Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น 708-714
EG บทที่ 708 เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านได้มั้ย?
รถสีดำขัดเงาอย่างดีจอดอยู่ชั้นล่างและทุกคนที่กำลังกวาดหิมะอยู่ก็หยุดทำงานทันที พวกเขามองไปที่รถสีดำสวยงามคันนั้น ต้องเป็นใครสักคนที่มาหาตาเฒ่าเฝิงแน่ๆ
ดูตาเฒ่าเฝิงสิ เขามีลูกชายที่มีความสามารถและชีวิตของเขาก็ดีขึ้น
คนขับลงจากรถและมาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้กับเฝิงหยู่อย่างรวดเร็ว
เอ๊ะ? นั่นมันลูกชายของตาเฒ่าเฝิงไม่ใช่หรอ? เขากลับมาแล้วหรอ?
“เสี่ยวหยู่กลับไปหาพ่อแม่หรอ?” คุณป้าทักทายเขาก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทักทายเฝิงหยู่ต่อหน้าคนอื่น
“ป้าหลี่กำลังกวาดหิมะหรอครับ? ให้ผมช่วยดีกว่า ลุงจ้าว คุณหวัง……” เฝิงหยู่ทักทายเพื่อนบ้านของเขาทุกคน คนพวกนี้ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่
“ไม่เป็นไรๆ ป้าถือว่าการกวาดหิมะเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ช่วงปิดเทอมในฤดูหนาวของมหาวิทยาลัยเริ่มมาสักพักแล้วใช่มั้ย? แล้วทำไมถึงเพิ่งกลับมาล่ะ?”
“ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการในเมืองปิงนิดหน่อย แต่ผมก็ยังกลับมาทันวันตรุษจีนนะครับ”
เด็กคนหนึ่งปรากฏตัวจากด้านหลังผู้ใหญ่แล้วถามว่า “พี่เฝิงหยู่ ปีนี้จะมีจุดพลุอีกมั้ยคะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเสี่ยวเปาชอบดูพลุ งั้นเราก็จะจุดกัน คราวนี้เราจะจุดพลุเยอะๆ เลย! พี่มั่นใจว่าเธอต้องชอบแน่ๆ!”
“เย้!!! พี่เฝิงหยู่เจ๋งที่สุดเลย!” เสี่ยวเปาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
จางมู่ฮวากำลังรอลูกชายของเธอที่หน้าต่าง เธออยากเป็นคนแรกที่ต้อนรับลูกชายของเธอกลับบ้าน
“ป้าครับ ลุงครับ ผมไปก่อนนะครับ ถ้าทุกคนว่าง แวะมาคุยกับผมที่บ้านได้นะครับ” เฝิงหยู่พูดและเดินเข้าตึกไปมือเปล่า คนขับของเขาและหลิวจี้ฉวนตามหลังเขามาพร้อมกับขนของทุกอย่างที่เขาซื้อมา
เฝิงหยู่คอยจับตาดูหลิวจี้ฉวนมาระยะหนึ่งแล้ว และตัดสินใจให้เขาเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่พวกเขาก็มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เฝิงหยู่รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องให้เขามาเป็นบอดี้การ์ด
บอดี้การ์ดที่ควบตำแหน่งคนขับรถคนใหม่ของเฝิงหยู่มีชื่อว่าเหม่ยจื้อเกา เขาก็มาจากเมืองปิงด้วยเช่นกัน
“จี้ฉวน คุณกลับไปก่อน ผมแน่ใจว่าลุงหลิวกำลังรอคุณอยู่ จื้อเกา คุณก็กลับไปฉลองปีใหม่กับครอบครัวของคุณได้แล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้านนี้หรอก อีกอย่างต้าจ้วงก็ยังอยู่แถวนี้”
ต้าจ้วงเป็นบอดี้การ์ดที่ได้รับมอบหมายให้ไปคุ้มกันพ่อของเฝิงหยู่ พ่อแม่ของเขาได้เสียชีวิตไปแล้วและน้องสาวของเขาก็ย้ายไปมณฑลอื่น เขาอยู่คนเดียวและเลือกที่จะใช้วันหยุดอยู่กับตระกูลเฝิง
เหม่ยจื้อเกาพยักหน้า เขารู้อยู่แล้วว่าผู้จัดการเฝิงจะต้องบอกให้พวกเขากลับไป หลังจากขอบคุณเฝิงหยู่ เขาก็ออกไปพร้อมกับหลิวจี้ฉวน หลิวจี้ฉวนไปส่งเขาไปที่สถานีรถบัสเพื่อนั่งรถกลับไปที่เมืองปิง
“ทำไมกลับมาช้าจังเลยลูก? ติดงานหรอ? ลูกมอบหมายงานทั้งหมดให้คนอื่นทำแล้วไม่ใช่หรอ?” จางมู่ฮวาบ่น
“ผมไปซื้อของบางอย่างที่อเมริกามาครับ นี่ผมก็รีบกลับมาทันทีหลังจากทำงานเสร็จเลยนะ ทำไมพ่อกับแม่ไม่ย้ายไปที่เมืองปิงล่ะครับ จะได้เจอจือสิงบ่อยๆ ด้วย” เฝิงหยู่ตอบ
แม้ว่าอากาศในหมู่บ้านจะดีมาก แต่การจราจร บริการทางการแพทย์ และเรื่องอื่นๆ ก็ไม่สามารถเทียบกับเมืองได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมืองปิงก็ไม่ได้สกปรกเหมือนในอนาคต
“โอเค พ่อกับแม่ตั้งใจจะซื้อบ้านริมแม่น้ำ เพราะจะสะดวกกว่าเวลาที่พ่อของแกไปตกปลา”
“อ๊ะ? จริงหรอครับ?” เฝิงหยู่รู้สึกประหลาดใจ เขาพยายามขอให้พ่อกับแม่ย้ายไปที่เมืองตั้งนานแล้ว แต่พ่อแม่ของเขาปฏิเสธ แล้วทำไมจู่ๆ พวกเขาต้องการที่จะย้ายไปกะทันหันแบบนี้ล่ะ?
“ลุงเหวินกำลังจะถูกย้ายไปเมืองปิง และพ่อของแกก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะในหมู่บ้านนี้ อีกอย่างสุขภาพของคุณปู่ก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน พ่อเค้าอยากพาคุณปู่ไปอยู่กับเราที่เมืองปิงด้วย ถ้าเขาเกิดป่วยขึ้นมา จะได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลได้สะดวกกว่า”
“ลุงเหวินกำลังย้ายไปยังเมืองปิงหรอครับ? เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกแล้วหรอ?” พ่อของเหวินตงจวินเลื่อนตำแหน่งขึ้นเร็วเกินไปแล้ว เขากำลังขี่จรวดอยู่หรือไง?
“แม่ว่าเป็นแค่การย้ายงานเท่านั้นนะ เขาจะเป็นรองหัวหน้าสำนักงานเกษตรของเมือง”
เฝิงหยู่เลิกคิ้ว “หัวหน้ากำลังจะเกษียณหรอครับ?”
“ใช่แล้ว แม่ได้ยินมาว่าเขาจะเกษียณในอีกไม่ถึง 2 ปี แล้วลูกรู้ได้ยังไง?” จางมู่ฮวาถามอย่างสงสัย
ยังต้องถามอีกหรอ? ลุงเหวินถูกย้ายไปที่เมืองเพื่อรับตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานเกษตรของเมือง เมืองปิงเป็นแผนกย่อยระดับจังหวัด นั่นหมายความว่าลุงเหวินจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานในไม่ช้างั้นหรอ? หลายคนจะต้องอิจฉาเขา แต่ลุงเหวินก็ได้สร้างผลงานยอดเยี่ยมในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นี่
“ผมก็แค่เดานะครับ พ่ออยู่ไหนหรอครับ? ที่โรงงานหรอ?”
“เขาไปจับกบกับตาเฒ่าจ้าวน่ะ เห็นบ่นว่าอยากกินกบทอด ถ้าอยากกินกบ ทำไมถึงไปจับกบด้วยตัวเองก็ไม่รู้? แค่ซื้อจากร้านมาก็ได้ละ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พ่อเค้าคงอยากหาอะไรทำสนุกๆ น่ะครับ บางทีเขาอาจจะเบื่อกับการเล่นไพ่นกกระจอกทุกวัน”
ในตอนเที่ยง เฝิงซิ่งไท่ก็กลับมาบ้านพร้อมถังกบและปลาตัวเล็ก เขาบอกให้เฝิงหยู่รีบโทรหาเหวินตงจวินเพื่อเชิญครอบครัวมาทานอาหารเย็นและดื่มด้วยกัน ราวกับว่ากบเป็นอาหารรสเลิศมาก
เหวินตงจวินมาถึงบ้านของเฝิงหยู่ก่อนเวลาเพื่อเล่นวิดีโอเกมกับเขา พวกเขาเสียบปลั๊กเกมลิตเติ้ลไทแรนท์รุ่นที่สองเข้ากับโทรทัศน์และเริ่มเล่นเกม พวกเขาตะโกนและเล่นกันอย่างตื่นเต้น พวกเขาไม่ได้เล่นด้วยกันแบบนี้มานานแล้ว
“เอ๊ะ เพิ่งมีร้านเกมมาเปิดใหม่ในหมู่บ้าน พรุ่งนี้อยากลองไปเล่นที่นั่นกันดูมั้ย?” สำหรับเหวินตงจวินแล้ว การปิดเทอมก็เป็นเพียงการเล่นและสนุกอยู่กับตัวเองเท่านั้น เขามีเพื่อนไม่เยอะและรอให้เฝิงหยู่กลับมาที่หมู่บ้านตั้งนานแล้ว
ตอนนี้มีร้านเกมแล้วหรอ? เฝิงหยู่สนใจอยากไปสถานที่นี้มาก ดังนั้นเขาจึงตกลงว่าจะไปกับเหวินตงจวินในวันพรุ่งนี้
แม่ของเหวินตงจวินช่วยเตรียมอาหารเย็น พอมีคนมาช่วย ไม่นานอาหารเย็นก็พร้อมเสิร์ฟ เมื่อเหวินเต๋อกวางกลับมาจากที่ทำงาน โต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหาร อาหารจานหลักสำหรับมื้อเย็นคือกบทอด
“แกสองคนใกล้จะเรียนจบแล้ว วางแผนอะไรกันหรือยัง?” เฝิงซิ่งไท่ถาม
“ผมหรอ? ก็ทำธุรกิจต่อไปนั่นแหละ”
“แกบอกเองไม่ใช่หรอว่าอยากเข้ารับราชการ?” เฝิงซิ่งไท่ไม่พอใจ เด็กบ้านี่โกหกเขาอีกแล้ว
“พ่อครับ การทำธุรกิจก็มีส่วนช่วยประเทศชาติเหมือนกันนะครับ พ่อไม่เคยได้ยินหรอว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติมาก นอกจากนี้ ด้วยทรัพย์สินของผมตอนนี้ พ่อคิดว่าผมยังสามารถเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของใครได้อีกหรอครับ?” ด้วยสินทรัพย์ในปัจจุบันขอเฝิงหยู่ เขาสามารถเข้าไปเป็นคณะกรรมการพรรคของรัฐบาลกลางได้โดยง่าย ยกเว้นเรื่องอายุของเขาเพียงอย่างเดียว
“ตาฒ่าเฝิง เดี๋ยวนี้เด็กๆ เค้ามีความคิดเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการไปเถอะ” เหวินเต๋อกวางพูดและหันไปหาเหวินตงจวิน “แล้วแกล่ะ?”
เหวินตงจวินยังคงก้มหน้าก้มตากินกบอยู่ ปากของเขามันเยิ้มและเขารีบกลืนอาหารทันทีเมื่อได้ยินเสียงพ่อของเขาถามขึ้นมา
“ผมหรอครับ? ผมก็คงเข้ารับราชการแหละ” เหวินดองจุนตอบไปเรื่อย พ่อของจางฮั่นช่วยปูทางให้เขาไว้แล้ว คงจะโง่มากถ้าเขาไม่เข้ารับราชการ ยิ่งไปกว่านั้น มันคือความฝันของเขาที่จะได้เป็นข้าราชการ เขาอยากเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรหลังจากที่เขาได้เป็นข้าราชการแล้ว!
“มีหน่วยงานราชการตั้งเยอะแยะ แล้วแกจะไปทำฝ่ายไหนล่ะ?” เหวินเต๋อกวางรู้เรื่องความสัมพันธ์ของลูกชายกับจางฮั่นและรู้ว่าพ่อของจางฮั่นได้จัดการไว้ให้หมดแล้ว
“อ๊ะ? ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เหวินตงจวินตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
เฝิงหยู่ยกมือขึ้นมาปิดหน้า “ผ่านมาตั้งนานแล้วนายยังไม่ได้คิดเรื่องนี้อีกหรอ?”
“อ๋อ ผมนึกออกล่ะ ผมจะเข้าไปทำงานในฝ่ายเดียวกับจางฮั่นครับ!” เหวินตงจวินตอบกลับด้วยสีหน้าแบบว่า “ผมก็มีแผนของผมเหมือนกันนะ”
“ไร้ประโยชน์สิ้นดี!” ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านของเฝิงหยู่ ป่านนี้เหวินเต๋อกวางคงวิ่งไล่ตีลูกชายของเขาไปแล้ว คนอะไรไม่เคยคิดวางแผนอะไรล่วงหน้าเลย?
เฝิงหยู่มองหน้าเหวินตงจวิน เขาสูง 190 เซนติเมตรและไม่ว่าเขาจะไปทำงานที่ฝ่ายไหนก็ตาม ไม่มีผู้นำคนไหนชอบเขาแน่นอน บางทีอาจจะมีแค่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับตำรวจหรือกีฬาเท่านั้นที่เหมาะกับเขา แต่ด้วยลักษณะนิสัยของเขา เขาจะอยู่รอดในกรมตำรวจได้หรอ?
“ตงจวิน เธอไม่ควรทำตามจางฮั่นทุกเรื่องนะ ให้จางฮั่นเข้าร่วมกรมตำรวจไปและเธอก็ไปอยู่กรมกีฬาแห่งชาติจีน ถ้าทั้งคู่ทำงานในแผนกเดียวกัน จะต้องมีสักคนที่ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน ด้วยขนาดตัวของเธอ หัวหน้างานคงจะไม่สนับสนุนเธออย่างแน่นอน แต่ที่กรมกีฬาแห่งชาติจีน ขนาดตัวของเธอจะไม่ดูโดดเด่นมากนัก อีกอย่าง เธอยังได้เล่นกีฬากับนักกีฬาที่นั่นด้วย น่าจะเหมาะกับเธอมากกว่า”
ดวงตาของเหวินตงจวินเป็นประกายขึ้นมา “ใช่แล้วครับ ผมจะไปเป็นคนดูแลจัดการเรื่องสนามกีฬาเอง และผมก็สามารถเล่นกับนักกีฬาที่นั่นได้ด้วย! พ่อครับ ผมพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ผมอยากเข้าทำงานที่กรมกีฬาแห่งชาติจีนครับ!”
เหวินเต๋อกวางส่ายหัว กรมกีฬาแห่งชาติจีนเนี่ยนะ? โอเค ลักษณะนิสัยของเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้คงจะทำให้ผู้นำในฝ่ายอื่นๆ ไม่พอใจแน่ๆ อาจจะดีกว่าถ้าเขาเข้าทำงานที่กรมกีฬาแห่งชาติจีน
“โอเค”
“โอ้ ลุงเหวินครับ เราเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านของเราได้มั้ยครับ?” จู่ๆ เฝิงหยู่ก็ถามขึ้นมา
EG บทที่ 709 ใช้เงิน
เหวินเต๋อกวางถึงกับอึ้งเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เฝิงหยู่พูด
“เธอพูดว่าอะไรนะ? เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านหรอ?”
“ใช่แล้วครับ ทำได้หรือเปล่าครับ?”
เฝิงซิ่งไท่มองหน้าเฝิงหยู่ด้วยความตกใจ เขาดุเฝิงหยู่ทันที “แกคิดจะทำอะไรอีก? ทำไมถึงคิดที่จะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้าน?”
เฝิงหยู่มองไปที่พ่อของเขาและยิ้ม “พ่อครับ พ่อคิดว่าไงถ้าหมู่บ้านของเราจะเปลี่ยนชื่อเป็นหมู่บ้านไท่หัว ฟังดูดีออกจริงมั้ยครับ?”
ดวงตาของเฝิงซิ่งไท่เป็นประกายขึ้นมา “ห้ะ? หมู่บ้านไท่หัวหรอ? ก็ฟังดูดีนะ เป็นชื่อที่สมบูรณ์แบบสำหรับหมู่บ้านมาก! เต๋อกวางหมู่บ้านเราสามารถเปลี่ยนชื่อได้หรือเปล่า?”
เหวินเต๋อกวาง “……” พ่อลูกเหมือนกันเด๊ะ!
“แม้ว่าหมู่บ้านของเราจะไม่ใช่เขต แต่ก็อยู่ในระดับเดียวกัน เราจะเปลี่ยนชื่อตามใจชอบได้ยังไง?” เหวินเต๋อกวางตอบ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เขต XXX นั่นก็เปลี่ยนชื่อเป็นเขต XXX เหมือนกัน” เฝิงซิ่งไท่พูด
“นั่นมันคือเขตที่เปลี่ยนเป็นอำเภอ มันจะเหมือนกันได้ยังไง? คุณคิดอะไรอยู่? คุณต้องการตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อของคุณงั้นหรอ?”
“เขตซางจื้อนั่นก็ตั้งชื่อตามชื่อของใครสักคน เขตจิงอวี้ก็เหมือนกัน คุณคิดว่าผมไม่รู้เรื่องพวกนี้จริงๆ หรอ?” เฝิงซิ่งไท่เถียงกลับ ถ้าหมู่บ้านเราถูกตั้งชื่อเป็นหมู่บ้านไท่หัว จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งแก่ครอบครัวของเขาและเขาก็จะพูดโอ้อวดไปชั่วชีวิตเลยทีเดียว!
“คนพวกนั้นล้วนเป็นวีรบุรุษของชาติที่ต่อสู้กับญี่ปุ่นในช่วงสงคราม คุณจะเปรียบเทียบตัวเองกับพวกเขาได้ยังไง? พอรวยแล้ว คุณก็บ้าไปแล้วหรอ? ผมช่วยคุณเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเกือบทุกโรงเรียนในหมู่บ้านและแม้แต่โรงเรียนอนุบาลก็ยังตั้งชื่อว่าโรงเรียนอนุบาลไท่หัว แค่นี้ยังไม่พออีกหรอ? ตอนนี้ยังอยากจะมาตั้งชื่อหมู่บ้านเป็นไท่หัวอีกงั้นหรอ?” เหวินเต๋อกวางตอบด้วยความโกรธ
“แหม อิจฉา! อิจฉาล่ะสิ! ผมก็แค่ถามว่ามีโอกาสที่จะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้าน คุณจะเปลี่ยนหรือเปล่า?” เฝิงซิ่งไท่จ้องหน้าเหวินเต๋อกวาง
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว คุณรู้หรือเปล่าว่าต้องผ่านการอนุมัติมากแค่ไหนกว่าจะได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้าน? มีแต่รัฐบาลกลางที่สามารถตัดสินใจได้เท่านั้น! คุณคิดว่าเรื่องนี้จะถูกตัดสินโดยรัฐบาลเมืองหรือรัฐบาลท้องถิ่นงั้นหรอ?”
เฝิงหยู่ขมวดคิ้ว มันยุ่งยากขนาดนั้นเลยหรอ? แค่หมู่บ้านเล็กๆ ถึงกับต้องให้รัฐบาลกลางตัดสินใจเลยหรอ?
เฝิงหยู่มองหน้าพ่อของเขาแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นผมต้องบริจาคเท่าไหร่รัฐบาลกลางถึงจะยอมเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านให้ครับ?”
เหวินเต๋อกวาง “……” เจ้าเด็กบ้าคนนี้ยังไม่อยากยอมแพ้อีก!
“เธอคิดว่าเรื่องนี้จะจัดการได้ด้วยเงินงั้นหรอ? มันไม่เกี่ยวกับเงินเลย เธอต้องมีส่วนร่วมในการทำคุณประโยชน์สำคัญให้แก่ประเทศหรือช่วยชีวิตคนจำนวนมาก แม้ว่าเธอจะมีเงินมากหรือจ่ายภาษีเยอะ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น แต่อาจจะมีทางออกอีกวิธีนึง ถ้าเธอสามารถบริจาคเงินทั้งหมดให้แก่ประเทศได้ ผู้นำระดับสูงอาจจะยอมเห็นด้วยก็ได้!”
ตลกละ! บริจาคเงินของผมทั้งหมดเนี่ยนะ? ผมหาเงินได้เยอะมากและยังใช้ชีวิตสนุกไม่เต็มที่เลย ผมจะบริจาคทุกอย่างทิ้งได้ยังไง?
นอกจากนี้ ผมสามารถใช้เงินที่ผมหามาเพื่อหารายได้เพิ่มเติมได้ หากบริจาคเงินให้กับข้าราชการพวกนั้นหมด ก็เท่ากับเป็นการเสียเปล่า!
ทำคุณประโยชน์สำคัญให้กับประเทศชาติงั้นหรอ? อีกไม่กี่ปีก็จะถึงเหตุการณ์สำคัญนั้นแล้ว ถ้าผมนำเรื่องนี้ไปรายงานหัวหน้าระดับสูง พวกเขาน่าจะเห็นด้วยกับคำขอของผม
เฝิงซิ่งไท่ตบที่หลังของเฝิงหยู่แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราก็ย้ายไปเมืองปิงเร็วๆ นี้แล้ว”
“แล้วเราจะไม่กลับมาที่หมู่บ้านอีกเลยหรอครับ? ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ผมจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านของเราเป็นหมู่บ้านไท่หัวภายใน 5 ปีนี้ให้ได้อย่างแน่นอน!” เฝิงหยู่กล่าว
“โอเค โอเค พ่อรู้ว่าแกมีความสามารถ หน้าแกแดงไปหมดแล้ว ถ้าแกดื่มไม่ได้ ก็ไม่ต้องดื่ม เรามีเครื่องดื่มเจี้ยนลี่เปาที่บ้านด้วย”
เฝิงหยู่มองบน เขากำลังพูดความจริง แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนคนเมาที่กำลังโม้เรื่องไร้สาระ
“พ่อครับ ถ้าเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านไม่ได้ แล้วชื่อถนนล่ะครับ” เหวินตงจวินถามทันที
เอ๊ะ? นั่นเป็นความคิดที่ดีเลย เฝิงหยู่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
“ลุงเหวินครับ ตงจวินพูดถูก ถ้าเปลี่ยนชื่อถนนไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่มั้ยครับ?”
“เรื่องนี้……ดูเหมือนว่ารัฐบาลเมืองสามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ แต่เธอแน่ใจหรอว่าเมืองจะยอมอนุมัติ?” เหวินเต๋อกวางถาม
“เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเองครับ ดูหมู่บ้านของเราสิ นอกเหนือจากสี่แยกที่เป็นถนนใหม่ ถนนที่เหลือยังอยู่ในสภาพแย่อยู่เลย เราจะบริจาคเงินเพื่อสร้างถนนคอนกรีต 8 หรือ 10 สายในหมู่บ้าน แบบนี้เราก็สามารถใช้ชื่อพ่อและแม่ของผมเป็นชื่อถนนได้”
“อ๊ะ? เธออยากซ่อมแซมถนน 8 ถึง 10 สายเลยหรอ? แต่พ่อแม่เธอมีแค่สองชื่อเท่านั้นนะ”
เฝิงหยู่วางตะเกียบสองสามคู่ลงบนโต๊ะแล้วชี้ไปที่ตะเกียบข้างหนึ่ง “ถนนสายนี้จะเรียกว่าถนนซิ่งไท่”
“ถนนนี้จะเรียกว่าถนนซิงไท่ 2 แล้วอีกสายจะเรียกว่าถนนซิงไท่ 3 ส่วนตรงนี้จะเป็นถนนมู่ฮวา และเส้นนี้จะเรียกว่าถนนมู่ฮวา 2 และตรงนี้จะเป็นถนนมู่ฮวา 3 ส่วนถนนที่เหลือจะถูกนับตามตัวเลขในลักษณะเดียวกัน”
เหวินเต๋อกวางมองหน้าเฝิงหยู่ด้วยความอึ้ง เจ้าเด็กบ้าจอมเจ้าเล่ห์นี่ แบบนี้ถนนทุกสายในหมู่บ้านก็จะมีชื่อตามพ่อแม่ของเธอหมดงั้นหรอ? หากคุณจัดเรียงถนนด้วยวิธีนี้ จะไม่มีถนนที่ใช้ชื่ออื่นในหมู่บ้านเลย มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเลย ทุกคนในหมู่บ้านจะจดจำชื่อพ่อแม่ของเธอได้!
เฝิงซิ่งไท่ยกแก้วอย่างมีความสุข “นี่เป็นความคิดที่ดี!”
จางมู่ฮวาขมวดคิ้ว “แต่มันน่าจะต้องใช้เงินเยอะมากเลยนะ”
“แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินครับ ครอบครัวของเราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน นอกจากนี้ การซ่อมแซมถนนต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากเท่าไหร่กันเชียว? ยิ่งไปกว่านั้น หมู่บ้านนี้มีขนาดแค่นี้เอง ถนนก็ไม่ยาวมาก แค่ถนนสองทิศทางสี่เลนก็พอแล้ว มีถนนลูกรังอยู่หนึ่งเส้นด้วย เราแค่ต้องเคลียร์พื้นที่นิดหน่อยและปูคอนกรีตลงไปบนถนนที่มีอยู่เดิม ลองคิดดูนะครับ ในอนาคตถนนสายนี้จะมีชื่อว่าถนนมู่ฮวา แม่ไม่คิดว่าเงินที่ใช้จ่ายไปกับการซ่อมแซมมันคุ้มค่าหรอครับ?” เฝิงหยู่ถาม
จางมู่ฮวาเริ่มคิดตามและพยักหน้า “แม่จะปล่อยให้แกและพ่อเป็นคนตัดสินใจละกัน”
แม้ว่าเรื่องนี้จะฟังดูไร้สาระ แต่เหวินเต๋อกวางจะไม่ห้ามพวกเขา คำสั่งย้ายของเขาจะออกมาหลังช่วงตรุษจีน ถ้าเขาสามารถช่วยเฝิงซิ่งไท่จัดการเรื่องการสร้างถนนแห่งนี้ได้ เขาก็จะได้รับความดีความชอบด้วย
การซ่อมแซมถนนนั้นไม่ง่ายอย่างที่เฝิงหยู่กล่าวอ้าง การสร้างถนนไม่ได้ใช้เงินเพียงแค่เล็กน้อยแน่นอน ไม่งั้นหมู่บ้านคงจะสร้างถนนคอนกรีตไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เหวินเต๋อกวางจะเป็นผู้ที่แนะนำและพาผู้สนับสนุนมาสร้างถนนพวกนั้น
รัฐบาลและหมู่บ้านไม่จำเป็นต้องใช้เงินแม้แต่สตางค์เดียวและชาวบ้านจะได้รับผลประโยชน์ด้วย นี่เป็นความดีความชอบของเขาล้วนๆ
ยิ่งเหวินเต๋อกวางมีความดีความชอบมากไหร่ เขาก็ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นเท่านั้นเมื่อเขาถูกย้ายไปยังสถานที่ใหม่ เขารู้ว่าพ่อของจางฮั่นเป็นคนที่ช่วยให้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่ง หากเขาไม่สร้างผลงานที่ประสบความสำเร็จอะไรเลย อาชีพการงานของเขาต้องถึงจุดจบแน่ เขาอายุยังไม่ถึงห้าสิบเลยและยังต้องการได้รับการเลื่อนตำแหน่งต่อไป
“เสี่ยวหยู่ มาที่ออฟฟิศของลุงในวันพรุ่งนี้เพื่อคุยเรื่องนี้กัน”
“ตอนนี้เรากำลังทานอาหารเย็น ทำไมถึงคุยกันแต่เรื่องงานนะ?” แม่ของเหวินตงจวินแอบบ่น
“โอเคๆ งั้นเลิกคุยเรื่องงานกัน ตาเฒ่าเฝิง เรามาดื่มฉลองกันเถอะ!”
เฝิงหยู่และเหวินตงจวินยกแก้วขึ้นมาชนกัน เหวินตงจวินรีบดื่มจนหมดแก้วและเฝิงหยู่แค่…… จิบนิดหน่อยเท่านั้น
เหวินตงจวินจ้องหน้าเฝิงหยู่อย่างโกรธเคือง เฝิงหยู่ยิ้มอายๆ และดื่มเบียร์ของเขาจนหมดแก้ว นี่คือบ้านของเขาและพวกเขาไม่ได้พูดคุยเรื่องธุรกิจกัน แต่เฝิงหยู่เคยชินกับการแอบขี้โกงในระหว่างที่ดื่ม
“วันนี้พวกเราอารมณ์ดีกันทุกคน ไปเปิดเครื่องเล่นซุปเปอร์วีซีดีให้พ่อหน่อยลูก ลุงเหวินกับพ่อจะร้องเพลงให้ทุกคนฟังเอง!” ใบหน้าของเฝิงซิ่งไท่เริ่มแดง
เฝิงหยู่และเหวินตงจวินหันมามองหน้ากันและคิดในใจ พวกเขาจะกลับไปบ้านของเหวินตงจวินทันที พวกเขาทนฟังชายชราสองคนนี้ร้องเพลงไม่ได้!
EG บทที่ 710 เริ่มขาย
“น้องเฝิง สวัสดีปีใหม่วันตรุษจีน” นี่คือวันแรกของเทศกาลตรุษจีน และฟู่กวางเจิ้งก็โทรมาหาอวยพรปีใหม่เฝิงหยู่ นี่คือสิ่งที่คนจีนทำและพูดกันในวันตรุษจีน
“พี่ฟู่ ขอบคุณครับ สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ ผมกำลังจะโทรหาพี่พอดีเลย” เฝิงหยู่โกหก เขากำลังจะไปบ้านของลี่นาและไม่ว่างที่จะโทรหาใครทั้งนั้น
“ฮ่าๆๆๆ พี่มีข่าวดีมาฝากนายด้วย หุ้นที่เราซื้อเพิ่มขึ้นมาก ลุงคนโตของพี่บอกว่าถึงเวลาที่เราจะต้องขายทิ้งแล้ว”
“โอเคครับ ผมจะบอกให้เหอจ้าวจีติดต่อพวกคุณทุกคน พวกเราจะขายทิ้งทั้งหมดวันนี้หรือแบ่งกันขายหลายๆ รอบดีครับ?”
“ลุงของพี่บอกว่าเราควรขายทุกอย่างภายในสองวันนี้ วันนี้เราจะเริ่มจากบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ก่อนและพรุ่งนี้เราจะขายหุ้นในบริษัทเคมีพวกนั้น”
“ตกลงครับ งั้นฝากสวัสดีปีใหม่คุณลุงแทนผมด้วยนะครับ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะจัดการให้”
ทั้งคู่คุยกันต่ออีกสักพัก จากนั้นเฝิงหยู่ก็โทรหาเหอจ้าวจี “ตาเฒ่าจ้าว ช่วยผมเตรียมการหน่อย ติดต่อตระกูลฟู่และขายหุ้นในบริษัทเคมีทิ้งทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ แล้วก็ให้แจ้งทุกคนที่ซื้อหุ้นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ขายหุ้นทิ้ในคืนนี้”
“ครับเจ้านาย เราควรทำยังไงกับเงินที่ได้มาหลังจากที่ขายหุ้นทิ้งไปแล้วครับ?” การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับเงินทุนของบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเงินทุนส่วนตัวของเฝิงหยู่ด้วย เฝิงหยู่ได้ขายหุ้นไมโครซอฟท์ของเขาบางส่วนไปเพื่อมาซื้อหุ้นของบริษัทพวกนี้
“เอาเงินของผมไปซื้อหุ้นไมโครซอฟท์ ทำทุกอย่างเหมือนเดิม ซื้ออะไรก็ได้ที่มีอยู่ในตลาด หากไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่าในตลาด ก็เอาเงินของลูกค้าเราไปซื้อหุ้นไมโครซอฟท์หรือหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ ก็ได้ เราควรเน้นที่เงินทุนส่วนใหญ่ของเราในตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก หากมีเงินเหลือ เราสามารถเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ทองคำหรือสินค้าอุปโภคบริโภคได้ คุณสามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้เองเลย เพียงแค่ทำตามกฎของเราเท่านั้น เรายอมที่จะไม่ทำเงินดีกว่าปล่อยให้ลูกค้าของเราต้องเสียเงิน คุณต้องลดความเสี่ยงลงและไม่อนุญาตให้มีการกำหนดความเสี่ยงการลงทุนในระดับสูงนะครับ!”
บริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากมายเพราะไม่มีลูกค้ารายใดขาดทุนเลยเมื่อลงทุนกับพวกเขา ประการแรกเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจโลกกำลังดีโดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา ประการต่อมาเป็นเพราะเฝิงหยู่บอกให้พนักงานของเขาลงทุนอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ เฝิงหยู่ก็จะให้คำแนะนำแก่พวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาลงทุนไปในทิศทางที่ผิดด้วย
“วางใจได้เลยครับเจ้านาย เราจะไม่ยอมให้ลูกค้าต้องขาดทุนแน่นอน ผมจะเรียกให้ทุกคนกลับไปมาทำงานคืนนี้ แล้วก็ผมให้เจ้านายมีความสุขในวันตรุษจีนนะครับ”
“ผมก็ขอให้คุณมีความสุขตลอดปีใหม่ด้วยเช่นกันครับ โอ้ ทุกคนทำงานหนักมาก เอา 1% ของผลกำไรเราที่ได้ไปเป็นโบนัสของพนักงานนะครับ แค่นี้นะครับ”
1% ของกำไรอาจฟังดูไม่เยอะ แต่จำนวนเงินที่ลงทุนในการดำเนินการนี้มีมูลค่ามหาศาล แค่เฝิงหยู่คนเดียวก็ลงทุนไปแล้ว 1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ผลตอบแทนจากการดำเนินการนี้น่าจะมากกว่า 50% เมื่อรวมกับเงินทุนของลูกค้าแล้ว ผลกำไร 1% ของพวกเขาจะมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง จำนวนนี้ยังไม่รวมค่านายหน้าของโบรกเกอร์ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนครั้งนี้ได้รับการควบคุมดูแลโดยเฝิงหยู่ และพนักงานทุกคนต้องทำตามคำแนะนำเท่านั้นและจะทำเงินได้จำนวนมาก เพียงแค่ทำงานสองคืนในช่วงปีใหม่ก็สามารถทำเงินได้สองสามแสนแล้ว พวกเขาทุกคนดีใจมาก
ผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้มากเกินคาด อาจเป็นเพราะหุ้นลดลงต่ำเกินไปในช่วงเริ่มต้น ผู้ถือหุ้นของบริษัทพวกนั้นพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเพิ่มมูลค่าหุ้นตัวเอง อาจเป็นเพราะสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกาก็ร่วมซื้อหุ้นของบริษัทพวกนั้นด้วย นอกจากนี้ ยังมีฮ่องกง มาเก๊า และนักธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายที่มาซื้อหุ้นด้วย การทำแบบนี้ทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่ซื้อหุ้นของบริษัทพวกนั้นจะได้รับผลตอบแทนมากกว่า 50% และใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น
เฝิงหยู่คาดว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นอีก แน่นอนการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นได้ชะลอตัวลงในช่วงนี้ แต่ถ้าตระกูลฟู่และคนอื่นๆ ที่เหลืออยากขายหุ้นทิ้งในตอนนี้ ราคาหุ้นก็จะพุ่งตัวขึ้นสูงอีกครั้ง เฝิงหยู่รู้สึกว่าผลตอบแทนที่ได้สูงมากพอแล้ว กำไร 50% ภายใน 2 เดือนและเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก นี่ไม่ใช่ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว!
หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐให้เป็น 2 ดอลลาร์สหรัฐ แต่การเปลี่ยนจาก 100 ถึง 200 ล้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เฝิงหยู่หัวเราะกับคำกล่าวนี้ หากคุณลงทุนในทิศทางที่ถูกต้อง เงิน 1,000 ล้านก็สามารถกลายเป็น 2 พันล้านได้อย่างรวดเร็ว
……
“ประธานโนริโอะครับ ราคาหุ้นของเราเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงนี้ แม้ว่าจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดของปีที่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเวลา เราน่าจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดได้ภายใน 3 เดือน พวกเราทุกคนเชื่อฟังคุณและเก็บหุ้นของเราเอาไว้ คราวนี้เราจะได้รับผลตอบแทนสูงครับ”
กรรมการหัวเราะและพูดในระหว่างการประชุมคณะกรรมการของโซนี่ พวกเขาลืมไปแล้วว่าพวกเขาเคยอยากให้โนริโอะ โอกะ ลาออกจากตำแหน่งในการประชุมครั้งล่าสุดที่ผ่านมา
โนริโอะ โอกะ รู้สึกพอใจ พวกคุณทุกคนยังอยากให้ผมลาออกอีกหรือเปล่า? ผมคิดแผนการกักเก็บราคาหุ้นนี้ขึ้นมาเอง มีใครหน้าไหนในที่นี้ที่สามารถคิดแผนดังกล่าวนี้ได้บ้าง? หากไม่ใช่เพราะแผนการของผม คงไม่มีคนมาซื้อหุ้นของเรามากมายแบบนี้หรอก
ผมจะเป็นคนที่จะกลายมาเป็นประธานของโซนี่ ไม่มีใครสามารถแย่งตำแหน่นี้จากผมไปได้!
ในตอนกลางคืน โนริโอะ โอกะตรวจสอบตลาดสหรัฐอเมริกา เขาเคยเห็นราคาหุ้นของโซนี่ที่เพิ่มขึ้นทุกคืนก่อนนอน ภรรยาแสนสวยของเขากำลังอาบน้ำอยู่ อีกสักพักเขาจะใช้เวลาอันโรแมนติกกับภรรยาของเขา
โนริโอะ โอกะ กำลังดูราคาหุ้นในขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้า หุ้นได้เพิ่มขึ้นอีก 0.5% และการซื้อขายเพิ่งเริ่มขึ้น วันนี้ราคาหุ้นน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 2%
ภรรยาของ โนริโอะ โอกะเข้ามาในห้อง ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออก แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าโนริโอะ โอกะ โนริโอะ โอกะ เอนหลังพิงเก้าอี้ของเขาและถอนหายใจอย่างสบาย
เขาลูบผมของภรรยาและกำลังคิดจะเริ่มปฏิบัติการจริง แต่แล้วดวงตาของเขาเหลือบมองไปที่จอคอมพิวเตอร์โดยไม่ตั้งใจ น้องชายเขาอ่อนตัวลงทันที
ภรรยาของเขาตกใจ เธอนึกว่าฟันของเธอกัดไปถูกอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึกนั้นโดยไม่ตั้งใจและเธอก็รีบใช้ลิ้นเพื่อทำให้ โนริโอะ โอกะพอใจต่อเพื่อทำให้น้องชายของเขากลับมาแข็งตัวอีกครั้ง
แต่โนริโอะ โอกะ กลับผลักเธอออกไปจนทำให้เธอล้มลงบนเสื่อทาทามิ
ภรรยาของโนริโอะ โอกะคิดว่า โนริโอะ โอกะกำลังเล่นละครกับเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สามีของเธอปฏิบัติต่อเธออย่างหยาบกระด้างแบบนี้ เธอแสร้งทำเป็นกลัวและหลับตาทันทีเพื่อรอให้สามีของเธอโผเข้าหาเธอ
แต่หลังจากที่รอสักครู่ สามีของเธอก็ไม่ได้มองมาที่เธอ เธอกลับได้ยินเสียงแก้วน้ำกระทบลงบนพื้น น้ำกระเด็นใส่ร่างกายของเธอ
ภรรยาของโนริโอะ โอกะหลับตาด้วยความตกใจ เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่การเล่นละคร สามีของเธอจะขว้างสิ่งต่างๆ รอบตัวเมื่อเขาอารมณ์ไม่ดีเท่านั้น เกิดอะไรขึ้น? ในช่วงอาหารเย็น โนริโอะ โอกะบอกเธอว่าบริษัทกำลังไปได้สวยและจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากรักษาการประธานไปเป็นตำแหน่งประธานในไม่ช้า
ภรรยาของโนริโอะ โอกะยืนขึ้นทันทีและเห็นสามีของเธอจ้องมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอเห็นหน้าจอเต็มไปด้วยสีเขียว แม้ว่าเธอจะเป็นแม่บ้านเต็มเวลา แต่เธอก็รู้ว่าสีเขียวหมายถึงการสูญเสียเงิน
โนริโอะ โอกะบอกว่าราคาหุ้นของบริษัทกำลงเพิ่มขึ้นและเขาถึงขนาดลงทุนเงินออมทั้งหมดเข้าไปในหุ้นของบริษัท แต่ตอนนี้หุ้นกลับลดลง ไม่แปลกใจที่โนริโอะ โอกะจะโมโหมาก
ว่าแต่ทำไมหุ้นของบริษัทถึงลดลงฮวบฮาบ? โนริโอะ โอกะบอกเองไม่ใช่หรอว่าหุ้นของบริษัทจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป?
EG บทที่ 711 บ้างก็หัวเราะ บ้างก็ร้องไห้ 1
โนริโอะ โอกะ ไม่เข้าใจว่าทำไมหุ้นของโซนี่ถึงลดลงฮวบฮาบในทันที การดำเนินงานของบริษัทก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และเพลย์สเตชั่นก็ขายดีมาก รีวิวของเพลย์สเตชั่นนั้นก็ยอดเยี่ยมและยอดขายของแผ่นดิสก์ วอลค์แมน เครื่องเล่นซีดี และอื่นๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน ศิลปินในสังกัดค่ายเพลงของพวกเขาก็ไม่มีข่าวเชิงลบและคอนเสิร์ตของพวกเขาก็ขายบัตรหมดไปแล้ว
ราคาหุ้นน่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความผันผวนบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะลดลงฮวบฮาบแบบนี้ ตลาดสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในขาขึ้น และไม่มีเหตุผลว่าทำไมหุ้นถึงลดลงเกือบ 5% ภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่การซื้อขายเริ่มขึ้น!
โนริโอะ โอกะ มองไปที่รายการทำธุรกรรม มีการทำธุรกรรมขายจำนวนมากที่ทำให้ราคาหุ้นของพวกเขาลดลง
ใครขายหุ้นเราทิ้ง นักเก็งกำไรพวกนั้นเหรอ? มีคนพุ่งเป้ามาที่โซนี่งั้นหรอ?
โนริโอะ โอกะ ทำเป็นเพิกเฉยไม่ได้แล้ว เขาโทรไปหาผู้ที่รับผิดชอบในสหรัฐอเมริกาทันที
“ประธานครับ นักลงทุนต่างชาติเป็นคนขายหุ้นจำนวนมากพวกนั้น ไม่เพียงแต่บริษัทของเรานะครับ บริษัทโตชิบา ชาร์ป ไพโอเนียร์และบริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อีกมากมายที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาก็โดนเหมือนกันหมด หุ้นของทุกคนลดลงอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อดัชนีเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา!”
“นักลงทุนต่างชาติหรอ? คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเขามาจากไหน?”
“ผมกำลังสืบอยู่ครับ แต่ผมยืนยันได้ว่าจะมาจากทางเอเชีย”
เอเชีย? ใครกัน? บริษัทไหนทำแบบนี้? บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดได้รับผลกระทบและแม้แต่ดัชนีตลาดหุ้นก็ยังได้รับผลกระทบด้วยงั้นหรอ? นี่ไม่น่าจะใช่พวกนักเก็งกำไรที่ชอบขายหุ้นทิ้ง เรื่องนี้น่าจะมีการวางแผนมาสักพักแล้ว!
แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงขายทิ้งทั้งหมดพร้อมกันทีเดียวล่ะ? พวกเขาน่าจะขายหุ้นโดยแบ่งเป็นล็อตๆ พวกเขาน่าจะขาดทุนด้วยเหมือนกันถ้าพวกเขาขายทิ้งหุ้นทั้งหมดในคราวเดียว ทำไมพวกเขาถึงไม่กลัวการขาดทุน?
โนริโอะ โอกะ ยังไม่วางหูโทรศัพท์มือถือเมื่อโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ภรรยาของเขาส่งโทรศัพท์ให้เขาทันที โนริโอะ โอกะ พูดสองสามคำทางโทรศัพท์แล้วก็วางสายไป
“ผมจะกลับไปที่บริษัท และคืนนี้ไม่กลับบ้านนะ”
……
ประธานของโตชิบากำลังหลับอยู่ และก็มีคนมาปลุกเขาให้ตื่น เขาโกรธมาก นี่มันดึกมากแล้วและเขาก็ต้องตื่นเช้าไปทำงานในวันรุ่งขึ้น
“ประธานครับ หุ้นของบริษัทเราตกลงฮวบฮาบเลยครับ!”
“คุณว่าไงนะ? เกิดอะไรขึ้น? ตกลงไปมากแค่ไหน?” ประธานโตชิบาตื่นทันที ราคาหุ้นของบริษัทของเขาลดลงอย่างรวดเร็วแบบนี้ได้ยังไง? อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปได้ด้วยดี สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น
“ลดลง 8% ไม่สิ ตอนนี้ 10% แล้วครับ!” ราคาหุ้นของพวกเขาลดลง 10% ในระหว่างที่โทรศัพท์อยู่
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? มีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับบริษัทของเราหรอ?”
“ไม่มีครับ ทุกอย่างเป็นปกติดี และไม่มีข่าวด้านลบเกี่ยวกับเราในสหรัฐอเมริกาเลย ผมไม่แน่ใจทางฝั่งยุโรปผมโทรไปหาสำนักงานใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“นั่นหมายความว่ามีใครบางคนกำลังควบคุมราคาหุ้นของเราอยู่งั้นหรอ?” เขาโกรธและตกใจในเวลาเดียวกัน โตชิบาเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่และมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากใครต้องการที่จะควบคุมราคาหุ้นของพวกเขา จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่น่าจะมีใครมีอำนาจทางการเงินในการทำเช่นนี้ได้เว้นแต่จะดำเนินการกันเป็นกลุ่ม!
เขาลุกจากเตียงทันทีและเรียกประชุมกรรมการบริษัทด่วน พวกเขาต้องหาทางออกก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวจะเริ่มทำการซื้อขายในตอนเช้า พวกเขายอมให้หุ้นของบริษัทตกลงในญี่ปุ่นไม่ได้!
หากราคาหุ้นของพวกเขาลดลงเหมือนปีที่แล้วอีก นี่อาจเป็นวันสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งประธานของเขา นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่งของบริษัทด้วย เขาจะขาดทุนเยอะมากด้วยเช่นกัน!
คืนนี้บริษัทข้ามชาติญี่ปุ่นหลายแห่งไม่มีความเงียบสงบอีกต่อไป
ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทของพวกเขา ทำไมคนจึงขายหุ้นของบริษัทพวกเขาทิ้งหมด? ราคาหุ้นของบริษัทพวกนี้ลดลงอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่ใช่บริษัทเดียวที่ได้รับผลกระทบ ราคาหุ้นของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ญี่ปุ่นหลายแห่งก็ลดลงเช่นกัน ซึ่งโดยเฉลี่ยลดลงประมาณ 10%
หุ้นของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดลดลง และแม้แต่ดัชนีหุ้นก็ร่วงลงอันเนื่องมาจากหุ้นของพวกเขา ตอนนี้ตลาดสหรัฐอเมริกาน่าจะเป็นขาขึ้น และราคาหุ้นก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ทำไมตลาดถึงเปลี่ยนเป็นขาลงในวันนี้ล่ะ?
ช่วงนี้หลายคนเริ่มซื้อหุ้นของบริษัทพวกนี้ในราคาต่ำและหุ้นก็เริ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในกลุ่มคนพวกนี้ บางคนก็เป็นบริษัท
หากมีคนพุ่งเป้ามาที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์เพียงแห่งหนึ่ง ก็อาจเป็นไปได้ แต่ใครจะมีอำนาจมากถึงขนาดพุ่งเป้าไปที่บริษัทจำนวนมากได้ในคราวเดียว?
ทุกคนพยายามหาต้นตอและเริ่มติดต่อหากัน พวกเขาจะต้องทำให้ราคาหุ้นเสถียรก่อน นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ หากการลงทุนในตลาดหุ้นล้มเหลวอีกครั้ง เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็จะได้รับผลกระทบอีกรอบ เขาจะต้องเจอปัญหาใหญ่อีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ญี่ปุ่นทั้งหมด รวมถึงรัฐบาลเริ่มประกาศข่าวดี โดยหวังว่าจะสามารถทำให้ตลาดหุ้นเกิดความเสถียรภาพได้ แต่หลังจากคืนที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากไม่เชื่อพวกเขา เมื่อการซื้อขายเริ่มขึ้นในโตเกียว ราคาหุ้นของพวกเขาก็เริ่มลดลง
นักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจมากของฮ่องกงบางคนที่ซื้อหุ้นในบริษัทอิเล็กทรอนิกส์พวกนั้นฉลองดื่มแชมเปญกัน บางคนทำกำไรได้เยอะมาก และบางคนก็ได้น้อยกว่า แต่โดยรวมแล้วทุกคนได้เงินหมด
การดำเนินการเพื่อทำเงินอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ มีเพียงบางคนที่รู้สึกเสียดาย หากพวกเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น พวกเขาจะลงทุนเพิ่มมากขึ้น ผลตอบแทนที่ได้สูงกว่าธุรกิจของพวกเขามาก ไม่แปลกใจเลยที่ฟู่หยงฉีมุ่งเน้นไปที่ตลาดการเงิน ตลาดการเงินสร้างผลกำไรได้ดีมากแบบนี้นี่เอง!
นักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจมากกำลังรอให้ถึงคืนนี้เพื่อขายหุ้นบริษัทเคมี พวกเขาวางแผนสำหรับการฉลองในวันพรุ่งนี้ เยี่ยมมาก อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของฟู่หยงฉีพอดี ปีนี้ทุกคนจะฉลองวันเกิดกับเขา เขาเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนสามารถทำเงินได้อย่างรวดเร็วได้
แต่ฟู่หยงฉีกลับอารมณ์ไม่ดี คนพวกนี้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับตลาดการเงิน พวกเขาจะขายหุ้นทิ้งแบบนี้ได้อย่างไรกัน? หากพวกนั้นฟังเขาและค่อยๆ ขายหุ้นทีละน้อย ทุกคนจะได้รับเงินมากขึ้น แต่คนพวกนี้ไม่ฟังเขาเลย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคนพวกนี้ซื้อหุ้นมาในราคาต่ำ ป่านนี้ทุกคนก็อาจจะไม่สามารถขายหุ้นของพวกเขาทิ้งได้!
เมื่อตลาดหุ้นโตเกียวปืดทำการ โนริโอะ โอกะและคนอื่นๆ ก็หน้าซีด พวกเขาไม่สามารถรักษาเสถียรภาพราคาหุ้นของพวกเขาไว้ได้ และมีการขายหุ้นอันเนื่องมาจากการตื่นตระหนก ซึ่งทำให้หุ้นของพวกเขาลดลงมากกว่าเดิมอีก
“โนริโอะ โอกะ คุณควรอธิบายให้เราฟังว่าทำไมหุ้นของเราถึงร่วงลงเช่นนี้?” กรรมการคนที่ชมโนริโอะ โอกะ เมื่อวานนี้ถามเขา
“มีคนพุ่งเป้ามาที่เราและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ญี่ปุ่นทั้งหมด โดยเฉพาะบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนั้นในประเทศจีน เราตรวจสอบแล้วและคนที่ขายหุ้นของเราทิ้งนั้นมาจากฮ่องกง!” โนริโอะ โอกะ พูดเสียงดัง
คนพวกนั้นไม่ได้พยายามปกปิดตัวตนของพวกเขา พวกเขาร่วมมือกันเพื่อซื้อหุ้นและผลักดันราคาหุ้นก่อนที่จะพร้อมใจออกจากตลาดด้วยกัน เรื่องนี้ทำให้หุ้นของพวกเขาลดลงฮวบฮาบ คนพวกนั้นทำกับบริษัทของพวกเขาอย่างกับตู้เอทีเอ็ม
“ฮ่องกงหรอ? ทำไมพวกเขาถึงพุ่งเป้ามาที่เราล่ะ? มีบริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในฮ่องกงหรือเปล่า? อีกอย่างไม่มีบริษัทญี่ปุ่นรายไหนที่สร้างปัญหาในฮ่องกงไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้?”
โนริโอะโอกะมองหน้ากรรมการคนนั้น คุณนี่โง่หรือเปล่า? คุณไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานี้จริงๆ หรอ?
“เป็นเพราะผลกำไรครับ พวกเขาคาดการณ์ว่าราคาหุ้นของเราจะเพิ่มขึ้นและพวกเขาทั้งหมดก็ซื้อหุ้นของเราจำนวนมากและทำให้ราคาหุ้นของเราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าถึงราคาที่พวกเขาต้องการแล้วและเริ่มขายหุ้นของเราทิ้ง ทุกคนยังจำตอนที่ราคาหุ้นของเราลดลงเมื่อปีที่แล้วได้หรือเปล่าครับ? เราไม่ได้ทำอะไรมาก และราคาหุ้นของเราฟื้นตัวเอง นั่นคือเวลาที่คนพวกนี้ซื้อหุ้นของเรา”
“เรื่องนี้สำคัญมาก ทำไมคุณถึงไม่สังเกตเห็นในตอนนั้น? คุณบอกให้เราเพิ่มหุ้นของเราเองไม่ใช่หรอ? ตอนนี้หุ้นของเราลดลงอีกแล้ว คุณจะตอบเรายังไง?”
โนริโอะ โอกะ ก็โกรธเช่นกัน กรรมการพวกนี้จะอ้างว่าเป็นความพยายามของตัวเองเวลาที่ทำเงินได้ แต่พอพวกเขาขาดทุน ก็จะโยนความผิดมาให้เขา ผมไม่เอาแล้วตำแหน่งกรรมการบ้าๆ นี่! ผมไม่ต้องการที่จะดำรงตำแหน่งรักษาการประธานอีกต่อไปแล้ว!
“ผมไม่มีอะไรจะพูดครับ ถ้าคุณทุกคนคิดว่ามีบางคนที่เหมาะสมกว่าผมที่จะดำรงตำแหน่งรักษาการประธาน ก็บอกผมมา ผมจะถอนตัว!”
EG บทที่ 712 บ้างก็หัวเราะ บ้างก็ร้องไห้ 2
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนในโตเกียวและฮ่องกง และเป็นเวลาเช้าในสหรัฐอเมริกา ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเปิดทำการซื้อขายแล้ว
เมื่อวานนี้หลังจากหุ้นของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ลดลง แต่หุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ตลาดปิด แต่พอตลาดเปิดในวันนี้ ราคาหุ้นก็ยังคงลดลงเหมือนเดิม ซึ่งยากที่จะควบคุมไม่ให้เกิดการขายอันเนื่องมาจากการตื่นตระหนกได้
นักลงทุนสหรัฐอเมริกาที่ซื้อหุ้นของบริษัทพวกนี้ก็เริ่มขายหุ้นทิ้งเช่นกัน แต่เมื่อวานสายเกินไปแล้วและไม่ได้จัดการขายหุ้นก่อนที่ตลาดจะปิด ดังนั้นเมื่อตลาดเปิดในวันนี้ พวกเขาเริ่มขายหุ้นทิ้ง พวกเขาต้องการหยุดการขาดทุนให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าพวกเขาซื้อหุ้นพวกนี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน พวกเขาจะไม่ขาดทุน
บริษัทต่างๆ พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาเสถียรภาพของหุ้น และเริ่มปั๊มเงินทุนจำนวนมากเพื่อผลักดันราคาหุ้น นักเก็งกำไรและนักลงทุนรายย่อยบางรายก็เข้าสู่ตลาดเช่นกัน พวกเขาต้องการซื้อหุ้นพวกนี้ในราคาต่ำและหวังว่าจะทำกำไรได้สูง ขนาดรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีส่วนร่วมในการช่วยดึงราคาหุ้น แต่ตอนนี้หุ้นของบริษัท เคมีพวกนั้นก็เริ่มดิ่งลงเช่นกัน
เหตุการณ์นี้เหมือนกับเมื่อวานเด๊ะ มีการขายหุ้นทิ้งจำนวนมากและไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ
ในตอนแรก หลายคนกำลังเฉลิมฉลอง หุ้นของบริษัทพวกนี้มีศักยภาพและหลายคนก็กำลังรอโอกาสที่จะเป็นเจ้าของ ตอนนี้มีหุ้นจำนวนมากในตลาดและทุกคนก็รีบซื้อ
แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักว่าราคาหุ้นพวกนี้เริ่มลดลง ซึ่งลดลงเร็วกว่าเมื่อวานอีก ทุกคนสับสนไปหมดกับสถานการณ์นี้
แม้แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ก็ยังงง ทำไมคนจำนวนมากถึงขายหุ้นของบริษัทพวกนี้ทิ้ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหุ้นของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์พวกนั้นหรือเปล่า?
หลังจากการตรวจสอบแล้ว เขาพบว่าคนที่ขายหุ้นพวกนั้นทิ้งมาจากฮ่องกงและมาเก๊า คนพวกนี้เป็นคนพวกเดียวกันกับเมื่อวานหรอ?
ถ้าจะบอกว่าคนพวกนี้ควบคุมตลาด ก็คงเป็นไปไม่ได้ ราคาหุ้นของบริษัทพวกนี้เพิ่มขึ้นก็เพราะว่าผู้ถือหุ้นของบริษัท คนกลุ่มนี้แค่ซื้อหุ้นเท่านั้นและไม่ได้ทำอะไรเลย!
วอร์เรน บัฟเฟตต์ขมวดคิ้ว คนพวกนี้รู้ว่าหุ้นของบริษัทจะเพิ่มขึ้นและร่วมมือกันซื้อหุ้นด้วยกันงั้นหรอ? แต่ทำไมพวกเขาขายหุ้นทิ้งทั้งหมดในคราวเดียวล่ะ? พวกเขาน่าจะค่อยๆ ขายหุ้นทิ้งทีละนิดไม่ใช่หรอ? แบบนั้นน่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องและราคาหุ้นก็ยังคงมีเสถียรภาพอยู่ และพวกเขาจะทำกำไรได้มากกว่า
กำไรของพวกเขาจะลดลงเมื่อพวกเขาขายหุ้นทิ้งจำนวนมากในครั้งเดียว นอกเสียจากว่าพวกเขาทำสิ่งนี้โดยเจตนา ว่าแต่มันมีเบื้องหลังอะไรอีก? พวกเขาจะซื้อหุ้นพวกนั้นกลับคืนอีกหรอ? แต่นั่นจะถือว่าเป็นการควบคุมตลาด!
แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ไม่รู้ว่ามันไม่ใช่เพราะคนพวกนี้ต้องการให้ราคาหุ้นลดลง แต่เป็นเพราะคนพวกนี้ไม่เข้าใจตลาดเป็นอย่างดี พวกเขาต้องการถอนเงินสดออกอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้เงินมาเพียงพอแล้ว ตราบใดที่มีการขายหุ้นอยู่ พวกเขาก็จะทำกำไรได้
แม้ว่าโบรกเกอร์ของพวกเขาจะบอกว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่คนพวกนี้ก็ไม่ฟังา พวกเขารู้แค่ว่าใครก็ตามที่ขายหุ้นทิ้ก่อนจะทำกำไรได้มากที่สุด!
เมื่อเฝิงหยู่รู้สถานการณ์นี้ เขาก็พูดไม่ออก เขายังคงต้องนำคนพวกนี้ไปต่อสู้กับนักเก็งกำไรต่างประเทศในอีก 2 ปีข้างหน้า หากคนพวกนี้หายไปในช่วงเวลาสำคัญ เขาและตระกูลฟู่จะติดกับอยู่ในตลาด
เฝิงหยู่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของคนพวกนี้ที่มีวิสัยทัศน์ไม่กว้างไกลมาก่อนเมื่อชาติที่แล้วของเขา เป็นเพราะว่ารัฐบาลจีนอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าไปในตลาดงั้นหรอ?
ฟู่หยงฉีรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมคนพวกนี้และนี่คือเหตุผลที่เขาบอกให้เฝิงหยู่ขายหุ้นทิ้งโดยเร็วที่สุด แต่เขาไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะเร็วกว่าพวกเขาเสียอีก
คนพวกนั้นทำกำไรได้มากกว่าตระกูลฟู่และเฝิงหยู่ แต่เฝิงหยู่ไม่สนใจ สิ่งนี้อาจเพิ่มความไว้วางใจของคนพวกนี้ และพวกเขาอาจทำตามคำแนะนำของเขาในอนาคต
ทุกคนช่วยเพิ่มราคาของหุ้นพวกนั้น หากไม่ได้พวกเขามาร่วมในการดำเนินการครั้งนี้ ราคาหุ้นพวกนั้นก็จะลดลงไปอีก
แต่นี่ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน บริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นจะประสบปัญหาอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่เฝิงหยู่ต้องการ ความผิดพลาดครั้งก่อนทำให้บริษัทพวกนั้นเสียหายอย่างหนักและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นทั้งหมด
เรื่องเดิมเกิดขึ้นอีกครั้งและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ประสบกับปัญหาอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่าปีก่อน แต่บางบริษัทก็ล้มละลาย บางทีอาจจะกระตุ้นให้เกิดการฆ่าตัวตายอีกรอบก็ได้
มีสถิติที่แสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดและมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี
บริษัทพวกนั้นจะใช้เงินทุนส่วนใหญ่เพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่หุ้นและจะไม่มีเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการพัฒนาบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์
แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว เฝิงหยู่ก็ไม่ขาดทุนแล้ว ผลตอบแทนที่ได้รับจากความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคนั้นสูงมาก
เมื่อตลาดปิดทำการ หุ้นของบริษัทเคมีพวกนั้นก็ตกลงฮวบฮาบและทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกาเริ่มให้ความสนใจ หลังจากการตรวจสอบแล้ว พวกเขาก็รู้ว่านี่คือการดำเนินการร่วมกัน
แต่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นไม่ใช่การควบคุมหุ้นพวกนั้น ไม่กี่คนที่ขายหุ้นของพวกเขาทิ้งก่อนนั้นกำลังจะขายหุ้นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง พวกเขาไม่ได้พยายามเพิ่มผลกำไรให้ได้มากที่สุด
แต่ทำไมนักลงทุนพวกนี้ถึงทำแบบนี้? พวกเขาไม่ได้มีปัญหากับบริษัทพวกนั้นซักหน่อย
ในไม่ช้าหน่วยงานของสหรัฐก็รู้ว่านักลงทุนพวกนี้มาจากฮ่องกงและมาเก๊า เป็นไปได้มั้ยว่านักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจพวกนั้นจะร่วมมือกัน? ฮ่องกงมีสัดส่วนของนักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจมากที่สุดในโลก
ไม่กี่วันต่อมา เฝิงหยู่และตระกูลฟู่ก็ขายหุ้นที่เหลือของบริษัทพวกนั้น ฟู่หยงฉีลงทุนเงินของเขากลับคืนสู่ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ส่วนเฝิงหยู่ก็เข้าซื้อหุ้นไมโครซอฟท์และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ต่อ
ตอนนี้กฎของเฝิงหยู่คือถ้าไม่มีอะไรจะซื้อ ก็ให้ซื้อไมโครซอฟท์ อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์จะบินทะยานขึ้นสูงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เขาจะสามารถทำเงินได้แม้จะนอนเฉยๆ อยู่ก็ตาม
……
หุ้นของบริษัทญี่ปุ่นลดลงมากกว่า 20% อย่างน้อยการลดลงของหุ้นของพวกเขาก็หยุดลง และพวกเขาก็โล่งใจมาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ไม่ได้ขายหุ้นของเขาทิ้ง เขาคุ้นเคยกับการลงทุนระยะยาวและรู้ว่าสุดท้ายแล้วหุ้นพวกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก
นักลงทุนหลายคนเห็นวอร์เรน บัฟเฟตต์ยังคงถือหุ้นของบริษัทพวกนั้นอยู่ พวกเขาก็กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง พวกเขาหยุดขายหุ้นด้วย และบางคนก็ใช้โอกาสนี้ในการซื้อหุ้นเพิ่ม
คนพวกนี้แหละที่ช่วยให้เฝิงหยู่และคนอื่นๆ ออกจากตลาด เฝิงหยู่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย พวกเขาควรขอบคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์จริงๆ
บริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นควรขอบคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ด้วยเช่นกัน หากวอร์เรนไม่ได้ถือหุ้นของพวกเขาเอาไว้และช่วยเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมา หุ้นก็จะลดลงไปอีก!
ตระกูลฟู่ทำกำไรได้มากที่สุดในการลงทุนครั้งนี้ ตามมาด้วยเฝิงหยู่ แต่ถ้าหากคำนวณตามรายบุคคล เฝิงหยู่ก็ทำเงินได้มากที่สุด นักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจมากหลายคนคิดว่าพวกเขาได้รับผลตอบแทนสูง แต่เมื่อเทียบกับเฝิงหยู่แล้ว พวกเขาก็ยังห่างชั้นอีกเยอะ
คิริเลนโกซึ่งอยู่ในมอสโกโทรหาเฝิงหยู่เพื่อขอบคุณเขา เขาก็ร่วมลงทุนเงินจำนวนมากในการดำเนินการครั้งนี้ด้วยเหมือนกันและทำกำไรได้มากด้วย…….
EG บทที่ 713 ใครๆ ก็ชอบอาจารย์ลี
เฝิงหยู่ไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฟู่หยงฉี ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่มีเวลา แต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น ตำแหน่งของเขาในตระกูลฟู่จะไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ก็ตาม สำหรับนักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจมากคนอื่นๆ นั้น เฝิงหยู่จะให้พวกเขารู้ความสามารถของเขาเอง
นักศึกษาหลายคนกำลังฝึกงานสำหรับภาคเรียนที่กำลังจะมาถึงในการศึกษาปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์รับลีน่าให้ศึกษาในหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาแล้ว
แน่นอนว่าแม้ว่าลีน่าจะได้รับการยอมรับแล้ว แต่เธอก็ยังต้องไปฝึกงาน เฝิงหยู่ช่วยเธอหาโรงเรียนมัธยมต้น แม้ว่านักเรียนในระดับมัธยมต้นจะอยู่ในวัยที่ชอบต่อต้าน แต่เมื่อเทียบกับโรงเรียนมัธยมปลาย พวกเขายังจัดการได้ง่ายกว่าเยอะ
เมื่อยืนอยู่ที่ทางเข้าโรงเรียน เฝิงหยู่ก็เห็นคนมากมายถือดอกไม้กำลังรออยู่ที่นั่น เฝิงหยู่คิดกับตัวเองว่าวันนี้เป็นงานพิเศษอะไรหรอ?
“จ้าวเหยียน ลองดูสารรูปตัวแกซะก่อน อาจารย์ลีไม่มีทางชอบนายแน่นอน!” ชายคนหนึ่งที่ถือดอกไม้อยู่พูดกับชายอีกคนซึ่งก็ถือช่อดอกไม้อยู่เหมือนกัน
“ฉันทำไมหรอ? พ่อฉันอยู่กรมศึกษาธิการ ถ้าอาจารย์ลีต้องการเป็นครูอยู่ในกรุงปักกิ่งต่อไป ฉันก็สามารถช่วยเขาได้ นายทำแบบฉันได้มั้ยล่ะ? หวังเหลียง พ่อของนายอยู่ในกรมกำกับการบริหารกิจการศาสนาแห่งชาติ นายคิดจะขอให้อาจารย์ลีทำงานที่นั่นงั้นหรอ? ให้อาจารย์ไปเป็นแม่ชีหรือไง?” จ้าวเหยียนเถียงกลับ
“ฮึ่ม! นายสองคนยังต้องพึ่งครอบครัวตัวเองอยู่เลย แบบนี้ยังกล้ามาตามจีบอาจารย์ลีอีกหรอ? ฉันทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทข้ามชาติ เงินเดือนของฉันสูงกว่าพ่อของพวกนายทั้งคู่อีก และผมยังไปเรียนต่อที่ต่างประเทศด้วย ผมสามารถพาอาจารย์ลีไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างประเทศได้สบายๆ นายสองคนทำแบบนี้ได้มั้ยละ?” ชายอีกคนที่แต่งตัวเหมือนนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกล่าว
เฝิงหยู่เหลือบมองพวกเขา เขารู้สึกไม่ดีเลย คนพวกนี้กำลังรออาจารย์ลีอยู่หรอ? หรือว่าอาจจะเป็น……
เมื่อโรงเรียนเลิก นักเรียนก็รีบวิ่งออกมา
นักเรียนคนหนึ่งวิ่งไปหาจ้าวเหยียน “พี่ครับ อาจารย์ลีอยู่ที่ลานจอดรถและกำลังจะออกมาเร็วๆ นี้ครับ”
จ้าวเหยียนรีบตรวจสอบเครื่องแต่งกายของเขาทันที จากนั้นก็ยืดอกตรง เขาถือช่อดอกไม้ด้วยมือทั้งสอง คนอื่นก็ทำตัวแบบเดียวกัน พวกเขาทุกคนรู้ว่าโรงเรียนนี้มีครูสวยคนใหม่และพวกเขาทุกคนก็อยากมาจีบเธอ
หลายคนสนใจอาจารย์ลีคนใหม่นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคนพวกนี้มีประวัติดี ป่านนี้คงมีคนรอเธออยู่นอกประตูโรงเรียนหลายสิบคนแน่ๆ
ลีน่าขี่สกูตเตอร์ออกมาจากโรงเรียน แม้ว่าเธอจะขับรถเป็น แต่เธอก็ขับไม่ค่อยเก่ง นี่คือเหตุผลที่เฝิงหยู่ซื้อสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กให้เธอ ซึ่งสะดวกกว่าการขี่จักรยาน
ลีน่ายืนกรานว่าในฐานะที่เธอเป็นครู เธอไม่สามารถนั่งแท็กซี่ไปทำงานได้ เธอจะทำให้นักเรียนรู้สึกแย่ เฝิงหยู่หัวเราะกับเรื่องนี้ เมื่อชาติที่แล้วของเขา เขาเคยเห็นอาจารย์นั่งรถเมอร์ซิเดซ เบนซ์ไปทำงาน คนที่ซุบซิบแอบนินทาส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่อิจฉาคนอื่นทั้งนั้นแหละ
ลีน่ายิ้มเมื่อเธอเห็นเฝิงหยู่รอเธอที่ประตูโรงเรียน
จ้าวเหยียนเห็นอาจารย์ลียิ้มมาทางเขา เขาก็ดีใจมาก ทุกคนเห็นมั้ย? อาจารย์ลีชอบผม พวกนายหลีกทางไปเลย!
จ้าวเหยียนก้าวไปข้างหน้าพร้อมถือดอกไม้ในมือ เขากำลังเดินเหมือนผู้ชนะและมองไปที่ผู้แพ้อีกสองคน พวกนายอย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสเลย!
หวังเหลียงรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและมอบดอกไม้ให้กับลีน่า “อาจารย์ลีครับ ดอกไม้พวกนี้เหมาะสำหรับคุณ เฉพาะช่อดอกไม้ที่สวยงามเท่านั้นถึงจะเหมาะกับความงามของคุณ”
สีหน้าของจ้าวเหยียนเปลี่ยนไปทันที หวังเหลียงนี้ไร้ยางอายจริงๆ เขาฝึกพูดประโยคนี้มาก่อนแล้วและหวังเหลียงก็มาเลียนแบบเขา! แถมยังพูดประโยคนี้ยต่อหน้าเขาอีก!
จ้าวเหยียนก็เดินไปหาลีน่าอย่างรวดเร็วและมอบดอกไม้ให้ลีน่า “อาจารย์ลีครับ โปรดรับดอกไม้ของผมด้วย ผมขอให้คุณสวยแบบนี้ทุกวันนะครับ”
“อาจารย์ลีครับ ผมจองร้านอาหารฝรั่งเอาไว้แล้ว ผมอยากจะเลี้ยงสเต็กและไวน์ให้คุณสักมื้อนะครับ” ชายคนที่ทำงานในบริษัทข้ามชาติตะโกนมา
ทุกคนที่อยู่ตรงประตูโรงเรียนรีบไปส่งดอกไม้ให้ลีน่า ทุกคนพยายามทำให้เธอพอใจ ถึงขนาดมีผู้ชายคนหนึ่งที่ขับรถมาพยายามเอาสกูตเตอร์ของลีน่าไปใส่ไว้ที่ท้ายรถของเขา
ลีน่าถึงกับอึ้ง คนกลุ่มนี้มารอเธอหลายครั้งแล้วที่โรงเรียน พวกเขาน่ารำคาญมาก เธอบอกว่าเธอมีแฟนแล้ว แต่คนพวกนี้ยังคงมาระรานเธอต่อ!
โชคดีที่เฝิงหยู่อยู่ที่นั่นในวันนี้
เฝิงหยู่เดินเข้าไปและพยายามที่จะเบียดคนพวกนี้ออกไป ให้ตายสิ คนพวกนี้ดูผอมก็จริง แต่กลับแข็งแรงมาก!
“ขอโทษนะ ขอโทษ”
“แกเป็นใคร? ทำไมถึงพยายามเบียดมาอยู่หน้าพวกเรา?” จ้าวเหยียนตะคอกใส่เฝิงหยู่
อาจารย์ลียิ้มให้ผมก่อนหน้านี้ และพวกนายยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายความว่ายังไง? แล้วนี่อะไร เจ้าบ้านี่มาจากไหน? เดินมาหาอาจารย์ลีมือเปล่างั้นหรอ?
“ผมเป็นแฟนเธอและมารับเธอหลังจากเลิกงาน” เฝิงหยู่ตอบ
“ฮึ! ฟังเจ้าเด็กบ้านี่มันพูดสิ! อาจารย์ลียังโสดอยู่ อย่ามาพูดมั่วๆ ที่นี่! ดูสารรูปตัวเองซะก่อน ท่าทางก็จน คงไม่มีปัญญาแม้แต่จะซื้อช่อดอกไม้ และยังกล้าที่จะมาจีบอาจารย์ลีอีกหรอ?”
ลีน่าระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเฝิงหยู่มีเงินเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจว่าเฝิงหยู่นั้นรวยกว่าทุกคนที่นี่แน่นอน คำว่า “จน” ไม่เคยอยู่ในสารบบของเฝิงหยู่แน่นอน วันนี้เฝิงหยู่ถูกมองว่าเป็นคนจน เรื่องนี้ตลกมาก
เหม่ยจื้อเกานั่งอยู่ในรถไม่ไกลจากประตูโรงเรียน เขากำกำปั้นของเขาและอยากไปชกหน้าคนพวกนั้นหลายหมัดจริงๆ แต่เฝิงหยู่สั่งให้เขารอเขาอยู่ในรถ ถึงกระนั้นเขาก็เปิดประตูรถเอาไว้ หากคนพวกนั้นพยายามที่จะรุมเฝิงหยู่ เขาจะได้รีบเข้าไปจัดการคนพวกนั้นให้หายบ้าทันที!
เฝิงหยู่ชี้ไปที่ตัวเขาเอง “ผมเนี่ยนะ? จน? แล้วคุณรวยหรอ?”
“ผมรวยกว่าคุณแน่นอน!” จ้าวเหยียนตอบอย่างหยิ่งผยอง
“โอ้ ผมได้ยินมาว่าโรงเรียนกำลังคิดที่จะปรับปรุงสนามและสนามกีฬา ผมบริจาคให้กับโรงเรียนเพื่อให้พวกเขาได้ซ่อมแซมสนามกีฬา ในเมื่อคุณรวยกว่าผม งั้นคุณก็สามารถบริจาคเงินเพื่อปรับปรุงสนามโรงเรียนได้นะสิ” เฝิงหยู่ตอบอย่างใจเย็น
“คุณบริจาคเงินเพื่อปรับปรุงสนามกีฬาหรอ? โกหกล่ะ แค่เงินซื้อก้อนอิฐคุณยังไม่มีเลยมั้ง!”
ลีน่าพูดขึ้นมาว่า “เธอมาแล้วหรอ?” เธอยิ้มอย่างหวานให้เฝิงหยู่
ทุกคนที่นั่นเห็นรอยยิ้มของลีน่าและรู้สึกตื่นเต้นกว่าเดิม พวกเขาทั้งหมดคิดว่าอาจารย์ลีกำลังยิ้มให้พวกเขา
เฝิงหยู่มองดูคนพวกนั้นและหยิบหมวกกันน็อกบนสกูตเตอร์ของลีน่า เขาสวมเสร็จแล้วพูดว่า “ขอโทษนะผมยุ่งมาก ผมไม่มีเวลามาตลกกับคุณหรอก พวกโง่เอ้ย”
จ้าวเหยียนและคนอื่นๆ โกรธมาก ผู้ชายคนนี้กล้าขี่สกู๊ตเตอร์ของอาจารย์ลีได้ยังไง?! หรือว่าเขาจะเป็นแฟนของอาจารย์ลีจริงๆ?
คนที่ชอบคุยโม้โอ้อวดแบบนี้จะมาเทียบกับเขาได้ยังไง?
“เขาไม่ได้คุยโม้นะ เขาบริจาคเงินเป็นจำนวนมาก เป็นเพราะพวกคุณไม่รู้เรื่องนี้ต่างหาก” ลีน่าช่วยอธิบายแนเฝิงหยู่
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก กลับบ้านกันเถอะ” เฝิงหยู่ไม่อยากยุ่งกับคนพวกนี้แล้ว เขาโบกมือให้เหม่ยจื้อเกา และเหม่ยจื้อเกาก็รีบวิ่งมา
ก่อนที่กลุ่มคนจะได้พูดอะไร พวกเขาเห็นชายร่างใหญ่กล้ามเป็นมัดๆ กำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเขา “อย่ามายุ่งกับเจ้านายผม ไม่งั้นผมไม่รับประกันนะว่าจะเกิดอะไรตามมา!”
เจ้านายหรอ? ชายยากจนคนนี้เป็นเจ้านายหรอ? ตลกชะมัด! แค่เอาเพื่อนมาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด ก็สามารถทำให้ตัวเองแลดูเป็นเจ้านายได้งั้นหรอ?
จ้าวเหยียนผลักเหม่ยจื้อเกา และอยากจะด่าเขา แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าโลกหมุนไปหมด เหม่ยจื้อเกาใช้บ่าโยนทุ่มเขาลงบนพื้น
“ผมจะทำแบบนี้อีก ถอยไป อย่ามาขวางทางเจ้านายของผม!” เหม่ยจื้อเกาพูดอย่างเย็นชา
เหม่ยจื้อเกาสามารถทุ่มผู้ชายคนหนึ่งลงบนพื้นได้อย่างรวดเร็วและทุกคนก็ตกใจมาก พวกเขากลัวผู้ชายคนนี้ บางทีเขาอาจจะเป็นบอดี้การ์ดจริงๆ ก็ได้ คนกลุ่มนี้เก่งแต่พูดโอ้อวด แต่ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมา……พวกเขากลายเป็นคนขี้ขลาดทันที!
มีคนในฝูงชนเห็นเหม่ยจื้อเกาเดินลงจากรถที่จอดอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก นั่นมันรถซงเจียงมอเตอร์นิหน่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นรุ่นนั้นมาก่อน แต่เมื่อดูจากภายนอกแล้วก็รู้ได้เลยว่าเป็นรถยนต์หรูหราอย่างแน่นอน!
ไม่มีใครกล้าทำให้ชายคนนี้ไม่พอใจ คนที่ไม่กล้าก็รีบหลบไปด้านข้าง ส่วนคนที่หยิ่งผยองก็หลีกทางเหมือนกัน พวกเขากลัวเหม่ยจื้อเกา ดวงตาของเหม่ยจื้อเกาสร้างความกดดันให้พวกเขามาก พวกเขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าในดวงตาของเขา
ฝูงชนหลีกทางให้พวกเขาและลีน่าก็กลับไปพร้อมกับเฝิงหยู่ที่ขี่สกูตเตอร์ของเธอ……
EG บทที่ 714 ใครสั่งสอนใครกันแน่?
เฝิงหยู่กอดเอวลีน่าบนรถจักรยานยนต์และถามเสียงดังว่า “เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากี่ครั้งแล้ว? ทำไมเธอไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังเลย?”
“ไม่กี่วันมานี้เอง ตอนแรกก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่คนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น พวกเขาเป็นคนในครอบครัวและญาติของนักเรียน ฉันบอกไปแล้วว่ามีแฟนแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมาหาฉัน”
“เธอน่าจะบอกฉันก่อนหน้านี้ ฉันจะได้สั่งสอนพวกนั้นให้หลาบจำ และจะได้ไม่มากวนเธออีก พวกเขาควรส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง กล้าดียังไงมาจีบแฟนฉัน?! อีกอย่าง เธอห้ามไปยุ่งกับพวกนั้นเด็ดขาดนะ!” เฝิงหยู่พูด
“เธออยากกินอะไรเป็นอาหารเย็น? เราไปซื้อของกันก่อนเถอะ” เฝิงหยู่อาจไม่มีเหตุผลบ้าง แต่ลีน่าก็ยังดีใจที่เห็นเขาเป็นห่วงเธอ
เฝิงหยู่กอดเอวของลีน่าแน่นขึ้นแล้วพูดว่า “กินเธอนั่นแหละ!”
“บ้า พอเถอะ!” ลีน่าพูดอย่างอาย ๆ
พวกเขาไปที่ตลาดใกล้เคียงเพื่อซื้อของแล้วกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ใหม่ นี่คืออพาร์ตเมนต์ที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนของลีน่า นอกจากนี้ ยังใกล้กับโรงเรียนมัธยมตอนที่เธอฝึกงานด้วย ตอนแรกเจ้าของอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ไม่เต็มใจที่จะขายให้กับพวกเขาเพราะพวกเขาเพิ่งปรับปรุงบ้านไป แต่ข้อเสนอของเฝิงหยู่ทำให้พวกเขามีเงินพอที่จะซื้ออพาร์ตเมนต์สองห้องเลย พวกเขารีบตกลงและย้ายออกในวันถัดไปทันที
เฝิงหยู่หาคนมาทำความสะอาดที่อพาร์ตเมนต์และมันกลายเป็นรังรักหลังใหม่ล่าสุดของพวกเขา
ลีน่ากำลังยุ่งอยู่ในครัวและเฝิงหยู่ก็ดูทีวีอยู่บนโซฟา ผ้าม่านถูกปิดหมด เฝิงหยู่ชอบไลฟ์สไตล์ผ่อนคลายแบบนี้จริงๆ
หลังอาหารเย็น ลีน่ากำลังทำความสะอาดและเฝิงหยู่ก็กอดเธอจากด้านหลัง “เอาไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะทำความสะอาดให้ ฉันอยากถามอะไรเธอหน่อย มีคนมาตามจีบเธอกี่คนกัน?”
ลีน่าดันเฝิงหยู่เบาๆ “เลิกพูดเล่นได้แล้ว เดี๋ยวไม่ถึงนาทีฉันก็ทำความสะอาดเสร็จแล้ว”
“ใครพูดเล่นกัน? ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะมีเด็กบางคนซุกซนไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกทำโทษด้วยการตีก้น นี่แหนะ!” เฝิงหยู่พูดแล้วตีก้นของลีน่า
“อ่า…….”
“บอกหน่อย! ตอนนี้มีคนมาตามจีบเธอกี่คน? ทำไมเธอไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง?”
“ฉันไม่ได้นับ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”
“อา……เธอไม่ซื่อสัตย์กับฉันนิหน่า แบบนี้อยากโดนทำโทษใช่มั้ย?!” เฝิงหยู่ยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าในขณะที่เขาอุ้มลีน่าขึ้นบนไหล่
“เธอจะบอกไม่บอก? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ! “เฝิงหยู่ถามขณะที่โน้มตัวเข้าใกล้เธอ
ร่างกายทั้งหมดของลีน่าอ่อนปวกเปียกกลายเป็นเยลลี่ หากเธอไม่ได้นั่งอยู่บนโซฟา ป่านนี้เธอคงจะร่วงหล่นพื้นไปแล้ว
หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ลีน่าก็ทรุดฮวบลงบนตัวเฝิงหยู่ ทั้งคู่อยู่บนโซฟา เฝิงหยู่หยิบเสื้อขึ้นมาจากพื้นหนึ่งชิ้นและคลุมหลังของลีน่า
ลีน่าขยับตัวเล็กน้อยและเฝิงหยู่ก็นึกออกทันที เขารีบกอดลีน่า “เธอจะไปไหน เธอยังไม่ได้บอกเรื่องที่ถามเลย เรายังต้องสอบสวนกันต่อนะ!”
“อ๊ะ? ยังไม่เสร็จอีกหรอ?” ลีน่าถาม
“ยังไม่จบ ฮึ่ม! ตอนนี้ได้เวลาของการทรมานในน้ำแล้ว! “เฝิงหยู่ยืนขึ้นและอุ้มลีน่าเข้าห้องน้ำไป
……
วันรุ่งขึ้นเมื่อเฝิงหยู่ตื่นขึ้นมา ลีน่ากำลังเตรียมอาหารเช้า เธอล้างจานที่สกปรกจากอาหารเย็นเมื่อคืน
เฝิงหยู่เดินเข้ามากอดเอวของลีน่า “หลังอาหารเช้า ฉันจะไปส่งเธอที่ทำงาน”
“เธอไม่ไปเรียนหรอ?”
“ตอนนี้ฉันกำลังฝึกงานด้วย แต่ฉันฝึกงานอยู่ที่บริษัทของฉันเองนะ” เฝิงหยู่ตอบอย่างมีความสุข
“ไปอาบน้ำได้แล้ว ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว” ลีน่าผลักมือของเฝิงหยู่ออกซึ่งกำลังลูบไล้ไปทั่ว เมื่อคืนพวกเขาทำภารกิจไป 4 รอบ เฝิงหยู่ยังไม่เหนื่อยอีกหรอ?
เมื่อพวกเขาลงมาชั้นล่าง เหม่ยจื้อเกากำลังรอรถของพวกเขาอยู่ นี่คือประโยชน์ของการมีคนขับรถ
“เจ้านายครับ เราควรโทรเรียกลูกน้องมาเพิ่มอีกสองสามดีมั้ยครับ?” เหม่ยจื้อเกาถาม
ลีน่ามองหน้าเฝิงหยู่อย่างงงๆ ทำไมต้องโทรเรียกคนมาเพิ่มด้วย?
เฝิงหยู่พยักหน้า “อืม โทรเรียกพวกเด็กฝึกมาให้หมด ถ้าพวกนั้นไม่หาเรื่องทะเลาะ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใครกล้าชูนิ้ว ก็จัดการเลย!”
ไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้หรอกถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับแฟนสาวตัวเอง นอกจากนี้ เฝิงหยู่ไม่ใช่คนที่มีความอดทนด้วย เขารู้เลยว่าจ้าวเหยียนจะต้องมาแก้แค้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้แน่นอน
รถเคลื่อนตัวช้าๆ ผ่านเข้าประตูโรงเรียนไป และเฝิงหยู่ก็เห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินไปมาอยู่ด้านนอก พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ประตู นอกจากนี้ ยังมีรถคันนึงจอดที่ริมถนนด้วย
ลีน่ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอหันไปหาเฝิงหยู่ “เธอลงไปก่อน ฉันจะโทรหาจางฮั่น”
เฝิงหยู่จับมือลีน่าแล้วยิ้ม “เชื่อใจฉันนะ ฉันไม่ใช่คนใจร้อน ถ้าฉันไม่สามารถยุติปัญหานี้ได้ ฉันจะไม่มาที่นี่กับคุณอีก เธอไปสอนเถอะ อย่าปล่อยให้นักเรียนต้องรอนาน”
ลีน่าลงจากรถ แต่เธอก็หันไปรอบๆ ขณะที่เธอเดินไปที่ห้องเรียน เฝิงหยู่โบกมือลาเธอ
หลังจากนักเรียนมาถึงและพ่อแม่ของพวกเขาก็กลับไปหลังจากที่ส่งลูกเข้าเรียนแล้ว จำนวนผู้คนด้านนอกโรงเรียนก็ลดน้อยลง
กลุ่มคนพวกนั้นล้อมรอบรถของเฝิงหยู่และเหม่ยจื้อเกาทันที
“เฮ้! แกคือคนที่ทำร้ายพี่ชายของฉันเมื่อวานใช่มั้ย?” ชายคนหนึ่งสวมชุดยีนส์ถามด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
“ใช่ ฉันเอง ทำไมหรอ?”
ให้ตายสิ! คนๆ นี้กล้ายอมรับด้วยหรอ?!
“อ๋อ แกนี่เองหรอ? งั้นก็อย่ามาโทษพวกเรานะ! แล้วก็บอกคนในรถให้ออกมาด้วยและมาขอโทษพี่ชายฉัน แล้วต่อไปก็เลิกยุ่งกับอาจารย์ลีซะ!”
เฝิงหยู่หลับตาและผ่อนคลายอยู่ในรถราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา เมื่อคืนเขาเหนื่อยมากจากการออกกำลังกายหนักมาก
ผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตยีนส์พยายามที่จะเปิดประตูผู้โดยสารและเหม่ยจื้อเกาก็คว้ามือของเขา “หยุดนะ!”
“บ้าเอ้ย! ลุยมันเลย!”
ปัง!
ร่างของผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตยีนส์คนนั้นกระเด็นไปไกลหลายเมตรและเหม่ยจื้อเกาก็ลดขาของเขาลง จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและคว้ากำปั้นของชายคนหนึ่งแล้วบิด แม้ว่าเขาจะมีพวกน้อยกว่า เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัว อีกอย่างเขามองเห็นรถซงเจียงอ๊อฟโรดสองสามคันกำลังแล่นมาทางนี้ด้วยความเร็วสูงด้วย
จ้าวเหยียนแอบยิ้ม คุณคิดว่าคุณเก่งมากโดยการพาบอดี้การ์ดมาด้วยใช่มั้ย? คุณมันก็แค่นักธุรกิจขนาดเล็กและยังกล้าที่จะอวดดีต่อหน้าผมอีกหรอ? ที่นี่คือปักกิ่ง! คุณกล้าที่จะมีเรื่องกับฉันหรอ? วันนี้ฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้หลาบจำ!
ห้ะ? เกิดอะไรขึ้น? 7 คนยังเอาชนะคนๆ เดียวไม่ได้หรอ? โชคดีที่จ้าวเหยียนยังมีลูกน้องคอยสแตนด์บายอยู่ หลังจากได้ยินคำสั่งของเขา คนที่เหลือก็ลงจากรถและกำลังจะสั่งสอนคนอวดดีพวกนี้ให้หลาบจำ!
สองสามคนวิ่งไปที่รถของเฝิงหยู่และหนึ่งในนั้นก็ดึงประตูผู้โดยสารเปิดออก เขาโผล่หน้าเข้าไปในรถและก็ถูกถีบที่หน้าทันที
คนที่สองพยายามเข้าไปในรถ แต่เขาก็ถูกดึงคอเสื้อกลับออกไป ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เขาก็ถูกชกเต็มหมัดเข้าที่หน้าของเขา!
“คุณคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? การปกป้องลูกค้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา คุณไม่รู้หรอว่าคุณควรปิดประตูรถยนต์ก่อน!” หลิวจี้ฉวนด่า
หลิวจี้ฉวนปฏิบัติราวกับว่านี่คือการฝึกอบรม!
จ้าวเหยียนเห็นชายกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและทุกคนก็ต่อสู้ได้ดี ลูกน้องของเขาสู้พวกนั้นไม่ได้เลย
จ้าวเหยียนเปิดประตูรถทันที เขาอยากขับรถหนีออกไปทันที แต่ก็ถูกเตะเข้าที่เอว และเขาก็ล้มหน้าคว่ำลงบนถนน
เฝิงหยู่นั่งอยู่ในรถของเขาและหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาพ่อของจางฮั่น “อาจางครับ ผมอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมต้นที่ 4 มีคนอยากทำร้ายผมครับ……แต่ตอนนี้ผมปลอดภัยดี ผมมีบอดี้การ์ดมาด้วย.…โอ้ ตอนนี้คนพวกนั้นอาจจะสภาพดูไม่ค่อยดีนะครับ คุณอาช่วยแจ้งตำรวจให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ? ขอขอบคุณ”
มีหลายคนที่สามารถช่วยเฝิงหยู่จัดการเรื่องนี้ได้ แต่เฝิงหยู่ยังคงเลือกที่จะโทรหาพ่อของจางฮั่น แบบนี้พวกเขาจะได้สนิทกันมากขึ้น ถ้าเขาไปหาคนอื่นมาช่วย พ่อของจางฮั่นอาจจะไม่พอใจก็ได้
เฝิงหยู่ส่ายหน้าในขณะที่เขามองคนพวกนั้นนอกรถ พวกเขาวอนหาเรื่องเอง จะไปว่าใครได้?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น