Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น 701-707

 EG บทที่ 701 น้อยเกินไป


 


“คุณเฝิงครับ นี่คือศาสตราจารย์มาร์ค ผู้ดูแลห้องปฏิบัติการของเรา ศาสตราจารย์มาร์คครับ นี่คุณเฝิงจากประเทศจีนครับ”


 


เฝิงหยู่จับมือกับมาร์คแล้วหันไปหาล่าม “ยินดีที่ได้รู้จักคุณพูดเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไงนะ?”


 


ล่ามบอกเฝิงหยู่และเฝิงหยู่ก็ทักทายมาร์คเป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นเฝิงหยู่ก็มองหน้าล่ามของเขาโดยสนว่ามาร์คจะพูดว่าอะไร


 


“คุณเฝิงครับ นี่คือห้องปฏิบัติการวิจัยทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของไฟเซอร์ครับ เราไม่ได้มีห้องปฏิบัติการวิจัยเพียงแห่งเดียวนะครับ เรายังมีอีกสองสามแห่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เราลงทุนอย่างมากในการพัฒนายาใหม่ แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะว่าเรากำลังทำการวิจัยยาหลายชนิดพร้อมกันในเวลาเดียว”


 


เฝิงหยู่แสร้งทำเป็นตกใจกับสิ่งที่เขาเห็น เขาทำท่าเหมือนประทับใจในความยิ่งใหญ่ของไฟเซอร์ ศาสตราจารย์หวังและนักวิจัยการแพทย์มองไปที่ห้องปฏิบัติการวิจัยด้วยความอิจฉา วิกเตอร์และมาร์ครู้สึกภูมิใจ


 


ทุกคนที่เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของไฟเซอร์ต่างรู้สึกประทับใจในสิ่งที่พวกเขาเห็น ความสำเร็จของไฟเซอร์มาจากห้องปฏิบัติการวิจัยพวกนี้ทั้งหมด


 


“เราเข้าไปดูได้มั้ยครับ?” เฝิงหยู่ถามอย่างสุภาพ


 


วิกเตอร์มองไปที่มาร์คและมาร์คพยักหน้า มาร์คไม่ได้ว่าอะไรถ้าเฝิงหยู่และคนของเขาจะเข้าไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยของเขาเนื่องจากผู้เยี่ยมชมไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่หลักส่วนสำคัญได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ข้อมูลสำคัญทั้งหมดยังถูกจัดเก็บและล็อคเอาไว้ด้วย


 


หากศาสตราจารย์หวังสามารถรู้สูตรของพวกเขาได้จากการดูเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง เฝิงหยู่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อสูตรจากพวกเขาแล้วล่ะ


 


เฝิงหยู่ฟังวิกเตอร์อธิบายและแนะนำห้องปฏิบัติการในขณะที่พวกเขาเดินเยี่ยมชมไปด้วย มาร์คจะคอยอธิบายเพิ่มเติมแทรกเข้ามาเป็นระยะ เฝิงหยู่ยังแสดงว่าตัวเองสนใจห้องปฏิบัติการนี้อย่างมาก


หลังจากเยี่ยมชมไปรอบๆ ห้องแล้ว วิกเตอร์ก็ถามว่า “คุณเฝิงครับ เรามีโครงการพัฒนายาใหม่มากมาย คุณสนใจตัวไหนครับ?”


 


เฝิงหยู่มองศาสตราจารย์หวัง และศาสตราจารย์ก็ส่ายหน้า เป็นการบอกว่าเขาไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขากำลังวิจัยอะไรอยู่ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องปฏิบัติการแห่งนี้มีความทันสมัยมาก ศาสตราจารย์หวังยังอยากมีห้องปฏิบัติการวิจัยแบบนี้บ้างหรือทำงานที่นั่นก็ได้


 


“ผมสนใจยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและยาความดันโลหิตสูงครับ ที่นี่คุณกำลังพัฒนายาทั้งหมดกี่ตัวครับ?” เฝิงหยู่ถาม


 


วิกเตอร์ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ เขามองไปที่มาร์คก่อนตอบว่า “ตอนนี้เรากำลังวิจัยอยู่ 5 งานครับ แต่เราต้องเก็บยาใหม่บางอย่างไว้เพื่อตัวเราเอง เราสามารถขายงานวิจัยให้คุณได้แค่สองงานเท่านั้นครับ”


 


มาร์คขมวดคิ้ว นักวิจัยทั้งหมดมาที่นี่เพื่อจะแสดงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ประสบความสำเร็จพวกนั้นให้ดู หากคุณสามารถขายได้ ทำไมไม่ขายไปทั้งหมดเลยล่ะ จะขายแค่สองงานทำไม?


 


มาร์คไม่รู้เรื่องการเจรจาธุรกิจ หากวิกเตอร์บอกกับเฝิงหยู่ว่าไฟเซอร์พร้อมที่จะขายงานวิจัยทั้งหมด เฝิงหยู่ก็จะต้องสงสัยและราคาที่ขายได้ก็จะไม่สูงนัก ตอนนี้วิกเตอร์บอกว่าเขาสามารถขายงานวิจัยให้เฝิงหยู่ได้แค่สองชิ้นเท่านั้น และเขามั่นใจว่าราคาของงานวิจัยทั้งสองนี้จะมากกว่าต้นทุนของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ประสบความสำเร็จทั้ง 5 ตัวเสียอีก!


 


เฝิงหยู่แสดงสีหน้าผิดหวัง “เราขอดูข้อมูลการวิจัยเบื้องต้นก่อน แล้วค่อยเลือกว่าเราจะเอาตัวไหนได้มั้ยครับ?”


 


วิกเตอร์มองหน้ามาร์ค และเขาก็พยักหน้า แม้ว่าสิ่งพวกนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในช่วงเริ่มต้นของการวิจัยทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีและไม่มีปัญหา ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะไม่ทำการวิจัยต่อไปหรอก


 


“ได้สิครับ แล้วคุณต้องการดูงานวิจัยไหนครับ?”


 


“เอามาให้ผมดูทั้งหมดเลยครับ เราต้องดูว่างานวิจัยนี้คุ้มค่าสำหรับเราที่จะเอาไปดำเนินการต่อไปหรือเปล่า และจะเกิดผลข้างเคียงอะไรบ้าง”


 


“ได้ครับ งั้นผมจะให้คนของผมเตรียมข้อมูลที่คุณต้องการให้ แต่ต้องขออภัยด้วยนะครับ เราอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้ตรวจสอบข้อมูลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และเราไม่อนุญาตให้คุณนำเอกสารใดๆ ออกไปจากห้องปฏิบัติการของเรานะครับ เมื่อเราตกลงข้อตกลงเสร็จสิ้นและได้รับเงินมัดจำแล้ว เราถึงยอมให้คุณทำการทดลองง่ายๆ และดูข้อมูลการวิจัยทั้งหมดได้ครับ”


 


“ไม่มีปัญหาครับ ศาสตราจารย์หวังจะเป็นคนตรวจสอบข้อมูลการวิจัยเอง”


 


เฝิงหยู่ไม่สนใจข้อมูลการวิจัยทั้งหมดพวกนี้อยู่แล้ว เขาแค่อยากดูว่ามีคำหรือชื่อยาที่คุ้นเคยในข้อมูลหรือเปล่า หากไม่มีเลย เขาจะไม่ซื้องานวิจัยเลยแม้แต่งานเดียว ถ้าพบคำหรือชื่อในข้อมูล เขายอมที่จะจ่ายเงินหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อมาให้ได้


 


หลังจากนั้นไม่นาน มาร์คก็กลับมาพร้อมกับข้อมูลเบื้องต้น 5 ชุดเกี่ยวกับงานวิจัย


 


ศาสตราจารย์หวังนั่งดูข้อมูลขณะที่เฝิงหยู่ดื่มกาแฟอยู่ข้างๆ เขา


 


หลังจากอ่านข้อมูลชุดแรก ศาสตราจารย์วังพยักหน้า การวิจัยนี้มุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้องและในทางทฤษฎีก็มีความน่าจะเป็นไปได้ ความคืบหน้าของการวิจัยนี้ใกล้จะถึงการทดลองทางคลินิกแล้ว


 


ศาสตราจารย์หวังตกใจกับการวิจัยครั้งที่สอง หากยาตัวนี้ได้รับการพัฒนาและประสบความสำเร็จ โลกจะ โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเลย


 


ศาสตราจารย์หวังอ่านข้อมูลทั้งหมด 5 ชุดและรู้สึกว่าเขาได้ความรู้ใหม่มากมายเลย


 


ศาสตราจารย์หวังเข้าใจทฤษฎีที่กล่าวถึงในงานวิจัย แต่ในประเทศจีนไม่มีห้องปฏิบัติการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยแบบนี้ หากไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก พวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินการวิจัยต่อไปได้


 


เฝิงหยู่ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นความตื่นเต้นบนใบหน้าของศาสตราจารย์หวัง คนประเภทนี้ไม่รู้ว่าคนที่วางแผนอย่างแยบยลในโลกธุรกิจเป็นอย่างไร เฝิงหยู่มั่นใจว่าข้อมูลพวกนี้ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วการวิจัยทั้งหมดนี้มีปัญหา


 


“คุณวิกเตอร์ ศาสตราจารย์มาร์คครับ ขอเวลาเวลาปรึกษากันสักครู่ได้ไหมครับ?” เฝิงหยู่ถามอย่างสุภาพ


 


“ได้สิครับ เราจะอยู่ห้องถัดไปนะครับ หากคุณต้องการอะไร ก็โทรหาเราได้เลยครับ” วิกเตอร์และมาร์คมองหน้ากันแล้วออกจากห้องไป


 


ล่ามเดินไปที่หน้าต่างทันทีและดึงม่านบังตาลงก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ เฝิงหยู่ เขาพลิกเปิดเอกสารไปมาและแกล้งทำเป็นแปลให้เฝิงหยู่ฟัง แต่จริงๆ แล้วคือเฝิงหยู่กำลังอ่านเอกสารทั้งหมดเอง


 


หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เฝิงหยู่ก็อ่านข้อมูลทั้งหมด 5 ชุดครบ แต่ก็ไม่พบคำที่คุ้นเคย เขาจำส่วนประกอบของ ยาซิลเดนาฟิลไม่ได้ เขาจำแค่ตัวสะกดได้เท่านั้น แต่คำว่าซิลเดนาฟิลไม่ปรากฏอยู่ในเอกสารพวกนี้


 


ล่ามมองหน้าเฝิงหยู่ และเฝิงหยู่ก็ส่ายหน้า ข้อมูลพวกนี้ยังไม่เพียงพอ เขาต้องการข้อมูลที่มีรายละเอียดมากกว่านี้


 


“ศาสตราจารย์หวัง คุณคิดยังไงกับการวิจัยนี้” ล่ามถามพร้อมกับยกมือซ้ายขึ้น


 


ศาสตราจารย์หวังอยากจะบอกว่างานวิจัยทั้งหมดนี้ยอดเยี่ยมมาก แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้อมูลยังไม่เพียงพอและทำให้คาดการณ์ผลลัพธ์ได้ยากครับ”


 


“ใช่แล้ว อีกสักพักคุณจะต้องพูดแบบนี้นะ”


 


ล่ามออกจากห้องไปเรียกมาร์คและวิกเตอร์


 


“เป็นยังไงบ้างครับคุณเฝิง? มีงานวิจัยใดที่คุณสนใจและต้องการทราบราคาหรือเปล่าครับ?” วิกเตอร์หัวเราะและถาม เขาจินตนาการไปถึงภาพตอนที่คุณจอร์จตบหลังของเขาและบอกว่าเขาทำงานได้ดีมาก และจากนั้นเขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้ดูแลตลาดสหรัฐอเมริกา!


 


ทันใดนั้นศาสตราจารย์หวังก็พูดขึ้นมา “ข้อมูลพวกนี้ธรรมดาเกินไปครับ และมันยากสำหรับเราที่จะตัดสินใจ คุณช่วยให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยหน่อยได้มั้ยครับ?”


 


“เราทำแบบนั้นไม่ได้ครับ แต่เราสามารถต่อรองได้หากคุณยืนยันว่าคุณต้องการซื้องานวิจัยไหน” วิกเตอร์หัวเราะและพูด


 


เฝิงหยู่โบกมือ “คุณวิกเตอร์ครับ ไฟเซอร์มีงานวิจัยน้อยแค่นี้เองหรอครับ คุณมีอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย? ผมเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าถ้าผมสนใจในการวิจัย เงินไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปหรือเทคนิคบางอย่าง อะไรก็ได้ครับ ตัวเลือกที่คุณให้เรานั้นมันน้อยเกินไป!”


 


วิกเตอร์และมาร์คมองห้ากัน น้อยเกินไปงั้นหรอ? นั่นหมายความว่าเฝิงหยู่ต้องการซื้องานวิจัยจำนวนมากหรอ?


 


เยี่ยมไปเลย!


EG บทที่ 702 หลอกให้หลงเชื่อ 1


 


“คุณเฝิงครับ แม้ว่าการวิจัยจะเสร็จเพียงครึ่งเดียว แต่เราก็ใช้เวลาในการวิจัยนานมาก คุณแน่ใจนะครับว่าต้องการตัวเลือกเพิ่มเติม?” วิกเตอร์ถาม


 


เฝิงหยู่มองหน้าวิกเตอร์และพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เราเคยซื้อสูตรยาและงานวิจัยที่เสร็จเพียงครึ่งเดียวมามากกว่าสิบสองชิ้นเมื่อปีที่แล้ว จำนวนเงินที่เราจ่ายไปก็ไม่ใช่น้อย เป้าหมายของเราในปีนี้คือเพิ่มขึ้นให้มากกว่าเท่าตัวจากปีที่แล้ว เรื่องเงินไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผม ถ้าผมได้สูตรที่ชอบ บริษัทผมก็จะให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นพร้อมกับช่องทางจัดจำหน่าย!”


 


ดวงตาของมาร์คเป็นประกาย แต่เขาไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลการวิจัยที่ไม่ประสบความสำเร็จออกไปมากกว่านี้ เขากลัวว่าเขาจะทำให้เฝิงหยู่ตกใจและยกเลิกการซื้อขาย แต่ตอนนี้นักธุรกิจจีนคนนี้ต้องการงานวิจัยมากกว่านี้ หากเขายังไม่ยอมเอางานวิจัยยาออกมาให้ดูมากกว่านี้ ไฟเซอร์จะดูแย่ในสายตาเฝิงหยู่ทันที


 


ไฟเซอร์ทำการวิจัยหลายสิบงานในเวลาเดียวกัน การวิจัยส่วนใหญ่ล้มเหลว พวกเขาสามารถขายงานวิจัยที่ล้มเหลวจำนวนมากพวกนั้นให้เฝิงหยู่ได้


 


“คุณเฝิงครับ มีข้อกำหนดอะไรสำหรับงานวิจัยที่คุณต้องการหรือเปล่าครับ?”


 


“ผมเพิ่งพูดไปว่าผมต้องการให้ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูง ซึ่งพวกนี้เป็นยาที่มีตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน”


 


วิกเตอร์แอบดูถูกเฝิงหยู่อยู่ในใจ คุณจะมาทำเป็นซื่อสัตย์กับเราได้ยังไง? ถ้าผมไม่คิดค่าใช้จ่ายในราคาสูงสำหรับข้อมูลการวิจัย คุณก็คงไม่ซื่อสัตย์กับเราหรอก!


 


มาร์คไม่รออีกต่อไป เขานำข้อมูลการวิจัยของโครงการที่ล้มเหลวอีกสองสามโครงการออกมาและส่งต่อให้วิกเตอร์ เพื่อให้วิกเตอร์ไปเจรจากับเฝิงหยู่


 


เฝิงหยู่อ่านข้อมูลและรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง ยาที่เขากำลังมองหาอยู่ไม่ได้อยู่ในนั้น


 


“คุณวิกเตอร์ นี่คืองานวิจัยทั้งหมดที่คุณให้ผมดูหรอ? ไฟเซอร์ บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกมีการวิจัยน้อยมากแค่นี้เองหรอครับ? คุณซ่อนงานวิจัยบางงานไม่ให้ผมรู้หรือเปล่า? ผมพูดก่อนหน้านี้แล้วว่าผมโอเคกับงานวิจัยที่เสร็จสมบูรณ์เพียงครึ่งเดียวพวกนั้น ตราบใดที่ผมพอใจ ข้อเสนอของผมจะทำให้คุณพึงพอใจด้วยเช่นกัน” เฝิงหยู่กล่าวด้วยความรำคาญเล็กน้อย


 


“คุณเฝิงครับ นี่ก็ถือว่ามีข้อมูลการวิจัยจำนวนมากแล้วนะครับ ยังน้อยไปอยู่หรอครับ? ผมกล้าพูดได้เลยว่าไฟเซอร์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาที่ดีที่สุดในโลก เราอาจจะดีที่สุดในโลกเลยก็ได้ ไม่มีบริษัทไหนที่สามารถทำการวิจัยมากมายได้แบบนี้เหมือนเรา เรายินดีที่จะแสดงให้คุณเห็นงานวิจัยจำนวนมากแบบนี้ก็เพราะว่าความจริงใจของคุณนะครับ นี่คือความลับสุดยอดทั้งหมดของบริษัทของเรา” วิกเตอร์พูด


 


“งั้นผมขอกลับไปพิจารณา นี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจครั้งสำคัญ และผมไม่สามารถตัดสินใจได้ในหนึ่งวัน” เฝิงหยู่ลุกขึ้นยืนและพูด


 


“ได้สิครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณ”


 


“ไม่เป็นไรครับ”


 


วิกเตอร์ขมวดคิ้วขณะที่เขามองเฝิงหยู่และทีมของเขาออกจากห้องปฏิบัติการไป ทำไมคุณเฝิงต้องการแค่ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูงเท่านั้น?


 


หากเขาสามารถหาเหตุผลได้ เขาอาจจะสามารถเรียกเก็บเงินได้มากขึ้นและจัดการข้อตกลงครั้งนี้ให้เสร็จเร็วขึ้นได้


 


มาร์คเดินเข้ามา “วิกเตอร์ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ๆ คุณเฝิงถึงรีบกลับไป?”


 


“เขาบอกว่าเขาต้องกลับไปพิจารณาก่อนอีกครั้ง คุณคิดว่าทำไมเขาถึงอยากได้เฉพาะยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูงเท่านั้น” วิกเตอร์ถาม


 


มาร์คคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เขาบอกเองไม่ใช่หรอว่ายาสองตัวนี้จะขายได้ดีมากในประเทศจีน?”


 


วิกเตอร์เกลือกตา “ผมเป็นผู้ดูแลตลาดจีน คุณคิดว่าผมไม่รู้หรอว่ายาอะไรที่จะขายได้ในประเทศจีน? คนจีนส่วนใหญ่ที่มีความดันโลหิตสูงก็จะแค่พักผ่อนถ้าพวกเขารู้สึกไม่สบาย พวกเขาไม่ได้สนใจโรคนี้เลยด้วยซ้ำ”


 


“งั้นอาจจะมีคนในครอบครัวของเขาที่มีอาการพวกนี้” มาร์คตอบด้วยความมั่นใจ


ดวงตาของวิกเตอร์เป็นประกายขึ้นมา ใช่แล้ว ถ้าคนที่อยู่ใกล้ตัวเฝิงหยู่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหรือความดันโลหิตสูง เขาคงจะรีบพัฒนายาขึ้นมาเพื่อรักษาพวกเขา ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือต้องยืนยันให้ได้ว่าสมาชิกในครอบครัวของเฝิงหยู่มีอาการพวกนี้หรือเปล่า!


 


เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถามเฝิงหยู่ตรงๆ บางทีพวกเขาสามารถติดต่อคนรอบตัวเฝิงหยู่ เช่น ศาสตราจารย์หวังหรือหัวหน้าบอดี้การ์ด น่าจะง่ายกว่าที่จะได้ข้อมูลจากพวกเขา


……


 


เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ศาสตราจารย์หวังได้รับโทรศัพท์จากวิกเตอร์ เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อเขารับสาย หรือว่าวิกเตอร์จะโทรผิด?


 


“ศาสตราจารย์หวังครับ ผมกำลังอยากเจอคุณเลยครับ คืนนี้คุณว่างหรือเปล่าครับ? คุณอยากดื่มกับผมมั้ย?”


 


“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเหนื่อยและอยากรีบเข้านอนนะครับ”


 


“ศาสตราจารย์หวังครับ คุณได้เห็นห้องปฏิบัติการวิจัยของไฟเซอร์แล้ว ผมสงสัยว่าคุณสนใจที่จะมาทำงานที่ห้องปฏิบัติการของเราหรือเปล่า?”


 


“คุณว่าไงนะครับ? ผมมีโอกาสได้ทำงานที่ห้องปฏิบัติการของไฟเซอร์หรอ?” ศาสตราจารย์หวังถาม เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะมีใครมาซื้อตัวเขา และไม่เคยคิดเลยว่าวิกเตอร์จะมีอำนาจมากพอที่จะจ้างเขา


 


“แน่นอนสิครับ เรายินดีต้อนรับทุกคนที่สามารถมาร่วมงานกับเราที่ไฟเซอร์ได้ อ๋อ ศาสตราจารย์หวัง คุณรู้มั้ยครับว่าทำไมคุณเฝิงถึงอยากได้ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูงมากขนาดนั้น? เป็นเพราะว่าคนในครอบครัวของเขาเป็นโรคนี้หรือเปล่าครับ?” วิกเตอร์แกล้งหลอกถาม


 


“คุณรู้ได้ยังไงครับ?”


 


“ผมก็แค่เดานะครับ งั้นเดี๋ยวเราค่อยมาคุยรายละเอียดกันดีกว่า”


 


หลังจากวางหูโทรศัพท์ วิกเตอร์ก็ชกหมัดในอากาศ เยี่ยมไปเลย ถ้างั้นแสดงว่ามีคนในครอบครัวของเฝิงหยู่ที่เป็นโรคพวกนี้ นั่นหมายถึงการวิจัยจะมีค่ามากขึ้น เขาไม่สนใจว่าเฝิงหยู่จะสามารถพัฒนายานี้ได้สำเร็จหรือไม่หลังจากที่เขาซื้อไปแล้ว เฝิงหยู่ก็ยังสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาแล้วของไฟเซอร์ไปรักษาโรคนั้นได้


 


ศาสตราจารย์หวังหันกลับมามองล่าม “ผมพูดทุกอย่างตามที่คุณบอกแล้วนะ เขาต้องการให้ผมทำงานที่ไฟเซอร์”


 


ล่ามส่ายหน้า “คุณเคยได้ยินว่าคนที่รับผิดชอบการขายในประเทศจีนสามารถมีอำนาจตัดสินใจว่าจ้างนักวิจัยให้มาทำงานที่สำนักงานใหญ่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ขนาดที่มหาวิทยาลัยของคุณ คนที่มีหน้าที่นี้ก็ต้องเป็นบุคลากรฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่สามารถว่าจ้างอาจารย์ได้ สำหรับบริษัทนั้น ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่จัดการเรื่องการจ้างงาน เขาโกหกคุณแล้ว! อีกอย่าง หากข้อตกลงนี้ประสบความสำเร็จ คุณจะมีเงินเพื่อทำงานวิจัยโครงการของคุณ คุณจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบโครงการ ซึ่งดีกว่าการทำงานกับคนในอเมริกาไม่ใช่หรอ? บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจะซื้ออุปกรณ์สำหรับห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยที่สุดสำหรับแผนกวิจัยและพัฒนา”


 


ศาสตราจารย์หวังคิดได้ว่าเขาเกือบถูกวิกเตอร์หลอกแล้ว นอกจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขาถ้าเขาต้องมาทำงานที่อเมริกา? มันจะดีกว่าถ้าเขาสามารถทำงานที่บ้านเกิดตัวเองได้


 


“พรุ่งนี้คุณจะมีโอกาสพบเขาแค่คนเดียว ถ้าเขาให้เงินคุณ คุณก็รับมาซะ”


 


“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ผมจะไม่ติดสินบน” ศาสตราจารย์หวังกล่าว


 


“คุณเอาเงินนั่นไปบริจาคให้เด็กยากจนเพื่อการศึกษาก็ได้ แค่ทำให้ชาวอเมริกันคนนั้นรู้สึกว่าคุณพร้อมที่จะช่วยเขา”


 


“โอเค”


 


ล่ามไปที่ห้องของเฝิงหยู่เพื่อรายงานเขาว่าเกิดอะไรขึ้น


 


เฝิงหยู่ตบบ่าล่ามเบาๆ “ไมเคิลหลิว คุณทำได้ดีมาก งานนี้คุณจะได้รับความดีความชอบครั้งใหญ่หากประสบความสำเร็จ! ชาวอเมริกันคนนั้นต้องการหลอกพวกเรางั้นหรอ? งั้นมาดูกันว่าใครจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย!”


 


ล่ามคนนี้คือไมเคิล หลิวจากบริษัทออกแบบของเฝิงหยู่ ก่อนหน้านี้เขาเคยเรียนที่สหรัฐอเมริกาและภาษาอังกฤษของเขาดีมาก ที่สำคัญที่สุดคือไมเคิลหลิวเป็นคนฉลาดและสามารถพูดโน้มน้าวผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย


 


ไมเคิลหลิวช่วยเฝิงหยู่วางแผนนี้ขึ้นมา แม้ว่าจะมีช่องโหว่มากมาย แต่พวกเขาแค่เพียงหลบซ่อนไม่ให้อีกฝ่ายได้รับรู้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ทุกอย่างจะจบลงเมื่อเฝิงหยู่ได้รับสูตรและลงนามในสัญญา บางทีอีกฝ่ายอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัตถุประสงค์ของเฝิงหยู่คืออะไร


EG บทที่ 703 หลอกให้หลงเชื่อ 2


 


“คุณเฝิงครับ นี่คือข้อมูลทั้งหมดสำหรับการวิจัยนี้ ซึ่งมีมูลค่าอย่างน้อย 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นั่นเป็นเพราะว่าเราทำการวิจัยนี้ไปได้ไม่มากเท่าไหร่นัก ไม่งั้นเราจะไม่ยอมขายเด็ดขาดแม้ว่าจะเสนอเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม!”


 


8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ? ให้ตายสิ! คุณคิดว่าผมโง่หรือไง?! ขนาดคุณปล้นธนาคาร คุณยังไม่ได้เงินเยอะเท่านี้เลย


 


“คุณวิกเตอร์ครับ คุณบอกว่าคุณทำการวิจัยนี้ไปได้ยังไม่เยอะและข้อมูลมีน้อยมาก แล้วมันจะมีมูลค่า 8 ล้านได้ยังไงครับ?”


 


“ความเป็นไปได้สำหรับโครงการนี้มีสูงมากครับ พวกคุณจะได้รับผลตอบแทนสูงหลังจากที่คุณพัฒนายานี้สำเร็จแล้ว”


 


“แล้วถ้าโครงการนี้ดีมาก ทำไมคุณถึงขายล่ะครับ? ผมเดาว่าคงจะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อดำเนินการวิจัยหรือไม่ก็เกิดปัญหากับงานวิจัยนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามความน่าจะเป็นของโครงการนี้คงไม่ดีเท่าที่คุณอ้างไว้หรอกครับ” ไมเคิลหลิวพูด


 


วิกเตอร์ขมวดคิ้ว ล่ามคนนี้เป็นหนึ่งในผู้เจรจาต่อรองของเฝิงหยู่ เขาจับผิดและหาข้อบกพร่องเจอจากสิ่งที่ผมพูดได้ ให้ตายสิ! หากไม่มีล่ามคนนี้ เฝิงหยู่อาจจะยอมตกลงราคาแล้วก็ได้!


 


ก่อนที่วิกเตอร์จะเถียงกลับ ไมเคิลหลิวก็พูดต่อว่า “เว้นแต่ว่าพวกคุณจะรวมงานวิจัยทุกอย่างแล้วขายทั้งหมดมาให้เราในราคาเหมาจ่าย”


 


วิกเตอร์ตะลึง ขายรวมทั้งหมดในราคาเหมาจ่ายเนี่ยนะ? ฤทธิ์ของยาพวกนี้มีความคล้ายคลึงกันมาก แต่ถ้านำยาพวกนี้มาผสมเข้าด้วยกัน อาจจะกลายเป็นพิษได้ คนพวกนี้รู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่?


 


แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมด แต่ศาสตราจารย์หวังก็น่าจะรู้


 


คนจีนทุกคนเป็นแบบนี้กันหมด ยาจีนโบราณของพวกเขายังผสมสมุนไพรทุกชนิดเข้าด้วยกันเลยและอ้างว่าสามารถรักษาโรคได้ พวกเขาไม่มียามาตรฐานและสูตรยาต่างๆ ก็ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยแพทย์ ช่างเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ที่ชาวจีนอยู่รอดมาได้นานขนาดนี้!


 


“คุณเฝิงครับ นี่คือสิ่งที่คุณต้องการหรอ?” วิกเตอร์หันมาหาเฝิงหยู่


 


“ใช่ครับ โอเคมั้ยครับ? ทำไม่ได้หรอครับ? การวิจัยทั้งหมดนี้ยังเสร็จสมบูรณ์เพียงแค่ครึ่งเดียวไม่ใช่หรอครับ? พวกคุณน่าจะใช้เงินไปไม่เยอะมากเท่าไหร่สำหรับโครงการพวกนี้ คุณกังวลฤทธิ์ของยาพวกนี้จะชนกันใช่มั้ยครับ? เราสามารถเพิ่มสารยับยั้งบางอย่างลงไปได้และก็จะช่วยแก้ปัญหาพวกนี้ได้ทั้งหมด” เฝิงหยู่ตอบกลับด้วยสีหน้าและท่าทางแบบว่า “ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญ อย่าพยายามหลอกผมเลย”


 


วิกเตอร์ประหลาดใจที่เฝิงหยู่รู้จักสารยับยั้ง


 


สารยับยั้งสามารถนำมาใช้ในการหยุดหรือลดผลกระทบของปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างสารต่างๆ ได้ มันคือตัวเร่งปฏิกิริยาเชิงลบ


 


แต่ถึงแม้ว่าจะเพิ่มสารยับยั้งเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหยุดปฏิกิริยาทางเคมีของยาได้อย่างสมบูรณ์ คนโง่เขลาไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือคนโง่เขลาที่คิดว่าตัวเองรู้ทุกเรื่อง


 


ในสายตาของวิกเตอร์ เฝิงหยู่เป็นคนแบบนี้ แต่คนประเภทนี้มีข้อดีอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือพวกเขาจะถูกหลอกได้ง่ายเมื่อคุณใช้ศัพท์เฉพาะบางอย่างที่พวกเขาไม่เข้าใจ


 


ไมเคิลหลิวกล่าวเสริม “ไฟเซอร์น่าจะมีผลิตภัณฑ์สารยับยั้งมากมาย พวกคุณสามารถขายสารยับยั้งบางส่วนให้เราได้นะครับ เรายินดีจ่าย”


 


พวกเขายังต้องการซื้อสารยับยั้งด้วยหรอ? ไฟเซอร์มีสารยับยั้งมากมายที่ถูกเพิ่มเข้าไปในยาของพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาจะขายสารยับยั้ง มันก็ต้องสามารถนำไปใช้งานได้หรืออย่างน้อยก็ใช้ได้ในขั้นตอนการสังเกตการณ์ระหว่างการทดลอง


 


“คุณเฝิงครับ ผมต้องปรึกษากับทางบริษัทผมก่อน เราสามารถพูดคุยเรื่องราคาสำหรับงานวิจัยอื่นๆ ก่อนได้มั้ยครับ?” วิกเตอร์ถาม


เฝิงหยู่โบกมือ “เราต้องพูดคุยเรื่องราคาสำหรับยาทั้งหมดนี้ เราต้องการผสมรวมทุกอย่างเพื่อผลิตยาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แล้วเราจะคุยเรื่องราคายาแค่หนึ่งตัวได้ยังไงกันล่ะครับ?”


 


ให้ตายสิ! คุณคิดว่าคุณกำลังทำเมนูผลไม้รวมมิตรหรือไง? การผสมยาทั้งหมดเข้าด้วยกันจะไม่ได้ก่อให้เกิดยาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดนะ แต่คุณจะได้รับพิษขั้นสุดยอดแทน!


 


เฝิงหยู่ไม่เปิดโอกาสให้วิกเตอร์โน้มน้าวเขาอีกต่อไป เขากลับไปที่โรงแรมทันที


 


วิกเตอร์รู้สึกผิดหวัง เขาคิดว่าเฝิงหยู่จะซื้องานวิจัยที่ล้มเหลวอย่างน้อยสองงานในวันนี้ และเขาจะบรรลุเป้าหมาย 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้อย่างง่ายดาย


 


ถ้าวิกเตอร์สามารถขายงานวิจัยพวกนี้ได้ในราคาที่สูงกว่า 10 ล้าน เขาก็ยังได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม แต่คนพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่? พวกเขาเชื่อจริงๆ หรอว่าการได้รับข้อมูลงานวิจัยมากขึ้นและรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันจะทำให้พวกเขาผลิตยาใหม่ขึ้นมาได้?


 


วิกเตอร์รายงานเรื่องนี้ให้จอร์จรับทราบและจอร์จก็ลังเล สารยับยั้งต้องมีฤทธิ์เป็นผลถ้าพวกเขาจะขายให้กับ เฝิงหยู่ ไม่มีทางที่พวกเขาจะหลอกเฝิงหยู่เรื่องสารยับยั้งได้ แต่พวกเขาก็เป็นคนคิดค้นสารยับยั้งพวกนี้เองและใช้เงินทุนจำนวนมาก พวกเขาไม่เคยคิดที่จะขายสารยับยั้งพวกนี้


 


แต่ถ้าพวกเขาขายสารยับยั้งพวกนี้เหมารวมไปพร้อมกับงานวิจัยอื่นๆ พวกเขาก็จะสามารถขายข้อมูลการวิจัยที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นและได้เงินมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งราวกับว่าเงินนี้ตกลงมาจากท้องฟ้าเลยทีเดียว


 


“คุณจอร์จครับ ถ้ารวมสารยับยั้งเข้าไปด้วย พวกเขาก็จะซื้อผลิตภัณฑ์ของเราแน่นอน และผมมั่นใจว่าเราสามารถขายให้พวกเขาได้ในราคาที่สูงขึ้น มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐแน่นอนครับ!”


 


“ไม่ได้ เราใช้เวลาในการพัฒนาสารยับยั้งพวกนี้มาตั้งนาน แค่ 10 ล้านไม่พอหรอก เราจะต้องได้อย่างน้อย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ! คุณจัดการได้หรือเปล่า?” จอร์จตัดสินใจ


 


วิกเตอร์กัดฟันแล้วพูดว่า “ได้ครับ ถ้าคุณช่วยบอกมาร์คให้พวกเขาเลือกสิ่งที่พวกเขาต้องการจากสารยับยั้งทั้งหมดของเรา!”


 


“ไม่มีปัญหา ผมเชื่อใจคุณและผมหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง หากข้อตกลงนี้สำเร็จ ผมจะไม่ลืมคุณเลย แต่ถ้าคุณทำไม่สำเร็จ ผมจะส่งคุณไปแอฟริกา!”


 


แอฟริกา? วิกเตอร์ไม่อยากไปแอฟริกา!


 


วิกเตอร์ตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำข้อตกลงนี้ให้สำเร็จ เขาต้องใช้วิธีการเล่ห์เหลี่ยมบางอย่างแล้วล่ะ


 


“คุณจอร์จครับ ผมต้องการเงินจำนวนหนึ่งเพื่อไปเลี้ยงต้อนรับพวกเขาครับ”


 


“เท่าไหร่ว่ามา”


 


“1 ล้านดอลลาร์สหรัฐครับ ผมสัญญาว่าผมจะขายข้อมูลการวิจัยให้ได้มากกว่า 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เราจะสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงต้อนรับพวกนี้ได้! ในประเทศจีน คนจีนชอบของขวัญกันครับ”


 


จอร์จมองหน้าวิกเตอร์สักครู่แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบนโต๊ะเพื่อโทรไปที่แผนกการเงิน “เตรียมเงินหนึ่งล้านให้วิกเตอร์เป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงต้อนรับลูกค้า”


 


วิกเตอร์ขอบคุณจอร์จและกลับไป เขามั่นใจว่าเขาจะประสบความสำเร็จ!


 


ในช่วงบ่าย เฝิงหยู่ได้รับโทรศัพท์จากวิกเตอร์ วิกเตอร์บอกเขาว่าบริษัทได้อนุมัติการขายสารยับยั้งแล้ว เขาขอให้เฝิงหยู่ไปที่ห้องปฏิบัติการของไฟเซอร์เพื่อดูว่าพวกเขาต้องการสารยับยั้งตัวไหน


 


เฝิงหยู่บอกเขาตรงๆ ว่าเขาเหนื่อย ศาสตราจารย์หวังและล่ามจะไปทำหน้าที่แทนเขา


 


วิกเตอร์ไม่คิดว่าเรื่องต่างๆ จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ เฝิงหยู่จะไม่มา และสองคนนั่นที่เขาต้องการติดสินบนจะเป็นคนมาที่ห้องปฏิบัติการแทน


 


ศาสตราจารย์หวังมองดูเทคนิคการผลิตสารยับยั้งของไฟเซอร์ นอกจากนี้ เขายังพบข้อมูลการวิจัยที่เฝิงหยู่ กำลังมองหาด้วย


 


“ศาสตราจารย์หวังครับ คุณมาที่อเมริกาสักพักนึงแล้ว คุณอยากซื้อของฝากกลับไปให้ครอบครัวบ้างมั้ยครับ?”


 


“โอ้ เดี๋ยวผมคงต้องซื้อบ้างแหละครับ”


 


“ศาสตราจารย์หวังครับ นี่ครับของขวัญสำหรับคุณ คุณสามารถนำไปขึ้นเงินที่ประเทศจีน” วิกเตอร์ส่งเช็คให้กับศาสตราจารย์หวัง วิกเตอร์รู้ว่าศาสตราจารย์หวังชอบเงินตอนที่พวกเขาเล่นแบล็คแจ็คบนเครื่องบิน


 


ศาสตราจารย์หวังหรี่ตา 100,000 ดอลลาร์สหรัฐหรอ? วิกเตอร์ต้องการติดสินบนเขาจริงๆ


 


“คุณวิกเตอร์ครับ ผมรับของขวัญนี้ไว้ไม่ได้ครับ”


 


“ไม่ได้นะครับ ……นี่คือของขวัญสำหรับคุณโดยเฉพาะเลย ผมคิดว่าคุณต้องการสิ่งนี้ จริงมั้ยครับ? ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกครับ หลังจากที่คุณกลับไปที่จีน ผมก็จะยังให้เงินจำนวนหนึ่งกับคุณอยู่”


 


“คุณต้องการอะไรจากผม?” ศาสตราจารย์หวังถาม


 


“ผมแค่อยากรู้ว่าข้อมูลการวิจัยไหนที่เฝิงหยู่ต้องการและเขาจะยอมจ่ายให้เท่าไหร่?”


 


“ผมรู้แค่ว่าเขาสนใจงานวิจัยชิ้นไหน แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะจ่ายเท่าไร ล่ามหลิวพอจะรู้เรื่องนั้นบ้าง”


 


“ขอบคุณครับ แค่รู้ว่าเขาจะเลือกงานวิจัยชิ้นไหนก็เพียงพอแล้วครับ”


 


“คุณไม่คิดว่าเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐน้อยเกินไปหรอครับ?” อยู่ดีๆ ศาสตราจารย์หวังก็พูดขึ้นมา


 


วิกเตอร์หัวเราะ เขาไม่กลัวว่าศาสตราจารย์หวังจะต้องการเงินเพิ่มอีก เขาแค่กังวลว่าศาสตราจารย์หวังจะไม่รับสินบน


 


“ผมจะส่งให้คุณอีก 200,000 ดอลลาร์สหรัฐหลังจากได้รับข้อมูลครับ”


 


“300,000 ดอลลาร์สหรัฐ”


 


“ฮ่าๆๆๆ ศาสตราจารย์หวังเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมามากเลยครับ ตกลงครับ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผมจะจ่ายให้คุณภายหลัง หวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณนะครับ!”


EG บทที่ 704 ได้รับแล้ว


 


วิกเตอร์อารมณ์ดีหลังจากเขาตกลงกับศาสตราจารย์หวังเรียบร้อยแล้ว หากเขารู้ว่าเฝิงหยู่ต้องการการวิจัยไหน มันจะง่ายขึ้นสำหรับเขาในการขึ้นราคา จากนั้น เขาก็ไปพบไมเคิลหลิวเพียงคนเดียว และได้รับข้อมูลว่าเฝิงหยู่เต็มใจที่จะจ่ายเงินค่างานวิจัยเท่าไหร่โดยการติดสินบนด้วยเงิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ


 


วิกเตอร์ไม่ได้เก็บเงินที่เหลืออีก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐเอาไว้ หากบริษัทของเขารู้เข้า อาชีพของเขาต้องจบลงแน่ๆ เงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐนี้จะกลายเป็นเงินสำรองของเขา และเขาจะคืนให้บริษัทหากไม่ได้ใช้


 


วิกเตอร์รู้กฎระเบียบเป็นอย่างดีและเขาไม่ควรเก็บเงินที่ไม่ใช่ของเขาเอาไว้


……


 


“คุณเฝิงครับ ไม่ทราบว่าเลือกสารยับยั้งที่คุณต้องการได้หรือยังครับ?” วิกเตอร์ยิ้มแล้วถาม ที่จริงแล้วเขารู้ว่าเฝิงหยู่ต้องการสารยับยั้ง 3 ชนิดและราคาที่เขาจะเสนอให้สำหรับสารยับยั้ง 3 ตัวนี้ก็มีราคาสูงมาก


 


เฝิงหยู่มองหน้าไมเคิลหลิวแล้วเลือกข้อมูลการวิจัยมา 5 ชุด ซึ่งมีสารยับยั้ง 3 ชนิดตามที่ศาสตราจารย์หวังบอกไว้กับวิกเตอร์


 


วิกเตอร์รู้สึกดีใจมาก เงินที่ใช้จ่ายไปนั้นคุ้มค่าแล้ว


 


“คุณเฝิงครับ ราคาสำหรับสารตัวนี้เท่ากับ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวนี้ราคา 5 ล้านและตัวนั้นราคา 6 ล้านครับ……”


 


สารยับยั้ง 3 ชนิดที่เฝิงหยู่ต้องการนั้นถูกเสนอราคามามากกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จริงแล้วไฟเซอร์ได้เงินค่าวิจัยและพัฒนาคืนแล้วเมื่อตอนที่สารยับยั้งถูกพัฒนาขึ้น อันที่จริงห้องปฏิบัติการวิจัยอื่นก็มีสารยับยั้งสองตัวนี้และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นคนคิดค้นสารยับยั้งตัวที่สามด้วย พวกเขามีแค่งานวิจัยเชิงลึกเท่านั้น


 


เฝิงหยู่เจาะจงเลือกข้อมูลการวิจัยอีกสองชุดบนโต๊ะ แล้วเลื่อนไปให้วิกเตอร์พร้อมกับข้อมูลการวิจัยยาที่เหลือ “พวกนี้ เสนอราคาให้ผมด้วยครับ”


 


วิกเตอร์คุ้นเคยกับสไตล์การเจรจาของเฝิงหยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามเวลาที่ซื้อของก็จะใช้เวลาในการดูและเลือก ยิ่งไปกว่านั้น ข้อตกลงนี้ก็มีมูลค่านับล้านและเป็นข้อมูลการวิจัยทางการแพทย์ แต่เฝิงหยู่ทำท่าเหมือนกับว่าเขากำลังซื้อมันฝรั่งอยู่ในตลาดเลย เขาเพิ่งเลือกข้อมูลการวิจัยโดยการสุ่มเอา


 


วิกเตอร์แกล้งทำเป็นมองไปที่ข้อมูลการวิจัย เขารู้ราคาล่วงหน้าแล้ว


 


“ข้อมูลการวิจัยพวกนี้มีความสำคัญกับเรามากครับ เราใช้เงินและทรัพยากรจำนวนมากในงานวิจัยพวกนี้ เอางี้ดีมั้ยครับ? ผมจะให้ราคาพิเศษกับคุณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐครับ!”


 


ก่อนที่เฝิงหยู่จะได้พูดอะไร ไมเคิลหลิวก็ตะโกนออกมาว่า “30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ? เป็นไปไม่ได้ ผมเคยบอกว่างานวิจัยนี้อาจมีประโยชน์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าผลลัพธ์ของการวิจัยจะล้มเหลว สิ่งเดียวที่คุ้มค่าก็คือข้อมูลการวิจัยที่เกี่ยวกับสารยับยั้ง คุณเสนอราคาให้เราเกินความจริงมากไปแล้ว!”


 


“ไม่นะครับ ราคาที่ผมเสนอนั้นสมเหตุสมผล ราคาของสารยับยั้งสูงมากและเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปด้วย แต่ข้อมูลการวิจัยที่ยังไม่สมบูรณ์พวกนั้นก็มีมูลค่าสูงเช่นกัน หากคุณพัฒนายาได้สำเร็จ คุณจะได้รับผลตอบแทนหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเลยนะครับ นี่เป็นการเดิมพันไม่ใช่หรอครับ?”


 


เฝิงหยู่หัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ผมชอบการเดิมพันครับ คุณพูดถูก นี่คือการเดิมพัน แม้ว่าผมจะชอบเดิมพัน แต่ผมก็ชอบจ่ายเงินในราคาที่สูงขึ้นมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าผมชนะผมจะได้ 300 ล้าน แต่ใครจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะได้เงิน 300 ล้านนี่ล่ะครับ? ผมไม่ชอบการเดิมพันแบบนี้”


“ข้อมูลการวิจัยพวกนี้ไม่คุ้มค่ากับราคา 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!” ไมเคิลหลิวพูดเสริม


 


ไมเคิลหลิวและวิกเตอร์เริ่มโต้เถียงกัน ทั้งคู่แป็นคนวางแผนการโต้เถียงครั้งนี้เอง วิกเตอร์เห็นท่าทางการแสดงที่ดูจริงจังและมุ่งมั่นของไมเคิลหลิวแล้วก็แอบยกนิ้วโป้งให้ใจ การแสดงของหลิวไมเคิลสมควรได้รับรางวัลออสการ์จริงๆ!


 


“ทำไมข้อมูลพวกนี้ถึงจะมีมูลค่า 30 ล้านไม่ได้ล่ะครับ? คุณจะไม่ได้รับผลแม้แต่ครึ่งเดียวเลยนะครับถ้าคุณใช้เงิน 30 ล้านซื้อข้อมูลกับบริษัทอื่น ไฟเซอร์คือบ้านของนักวิจัยชั้นนำของโลก!” วิกเตอร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ


 


ทันใดนั้นเฝิงหยู่ก็ยื่นมือออกมาและแยกเอกสารออกเป็นสองกองแล้วชี้ไปที่กองหนึ่ง “15 ล้าน แล้วเซ็นสัญญาตอนนี้เลยครับ”


 


อ่ะ? ทำไมจำนวนเงินถึงหายไปครึ่งนึงเลยล่ะ คุณบอกเองไม่ใช่หรอว่าข้อมูลมันน้อยเกินไป? แต่มาตอนนี้คุณกลับต้องการข้อมูลเพียงแค่ครึ่งเดียวงั้นหรอ?


 


15 ล้านสำหรับข้อมูลการวิจัยกองนั้นก็ยังถือว่าเป็นเงินจำนวนมากอยู่ แต่วิกเตอร์สัญญากับจอร์จไว้ว่าเขาจะขายงานวิจัยให้ได้เงินมากกว่า 21 ล้าน ตอนนี้กลายเป็น 15 ล้านไปแล้ว แถมเขายังเบิกเงินจากบริษัทมา 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย ถ้าเขายอมขายราคานี้ เขาจะเอาหน้าที่ไหนไปตอบคำถามของจอร์จได้!


 


แล้วถ้าจอร์จโกรธจริงๆ ขึ้นมา และส่งเขาไปแอฟริกาล่ะ? ไม่มีทางที่เขาจะเอาชีวิตรอดที่นั่นได้


 


“คุณเฝิงครับ ผมรวมงานวิจัยทั้งหมดเอาไว้ด้วยกันเพื่อให้คุณโดยเฉพาะ แม้ว่าคุณจะต้องการเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาจะลดลงครึ่งนึงเหมือนกันนะครับ” วิกเตอร์อธิบาย


 


“คุณวิกเตอร์ครับ ถึงแม้ว่าเจ้านายผมอาจจะรวย แต่คุณจะมาทำกับเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่แบบนี้ไม่ได้นะครับ พวกคุณทุกคนไม่จริงใจในการทำข้อตกลงนี้เลย คุณน่าจะให้คนอื่นมาเจรจากับเราแทนนะครับ หรือบางทีเราน่าจะติดต่อไบเออร์ดีกว่า ผมคิดว่าไบเออร์น่าจะจริงใจมากกว่านี้กับราคาที่เจ้านายผมเสนอจ่าย” ไมเคิลหลิวขู่


 


วิกเตอร์เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษในทันที “เราแสดงแค่นี้พอแล้วครับ ราคาทั้งหมด 22 ล้านสำหรับข้อมูลพวกนี้!”


 


เฝิงหยู่นั่งอยู่เงียบ ๆ และแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ในใจเขาลิงโลดด้วยความดีใจ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเขาจะได้สูตรสำหรับสารยับยั้งพวกนี้ เขาเพียงแค่เอาสูตรไปปรับปรุง และจากนั้นเขาก็สามารถขายในตลาดได้ ผลตอบแทนในอนาคตจะมีมูลค่าหลายพันล้าน


 


ไมเคิลหลิวขยับเข้ามาใกล้เฝิงหยู่และกระซิบว่าพวกเขาน่าจะยอมลดราคาลงอีกสักสองสามล้าน เขาถามว่าเฝิงหยู่ต้องการข้อมูลการวิจัยพวกนี้ทั้งหมดหรือเปล่า


 


เฝิงหยู่พยักหน้า


 


“ตกลงครับ นี่เป็นราคาสุดท้ายที่เจ้านายผมเสนอ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากพวกคุณเห็นด้วย เราก็จะลงนามในสัญญากันและส่งมอบข้อมูลครบชุดให้แก่เรา ไม่งั้นก็ยกเลิกข้อตกลงนี้ครับ!”


 


วิกเตอร์แกล้งทำเป็นว่าเขาไม่สามารถตัดสินใจเองได้และขอโทรศัพท์ก่อน หลังจากที่เขาโทรศัพท์เสร็จแล้ว เขาบอกว่าบริษัทยอมตกลงราคานี้และพวกเขาสามารถลงนามในสัญญาตอนนี้ได้เลย


 


ทั้งสองฝ่ายต่างวิตกกังวลว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ และรีบเซ็นสัญญากันอย่างรวดเร็ว เมื่อเซ็นสัญญาเสร็จแล้ว เฝิงหยู่ก็โล่งอก


 


ในที่สุดเขาก็ได้เทคนิคในการผลิตสารยับยั้งมาแล้ว!


 


เฝิงหยู่รีบโทรหาลูกน้องของเขาเพื่อบอกให้โอนเงินให้ไฟเซอร์ เมื่อวิกเตอร์ได้รับข่าวว่ามีการจ่ายเงินมาแล้ว เขาก็ขอให้คนของเขานำข้อมูลการวิจัยครบชุดไปให้เฝิงหยู่ ทีมวิจัยทางการแพทย์ของเฝิงหยู่ตรวจสอบทันทีว่าข้อมูลเป็นของจริงหรือไม่ เมื่อยืนยันแล้ว พวกเขาก็รีบส่งข้อมูลไปยังเครื่องบินเช่าเหมาลำของเฝิงหยู่ อย่างรวดเร็ว


 


เครื่องบินถือเป็นอาณาเขตของประเทศจีนและที่นั่นก็จะปลอดภัย หากไม่ได้รับการอนุมัติจากจีน สหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้


 


เมื่อกลับมาบนเครื่องบิน เฝิงหยู่ก็ดื่มฉลองกับทุกคน เมื่อได้สูตรสำหรับสารยับยั้งนี้แล้ว เขาสามารถปล่อยให้นักวิจัยวิจัยและพัฒนายาซิลเดนาฟิลได้เอง ยานี้จะถูกพัฒนาขึ้นเร็วกว่าชาวอเมริกัน


 


ด้วยเส้นสายต่างๆ ทำให้กฎระเบียบสำหรับการทดลองทางคลินิกสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และจะได้รับการอนุมัติอย่างง่ายดาย บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจะเป็นบริษัทแรกในโลกที่พัฒนายารับประทานเพื่อรักษาอาการไร้สมรรถภาพทางเพศ!


EG บทที่ 705 ใช้สูตรยาเพื่อลงทุนอีกครั้ง?


 


“วิกเตอร์ ใครอนุญาตให้คุณขายสูตรของสารยับยั้งนี้” มาร์คตะคอกใส่


 


“คุณจอร์จเป็นคนอนุญาตครับ”


 


“แต่สารยับยั้งนี้เป็นองค์ประกอบหลักสำคัญสำหรับการพัฒนายาใหม่ล่าสุดของเรา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีกฝ่ายพัฒนายานี้ขึ้นก่อน?”


 


“ยาตัวใหม่ล่าสุดคือตัวไหนหรอครับ? ยาสำหรับรักษาความไร้สมรรถภาพทางเพศนะหรอ? คุณคิดว่าคนจะซื้อยานี้หรอ? พวกเขาจะอายจนไม่กล้าซื้อมากกว่า แม้ว่าจะมีตลาดสำหรับยาใหม่นี้ แต่เฝิงหยู่ก็คงไม่ต้องการหรอก จีนมีไวน์ชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์เหมือนยาประเภทนี้อยู่แล้วมานับพันปี ผมเคยดื่มมาก่อนและน้องชายผมก็แข็งตัวทั้งคืนเลย” วิกเตอร์ตอบ


 


มาร์คยังคงคิดว่ายาที่เขาค้นคว้าวิจัยอยู่นั้นน่าอัศจรรย์มาก แต่จีนมียาประเภทนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ยานี้จะช่วยเติมช่องว่างในตลาดงั้นหรอ? ไร้สาระสิ้นดี!


 


“เอาล่ะๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว การวิจัยของพวกเขาจะไม่มีทางเร็วเท่าเราหรอก และตอนนี้เราก็มีเงินทุน 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เราจะใช้เงินทุนนี้เพื่อลงทุนในแผนกวิจัยและพัฒนาของเรา วิกเตอร์ ผมจะให้ทางเลือกคุณสองทาง อย่างแรกคุณจะได้เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียและจะประจำอยู่ที่โตเกียว คุณจะได้รับโอกาสมากมายที่นั่นและได้รับการเลื่อนตำแหน่งได้อย่างง่ายดายด้วย อย่างที่สองคือได้เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ สถานที่ทำงานของคุณอยู่ในนิวยอร์ก ซึ่งจะอยู่ใกล้บ้านคุณ แต่มันจะยากสำหรับคุณที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง”


 


“ผมขอเลือกนิวยอร์กครับ ผมคิดถึงครอบครัวของผม”


 


จอร์จรู้สึกผิดหวังกับวิกเตอร์ แต่เขาก็ยังคงรักษาสัญญาและตกลงยอมให้วิกเตอร์อยู่ในนิวยอร์ก ที่ผ่านมาวิกเตอร์ก็ช่วยเหลือบริษัทให้ทำเงินได้มากมาย สูตรของสารยับยั้งทั้งสองตัวนั้นมีมูลค่าเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์สหรัฐเอง นั่นหมายความว่าวิกเตอร์ช่วยขายข้อมูลวิจัยที่ไร้ประโยชน์ให้ทำเงินได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เขาสมควรได้รับรางวัลตอบแทน


 


ยิ่งไปกว่านั้น วิกเตอร์ยังช่วยบริหารจัดการตลาดจีนได้เป็นอย่างดีและเขาก็พิสูจน์ตัวเองแล้วที่นั่น


 


วิกเตอร์ขอบคุณจอร์จหลายครั้งก่อนที่เขาจะกลับไป มาร์คยังคงโต้เถียงอยู่กับจอร์จ จอร์จโบกมือ “คุณก็ควรกลับไปได้แล้ว เอาเวลาไปตรวจสอบควบคุมการทดลองทางคลินิกดีกว่า เรามาถึงขั้นตอนการทดลองทางคลินิกแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะค้นพบผลลัพธ์ของยานี้ แต่พวกเขายังคงต้องผ่านการดำเนินการทดลองทางคลินิกอีก เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาพัฒนายานี้สำเร็จ ป่านนั้นเราก็คงได้เปิดตัวยาในตลาดแล้ว”


 


เมื่อกลับมาถึงจีน เฝิงหยู่ก็บินไปยังเมืองปิงทันที สำหรับเงินสินบนที่ศาสตราจารย์หวังและไมเคิลหลิวรับนั้น เฝิงหยู่บอกให้พวกเขาเก็บไป อย่างไรก็ตาม เฝิงหยู่รู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของศาสตราจารย์หวังเพราะเขาบริจาคเงินทุกสตางค์ให้การกุศลหมดเลย


 


เฝิงหยู่ไม่ได้กลับคำพูดของเขา เขาช่วยลูกชายของศาสตราจารย์หวังให้ได้รับการอนุมัติไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาและเฝิงหยู่ก็ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดตอนที่เขาอยู่สหรัฐอเมริกาให้เอง เขาไม่ปล่อยให้ลูกชายของศาสตราจารย์หวังต้องไปทำงานนอกเวลาในสหรัฐอเมริกา


 


ไมเคิลหลิวก็บริจาคเงินของเขาด้วย เขาบอกกับเฝิงหยู่ว่าเขารู้สึกไม่สบายใจที่จะเก็บสินบนเอาไว้ เฝิงหยู่หัวเราะและซื้อบังกะโลให้ไมเคิลหลิวเป็นรางวัล


 


เฝิงหยู่ใช้เงินไปทั้งหมด 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เขารู้สึกว่าเงินที่ใช้ไปนั้นคุ้มค่าแล้ว


 


เมื่อกลับมาที่เมืองปิง เฝิงหยู่ต้องการใช้สูตรยานี้เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง ระหว่างการประชุมประจำปีของบริษัท แต่ตัวแทนจากคณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์รัฐวิสาหกิจของจีน (SASAC) ของเมืองปิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด


 


ที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ที่เหลือไม่ต้องการให้เฝิงหยู่เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท ตอนนี้เฝิงหยู่มาพร้อมกับข้อมูลการวิจัยทางการแพทย์โดยอ้างว่าเป็นสูตรยาและพยายามใช้สิ่งนี้เพื่อมาลงทุนในบริษัท


 


แม้ว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นจะเห็นด้วย แต่คุณจะตีมูลค่าสูตรยาพวกนี้ในราคาเท่ากับ 200 ล้านหยวนได้อย่างไรกัน? คุณกำลังพยายามหลอกใครอยู่หรอ? การจดทะเบียนของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงมีมูลค่าเพียงแค่ 360 ล้านหยวน หากเราอนุญาตให้คุณตีราคามูลค่าสูตรพวกนี้เป็น 200 ล้าน คุณก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทนี้


 


นอกจากนี้ ข้อมูลการวิจัยอะไรกันทำไมถึงแพงขนาดนี้? ยารักษามะเร็งหรอ?


 


ห้ะ? ยารักษาโรคประเภทนั้นหรอ?


 


ไร้สาระ! การผลิตยาประเภทนี้มันน่าขายหน้าสิ้นดี


 


นอกจากอู่จื้อกางแล้ว ไม่มีใครเห็นด้วยกับความต้องการของเฝิงหยู่เลย ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ที่เหลือไม่ได้คัดค้าน เฝิงหยู่ที่จะใช้สูตรยาเพื่อลงทุนในบริษัท แต่พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าสูตรยานี้มีมูลค่า 200 ล้านหยวน!


 


อู่จื้อกางสนับสนุนเฝิงหยู่อย่างเต็มตัว เขาเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของเฝิงหยู่และไว้ใจเฝิงหยู่อย่างมาก


 


“ผู้จัดการเฝิงหยู่บอกว่าสูตรนี้มีมูลค่า 200 ล้าน งั้นก็ 200 ล้านครับ พวกคุณจะบอกว่าเขาพยายามที่จะโกงเงินของบริษัทงั้นหรอครับ? ตลกสิ้นดี คุณรู้หรือเปล่าว่าผู้จัดการเฝิงบริจาคเงินให้โรงเรียนเป็นจำนวนเท่าใดต่อปี? คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาได้รับรายได้จากบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงเท่าไหร่กัน? ผลกำไรจากบริษัทการค้าไท่วยังมากกว่าเงินจำนวนนี้อีก แล้วเขาจำเป็นต้องโกงพวกคุณหรอ?”


 


“จื้อกาง ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร อย่างมากผมก็ซื้อโรงงานเภสัชกรรมแห่งอื่นเพื่อผลิตยานี้ พวกเขาจะเสียดายเองเมื่อพวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งจากกำไร” เฝิงหยู่ตบบ่าของอู่จื้อกางและบอกให้เขาสงบลง


 


เฝิงหยู่เข้าใจว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเฝิงหยู่เป็นคนพวกนั้น เขาก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าสูตรนี้จะมีมูลค่า 200 ล้านหยวน หากมีมูลค่า 200 ล้านจริง ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะถึงจุดคุ้มทุนและได้เงินจำนวนนี้คืน?


 


นอกจากนี้ หากเฝิงหยู่จะใช้มูลค่าของสูตรนี้เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท เขาจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด รัฐบาลเมืองจะไม่เห็นด้วยแน่นอน


 


ตอนนี้ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงทำกำไรได้สูงและผู้ถือหุ้นทุกคนก็มีความสุขมากกับผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์วิตามินและยาเพื่อสุขภาพของพวกเขาทำกำไรได้มากกว่า 100 ล้านหยวน ซึ่งยังช่วยผลักดันยอดขายของยาอื่นๆ ของพวกเขาด้วย ในปีนี้บริษัทจะได้รับผลกำไรอย่างน้อย 200 ล้านหยวน


 


ปีหน้าผลกำไรน่าจะสูงขึ้นไปอีกเนื่องจากแบรนด์ของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงมีชื่อเสียงมากขึ้น ผลกำไรที่คาดการณ์ไว้สำหรับปีต่อๆ ไปคือมากกว่า 300 ล้านหยวน


 


อีก 3 ปีต่อมา เมื่อบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า หรืออาจจะมากกว่า 10 เท่าก็ได้ มูลค่าของบริษัทน่าจะมากกว่า 5 พันล้านหยวนแล้วในตอนนั้น บริษัทจะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในประเทศจีนและแม้กระทั่งในเอเชียทั้งหมด


 


นอกจากนี้ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงยังจ่ายภาษีจำนวนมากให้กับรัฐบาลเมืองและช่วยรัฐบาลในการให้เงินสนับสนุนโครงการจำนวนมาก เฝิงหยู่ไม่เคยคัดค้านเรื่องพวกนี้เลย


 


นี่คือบริษัทที่มีศักยภาพสูง เมืองจะไม่ยอมให้เฝิงหยู่กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดแน่นอน พวกเขาไม่อยากจะเห็นบริษัทนี้ต้องเป็นเหมือนบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงที่เฝิงหยู่กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในทุกเรื่อง


 


ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงรายงานเหตุการณ์นี้ให้แก่จางรุ่ยเฉียง  จางรุ่ยเฉียงรีบโทรหาเฝิงหยู่เพื่อบอกให้มาหาที่สำนักงานของเขา เขาอยากรู้ว่าทำไมเฝิงหยู่ถึงรู้สึกว่าสูตรยาของเขามีมูลค่าถึง 200 ล้านหยวน


 


เมื่อเฝิงหยู่ไปถึงสำนักงานของจางรุ่ยเจียง เลขาหลิวก็รีบเตรียมชาให้เขาทันที เขาไม่อยากให้เฝิงหยู่ไปรื้อตู้ของหัวหน้าและเอาใบชาของเขาไปถลุงจนหมด


 


เฝิงหยู่มองเลขาหลิว เขารู้สึกพอใจ เห็นมั้ยคนเรามันต้องได้รับการฝึกฝน คนๆ นี้ทำงานหนักมาก ผมต้องหาเลขาให้ตัวเองสักคนละ แต่เลขาของผมต้องเป็นผู้หญิงนะ


 


ใครกันจะอยากได้เลขาผู้ชาย? เฝิงหยู่ยังมีงานไม่มาก เขามอบงานเกือบทั้งหมดให้กับคนอื่นและสิ่งที่เขาต้องทำก็คือนั่งนับเงินอยู่ที่นั่นได้อย่างสบายใจ ทุกครั้งที่เขาดูรายงานทางการเงินของบริษัท เขาจะคำนวณจำนวนหุ้นของเขาว่ามีอยู่เท่าไหร่และเขาก็จะอารมณ์ดีมาก


 


“คุณคิดว่าผมกำลังพยายามหลอกคนอื่นด้วยสูตรยานี้และสูตรยานี้ก็ไม่คุ้มค่ากับเงิน 200 ล้านหรอครับ?” เฝิงหยู่ถามหลังจากที่เขานั่งลง


EG บทที่ 706 การตัดสินใจของจางรุ่ยเฉียง


 


เหนือความคาดหมายของเฝิงหยู่ จางรุ่ยเฉียงกลับตอบอย่างจริงจังว่า “ตรงกันข้ามกันครับ ผมไว้ใจคุณ ถ้าคุณบอกว่ามันมีมูลค่า 200 ล้าน ก็แสดงว่ามีมูลค่า 200 ล้านนั่นแหละ! ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงมีมูลค่า 200 ล้านหยวนก็เท่านั้นเอง”


 


เฝิงหยู่ถึงกับตะลึง มือของเขาซึ่งกำลังยื่นออกไปหยิบใบชาถึงกับหยุดชะงักกลางอากาศ “คุณเชื่อในสิ่งที่ผมพูดหรอ?”


 


“แล้วทำไมผมต้องไม่เชื่อล่ะ? คุณไม่เคยโกหกผมเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เว้นแต่ว่าคราวนี้คุณพยายามจะหลอกผม” จางรุ่ยเฉียงหัวเราะ


 


ให้ตายสิ! ตาเฒ่าจางยังคงไว้วางใจได้ในช่วงเวลาแบบนี้ ดูเขาสิ นี่คือเหตุผลที่เขาได้เป็นนายกเทศมนตรีของ เมืองปิง เขาฉลาดกว่าคนพวกนั้นจากคณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์รัฐวิสาหกิจของจีน(SASAC)! ทำไมผมต้องพยายามโกงเงิน 200 ล้านหยวนจากพวกเขาด้วย?


 


“ผมไม่ได้โกหกคุณ” เฝิงหยู่ตอบอย่างสุจริตใจ


 


“โอเค งั้นก็ไม่เป็นไร” จางรุ่ยเฉียงจุดบุหรี่แล้วสูดเฮือกใหญ่


 


“คุณหมายความว่าที่บอกว่าไม่เป็นไร” เฝิงหยู่สับสน


 


“ผมจะช่วยคุณจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ใช่ปัญหาสำหรับสูตรนี้ที่จะมีมูลค่า 200 ล้าน แต่สัดส่วนการถือหุ้นจะต้องยังคงเหมือนเดิม” จางรุ่ยเฉียงกล่าว


 


“รัฐบาลเมืองยินดีที่จะเพิ่มเงินลงทุนมากกว่า 200 ล้านงั้นหรือ?” เฝิงหยู่สงสัย


 


รัฐบาลเมืองปิงมีเงินเพิ่มการลงทุน 200 ล้านได้ แต่เรื่องนี้จะไม่อยู่ในแผนงบประมาณของเมือง งบประมาณของเมืองได้รับการวางแผนมานานแล้ว


 


เมืองจะชดเชยการขาดดุลจำนวน 200 ล้านหยวนนี้ได้อย่างไร? โครงการพัฒนาของเมืองไหนที่จะต้องถูกเลื่อนออกไป?


 


“เมืองไม่มีเงิน 200 ล้านหรอก นี่คือเหตุผลที่ผมหวังว่าคุณจะยอมสละให้บ้างเล็กน้อย คุณลองให้สูตรยาแก่ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงก่อน แล้วค่อยเริ่มการผลิตและขายยานี้ เมืองจะใช้ส่วนแบ่งกำไรของเราจากสองปีถัดไปเพื่อลงทุนในบริษัทอีกครั้ง หรือคุณสามารถเอาเงินจำนวน 200 ล้านหยวนออกไปได้ รวมถึงดอกเบี้ยจากผลกำไรของเรา แบบนี้ถือได้ว่าคุณก็ได้ขายยานี้ให้กับบริษัทด้วย” จางรุ่ยเฉียงเสนอวิธีแก้ปัญหาให้เฝิงหยู่


 


นี่เป็นทางออกที่ตรงไปตรงมาที่สุดที่จางรุ่ยเฉียงพอจะคิดออก และก็ขึ้นอยู่กับความไว้วางใจของเขาในตัวเฝิงหยู่ด้วย ถ้าไม่มีเฝิงหยู่ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงก็คงจะไม่เติบโตขึ้นมาถึงขนาดนี้หรอก บริษัทก็จะยังคงเป็นเหมือนในอดีตที่ผ่านมาที่ต้องพยายามดิ้นรนเพื่อให้บริษัทอยู่รอด บริษัทนี้จะได้รับผลกำไรสูงเช่นนี้และกลายเป็นหนึ่งในบริษัทยาชั้นนำในประเทศจีนได้อย่างไร?


 


เฝิงหยู่อ้าปากแล้วพูดว่า “แต่ยานี้ยังไม่พัฒนาสำเร็จเลย อีกอย่างการทดลองทางคลินิกก็ยังไม่ได้เริ่ม เรายังไม่สามารถผลิตยานี้ได้”


 


“อะไรนะ? สูตรนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จหรอ?” จางรุ่ยเฉียงถึงกับอึ้งและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “คุณพยายามทำอะไรกันแน่? คุณอยากตีราคาสูตรยาที่ยังต้องพัฒนาต่อด้วยราคา 200 ล้านงั้นหรอ?!”


 


“มันไม่ใช่สูตรเดียวนะครับ ทั้งหมดมีสองสูตร สองสูตรสำหรับสารยับยั้ง เรายืนยันการใช้สารยับยั้งพวกนี้แล้ว และผมกล้ารับประกันได้เลยว่ายานี้จะประสบความสำเร็จ แต่ยานี้ก็ยังคงต้องผ่านการทดลองทางคลินิกก่อน”


 


จางรุ่ยเฉียงคิดหนัก ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง งั้นเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะสนับสนุนเฝิงหยู่ ทุกคนรู้เกี่ยวกับสูตรยาทางโภชนาการพวกนั้น ยาพวกนั้นถูกส่งไปทดสอบโดยตรงและได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาในการทดลองทางคลินิกสำหรับยาพวกนั้นไม่นานมาก


 


แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถผลิตยานี้ได้ทันทีเพื่อทำกำไร และพวกเขายังคงต้องใช้เงินเพื่อการวิจัยและพัฒนายานี้ต่อไปก่อนอีก เรื่องนี้แตกต่างจากสูตรยาก่อนหน้านี้อย่างโดยสิ้นเชิง


 


เลขาหลิวผู้ที่กำลังฟังอยู่ข้างๆ ก็ถามขึ้นมาทันทีว่า “ผู้จัดการเฝิงครับ ผมได้ยินมาว่าสูตรที่คุณซื้อมานั้นเป็นยาสำหรับรักษาอาการประเภทนั้นใช่มั้ยครับ?”


 


จางรุ่ยเฉียงเงยหน้าขึ้น “อาการประเภทไหน?”


 


เฝิงหยู่มองหน้าจางรุ่ยเฉียง ให้ตายสิ ตาเฒ่าจางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายานี้เอาไปใช้ทำอะไร ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาสนับสนุนผมอย่างไม่ลังเล


 


“ยานี้มีไว้สำหรับรักษาความอ่อนแอของผู้ชายครับ ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ!” เฝิงหยู่ตอบอย่างใจเย็น


 


จางรุ่ยเฉียงจ้องตาเฝิงหยู่แล้วค่อยๆ มองลงต่ำไปด้านล่าง สีหน้าเขาเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง และดูเหมือนว่าต้องการที่จะถามคำถามบางอย่างกับเฝิงหยู่


 


เฝิงหยู่โกรธจัด คุณกำลังมองบ้าอะไรอยู่?! ดวงตาของคุณบอกผมได้เลยว่าคุณสงสัยว่าผมมีปัญหาบางอย่างจนต้องพัฒนายาตัวนี้ขึ้นมาให้ตัวเองใช้งั้นหรอ?


 


ไอ้บ้าเอ้ย! ผมแค่อายุยี่สิบต้นๆ เอง นี่คือช่วงเวลาที่ผมแข็งแรงที่สุด!


 


“ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งนั้น!” เฝิงหยู่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


 


จางรุ่ยเฉียงเลิกมองและตอบช้าๆ “ผมไม่ได้บอกว่าคุณมีปัญหากับร่างกายคุณสักหน่อย ทำไมต้องรีบร้อนตัวล่ะ?”


 


เฝิงหยู่จ้องหน้าจางรุ่ยเจียงและจางรุ่ยเฉียงก็หันหนี


 


เฝิงหยู่สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง “จากการวิจัยในต่างประเทศพบว่า 1 ในทุกๆ 10 คนของผู้ชายทั่วโลกมีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ บางคนเป็นเพราะปัญหาด้านจิตใจและบางคนก็มีปัญหาทางร่างกาย สารยับยั้งนี้เป็นองค์ประกอบหลักในการพัฒนายานี้และสามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสของยาในการรักษาอาการนี้สูงถึง 80% คุณคิดว่าตลาดนี้จะใหญ่ขนาดไหน?”


 


จางรุ่ยเฉียงหยุดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ผู้ชายจะกล้ายอมรับหรอว่าตัวเองมีอาการแบบนี้?”


 


เฝิงหยู่มองหน้าจางรุ่ยเฉียงอย่างสงสัยและทำให้เขารู้สึกว่าเฝิงหยู่ก็สงสัยว่าจางรุ่ยเฉียงก็มีอาการแบบนี้อยู่เหมือนกัน


 


สีหน้าของจางรุ่ยเฉียงเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่าเขาสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์เขียวฮัลค์ได้ ไม่ว่าเขาจะสงบมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่สามารถกดอารมณ์ได้เมื่อเฝิงหยู่มองเขาแบบนี้


 


“นี่เป็นเพราะหลายคนอายที่จะยอมรับว่าพวกเขามีอาการแบบนี้และพวกเขาจะพยายามหาวิธีการรักษาจากผู้ฝึกฝนด้านการแพทย์ที่ไม่มีใบอนุญาต ระหว่างทางที่ผมมาที่นี่ ผมเห็นโฆษณามากมายที่ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้าซึ่งอ้างว่าพวกเขามีไวน์โบราณปาฏิหาริย์หรือยาบางชนิดที่จะช่วยผู้ชายได้ “ยา” พวกนั้นทั้งหมดยังไม่ได้รับการพิสูจน์และเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นอันตรายต่อร่างกายของคนที่รับประทานเข้าไปหรือเปล่า แต่ยานี้ไม่เหมือนกันเพราะมีผลข้างเคียงเล็กน้อยและจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้ ยังเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ด้วย”


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เขาได้เห็นโฆษณามากมายเกี่ยวกับการรักษาปัญหาของผู้ชาย โฆษณาพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่น่าเชื่อถือและส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ก็ดูแปลกๆ มันไม่ใช่ยาแผนจีนหรือยาแผนปัจจุบัน การกล่าวอ้างในโฆษณาก็เกินความจริงและแม้ว่าบริษัทพวกนี้จะหลอกคนได้ แต่คนที่ถูกหลอกก็อายเกินกว่าที่จะกลับไปเอาเรื่องบริษัทพวกนั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขากำลังกินยาประเภทนี้อยู่


 


ยาซิลเดนาฟิลของไฟเซอร์นั้นมีประสิทธิภาพและมาจากบริษัทยาที่มีชื่อเสียง สิ่งที่ประทับใจเฝิงหยู่มากที่สุดก็คือแม้แต่ข่าวในสถานีโทรทัศน์ CCTV ก็ยังรายงานเกี่ยวกับยานี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ายานี้มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน


 


“แต่คุณจะทำการตลาดยานี้ยังไง? คุณจะขายยังไง?” จางรุ่ยเฉียง ถาม


 


“ยานี้จะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ครับ เราเพียงแค่ขอให้โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงช่วยโปรโมทยานี้ให้เรา ยานี้ยังสามารถให้เราเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้ด้วย ซึ่งจะกลายเป็นยาหลักที่สำคัญของเราในตลาดต่างประเทศ!”


 


จางรุ่ยเฉียงยังคงลังเลอยู่ ใช้ยานี้เป็นยาหลักที่สำคัญของบริษัทงั้นหรอ? จากนั้นบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงก็จะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านโรคนี้ ซึ่งจะไม่เหมาะกับชื่อเสียงของแบรนด์


 


“ยานี้จะทำกำไรได้อย่างน้อยสองสามร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่บริษัทของเราในอนาคต”


เฝิงหยู่ยังจำได้ว่าเมื่อชาติที่แล้วของเขา ผลกำไรประจำปีของไฟเซอร์มีมูลค่าเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่นั่นเป็นเพราะยานี้เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก กำไรในช่วงสองสามปีแรกนั้นยังไม่สูงมากนักและไฟเซอร์ก็ใช้เงินจำนวนมากในการทำการตลาด


 


“กำไรสองสามร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเนี่ยนะ? ผลกำไรจะสูงขนาดนั้นเลยหรอ?” ดวงตาของจางรุ่ยเฉียงกลายเป็นสัญลักษณ์ $$ ขึ้นมาทันที


 


“นั่นคือขั้นต่ำนะครับ!” เฝิงหยู่ตอบอย่างมั่นใจ


 


จางรุ่ยเฉียงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “โอเค งั้นปล่อยเรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง แต่เราจะคืนเงินให้คุณ 200 ล้านหลังจากที่ผลกำไรของเราเกินจำนวนนั้นแล้วเท่านั้นนะ ส่วนดอกเบี้ยจะเริ่มนับหลังจากที่ยานี้เข้าสู่ตลาดแล้วเท่านั้น!”


 


เฝิงหยู่พยักหน้า “ถึงแม้ว่าผมจะถูกเอาเปรียบจากรัฐบาลเมืองก็ตาม แต่ผมก็ยินดีครับ ตกลงตามนั้นครับ!”


EG บทที่ 707 ไม่ได้เปล่าประโยชน์


 


เฝิงหยู่ไม่สนว่าตัวองจะถูกเอาเปรียบเพราะตอนนี้บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงแล้ว ยานี้จะได้รับความนิยมถ้าขายภายใต้ชื่อแบรนด์นี้ นอกจากนี้ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงยังมีนักวิจัยจำนวนมากและสามารถพัฒนาสูตรและทำการทดลองทางคลินิกได้เร็วขึ้นด้วย


 


นอกจากนี้ กฎระเบียบของจีนเกี่ยวกับยาก็ไม่ได้เข้มงวด เฝิงหยู่จะได้รับการอนุมัติเร็วกว่าไฟเซอร์และเริ่มการผลิตได้เลย เขาจะสามารถยื่นขอจดสิทธิบัตรและทำให้ยาของไฟเซอร์เข้าสู่ตลาดช้าลงได้ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจะเป็นบริษัทแรกที่พัฒนาและผลิตยานี้


 


ถ้าเป็นบริษัทยาเล็กๆ สักแห่ง คงยากที่จะจัดการเรื่องพวกนี้ นอกจากนี้ เฝิงหยู่ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรมากนักด้วย ข้อมูลการวิจัยพวกนั้นเป็นเพียงเอกสารอ้างอิงและมีความรู้ด้านเทคนิคในการผลิตยานี้


 


หลังจากการพูดคุยจบลง เฝิงหยู่ยังคงนั่งไขว้ห้างบนโซฟา


 


“ทำไมคุณถึงยังไม่กลับ? ถ้าคุณต้องการทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของเราที่นี่ ก็โอเค แต่อย่าคิดว่าจะได้สั่งอาหารราคาแพงล่ะ”


 


“แหมมม……คุณเป็นถึงนายกเทศมนตรี ทำไมทำท่าขี้งกแบบนี้ล่ะครับ คุณคิดว่าผมไม่มีปัญญาจ่ายค่าอาหารให้ตัวเองได้หรอ?” เฝิงหยู่ตอบอย่างหยิ่งยโส


 


“แล้วคุณต้องการอะไรจากผม? ใกล้จะสิ้นปีแล้วและผมก็ยุ่งมาก ผมยังต้องเข้าร่วมการประชุมอีกเยอะ” จางรุ่ยเฉียงขมวดคิ้ว เขารู้จักเฝิงหยู่เป็นอย่างดี และรู้ว่าเฝิงหยู่ต้องการอะไรสักอย่างแน่ๆ


 


ถ้าเป็นเรื่องที่ดี เฝิงหยู่จะรีบชิงพูดก่อนหน้านี้นานแล้ว


 


“รัฐบาลเมืองให้สวัสดิการแก่พนักงานของคุณในช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือเปล่าครับ?”


 


“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณถามให้ลูกพี่ลูกน้องของคุณงั้นหรอ?  คุณคุ้นชินกับการอวดร่ำอวดรวยไม่ใช่หรอ? ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของคุณก็กำลังเดินตามรอยเท้าของคุณเหมือนกัน เขาเป็นแค่หนึ่งในสมาชิกเจ้าหน้าที่รุ่นน้อง และเขาก็ขับรถไปทำงานใช่ไหม? เขาขับรถซงเจียงโอลิมปิกด้วย”


 


เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จางรุ่ยเฉียงก็โมโห ในตอนแรกเขาก็รู้สึกดีกับลูกพี่ลูกน้องของเฝิงหยู่และพยายามช่วยเหลือเขาด้วยการย้ายเขาไปทำงานให้กับเลขาของเขา เขายังคิดที่จะเลื่อนตำแหน่งให้ในปีนี้ด้วย


 


แต่ลูกพี่ลูกน้องของเฝิงหยู่คนนี้ขับรถไปทำงานและไม่ได้อาศัยอยู่ในห้องพักที่ทางเมืองจัดเอาไว้ให้ เขาซื้ออพาร์ตเมนต์ส่วนตัวหลังใหม่เองซึ่งอยู่ติดแม่น้ำเมืองปิง เขาได้ยินมาว่าพื้นที่ห้องของอพาร์ทเมนต์หลังนั้นใหญ่กว่าห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการอีก


 


นอกจากนี้ เขายังมีโทรศัพท์มือถือด้วย หัวหน้าแผนกหลายคนในรัฐบาลยังไม่มีแม้แต่วิทยุติดตามตัวเลย


 


เฝิงหยู่ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน พ่อของเขาเป็นคนให้ของพวกนี้แก่ลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง ถ้าเขาไม่ห้ามพ่อเอาไว้ ป่านนี้พ่อคงจะให้รถซงเจียงโอลิมปิกรุ่นหรูหรากับลูกพี่ลูกน้องของเขาไปแล้ว ซึ่งนั่นคือรุ่นที่เป็นรถประจำตำแหน่งของนายกเทศมนตรี


 


ส่วนอพาร์ทเมนต์หลังนั้นพ่อของเฝิงหยู่ก็เป็นคนซื้อเอง เขาบอกว่าถ้ามีอพาร์ทเมนต์ขนาดใหญ่ ลูกพี่ลูกน้องของเขาจะสามารถหาแฟนได้ง่ายขึ้น ตอนนี้ในฐานะข้าราชการจากครอบครัวที่ร่ำรวยและแถมยังมีรถส่วนตัว จะเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขาที่จะมีแฟน ผู้นำหลายคนในรัฐบาลเมืองต้องการแนะนำลูกสาวหรือหลานสาวของพวกเขาให้กับเขา


 


เฝิงหยู่ยิ้ม “นั่นคือรถยนต์ส่วนตัวของเขา เขาใช้เงินของตัวเองจ่ายค่าน้ำมันและเรื่องนี้ก็ไม่ได้ขัดกับกฎระเบียบอะไรนิครับ อีกอย่างพ่อผมก็เป็นคนซื้อรถให้เขา ผมก็ห้ามเขาไม่ได้เหมือนกัน คุณบอกว่ารัฐบาลเมืองไม่มีรถโดยสารรับส่งไม่ใช่หรอครับ? ตอนนี้บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงสามารถผลิตรถโดยสารได้แล้ว คุณต้องการสั่งซื้อรถโดยสารสัก 8 หรือ 10 คันสำหรับเมืองมั้ยครับ?”


 


จางรุ่ยเฉียง “……” เฝิงหยู่ทำกับรัฐบาลเมืองเหมือนกับว่าเป็นลูกค้าประจำของเขา เขาพยายามขายสินค้าทุกครั้งที่เขามาที่นี่


 


“เราไม่ได้จะซื้อรถ มีอีกเรื่องหนึ่ง…… แต่ช่างมันเถอะ คุณต้องการจะบอกอะไรกับผมอีก?” จางรุ่ยเฉียง หยุดกลางคัน


 


ให้ตายสิ ทำไมคุณถึงไม่พูดในสิ่งที่คุณต้องการจะพูดให้จบล่ะ? ทำแบบนี้คนอื่นก็อยากรู้สิ


 


เฝิงหยู่มองหน้าจางรุ่ยเฉียงและยังคงแสดงทีท่ากระตือรือร้นเหมือนเป็นพนักงานขาย “​​ซื้อบัตรช้อปปิ้งไท่หัวของเราให้เป็นของขวัญสวัสดิการสำหรับพนักงานรัฐบาลเมืองก็ได้นะครับ ผมจะให้ส่วนลดคุณ 2%”


 


จางรุ่ยเฉียงหันหลังและเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ “เสี่ยวหลิว ส่งแขกด้วย”


 


“เอ๊ะ อย่าทำแบบนี้สิครับ เรากำลังคุยกันสนุกอยู่เลย สรุปแล้วรัฐบาลไม่ได้ให้ของขวัญวันตรุษจีนหรอครับ? บัตรช้อปปิ้งซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวดีมั้ยครับ? วิธีนี้ถูกกว่าด้วยนะครับ สินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีราคาถูกด้วยและมีผลิตภัณฑ์ให้พนักงานของคุณเลือกมากมาย ดีกว่าที่คุณแจกเนื้อสัตว์ ข้าว และของอื่นๆ ตั้งเยอะ”


 


จางรุ่ยเฉียงจ้องหน้าเฝิงหยู่ “ปีก่อนหน้าปีที่แล้วคุณก็โปรโมทน้ำมันปรุงอาหารระดับพรีเมี่ยมไท่หัวของคุณ เมื่อปีที่แล้วก็หมูเทียนเผิงของคุณ พอมาปีนี้คุณก็พยายามช่วยเคลียร์สต๊อกของเหลือในซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวของคุณงั้นหรอ?”


 


“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรนะครับ? ผมเคยมีสินค้าเหลือตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ธุรกิจของซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว นั้นยอดเยี่ยมมากและคนทั้งเมืองก็รู้ดี!”


 


“ถูกต้อง แม้แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าของรัฐยังต้องดิ้นรนเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดเลย” จางรุ่ยเฉียงตอบด้วยความโกรธ


 


ห้างสรรพสินค้าของรัฐแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดในเมืองและพยายามลอกเลียนแบบซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวโดยการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ไม่นานหลังจากเปิดก็ประสบปัญหา


 


จางรุ่ยเฉียงบอกให้ลูกน้องไปตรวจสอบและพบว่าเป็นเพราะซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวที่พุ่งเป้ามาที่พวกเขา สินค้าทั้งหมดที่ขายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวมีราคาถูกกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตของรัฐ ซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวยังมาแจกใบปลิวที่ด้านหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตของรัฐด้วย


 


แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ก็ไม่ควรหักหน้ากันแบบนี้ ธุรกิจของซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวดีมาก ทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมให้ธุรกิจของคนอื่นอยู่รอดได้บ้างล่ะ? ปีนี้รัฐบาลเมืองจะมอบของขวัญสวัสดิการให้กับพนักงานของพวกเขา แต่พวกเขาจะซื้อของขวัญทั้งหมดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของรัฐ พวกเขาจะไม่ไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว


 


“แต่มันก็เป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมนะครับ เราเป็นต้นฉบับและพวกเขาก็เป็นคนลอกเลียนแบบ คุณจะจัดกลุ่มให้พวกเราอยู่ด้วยกันได้ยังไง และคุณก็ไม่ควรพูดว่าราวกับว่าเรากำลังกดพวกนั้นไม่ให้ลืมตาอ้าปากได้นะครับ กิจการของพวกเขาไม่ดีเองอาจเป็นเพราะปัญหาการบริหารจัดการของพวกเขาหรืออาจมีบางอย่างผิดปกติกับการทำตลาดของพวกเขาก็ได้” เฝิงหยู่ตอบอย่างมั่นใจ


 


ปัญหาการบริหารจัดการหรอ? ผู้จัดการของซุปเปอร์มาร์เก็ตของรัฐถูกซื้อตัวไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว ของคุณเพื่อเป็นผู้จัดการประจำร้าน คุณเสนอเงินเดือนให้เขามากกว่าสองเท่าและผู้จัดการหลายคนจากแผนกการเงินและคลังสินค้าก็ไปอยู่ข้างคุณหมดแล้ว แล้เราจะจัดการซูเปอร์มาร์เก็ตของเราให้ดีได้ยังไง?


 


ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตของรัฐแย่ลงและห้างสรรพสินค้าก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน จางรุ่ยเฉียงรู้สึกผิดหวัง เขาตั้งความหวังไว้สูงมากสำหรับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้


 


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมืองปิงก่อตั้งห้างสรรพสินค้า ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีกว่าและมีการปรับปรุงใหม่และบริการลูกค้าที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนั้นแย่ยิ่งกว่าห้างสรรพสินค้าเก่าๆ พวกนั้นอีก


 


ความน่าจะเป็นที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเป็นเพราะซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว พวกเขาจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารทั้งหมดจากซูเปอร์มาร์เก็ตของรัฐและซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวก็ตั้งอยู่ใกล้กับพวกเขามาก


 


“ถ้าเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม คุณก็เลิกจ้างคนของเราสิ”


 


“พวกคุณไม่สามารถให้เงินเดือนที่สูงกว่าแก่พวกเขาได้เอง แต่คุณยังต้องการห้ามไม่ให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นอีกหรอครับ? พวกเขามีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู แล้วพวกเขาผิดอะไรที่พยายามจะหารายได้ให้ได้มากขึ้น? หากซูเปอร์มาร์เก็ตของรัฐไม่สามารถอยู่รอดได้อีกต่อไป ผมสามารถให้คำแนะนำได้นะครับ ก็คือปิดแล้วย้ายไปที่อื่นซะ เช่น บริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัย ธุรกิจจะได้ดีขึ้นไงครับ”


 


จางรุ่ยเฉียงมองหน้าเฝิงหยู่อย่างสงสัย “ย้ายไปอยู่แถวใกล้กับมหาวิทยาลัยแล้วจะดีขึ้นงั้นหรอ?”


 


“แน่นอนครับ ไม่ใช่มหาวิทยาลัยไหนก็ได้นะครับ ทำเลที่ตั้งใกล้กับมหาวิทยาลัยหลงเจียงก็ไม่เลวนะครับ มีโรงเรียนหลายแห่งในละแวกนั้น แม้ว่ามันจะใกล้ไปหน่อย แต่ก็มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่ดีในการสร้างห้างสรรพสินค้า”


 


“ไม่เป็นไร ไว้เราค่อยคุยถึงเรื่องนี้กันอีกครั้ง คุณมีอะไรกับผมอีกมั้ย?”


 


“มีอีกเรื่องหนึ่งครับ คือผมรู้มาว่าเมืองจะย้ายผู้อยู่อาศัยในพื้นที่สองแห่งนี้ จะมีการประมูลขายที่ดินหรือเปล่าครับ? ถ้าขายให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวได้มั้ยครับ? เราจะสร้างห้างสรรพสินค้าไฮเปอร์มาร์เก็ตที่นั่นและผมรับประกันได้ว่าพื้นที่ทั้งสองแห่งนี้จะกลายเป็นย่านการค้าที่คึกคักเลยทีเดียว”


 


จางรุ่ยเฉียงมองหน้าเฝิงหยู่ด้วยความโกรธ คุณคิดว่าผมไม่รู้หรอว่าพื้นที่ทั้งสองแห่งนี้เหมาะที่จะสร้างห้างสรรพสินค้า? ทำไมเราต้องขายที่ดินให้คุณด้วย? แต่จางรุ่ยเฉียงคิดอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบริหารจัดการห้างสรรพสินค้าที่รัฐเป็นเจ้าของ แม้แต่ห้างสรรพสินค้าในทำเลที่ดีที่สุดของเมืองก็กำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด หากเมืองสร้างและบริหารจัดการห้างสรรพสินค้าของพวกเขาเองในพื้นที่ใหม่ พวกเขาอาจเจอกับการขาดทุนอย่างหนักก็ได้ ถ้าเมืองขายที่ดินและผลประโยชน์ เมืองยังสามารถเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงได้ทุกปีหลังจากนั้น


 


“เราจะประมูลที่ดินทั้งสองแห่งนี้หลังตรุษจีน ผมจะแจ้งให้คุณทราบวันเวลาที่แน่นอนอีกที ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปได้ละ”


 


เฝิงหยู่หยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วดื่มอึกใหญ่จนหมด จากนั้นเขาก็ค่อยๆ กลับออกไป การเดินทางไปที่สำนักงานของนายกเทศมนตรีครั้งนี้ไม่ได้เปล่าประโยชน์จริงๆ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม