Genius Doctor Black Belly Miss 1263-1281
ตอนที่ 1263 กลับบ้าน (2)
พระจันทร์รูปร่างเหมือนเคียวยมทูต ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน เลือดสีแดงไหลนองไปทั่วจากการสังหารหมู่ในป่าทึบ แม้แต่อากาศก็เหมือนจะปนเปื้อนไปด้วยเลือดที่ข้นเหนียว
ภายใต้แสงจันทร์ ร่างสูงเพรียวยืนอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวที่ชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด ดวงตาสีม่วงของเขาแวววับเป็นประกายอย่างครึ้มอกครึ้มใจที่ได้ฆ่า
“นายท่านเจว๋!” เย่เหม่ยพบอะไรบางอย่างจากการขุดกองศพพวกนั้น เขาส่งมันให้กับจวินอู๋เหยา
จวินอู๋เหยาเหลือบมองผ่านๆ และพูดว่า “เก็บไว้ให้ดี”
“ขอรับ!” เย่เหม่ยรับของเปื้อนเลือดนั่นไปและเก็บมันไว้กับตัว จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ข้าได้ข่าวจากเย่ฉาว่า คุณหนูทำลายแคว้นจิ้วและแบ่งดินแดนของแคว้นจิ้วให้แคว้นเฉียวกับแคว้นฉี เย่ฉากำลังไล่ล่าคนจากวิหารมังกรตามคำสั่งของคุณหนู และคุณหนูได้เดินทางไปแคว้นฉีแล้วขอรับ”
จวินอู๋เหยาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“การเคลื่อนไหวของเจ้าตัวน้อยราบรื่นขึ้นเรื่อยๆ แค่แคว้นของพวกแมลง จะโดนทำลายไปหรือไม่ก็ไม่สำคัญหรอก”
“นายท่านเจว๋ เราจะกลับไปด้วยไหมขอรับ?” เย่เหม่ยถาม
จวินอู๋เหยากระดิกนิ้ว และเลือดบนพื้นทั้งหมดก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นลากมารวมกัน หมุนวนอยู่รอบปลายนิ้วของจวินอู๋เหยา แล้วค่อยๆรวมตัวกันเป็นเม็ดเลือดใสวาววับ
จวินอู๋เหยาเอาเม็ดเลือดนั้นเข้าปาก แล้วเงยหน้ามองพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน
“เราต้องกลับไปอยู่แล้วซิ”
“ยังมีอีกเรื่องขอรับ……” เย่เหม่ยลังเล เรื่องนี้เขาไม่กล้าพูดถึงแบบชุ่ยๆ
“ว่ามา” จวินอู๋เหยาสั่ง
“เย่ฉาพบว่ามีโลหิตแดงกับคนพิษอยู่ในแคว้นจิ้วขอรับ……ดูเหมือนวิหารมังกรจะอยากใช้วิธีการทั้งสองนี้ควบคุมอำนาจในอาณาจักรล่าง”
พอสิ้นเสียงของเย่เหม่ย อากาศรอบๆก็พลันลดต่ำลงหลายองศาทันที!
แม้แต่เสียงลมก็หายไปด้วย
จวินอู๋เหยาหรี่ตา ดวงตาสีม่วงของเขาเป็นประกายแวววาวน่ากลัว
“ขยะจากอาณาจักรกลางบังอาจใช้โลหิตแดงงั้นรึ?”
เย่เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อรวบรวมพลังภายในป้องกันตัวเองไม่ให้บาดเจ็บจากรังสีอำมหิตของจวินอู๋เหยา
“สิบสองวิหารมีความคิดชั่วร้ายมานานมากแล้ว หลายปีที่นายท่านได้ผนึกโลหิตแดง พวกมันก็เชื่อฟังและไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แต่ดูเหมือนพวกมันจะเริ่มมีความคิดต่อต้านขึ้นอีกแล้ว นายท่านเจว๋……เราต้องส่งข้อมูลนี้ให้ราชอาณาจักรแห่งความมืดไหมขอรับ?”
จวินอู๋เหยาหรี่ตาอย่างใช้ความคิด แล้วยกมือขึ้นโบกปฏิเสธเบาๆ
“ยังไม่ถึงเวลา”
เย่เหม่ยกัดฟันและพูดต่อว่า “เดิมทีโลหิตแดงเป็นสิ่งที่เจ้าโง่ของสิบสองวิหารสร้างขึ้นเลียนแบบมารแดงของนายท่าน ของเลียนแบบพรรค์นั้น การมีอยู่ของมันคือการดูหมิ่นนายท่านเจว๋ ถ้านายท่านไม่คิดจะเผยข่าวของท่านให้ราชอาณาจักรแห่งความมืดรู้ เช่นนั้นข้าก็ขอให้นายท่านสั่งให้ข้าไปจัดการกับสวะจากสิบสองวิหารพวกนั้นเถอะขอรับ”
[การที่นายท่านถูกดูหมิ่น มันแสดงถึงการไร้ความสามารถของลูกน้อง!]
[พวกเขายอมตาย แต่จะไม่ยอมให้ใครทำให้จวินอู๋เหยาต้องได้รับความอัปยศแม้เพียงเล็กน้อย]
จวินอู๋เหยามองเย่เหม่ยที่มีสีหน้าโกรธแค้นอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์ไปเล่นกับพวกมดแมลงหรอก เราต้องกลับไปที่แคว้นฉีก่อน เอาของขวัญชิ้นใหญ่นี้ไปให้เสี่ยวเสียเอ๋อร์ นางกำลังหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดอยู่ไม่ใช่หรือ? ได้เวลาแล้ว”
เย่เหม่ยระงับความโกรธ แล้วพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ขอรับ นายท่าน!”
ค่ำคืนที่เงียบสงัด เสียงของจวินอู๋เหยาและเย่เหม่ยหายไปจากป่าทึบ ทิ้งไว้เพียงพื้นป่าที่เต็มไปด้วยซากศพ สายลมยามราตรีพัดผ่านมา ศพแห้งที่เลือดทุกหยดถูกดูดออกไปหมดแล้วพลันกลายเป็นฝุ่นผงร่วงหล่นลงบนผืนหญ้า
ตอนที่ 1264 กลับบ้าน (3)
หลังจากผ่านไฟสงครามมา แคว้นฉีก็ค่อยๆฟื้นตัวจากบาดแผลสงคราม ไฟสงครามไม่ได้เผาความตั้งใจของประชาชนแคว้นฉี พวกเขามุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากความยากลำบาก และได้สร้างบ้านเกิดของพวกเขาขึ้นอีกครั้งด้วยสองมือของตัวเอง
กองทัพรุ่ยหลินเป็นกองกำลังที่สูญเสียหนักที่สุด หลังจากบาดแผลส่วนใหญ่หายแล้ว พวกเขาก็เริ่มรับสมัครทหารใหม่เข้าสู่กองทัพรุ่ยหลิน
พวกผู้เยาว์ที่มุ่งมั่นจะปกป้องแคว้นของพวกเขาหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ พวกเขาอยากจะเป็นคนของกองทัพรุ่ยหลินเพื่อที่วันหนึ่งจะได้ต่อสู้ปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาได้
ในช่วงนี้กล่าวได้ว่าหลงฉียุ่งมากจนมือจะหลุดจากตัวอยู่แล้ว ก่อนหน้าที่กองทัพรุ่ยหลินยังไม่ได้ปล่อยข่าว ก็มีคนมากมายในเมืองหลวงแคว้นที่มีความกระตือรือร้นสูงมารออยู่แล้ว ตอนนี้ข่าวเรื่องกองทัพรุ่ยหลินเปิดรับสมัครทหารใหม่เพิ่งประกาศออกไป จำนวนคนที่มาสมัครอธิบายได้แค่ว่า ล้นทะลัก
ทุกๆวันหลงฉีจะนั่งอยู่หน้าค่ายกองทัพรุ่ยหลิน ทำการประเมินพวกผู้เยาว์ที่มาสมัครเข้ากองทัพอย่างเข้มงวด เขายุ่งมากจนไม่มีเวลาแม้แต่จะจิบน้ำ
ทหารที่กองทัพรุ่ยหลินมองหาในครั้งนี้จะต้องมีอายุระหว่าง 16-22 ปี กองทัพรุ่ยหลินก่อตั้งขึ้นเป็นเวลาหลายปี ผ่านการรบทั้งเล็กและใหญ่มาแล้ว ทหารรุ่นเก่าของพวกเขาล้มตายกันไปทีละคนโดยมีทหารเลือดใหม่มาเติมเต็มช่องว่างเป็นระยะ แต่หลังสงครามใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ กองทัพรุ่ยหลินสูญเสียคนไปมากกว่าครึ่ง และต้องใช้เวลานานในการสะสมกำลังคนกว่าจะสร้างกองทัพรุ่ยหลินขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้น จวินเสี่ยนจึงตั้งเป้าหมายที่คนหนุ่มๆ และเมื่อพวกเขาถูกลับจนกลายเป็นดาบที่แหลมคมแล้ว พวกเขาก็จะอยู่ในช่วงอายุที่ดีที่สุด
และในการรับสมัครของกองทัพรุ่ยหลินครั้งนี้ มีกฎเหล็กอยู่ 1 ข้อนั่นคือ ความจงรักภักดี!
พลังที่อ่อนแอสามารถขัดเกลาได้อย่างช้าๆ ร่างกายที่ไม่แข็งแรงก็สามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก แต่ถ้าความเชื่อและอุปนิสัยของคนๆนั้นมีข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด กองทัพรุ่ยหลินก็จะไม่มีวันยอมรับพวกเขา
ตราบใดที่พวกเขาไม่แย่จนเกินเยียวยาและนิสัยผ่านเกณฑ์ ทุกคนก็จะมีโอกาสได้เข้าร่วมกับกองทัพรุ่ยหลิน
ผู้ชายทุกคนที่อายุเกินกำหนดล้วนแต่เศร้าเสียใจ บางคนถึงกับไปถามหลงฉีว่าพวกเขาต้องการหน่วยพลาธิการหรือไม่ พวกเขาจะยอมทำต่อให้เป็นแค่งานจิปาถะหรืองานทำอาหารให้กับกองทัพรุ่ยหลิน……
คำถามทั้งหมดนี้ทำให้หลงฉีแทบจะเป็นบ้าไปจริงๆ เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หลงฉีกำลังยุ่งอยู่ตอนที่ทหารรุ่ยหลินคนหนึ่งนำข่าวมาบอก ทันทีที่เขาได้ฟัง เขาก็ลุกขึ้นทันทีและมอบหน้าที่ในการรับสมัครทหารให้กับทหารอีกคน ก่อนจะหันกลับและวิ่งเข้าไปในค่ายกองทัพรุ่ยหลิน
ที่ลานฝึก จวินชิงกำลังฝึกทหารกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพ เหตุผลที่กองทัพรุ่ยหลินกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งนั้น ไม่ใช่แค่เพราะบารมีของตัวอักษรที่อ่านได้ว่า “กองทัพรุ่ยหลิน” เท่านั้น แต่มันประสบความสำเร็จได้ด้วยการฝึกฝนอย่างเข้มงวดแบบต่อเนื่อง ไม่มีการอู้หรือเกียจคร้าน กองทัพรุ่ยหลินถึงยังรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ได้
จวินชิงมองทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพก็ต้องผ่านการฝึกโหดกันแล้ว ในแววตาของเขาไม่มีความเมตตาเลยสักนิด ความยากลำบากที่พวกเขาเผชิญอยู่ในตอนนี้จะเพิ่มโอกาสให้พวกเขารอดชีวิตกลับมาจากสนามรบที่พวกเขาจะต้องเผชิญในอนาคตได้
พวกผู้เยาว์ที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นเหล่านี้ สุดท้ายจะยังอยู่กับกองทัพรุ่ยหลินหรือไม่นั้นก็ยังไม่อาจรู้ได้ เนื่องจากอีกหนึ่งปีข้างหน้ากองทัพรุ่ยหลินจะดำเนินการคัดกรองอีกรอบ ทุกคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะต้องออกจากกองทัพรุ่ยหลิน
“ท่านอ๋องน้อย!” หลงฉีวิ่งเข้ามาข้างในอย่างเร่งรีบและกระซิบสองสามคำข้างหูของจวินชิง
ใบหน้าที่ดุดันของจวินชิงพลันเปล่งประกายด้วยความดีใจ เขาสั่งให้พวกทหารใหม่ฝึกฝนต่อไป ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปจากลานฝึก
กลุ่มผู้เยาว์ที่ถูกจวินชิงฝึกโหดเงยหน้าขึ้นพลางหอบหายใจ พวกเขาเห็นจวินชิงวิ่งจากไป สีหน้าของทุกคนดูงงงวยอย่างมาก
ตอนที่ 1265 ครอบครัว (1)
จวินชิงอาจจะดูเป็นหนุ่มหล่อที่อบอุ่นอ่อนโยน แต่เวลาที่เขาฝึกทหารนั้น เขาไม่ใจดีเลยสักนิด ตอนแรกผู้เยาว์พวกนี้ก็คิดว่าท่านอ๋องน้อยจะเป็นคนอ่อนโยน แต่พอถูกจวินชิงฝึกอยู่แค่ครึ่งวัน พวกเขาก็พากันเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อจวินชิงไปโดยสิ้นเชิง!
ช่างสมกับเป็นคนตระกูลจวินอย่างแท้จริง ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนโยนนั้น นิสัยภายในทั้งโหดทั้งแข็งแกร่ง!
ผู้เยาว์ที่ขี้ขลาดบางคนถึงกับร้องไห้เมื่อโดนจวินชิงจ้อง
สายตาดุดันคู่นั้นที่ได้เห็นการฆ่าอย่างโหดเหี้ยมมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เยาว์อ่อนหัดไร้ประสบการณ์จะทนได้
“ข้าว่าเมื่อกี้เหมือนจะเห็นท่านอ๋องน้อย……ยิ้ม ใช่ไหม? หรือข้าตาฝาด?” ผู้เยาว์คนหนึ่งที่เหงื่อออกจนชุ่มเกาหัวตัวเอง ตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพรุ่ยหลินมา พวกเขาไม่เคยเห็นจวินชิงยิ้มให้พวกเขาเลยสักครั้ง
รอยยิ้มของท่านอ๋องน้อยหน้าตายเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากอย่างที่สุดจริงๆ
“ที่จริงแล้ว……ข้าว่าท่านอ๋องน้อยของเราดูดีขึ้นเวลายิ้มนะ” ผู้เยาว์อีกคนกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่น
ทหารของกองทัพรุ่ยหลินยืนอยู่ด้านข้าง พยายามฝืนทำหน้านิ่งเอาไว้ขณะที่มองไปยังกลุ่มทหารใหม่
แต่พวกเขาต่างหัวเราะอยู่ในใจ
รอยยิ้มของท่านอ๋องน้อยหาดูยากงั้นหรือ?
พอออกจากค่ายใหญ่ของกองทัพรุ่ยหลินและกลับไปที่จวนหลินอ๋อง ท่านอ๋องน้อยยิ้มตลอดเวลาเลย! เจ้าพวกโง่เอ๊ย
“หยุดพูดมากแล้วไปฝึกได้แล้ว! กล้าพูดจาเหลวไหล ระวังท่านอ๋องน้อยจะสั่งโบยตอนท่านกลับมา” ทหารรุ่ยหลินทำหน้าเข้มกล่าวเตือนเบาๆ
พวกผู้เยาว์ที่เพิ่งจะได้พักก็ตื่นตัวขึ้นทันที พวกเขากระโดดขึ้นอย่างรวดเร็วและฝึกต่อไป
จวินชิงและหลงฉีรีบควบม้ากลับไปยังเมืองหลวงของแคว้นฉี เมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตูจวนหลินอ๋อง ทั้งสองก็พลิกตัวลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปข้างใน
ในห้องโถงใหญ่ของจวนหลินอ๋อง จวินชิงได้เห็นร่างที่คุ้นเคย รอยยิ้มจากในใจของเขาก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขาทันที
“เสี่ยวเสียกลับมาแล้ว”
จวินอู๋เสียที่นั่งอยู่ในห้องโถง เมื่อเห็นจวินชิงเข้ามา นางก็ลุกขึ้นยืนทันที
จวินชิงก้าวเข้าไปกอดหลานสาวของเขาแน่น
“ดีจริงที่เจ้ากลับมา ตอนเจ้าไม่อยู่ ปู่เจ้าคิดถึงเจ้ามากเลยนะ” จวินชิงพูดด้วยรอยยิ้ม ทั้งเขาและจวินเสี่ยนเป็นผู้ชายแข็งๆที่ผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน ตระกูลจวินทั้ง 3 รุ่นมีผู้หญิงแค่คนเดียว และนางก็เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในตระกูล แม้ว่าชายทั้งสองจะรู้ว่าจวินอู๋เสียมีเรื่องของตัวเองที่ต้องจัดการ แต่การแยกจากกันนานๆนั้น ทำให้พวกเขาคิดถึงนางไม่น้อย
ถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พูดออกมา แต่พวกเขาก็เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายดี
จวินเสี่ยนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้หลักในห้องโถงกระแอมออกมา พลางมองลูกชายคนเล็กที่ชักจะพูดมากเกินไป และพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดยังกับตัวเองไม่ได้คิดถึงหลานงั้นแหละ อยากให้ข้าบอกไหมล่ะว่าใครที่วิ่งไปทำความสะอาดลานบ้านของเสี่ยวเสียทุกวันน่ะ ถึงขั้นแย่งคนรับใช้ทำเลยด้วย”
พอจวินเสี่ยนพูดแบบนี้ จวินชิงก็ยิ้มออกมาอย่างเขินๆ
ตอนที่จวินอู๋เสียจะกลับมาครั้งที่แล้ว แคว้นฉีเจอกับภัยพิบัติ แม้ว่าพวกเขาจะอยากใช้เวลากับจวินอู๋เสีย แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลามากนัก หลังจากเรื่องต่างๆสงบลง พวกเขาก็ไม่สามารถระงับความคิดถึงในหัวใจของพวกเขาเอาไว้ได้
จวินอู๋เสียมองดูพ่อลูกสกุลจวินขายกันเองขณะที่พยายามแย่งกันพูดคำสุดท้าย มุมปากของนางก็โค้งขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าข้างนอกจะมีพายุแรงสักแค่ไหน เมื่อนางกลับบ้าน นางก็จะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัว
เฉียวฉู่กับคนอื่นๆยืนมองอยู่ด้านข้าง ทั้งแววตาและหัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉา ครอบครัวของพวกเขาถูกกำจัดไปหมดแล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสรู้สึกถึงความรักความอบอุ่นของครอบครัวอีกแล้ว
“โตแล้วยังจะเล่นไร้สาระอยู่อีก รีบไปนั่งเร็ว จะได้คุยกัน” จวินเสี่ยนพูด
ตอนที่ 1266 ครอบครัว (2)
จวินชิงนั่งลงพร้อมหัวเราะ หลังจากที่นั่งลงแล้วเขาถึงได้สังเกตเห็นร่างเล็กๆที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆจวินอู๋เสีย
เด็กน้อยคนนั้นยังเด็กอยู่มาก แค่ 8-9 ขวบเท่านั้น ใบหน้าเล็กๆขาวสะอาดน่ามอง แต่ผมสีแดงและตาสีแดงทำให้รู้สึกแปลกและผิดปกติ
“นี่คือ……” จวินชิงเงยหน้ามองจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียตอบว่า “เขาคือเสี่ยวเจว๋ จักรพรรดิของแคว้นเฉียว”
ใบหน้าของจวินชิงเผยให้เห็นร่องรอยของความประหลาดใจ เขาเคยได้ยินเรื่องของแคว้นเฉียวและรู้ว่าจักรพรรดิองค์ใหม่ของแคว้นเฉียวยังเด็กมาก แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนี้ ยิ่งกว่านั้น……จวินอู๋เสียพาจักรพรรดิของแคว้นอื่นมาด้วยทำไมเนี่ย?
และขนาดพวกเขาพูดกันมากแบบนี้ จักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวก็ยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ นั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขายังหายใจอยู่ล่ะก็ เขาก็คงเหมือนรูปปั้นมากกว่า
“เฮ้อ เด็กน้อยที่น่าสงสารอีกคน” จวินเสี่ยนถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จวินชิงจะมาถึง จวินอู๋เสียได้เล่าให้เขาฟังแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิน้อย
แม้ว่าจะต่างแคว้นกัน แต่เด็กเล็กเช่นนี้ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม มันก็ทำให้สะเทือนใจได้จริงๆ
จวินชิงยังสับสนอยู่เล็กน้อย เฟยเหยียนจึงสรุปให้เขาฟังคร่าวๆถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในแคว้นจิ้ว
หลังจากจวินชิงได้ฟัง เขาก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ตัวเองได้
“จักรพรรดิแคว้นจิ้วสติฟั่นเฟือนไปแล้วรึไง? สมควรตาย!” ตอนที่เกิดสงครามระหว่างสองแคว้น ไม่ว่ามันจะรุนแรงและขมขื่นน่ากลัวเพียงใด ก็ยังอธิบายได้ว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของแคว้น แต่การใช้อำนาจที่เหนือกว่าข่มขู่บีบบังคับผู้อ่อนแอ จนถึงขั้นทำร้ายเด็กเล็กๆแบบนี้ ถ้าไม่พูดว่าเขาโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ จวินชิงก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะมีคำไหนที่เหมาะสมกว่านี้
“ตอนนี้โลหิตแดงในร่างของเสี่ยวเจว๋ถูกชำระไปส่วนใหญ่แล้ว แต่วิญญาณที่ถูกสังเวยไป ไม่มีทางจะทำอะไรกับมันได้ ข้าเลยพาเขากลับมา เพราะคิดว่าจะให้ท่านอาเอาหยกวิญญาณอีกครึ่งให้เสี่ยวเจว๋ชั่วคราว เผื่อว่ามันจะช่วยอะไรเขาได้” จวินอู๋เสียพูด
จวินชิงเอาหยกกล่อมวิญญาณอีกครึ่งชิ้นออกมาทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก
“เดิมทีสิ่งนี้เจ้าเป็นคนตัดสินใจที่จะเก็บมันไว้ ถ้าเจ้าคิดว่ามันจะช่วยอะไรได้ ก็ใช้เถอะ เสี่ยวเจว๋เองก็น่าสงสาร” จวินชิงถอนหายใจ
จากสิ่งที่เกิดขึ้นคราวที่แล้ว ทำให้จวินอู๋เสียไม่กล้าแตะต้องหยกกล่อมวิญญาณ นางขอให้จวินชิงเอาหยกวิญญาณไปวางไว้บนร่างเล็กๆของจักรพรรดิน้อย
หยกกล่อมวิญญาณเพิ่งถูกวางลงบนตัวเขา จักรพรรดิน้อยที่มองเหม่ออยู่ก็หลับตาลงทันที ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอราวกับกำลังหลับ จวินอู๋เสียไม่ได้ลงมือทำอะไรในทันที แต่สั่งให้คนพาจักรพรรดิน้อยเข้าไปพักผ่อนข้างใน
เมื่อเห็นจักรพรรดิน้อยถูกอุ้มออกไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว จวินเสี่ยนก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เขายังเด็กมาก การที่ต้องเห็นเด็กเล็กๆทนทุกข์ทรมานมากมายขนาดนี้ มันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้มากที่สุด
หลังจากจักรพรรดิน้อยถูกอุ้มไปแล้ว จวินอู๋เสียก็ดึงเอาราชโองการฉบับหนึ่งออกมาวางลงตรงหน้าจวินเสี่ยน
“นี่คือ?” จวินเสี่ยนเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาและเปิดออกอ่าน แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึงทันที!
ในพระราชโองการฉบับนั้นกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า แคว้นจิ้วยินดีมอบดินแดนแคว้นจิ้วครึ่งหนึ่งให้กับแคว้นฉีเป็นค่าชดเชยสำหรับสงครามที่พวกเขาก่อขึ้น
การที่ผู้แพ้ต้องชดเชยให้กับผู้ชนะนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ไม่เคยมีใครชดเชยด้วยจำนวนที่น่าตกใจแบบนี้มาก่อน
ด้วยดินแดนอันกว้างใหญ่ของแคว้นจิ้ว แค่ดินแดนที่ระบุเป็นค่าชดเชยก็ใหญ่กว่าแคว้นฉีหลายเท่าแล้ว!
“ราชโองการนี้มันอะไรกัน?” จวินเสี่ยนถามอย่างสับสน
จวินอู๋เสียตอบเสียงเบา “ดินแดนทั้งหมดของแคว้นจิ้วถูกมอบเป็นค่าชดเชยให้แคว้นฉีกับแคว้นเฉียวแล้ว ตั้งแต่นี้ไปไม่มีแคว้นจิ้วอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว”
ตอนที่ 1267 เจ้ากลับมาแล้ว (1)
จวินเสี่ยนกับจวินชิงสบตากัน และเห็นความตกใจในแววตาของอีกฝ่าย แคว้นจิ้วที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นถูกทำลายในเวลาสั้นๆแค่นี้จริงหรือ? เหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ยิ่งกว่านั้น จวินอู๋เสียก็ไม่ได้ใช้ทหารเลยสักคน นางทำได้อย่างสมบูรณ์หมดจด ทำให้มันยิ่งน่าตกใจมากขึ้นไปอีก
[แคว้นจิ้วที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสอง……]
[หายไปง่ายๆแบบนี้เลย?]
“ข้าจะทิ้งราชโองการนี้ไว้ให้ท่านปู่เอาไปมอบให้โม่เฉียนหยวนนะ จะจัดการกับทรัพย์สินแคว้นจิ้วยังไง พวกท่านสองคนคุยกันเองได้เลย” จวินอู๋เสียไม่รู้เรื่องพวกนี้ และนางก็ไม่อยากจะถาม
จวินเสี่ยนกับจวินชิงต้องใช้เวลาสักพักในการทำความเข้าใจกับข่าวที่เพิ่งได้ฟังนี้ ตรงข้ามกับท่าทางเฉยเมยของจวินอู๋เสีย ชายทั้งสองไม่สามารถสงบสติได้เลยจริงๆ
พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าจวินอู๋เสียทำเรื่องพวกนี้ได้ยังไง
ทั้งสองคิดว่าพวกเขาชินกับความสามารถที่ร้ายกาจเกินคนของจวินอู๋เสียแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้นับวันความสามารถของนางยิ่งต้านสวรรค์มากขึ้นทุกที
“เอาล่ะ ข้าจะเอาราชโองการนี้ไปถวายฝ่าบาท” จวินเสี่ยนพูดพร้อมพยักหน้า การครอบครองดินแดนแคว้นจิ้วไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เห็นภายนอก การกำหนดเขตแดนของแคว้นเพื่อรวมเข้ากับแคว้นฉีไม่ได้มีปัญหามากนัก แต่สิ่งที่ยากก็คือการโน้มน้าวให้คนที่เคยเป็นประชาชนของแคว้นจิ้วยอมรับ คาดว่าจะต้องใช้พยายามอย่างมากเลยทีเดียว
ไม่นานจวินเสี่ยนก็ออกไปที่วังหลวง หลังจากที่จวินชิงจัดการเรื่องที่พักของเฉียวฉู่กับเพื่อนคนอื่นๆแล้ว จวินอู๋เสียก็เดินไปที่ห้องของจักรพรรดิน้อย
จักรพรรดิน้อยกำลังนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่าเขาหลับอยู่ เงียบกริบไม่มีเสียงอะไรเลย แต่หลังจากนั้นไม่นาน จวินอู๋เสียก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลก
นางเห็นแสงสีขาวจางๆกระจายออกมาจากหน้าอกของจักรพรรดิน้อย และค่อยๆห่อหุ้มร่างกายของเขาทั้งตัว!
จวินอู๋เสียก้าวเข้าไปทันที และเปิดเสื้อของจักรพรรดิน้อยออกดู นางเห็นหยกกล่อมวิญญาณที่จวินชิงวางไว้บนร่างของจักรพรรดิน้อยเกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกๆขึ้น!
หยกชิ้นนั้นเปล่งประกายแสงอันอบอุ่นผ่านเสื้อผ้าของจักรพรรดิน้อยออกมา หยกทั้งชิ้นติดแน่นอยู่ที่หน้าอกและค่อยๆจมลงไปในเนื้อของจักรพรรดิน้อย!
จวินอู๋เสียตกใจมาก นางกำลังจะยื่นมือออกไปแตะมัน
แต่วินาทีนั้นเอง ก็มีมืออันอบอุ่นจับมือนางเอาไว้และดึงมือเล็กๆนั้นกลับมา
“อย่าแตะ เขาไม่เป็นไรหรอก” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ร่างของจวินอู๋เสียแข็งทื่อ นางรู้สึกว่าหลังของนางแนบเข้ากับหน้าอกที่กว้างและอบอุ่น!
“ไม่มีข้าอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าเจ้าจะชอบเก็บพวกตัวเล็กๆแปลกๆกลับมาอยู่เรื่อยเลยนะ” เสียงที่รื่นเริงดังขึ้นในหูของจวินอู๋เสียอีกครั้ง
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไร และไม่รู้ว่าทำไม ความรู้สึกแปลกๆกระจายไปทั่วร่างของนาง
มือเล็กๆของนางถูกรวบเอาไว้ในมือใหญ่ที่อบอุ่นและถูกนวดเบาๆ เสียงที่เหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดสูงนั้นยังคงดังขึ้นในหูนาง
“คนที่โดนโลหิตแดงแล้วไม่ตาย ในโลกนี้หายากนะ ถ้าไม่ใช่เพราะภูติประจำตัวสละวิญญาณของมันเองเพื่อปกป้องร่างนี้ไม่ให้ถูกโลหิตแดงกัดกร่อนแล้วล่ะก็ เกรงว่าเขาก็คงตายไปแล้ว แต่ถึงภูตินั่นกับเจ้าจะรักษาร่างเขาเอาไว้ได้ แต่ก็ไม่สามารถปกป้องวิญญาณของเขาได้ วิญญาณของเขาไม่ได้ถูกเอาไป แต่ก็ถูกทำลายไปแล้ว สถานการณ์ของเขาแตกต่างจากพ่อของเจ้า มีทางเดียวคือปล่อยให้หยกกล่อมวิญญาณรวมเข้ากับร่างของเขาเท่านั้น เพื่อแทนที่แกนกลางของวิญญาณเขา แล้วมันจะค่อยๆรวมตัวขึ้นอีกครั้ง แบบนั้นเขาถึงมีโอกาสฟื้นตัวกลับเป็นเหมือนคนปกติได้ หยกกล่อมวิญญาณจะไม่ทำร้ายเขา เจ้าไม่ต้องกังวล” เสียงนั่นดังเข้ามาในหูของจวินอู๋เสีย ระหว่างนั้นก็มีลมหายใจอุ่นๆของคนที่อยู่ด้านหลังเป่ารดที่คอของจวินอู๋เสีย
……………………………………………..
จากผู้แต่ง : เรื่องราวในอาณาจักรล่างเหลือที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด เราจะสรุปส่วนนั้นในเร็วๆนี้ มันตันนิดหน่อย หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ จะพยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุด
ตอนที่ 1268 เจ้ากลับมาแล้ว (2)
จวินอู๋เสียเงยหน้ามองคางที่ดูงดงามนั้น มีประกายบางอย่างวาววับขึ้นในดวงตาของนาง
จวินอู๋เหยาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนาง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก เขาก้มหน้าลงมองจวินอู๋เสียที่กำลังมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างของนาง เขารู้สึกว่านางดูน่ารักเป็นพิเศษ จึงอดจูบเบาๆที่ปลายจมูกของนางไม่ได้
จวินอู๋เสียหน้าแดงเล็กน้อย นางก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
จวินอู๋เหยาที่อยู่ข้างหลังส่งเสียงหัวเราะเบาๆล้อนาง
“หยกกล่อมวิญญาณสามารถรักษาเขาได้จริงหรือ?” จวินอู๋เสียถาม นางรู้สึกถึงความร้อนที่ไม่สามารถอธิบายได้บนใบหน้าของตัวเอง ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนั้นทำให้นางไม่สบายใจเล็กน้อย นางต้องเปลี่ยนเรื่องและเบนความสนใจกลับไปที่ร่างของจักรพรรดิน้อย
จวินอู๋เหยามองจวินอู๋เสียที่พยายามเบี่ยงเบนความสนใจแล้วก็ขำ แต่เขาก็ไม่ได้รีบ จึงแค่กอดจวินอู๋เสียเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างใจเย็นและพูดว่า “ได้ซิ แต่มันจะใช้เวลานานมาก โลหิตแดงเป็นของที่ดัดแปลงจากสิ่งที่เรียกว่ามารแดงในอาณาจักรกลาง แต่มีปัญหาใหญ่มากเกี่ยวกับมัน ทั้งโลหิตแดงและมารแดงตั้งอยู่บนพื้นฐานแนวคิดที่คล้ายกันมาก แต่โลหิตแดงขาดองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในนั้น ทำให้มันเป็นของที่ด้อยกว่า”
สายตาของจวินอู๋เหยามองไปที่จักรพรรดิน้อยที่นอนอยู่บนเตียง
“มารแดง? มันคืออะไร?” จวินอู๋เสียถามอย่างสงสัย
จวินอู๋เหยาตอบพร้อมกับหัวเราะ “มันคือของจากราชอาณาจักรแห่งความมืด นานมาแล้ว จักรพรรดิแห่งความมืดใช้มารแดงสร้างกลุ่มผู้ติดตามที่ทรงพลัง ไม่รู้ว่ากลุ่มอำนาจอื่นในอาณาจักรกลางรู้เรื่องนั้นได้ยังไง พวกนั้นอยากเลียนแบบ แต่แทนที่จะวาดได้เสือกลับกลายเป็นได้สุนัขแทน โลหิตแดงนั้นเป็นของที่ไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะสามารถสร้างนักสู้ที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ แต่ก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน พลังที่ต้องจ่ายด้วยวิญญาณและพลังชีวิตของคนไม่มีประโยชน์อะไรมากนักหรอก”
[ด้วยอายุขัยแค่ 3 วัน ไม่ว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาจะประสบความสำเร็จอะไรได้?]
[ใน 3 วัน พวกเขาก็จะกลายเป็นกองกระดูกอยู่ใต้พื้นดินแล้วไม่ใช่หรือ?]
“หยกกล่อมวิญญาณเป็นสมบัติล้ำค่าของร่างวิญญาณ แม้ว่าจะมีแค่ครึ่งเดียว แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
จวินอู๋เสียฟังเงียบๆ ในที่สุดนางก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาได้นิดหน่อย
นางอาจเหนื่อยจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะจวินอู๋เหยาทำให้นางรู้สึกปลอดภัย จวินอู๋เสียจึงผลอยหลับไปในอ้อมกอดของจวินอู๋เหยา
จวินอู๋เหยาอุ้มจวินอู๋เสียที่หลับไปขึ้นมา และไปส่งนางที่ห้อง จากนั้นเขาก็ย้อนกลับมาปรากฏตัวในห้องของจักรพรรดิน้อยอีกครั้ง
“นายท่านเจว๋” เย่เหม่ยคอยจับตาดูอยู่ที่ข้างเตียงของจักรพรรดิน้อย แต่ในแววตาที่มองจักรพรรดิน้อยคู่นั้นไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
“ข้าน้อยควรฆ่าเขาไหมขอรับ?” เสียงของเย่เหม่ยเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง
พวกที่โดนโลหิตแดงทั้งหมดคือการหยามหน้าจวินอู๋เหยา จะให้มีเหลืออยู่ในโลกนี้ไม่ได้เด็ดขาด
จวินอู๋เหยาเดินไปที่เตียงของจักรพรรดิน้อย และมองดูชิ้นส่วนหยกกล่อมวิญญาณบนหน้าอกของจักรพรรดิน้อยที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นของเหลวหลอมรวมเข้ากับร่างกายของจักรพรรดิน้อย แล้วพูดว่า “พวกคนในอาณาจักรกลางพยายามกันหนักมากจริงๆที่จะลอกเลียนแบบความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรแห่งความมืด แต่ก็ยังล้มเหลว เย่เหม่ย เจ้ารู้ไหมว่าเด็กน้อยที่อยู่บนเตียงนี้แตกต่างจากทุกคนยังไง?”
เย่เหม่ยส่ายหน้า
“ไม่รู้ขอรับ”
จวินอู๋เหยาหรี่ตา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“โลหิตแดงลอกเลียนทุกอย่างของมารแดงได้สำเร็จแล้ว แต่มีแค่อย่างเดียวที่มันไม่มีวันเลียนแบบได้ และไม่สามารถแทนที่ได้อย่างแน่นอน รู้ไหมว่ามันคืออะไร?”
“ข้าน้อยไม่รู้ขอรับ” เย่เหม่ยตอบ
จวินอู๋เหยาค่อยๆยกมือขึ้นอย่างช้าๆ เขาใช้ปลายเล็บของนิ้วกลางแทงเข้าที่นิ้วหัวแม่มือของเขา
ตอนที่ 1269 เจ้ากลับมาแล้ว (3)
เลือดสีแดงใสหยดหนึ่งซึมออกมาที่ปลายนิ้วของจวินอู๋เหยา
“นายท่านเจว๋!” เย่เหม่ยตะโกนเรียกด้วยความตกใจ
จวินอู๋เหยาปล่อยให้เลือดหยดลงบนริมฝีปากของจักรพรรดิน้อย หยดเลือดสีแดงใสไหลช้าๆลงไปในปากของเขา
“สิ่งที่ขาดไปก็แค่เลือดของข้าเท่านั้น” จวินอู๋เหยาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แววตาเยาะเย้ย
ในโลกนี้ นอกจากเขา ก็ไม่มีใครอีกแล้วที่สามารถสร้างมารแดงที่แท้จริงได้
“นายท่านเจว๋ ทำไมท่าน……” เย่เหม่ยอุทานขณะที่มองจวินอู๋เหยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ [นายท่านของเขาเอาเลือดของตัวเองให้เจ้าเด็กน้อยจากอาณาจักรล่างจริงๆ……เป็นไปได้ยังไง!?]
“ก็มันทำให้เสี่ยวเสียเอ๋อร์มีความสุข” จวินอู๋เหยาพูดพร้อมกับหันหลังจากไปอย่างไม่แยแส เขาไม่สนหรอกว่าจักรพรรดิน้อยจะอยู่หรือตาย และไม่สนใจสวัสดิภาพของจักรพรรดิน้อยด้วย เขารู้แค่ว่าจวินอู๋เสียสนใจ เขาถึงได้ทำลงไป ไม่งั้นล่ะก็ ความเป็นความตายของอาณาล่างก็ไม่สำคัญอะไรกับเขาเลยสักนิด
เย่เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองดูจักรพรรดิน้อยที่นอนอยู่บนเตียง แต่ครั้งนี้เจตนาฆ่าของเขาได้ลดลงไปอย่างมาก
เลือดของจักรพรรดิแห่งความมืดเป็นสิ่งที่ผู้คนนับไม่ถ้วนได้แต่ฝันถึง ผู้คนจำนวนมากในอาณาจักรกลางใช้ความพยายามอย่างมหาศาลเพียงเพื่อจะได้เลือดของจักรพรรดิแห่งความมืดสักหนึ่งหยด แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จเลยสักคน แต่เจ้าเด็กน้อยจากอาณาจักรล่างนี่ ช่างโชคดีซะเหลือเกิน……
เย่เหม่ยไม่มองจักรพรรดิน้อยอีก เขาตามจวินอู๋เหยาออกไปข้างนอกทันที
เมื่อจวินอู๋เสียตื่นขึ้น จวินอู๋เหยาก็นั่งอยู่ข้างเตียงของนางแล้วและกำลังมองนางยิ้มๆ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาทันทีที่ตื่นขึ้นมา จวินอู๋เสียก็ใจเต้นผิดจังหวะทันที
ท่านแบะแบะกับกระต่ายโลหิตมักจะนอนกับจวินอู๋เสียตลอด แต่วันนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกมันพากันไปขดตัวเป็นลูกบอลซุกอยู่ที่มุมห้อง เมื่อพวกมันเห็นว่าจวินอู๋เสียตื่นแล้ว ดวงตาของเจ้าสัตว์โง่ทั้งสองตัวก็เต็มไปด้วยความร้อนใจกระวนกระวายทันที ดูเหมือนพวกมันได้รับความอยุติธรรมอย่างมาก และต้องการให้นายหญิงช่วยปกป้องพวกมัน
แต่……
จวินอู๋เสียไม่ได้สังเกตเห็นสายตาวิงวอนของพวกมัน
“ข้าหลับไปนานเท่าไรแล้ว?” จวินอู๋เสียถามเบาๆ พลางมองไปที่จวินอู๋เหยา
“ไม่นาน” จวินอู๋เหยาตอบยิ้มๆ
จวินอู๋เสียลุกขึ้น เจ้าแมวดำตัวเล็กที่อยู่ข้างๆก็แกว่งหางของมันอย่างเกียจคร้านและอ้าปากหาวซะกว้าง จากนั้นก็กระโจนลงไปบนพื้น
เมื่อเห็นเจ้าโง่สองตัวกอดกันอยู่ด้านหนึ่งโดยไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน เจ้าแมวดำตัวน้อยก็ทำสีหน้าอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
หลังจากจวินอู๋เสียตื่นนอน จวินอู๋เหยาก็จัดการให้นางกินอะไรซะก่อนที่จะไปตรวจอาการของจักรพรรดิน้อย
นางเพิ่งเดินเข้าไปในห้องของจักรพรรดิน้อย ก็ต้องตกตะลึงยืนค้างอยู่กับที่ทันที จักรพรรดิน้อยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงมาตลอดโดยไม่ส่งเสียงอะไรเลยสักครั้งได้ตื่นขึ้นมาเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ทำให้จวินอู๋เสียถึงกับพูดอะไรไม่ออกก็คือ……
นางเห็นจักรพรรดิน้อยกำลังเคี้ยวผ้าห่มตัวเองอยู่……
ผ้าห่มปักลายถูกจักรพรรดิฉีกจนขาดวิ่น กองฝ้ายกระจายเต็มเตียง แต่จักรพรรดิน้อยก็ยังเคี้ยวผ้าห่มต่อไปอย่างไร้เดียงสา ถึงขนาดจะยัดก้อนฝ้ายที่หล่นลงมาเข้าปากด้วย!
จวินอู๋เสียยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย นางเดินเข้าไปดึงผ้าห่มออกจากมือของจักรพรรดิน้อยทันที
จักรพรรดิน้อยดูจะตกใจอยู่พักหนึ่ง แล้วสีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าเสียใจ เขาเงยหน้ามองจวินอู๋เสียและพูดอย่างขลาดกลัวว่า “จินป้าอ่ม……”
“……….” จวินอู๋เสียพูดอะไรไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิน้อยพูดหลังจากโดนโลหิตแดงเข้าไป แต่คำที่เขาพูดไม่ได้ทำให้นางมีความสุขเลย
[อะไรคือ ‘จินป้าอ่ม’!?]
[เขาหิวมากแค่ไหนเนี่ย!]
“ให้คนเตรียมอาหารเข้ามา” จวินอู๋เสียนวดขมับ แล้วพูดกับเย่เหม่ยที่อยู่ข้างๆ
ตอนที่ 1270 จิน (1)
จักรพรรดิน้อยนั่งเศร้าอยู่บนเตียง ดวงตาสีแดงมองไปทางซ้ายและขวาราวกับกำลังหาอะไรอยู่
จวินอู๋เสียมองดูจักรพรรดิน้อยที่แสดงสีหน้าแล้ว นางทั้งดีใจและหดหู่ในเวลาเดียวกัน
จักรพรรดิน้อยดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ดวงตาของเขาไม่ไร้ความรู้สึกเหมือนน้ำนิ่งอีกต่อไปแล้ว แต่สถานที่ที่เขาจ้องมองนั้นค่อนข้างแปลก ถ้าไม่ใช่โต๊ะเก้าอี้ ก็เป็นเครื่องประดับตกแต่งในห้อง จวินอู๋เสียอดรู้สึกไม่ได้ว่าถ้านางไม่ได้ยืนอยู่ที่นั่นแล้วล่ะก็ จักรพรรดิน้อยคงกระโจนเข้าใส่พวกมันและกินสิ่งที่กินไม่ได้พวกนั้นไปแล้ว
“เสี่ยวเจว๋” จวินอู๋เสียเรียก
จักรพรรดิน้อยไม่ได้ตอบสนองมากนัก แต่คนที่ยืนมองจวินอู๋เสียอยู่ด้านข้างเลิกคิ้วขึ้นทันที
[เสี่ยวเจว๋……เจว๋……]
“จำอะไรได้บ้างไหม?” จวินอู๋เสียไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของจวินอู๋เหยา แต่กลับสังเกตใบหน้าของจักรพรรดิน้อยอย่างใกล้ชิด
จักรพรรดิน้อยกระพริบตาและหดหัวมองจวินอู๋เสีย
“จิน……”
“……….” จวินอู๋เสียพูดอะไรไม่ออก
โชคดีที่ไม่นานคนรับใช้ในจวนก็เอาอาหารหลายอย่างมาให้ จวินอู๋เสียพยายามพาจักรพรรดิน้อยมาที่โต๊ะ และจักรพรรดิน้อยก็ไม่ได้ต่อต้าน ยอมให้พามานั่งที่โต๊ะแต่โดยดี
“ถ้าหิวก็กินนี่” จวินอู๋เสียพูดพลางมองจักรพรรดิน้อย
จักรพรรดิน้อยเงยหน้ามองจวินอู๋เสีย แล้วหันไปมองจวินอู๋เหยาที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นแล้วก้มหน้าลงไปกิน
“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” จวินอู๋เสียถามพลางขมวดคิ้ว เป็นเรื่องดีที่จักรพรรดิน้อยได้สติคืนมาแล้ว แต่นางก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จวินอู๋เหยาพูดว่า “หยกกล่อมวิญญาณสามารถกลายเป็นแกนกลางของวิญญาณได้ แต่ก็แค่ทำให้วิญญาณถูกสร้างขึ้นใหม่เท่านั้น ตอนนี้วิญญาณของเขาเป็นของใหม่เหมือนทารกแรกเกิด ความทรงจำในอดีตทั้งหมดจึงไม่มีอยู่อีกแล้ว”
จักรพรรดิน้อยยังเป็นจักรพรรดิน้อย แต่ไม่มีความทรงจำในอดีต เขากลายเป็นเหมือนเด็กแรกเกิด
ค้นหาสิ่งต่างๆรอบตัวที่อาจจะเติมเต็มวิญญาณที่บกพร่องของเขาได้
จวินอู๋เสียกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นางก็พบว่าจักรพรรดิน้อยไม่เพียงแต่กินอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยงเท่านั้น เขายังยัดถ้วยหยกสีขาวที่ใช้ใส่น้ำเข้าปากอีกด้วย จวินอู๋เสียรีบเข้าไปจะเอาถ้วยออก นางก็ได้ยินเสียงกรอบดังขึ้น ถ้วยหยกขาวแข็งๆถูกฟันของจักรพรรดิน้อยเคี้ยวแตกไปแล้ว……
ถ้วยหยกขาวถูกฝังด้วยทองคำและมีความทนทานสูง อย่าพูดถึงฟันของเด็ก 8-9 ขวบเลย ขนาดฟันของผู้ใหญ่ที่โตเต็มที่แล้ว จะกัดให้แตกก็ต้องใช้แรงเยอะมากเลยทีเดียว
แต่ถ้วยในปากของจักรพรรดิน้อยนั้นแตกง่ายยังกับเต้าหู้ขาว ถูกเคี้ยวจนกลายเป็นฝุ่นอย่างรวดเร็ว
จวินอู๋เสียได้ยินเสียงแตกดังชัดเจนขณะที่จักรพรรดิน้อยเคี้ยวถ้วยหยกขาวนั้นและกลืนมันลงท้องไป……
หลังจากกินเสร็จ สายตาของเขาก็หันไปจ้องหยูอี้หยกที่วางอยู่บนชั้นไม้แดง
“จินหยูอี้……” จักรพรรดิน้อยหันหน้ากลับมามองจวินอู๋เสียอย่างอ้อนวอน
จวินอู๋เสียไม่รู้จริงๆว่าจะอธิบายความรู้สึกสับสนและตกใจในตอนนี้ยังไงดี
[เด็กคนนี้……]
[กินหยกจริงๆ!]
จวินอู๋เหยายืนชื่นชมสีหน้าตกตะลึงของจวินอู๋เสียด้วยดวงตาเป็นประกายสนุกสนาน
“ถึงหยกกล่อมวิญญาณจะถูกใช้กับร่างวิญญาณ แต่มันก็ยังต้องดูดซับพลังงานด้วย หยกพวกนี้ต้องมีสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับมันอยู่แล้ว ความต้องการของหยกกล่อมวิญญาณจะแสดงออกมาที่จักรพรรดิน้อย เพื่อให้หยกกล่อมวิญญาณซ่อมแซมวิญญาณของเขา จึงจำเป็นต้องเติมพลังงานอย่างต่อเนื่อง” จวินอู๋เหยาอธิบาย
ตอนที่ 1271 จิน (2)
ถึงยังไงหยกกล่อมวิญญาณก็ไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะเอาไปใช้กับร่างวิญญาณ แต่พลังงานที่วิญญาณต้องการนั้นมากเกินไป พึ่งแค่หยกกล่อมวิญญาณอย่างเดียวไม่สามารถทำให้วิญญาณสมบูรณ์ได้ หยกกล่อมวิญญาณต้องการพลังงานเพิ่มอีก จึงต้องให้จักรพรรดิน้อยดูดซับจากแหล่งภายนอกเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงานวิญญาณ
ไม่เพียงแต่หินหยกเท่านั้น อะไรก็ตามที่มีกลิ่นไอวิญญาณ หยกกล่อมวิญญาณในร่างของจักรพรรดิน้อยก็ต้านทานไม่ได้ทั้งนั้น
มันไม่ใช่ความหิวโหยของร่างกาย แต่เป็นความว่างเปล่าของวิญญาณ
“มันจะไม่เป็นอันตรายกับร่างกายเขาใช่ไหม?” จวินอู๋เสียถามพร้อมขมวดคิ้ว แม้ว่านางจะเข้าใจสิ่งที่จวินอู๋เหยาอธิบายคร่าวๆแล้ว แต่ร่างกายมนุษย์จะสามารถดูดซับหินหยกได้ยังไง? ถึงจะเคี้ยวไปแล้ว แต่การมีหินหยกอยู่ในท้องก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆได้
จวินอู๋เหยาเดินไปข้างหน้า เขาง้างปากจักรพรรดิน้อยที่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่หยูอี้หยก
ในปากของจักรพรรดิน้อยมีเขี้ยวเพิ่มมาอีกสอง แม้ว่ามันจะไม่ใหญ่เกินไป แต่ก็แหลมคมเป็นพิเศษ
“เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว ของพวกนี้ไม่ทำให้เกิดอันตรายกับเขาหรอก”
จักรพรรดิน้อยมองไปที่จวินอู๋เสีย ดวงตาของเขามีแววเชื่อฟัง
นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียเจอกับเรื่องแบบนี้ ถ้าคำพูดพวกนั้นไม่ได้มาจากจวินอู๋เหยา นางก็คงจะไม่เชื่อ แต่เนื่องจากจวินอู๋เหยาเป็นคนพูด เช่นนั้นก็ไม่มีทางผิดแน่
เมื่อเห็นจักรพรรดิน้อยจ้องไปที่หยูอี้หยกด้วยสายตาอยากได้ขนาดนั้น จวินอู๋เสียก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยืนขึ้นและเอาหยูอี้หยกลงมาวางไว้ในมือของจักรพรรดิน้อย
จักรพรรดิน้อยถือหยูอี้หยกด้วยท่าทางที่เหมือนคนที่หิวมาเป็นเวลานานแล้วและกำลังถือไก่ย่างอย่างตื่นเต้น ดวงตาโตใสแจ๋วของเขาหันไปมองจวินอู๋เสียอีกครั้ง และเมื่อจวินอู๋เสียพยักหน้าน้อยๆ เขาก็เอาหยูอี้หยกใส่ปากแทะ
‘กร้วม กร้วม กร้วม……’
เสียงพวกนั้นทำให้หัวใจของจวินอู๋เสียกระตุกไปตามเสียงเคี้ยว
เมื่อเฉียวฉู่กับคนอื่นๆเข้ามาหาจวินอู๋เสีย พวกเขาก็เห็นจักรพรรดิน้อยกอดหยูอี้หยกที่เหลือครึ่งอันนั่งอยู่ทางด้านหนึ่ง…… ‘กร้วม กร้วม กร้วม……’ ทันใดนั้น พวกผู้เยาว์ก็พากันตกตะลึง
“นี่……นี่มันอะไรกันเนี่ย? ขนมชนิดใหม่จากครัวของจวนหลินอ๋องเหรอ? ฮ่า…..ฮ่า…..ดูเหมือนหยูอี้หยกมากเลยเนอะ……” เฉียวฉู่พูด ขณะที่มุมปากของเขาเริ่มกระตุก เขาบอกตัวเองว่าตาของเขาต้องฝาดไปแน่ๆ เด็กตัวเล็กๆอย่างนั้นจะแทะหยูอี้หยกได้ยังไง
“ข้าว่า นั่นไม่ใช่ขนมจริงๆหรอก” ฟ่านจั๋วพูดเสียงเย็น
“……….” เฉียวฉู่ทำหน้าประหลาดใจ
“เขาหายแล้วเหรอ?” หรงรั่วเดินเข้ามาข้างใน พลางมองไปที่จักรพรรดิน้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตาเคี้ยวหยูอี้หยก แล้วถามจวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ
จวินอู๋เสียเล่าอาการของจักรพรรดิน้อยให้เพื่อนๆของนางฟังคร่าวๆ พวกผู้เยาว์ต่างไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ยังไงดี
จักรพรรดิน้อยดูเหมือนจะสบายดีกว่าเมื่อก่อน แต่……ก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่!
หยูอี้หยกยาวเกือบเท่าแขนเด็ก จักรพรรดิน้อยเคี้ยวซะเกลี้ยงไม่มีเหลือ จากนั้นสายตาของเขาก็มองหาไปทั่วห้อง และทันใดนั้นดูเหมือนเขาจะพบบางอย่าง เขายกมือขึ้นแตะจี้หยกที่ห้อยอยู่ที่คอของเขา
ขณะที่จวินอู๋เสียคิดว่าเขากำลังจะเริ่ม ‘จิน’ อีกครั้ง เด็กน้อยก็ไม่มีทีท่าสนใจจี้หยกมากนัก เขาปล่อยมือจากมันอย่างรวดเร็ว
“เห็นแบบนี้ เขาจะไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม?” เฉียวฉู่เกาหัว รู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก
“พี่ใหญ่อู๋เหยา นอกจากหินหยกแล้ว มีอะไรที่ปกติกว่านี้ที่สามารถเพิ่มพลังของหยกกล่อมวิญญาณได้ไหม?” เฉียวฉู่ถาม
จวินอู๋เหยายิ้มแล้วตอบว่า “มี”
“มันคืออะไร?”
“ภูติประจำตัว”
ตอนที่ 1272 จิน (3)
“……….” เฉียวฉู่ทำตาโต
[เชี่ยไรเนี่ย!?]
[คนกินภูติประจำตัว!!]
เขามองไปที่จวินอู๋เสียโดยไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่าคนเดียวที่มีความสามารถพอจะทำแบบนั้นได้ก็มีแค่……
จวินอู๋เสียจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา เฉียวฉู่สงบเสงี่ยมขึ้นมาทันที
“มันต่างเสี่ยวเสียเอ๋อร์ เสี่ยวเสียเอ๋อร์ดูดกลืนภูติประจำตัวเพื่อทะลวงขั้นพลังวิญญาณ แต่กรณีของเจ้าเด็กน้อยคนนี้ มันคือการซ่อมแซมวิญญาณของเขา” จวินอู๋เหยาพูด
“ที่จริง อะไรที่มีแก่นวิญญาณ เขากินได้ทั้งนั้นแหละ”
จวินอู๋เหยาพูดยังไม่ทันขาดคำ จักรพรรดิน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ดูเหมือนจะค้นพบบางสิ่ง เขากระโดดลงจากเก้าอี้และเดินไปหาหรงรั่ว จากนั้นก็เอียงคอมองใบหน้าของหรงรั่วอย่างอยากรู้อยากเห็น
หรงรั่วยิ้มหวานให้เด็กน้อย
“จินพี่ชาย” จักรพรรดิน้อยพูดพร้อมกับกระโดดดึ๋งๆอย่างตื่นเต้น
หรงรั่วยิ้มไม่ออกอีกต่อไป……
คนอื่นๆในห้องก็พากันตัวแข็งด้วยความตกใจ
เขาคิดอยู่แค่เรื่อง ‘จิน’ อย่างเดียว และตอนนี้เขาก็อยากกินคนขึ้นมา!!?
เฟยเหยียนพุ่งเข้าไปยืนข้างหน้าหรงรั่วทันที เอาตัวเองกั้นกลางระหว่างจักรพรรดิน้อยและหรงรั่ว
“คนนี้กินไม่ได้!” เฟยเหยียนตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ
จักรพรรดิน้อยทำคอตกมองเฟยเหยียนอย่างขลาดกลัว มือเล็กๆกุมอยู่ที่หน้าอก ไหล่สั่น ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอ ดูน่าสงสารมาก
เฟยเหยียนที่กระโดดออกมาปกป้อง ‘ว่าที่ภรรยาในอนาคต’ ของเขา เห็นจักรพรรดิน้อยใกล้จะปล่อยโฮ ความร้อนใจกระวนกระวายของเขาก็สลายกลายเป็นควัน ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เหมือนว่าเขากำลังรังแกสัตว์ตัวเล็กๆ
“เฮ้……ไม่ต้องร้องไห้น่า” เฟยเหยียนเริ่มปลอบ
ถ้าเขาไม่ได้พูดก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่พอเขาพูดว่า ‘ร้องไห้’ เท่านั้นล่ะ น้ำตาที่ปริ่มๆอยู่ในดวงตาของจักรพรรดิน้อยก็ไหลลงมาทันที สีหน้าขลาดกลัวกับการร้องไห้แบบไม่มีเสียง ยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กน้อยน่าสงสารที่ถูกรังแก
เฟยเหยียนรู้สึกจนปัญญา [เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ]
เจ้าเด็กนี่อยากจะกิน ‘ว่าที่ภรรยา’ ของเขา เขาก็แค่พูดปฏิเสธไปประโยคเดียวเอง ทำไมถึงร้องไห้แล้วล่ะ……
ตั้งแต่เขาเข้าไปเจอฉากร้อนแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ เฟยเหยียนก็แปะป้าย ‘ว่าที่ภรรยา’ เอาไว้บนหัวหรงรั่ว แม้ว่ามันจะไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากวันอื่นๆมากนัก แต่ถ้าสังเกตดีๆแล้วล่ะก็ จะรู้สึกได้ว่าเฟยเหยียนเอาใจใส่และอ่อนโยนต่อหรงรั่วเป็นพิเศษ
แต่เพื่อนๆทั้งกลุ่มก็เลือกที่จะมองข้าม มีเพียงหรงรั่วเท่านั้นที่ไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้
นางอยากพูดคุยกับเฟยเหยียนเป็นการส่วนตัว แต่เฟยเหยียนที่ปกติเป็นคนปากจัด เมื่ออยู่กับหรงรั่วตามลำพัง ถ้าไม่หน้าแดงวิ่งหนีไป ก็จะไม่มีสติจนไม่ได้ฟังที่หรงรั่วพูดเลย
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง หรงรั่วก็ล้มเลิกความคิดที่จะพยายามอธิบายให้เฟยเหยียนฟัง และปล่อยให้เขารู้สึกภาคภูมิใจกับตัวเอง
เฟยเหยียนรู้สึกถึงสายตากล่าวหาจากเด็กน้อย เขาพูดอะไรไม่ออก เขาแค่ปกป้องภรรยาในอนาคตของเขาก็ผิดด้วยเหรอ?!
เจ้าเด็กนี่สามารถเคี้ยวหินหยกแข็งๆได้ แล้วเนื้อเนียนนุ่มของว่าที่ภรรยาเขาจะไปต้านทานฟันอันแหลมคมของจักรพรรดิน้อยได้ยังไง?
พอโดนจ้องมากๆเข้า เฟยเหยียนก็ไม่มีทางเลือก เขาเอาหยกชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งมายัดใส่มือของจักรพรรดิน้อย
“กิน กิน กิน ห้ามกินพี่ชาย กินไอ้นี่!”
เฉียวฉู่ตาไว เห็นหยกชิ้นนั้นก็พูดว่า “นั่นไม่ใช่อันที่เจ้าเพิ่งซื้อมาจะเอาไปให้……”
เฉียวฉู่ยังพูดไม่ทันจบ สายตาคมกริบของเฟยเหยียนก็ทำให้เขาหุบปากทันที
จักรพรรดิน้อยถือจี้หยกมองเฟยเหยียนอย่างลังเล และกระพริบตาปริบๆใส่เขา “ห้ามจินพี่ชาย จินจี้หยก……”
เฟยเหยียนแทบจะหลั่งน้ำตา เขาพยักหน้าขณะที่ในใจเลือดไหลซิบๆ
“ใช่!”
พอมีของ ‘จิน’ จักรพรรดิน้อยก็ยิ้มกว้างทันที มือกุมจี้หยกที่เฟยเหยียนใช้เงินจำนวนมากซื้อมา แล้วไปซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่งพลางเคี้ยวกร้วมๆอย่างมีความสุข……
ตอนที่ 1273 ของขวัญให้เจ้า (1)
เฟยเหยียนมองจักรพรรดิน้อยกินอย่างมีความสุข น้ำตาของเขาไหลรินราวสายน้ำ
“ข้าเพิ่งคิดอะไรออก” เฉียวฉู่พูดพร้อมกับลูบคาง
“อะไร?” ฮัวเหยาถาม
“ตอนไปที่สุสานจักรพรรรดิแห่งความมืด เราจะพาเด็กนี่ไปกับเราด้วยรึเปล่า? เห็นว่าที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดมีสมบัติกับวัตถุเวทมนตร์อยู่นับไม่ถ้วนเลยไม่ใช่เหรอ? หยกกับพวกของที่มีแก่นวิญญาณก็ต้องมีเยอะเหมือนกันซิ ถ้าเด็กนี่ต้องการจริงๆ พาเขาไปกับเราด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากนี่นา จะได้ให้เขากินจนพอใจเลย แบบนั้นไม่ดีหรือ?” เฉียวฉู่พูด
“สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเต็มไปด้วยอันตรายนับไม่ถ้วน ให้เขาไปด้วยอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับเขานะ” หรงรั่วพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว นางไม่กลัวอะไรนอกจากความปลอดภัยของจักรพรรดิน้อยเท่านั้น พวกเขาเคยไปผาสุดสวรรค์กันมาแล้ว และรู้ว่าที่นั่นอันตรายขนาดไหน จะปกป้องตัวเองยังยากเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะพาจักรพรรดิน้อยที่ยังเด็กมากและวิญญาณอ่อนแอไปด้วยเลย
“เรื่องนั้น พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องกังวลไปหรอก” จวินอู๋เหยาพูดขึ้น “ในด้านพลังการต่อสู้ พวกเจ้าทุกคนที่นี่ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้เขาได้สักคน” ดวงตาของเขาหันไปมองจักรพรรดิน้อยที่ยังคงเคี้ยวจี้หยกอยู่
ผู้เยาว์ทุกคนที่นั่นทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ ต่างมองไปที่จักรพรรดิน้อยที่รู้จักแค่ ‘จิน จิน จิน’
“โลหิตแดงถูกสร้างขึ้นเพื่อให้พลังที่แข็งแกร่ง ถึงเขาจะไม่ตายเพราะโลหิตแดง แต่พลังที่มาพร้อมโลหิตแดงก็อยู่ในร่างของเขาแล้ว” จวินอู๋เหยาอธิบายให้ฟัง
“จริงหรือ?” จวินอู๋เสียถาม พร้อมกับหันไปทางจวินอู๋เหยา
จวินอู๋เหยายิ้มและตอบว่า “ข้าเคยโกหกเจ้าเมื่อไหร่?”
จวินอู๋เสียประหลาดใจ “ท่านจะบอกว่าเราสามารถพาเขาไปด้วยได้งั้นหรือ?”
จวินอู๋เหยาพยักหน้า
“ไม่ใช่แค่เขา แต่ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
ตอนที่พูดเช่นนั้น สายตาของจวินอู๋เหยาไม่ละไปจากใบหน้าของจวินอู๋เสียเลย แม้ว่าปากจะยิ้ม แต่คำพูดของเขาก็จริงใจจริงๆ
จวินอู๋เสียก้มหน้าโดยไม่รู้ตัว หัวใจของนางเริ่มเต้นเร็วมาก
“เย้ มีพี่อู๋เหยาไปด้วย ก็ไม่มีอะไรที่เราต้องกลัวอีกแล้ว!” เฉียวฉู่เป็นแฟนตัวยงของจวินอู๋เหยา เขาเคารพบูชาความแข็งแกร่งของจวินอู๋เหยาอย่างที่สุด เมื่อได้ยินว่าจวินอู๋เหยาจะไปกับพวกเขาด้วย เขาก็ดีใจยิ่งกว่าใคร
“เราเหลือแผนที่อีกแค่ 2 ส่วนสุดท้าย ออกไปรวบรวมพวกมันให้เร็วที่สุดกันเถอะ เราจะได้ไปที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดกัน!” เฉียวฉู่พูดพร้อมกับลูบกำปั้น เตรียมตัวพร้อมรบเต็มที่
พวกผู้เยาว์ในห้องเผยรอยยิ้มกว้าง เนื่องจากวันที่พวกเขารอมานานแสนนานใกล้จะมาถึงแล้ว ตอนนี้ความหวังอยู่ตรงหน้าแล้ว เลือดพวกเขาแทบเดือดพล่านด้วยความปรารถนาที่จะแก้แค้น
“พวกเจ้าทุกคนไม่จำเป็นต้องไปค้นหาแล้ว” จวินอู๋เหยาพูดขึ้น
จวินอู๋เสียมองเขาอย่างงุนงง
จวินอู๋เหยาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเย่เหม่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เอากล่องเล็กๆ 2 กล่องออกมายื่นให้ตรงหน้าจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียมองไปที่จวินอู๋เหยา ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
“เพราะช่วงนี้ข้าอยู่ข้างกายเจ้าไม่ได้ ข้าเลยรวบรวมของขวัญเล็กๆน้อยๆนี้มาให้เจ้า หวังว่าเสี่ยวเสียเอ๋อร์จะชอบ” จวินอู๋เหยาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นลูบหัวจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียก้าวเข้าไปเปิดกล่องในมือของเย่เหม่ย
แผนที่หนังมนุษย์เก่าๆ 2 แผ่นนอนนิ่งอยู่ในกล่อง 2 ใบนั้น!
“แผนที่!!” เฉียวฉู่อุทานด้วยความประหลาดใจ!
ในกล่อง 2 กล่องนั้น มีแผนที่อีก 2 ส่วนที่จวินอู๋เสียกับเพื่อนๆกำลังหาอยู่!
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางอยากถามเขาเรื่องพวกมัน แต่พอหันหน้าไป จวินอู๋เหยาก็เข้ามาใกล้และฉวยโอกาสจูบปากที่อ้าเล็กน้อยของจวินอู๋เสีย
ตอนที่ 1274 ของขวัญให้เจ้า (2)
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางอยากถามเขาเรื่องพวกมัน แต่พอหันหน้าไป จวินอู๋เหยาก็เข้ามาใกล้และฉวยโอกาสจูบปากที่อ้าเล็กน้อยของจวินอู๋เสีย
มันไม่เหมือนสัมผัสเบาๆอย่างที่แมลงปอสัมผัสกับผิวน้ำเช่นเมื่อก่อน จูบจากจวินอู๋เหยาครั้งนี้ไม่ใช่แค่ชิมรสชาติเล็กน้อยแล้วถอนกลับ แต่เขาเอาแขนโอบรอบเอวของจวินอู๋เสียและดึงนางเข้ามากอด พร้อมกับจูบอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
เฉียวฉู่กับคนอื่นๆที่อยู่ด้านข้างมองอย่างตะลึงงัน
พวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่า……
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไป พวกเขาจึงรู้สึกตื่นตกใจไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไงดี!
เฉียวฉู่สับสนปั่นป่วนไปหมด เขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
[ทำไมจู่ๆพี่ใหญ่อู๋เหยาถึงจูบเสี่ยวเสียแบบนี้……]
ฟ่านจั๋วกระแอมในลำคอเล็กน้อย แล้วส่งสายตาให้เพื่อนๆของเขา ฮัวเหยาจัดการลากเฉียวฉู่ที่ปากอ้าตาโตออกไปจากห้อง แม้แต่เย่เหม่ยก็วางกล่องลงบนโต๊ะด้านข้าง แล้วแบกจักรพรรดิน้อยที่ยังเคี้ยวกร้วมๆอยู่ หลบออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ไม่นานภายในห้องก็เหลือแค่จวินอู๋เสียกับจวินอู๋เหยาเท่านั้น
จูบนี้มาอย่างกระทันหันเกินไป จวินอู๋เสียจึงไม่ทันระวังตัว ร่างเล็กๆของนางซุกอยู่ในอกกว้าง ทำให้นางรู้สึกมึนงงทำอะไรไม่ถูก
กลิ่นที่เขาคิดถึงมานานกระจายอยู่ในปากเขา จวินอู๋เหยาอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ที่ตรงนี้ ไม่อยากจะปล่อยไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“หายใจ” แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยปากเล็กๆของจวินอู๋เสียไป และเอ่ยเตือนนางเมื่อเห็นว่าเด็กสาวตกใจมากจนลืมหายใจ จวินอู๋เหยามองใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงของนาง แล้วหัวเราะออกมาดังๆอย่างร้ายกาจที่สุด
“ท่าน……” จวินอู๋เสียพึมพำขณะที่จ้องมองจวินอู๋เหยา แก้มของนางเป็นสีแดง ดวงตาที่เย็นชาก็ลดความเย็นชาลงจากเดิม เพิ่มเติมด้วยความไร้เดียงสาของเด็กสาว
นั่นเกือบทำให้จวินอู๋เหยาใจละลาย
เพื่อดวงตาคู่นั้น เขายินดีจะทำทุกอย่าง
ตราบใดที่ดวงตาคู่นั้นมีเพียงเขาแค่คนเดียวเท่านั้น
“ชอบไหม?” เสียงของจวินอู๋เหยาแหบพร่าเล็กน้อยขณะที่พูดเบาๆ
จวินอู๋เสียมองเขาอย่างมึนงง “อะไรนะ……”
จวินอู๋เหยาส่งยิ้มหยอกล้อให้นาง
“คิดว่าอะไรล่ะ?”
จวินอู๋เสียกระพริบตา ยังคงสับสนเล็กน้อย
จวินอู๋เหยาหัวเราะและอุ้มนางไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง เขาหยิบแผนที่ 2 ส่วนจากกล่องมาวางไว้ในมือนาง
“ชอบไหม?”
จวินอู๋เสียมองแผนที่ในมือแล้วถามว่า “ท่านไปหามาตั้งแต่เมื่อไร?”
จวินอู๋เหยาพูดพร้อมหัวเราะ “ข้าพบหนึ่งแผ่นก่อนที่แคว้นฉีจะถูกโจมตี และอยากหาที่เหลือก่อนจะเอาให้เจ้าเป็นของขวัญ ก็เลยไม่ได้บอกเจ้าก่อน” มันคือเซอร์ไพรซ์ที่เขาเตรียมเอาไว้ให้นาง
“ขอบคุณ……” จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาอย่างจริงจัง ตัวจวินอู๋เหยาเองนั้นลึกลับมาก เป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง มักจะหายตัวไปอยู่เสมอ จวินอู๋เสียเดาว่าเขาอาจมีเรื่องของตัวเองให้ต้องจัดการ และเรื่องพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ทุกครั้งที่เขาหายตัวไป จวินอู๋เสียก็สันนิษฐานว่าเขากำลังจัดการธุระของตัวเอง ไม่เคยคิดเลยว่าสองครั้งสุดท้ายที่หายไปนั้นจะด้วยจุดประสงค์อื่น
เขาออกไปเพื่อค้นหาแผนที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดที่เหลือให้กับนาง
“ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก” จวินอู๋เหยาพูดด้วยรอยยิ้มและจูบเบาๆที่หน้าผากของนาง ตราบใดที่มันทำให้นางมีความสุข เขาก็ไม่คิดว่าการทำเรื่องทั้งหมดนี้จะไม่เหมาะสม
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เงยหน้าขึ้น และก่อนที่จวินอู๋เหยาจะทันได้ตอบสนอง นางก็จูบเขาที่ริมฝีปาก
ตอนที่ริมฝีปากนุ่มของนางแตะที่ปากของเขาเบาๆ ดวงตาของจวินอู๋เหยาก็ฉายแววตกใจทันที!
ตอนที่ 1275 ของขวัญให้เจ้า (3)
มันเป็นเพียงสัมผัสแผ่วเบาที่หายวับไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ทำให้จวินอู๋เหยาตัวแข็งไปทั้งร่าง เขามองไปที่จวินอู๋เสีย ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมีแสงสีม่วงหมุนวนอยู่ภายใน
จูบเล็กๆเบาๆนั่นทำให้จวินอู๋เหยาสมองว่างเปล่าในทันที ความคิดถูกตัดขาด รอบตัวดูเหมือนจะเงียบไปหมด การรับรู้ทั้งหมดปิดลงในทันที มีเพียงความอบอุ่นจางๆบนริมฝีปากที่แจ่มชัดอยู่ในใจของเขา
มันไม่ใช่จูบแรก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นจูบแรก
และครั้งนี้มันตื้นตันยิ่งกว่าครั้งอื่นๆ
หลังจากจวินอู๋เสียจูบปากจวินอู๋เหยาอย่างรวดเร็วแล้ว นางก็ถอยห่างออกมาเล็กน้อย ใบหน้าเป็นสีแดงเรื่อ ดวงตาที่มองจวินอู๋เหยามีแววงุนงงเล็กน้อย
ปกติตัวเขาจะมีบรรยากาศที่ร้ายกาจล้อมรอบอยู่ แต่ตอนนี้จวินอู๋เหยาดูเหมือนสติหลุดลอย เขามองนางอย่างตกใจและประหลาดใจอยู่เช่นนั้น ดวงตาไม่สามารถคงสภาพสีดำสนิทเอาไว้ได้ ความรู้สึกของเขาสับสนปั่นป่วนไปหมด เหมือนกระแสน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาอย่างไม่อาจหยุดได้
จวินอู๋เสียกระพริบตา นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายจูบจวินอู๋เหยาก่อน แต่ปฏิกิริยาของเขาดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อน……
[นางทำอะไรผิดไปรึเปล่า?]
แต่ก่อนที่จวินอู๋เสียจะคิดหาคำตอบในเรื่องนี้ได้……
วงแขนที่โอบรอบเอวนางก็รัดแน่นเข้า ร่างเล็กๆของนางถูกดึงเข้าไปแนบชิดกับอกกว้าง จนนางเกือบรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงหัวใจที่เต้นแรงภายใต้หน้าอกที่กำยำนั้น
วินาทีต่อมา จูบอันเร่าร้อนราวกับไฟก็กลืนกินจวินอู๋เสียในทันที
จูบนี้แตกต่างกับจูบที่แผ่วเบาและรวดเร็วของนางอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนจูบหยอกล้อเบาๆอย่างเมื่อก่อนด้วย
มันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรง และยังอ่อนโยนอย่างที่สุด มันรุกล้ำเข้ามาในปากของนาง เอาลมหายใจของนางไปหมด รวมทั้งกลิ่นหอมทั้งหมดของนางด้วย
จูบที่เร่าร้อนนั้นทำให้จวินอู๋เสียแขนขาอ่อนแรง ได้แต่อาศัยวงแขนที่โอบรอบเอวนางพยุงตัวเอาไว้เท่านั้น เหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบออกไปจากตัวนาง ในหัวว่างเปล่าไปชั่วขณะ สิ่งเดียวที่รับรู้ได้คือลมหายใจอันคุ้นเคยของจวินอู๋เหยาแทรกซึมอยู่ในลมหายใจของนาง
มือข้างที่ว่างของเขาแนบอยู่ที่หลังของนาง เคลื่อนไหวอยู่บนเสื้อผ้าด้านหลังของนาง และดูเหมือนเขาจะไม่พอใจ มือนั้นจึงเลื่อนเข้าไปใต้เสื้อผ้า จุดไฟอันเร่าร้อนขึ้นบนแผ่นหลังที่นุ่มเนียนของนาง
เหมือนมีกองไฟลุกไหม้อยู่บนหลัง ไฟจากฝ่ามือของเขาค่อยๆกระจายไปทั่วแผ่นหลังของนาง
เหมือนลมหายใจกำลังจะหยุดลงในทันทีนั้น
ร่างที่อ่อนปวกเปียกของจวินอู๋เสียหงายหลังไปอย่างไร้การควบคุม แต่วงแขนรอบเอวนางไม่ยอมปล่อยนางไป ราวกับมันกำลังหลอมนางให้เข้าไปในกระดูกของเขา
จวินอู๋เหยายกแขนของนางขึ้นโอบรอบคอเขา มือของเขาเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด
ดูเหมือนว่าเขากำลังประทับร่างกายของนางทั้งร่างลงในจิตวิญญาณของเขา ปลายนิ้วสัมผัสผิวหนังของนางไปทุกส่วนโดยไม่ยอมปล่อย
ชุดบางๆของนางถูกฉีกขาดหลุดรุ่ย เสียงเสื้อผ้าขาดดังขึ้นในหูของนาง ราวกับปีกจั๊กจั่นที่หล่นลงมา เผยให้เห็นไหล่ขาวราวกับหยก อากาศที่หนาวเย็นในฤดูหนาวทำให้จวินอู๋เสียตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ในตอนที่หนาวสั่นนั้น อ้อมแขนของเขาก็โอบล้อมนางเอาไว้ มือที่ร้อนราวกับไฟเคลื่อนผ่านไหล่ของนาง ไล่ความหนาวเย็นออกไป นำความอบอุ่นเข้ามา
สัมผัสอันนุ่มนวลที่ปลายนิ้วของเขาค่อยๆทำลายความมีเหตุผลของจวินอู๋เหยาไปทีละนิด
ตอนที่ 1276 จิตใจว้าวุ่นเล็กน้อย (1)
[ไม่พอ!]
[ยังไม่พอ!]
[เขาต้องการอีก]
จวินอู๋เหยาลุกขึ้นทันที เขาอุ้มจวินอู๋เสียก้าวยาวๆเข้าไปยังห้องด้านใน เขาอุ้มนางอย่างอ่อนโยน ให้นางพิงอยู่ที่ไหล่ของเขา
ระยะทางแค่ไม่กี่ก้าว แต่หน้าผากของจวินอู๋เหยากลับเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาวางจวินอู๋เสียลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน แขนที่แข็งแรงทั้งสองข้างยันเอาไว้ข้างๆตัวของจวินอู๋เสีย เขาก้มมองจวินอู๋เสียที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาของนางยังคงพร่ามัว
เม็ดเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเขา หยดลงบนคอของจวินอู๋เสีย
เม็ดเหงื่อใสๆนั้นไหลลงไปตามผิวหนังที่เนียนละเอียดไร้ที่ติ สายตาของจวินอู๋เหยามองตามจนกระทั่งเม็ดเหงื่อนั้นซึมลงไปในผมสีดำของนาง
ลำคอของจวินอู๋เหยาสั่น ดวงตาของเขาเข้มขึ้น กระทั่งลมหายใจก็ช้าลง ราวกับมีลูกไฟลุกไหม้อยู่ในหน้าอกของเขา ทำให้เซลล์ทุกเซลล์ในตัวเขากรีดร้อง
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์……” เสียงของเขาเบาและแหบพร่า มันฟังเหมือนถูกถูด้วยกระดาษทราย
จวินอู๋เหยาจ้องที่ไหล่สีชมพูระเรื่อของนาง สายตาของเขาเหมือนมีเปลวไฟลุกโชน ขณะที่เคลื่อนไปตามผิวที่นุ่มนวล มองดูความงดงามที่ปกคลุมด้วยเสื้อผ้า
ปกติแต่งตัวด้วยชุดของผู้ชาย มันจึงไม่ชัดเจนนัก แต่จวินอู๋เสียนั้นมีเสน่ห์และความงดงามน่าหลงใหลของหญิงสาวอยู่แล้ว นั่นเป็นแค่ความแตกต่างเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ใจของจวินอู๋เหยากระตุกได้ ทำให้เขาปรารถนาจะเผาเสื้อผ้าที่กีดขวางพวกนั้นซะ ไม่อยากให้มีสิ่งใดมาปกคลุมความงดงามของนาง
ทั้งหมดนี้……
ให้เขาเห็นได้แค่คนเดียวเท่านั้น
และเป็นของเขาแค่คนเดียวเท่านั้น
นิ้วยาวเรียวของเขายกขึ้นเล็กน้อย ปลายนิ้วเกี่ยวปกเสื้อของจวินอู๋เสีย เวลาดูเหมือนจะช้าลง จวินอู๋เหยาไม่ได้สังเกตเลยว่านิ้วของเขากำลังสั่นอยู่ มันหลุดออกจากการควบคุมของเขาแล้ว
ก็แค่ต้องกระตุกเบาๆหนึ่งครั้งเท่านั้น อะไรที่กีดขวางอยู่ก็จะไม่มีอีกต่อไป
สัตว์ร้ายในอกเขากระตือรือร้นที่จะพังกรงออกมา มันคำรามเพื่อจะให้เป็นอิสระ
“พี่ใหญ่?” ในหัวของจวินอู๋เสียว่างเปล่า ความร้อนที่อธิบายไม่ได้กำลังเผาไหม้ร่างกายนาง ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว ดวงตาพร่าจนแทบมองไม่เห็นใบหน้าของจวินอู๋เหยา เสียงที่อ่อนแรงของนางดังพึมพำเบาๆ เหมือนสัตว์ตัวเล็กๆที่มึนงงทำอะไรไม่ถูก
แต่เสียงที่แทบไม่ได้ยินนั้นกลับเป็นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเข้ามาในใจของจวินอู๋เหยา ลากเอาสติของเขากลับมาในทันที!
เขามองจวินอู๋เสียที่ปากเผยออ้าเล็กน้อย เห็นแววตาที่ปกป้องตัวเองไม่ได้ กล้ามเนื้อที่แขนของเขาเกร็งขึ้นมา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ นิ้วที่เกี่ยวปกเสื้อก็ค่อยๆขยับออกไปอย่างช้าๆ
“เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ” จวินอู๋เหยาจูบเบาๆที่หน้าผากนาง แล้วก็ถอยออกห่างทันที เขาก้าวยาวๆออกจากห้องไป!
ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของนาง เขาไม่รู้ว่าเขาจะรักษาความตั้งใจเดิมของเขาเอาไว้ได้รึเปล่าถ้ายังขืนอยู่ที่นั่นต่อไป
ประตูห้องถูกปิดดังปัง จวินอู๋เสียค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ เมื่อไม่มีความอบอุ่นจากร่างของจวินอู๋เหยา นางก็รู้สึกหนาวที่แขนและไหล่ ความเย็นทำให้นางต้องขดตัวเล็กน้อย นางคว้าเอาผ้าห่มมากอดแนบอกขณะที่นั่งอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าตอนนี้นางกำลังคิดอะไรอยู่
ที่นอกประตูห้อง เย่เหม่ยเห็นจวินอู๋เหยาโผล่ออกมา เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ร่างของจวินอู๋เหยาก็ผ่านแวบไปเหมือนสายฟ้า!
จวินอู๋เหยาปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้อง แม้ว่าเขาจะทิ้งนางเอาไว้ที่นั่น แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงนางบนร่างกายของเขา กลิ่นที่เป็นของนางเพียงคนเดียวอยู่ทั่วร่างเขา ท้าทายสติของเขาในทุกวินาทีที่ผ่านไป
ทันใดนั้น จวินอู๋เหยาก็ฉีกเสื้อของเขาออกและโยนมันไว้บนเก้าอี้ข้างอย่างไม่ใส่ใจ ด้วยร่างกายท่อนบนที่กำยำและเปลือยเปล่า เขาก้าวยาวๆตรงไปที่ข้างอ่างอาบน้ำ
ตอนที่ 1277 จิตใจว้าวุ่นเล็กน้อย (2)
จวินอู๋เหยาคว้าขันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ตักน้ำที่เย็นอยู่นานแล้วขึ้นมาราดตัว
น้ำใสๆสาดลงบนผิวหนังสีแทนของเขา แล้วไหลลงมาตามร่างกายอย่างช้าๆ รูปร่างที่โดดเด่นของเขาทำให้ผู้ชายทุกคนต้องอับอาย
ด้านนอกประตูห้อง เย่เหม่ยที่ตามนายท่านของเขามาได้ยินเสียงสาดน้ำ เขาจึงยืนอยู่ข้างนอกไม่กล้าเข้าไปรบกวน
[ไม่ง่ายเลย……สำหรับนายท่านเจว๋……]
จวินอู๋เสียยังคงนั่งอยู่คนเดียวในห้องเป็นเวลานาน ในที่สุดเจ้าแมวดำที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งก็เดินออกมาอย่างช้าๆ เมื่อครู่มันไม่กล้าทำเสียงดัง ไม่งั้นมันคงโดนราชาปีศาจจัดการแน่
“แค่ก……เอ่อ……เจ้านาย……ถ้าท่านอยากจะร้องไห้……” เจ้าแมวดำพูดพลางยกอุ้งเท้าเล็กๆของมันตบที่บ่าเล็กๆของตัวเองอย่างมีน้ำใจ
“ยืมใช้ได้นะ”
การได้เห็นนายหญิงของตัวเองเกือบจะโดนกินนั้น ทำให้เจ้าแมวดำตกใจมากจนวิญญาณเกือบปลิว แต่มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาปีศาจนั่นเลย
เมื่อเห็นสีหน้าว่างเปล่าของจวินอู๋เสียในตอนนี้ เจ้าแมวดำก็รู้สึกได้ว่า……ครั้งนี้เจ้านายของมันน่าจะชอกช้ำพอดูเลยทีเดียว
[ไอ้ราชาปีศาจอะไรนั่นทำเกินไปแล้ว!]
จวินอู๋เสียนิ่งเงียบอยู่นาน แล้วจู่ๆนางก็หันมามองเจ้าแมวดำตัวน้อย
“ทำไมข้าต้องร้องไห้ด้วยล่ะ?”
“หา?” เจ้าแมวดำตกตะลึง ปฏิกิริยานี้มันไม่ใช่แล้ว!
[เจ้านายเพิ่งโดนไอ้ราชาปีศาจนั่นเอาเปรียบมานะ! ตามตรรกะทั่วไป ก็ควรจะร้องไห้ไม่ใช่หรือ?]
“ข้า……ไม่ได้ไม่ชอบนี่……” จวินอู๋เสียพึมพำพลางก้มหน้า แม้ว่าเมื่อครู่ในหัวของนางจะว่างเปล่าไปหมด แต่นางไม่ได้รังเกียจสัมผัสของจวินอู๋เหยา ไม่งั้นนางคงไม่ยอมให้เขาทำต่อ
“หา???!!!” เจ้าแมวดำตกใจ มันจ้องจนตาแทบถลนออกมานอกเบ้า
[เจ้านายของมันรู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา?]
“ความรู้สึกมันเหมือนจะต่างกันอยู่หน่อย” จวินอู๋เสียยกมือขึ้นแตะริมฝีปากที่แดงเล็กน้อยของตัวเอง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้นางเริ่มรู้สึกรางๆว่าจวินอู๋เหยาแตกต่างจากคนอื่นๆ
[ไม่เหมือนจวินชิงกับจวินเสี่ยน ไม่เหมือนเฉียวฉู่, พี่ฮัวและคนอื่นๆด้วย]
[แต่……มันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันล่ะ?]
นางไม่แน่ใจ และนางก็ไม่เข้าใจ
นางรู้แค่ว่านางไม่ได้ไม่ชอบให้จวินอู๋เหยาเข้ามาใกล้ชิดแบบนั้น และไม่ได้รังเกียจที่จะใกล้ชิดเขา กระทั่งหลังจากจูบเบาๆนั่น ในใจของนางก็เต็มไปด้วยความหวานแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน……และมีความตื่นเต้นสับสนอยู่ด้วย ความรู้สึกที่ลึกลับนี้ทำให้นางคาดเดาไม่ได้ เหมือนว่านางอยากเข้าใกล้ แต่ในขณะเดียวกันก็ตื่นตระหนกสับสนจนไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
สิ่งเดียวที่นางรู้คือ ความรู้สึกที่นางมีต่อจวินอู๋เหยานั้น แตกต่างจากที่มีให้คนในครอบครัวของนาง
ยังไงซะระหว่างนางกับจวินอู๋เหยาก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ชื่อที่ใช้เรียกเขาก็เป็นชื่อที่จวินอู๋เหยาตั้งขึ้นเอง ถึงจวินอู๋เสียจะไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้นัก แต่นางก็ยังรู้ว่านางกับจวินอู๋เหยาไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ
[ไม่ใช่พี่น้อง……]
[แล้วพวกเขาเป็นอะไรกันล่ะ?]
จวินอู๋เสียที่ฉลาดมาตลอด พอเจอกับปัญหานี้เข้า กลับจัดการไม่ได้ซะอย่างนั้น
นางสามารถระบุถึงข้อดีข้อเสียของสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญมาได้นับไม่ถ้วน วิเคราะห์แผนของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ คิดกลอุบายและดำเนินแผนได้อย่างฉลาด……แต่……เรื่องอารมณ์ความรู้สึกแปลกๆและไม่คุ้นเคยพวกนี้ นางกลับจนปัญญาเอาดื้อๆ
เจ้าแมวดำตัวน้อยอ้าปากค้าง จ้องมองจวินอู๋เสียที่มีสายตาแตกต่างไปจากที่มันคาดเอาไว้มาก แล้วสังหรณ์ร้ายก็ผุดขึ้นมาในใจมัน
[สวรรค์!]
[เจ้านาย……คงไม่ได้หลงรักเจ้าราชาปีศาจนั่นจริงๆใช่ไหม?!!]
[ม่ายยยยยยยยย!!!!]
ตอนที่ 1278 จิตใจว้าวุ่นเล็กน้อย (3)
ขณะที่เจ้าแมวดำกำลังกังวลว่าเจ้านายของมันจะถูกราชาปีศาจฉกตัวไป จวินอู๋เสียก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินออกไปจากห้องทันที ทำให้เจ้าแมวดำต้องรีบวิ่งตามนางไป
จวินอู๋เสียเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ตรงไปทางห้องของจวินอู๋เหยา
เย่เหม่ยยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูและกำลังถอนหายใจแรงๆให้กับนายท่านของเขา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นจวินอู๋เสียเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
“คุณหนู……”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ จวินอู๋เสียก็ผ่านเขาไปเหมือนสายลม เตะประตูห้องของจวินอู๋เหยาเปิดออกดังปัง!
เย่เหม่ยตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก
ภายในห้อง จวินอู๋เหยาที่ยังคงเปียกโชกอยู่ในน้ำเย็นจัดก็ขมวดคิ้วมุ่น ร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่าของเขาเปล่งประกายแวววาวจากหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนตัว ผมเปียกแนบติดอยู่กับแผ่นหลังกว้าง ร่างกายกำยำสมบูรณ์แบบ
จวินอู๋เหยามองจวินอู๋เสียที่ก้าวเข้ามาในห้องของเขาอย่างงุนงง
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์……” เขายืนค้างอยู่กับที่ หรี่ตามองจวินอู๋เสียที่เดินเข้ามายืนตรงหน้าเขา ไฟในอกเขายังไม่ดับ ทำให้เสียงที่ออกมาแหบพร่า
“ข้ามาที่นี่เพื่อหาคำอธิบายสำหรับสิ่งหนึ่ง” จวินอู๋เสียกล่าวขณะมองจวินอู๋เหยาที่อยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นจวินอู๋เหยา…… ตามสัดส่วนโครงสร้างร่างกายมนุษย์ นางต้องบอกว่านี่เป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่นางเคยเห็นมา
“เจ้าต้องการคำอธิบาย……ของอะไร?” ภายใต้น้ำเย็นจัดนั้น ไฟที่โหมกระหน่ำเกือบดับลงแล้ว แต่พอนางโผล่มา มันก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง จวินอู๋เหยารู้สึกว่าลำคอของเขาแห้งผากขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาไม่สามารถคงสภาพสีดำเอาไว้ได้ ตาสีม่วงหรี่ลงขณะที่เขาพยายามต่อต้านความต้องการที่พุ่งขึ้นมา
“ท่าน……เข้ามาใกล้อีกหน่อย” จวินอู๋เสียพูดกับจวินอู๋เหยา
จวินอู๋เหยาหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเข้าใกล้นาง แต่……สำหรับเขาในตอนนี้ นางมีเสน่ห์ยั่วยวนมากเกินไป หากเขาเข้าใกล้นางมากๆ เขากลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมสัตว์ร้ายที่จะแหกกรงออกมาได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นความต้องการของจวินอู๋เสีย ไม่ว่ายังไง เขาก็จะยอมทำตาม
จวินอู๋เหยาก้าวเข้าไปใกล้จวินอู๋เสียอีกหนึ่งก้าว เขาได้กลิ่นหอมสมุนไพรจางๆจากร่างนางและเลือดของเขาก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นอีกครั้ง
ทุกอย่างเกี่ยวกับนาง ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นในใจของเขา
“ข้าต้องการยืนยัน……” จวินอู๋เสียจ้องจวินอู๋เหยาที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้านาง แล้วทันใดนั้นนางก็ยื่นแขนทั้งสองข้างออกไปโอบรอบคอของจวินอู๋เหยา เขย่งปลายเท้า และจูบที่ริมฝีปากอันแข็งทื่อของจวินอู๋เหยา!
“………..” จวินอู๋เหยาได้แต่ยืนนิ่งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ในหัวเหมือนมีระเบิดขึ้นในทันที!
จวินอู๋เสียเลียนแบบวิธีจูบของจวินอู๋เหยาแบบเก้ๆกังๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อนางเริ่มลมหายใจขาดช่วง นางก็ปล่อยมือและถอยหลังก้าวหนึ่ง
“นี่”
นางพูดได้แค่นั้นก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป โดยไม่หันหน้ากลับมามองเลยสักครั้ง
จวินอู๋เหยาที่ถูกทิ้งเอาไว้ในห้องคนเดียวยังไม่ทันจะตอบสนองอะไรเลย และก็ไม่เข้าใจด้วยว่าจวินอู๋เสียต้องการอะไรกันแน่
นางจูบเขาอีกครั้ง แถมยังไม่ใช่จูบโฉบๆเบาๆอย่างที่นางเคยทำด้วย มันคือจูบที่ลึกซึ้งเลียนแบบจูบที่เขาทำ แม้ว่าจะเงอะงะเล็กน้อย แม้ว่าจะดูเหมือนอ่อนประสบการณ์ในเรื่องนี้อยู่นิดหน่อย แต่มันก็ส่งผลกระทบเหมือนสายฟ้าที่จู่ๆก็ฟาดลงมา จวินอู๋เหยาต้องใช้เวลาเกือบครึ่งวันเพื่อจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
เย่เหม่ยยืนอยู่ที่ประตูและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาเองก็ตกตะลึงจนกลายเป็นรูปปั้นเหมือนกัน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าที่คุณหนูโผล่มาที่นี่อย่างกระทันหันก็เพื่อ……กัดนายท่านเจว๋ของเขา!?
ตอนที่ 1279 จิตใจว้าวุ่นเล็กน้อย (4)
เย่เหม่ยตัวแข็งเป็นหิน เจ้าแมวดำตัวน้อยเองก็ตัวแข็งไม่ต่างกัน
มันไม่เคยคิดฝันเลยว่าเจ้านายที่โง่มึนของมันจะ……
บังคับจูบผู้ชายได้!
[โลกนี้ลึกลับเกินจินตนาการไปแล้ว มันต้องการความเงียบสงบ!]
เจ้าแมวดำเดินเซไปมาตามหลังจวินอู๋เสียกลับไปที่ห้องของนาง หลังจากกลับไปถึง ในหัวของมันก็ยังมีแต่ภาพที่มันได้เห็นมาเมื่อครู่นี้
[เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของมัน?]
[นางติดเชื้อชั่วร้ายจากราชาปีศาจมาหรือ?]
[เจ้านาย! ได้สติเร็วๆซิ!]
“ข้าไม่ได้รังเกียจ แถมยังชอบด้วย สำหรับข้า เขาแตกต่างจากคนอื่น” จวินอู๋เสียนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลังจากไปยืนยันมาแล้ว นางก็ได้ข้อสรุปออกมา
เจ้าแมวดำตัวน้อยนอนหลั่งน้ำตาอยู่บนพื้นเงียบๆ
[เจ้านายของมันถูกฉกตัวไปแล้ว]
[เจ็บใจนัก!]
“ท่าน……ท่านคิดจะทำอะไร……” เจ้าแมวดำอยากจะร้องไห้ขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย
“ยืนยันว่าระหว่างข้ากับเขามันคืออะไรกันแน่” จวินอู๋เสียพูดอย่างมั่นใจ
เจ้าแมวดำน้ำตาไหลพรากแล้ว
“แล้วได้คำตอบไหม?”
จวินอู๋เสียลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “ก็น่าจะ”
[ไม่ใช่คนในครอบครัว และไม่ใช่เพื่อนด้วย]
เจ้าแมวดำทำหน้าเหมือนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว มันนอนแกล้งตายอยู่บนพื้น
แล้วจู่ๆริมฝีปากของจวินอู๋เสียก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา นางเอามือข้างหนึ่งเท้าคางและมองออกไปยังทิวทัศน์ที่สวยงามนอกหน้าต่าง
แต่ว่า……
หลังจากที่จวินอู๋เหยาหายตกตะลึง เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างอย่างเงียบๆ ยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูก ไม่พูดไม่จา
เย่เหม่ยที่อยู่ด้านข้างแอบกลืนน้ำลาย ไม่กล้ามองไปอีก กลัวว่าจะเห็นอะไรที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของนายท่านของเขา……
[แค่ก……เขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น]
ติ๋ง……
เสียงน้ำหยดดังขึ้น เย่เหม่ยก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมา แต่กลิ่นเลือดจางๆก็โชยผ่านเข้าจมูกของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เหยาอย่างประหลาดใจ
จวินอู๋เหยาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วพูดเสียงเบาว่า “ออกไป”
เย่เหม่ยรีบหนีออกไปทันทีและปิดประตูตามหลังอย่างแน่นหนา ใจเต้นตึกตักๆ
[คราวนี้นายท่านเจว๋……เจอปัญหาใหญ่เข้าแล้ว!]
ไม่กี่นาทีต่อมา เย่เหม่ยก็ได้ยินเสียงน้ำสาดอย่างต่อเนื่อง
รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของนายท่านเจว๋ของเขา……
[คุณหนู เล่นกับไฟแล้วไม่ยอมดับ ไฟกำลังจะฆ่าคนบางคนแล้วขอรับ!]
เย่เหม่ยไม่รู้ว่าเขายืนเฝ้าอยู่นอกประตูนานแค่ไหน แต่ตกกลางคืนก็มีร่างเล็กๆปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา
“จินอา……” จักรพรรดิน้อยเงยหน้าขึ้น อ้าปาก เขามองเย่เหม่ยพร้อมน้ำลายไหลยืด
เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของเย่เหม่ย เขารีบเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าและเอาแหวนหยกออกมาส่งให้จักรพรรดิน้อย จักรพรรดิน้อยรับมันไป แล้วเดินไปอีกด้านพลางเคี้ยวกร้วมๆ……
“อะแฮ่ม……พี่ใหญ่เย่เหม่ย มาทำอะไรอยู่ตรงนี้?” เฉียวฉู่ถามพลางมองเย่เหม่ยที่นั่งยองๆอยู่นอกห้องของจวินอู๋เหยา และรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก แม้ว่าเย่เหม่ยกับเย่ฉาจะอยู่ข้างๆจวินอู๋เหยากับจวินอู๋เสียอยู่เสมอ แต่ทั้งสองก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ไม่ค่อยได้เห็นพวกเขามายืนเฝ้าอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนแบบนี้นัก
“พี่ใหญ่อู๋เหยาอยู่ไหนหรือ?” เฉียวฉู่ถามพร้อมกับมองไปที่ประตูห้องที่ปิดสนิท ภาพที่จวินอู๋เสียกับจวินอู๋เหยาจูบกันก่อนหน้านี้สร้างผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างใหญ่หลวง ฮัวเหยากับคนอื่นๆต้องเทศนาสั่งสอนเขาอยู่นานกว่าใจเขาจะสงบลงได้
[ใช่แล้ว]
[จวินอู๋เสียกับจวินอู๋เหยาไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ]
[คนทั้งสองสมกันราวกิ่งทองใบหยก ไม่มีอะไรผิดสักหน่อย]
“เจ้าทึ่มเฉียว” เย่เหม่ยมองเฉียวฉู่และพูดว่า “ตอนนี้ข้าขอแนะนำเจ้า อย่ามาอยู่แถวนี้อีก แล้วพาเจ้าหนูนั่นไปเล่นที่อื่นด้วย”
“หือ?”
“ข้าพูดนี่ก็เพื่อตัวเจ้านะ” ไฟเก่ายังไม่ดับ ไฟใหม่ก็ถูกจุดอีก เย่เหม่ยเชื่อว่า นายท่านของเขาตอนนี้คงอารมณ์ไม่ดีนักหรอก
ตอนที่ 1280 จิตใจว้าวุ่นเล็กน้อย (5)
แผนที่อยู่ในมือพวกเขาครบสมบูรณ์ทั้ง 8 ชิ้นส่วนแล้ว หมายความว่าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดก็ไม่ใช่ความลับสำหรับจวินอู๋เสียและเพื่อนๆของนางอีกต่อไป เมื่อสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดถูกเปิดออก จวินอู๋เสียรู้ว่าชีวิตของพวกเขาจะไม่เหมือนเดิมอีก
การเดินทางครั้งนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร จวินอู๋เสียจึงไม่รีบออกเดินทางในทันที แต่ตั้งใจว่าจะทิ้งบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ก่อนที่นางจะไป
ไม่กี่วันต่อมา เย่ฉาก็กลับมาพร้อมกับหัวของผู้อาวุโสหวง
หลายวันที่ผ่านมานี้ จวินอู๋เสียมัวแต่ยุ่งอยู่ในห้องของนาง และสิ่งที่คาดไม่ถึงมากที่สุดก็คือ……จวินอู๋เหยาไม่ได้เข้ามารบกวนนางเลย
ตอนที่จวินอู๋เสียออกมาจากห้องนั่นแหละ นางถึงได้เห็นจวินอู๋เหยากำลังมองมาทางประตูห้องของนางขณะที่ตัวเขานั่งอยู่ในสนาม
นางหันหน้าไปทางจวินอู๋เหยาและส่งยิ้มให้เขาโดยไม่รู้ตัว ถึงจะไม่ใช่รอยยิ้มที่สดใสมากนัก แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่หายากมากทีเดียว
จวินอู๋เหยาเบิกตากว้างและตกตะลึง หน้าของเขาเป็นสีแดงจางๆ
เย่ฉาที่นั่งยองๆอยู่ในมุมมืดเห็นเหตุการณ์นั้นเต็มๆตา ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า
“ข้าไม่ได้กลับมาแค่ไม่กี่วัน ทำไมถึงรู้สึกว่าโลกมันเปลี่ยนไปล่ะ? นายท่านเจว๋กับคุณหนูสลับวิญญาณกันรึเปล่า? นี่มันผิดปกติอยู่นะ” ปกติแล้วเขามักจะเห็นจวินอู๋เหยาหยอกล้อจวินอู๋เสียจนนางหน้าแดง ทำไมวันนี้……คนที่หน้าแดงกลับเปลี่ยนไปล่ะ?
เรื่องนี้เย่เหม่ยไม่รู้สึกแปลกอีกแล้ว วันนั้นจวินอู๋เหยาขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งคืน เสียงน้ำสาดดังไม่หยุด ถ้าไม่ใช่จวินอู๋เหยามีร่างกายที่พิเศษ เอาน้ำเย็นจัดราดตัวเองทั้งคืนแบบนั้นคงได้ล้มหมอนนอนเสื่อกันบ้างแล้ว
“เจ้าพลาดฉากเด็ดแล้วล่ะ” เย่เหม่ยพูด มองเย่ฉาอย่างมีนัยพลางตบบ่าของเขา
เย่ฉายิ่งสับสนมากขึ้น
“ในช่วงสองวันหลังจากที่ข้ากลับมา ข้ารู้สึกว่านายท่านเจว๋ทำตัวแปลกๆ ไม่ไปหาคุณหนู เอาแต่นั่งเหม่อมองห้องของคุณหนูอยู่ในสนาม……นายท่านป่วยรึเปล่า?” เย่ฉาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
มุมปากของเย่เหม่ยกระตุก เขาส่ายหัวอย่างเร็ว
“รับใช้นายท่านเจว๋มาตั้งหลายปี เจ้าเคยเห็นนายท่านเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนรึเปล่าล่ะ?”
เย่ฉาส่ายหน้า “นายท่านเจว๋ไม่ใช่คนธรรมดา ท่านอยู่เหนือเรื่องทางโลกอย่างความรัก”
ไม่ต้องพูดถึงว่าเคยเห็นจวินอู๋เหยาเข้าใกล้ผู้หญิงหรอก ทั่วทั้งราชอาณาจักรแห่งความมืดมีแต่ผู้ชายทั้งหมด ไม่มีแม้แต่เงาของผู้หญิงให้เห็นสักคน
“คุณหนูเป็นผู้หญิงคนแรกที่นายท่านเจว๋มีปฏิสัมพันธ์ด้วย และก็เป็นแค่คนเดียวเท่านั้น” เย่เหม่ยพูด
เย่ฉายังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
เย่เหม่ยถอนหายใจยาวและเดินออกไปพร้อมกับเอามือไขว้หลัง
[มีเรื่องขมขื่นอยู่ในใจ แต่ไม่มีใครเข้าใจสักคน……น่าเศร้าเหลือเกิน]
“ท่านมานั่งทำอะไรที่นี่?” จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาพลางเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ ทันทีที่เขาเห็นจวินอู๋เสีย ภาพแห่งฤดูใบไม้ผลิที่น่าหลงใหลที่เขาเกือบจะได้เห็นเมื่อหลายวันก่อนก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างชัดเจน ทำให้เลือดในกายเขาพลุ่งพล่านจนหน้าเป็นสีแดง
“แค่นั่งอยู่สักครู่ หลายวันมานี้เสี่ยวเสียเอ๋อร์ยุ่งอยู่กับอะไรหรือ? ไม่เห็นเจ้าออกมาเลย” จวินอู๋เหยาพูดพร้อมกับหัวเราะ พยายามแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น
หลายวันมานี้ แม้แต่ประตูห้องของจวินอู๋เสีย เขาก็ไม่ได้ไปเคาะ ได้แต่นั่งมองห้องของนางอยู่ในสนามพลางครุ่นคิด
“ข้าต้องไปหาท่านปู่” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับโบกกระดาษปึกหนึ่งในมือนาง
จวินอู๋เหยาพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่อ
แต่จวินอู๋เสียก้าวไปได้แค่ 2 ก้าว นางก็หันกลับมามองจวินอู๋เหยายิ้มๆ แล้วทันใดนั้นนางก็ก้มหน้าลงจูบเบาๆที่ริมฝีปากของจวินอู๋เหยา จากนั้นก็เดินออกไปแบบไม่รู้ไม่ชี้……
จวินอู๋เหยานั่งอยู่ในสนาม ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ
เย่ฉาอ้าปากค้างมองภาพแปลกๆตรงหน้า เขาอยากจะรู้จริงๆว่าช่วงที่เขาไม่อยู่นั้นเกิดอะไรขึ้น!
…………………
ผู้แต่ง : เรื่องความรักอู๋เสียเป็นฝ่ายรุก นางไม่ใช่คนประเภทขี้อาย ความเงอะงะก่อนหน้านี้เป็นเพราะนางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็เท่านั้น
ตอนที่ 1281 นี่คือการปฏิวัติ (1)
เจ้าแมวดำที่เดินตามหลังจวินอู๋เสีย มองจวินอู๋เหยาอย่างเศร้าๆ
แต่ก็ไม่รู้ทำไม จู่ๆมันก็รู้สึกว่า การที่ราชาปีศาจนั่นถูกเจ้านายของมันหยอกล้อนั้น
ความรู้สึกนี้มันช่าง……
ยอดเยี่ยมจริงๆ
จวินอู๋เสียเจอตัวจวินเสี่ยน และได้ส่งมอบสิ่งที่นางใช้เวลาหลายวันเขียนขึ้นมาให้กับจวินเสี่ยน
ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ จวินเสี่ยนไม่ได้อยู่ว่างๆสบายๆเลยสักวัน ค่าชดเชยจากแคว้นจิ้วที่จวินอู๋เสียนำกลับมานั้นสร้างความฮือฮาไปทั่วแคว้นฉี โม่เฉียนหยวนรีบเรียกประชุมขุนนางทั้งหมดที่ห้องทรงพระอักษรเพื่อปรึกษาหารือว่าจะจัดการกับทรัพย์สินของแคว้นจิ้วให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับแคว้นฉีในตอนนี้
เนื่องจากนี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก จวินเสี่ยนจึงไม่สามารถดึงตัวเองไปจัดการปัญหาอื่นๆได้เลย เรื่องของกองทัพรุ่ยหลินทั้งหมดจึงตกเป็นหน้าที่ของจวินชิงแทน
“นี่อะไร?” จวินเสี่ยนมองของที่จวินอู๋เสียนำมาให้ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
ไม่ว่าเขาจะยุ่งแค่ไหน เมื่อกลับมาที่จวนหลินอ๋อง จวินเสี่ยนก็ไม่ใช่หลินอ๋องที่เข้มงวดอีกต่อไป แต่เป็นท่านปู่ที่ใจดีและเป็นมิตร
“ท่านปู่ การบรรลุถึงพลังวิญญาณขั้นสีม่วงในดินแดนนี้หายากแค่ไหน?” จู่ๆจวินอู๋เสียก็ถามขึ้น
จวินเสี่ยนไม่คิดว่าจวินอู๋เสียจะพูดเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังตอบด้วยรอยยิ้ม “พลังวิญญาณขั้นสีม่วงเป็นจุดสูงสุดและหายากที่สุด ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา มีเพียงเหวินซินฮั่นคนเดียวที่บรรลุถึงพลังขั้นสีม่วง ทำไมอยู่ๆเจ้าถึงถามข้าเรื่องนี้ล่ะ?”
จวินอู๋เสียพูดว่า “แต่ถ้าโลกนี้มีวิธีการที่ทำให้คนทั่วไปได้รับพลังขั้นสีม่วงล่ะ มันจะเป็นยังไง?”
จวินเสี่ยนชะงัก เขามองจวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ
ความแข็งแกร่งของพลังขั้นสีม่วงนั้น ไม่ว่าจะที่ไหนและเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เสมอ เมื่อไรก็ตามที่มีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงปรากฏขึ้น มันจะสร้างความปั่นป่วนไปทั่วดินแดน พวกผู้มีอำนาจต่างก็พยายามจะดึงเอาผู้ใช้พลังขั้นสีม่วงไปเป็นพวกของตัวเอง
พลังวิญญาณขั้นสีม่วงไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปที่มีอยู่ดาษดื่น
ต้องฝึกฝนกันเป็นศตวรรษ และยังต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิดอย่างมากอีกด้วย การจะเป็นผู้ใช้พลังขั้นสีม่วงได้นั้น ต้องใช้ทั้งพรสวรรค์แต่กำเนิดและการฝึกฝนอย่างหนักตลอดชีวิต จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นยังต้องมีโชคเป็นองค์ประกอบอีกด้วยถึงจะสามารถบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีม่วงได้
ต้องถามว่า ในโลกนี้มีคนที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะกี่คน? โลกไม่เคยขาดแคลนผู้มีพรสวรรค์ และเส้นทางการฝึกฝนของพวกเขาก็เป็นไปอย่างราบรื่น แต่มีกี่คนกันที่สามารถบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีม่วง?
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีครามกี่คนที่ตลอดชีวิตก็ไม่อาจข้ามสะพานที่แบ่งแยกระหว่างพลังทั้งสองขั้นได้?
มีกี่คนที่ปีกหักเพื่อจะยังคงเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีคราม?
มีกี่คนที่ยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดและได้รับพลังที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดต้านทานได้? แล้วสุดท้าย ในจำนวนนั้นมีกี่คนกันที่ความปรารถนาได้เป็นจริง?
ในศตวรรษที่ผ่านมา มีเพียงคนเดียวคือเหวินซินฮั่น
ส่วนคนที่ล้มเหลวมีอยู่กี่คนนั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้เลย
“นั่นก็แค่จินตนาการ ถ้าหากมีวิธีการเช่นนั้นอยู่จริงๆล่ะก็ คงตกตะลึงปั่นป่วนกันทั้งโลก” จวินเสี่ยนพูด เขาคิดว่าจวินอู๋เสียแค่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น และไม่ได้คิดอะไรมาก
จวินอู๋เสียกลับส่ายหน้าขณะที่พูดว่า “มันไม่ได้น่าตกตะลึงขนาดที่พูดหรอก ท่านปู่ลองดูของที่ข้าให้ไปให้ดีๆซิ”
จวินเสี่ยนชะงักไป ไม่เข้าใจสิ่งที่จวินอู๋เสียพูดเลย เขาหยิบเอกสารที่จวินอู๋เสียเพิ่งให้มาอ่านอย่างจริงจังทุกตัวอักษรตั้งแต่ต้นจนจบ
และเมื่ออ่านจบ เขาก็พบว่าในหัวปั่นป่วนไปหมด มือที่ถือกระดาษเริ่มสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้
“เผาผลาญพลังวิญญาณเพื่อให้ได้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง……นี่……เป็นไปได้ยังไง?” เสียงของจวินเสี่ยนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ตัวอักษรในเอกสารนี้บอกเขาว่า มีวิธีการบังคับให้ได้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงมางั้นหรือ!?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น