Genius Doctor Black Belly Miss 1310-1316
ตอนที่ 1310 เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (4)
ภายในแท่งน้ำแข็งสีฟ้า มีรอยเลือดสีแดงให้เห็น
รอยเลือดเหล่านั้นถูกทิ้งไว้โดยนักสำรวจทั้งหลาย ที่ใกล้ๆกับตีนเสาน้ำแข็งที่มีสีแดงเจือปนอยู่ทุกต้นจะเห็นกองกระดูกสีขาวถูกตรึงอยู่ใต้น้ำแข็ง ฉากแปลกๆพวกนั้นเป็นเหมือนดอกไม้สีแดงที่บานอยู่ใต้ชั้นน้ำแข็ง เสาน้ำแข็งสีแดงดูเหมือนเกสรดอกไม้ เป็นเกสรดอกไม้ที่ดูน่ากลัว
แท่งน้ำแข็งขึ้นหนาแน่น ช่องว่างระหว่างแท่งน้ำแข็งวางเท้าได้แค่ข้างเดียว แท่งน้ำแข็งพวกนั้นแหลมคมเหมือนใบมีด พลาดเล็กน้อยก็เฉือนเข้าเนื้อได้ทันที
เมื่อเทียบกับสถานที่ที่จวินอู๋เสียและเพื่อนๆของนางผ่านมาแล้วนั้น สถานที่นี้สวยงามเยือกเย็น แต่เป็นความสวยที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“มีบางอย่างผิดปกติ” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับหรี่ตา
“อะไรผิดปกติ? จากที่ข้าเห็น ที่นี่ก็ไม่ได้ผ่านยากอะไรนี่ นอกจากแท่งน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนนั่น เราต้องเดินระวังๆกันหน่อยก็แค่นั้น” เฉียวฉู่พูดพลางเกาหัว
จวินอู๋เสียส่ายหัวขณะที่จ้องไปยังกองกระดูกด้านล่างน้ำแข็งสีแดง
ข้างใต้แท่งน้ำแข็งสีแดงเกือบทุกอันจะมีกองกระดูกอยู่ด้านล่าง ส่วนอันที่ไม่มีกระดูก ก็จะมีกระดูกอีกชุดอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว ระยะทางสั้นๆระหว่างสิ่งเหล่านี้ทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกว่าสถานที่นี้มีบางอย่างผิดปกติ
อย่างที่เฉียวฉู่พูด แท่งน้ำแข็งไม่ใช่อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น ถึงจะมีรอยขีดข่วน ก็แค่บาดแผลตื้นๆ แท่งน้ำแข็งทั้งหมดตรงหน้าพวกเขาเมื่อเทียบกับพื้นที่ที่พวกเขาผ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว ดูเหมือนจะผ่านง่ายกว่ามาก ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับผู้บุกรุกมากนัก
จวินอู๋เสียไม่เชื่อว่าคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดจะวางแท่งน้ำแข็งที่ไร้ความหมายไว้ที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์
“แท่งน้ำแข็งพวกนี้มีบางอย่างผิดปกติ” จวินอู๋เสียก้าวไปข้างหน้าและดึงเข็มเงินออกมาเพื่อเจาะเข้าไปในแท่งน้ำแข็งที่อยู่ใกล้นางมากที่สุด
เข็มเงินถูกดันเข้าไปในน้ำแข็ง ส่วนของเข็มที่อยู่ข้างในเปลี่ยนเป็นสีดำเข้มทันที!
จวินอู๋เสียหรี่ตาและพูดเสียงเย็นว่า “มีพิษอยู่ในน้ำแข็ง”
“พะ……พิษเหรอ?” เฉียวฉู่เบิกตากว้าง ไม่น่าเชื่อว่าในน้ำแข็งใสราวกับคริสตัลนั้นจะซ่อนพิษร้ายแรงเอาไว้
จวินอู๋เสียมองไปที่ทะเลแท่งน้ำแข็งและพูดด้วยเสียงเย็นเยียบว่า “หมอกรอบๆตัวเรามีพิษอยู่จำนวนมากและในหมอกก็มีความชื้นสูง มันครอบคลุมแท่งน้ำแข็งพวกนี้ซึ่งก่อตัวเป็นรูปร่างและแข็งตัวไปเรื่อยๆ พิษในหมอกจะรวมตัวกับชั้นน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้น ใครก็ตามที่โดนแท่งน้ำแข็งพวกนี้บาดจะโดนพิษ และผลคือตายทันที”
แท่งน้ำแข็งดูไม่เป็นอันตรายอะไรนัก คนจึงไม่ค่อยระวังมองข้ามพวกมันไปง่ายๆ โดยเฉพาะคนพวกนี้ทุกข์ทรมานจากความเหนื่อยล้าและความกังวลมาเป็นเวลานาน หลายคนจึงลดความระวังลง สำหรับคนที่มาจนถึงที่นี่นั้น ส่วนใหญ่จะรู้สึกไม่ปลอดภัยมาเป็นเวลานานแล้วและเครียดมาก ดังนั้นพวกเขาจะไม่คิดเยอะว่ามีอันตรายซ่อนอยู่ในแท่งน้ำแข็งพวกนี้ และก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญ
เมื่อผ่านแท่งน้ำแข็งที่อัดแน่นอยู่ใกล้ๆกัน ก็จะโดนบาดเอาได้ง่ายๆ แท่งน้ำแข็งพวกนี้แหลมคมมากขนาดที่ต่อให้ใส่เกราะกันมาเต็มที่ ก็ยังเฉือนผ่านเกราะบาดเข้าเนื้อได้อย่างง่ายดาย
แค่โดนเข้ากับเลือดสักเล็กน้อยเท่านั้น พิษที่ซ่อนอยู่บนแท่งน้ำแข็งก็จะคร่าชีวิตคนผู้นั้นไป
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้เฉียวฉู่อ้าปากค้างด้วยความสยองขวัญ เขาก็เหมือนกับคนที่นอนอยู่ในน้ำแข็งพวกนั้น ไม่เคยคิดเลยว่าความตายจะซ่อนไว้อย่างละเอียดขนาดนี้
“มีทางอื่นให้ไปไหม? แท่งน้ำแข็งรวมตัวกันหนาแน่นขนาดนี้ ยากจะแน่ใจได้ว่าเราจะไม่โดนมันบาดเอา” ฮัวเหยาพูดพลางขมวดคิ้ว ลูกบอลเพลิงวิญญาณที่จวินอู๋เสียขว้างนั้นกลิ้งไปค่อนข้างไกล มันถูกหมอกที่หมุนวนปกคลุม แสงรอบตัวพวกเขาจึงค่อนข้างสลัว
ตอนที่ 1311 เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (5)
ตรงที่ลูกบอลเพลิงวิญญาณหายไป ก็ยังเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งที่เกาะกลุ่มกันหนาแน่น สถานที่นี้ใหญ่ขนาดไหนไม่มีใครรู้ ถ้าพวกเขาสามารถผ่านบริเวณนั้นไปได้ในระยะเวลาอันสั้น มันก็คงไม่แย่ขนาดนั้น แต่ถ้าพื้นที่ใหญ่เกินไป พวกเขาก็ต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ
ช่องว่างระหว่างแท่งน้ำแข็งนั้นเล็กมาก พวกเขาต้องระวังกันทุกฝีก้าว ทำให้ความเร็วในการเดินทางของพวกเขาลดลงไปอย่างมาก
เมื่อระยะเวลาถูกลากยาวออกไป ความกังวลและความเครียดจะทำให้เหนื่อยล้า และถ้าพวกเขาเสียสมาธิไปแม้แต่นิดเดียว พวกเขาก็อาจตกเป็นเหยื่อแท่งน้ำแข็งพวกนั้น
และจวินอู๋เสียก็ได้พูดไปแล้ว พิษจะออกฤทธิ์เร็วมาก แม้จะมีจวินอู๋เสียอยู่ด้วย แต่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายแบบนี้ มันก็ยากที่นางจะแก้พิษได้ในเวลาสั้นๆ
ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็เป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงมาก
แต่จวินอู๋เสียก็ส่ายหน้า
“บนแผนที่บริเวณนี้วาดเส้นสีขาวสองเส้นยาวไปตลอด น่าจะหมายความว่ามันครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ไม่มีทางอื่นให้ไป”
ทุกคนเงียบกริบกันหมด
จวินอู๋เหยายืนมองจวินอู๋เสียอยู่ข้างๆขณะที่นางกำลังใช้ความคิด แล้วเขาก็ยิ้มมุมปาก
[เขาควรทำอะไรไหม? หรือจะรอต่อไปอีกหน่อย?]
[เด็กน้อยของเขาจะคิดหาวิธีเอาชนะอุปสรรคนี้ได้ไหม?]
ในขณะที่เงียบกันอยู่นั้นเอง จู่ๆจวินอู๋เสียก็ปล่อยพลังวิญญาณสีฟ้าออกมาจากร่าง!
แล้วในทันทีนั้น!
นางก็ผลักฝ่ามือไปในทิศทางของแท่งน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ตรงหน้า!
พลังวิญญาณสีฟ้าของนางแปรสภาพเป็นคลื่นพลังรูปพระจันทร์ครึ่งดวงที่แหลมคมราวกับเคียวพุ่งตรงไปยังแท่งน้ำแข็ง!
เกิดเสียงดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั่ว!
แท่งน้ำแข็งใสกลายเป็นน้ำแข็งบดด้วยพลังวิญญาณของนาง พวกมันตกลงมากระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ขนาดใหญ่ แสงสะท้อนจากลูกบอลเพลิงวิญญาณส่องประกายระยิบระยับราวกับมีดวงดาวนับล้านร่วงหล่นลงมาบนน้ำแข็ง
พื้นที่ที่ถูกจวินอู๋เสียทำลายกลายเป็นพื้นที่ราบเรียบ แท่งน้ำแข็งแหลมคมหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีแต่น้ำแข็งบดที่ปกคลุมพื้นเท่านั้น
“เดินได้แล้ว” หลังจากทดสอบความแข็งของแท่งน้ำแข็ง จวินอู๋เสียก็หันกลับมามองเพื่อนๆของนางที่อยู่ด้านหลัง
เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าตกตะลึง
[เรียบง่ายและโหดโคตร……ทำไมเขาคิดไม่ได้ล่ะเนี่ย?!]
จวินอู๋เสียไม่ได้คิดว่ามันยากอะไร และไม่รู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่ฉลาดขนาดนั้น ดังนั้น……ทำไมพวกเฉียวฉู่ถึงได้ทำสีหน้าเหมือนนางเพิ่งทำเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างมากกันล่ะ?
[ก็แค่หักแท่งน้ำแข็งไม่ใช่หรือ? ต้องแปลกใจกันขนาดนั้นเลยหรือ?]
สิ่งที่จวินอู๋เสียทำนั้นเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ พวกเขาต้องการแค่ทำลายแท่งน้ำแข็งพวกนั้นให้ราบ และเปิดทางให้พวกเขาไปต่อได้ วิธีนี้ไม่เพียงทำให้พวกเขาไม่ต้องกลัวว่าจะโดนแท่งน้ำแข็งบาดแล้ว มันยังเพิ่มความเร็วของการเดินทางได้อย่างมาก
นั่นเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง ภายใต้สถานการณ์ปกติ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นๆจะคิดได้บ้าง แต่หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ทรมานและตึงเครียดที่ด้านล่างของผาสุดสววรค์กันมานาน จิตใจของผู้คนก็จะไม่อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด พวกเขาจะกลัวว่าการทำลายอะไรก็ตามที่นี่จะนำพาหายนะมาให้
ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่นี้ได้รับการออกแบบโดยคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืด ชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของราชอาณาจักรแห่งความมืด จะทำให้ผู้คนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก
ความคิดแบบนั้นจะจำกัดความคิดจิตใจของคนจำนวนมาก
ความกลัวและความระแวงสงสัยจะกักขังความคิดจิตใจของพวกเขาเอาไว้ในอุโมงค์แคบๆ
แต่วินอู๋เสียเป็นคนที่ไม่ยอมให้อารมณ์และความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์ อย่างความกลัวและความระแวงสงสัย มามีผลกระทบกับความคิดจิตใจของนาง
ตอนที่ 1312 เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (6)
“แค่ก……เสี่ยวเสีย เจ้านี่มัน……ฉลาดจริงๆ!” เฉียวฉู่พูดพลางยกนิ้วโป้งให้จวินอู๋เสีย แม้จะมีชื่อเสียงของราชอาณาจักรแห่งความมืดค้ำหัวอยู่ แต่นางก็ยังลงมือได้รวดเร็วโดยไม่ต้องคิดเยอะ ความกล้าหาญนี้เขาชื่นชมจากใจจริงๆ
ใครบ้างไม่รู้ว่าคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดนั้นน่ากลัวที่สุด? ใครจะกล้าเชื่อว่าไม่มีอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าซ่อนอยู่ใต้น้ำแข็ง? ถ้าเป็นพวกเขา พวกเขาก็คงไม่กล้าทำลายโดยไม่ลังเลแบบนี้ ถ้าเกิดมีอะไรโผล่ออกมาล่ะ!?
วิธีการที่ตรงที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดของจวินอู๋เสีย ทำให้เฉียวฉู่กับคนอื่นๆรู้สึกว่า……พวกเขาคิดเยอะเกินไปจริงๆ!
จวินอู๋เหยามองใบหน้าเล็กๆที่งดงามของจวินอู๋เสียแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ บางครั้งคนเราก็ตาบอดไม่ใช่แค่เพราะสถานการณ์ตรงหน้า แต่เพราะความกลัวและความวิตกกังวลในใจของตัวเอง แต่อารมณ์เชิงลบทั้งหมดนี้แทบจะไม่เห็นว่ามีผลกระทบต่อจวินอู๋เสียเลย
อย่างน้อยจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นจวินอู๋เสียแสดงข้อไม่ดีพวกนี้ออกมา
“ไม่รู้ว่าไอ้ที่ที่เต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งนี่มันใหญ่ขนาดไหน ข้าว่าเราผลัดกันทำลายน้ำแข็งดีกว่า คนอื่นๆจะได้ใช้โอกาสฟื้นพลังไปด้วย แบบนี้จะได้ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณมากเกินไป” หรงรั่วแนะนำขณะมองไปทางแท่งน้ำแข็งที่เกาะกลุ่มกันหนาแน่น
ถ้าพวกเขาให้คนคนเดียวทำลายน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในแต่ละครั้งจะไม่ได้ใช้พลังวิญญาณมากนัก แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่รู้ว่าแท่งน้ำแข็งจะยื่นยาวไปไกลแค่ไหน การสูญเสียพลังวิญญาณมากเกินไปอาจจะเป็นอันตรายได้ จะเป็นการดีกว่าถ้าพวกเขาผลัดกันทำลายน้ำแข็ง จะได้แน่ใจว่าไม่มีใครต้องเสียพลังวิญญาณมากเกินไป พวกเขาจะได้มีเวลาฟื้นพลังของตัวเองและยังรับประกันเรื่องความเร็วในการเดินทางได้ด้วย
จวินอู๋เสียพยักหน้า นางก็ตั้งใจแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อครู่แค่ทดสอบทฤษฎีของตัวเองโดยใช้พลังวิญญาณไปเพียงเล็กน้อย ถ้านางใช้พลังเต็มที่ ผลที่ออกมาไม่ใช่แค่นิดเดียวแบบนี้แน่
ไม่นานทั้งกลุ่มก็ออกเดินทาง พวกเขาเหยียบลงไปบนน้ำแข็งที่จวินอู๋เสียทำลายไว้ เฉียวฉู่ก้าวขึ้นมารับหน้าที่โจมตีครั้งแรก!
เขารวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างแล้วยกระดับพลังขั้นสีฟ้าให้เป็นพลังขั้นสีม่วงในทันที จากนั้นก็ยิงพลังวิญญาณสีม่วงเข้าใส่แท่งน้ำแข็งตรงหน้า!
‘ตูม!’
เสียงระเบิดดังกึกก้องเข้าไปในหูของพวกเขา แล้วพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า แท่งน้ำแข็งนับไม่ถ้วนแตกกระจายจากแรงระเบิดนั้น ทำให้เกิดพื้นที่ว่างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร
โจมตีเสร็จ เฉียวฉู่ก็เก็บพลังวิญญาณเข้าไปในร่างทันที และหันกลับมามองพรรคพวกด้วยรอยยิ้มอวด พร้อมกับปัดผมไปข้างหลังแบบพยายามจะให้ดูเท่ ทำสีหน้า ‘ข้าคือที่หนึ่งในปฐพี’
แต่เขาไม่ได้รับคำชมจากใครเลย ไม่มีแม้แต่สายตาชื่นชม
“เจ้าโง่” เฟยเหยียนพูดพลางมองไปที่เฉียวฉู่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“อะไร? อิจฉาเหรอ?” เฉียวฉู่พูดพร้อมกับจ้องมองเฟยเหยียน เขาคิดว่าเขาโจมตีได้ร้ายกาจสุดๆแล้ว!
“เจ้าโง่รึเปล่า!? เราไม่ได้มายืนอยู่ที่นี่เพื่อดูเจ้าตัดน้ำแข็ง! ปล่อยพลังวิญญาณออกมามากขนาดนั้น แล้วยังดันขึ้นไปเป็นพลังขั้นสีม่วงอีก! เจ้ามีพลังวิญญาณเหลือเฟือนักรึไง?” เฟยเหยียนด่าพลางกลอกตาใส่เฉียวฉู่ พวกเขาบอกแล้วว่าจะเคลียร์ทางให้เดินผ่านไปได้ ความกว้างประมาณ 3 เมตรก็เพียงพอแล้ว แต่เจ้าโง่เฉียวฉู่ก็ระเบิดหลุมซะกว้าง 10 เมตรซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย มันใหญ่จริงไม่ต้องสงสัยเลย แต่ระยะทางที่จะพาพวกเขาไปข้างหน้าได้ก็แค่ 10 เมตรเท่านั้น……
เมื่อครู่จวินอู๋เสียปล่อยพลังออกมาแค่นิดหน่อยแบบไม่ใส่ใจ ก็เคลียร์เส้นทางไปได้ 3 เมตรแล้ว
การกระทำที่ออกแรงมากเกินแต่ไร้ประสิทธิภาพของเฉียวฉู่ ในสายตาของทุกคนแล้ว มันก็คือ……ความโง่แบบสุดๆ!!
ตอนที่ 1313 เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (7)
เฉียวฉู่โดนพรรคพวกดูถูก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเศร้าซึมทันที เขาทำคอตกและไปซ่อนอยู่ข้างหลังฮัวเหยาพลางบ่นพึมพำ
[เขาเข้าใจเหตุผลอยู่แล้วล่ะน่า……แต่ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพราะอยากดูเท่ต่อหน้าคนอื่น!]
[ชิ! เจ้าพวกใจร้าย……ไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย!]
หลังจากเฉียวฉู่พยายามจะทำเท่แต่จบด้วยการโดนดูถูกแล้ว พรรคพวกคนที่เหลือที่ผลัดกันออกมา พวกเขาควบคุมพลังวิญญาณที่รวบรวมเอาไว้ในมือและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความกว้างในการโจมตีเอาไว้ที่ 3 เมตร
พวกฮัวเหยาทุกคนสามารถระเบิดทางไปข้างหน้าได้ประมาณ 20 เมตร เมื่อเปรียบเทียบด้านประสิทธิภาพกันแล้ว ความภูมิใจของเฉียวฉู่ก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
สิ่งที่ทำให้เขาอับอายไปกว่านั้นก็คือ……ไม่มีใครยกระดับพลังไปที่ขั้นพลังสีม่วงเลยสักคน พวกเขาใช้แค่พลังวิญญาณขั้นสีฟ้าเท่านั้น!
พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสูบพลังวิญญาณของพวกเขาเร็วเกินไป และในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีใครโง่พอจะใช้พลังวิญญาณอย่างสิ้นเปลืองในสถานที่อันตรายเช่นนี้
นอกจาก……
เจ้าโง่เฉียวฉู่
หลังจากดึงพลังวิญญาณกลับคืนแล้ว ฟ่านจั๋วก็ถอยกลับไปด้านหลังและเดินทางต่อพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ พวกเขาเปิดเส้นทางไปได้เกิน 100 เมตรแล้วและเจอลูกบอลเพลิงวิญญาณที่จวินอู๋เสียเขวี้ยงออกมาแล้ว แต่พวกเขายังไม่เห็นสัญญาณใดๆว่าจะถึงปลายทางเลย พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปต่อ
เย่ฉาเป็นคนต่อจากฟ่านจั๋ว ด้วยการโจมตีครั้งเดียว เสียงน้ำแข็งแตกก็ดังต่อเนื่องเป็นชุดยาวเหยียด แท่งน้ำแข็งตั้งแต่ตรงหน้าพวกเขาไปจนถึงสุดสายตาที่ซ่อนอยู่ในหมอกถูกระเบิดหายไป เสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่พักหนึ่งถึงได้หยุดลง
เฉียวฉู่ตาโตเป็นไข่ห่าน จ้องมองเย่ฉาที่ทำหน้าเคร่งขรึมอย่างตกตะลึง
พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าเย่ฉาแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมด แต่แข็งแกร่งมากขนาดไหนนั้น พวกเขาไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจน แต่ตอนนี้ เมื่อได้เห็นการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเย่ฉา มันก็เปิดเผยให้พวกเขาเห็นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพลังของพวกเขาและเย่ฉา……
แรงกระแทกของพลังวิญญาณ ยิ่งไกลออกไปก็ยิ่งอ่อนแรงลง ระยะทางแต่ละเมตรที่เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งอ่อนกำลังลงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นพวกของเฉียวฉู่ถึงได้ระยะทางเกือบเท่ากันหมด เนื่องจากพลังของพวกเขาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
แต่การโจมตีจากเย่ฉานั้น ทิ้งห่างพวกเขาไปไกลมาก!
พวกเฉียวฉู่แทบจะทนรอออกเดินทางไม่ไหว พวกเขาอยากวัดระยะทางว่าเย่ฉาจะระเบิดทางไปได้ไกลแค่ไหน
ขณะเดินพวกเขาก็นับไปด้วย พวกผู้เยาว์เกือบเป็นลมจากความตกใจ
[500 เมตร……]
หลังจากได้ผลสรุปแล้ว เฉียวฉู่ก็อยากหนีหน้าไปให้ไกล
พอนึกย้อนกลับไปถึงหลุมใหญ่ที่เขาทำเอาไว้แล้ว และมองดูสิ่งที่พี่เย่ฉาทำได้……
เขารู้สึกอับอายอย่างที่สุด!!
นั่นยังเปิดเผยให้พวกเขาเห็นด้วยว่าพลังของเย่ฉานั้นแท้จริงแล้วน่ากลัวเพียงใด แต่พวกเขาไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเย่ฉา ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง ทำให้พลังของเย่ฉาถูกควบคุมเอาไว้ เขาไม่สามารถเรียกพลังทั้งหมดของเขามาได้
ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่แพ้ผู้อาวุโสฮุยหรอก
เย่ฉานิ่งเฉยมาตลอด ไม่ได้แสดงท่าทางพออกพอใจในตัวเองเลยแม้แต่น้อย หลังจากเขาก็ถึงตาเย่เหม่ย และผลที่ได้ก็คือการทำลายล้างเช่นเดียวกับเย่ฉา
การแสดงพลังที่เหนือชั้นของชายทั้งสองคนทำให้กลุ่มผู้เยาว์ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช เมื่อรวมระยะทางที่พวกผู้เยาว์ทำได้ทั้งหมด มันก็แค่หนึ่งในห้าของที่เย่ฉาหรือเย่เหม่ยคนใดคนหนึ่งทำได้……
ความเหลื่อมล้ำนั้นมากเกินไป!
แต่ถ้าพวกของเฉียวฉู่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเย่ฉาและเย่เหม่ย พวกเขาอาจจะไม่รู้สึกตกใจกับเรื่องนี้
“ท่านด้วยซิ……” จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาที่อยู่ข้างๆ คนทั้งกลุ่มมีเพียงจวินอู๋เหยาคนเดียวที่ยังไม่ได้ลงมือ ตามลำดับแล้วตอนนี้มันควรจะเป็นตาของเขา
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์อยากให้ข้าทำไกลแค่ไหน?” จวินอู๋เหยาถามพร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อย มองจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ 1314 เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (8)
จวินอู๋เสียมองใบหน้าหล่อเหลาที่จู่ๆก็เข้ามาใกล้ และเห็นประกายรื่นเริงในดวงตาของเขา ดวงตาของจวินอู๋เสียก็เป็นประกายวาววับขึ้นมา แล้วนางก็เขย่งปลายเท้าจูบเข้าที่แก้มของจวินอู๋เหยาเบาๆ
จวินอู๋เหยาตัวแข็งทันที
เฉียวฉู่ยืนเอามือปิดหน้าอยู่ด้านข้าง ปวดใจมาก……ตาเขาจะบอดแล้ว!
“ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับยิ้มบางๆที่มุมปาก ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่าการที่นางเป็นฝ่ายรุกก่อนดูเหมือนจะทำให้เจ้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีรอยยิ้มชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาผู้นี้ถึงกับตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกได้ จวินอู๋เสียรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมากทีเดียว
การได้เห็นจวินอู๋เหยาผู้ลึกลับและมีรอยยิ้มที่คาดเดาไม่ได้อยู่ตลอดแสดงสีหน้าประหลาดใจแบบนี้ออกมา ในใจของนางก็รู้สึก……พึงพอใจเล็กน้อย
[น่าสนใจดี ใช่ไหมล่ะ?]
เย่เหม่ยกับเย่ฉาเบนสายตาออกไปอย่างเงียบๆ พวกเขามองออกแล้ว [เมื่อก่อนเป็นนายท่านเจว๋ที่หยอกล้อคุณหนูจนหน้าแดงหูแดง ตอนนี้……คุณหนูเรียนรู้ที่จะโต้กลับแล้ว!]
[วิธีการหยอกล้อนายท่านเจว๋ของนางยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกที ง่ายดายเหมือนกระดิกนิ้ว]
ครู่หนึ่งกว่าจวินอู๋เหยาจะได้สติ ดวงตาของเขามองไปที่จวินอู๋เสีย ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ได้แต่ยืนทื่ออยู่แบบนั้น
เด็กน้อยของเขาติดนิสัยไม่ดีมาซะแล้ว
แต่……
เขาชอบมันมากเลย
จวินอู๋เหยาที่ ‘อิ่มอกอิ่มใจ’ อย่างมากก็ลูบหัวจวินอู๋เสียอย่างอ่อนโยน เขาพูดด้วยสีหน้าเอาอกเอาใจว่า “ตามที่เจ้าปรารถนา”
พูดจบเขาก็ก้าวไปข้างหน้า หมอกสีดำค่อยๆรวมตัวกันหมุนวนอยู่บนฝ่ามือของเขา เขายกแขนขึ้นและลูกบอลหมอกสีดำก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า ระเบิดพื้นที่ด้านหน้าพวกเขาทั้งหมด!
พวกเขาเห็นแท่งน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนถูกระเบิดหายไปจนหมดสิ้นภายใต้หมอกสีดำ ตรงหน้าจวินอู๋เสียและเพื่อนๆนั้นปรากฏพื้นที่กว้างอย่างน้อย 100 เมตร ขณะที่เสียงแท่งน้ำแข็งถูกทำลายยังดังต่อเนื่องไม่หยุดเป็นเวลานาน ดังไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด……
‘ตุบ’
พวกผู้เยาว์อ้าปากค้างจนขากรรไกรตกลงไปถึงพื้น
เสียงแท่งน้ำแข็งถูกทำลายดังอยู่หนึ่งนาทีเต็มๆก่อนจะหายไปกับหมอกหนาทึบ เสียงนั้นเบาลงเรื่อยๆ แต่ไม่ได้มีทีท่าจะหยุดลง มันเหมือน……
เสียงมันอยู่ไกลเกินไปจนพวกเขาไม่ได้ยิน……
เฉียวฉู่แทบจะคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เหยาเลยทีเดียว!
[อะไรคือการฆ่าในพริบตา?]
[อะไรคือการทำลายล้างให้เรียบ?]
[เทียบกับจวินอู๋เหยาแล้ว เย่ฉากับเย่เหม่ยก็กลายเป็นคนอ่อนแอไปเลย!]
แค่ความกว้างของมันก็ยาวกว่าระยะทางรวมที่เฉียวฉู่กับเพื่อนๆทำได้ซะอีก
ตอนนั้นเอง พวกเฉียวฉู่ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างพูดอะไรไม่ออก [ทำไมพวกเขาต้องทรมานตัวเองด้วย?]
[ก็น่าจะขอให้จวินอู๋เหยาทำซะตั้งแต่แรก เขาอาจจะเคลียร์เส้นทางให้ทั้งหมดด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียว!]
[แถมมันยังกว้างมากด้วย!]
“ข้านึกออกประโยคนึง” จู่ๆเฟยเหยียนก็พูดขึ้น
“อะไร?” ฟ่านจั๋วถามพลางเลิกคิ้ว
“คนเก่งอวดฝีมือเรียกโคตรเทพ คนกระจอกอวดฝีมือเรียกไอ้โง่” เฟยเหยียนพูดพร้อมกับเหลือบมองไปที่เฉียวฉู่
“ฮ่าๆๆ!” ฟ่านจั๋วไม่สามารถยับยั้งเสียงหัวเราะของเขาได้
อะไรคือความแตกต่างแบบสุดขั้ว?
นี่ไงล่ะ
เฉียวฉู่ส่งเสียงคร่ำครวญและเอามือปิดหน้า แม้ว่าเขาจะอยากซัดเฟยเหยียนสักตุบ แต่……ตัวเขาเองก็เห็นด้วยว่าคำพูดนั้นมีเหตุผล แล้วเขาจะทำอะไรได้!!
[เทียบกับจวินอู๋เหยาแล้ว เขาก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำไปก่อนหน้านี้มันช่าง……โง่……มาก……]
จวินอู๋เหยาไม่ได้สนใจเสียงร้องอย่างสิ้นหวังของเฉียวฉู่ เขาหันไปหาจวินอู๋เสีย ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย พร้อมกับถามว่า “พอไหม?”
“พอแล้ว……” จวินอู๋เสียอึ้งเล็กน้อย ทำไมนางรู้สึกว่าจวินอู๋เหยาจงใจทำลายแท่งน้ำแข็งเป็นคนสุดท้ายเพื่อสร้างความตื่นตะลึงแบบนี้?
[แค่ก นางคงคิดมากเกินไป]
ถ้าเย่ฉากับเย่เหม่ยรู้ว่าจวินอู๋เสียคิดอะไร พวกเขาคงบอกนางแน่ๆว่า
คุณหนูขอรับ ท่านไม่ได้คิดมากเกินไปเลย!
ตอนที่ 1315 ป่ากร่อนกระดูก (1)
ระยะทางที่จวินอู๋เหยาทำลายไกลแค่ไหนน่ะหรือ?
พวกเฉียวฉู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเขารู้แค่ว่าทางข้างหน้าไม่มีแท่งน้ำแข็งอีกเลย สภาพของมันราวกับโดนพายุรุนแรงพัดผ่าน เหลือเพียงแต่เศษน้ำแข็งแตกละเอียดบนพื้นน้ำแข็ง ระยิบระยับใสราวกับคริสตัล เป็นภาพที่สวยมาก
พวกเขาเดินบนเส้นทางนั้นกันทั้งวันทั้งคืน อุณหภูมิบนธารน้ำแข็งต่ำมาก มันหนาวจนมือชา ทั้งกลุ่มจึงต้องรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อรักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย
ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีแบบ ‘เฉียบขาด’ ของจวินอู๋เหยา พวกเขาคงต้องใช้เวลาในพื้นที่นี้นานขึ้นอีก
เส้นทางที่โดนแรงระเบิดกว้าง 100 เมตรนั้นยาวไปจนถึงที่หมอกปกคลุม และเมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ก็เป็นการบ่งบอกว่าการเดินทางบนธารน้ำแข็งนี้กำลังจะสิ้นสุดลง
จวินอู๋เสียที่กำลังดีใจขมวดคิ้วทันที ในอากาศที่มีความชื้นสูง นางได้กลิ่นบางอย่างที่รุนแรงมาก กลิ่นนั้นเข้าไปในหลอดลม ทำให้หลอดลมแสบร้อนเหมือนโดนไฟไหม้ ความรู้สึกเหมือนคนที่หายใจเอาแก๊สที่เป็นกรดและเป็นพิษสูงเข้าไป
“เดี๋ยวก่อน!” จวินอู๋เสียหยุดเดินทันที กลิ่นนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นางรู้สึกได้ว่าลำคอของนางแสบร้อนจากการหายใจเอากลิ่นนั้นเข้าไป เนื่องจากพวกเขายังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น ประสาทการรับรู้ของคนก็จะลดลงไปบ้าง ทำให้ความรู้สึกชาเล็กน้อย
“มีอะไรหรือ?” เฉียวฉู่ถามพร้อมกับถูมือเข้าด้วยกัน หลังจากเดินบนน้ำแข็งมาทั้งวันทั้งคืน เขาก็รู้สึกได้ว่าความเย็นแทรกซึมผ่านรองเท้าเขาเข้ามา ทำให้เขาเจ็บปวดไปทั้งตัว
“อย่าเพิ่งเดินไป” จวินอู๋เสียพูดพลางสูดจมูกดมกลิ่นในอากาศเบาๆ “พวกเจ้าไม่ได้กลิ่นอะไรแปลกๆบ้างหรือ?”
พวกผู้เยาว์ทุกคนหยุดเดินและพยายามสูดกลิ่นในอากาศ แต่เนื่องจากอยู่ในอากาศหนาวเย็นมาเป็นเวลานาน จมูกของพวกเขาจึงชาไปแล้ว การหายใจเอาอากาศเย็นจัดเข้าไปทำให้ลำคอของพวกเขาเจ็บไปหมด การอยู่ในที่ที่อากาศเย็นจัดนานๆทำให้พวกเขามีปัญหาเรื่องการรับกลิ่น พวกเขาจึงไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ
“ข้าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย จมูกข้าแข็งไปหมดแล้ว” เฟยเหยียนถูจมูกที่แดงของเขา อุณหภูมิที่นี่ต่ำจนน่ากลัว พวกเขาต้องรวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ในร่างกายเพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกายของพวกเขา และไม่กล้าที่จะยืนนิ่งอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งนานๆ การยืนอยู่กับที่นานๆจะทำให้พื้นรองเท้าของพวกเขาแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง
ด้วยอุณหภูมิที่เย็นยะเยือก หมอกในอากาศจึงเย็นจัด พอพวกเขาหายใจ มันก็เข้าไปในปอด ทำให้หนาวไปจนถึงกระดูก แม้แต่การหายใจก็กลายเป็นความทรมาน
“ข้าก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย” หรงรั่วพูดพลางส่ายหน้า
ฮัวเหยากับฟ่านจั๋วฉลาดกว่านิดหน่อย พวกเขาเอามือป้องไว้ที่จมูก หายใจพ่นลมร้อนออกมาเพื่อให้อุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผลมากนักเนื่องจากพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัดนานเกินไป พวกเขาไม่ได้กลิ่นอะไรเลยจริงๆ
ส่วนเย่ฉาและเย่เหม่ยที่แข็งแกร่งกว่ามากนั้น ความเย็นไม่ได้ส่งผลต่อพวกเขามากนัก แต่ในขณะเดียวกัน กลิ่นแสบจมูกในอากาศก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเช่นกัน เนื่องจากร่างกายของพวกเขาไม่ได้มีประสาทรับรู้ที่ไวเท่าจวินอู๋เสีย
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์เจออะไรผิดปกติหรือ?” จวินอู๋เหยาถามพร้อมกับมองดูสีหน้าระแวดระวังของจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วและพูดว่า “ยังไม่แน่ชัดหรอก แต่มีบางอย่างผิดปกติในหมอกที่นี่ ต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ” เนื่องจากไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลอะไรกับนางเพื่อช่วยในการตัดสินใจได้ จวินอู๋เสียจึงได้แต่เดาเอาเองเท่านั้น
นางดึงเอากระเป๋ามิติที่ห้อยอยู่ที่สะโพกออกมา และหยิบยาแก้พิษแจกจ่ายให้กับเฉียวฉู่และคนอื่นๆ
ตอนที่ 1316 ป่ากร่อนกระดูก (2)
เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียระวังตัวมากขึ้น พวกเฉียวฉู่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พวกเขากินยาเข้าไปตามคำสั่งของนาง ไม่รู้ว่าเป็นผลทางจิตวิทยารึเปล่า แต่หลังจากกินยาเข้าไป พวกเขาก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดเวลาที่หายใจเข้าไปนั้น ดูเหมือนจะเจ็บน้อยลงแล้ว
“แปลกๆนะ เสี่ยวเสีย เจ้าเอาอะไรให้พวกเรากิน? ที่นี่มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?” เฉียวฉู่ถามพลางเกาหัว ต้องบอกว่าถึงจะมีแผนที่อยู่ในมือ แต่ทุกสิ่งที่อยู่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์ก็ยังโหดสุดๆอยู่ดี ถ้าเตรียมตัวมาไม่พร้อมหรือมีพลังไม่มากพอ ต่อให้มีแผนที่ครบสมบูรณ์ ก็ทำได้แค่รอความตายอยู่ที่นี่
พวกสามารถหลบหลีกสัตว์ประหลาดที่เฝ้าสุสานได้ก็จริง แต่สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็นที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด
“อากาศที่ด้านล่างผาสุดสวรรค์นี่มีพิษกัดกร่อนอยู่ ตอนแรกมันก็จางๆ พิษจะไม่สร้างผลกระทบอะไรในระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว มันจะไปตามกระแสเลือดและแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกาย ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าพวกมู่เชียนฟานหายใจเอาพิษนี้เข้าไปในปริมาณมาก และพิษก็ออกฤทธิ์ฆ่าทุกคนในกลุ่มของเขา ก่อนที่เราจะเริ่มต้นลงมาจากผาสุดสวรรค์ ข้าได้ให้พวกเจ้ากินยาแก้พิษชนิดนี้เอาไว้ แต่……” จวินอู๋เสียหรี่ตา รอบตัวพวกเขามีหมอกหนาทึบ ทัศนวิสัยจึงต่ำมาก ลูกบอลเพลิงวิญญาณที่พวกเขาใช้ก็ให้ความสว่างได้แค่พื้นที่เล็กๆ ในหมอกหนาเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางเห็นสิ่งที่อยู่รอบๆได้อย่างชัดเจน
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพวกเขาเข้าไปลึกมากขึ้น ทั้งหมอกและอุณหภูมิก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และถ้าหากไม่ระมัดระวังตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก็อาจจะมองข้ามมันไปได้ง่ายๆ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างกะทันหัน แต่จะเปลี่ยนไปทีละนิด สภาพแวดล้อมจะกลายเป็นเลวร้ายขึ้นอย่างเงียบๆ และเมื่อคนเหนื่อยล้าและเครียดมากๆเข้า พวกเขาก็จะพลาดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆนี้
ก็เหมือนกับต้มกบในน้ำอุ่น กบจะนอนอยู่ในน้ำโดยไม่ได้สังเกตว่าอุณหภูมิน้ำค่อยๆเปลี่ยนจากเย็นเป็นอุ่นขึ้นทีละนิด พอถึงเวลาที่น้ำเดือดและรู้สึกถึงอันตราย ก็สายเกินไปที่จะหนีแล้ว
สถานที่หลายแห่งที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์นั้นน่าทึ่งมาก พื้นที่ทั้งหลายที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้บนแผนที่ก็กว้างใหญ่มาก แต่ความกว้างใหญ่นี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด ในพื้นที่พิเศษพวกนี้ พื้นที่สองแห่งที่อยู่ติดกันจะมีการเปลี่ยนแปลงในระยะเปลี่ยนผ่านอยู่
มันเหมือนกับการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆค่อยเป็นค่อยไป ให้ร่างกายค่อยๆเปลี่ยนจากสภาพเลวร้ายหนึ่งไปอีกอย่างหนึ่งโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
แม้ว่าจวินอู๋เสียจะคุ้นเคยกับเรื่องทางการแพทย์มากที่สุด แต่ความรู้เรื่องธรรมชาติและภูมิประเทศยังอยู่ในขั้นพื้นฐาน นางอยากรู้มากว่าคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดใช้วิธีการอะไรถึงเปลี่ยนด้านล่างของผาสุดสวรรค์ให้กลายเป็นสถานที่ลึกลับที่กลืนกินผู้คนไปหมดโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูก กับดักและสัตว์ร้ายอาจจะออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ แต่สถานที่ที่เลียนแบบพลังของธรรมชาติพวกนี้ทำได้ยังไง?
เรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดยังไงจวินอู๋เสียก็คิดไม่ออกเลย
“ตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมา ความเข้มข้นของพิษในหมอกเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะมันค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ข้ากลัวว่ายาแก้พิษที่ข้าให้ไปตอนแรกจะไม่พอแก้พิษที่เข้มข้นมาก ก็เลยให้พวกเจ้ากินเสริมเข้าไปอีก” ขณะที่จวินอู๋เสียพูด สายตาของนางก็มองลึกเข้าไปในหมอก นางมีความรู้สึกไม่สบายใจว่าหลังจากที่ผ่านแท่งน้ำแข็งมาได้แล้ว พวกเขาจะเจอกับอะไรต่อไป ซึ่งมันคงเป็นสิ่งที่รับมือได้ยากมากขึ้นไปอีก
ยิ่งเข้าใกล้สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดมากเท่าไร ก็ยิ่งเจอกับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น