Genius Doctor Black Belly Miss 1310-1316

 ตอนที่ 1310  เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (4)


ภายในแท่งน้ำแข็งสีฟ้า  มีรอยเลือดสีแดงให้เห็น


รอยเลือดเหล่านั้นถูกทิ้งไว้โดยนักสำรวจทั้งหลาย  ที่ใกล้ๆกับตีนเสาน้ำแข็งที่มีสีแดงเจือปนอยู่ทุกต้นจะเห็นกองกระดูกสีขาวถูกตรึงอยู่ใต้น้ำแข็ง  ฉากแปลกๆพวกนั้นเป็นเหมือนดอกไม้สีแดงที่บานอยู่ใต้ชั้นน้ำแข็ง  เสาน้ำแข็งสีแดงดูเหมือนเกสรดอกไม้  เป็นเกสรดอกไม้ที่ดูน่ากลัว


แท่งน้ำแข็งขึ้นหนาแน่น  ช่องว่างระหว่างแท่งน้ำแข็งวางเท้าได้แค่ข้างเดียว  แท่งน้ำแข็งพวกนั้นแหลมคมเหมือนใบมีด  พลาดเล็กน้อยก็เฉือนเข้าเนื้อได้ทันที


เมื่อเทียบกับสถานที่ที่จวินอู๋เสียและเพื่อนๆของนางผ่านมาแล้วนั้น  สถานที่นี้สวยงามเยือกเย็น  แต่เป็นความสวยที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก


“มีบางอย่างผิดปกติ”  จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับหรี่ตา


“อะไรผิดปกติ?  จากที่ข้าเห็น  ที่นี่ก็ไม่ได้ผ่านยากอะไรนี่  นอกจากแท่งน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนนั่น  เราต้องเดินระวังๆกันหน่อยก็แค่นั้น”  เฉียวฉู่พูดพลางเกาหัว


จวินอู๋เสียส่ายหัวขณะที่จ้องไปยังกองกระดูกด้านล่างน้ำแข็งสีแดง


ข้างใต้แท่งน้ำแข็งสีแดงเกือบทุกอันจะมีกองกระดูกอยู่ด้านล่าง  ส่วนอันที่ไม่มีกระดูก  ก็จะมีกระดูกอีกชุดอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว  ระยะทางสั้นๆระหว่างสิ่งเหล่านี้ทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกว่าสถานที่นี้มีบางอย่างผิดปกติ


อย่างที่เฉียวฉู่พูด  แท่งน้ำแข็งไม่ใช่อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น  ถึงจะมีรอยขีดข่วน  ก็แค่บาดแผลตื้นๆ  แท่งน้ำแข็งทั้งหมดตรงหน้าพวกเขาเมื่อเทียบกับพื้นที่ที่พวกเขาผ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว  ดูเหมือนจะผ่านง่ายกว่ามาก  ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับผู้บุกรุกมากนัก


จวินอู๋เสียไม่เชื่อว่าคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดจะวางแท่งน้ำแข็งที่ไร้ความหมายไว้ที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์


“แท่งน้ำแข็งพวกนี้มีบางอย่างผิดปกติ”  จวินอู๋เสียก้าวไปข้างหน้าและดึงเข็มเงินออกมาเพื่อเจาะเข้าไปในแท่งน้ำแข็งที่อยู่ใกล้นางมากที่สุด


เข็มเงินถูกดันเข้าไปในน้ำแข็ง  ส่วนของเข็มที่อยู่ข้างในเปลี่ยนเป็นสีดำเข้มทันที!


จวินอู๋เสียหรี่ตาและพูดเสียงเย็นว่า  “มีพิษอยู่ในน้ำแข็ง”


“พะ……พิษเหรอ?”  เฉียวฉู่เบิกตากว้าง  ไม่น่าเชื่อว่าในน้ำแข็งใสราวกับคริสตัลนั้นจะซ่อนพิษร้ายแรงเอาไว้


จวินอู๋เสียมองไปที่ทะเลแท่งน้ำแข็งและพูดด้วยเสียงเย็นเยียบว่า  “หมอกรอบๆตัวเรามีพิษอยู่จำนวนมากและในหมอกก็มีความชื้นสูง  มันครอบคลุมแท่งน้ำแข็งพวกนี้ซึ่งก่อตัวเป็นรูปร่างและแข็งตัวไปเรื่อยๆ  พิษในหมอกจะรวมตัวกับชั้นน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้น  ใครก็ตามที่โดนแท่งน้ำแข็งพวกนี้บาดจะโดนพิษ  และผลคือตายทันที”


แท่งน้ำแข็งดูไม่เป็นอันตรายอะไรนัก  คนจึงไม่ค่อยระวังมองข้ามพวกมันไปง่ายๆ  โดยเฉพาะคนพวกนี้ทุกข์ทรมานจากความเหนื่อยล้าและความกังวลมาเป็นเวลานาน  หลายคนจึงลดความระวังลง  สำหรับคนที่มาจนถึงที่นี่นั้น  ส่วนใหญ่จะรู้สึกไม่ปลอดภัยมาเป็นเวลานานแล้วและเครียดมาก  ดังนั้นพวกเขาจะไม่คิดเยอะว่ามีอันตรายซ่อนอยู่ในแท่งน้ำแข็งพวกนี้  และก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญ


เมื่อผ่านแท่งน้ำแข็งที่อัดแน่นอยู่ใกล้ๆกัน  ก็จะโดนบาดเอาได้ง่ายๆ  แท่งน้ำแข็งพวกนี้แหลมคมมากขนาดที่ต่อให้ใส่เกราะกันมาเต็มที่  ก็ยังเฉือนผ่านเกราะบาดเข้าเนื้อได้อย่างง่ายดาย


แค่โดนเข้ากับเลือดสักเล็กน้อยเท่านั้น  พิษที่ซ่อนอยู่บนแท่งน้ำแข็งก็จะคร่าชีวิตคนผู้นั้นไป


คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้เฉียวฉู่อ้าปากค้างด้วยความสยองขวัญ  เขาก็เหมือนกับคนที่นอนอยู่ในน้ำแข็งพวกนั้น  ไม่เคยคิดเลยว่าความตายจะซ่อนไว้อย่างละเอียดขนาดนี้


“มีทางอื่นให้ไปไหม?  แท่งน้ำแข็งรวมตัวกันหนาแน่นขนาดนี้  ยากจะแน่ใจได้ว่าเราจะไม่โดนมันบาดเอา”  ฮัวเหยาพูดพลางขมวดคิ้ว  ลูกบอลเพลิงวิญญาณที่จวินอู๋เสียขว้างนั้นกลิ้งไปค่อนข้างไกล  มันถูกหมอกที่หมุนวนปกคลุม  แสงรอบตัวพวกเขาจึงค่อนข้างสลัว


ตอนที่ 1311  เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (5)


ตรงที่ลูกบอลเพลิงวิญญาณหายไป  ก็ยังเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งที่เกาะกลุ่มกันหนาแน่น  สถานที่นี้ใหญ่ขนาดไหนไม่มีใครรู้  ถ้าพวกเขาสามารถผ่านบริเวณนั้นไปได้ในระยะเวลาอันสั้น  มันก็คงไม่แย่ขนาดนั้น  แต่ถ้าพื้นที่ใหญ่เกินไป  พวกเขาก็ต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ


ช่องว่างระหว่างแท่งน้ำแข็งนั้นเล็กมาก  พวกเขาต้องระวังกันทุกฝีก้าว  ทำให้ความเร็วในการเดินทางของพวกเขาลดลงไปอย่างมาก


เมื่อระยะเวลาถูกลากยาวออกไป  ความกังวลและความเครียดจะทำให้เหนื่อยล้า  และถ้าพวกเขาเสียสมาธิไปแม้แต่นิดเดียว  พวกเขาก็อาจตกเป็นเหยื่อแท่งน้ำแข็งพวกนั้น


และจวินอู๋เสียก็ได้พูดไปแล้ว  พิษจะออกฤทธิ์เร็วมาก  แม้จะมีจวินอู๋เสียอยู่ด้วย  แต่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายแบบนี้  มันก็ยากที่นางจะแก้พิษได้ในเวลาสั้นๆ


ไม่ว่าจะมองยังไง  มันก็เป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงมาก


แต่จวินอู๋เสียก็ส่ายหน้า


“บนแผนที่บริเวณนี้วาดเส้นสีขาวสองเส้นยาวไปตลอด  น่าจะหมายความว่ามันครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด  ไม่มีทางอื่นให้ไป”


ทุกคนเงียบกริบกันหมด


จวินอู๋เหยายืนมองจวินอู๋เสียอยู่ข้างๆขณะที่นางกำลังใช้ความคิด  แล้วเขาก็ยิ้มมุมปาก


[เขาควรทำอะไรไหม?  หรือจะรอต่อไปอีกหน่อย?]


[เด็กน้อยของเขาจะคิดหาวิธีเอาชนะอุปสรรคนี้ได้ไหม?]


ในขณะที่เงียบกันอยู่นั้นเอง  จู่ๆจวินอู๋เสียก็ปล่อยพลังวิญญาณสีฟ้าออกมาจากร่าง!


แล้วในทันทีนั้น!


นางก็ผลักฝ่ามือไปในทิศทางของแท่งน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ตรงหน้า!


พลังวิญญาณสีฟ้าของนางแปรสภาพเป็นคลื่นพลังรูปพระจันทร์ครึ่งดวงที่แหลมคมราวกับเคียวพุ่งตรงไปยังแท่งน้ำแข็ง!


เกิดเสียงดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั่ว!


แท่งน้ำแข็งใสกลายเป็นน้ำแข็งบดด้วยพลังวิญญาณของนาง  พวกมันตกลงมากระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ขนาดใหญ่  แสงสะท้อนจากลูกบอลเพลิงวิญญาณส่องประกายระยิบระยับราวกับมีดวงดาวนับล้านร่วงหล่นลงมาบนน้ำแข็ง


พื้นที่ที่ถูกจวินอู๋เสียทำลายกลายเป็นพื้นที่ราบเรียบ  แท่งน้ำแข็งแหลมคมหายไปอย่างไร้ร่องรอย  มีแต่น้ำแข็งบดที่ปกคลุมพื้นเท่านั้น


“เดินได้แล้ว”  หลังจากทดสอบความแข็งของแท่งน้ำแข็ง  จวินอู๋เสียก็หันกลับมามองเพื่อนๆของนางที่อยู่ด้านหลัง


เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าตกตะลึง


[เรียบง่ายและโหดโคตร……ทำไมเขาคิดไม่ได้ล่ะเนี่ย?!]


จวินอู๋เสียไม่ได้คิดว่ามันยากอะไร  และไม่รู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่ฉลาดขนาดนั้น  ดังนั้น……ทำไมพวกเฉียวฉู่ถึงได้ทำสีหน้าเหมือนนางเพิ่งทำเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างมากกันล่ะ?


[ก็แค่หักแท่งน้ำแข็งไม่ใช่หรือ?  ต้องแปลกใจกันขนาดนั้นเลยหรือ?]


สิ่งที่จวินอู๋เสียทำนั้นเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ  พวกเขาต้องการแค่ทำลายแท่งน้ำแข็งพวกนั้นให้ราบ  และเปิดทางให้พวกเขาไปต่อได้  วิธีนี้ไม่เพียงทำให้พวกเขาไม่ต้องกลัวว่าจะโดนแท่งน้ำแข็งบาดแล้ว  มันยังเพิ่มความเร็วของการเดินทางได้อย่างมาก


นั่นเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง  ภายใต้สถานการณ์ปกติ  ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นๆจะคิดได้บ้าง  แต่หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ทรมานและตึงเครียดที่ด้านล่างของผาสุดสววรค์กันมานาน  จิตใจของผู้คนก็จะไม่อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด  พวกเขาจะกลัวว่าการทำลายอะไรก็ตามที่นี่จะนำพาหายนะมาให้


ยิ่งไปกว่านั้น  สถานที่นี้ได้รับการออกแบบโดยคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืด  ชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของราชอาณาจักรแห่งความมืด  จะทำให้ผู้คนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก


ความคิดแบบนั้นจะจำกัดความคิดจิตใจของคนจำนวนมาก


ความกลัวและความระแวงสงสัยจะกักขังความคิดจิตใจของพวกเขาเอาไว้ในอุโมงค์แคบๆ


แต่วินอู๋เสียเป็นคนที่ไม่ยอมให้อารมณ์และความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์ อย่างความกลัวและความระแวงสงสัย มามีผลกระทบกับความคิดจิตใจของนาง


ตอนที่ 1312  เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (6)


“แค่ก……เสี่ยวเสีย  เจ้านี่มัน……ฉลาดจริงๆ!”  เฉียวฉู่พูดพลางยกนิ้วโป้งให้จวินอู๋เสีย  แม้จะมีชื่อเสียงของราชอาณาจักรแห่งความมืดค้ำหัวอยู่  แต่นางก็ยังลงมือได้รวดเร็วโดยไม่ต้องคิดเยอะ  ความกล้าหาญนี้เขาชื่นชมจากใจจริงๆ


ใครบ้างไม่รู้ว่าคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดนั้นน่ากลัวที่สุด?  ใครจะกล้าเชื่อว่าไม่มีอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าซ่อนอยู่ใต้น้ำแข็ง?  ถ้าเป็นพวกเขา  พวกเขาก็คงไม่กล้าทำลายโดยไม่ลังเลแบบนี้  ถ้าเกิดมีอะไรโผล่ออกมาล่ะ!?


วิธีการที่ตรงที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดของจวินอู๋เสีย  ทำให้เฉียวฉู่กับคนอื่นๆรู้สึกว่า……พวกเขาคิดเยอะเกินไปจริงๆ!


จวินอู๋เหยามองใบหน้าเล็กๆที่งดงามของจวินอู๋เสียแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ  บางครั้งคนเราก็ตาบอดไม่ใช่แค่เพราะสถานการณ์ตรงหน้า  แต่เพราะความกลัวและความวิตกกังวลในใจของตัวเอง  แต่อารมณ์เชิงลบทั้งหมดนี้แทบจะไม่เห็นว่ามีผลกระทบต่อจวินอู๋เสียเลย


อย่างน้อยจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นจวินอู๋เสียแสดงข้อไม่ดีพวกนี้ออกมา


“ไม่รู้ว่าไอ้ที่ที่เต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งนี่มันใหญ่ขนาดไหน  ข้าว่าเราผลัดกันทำลายน้ำแข็งดีกว่า  คนอื่นๆจะได้ใช้โอกาสฟื้นพลังไปด้วย  แบบนี้จะได้ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณมากเกินไป”  หรงรั่วแนะนำขณะมองไปทางแท่งน้ำแข็งที่เกาะกลุ่มกันหนาแน่น


ถ้าพวกเขาให้คนคนเดียวทำลายน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง  แม้ว่าในแต่ละครั้งจะไม่ได้ใช้พลังวิญญาณมากนัก  แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่รู้ว่าแท่งน้ำแข็งจะยื่นยาวไปไกลแค่ไหน  การสูญเสียพลังวิญญาณมากเกินไปอาจจะเป็นอันตรายได้  จะเป็นการดีกว่าถ้าพวกเขาผลัดกันทำลายน้ำแข็ง  จะได้แน่ใจว่าไม่มีใครต้องเสียพลังวิญญาณมากเกินไป  พวกเขาจะได้มีเวลาฟื้นพลังของตัวเองและยังรับประกันเรื่องความเร็วในการเดินทางได้ด้วย


จวินอู๋เสียพยักหน้า  นางก็ตั้งใจแบบนี้อยู่แล้ว  เมื่อครู่แค่ทดสอบทฤษฎีของตัวเองโดยใช้พลังวิญญาณไปเพียงเล็กน้อย  ถ้านางใช้พลังเต็มที่  ผลที่ออกมาไม่ใช่แค่นิดเดียวแบบนี้แน่


ไม่นานทั้งกลุ่มก็ออกเดินทาง  พวกเขาเหยียบลงไปบนน้ำแข็งที่จวินอู๋เสียทำลายไว้  เฉียวฉู่ก้าวขึ้นมารับหน้าที่โจมตีครั้งแรก!


เขารวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างแล้วยกระดับพลังขั้นสีฟ้าให้เป็นพลังขั้นสีม่วงในทันที  จากนั้นก็ยิงพลังวิญญาณสีม่วงเข้าใส่แท่งน้ำแข็งตรงหน้า!


