Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น 680-686

 EG บทที่ 680 ให้การสนุบสนุน


 


“นั่นคือเหตุผลของนาย?”


“ยังมีเหตุผลอื่นอีกครับ พวกเขาหยิ่งเกินไป พวกเขาดูถูกประเทศจีนและใช้ช่องโหว่ของสัญญาเพื่อใช้ประโยชน์จากเราหลายต่อหลายครั้ง”


เฝิงหยู่ตอบ


“แล้วรัฐบาลจีนควรช่วยนายยังไง? ให้บอกทั้งโลกในสิ่งที่นายพูดงั้นหรือ??”


รัฐมนตรีจู้ถามด้วยความสงสัย


“ผมไม่ได้ต้องการให้รัฐบาลจีนบอกกับคนทั่วโลกหรอกครับ ผมแค่ต้องการให้รัฐบาลจีนกดดันรัฐบาลญี่ปุ่นและบริษัทพวกนั้น! แค่นี้ล่ะครับที่ผมต้องการ! ในปัจจุบันญี่ปุ่นต้องการให้เราช่วยเศรษฐกิจของพวกเขา ถ้าไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นก็คงจะเข้าสู่ภาวะถดถอย สถานะของประเทศจีนต่อนานาประเทศก็เพิ่มขึ้น หลังจากที่สหภาพโซเวียตถูกโค่นลง รัสเซียและประเทศอื่นๆโดยรอบได้สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับเรา อเมริกาเองก็ต้องการที่จะทำงานร่วมกับเราเพื่อหามาตรการต่อต้านรัสเซีย การตีสนิทกับศัตรูที่อยู่ไกลในขณะที่จ้องโจมตีศัตรูที่อยู่ใกล้เคียงนั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต นั่นหมายความว่าจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญที่สุดในโลก แน่นอนว่าสถานะทางการเมืองของญี่ปุ่นไม่สามารถเทียบกับเราได้! นั่นคือเหตุผลที่ญี่ปุ่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศอื่นๆและพวกเขาจะต้องก้มหัวให้กับเรา!”


เฝิงหยู่กล่าวเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศในปัจจุบัน


“อเมริกาจะไม่สนับสนุนญี่ปุ่นหรือ? หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2จบลง ญี่ปุ่นก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจก็เพราะการสนับสนุนจากอเมริกา”


ผู้อำนวยการฝางขัดขึ้นมา


“ถ้าญี่ปุ่นไม่พยายามซื้อโลกทั้งใบเศรษฐกิจของประเทศก็จะไม่เสื่อมถอยเร็วนักเพราะอเมริกาไม่ต้องการให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวได้เร็วหรอกครับ อย่างน้อยอเมริกาก็ต้องการเป็นมหาอำนาจและไม่ต้องการให้ใครแซงตัวเอง อีกอย่างนะครับเราคงไม่ต้องการให้เพื่อนบ้านที่มีเจตนาร้ายเช่นนี้ขยับขึ้นมาท้าท้ายเราหรอกครับ!”


“เท่าที่ผมทราบมาพวกเขาเรียกร้องคำขอโทษจากฝ่ายรัฐบาลเมืองปักกิ่งไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลจีนกลาง การที่พวกเขาเอ่ยชื่อรัฐบาลจีนออกมาก็เพื่อข่มเราเท่านั้น  หากรัฐบาลเมืองปักกิ่งยอมขอโทษรัฐบาลญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ใช้โอกาสนี้เรียกร้องสิ่งต่างๆเพิ่มมากขึ้นและเราก็จะเสียผลประโยชน์ในที่สุด มันคงไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลของเราต้องการหรอกใช่มั้ยครับ?”


รัฐมนตรีจู้และผู้อำนวยการฝางได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านสายตา แม้การวิเคราะห์ของเฝิงหยู่จะมีช่องโหว่จำนวนมากแต่ภาพรวมถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาเคยวิเคราะห์ในประเด็นนี้และได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับเฝิงหยู่ พวกเขารู้สึกว่าบริษัทญี่ปุ่นต้องการใช้รัฐบาลของตัวเองเพื่อทดสอบท่าทีของรัฐบาลจีน


เฝิงหยู่เห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรจึงตัดสินใจพูดต่อ


“พวกท่านยังจำเนื้อหาในหนังสือประวัติศาสตร์ได้มั้ยครับ? ในช่วงราชวงศ์ชิงมีการพูดกันว่าสังคมชั้นนำคือชาวต่างชาติและตามมาด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนถึงทุกวันนี้ชาวจีนจำนวนมากก็ยังมีความคิดนี้กันอยู่ หลายคนยังคิดว่าชาวต่างชาติมีฐานะดีกว่าชาวจีน แม้แต่ตอนที่เราไปเจรจาธุรกิจกับบริษัทต่างชาติพวกเขาก็ยังดูถูกเราเมื่อเห็นว่าเราเป็นบริษัทจากประเทศจีนและอ้างว่ามีบริษัทจากญี่ปุ่นติดต่อพวกเขาไปแล้ว นอกจากนี้นะครับ นโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นยังเอื้อประโยชน์กับบริษัทในประเทศดีกว่าที่ประเทศจีนเป็น รัฐบาลท้องถิ่นในหลายๆมณฑลก็กำลังทำสิ่งนี้อยู่และชาวจีนส่วนใหญ่ก็กำลังถูกกีดกันจากสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ  มันน่าหดหู่นะครับ ชาวต่างชาติดีกว่าพวกเราจริงๆหรือ?”


เฝิงหยู่ไม่ได้พูดเกินจริง เมื่อครั้งที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเริ่มก่อตั้งพวกเขาต้องวิ่งเต้นไปติดต่อในหน่วยงานราชการจำนวนมากและได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีนัก หากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่มีหุ้นส่วนเป็นชาวฮ่องกงการเจรจาและการดำเนินการเอกสารต่างๆจะยากมากขึ้น


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริษัทต่างๆในฮ่องกงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนมากกว่าบริษัทจากประเทศอื่นๆ ทำให้การทำธุรกิจของบริษัทฮ่องกงและมาเก๊าเป็นไปอย่างราบรื่น


รัฐมนตรีจู้ขมวดคิ้วสงสัยและหันไปมองผู้อำนวยการฝางทันที ผู้อำนวยการฝางจึงพยักหน้ารับว่าสิ่งที่เฝิงหยู่พูดเป็นความจริง สิ่งนี้เกิดขึ้นในบางพื้นที่และเขาก็ได้ยินข่าวลือเช่นนี้มาก่อน


“เจ้าหน้าที่รัฐบางคนลืมอุดมการณ์ของตัวเองเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตำแหน่งทางการเมือง! พวกเขาลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองทำงานรับใช้ใครอยู่!”


รัฐมนตรีจู้ต้องการเร่งเศรษฐกิจจีนให้เติบโตและก้าวไปอีกหนึ่งระดับ เขาต้องการให้จีนเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุดแต่เขาก็ไม่เคยใช้วิธีก้มหัวให้คนอื่นเพื่อแลกกับการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน การก้มหัวให้คนอื่นถือเป็นสัญญาณอันตรายและอาจมีผลกระทบรุนแรง เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้!


“ถึงแม้เราจะกดดันรัฐบาลญี่ปุ่นแต่ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเช่นกัน พวกเขาสามารถเพิกเฉยต่อเราและอ้างว่าเป็นเพียงข้อพิพาททางธุรกิจเท่านั้น”


ผู้อำนวยการฝางกล่าวขึ้น


“อย่าลืมนะครับว่าประธานหลี่ นักธุรกิจชาวฮ่องกงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่นกัน เขาคือราชาแห่งวงการท่าเรือโลก! เกือบ 40 % ของท่าเรือสำคัญๆของโลกก็มีเขาเป็นเจ้าของและประธานหลี่เองก็เคยบอกผมว่า 80 % ของสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นคืออาหารทะเล หากญี่ปุ่นมีปัญหากับประธานหลี่ล่ะก็? ค่าธรรมเนียมในการขนส่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”


“แล้วประธานหลี่เขาจะยอมร่วมมือด้วยเหรอ?”


ผู้อำนวยการฝางเอ่ยถามอีกครั้ง


“แน่นอนครับ! ตอนนี้มีคนกล่าวหาไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตนะครับ จะมีใครยอมอยู่เฉยๆและทนต่อเรื่องนี้ได้ล่ะ? ยิ่งเป็นประธานหลี่ยิ่งไม่มีทาง!”


หากเป็นคนอื่นๆเฝิงหยู่ไม่มั่นใจนักแต่ถ้าเป็นประธานหลี่เขามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถโน้มน้าวใจเขาได้


“นายเองก็จะทำบางอย่างด้วยใช่มั้ย?”


จู่ๆรัฐมนตรีจู้ก็เอ่ยถามขึ้นมา เฝิงหยู่จึงลูบจมูกตัวเองเบาๆ


“ผมเองก็พอมีอิทธิพลอยู่บ้าง ในบางพื้นที่ที่ผมรับผิดชอบผมมั่นใจว่าจะกดดันพวกเขาได้แต่ผมก็หวังว่าตัวเองจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเช่นกัน”


บริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและมูลค่าทางการตลาดของพวกเขาอยู่ที่หลายพันล้านเหรียญสหรัฐ


หากมีเพียงบริษัทเดียวเฝิงหยู่ก็ไม่คิดที่จะกลัวพวกเขาแต่เมื่อทั้ง 4 บริษัทรวมหัวกันเช่นนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่เฝิงหยู่จะเอาชนะได้ โชคดีสำหรับเฝิงหยู่ที่บริษัทญี่ปุ่นไม่ได้รวมตัวกันทั้งหมด เฝิงหยู่อาจให้ผลประโยชน์กับพานาโซนิคและบริษัทอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อให้พวกเขาพุ่งเป้าไปที่โซนี่และอีก 3 บริษัท ท้ายที่สุดบริษัทเหล่านั้นจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองที่แตกต่างกันภายในญี่ปุ่นอีกด้วย


นอกจากนี้เฝิงหยู่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากความคิดเห็นของประชาชนทั่วไป เขาสามารถวางไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตให้อยู่ในจุดที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ได้


แน่นอนว่ากลยุทธ์ทั้งหมดที่เขาคิดไว้รวมไปถึงการขอความช่วยเหลือจากประธานหลี่ไม่สำคัญเท่ากับการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน หากรัฐบาลจีนยินดีให้การสนับสนุนเขาบริษัทญี่ปุ่นเกือบ 40 บริษัทก็ไม่จำเป็นสำหรับเขาเช่นกัน


นอกจากนี้บริษัททั้ง 4 บริษัทยังเป็นคู่แข่งกับวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิส์ในเรื่องมาตรฐานเครื่องเล่นดีวีดี เฝิงหยู่สามารถใช้สภากลางเครื่องเล่นดีวีดีโจมตีพวกเขาได้


ไม่ว่าจะเป็นพานาโซนิคและบริษัทอื่นๆจะเข้าข้างเฝิงหยู่อย่างแน่นอน


เฝิงหยู่ยังสงสัยอีกว่าโซนี่และอีก 3 บริษัทตั้งใจทำสิ่งนี้ขึ้นมา พวกเขาย่อมรู้ว่าผู้ถือหุ้นของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิส์และไอว่าอิเล็กทรอนิส์เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งผู้ถือหุ้นหลักก็คือเฝิงหยู่และฟู่เกิงเฉิง ทั้ง 4 บริษัทต้องการใช้รัฐบาลของพวกเขาโจมตีไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยเฉพาะ เพื่อชะลอการทำงานของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิส์และไอว่าอิเล็กทรอนิส์ ดังนั้นพวกเขาจะมีเวลามากขึ้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเล่นดีวีดีขึ้นมาให้เหนือชั้นกว่าพวกเขา


เฝิงหยู่เล่าเรื่องเทคโนโลยีเครื่องเล่นดีวีดีให้รัฐมนตรีจู้ฟัง นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศจีนอย่างมาก หากปล่อยให้ญี่ปุ่นแซงหน้าพวกเขาไป คนจีนก็ยังจะต้องเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นต่อไป


“ฉันพอรู้เรื่องเครื่องเล่นวีซีดีอยู่บ้างและนายกำลังจะมีสินค้าออกใหม่เหรอเนี่ย? เราต้องรักษาความเป็นผู้นำของเราไว้! บริษัทจีนที่สามารถออกสิทธิบัตรให้ประเทศอื่นๆถือได้เป็นสิ่งที่ดียิ่งนัก เสี่ยวเฝิงนายทำได้ดีมาก!”


รัฐมนตรีจู้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ยินว่าบริษัทจีนสามารถก้าวไปได้อีกขั้นและสามารถเอาชนะบริษัทญี่ปุ่นที่ถือเป็นมือวางอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมนี้ได้ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเครื่องเล่นวีซีดีมาก่อนแต่เขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่มาพร้อมกับมัน


หากบริษัทที่มีศักยภาพเช่นนี้สามารถทำให้ประเทศจีนภาคภูมิใจได้ รัฐบาลจีนก็ต้องให้การสนับสนุนพวกเขาให้มากขึ้น!


ความตั้งใจที่แท้จริงของบริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้นคือชะลอการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเล่นดีวีดี พวกเขาจะไม่มีทางสมหวังอย่างเด็ดขาด!


หากจะว่ากันตามจริงรัฐบาลจีนก็เงียบมาหลายปีแล้ว นี่คงถึงเวลาที่จะเชือดไก่ให้ลิงดูโดยการใช้ญี่ปุ่นเป็นประเทศตัวอย่าง พวกเขาจะแสดงให้เห็นว่าประเทศจีนไม่ใช่ใครก็จะมาล้อเล่นได้!


EG บทที่ 681 ชายผู้อยู่เบื้องหลัง


 


“เฮียหู่ครับ! ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านโนริโอะต้องการ”


“ฮ่าฮ่าฮ่า!!!คราวนี้ล่ะ!โซนี่จะได้กลับเข้าสู่ตลาดจีนอีกครั้ง! ทุกคนทำงานได้ดีมาก พวกนายสามคนก็เหมือนกัน พวกนายจะได้รับผลตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อแน่นอน!”


“แต่เราไม่ทำเกินไปหรือครับ? ไม่ว่าอย่างไรเราก็ยังเป็นคนจีน เรากำลังสร้างเรื่องที่ส่งผลกระทบกับบริษัทจีนซึ่งเป็นเป็นคนชาติเดียวกับเรานะครับ? ผมรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้”


“รู้สึกไม่ดีงั้นเหรอ? มีอะไรที่นายจะต้องรู้สึกไม่ดีด้วย? ตอนที่พวกนายทำงานที่บริษัทเดิม หัวหน้าของพวกนายปฏิบัติกับพวกนายยังไง? แล้วตอนนั้นพวกนายได้เงินเดือนกันเท่าไหร่? ถึงแม้จะมีโบนัสและสวัสดิการอื่นๆ! แล้วมันถึง 500 หยวนหรือเปล่า? ตอนนี้พวกนายได้เงินเดือนกันอย่างต่ำก็ 10,000 หยวนแล้ว! มันเทียบกับเงินเดือนน้อยนิดจากบริษัทเก่าของพวกนายได้หรือไง?!”


“ถูกต้อง! พวกเราทำก็เพื่อเงิน เราต้องมีรายได้มากขึ้นเพื่อคนในครอบครัวของเรา!”


มีคนสนับสนุนการกระทำของตนเองด้วยการยกเรื่องปากท้องของคนในครอบครัวมาอ้าง


พวกเขายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเองก่อนจะพูดคุยเรื่องต่างๆต่อ ในยุคนี้เงินคือปัจจัยสำคัญ พวกเขาไม่สนใจเรื่องเชื้อชาติหรือประเทศใดๆทั้งนั้น พวกเขาเพียงแต่ทำงานให้กับคนที่จ่ายเงินให้กับพวกเขาเท่านั้น!


คนกลุ่มนี้ถูกมอบหมายให้ไปเจรจาข้อตกลงกับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อนำสินค้าจากบริษัทไปวางขายที่นั่น พวกเขาคิดว่ามันเป็นงานที่ง่ายและต้องได้เงื่อนไขดีๆกลับมา พวกเขาต้องการสร้างผลงานให้ผู้บริหารระดับสูงได้เห็นซึ่งมันจะส่งผลต่อเงินเดือนและโบนัสของพวกเขา


แต่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตกลับปฏิเสธพวกเขาโดยที่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดเชิงลึกด้วยซ้ำ รองผู้จัดการทั่วไปของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตถึงกลับเอ่ยตรงๆว่าไม่ต้องการทำงานร่วมกับพวกเขา!


คนกลุ่มนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรายงานเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าระดับสูงทราบ จนท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รับคำสั่งจากส่วนกลางของสำนักงานใหญ่ประจำทวีปเอเชีย พวกเขาแจ้งกับเฮียหู่ว่าท่านโนริโอะ โอกะต้องการให้พวกเขาคิดวิธีสร้างปัญหาให้กับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต มันจะเป็นสิ่งที่ดีถ้าพวกเขาสามารถสร้างปัญหาใหญ่ให้กับพวกเขาได้


ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตทำกำไรได้สูงถ้ามันเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาจริงๆ เฝิงหยู่ ฟู่เกิงเฉิงและผู้บริหารคนอื่นๆจะพากันหัวหมุนและต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนจนไม่เวลาทุ่มเทให้กับไอว่าอิเล็กทรอนิกส์และวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ ไม่แน่ว่าเฝิงหยู่อาจต้องดึงเงินทุนจากทั้งสองบริษัทเพื่อช่วยเหลือไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเล่นดีวีดีก็จะชะงักลง โซนี่ โตชิบาและบริษัทอื่นๆก็มีโอกาสที่จะเอาชนะวินแอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์และขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเล่นดีวีดีได้


ดังนั้นเฮียหู่และพรรคพวกจึงคิดแผนอื่นขึ้นมา พวกเขาคิดที่จะฟ้องร้องไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตและขยายปมการปฏิเสธร่วมทำธุรกิจให้เป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิม พวกเขาขยายปมให้กลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศและใช้รัฐบาลซึ่งมีอำนาจมากกว่าเข้ากดดันไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาทั้งสี่คนเคยทำงานในหน่วยงานราชการมาก่อนและค่อนข้างเชี่ยวชาญในเรื่องนี้พอสมควร


เหตุการณ์ใดก็ตามแต่ที่ลุกลามไปถึงระดับนี้จะไม่ใช่ปัญหาเล็กๆอีกต่อไป!


แต่พวกเขาทั้งสี่คนอาจลืมคิดไปว่าตัวเองออกจากราชการมานานหลายปีและจีนกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนา รัฐมนตรีต่างๆก็ทำงานอย่างจริงจังและใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น พวกเขาเปรียบเหมือนธงชาติที่ป้องกันไม่ให้ประเทศอื่นๆในโลกพุ่งเป้าโจมตีมาที่ประเทศจีน


เมื่อครั้งที่จีนเจราจากับญี่ปุ่นในเรื่องของความร่วมมือระหว่างประเทศ เศรษฐกิจโดยรวมของจีนก็ดูมั่นคงขึ้นแต่จีนยังไม่เชี่ยวชาญในเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศทำให้เกิดช่องโหว่จำนวนมากในการทำข้อตกลงกับญี่ปุ่นซึ่งช่องโหว่นี้กลายเป็นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทญี่ปุ่นแต่มันคงตลกเกินไปหากบอกว่าจีนกลัวญี่ปุ่น!


คนญี่ปุ่นเป็นประเภทที่นิยมความแข็งแกร่งทางอำนาจ หากพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ก็จะกดคนอื่นลงและแสดงต่อประเทศอื่นๆไม่ต่างจากทาส


ในช่วงปลายยุค 80 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตจนถึงขีดสุด พวกเขารู้สึกว่าประเทศของตนเองมีเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่งของโลกและพยายามที่จะกว้านซื้อธุรกิจต่างๆทั่วทั้งอเมริกา


จนท้ายที่สุดเมื่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเกิดภาวะฟองสบู่แตก ธุรกิจต่างๆเริ่มล้มและตลาดหุ้นก็พัง แม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจญี่ปุ่นก็โค่นไม่เป็นท่า โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆก็ทยอยปิดกิจการส่งผลให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นตกต่ำในที่สุดทั้งหมดก็เกิดจากความหยิ่งของพวกเขาจึงต้องรับบทเรียนราคาแพงไป


ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่จีนพยายามพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองแต่ขาดเทคโนโลยีที่จำเป็น สหภาพโซเวียตก็ตกอยู่ในภาวะลำบากทำให้จีนไม่สามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ ดังนั้นจีนจึงใช้ทรัพยากรที่ตัวเองมีเพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับญี่ปุ่นและเพื่อผลักดันเศรษฐกิจของจีนให้เติบโตโดยเร็วที่สุด


ญี่ปุ่นต้องการตลาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของตนเองและประหยัดทรัพยากรต่างๆของประเทศให้ได้มากที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงไม่คำนึงถึงความเป็นศัตรูกันในอดีตและเริ่มให้ความร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด ในเวลานั้นทั้งสองฝ่ายต่างมีศัตรูคนเดียวกันนั่นก็คือสหรัฐอเมริกา


ในการตกลงทำสัญญาเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศของทั้งสองไม่มีสิ่งที่ผิด นโยบายและข้อกำหนดที่ตกลงกันไว้ถือเป็นทิศทางทั่วๆไปและเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่มันเริ่มมีปัญหาเมื่อนักธุรกิจนำไปใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง


ตอนแรกที่ชาวญี่ปุ่นจะเข้ามาทำธุรกิจที่จีนภาพลักษณ์ของพวกเขายังถือว่าต่ำมาก พวกเขายังถือว่าด้อยกว่าอเมริกาหลายขุมและความรู้สึกอ่อนด้อยที่ว่าทำให้พวกเขาต้องเก็บความเย่อหยิ่งเอาไว้ในใจ แต่หลังจากที่พวกเขาได้มาสัมผัสแผ่นดินจีนจริงๆและถูกเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งประจบสอพลอเข้าก็เริ่มแสดงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมา พวกเขาเริ่มดูถูกคนจีนและประเทศจีน พวกเขารู้สึกว่าสามารถควบคุมประเทศจีนได้ด้วยวิธีการทางเศรษฐกิจและญี่ปุ่นจะขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง


ดังนั้นโรงงานญี่ปุ่นจำนวนมากจึงปรากฏขึ้นในประเทศจีน โรงงานเหล่านี้ต่างจากโรงงานอื่นๆที่ลงทุนโดยชาวตะวันตก โรงงานเหล่านี้ไม่สนใจว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพียงใดตราบใดที่ยังเห็นผลกำไร ชาวญี่ปุ่นรู้ดีว่าตราบใดที่เจ้าหน้าที่รัฐได้รับเงินใต้โต๊ะ พวกเขาก็จะได้รับความอำนวยความสะดวกต่างๆและปกปิดความผิดที่โรงงานทำไว้


แม้จะมีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิเสธที่จะช่วยเหลือพวกเขาแต่ท้ายที่สุดก็จะพากันเปลี่ยนใจในภายหลังเมื่อเห็นจำนวนเงินที่พวกเขามอบให้เป็นสินน้ำใจ ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ญี่ปุ่นทวีความหยิ่งเพิ่มมากขึ้น


เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้ได้กำไรจากประเทศจีนเป็นจำนวนมาก ทำให้โซนี่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ครั้งแรกคือตลาดเครื่องเล่นวอร์คแมนที่สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลแต่ไอว่าก็ถูกพรากไปจากโซนี่เสียก่อน หากไอว่ายังอยู่ในเครือของพวกเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแต่โนริโอะ โอกะกลับขายหุ้นไอว่าให้กับเฝิงหยู่ในราคาที่ต่ำมากและนี่คือปัญหาใหญ่สำหรับโซนี่


ผลิตภัณฑ์ชิ้นสำคัญในตลาดจีนของโซนี่คือเครื่องเล่นวอร์คแมนและเครื่องเล่นวีซีดีแต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ถูกคู่แข่งในประเทศจีนโจมตีในที่สุด ผลิตภัณฑ์ของโซนี่ไม่เป็นที่นิยมในประเทศจีนในชั่วข้ามคืน


ด้วยเหตุนี้โซนี่จึงย้ายฐานผลิตออกจากจีนและบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเคลื่อนไหวของบริษัทจีน แน่นอนว่าโซนี่คือคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะพวกเขาคือคนที่ต้องออกจากจีนในขณะที่คนอื่นๆยังสามารถอยู่รอดได้ในขณะที่ถูกพายุโหมกระหน่ำเช่นนี้


ต่อมาวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ได้คิดค้นเทคโนโลยีเครื่องเล่นวีซีดีขึ้นมาและมันยังสามารถเอาชนะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งที่สุดของญี่ปุ่นลงได้ วินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ได้ออกใบอนุญาตให้กับบริษัทอื่นๆจำนวนมากยกเว้นเพียงโซนี่!


วินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์และโซนี่ได้มาเป็นคู่แข่งกันเพื่อสร้างมาตรฐานเครื่องเล่นดีวีดีอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองได้รับการสนับสนุนจากบริษัทต่างๆและได้จัดตั้งพันธมิตรเพื่อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมนี้ขึ้นมา


อาจกล่าวได้ว่าหากมีเพียงบริษัทเดียวที่ต้องเกลียดชังเฝิงหยู่ บริษัทนั้นก็คงต้องเป็นโซนี่อย่างไม่ต้องสงสัย


หลังจากเฮียหู่และอีกสามคนที่เหลือคิดแผนการนี้ขึ้นมา บุคคลแรกที่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ก็คือโนริโอะ โอกะ ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงหยู่เขาคงไม่มีความคิดที่ชั่วร้ายเช่นนี้! เฝิงหยู่ทำให้เขาต้องแสดงความร้ายกาจออกมา!


โซนี่กำลังจะเปิดตัวเกม PlayStation หากพวกเขายอมแพ้ในตลาดจีนก็ทำกับเป็นการเสียเปล่า Nintendo เคยล้มเหลวในประเทศจีนมาก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าโซนี่จะล้มเหลวตาม ครั้งนี้พนักงานของโซนี่ในสาขาประเทศจีนต่างเป็นคนจีนทั้งหมด!


‘โนริโอะ โอกะ’ ได้รับรายงานจากเฮียหู่ผ่านทางโทรศัพท์ เขารู้สึกดีใจมาก เฝิงหยู่..อ่า..เฝิงหยุ่! ในที่สุด..นายก็จะได้สิ่งที่นายสมควรได้รับเสียที เมื่อนายพยายามที่จะเอาชีวิตตัวเองให้รอดก็คงถึงเวลาที่โซนี่จะกลับเข้าไปผงาดในจีนอีกครั้ง!


EG บทที่ 682 สาดสงครามผ่านสื่อ


 


<ความภูมิใจของจีนหรือความอับอายของจีนกันแน่?>


<ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตดูถูกคนอื่น!>


<ข้อพิพาทระหว่างประเทศเกิดจากข้อพิพาททางธุรกิจ!>


นี่คือหัวข่าวที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศจีนแม้แต่สถานีวิทยุก็หยิบเรื่องนี้ไปพูดถึงเช่นกัน นี่ไม่ใช่ความขัดแย้งทางธุรกิจอีกต่อไปเพราะมันได้กลายเป็นข้อพิพาทที่รุนแรงระหว่างสองประเทศไปแล้ว!


ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นเครือธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและยังทำให้ธุรกิจห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจในหลายๆมณฑลได้รับผลกระทบ แน่นอนว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับพวกเขายิ่งนัก


เมื่อสถานการณ์ของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตตกในอยู่ในวิกฤติก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาอยากจะให้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตถูกโค่นลง ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นพวกเขาไม่สามารถหาวิธีกำจัดไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตลงได้แต่ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเขาจะทำได้แล้ว  พวกเขาก็แค่ต้องไหลไปตามน้ำและใส่ไฟให้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตปวดหัวหนักยิ่งกว่าเดิม ห้างสรรพสินค้าของพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ได้และถ้าพวกเขาโชคดีกว่านี้ก็อาจจะดึงลูกค้าของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตมาที่พวกเขาได้เช่นกัน


สื่อไม่ได้คิดที่จะนำเสนอเพียงด้านเดียวเท่านั้น สื่อบางเจ้าก็คิดที่จะตีพิมพ์บทความที่ต่างออกไปเช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือหนังสือพิมพ์ ‘ข่าวเพื่อประชาชน’ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ประจำชาตินั่นเอง


บทความที่ระบุในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวไว้ว่าเหตุการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบและประชาชนไม่ควรฟังข่าวเพียงด้านเดียวและสรุปทันทีว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นฝ่ายผิด นอกจากนี้ไม่ว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ฝ่ายบริหารเมืองปักกิ่งก็ไม่มีเหตุผลหรือหน้าที่ที่จะต้องไปขอโทษรัฐบาลญี่ปุ่น! หากพบว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นฝ่ายถูกแล้วล่ะก็? บริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้นต่างหากที่ต้องออกมาขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น!


บทความนี้ไม่ได้พูดถึงรัฐบาลญี่ปุ่นในทางเสียหายแต่ถ้าบริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลญี่ปุ่นและผลปรากฏว่าบริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้นต้องออกมาขอโทษก็เท่ากับเป็นการตบหน้ารัฐบาลญี่ปุ่นอย่างแรง! นี่เป็นเพียงการประเมินเหตุการณ์เบื้องต้นเท่านั้น หากมีข้อพิสูจน์ว่าบริษัทเหล่านั้นกล่าวหาไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างไม่ถูกต้อง? รัฐบาลญี่ปุ่นก็ต้องเข้ามารับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!


แม้ว่าหนังสือพิมพ์‘ข่าวเพื่อประชาชน’จะตีบทความเหล่านี้ออกมาก็ไม่ได้มีอิทธิพลเท่ากับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหลายๆฉบับ หน่วยงานท้องถิ่นใช้อิทธิพลกดดันพวกเขาควบคู่ไปกับเม็ดเงินที่บริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้นจ่ายให้ทำให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหลายๆฉบับเขียนบทความเข้าข้างบริษัทญี่ปุ่นอย่างพร้อมเพรียง


ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตทำลายชื่อเสียงของประเทศแต่พวกเขาก็ยังต้องการที่จะซื้อของในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่นเดิมเพราะสินค้ามีราคาถูกกว่าที่อื่น


เฝิงหยู่มองกองหนังสือพิมพ์ที่อยู่บนโต๊ะของตนเองก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา


ยิ่งหนังสือพิมพ์เหล่านี้ตีพิมพ์บทความโจมตีไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเจ็บตัวกันมากเท่านั้นหากรัฐมนตรีจู้ออกโรงมาปกป้องและสนับสนุนไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต! แน่นอนว่าเฝิงหยู่คงไม่มานั่งอยู่เฉยๆในขณะที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตถูกโจมตีเช่นนี้ หากพูดถึงการเขียนหัวข้อโจมตีผ่านสื่อแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน


มันเป็นเพียงการเขียนบทความและสร้างข่าวขึ้นมาเท่านั้น เฝิงหยู่เคยผ่านยุคอินเตอร์เน็ตมาแล้วและมันก็เต็มไปด้วยการเขียนบทความต่างๆมากมายทั้งดีและไม่ดีเต็มไปหมด การสาดสงครามผ่านสื่อเช่นนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเฝิงหยู่เลยสักนิด


<ทำไมถึงพากันเชื่อข้อกล่าวหาเช่นนี้?>


<พลเมืองชั้นหนึ่ง=ชาวต่างชาติ พลเมืองชั้นสอง=ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ พลเมืองชั้นสาม=ชนกลุ่มน้อย พลเมืองชั้นสี่=ชาวฮั่น สิ่งนี้คือความจริงหรือไม่?>


<การปล้นแผ่นดินจีนจากบริษัทญี่ปุ่น!>


<เหตุใดไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจึงเลือกที่จะปฏิเสธบริษัทเหล่านั้น?>


จีนยังคงเป็นสังคมอนุรักษ์นิยมแบบเก่าหรือไม่? ทำไมผู้คนต่างคิดว่าการกระทำของชาวต่างชาติเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ? ทำไมชาวต่างชาติถึงได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าและอยู่ในฐานะที่สูงกว่าคนในประเทศตัวเอง?


เมื่อใครก็ตามที่ถูกผู้อื่นกล่าวหาว่าเป็นคนก่ออาชญากรรมและผู้พิพากษาเลือกที่จะตัดสินโดยการใช้หลักฐานเพียงฝั่งเดียวและไม่ต้องการหลักฐานอื่นๆย่อมหมายความว่าใครก็ตามที่เป็นฝ่ายเริ่มคดีจะเป็นคนชนะไป!


การหลับหูหลับตาเชื่อและช่วยเหลือชาวต่างชาติเพียงอย่างเดียวถือเป็นสิ่งที่แย่มาก สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเจ้าหน้าที่รัฐบางคนกำลังเอื้อประโยชน์ให้กับชาวต่างชาติ พวกเขาถือเป็นรากเหง้าของปัญหาเหล่านี้และทำให้คนอื่นๆที่อยู่ใต้ปกครองต้องเดินตามรอยพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ นี่ทุกคนพากันคิดว่าหญ้าอีกข้างหนึ่งของรั้วมักจะเขียวกว่าด้านที่เราอยู่เสมอหรืออย่างไร? [1]


คนที่ให้ประโยชน์สูงสุดกับประเทศนี้ก็คนจีนไม่ใช่ชาวต่างชาติ! ชาวต่างชาติพวกนั้นมาที่จีนก็เพื่อลงทุนทำธุรกิจและหากำไรเพียงเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ช่วยเหลือเราแต่อย่างใด!


พวกเขาไม่ได้มาที่จีนเพื่อสร้างประโยชน์อะไรให้กับแผ่นดินนี้ พวกเขาต่างเป็นนักธุรกิจกันทั้งนั้นซึ่งนักธุรกิจก็คิดเพียงแค่ทำอย่างไรจะสามารถกอบโกยรายได้จากแผ่นดินนี้ให้ได้มากที่สุด!


ชาวต่างชาติมักอ้างว่าพวกเขาช่วยเรากำจัดขยะและขายผลิตภัณฑ์ที่ถูกกว่าให้กับเรา ทั้งหมดนี้ต่างเป็นเรื่องโกหก! บริษัทญี่ปุ่นเรียกทรัพยากรที่หายากของเราว่า‘ขยะ’และซื้อมันไปจากเรา พวกเขานำขยะเหล่านี้ไปผ่านกระบวนการผลิตให้เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก่อนที่จะขายชิ้นส่วนเหล่านี้กลับมาให้เรา ต้นทุนการผลิตของพวกเขาน้อยแต่กลับตั้งราคาเกินจริงเพื่อขูดรีดเรา!


กระบวนการผลิตเหล่านั้นมันยากจริงๆเหรอ? ประเทศของเราเองก็สามารถนำทรัพยากรหายากเหล่านี้มาปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเองได้เช่นกันแต่เราไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้มาก่อน พอรู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้นสิ่งนี้ก็ถูกดำเนินมาหลายปีแล้ว


‘ความเท่าเทียมและความยุติธรรม’คือสิ่งที่ไท้หัวซุปเอร์มาร์เก็ตให้ความสำคัญมากที่สุด บริษัทใดก็ตามที่ประสงค์จะเข้าร่วมธุรกิจกับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกันทุกฝ่าย


ตัวแทนของโซนี่ โตชิบาและบริษัทที่เหลือได้เดินทางมาที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เพื่อเรียกร้องสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นๆ พวกเขาต่างคิดว่าผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นดีกว่าของประเทศอื่นๆและไม่จำเป็นต้องยื่นข้อเสนอเพื่อตอบแทนไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่นกัน พวกเขาคิดว่าบริษัทญี่ปุ่นของพวกเขามีความสำคัญมากกว่าบริษัทอื่นๆทั้งหมด


เหตุผลอย่างหนึ่งที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตปฏิเสธพวกเขาไปก็เพราะไม่มีที่ว่างสำหรับสินค้าของพวกเขาแล้ว สินค้าของพันธมิตรเราทั้งหมดได้ถูกนำไปจัดวางบนชั้นวางเรียบร้อยแล้ว เราไม่คิดที่จะทำลายสัญญาที่เราทำไว้กับบริษัทอื่นๆด้วยการบีบให้พวกเขานำสินค้าออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราและเลือกให้บริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้นทำสินค้ามาวางขายแทนได้ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตมีสินค้านำเข้าหลากหลายแบรนด์ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่าบริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้น ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตมีหน้าที่คัดสรรสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา ซึ่งเราจะไม่สนับสนุนสินค้าของบริษัทเหล่านั้นเพียงเพราะพวกเขาคิดว่าสินค้าของตัวเองดีที่สุดในโลก!


.


.


เฝิงหยู่และผู้บริหารระดับสูงได้อ่านบทความจำนวนมากที่ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารชั้นนำและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บทความเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนความเห็นของประชาชนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บทความเหล่านี้ทำให้ยอดขายหนังสือพิมพ์เพิ่มขึ้นซึ่งไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้จ่ายเงินให้กับสำนักข่าวต่างๆเพื่อตีความบทความเหล่านี้เช่นกัน ทำไมสำนักข่าวเหล่านี้ถึงไม่ปฏิเสธพวกเขาล่ะ? ทั้งๆที่มีหน่วยงานท้องถิ่นเข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้แต่สำนักข่าวเหล่านี้ก็ยินดีที่จะตีพิมพ์บทความนี้ออกไป


เนื่องจากเหตุการณ์นี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทำให้ฟู่เกิงเฉิง หลี่เซ่อเค่ยและผู้บริหารที่เหลือรีบไปที่ปักกิ่งทันที พวกเขาต้องการหารือกับเฝิงหยู่เพื่อหาวิธีจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็วที่สุด


“อาเฝิง..ในหนังสือพิมพ์ตอนนี้ต่างสาดสงครามสู้กันไปมา ดูท่าแล้วจะไม่จบลงง่ายๆ นายมีทางออกให้กับเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดหรือเปล่า?”


หลี่เซ่อเค่ยขมวดคิ้ว การสาดสงครามผ่านสื่อเป็นเรื่องธรรมดาในฮ่องกง มันสามารถเห็นได้ทุกวันในหน้าหนังสือพิมพ์ของพวกเขา


การเขียนข่าวโจมตีหรือทำสงครามน้ำลายผ่านสื่อจะวนเวียนอยู่กับวงการไฮโซ ดารานักร้อง นักธุรกิจ นักการเมือง เป็นต้น อาจมีบทความที่เกี่ยวข้องกับคดีความทางกฎหมายอยู่เช่นกัน รายงานข่าวและบทความที่ถูกตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์นั้น ก็เพื่อโน้มน้าวความคิดเห็นของประชาชนให้มาเชื่อตนเอง แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะหาผู้ชนะในสงครามนี้ได้ อีกทั้งยังใช้เวลานานกว่าเรื่องพวกนี้จะจบลง แน่นอนว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้นตราบใดที่พวกเขายังต้องสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ให้ติดตลาดและต้องขยายกิจการออกไปให้มากกว่านี้


หากชื่อเสียงของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้รับผลกระทบ พวกเขาก็ถือว่าจบเช่นกัน ซุปเปอร์มาร์เก็ตอาจสามารถเปิดใช้บริการต่อไปได้แต่มันก็ยากที่ตั้งสาขาใหม่ขึ้นได้เช่นกัน มณฑลต่างๆที่ต้องการไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็จะไม่กระตือรือร้นและจะไม่ให้เงื่อนไขดีๆแก่พวกเขา


แม้ว่ามันจะต้องเสียภาษีต่อปีเป็นจำนวนไม่น้อยแต่ถ้าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตสามารถได้สัมปทานที่ดินที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่นป้ายรถเมล์หรือสถานที่สำคัญต่างๆ มันก็ดูคุ้มค่าและเหมาะที่พัฒนาซุปเปอร์มาร์เก็ตของพวกเขาได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องขึ้นกับภาพลักษณ์ของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่นกัน หากพบว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตนำความอับอายมาสู่ประเทศจีน พวกเขาก็อาจไม่ได้รับประโยชน์เหล่านี้และหลายๆมณฑลก็จะไม่เจรจากับพวกเขาอีก


หนึ่งในเหตุผลที่ฟู่เกิงเฉิง หลี่เซ่อเค่ยและคนอื่นๆกลับมาที่ปักกิ่งก็เพราะการเจรจาในแต่ละมณฑลหยุดชะงักลง หลายๆมณฑลเริ่มเรียกร้องข้อเสนอที่หนักขึ้นและหาข้ออ้างเพื่อร่างสัญญาฉบับใหม่ขึ้นทันที มีบางมณฑลที่ยกเลิกการเจรจากับพวกเขาอีกด้วย ทุกคนรู้ดีว่าต่อให้อยู่มณฑลเหล่านี้ต่อไปก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆและพวกเขาก็ควรกลับมาที่ปักกิ่งเพื่อดูว่ามีสิ่งใดที่พวกเขาจะทำเพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้บ้าง


หลังจากได้ยินคำถามของหลี่เซ่อเค่ยแล้ว เฝิงหยู่ก็หัวเราะออกมาทันที


“นี่ไม่ใช่ทางเดียวที่เราจะทำหรอกครับ มันเป็นเพียงการกระตุ้นพวกเขาและทำให้พวกเขาตอบโต้เรายากขึ้นก็เท่านั้น!ลองดูข้อมูลนี่สิครับ ผมส่งคนไปรวบรวมข้อมูลพวกนี้มาได้ หากข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วล่ะก็? พวกคุณคิดว่าเราจะแพ้ในสงครามนี้จริงๆหรือครับ?”


หลี่เซ่อเค่ยและฟู่เกิงเฉิงหยิบเอกสารที่เฝิงหยู่รวบรวมมาได้ขึ้นอ่านทันที ทั้งคู่ตั้งใจอ่านอย่างจริงจังโดยไม่ให้พลาดซักตัวอักษร ยิ่งพวกเขาอ่านก็ยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม บริษัทญี่ปุ่นพวกนี้ต้องถูกไล่ออกจากจีนให้หมด!


“หากข้อมูลพวกนี้เป็นความจริง เราไม่มีทางแพ้พวกเขาอย่างแน่นอน! ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นจะทำแบบนี้กับประเทศจีน! พวกเขาคิดว่ามันเป็นอดีตเมื่อหลายสิบปีที่แล้วหรืออย่างไร!?”


ฟู่เกิงเฉิงเอ่ยออกมาด้วยความโมโห


“มันไม่น่าจะพอที่จะทำให้ประชาชนเชื่อเราได้ทั้งหมด บริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นอาจอ้างได้ว่าพวกเขาทำทุกอย่างตามข้อบังคับของจีนแล้ว มีแต่ประเทศจีนนี่ล่ะที่ไม่ยอมทำอะไรเลยและมันเป็นเพียงการเรียกร้องตามสิทธิที่พวกเขาควรได้ก็เท่านั้น”


หลี่เซ่อเค่ยชี้ให้เฝิงหยู่เห็นถึงปัญหานี้


“ถ้าเช่นนั้นก็ต้องอาศัยคนที่มีอำนาจมากกว่านี้ ผมจะติดต่อบริษัทต่างๆที่อยู่ในสภากลางเครื่องเล่นดีวีดีเพื่อขอให้พวกเขาอธิบายเรื่องนี้ให้กับนานาประเทศได้ทราบ และในเวลาเดียวกันก็จะเป็นการปรามโซนี่ โตชิบาและพรรคพวกของพวกเขาได้อีกด้วย ผมคงต้องขอยืมอิทธิพลของพ่อเฮียหลี่เพื่อออกโรงเตือนบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้น ยกตัวอย่างเช่นขัดขวางช่องทางการจำหน่ายของพวกเขาโดยจำกัดการส่งออกสินค้าผ่านทางท่าเรือของตระกูลหลี่ ผมยังมีแบ็คที่ใหญ่กว่านี้เช่นกันครับ รัฐบาลจีนสัญญากับผมเอาไว้ว่าจะเข้ามาเจรจากับทางรัฐบาลญี่ปุ่นให้เราครับ”


เฝิงหยู่อธิบายให้กับพวกเขาฟัง


ฟู่เกิงเฉิงและหลี่เซ่อเค่ยพอจะจำได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนเข้าร่วมในพิธีเปิดของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่นกัน คนผู้นี้อาจเป็นคนที่ยื่นมือมาช่วยพวกเขา หากรัฐบาลจีนยินดีที่จะสนับสนุนพวกเขา แน่นอนว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะไม่มืทางแพ้เป็นอันขาด


หลี่เซ่อเค่ยหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น


“เดี๋ยวฉันต้องไปคุยกับป๊าก่อน”


“ผมแค่ขอความช่วยเหลือจากประธานหลี่เท่านั้นนะครับ ไม่ได้ตั้งใจที่จะบังคับแต่อย่างใด ผมคิดว่าถ้าประธานหลี่ต้องการที่จะใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน เขาย่อมรู้ดีว่าต้องทำเช่นไร? เราไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวใจเขาให้มากเลยครับ! ส่วนเฮียฟู่…เฮียเองก็สามารถบอกลุงของเฮียได้เช่นกัน บอกเขาไปว่าราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นจะลดลงในไม่ช้า นี่ถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้นได้ ขอให้เขาใช้ลูกเล่นทั้งหมดที่มีเพื่อกดราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นลง ”


แม้ว่าราคาหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่เหล่านั้นจะลดลงเพียง 1% แต่การขาดทุนจะสูงถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ! บริษัทเหล่านั้นก็จะพยายามคิดหาวิธีดึงราคาหุ้นของตัวเองกลับขึ้นมา เฝิงหยู่และคนอื่นๆที่เหลือก็จะอาศัยจังหวะนี้ทำกำไรจากสิ่งนี้ได้


“ตกลง! เดี๋ยวฉันจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับลุงฉันเอง”


เฝิงหยู่ยกนิ้วชี้ของตนขึ้นมา


“ผู้ชนะจากสงครามนี้จะถูกประกาศภายในหนึ่งสัปดาห์!”


[1] เป็นคำคมภาษาอังกฤษ ‘The grass is always greener on the other side of the fence.’ แปลตรงๆได้ว่า หญ้าอีกข้างหนึ่งของรั้วนั้นมักจะเขียวกว่าด้านที่เราอยู่เสมอ เรามักจะคิดว่าสนามหญ้าของบ้านข้างๆ เขียวกว่า สวยกว่าสนามบ้านตัวเองเสมอ เพราะคนเราไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และมักจะคิดว่าสิ่งที่คนอื่น “เป็น,อยู่,คือ” ดีกว่าเรา ซึ่งจริงๆ อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้


EG บทที่ 683 มลพิษทางสิ่งแวดล้อม


 


เมื่อไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตตีพิมพ์บทความของพวกเขาลงในหนังสือพิมพ์ ผู้คนก็เริ่มสงสัยบริษัทญี่ปุ่นทั้งสี่ทำให้พวกเขาเริ่มโต้กลับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต


พวกเขาลงบทความเกี่ยวกับมาตรฐานของบริษัทโดยกล่าวถึงจำนวนสาขาที่ลงทุนในประเทศจีนและสามารถสร้างงานให้กับคนจีนกี่คน พวกเขายังเผยจำนวนภาษีที่จ่ายให้กับรัฐบาลจีน หากให้กล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเขาพยายามจะบอกว่าตัวเองมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน พวกเขายังแสดงผลการติดอันดับในจำนวน 500 บริษัทที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทของพวกเขามีอำนาจมากเพียงใดและเป็นการแสดงให้เห็นทางอ้อมว่ารัฐบาลจีนต่างหากที่เป็นฝ่ายร้องขอให้พวกเขาเข้ามาทำธุรกิจที่ประเทศจีน


ซึ่งตอนนี้บริษัททั้งสี่แห่งได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะสิ่งที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตปฏิบัติต่อพวกเขานั้นทำให้พวกเขาเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก


เมื่อคนส่วนใหญ่ได้อ่านข่าวนี้ก็พากันกังวล หากโรงงานเหล่านี้ย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน หลายคนอาจต้องตกงานและเศรษฐกิจจีนก็ถึงคราวจบเห่อย่างแน่นอน!


สิ่งที่บริษัททั้งสี่กล่าวมานั้นเป็นเรื่องตลกยิ่งนัก ถ้าไม่มีบริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้จะไม่มีบริษัทจากประเทศอื่นมาลงทุนที่จีนเลยหรือไง? บริษัทจีนไม่สามารถลงทุนด้วยตัวเองงั้นหรือ? หากโรงงานเหล่านี้ต้องย้ายฐานการผลิตออกจากจีนจริงๆพวกเขาจะไม่ได้รับความเสียหายเลยหรือ? หากให้พูดกันตามจริงบริษัทเหล่านี้ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายได้รับผลกระทบหากต้องย้ายฐานผลิตออกไป!


เฝิงหยู่ได้อ่านบทความดังกล่าวก็เริ่มถอนหายใจ นี่ถือเป็นสัญญาณรบที่เขาต้องเริ่มโต้กลับทันที! เขาติดต่อไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆเพื่อเผยแพร่บทความบางอย่าง ทั้งยังให้หัวหน้าสถานีเจียออกอากาศในรายการโฟกัสรีพอร์ตในสิ่งที่พวกเขาถ่ายทำกันเอาไว้


[โตชิบาสร้างมลพิษซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนงาน]


[น้ำเสียที่ถูกปล่อยออกจากโรงงานชาร์ปเกินกว่ามาตรฐานกำหนด!]


[จำนวนโรงงานญี่ปุ่นที่ตั้งในประเทศจีน]


[การได้รับปริมาณโลหะหนักที่เกินกำหนดส่งผลให้อายุสั้นลงถึง 20 ปี!]


หัวข้อข่าวเหล่านี้เกี่ยวข้องกับบริษัทญี่ปุ่นโดยตรง เฝิงหยู่กำลังใช้มลพิษทางสิ่งแวดล้อมโจมตีพวกเขา


เฝิงหยู่กำลังรอจังหวะให้โซนี่และพรรคพวกประกาศศักดาว่าตัวเองเป็นบริษัทที่ใหญ่แค่ไหน ถ้าไม่เช่นนั้นข่าวพวกนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อพวกเขา ตอนนี้มีทั้งภาพ บุคคลและสถานที่ถูกระบุเอาไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีแพทย์ นักวิชาการและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่แสดงความคิดเห็นอย่างมืออาชีพ พวกเขาสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือของบทความนี้ได้อย่างมาก


แม้ว่ารายงานข่าวนี้จะไม่สามารถทำให้คนเชื่อทั้งหมดว่าบริษัทญี่ปุ่นปล่อยมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่คนส่วนใหญ่ก็มักจะเชื่อข่าวที่มีผลในแง่ลบมากกว่าอยู่ดี โดยเฉพาะข่าวที่สร้างความตกใจให้กับสังคมเช่นข่าวนี้เป็นต้น


พอตกช่วงเย็น‘โฟกัสรีพอร์ต’ก็ได้นำเสนอรายงานพิเศษซึ่งกล่าวถึงมลพิษทางสิ่งแวดล้อม


[“ส่วนประกอบในเครื่องใช้ไฟฟ้ามีปริมาณโลหะหนัก(1)จำนวนมากจึงต้องมีการควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและต้องมีการกำจัดอย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้ออกสู่สิ่งแวดล้อม หากมีคนดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนโลหะหนักก็จะเกิดอาการเจ็บป่วย โดยจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ผมร่วง กระสับกระส่ายและหายใจติดขัด ถ้ามีอาการรุนแรงมากขึ้นก็อาจจะทำให้หัวใจล้มเหลวในที่สุด ไม่ว่าจะในระดับสากลหรือในประเทศจีนต่างมีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการควบคุมระดับของโลหะหนัก ตอนนี้เราจะไปดูผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการกันนะครับว่าตัวอย่างน้ำที่เก็บมาจากท่อน้ำทิ้งของโรงงานโตชิบาเป็นอย่างไรบ้าง”]


[“สวัสดีครับผู้สื่อข่าวซุ่ย ผม!ศาตราจารย์ลี่ชางเทียนเป็นนักวิจัยคุณภาพน้ำของปักกิ่งและเป็นผู้รับผิดชอบการทดสอบคุณภาพน้ำในครั้งนี้”]


[“แล้วผลการทดสอบเป็นอย่างไรบ้างครับ?”]


ซุ่ยจุนยีเอ่ยถามก่อนที่ศาตราจารย์ลี่ชางเทียนจะส่ายศีรษะเบาๆ


[“การปนเปื้อนของโลหะหนักตามที่กฎหมายกำหนดไว้คือไม่เกิน 8 เท่าแต่น้ำตัวอย่างนี้มีค่าโลหะหนักโดยรวมถึง 46 เท่า! น้ำนี้ไม่เหมาะที่จะไหลสู่สิ่งแวดล้อมและปนเปื้อนไปกับน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภคและบริโภคได้เลยครับ หากชาวบ้านเผลอใช้น้ำนี้ในการซักผ้าหรือล้างจานพวกเขาก็จะป่วยตามไปด้วย การปนเปื้อนในระดับนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม มันจะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของพืชและสัตว์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง พืชอาจต้องใช้เวลาในการกลายพันธ์2-3รุ่นถึงจะสามารถต้านมลพิษเหล่านี้ได้ แต่สำหรับมนุษย์นะสิครับ?จะต้องใช้เวลากี่ชั่วอายุคนก่อนที่ร่างกายของเราจะสามารถต้านทานสิ่งนี้ได้ ใครบ้างล่ะครับที่ยินดีจะลดอายุขัยของตัวเองเหลือเพียง 50 ปี?”]


[“เดี๋ยวก่อนนะครับศาสตราจารย์ลี่? ที่บอกว่าลดอายุเหลือเพียง 50 ปี มันหมายความว่าอย่างไรหรือครับ?”]


ซุ่ยจุนยีเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา


[“ก็อย่างที่ผมพูดล่ะครับ? ตามหลักทฤษฎีแล้วหากมีคนต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้พวกเขาคงไม่สามารถมีอายุได้เกิน 30 ปีหรอกครับ ถึงแม้วิทยาการทางการแพทย์อาจจะพัฒนาขึ้นมาแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำให้พวกเขามีอายุยืนได้เกิน 50 ปีเช่นกัน! เป็นเพราะปัจจัยจากสภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่อาศัยอยู่บริเวณอื่นถึง 10,000เท่า!”]


[“10,000เท่า!”]


ซุ่ยจุนอี้รู้สึกตกใจไม่น้อย เขาไม่คิดว่าการปนเปื้อนของโลหะหนักจะมีผลกระทบรุนแรงขนาดนี้


[“ใช่ครับ นี่คือสาเหตุที่ผมอยากจะแนะนำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณโรงงานได้ไปตรวจสุขภาพ พวกเขาจำเป็นต้องตรวจดูว่าร่างกายของพวกเขาได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนของโลหะหนักหรือไม่? ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะโรงงานพวกนั้น พวกเขาควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้!”]


.


.


[“สวัสดีค่ะ ดิฉันเฉาหลี่กังเป็นนักวิจัยคุณภาพอากาศ เราได้ทำการเก็บตัวอย่างอากาศจากโรงงานอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้เพื่อมาทำการทดสอบแล้วนะค่ะ ซึ่งตัวอย่างที่เราเก็บมามีความเข้มข้นของตะกั่วในระดับสูง ซึ่งตะกั่วเหล่านี้ถูกปล่อยออกมาจากเตาเผาอุณหภูมิสูง ทั้งๆที่อนุภาคตะกั่วเหล่านี้สามารถกำจัดได้โดยง่ายโดยอาศัยการกรอง ดิฉันอยากรู้ว่าทำไมโรงงานเหล่านี้ถึงไม่มีกระบวนการกรองควันก่อนปล่อยสู่อากาศ โรงงานเหล่านี้มีอุปกรณ์การกรองอากาศนะค่ะ แต่ดิฉันก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมพวกเขาถึงไม่นำมันมาใช้? พวกเขาเอาไว้ตั้งโชว์เฉยๆหรือว่าต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายหรือเปล่า? พวกเขาคงไม่สนใจว่าตัวเองได้สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมแล้วกระมัง?”]


.


.


[“อย่างที่ท่านผู้ชมเห็นในตอนนี้นะครับ บริเวณภายนอกของโรงงานมีปริมาณควันที่หนาทึบทีเดียวครับ เราจะไปลองสัมภาษณ์ชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมาบริเวณนี้ดูนะครับว่าพวกเขาคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร? สวัสดีครับ? ผมซุ่ยจุนอี้จากช่องCCTVนะครับ!”]


[“โอ้! ฉันจำคุณได้ ฉันชอบดูรายการของคุณ! รายการของช่องCCTVสนุกมากๆเลย!”]


หญิงวัยกลางคนกล่าวอย่างตื่นเต้น


[“ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ พอดีผมมีเรื่องที่อยากจะซักถามคุณสักหน่อยนะครับหวังว่าคงไม่รบกวนเวลาของคุณนะครับ ที่นี่มีควันหนาทึบเลยนะครับ คุณพอจะจำได้หรือเปล่าว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”]


เมื่อซุ่ยจุนอี้ถามจบ ผู้หญิงคนนี้ก็ชี้ไปที่โรงงานทันทีด้วยความโกรธ


[“ควันพวกนี้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อโรงงานย้ายมาตั้งที่นี่ แต่ก่อนแถวๆนี้นะคะเป็นที่ที่สะอาดและสวยงามมากเลย แล้วดูตอนนี้สิคะ? มีทั้งควัน มีทั้งกลิ่นเหม็น! ฉันเคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วนะคะแต่ก็ยังไม่มีใครสนใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหานี้เลย!”]


กล้องค่อยๆซูมไปยังโรงงานนั่นทันที แน่นอนว่ามันคือโรงงานโตชิบา!


[“อ๊ะ! ยังไม่พอแค่นั้นนะคะ! เสียงจากโรงงานยังดังอยู่ตลอดเวลา คุณได้ยินมันมั้ยคะ? เสียงมันดังแบบนี้เลย มันดังทั้งกลางวันและกลางคืน! เราแทบจะนอนไม่หลับเลยล่ะค่ะ!”]


[“แล้วสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ?”]


[“ตอนนี้นะเหรอ? มันไม่ได้ดีขึ้นหรอกค่ะ! พวกเราก็แค่ชินกับมันเท่านั้น”]


หญิงวัยกลางคนตอบอย่างคับแค้นใจ เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้มันดีขึ้นกว่านี้แล้ว เธอเอ่ยกับนักข่าวต่อทันที


[“ลูกชายของฉันพอเรียนจบก็ย้ายไปทำงานที่ต่างมณฑลเลย ตอนที่เขาเรียนอยู่เขาก็ไม่ค่อยอยากจะกลับบ้านเพราะกลับมาทีก็เริ่มไอไม่หยุด อีก2ปีเราก็จะย้ายออกจากที่นี่แล้ว ที่นี่ไม่เหมาะให้มครมาใช้ชีวิตอยู่หรอก!”]


.


.


เรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวในรายงานพิเศษนี้จะมุ่งเน้นไปที่ปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะซึ่ง ผู้ชมจะสังเกตได้ว่าโรงงานที่ถูกระบุในข่าวนี้คือโตชิบาและอีก 3 บริษัท


ตอนนี้ไม่มีใครคิดที่จะสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้แล้ว ทุกๆคนต่างชี้นิ้วไปที่พวกเขา! นักธุรกิจที่ชั่วร้ายพวกนี้กำลังหากำไรจากความทุกข์และชีวิตของมนุษย์ร่วมโลก!


(1) ค่าโลหะหนักที่ใช้ควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งจากโรงงานจะยึดตามประกาศกระทรวงของแต่ละประเทศซึ่งโลหะหนักจะประกอบไปด้วยสังกะสี,โครเมียม,สารหนู,ทองแดง,ปรอท,แคดเมียม,แบเรียม,ซีลีเนียม,ตะกั่ว,นิกเกิล,แมงกานีส


EG บทที่ 684 ไฟลุกโชนถึงต้นตอ 1


 


ในประเทศจีนแนวโน้มเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนกำลังด่าทอโซนี่ โตชิบา และอีกสองบริษัท ในขณะเดียวกัน ฟู่กวางเจิ้งและหลี่เจ๋อไคก็กลับไปฮ่องกง


 


หลี่เจ๋อไคกำลังคุยกับพ่อของเขาโดยหวังว่าจะให้พ่อช่วยกดดันบริษัทพวกนั้นอีกทาง


 


ปัจจุบันการขนส่งสินค้าหลักคือทางทะเล และซุปเปอร์แมนหลี่ก็คือจ้าวแห่งท่าเรือทางทะเล นี่เป็นเหตุผลที่ซุปเปอร์แมนหลี่คือหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ในแง่ของอิทธิพล เขามีอิทธิพลมากกว่าพวกนักธุรกิจที่มีอำนาจที่ดำรงตำแหน่งสูงเหนือกว่าเขาเสียอีก


 


นี่เป็นเพราะว่าซุปเปอร์แมนหลี่สามารถเลือกที่จะเล่นไม้แข็งได้ เขาสามารถเลือกที่จะไม่รับเงินของคุณได้ แต่ค่าขนส่งของคุณจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว นี่คือเหตุผลที่หลายบริษัทไม่ค่อยอยากทำให้ซุปเปอร์แมนหลี่ไม่พอใจ


 


การลงทุนที่สำคัญที่สุดของซุปเปอร์แมนหลี่คือท่าเรือ รองลงมาคืออสังหาริมทรัพย์ พลังงาน เทคโนโลยี และอื่นๆ แม้ว่าการจัดการท่าเรือทางทะเลอาจดูเหมือนว่าจะได้ผลกำไรไม่มากเท่าอสังหาริมทรัพย์ แต่ท่าเรือทางทะเลก็เป็นสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดของซุปเปอร์แมนหลี่ เขาสามารถใช้ประโยชน์จากท่าเรือนี้เพื่อให้มีอิทธิพลต่อการเมืองของประเทศอื่นๆ ได้


 


ซุปเปอร์แมนหลี่สงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เขาหยิบถ้วยน้ำชาของขึ้นมาจิบก่อนที่จะถามหลี่เจ๋อจูว่า “แกมีความคิดเห็นยังไง?”


 


หลี่เจ๋อจูมองพ่อและน้องชายของเขาและถามอย่างจริงจัง “ผมคิดว่าเราควรเตือนบริษัทพวกนั้น บริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นรู้ว่าครอบครัวของเรามีหุ้นอยู่ในบริษัทซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว และน้องชายยังคงเป็นประธานอยู่ พวกเขาทำแบบนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติเรา”


 


“ถ้าญี่ปุ่นต้องการส่งออกสินค้าไปยังฝั่งตะวันตกหรือส่วนอื่นๆ ของเอเชีย วิธีการขนส่งที่สะดวกและประหยัดที่สุดคือการขนส่งทางทะเล บริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นต้องการที่จะมีปากมีเสียงในท่าเรือบ้าง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินมากขนาดนี้เมื่อเราเข้าซื้อกิจการท่าเรือพวกนั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาบ้างแล้วล่ะ เราต้องทำให้พวกนั้นรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการที่มาทำให้ตระกูลหลี่ของเราไม่พอใจ!”


 


“อีกอย่างผมรู้สึกว่ารัฐบาลจีนอาจนิ่งเฉยและไม่ทำอะไรเลยเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ครอบครัวของเรามีหุ้นอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว และรัฐบาลจีนก็คอยจับตามองบริษัทเราเป็นพิเศษ การเตือนบริษัทพวกนั้นก็น่าจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลจีน เราจะสามารถสร้างความประทับใจให้แก่รัฐบาลจีนเพิ่มมากขึ้นได้ แบบนี้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์เช่นกัน”


 


ซุปเปอร์แมนหลี่พยักหน้า “รัฐบาลจีนไม่ใช่พวกที่ชอบยืนอยู่ข้างสนามโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดเลย พวกเขาจะสนับสนุนเราอย่างแน่นอน! อย่าลืมว่ายังมีคนนั้นอยู่ ประเทศจีนกำลังมีอำนาจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งประเทศอื่นๆ ก็รับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าประเทศจีนจะเผชิญหน้ากับประเทศไหนก็ตาม รัฐบาลจีนก็สามารถดำเนินการอย่างแข็งข้อได้หมด เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากข้อพิพาททางธุรกิจไปสู่ระดับสากล คนๆ นั้นไม่มีทางยอมแพ้ญี่ปุ่นหรอก!”


 


หลี่เจ๋อไคตาเป็นประกาย “พ่อเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรอครับ?”


 


“ใช่ แล้วทำไมฉันต้องไม่เห็นด้วยล่ะ? ฉันก็ถือหุ้นในซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวเหมือนกัน การกำหนดตัวอย่างให้คนอื่นดูถือเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งมาตั้งแต่สมัยโบราณ เราต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติตามกฎของเราและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดโดยผู้อื่น ตอนนี้บริษัทบางส่วนพวกนั้นกำลังให้โอกาสเราได้แสดงอิทธิพลของเรา เจ๋อจูโทรศัพท์ไปตอนนี้เลย โทรไปแจ้งท่าเรือทั้งหมดของเราให้จำกัดเรือของบริษัทบางส่วนพวกนั้นออกจากท่าเรือ ไม่อนุญาตให้บริษัทพวกนั้นขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือของเรา ถ้าบริษัทพวกนั้นขอเหตุผล ก็แค่บอกพวกเขาไปว่าเราไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น!”


 


ซุปเปอร์แมนหลี่อาจดูเหมือนเป็นคนใจดี แต่เมื่อถึงเวลาแบบนี้เขาก็น่ากลัวเหมือนกัน


“โอ้ เฝิงหยู่ขอให้ตระกูลฟู่กดราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นด้วย แล้วจากนั้นค่อยใช้โอกาสนี้สร้างผลกำไร เราควรร่วมมือกับพวกเขาด้วยมั้ยครับ?” หลี่เจ๋อไคถาม


 


“เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงเรื่องราคาหุ้น เราไม่เหมือนกับฟู่หยงฉี บริษัทของเขากำลังติดต่อธุรกิจกับตลาดการเงินและมีประสบการณ์มากมาย ความเสี่ยงในการทำเช่นนี้สูงมาก และเราอาจจะเดือดร้อนได้ง่ายๆ ถ้าเป็นไปได้เราจะอยู่ห่างๆ จากเรื่องนี้ดีกว่า เราจะเข้าไปมีส่วนร่วมก็ต่อเมื่อพวกเขาขอความช่วยเหลือจากเรา”


………..


 


“คุณลุงครับ เฝิงหยู่บอกว่าเขาโทรหาคุณลุงแล้ว เขาอยากกดราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นแล้วใช้โอกาสนี้เข้าซื้อหุ้นของพวกเขาเพื่อทำกำไร เขาให้ผมมาบอกคุณลุงว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะทำเช่นนั้นแล้วครับ”


 


“ลุงรู้แล้วล่ะ คราวนี้ลุงจะจัดการเรื่องนี้เอง กวางเจิ้ง เรามีโอกาสชนะมากน้อยแค่ไหนในสถานการณ์นี้?” ฟู่หยงฉีถาม


 


“ผมว่าเรามีโอกาสชนะมากกว่า 95% ครับ”


 


“โอ้? ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ? บริษัทพวกนั้นมีมูลค่าหลายพันล้าน พวกนั้นล้วนเป็นบริษัทข้ามชาติ พวกเขากำลังรวบรวมจุดแข็งและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เธอแน่ใจแล้วหรือว่าจะชนะได้?” ฟู่หยงฉีถามเขากลับ


 


“เราก็ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนเหมือนกัน เฝิงหยู่ได้รับความช่วยเหลือจากหัวหน้าระดับสูงแล้ว  นอกจากนี้รัฐบาลจีนจะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนพวกเราด้วย แม้ว่าดูเหมือนว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะแข็งแกร่งกว่าจีน แต่ทุกคนก็รู้ถึงศักยภาพของตลาดจีน หลายประเทศต้องการที่จะค้าขายกับจีนและด้วยเหตุนี้รัฐบาลจีนจึงมีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับญี่ปุ่นมากขึ้น เฝิงหยู่ยังบอกด้วยว่าจะมีบางสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นในญี่ปุ่น ผมคิดว่าเขายังมีไพ่ลับซ่อนอยู่อีกแน่ๆ”


 


“เธอยังไม่รู้เลยว่าแผนของเขาคืออะไรและเธอก็เชื่อแล้วหรอว่าเธอจะประสบความสำเร็จ?” ฟู่หยงฉีถาม


 


ฟู่กวางเจิ้งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “มีอีกเรื่องหนึ่งที่ยืนยันความมั่นใจของผมครับ นั่นก็คือคุณลุงตกลงที่จะช่วยเฝิงหยู่กดราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นยังไงล่ะครับ”


 


“ฮ่าๆๆๆ”


……………..


 


“ท่านประธานครับ นี่คือหนังสือพิมพ์ของวันนี้ครับ” ผู้ช่วยของโนริโอะ โอกะส่งหนังสือพิมพ์ให้เขา เขาหยุดอยู่พักหนึ่งและดูเหมือนว่ามีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกท่านประธาน


 


“มีเรื่องอะไร?”


 


“ท่านประธานครับ ลองอ่านหนังสือพิมพ์ดูก่อนครับ” ผู้ช่วยพูด


 


หนังสือพิมพ์? วันนี้มีข่าวสำคัญอะไรหรอ? มีรายงานข่าวเกี่ยวกับการขายเครื่องเพลย์สเตชั่นของเรางั้นหรอ?  นินเทนโดเปิดตัวเครื่องเกมใหม่ที่จะมาแข่งกับเราหรอ?


 


โนริโอะ โอกะอ่านหนังสือพิมพ์ เมื่อเขาเห็นพาดหัวข่าว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!


 


โรงงานของโตชิบา โซนี่และบริษัทอื่นๆ ในประเทศจีนก่อให้เกิดมลพิษร้ายแรง สุขภาพและความปลอดภัยของคนงานไม่ได้รับการใส่ใจ และการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจำนวนมากถูกเพิกเฉย


 


รัฐบาลจีนเป็นกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้และต้องการให้มีการสอบสวนบริษัทดังกล่าว บริษัทญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องทำให้ภาพพจน์ของญี่ปุ่นเสื่อมเสียและก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อชื่อเสียงของญี่ปุ่น เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ด้วย……


 


แบบนี้หมายความว่ายังไง? โซนี่ไม่ได้มีโรงงานในจีนสักหน่อย! เอิ่ม…… หลังจากที่โซนี่และโตชิบ้าเป็นหุ้นส่วนกัน โรงงานของโตชิบ้าในประเทศจีนก็ให้ความช่วยเหลือโซนี่ในการผลิตสินค้าของพวกเขา


 


แต่มลพิษและการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการทำงานซึ่งเกิดจากโรงงานของโตชิบ้ามันเกี่ยวข้องอะไรกับโซนี่ล่ะ? ทำไมต้องพูดถึงโซนี่ในข่าวนี้ด้วย?!


 


นอกจากนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นจนมาถึงขั้นเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้แล้ว ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย? ถึงขั้นมีรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์ของญี่ปุ่นแล้วด้วย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์โซนี่แน่นอน!


EG บทที่ 685 ไฟลุกโชนถึงต้นตอ 2


 


ประธานของพานาโซนิคมาถึงที่ทำงานและถามผู้ช่วยของเขาว่า “หนังสือพิมพ์ที่พวกเราควบคุมอยู่ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์โกลาหลที่เกิดจากโซนี่ โตชิบ้า และบริษัทพวกนั้นในประเทศจีนแล้วหรือยัง?”


“รายงานแล้วครับ ไม่เพียงแต่หนังสือพิมพ์ของเราเท่านั้นนะครับ แต่หนังสือพิมพ์อื่นๆ อีกมากมายก็รายงานเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้ เรายังจัดให้ข่าวช่วงบ่ายออกอากาศตอนเมื่อวานของรายการข่าวยอดนิยมของสถานีโทรทัศน์ CCTV ด้วย ตอนนี้รายการนำเสนอข่าวเชิงลบทั้งหมดเกี่ยวกับโซนี่ โตชิบ้า และบริษัทอื่นๆ ที่เหลือ” ผู้ช่วยตอบอย่างตื่นเต้น


พานาโซนิคและโซนี่เป็นคู่แข่งกัน และครั้งนึงพานาโซนิคก็เคยล้ำหน้ามากกว่าบริษัททั้งสี่ที่เหลือนี้ แต่ตอนนี้ทั้ง 4 บริษัททำได้ดีกว่าพานาโซนิค ตอนนี้ บริษัทพวกนั้นกำลังเดือดร้อนและนี่เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมของพานาโซนิค


หากนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังบริษัททั้งสี่นี้ไม่ได้รับชัยชนะและให้การดูแลเป็นพิเศษแก่พวกเขา ทั้งสี่บริษัทนี้จะพัฒนารวดเร็วมากแบบนี้ได้อย่างไร?


เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ราคาหุ้นของทั้ง 4 บริษัทไม่เพียงแต่จะดิ่งลงเท่านั้น แต่นักการเมืองที่สนับสนุนพวกเขาก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน นี่เป็นโอกาสสำหรับพานาโซนิคที่จะก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้งและเอาชนะโซนี่ โตชิบ้าและ บริษัทอื่นๆ อีกมากมายได้


นี่คือเหตุผลที่เมื่อตอนที่เฮะทาโร นาคาจิมะ จากไอว่าเป็นตัวแทนของเฝิงหยู่มาติดต่อประธานของพานาโซนิค และต้องการให้เขาพุ่งเป้าไปที่โซนี่ โตชิบ้า และอีกสองบริษัทผ่านสื่อ เขาจึงเกิดความรู้สึกคล้อยตาม


นอกจากนี้ ไอว่ายังบอกเขาว่าพวกเขาจะอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องได้ และเขาก็รีบตอบตกลงทันที


แค่ทำให้โซนี่ โตชิบ้า และอีกสองบริษัทมีปัญหาก็เพียงพอแล้วที่พานาโซนิคจะยอมตอบตกลงด้วย อีกอย่างพานาโซนิคยังรู้สึกว่าบริษัทพวกนั้นทำเกินกว่าเหตุมากเกินไป


ยังคงเป็นที่ยอมรับได้หากบริษัทพวกนั้นจะใช้ทรัพยากรของจีน แต่การสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและการเพิกเฉยต่อคนงานที่ได้รับบาดเจ็บนั้น มันมากเกินไป พวกเขาดูถูกคนญี่ปุ่นทั้งหมด โรงงานพวกนั้นสามารถสร้างรายได้ด้วยการผลิตสินค้าโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แล้วทำไมพวกเขาต้องสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมด้วย? แม้ว่าพวกเขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำลายสิ่งแวดล้อม แต่พวกเขาก็ต้องไม่ปล่อยให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับได้ แต่พวกเขาก็ต้องหาข้อแก้ตัวที่ฟังดูดี เช่น เขาได้รับอนุญาตจากหน่วยงานในท้องที่หรือโรงงานของประเทศอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน


โรงงานของประเทศอื่นในประเทศจีนไม่ได้สร้างมลภาวะหรอ? ใช่ พวกเขาก็ทำเหมือนกัน แต่ความเสียหายที่เกิดจากพวกนั้นไม่ได้ร้ายแรงเท่านี้


อันที่จริงแล้วโตชิบ้าและโรงงานอื่นๆ ได้ปกปิดเรื่องนี้อย่างมิดชิด พวกเขาดูแลหน่วยงานในท้องถิ่น แต่ตอนนี้พวกเขากำลังถูกเปิดโปง และก็ชี้เป้ามาที่พวกเขาโดยเฉพาะ


เฮะทาโร นาคาจิมะไม่เพียงแต่ติดต่อกับพานาโซนิคเท่านั้น แต่เขายังติดต่อบริษัทใหญ่หลายแห่งในญี่ปุ่นด้วย บริษัทพวกนั้นล้วนเป็นสมาชิกของกลุ่ม DVD พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์บางอย่างตอบแทนในการทำให้สื่อมาอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาเพื่อเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้


บริษัทพวกนั้นได้รับผลประโยชน์บางอย่าง ในขณะเดียวกันพวกเขาจะสามารถเอาชนะคู่แข่งและขยายช่องว่างระหว่างพวกเขาได้ พันธมิตร DVD และกลุ่ม DVD ยังคงแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม หากชื่อเสียงของทั้ง 4 บริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ความก้าวหน้าของพวกเขาจะต้องถดถอยลงแน่ๆ


ผลกำไร สิ่งที่บริษัทพวกนั้นต้องการก็คือผลกำไร ภาพลักษณ์ของแบรนด์หรือชื่อเสียงของบริษัทเป็นเพียงเหตุผลเล็กน้อยในการที่พวกเขาให้ความช่วยเหลือเฝิงหยู่ เป้าหมายหลักของพวกเขาคือผลกำไรที่เกิดขึ้นจากการทำให้โซนี่ โตชิบ้า และบริษัทอีกสองแห่งต้องประสบปัญหา


บริษัททั้งหมดอยากได้การอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยี DVD ได้ ความเป็นไปได้และศักยภาพในอนาคตของ DVD นั้นดีมาก และพวกเขาทุกคนก็ต้องการผลกำไร


แม้ว่าพายจะมีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีคนมาร่วมแบ่งน้อยลงหนึ่งคน คนอื่นที่เหลือก็จะได้ชิ้นที่ใหญ่ขึ้น


นี่คือเหตุผลที่บริษัทพวกนั้นทั้งหมดยินดีที่จะเข้าร่วมและโจมตีโซนี่ โตชิบ้า และอีกสองบริษัท ในขณะเดียวกัน บริษัทก็สามารถเพิ่มภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ด้วย นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขาและพวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร?


………


 


“พานาโซนิคได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับมลพิษที่เกิดจากโตชิบ้าและบางบริษัทในประเทศจีนแล้ว ไม่ควรมีบริษัทไหนที่ทำเช่นนี้ในประเทศอื่นๆ การกระทำของโตชิบ้า โซนี่และอีกสองบริษัทในประเทศจีน นำความอับอายมาสู่ญี่ปุ่น พวกเขาควรขอโทษทันทีและเลิกพูดปัดและปฏิเสธการกระทำของพวกเขา”


“เฮะทาโร นาคาจิมะ ประธานของไอว่า กล่าวว่าวอล์คแมนของไอว่าสามารถเอาชนะโซนี่ได้ และเครื่องเล่นซีดีของไอว่าจะสามารถตามพวกเขาทันได้ นั่นเป็นเพราะว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์ไอว่าดีกว่า แถมบริษัทยังปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนประหนึ่งเป็นสมาชิกของครอบครัวใหญ่ด้วย”


“เราจะเห็นได้ว่าหลังจากข่าวของโตชิบ้าและบริษัทอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมได้รับการตอบรับจากสื่อยุโรปและสหรัฐอเมริกา ผู้สื่อข่าวจำนวนมากถูกส่งไปติดต่อบริษัทที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่พบประธานของโตชิบ้าและบริษัทอื่นๆ”


“พวกเขาเก็บตัวเงียบเพื่อปกปิดความผิดของตัวเองหรือเปล่า? ไม่มีบริษัทที่เกี่ยวข้องรายใดออกมาชี้แจงข่าวที่รายงานในสื่อของจีนเลย จากรูปภาพและวิดีโอ เราสามารถเห็นโลโก้ของบริษัทพวกนั้นได้”


…………………


 


ภายในช่วงเที่ยง เหตุการณ์นี้ถูกรายงานไปทั่วสื่อของญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นกระแสโด่งดังและกลบข่าวอื่นของนักการเมืองบางคน


สาเหตุที่อยู่ดีๆ เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นและกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันทีก็เป็นเพราะว่าพานาโซนิคและบริษัทอื่นๆ หลายแห่ง แถมฟู่หยงฉียังใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟด้วย ในการกดราคาหุ้นของบริษัท วิธีที่ง่ายที่สุดคือการทำให้บริษัทนี้สูญเสียความน่าเชื่อถือและทำให้ผู้ถือหุ้นหมดความมั่นใจต่อ บริษัท ด้วยวิธีนี้ผู้ถือหุ้นจะทิ้งหุ้นทั้งหมดที่ตัวเองถืออยู่ และราคาหุ้นก็จะดิ่งตัวลง


ตระกูลฟู่มีช่องทางการจัดจำหน่ายมากมายในหลายภูมิภาค เนื่องจากพวกเขามักจะต้องโฆษณาสินค้าของพวกเขา ทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อในภูมิภาคนั้น พวกเขาสามารถทำให้สื่อเหล่านั้นรายงานเหตุการณ์นี้ได้อย่างง่ายดายโดยใช้เงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น


เมื่อผู้คนเริ่มสังเกตเห็นข่าวนี้ สื่อที่เหลือก็จะเริ่มรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ นั่นเป็นเพราะว่าข่าวนี้จะดึงดูดความสนใจในการรับชมและสามารถนำผลกำไรมาให้สื่อได้


นอกจากนี้ หลายประเทศเกลียดญี่ปุ่น สาเหตุหลักมาจากลักษณะนิสัยของคนญี่ปุ่นที่เป็นพวกเย่อหยิ่ง และ บริษัทญี่ปุ่นก็โลภมากเกินไป นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้บริษัทญี่ปุ่นเสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้ภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นเสื่อมเสียด้วย แล้วพวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร?


ช่วงบ่ายแก่ๆ มีข่าวอีกหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องตื่นตระหนก


ซุปเปอร์แมนหลี่ จ้าวแห่งท่าเรือทางทะเล ประกาศว่าท่าเรือของบริษัทเขาจะไม่ทำธุรกิจกับโตชิบ้า โซนี่ และ บริษัทอื่นๆ เหตุผลก็คือ……….ทุกคนก็น่าจะรู้เหตุผลเป็นอย่างดี


“ทุกคนก็น่าจะรู้เหตุผลเป็นอย่างดี” คือเหตุผลที่ซุปเปอร์แมนหลี่ให้ไว้ ความหมายที่แท้จริงของแถลงการณ์นี้คืออะไร? หลายคนต่างพากันคาดเดา แต่ทุกคนเชื่อว่าเหตุผลหลักก็คือฮ่องกงกำลังจะกลับคืนสู่จีนและซุปเปอร์แมนหลี่ต้องการที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อเอาใจสู่รัฐบาลจีน


แต่ไม่ว่าซุปเปอร์แมนหลี่ต้องการจะสื่อความหมายว่าอะไรก็ตามในแถลงการณ์นี้ ราคาหุ้นของโซนี่ โตชิบ้า และอีกสองบริษัทก็ปรับตัวลดลงไปอีกหลังจากที่มีการปล่อยข่าวนี้ออกมา ผู้ถือหุ้นทั้งหมดรู้สึกว่าราคาค่าขนส่งของบริษัทพวกนี้จะเพิ่มขึ้นและพวกเขาจะสูญเสียตลาดจีนที่กว้างใหญ่ไป นอกจากนี้ โรงงานในจีนจะปิดตัวลงและความสามารถในการผลิตของบริษัทพวกนี้ก็จะได้รับผลกระทบ ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นไปอีก สิ่งนี้จะทำให้บริษัทต่างๆ มีกำไรลดลงและพวกเขาก็อาจจะเดือดร้อนตามไปด้วยเพราะทำให้ตัวเลขในบัญชีบริษัทติดลบ


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครกันที่อยากจะถือหุ้นของบริษัทพวกนี้ต่อไป?


………..


เป๊าะ!


โนริโอะ โอกะหักปากกาในมือของเขา ทำไมเรื่องมันกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้?!


EG บทที่ 686 คนล้มต้องซ้ำ


 


“ประธานครับ ราคาหุ้นของเราลดลงเรื่อยๆ เลยครับ!” ผู้ช่วยวิ่งเข้ามาทำงานในห้องทำงานด้วยความตื่นตระหนก


ราคาหุ้นตกลงหรอ? สีหน้าของโนริโอะ โอกะดูออกเลยว่าอารมณ์เสียมาก เมื่อหนังสือพิมพ์รายงานเหตุการณ์นี้ในตอนเช้า เขาก็รู้เลยว่าเรื่องแบบนี้นี้จะต้องเกิดขึ้นและได้เพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาพูดเกินจริงเกี่ยวกับยอดขายของเครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชั่นเพื่อพยายามสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้น


“ราคาหุ้นลดลงมากแค่ไหน?”


“5% แล้วครับ”


“อะไรนะ? ราคาหุ้นลดลง 5% แล้วหรอ?!” โนริโอะ โอกะรู้สึกตกใจมาก 5% เลยหรอ? ทำไมราคาหุ้นถึงดิ่งลงมากขนาดนี้? แม้ว่าโซนี่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวแล้ว แต่บริษัทก็ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กด้วย และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กก็เป็นจุดสนใจหลักของพวกเขา แต่ถ้าราคาหุ้นลดลงในโตเกียว ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กด้วย


ในตอนกลางคืน เมื่อตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเปิดทำการ โซนี่จะตกอยู่ในภาวะวิกฤตแน่ๆ! หากวิกฤติครั้งนี้ไม่ได้รับการจัดการเป็นอย่างดี มูลค่ารวมของโซนี่จะลดลงหลายพันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว!


โนริโอะ โอกะประสบความสำเร็จจากวีซีดีภาพยนตร์ของโซนี่บางส่วน และช่วยลดการขาดทุนของโซนี่-โคลัมเบีย พิคเจอร์ส เขารู้สึกว่าโซนี่-โคลัมเบีย พิคเจอร์ส จะเริ่มทำกำไรได้ในปีหน้า


นอกจากนี้ เครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชั่นที่เพิ่งเปิดตัวใหม่จะสร้างผลกำไรสูงให้กับโซนี่ เมื่อรวมเข้ากับเทคโนโลยีซีดีรอมและการเป็นหุ้นส่วนกับโตชิบ้า พวกเขาจะสามารถพัฒนาดีวีดีรอมได้ในไม่ช้า นี่จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ล่าสุดของโซนี่ แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักลง


ตอนนี้ความหวังทั้งหมดของโนริโอะ โอกะ หายไปในพริบตาอันเนื่องมาจากข่าวในแง่ลบและการลดลงของราคาหุ้น!


ข่าวในแง่ลบจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าแบรนด์ของโซนี่และยอดขายสินค้าของพวกเขา ใครก็ตามที่ใช้สินค้าของโซนี่จะถูกคนอื่นรังเกียจ “ทำไมคุณถึงใช้สินค้าจากบริษัทชั่วร้ายที่ไร้ความปรานีนั้นล่ะ?”


โซนี่ขาดทุนมาหลายปีแล้ว หากบริษัทไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน ป่านนี้พวกเขาคงจะล้มละลายไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว


ราคาหุ้นของโซนี่ไม่ได้ลดลงเนื่องจากการขาดทุน พวกเขายังรักษาราคาหุ้นเอาไว้ได้ด้วยแบรนด์ของพวกเขาในขณะเดียวกันก็พยายามหาวิธีที่จะเปลี่ยนการขาดทุนให้เป็นกำไร นี่ยังก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โนริโอะ โอกะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นประธานรักษาการได้


แต่ถ้าราคาหุ้นของโซนี่ร่วงลงภายใต้การรักษาการของโนริโอะ โอกะ ผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการจะโทษและตำหนิเขาและหาคนมาแทนที่เขาแน่ๆ!


“คุณอาคิโอะรู้เรื่องนี้หรือยัง?” โนริโอะ โอกะถาม


“เขาน่าจะรู้ข่าวนี้แล้วนะครับ ผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการทุกคนก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้วด้วย” ก่อนที่ผู้ช่วยจะพูดจบ โทรศัพท์ของโนริโอะ โอกะบนโต๊ะก็ดังขึ้น


“ฮัลโหล? ผมทราบครับ”


หลังจากวางสาย สีหน้าของโนริโอะ โอกะก็ดูหดหู่มากขึ้น มีการเรียกประชุมคณะกรรมการในทันทีและเหตุผลก็เป็นที่รู้กันอยู่อย่างชัดเจน


………………..


 


“โนริโอะ โอกะ คุณน่าจะรู้เรื่องราคาหุ้นของบริษัทเราแล้ว ราคาตกลงฮวบฮาบจนกระทั่งตลาดปิด ซึ่งลดลงไปถึง 9.2% คุณรู้หรือเปล่าว่าเราขาดทุนไปมากขนาดไหน?” กรรมการคนหนึ่งถาม


“คุณอยู่กับโซนี่มาสักระยะหนึ่งแล้ว ตอนที่คุณยังดำรงตำแหน่งรองประธานอยู่ คุณขายหุ้นไอว่าให้กับชายชาวจีน และยอดขายวอล์คแมนของเราก็ลดลงทุกปี ส่วนแบ่งการตลาดของเราก็ลดลงจาก 60% เป็น 20% เรายังพอเข้าใจได้ว่าส่วนแบ่งการตลาดถูกครอบครองโดยพานาโซนิค เจวีซี หรือบริษัทอื่นๆ แต่จากสิ่งที่เรารู้มา ส่วนแบ่งการตลาดถูกครอบครองโดยไอว่า เจ้าเฮะทาโร นาคาจิมะคนนั้น!” กรรมการอีกคนตะคอกเสียงดัง


“คุณทำอะไรให้โคลัมเบียพิคเจอร์สบ้าง? เงินทุนจำนวนมากถูกลงทุนไปเพื่อสร้างภาพยนตร์ แต่ไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนขายดีเลย คุณแทบจะไม่สามารถสร้างยอดขายจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ได้เลยด้วยซ้ำ เรากำลังขาดทุนทุกปี นี่คือสิ่งที่คุณควรทำงั้นหรอ?”


ตอนนี้ มีคนพูดถึงสิ่งที่โนริโอะ โอกะสามารถเถียงกลับได้แล้ว


“ผมไม่ใช่คนที่ตัดสินใจเรื่องการเข้าซื้อโคลัมเบียพิคเจอร์สนะครับ มันคือการตัดสินใจร่วมกัน ผมไม่ใช่คนที่เลือกขายหุ้นไอว่าให้กับชายจีนคนนั้นด้วย ทุกคนในที่นี้ร่วมกันตัดสินใจ! ผมเป็นคนช่วยสร้างผลกำไรให้โคลัมเบียพิคเจอร์จากลิขสิทธิ์ในภาพยนตร์เก่าของพวกเขา ปีนี้เราขายวีซีดีไปได้กี่แผ่น? นี่ไม่ถือว่าเป็นความทุ่มเทของผมต่อบริษัทอีกหรอครับ?”


“นั่นเป็นเพราะตลาดโดยรวมเริ่มดีขึ้น ไม่ใช่เป็นเพราะความพยายามของคุณ หลังจากการหักหลังของนินเทนโด คุณก็สนับสนุนเคน คูตารากิ เพื่อพัฒนาเครื่องเล่นเกมของเรา เราลงทุนทั้งเงินและทรัพยากรไปตั้งเท่าไหร่? แล้วสุดท้ายเป็นยังไง? เครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชั่นเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และเราเชื่อคำพูดของคุณว่าสินค้านี้จะนำผลกำไรมาสู่บริษัทได้ แต่ตอนนี้ใครจะอยากซื้อสินค้าของโซนี่มิทราบ?!”


“ผู้อำนวยการวาตานาเบะ คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ? เราได้ลงทุนในอุตสาหกรรมวิดีโอเกมมาตลอดหลายปี พวกเราจะยอมแพ้ต่อความพยายามมานานหลายปีเพียงเพราะว่าการหักหลังของนินเทนโดแค่นั้นหรอครับ? เรายังต้องการแหล่งรายได้ใหม่เพื่อเพิ่มผลกำไรของเรา เครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชั่นของเราก็ประสบความสำเร็จมากด้วย เราใช้เทคโนโลยีซีดีรอมในเครื่องเล่นเกมนี้ และสินค้าของเราก็ล้ำหน้าที่สุดในตลาด นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการหรอครับ?”


“ซีดีรอมงั้นหรอ? ผมยอมรับนะว่าเทคโนโลยีนี้ดีและการใช้แผ่นซีดีบนเครื่องเล่นเกมก็เป็นความคิดที่สร้างสรรค์มาก แต่ในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เรายังล้าหลังคนอื่นในเรื่องของการพัฒนาดีวีดี โซนี่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของโตชิบ้างั้นหรอ?! อีกอย่าง การตัดสินใจของคุณที่จะร่วมมือกับโตชิบ้านั้นก็เป็นหายนะครั้งใหญ่ มันคือความหายนะต่อภาพลักษณ์แบรนด์ของเรา!”


“ทั้งหมดนั่นเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงเลยนะครับ เราไม่มีโรงงานในประเทศจีน โตชิบ้าก็แค่ผลิตสินค้าให้เราเท่านั้น ซึ่งก็เพื่อลดต้นทุนการผลิตของเราและทำให้เราสามารถกลับเข้าสู่ตลาดจีนได้อีกครั้ง นี่คือเป้าหมายของเรามาโดยตลอด”


โนริโอะ โอกะเกือบจะระเบิดด้วยความโมโห เขาต้องรับผิดชอบการกล่าวโทษทั้งหมดคนเดียว เหตุการณ์มลพิษทางสิ่งแวดล้อมครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโซนี่เลย แต่โซนี่ก็พลอยถูกหางเลขไปด้วย!


“คุณคิดว่าโตชิบ้าจะออกมาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรอ? คุณคิดว่าโตชิบ้าจะรับผิดชอบทั้งหมดจริงๆ หรอ?”


โนริโอ โอกะนิ่งเงียบ ถ้าเขาเป็นประธานของโตชิบ้า เขาก็ไม่รับผิดชอบทั้งหมดหรอก ที่ผ่านมา โนริโอะ โอกะ สั่งให้คนไปสร้างปัญหาในประเทศจีน ไม่มีทางที่โนริโอะ โอกะจะสามารถหลบหนีความรับผิดชอบนี้ไปได้


ตอนนี้เรื่องแดงขึ้นมาแล้ว และทุกคนก็ได้รับความเสียหาย มันสายเกินไปที่โซนี่จะหลุดพ้นออกจากเรื่องนี้ไปได้! หากโซนี่ต้องปัดความผิดทั้งหมดไปไห้โตชิบ้าเพื่อหลีกหนีความรับผิดชอบ พวกเขาจะต้องทะเลาะกับโตชิบ้า และโตชิบ้าจะต้องตอบโต้อย่างแน่นอน โซนี่จะมีศัตรูเพิ่มอีกหนึ่งราย นอกจากนี้ โซนี่จะต้องออกจากวงการธุรกิจเกมดีวีดีด้วย


ทันใดนั้นรองประธานคณะกรรมการของโซนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “โนริโอะ โอกะถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องก้าวลงจากตำแหน่ง คุณต้องรับผิดชอบต่อข้อกล่าวหาทั้งหมด แบบนี้โซนี่จะได้ปลอดภัย”


โนริโอะ โอกะรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดเข้าอย่างจัง เขาพยายามอธิบายให้ตัวเองรอดพ้นจากข้อกล่าวหา แต่คนพวกนี้ก็ยังต้องการให้เขาลาออก!


ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของโนริโอะ โอกะ เรื่องทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?


ไม่มีทาง! ฉันยังมีโอกาสสุดท้ายเหลืออยู่!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม