้อนเคลื่อนไหว ทรายดูดไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่แค่โลกนี้ นางเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกมันก่อนที่จะมาเกิดใหม่แล้ว
เนื่องจากองค์กรเผชิญกับสถานการณ์ทุกรูปแบบ หลายครั้งที่เกิดขึ้นในทะเลทราย ครั้งหนึ่งนางเคยรักษานักฆ่าจากองค์กร เป้าหมายของเขาอยู่ในทะเลทราย เขาติดตามเป้าหมายอยู่ 3 เดือนก่อนจะเห็นโอกาสโจมตี แต่เขาดันติดกับอยู่ในทะเลทราย ไม่เพียงแต่เป้าหมายจะหลบหนีไปได้ แต่ตัวเขาเองก็เกือบจมลงไปในทรายดูดแล้ว โชคดีที่เพื่อนของเขาอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก พวกเขาจึงช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ทันเวลา
ชายคนนั้นถูกปืนยิงและถูกส่งมาให้จวินอู๋เสีย มีรูขนาดใหญ่ที่ไหล่ของเขา แต่เขาก็ยังคงพูดไม่หยุดเกี่ยวกับประสบการณ์ในทะเลทรายของเขา
ตอนที่ 1328 ทรายดูด (4)
ตอนนั้นจวินอู๋เสียไม่ได้สนใจฟังชายคนนั้นพูดพล่าม แต่สิ่งที่เขาพูดนางได้ยินทั้งหมดและยังจำเนื้อหาส่วนใหญ่ได้
ทรายดูดเกิดจากน้ำผสมกับทรายทำให้ลดแรงเสียดทานระหว่างเม็ดทรายแต่ละเม็ด
ถ้าสามารถระเหยน้ำจากภายในทรายได้ ปรากฏการณ์ทรายดูดก็จะไม่เกิดขึ้น
จวินอู๋เสียมองทะเลทรายที่ทอดยาวไร้ที่สิ้นสุด ทันใดนั้นนางก็เอาขวดขนาดใหญ่ที่บรรจุของเหลวใสไว้ข้างในออกมาจากกระเป๋ามิติ เฉียวฉู่แปลกใจและไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียกำลังจะทำอะไร ไม่ใช่ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ในขวด เนื่องจากตอนที่พวกเขาก่อกองไฟระหว่างทาง จวินอู๋เสียได้หยดของเหลวนั้นลงบนไม้สองสามหยดเพื่อทำให้ไฟติดได้ง่ายขึ้น
จวินอู๋เสียสาดของเหลวลงบนทรายที่อยู่ด้านหน้านาง แล้วโบกมือให้เพื่อนๆถอยหลังไปสองสามก้าว
ในขณะที่ทุกคนพากันสงสัยในการกระทำของจวินอู๋เสีย นางก็หยิบแท่งจุดไฟขึ้นมาขว้างลงไปบนทรายที่เปียกโชกไปด้วยของเหลว
‘บรึม!’
ทันใดนั้น เปลวไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นราวกับมีมังกรไฟพุ่งออกมาจากทะเลทรายอย่างรวดเร็ว!
เปลวเพลิงสีแดงสดลุกโชติช่วงไปตามผืนทรายสีทองราวกับมังกรไฟเลื้อยผ่านทะเลทราย
อุณหภูมิที่ร้อนเหมือนเตาอบอยู่แล้วก็พุ่งสูงขึ้นไปอีก แม้ว่าพวกเขาจะถอยไปหลายก้าวแล้ว แต่พวกเฉียวฉู่ก็ยังรู้สึกว่าคลื่นความร้อนเข้าปะทะพวกเขาราวกับพวกเขากำลังถูกย่างไฟ พวกเขาต้องเรียกพลังวิญญาณออกมาเพื่อป้องกันความร้อนจัดนั้น
“เสี่ยวเสีย เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?” เฉียวฉู่ยื่นมือออกไปโบกราวกับพยายามพัดความร้อนออกไปจากตัว เขาเกือบจะกลายเป็นหมูย่างแล้ว ทำไมแม่สาวนี่ถึงอยากจะเพิ่มเชื้อไฟอีก? เขาจะสุกอยู่แล้วเนี่ย
จวินอู๋เสียไม่สนใจเสียงบ่นของเฉียวฉู่ นางแค่จ้องมองทรายดูดที่อยู่ในกองเพลิง
นั่นเป็นสารเคมีที่มีจุดเผาไหม้ต่ำที่นางทำขึ้น ตั้งใจว่าจะใช้ตอนที่มีความชื้นในอากาศเพื่อให้ไฟติดได้ง่าย ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะมีประโยชน์แบบนี้ด้วย
ทรายสีทองใช้เป็นเชื้อไฟไม่ได้ หลังจากที่ของเหลวนั่นถูกไฟเผาจนหมด ไฟก็ดับไปอย่างรวดเร็ว คลื่นความร้อนบนทรายพุ่งขึ้นมา เมื่อมองจากระยะไกล ทิวทัศน์จะบิดเบี้ยวอย่างหนักจากคลื่นความร้อน
“เดินทาง!” จู่ๆจวินอู๋เสียก็พูดขึ้น แล้วเหยียบลงไปบนผืนทรายเป็นคนแรก
น่าทึ่งที่ครั้งนี้ทรายสีทองไม่ได้จมลงไป แม้ว่ามันจะยังร่วนอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่เหมือนทรายดูดแบบก่อนหน้านี้
ภาพนั้นทำให้เฉียวฉู่ตะลึงงัน พื้นที่บริเวณนี้เป็นทรายดูดที่เหยียบลงไปก็จมทันทีเลยไม่ใช่หรือ ทำไมมันถึงแข็งขึ้นหลังจากโดนจวินอู๋เสียเผาล่ะ?
ความจริงจวินอู๋เสียแค่ทำให้ความชื้นในทรายดูดระเหยออกไปเพื่อให้ทรายแห้ง และก่อนที่น้ำจากด้านล่างจะพุ่งขึ้นมา ทรายบริเวณนั้นจะแข็งขึ้นชั่วคราว และนี่คือช่วงเวลาที่พวกเขาจะต้องเดินผ่านไป
จวินอู๋เสียไม่ได้หยุดเลยสักนาทีเดียว นางจุดไฟเผาทรายด้านหน้าเพื่อเปิดทางต่อไป ไม่ให้ทรายดูดมีเวลาก่อตัวขึ้นที่ใต้เท้าของพวกเขา
ความร้อนที่โหดร้ายพุ่งเข้าปะทะทุกคนจากทุกทิศทาง ทรายใต้เท้าของพวกเขาร้อนจี๋หลังจากที่เพิ่งโดนไฟเผามา ทำให้รู้สึกเหมือนมีไฟลุกไหม้อยู่ใต้รองเท้า แม้ว่าพลังวิญญาณของพวกเขาจะป้องกันเท้าไม่ให้ไหม้ แต่อุณหภูมิรอบตัวที่ร้อนเหมือนถูกย่างแบบนี้ทำให้พวกของจวินอู๋เสียเหงื่อไหลชุ่มโชกเหมือนฝนตกและหยดลงบนผืนทราย ขณะที่พวกเขาวิ่งไปบนทรายสีทองร้อนระอุที่ส่องประกาย!
ตอนที่ 1329 สถานที่มรณะ
ตลอดหนึ่งเดือนที่ด้านล่างผาสุดสวรรค์เป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดทรมานที่สุดในชีวิตของพวกจวินอู๋เสีย
ทรายดูดที่สามารถฆ่าคนได้ทุกเมื่อ ต้นไม้กินคนที่สวยงามน่าหลงใหล ดอกไม้สุดโหดที่ปล่อยกลิ่นเหม็นรุนแรง และมีกระทั่งงูพิษที่ซ่อนอยู่ใต้ดินรอโจมตี……
ทุกวันพวกเขาต้องอยู่ท่ามกลางอันตรายที่แม้แต่ดอกไม้ต้นหญ้าทุกต้นก็สามารถคร่าชีวิตของพวกเขาได้
ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน พวกเขาใช้ชีวิตที่อธิบายได้อย่างเดียวว่าเกินคนไปแล้ว ร่างกายและจิตใจของพวกเขาถึงขีดจำกัดแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็พบสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัยและนั่งลงเพื่อพักหายใจได้ ทุกคนต่างหมดสภาพ
“ข้าว่าข้าจะตายที่นี่แหละ” เฉียวฉู่นอนกางแขนกางขาอยู่บนพื้น เขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้วแล้ว พลังวิญญาณถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยง ต่อให้มีสัตว์ร้ายโผล่มาตอนนี้และแยกเขี้ยวใส่เขา เขาก็ยังไม่อยากขยับตัวเลยสักนิด
เสื้อผ้าบนร่างล้วนสกปรกมอมแมมและขาดรุ่งริ่ง สภาพของทุกคนตอนนี้ หากไปนั่งอยู่ที่ประตูเมืองไหนสักเมือง ก็คงดูเหมือนขอทานดีๆนี่เอง ขอแค่ชามบิ่นๆสักใบ ก็พร้อมทำอาชีพขอทานได้เลย
ในตอนแรกพวกเขายังใส่ใจเรื่องความสะอาดอยู่ ครึ่งเดือนต่อมาพวกเขาก็โยนเรื่องจุกจิกพวกนี้ทิ้ง การมีชีวิตรอดและเดินหน้าต่อไปเป็นเป้าหมายและแรงจูงใจเดียวของพวกเขา
การแข่งกับเวลา ความรู้สึกที่ต้องฉกฉวยทุกวินาทีจากกรงเล็บแห่งความตายนั้น อันตรายแต่ก็น่าตื่นเต้น
“อยากให้มีทะเลสาบอยู่ตรงหน้าจัง จะได้อาบน้ำบ้าง” เฟยเหยียนพูดพลางนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เพื่อความสะดวกในการทำภารกิจ เขาจึงเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าผู้ชายธรรมดาๆ และบนใบหน้าที่สวยงามของเขาก็สกปรกมอมแมมซะจนมองไม่เห็นสีผิวดั้งเดิมของเขาอีกต่อไป
“อย่าพูดคำว่าทะเลสาบนะ! เจ้าทำให้ข้านึกถึงที่บ้าๆนั่นอีกแล้ว” เฉียวฉู่บ่นพร้อมขมวดคิ้ว พวกเขาเคยเจอทะเลสาบมาก่อน น้ำใสแจ๋ว ผิวน้ำสงบนิ่งไม่มีคลื่น ริมทะเลสาบมีพืชพรรณต่างๆอยู่มากมาย เป็นภาพที่สวยงามมาก
แต่พวกเขาไม่อยากจะไปที่ข้างทะเลสาบเพื่อเติมน้ำหรอก เนื่องจากทะเลสาบนั่นเริ่มมีฟองเหมือนมันกำลังเดือด
สัตว์ร้ายที่มีรูปร่างใหญ่โตเท่ากับร่างที่แท้จริงของท่านแบะแบะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลสาบ มันคือสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนปลาหมึกยักษ์ มันไล่ตามพวกเฉียวฉู่ไประยะหนึ่ง ทำเอาพวกเขาต้องวิ่งจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากปากอยู่แล้ว
“ข้าเข้าใจแล้ว ที่นี่ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสักแห่ง ต้นไม้ดอกไม้พวกนั้นร้ายกาจถึงตายทั้งหมด เจ้าว่าคนของราชอาณาจักรแห่งความมืดไปเอาของเล่นน่ากลัวพวกนี้มาจากไหน? แล้วพวกเขาไม่กลัวมันบ้างหรือไง?” เฉียวฉู่ยอมรับความพ่ายแพ้ แม้ว่าพวกเขาจะกลับไปยังอาณาจักรกลางเพื่อคิดบัญชีแค้นกับสิบสองวิหารในอนาคต แต่เขาสาบานกับตัวเองว่าจะอยู่ให้ห่างจากราชอาณาจักรแห่งความมืด
คนที่นั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว!
สิ่งน่ากลัวทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ คนธรรมดาทั้งชีวิตก็ไม่มีวันได้พบเจอ แต่ราชอาณาจักรแห่งความมืดรวบรวมพวกมันทั้งหมดมาไว้ที่ด้านล่างผาสุดสวรรค์ได้
“เจ้าควรขอบคุณที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่นะ” หรงรั่วพูด สภาพของนางดูดีกว่าคนอื่นๆเล็กน้อย นางเอนหลังพิงก้อนหิน แต่ใบหน้ายังคงซีดอยู่ ตลอดทางไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียจัดยาให้พวกเขากินไปมากเท่าไรแล้ว และจวินอู๋เหยาได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้กี่ครั้ง
ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าจวินอู๋เสียคือดาวนำโชคที่สวรรค์ส่งมาให้พวกเขา ถ้าไม่มีจวินอู๋เสีย แม้ว่าพวกเขาจะรวบรวมแผนที่ได้ครบ แต่พวกเขาคงไม่สามารถอยู่รอดได้ที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้
นอกจากนั้น จวินอู๋เสียก็ยังมาพร้อมกับอาวุธทำลายล้างสุดเทพ จวินอู๋เหยา ที่ช่วยพวกเขาให้พ้นจากปัญหาเช่นกัน
ตอนที่ 1330 อยากกอด
สิ่งต่างๆที่อยู่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์นั้น บางอย่างก็น่าเกลียดน่ากลัวน่าขนลุก บางอย่างก็สวยงามน่าหลงใหล แต่ทั้งหมดล้วนมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน
นั่นคือ พวกมันอันตรายถึงตาย
ถ้าให้พวกเขานึกถึงสถานที่ที่อันตรายที่สุดที่พวกเขาเคยพบมาตลอดชีวิตล่ะก็ มันจะต้องเป็นที่นี่อย่างแน่นอน
สภาพของจวินอู๋เสียนั้นยังนับว่าดี อารมณ์ของนางไม่ได้แปรปรวนไปมาก การควบคุมพลังวิญญาณแม่นยำและละเอียดรอบคอบมาก เมื่อเทียบกับเฉียวฉู่และเฟยเหยียนแล้ว นับว่าสภาพนางค่อนข้างดีทีเดียว เมื่อมีโอกาสพักที่หาได้ยากนี้ นางก็ไม่ได้หยุดคิดเลยสักนิด นางกางแผนที่ออกตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา
“ไม่พักสักหน่อยล่ะ?” จวินอู๋เหยานั่งลงข้างๆจวินอู๋เสีย เขามองใบหน้าด้านข้างที่ดื้อรั้นของเด็กน้อยของเขา แล้วก็รู้สึกสงสารนาง
ตลอดการเดินทาง จวินอู๋เสียไม่เคยคิดที่จะขอความช่วยเหลือจากเขาแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่านางจะรู้ว่าสิ่งต่างๆจะง่ายขึ้นมากถ้าเขาช่วย แต่นางก็เลือกที่จะไม่ใช้ทางลัดนั้น
ถ้าอุปสรรคพวกนี้ยังต้องพึ่งคนอื่นให้แก้ปัญหาให้ แล้วนางยังจะมีหน้าพูดว่าอยากจะสู้กับสิบสองวิหารได้อย่างไร?
นางไม่ได้อยากเป็นดอกไม้ที่ถูกปกป้องอยู่ใต้ปีกของผู้ที่แข็งแกร่ง แต่อยากเป็นผู้แข็งแกร่งที่พุ่งทะยานไปในท้องฟ้าและเมินทุกอย่างที่อยู่ใต้ตัวนาง
จวินอู๋เสียส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่เหนื่อย”
แต่จวินอู๋เหยากอดนางเอาไว้และหยิบแผนที่ออกจากมือของนาง พร้อมกับพูดอย่างหนักแน่นแต่อ่อนโยนว่า “แต่ข้าว่าเจ้าเหนื่อยแล้ว”
จวินอู๋เสียประหลาดใจเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของจวินอู๋เหยา ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมอ่อนข้อ นางเอนตัวพิงอยู่ในอ้อมกอดของจวินอู๋เหยาและมองดูเสี่ยวเจว๋ที่หลับไปแล้วบนตักของเย่ฉา
“เราเกือบถึงที่นั่นแล้ว ข้าไม่อยากเสียเวลา” ยิ่งพวกเขาหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเจอเร็วเท่าไร พวกเขาก็จะได้รับพลังที่แข็งแกร่งเร็วขึ้นเท่านั้น ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จวินอู๋เหยาไม่ได้ช่วยเหลือพวกเขามากนัก แต่ทุกครั้งที่เขาทำ มันทำให้จวินอู๋เสียยิ่งตระหนักถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ของเขา
นางไม่อยากยืนอยู่ข้างหลังเขาตลอดไป มองดูเขาปกป้องนางจากพายุที่รุนแรงโหมกระหน่ำ นั่นไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ
“ถ้าเจ้าไม่พักผ่อนให้ดี การเดินทางที่เหลือข้าก็ไม่รังเกียจที่จะอุ้มเจ้าไปหรอก” จวินอู๋เหยาพูดพลางเลิกคิ้ว บางครั้งเด็กน้อยนี่ก็ดื้อซะจนทำให้เขาอยากกัดนางจริงๆ
“แบบนี้เหรอ?” จู่ๆจวินอู๋เสียก็ยกแขนสองข้างขึ้นมาคล้องรอบคอของจวินอู๋เหยา ดวงตาใสกระจ่างของนางเปล่งประกายชั่วร้ายแวบหนึ่ง
คราวนี้เป็นตาจวินอู๋เหยาที่ประหลาดใจบ้าง มือเล็กๆที่คล้องรอบคอเขาออกแรงเล็กน้อย ทำให้ระยะห่างระหว่างเขาและนางใกล้กันมากขึ้นจนเขาสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในดวงตาคู่งามของนาง
“ถ้าเจ้าชอบ ข้าทำแบบนี้ได้ตลอดเลยนะ” จวินอู๋เหยาหัวเราะพร้อมกับยกแขนอุ้มนางขึ้นมาในแนวนอน
เด็กน้อยนี่ยิ่งร้ายขึ้นทุกที
จวินอู๋เสียกระพริบตาและย่นจมูกให้จวินอู๋เหยา นางหาตำแหน่งที่สบายภายในอ้อมกอดของเขา แล้วซุกตัวเข้าไป ใบหน้าเล็กๆของนางซบลงที่หน้าอกของเขา แล้วหลับตาลงช้าๆ
“อีกเดี๋ยวปลุกข้าด้วยนะ”
การทำตามใจชอบแบบนี้เป็นครั้งคราวก็ไม่เลวใช่ไหม?
จวินอู๋เหยาหัวเราะเยาะตัวเอง เขาอุ้มจวินอู๋เสียที่ค่อยๆเข้าสู่โลกแห่งความฝัน มองใบหน้าด้านข้างที่งดงามและเงียบสงบของนาง แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่า……ตัวเขาเองช่างสรรหางานที่ทั้งเจ็บปวดและมีความสุขมาให้ตัวเองทำซะเหลือเกิน
เย่ฉาและเย่เหม่ยที่อยู่ด้านข้างแอบภาวนาให้นายท่านของพวกเขาอย่างเงียบๆ
ที่นี่พวกเขาไม่มีน้ำเย็นมากพอมาดับความร้อนของนายท่านเจว๋หรอกนะ! นายท่านเจว๋ ท่านต้องระงับตัวเองเอาไว้ให้ดีๆนะขอรับ!
เมื่อเห็นจวินอู๋เสียนอนหลับไปในอ้อมกอดของจวินอู๋เหยา เฟยเหยียนก็นั่งตัวตรงขึ้นทันที ดวงตาที่เปล่งประกายของเขามองไปที่หรงรั่ว
“……….” หรงรั่วขยับตัวอย่างเงียบๆและหันกลับไปกอดก้อนหินใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเพื่อนอนพักผ่อน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น