Genius Doctor Black Belly Miss 1282-1295
ตอนที่ 1282 นี่คือการปฏิวัติ (2)
แม้ว่ามันจะเขียนเอาไว้หมึกสีดำบนกระดาษสีขาวอย่างชัดเจนแล้ว แต่จวินเสี่ยนก็รู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่ออยู่ดี
และในตอนนั้นเอง จวินอู๋เสียก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมา!
บนร่างของจวินอู๋เสียมีแสงสีม่วงส่องสว่างเจิดจ้า จวินเสี่ยนปากอ้าตาค้าง เขามองพลังวิญญาณสีม่วงที่เปล่งประกายอยู่รอบตัวจวินอู๋เสียอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ตอนที่แคว้นฉีเจอกับวิกฤต แล้วจวินอู๋เสียปลดปล่อยพลังวิญญาณขั้นสีฟ้าของนาง สองพ่อลูกตระกูลจวินก็ประหลาดใจมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่เขาเห็นตอนนี้ พลังขั้นสีฟ้าจะเป็นอะไรได้?
“นี่……นี่เป็นความจริง……” จวินเสี่ยนพูดเสียงสั่น
จวินอู๋เสียเก็บพลังวิญญาณกลับไปและมองจวินเสี่ยนอย่างจริงจัง “วิธีการนี้เรียนรู้ได้ไม่ยาก ข้ามอบเคล็ดวิชาให้ท่านปู่ไปแล้ว หวังว่าท่านปู่จะใช้มันได้อย่างดีและเผยแพร่ให้กับทหารของแคว้นฉีด้วย”
อาณาจักรกลางโจมตีอาณาจักรล่างครั้งแล้วครั้งเล่า ก็อาศัยพลังอำนาจที่แข็งแกร่งนี้ แล้วจวินอู๋เสียจะยอมให้พวกนั้นทำตามอำเภอใจได้ยังไง?
ถ้าอาณาจักรล่างเข้าใจวิธีการเพิ่มระดับขั้นพลังวิญญาณชั่วคราวนี้ได้ ตอนที่คนจากอาณาจักรกลางมาก่อปัญหาในอาณาจักรล่างอีก มันก็จะไม่ง่ายสำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว!
“เจ้าไปเอาสิ่งนี้มาจากไหน? แล้วจะเอาให้ทหารทั่วไปเรียนได้จริงๆหรือ?” เสียงของจวินเสี่ยนตื่นเต้นอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ไม่สำคัญหรอกว่ามันจะมาจากที่ไหน ท่านปู่วางใจเถอะ สิ่งที่ข้าให้ท่านสามารถใช้กับคนทั่วไปได้ ข้าเขียนรายละเอียดเอาไว้ให้แล้ว ทั้งหมดอยู่ในนั้น อีกสักพักข้าก็ต้องจากไปอีก หวังว่าท่านปู่จะได้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่” จวินอู๋เสียไม่อยากให้พวกจวินเสี่ยนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของอาณาจักรกลาง นางทิ้งสิ่งนี้เอาไว้ให้ เจตนาก็เพื่อให้อาณาจักรล่างได้มีโอกาสปกป้องตัวเอง
ไม่ใช่เพื่อแคว้นฉีเท่านั้น นางได้เตรียมสำเนาอีก 2 ชุดเพื่อส่งไปยังแคว้นเฉียวและแคว้นเหยียน
แม้ว่านางจะเป็นคุณหนูของจวนหลินอ๋องแห่งแคว้นฉี แต่นางก็ยังเป็นจักรพรรดิของแคว้นเหยียน และตอนนี้แคว้นเฉียวก็กลายเป็นพันธมิตรของแคว้นเหยียนแล้ว
กองกำลังพันธมิตรทั้งสามนี้ จวินอู๋เสียจะไม่ยอมให้แคว้นใดต้องเสียเปรียบแน่
“สิ่งที่เจ้าให้ข้ามันมีค่ามากเกินไป การจะเผยแพร่ให้คนของเราก็ต้องเตรียมการเป็นอย่างมาก แต่ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี” จวินเสี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งตื้นตัน
ด้วยวิชานี้ พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดแคลนผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงอีกแล้ว
ถึงแม้ว่าพลังสีม่วงแบบนี้จะเทียบกับพลังวิญญาณสีม่วงที่แท้จริงไม่ได้ แต่ลองคิดดูสิ ถ้าทหารหนึ่งล้านคนในกองทัพสามารถใช้วิชานี้ได้ทุกคนล่ะก็ ต่อให้ได้แค่ไม่กี่นาที แต่มันจะเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ! ตอนนั้นเอง เลือดในกายของจวินเสี่ยนก็พลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น!
จวินเสี่ยนพูดคุยกับจวินอู๋เสียอีกสักครู่จนกระทั่งอดใจรอไม่ไหวอีกต่อไป เขารีบไปหาจวินชิงที่ค่ายใหญ่ของกองทัพรุ่ยหลิน
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้นำมันไปใช้ได้อย่างชาญฉลาด
จวินอู๋เสียมองดูจวินเสี่ยนเดินจากไป ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา การที่สามารถทำให้คนในครอบครัวมีความสุขได้ ไม่ว่านางจะต้องทำอะไร มันก็คุ้มค่าที่จะทำทั้งนั้น
หลังจากจัดการกับเรื่องนี้แล้ว จวินอู๋เสียก็เอาใบสั่งยาขยายเส้นลมปราณให้กับมู่เฉิน การเดินทางไปยังผาสุดสวรรค์ครั้งนี้ นางไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะได้กลับมา นางอยากจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย จะได้ออกเดินทางไปได้อย่างสบายใจ
ยาขยายเส้นลมปราณนี้ หลังจากทำออกมาได้แล้ว จวินอู๋เสียอยากให้มู่เฉินแบ่งออกเป็น 3 ส่วน และจัดส่งให้แคว้นฉี แคว้นเหยียน และแคว้นเฉียวเป็นการถาวร นางอยากจะทำให้อาณาจักรล่างไม่โดนอาณาจักรกลางกดขี่ข่มเหงอีก กุญแจสำคัญที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นไปได้ก็มีอยู่ทางเดียว ทำให้คนของอาณาจักรล่างแข็งแกร่งขึ้นอย่างแท้จริง!
ตอนที่ 1283 มาที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้ง (1)
หลังจากเตรียมการทั้งหมดแล้ว จวินอู๋เสียกับเพื่อนๆก็ออกเดินทางไปยังผาสุดสวรรค์เพื่อเปิดเผยความลับของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด
ทุกคนขึ้นไปบนรถม้า และออกจากเมืองหลวงแคว้นฉี
จวินอู๋เสียอยู่ในรถม้าคันเดียวกับจวินอู๋เหยา ในรถม้า ท่านแบะแบะกับกระต่ายโลหิตขดตัวอยู่ติดกับจวินอู๋เสีย พวกมันมองไปที่จวินอู๋เหยาด้วยสายตาระแวง
มีเพียงเจ้าแมวดำตัวเดียวที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียอย่างสงบ แต่แววตาของมันก็ดูแปลกๆเช่นกัน
จวินอู๋เหยาก็กำลังมองจวินอู๋เสียอยู่ เขาสงสัยว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาว จู่ๆก็กลายเป็นเขาที่ทำอะไรไม่ถูก เมื่อดวงตาเย็นชาใสกระจ่างคู่นั้นมองมาที่เขา ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มเจืออยู่ในแววตานั้น มันดูเหมือนจะไม่ได้แตกต่างไปจากปกติ แต่ก็ยังทำให้จวินอู๋เหยารู้สึกว่าจวินอู๋เสียเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอยู่ดี
การไปที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้งนั้น จวินอู๋เสียและเพื่อนของนางเตรียมตัวกันเป็นอย่างดี ประสบการณ์ในครั้งก่อนยังคงสดใหม่อยู่ในใจพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีแผนที่ครบสมบูรณ์แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าประมาท สถานที่นั้นคร่าชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วนแล้ว ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้พวกเขาเสียชีวิตได้เช่นกัน
“พอสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเปิดแล้ว อาณาจักรกลางต้องตรวจจับบางอย่างได้แน่ ถึงตอนนั้นจะต้องมีพวกนั้นเข้ามาในอาณาจักรล่างอีกแน่นอน เสี่ยวเสียเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าจะจัดการกับเรื่องนั้นยังไง?” จวินอู๋เหยาถามขณะที่นั่งเท้าคางมองจวินอู๋เสียที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวน้อยนั้นมันแปลกๆอยู่บ้าง
แต่ก็ต้องบอกว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้เขามีความสุขด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนระยะห่างระหว่างพวกเขาจะถูกดึงให้เข้ามาใกล้กันมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย เรื่องนั้นนางได้คิดเอาไว้แล้ว คนจากอาณาจักรกลางเค้นสมองคิดกันอย่างหนักและลงทุนลงแรงไปอย่างมากเพื่อค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ถ้าพวกเขารู้ว่าสุสานจักพรรดิแห่งความมืดโดนคนอื่นค้นพบเข้าแล้ว ผลกระทบจะยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
แค่ครอบครองหยกอย่างเดียวก็ทำให้คนบริสุทธิ์ตายไปมากมายมหาศาลแล้ว ถ้าคนในอาณาจักรกลางรู้ว่าพวกเขาเป็นคนที่เปิดสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดล่ะก็ ชีวิตของพวกเขาคงเผชิญกับการถูกคุกคามไล่ล่ามากกว่าที่พวกเขาจะนับได้
“ถึงคนจากสิบสองวิหารจะยังไม่ประสบความสำเร็จในการค้นหาที่ตั้งที่แน่นอนของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด แต่พวกเขาก็ต้องจัดคนไว้คอยเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆแน่นอน ตอนที่พวกเจ้าเปิดสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด จะต้องไม่พ้นสายตาของพวกเขาแน่ ดังนั้นข้าแนะนำว่าก่อนที่พวกเจ้าทุกคนจะได้พลังที่แข็งแกร่งมากเพียงพอ อย่าเพิ่งออกจากสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด” จวินอู๋เหยาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดล่อใจพวกอาณาจักรกลางมากขนาดไหนก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องคิดให้มากเลย
คนพวกนั้นทำได้ทุกอย่างเพื่อจะยึดครองสมบัติของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเอาไว้เอง จวินอู๋เสียกับเพื่อนๆของนางจะกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนในอาณาจักรกลางตามล่า
จวินอู๋เสียเม้มปาก นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการเปิดสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย
นับตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเขาก้าวเข้าไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ก็หมายความว่าพวกเขาได้เลือกที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งอาณาจักรกลางแล้ว
ถ้าพวกเขาไม่มีความสามารถปกป้องตัวเอง ต่อให้พวกเขาเก็บทุกอย่างที่อยู่ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดออกมาได้ สุดท้ายก็จะโดนคนของอาณาจักรกลางยึดเอาไปอยู่ดี
และความพยายามทั้งหมดที่พวกเขาทำมาก็จะจบลงด้วยการส่งมอบสมบัติทั้งหมดให้ไปอยู่ในมือของศัตรู
“ข้าคิดที่จะบรรลุให้ถึงขั้นพลังวิญญาณสีม่วงในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด” จวินอู๋เสียพูดอย่างมุ่งมั่นขณะที่มองจวินอู๋เหยาด้วยสายตาแน่วแน่
ตอนนี้นางอยู่ในขั้นพลังวิญญาณสีฟ้า การจะบรรลุให้ถึงขั้นสีม่วงในเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปได้ยากมาก แต่สถานการณ์ปัจจุบันก็ทำให้นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเสี่ยงโชค
ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ตอนที่ 1284 มาที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้ง (2)
จวินอู๋เสียไม่ได้อยากปกป้องแค่ตัวเอง แต่ยังมีคนในครอบครัวและเพื่อนๆที่นางห่วงใยอีกด้วย
นอกจากนั้น……
จวินอู๋เสียมองไปที่จวินอู๋เหยา นางไม่รู้ภูมิหลังที่แท้จริงของจวินอู๋เหยา แต่นางก็พอจะเดาได้คร่าวๆว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน คนที่แข็งแกร่งระดับเขาแต่เลือกจะอยู่ในอาณาจักรล่าง นางคิดว่ามันค่อนข้างแปลก เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก นางยังจำได้ว่าเขาถูกขังเอาไว้ในถ้ำโดยมีกุญแจมือและโซ่ล่ามเอาไว้ นั่นต้องไม่ใช่กุญแจมือธรรมดาๆแน่ ไม่งั้นด้วยความสามารถของจวินอู๋เหยา โซ่แค่นั้นจะสามารถล่ามเขาเอาไว้ได้ยังไง?
[ทำไมเขาถึงถูกขังเอาไว้ในถ้ำแห่งนั้น?]
[และใครเป็นคนที่ขังเขาเอาไว้ที่นั่น?]
[และในช่วงที่เขาหายตัวไปเป็นครั้งคราวนั่น เขาไปทำอะไร?]
จวินอู๋เสียไม่เคยถามเขามาก่อนและไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย แต่ตอนนี้นางอดที่จะคิดไม่ได้
หลังจากได้เห็นพลังอำนาจอันมหาศาลของจวินอู๋เหยากับตาตัวเองแล้ว นางก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าใครกันที่สามารถขังเขาเอาไว้ได้
แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่รู้ว่าศัตรูของเขาเป็นใคร แต่ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวนาง
[อาจจะมีสักวันที่นางจะไม่ต้องการการปกป้องจากจวินอู๋เหยาอีก อาจจะมีสักวันที่นางจะสามารถยืนอยู่เคียงข้างเขาเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่เข้ามาหาพวกเขา]
[นาง……]
[ต้องการช่วยเขาเช่นกัน]
“อะไร? ทำไมจ้องข้าขนาดนั้นล่ะ? เสี่ยวเสียเอ๋อร์ หรือว่าเจ้าคิดเรื่องของข้าอีกแล้ว?” จวินอู๋เหยาพูดขณะมองจวินอู๋เสียยิ้มๆ เขาชอบเวลาที่นางมองเขาแบบนี้ เหมือนว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่อยู่ในโลกของนาง
จวินอู๋เหยาขยับเข้ามาใกล้จวินอู๋เสียจนกระทั่งใบหน้าของพวกเขาห่างกันแค่นิ้วเดียว
“ท่านมาจากอาณาจักรกลางใช่ไหม?” จู่ๆจวินอู๋เสียก็ถามขึ้น
ดวงตาของจวินอู๋เหยาทอแววประหลาดใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่จวินอู๋เสียถามเรื่องต้นกำเนิดของเขานับตั้งแต่ที่พวกเขาสองคนได้พบกัน
ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เขาใช้วิชานอกรีตเปลี่ยนแปลงความทรงจำของพ่อลูกตระกูลจวินและอยู่ในจวนหลินอ๋องในนามของจวินอู๋เหยา จวินอู๋เสียได้ทำแบบเดียวกันนี้คือถามว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่ในตอนนั้นจวินอู๋เสียมองเขาด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงก็แข็งกร้าว
แต่คำถามของนางในวันนี้เต็มไปด้วยความงุนงงสงสัย
“ทำไมจู่ๆก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” จวินอู๋เหยากลับไปนั่งและมองจวินอู๋เสียขณะที่ถาม
ความร่าเริงในดวงตาของเขาค่ายๆจางหายไป ความเศร้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฏขึ้นมาในแววตา มันจางมากจนแทบสังเกตไม่เห็น
“แค่อยากรู้” จวินอู๋เสียพูดตรงๆ
จวินอู๋เหยาจึงถามขึ้นว่า “จู่ๆเสี่ยวเสียเอ๋อร์ก็อยากจะรู้จักข้าให้มากขึ้นงั้นหรือ?”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
ดวงตาของจวินอู๋เหยาเข้มขึ้น แต่เขาก็ปกปิดมันไว้ได้ดีมาก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็ฉายแววหยอกล้อเหมือนเดิม
“ข้าเป็นใครมาก่อนนั้นไม่สำคัญหรอก เจ้ารู้แค่ว่าตั้งแต่วินาทีที่ข้าก้าวเข้าสู่จวนหลินอ๋อง ข้าก็คือจวินอู๋เหยา เป็นจวินอู๋เหยาที่เจ้ารู้จัก นั่นก็เพียงพอแล้ว” มีบางสิ่งที่เขาไม่อยากให้จวินอู๋เสียรู้ เขาไม่อยาก หรือว่า……เขาไม่กล้า……
การรู้จักตัวตนของเขาสำหรับจวินอู๋เสียในตอนนี้ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับนางขึ้นมาเลย กลับกันมันจะทำให้นางตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
“ข้าดีใจมากที่เจ้าถามเรื่องนี้กับข้า เสี่ยวเสียเอ๋อร์…… ในใจของเจ้า ข้าแตกต่างจากคนอื่นรึเปล่า?” จวินอู๋เหยาถามพลางยื่นมือออกไปจับมือเล็กๆของจวินอู๋เสีย และกุมเอาไว้ในมืออันอบอุ่นของเขา
มือเล็กๆของนางก็เหมือนตัวนาง เล็กและนุ่มนิ่ม แต่มีพลังที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ภายใน
“ใช่” จวินอู๋เสียพูดเบาๆ นางรู้ว่าเขาไม่อยากพูดเรื่องนั้นไปมากกว่านี้
และนางเองก็ไม่อยากฝืนใจเขา
ตอนที่ 1285 มาที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้ง (3)
จวินอู๋เหยายิ้ม รอยยิ้มของเขาในครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน เขายื่นมือออกไปกอดจวินอู๋เสีย อ้อมกอดที่นุ่มนวลอ่อนโยนของเขาโอบรอบร่างเล็กๆนั้น หัวใจของเขาพองโตด้วยความสุข
ในอดีตเขามีอำนาจเกียรติยศสูงส่งและครองตำแหน่งสูงสุดเหนือผู้คนทั้งอาณาจักรแล้วยังไง?
เคยมีสักครั้งไหมที่เขาได้รู้สึกอย่างที่รู้สึกในตอนนี้ ความรู้สึกที่เหมือน……เขาได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในโลก……ทุกอย่างเลย
เขาปรารถนาเหลือเกิน อยากจะให้เวลาหยุดลงที่ตรงนี้
จวินอู๋เหยาหรี่ตา ประกายเย็นเยียบผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา
การเดินทางไปยังผาสุดสวรรค์เป็นไปอย่างราบรื่นสงบสุข ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น นอกเหนือจากการเดินทาง สิ่งที่พวกเขาทำก็มีแค่หยุดพักเป็นครั้งคราวเพื่อพักผ่อน พวกเขาจะลงมาจากรถม้าและรวมตัวกันรอบกองไฟ
อากาศเปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้นเล็กน้อย ลมไม่เย็นจัดอีกต่อไป แม้ว่าอากาศจะยังเย็นอยู่ แต่มันก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว
เสี่ยวเจว๋ถูกพามาพร้อมกับจวินอู๋เสียและเพื่อนๆของนาง ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ดูเหมือนเด็กน้อยจะไว้วางใจในตัวจวินอู๋เสียเป็นอย่างมาก แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดบ่อยที่สุดในชีวิตประจำวันคือ “จิน……” แต่เมื่อไรก็ตามที่จวินอู๋เสียปรากฏตัวต่อหน้าเขา ดวงตาสีแดงของเขาก็จะจับจ้องอยู่ที่ร่างของจวินอู๋เสีย เหมือนสัตว์ตัวเล็กๆที่กลัวจะถูกทอดทิ้ง
แต่เนื่องจากรถม้าของจวินอู๋เสียถูกจวินอู๋เหยายึดครองไปแล้ว แม้ว่าเสี่ยวเจว๋จะยังไม่ค่อยเข้าใจอะไร แต่เขาก็ไม่กล้าขึ้นรถคันนั้น และต้องไปใช้รถม้าคันอื่นที่พวกเฉียวฉู่ใช้อย่างไม่มีทางเลือก
ตัวเลือกที่สองของเสี่ยวเจว๋ก็คือหรงรั่ว ดูเหมือนว่าหลังจากที่รู้ตัวว่าไม่สามารถอยู่กับจวินอู๋เสียได้ เขาก็ยื่นมือเล็กๆออกไปหาหรงรั่วเพื่อขอให้อุ้มทันที
แต่สุดท้าย……
เขาก็ถูกเฟยเหยียนอุ้มขึ้นมาไว้ที่ด้านหนึ่ง ไม่กล้าปล่อยให้เขาเข้าไปใกล้หรงรั่วแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเห็นมากี่ครั้งแล้ว พอเสี่ยวเจว๋อยากจะเข้าไปใกล้หรงรั่ว ก็จะถูกเฟยเหยียนดึงคอเสื้อเขาไปอีกด้านทันที เฉียวฉู่ที่เพิ่งลงมาจากรถม้าด้านหน้าอดหัวเราะออกมาดังๆไม่ได้
“นี่เหยียนเอ๋อร์ เจ้าต้องกังวลถึงขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าว่าเสี่ยวเจว๋ไม่อันตรายอะไรหรอก เขาอาจจะชอบเสี่ยวรั่วจริงๆก็ได้ ทำไมเจ้าต้องคอยระวังเหมือนเขาเป็นขโมยด้วย?” เฉียวฉู่พูด ไม่สามารถระงับรอยยิ้มขำของเขาได้ ตลอดการเดินทาง หลังจากเสี่ยวเจว๋ล้มเหลวทั้งสองครั้งในการไปเกาะติดอยู่กับจวินอู๋เสียและหรงรั่ว เขาก็ถูกทิ้งเอาไว้กับฟ่านจั๋ว ตอนนี้พวกเขามีโอกาสลงมาจากรถม้าเพื่อพักผ่อน เฟยเหยียนก็ยังคอยเฝ้าระวังเด็กน้อยคนนี้
เฟยเหยียนจ้องเฉียวฉู่ด้วยสายตาดุร้าย
ถ้าเสี่ยวเจว๋เป็นแค่เด็กธรรมดา เขาก็คงไม่กังวลมากขนาดนี้หรอก
แต่ทุกครั้งที่เด็กนั่นเห็นหรงรั่ว เขาก็จะพูดคำเดิมๆอยู่ตลอด “จินพี่ชาย”
สัตว์ประหลาดตัวน้อยที่สามารถเคี้ยวหินหยกได้แบบนั้น เขาจะกล้าปล่อยให้เจ้าเด็กที่เอาแต่คิดเรื่อง “จินพี่ชาย” ไปอยู่ตรงหน้าหรงรั่วได้ยังไง?
[จะยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!]
เกิดเขาเผลอขึ้นมา แล้วเจ้าเด็กนั่นกัดหรงรั่วเข้า ด้วยฟันของเจ้าเด็กนั่น เขาจะต้องกัดลึกเข้าไปถึงกระดูกของนางได้แน่ๆ!
“ไม่ต้องมายุ่ง!” เฟยเหยียนตะคอกใส่เฉียวฉู่ แล้วลดสายตาลงมองเสี่ยวเจว๋ที่เขากำลังอุ้มอยู่
เด็กน้อยมองมาที่เขาอย่างขลาดกลัว ดวงตาดูเศร้าและเต็มไปด้วยความกลัว มุมปากของเฟยเหยียนกระตุก ภายนอกเจ้าสัตว์ประหลาดน้อยนี่ก็ดูเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป แต่จวินอู๋เหยาเคยบอกแล้วเมื่อวันก่อน ถ้าพวกเขาต่อสู้กันจริงๆ ไม่มีใครในพวกเขาที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเด็กน้อยคนนี้ได้เลย
แม้ว่าเฟยเหยียนจะเห็นว่าเสี่ยวเจว๋น่าสงสาร แต่เขาก็ไม่ยอมให้ “ภรรยาในอนาคต” ของเขาต้องเผชิญกับความเสี่ยงเช่นนี้แน่
“เอ้า! ทำตัวดีๆ จำไว้ว่าห้ามไปหาพี่หรงรั่วเด็ดขาด เข้าใจไหม?” เฟยเหยียนดึงเอาถุงเล็กๆออกมา มีเสียงกระทบดังกรุ๊งกริ๊งอยู่ในถุง
ตอนที่ 1286 มาที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้ง (4)
เสี่ยวเจว๋กระพริบตาและเปิดถุงออกดู ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที
ข้างในถุงนั้นมีหินหยกที่ยังไม่ได้เจียระไนทุกขนาดทั้งใหญ่และเล็ก สำหรับเสี่ยวเจว๋ที่สนใจแต่แก่นวิญญาณของหินหยก จึงไม่สำคัญว่าหินหยกนั้นจะมีรูปลักษณ์เป็นยังไง
พอมีหินหยกหนึ่งถุงอยู่ในมือ แววตาเศร้าสร้อยของเสี่ยวเจว๋ก็หายไป เขากระโดดไปทางด้านหนึ่งแล้วเริ่มต้นเคี้ยว
หรงรั่วเฝ้าดูการกระทำของเฟยเหยียนแล้วได้แต่แอบส่ายหัวอย่างจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
“อีก 5 วันเราจะไปถึงผาสุดสวรรค์ ครั้งนี้เราจะไม่ตกอยู่ในสภาพทุเรศแบบคราวที่แล้วอีก” พวกเขานั่งอยู่รอบกองไฟ เฉียวฉู่พูดขึ้นพลางถูกำปั้น ดูเหมือนเขาทนรอที่จะปีนลงไปด้านล่างของผาสุดสวรรค์ไม่ไหวแล้ว
ประสบการณ์ครั้งที่แล้วกับผาสุดสวรรค์พูดได้ว่ามันได้ทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกให้แก่พวกเขา จนถึงเดี๋ยวนี้พวกเขาก็ยังไม่ลืมเรื่องของมันเลยสักอย่างเดียว
สถานที่นั้นเป็นเหมือนฝันที่เลวร้ายที่สุดที่กลายเป็นจริง ตอนนี้มีแผนที่ฉบับสมบูรณ์แล้ว โฉมหน้าที่แท้จริงของมันจึงได้เปิดเผยให้พวกเขาเห็น
“ราชอาณาจักรแห่งความมืดนี่สมชื่ออันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรกลางจริงๆ พวกเขาสามารถสร้างสุสานที่ซับซ้อนขนาดนั้นได้ ใครก็จินตนาการไม่ได้แน่” ฟ่านจั๋วพูดขณะหยิบเอาแผนที่ที่พวกเขาประกอบเข้าด้วยกันแล้วขึ้นมา แผนที่แปดส่วนที่สมบูรณ์ของด้านล่างผาสุดสวรรค์ได้เผยให้พวกเขาเห็นทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมอกลึกลับนั่น
อันตรายที่ราชอาณาจักรแห่งความมืดได้สร้างไว้รอบๆสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดนั้น มันเกินกว่าที่สิ่งที่พวกเขาได้เจอมาเมื่อครั้งที่แล้วซะอีก
แม้จะมีแผนที่อยู่ในมือ แต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้พวกเขาเหงื่อแตกพลั่กอยู่ดี ยิ่งแผนที่มีรายละเอียดมากเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดนั้นอันตรายมากแค่ไหน พวกเขาจินตนาการกันไม่ออกเลยว่า พ่อแม่ของพวกเขาต้องเสียสละกันไปมากแค่ไหนในครั้งนั้น กว่าจะพบที่ตั้งที่แน่นอนของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด
“จักรพรรดิแห่งความมืดเป็นเสาหลักของราชอาณาจักรแห่งความมืด แม้ว่าเขาจะตายไปหลายปีแล้ว แต่ราชอาณาจักรแห่งความมืดก็ยังนับถือเขาเป็นผู้นำสูงสุดอยู่ มีการกล่าวกันมานานแล้วว่าผู้คนในราชอาณาจักรแห่งความมืดเคารพจักรพรรดิแห่งความมืดจนเกือบจะคลั่งไคล้บูชา ตอนที่จักรพรรดิแห่งความมืดตาย ไม่มีความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นในราชอาณาจักรแห่งความมืดเลยสักนิด กองทัพราตรีที่จักรพรรดิแห่งความมืดสร้างขึ้นได้ส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่จักรพรรดิแห่งความมืดครอบครองตอนที่มีชีวิตอยู่ไปไว้ในสุสานเพื่อให้อยู่กับจักรพรรดิแห่งความมืด เรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นกับที่อื่นล่ะก็ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่” หรงรั่วพูดด้วยน้ำเสียงประทับใจ
ไม่ว่าจะเป็นราชาหรือผู้ปกครองสูงสุดของอะไรก็ตาม หลังจากพวกเขาตายไปแล้ว ลูกน้องของพวกเขาจะยังภักดีอยู่รึเปล่านั้น ไม่มีใครรู้ได้เลย การที่คนของเขาเอาทุกอย่างไปฝังไว้ใต้ดินโดยไม่เก็บซ่อนอะไรเอาไว้เลย และยังทุ่มเททั้งกำลังและความคิดอย่างเต็มที่เพื่อสร้างอุปสรรคมากมายนับไม่ถ้วน บารมีของชายคนนั้นและการอุทิศตัวที่คนของเขาทำให้เขา ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีได้
“ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าเคยได้ยินตำนานของราชอาณาจักรแห่งความมืดมาบ้าง ว่ากันว่าหลังจากที่จักรพรรดิแห่งความมืดตายไป ราชอาณาจักรแห่งความมืดก็เก็บตัวไม่ออกมาเคลื่อนไหวอะไรในอาณาจักรกลาง พวกเขาจะไม่ไปหาเรื่องใคร และก็ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องพวกเขาเช่นกัน แม้ว่าจักรพรรดิแห่งความมืดจะไม่อยู่แล้ว แต่กองทัพราตรีที่จักรพรรดิแห่งความมืดสร้างไว้ยังอยู่ในราชอาณาจักรแห่งความมืด ว่ากันว่าทุกคนในกองทัพราตรีเป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทาน ในกองทัพนั้นไม่ว่าใครก็มีฝีมือเทียบได้กับผู้อาวุโสของสิบสองวิหาร แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า” เมื่อได้ยินคนอื่นพูดคุยกัน เฉียวฉู่ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
หรงรั่วพยักหน้าเห็นด้วย สายตาหันไปมองที่จวินอู๋เหยาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่นางก็รีบหันกลับมาอย่างรวดเร็วและพูดต่อว่า “เป็นเรื่องจริง จักรพรรดิแห่งความมืดมีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือทุกคนในอาณาจักรกลาง กองทัพราตรีที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาสร้างความหวาดกลัวเอาไว้ในใจของผู้คน กล่าวกันว่าเมื่อกองทัพราตรีเคลื่อนพล ทุกคนจะถอยกลับ ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับพวกเขา”
ตอนที่ 1287 มาที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้ง (5)
“เหตุผลที่สิบสองวิหารต้องแอบค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดก็เพราะกองทัพราตรีนี่แหละ กองทัพราตรีจงรักภักดีต่อจักรพรรดิแห่งความมืดเพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้าพวกเขารู้ว่าสิบสองวิหารจ้องจะเอาสมบัติในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดล่ะก็ พวกเขาต้องออกจากรังมาทำลายพวกนั้นแน่ๆ ข้าคิดว่าแม้แต่สิบสองวิหารก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับกองทัพราตรีตรงๆหรอก” หรงรั่วพูด
ราชอาณาจักรแห่งความมืดเป็นตำนานแม้กระทั่งในอาณาจักรกลาง และคนที่สร้างตำนานนี้ขึ้นมาก็คือจักรพรรดิแห่งความมืด
ชายผู้มีอำนาจมากจนทำให้ทุกคนทั่วอาณาจักรกลางต้องก้มหัวคำนับเรียกขานเขาว่าจักรพรรดิ!
“อึก……พวกเจ้าว่า ถ้ากองทัพราตรีรู้ว่าพวกเราบุกเข้าไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด พวกเขาจะ……” เฉียวฉู่พูดพร้อมกับกลืนน้ำลายเสียงดัง เขายกมือขึ้นทำท่าปาดคอตัวเอง
เผชิญหน้ากับสิบสองวิหาร พวกเขาไม่กลัว แต่ถ้าเป็นกองทัพราตรี……
“เรามาถึงจุดที่คิดมากเกินไปไม่ได้แล้ว แค่ระมัดระวังในทุกๆฝีก้าวให้ดีก็แล้วกัน” ฮัวเหยาพูดพร้อมกับถอนใจ ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับกองทัพราตรีเลย
ดวงตาของจวินอู๋เสียเข้มขึ้นเล็กน้อย นางไม่รู้จักอาณาจักรกลางดีนัก แต่จากที่เฉียวฉู่กับคนอื่นๆพูด ก็บอกได้ไม่ยากว่ากองทัพราตรีนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
จวินอู๋เหยามองสีหน้ากังวลของจวินอู๋เสีย ในแววตาของเขามีประกายรอยยิ้มอยู่บางๆ
เย่เหม่ยกับเย่ฉายืนเงียบอยู่ด้านข้าง พยายามระงับความภาคภูมิใจในใจของพวกเขา
[เจ้าเด็กน้อยทุกคน พวกเจ้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลว่าราชอาณาจักรแห่งความมืดหรือกองทัพราตรีจะมาแก้แค้นเลยสักนิด!]
[ก็จักรพรรดิแห่งความมืดเป็นคนพาพวกเจ้าไปขุดสุสานของ ‘เขา’ ด้วยตัวเอง! ต่อให้ราชอาณาจักรแห่งความมืดรู้เรื่องนี้เข้า ก็ไม่มีใครทำอะไรพวกเจ้าหรอก พวกเขาจะโห่ร้องยินดีต้อนรับนายท่านเจว๋กลับราชอาณาจักรด้วยความดีใจอย่างที่สุดต่างหาก!]
[นอกจากนั้น มีนายท่านเจว๋อยู่ด้วย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้าไปในสุสานเลย ต่อให้พวกเจ้ากวาดสมบัติออกมาจนหมดเกลี้ยง ก็ไม่มีใครในราชอาณาจักรแห่งความมืดกล้าเอ่ยปากสักคำเดียว!]
ชายสองคนที่รู้ความจริงเบื้องหลังทั้งหมด ไม่กล้าที่จะพูดอะไรเลยสักคำ ได้แต่เก็บมันเอาไว้กับตัว อึดอัดจนเกือบจะบาดเจ็บภายในอยู่แล้ว
พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าในใจของนายท่านเจว๋ของพวกเขาเป็นยังไงขณะที่พาคุณหนูและเพื่อนๆของนางไปขุดสุสานของตัวเอง……
ทั้งสองไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปิดปากเงียบ พยายามระงับความรู้สึกในใจ
หลังจากพักผ่อนสั้นๆ ทุกคนก็กลับขึ้นไปบนรถม้าเพื่อเดินทางต่อไปยังผาสุดสวรรค์ ห้าวันผ่านไปในพริบตา พวกเขาได้มาถึงผาสุดสวรรค์อีกครั้ง มันแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างมาก
ที่หน้าผาสูงชันด้านหลังป่าทึบ มีกลิ่นเลือดคาวคลุ้งโชยอยู่ในอากาศ กลิ่นคาวเลือดแรงมากจนแทบหายใจไม่ออก พื้นดินเปลี่ยนเป็นสีแดงจากเลือดที่ไหลออกมา ศพคนกระจัดกระจายไปทั่ว เสียงการต่อสู้ยังดังอยู่ที่ขอบหน้าผาอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นเลือดทำให้ม้าที่กำลังวิ่งอยู่รู้สึกถึงอันตราย พวกมันจึงชะลอความเร็วลง
ความเร็วของรถม้าช้าลงจนกลายเป็นคลาน จวินอู๋เสียที่งีบหลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมา นางลืมตาขึ้นเล็กน้อย กลิ่นเลือดรุนแรงโชยเข้าจมูกนางทันที นางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ตื่นแล้วหรือ?” จวินอู๋เหยาดูราวกับไม่ได้รับรู้อะไรที่อยู่ข้างนอกเลย เขามองจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้ม
“เกิดอะไรบางอย่างที่ข้างนอก” จวินอู๋เสียพูด กลิ่นเลือดเป็นกลิ่นที่นางคุ้นเคย
“ให้เย่ฉากับเย่เหม่ยไปจัดการก็ได้” จวินอู๋เหยาพูดยิ้มๆ หลังจากลงไปที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์ พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้พักผ่อนมากนัก และเขาไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาขัดขวางการพักผ่อนของจวินอู๋เสีย
เย่ฉากับเย่เหม่ยที่อยู่ด้านนอกรถม้าไปสำรวจสถานการณ์ทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง ไม่นานพวกเขาก็กลับมา
แต่สีหน้าของเย่ฉานั้นดูราวกับปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
“คนสองกลุ่มจากสิบสองวิหารกำลังต่อสู้กันอยู่ข้างหน้าขอรับ” เย่เหม่ยรายงานอย่างเคร่งขรึม
ตอนที่ 1288 มาที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้ง (6)
“สิบสองวิหาร” ดวงตาของจวินอู๋เหยาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นเยียบ “เห็นรึเปล่าว่ามาจากวิหารไหน?”
เมื่อได้ยินชื่อสิบสองวิหาร แววตาของจวินอู๋เสียก็เย็นชาขึ้นเช่นกัน
สิบสองวิหารค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งมืดมาตลอด และที่ตั้งของผาสุดสวรรค์ก็ถูกเปิดเผยแล้ว ไม่ว่าจะมีแผนที่หรือไม่ก็ตาม เหล่าวิหารพวกนั้นก็จะส่งคนมาค้นหาที่ผาสุดสวรรค์อยู่ดี กองกระดูกจำนวนมากที่พวกเขาเคยเห็นก็เป็นของคนพวกนี้ไม่ใช่หรือ?
เย่เหม่ยเงียบไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่เย่ฉาซึ่งมีปฏิกิริยาแปลกๆก่อนจะพูดว่า “ฝ่ายหนึ่งคือวิหารแห่งชีวิต ส่วนอีกฝ่ายคือ……วิหารปีศาจเพลิงขอรับ”
เมื่อชื่อ วิหารปีศาจเพลิง ถูกเอ่ยออกมา จวินอู๋เสียก็ตกใจทันที!
วิหารปีศาจเพลิง……
ย้อนกลับไปที่หุบเขาเมฆา ชายสองคนที่อยากได้ภูติประจำตัวของนางก็มาจากวิหารปีศาจเพลิงไม่ใช่หรือ? เหตุการณ์นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่จวินอู๋เสียเสียท่ามากที่สุดตั้งแต่นางมาเกิดใหม่เลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่นางได้ลิ้มรสชาติความแข็งแกร่งของอาณาจักรกลาง และเกือบทำให้นางต้องเสียชีวิตที่หุบเขาเมฆาแล้ว
ยิ่งกว่านั้น เย่ฉาในตอนนั้นก็เสียสละระเบิดตัวเองเพื่อปกป้องนางเอาไว้ด้วย!
จวินอู๋เสียเข้าใจแล้วว่าทำไมเย่ฉาจึงมีสีหน้าเย็นชาแบบนั้น
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์ เจ้านึกอะไรได้งั้นหรือ?” จวินอู๋เหยาหันหน้ามามองจวินอู๋เสีย คำว่าวิหารปีศาจเพลิงก็ทิ้งความประทับใจเอาไว้ให้เขาเช่นเดียวกัน
จวินอู๋เสียหรี่ตา กำหมัดแน่น
ทันใดนั้น มือที่กำแน่นของนางก็ถูกมืออันอบอุ่นข้างหนึ่งกุมเอาไว้
“ให้ข้าจัดการเอง” เสียงของจวินอู๋เหยาดังขึ้นที่ข้างหูนาง
จวินอู๋เสียเงยหน้ามองจวินอู๋เหยา
“ข้าเข้าใจว่าเสี่ยวเสียเอ๋อร์อยากแก้แค้น แต่เรากำลังจะลงไปที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์ เจ้าจะสิ้นเปลืองพลังไปกับพวกขยะอย่างนั้นทำไม?” จวินอู๋เหยาเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก มืออีกข้างของเขาลูบหัวจวินอู๋เสียอย่างอ่อนโยน
“ข้าอยากทำเอง” จวินอู๋เสียพูดพลางหรี่ตา นางยังจำความอัปยศอดสูที่ได้รับตอนอยู่ที่หุบเขาเมฆาได้ไม่ลืมจนถึงวันนี้ ถ้าเย่ฉาไม่เลือกที่จะระเบิดตัวเองในตอนนั้น คนที่จะตายอยู่ที่หุบเขาเมฆาในวันนั้นก็คือนาง
ในตอนนั้นนางกระจอกยิ่งกว่ามดแมลงในสายตาของคนจากอาณาจักรกลาง แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
นางอยากชำระหนี้แค้นในครั้งนั้น!
แต่จวินอู๋เหยากลับส่ายหน้าและเกลี้ยกล่อมต่อไปว่า “เด็กดี คราวนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาด้วยความงุนงง นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เหยาเกลี้ยกล่อมนางไม่ให้ทำด้วยตัวเอง
จวินอู๋เหยาหรี่ตามองผมสีดำยาวของจวินอู๋เสีย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “วิธีของเสี่ยวเสียเอ๋อร์อ่อนโยนเกินไป คนที่เคยทำร้ายเจ้า ข้าไม่อยากให้พวกมันตายง่ายเกินไปนัก นอกจากนั้น ข้าไม่อยากให้เจ้าใช้ยาพิษที่เจ้าทำขึ้นมาด้วยมือตัวเองกับคนแบบนั้น มันเสียของ”
ต่อให้เป็นยาพิษ ตราบใดที่นางเป็นคนทำขึ้นมา เขาก็เต็มใจกิน ไม่มีทางเอาของดีๆแบบนั้นให้พวกแมลงจากวิหารปีศาจเพลิงหรอก
จวินอู๋เสียอึ้ง เขาเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยที่พูดว่า……วิธีของนาง “อ่อนโยนเกินไป”
เมื่อไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของจวินอู๋เหยาได้ จวินอู๋เสียก็พยักหน้าตกลง จวินอู๋เหยาจูบเบาๆที่หน้าผากของนาง แล้วหายตัวไปทันที เย่ฉากับเย่เหม่ยก็พุ่งไปด้านหน้าและหายวับไปอย่างรวดเร็ว!
เฉียวฉู่กับคนอื่นๆออกมาจากรถม้าของพวกเขาและได้ยินบทสนทนาของเย่ฉากับจวินอู๋เหยา ใบหน้าของเฉียวฉู่และฮัวเหยาไม่น่ามองขึ้นมาทันที
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหุบเขาเมฆานั้นน่ากลัวเกินไป!
“เกิดอะไรขึ้น……” ฟ่านจั๋วถามขณะที่พาเสี่ยวเจว๋ลงมาจากรถม้า เสี่ยวเจว๋เพิ่งลงถึงพื้นก็เห็นว่าจวินอู๋เหยาไม่ได้อยู่กับจวินอู๋เสีย ขาสั้นๆของเขาวิ่งเข้าไปหาจวินอู๋เสียทันที เขากระโดดเกาะเอวจวินอู๋เสียและเรียกออกมาด้วยเสียงน่ารักว่า “พี่ชายตัวน้อย”
ตอนที่ 1289 มาที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้ง (7)
นอกจากฟ่านจั๋ว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีเลย ฟ่านจั๋วรู้ตัวทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
“มีคนจากสิบสองวิหารอยู่ที่ผาสุดสวรรค์” เฟยเหยียนกัดฟันพูด
“โลกมันกลมจริง! อยากรู้จังว่าไอ้เลว 2 คนที่เจอในหุบเขาเมฆาอยู่ที่นั่นด้วยรึเปล่า ถ้าอยู่ ข้าอยากจะแก้แค้นให้กับความอัปยศที่พวกเราได้รับเมื่อคราวก่อนจริงๆ!” เฉียวฉู่พูดพลางกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบ แม้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็รอดมาได้ด้วยการสละชีวิตของเย่ฉา
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเย่ฉาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ยังไง แต่สำหรับลูกผู้ชายคนหนึ่งแล้ว การซ่อนอยู่หลังผู้อื่นเหมือนคนขี้ขลาดนั้นเป็นความอัปยศอดสูที่พวกเขารับไม่ได้!
“มีเรื่องอะไรกันหรือ?” ฟ่านจั๋วถามอย่างสับสนยิ่งกว่าเดิม
เฟยเหยียนกับหรงรั่วรู้ดีเรื่องที่จวินอู๋เสีย เฉียวฉู่ และฮัวเหยาเจอในหุบเขาเมฆา แต่ฟ่านจั๋วไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้พวกเขาได้มาเจอกับคนจากวิหารปีศาจเพลิง หรงรั่วอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟ่านจั๋วฟัง
สีหน้าของฟ่านจั๋วเปลี่ยนเป็นโมโหทันที
“สิบสองวิหารนับวันยิ่งกำแหงมากขึ้นทุกที!”
“ความสัมพันธ์ระหว่างเก้าอารามกับสิบสองวิหารค่อนข้างบอบบาง สี่พรรคเองก็มักจะถอนตัวออกจากความขัดแย้งเสมอ ตอนที่ราชอาณาจักรแห่งความมืดหยุดเกี่ยวข้องกับเรื่องของอาณาจักรกลาง คนที่ดีใจมากที่สุดก็คือสิบสองวิหาร คิดว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสควบคุมทุกอย่างไหมล่ะ?” เฟยเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ในขณะที่พวกผู้เยาว์พูดคุยกัน ไม่มีใครสังเกตเลยสักคนว่าเสี่ยวเจว๋ที่จวินอู๋เสียอุ้มอยู่กำลังมองมาที่พวกเขา คำพูดทุกคำของพวกเขาลอยเข้าหูของเด็กชาย ดวงตาสีแดงของเขามีประกายแปลกๆ
“พี่ชายตัวน้อย เจ็บไหม?” เสี่ยวเจว๋เงยหน้ามองจวินอู๋เสียด้วยแววตาเสียใจ
จวินอู๋เสียตอบว่า “ไม่เจ็บแล้วล่ะ”
เสี่ยวเจว๋ก้มหน้า ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ วิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์ จะสามารถเข้าใจที่หรงรั่วพูดทั้งหมดรึเปล่าก็ไม่รู้
………………………….
ที่ด้านบนของผาสุดสวรรค์ คนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันอยู่ แสงจากพลังวิญญาณสีม่วงส่องสว่างอยู่ในอากาศ!
กลิ่นคาวเลือดยิ่งรุนแรงขึ้น มีผู้เสียชีวิตจากทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ว่าจะล้มตายกันไปมากเท่าไร พวกเขาก็ไม่คิดจะหยุดเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ที่ดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป
“เจ้าพวกวิหารปีศาจเพลิง อวดดีเกินไปแล้ว คิดว่าวิหารแห่งชีวิตจะไม่มีใครเหลือแล้วรึไง!?” ชายคนหนึ่งถูกฝ่ามือซัดกระเด็นถอยหลังไป เขากุมหน้าอกหน้าซีด จ้องมองไปที่ชายซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเทาตรงหน้าเขา
ชายชุดเทายืนเอามือไขว้หลัง สายตาเย็นชาของเขาทอแววดูถูกเหยียดหยาม
ชายในชุดสีเขียวที่ยืนอยู่ด้านหลังชายชุดเทาพูดเย้ยหยันขึ้นว่า “พวกเจ้าจะมีกี่คนก็เข้ามา! วิหารปีศาจเพลิงไม่กลัวพวกเจ้าหรอก!”
คนสองกลุ่มจากวิหารปีศาจเพลิงและวิหารแห่งชีวิตมาเจอกันที่ผาสุดสวรรค์ จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนมาก คนจากวิหารแห่งชีวิตคิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงไม่อยากสร้างเรื่องก่อปัญหาเหมือนกับพวกเขา ไม่คิดเลยว่าทันทีที่เจอกัน คนจากวิหารปีศาจเพลิงก็โจมตีพวกเขาทันที พวกเขาโจมตีอย่างดุเดือด การโจมตีทุกครั้งล้วนอันตรายถึงตาย คนจากวิหารแห่งชีวิตที่ไม่ได้เตรียมตัวจึงต้องดิ้นรนป้องกันตัวเองอย่างยากลำบาก!
สิ่งที่ทำให้แย่กว่าเดิมก็คือ ชายชุดเทาจากวิหารปีศาจเพลิงนั้นแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว!
ทั้งสองฝ่ายต่างมีจำนวนคนใกล้เคียงกัน ความแข็งแกร่งโดยรวมก็เท่าๆกัน แต่วิหารปีศาจเพลิงมีชายชุดเทาที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แค่พลังของเขาคนเดียวก็กำจัดคนจากวิหารแห่งชีวิตไปได้จำนวนมาก ทำให้คนจากวิหารแห่งชีวิตต้องกลับมาเป็นฝ่ายป้องกันอีกครั้ง
เมื่อมองดูจำนวนคนที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ หัวหน้ากลุ่มจากวิหารแห่งชีวิตก็เริ่มกระวนกระวายมากขึ้น
“เฮอะ! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามีหนึ่งในผู้อาวุโสอยู่ด้วย คิดเหรอว่าเจ้าจะสามารถรั้งพวกเราไว้ได้?!”
ตอนที่ 1290 มาที่ผาสุดสวรรค์อีกครั้ง (8)
ชายชุดเขียวเลิกคิ้วมองชายที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ แล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “เรื่องนี้เจ้าโทษคนอื่นไม่ได้หรอก ไปโทษผู้อาวุโสของเจ้าที่ไม่อยู่กับพวกเจ้าเถอะ ผู้อาวุโสฮุยใส่ใจเราทุกคนในวิหารปีศาจเพลิง และสำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ เขาย่อมมากับเราอยู่แล้ว”
คนจากวิหารแห่งชีวิตยังคงจ้องชายชุดเขียวและอยากจะกระโจนเข้าไปฉีกชายคนนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“แม้ว่าวิหารแห่งชีวิตกับวิหารปีศาจเพลิงจะไม่ใช่พันธมิตร แต่เราก็ไม่เคยเป็นศัตรูกัน ทำไมผู้อาวุโสฮุยถึงโจมตีพวกเราอย่างโหดร้ายเช่นนี้?” เขาได้แต่หวังว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสฮุยได้ หากยังคงสู้กันต่อไปล่ะก็ พวกเขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
ผู้อาวุโสฮุยมองชายคนนั้นอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรสักคำ ราวกับไม่อยากจะเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับเขา
กลับเป็นชายชุดเขียวที่พูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะว่า “ไม่เคยเป็นศัตรู? เจ้าคิดว่าพวกเราไม่รู้เรื่องรึไง? ตอนที่วิหารแห่งชีวิตไม่สามารถค้นหาที่ตั้งของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดได้ พวกเจ้าก็วางแผนจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งแผนที่ที่อยู่ในมือวิหารทั้งเจ็ด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ พวกเจ้าได้ลงมือเคลื่อนไหวในอาณาจักรล่างไปไม่น้อยเลย”
ชายจากวิหารแห่งชีวิตตกตะลึง แววตามีพิรุธเล็กน้อย
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดหายากเกินไปจริงๆ ยอดฝีมือมากมายที่ถูกส่งมาที่นี่ในตอนแรกไม่ได้กลับไปเลยสักคน แต่อีก 7 วิหารได้ชิ้นส่วนแผนที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดไป นั่นสร้างความกดดันให้วิหารแห่งชีวิตเป็นอย่างมาก สิบสองวิหารมีพลังอำนาจค่อนข้างใกล้เคียงกันแบบหายใจรดต้นคอกันมาตลอด แต่ทุกวิหารล้วนพยายามพลิกสถานการณ์และอยากจะมีอำนาจเหนือสิบสองวิหารมาตลอด
ทรัพย์สมบัติและของวิเศษที่ถูกฝังอยู่ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดก็คือโอกาสเดียวสำหรับพวกเขาทั้งหมด!
“ก็ไม่ได้แปลกใจที่พวกเจ้ามีความคิดเช่นนั้นนะ แต่ในเรื่องที่พวกเจ้าไม่ควรทำทั้งหมดนั่น เจ้าไม่ควรเลือกสู้กับวิหารปีศาจเพลิงของเราเลย” ชายชุดเขียวพูดพร้อมสายตาลุกวาว!
“เจ้าพูดเรื่องอะไร?” ชายจากวิหารแห่งชีวิตถามด้วยความประหลาดใจ
ชายชุดเขียวพูดว่า “วิหารปีศาจเพลิงมอบชิ้นส่วนแผนที่ของเราให้กับพรรคชิงอวิ๋นในอาณาจักรล่าง แต่จู่ๆพรรคชิงอวิ๋นก็โดนกำจัดจนหมดโดยใครบางคนในชั่วพริบตา และวิธีการที่ใช้ก็เหมือนกับผลจากยาพิษที่วิหารแห่งชีวิตใช้ เจ้าคิดว่าเราจะไม่กล้าทำอะไรรึไง? เจ้ากล้ายึดทรัพย์สินของวิหารปีศาจเพลิง เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
ในวันนั้น ชายชุดเขียวกับผู้อาวุโสฮุยได้เดินทางไปที่หุบเขาเมฆา และไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปที่อาณาจักรกลาง ไม่คิดเลยว่าพอพวกเขากลับมาที่หุบเขาเมฆาอีกครั้ง ก็พบว่าเบี้ยที่พวกเขาเลือกไว้ พรรคชิงอวิ๋น ได้ถูกกำจัดจนหมดสิ้นในเวลาอันสั้น ศิษย์ทุกคนในพรรคถูกวางยาพิษทั้งหมด!
ในตอนแรกที่วิหารปีศาจเพลิงเลือกพรรคชิงอวิ๋นก็เพราะพรรคชิงอวิ๋นเป็นกองกำลังที่มีความมั่นคงสูงและเป็นที่เคารพนับถือในอาณาจักรล่าง ไม่มีใครสั่นคลอนได้ แต่แล้วพรรคชิงอวิ๋นก็ถูกทำลายจนสิ้น แผนที่ที่พวกเขาทิ้งไว้กับพรรคชิงอวิ๋นก็หายไป!
ถามหน่อยเถอะ พรรคชิงอวิ๋นเป็นพรรคที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มากที่สุดในอาณาจักรล่าง แล้วจะมีใครในอาณาจักรล่างกำจัดพวกเขาจนหมดได้แบบนั้น?
ในบรรดาสิบสองวิหาร นอกจากวิหารแห่งชีวิตที่มีชื่อเสียงเรื่องยาพิษที่สุด พวกเขาก็นึกถึงคนอื่นไม่ออกแล้ว!
การทำลายพรรคชิงอวิ๋นหมดทั้งพรรคไม่ใช่สิ่งที่คนจากอาณาจักรล่างจะทำได้ วิหารปีศาจเพลิงจึงเล็งเป้าไปที่วิหารแห่งชีวิตทันที!
ตอนนี้พวกเขาได้เจอคนพวกนั้นแล้ว พวกเขาจะปล่อยให้คนจากวิหารแห่งชีวิตรอดไปได้ยังไง?
ชายจากวิหารแห่งชีวิตอ้าปากค้างตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด! ถ้าวิหารแห่งชีวิตได้แผนที่ไปแล้ว เขาจะไม่รู้อะไรเลยได้ยังไง? นี่เป็นการเข้าใจผิดกันชัดๆ!
แต่ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากอธิบาย ร่างสูงเพรียวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม!
ตอนที่ 1291 ชำระแค้น (1)
“เจ้าเป็นใคร!?” ชายชุดเขียวถามพร้อมกับขมวดคิ้วมองจวินอู๋เหยาที่จู่ๆก็โผล่มา เขาคิดเอาว่าชายคนนี้คงเป็นคนจากอาณาจักรล่าง พลังวิญญาณสีม่วงของเขาแผ่กระจายออกมา เตรียมที่จะจัดการชายที่เข้ามาขวางทางพวกเขา
แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือ ผู้อาวุโสฮุยที่ยืนอยู่ข้างๆก็กดบ่าเขาเอาไว้
“ผู้อาวุโสฮุย?” ชายชุดเขียวเอ่ยถามด้วยความงุนงงพร้อมกับมองไปที่ผู้อาวุโสฮุย
ผู้อาวุโสฮุยหรี่ตา จ้องมองไปที่จวินอู๋เหยาเขม็ง
“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม” ผู้อาวุโสฮุยพูดด้วยเสียงเย็นชา
“ทำไม?” ชายชุดเขียวสับสน ขนาดคนจากวิหารแห่งชีวิต พวกเขายังฆ่าทันทีที่เจอ กะอีแค่คนจากอาณาจักรล่างคนเดียว ทำไมผู้อาวุโสฮุยถึงห้ามไม่ให้เขาลงมือ?
“ดูนั่น” ผู้อาวุโสฮุยยื่นคางชี้ ดวงตาของชายชุดเขียวมองตามไป สายตาของเขาเคลื่อนจากใบหน้าของจวินอู๋เหยาลงไปที่เท้าของเขา!
ทันใดนั้น เขาก็เห็นว่าเท้าของจวินอู๋เหยาไม่ได้สัมผัสพื้นดิน แต่เขาลอยอยู่เหนือพื้นประมาณหนึ่งฝ่ามือ
มองทีเดียว ชายชุดเขียวก็เหงื่อแตกพลั่กทันที
คนจากวิหารแห่งชีวิตหอบอย่างหนัก เขามองไปที่จวินอู๋เหยาและสังเกตเห็นปรากฏการณ์แปลกๆของจวินอู๋เหยาเข้า
ก็เหมือนกับชายชุดเขียว เขาตกตะลึงพรึงเพริดไม่ต่างกัน!
การลอยตัวนั้นมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์เท่านั้นที่จะทำได้ ทั่วทั้งสิบสองวิหาร นอกจากประมุขของสิบสองวิหารแล้ว ก็ไม่มีใครทำได้อีก แถมประมุขของสิบสองวิหารทุกคนก็ทำได้แค่ลอยตัวเพียงช่วงเวลาสั้นๆ มันต้องใช้การตั้งสมาธิรวบรวมพลังวิญญาณไปไว้ที่เท้าเพื่อให้ลอยตัวอยู่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ชายตรงหน้าพวกเขากลับใช้มันแทนการเดิน และที่ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีกคือเขาไม่สามารถตรวจจับพลังวิญญาณจากชายคนนั้นได้เลยแม้แต่น้อย
คนจากวิหารปีศาจเพลิงและวิหารแห่งชีวิตตระหนักได้แทบจะในทันทีนั้น ไม่ว่าชายตรงหน้าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม พลังอำนาจของเขาก็เหนือกว่าประมุขวิหารของพวกเขาเองซะอีก!
นี่มากพอจะทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้แล้ว
แม้ว่าประมุขสิบสองวิหารในอาณาจักรกลางจะไม่ได้ถือว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่ก็นับเป็นยอดฝีมือชั้นหัวกะทิ มีคนไม่มากหรอกที่จะเอาชนะพวกเขาได้ และใครก็ตามที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ก็ย่อมจะมีภูมิหลังที่ทรงอำนาจเช่นกัน
ตอนนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นคนจากวิหารปีศาจเพลิงหรือวิหารแห่งชีวิต ต่างก็ไม่โง่พอที่จะท้าทายจวินอู๋เหยา
เสียงการปะทะกันของอาวุธที่ดังไปทั่วบริเวณเมื่อครู่ก่อนเงียบกริบลงทันทีที่จวินอู๋เหยาปรากฏตัว
“ไม่ทราบว่าท่านผู้นี้เป็นใคร? วันนี้วิหารปีศาจเพลิงต้องจัดการเรื่องส่วนตัวสักเล็กน้อย ถ้าพวกเราล่วงเกินท่าน โปรดอภัยให้เราด้วย” ผู้อาวุโสฮุยที่เย็นชาและหยิ่งยโสเปลี่ยนท่าทีเป็นเคารพยำเกรงทันที น้ำเสียงของเขาสุภาพมาก
ใบหน้าของจวินอู๋เหยามีรอยยิ้มชั่วร้าย เขากวาดตามองคนจากวิหารปีศาจเพลิงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ความเงียบของเขาทำให้คนที่ยืนอยู่บนผาสุดสวรรค์ยิ่งกระวนกระวายกันมากขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน เย่เหม่ยกับเย่ฉาก็ตามมาทัน พวกเขามายืนขนาบข้างจวินอู๋เหยา
แต่พอเย่ฉาและเย่เหม่ยปรากฏตัว ชายชุดเขียวและผู้อาวุโสฮุยก็สีหน้าเปลี่ยนทันที!
ชายชุดดำคนนั้นคือคนที่ระเบิดตัวเองที่หุบเขาเมฆาไม่ใช่หรือ? เขาระเบิดตัวตายไม่เหลือซากไปแล้วนี่ ทำไม……ถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ?
ชายชุดเขียวตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขาพยายามที่จะบอกตัวเองว่าชายที่เขาเห็นไม่ใช่คนเดียวกับที่เขาเจอที่หุบเขาเมฆา แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ใบหน้าของชายคนนั้นก็เหมือนกับคนที่เขาเจอที่หุบเขาเมฆา! แม้แต่เสื้อผ้าและท่าทางก็ยังเหมือนกัน!
และสิ่งที่ทำให้เขากลัวมากขึ้นก็คือ ประโยคที่จวินอู๋เหยาถามชายคนนั้น!
ตอนที่ 1292 ชำระแค้น (2)
“สองคนนั้นหรือ?” จวินอู๋เหยาถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ
คำถามของจวินอู๋เหยาทำให้ชายชุดเขียวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เหงื่อออกทั่วร่าง
[สองคนนั้น!]
[สองคนไหน?]
คำถามนั้นทำให้ชายชุดเขียวนึกถึงตอนที่เขากับผู้อาวุโสฮุยโจมตีเย่ฉาทันที!
เย่ฉาเงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตาเย็นเยียบดุร้ายกวาดมองชายชุดเขียวและผู้อาวุโสฮุยก่อนจะพูดว่า “นั่นขอรับ” พร้อมกับพูด เขายกมือขึ้นชี้ไปที่ชายชุดเขียวกับผู้อาวุโสฮุย
พอเย่ฉาชี้นิ้วมาที่พวกเขา หัวใจของชายชุดเขียวกับผู้อาวุโสฮุยก็หล่นวูบลงเหวลึกทันที พวกเขาหันไปมองจวินอู๋เหยาโดยไม่ได้ตั้งใจ และเห็นว่ามุมปากของจวินอู๋เหยาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายเย็นชา รอยยิ้มที่ทำให้พวกเขาสั่นจนถึงกระดูก
“นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด! โปรดฟังเราอธิบายก่อน!” ชายชุดเขียวรีบพูดด้วยความกลัวจับใจ ไม่รู้ทำไม สายตาของจวินอู๋เหยาถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาต้องตายแน่ ความกลัวที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนกระจายไปทั่วร่าง ทำให้เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย
“โอ้?” จวินอู๋เหยาเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มที่มุมปากไม่เคยจางหาย ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รีบร้อนลงมือ
คำตอบพยางค์เดียวของจวินอู๋เหยา ทำให้ชายชุดเขียวรู้สึกเหมือนว่าได้เจอกับแสงแห่งความหวังสุดท้ายที่จะรอดชีวิต
“เรา……เราแค่อยากจับผู้เยาว์ที่มีภูติพฤกษา ไม่ได้ตั้งใจจะสร้างปัญหาให้พี่ชายท่านนี้เลยสักนิด ไม่ได้อยากทำร้ายเขาเลยด้วย! วันนั้น……วันนั้น ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสฮุยจะทำร้ายเขา แต่เราก็ไม่เคยคิดจะเอาชีวิตเขาเลย แค่อยากหยุดเขาไม่ให้มายุ่งกับภารกิจของเราเท่านั้น……” ชายชุดเขียวพูดเสียงสั่น ไม่เหมือนคนหยิ่งยโสอย่างตอนที่คุยกับคนจากวิหารแห่งชีวิตเลย
จวินอู๋เหยามองเขายิ้มๆ
ชายชุดเขียวไม่สามารถหยั่งได้ว่าจวินอู๋เหยาคิดอะไรอยู่ เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
สีหน้าของผู้อาวุโสฮุยบิดเบี้ยวไม่น่ามองเอามากๆ
จวินอู๋เหยานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดพร้อมหัวเราะว่า “ที่เจ้าพูดมา วันนั้นพวกเจ้าตั้งใจจะฆ่าผู้เยาว์ที่ครอบครองภูติพฤกษาเท่านั้นซินะ?”
ชายชุดเขียวคิดว่าเขาเจอช่องทางที่จะพลิกสถานการณ์ได้แล้ว จึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว เป้าหมายของเรามีแค่จับภูติพฤกษานั่นมาเท่านั้น เราไม่ได้อยากทำร้ายผู้บริสุทธิ์ วิหารปีศาจเพลิงไม่อนุญาตให้เราลงมือตามใจชอบ แต่พี่ชายท่านนี้ก็เลือกที่จะระเบิดตัวเองในวันนั้น……” ตอนนี้ชายชุดเขียวกังวลใจอยากแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนน่ากลัวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคนนี้
เมื่อได้ยินคำอธิบายของชายชุดเขียว คนจากวิหารแห่งชีวิตก็ยิ้มเยาะ
“วิหารปีศาจเพลิงไม่อนุญาตให้เจ้าลงมือตามใจชอบหรือ? นั่นเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมาเลย! วิหารปีศาจเพลิงหยิ่งผยองอวดดีมาตลอด นั่นเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วอาณาจักรกลาง ทำไมพี่ชายท่านนี้ถึงเลือกระเบิดตัวเองล่ะ? ถ้าพวกเจ้าไม่ต้อนเขาจนมุม เขาจะเลือกทำแบบนั้นไปทำไม!” คนจากวิหารแห่งชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม แม้ว่าเขาจะสู้คนจากวิหารปีศาจเพลิงไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เห็นได้ชัดว่าชายลึกลับที่ไม่รู้ที่มาที่ไปผู้นี้มีความขัดแย้งบางอย่างกับชายสองคนจากวิหารปีศาจเพลิง เขาย่อมไม่พลาดโอกาสทองที่จะเติมน้ำมันลงไปในกองเพลิง
ถ้าเขาทำให้ชายคนนั้นโกรธได้มากพอที่จะกำจัดคนจากวิหารปีศาจเพลิง พวกเขาก็จะรอดจากวิกฤตครั้งนี้
ชายชุดเขียวพยายามอย่างหนักที่จะทำให้คนน่ากลัวนั้นระงับโทสะลง เมื่อเขาเห็นคนจากวิหารแห่งชีวิตพูดจายั่วยุเช่นนั้น เขาก็รีบตะโกนเสียงดังทันที “เจ้าอย่าพูดจาพล่อยๆ! วิหารปีศาจเพลิงของเราระมัดระวังตัวอยู่ในขอบเขตเสมอ ไม่เคยต่อสู้โดยไม่จำเป็น!”
เขาภาวนาอยู่ในใจ ขอให้จวินอู๋เหยาไม่เชื่อคำพูดของคนจากวิหารแห่งชีวิต
ตอนที่ 1293 ชำระแค้น (3)
“ข้าพูดพล่อยๆ? ฮ่าๆ ตลกเป็นบ้า! ถ้าวิธีการของวิหารปีศาจเพลิงเรียกว่าอยู่ในขอบเขต แล้วทำไมวันนี้พวกเจ้าถึงโจมตีคนจากวิหารแห่งชีวิตของเรา?” คนจากวิหารแห่งชีวิตไม่ยอมปล่อยเรื่องที่วิหารปีศาจเพลิงอาศัยความได้เปรียบจากจำนวนคนที่มากกว่า ฆ่าพวกเขาตามอำเภอใจ
ชายชุดเขียวพูดด้วยความโกรธว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกวิหารแห่งชีวิตของเจ้าล้ำเส้นมาแย่งของที่เป็นของพวกเราไป พวกเราจะต้องใช้มาตรการที่รุนแรงแบบนี้เหรอ!?”
“ห๊ะ! แย่งของพวกเจ้าไปเนี่ยนะ? นั่นแค่ข้ออ้างของพวกเจ้า! พวกเราไปแย่งของพวกเจ้าเมื่อไรกัน? อยู่ๆก็มาโยนความผิดให้พวกเรา! พวกเจ้าพูดเอาเองทั้งนั้น!” คนจากวิหารแห่งชีวิตกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ พวกเขาไม่ได้อยากมีเรื่องกับวิหารปีศาจเพลิง แต่จู่ๆวิหารปีศาจเพลิงก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาโดยที่พวกเขายังไม่ได้เตรียมตัว ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของจวินอู๋เหยา คนที่ยังเหลืออยู่ตรงนี้ก็คงถูกพวกวิหารปีศาจเพลิงฆ่าตายไปแล้ว!
แม้ว่าวิหารแห่งชีวิตจะเคยคิดขโมยแผนที่ แต่เนื่องจากวิหารต่างๆล้วนเก็บซ่อนความลับเรื่องแผนที่กันไว้อย่างดีมาก พวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าวิหารเหล่านั้นได้มอบแผนที่ให้กับใครในอาณาจักรล่าง! ดังนั้น ต่อให้พวกเขาอยากขโมย พวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปเริ่มที่ไหน!
ข้อกล่าวหาจากวิหารปีศาจเพลิงนี้ วิหารแห่งชีวิตรู้สึกว่ามันน่าหัวเราะเอามากๆ
ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมกัน วิหารปีศาจเพลิงอยากจะแก้ไขความขัดแย้งกับเย่ฉา ส่วนวิหารแห่งชีวิตก็พยายามจะกวนน้ำให้ขุ่น พวกเขาโต้เถียงกันอย่างรุนแรง แต่เนื่องจากจวินอู๋เหยาอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาจึงไม่กล้าต่อสู้กันอีก
รอยยิ้มของจวินอู๋เหยาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ดวงตาของเขาเข้มขึ้นโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ขณะที่คนจากวิหารแห่งชีวิตกำลังเร่งผลักคนจากวิหารปีศาจเพลิงให้หล่นลงสู่ขุมนรก เงาดำสายหนึ่งก็ยิงผ่านคอของเขาทันที!
ทันใดนั้น เสียงของชายคนนั้นก็ขาดหายไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เส้นสีแดงบางๆปรากฏขึ้นบนคอของเขา เลือดไหลออกมาจากเส้นสีแดงนั้นเปลี่ยนให้คอของเขากลายเป็นสีแดงทันที สายตาตกตะลึงของเขามองตรงไปที่จวินอู๋เหยา ดูเหมือนไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้!
เสียงตุบดังขึ้น!
หัวของชายคนนั้นหล่นลงบนพื้น เลือดพุ่งออกจากบาดแผลกว้าง! เลือดสีแดงอุ่นๆโปรยปรายลงมาราวสายฝน
ภายใต้ฝนเลือดนั้น ร่างของชายคนนั้นล้มลงบนแอ่งเลือดของเขาเอง
จนกระทั่งตาย เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมจวินอู๋เหยาถึงไม่เล่นงานคนจากวิหารปีศาจเพลิง แต่กลับตัดหัวของเขาแทน!
หัวหน้ากลุ่มจากวิหารแห่งชีวิตตายในชั่วพริบตา!
คนที่เหลือของวิหารแห่งชีวิตยืนแข็งอยู่ที่ พวกเขาไม่ทันเห็นตอนที่จวินอู๋เหยาโจมตีด้วยซ้ำ หัวหน้าของพวกเขาก็ตายแล้วโดยไม่ทันได้ส่งเสียงอะไรเลย!
เลือดอุ่นๆกระเซ็นใส่หน้าของพวกเขา แต่กลับทำให้พวกเขาหนาวเย็นจนถึงกระดูก!
การตายของชายคนนั้นสร้างความแปลกใจให้กับทุกคน แม้แต่คนจากวิหารปีศาจเพลิงก็ยังตกตะลึง
ชายลึกลับคนนี้มาที่นี่เพื่อชำระแค้นกับพวกเขาไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงลงมือกับคนจากวิหารแห่งชีวิตแทนล่ะ?
ชายชุดเขียวที่ใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มตลอดเวลาก็แอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกปนดีใจ เขาเดินไปข้างหน้าและประสานมือคารวะจวินอู๋เหยา พร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือ คนน่ารังเกียจพวกนั้นสมควรตายแล้ว ท่านเป็นผู้มีคุณธรรมอย่างแท้จริง ที่ข้าเคยล่วงเกินจากความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ ข้าขออภัยพี่ชายท่านนี้อีกครั้ง หวังว่าเรื่องนี้จะจบลงได้ด้วยดี”
ตอนที่ 1294 ชำระแค้น (4)
จวินอู๋เหยาฆ่าคนจากวิหารปีศาจเพลิง ทำให้ชายชุดเขียวคิดว่าจวินอู๋เหยาไม่คิดจะเอาเรื่องพวกเขาอีกแล้ว เขาดีใจจนไม่สามารถปกปิดประกายยินดีในแววตาของเขาได้
แต่ก่อนที่ชายชุดเขียวจะแสดงความดีใจกับตัวเองเสร็จ แสงสีดำหลายสายก็ถูกยิงผ่านไหล่ของเขาไปที่ด้านหลัง!
ในชั่วพริบตา หัวของทุกๆคนจากสิบสองวิหารที่ยืนอยู่บนผาสุดสวรรค์ก็ขาดออกจากร่างทันที!
ยกเว้นชายชุดเขียวที่ยิ้มแข็งทื่อไปแล้วกับผู้อาวุโสฮุย ทุกคนจากวิหารปีศาจเพลิงและวิหารแห่งชีวิตล้วนถูกฆ่าตายโดยไม่ทันได้ส่งเสียงเลย!
คนหลายสิบคนหัวหลุดออกจากบ่าในเวลาเดียวกัน เลือดพุ่งออกจากบาดแผลที่คอของพวกเขา
ฝนเลือดสาดลงมา ละอองฝนสีแดงหยดลงบนพื้นดิน เลือดอุ่นๆเหนียวๆเปียกเสื้อผ้าของชายชุดเขียวและผู้อาวุโสฮุย
ชายชุดเขียวและผู้อาวุโสฮุยเบิกตากว้างจ้องมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาหันไปมองจวินอู๋เหยา ความดีใจก่อนหน้านี้สลายหายไปทันที พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชายคนนี้จึงทำเช่นนั้น……
ถ้าเป็นการแก้แค้น ทำไมเขาถึงฆ่าคนจากวิหารแห่งชีวิตไปด้วย?
ถ้าไม่ได้แก้แค้น แล้วเขาฆ่าคนทั้งหมดทำไม!?
ในการเดินทางมาที่ผาสุดสวรรค์ครั้งนี้ ทั้งวิหารปีศาจเพลิงและวิหารแห่งชีวิตได้ส่งนักสู้ที่แข็งแกร่งมามากมาย แม้ว่าวิหารปีศาจเพลิงจะมีผู้อาวุโสฮุยเป็นผู้นำ แต่การกำจัดคนจากวิหารแห่งชีวิตทั้งกลุ่มในเวลาสั้นๆก็ยังยากอยู่ดี
แต่ชายที่หล่อเหลาและดูร้ายกาจที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา เพียงแค่กระดิกนิ้วก็คร่าชีวิตผู้คนหลายสิบคนจากทั้งสองวิหารรวมทั้งนักสู้ที่แข็งแกร่งจำนวนมากในหมู่พวกเขาด้วย!
พลังที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ทำให้ชายชุดเขียวและผู้อาวุโสฮุยรู้สึกหมดสิ้นหนทางในทันที!
“ท่าน……ท่านทำอะไร……” เสื้อผ้าของชายชุดเขียวตอนนี้ชุ่มไปด้วยเลือดของพวกพ้องของเขา ดวงตาของเขามองไปที่จวินอู๋เหยาด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจ
เขายังคงยิ้ม แม้ว่ามือของเขาจะเปื้อนเลือดไปแล้วก็ตาม
เมื่อมองเขาผ่านฝนเลือดนั้น ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นปีศาจกระหายเลือด!
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าเจ้าอยากฆ่าผู้เยาว์คนหนึ่ง……” จวินอู๋เหยาหรี่ตา นัยน์ตาสีดำสนิทที่มีรอยยิ้มของเขาค่อยๆถูกปกคลุมด้วยแสงสีม่วง
“โทษทีนะ แต่ผู้เยาว์ที่พวกเจ้าอยากจะฆ่าน่ะ คือดวงใจของข้า”
ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็ปกคลุมดวงตาของเขาอย่างสมบูรณ์ บอลหมอกสีดำปรากฏขึ้นข้างๆจวินอู๋เหยาทันที! หมอกนั้นหมุนวนไม่หยุดเหมือนกรงเล็บและเขี้ยวอันร้ายกาจที่พร้อมจะฉีกใครบางคนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ตอนนั้นเอง ชายชุดเขียวและผู้อาวุโสฮุยก็ตกตะลึงจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้
ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ดวงตาสีม่วงของจวินอู๋เหยา ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของพวกเขาทันที!
ในโลกนี้ คนที่มีดวงตาสีม่วงปีศาจแบบนั้นมีอยู่คนเดียว!
“จักร……จักรพรรดิ……แห่งความมืด……” เรี่ยวแรงทั้งหมดหายไปจากร่างของชายชุดเขียวทันที เขาทรุดลงนั่งกับพื้น ใบหน้าสิ้นหวัง!
ดวงสีม่วงปีศาจ พลังวิญญาณสีดำ……
ชายผู้มีเสน่ห์ชั่วร้ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือจักรพรรดิแห่งความมืดในตำนาน ชายผู้เดียวที่รวมอาณาจักรกลางให้เป็นหนึ่งเดียว!
เป็นไปได้ยังไง!
ชายชุดเขียวหมดกำลังใจต่อต้าน ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ส่วนผู้อาวุโสฮุยนั้น ใบหน้าซีดขาวปราศจากสีเลือด
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารปีศาจเพลิง และมีพลังอยู่ในระดับสูง แต่เมื่อเห็นดวงตาสีม่วงปีศาจคู่นั้น ทั้งหมดนั่นก็ไม่มีความหมายในทันที
จักรพรรดิแห่งความมืด……
จักรพรรดิที่แท้จริงของอาณาจักรกลาง!
ตอนที่ 1295 ชำระแค้น (5)
ชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ของจักรพรรดิแห่งความมืดแผ่ขยายไปทั่วและเป็นที่รู้จักกันดีในอาณาจักรกลางมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเขาจะตายไปแล้วหลายปี ลำดับชั้นของอำนาจในอาณาจักรกลางก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แต่ไม่มีสักคนเดียว ไม่มีใครเลย……ที่กล้าปฏิเสธอำนาจของจักรพรรดิแห่งความมืด หรือกล้าลบหลู่ดูหมิ่นจักรพรรดิแห่งความมืดแม้เพียงเล็กน้อย
แม้ว่าจักรพรรดิแห่งความมืดจะตายแล้ว แต่กองทัพราตรียังอยู่ ถึงแม้กองทัพราตรีจะไม่ยุ่งกับเรื่องในอาณาจักรกลาง แต่ถ้ามีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิแห่งความมืดล่ะก็ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้มันถูกมองข้ามไปแน่
ต่อให้เป็นแค่คำพูดที่ไม่ดีต่อจักรพรรดิแห่งความมืด คนทำก็จะโดนกองทัพราตรีตามฆ่าอย่างแน่นอน!
ชายชุดเขียวและผู้อาวุโสฮุยไม่เคยนึกฝันเลยว่า จักรพรรดิแห่งความมืดที่สั่นสะเทือนทั้งอาณาจักรกลาง ผู้รวมทุกฝ่ายเอาไว้ใต้อำนาจเขา จู่ๆก็มาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา
[จักรพรรดิแห่งความมืดยังไม่ตาย! เขายังมีชีวิตอยู่!]
“จักรพรรดิแห่งความมืด โปรดไว้ชีวิตเราด้วย! ไว้ชีวิตเราด้วย!!!” ชายชุดเขียวตัวสั่นเป็นใบไม้ต้องลม เขารับความจริงไม่ได้ หัวใจเขาแทบกระโจนออกจากอก เขาทิ้งตัวลงคุกเข่ากลางแอ่งเลือด โขกศีรษะคำนับอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เหยาไม่หยุด
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาอาจจะยังมีโอกาสรอด
แต่ถ้าเป็นจักรพรรดิแห่งความมืด……
เคียวแห่งความตายได้จ่ออยู่ที่คอของพวกเขาแล้ว
ชื่อของวิหารปีศาจเพลิงไม่มีประโยชน์ในสถานการณ์นั้น มาจากสิบสองวิหารแล้วยังไง? มันไม่ได้ช่วยชีวิตของพวกเขาได้เลย!
“จักรพรรดิแห่งความมืด……” ผู้อาวุโสฮุยเองก็คุกเข่าเช่นกัน เขาไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้านเลยสักนิด ดวงตาจ้องมองอย่างหวาดกลัว ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
จวินอู๋เหยาหรี่ตามองชายสองคนที่สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้วเมื่อเห็นเขา รอยยิ้มที่ริมฝีปากยิ่งโค้งมากขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าสองคนจะดูแลเสี่ยวเสียเอ๋อร์ของข้าเป็นอย่างดีเลยนี่”
เสียงนั้นมีแรงดึงดูดอย่างมาก เหมือนเป็นเสียงของเทพเจ้า แต่เมื่อเข้าหูของผู้อาวุโสฮุย มันกลับฟังเหมือนเสียงระฆังมรณะ
“จักรพรรดิแห่งความมืดโปรดเมตตาไว้ชีวิตด้วย……ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว……จะไม่ทำอีกแล้ว……” ชายชุดเขียวร้องไห้อย่างหนัก เขาคร่ำครวญโหยหวนเหมือนสุนัขที่บาดเจ็บ ก้มหมอบอยู่กับพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เขากลัว กลัวมากจริงๆ
ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของจักรพรรดิแห่งความมืดได้ ไม่ใช่เขา และไม่ใช่ผู้อาวุโสฮุย ใครก็ตามที่ทำให้จักรพรรดิแห่งความมืดขุ่นเคือง ย่อมมีจุดจบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นคือกฎที่มีอยู่ในอาณาจักรกลางมาตลอดกาลไม่เคยเปลี่ยน!
เย่ฉามองชายสองคนที่เคยทำให้เขากับจวินอู๋เสียตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชอย่างเย็นชา ตอนนี้พวกเขาย่ำแย่ยิ่งกว่าสัตว์เร่ร่อนที่ไม่มีใครต้องการ คุกเข่าโขกศีรษะต่อหน้าจวินอู๋เหยา อ้อนวอนร้องขอชีวิต ภาพนั้นเรียกรอยยิ้มเย็นจากริมฝีปากของเย่ฉา เมื่อนึกถึงว่าคนทั้งสองหยิ่งยโสเพียงใดตอนที่เกือบทำให้คุณหนูต้องตาย
แต่ตอนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่านเจว๋ พวกมันทำตัวแย่ยิ่งกว่าสุนัขถูกทิ้งซะอีก!
ต่อหน้าพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ พวกมันก็เป็นแค่มดแมลงเท่านั้น
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าสองคนหรอก” จวินอู๋เหยาพูดยิ้มๆ ดวงตาสีม่วงปีศาจของเขามีแววยิ้ม
ชายชุดเขียวเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลเป็นทาง ดูน่าสมเพชอย่างมาก เขาถามว่า “จริง……จริงๆหรือ……”
จวินอู๋เหยาหัวเราะเบาๆ “พูดให้ถูก ต้องบอกว่า ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าเร็วนักหรอก”
ดวงตาของชายชุดเขียวแทบถลนออกมาด้วยความกลัว แขนขาของเขาตะเกียกตะกายด้วยความพยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อหนีออกจากขุมนรก แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หันกลับไป ร่างของเขาก็ถูกยกลอยขึ้นด้วยพลังที่มองไม่เห็น!
“ไม่! อย่าฆ่าข้า! ข้าผิดไปแล้ว……ข้าผิดไปแล้ว……” ชายชุดเขียวร้องโหยหวน น้ำมูกน้ำตาไหล ถ้าเขารู้ว่าเด็กนั่นมีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิแห่งความมืด ต่อให้เขามีความกล้ามากแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าแตะต้องเส้นผมเด็กนั่นแม้แต่เส้นเดียว
อย่างไรก็ตาม คำอ้อนวอนอย่างสิ้นหวังของเขาไม่สามารถโน้มน้าวให้จวินอู๋เหยาแสดงความเมตตาได้
จวินอู๋เหยายกมือขึ้นข้างหนึ่ง และคนก็ลอยขึ้นไปในอากาศด้วยพลังที่มองไม่เห็น จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นอีกข้าง ด้ายสีเลือดเส้นหนึ่งก็ค่อยๆยื่นออกมาจากปลายนิ้วของเขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น