‘ตูม!’


เสียงระเบิดดังกึกก้องเข้าไปในหูของพวกเขา  แล้วพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า  แท่งน้ำแข็งนับไม่ถ้วนแตกกระจายจากแรงระเบิดนั้น  ทำให้เกิดพื้นที่ว่างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร


โจมตีเสร็จ เฉียวฉู่ก็เก็บพลังวิญญาณเข้าไปในร่างทันที และหันกลับมามองพรรคพวกด้วยรอยยิ้มอวด พร้อมกับปัดผมไปข้างหลังแบบพยายามจะให้ดูเท่  ทำสีหน้า ‘ข้าคือที่หนึ่งในปฐพี’


แต่เขาไม่ได้รับคำชมจากใครเลย  ไม่มีแม้แต่สายตาชื่นชม


“เจ้าโง่”  เฟยเหยียนพูดพลางมองไปที่เฉียวฉู่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม


“อะไร?  อิจฉาเหรอ?”  เฉียวฉู่พูดพร้อมกับจ้องมองเฟยเหยียน  เขาคิดว่าเขาโจมตีได้ร้ายกาจสุดๆแล้ว!


“เจ้าโง่รึเปล่า!?  เราไม่ได้มายืนอยู่ที่นี่เพื่อดูเจ้าตัดน้ำแข็ง!  ปล่อยพลังวิญญาณออกมามากขนาดนั้น  แล้วยังดันขึ้นไปเป็นพลังขั้นสีม่วงอีก!  เจ้ามีพลังวิญญาณเหลือเฟือนักรึไง?”  เฟยเหยียนด่าพลางกลอกตาใส่เฉียวฉู่  พวกเขาบอกแล้วว่าจะเคลียร์ทางให้เดินผ่านไปได้  ความกว้างประมาณ 3 เมตรก็เพียงพอแล้ว  แต่เจ้าโง่เฉียวฉู่ก็ระเบิดหลุมซะกว้าง 10 เมตรซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย  มันใหญ่จริงไม่ต้องสงสัยเลย  แต่ระยะทางที่จะพาพวกเขาไปข้างหน้าได้ก็แค่ 10 เมตรเท่านั้น……


เมื่อครู่จวินอู๋เสียปล่อยพลังออกมาแค่นิดหน่อยแบบไม่ใส่ใจ  ก็เคลียร์เส้นทางไปได้ 3 เมตรแล้ว


การกระทำที่ออกแรงมากเกินแต่ไร้ประสิทธิภาพของเฉียวฉู่  ในสายตาของทุกคนแล้ว  มันก็คือ……ความโง่แบบสุดๆ!!


ตอนที่ 1313  เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (7)


เฉียวฉู่โดนพรรคพวกดูถูก  รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเศร้าซึมทันที  เขาทำคอตกและไปซ่อนอยู่ข้างหลังฮัวเหยาพลางบ่นพึมพำ


[เขาเข้าใจเหตุผลอยู่แล้วล่ะน่า……แต่ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพราะอยากดูเท่ต่อหน้าคนอื่น!]


[ชิ!  เจ้าพวกใจร้าย……ไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย!]


หลังจากเฉียวฉู่พยายามจะทำเท่แต่จบด้วยการโดนดูถูกแล้ว  พรรคพวกคนที่เหลือที่ผลัดกันออกมา  พวกเขาควบคุมพลังวิญญาณที่รวบรวมเอาไว้ในมือและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความกว้างในการโจมตีเอาไว้ที่ 3 เมตร


พวกฮัวเหยาทุกคนสามารถระเบิดทางไปข้างหน้าได้ประมาณ 20 เมตร  เมื่อเปรียบเทียบด้านประสิทธิภาพกันแล้ว  ความภูมิใจของเฉียวฉู่ก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


สิ่งที่ทำให้เขาอับอายไปกว่านั้นก็คือ……ไม่มีใครยกระดับพลังไปที่ขั้นพลังสีม่วงเลยสักคน  พวกเขาใช้แค่พลังวิญญาณขั้นสีฟ้าเท่านั้น!


พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสูบพลังวิญญาณของพวกเขาเร็วเกินไป  และในสถานการณ์ปัจจุบัน  ไม่มีใครโง่พอจะใช้พลังวิญญาณอย่างสิ้นเปลืองในสถานที่อันตรายเช่นนี้


นอกจาก……


เจ้าโง่เฉียวฉู่


หลังจากดึงพลังวิญญาณกลับคืนแล้ว  ฟ่านจั๋วก็ถอยกลับไปด้านหลังและเดินทางต่อพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ  พวกเขาเปิดเส้นทางไปได้เกิน 100 เมตรแล้วและเจอลูกบอลเพลิงวิญญาณที่จวินอู๋เสียเขวี้ยงออกมาแล้ว  แต่พวกเขายังไม่เห็นสัญญาณใดๆว่าจะถึงปลายทางเลย  พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปต่อ


เย่ฉาเป็นคนต่อจากฟ่านจั๋ว  ด้วยการโจมตีครั้งเดียว  เสียงน้ำแข็งแตกก็ดังต่อเนื่องเป็นชุดยาวเหยียด  แท่งน้ำแข็งตั้งแต่ตรงหน้าพวกเขาไปจนถึงสุดสายตาที่ซ่อนอยู่ในหมอกถูกระเบิดหายไป  เสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่พักหนึ่งถึงได้หยุดลง


เฉียวฉู่ตาโตเป็นไข่ห่าน  จ้องมองเย่ฉาที่ทำหน้าเคร่งขรึมอย่างตกตะลึง


พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าเย่ฉาแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมด  แต่แข็งแกร่งมากขนาดไหนนั้น  พวกเขาไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจน  แต่ตอนนี้  เมื่อได้เห็นการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเย่ฉา  มันก็เปิดเผยให้พวกเขาเห็นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพลังของพวกเขาและเย่ฉา……


แรงกระแทกของพลังวิญญาณ  ยิ่งไกลออกไปก็ยิ่งอ่อนแรงลง  ระยะทางแต่ละเมตรที่เพิ่มขึ้น  ก็ยิ่งอ่อนกำลังลงครึ่งหนึ่ง  ดังนั้นพวกของเฉียวฉู่ถึงได้ระยะทางเกือบเท่ากันหมด  เนื่องจากพลังของพวกเขาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก


แต่การโจมตีจากเย่ฉานั้น  ทิ้งห่างพวกเขาไปไกลมาก!


พวกเฉียวฉู่แทบจะทนรอออกเดินทางไม่ไหว  พวกเขาอยากวัดระยะทางว่าเย่ฉาจะระเบิดทางไปได้ไกลแค่ไหน


ขณะเดินพวกเขาก็นับไปด้วย  พวกผู้เยาว์เกือบเป็นลมจากความตกใจ


[500 เมตร……]


หลังจากได้ผลสรุปแล้ว  เฉียวฉู่ก็อยากหนีหน้าไปให้ไกล


พอนึกย้อนกลับไปถึงหลุมใหญ่ที่เขาทำเอาไว้แล้ว  และมองดูสิ่งที่พี่เย่ฉาทำได้……


เขารู้สึกอับอายอย่างที่สุด!!


นั่นยังเปิดเผยให้พวกเขาเห็นด้วยว่าพลังของเย่ฉานั้นแท้จริงแล้วน่ากลัวเพียงใด  แต่พวกเขาไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเย่ฉา  ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง  ทำให้พลังของเย่ฉาถูกควบคุมเอาไว้  เขาไม่สามารถเรียกพลังทั้งหมดของเขามาได้


ไม่เช่นนั้น  เขาจะไม่แพ้ผู้อาวุโสฮุยหรอก


เย่ฉานิ่งเฉยมาตลอด  ไม่ได้แสดงท่าทางพออกพอใจในตัวเองเลยแม้แต่น้อย  หลังจากเขาก็ถึงตาเย่เหม่ย  และผลที่ได้ก็คือการทำลายล้างเช่นเดียวกับเย่ฉา


การแสดงพลังที่เหนือชั้นของชายทั้งสองคนทำให้กลุ่มผู้เยาว์ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช  เมื่อรวมระยะทางที่พวกผู้เยาว์ทำได้ทั้งหมด  มันก็แค่หนึ่งในห้าของที่เย่ฉาหรือเย่เหม่ยคนใดคนหนึ่งทำได้……


ความเหลื่อมล้ำนั้นมากเกินไป!


แต่ถ้าพวกของเฉียวฉู่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเย่ฉาและเย่เหม่ย  พวกเขาอาจจะไม่รู้สึกตกใจกับเรื่องนี้


“ท่านด้วยซิ……”  จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาที่อยู่ข้างๆ  คนทั้งกลุ่มมีเพียงจวินอู๋เหยาคนเดียวที่ยังไม่ได้ลงมือ  ตามลำดับแล้วตอนนี้มันควรจะเป็นตาของเขา


“เสี่ยวเสียเอ๋อร์อยากให้ข้าทำไกลแค่ไหน?”  จวินอู๋เหยาถามพร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อย  มองจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้ม


ตอนที่ 1314  เดินทางสู่อันตรายอีกครั้ง (8)


จวินอู๋เสียมองใบหน้าหล่อเหลาที่จู่ๆก็เข้ามาใกล้  และเห็นประกายรื่นเริงในดวงตาของเขา  ดวงตาของจวินอู๋เสียก็เป็นประกายวาววับขึ้นมา  แล้วนางก็เขย่งปลายเท้าจูบเข้าที่แก้มของจวินอู๋เหยาเบาๆ


จวินอู๋เหยาตัวแข็งทันที


เฉียวฉู่ยืนเอามือปิดหน้าอยู่ด้านข้าง  ปวดใจมาก……ตาเขาจะบอดแล้ว!


“ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้”  จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับยิ้มบางๆที่มุมปาก  ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่าการที่นางเป็นฝ่ายรุกก่อนดูเหมือนจะทำให้เจ้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีรอยยิ้มชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาผู้นี้ถึงกับตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกได้  จวินอู๋เสียรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมากทีเดียว


การได้เห็นจวินอู๋เหยาผู้ลึกลับและมีรอยยิ้มที่คาดเดาไม่ได้อยู่ตลอดแสดงสีหน้าประหลาดใจแบบนี้ออกมา  ในใจของนางก็รู้สึก……พึงพอใจเล็กน้อย


[น่าสนใจดี  ใช่ไหมล่ะ?]


เย่เหม่ยกับเย่ฉาเบนสายตาออกไปอย่างเงียบๆ  พวกเขามองออกแล้ว  [เมื่อก่อนเป็นนายท่านเจว๋ที่หยอกล้อคุณหนูจนหน้าแดงหูแดง  ตอนนี้……คุณหนูเรียนรู้ที่จะโต้กลับแล้ว!]


[วิธีการหยอกล้อนายท่านเจว๋ของนางยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกที  ง่ายดายเหมือนกระดิกนิ้ว]


ครู่หนึ่งกว่าจวินอู๋เหยาจะได้สติ  ดวงตาของเขามองไปที่จวินอู๋เสีย  ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  ได้แต่ยืนทื่ออยู่แบบนั้น


เด็กน้อยของเขาติดนิสัยไม่ดีมาซะแล้ว


แต่……


เขาชอบมันมากเลย


จวินอู๋เหยาที่ ‘อิ่มอกอิ่มใจ’ อย่างมากก็ลูบหัวจวินอู๋เสียอย่างอ่อนโยน  เขาพูดด้วยสีหน้าเอาอกเอาใจว่า  “ตามที่เจ้าปรารถนา”


พูดจบเขาก็ก้าวไปข้างหน้า  หมอกสีดำค่อยๆรวมตัวกันหมุนวนอยู่บนฝ่ามือของเขา  เขายกแขนขึ้นและลูกบอลหมอกสีดำก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า  ระเบิดพื้นที่ด้านหน้าพวกเขาทั้งหมด!


พวกเขาเห็นแท่งน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนถูกระเบิดหายไปจนหมดสิ้นภายใต้หมอกสีดำ  ตรงหน้าจวินอู๋เสียและเพื่อนๆนั้นปรากฏพื้นที่กว้างอย่างน้อย 100 เมตร  ขณะที่เสียงแท่งน้ำแข็งถูกทำลายยังดังต่อเนื่องไม่หยุดเป็นเวลานาน  ดังไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด……


‘ตุบ’


พวกผู้เยาว์อ้าปากค้างจนขากรรไกรตกลงไปถึงพื้น


เสียงแท่งน้ำแข็งถูกทำลายดังอยู่หนึ่งนาทีเต็มๆก่อนจะหายไปกับหมอกหนาทึบ  เสียงนั้นเบาลงเรื่อยๆ  แต่ไม่ได้มีทีท่าจะหยุดลง  มันเหมือน……


เสียงมันอยู่ไกลเกินไปจนพวกเขาไม่ได้ยิน……


เฉียวฉู่แทบจะคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เหยาเลยทีเดียว!


[อะไรคือการฆ่าในพริบตา?]


[อะไรคือการทำลายล้างให้เรียบ?]


[เทียบกับจวินอู๋เหยาแล้ว  เย่ฉากับเย่เหม่ยก็กลายเป็นคนอ่อนแอไปเลย!]


แค่ความกว้างของมันก็ยาวกว่าระยะทางรวมที่เฉียวฉู่กับเพื่อนๆทำได้ซะอีก


ตอนนั้นเอง  พวกเฉียวฉู่ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างพูดอะไรไม่ออก  [ทำไมพวกเขาต้องทรมานตัวเองด้วย?]


[ก็น่าจะขอให้จวินอู๋เหยาทำซะตั้งแต่แรก  เขาอาจจะเคลียร์เส้นทางให้ทั้งหมดด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียว!]


[แถมมันยังกว้างมากด้วย!]


“ข้านึกออกประโยคนึง”  จู่ๆเฟยเหยียนก็พูดขึ้น


“อะไร?”  ฟ่านจั๋วถามพลางเลิกคิ้ว


“คนเก่งอวดฝีมือเรียกโคตรเทพ  คนกระจอกอวดฝีมือเรียกไอ้โง่”  เฟยเหยียนพูดพร้อมกับเหลือบมองไปที่เฉียวฉู่


“ฮ่าๆๆ!”  ฟ่านจั๋วไม่สามารถยับยั้งเสียงหัวเราะของเขาได้


อะไรคือความแตกต่างแบบสุดขั้ว?


นี่ไงล่ะ


เฉียวฉู่ส่งเสียงคร่ำครวญและเอามือปิดหน้า  แม้ว่าเขาจะอยากซัดเฟยเหยียนสักตุบ  แต่……ตัวเขาเองก็เห็นด้วยว่าคำพูดนั้นมีเหตุผล  แล้วเขาจะทำอะไรได้!!


[เทียบกับจวินอู๋เหยาแล้ว  เขาก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำไปก่อนหน้านี้มันช่าง……โง่……มาก……]


จวินอู๋เหยาไม่ได้สนใจเสียงร้องอย่างสิ้นหวังของเฉียวฉู่  เขาหันไปหาจวินอู๋เสีย  ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย  พร้อมกับถามว่า  “พอไหม?”


“พอแล้ว……”  จวินอู๋เสียอึ้งเล็กน้อย  ทำไมนางรู้สึกว่าจวินอู๋เหยาจงใจทำลายแท่งน้ำแข็งเป็นคนสุดท้ายเพื่อสร้างความตื่นตะลึงแบบนี้?


[แค่ก  นางคงคิดมากเกินไป]


ถ้าเย่ฉากับเย่เหม่ยรู้ว่าจวินอู๋เสียคิดอะไร  พวกเขาคงบอกนางแน่ๆว่า


คุณหนูขอรับ  ท่านไม่ได้คิดมากเกินไปเลย!


ตอนที่ 1315  ป่ากร่อนกระดูก (1)


ระยะทางที่จวินอู๋เหยาทำลายไกลแค่ไหนน่ะหรือ?


พวกเฉียวฉู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  พวกเขารู้แค่ว่าทางข้างหน้าไม่มีแท่งน้ำแข็งอีกเลย  สภาพของมันราวกับโดนพายุรุนแรงพัดผ่าน  เหลือเพียงแต่เศษน้ำแข็งแตกละเอียดบนพื้นน้ำแข็ง  ระยิบระยับใสราวกับคริสตัล  เป็นภาพที่สวยมาก


พวกเขาเดินบนเส้นทางนั้นกันทั้งวันทั้งคืน  อุณหภูมิบนธารน้ำแข็งต่ำมาก  มันหนาวจนมือชา  ทั้งกลุ่มจึงต้องรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อรักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย


ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีแบบ ‘เฉียบขาด’ ของจวินอู๋เหยา  พวกเขาคงต้องใช้เวลาในพื้นที่นี้นานขึ้นอีก


เส้นทางที่โดนแรงระเบิดกว้าง 100 เมตรนั้นยาวไปจนถึงที่หมอกปกคลุม  และเมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย  ก็เป็นการบ่งบอกว่าการเดินทางบนธารน้ำแข็งนี้กำลังจะสิ้นสุดลง


จวินอู๋เสียที่กำลังดีใจขมวดคิ้วทันที  ในอากาศที่มีความชื้นสูง  นางได้กลิ่นบางอย่างที่รุนแรงมาก  กลิ่นนั้นเข้าไปในหลอดลม  ทำให้หลอดลมแสบร้อนเหมือนโดนไฟไหม้  ความรู้สึกเหมือนคนที่หายใจเอาแก๊สที่เป็นกรดและเป็นพิษสูงเข้าไป


“เดี๋ยวก่อน!”  จวินอู๋เสียหยุดเดินทันที  กลิ่นนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  นางรู้สึกได้ว่าลำคอของนางแสบร้อนจากการหายใจเอากลิ่นนั้นเข้าไป  เนื่องจากพวกเขายังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น  ประสาทการรับรู้ของคนก็จะลดลงไปบ้าง  ทำให้ความรู้สึกชาเล็กน้อย


“มีอะไรหรือ?”  เฉียวฉู่ถามพร้อมกับถูมือเข้าด้วยกัน  หลังจากเดินบนน้ำแข็งมาทั้งวันทั้งคืน  เขาก็รู้สึกได้ว่าความเย็นแทรกซึมผ่านรองเท้าเขาเข้ามา  ทำให้เขาเจ็บปวดไปทั้งตัว


“อย่าเพิ่งเดินไป”  จวินอู๋เสียพูดพลางสูดจมูกดมกลิ่นในอากาศเบาๆ  “พวกเจ้าไม่ได้กลิ่นอะไรแปลกๆบ้างหรือ?”


พวกผู้เยาว์ทุกคนหยุดเดินและพยายามสูดกลิ่นในอากาศ  แต่เนื่องจากอยู่ในอากาศหนาวเย็นมาเป็นเวลานาน  จมูกของพวกเขาจึงชาไปแล้ว  การหายใจเอาอากาศเย็นจัดเข้าไปทำให้ลำคอของพวกเขาเจ็บไปหมด  การอยู่ในที่ที่อากาศเย็นจัดนานๆทำให้พวกเขามีปัญหาเรื่องการรับกลิ่น  พวกเขาจึงไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ


“ข้าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย  จมูกข้าแข็งไปหมดแล้ว”  เฟยเหยียนถูจมูกที่แดงของเขา  อุณหภูมิที่นี่ต่ำจนน่ากลัว  พวกเขาต้องรวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ในร่างกายเพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกายของพวกเขา  และไม่กล้าที่จะยืนนิ่งอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งนานๆ  การยืนอยู่กับที่นานๆจะทำให้พื้นรองเท้าของพวกเขาแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง


ด้วยอุณหภูมิที่เย็นยะเยือก  หมอกในอากาศจึงเย็นจัด  พอพวกเขาหายใจ  มันก็เข้าไปในปอด  ทำให้หนาวไปจนถึงกระดูก  แม้แต่การหายใจก็กลายเป็นความทรมาน


“ข้าก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย”  หรงรั่วพูดพลางส่ายหน้า


ฮัวเหยากับฟ่านจั๋วฉลาดกว่านิดหน่อย  พวกเขาเอามือป้องไว้ที่จมูก  หายใจพ่นลมร้อนออกมาเพื่อให้อุ่นขึ้นเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ได้ผลมากนักเนื่องจากพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัดนานเกินไป  พวกเขาไม่ได้กลิ่นอะไรเลยจริงๆ


ส่วนเย่ฉาและเย่เหม่ยที่แข็งแกร่งกว่ามากนั้น  ความเย็นไม่ได้ส่งผลต่อพวกเขามากนัก  แต่ในขณะเดียวกัน  กลิ่นแสบจมูกในอากาศก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเช่นกัน  เนื่องจากร่างกายของพวกเขาไม่ได้มีประสาทรับรู้ที่ไวเท่าจวินอู๋เสีย


“เสี่ยวเสียเอ๋อร์เจออะไรผิดปกติหรือ?”  จวินอู๋เหยาถามพร้อมกับมองดูสีหน้าระแวดระวังของจวินอู๋เสีย


จวินอู๋เสียขมวดคิ้วและพูดว่า  “ยังไม่แน่ชัดหรอก  แต่มีบางอย่างผิดปกติในหมอกที่นี่  ต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ”  เนื่องจากไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลอะไรกับนางเพื่อช่วยในการตัดสินใจได้  จวินอู๋เสียจึงได้แต่เดาเอาเองเท่านั้น


นางดึงเอากระเป๋ามิติที่ห้อยอยู่ที่สะโพกออกมา  และหยิบยาแก้พิษแจกจ่ายให้กับเฉียวฉู่และคนอื่นๆ


ตอนที่ 1316  ป่ากร่อนกระดูก (2)


เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียระวังตัวมากขึ้น  พวกเฉียวฉู่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก  พวกเขากินยาเข้าไปตามคำสั่งของนาง  ไม่รู้ว่าเป็นผลทางจิตวิทยารึเปล่า  แต่หลังจากกินยาเข้าไป  พวกเขาก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดเวลาที่หายใจเข้าไปนั้น  ดูเหมือนจะเจ็บน้อยลงแล้ว


“แปลกๆนะ  เสี่ยวเสีย  เจ้าเอาอะไรให้พวกเรากิน?  ที่นี่มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?”  เฉียวฉู่ถามพลางเกาหัว  ต้องบอกว่าถึงจะมีแผนที่อยู่ในมือ  แต่ทุกสิ่งที่อยู่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์ก็ยังโหดสุดๆอยู่ดี  ถ้าเตรียมตัวมาไม่พร้อมหรือมีพลังไม่มากพอ  ต่อให้มีแผนที่ครบสมบูรณ์  ก็ทำได้แค่รอความตายอยู่ที่นี่


พวกสามารถหลบหลีกสัตว์ประหลาดที่เฝ้าสุสานได้ก็จริง  แต่สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็นที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด


“อากาศที่ด้านล่างผาสุดสวรรค์นี่มีพิษกัดกร่อนอยู่  ตอนแรกมันก็จางๆ  พิษจะไม่สร้างผลกระทบอะไรในระยะเวลาอันสั้น  แต่หลังจากที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว  มันจะไปตามกระแสเลือดและแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกาย  ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าพวกมู่เชียนฟานหายใจเอาพิษนี้เข้าไปในปริมาณมาก  และพิษก็ออกฤทธิ์ฆ่าทุกคนในกลุ่มของเขา  ก่อนที่เราจะเริ่มต้นลงมาจากผาสุดสวรรค์  ข้าได้ให้พวกเจ้ากินยาแก้พิษชนิดนี้เอาไว้  แต่……”  จวินอู๋เสียหรี่ตา  รอบตัวพวกเขามีหมอกหนาทึบ  ทัศนวิสัยจึงต่ำมาก  ลูกบอลเพลิงวิญญาณที่พวกเขาใช้ก็ให้ความสว่างได้แค่พื้นที่เล็กๆ  ในหมอกหนาเช่นนี้  พวกเขาไม่มีทางเห็นสิ่งที่อยู่รอบๆได้อย่างชัดเจน


แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพวกเขาเข้าไปลึกมากขึ้น  ทั้งหมอกและอุณหภูมิก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก


การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป  และถ้าหากไม่ระมัดระวังตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก็อาจจะมองข้ามมันไปได้ง่ายๆ  การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างกะทันหัน  แต่จะเปลี่ยนไปทีละนิด  สภาพแวดล้อมจะกลายเป็นเลวร้ายขึ้นอย่างเงียบๆ  และเมื่อคนเหนื่อยล้าและเครียดมากๆเข้า  พวกเขาก็จะพลาดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆนี้


ก็เหมือนกับต้มกบในน้ำอุ่น  กบจะนอนอยู่ในน้ำโดยไม่ได้สังเกตว่าอุณหภูมิน้ำค่อยๆเปลี่ยนจากเย็นเป็นอุ่นขึ้นทีละนิด  พอถึงเวลาที่น้ำเดือดและรู้สึกถึงอันตราย  ก็สายเกินไปที่จะหนีแล้ว


สถานที่หลายแห่งที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์นั้นน่าทึ่งมาก  พื้นที่ทั้งหลายที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้บนแผนที่ก็กว้างใหญ่มาก  แต่ความกว้างใหญ่นี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด  ในพื้นที่พิเศษพวกนี้  พื้นที่สองแห่งที่อยู่ติดกันจะมีการเปลี่ยนแปลงในระยะเปลี่ยนผ่านอยู่


มันเหมือนกับการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล  การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆค่อยเป็นค่อยไป  ให้ร่างกายค่อยๆเปลี่ยนจากสภาพเลวร้ายหนึ่งไปอีกอย่างหนึ่งโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว


แม้ว่าจวินอู๋เสียจะคุ้นเคยกับเรื่องทางการแพทย์มากที่สุด  แต่ความรู้เรื่องธรรมชาติและภูมิประเทศยังอยู่ในขั้นพื้นฐาน  นางอยากรู้มากว่าคนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดใช้วิธีการอะไรถึงเปลี่ยนด้านล่างของผาสุดสวรรค์ให้กลายเป็นสถานที่ลึกลับที่กลืนกินผู้คนไปหมดโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูก  กับดักและสัตว์ร้ายอาจจะออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นมาได้  แต่สถานที่ที่เลียนแบบพลังของธรรมชาติพวกนี้ทำได้ยังไง?


เรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดยังไงจวินอู๋เสียก็คิดไม่ออกเลย


“ตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมา  ความเข้มข้นของพิษในหมอกเพิ่มขึ้นอย่างมาก  แต่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน  เพราะมันค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ  ข้ากลัวว่ายาแก้พิษที่ข้าให้ไปตอนแรกจะไม่พอแก้พิษที่เข้มข้นมาก  ก็เลยให้พวกเจ้ากินเสริมเข้าไปอีก”  ขณะที่จวินอู๋เสียพูด  สายตาของนางก็มองลึกเข้าไปในหมอก  นางมีความรู้สึกไม่สบายใจว่าหลังจากที่ผ่านแท่งน้ำแข็งมาได้แล้ว  พวกเขาจะเจอกับอะไรต่อไป  ซึ่งมันคงเป็นสิ่งที่รับมือได้ยากมากขึ้นไปอีก


ยิ่งเข้าใกล้สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดมากเท่าไร  ก็ยิ่งเจอกับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม