Genius Doctor Black Belly Miss 1317-1323

 ตอนที่ 1317  ป่ากร่อนกระดูก (3)


ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น  แค่อุณหภูมิที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและความเข้มข้นของพิษในหมอกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็อันตรายถึงตายแล้ว  ถ้าอยากรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่นเอาไว้ท่ามกลางอุณหภูมิที่หนาวจัด  ก็ต้องใช้พลังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง  แต่ใครจะแน่ใจได้ล่ะว่าพลังวิญญาณจะอยู่ไปได้นานถึงเมื่อไร


ระหว่างทาง เฉียวฉู่เคยพยายามจะดื่มน้ำจากถุงน้ำที่เอาติดตัวมาด้วย  และเพราะมันอยู่ติดกับร่างกายเขา  มันจึงไม่ได้แข็งตัวจากอุณหภูมิที่ต่ำนั้น  แต่ในขณะที่เขาดื่มน้ำ  ก็บังเอิญมีหยดน้ำหล่นลงมาจากมุมปากของเขาสองหยด  หยดน้ำนั้นแข็งตัวทันทีเมื่อออกนอกพลังวิญญาณที่ห่อหุ้มตัวอยู่  และกลายเป็นเม็ดน้ำแข็งสองเม็ดหล่นลงกระแทกพื้น


พิษเข้มข้นสูงในหมอกก็เป็นความทรมานมากอย่างหนึ่ง  พลังวิญญาณสามารถใช้ป้องกันความหนาวเย็นได้  แต่ไม่สามารถกรองพิษในอากาศได้  ถ้าหายใจเอาพิษเข้าไป  มันก็จะเข้าสู่ปอดโดยตรงและแล่นไปตามกระแสเลือด  ไม่นานพิษก็จะคร่าชีวิตของคนผู้นั้น


ถ้าจัดการไม่ดี  มันก็จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด


แต่……


อุปสรรคที่อันตรายที่สุดนี้  ในสายตาของจวินอู๋เสียนั้น  เป็นปัญหาที่แก้ได้ง่ายที่สุด  สิ่งที่นางมีอยู่กับตัวมากที่สุดก็คือยาแก้พิษชนิดต่างๆที่อยู่ในลังที่เก็บไว้ในกระเป๋ามิติ  มันมากพอจะให้พวกเขาอยู่ในสถานที่นี้ได้นานเป็นปี


ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ทารุณโหดร้าย  เสี่ยวเจว๋เดินตามทุกคนอย่างเงียบๆ  แม้ว่าเขาจะอายุน้อยที่สุดและยังมีสติไม่ชัดเจนมากนัก  แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขาไม่ต้องการเพิ่มปัญหาให้จวินอู๋เสีย  ทุกคำสั่งที่จวินอู๋เสียสั่งมา  เขาจะปฏิบัติตามมากกว่าคนอื่นเสมอ


แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่แปลก


เสี่ยวเจว๋ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณคลุมร่างเลย  แต่เขาก็สามารถรักษาความอบอุ่นของร่างกายเอาไว้ได้มากพอ  เมื่อจวินอู๋เสียไปจับมือเล็กๆของเขาเป็นครั้งคราว  นางก็พบว่ามือของเขาร้อนเหมือนเป็นเตาเล็กๆเคลื่อนที่ได้


ในกลุ่มนั้น  คนที่ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณเพื่อบรรเทาปัญหาที่ร่างกายต้องเผชิญ  นอกจากจวินอู๋เหยาแล้ว  ก็มีแค่เย่เหม่ยกับเย่ฉาเท่านั้น  และเสี่ยวเจว๋ก็เป็นข้อยกเว้นอีกคน


สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ……


หลังจากจวินอู๋เสียแจกยาเสร็จ  นางก็สังแกตเห็นฉากที่น่าสนใจอย่างมาก


เสี่ยวเจว๋ที่ได้รับยามาจากจวินอู๋เสีย  จะประคองมันเอาไว้ด้วยสองมืออย่างระมัดระวัง  จากนั้นก็จะแกล้งทำเป็นเอาใส่ปาก  แล้วกำมือยัดใส่เข้าไปในเสื้อคลุม  จวินอู๋เสียที่เฝ้าสังเกตเขาอยู่จึงสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรในตอนนั้น


“เอาของที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมา”  จวินอู๋เสียหรี่ตามองเสี่ยวเจว๋ที่เป็นเด็กดีเชื่อฟังมาตลอด


เสี่ยวเจว๋กระพริบตาและทำคอตก  รู้ตัวแล้วว่าถูกจับได้  เขามองจวินอู๋เสียขณะที่ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว


จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้น  เด็กน้อยมีความลับอย่างที่คิดไว้จริงๆ!


“เจ้าทึ่มเฉียว”


“ได้เลย!”  เฉียวฉู่ขานรับทันที  เขาอุ้มเสี่ยวเจว๋ขึ้นจากทางด้านหลัง  เสี่ยวเจว๋อ้าปากพึมพำอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้  เหมือนเขาพยายามจะพูดอะไรแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน


จวินอู๋เสียเดินเข้าไปหาเขา  และเมื่อค้นเสื้อผ้าของเสี่ยวเจว๋แล้ว  นางก็พบยาหนึ่งกำมือ……


ใช่แล้ว


หนึ่งกำมือ……


ตอนที่ 1318  ป่ากร่อนกระดูก (4)


จวินอู๋เสียมองสีหน้าเศร้าโศกอย่างมากมายของเสี่ยวเจว๋  แล้วไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  แต่ไม่นานนางก็ตระหนักว่านางไม่มีเวลามาล้อเด็กน้อยต่อแล้ว


เพราะเมื่อพวกเขาเดินออกจากธารน้ำแข็ง  ภาพที่ปรากฏต่อสายตาพวกเขาก็ทำให้ทุกคนต้องกลั้นหายใจด้วยความตกใจ!


ป่าทึบอันกว้างใหญ่ที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุดโผล่ขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา!


มันเป็นป่าที่ปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งสีขาว  น้ำค้างแข็งปกคลุมใบไม้ทุกใบ  แผ่คลุมไปทั่วทุกสิ่งทุกอย่าง  ลำต้นหนาของต้นไม้ไขว้สลับกันไปมาขวางทางจนแน่นไปหมด


ในป่าน้ำแข็งหนาทึบตรงหน้าพวกเขา  พื้นที่ขนาดใหญ่ถูกทำลายไป  ต้นไม้หนาล้มทับกัน  เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือจากการโจมตีของจวินอู๋เหยาครั้งนั้น  การโจมตีครั้งเดียวนั่นไม่เพียงแต่ทำลายแท่งน้ำแข็งทั้งหมด  แต่ยังลามมาถึงส่วนหนึ่งของป่านี้ด้วย


และใต้ต้นไม้ที่ล้มพวกนั้นก็มีอะไรแปลกๆอยู่  ตรงส่วนที่หักนั้นมียางไม้สีเขียวข้นไหลออกมาอย่างต่อเนื่องกระจายไปทั่วพื้นป่าครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด  ยางไม้ไม่ได้ถูกแช่แข็งจากอุณหภูมิที่เย็นจัด  มันส่งกลิ่นฉุนออกมาเรื่อยๆ


กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นที่จวินอู๋เสียคุ้นเคย  พิษที่ปะปนอยู่ในหมอกหนามีต้นกำเนิดจากที่นี่นี่เอง!


“นี่มันต้นบ้าอะไรเนี่ย……”  เฟยเหยียนพูดเสียงกระซิบขณะมองไปที่ป่าทึบแปลกๆนั่น  ต้นไม้ที่สูงตระหง่านเติบโตขึ้นอย่างแปลกประหลาด  กิ่งของมันบิดๆเบี้ยวๆ  ใบไม้ทุกใบดูหนามาก  ใบไม้ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งภายใต้หมอกนั้นดูเหมือนเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมา  เถาวัลย์นับไม่ถ้วนก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งเช่นกัน  มันไขว้สานกันอยู่บนต้นไม้สูง


ถ้าไม่ใช่สถานที่ที่ไม่ควรมาอยู่  ภาพที่เห็นก็คงดูสวยงามดี  แต่ในหมอกหนาที่ด้านล่างผาสุดสวรรค์เช่นนี้  ต้นไม้สูงที่ปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งสีขาวดูเหมือนกระดูกสีขาวที่บิดงอมากกว่า  มันดูน่ากลัวและน่าสยดสยองมาก


จวินอู๋เสียมองดูต้นไม้ ‘สีขาว’  แล้วทันใดนั้นนางก็คิดอะไรออก


นางไม่เคยเห็นต้นไม้แบบนี้มาก่อน  แต่ในตำราโบราณขาดๆพวกนั้น  นางจำได้ว่ามีคำอธิบายที่คล้ายกับต้นไม้พวกนี้อยู่ด้วย


“ต้นกร่อนกระดูก”  จู่ๆจวินอู๋เสียก็พูดคำสามคำนั้นออกมา


“ต้นกร่อนกระดูก?  มันคืออะไรล่ะนั่น?”  เฉียวฉู่ถาม  เขาอดขนลุกไม่ได้  แค่ชื่อก็ทำให้ขนแขนเขาตั้งชันไปหมดแล้ว


“พืชมีพิษร้ายแรงชนิดหนึ่งที่ใช้เลือดเนื้อเป็นสารอาหารและรดน้ำด้วยยาพิษ”  จวินอู๋เสียพูดพลางหรี่ตา  ในตำราโบราณที่นางซื้อจากเฉียวฉู่  มีพืชสายพันธุ์แปลกๆและหายากมากมายบันทึกเอาไว้  รวมทั้งมีรายละเอียดวิธีการปลูกพืชพวกนั้นด้วย


ตอนแรกที่นางเห็นบันทึกเกี่ยวกับต้นกร่อนกระดูก  นางก็สนใจมันเล็กน้อย  วิธีการปลูกต้นไม้ชนิดนี้ต่างจากต้นไม้อื่นๆ  มันไม่ต้องการดินหรือน้ำหรือแสงอาทิตย์  การเจริญเติบโตของต้นกร่อนกระดูกทุกต้นนั้นนองเลือดมากทีเดียว  จะต้องฝังเมล็ดลงไปในร่างของมนุษย์ที่มีชีวิต  จากนั้นก็ฝังคนลงไปในดินทั้งเป็น  โผล่แค่หัวออกมาเหนือพื้นดิน  เมล็ดที่ถูกฝังอยู่ในร่างของมนุษย์จะดึงเอาเลือดเนื้อของร่างกายมนุษย์คนนั้นมาใช้  และแตกหน่อออกรากอยู่ภายในร่างราวกับเป็นดิน


ในระยะแรกของการเจริญเติบโต  ต้นกร่อนกระดูกจะอยู่ในฐานะพืชกาฝาก  มันจะชอนไชร่างกายของมนุษย์  ดูดเอาสารอาหารจนหยดสุดท้าย  ก่อนจะหยั่งรากลงไปในดิน  พูดได้ว่าต้นกร่อนกระดูกคืออสูรร้ายที่ต้องการชีวิตมนุษย์มาแลกเพื่อให้มันมีชีวิตอยู่  หลังจากที่มันแตกหน่อโผล่ขึ้นมาบนผิวดินเป็นครั้งแรก  จะต้องรดน้ำมันด้วยยาพิษที่ปรุงจากแมลงมีพิษ 5 ชนิดและพืชมีพิษ 12 ชนิด  เพื่อให้ต้นกร่อนกระดูกดูดซับพิษและเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ……


ตอนที่ 1319  ป่ากร่อนกระดูก (5)


ต้นกร่อนกระดูกเติบโตได้ช้ามาก  แต่หลังจากที่มันแตกหน่อขึ้นมาบนพื้นดินครั้งแรกแล้ว  มันก็ไม่ต้องดูดเลือดเนื้อของมนุษย์เพื่อให้มีชีวิตรอดอีกต่อไปแล้ว  แค่รดน้ำมันด้วยยาพิษจนกระทั่งใบของมันงอกออกมา  หลังจากที่มันงอกใบแรกออกมาแล้ว  มันก็จะสามารถผลิตยางไม้พิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนได้เองและพึ่งพาตัวเองได้


ต้นกร่อนกระดูก ตั้งแต่ลำต้น ราก จนถึงปลายใบของมัน ล้วนเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง  ไม่ต้องพูดถึงการกินมันเลย  แม้แต่การสัมผัสกับผิวหนังเพียงเล็กน้อยก็ถูกกัดกร่อนไปจนถึงกระดูกได้แล้ว  นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อต้นกร่อนกระดูก


พวกจวินอู๋เสียไม่รู้ว่าป่าต้นกร่อนกระดูกนี้กว้างใหญ่ขนาดไหน  จำนวนของต้นกร่อนกระดูกที่ปลูกที่นี่มากมายจนไม่สามารถประเมินได้เลย


แท่งน้ำแข็งคือการท้าทายความละเอียดรอบคอบของคน  แต่การผ่านป่ากร่อนกระดูกนี่แหละคือการบอกให้พวกเขาเสี่ยงชีวิตตรงๆเลย!


ต้นกร่อนกระดูกนั่นก็คือที่เก็บพิษขนาดใหญ่อยู่แล้ว  ต่อให้โดนทำลาย  ยางพิษในต้นก็ไม่ได้หายไปไหน  มันจะหกลงบนพื้นและอยู่ตรงนั้นไปอีกนาน


ยางพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงนี้ทำให้ไม่สามารถผ่านไปได้อย่างแน่นอน  เฉียวฉู่ลองทดสอบด้วยการโยนโซ่เหล็กยาวลงไปบนยางพิษสีเขียว  และผลที่ออกมาก็คือ  โซ่หนาสองนิ้วละลายหายไปจนหมดในทันทีที่จมลงในยางไม้


เฉียวฉู่อ้าปากค้างด้วยความตกใจทันทีที่เห็นเช่นนั้น


“โอ้โห  พิษโคตรโหด!”  นั่นไม่ใช่แค่ยางไม้มีพิษแล้ว  มันคือกรดละลายศพต่างหาก!


“แค่กลิ่นที่เกิดจากยางพิษก็พอจะฆ่าคนได้แล้ว  ไม่ต้องให้ไปสัมผัสมันตรงๆหรอก  ถ้ามีคนเหยียบลงไปจริงๆ  คงไม่ทันได้ก้าวขาอีกข้าง  ขาก็ละลายหมดแล้ว”  ฮัวเหยาพูดพลางหรี่ตา  พวกของมู่เชียนฟานแค่เดินอยู่บริเวณรอบนอกที่พิษเบาบางที่สุดช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น  พิษในหมอกก็คร่าเอาชีวิตคนในกลุ่มพวกเขาไปเกือบหมด


เห็นได้ชัดเลยว่าพิษนี้มีศักยภาพมากแค่ไหน


“เราจะสามารถผ่านป่าไปแบบระวังเป็นพิเศษได้รึเปล่า?  ถึงต้นไม้พวกนี้จะหนาแน่น  แต่ก็มีระยะห่างกว้างกว่าแท่งน้ำแข็งอยู่หน่อย  การเดินผ่านพวกมันอาจจะง่ายกว่า  ตราบใดที่เราไม่ได้ทำลายต้นไม้  เจ้าคิดว่ามันพอจะเป็นไปได้ไหม?”  เฟยเหยียนถามเพื่อนๆ


ต้นไม้พวกนี้ขึ้นใกล้ๆกันและหนาแน่นมาก  แต่เนื่องจากต้นไม้มีขนาดใหญ่  กิ่งและใบของมันก็แผ่กว้าง  ช่องว่างระหว่างพวกมันจึงกว้างพอให้คนหนึ่งคนผ่านไปได้  เทียบกับแท่งน้ำแข็งที่มีพื้นที่ให้วางเท้าได้แค่ข้างเดียวแล้ว  สถานการณ์ที่ป่านี้ก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมาก


โชคร้ายที่จวินอู๋เสียส่ายหน้า


“ต้นไม้พวกนี้  ภายนอกอาจดูปกติ  แต่ใบไม้และเถาวัลย์ของมันมีหนามเล็กๆที่จะข่วนให้เกิดแผลได้ง่าย”  ลำต้นของต้นกร่อนกระดูกเติบโตขึ้นในแบบบิดๆงอๆ  ไม่ได้ตั้งตรงขึ้นไป  ลำต้นบิดหมุนสลับไปมากับต้นอื่นๆ  แม้ว่าระยะห่างระหว่างต้นจะดูห่างกันพอสมควร  แต่ถ้าดูให้ดีแล้วล่ะก็  จะเห็นได้ว่าที่ความสูงประมาณหน้าอกคนนั้น  ต้นกร่อนกระดูกทั้งหมดล้วนบิดไปในมุมที่เป็นไปไม่ได้  และกิ่งก้านสาขาของมันก็ดูเหมือนจะปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่เหนือความสูงนั้น


การผ่านไปโดยหลีกเลี่ยงกิ่งเหล่านั้น  จะต้องก้มตัวโดยก้มหลังให้ต่ำมาก  และไม่มีใครรู้ว่าป่านกร่อนกระดูกนี้กว้างใหญ่แค่ไหน  เมื่อเข้าไปแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินหน้าต่อไป


และ……


สถานที่นี้แตกต่างจากธารน้ำแข็งตรงที่มีใบไม้หนาทึบ  ไม่สามารถโยนลูกบอลเพลิงวิญญาณไปไกลๆเพื่อดูว่าพื้นที่ข้างหน้าเป็นอย่างไรได้  สำหรับคนที่ติดอยู่ในป่า  มันจะเป็นทางเลือกที่อันตรายมาก


ตอนที่ 1320  ป่ากร่อนกระดูก (6)


คนในกลุ่มต่างคิดหนัก  จวินอู๋เสียก็พยายามคิดหาทางอย่างเต็มที่


เย่ฉาและเย่เหม่ยยืนอยู่ด้านข้าง  พวกเขาหันไปมองจวินอู๋เหยาอย่างเงียบๆ


เจ้าสิ่งที่เรียกว่าต้นกร่อนกระดูกนี้……


เป็นสิ่งที่นายท่านเจว๋ของพวกเขาใช้กับคนที่คิดร้ายต่อเขา  การมีอยู่ของมันไม่ได้เอาไว้สร้างพิษ  แต่เอาไว้ทำให้พวกคนทรยศได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานจากการโดนเมล็ดพืชกาฝากกินเลือดเนื้อของพวกเขา  และในส่วนที่ต้นกร่อนกระดูกงอกผ่านพื้นดินขึ้นมาหลังจากนั้น  ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ใครบางคนในราชอาณาจักรแห่งความมืดพัฒนาขึ้นมา


พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าพี่น้องของพวกเขาในราชอาณาจักรแห่งความมืดจะเอาเจ้าเครื่องมือทรมานนี้มาที่อาณาจักรล่างเพื่อเป็นปราการป้องกันสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด


กลไกการป้องกันระดับนี้  แม้แต่พวกเขาก็ยังยอมแพ้


ถ้าพวกเขาไม่ได้ติดอยู่ในสถานการณ์นี้เองล่ะก็  พวกเขาก็คงดีใจมากที่เห็นอุปสรรคสุดโหดพวกนี้ทั้งหมดทำหน้าที่ฝังผู้บุกรุกต่ำช้าทุกคนที่โลภมากอยากได้สมบัติใน ‘สุสาน’ ของนายท่านเจว๋ของพวกเขา


แต่……


ตอนนี้เป็นนายท่านเจว๋เองที่นำคุณหนูเข้ามา ‘ขุดสุสานของตัวเอง’!


จวินอู๋เหยายังคงมีรอยยิ้มตามปกติ  เขามองใบหน้าที่กำลังจมอยู่ในความคิดของจวินอู๋เสียด้วยแววตาล้อเลียนจางๆ  ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าโศกสลดของลูกน้องทั้งสองคนของตัวเองเลยสักนิด


“ต้นไม้พวกนี้น่าสนใจทีเดียว”  จวินอู๋เหยาพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ


เย่ฉาและเย่เหม่ยอึ้ง


“นายท่านเจว๋พูดอะไรนะขอรับ?”  เย่เหม่ยคิดว่าหูของเขาคงมีปัญหา  จึงถามนายท่านของตัวเองเสียงเบา


“ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมล่ะก็  ข้าก็คงเอามันกลับไปดูหน่อยแล้ว”  จวินอู๋เหยาพูด  ดูท่าทางจะสนใจมันพอสมควร  ของพิเศษแบบนี้หาดูได้ยาก  ไม่ว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่  ตราบใดที่มันมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใคร  มันมีคุณค่าพอที่จะมีอยู่


เย่เหม่ยเงียบ


[เหมือนว่านายท่านเจว๋ไม่ได้สังเกตว่าต้นกร่อนกระดูกพวกนี้ขยายพันธุ์มาจากเครื่องมือลงโทษที่เขาใช้กับคนที่ต่อต้านเขา!]


[นายท่านเจว๋!]


[ท่านไม่ต้องลำบากเอามันกลับไปหรอกขอรับ!  ที่ราชอาณาจักรแห่งความมืดมีอยู่เยอะแล้ว  ตอนท่านกลับไปที่นั่นก็ไปดูมันได้ตามใจชอบเลยขอรับ!]


จวินอู๋เหยาจำของเล่นพวกนี้ไม่ได้เลยสักนิด  เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าสิ่งที่ทำให้จวินอู๋เสียคิดหนักอยู่นี่เป็นฝีมือของเขาเอง……


เย่ฉากับเย่เหม่ยพยายามยั้งตัวเองเอาไว้อย่างเต็มที่จนแทบกระอักเลือด  แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝืนกลืนเลือดกลับลงไป


พวกเขามาถึงจุดนี้แล้ว  ย่อมไม่มีวันขายนายท่านของพวกเขาแน่


พวกเขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเตือนนายท่านเจว๋ว่าสิ่งนี้เป็นของที่เขานำกลับไปที่ราชอาณาจักรแห่งความมืดด้วยตัวเอง  และพี่น้องในราชอาณาจักรก็พัฒนามันขึ้นไปอีกระดับ  และทำให้คุณหนูลำบากอยู่ในตอนนี้!


[อย่าพูดดีกว่า!]


[พวกเขาจะไม่ยอมพูดเรื่องนี้สักคำเดียว!]


จวินอู๋เสียคิดหาทางแก้ไม่ออกเลย  นางหยิบเอาตำราโบราณออกมาเปิดค้นหาส่วนที่พูดถึงคุณสมบัติพิเศษของต้นกร่อนกระดูก


เฉียวฉู่เห็นตำราโบราณที่จวินอู๋เสียหยิบขึ้นมา  ก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที  เขาเคยเปิดตำราพวกนี้ดูก่อนที่จะขายมัน  และไม่เห็นว่ามีอะไรพิเศษอยู่ในนั้น  แต่พอดูจวินอู๋เสียในตอนนี้  ดูเหมือนว่านางจะให้ความสำคัญกับหนังสือพวกนั้นมาก


จวินอู๋เสียสงบจิตใจลงและอ่านตำรา  คุณสมบัติพิเศษของต้นกร่อนกระดูกที่บันทึกไว้ตรงกับที่นางจำได้  ทุกอย่างที่เขียนอยู่ในตำรา  นางสามารถท่องได้อย่างแม่นยำ


แต่ขณะที่นางพลิกอ่านตำรา  นางก็พบสิ่งอื่นที่พิเศษในตำราอีกเล่ม


การขจัดพิษด้วยพิษ!


ยางพิษจากต้นกร่อนกระดูกมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง  แต่ตัวมันก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน  ถ้าหากมีพิษสองชนิดผสมกัน  ก็เป็นไปได้ว่าพวกมันอาจให้ผลที่เป็นกลาง  และยกเลิกผลกัดกร่อนของมันไป


“ขจัดพิษด้วยพิษ”  จวินอู๋เสียหรี่ตา  แผนการอย่างหนึ่งค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจนาง


ตอนที่ 1321  ป่ากร่อนกระดูก (7)


“หมายความว่ายังไง  ขจัดพิษด้วยพิษ  เจ้าคงไม่ได้คิดจะ……ใช้พิษมาจัดการกับต้นกร่อนกระดูกมากมายที่นี่หรอกนะ……”  เฉียวฉู่พูดขณะมองจวินอู๋เสียอย่างตกใจ  ความคิดนี้คงจะทำได้ยาก  ส่วนที่เป็นปัญหาที่สุดก็คือต้นกร่อนกระดูกมีอยู่เยอะมากและแผ่ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล  ต่อให้จวินอู๋เสียจะมียาพิษอยู่เต็มกระเป๋ามิติ  แต่มันก็ยังไม่พออยู่ดี


“ทำไมจะไม่ล่ะ?”  จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว  นางกำลังคิดกับตัวเองว่านี่เป็นความคิดที่ดีมาก!


แม้ว่านางจะคิดถึงการใช้พลังวิญญาณทำลายเพื่อทำเส้นทางผ่านออกไปและวางเปลือกไม้ของต้นกร่อนกระดูกเอาไว้ใต้เท้าขณะเดินทาง  แต่การทำลายต้นกร่อนกระดูกจำนวนมากจะทำให้ยางพิษจำนวนมหาศาลไหลออกมา  ความเข้มข้นของพิษในหมอกภายในป่ากร่อนกระดูกก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหลายร้อยเท่า  ในสถานการณ์นั้น  แม้ว่าทั้งคณะเดินทางจะกินยาแก้พิษเอาไว้แล้ว  แต่ถ้าต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นเป็นเวลานาน  ก็จะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีกับพวกเขาอย่างแน่นอน


นั่นจึงเป็นตัวเลือกสุดท้าย


ถ้ามีวิธีอื่นให้เลือก  จวินอู๋เสียก็ไม่อยากลองหรอก


เมื่อพูดถึงพิษ  ในบรรดาพิษจากธรรมชาติทั้งหมดที่จวินอู๋เสียพบมา  มีเพียงอย่างเดียวที่สามารถเทียบเคียงกับพิษของต้นกร่อนกระดูกได้


“แต่……มันจะต้องใช้พิษมากขนาดไหนกันล่ะ?”  เฉียวฉู่ถาม


จวินอู๋เสียตอบว่า  “เรื่องปริมาณไม่ใช่ปัญหา”


“หือ?”


จวินอู๋เสียไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมให้เฉียวฉู่ฟัง  นางแค่ก้าวออกไปข้างหน้า  แล้วแสงสีแดงก็ส่องประกายจากนิ้วของนาง!


แสงสีแดงนั้นค่อยๆกระจายออกกลางอากาศจนกินพื้นที่ขนาดใหญ่  แล้วทันใดนั้นมันก็ค่อยๆรวมตัวกัน  ก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์อย่างช้าๆ


ในโลกนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่จวินอู๋เสียรู้ว่าสามารถจัดหาพิษให้ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีหมด  และพิษของมันก็เทียบเคียงได้กับต้นกร่อนกระดูก


ทันใดนั้น  แสงสีแดงก็สลายไป  ร่างสูงปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน  ชายหน้าตาดีอย่างร้ายกาจที่มีรอยยิ้มเหยียดหยามชาวโลกเดินกรีดกรายเข้ามา  เมื่อสายตาของเขามองไปที่จวินอู๋เสีย  เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง  ก้มหัวที่หยิ่งยโสของเขาลงเล็กน้อย


“เจ้านาย  มีคำสั่งอะไรหรือขอรับ?”  น้ำเสียงของเขาเกียจคร้านและห้าวเล็กน้อย  เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ  และมองจวินอู๋เสียด้วยสายตาเคลิ้มลืมตัว  ราวกับเขามีสายตาเอาไว้มองนางเพียงผู้เดียว


จวินอู๋เสียกำลังจะอ้าปากพูด  ร่างหนึ่งก็เข้ามาอยู่ที่ด้านหลังของนาง  และก่อนที่จวินอู๋เสียจะทันได้พูดอะไรออกมา  หมอกสีดำสายหนึ่งก็ถูกยิงเข้าใส่อิงซู่ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น!


อิงซู่ตกใจเล็กน้อย  ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีดำที่หมุนวน  รังสีกดดันรุนแรงทะลักออกมาจากหมอกสีดำที่บีบรัดร่างเขา!


“ถ้าข้าเห็นเจ้ามองนางด้วยสายตาเช่นนั้นอีกครั้งเดียว  ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าความหมายของคำว่าขวัญบินวิญญาณกระเจิงมันคืออะไร”  เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่ารุนแรงดังขึ้น  จวินอู๋เหยาหรี่ตามองอิงซู่ที่ถูกกักขังอยู่ในหมอกสีดำ  เจตนาฆ่าที่อยู่ในแววตาเปิดเผยชัดเจน


ทุกคนพากันตกตะลึง


จวินอู๋เสียรีบพูดขึ้นว่า  “เขาเป็นภูติประจำตัวของข้า”


จวินอู๋เหยาตอบพร้อมกับหัวเราะเย็นชา  “ข้ารู้  ไม่งั้นมันตายไปแล้ว”


[บังอาจมองเสี่ยวเสียเอ๋อร์ของเขาด้วยสายตาเจ้าชู้แบบนั้น  จะคนหรือภูติประจำตัว  มันก็ต้องตาย]


“เอ่อ……”  จวินอู๋เสียพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง  แม้ว่านางจะเข้าใจความรู้สึกของนางที่มีต่อจวินอู๋เหยาแล้ว  แต่สำหรับอารมณ์ ‘หึงหวง’ นี้  มันยังแปลกสำหรับนางอยู่  นางไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆจวินอู๋เหยาถึงมีเจตนาฆ่าฟันรุนแรงถึงขนาดนี้


[นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับอิงซู่ใช่ไหม?]


[แล้วอิงซู่ก็ทำให้เขาโกรธแล้วหรือ?]


ตอนที่ 1322  ป่ากร่อนกระดูก (8)


อิงซู่หน้าซีดเผือด  ภูติประจำตัวเป็นร่างวิญญาณและสามารถหลบอันตรายทางร่างกายได้หลายรูปแบบ  เมื่อเผชิญกับวิกฤต  พวกเขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นร่างวิญญาณเพื่อกลับไปซ่อนตัวในแหวนได้  แต่หมอกสีดำนี้ดูเหมือนจะลบล้างความสามารถพวกนั้นไปหมดและกักขังวิญญาณของเขาเอาไว้ในหมอกได้  ทำให้เขาไม่มีโอกาสหนีออกมาได้เลย


ความรู้สึกที่ถูกทรมานทั้งวิญญาณทำให้อิงซู่เจ็บปวดอย่างที่สุด


เขามองจวินอู๋เหยาที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสีย  ชายที่ทั่วร่างเปล่งรังสีอันตรายทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว


“เข้าใจแล้ว……มันจะไม่……เกิดขึ้นอีก……”  อิงซู่มั่นใจว่าชายคนนั้นไม่ได้ล้อเล่น  ถ้าเขาแสดงท่าทางต่อต้านแม้เพียงเล็กน้อยล่ะก็  ชายคนนั้นคงไม่ลังเลที่จะทำลายเขาให้สิ้นซากอย่างแน่นอน!!


จวินอู๋เหยาส่งเสียงฮึอย่างดูถูกเหยียดหยาม  เขาโบกมือครั้งหนึ่ง  หมอกสีดำก็สลายไป


อิงซู่ล้มลงคุกเข่าหมดสภาพ


ครั้งนี้สายตาของเขาหนักแน่นมั่นคง  ไม่กล้าล้อเล่นหรือโปรยเสน่ห์อีกเลย


ความจริงก็ไม่อาจตำหนิอิงซู่ได้หรอก  ธรรมชาติของฝิ่นคือสิ่งที่ทำให้คนหลงมัวเมาเสพติดอยู่แล้ว  ออร่าที่ปล่อยออกมาจากร่างเขาก็เป็นแค่ธรรมชาติที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้น  แต่เมื่อเจอกับพลังกดดันที่แข็งแกร่ง  ต่อให้เป็นธรรมชาติโดยกำเนิดของเขา  เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยับยั้งตัวเองเอาไว้


เขาไม่อยากตายอย่างน่าอนาถ


จวินอู๋เหยาลงมือโจมตีอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า  และตลอดเวลาพวกเฉียวฉู่ก็มัวแต่ยืนตะลึง  ผ่านไปพักใหญ่ถึงจะได้สติกัน


จวินอู๋เหยาสังเกตปฏิกิริยาของอิงซู่อย่างพอใจ  เจตนาฆ่าจึงค่อยๆจางหายไปจากแววตาของเขา  เขาก้มหัวมองสีหน้าแปลกใจของจวินอู๋เสีย  แล้วรอยยิ้มที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขาราวกับเมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย


“ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับเจ้าที่ได้ภูติประจำตัวมาอีกตนเลย”


จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาที่ยิ้มเต็มใบหน้า  แล้วรู้สึกว่าวิธี ‘แสดงความยินดี’ ของเขาช่าง ‘งดงามไม่ธรรมดา’


“แต่ในบรรดาภูติก็มีพวกที่ไม่ดีอยู่เยอะ  พวกภูติไม่ดีพวกนั้น  ไม่มีซะยังจะดีกว่า  ไปหาภูติตนอื่นเอาวันหน้าก็ได้”  จวินอู๋เหยาพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนมาก  น้ำเสียงก็ละมุนน่าฟัง  แต่คำพวกนั้นเมื่ออิงซู่ได้ยินเข้า  เขาก็เย็นวาบไปทั้งหลัง


[คำพวกนั้นจงใจพูดให้เขาฟังใช่ไหม?]


อิงซู่ที่ไม่ได้เจอหน้าเจ้านายคนใหม่ของเขามานาน  ได้แต่ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาอยู่ในใจ  ดูเหมือนว่าที่ข้างกายของเจ้านายใหม่ของเขา  จะมีคนที่ไม่ธรรมดามากๆอยู่


จวินอู๋เสียถอนใจแล้วพูดว่า  “หยุดเล่นได้แล้ว  จัดการเรื่องให้เสร็จก่อน”


ใช่แล้ว……


ในสายตาของจวินอู๋เสีย  การกระทำของจวินอู๋เหยาก็เหมือนเด็กอาละวาดเอาแต่ใจ  นางไม่ได้คิดไปถึงว่าจวินอู๋เหยากำลังหึงหรืออะไรเลย


จวินอู๋เหยายักไหล่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเต็มใจจะร่วมมือ


เมื่อมีจวินอู๋เหยาตั้งป้อมอยู่  อิงซู่ก็ไม่กล้าเล่นอะไรอีก  ได้แต่ทำหน้าจงรักภักดีและคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสีย


จวินอู๋เสียเรียกอิงซู่มาก็เพราะต้องการยืมพิษของอิงซู่จัดการกับพิษของต้นกร่อนกระดูก  เพื่อให้พิษร้ายแรงสองชนิดต่อต้านกันและกำจัดพิษส่วนใหญ่ของกันและกัน  ด้วยวิธีนั้น  ทุกคนก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในป่ากร่อนกระดูก


“ถ้าไม่ได้ต้านพิษของต้นกร่อนกระดูกในพื้นที่ใหญ่มาก  ข้าก็น่าจะทำได้”  อิงซู่พูดด้วยความจริงจังที่หาได้ยาก


การใช้พิษของอิงซู่เพื่อเดินทางผ่านป่ากร่อนกระดูกไม่ใช่งานที่ซับซ้อน  พวกเขาแค่ต้องให้อิงซู่ปล่อยกลิ่นของเขาให้แพร่กระจายออกไป  แม้ว่าจะมีใครถูกต้นกร่อนกระดูกข่วนเอา  ผลกัดกร่อนก็ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที  พิษที่อยู่บนบาดแผลก็จะปะทะกับพิษของอิงซู่  ซึ่งจะช่วยกำจัดพิษส่วนมากไป  มันก็จะไม่อันตรายถึงตายอีก


ตอนที่ 1323  ป่ากร่อนกระดูก (9)


อิงซู่เป็นร่างวิญญาณ  เรื่องของพิษนั้น  ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่พอ


“ทุกคน  กินนี่กันก่อน”  อิงซู่พูด  ในมือมีเมล็ดสีดำอยู่หลายเมล็ด  พวกมันมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดงา


“นี่คือ?”  เฉียวฉู่หยิบขึ้นมาหนึ่งเมล็ดและยกขึ้นมาดูตรงหน้า  มันเล็กมากขนาดที่เป่าทีเดียวก็ปลิวหายไปแล้ว


มุมปากของอิงซู่ยกขึ้นเล็กน้อย  แต่พอนึกได้เขาก็รีบระงับท่าทางขี้เล่นและทำหน้าจริงจังทันที  “กลิ่นของฝิ่นทำให้คนที่สูดดมเข้าไปสูญสิ้นเรี่ยวแรง  และเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะเห็นภาพหลอน  ข้าว่าทุกท่านคงไม่อยากมีประสบการณ์นั้นหรอก”


เพื่อตอบโต้ผลกระทบของฝิ่น  ก็มีเพียงของจากฝิ่นเองเท่านั้นที่ได้ผล  แต่มันต่างจากเมล็ดของบัวหิมะ  เนื่องจากผลของเมล็ดของเขาอยู่ได้แค่ไม่กี่วันแล้วมันก็จะหมดฤทธิ์ไป


เมล็ดฝิ่นไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษอะไร  นอกจากต้านทานพิษของฝิ่นได้อย่างเดียวเท่านั้น


“ภาพหลอน?  ภาพหลอนแบบไหน?”  เฉียวฉู่ถามอย่างสงสัย  พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอิงซู่ภูติประจำตัวตนใหม่นี้มากนัก  และนอกจากนั้น……ดูท่าทางแล้วไม่ใช่คนที่ควรไปหาเรื่องด้วย


อิงซู่หรี่ตาเล็กน้อย  เขาเกือบยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาแล้ว  แต่เนื่องจากมีราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ยืนจ้องอยู่  เขาจึงตัดสินใจว่าไม่ควรจะดีกว่า  จึงแค่ตอบกลับว่า  “ถ้าอยากรู้จริงๆ  วันหน้าข้าจะให้เจ้าลอง”


เฉียวฉู่ส่ายหน้าอย่างแรงทันที  เขาไม่อยากกลายเป็นหนูทดลอง


อิงซู่ยักไหล่  ทุกคนกินเมล็ดที่อิงซู่ให้  ครั้งนี้เมื่อมีจวินอู๋เสียเฝ้าดูอยู่  เสี่ยวเจว๋จึงไม่มีทางเลือกนอกจากกินเมล็ดเล็กจิ๋วนั่นเข้าไป  เขามองจวินอู๋เสียด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ  ใบหน้าดูทุกข์ระทมมาก


การใช้วิธีพิษขจัดพิษนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน  ที่อิงซู่ต้องทำก็แค่ควบคุมกลิ่นของเขาให้คลุมทุกคนเอาไว้  สร้างพื้นที่ขึ้นรอบตัวจวินอู๋เสียและเพื่อนๆให้เต็มไปด้วยกลิ่นที่เขาปล่อยออกมา  เนื่องจากเขาเป็นร่างวิญญาณ  จึงไม่ต้องกลัวว่าตัวเขาเองจะโดนพิษจากต้นกร่อนกระดูก  กังวลแค่คนในกลุ่มก็พอ  ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอิงซู่ในการควบคุมกลิ่นให้คงอยู่ในพื้นที่เล็กๆเช่นนั้น


หลังจากเตรียมการเสร็จสมบูรณ์  พวกจวินอู๋เสียก็ออกเดินทางเข้าไปในป่ากร่อนกระดูก  ในป่าทึบเต็มไปด้วยต้นกร่อนกระดูกที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆกัน  หากเผลอเรอแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะไปโดนเข้ากับกิ่งก้านที่โค้งงอและเถาวัลย์ที่สานไปมารอบตัวได้  ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดที่ทำขึ้นเป็นพิเศษจากผ้าหนา  พวกเขาอาจจะไม่ต้องกลัวมากนัก  แต่ส่วนผิวหนังที่ถูกเปิดเผยก็ยังมีแนวโน้มสูงว่าจะโดนเถาวัลย์ขีดข่วนเอาได้


อย่างที่จวินอู๋เสียได้กล่าวไว้แล้ว  เถาวัลย์สีขาวพวกนั้นที่เหมือนถูกเคลือบด้วยน้ำค้างแข็ง  จริงๆแล้วเต็มไปด้วยหนามเล็กๆ  ถูกข่วนเพียงเล็กน้อยก็เป็นแผลได้แล้ว


บาดแผลอาจจะตื้นมากและแทบจะสังเกตไม่เห็นในตอนแรก  และอาจมีเลือดซึมแค่นิดหน่อยเท่านั้น


แต่บาดแผลเล็กๆนั่นแหละที่ทำให้พวกเฉียวฉู่โอดครวญกันไม่หยุด


แม้ว่าจะเล็ก  แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่เล็กเลย  ทุกรอยข่วนที่โดน  จะรู้สึกเหมือนแผลโดนไฟไหม้


และนี่คือผลกระทบหลังจากพิษของอิงซู่ออกฤทธิ์กับพวกเขาแล้ว  ถ้าไม่มีพิษของอิงซู่มาต้านพิษ  ถูกต้นกร่อนกระดูกข่วนเข้าแบบนี้จะไม่ใช่แค่เจ็บปวดแค่นี้แน่


ป่ากร่อนกระดูกเต็มไปด้วยต้นกร่อนกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน  แผ่คลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์เอาไว้  มีหมอกหนาทึบอยู่ในป่า  ต้นไม้ทุกต้นล้วนดูเหมือนกันไปหมด  จวินอู๋เสียจึงต้องคอยจับตาดูจานแห่งโชคชะตาเพื่อชี้ให้พวกเขาไปในทิศทางที่ถูกต้อง  ไม่งั้นพวกเขาก็จะหลงทางในเขาวงกตป่ากร่อนกระดูกอย่างง่ายดาย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม