Genius Doctor Black Belly Miss 1242-1262

 ตอนที่ 1242  รังแกคนอ่อนแอน่ะมันทำกันแบบนี้ (3)


 


จักรพรรดิแคว้นจิ้วด่าหยาบคายไปอีกชุดใหญ่ด้วยความโกรธ  สีหน้าเกรี้ยวกราดดุร้ายอย่างเห็นได้ชัด


“ไอ้พวกโง่ ไร้ความสามารถ!  ปล่อยให้คนหนีไปได้ทั้งกลุ่มต่อหน้าต่อตา  แค่คนเดียวก็หยุดเอาไว้ไม่ได้!”


ทหารคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรสักคำ  และรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ  พวกเขาอยากหยุดคนพวกนั้นจริงๆ  แต่ผู้เยาว์พวกนั้นเก่งกาจเกินไป!  ทุกคนมีพลังวิญญาณขั้นสีม่วง  ทหารธรรมดาอย่างพวกเขาจะไปสู้เด็กพวกนั้นได้ยังไง?


ถ้าไม่ใช่เพราะคนร้ายพวกนั้นไม่ได้อยากต่อสู้ยืดเยื้อ  แค่ทหารที่มีอยู่ในเมือง  ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะจับพวกเขาสักคนสองคนเลย  โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกกวาดล้างทั้งกองทัพ


ทหารคนนั้นไม่สามารถเอ่ยถึงความยากลำบากที่เขาต้องเจอออกมาได้  ได้แต่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นเงียบๆ


จักรพรรดิแคว้นจิ้วโกรธมาก  แคว้นจิ้วใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่นมาตลอด  แต่กลับมีใครบางคนกล้าก่อเรื่องขึ้นในเมืองหลวงของเขาเอง  แล้วเขาที่เป็นผู้ครองแคว้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?


“สวะทั้งนั้น!  ไสหัวออกไป!  ถ้ายังจัดการอะไรไม่ได้ล่ะก็  เจ้าคงรู้นะว่าจะเป็นยังไง!”


ทหารคนนั้นตัวสั่น  เขาถอยออกไปจากท้องพระโรงทันที


หลังจากเขาออกไปแล้ว  ชายหลังค่อมผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในท้องพระโรง


จักรพรรดิแคว้นจิ้วยังโกรธจัดอยู่  แต่เมื่อเห็นชายชรา  เขาก็รีบเดินลงจากบัลลังก์เข้าไปหาทันที  และกล่าวทักทายด้วยความเคารพว่า  “ผู้อาวุโสหวง!”


ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย  เขาคือคนเดียวกับชายชราที่ไปยังลานแห่งนั้นพร้อมกับจักรพรรดิแคว้นจิ้วในวันนั้น


“ยังไม่ได้เรื่องงั้นรึ?”  ผู้อาวุโสหวงถาม


ใบหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วแข็งทื่อ  เขาพูดอย่างระมัดระวังว่า  “ก็เพราะไอ้พวกนั้นมันไม่ได้เรื่อง  ใช้การอะไรไม่ได้  จนถึงตอนนี้ก็ยังหาร่องรอยอะไรไม่ได้เลย  แต่ผู้อาวุโสหวงโปรดวางใจ  ข้าจะจับคนร้ายได้แน่!  พวกมันบังอาจสร้างเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ขึ้นในเมืองหลวงแคว้นจิ้ว  และยังเอาตัวจักรพรรดิน้อยแคว้นจัวเฉียวไปอีก  ข้าไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!”


ผู้อาวุโสหวงชำเลืองมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วแล้วพูดว่า  “สามารถโจมตีตรงๆเข้าไปในลานนั้นได้  ฆ่าทหารของเจ้าไปเป็นพันคน  และช่วยจักรพรรดิแคว้นจัวเฉียวก่อนจะหลบหนีไปจากที่นั่นได้แบบครบสามสิบสอง  คนพวกนั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดา  ข้าได้ยินว่าพวกนั้นมีสัตว์อสูรระดับผู้พิทักษ์ 2 ตัวด้วย  เรื่องนี้ข้าว่าไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ง่ายๆเลย……”


จักรพรรดิแคว้นจิ้วชะงักไปเล็กน้อย  เขาก็ได้ยินเรื่องนั้นเหมือนกัน  ในวันที่จักรพรรดิแคว้นจัวเฉียวถูกพาตัวไป  มีคนมาที่ลานแห่งนั้นแค่ 6 คนเท่านั้น  แต่ทุกคนล้วนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง  และยังมีสัตว์อสูรระดับผู้พิทักษ์อีก 2 ตัว  ด้วยพลังรบขนาดนี้  พวกเขาย่อมไม่ใช่กองกำลังที่ทหารของเขาจะต้านทานได้  ที่ตอนนี้เขาระดมคนและทรัพยากรมากมายเพื่อตามสืบเรื่องนี้  ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อแสดงให้ผู้อาวุโสหวงดูเท่านั้น


“ลืมมันไปเถอะ  พักเรื่องนี้ไปก่อน  เจ้าหนูแคว้นจัวเฉียวนั่นโดนพิษโลหิตแดงไปแล้ว  มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรอก  ไม่ว่าคนพวกนั้นจะมาจากไหน  ในเมื่อพวกมันมาที่นี่เพื่อช่วยเด็กนั่นแค่นั้น  ก็ไม่จำเป็นต้องตามสืบต่อ  ดูจากเวลาแล้ว  ข้าว่าเจ้าหนูนั่นน่าจะตายไปแล้วล่ะ”  ผู้อาวุโสหวงพูดพลางหัวเราะออกมา  เขายังจำตอนที่เห็นเด็กนั่นครั้งแรกได้  ดวงตากลมโตที่ใสซื่อไร้เดียงสาและความมีชีวิตชีวานั่น  กระตุ้นความอยากทำลายในใจเขาได้เสมอ


“ได้!  ตามที่ผู้อาวุโสหวงสั่ง”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วรับคำ  แล้วแอบเช็ดเหงื่อเย็นๆที่หน้าผาก


“จักรพรรดิสองคนสุดท้ายของแคว้นจัวเฉียวตายด้วยแผนการของเจ้าแล้ว  ตอนนี้สายเลือดราชวงศ์ของแคว้นจัวเฉียวหมดสิ้นแล้ว  ถึงแคว้นนี้จะเล็ก  แต่ก็ยังใช้ประโยชน์ได้  เจ้าคิดจะจัดการกับพวกมันยังไง?”  ผู้อาวุโสหวงถามพลางเหลือบมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วด้วยหางตา


จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจกับคำถามเล็กน้อย  เขารีบตอบว่า  “แคว้นจัวเฉียวก่อเรื่องสร้างความวุ่นวาย  ทหารของพวกเขากล้าใช้กำลังในเมืองหลวงแคว้นจิ้ว  เห็นชัดๆเลยว่าพวกเขาพยายามจะก่อสงคราม  ข้าจะออกคำสั่งยกทัพไปบุกแคว้นจัวเฉียวในอีกไม่กี่วัน  คิดว่าไม่นานเราก็จัดการพวกมันได้แล้ว”


กองทัพของแคว้นจัวเฉียวอาจจะไม่คู่ควรให้สนใจ  แต่ประชาชนของแคว้นจัวเฉียวยังเอามาใช้งานได้อยู่  พวกเขาเหมาะที่สุดที่จะเปลี่ยนให้เป็นคนพิษ!


ตอนที่ 1243  รังแกคนอ่อนแอน่ะมันทำกันแบบนี้ (4)


 


ผู้อาวุโสหวงหัวเราะเบาๆพลางมองไปที่จักรพรรดิแคว้นจิ้ว


“เจ้านี่มันชั่วร้าย  รู้จักใช้แคว้นเล็กๆแบบนั้นมาเชือดไก่ให้ลิงดู  บังคับให้ทหารองครักษ์ของพวกนั้นต้องตอบโต้  ให้เจ้าได้มีข้ออ้างยกทัพไปบุกแคว้นพวกมัน  แบบนี้ผู้ครองแคว้นคนอื่นๆก็ต้องกลัวจนไม่กล้าต่อต้านเจ้า  อันที่จริง……ข้าว่านะ  พวกนั้นจะต่อต้านเจ้าหรือไม่  ผลก็เหมือนกัน  กองทัพของพวกมัน  ประชาชนของพวกมันทั้งหมดจะกลายเป็นคนพิษอยู่ดี  พวกมันคิดแต่จะเอาตัวเองให้รอด  ไม่ได้รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วแคว้นของพวกมันก็จะตกอยู่ในกำมือของเจ้า”


“ข้าคิดว่าอีกไม่นาน  แคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล่างจะกลายเป็นแคว้นจิ้วของเจ้า”


เมื่อจักรพรรดิแคว้นจิ้วได้ยินคำพูดพวกนั้น  เขาก็ไม่ได้แสดงความยินดีออกมาเลยแม้แต่น้อย  แต่พูดแค่ว่า  “แคว้นจิ้วได้รับเกียรติยศเช่นนี้ได้  ต้องขอบคุณผู้อาวุโสหวงที่ช่วยชี้แนะ  นับจากนี้ไป  แคว้นจิ้วจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้อาวุโสหวง  และจะพยายามช่วยผู้อาวุโสไขความลับของแผนที่นั่นให้ได้เร็วที่สุด”


ผู้อาวุโสหวงส่งเสียงฮึ และกล่าวว่า  “อย่างน้อยเจ้าก็รู้ล่ะนะ  ความตั้งใจนี้ของเจ้า  ตาแก่คนนี้จะจำเอาไว้”


“ได้รับใช้ผู้อาวุโสหวง  เป็นเกียรติกับข้ายิ่งนัก!”


ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น  ทหารคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างนอกท้องพระโรงเพื่อขอเข้าเฝ้า


จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลับไปนั่งบนบัลลังก์  วางมาดของจักรพรรดิทันที


“เข้ามาได้”


ทหารที่อยู่ด้านนอกท้องพระโรงเข้ามาข้างในและคุกเข่ากราบทูลว่า  “ทูลฝ่าบาท!  จักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียนส่งราชทูตมาส่งข่าวพะย่ะค่ะ”


“อะไรนะ?  แคว้นเหยียน?”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองอย่างแปลกใจ  ถ้าบอกว่ามีอะไรที่เขาต้องกลัวในโลกนี้ล่ะก็  ก็คงมีเพียงแคว้นเหยียนอย่างเดียวเท่านั้น!


แคว้นเหยียนแข็งแกร่งกว่าแคว้นจิ้วมาก  หลายปีมานี้พวกเขาคอยกดแคว้นจิ้วเอาไว้จนไม่กล้าลงมืออะไรบุ่มบ่าม  และเมื่อไม่นานมานี้  แคว้นจิ้วได้ร่วมมือกับอีก 3 แคว้นบุกโจมตีแคว้นฉี  ขณะที่แคว้นฉีกำลังจะถูกกำจัด  จู่ๆกองทัพแคว้นเหยียนก็เข้ามาช่วยพวกเขา  และไม่เพียงแต่ช่วยแคว้นฉีให้พ้นจากวิกฤตได้เท่านั้น  พวกเขายังกวาดล้างกองทัพของแคว้นทั้ง 4 ที่อยู่ในแผ่นดินของแคว้นฉีจนเกลี้ยง  ไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลยสักคน!


และเมื่อจักรพรรดิแคว้นจิ้วได้ยินชื่อ แคว้นเหยียน เขาจึงอดตกใจไม่ได้!


เขาหันหน้าไปมองผู้อาวุโสหวงโดยไม่รู้ตัว


ผู้อาวุโสหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย


ในใจของจักรพรรดิแคว้นจิ้วค่อนข้างร้อนรนเล็กน้อย  แต่เมื่อเขาเห็นว่าผู้อาวุโสหวงอยู่ที่นี่ด้วย  เขาก็เริ่มสบายใจขึ้น  แคว้นเหยียนแล้วยังไงล่ะ?  ไม่ว่าจะเป็นแคว้นอะไร  ตอนนี้แคว้นจิ้วไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!


“ข่าวอะไร?”


“วันนี้จักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียนจะเสด็จมาเยือนเป็นการส่วนพระองค์เพื่อเข้าพบฝ่าบาทพะย่ะค่ะ”  ทหารคนนั้นพูด


“เข้าใจแล้ว  ไปได้”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วพูด  แกล้งวางท่าสงบนิ่งใจเย็น  แต่ข้างในใกล้จะสติแตกอีกครั้งแล้ว


[แคว้นเหยียนไม่ใช่แค่ส่งข่าวมาอย่างเดียว  แต่ยังต้องการพบเขาด้วย?]


[แถมยังเป็นวันนี้อีก!]


[งั้นก็หมายความว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนได้เข้ามาในเขตแดนของแคว้นจิ้วแล้วโดยไม่มีใครสังเกตเห็นเลยน่ะสิ  และตอนนี้เขาก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงของแคว้นจิ้ว  หรือไม่ก็……เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแคว้นจิ้วแล้ว??]


การที่ผู้นำของแคว้นอื่นเข้ามาในเขตแดนของแคว้นเขาได้อย่างเงียบๆ  ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง  แคว้นจิ้วกับแคว้นเหยียนเพิ่งทำสงครามกันมา  และกองทัพของแคว้นจิ้วก็ถูกทำลายอย่างราบคาบ  ถึงจะมีวิหารมังกรหนุนหลังอยู่  แต่ความกลัวที่มีต่อแคว้นเหยียนได้หยั่งรากลึกลงไปในกระดูกของเขาแล้ว  ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก


“ผู้อาวุโสหวง……นี่……”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองผู้อาวุโสหวงอย่างวิงวอน


ผู้อาวุโสหวงกลับตอบว่า  “ดูก่อนว่าพวกนั้นมาที่นี่ทำไม”


จักรพรรดิแคว้นจิ้วพยักหน้าและกล่าวว่า  “ไม่ใช่ว่าข้ากลัวพวกนั้นนะ  มีผู้อาวุโสหวงอยู่ด้วย  ถึงเป็นแคว้นเหยียนแล้วจะทำไม?”  แม้ว่าปากจะพูดอย่างนั้น  แต่ในใจเขาก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี


ตอนที่ 1244  ข้าคือจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน (1)


 


การมาเยือนของจักรพรรดิแคว้นเหยียนสร้างความกดดันให้กับจักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่มากก็น้อย  ไม่รู้ว่าข่าวนี้เริ่มแพร่กระจายไปในหมู่ผู้ครองแคว้นอื่นๆได้ยังไง  แต่มันก็กระตุ้นความสนใจของพวกเขาได้มากเลยทีเดียว


แคว้นเหยียนและแคว้นจิ้วเพิ่งทำสงครามกัน  นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้  การที่จักรพรรดิแคว้นเหยียนมาที่นี่ในเวลานี้  คงไม่ใช่แค่มาคุยเล่นกันธรรมดาอย่างแน่นอน


ในตอนนี้ ผู้ครองแคว้นอื่นๆที่ถูกแคว้นจิ้วกดขี่ก็เริ่มตั้งตารอการมาถึงของจักรพรรดิแคว้นเหยียน


ขณะที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วพยายามคาดเดาว่าคณะของแคว้นเหยียนจะมาถึงเมื่อไร  คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูวังหลวงของแคว้นจิ้ว!


คนพวกนั้นแต่งตัวดีสง่างาม  แต่ไม่ได้ดูโอ้อวดหรูหรา  ความสง่างามที่ออกมาจากตัวพวกเขาทำให้รู้สึกว่าพวกเขาโดดเด่นมาก


คนกลุ่มนั้นนำโดยผู้เยาว์ร่างเล็กคนหนึ่ง  ใบหน้าละเอียดอ่อน  แต่มีดวงตาที่เย็นชา  มงกุฏบนหัวทำให้ประชาชนที่ผ่านไปมาต้องหยุดมอง


ช่วงนี้เมืองหลวงแคว้นจิ้วมีผู้ครองแคว้นเข้ามาให้เห็นเป็นจำนวนมาก  ประชาชนของแคว้นจิ้วจึงไม่รู้สึกว่าแปลกและไม่ได้คิดอะไรมากนัก


ทหารของแคว้นจิ้วรีบส่งข่าวเข้าวัง  จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่ยังไม่ได้เตรียมตัวก็อึ้งไปด้วยความตกใจ


“มาแล้วเหรอ?  เร็วอย่างนี้เชียว!?”  ข่าวมาถึงเขายังไม่ถึง 2 ชั่วโมงเลย  คนจากแคว้นเหยียนก็มาถึงนอกประตูวังแล้ว!


“มากันกี่คน?”  จักรพรรดิแคว้นเหยียนถามโดยเร็ว


“แปดพะย่ะค่ะ”  ทหารตอบ


จักรพรรดิแคว้นจิ้วถอนหายใจอย่างโล่งอก  แค่แปดคน  ท่าทางแคว้นเหยียนจะไม่ได้มาประกาศสงครามกับพวกเขา  แม้ว่าเขาจะแอบเตรียมตัวเอาไว้แล้ว  แต่มันก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะสู้กับแคว้นเหยียน  ถ้าลงมือตอนนี้มันจะไม่ดีสำหรับเขา


“เชิญพวกเขาเข้ามา”  ทันทีที่พูดจบ  เขาก็สั่งให้คนไปเชิญผู้อาวุโสที่เพิ่งออกไปไม่นานให้กลับมา  เผชิญหน้ากับแคว้นเหยียนด้วยตัวเอง ทำเขาขวัญเสียเล็กน้อย


ไม่นานคณะผู้แทนจากแคว้นเหยียนก็ถูกพาเข้าไปในท้องพระโรง  จักรพรรดิแคว้นจิ้วแกล้งวางมาดนิ่งขณะนั่งอยู่บนบัลลังก์  สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทางเข้าท้องพระโรง  ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้เยาว์ที่ดูบอบบาง มีมงกุฏอยู่บนหัว เดินช้าๆเข้ามาจนถึงกลางท้องพระโรง


เขากวาดตามอง  มีผู้เยาว์ที่ดูโดดเด่นอีก 5 คนอยู่ข้างหลังผู้เยาว์คนแรก  และชายร่างสูงที่มีใบหน้าเย็นชา  กับชายชราที่ดูซูบผอมตามหลังพวกเขามา


“ไม่รู้ว่า……”


“เจ้าคือจักรพรรดิแคว้นจิ้วงั้นหรือ?”


จักรพรรดิแคว้นจิ้วยังพูดไม่จบ  ผู้เยาว์ที่เป็นผู้นำก็เชิดหน้าพลางหรี่ตา  พูดขัดขึ้นมากลางประโยคของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว!


นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วเจอคนที่กล้าขัดจังหวะเขา  สีหน้าของเขาไม่พอใจขึ้นมาทันที


“ใช่ ข้าเอง  แล้วเจ้าล่ะ?”  เขาถามพร้อมกับมองหน้าผู้เยาว์คนนั้น


“นี่ไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร?  น่าสนใจดีนี่  อย่าบอกนะว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วแก่มากซะจนสายตาฝ้าฟางแล้ว  ถึงจำมงกุฏจักรพรรดิแคว้นเหยียนไม่ได้  สายตาแย่แบบนี้  ยังได้นั่งบัลลังก์อยู่อีก  แคว้นจิ้วขาดแคลนผู้มีพรสวรรค์จริงๆ”  จวินอู๋เสียเย้ยหยัน  น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม  ไม่มีความเคารพจักรพรรดิแคว้นจิ้วให้เห็นเลยแม้แต่น้อย


เมื่อพบว่าตัวเองถูกจวินอู๋เสียดูหมิ่นถึง 2 ครั้ง  จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่เป็นคนสำคัญที่สุดเพียงคนเดียวมาตลอดก็โกรธจนหน้าเขียว  เขาจำหน้าจักรพรรดิแคว้นเหยียนได้อยู่แล้ว  ตอนที่แคว้นเหยียนเปลี่ยนผู้ครองแคว้น  เขาได้สั่งให้คนไปวาดภาพเหมือนจักรพรรดิองค์ใหม่ของแคว้นเหยียนแล้ว  ที่เมื่อกี้เขาพูดแบบนั้นก็เพราะเขาคิดว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนยังเด็กมาก  จึงจงใจแสดงความเหนือกว่าออกมาตั้งแต่ต้น


แต่สุดท้าย  ไม่เพียงล้มเหลวไม่เป็นท่าเท่านั้น  แต่ยังโดนจวินอู๋เสียตอกกลับหน้าหงายอีกด้วย!


ตอนที่ 1245  ข้าคือจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน (2)


 


จักรพรรดิแคว้นจิ้วต้องทนเจ็บใจอย่างคนขี้ขลาดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?  เขาจดบัญชีแค้นเอาไว้ในใจอย่างเงียบๆ  รอจนกองทัพคนพิษของเขาก่อตั้งขึ้นก่อนเถอะ  เขาจะฉีกไอ้จักรพรรดิแคว้นเหยียนนี่ให้เป็นชิ้นๆ!


จักรพรรดิแคว้นเหยียนยังเด็ก  เรื่องนี้จักรพรรดิแคว้นจิ้วย่อมรู้อยู่แล้ว  เขาคิดว่าการเผชิญหน้ากับผู้ครองแคว้นคนใหม่ที่ยังเด็กและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจะเป็นเรื่องง่ายๆเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก  คนที่ยังเด็ก  ต่อให้ขึ้นครองบัลลังก์ก็ยังขาดความมั่นใจอยู่ดี  จักรพรรดิทั้งสองของแคว้นจัวเฉียวก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่รึไง?  โดนเขาปั่นหัวนิดหน่อยก็ถูกหลอกง่ายๆทั้งคู่


เขาคิดว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนก็ไม่ต่างกัน  ไม่คาดคิดเลยว่าทันทีที่จวินเสียเอ่ยปาก  เขาจะถูกตบหน้าฉาดใหญ่  เป็นการตบที่ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง  เขาภูมิใจในตัวเองมาตลอด  ทั้งหยิ่งยโสจองหองและชอบใช้อำนาจกดขี่ผู้คน  ไม่คิดเลยว่าผู้เยาว์จากแคว้นเหยียนคนนี้จะยโสจองหองและชอบใช้อำนาจข่มผู้อื่นมากกว่าเขาซะอีก!


พวกเขายืนอยู่ในวังหลวงของแคว้นจิ้ว  แต่ยังผยองได้ขนาดนี้!


“ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง?  แขกผู้มาจากแดนไกล  ข้าก็แค่ล้อจักรพรรดิแคว้นเหยียนอย่างเจ้าเล่นเท่านั้น!  เอาเก้าอี้มา!”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วจำต้องกล้ำกลืนความอัปยศแล้วแสร้งยิ้มออกมา


ขันทีรีบนำเก้าอี้ออกมาโดยไม่พูดอะไร  จวินอู๋เสียไม่สนใจพิธีการใดๆและนั่งลงทันที  นางไขว้ขาและเอามือเท้าคาง  ท่าทางสง่าผ่าเผยและวางอำนาจ


“แขกผู้มาจากแดนไกล?  นี่เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเจ้าเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ?  แคว้นเหยียนข้าไปมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับแคว้นจิ้วของเจ้าเมื่อไรกัน?  ต้องให้ข้าเตือนไหมว่ากองทัพแคว้นจิ้วของเจ้าที่มีผู้แข็งแกร่งเป็นล้านคนเพิ่งโดนกองทัพแคว้นเหยียนของข้ากำจัดจนสิ้นซาก?  ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร  เจ้ายังมีหน้ามาพูดล้อเล่นกับข้าอีก?  เจ้าไม่คู่ควรหรอก!”  ทักษะปากร้ายของจวินอู๋เสียเปิดใช้งานอย่างเต็มที่  นางไม่ได้ยั้งคำพูดจิกกัดของนางเอาไว้เลยสักนิด!


ไม่ว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วจะอดทนได้ดีขนาดไหน  เมื่อเจอเข้ากับปากของจวินอู๋เสียที่ฟาดไม่ยั้ง  เขาก็โกรธจนแทบจะระเบิดออกมา


ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาว  เขาเคยเจอคนที่หยิ่งจองหองมาก่อน  แต่ไม่เคยเจอคนที่จองหองได้ถึงขนาดนี้!


[ไอ้จักรพรรดิเด็กแคว้นเหยียนนี่มาแคว้นจิ้วทำไม?  หรือมาที่นี่เพื่อจะหักหน้าเขา!?]


มุมปากของจักรพรรดิแคว้นจิ้วเริ่มกระตุก  มือกำที่วางแขนบนบัลลังก์เอาไว้แน่น  ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของกองทัพแคว้นเหยียนที่อยู่เบื้องหลังจวินเสีย  เขาก็คงกระโจนเข้าใส่ไอ้เด็กเวรนี่  แล้วถลกหนังไอ้เด็กปากหมาทั้งเป็นก่อนจะกลืนมันลงไปทั้งตัว!


เฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสีย เห็นใบหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วน่าเกลียดมากขึ้นทุกที  เขาอยากจะส่งเสียงเชียร์และตบมือให้จวินอู๋เสียเหลือเกิน!


ปกติเด็กนี่มักจะเงียบและแทบไม่พูดอะไรเลย  ไม่คิดเลยว่าเวลาที่นางเดินเครื่องเต็มสูบจะมีประสิทธิภาพดีขนาดนี้!  เห็นหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วแล้ว  เกรงว่าเขาจะถูกจวินอู๋เสียทำให้โกรธจนเป็นลมไปจริงๆ!


“จักรพรรดิแคว้นเหยียน ทำไมจะต้องพูดให้ฟังดูแย่ขนาดนั้นด้วย?  แคว้นจิ้วกับแคว้นเหยียนก็เป็นมิตรกันมาตลอด  เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็แค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น  ในเมื่อวันนี้เจ้ามาถึงแคว้นจิ้วของเราแล้ว  เจ้าก็นับว่าเป็นแขกของแคว้นจิ้ว  การที่ทั้งสองแคว้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็จะเป็นโชคดีของประชาชนด้วย  ข้าคิดว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนจะให้ความสำคัญกับประชาชนอย่างแน่นอน  ใช่ไหม?”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วโกรธจนแทบกระอักเลือด  แต่เขาไม่สามารถระเบิดความโกรธออกมาได้  ได้แต่ระงับความโกรธเอาไว้ในใจและฝืนยิ้มออกมา  พยายามพูดให้ผู้เยาว์เห็นแก่ความสงบสุขของประชาชนในแคว้น


แต่ทว่า……


จวินอู๋เสียไม่สนอะไรเลย


“เป็นมิตร?  แคว้นจิ้วมีคุณสมบัติอะไรถึงจะอยากเป็นมิตรกับแคว้นเหยียนข้า?  คนแพ้มีที่ให้พูดด้วยหรือ?  ประชาชนแคว้นเหยียนของข้าไม่เคยกลัวสงคราม  ถ้าใครมันไม่มีตา  มาเป็นศัตรูกับเรา  พวกเขาก็ยินดีที่จะส่งคนพวกนั้นไปลงนรกอยู่แล้ว”


ตอนที่ 1246  ข้าคือจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน (3)


 


“………”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วแทบกระอักเลือด


[ตกลงจักรพรรดิแคว้นเหยียนมันมาที่นี่ทำไม?  มันพูดจาดีๆเป็นรึเปล่าเนี่ย!?]


[แต่ละประโยค  ยิ่งพูดยิ่งแย่  มันรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังยืนอยู่บนแผ่นดินของใคร!]


เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่สามารถระงับความโกรธได้อีกต่อไปแล้ว  ผู้อาวุโสหวงก็เดินเข้าไปในท้องพระโรงอย่างช้าๆโดยมีพวกขันทีติดตาม


“นี่คือจักรพรรดิแคว้นเหยียนงั้นหรือ?  ปากร้ายซะจริง”  ผู้อาวุโสหวงพูดขึ้น  มือประสานไว้ที่ด้านหลัง  พลังวิญญาณขั้นสีม่วงของเขาทำให้เขาได้ยินบทสนทนาภายในท้องพระโรงก่อนที่เขาจะไปถึงที่นั่น  คำพูดก้าวร้าวดูหมิ่นของจวินอู๋เสียทำให้เขาขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจอย่างมาก


[เป็นจักรพรรดิของแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วยังไง?]


[ต่อหน้าวิหารมังกร  มันก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น]


ทันทีที่เห็นผู้อาวุโสหวงปรากฏตัว  จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาก  ท่าทางของเขาขึงขังขึ้นมาทันที  เขานั่งตัวตรงอยู่บนบัลลังก์  ท่าทางไม่เกรงกลัวจวินเสียเลยสักนิด


“ผู้อาวุโสหวงพูดถูก  ตอนแรกที่ข้าได้ยินว่าแคว้นเหยียนมีจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์  ข้าก็คิดว่าเป็นข่าวดี  ไม่คิดเลยว่าบัลลังก์แคว้นเหยียนจะตกอยู่ในผู้เยาว์ที่ไม่มีมารยาททางสังคมเช่นนี้  ความประพฤติเช่นนี้จะแบกรับความรับผิดชอบอันหนักหนาของทั้งแคว้นได้ยังไง!?”  มีผู้อาวุโสหวงหนุนหลังอยู่  จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว  สีหน้าของเขาดูพอใจในตัวเองเป็นอย่างมาก


จวินอู๋เสียมองผู้อาวุโสหวงที่เดินเข้ามาในท้องพระโรงอย่างเย็นชา  พลางหรี่ตาลง


เดิมทีคนพิษกับโลหิตแดงเป็นของอาณาจักรกลาง  แต่ถูกนำเข้ามาสร้างหายนะให้กับคนของอาณาจักรล่าง  จากท่าทีที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วมีต่อชายชราผู้นี้  จวินอู๋เสียก็รู้ถึงตัวตนของเขาได้ในทันที!


ขณะเดียวกัน  ผู้อาวุโสหวงก็กำลังประเมินจวินอู๋เสีย  เมื่อเห็นว่าเป็นแค่ผู้เยาว์ตัวเล็กๆ  สีหน้าของเขาก็ยิ่งไม่พอใจ


“ผู้อาวุโสต้องได้รับความเคารพ  เจ้าหนูไม่เข้าใจเรื่องนั้นหรือไง?”  ผู้อาวุโสหวงจ้องจวินเสียพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่งสอน


จวินอู๋เสียเย้ย


“ไหนล่ะผู้อาวุโส?  ข้าเห็นแต่คนที่แพ้ข้ากับตาแก่สกปรกที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน  เอาอะไรมาอ้างว่าเป็นผู้อาวุโสของข้า?”


คำพูดของจวินเสียทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจมาก  เขารีบหันไปมองผู้อาวุโสหวงทันที


ตั้งแต่ผู้อาวุโสหวงมาที่แคว้นจิ้ว  เขาก็ได้รับความเคารพสูงสุดมาตลอด  ไม่มีใครกล้าพูดดูหมิ่นไม่เคารพเขาเลยแม้แต่คำเดียว  แม้แต่จักรพรรดิเองก็ยังก้มหัวให้เขา  จวินเสียเป็นคนแรกที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้!


เมื่อเห็นผู้อาวุโสหวงทำสีหน้าถมึงทึง  จักรพรรดิแคว้นจิ้ว นอกจากจะรู้สึกตกใจแล้ว ในใจก็แอบดีใจด้วย


มีคนให้เป็นศัตรูด้วยตั้งเยอะแยะ  แต่เจ้าจักรพรรดิเด็กนี่กลับเลือกทำให้ผู้อาวุโสหวงโกรธ  ต้องรู้ว่าถึงแม้ผู้อาวุโสหวงตั้งใจจะช่วยแคว้นจิ้วยึดครองดินแดนทั้งหมด  แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงมือต่อหน้าใครมาก่อน  จวินอู๋เสียดูหมิ่นเขาขนาดนี้  เท่ากับตบหน้าผู้อาวุโสหวงไปเต็มๆ  ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อแคว้นจิ้ว  ผู้อาวุโสหวงก็ไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่!


ผู้อาวุโสหวงหรี่ตา  สายตาชั่วร้ายของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของจวินเสีย  “เจ้าเด็กเหลือขอ  คิดว่าเป็นจักรพรรดิแคว้นเหยียนแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเรอะ?  เจ้ากบในกะลา  คิดว่าไม่มีใครแตะต้องเจ้าได้งั้นซินะ?”


[ไอ้แมลงจากอาณาจักรล่างกล้าดูถูกเหยียดหยามเขางั้นเรอะ!?]


จวินอู๋เสียชำเลืองมองผู้อาวุโสหวงและพูดเย้ยหยันว่า  “อะไร?  อยากจะลองเหรอ?”


ผู้อาวุโสหวงกล่าวว่า  “ก็ถ้าข้าอยากจะลองล่ะ?  ตาแก่คนนี้จะสั่งสอนเจ้าเอง  ไอ้เด็กไร้มารยาท  ให้เจ้ารู้ซะบ้างว่าในโลกนี้จะมีคนที่เหนือกว่าเจ้าอยู่เสมอ  เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”


สิ้นเสียงของเขา  ร่างของผู้อาวุโสหวงก็เปล่งแสงพลังวิญญาณสีม่วงออกมาทันที!


พลังวิญญาณสีม่วงสว่างจ้านั่นทำให้จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง!


ตอนที่ 1247  จะเทียบพลังวิญญาณสีม่วงกับข้าไหมล่ะ? (1)


 


จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้มาตลอดว่าผู้อาวุโสหวงมีพลังวิญญาณขั้นสีม่วง  แต่ไม่เคยเห็นเขาต่อสู้เลย  ตอนนี้จวินเสียนั่งอยู่ในท้องพระโรง  มีองครักษ์อยู่แค่ไม่กี่คน  ต่อให้เป็นจักรพรรดิแคว้นเหยียน  เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงโดยไม่มีกองทัพทหารกล้าล้านคนอยู่ด้วย  ก็เป็นแค่คนอ่อนแอเท่านั้น!


จักรพรรดิแคว้นจิ้วแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหัวของจวินเสียหลุดออกจากบ่า!


ถ้าจวินเสียตายที่นี่วันนี้  แคว้นเหยียนก็จะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย  ตอนนั้นเขาก็แค่นั่งรอรับผลประโยชน์จากมัน!


พลังวิญญาณสีม่วงส่องแสงสว่างจ้าอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย  แต่นางก็ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางหยิ่งผยอง  ใบหน้าที่วางอยู่บนฝ่ามือไม่ขยับแม้แต่นิด  ดวงตานิ่งสงบเหมือนน้ำนิ่ง  สายตาเย็นชามองไปที่ผู้อาวุโสหวงที่ยังมีแสงพลังวิญญาณสีม่วงเปล่งออกจากร่าง


“พลังวิญญาณสีม่วง?”  จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง  นั่นเป็นปฏิกิริยาที่มากที่สุดของนางแล้ว


ผู้อาวุโสหวงตอบด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน


จักรพรรดิแคว้นจิ้วใช้โอกาสนั้นแผดเสียงหัวเราะพร้อมกับพูดว่า  “จักรพรรดิแคว้นเหยียน  ข้าไม่ได้จัดฉากวางกับดักเจ้านะ  ไม่มีใครบอกให้เจ้าไปเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสหวง  คนที่แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสหวงไม่ใช่คนที่เด็กน้อยอย่างเจ้าจะหักหน้าได้ตามใจชอบ”


“คนที่แข็งแกร่ง?”  จวินอู๋เสียหลุบตาลงเล็กน้อย  “แล้วไง?  ก็แค่พลังวิญญาณขั้นสีม่วง”


คำพูดของจวินเสียทำให้ผู้อาวุโสหวงขมวดคิ้วเข้าหากัน  เขารู้สึกว่าท่าทางสงบนิ่งของจวินเสียนั้นแปลกมาก  เนื่องจากถึงแม้ว่าพลังขั้นสีม่วงจะเป็นเรื่องธรรมดาในอาณาจักรกลาง  แต่ในอาณาจักรล่างนั้นมันหายากอย่างที่สุด  แต่ปฏิกิริยาของผู้เยาว์คนนี้สงบเกินไป  ผู้อาวุโสหวงจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันค่อนข้างแปลกไปหน่อย


ดูเหมือนจักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่ได้สังเกตความผิดปกตินี้  และคิดว่าจวินเสียแค่วางมาดทำเป็นกล้าหาญ  เขาตั้งตารอให้ผู้อาวุโสหวงจัดการสั่งสอนมารยาทให้เจ้าเด็กนั่น


“แค่พลังวิญญาณขั้นสีม่วง?  คำพูดพวกนั้นไม่หยิ่งเกินไปหน่อยหรือ?  ที่ข้ารู้มา  ดินแดนในโลกนี้ไม่ได้พบเจอผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงมาเกือบศตวรรษแล้ว  ยกเว้นเหวินซินฮั่นอาจารย์ใหญ่กิตติมศักดิ์ของสำนักวายุประจิมซึ่งเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงเพียงคนเดียวในช่วงนี้  จักรพรรดิแคว้นเหยียนไม่ประทับใจพลังวิญญาณสีม่วง  หรือว่าเจ้าเคยเห็นผู้อื่นที่มีพลังวิญญาณสีม่วง?”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลัวว่าผู้อาวุโสหวงจะไม่โกรธมากพอ  จึงพยายามปลุกปั่นใส่ไฟเข้าไปอีก


จวินอู๋เสียชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา


“พลังวิญญาณสีม่วงแข็งแกร่งมากหรือ?”


น้ำเสียงของนางเฉยเมยไม่สนใจเหมือนกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศไปงั้นๆ


“ดูเหมือนเจ้าจะชอบพลังวิญญาณสีม่วงมาก  งั้นก็ดี……”  จวินอู๋เสียเริ่มพูดพร้อมกับที่มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย  นางเชิดหน้านิดนึงและโบกมือข้างที่เป็นอิสระให้กลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง


“ถ้าจักรพรรดิแคว้นจิ้วเป็นกบในกะลา  พวกเจ้าก็ช่วยแง้มกะลาให้เขาเห็นหน่อยว่าพลังวิญญาณสีม่วงมันเป็นยังไง”


คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วมึนงง  ขณะที่เขากำลังสับสนอยู่นั่นเอง  ใน 7 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินเสีย  แสงพลังวิญญาณสีม่วงก็เปล่งออกมาจากร่างของคน 6 คน!


แสงสีม่วงสว่างจ้าไปทั่วทั้งท้องพระโรง!


ยกเว้นชายชราหน้าเศร้า  ผู้เยาว์ 5 คนและชายผู้มีใบหน้าเย็นชาที่อยู่ด้านหลังของจวินอู๋เสียล้วนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งหมด!!!


จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจจนเกือบตกจากบัลลังก์  มงกุฏหยกบนหัวเขาเอียงกระเท่เร่  ขณะที่เขาจ้องมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ  ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าจวินเสียได้พาผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงถึง 6 คนมากับเขาด้วย!


[เป็นไปได้ยังไงกัน!?]


ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงนั้นหายากมากจนเกือบเป็นแค่ตำนานในอาณาจักรล่าง  จักรพรรดิแคว้นจิ้วคิดว่าจวินเสียช่างไม่กลัวและบ้าบิ่นมากที่พาคนเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นจิ้วพร้อมเขาแค่ 7 คน  ความเป็นผู้เยาว์เลือดร้อนทำให้เขาคิดอะไรไม่รอบคอบ  ใครจะไปคิดว่าคนที่จวินเสียพามาไม่ใช่แค่องครักษ์ธรรมดา  แต่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งกลุ่ม!


ตอนที่ 1248  จะเทียบพลังวิญญาณสีม่วงกับข้าไหมล่ะ? (2)


 


[ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมจวินเสียถึงกล้าวางอำนาจกลางท้องพระโรงวังหลวงของแคว้นจิ้ว  ที่แท้ก็เป็นเพราะผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 6 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขามาตลอดนั่นเอง!]


[มีองครักษ์ขั้นเทพคอยคุ้มกันอยู่แบบนี้  ใครจะแตะต้องเขาได้?]


จักรพรรดิแคว้นจิ้วยิ้มไม่ออกอีกต่อไป  เขามองผู้ใช้พลังวิญญาณ 6 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินเสีย  แล้วคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดทั้งหมดที่เขาพูดไปเมื่อครู่  เขาอยากจะกลืนคำพูดพวกนั้นกลับเข้าไปซะเหลือเกิน!


ถึงจะมีผู้อาวุโสหวงอยู่ด้วย  แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 1 คนจะไปสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 6 คนได้ยังไง?


จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาอยู่เมื่อครู่ก็กลายเป็นลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว  มือของเขาเริ่มสั่นระริก


เขาหันไปมองผู้อาวุโสหวงอย่างร้อนรน  แต่ปฏิกิริยาของผู้อาวุโสหวงทำให้เขาสิ้นหวังมากกว่าเดิม


สีหน้าตกตะลึงของผู้อาวุโสหวงไม่ได้น้อยไปกว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วเลย  และสิ่งที่เขารู้จากภาพนั้นยังมากกว่าสิ่งที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วเห็นซะอีก


พลังวิญญาณสีม่วงในอาณาจักรกลางนั้นพบเห็นได้ทั่วไป  ทุกคนที่อายุถึงเกณฑ์จะสามารถใช้วิธีพิเศษเพื่อยกระดับพลังขึ้นไปเป็นพลังขั้นสีม่วงได้ชั่วคราว  จากคนทั้ง 6 ที่อยู่ข้างหลังจวินเสีย  ผู้อาวุโสหวงเห็นได้ว่ามี 5 คนที่ใช้วิธีนั้นเพิ่มพลังของตัวเอง  แม้ว่าผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่ใช้วิธีนี้เลื่อนระดับพลังของตัวเองจะไม่สามารถต้านทานผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แท้จริงได้  แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์หนึ่งต่อห้า  ต่อให้เป็นผู้ใช้พลังขั้นวิญญาณสีม่วงที่แท้จริงก็คงไม่รอดเมื่อถูกโจมตีพร้อมกัน


สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสหวงตกใจจริงๆก็คือชายร่างสูงที่มีใบหน้าเย็นชาแข็งกระด้างคนนั้น


พลังวิญญาณสีม่วงบนร่างของชายคนนั้นรุนแรงมากเป็นพิเศษ  แม้แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าพลังของชายคนนี้เหนือกว่าตัวเขาเองมาก!


เดิมทีเขาอยากใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงของเขาทำให้พวกมดแมลงของอาณาจักรล่างหวาดกลัว  แต่ผู้อาวุโสหวงกลับถูกตบหน้าฉาดใหญ่ 6 ครั้งรวด!


ต่อให้กันชายร่างสูงออกไปได้  แต่แค่ผู้เยาว์ 5 คนก็มากเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้แล้ว


ความหยิ่งผยองหดหายไปในทันที  ปากของผู้อาวุโสหวงกระตุกเล็กน้อย


“ไม่ทราบว่าสหายมาจากวิหารไหนงั้นหรือ?  ไม่คิดเลยว่าท่านจะร่วมมือกับแคว้นเหยียน”  ผู้อาวุโสหวงไม่ใช่คนโง่  ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แข็งแกร่งขนาดนี้  เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนของอาณาจักรล่าง  และวิธีการเพิ่มระดับขั้นพลังวิญญาณชั่วคราวนั่นก็ไม่มีใครในอาณาจักรล่างรู้  ไม่ว่าจะเป็นชายคนนั้นหรือผู้เยาว์ทั้งห้า  ทุกคนล้วนมาจากอาณาจักรกลางอย่างแน่นอน!


เมื่อคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าวิหารมังกรได้ร่วมมือกับแคว้นจิ้วเพื่อค้นหาและเปิดสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด  ผู้อาวุโสหวงก็รู้ทันทีว่าคนพวกนี้ต้องมาจากวิหารอื่น  และเป้าหมายของพวกเขาก็คงอยู่ที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเช่นกัน  แคว้นเหยียนเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล่าง  การที่พวกเขาจะถูกเลือกก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง


เย่ฉาและคนอื่นๆไม่ตอบสนอง  สีหน้าของผู้อาวุโสหวงจึงยิ่งไม่น่าดูเข้าไปอีก


จวินอู๋เสียยังคงเอามือเท้าคางขณะมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของผู้อาวุโสหวงอย่างสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้าน


“อะไร?  เจ้าไม่ได้ประกาศหรือว่าจะสั่งสอนข้าน่ะ?  ข้านั่งรออยู่นานแล้ว  ตกลงจะไม่ทำแล้วหรือ?”


ผู้อาวุโสหวงโกรธจัดจนแทบกระอักเลือด  เขาหรี่ตามองจักรพรรดิแคว้นเหยียนด้วยความโกรธ  อยากจะเอาฝ่ามือทุบใบหน้านั้นเต็มทน


[ไร้ยางอาย!!?]


[พาผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วงมา 6 คน  แล้วขอให้คน ‘สั่งสอน’ เนี่ยนะ  ใครจะกล้า?]


[กลัวว่าก่อนที่เขาจะได้แตะปลายเสื้อของจวินเสีย  เขาก็คงถูกผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่อยู่ข้างหลังจักรพรรดิหนุ่มเตะกระเด็นออกไปนอกท้องพระโรงแล้วน่ะซิ!]


ไม่ว่าผู้อาวุโสหวงจะคับข้องใจมากแค่ไหน  เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปตอนนี้หรอก


ตอนที่ 1249  จะเทียบพลังวิญญาณสีม่วงกับข้าไหมล่ะ? (3)


 


ผู้อาวุโสหวงบังคับให้ตัวเองรักษาความสงบนิ่งเอาไว้  พยายามโน้มน้าวให้ตัวเองไม่ถือสากับแมลงตัวหนึ่ง  แม้ว่าวิหารทั้งสิบสองจะถูกเรียกรวมกันว่าสิบสองวิหาร  แต่วิหารแต่ละแห่งก็ไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวกัน  พวกเขาแอบต่อสู้กันเองมาตลอด  และทำท่าว่าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแค่ผิวนอกเท่านั้น


ในเมื่ออีกวิหารเลือกจักรพรรดิหนุ่มมาร่วมมือด้วย  คนพวกนั้นก็คงไม่ลังเลที่จะต่อสู้กับเขาเพื่อปกป้องจักรพรรดิหนุ่มคนนี้  ผู้อาวุโสหวงจะไม่ทะเลาะกับจวินเสียแน่  เว้นแต่ว่าเขาจะมีแต่ขี้เลื่อยอยู่ในหัว


แต่ก็นั่นแหละ  เมื่อครู่เขาได้พูดออกไปแล้ว  ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไร  สุดท้ายมันก็คือการตบหน้าตัวเอง  ในใจผู้อาวุโสหวงตอนนี้ได้ทักทายบรรพบุรุษของจวินเสียไป 18 รุ่นแล้ว


[เจ้าเด็กนี่น่ารังเกียจเข้าไส้!]


มีเทพยืนอยู่ข้างหลัง 6 คนชัดๆ  แต่ไม่พูดบอกอะไรสักคำ  รอจนผู้อาวุโสหวงโกรธจัดและเตรียมจะเข้ามาโจมตีแล้ว  ค่อยซัดหลังมือฟาดหน้าเขาเน้นๆ  ไม่เหลือหนทางให้เขาถอยเลย!


เสียเปรียบขนาดนี้แล้ว  ผู้อาวุโสหวงจะพูดอะไรได้?  เขาโมโหมากจนเกือบจะระเบิดออกมา


“ในเมื่อเจ้าเป็นเพื่อนของสิบสองวิหาร  และตาแก่คนนี้ก็มาจากวิหารมังกร  เช่นนั้นข้าก็จะไม่สร้างความลำบากให้เจ้า  ลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ซะเถอะ  คิดซะว่าตาแก่คนนี้ไว้หน้าเพื่อนจากสิบสองวิหารก็แล้วกัน”  แม้ว่าจะเจ็บแปลบๆจากที่โดนตบหน้า  แต่ผู้อาวุโสหวงก็ยังสามารถบิดคำพูดให้ออกมาฟังดูดีได้


ราวกับว่าที่เขาถอนตัวนั้น  ไม่ใช่เพราะเขากลัวเย่ฉากับคนอื่นๆ  แต่เป็นเพราะ ‘เขาไว้หน้าเพื่อน’


ความระหองระแหงภายในระหว่างสิบสองวิหารไม่เคยถูกนำขึ้นมาสู่ภายนอก  ผู้อาวุโสหวงเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นชัดเจนอยู่แล้ว  และอีกฝ่ายจะเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามพูดอย่างแน่นอน  แม้ว่าจวินเสียจะมีประโยชน์มากสำหรับพวกเขาก็จริง  แต่พวกเขาคงไม่อยากให้สิบสองวิหารต้องสู้กันจริงๆหรอก


แต่……


ถึงผู้อาวุโสหวงจะคิดมาดีแล้วก็เถอะ  จวินอู๋เสียก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้เรื่องเป็นไปอย่างที่เขาต้องการ


“ก็แก่แล้วนี่นะ  ควรกลับบ้านไปดูแลตัวเองในวัยเกษียณได้แล้ว  แทนที่จะออกมาทำให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าคนอื่นแบบนี้  คิดว่าตัวเองเป็นใคร?  มีค่าพอจะอ้างว่าเป็นเพื่อนกับองครักษ์ของข้าได้งั้นเรอะ?”  จวินอู๋เสียไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสหวงเลยสักนิด  ปากของนางทั้งร้ายกาจและโหดเหี้ยมไร้ความปราณี


ผู้อาวุโสหวงสูดหายใจเข้าเสียงดัง  เขาก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง  และมองจวินเสียอย่างเหลือเชื่อ


สายตาของเขามองไปที่เย่ฉาอย่างรวดเร็ว  ดูเหมือนกำลังต่อว่าเย่ฉาถึงความหยาบคายของจวินเสีย


แต่เย่ฉายังคงทำหน้านิ่ง  ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย  ท่าทางที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียนั่น  ความหมายของมันไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ได้แล้ว


ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะพูดอะไร  เขาจะสนับสนุนจนถึงที่สุด  ผู้อาวุโสหวงไม่ต้องคาดหวังถึง ‘ความรัก’ ระหว่างสิบสองวิหารอะไรทั้งนั้น


สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อาวุโสหวงคาดฝัน  เขาไม่เข้าใจเลย  ต่อให้อีกวิหารจะอยากใช้แคว้นเหยียนที่อยู่เบื้องหลังจวินเสีย  แต่พวกเขาจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ?  ขนาดเขาประกาศชื่อวิหารมังกรแล้ว  พวกเขาก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร  ราวกับว่าวิหารมังกรไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย


ในใจผู้อาวุโสหวงโกรธจนแทบกระอักเลือด  แต่เขาไม่กล้าลงมือกับจวินเสีย  หกคนที่อยู่ข้างหลังจักรพรรดิหนุ่มกำลังจ้องเขาเหมือนเสือจ้องเหยื่อ  ถ้าเขาลงมือตอนนี้  สุดท้ายคนที่เดือดร้อนจะเป็นตัวเขาเองอย่างแน่นอน!


ผู้อาวุโสสูดหายใจเข้าลึกๆ  เขากุมหน้าอกตัวเอง  แล้วตัดสินใจถอยจากความเสียเปรียบครั้งนี้  เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่กำลังอ้อนวอนของจักรพรรดิแคว้นจิ้วแล้วพูดว่า  “วันนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย  ต้องกลับไปพักก่อน”


พูดจบ  เขาก็เมินสีหน้าตกตะลึงของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว  แล้วหันหลังเดินออกไปในทันที


“ไม่ต้องพักหรอก  หลับยาวชั่วนิรันดร์ไปเลยก็ได้”  จู่ๆจวินอู๋เสียก็ฟาดประโยคนั้นใส่ด้านหลังของผู้อาวุโสหวง


เท้าของผู้อาวุโสหวงแข็งค้าง  แต่เขาก็ฝืนกล้ำกลืนคำดูหมิ่นนั้นลงไป  แล้วหนีไปพร้อมความอัปยศ


ตอนที่ 1250  ค่าชดเชย (1)


 


เมื่อเห็นผู้ช่วยชีวิตของเขาทอดทิ้งเขาและหนีออกไป  จักรพรรดิแคว้นจิ้วแทบใจสลาย  เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจักรพรรดิแคว้นเหยียนจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้  ตอนแรกจักรพรรดิแคว้นจิ้วตั้งใจจะใช้ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสหวงทำให้เขาวางมาดข่มต่อหน้าจักรพรรดิแคว้นเหยียนที่เขาต้องก้มหัวให้มาตลอดหลายปีได้


แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่เขาจะได้ย่ามใจ  ตรงกันข้ามมันถึงเวลาคิดบัญชีย้อนหลังแล้ว……


จักรพรรดิแคว้นจิ้วนั่งสั่นอยู่บนบัลลังก์  และคิดจะฉวยโอกาสหนีไปจากท้องพระโรง  แต่สายตาเย็นชาของจวินเสียก็หันมาจ้องเขาเขม็ง


“นั่นเจ้าคิดจะไปไหน?”  เสียงของจวินอู๋เสียเย็นชามากจนทำให้เลือดแข็งตัวได้เลย


นางยังไม่สามารถปะทะกับวิหารมังกรได้ในตอนนี้  จึงต้องปล่อยผู้อาวุโสหวงหนีไปก่อน  แต่สำหรับจักรพรรดิแคว้นจิ้วนั้น  นางไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ  นางจะทำลายแคว้นจิ้วและทำลายแผนการของวิหารมังกร  แม้ว่ามันจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อวิหารมังกร  แต่มันก็ยังทำลายแผนการของพวกนั้นในอาณาจักรล่างและเฉือนเนื้อพวกนั้นได้ส่วนหนึ่ง!


จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว  เขาทิ้งตัวกลับไปอยู่ที่เดิม


“ข้า……ข้า……ข้าผิดไปแล้ว  ขอจักรพรรดิแคว้นเหยียนโปรดอภัยให้ด้วย……”  ตอนนี้จักรพรรดิแคว้นจิ้วอยากร้องไห้จริงๆ  แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมา  [ผู้อาวุโสหวงทิ้งไปแล้วพร้อมกับตบหลังเขาหนึ่งที  แล้วตอนนี้เขาจะทำอะไรได้?]


[จวินเสียหยาบคายไม่เป็นมิตรมาตั้งแต่ต้นแล้ว  บวกกับคำพูดที่เขาพูดไปเมื่อครู่  เขาจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาจะตายในไม่ช้านี้]


“นั่งลง”  จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชา


จักรพรรดิแคว้นจิ้วขาสั่นขณะที่ตะกายกลับขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์  ดวงตาที่หวาดกลัวของเขาไม่มีวี่แววความหยิ่งยโสและวางอำนาจข่มอีกต่อไป


“การยกทัพไปบุกโจมตีแคว้นฉีเป็นความคิดของเจ้างั้นหรือ?”  จวินอู๋เสียถามพลางหรี่ตา  ขณะที่เฉียวฉู่กับคนอื่นๆก็เก็บพลังวิญญาณสีม่วงกลับเข้าร่าง


จักรพรรดิแคว้นจิ้วรีบพูดว่า  “ไม่……ไม่ใช่ข้า……เป็นผู้อาวุโสหวง!  เขาเป็นคนสั่งให้ข้ายกทัพไป!  ข้าไม่มีเรื่องอะไรกับแคว้นฉี  แล้วพวกเขาก็อยู่ไกลมากด้วย  ทำไมข้าจะต้องยกทัพไปบุกแคว้นฉีโดยไม่มีเหตุผลล่ะ?”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วพูดเร็วปรื๋ออย่างตื่นตระหนก


“แคว้นฉีเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหยียนของข้า  ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นคนบอกให้เจ้าทำ  แต่เจ้าคือคนที่ลงมือทำ”  จวินอู๋เสียพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา


จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลัวจนหน้าซีด  [แคว้นฉีไปเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหยียนตั้งแต่เมื่อไร?  ถ้าคำพูดนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของจวินเสียเองล่ะก็  ใครจะไปเชื่อว่าแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแคว้นเหยียนจะถือว่าแคว้นเล็กๆอย่างแคว้นฉีเป็นพันธมิตรคนสำคัญ]


“ข้าไม่รู้จริงๆว่าแคว้นฉีเป็นพันธมิตรของท่าน  ถ้าข้ารู้……ข้าคงไม่กล้ายกทัพไปบุกแคว้นฉี……ข้า……ข้าสามารถชดเชยได้นะ!  ชดเชยความเสียหายทั้งหมดของแคว้นฉี!  อะไรก็ได้!  ข้าจะจ่ายให้เดี๋ยวนี้เลย!”  ขณะที่พูด  จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็ควานหาพู่กัน, กระดาษ, และที่ฝนหมึกด้วยมือที่สั่นเทา  เขาเริ่มเขียนค่าชดเชยทุกอย่างที่นึกได้ลงบนกระดาษและให้ขันทีส่งเอกสารนั้นให้ถึงมือของจวินเสีย


จวินอู๋เสียมองเอกสารนั้นแบบผ่านๆ  แล้วเปลวไฟพลังวิญญาณสีม่วงก็ลุกพรึ่บขึ้นบนมือของจวินอู๋เสีย  เปลี่ยนกระดาษที่เขียนค่าชดเชยแผ่นนั้นให้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันที!


จักรพรรดิแคว้นจิ้วจ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา  เขาคิดว่าจวินเสียแค่พึ่งผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วงที่อยู่ข้างหลังเขาเท่านั้น  ไม่คิดเลยว่าจวินเสียเองก็เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงด้วย!


ในตอนนี้  จักรพรรดิแคว้นจิ้วอยากจะร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาซะจริงๆ


[จักรพรรดิแคว้นเหยียนจำเป็นต้องแข็งแกร่งผิดปกติแบบนี้เลยหรือไง!?]


“ไม่พอ”  จวินอู๋เสียหรี่ตามองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่กำลังหวาดกลัวสุดชีวิต


 

 

 


ตอนที่ 1251

 

ตอนที่ 1251  ค่าชดเชย (2)


 


จักรพรรดิแคว้นจิ้วตัวสั่นพลางร้องไห้อยู่ในใจ  เขาเขียนค่าชดเชยทุกรูปแบบที่เขาสามารถนึกได้ลงไปแล้ว  แต่จวินเสียก็ยังไม่พอใจ  “งั้น……งั้นท่านบอกมาเถอะว่า……แบบไหนถึงจะพอ?”


จวินอู๋เสียยกมือขึ้นเล็กน้อย  เฟยเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ก้าวมาข้างหน้าและดึงเอาแผ่นหนังที่เขียนค่าชดเชยเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว  ส่งให้กับจักรพรรดิแคว้นจิ้ว


จักรพรรดิแคว้นจิ้วกวาดตามองเอกสารฉบับนั้น  แล้วเขาก็ตกใจจนเกือบตกจากบัลลังก์


เขาเบิกตากว้างจ้องมองจวินเสียอย่างไม่อยากจะเชื่อ  มือที่กำแผ่นหนังสั่นจนเกือบจะหัก


“ท่าน……ท่าน……นี่ล้อเล่นใช่ไหม?”


จวินอู๋เสียหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า  “เจ้ามีค่าพอให้ข้าล้อเล่นด้วยหรือไง?”


จักรพรรดิแคว้นจิ้วหน้าซีดเผือด  เขากลืนน้ำลายเสียงดัง  แววตาสิ้นหวัง  “นี่……นี่ไม่มากไปหรือ……นี่เท่ากับบอกให้ข้ามอบแคว้นจิ้วครึ่งหนึ่งเป็นค่าชดเชยเลยนะ!!”


ในบรรดาเงื่อนไขที่ระบุไว้ในค่าชดเชยที่เฟยเหยียนส่งไปให้นั้น  สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจมากที่สุดก็คือข้อความที่เขียนเรื่องการยกดินแดนของแคว้นจิ้วให้  จวินอู๋เสียจัดการยกดินแดนแคว้นจิ้วครึ่งหนึ่งให้กับแคว้นฉีเพื่อเป็นค่าชดเชย


ดินแดนอันกว้างใหญ่ที่แคว้นจิ้วครอบครองนั้นเป็นรองแค่แคว้นเหยียนเท่านั้น  แล้วจู่ๆจะให้ตวัดพู่กันทีเดียวมอบดินแดนครึ่งหนึ่งให้ไปแบบนั้น  ถ้ายกดินแดนให้แคว้นฉีไป  แคว้นเล็กๆอย่างแคว้นฉีก็จะยกระดับขึ้นมาเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่อันดับต้นๆทันที  ยิ่งกว่านั้นจักรพรรดิแคว้นจิ้วก็ไม่รู้ว่าจวินเสียจงใจทำหรือเปล่า  แต่ทุกเมืองที่มีชื่ออยู่ในแผ่นหนังคือเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในแคว้นจิ้ว  ซึ่งไม่เพียงมีทรัพยากรธรรมชาติมากมายเท่านั้น  แต่ยังเป็นเมืองที่ร่ำรวยมากที่สุดด้วย  ถ้าเขายกเมืองพวกนั้นให้จริงๆ  เศรษฐกิจครึ่งหนึ่งของแคว้นจิ้วจะล่มทันที


แถมยังมีการชดเชยทางการเงินที่ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วอ่านแล้วรู้สึกอยากตายขึ้นมา!


[นี่ไม่ใช่แค่ยกดินแดนเป็นค่าชดเชยเท่านั้น!]


[นี่มันเท่ากับสั่งให้เขาเอาแคว้นจิ้วทั้งแคว้นใส่พานเงินถวายให้แคว้นฉีเลย!]


ข้อตกลงการชดเชยนี้  ต่อให้ตีเขาให้ตาย  จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็ไม่มีวันตกลงที่จะลงนามเด็ดขาด!


“มากไป?”  ดวงตาของจวินอู๋เสียเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที


“สิ่งนี้สามารถแลกกับชีวิตทหารแคว้นฉีหลายแสนคนที่ตายไปได้ไหม?  แลกกับชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ของแคว้นฉีที่ตายไปด้วยไฟสงครามได้รึเปล่า?  เพียงพอจะชดเชยให้กับคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องพลัดบ้านพลัดถิ่นระหกระเหินร่อนเร่ไปอย่างสิ้นหวังได้ไหม?  ถ้าเจ้าไม่อยาก  ข้าก็จะไม่บีบบังคับเจ้า  เจ้าก็แค่คืนชีวิตผู้คนทั้งหมดที่ตายไปด้วยไฟสงครามที่เจ้าจุดขึ้นมาซะ  คืนมาให้ครบทุกคน  เมืองทั้งหลายที่โดนทำลายพังพินาศไปก็คืนสภาพมันให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วย  แล้วเจ้าก็ไม่ต้องลงนามในเอกสารชดเชยนั้นก็ได้”  จวินอู๋เสียพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเป็นพิเศษ


นางเชื่อว่าคนทั้งแคว้นฉีอยากได้คนในครอบครัวของพวกเขากลับคืนมาอย่างปลอดภัยมากกว่าอยากได้ที่ดินและเงินทองพวกนี้อย่างแน่นอน


จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอของเขา  ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก  เมืองสามารถสร้างใหม่ได้  แต่คนที่ตายไปแล้วพวกนั้น  จะทำให้กลับมามีชีวิตเหมือนเดิมได้ยังไง?


จวินเสียเสนอทางเลือกที่ไม่มีทางออกให้เขาทั้งสองทางชัดๆเลย!


ทางหนึ่งคือการชดเชยที่เขายอมรับไม่ได้  ส่วนอีกทางก็เป็นสิ่งที่เขาไม่มีปัญญาทำได้…….


“มีทางเลือกที่สามไหม?”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วยังไม่ยอมแพ้  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจวินเสียถึงพยายามช่วยแคว้นฉีมากขนาดนี้  จักรพรรดิหนุ่มคนนี้ต้องการอะไรกันแน่


จวินอู๋เสียตอบด้วยรอยยิ้มเย็น  “มี”


ดวงตาของจักรพรรดิแคว้นจิ้วเป็นประกาย  เขาเงยหน้าขึ้นทันที  แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะมองไปที่จวินเสีย


“แคว้นเหยียนจะบุกโจมตีแคว้นจิ้ว  และชื่อของแคว้นจิ้วจะหายไปจากโลกนี้”


คำพูดของจวินอู๋เสียตัดความหวังของจักรพรรดิแคว้นจิ้วไปอย่างสมบูรณ์……


จักรพรรดิแคว้นจิ้วคอตก  เขามองไปที่แผ่นหนังที่ระบุเงื่อนไขการชดเชยเอาไว้  ร่างของเขาสั่นระริก  ริมฝีปากซีดจนเขียว


หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินเสีย  และแคว้นจิ้วได้สูญเสียทหารในกองทัพไปหนึ่งล้านคนจากสงคราม  พวกเขายังจะหวังได้อีกหรือว่าจะมีโอกาสต่อสู้กับทหารม้าติดอาวุธของแคว้นเหยียนได้?  ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันระหว่างสองแคว้น  บัดนี้เป็นช่องว่างกว้างใหญ่ที่ทำให้เขาไม่มีทางเลือก!  ไม่มีทางอื่นให้เลือกได้เลย!


“ข้าตกลง……”

 

 

 


ตอนที่ 1252

 

ตอนที่ 1252  ค่าชดเชย (3)


 


จักรพรรดิแคว้นจิ้วสิ้นหวังอย่างที่สุด  เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลือกหนทางเดียวที่ถูกมอบให้  นั่นคือยกแคว้นครึ่งหนึ่งให้กับแคว้นฉี  อย่างน้อยแคว้นจิ้วก็ยังอยู่


เขาร่างราชโองการด้วยมือที่สั่นเทา  การลากเส้นแต่ละครั้งก็คือการเฉือนหัวใจของเขา


เขาใช้อำนาจอันยิ่งใหญ่ของแคว้นจิ้วข่มขู่และบีบบังคับแคว้นเล็กๆมาโดยตลอด  ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งเขาจะโดนกรรมตามสนองเข้าให้  ได้ลิ้มรสชาติแบบเดียวกับที่เขาทำกับคนอื่น


เมื่อพูดถึงอำนาจกดขี่  แคว้นจิ้วจะไปเทียบกับแคว้นเหยียนได้ยังไง?


ขณะที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วกำลังจะประทับตราจักรพรรดิลงบนพระราชโองการ  จวินอู๋เสียก็พูดขึ้นว่า  “เดี๋ยว”


จักรพรรดิแคว้นจิ้วเงยหน้าขึ้น  ดวงตามีประกายแห่งความหวัง


แต่คำพูดต่อมาของจวินเสียก็ทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกลงสู่หุบเหวแห่งความสิ้นหวัง!


“หนี้ที่ต้องชำระยังไม่หมด”  จวินอู๋เสียพูดพลางหรี่ตา


“อะไร……หมายความว่ายังไง?”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจ


“ยัง……ยังไม่พออีกหรือ?  ข้าให้แคว้นจิ้วครึ่งหนึ่งเป็นค่าชดเชยให้แคว้นฉีแล้วนะ  นั่นมันยิ่งกว่าเกินพอเลยไม่ใช่หรือ?”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วเกือบตะโกนออกมา  แต่ด้วยความกลัวและความสิ้นหวังทำให้เขาถามออกมาเสียงต่ำ


จวินอู๋เสียยิ้มเย็นชาและกล่าวว่า  “หนี้แคว้นฉีเรียบร้อยแล้ว  ต่อไปก็ถึงคราวของแคว้นเฉียว”


“อะไรนะ!?”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วตาโต  ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน


[แคว้นเฉียว?]


[แคว้นเฉียวเกี่ยวอะไรด้วย!?]


จวินอู๋เสียโบกมืออย่างเกียจคร้าน  ชายชราที่ยืนเงียบๆอยู่ข้างหลังมาตลอดก็เดินออกไปกลางท้องพระโรง


“อยากพูดอะไรกับจักรพรรดิแคว้นจิ้ว  พูดไปให้หมด”  จวินอู๋เสียกล่าว


ชายชราคนนั้นเงยหน้าขึ้นช้าๆ  ดวงตาที่มองไปยังจักรพรรดิแคว้นจิ้วเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง  สายตานั้นราวกับว่าชายชราคนนี้ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าฉีกคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ออกเป็นพันๆชิ้น


“เจ้า  ยังจำได้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”  เสียงที่อดกลั้นของชายชราดังขึ้นในท้องพระโรง


จักรพรรดิแคว้นจิ้วจ้องมองชายชราตรงหน้าด้วยสายตาประเมิน  เขาพยายามเค้นความทรงจำเกี่ยวกับอีกฝ่าย  แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก


“ใคร……เจ้าเป็นใคร?  ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน……”


หลังจากที่ชายชราได้ยินเช่นนั้น  เขาก็เงยหน้าหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง  เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ


“ใช่แล้ว  เจ้าเป็นจักรพรรดิผู้สูงส่งและยิ่งใหญ่แห่งแคว้นจิ้ว  จะจำขุนนางต่ำต้อยจากแคว้นเล็กๆที่อยู่ห่างไกลจากชายแดนของเจ้าได้ยังไง?  ก็ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าจำหน้าข้าไม่ได้  แต่สำหรับข้า  ข้าไม่มีวันลืมหน้าเจ้าไปชั่วชีวิต!”  เสียงหัวเราะของชายชราหยุดลงอย่างกระทันหัน  เขาหรี่ตาพร้อมกัดฟันแน่น  เอ่ยคำพวกนี้ออกมา


“ปีนั้น  เจ้าได้พาทหารเข้าไปในแคว้นเฉียวของเรา  แล้วใช้กำลังทหารข่มขู่  เปลี่ยนจักรพรรดิแคว้นเฉียวให้เป็นอะไรก็ไม่รู้  คนก็ไม่ใช่  ผีก็ไม่ใช่!  ข้าไม่มีวันลืมใบหน้าที่น่ารังเกียจของเจ้า!  เจ้าจำข้าไม่ได้ก็ช่าง  ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอง!  ข้าคือราชครูของแคว้นเฉียว!  แคว้นเฉียวที่จักรพรรดิสององค์ของเราถูกเจ้าเปลี่ยนให้เป็นอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผีนั่นไง!”  ราชครูเหอคำรามออกมาเหมือนปีศาจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและแค้นเคือง  ดวงตาแดงก่ำจ้องมองใบหน้าซีดขาวของจักรพรรดิแคว้นจิ้วเขม็ง


“แคว้นเฉียวรู้ว่าตัวเองเป็นแคว้นเล็กๆและอ่อนแอ  มีประชากรน้อย  จึงไม่กล้าต่อสู้แย่งชิงอะไรกับแคว้นอื่น  ไม่ว่าแคว้นจิ้วต้องการอะไรเราก็ยอมทุกอย่าง  แต่เจ้าก็ยังไม่ยอมละเว้นพวกเรา!  หลังจากเปลี่ยนจักรพรรดิองค์ก่อนให้เป็นตัวประหลาดที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผีแล้ว  เจ้าก็ยังเปลี่ยนจักรพรรดิองค์นี้ของเราให้เป็นเด็กที่ไร้ชีวิตจิตใจ  ทหารองครักษ์ทุกคนของเราถูกฆ่าตายในเมืองหลวงแคว้นจิ้วนี้ด้วย!  หนี้เลือดที่เพิ่มไม่หยุดนี้  เจ้าเป็นผู้ก่อแต่เพียงผู้เดียว!  เอาชีวิตของจักรพรรดิองค์ก่อนของเราคืนมา!  เอาจักรพรรดิองค์นี้ของเราคืนมา!  เอาชีวิตคนดีๆจากแคว้นเฉียวของเราคืนมา!!!”  ราชครูเหอตะโกนใส่จักรพรรดิแคว้นจิ้วราวกับเป็นคนบ้า  ความเกลียดชังที่ถูกกดเอาไว้หลายปีท่วมท้นจนถึงสวรรค์  แต่เพราะแคว้นของพวกเขาเล็กเกินไป  เขาจึงได้แต่เก็บมันเอาไว้  ไม่กล้าปล่อยให้มันปะทุออกมา  ในที่สุดเขาก็มีโอกาสระบายมันออกมาแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 1253

 

ตอนที่ 1253  ค่าชดเชย (4)


 


ไม่ใช่ว่าในอดีตที่ผ่านมาแคว้นเฉียวไม่เกลียดไม่แค้น  แต่พวกเขาไม่อยู่ในสถานะที่จะเกลียดหรือไม่พอใจได้  เนื่องจากพวกเขาไม่มีพลังที่จะปกป้องตัวเอง  พวกเขากลัวว่าการล่วงเกินแคว้นจิ้วแม้เพียงเล็กน้อยจะทำให้พวกเขามีข้ออ้างยกทัพมาบุกแคว้นเฉียวได้


แคว้นเฉียวที่อ่อนแอย่อมไม่สามารถต้านทานกองทัพของแคว้นจิ้วได้


ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำหายนะมาสู่พวกเขาได้


สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือทน  ทนแล้วทนอีก  กัดฟันทนจนเจ็บกรามไปหมด  ทนจนไม่เหลือศักดิ์ศรี  เก็บกดความเกลียดชังเอาไว้ในจิตวิญญาณ  ไม่มีหนทางให้ระบาย


แล้ววันนี้  จวินอู๋เสียก็ได้ให้โอกาสกับพวกเขา


เมื่อมีแคว้นเหยียนหนุนหลัง  ราชครูเหอก็สามารถยืดอกเรียกร้องการชำระหนี้เลือดที่ติดค้างไว้ทั้งหมดได้!


จักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่เคยคิดเลยว่าชายชราที่ตามจวินเสียเข้ามาที่นี่จะเป็นราชครูของแคว้นเฉียว!


แคว้นที่เล็กยิ่งกว่าแคว้นฉี  สถานที่ที่แทบไม่มีตัวตนอยู่เลย


“จักรพรรดิแคว้นเหยียน!  ชายแก่คนนี้พูดจาเหลวไหล!  ใส่ความกันชัดๆ!  ข้าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น  เขาใส่ร้ายข้า!”  ตาแก่นี่จะมาจากไหนก็ช่าง  จักรพรรดิแคว้นจิ้วจะไม่ยอมรับข้อกล่าวหาเด็ดขาด


เรื่องแคว้นฉีมีแคว้นเหยียนมาเกี่ยวข้อง  ไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธได้  แต่เรื่องของแคว้นเฉียว  เขาปิดบังเรื่องที่ทำเอาไว้อย่างระมัดระวังแล้ว  ไม่มีทางที่จวินเสียจะรู้ได้  ดังนั้นเขาจะไม่ยอมรับเด็ดขาด!


“ใส่ร้าย!?  พระศพของจักรพรรดิองค์ก่อนของเรายังอยู่ในลานแห่งนั้นของเจ้าอยู่เลย!  และจักรพรรดิของเราตอนนี้ก็อยู่ในเมืองหลวงแคว้นจิ้ว!  ทหารองครักษ์ของเราที่ตายไปก็อยู่ในเมืองหลวงแคว้นจิ้วด้วย!  ข้ายังต้องใส่ร้ายอะไรเจ้า!?  เลือดของผู้คนนับไม่ถ้วนเปื้อนมือเจ้า  จิตใจอันชั่วร้ายของเจ้าทำร้ายผู้คนไปมากมาย!  เจ้าไม่มีวันล้างบาปพวกนั้นออกไปได้ตลอดชีวิต!”  ราชครูเหอคำรามด้วยความโกรธแค้น  เขาไม่เคยพบไม่เคยเห็นคนหน้าด้านที่มีจิตใจชั่วร้ายเลวทรามแบบนี้มาก่อน  ปีศาจชัดๆ!


“พูดพล่อยๆ!  เรื่องนั้น…..ข้าไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้น!  เป็นแคว้นเฉียวที่มีเจตนาไม่ดี  จู่ๆทหารของแคว้นเฉียวก็โจมตีทหารของแคว้นจิ้ว  ทหารของข้าก็เลยตอบโต้พวกเขา!  ส่วนเรื่องจักรพรรดิของเจ้าหรือจักรพรรดิองค์ก่อนก็เถอะ……ข้าไม่เคยเจอพวกเขามาก่อนเลย……”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วเถียงราชครูเหออย่างดุเดือด  ค่าชดเชยครั้งเดียวก็ทำให้เขาเสียดินแดนแคว้นจิ้วไปครึ่งหนึ่งแล้ว  ถ้าจวินเสียใช้เรื่องที่เกิดขึ้นกับแคว้นเฉียวมาเฉือนหัวใจของเขาอีกครั้ง  เขาคงไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน!


เขาต้องไม่ยอมรับ!  ไม่เด็ดขาดเลย!


ถึงยังไงจักรพรรดิน้อยของแคว้นเฉียวก็ถูกชิงตัวไปแล้ว  คนตายไม่สามารถให้การได้  ตอนนี้จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกดีใจมากที่มีคนบุกไปที่ลานนั้นและชิงตัวจักรพรรดิน้อยออกไป  ตอนนี้คนไม่ได้อยู่ในมือของเขาแล้ว  ทำให้เขาสามารถปฏิเสธทุกอย่างได้อย่างเต็มที่  นอกจากนั้น  จักรพรรดิน้อยยังได้รับพิษโลหิตแดง  ตอนนี้เขาก็น่าจะตายไปแล้ว  ต่อให้หาตัวเขาพบ  เขาก็ไม่ได้ตายในลานของเขา  และจวินเสียก็ไม่สามารถกล่าวหาเขาในความผิดนี้ได้!


ตราบใดที่เขาไม่ยอมรับ  ก็จะไม่เป็นไรแน่นอน!


จักรพรรดิแคว้นจิ้วยืนกรานว่าตัวเองบริสุทธิ์และปฏิเสธไม่ยอมรับข้อกล่าวหาใดๆทั้งนั้น  การกระทำของเขาทำให้ราชครูเหอโกรธมากจนเกือบกระโจนขึ้นไปบนบัลลังก์แล้วบีบคอจักรพรรดิแคว้นจิ้วให้ตายคามือ!


ทำเรื่องชั่วช้ามากมาย  แต่ไม่กล้ายอมรับ!


เฟยเหยียนปฏิกิริยาไว  เขารีบวิ่งไปขวางราชครูเหอที่ถูกความโกรธครอบงำเอาไว้ได้  ราชครูเหอน้ำตาไหลพราก  สะอึกสะอื้นคร่ำครวญด้วยความเศร้าเสียใจ


“สวรรค์ไม่มีตา!”


ถึงแคว้นเฉียวของพวกเขาจะเป็นแคว้นเล็กๆ  แต่คนในแคว้นตั้งแต่ผู้ครองแคว้น ขุนนาง จนถึงประชาชนคนธรรมดา  ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิต!


[ทำไมสวรรค์ถึงทำกับพวกเขาเช่นนี้!?]


[ทำไม!?]


“จักรพรรดิแคว้นเหยียน  ชายผู้นี้เสียสติไปแล้ว!  คำพูดของคนบ้าเชื่อถือไม่ได้!”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลัวจนเหงื่อไหลพลั่กๆขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย

 

 

 


ตอนที่ 1254

 

ตอนที่ 1254  ค่าชดเชย (5)


 


“จักรพรรดิแคว้นเหยียน  ชายผู้นี้เสียสติไปแล้ว!  คำพูดของคนบ้าเชื่อถือไม่ได้!”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วกลัวจนเหงื่อไหลพลั่กๆขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย


จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่กำลังตื่นตระหนก  ขณะที่เฟยเหยียนปลอบราชครูเหอให้สงบลง  นางเอายาสงบจิตใจให้ราชครูเหอกินก่อนจะหันกลับมาพูดกับจักรพรรดิแคว้นจิ้วว่า  “เชื่อไม่ได้งั้นหรือ?”


จักรพรรดิแคว้นจิ้วพูดด้วยน้ำเสียงท้าทายว่า  “ท่านไปตรวจดูที่ลานนั้นได้เลย  ไม่มีจักรพรรดิของแคว้นเฉียวคนไหนอยู่ที่นั่นสักคน!  จักรพรรดิแคว้นเฉียวได้มาที่แคว้นจิ้วจริงๆ  แต่เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  ส่วนเรื่องที่เขาหายไปไหนนั้น  ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?  คนๆนี้เป็นคนบ้าชัดๆ  เสียจักรพรรดิของตัวเองไป  ก็เลยจะโยนความผิดมาที่ข้า!”


ราชครูเหอโกรธมากจนต้องอ้าปากหอบหายใจ  โชคดีที่จวินอู๋เสียเอายาให้เขากินแล้ว  จึงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น


จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่ยังคงโกหกต่อไปและพูดอย่างเย็นชาว่า  “งั้นก็แปลกนะ  ทำไมข้าถึงเจอจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวในลานของเจ้าได้ล่ะ”


“อะไรนะ……”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองจวินอู๋เสียอย่างมึนงง


เฟยเหยียนที่ยืนอยู่ด้านข้างมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วแล้วพูดว่า  “ตาแก่เลอะเลือน  ไม่เข้าใจที่ฝ่าบาทของเราพูดรึไง?  อย่าบอกนะว่าเจ้าลืมไปแล้วว่ามีคนขโมยตัวจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวไปจากลานของเจ้าเมื่อเร็วๆนี้”


สีหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วเปลี่ยนไปทันที  เขามองเฟยเหยียนอย่างเหลือเชื่อ  การคาดเดาที่บ้าคลั่งก็เริ่มผุดขึ้นมาในสมอง


“วันนั้น……เป็นพวกเจ้า……”


จักรพรรดิแคว้นจิ้วตื่นตระหนกขึ้นมา  เขาไม่เคยคิดเลยว่าจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวที่ถูกชิงตัวไปภายใต้จมูกของเขานั้น  จะเป็นฝีมือของจวินเสียกับคนของเขา  แต่ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป  ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง 6 คนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันก็แปลกมากจริงๆ  ในโลกนี้ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงหายากขนาดไหนกันล่ะ?


และจวินเสียก็บังเอิญพาผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงหลายคนมาที่นี่ในวันนี้……


พอตระหนักได้ว่ามันบังเอิญมากเกินไป  ความจริงของเรื่องนี้ก็เดาได้ไม่ยาก


วันนั้น  คนที่ช่วยจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวออกไปก็คือจวินเสียกับคนของเขา!


ทันใดนั้นเอง  จักรพรรดิแคว้นจิ้วก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา  เขาทรุดตัวลงนั่งบนบัลลังก์  เหงื่อไหลลงมาตามใบหน้าไม่หยุด  ไม่นานชุดคลุมมังกรของเขาก็เปียกเหงื่อจนชุ่ม


ร่างของเขาสั่นระริก  ริมฝีปากขาวซีดปราศจากสีเลือด


“ยังจะไม่ยอมรับอยู่อีกรึเปล่า?”  เฟยเหยียนถามพร้อมกับมองไปที่จักรพรรดิแคว้นจิ้ว  ในใจเต็มไปความรังเกียจ


จักรพรรดิแคว้นจิ้วอ้าปากขณะมองไปที่จวินเสียด้วยแววตาหวาดกลัว


จวินอู๋เสียแค่มองดูเขาอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรสักคำ


แต่ความเงียบจากจวินเสียกลับทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่สบายใจมากขึ้น


เขาตะกายลงจากบัลลังก์  คุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้น และคลานตะเกียกตะกายมาตรงหน้าจวินเสีย  น้ำหูน้ำตาไหลขณะที่พูดว่า  “ข้าไม่ได้ทำ  ข้าไม่ได้เป็นคนทำ……เป็นผู้อาวุโสหวง……เรื่องนี้ผู้อาวุโสหวงเป็นคนทำ  เขาสั่งให้ข้าเชิญผู้ครองแคว้นจากแคว้นอื่นๆมาที่เมืองหลวง  คิดจะใช้โอกาสนี้ทำให้ผู้ครองแคว้นพวกนั้นออกราชโองการ  ใช้ทหารและประชาชนจากแคว้นอื่นๆสร้างคนพิษขึ้นมา  แคว้นเฉียว…… จักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวเขาก็เป็นคนเลือกเหมือนกัน!  เขาอยากแสดงพลังของโลหิตแดงให้ผู้ครองแคว้นคนอื่นๆเห็น  แล้วเขาก็เลือกจักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวขึ้นมา  เขาเป็นคนสั่งให้ข้าทำแบบนี้……ทุกอย่างเป็นความคิดของเขา……ข้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย……ไม่เกี่ยวเลย……ทั้งหมดเป็นเพราะเขา!  เขาเป็นคนทำ!!”


เพื่อเอาตัวรอด  จักรพรรดิแคว้นจิ้วโยนความผิดทั้งหมดให้กับผู้อาวุโสหวง  แม้ว่ามันจะไม่ใช่การกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม  แต่มันก็ยังน่ารังเกียจมากอยู่ดี


ราชครูเหอหลับตาลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด

 

 

 


ตอนที่ 1255

 

ตอนที่ 1255  ค่าชดเชย (6)


 


จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่ร้องไห้โหยหวนด้วยความรำคาญ  แล้วทันใดนั้นนางก็เตะเขากระเด็นออกไป!


จักรพรรดิแคว้นจิ้วล้มลงกับพื้น  เขาคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว  ร่างกายสั่นเหมือนใบไม้ต้องลม  อ้อนวอนร้องขอความเมตตาไม่หยุด


สายตาของจวินอู๋เสียเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง  นางรู้ว่าวิหารมังกรอยู่เบื้องหลังคนพิษและโลหิตแดง  แต่นางไม่รู้ว่าเหตุผลที่จักรพรรดิน้อยถูกเลือกนั้นเป็นเพราะผู้อาวุโสหวงเลือกเขา  เมื่อครู่นางคิดจะละเว้นผู้อาวุโสหวงไปก่อน  แต่ตอนนี้นางเปลี่ยนใจแล้ว!


ในเมื่อคนจากวิหารมังกรไม่ได้มองว่าคนในอาณาจักรล่างเป็นมนุษย์  นางจะยอมทนกล้ำกลืนความอยุติธรรมนี้ได้อย่างไร!?


“เจ้าจะชดเชยให้แคว้นเฉียวยังไง”  จวินอู๋เสียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา


จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรีบพูดขึ้นว่า  “ข้าจะจ่าย!  เท่าไรข้าก็จะจ่าย!  ข้าจะเอาสมบัติทุกอย่างจากท้องพระคลังแคว้นจิ้วมาจ่ายให้หมดเลย!”


“เจ้าคิดว่าแค่นั้นจะพอหรือ?”  จวินอู๋เสียหรี่ตา


จักรพรรดิแคว้นจิ้วพูดอย่างระมัดระวัง  “แคว้นเฉียว……แคว้นเฉียวแค่เสียผู้ครองแคว้นไป 2 คน……”


ในมุมมองของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว  ความสูญเสียของแคว้นเฉียวเมื่อเทียบกับความเสียหายอย่างหนักของแคว้นฉีแล้ว  แคว้นเฉียวสูญเสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ยิ่งกว่านั้น  แคว้นฉีเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหยียน  แต่แคว้นเฉียวไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับแคว้นเหยียนเลย


จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชาว่า  “จักรพรรดิน้อยของแคว้นเฉียวเป็นน้องชายของข้า”


“อะไรนะ……”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วจ้องมองจวินเสียด้วยสีหน้าตกใจ


คำพูดนั้น  แม้แต่ราชครูเหอที่กำลังอ้าปากหอบหายใจอยู่ก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน  การที่จวินเสียยอมช่วยเหลือปกป้องแคว้นเฉียวก็ทำให้เขารู้สึกขอบคุณมากแล้ว  แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจู่ๆจวินเสียจะอ้างว่าจักรพรรดิของพวกเขาเป็น……น้องชายของเขา


จวินอู๋เสียมองใบหน้าตกตะลึงของราชครูเหอ  เมื่อนางนึกถึงคำที่จักรพรรดิน้อยใช้เรียกนาง  ดวงตาของนางก็เข้มขึ้นเล็กน้อย  นางพูดขึ้นว่า  “เขาเรียกข้าว่าพี่ชายตัวน้อย  ไม่ใช่หรือ?”


เมื่อเรียกนางว่าพี่ชาย  นางก็จะเป็นพี่ชาย!


ใครกล้ารังแกน้องชายของนาง  นางจะทำให้คนผู้นั้นต้องตายโดยไม่มีหลุมฝัง!


ราชครูเหอสั่นไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกตื้นตัน  เขาคุกเข่าลงเอาหัวโขกพื้นคำนับจวินเสีย 3 ครั้ง


ด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นเหยียน  พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเพื่อแคว้นเฉียวเลย  แต่จวินเสียก็ยังทำสิ่งนี้  เจรจาต่อรองกับแคว้นจิ้วแทนแคว้นเฉียวของพวกเขา


จวินเสียไม่เพียงช่วยจักรพรรดิของพวกเขาเอาไว้  แต่เขายังจะแก้แค้นให้อีกด้วย  ตอนนี้จวินเสียได้เอาแคว้นเฉียวไปอยู่ภายใต้การปกป้องของนางแล้ว  ความเมตตาอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้  ราชครูเหอรู้สึกว่าชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณได้หมด!


ตรงข้ามกับความซาบซึ้งในบุญคุณของราชครูเหอ  จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกว่าเมฆแห่งหายนะอันดำมืดได้ลอยมาอยู่เหนือหัวของเขาแล้ว


การที่จักรพรรดิแห่งแคว้นเฉียวกลายเป็น ‘น้องชาย’ ของจวินเสีย  งั้นค่าชดเชยก็จะ……


“ตามแบบค่าชดเชยของแคว้นฉี  เขียนอีกชุดให้เป็นชื่อของแคว้นเฉียว”  จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่หล่นลงไปในหลุมดำแห่งความสิ้นหวัง  พลางออกคำสั่งสุดท้าย


คำพูดของจวินอู๋เสียดังก้องอยู่ในหูเขาเหมือนเสียงระฆังแห่งมรณะ


[เขียนอีกชุดตามแบบแคว้นฉี?]


[ค่าชดเชยของแคว้นฉีก็ทำให้เขาต้องยกดินแดนแคว้นจิ้วไปแล้วครึ่งหนึ่ง  ถ้าเขียนอีกชุด……ก็หมายความว่าเขาจะต้องยกแคว้นจิ้วให้ไปทั้งแคว้นเลยไม่ใช่หรือ!?]


“ไม่……ไม่ได้……ทำแบบนี้ไม่ได้……”  ตอนนี้จักรพรรดิแคว้นจิ้วรู้สึกเหมือนหายนะที่ร้ายแรงที่สุดได้เกิดขึ้นกับเขาแล้ว  จวินอู๋เสียไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยเรื่องค่าชดเชย……เขามาเพื่อทำลายแคว้นจิ้ว!


ค่าชดเชย 2 ชุด  และเขาต้องยกแคว้นจิ้วให้ไปทั้งแคว้น  นับจากวันนี้ไป  จะไม่มีแคว้นจิ้วอีกต่อไปแล้ว!


จวินอู๋เสียพูดด้วยรอยยิ้มเย็น  “ต้องได้”


“ข้าขอร้องท่าน!  ละเว้นข้าสักครั้งเถอะ!  ละเว้นแคว้นจิ้วด้วย!”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วเอาหัวโขกพื้นคำนับจวินอู๋เสียไม่หยุด  ต่อหน้ากลุ่มผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง  ไม่มีทางที่เขาจะต้านทานได้เลย  เขาไม่มีทางอื่นนอกจากขอร้องให้จวินเสียละเว้นเขา


แต่ทว่า……


จวินอู๋เสียได้ตัดสินใจจะลบแคว้นจิ้วออกจากแผ่นดินนี้ไปแล้ว


“ข้าละเว้นแคว้นจิ้วได้  เจ้าแค่ออกราชโองการค่าชดเชย 2 ชุด  แล้วแคว้นจิ้วก็จะไม่ถูกทำลาย  แต่จะให้ละเว้นเจ้านั้น  เป็นไปไม่ได้”

 

 

 


ตอนที่ 1256

 

ตอนที่ 1256  ผลกรรม (1)


 


จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองจวินเสียอย่างตะลึงงัน  ไม่เคยคิดเลยว่าคำตอบของเขาจะเป็นเช่นนั้น


จวินอู๋เสียตั้งใจจะทำลายแคว้นจิ้วอยู่แล้ว  แต่นางไม่อยากบรรลุเป้าหมายด้วยการทำสงคราม  ด้วยวิธีการที่นางใช้อยู่ตอนนี้  ไม่เพียงแต่จะช่วยประชาชนของแคว้นจิ้วจากความโหดร้ายของสงคราม  แต่ยังช่วยลดปัญหาและความยุ่งยากให้นางได้อีกด้วย


เอาชนะแคว้นที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของดินแดนนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ทหารสักคน  คนที่ทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ได้ก็มีแต่นางเท่านั้น


จักรพรรดิแคว้นจิ้วทรุดตัวลงกับพื้น  ใบหน้าซีดเผือด


เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้  แคว้นจิ้วที่ยิ่งใหญ่ถูกต้อนจนมุมแล้วจริงๆ  เขาจะยอมรับมันได้ยังไง?


“อย่าทำแบบนี้……อย่า……ข้าขอร้องล่ะ……”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วทำได้เพียงอ้อนวอนขอร้อง  เขาไม่มีทางออกอื่นแล้ว  ตั้งแต่วินาทีที่จวินอู๋เสียก้าวเข้ามาในท้องพระโรงวังหลวง  มันก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางออกอีกต่อไป


เขาจะต่อต้านได้อย่างไร?  ผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 7 คนจับเขาเป็นตัวประกันเอาไว้ในท้องพระโรงนี่  ถ้าเขาต่อต้านแม้เพียงนิด  เขาก็คงถูกฆ่าทันที


จักรพรรดิแคว้นจิ้วที่บังคับผู้ครองแคว้นอื่นๆมาตลอด  วันนี้ถูกบังคับให้ลิ้มรสชาติของความสิ้นหวังและความรู้สึกของหายนะที่ใกล้เข้ามาบ้างแล้ว  ครั้งนี้จวินเสียไม่ได้ให้ความหวังใดๆกับเขาเลย


“เหยียนเอ๋อร์”  จวินอู๋เสียเรียกขณะที่มองดูจักรพรรดิแคว้นจิ้วร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนพื้น


“อยู่นี่”  เฟยเหยียนเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง


“เอาพู่กัน หมึก กระดาษ กับที่ฝนหมึกมาให้เขาเขียนราชโองการครั้งสุดท้าย”  จวินอู๋เสียพูดอย่างเฉยเมย


เฟยเหยียนรีบไปหยิบของทันที  และนำมันมาตรงหน้าจักรพรรดิแคว้นจิ้ว


จักรพรรดิแคว้นจิ้วมองกระดาษเปล่าที่ถูกกางตรงหน้าอย่างสะพรึงกลัว  ความกลัวในแววตาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด!


“ไม่!  ข้าไม่เขียน!  ข้าคือจักรพรรดิของแคว้นจิ้ว!  ทุกอย่างในแคว้นจิ้วเป็นของข้า!  ข้าจะไม่เขียนอะไรทั้งนั้น!”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วตะโกนออกมาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความสิ้นหวังอย่างที่สุด  เขาดูน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง  มงกุฏร่วงหล่นจากหัวเขาโดยไม่รู้ตัว  ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจัดกระจาย  ยิ่งทำให้เขาดูตลกและน่าอับอายมาก


จวินอู๋เสียมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่จู่ๆก็แสดงความกล้าหาญเป็นครั้งสุดท้าย  รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง


“ง้างปากเขา”


จักรพรรดิแคว้นจิ้วตกใจมาก  เขาพยายามจะวิ่งหนี  แต่เฉียวฉู่ก็พุ่งเข้ามาเหมือนลูกธนู  และจับไหล่เขาเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้!


เฉียวฉู่จับไหล่เขาเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง  ส่วนมืออีกข้างก็ง้างปากเขา


จวินอู๋เสียเอายาเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋ามิติของนาง  สะบัดนิ้วเบาๆ  ยาก็ลอยเข้าไปในปากของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว  เฉียวฉู่บังคับให้เขากลืนยาเม็ดนั้นเข้าไป  จากนั้นจึงปล่อยเขา


“เจ้าให้ข้ากินอะไร?  กินอะไร!”  จักรพรรดิแคว้นจิ้วกุมลำคอเอาไว้  และมองจวินอู๋เสียด้วยแววตาดุร้าย


“เดี๋ยวก็รู้”  จวินอู๋เสียพูดเบาๆ


ทันทีที่สิ้นเสียงของจวินอู๋เสีย  ความเจ็บปวดรุนแรงก็ระเบิดขึ้นในร่างของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว!


มันเหมือนกับว่าเขากลืนดาบนับไม่ถ้วนเข้าไปในร่างกาย  และพวกมันก็หมุนวนอยู่ในร่างของเขา  อวัยวะภายในของเขา  เนื้อและกระดูก  ทุกๆตารางนิ้วของเขากำลังเจอกับความเจ็บปวดที่มนุษย์ไม่อาจทนได้  จักรพรรดิแคว้นจิ้วสูญสิ้นพละกำลังทั้งหมด  ล้มลงกระตุกอยู่บนพื้น  ร่างกายเกร็งจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วง


“ถ้าเจ้าไม่อยากเขียน  ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า  เชิญเจ้าตามสบายเลย  เจ้าอยากจะเขียนขึ้นมาเมื่อไร  ค่อยเขียนตอนนั้นก็ได้  ข้าไม่รีบ”  เสียงของจวินอู๋เสียเบาแต่เย็นชา  เหมือนลมในฤดูหนาวเดือนกุมภาพันธ์ที่หนาวยะเยือกจนถึงกระดูก


จักรพรรดิแคว้นจิ้วกระตุกไม่หยุด  น้ำมูกน้ำตาไหลปนกันเลอะเทอะใบหน้าไปหมด  เขาร้องครวญคราง  กลิ้งอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด


ตอนที่ 1257  ผลกรรม (2)


 


เขาไม่เคยรู้เลยว่าจะมีความเจ็บปวดแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วย  กระดูกเหมือนถูกหักแตกเป็นเสี่ยงๆ  เนื้อหนังเหมือนถูกไฟเผา  อวัยวะภายในเหมือนถูกปั่นด้วยเหล็กร้อนๆที่ถูกเผาจนแดง  ภายใต้ความเจ็บปวดรุนแรงเช่นนี้  เขาคิดว่าเขากำลังจะตายแล้ว  แต่ความเป็นจริง  สติของเขาแจ่มชัดยิ่งกว่าที่เคยเป็นซะอีก  แม้ว่าเขาจะอยากหมดสติไปเร็วๆ  แต่มันก็เป็นไปไม่ได้


เขายังคงมีสติอย่างชัดเจน  รู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกอย่างที่สามารถทำให้คนเสียสติได้


ราชครูเหอมองจักรพรรดิแคว้นจิ้วด้วยสายตาเย็นชา  ขณะที่เขาชักดิ้นชักงอในสภาพที่ทนทุกข์ทรมาน  น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา


“ข้า……เขียน……ข้าจะเขียน……”  ความเจ็บปวดทรมานทำให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วปรารถนาที่จะตาย  แต่ก็ไม่สามารถตายได้  ความเจ็บปวดทรมานที่เขาทำกับคนอื่นไว้ทั้งหมดดูเหมือนบัดนี้มันมาอยู่ในร่างกายของเขาอย่างครบถ้วนแล้ว


เขาอยากตายมากกว่าที่จะทรมานต่อไป


“ข้า……ขอ……ร้อง……ข้า……จะ……เขียน……”  [เขาจะเขียนทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ  หยุดมันที!]


จวินอู๋เสียมองไปที่เฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้าง  เฉียวฉู่เอายาจากเข็มขัดของเขาที่จวินอู๋เสียให้ไว้เมื่อครู่ไปยัดใส่ปากจักรพรรดิแคว้นจิ้วทันที


ทันใดนั้น  ความเจ็บปวดขนาดที่ทำให้คนเสียสติได้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


เสื้อผ้าบนร่างกายของจักรพรรดิแคว้นจิ้วชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ  เขานอนนิ่งอยู่บนพื้นเหมือนหมาตาย  ลมหายใจสับสนปั่นป่วนอย่างมาก


ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เหมือนเป็นฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัว


“ลุกขึ้น  อย่านอนเฉยๆอยู่บนพื้น”  เฉียวฉู่ดึงจักรพรรดิแคว้นจิ้วขึ้นมา  และทำให้เขาคุกเข่าตรงหน้ากระดาษเปล่าอีกครั้ง


ใบหน้าของจักรพรรดิแคว้นจิ้วขาวซีดปราศจากสีเลือด  เขาหยิบพู่กันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา  และชำเลืองมองไปที่จวินเสีย  แววตาของเขาแสดงถึงความหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว  ส่วนความเกลียดชังนั้น  แม้แต่นิดเดียวก็ไม่กล้ามี


เขาเขียนค่าชดเชยให้แคว้นเฉียวไปพลางตัวสั่นไปพลาง  หลังจากจักรพรรดิแคว้นจิ้วประทับตราลงบนพระราชโองการแล้ว  ก็เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง  คุกเข่านิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนสักนิด


เฉียวฉู่เอาพระราชโองการที่เขียนเสร็จแล้วส่งให้ราชครูเหอ  ราชครูเหอคุกเข่าลงทันทีด้วยความหวาดกลัว  ถึงตีเขาให้ตาย  เขาก็ไม่กล้าที่จะรับมันเอาไว้


“องค์จักรพรรดิแคว้นเหยียนได้แก้แค้นให้กับจักรพรรดิของข้า  นั่นเป็นความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วพะย่ะค่ะ  สำหรับสิ่งนี้……เราไม่กล้ารับไว้หรอกพะย่ะค่ะ  พวกเราไม่สมควรได้  ฝ่าบาทได้โปรดเอาคืนไปเถอะพะย่ะค่ะ”  ราชครูเหอรู้สึกขอบคุณจวินเสียอย่างมากและรู้สึกว่าไม่อาจจะตอบแทนบุญคุณได้  แล้วเขาจะรับดินแดนครึ่งหนึ่งของแคว้นจิ้วเอาไว้ได้ยังไง?


“นี่ไม่ได้ให้เจ้า  และไม่ได้ให้แคว้นเฉียวด้วย”  จวินอู๋เสียพูดพลางมองราชครูเหอที่กำลังหวาดกลัว  “ข้าให้น้องชายของข้า”


ราชครูเหอชะงักไป  แล้วเขาก็คุกเข่าลงคำนับจวินเสียอีกครั้ง  เขาก้มหัวขณะที่รับพระราชโองการมาไว้ในมือ


จักรพรรดิแคว้นจิ้วคุกเข่าอยู่กับที่  สายตาหวาดกลัวของเขาไม่ละไปจากจวินเสียเลยแม้แต่นิดเดียว


“ตอนนี้……ตอนนี้……เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”  เขาถามเบาๆ  ไม่มีการแสดงอำนาจข่มขู่และความเย่อหยิ่งจองหองอยู่ในน้ำเสียงอีกแล้ว


เขาไม่อยากเจอกับความเจ็บปวดทรมานแบบนั้น  และยินดีจะใช้แคว้นจิ้วทั้งแคว้นแลกกับสวัสดิภาพของตัวเอง  คนที่น่ารังเกียจเช่นนี้ไม่เหมาะจะประกาศตัวว่าเป็นจักรพรรดิเลยจริงๆ


โม่เฉียนหยวนเต็มใจที่จะอยู่และตายไปกับแคว้นฉี  พี่ชายของจักรพรรดิน้อยก็เต็มใจที่จะเสียสละตัวเองแทนองครักษ์ของเขา


ผู้ครองแคว้นของแคว้นเล็กๆทั้งสองตระหนักดีว่าประชาชนเป็นรากฐานที่สำคัญของแคว้น  นี่เป็นสิ่งที่จักรพรรดิแคว้นจิ้วไม่มีวันเข้าใจ  และไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจอีกต่อไป


“ไปกันเถอะ”  จวินอู๋เสียยืนขึ้น  นางเดินออกไปจากท้องพระโรงของวังหลวงโดยไม่หันหน้ากลับไปมองอีกเลย


ตอนที่ 1258  ผลกรรม (3)


 


ขณะที่กำลังเดินออกจากท้องพระโรง  เฉียวฉู่ก็มองไปที่ใบหน้าเย็นชาของจวินเสีย  และอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า  “เสี่ยวเสีย……เจ้าจะปล่อยจักรพรรดิแคว้นจิ้วไปแบบนั้นจริงๆหรือ?”


จวินอู๋เสียหันไปมองเฉียวฉู่อย่างสงบ


“ข้าบอกเมื่อไรว่าจะปล่อยเขา?”


“แต่เจ้าไม่ได้……”


ก่อนที่เฉียวฉู่จะพูดจบประโยค  เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นจากในท้องพระโรงด้านหลังพวกเขา  เสียงนั้นแสบแก้วหูจริงๆ


พวกผู้เยาว์หันกลับไปทันทีและเห็นจักรพรรดิแคว้นจิ้วนอนกองอยู่กับพื้น  ร่างกายของเขาขดเป็นลูกบอล  ขณะที่ตัวสั่นอย่างรุนแรง


“นั่น……”  ดวงตาของเฉียวฉู่เบิกกว้างด้วยความตกใจขณะที่มองไปยังจวินอู๋เสีย  ตอนที่พวกเขาเดินออกมา  เขายังดีๆอยู่เลย  แค่แปปเดียวจักรพรรดิแคว้นจิ้วกลายเป็นแบบนั้นได้ยังไง?


จวินอู๋เสียเงยหน้ามองท้องฟ้าและพูดว่า  “ข้าพูดแล้ว  ให้ละเว้นเขา  เป็นไปไม่ได้”


ยาที่เฉียวฉู่ป้อนให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วตอนสุดท้ายนั้นไม่ใช่ยาแก้พิษ  มันเป็นแค่ยาที่ทำให้ประสาทชา  ป้องกันไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดชั่วคราว  แม้ว่ากินยานั่นแล้วจะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆเลยก็ตาม  แต่พอยาหมดฤทธิ์  ผลกระทบอย่างอื่นของยานั่นก็แสดงออกมาทันที  รวมกับฤทธิ์ของยาตัวแรกที่กินเข้าไป  สิ่งที่นำมาจึงไม่ได้มีแค่เพียงความเจ็บปวดที่รุนแรงเท่านั้น


ยาสองอย่างนี้  เมื่อจับคู่กันจะทำให้เจ็บปวดทรมานจนไม่อาจจินตนาการได้เลยทีเดียว  ความทรมานที่ดูเหมือนจะไม่รู้จบนี้จะดำเนินไปเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน  ภายในเวลา 7 วันนั้น  ไม่มีสิ่งใดที่สามารถรักษาอาการนั้นได้  และเมื่อครบ 7 วันตามกำหนด  จักรพรรดิแคว้นจิ้วจะตายจากอาการบาดเจ็บ  แต่ก่อนที่ความตายจะมาเอาชีวิตเขา  เขาจะต้องทนทรมานอย่างทารุณตลอดทั้ง 7 วัน!


นั่นเป็นการแก้แค้นครั้งสุดท้ายที่จวินอู๋เสียทำกับจักรพรรดิแคว้นจิ้ว


นางจะไม่ยอมให้เขาตายง่ายๆ  นั่นมันดีเกินไปสำหรับเขา!!


จวินอู๋เสียกับคนอื่นๆเดินออกจากวังหลวงแคว้นจิ้วโดยมีเสียงร้องโหยหวนของจักรพรรดิแคว้นจิ้วอยู่ด้านหลัง  พวกทหารในวังไม่กล้าขัดขวางพวกเขาแม้แต่น้อย  และปล่อยให้พวกเขาเดินออกจากวังหลวงอย่างสง่างาม


ก่อนออกจากวัง  จวินอู๋เสียก็หยุดเดิน  ตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวออกจากท้องพระโรง  เย่ฉาก็หายตัวไป  และตอนนี้เขาได้กลับมาแล้ว


“ผู้อาวุโสหวงนั่นไม่อยู่ในวังหลวงแล้วขอรับ”  เย่ฉาทำตามคำสั่งของจวินอู๋เสีย  ออกค้นหาผู้อาวุโสหวงในวังหลวง  แต่หลังจากวนรอบวังจนครบรอบแล้ว  เขาก็ไม่พบวี่แววของผู้อาวุโสหวงเลย


เห็นได้ชัดว่า  จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่น  พอก้าวออกจากประตูท้องพระโรงก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ  จึงรีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว


“เขาอาจจะหนีออกจากวังหลวงไปได้  แต่คิดว่าจะออกไปจากเมืองหลวงได้งั้นหรือ?  ไปหาตัวเขามาให้ข้า!”  จวินอู๋เสียหรี่ตา  นางไม่มีวันปล่อยผู้อาวุโสหวงไปแน่  คนร้ายหลักที่รับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้


“ขอรับ!”  หลังจากรับคำสั่ง  ร่างของเย่ฉาก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาทันที


จากนั้นจวินอู๋เสียกับสหายของนางก็ออกจากวังหลวงของแคว้นจิ้ว  แต่พอนางก้าวผ่านประตูวังหลวงออกมา  นางก็พบกลุ่มคนที่แต่งตัวหรูหรา  แต่ละคนสวมมงกุฏไว้บนศีรษะ  ยืนอยู่ตรงหน้านาง


จักรพรรดิของแคว้นอื่นๆที่ถูกกักขังอยู่ในเมืองหลวงได้ข่าวว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนมาที่นี่  และรู้ว่าจวินเสียเข้าไปในวังหลวง  พวกเขาไม่กล้าพรวดพราดเข้าไปในวังหลวง  จึงได้แต่รอให้จวินเสียออกมานอกประตูวัง


จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย  และมองไปที่กลุ่มคนแปลกหน้าตรงหน้านาง


เฉียวฉู่กับคนอื่นๆที่อยู่ข้างหลังนางขยับตัวมาอยู่ข้างหน้าจวินอู๋เสีย  บังสายตาอยากรู้อยากเห็นของกลุ่มผู้ครองแคว้นเอาไว้  สายตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นระแวดระวังขึ้นมาทันที


ตอนที่ 1259  คำขอความช่วยเหลือจากแคว้นต่างๆ (1)


 


ผู้ครองแคว้นหลายคนดูเหมือนจะรับรู้ความเป็นปฏิปักษ์จากเฉียวฉู่และเพื่อนๆของเขาได้  พวกเขาจึงได้สติขึ้นมาทันที  และก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยพร้อมเพรียงกัน


หนึ่งในผู้ครองแคว้นรวบรวมความกล้าก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว  และมองไปที่เฉียวฉู่ซึ่งขวางอยู่ตรงหน้าจวินเสียอย่างเกรงๆ  และพูดว่า  “จักรพรรดิแคว้นซวี๋  คารวะจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียนพะย่ะค่ะ”


จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  นางเคยได้ยินชื่อแคว้นซวี๋  แต่ไม่เคยติดต่อกับพวกเขาเลย  ท่าทางของผู้ครองแคว้นซวี๋ดูเป็นมิตรมาก  และรออยู่ที่นี่พร้อมกับผู้ครองแคว้นอื่นๆ  ดูเหมือนว่ากำลังรอให้นางปรากฏตัวออกมา


“มีอะไร?”  จวินอู๋เสียเพิ่งจัดการกับจักรพรรดิแคว้นจิ้วมา  นางไม่มีอารมณ์จะคุยเล่นกับผู้ครองแคว้นคนอื่นๆ


ด้วยสถานะของแคว้นเหยียน  จึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่แคว้นอื่นๆจะอ่อนน้อมต่อนาง  แต่จวินอู๋เสียไม่ชอบความรู้สึกนี้


จักรพรรดิแคว้นซวี๋กลืนน้ำลายอึกใหญ่  เขาได้ยินว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนอายุน้อย  ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริง  ผู้เยาว์คนนี้ตัวเล็กและยังเด็ก  แต่พอพูดออกมากลับทำให้ผู้คนไม่กล้ามองจักรพรรดิหนุ่มคนนี้เป็นเพียงแค่ผู้เยาว์ไร้ประสบการณ์อีกต่อไป


“ข้าได้ข่าวว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนมาที่เมืองหลวงแคว้นจิ้ว  จึงเข้ามาคารวะพะย่ะค่ะ”  เขาพูดพร้อมกับกลืนน้ำลายอีกอึกใหญ่  ด้วยระดับความแข็งแกร่งของแคว้นพวกเขา  ขนาดแคว้นจิ้วที่แข็งแกร่งน้อยกว่าแคว้นเหยียนมาก  พวกเขายังไม่กล้าเป็นศัตรูด้วยเลย


จวินอู๋เสียหมดความอดทนกับท่าทางประจบประแจงของผู้ครองแคว้นซวี๋แล้ว


“ไม่จำเป็น  ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็อย่าขวางทางข้า”  จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชา


ผู้ครองแคว้นซวี๋ตัวสั่น  ไม่รู้ว่าทำไมผู้เยาว์อายุน้อยแค่นี้ถึงได้ทำให้เขารู้สึกกลัวได้ถึงขนาดนี้


 


เมื่อเห็นว่าจวินเสียกำลังจะไปแล้ว  ผู้ครองแคว้นทุกคนก็ตื่นตระหนกขึ้นมา  พวกเขาทิ้งท่าทางเสแสร้งและสุภาพมีมารยาทแล้วพุ่งเข้าไปขวางหน้าจวินอู๋เสีย


จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว


ผู้ครองแคว้นทุกคนคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสียทันที!


“ฝ่าบาทได้โปรดหยุดก่อน!  ที่ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพราะมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ  ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”  ผู้ครองแคว้นซวี๋คุกเข่าอ้อนวอน  ขณะที่ผู้ครองแคว้นอื่นๆก็เริ่มขอร้องแบบเดียวกัน


เจอเข้าแบบนี้  เฉียวฉู่กับคนอื่นๆก็อึ้งไป


คนพวกนี้ต่างเป็นผู้ปกครองสูงสุดของแคว้น  แล้วทำไมพวกเขาถึงพากันคุกเข่าง่ายๆแบบนี้!?


พวกผู้เยาว์คิดว่าผู้ครองแคว้นพวกนี้ถูกแคว้นจิ้วล่อลวงให้มาที่นี่เพื่อก่อกวนสร้างปัญหา  แต่จากที่เห็น  ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น


จวินอู๋เสียหยุดมองผู้ครองแคว้นทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านางโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว


กลุ่มผู้ครองแคว้นเห็นว่าอย่างน้อยจวินอู๋เสียก็ยอมฟังพวกเขาแล้ว  พวกเขาจึงรีบพูดสิ่งที่พวกเขาต้องการขอร้องทันที


พอพูดแล้ว  เฉียวฉู่กับพรรคพวกก็เลิกทำท่าเป็นศัตรูกับคนพวกนี้ไปเลย


ผู้ครองแคว้นเหล่านี้ถูกจักรพรรดิแคว้นจิ้วเชิญให้เดินทางมาที่เมืองหลวงแคว้นจิ้วโดยที่พวกเขาเองก็ไม่ได้เต็มใจ  แต่เพราะอำนาจของแคว้นจิ้ว  พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับคำเชิญและเดินทางมาที่นี่  หลังจากมาถึงแคว้นจิ้ว  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่มันเกินความคาดหมายของพวกเขา  พวกเขาทุกคนถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านในเมืองหลวงแคว้นจิ้ว  และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกข้างนอกแม้แต่ก้าวเดียว


จักรพรรดิแคว้นจิ้วได้กดดันพวกเขามาตลอด  ทั้งข่มขู่และล่อลวงพวกเขาด้วยคนพิษกับโลหิตแดง  บังคับให้พวกเขาเขียนราชโองการที่ระบุว่าพวกเขายินยอมให้มีการทดลองสร้างคนพิษในแคว้นของพวกเขา  และจะให้ความร่วมมือในการสร้างกองทัพคนพิษอย่างเต็มที่


พวกเขาได้เห็นความน่ากลัวของคนพิษกับตาตัวเองแล้ว  พวกผู้ครองแคว้นไม่อยากให้คนของพวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดแบบนั้น  พวกเขาอยากต่อต้าน  แต่ก็ถูกจักรพรรดิแคว้นจิ้วคุมตัวไว้และถูกกักขังให้อยู่ในเมืองหลวง  หมดอิสระใดๆทั้งสิ้น


ตอนที่ 1260  คำขอความช่วยเหลือจากแคว้นต่างๆ (2)


 


เทียบความแข็งแกร่งของแคว้นกันแล้ว  พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแคว้นจิ้วเลย  และได้แต่ถูกกักขังเอาไว้ในเมืองหลวง  กลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้าน  จักรพรรดิแคว้นจิ้วได้ควบคุมผู้ครองแคว้นเหล่านี้เอาไว้ในกำมือ  ทั้งหมดก็เพื่อจะข่มขู่แคว้นต่างๆให้ยอมจำนน


เหตุผลที่ผู้ครองแคว้นพวกนี้มาที่นี่  ไม่ใช่เพราะเต็มใจจะยอมจำนน  แต่พวกเขาไม่อยากให้จักรพรรดิแคว้นจิ้วมีข้ออ้างในการส่งกองทัพไปบุกแคว้นของพวกเขา


สิ่งที่จักรพรรดิน้อยแคว้นเฉียวเจอได้ฝังความกลัวลงไปในหัวใจของพวกเขาทุกคน  พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปหรือไม่


พอพวกเขาได้ยินว่าจักรพรรดิแคว้นเหยียนมาปรากฏตัวที่นี่  ทุกคนก็เหมือนจะได้เห็นแสงริบหรี่ท่ามกลางความสิ้นหวังอันมืดมิด  ถ้าจะมีใครที่สามารถปราบแคว้นจิ้วได้  ก็คงมีเพียงแคว้นเหยียนเท่านั้น


ดังนั้น  พวกเขาจึงมารวมตัวกันและรออยู่นอกประตูวังหลวง  หวังว่าจะสามารถคว้าความหวังสุดท้ายนี้เอาไว้ได้


เหล่าผู้ครองแคว้นพูดไปร้องไห้ไป  ทิ้งศักดิ์ศรีของจักรพรรดิ  ไม่สนความยิ่งใหญ่ของชุดคลุมมังกรที่สวมใส่อยู่  พวกเขาไม่อยากกลายเป็นหุ่นเชิดของแคว้นจิ้ว  และไม่อยากให้ประชาชนของพวกเขาต้องทนทุกข์กับอนาคตที่น่าหวาดกลัว


พวกเขาขอให้จักรพรรดิแคว้นเหยียนช่วยพวกเขาและแคว้นของพวกเขา


จวินอู๋เสียฟังพวกเขาเงียบๆ  นางรู้อยู่แล้วถึงการกระทำอันชั่วร้ายของจักรพรรดิแคว้นจิ้ว  แต่ไม่เคยคิดว่าจักรพรรดิแคว้นจิ้วจะทำถึงขนาดกักขังผู้ครองแคว้นจากแคว้นต่างๆไว้ในเมืองหลวงของแคว้นจิ้ว!


“จักรพรรดิแคว้นเหยียน!  ถ้าท่านยอมช่วยพวกเรา  พวกเราจะยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นเหยียน!”  ผู้ครองแคว้นซวี๋ตัดสินใจว่าถึงตายเขาก็ต้องทำแบบนี้  ดีกว่าจะยอมให้แคว้นจิ้วทำตามใจชอบ  เปลี่ยนประชาชนของพวกเขาให้กลายเป็นคนพิษที่ไร้ชีวิตจิตใจ  พวกเขายอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นเหยียนยังดีซะกว่า


แม้ว่าแคว้นเหยียนจะมีอำนาจมาก  แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่เคยข่มขู่บีบบังคับแคว้นที่อ่อนแอ


“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ”  จวินอู๋เสียพูดเสียงเบา


เหล่าผู้ครองแคว้นยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น  เนื่องจากบนไหล่ของเขาไม่เพียงแบกชีวิตของตัวพวกเขาเองเอาไว้  แต่ยังมีชีวิตของประชาชนทั้งแคว้นอีกหลายล้านชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา


จวินอู๋เสียมองพวกผู้ครองแคว้นทั้งหลายที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างดื้อดึง  แล้วก็เริ่มจะปวดหัวขึ้นมา


“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  จะไม่มีแคว้นจิ้วอีกแล้ว  พวกเจ้าทุกคนกลับไปได้แล้ว”  จวินอู๋เสียบอกพวกเขา


“อะไรนะ……”  พวกผู้ครองแคว้นทั้งกลุ่มมองจวินอู๋เสียอย่างสับสน


[ไม่มีแคว้นจิ้วอีกแล้ว?]


[ที่พูดนั่น  หมายความว่ายังไง?]


เฟยเหยียนยิ้ม  แล้วดึงเอาพระราชโองการออกมากางให้กลุ่มผู้ครองแคว้นดู


“จักรพรรดิแคว้นจิ้วได้ยกดินแดนทั้งหมดของแคว้นจิ้วเป็นค่าชดเชยให้กับแคว้นฉีและแคว้นเฉียวแล้ว  ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีแคว้นจิ้วอีกแล้ว  พวกท่านทุกคนไม่ต้องกังวลว่าเขาจะทำร้ายพวกท่านได้แล้วล่ะ  ตอนนี้……พวกท่านสามารถกลับแคว้นของตัวเองได้แล้ว  ทุกอย่างจบแล้ว”  เฟยเหยียนพูดพร้อมหัวเราะ


พวกผู้ครองแคว้นต่างทำหน้าเหลือเชื่อ  พวกเขายื่นมือที่สั่นเทาออกไปรับราชโองการจากมือของเฟยเหยียน  แล้วก็เบียดกันเข้ามาอ่านเอกสารฉบับนั้นอย่างละเอียดอยู่พักใหญ่  กว่าพวกเขาจะยอมเชื่อคำพูดของเฟยเหยียน


[แคว้นจิ้ว……หายไปแล้วจริงๆหรือ?]


[ช่วงเวลาสั้นๆแค่ 2 ชั่วโมง  แคว้นที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองก็ถูกลบออกจากแผ่นดินง่ายๆแบบนี้เลย?]


ความจริงเรื่องนี้ทำให้สติของทุกคนล่องลอยไปทันที  ไม่มีใครสักคนที่คิดว่าจะจบแบบนี้ได้


ผู้ครองแคว้นทุกคนเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กๆที่มีใบหน้าละเอียดอ่อนบอบบางนั้นโดยไม่รู้ตัว


[จักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน]


“แต่……แต่……คนของแคว้นจิ้วได้นำราชโองการของเรากลับไปที่แคว้นของพวกเราแล้ว……”  จักรพรรดิของแคว้นซวี๋กระวนกระวายขึ้นมาทันที  จักรพรรดิแคว้นจิ้วดำเนินการได้รวดเร็วมาก  และได้เอาพระราชโองการที่บังคับให้พวกเขาเขียนพร้อมกับส่งคนออกเดินทางไปยังแคว้นต่างๆทันที


ตอนที่ 1261  คำขอความช่วยเหลือจากแคว้นต่างๆ (3)


 


จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรกับพวกเขาอีก  และเดินจากไปเงียบๆ


ในใจของพวกผู้ครองแคว้นทั้งดีใจและเสียใจ


ดีใจที่แคว้นจิ้วล่มสลายไปแล้ว  จะไม่มีใครขังพวกเขาเอาไว้ในบ้านอีกต่อไปแล้ว


และเสียใจที่ภัยพิบัติของพวกเขายังไม่จบสิ้น  พวกเขาต้องรีบกลับไปที่แคว้นของตัวเองทันทีเพื่อทำให้สถานการณ์มั่นคง!


จวินอู๋เสียและเพื่อนๆของนางกลับไปที่โรงแรม  เมืองหลวงแคว้นจิ้วยังคงสงบสุข  ประชาชนยังไม่รู้ว่าจักรพรรดิของพวกเขาได้ยกดินแดนที่พวกเขาเหยียบอยู่นี้ให้แคว้นอื่นไปแล้ว  และยังไม่รู้ว่าในโลกนี้จะไม่มีชื่อแคว้นจิ้วอีกต่อไป


“อีกสักพักข้าจะนำราชโองการ 2 ฉบับนี้ไปประกาศให้โลกรู้”  เฟยเหยียนพูดขณะที่ถือราชโองการ 2 ฉบับนั้นไว้ในมือ  ใบหน้าแจ่มใสร่าเริง


แผนที่หนังมนุษย์ของแคว้นจิ้ว  เย่ฉาไปเอามาจากห้องทรงอักษรของจักรพรรดิแคว้นจิ้วและส่งมอบให้ฮัวเหยาเอาไปเก็บไว้แล้ว  จากแผนที่เต็ม 8 ชิ้นส่วนที่พวกเขาต้องค้นหา  ตอนนี้เหลือเพียง 2 ส่วนสุดท้ายแล้ว


จวินอู๋เสียพยักหน้า  ถึงจะทำลายแคว้นจิ้วไปแล้ว  แต่นางก็ไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย  นางเดินไปที่ข้างเตียงและมองจักรพรรดิน้อยที่นอนอยู่บนนั้น


พิษร้ายของโลหิตแดงถูกแก้แล้ว  แต่โลหิตแดงยังคงอยู่ในร่างของจักรพรรดิน้อย  ไม่สามารถกำจัดให้หมดได้  เขานอนนิ่งอยู่บนเตียง  ไม่ขยับเขยื้อนหรือพูดอะไรเลยสักคำ  ผมของเขาสีแดงจนแสบตา  ดวงตาสีแดงจ้องมองไปที่เพดานอย่างเงียบๆ  และจ้องนิ่งอยู่อย่างนั้น  ไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น


ท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตโผล่มาข้างๆเตียง  พวกมันนอนติดกับจักรพรรดิน้อย  แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากเขา


แม้ว่าจะช่วยชีวิตของจักรพรรดิเอาไว้ได้ก็จริง  แต่ความเสียหายที่โลหิตแดงทำไว้กับวิญญาณของเขานั้นไม่สามารถซ่อมแซมได้  ตอนนี้เขาเหมือนกับตุ๊กตาที่ไร้จิตวิญญาณ  ไม่มีความสามารถในการคิด  และไม่มีความรู้สึกอีกต่อไป


สำหรับจวินอู๋เสีย  การอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เหมือนคนที่สมองตายและกลายเป็นผักในชาติก่อนของนาง


จวินอู๋เสียมองใบหน้าเล็กๆของจักรพรรดิน้อยและดึงจี้หยกออกมาจากเสื้อของนาง  จี้หยกนั้นจักรพรรดิน้อยให้นางมาตอนที่พวกเขาแยกทางกันครั้งสุดท้าย  นางเอาด้ายสีเงินคล้องจี้เอาไว้ก่อนจะเอาไปสวมที่คอของจักรพรรดิน้อย


ราชครูเหอมองดูอยู่เงียบๆ  และทำได้แค่ซ่อนความเศร้าเอาไว้ในใจของเขา


“ข้าอยากพาเขาไปที่แคว้นฉี”  จู่ๆจวินอู๋เสียก็พูดขึ้น


ราชครูเหอตกใจเล็กน้อย


“เรื่องที่แคว้นเฉียวได้รับดินแดนของแคว้นจิ้ว  เจ้าจัดการได้ตามสบาย  ข้าอยากพาเขาไปที่แคว้นฉี  ที่นั่นอาจจะมีหนทางช่วยเหลือเขา”  จวินอู๋เสียนึกถึงหยกกล่อมวิญญาณขึ้นมา  หยกกล่อมวิญญาณสามารถช่วยพ่อของนางที่ตายในสงครามได้  ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะช่วยจักรพรรดิน้อยได้เช่นกัน


หยกกล่อมวิญญาณเป็นสิ่งของจากโลกวิญญาณ  ในโลกวิญญาณนั้นมีแต่ร่างวิญญาณทั้งหมด  ดังนั้นหยกกล่อมวิญญาณอาจจะช่วยจักรพรรดิน้อยในทางใดทางหนึ่งได้


หยกกล่อมวิญญาณถูกแบ่งออกเป็น 2 ชิ้น  หนึ่งอยู่บนร่างของจวินกู่  อีกหนึ่งจวินชิงเป็นคนเก็บไว้


“พะย่ะค่ะ”  ราชครูเหอตอบตกลง  เขาเช็ดน้ำตาเงียบๆ  ถ้าจะมีใครที่เขาไว้ใจในโลกนี้ล่ะก็  ก็คงมีเพียงจวินเสียเท่านั้น


ราชครูเหอพักอยู่ที่นั่นอีกพักหนึ่ง  แล้วก็จากไป  เฉียวฉู่กับคนอื่นๆยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวเพื่อกระจายข่าวการล่มสลายของแคว้นจิ้ว


“เย่ฉา”


“คุณหนูมีคำสั่งอะไรขอรับ?”  เย่ฉาตอบ


“ข้าจะพาเขากลับไปที่แคว้นฉีพรุ่งนี้  เจ้าอยู่ที่นี่  พอฆ่าผู้อาวุโสหวงได้แล้ว  เอาหัวเขาไปหาข้าที่แคว้นฉี”  จวินอู๋เสียสั่งพลางหรี่ตา  นางจะไม่ปล่อยให้ผู้อาวุโสหวงรอดไปได้แน่จากสิ่งที่เขาทำทั้งหมด


ดูเหมือนเย่ฉาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง  แต่เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็งของจวินอู๋เสีย  เขาก็กลืนคำพูดกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว


“ขอรับ!  ข้าน้อยรับคำสั่งคุณหนู”


ตอนที่ 1262  กลับบ้าน (1)


 


บ่ายวันนั้น  ข่าวก็ได้กระจายไปทั่วแคว้นจิ้วราวกับสายฟ้าฟาด!


ชื่อแคว้นจิ้วที่ยิ่งใหญ่มานานหลายปี  จู่ๆก็หายไปอย่างกระทันหัน  ดินแดนทั้งหมดของแคว้นจิ้วถูกมอบเป็นค่าชดเชยให้กับแคว้นฉีและแคว้นเฉียว  มันเป็นข่าวที่น่าเหลือเชื่อและยากจะยอมรับได้สำหรับประชาชนของแคว้นจิ้ว


แคว้นจิ้วยิ่งใหญ่มานานหลายปี  ประชาชนของแคว้นจิ้วจึงกระหายสงครามและการต่อสู้  ภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของพวกเขา  จนถึงขั้นดูถูกเหยียดหยามคนจากแคว้นอื่นๆยกเว้นแคว้นเหยียน  แต่ตอนนี้ความเย่อหยิ่งนั้นได้ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว


แคว้นฉียังไม่เท่าไร  เนื่องจากพวกเขามีกองทัพรุ่ยหลินที่โด่งดัง  และมีข่าวลือว่าแคว้นฉีเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหยียน  นั่นเป็นเรื่องที่พอจะยอมรับได้ไม่มากก็น้อยในใจของพวกเขา


แต่แคว้นเฉียวล่ะเป็นยังไง?


ทำไมพวกเขาต้องมอบดินแดนให้กับแคว้นเล็กๆกระจอกๆอย่างแคว้นเฉียวด้วย?


ไม่มีใครสนใจเสียงของประชาชนแคว้นจิ้วเลย  จวินอู๋เสียสังเกตเห็นทุกอย่าง  และนางก็รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าประชาชนของแคว้นจิ้วจะรวมเข้ากับแคว้นฉีและแคว้นเฉียวได้อย่างแท้จริง


“เราจะไปวันนี้เลยรึเปล่า?”  พอรุ่งเช้า  เฉียวฉู่ก็โผล่หน้าเข้ามาถามที่ห้องของจวินอู๋เสีย


จวินอู๋เสียเก็บของเรียบร้อยหมดแล้ว  จักรพรรดิน้อยนั่งเหม่อไม่พูดไม่จาอยู่ข้างเตียง  ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาคู่นั้น  เขาก็อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายอย่างที่เคยเป็นมาตลอด


“ใช่”  จวินอู๋เสียตอบ


“แล้วเรื่องของวิหารมังกร……”  เฉียวฉู่ถามต่อพร้อมกับลูบคาง  ผู้อาวุโสหวงแห่งวิหารมังกรหลบหนีไปแล้ว  ถ้าเขายังอยู่ในอาณาจักรล่าง  ก็ไม่รู้ว่าจะก่อปัญหาอะไรขึ้นมาอีก  แต่ถ้าเขากลับไปที่อาณาจักรกลาง  ก็น่ากลัวว่าข้อมูลของจวินอู๋เสียกับพวกเขาจะไปถึงหูของสิบสองวิหารในไม่ช้า  นั่นคือจุดที่จะทำให้พวกเขาเสียเปรียบในช่วงเวลานี้


ก่อนหน้านี้พวกเขารวบรวมแผนที่กันอย่างลับๆ  ต่อให้สิบสองวิหารพบเรื่องแปลกๆ  แต่พวกเขาก็ไม่มีทางสืบต่อไปได้  แต่ครั้งนี้  จวินอู๋เสียใช้ตำแหน่งจักรพรรดิแคว้นเหยียนทำเรื่องนี้อย่างโจ่งแจ้ง  ถ้ารู้ถึงอาณาจักรกลางและดึงดูดความสนใจของอาณาจักรกลางขึ้นมา  เกรงว่ามันจะไม่ง่ายแล้ว


“ข้าให้เย่ฉาไปจัดการแล้ว”  จวินอู๋เสียย่อมคิดไว้แล้วเช่นกัน  นางไม่ปล่อยให้ผู้อาวุโสหวงมีโอกาสไปจากอาณาจักรกลางแบบมีชีวิตหรอก


เฉียวฉู่พยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก  เขากลับไปเก็บของกับสหายของเขาเพื่อเตรียมตัวเดินทาง


ก่อนที่จะออกเดินทาง  ราชครูเหอได้มาพบจวินอู๋เสียและแสดงความขอบคุณอีกครั้ง  เขาพูดว่าจะใช้สังขารแก่ๆนี้ดูแลแคว้นเฉียวจนถึงที่สุด  และเมื่อจักรพรรดิน้อยหายแล้ว  เขาจะได้มอบแคว้นเฉียวโฉมใหม่ให้กับจักรพรรดิน้อย


จวินอู๋เสียก้าวขึ้นรถม้าและมองไปที่แคว้นจิ้วที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์  ดูเหมือนนางจะได้ยินเสียงคร่ำครวญของจักรพรรดิแคว้นจิ้วที่กำลังจะตายจากในวังหลวง


แม้ว่าแคว้นจิ้วจะถูกทำลาย  แต่ปัญหาที่แคว้นจิ้วนำมาสู่อาณาจักรล่างยังไม่จบ  พวกผู้ครองแคว้นที่ได้อิสรภาพกลับมาต่างควบม้าด้วยความเร็วสูงสุดกลับไปยังแคว้นของพวกเขา  หวังว่าจะหยุดความชั่วร้ายได้ก่อนที่มันจะเริ่มต้นขึ้น


รถม้าเคลื่อนตัวออกไป  จวินอู๋เสียนั่งอยู่ข้างในรถม้า  โดยมีจักรพรรดิน้อยนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ตรงข้ามกับนาง


จวินอู๋เสียมองออกไปนอกหน้าต่าง  มองดูแคว้นจิ้วที่ตอนนี้มีเจ้าของใหม่แล้ว


นางส่งนกพิราบกลับบ้านเพื่อแจ้งกับวังหลินถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่  อีกไม่นานท่านปู่หรือท่านอาของนางคงได้รับข่าว  เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าอีกไม่นานนางจะได้กลับบ้านไปเจอกับครอบครัว  ความรู้สึกที่ถูกกดเอาไว้ในใจก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม