Genius Doctor Black Belly Miss 1242-1262
ตอนที่ 1242 รังแกคนอ่อนแอน่ะมันทำกันแบบนี้ (3)
จักรพรรดิแคว้นจิ้วด่าหยาบคายไปอีกชุดใหญ่ด้วยความโกรธ สีหน้าเกรี้ยวกราดดุร้ายอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้พวกโง่ ไร้ความสามารถ! ปล่อยให้คนหนีไปได้ทั้งกลุ่มต่อหน้าต่อตา แค่คนเดียวก็หยุดเอาไว้ไม่ได้!”
ทหารคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรสักคำ และรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ พวกเขาอยากหยุดคนพวกนั้นจริงๆ แต่ผู้เยาว์พวกนั้นเก่งกาจเกินไป! ทุกคนมีพลังวิญญาณขั้นสีม่วง ทหารธรรมดาอย่างพวกเขาจะไปสู้เด็กพวกนั้นได้ยังไง?
ถ้าไม่ใช่เพราะคนร้ายพวกนั้นไม่ได้อยากต่อสู้ยืดเยื้อ แค่ทหารที่มีอยู่ในเมือง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะจับพวกเขาสักคนสองคนเลย โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกกวาดล้างทั้งกองทัพ
ทหารคนนั้นไม่สามารถเอ่ยถึงความยากลำบากที่เขาต้องเจอออกมาได้ ได้แต่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
จักรพรรดิแคว้นจิ้วโกรธมาก แคว้นจิ้วใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่นมาตลอด แต่กลับมีใครบางคนกล้าก่อเรื่องขึ้นในเมืองหลวงของเขาเอง แล้วเขาที่เป็นผู้ครองแคว้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“สวะทั้งนั้น! ไสหัวออกไป! ถ้ายังจัดการอะไรไม่ได้ล่ะก็ เจ้าคงรู้นะว่าจะเป็นยังไง!”
ทหารคนนั้นตัวสั่น เขาถอยออกไปจากท้องพระโรงทันที
หลังจากเขาออกไปแล้ว ชายหลังค่อมผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในท้องพระโรง
จักรพรรดิแคว้นจิ้วยังโกรธจัดอยู่ แต่เมื่อเห็นชายชรา เขาก็รีบเดินลงจากบัลลังก์เข้าไปหาทันที และกล่าวทักทายด้วยความเคารพว่า “ผู้อาวุโสหวง!”
ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย เขาคือคนเดียวกับชายชราที่ไปยังลานแห่งนั้นพร้อมกับจักรพรรดิแคว้นจิ้วในวันนั้น
“ยังไม่ได้เรื่องงั้นรึ?” ผู้อาวุโสหวงถาม
ใบหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วแข็งทื่อ เขาพูดอย่างระมัดระวังว่า “ก็เพราะไอ้พวกนั้นมันไม่ได้เรื่อง ใช้การอะไรไม่ได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาร่องรอยอะไรไม่ได้เลย แต่ผู้อาวุโสหวงโปรดวางใจ ข้าจะจับคนร้ายได้แน่! พวกมันบังอาจสร้างเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ขึ้นในเมืองหลวงแคว้นจิ้ว และยังเอาตัวจักรพรรดิน้อยแคว้นจัวเฉียวไปอีก ข้าไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!”
ผู้อาวุโสหวงชำเลืองมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วแล้วพูดว่า “สามารถโจมตีตรงๆเข้าไปในลานนั้นได้ ฆ่าทหารของเจ้าไปเป็นพันคน และช่วยจักรพรรดิแคว้นจัวเฉียวก่อนจะหลบหนีไปจากที่นั่นได้แบบครบสามสิบสอง คนพวกนั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ข้าได้ยินว่าพวกนั้นมีสัตว์อสูรระดับผู้พิทักษ์ 2 ตัวด้วย เรื่องนี้ข้าว่าไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ง่ายๆเลย……”
จักรพรรดิแคว้นจิ้วชะงักไปเล็กน้อย เขาก็ได้ยินเรื่องนั้นเหมือนกัน ในวันที่จักรพรรดิแคว้นจัวเฉียวถูกพาตัวไป มีคนมาที่ลานแห่งนั้นแค่ 6 คนเท่านั้น แต่ทุกคนล้วนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง และยังมีสัตว์อสูรระดับผู้พิทักษ์อีก 2 ตัว ด้วยพลังรบขนาดนี้ พวกเขาย่อมไม่ใช่กองกำลังที่ทหารของเขาจะต้านทานได้ ที่ตอนนี้เขาระดมคนและทรัพยากรมากมายเพื่อตามสืบเรื่องนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อแสดงให้ผู้อาวุโสหวงดูเท่านั้น
“ลืมมันไปเถอะ พักเรื่องนี้ไปก่อน เจ้าหนูแคว้นจัวเฉียวนั่นโดนพิษโลหิตแดงไปแล้ว มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรอก ไม่ว่าคนพวกนั้นจะมาจากไหน ในเมื่อพวกมันมาที่นี่เพื่อช่วยเด็กนั่นแค่นั้น ก็ไม่จำเป็นต้องตามสืบต่อ ดูจากเวลาแล้ว ข้าว่าเจ้าหนูนั่นน่าจะตายไปแล้วล่ะ” ผู้อาวุโสหวงพูดพลางหัวเราะออกมา เขายังจำตอนที่เห็นเด็กนั่นครั้งแรกได้ ดวงตากลมโตที่ใสซื่อไร้เดียงสาและความมีชีวิตชีวานั่น กระตุ้นความอยากทำลายในใจเขาได้เสมอ
“ได้! ตามที่ผู้อาวุโสหวงสั่ง” จักรพรรดิแคว้นจิ้วรับคำ แล้วแอบเช็ดเหงื่อเย็นๆที่หน้าผาก
“จักรพรรดิสองคนสุดท้ายของแคว้นจัวเฉียวตายด้วยแผนการของเจ้าแล้ว ตอนนี้สายเลือดราชวงศ์ของแคว้นจัวเฉียวหมดสิ้นแล้ว ถึงแคว้นนี้จะเล็ก แต่ก็ยังใช้ประโยชน์ได้ เจ้าคิดจะจัดการกับพวกมันยังไง?” ผู้อาวุโสหวงถามพลางเหลือบมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วด้วยหางตา
จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจกับคำถามเล็กน้อย เขารีบตอบว่า “แคว้นจัวเฉียวก่อเรื่องสร้างความวุ่นวาย ทหารของพวกเขากล้าใช้กำลังในเมืองหลวงแคว้นจิ้ว เห็นชัดๆเลยว่าพวกเขาพยายามจะก่อสงคราม ข้าจะออกคำสั่งยกทัพไปบุกแคว้นจัวเฉียวในอีกไม่กี่วัน คิดว่าไม่นานเราก็จัดการพวกมันได้แล้ว”
กองทัพของแคว้นจัวเฉียวอาจจะไม่คู่ควรให้สนใจ แต่ประชาชนของแคว้นจัวเฉียวยังเอามาใช้งานได้อยู่ พวกเขาเหมาะที่สุดที่จะเปลี่ยนให้เป็นคนพิษ!
ตอนที่ 1243 รังแกคนอ่อนแอน่ะมันทำกันแบบนี้ (4)
ผู้อาวุโสหวงหัวเราะเบาๆพลางมองไปที่จักรพรรดิแคว้นจิ้ว
“เจ้านี่มันชั่วร้าย รู้จักใช้แคว้นเล็กๆแบบนั้นมาเชือดไก่ให้ลิงดู บังคับให้ทหารองครักษ์ของพวกนั้นต้องตอบโต้ ให้เจ้าได้มีข้ออ้างยกทัพไปบุกแคว้นพวกมัน แบบนี้ผู้ครองแคว้นคนอื่นๆก็ต้องกลัวจนไม่กล้าต่อต้านเจ้า อันที่จริง……ข้าว่านะ พวกนั้นจะต่อต้านเจ้าหรือไม่ ผลก็เหมือนกัน กองทัพของพวกมัน ประชาชนของพวกมันทั้งหมดจะกลายเป็นคนพิษอยู่ดี พวกมันคิดแต่จะเอาตัวเองให้รอด ไม่ได้รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วแคว้นของพวกมันก็จะตกอยู่ในกำมือของเจ้า”
“ข้าคิดว่าอีกไม่นาน แคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล่างจะกลายเป็นแคว้นจิ้วของเจ้า”
เมื่อจักรพรรดิแคว้นจิ้วได้ยินคำพูดพวกนั้น เขาก็ไม่ได้แสดงความยินดีออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่พูดแค่ว่า “แคว้นจิ้วได้รับเกียรติยศเช่นนี้ได้ ต้องขอบคุณผู้อาวุโสหวงที่ช่วยชี้แนะ นับจากนี้ไป แคว้นจิ้วจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้อาวุโสหวง และจะพยายามช่วยผู้อาวุโสไขความลับของแผนที่นั่นให้ได้เร็วที่สุด”
ผู้อาวุโสหวงส่งเสียงฮึ และกล่าวว่า “อย่างน้อยเจ้าก็รู้ล่ะนะ ความตั้งใจนี้ของเจ้า ตาแก่คนนี้จะจำเอาไว้”
“ได้รับใช้ผู้อาวุโสหวง เป็นเกียรติกับข้ายิ่งนัก!”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น ทหารคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างนอกท้องพระโรงเพื่อขอเข้าเฝ้า
จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลับไปนั่งบนบัลลังก์ วางมาดของจักรพรรดิทันที
“เข้ามาได้”
ทหารที่อยู่ด้านนอกท้องพระโรงเข้ามาข้างในและคุกเข่ากราบทูลว่า “ทูลฝ่าบาท! จักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียนส่งราชทูตมาส่งข่าวพะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ? แคว้นเหยียน?” จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองอย่างแปลกใจ ถ้าบอกว่ามีอะไรที่เขาต้องกลัวในโลกนี้ล่ะก็ ก็คงมีเพียงแคว้นเหยียนอย่างเดียวเท่านั้น!
แคว้นเหยียนแข็งแกร่งกว่าแคว้นจิ้วมาก หลายปีมานี้พวกเขาคอยกดแคว้นจิ้วเอาไว้จนไม่กล้าลงมืออะไรบุ่มบ่าม และเมื่อไม่นานมานี้ แคว้นจิ้วได้ร่วมมือกับอีก 3 แคว้นบุกโจมตีแคว้นฉี ขณะที่แคว้นฉีกำลังจะถูกกำจัด จู่ๆกองทัพแคว้นเหยียนก็เข้ามาช่วยพวกเขา และไม่เพียงแต่ช่วยแคว้นฉีให้พ้นจากวิกฤตได้เท่านั้น พวกเขายังกวาดล้างกองทัพของแคว้นทั้ง 4 ที่อยู่ในแผ่นดินของแคว้นฉีจนเกลี้ยง ไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลยสักคน!
และเมื่อจักรพรรดิแคว้นจิ้วได้ยินชื่อ แคว้นเหยียน เขาจึงอดตกใจไม่ได้!
เขาหันหน้าไปมองผู้อาวุโสหวงโดยไม่รู้ตัว
ผู้อาวุโสหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในใจของจักรพรรดิแคว้นจิ้วค่อนข้างร้อนรนเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเห็นว่าผู้อาวุโสหวงอยู่ที่นี่ด้วย เขาก็เริ่มสบายใจขึ้น แคว้นเหยียนแล้วยังไงล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นแคว้นอะไร ตอนนี้แคว้นจิ้วไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!
“ข่าวอะไร?”
“วันนี้จักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียนจะเสด็จมาเยือนเป็นการส่วนพระองค์เพื่อเข้าพบฝ่าบาทพะย่ะค่ะ” ทหารคนนั้นพูด
“เข้าใจแล้ว ไปได้” จักรพรรดิแคว้นจิ้วพูด แกล้งวางท่าสงบนิ่งใจเย็น แต่ข้างในใกล้จะสติแตกอีกครั้งแล้ว
[แคว้นเหยียนไม่ใช่แค่ส่งข่าวมาอย่างเดียว แต่ยังต้องการพบเขาด้วย?]
[แถมยังเป็นวันนี้อีก!]
[งั้นก็หมายความว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนได้เข้ามาในเขตแดนของแคว้นจิ้วแล้วโดยไม่มีใครสังเกตเห็นเลยน่ะสิ และตอนนี้เขาก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงของแคว้นจิ้ว หรือไม่ก็……เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแคว้นจิ้วแล้ว??]
การที่ผู้นำของแคว้นอื่นเข้ามาในเขตแดนของแคว้นเขาได้อย่างเงียบๆ ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง แคว้นจิ้วกับแคว้นเหยียนเพิ่งทำสงครามกันมา และกองทัพของแคว้นจิ้วก็ถูกทำลายอย่างราบคาบ ถึงจะมีวิหารมังกรหนุนหลังอยู่ แต่ความกลัวที่มีต่อแคว้นเหยียนได้หยั่งรากลึกลงไปในกระดูกของเขาแล้ว ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ผู้อาวุโสหวง……นี่……” จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองผู้อาวุโสหวงอย่างวิงวอน
ผู้อาวุโสหวงกลับตอบว่า “ดูก่อนว่าพวกนั้นมาที่นี่ทำไม”
จักรพรรดิแคว้นจิ้วพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าข้ากลัวพวกนั้นนะ มีผู้อาวุโสหวงอยู่ด้วย ถึงเป็นแคว้นเหยียนแล้วจะทำไม?” แม้ว่าปากจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจเขาก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี
ตอนที่ 1244 ข้าคือจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน (1)
การมาเยือนของจักรพรรดิแคว้นเหยียนสร้างความกดดันให้กับจักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่มากก็น้อย ไม่รู้ว่าข่าวนี้เริ่มแพร่กระจายไปในหมู่ผู้ครองแคว้นอื่นๆได้ยังไง แต่มันก็กระตุ้นความสนใจของพวกเขาได้มากเลยทีเดียว
แคว้นเหยียนและแคว้นจิ้วเพิ่งทำสงครามกัน นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้ การที่จักรพรรดิแคว้นเหยียนมาที่นี่ในเวลานี้ คงไม่ใช่แค่มาคุยเล่นกันธรรมดาอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ ผู้ครองแคว้นอื่นๆที่ถูกแคว้นจิ้วกดขี่ก็เริ่มตั้งตารอการมาถึงของจักรพรรดิแคว้นเหยียน
ขณะที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วพยายามคาดเดาว่าคณะของแคว้นเหยียนจะมาถึงเมื่อไร คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูวังหลวงของแคว้นจิ้ว!
คนพวกนั้นแต่งตัวดีสง่างาม แต่ไม่ได้ดูโอ้อวดหรูหรา ความสง่างามที่ออกมาจากตัวพวกเขาทำให้รู้สึกว่าพวกเขาโดดเด่นมาก
คนกลุ่มนั้นนำโดยผู้เยาว์ร่างเล็กคนหนึ่ง ใบหน้าละเอียดอ่อน แต่มีดวงตาที่เย็นชา มงกุฏบนหัวทำให้ประชาชนที่ผ่านไปมาต้องหยุดมอง
ช่วงนี้เมืองหลวงแคว้นจิ้วมีผู้ครองแคว้นเข้ามาให้เห็นเป็นจำนวนมาก ประชาชนของแคว้นจิ้วจึงไม่รู้สึกว่าแปลกและไม่ได้คิดอะไรมากนัก
ทหารของแคว้นจิ้วรีบส่งข่าวเข้าวัง จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่ยังไม่ได้เตรียมตัวก็อึ้งไปด้วยความตกใจ
“มาแล้วเหรอ? เร็วอย่างนี้เชียว!?” ข่าวมาถึงเขายังไม่ถึง 2 ชั่วโมงเลย คนจากแคว้นเหยียนก็มาถึงนอกประตูวังแล้ว!
“มากันกี่คน?” จักรพรรดิแคว้นเหยียนถามโดยเร็ว
“แปดพะย่ะค่ะ” ทหารตอบ
จักรพรรดิแคว้นจิ้วถอนหายใจอย่างโล่งอก แค่แปดคน ท่าทางแคว้นเหยียนจะไม่ได้มาประกาศสงครามกับพวกเขา แม้ว่าเขาจะแอบเตรียมตัวเอาไว้แล้ว แต่มันก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะสู้กับแคว้นเหยียน ถ้าลงมือตอนนี้มันจะไม่ดีสำหรับเขา
“เชิญพวกเขาเข้ามา” ทันทีที่พูดจบ เขาก็สั่งให้คนไปเชิญผู้อาวุโสที่เพิ่งออกไปไม่นานให้กลับมา เผชิญหน้ากับแคว้นเหยียนด้วยตัวเอง ทำเขาขวัญเสียเล็กน้อย
ไม่นานคณะผู้แทนจากแคว้นเหยียนก็ถูกพาเข้าไปในท้องพระโรง จักรพรรดิแคว้นจิ้วแกล้งวางมาดนิ่งขณะนั่งอยู่บนบัลลังก์ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทางเข้าท้องพระโรง ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้เยาว์ที่ดูบอบบาง มีมงกุฏอยู่บนหัว เดินช้าๆเข้ามาจนถึงกลางท้องพระโรง
เขากวาดตามอง มีผู้เยาว์ที่ดูโดดเด่นอีก 5 คนอยู่ข้างหลังผู้เยาว์คนแรก และชายร่างสูงที่มีใบหน้าเย็นชา กับชายชราที่ดูซูบผอมตามหลังพวกเขามา
“ไม่รู้ว่า……”
“เจ้าคือจักรพรรดิแคว้นจิ้วงั้นหรือ?”
จักรพรรดิแคว้นจิ้วยังพูดไม่จบ ผู้เยาว์ที่เป็นผู้นำก็เชิดหน้าพลางหรี่ตา พูดขัดขึ้นมากลางประโยคของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว!
นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วเจอคนที่กล้าขัดจังหวะเขา สีหน้าของเขาไม่พอใจขึ้นมาทันที
“ใช่ ข้าเอง แล้วเจ้าล่ะ?” เขาถามพร้อมกับมองหน้าผู้เยาว์คนนั้น
“นี่ไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร? น่าสนใจดีนี่ อย่าบอกนะว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วแก่มากซะจนสายตาฝ้าฟางแล้ว ถึงจำมงกุฏจักรพรรดิแคว้นเหยียนไม่ได้ สายตาแย่แบบนี้ ยังได้นั่งบัลลังก์อยู่อีก แคว้นจิ้วขาดแคลนผู้มีพรสวรรค์จริงๆ” จวินอู๋เสียเย้ยหยัน น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม ไม่มีความเคารพจักรพรรดิแคว้นจิ้วให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อพบว่าตัวเองถูกจวินอู๋เสียดูหมิ่นถึง 2 ครั้ง จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่เป็นคนสำคัญที่สุดเพียงคนเดียวมาตลอดก็โกรธจนหน้าเขียว เขาจำหน้าจักรพรรดิแคว้นเหยียนได้อยู่แล้ว ตอนที่แคว้นเหยียนเปลี่ยนผู้ครองแคว้น เขาได้สั่งให้คนไปวาดภาพเหมือนจักรพรรดิองค์ใหม่ของแคว้นเหยียนแล้ว ที่เมื่อกี้เขาพูดแบบนั้นก็เพราะเขาคิดว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนยังเด็กมาก จึงจงใจแสดงความเหนือกว่าออกมาตั้งแต่ต้น
แต่สุดท้าย ไม่เพียงล้มเหลวไม่เป็นท่าเท่านั้น แต่ยังโดนจวินอู๋เสียตอกกลับหน้าหงายอีกด้วย!
ตอนที่ 1245 ข้าคือจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน (2)
จักรพรรดิแคว้นจิ้วต้องทนเจ็บใจอย่างคนขี้ขลาดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เขาจดบัญชีแค้นเอาไว้ในใจอย่างเงียบๆ รอจนกองทัพคนพิษของเขาก่อตั้งขึ้นก่อนเถอะ เขาจะฉีกไอ้จักรพรรดิแคว้นเหยียนนี่ให้เป็นชิ้นๆ!
จักรพรรดิแคว้นเหยียนยังเด็ก เรื่องนี้จักรพรรดิแคว้นจิ้วย่อมรู้อยู่แล้ว เขาคิดว่าการเผชิญหน้ากับผู้ครองแคว้นคนใหม่ที่ยังเด็กและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจะเป็นเรื่องง่ายๆเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก คนที่ยังเด็ก ต่อให้ขึ้นครองบัลลังก์ก็ยังขาดความมั่นใจอยู่ดี จักรพรรดิทั้งสองของแคว้นจัวเฉียวก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่รึไง? โดนเขาปั่นหัวนิดหน่อยก็ถูกหลอกง่ายๆทั้งคู่
เขาคิดว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนก็ไม่ต่างกัน ไม่คาดคิดเลยว่าทันทีที่จวินเสียเอ่ยปาก เขาจะถูกตบหน้าฉาดใหญ่ เป็นการตบที่ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาภูมิใจในตัวเองมาตลอด ทั้งหยิ่งยโสจองหองและชอบใช้อำนาจกดขี่ผู้คน ไม่คิดเลยว่าผู้เยาว์จากแคว้นเหยียนคนนี้จะยโสจองหองและชอบใช้อำนาจข่มผู้อื่นมากกว่าเขาซะอีก!
พวกเขายืนอยู่ในวังหลวงของแคว้นจิ้ว แต่ยังผยองได้ขนาดนี้!
“ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง? แขกผู้มาจากแดนไกล ข้าก็แค่ล้อจักรพรรดิแคว้นเหยียนอย่างเจ้าเล่นเท่านั้น! เอาเก้าอี้มา!” จักรพรรดิแคว้นจิ้วจำต้องกล้ำกลืนความอัปยศแล้วแสร้งยิ้มออกมา
ขันทีรีบนำเก้าอี้ออกมาโดยไม่พูดอะไร จวินอู๋เสียไม่สนใจพิธีการใดๆและนั่งลงทันที นางไขว้ขาและเอามือเท้าคาง ท่าทางสง่าผ่าเผยและวางอำนาจ
“แขกผู้มาจากแดนไกล? นี่เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเจ้าเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ? แคว้นเหยียนข้าไปมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับแคว้นจิ้วของเจ้าเมื่อไรกัน? ต้องให้ข้าเตือนไหมว่ากองทัพแคว้นจิ้วของเจ้าที่มีผู้แข็งแกร่งเป็นล้านคนเพิ่งโดนกองทัพแคว้นเหยียนของข้ากำจัดจนสิ้นซาก? ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร เจ้ายังมีหน้ามาพูดล้อเล่นกับข้าอีก? เจ้าไม่คู่ควรหรอก!” ทักษะปากร้ายของจวินอู๋เสียเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ นางไม่ได้ยั้งคำพูดจิกกัดของนางเอาไว้เลยสักนิด!
ไม่ว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วจะอดทนได้ดีขนาดไหน เมื่อเจอเข้ากับปากของจวินอู๋เสียที่ฟาดไม่ยั้ง เขาก็โกรธจนแทบจะระเบิดออกมา
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาว เขาเคยเจอคนที่หยิ่งจองหองมาก่อน แต่ไม่เคยเจอคนที่จองหองได้ถึงขนาดนี้!
[ไอ้จักรพรรดิเด็กแคว้นเหยียนนี่มาแคว้นจิ้วทำไม? หรือมาที่นี่เพื่อจะหักหน้าเขา!?]
มุมปากของจักรพรรดิแคว้นจิ้วเริ่มกระตุก มือกำที่วางแขนบนบัลลังก์เอาไว้แน่น ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของกองทัพแคว้นเหยียนที่อยู่เบื้องหลังจวินเสีย เขาก็คงกระโจนเข้าใส่ไอ้เด็กเวรนี่ แล้วถลกหนังไอ้เด็กปากหมาทั้งเป็นก่อนจะกลืนมันลงไปทั้งตัว!
เฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสีย เห็นใบหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วน่าเกลียดมากขึ้นทุกที เขาอยากจะส่งเสียงเชียร์และตบมือให้จวินอู๋เสียเหลือเกิน!
ปกติเด็กนี่มักจะเงียบและแทบไม่พูดอะไรเลย ไม่คิดเลยว่าเวลาที่นางเดินเครื่องเต็มสูบจะมีประสิทธิภาพดีขนาดนี้! เห็นหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วแล้ว เกรงว่าเขาจะถูกจวินอู๋เสียทำให้โกรธจนเป็นลมไปจริงๆ!
“จักรพรรดิแคว้นเหยียน ทำไมจะต้องพูดให้ฟังดูแย่ขนาดนั้นด้วย? แคว้นจิ้วกับแคว้นเหยียนก็เป็นมิตรกันมาตลอด เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็แค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น ในเมื่อวันนี้เจ้ามาถึงแคว้นจิ้วของเราแล้ว เจ้าก็นับว่าเป็นแขกของแคว้นจิ้ว การที่ทั้งสองแคว้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็จะเป็นโชคดีของประชาชนด้วย ข้าคิดว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนจะให้ความสำคัญกับประชาชนอย่างแน่นอน ใช่ไหม?” จักรพรรดิแคว้นจิ้วโกรธจนแทบกระอักเลือด แต่เขาไม่สามารถระเบิดความโกรธออกมาได้ ได้แต่ระงับความโกรธเอาไว้ในใจและฝืนยิ้มออกมา พยายามพูดให้ผู้เยาว์เห็นแก่ความสงบสุขของประชาชนในแคว้น
แต่ทว่า……
จวินอู๋เสียไม่สนอะไรเลย
“เป็นมิตร? แคว้นจิ้วมีคุณสมบัติอะไรถึงจะอยากเป็นมิตรกับแคว้นเหยียนข้า? คนแพ้มีที่ให้พูดด้วยหรือ? ประชาชนแคว้นเหยียนของข้าไม่เคยกลัวสงคราม ถ้าใครมันไม่มีตา มาเป็นศัตรูกับเรา พวกเขาก็ยินดีที่จะส่งคนพวกนั้นไปลงนรกอยู่แล้ว”
ตอนที่ 1246 ข้าคือจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน (3)
“………” จักรพรรดิแคว้นจิ้วแทบกระอักเลือด
[ตกลงจักรพรรดิแคว้นเหยียนมันมาที่นี่ทำไม? มันพูดจาดีๆเป็นรึเปล่าเนี่ย!?]
[แต่ละประโยค ยิ่งพูดยิ่งแย่ มันรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังยืนอยู่บนแผ่นดินของใคร!]
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่สามารถระงับความโกรธได้อีกต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสหวงก็เดินเข้าไปในท้องพระโรงอย่างช้าๆโดยมีพวกขันทีติดตาม
“นี่คือจักรพรรดิแคว้นเหยียนงั้นหรือ? ปากร้ายซะจริง” ผู้อาวุโสหวงพูดขึ้น มือประสานไว้ที่ด้านหลัง พลังวิญญาณขั้นสีม่วงของเขาทำให้เขาได้ยินบทสนทนาภายในท้องพระโรงก่อนที่เขาจะไปถึงที่นั่น คำพูดก้าวร้าวดูหมิ่นของจวินอู๋เสียทำให้เขาขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
[เป็นจักรพรรดิของแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วยังไง?]
[ต่อหน้าวิหารมังกร มันก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น]
ทันทีที่เห็นผู้อาวุโสหวงปรากฏตัว จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาก ท่าทางของเขาขึงขังขึ้นมาทันที เขานั่งตัวตรงอยู่บนบัลลังก์ ท่าทางไม่เกรงกลัวจวินเสียเลยสักนิด
“ผู้อาวุโสหวงพูดถูก ตอนแรกที่ข้าได้ยินว่าแคว้นเหยียนมีจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ข้าก็คิดว่าเป็นข่าวดี ไม่คิดเลยว่าบัลลังก์แคว้นเหยียนจะตกอยู่ในผู้เยาว์ที่ไม่มีมารยาททางสังคมเช่นนี้ ความประพฤติเช่นนี้จะแบกรับความรับผิดชอบอันหนักหนาของทั้งแคว้นได้ยังไง!?” มีผู้อาวุโสหวงหนุนหลังอยู่ จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว สีหน้าของเขาดูพอใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
จวินอู๋เสียมองผู้อาวุโสหวงที่เดินเข้ามาในท้องพระโรงอย่างเย็นชา พลางหรี่ตาลง
เดิมทีคนพิษกับโลหิตแดงเป็นของอาณาจักรกลาง แต่ถูกนำเข้ามาสร้างหายนะให้กับคนของอาณาจักรล่าง จากท่าทีที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วมีต่อชายชราผู้นี้ จวินอู๋เสียก็รู้ถึงตัวตนของเขาได้ในทันที!
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสหวงก็กำลังประเมินจวินอู๋เสีย เมื่อเห็นว่าเป็นแค่ผู้เยาว์ตัวเล็กๆ สีหน้าของเขาก็ยิ่งไม่พอใจ
“ผู้อาวุโสต้องได้รับความเคารพ เจ้าหนูไม่เข้าใจเรื่องนั้นหรือไง?” ผู้อาวุโสหวงจ้องจวินเสียพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่งสอน
จวินอู๋เสียเย้ย
“ไหนล่ะผู้อาวุโส? ข้าเห็นแต่คนที่แพ้ข้ากับตาแก่สกปรกที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เอาอะไรมาอ้างว่าเป็นผู้อาวุโสของข้า?”
คำพูดของจวินเสียทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจมาก เขารีบหันไปมองผู้อาวุโสหวงทันที
ตั้งแต่ผู้อาวุโสหวงมาที่แคว้นจิ้ว เขาก็ได้รับความเคารพสูงสุดมาตลอด ไม่มีใครกล้าพูดดูหมิ่นไม่เคารพเขาเลยแม้แต่คำเดียว แม้แต่จักรพรรดิเองก็ยังก้มหัวให้เขา จวินเสียเป็นคนแรกที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้!
เมื่อเห็นผู้อาวุโสหวงทำสีหน้าถมึงทึง จักรพรรดิแคว้นจิ้ว นอกจากจะรู้สึกตกใจแล้ว ในใจก็แอบดีใจด้วย
มีคนให้เป็นศัตรูด้วยตั้งเยอะแยะ แต่เจ้าจักรพรรดิเด็กนี่กลับเลือกทำให้ผู้อาวุโสหวงโกรธ ต้องรู้ว่าถึงแม้ผู้อาวุโสหวงตั้งใจจะช่วยแคว้นจิ้วยึดครองดินแดนทั้งหมด แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงมือต่อหน้าใครมาก่อน จวินอู๋เสียดูหมิ่นเขาขนาดนี้ เท่ากับตบหน้าผู้อาวุโสหวงไปเต็มๆ ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อแคว้นจิ้ว ผู้อาวุโสหวงก็ไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่!
ผู้อาวุโสหวงหรี่ตา สายตาชั่วร้ายของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของจวินเสีย “เจ้าเด็กเหลือขอ คิดว่าเป็นจักรพรรดิแคว้นเหยียนแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเรอะ? เจ้ากบในกะลา คิดว่าไม่มีใครแตะต้องเจ้าได้งั้นซินะ?”
[ไอ้แมลงจากอาณาจักรล่างกล้าดูถูกเหยียดหยามเขางั้นเรอะ!?]
จวินอู๋เสียชำเลืองมองผู้อาวุโสหวงและพูดเย้ยหยันว่า “อะไร? อยากจะลองเหรอ?”
ผู้อาวุโสหวงกล่าวว่า “ก็ถ้าข้าอยากจะลองล่ะ? ตาแก่คนนี้จะสั่งสอนเจ้าเอง ไอ้เด็กไร้มารยาท ให้เจ้ารู้ซะบ้างว่าในโลกนี้จะมีคนที่เหนือกว่าเจ้าอยู่เสมอ เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
สิ้นเสียงของเขา ร่างของผู้อาวุโสหวงก็เปล่งแสงพลังวิญญาณสีม่วงออกมาทันที!
พลังวิญญาณสีม่วงสว่างจ้านั่นทำให้จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง!
ตอนที่ 1247 จะเทียบพลังวิญญาณสีม่วงกับข้าไหมล่ะ? (1)
จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้มาตลอดว่าผู้อาวุโสหวงมีพลังวิญญาณขั้นสีม่วง แต่ไม่เคยเห็นเขาต่อสู้เลย ตอนนี้จวินเสียนั่งอยู่ในท้องพระโรง มีองครักษ์อยู่แค่ไม่กี่คน ต่อให้เป็นจักรพรรดิแคว้นเหยียน เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงโดยไม่มีกองทัพทหารกล้าล้านคนอยู่ด้วย ก็เป็นแค่คนอ่อนแอเท่านั้น!
จักรพรรดิแคว้นจิ้วแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหัวของจวินเสียหลุดออกจากบ่า!
ถ้าจวินเสียตายที่นี่วันนี้ แคว้นเหยียนก็จะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ตอนนั้นเขาก็แค่นั่งรอรับผลประโยชน์จากมัน!
พลังวิญญาณสีม่วงส่องแสงสว่างจ้าอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย แต่นางก็ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางหยิ่งผยอง ใบหน้าที่วางอยู่บนฝ่ามือไม่ขยับแม้แต่นิด ดวงตานิ่งสงบเหมือนน้ำนิ่ง สายตาเย็นชามองไปที่ผู้อาวุโสหวงที่ยังมีแสงพลังวิญญาณสีม่วงเปล่งออกจากร่าง
“พลังวิญญาณสีม่วง?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง นั่นเป็นปฏิกิริยาที่มากที่สุดของนางแล้ว
ผู้อาวุโสหวงตอบด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
จักรพรรดิแคว้นจิ้วใช้โอกาสนั้นแผดเสียงหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “จักรพรรดิแคว้นเหยียน ข้าไม่ได้จัดฉากวางกับดักเจ้านะ ไม่มีใครบอกให้เจ้าไปเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสหวง คนที่แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสหวงไม่ใช่คนที่เด็กน้อยอย่างเจ้าจะหักหน้าได้ตามใจชอบ”
“คนที่แข็งแกร่ง?” จวินอู๋เสียหลุบตาลงเล็กน้อย “แล้วไง? ก็แค่พลังวิญญาณขั้นสีม่วง”
คำพูดของจวินเสียทำให้ผู้อาวุโสหวงขมวดคิ้วเข้าหากัน เขารู้สึกว่าท่าทางสงบนิ่งของจวินเสียนั้นแปลกมาก เนื่องจากถึงแม้ว่าพลังขั้นสีม่วงจะเป็นเรื่องธรรมดาในอาณาจักรกลาง แต่ในอาณาจักรล่างนั้นมันหายากอย่างที่สุด แต่ปฏิกิริยาของผู้เยาว์คนนี้สงบเกินไป ผู้อาวุโสหวงจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันค่อนข้างแปลกไปหน่อย
ดูเหมือนจักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่ได้สังเกตความผิดปกตินี้ และคิดว่าจวินเสียแค่วางมาดทำเป็นกล้าหาญ เขาตั้งตารอให้ผู้อาวุโสหวงจัดการสั่งสอนมารยาทให้เจ้าเด็กนั่น
“แค่พลังวิญญาณขั้นสีม่วง? คำพูดพวกนั้นไม่หยิ่งเกินไปหน่อยหรือ? ที่ข้ารู้มา ดินแดนในโลกนี้ไม่ได้พบเจอผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงมาเกือบศตวรรษแล้ว ยกเว้นเหวินซินฮั่นอาจารย์ใหญ่กิตติมศักดิ์ของสำนักวายุประจิมซึ่งเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงเพียงคนเดียวในช่วงนี้ จักรพรรดิแคว้นเหยียนไม่ประทับใจพลังวิญญาณสีม่วง หรือว่าเจ้าเคยเห็นผู้อื่นที่มีพลังวิญญาณสีม่วง?” จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลัวว่าผู้อาวุโสหวงจะไม่โกรธมากพอ จึงพยายามปลุกปั่นใส่ไฟเข้าไปอีก
จวินอู๋เสียชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา
“พลังวิญญาณสีม่วงแข็งแกร่งมากหรือ?”
น้ำเสียงของนางเฉยเมยไม่สนใจเหมือนกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศไปงั้นๆ
“ดูเหมือนเจ้าจะชอบพลังวิญญาณสีม่วงมาก งั้นก็ดี……” จวินอู๋เสียเริ่มพูดพร้อมกับที่มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย นางเชิดหน้านิดนึงและโบกมือข้างที่เป็นอิสระให้กลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง
“ถ้าจักรพรรดิแคว้นจิ้วเป็นกบในกะลา พวกเจ้าก็ช่วยแง้มกะลาให้เขาเห็นหน่อยว่าพลังวิญญาณสีม่วงมันเป็นยังไง”
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วมึนงง ขณะที่เขากำลังสับสนอยู่นั่นเอง ใน 7 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินเสีย แสงพลังวิญญาณสีม่วงก็เปล่งออกมาจากร่างของคน 6 คน!
แสงสีม่วงสว่างจ้าไปทั่วทั้งท้องพระโรง!
ยกเว้นชายชราหน้าเศร้า ผู้เยาว์ 5 คนและชายผู้มีใบหน้าเย็นชาที่อยู่ด้านหลังของจวินอู๋เสียล้วนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งหมด!!!
จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจจนเกือบตกจากบัลลังก์ มงกุฏหยกบนหัวเขาเอียงกระเท่เร่ ขณะที่เขาจ้องมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าจวินเสียได้พาผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงถึง 6 คนมากับเขาด้วย!
[เป็นไปได้ยังไงกัน!?]
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงนั้นหายากมากจนเกือบเป็นแค่ตำนานในอาณาจักรล่าง จักรพรรดิแคว้นจิ้วคิดว่าจวินเสียช่างไม่กลัวและบ้าบิ่นมากที่พาคนเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นจิ้วพร้อมเขาแค่ 7 คน ความเป็นผู้เยาว์เลือดร้อนทำให้เขาคิดอะไรไม่รอบคอบ ใครจะไปคิดว่าคนที่จวินเสียพามาไม่ใช่แค่องครักษ์ธรรมดา แต่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งกลุ่ม!
ตอนที่ 1248 จะเทียบพลังวิญญาณสีม่วงกับข้าไหมล่ะ? (2)
[ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมจวินเสียถึงกล้าวางอำนาจกลางท้องพระโรงวังหลวงของแคว้นจิ้ว ที่แท้ก็เป็นเพราะผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 6 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขามาตลอดนั่นเอง!]
[มีองครักษ์ขั้นเทพคอยคุ้มกันอยู่แบบนี้ ใครจะแตะต้องเขาได้?]
จักรพรรดิแคว้นจิ้วยิ้มไม่ออกอีกต่อไป เขามองผู้ใช้พลังวิญญาณ 6 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินเสีย แล้วคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดทั้งหมดที่เขาพูดไปเมื่อครู่ เขาอยากจะกลืนคำพูดพวกนั้นกลับเข้าไปซะเหลือเกิน!
ถึงจะมีผู้อาวุโสหวงอยู่ด้วย แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 1 คนจะไปสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 6 คนได้ยังไง?
จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาอยู่เมื่อครู่ก็กลายเป็นลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว มือของเขาเริ่มสั่นระริก
เขาหันไปมองผู้อาวุโสหวงอย่างร้อนรน แต่ปฏิกิริยาของผู้อาวุโสหวงทำให้เขาสิ้นหวังมากกว่าเดิม
สีหน้าตกตะลึงของผู้อาวุโสหวงไม่ได้น้อยไปกว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วเลย และสิ่งที่เขารู้จากภาพนั้นยังมากกว่าสิ่งที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วเห็นซะอีก
พลังวิญญาณสีม่วงในอาณาจักรกลางนั้นพบเห็นได้ทั่วไป ทุกคนที่อายุถึงเกณฑ์จะสามารถใช้วิธีพิเศษเพื่อยกระดับพลังขึ้นไปเป็นพลังขั้นสีม่วงได้ชั่วคราว จากคนทั้ง 6 ที่อยู่ข้างหลังจวินเสีย ผู้อาวุโสหวงเห็นได้ว่ามี 5 คนที่ใช้วิธีนั้นเพิ่มพลังของตัวเอง แม้ว่าผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่ใช้วิธีนี้เลื่อนระดับพลังของตัวเองจะไม่สามารถต้านทานผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แท้จริงได้ แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์หนึ่งต่อห้า ต่อให้เป็นผู้ใช้พลังขั้นวิญญาณสีม่วงที่แท้จริงก็คงไม่รอดเมื่อถูกโจมตีพร้อมกัน
สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสหวงตกใจจริงๆก็คือชายร่างสูงที่มีใบหน้าเย็นชาแข็งกระด้างคนนั้น
พลังวิญญาณสีม่วงบนร่างของชายคนนั้นรุนแรงมากเป็นพิเศษ แม้แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าพลังของชายคนนี้เหนือกว่าตัวเขาเองมาก!
เดิมทีเขาอยากใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงของเขาทำให้พวกมดแมลงของอาณาจักรล่างหวาดกลัว แต่ผู้อาวุโสหวงกลับถูกตบหน้าฉาดใหญ่ 6 ครั้งรวด!
ต่อให้กันชายร่างสูงออกไปได้ แต่แค่ผู้เยาว์ 5 คนก็มากเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้แล้ว
ความหยิ่งผยองหดหายไปในทันที ปากของผู้อาวุโสหวงกระตุกเล็กน้อย
“ไม่ทราบว่าสหายมาจากวิหารไหนงั้นหรือ? ไม่คิดเลยว่าท่านจะร่วมมือกับแคว้นเหยียน” ผู้อาวุโสหวงไม่ใช่คนโง่ ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนของอาณาจักรล่าง และวิธีการเพิ่มระดับขั้นพลังวิญญาณชั่วคราวนั่นก็ไม่มีใครในอาณาจักรล่างรู้ ไม่ว่าจะเป็นชายคนนั้นหรือผู้เยาว์ทั้งห้า ทุกคนล้วนมาจากอาณาจักรกลางอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าวิหารมังกรได้ร่วมมือกับแคว้นจิ้วเพื่อค้นหาและเปิดสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ผู้อาวุโสหวงก็รู้ทันทีว่าคนพวกนี้ต้องมาจากวิหารอื่น และเป้าหมายของพวกเขาก็คงอยู่ที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเช่นกัน แคว้นเหยียนเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล่าง การที่พวกเขาจะถูกเลือกก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
เย่ฉาและคนอื่นๆไม่ตอบสนอง สีหน้าของผู้อาวุโสหวงจึงยิ่งไม่น่าดูเข้าไปอีก
จวินอู๋เสียยังคงเอามือเท้าคางขณะมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของผู้อาวุโสหวงอย่างสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้าน
“อะไร? เจ้าไม่ได้ประกาศหรือว่าจะสั่งสอนข้าน่ะ? ข้านั่งรออยู่นานแล้ว ตกลงจะไม่ทำแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสหวงโกรธจัดจนแทบกระอักเลือด เขาหรี่ตามองจักรพรรดิแคว้นเหยียนด้วยความโกรธ อยากจะเอาฝ่ามือทุบใบหน้านั้นเต็มทน
[ไร้ยางอาย!!?]
[พาผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วงมา 6 คน แล้วขอให้คน ‘สั่งสอน’ เนี่ยนะ ใครจะกล้า?]
[กลัวว่าก่อนที่เขาจะได้แตะปลายเสื้อของจวินเสีย เขาก็คงถูกผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่อยู่ข้างหลังจักรพรรดิหนุ่มเตะกระเด็นออกไปนอกท้องพระโรงแล้วน่ะซิ!]
ไม่ว่าผู้อาวุโสหวงจะคับข้องใจมากแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปตอนนี้หรอก
ตอนที่ 1249 จะเทียบพลังวิญญาณสีม่วงกับข้าไหมล่ะ? (3)
ผู้อาวุโสหวงบังคับให้ตัวเองรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ พยายามโน้มน้าวให้ตัวเองไม่ถือสากับแมลงตัวหนึ่ง แม้ว่าวิหารทั้งสิบสองจะถูกเรียกรวมกันว่าสิบสองวิหาร แต่วิหารแต่ละแห่งก็ไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวกัน พวกเขาแอบต่อสู้กันเองมาตลอด และทำท่าว่าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแค่ผิวนอกเท่านั้น
ในเมื่ออีกวิหารเลือกจักรพรรดิหนุ่มมาร่วมมือด้วย คนพวกนั้นก็คงไม่ลังเลที่จะต่อสู้กับเขาเพื่อปกป้องจักรพรรดิหนุ่มคนนี้ ผู้อาวุโสหวงจะไม่ทะเลาะกับจวินเสียแน่ เว้นแต่ว่าเขาจะมีแต่ขี้เลื่อยอยู่ในหัว
แต่ก็นั่นแหละ เมื่อครู่เขาได้พูดออกไปแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไร สุดท้ายมันก็คือการตบหน้าตัวเอง ในใจผู้อาวุโสหวงตอนนี้ได้ทักทายบรรพบุรุษของจวินเสียไป 18 รุ่นแล้ว
[เจ้าเด็กนี่น่ารังเกียจเข้าไส้!]
มีเทพยืนอยู่ข้างหลัง 6 คนชัดๆ แต่ไม่พูดบอกอะไรสักคำ รอจนผู้อาวุโสหวงโกรธจัดและเตรียมจะเข้ามาโจมตีแล้ว ค่อยซัดหลังมือฟาดหน้าเขาเน้นๆ ไม่เหลือหนทางให้เขาถอยเลย!
เสียเปรียบขนาดนี้แล้ว ผู้อาวุโสหวงจะพูดอะไรได้? เขาโมโหมากจนเกือบจะระเบิดออกมา
“ในเมื่อเจ้าเป็นเพื่อนของสิบสองวิหาร และตาแก่คนนี้ก็มาจากวิหารมังกร เช่นนั้นข้าก็จะไม่สร้างความลำบากให้เจ้า ลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ซะเถอะ คิดซะว่าตาแก่คนนี้ไว้หน้าเพื่อนจากสิบสองวิหารก็แล้วกัน” แม้ว่าจะเจ็บแปลบๆจากที่โดนตบหน้า แต่ผู้อาวุโสหวงก็ยังสามารถบิดคำพูดให้ออกมาฟังดูดีได้
ราวกับว่าที่เขาถอนตัวนั้น ไม่ใช่เพราะเขากลัวเย่ฉากับคนอื่นๆ แต่เป็นเพราะ ‘เขาไว้หน้าเพื่อน’
ความระหองระแหงภายในระหว่างสิบสองวิหารไม่เคยถูกนำขึ้นมาสู่ภายนอก ผู้อาวุโสหวงเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นชัดเจนอยู่แล้ว และอีกฝ่ายจะเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามพูดอย่างแน่นอน แม้ว่าจวินเสียจะมีประโยชน์มากสำหรับพวกเขาก็จริง แต่พวกเขาคงไม่อยากให้สิบสองวิหารต้องสู้กันจริงๆหรอก
แต่……
ถึงผู้อาวุโสหวงจะคิดมาดีแล้วก็เถอะ จวินอู๋เสียก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้เรื่องเป็นไปอย่างที่เขาต้องการ
“ก็แก่แล้วนี่นะ ควรกลับบ้านไปดูแลตัวเองในวัยเกษียณได้แล้ว แทนที่จะออกมาทำให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ คิดว่าตัวเองเป็นใคร? มีค่าพอจะอ้างว่าเป็นเพื่อนกับองครักษ์ของข้าได้งั้นเรอะ?” จวินอู๋เสียไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสหวงเลยสักนิด ปากของนางทั้งร้ายกาจและโหดเหี้ยมไร้ความปราณี
ผู้อาวุโสหวงสูดหายใจเข้าเสียงดัง เขาก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และมองจวินเสียอย่างเหลือเชื่อ
สายตาของเขามองไปที่เย่ฉาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนกำลังต่อว่าเย่ฉาถึงความหยาบคายของจวินเสีย
แต่เย่ฉายังคงทำหน้านิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย ท่าทางที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียนั่น ความหมายของมันไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ได้แล้ว
ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะพูดอะไร เขาจะสนับสนุนจนถึงที่สุด ผู้อาวุโสหวงไม่ต้องคาดหวังถึง ‘ความรัก’ ระหว่างสิบสองวิหารอะไรทั้งนั้น
สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อาวุโสหวงคาดฝัน เขาไม่เข้าใจเลย ต่อให้อีกวิหารจะอยากใช้แคว้นเหยียนที่อยู่เบื้องหลังจวินเสีย แต่พวกเขาจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ? ขนาดเขาประกาศชื่อวิหารมังกรแล้ว พวกเขาก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร ราวกับว่าวิหารมังกรไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย
ในใจผู้อาวุโสหวงโกรธจนแทบกระอักเลือด แต่เขาไม่กล้าลงมือกับจวินเสีย หกคนที่อยู่ข้างหลังจักรพรรดิหนุ่มกำลังจ้องเขาเหมือนเสือจ้องเหยื่อ ถ้าเขาลงมือตอนนี้ สุดท้ายคนที่เดือดร้อนจะเป็นตัวเขาเองอย่างแน่นอน!
ผู้อาวุโสสูดหายใจเข้าลึกๆ เขากุมหน้าอกตัวเอง แล้วตัดสินใจถอยจากความเสียเปรียบครั้งนี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่กำลังอ้อนวอนของจักรพรรดิแคว้นจิ้วแล้วพูดว่า “วันนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ต้องกลับไปพักก่อน”
พูดจบ เขาก็เมินสีหน้าตกตะลึงของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว แล้วหันหลังเดินออกไปในทันที
“ไม่ต้องพักหรอก หลับยาวชั่วนิรันดร์ไปเลยก็ได้” จู่ๆจวินอู๋เสียก็ฟาดประโยคนั้นใส่ด้านหลังของผู้อาวุโสหวง
เท้าของผู้อาวุโสหวงแข็งค้าง แต่เขาก็ฝืนกล้ำกลืนคำดูหมิ่นนั้นลงไป แล้วหนีไปพร้อมความอัปยศ
ตอนที่ 1250 ค่าชดเชย (1)
เมื่อเห็นผู้ช่วยชีวิตของเขาทอดทิ้งเขาและหนีออกไป จักรพรรดิแคว้นจิ้วแทบใจสลาย เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจักรพรรดิแคว้นเหยียนจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ตอนแรกจักรพรรดิแคว้นจิ้วตั้งใจจะใช้ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสหวงทำให้เขาวางมาดข่มต่อหน้าจักรพรรดิแคว้นเหยียนที่เขาต้องก้มหัวให้มาตลอดหลายปีได้
แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่เขาจะได้ย่ามใจ ตรงกันข้ามมันถึงเวลาคิดบัญชีย้อนหลังแล้ว……
จักรพรรดิแคว้นจิ้วนั่งสั่นอยู่บนบัลลังก์ และคิดจะฉวยโอกาสหนีไปจากท้องพระโรง แต่สายตาเย็นชาของจวินเสียก็หันมาจ้องเขาเขม็ง
“นั่นเจ้าคิดจะไปไหน?” เสียงของจวินอู๋เสียเย็นชามากจนทำให้เลือดแข็งตัวได้เลย
นางยังไม่สามารถปะทะกับวิหารมังกรได้ในตอนนี้ จึงต้องปล่อยผู้อาวุโสหวงหนีไปก่อน แต่สำหรับจักรพรรดิแคว้นจิ้วนั้น นางไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ นางจะทำลายแคว้นจิ้วและทำลายแผนการของวิหารมังกร แม้ว่ามันจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อวิหารมังกร แต่มันก็ยังทำลายแผนการของพวกนั้นในอาณาจักรล่างและเฉือนเนื้อพวกนั้นได้ส่วนหนึ่ง!
จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เขาทิ้งตัวกลับไปอยู่ที่เดิม
“ข้า……ข้า……ข้าผิดไปแล้ว ขอจักรพรรดิแคว้นเหยียนโปรดอภัยให้ด้วย……” ตอนนี้จักรพรรดิแคว้นจิ้วอยากร้องไห้จริงๆ แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมา [ผู้อาวุโสหวงทิ้งไปแล้วพร้อมกับตบหลังเขาหนึ่งที แล้วตอนนี้เขาจะทำอะไรได้?]
[จวินเสียหยาบคายไม่เป็นมิตรมาตั้งแต่ต้นแล้ว บวกกับคำพูดที่เขาพูดไปเมื่อครู่ เขาจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาจะตายในไม่ช้านี้]
“นั่งลง” จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชา
จักรพรรดิแคว้นจิ้วขาสั่นขณะที่ตะกายกลับขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ ดวงตาที่หวาดกลัวของเขาไม่มีวี่แววความหยิ่งยโสและวางอำนาจข่มอีกต่อไป
“การยกทัพไปบุกโจมตีแคว้นฉีเป็นความคิดของเจ้างั้นหรือ?” จวินอู๋เสียถามพลางหรี่ตา ขณะที่เฉียวฉู่กับคนอื่นๆก็เก็บพลังวิญญาณสีม่วงกลับเข้าร่าง
จักรพรรดิแคว้นจิ้วรีบพูดว่า “ไม่……ไม่ใช่ข้า……เป็นผู้อาวุโสหวง! เขาเป็นคนสั่งให้ข้ายกทัพไป! ข้าไม่มีเรื่องอะไรกับแคว้นฉี แล้วพวกเขาก็อยู่ไกลมากด้วย ทำไมข้าจะต้องยกทัพไปบุกแคว้นฉีโดยไม่มีเหตุผลล่ะ?” จักรพรรดิแคว้นจิ้วพูดเร็วปรื๋ออย่างตื่นตระหนก
“แคว้นฉีเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหยียนของข้า ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นคนบอกให้เจ้าทำ แต่เจ้าคือคนที่ลงมือทำ” จวินอู๋เสียพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลัวจนหน้าซีด [แคว้นฉีไปเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหยียนตั้งแต่เมื่อไร? ถ้าคำพูดนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของจวินเสียเองล่ะก็ ใครจะไปเชื่อว่าแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแคว้นเหยียนจะถือว่าแคว้นเล็กๆอย่างแคว้นฉีเป็นพันธมิตรคนสำคัญ]
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าแคว้นฉีเป็นพันธมิตรของท่าน ถ้าข้ารู้……ข้าคงไม่กล้ายกทัพไปบุกแคว้นฉี……ข้า……ข้าสามารถชดเชยได้นะ! ชดเชยความเสียหายทั้งหมดของแคว้นฉี! อะไรก็ได้! ข้าจะจ่ายให้เดี๋ยวนี้เลย!” ขณะที่พูด จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็ควานหาพู่กัน, กระดาษ, และที่ฝนหมึกด้วยมือที่สั่นเทา เขาเริ่มเขียนค่าชดเชยทุกอย่างที่นึกได้ลงบนกระดาษและให้ขันทีส่งเอกสารนั้นให้ถึงมือของจวินเสีย
จวินอู๋เสียมองเอกสารนั้นแบบผ่านๆ แล้วเปลวไฟพลังวิญญาณสีม่วงก็ลุกพรึ่บขึ้นบนมือของจวินอู๋เสีย เปลี่ยนกระดาษที่เขียนค่าชดเชยแผ่นนั้นให้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันที!
จักรพรรดิแคว้นจิ้วจ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา เขาคิดว่าจวินเสียแค่พึ่งผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วงที่อยู่ข้างหลังเขาเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจวินเสียเองก็เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงด้วย!
ในตอนนี้ จักรพรรดิแคว้นจิ้วอยากจะร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาซะจริงๆ
[จักรพรรดิแคว้นเหยียนจำเป็นต้องแข็งแกร่งผิดปกติแบบนี้เลยหรือไง!?]
“ไม่พอ” จวินอู๋เสียหรี่ตามองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่กำลังหวาดกลัวสุดชีวิต
ตอนที่ 1251
ตอนที่ 1251 ค่าชดเชย (2)
จักรพรรดิแคว้นจิ้วตัวสั่นพลางร้องไห้อยู่ในใจ เขาเขียนค่าชดเชยทุกรูปแบบที่เขาสามารถนึกได้ลงไปแล้ว แต่จวินเสียก็ยังไม่พอใจ “งั้น……งั้นท่านบอกมาเถอะว่า……แบบไหนถึงจะพอ?”
จวินอู๋เสียยกมือขึ้นเล็กน้อย เฟยเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ก้าวมาข้างหน้าและดึงเอาแผ่นหนังที่เขียนค่าชดเชยเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่งให้กับจักรพรรดิแคว้นจิ้ว
จักรพรรดิแคว้นจิ้วกวาดตามองเอกสารฉบับนั้น แล้วเขาก็ตกใจจนเกือบตกจากบัลลังก์
เขาเบิกตากว้างจ้องมองจวินเสียอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือที่กำแผ่นหนังสั่นจนเกือบจะหัก
“ท่าน……ท่าน……นี่ล้อเล่นใช่ไหม?”
จวินอู๋เสียหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้ามีค่าพอให้ข้าล้อเล่นด้วยหรือไง?”
จักรพรรดิแคว้นจิ้วหน้าซีดเผือด เขากลืนน้ำลายเสียงดัง แววตาสิ้นหวัง “นี่……นี่ไม่มากไปหรือ……นี่เท่ากับบอกให้ข้ามอบแคว้นจิ้วครึ่งหนึ่งเป็นค่าชดเชยเลยนะ!!”
ในบรรดาเงื่อนไขที่ระบุไว้ในค่าชดเชยที่เฟยเหยียนส่งไปให้นั้น สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจมากที่สุดก็คือข้อความที่เขียนเรื่องการยกดินแดนของแคว้นจิ้วให้ จวินอู๋เสียจัดการยกดินแดนแคว้นจิ้วครึ่งหนึ่งให้กับแคว้นฉีเพื่อเป็นค่าชดเชย
ดินแดนอันกว้างใหญ่ที่แคว้นจิ้วครอบครองนั้นเป็นรองแค่แคว้นเหยียนเท่านั้น แล้วจู่ๆจะให้ตวัดพู่กันทีเดียวมอบดินแดนครึ่งหนึ่งให้ไปแบบนั้น ถ้ายกดินแดนให้แคว้นฉีไป แคว้นเล็กๆอย่างแคว้นฉีก็จะยกระดับขึ้นมาเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่อันดับต้นๆทันที ยิ่งกว่านั้นจักรพรรดิแคว้นจิ้วก็ไม่รู้ว่าจวินเสียจงใจทำหรือเปล่า แต่ทุกเมืองที่มีชื่ออยู่ในแผ่นหนังคือเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในแคว้นจิ้ว ซึ่งไม่เพียงมีทรัพยากรธรรมชาติมากมายเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่ร่ำรวยมากที่สุดด้วย ถ้าเขายกเมืองพวกนั้นให้จริงๆ เศรษฐกิจครึ่งหนึ่งของแคว้นจิ้วจะล่มทันที
แถมยังมีการชดเชยทางการเงินที่ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วอ่านแล้วรู้สึกอยากตายขึ้นมา!
[นี่ไม่ใช่แค่ยกดินแดนเป็นค่าชดเชยเท่านั้น!]
[นี่มันเท่ากับสั่งให้เขาเอาแคว้นจิ้วทั้งแคว้นใส่พานเงินถวายให้แคว้นฉีเลย!]
ข้อตกลงการชดเชยนี้ ต่อให้ตีเขาให้ตาย จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็ไม่มีวันตกลงที่จะลงนามเด็ดขาด!
“มากไป?” ดวงตาของจวินอู๋เสียเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที
“สิ่งนี้สามารถแลกกับชีวิตทหารแคว้นฉีหลายแสนคนที่ตายไปได้ไหม? แลกกับชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ของแคว้นฉีที่ตายไปด้วยไฟสงครามได้รึเปล่า? เพียงพอจะชดเชยให้กับคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องพลัดบ้านพลัดถิ่นระหกระเหินร่อนเร่ไปอย่างสิ้นหวังได้ไหม? ถ้าเจ้าไม่อยาก ข้าก็จะไม่บีบบังคับเจ้า เจ้าก็แค่คืนชีวิตผู้คนทั้งหมดที่ตายไปด้วยไฟสงครามที่เจ้าจุดขึ้นมาซะ คืนมาให้ครบทุกคน เมืองทั้งหลายที่โดนทำลายพังพินาศไปก็คืนสภาพมันให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วย แล้วเจ้าก็ไม่ต้องลงนามในเอกสารชดเชยนั้นก็ได้” จวินอู๋เสียพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเป็นพิเศษ
นางเชื่อว่าคนทั้งแคว้นฉีอยากได้คนในครอบครัวของพวกเขากลับคืนมาอย่างปลอดภัยมากกว่าอยากได้ที่ดินและเงินทองพวกนี้อย่างแน่นอน
จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอของเขา ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก เมืองสามารถสร้างใหม่ได้ แต่คนที่ตายไปแล้วพวกนั้น จะทำให้กลับมามีชีวิตเหมือนเดิมได้ยังไง?
จวินเสียเสนอทางเลือกที่ไม่มีทางออกให้เขาทั้งสองทางชัดๆเลย!
ทางหนึ่งคือการชดเชยที่เขายอมรับไม่ได้ ส่วนอีกทางก็เป็นสิ่งที่เขาไม่มีปัญญาทำได้…….
“มีทางเลือกที่สามไหม?” จักรพรรดิแคว้นจิ้วยังไม่ยอมแพ้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจวินเสียถึงพยายามช่วยแคว้นฉีมากขนาดนี้ จักรพรรดิหนุ่มคนนี้ต้องการอะไรกันแน่
จวินอู๋เสียตอบด้วยรอยยิ้มเย็น “มี”
ดวงตาของจักรพรรดิแคว้นจิ้วเป็นประกาย เขาเงยหน้าขึ้นทันที แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะมองไปที่จวินเสีย
“แคว้นเหยียนจะบุกโจมตีแคว้นจิ้ว และชื่อของแคว้นจิ้วจะหายไปจากโลกนี้”
คำพูดของจวินอู๋เสียตัดความหวังของจักรพรรดิแคว้นจิ้วไปอย่างสมบูรณ์……
จักรพรรดิแคว้นจิ้วคอตก เขามองไปที่แผ่นหนังที่ระบุเงื่อนไขการชดเชยเอาไว้ ร่างของเขาสั่นระริก ริมฝีปากซีดจนเขียว
หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินเสีย และแคว้นจิ้วได้สูญเสียทหารในกองทัพไปหนึ่งล้านคนจากสงคราม พวกเขายังจะหวังได้อีกหรือว่าจะมีโอกาสต่อสู้กับทหารม้าติดอาวุธของแคว้นเหยียนได้? ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันระหว่างสองแคว้น บัดนี้เป็นช่องว่างกว้างใหญ่ที่ทำให้เขาไม่มีทางเลือก! ไม่มีทางอื่นให้เลือกได้เลย!
“ข้าตกลง……”
ตอนที่ 1252
ตอนที่ 1252 ค่าชดเชย (3)
จักรพรรดิแคว้นจิ้วสิ้นหวังอย่างที่สุด เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลือกหนทางเดียวที่ถูกมอบให้ นั่นคือยกแคว้นครึ่งหนึ่งให้กับแคว้นฉี อย่างน้อยแคว้นจิ้วก็ยังอยู่
เขาร่างราชโองการด้วยมือที่สั่นเทา การลากเส้นแต่ละครั้งก็คือการเฉือนหัวใจของเขา
เขาใช้อำนาจอันยิ่งใหญ่ของแคว้นจิ้วข่มขู่และบีบบังคับแคว้นเล็กๆมาโดยตลอด ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งเขาจะโดนกรรมตามสนองเข้าให้ ได้ลิ้มรสชาติแบบเดียวกับที่เขาทำกับคนอื่น
เมื่อพูดถึงอำนาจกดขี่ แคว้นจิ้วจะไปเทียบกับแคว้นเหยียนได้ยังไง?
ขณะที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วกำลังจะประทับตราจักรพรรดิลงบนพระราชโองการ จวินอู๋เสียก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยว”
จักรพรรดิแคว้นจิ้วเงยหน้าขึ้น ดวงตามีประกายแห่งความหวัง
แต่คำพูดต่อมาของจวินเสียก็ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกลงสู่หุบเหวแห่งความสิ้นหวัง!
“หนี้ที่ต้องชำระยังไม่หมด” จวินอู๋เสียพูดพลางหรี่ตา
“อะไร……หมายความว่ายังไง?” จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจ
“ยัง……ยังไม่พออีกหรือ? ข้าให้แคว้นจิ้วครึ่งหนึ่งเป็นค่าชดเชยให้แคว้นฉีแล้วนะ นั่นมันยิ่งกว่าเกินพอเลยไม่ใช่หรือ?” จักรพรรดิแคว้นจิ้วเกือบตะโกนออกมา แต่ด้วยความกลัวและความสิ้นหวังทำให้เขาถามออกมาเสียงต่ำ
จวินอู๋เสียยิ้มเย็นชาและกล่าวว่า “หนี้แคว้นฉีเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ถึงคราวของแคว้นเฉียว”
“อะไรนะ!?” จักรพรรดิแคว้นจิ้วตาโต ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
[แคว้นเฉียว?]
[แคว้นเฉียวเกี่ยวอะไรด้วย!?]
จวินอู๋เสียโบกมืออย่างเกียจคร้าน ชายชราที่ยืนเงียบๆอยู่ข้างหลังมาตลอดก็เดินออกไปกลางท้องพระโรง
“อยากพูดอะไรกับจักรพรรดิแคว้นจิ้ว พูดไปให้หมด” จวินอู๋เสียกล่าว
ชายชราคนนั้นเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาที่มองไปยังจักรพรรดิแคว้นจิ้วเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง สายตานั้นราวกับว่าชายชราคนนี้ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าฉีกคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ออกเป็นพันๆชิ้น
“เจ้า ยังจำได้ไหมว่าข้าเป็นใคร?” เสียงที่อดกลั้นของชายชราดังขึ้นในท้องพระโรง
จักรพรรดิแคว้นจิ้วจ้องมองชายชราตรงหน้าด้วยสายตาประเมิน เขาพยายามเค้นความทรงจำเกี่ยวกับอีกฝ่าย แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ใคร……เจ้าเป็นใคร? ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน……”
หลังจากที่ชายชราได้ยินเช่นนั้น เขาก็เงยหน้าหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
“ใช่แล้ว เจ้าเป็นจักรพรรดิผู้สูงส่งและยิ่งใหญ่แห่งแคว้นจิ้ว จะจำขุนนางต่ำต้อยจากแคว้นเล็กๆที่อยู่ห่างไกลจากชายแดนของเจ้าได้ยังไง? ก็ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าจำหน้าข้าไม่ได้ แต่สำหรับข้า ข้าไม่มีวันลืมหน้าเจ้าไปชั่วชีวิต!” เสียงหัวเราะของชายชราหยุดลงอย่างกระทันหัน เขาหรี่ตาพร้อมกัดฟันแน่น เอ่ยคำพวกนี้ออกมา
“ปีนั้น เจ้าได้พาทหารเข้าไปในแคว้นเฉียวของเรา แล้วใช้กำลังทหารข่มขู่ เปลี่ยนจักรพรรดิแคว้นเฉียวให้เป็นอะไรก็ไม่รู้ คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่ใช่! ข้าไม่มีวันลืมใบหน้าที่น่ารังเกียจของเจ้า! เจ้าจำข้าไม่ได้ก็ช่าง ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอง! ข้าคือราชครูของแคว้นเฉียว! แคว้นเฉียวที่จักรพรรดิสององค์ของเราถูกเจ้าเปลี่ยนให้เป็นอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผีนั่นไง!” ราชครูเหอคำรามออกมาเหมือนปีศาจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและแค้นเคือง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองใบหน้าซีดขาวของจักรพรรดิแคว้นจิ้วเขม็ง
“แคว้นเฉียวรู้ว่าตัวเองเป็นแคว้นเล็กๆและอ่อนแอ มีประชากรน้อย จึงไม่กล้าต่อสู้แย่งชิงอะไรกับแคว้นอื่น ไม่ว่าแคว้นจิ้วต้องการอะไรเราก็ยอมทุกอย่าง แต่เจ้าก็ยังไม่ยอมละเว้นพวกเรา! หลังจากเปลี่ยนจักรพรรดิองค์ก่อนให้เป็นตัวประหลาดที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผีแล้ว เจ้าก็ยังเปลี่ยนจักรพรรดิองค์นี้ของเราให้เป็นเด็กที่ไร้ชีวิตจิตใจ ทหารองครักษ์ทุกคนของเราถูกฆ่าตายในเมืองหลวงแคว้นจิ้วนี้ด้วย! หนี้เลือดที่เพิ่มไม่หยุดนี้ เจ้าเป็นผู้ก่อแต่เพียงผู้เดียว! เอาชีวิตของจักรพรรดิองค์ก่อนของเราคืนมา! เอาจักรพรรดิองค์นี้ของเราคืนมา! เอาชีวิตคนดีๆจากแคว้นเฉียวของเราคืนมา!!!” ราชครูเหอตะโกนใส่จักรพรรดิแคว้นจิ้วราวกับเป็นคนบ้า ความเกลียดชังที่ถูกกดเอาไว้หลายปีท่วมท้นจนถึงสวรรค์ แต่เพราะแคว้นของพวกเขาเล็กเกินไป เขาจึงได้แต่เก็บมันเอาไว้ ไม่กล้าปล่อยให้มันปะทุออกมา ในที่สุดเขาก็มีโอกาสระบายมันออกมาแล้ว!
ตอนที่ 1253
ตอนที่ 1253 ค่าชดเชย (4)
ไม่ใช่ว่าในอดีตที่ผ่านมาแคว้นเฉียวไม่เกลียดไม่แค้น แต่พวกเขาไม่อยู่ในสถานะที่จะเกลียดหรือไม่พอใจได้ เนื่องจากพวกเขาไม่มีพลังที่จะปกป้องตัวเอง พวกเขากลัวว่าการล่วงเกินแคว้นจิ้วแม้เพียงเล็กน้อยจะทำให้พวกเขามีข้ออ้างยกทัพมาบุกแคว้นเฉียวได้
แคว้นเฉียวที่อ่อนแอย่อมไม่สามารถต้านทานกองทัพของแคว้นจิ้วได้
ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำหายนะมาสู่พวกเขาได้
สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือทน ทนแล้วทนอีก กัดฟันทนจนเจ็บกรามไปหมด ทนจนไม่เหลือศักดิ์ศรี เก็บกดความเกลียดชังเอาไว้ในจิตวิญญาณ ไม่มีหนทางให้ระบาย
แล้ววันนี้ จวินอู๋เสียก็ได้ให้โอกาสกับพวกเขา
เมื่อมีแคว้นเหยียนหนุนหลัง ราชครูเหอก็สามารถยืดอกเรียกร้องการชำระหนี้เลือดที่ติดค้างไว้ทั้งหมดได้!
จักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่เคยคิดเลยว่าชายชราที่ตามจวินเสียเข้ามาที่นี่จะเป็นราชครูของแคว้นเฉียว!
แคว้นที่เล็กยิ่งกว่าแคว้นฉี สถานที่ที่แทบไม่มีตัวตนอยู่เลย
“จักรพรรดิแคว้นเหยียน! ชายแก่คนนี้พูดจาเหลวไหล! ใส่ความกันชัดๆ! ข้าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น เขาใส่ร้ายข้า!” ตาแก่นี่จะมาจากไหนก็ช่าง จักรพรรดิแคว้นจิ้วจะไม่ยอมรับข้อกล่าวหาเด็ดขาด
เรื่องแคว้นฉีมีแคว้นเหยียนมาเกี่ยวข้อง ไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธได้ แต่เรื่องของแคว้นเฉียว เขาปิดบังเรื่องที่ทำเอาไว้อย่างระมัดระวังแล้ว ไม่มีทางที่จวินเสียจะรู้ได้ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมรับเด็ดขาด!
“ใส่ร้าย!? พระศพของจักรพรรดิองค์ก่อนของเรายังอยู่ในลานแห่งนั้นของเจ้าอยู่เลย! และจักรพรรดิของเราตอนนี้ก็อยู่ในเมืองหลวงแคว้นจิ้ว! ทหารองครักษ์ของเราที่ตายไปก็อยู่ในเมืองหลวงแคว้นจิ้วด้วย! ข้ายังต้องใส่ร้ายอะไรเจ้า!? เลือดของผู้คนนับไม่ถ้วนเปื้อนมือเจ้า จิตใจอันชั่วร้ายของเจ้าทำร้ายผู้คนไปมากมาย! เจ้าไม่มีวันล้างบาปพวกนั้นออกไปได้ตลอดชีวิต!” ราชครูเหอคำรามด้วยความโกรธแค้น เขาไม่เคยพบไม่เคยเห็นคนหน้าด้านที่มีจิตใจชั่วร้ายเลวทรามแบบนี้มาก่อน ปีศาจชัดๆ!
“พูดพล่อยๆ! เรื่องนั้น…..ข้าไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้น! เป็นแคว้นเฉียวที่มีเจตนาไม่ดี จู่ๆทหารของแคว้นเฉียวก็โจมตีทหารของแคว้นจิ้ว ทหารของข้าก็เลยตอบโต้พวกเขา! ส่วนเรื่องจักรพรรดิของเจ้าหรือจักรพรรดิองค์ก่อนก็เถอะ……ข้าไม่เคยเจอพวกเขามาก่อนเลย……” จักรพรรดิแคว้นจิ้วเถียงราชครูเหออย่างดุเดือด ค่าชดเชยครั้งเดียวก็ทำให้เขาเสียดินแดนแคว้นจิ้วไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าจวินเสียใช้เรื่องที่เกิดขึ้นกับแคว้นเฉียวมาเฉือนหัวใจของเขาอีกครั้ง เขาคงไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน!
เขาต้องไม่ยอมรับ! ไม่เด็ดขาดเลย!
ถึงยังไงจักรพรรดิน้อยของแคว้นเฉียวก็ถูกชิงตัวไปแล้ว คนตายไม่สามารถให้การได้ ตอนนี้จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกดีใจมากที่มีคนบุกไปที่ลานนั้นและชิงตัวจักรพรรดิน้อยออกไป ตอนนี้คนไม่ได้อยู่ในมือของเขาแล้ว ทำให้เขาสามารถปฏิเสธทุกอย่างได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้น จักรพรรดิน้อยยังได้รับพิษโลหิตแดง ตอนนี้เขาก็น่าจะตายไปแล้ว ต่อให้หาตัวเขาพบ เขาก็ไม่ได้ตายในลานของเขา และจวินเสียก็ไม่สามารถกล่าวหาเขาในความผิดนี้ได้!
ตราบใดที่เขาไม่ยอมรับ ก็จะไม่เป็นไรแน่นอน!
จักรพรรดิแคว้นจิ้วยืนกรานว่าตัวเองบริสุทธิ์และปฏิเสธไม่ยอมรับข้อกล่าวหาใดๆทั้งนั้น การกระทำของเขาทำให้ราชครูเหอโกรธมากจนเกือบกระโจนขึ้นไปบนบัลลังก์แล้วบีบคอจักรพรรดิแคว้นจิ้วให้ตายคามือ!
ทำเรื่องชั่วช้ามากมาย แต่ไม่กล้ายอมรับ!
เฟยเหยียนปฏิกิริยาไว เขารีบวิ่งไปขวางราชครูเหอที่ถูกความโกรธครอบงำเอาไว้ได้ ราชครูเหอน้ำตาไหลพราก สะอึกสะอื้นคร่ำครวญด้วยความเศร้าเสียใจ
“สวรรค์ไม่มีตา!”
ถึงแคว้นเฉียวของพวกเขาจะเป็นแคว้นเล็กๆ แต่คนในแคว้นตั้งแต่ผู้ครองแคว้น ขุนนาง จนถึงประชาชนคนธรรมดา ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิต!
[ทำไมสวรรค์ถึงทำกับพวกเขาเช่นนี้!?]
[ทำไม!?]
“จักรพรรดิแคว้นเหยียน ชายผู้นี้เสียสติไปแล้ว! คำพูดของคนบ้าเชื่อถือไม่ได้!” จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลัวจนเหงื่อไหลพลั่กๆขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย
ตอนที่ 1254
ตอนที่ 1254 ค่าชดเชย (5)
“จักรพรรดิแคว้นเหยียน ชายผู้นี้เสียสติไปแล้ว! คำพูดของคนบ้าเชื่อถือไม่ได้!” จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลัวจนเหงื่อไหลพลั่กๆขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่กำลังตื่นตระหนก ขณะที่เฟยเหยียนปลอบราชครูเหอให้สงบลง นางเอายาสงบจิตใจให้ราชครูเหอกินก่อนจะหันกลับมาพูดกับจักรพรรดิแคว้นจิ้วว่า “เชื่อไม่ได้งั้นหรือ?”
จักรพรรดิแคว้นจิ้วพูดด้วยน้ำเสียงท้าทายว่า “ท่านไปตรวจดูที่ลานนั้นได้เลย ไม่มีจักรพรรดิของแคว้นเฉียวคนไหนอยู่ที่นั่นสักคน! จักรพรรดิแคว้นเฉียวได้มาที่แคว้นจิ้วจริงๆ แต่เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนเรื่องที่เขาหายไปไหนนั้น ข้าจะไปรู้ได้ยังไง? คนๆนี้เป็นคนบ้าชัดๆ เสียจักรพรรดิของตัวเองไป ก็เลยจะโยนความผิดมาที่ข้า!”
ราชครูเหอโกรธมากจนต้องอ้าปากหอบหายใจ โชคดีที่จวินอู๋เสียเอายาให้เขากินแล้ว จึงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่ยังคงโกหกต่อไปและพูดอย่างเย็นชาว่า “งั้นก็แปลกนะ ทำไมข้าถึงเจอจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวในลานของเจ้าได้ล่ะ”
“อะไรนะ……” จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองจวินอู๋เสียอย่างมึนงง
เฟยเหยียนที่ยืนอยู่ด้านข้างมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วแล้วพูดว่า “ตาแก่เลอะเลือน ไม่เข้าใจที่ฝ่าบาทของเราพูดรึไง? อย่าบอกนะว่าเจ้าลืมไปแล้วว่ามีคนขโมยตัวจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวไปจากลานของเจ้าเมื่อเร็วๆนี้”
สีหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วเปลี่ยนไปทันที เขามองเฟยเหยียนอย่างเหลือเชื่อ การคาดเดาที่บ้าคลั่งก็เริ่มผุดขึ้นมาในสมอง
“วันนั้น……เป็นพวกเจ้า……”
จักรพรรดิแคว้นจิ้วตื่นตระหนกขึ้นมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวที่ถูกชิงตัวไปภายใต้จมูกของเขานั้น จะเป็นฝีมือของจวินเสียกับคนของเขา แต่ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง 6 คนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันก็แปลกมากจริงๆ ในโลกนี้ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงหายากขนาดไหนกันล่ะ?
และจวินเสียก็บังเอิญพาผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงหลายคนมาที่นี่ในวันนี้……
พอตระหนักได้ว่ามันบังเอิญมากเกินไป ความจริงของเรื่องนี้ก็เดาได้ไม่ยาก
วันนั้น คนที่ช่วยจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวออกไปก็คือจวินเสียกับคนของเขา!
ทันใดนั้นเอง จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา เขาทรุดตัวลงนั่งบนบัลลังก์ เหงื่อไหลลงมาตามใบหน้าไม่หยุด ไม่นานชุดคลุมมังกรของเขาก็เปียกเหงื่อจนชุ่ม
ร่างของเขาสั่นระริก ริมฝีปากขาวซีดปราศจากสีเลือด
“ยังจะไม่ยอมรับอยู่อีกรึเปล่า?” เฟยเหยียนถามพร้อมกับมองไปที่จักรพรรดิแคว้นจิ้ว ในใจเต็มไปความรังเกียจ
จักรพรรดิแคว้นจิ้วอ้าปากขณะมองไปที่จวินเสียด้วยแววตาหวาดกลัว
จวินอู๋เสียแค่มองดูเขาอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรสักคำ
แต่ความเงียบจากจวินเสียกลับทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่สบายใจมากขึ้น
เขาตะกายลงจากบัลลังก์ คุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้น และคลานตะเกียกตะกายมาตรงหน้าจวินเสีย น้ำหูน้ำตาไหลขณะที่พูดว่า “ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้เป็นคนทำ……เป็นผู้อาวุโสหวง……เรื่องนี้ผู้อาวุโสหวงเป็นคนทำ เขาสั่งให้ข้าเชิญผู้ครองแคว้นจากแคว้นอื่นๆมาที่เมืองหลวง คิดจะใช้โอกาสนี้ทำให้ผู้ครองแคว้นพวกนั้นออกราชโองการ ใช้ทหารและประชาชนจากแคว้นอื่นๆสร้างคนพิษขึ้นมา แคว้นเฉียว…… จักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวเขาก็เป็นคนเลือกเหมือนกัน! เขาอยากแสดงพลังของโลหิตแดงให้ผู้ครองแคว้นคนอื่นๆเห็น แล้วเขาก็เลือกจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวขึ้นมา เขาเป็นคนสั่งให้ข้าทำแบบนี้……ทุกอย่างเป็นความคิดของเขา……ข้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย……ไม่เกี่ยวเลย……ทั้งหมดเป็นเพราะเขา! เขาเป็นคนทำ!!”
เพื่อเอาตัวรอด จักรพรรดิแคว้นจิ้วโยนความผิดทั้งหมดให้กับผู้อาวุโสหวง แม้ว่ามันจะไม่ใช่การกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม แต่มันก็ยังน่ารังเกียจมากอยู่ดี
ราชครูเหอหลับตาลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ตอนที่ 1255
ตอนที่ 1255 ค่าชดเชย (6)
จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่ร้องไห้โหยหวนด้วยความรำคาญ แล้วทันใดนั้นนางก็เตะเขากระเด็นออกไป!
จักรพรรดิแคว้นจิ้วล้มลงกับพื้น เขาคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว ร่างกายสั่นเหมือนใบไม้ต้องลม อ้อนวอนร้องขอความเมตตาไม่หยุด
สายตาของจวินอู๋เสียเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง นางรู้ว่าวิหารมังกรอยู่เบื้องหลังคนพิษและโลหิตแดง แต่นางไม่รู้ว่าเหตุผลที่จักรพรรดิน้อยถูกเลือกนั้นเป็นเพราะผู้อาวุโสหวงเลือกเขา เมื่อครู่นางคิดจะละเว้นผู้อาวุโสหวงไปก่อน แต่ตอนนี้นางเปลี่ยนใจแล้ว!
ในเมื่อคนจากวิหารมังกรไม่ได้มองว่าคนในอาณาจักรล่างเป็นมนุษย์ นางจะยอมทนกล้ำกลืนความอยุติธรรมนี้ได้อย่างไร!?
“เจ้าจะชดเชยให้แคว้นเฉียวยังไง” จวินอู๋เสียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรีบพูดขึ้นว่า “ข้าจะจ่าย! เท่าไรข้าก็จะจ่าย! ข้าจะเอาสมบัติทุกอย่างจากท้องพระคลังแคว้นจิ้วมาจ่ายให้หมดเลย!”
“เจ้าคิดว่าแค่นั้นจะพอหรือ?” จวินอู๋เสียหรี่ตา
จักรพรรดิแคว้นจิ้วพูดอย่างระมัดระวัง “แคว้นเฉียว……แคว้นเฉียวแค่เสียผู้ครองแคว้นไป 2 คน……”
ในมุมมองของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว ความสูญเสียของแคว้นเฉียวเมื่อเทียบกับความเสียหายอย่างหนักของแคว้นฉีแล้ว แคว้นเฉียวสูญเสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น แคว้นฉีเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหยียน แต่แคว้นเฉียวไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับแคว้นเหยียนเลย
จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชาว่า “จักรพรรดิน้อยของแคว้นเฉียวเป็นน้องชายของข้า”
“อะไรนะ……” จักรพรรดิแคว้นจิ้วจ้องมองจวินเสียด้วยสีหน้าตกใจ
คำพูดนั้น แม้แต่ราชครูเหอที่กำลังอ้าปากหอบหายใจอยู่ก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน การที่จวินเสียยอมช่วยเหลือปกป้องแคว้นเฉียวก็ทำให้เขารู้สึกขอบคุณมากแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจู่ๆจวินเสียจะอ้างว่าจักรพรรดิของพวกเขาเป็น……น้องชายของเขา
จวินอู๋เสียมองใบหน้าตกตะลึงของราชครูเหอ เมื่อนางนึกถึงคำที่จักรพรรดิน้อยใช้เรียกนาง ดวงตาของนางก็เข้มขึ้นเล็กน้อย นางพูดขึ้นว่า “เขาเรียกข้าว่าพี่ชายตัวน้อย ไม่ใช่หรือ?”
เมื่อเรียกนางว่าพี่ชาย นางก็จะเป็นพี่ชาย!
ใครกล้ารังแกน้องชายของนาง นางจะทำให้คนผู้นั้นต้องตายโดยไม่มีหลุมฝัง!
ราชครูเหอสั่นไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกตื้นตัน เขาคุกเข่าลงเอาหัวโขกพื้นคำนับจวินเสีย 3 ครั้ง
ด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นเหยียน พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเพื่อแคว้นเฉียวเลย แต่จวินเสียก็ยังทำสิ่งนี้ เจรจาต่อรองกับแคว้นจิ้วแทนแคว้นเฉียวของพวกเขา
จวินเสียไม่เพียงช่วยจักรพรรดิของพวกเขาเอาไว้ แต่เขายังจะแก้แค้นให้อีกด้วย ตอนนี้จวินเสียได้เอาแคว้นเฉียวไปอยู่ภายใต้การปกป้องของนางแล้ว ความเมตตาอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ราชครูเหอรู้สึกว่าชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณได้หมด!
ตรงข้ามกับความซาบซึ้งในบุญคุณของราชครูเหอ จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกว่าเมฆแห่งหายนะอันดำมืดได้ลอยมาอยู่เหนือหัวของเขาแล้ว
การที่จักรพรรดิแห่งแคว้นเฉียวกลายเป็น ‘น้องชาย’ ของจวินเสีย งั้นค่าชดเชยก็จะ……
“ตามแบบค่าชดเชยของแคว้นฉี เขียนอีกชุดให้เป็นชื่อของแคว้นเฉียว” จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่หล่นลงไปในหลุมดำแห่งความสิ้นหวัง พลางออกคำสั่งสุดท้าย
คำพูดของจวินอู๋เสียดังก้องอยู่ในหูเขาเหมือนเสียงระฆังแห่งมรณะ
[เขียนอีกชุดตามแบบแคว้นฉี?]
[ค่าชดเชยของแคว้นฉีก็ทำให้เขาต้องยกดินแดนแคว้นจิ้วไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถ้าเขียนอีกชุด……ก็หมายความว่าเขาจะต้องยกแคว้นจิ้วให้ไปทั้งแคว้นเลยไม่ใช่หรือ!?]
“ไม่……ไม่ได้……ทำแบบนี้ไม่ได้……” ตอนนี้จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกเหมือนหายนะที่ร้ายแรงที่สุดได้เกิดขึ้นกับเขาแล้ว จวินอู๋เสียไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยเรื่องค่าชดเชย……เขามาเพื่อทำลายแคว้นจิ้ว!
ค่าชดเชย 2 ชุด และเขาต้องยกแคว้นจิ้วให้ไปทั้งแคว้น นับจากวันนี้ไป จะไม่มีแคว้นจิ้วอีกต่อไปแล้ว!
จวินอู๋เสียพูดด้วยรอยยิ้มเย็น “ต้องได้”
“ข้าขอร้องท่าน! ละเว้นข้าสักครั้งเถอะ! ละเว้นแคว้นจิ้วด้วย!” จักรพรรดิแคว้นจิ้วเอาหัวโขกพื้นคำนับจวินอู๋เสียไม่หยุด ต่อหน้ากลุ่มผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง ไม่มีทางที่เขาจะต้านทานได้เลย เขาไม่มีทางอื่นนอกจากขอร้องให้จวินเสียละเว้นเขา
แต่ทว่า……
จวินอู๋เสียได้ตัดสินใจจะลบแคว้นจิ้วออกจากแผ่นดินนี้ไปแล้ว
“ข้าละเว้นแคว้นจิ้วได้ เจ้าแค่ออกราชโองการค่าชดเชย 2 ชุด แล้วแคว้นจิ้วก็จะไม่ถูกทำลาย แต่จะให้ละเว้นเจ้านั้น เป็นไปไม่ได้”
ตอนที่ 1256
ตอนที่ 1256 ผลกรรม (1)
จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองจวินเสียอย่างตะลึงงัน ไม่เคยคิดเลยว่าคำตอบของเขาจะเป็นเช่นนั้น
จวินอู๋เสียตั้งใจจะทำลายแคว้นจิ้วอยู่แล้ว แต่นางไม่อยากบรรลุเป้าหมายด้วยการทำสงคราม ด้วยวิธีการที่นางใช้อยู่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยประชาชนของแคว้นจิ้วจากความโหดร้ายของสงคราม แต่ยังช่วยลดปัญหาและความยุ่งยากให้นางได้อีกด้วย
เอาชนะแคว้นที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของดินแดนนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ทหารสักคน คนที่ทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ได้ก็มีแต่นางเท่านั้น
จักรพรรดิแคว้นจิ้วทรุดตัวลงกับพื้น ใบหน้าซีดเผือด
เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แคว้นจิ้วที่ยิ่งใหญ่ถูกต้อนจนมุมแล้วจริงๆ เขาจะยอมรับมันได้ยังไง?
“อย่าทำแบบนี้……อย่า……ข้าขอร้องล่ะ……” จักรพรรดิแคว้นจิ้วทำได้เพียงอ้อนวอนขอร้อง เขาไม่มีทางออกอื่นแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่จวินอู๋เสียก้าวเข้ามาในท้องพระโรงวังหลวง มันก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางออกอีกต่อไป
เขาจะต่อต้านได้อย่างไร? ผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 7 คนจับเขาเป็นตัวประกันเอาไว้ในท้องพระโรงนี่ ถ้าเขาต่อต้านแม้เพียงนิด เขาก็คงถูกฆ่าทันที
จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่บังคับผู้ครองแคว้นอื่นๆมาตลอด วันนี้ถูกบังคับให้ลิ้มรสชาติของความสิ้นหวังและความรู้สึกของหายนะที่ใกล้เข้ามาบ้างแล้ว ครั้งนี้จวินเสียไม่ได้ให้ความหวังใดๆกับเขาเลย
“เหยียนเอ๋อร์” จวินอู๋เสียเรียกขณะที่มองดูจักรพรรดิแคว้นจิ้วร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนพื้น
“อยู่นี่” เฟยเหยียนเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง
“เอาพู่กัน หมึก กระดาษ กับที่ฝนหมึกมาให้เขาเขียนราชโองการครั้งสุดท้าย” จวินอู๋เสียพูดอย่างเฉยเมย
เฟยเหยียนรีบไปหยิบของทันที และนำมันมาตรงหน้าจักรพรรดิแคว้นจิ้ว
จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองกระดาษเปล่าที่ถูกกางตรงหน้าอย่างสะพรึงกลัว ความกลัวในแววตาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด!
“ไม่! ข้าไม่เขียน! ข้าคือจักรพรรดิของแคว้นจิ้ว! ทุกอย่างในแคว้นจิ้วเป็นของข้า! ข้าจะไม่เขียนอะไรทั้งนั้น!” จักรพรรดิแคว้นจิ้วตะโกนออกมาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความสิ้นหวังอย่างที่สุด เขาดูน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง มงกุฏร่วงหล่นจากหัวเขาโดยไม่รู้ตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจัดกระจาย ยิ่งทำให้เขาดูตลกและน่าอับอายมาก
จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่จู่ๆก็แสดงความกล้าหาญเป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง
“ง้างปากเขา”
จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจมาก เขาพยายามจะวิ่งหนี แต่เฉียวฉู่ก็พุ่งเข้ามาเหมือนลูกธนู และจับไหล่เขาเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้!
เฉียวฉู่จับไหล่เขาเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ง้างปากเขา
จวินอู๋เสียเอายาเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋ามิติของนาง สะบัดนิ้วเบาๆ ยาก็ลอยเข้าไปในปากของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว เฉียวฉู่บังคับให้เขากลืนยาเม็ดนั้นเข้าไป จากนั้นจึงปล่อยเขา
“เจ้าให้ข้ากินอะไร? กินอะไร!” จักรพรรดิแคว้นจิ้วกุมลำคอเอาไว้ และมองจวินอู๋เสียด้วยแววตาดุร้าย
“เดี๋ยวก็รู้” จวินอู๋เสียพูดเบาๆ
ทันทีที่สิ้นเสียงของจวินอู๋เสีย ความเจ็บปวดรุนแรงก็ระเบิดขึ้นในร่างของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว!
มันเหมือนกับว่าเขากลืนดาบนับไม่ถ้วนเข้าไปในร่างกาย และพวกมันก็หมุนวนอยู่ในร่างของเขา อวัยวะภายในของเขา เนื้อและกระดูก ทุกๆตารางนิ้วของเขากำลังเจอกับความเจ็บปวดที่มนุษย์ไม่อาจทนได้ จักรพรรดิแคว้นจิ้วสูญสิ้นพละกำลังทั้งหมด ล้มลงกระตุกอยู่บนพื้น ร่างกายเกร็งจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วง
“ถ้าเจ้าไม่อยากเขียน ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า เชิญเจ้าตามสบายเลย เจ้าอยากจะเขียนขึ้นมาเมื่อไร ค่อยเขียนตอนนั้นก็ได้ ข้าไม่รีบ” เสียงของจวินอู๋เสียเบาแต่เย็นชา เหมือนลมในฤดูหนาวเดือนกุมภาพันธ์ที่หนาวยะเยือกจนถึงกระดูก
จักรพรรดิแคว้นจิ้วกระตุกไม่หยุด น้ำมูกน้ำตาไหลปนกันเลอะเทอะใบหน้าไปหมด เขาร้องครวญคราง กลิ้งอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด
ตอนที่ 1257 ผลกรรม (2)
เขาไม่เคยรู้เลยว่าจะมีความเจ็บปวดแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วย กระดูกเหมือนถูกหักแตกเป็นเสี่ยงๆ เนื้อหนังเหมือนถูกไฟเผา อวัยวะภายในเหมือนถูกปั่นด้วยเหล็กร้อนๆที่ถูกเผาจนแดง ภายใต้ความเจ็บปวดรุนแรงเช่นนี้ เขาคิดว่าเขากำลังจะตายแล้ว แต่ความเป็นจริง สติของเขาแจ่มชัดยิ่งกว่าที่เคยเป็นซะอีก แม้ว่าเขาจะอยากหมดสติไปเร็วๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
เขายังคงมีสติอย่างชัดเจน รู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกอย่างที่สามารถทำให้คนเสียสติได้
ราชครูเหอมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่เขาชักดิ้นชักงอในสภาพที่ทนทุกข์ทรมาน น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา
“ข้า……เขียน……ข้าจะเขียน……” ความเจ็บปวดทรมานทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วปรารถนาที่จะตาย แต่ก็ไม่สามารถตายได้ ความเจ็บปวดทรมานที่เขาทำกับคนอื่นไว้ทั้งหมดดูเหมือนบัดนี้มันมาอยู่ในร่างกายของเขาอย่างครบถ้วนแล้ว
เขาอยากตายมากกว่าที่จะทรมานต่อไป
“ข้า……ขอ……ร้อง……ข้า……จะ……เขียน……” [เขาจะเขียนทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ หยุดมันที!]
จวินอู๋เสียมองไปที่เฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้าง เฉียวฉู่เอายาจากเข็มขัดของเขาที่จวินอู๋เสียให้ไว้เมื่อครู่ไปยัดใส่ปากจักรพรรดิแคว้นจิ้วทันที
ทันใดนั้น ความเจ็บปวดขนาดที่ทำให้คนเสียสติได้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เสื้อผ้าบนร่างกายของจักรพรรดิแคว้นจิ้วชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เขานอนนิ่งอยู่บนพื้นเหมือนหมาตาย ลมหายใจสับสนปั่นป่วนอย่างมาก
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เหมือนเป็นฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัว
“ลุกขึ้น อย่านอนเฉยๆอยู่บนพื้น” เฉียวฉู่ดึงจักรพรรดิแคว้นจิ้วขึ้นมา และทำให้เขาคุกเข่าตรงหน้ากระดาษเปล่าอีกครั้ง
ใบหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วขาวซีดปราศจากสีเลือด เขาหยิบพู่กันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา และชำเลืองมองไปที่จวินเสีย แววตาของเขาแสดงถึงความหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว ส่วนความเกลียดชังนั้น แม้แต่นิดเดียวก็ไม่กล้ามี
เขาเขียนค่าชดเชยให้แคว้นเฉียวไปพลางตัวสั่นไปพลาง หลังจากจักรพรรดิแคว้นจิ้วประทับตราลงบนพระราชโองการแล้ว ก็เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง คุกเข่านิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
เฉียวฉู่เอาพระราชโองการที่เขียนเสร็จแล้วส่งให้ราชครูเหอ ราชครูเหอคุกเข่าลงทันทีด้วยความหวาดกลัว ถึงตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่กล้าที่จะรับมันเอาไว้
“องค์จักรพรรดิแคว้นเหยียนได้แก้แค้นให้กับจักรพรรดิของข้า นั่นเป็นความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วพะย่ะค่ะ สำหรับสิ่งนี้……เราไม่กล้ารับไว้หรอกพะย่ะค่ะ พวกเราไม่สมควรได้ ฝ่าบาทได้โปรดเอาคืนไปเถอะพะย่ะค่ะ” ราชครูเหอรู้สึกขอบคุณจวินเสียอย่างมากและรู้สึกว่าไม่อาจจะตอบแทนบุญคุณได้ แล้วเขาจะรับดินแดนครึ่งหนึ่งของแคว้นจิ้วเอาไว้ได้ยังไง?
“นี่ไม่ได้ให้เจ้า และไม่ได้ให้แคว้นเฉียวด้วย” จวินอู๋เสียพูดพลางมองราชครูเหอที่กำลังหวาดกลัว “ข้าให้น้องชายของข้า”
ราชครูเหอชะงักไป แล้วเขาก็คุกเข่าลงคำนับจวินเสียอีกครั้ง เขาก้มหัวขณะที่รับพระราชโองการมาไว้ในมือ
จักรพรรดิแคว้นจิ้วคุกเข่าอยู่กับที่ สายตาหวาดกลัวของเขาไม่ละไปจากจวินเสียเลยแม้แต่นิดเดียว
“ตอนนี้……ตอนนี้……เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” เขาถามเบาๆ ไม่มีการแสดงอำนาจข่มขู่และความเย่อหยิ่งจองหองอยู่ในน้ำเสียงอีกแล้ว
เขาไม่อยากเจอกับความเจ็บปวดทรมานแบบนั้น และยินดีจะใช้แคว้นจิ้วทั้งแคว้นแลกกับสวัสดิภาพของตัวเอง คนที่น่ารังเกียจเช่นนี้ไม่เหมาะจะประกาศตัวว่าเป็นจักรพรรดิเลยจริงๆ
โม่เฉียนหยวนเต็มใจที่จะอยู่และตายไปกับแคว้นฉี พี่ชายของจักรพรรดิน้อยก็เต็มใจที่จะเสียสละตัวเองแทนองครักษ์ของเขา
ผู้ครองแคว้นของแคว้นเล็กๆทั้งสองตระหนักดีว่าประชาชนเป็นรากฐานที่สำคัญของแคว้น นี่เป็นสิ่งที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่มีวันเข้าใจ และไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจอีกต่อไป
“ไปกันเถอะ” จวินอู๋เสียยืนขึ้น นางเดินออกไปจากท้องพระโรงของวังหลวงโดยไม่หันหน้ากลับไปมองอีกเลย
ตอนที่ 1258 ผลกรรม (3)
ขณะที่กำลังเดินออกจากท้องพระโรง เฉียวฉู่ก็มองไปที่ใบหน้าเย็นชาของจวินเสีย และอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า “เสี่ยวเสีย……เจ้าจะปล่อยจักรพรรดิแคว้นจิ้วไปแบบนั้นจริงๆหรือ?”
จวินอู๋เสียหันไปมองเฉียวฉู่อย่างสงบ
“ข้าบอกเมื่อไรว่าจะปล่อยเขา?”
“แต่เจ้าไม่ได้……”
ก่อนที่เฉียวฉู่จะพูดจบประโยค เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นจากในท้องพระโรงด้านหลังพวกเขา เสียงนั้นแสบแก้วหูจริงๆ
พวกผู้เยาว์หันกลับไปทันทีและเห็นจักรพรรดิแคว้นจิ้วนอนกองอยู่กับพื้น ร่างกายของเขาขดเป็นลูกบอล ขณะที่ตัวสั่นอย่างรุนแรง
“นั่น……” ดวงตาของเฉียวฉู่เบิกกว้างด้วยความตกใจขณะที่มองไปยังจวินอู๋เสีย ตอนที่พวกเขาเดินออกมา เขายังดีๆอยู่เลย แค่แปปเดียวจักรพรรดิแคว้นจิ้วกลายเป็นแบบนั้นได้ยังไง?
จวินอู๋เสียเงยหน้ามองท้องฟ้าและพูดว่า “ข้าพูดแล้ว ให้ละเว้นเขา เป็นไปไม่ได้”
ยาที่เฉียวฉู่ป้อนให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วตอนสุดท้ายนั้นไม่ใช่ยาแก้พิษ มันเป็นแค่ยาที่ทำให้ประสาทชา ป้องกันไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดชั่วคราว แม้ว่ากินยานั่นแล้วจะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆเลยก็ตาม แต่พอยาหมดฤทธิ์ ผลกระทบอย่างอื่นของยานั่นก็แสดงออกมาทันที รวมกับฤทธิ์ของยาตัวแรกที่กินเข้าไป สิ่งที่นำมาจึงไม่ได้มีแค่เพียงความเจ็บปวดที่รุนแรงเท่านั้น
ยาสองอย่างนี้ เมื่อจับคู่กันจะทำให้เจ็บปวดทรมานจนไม่อาจจินตนาการได้เลยทีเดียว ความทรมานที่ดูเหมือนจะไม่รู้จบนี้จะดำเนินไปเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ภายในเวลา 7 วันนั้น ไม่มีสิ่งใดที่สามารถรักษาอาการนั้นได้ และเมื่อครบ 7 วันตามกำหนด จักรพรรดิแคว้นจิ้วจะตายจากอาการบาดเจ็บ แต่ก่อนที่ความตายจะมาเอาชีวิตเขา เขาจะต้องทนทรมานอย่างทารุณตลอดทั้ง 7 วัน!
นั่นเป็นการแก้แค้นครั้งสุดท้ายที่จวินอู๋เสียทำกับจักรพรรดิแคว้นจิ้ว
นางจะไม่ยอมให้เขาตายง่ายๆ นั่นมันดีเกินไปสำหรับเขา!!
จวินอู๋เสียกับคนอื่นๆเดินออกจากวังหลวงแคว้นจิ้วโดยมีเสียงร้องโหยหวนของจักรพรรดิแคว้นจิ้วอยู่ด้านหลัง พวกทหารในวังไม่กล้าขัดขวางพวกเขาแม้แต่น้อย และปล่อยให้พวกเขาเดินออกจากวังหลวงอย่างสง่างาม
ก่อนออกจากวัง จวินอู๋เสียก็หยุดเดิน ตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวออกจากท้องพระโรง เย่ฉาก็หายตัวไป และตอนนี้เขาได้กลับมาแล้ว
“ผู้อาวุโสหวงนั่นไม่อยู่ในวังหลวงแล้วขอรับ” เย่ฉาทำตามคำสั่งของจวินอู๋เสีย ออกค้นหาผู้อาวุโสหวงในวังหลวง แต่หลังจากวนรอบวังจนครบรอบแล้ว เขาก็ไม่พบวี่แววของผู้อาวุโสหวงเลย
เห็นได้ชัดว่า จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่น พอก้าวออกจากประตูท้องพระโรงก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“เขาอาจจะหนีออกจากวังหลวงไปได้ แต่คิดว่าจะออกไปจากเมืองหลวงได้งั้นหรือ? ไปหาตัวเขามาให้ข้า!” จวินอู๋เสียหรี่ตา นางไม่มีวันปล่อยผู้อาวุโสหวงไปแน่ คนร้ายหลักที่รับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้
“ขอรับ!” หลังจากรับคำสั่ง ร่างของเย่ฉาก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาทันที
จากนั้นจวินอู๋เสียกับสหายของนางก็ออกจากวังหลวงของแคว้นจิ้ว แต่พอนางก้าวผ่านประตูวังหลวงออกมา นางก็พบกลุ่มคนที่แต่งตัวหรูหรา แต่ละคนสวมมงกุฏไว้บนศีรษะ ยืนอยู่ตรงหน้านาง
จักรพรรดิของแคว้นอื่นๆที่ถูกกักขังอยู่ในเมืองหลวงได้ข่าวว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนมาที่นี่ และรู้ว่าจวินเสียเข้าไปในวังหลวง พวกเขาไม่กล้าพรวดพราดเข้าไปในวังหลวง จึงได้แต่รอให้จวินเสียออกมานอกประตูวัง
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย และมองไปที่กลุ่มคนแปลกหน้าตรงหน้านาง
เฉียวฉู่กับคนอื่นๆที่อยู่ข้างหลังนางขยับตัวมาอยู่ข้างหน้าจวินอู๋เสีย บังสายตาอยากรู้อยากเห็นของกลุ่มผู้ครองแคว้นเอาไว้ สายตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นระแวดระวังขึ้นมาทันที
ตอนที่ 1259 คำขอความช่วยเหลือจากแคว้นต่างๆ (1)
ผู้ครองแคว้นหลายคนดูเหมือนจะรับรู้ความเป็นปฏิปักษ์จากเฉียวฉู่และเพื่อนๆของเขาได้ พวกเขาจึงได้สติขึ้นมาทันที และก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยพร้อมเพรียงกัน
หนึ่งในผู้ครองแคว้นรวบรวมความกล้าก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว และมองไปที่เฉียวฉู่ซึ่งขวางอยู่ตรงหน้าจวินเสียอย่างเกรงๆ และพูดว่า “จักรพรรดิแคว้นซวี๋ คารวะจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียนพะย่ะค่ะ”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางเคยได้ยินชื่อแคว้นซวี๋ แต่ไม่เคยติดต่อกับพวกเขาเลย ท่าทางของผู้ครองแคว้นซวี๋ดูเป็นมิตรมาก และรออยู่ที่นี่พร้อมกับผู้ครองแคว้นอื่นๆ ดูเหมือนว่ากำลังรอให้นางปรากฏตัวออกมา
“มีอะไร?” จวินอู๋เสียเพิ่งจัดการกับจักรพรรดิแคว้นจิ้วมา นางไม่มีอารมณ์จะคุยเล่นกับผู้ครองแคว้นคนอื่นๆ
ด้วยสถานะของแคว้นเหยียน จึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่แคว้นอื่นๆจะอ่อนน้อมต่อนาง แต่จวินอู๋เสียไม่ชอบความรู้สึกนี้
จักรพรรดิแคว้นซวี๋กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาได้ยินว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนอายุน้อย ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริง ผู้เยาว์คนนี้ตัวเล็กและยังเด็ก แต่พอพูดออกมากลับทำให้ผู้คนไม่กล้ามองจักรพรรดิหนุ่มคนนี้เป็นเพียงแค่ผู้เยาว์ไร้ประสบการณ์อีกต่อไป
“ข้าได้ข่าวว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนมาที่เมืองหลวงแคว้นจิ้ว จึงเข้ามาคารวะพะย่ะค่ะ” เขาพูดพร้อมกับกลืนน้ำลายอีกอึกใหญ่ ด้วยระดับความแข็งแกร่งของแคว้นพวกเขา ขนาดแคว้นจิ้วที่แข็งแกร่งน้อยกว่าแคว้นเหยียนมาก พวกเขายังไม่กล้าเป็นศัตรูด้วยเลย
จวินอู๋เสียหมดความอดทนกับท่าทางประจบประแจงของผู้ครองแคว้นซวี๋แล้ว
“ไม่จำเป็น ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็อย่าขวางทางข้า” จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชา
ผู้ครองแคว้นซวี๋ตัวสั่น ไม่รู้ว่าทำไมผู้เยาว์อายุน้อยแค่นี้ถึงได้ทำให้เขารู้สึกกลัวได้ถึงขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าจวินเสียกำลังจะไปแล้ว ผู้ครองแคว้นทุกคนก็ตื่นตระหนกขึ้นมา พวกเขาทิ้งท่าทางเสแสร้งและสุภาพมีมารยาทแล้วพุ่งเข้าไปขวางหน้าจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว
ผู้ครองแคว้นทุกคนคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสียทันที!
“ฝ่าบาทได้โปรดหยุดก่อน! ที่ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพราะมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!” ผู้ครองแคว้นซวี๋คุกเข่าอ้อนวอน ขณะที่ผู้ครองแคว้นอื่นๆก็เริ่มขอร้องแบบเดียวกัน
เจอเข้าแบบนี้ เฉียวฉู่กับคนอื่นๆก็อึ้งไป
คนพวกนี้ต่างเป็นผู้ปกครองสูงสุดของแคว้น แล้วทำไมพวกเขาถึงพากันคุกเข่าง่ายๆแบบนี้!?
พวกผู้เยาว์คิดว่าผู้ครองแคว้นพวกนี้ถูกแคว้นจิ้วล่อลวงให้มาที่นี่เพื่อก่อกวนสร้างปัญหา แต่จากที่เห็น ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น
จวินอู๋เสียหยุดมองผู้ครองแคว้นทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านางโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว
กลุ่มผู้ครองแคว้นเห็นว่าอย่างน้อยจวินอู๋เสียก็ยอมฟังพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงรีบพูดสิ่งที่พวกเขาต้องการขอร้องทันที
พอพูดแล้ว เฉียวฉู่กับพรรคพวกก็เลิกทำท่าเป็นศัตรูกับคนพวกนี้ไปเลย
ผู้ครองแคว้นเหล่านี้ถูกจักรพรรดิแคว้นจิ้วเชิญให้เดินทางมาที่เมืองหลวงแคว้นจิ้วโดยที่พวกเขาเองก็ไม่ได้เต็มใจ แต่เพราะอำนาจของแคว้นจิ้ว พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับคำเชิญและเดินทางมาที่นี่ หลังจากมาถึงแคว้นจิ้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่มันเกินความคาดหมายของพวกเขา พวกเขาทุกคนถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านในเมืองหลวงแคว้นจิ้ว และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกข้างนอกแม้แต่ก้าวเดียว
จักรพรรดิแคว้นจิ้วได้กดดันพวกเขามาตลอด ทั้งข่มขู่และล่อลวงพวกเขาด้วยคนพิษกับโลหิตแดง บังคับให้พวกเขาเขียนราชโองการที่ระบุว่าพวกเขายินยอมให้มีการทดลองสร้างคนพิษในแคว้นของพวกเขา และจะให้ความร่วมมือในการสร้างกองทัพคนพิษอย่างเต็มที่
พวกเขาได้เห็นความน่ากลัวของคนพิษกับตาตัวเองแล้ว พวกผู้ครองแคว้นไม่อยากให้คนของพวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดแบบนั้น พวกเขาอยากต่อต้าน แต่ก็ถูกจักรพรรดิแคว้นจิ้วคุมตัวไว้และถูกกักขังให้อยู่ในเมืองหลวง หมดอิสระใดๆทั้งสิ้น
ตอนที่ 1260 คำขอความช่วยเหลือจากแคว้นต่างๆ (2)
เทียบความแข็งแกร่งของแคว้นกันแล้ว พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแคว้นจิ้วเลย และได้แต่ถูกกักขังเอาไว้ในเมืองหลวง กลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้าน จักรพรรดิแคว้นจิ้วได้ควบคุมผู้ครองแคว้นเหล่านี้เอาไว้ในกำมือ ทั้งหมดก็เพื่อจะข่มขู่แคว้นต่างๆให้ยอมจำนน
เหตุผลที่ผู้ครองแคว้นพวกนี้มาที่นี่ ไม่ใช่เพราะเต็มใจจะยอมจำนน แต่พวกเขาไม่อยากให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วมีข้ออ้างในการส่งกองทัพไปบุกแคว้นของพวกเขา
สิ่งที่จักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวเจอได้ฝังความกลัวลงไปในหัวใจของพวกเขาทุกคน พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปหรือไม่
พอพวกเขาได้ยินว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนมาปรากฏตัวที่นี่ ทุกคนก็เหมือนจะได้เห็นแสงริบหรี่ท่ามกลางความสิ้นหวังอันมืดมิด ถ้าจะมีใครที่สามารถปราบแคว้นจิ้วได้ ก็คงมีเพียงแคว้นเหยียนเท่านั้น
ดังนั้น พวกเขาจึงมารวมตัวกันและรออยู่นอกประตูวังหลวง หวังว่าจะสามารถคว้าความหวังสุดท้ายนี้เอาไว้ได้
เหล่าผู้ครองแคว้นพูดไปร้องไห้ไป ทิ้งศักดิ์ศรีของจักรพรรดิ ไม่สนความยิ่งใหญ่ของชุดคลุมมังกรที่สวมใส่อยู่ พวกเขาไม่อยากกลายเป็นหุ่นเชิดของแคว้นจิ้ว และไม่อยากให้ประชาชนของพวกเขาต้องทนทุกข์กับอนาคตที่น่าหวาดกลัว
พวกเขาขอให้จักรพรรดิแคว้นเหยียนช่วยพวกเขาและแคว้นของพวกเขา
จวินอู๋เสียฟังพวกเขาเงียบๆ นางรู้อยู่แล้วถึงการกระทำอันชั่วร้ายของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว แต่ไม่เคยคิดว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วจะทำถึงขนาดกักขังผู้ครองแคว้นจากแคว้นต่างๆไว้ในเมืองหลวงของแคว้นจิ้ว!
“จักรพรรดิแคว้นเหยียน! ถ้าท่านยอมช่วยพวกเรา พวกเราจะยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นเหยียน!” ผู้ครองแคว้นซวี๋ตัดสินใจว่าถึงตายเขาก็ต้องทำแบบนี้ ดีกว่าจะยอมให้แคว้นจิ้วทำตามใจชอบ เปลี่ยนประชาชนของพวกเขาให้กลายเป็นคนพิษที่ไร้ชีวิตจิตใจ พวกเขายอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นเหยียนยังดีซะกว่า
แม้ว่าแคว้นเหยียนจะมีอำนาจมาก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่เคยข่มขู่บีบบังคับแคว้นที่อ่อนแอ
“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ” จวินอู๋เสียพูดเสียงเบา
เหล่าผู้ครองแคว้นยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น เนื่องจากบนไหล่ของเขาไม่เพียงแบกชีวิตของตัวพวกเขาเองเอาไว้ แต่ยังมีชีวิตของประชาชนทั้งแคว้นอีกหลายล้านชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา
จวินอู๋เสียมองพวกผู้ครองแคว้นทั้งหลายที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างดื้อดึง แล้วก็เริ่มจะปวดหัวขึ้นมา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีแคว้นจิ้วอีกแล้ว พวกเจ้าทุกคนกลับไปได้แล้ว” จวินอู๋เสียบอกพวกเขา
“อะไรนะ……” พวกผู้ครองแคว้นทั้งกลุ่มมองจวินอู๋เสียอย่างสับสน
[ไม่มีแคว้นจิ้วอีกแล้ว?]
[ที่พูดนั่น หมายความว่ายังไง?]
เฟยเหยียนยิ้ม แล้วดึงเอาพระราชโองการออกมากางให้กลุ่มผู้ครองแคว้นดู
“จักรพรรดิแคว้นจิ้วได้ยกดินแดนทั้งหมดของแคว้นจิ้วเป็นค่าชดเชยให้กับแคว้นฉีและแคว้นเฉียวแล้ว ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีแคว้นจิ้วอีกแล้ว พวกท่านทุกคนไม่ต้องกังวลว่าเขาจะทำร้ายพวกท่านได้แล้วล่ะ ตอนนี้……พวกท่านสามารถกลับแคว้นของตัวเองได้แล้ว ทุกอย่างจบแล้ว” เฟยเหยียนพูดพร้อมหัวเราะ
พวกผู้ครองแคว้นต่างทำหน้าเหลือเชื่อ พวกเขายื่นมือที่สั่นเทาออกไปรับราชโองการจากมือของเฟยเหยียน แล้วก็เบียดกันเข้ามาอ่านเอกสารฉบับนั้นอย่างละเอียดอยู่พักใหญ่ กว่าพวกเขาจะยอมเชื่อคำพูดของเฟยเหยียน
[แคว้นจิ้ว……หายไปแล้วจริงๆหรือ?]
[ช่วงเวลาสั้นๆแค่ 2 ชั่วโมง แคว้นที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองก็ถูกลบออกจากแผ่นดินง่ายๆแบบนี้เลย?]
ความจริงเรื่องนี้ทำให้สติของทุกคนล่องลอยไปทันที ไม่มีใครสักคนที่คิดว่าจะจบแบบนี้ได้
ผู้ครองแคว้นทุกคนเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กๆที่มีใบหน้าละเอียดอ่อนบอบบางนั้นโดยไม่รู้ตัว
[จักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน]
“แต่……แต่……คนของแคว้นจิ้วได้นำราชโองการของเรากลับไปที่แคว้นของพวกเราแล้ว……” จักรพรรดิของแคว้นซวี๋กระวนกระวายขึ้นมาทันที จักรพรรดิแคว้นจิ้วดำเนินการได้รวดเร็วมาก และได้เอาพระราชโองการที่บังคับให้พวกเขาเขียนพร้อมกับส่งคนออกเดินทางไปยังแคว้นต่างๆทันที
ตอนที่ 1261 คำขอความช่วยเหลือจากแคว้นต่างๆ (3)
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรกับพวกเขาอีก และเดินจากไปเงียบๆ
ในใจของพวกผู้ครองแคว้นทั้งดีใจและเสียใจ
ดีใจที่แคว้นจิ้วล่มสลายไปแล้ว จะไม่มีใครขังพวกเขาเอาไว้ในบ้านอีกต่อไปแล้ว
และเสียใจที่ภัยพิบัติของพวกเขายังไม่จบสิ้น พวกเขาต้องรีบกลับไปที่แคว้นของตัวเองทันทีเพื่อทำให้สถานการณ์มั่นคง!
จวินอู๋เสียและเพื่อนๆของนางกลับไปที่โรงแรม เมืองหลวงแคว้นจิ้วยังคงสงบสุข ประชาชนยังไม่รู้ว่าจักรพรรดิของพวกเขาได้ยกดินแดนที่พวกเขาเหยียบอยู่นี้ให้แคว้นอื่นไปแล้ว และยังไม่รู้ว่าในโลกนี้จะไม่มีชื่อแคว้นจิ้วอีกต่อไป
“อีกสักพักข้าจะนำราชโองการ 2 ฉบับนี้ไปประกาศให้โลกรู้” เฟยเหยียนพูดขณะที่ถือราชโองการ 2 ฉบับนั้นไว้ในมือ ใบหน้าแจ่มใสร่าเริง
แผนที่หนังมนุษย์ของแคว้นจิ้ว เย่ฉาไปเอามาจากห้องทรงอักษรของจักรพรรดิแคว้นจิ้วและส่งมอบให้ฮัวเหยาเอาไปเก็บไว้แล้ว จากแผนที่เต็ม 8 ชิ้นส่วนที่พวกเขาต้องค้นหา ตอนนี้เหลือเพียง 2 ส่วนสุดท้ายแล้ว
จวินอู๋เสียพยักหน้า ถึงจะทำลายแคว้นจิ้วไปแล้ว แต่นางก็ไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย นางเดินไปที่ข้างเตียงและมองจักรพรรดิน้อยที่นอนอยู่บนนั้น
พิษร้ายของโลหิตแดงถูกแก้แล้ว แต่โลหิตแดงยังคงอยู่ในร่างของจักรพรรดิน้อย ไม่สามารถกำจัดให้หมดได้ เขานอนนิ่งอยู่บนเตียง ไม่ขยับเขยื้อนหรือพูดอะไรเลยสักคำ ผมของเขาสีแดงจนแสบตา ดวงตาสีแดงจ้องมองไปที่เพดานอย่างเงียบๆ และจ้องนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น
ท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตโผล่มาข้างๆเตียง พวกมันนอนติดกับจักรพรรดิน้อย แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากเขา
แม้ว่าจะช่วยชีวิตของจักรพรรดิเอาไว้ได้ก็จริง แต่ความเสียหายที่โลหิตแดงทำไว้กับวิญญาณของเขานั้นไม่สามารถซ่อมแซมได้ ตอนนี้เขาเหมือนกับตุ๊กตาที่ไร้จิตวิญญาณ ไม่มีความสามารถในการคิด และไม่มีความรู้สึกอีกต่อไป
สำหรับจวินอู๋เสีย การอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เหมือนคนที่สมองตายและกลายเป็นผักในชาติก่อนของนาง
จวินอู๋เสียมองใบหน้าเล็กๆของจักรพรรดิน้อยและดึงจี้หยกออกมาจากเสื้อของนาง จี้หยกนั้นจักรพรรดิน้อยให้นางมาตอนที่พวกเขาแยกทางกันครั้งสุดท้าย นางเอาด้ายสีเงินคล้องจี้เอาไว้ก่อนจะเอาไปสวมที่คอของจักรพรรดิน้อย
ราชครูเหอมองดูอยู่เงียบๆ และทำได้แค่ซ่อนความเศร้าเอาไว้ในใจของเขา
“ข้าอยากพาเขาไปที่แคว้นฉี” จู่ๆจวินอู๋เสียก็พูดขึ้น
ราชครูเหอตกใจเล็กน้อย
“เรื่องที่แคว้นเฉียวได้รับดินแดนของแคว้นจิ้ว เจ้าจัดการได้ตามสบาย ข้าอยากพาเขาไปที่แคว้นฉี ที่นั่นอาจจะมีหนทางช่วยเหลือเขา” จวินอู๋เสียนึกถึงหยกกล่อมวิญญาณขึ้นมา หยกกล่อมวิญญาณสามารถช่วยพ่อของนางที่ตายในสงครามได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะช่วยจักรพรรดิน้อยได้เช่นกัน
หยกกล่อมวิญญาณเป็นสิ่งของจากโลกวิญญาณ ในโลกวิญญาณนั้นมีแต่ร่างวิญญาณทั้งหมด ดังนั้นหยกกล่อมวิญญาณอาจจะช่วยจักรพรรดิน้อยในทางใดทางหนึ่งได้
หยกกล่อมวิญญาณถูกแบ่งออกเป็น 2 ชิ้น หนึ่งอยู่บนร่างของจวินกู่ อีกหนึ่งจวินชิงเป็นคนเก็บไว้
“พะย่ะค่ะ” ราชครูเหอตอบตกลง เขาเช็ดน้ำตาเงียบๆ ถ้าจะมีใครที่เขาไว้ใจในโลกนี้ล่ะก็ ก็คงมีเพียงจวินเสียเท่านั้น
ราชครูเหอพักอยู่ที่นั่นอีกพักหนึ่ง แล้วก็จากไป เฉียวฉู่กับคนอื่นๆยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวเพื่อกระจายข่าวการล่มสลายของแคว้นจิ้ว
“เย่ฉา”
“คุณหนูมีคำสั่งอะไรขอรับ?” เย่ฉาตอบ
“ข้าจะพาเขากลับไปที่แคว้นฉีพรุ่งนี้ เจ้าอยู่ที่นี่ พอฆ่าผู้อาวุโสหวงได้แล้ว เอาหัวเขาไปหาข้าที่แคว้นฉี” จวินอู๋เสียสั่งพลางหรี่ตา นางจะไม่ปล่อยให้ผู้อาวุโสหวงรอดไปได้แน่จากสิ่งที่เขาทำทั้งหมด
ดูเหมือนเย่ฉาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็งของจวินอู๋เสีย เขาก็กลืนคำพูดกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ขอรับ! ข้าน้อยรับคำสั่งคุณหนู”
ตอนที่ 1262 กลับบ้าน (1)
บ่ายวันนั้น ข่าวก็ได้กระจายไปทั่วแคว้นจิ้วราวกับสายฟ้าฟาด!
ชื่อแคว้นจิ้วที่ยิ่งใหญ่มานานหลายปี จู่ๆก็หายไปอย่างกระทันหัน ดินแดนทั้งหมดของแคว้นจิ้วถูกมอบเป็นค่าชดเชยให้กับแคว้นฉีและแคว้นเฉียว มันเป็นข่าวที่น่าเหลือเชื่อและยากจะยอมรับได้สำหรับประชาชนของแคว้นจิ้ว
แคว้นจิ้วยิ่งใหญ่มานานหลายปี ประชาชนของแคว้นจิ้วจึงกระหายสงครามและการต่อสู้ ภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของพวกเขา จนถึงขั้นดูถูกเหยียดหยามคนจากแคว้นอื่นๆยกเว้นแคว้นเหยียน แต่ตอนนี้ความเย่อหยิ่งนั้นได้ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว
แคว้นฉียังไม่เท่าไร เนื่องจากพวกเขามีกองทัพรุ่ยหลินที่โด่งดัง และมีข่าวลือว่าแคว้นฉีเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหยียน นั่นเป็นเรื่องที่พอจะยอมรับได้ไม่มากก็น้อยในใจของพวกเขา
แต่แคว้นเฉียวล่ะเป็นยังไง?
ทำไมพวกเขาต้องมอบดินแดนให้กับแคว้นเล็กๆกระจอกๆอย่างแคว้นเฉียวด้วย?
ไม่มีใครสนใจเสียงของประชาชนแคว้นจิ้วเลย จวินอู๋เสียสังเกตเห็นทุกอย่าง และนางก็รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าประชาชนของแคว้นจิ้วจะรวมเข้ากับแคว้นฉีและแคว้นเฉียวได้อย่างแท้จริง
“เราจะไปวันนี้เลยรึเปล่า?” พอรุ่งเช้า เฉียวฉู่ก็โผล่หน้าเข้ามาถามที่ห้องของจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเก็บของเรียบร้อยหมดแล้ว จักรพรรดิน้อยนั่งเหม่อไม่พูดไม่จาอยู่ข้างเตียง ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาคู่นั้น เขาก็อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายอย่างที่เคยเป็นมาตลอด
“ใช่” จวินอู๋เสียตอบ
“แล้วเรื่องของวิหารมังกร……” เฉียวฉู่ถามต่อพร้อมกับลูบคาง ผู้อาวุโสหวงแห่งวิหารมังกรหลบหนีไปแล้ว ถ้าเขายังอยู่ในอาณาจักรล่าง ก็ไม่รู้ว่าจะก่อปัญหาอะไรขึ้นมาอีก แต่ถ้าเขากลับไปที่อาณาจักรกลาง ก็น่ากลัวว่าข้อมูลของจวินอู๋เสียกับพวกเขาจะไปถึงหูของสิบสองวิหารในไม่ช้า นั่นคือจุดที่จะทำให้พวกเขาเสียเปรียบในช่วงเวลานี้
ก่อนหน้านี้พวกเขารวบรวมแผนที่กันอย่างลับๆ ต่อให้สิบสองวิหารพบเรื่องแปลกๆ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางสืบต่อไปได้ แต่ครั้งนี้ จวินอู๋เสียใช้ตำแหน่งจักรพรรดิแคว้นเหยียนทำเรื่องนี้อย่างโจ่งแจ้ง ถ้ารู้ถึงอาณาจักรกลางและดึงดูดความสนใจของอาณาจักรกลางขึ้นมา เกรงว่ามันจะไม่ง่ายแล้ว
“ข้าให้เย่ฉาไปจัดการแล้ว” จวินอู๋เสียย่อมคิดไว้แล้วเช่นกัน นางไม่ปล่อยให้ผู้อาวุโสหวงมีโอกาสไปจากอาณาจักรกลางแบบมีชีวิตหรอก
เฉียวฉู่พยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก เขากลับไปเก็บของกับสหายของเขาเพื่อเตรียมตัวเดินทาง
ก่อนที่จะออกเดินทาง ราชครูเหอได้มาพบจวินอู๋เสียและแสดงความขอบคุณอีกครั้ง เขาพูดว่าจะใช้สังขารแก่ๆนี้ดูแลแคว้นเฉียวจนถึงที่สุด และเมื่อจักรพรรดิน้อยหายแล้ว เขาจะได้มอบแคว้นเฉียวโฉมใหม่ให้กับจักรพรรดิน้อย
จวินอู๋เสียก้าวขึ้นรถม้าและมองไปที่แคว้นจิ้วที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ดูเหมือนนางจะได้ยินเสียงคร่ำครวญของจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่กำลังจะตายจากในวังหลวง
แม้ว่าแคว้นจิ้วจะถูกทำลาย แต่ปัญหาที่แคว้นจิ้วนำมาสู่อาณาจักรล่างยังไม่จบ พวกผู้ครองแคว้นที่ได้อิสรภาพกลับมาต่างควบม้าด้วยความเร็วสูงสุดกลับไปยังแคว้นของพวกเขา หวังว่าจะหยุดความชั่วร้ายได้ก่อนที่มันจะเริ่มต้นขึ้น
รถม้าเคลื่อนตัวออกไป จวินอู๋เสียนั่งอยู่ข้างในรถม้า โดยมีจักรพรรดิน้อยนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ตรงข้ามกับนาง
จวินอู๋เสียมองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูแคว้นจิ้วที่ตอนนี้มีเจ้าของใหม่แล้ว
นางส่งนกพิราบกลับบ้านเพื่อแจ้งกับวังหลินถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ อีกไม่นานท่านปู่หรือท่านอาของนางคงได้รับข่าว เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าอีกไม่นานนางจะได้กลับบ้านไปเจอกับครอบครัว ความรู้สึกที่ถูกกดเอาไว้ในใจก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น