Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น 687-693

 EG บทที่ 687 ผู้นำระดับสูงเริ่มออกโรง


โนริโอะ โอกะ ปฏิเสธที่จะลาออก ประธานยังไม่ได้พูดอะไรเลย เมื่อประธานเป็นคนเลือกเขาให้มารักษาการตำแหน่งประธานของโซนี่ ประธานก็ต้องเข้าข้างเขาสิ


คืนนั้นโนริโอะ โอกะและคนอื่นๆ คอยจับตาดูตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก นั่นคือสมรภูมิแห่งสงครามทางการเงินของโซนี่ หากราคาหุ้นของพวกเขาลดลง พวกเขาจะต้องเจอกับการขาดทุนครั้งใหญ่


โซนี่ใช้มาตรการหลายอย่าง เช่น ผู้ถือหุ้นประกาศต่อสาธารณชนว่าพวกเขาจะเพิ่มเงินทุนและประกาศว่าจะจ่ายเงินปันผลสำหรับปีนี้ พวกเขาหวังว่าผู้ถือหุ้นจะไม่ขายหุ้นของพวกเขาทิ้ง แบบนี้ราคาหุ้นของพวกเขาจะได้ไม่ดิ่งลงฮวบฮาบ


แต่เมื่อตลาดเปิดทำการ ราคาหุ้นของโซนี่ โตชิบ้าและอีกสองบริษัทก็ลดลงอย่างมาก ในเวลาไม่ถึง 10 นาทีราคาหุ้นของพวกเขาลดลง 5% และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง


สหรัฐอเมริกายังรายงานข่าวของจีนเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ทุกคนรู้ว่าโรงงานของโซนี่ โตชิบ้า และอีกสอง บริษัทในจีนถูกปิดแล้ว


เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ผู้ถือหุ้นทุกคนรู้ว่าต้นทุนของโซนี่ โตชิบ้าและอีกสองบริษัทจะพุ่งสูงขึ้น แล้วพวกเขาจะยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ยังไง?


ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นไปด้วยดี และมีหลายบริษัทที่คุ้มค่าแก่การลงทุน นักลงทุนไม่มีเหตุผลที่จะถือหุ้นของบริษัทพวกนี้เอาไว้


ข่าวนี้เผยแพร่ออกไปโดยคนของฟู่หยงฉี ยิ่งวิกฤติครั้งนี้ร้ายแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ราคาหุ้นก็จะตกลงมากขึ้นเท่านั้น


แน่นอนว่าสำนักงานของโซนี่ โตชิบ้าและอีกสองบริษัทในสหรัฐอเมริกาก็พยายามช่วยกู้สถานการณ์ไว้เช่นกัน พวกเขายังคงประกาศข่าวในเชิงบวกเพื่อปกปิดข่าวในแง่ลบ ราคาหุ้นของพวกเขาผันผวนอย่างมาก แต่ก็ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง การขายหุ้นทิ้งอันเนื่องมาจากความตื่นตระหนกยังไม่หยุดลงเพียงเท่านี้


หลายคนรู้สึกว่ารัฐบาลจีนจะลงโทษบริษัทพวกนี้และจะสร้างปัญหาให้กับบริษัทพวกนี้มากขึ้น


ทุกคนเดาถูก รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ คนแรกที่ออกพูดมาก็คือนายกเทศมนตรีของเมืองโดยรายงานใน <รายงานข่าวเจาะลึก> เขาออกมาขอโทษที่ไม่สามารถควบคุมโรงงานพวกนี้ได้ เขาได้ระงับการดำเนินงานของโรงงานพวกนั้นแล้วและจัดให้คนงานทุกคนได้รับการตรวจสุขภาพ เขาได้ส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมดไปช่วยแก้ไขปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม


โตชิบ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากมาตรการเหล่านี้ โตชิบ้าจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของคนงานด้วย เมืองจะฟ้องคดีในศาลต่อโตชิบ้าที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ตอนนี้บัญชีของโตชิบาในประเทศจีนถูกระงับแล้ว!


นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น รัฐบาลจีนยังได้ส่งทีมสอบสวนหลายทีมไปสอบสวนโรงงานญี่ปุ่นทั้งหมดที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน ซึ่งประกอบด้วยโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ โรงงานเคมี และอุตสาหกรรมหนักอื่นๆ ความน่าเชื่อถือสำหรับบริษัทญี่ปุ่นในจีนไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว


การส่งทีมสอบสวนออกไปดำเนินการนั้นแสดงให้เห็นถึงทัศนคติของรัฐบาลจีน พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปอย่างง่ายดายและจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง


ผู้นำชาวจีนหลายคนจากกระทรวงต่างๆ ประกาศต่อสาธารณชนว่าพวกเขาจะติดตามเรื่องนี้และจะมีการลงโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ที่อนุญาตให้โรงงานพวกนั้นดำเนินการแบบนี้


นอกจากนี้ ยังมีการออกคำเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน พวกเขาไม่ควรปกปิดเรื่องนี้ให้แก่บริษัทพวกนั้นเพื่อแลกกับความน่าเชื่อถือทางการเมือง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ประชาชนของประเทศจีนต้องมาก่อนเสมอ


ผู้ที่พยายามพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคโดยที่ไม่สนอะไรเลยและเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ประเทศจีนไม่ต้องการพัฒนาด้วยการลงทุนแบบนี้!


ในเวลาเดียวกัน ได้มีการออกคำเตือนให้แก่บริษัทในภูมิภาคอื่นๆ บริษัทจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงหากพบว่าโรงงานของพวกเขาก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม!


จีนสนับสนุนการตัดสินใจในการระงับบัญชีธนาคารของบริษัทพวกนั้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รัฐบาลจะลงโทษพวกเขา อย่างรุนแรง แม้ว่าพวกเขาจะย้ายออกจากประเทศจีนไปแล้ว แต่รัฐบาลจีนจะยังคงติดตามพวกเขาต่อไปในระดับต่างประเทศ!


หลังจากที่ข่าวนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CCTV คนทั้งประเทศก็สนับสนุน หนังสือพิมพ์รายใหญ่ทุกฉบับรายงานข่าวนี้และหลายคนเริ่มเขียนบทความหรือเปิดโปงโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษทั่วประเทศจีน


หน่วยงานท้องถิ่นตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก พวกเขาเริ่มปิดโรงงานที่อยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขาทันที เมื่อพวกเขาพบความผิดปกติจากโรงงาน โรงงานจะถูกระงับการดำเนินงานเพื่อทำการตรวจสอบทันที


เฝิงหยู่ไม่ได้คาดหวังว่ารัฐบาลกลางจะให้ความสำคัญอย่างจริงจังต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งต่างจากรัฐบาลในชาติที่แล้วของเขา


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ รัฐบาลนำบริษัทต่างชาติจำนวนมากเข้ามาในประเทศเพื่อสร้างรายได้ แต่ในที่สุดรัฐบาลก็ต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อล้างมลพิษที่เกิดจากบริษัทพวกนั้น ผู้คนในเวลานั้นไม่ได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดจากบริษัทพวกนั้น แต่ในทางกลับกัน คนส่วนใหญ่ในภูมิภาคนั้นซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานกลับต้องมาเจ็บป่วยเพราะเรื่องนี้


เฝิงหยู่ดูถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นพวกนั้น พวกเขาอ้างได้ยังไงว่าพวกเขาไม่รู้ว่าโรงงานกำลังทำอะไรอยู่ทั้งๆ ที่โรงงานอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถอ้างได้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าบริษัทพวกนั้นกำลังดำเนินการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนักและอาจก่อให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมได้


เฝิงหยู่รู้สึกว่าการระงับกิจการของโรงงานพวกนั้นเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวที่จะปล่อยให้พวกนั้นทำตัวนิ่งๆ เพื่อรอให้ข่าวซาลงก่อน ใครจะรู้ว่าโรงงานพวกนี้จะกลับมาดำเนินงานต่อหรือเปล่าและจะยังสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมหลังจากที่เรื่องเงียบไปแล้วอีกหรือไม่ ที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นยังคงต้องพึ่งเรื่องภาษีจากโรงงานพวกนี้อยู่


เฝิงหยู่สามารถเดาออกได้เลยว่าเจ้าของบริษัทพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ พวกเขาน่าจะอยู่ที่สำนักงานของผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อเจรจากับพวกเขา หากพวกเขาต้องถูกปรับ 1 ล้านหยวน พวกเขาก็จะส่งของกำนัลมูลค่า 500,000 หยวนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ไม่ให้รัฐบาลมาเรียกเก็บค่าปรับจากพวกเขาและยกเลิกการระงับกิจการ


วิธีการจัดการกับข้อร้องเรียนของผู้ที่เปิดโปงต้องทำอย่างไร? มีหลายวิธีที่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีมลพิษหลงเหลืออยู่แล้ว รัฐบาลท้องถิ่นอาจกำหนดมาตรการบางอย่างและลงโทษสถานเบาแก่โรงงานพวกนั้น จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาดำเนินการต่อไปเหมือนเดิมแบบลับๆ แบบนี้ก็ไม่มีใครรู้หรอก


แม้ว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้ แต่พวกพลเมืองจะไปทำอะไรกับหน่วยงานท้องถิ่นได้? การให้ผลประโยชน์แก่พลเมืองก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เขาเงียบลงได้ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามครั้งนี้ก็คือทัศนคติและความโปร่งใสของเจ้าหน้าที่รัฐ นี่คือสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง


……..


ข่าวนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อโซนี่ โตชิบ้า และบริษัทอื่นๆ ที่เหลือ โรงงานญี่ปุ่นอื่นๆ ในวงการอุตสาหกรรมเคมีก็ถูกเปิดโปงด้วยเช่นกัน ราคาหุ้นของบริษัทพวกนี้ทั้งหมดลดลงภายในชั่วข้ามคืน


ตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นไม่สามารถนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป โรงงานทั้งหมดถูกระงับกิจการและบัญชีธนาคารของพวกเขาถูกระงับด้วย บริษัทที่เกี่ยวข้องยังคงต้องชดเชยค่าเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมให้กับรัฐบาลจีน ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น


ก่อนที่จะมีการจ่ายเงินชดเชย ราคาหุ้นของบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งได้ลดลงและทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถึงกับล่ม ในเวลาเพียงแค่สองวัน มูลค่าการขาดทุนรวมทั้งหมดมีจำนวนสูงถึงสองสามพันล้านเหรียญสหรัฐ


หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะกลายเป็นวิกฤติสำหรับญี่ปุ่น เศรษฐกิจญี่ปุ่นเพิ่งจะฟื้นตัวดีขึ้นมาเล็กน้อยและทุกอย่างจะกลับสู่อีหรอบเดิมอีกครั้ง


ตอนนี้โรงงานญี่ปุ่นทั่วโลกกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ แม้แต่โรงงานที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบก็ถูกระงับกิจการเพื่อดำเนินการตรวจสอบด้วย


บริษัทจะต้องขาดทุนมากแค่ไหนหากโรงงานของพวกเขาถูกระงับกิจการเป็นเวลาหนึ่งวัน? บริษัทไม่ยอมเห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน แต่ตอนนี้มันคือปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือต่อบริษัทญี่ปุ่น ทุกคนในโลกกำลังสงสัยว่าโรงงานญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ของเสียที่ปล่อยออกจากโรงงานญี่ปุ่นเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและจะก่อให้เกิดมลพิษร้ายแรง หลายคนออกมาเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทญี่ปุ่นสำหรับความเจ็บป่วยของตัวเองที่เกิดจากโรงงานญี่ปุ่น


รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังตกที่นั่งลำบาก แต่รัฐบาลจีนก็ไม่ได้ติดต่อพวกเขา รัฐบาลจีนดูเหมือนว่าต้องการที่จะปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ต่อไป ญี่ปุ่นไม่สามารถรอจนกว่ารัฐบาลจีนจะติดต่อพวกเขามาเองได้อีกต่อไป พวกเขารีบติดต่อไปหาจีนทันที……..


EG บทที่ 688 เงื่อนไขของกำปั้นเหล็กจู


 


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผู้อำนวยการฟางเคาะประตูและเข้าไปในห้องทำงาน กำปั้นเหล็กจูถามโดยไม่เงยหน้าขึ้น “มีเรื่องอะไร?”


“ท่านประธานครับ สำนักนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้ส่งคำเชิญมาถึงท่าน พวกเขาต้องการเชิญท่านไปเยี่ยมชมญี่ปุ่นครับ” ผู้อำนวยการฟางตอบ


“ไม่ไป บอกพวกเขาไปว่าผมยุ่ง”


“ครับผม”


นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น โทมิชิ มูรายามะ กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานของเขา ญี่ปุ่นจะต้องเผชิญกับวิกฤติการเงินอีกแล้วหรอ? คราวนี้ต่างจากครั้งก่อน วิกฤติคราวนี้มีสาเหตุมาจากข่าวเชิงลบและทำให้บริษัท ญี่ปุ่นทั่วโลกขาดความน่าเชื่อถือ วิกฤตการณ์ครั้งนี้อาจทำให้บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งล้มละลายได้


ตอนนี้ต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ก่อนที่จะเลวร้ายลงไปมากกว่านี้ สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาต้องได้รับการจัดการเป็นอย่างดี ถ้ารัฐบาลจีนสามารถออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด ปัญหาส่วนใหญ่ก็จะได้รับการแก้ไข แต่รัฐบาลจีนจะต้องมีเงื่อนไขที่โหดแน่นอน ญี่ปุ่นจะต้องเจอกับความสูญเสียอย่างหนักในครั้งนี้


แต่โทมิชิ มูรายามะ ไม่ได้คิดว่าคำเชิญของเขาจะถูกปฏิเสธจากรัฐบาลจีน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจีนไม่ได้อยากมาญี่ปุ่นหรอกหรอ? ทำไมพวกเขาถึงปฏิเสธคำเชิญอย่างเป็นทางการของเขาล่ะ?


โทมิชิ มูรายามะ รีบบอกให้คนของเขาติดต่อกำปั้นเหล็กจูทันที เขาต้องการพูดคุยกับกำปั้นเหล็กจูและบอกเขาว่าถ้าจีนไม่เต็มใจส่งนักการทูตไปญี่ปุ่น เขาก็สามารถมาไปที่ประเทศจีนแทนได้


“คุณจูครับ ผมอยากเชิญคุณเป็นตัวแทนของประเทศจีนเพื่อมาเยี่ยมชมญี่ปุ่นจริงๆ นะครับ เราสามารถร่วมมือทางเศรษฐกิจกันได้ในหลายๆ ด้าน เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือทางทหารด้วยก็ได้!” โทมิชิ มูรายามะ แสดงความจริงใจอย่างเต็มที่ ความร่วมมือทางทหารสามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะเบื้องหลังเท่านั้น มิเช่นนั้นสหรัฐเมริกาจะเข้ามาแทรกแซง


“จีนเป็นประเทศที่เป็นกลางและจะไม่เข้าร่วมสงคราม เราไม่จำเป็นต้องมีความร่วมมือทางทหารกับญี่ปุ่น สำหรับเศรษฐกิจของเราตอนนี้ก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดีและเราไม่ต้องการความร่วมมือกับญี่ปุ่นใดๆ ทั้งนั้น นอกจากนี้ เราไม่สนใจบริษัทญี่ปุ่นของคุณด้วย” กำปั้นเหล็กจูตอบปฏิเสธอย่างราบเรียบ


ปฏิเสธงั้นหรอ? กำปั้นเหล็กจูปฏิเสธข้อเสนอสำหรับความร่วมมือของญี่ปุ่น! กองทัพอากาศและกองทัพเรือของญี่ปุ่นมีอาวุธที่ทันสมัยมากกว่าจีน โทมิชิ มูรายามะ คิดว่ากำปั้นเหล็กจูจะสนใจ แต่เขากลับปฏิเสธข้อเสนอนี้!


เหตุผลที่ให้ก็เป็นเรื่องตลกมาก จีนยังคงมีส่วนร่วมอยู่ในสงครามในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้อยู่เลย แถมยังมีการต่อสู้เล็กน้อยยิบย่อยอีกจำนวนมาก การต่อสู้พวกนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการมีส่วนร่วมในสงครามงั้นหรอ?


“คุณจูครับ ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีมากมายที่ทันสมัยที่สุดในโลก เราสามารถตั้งโรงงานหุ้นส่วนร่วมกันในประเทศจีนได้และเราจะถ่ายทอดเทคโนโลยีพวกนั้นให้คุณ แบบนี้จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมจีน และเป็นเรื่องที่ดีต่อการพัฒนาของจีนด้วยนะครับ”


“ผมขอโทษครับ แต่เราไม่สนใจที่จะร่วมงานกับบริษัทที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและเพิกเฉยต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน นอกจากนี้ เราจะบีบให้โรงงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับญี่ปุ่นออกไปจากจีน เราไม่ต้อนรับบริษัทพวกนี้ให้มาตั้งโรงงานในประเทศจีน” กำปั้นเหล็กจูตอบอย่างตรงไปตรงมา


โทมิชิ มูรายามะ ตกใจมากเมื่อได้ยินแบบนี้ “คุณจูครับ ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย เราร่วมงานกันมาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ถ้าทุกบริษัทของเราถูกถอดถอนออกจากประเทศจีน จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของจีนนะครับ คุณควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย”


ล่ามแปลสิ่งที่โทมิชิ มูรายามะ พูดให้กำปั้นเหล็กจูฟัง และสีหน้าของกำปั้นเหล็กจูก็แสดงความไม่พอใจทันที โทมิจิ มูรายามะกำลังข่มขู่เขา!


แต่จีนไม่เคยยอมกับการข่มขู่พวกนี้ แม้ว่าพวกเขาจะต้องไปทำสงครามก็ตาม แต่จีนก็ไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น!


“พวกคุณอยากถอนตัวออกจากประเทศจีนหรอครับ? งั้นดีเลยครับ เรายินดีมากที่พวกคุณจะออกไปจากจีน บางทีคุณอาจยังไม่รู้ว่าสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ได้ติดต่อเรามาแล้ว พวกเขาต้องการที่จะร่วมมือกับเราหลายด้านเลย การพัฒนาทางอุตสาหกรรมก็รวมอยู่ในความร่วมมือพวกนี้ด้วย เศรษฐกิจของเราอาจได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่เราก็ยังรับได้ครับ อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นแข็งแกร่งก็จริง แต่เรายังสามารถเติบโตและพัฒนาได้โดยที่ไม่มีอุตสาหกรรมของคุณนะครับ”


เมืองอุตสาหกรรมเก่าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการพัฒนาเป็นอย่างดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อดีตผู้เชี่ยวชาญของสหภาพโซเวียตหลายคนยังทำงานอยู่ที่นั่นและเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาขึ้นทั้งหมดนี้ก็เป็นของจีน ซึ่งต่างกับบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้น ชาวจีนทำงานให้พวกเขาและเทคโนโลยีทั้งหมดที่พัฒนาขึ้นก็ตกเป็นของญี่ปุ่น แค่นี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลควรสนับสนุนฝ่ายไหน


ยินดีงั้นหรอ? จีนยินดีที่จะให้บริษัทญี่ปุ่นถอนตัวออกจากจีนหรอ? เป็นไปได้ยังไงกัน?! บริษัทญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน รัฐบาลจีนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?!


โทมิชิ มูรายามะ รู้ว่าไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลจีนโมโห แต่เป็นเพราะรัฐบาลจีนรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่บริษัท ญี่ปุ่นจะถอนตัวออกจากประเทศจีน หากบริษัทญี่ปุ่นถอนตัวออกไปจริง ญี่ปุ่นจะต้องเจอกับความสูญเสียมากขึ้นไปอีก


การถอนตัวจากจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน แต่ด้วยการลงทุนของญี่ปุ่น จะยังทำให้มีการลงทุนจากประเทศอื่นๆ เข้ามา นอกจากนี้ ยังจะมีโรงงานและแรงงานที่มีทักษะเหลืออยู่ สิ่งเหล่านี้จะดึงดูดนักลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากขึ้น


ญี่ปุ่นจะสูญเสียตลาดจีนที่กว้างใหญ่ พวกเขาจะไม่มีแรงงานต้นทุนต่ำและหากไม่มีโรงงานพวกนี้ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็จะต้องแย่ลงมากขึ้นไปอีก


เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นจะต้องสร้างโรงงานใหม่ที่อื่น ซึ่งจะใช้เวลานานและการขาดทุนของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ความพยายามทั้งหมดในการพัฒนาตลาดจีนจะสูญเปล่าโดยทันที


เศรษฐกิจของจีนสามารถรับมือกับการโจมตีแบบนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ชาวจีนยากจนมาหลายทศวรรษแล้ว พวกเขารับได้ที่จะรออีก 1 หรือ 2 ปี แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเพิ่งพังลงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นถึง 7-8 ครั้ง หากบริษัทญี่ปุ่นต้องถอนตัวจากประเทศจีน โทมิชิ มูรายามะ จะต้องลงจากตำแหน่งในไม่ช้าแน่ๆ!


โทมิชิ มูรายามะ ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เขายังมีเรื่องทางการเมืองอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นเลย ยิ่งเขาอยู่ในอำนาจนานเท่าไหร่ ประโยชน์ที่เขาจะได้รับเมื่อเขาเกษียณก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เขายังต้องอยู่ในอำนาจต่อไปเพื่อให้ครอบครัวของเขาได้พัฒนาและยกระดับมากขึ้นกว่านี้


“คุณจูเข้าใจผิดแล้วครับ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมหมายถึง สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือผมจะปล่อยให้บริษัทที่สร้างความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมออกจากประเทศจีน บริษัทที่เหลือจะเพิ่มการลงทุนในจีน เราสามารถร่วมมือกันในหลายพื้นที่และเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกันได้ครับ”


โทมิชิ มูรายามะ ยอมแล้ว แต่กำปั้นเหล็กจูไม่สนใจ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่เรื่องพวกนี้ เขารอเวลามานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำขอโทษออกจากปากโทมิชิ มูรายามะ เลย


“จริงหรอครับ? งั้นอาจเป็นข้อผิดพลาดจากการแปลภาษาก็ได้ แต่บริษัทพวกนั้นที่ทำให้เกิดมลภาวะในประเทศของเราไม่เพียงแต่ต้องออกจากประเทศจีนนะครับ พวกเขาต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เราด้วย ค่าชดเชยรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการบำบัดมลพิษ ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยเนื่องจากมลพิษ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พวกเขายังต้องจ่ายค่าปรับตามกฎหมายระหว่างประเทศด้วย”


“แน่นอนครับ เราจะลงโทษบริษัทพวกนั้นด้วย บริษัทส่วนใหญ่ของเรายังคงมีจริยธรรมอยู่ บริษัทพวกนี้คือแกะดำ เราสามารถพูดคุยเรื่องจำนวนเงินชดเชยกันได้เมื่อคุณมาที่ญี่ปุ่น”


“ผมไม่ว่างครับ ถ้าคุณมาที่นี่เองน่าจะดีกว่า อีกอย่าง ก่อนที่คุณจะมาที่นี่ ขอให้จักรพรรดิของคุณออกแถงการณ์กล่าวขอโทษต่อสาธารณชนสำหรับการกระทำของบริษัทพวกนั้นด้วยนะครับ!”


อะไรนะ? ขอให้จักรพรรดิขอโทษงั้นหรอ? ถ้าจักรพรรดิตกลงเห็นด้วย นั่นจะกลายเป็นวันสุดท้ายของ โทมิชิ มูรายามะ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแน่นอน จักรพรรดิญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น จักรพรรดิจะกล่าวขอโทษได้อย่างไร?!


“คุณจูครับ จักรพรรดิของเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ วันนี้เขากำลังนั่งทำสมาธิ ฉันจะขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศของเราออกแถลงการณ์ขอโทษ เราทำได้มากที่สุดเท่านี้ครับ” โทมิชิ มูรายามะ พยายามต่อรอง


“รัฐมนตรีต่างประเทศหรอ? ดูเหมือนว่าญี่ปุ่นไม่มีความจริงใจเลยนะ งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก!”


“เดี๋ยวสิครับ คุณจู หากรัฐมนตรีต่างประเทศยังไม่พอ งั้นเราจะให้รัฐมนตรีคนอื่นๆ หรือรัฐสภามาเป็นตัวแทนญี่ปุ่นเพื่อกล่าวขอโทษจีนนะครับ”


EG บทที่ 689 การตัดสินใจของโทมิชิ มูรายามะ 


 


โทมิชิ มูรายามะ อึ้งไปเลยเมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงของคำว่า “ไม่ว่าง” ตั้งแต่วันที่เขามาเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ยังไม่มีใครเคยวางหูโทรศัพท์ใส่เขาเลย


แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นข้าราชการชั้นนำของประเทศใหญ่ก็ตาม แต่โทมิชิ มูรายามะ ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี เขารู้สึกเหมือนถูกดูถูก!


แต่แม้ว่าโทมิชิ มูรายามะ จะถูกดูถูก แต่เขาจะไปทำอะไรได้? แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น เพราะสุดท้ายแล้วเหตุการณ์นี้เป็นความผิดของญี่ปุ่นและไม่มีทางที่จะไปโต้เถียงกับจีน


โทมิชิ มูรายามะ อยากบีบคอประธานของบริษัทพวกนั้นจริงๆ คนพวกนั้นดึงทั้งประเทศให้ลงมาตกต่ำแบบนี้ ทำให้เขาต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อาชีพทางการเมืองของเขาอาจจะจบลงเพราะเหตุการณ์นี้ก็ได้!


“ติดต่อประธานของโตชิบ้า โซนี่ ไพโอเนียร์ ชาร์ป และบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แล้วขอให้ประธานของมิตซูบิชิ มิตซุย ซูมิโตโม และบริษัทเคมีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาที่นี่ทันที!”


เรื่องปวดหัวหนักสุดของโทมิชิ มูรายามะในตอนนี้ก็คือความต้องการของกำปั้นเหล็กจูที่อยากได้รับคำขอโทษจากรัฐบาลญี่ปุ่นและอย่างน้อยนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ออกแถลงการณ์กล่าวขอโทษ


หากโทมิชิ มูรายามะต้องขอโทษในฐานะนายกรัฐมนตรี คนจะมองเขาอย่างไร? เขาจะเดินตามรอยเท้านายกรุ่นก่อนและถูกบีบบังคับให้ลาออกหรือเปล่า?


ช่วงนี้โทมิชิ มูรายามะรู้สึกว่าเขาทำผลงานได้ดี เศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีสัญญาณที่จะฟื้นตัว แม้ว่าจะยังห่างไกลจากจุดสูงสุดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเมื่อปีที่แล้ว


หากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เขาอาจสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ช่วยเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้ฟื้นตัวขึ้นมาได้ เขาจะเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นทุกคนและครอบครัวรุ่นต่อไปของเขาจะมีอนาคตไกล


แต่ตอนนี้ทุกความฝันพวกนี้พังทลายไปหมด เหมือนกับตัวต่ออาคารที่พังลงมา โทมิชิ มูรายามะพยายามต่อตัวต่อจนได้ตึกสูง และทันใดนั้นก็มีเด็กมาวิ่งชนจนทุกอย่างโค่นล้มหมด!


บริษัทพวกนั้นที่ทำให้ญี่ปุ่นเสื่อมเสียชื่อเสียงจะต้องจ่ายเงิน แม้ว่าโทมิชิ มูรายามะจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป แต่เขาจะต้องไม่ถูกตำหนิจากเหตุการณ์ครั้งนี้


“ท่านนายกรัฐมนตรีครับ เราไม่เคยต้องกล่าวขอโทษมาก่อน ถ้าคุณขอโทษ จะยิ่งทำให้เกิดกระแสกับผู้คนตามมา ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ก้าวหน้ากว่าจีน เราจะไปโค้งคำนับให้พวกนั้นได้อย่างไรกัน? นอกจากนี้ เรายังเคยครอบครองจีนในอดีต ถ้าไม่ได้เป็นเพราะระเบิดปรมาณู เราก็คงกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้วตอนนี้ เราอาจได้เป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกด้วยซ้ำ!”


“คุณคิดอย่างนั้นหรอ?” โทมิชิ มูรายามะมองที่ปรึกษาคนนั้นอย่างเย็นชา ความคิดแบบนี้ช่างโง่เขลาเสียจริง!


“ผมขอคัดค้านครับ ผมว่าเราควรจะขอโทษ ไม่มีทางที่เราจะห้ามจีนไม่ให้เติบโตและเรายังต้องอาศัยตลาดของจีนเพื่อให้เศรษฐกิจของเราฟื้นตัว การพัฒนาอย่างรวดเร็วของจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เป็นเรื่องที่ทั้งโลกไม่ควรมองข้าม หากเราไม่ได้เข้าสู่ตลาดจีน เศรษฐกิจของเราก็จะยังไม่แสดงสัญญาณฟื้นตัว ถ้าเราไม่ขอโทษ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริง คุณคิดว่าคุณจะไม่ถูกบีบบังคับให้ต้องก้าวลงจากตำแหน่งหรอครับ?” ที่ปรึกษาอีกคนพูด


“ผมก็คิดว่าเราควรขอโทษนะครับ ถ้าเราขอโทษ เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน หากเราสามารถลงนามในสนธิสัญญาการค้าหรือข้อตกลงความร่วมมือกับจีนได้ ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจของเราฟื้นตัวได้เร็วขึ้น บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้มีเพียงไม่กี่ราย และเรายังมีบริษัทอื่นๆ อีกมากมายในญี่ปุ่น เราสามารถปล่อยให้บริษัทที่เกี่ยวข้องพวกนั้นถอนตัวออกจากจีนและขายโรงงานในจีนให้แก่บริษัทญี่ปุ่นอื่นๆได้ แบบนี้ญี่ปุ่นจะสามารถทำกำไรได้และยังสามารถแก้ไขภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นได้ด้วย หากเราไม่ขอโทษ ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับจีนจะเกิดความบาดหมางและก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทอื่นๆ ของเราจะเติบโตในประเทศจีน บริษัทพวกนั้นที่เกี่ยวข้องอาจต้องถูกหน่วยงานรัฐบังคับให้ปิดโรงงาน และเราจะแพ้คดีนี้ในศาลระหว่างประเทศ นี่คือเรื่องจริงและเราต้องเผชิญกับมัน”


โทมิชิ มูรายามะ รู้สึกดีขึ้นเมื่อเขาได้ยินที่ปรึกษาพูดแบบนี้ ระงับการดำเนินงานของบริษัทบางแห่งและให้การสนับสนุนบริษัทบางส่วนงั้นหรอ? นี่เป็นทางออกที่ดีมาก เขาสามารถให้บริษัทที่เกี่ยวข้องพวกนั้นขายโรงงานของพวกเขาและให้บริษัทญี่ปุ่นอีกแห่งใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าสู่ตลาดจีน ตราบใดที่บริษัทแห่งใหม่ใช้มาตรการเพื่อป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อม พวกเขาจะสามารถทำกำไรต่อไปได้ วิธีนี้จะช่วยให้โทมิชิ มูรายามะสามารถดึงองค์กรขนาดใหญ่ให้มาอยู่ข้างเขาได้ ในรัฐสภา สมาชิกจำนวนมากได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพวกนี้ หากโทมิชิ มูรายามะ ได้รับการสนับสนุนจากพวกนั้น ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสำหรับเขาที่จะรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป


แต่ถ้าญี่ปุ่นต้องขอโทษ เขาควรจะขอโทษอย่างไรดี? ญี่ปุ่นต้องขอโทษในระดับไหน? เรื่องนี้จะต้องมีการหารืออย่างละเอียด


……


“นี่คือการตัดสินใจของผมครับ พวกคุณทุกคนต้องทำตามคำสั่ง!” โทมิชิ มูรายามะพูดอย่างหนักแน่น


“ทำไมครับ? คุณเป็นใครถึงมาตัดสินใจแทนพวกเราได้? เราไม่มีปัญหาสำหรับเรื่องการเพิ่มโรงงานบำบัดของเสีย แต่เราไม่เห็นด้วยที่จะต้องจ่ายเงินชดเชยพวกเขา ประเทศจีนระงับบัญชีธนาคารของเราในประเทศจีน ในฐานะนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแทนที่คุณจะช่วยให้เราได้เงินคืนกลับมา แต่คุณกลับต้องการให้เราจ่ายเงินให้กับจีนมากขึ้นงั้นหรอ?”


ประธานพวกนี้ที่มาจากองค์กรขนาดใหญ่นั้นไม่ใช่พวกที่จะคุยด้วยได้ง่ายๆ พวกเขาทุกคนมีอำนาจควบคุมสินทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐและมีพนักงานนับหมื่นคน บางบริษัทมีพนักงานมากกว่า 100,000 คน


นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็ถูกปรับเปลี่ยนบ่อยและประธานพวกนี้ดำรงอยู่ในตำแหน่งของพวกเขามานานหลายทศวรรษ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในรัฐสภาและพวกเขาก็ไม่กลัวนายกรัฐมนตรี การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของพวกเขา!


“ผมเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และเป็นตัวแทนของรัฐบาล พวกคุณทำให้ชื่อเสียงของญี่ปุ่นเสื่อมเสียและสร้างวิกฤตให้กับบริษัทญี่ปุ่นทั่วโลก! พวกคุณทุกคนจะไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ก็ได้ แต่ก็เตรียมรับมือได้ว่าว่า บริษัทที่เหลือจะต้องพุ่งเป้ามาที่พวกคุณแน่ๆ พวกคุณทุกคนอาจได้รับการสนับสนุนจากบางคนในรัฐสภา แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนน้อย พวกคุณได้สร้างผลกระทบครั้งใหญ่ต่อผลกำไรของผู้คนจำนวนมาก!” โทมิชิ มูรายามะ พูดอย่างหนักแน่น


“แม้ว่าในกรณีนี้เราจะจ่ายค่าชดเชยให้จีนแล้วก็ตาม แต่ทำไมเราต้องขายโรงงานของเราในประเทศจีนให้คนอื่นในอัตราที่ต่ำแบบนี้ด้วยล่ะ? อัตราที่คุณพูดมานั้นเทียบเท่ากับให้โรงงานไปแบบฟรีๆ เลยนะ แม้ว่าเราจะต้องถอนตัวออกจากจีน แต่อุปกรณ์ในโรงงานก็ยังสามารถขายได้ในราคาที่สูงอยู่นะครับ!”


“หากคุณไม่ทำแบบนี้ คุณจะแสดงความจริงใจได้อย่างไรกัน? คุณจะให้ผู้คนเชื่อพวกคุณต่อไปได้อย่างไร? นี่คือวิกฤต พวกคุณทุกคนควรตระหนักถึงความร้ายแรงของวิกฤติครั้งนี้ การปิดโรงงานพวกนั้นอาจทำให้เกิดการขาดทุนบางส่วน แต่ในอนาคต พวกคุณทุกคนยังมีโอกาสได้รับเงินคืนจากเงินที่คุณเสียไป นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะบอก ไหนลองบอกการตัดสินใจของคุณให้ผมฟังหน่อยสิครับ”


ทันใดนั้นประธานของโซนี่กล่าวว่า “ทางโซนี่จะออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชน แต่เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการชดเชยเงินเนื่องจากเราไม่ได้มีโรงงานในประเทศจีน โรงงานของเราในส่วนอื่นๆ ของโลกไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เราจะยังคงบริจาคเงินให้เป็นการช่วยเหลือ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ยังมีงานอีกมากรอผมอยู่”


ประธานคนอื่นๆ ที่เหลือได้แต่ตะลึง ให้ตายสิ! คุณออกตัวอย่างชัดเจนว่าเห็นด้วยไปแล้วแบบนั้น แล้วพวกเราล่ะ?


EG บทที่ 690 การขอโทษต่อสาธารณชน


 


ประธานของโซนี่ อาคิโอะ โมริตะ ยอมรับเงื่อนไขที่นายกรัฐมนตรีกำหนดอย่างง่ายดายเนื่องจากพวกเขาขาดทุนไม่เยอะมากนัก นอกจากนี้ โซนี่ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย ตอนนี้พวกเขาอาศัยชื่อแบรนด์ของตัวเองเท่านั้น หากแบรนด์ของพวกเขาถูกทำลาย โซนี่ก็จะต้องจบเห่เหมือนกัน


จนถึงตอนนี้ยังไม่มีบริษัทมูลค่าหลายพันล้านรายไหนที่ล้มละลายเลย


โตชิบ้าซึ่งได้หารือกับโซนี่แล้ว รีบแสดงออกทันทีว่าพวกเขาเต็มใจที่จะขอโทษและจ่ายเงินชดเชย พวกเขายินดีที่จะให้บริษัทอื่นๆ เข้าควบคุมโรงงานของพวกเขาด้วย แต่ในทางกลับกันพวกเขาอยากให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกคำสั่งซื้อสินค้ากับพวกเขาเป็นการตอบแทนด้วย


สรุปแล้ว โตชิบ้าต้องการให้รัฐบาลชดเชยความเสียหายบางส่วนให้พวกเขา โรงงานที่ก่อให้เกิดมลภาวะที่รุนแรงที่สุดนั้นไม่ใช่โรงงานของพวกเขาด้วย แต่เป็นโรงงานเคมีพวกนั้น โรงงานของโตชิบ้าในประเทศจีนสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้และความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้รุนแรงเท่าที่รายงานข่าวระบุไว้


หลังจากการหารือกันอย่างยาวนาน บริษัททั้งหมดก็เห็นด้วย


โทมิชิ มูรายามะ ยื่นข้อเสนอนี้ต่อรัฐสภาทันทีและรัฐสภาก็อนุมัติ นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ บางทีพวกเขาอาจหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้ถ้าพวกเขามีเวลา แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาอีกแล้ว ยิ่งพวกเขาใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกิดการสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น ราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นยังคงดิ่งฮวบลงอย่างต่อเนื่อง


……


โนริโอะ โอกะ เป็นคนแรกที่ออกแถลงการณ์กล่าวขอโทษต่อสาธารณชนในฐานะประธานรักษาการของโซนี่ เขาประกาศว่าโซนี่ไม่มีโรงงานในประเทศจีนและสินค้าทั้งหมดที่ผลิตในประเทศจีนก็ผลิตโดยโรงงานอื่นในนามของโซนี่ โรงงานพวกนี้หลายแห่งเป็นบริษัทของจีน นอกจากนี้ โซนี่จะไม่มีวันอนุญาตให้โรงงานของพวกเขาสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศจีนโดยเด็ดขาด โซนี่ จะบริจาคเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เจ็บป่วยอันเนื่องมาจากมลภาวะ


แถลงการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโซนี่ยึดมั่นต่อเหตุผลทางศีลธรรมที่สูงขึ้นและสร้างความประทับใจต่อสาธารณะ นี่จะเป็นการปูทางให้พวกเขากลับคืนสู่ตลาดจีน


ผลกระทบจากแถลงการณ์นี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ราคาหุ้นของโซนี่นั้นทรงตัวอยู่ในขณะนี้ ไม่ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง


หลังจากโซนี่ ผู้ดูแลการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียของโตชิบ้าก็ได้ออกแถลงการณ์คำขอโทษต่อสาธารณชน เขาขอโทษที่ขาดการควบคุมดูแลโรงงานพวกนั้นและโตชิบ้าก็เต็มใจที่จะชดเชยให้ จำนวนเงินค่าชดเชยจะมีการหารือกับรัฐบาลจีนต่อไป


แต่เฝิงหยู่รู้สึกว่าราคาหุ้นยังลดลงต่ำไม่พอ เขาควรทำมากกว่านี้เพื่อให้ราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นตกลงไปอีก


……


ทำไมผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของจีนจึงต้องขอโทษด้วย? ตำแหน่งของบุคคลนี้ในบริษัทอยู่ในระดับต่ำมากทั้งๆ ที่โรงงานในประเทศจีนก็สร้างผลกำไรให้บริษัทเป็นจำนวนมาก


ถ้ามีคนจะต้องขอโทษ อย่างน้อยก็ควรเป็นประธานของบริษัท แม้แต่ประธานบริษัทก็ควรออกมาและขอโทษด้วยตัวเอง! เราไม่ยอมรับคำขอโทษนี้!


หนังสือพิมพ์รายงานทัศนคตินี้และความโกรธของประชาชนซึ่งเริ่มบรรเทาลงก็เริ่มกลับมาปะทุอีกครั้ง


รัฐบาลจีนได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้บุคคลระดับสูงของบริษัทดังกล่าวออกมาขอโทษ ผู้นำระดับอาวุโสที่สุดของรัฐบาลญี่ปุ่นก็ต้องขอโทษจีนด้วย!


ชาวจีนรู้สึกพอใจและแสดงการสนับสนุนรัฐบาล รัฐบาลจีนหนักแน่นในจุดยืนของตัวเอง และจีนก็ภาคภูมิใจ


เฝิงหยู่คิดในใจ โชคดีที่อินเตอร์เน็ตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและตอนนี้มีชาวจีนที่เล่นอินเตอร์เน็ตไม่มากนัก ไม่งั้น จะต้องเกิดสงครามปากทางอินเทอร์เน็ตแน่ๆ!


เฝิงหยู่คิดไว้แล้วว่าบริษัทญี่ปุ่นจะต้องทำแบบนี้ แต่เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าหากรัฐบาลจีนยืนหยัดในความต้องการของพวกเขา ฝ่ายอื่นๆ ก็จะต้องยอมเหมือนกัน บริษัทพวกนั้นอาจไม่สนใจรัฐบาลจีน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่สามารถเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของจีนได้ หากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นแย่ลง จะเป็นการทำลายเศรษฐกิจของญี่ปุ่นแน่นอน


นี่เป็นวิกฤตครั้งใหญ่สำหรับญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของญี่ปุ่น ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใดๆ เกี่ยวกับปัญหานี้ นั่นเป็นเพราะสหรัฐอเมริกาไม่ได้สนับสนุนญี่ปุ่นในเหตุการณ์ครั้งนี้ รูปภาพและคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานการกระทำผิดของบริษัทญี่ปุ่น


รัสเซียและเยอรมนีซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนยังได้ให้การสนับสนุนจีนและทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นลำบากมากขึ้นไปอีก


โทมิชิ มูรายามะแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว เขาคิดว่าหลังจากที่บริษัทพวกนั้นขอโทษ เขาจะสามารถติดต่อกำปั้นเหล็กจูหรือระงับความโกรธของอีกฝ่ายได้ จากนั้น เขาจะเป็นตัวแทนของญี่ปุ่นเพื่อมอบผลประโยชน์บางส่วนให้แก่จีนและเหตุการณ์นี้ก็จะจบลง


หากปัญหานี้ยังไม่ยุติ โทมิชิ มูรายามะ จะต้องขอให้รัฐมนตรีบางคนจากคณะรัฐมนตรีออกมากล่าวขอโทษ เขาอยากหลีกเลี่ยงการออกมากล่าวขอโทษและเผชิญหน้ากับจีน


แต่ตอนนี้เรื่องมันต่างจากที่เขาวางแผนไว้ บรรดาผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่ได้ออกมาขอโทษและโทมิชิ มูรายามะไม่สามารถปิดบังทุกคนได้อีกต่อไป กระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ผู้นำระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นออกมาขอโทษ เขาไม่สามารถขอให้จักรพรรดิออกมากล่าวขอโทษต่อสาธารณชนได้


หากโทมิชิ มูรายามะกล้าที่จะขอให้จักรพรรดิออกมาขอโทษ วันนั้นก็เท่ากับเป็นวันสุดท้ายของการเป็นนายกรัฐมนตรีของเขา


โทมิชิ มูรายามะ โทรหาประธานบริษัทพวกนั้นทันที ตอนนี้การขอโทษของประธานบริษัทพวกนั้นเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ประธานกรรมการของบริษัทพวกนั้นต้องออกมาขอโทษด้วย!


ประธานของบริษัทญี่ปุ่นเป็นเหมือนซีอีโอและประธานกรรมการก็เทียบเท่ากับประธานของคณะกรรมการบริษัท  เหตุการณ์นี้สามารถยุติลงได้หากประธานบริษัทยอมออกมาขอโทษ แต่ตอนนี้จีนต้องการให้ประธานกรรมการของบริษัทพวกนั้นออกมาขอโทษพวกเขา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะความโง่เขลาของพวกเขาเองแท้ๆ


คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็เริ่มกดดันให้บริษัทพวกนั้นบังคับให้ประธานกรรมการของบริษัทพวกนั้นต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณชนด้วย มิเช่นนั้น บริษัทของพวกเขาจะถูกลงโทษ


……


“น้องเฝิงคิดว่านายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจะยอมออกมาขอโทษหรือเปล่า?” ฟู่กวางเจิ้งถาม


“เขาต้องออกมาอยู่แล้ว ถ้าเขายังไม่ขอโทษ งั้นจีนกับญี่ปุ่นคงจะต้องทะเลาะกันแน่นอน ญี่ปุ่นไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก” เฝิงหยู่ตอบอย่างมั่นใจ


“บริษัทพวกนั้นติดต่อเรามาแล้ว พวกเขาอยากให้เราช่วยทำให้พวกเขาเข้าถึงท่าเรือของเราได้” หลี่เจ๋อไค กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ตระกูลหลี่ควบคุมท่าเรือมากกว่า 60% บริษัทพวกนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมก้มหัวให้พวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเช่นนี้


“ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า พวกนั้นหาเหาใส่หัวเอง คิดว่าตัวเองสามารถเข้ามาเฉิดฉายไปทั่วประเทศจีนได้จริงๆ งั้นหรอ?” ฟู่กวางเจิ้งพูดด้วยความโกรธและทุกคนพยักหน้า


“ทำไมจักรพรรดิของญี่ปุ่นถึงไม่ออกมาขอโทษ? พี่ว่ามันจะดีมากเลยถ้าเขายอมคุกเข่าขอโทษ” ฟู่กวางเจิ้งหัวเราะ


เฝิงหยู่ส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิของพวกเขาจะยอมออกมาขอโทษ แต่เราคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีของพวกเขาน่าจะยอมขอโทษพร้อมด้วยโค้งคำนับแบบ 90 องศา ความจริงแล้วประเทศจีนยังไม่แข็งแกร่งพอ หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา จักรพรรดิอาจออกมาก็ได้ ผมเชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศจีนจะเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลก”


“แค่ 10 ปีจะพอหรอ?” ฟู่กวางเจิ้งเลิกคิ้วขึ้น


“เพียงพอแล้วครับ!” เฝิงหยู่เชื่อว่าจีนจะพัฒนาได้เร็วกว่าเมื่อชาติที่แล้วของเขา!


“ผู้อำนวยการ รีบเข้ามาดูข่าวนี้สิครับ สิ่งดีๆ กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!” เลขาของฟู่กวางเจิ้งรีบเข้ามาในห้องโดยที่ไม่เคาะประตู


“มีอะไรข่าว?” ฟู่กวางเจิ้งขมวดคิ้วและถาม


เลขาเปิดทีวีในห้องประชุมและตอบอย่างตื่นเต้น “นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกำลังกล่าวขอโทษผ่านรายการสดทางโทรทัศน์ครับ!”


EG บทที่ 691 โลกตกตะลึง


 


“รีบเปิดทีวีเร็วครับ เปลี่ยนเป็นช่องสถานีโทรทัศน์ CCTV หรือช่องอะไรก็ได้ที่กำลังออกอากาศข่าว!” ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในป้อมยามของโรงงานและตะโกนบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีโทรศัพท์ขาวดำขนาด 14 นิ้ว นอกเหนือจากป้อมยาม ไม่มีโทรทัศน์เครื่องอื่นอีกแล้วในโรงงาน


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น และมีชายหนุ่มมากกว่าสิบสองคนวิ่งกรูเข้ามาในป้อมยาม พวกเขาหายใจหอบและดูเหมือนว่าตั้งใจที่จะวิ่งจากที่ไกลเพื่อมาที่นี่โดยเฉพาะ


เกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มพวกนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่ทำงานกันเหรอ? ทำไมทุกคนมาดูทีวีที่นี่? เอ๊ะ? นั่นมันหัวหน้าเวิร์คช็อปไม่ใช่หรอ? จบละ ชายหนุ่มพวกนี้จะต้องถูกด่าและถูกหักเงินเดือนแน่ๆ


แต่เมื่อหัวหน้าเดินเข้ามาในป้อมยาม เขาก็รีบบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดโทรทัศน์


“ทีวีของผมรับสัญญาณได้เฉพาะช่อง CCTV 1 และช่องของโทรทัศน์ประจำจังหวัดของเราเท่านั้นนะครับ ช่องอื่นๆ เช่น สถานีโทรทัศน์ของเมือง ภาพยังไม่ชัดเจนเลยครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าว


“ช่อง CCTV 1 ก็ได้ ตอนนี้กำลังมีประกาศครั้งใหญ่ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกล่าวขอโทษเรา! ฮ่าๆๆๆ รู้สึกดีจัง คนญี่ปุ่นพวกนั้นก็ต้องขอโทษเราด้วย!” ชายหนุ่มหัวเราะ


“อะไรนะ? นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกำลังขอโทษงั้นหรอ? กองทัพของเราจะโจมตีพวกเขาเหรอ?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถามอย่างตื่นเต้น หากจีนต้องไปทำสงครามกับญี่ปุ่น เขาจะเป็นคนแรกที่เข้าร่วมเลย!


“ไม่ได้มีสงครามอะไรทั้งนั้น แต่เป็นบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นที่สร้างมลพิษหนักในประเทศจีน นายกรัฐมนตรีของพวกนั้นออกมากล่าวขอโทษและประกาศว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้เรา ครั้งนี้ชาวญี่ปุ่นจะต้องก้มหัวให้เรา!”


“ถูกต้อง ลุงคนที่สามของผมทำงานในหน่วยงานราชการของเมือง ครั้งหนึ่งมีชาวญี่ปุ่นที่มาที่นี่เพื่อหารือเรื่องการจัดตั้งโรงงานในเมืองของเรา เขาทำทีท่าภาคภูมิใจและหยิ่งจองหองมาก เขาพูดเหมือนกับว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกอย่างนั้นแหละ โชคดีที่เมืองไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของเขา ผมได้ยินมาว่าโรงงานนั้นเป็นโรงงานเคมีด้วย”


“โชคดีที่ผู้นำของเราในรัฐบาลเมืองมองการณ์ไกล หากน้ำในเมืองของเราเกิดมลภาวะขึ้นมา เราทุกคนจะต้องเดือดร้อน”


“ชู่ววว……เงียบๆ หน่อย  เขากำลังจะเริ่มกล่าวขอโทษแล้ว!” หัวหน้าตะคอกใส่


“คุณฟังภาษาญี่ปุ่นเข้าใจหรอ?”


“มีล่ามไง แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจ แต่แค่ได้ดูก็รู้สึกดีแล้ว!”


……


“ผมขอเป็นตัวแทนของรัฐบาลญี่ปุ่นออกมากล่าวขอโทษต่อการกระทำของบริษัทของเราบางแห่งในประเทศจีน ขอโทษครับ” โทมิชิ มูรายามะ โค้งคำนับ 90 องศาเป็นเวลา 5 วินาที


แสงแฟลชจากกล้องกระพริบรัวๆ โทมิชิ มูรายามะแทบจะอกแตกตาย! ให้ตายสิ! การเป็นนายกรัฐมนตรีนี่มันช่างยากจริงๆ!


“เรายังคงสอบสวนข้อร้องเรียนของรัฐบาลจีน เราจะไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหา เรายินดีที่จะยอมรับเงื่อนไขที่รัฐบาลจีนกำหนดและจะหารือเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าชดเชย บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้จะต้องถอนตัวออกจากประเทศจีน ผมหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศของเรา……”


ประธานาธิบดีบิล คลินตันกำลังรับชมการถ่ายทอดสดครั้งนี้อยู่ในทำเนียบขาว


เมื่อเขาเห็นโทมิชิ มูรายามะยอมรับข้อกล่าวหา เขาก็จุดบุหรี่และสูดหายใจเข้าลึกๆ โทมิชิ มูรายามะ เจ้าคนโง่ คุณยอมรับเหตุการณ์นี้และถอนบริษัทพวกนั้นออกจากตลาดจีนได้ยังไง? คุณคิดว่าจีนจะยังร่วมงานกับญี่ปุ่นในอนาคตงั้นหรอ? สิ่งที่คุณควรทำคือการปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดและปฏิเสธที่จะยอมรับทุกเรื่องต่างหาก


พวกคุณควรร้องไห้และอ้างว่าพวกคุณถูกกล่าวโดยไม่มีมูลความจริง แบบนี้เราจะมีโอกาสเข้าไปแทรกแซงและช่วยเหลือพวกคุณทุกคน แน่นอนว่าถ้ามีหลักฐานเพียงพอ เรื่องนี้ก็กลายเป็นอีกเรื่องทันที จากพฤติกรรมของคุณตอนนี้ ดูเหมือนว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดจะเป็นความจริง


ให้ตายสิ เจ้าคนแคระนั้นทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่อีก? ถ้ายังมีเขาอยู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดต่อกับประเทศจีน เจ้าคนแคระนั่นเป็นคนหัวแข็งมากและการเจรจาต่อรองกับเขาก็เป็นเรื่องที่ปวดกบาลสุดๆ ไม่มีใครได้รับประโยชน์อะไรทั้งนั้นเวลาที่เจรจากับเขา วิธีการเจรจาของเจ้านั่นก็คือ “ฉันกำหนดเงื่อนไขไว้แล้วและคุณก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่งั้นก็ลืมไปซะเถอะ หรือไม่ก็เราจะทำสงครามกัน”


หลังจากสงครามอ่าวเปอร์เซีย นโยบายของคลินตันคือการรักษาความสงบและใช้สงครามเพื่อโจมตีประธานาธิบดีคนก่อน หากเกิดสงครามขึ้นในระหว่างช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ เขาจะไม่มีโอกาสได้รับการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในอีกสองปี เขาอาจถูกบังคับให้ต้องลงจากตำแหน่งก็ได้!


เยลต์ซินยังรับชมการถ่ายทอดสดแถลงการณ์กล่าวขอโทษที่เครมลินในรัสเซียด้วย


เขายิ้มเยาะเมื่อเขาเห็นโทมิชิ มูรายามะโค้งคำนับ บุคคลนี้เป็นผู้นำประเทศของญี่ปุ่นได้อย่างไรกัน? การกระทำของเขาสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของทั้งประเทศ!


ญี่ปุ่นอยากที่จะร่วมมือกับรัสเซียงั้นหรอ? ฝันไปเถอะ!


แต่ตอนนี้จีนกำลังแข็งแกร่งขึ้นและรัสเซียก็ช่วยจีนไว้เยอะ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเชิญผู้นำชาวจีนมาหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างจีนและรัสเซีย


หืม….ฉันต้องเชิญพวกเขามาก่อน ยิ่งความสัมพันธ์ของรัสเซียกับจีนดีขึ้นมากเท่าไหร่ สหรัฐอเมริกาก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น แบบนี้รัสเซียจะได้มีเวลาในการพัฒนาประเทศ ยังมีผลประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน


ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ก็ได้ดูแถลงการณ์กล่าวขอโทษทางโทรทัศน์ด้วย เขาหัวเราะกับตัวเอง ชาวเกาหลีหลายคนรู้สึกดีเช่นกัน


เคยมีคำกล่าวเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เกาหลี จีนและญี่ปุ่นจะสามารถมานั่งพูดคุยกันอย่างสงบกันได้อย่างไร? ง่ายมาก เมื่อชาวจีนอยู่กับชาวเกาหลี พวกเขาจะพูดนินทาเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับญี่ปุ่น วิธีนี้ทำให้ทั้งสองชาติกลายเป็นเพื่อนกัน เมื่อชาวจีนอยู่กับชาวญี่ปุ่น พวกเขาก็จะด่าชาวเกาหลี และทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนกัน เมื่อชาวญี่ปุ่นอยู่กับชาวเกาหลี พวกเขาก็ด่าชาวจีนและพวกเขาก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้


ประเทศพวกนี้ต้องการกันและกัน แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดกัน มันเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกมาก


ผู้นำของอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศก็ดูการถ่ายทอดสดด้วยเช่นกัน ญี่ปุ่นยังคงเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แต่กลับถูกบังคับให้ต้องขอโทษจีนงั้นหรอ? นี่เป็นข่าวใหญ่มาก


บางคนดีใจที่ได้เห็นประเทศญี่ปุ่นทำให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียงในระดับสากล บางคนก็งงจนต้องขมวดคิ้ว จีนสามารถบังคับให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นออกมากล่าวขอโทษพวกเขาต่อสาธารณะได้ด้วยหรอ? ตอนนี้จีนมีอำนาจมากขนาดนั้นเลยหรอ?


ผู้นำหลายคนได้เตรียมจับตาดูประเทศญี่ปุ่นล่วงหน้า แต่พวกเขาไม่ได้คิดว่าจีนจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจีนจะยังไม่พร้อมขาดในหลายๆ ด้าน แต่การพัฒนาก็เป็นไปอย่างรวดเร็วมาก จีนจะพัฒนาอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้าถ้ายังคงเติบโตในอัตรานี้อยู่?


ผู้นำของหลายประเทศคิดว่าพวกเขาควรระงับการพัฒนาของจีนและชะลอความก้าวหน้าของพวกเขาหรือไม่ ผู้นำบางคนรู้สึกว่าพวกเขาควรร่วมมือกับจีนมากขึ้นและพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างใกล้ชิด แบบนี้ประเทศของพวกเขาจะได้รับประโยชน์เมื่อประเทศจีนพัฒนา


ชาวจีนเป็นกังวลเรื่องชื่อเสียงของพวกเขา หากประเทศไหนเป็นเพื่อนกับจีน จีนจะเลือกที่จะไม่ทะเลาะกับประเทศนั้น เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะเริ่มหาเรื่องก่อน ดูเหมือนว่าถึงเวลาแล้วที่จะยกเลิกข้อจำกัดบางอย่างกับจีน


……


เฝิงหยู่และคนอื่นๆ ก็กำลังดูการถ่ายทอดสดในห้องประชุมด้วย มีคำพูดมากมายระหว่างการขอโทษและไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่พูด แต่เห็นได้ชัดว่าญี่ปุ่นแสดงความจริงใจต่อการขอโทษครั้งนี้และเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศญี่ปุ่นก็เป็นตัวแทนของประเทศจีนในการยอมรับคำขอโทษ ในขณะเดียวกัน เขาก็ประกาศว่าเจ้าหน้าที่จีนบางคนจะบินไปญี่ปุ่นเพื่อเจรจาเรื่องค่าชดเชย


ทัศนคติของเอกอัครราชทูตจีนหยิ่งยโสมาก เขาทำตัวเหมือนเป็นผู้ชนะและคนญี่ปุ่นจำนวนมากก็ทำได้แค่ก้มหัวให้เขา ชาวญี่ปุ่นบางคนที่มีหัวรุนแรงเริ่มออกมาประท้วงและต้องการให้โทมิชิ มูรายามะออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่นผู้ยิ่งใหญ่จะมาก้มหัวขอโทษจีนได้อย่างไรกัน?!


แต่ตอนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว แถลงการณ์กล่าวขอโทษครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก


คราวนี้ญี่ปุ่นพ่ายแพ้แล้ว!


EG บทที่ 692 เหมาซื้อในราคาต่ำสุด


 


เฝิงหยู่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชดเชยนี้และบริษัทญี่ปุ่นไม่ต้องการให้บริษัทซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว ต้องมาขอโทษพวกเขาอีกต่อไป บริษัทญี่ปุ่นทั้งหมดในประเทศจีนพยายามทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจให้ได้มากที่สุด


ใกล้จะถึงวันขึ้นปีใหม่แล้ว และซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวเริ่มขายบัตรช้อปปิ้งอีกรอบ ซึ่งขายดีอย่างมาก แต่เฝิงหยู่ไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่ง เขากลับบินไปฮ่องกงแทน


“หลานเฝิง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์โจมตีรอบนี้ ราคาหุ้นของพวกเขาอยู่ในจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง? ราคาจะเด้งกลับขึ้นมาเร็วๆ นี้หรือเปล่า?” ฟู่หยงฉีถาม


เฝิงหยู่ส่ายหน้า “ยังไม่ถึงเวลาครับ บริษัทพวกนั้นยอมจ่ายค่าชดเชยและตกลงที่จะถูกปรับเท่านั้น ผมได้ยินมาว่ายังมีข่าวที่น่าตกใจที่ยังไม่ได้ประกาศออกมาอีก หลังจากที่มีการประกาศข่าวแล้ว ราคาหุ้นของพวกเขาจะลดลงอีก”


ฟู่หยงฉีขมวดคิ้ว ยังมีข่าวที่น่าตกใจมากกว่านี้อีกหรอ? ฟังดูน่าสนใจ เฝิงหยู่สนิทกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนและน่าจะได้รับข้อมูลภายในมา


“โซนี่-โคลัมเบียพิคเจอร์สจะเปิดตัวภาพยนตร์ฮิตในคริสต์มาสนี้ ผมบอกให้ลูกน้องไปช่วยกระจายข่าวลือว่าหนังเรื่องนี้แย่มาก ผู้ชมภาพยนตร์จะหลีกเลี่ยงไม่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้และยอดขายตั๋วจะไม่สูงมากนัก ภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกฉายในโรงภาพยนตร์ที่น้อยลงและยอดขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์นี้จะลดลงด้วย แม้แต่ VCD ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะไม่มีวางขาย ราคาหุ้นของโซนี่ในสหรัฐอเมริกาจะลดลงอีก” ฟู่หยงฉียิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเยอะในการกดราคาหุ้นของบริษัทให้ต่ำลง บางครั้งแค่ข่าวลือก็เพียงพอแล้ว


“งั้นเราจะยึดตามแผนของเรา ฉันจะเข้าซื้อหุ้นของบริษัทเคมีพวกนั้นเป็นหลัก ส่วนเธอก็ไปซื้อหุ้นอิเล็กทรอนิกส์พวกนั้น ฉันเชื่อว่าในเดือนมกราคม บริษัทพวกนั้นจะใช้มาตรการบางอย่างเพื่อรักษาหุ้นของ บริษัทตัวเองเอาไว้ และราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เราก็จะสามารถทำผลกำไรได้สูง!”


ในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นลดลงเกือบ 50% ตอนนี้ก็ยังคงลดลงอยู่ แต่การลดลงไม่ได้รวดเร็วเท่าสัปดาห์ที่แล้ว แต่หลังจากมีการประกาศจ่ายค่าชดเชยและบริษัทพวกนั้นยอมขายโรงงานในประเทศจีน หุ้นของพวกเขาจะลดลงอีกครั้ง


หุ้นของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่พวกนี้ทั้งหมดจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอนหลังจากที่ราคาหุ้นตกลง ราคาหุ้นจะเด้งตัวขึ้นสูงมาก นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงปลายปีด้วย และหลังจากมีการเปิดเผยรายงานทางการเงิน บริษัทพวกนี้จะมีโอกาสประกาศแผนการในอนาคตและการคาดการณ์ผลกำไรของพวกเขา


ผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะประกาศว่าพวกเขาจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักลงทุน หุ้นของพวกเขาจะฟื้นตัวอย่างแน่นอน ตอนนี้เฝิงหยู่และฟู่หยงฉีแค่ต้องคาดการณ์ว่าเมื่อไหร่ราคาหุ้นจะดิ่งลงจุดต่ำสุด!


……


บัฟเฟตต์กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขาและมองไปที่จอคอมพิวเตอร์ เหตุการณ์มหากาพย์เรื่องบริษัท ญี่ปุ่นนี้เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับเขา


วอร์เรน บัฟเฟตต์มีการลงทุนมากมายและเขาลงทุนมากที่สุดในตลาดการเงินโดยเฉพาะหุ้น เขาลงทุนในวอชิงตันโพสต์ โคคาโคล่า เจเนอรัล ไดนามิกส์ ฯลฯ และทำกำไรได้สูงจากบริษัทพวกนี้


แม้ว่าบัฟเฟตต์จะเป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสิ่งทอ แต่กำไรจากโรงงานนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยจากรายได้ทั้งหมดของเขา เงินส่วนใหญ่มาจากหุ้นของเขา


สูตรการลงทุนของเขานั้นง่ายมาก เขามองหาหุ้นราคา “ถูก” เพื่อซื้อแล้วรอให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น แต่เขาไม่ได้อธิบายว่าคำว่า “ถูก” ที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงอะไร


เงินปันผลและผลตอบแทนจากการขายหุ้นของเขาทำให้เขาได้กำไรสูง


โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อใดก็ตามที่บัฟเฟตต์เข้าซื้อหุ้นจำนวนมากของบริษัทแห่งหนึ่ง ราคาหุ้นของบริษัทนั้นก็จะพุ่งสูงขึ้น กลยุทธ์การลงทุนของเขาคือการลงทุนระยะยาว เขาไม่รีบร้อนที่จะขายแม้ว่าราคาหุ้นจะลดลงหลังจากที่เขาซื้อมาแล้ว เนื่องจากเขาเชื่อว่าหุ้นจะกลับมาเด้งตัวสูงขึ้นในอีกไม่ช้าและเขาจะได้รับผลตอบแทนสูง


ตั้งแต่เขาเริ่มก่อตั้งบริษัทมา มูลค่าของบริษัทเขาเพิ่มขึ้นเกือบ 400 เท่า! ไม่มีใครเทียบได้ในเรื่องของการคาดการณ์ล่วงหน้าของบัฟเฟตต์


มีปรากฏการณ์แปลกๆ ผู้คนเริ่มติดตามการลงทุนของบัฟเฟตต์และสิ่งนี้ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทนั้นๆ เพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น


วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้กลายเป็นตัวบ่งชี้ของตลาดหุ้น!


ตอนนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้เล็งเห็นถึงบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้น บริษัทที่ถูกเตะออกจากประเทศจีน


บัฟเฟตต์รู้ว่าผลผลิตของโรงงานหลายแห่งในประเทศจีนนั้นไม่สูงมากและไม่ได้เป็นสัดส่วนที่สำคัญของการผลิตทั้งหมดของบริษัท เมื่อบริษัทพวกนั้นถอดถอนเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารออกจากโรงงานในประเทศจีน พวกเขาจะต้องหาวิธีอื่นในการเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทของพวกเขาแน่นอน และราคาหุ้นของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกครั้ง


แม้ว่าแบรนด์ของบริษัทจะได้รับผลกระทบในระยะสั้น แต่ในระยะยาวบัฟเฟตต์เชื่อว่าบริษัทพวกนั้นจะสามารถฟื้นตัวได้ บริษัทพวกนี้มีพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและไม่มีปัญหาเรื่องกระแสเงินสด นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจะคิดหาวิธีช่วยเหลือบริษัทพวกนั้น ท้ายที่สุดรัฐบาลญี่ปุ่นก็ไม่มีทางยอมให้บริษัทพวกนี้ล้มเหลวได้


นอกจากนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับบริษัทพวกนี้ด้วย บางบริษัทประกอบกิจการได้ค่อนข้างดีและมีผลตอบแทนสูงในปีนี้ มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ราคาหุ้นของพวกเขาตกลงฮวบฮาบแบบนี้อย่างกะทันหัน เมื่อบริษัทพวกนี้ประกาศผลกำไรประจำปีของพวกเขา นักลงทุนจะกลับมามีความมั่นใจใน บริษัทพวกนี้อีกครั้งและราคาหุ้นจะเด้งกลับมา


วอร์เรน บัฟเฟตต์กำลังพิจารณาว่าควรซื้อหุ้นของบริษัทไหนดี มีตัวเลือกมากเกินไป เขาต้องการมองหา บริษัทที่มั่นคงและได้ผลตอบแทนดี


มีอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือ หากนักลงทุนรายใหญ่อีกคนลงทุนในบริษัทเดียวกัน ราคาหุ้นก็จะเพิ่มสูงเร็วขึ้น


……


“เราได้ตกลงกันจำนวนเงินค่าตอบแทนแล้ว แม้ว่ามันจะยังไม่ได้ประกาศออกไป แต่ก็มีการประเมินคร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นจำนวนที่เยอะอยู่!” ผู้ช่วยของฟู่หยงฉีกล่าว


“สิ่งสำคัญที่สุดคือบริษัทพวกนั้นถอนตัวออกจากตลาดจีนและโรงงานในจีนถูกขายให้กับบริษัทญี่ปุ่นรายอื่นๆ ราคาขายไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ดูจากสีหน้าของพวกเขาก็รู้แล้วว่าราคาไม่น่าจะสูงมากนัก ญี่ปุ่นทำตัวตีเนียนได้ดีในครั้งนี้ พวกเขาแสดงความจริงใจและไม่ได้รับความสูญเสียหนักอะไร บริษัทญี่ปุ่นยังคงทำเงินได้ในประเทศจีน” เฮอจ้าวจีประทับใจกับวิธีการที่ญี่ปุ่นใช้ในการจัดการกับสถานการณ์นี้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ผู้ที่ต้องเจอกับความสูญเสียคือบริษัทพวกนั้น


“เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป หุ้นของบริษัทพวกนั้นจะกลับมาลดลงอีกครั้ง”


“ถูกต้อง แต่มันจะดีมากถ้าราคาหุ้นลดลง ช่างเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ใจหนึ่งผมก็อยากให้ราคาหุ้นของพวกเขาเด้งคืนกลับมาโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เราได้กำไร แต่อีกใจหนึ่งผมก็หวังว่าบริษัท พวกนั้นจะล้มละลาย” มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาและหัวเราะ


ฮ่าฮ่าฮ่า……พนักงานที่เหลือหัวเราะขณะที่จ้องมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มีการติดตามดูตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด


เฝิงหยู่และฟู่หยงฉีก็จ้องมองจอคอมพิวเตอร์เช่นกัน และจู่ๆ ทั้งคู่ก็ยืนขึ้นพร้อมกันด โบรกเกอร์หุ้นไม่กี่คนก็ยืนขึ้น และทุกคนก็พูดพร้อมกันว่า “ราคาเกือบจะต่ำสุดแล้ว เตรียมเหมาซื้อได้เลย!”


EG บทที่ 693 ค่อยๆ มีส่วนร่วม


 


มิตซุย เคมิคอล เป็นตัวเลือกแรกของเฝิงหยู่ ช่วงเวลานี้ราคาหุ้นของมิตซุย เคมิคอลลดลงจาก 32 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 14 ดอลลาร์สหรัฐ บริษัทนี้ทำให้เกิดการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมรุนแรงที่สุดในประเทศจีนและถูกปรับหนักที่สุด


มิตซุย เคมิคอลเป็นเจ้าของสิทธิบัตรมากมายสำหรับผลิตภัณฑ์เคมี แค่สิทธิบัตรเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะรับประกันความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทได้แล้ว


เฝิงหยู่ขายหุ้นไมโครซอฟท์ของเขาบางส่วนและใช้เงินทุนบางส่วนจากบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่เพื่อซื้อหุ้นของมิตซุย เคมิคอล มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


ด้วยจำนวนเงินมากขนาดนี้ที่เข้าสู่ตลาดหุ้น ทำให้เกิดผลทันที มิตซุย เคมิคอลยังคิดว่าเป็นเพราะมาตรการที่พวกเขาทำเพื่อรักษาราคาหุ้นของพวกเขา พวกเขาดีใจมาก ผู้ถือหุ้นของพวกเขายังเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเพื่อผลักดันราคาหุ้นให้เพิ่มสูงขึ้นด้วย


หลังจากนั้น เฝิงหยู่ก็แบ่งเงินของเขาออกเป็นหลายส่วนและลงทุนในบริษัทเคมีของญี่ปุ่นหลายแห่ง บริษัท พวกนี้มีลักษณะคล้ายกันและก็เป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก


ตอนนี้ บริษัทพวกนี้ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองและไล่แพะรับบาปออกไป พวกเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่แปดเปื้อนของตัวเอง พวกเขาประกาศเรื่องการบริจาคให้แก่สังคมที่พวกเขาเคยทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อช่วยเหลือสังคม


การประกาศเช่นนี้ได้ผล ราคาหุ้นของบริษัทพวกนี้คงที่และเริ่มไต่ขึ้นอย่างช้าๆ


ฟู่หยงฉีเอาเงินทุนรวมของตระกูลฟู่ไปซื้อโตชิบ้า ไพโอเนียร์ และบริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ บริษัทพวกนี้ยังเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและสิทธิบัตรที่ทันสมัยที่สุดบางส่วนด้วย ความเสียหายที่เกิดจากโรงงานของพวกเขาในประเทศจีนนั้นไม่ได้ร้ายแรงมากและการจ่ายเงินชดเชยและค่าปรับของพวกเขาก็ไม่สูงมากนัก


นอกจากนี้ บริษัทพวกนี้ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และจัดโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขาย


คราวนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เข้าสู่ตลาดด้วย เขาซื้อหุ้นของมิตซุย เคมิคอลเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็เริ่มซื้อในหุ้นโตชิบ้า


จากการที่บัฟเฟตต์ซื้อหุ้นของทั้งสองบริษัทนี้ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มทำตามและซื้อหุ้นของทั้งสอง บริษัทนี้ด้วย นักลงทุนพวกนี้ดันราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทนี้ให้สูงขึ้น


สถาบันบางแห่งจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังเล็งเห็นโอกาสนี้และเริ่มเข้าซื้อหุ้นของบริษัทพวกนี้เป็นจำนวนมากด้วย พวกเขายังวิเคราะห์ตลาดและรู้สึกว่าหุ้นพวกนี้จะไม่ลดฮวบอาบลงเหมือนครั้งก่อน อันที่จริงแล้ว หุ้นพวกน่าจะพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น


3 วันต่อมา เฝิงหยู่ ฟู่กวางเจิ้ง และคนอื่นๆ ก็ใช้เงินทั้งหมดของพวกเขาเพื่อซื้อหุ้นพวกนั้น พวกเขาเริ่มฉลองด้วยแชมเปญ ในเวลาเพียง 3 วันพวกเขาก็เห็นผลกำไรแล้ว หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการปล่อยข่าวลือและระงับราคาหุ้นแล้ว พวกเขาก็ยังทำกำไรได้สูงอยู่


“ ฮ่าฮ่าฮ่า หลานเฝิง 1 เดือน มากสุดก็ 2 เดือน จากนั้นเราทุกคนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรได้แล้ว” ฟู่หยงฉีพูดพร้อมกับถือแก้วแชมเปญ


“เราจะขายหุ้นทั้งหมดทิ้ง และปล่อยให้ราคาหุ้นของพวกนั้นร่วงลงอีกครั้ง เราจะให้พวกนั้นได้ฉลองปีใหม่ด้วยความเศร้า” พวกเขาช่วยเพิ่มราคาหุ้นให้บริษัทพวกนั้นเพียงเพื่อต้องการผลตอบแทนที่สูงเท่านั้น


เมื่อได้กำไรเพียงพอแล้ว เฝิงหยู่และคนอื่นๆ จะทิ้งหุ้นทั้งหมดที่พวกเขาถืออยู่ ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นของ บริษัทพวกนั้นตกลง การลดลงอาจไม่รุนแรงมากนัก แต่ราคาหุ้นจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน


เฝิงหยู่และคนอื่นๆ จะต้องถอนตัวออกอย่างรวดเร็วที่สุด จากนั้นผู้ถือหุ้นของบริษัทพวกนั้นจะติดอยู่กับหุ้นของบริษัท และต้องแบกรับผลขาดทุนของบริษัทนั้น


ฟู่หยงฉีและเฝิงหยู่มองหน้ากันและหัวเราะ ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้ทั้งสองได้ผลกำไรมากกว่า 30% และอาจสูงถึง 50%!


นี่เป็นการลงทุนที่ดีซึ่งทำให้พวกเขาทำกำไรได้สูงเพียงแค่ช่วงเวลา 1 ถึง 2 เดือน!


นี่ไม่ใช่การลงทุนที่มีความเสี่ยง ความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำมากเว้นแต่บริษัทพวกนั้นจะทำสิ่งที่โง่อีกครั้งและมีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับพวกเขา รัฐบาลญี่ปุ่นได้จ่ายเงินจำนวนมากสำหรับบริษัทพวกนี้และรัฐบาลจีนก็เลิกตามเหตุการณ์นี้แล้ว


ในประเทศจีน ไม่มีการรายงาข่าวเกี่ยวกับบริษัทญี่ปุ่นพวกนี้อีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ข่าวมุ่งเน้นไปที่การมาเยือนจีนโดยผู้นำจากหลายประเทศ ผู้นำพวกนี้มาที่ประเทศจีนเพื่อหาความร่วมมือ


ประเทศพวกนี้ต้องการร่วมมือกับจีนในหลายๆ ด้าน เช่น เศรษฐกิจ วัฒนธรรม เทคโนโลยี และแม้แต่การทหาร พวกเขาต้องการมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีกับจีน


ประเทศโลกที่สามบางประเทศ ซึ่งคอยเฝ้าสังเกตสถานการณ์ ก็เริ่มโน้มเข้าหาจีน ที่ผ่านมาจีนเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวรของสหประชาชาติ แม้ว่าความน่าประทับใจของจีนจะดูอ่อนแอ แต่ตอนนี้ก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของพวกเขาแล้ว ประเทศจีนได้แสดงให้โลกได้เห็นว่าพวกเขามีสิ่งที่สามารถต่อสู้กับประเทศที่พัฒนาแล้วและพวกเขาก็ชนะด้วย


……


 


“พ่อครับ พวกเขาซื้อหุ้นของบริษัทพวกนั้น ดูเหมือนว่าจะทำกำไรได้ดีด้วย เราควรซื้อหุ้นตามพวกเขาบ้างดีมั้ยครับ?” หลี่เจ๋อจูรู้สึกอิจฉานิดหน่อยเมื่อเห็นผลตอบแทน


ในตอนแรกหลี่เจ๋อจูมีความคิดเหมือนกับพ่อของเขา เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในตลาดหุ้น ที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจค้าเงิน


แต่ตอนนี้หลี่เจ๋อจูได้เห็นโอกาสในการทำเงินอย่างชัดเจน แม้ว่าผลกำไรจะต่ำกว่า และพวกเขาออกจากตลาดก่อน แต่พวกเขาจะไม่ขาดทุนอะไรเลย ถ้าพวกเขาปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาจะรู้สึกไม่สบายใจ


“ใช่ครับพ่อ เราไปร่วมด้วยกับพวกนั้นกันเถอะ ฟู่หยงฉีชักชวนคนหลายตระกูลฮ่องกง และพวกเขาก็ลงทุนด้วยเช่นกัน ทุกคนร่วมมือกันเพื่อผลักราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นให้สูงขึ้น และจากนั้นทุกคนจะขายหุ้นทิ้งพร้อมกัน


ซุปเปอร์แมนหลี่นั่งบนโซฟาและค่อยๆ จิบชา “พวกแกทุกคนรอต่อไปไม่ไหวหรือไง? พวกแกคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่านี่มันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมมากในการทำเงิน? ฉันแค่อยากรอดูว่าพวกแกจะมีทีท่ายังไงเมื่อเห็นผลกำไรสูงต่อหน้าแบบนี้”


หลี่เจ๋อไคและพี่ชายของเขามองหน้ากันแล้วก็ก้มหน้า ทั้งสองไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อเห็นผลกำไรสูง


“อีกอย่าง การดำเนินการครั้งนี้ก็นำโดยตระกูลฟู่ หากเราไปเข้าร่วม เราก็จะต่ำกว่าพวกเขา พวกแกทนได้หรอ?” ซุปเปอร์แมนหลี่ถาม


หลี่เจ๋อไครีบพูดทันที “แล้วทำไมตระกูลฟู่สูงกว่าเราล่ะครับ? ในแง่ของอิทธิพลและอำนาจ ตระกูลฟู่จะมาเทียบกับเราได้ยังไง? ร้านค้าขายปลีกของตระกูลฟู่ยังต้องพึ่งเราอยู่เลย หากไม่มีท่าเรือของเรา ต้นทุนของพวกนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นมาก”


หลี่เจ๋อจูเถียงกลับ “ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นผู้นำธุรกิจ ตราบใดที่อีกฝ่ายสามารถพิสูจน์ได้ว่าเราจะไม่ขาดทุนในการลงทุนครั้งนี้ เจ๋อไค ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในบริษัทซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวคือเฝิงหยู่ ทำไมนายยอมรับเรื่องนั้นได้ล่ะ? นายพยายามจะบอกว่าเฝิงหยู่มีอำนาจและอิทธิพลมากกว่าตระกูลฟู่งั้นหรอ?”


หลี่เจ๋อไคเข้าใจทันทีว่าพ่อของเขาพยายามสอนอะไรพวกเขา ไม่สำคัญว่าจะชนะหรือแพ้ ผลลัพธ์สุดท้ายและผลกำไรคือเรื่องที่สำคัญที่สุด หากเขาสามารถให้เฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวได้ แล้วทำไมเขาถึงจะปล่อยให้ตระกูลฟู่เป็นผู้นำในการดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้ล่ะ?


“พ่อครับ ผมเข้าใจแล้ว ทุกคนจะมีสิ่งที่ตัวเองถนัดและทำได้ดี ที่จริงแล้วมันดีสำหรับเราที่จะทำตามตระกูลฟู่ในการลงทุนครั้งนี้ เรายังสามารถช่วยกระตุ้นราคาหุ้นได้ด้วย ตัวอย่างเช่น เราสามารถเริ่มเจรจากับบริษัทพวกนั้นเพื่อให้มาร่วมมือกับท่าเรือของเรา ราคาหุ้นของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนอันเนื่องมาจากการเจรจานี้ แต่เราจะไม่เซ็นสัญญาใดๆ กับพวกเขา หลังจากที่ทุกคนขายหุ้นของพวกเขาทิ้งแล้ว เราจะประกาศว่าการเจรจาของเราได้จบสิ้นลงแล้วและปล่อยให้ราคาหุ้นของพวกเขาดิ่งลงต่อไปอีก!” หลี่เจ๋อไคพูด


“แบบนี้ ใครยังจะอยากมาหยุดจอดที่ท่าเรือของเราอีกล่ะ? เราทำแบบนี้ไม่ได้ มันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของ บริษัทเรา เราจะใช้เงินทุนของเราบางส่วนเพื่อซื้อหุ้นพวกนั้นและรับผลกำไรพร้อมกับคนอื่นๆ เราจะไม่เข้าร่วมได้ยังไงในเมื่อครอบครัวที่มีอิทธิพลมากจากทั้งมาเก๊าและฮ่องกงยังเข้าร่วมเลย? คราวนี้เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพียงแค่ทำตามพวกนั้นเพื่อทำกำไรก็พอ”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม