Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น 673-679

 EG บทที่ 673 เราจะควบกิจการดีหรือไม่?


 


หลี่ต้าจุนและซ่งจิงเซียนชะงักค้างทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้จากเฝิงหยู่ นี่เขาคิดที่จะลงทุนกับกวางตุ้งสตรองกรุ๊ปงั้นหรือ?


ซ่งจิงเซียนขมวดคิ้วมุ่น นี่เป็นเพียงบริษัทขนาดเล็กและมันคุ้มค่าที่จะร่วมลงทุนด้วยหรือไง? มันเป็นเพียงบริษัทที่ผลิตสินค้าประเภทเยลลี่หรือวุ้นได้เท่านั้น ยังมีอีกหลายๆบริษัทในหางโจวที่สามารถผลิตสินค้าประเภทนี้ได้ บริษัทที่สามารถผลิตได้แค่เยลลี่มันมีอะไรพิเศษกัน?


เฝิงหยู่กำลังสนใจในตัวสตรองกรุ๊ปหรือหลี่ต้าจุนกันแน่? หลี่ต้าจุนผู้นี้ดูเป็นคนที่ทำง่านเก่งและมีประสบการณ์อย่างโชกโชน เขาสามารถรู้ได้ว่าลีฮาฮากำลังมองหาบริษัทผู้รับเหมาย่อมหมายความว่าคอนเนคชั่นของเขาต้องไม่ธรรมดา แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้เขาก็ไม่มีอะไรที่แข็งแกร่งหรือพอจะเทียบกับบริษัทอื่นๆได้เลย


ซ่งจิงเซียนรู้ว่าเฝิงหยู่อยากร่วมลงทุนกับบริษัทนี้แต่มันไม่ได้มีความจำเป็นเลยสักนิด บริษัทนี้ไม่มีจุดเด่นอะไรเลยหากเทียบกับบริษัทที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้


หลี่ต้าจุนมองไปที่เฝิงหยู่ด้วยความสับสน ชายหนุ่มคนนี้หมายความว่าอย่างไร? เขาพยายามที่จะช่วยฉันงั้นหรือ? เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่า?


“เอ่อ..คุณ”


“ผม..แซ่เฝิงครับ”


“คุณเฝิงครับ? ผมไม่เข้าใจความหมายของคุณ?”


หลี่ต้าจุนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย


“คุณมาพบเราถึงที่และยังแสดงความต้องการที่จะเป็นผู้รับเหมาของเราอีก นั่นหมายความว่าสถานการณ์ของบริษัทคุณไม่ได้ดีมากนัก แม้ว่าคุณจะยืนยันว่าบริษัทของคุณโตขึ้นแต่สิ่งที่คุณซ่งพูดก็ถูกเช่นกัน บริษัทของคุณไม่ได้ใหญ่เลยสักนิด ซึ่งตอนนี้ตลาดวุ้นก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและทุกๆบริษัทต่างก็ทำเงินได้จากธุรกิจนี้ มันก็ถือเป็นเรื่องปกติที่คุณจะคิดว่าบริษัทของคุณสามารถทำเงินได้จากธุรกิจนี้”         “เอ่อ..บริษัทของเราประสบปัญหาเพราะมีหนี้สินอยู่บ้างแต่มั่นใจได้เลยครับว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อออเดอร์ของลีฮาฮาเป็นอันขาด”


เฝิงหยู่โบกมือปฏิเสธ


“ผมไม่ได้กังวลกับเรื่องนั้นหรอกครับ สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือผมสามารถลงทุนในบริษัทของคุณได้หากบริษัทของคุณขาดเงินทุน ก็เหมือนที่ผมทำกับลีฮาฮาล่ะครับ ผมสามารถร่วมลงทุนกับพวกคุณทุกคนได้และจะไม่รบกวนการดำเนินงานและการบริหารของพวกคุณ แต่ว่าบริษัทของคุณจะต้องอยู่ในความดูแลของบริษัทผมและผลกำไรทั้งหมดผมจะเป็นคนเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด”


หลี่ต้าจุนหันสายตาไปถามซ่งจิงเซียนว่าจริงหรือไม่? ก่อนที่ซ่งจิงเซียนจะพยักหน้ารับเบาๆ


“ผู้จัดการเฝิงคือผู้ถือหุ้นหลักของลีฮาฮาและเขาก็ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของเราเลยสักนิด..คุณสามารถวางใจในตัวเขาได้”


“คุณเฝิง…เอ่อ..ผู้จัดการเฝิงครับ? สตรองกรุ๊ปถือเป็นธุรกิจครอบครัว โดยผมและพี่น้องอีก 2 คนเป็นคนก่อตั้งมันขึ้นมา แม้ว่าผมจะเป็นประธานแต่ก็ต้องปรึกษาพวกเขาก่อนครับ”


“แล้วแต่คุณเลยครับ แจ้งให้ผมทราบแล้วกันหากพวกคุณตกลงกันได้แล้ว คุณติดต่อมาหาผมตามเบอร์นี้ได้เลย ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินลงทุนมากเท่าไหร่ผมก็ยินดีทำตามความประสงค์ของคุณครับ!”


เฝิงหยู่กล่าวอย่างมั่นใจ


โรงงานขนาดเล็กจะมีมูลค่าการลงทุนเท่าไหร่กัน? ประมาณ 2 ล้านหยวนก็มากเกินพอแล้ว หากพวกเขามีมูลค่าธุรกิจที่ใหญ่กว่านี้คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะควบกิจการของกวางตุ้งสตรองกรุ๊ปมาได้


หลังจากหลี่ต้าจุนขอตัวกลับ เขาก็ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเคร่งเครียด ก่อนหน้านี้อาการปวดหัวเพราะภาระหนี้สินทำให้เขาต้องระดมหาเงินอย่างเร่งด่วนเพื่อนำมาหมุนในการจัดการเรื่องต่างๆในบริษัท เขาได้ยินมาว่าลีฮาฮาต้องการบริษัทรับเหมาเพื่อผลิตสินค้าให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงลองเสี่ยงมายื่นข้อเสนอเล็กๆกับพวกเขา เขาต้องการที่จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทและทำให้บริษัทพ้นจากวิกฤตให้ได้


แต่ซ่งจิงเซียนกลับปฏิเสธข้อเสนอนี้เพราะบริษัทของเขาเป็นเพียงบริษัทขนาดเล็ก แต่ทันใดนั้นผู้จัดการเฝิงก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับโน้มน้าวใจซ่งจิงเซียนเพื่อให้โอกาสแก่กวางตุ้งสตรองกรุ๊ป แม้ว่ามันจะไม่ใช่ออเดอร์ที่ใหญ่มากแต่มันก็เพียงพอในการแก้ปัญหาหนี้สินของบริษัท เจ้าหนี้จะได้รับเงินคืนภายในเดือนหน้า


หลังจากเคลียร์หนี้สินได้ครบและต่อให้พวกเขาไม่ได้รับออเดอร์จากลีฮาฮาแล้ว พวกเขาก็สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้โดยไม่ต้องกังวลกับอะไรอีก แม้ว่ามันจะเป็นเพียงบริษัทผลิตสินค้าประเภทวุ้นหรือเยลลี่ก็สามารถทำกำไรได้เช่นกัน


แต่ตอนนี้ผู้จัดการเฝิงกลับต้องการร่วมลงทุนในบริษัทด้วย เขายังอ้างอีกว่าสามารถทุ่มเงินลงทุนได้ตามที่สตรองกรุ๊ปต้องการ ทำไมเขาถึงอยากทำเช่นนี้?


หลี่ต้าจุนก็คิดแบบเดียวกับซ่งจิงเซียน มันก็แค่วุ้นเท่านั้น! มีบริษัทอีกหลายแห่งที่ผลิตสินค้าประเภทนี้ แม้แต่ลีฮาฮาก็สามารถผลิตวุ้นหรือเยลลี่ได้เองหรือแม้แต่ซื้อโรงงานขนาดกลางพวกเขาก็ยังสามารถทำได้ แล้วทำไมผู้จัดการเฝิงจึงเลือกบริษัทของเขาล่ะ? หรือเป็นเพราะผู้จัดการเฝิงได้ยินที่เขาแนะนำว่าสตรองกรุ๊ปมีการผลิตวุ้นผสมกับผลไม้แบบใหม่ขึ้นมา ผู้จัดการเฝิงจึงตัดสินใจร่วมลงทุนด้วย แต่การผสมน้ำผลไม้เข้าไปในวุ้นจะทำให้อายุของผลิตภัณฑ์สั้นลงและเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าในท้องตลาดจะตอบรับสินค้าชนิดนี้ไปในทิศทางใด?


ที่สำคัญผลิตภัณฑ์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา มันยังไม่ได้มีความพร้อมทั้งในด้านรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดี เขาควรแจ้งเรื่องนี้ให้กับผู้จัดการเฝิงทราบหรือไม่?


หากเขาเก็บเรื่องนี้เงียบไว้ กวางตุ้งสตรองกรุ๊ปก็จะได้รับเงินทุนก้อนนี้และไม่ต้องกังวลว่าจะหาเงินเพื่อจ่ายหนี้ให้กับธนาคารไม่ได้ แต่นั่นก็เท่ากับเขากำลังโกหกผู้จัดการเฝิงหากเขารู้ความจริงในภายหลังอาจเกิดปัญหาใหญ่ตามมา


ถ้าเขาตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับผู้จัดการเฝิงเขาอาจสร้างความประทับใจให้กับผู้จัดการเฝิงได้แต่เขาอาจจะเสียเงินลงทุนก้อนนี้ไป กวางตุ้งสตรองกรุ๊ปอาจหยุดอยู่แค่นี้และไม่มีวันได้โอกาสเป็นผู้ผลิตวุ้นหรือเยลลี่ในอันดับต้นๆของจีนได้อีกต่อไป


หลี่ต้าจุนตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาปวดหัวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก


.


.


 


“ผู้จัดการเฝิงครับ..ทำไมคุณถึงอยากลงทุนในบริษัทเล็กๆแบบนั้นล่ะ? หากคุณอยากผลิตวุ้นขึ้นมาเอง..เราก็สามารถสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่หรือไม่ก็ลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่กว่านี้ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปลงทุนในบริษัทเล็กๆที่ไม่มีศักยภาพอะไรสักอย่างแบบนั้นเลย””


ซ่งจิงเซียนเอ่ยถามทันทีที่หลี่ต้าจุนออกไปจากห้อง


“คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอกครับ..หากคุณมีเงินสำรองอยู่เยอะก็ลองลงทุนกับบริษัทนี้ดูสิครับ ผมต้องการเพียงบริษัทนี้เท่านั้นหากเป็นบริษัทอื่นผมไม่ต้องการ”


เฝิงหยู่ไม่สามารถบอกซ่งจิงเซียนได้มากกว่านี้ เขาไม่สามารถบอกได้ว่ากำลังพยายามดำเนินเรื่องต่างๆให้ไปในทิศทางที่อนาคตควรจะเป็น เขาไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่างๆจนทำให้อนาคตข้างหน้าผิดเพี้ยนไปจากเดิมเพราะมันจะส่งผลกระทบทอดยาวเป็นลูกโซ่ นอกจากนี้เขาสนใจในตัวหลี่ต้าจุนไม่ใช่บริษัทของเขา!


เยลลี่ปรากฏโฉมขึ้นครั้งแรกในช่วงยุค 80 และในชีวิตก่อนของเฝิงหยู่ เขาจำได้ว่าหลี่ต้าจุนเริ่มก่อตั้งโรงงานของเขาเมื่อปีที่แล้วและหลังจากนั้นประมาณ 8 ปี เมื่อไข่มุกและวุ้นผลไม้ปรากฏตัวขึ้นมาบริษัทของเขาก็ค่อยๆเติบโตขึ้นจนกลายเป็นบริษัทผลิตสินค้าประเภทเยลลี่เป็นอันดับหนึ่งของโลก ส่วนแบ่งการตลาดในทวีปเอเชียมากกว่า 50% ซึ่งเป็นผลจากความสามารถของหลี่ต้าจุนทั้งนั้น


นอกจากนี้กวางตุ้งสตรองกรุ๊ปยังเติบโตอย่างก้าวกระโดด พวกเขาถือเป็นบริษัทใหญ่และคุณภาพคับแน่น ในชีวิตก่อนของเฝิงหยู่ สตรองกรุ๊ปเป็นบริษัทผลิตอาหารสำหรับเด็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทุกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยสตรองกรุ๊ปต่างขายดีเป็นเทน้ำเทท่า


สตรองกรุ๊ปเยลลี่, CiCi,คริลตัลเลิฟเยลลี่, U.Loveit และยี่ห้ออื่นๆ ล้วนเป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียงภายใต้การดูแลของสตรองกรุ๊ป


ชานมไข่มุก U.Loveit นอกจากจะมีเม็ดไข่มุกจากมันสำปะหลังแล้วยังมีการเพิ่มวุ้นมะพร้าวและวุ้นผลไม้เข้ามาด้วย นี่ถือเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ของพวกเขา หากไม่มีเม็ดไข่มุกรสชาติและเนื้อสัมผัสจะเปลี่ยนไปทันทีแต่การเพิ่มวุ้นเข้ามาก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกของเด็กๆเพราะสามารถกลืนลงคอได้ง่าย ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มคุณค่าโภชนาการให้กับเครื่องดื่มยี่ห้อนี้แต่ผู้ปกครองยังสามารถคลายความกังวลว่าลูกหลานของตนจะสำลักเม็ดไข่มุกได้


นี่เป็นอีกเหตุผลที่ U.Loveit กลายเป็นชานมไข่มุกที่ได้รับความนิยมสูง


กวางตุ้งสตรองกรุ๊ปเก่งในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคได้ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถสร้างช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย พวกเขาลงทุนสูงในการสร้างโฆษณาและทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


ความสำเร็จเหล่านี้ต่างเป็นข้อพิสูจน์ความสามารถของหลี่ต้าจุนว่าเขาเป็นผู้นำที่มีความเก่งกาจมากเพียงใด เขายังเป็นหนึ่งในคนที่มีข้อมูลน้อยมากและไม่ค่อยปรากฏตัวตามสื่อต่างๆเช่นเดียวกับเฝิงหยู่


“ผู้จัดการเฝิง..คุณจะลงทุนในบริษัทเล็กๆแบบนี้จริงๆหรือ?”


ซ่งจิงเซียนยังคงสงสัย เขาไม่สามารถหาเหตุผลสนับสนุนความคิดนี้ของเฝิงหยู่ได้


เฝิงหยู่หัวเราะออกมาเบาๆ


“คุณเองก็รู้จักผมมานาน..คุณเคยเห็นผมลงทุนแล้วเจ๊งหรือเปล่าครับ?”


สีหน้าของซ่งจิงเซียนเริ่มดีขึ้น ถูกต้อง! เขาไม่เคยเห็นว่าเฝิงหยู่ลงทุนแล้วเจ๊งเลยสักครั้ง นั่นแสดงว่าบริษัทนี้คุ้มค่าต่อการลงทุน


แต่ทำไมพวกเขาต้องร่วมลงทุนด้วยล่ะ? ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ลีฮาฮาควบกิจการของสตรองกรุ๊ป?หากให้บริษัทเล็กๆแห่งนี้เป็นบริษัทย่อยของพวกเขาน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า!


EG บทที่ 674 บุคคลผู้มีไอเดียสร้างสรรค์


 


หลังจากรอเกือบ 3 วัน เฝิงหยู่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหลี่ต้าจุนแต่อย่างใด เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาคิดว่าหลี่ต้าจุนไม่ต้องการให้เข้าร่วมลงทุนกับสตรองกรุ๊ป


ตอนนี้เฝิงหยู่กำลังเรียนอยู่ในคลาสเมื่อเพจเจอร์ของเขาสั่นขึ้น เขาก็ตะลึงไปทันที


ซ่งจิงเซียน..คุณล้อเล่นกับผมหรือไง? มันเรื่องอะไรที่ลีฮาฮาไปซื้อกิจการของสตรองกรุ๊ป!


เฝิงหยู่ตัดสินย่องออกจากห้องเรียนเพื่อโทรหาซ่งจิงเซียน


“คุณเป็นคนทิ้งข้อความนั้นให้ผมหรือครับ? ลีฮาฮาซื้อกิจการสตรองกรุ๊ปแล้วหรือครับ?”


[“ใช่แล้วครับ..คุณเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่หรือว่าสตรองกรุ๊ปมีศักยภาพมากแค่ไหน? และคุณเองก็แนะนำให้ผมร่วมลงทุนกับบริษัทนี้ด้วย..ผมได้พาคนของผมไปสำรวจตลาดแล้วและเห็นว่ายังไม่วุ้นที่มีเนื้อผลไม้อยู่ในนั้น..นั่นหมายถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ของสตรองกรุ๊ปจะช่วยให้บริษัทสร้างผลกำไรได้สูงและทำให้บริษัทนี้โดดเด่นจากบริษัทวุ้นหรือเยลลี่อื่นๆ”]


“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น..ผมหมายถึงว่าทำไมเขาถึงเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ต่างหาก?”


[“วุ้นรุ่นใหม่ของพวกเขายังไม่พร้อม..เนื้อผลไม้ที่ผสมเข้าไปในวุ้นยังหลุดออกจากจากกันได้ง่าย..วุ้นของพวกเขาบางล็อตก็แข็งบางล็อตก็อ่อนเกินไปและอายุในการเก็บรักษาก็สั้นเกินไป..ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ยังไม่มีความพร้อม..ผมได้ชี้แจงให้หลี่ต้าจุนเห็นถึงความจริงในข้อนี้และเขาก็ยอมรับมัน..ในเมื่อผลิตภัณฑ์นี้ยังไม่มีความพร้อมมันจึงไม่คุ้มที่จะลงทุน”]


[“แต่ผมก็คิดว่าถ้าสตรองกรุ๊ปสามารถพัฒนาเทคนิคการผลิตของพวกเขาให้สมบูรณ์ได้..วุ้นผลไม้ที่มีรสสัมผัสที่ดีเช่นนี้จะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน..ผมบอกเขาว่าต้องการที่จะซื้อสตรองกรุ๊ป..ในครั้งแรกเขายังอิดออดแต่ในเมื่อเทคนิคการผลิตของเขายังไม่สมบูรณ์และผมยื่นคำขาดว่าถ้าลีฮาฮาผลิตวุ้นแบบนี้ขึ้นมาเอง..สตรองกรุ๊ปจะไม่สามารถอยู่รอดได้แน่นอน”]


ให้ตายเถอะ! นี่เป็นกลยุทธ์ที่ฉันใช้บ่อยๆ! ซ่งจิงเซียนไปเรียนรู้วิธีนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?


“แล้วยังไงต่อ..เขาเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ?”


[“ไม่หรอกครับ..แต่เมื่อผมได้คุยกับหลี่ต้าจุนและเห็นว่าเขาเป็นคนเก่ง..มีความสามารถในการบริหาร..ทั้งยังมีไอเดียสร้างสรรค์ในการผลิตสินค้าใหม่ๆออกสู่ท้องตลาด..ความเห็นส่วนใหญ่ของเขาก็สอดคล้องกับแผนงานของเราอีกด้วย..เขายังเป็นคนที่เข้าใจในความต้องการของเด็กๆได้เป็นอย่างดี”]


[“ผมก็เลยเสนอตำแหน่งผู้บริหารให้กับเขาเพื่อดูแลผลิตภัณฑ์ของเด็กๆโดยเฉพาะ..สตรองกรุ๊ปจะยังคงดำเนินงานได้อย่างอิสระภายใต้แบรนด์ขอเราเท่านั้น..แน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้”]


ห๊ะ? สิ่งนี้ถูกตัดสินใจได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? หลี่ต้าจุนตกลงที่จะให้ลีฮาฮาเข้าควบกิจการอย่างนั้นหรือ?


จะบ้าตาย! ฉันคงคิดมากเกินไป ดูซ่งจิงเซียนสิ!เขาดูมีความสามารถมากกว่าฉันเสียอีก!


เฝิงหยู่คิดมากเกินไป หากเป็นหนึ่งปีหลังจากนี้หลี่ต้าจุนคงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้อย่างง่ายดายแต่ตอนนี้สตรองกรุ๊ปกำลังประสบปัญหากับภาวะหนี้สิน หลี่ต้าจุนจึงสนใจที่จะทำงานร่วมกับลีฮาฮาเพราะทั้งเงินเดือนและเงินปันผลต่างๆจะสูงขึ้น


ซ่งจิงเซียนยังสัญญาที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยกับการดำเนินงานของสตรองกรุ๊ป ฝ่ายบริหารของสตรองกรุ๊ปจะถูกส่งมอบให้กับน้องชายของหลี่ต้าจุน นี่คือสิ่งที่ซ่งจิงเซียนเรียนรู้มาจากเฝิงหยู่


“แล้วคุณตกลงซื้อขายหุ้นกันหรือยัง? คุณจะให้เขาเท่าไหร่?”


[“ภายในสิ้นปีนี้ครับ..ผมจะให้เขาหนึ่งล้านและพี่น้องของเขาทั้งสามคนจะได้คนละหนึ่งแสน..ในอนาคตสตรองกรุ๊ปจะเป็นบริษัทย่อยของลีฮาฮา..มันถือเป็นข้อตกลงที่ดีเลยล่ะครับ”]


1.3 ล้านหุ้น! หากยึดตามที่ซ่งจิงเซียนพูดเมื่อไม่กี่วันก่อนแสดงว่า 1 หุ้นมีมูลค่าเพียง 1.5 หยวน นั่นหมายความว่าพวกเขาได้สตรองกรุ๊ปมาโดยใช้มูลค่าน้อยกว่า 2 ล้านหยวน?


แม้ว่าซ่งจิงเซียนจะยังคงให้หลี่ต้าจุนดำรงตำแหน่งที่สูงในบริษัทอยู่เช่นเดิมแต่ก็ยังถือเป็นข้อตกลงที่ดีอยู่


เฝิงหยู่ไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าซ่งจิงเซียนเป็นนักเจราที่มีความสามารถขนาดนี้ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในตลาดเครื่องดื่มจะเปลี่ยนมือไปหรือไม่?


“แล้วเราจะทุ่มเงินให้พวกเขาดำเนินงานเลยหรือเปล่า?”


[“แน่นอนครับ..สตรองกรุ๊ปยังมีหนี้อยู่และยังเป็นหนี้เสียอีกด้วย..ผมเลยตัดสินใจไม่ทำสัญญาผลิตเม็ดไข่มุกกับพวกเขา..สตรองกรุ๊ปจะเน้นไปที่การพัฒนาพวกวุ้นผลไม้แทน..แผนกวิจัยและพัฒนาของลีฮาฮาจะช่วยพวกเขาทดลองด้วยเช่นกัน..เอ่อ..ผู้จัดการเฝิงครับ? คุณคิดว่าผู้บริโภคจะชอบมันหรือเปล่าหากเราใส่เนื้อผลไม้เข้าไปในเครื่องดื่มผลไม้ของเรา…สิ่งนี้จะทำให้น้ำผลไม้ของเราดูสดและรสชาติดีขึ้น”]


ซ่งจิงเซียนเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น


ห๊ะ? น้ำสมคั้นพร้อมเนื้อส้ม? น้ำองุ่นพร้อมวุ้นผลไม้อย่างนั้นหรือ? นี่พวกมันกำลังพัฒนาไปไวขนาดนี้ได้อย่างไร?


ให้ตายเถอะ! ทั้งๆที่ฉันไม่ได้เป็นคนแนะนำเรื่องนี้แท้ๆแต่ซ่งจิงเซียนกลับคิดเองได้งั้นหรือ? หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ฉันจะถูกเรียกว่าบุคคลผู้มีไอเดียสร้างสรรค์ในอนาคตได้อย่างไร!


“คุณเริ่มต้นวิจัยแล้วหรือครับ?”


[“ใช่ครับ! สิ่งนี้สามารถดำเนินต่อไปได้..ตอนแรกผมคิดว่าการทำวิจัยวุ้นเนื้อผลไม้จะเป็นเรื่องยากเพราะเราไม่มีประสบการณ์แต่เราก็สามารถหาทางลัดได้ในที่สุด”]


ซ่งจิงเซียนเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจ


ฮึ่ม! หากฉันไม่เอ่ยแนะนำอะไรออกไป ในอนาคตคนอื่นๆจะรู้จักฉันในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของลีฮาฮาได้อย่างไร!


“คุณคิดถึงแต่น้ำผลไม้เท่านั้นหรือครับ? มันไม่สามารถเพิ่มวุ้นหรือเนื้อผลไม้ในเครื่องดื่มประเภทโยเกิร์ตได้หรือครับ? อีกอย่าง..คุณไม่ลองผสมน้ำผลไม้ในนมเปรี้ยวให้มันกลายเป็นนมเปรี้ยวรสผลไม้ดูเหรอครับ?”


[“หืม?..เราสามารถทำอย่างนั้นได้ด้วยหรือครับ?”]


ซ่งจิงเซียนถึงกับตกตะลึง ทำไมผู้จัดการเฝิงคนนี้ถึงมีไอเดียในการผสมเครื่องดื่มแปลกๆเช่นนี้? เขาคิดว่าการผสมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์งั้นรึ?


“ทำไมล่ะครับ? คุณยังไม่เคยลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคนอื่นๆจะไม่ชอบ..นอกจากนี้คุณค่าทางโภชนาการของนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตของเราจะเพิ่มขึ้นด้วยหากเราเพิ่มเนื้อผลไม้หรือน้ำผลไม้ลงไป..คุณก็รู้นี่ครับว่าหลายๆคนยังกังวลเรื่องประโยชน์ของนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตโดยเฉพาะผู้ปกครองของเด็กๆ”


เมื่อชีวิตก่อนของเฝิงหยู่ไอเดียเช่นนี้ก็มาจากลีฮาฮาทั้งนั้น แล้วทำไมซ่งจิงเซียนถึงสงสัยเมื่อเขาพูดเรื่องนี้ออกไปล่ะ?


[“เอ่อ…ตกลงครับ..ผมจะให้คนของเราทำวิจัยเรื่องนี้ดูและก็สำรวจตลาดไปด้วยแล้วกันครับ”]


นี่ซ่งจิงเซียนไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ?


 


“อีกเรื่องหนึ่ง..ผมเคยบอกคุณเรื่องนมเปรี้ยวยี่ห้อADของเราแล้วใช่มั้ยครับ? ว่ามันเป็นนมเปรี้ยวที่มีโภชนาการสูงแต่ตลาดของผลิตภัณฑ์นี้เน้นไปที่เด็กๆเท่านั้น..คุณไม่คิดว่าคนวัยหนุ่มสาวจะชอบมันบ้างหรือครับ?  ผมแนะนำให้คุณผลิตนมเปรี้ยวยี่ห้อนี้ในขวดที่ใหญ่ขึ้นและเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าไปให้ได้มากที่สุด อย่าจำกัดเฉพาะวิตามินเอ,วิตามินดีและวิตามินอื่นๆที่เราเคยใช้เท่านั้น! เราสามารถเพิ่มวิตามินและสารอาหารอื่นๆเข้าไปได้อีก..เราต้องทำให้ผู้บริโภคทราบว่าผลิตภัณฑ์นี้สามารถดูดซึมในร่างกายได้ง่าย..คุณเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า?”


[“ผู้จัดการเฝิงครับ..หลังจากที่คุยกับคุณเรื่องนี้ผมก็ให้พนักงงานทำการสำรวจตลาดทันที ซึ่งผลออกมามีผู้บริโภคในวัยผู้ใหญ่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ชอบผลิตภัณฑ์ประเภทนี้และส่วนใหญ่ก็ไม่เต็มใจที่จะเสียเงินซื้อมัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังชอบน้ำอัดลมกันมากกว่า ดังนั้นเราจึงไม่มีแผนที่จะผลิตนมเปรี้ยวขนาดใหญ่ออกมาเพราะยังไม่มีตลาดที่รองรับมันได้”]


ห๋า? ผลการวิจัยในท้องตลาด ผู้ใหญ่ไม่ชอบดื่มนมเปรี้ยวอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้นมเปรี้ยวยังไม่เป็นที่นิยมใช่หรือไม่? เอ่อ…ดูเหมือนที่นมเปรี้ยวเป็นที่นิยมในอนาคตก็เพราะเด็กๆในสมัยนี้โตขึ้นและคุ้นเคยกับรสชาตินมเปรี้ยวจึงซื้อมันดื่มใช่หรือเปล่า?


“เด็กๆก็สามารถดื่มนมเปรี้ยวขวดใหญ่ได้เหมือนกันล่ะครับ…ผมก็แค่แนะนำคุณเท่านั้น..คุณสามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้เลย..ตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่..ขอวางสายก่อนแล้วกัน”


เฝิงหยู่รีบวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ฮึ! ชื่อของฉันในนามผู้มีไอเดียสร้างสรรค์เกือบพังไปแล้ว! คนที่มาจากโลกอนาคตจะสูญเสียไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆได้อย่างไร!


EG บทที่ 675ความปวดหัวของผู้จัดจำหน่าย 1


วันหยุดแห่งชาติสิ้นสุดลงและย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนเป็นที่เรียบร้อย ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ร้านค้าปลีกต่างๆเริ่มซบเซา


มีคนบอกว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่อาถรรพ์สำหรับผู้ค้าปลีกทั้งหมดเพราะเป็นช่วงใกล้สิ้นปีและเงินเก็บของคนส่วนใหญ่ก็เริ่มหร่อยหรอลง ทุกคนต่างทำงานอย่างหนักเพื่อทำงานที่รับมอบหมายให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีจนไม่มีเวลาไปจับจ่ายใช้สอยบางคนก็บอกว่าเป็นเพราะทุกคนต่างฉลองในช่วงวันหยุดแห่งชาติและช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมาทำให้เงินเก็บที่สำรองเอาไว้เริ่มหมด


นอกจากนี้ยังบอกกันอีกว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนเริ่มต้นแห่งฤดูหนาว ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะออกไปข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงจากความหนาวเย็น


แต่ข้ออ้างเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต


แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นและทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีหิมะตกแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งคนที่ต้องการเข้ามาซื้อสินค้าในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ มีหลายเหตุผลที่ผู้คนต่างเลือกมาที่นี่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสินค้าที่วางจำหน่ายในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตมีราคาถูกกว่าที่อื่นๆ


อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะบัตรช้อปปิ้งที่ได้รับเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมจะหมดอายุภายใน 50 วัน หากลูกค้าไม่รีบมาใช้บัตรก็จะไม่สามารถใช้มันได้อีก อากาศภายในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ยังอบอุ่นอีกด้วยแม้ว่านักช้อปจะเดินดูสินค้าเฉยๆเหล่าพนักงานก็ไม่ได้ไล่พวกเขาออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ต เหล่าพนักงานจะยังคงทักทายและต้อนรับเหล่านักช้อปเป็นอย่างดี สิ่งนี้สร้างความประทับใจให้กับเหล่านักช้อป แม้ว่าพวกเขาจะตั้งใจมาเดินเล่นในซุปเปอร์มาร์เก็ตเพียงอย่างเดียวแต่พวกเขาก็อาจจะซื้อของบางอย่างติดมือกลับไปเช่นกัน


ผู้จัดจำหน่ายของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ตื่นเต้นเช่นกัน ทั้งๆที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตมีเพียง 20 สาขาทั่วประเทศแต่ทำไมยอดขายถึงดีขนาดนี้?


ในตอนแรกที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตยื่นข้อเสนอให้กับผู้จัดจำหน่าย มันเป็นข้อเสนอที่ค่อนข้างหน้าเลือดและทำให้เหล่าผู้จัดจำหน่ายรู้สึกไม่สบายใจ ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตรับสินค้าจากพวกเขาไปวางจำหน่ายด้วยการใช้เครดิตและวางเงินมัดจำไว้ก้อนหนึ่งเท่านั้น ผู้จัดจำหน่ายทั้งหมดยังต้องออกค่าใช้จ่ายให้กับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตในการจัดโปรโมรชั่นให้กับสินค้าของพวกเขาอีกด้วย ใบโปรชัวร์และเอกสารแผ่นพับต่างๆก็เป็นเงินที่ผู้จัดจำหน่ายจ่ายให้กับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตทั้งนั้น


หากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่การันตีว่าสินค้าของพวกเขาจะขายได้เร็วและให้ราคาที่ดี พวกเขาก็อาจจะลังเลที่จะเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้


ซึ่งตอนนี้ผู้จัดจำหน่ายทั้งหมดต่างรู้สึกว่าพวกเขาเลือกถูกที่ตัดสินใจเซ็นสัญญากับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต ปริมาณการซื้อขายอยู่ในระดับที่สูงและเป็นการดีที่พวกเขาจะสร้างแบรนด์ของตัวเองให้มีชื่อเสียง


เมื่อผู้จัดจำหน่ายลงไปตรวจสอบสินค้าที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเลือกไปจำหน่ายก็จะเห็นว่าสินค้าของพวกเขาถูกจัดเรียงบนชั้นวางสินค้าอย่างเป็นระเบียบ มันเพิ่มความดึงดูดใจจากลูกค้าให้ซื้อสินค้าได้เป็นอย่างดี หากเทียบกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้าอื่นๆที่จัดเรียงสินค้าของพวกเขาแล้วล่ะก็?มันทั้งดูไร้ระเบียบและสกปรกยิ่งนัก ชั้นวางสินค้ามีทั้งฝุ่นและทัศนคติของพนักงานขายก็แย่มาก ไม่มีห้างหรือร้านใดสู้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้เลย


เมื่อถึงสิ้นเดือนไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็สามารถชำระเครดิตคืนให้กับผู้จัดจำหน่ายได้ทั้งหมดโดยไม่มีความล่าช้าเลยสักนิด


ยังไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อยอดสั่งซื้อสำหรับเดือนที่ 2 มีปริมาณมากกว่าเดือนแรก ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องการให้พวกเขาส่งสินค้าสัปดาห์ละครั้ง ไม่มีเหตุผลใดที่ผู้จัดจำหน่ายจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ พวกเขาไม่สนใจด้วยซ้ำหากต้องส่งสินค้าให้กับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกวัน หากยอดขายของสินค้าสูงก็เท่ากับว่ารายรับของพวกเขาจะสูงขึ้นกว่าเดิม


ผู้จัดจำหน่ายส่วนใหญ่เล็งเห็นว่าหากยอดขายของไท้หัวซุปเปอร์มารเก็ตยังมีการเติบโตเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆยอดขายสินค้าของพวกเขาจะสูงกว่าปีก่อนๆอย่างแน่นอน พวกเขายังได้รับออเดอร์จากร้านค้าปลีกเล็กๆอีกหลายเจ้าเช่นกัน


ในตอนแรกผู้จัดจำหน่ายยังไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมยอดสั่งซื้อจากร้านค้าปลีกถึงเพิ่มขึ้นกะทันหันเช่นนี้? พวกเขาได้ส่งคนไปตรวจสอบจึงทราบสาเหตุในที่สุด เป็นเพราะลูกค้าส่วนใหญ่เคยซื้อสินค้าเหล่านี้จากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตมาก่อนและรู้สึกว่าสินค้าเหล่านี้มีคุณภาพที่ดียกตัวอย่างเช่นม้วนกระดาษชำระหรือน้ำผลไม้ 1 ขวดเมื่อสินค้าเหล่านี้หมดและลูกค้าไม่มีเวลาเดินทางไปซื้อที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาก็จะไปที่ร้านค้าปลีกที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อซื้อมัน


ตัวเลือกแรกที่ลูกค้าเลือกซื้อคือสินค้าที่วางจำหน่ายในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างคิดว่ายี่ห้อต่างๆที่วางขายในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นยี่ห้อที่ดีและสินค้ามีคุณภาพ


ซุปเปอร์มาร์เก็ตอาจเป็นเพียงแหล่งรวมฝูงชนจำนวนมากแต่สำหรับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายๆคนต่างมองว่าเป็นแหล่งขายสินค้าที่มีคุณภาพสูง แม้แต่เฝิงหยู่ก็ไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้เช่นกัน


ทั้งสภาพภายในและภายนอกของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย มีพนักงานทำความสะอาดเป็นจำนวนมากและคอยทำความสะอาดไม่ให้มีสิ่งสกปรกในซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากห้างและร้านค้าอื่นๆเป็นอย่างมาก


ดังนั้นผู้จัดจำหน่ายที่เซ็นสัญญาในระยะสั้นกับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจึงต้องการต่อสัญญาฉบับใหม่พวกเขาต้องการทำสัญญาระยะยาวกับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเพราะที่นี่คือแหล่งขายปลีกที่ดีที่สุดของพวกเขา


แต่ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตและผู้จัดจำหน่ายมีการเปลี่ยนแปลง ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในจุดที่เหนือกว่าผู้จัดจำหน่ายทั้งหมด พวกเขามีโอกาสเลือกได้! ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่จำเป็นต้องวิ่งโร่มาหาพวกเขาเพื่อนำสินค้าไปวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตของตนอีกแล้ว ไท้หัวซูปเปอร์มาร์เก็ตไม่จำเป็นต้องใช้คอนเนคชั่นที่มีในการมองหาผู้จัดจำหน่ายเพื่อนำสินค้าของตนไปวางขายอีกต่อไปเพราะผู้จัดจำหน่ายจะต้องเป็นฝ่ายเข้าหาไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตแทน


ตอนนี้พวกคุณต้องการทำสัญญาระยาวใช่หรือไม่? ไม่มีปัญหา! เพียงแค่จัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับเราตามที่เราต้องการและคอยรับเงินในทุกๆสิ้นเดือน คุณต้องปฏิบัติตามกฎของเราด้วย! หากเราขอให้คุณจ่ายค่าจัดโปรโมรชั่นเพิ่มเติมคุณก็ต้องยินดีจ่าย! ไม่ใช่ว่าคุณต้องลดราคาลงหน่อยหรือ? แม้ว่าราคาที่คุณเสนอให้กับเราจะต่ำแต่มันก็เป็นราคาเดียวกับผู้จัดจำหน่ายตามมณฑลต่างๆเสนอขายให้กับเรา


เรา! ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตมีสาขามากกว่า 20 สาขาและเราได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวจีนกว่าค่อนประเทศรู้จักกับซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรา ราคานี้คืออัตราที่ต่ำที่สุดเท่าที่คุณเคยเสนอเลยหรือไม่? ผู้ค้าปลีกรายอื่นๆจะไม่สามารถสั่งซื้อสินค้าของคุณในราคาเท่านี้ได้ใช่มั้ย?


ก่อนหน้านี้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้จ่ายเงินซื้อสินค้าให้กับบรรดาผู้จัดจำหน่ายในอัตราที่ต่ำกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้าอื่นๆในมณฑลเดียวกัน หากไม่ใช่สินค้านำเข้ามันก็เป็นเรื่องยากที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะได้กำไรสูง


แต่หลังจากที่สัญญาฉบับใหม่ถูกทำขึ้นไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะกลายเป็นบริษัทที่สามารถจัดซื้อสินค้าจากผู้จัดจำหน่ายในราคาที่ต่ำที่สุดในประเทศจีน คุณไม่เต็มใจที่จะให้ราคาที่ดีกว่านี้อย่างนั้นหรือ? ไม่เป็นไร! หากสินค้าของคุณถูกขายหมดเมื่อไหร่เราก็จะไม่สั่งสินค้าใดๆที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของคุณอีก! คุณไม่ใช่บริษัทเดียวที่ผลิตสินค้าดังกล่าว ยังมีบริษัทอื่นๆอีกมากมายทั่วประเทศจีนที่รอขายสินค้าชนิดนี้ให้กับเรา ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ต้องการคุณ!


นอกจากนี้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตยังเก่งในด้านการตลาด หลังจากที่สินค้าของผู้จัดจำหน่ายเข้าสู่ซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรา ภาพลักษณ์แบรนด์และมูลค่าของสินค้านั้นๆจะเพิ่มขึ้นทันที


ฟิลลิปส์,วินด์แอนด์เรน,ไอว่า,เดอะลิตเติ้ลไทร์อัน,ลีฮาฮาและแบรนด์อื่นๆที่ดังในจีนต่างตกลงเซ็นสัญญาระยะยาวกับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต บางแบรนด์ที่เป็นเพียงแบรนด์เล็กๆก็ต้องกัดฟันยอมรับเงื่อนไขหน้าเลือดที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตกำหนดขึ้นและยอมเซ็นสัญญาดังกล่าวทันที


แม้ว่าเงื่อนไขจะดูหน้าเลือดแต่ยอดขายก็มีความสำคัญเช่นกัน บริษัทต่างๆก็ยังสามารถทำเงินได้แม้กำไรจะลดลงเล็กน้อย


บางแบรนด์ก็ยังมีคติที่ว่า ‘รอดูไปก่อน’ บางแบรนด์ก็ยอมแพ้และบางแบรนด์ก็เลือกที่จะเซ็นสัญญา


เฝิงหยู่มองรายชื่อบริษัทที่ไม่ตกลงเซ็นสัญญาฉบับใหม่ แบรนด์ที่ไม่รู้จักการเปลี่ยนแปลงคิดว่าจะอยู่รอดได้งั้นหรือ? สัญญาระยะสั้นที่พวกเขาทำไว้จะทำเงินให้กับพวกเขาเท่าไหร่กัน? อีกไม่ช้าแบรนด์ที่ยอมรับข้อเสนอใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่พวกเขาเมื่อสัญญาระยะสั้นสิ้นสุดลง!


EG บทที่ 676 ความปวดหัวของผู้จัดจำหน่าย 2


 


“นี่! คุณได้ยินข่าวบ้างหรือเปล่า? ซินหว่างเยลลี่ถูกถอดออกจากไทหัวซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วนะดูเหมือนจะเป็นสตรองกรุ๊ปเยลลี่ที่เข้ามาแทน คุณเคยได้ยินแบรนด์นี้มาก่อนหรือเปล่า?”


“หืม? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ? ยอดขายของซินหว่างเยลลี่ก็ทำได้ดีเลยนะ แล้วทำไมถึงถูกปลดออกล่ะ? แบรดน์ที่เข้ามาแทนเป็นแบรนด์ดังหรือเปล่า? หรือว่าก็เป็นแบรนด์นำเข้า?”


“แบรนด์นำเข้าอะไรกันล่ะ? มันเป็นแค่โรงงานเล็กๆในมณฑกวางตุ้งเท่านั้นเองแต่เท่าที่ผมรู้มาเหมือนสตรองกรุ๊ปจะมีคอนเนคชั่นที่ดีเลยล่ะ ดูเหมือนพวกเขาจะมีส่วนร่วมกับลีฮาฮาด้วย”


“อืม …ผลิตภัณฑ์ของลีฮาฮาถือว่าขายได้ดีเลยล่ะ พวกเขาเป็นบริษัทแรกๆที่ทำสัญญาระยะยาวกับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่เท่าที่ผมได้ยินมาดูเหมือนซินหว่างเยลลี่ปฏิเสธที่จะปรับลดราคาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาลง”


“เอ๋? นี่คุณกำลังจะบอกว่าที่ซินหว่างถูกปลดออกจากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เพราะราคาสินค้าแพงไปงั้นหรือ? มันก็เลยทำให้สตรองกรุ๊ปเข้ามาแทนที่พวกเขา?”


“มันก็อาจเป็นไปได้ ตอนนี้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเองก็เริ่มให้พวกเราเซ็นสัญญาฉบับใหม่แล้ว พวกเขาต้องการกดราคาสินค้าของพวกเราลง!และทางเราเองก็พยายามยื้อเวลาในการเซ็นสัญญาออกไปก่อน คุณคิดเหมือนผมหรือเปล่า? ว่าพวกเขากำลังเชือดไก่ให้ลิงดูโดยการใช้ซินหว่างเยลลี่เป็นตัวอย่าง?”


ผู้จัดจำหน่ายของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตกำลังจับเข่าคุยเรื่องสัญญาฉบับใหม่ พวกเขาได้รับแจ้งเรื่องนี้จากทางไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว และต้องการที่จะยื้อเวลาในการเซ็นสัญญาออกไปก่อนแต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สามารถรอได้อีกต่อไป


ผู้จัดจำหน่ายรายหนึ่งถูกปลดออก มันย่อมหมายความว่าผู้จัดจำหน่ายรายอื่นๆก็มีสิทธิ์ที่จะกระเด็นออกไปได้เช่นกัน บริษัทของผู้จัดจำหน่ายทั้งหมดไม่ได้มีเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น พวกเขาสามารถถูกแทนที่ได้ตลอดเวลาเหมือนกับที่ซินหว่างเยลลี่โดน หากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา บริษัทของพวกเขาจะประสบกับภาวะขาดทุนครั้งใหญ่อย่างแน่นอน


แม้ว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องการให้ผู้จัดจำหน่ายลดราคาสินค้าลงและแม้ว่าพวกเขาจะทำกำไรได้น้อยลงแต่มันก็ยังสามารถทำกำไรได้อยู่แต่ถ้าพวกเขาถูกปลดออกกำไรของพวกเขาจะกลายเป็นศูนย์ทันที


การที่ยอดขายของพวกเขาเพิ่มขึ้นก็เป็นเพราะความสำเร็จของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต ผู้จัดจำหน่ายทุกบริษัทจึงเพิ่มยอดการผลิตขึ้นอีกเท่าตัว หากพวกเขาถูกปลดออกในตอนนี้สินค้าในสต็อกก็จะถูกทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก หากไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นพวกเขาจำเป็นต้องลดราคาสินค้าลงเพื่อล้างสต็อก  หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็อาจต้องเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต อย่างน้อยมันก็ทำให้แบรนด์ของพวกเขามีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นหากได้วางขายในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต


.


.


“ผู้จัดการเกาครับ? ราคาที่พวกคุณต้องการมันต่ำเกินไปนะครับ การที่เจ้าอื่นสามารถเสนอราคาได้ต่ำกว่าพวกเราแต่คุณภาพของพวกเขาสามารถเอามาเทียบกับเราได้หรือครับ? ทั้งบรรจุภัณฑ์ รสชาติและคุณภาพก็ด้อยกว่าเราทั้งนั้น ต้นทุนการผลิตของเราก็ต้องสูงเป็นธรรมดา ผมว่าราคาที่คุณต้องการมันต่ำเกินไปจริงๆ”


“เราไม่ได้คิดที่จะให้พวกคุณลดราคาสินค้าให้กับพวกเราโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะครับ ราคาใหม่นี้ผ่านการวิเคราะห์จากทางเรามาแล้ว คุณลองดูเอกสารนี่สิครับ! ราคาสินค้าที่เราต้องการและจำนวนผลกำไรที่คุณจะได้ล้วนแต่ผ่านการคำนวณจากเรามาแล้วทั้งสิ้น คุณลองคิดดูสิครับ? หลังจากที่คุณร่วมมือกับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต ยอดขายของคุณเพิ่มขึ้นเท่าไหร่? อาศัยแค่ยอดขายจากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเพียงที่เดียวก็มากกว่ายอดขายตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาของคุณเสียอีก! คุณกล้าพูดมั้ยล่ะครับ?ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ผลงานของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต? ”


ผู้จัดการเกากอดอกและเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น


“แต่ผู้จัดการเกาครับ? ซุปเปอร์มาร์เก็ตของคุณควรจะขายสินค้าที่มีคุณภาพสูงด้วยนะครับ คุณสามารถตั้งราคาของสินค้าเราเพิ่มขึ้นได้ มันจะเป็นการทำให้ลูกค้ามีโอกาสเลือกได้มากขึ้นนะครับ”


“มันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมาตัดสินใจแทนเราได้นะครับ เราจะเป็นคนพิจารณาเรื่องนี้เอง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ของคุณก็ใช่จะมีเพียงแค่ 1-2 เจ้าเท่านั้น มันยังมีอีกหลายๆบริษัทที่ต้องการร่วมงานกับเรา”


ผู้จัดการเกาเลิกคิ้วสูงอย่างถือไพ่เหนือกว่า


แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งจะต้องมีหลายยี่ห้อ ซึ่งยี่ห้อต่างๆก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป


ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องการนำเสนอสินค้าหลากหลายยี่ห้อให้กับลูกค้า เพียงแค่ 1-2 ยี่ห้อไม่เพียงพอต่อความต้องการของพวกเขา มันควรมีอย่างน้อย 5 ยี่ห้อขึ้นไป


“ได้โปรดขึ้นราคาอีกสักหน่อยเถอะครับ อย่างน้อยก็สัก10หยวนต่อ 1ชิ้น ถ้าคุณสามารถให้ราคานี้กับเราได้ ผมยินดีเซ็นสัญญาทันที”


ผู้จัดการเกาหันไปคุยกับลูกน้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น


“ผมสามารถเพิ่มได้แค่ 5 หยวนต่อสินค้า 1 ชิ้นเท่านั้น นี่คือราคามากสุดที่เราจะให้คุณได้แล้ว หากคุณไม่ตกลงตามเงื่อนไขนี้ เราก็จะไม่ขอทำงานกับบริษัทของคุณอีกต่อไป”


“ตกลงครับ! ผมจะเซ็นสัญญาเดี๋ยวนี้เลย!”


.


.


“สวัสดีครับผู้จัดการฟู่? ผมได้ยินมาว่าคุณเดินทางลงใต้นี่ครับ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”


“พอดีทางไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตดำเนินการทำสัญญาฉบับใหม่กับผู้จัดจำหน่ายนะครับ ผมก็เลยกลับมาช่วย นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ทางเราเตรียมไว้ให้คุณครับ”


ฟู่เกิงเฉิงยื่นเอกสารให้กับผู้จัดจำหน่ายทันที


“สัญญาฉบับนี้มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าครับ? ทำไมราคาสินค้าถึงได้ต่ำขนาดนี้?”


“นี่เป็นเรทราคาใหม่ที่เราเสนอให้กับคุณครับ หากคุณยอมรับในราคานี้ เราก็จะตกลงเซ็นสัญญากันทันที หากคุณไม่เห็นด้วยกับมัน เราก็อาจจะต้องทางใครทางมันครับ”


ฟู่เกิงเฉิงตอบ


“คุณกำลังหมายถึงอะไรครับ? หากเราไม่ยอมรับในราคานี้ คุณก็จะไม่ซื้อสินค้าของเราหรือครับ?”


“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นครับ”


“สัญญาของเรามีระยะเวลา 1 ปี! นี่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตกำลังจะผิดสัญญากับเราก่อนหรือครับ? ”


“คุณดูข้อ 3 กับข้อ 4 สิครับ มีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าผู้จัดจำหน่ายไม่ยอมรับการกำหนดราคาเรทใหม่ของเรา ทางเราก็สามารถยกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อ เราได้อธิบายเงื่อนไขนี้ให้คุณทราบก่อนที่คุณจะเซ็นสัญญาเสียอีกนะครับ ซึ่งผมเองนี่ล่ะที่เป็นคนอธิบายเรื่องนี้ให้คุณฟังเป็นการส่วนตัว”


การทำธุรกิจมันก็ขึ้นอยู่กับกำไร หากราคาสินค้าของคุณสูงกว่าเจ้าอื่นแล้วทำไมเราต้องซื้อจากคุณด้วยล่ะ?!


“ผู้จัดการฟู่ คุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะครับ! สินค้าของเราเป็นสินค้าขายดีและคุณควรรู้เอาไว้นะครับว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของเราเป็นอันดับ 2 ของเมืองจีน!”


“อ่า..คุณเป็นคนบอกเราเองนะครับว่าคุณเป็นเพียงอันดับ 2 ส่วนอันดับ 1ของเมืองจีนนั้นได้ตกลงเซ็นสัญญากับเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราคงไม่ต้องการคุณแล้วจริงๆล่ะครับ”


การเป็นอันดับ 2 ของตลาดจีนเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมตรงไหน? บริษัทอันดับหนึ่งจากทั่วมุมโลกต่างมีสินค้าวางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราทั้งนั้น!


“คุณคิดว่าทำถูกแล้วเหรอ! อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!”


“ดูเหมือนคุณจะไม่ต้องการเซ็นสัญญาฉบับใหม่แล้วสินะ ถ้าเช่นนั้นผมก็ต้องขอโทษคุณด้วยแล้วกัน พรุ่งนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายที่สินค้าของคุณจะอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราแล้ว ขอบคุณสำหรับความร่วมมือที่ผ่านมาแล้วกันนะครับ เชิญคุณกลับไปได้แล้ว! ให้ผู้จัดการหวังเข้ามาในห้องได้เลย”


.


.


ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เหล่าผู้จัดจำหน่ายของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างแวะเวียนเข้ามาที่สำนักงานเพื่อพูดคุยรายเละเอียดในสัญญาฉบับใหม่ ทางไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้กำหนดเรทราคาใหม่ขึ้นมาซึ่งเป็นราคาที่ต่ำมากแต่ปริมาณยอดขายของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็สูงกว่าร้านค้าปลีกอื่นๆเช่นกัน หากผู้จัดจำหน่ายยอมรับราคาเรทใหม่ที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเสนอมาให้ พวกเขาก็มีโอกาสที่จะได้สัมปทานระยะยาวในอนาคต


แต่ถ้าผู้จัดจำหน่ายไม่เห็นด้วยกับราคานี้ก็สามารถเจรจาต่อรองได้ทันที ถ้าไม่สามารถเจรจากันได้ลงตัวไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ต้องขอภัยผู้จัดจำหน่ายทุกคนไว้ล่วงหน้าเพราะพวกเขาจะปลดผู้จัดจำหน่ายรายนั้นออกทันที!


โดนเฉพาะเฝิงหยู่นั้น เขายิ่งไร้ความปราณีและไม่คิดที่จะเข้ามาเจรจากับผู้จัดจำหน่ายเลยสักครั้ง สิ่งเดียวที่เหล่าผู้จัดจำหน่ายรู้ คือต้องทำตามข้อเสนอที่เฝิงหยู่ตั้งไว้เท่านั้น หากพวกเขาไม่เห็นด้วยเฝิงหยู่ก็จะปลดพวกเขาออกทันที


นี่คือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มีบริษัทจำนวนมากที่ต้องการร่วมงานกับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งพวกเขาไม่สามารถเซ็นสัญญากับผู้จัดจำหน่ายทั้งหมดได้เพราะชั้นวางสินค้าของแต่ละซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่เพียงพอที่จะวางสินค้าต่างๆได้ทุกยี่ห้อ


ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตกำหนดเงื่อนไขหน้าเลือดนี้ออกมาและจะมีเพียงผู้ที่ยินดีเซ็นสัญญาฉบับใหม่เท่านั้นที่จะกลายมาเป็นคู่ค้ากับพวกเขา ส่วนคนที่ปฏิเสธจะเซ็นสัญญาก็จะได้เห็นสินค้าของพวกเขามาเทขายในวันถัดไป ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตพยายามขายสินค้าทั้งหมดที่มีอยู่แล้วจัดการเคลียร์ออกจากชั้นวางให้หมดภายในวันนั้น วันรุ่งขึ้นก็จะมียี่ห้อใหม่ของผลิตภัณฑ์เดียวกันมาวางขายแทน


แม้ว่ามันจะเป็นยี่ห้อที่ไม่มีชื่อเสียงแต่เมื่อมันถูกวางขายในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต ผู้ซื้อก็จะเข้าใจในทันทีว่ามันคือสินค้ามีคุณภาพ ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้สัญญากับลูกค้าเอาไว้ว่าถ้าพบผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุหรือมีคุณภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน พวกเขายินดีที่จะชดเชยค่าเสียหายให้ถึง 10 เท่า


การเซ็นสัญญากับผู้จัดจำหน่ายแล้วเสร็จในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ผู้จัดจำหน่ายเกือบ 10 %ได้หายไปจากวงโคจรของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตและมันก็ถูกแทนที่ด้วยสินค้ายี่ห้อใหม่และยังมียี่ห้อให้เลือกหลากหลายยิ่งขึ้น ผู้บริโภคก็จะมีตัวเลือกได้หลากหลายกว่าแต่ก่อน


EG บทที่ 677 จัดโปรโมชั่นชานม


 


ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตดำเนินการต่อสัญญาฉบับใหม่กับผู้จัดจำหน่ายทั้งหมดจนเสร็จสิ้น ราคาสินค้าเรทใหม่ค่อนข้างต่ำแต่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เปิดโอกาสให้พวกเขาได้จัดโปรโมชั่นอย่างเต็มที่เช่นกัน


ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้จัดโซนที่ดีที่สุดให้กับผู้จัดจำหน่ายได้ใช้แสดงสินค้าของตัวเอง มันจะช่วยดึงดูดใจลูกค้าให้เข้าชมสินค้าและเลือกซื้อสินค้าของพวกเขากลับบ้านได้ ผู้จัดจำหน่ายยังได้รับอนุญาตให้จัดโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการขายของพวกเขาในรูปแบบอื่นๆอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นลีฮาฮาที่เริ่มโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของพวกเขา นั่นก็คือ ‘ชานม’


มีโปสเตอร์ยักษ์ขนาด 2 เมตรซึ่งเป็นรูปของเสี่ยวหู่ตุ้ยและนางแบบสาว โดยในโปสเตอร์เสี่ยวหู่ตุ้ยกำลังถือแก้วชานมและยื่นให้กับนางแบบสาวที่กำลังทำท่าเอียงอายและไม่รู้ว่าจะเลือกแก้วไหนดี


แค่โปสเตอร์ของเสียวหู่ตุ้ยก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อจำนวนมากได้แล้ว นอกจากนี้โต๊ะที่อยู่ข้างๆโปสเตอร์ยังมีแก้วขนาดเล็กวางเรียงรายอยู่บนนั้น กลิ่นหอมของชานมอบอวลไปทั่วบริเวณ


สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจของคนทั่วไปได้เพราะด้านหลังโต๊ะยังมีสาวสวยถึง 3 คนยืนอยู่ สาวสวยกลุ่มนี้ถูกฝึกมาเพื่อโปรโมทสินค้าชนิดนี้โดยเฉพาะ


หนึ่งในนั้นถือไมโครโฟนไว้ในมือพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ


“สวัสดีค่ะผู้มีอุปการคุณทุกๆท่าน..วันนี้ทางลีฮาฮามีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก นั่นก็คือ..ชานมไข่มุกสูตรไต้หวัน!..เครื่องดื่มชนิดใหม่ที่คุณไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ดูในแก้วนี่สิคะ? มีเม็ดไข่มุกหอม นุ่มละมุนอยู่ในนี้ด้วย! ทุกคนได้กลิ่นหอมของชานมตอนนี้ใช่มั้ยคะ? สิ่งนี้คือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ลีฮาฮาภูมิใจเสนอ.. ‘ชานมไข่มุก U.Love it!”


การนำเสนอสินค้าที่ดีไม่ใช่แค่มีคนยืนอธิบายสรรพคุณแล้วจะได้ผล มันจะต้องมีหน้าม้าในฝูงชนเหล่านี้ด้วย!


ชายหนุ่มสวมแว่นเอ่ยถามขึ้นมา


“เมื่อปีที่แล้วผมมีโอกาสได้เดินทางไปไต้หวันและก็ได้ดื่มชานมของที่นั่นมาก่อน..ชานมของพวกคุณเป็นของแท้สูตรไต้หวันจริงๆหรือครับ?”


“อาศัยแค่คำพูดของดิฉันคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าชานี้เป็นของแท้หรือไม่? แต่คุณลูกค้าเห็นโปสเตอร์ที่อยู่ด้านข้างของดิฉันมั้ยคะ? พรีเซ็นเตอร์ของเราเป็นศิลปินดังจากไต้หวันที่ทุกท่านต่างรู้จักเป็นอย่างดีแต่แค่นี้คงไม่สามารถยืนยันมันได้เช่นกัน..ถ้าเช่นนั้นต้องลองพิสูจน์! เราขอเชิญสุภาพบุรุษท่านนี้ที่เคยดื่มชานมไต้หวันมาก่อนลองชิมรสชาติชาของเราว่ามันเป็นของแท้จริงหรือไม่?”


ชานมถูกเทใส่แก้วกระดาษขนาด 50 มล.ซึ่งเป็นขนาดเล็กที่สุดในท้องตลาดตอนนี้


ชายหนุ่มผู้ถูกเชิญให้ทดลองดื่มเป็นตัวอย่างถึงกับเบิกตากว้างและเริ่มพูดด้วยท่วงท่าเกินจริง


“อืม!..ร..รสชาตินี่มัน!..แบบเดียวกับที่ผมเคยดื่มที่ไต้หวันไม่มีผิด! อร่อยมาก!”


หลังจากนั้นเขาก็ยกแก้วที่สองขึ้นดื่มทันที


หน้าม้าคนที่สองในหมู่ฝูงชนก็ปรากฏตัวขึ้น


“ผมเข้าใจนะครับว่ามันคือชานม..แต่ที่คุณเคี้ยวอยู่มันคืออะไรกัน?”


“ไข่มุก! นี่คือชานมที่ใส่ไข่มุกลงไปด้วย มันอร่อยมากเลยล่ะครับ! แต่น่าเสียดายที่ประเทศจีนหาชานมไข่มุกทานได้ยากมาก”


ชายสวมแว่นเอ่ยขึ้น


“อร่อยจริงหรือครับ? มันคือตัวอย่างให้ชิมฟรีใช่มั้ย? ถ้างั้นผมขอลองแก้วหนึ่งสิ”


“ได้สิค่ะ..เชิญลองชิมได้เลยค่ะ”


“แต่เดี๋ยวนะ? ถ้าผมลองชิมแล้วไม่ชอบรสชาติของมันและตัดสินใจที่จะไม่ซื้อมันในภายหลัง..พวกคุณจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?”


หน้าม้าคนที่สองเอ่ยถาม


“วางใจได้เลยค่ะ เราไม่บังคับให้ใครซื้อผลิตภัณฑ์ของเราอย่างแน่นอนถึงแม้เราอยากจะทำแต่พนักงานของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะหยุดเราไว้ นี่คือประเทศจีนและเราทุกคนต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ทุกคนต่างมีรสนิยมที่แตกต่างกันออกไป ดิฉันไม่กล้ายืนยันหรอกนะคะ? ว่าทุกคนจะชอบรสชาติของสินค้าเรา บางคนอาจจะชอบดื่มชานม ส่วนบางคนอาจจะชอบดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลมก็ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ เชิญทุกท่านลองชิมได้เลยค่ะ”


หลังจากที่หน้าม้าคนที่สองลองชิมตัวอย่างและกลืนเม็ดไข่มุกลงคอแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น


“รสชาติดีมากเลยครับ.!.ว่าแต่? ทำไมแก้วถึงมีสีต่างกันล่ะครับ?”


“เป็นเพราะรสชาติที่ต่างกันค่ะ..เรียกง่ายๆว่ามันเป็นชาที่มีส่วนผสมหลักไม่เหมือนกัน เมื่อสักครู่ที่คุณลูกค้าได้ดื่มไปคือชานมสูตรดั้งเดิมของเรา แต่เรายังมีชาหอมมันม่วง,ชานมรสถั่วแดง,ชานมผสมธัญพืช,ช็อกโกแลต,กาแฟฯลฯ สีที่ต่างกันก็เพื่อระบุถึงเอกลักษณ์ที่ต่างกันของชานม แน่นอนว่าต้องมีสิ่งหนึ่งที่เข้ากับรสนิยมของคุณลูกค้าได้อย่างแน่นอน”


‘ชาหอมมันม่วง’ ที่ตั้งชื่อนี้ก็เพราะมันม่วงไม่ได้มีสิ่งที่น่าใจเช่นนั้นจึงเพิ่มคำว่าหอมเข้าไปเพื่อเชิญชวนให้ผู้บริโภคสนใจที่จะลิ้มลอง


“ผมขอลองชิมอีกแก้วได้ไหมครับ?”


“ได้สิคะ เดี๋ยวเปลี่ยนแก้วให้คุณลูกค้าท่านนี้ด้วยนะเพราะมันจะช่วยป้องกันไม่ให้รสชาติปนกันจนเสียรสชาติถ้าเราเทใส่แก้วใบเดิม หากลูกค้าท่านอื่นสนใจที่จะชิมชานมของเราแล้วล่ะก็ เชิญต่อแถวทางด้านนี้ได้เลยค่ะ ถ้าทุกท่านชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเราก็สามารถซื้อติดมือกลับบ้านได้เลยนะค่ะ..ตอนนี้เรากำลังจัดโปรโมชั่นเพื่อคุณลูกค้าโดยเฉพาะ ซื้อ 2 แถม 1 โปรโมชั่นดีๆแบบนี้มีเพียงไม่กี่วันเท่านั้น…….”


สาวสวยผู้รับหน้าที่เป็นพิธีกรยังคงโปรโมทสินค้าต่อไปและคนอื่นๆที่เหลือก็ช่วยกันเทชานมใส่แก้วและแจกจ่ายให้กับลูกค้า เมื่อชานมล็อตนี้หมดพวกเขาก็จะแกะห่อใหม่และเติมน้ำร้อนเพื่อทำชานมต่อหน้าลูกค้าทันที


ลูกค้ารายอื่นที่มาเดินซื้อของในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อเห็นคนจำนวนมากต่อแถวเพื่อลองชิมชานมก็จะพากันอยากรู้ว่ารสชาติเป็นเช่นไรและตัดสินใจต่อแถวตามเช่นกัน


มีคนเคยบอกไว้ว่าหากมีคน 5 คนมายืนต่อแถวหรือมุงดูบางอย่าง คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็จะเกิดความสงสัยและคิดว่ามันต้องเป็นสิ่งดีๆก่อนจะพากันเข้าไปมุงด้วยทันที


ตอนนี้ผู้คนจำนวนมากเริ่มต่อแถวยาวขึ้นเรื่อยๆและการที่แถวยาวเช่นนี้มันจะทำให้คนที่เข้ามาใหม่เริ่มสนใจและเข้าร่วมวงด้วย


ลูกค้าส่วนใหญ่เมื่อลองชิมชานมก็รู้สึกชอบในรสชาติ พวกเขาได้ยินว่าตอนนี้มีโปรโมชั่น ถึงแม้ชานมราคา 2 หยวนต่อแก้วจะแพงเกินไปสำหรับคนจำนวนมาก แต่คนอีกจำนวนหนึ่งกลับรู้สึกว่ามันเป็นราคาที่ยอมรับได้เมื่อสินค้าทั้งหมดนี้คือชาไต้หวันและรสชาติยังอร่อยถูกใจอีกด้วย


ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อชานม 4 แก้วและได้ฟรีอีก 2 แก้ว พวกเขาจะสามารถลองรสชาติได้ทั้งหมด 6 รสชาติ


ชานมหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วจนพนักงานซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องนำมาเติมอย่างเร่งด่วน


เฝิงหยู่ยิ้มเมื่อเห็นคนต่อคิวยาวในซุปเปอร์มาร์เก็ต มีคนสนใจโปรโมชั่นนี้มากกว่าโลกก่อนของเขาเสียอีก


ต้นทุนการผลิตชานมต่อแก้วคือ 50 เซ็นต์ เรทราคาที่ผู้จัดจำหน่ายส่งให้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตคือ 1 หยวน แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการจัดโปรโมชั่นอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่จำนวนเงินที่มากนัก ราคาขายปลีกของชานมที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตตั้งไว้คือ 1.8 หยวน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าราคาน้อยกว่า 2 หยวนโดยถูกกว่า 20 เซ็นต์


ในช่วงอากาศหนาวๆเช่นนี้การได้เครื่องดื่มร้อนๆสักแก้วก็ช่วยให้รู้สึกดีได้เช่นกัน นอกจากนี้ชานมของลีฮาฮายังมีกลิ่นหอมละมุนอีกด้วย ลูกค้าที่ไม่ได้ต่อแถวดื่มฟรีก็ตัดสินใจซื้อติดมือกลับไปเช่นกันเพราะโปรโมชั่นซื้อ2 แถม 1


ลูกค้าที่ซื้อชานมส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว พวกเขาเพิ่งเริ่มทำงานและยังไม่คิดที่จะประหยัดเงินในตอนนี้ พวกเขาต่างชื่นชอบที่จะลองสิ่งใหม่ๆ ลูกค้าอีกกลุ่มคือพ่อแม่ที่อายุยังไม่มากนัก พวกเขาซื้อให้ลูกๆของพวกเขา


พ่อแม่เหล่านี้ถือว่าชานมเป็นเครื่องดื่มประเภทหนึ่งเท่านั้น นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการให้เด็กๆดื่มน้ำอัดลมเย็นๆในสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้


หลังจากที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตปิดทำการในตอนกลางคืน พนักงานของลีฮาฮาและพนักงานของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะนับยอดขายของชานมในวันนี้ทันที


เมื่อเห็นตัวเลขดังกล่าว ตัวแทนทั้งสองฝั่งต่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง พวกเขาเริ่มนับยอดกันอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวเลขนี้ถูกต้องหรือไม่? โปรโมชั่นที่จัดขึ้นในวันนี้สามารถสร้างยอดขายได้มากขนาดนี้เลยหรือ?


แล้วยอดขายชานมทั้ง 20 สาขาล่ะจะมากขนาดไหนกัน? นี่แค่วันแรกเท่านั้นยังเหลืออีก 2 วันที่การจัดบูทเพื่อโปรโมทสินค้าจะสิ้นสุดลงและจะไม่มีพนักงานหรือสาวสวยคนใดมาทำหน้าที่โปรโมทสินค้าในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก แต่โปรโมชั่นซื้อ 2 แถม 1 ยังคงดำเนินต่อไปอีก 1 สัปดาห์ ยอดขายเพียงหนึ่งสัปดาห์อาจมากกว่ายอดขายทั้งเดือนที่พวกเขาตั้งเป้าไว้เสียอีก!


ศักยภาพในการจัดโปรโมชั่นของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!


EG บทที่ 678 เอ่ยปฏิเสธ


3 วันต่อมาซ่งจิงเซียนได้รับตัวเลขรวมของยอดขายชานม แต่เขายังไม่ได้แจ้งให้โรงงานผลิตสินค้าเพิ่ม เขากำลังรอเวลา ขณะนี้ยังเป็นช่วงเวลาการจัดโปรโมชั่นและชานมยังคงมีราคาถูก เขาต้องการรอดูว่าหลังจากหมดช่วงโปรโมชั่นในหนึ่งสัปดาห์ ยอดขายจะยังดีอยู่หรือไม่?


หากช่วงโปรโมชั่นหมดลงและผู้บริโภคไม่ต้องการซื้อชานมอีกต่อไปก็เท่ากับว่าสินค้านี้ล้มเหลว อย่างน้อยการตั้งราคาส่งไว้เท่านี้ก็ถือว่าล้มเหลว พวกเขาอาจต้องพิจารณาราคาขายส่งอีกครั้ง หากยังมีผู้บริโภคต้องการซื้อชานมอีกจำนวนมากก็จะถือว่าประสบความสำเร็จ ด้วยโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์และกลยุทธ์ทางการตลาดอื่นๆ ชานมนี้จะกลายเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของลีฮาฮา


การโปรโมทชานมในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจบลงแล้วและแผนต่อมาของลีฮาฮาคือเริ่มโปรโมทเยลลี่ของสตรองกรุ๊ปอย่างจริงจัง ช่องทางการจำหน่ายของสตรองกรุ๊ปมีไม่มากนัก พวกเขาขายผลิตภัณฑ์ในกวางโจวเท่านั้น อย่างไกลสุดก็เป็นแค่โซนทางใต้ของกวางโจว


หลังจากที่ลีฮาฮาควบกิจการของสตรองกรุ๊ปเข้ามา ซ่งจิงเซียนก็กว้านซื้อโรงงานผลิตเยลลี่เล็กๆอีก 2 แห่งและรวมเข้ากับสตรองกรุ๊ปทันที พวกเขาจะผลิตเยลลี่ให้กับสตรองกรุ๊ป


สตรองกรุ๊ปสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากในชั่วข้ามคืนเท่านั้น


ยอดการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นแต่ชื่อเสียงของแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แบรนด์เยลลี่หรือวุ้นที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดคือชิงชิงเยลลี่ตามมาด้วยซินหว่างเยลลี่ แต่ส่วนแบ่งทางการตลาดของทั้ง 2 บริษัทใกล้เคียงกันมาก และยังไม่มีบริษัทไหนแย่งส่วนแบ่งทางตลาดไปจากพวกเขาได้


ซ่งจิงเซียนส่งคนของตนไปตรวจสอบเรื่องนี้และพบว่ารสชาติเยลลี่ที่สตรองกรุ๊ปผลิตออกมานั้นดีมาก แต่ยังขาดเงินทุนในการโปรโมทและยังเป็นแบรนด์ที่คนไม่ค่อยรู้จักมากนัก พวกเขาขาดช่องทางการจำหน่ายที่เหมาะสม


แต่ตอนนี้ทุกๆอย่างกำลังเปลี่ยนไป อย่างแรกเลยคือการโปรโมทสินค้าในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต


ในตอนนี้ไม่มีการให้ทดลองชิมฟรีแต่สตรองกรุ๊ปได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้ใหญ่ขึ้นและมีถ้วยเยลลี่อยู่ภายในห่อจำนวนหลายถ้วยและมีการระบุรสของมันไว้อย่างชัดเจน สิ่งนี้จะทำให้ผู้ซื้อรู้สึกคุ้มค่ามากกว่าเดิมและเลือกซื้อได้ตามใจชอบ


นอกจากนี้สตรองกรุ๊ปยังมีเยลลี่หลากหลายรสในห่อเดียวกัน สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ซื้อที่ต้องการลองรสชาติที่แตกต่างกันเลือกซื้อได้เพียงหนึ่งห่อเท่านั้น


นอกจากนี้สตรองกรุ๊ปยังจัดเรียงสินค้าเป็นรูปการ์ตูนของลีฮาฮาในโซนจัดแสดงสินค้าในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วย มันถูกเรียงเป็นรูปการ์ตูนขนาดใหญ่และเด็กๆก็สามารถมองเห็นมันได้จากระยะไกลๆ


คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้จักแบรนด์สตรองกรุ๊ปแต่คนเหล่านั้นก็คิดที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเช่นกัน เยลลี่แบรนด์อื่นๆต่างถูกทิ้งไว้บนชั้นวาง เป็นเพราะรสชาติของเยลลี่เกือบทุกยี่ห้อมีรสชาติที่ใกล้เคียงกันและสินค้าของสตรองกรุ๊ปยังมีราคาที่ถูกกว่า อีกทั้งการจัดเรียงสินค้าเป็นรูปการ์ตูนก็สามารถดึงดูดใจได้เป็นอย่างดี เมื่อเด็กๆเห็นรูปการ์ตูนเหล่านี้พวกเขาก็ยืนกรานที่จะซื้อเยลลี่ของสตรองกรุ๊ปกลับไปให้ได้


ซ่งจิงเซียนเห็นว่าสินค้าของสตรองกรุ๊ปทำได้ดีและตัดสินใจที่จะช่วยสตรองกรุ๊ปซื้อโฆษณาทางช่อง CCTV เขาต้องการให้สตรองกรุ๊ปกลายเป็นแบรนด์เยลลี่อันดับ 1 ของประเทศจีน!


.


.


การจัดแสดงสินค้าในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเปลี่ยนไปในทุกๆวันและแบรนด์อื่นๆก็ได้เรียนรู้และเริ่มสร้างโปรโมชั่นใหม่ๆเพื่อนำเสนอสินค้าของตนเอง โปรโมชั่นบางรายการมีความสร้างสรรค์มากกว่าโปรโมชั่นที่เกิดขึ้นในอนาคตเสียอีก


เนื่องจากยอดขายที่พุ่งกระฉูดของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต ทำให้บริษัทใหญ่ๆหลายแห่งเริ่มสนใจในตัวของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต วันนี้มีตัวแทน 4 คนเดินทางมาที่สำนักงานใหญ่ของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตในกรุงปักกิ่ง พวกเขาต้องการคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการนำสินค้าของบริษัทวางขายในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต


“ผู้จัดการเกาครับ เราเป็นตัวแทนจากแบรนด์ต่างประเทศ ถ้าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตขายผลิตภัณฑ์ของเรา มันจะสามารถยกระดับซุปเปอร์มาร์เก็ตของคุณได้ คุณน่าจะเล็งเห็นความจริงในข้อนี้นะครับ!”


ชายคนแรกเอ่ยขึ้นอย่างหยิ่งผยอง


“ใช่แล้ว แบรนด์ของเราเป็นที่นิยมในยุโรปและอเมริกา กลุ่มลูกค้าหลักของเราคือครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและเราคือตัวเลือกในลำดับต้นๆของพวกเขา หากซุปเปอร์มาร์เก็ตขายผลิตภัณฑ์ของเรา ลูกค้าของคุณก็จะเพิ่มมากขึ้น”


ชายอีกคนกล่าวเสริม


“เราต้องการชั้นวางสินค้าแบบพิเศษ ชั้นวางนี้จะสามารถวางขายผลิตภัณฑ์ของเราได้เท่านั้นและพวกคุณต้องจัดพื้นที่แสดงสินค้าให้กับเราฟรีอีกด้วย เราต้องการพื้นที่ที่โดดเด่นที่สุด พวกคุณจะต้องช่วยกันโปรโมทผลิตภัณฑ์ของเรา โลโก้ของเราก็ต้องติดโชว์ด้านนอกซุปเปอร์มาร์เก็ต นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับซุปเปอร์มาร์เก็ตของคุณนะครับ”


“เรามาจากบริษัทญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าแห่งอิเล็กทรอนิกส์ เราเป็นตัวแทนจากบริษัทเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของวงการอิเล็กทรอนิกส์เลยนะครับ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักบริษัทของเรา!”


ผู้จัดการเกาเริ่มเยาะในใจ คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นคนจีนทั้งหมด พวกเขาคิดว่าการได้ทำงานในบริษัทญี่ปุ่นจะต้องรู้สึกภูมิใจและทำตัวหยิ่งแบบนี้ได้หรือ? เกิดอะไรกับคนพวกนี้กัน?


พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นคนญี่ปุ่นหรือไง! ทำไมถึงยกย่องผลิตภัณฑ์ของประเทศอื่นว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้? พูดราวกับว่าจีนไม่มีผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ดีๆ อย่าลืมสิว่าสิทธิบัตรเครื่องเล่นวีซีดีเป็นของประเทศจีน!


“พวกคุณพูดจบแล้วใช่มั้ย?”


“แล้วผู้จัดการเกาตัดสินใจอย่างไรกับเรื่องนี้?”


“ฮึ! …เชิญพวกคุณกลับไปได้แล้วล่ะครับ ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะไม่ยอมรับเงื่อนไขใดๆของพวกคุณ!”


อะไรนะ? ไม่ยอมรับเงื่อนไขของเรางั้นหรือ? ตัวแทนจากบริษัทญี่ปุ่นลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ มันเป็นไปได้อย่างไร? พวกเราทั้งหมดเป็นตัวแทนจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ห้างสรรพสินค้าอื่นๆต่างรู้จักแบรนด์ของเราเป็นอย่างดี พวกเขาต่างยื่นข้อเสนอต่างๆเพื่อให้เราวางขายผลิตภัณฑ์ในห้างของพวกเขา เรายังไม่ได้คุยรายละเอียดที่ลงลึกกว่านี้แต่กลับถูกปฏิเสธงั้นรึ? ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าปฏิเสธเรา!


“ผู้จัดการเกา เมื่อครู่ผมได้ยินไม่ชัด คุณว่าอย่างไรนะครับ?”


ตัวแทนคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยสีหน้าหมองๆ


“ผมบอกว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะไม่รับเงื่อนไขใดๆของคุณ! ชัดพอมั้ยครับ! ตอนนี้ก็เชิญพวกคุณออกไปได้แล้วล่ะครับ!”


ผู้จัดการเกากระตุกยิ้มมุมปาก คุณคิดว่าแบรนด์ของตัวเองสูงส่งมาจากไหนกัน? ก่อนที่เราจะเปิดตัวไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างเป็นทางการ ประธานหลี่ก็เชิญพวกคุณเข้าร่วมแล้วแต่ตอนนั้นพวกคุณพูดว่าอะไรกัน?


พวกคุณคิดว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราจะไม่สามารถทำเงินได้และคิดว่าข้อเสนอที่เรายื่นให้ไม่ดีพอ พวกคุณบอกว่าเราไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้ามาเจราธุรกิจกับพวกคุณและปฏิเสธที่จะขายสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราไม่ใช่หรือ?


หากพวกคุณยอมรับข้อเสนอและทำตามเงื่อนไขของเราในตอนนี้ เราก็พอที่จะยอมรับมันได้แต่พวกคุณหยิ่งผยองเกินไป พูดราวกับว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณในการยกระดับสถานะของเรา ให้โชว์โลโก้ไว้ด้านนอกซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรางั้นหรือ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณเห็นโลโก้อื่นติดโชว์อยู่ด้านนอก!


ชั้นวางสินค้าแบบพิเศษและพื้นที่จัดแสดงสินค้าที่โดดเด่นและต้องฟรีอย่างนั้นรึ!?


แบรนด์ฟิลิปส์มีขนาดเล็กกว่าคุณหรือไม่? ทอมป์สันล่ะเล็กกว่าพวกคุณหรือเปล่า? โมโตโรร่าด้อยกว่าพวกคุณตรงไหน? แบรนด์ทั้งหมดนี้ใหญ่กว่าพวกคุณด้วยซ้ำและพวกเขาก็ไม่หยิ่งผยองเลยสักนิด พวกเขาทำตามกฎที่เราตั้งไว้ด้วยซ้ำ พวกคุณต้องการให้เราทำตามสิ่งที่คุณบอกและทำตัวราวกับว่าอยู่เหนือพวกเรา แม้เราจะมีชั้นวางพิเศษเหลืออยู่เยอะแต่เราก็จะไม่มอบให้พวกคุณเป็นอันขาด


ประธานหลี่ ผู้จัดการเฝิง ผู้จัดการฟู่และผู้บริหารระดับสูงกำชับพวกเราอย่างเด็ดขาดว่าให้ปฏิเสธบริษัทที่เคยไม่เห็นหัวของเรา


“เราเป็นตัวแทนจากบริษัทชื่อดังระดับโลกและมาที่นี่เพื่อเจรากับคุณโดยเฉพาะแต่คุณกลับมาปฏิเสธเราอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นการตัดสินใจของคุณคนเดียวหรือเป็นการตัดสินใจของกรรมการบริหารซุปเปอร์มาร์เก็ต?!”


ตัวแทนอีกคนเอ่ยถามเสียงแข็ง


ผู้จัดการเกายังจำสิ่งที่เฝิงหยู่บอกเอาไว้ได้ เขายิ้มและกวาดสายตามองพวกเขาทั้งหมด


“ม้าพันธุ์ดีจะไม่กลับไปกินหญ้าบนแปลงเก่า! เรากำลังปฏิเสธพวกคุณเหมือนกับที่พวกคุณเคยปฏิเสธเราไงล่ะ!”


EG บทที่ 679 ถูกฟ้องอีกครั้ง


 


ตัวแทนบริษัทญี่ปุ่นพากันออกจากสำนักงานใหญ่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างหัวเสีย พวกเขาเป็นตัวแทนบริษัทที่มีชื่อเสียงและควรได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่สุด พวกเขาไม่เคยโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อน พวกเขาถูกไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไล่ออกมา!


หยิ่ง! ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตทระนงในตัวเองเกินไปแล้ว!


คุณคิดว่าบริษัทของเราจะปล่อยผ่านเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ? พวกคุณเป็นแค่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้นมีอะไรให้ต้องมาหยิ่ง? เราต้องสอนบทเรียนให้กับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตและผู้จัดการเกาจะต้องถูกไล่ออก!


วันรุ่งขึ้นมีข่าวรายงานในหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเหยียดบริษัทญี่ปุ่นและกำลังจะถูกฟ้องร้องจากพวกเขา ในข่าวอ้างว่าไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนและญี่ปุ่น พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลจีนแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วย!


ฟู่เกิงเฉิงและหลี่เซ่อเค่ยอยู่ที่มณฑลอื่นเพื่อหาทำเลดีๆในการตั้งซุปเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มเติม เมื่อพวกเขาทราบข่าวก็โทรหาเฝิงหยู่ทันทีเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น


ผู้จัดการเกาได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เฝิงหยู่ฟังซึ่งเฝิงหยู่รู้สึกว่าผู้จัดการเกาไม่ได้ทำอะไรผิด หากนี่คือการทำสัญญาธุรกิจทั่วๆไปมันไม่สำคัญว่าจะเป็นบริษัทจากญี่ปุ่นหรือไม่แต่พวกเขากลับทำตัวกร่างและหยิ่งผยองเกินไป การไล่พวกเขาออกจากสำนักงานถือว่าเบาไปด้วยซ้ำหากเฝิงหยู่อยู่ที่นั่นล่ะก็เขาจะให้รปภ.ลากตัวพวกเขาออกไป!


เฝิงหยู่บอกฟู่เกิงเฉิงและหลี่เซ่อเค่ยว่าไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ เขาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองและจะไม่ให้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้


พ่อของจางฮั่นก็โทรมาสอบถามเฝิงหยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เขารู่ว่าเฝิงหยู่เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นข้อพิพาททางธุรกิจเท่านั้นแต่มันถูกยกระดับไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง


“มันไม่มีอะไรเลยครับอาแปะจาง พวกเขาต้องการนำสินค้ามาวางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราแต่ถูกพวกเราปฏิเสธไปก็เลยโกรธ พวกเขามีไม่กี่บริษัทเท่านั้นคงไม่สามารถสร้างปัญหาอะไรให้กับเราได้หรอกครับ”


[“เสี่ยวเฝิง..ถ้าเรื่องมันลามไปใหญ่กว่านี้ฉันก็ไม่รู้จะช่วยเธอยังไงนะ เช้านี้มีการประชุมในคณะรัฐบาลและผู้ใหญ่หลายๆท่านก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งนี้มันส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนะเสี่ยวเฝิง เอาเป็นว่าฉันจะพูดเรื่องดีๆของเธอก็แล้วกันแต่มันก็คงจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก”]


“ขอบคุณที่ช่วยผมนะครับแปะจาง ผมจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองและจะไม่นำปัญหามาให้รัฐบาลอย่างแน่นอน! ผมจะทำให้พวกเขารู้ว่าไม่สามารถมาเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มีมูลความจริงเช่นนี้ได้!”


เฝิงหยู่ตอบพร้อมกับแต้มยิ้มชั่วร้าย


ฟ้องไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างนั้นหรือ? อย่ามาโทษเราแล้วกันถ้าจะตอบโต้พวกคุณอย่างหนัก!


โซนี่ โตชิบา ไพโอเนียร์และชาร์ป ทั้งสี่บริษัทนี้ต้องการฟ้องร้องเราอย่างนั้นรึ? พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่และจะใช้อิทธิพลที่มีเพื่อกดดันไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตและดูถูกประเทศจีนในเวลาเดียวกันได้งั้นหรือ?


ถ้านั่นคือสิ่งที่พวกคุณคิดอยู่ต้องบอกว่าพวกคุณคิดผิดแล้ว! จีนสามารถอยู่ได้หากไม่มีญี่ปุ่นแต่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะไม่สามารถเติบโตได้หากไม่มีตลาดจีน หากความสัมพันธ์ของสองประเทศแย่ลง ญี่ปุ่นก็ต้องแพ้ให้กับสงครามนี้อย่างแน่นอน


เฝิงหยู่หยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายไปยังหมายเลขที่เขาไม่เคยโทรมาก่อน


“สวัสดีครับคุณฝาง! ผมเฝิงหยู่จากบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงนะครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย คุณคงทราบข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แล้วใช่มั้ยครับ? ผมต้องการเข้าพบรัฐมนตรีจู้เพื่ออธิบายเรื่องนี้ให้ท่านฟัง….ตกลงครับผมจะรอสายจากคุณ!”


10 นาทีต่อมาเฝิงหยู่ก็ได้รับสายจากผู้อำนวยการฝางและให้เขาไปพบที่จงหนานไห่ในเวลา 12.30 น. แล้วเจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่นั่นจะพาเฝิงหยู่ไปพบกับรัฐมนตรีจู้เอง


มือที่บังคับพวงมาลัยรถของหลิวจีฉวนสั่นเล็กน้อย


“พวกเราจะไปพบรัฐมนตรีจู้ที่จงหนานไห่อย่างนั้นหรือครับ?” [1]


“มองถนนสิ! คุณกำลังขับรถอยู่นะแล้วก็เป็นผมคนเดียวที่ได้เข้าพบท่าน..คุณเข้าไปด้วยไม่ได้หรอก”


ในการประชุมครั้งนี้เฝิงหยู่ไม่ได้รับอนุญาตในนำผู้ติดตามเข้าไปด้วย


หลิวจีฉวนรู้สึกผิดหวังก่อนจะกลับไปจดจ่อกับการขับรถต่อ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าพบรัฐมนตรีจู้แต่ก็ยังได้เข้าไปเหยียบจงหนานไห่อย่างใกล้ชิด มันคงเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจไม่น้อยที่เขาสามารถเข้ามาในจงหนานไห่ได้ทั้งๆที่โอกาสที่จะได้เข้ามามีน้อยมาก เขาไม่รู้ว่าทำไมเฝิงหยู่ถึงเดินทางไปที่นั่นและไม่รู้ว่าเฝิงหยู่สามารถติดต่อเข้าพบรัฐมนตรีจู้ได้อย่างไร? แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องหากคำตอบเพราะเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


หลิวจีฉวนพอใจกับงานที่ทำในปัจจุบัน เขาไม่ได้ทำอะไรมากนักและเงินเดือนก็สูงมากทีเดียว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลหรือต้องไปคิดกับเรื่องต่างๆ ใช้เวลาน้อยกว่า 2 ปีเขาจะสามารถเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านสักหนึ่งหลังในเมืองใหญ่ๆให้กับพ่อของเขาได้


รถค่อยๆแล่นเข้ามาถึงที่หมาย การรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวดและรถก็ถูกตรวจค้นอย่างละเอียด


เฝิงหยู่ต่อสายไปหาคนผู้หนึ่งก่อนจะมีเจ้าหน้าที่พาเขาเข้าไปด้านในอาคาร


ก่อนที่เฝิงหยู่จะได้ก้าวเข้าไปในอาคาร บอดีการ์ดร่างยักษ์ 2 คนก็เดินเข้าหาเขาเพื่อทำการค้นตัวเขา


“ท่านรัฐมนตรีแจ้งไว้ว่าไม่จำเป็นต้องค้นตัวเขา”


บอดี้การ์ดทั้ง 2 พยักหน้ารับก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างๆเฝิงหยู่  แน่นอนว่าเขารู้สึกดีขึ้น เขาไม่ชอบให้ใครก็ตามมาค้นตัวเขาแม้ว่ามันเป็นขั้นตอนในการเข้าพบรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีก็ตาม เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกสงสัยและไม่ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน


“ขอบคุณครับ”


เฝิงหยู่กล่าวออกไป


หลังจากเข้าไปในห้องทำงานของรัฐมนตรีจู้แล้วเฝิงหยู่ก็เห็นว่าเขากำลังอ่านเอกสารอย่างเคร่งเครียดแม้ว่ามันจะเป็นเวลาพักเที่ยงแต่เขาก็ยังคงนั่งทำงานอยู่


รัฐมนตรีเงยหน้าขึ้นมอง


“อ้าว! มาถึงแล้วเหรอเสี่ยวเฝิง เชิญนั่งก่อนสิ ขอฉันอ่านเอกสารนี้ให้จบก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกัน”


เฝิงหยู่นั่งลงที่โซฟารับแขกก่อนจะมีเจ้าหน้าที่นำชาเข้ามาเสิร์ฟและขอตัวออกไปจากห้องทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้อำนวยการฝางเดินสวนเข้ามาในห้อง มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่เหลืออยู่ในห้องนี้คือเฝิงหยู่ รัฐมนตรีจู้และผู้อำนวยการฝาง


5 นาทีต่อมา รัฐมนตรีจู้ก็วางเอกสารลงและนวดขมับตัวเองเบาๆ เขาเดินเข้ามาหาเฝิงหยู่และทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆเฝิงหยู่


“เสี่ยวเฝิง..นายมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตใช่มั้ย?”


เฝิงหยู่ตอบอย่างใจเย็น


“ผมต้องการอธิบายให้ท่านทราบกับข้อกล่าวหาที่บริษัทญี่ปุ่นฟ้องร้องเรา แต่จะว่าไปแล้วถึงผมไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้ผมก็มั่นใจว่าทางเราจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร ผมเชื่อว่าทางรัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้บริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้นมารังแกไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้”


รัฐมนตรีจู้ค้านในสิ่งที่เฝิงหยู่กล่าว


“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ? ถึงอย่างไรบริษัทเหล่านั้นก็ต้องมีทางใดทางหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลญี่ปุ่น พวกเขายื่นฟ้องไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วและประเด็นนี้มันถูกยกระดับให้เป็นข้อพิพาทระหว่าง 2 ประเทศแล้วด้วย นายมั่นใจได้อย่างไรว่าคนจากรัฐบาลจะสนับสนุนนายทุกคน”


“เพราะเราเป็นบริษัทจีนและเราก็เป็นคนจีน! นอกจากนี้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยครับ!”


เฝิงหยู่ตอบอย่างมั่นใจ


“โอ้? พวกนายไม่ได้ทำอะไรผิดงั้นหรือ? นายกำลังจะบอกฉันว่าบริษัทพวกนั้นกล่าวหาพวกนายใช่มั้ย?”


รัฐมนตรีจู้ยิ้มอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปถามเฝิงหยู่อีกครั้งแต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจกับคำตอบของเฝิงหยู่


“พวกเขาไม่ได้กล่าวหาเราหรอกครับ เราเหยียดพวกเขาจริงๆ!”


ผู้อำนวยการฝางที่นั่งฟังอยู่ข้างๆก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่น นั่นหมายความว่าบริษัทญี่ปุ่นเป็นฝ่ายถูกในการยื่นฟ้องร้องไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต ถ้าอย่างนั้นเฝิงหยู่มาที่นี่ทำไม? เขามาที่นี่เพื่อให้รัฐบาลปกป้องพวกเขาอย่างนั้นรึ?


ตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ความสัมพันธ์ทางการทูตจีนและญี่ปุ่นกำลงไปได้ดี ต้องใช้ปัจจัยหลายๆอย่างและทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน เฝิงหยู่กำลังสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลจีนหรือไม่?


“ทำไมนายถึงเหยียดพวกเขาล่ะ? มีเหตุผลอะไรหรือเปล่าที่นายทำแบบนั้น?”


รัฐมนจรีจู้ไม่ได้ตำหนิเฝิงหยู่เพียงแค่ถามหาสาเหตุจากเขาเท่านั้น


“เราไม่ได้แค่เหยียดพวกเขาเท่านั้นแต่เรายังดูถูกพวกเขาอีกด้วย บริษัทเหล่านั้นไม่มีทางเติบโตได้หากไม่มีตลาดจีนรองรับ นั่นหมายความว่าพวกเขามาที่จีนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพของพวกเขา หากไม่มีเราเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะไม่สามารถฟื้นตัวได้เลย ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกือบล่มสลายแต่เราเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ บริษัทเหล่านั้นเคยอยู่ในจุดที่ตกต่ำและกำลังไต่บันไดขึ้นสู่จุดสูงสุด แล้วทำไมพวกเราจะดูถูกพวกเขาไม่ได้ล่ะครับ?”


 


[1] จงหนานไห่ (จีน: 中南海; พินอิน: Zhōngnánhǎi; “ทะเลใต้(และทะเล)กลาง”) เป็นชื่ออดีตราชอุทยานในเขตพระนคร (皇城) ของเป่ย์จิง (北京) ประเทศจีน อยู่ใกล้กับวังต้องห้าม (紫禁城) ปัจจุบัน เป็นกองบัญชาการกลางของพรรคสังคมนิยม (共产党) และเป็นที่ทำการของเลขาธิการพรรค, นายกรัฐมนตรี, และสภารัฐกิจ (國務院) ของประเทศจีน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม