Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น 736-742
EG บทที่ 736 การปฏิบัติที่แตกต่างกัน
การทำงานที่หน่วยงานราชการเริ่มต้นตอนปลายเดือนกรกฎาคม เหวินตงจวินและจางฮั่นใช้โอกาสนี้ไปเที่ยวพักผ่อน หลิวคุน นักศึกษาดีเด่น ก็เหมือนกับลีน่า เขาจะศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนี้เขาจึงต้องช่วยอาจารย์ของเขาทำการค้นคว้าวิจัย และมีเพียงเฝิงหยู่และลีน่ากลับไปที่บ้านเกิดของพวกเขา
พ่อแม่ของเฝิงหยู่เคยเจอลีน่ามาก่อนในเมืองปิง พวกเขาพอใจมากกับลูกสะใภ้ในอนาคต
ลีน่าเป็นคนมีการศึกษาและคุณธรรม จางมู่ฮวาแอบบอกกับเฝิงหยู่ว่าเธอได้ไปหาหมอดูเพื่อดูดวงแบบสี่เสาโชคชะตาสำหรับลีน่า หมอดูบอกกับเธอว่าลีน่าเหมาะมากที่จะอยู่เป็นคู่ครองกับเฝิงหยู่ เธอเป็นคนมีโชคที่จะสามารถช่วยส่งเสริมสามีในอนาคตในด้านอาชีพการงาน และจะมีลูกหลายคน
แม้ว่านโยบายการวางแผนครอบครัวของจีนจะมีผลบังคับใช้มาแล้วสองสามปี แต่บทลงโทษเป็นเพียงค่าปรับเท่านั้น จางมู่ฮวาบอกเฝิงหยู่ว่าก็แค่ค่าปรับและเธอก็สามารถจ่ายให้เขาได้ ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาต้องมีลูกเยอะๆ ให้ได้
หลี่จื้อสิงอาจจะน่ารัก แต่เขาเป็นหลานชายฝ่ายแม่ของจางมู่ฮวา พ่อแม่ของเฝิงหยู่ไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดเวลา ปู่ย่าของหลี่จื้อสิงไม่มีทางยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่จางมู่ฮวาและเฝิงซิ่งไท่หวังว่าเฝิงหยู่จะมีลูกมากมายเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเขาในยามแก่
เฝิงหยู่ถามแม่ของเขาว่าถ้าพ่อแม่ของลีน่าต้องการดูแลหลานของพวกเขาด้วยเช่นกันล่ะ? จางมู่ฮวาเกลือกตา นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องการให้พวกเธอสองคนมีลูกเยอะๆ ไง แบบนี้เราทุกคนก็จะได้ดูแลหลานของเราและไม่ต้องมาแย่งกัน
เฝิงหยู่พูดโพล่งออกมา เขาชอบเด็กนะ แต่เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของพ่อแม่ตัวเอง
หากเฝิงหยู่และลีน่ามีลูกสองคน พวกเขาจะต้องถูกแยกออกจากกัน และให้ปู่ย่าและตายายไปดูแลงั้นหรอ? แบบนี้จะดีสำหรับเด็กได้ยังไง? โชคดีที่เฝิงหยู่คิดหาข้อแก้ตัวที่ดีออก ลีน่าเป็นอาจารย์และจะสอนในมหาวิทยาลัยในอนาคต ดังนั้นเธอควรจะเป็นคนที่ดูแลลูกของตัวเอง!
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ลีน่าได้พบกับพ่อแม่ของเฝิงหยู่ แต่เธอก็ยังหน้าแดงเพราะคราวนี้แตกต่างกัน เธอมาพบกับพ่อแม่ของเฝิงหยู่ในฐานะแฟนของเฝิงหยู่ พอจางมู่ฮวาเห็นลีน่า เธอก็จับมือของลีน่าไว้
ลีน่าไม่ได้คิดว่าจางมู่ฮวาจะมอบซองแดงให้เธอและยืนกรานให้เธอเก็บเอาไว้
เฝิงหยู่ก็พูดไม่ออก เขาทำได้เพียงบอกลีน่าให้เก็บไว้ ซองแดงนี้มีความหมายว่าพ่อแม่ของเขายอมรับเธอแล้ว
ลีน่ารู้วิธีสร้างความประทับใจให้กับพ่อแม่สามีในอนาคตของเธอ เธออาสาที่จะทำอาหารกลางวันให้ พ่อแม่ของเฝิงหยู่ยังคงชื่นชมฝีมือการทำอาหารของเธอในระหว่างรับประทานอาหารและบอกว่าฝีมือการทำอาหารของเธอนั้นไม่ต่างกับพ่อครัวระดับจักรพรรดิเลย
เฝิงหยู่รู้สึกว่าพ่อแม่ของเขาพูดเกินจริงไปหน่อย แม้ว่าลีน่าจะสามารถทำอาหารได้ แต่รสชาติก็ธรรมดามาก ไม่สามารถเทียบได้กับพ่อครัวของร้านอาหารระดับ 5 ดาวได้เลย แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพ่อแม่ของเขารู้สึกชอบลีน่า
ที่พ่อแม่ของเฝิงหยู่ชื่นชมฝีมือการอาหารของลีน่านั้นก็เพราะอาหารทั้งหมดที่ลีน่าทำมาล้วนเป็นอาหารจานโปรดของเฝิงหยู่ นี่แสดงให้เห็นว่าลีน่าสามารถดูแลลูกชายของพวกเขาได้เป็นอย่างดีในอนาคต
คืนนั้นเฝิงหยู่และลีน่าแกล้งทำเป็นเป็นเด็กดีและนอนแยกห้องกัน แต่หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เฝิงหยู่ก็แอบไปที่ห้องของ ลีน่า และพยายามเปิดประตู
ล็อค!
“ลีน่า ฉันเอง เปิดประตูหน่อย” เฝิงหยู่พูดเบาๆ
ลีน่ายังไม่หลับ เธอพุ่งไปที่ประตูแล้วถามเบาๆ “นายคิดจะทำอะไร? พ่อแม่นายก็อยู่ห้องถัดไป”
“พวกเขาหลับไปแล้ว”
“ถึงอย่างนั้นก็เหอะ เราทำแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวพวกเขาได้ยินเราขึ้นมาจะว่าไง?” ลีน่าพูด
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะเคาะละนะ” เฝิงหยู่พูด
ลีน่าแง้มเปิดประตูเล็กน้อยและเฝิงหยู่ก็เบียดตัวเข้าไปทันทีและล็อคประตูด้านหลังเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า……ไม่มีทางที่เธอจะหนีฉันพ้นได้หรอก! ฉันอยู่นี่แล้ว…….” เฝิงหยู่ผลักเธอลงบนเตียง
หลังจากพวกเขาเสร็จกิจ ลีน่าก็ผลักเฝิงหยู่ให้เขากลับไปที่ห้องของเขา แต่เฝิงหยู่ปฏิเสธและกอดลีน่าจนหลับ
เช้าวันรุ่งขึ้นลีน่าตื่นแต่เช้า เธอปลุกเฝิงหยู่ให้ตื่น เธออยากให้เฝิงหยู่กลับไปที่ห้องของเขา เฝิงหยู่ตื่นขึ้นมาและใส่ชุดชั้นในของเขา จากนั้นเขาก็เปิดประตูออกไป……และเห็นแม่ของเขากำลังทำอาหารเช้า
จางมู่ฮวา เห็นลูกชายของเขาและรีบหันหน้าหนีและแกล้งทำเป็นไม่เห็นเขา เธอยังทำอาหารเช้าต่อไปและเฝิงหยู่รีบวิ่งกลับไปที่ห้องของเขาอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อกลับมาที่ห้องของเขา เฝิงหยู่ก็รู้ว่าเขาพลาดไปแล้ว เพราะเมื่อคืนเขาลืมปิดประตูห้องตัวเอง
นั่นหมายความว่าแม่ของเฝิงหยู่รู้ว่าเขาอยู่ในห้องของลีน่าตลอดทั้งคืน ถ้าลีน่ารู้ว่าพ่อแม่ของเฝิงหยู่รู้ว่าพวกเขานอนด้วยกัน เธอจะต้องตายด้วยความอับอายแน่ๆ!
ในช่วงรับประทานอาหารเช้า พ่อแม่ของเฝิงหยู่มองไปที่พวกเขาทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกๆ ลีน่ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลังอาหารเช้ าลีน่าอยากกลับไปที่หมู่บ้าน เฝิงหยู่บอกพ่อแม่ของเขาและส่งลีน่ากลับไป
ในรถ ลีน่าหยิกเอวของเฝิงหยู่และถามเขาว่า “เมื่อเช้านี้แม่ของนายเห็นนายแอบออกจากห้องของฉันใช่มั้ย?”
“เปล่านะ! พวกเขาก็แค่เดาเพราะว่าท่าทางของเธอดูเหมือนว่าแอบไปทำอะไรผิดมาไป ตอนที่ฉันออกจากห้องไป แม่อยู่ในครัวและเธอไม่เห็นฉันนะ!” เฝิงหยู่โกหก
แม้ว่าลี่น่าจะสงสัย แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อเฝิงหยู่เท่านั้น
……
“สวัสดีครับคุณป้า คุณลุง” มือของเฝิงหยู่ นั้นเต็มไปด้วยของฝากในขณะที่ทักทายพ่อแม่ของลีน่า แม่ของลีน่ารับของขวัญจากเฝิงหยู่ แต่พ่อของลีน่าไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น
ลีน่ารู้สึกไม่พอใจและเรียกพ่อของเธอ “พ่อ……”
พ่อของลีน่าพยักหน้า “โอเค นั่งก่อนสิ เดี๋ยวค่อยดื่มกับฉันทีหลัง”
เฝิงหยู่ยิ้มทันที “ได้ครับ”
แม้ว่าเฝิงหยู่จะดื่มไม่เก่ง พ่อขอลีน่าขอให้เขาดื่มด้วย เขาก็ต้องดื่มเป็นเพื่อน แบบนี้จะพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ดีขึ้น
“ฮ่า…….” หลังจากที่ดื่มเหล้าขาวจนหมดแก้ว เฝิงหยู่dHรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย เขาแอบบ่นในใจ ฉันอุตส่าห์เอาเหล้าขาวที่มีแอลกอฮอล์ 43% มาให้ แต่ทำไมเราต้องดื่มเหล้าขาวขวดนี้ที่มีแอลกอฮอล์ 60% ด้วย?
ลีน่าหยิบอาหารขึ้นมาแล้วใส่ลงในชามของเฝิงหยู่ทันที
พ่อของลีน่าไม่พอใจ พ่อก็กำลังดื่มด้วยเหมือนกัน ทำไมเธอถึงไม่เอาอาหารมาใส่จานพ่อบ้างล่ะ?!
“เสี่ยวเฝิง! เรามาชนแก้วกันอีกรอบเถอะ!”
ชนแก้วอีกรอบหรอ? เฝิงหยู่มองที่แก้วใบใหญ่ในมือของเขา นี่คือแก้วใบใหญ่นะ เขาจะเมาแน่นอนถ้าเขาดื่มอีกแก้ว
แต่เมื่อเฝิงหยู่เห็นพ่อของลีน่าจ้องมองเขา เขาก็จำเป็นต้องทำ “ได้ครับ ชนแก้วกันครับ”
เฝิงหยู่ดื่มเหล้าขาวจนหมดแก้วภายในสองอึก ลีน่ากำลังถูหลังให้เขา และพยายามทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เธอผลักขวดเครื่องดื่มเจี้ยนลี้เปาให้เฝิงหยู่ “ดื่มนี่ซะ นายไม่ใช่คนคอแข็ง แล้วยังจะกล้ามาดื่มกับพ่อของฉันแบบนี้อีกหรอ?”
พ่อของลีน่ามองเฝิงหยู่ด้วยสีหน้าแบบชัยชนะ เขาทำท่าเหมือนจะล้อเลียนเฝิงหยู่ เป็นอะไรไปล่ะ? กลัวงั้นหรอ?
เฝิงหยู่ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ก็แค่แอลกอฮอล์ ผมไม่ได้เมามาสักระยะนึงแล้ว ผมต้องทำให้พ่อของลีน่าประทับใจในตัวผมให้ได้ภายในวันนี้! ผมพร้อมแล้ว!
“มาเลยครับคุณลุง เดี๋ยวผมรินเหล้าให้เองครับ เรามาชนแก้วกันอีกรอบเถอะครับ!”
“มันต้องแบบนี้สิ!” พ่อของลีน่าพอใจและดื่มหมดแก้วภายในอึกเดียว
“คุณคิดจะทำอะไร? เสี่ยวเฟิง รีบกินอะไรซักอย่างเร็วเข้า” แม่ของลีน่าจ้องมองสามีของเธอ
สองแก้วคือเกือบจะเป็นขีดจำกัดสูงสุดของเฝิงหยู่แล้ว แต่เขายังเป็นวัยหนุ่มและแข็งแรง เขายังสามารถรับมือกับมันได้ เขายกแก้วขึ้นอีกครั้งและชนแก้งกับพ่อของลีน่าอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เฝิงหยู่ และพ่อของลีน่าก็ดื่มเหล้าขาว 62% หมดสองขวด พ่อของลีน่าก็ไม่ใช่คนดื่มเหล้าเก่ง เขาเพียงแค่ต้องการสั่งสอนบทเรียนเฝิงหยู่เท่านั้น
พ่อของลีน่าก็เมาแล้วเช่นกัน เขาตบไหล่เฝิงหยู่และพูดว่า “เสี่ยวเฝิง นายคอแข็งเหมือนพ่อเลย คราวหน้าเรามาดื่มกันใหม่นะ”
“ได้เลยครับ……ครั้งหน้าเรามาดื่มกันอีกนะครับ”
EG บทที่ 737 จัดตั้งกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง
หลังจากที่ได้ดื่มร่วมกันในครั้งนี้ ความประทับใจของพ่อลีน่าที่มีต่อเฝิงหยู่ก็เปลี่ยนไป มีคนพูดไว้ว่าการดื่มจะทำให้ชายสองคนสนิทกันมากขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นจริง
วันรุ่งขึ้น พ่อของลีน่าตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวมาก เฝิงหยู่รู้สึกดีกว่าเขาเยอะ ไม่ใช่เพราะว่าเฝิงหยู่อายุน้อยกว่า แต่เป็นเพราะเฝิงหยู่แอบกินยาตัวล่าสุดของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงซึ่งเป็น ……ยาลดอาการเมาค้าง!
เมื่อวานนี้ เฝิงหยู่เมาแล้วค้างคืนที่บ้านของลีน่า บ้านของลีน่ามีเพียงสองห้องนอนและเฝิงหยู่นอนกับลีน่าในห้องของเธอ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลยในคืนนั้น แต่เฝิงหยู่ตื่นเต้นมากเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เวลานี้พ่อของลีน่าไม่สามารถคัดค้านความสัมพันธ์ของพวกเขาได้อีกแล้ว เขาได้นอนบนเตียงนอนของลูกสาวสุดที่รักของเขาแล้ว!
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อของลีน่าถึงเปลี่ยนทัศนคติของเขาต่อเฝิงหยู่
เฝิงหยู่ใช้เวลาทั้งวันที่หมู่บ้านและไปเยี่ยมชมฟาร์มเทียนเผิงและโรงงานอาหารก่อนกลับไปที่เมืองปิง แต่คืนนี้เขาต้องนอนคนเดียวเพราะลีน่าไม่ได้กลับมากับเขา
ให้ตายสิ! ผมมีแฟนแล้วแต่ผมก็ยังต้องนอนคนเดียว…….
……
จางรุ่ยเฉียงลงจากรถไฟและดูเหนื่อยมาก แต่เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
เขาไปพบกับรัฐบาลกลางปักกิ่งพร้อมกับหัวหน้าของเขาเพื่อเยี่ยมชมแผนกต่างๆ
รัฐบาลระดับจังหวัดแก้ไขและปรับปรุงข้อเสนอหลายรอบก่อนที่จะส่งไปยังผู้นำระดับสูง ผู้นำระดับสูงอ่านแผนการและรายงานต่อกำปั้นเหล็กจู หลังจากที่กำปั้นเหล็กจูอ่านรายงาน เขาได้เรียกซวี่ฉางโหย่วและ จางรุ่ยเฉียงมาที่สำนักงานของเขาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอนี้
โชคดีที่ซวี่ฉางโหย่วและจางรุ่ยเฉียง มีส่วนร่วมในการแก้ไขข้อเสนอนี้และคุ้นเคยกับรายละเอียดต่างๆ พวกเขาสามารถตอบคำถามของกำปั้นเหล็กจูได้หมด
กำปั้นเหล็กจูพอใจกับแผนนี้ เขายังสนใจในสิ่งที่กล่าวถึงในข้อเสนอด้วย
เกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของจีนมาโดยตลอดโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล รัฐบาลต้องการที่จะปรับปรุงและพัฒนาอุตสาหกรรมนี้อยู่เสมอ แต่ยังไม่สามารถหาวิธีการที่ดีที่จะดำเนินการได้
ข้อเสนอนี้ระบุว่าถึงวิธีการที่บริษัทจะเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรและส่งออกผลิตภัณฑ์ออกจากจังหวัดของตนและรวมถึงส่งออกไปยังต่างประเทศ
เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่กำปั้นเหล็กจูและรัฐบาลต้องการ การส่งออกมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจที่กำลังรุ่งเรืองของจีน
ซวี่ฉางโหย่ว อายุ 61 ปี ตามกฎระเบียบในปัจจุบัน สำหรับตำแหน่งของซวี่ฉางโหย่ว เขาควรเกษียณตอนอายุ 63 ปี แผนของรัฐบาลสำหรับเขาคือการย้ายเขาไปยังตำแหน่งที่อยู่เบื้องหลังหรือเข้าสู่รัฐบาลกลางเพื่อใช้เวลาที่เหลือในรัฐบาลก่อนเกษียณ
แต่ดูเหมือนว่าซวี่ฉางโหย่วไม่ต้องการออกจากตำแหน่ง เขายังมีไฟในการทำงานอยู่เลย!
หลายคนอยากให้เจ้าหน้าที่รุ่นใหม่มีบทบาทสำคัญในรัฐบาล กำปั้นเหล็กจูก็สนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน แต่เขาก็ตระหนักว่าเจ้าหน้าที่เก่าแก่พวกนี้ยังมีข้อเสนอมากมาย
ข้อเสนอสำหรับกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางนี้เขียนออกมาได้ดีมาก ซวี่ฉางโหย่ว ซึ่งเป็นผู้แนะนำแผนนี้ เป็นบุคคลที่มีความสามารถ
เนื่องจากซวี่ฉางโหย่วเป็นคนที่คิดแผนการนี้ขึ้นมาและต้องการเป็นประธานคนแรกของบริษัทนี้ เขาจึงไม่สามารถย้ายออกจากตำแหน่งได้หลังจากจัดตั้งบริษัทนี้แล้ว
หัวหน้าของจังหวัดหลงเจียงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงได้อีกในสองปีข้างหน้า ซวี่ฉางโหย่วเคยมีส่วนร่วมและทำประโยช์ให้อย่างมากในอดีต กำปั้นเหล็กจูตัดสินใจให้เขาอยู่ในตำแหน่งนี้จนกว่าเขาจะเกษียณ
เมื่อกำปั้นเหล็กจูถามซวี่ฉางโหย่วว่าเขาต้องการที่จะอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันของเขาจนกว่าจะเกษียณหรือไม่ ซวี่ฉางโหย่วก็ตอบตกลงเห็นด้วยโดยไม่ลังเล
จากคำพูดของกำปั้นเหล็กจู ซวี่ฉางโหย่วรู้ว่าเขาจะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่การที่สามารถรักษาตำแหน่งปัจจุบันของเขาไว้ได้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
นอกจากนี้ ซวี่ฉางโหย่วหวังไว้สูงมากสำหรับกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางนี้ เขาต้องการเห็นบริษัทนี้เติบโตขึ้นจริงๆ
หากบริษัทนี้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมีความสำคัญ ก็จะกลายเป็นจุดจบที่สมบูรณ์แบบสำหรับอาชีพของซวี่ฉางโหย่ว เขาก็จะภูมิใจที่สามารถบอกทุกคนว่าเขาทำอะไรให้กับจังหวัดหลงเจียงและประเทศจีนไว้บ้างหลังจากที่เขาเกษียณแล้ว!
ด้วยการสนับสนุนจากกำปั้นเหล็กจู ข้อเสนอนี้ได้รับการพูดคุยอภิปรายในระหว่างที่ประชุมคณะมุขมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซวี่ฉางโหย่วและจางรุ่ยเฉียงมีโอกาสเข้าร่วมการประชุมเพื่อตอบข้อสงสัยทั้งหมดด้วย
ซวี่ฉางโหย่วรู้จักผู้คนมากมายในที่ประชุม เพราะยังไงเขาก็ยังเป็นข้าราชการระดับสูง เขาได้ทำงานกับผู้คนมากมายในที่ประชุม แต่จางรุ่ยเฉียงกลายเป็นเด็กหน้าใหม่สำหรับพวกเขา ผู้นำหลายคนประทับใจจางรุ่ยเฉียง พวกเขารู้สึกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ
เมื่อจางรุ่ยเฉียงอธิบายถึงข้อเสนอให้ผู้นำทุกคนในที่ประชุมฟัง มีคนคนหนึ่งที่ไม่พอใจกับข้อเสนอนี้ ซึ่งก็คือผู้นำจากกระทรวงการเกษตร
ผู้นำจากกระทรวงการเกษตรคนนี้รู้ว่าแม้ว่ากระทรวงการเกษตรจะสามารถเป็นเจ้าของหุ้นบางส่วนของ บริษัทได้ แต่บริษัทจะเป็นฝ่ายเอากำไรส่วนใหญ่ไป
ซวี่ฉางโหย่วประกาศว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลในอนาคตและเขาสัญญาว่าการจ่ายเงินปันผลจะสูงกว่าที่รายได้ที่ผ่านมาของกระทรวงการเกษตร แต่ผู้นำคนนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
ฟาร์มของรัฐควรเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในบริษัทนี้ กระทรวงการเกษตรควรเป็นผู้นำในบริษัทนี้ หากรัฐบาลของจังหวัดหลงเจียงจัดตั้งกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง กระทรวงการเกษตรจะสูญเสียอำนาจที่มีต่อฟาร์ม
บริษัทนี้มีศักยภาพสูงและรายได้ส่วนใหญ่ในอนาคตจะเข้าสู่กระเป๋าของรัฐบาลจังหวัดหลงเจียง ซวี่ฉางโหย่วทำให้ดูเหมือนว่ากระทรวงการเกษตรใช้ประโยชน์จากพวกเขา แบบนี้มันมากเกินไป ซวี่ฉางโหย่วให้ส่วนแบ่งน้อยเกินไป พวกคุณทุกคนไม่ควรได้รับหุ้นส่วนใหญ่เพียงเพราะว่าพวกคุณเป็นเสนอความคิดนี้ขึ้นมา!
ผู้นำคนอื่นไม่มีข้อคัดค้าน เพราะยังไงการจัดตั้งค่าบริษัทนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขามากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกำปั้นเหล็กจูพูดก่อนหน้านี้ ฟังดูแล้วเหมือนเขาจะสนับสนุนข้อเสนอนี้ ผู้นำคนอื่นๆ ก็รู้สึกว่ากลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางนี้ดูมีอนาคตที่สดใส พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องคัดค้าน
คนส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ก็จะเงียบเพราะมีคนคัดค้านก่อนหน้าพวกเขาแล้ว
จางรุ่ยเฉียงเริ่มจัดการกับพวกที่เสนอข้อคัดค้านทั้งหมดและอธิบายถึงความสำคัญของบริษัทนี้ต่อจังหวัดหลงเจียง เขาพยายามที่จะพูดว่าพวกเขาเป็นคนที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาและควรเป็นคนที่ดำเนินการเรื่องนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแย่งโครงการนี้ไปจากพวกเรา
หลังจากการถกเถียงกันหลายรอบ กำปั้นเหล็กจูได้สรุปและประกาศว่ารัฐบาลจังหวัดหลงเจียงจะเป็นผู้นำในโครงการกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางนี้ รัฐบาลกลางจะช่วยเหลือบริษัทนี้โดยเสนอเงินอุดหนุนพิเศษและเงินจำนวน 1 พันล้านหยวน
จำนวนเงินที่รัฐบาลกลางกำหนดให้นั้นห่างจากเงินทุนตั้งต้น 10,000 ล้านที่ระบุไว้ในข้อเสนอ รัฐบาลจังหวัดหลงเจียงจะระดมเงินทุน 5 พันล้านเอง แล้วกู้จากธนาคารอีก 1.5 พันล้าน ซึ่งก็น่าจะเพียงพอที่จะจัดตั้งบริษัทได้ หากบริษัทขาดเงินทุนในอนาคต พวกเขาก็สามารถรับเงินกู้ยืมจากธนาคารหรือรัฐบาลกลางได้
……….
2 เดือนหลังจากการเยี่ยมหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติ และกระทรวงการคลังก็อนุมัติปล่อยเงินทุน ซวี่ฉางโหย่วอยู่ในปักกิ่งเพื่อขอเงินอุดหนุนเพิ่มเติมและจางรุ่ยเฉียงกลับไปที่เมืองปิงก่อน
3 วันต่อมากลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางได้จดทะเบียนและเริ่มการดำเนินงาน!
EG บทที่ 738 กลยุทธ์ที่ดี
กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง ได้รับการจัดตั้งขึ้นและเริ่มดำเนินการแล้ว ก่อนอื่นพวกเขาจะต้องจัดการปัญหาในการยอมให้ฟาร์มของรัฐพวกนั้นเข้าลงทุนในบริษัทนี้ มีฟาร์มของรัฐมากกว่า 100 แห่งและพื้นที่ที่ดินของทุกฟาร์มและจำนวนประชากรมีความแตกต่างกัน
มีฟาร์มขนาดเล็กมากเกินไปและกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ของตัวเอง หน่วยงานของรัฐที่ดูแลอยู่จะจัดตั้งบริษัทของตัวเอง แบบนี้บริษัทที่ตั้งขึ้นโดยสำนักงานกระทรวงการเกษตรทั้ง 9 แห่งจะกลายเป็น บริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง และหลังจากให้ฟาร์มที่พวกเขาเป็นเจ้าของเองลงทุนในบริษัท
ในระหว่างการประเมินมูลค่า ฟาร์มของรัฐมีมูลค่าต่ำมากและลดสัดส่วนของหุ้นที่กระทรวงการเกษตรอาจเป็นเจ้าของได้
กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางยังไม่สามารถหาป่าตามที่ต้องการได้ นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการก่อตั้งบริษัทการป่าไม้ที่รัฐเป็นเจ้าของขึ้นในจังหวัดหลงเจียง รัฐบาลระดับจังหวัดยังรู้เกี่ยวกับบริษัทนี้ แต่พวกเขาต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางเพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัทนี้
แต่สำนักงานกิจการป่าไม้แห่งรัฐไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้อย่างมาก กลุ่มบริษัทการป่าไม้หลงเจียงเป็น บริษัททดสอบนำร่องแห่งแรกของจีนในอุตสาหกรรมนี้และทำได้ดีมาก บริษัทนี้จะไปควบรวมกับพวกคุณได้ยังไง?
ในข้อเสนอของซวี่ฉางโหย่ว ได้กล่าวถึงแผนการพัฒนาสำหรับอุตสาหกรรมป่าไม้ กลุ่มบริษัทการป่าไม้หลงเจียงแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดหลงเจียง ผู้นำจากสำนักงานกิจการป่าไม้แห่งรัฐรู้สึกว่าพวกเขาสามารถดำเนินการตามแผนของซวี่ฉางโหย่วได้เอง สุดท้ายแล้วพวกเขาจะยังคงต้องจ่ายภาษีของรัฐบาลระดับจังหวัดอยู่ดี
ในข้อเสนอของคุณ คุณพูดถึงข้อดีของการควบรวมกิจการและการมีฝ่ายบริหารเพียงแค่หนึ่งชุด แต่เราสามารถร่วมมือกันได้ กลุ่มบริษัทการป่าไม้หลงเจียงของเราสามารถร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง เรากำลังพัฒนาวัสดุก่อสร้าง การสร้างแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์อาหารป่า สมุนไพร การเพาะปลูก และอื่นๆ ตอนนี้ เราไม่ต้องการให้จังหวัดหลงเจียงเข้ามาแทรกแซงการดำเนินงานของเรา
การจัดตั้งกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางทำให้รัฐบาลจังหลัดหลงเจียงได้รับประโยชน์มากมาย พวกเขาได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลางและควบคุมฟาร์มของรัฐ กลุ่มบริษัทการป่าไม้หลงเจียงdHได้รับประโยชน์จากกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางเช่นกัน
รัฐบาลจังหวัดหลงเจียงต้องการขยายอำนาจไปยังกลุ่มบริษัทการป่าไม้หลงเจียง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ซวี่ฉางโหย่วได้รับการสนับสนุนจากผู้นำระดับสูงบางคน เขาได้รับอนุญาตให้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทการป่าไม้หลงเจียงและมีอำนาจในการตัดสินใจสูงสุดในเรื่องเกี่ยวกับความร่วมมือ
การที่จะทำตามแผนนี้ต้องใช้เวลานาน แต่โชคดีที่รัฐบาลระดับจังหวัดมีพนักงานที่มีความสามารถจำนวนมาก พวกเขาสามารถกำหนดขอบเขตหลักของข้อเสนอนี้ได้ พวกเขาคาดการณ์ว่าจะขาดทุนบ้างในปีนี้ แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าสำหรับพวกเขาคือการจัดตั้งค่าแบรนด์ย่อย
ทุกคนรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ธัญพืชและเนื้อสัตว์สามารถใช้ยี่ห้อเป่ยต้าฉางได้ เหล้าขาวยี่ห้อเป่ยต้าฉางก็ถูกควบรวมเข้ากับกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางด้วย โรงงานเหล้าขาวขนาดเล็กทั้งหมดก็ถูกเข้าซื้อกิจการเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นและพัฒนาแบรนด์เดียว
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลระดับจังหวัดพูดคุยหารือกันและรู้สึกว่ายี่ห้อเป่ยต้าฉางน่าจะรวมพวกผลิตภัณฑ์เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อหมู สัตว์ปีก แป้ง แป้ง เหล้าขาว และอื่นๆ เข้าไปด้วย
ยังมีแบรนด์สินค้าเกษตรจำนวนมากในจังหวัด ซึ่งรวมถึงเต้าเจี้ยวยี่ห้อเป่า ข้าวอู๋ฉาง และอื่นๆ
แต่มีความคิดเห็นต่างกันสำหรับเรื่องน้ำตาลและน้ำมันถั่วเหลือง
ธุรกิจในท้องถิ่นต่างต้องการให้แบรนด์ของพวกเขาได้รับเลือกจากกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง พวกเขาต้องการกำจัดแบรนด์อื่นและให้ตัวเองกลายเป็นแบรนด์เดียวที่เหลืออยู่ แต่แบรนด์พวกนี้ยังไม่มีชื่อเสียงเลย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ที่ไม่มีคนรู้จักแม้แต่ในจังหวัดหลงเจียงเองก็ตาม อย่าว่าแต่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลย มีเพียงผู้บริโภคบางรายเท่านั้นที่ได้ยินแบรนด์ของพวกเขาในเมืองท้องถิ่น
แบรนด์น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำตาลที่โด่งดังที่สุดในจังหวัดหลงเจียงและทั้งประเทศคือแบรนด์ไหน? ก็คือแบรนด์ไท่หัวนั่นเอง!
เป็นเพราะแบรนด์ไท่หัวเลยทำให้ผู้บริโภคไม่รู้จักแบรนด์ท้องถิ่นอื่นๆ มันเป็นเพราะว่าก่อนที่แบรนด์ไท่หัวจะปรากฏตัวขึ้น บริษัทพวกนี้ไม่มีแนวคิดในการสร้างแบรนด์ สำหรับพวกเขาแล้ว ผลิตภัณฑ์พวกนี้เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานและผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องเลือกแบรนด์
หลังจากที่น้ำมันปรุงอาหารพรีเมี่ยมไท่หัวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ไท่หัววางจำหน่ายในตลาด บริษัท พวกนี้ก็ได้เห็นผลลัพธ์ของการสร้างแบรนด์และเริ่มพัฒนาแบรนด์ของตนเอง แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ซวี่ฉางโหย่วไม่พอใจกับแบรนด์พวกนี้เลย ไม่มีใครเคยได้ยินยี่ห้อพวกนี้ และอะไรคือความแตกต่างระหว่างการใช้แบรนด์พวกนี้กับการสร้างแบรนด์ใหม่ พวกเขาอาจจะเอาแบรนด์เป่ยต้าฉางไปใช้เป็นแบรนด์ของตัวเองก็ได้!
แต่มีคนคัดค้านข้อเสนอแนะนี้ แบรนด์เป่ยต้าฉางมีผลิตภัณฑ์มากเกินไป มีทั้งเนื้อสัตว์ แป้ง แอลกอฮอล์ และถ้าพวกเขาเพิ่มน้ำตาลและน้ำมันปรุงอาหารเข้าไปอีก ก็จะมีความหลากหลายมากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือพวกเขาจะแข่งขันกับแบรนด์ไท่หัว!
แบรนด์ไท่หัวยังขายน้ำมันปรุงอาหาร น้ำตาล เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์อาหารที่เกี่ยวข้องกับหมูด้วย พวกเขาจะขายผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันและจะต้องแข่งขันกับไท่หัว พวกเขาจะต้องปวดหัวอย่างมากว่าจะแข่งขันกับ บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวได้อย่างไร
บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวได้จัดตั้งสำนักงานสาขาใน 3 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วและบางจังหวัดทางภาคใต้ ช่องทางการจัดจำหน่ายและการสร้างแบรนด์ของพวกเขานำหน้ากลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางไปไกลมาก แล้วพวกเขาจะเอาชนะบริษัทนี้ได้ยังไง?
ซวี่ฉางโหย่วขมวดคิ้ว ทำไมคุณถึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ก่อนที่จะจัดตั้งกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง? มาพูดตอนนี้แล้วเราจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง?
ไม่มีใครสามารถตอบคำถามของซวี่ฉางโหย่วได้ พวกเขาต้องแข่งขันกับบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวจริงๆ หรอ? ดูแค่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวสิ แล้วคุณจะรู้ว่าแบรนด์ไท่หัวมีชื่อเสียงแค่ไหน
พวกเขาสามารถเอาชนะแบรนด์ดังแบบนี้ได้หรอ? ทุกคนรู้ว่าเจ้าของบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทเครื่องจักรเมืองปิง และเขาก็เป็นพ่อของเฝิงหยู่ด้วย
เมื่อทุกคนนึกถึงเฝิงหยู่ พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะต้องแพ้แน่นอน ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเฝิงหยู่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า! พวกเขาต้องถูกโจมตีจนพ่ายแพ้แน่นอน
น่าเสียดายที่จางรุ่ยเฉียงไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ในกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง หากจางรุ่ยเฉียงสามารถเป็นตัวแทนของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางเพื่อไปเจรจากับเฝิงหยู่ได้ ปัญหานี้ก็อาจจะได้รับการแก้ไข ทุกคนในรัฐบาลระดับจังหวัดรู้ว่าจางรุ่ยเฉียงและเฝิงหยู่สนิทกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด
หากพวกเขาทำให้จางรุ่ยเฉียงไปเจรจากับเฝิงหยู่ได้แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ในกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางก็ตาม ก็จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไร้ประโยชน์มากขนาดไหน
ตอนนี้มีบางคนค่อยๆ ยกมือ
“คุณมีข้อเสนอแนะหรอ?” ซวี่ฉางโหย่วเปิดรับฟังข้อเสนอแนะทั้งหมด
“เราร่วมมือกับบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวไม่ได้หรอครับ?”
“ร่วมมือหรอ? เราจะไปร่วมมือกับพวกเขาได้ยังไง? เหมือนบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงงั้นหรอ? หลังจากที่เราร่วมมือกับพวกเขา พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นหลัก” มีคนคัดค้านข้อเสนอแนะนี้ทันที
ความรู้สึกนี้เหมือนกับการส่งลูกไปโรงเรียนและลูกก็เปลี่ยนไปใช้นามสกุลของครู แม้ว่าเด็กจะได้รับการศึกษาและสามารถหาเงินได้ เด็กคนนี้ก็ไม่ได้เป็นลูกของพวกเขาอีกต่อไป!
“มันจะเป็นไปได้ยังไง?! กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางของเรามีมูลค่าเท่าไหร่และบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวมีมูลค่าเท่าไหร่กัน? อีกอย่าง ผมบอกว่าเราจะร่วมมือกับพวกเขา ไม่ได้หมายความว่าจะควบรวมกิจการกับพวกเขาสักหน่อย มันก็เหมือนกับวิธีที่เราทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัทการป่าไม้หลงเจียงนั่นแหละ”
“อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมซิ” ซวี่ฉางโหย่วเริ่มสนใจ
“เราสามารถร่วมมือกันเพื่อพัฒนาแบรนด์ได้ น้ำตาลและน้ำมันปรุงอาหารแบรนด์ไท่หัวมีชื่อเสียงใช่มั้ยครับ? งั้นน้ำตาลและน้ำมันปรุงอาหารของเราก็สามารถขายภายใต้แบรนด์ของพวกเขาได้ เดี๋ยวก่อนนะครับ ผมขอพูดให้จบก่อน เราสามารถเพิ่มแบรนด์เป่ยต้าฉางของเราไว้อยู่เหนือแบรนด์ไท่หัวบนบรรจุภัณฑ์ได้! แบบนี้ผู้บริโภคจะคิดว่าแบรนด์ไท่หัวถูกกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางเข้าซื้อกิจการแล้ว ผู้บริโภคจะนึกถึงกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางทุกครั้งที่พวกเขาซื้อผลิตภัณฑ์ของไท่หัว!”
ทุกคนในห้องประชุมปรบมือ กลยุทธ์นี้อาจดูเหมือนชั่วร้าย แต่ถ้าพวกเขาประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ได้!
EG บทที่ 739 ความร่วมมือในการสร้างแบรนด์
“ผมควรเรียนคุณว่าผู้จัดการหนิวหรือผู้อำนวยการหนิวดีครับ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมมาที่นี่เพื่อพูดคุยธุรกิจกับคุณในฐานะผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง คุณเรียกผมว่าผู้จัดการหนิวหรือคุณอาหนิวก็ได้” หนิวคุนตอบ
เฝิงหยู่รู้สึกว่าหนิวคุนคนนี้เสแสร้งทำเป็นเป็นญาติดีกับเขาเท่านั้น เขาแค่อยากจะใกล้ชิดกับเฝิงหยู่มากขึ้น เขาต้องมีแผนอะไรสักอย่างแน่ๆ
“คุยเรื่องธุรกิจ? ธุรกิจอะไรหรอครับ?”
“ความร่วมมือของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางกับบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัว!”
“ผู้จัดการหนิวครับ ผมว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวไม่ใช่บริษัทของผมนะครับ” เฝิงหยู่ตอบอย่างใจเย็น
“เราได้ติดต่อกับพ่อของคุณแล้ว แต่พ่อของคุณดูเหมือนจะไม่สนใจที่จะจัดการกับเรื่องพวกนี้ ผู้จัดการจางก็ไปทำงานที่เทียนจินและยังไม่กลับมาเร็วๆ นี้ นี่คือเหตุผลที่ผมมาหาคุณน่ะครับ” หนิวคุนรู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน การติดต่อกับเฝิงซิ่งไท่นั้นง่ายกว่าการติดต่อกับเฝิงหยู่เสียอีก
แต่เฝิงซิ่งไท่บอกหนิวคุนว่าเขากำลังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลและไม่มีเวลาสำหรับเรื่องพวกนี้ เขาบอกให้หนิวคุนไปหาเฝิงหยู่หรือไม่ก็จางหมิง ให้ตายสิ คุณอยู่ที่โรงพยาบาลของลูกสะใภ้ โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคุณยังมีพยาบาล 2 คนคอยดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง คุณกำลังบอกผมว่าคุณไม่มีเวลางั้นหรอ?!
รัฐบาลระดับจังหวัดติดต่อจางหมิง แต่จางหมิงอยู่ที่เทียนจินและจะไม่กลับมาจนกว่าจะอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า นี่คือสาเหตุที่พวกเขาต้องมาหาเฝิงหยู่
“ทุกคนต้องการความร่วมมืออะไรครับ?” เฝิงหยู่ถาม
เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะให้ความร่วมมือเนื่องจากทั้งสองบริษัทดำเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เฝิงหยู่ก็อยากวมมือกับเป่ยต้าฉาง แต่เขาถูกจางรุ่ยเฉียงปฏิเสธ จางรุ่ยเฉียงเป็นห่วงว่าเฝิงหยู่จะเข้าครอบครองกิจการของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง
“ผู้จัดการเฝิงครับ กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางต้องการความร่วมมือในการสร้างแบรนด์กับบริษัทแปรรูปอาหาร ไท่หัวครับ”
ความร่วมมือในการสร้างแบรนด์หรอ? ร่วมสร้างตราสินค้างั้นหรอ? ให้ตายสิ! เจ้าหน้าที่รัฐพวกนี้รู้เรื่องการสร้างแบรนด์ร่วมแล้วงั้นหรอ?
ความร่วมมือในการสร้างแบรนด์เป็นเรื่องปกติในอนาคต ตัวอย่างเช่น FAW-Volvo, Panasonic-Wuxi Little Swan เป็นต้น ประโยชน์ของการทำงานร่วมกันดังกล่าวคือการใช้ประโยชน์จากอีกแบรนด์เพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของตนเอง
แต่หลักเกณฑ์ของความร่วมมือดังกล่าวคือทั้งสองแบรนด์ต้องมีความเท่าเทียมกันและได้ผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เฝิงหยู่ไม่คิดว่าบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวและหมูเทียนเผิงจะได้ประโยชน์อะไรจากกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง ความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางฝ่ายเดียว!
หากกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางอยู่ในตลาดมาสองสามปีและเป็นที่รู้จักทั่วทั้งประเทศแล้ว เรื่องนี้ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ สำหรับความร่วมมือนี้ เฝิงหยู่จะต้องแน่ใจว่าแบรนด์ไท่หัวจะต้องอยู่เหนือกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางในการทำงานร่วมกัน
แต่ตอนนี้? คุณล้อผมเล่นใช่มั้ย?!
“ผู้จัดการหนิว คุณล้อผมเล่นหรอครับ? แบรนด์ไท่หัวของเราจะไปเทียบกับกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางได้ยังไงครับ?” เฝิงหยู่จงใจถาม
หนิวคุนรู้ว่าเฝิงหยู่ประชด จริงๆ แล้วเขาพยายามจะพูดว่าเป่ยต้าฉางไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะร่วมมือกับแบรนด์ไท่หัว!
“ผู้จัดการเฝิงครับ เงินทุนเริ่มต้นของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางคือ 5 พันล้าน เราเป็นบริษัทผู้ผลิตด้านการเกษตรขนาดใหญ่ เราจะเพิ่มทุนของเราต่อไปในอนาคต”
เฝิงหยู่ยกมือขึ้นทันทีเพื่อหยุดหนิวคุนไม่ให้พูดโอ้อวด “ผมรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางมากกว่าคุณอีกครับ ที่กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางสามารถจัดตั้งขึ้นมาได้ก็เพราะคำแนะนำของผม ผมจะบอกคุณตรงๆ นะครับ เงินทุนเริ่มต้นของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางอาจจะดูเยอะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทนี้กลวงมาก รัฐบาลกลางและรัฐบาลระดับจังหวัดอาจลงทุนมากในบริษัทนี้ แต่ปัญหาเรื่องเงินทุนของบริษัทก็คือมันไม่เพียงพอ! แล้วคุณยังจะกล้าบอกผมว่ากลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางมีเงินเท่าไหร่อีกหรอครับ?”
อยากคุยโม้ต่อหน้าผมงั้นหรอ? เป็นเพราะคุณมีรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนอยู่ต่างหากล่ะ ถ้านี่เป็นบริษัทเอกชน ผมว่าไม่ถึง 3 เดือนหรอกเจ๊งแน่นอน! ข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทนี้คือเงินทุน!
เงินที่ได้จากผู้นำระดับสูงนั้นจะต้องถูกนำมาใช้เพื่อซื้อเครื่องจักร จากนั้นก็จะเข้าซื้อกิจการของโรงงานขนาดเล็ก พวกเขาจะใช้จ่ายเงินอย่างมีความสุข เฝิงหยู่ได้ยินว่ามีโรงงานผลิตน้ำมันปรุงอาหารขนาดเล็กซึ่งมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 หยวนและผู้คนในกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางต้องใช้เงินมากกว่า 1 ล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการ!
ไม่น่าแปลกใจที่ในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่มีคำพูดที่ว่าบริษัทของรัฐและรัฐวิสาหกิจเป็นพวกที่ไม่รู้จักใช้เงิน ขนาดเงินหมื่นล้านหยวนก็ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา!
เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เขาได้ยินมาว่าผู้คนชอบทำธุรกิจกับรัฐบาล บางสิ่งที่มีมูลค่าแค่หมื่นสามารถขายให้พวกเขาได้ในราคาสองสามแสน นอกจากนี้ นักธุรกิจยังสามารถซื้อสินค้ามูลค่าไม่กี่ล้านจากรัฐบาลได้ด้วยเพียงเงินไม่กี่แสน!
มีบางอย่างผิดปกติกับบริษัทนี้! หากไม่ใช่การทุจริต นั่นหมายความว่าคนพวกนั้นไร้ประโยชน์มาก พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบว่าพวกเขาถูกหลอกหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางเป็นฝ่ายที่ขาดทุน
หากกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางบริหารงานโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหรือบุคคลที่มีความสามารถ กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้เฝิงหยู่รู้สึกว่ากลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางจัดตั้งขึ้นมาเร็วเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีเพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนใหญ่ยังมีความคิดแบบเดิม พวกเขายังไม่เคยเจอเหตุการณ์ปลดพนักงานจำนวนมากในปี 1997 และกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายก่อนที่จะเติบโตไปเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก
หนิวคุนรู้สึกอับอายจากการตอบโต้ของเฝิงหยู่ แต่เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางที่จะต้องร่วมมือกับบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวหากพวกเขาต้องการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะแรก การรับรู้แบรนด์ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วจากความร่วมมือครั้งนี้และนี่เป็นวิธีที่ประหยัดเงินที่สุดด้วย
เฝิงหยู่พูดถูก กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางไม่มีเงิน หากพวกเขามีเงิน พวกเขาคงจะโฆษณาไปทั่วประเทศจีนและสร้างแบรนด์ของพวกเขาเองได้ภายในไม่กี่เดือน
ความร่วมมือในการสร้างแบรนด์จะช่วยกำจัดคู่แข่งที่แข็งแกร่งหนึ่งราย และยังส่งเสริมแบรนด์ของพวกเขาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางมีอยู่ในขณะนี้
แต่ดูเหมือนว่าเฝิงหยู่จะไม่สนใจ และหนิวคุนก็ทนกับทัศนคติของเฝิงหยู่ไม่ไหวเหมือนกัน แต่เขาต้องอดทนกับเฝิงหยู่เนื่องจากเขาต้องทำให้ความร่วมมือนี้ประสบความสำเร็จให้ได้!
“ผู้จัดการเฝิงครับ กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางของเรามีทรัพยากรการเกษตรมากมาย อีกอย่างคุณไม่อยากให้บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวพัฒนามากขึ้นกว่าเดิมหรอครับ? เราไม่ได้จะร่วมมือกันสร้างแบรนด์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะครับ แต่เรายังให้ความร่วมมือในด้านอื่นๆ ด้วย” หนิวคุนพยายามโน้มน้าวเฝิงหยู่อีกครั้ง
เฝิงหยู่สนใจที่จะร่วมมือในด้านอื่นๆ สินค้าหลักที่สำคัญของบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวคือหมูเทียนเผิง อาหารสัตว์ไท่หัว และสุดท้ายคือน้ำมันถั่วเหลืองพรีเมี่ยมไท่หัว ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของพวกเขา เช่น แฮมเทียนเผิง และอื่นๆ เป็นเพียงผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากหมูเทียนเผิงเท่านั้น
มันยังคงแตกต่างอย่างมากจากอาณาจักรเนื้อสัตว์ที่เฝิงหยู่ต้องการสร้างในอดีต นอกจากนี้ แบรนด์เทียนเผิงอาจจะสามารถผลิตได้เฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับหมูเท่านั้น แฮมเทียนเผิงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ แต่ยอดขายไม่ดีนัก จางหมิงถึงขนาดถามเฝิงหยู่ว่าพวกเขาควรจดทะเบียนแบรนด์อย่าง Bull Demon King สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อหรือไม่!
เฝิงหยู่ยังไม่รู้ว่าแบบนี้จะได้ผลหรือเปล่า หมูเทียนเผิงเป็นที่แพร่หลายทั่วประเทศจีนเนื่องจากในอดีตมีการขาดแคลนเนื้อหมู เนื้อหมูยังเป็นเนื้อสัตว์ที่ชาวจีนรับประทานกันมากที่สุด เป็นเพราะหมูมีไขมันมากกว่าและรสชาติดีกว่า
แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีผู้คนมากมายในเมืองที่ซื้อเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ซึ่งหมายความว่าความต้องการเนื้อวัวและเนื้อแกะจะเพิ่มขึ้น หากกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางจัดหาเนื้อวัวและเนื้อแกะให้กับบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวที่จะนำไปวาจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว ก็จะมีผลกำไรเยอะมาก
“คุณต้องการร่วมมือยังไงครับ? ว่ามาเลย”
EG บทที่ 740 คุณคิดว่าผมโง่หรอ?
“กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางของเรามีฟาร์มขยายพันธุ์สัตว์เพาะปลูกและฟาร์มสำหรับพืชไร่ทุกประเภท นี่คือสิ่งที่ บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวต้องการใช่มั้ยครับ?”
เฝิงหยู่พยักหน้ารับ เขาพูดถูก บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวมีแค่ฟาร์มหมูเท่านั้น ฟาร์มหมูเทียนเผิง ซึ่งเป็นฟาร์มหมูที่ทันสมัยและโดดเด่นที่สุดในประเทศจีน
“เรามีความได้เปรียบมากกว่าในด้านนี้ พื้นที่ทั้งหมดของจีนหรือแม้แต่เอเชีย เราก็มีข้อได้เปรียบมากที่สุดใช่มั้ยครับ?”
เฝิงหยู่ส่ายหน้า “นั่นคือหลังจากที่กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางเติบโตและพัฒนาแล้วครับ แต่ตอนนี้ฟาร์มวัวและแพะของคุณสามารถเทียบกับภาคตะวันตกเฉียงเหนือได้แล้วหรอ? พืชไร่ของคุณเทียบกับมณฑลซานตงได้แล้วหรอ? อย่ามาพูดถึงเอเชียเลยครับ แค่ในประเทศจีนพวกคุณก็ยังไม่ใช่กลุ่มที่ดีที่สุดเลย”
นี่เคือการเจรจาต่อรอง เฝิงหยู่ต้องเทน้ำเย็นใส่อีกฝ่าย ถ้าเฝิงหยู่เห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นั่นหมายความเขาจะยอมให้อีกฝ่ายเป็นคนกำหนดเงื่อนไขทั้งหมด
“ผู้จัดการเฝิงครับ คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เรามีทำเลพื้นที่และศักยภาพที่สำคัญมากที่สุด ที่เหลือก็แค่เป็นเรื่องของเวลาที่เราจะกลายมาเป็นบริษัทผลิตสินค้าทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” หนิวคุนพูด เขาเริ่มโมโหนิดนึงกับสิ่งที่เฝิงหยู่พูด
“ก็อาจจะเป็นไปได้ พูดต่อสิครับ” เฝิงหยู่ยักไหล่ ก่อนที่เฝิงหยู่จะกลับมาเกิดในชาตินี้ การผลิตของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางไม่เคยเกินมณฑลซานตงได้เลย การฟื้นฟูป่าและทุ่งหญ้า การอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ และอื่นๆ เป็นการลดจำนวนฟาร์มในจังหวัดหลงเจียง พื้นที่ไร้ประโยชน์ที่ได้รับการเพาะปลูกในตอนนี้จะต้องกลับคืนสู่สภาพเดิมในอีก 10 ปีต่อมา
“เรามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวมีผลิตภัณฑ์เพียงแค่ไม่กี่อย่าง นี่คือเหตุผลที่เราต้องร่วมมือกันสร้างแบรนด์ของเรา เราจะพิมพ์แบรนด์ของทั้งสองบริษัทลงบนบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าทั้งหมดของเรา ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถช่วยกันเพิ่มอิทธิพลให้แบรนด์ได้”
“เดี๋ยวนะครับ ช่วยกันเพิ่มการรับรู้แบรนด์งั้นหรอ? แบรนด์ของพวกคุณมีอิทธิพลตรงไหนหรอครับ? คุณจะช่วยแบรนด์ของเราได้ยังไง? ขนาดในจังหวัดหลงเจียงแบรนด์ของคุณยังไม่โด่งดังเท่าแบรนด์ของผมเลย ยิ่งที่อื่นๆ ในประเทศยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผลิตภัณฑ์ของเราถึงขนาดถูกส่งออกไปยังยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยนะครับ!”
แฮมเทียนเผิงถูกส่งออกไปยังฮ่องกงและถือว่าเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังวางจำหน่ายในมอสโก ซึ่งถือว่าเป็นยุโรปด้วย!
“ผู้จัดการเฝิงครับ จุดขายของแบรนด์เราคือผลิตภัณฑ์จากดินดำและการเกษตรสมัยใหม่ การผสมพันธุ์และการทำเกษตรระบบนิเวศธรรมชาติ ไม่มีบริษัทไหนในประเทศจีนที่เหมือนเราเลยนะครับ”
ห้ะ? ตอนนี้มีแนวคิดการทำเกษตรระบบนิเวศธรรมชาติแล้วหรอ?!
การทำเกษตรระบบนิเวศธรรมชาติยังเป็นที่รู้จักกันในนามผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคธรรมชาติที่ปลอดภัย ประเทศจีนมีมาตรฐานและโลโก้สำหรับอาหารประเภทนี้ และคำว่า อาหารจากธรรมชาติ นี้เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 1990 แต่คนก็ยังยากจนอยู่และไม่มีใครสนใจว่าอาหารที่ตัวเองรับประทานนั้นจะเป็นพวกออร์แกนิคหรือมาจากธรรมชาติหรือเปล่า พวกเขาแค่ต้องการกินเพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้น
แต่ตอนนี้มันต่างกันแล้ว เงินเดือนโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเยอะมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา เงินเดือนของบริษัท เอกชนและต่างประเทศมีจำนวนเงินสูงที่สุด ผู้คนจำนวนมากที่นั่นได้รับเงินเดือนมากกว่า 1,000 หยวนต่อเดือน ผู้นำบางคนได้มากกว่า 10,000 หยวนด้วยซ้ำ
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีการเพิ่มขึ้นของบริษัทเอกชนจำนวนมาก มีคนร่ำรวยมากขึ้นและคนพวกนี้เริ่มให้ความสนใจกับสุขภาพของเด็กๆ นี่เป็นเวลาที่จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารจากธรรมชาติและเข้าครองตลาดหุ้น
เฝิงหยู่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครสักคนในกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางที่จะแนะนำการขายผลิตภัณฑ์ผ่านฉลากอาหารจากธรรมชาติ ดูเหมือนว่ายังพอมีคนฉลาดจำนวนมากในรัฐวิสาหกิจ
“การทำเกษตรระบบนิเวศธรรมชาติเป็นจุดขายที่ดี ว่าแต่พวกคุณได้รับการรับรองสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารจากธรรมชาติแล้วหรอ? เฝิงหยู่ถามหนิวคุน
“ฟาร์มของเราปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งกระบวนการ การผลิต สุขลักษณะ คุณภาพ และอื่นๆ ล้วนผ่านการรับรองทั้งหมด เราจะได้รับการรับรองนี้อย่างง่ายดาย เราทำเรื่องยื่นขอไปแล้วด้วย และน่าจะได้รับการอนุมัติภายในเดือนนี้ครับ” หนิวคุนยิ้มอย่างมั่นใจ
พวกเขาเป็นรัฐวิสาหกิจและการรับรองนี้ออกโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นคนของพวกเขาเอง ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา พวกเขาก็สามารถปกปิดได้!
“ตกลง ผมเริ่มสนใจเรื่องการทำเกษตรระบบนิเวศธรรมชาติขึ้นมาเล็กน้อยละ ถึงแม้ว่าเราจะสามารถขอใบรับรองนี้ได้ แต่เหตุผลนี้ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับผมที่จะตอบตกลงเห็นด้วยกับความร่วมมือครั้งนี้”
เฝิงหยู่เชื่อว่าเขาก็จะได้รับการรับรองด้วยเช่นกัน ถ้าใครก็ตามในรัฐบาลจงใจขัดขวางเขาจากการขอการรับรองนี้ เขามั่นใจว่าคนๆ นั้นจะถูกไล่ออกจากรัฐบาลแน่นอน!
“นอกจากนี้ เรายังเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลางด้วย เราเป็นบริษัทแรกและจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรม เรามีเงินอุดหนุนมากกว่าพวกคุณทุกคน หากผลิตภัณฑ์ของคุณพิมพ์โลโก้และแบรนด์ของเรา คุณก็จะได้ประโยชน์จากเงินอุดหนุนภาษีไปด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก”
“งั้นคุณบอกผมได้มั้ยว่าเราจะได้รับการลดหย่อนภาษีเท่าไหร่ถ้าเราพิมพ์โลโก้ของคุณลงบนบรรจุภัณฑ์? แบบนี้ถือว่าถูกกฎหมายใช่มั้ยครับ? ผมไม่อยากมีปัญหาเรื่องการเลี่ยงภาษีในอนาคต” เฝิงหยู่มองหนิวคุนด้วยหางตาของเขา
การลดหย่อนภาษีและเงินอุดหนุนไม่ได้ขึ้นอยู่กับแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ แต่มันขึ้นอยู่กับบริษัท กลุ่มบริษัท เป่ยต้าฉางได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวไม่ได้รับสิทธิ์นั้น หากเฝิงหยู่เชื่อในสิ่งที่หนิวคุนพูด ในอนาคตบริษัทของเขาจะประสบปัญหาได้!
“ตราบใดที่พวกเรายังอยู่ เรื่องนี้จะถูกกฎหมายแน่นอนครับ!”
“นั่นคือสิ่งที่คุณพูด บอกตามตรงผมไม่เชื่อใจคุณ!” เฝิงหยู่บอกกับหนิวคุนตรงๆ
หนิวคุนรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เขากล่าวต่อว่า “เราจะให้บริษัทของคุณขายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเรา ผลกำไรจากข้อตกลงนี้น่าจะค่อนข้างสูง”
“ถูกต้องครับ หากเป็นผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง ผลกำไรจะสูงมากแน่นอน แต่พวกคุณสามารถไปหาคนอื่นให้มาเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักของคุณก็ได้นิ พวกคุณสามารถจัดตั้งช่องทางการจัดจำหน่ายของตัวเองได้หรอครับ? ถ้าไม่มีผมช่วยพวกคุณขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ของพวกคุณก็คงเก็บค้างอยู่ในคลังสินค้าของคุณนั่นแหละ!” คุณอยากเอาเรื่องนี้มาเจรจาต่อรองกับผมงั้นหรอ? ถ้าผมไม่ช่วยคุณขายผลิตภัณฑ์ของคุณ พวกคุณขาดทุนอย่างหนักแน่!
“ผู้จัดการเฝิง เราตกลงเรื่องนี้กันแล้วเมื่อครั้งที่แล้วไม่ใช่หรอครับ?”
“ในเมื่อเราเคยตกลงเรื่องนี้กันแล้ว ทำไมคุณยังนำเรื่องนี้มาเจรจาอีกล่ะครับ?” เฝิงหยู่มองหน้าหนิวคุน จะใช้เงื่อนไขเดิมที่ทั้งสองฝ่ายเคยตกลงกันแล้วเพื่อมาเจรจาใหม่อีกครั้งหนึ่งงั้นหรอ? สมองคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?
“ผู้จัดการเฝิง ความร่วมมือนี้จะเป็นสถานการณ์แบบที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายนะครับ การทำเกษตรระบบนิเวศธรรมชาติและการจัดหาวัตถุดิบของเราให้แก่บริษัทของคุณก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราจะเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่สุดของคุณได้!”
หากบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวและกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉา สามารถร่วมมือกันได้ บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวจะได้รับวัตถุดิบอย่าสม่ำเสมอ ความต้องการอาหารสัตว์จะเพิ่มขึ้นและธัญพืชเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตอาหารสัตว์
“เราสามารถร่วมมือกันได้นะครับ แต่พวกคุณคิดหรือยังว่าเราจะร่วมมือกันยังไง?” เฝิงหยู่ถาม
หนิวคุนดีใจมาก “เราได้พูดคุยถึงเรื่องนี้แล้วครับ ตอนนี้บริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวกำลังผลิตและจำหน่ายสินค้าของตัวเอง บรรจุภัณฑ์ก็ต้องเปลี่ยนด้วย แบรนด์และชื่อของบริษัทเราจะต้องพิมพ์อยู่เหนือแบรนด์ของคุณ โฆษณาทั้งหมดของคุณต้องรวมชื่อแบรนด์และโลโก้ของเราเข้าไปด้วย…”
หนิวคุนตื่นเต้นที่จะบอกข้อเรียกร้องทั้งหมดของเขาให้เฝิงหยู่ฟัง แต่หลังจากพูดจบไปครู่หนึ่ง เขาก็สังเกตเห็นว่าเฝิงหยู่ไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็เห็นเฝิงหยู่ยิ้มเยาะ
“ผู้จัดการหนิว ผมดูเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรอครับ?!”
EG บทที่ 741 ตามเงื่อนไขของผมเท่านั้น!
หนิวคุนตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เฝิงหยู่พูด เฝิงหยู่โกรธมาก
“ผู้จัดการเฝิงครับ คุณหมายถึงอะไรครับ? ผมกำลังพูดกับคุณเรื่องความร่วมมือนี้นะครับ” หนิวคุนถาม
“ความร่วมมือหรอ? นี่คือความร่วมมือที่คุณกำลังพูดถึงใช่มั้ย? ตอนนี้กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางยังไม่มีสินค้าเลย ยิ่งการรับรู้แบรนด์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง การเกษตรธรรมชาติสีเขียวก็ยังไม่ได้ดำเนินการ คุณต้องการพิมพ์แบรนด์และโลโก้ของคุณให้อยู่หน้าแบรนด์ของผมงั้นหรอ? คุณคิดว่าผมจะเห็นด้วยหรอ?” เฝิงหยู่ถามอย่างเย็นชา
เฝิงหยู่คิดว่าความร่วมมือนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพืชผลหลังการเก็บเกี่ยวหรือผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาจะผลิตในอีกสองเดือน พวกเขาจะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของสินค้าและพุดคุยหารือในรายละเอียดเล็กน้อย
เฝิงหยู่ไม่สนที่จะปล่อยให้กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางได้ประโยชน์จากเขาไปบ้า อย่างไรก็ตาม แบรนด์ของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางจะมีชื่อเสียงในอนาคต ซึ่งจะง่ายกว่าที่จะทำโปรโมชั่นการขาย
หากเฝิงหยู่ได้ถือหุ้นในกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางได้ ผลกำไรของเขาจะสูงขึ้น
แต่เฝิงหยู่ไม่ได้คิดว่าหนิวคุนจะไร้ยางอายมากขนาดนี้ พวกเขาไม่มีอะไรให้ตอบแทนและยังต้องการให้เฝิงหยู่ทำการตลาดแบรนด์ของพวกเขาให้อีก อะไรนะ? ให้เพิ่มแบรนด์และโลโก้ของเป่ยต้าฉางลงในโฆษณาของพวกเขางั้นหรอ? พวกเขากล้าเรียกร้องแบบนี้ได้ยังไง?
“ผู้จัดการเฝิงครับ นี่มันคือความร่วมมือนะครับ แน่นอนว่าคุณก็ต้องมียอมกันบ้างเล็กน้อย” หนิวคุนพูดต่ออย่างไร้ยางอาย
“จริงหรอครับ? ถ้างั้นคุณสามารถเสนออะไรตอบแทนผมได้บ้างล่ะครับ? คุณจะจ่ายค่าโฆษณาให้ผมหรือเปล่า? หากพวกคุณจ่ายค่าโฆษณา เราก็ยังพอจะเจรจาต่อรองได้”
“ค่าโฆษณาเท่าไหร่หรอครับ? 1 ล้านหยวนพอมั้ย?” หนิวคุนชูหนึ่งนิ้วและทำให้ดูเหมือนว่าเป็นจำนวนที่เยอะมาก
เฝิงหยู่มองหน้าเขา ให้ตายสิ พวกคุณจ่ายเงินมากมายให้กับโรงงานขนาดเล็กไร้ค่าพวกนั้น แต่พอพูดถึงเรื่องสำคัญ คุณกลับยอมจ่ายเงินเพียงแค่นี้เนี่ยนะ?
1 ล้าน? ปีนี้ค่าโฆษณาของสถานีโทรทัศน์ CCTV เพิ่มขึ้นอีก ช่วงเวลาโฆษณายอดนิยมสูงสุดมีราคามากกว่า 30 ล้านหยวน บริษัทของเฝิงหยู่ ใช้เงินมากกว่า 100 ล้านหยวนในการซื้อช่วงเวลาโฆษณาเพียงช่วงเดียว! แม้แต่ช่วงเวลาโฆษณาของบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวยังอยู่ในช่วงนอกเวลายอดนิยมเลย แต่ก็มีค่าใช้จ่าย 6 ล้านต่อปี คุณต้องการโฆษณาโดยใช้เงินเพียง 1 ล้านเนี่ยนะ?
“เราใช้เงินค่าโฆษณาที่สถานีโทรทัศน์ CCTV ประมาณสองสามล้าน เราจะแบ่งปันค่าใช้จ่ายอย่างเท่าเทียมกัน 4 ล้านหยวน พวกคุณทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการทำตลาดของแบรนด์เราและจะต้องจ่ายเงินด้วย ผมจะเรียกเก็บเงินพวกคุณ 2 ล้านสำหรับเรื่องนี้ ผมจะไม่คำนวณค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ทั้งหมดนะครับ เพียงแค่เอาเงินมาให้ผม 6 ล้านและบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของสินค้าของบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวจะเปลี่ยนไป”
“อะไรนะ? 6 ล้าน? ผู้จัดการเฝิง คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า? ผมรู้ว่าช่วงเวลาโฆษณาของสถานีโทรทัศน์ CCTV มีราคาแพง แต่ถึงแม้ว่าคุณจะใช้เงินไปสักสองสามล้านสำหรับช่วงเวลาโฆษณา แต่ปีนี้ก็ผ่านไปเกิน 6 เดือนแล้วนะครับ ถ้าเราเฉลี่ยต้นทุน จำนวนเงินจะไม่ถึง 2 ล้านเลย อีกอย่าง การทำตลาดของแบรนด์อะไรกันที่ต้องใช้เงินถึง 2 ล้าน?!” หนิวคุนตะโกนเสียงดัง
“โอเค งั้นผมจะเรียกเก็บเงินคุณ 2 ล้านหยวนสำหรับค่าโฆษณาที่สถานีโทรทัศน์ CCTV ผมยอมได้แค่เรื่องนี้ครับ” เฝิงหยู่กล่าวอย่างไม่เห็นแก่ตัว “เรามาคุยเรื่องการทำตลาดของแบรนด์กันดีกว่าครับ พวกคุณยังไม่มีสินค้าอะไรเลย และไม่มีทางทำการตลาดแบรนด์ของคุณได้ หากไม่มีสินค้าของเรา พวกคุณไม่สามารถทำโฆษณาได้แน่นอน สินค้าของเราเป็นที่รู้จักกันดีในตลาด คุณไม่คิดว่ามันเป็นรูปแบบการตลาดสำหรับแบรนด์ของคุณโดยการพิมพ์ชื่อแบรนด์ของคุณลงบนบรรจุภัณฑ์ของสินค้าเราหรอครับ? เมื่อผู้บริโภคซื้อสินค้าของเรา พวกเขาจะรู้จักแบรนด์ของคุณไปด้วย พวกคุณไม่อยากได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้หรอครับ? คุณรู้หรือเปล่าว่าสินค้าของเราเป็นที่นิยมมากแค่ไหน? พวกคุณจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากพวกเรา!”
“เดี๋ยวนะครับ ผู้จัดการเฝิง ผมจ่ายค่าโฆษณาไปแล้ว มันก็น่าจะรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการตลาดด้วยสิครับ อีกอย่าง ผมตกลงที่จะจ่ายค่าโฆษณา 2 ล้านที่สถานีโทรทัศน์ CCTV ตอนไหนมิทราบครับ?” หนิวคุน กำลังจะบ้าแล้ว เขาตามเฝิงหยู่ไม่ทันเลยในการเจรจาต่อรองนี้ เขารู้สึกว่าเขาเจอแต่ทางตันสำหรับการเจรจาครั้งนี้
“นั่นมันเรื่องของโฆษณาทางทีวีครับ มันจะเหมือนกับการใช้แบรนด์ของเราทำการตลาดได้ยังไง? คุณรู้หรือเปล่าว่าการตลาดโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทางกายภาพมันเป็นยังไง? ผมรู้ว่าคุณไม่เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังพูดถึงหรอก คุณยังไม่รู้วิธีการทำธุรกิจเลย ก็ไม่แปลกใจที่ทุกบริษัทที่อยู่ภายใต้กระทรวงการเกษตรกำลังประสบปัญหาแย่ๆ” เฝิงหยู่พูด
หนิวคุนสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาถูกเจ้าเด็กเหลือขอวัยยี่สิบต้นๆ คนนี้ดูถูกและวิพากษ์วิจารณ์งานของเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงสั่งสอนบทเรียนให้เด็กเหลือขอคนนี้ไปแล้วหรือไม่ก็แค่เดินออกจากห้องไป แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเดินออกไปไหนได้ การพัฒนากลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางยังต้องการความช่วยเหลือจากเฝิงหยู่
ในกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง อาจมีคนมาทำหน้าที่แทนหนิวคุนได้ทุกเมื่อ แต่ไม่ใครสามารถมาแทนที่เฝิงหยู่ได้! หากพวกเขาทะเลาะกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือเขาจะสูญเสียตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปและอาจเสียตำแหน่งผู้อำนวยการของกระทรวงการเกษตรแห่งจังหวัดหลงเจียงด้วย! เฝิงหยู่จะยังคงเป็นเจ้านายใหญ่และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา!
“งั้นคุณช่วยบอกผมหน่อยว่าคุณเอาตัวเลขนี้มาจากไหน?”
“ความรู้มีค่ามากนะครับ ทำไมผมถึงต้องบอกคุณโดยที่ไม่มีอะไรตอบแทนล่ะ? ผมบอกคุณตรงๆ ก็ได้ คุณต้องการความร่วมมือเพื่อสร้างแบรนด์ใช่มั้ย? ไม่มีปัญหา คุณต้องการให้เราเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใช่มั้ย? ไม่มีปัญหาเช่นกัน เงินอย่างเดียวเลยครับ! จ่ายเงินมาให้ผม ไม่งั้นจะไม่มีความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นแน่นอน!”
“ผู้จัดการเฝิงครับ การเจรจาต่อรองของเราก่อนหน้านี้ก็เป็นไปด้วยดี แล้วทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะครับ?” หนิวคุนพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ถามตัวคุณเองสิครับ” เฝิงหยู่ตอบ
“ผู้จัดการเฝิง เรามาหารือเรื่องความร่วมมือนี้ตั้งแต่ต้นใหม่อีกครั้งดีมั้ยครับ?”
“ได้สิครับ” เฝิงหยู่ยิ้มและเห็นด้วย
หนิวคุนรู้สึกดีใจมาก เมื่อเขากำลังจะพูดถึงเงื่อนไขของเขา เฝิงหยู่ก็ถามว่า “เราจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี?”
“เริ่มจากความร่วมมือกันในการสร้างแบรนด์ของเราครับ”
เฝิงหยู่ส่ายหน้า “คุณยังจำคำถามก่อนหน้านี้ได้มั้ยครับ?”
“คำถามอะไรครับ?” หนิวคุนสับสน
“ประโยคก่อนที่ผมจะตอบตกลงร่วมมือสร้างแบรนด์ของเราน่ะครับ”
“ผมจำไม่ได้ว่าผมพูดอะไรไป”
“งั้นให้ผมช่วยเตือนคุณนะครับ คุณถามผมเกี่ยวกับความร่วมมือในการสร้างแบรนด์”
“ใช่แล้วครับ ผมถามคุณว่าคุณคิดอย่างไรถ้ากลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางและบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัวจะร่วมมือกันสร้างแบรนด์ คุณพูดว่า……”
ก่อนที่หนิวคุนจะพูดจบ เฝิงหยู่ส่ายหน้าและขัดจังหวะ “ผมไม่ตกลงครับ!”
หนิวคุน “……” อะไรนะ? เมื่อกี้นี้คุณเพิ่งตอบตกลงไม่ใช่หรอ? เรากำลังเริ่มเจรจาใหม่อีกครั้งและหากคุณจะปฏิเสธความร่วมมือครั้งนี้ แล้วเราจะเจรจาต่อไปเพื่ออะไรล่ะ?
“ผู้จัดการเฝิงครับ ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นะครับ” หนิวคุนตกใจมาก
“นั่นมันก่อนหน้านี้ ซึ่งมันต่างจากตอนนี้ครับ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน”
“ผู้จัดการเฝิง เพียงแค่บอกเงื่อนไขของคุณมา หากผมสามารถยอมรับได้ ผมจะตอบตกลงอย่างแน่นอน” สินค้าของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางจะถูกส่งมอบให้กับบริษัทของคุณเพื่อนำไปขาย คุณต้องการให้สินค้าของเราขายดีด้วยใช่มั้ยครับ?” หนิวคุนยอมทุกอย่าง เขาไม่มีทางเลือก หากการเจรจาล้มเหลว เขาอาจจะตกงานได้
เฝิงหยู่มองหน้าหนิวคุนด้วยความพอใจ “ผู้จัดการหนิว อย่าทำให้เป็นแบบนี้เลยครับ เราทุกคนเป็นเพื่อนกัน เรายังสามารถร่วมมือกันได้ แต่ต้องเป็นตามเงื่อนไขของผมเท่านั้น!”
หนิวคุน “……” แค่ประโยคนี้เพียงประโยคเดียวเราก็เป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้วล่ะ!
EG บทที่ 742 สิทธิประโยชน์พิเศษ
สุดท้ายแล้วหนิวคุนก็ต้องยอมรับเงื่อนไขที่โหดร้ายของเฝิงหยู่ เขาไม่มีทางเลือก ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาถูกกดดันจากอีกฝ่ายในการเจรจาทางธุรกิจ สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เฝิงหยู่และหนิวคุนได้ตกลงเฉพาะเงื่อนไขหลักของความร่วมมือนี้เท่านั้น จางหมิงจะต้องติดตามรายละเอียดที่เหลือ ท้ายที่สุดจางหมิงเป็นคนที่เก่งที่สุดในการจัดการเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแปรรูปอาหารไท่หัว
นอกจากนี้ เฝิงหยู่ก็ขี้เกียจที่จะพูดคุยเรื่องนี้ ผลตอบแทนน้อยเกินไปที่เขาจะต้องมาเสียแรงคิดถึงเรื่องพวกนี้
เฝิงหยู่จะสามารถหาเงินได้จำนวนมากและทำตามแผนหลายอย่างได้ในไม่ช้า แต่ก่อนหน้านี้เขามีสิ่งสำคัญที่ต้องจัดการก่อน
ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคต การใช้ตัวตนของพลเมืองชาวฮ่องกงนั้นจะสะดวกกว่าสัญชาติจีน ตัวอย่างเช่นเขาไม่จำเป็นต้องมีวีซ่าในการเข้าหลายประเทศ ยิ่งในยุคนี้จะมีประโยชน์มากขึ้น ภายใน 5 ปีข้างหน้าชาวฮ่องกงยังคงได้รับสิทธิพิเศษมากมายในประเทศจีนเมื่อเทียบกับชาวอเมริกัน!
สิ่งที่เฝิงหยู่ต้องการคือหนังสือเดินทางฮ่องกง!
แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเฝิงหยู่ที่จะได้รับหนังสือเดินทางฮ่องกงตอนนี้ เพราะเฝิงหยู่มีสินทรัพย์มากเกินไป
คนอื่นอาจไม่รู้ว่าเฝิงหยู่มีเงินมากเท่าไหร่ แต่จะต้องมีผู้นำระดับสูงมาตรวจสอบเฝิงหยู่ เฝิงหยู่เป็นผู้ประกอบการที่ร่ำรวยและมีอำนาจมากในประเทศจีน ถ้าเขาย้ายไปฮ่องกงแล้วจากนั้นย้ายไปสหราชอาณาจักร เขาจะนำความมั่งคั่งทั้งหมดของเขาไปสู่ประเทศอื่น รัฐบาลจีนไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
ถ้าเฝิงหยู่มีเงินเพียงแค่ 1 ล้านหรือหลายล้าน มันจะง่ายสำหรับเขาที่จะย้ายไปฮ่องกงและรัฐบาลจะไม่สนใจเรื่องนี้
วิธีที่ง่ายที่สุดในการย้ายถิ่นฐานก็คือการลงทุนในประเทศนั้น การอนุมัติจะเป็นเรื่องง่ายมาก ในยุคนี้ ฮ่องกงและหลายประเทศต้อนรับผู้อพยพแบบนี้
ประเทศพวกนี้ไม่ค่อยสนใจคนพวกนี้ พวกเขาต้องการแค่ความมั่งคั่งของคนเท่านั้น แม้กระทั่งก่อนที่เฝิงหยู่จะกลับมาเกิดใหม่ หลายประเทศยังคงสนับสนุนการย้ายถิ่นฐานโดยการลงทุน ซึ่งสำหรับประเทศพวกนั้นก็เหมือนกับการได้รับการลงทุนจากต่างประเทศ
เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ ผู้ประกอบการชาวจีนจำนวนมากได้อพยพไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ปวดหัวอย่างมากสำหรับรัฐบาลจีน แต่ผู้ประกอบการที่ร่ำรวยและมีอำนาจมาก ซึ่งเป็นพวกที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจจีน จะไม่ได้รับอนุญาตให้ย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศอื่น บางทีคนพวกนี้ก็ไม่ได้อยากย้ายออกจากประเทศจีนเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาพวกเขาได้รับสถานะพิเศษในประเทศจีน
ตอนนี้เฝิงหยู่อยู่ในสถานะที่น่าอึดอัดใจ แผนการในอนาคตของเขาจะยังคงมุ่งเน้นไปที่ประเทศจีนและไม่ได้มีเจตนาที่จะเปลี่ยนสัญชาติ เขาแค่ต้องการตัวตนเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น
นี่คือเหตุผลที่เฝิงหยู่ไปปักกิ่ง เขาโทรหาผู้อำนวยการฝางเพื่อขอนัดพบกับกำปั้นเหล็กจู
ในตอนเที่ยง ตอนที่เฝิงหยู่ได้เข้าพบกับกำปั้นเหล็กจูนั้น เขาก็ยังทำงานอยู่ ชายคนนี้ทำงานหนักเพื่อประเทศจริงๆ นี่คือเหตุผลที่เฝิงหยู่เคารพชายคนนี้มาก
“คุณบอกว่าคุณต้องพบผมเพราะมีเรื่องบางอย่างที่สำคัญมากหรอ? เรื่องอะไรกัน?” กำปั้นเหล็กจูถามในขณะที่เขานวดสันจมูก เขาดูเหนื่อยมาก
“ผมอยากย้ายถิ่นฐานครับ”
“อะไรนะ? คุณอยากย้ายถิ่นฐานงั้นหรอ?!” ปกติแล้วกำปั้นเหล็กจูเป็นคนที่ตกใจยาก แต่สิ่งที่เฝิงหยู่พูดนั้นทำให้เขาตกใจมาก
เฝิงหยู่บริจาคเงินจำนวนมากในประเทศจีน เขาน่าจะเป็นพวกรักชาติ กำปั้นเหล็กจูได้พูดคุยกับเฝิงหยู่เมื่อก่อนตอนที่เขาไปเยี่ยมชมโรงงานซงเจียงมอเตอร์ พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องความสำคัญของบริษัทจีน แล้วทำไมเฝิงหยู่จึงอยากที่จะย้ายถิ่นฐานตอนนี้ล่ะ?
เฝิงหยูเจอคนที่ปฏิบัติต่อเขาแบบไม่เป็นธรรมงั้นหรอ? เป็นไปไม่ได้ ใครกล้าที่จะทำให้ผู้ประกอบการที่ร่ำรวยและมีอำนาจแบบเฝิงหยู่ไม่พอใจกัน? มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนพยายามที่จะเข้าครอบครองบริษัทของเฝิงหยู่หรอ?
“ทำไมล่ะครับ?” กำปั้นเหล็กจูถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมไม่ได้ย้ายถิ่นฐานไปสหรัฐอเมริกาหรือประเทศตะวันตกนะครับ ผมแค่อยากย้ายไปฮ่องกง เหตุผลก็ตรงไปตรงมาครับ ผมอยากได้หนังสือเดินทางฮ่องกง หนังสือเดินทางที่สามารถทำให้ผมเดินทางได้อย่างง่ายดาย ซึ่งสะดวกมากสำหรับผม ผมจะไปสหรัฐอเมริกาในไม่กี่วันนี้และหลังจากนั้นผมต้องไปยุโรป ญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศ หนังสือเดินทางจีนไม่สะดวกจริงๆ” เฝิงหยู่ตอบอย่างใจเย็น
“นี่คือเหตุผลหรอ?”
“ใช่ครับ พ่อแม่ของผมยังอยู่ในประเทศจีน ผมจะย้ายไปไหนได้ครับ? ผมไม่ต้องการให้คนอื่นคิดว่าผมพยายามโอนทรัพย์สินออกจากประเทศจีน ที่จริงแล้วการลงทุนในต่างประเทศของผมมีมากกว่าการลงทุนในประเทศจีนอีก ผมคิดว่าพวกคุณคงไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันใช่มั้ยครับ?”
กำปั้นเหล็กจูมองเฝิงหยู่ด้วยความสงสัย “ทำไมคุถึงณเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง?”
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากจะบอกว่าแม้ว่าผมจะย้ายไปฮ่องกง แต่ฮ่องกงก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าและผมก็ยังเป็นคนจีน ซึ่งในช่วงสองปีนี้ผมก็ไม่อยากให้คนอื่นมองผมว่าผมเป็นชาวฮ่องกง ดังนั้นผมจึงอยากมาขอความช่วยเหลือจากคุณ คุณช่วยมอบใบอนุญาตให้ผมได้มั้ยครับ? ใบอนุญาตที่อนุญาตให้ผมอยู่ในประเทศจีนได้อย่างถาวร”
หลายประเทศมีใบอนุญาตดังกล่าวแล้ว ใบอนุญาตประเภทนี้แสดงถึงถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศนั้นและผู้ถือใบอนุญาตจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ถือใบอนุญาตนี้จะเป็นพลเมืองของประเทศนั้น
ชาวจีนหลายคนในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่มีกรีนการ์ดของสหรัฐอเมริกาหรือถือใบอนุญาตผู้อยู่อาศัยถาวรของประเทศอื่น ชาวจีนจำนวนมากในประเทศจีนรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่ได้เป็นคนจีนอีกต่อไป พวกเขากลายเป็นศัตรูและเป็นชาวต่างชาติไปแล้ว แต่คนพวกนี้บางคนยังคงเป็นสมาชิกของคณะกรรมการประจําสภาประชาชนจีนด้วยซ้ำ! คนพวกนี้ยังถือสัญชาติจีน เว้นแต่พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศอื่น
เฝิงหยู่อยากได้สองสัญชาติ แต่เขารู้ว่าจีนไม่ยอมรับการถือสองสัญชาติแบบนี้ นั่นคือเหตุผลที่เขาขอเพียงกรีนการ์ดของจีนเท่านั้น
กำปั้นเหล็กจูมองหน้าเฝิงหยู่ คนที่อายุเท่าเขายังมีวุฒิภาวะไม่เท่านี้เลย ดูเหมือนว่าเฝิงหยู่จะมีประสบการณ์มากกว่าเพื่อนของเขาเสียอีก กำปั้นเหล็กจูอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
กำปั้นเหล็กจูได้ตรวจสอบเฝิงหยู่และประวัติพื้นเพงของครอบครัวเขา ครอบครัวของเฝิงหยู่นั้นเป็นครอบครัวปกติทั่วไปและไม่มีอะไรพิเศษ พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับบุคคลอื่นในต่างประเทศเลย
เฝิงหยู่ได้รับเงินทุนตั้งต้นจากหมี! ซึ่งเป็นหมีที่ช่วยให้ชายหนุ่มคนนี้สร้างอาณาจักรธุรกิจขึ้นมาได้ สิ่งที่น่าแปลกใจกว่าก็คือเขาสามารถหาข้อมูลได้เฉพาะทรัพย์สินของเฝิงหยู่เท่านั้น เขาไม่ทราบว่าเฝิงหยู่ยังมีการลงทุนในต่างประเทศอีกมากมาย!
หากคนๆ นี้สามารถทำงานให้กับรัฐบาลได้ เศรษฐกิจของจีนก็จะพัฒนาเร็วขึ้นมาก น่าเสียดายที่ชายหนุ่มคนนี้ไม่สนใจ
“ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากขนาดนั้นก็ได้ครับ คุณสามารถได้รับตัวตนเป็นชาวฮ่องกง และในเวลาขณะเดียวกันก็ยังถือสัญชาติจีนเอาไว้ได้ นั่นหมายความว่าคุณได้รับอนุญาตให้ถือหนังสือเดินทางสองสัญชาติตามกฎหมาย!”
อ๊ะ? นั่นหมายถึงสองสัญชาติหรอ? ผมได้รับสิทธิพิเศษนี้หรอ?
“คุณกำลังบอกว่าผมได้รับอนุญาตให้ถือสองสัญชาติใช่มั้ยครับ?” เฝิงหยู่ถามอีกครั้ง
“อีกไม่นานก็จะกลายเป็นประเทศเดียวกันแล้ว มันก็เหมือนกันหมดแหละครับ คุณฉลาดมาก ผมหวังว่าคุณจะมีส่วนร่วมทำประโยชน์ให้กับประเทศของเราได้มากกว่าการบริจาคและภาษีนะครับ” กำปั้นเหล็กจูจ้องมองตาของเฝิงหยู่
แต่เฝิงหยู่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาไม่สนใจเรื่องการเมืองอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้เรื่องการเมืองของรัฐบาล แต่เป็นเพราะเขาเก่งด้านการเงินและมีข้อจำกัดมากมายในการทำงานให้กับรัฐบาล เขาไม่ชอบถูก จำกัดและตีกรอบ
“ถ้าผมกำลังจะทำอะไรสักอย่าง ผมก็จะทำให้ดีที่สุดครับ เพราะยังไงผมเป็นคนชาติจีนอยู่แล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พูดได้ดีครับ! เดี๋ยวผมสั่งให้ลูกน้องมาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้คุณ คุณจะได้รับหนังสือเดินทางฮ่องกงตามกฎหมายในอีก 3 วัน” กำปั้นเหล็กจูรู้สึกพอใจกับคำตอบของเฝิงหยู่
กำปั้นเหล็กจูมองตามหลังเฝิงหยู่เมื่อเขาเดินกลับออกไป นี่คือคนที่เขาอ่านไม่ออกเลยจริงๆ บุคคลนี้ปรากฏตัวขึ้นในประเทศจีน นี่คือโชคดีหรือว่า……
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น