Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น 601-625

 บทที่ 601 พลาสเตอร์ยา (2/2)


 


ช่วงเทศกาลตรุษจีนเพิ่งจะสิ้นสุดลง และทุกคนก็ยังอยู่ในอารมณ์เหมือนช่วงวันหยุดอยู่ คนกลับไปทำงานและสิ่งแรกที่พวกเขาทำก็คือการอ่านหนังสือพิมพ์ เพราะคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยมีงานมากนักหลังจากวันหยุดยาว


 


เอ๊ะ? ทำไมถึงมีโฆษณาเต็มหน้ากระดาษเลยล่ะ? นี่มันสินค้าอะไรกัน? พลาสเตอร์ยาหรอ? พลาสเตอร์ยาคืออะไร?


 


โฆษณาระบุว่ามันคือผ้าพันแผลที่สามารถติดบนแผลขนาดเล็กได้อย่างง่ายดาย ผู้อ่านมองดูภาพตามและก็เข้าใจว่ามันคือแบนด์เอด ซึ่งเคยมีโฆษณาทางโทรทัศน์เมื่อสองสามปีก่อน แต่โฆษณาบอกว่าพลาสเตอร์ของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงใช้ได้ผลมากกว่า เพราะสามารถกันน้ำได้และมีรูระบายอากาศด้วย แถมยังมีลายการ์ตูนอีก ที่สำคัญที่สุดคือสินค้านี้ได้รับการแนะนำโดยกรมกีฬาแห่งชาติจีน


 


เฝิงหยู่รีบติดต่อให้กรมกีฬาแห่งชาติจีนมาช่วยแนะนำสินค้านี้ เขาแค่ให้การสนับสนุนพลาสเตอร์ยานี้เท่านั้น และก็ได้รับเงินบริจาค 1 ล้านหยวนทันที ในทางกลับกัน เขาก็ได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์คำว่า “แนะนำโดยกรมกีฬาแห่งชาติจีน” ลงบนบรรจุภัณฑ์และอ้างถึงในโฆษณาได้ด้วย


 


ในตอนเย็น คนก็เห็นโฆษณาพลาสเตอร์ทางช่อง CCTV 2


 


เด็กกำลังเล่นอยู่ในบ้านและก็ล้มลงหัวฟาดพื้น ทำให้มีรอยแผลเล็กๆ บริเวณศีรษะของเขา และเด็กคนนั้นก็นั่งร้องไห้ แม่รีบเอาพลาสเตอร์มาแปะติดให้ตรงศีรษะของเด็ก


 


เด็กบอกว่าการติดพลาสเตอร์ที่หัวทำให้เขาดูน่าเกลียด แต่แม่บอกว่าเขาติดพลาสเตอร์แล้วดูดีออก เด็กมองดูตัวเองในกระจก พลาสเตอร์สวยดี มีลายหงอคงอยู่บนพลาสเตอร์ด้วย เด็กหัวเราะและแม่ก็ยิ้มตาม


 


จากนั้นก็มีหมอที่สวมชุดกาวน์สีขาวปรากฏขึ้นบนหน้าจอ มีคำพูดเขียนอยู่ด้านล่างแนะนำตัวเขาว่าเป็นอาจารย์ชื่อโจวอ้ายเหยินจากมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งเมืองปิง เขาบอกว่าเมื่อเด็กมีแผลเปิด วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการปกปิดแผลด้วยพลาสเตอร์โดยเร็วที่สุดเพื่อห้ามเลือดและป้องกันการติดเชื้อ


 


กล้องซูมออกและเปลี่ยนเป็นภาพระยะใกล้ของพลาสเตอร์ มีพลาสเตอร์ที่ออกแบบด้วยตัวละครจากเรื่องไซอิ๋วมากมายหลายแบบ


 


และก็มีเสียงพากย์ว่า “พลาสเตอร์ยากันน้ำของเภสัชกรรมเมืองปิง บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง ยาที่ปลอดภัย! แนะนำโดยกรมกีฬาแห่งชาติจีน!


 


โฆษณานี้ดึงดูดความสนใจของเด็กและผู้ปกครองเป็นอย่างมาก กันน้ำหรอ? นั่นหมายความว่าแผลจะไม่เปียกงั้นหรอ? พลาสเตอร์นี้ผลิตโดยบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง ก็น่าจะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ยิ่งไปกว่านั้น นักกีฬาจากกรมกีฬาแห่งชาติจีนก็ใช้ด้วย


 


เด็กสนใจลายการ์ตูนบนพลาสเตอร์มาก ลายบนพลาสเตอร์สวยมาก พลาสเตอร์ก็ดูดีกว่าแบนด์เอดด้วย


 


ไม่เพียงแต่หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์เท่านั้นที่มีการโฆษณา ขนาดทางวิทยุก็ยังพูดถึงพลาสเตอร์นี้ด้วย ซึ่งเป็นการแนะนำคุณสมบัติของสินค้าให้ผู้ฟังและเปรียบเทียบกับพลาสเตอร์แบบเก่า ผู้ประกาศทางวิทยุไม่ได้พูดว่าพลาสเตอร์แบบเดิมคือของยี่ห้อไหน แต่ผู้ฟังก็รู้ว่ามันคือแบนด์เอด พลาสเตอร์เภสัชกรรมเมืองปิงดีกว่าแบนด์เอดงั้นหรอ?


 


เมื่อบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์ CCTV หนังสือพิมพ์ และวิทยุ บริษัทแบนด์เอดก็รับทราบ เมื่อก่อนก็มีบริษัทอื่นๆ ที่พยายามขายพลาสเตอร์เหมือนกัน แต่พวกเขาก็สู้แบนด์เอดไม่ได้


 


แต่หลังจากที่พลาสเตอร์ของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงเข้าสู่ตลาด พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าพลาสเตอร์นี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทุกร้าน แบนด์เอดรู้สึกถึงภัยคุกคามแล้ว


 


บริษัทแบนด์เอดรีบจัดการประชุมทันทีเพื่อพยายามสู้กับบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง พวกเขาไม่สามารถทนรอให้ส่วนแบ่งการตลาดถูกแย่งไปก่อนแล้วค่อยลงมือได้ เพราะตอนนั้นทุกอย่างอาจจะสายไปแล้ว


………


 


“ก็แค่พลาสเตอร์กันน้ำเท่านั้น เราก็ผลิตได้เหมือนกัน เราจะเปิดตัวแบนด์เอดกันน้ำ ผู้บริโภคจะยังคงเลือกสินค้าเราแน่นอน!” รองผู้จัดการทั่วไปของแบนด์เอดซึ่งเป็นชาวต่างชาติพูด


 


แบนด์เอดเป็นผู้คิดค้นพลาสเตอร์นี้ แล้วพวกเขาจะไม่มีพลาสเตอร์แบบกันน้ำและแบบมีรูระบายอากาศได้ยังไง? พวกเขาแค่รู้สึกว่ามันไม่จำเป็นที่จะเปิดตัวสินค้าแบบนี้ในประเทศจีนก็แค่นั้นเพราะพลาสเตอร์กันน้ำมีต้นทุนสูงกว่า แค่พลาสเตอร์แบบธรรมดาพวกเขาก็ผูกขาดตลาดได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปิดตัวสินค้าที่ดีกว่า


 


แต่ตอนนี้ แบนด์เอดมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ซึ่งก็คือบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงที่มีชื่อเสียงอย่างกว้างขวาง โดยบริษัทนี้ทำการโฆษณาอย่างดุเดือดและเป็นการข่มขวัญพวกเขาอย่างมาก


 


หัวหน้าระดับสูงของแบนด์เอดไม่ได้เป็นกังวลมากนัก ไม่ว่าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจะผลิตอะไรก็ตาม พวกเขาก็สามารถทำได้เหมือนกัน เกือบทุกคนในประเทศจีนรู้จักแบนด์เอดและคำว่าพลาสเตอร์ยาก็ยังถือว่าเป็นศัพท์ใหม่ ผู้บริโภคไม่น่าจะยอมรับกันได้ง่ายๆ


 


หลังจากที่บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงเปิดตัวพลาสเตอร์กันน้ำและมีรูระบายอากาศ แบนด์เอดก็รีบเปิดตัวสินค้าที่คล้ายคลึงกันทันที ในฐานะหนึ่งในบริษัทพลาสเตอร์อันดับต้นของโลก พวกเขาไม่ยอมเสียตลาดจีนไปหรอก


 


ยิ่งไปกว่านั้น แบนด์เอดเข้าสู่ตลาดจีนมาเกือบ 3 ปีแล้ว แบรนด์แบนด์เอดได้รับการยอมรับจากชาวจีน และด้วยการรับรู้ตราสินค้านี้ในประเทศจีน พวกเขามั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงได้


 


เฝิงหยู่ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงบอกเขาว่าแบนด์เอดก็เปิดตัวสินค้าเฝิงหยู่กันน้ำและมีรูระบายอากาศเหมือนกัน แม้ว่าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจะจัดหาพลาสเตอร์ให้กับร้านขายยาส่วนใหญ่ แต่ยอดขายก็ไม่ได้ดีมากนัก


 


เฝิงหยู่บอกให้เขาใจเย็นไว้ก่อน การกันน้ำได้และมีรูระบายอากาศก็เป็นแค่คุณสมบัติเท่านั้น จุดขายที่แท้จริงของพลาสเตอร์พวกเขาอยู่ที่ลายการ์ตูนต่างหาก เป็นเรื่องยากสำหรับแบนด์เอดที่จะเลียนแบบเรื่องนี้


 


เฝิงหยู่ถูคางครุ่นคิด ถ้าพลาสเตอร์ขายแค่ในร้านขายยาเท่านั้น เด็กๆ ก็ไม่สามารถซื้อได้ ผู้ปกครองก็ไมได้ไปร้านขายยาบ่อยนัก สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการขายพลาสเตอร์ของเขาน่าจะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก!


 


เฝิงหยู่จำได้ว่าเมื่อชาติที่แล้วของเขา ร้านค้าขนาดเล็กพวกนั้นก็มีขายพลาสเตอร์เหมือนกัน พลาสเตอร์ก็เหมือนกับผ้าพันแผล ร้านค้าขนาดเล็กได้รับอนุญาตให้ขายได้ และบางร้านก็มีโปรโมชั่นเกี่ยวกับพลาสเตอร์ด้วย


 


งั้นทำไมพลาสเตอร์ของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจะเอาไปขายในร้านค้าขนาดเล็กพวกนี้ไม่ได้ล่ะ? ซึ่งสามารถใช้กลยุธ์แบบเดียวกับเล้อฮ่าฮาได้ โดยจำหน่ายในร้านค้าขนาดเล็กใกล้โรงเรียนและจับตลาดส่วนเด็กเล็กก่อนเลย


 


เฝิงหยู่บอกผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงเกี่ยวกับกลยุทธ์นี้ ผู้จัดการทั่วไปลังเลสักพัก ร้านค้าขนาดเล็กพวกนั้นขายพวกของใช้ภายในบ้านและอาหาร แล้วพวกเขาจะขายสินค้าทางการแพทย์ได้ยังไง?


 


ผู้จัดการทั่วไปเคยเห็นเครื่องดื่มเล้อฮ่าฮานำไปขายในร้านค้าขนาดเล็กใกล้โรงเรียน แต่เล้อฮ่าฮาขายเครื่องดื่ม และพวกเขาขายพลาสเตอร์ยา มันจะเหมือนกันได้ยังไง?


 


แต่เมื่อผู้จัดการทั่วไปนึกถึงวิธีการขายสินค้าอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่น่าอัศจรรย์ของเฝิงหยู่ เขาก็เลือกที่จะเชื่อเขา


 


สำหรับผู้จัดการทั่วไป  เฝิงหยู่เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งการขายและการตลาด อีกอย่างเฝิงหยู่ก็เป็นหนึ่งในกรรมการของบริษัท และเขาคงจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายบริษัทอยู่แล้ว


 


ตอนนี้บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงมีพนักงานขายเยอะมากซึ่งเป็นพนักงานเก่าจากรัฐวิสาหกิจ บางคนก็เก่งในการพูดคุยและประสบความสำเร็จดีมากด้วย บางคนก็ทนเรื่องการขายไม่ได้เลยต้องลาออกไป รัฐบาลเมืองก็ต้องหางานใหม่ให้พวกนั้น


 


ส่วนคนที่เหลือเป็นพวกที่เก่งด้านการขาย ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงมั่นใจว่าพวกเขาต้องสามารถโน้มน้าวคนให้รู้ว่าแบนด์เอดเป็นเพียงแบรนด์ของพลาสเตอร์เท่านั้น และไม่ได้เป็นแบรนด์พลาสเตอร์แบรนด์เดียวที่มีอยู่ในตลาด


 


เฝิงหยู่บอกว่าเมื่อพวกเขาสามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้ บริษัทแบนด์เอดจะไม่สามารถผูกขาดตลาดได้อีกต่อไป และจะต้องรอเวลาจนกว่าพวกเขาจะสามารถยึดครองตลาดได้ เมื่อตอนเฝิงหยู่บอกว่าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจะกลายเป็นบริษัทเภสัชกรรมอันดับต้นของประเทศจีน ไม่มีใครเชื่อเขาเลย แต่ตอนนี้ ยอดขายและกำไรของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 30 มาอยู่ที่อันดับ 2 ซึ่งตามหลังบริษัทเภสัชกรรมเซี่ยงไฮ้อยู่เล็กน้อย ปีนี้พวกเขาก็น่าจะสามารถเอาชนะและขึ้นไปอยู่อันดับสูงสุดได้


 


บริษัทเภสัชกรรมเซี่ยงไฮ้ก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของแบนด์เอดเหมือนหัน ถ้าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงสามารถเอาชนะแบนด์เอดได้ งั้นพวกเขาก็จะต้องกลายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีนแน่นอน!


 


เฝิงหยู่ยังบอกอีกว่ายอดขายรวมทั้งหมดของพลาสเตอร์จะสูงเกิน 100 ล้านชิ้นต่อปี ถ้าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ 30% และได้กำไร 30 สตางค์ต่อชิ้น กำไรก็จะเกือบ 10 ล้านหยวนเลยทีเดียว!


 


เพื่อเงิน 10 ล้านหยวนนี้ เราจะสู้สุดใจขาดดิ้นกับแบนด์เอด!บทที่ 


602 ซัพพลายเออร์ผูกขาด


 


บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจัดโปรโมชั่นใกล้โรงเรียนในหลายพื้นที่ และฝ่ายบริหารของบริษัทแบนด์เอดก็ขำกลิ้งตกเก้าอี้กับเรื่องนี้


 


คุณคิดว่าตัวเองกำลังขายอะไรอยู่? เครื่องเขียน? ของเล่น? อาหาร? นี่มันพลาสเตอร์นะ! คนจิตปกติดีที่ไหนเขาจัดโปรโมชั่นให้กับพลาสเตอร์กัน!


 


ราคาโปรโมชั่นของพลาสเตอร์กันน้ำและมีรูระบายอากาศทั่วไปนั้นมีราคาถูกและขายในราคาแค่ 80 สตางค์ต่อชิ้นเท่านั้นและในหนึ่งซองมีทั้งหมด  5 ชิ้น พลาสเตอร์ลายการ์ตูนมีราคาแพงกว่าเล็กน้อยและราคาโปรโมชั่นอยู่ที่ 1.20 หยวนต่อชิ้น ซึ่งก็มีการขายรวมกัน 5 ชิ้นด้วย


 


เมื่อผู้บริหารของแบนด์เอดรู้ว่าโปรโมชั่นของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงประสบความสำเร็จ พวกเขาหัวเราะขำกลิ้งมากกว่าเดิม พลาสเตอร์พวกนี้สามารถทำเงินได้เท่าไหร่กันเชียว? ราคาแพงที่สุดก็แค่ 1.20 หยวนเท่านั้น แล้วจะต้องขายกี่ชิ้นกันถึงจะคุ้มค่าแรงและค่าขนส่ง?


 


โปรโมชั่นนี้ทำให้บริษัทขาดทุนแน่นอน!


 


ใครจะซื้อสินค้าทางการแพทย์ตามท้องถนนกัน? ใครจะซื้อพลาสเตอร์ยาจากถนนหรอ? คนที่ต้องการของนี้จะต้องไปซื้อที่โรงพยาบาล คลินิกและร้านขายยา


 


แม้ว่าการโปรโมชั่นจะดึงดูดลูกค้าจำนวนมากได้ แต่แบนด์เอดก็ไม่ได้กังวลเลย พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีใครเคยทำโปรโมชั่นการขายสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ตามถนนและยังจะขายดีได้มาก่อน!


 


แบนด์เอดยังไม่รู้ว่าพนักงานของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงสรุปยอดขายรวมสำหรับโปรโมชั่นนี้แล้ว ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา การส่งเสริมการขายริมถนนนี้ดึงดูดฝูงชนจำนวนมากและประสบความสำเร็จในการเปิดตัวสินค้าพลาสเตอร์เภสัชกรรมเมืองปิง


 


พลาสเตอร์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือพลาสเตอร์ลายการ์ตูน เด็กหลายคนคะยั้นคะยอให้พ่อแม่ไปซื้อพลาสเตอร์พวกนั้นมาให้พวกเขา


 


เมื่อเด็กอยู่ที่โรงเรียน พวกเขามักจะเล่นแรงๆ กับเพื่อนและมักจะมีรอยแผลหรือรอยฟกช้ำ การมีพลาสเตอร์ติดบ้านไว้จะเป็นเรื่องที่ดี นี่คือข้อความโฆษณาจากบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง


 


แม้ว่าพลาสเตอร์ลายการ์ตูนจะมีราคาแพงกว่าพลาสเตอร์ทั่วไป แต่ก็ยังอยู่ในช่วงราคาที่ผู้ปกครองยอมรับได้ ที่สำคัญที่สุดคือลูกๆ ของพวกเขาจะไม่คิดว่าพลาสเตอร์นั้นน่าเกลียดและไม่อยากใช้


 


บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงขายพลาสเตอร์ได้มากกว่า 1 ล้านชิ้นในช่วง 3 วันที่ผ่านมา แม้ว่าเงินเดือนของพนักงานจะไม่น้อย แต่กำไรจากพลาสเตอร์ก็เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงไม่ได้รับผลกำไรใดๆ จากการส่งเสริมการขาย แต่ก็ไม่ได้ขาดทุนเช่นกัน พวกเขาสามารถเปิดตัวสินค้าให้กับผู้บริโภคได้และทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ของพวกเขา


 


ในอนาคต เมื่อครอบครัวต้องซื้อพลาสเตอร์ พวกเขาจะไม่เพียงแต่จำแบรนด์แบนด์เอดได้เพียงแบรนด์เดียวเท่านั้น บางครอบครัวจะพิจารณาเลือกซื้อพลาสเตอร์ของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง


 


ในช่วงเวลานี้ พนักงานของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงติดต่อตัวแทนจำหน่ายบางราย ซึ่งเป็นพวกที่จัดหาสินค้าให้แก่ร้านค้าขนาดเล็ก


 


เมื่อตัวแทนจำหน่ายพบกับพนักงานขายจากบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง พวกเขาก็ตกใจมาก เราเป็นตัวแทนจำหน่ายที่จัดหาสินค้าให้ร้านค้าขนาดเล็ก แต่ทำไมบริษัทเภสัชกรรมถึงมาหาเราล่ะ? คุณควรติดต่อบริษัท ขายยาพวกนั้นไม่ใช่หรอ?


 


แต่เมื่อพวกเขารู้ว่าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงต้องการที่จะขายพลาสเตอร์ในร้านค้าขนาดเล็ก ตัวแทนจำหน่ายทุกคนก็ตื่นเต้น ร้านค้าขนาดเล็กได้รับอนุญาตให้ขายพลาสเตอร์ได้หรอ? พวกเขาได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายพลาสเตอร์ได้หรอ?


 


ตัวแทนจำหน่ายทุกคนไม่ได้รับข้อมูลใดๆ ว่าพวกเขาได้รับอนุญาตให้ขายสินค้านี้ในร้านค้าขนาดเล็กได้หรือไม่ แต่ก็ไม่มีกฎระเบียบที่เป็นลายลักษณ์อักษรกำหนดไว้ว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขาย คนส่วนใหญ่รู้ว่าพลาสเตอร์ไม่ใช่ยา มันก็แค่ผ้าพันแผลขนาดเล็กที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น


 


ในเมื่อมีการใช้พลาสเตอร์สำหรับเหตุฉุกเฉิน งั้นก็น่าจะขายในร้านค้าขายปลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้ ในประเทศจีนมีร้านขายยาไม่มากนักในยุคนี้ซึ่งแตกต่างจากยุคในอนาคตที่มีร้านขายยาอยู่ทุกซอกทุกมุม เมื่อผู้คนต้องการซื้อพลาสเตอร์ พวกเขาต้องไปที่โรงพยาบาล คลินิก หรือร้านขายยาเท่านั้น


 


บางหมู่บ้านผู้คนต้องเดินทางไปโรงพยาบาลในเมือง ไม่ใช่ทุกหมู่บ้านที่จะมีคลินิก แต่ทุกหมู่บ้านจะมีร้านค้าขนาดเล็ก! ถ้าสินค้านี้ไปวางจำหน่ายในร้านค้าพวกนั้น จะทำให้ผู้คนมีความสะดวกสบายขึ้นอย่างมากในการซื้อสินค้านี้


 


ในเมื่อจุดนี้ถือเป็นช่องโหว่ของกฎหมาย ดังนั้นตัวแทนจำหน่ายจึงไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะหาเงินแน่นอน แต่ตัวแทนจำหน่ายต้องเซ็นสัญญาผูกขาดกับบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง พวกเขาไม่สนใจเรื่องการเซ็นสัญญานี้เนื่องจากบริษัทอนุญาตให้พวกเขาคืนสินค้าทั้งหมดได้หากผู้นำระดับสูงออกกฎห้ามมิให้ร้านค้าขนาดเล็กขายพลาสเตอร์ ถ้าตัวแทนจำหน่ายถูกปรับ บริษัทจะช่วยพวกเขาจ่ายค่าปรับด้วย


 


ทั้งหมดนี้ถูกระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน ตัวแทนจำหน่ายรีบตกลงและเซ็นสัญญาทันที จากข้อตกลงดังกล่าว ผู้ค้าปลีกทุกรายต้องวางโปสเตอร์ส่งเสริมการขายที่ร้านค้าของพวกเขาด้วย


 


เฝิงหยู่ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆในช่วงเวลานี้ เขาตรวจดูรายชื่อผู้ติดต่อของเขา เขาอยากได้การสั่งซื้อพลาสเตอร์ครั้งใหญ่!


……


 


“นายพลกานครับ ผมชื่อเฝิงหยู่จากบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงนะครับ วันนี้คุณว่างไหมครับ? ผมอยากพูดคุยหารือบางเรื่องกับคุณหน่อยครับ” เฝิงหยู่โทรหานายพลกาน เขาเป็นคนที่รับผิดชอบด้านการจัดซื้อในกองทัพ เขาน่าจะมีอำนาจในการตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์


 


“โอ้ ผู้จัดการเฝิงหรอครับ? คุณคิดที่จะเลี้ยงมื้อเย็นผมหรอ?” นายพลกานพูดติดตลก


 


“มื้อเย็นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ แต่เรื่องที่ผมอยากจะคุยกับคุณนี่สำคัญมาก ถ้าไปร้านฉวนจวี้เต๋อ คุณสะดวกมั้ยครับ? ผมจะได้จองโต๊ะสำหรับเย็นนี้ และเราจะได้คุยกันได้ในระหว่างอาหารค่ำ”


 


“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมไปหาหลังเลิกงาน” นายพลกานอยากกินที่ร้านฉวนจวี้เต๋อมาก เจ้าหน้าที่กองทัพในยุคนี้ไม่ได้มีรายได้เยอะมากนัก แม้ว่าทหารจะใช้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับอาวุธ แต่ถ้าหัวหน้าสถาปนิกยังอยู่ ใครจะกล้ารับสินบน? แม้ว่าเขาจะเป็นนายพล แต่เขาก็ไม่สามารถขอเบิกเงินคืนได้หากเขาไปรับประทานอาหารที่ร้านฉวนจวี้เต๋อ


……


 


“คุณว่าอะไรนะ? คุณอยากให้กองทัพของเราใช้สินค้าจากบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงของคุณแบบผูกขาดงั้นหรอ?” นายพลกานรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกต่อไป


 


“ใช่แล้วครับ ยาของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงมีหลากหลายประเภทครอบคลุมมากและก็มีชื่อเสียงด้วย นอกจากนี้ ยังมีราคาถูกและมีประสิทธิภาพอีกต่างหาก เรามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่ร่วมงานกับเราและเรายังทำงานร่วมกับบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงในต่างประเทศ ขณะนี้เราเป็นหนึ่งในบริษัทเภสัชกรรมชั้นนำในประเทศจีน หากกองทัพมาร่วมงานกับเรา คุณจะได้ซื้อยาในอัตราที่ถูกกว่า ซึ่งจะเป็นการประหยัดเงินให้กับกองทัพด้วยนะครับ”


 


นายพลกานส่ายหน้า “ผู้จัดการเฝิง เลิกคุยเรื่องนี้เถอะครับ ผมช่วยคุณไม่ได้จริงๆ ถ้าคุณกำลังพูดถึงรถยนต์ของซงเจียงมอเตอร์ เรามีแผนที่จะจัดซื้อในปีหน้า และฉันรับปากคุณได้เลยว่าเราจะสั่งซื้อจากคุณแน่นอน แต่คุณเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไม่ใช่หรอ ทำไมคุณถึงไปลงทุนในบริษัทเภสัชกรรมล่ะ?”


 


เฝิงหยู่รู้สึกผิดหวัง ดูเหมือนว่านายพลกานจะไม่สามารถช่วยเขาได้จริงๆ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้


 


“ถ้าเป็นสินค้าอื่น หรือสินค้าเฉพาะอย่างล่ะครับ? พลาสเตอร์? ปัจจุบันในตลาดมีแค่แบรนด์แบนด์เอดเท่านั้นและแบรนด์เภสัชกรรมเมืองปิงก็ดีกว่า ทหารคงรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ถ้าต้องไปสั่งซื้อจากโรงงานเล็กๆ ที่อื่น จริงมั้ยครับ? นอกจากนี้ แบนด์เอดยังเป็นสินค้าจากกิจการร่วมค้ากับต่างประเทศ คงจะดีกว่าถ้าให้ชาวจีนของเราได้เงินเองแทนที่จะไปให้ชาวต่างชาติพวกนั้น ถ้าคุณสามารถอนุญาตให้เราโฆษณาว่าเราเป็นผู้ให้บริการพลาสเตอร์แก่กองทัพจีนแต่เพียงผู้เดียว ผมไม่เกี่ยงเลยที่จะส่งพลาสเตอร์ใฟ้คุณใช้ฟรีๆ” เฝิงหยู่พูด


 


“คุณวาดภาพซะสวยเชียว! เรื่องรถยนต์ตอนนั้นยังไม่พออีกหรอ คราวนี้คุณยังต้องการให้กองทัพโฆษณาพลาสเตอร์ให้คุณอีกงั้นหรอ? ไม่มีทาง แต่ก็ยังอาจจะเป็นไปได้ที่เราจะใช้พลาสเตอร์ของคุณโดยมีเงื่อนไขว่าพลาสเตอร์ของคุณจะต้องมีราคาถูก”


 


“พลาสเตอร์กันน้ำและมีรูระบายอากาศราคา 30 สตางค์ต่อชิ้นและในหนึ่งซองก็มี 5 ชิ้น ราคาขายส่งคือ 1.5 หยวนและราคาขายปลีกคือ 4.80 หยวน เราไม่ได้รับกำไรเลยนะครับถ้าขายในราคานี้”


 


“ไม่มีกำไรงั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณขายทำไมล่ะ?” นายพลกานไม่เชื่อว่าจะไม่มีกำไรจริงๆ


 


“เราขายถูกเพราะคุณเป็นทหารครับ นี่ถือว่าเป็นการสนับสนุนกองทัพจีนด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกคุณทุกคน” เฝิงหยู่กล่าว แม้ว่าพลาสเตอร์กันน้ำและมีรูระบายอากาศนี้จะมีต้นทุนที่สูงกว่า แต่ถ้ามีการผลิตในปริมาณมาก ต้นทุนอาจจะลดลงเหลือน้อยกว่า 20 สตางค์ บริษัทยังคงสามารถทำกำไรได้หากพวกเขาขายให้กับทหาร


 


“งั้น……โอเค ผมจะถามให้คุณล่ะกัน ถ้าพลาสเตอร์ของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงของคุณราคาถูกกว่าและมีประสิทธิภาพ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”


 


“ขอบคุณครับ งั้นเรามาดื่มฉลองกันเถอะ!” เฝิงหยู่ยกแก้วเบียร์ที่มีอยู่ครึ่งแก้วและชนกับแก้วเบียร์เต็มของนายพลกาน นายพลกานดื่มเบียร์จนหมด เฝิงหยู่ชนแก้วกับนายพลกาน 4 ครั้งด้วยแก้วเดิมของเขา!


บทที่ 603 กลยุทธ์พลาสเตอร์ยา


 


สัญญาซัพพลายเออร์ผูกขาดกับทหารได้มีการลงนามอย่างรวดเร็ว นายพลกานยังคงมีอำนาจในการตัดสินใจในการจัดซื้อเวชภัณฑ์อยู่ นอกจากนี้ อัตราราคาของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงก็ต่ำกว่าแบนด์เอดอยู่มาก


 


แต่เฝิงหยู่ก็ยังไม่พอใจ แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะแบนด์เอดได้


 


เมื่อชาติที่แล้วของเขา ยุนหนานไป๋เหยาเปิดตัวพลาสเตอร์ยารักษาเป็นเวลาตั้ง 5 ปีกว่าจะเอาชนะแบนด์เอดได้


 


นั่นหมายความว่า 2 ปีหลังจากที่แบนด์เอดเข้าสู่ตลาดจีน แบรนด์จะเติบโตขึ้นอย่างมากและครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่ในอีก 10 ปีข้างหน้า


 


ในช่วงเวลานี้ มีบริษัทพลาสเตอร์ยาเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครสู้แบนด์เอดได้เลย หากไม่ใช่เพราะว่าได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล หยุนหนานไป๋เหยาอาจใช้เวลานานกว่า 5 ปีกว่าจะเอาชนะแบนด์เอดได้


 


แม้ว่าหลังจากที่หยุนหนานไป๋เหยาเอาชนะแบนด์เอดในแง่ของยอดขายได้แล้ว แต่ก็ยังมีการทำวิจัยตลาด แบนด์เอดยังคงเป็นแบรนด์พลาสเตอร์หมายเลขหนึ่ง และหยุนหนานไป๋เหยาอยู่ที่อันดับสอง


 


แน่นอนว่าเป็นเพราะเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ แบนด์เอดได้ผูกขาดตลาดมานานกว่า 10 ปี มันเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทอื่นที่จะแซงหน้าพวกเขา


 


เฝิงหยู่ชื่นชมหยุนหนานไป๋เหยาเป็นอย่างมาก พวกเขาประสบความสำเร็จในการเอาชนะแบนด์เอดได้ในแง่ของปริมาณขาย!


 


เฝิงหยู่ไม่ได้มีความอดทนรอถึง 5 ปีขนาดนั้น เป้าหมายของเขาคือ 2 ปี ภายใน 2 ปี เขาต้องการที่จะแซงแบนด์เอดในแง่ของปริมาณขาย ผลกำไร การสร้างแบรนด์ และด้านอื่นๆ ให้ได้  เขาจะอยู่เหนือแบนด์เอดในทุกๆ ด้าน


 


เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในแง่ของการควบคุมตลาดจีน


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ ก่อนที่เขาจะกลับมาเกิดใหม่นี้ ส่วนใหญ่มีบริษัทเภสัชกรรมชั้นนำเพียงไม่กี่แห่งที่มีเจ้าของเป็นบริษัทต่างชาติหรือกิจการร่วมค้ากับบริษัทระหว่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วบริษัทเภสัชกรรมของจีนอยู่เบื้องหลังพวกนั้น


 


อุตสาหกรรมเภสัชกรรมเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญ มันน่าเศร้าที่จะต้องเห็นบริษัทต่างชาติเข้ามาควบคุมอุตสาหกรรมในประเทศจีน


 


ในชาตินี้ เฝิงหยู่ไม่อยากเห็นเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ประเทศจีนมีนักวิจัยที่เก่งๆ แต่พวกเขาไม่มีคนสนับสนุนงานวิจัยของพวกเขามากพอ พวกเขาไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะส่งเสริมผลการวิจัยของตัวเองด้วย ยาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกจำนวนมากได้รับการพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนและทีมนักวิจัยที่มีนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนอยู่ในทีม


 


โดยปกติแล้ว การวิจัยมักจะดำเนินการโดยทีมงานที่นำโดยศาสตราจารย์และได้รับความช่วยเหลือจากนักศึกษาของเขา นักศึกษาวิจัยอาจมีส่วนร่วมในงานส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายแล้ว คนที่ได้รับความดีความชอบมากที่สุดคือใครกัน?


 


ศาสตราจารย์นั่นเอง!


 


เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะคิดว่าทีมสามารถค้นพบและสรุปผลการวิจัยได้ก็เป็นเพราะการนำทีมของศาสตราจารย์ แต่นี่ไม่ใช่ความจริง


 


ตอนนี้เฝิงหยู่สนับสนุนนักวิจัยจำนวนมาก หลายคนมีความสามารถและสามารถพัฒนายาที่ราคาไม่แพงและมีประสิทธิภาพได้ นี่คือสิ่งที่เฝิงหยู่ ต้องการจากพวกเขา ในทางกลับกัน เฝิงหยู่จะให้เงินทุนและชื่อเสียงแก่พวกเขา


 


คุณมีส่วนร่วมในการพัฒนายาและคุณก็ควรที่จะได้รับความดรความชอบนั้นไป นี่คือการค้าขาย เฝิงหยู่จ่ายเงินให้พวกเขาและได้รับผลตอบแทนจากการวิจัย นักวิจัยจะได้รับชื่อเสียงและเงินทุนเพื่อทำโครงการเพิ่มเติมต่อไปมากขึ้น


 


ตัวอย่างเช่น สูตรหยุนหนานไป๋เหยาที่เฝิงหยู่จดจำได้ นักวิจัยจากบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงพบว่าสูตรนั้นไม่ถูกต้องและก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพเหมือนกับหยุนหนานไป๋เหยาของแท้ แต่หลังจากที่นักวิจัยจากบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยการแพทย์ และหน่วยงานอื่น ๆ หลายแห่งมารวมตัวกันเพื่อทำการวิจัยและแก้ไขสูตรนี้ สุดท้ายแล้วผลิตภัณฑ์ที่ได้มาก็ไม่ห่างไกลจากหยุนหนานไป๋เหยาของแท้มากนัก


 


คนเหล่านี้อาจพัฒนายาที่ดีกว่าได้และมีโอกาสสูงที่จะพัฒนายาแบบสเปรย์ก่อนหยุนหนานไป๋เหยาได้


 


หนึ่งในสาเหตุหลักสำหรับเรื่องนี้คือเฝิงหยู่ เขาได้ขอให้บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงเพิ่มการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา


 


เฝิงหยู่อธิบายให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงเข้าใจอย่างชัดเจน บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงในปีที่แล้วเนื่องจากยาที่ผลิตมีคุณภาพดีและมีประสิทธิภาพ บริษัทจะต้องมีผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์แบบผูกขาดเพื่อให้บรรลุผลกำไรที่สูงขึ้น


 


ตัวอย่างเช่น บริษัทเภสัชกรรมชั้นนำไม่กี่แห่งในโลกประสบความสำเร็จเพราะพวกเขาเป็นเจ้าของสิทธิบัตรของยาอย่างน้อยหนึ่งประเภท กว่าจะมาถึงจุดนี้ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้ พวกเขาไม่มีใครสักคนที่ไว้ใจยาและโฆษณาที่มีราคาถูก


 


ดูอย่างแบนด์เอดสิ ทำไมพลาสเตอร์ยายี่ห้อนี้ถึงเป็นพลาสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลกและได้รับผลกำไรสูงสุด? ก็เพราะพวกเขาเป็นคนประดิษฐ์พลาสเตอร์ยานี้ขึ้นมา โดยเป็นแบรนด์ที่เก่าแก่ที่สุดและเมื่อคนนึกถึงพลาสเตอร์ แบนด์เอดก็จะเป็นยี่ห้อแรกที่พวกเขานึกถึง ในความเป็นจริงแล้ว ผู้บริโภคจำนวนมากใช้คำว่าแบนด์เอดแทนที่คำว่าพลาสเตอร์ยา!


 


ถ้าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงอยากที่จะได้เอาชนะแบนด์เอด เพียงแค่พลาสเตอร์กันน้ำและมีรูระบายอากาศคงไม่เพียงพอ คุณสมบัติเหล่านี้ดีพอที่จะเอาชนะแบรนด์เล็กๆ ได้เท่านั้น


 


ไม่นานหลังจากที่บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงได้เปิดตัวสินค้าพลาสเตอร์กันน้ำและมีรูระบายอากาศ แบนด์เอดก็เปิดตัวพลาสเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายกันออกมา แบนด์เอดมีผลิตภัณฑ์นี้มาโดยตลอดและประสบความสำเร็จในต่างประเทศ พวกเขาไม่ได้แนะนำผลิตภัณฑ์นี้ในประเทศจีนเพราะพวกเขารู้สึกว่าไม่จำเป็น แค่สินค้าเก่าของพวกเขาอย่างเดียว พวกเขาก็ผูกขาดตลาดจีนได้แล้ว


 


แบนด์เอดก็เหมือนกับโซนี่และบริษัทอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อื่นๆ เมื่อพวกเขาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นไม่ใช่เพราะว่าเทคโนโลยีของพวกเขาดีพอ แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีของพวกเขาดีที่สุดในอุตสาหกรรม หากเทคโนโลยีของพวกเขายังคงล้ำหน้าคู่แข่งอยู่ พวกเขาจะไม่เปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุด เว้นแต่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนลง


 


บริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่จะเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของพวกเขาและเพิ่มอิทธิพลและคุณค่าของแบรนด์ของตัวเอง


 


ปัจจุบันนี้บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงมีพลาสเตอร์ลายการ์ตูนที่แตกต่างจากแบนด์เอด สินค้านี้คือเป้าหมายหลักของพวกเขาตอนนี้ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงสั่งหลิวไมเคิลให้ออกแบบลายการ์ตูนไม่เพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น แต่ยังสั่งให้ออกแบบการ์ตูนอีกหลายชุด เช่น การ์ตูนเรื่อง  <อภินิหารเจ้าหนูน้ำเต้าทั้ง 7> และ <เหมียวดำยอดนักสืบ>


 


ลิขสิทธิ์ของการ์ตูนพวกนี้มีราคาถูก ถ้าพวกเขาไม่สามารถเอาลิขสิทธิ์มาได้ งั้นพวกเขาจะพัฒนาตัวละครเองจากนวนิยาย เช่น <ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน> หรือ <สามก๊ก> ซึ่งมีตัวละครมากมายในนิยายพวกนี้ และยังสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมจีนด้วย


 


นี่เป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ และก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะแบนด์เอดได้ วิธีเดียวที่จะเอาชนะได้ก็คือการพัฒนาพลาสเตอร์ที่จะช่วยเร่งการสมานแผลและทำให้แผลหายเร็วขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หยุนหนานไป๋เหยาแซงหน้าแบนด์เอดได้เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่


 


อย่างไรก็ตาม สินค้านี้ไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน เฝิงหยู่ยังคงรอไหว แต่เขาก็เต็มใจที่จะรอแค่ปีเดียวเท่านั้น เขากำหนดเดดไลน์หนึ่งปีเพื่อให้นักวิจัยได้พัฒนาสินค้านี้


 


ในปีนี้ เฝิงหยู่ใช้เส้นสายของเขาเพื่อให้ได้เป็นผู้จัดหาผ้าพันแผลแบบผูกขาดให้กับกรมกีฬาแห่งชาติจีนและกองทัพทหาร โฆษณาในสื่อกระแสหลักเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดบางส่วนเท่านั้น แบนด์เอดก็สามารถทำเช่นเดียวกันได้


 


แต่ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดทั้งหมดนี้ ทำให้บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงไม่ได้กำไรอะไรเลยจากพลาสเตอร์ บริษัทใช้เงินไปกับค่าใช้จ่ายด้านการตลาดจำนวนมากและพลาสเตอร์ก็ขายในราคาที่ถูกเกินไป


 


ความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเฝิงหยู่ก็คือการเอาชนะในเรื่องของยอดขายและรายได้ได้ แต่ต้องเสียกำไรและการสร้างแบรนด์ไป


 


ตอนนี้ เป็นเพียงแค่การควบคุมส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มการรับรู้ตราสินค้าเท่านั้น การต่อสู้ที่แท้จริงต้องรอจนกว่าพลาสเตอร์ยาได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ


บทที่ 604 หุ้นส่วนความร่วมมือกับฉวนจวี้เต๋อ (1/2)


 


แบนด์เอดพบว่าส่วนแบ่งการตลาดของพวกเขาลดลง บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงทำการตลาดค่อนข้างดุเดือด พวกเขาไม่เพียงแต่โฆษณาในทุกๆ ที่ แต่ยังพยายามทำลายการสร้างแบรนด์ของพวกเขาด้วย แนวคิดของ แบนด์เอด = พลาสเตอร์ ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นเละไม่มีชิ้นดี


 


แต่โชคดีสำหรับแบนด์เอด อิทธิพลของแบรนด์พวกเขานั้นไม่ได้ถูกลบออกจากความคิดของผู้บริโภคไปได้ง่ายๆ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำการวิจัยตลาดเพื่อให้รู้ว่าพลาสเตอร์ของพวกเขายังคงเป็นตัวเลือกแรกของผู้บริโภคอยู่


 


แต่พวกเขารู้เพียงเล็กน้อยว่าตลาดในส่วนหมู่บ้านที่พวกเขาพยายามพัฒนาอยู่นั้นถูกยึดครองโดยบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงไปอย่างลับๆ เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเสียเปรียบในการควบคุมตลาดกลุ่มนี้


 


แม้แต่การส่งเสริมการขายริมถนนซึ่งผู้บริหารของแบนด์เอดคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกก็ทำให้ยอดขายของพวกเขาลดลงได้ด้วย แต่ฝ่ายบริหารของแบนด์เอดเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงไม่สามารถจัดโปรโมชั่นเหล่านี้ได้ตลอดไปและจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา


 


ช่วงเวลานี้ เฝิงหยู่ ไม่ได้วางแผนกิจกรรมการตลาดใหม่สำหรับบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง กลยุทธ์ปัจจุบันเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้ ตอนนี้เฝิงหยู่อยู่ในปักกิ่งและพูดคุยกับพวกผู้นำรัฐบาลเมืองปักกิ่งเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือของเขากับฉวนจวี้เต๋อ


 


ตระกูลฟู่นั้นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมาก ภายในระยะเวลาอันสั้น พวกเขาสามารถซื้อร้านอาหารยอดนิยมในหลายประเทศและเมือง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย มาเก๊า ฮ่องกง นิวยอร์ก เสฉวน หางโจว จินลิน เป็นต้น


 


ร้านอาหารที่พวกเขาซื้อมีชื่อเสียงที่ดีมากและแต่ละร้านก็มีเมนูพิเศษของตัวเอง แถมยังตั้งอยู่ในทำเลที่ดีด้วย


 


การได้ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ทั้งหมดมาร่วมเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับฉวนจวี้เต๋อคือสิ่งที่รัฐบาลเมืองปักกิ่งต้องการ พวกเขาไม่อยากเห็นร้านอาหารพวกส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของฉวนจวี้เต๋อ


 


แต่ก็เกิดปัญหาขึ้น หลังจากร้านอาหารพวกนั้นมารวมตัวกันและก่อตั้งบริษัท บริษัทนั้นก็มีมูลค่าสูงกว่า ฉวนจวี้เต๋อมาก!


 


หากพวกเขาจะจัดตั้งห้างหุ้นส่วน งั้นฉวนจวี้เต๋อก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย เฝิงหยู่ต้องการให้ห้างหุ้นส่วนนี้สร้างเครือข่ายร้านอาหารและใช้ประโยชน์จากแบรนด์และเป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อในการขยายธุรกิจและเพิ่มผลกำไร


 


แต่เฝิงหยู่จะไม่ยอมแพ้ที่จะเข้าควบคุมหุ้นของบริษัท!


 


รัฐบาลเมืองปักกิ่งอนุญาตให้ฉวนจวี้เต๋อ เป็นผู้ถือหุ้นและยอมให้บุคคลทั่วไปเข้าลงทุนในบริษัทได้ บุคคลดังกล่าวนี้รวมถึงกองทุนจากฮ่องกงด้วย แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลยังคงถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่และมีอำนาจควบคุมบริษัทอย่างเต็มที่ พวกเขาไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาควบคุมฉวนจวี้เต๋อ


 


แม้ว่ารัฐบาลจะถือหุ้นส่วนใหญ่ แต่หากผู้ถือหุ้นรายอื่นเอาหุ้นของพวกเขมารวมกัน พวกเขาก็สามารถควบคุมบริษัทได้อย่างเต็มที่เช่นกัน ฉวนจวี้เต๋อจะถูกแปรรูปกลายเป็นเอกชนอย่างเต็มตัว!


 


“นายกเทศมนตรีหลิวครับ เราเห็นด้วยกับเงื่อนไขและลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงแล้ว ซึ่งไม่ได้ระบุว่าถ้ามูลค่าโดยรวมของร้านอาหารผมสูงกว่าฉวนจวี้เต๋อ ข้อตกลงนี้จะไม่ผ่าน ซึ่งมันคือสิ่งที่คุณต้องการ และเราพยายามอย่างเต็มที่ในการเพิ่มขนาดธุรกิจของเราเพื่อเพิ่มแบรนด์ของฉวนจวี้เต๋อให้ดีขึ้น เราดำเนินการไปแล้วและตอนนี้คุณกำลังตำหนิเราเนี่ยนะ? แบบนี้มันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรอครับ? “เฝิงหยู่โกรธมาก


 


แน่นอนว่าตระกูลฟู่ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อร้านอาหารในประเทศจีนในตอนแรก เฝิงหยู่เป็นคนแนะนำเอง เฝิงหยู่ต้องการให้มูลค่าของบริษัทร้านอาหารของพวกเขาสูงกว่าของฉวนจวี้เต๋อมาก


 


เฝิงหยู่และฟู่กวางเจิ้งต่างก็รู้ว่าถ้าพิจารณาจากเอกสาร มูลค่ารวมของร้านอาหารพวกเขาสูงกว่าฉวนจวี้เต๋อมาก แต่ถ้าฉวนจวี้เต๋อรวมมูลค่าแบรนด์ของพวกเขาไปด้วย มูลค่าของฉวนจวี้เต๋อรวจะยังคงสูงกว่าอยู่ดี


 


อย่างไรก็ตาม เฝิงหยู่ และฟู่กวางเจิ้งจะไม่ปล่อยให้รัฐบาลเมืองปักกิ่งรู้เรื่องนี้เด็ดขาด รองนายกเทศมนตรีหลิวคนนี้ไม่เหมือนจางรุ่ยเฉียง เฝิงหยู่จะไม่ยอมให้โอกาสนี้เอาเปรียบเขาได้


 


“นั่นคือสิ่งที่เราพูดกัน และก็มีการระบุไว้ในสัญญาด้วย แต่มูลค่าของร้านอาหารคุณไม่ควรสูงกว่าของเรามากนัก ถ้าเรายังอยากที่จะควบคุมสัดส่วนการถือหุ้น เราจะต้องลงทุนเพิ่มอีก 100 ล้านหยวนงั้นหรอ? ถ้าเรามีเงิน ทำไมเราต้องทำงานให้คุณด้วยล่ะ? เราก็สามารถขยายธุรกิจเองได้” รองนายกเทศมนตรีหลิวขมวดคิ้วและพูด


 


บริษัทอาหารและเครื่องดื่มสองแห่งได้ติดต่อมาหาฉวนจวี้เต๋อก่อนหน้านี้ หนึ่งในนั้นคือบริษัทเสฉวน และเป็นบริษัทในรูปแบบผู้ถือหุ้นซึ่งรัฐเป็นเจ้าของหุ้นส่วนใหญ่ บริษัทอื่นเป็นบริษัทห้างหุ้นส่วนและบริษัทเอกชน


 


บริษัททั้งสองแห่งนี้มีอิทธิพลค่อนข้างมาก แต่เมื่อเทียบกับเฝิงหยู่และตระกูลฟู่แล้ว ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ แม้ว่าทั้งสองบริษัทจะรวมกัน แต่มูลค่ารวมก็ยังคงเทียบไม่ได้ ที่ผ่านมาร้านอาหารที่ซื้อโดยตระกูลฟู่ก็มีมูลค่ามากกว่าร้านอาหารของประเทศจีนอยู่มาก นอกจากนี้ เนื่องจากคำแนะนำของเฝิงหยู่ที่ต้องการให้เข้าซื้อกิจการร้านอาหารอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ตระกูลฟู่ต้องจ่ายเงินในราคาสูงมากสำหรับร้านอาหารพวกนั้น


 


เฝิงหยู่คิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ถ้าเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของฉวนจวี้เต๋อ และมีคนอยากซื้อหุ้นที่มีอำนาจควบคุมบริษัท เขาก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน


 


เฝิงหยู่ได้หารือกับฟู่กวางเจิ้งว่าจะให้รัฐบาลเมืองปักกิ่งเห็นด้วยกับการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือของพวกเขาได้อย่างไร ทางออกก็คือการขยายขนาดธุรกิจให้มากขึ้นและเพิ่มจำนวนผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ พวกเขาต้องแสดงการสนับสนุนให้แก่รัฐบาลเมืองและยอมให้พวกเขาดำรงตำแหน่งประธานในบริษัท


 


เฝิงหยู่และฟู่กวางเจิ้งไม่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการบริษัทอาหารและเครื่องดื่ม พวกเขาอยากสร้างรายได้เท่านั้น ดังนั้นในฐานะนักลงทุนพวกเขาจะต้องเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นและคอยนั่งรับผลกำไร


 


แน่นอนว่าเฝิงหยู่และฟู่กวางเจิ้งไม่โง่ที่จะสละสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด หากรัฐบาลเมืองปล่อยให้คนโง่มาเป็นผู้นำบริษัท พวกเขาจะต้องมีสิทธิ์ยับยั้ง


 


“นายกเทศมนตรีหลิวครับ ผมว่าปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายมากเลย ผมได้ยินมาตอนที่เราเข้าไปติดต่อบริษัท ฉวนจวี้เต๋อ มีบริษัทอีกสองแห่งก็สนใจลงทุนในฉวนจวี้เต๋อด้วยเหมือนกัน ทำไมเราไม่ติดต่อพวกเขาให้มารวมอยู่ในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือครั้งนี้ด้วยล่ะครับ?”


 


“ให้พวกเขามาลงทุนด้วยหรอ? เรามีร้านอาหารเกือบ 20 แห่ง และถ้าเราปล่อยให้เข้ามา ก็จะมีร้านอาหารลเกือบ 40 แห่งเลยนะ ขนาดธุรกิจจะใหญ่เกินไปหรือเปล่า?” รองนายกเทศมนตรีหลิวกังวลว่าการบริหารจัดการจะไม่ใช่เรื่องง่าย และพวกเขาไม่ได้มีพ่อครัวทำเป็ดย่างจำนวนมากขนาดนั้น หากเกิดล้มเหลวขึ้นมา มันจะกลายเป็นหายนะสำหรับฉวนจวี้เต๋อเลยทีเดียว


 


“นายกเทศมนตรีหลิวครับ เราแค่ก่อตั้งห้างหุ้นส่วนเพื่อเพิ่มชื่อเสียงของแบรนด์ฉวนจวี้เต๋อเท่านั้น ร้านอาหารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องล้วนเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้ก่อนที่จะมาร่วมในกิจการร่วมค้านี้ หลังจากการเป็นหุ้นส่วนแล้ว ฉวนจวี้เต๋อและรัฐบาลเมืองปักกิ่งจะไม่ขาดทุน นอกจากนี้ หลังจากที่ก่อตั้งห้างหุ้นส่วนแล้ว เราจะสนับสนุนคนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลปักกิ่งให้เป็นประธานของคณะกรรมการบริษัทด้วย!”


 


ฟู่กวางเจิ้งก็แสดงท่าทีเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเฝิงหยู่


 


นายกเทศมนตรีหลิวเงียบไป หากรัฐบาลเมืองได้เป็นประธาน งั้นก็จะมีอำนาจควบคุมกลยุทธ์และทิศทางของบริษัทได้ นอกจากนี้ หลังจากการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือครั้งนี้ ฉวนจวี้เต๋อจะกลายเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของจีนและสำนักงานใหญ่ก็อยู่ในปักกิ่ง รายได้ภาษีประจำปีก็จะเป็นจำนวนมากด้วย


 


แต่ในขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีหลิวก็เป็นกังวล รัฐบาลเมืองปักกิ่งจะถือหุ้นน้อยกว่า เฝิงหยู่ยังเสนอแนะที่จะให้หุ้นบางส่วนแก่ผู้จัดการร้านอาหารและผู้บริหารระดับสูงของฉวนจวี้เต๋อด้วย นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก


 


“นายกเทศมนตรีหลิวครับ หลังจากการเป็นหุ้นส่วนในความร่วมมือครั้งนี้ มูลค่าของบริษัทฉวนจวี้เต๋อไม่เพียงแต่จะสูงที่สุดในประเทศจีนเท่านั้น แต่จะสูงที่สุดในเอเชียเลยทีเดียว! คุณเป็นคนที่ทำให้บริษัทธุรกิจร้านอาหารกลายเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย นอกจากนี้ สำนักงานใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ก็อยู่ในปักกิ่ง คุณเคยคิดบ้างไหมครับ?” อยู่ๆ ฟู่กวางเจิ้งก็พูดขึ้นมา


 


อันดับ 1 ในเอเชียหรอ?


 


รองนายกเทศมนตรีหลิวเริ่มคล้อยตามกับเรื่องนี้ …… เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยดีนะ?


605 

ในอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นความรับผิดชอบต่อฉวนจวี้เต๋อ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นความดีความชอบทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ รองนายกเทศมนตรีหลิวอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากห้างหุ้นส่วนประสบความสำเร็จโดยการนำของเขา และฉวนจวี้เต๋อกลายมาเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งของเอเชีย เขาจะได้รับผลประโยชน์ครั้งสำคัญมาก


 


ตอนนี้เขาเป็นรองนายกเทศมนตรี แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะไปดำรงตำแหน่งแทนที่นายกเทศมนตรี เขาอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งและถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่จังหวัดไหนสักแห่ง หรือเขาอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองเลขาธิการพรรคของเมือง ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งแน่นอนถ้าเขายอมให้มีหุ้นส่วนความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้น


 


พนักงานของรัฐบาลคนไหนที่ไม่อยากเลื่อนตำแหน่งบ้าง? ข้าราชการทุกคน โดยเฉพาะพวกเจ้าหน้าที่มีแผนอยู่ในใจอยู่แล้ว พวกเขาทุกคนต้องการพลังและอำนาจที่มากขึ้น


 


แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังดี และถ้าหากใครไม่มีความสำเร็จทางเศรษฐกิจ ก็ยากที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ถ้าใครมีบทบาทและส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งแน่นอน!


 


เฝิงหยู่ไม่ชอบเจ้าหน้าที่ทุจริตที่หิวเงิน แต่เขาก็ยังโอเคกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องการการเลื่อนตำแหน่งมากเหลือเกิน หากเจ้าหน้าที่คนไหนไม่ได้อยากเลื่อนตำแหน่งและไม่อยากทำงานอะไรทั้งนั้น แค่อยากนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในสำนักงานของพวกเขาไปวันๆ คนพวกนี้แย่กว่าเจ้าหน้าที่ทุจริตอีก


 


เฝิงหยู่และฟู่กวางเจิ้งตัดสินใจเกลี้ยกล่อมรองนายกเทศมนตรีหลิวด้วยความดีความชอบทางการเมือง


 


“นายกเทศมนตรีหลิวครับ เราคิดว่าจะนำแบรนด์ฉวนจวี้เต๋อออกไปต่างประเทศ เราต้องการให้ทั่วทุกมุมโลกได้รู้จักอาหารจีน และหาเงินจากชาวต่างชาติพวกนั้น เมื่อห้างหุ้นส่วนก่อตั้งขึ้น เราก็สามารถดำเนินการได้ทันที” ฟู่กวางเจิ้งพูดต่อ


 


“แต่มีหลายบริษัทมากในห้างหุ้นส่วนนี้ และร้านอาหารก็เยอะด้วย ฉวนจวี้เต๋อจากร้านเดียวจะกลายเป็นร้านอาหารหลายสิบแห่งทันที เราไม่ได้มีพ่อครัวทำเป็ดย่างเยอะขนาดนั้น” รองนายกเทศมนตรีหลิวพูด


 


เฝิงหยู่ยิ้ม “นายกเทศมนตรีหลิวครับ เปี้ยนอี้ฟังก็เป็นหนึ่งในบริษัทของเมืองด้วยไม่ใช่หรอครับ? ที่นั่นมีพ่อครัวตั้งเยอะ ถ้าฉวนจวี้เต๋อสามารถฝึกฝนพ่อครัวพวกนั้นได้ พวกเขาก็จะมีทักษะได้ภายในหนึ่งเดือน ปักกิ่งก็ยังมีร้านอาหารเป็ดย่างอีกมากมาย เราสามารถซื้อตัวพ่อครัวจากร้านพวกนั้น รวมถึงเป็ดย่างของพวกเขามาให้ฉวนจวี้เต๋อได้”


 


“คุณจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? เป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อมีความแตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆ นะ!” รองนายกเทศมนตรีหลิวตอบอย่างหนักแน่น


 


“นายกเทศมนตรีหลิวครับ คนจากภูมิภาคต่างกันก็รับรู้รสชาติต่างกัน บางแห่งชอบกินรสหวานและบางแห่งก็ชอบรสเผ็ด เนื่องจากแต่ละภูมิภาคมีรสนิยมที่แตกต่างกัน แล้วมันจะแปลกตรงไหนถ้ารสชาติของเป็ดเราแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ล่ะครับ? เราแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าเป็ดของเรามีรสชาติอร่อยและลูกค้าชื่นชอบ แค่นั้นก็พอแล้ว”


 


“แต่ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนว่าโดนหลอกหรือเปล่า?”


 


“ไม่แน่นอนครับ!”


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เป็ดที่เสิร์ฟในร้านอาหารของฉวนจวี้เต๋อในสหรัฐอเมริกานั้นแตกต่างจากปักกิ่งเล็กน้อย แต่ร้านอาหารก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนท้องถิ่นที่นั่น ก็เหมือนกับอาหารเสฉวนที่ขายในเจ๋อเจียง ซึ่งรสชาติไม่ได้เผ็ดเหมือนของแท้ดั้งเดิม


 


ไม่ว่าอาหารจีนจะยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ตาม จะต้องการปรับเปลี่ยนสูตรไปตามความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น ร้านอาหารจีนในสหรัฐอเมริกาที่ฟู่กวางเจิ้งเข้าซื้อกิจการก็เหมือนกัน เขาบอกกับเฝิงหยู่ว่าอาหารที่เสิร์ฟในร้านอาหารนั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาหารจีนด้วยซ้ำ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมมากในนิวยอร์ก


 


รองนายกเทศมนตรีหลิวลังเล แต่เขาก็อยากได้รับการเลื่อนตำแหน่งจริงๆ


 


เขารายงานเรื่องนี้ต่อนายกเทศมนตรี และเมื่อนายกเทศมนตรีถามเขา เขาก็ตอบตามสิ่งที่เฝิงหยู่ และฟู่กวางเจิ้งพูดให้เขาฟัง


 


สุดท้าย หุ้นส่วนความร่วมมือครั้งนี้ก็ได้รับการอนุมัติหลังจากการประชุม แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งก็คือประธานของฉวนจวี้เต๋อคนใหม่จะต้องเป็นคนจากรัฐบาลเมือง!


 


เมืองต้องการให้ “ผู้อาวุโสและมีประสบการณ์” เป็นประธานและผู้จัดการทั่วไปของบริษัท แต่เฝิงหยู่ ปฏิเสธ


 


ไม่ว่าจะเป็นประธานหรือผู้จัดการทั่วไป คุณไม่สามารถครองทั้งสองตำแหน่งได้!


 


เฝิงหยู่ต้องการให้เจียงเสียนจวิ้นมีอำนาจ เมื่อชาติก่อนของเฝิงหยู่ เจียงเสียนจวิ้นบริหารจัดการฉวนจวี้เต๋อ และแบรนด์ได้ดีมาก


 


นอกจากนี้ เจียงเสียนจวิ้นยังเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ และมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเองในการบริหารจัดการบริษัท เฝิงหยู่จะรู้สึกวางใจถ้าได้เจียงเสียนจวิ้นมาเป็นผู้นำบริษัท ชื่อเสียงของเจียงเสียนจวิ้นใน บริษัทก็โดดเด่น เขาสนิทกับทุกคนและไม่มีปัญหากับใครเลย


 


ฟู่กวางเจิ้งก็รู้สึกแบบเดียวกันหลังจากที่ได้คุยกับเจียงเสียนจวิ้น ตาเฒ่าคนนั้นหัวโบราณเกินไป หากเขาได้เป็นประธานและผู้จัดการทั่วไป เขาจะทำให้บริษัทพัฒนาตัวไปได้อย่างช้ามาก


 


เจียงเสียนจวิ้นมีส่วนร่วมในการจัดตั้งหุ้นส่วนความร่วมมือครั้งนี้ และเฝิงหยู่ก็อยากให้รางวัลแก่เขาด้วยหุ้นบางส่วน ตำแหน่งประธานสามารถมอบให้แก่รัฐบาลเมืองได้ แต่เจียงเสียนจวิ้นต้องเป็นผู้จัดการทั่วไป


 


เฝิงหยู่ยังคงยืนกรานกับความต้องการของเขาอย่างหนักแน่น ดังนั้นรองนายกเทศมนตรีหลิวจึงไปคุยกับเจียงเสียนจวิ้น เขาอยากรู้ว่าทำไมเจียงเสียนจวิ้นในฐานะพนักงานรัฐวิสาหกิจถึงอยู่ข้างเดียวกับเฝิงหยู่


 


รองนายกเทศมนตรีหลิวรู้จากเจียงเสียนจวิ้นว่าเฝิงหยู่รับปากกับเขาไว้ว่าจะมอบตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปให้ และถ้าเขาลาออกจากตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจ เขาจะมอบหุ้นบริษัทให้ด้วย เจียงเสียนจวิ้นยังรู้สึกว่าเฝิงหยู่เป็นคนรักษาคำพูด


 


เขาบอกรองนายกเทศมนตรีถึงสิ่งที่เขาคิดและพูดกับเขาว่าแม้ว่าเขาจะลาออกจากรัฐวิสาหกิจแล้ว แต่เขาก็ยังคงภักดีต่อพรรคและยังคงเป็นคนที่มาจากปักกิ่งอยู่ดี เขาจะไม่มีวันลืมคำแนะนำที่รัฐบาลเมืองเคยมอบให้เขาโดย เขาจะปกป้องและบริหารฉวนจวี้เต๋อเป็นอย่างดี


 


เจียงเสียนจวิ้นยังได้บอกกับรองนายกเทศมนตรีหลิวเกี่ยวกับแผนการของเขาสำหรับฉวนจวี้เต๋อด้วย และเขาก็พิสูจน์ตัวเองว่าเขาทำงานได้ดีกว่าผู้นำคนเก่าในการบริหารฉวนจวี้เต๋อ!


……


 


รองนายกเทศมนตรีหลิวติดต่อบริษัทอาหารและเครื่องดื่มอีก 2 แห่ง บริษัทอาหารและเครื่องดื่มคิดว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงทุนในฉวนจวี้เต๋ออีกต่อไปแล้ว พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่ารัฐบาลเมืองจะติดต่อพวกเขา


 


ความต้องการของฉวนจวี้เต๋อนั้นสมเหตุสมผลมาก หลังจากก่อตั้งกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อ สำนักงานใหญ่จะตั้งอยู่ที่ปักกิ่ง และรัฐบาลเมืองจะแต่งตั้งประธานกลุ่มบริษัท ส่วนตำแหน่งที่เหลือจะได้รับการตัดสินใจจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด


 


เมื่อบริษัทรู้ว่าบริษัทจากฮ่องกงจะร่วมลงทุนในกิจการนี้ด้วย และจะเร่งขยายกลุ่มบริษัท พวกเขาก็ตกลงเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม พวกเขายังได้เป็นรองประธานด้วย พวกเขาจะยังมีอำนาจในการตัดสินใจอยู่บ้างในบริษัท และจะได้รับเงินมากขึ้นหลังจากที่ก่อตั้งกลุ่มบริษัทขึ้นแล้ง


 


ตอนนี้ทุกคนอยู่ฝ่ายเดียวกันและรายละเอียดที่เหลือก็สรุปได้อย่างรวดเร็ว


 


ทั้ง 4 ฝ่ายรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อโดยมีรัฐบาลเมืองปักกิ่ง รัฐบาลเมืองเสฉวน เฝิงหยู่ ฟูกวางเจิ้ง กลุ่มนักธุรกิจจากเจ๋อเจียง กลุ่มนักธุรกิจจากเสฉวน และเจียงเสียนจวิ้นเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท เฝิงหยู่  ฟู่กวางเจิ้ง เจียงเสียนจวิ้นและอีกไม่กี่คนจัดตั้งคณะกรรมการบริษัท และตาเฒ่าจากรัฐบาลเมืองปักกิ่งก็ได้เป็นประธานคนแรกของกลุ่มบริษัท และเจียงเสียนจวิ้นเป็นผู้จัดการทั่วไป


 


มูลค่ารวมทั้งหมดของกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋ออยู่ที่ 1.72 พันล้านหยวน รัฐบาลเมืองปักกิ่งถือหุ้น 16.3% เฝิงหยู่ถือหุ้น 15.8% ฟู่กวางเจิ้งถือหุ้น 10% รัฐบาลเสฉวนถือหุ้น 8.2% …… เจียงเสียนจวิ้นได้รับหุ้น 0.8% และผู้จัดการร้านอาหารคนอื่นๆ ก็ได้รับหุ้นคนละ 0.05%  เฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นในนามบุคคลรายใหญ่สุดและรัฐบาลเมืองปักกิ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนถัดมา


 


รัฐบาลเมืองปักกิ่งรู้สึกโล่งใจที่จะรู้ว่าไม่มีผู้ถือหุ้นสองคนใดที่สามารถรวมตัวกันเพื่อให้ได้หุ้นที่มีอำนาจควบคุมบริษัทได้ พวกเขาเชื่อว่าฉวนจวี้เต๋อจะไม่ถูกแปรรูปเป็นเอกชนอย่างเต็มตัว!


 


ดังนั้น กลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อจึ’เริ่มดำเนินการ และหนึ่งเดือนต่อมาร้านอาหารฉวนจวี้เต๋อทั้งหมดก็เริ่มขายเป็ดย่างเมนูพิเศษของพวกเขา เมนูพิเศษของร้านอาหารแต่ละแห่งก็มีให้บริการในร้านอาหารอื่นๆ ด้วย เครือข่ายร้านอาหารที่ทรงพลังได้ก่อตัวขึ้นแล้ว………



ตอนที่ 606

เฝิงหยู่ตื่นเต้นมากที่การลงทุนในฉวนจวี้เต๋อประสบความสำเร็จ เขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อก็จะนำผลตอบแทนที่สูงมาให้จากการลงทุนของเขา


 


ในอีก 3 ถึง 5 ปี กลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋ออาจได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และผลตอบแทนของเขาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก


 


แน่นอนว่าเฝิงหยู่คงจะไม่นั่งเฉยๆ และไม่ทำอะไรเลย ในเมื่อเขาเป็นผู้ถือหุ้น เขาก็ต้องช่วยทำให้กลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อเติบโตขึ้นและเพิ่มอิทธิพลของแบรนด์


 


วิธีที่ง่ายที่สุดในการบรรลุเป้าหมายนี้ก็คือการทำให้ทุกคนรู้ว่าฉวนจวี้เต๋อมีพ่อครัวชั้นนำและเป็ดย่างที่ดีที่สุด!


 


วิธีการของเฝิงหยู่นั้นตรงไปตรงมา เขาจัดทำคอลัมน์บทความเกี่ยวกับอาหารในหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุขึ้นมาเพื่อโปรโมทร้านอาหารของฉวนจวี้เต๋อในฐานะร้านอาหารที่ดีที่สุดในประเทศจีน!


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ มีรายการอาหารมากมายทางรายการวิทยุ เมื่อคุณไม่แน่ใจว่าจะกินอะไรดี คุณสามารถโทรหาสถานีวิทยุเพื่อขอคำแนะนำได้ ผู้ประกาศจะเป็นคนให้คำแนะนำเอง


 


คุณต้องการที่เลี้ยงต้อนรับลูกค้า แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปร้านอาหารไหนดีใช่มั้ย? ไปที่ร้านอาหารของฉวนจวี้เต๋อสิ งานเลี้ยงระดับประเทศยังจัดขึ้นที่นั่นเลย สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่าคุณให้ความเคารพต่อลูกค้า


 


คุณต้องการนัดรวมญาติ และไม่แน่ใจว่าจะไปร้านอาหารไหนดีใช่มั้ย? ไปที่ร้านอาหารของฉวนจวี้เต๋อสิ ที่นั่นเสิร์ฟเป็ดย่างที่ดีที่สุดในประเทศจีน นอกจากนี้ ยังมีอาหารอื่นๆ อีกมากมายเหมาะสำหรับมื้อเย็นของครอบครัว


 


คุณต้องการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ และไม่รู้ว่าจะไปร้านอาหารไหนดีใช่มั้ย? ฉวนจวี้เต๋อ ……..


 


วัตถุประสงค์ของรายการวิทยุนี้คือเพื่อแนะนำผู้คนให้รู้จักร้านอาหารของฉวนจวี้เต๋อ แน่นอนว่าถ้าคุณบอกผู้ประกาศว่าคุณมีเงินเพียงแค่ 30 หยวน พวกเขาจะไม่แนะนำร้านฉวนจวี้เต๋อ พวกเขาจะบอกให้คุณไปกินข้าวตามแผงขายริมถนน และส่วนใหญ่การโทรไปขอคำแนะนำของคุณในรูปแบบนี้จะไม่ได้รับการออกอากาศ


 


สำหรับผู้ฟัง นี่คือรายการแนะนำอาหารทางวิทยุ แต่จริงๆ แล้วมันก็คือการโฆษณาของฉวนจวี้เต๋อนั่นแหละ สำหรับหนังสือพิมพ์ซึ่งวิธีการโฆษณาแบบทางอ้อมที่เฝิงหยู่ชื่นชอบ แต่คราวนี้กลับกลายเป็นโฆษณาแบบตรงไปตรงมามากขึ้น เฝิงหยู่จัดทำชาร์ตจัดอันดับอาหารของจีน!


 


อันดับหนึ่งในชาร์ตจัดอันดับอาหารของจีนคือเป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อ อะไรนะ? คุณบอกว่าคุณชอบกินตีนเป็ดตุ๋นพร้อมเห็ด ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูจากสำรับเครื่องเสวยอาหารจีนและแมนจูแบบครบสูตรงั้นหรอ?


 


โอ้ขอโทษด้วยนะ จากผลการสำรวจของเรา ไม่มีใครชอบอาหารจานนี้!


 


สำรับเครื่องเสวยอาหารจีนและแมนจูเป็นอาหารในงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่โดดเด่นที่สุดของจีน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักอาหารที่เสิร์ฟในงานเลี้ยงนี้ อันที่จริง คนส่วนใหญ่ไม่รู้ชื่อของอาหารเลยด้วยซ้ำ


 


แต่ฉวนจวี้เต๋อนั้นแตกต่างออกไป มันเป็นงานเลี้ยงระดับชาติและต้อนรับผู้แทนจากต่างประเทศ!


 


ร้านอาหารแห่งนี้ได้รับเลือกจากผู้นำระดับสูงของจีนให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้แทนจากต่างประเทศและทุกคนก็ชื่นชอบ แล้วเป็ดย่างจะไม่กลายเป็นอาหารอันดับหนึ่งในชาร์ตได้ยังไงกัน? แม้ว่าชาร์ตนี้จะไม่ยุติธรรม แต่ก็ไม่มีใครสามารถแสดงหลักฐานได้ว่ามันเป็นของปลอม!


 


ดังนั้นหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศจีนจึงตีพิมพ์ชาร์ตและคำว่า “อันดับหนึ่ง” ก็ใช้ตัวอักษรหนาที่ชัดเจนและใหญ่มาก


 


ใครก็ตามที่อ่านหนังสือพิมพ์จะต้องสังเกตเห็นบทความนี้ ทุกคนจะเห็นชื่อเป็ดย่างฉวนจวี้เต๋อ! เมื่อพวกเขาอ่านบทความ ก็จะรู้ว่าเป็ดย่างฉวนจวี้เต๋อเป็นอันดับหนึ่งในชาร์ตจัดอันดับอาหารยอดนิยมของจีน


 


หลายคนไม่สามารถต้านทานต่อความยั่วยวนน่ากินของอาหารที่อร่อยได้ แต่ในความเป็นจริง มีอาหารอร่อยๆ ไม่เยอะมากนัก แต่ด้วยการตลาดที่เพียงพอ จึงทำให้ผู้คนจะพยายามชอบอาหารนั้นๆ


 


ตัวอย่างเช่น เห็ดทรัฟเฟิล หลายคนไม่ชอบกลิ่นของเห็ดทรัฟเฟิล แต่เมื่อพวกเขาได้ยินว่มาาเห็ดทรัฟเฟิลมีราคาแพงมากและรสชาติอร่อย พวกเขาก็อยากจะลอง แม้ว่าหลังจากลองไปแล้ว หลายคนก็รู้สึกเสียดายเงินและรู้สึกว่ามันไม่ได้อร่อยอย่างที่คิดไว้ แต่ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้บางคนชอบรสชาตินี้


 


เป็ดย่างฉวนจวี้เต๋อ ง่ายต่อการทำตลาดเมื่อเทียบกับเห็ดทรัฟเฟิล มีไม่กี่คนในประเทศจีนที่ไม่กินเป็ด นอกจากนี้ ฉวนจวี้เต๋อยังเป็นแบรนด์เก่าแก่กว่า 100 ปีและยังคงเป็นร้านอาหารที่รับจัดงานเลี้ยงระดับประเทศด้วย


 


เมื่อก่อนหลายคนยังคงสามารถต้านทานต่อความยั่วยวนน่ากินของเป็ดย่างฉวนจวี้เต๋อได้ ที่ผ่านมาร้านอาหารตั้งอยู่ในปักกิ่งเท่านั้น มีไม่กี่คนนักที่เต็มใจเดินทางไปปักกิ่งเพื่อกินเป็ดย่าง


 


แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ร้านอาหารหลายแห่งในหลายๆ เมืองของประเทศจีนเสิร์ฟเป็ดย่างฉวนจวี้เต๋อแล้ว ตอนนี้คนที่ไม่มีโอกาสได้ชิมเป็ดย่างก็สามารถกินได้ในเมืองที่อยู่ใกล้พวกเขา


 


ร้านอาหารในกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อไม่ได้มีราคาถูก แต่ก็ไม่ได้แพงมากจนเกินไป หลายคนยังพอมีเงินกินอาหารได้ที่นั่นได้ ในยุคปัจจุบันนี้ ยังไม่มีไวน์ราคาแพง เมื่อคนจะเลี้ยงอาหาร พวกเขาจะเลือกแค่ร้านอาหารที่ดีเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ร้านอาหารหรูที่เสิร์ฟไวน์ราคาแพง


 


ในอดีตผู้คนไม่รู้ว่าจะไปร้านอาหารไหนดีเวลาที่พวกเขาจะไปเลี้ยงอาหารลูกค้า เพื่อน ผู้นำ และคนอื่นๆ แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าจะต้องไปที่ไหน พวกเขาจะมองหาร้านอาหารที่แขวนป้ายวฉวนจวี้เต๋อไว้ด้านนอก


 


พวกเขาจะสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่ดีและในขณะเดียวกันจะไม่เสียหน้าด้วย


 


เรื่องหน้าตาเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมจีน ในเมื่อพวกเขาจะเลี้ยงคนอื่น พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่พอใจก่อนที่พวกเขาจะได้กินอาหาร คุณภาพอาหารที่ร้านอาหารในกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อนั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งจะไม่มีทางทำให้เจ้าภาพเสียหน้าแน่นอน


 


คุณไม่ชอบกินเป็ดย่างหรอ? ไม่มีปัญหา ร้านอาหารไม่ได้เสิร์ฟเพียงแค่เป็ดย่างเพียงเท่านั้น แต่ยังมีเมนูพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อก่อนร้านอาหารหนึ่งร้านจะมีเมนูพิเศษเพียงแค่หนึ่งหรือสองเมนูเท่านั้น แต่ตอนนี้มันต่างไปจากเดิมแล้ว พ่อครัวของร้านอาหารในกลุ่มบริษัทจะแบ่งปันสูตรอาหารให้กันและลูกค้าก็มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น


 


นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถรับประทานอาหารของจังหวัดอื่นในร้านอาหารเสฉวนได้ แต่อาหารเสฉวนยังคงเป็นอาหารหลักในร้านอาหารนั้น การที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารจากทั่วประเทศจีนในร้านอาหารเดียวได้เป็นสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า


 


วิธีการตลาดแบบนี้ไม่เพียงแต่นำไปใช้ในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังใช้ในประเทศอื่นด้วย  เช่น ฮ่องกง มาเลเซีย เป็นต้น นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นยังตีพิมพ์บทความเดียวกันเกี่ยวกับชาร์ตจัดอันดับอาหารของจีนด้วย แต่ผู้อ่านไม่รู้ว่าหนังสือพิมพ์ได้รับการจ่ายเงินให้ตีพิมพ์เรื่องนี้


 


ตั้งแต่สมัยโบราณประเทศจีนเป็นที่จดจำว่าเป็นประเทศที่มีอาหารอร่อยมากมาย อาหารโดยเฉลี่ยของจักรพรรดิประกอบด้วยอาหารกว่า 100 รายการ แม้ว่าในโลกปัจจุบันมันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม แต่เมื่อต้องต้อนรับแขก ชาวจีนก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแน่นอน


 


เป็ดย่างฉวนจวี้เต๋อคือสิ่งที่ดีที่สุด!


 


โดยเฉพาะในฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน และที่อื่นๆ คนที่นั่นอยากรู้เกี่ยวกับเป็ดย่างฉวนจวี้เต๋อ ทุกคนรู้ว่าคุณเติ้งชอบกินเป็ดย่างของร้านนี้ พวกเขาอยากลองชิมด้วยตัวเองบ้าง


 


ด้วยการโฆษณาเชิงรุกในหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุ แนวโน้มของการเสาะหาอาหารที่ดีเริ่มต้นขึ้นแล้ว


 


คนรวยจะอายที่ต้องบอกเพื่อนว่าพวกเขายังไม่ได้ชิมเป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อ


 


กลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การตลาดนี้เพื่อนำแบรนด์ฉวนจวี้เต๋อไปสู่อีกระดับหนึ่ง มันอาจจะไม่ใช่อาหารที่อร่อยที่สุดในประเทศจีน แต่เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุด


 


ร้านอาหารทั้งหมดในกลุ่มบริษัทได้รับผลกำไรสูงมาก ผู้ถือหุ้นทั้งหมดยิ้มหน้าบานและรอรับเงินปันผลในปีนี้


 


ในเวลานี้ เฝิงหยู่ตัดสินใจกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง เขายังต้องการเพิ่มพูนความรู้อีก เขาต้องสามารถตัดสินใจได้ดีกว่านี้ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินปี 1997


 


แต่ก่อนที่เฝิงหยู่จะออกเดินทางไปฮ่องกง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากคนหนึ่งที่เขากำลังรออยู่


 


คนนี้ก็คือหลี่ต้าฝู เขาเป็นประธานของบริษัท จีลี่ ออโตโมบิล ในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เฝิงหยู่พยายามชวนเขามาทำงานด้วยเป็นการส่วนตัว แต่ก็ถูกปฏิเสธ


 


ว่าแต่ทำไมเขาถึงโทรมาตอนนี้? หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจแล้ว?



ตอนที่ 607

เฝิงหยู่ต้องการให้หลี่ต้าฝูมาทำงานด้วยเพื่อบริหารจัดการฝ่ายผลิตรถยนต์ของบริษัทเครื่องจักรของเมืองปิง แต่ในเวลานั้น แผ่นโลหะและธุรกิจอื่นๆ ของหลี่ต้าฝูยังดำเนินกิจการไปได้ด้วยดี เขาไม่ยอมละทิ้งธุรกิจแล้วมาทำงานให้เฝิงหยู่หรอก


 


แต่เมื่อหลี่ต้าฝูเห็นการเติบโตอย่างรุ่งเรื่องของซงเจียงมอเตอร์ เขาก็ตกใจมาก เขาไม่คิดว่าซงเจียงมอเตอร์จะเป็นที่นิยมในประเทศจีนมากขนาดนี้และถึงขนาดส่งออกไปยังยุโรปตะวันออกด้วย!


 


หลี่ต้าฝูก็ชอบรถยนต์เหมือนกัน เขาใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของอาณาจักรรถยนต์ของตัวเอง แต่ปัจจุบันประเทศจีนมีผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเช่น FAW, SAIC, BAIC, GAC, บริษัทเครื่องจักรเมืองปิง และอื่นๆ แม้ว่าขนาดธุรกิจของบริษัทพวกนี้ยังไม่สามารถเทียบกับบริษัทรถยนต์ต่างประเทศได้ แต่ก็เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของประเทศจีน เขารู้สึกว่าโอกาสในการก่อตั้งบริษัทรถยนต์ของตัวเองนั้นแทบไม่มีเลย


 


หลี่ต้าฝูได้เข้าร่วมสหภาพการค้าเจ๋อเจียงและมีแผนที่จะรวบรวมกลุ่มคนที่นั่นเพื่อจัดตั้งบริษัทรถยนต์เอกชน แต่นักธุรกิจที่นั่นไม่สนข้อเสนอของเขา พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จ


 


ตลกละ! คุณอยากเริ่มต้นด้วยการผลิตรถจักรยานยนต์ และพอคุณคุ้นเคยกับการผลิตแล้ว คุณจะลองลงทุนในรถยนต์งั้นหรอ?


 


นี่ถ้าเป็นเมื่อ 2 ปีก่อน รถจักรยานยนต์อาจเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ แต่ในประเทศจีนตอนนี้ 5 ใน 10 คนที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์จะต้องเลือกรถจักรยานยนต์ซงเจียง


 


รถจักรยานยนต์ซงเจียงไม่เพียงแต่มีการออกแบบที่สวยงามเท่านั้น แต่ประสิทธิภาพก็ยังยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน รถจักรยานยนต์ดังกล่าวยังมีดาราชั้นนำมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ด้วย และก็เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง แล้วบริษัทของคุณจะเติบโตได้ยังไงถ้าคุณจะผลิตรถจักรยานยนต์? คุณอยากเป็นเหมือนโรงงานขนาดเล็กพวกนั้นและต้องขายรถจักรยานยนต์ในราคาถูกงั้นหรอ?


 


แม้ว่าคุณจะสามารถทำกำไรได้จากการทำเช่นนี้ แต่คุณจะทำเงินได้เท่าไหร่กันเชียว? นอกจากนี้ โรงงานรถจักรยานยนต์อาจจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ต้องมีขนาดธุรกิจอยู่ในระดับหนึ่ง แล้วต้องใช้เวลากี่ปีกันกว่าจะได้เงินลงทุนของเราคืน? เมื่อไหร่ถึงจะเห็นกำไร?


 


แม้ว่ามันจะประสบความสำเร็จและทำกำไรได้ แต่ผลกำไรนั้นจะเพียงพอสำหรับการจัดตั้งบริษัทรถยนต์หรือเปล่า? พวกเราไม่มีใครคุ้นเคยกับธุรกิจการค้านี้ คุณอย่ามาบอกผมว่ารถยนต์ก็แค่สิ่งประดิษฐ์ที่มี 4 ล้อพร้อมเครื่องยนต์ติดตั้ง บริษัทรถยนต์หลายแห่งก็มีความคิดเช่นเดียวกันแบบนี้ แต่ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อรถยนต์ที่พวกเขาผลิตเลย


 


ในประเทศจีน ไม่เพียงแต่มีแบรนด์รถยนต์ขนาดใหญ่เท่านั้น แต่โรงงานขนาดเล็กบางแห่งก็พยายามผลิตรถยนต์ของตัวเองด้วยเช่นกัน ถ้ารัฐบาลท้องถิ่นไม่ปกป้องพวกเขา พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขายยานพาหนะด้วยซ้ำ


 


การผลิตรายปีของโรงงานพวกนี้มีจำนวนเพียงไม่กี่ร้อยถึงหนึ่งพันคันเท่านั้น แต่รถยนต์ที่พวกเขาผลิตไม่ปลอดภัยและประสิทธิภาพก็แย่มาก!


 


นอกเหนือจากคนในท้องถิ่นแล้ว ใครจะไปซื้อรถของพวกเขา?


 


คุณบอกว่าพวกเขาสามารถออกแบบภายนอกได้ดีกว่างั้นหรอ? พวกเขามีนักออกแบบหรอ? ซงเจียงมอเตอร์ทำงานร่วมกับบริษัทออกแบบที่โดดเด่นที่สุดในเซี่ยงไฮ้ นักออกแบบพวกนั้นล้วนเป็นชนชั้นสูงที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศ ผู้ผลิตรถยนต์รายไหนในประเทศจีนที่สามารถทำแบบนั้นได้บ้าง?


 


ถ้าคุณอยากใช้กลยุทธ์ต้นทุนต่ำล่ะ? คุณสามารถผลิตรถที่มีราคาถูกกว่ารถจี๊ปได้มั้ยล่ะ? รถยนต์ของจี๊ปและเซี่ยลี่มีราคาถูก แต่ยี่ห้อพวกนี้เป็นที่นิยมหรอ? หากทหารไม่สนับสนุนรถจี๊ปและรัฐบาลไม่ได้ซื้อรถเซี่ยลี่มาทำเป็นแท็กซี่ คุณคิดว่าโรงงานทั้งสองแห่งนี้จะอยู่รอดได้จนถึงปัจจุบันหรอ?


 


ความฝันของหลี่ต้าฝูเกี่ยวกับอาณาจักรรถยนต์นั้นแตกสลายลงทันที ไม่มีเพื่อนของเขาสักคนที่สนับสนุนเขา เขาพยายามขอเงินกู้จากธนาคาร แต่ไม่มีธนาคารไหนเต็มใจยืมปล่อยเงินกู้ให้เขาเลย


 


เงินกู้หรอ? ธนาคารจะต้องเห็นความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ ธนาคารรู้สึกว่าข้อเสนอของหลี่ต้าฝูเป็นเรื่องตลก ทำไมธนาคารถึงต้องปล่อยเงินกู้ให้เขาจำนวนมากขนาดนั้นด้วย?


 


แต่หลี่ต้าฝูไม่ยอมแพ้ เขาไม่ได้ขาดเงิน โรงงานของเขามีกำไรมากกว่า 10 ล้านต่อปี เงินที่เขามีอยู่สามารถเลี้ยงชีพเขาได้ตลอดชีวิต


 


แต่เมื่อชายคนหนึ่งไม่ได้ขาดเงิน เขาจะเริ่มไล่ตามความฝันของเขา หลี่ต้าฟูอยากขับรถที่เขาผลิตเองจริงๆ แล้วเขาก็จำได้ว่าเฝิงหยู่เคยบอกว่าให้โทรไปหาหากเขาเปลี่ยนใจ


 


ดังนั้น หลี่ต้าฝูไปหาจ้งชิ่งเซียนและขอเบอร์ติดต่อของเฝิงหยู่ เขารีบโทรหาเฝิงหยู่ทันที


 


“ผู้จัดการลี่โทรหาผมเพื่อที่จะบอกผมว่าคุณตัดสินใจเข้าร่วมกับบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงแล้วใช่มั้ยครับ?” เฝิงหยู่พูดติดตลก


 


“เอาตรงๆ นะครับ ผมเพียงต้องการเข้าร่วมฝ่ายรถยนต์ของบริษัทเครื่องจักรเท่านั้น ผมไม่สนใจเครื่องจักรทางการเกษตร” หลี่ต้าฝูอธิบาย


 


เฝิงหยู่คิดในใจ เรายังไม่ได้ทุนของเราคืนจากกิจการรถยนต์ของเราเลย เครื่องจักรทางการเกษตรที่คุณดูถูกยังทำกำไรได้มากอยู่ตลอด กำไรนั้นยังสูงกว่ารถจักรยานยนต์อีก


 


“ผู้จัดการลี่ครับ ผมจะไปหางโจวเพื่อพบกับจ้งชิ่งเซียนในเร็วๆ นี้ เราไปคุยกันแบบตัวต่อตัวเมื่อผมไปถึงที่นั่นดีมั้ยครับ?”


 


หลี่หมิงเต๋ออายุมากขึ้นแล้ว และบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงก็เติบโตขึ้นมาก เขาไม่สามารถติดตามการดำเนินงานทุกเรื่องได้อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าเฝิงหยู่จะบอกให้เขาปลุกปั้นกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ขึ้นมา แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีกว่าพวกเขาจะสามารถมาช่วยงานเขาได้ เฝิงหยู่ไม่กล้าปล่อยให้บัณฑิตจบใหม่พวกนี้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการเร็วเกินไป


 


ไม่ว่าเกรดของบัณฑิตพวกนี้นี้จะดีแค่ไหน พวกเขาก็ยังขาดประสบการณ์ในการบริหารบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้ การบริหารจัดการไม่ใช่สิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ในมหาวิทยาลัยได้ ต้องอาศัยประสบการณ์ด้วย


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ หลี่ต้าฝูใช้กลยุทธ์ที่ดีจำนวนมากและได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม เฝิงหยู่ประทับใจในตัวเขามาก แต่เขาสงสัยว่าหลี่ต้าฝูจะยังคงน่าประทับใจในชาตินี้ด้วยหรือเปล่า นี่คือเหตุผลที่เฝิงหยู่อยากพบเขาและรับฟังมุมมองของเขาเกี่ยวกับอนาคตและการดำเนินงานของซงเจียงมอเตอร์


………


 


จ้งชิ่งเซียนวางแผนที่จะตรวจสอบโรงงานใหม่ของเขาในจังหวัดอื่น แต่เนื่องจากเฝิงหยู่กำลังจะไปหางโจว เขาจึงเปลี่ยนแผน เล้อฮ่าฮาเติบโตอย่างรวดเร็วมาก เครื่องดื่มโยเกิร์ตและเครื่องดื่มชาขายดีมาก แต่ผลิตภัณฑ์เสริมเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กของเล้อฮ่าฮามาถึงจุดที่ติดขัด ยอดขายมาถึงจุดที่ไม่สามารถเพิ่มขึ้นไปได้อีก


 


หลังจากศึกษาตลาดแล้ว จ้งชิ่งเซียนรู้สึกว่าเป็นเพราะตลาดอิ่มตัวแล้วและบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงก็ส่งผลกระทบต่อยอดขาย ผู้ปกครองหลายคนเลือกซื้อแคลเซียมกลูคอเนตให้ลูกๆ แทน


 


แม้ว่ายอดขายผลิตภัณฑ์เสริมเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กของเล้อฮ่าฮาไม่เพิ่มขึ้น แต่รายได้ของเล้อฮ่าฮาก็ยังคงเติบโตขึ้น นมแคลเซียม AD ของพวกเขาอาจจะแซงเล้อไป่ซื่อได้ในปีนี้ ในตลาดเครื่องดื่มชา มีคู่แข่งรายใหม่ปรากฏขึ้น คู่แข่งรายใหม่นี้คือไรซิ่งซัน กรุ๊ป


 


แต่จ้งชิ่งเซียนไม่ได้คิดว่าไรซิ่งซัน กรุ๊ปเป็นภัยคุกคามต่อเขา พวกเขาเป็นเพียงผู้ลอกเลียนแบบเท่านั้น แล้วจะมาแข็งแกร่งกว่าเล้อฮ่าฮาได้ยังไง? ถ้าไรซิ่งซัน กรุ๊ปใช้ภาชนะบรรจุพลาสติกเหมือนเล้อฮ่าฮา พวกเขาจะล้มละลายทันที


 


ขนาดไรซิ่งซัน กรุ๊ปใช้แค่กระป๋องเป็นภาชนะบรรจุเครื่องดื่มของเขา ยอดขายยังไม่สามารถส่งผลกระทบต่อ เล้อฮ่าฮาได้เลย ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขากำลังช่วยเล้อฮ่าฮาโปรโมตเครื่องดื่มชาด้วยซ้ำ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เล้อฮ่าฮาไม่ได้เข้าร่วมสงครามราคาเพื่อทำให้พวกนั้นล้มละลาย


 


นี่เป็นเพียงโรงงานขนาดเล็กที่มีเงินลงทุนเพียงไม่กี่สิบล้านเท่านั้น พวกเขาจะมาแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากเล้อฮ่าฮาได้ยังไง? ไรซิ่งซัน กรุ๊ปมีเงินสดหมุนเวียนเพียงไม่กี่ล้านหยวน แค่เงินลงทุนของเล้อฮ่าฮาในโรงงานแห่งใหม่ในปีนี้เพียงอย่างเดียวก็มากกว่าพวกเขาแล้ว


 


จ้งชิ่งเซียนบอกกับแผนการของเขาสำหรับบริษัทให้เฝิงหยู่ฟัง แต่เฝิงหยู่ดูเหมือนจะไม่สนใจ ไม่ใช่เพราะว่าเฝิงหยู่ไม่สนใจ แต่เขากังวลว่าหากไรซิ่งซัน กรุ๊ปไม่ได้เติบโตเหมือนเมื่อชาติที่แล้วของเขา อนาคตจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า?



ตอนที่ 608

ช่างแม่งละ แม้ว่าประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนแปลงไปและเฝิงหยู่ก็ไม่สามารถทำนายอนาคตได้อีกต่อไป แต่ด้วยความมั่งคั่งของเขาในตอนนี้ เขายังสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ นอกจากนี้ รัสเซียพัฒนาอย่างรวดเร็ว  แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกิจการระหว่างประเทศ เฝิงหยู่ตัดสินใจที่จะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ทั้งหมดและปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ


 


“ผู้จัดการเฝิง ผู้จัดการเฝิง คุณไม่เห็นด้วยกับแผนสำหรับบริษัทของผมหรอครับ?” จ้งชิ่งเซียนรู้สึกว่าแผนการของเขาเป็นความคิดที่ดีมาก แต่ทำไมเฝิงหยู่ถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?


 


“โอ้ ขอโทษครับ ผมกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ คุณบอกว่าคุณอยากขยายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มนมและชา และลดการผลิตเครื่องดื่มเสริมสุขภาพสำหรับเด็กใช่มั้ยครับ?”


 


จ้งชิ่งเซียนพยักหน้า แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ เฝิงหยู่ถึงนิ่งอึ้งไปก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้ถาม


 


“คุณสามารถตัดสินใจเรื่องพวกนี้ได้เลย ฉันเห็นด้วยกับคุณ แต่ไรซิ่ง ซัน กรุ๊ปเปิดตัวเครื่องดื่มชาแบบกระป๋องแล้ว แล้วเล้อฮ่าฮาจะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า?”


 


“แน่นอนสิครับ แต่เครื่องดื่มกระป๋องไม่เป็นที่นิยมเท่ากับเครื่องดื่มที่บรรจุในขวดพลาสติก เครื่องดื่มในขวดพลาสติกสามารถเก็บเอาไว้ได้ถ้าลูกค้าดื่มไม่หมด และไม่ต้องกลัวว่าจะหกเลอะเทอะ แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มแบบกระป๋อง เมื่อเปิดแล้ว ก็ต้องดื่มให้หมด นอกจากนี้ เครื่องดื่มชาของเราก็ไม่ได้อัดลม พวกนั้นน่าจะเลียนแบบเครื่องดื่มกระป๋องมาจากเครื่องดื่มชาและเจี้ยนลี่เป่าของเรา แต่ผมรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะทำได้ไม่ดี มันไม่น่าจะพัฒนาไปต่อได้”


 


จ้งชิ่งเซียนดูถูกไรซิ่ง ซัน กรุ๊ป และเฝิงหยู่ก็ไม่ชอบท่าทีแบบนี้ หากไรซิ่ง ซัน กรุ๊ปพัฒนาได้ เล้อฮ่าฮาจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แต่โชคดีที่จ้งชิ่งเซียนคอยเฝ้าดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด ยังพอมีเวลาที่เขาจะจัดการกับไรซิ่ง ซัน กรุ๊ปได้ถ้าพวกเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว


 


“คุณพิจารณาเรื่องเครื่องดื่มอัดลมและเครื่องดื่มผลไม้ที่ผมเคยบอกคุณไปก่อนหน้านี้หรือยังครับ?” เฝิงหยู่ถาม


 


“คนของฉันทำการวิจัยการตลาดในเรื่องนี้แล้วครับ ตลาดเครื่องดื่มอัดลมโตเต็มที่แล้ว ถ้าเราจะเปิดตัวเครื่องดื่มอัดลมยี่ห้อเล้อฮ่าฮา ยอดขายของเราก็น่าจะดี แม้ว่าตลาดเครื่องดื่มน้ำผลไม้ยังคงมีที่ว่างให้เติบโตอยู่บ้าง แต่บริษัทอื่นก็เปิดตัวเครื่องดื่มประเภทนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากน้ำมะพร้าวแล้ว น้ำผลไม้อื่นๆ ก็ขายได้ไม่ดีนัก”


 


น้ำมะพร้าวยี่ห้อโคโค่นัท ทรีเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มในตำนานเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ ซึ่งเป็นโรงงานบรรจุกระป๋องที่ถูกแปลงสภาพมาเป็นบริษัทเครื่องดื่ม เฝิงหยู่ลืมพวกเขาไปเลย แต่ตอนนี้ บริษัทนี้พัฒนาขึ้นมาแล้ว น้ำมะพร้าวธรรมชาตินี้ถูกเสิร์ฟในงานเลี้ยงระดับชาติเมื่อปีที่แล้ว แถมบริษัทยังมีสิทธิบัตรอีกหลายใบด้วย


 


เฝิงหยู่บอกให้จ้งชิ่งเซียนไปพูดคุยกับพวกเขา เขาอยากเข้าซื้อกิจการหรือลงทุนในบริษัทก่อนที่จะขยายตัวมากเกินไป


 


แต่ผู้นำที่ไหหนานปฏิเสธพวกเขาอย่างหนักแน่น น้ำมะพร้าวยี่ห้อโคโค่นัท ทรีถูกส่งออกไปยังหลายประเทศในเอเชียแล้ว พวกเขาจะกำหนดเป้าหมายไปยังตลาดยุโรปในปีนี้ บริษัทนี้ทำกำไรได้และจะสร้างความดีความชอบให้ผู้นำที่นั่นด้วย พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาเป็นเจ้าของหุ้นของบริษัทหรอก


 


คุณเสนอราคาสูงสำหรับการเข้ามาเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทเรางั้นหรอ? นั่นหมายความว่าคุณมั่นใจในน้ำมะพร้าวของเรามาก ไม่งั้นทำไมคุณถึงยอมจ่ายในราคาที่สูงเช่นนี้ล่ะ?


 


ในเมื่อเล้อฮ่าฮาไม่สามารถเข้าซื้อกิจการของบริษัทหรือเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทได้ เฝิงหยู่จึงตัดสินใจหยุดไม่ให้บริษัทนี้พัฒนาสินค้าใหม่ เขาอยากแน่ใจว่าบริษัทนี้จะสามารถขายน้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋องได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นและทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย เล้อฮ่าฮาจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดที่ผลิตโดยบริษัท นี้ในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ตัดหน้าก่อนพวกเขา ผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้รวมถึงน้ำผลไม้ชนิดต่างๆ โจ๊กแปดสมบัติ ฯลฯ


 


โจ๊กแปดสมบัติเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของเล้อฮ่าฮาเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ โจ๊กแปดสมบัติไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันได้ง่ายๆ แม้ว่าหลายคนจะรู้สูตร แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำออกมาให้อร่อยในรูปแบบกระป๋อง


 


จ้งชิ่งเซียนและลูกน้องของเขาได้ทำการทดลองเกี่ยวกับโจ๊กแปดสมบัตินี้และรู้สึกว่ามันสามารถทำได้ แต่พวกเขายังคงต้องปรับปรุงรสชาติและอายุการเก็บรักษา พวกเขาควรจดจ่อกับการพัฒนาเครื่องดื่มของพวกเขาก่อน


 


เฝิงหยู่ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ แต่เฝิงหยู่ก็เป็นห่วงว่าหากเล้อฮ่าฮาไม่ได้เข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มอัดลมเร็วๆ นี้ ตลาดจะถูกครอบครองโดยเป๊ปซี่และโคคาโคล่า ยอดขายของเป๊ปซี่และโคคาโคล่าในประเทศจีนกำลังเพิ่มสูงขึ้น


 


เฝิงหยู่จำได้ว่าเมื่อชาติที่แล้ว มีเครื่องดื่มอัดลมที่มีชื่อเสียงชื่อว่าโค้กเฝินหวงหรือที่รู้จักกันในนาม “โค้กของจีน” เมื่อตอนที่เปิดตัว สินค้านี้จะเน้นการขายในหมู่บ้านรอบเมือง ซึ่งได้ผลมากและทำกำไรได้มากในช่วงเริ่มต้น


 


แต่หลังจากที่เป๊ปซี่และโคคาโคล่าร่วมมือกันเพื่อลดราคาโค้ก เพิ่มขนาดขวด และเอาดาราชั้นนำมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โค้กเฝินหวงก็หายไปจากตลาดเลย


 


กลยุทธ์ที่เป๊ปซี่และโคคาโคล่านำมาใช้นั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร พวกเขาเพียงแค่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเท่านั้น!


 


ไม่ว่าจะเป็นสงครามราคา การเพิ่มขนาดขวดหรือการใช้ดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ บริษัทจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่มีทางที่โค้กเฝินหวงจะแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติทั้งสองนี้ได้


 


เล้อฮ่าฮายังสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้ มูลค่าของเล้อฮ่าฮาในปัจจุบันสูงกว่าโค้กเฝินหวงที่อยู่ในจุดสูงสุดมาก ถ้าเป็นสงครามราคา เล้อฮ่าฮาก็ไม่ได้กังวล ที่จริงแล้ว เล้อฮ่าฮาสามารถเริ่มทำสงครามราคาได้ทุกเวลา เล้อฮ่าฮา มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดีกว่าและค่าแรงงานและค่าขนส่งของพวกเขาก็ต่ำกว่าบริษัทโค้กทั้งสองแห่งมาก


 


หากทั้งสองบริษัทเริ่มทำสงครามราคาขึ้นจริงๆ และทั้งสองบริษัทนี้กล้าที่จะขายสินค้าของพวกเขาต่ำกว่าราคาทุน เฝิงหยู่จะฟ้องพวกเขาฐานพยายามผูกขาดตลาด นี่คือประเทศจีนซึ่งเป็นบ้านเกิดของแบรนด์เล้อฮ่าฮา ไม่มีทางที่เล้อฮ่าฮาจะแพ้คดีนี้


 


เครื่องดื่มอัดลมตัวแรกที่จ้งชิ่งเซียนอยากเปิดตัวก็คือโค้ก ในอดีต เป๊ปซี่สามารถประสบความสำเร็จและเอาชนะโคคาโคล่าได้ แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะว่ากฎหมายต่อต้านการผูกขาด แต่เป๊ปซี่ก็เติบโตเป็น บริษัทที่ประสบความสำเร็จได้


 


ถ้าเป๊ปซี่ทำได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เล้อฮ่าฮาจะล้มเหลว เล้อฮ่าฮาขอให้ฝ่ายวิจัยและพัฒนาพิจารณาสูตรเป๊ปซี่  จ้งชิ่งเซียนไม่ต้องการโค้กของเขามีรสชาติเหมือนกับเป๊ปซี่ แต่ยังคงต้องอร่อยเหมือนเป๊ปซี่


 


อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองสิทธิบัตรสำหรับโค้กจบลงแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าสูตรของพวกเขาคืออะไร ทั้งนี้ ส่วนผสมทั้งหมดของพวกเขาก็ถูกเขียนลงบนฉลาก มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่รู้กันก็คือสัดส่วนของส่วนผสม


 


“นอกเหนือจากโค้กแล้ว คุณเคยพิจารณาอย่างอื่นบ้างมั้ย? เช่น เครื่องดื่มอัดลมรสผลไม้ต่างๆ เช่น แอปเปิ้ลหรือองุ่น? ผมจำได้ว่าเครื่องดื่มยอดนิยมมากที่สุดในประเทศจีนคือน้ำส้ม”


 


เฝิงหยู่รู้สึกว่าผู้คนจะจำเครื่องดื่มอัดลมของเล้อฮ่าฮาไม่ได้หากพวกเขาเปิดตัวด้วยโค้กเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผู้คนจะคิดว่าพวกเขากำลังพยายามเลียนแบบสินค้าของทั้งสองบริษัทนั้น เล้อฮ่าฮาควรเปิดตัวเครื่องดื่มอัดลมที่เป๊ปซี่และโคคาโคล่าไม่เคยเปิดตัวมาก่อนในประเทศจีน สิ่งนี้จะทำให้เล้อฮ่าฮาได้ส่วนแบ่งการตลาดมาเร็วขึ้น


 


“น้ำอัดลมรสผลไม้หรอครับ? เหมือนพวกน้ำอัดลมที่ขายโดยโรงงานขนาดเล็กพวกนั้นน่ะหรอ?” จ้งชิ่งเซียนลังเล เกือบทุกจังหวัดและทุกเมืองจะมีโรงงานของตัวเองที่จำหน่ายน้ำอัดลมประเภทนี้อยู่


 


“พวกนั้นผลิตน้ำอัดลม แต่สิ่งที่เราผลิตจะไม่เรียกว่าน้ำอัดลม เราจะเรียกว่าเครื่องดื่มเย็นเพิ่มความสดชื่น อย่าลืมว่าเราเป็นแบรนด์เครื่องดื่มจีนชั้นนำในประเทศจีน แม้ว่าจะเป็นแค่น้ำเปล่าหนึ่งขวด มูลค่าก็จะแตกต่างกันมากถ้าพิมพ์คำว่าเล้อฮ่าฮาลงไปที่ขวด! “เฝิงหยู่ยิ้ม


 


ก็เหมือนกับไชนีสกูสเบอรี่ที่พอนำเข้ามาจากประเทศอื่นกลับใช้ชื่อว่ากีวี ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วทั้งคู่ก็คือสิ่งเดียวกัน เครื่องดื่มอัดลมที่ขายโดยโรงงานเล็กๆ พวกนั้นเรียกว่าน้ำอัดลม แต่มันจะต่างออกไปถ้าผลิตโดย เล้อฮ่าฮา!


 


จ้งชิ่งเซียนพยักหน้า “ผู้จัดการเฝิงครับ  คุณบอกให้ผมเปิดตัวเครื่องดื่มนี้พร้อมกับโค้กของเราก่อนวันที่ 1 พฤษภาคมในฤดูร้อนใช่มั้ยครับ?” เครื่องดื่มนี้มีชื่อว่าคูล รีเฟรชชิ่ง ซึ่งเหมาะมากที่จะดื่มในฤดูร้อน


 


“นั่นคือสิ่งที่ผมคิดไว้ คุณสามารถจัดการรายละเอียดที่เหลือทั้งหมดเองได้เลย ผมว่าน้ำผลไม้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเราในการพัฒนา ส่วนนม AD ของเรา ทำไมเราไม่เปิดตัวขนาดขวดที่ใหญ่กว่าเดิมเหมือนกับเครื่องดื่มอื่นๆ ล่ะครับ? เราสามารถเปิดตัวเครื่องดื่มที่หลากหลายได้ คุณก็ให้คนของคุณทำการค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้ เป้าหมายของเราคือการเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มของจีนภายใน 5 ปีข้างหน้านี้!”



ตอนที่ 609

ดูเหมือนว่าเฝิงหยู่จะตั้งเป้าสูงเกินไป แต่เป้าหมายนี้ไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเล้อฮ่าฮา ผู้นำตลาดปัจจุบันในตลาดเครื่องดื่มของจีนยังคงเป็นเจี้ยนลี่เป่า เล้อฮ่าฮาได้เอาชนะคู่แข่งอื่น ๆ เช่น โคโค่นัท ทรี, เล้อไป่ซื่อ เป็นต้น เรียบร้อยแล้ว


 


สำหรับแบรนด์ต่างประเทศ เช่น โคคาโคล่า เป็นต้น ก็ยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศจีนมากนัก แม้ว่าพวกเขาจะยังทำกำไรอยู่ แต่รายได้ของพวกเขาก็ไม่สูงมาก แบรนด์ของพวกเขายังไม่เป็นที่รู้จักกันดี บริษัท ต่างประเทศไม่ได้พยายามเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของพวกเขาในประเทศจีนเพราะพวกเขารู้สึกว่าคนจีนไม่ได้มีเงินมาซื้อน้ำอัดลมดื่มทุกวันได้


 


บริษัทยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มจีนอื่นๆ เช่น เจียตัวเป่า (เจดีบี กรุ๊ป) และเฝินหวง จากในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ยังไม่ปรากฏขึ้น ไรซิ่ง ซัน กรุ๊ปได้รับความนิยมในจังหวัดของตนเองเท่านั้น ฮุ่หยวนก็พอมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่พวกเขามุ่งเน้นไปที่เขตซานตงและจิงจินเท่านั้น ยอดขายของพวกเขาก็ยังห่างไกลจากเล้อฮ่าฮาอยู่มาก


 


หากเล้อฮ่าฮาสามารถเอาชนะเจี้ยนลี่เป่าได้ พวกเขาจะเป็นผู้นำตลาด แต่สำหรับเล้อฮ่าฮา ขนาดพวกเขาเพิ่มยอดขายของอาหารเสริมสำหรับเด็กเข้าไปด้วยแล้ว ก็ยังห่างไกลจากเจี้ยนลี่เป่า และเป็นเพราะเจี้ยนลี่เป่านี่เองที่ทำให้โคคาโคล่าและ เป๊ปซี่ไม่สามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจีนได้ เมื่อพูดถึงเครื่องดื่มอัดลม ตัวเลือกยอดนิยมสูงสุดของจีนก็คือเจี้ยนลี่เป่า


 


เมื่อปีที่แล้ว เจี้ยนลี่เป่าได้จัดตั้งทีมฟุตบอลเยาวชนขึ้นและส่งพวกเขาไปบราซิลเพื่อฝึกซ้อม พวกเขาต้องการปลุกปั้นนักฟุตบอลชั้นแนวหน้ารุ่นต่อไป แต่ผู้เล่นหลายคนที่เข้ามาในทีมได้ก็เพราะว่าใช้เส้นสาย นี่คือเหตุผลที่มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนจากทีมที่กลายเป็นผู้เล่นอันดับต้นๆ การปลุกปั้นผู้เล่นอันดับต้นของรุ่นต่อไปเป็นเพียงแค่เรื่องตลกเท่านั้น


 


ปีนี้เจี้ยนลี่เป่าได้กลายเป็นผู้สนับสนุนเครื่องดื่มชั้นนำของเอเชี่ยนเกมส์ ในอีก 4 ถึง 5 ปีข้างหน้า ยอดขายของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกและจะครองตำแหน่งผู้นำตลาดอย่างมั่นคง ยอดขายต่อปีของเจี้ยนลี่เป่าตอนนี้สูงกว่า 1 พันล้านหยวนแล้วและยังคงเติบโตขึ้นต่อไปเรื่อยๆ


 


แต่เฝิงหยู่จำได้ว่าเจี้ยนลี่เป่าจะเริ่มถดถอยลงหลังปี 1998 มีเหตุผลหลายประการสำหรับเรื่องนี้ ประการแรกคือการเกิดขึ้นของเครื่องดื่มหลายชนิดในตลาด และมีการทำตลาดเชิงรุกอย่างมาก รวมถึงมีนักธุรกิจรายใหม่พยายามที่จะแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปให้ได้มากที่สุด เจี้ยนลี่เป่าเป็นผู้นำตลาดและดูถูกคู่แข่งรายใหม่พวกนี้ ท้ายที่สุด เจี้ยนลี่เป่าสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับพวกนั้นและอิทธิพลของแบรนด์ของพวกเขาก็ยังได้รับผลกระทบด้วย


 


เหตุผลข้อที่สองก็น่าสนใจ ตอนที่เจี้ยนลี่เป่าอยู่ในอันดับต้นๆ รัฐบาลท้องถิ่นของพวกเขาคอยเอากำไรออกไปและขอให้เจี้ยนลี่เป่าเพิ่มขนาดธุรกิจด้วย เจี้ยนลี่เป่าจะเพิ่มขนาดธุรกิจโดยที่ไม่มีรายได้ได้ยังไง? ก็ต้องใช้เงินกู้น่ะสิ พวกเขากู้เงินจากธนาคารและเข้าซื้อโรงงานขนาดเล็กกว่าในจังหวัดของพวกเขา วิธีนี้เพิ่มขนาดธุรกิจของเจี้ยนลี่เป่าได้อย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็ลืมปัญหาเรื่องเงินทุนไปเลย เมื่อยอดขายของพวกเขาลดลงและส่งผลกระทบต่อกำไร บริษัทเลยประสบปัญหากระแสเงินสด พวกเขาไม่มีเงินทุนในการดำเนินธุรกิจต่อ


 


เหตุผลข้อที่สามคือรูปแบบการขายของเจี้ยนลี่เป่า พวกเขายังคงใช้รูปแบบการขายดั้งเดิมและไม่ได้กำหนดช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างถูกต้อง กว่าเจี้ยนลี่เป่าจะตระหนักถึงเรื่องนี้และอยากจัดตั้งช่องทางการจัดจำหน่าย มันก็สายเกินไปแล้ว พวกเขาไม่มีเงินทุนที่จะดำเนินการ


 


เหตุผลข้อที่สี่คือความล้มเหลวของการปกครองท้องถิ่น ถ้าเจี้ยนลี่เป่าใช้กำไรในการขยายและเติบโต ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องกระแสเงินสด แต่รัฐบาลท้องถิ่นยังคงเอากำไรออกไปอยู่เรื่อยๆ และทำให้บริษัทขาดเงินทุน ผู้นำของเจี้ยนลี่เป่ารู้สึกว่ารัฐบาลท้องถิ่นแทรกแซงการตัดสินใจของบริษัทมากเกินไปและเอาผลกำไรมากเกินไปด้วย การแทรกแซงของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นสาเหตุการล่มสลายของบริษัท


 


มีสาเหตุหลายประการสำหรับการถดถอยครั้งนี้ เฝิงหยู่รู้เพียงว่าเจี้ยนลี่เป่าล้มเหลวในการรักษาความเป็นผู้นำเนื่องจากปัญหากระแสเงินสด การขาดการสร้างแบรนด์ และรูปแบบการขายที่ล้าสมัย เฝิงหยู่ไม่ได้คาดหวังสูงในทีมผู้บริหารของเจี้ยนลี่เป่าก็เพราะด้วยเหตุผลเหล่านี้


 


แน่นอนคนเดียวจากทีมผู้บริหารที่ถือว่าน่าประทับใจมากสุดก็คือผู้ก่อตั้งและประธาน หลี่จิงเหว่ย เขาก่อตั้ง เจี้ยนลี่เป่าและต่อมาก็ก่อตั้งบริษัทหลี่หนิงกับแชมป์โลกที่ชื่อว่า หลี่หนิง อย่างไรก็ตาม หลี่จิงเหว่ยถูกไล่ออกจากหลี่หนิงไม่นานหลังจากที่บริษัทได้จัดตั้งขึ้น แต่อย่างน้อยหลี่จิงเหว่ยก็มีวิสัยทัศน์ในการมองการณ์ไกลที่ดีในยุคนี้


 


อีกเหตุผลที่เฝิงหยู่ไม่พยายามชวนหลี่จิงเหว่ยมาทำงานให้ได้นั้นก็เพราะว่าอายุของเขา เขาอยู่ในวัย 50 ปีแล้วและทำให้ตัดสินใจด้านการบริหารจัดการไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ หลี่จิงเหว่ยถูกจำคุกด้วยข้อหายักยอกเงินของเจี้ยนลี่เป่า เขายักยอกเงินหลายสิบล้านในระหว่างการปฏิรูป บริษัท คนๆ นี้ไว้ใจไม่ได้


 


หลี่จิงเหว่ยเริ่มสร้างแบรนด์ แต่ไม่รู้วิธีบริหารจัดการ เขาพึ่งแต่รัฐบาล แต่เนื่องจากรัฐวิสาหกิจทั้งหมดในประเทศจีนกำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูป ดังนั้นเขาจึงเลื่อนการปฏิรูปออกไปให้ช้ากว่าบริษัทอื่น ๆ ในระหว่างการปฏิรูป เขาก็ยักยอกเงินทุนของบริษัท และลงเอยด้วยการติดคุก


 


ถ้าหลี่จิงเหว่ยเก่งพอๆ กับฉู่ซื่อเจี้ยนจากบริษัทบุหรี่หงถ่าซัน เขาจะสามารถใช้ยักยอกเงินของบริษัทได้และยังได้รับการสนับสนุนจากคนงานของเขาด้วย ฉู่ซื่อเจี้ยนถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตเนื่องจากการยักยอกทรัพย์สินของรัฐ แต่โทษจำคุกลดลงเพราะคำร้องเรียนจากคนงานของเขาต่อรัฐบาล แต่ในกรณีของหลี่จิงเหว่ย ไม่มีใครพยายามช่วยหลี่จิงเหว่ยหลังจากที่เขาถูกจับกุม


 


แน่นอนว่าฉู่ซื่อเจี้ยนได้รับการสนับสนุนจากคนงานของเขาเพราะว่าเขาสร้างผลกำไรหลายพันล้านให้แก่หงถ่าซัน ทำให้คนงานทั้งหมดของเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีได้ หลี่จิงเหว่ยช่วยทำให้เจี้ยนลี่เป่าได้กำไรสูงเหมือนกัน แต่คนงานของเขาไม่ได้รับประโยชน์จากความสำเร็จของบริษัท พอหลี่จิงเหว่ยตัดสินใจที่จะให้ผลประโยชน์แก่พนักงานของเขาบ้างในตอนสุดท้าย บริษัทก็ไม่มีเงินทุนที่จะทำแบบนั้นแล้ว เจี้ยนลี่เป่าอยู่ในช่วงถดถอยเรียบร้อยแล้ว


 


อีกเหตุผลที่เฝิงหยู่ไม่ได้พยายามที่จะเข้าซื้อกิจการของเจี้ยนลี่เป่าในตอนนี้ก็เพราะว่าเขาต้องจ่ายเงินอย่างน้อยหลายพันล้านเพื่อซื้อบริษัท ตอนนี้เฝิงหยู่ต้องรอให้ถึงช่วงแห่งความตกต่ำของเจี้ยนลี่เป่าเท่านั้น และเขาจะสามารถซื้อบริษัทนี้ได้ด้วยเงินแค่ไม่กี่ร้อยล้านหยวน


 


ไม่ว่ายังไงก็ตาม ไม่มีทางที่เล้อฮ่าฮาจะเอาชนะเจี้ยนลี่เป่าได้ในตอนนี้เว้นแต่ว่าเฝิงหยู่จะใช้วิธีการสกปรกบางอย่าง


 


มันง่ายสำหรับเฝิงหยู่ที่จะโกงเจี้ยนลี่เป่า แต่เขาก็ไม่ทำแบบนั้น เขาอยากรอให้ถึงช่วงแห่งความตกต่ำของเจี้ยนลี่เป่าแล้วค่อยเข้าซื้อกิจการของพวกนั้นมากกว่า


 


นอกจากนี้ ถ้าไม่ใช้วิธีการสกปรกพวกนั้น เฝิงหยู่ก็มั่นใจว่าเขาจะเอาชนะเจี้ยนลี่เป่าได้ภายใน 5 ปี!


 


ความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเจี้ยนลี่เป่าก็คือการที่ไม่รู้วิธีบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากแบรนด์ของตัวเองเพื่อเพิ่มผลกำไร หากเฝิงหยู่ต้องบริหารจัดการเจี้ยนลี่เป่า เขาจะเปิดตัวเครื่องดื่มเสริมพลังงานและเครื่องดื่มอัดลมทุกชนิด เช่น กระทิงแดง เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น เครื่องดื่มพวกนี้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์เจี้ยนลี่เป่า และจะช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรได้มากด้วย


 


แต่ เจี้ยนลี่เป่ามีเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกเขาไม่เปิดตัวเครื่องดื่มรสชาติอื่นเลย และไม่พยายามทำการตลาดใดๆ ด้วย พวกเขาไม่รู้ถึงอิทธิพลของการโฆษณาทางโทรทัศน์


 


แต่ก็มีบางอย่างที่น่าสนใจในเจี้ยนลี่เป่าด้วยเช่นกัน ปัจจุบันนี้เจี้ยนลี่เป่าเป็นแบรนด์ที่หยุดการขยายตัวของโคคาโคล่าและเป๊ปซี่ในประเทศจีนได้ แต่เจี้ยนลี่เป่าขวดแรกก็ถูกผลิตโดยใช้สายการผลิตของเป๊ปซี่


 


นั่นหมายความว่าเมื่อก่อนเป๊ปซี่เคยช่วยเหลือเจี้ยนลี่เป่ามาก่อน แต่เจี้ยนลี่เป่ากลับหันหลังให้และยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการหยุดไม่ให้เป๊ปซี่ขยายตัวในประเทศจีน เป๊ปซี่ไม่พอใจอย่างมาก นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมตอนที่เจี้ยนลี่เป่าตกต่ำ เป๊ปซี่ก็ยังคงพุ่งเป้าไปที่พวกเขา


 


เล้อฮ่าฮาอยากเปิดตัวเครื่องดื่มอัดลมก็เพราะว่าอยากที่จะได้รับส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในระหว่างที่เจี้ยนลี่เป่ายังคงหยุดไม่ให้โคคาโคล่าและเป๊ปซี่ขยายตัวในประเทศจีน เล้อฮ่าฮาสามารถร่วมมือกับเจี้ยนลี่เป่าเพื่อโจมตีโคคาโคล่าและเป๊ปซี่ได้ในภายหลัง


 


เล้อฮ่าฮาจะกลายเป็นนักธุรกิจรายใหม่สำหรับวงการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มอัดลม แต่สำหรับเครื่องดื่มโยเกิร์ต เล้อฮ่าฮาเป็นผู้นำตลาด เฝิงหยู่ต้องการให้เล้อฮ่าฮาเปิดตัวเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตัวในชาติที่แล้วของเขา นั่นก็คือนูทริ-เอ็กซ์เพรส!


 


นูทริ-เอ็กซ์เพรสเป็นเพียงเครื่องดื่มโยเกิร์ตที่ส่วนผสมของวิตามินอื่นๆ รวมเข้าไปด้วย ซึ่งไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย แต่เล้อฮ่าฮาทำรายได้จากยอดขายสูงถึง 4 พันล้านต่อปีด้วยเครื่องดื่มนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น!


 


เครื่องดื่มโยเกิร์ตขวดใหญ่ขึ้นหรอ? จ้งชิ่งเซียนคิดหนักและพยักหน้า ใช่แล้ว ทำไมผมนึกไม่ถึงเรื่องนี้มาก่อน?  ไม่เพียงแต่เด็กเท่านั้นที่ชอบเครื่องดื่มโยเกิร์ต แต่ผู้ใหญ่ก็ยังสามารถดื่มได้ด้วย สิ่งนี้จะเพิ่มผลกำไรของบริษัทมากขึ้นไปอีก!


 


เป็นไปได้ที่เราจะตามทันเจี้ยนลี่เป่าภายใน 5 ปี! แล้วแบบนี้ทำไมเล้อฮ่าฮาถึงจะไม่สามารถเป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของจีนได้ล่ะ?



EG บทที่ 610 คุณอยากจะลงทุนยังไง?


 


เฝิงหยู่และจ้งชิ่งเซียนหารือเกี่ยวกับแผนการสำหรับเล้อฮ่าฮาอยู่สักพักหนึ่ง และเลขาของจ้งชิ่งเซียนก็เดินเข้ามาและแจ้งว่าหลี่ต้าฝูมาถึงแล้ว


 


เฝิงหยู่ไม่มีสำนักงานในหางโจว ดังนั้นเขาจึงขอให้หลี่ต้าฝูมาหาที่เล้อฮ่าฮา เขาไม่สามารถไปที่สำนักงานของหลี่ต้าฝูได้ สำนักงานเล้อฮ่าฮายังถือว่าเป็นฐานของเฝิงหยู่อยู่


 


หลี่ต้าฝูรู้ว่าเฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นของเล้อฮ่าฮา แต่เขาไม่รู้ว่าเฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เขาทักทายจ้งชิ่งเซียนก่อนเมื่อเขามาถึง ทั้งคู่เคยเจอกันก่อนหน้านี้แล้วที่สมาคมธุรกิจเจ๋อเจียง


 


ไม่รู้ว่าเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นักธุรกิจจากพื้นที่เดียวกันจะรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งสมาคมธุรกิจ พวกเขาจะทำงานร่วมกันและให้ความร่วมมือกันเพื่อต่อต้านนักธุรกิจจากจังหวัดอื่น


 


แต่เฝิงหยู่ไม่สนใจที่จะมีส่วนร่วมในสมาคมพวกนี้ จะมีประโยชน์อะไรที่ต้องคอยไปหลบซ่อนอยู่ในรูและมาสู้กับคนในประเทศตัวเอง? หากเป้าหมายของพวกเขาคือตลาดต่างประเทศ เฝิงหยู่จะสนใจทันที สมาคมพวกนี้พยายามปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น เรื่องแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่หายไปและกลับมามีอีกครั้งหลังจากการปฏิรูป


 


สมาคมเจ๋อเจียงนี้เป็นเรื่องตลกสำหรับเฝิงหยู่ คนพวกนี้รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นสมาชิกและพวกเขาอยากสร้างเกียรติยศให้แก่นักธุรกิจของเจ๋อเจียงผ่านสมาคมนี้


 


หลังจากทักทายกับหลี่ต้าฝูแล้ว จ้งชิ่งเซียนก็ออกจากห้องประชุมไป เหลือเพียงเฝิงหยู่และหลี่ต้าฝูเท่านั้น เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทอื่นและไม่เหมาะที่จ้งชิ่งเซียนจะมานั่งในที่ประชุมด้วย


 


“ผู้จัดการเฝิงครับ คุณน่ารู้วัตถุประสงค์ของผมในการมาพบคุณครั้งนี้ ผมสงสัยว่าผมยังสามารถทำงานร่วมกับคุณเพื่อเพิ่มสถานะของอุตสาหกรรมยานยนต์ในจีนของเราและทำให้ซงเจียงมอเตอร์เติบโตมากขึ้นไปอีกได้หรือเปล่าครับ?”


 


เมื่อก่อนเฝิงหยู่เคยถามหลี่ต้าฝูแล้วว่าเขาสนใจที่จะผลิตยานยนต์จีนที่ดีที่สุดหรือเปล่า แต่หลี่ต้าฝูก็ปฏิเสธเฝิงหยู่ ตอนนี้เขาพูดได้แค่ว่าเขาอยากช่วยทำให้ซงเจียงมอเตอร์เติบโตมากขึ้นไปอีก


 


“คุณพิจารณาเรื่องนี้แล้วหรือยังครับ? แล้วบริษัทของคุณล่ะครับ? คุณจะไม่บริหารบริษัทของคุณอีกแล้วเหรอ?”


 


“ผมตั้งใจจะให้คนอื่นจัดการบริษัทแทนผมครับ และตัวผมจะไปทำงานที่บริษัทเครื่องจักรเมืองปิง แบบนี้จะมีปัญหาอะไรไหมครับ?” หลี่ต้าฝูถาม มีหลายคนที่ดำรงตำแหน่งสูงในบริษัทอื่นในขณะที่ตัวเองก็เป็นเจ้าของธุรกิจ แต่เขาไม่แน่ใจว่าเฝิงหยู่จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่


 


“ไม่มีปัญหาเลยครับ คุณจะเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารทั่วไป หรือว่าคุณอยากถือหุ้นบางส่วนด้วยครับ?” เฝิงหยู่ถาม


 


ถ้าเมื่อก่อนหลี่ต้าฝูตอบตกลงเฝิงหยู่ เฝิงหยู่จะยอมมอบหุ้นให้เขาแน่นอน แต่ตอนนี้ถ้าหลี่ต้าฝูต้องการหุ้น เขาจะต้องซื้อสถานเดียว!


 


“แน่นอนครับ ผมอยากได้หุ้นบางส่วนของบริษัท!” หลี่ต้าฝูตอบกลับโดยไม่ลังเล หากไม่มีหุ้นของบริษัท เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับซงเจียงมอเตอร์เลย


 


เฝิงหยู่พยักหน้า “งั้นเดี๋ยวผมคำนวณให้คุณนะครับ ตอนนี้บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงมีมูลค่าประมาณ 4 พันล้านหยวน คุณมีเงินเท่าไหร่ล่ะครับ? ฉันจะได้ขายหุ้นบางส่วนให้คุณได้”


 


หลี่ต้าฝูอ้าปากค้าง เฝิงหยู่คิดตัวเลขผิดหรือเปล่า? ตอนนี้บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงมีมูลค่า 4 พันล้านหยวนเลยหรอ?!


 


“ผู้จัดการเฝิง บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงมีมูลค่ามากขนาดนั้นเลยหรอครับ?”


 


“เดี๋ยวผมแจงรายละเอียดให้ฟังนะครับ แบรนด์และเทคโนโลยีของเครื่องจักรทางการเกษตรของเราดีที่สุดในประเทศจีนและเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของโลก นี่ผมยังไม่ได้รวมมูลค่าแบรนด์นะ แค่เทคโนโลยี อุปกรณ์ ที่ดินและคนงานก็มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านหยวนแล้ว! ถ้าคุณนับมูลค่าแบรนด์เข้าไปด้วย มันจะมีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านหยวนเลยนะครับ!”


 


เฝิงหยู่รู้สึกภาคภูมิใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ตกใจของหลี่ต้าฝู บางคนอาจคิดว่าการสร้างแบรนด์นั้นไม่จำเป็น แต่เฝิงหยู่รู้ถึงคุณค่าของการสร้างแบรนด์


 


“อีกอย่าง รถจักรยานยนต์ซงเจียงของเรายังมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้าน เราเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์อันดับต้นของจีน และเราคาดการณ์ยอดขายของเราในปีนี้ว่าจะมีมากกว่า 450,000 คัน!”


 


“เงินลงทุนในซงเจียงมอเตอร์ของเราไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ ปัจจุบันรถยนต์ของเรามีชื่อเสียงที่ดีและส่งออกไปยังยุโรป ธุรกิจนี้เพียงอย่างเดียวกก็มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านแล้ว ที่ผมบอกว่า 4 พันล้านหยวนนั่นยังไม่รวมมูลค่าแบรนด์นะครับ ถ้าคุณรวมมูลค่าแบรนด์ของบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงด้วย จะมีมูลค่าอย่างน้อย 6 พันล้านหยวน!”


 


หลี่ต้าฝูถึงกับพูดไม่ออก เขาคิดว่าเขาบริหารจัดการบริษัทของตัวเองได้ดีและทำกำไรได้มาก เขาคิดว่าเขาน่าจะพอมีเงินมาซื้อหุ้นบางส่วนในบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงได้ด้วยเงินของเขาเอง แต่ดูเหมือนว่าแม้ว่าเขาจะขายบริษัทของเขา เขาก็อาจจะซื้อหุ้นได้แค่ 2% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าหุ้น 5% ที่เขาคาดคิดเอาไว้มาก!


 


“ผู้จัดการเฝิงครับ ผมแค่ลงทุนในซงเจียงมอเตอร์ได้มั้ยครับ?”


 


เฝิงหยู่หัวเราะ “ซงเจียงมอเตอร์มี 5 โรงงานและศูนย์วิจัย คุณต้องการลงทุนส่วนไหนล่ะครับ? ผมบอกมูลค่าที่ต่ำกว่าของบริษัทให้คุณฟังเพื่อที่จะให้โอกาสคุณได้เป็นเจ้าของหุ้น เรายังไม่เงินคืนจากการลงทุนในธุรกิจรถยนต์ของเราเลยครับ ธุรกิจที่ทำกำไรได้มากที่สุดของบริษัทยังคงเป็นเครื่องจักรทางการเกษตร ตามมาด้วยรถจักรยานยนต์ และรถยนต์คือสิ่งสุดท้าย!”


 


หลี่ต้าฝูตกตะลึง รถยนต์ของซงเจียงมอเตอร์มีชื่อเสียงในประเทศจีนมาก แต่ผลกำไรกลับน้อยที่สุดงั้นหรอ? เครื่องจักรทางการเกษตรได้กำไรมากหรอ?


 


หลี่ต้าฝูไม่เข้าใจอุตสาหกรรมเครื่องจักรทางการเกษตร เขาคาดว่าผลกำไรของรถยนต์ซงเจียงมอเตอร์จะน้อยกว่ารถจักรยานยนต์ แต่เขาไม่คิดว่าเครื่องจักรทางการเกษตรจะทำกำไรได้มากขนาดนี้


 


ประเทศจีนเป็นประเทศเกษตรกรรมและอ้างว่ามีเกษตรกรมากกว่า 900 ล้านคน แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่ประเทศจะขาดความต้องการเครื่องจักรทางการเกษตร? นอกจากนี้ อุปกรณ์ต่างๆ ของบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงก็มาจากอดีตสหภาพโซเวียต ผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีราคาถูกและทนทาน เทคโนโลยีก็ดีที่สุดในประเทศจีนและอาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ บริษัทไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องยอดขายเลย ผู้คนเข้าคิวกันมาสั่งซื้อเครื่องจักรทางการเกษตรของพวกเขา


 


ถ้าเฝิงหยู่ไม่ได้เพิ่มค่าใช้จ่ายของบริษัทในด้านการวิจัยและพัฒนา R&D เครื่องเก็บเกี่ยว รถแทรกเตอร์ และอื่นๆ ผลกำไรของพวกเขาจะมากกว่านี้อีก


 


หากเครื่องจักรทางการเกษตรดี ก็จะมีคนซื้อตลอดแน่นอน เครื่องจักรทางการเกษตรของบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงมีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศจีน เกษตรกรยินดีที่จะซื้อเครื่องจักรของพวกเขาเพียงแค่จากแบรนด์เท่านั้น!


 


เทคโนโลยีบางอย่างจากเครื่องจักรทางการเกษตรสามารถนำมาใช้กับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ได้ สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทประหยัดเงินทุนด้านวิจัยและพัฒนาไปได้บางส่วน นอกจากนี้ ผู้ผลิตยาง ผู้ผลิตตลับลูกปืน อันดับต้นของจีนล้วนอยู่ในเมืองปิง นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่างมากด้วย


 


บริษัท เฟิร์ส ออโต้โมบิล เวิร์คส (FAW) เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทยางและบริษัทตลับลูกปืน บริษัทพวกนี้ส่วนใหญ่จัดหาชิ้นส่วนให้ FAW แต่ตอนนี้คำสั่งซื้อส่วนใหญ่มาจากบริษัทเครื่องจักรเมืองปิง ผู้บริหารของ FAW โมโหมาก อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถแทรกแซงการดำเนินงานของบริษัทได้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลเมืองปิงถือหุ้นอยู่ในบริษัทเหล่านั้นและ FAW ก็ไม่มีอำนาจที่จะแทรกแซงได้!


 


FAW ได้มอบเทคโนโลยีมากมายให้กับบริษัทพวกนั้นและให้แก่ผู้บริหารสูงสุดของ FAW นี่ถือเป็นการระดมทุนให้ศัตรูชัดๆ! ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากไล่รองผู้บริหารสูงสุดออกไปซะ คนที่แนะนำให้ลงทุนใน บริษัทอะไหล่พวกนั้นในเมืองปิง!


 


“ผู้จัดการหลี่ เป็นยังไงครับ? คุณคิดพอแล้วหรือยัง? คุณอยากจะลงทุนยังไงดีครับ?”


 


หน้าของหลี่ต้าฝูเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาจะลงทุนได้ยังไง? หากเขาลงทุนในโรงงานเดียวและเฝิงหยู่ปรับรูปแบบการดำเนินงาน เขาจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดเลย เขาสามารถลงทุนในบริษัทหลักได้อย่างเดียวเท่านั้น


 


เขาควรจะขายบริษัทของเขามั้ย? จากเจ้าของบริษัทกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ถือหุ้นแค่ 1 ถึง 2% เนี่ยนะ? นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ หรอ?


EG บทที่ 611 ทัศนคติตรงกัน (1/2)


 


เฝิงหยู่ยังคงนิ่งเงียบและดื่มชาในขณะที่หลี่ต้าฝูกำลังลังเล เขาอยากให้หลี่ต้าฝูตัดสินใจ แม้ว่าหลี่ต้าฝูจะตัดสินใจได้แล้ว แต่เขาก็อาจจะไม่ได้เข้าร่วมฝ่ายบริหารระดับสูง เขาจำเป็นต้องแสดงให้เฝิงหยู่เห็นว่าเขาสามารถนำพาบริษัทไปสู่จุดที่สูงขึ้นได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองในฝ่ายรถจักรยานยนต์และรถยนต์


 


“ผู้จัดการเฝิงครับ ผมขอถามหน่อยว่าคุณจะมอบตำแหน่งอะไรให้ผมถ้าผมยอมขายบริษัทผมและมาซื้อหุ้นของคุณ?”


 


หลี่ต้าฝูไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ถือหุ้นแล้วก็ตาม แต่เขาก็อาจจะไม่ได้รับบทบาทในการบริหารจัดการก็ได้


 


“คุณต้องการตำแหน่งอะไรล่ะครับ? ผมต้องพูดกับคุณให้ชัดเจนก่อน บริษัทของเรามีผู้ถือหุ้นไม่มาก เรามีการประชุมผู้ถือหุ้นทุกไตรมาส แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ว่าผู้ถือหุ้นทุกคนจะมาร่วมประชุม นั่นเป็นเหตุผลที่การตัดสินใจและการบริหารจัดการส่วนใหญ่ของบริษัทได้รับการตัดสินโดยผู้จัดการทั่วไป รองผู้จัดการทั่วไป และผู้อำนวยการโรงงาน เป้าหมายของคุณคืออะไรครับ?”


 


ถ้าหลี่ต้าฝูต้องการเป็นผู้จัดการทั่วไป ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีกต่อไป บทบาทของหลี่หมิงเต๋อในบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงไม่สามารถแทนที่ได้ในขณะนี้ หลี่ต้าฝูไม่มีความรู้เรื่องเครื่องจักรทางการเกษตรและเฝิงหยู่จะไม่ปล่อยให้เขาบริหารบริษัทแน่นอน


 


“ผมอยากรับผิดชอบฝ่ายรถยนต์ครับ ผมขอรองผู้จัดการทั่วไปได้หรือเปล่า?” หลี่ต้าฝูถาม


 


“ตอนนี้บริษัทมีผู้จัดการทั่วไปหนึ่งคนและรองผู้จัดการทั่วไป 5 คน ผู้ถือหุ้นอีกรายและตัวผมดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไป โดยปกติเราไม่สนใจเรื่องการบริหารจัดการของบริษัท มีผู้ถือหุ้นอีกรายที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสหภาพแรงงาน เงินเดือนของเขาคือ 1 หยวน รองผู้จัดการทั่วไปอีก 3 คนที่เหลือทำงานใน บริษัทมาเป็นเวลานานมากและคุ้นเคยกับธุรกิจและการตลาดของบริษัทเป็นอย่างดี คุณคิดว่าคุณเหมาะสมที่จะเป็นรองผู้จัดการทั่วไปเมื่อคุณได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ?” เฝิงหยู่ถามเขากลับ พ่อของเขาอาจเป็นเพียงแค่รองประธานสหภาพคนงาน การลงทุนและการบริหารจัดการเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


 


หลี่ต้าฝูกำหนดวิสัยทัศน์เอาไว้สูงมาก ถ้าเขาเก่งจริง เฝิงหยู่ก็โอเคที่จะยอมให้เขาเป็นรองผู้จัดการทั่วไป แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนและยังอยากจะมาเป็นรองผู้จัดการทั่วไปทันทีที่ได้ร่วมงานกับบริษัท คนอื่นๆ ที่เหลือจะต้องไม่พอใจแน่ๆ


 


หลี่ต้าฝูดูออกเลยว่าเฝิงหยู่กำลังจะพูดอะไรต่อ เขาเป็นรองผู้จัดการทั่วไปไม่ได้ในตอนนี้ เฝิงหยู่ยังอยากเห็นความสามารถของเขาก่อน


 


แทนที่จะปล่อยให้คนอื่นมาซักถามเรื่องความสามารถของเขา หลี่ต้าฝูชอบที่จะพูดด้วยตัวเองมากกว่า


 


“ผู้จัดการเฝิงครับ ก่อนที่จะมาพบคุณ ผมได้ศึกษาตลาดมาแล้ว แต่ผมไม่ได้พิจารณาตลาดเครื่องจักรทางการเกษตร ผมมีมุมมองของผมเองเกี่ยวกับการพัฒนาของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์และรถยนต์”


 


เฝิงหยู่เลิกคิ้ว หลี่ต้าฝูยอมรับเองหรอ?


 


“โอเคครับ งั้นเรามาคุยเรื่องรถจักรยานยนต์กันก่อน คุณคิดอย่างไรกับการพัฒนารถจักรยานยนต์ของเราและบอกผมว่าคุณจะพัฒนาธุรกิจของเราในอนาคตต่ไปยังไงครับ”


 


ในที่สุดพวกเขาก็ได้พูดคุยถึงเรื่องความเชี่ยวชาญของหลี่ต้าฝู หลี่ต้าฝูรู้สึกว่าเฝิงหยู่อาจจะเปลี่ยนความคิดหลังจากที่เขาบอกทัศนคติของตัวเองออกไปก็ได้ บางทีเขาอาจจะได้เข้าทำงานในบริษัทในฐานะรองผู้จัดการทั่วไป


 


“รถจักรยานยนต์ซงเจียงคันแรกคือรถจักรยานยนต์ขนาด 125 ซีซี รถจักรยานยนต์พวกนี้ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน นี่เป็นการพิสูจน์ว่ามอเตอร์ของซงเจียงมีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในประเทศจีน การออกแบบภายนอกนั้นสวยงาม และผู้บริโภคก็ชื่นชอบ ประสิทธิภาพและการออกแบบก็ดีกว่าบริษัทผลิตรถจักรยานยนต์อื่นๆ ในจีนเป็นอย่างมาก ต่อมา รถจักรยานยนต์พวกนี้มีโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์ CCTV และได้ว่าจ้างคนดังให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ยอดขายรถจักรยานยนต์น่าจะทำกำไรได้สูงให้กับบริษัทในปีนั้น”


 


“แต่หลังจากนั้น ซงเจียงมอเตอร์ไม่ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ที่ทรงพลังมากกว่านี้ แต่กลับเปิดตัวรุ่นซงเจียง 100 ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายอื่นเริ่มต้นด้วยการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาด 50 ซีซีและค่อยๆ เพิ่มขนาดขึ้นไปเรื่อยๆ มีแต่ซงเจียงมอเตอร์เนี่ยแหละที่ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามและก็ประสบความสำเร็จด้วย! ผมพิจารณาตลาดไต้หวันและญี่ปุ่นและก็พบว่าจำนวนรถจักรยานยนต์ในประเทศพวกนั้นเหมือนกับจำนวนรถจักรยานยนต์ในประเทศจีนเลย มีหลายคนที่นั่นเต็มใจซื้อรถจักรยานยนต์ แต่ไม่อยากจ่ายค่าน้ำมัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กจึงมีข้อได้เปรียบที่นั่น และก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงรู้สึกว่าต่อไปซงเจียงมอเตอร์ควรเปิดตัวรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดซีซีเล็กกว่าเดิม!”


 


หลังจากที่พูดแบบนี้จบลง หลี่ต้าฝูก็มองหน้าเฝิงหยู่อย่างภาคภูมิใจ เขารู้สึกว่าเขาสื่อสารทัศนคติของตัวเองออกไปได้ดีมากพร้อมกับเหตุผลที่ดีด้วย เฝิงหยู่จะต้องประหลาดใจกับสิ่งที่เขาพูดแน่ๆ ผู้ผลิตของจีนทั้งหมดกำลังพยายามผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและไม่มีใครผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก


 


แต่หลี่ต้าฝูก็เห็นว่าเฝิงหยู่ยังคงมีสีหน้านิ่งอยู่ เฝิงหยู่ไม่แปลกใจกับคำแนะนำของเขาเลย หรือว่ามีคนจาก บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงเคยแนะนำแบบนี้เอาไว้แล้ว?


 


เฝิงหยู่ก็ดีใจที่หลี่ต้าฝูคิดถึงเรื่องนี้ เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ แผนการของหลี่ต้าฝูก็เหมือนกับที่เฝิงหยู่เคยบอกกับหลี่หมิงเต๋อเอาไว้เมื่อก่อน พวกเขาจะเปิดตัวรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กลงในปีนี้ แบบตัวอย่างของรถจักรยานยนต์ก็เสร็จสมบูรณ์แล้วด้วย ซึ่งก็คือรุ่นสกู๊ตเตอร์ขนาด 50 ซีซีและตั้งเป้าไปที่ตลาดของผู้หญิง


 


หลี่หมิงเต๋อและคนอื่นๆ สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขารู้สึกว่าควรเปิดตัวรถจักรยานยนต์ 3 ล้อมากกว่าและตั้งเป้าไปที่หมู่บ้าน รถจักรยานยนต์ 3 ล้อสามารถนำไปใช้บรรทุกสิ่งของได้ และก็น่าจะขายดี สกูตเตอร์กับตลาดผู้หญิงเนี่ยนะ? แบบนี้จะประสบความสำเร็จหรอ?


 


ปัจจุบันจีนยังคงมีความคิดว่าผู้ชายควรออกไปทำงานและผู้หญิงควรอยู่บ้าน ผู้ชายหลายคนยังไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์เลย แล้วทำไมพวกเขาจะต้องใช้เงินซื้อรถจักรยานยนต์ให้ผู้หญิงด้วยล่ะ?


 


แต่เฝิงหยู่รู้ว่ายอดขายของสกูตเตอร์จะสูงมากจนน่าตกใจในอนาคต หากพวกเขาไม่ได้เปิดตัวสกูตเตอร์ตอนนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดตัวก่อนในปีหน้า จากนั้นซงเจียงมอเตอร์จะถูกแซงไปอีกก้าวอีกครั้ง แม้ว่ายอดขายสกู๊ตเตอร์ในปีนี้จะไม่สูง แต่ซงเจียงมอเตอร์ก็จะไม่ขาดทุน อยู่ที่ว่าจะได้กำไรมากหรือน้อยเท่านั้นเอง


 


รถจักรยานยนต์ 3 ล้อก็เป็นทิศทางที่ดีเช่นกัน เฝิงหยู่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้และบอกให้หลี่หมิงเต๋อไปหาคนมาออกแบบสายการผลิต ปัจจุบันพวกเขามีสายการผลิตไม่เพียงพอ และต้องขยายบริษัท บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงมีเงินทุนเพียงพอที่จะสร้างโรงงานสาขาเพิ่มเติม พวกเขาสามารถเข้าซื้อโรงงานของแบรนด์รถจักรยานยนต์อื่นๆ ได้เสมอ


 


เฝิงหยู่รู้เกี่ยวกับการมองการณ์ไกลของหลี่หมิงเต๋อในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่สำหรับเขาแล้ว การที่เขาเสนอความคิดเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ 3 ล้อได้แค่นี้ก็ดีพอแล้ว และเฝิงหยู่ก็พอใจมาก


 


“แล้วคุณคิดยังไงกับตลาดของรถจักรยานยนต์ 3 ล้อครับ?” เฝิงหยู่ถาม


 


“รถจักรยานยนต์ 3 ล้อ? นั่นคือการกำหนดเป้าหมายโดยมุ่งเน้นไปที่เขตและหมู่บ้านส่วนใหญ่ การใช้งานหลักของรถจักรยานยนต์พวกนี้คือเอาไว้ขนส่งสินค้า จึงควรมุ่งเน้นเป้าหมายไปที่หมู่บ้าน ถ้าคุณจะเอามาขายในเมือง คุณสามารถสร้างส่วนกำบังเข้าไป และจะได้เอามาใช้เป็นแท็กซี่ได้” หลี่ต้าฝูคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูด


 


ดวงตาของเฝิงหยู่เป็นประกาย หลี่ต้าฝูมีความคิดที่จะแทนที่รถแท็กซี่ด้วยรถจักรยานยนต์ 3 ล้อ ขนาดหลี่หมิงเต๋อและคนอื่นๆ ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย รถจักรยานยนต์ 3 ล้อกลายมาเป็นที่นิยมก็เพราะว่าสามารถเอามาใช้แทนรถแท็กซี่ได้ ผู้คนเรียกว่า “รถโบราณ” และราคาก็ถูกกว่าและช้ากว่าแท็กซี่ หลายเขตและเมืองที่ยากจนใช้รถจักรยานยนต์พวกนี้เพื่อแทนที่รถแท็กซี่


 


ในตอนแรก เจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกว่ารถจักรยานยนต์ 3 ล้อพวกนี้ถูกกฎหมายหรือไม่ แต่เมื่อรถแท็กซี่ที่ใช้รถจักรยานยนต์ 3 ล้อเพิ่มจำนวนขึ้น เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาปราบปราม แต่หลายเขตก็ยังมีรถจักรยานยนต์พวกนี้วิ่งบนถนนอยู่


 


แม้ว่ารถจักรยานยนต์พวกนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นรถแท็กซี่ แต่ก็ยังเคยนำไปใช้เป็นรถตู้สินค้าขนาดเล็ก ซึ่งยังเป็นที่นิยมมาก เฝิงหยู่ค่อนข้างประหลาดใจที่หลี่ต้าฝูมีความคิดถึงแบบนี้!


 


แค่ประเด็นนี้เรื่องเดียว เฝิงหยู่ก็อยากได้ตัวหลี่ต้าฝูมาทำงานด้วยแล้ว และให้เขารับผิดชอบเรื่องธุรกิจจักรยานยนต์ เขาเหมาะสมกว่าหลี่หมิงเต๋อและรองผู้จัดการทั่วไปคนอื่นๆ อีก!


EG บทที่ 612 ทัศนคติตรงกัน (2/2)


 


“ผู้จัดการหลี่ คุณสนใจที่จะเข้ามาดูแลฝ่ายรถจักรยานยนต์ของเรามั้ยครับ? หลังจากที่คุณซื้อหุ้น แล้วผมสามารถจัดให้คุณไปดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไปได้ แต่จัดการแค่ธุรกิจรถจักรยานยนต์เท่านั้นนะครับ”  เฝิงหยู่เชิญชวนหลี่ต้าฝู เขาแสดงให้เห็นว่าเขามองการณ์ไกลได้ดีกว่ารองผู้จัดการทั่วไปที่รับผิดชอบฝ่ายรถจักรยานยนต์เสียอีก


 


หลี่ต้าฝูอึ้งไปพักหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้า “ผู้จัดการเฝิง ผมชอบรถยนต์มากกว่าครับ ผมหวังว่าผมจะได้จัดการฝ่ายรถยนต์”


 


เฝิงหยู่พยักหน้า หลี่ต้าฝูคงจะไม่มาหาเขาถ้าเขาไม่สนใจที่จะบริหารจัดการฝ่ายรถยนต์


 


“งั้นมาพูดถึงเรื่องรถยนต์กันครับ คุณมีข้อเสนอแนะอะไรสำหรับรถยนต์ซงเจียงมอเตอร์?”


 


“นอกเหนือจากรถตู้ขนส่งสินค้าแล้ว ยังมีรถยนต์อีก 3 รุ่น รถโดยสารขนาดเล็ก รถออฟโรด และรถยนต์เพื่อธุรกิจ ในบรรดา 3 รุ่นนั้น ยอดขายของรถยนต์เพื่อธุรกิจไม่ค่อยดี ลูกค้าหลักของรถออฟโรดคือทหาร รถโดยสารขนาดเล็กก็ขายให้กับบริษัทซึ่งนำไปใช้เป็นรถบริษัท ยอดขายของทั้งสองรุ่นนี้น่าจะดีใช่มั้ยครับ?”


 


“การวิเคราะห์ของคุณถูกต้องครับ พูดต่อเลยครับ”


 


หลี่ต้าฝูพูดต่อ “แต่ราคาของทั้ง 3 รุ่นสูงกว่า 100,000 หยวน แม้ว่าตอนนี้ราคา 100,000 หยวนจะไม่ถือว่ามากสำหรับรถยนต์ แต่ป้ายราคาจะเป็นตัวยับยั้งคนจำนวนมากไม่ให้คิดที่จะซื้อรถยนต์ ผมรู้สึกว่าเราควรเปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดภายใต้แบรนด์ใหม่ ราคาของรุ่นใหม่นี้ควรต่ำกว่า 50,000 หยวนหรือไม่ก็แค่ 30,000 หยวน”


 


เฝิงหยู่คิดในใจ หลี่ต้าฝูคนนี้ยังคงต้องการใช้กลยุทธ์ต้นทุนต่ำอยู่ แต่โชคดีที่เขาไม่ได้พูดว่าเขาจะใช้แบรนด์ ซงเจียงมอเตอร์ รถยนต์ราคาประหยัดจะลดมูลค่าของแบรนด์ ซึ่งจะส่งผลต่อแผนการในการขายรยนต์ถระดับกลางถึงระดับสูงต่อไปในอนาคต


 


เฝิงหยู่ยังคิดที่จะเปิดตัวรถยนต์ต้นทุนต่ำ แต่เมื่อชาติที่แล้วของเขา รถยนต์ราคาถูกเข้าสู่ตลาดหลังจากปี 2000 นั่นคือช่วงเวลาที่การพัฒนาของจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและความต้องการรถยนต์ก็สูงขึ้นมาก ผู้คนอยากเป็นเจ้าของรถยนต์สำหรับการเดินทาง


 


แต่ตอนนี้วิธีการเดินทางของผู้คนยังคงเป็นรถจักรยานยนต์ ซงเจียง 100 ขายในราคาประมาณ 10,000 หยวน คนยังไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสภาพถนนเมื่อขี่รถจักรยานยนต์ ปัญหาเดียวตอนนี้ก็คือสภาพอากาศ


 


“คุณคิดว่าเราควรเปิดตัวรถยนต์ราคาประหยัดตอนนี้หรอครับ?” เฝิงหยู่ถาม


 


“ไม่แน่นอนครับ เราควรเริ่มทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ตอนนี้ และเปิดตัวเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผมว่าเราสามารถเปิดตัวรุ่นนี้ได้ภายใน 3 ถึง 4 ปี พอถึงเวลานั้นเทคโนโลยีของเราน่าจะพร้อมพอดี และรายได้ของชาวจีนก็จะเพิ่มขึ้น พวกเขาน่าจะมีเงินซื้อรถยนต์ขนาดเล็กกันไหว แม้ว่ารถจักรยานยนต์จะดี แต่คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าการขับรถยนต์ดูดีกว่าการขี่รถจักรยานยนต์”


 


“นั่นหมายความว่าคุณคิดว่าซงเจียงมอเตอร์ควรเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ที่มีความจุน้อยกว่าตอนนี้เลยใช่มั้ยครับ?”


 


“ไม่ใช่ครับ เราควรทำการวิจัยทั้งรถยนต์หรูหราและรถยนต์ราคาประหยัดไปพร้อมๆ กัน แบรนด์ซงเจียงมอเตอร์ควรจะเป็นแบรนด์ที่หรูหรา และเราจะเปิดตัวแบรนด์อื่นเพื่อเจาะตลาดมวลชนจำนวนมาก ทั้งสองส่วนนี้ควรดำเนินการต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน”


 


“ในเมื่อเราจะพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ทั้งสองประเภทนี้ แล้วเราควรลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเพิ่มอีกเท่าไหร่ดีครับ? ด้วยเงินลงทุนจำนวนมากขนาดนี้ เราจะได้เงินลงทุนคืนเมื่อไหร่กัน?” เฝิงหยู่ถาม


 


“การผลิตรถยนต์เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนสูง แต่เทคโนโลยีก็มีความสำคัญในธุรกิจนี้เช่นกัน ถ้าไม่เช่นนั้นยานพาหนะที่ผลิตในจีนของเราจะไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับบริษัทข้ามชาติเลย ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศอื่นๆ พึ่งพาเทคโนโลยีของตัวเองเพื่อสร้างผลกำไร ซงเจียงมอเตอร์ของเราอาจมีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในประเทศจีน แต่เมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่นในต่างประเทศ เรายังล้าสมัยอยู่ หากเทคโนโลยีของเราตามไม่ทันคนอื่นๆ ที่เหลือในโลก เราก็จะอยู่ได้แค่ในประเทศจีนเท่านั้น แม้กระทั่งตลาดยุโรปก็จะถูกครอบครองโดยบริษัท รถยนต์รายอื่น”


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ แบรนด์จีลี่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมาก พวกเขาเข้าซื้อกิจการวอลโว่ ไม่ใช่แค่แบรนด์อย่างเดียวเท่านั้น พวกเขาต้องการเทคโนโลยีของวอลโว่ นี่คือเหตุผลที่จีลี่จ่ายเงินในราคาสูงให้กับแบรนด์ที่กำลังถดถอย


 


เฝิงหยู่บอกหลี่หมิงเต๋อมาตลอดให้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยี หากไม่มีข้อได้เปรียบทางเทคนิค พวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากแรงงานของพวกเขาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากเป็นกรณีนี้แล้ว การผลิตรถยนต์จะมีประโยชน์อะไร?


 


เฝิงหยู่รู้แค่เรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น เขารู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีในอนาคตในอุตสาหกรรมนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าเทคโนโลยีพวกนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาได้อย่างไร


 


โชคดีที่บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจ้างผู้ชำนาญและผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก หลายคนเป็นวิศวกรจากอดีตสหภาพโซเวียต บริษัทยังเตรียมปลุกปั้นวิศวกรชาวจีนตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วย


 


เมื่อเทียบกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในต่างประเทศ การพัฒนาของซงเจียงมอเตอร์ก็ไม่ถือว่ารวดเร็ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้ช้าเช่นกัน เทคโนโลยีซงเจียงมอเตอร์นั้นเร็วกว่าโรงงานกิจการร่วมค้าในประเทศจีนมาก


 


ที่ซงเจียงมอเตอร์สามารถพัฒนาในประเทศจีนได้ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะการออกแบบภายนอก ประสิทธิภาพ ราคาและปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญที่สุดคือการจัดซื้อจากรัฐบาลและทหาร


 


ขนาดทหารยังซื้อรถของซงเจียงมอเตอร์เลย ชาวจีนจึงรู้จักแบรนด์นี้ แถมรถยนต์ของซงเจียงมอเตอร์ยังส่งออกไปยังยุโรปด้วย รัฐบาลหลายจังหวัดเริ่มซื้อรถยนต์ซงเจียงมอเตอร์จำนวนมาก


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ รัฐบาลท้องถิ่นพวกนี้จะซื้อยานพาหนะของ SAIC และ FAW เท่านั้น พวกเขาจะใช้ออดี้หรือซานทาน่า แต่ด้วยราคาที่เท่ากัน ซงเจียงมอเตอร์ดูดีกว่าและสะดวกสบายมากกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือมันเป็นแบรนด์ในประเทศของพวกเขา รัฐบาลท้องถิ่นถือว่าให้การสนับสนุนแบรนด์ในประเทศของตัวเองเมื่อพวกเขาซื้อรถซงเจียง นี่เป็นข้ออ้างสำหรับตัวแทนที่จะซื้อรถยนต์โดยที่ไม่อยากถูกหัวหน้าระดับสูงด่าเอา


 


ในช่วงสองสามปีนี้เป็นปีที่รถยนต์เพื่อธุรกิจจะพัฒนาเร็วที่สุด รัฐบาลท้องถิ่นเกือบทั้งหมดกำลังจะซื้อยานพาหนะในปริมาณมาก มีบางคนในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ที่จัดทำตารางค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ของรัฐบาลในปี 1995 จำนวนเงินที่รัฐบาลใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์เป็นจำนวนมหาศาลมาก และยังคงเพิ่มขึ้นในอีกสองสามปีถัดไป


 


รัฐบาลจีนต้องจำกัดจำนวนยานพาหนะที่รัฐบาลท้องถิ่นซื้อ เฝิงหยู่แย่งตลาดจากผู้ผลิตต่างประเทศและใช้กำไรจากส่วนนั้นมาปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีของซงเจียงมอเตอร์


 


หลี่ต้าฝูมีความคิดมากมายที่สอดคล้องกับเฝิงหยู่ เฝิงหยู่ประทับใจในตัวหลี่ต้าฝูและรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดีที่จะให้เขาเข้ามาดูแลฝ่ายรถยนต์


 


“ผู้จัดการหลี่ครับ ผมเห็นด้วยกับมุมมองของคุณ คุณเหมาะที่จะทำงานในบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจริงๆ ตอนนี้คุณบอกผมมาได้เลยว่าคุณต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการซื้อหุ้น” เฝิงหยู่ยิ้มและถาม


 


“ถ้าผมขายบริษัท ผมก็น่าจะมีเงินประมาณ 60 ถึง 70 ล้าน ถ้ารวมกับเงินออมของผม ก็น่าจะมีประมาณ 80 ล้าน ผมต้องการซื้อหุ้น 2% ครับ” หลี่ต้าฝูตอบ


 


“ผู้จัดการหลี่ กิจการของบริษัทคุณดีมาก คุณไม่เสียดายหรอที่คิดจะขายบริษัท? คุณอาจจะได้รับผลกำไรไม่มากหลังจากซื้อหุ้นของเรานะครับ”


 


“บริษัทผมถึงขีดจำกัดแล้วครับ ถ้าไม่มีการอัดฉีดเงิน เราก็ทำให้เกิดความก้าวหน้าด้านวัสดุไม่ได้อีกแล้ว อีกอย่าง ผมคิดถึงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์มากกว่า ผมรู้สึกว่ามูลค่าของหุ้นในบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจะเพิ่มทวีคูณหลายเท่าในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า!”


 


“ดีครับ! สำหรับความไว้วางใจที่คุณมีให้กับเรา ผมจะให้เงินกู้ส่วนตัวจำนวน 2 ล้านกับคุณโดยที่ไม่คิดดอกเบี้ย คุณจะสามารถซื้อหุ้นได้ 2.5% คุณคิดว่าไงครับ?”


 


หลี่ต้าฝูดีใจมาก “ขอบคุณมากครับผู้จัดการเฝิง ผมรับปากว่าจะทุ่มเททำงาน 100% เพื่อทำให้ซงเจียงมอเตอร์ไปสู่จุดที่สูงขึ้นกว่านี้ให้ได้ครับ!”


EG บทที่ 613 เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้น


 


“ฮัลโหล? พ่อครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยได้มั้ยครับ?”


 


“เรื่องอะไร? พ่อกำลังยุ่ง ว่ามาสั้นๆ พอ! เดี๋ยวก่อน 30,000 ผมชนะ!”


 


เฝิงหยู่ “……” ไหนบอกว่ายุ่งอยู่ไม่ใช่หรอ? การเล่นไพ่นกกระจอกถือว่ายุ่งมากงั้นหรอ?


 


“พ่อครับ พ่อช่วยขายหุ้นของพ่อในบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงมาให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ?”


 


เฝิงซิ่งไท่ยังถือหุ้นของบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงอยู่ แต่เขาไม่เคยสนใจเลย แม้แต่เงินปันผลก็โอนเข้าบัญชีของเฝิงหยู่ เขายังลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นผู้ถือหุ้น


 


พอเฝิงหยู่พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็สับสน“แกจะมาขอเพื่ออะไร? อยากโดนตีหรือไง? ยังไงหุ้นพวกนั้นเป็นของแกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”


 


“พ่อครับ แต่ยังไงพ่อก็ต้องเซ็นเอกสารเพื่อพิสูจน์ว่าพ่อได้ขายหุ้นให้ผมแล้ว ผมยังมีเงินอยู่ในบริษัทการค้าไท่หัว ผมจะโอนเงินให้พ่อ พ่อจะได้เอาเงินไปลงทุนในโรงงานของพ่อต่อ โรงงานอาหารแปรรูปไท่หัวกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและต้องการเงิน”


 


“โอเค โอเค ให้คนเอาสัญญามาให้พ่อเซ็นที่นี่ละกัน เดี๋ยวพ่อเซ็นให้ อย่าเอาเรื่องพวกนี้มากวนพ่ออีกนะ เอ๊ะเอ๊ะ……ตาผมแล้วหรอ? หกแถว”


 


“โอเค งั้นเดี๋ยวผมให้ทนายไปหาพ่อนะครับ เขาเป็นฝรั่งผิวขาว มีหนวด พ่อจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งอะไรใน บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงอีกแล้วในอนาคตนะครับ และพ่อต้องกลับมาที่สำนักงานด้วย”


 


“รู้แล้วน่า มีอะไรอีกไหม? เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง? แกเรียนรู้เรื่องมั้ย?” เฝิงซิ่งไท่ถาม


 


“ไม่มีปัญหาครับ เอ่อ……พ่อครับ ผมวางสายก่อนนะครับ ผมยังมีงานต้องทำอีก” เฝิงหยู่รีบวางสาย เรื่องเรียนอะไรกัน? เฝิงหยู่ยังอยู่ในประเทศจีนและไม่ได้กลับไปฮ่องกงด้วยซ้ำ


……..


 


“ตาเฒ่าเฝิง ช่วยเลิกรับสายเวลาเล่นไพ่นกกระจอกได้มั้ย? คุณคิดว่าตัวเองมีโทรศัพท์มือถือคนเดียวหรือไง?”  เหวินเต๋อกวางพูด เฝิงซิ่งไท่ชอบทำสีหน้ารำคาญเวลาที่เขาคุยโทรศัพท์ เขาพยายามอวดโทรศัพท์มือถือของเขา ในขณะที่เหวินเต๋อกวาง ซึ่งเป็นหัวหน้าเขต มีแค่วิทยุติดตามตัวเท่านั้น


 


“รับโทรศัพท์มันผิดตรงไหน? แค่รับโทรศัพท์ก็ไม่ได้หรอ? ลูกชายของนายอยากซื้อโทรศัพท์มือถือให้ แต่นายก็ไม่เอาเอง แล้วจะมาโทษใครได้?” เฝิงซิ่งไท่จงใจวางโทรศัพท์มือถือของเขาไว้บนโต๊ะเหนือกองธนบัตร 1 และ 2 หยวน


 


ตอนนี้เฝิงซิ่งไท่ร่ำรวยมาก แต่เขาสังเกตเห็นว่าเขามีเพื่อนไม่เยอะ เขาใช้เวลาไปกับการตกปลา เดินเล่นริมฝั่งแม่น้ำ เขาไม่สามารถใช้จ่ายเงินที่มีอยู่ให้หมดได้ แต่เพื่อนๆ ของเขายังต้องทำงานอยู่


 


เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นที่เฝิงซิ่งไท่จะได้พบกับเหวินเต๋อกวางและเพื่อนคนอื่นๆ ที่เหลือเพื่อเล่นไพ่นกกระจอกกันไม่กี่รอบ


 


ต่างกับจางมู่ฮวา เธอมีงานอดิเรกใหม่ที่เฝิงหยู่แนะนำให้เธอรู้จัก ซึ่งก็คือการปักครอสติช


 


การปักครอสติชเป็นศิลปะโบราณ แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมในยุคนั้น เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ การปักครอสติชก็เป็นที่นิยมในปี 2005 ปัจจุบันมีเพียงโรงงานเดียวที่ผลิตสินค้าเกี่ยวกับครอสติชและมีการออกแบบเพียงรูปแบบเดียว


 


หลังจากเฝิงหยู่ให้คนไปเอาแบบเพิ่มเติมมาจากต่างประเทศ จางมู่ฮวาก็ติดการปักครอสติชทันที เธอแบ่งปันกับเพื่อนบ้าน และพวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อมานั่งปักครอสติชด้วยกันในเวลาว่าง


……


 


3 วันต่อมา หลี่ต้าฝูขายบริษัทของเขา เป็นเพราะว่าเขารีบขายเลยทำให้ได้เงินมาแค่ 65 ล้านเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วบริษัทมีมูลค่าอย่างน้อย 70 ล้าน โดยขายให้แก่นักธุรกิจคนอื่นจากสมาคมธุรกิจเจ๋อเจียง


 


ผลกำไรประจำปีของบริษัทของหลี่ต้าฝูมากกว่า 10 ล้าน ถ้าเขามีเงินทุน ก็สามารถเพิ่มมากขึ้นได้อีก เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ หลี่ต้าฝูได้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อขยายธุรกิจของเขา และเริ่มต้นธุรกิจรถจักรยานยนต์ของเขาเอง หลังจากนั้น เขาก็ก่อตั้งจีลี่


 


แต่ในชาตินี้จะไม่มีจีลี่ อีกต่อไป แม้ว่าจะมีจีลี่ก็ตาม แต่หลี่ต้าฝูก็จะไม่ได้เป็นเจ้าของ บางทีผู้ก่อตั้งจีลี่คนอื่นอาจเริ่มก่อตั้งจีลี่ใหม่ก็ได้


 


ดูจากผิวเผินแล้ว หลี่ต้าฝูดูเหมือนจะขาดทุน เงินปันผลที่เขาจะได้รับจากบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงสูงไม่ถึง 10 ล้าน แม้ว่าผลกำไรของบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจะสูงมาก มากกว่า 4 พันล้าน แต่เงินปันผลนั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น กำไรส่วนใหญ่ถูกนำกลับไปลงทุนในการวิจัยและพัฒนาของบริษัท


 


หลี่ต้าฟูรู้สึกว่ามูลค่าหุ้นของเขาจะทวีคูณในอีก 3 ปีและไม่รวมเงินปันผลหลายล้านทุกปี


 


นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทอาจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อจดทะเบียนแล้ว มูลค่าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอีก การจ่ายเงินปันผลก็จะสูงขึ้นตามมา


 


หลี่ต้าฟูเชื่อมั่นว่าเขาตัดสินใจถูกต้อง หากเขาสามารถแสดงความสามารถด้านการบริหารของเขาให้เฝิงหยู่เห็นได้ภายในสองปีนี้ เขาอาจจะแย่งตำแหน่งประธานก็ได้เมื่อมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริษัท จากสิ่งที่เฝิงหยู่พูด ดูเหมือนว่าเฝิงหยู่ไม่สนใจที่จะเป็นประธาน นั่นหมายความว่าสักวันหนึ่งเขาอาจได้รับอำนาจควบคุม บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงอย่างเต็มที่


 


แน่นอนว่าเขาก็ยังมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีผู้ถือหุ้นใดต้องการที่จะละทิ้งอำนาจของตัวเองและให้คนอื่นบริหารบริษัทหรอก แม้ว่าเฝิงหยู่จะไม่สนใจ แต่ก็ยังมีผู้ถือหุ้นรายอื่นจากฮ่องกงอยู่


 


หลี่ต้าฝูไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อเขาเข้ามาทำงานที่บริษัทเครื่องจักรเมืองปิง มีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการถือหุ้น เฝิงหยู่ได้โน้มน้าวให้ฟู่กวางเจิ้งและรัฐบาลเมืองปิงมอบหุ้นให้แก่หลี่หมิงเต๋อและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารหลายสิบคน จำนวนหุ้นทั้งหมดที่คนพวกนี้ถืออยู่นั้นเพิ่มขึ้นถึง 2.5%


 


แม้ว่าหลี่หมิงเต๋อยังไม่ถึงวัยเกษียณ แต่เขาก็ขอเกษียณอายุก่อนกำหนด เขาไม่ได้เป็นข้าราชการอีกต่อไป บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจ้างหลี่หมิงเต๋อทันทีและมอบหุ้นให้เขา 0.5% แน่นอนว่าเงินเดือนของหลี่หมิงเต๋อก็ปรับเป็น 500 หยวนเท่านั้น แต่หมิงเต๋อก็ไม่ได้สนใจเพราะเขาจะได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นจำนวนมาก


 


กรรมการส่วนที่เหลือของโรงงานสาขา รองผู้จัดการทั่วไป และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระดับสูงคนอื่นๆ ก็ได้รับหุ้น 0.01 ถึง 0.02% เมื่อรวมกับหุ้น 2.5% ที่เฝิงหยู่ขายให้กับหลี่ต้าฝู บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงมีผู้ถือหุ้นมากกว่า 20 ราย แต่เฝิงหยู่ยังคงถือหุ้น 53% ของบริษัท !


 


นอกจากนี้ บริษัทยังจัดตั้งคณะกรรมการบริษัทด้วย เฝิงหยู่ ฟู่กวางเจิ้ง หลี่หมิงเต๋อ หลี่ต้าฝู และตัวแทนจากรัฐบาลเมืองจัดตั้งขึ้นเป็นคณะกรรมการ หลี่หมิงเต๋อได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานและผู้จัดการทั่วไป


 


ในที่สุด หลี่ต้าฝูก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาเป็นหนึ่งในรองผู้จัดการทั่วไปพร้อมกับรองอีก 4 คน เฝิงหยู่และ ฟู่กวางเจิ้งไม่ดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไปอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นคณะกรรมการอยู่และสามารถดูแลบริษัทในฐานะกรรมการคนหนึ่งได้


 


หลายคนในบริษัทตกใจกับการปรากฏตัวของหลี่ต้าฝู ทำไมเฝิงหยู่จึงขายหุ้นของบริษัทให้กับคนนี้และให้เขาจัดการฝ่ายรถยนต์?


 


หลี่ต้าฝูเคยเป็นเจ้าของบริษัท อยู่ดีๆ ไม่นานเขาก็เข้ามาคว้าตำแหน่งนี้ไปได้ และสร้างความประทับใจให้กับคนอื่นมากมายด้วยทัศนคติของเขา


 


เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญอีกต่อไป เฝิงหยู่บินกลับฮ่องกงไปแล้ว……



EG บทที่ 614


 


มหาวิทยาลัยเปิดเทอมเป็นเวลา 10 วันแล้ว และเฝิงหยู่ไม่ปรากฏไปแม้แต่ครั้งเดียว เขาไม่ได้ยื่นใบลาด้วย และมหาวิทยาลัยก็เป็นห่วง เลยโทรหาเขา


 


ตอนนั้นเองที่เฝิงหยู่เพิ่งรู้ตัวว่าเขาลืมเรื่องยื่นใบลาให้มหาวิทยาลัยไปเลยเพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของหลี่ต้าฝู และบริษัทเครื่องจักรเมืองปิง


 


เฝิงหยู่ขอโทษทางมหาวิทยาลัย และกลับไปฮ่องกงทันที ในส่วนของบริษัทเครื่องจักร เขาปล่อยให้ฝ่ายบริหารเป็นคนจัดการรายละเอียดปลีกย่อยที่เหลือ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฟู่กวางเจิ้งก็สามารถช่วยได้ ตอนนี้ ฟู่กวางเจิ้งใช้เวลาส่วนใหญ่ในประเทศจีน


 


อีกเหตุผลที่เฝิงหยู่รีบกลับไปที่มหาวิทยาลัยก็เพราะว่าเขาไม่อยากโดดเรียนวิชาของอาจารย์เหลียง อาจารย์คนนี้เป็นที่ปรึกษาที่ช่วยจัดการกองทุนของฮ่องกงและจีนเพื่อโจมตีกลับไปที่กองทุนควอนตัมของโซรอสเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่


 


เฝิงหยู่ได้บอกให้เหอจ้าวจีไปติดต่อหาอาจารย์เหลียง เฝิงหยู่ต้องการจ้างเขามาทำงานที่บริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่ เขาเสนอที่จะให้หุ้นบริษัทด้วย แต่อาจารย์เหลียงปฏิเสธข้อเสนอนี้


 


อาจารย์เหลียงไม่ใช่นักธุรกิจร่ำรวย แต่เงินเดือนของเขาที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงก็ถือว่าไม่น้อย นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดการเงิน เขาสามารถลงทุนเองได้


 


แม้ว่าอาจารย์เหลียงจะไม่ร่ำรวย แต่เขาได้รับค่านายหน้าเมื่อเขาให้คำแนะนำกับนักธุรกิจร่ำรวย สินทรัพย์ของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงภายในไม่กี่ปี เขามีชื่อเสียงมากในด้านธุรกิจการเงินของฮ่องกง นักธุรกิจร่ำรวยหลายคนรวมถึง ฟู่หยงฉี อยากได้ตัวเขามาทำงานด้วย แต่เขาก็ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด เขาบอกแค่ว่าเขาอยากทำงานวิจัยและเงินไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ความสนใจของเขาคือการปลุกปั้นผู้ที่มีความสามารถทางด้านการเงินรุ่นใหม่ของฮ่องกง


 


อาจารย์เหลียงไม่ชอบเงิน ผู้หญิงและ ไม่มีนิสัยที่แย่อื่นๆ เลย เฝิงหยู่ไม่มีทางที่จะโน้มน้าวให้เขามาทำงานให้เขาได้ แต่เฝิงหยู่คิดว่าในเมื่อเขาชวนอาจารย์เหลียงมาทำงานด้วยไม่ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้


 


ดังนั้น เมื่อเฝิงหยู่อยู่ในฮ่องกง เขาจะเข้าเรียนวิชาของอาจารย์เหลียง เขาจะโดดเรียนวิชาอื่นๆ เพื่อไปนั่งฟังในชั้นเรียนของอาจารย์เหลียง อาจารย์เหลียงยังสังเกตเห็นเฝิงหยู่เพราะเขาเจอเฝิงหยู่เกือบทุกคาบ


 


การบรรยายของอาจารย์เหลียงไม่ใช่แค่เพียงหลักสูตรเดียวเท่านั้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่นักศึกษาคนเดียวกันจะปรากฏในทุกคาบที่เขาสอน นักศึกษาคนนี้ต้องโดดเรียนวิชาอื่นเพื่อมาเข้าร่วมในคาบเรียนของเขา


 


อาจารย์เหลียงคิดว่าเฝิงหยู่เป็นคนรุ่นที่สองที่ร่ำรวยของฮ่องกงเพราะดูจากการแต่งตัวของเขา เขาจึงถูกส่งให้มาเรียนในวิชาของเขา บางทีชายหนุ่มคนนี้อาจไม่ใช่นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงด้วยซ้ำ


 


แต่เมื่ออาจารย์เหลียงพูดคุยกับเฝิงหยู่ เขารู้สึกประหลาดใจกับความเข้าใจที่ลึกซึ้งต่อตลาดการเงินของเด็กหนุ่มคนนี้ ในฮ่องกงมีอัจฉริยะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เฝิงหยู่มาจากไหนครอบครัวไหน?


 


เมื่ออาจารย์เหลียงรู้ชื่อของเฝิงหยู่ เขาก็พยายามนึกว่ามีนักธุรกิจร่ำรวยในฮ่องกงคนไหนที่มีนามสกุลเดียวกันกับเขา แต่ก็ไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางการเงินในฮ่องกงหรือนักธุรกิจร่ำรวยคนไหนที่ใช้นามสกุลเฝิงเลย


 


เขาพูดคุยกับเฝิงหยู่สักพัก และพบว่าเฝิงหยู่เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เรื่องนี้ทำให้อาจารย์เหลียงตกใจมาก ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จะมีความเชี่ยวชาญในตลาดการเงินได้ยังไงกัน?


 


ไม่ใช่ว่าอาจารย์เหลียงจะดูถูกชาวจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เป็นเพราะการพัฒนาของตลาดการเงินในจีนเริ่มช้ากว่าฮ่องกงมาก เขายังทำการวิจัยเกี่ยวกับตลาดการเงินของจีนและพบช่องโหว่มากมายในระบบของพวกเขา หากตลาดการเงินของจีนเปิดกว้างต่อส่วนอื่นๆ ของโลก จะต้องหายนะแน่ๆ


 


อัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นในประเทศที่ตลาดการเงินเริ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ช้ากว่าคนอื่นๆ มากงั้นหรอ? อาจารย์เหลียงรู้สึกทึ่ง ความสามารถของเฝิงหยู่ในด้านตลาดการเงินมีมากกว่าพวกชนชั้นสูงด้านเศรษฐกิจชั้นนำของฮ่องกงอีก เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ!


 


เมื่ออาจารย์เหลียงค้นพบว่าเฝิงหยู่เป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่ เขาถึงกับอ้าปากค้าง!


 


เฝิงหยู่ยังเด็กอยู่มาก เขาไม่เพียงแต่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ แต่เขายังรู้ทฤษฎีพื้นฐานทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องนึกเลย เขายังมีประสบการณ์จริงในภาคปฏิบัติด้วย ไม่น่าจะมีใครในโลกนี้ที่อัจฉริยะเหมือนเฝิงหยู่


 


เฝิงหยู่บอกอาจารย์เหลียงว่าเขาชอบการสอนของอาจารย์และได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากเขา ซึ่งทำให้อาจารย์เหลียงยิ่งภาคภูมิใจ


 


ด้วยสถานะของอาจารย์เหลียงและถ้ามีนักศึกษาคนหนึ่งมาพูดแบบนี้กับเขา เขาถือว่าเป็นเรื่องปกติ เขาจะไม่รู้สึกดีใจเลย แต่เมื่ออัจฉริยะอย่างเฝิงหยู่หรือนักธุรกิจร่ำรวยที่ประสบความสำเร็จมาพูดกับเขาแบบนี้ เขามีความสุขมาก


 


คำๆ เดียวกันที่ออกมาจากปากของคนที่ต่างกันมักจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเสมอ


 


ดังนั้นอาจารย์เหลียงจึงให้ตารางการสอนของเขากับเฝิงหยู่ และบอกให้เฝิงหยู่มาร่วมเรียนในคาบของเขา อาจารย์เหลียงรู้สึกว่าการสอนที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่ได้สำคัญสำหรับนักศึกษามากนัก พวกเขาสามารถเลือกได้ว่าอยากจะเข้าเรียนหรือไม่ นักศึกษาหลายคนโดดเรียนเพื่อไปเข้าเรียนวิชาที่ตัวเองอยากเรียน


 


อาจารย์เหลียงก็เหมือนกับอาจารย์ส่วนใหญ่ เขาชอบให้นักศึกษามาเรียนในวิชาของเขา และเมื่อจำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้น เขาก็รู้สึกภูมิใจ เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อนักศึกษาอย่างเฝิงหยู่บอกว่าชื่นชอบการสอนของเขา


 


แต่เมื่อภาคการศึกษาเริ่มขึ้น อาจารย์เหลียงก็ไม่เห็นเฝิงหยู่ในหลายคาบ เฝิงหยู่บอกเขาว่าเขาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนเป็นเวลาหนึ่งปี และอาจารย์เหลียงสงสัยว่าทำไมเขาถึงโดดเรียนวิชาของเขาไป


 


อาจารย์เหลียงไม่สนใจนักศึกษาคนอื่นที่โดดเรียน แต่เขารู้สึกผิดหวังเมื่อไม่เห็นเฝิงหยู่ในชั้นเรียนของเขา


 


เฝิงหยู่ไม่สนใจวิชาของเขาแล้วหรอ?


 


แต่วันนี้อาจารย์เหลียงเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยในชั้นเรียนของเขา และเขาก็สอนอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น


 


หลังจากบรรยายจบ เฝิงหยู่ตามอาจารย์เหลียงกลับไปที่ห้องทำงานของเขา


 


“เฝิงหยู่ เธอหายไปไหนมาในช่วงสองสามวันที่แล้ว ทำไมไม่มาเข้าเรียนคาบของอาจารย์เลย?”


 


“อาจารย์เหลียงครับ ผมกลับไปที่จีน พอดีที่บริษัทผมมีบางเรื่องที่ต้องจัดการน่ะครับ”


 


“เธอมีบริษัทในประเทศจีนด้วยหรอ?”  อาจารย์เหลียงรู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากที่เขาคิดสักพัก เขาก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล เฝิงหยู่มาจากประเทศจีนและอุตสาหกรรมการเงินของจีนก็เพิ่งเริ่มต้นขึ้น และเศรษฐกิจที่นั่นก็จะดีกว่าฮ่องกงมากในอนาคต แต่ในปัจจุบัน สภาพของฮ่องกงยังดีกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำของโลกในตอนนี้


 


“ใช่ครับ ผมมีบริษัทสองสามแห่งในประเทศจีน” เฝิงหยู่ตอบอย่างถ่อมตัว


 


สองสามแห่งหรอ? อาจารย์เหลียงคาดหวังในตัวเฝิงหยู่ไว้สูง แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงประเมินเด็กหนุ่มคนนี้ต่ำเกินไปอยู่


 


“บริษัทที่จีนเป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไรหรอ? อยู่ในภาคธุรกิจการเงินด้วยหรือเปล่า? ”


 


เฝิงหยู่ส่ายหน้า “ตลาดการเงินในจีนไม่ดีครับ เทียบกับฮ่องกงหรือประเทศตะวันตกไม่ได้เลย การลงทุนของผมในประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ครับ”


 


ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่จะทำการค้าเฉพาะในตลาดการเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกเขาจะลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ด้วย ซึ่งจะมีความเสี่ยงสำหรับคนที่นำเงินทั้งหมดไปลงทุนในตลาดการเงิน หากตลาดล่มขึ้นมา พวกเขาอาจสูญเสียเงินทั้งหมด แต่ถ้ามีสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ พวกเขายังพอสามารถฟื้นตัวได้


 


อาจารย์เหลียงพูดคุยกับเฝิงหยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในเวลานั้นเขาไม่รู้ว่าเฝิงหยู่มีธุรกิจอื่นด้วย


 


“อาจารย์เหลียงครับ ผมจะกลับไปจีนในเดือนกรกฎาคม ผมไม่แน่ใจว่าผมจะกลับมาที่ฮ่องกงอีกทีเมื่อไหร่ อาจารย์ไม่อยากเข้าไปดูแลบริหารเงินทุนของบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่จริงๆ หรอครับ? ถ้าอาจารย์คิดว่าเงินทุนของบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่มันน้อยเกินไป ผมสามารถเพิ่มเงินทุนได้นะครับ” เฝิงหยู่พยายามโน้มน้าวอาจารย์เหลียงอีกครั้ง


 


อาจารย์เหลียงหัวเราะแล้วส่ายหัว “อาจารย์เคยบอกไปแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังดีในตอนนี้ ด้วยความเข้าใจในตลาดเธอ เธอน่าจะได้รับผลตอบแทนสูงถ้าเธอคิดจะลงทุน เธอไม่จำเป็นต้องให้อาจารย์ช่วยหรอก”


 


“ถ้าวันหนึ่งผมต้องเผชิญหน้ากับจอร์จ โซรอส และพวกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นนักล่าทางการเงินจากประเทศตะวันตก อาจารย์จะช่วยผมหรือเปล่าครับ?” เฝิงหยู่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


สีหน้าของอาจารย์เหลียงเปลี่ยนไปทันที “เธออยากจะสู้กับกองทุนควอนตัมหรอ? ถ้าเธอมีความสามารถจริงๆ อาจารย์ก็จะสนใจที่จะร่วมด้วยนะ มันถึงเวลาแล้วที่นักล่าชาวตะวันตกพวกนั้นจะต้องถูกเอาคืนบ้าง!”


EG บทที่ 615 หลี่เจ๋อไคผู้หดหู่


 


เฝิงหยู่ตื่นเต้นเมื่อเขาได้ยินคำตอบที่เขาต้องการจากอาจารย์เหลียงอาจารย์เหลียงจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมเขาในปี 1997 รัฐบาลฮ่องกงจะมีตำแหน่งมาแทนที่ให้อาจารย์เหลียงหรือเปล่า?


 


แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะกองทุนของเฝิงหยู่กำลังพุ่งเป้าไปที่กองทุนควอนตัมด้วยเช่นกัน ซึ่งเหมือนกับสิ่งที่รัฐบาลฮ่องกงกำลังจะทำ บางทีเฝิงหยู่อาจกลายเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลฮ่องกงก็ได้


 


เฝิงหยู่เข้าเรียนทุกวันและเมื่อเขามีเวลาว่างเขาจะไปดูหนังหรือไม่ก็ตกปลา ช่างเป็นชีวิตที่สงบสุขสำหรับเฝิงหยู่ แต่ไม่ใช่สำหรับฟู่กวางเจิ้งและหลี่เจ๋อไค พวกเขายุ่งมาก


 


ฟู่กวางเจิ้งยังคงสามารถรับมือได้ พ่อของเขาช่วยเขาจัดการธุรกิจในฮ่องกง เขาไม่ต้องกังวลอะไร ซึ่งต่างจากหลี่เจ๋อไค เขาต้องการจัดการแปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ปและยังต้องจัดตั้งซุปเปอร์ม์เก็ตไท่หัวในประเทศจีนด้วย


 


แปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ปมีบางเรื่องเกิดขึ้นที่ทำให้หลี่เจ๋อไคต้องไปจัดการ เขาเลยต้องกลับไปที่ฮ่องกง หลังจากที่จัดการงานที่แปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ปเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยุดพัก 2 วันและชวนเฝิงหยู่ออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน


……


 


“นี่คือร้านอาหารที่คุณกำลังพูดถึงใช่มั้ย? พี่เคยมาที่นี่มาก่อน แม้ว่าอาหารจะไม่เลวแต่ก็ยังไม่ถือว่าอร่อย พี่จำได้ว่าร้านอาหารนี้ถูกขายให้กับตระกูลฟู่ก่อนตรุษจีน” หลี่เจ๋อไคอยากไปกินอาหารที่โรงแรมเพนนินซูล่า แต่เฝิงหยู่ยืนกรานที่จะมาร้านนี้แทน


 


“พี่เห็นมั้ยครับ? ชื่อของร้านนี้ยังคงเหมือนเดิม แต่ด้านหน้าจะมีตัวอักษรใหม่ 3 ตัวเขียนว่า ฉวนจวี้เต๋อ!” เฝิงหยู่ชี้ไปที่ป้ายด้านนอก


 


“ฉวนจวี้เต๋อ? พี่เคยได้ยินมาก่อน นี่เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในปักกิ่งไม่ใช่หรอ? พี่นึกว่าขายเป็ดย่างอย่างเดียวเสียอีก ตระกูลฟู่ซื้อร้านนี้มาเพื่อขายเป็ดเหรอ?”


 


เฝิงหยู่อยากจะขำกลิ้ง ถ้าฟู่กวางเจิ้งได้ยินสิ่งที่หลี่เจ๋อไคพูด คงต้องมีทะเลาะกันแน่นอน


 


“มันคือร้านอาหารในเครือ เมนูดั้งเดิมยังคงมีอยู่และก็มีการเพิ่มเมนูอาหารพิเศษเข้าไปใหม่” เฝิงหยู่อธิบาย


 


เด็กประตูเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป ผู้จัดการร้านอาหารพอเห็นเฝิงหยู่และวิ่งมาหาทันที “ผู้จัดการเฝิง นายท่านหลี่ โต๊ะของคุณอยู่ที่ชั้นสองครับ เดี๋ยวผมพาไปเอง”


 


หลี่เจ๋อไคมองไปที่ผู้จัดการร้านแล้วก็มองไปที่เฝิงหยู่ เป็นเรื่องปกติที่คนจะจำเขาได้เพราะเขาปรากฏตัวบนหนังสือพิมพ์ฮ่องกงบ่อยครั้ง แต่ผู้จัดการร้านรู้จักเฝิงหยู่ได้ยังไง? พวกเขารู้จักเฝิงหยู่เพราะเขามาที่ร้านอาหารนี้บ่อยหรอ?


 


เมื่อทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะ หลี่เจ๋อไคเห็นบริกรเข็นรถเข็นอาหารมาที่โต๊ะก่อนที่เขาจะได้ดูเมนูเสียอีก เขามองไปที่เฝิงหยู่ เฝิงหยู่สั่งอาหารก่อนที่พวกเขาจะมาถึงงั้นหรอ?


 


โดยปกติเมื่อคนสองคนโดยเฉพาะเพื่อนมาทานอาหารเย็นด้วยกัน พวกเขาจะไม่สั่งอาหารล่วงหน้า พวกเขาจะให้อีกฝ่ายสั่งอาหารที่ตัวเองชอบ เฝิงหยู่ไม่ใช่คนประเภทที่จะทำอะไรแบบนั้น หลี่เจ๋อไคคิดว่านี่เป็นอาหารแนะนำที่เฝิงหยู่ต้องการโชว์ให้เขาเห็นหรือเปล่า?


 


เป็ด เป็ดย่าง!


 


หลี่เจ๋อไคเคยกินเป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อมาก่อน เขาเคยไปปักกิ่ง และด้วยสถานะของเขา อาหารทุกมื้อต้องมาจากร้านอาหารชั้นนำ


 


เฝิงหยู่เลือกร้านอาหารนี้เพื่อแนะนำเป็ดย่างนี้ให้เขางั้นหรอ?


 


ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลี่เจ๋อไคยุ่งกับงานของเขาและไม่ได้สังเกตเห็นชาร์ตจัดอันดับอาหารชั้นนำในประเทศจีนที่มีการรายงานทางหนังสือพิมพ์ หลี่เจ๋อไคไม่ชอบกินเป็ดย่างจริงๆ เขารู้สึกว่าเป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อไม่ถูกปากเขา


 


“พี่ไค สูตรเป็ดย่างนี้ถูกดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับรสนิยมของชาวฮ่องกงเลยนะครับ ลองชิมดูสิครับ”


 


หลี่เจ๋อไคกัดและดวงตาของเขาก็เบิกโต เป็ดย่างตัวนี้รสชาติดีกว่าที่เขากินในประเทศจีนอีก! นี่คือร้านอาหารที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม


 


“น้องเฝิงเป็นลูกค้าประจำที่ร้านอาหารงนี้หรอ?” หลี่เจ๋อไคถาม


 


“ผมเพิ่งมาที่นี่สองสามครั้งเองครับ พี่อยากรู้ไหมว่าทำไมผู้จัดการร้านรู้จักผมเป็นเพราะผมถือหุ้นอยู่ในร้านอาหารนี้ครับ” เฝิงหยู่ยิ้ม


 


“นายกับตระกูลฟู่เปิดร้านอาหารนี้ร่วมกันหรอ?” หลี่เจ๋อไคประหลาดใจมาก เฝิงหยู่เปิดร้านอาหารกับตระกูลฟู่หรอ?


 


ไม่ว่าจะเป็นเฝิงหยู่หรือตระกูลฟู่ ทั้งคู่มีเงินเปิดร้านอาหารได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่ละคนสามารถเปิดร้านอาหารได้เป็น 10 ร้านพร้อมกันในคราวเดียวด้วยซ้ำ ว่าแต่ทำไมพวกเขาต้องร่วมมือกันด้วย? ร้านอาหารทำกำไรได้เยอะหรอ? แต่ถ้าร้านนี้มีเป็ดย่างเป็นเมนูพิเศษและมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น พวกเขาจะสามารถทำเงินได้มากแค่ไหน? เงินทุนที่ใช้ในการเปิดร้านอาหารนี้สามารถนำไปต่อยอดทำอย่างอื่นได้


 


“ไม่เพียงแต่ร้านอาหารแห่งนี้เท่านั้นนะครับ ฟู่กวางเจิ้งและผมยังเป็นหุ้นส่วนกันด้วย และเราขอให้ตระกูลฟู่ช่วยเราหาร้านอาหารให้เพื่อก่อตั้งบริษัท เราควบรวมบริษัทนี้กับฉวนจวี้เต๋อเพื่อก่อตั้งกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อ เราจะใช้แบรนด์ฉวนจวี้เต๋อเพื่อสร้างเครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ผมขอให้พี่มาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อให้ช่วยผมลองชิมเป็ดย่างหน่อย พี่คิดยังไงกับเป็ดย่างและซอสสูตรพิเศษนี้ครับ?”


 


กลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อ? เครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียหรอ?


 


ร้านอาหารอาจทำกำไรได้ไม่มากหากมีเพียงร้านอาหารเดียว แต่ถ้าหากว่าเป็นเครือข่ายร้านอาหาร มันจะทำกำไรได้อย่างมาก ถ้ากลุ่มบริษัทมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต ราคาหุ้นอาจไม่สูงขึ้น แต่ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ


 


หลี่เจ๋อไคคิดสักพักแล้วก็รู้สึกว่านี่เป็นการลงทุนที่ดี


 


“เป็ดรสชาติดีนะ การลงทุนครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ?” หลี่เจ๋อไคถามแบบสบายๆ


 


“ประมาณ1 เดือนที่แล้วครับ”


 


หลี่เจ๋อไครู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขารู้จักเฝิงหยู่มาสักพักหนึ่งแล้ว และเฝิงหยู่ชวนฟู่กวางเจิ้งลงทุนแทนที่จะเป็นเขา ดูเหมือนว่าเฝิงหยู่จะยังคงสนิทกับฟู่กวางเจิ้งมากกว่า และหลี่เจ๋อไคก็ไม่สามารถไปเทียบกับเขาได้


 


“แผนนี้เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว และตระกูลฟู่เริ่มเข้าซื้อกิจการร้านอาหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลายคนยังคงหัวเราะเยาะพวกเขา แต่หลังจากที่ร้านอาหารทั้งหมดถูกควบรวมเข้ากับฉวนจวี้เต๋อแล้ว มูลค่าก็เพิ่มสูงขึ้นอีกอย่าง หลังจากร้านอาหารเข้าร่วมกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อแล้ว ยอดขายทั้งหมดของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น ยอดขายรายเดือนของร้านอาหารที่ดีที่สุดเพิ่มขึ้น 50%! แม้ว่าจำนวนเงินที่ลงทุนจะสูงขึ้น แต่ก็น่าจะคืนทุนได้ภายใน 2 ถึง 3 ปี เรารู้สึกว่านี่เป็นข้อตกลงทางการค้าที่ดี”


 


หลี่เจ๋อไคคิดในใจของเขา นี่เป็นข้อตกลงที่โคตรดีต่างหาก! ยอดขายของร้านอาหารเพิ่มขึ้นนั่นหมายความว่ากำไรของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นด้วย จำนวนเงินที่ลงทุนจะคืนทุนภายใน 2 ถึง 3 ปี และหลังจากนั้นมันจะกำไรล้วนๆ ถึงตอนนั้น บริษัทก็น่าจะได้รับการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว และพวกเขาจะได้รับเงินก้อนใหญ่อีกครั้ง ทำไมฉันถึงไม่ได้ร่วมอยู่ในการลงทุนที่ดีแบบนี้ด้วย?


 


แต่หลี่เจ๋อไคคิดอยู่พักหนึ่ง หากเฝิงหยู่เชิญเขามาร่วมในกิจการค้าร่วมครั้งนี้ เขาอาจจะไม่สามารถเข้าร่วมได้ก็ได้ ร้านอาหารขนาดใหญ่ขนาดนี้ รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ จะต้องมีมูลค่าอย่างน้อยหลายสิบล้าน เขาเคยได้ยินเรื่องร้านอาหารที่ตระกูลฟู่เข้าซื้อกิจการ ถ้าเขามีส่วนร่วมในกิจการค้าร่วมนี้ เขาจะไปทำอะไรได้ด้วยเงินทุนที่น้อยนิดแบบนี้?


 


เว้นแต่ว่าหลี่เจ๋อไคจะยังคงขอเงินจากพ่อของเขาต่อไป ซึ่งแบบนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่พ่อของเขาเพิ่งให้เงินจำนวนหนึ่งแก่เขาเพื่อไปลงทุนในซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วแบบนี้พ่อจะยอมให้เงินแก่เขาเพิ่มอีกหรอ? เสียดายที่เขาได้พบเฝิงหยู่เมื่อไม่กี่ปีก่อน


 


ถ้าเขารู้จักเฝิงหยู่ก่อนหน้านี้สักสองสามปี เฝิงหยู่จะต้องเลือกเขาให้เป็นหุ้นส่วนแน่นอน เขาเป็นลูกชายคนที่สองของซุปเปอร์แมนหลี่ และฟู่กวางเจิ้งเป็นเพียงลูกชายคนที่สองของฟู่หยงจิ้นเท่านั้น!


 


“น้องเฝิงต้องโทรหาพี่นะถ้านายมีโอกาสในการลงทุนอะไรก็ตามในอนาคต” หลี่เจ๋อไคพูดด้วยเสียงหดหู่


 


“แน่นอนครับ……แน่นอน……โอ้ ผมยังมีเรื่องที่จะคุยกับพี่ พี่สามารถเชิญพ่อของพี่ให้มาร่วมพิธีเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราได้มั้ยครับ?”


EG บทที่ 616 ความประทับใจของซุปเปอร์แมนหลี่


 


“นายอยากให้พ่อพี่มาร่วมงานในพิธีเปิดหรอ?” หลี่เจ๋อไคมองหน้าราวกับว่าเขากำลังเจอมนุษย์ต่างดาว หลี่เจ๋อไคไม่เคยเห็นพ่อตัวเองไปร่วมงานพิธีเปิดใดๆ เลยสักครั้งในชีวิตของเขา!


 


“ทำไมหรอครับ? พ่อของพี่ก็เป็นเจ้าของหุ้นในซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวนี้ด้วย เขาก็ควรมาร่วมพิธีเปิดงานด้วยไม่ใช่หรอครับ?” เฝิงหยู่ยิ้มและถาม


 


“มันเป็นเรื่องยากที่จะเชิญเขา พ่อของพี่ไม่ชอบเข้าร่วมงานแบบนี้ซักเท่าไหร่ เขาหลีกเลี่ยงการทำตัวให้เป็นจุดเด่นมาเป็นเวลาหลายปี และปล่อยให้พี่ชายของพี่และผู้ช่วยของเขาเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้”


 


“พี่ยังไม่ได้ลองถามพ่อเลย แล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่อยากมาร่วมงาน? อย่าลืมสิว่าเขาจะต้องไปประเทศอะไร”


 


หลี่เจ๋อไคขมวดคิ้ว เขาจะไปประเทศอะไรหรอ? ใช่สิ เขาจะต้องไปปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน!


 


“เอาไว้พี่จะถามให้เมื่อกลับถึงบ้านนะ แต่อย่าหวังไว้สูงมากล่ะ “


 


หลี่เจ๋อไคก็อยากให้พ่อของเขามาร่วมพิธีเปิด เพราะจะเป็นการสนับสนุนจากพ่อของเขา แต่ขนาดงานเปิดบริษัท แปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ป พ่อของเขาก็ยังไม่ไปเลย แล้วเขาจะยอมมาร่วมงานเปิดตัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว หรอ?


 


เย็นวันนั้น หลี่เจ๋อไคกลับบ้านไปทานอาหารค่ำ ในช่วงอาหารเย็น เขาพยายามหาทางพูด แต่ก็หยุดคิดอีกครั้ง


 


ซุปเปอร์แมนหลี่ค่อยๆ กินข้าว และเขาก็ดูออกว่าเหมือนหลี่เจ๋อไคอยากจะพูดอะไรกับเขา เขาทานอาหารเย็นเสร็จและบอกหลี่เจ๋อไค “ถ้าแกมีอะไรจะพูด ก็มาหาพ่อที่ห้องหนังสือล่ะกัน”


 


“พ่อครับ ซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวน่าจะเปิดสิ้นเดือนกรกฎาคมหรือไม่ก็ต้นเดือนสิงหาคม เฝิงหยู่อยากเชิญผู้ถือหุ้นทั้งหมดเข้าร่วมพิธีเปิด เขาขอให้ผมมาเชิญพ่อไปร่วมงานด้วยน่ะครับ”


 


“แกไม่ได้บอกเขาไปหรอว่าพ่อไม่ชอบไปงานแบบนี้?” ซุปเปอร์แมนหลี่มองหน้าลูกชายคนเล็กของเขา


 


“ผมบอกเขาแล้วครับ แต่เขาบอกว่าพ่ออาจจะสนใจก็ได้เพราะงานนี้จัดที่ปักกิ่ง”


 


ดวงตาของซุปเปอร์แมนหลี่เปล่งประกายทันที ปักกิ่ง? เฝิงหยู่คนนี้เป็นเพื่อนที่น่าสนใจจริงๆ


 


“เชิญเฝิงหยู่มาทานมื้อเย็นในวันพรุ่งนี้ ให้เขามาชวนพ่อเอง พ่อยังไม่เคยเจอเขาเลย” ซุปเปอร์แมนหลี่พูดขึ้นมาทันที


 


หลี่เจ๋อไคเบิกตาโต พ่อของเขาเชิญเฝิงหยู่ไปที่บ้านเพื่อทานอาหารเย็นงั้นหรอ? เป็นเวลาหลายปีแล้วที่พ่อของเขายอมให้คนอื่นมามาที่บ้านของพวกเขา


 


“โอเคครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้เขามาหาพ่อพรุ่งนี้”


……


 


“พ่อของคุณเชิญผมไปทานอาหารเย็นหรอ? ตกลงเลย ผมจะไปครับ”


 


เฝิงหยู่ไม่แปลกใจกับคำเชิญของซุปเปอร์แมนหลี่ เมื่อก่อนเขาเคยได้รับเชิญจากฟู่หยงฉี และซุปเปอร์แมนหลี่ก็น่าจะรู้เรื่องนี้ เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เขาได้ยินมาว่าซุปเปอร์แมนหลี่จะคอยดูข่าวและอ่านหนังสือพิมพ์จากทั่วทุกมุมโลก เขาน่าจะอ่านหนังสือพิมพ์จีน ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา บางทีซุปเปอร์แมนหลี่ทำการประเมินความร่ำรวยที่แท้จริงของเขาแล้วก็ได้


 


ใครจะไม่สงสัยในตัวชายหนุ่มที่น่าอัศจรรย์คนนี้บ้างล่ะ? ซุปเปอร์แมนหลี่ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน และเขาก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวเฝิงหยู่


 


เฝิงหยู่มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ตรงเวลาเป๊ะตอน 18.30 น. เขาจำบทความในหนังสือพิมพ์ที่บอกว่าซุปเปอร์แมนหลี่ตื่นตอน 6 โมงเช้าและหยุดทำงานเวลา 18.00 น. นี่เป็นนิสัยของเขามานานหลายปี เนื่องจากเขาทำงานเสร็จในเวลา 18.00 น. ดังนั้นการมาถึงเวลา 18.30 น. ก็น่าจะตรงเวลาพอดี


 


เฝิงหยู่นำไวน์หนึ่งขวดมาด้วยเป็นปกติ ซุปเปอร์แมนหลี่ชอบเล่นกอล์ฟและเก่งในเรื่องนี้ แต่เฝิงหยู่ก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกอล์ฟและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะซื้อไม้กอล์ฟได้ที่ไหน ไวน์ยังคงเป็นตัวเลือกที่สะดวกกว่าอยู่ดี


 


หลี่เจ๋อไคออกมาเปิดประตูให้เฝิงหยู่เป็นการส่วนตัว และพี่ชายของเขา หลี่เจ๋อจู ก็มาร่วมต้อนรับเขาด้วยเช่นกัน ซุปเปอร์แมนหลี่ไม่ได้เดินออกมาและนั่งอยู่ที่โซฟา


 


ซุปเปอร์แมนหลี่ยืนขึ้นเมื่อเฝิงหยู่เข้าไปในห้องนั่งเล่น “หลานเฝิง มาคุยกันก่อน อาหารค่ำน่าจะพร้อมเสิร์ฟในอีกไม่ช้า”


 


หลานชายอีกแล้วหรอ? ทำไมชาวฮ่องกงถึงชอบเรียกคนอื่นว่าหลานชาย? แต่เฝิงหยู่นึกถึงความสัมพันธ์ของเขากับหลี่เจ๋อไค วิธีเรียกแบบนี้ก็ไม่ผิด เฝิงหยู่และหลี่เจ๋อไคสนิทกันค่อนข้างเหมือนพี่น้องมาก


 


“สวัสดีครับลุงหลี่ครับ ผมรู้จักพี่ไคมาสักพักนึงแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้มาหาคุณลุงเลย ผมหวังว่าคุณลุงจะไม่โกรธผมนะครับ”


 


“ฮ่าๆๆๆ ลุงเองต่างหากที่เชิญคุณมาสาย หลานเฝิงมีความสามารถมากและลุงน่าจะเชิญหลานมาตั้งนานแล้ว” ซุปเปอร์แมนหลี่ค่อนข้างเป็นมิตร ซึ่งต่างจากข่าวลือที่พูดถึงเกี่ยวกับตัวเขาเลย แน่นอนว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับสถานะของเฝิงหยู่ด้วยก็ได้ ซุปเปอร์แมนหลี่มองว่าเฝิงหยู่มีสถานะค่อนข้างสูง เขาอาจจะมองว่าเฝิงหยู่อยู่ในตำแหน่งเท่าเทียมกับเขาเลยก็ได้


 


ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุขและพ่อครัวก็ออกมาแจ้งให้พวกเขาทราบว่าอาหารมื้อเย็นพร้อมแล้ว


 


ในระหว่างรับประทานอาหารเย็น ซุปเปอร์แมนหลี่ก็คุยกับเฝิงหยู่ และเฝิงหยู่สังเกตว่ามีอาหารจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนมากบนโต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นเมนูที่ทำมาเพื่อต้อนรับเขาโดยเฉพาะ


 


หลังอาหารเย็น ซุปเปอร์แมนหลี่ชวนเฝิงหยู่ไปดื่มชาที่ห้องหนังสือของเขา เฝิงหยู่รู้ว่าซุปเปอร์แมนหลี่อยากพูดคุยเรื่องธุรกิจกับเขา


 


ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจร่ำรวยของฮ่องกงหรือจีน ทุกคนชอบพูดคุยธุรกิจในสถานที่เงียบสงบทั้งนั้น ชาวฮ่องกงชอบคุยในห้องหนังสือมากกว่า หนังสือหลายเล่มในห้องหนังสืออาจมีไว้สำหรับตกแต่งเท่านั้น และนักธุรกิจร่ำรวยส่วนใหญ่ไม่เคยหยิบมาอ่านสักเล่มเลย นอกจากนี้ นักธุรกิจร่ำรวยส่วนใหญ่ในฮ่องกงอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่และมีผู้ช่วยจำนวนมาก


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เขาได้ยินมาว่าซุปเปอร์แมนหลี่เป็นคนที่ระมัดระวังมาก เขาไม่เชื่อใจคนอื่นง่ายๆแม้ว่าจะเป็นผู้ช่วยของเขาเองก็ตาม นี่เป็นเพราะถ้าสิ่งที่เขาพูดหลุดรั่วออกไป เขาอาจสูญเสียโอกาสได้


 


นั่นเป็นสาเหตุที่ซุปเปอร์แมนหลี่จะพูดคุยกับแขกของเขาเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปเล็กน้อยในห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหาร แต่สำหรับประเด็นสำคัญ เขาจะคุยในห้องหนังสือของเขา เมื่อปิดประตูห้องหนังสือแล้ว คนข้างนอกจะไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรเลย


 


เฝิงหยู่มองไปรอบๆ ห้องหนังสือ เขาสังเกตเห็นว่ามีนวนิยายวางอยู่บนโต๊ะ เขาเคยได้ยินว่าซุปเปอร์แมนหลี่ชอบอ่านหนังสือทุกคืน เขาอาจจะอ่านหนังสือทั้งหมดที่อยู่บนชั้นวางก็ได้


 


“นายอยากดื่มอะไร?” หลี่เจ๋อไคถาม


 


“ชาเขียวก็ได้ครับ”


 


ผู้ช่วยนำชาเขียวหนึ่งแก้วเข้ามาเสิร์ฟในห้อง แล้วก็ออกไปพร้อมกับปิดประตู


 


“หลานเฝิง ลุงได้ยินจากเจ๋อไคว่าหลานอยากเชิญลุงไปร่วมงานพิธีเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวหรอ?”


 


“ใช่แล้วครับ ผมตั้งใจจะสร้างโฆษณาสำหรับงานพิธีเปิดและให้สถานีโทรทัศน์ CCTV รายงานเรื่องนี้ในข่าวด้วย วิธีนี้จะทำให้คนรู้จักซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวเพิ่มมากขึ้นในเวลาอันสั้น”


 


“สถานีโทรทัศน์ CCTV จะรายงานข่าวงานพิธีเปิดเพราะว่ามีลุงอยู่ด้วยน่ะสิ ลุงเป็นแค่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้น และก็ไม่น่าจะมีหน้าที่ต้องเข้าร่วมงานพิธีเปิดใช่มั้ย?” ซุปเปอร์แมนหลี่พูดติดตลก เขารู้ว่าพิธีเปิดจะกลายเป็นข่าวเมื่อเขาไปร่วมงาน


 


“ลุงหลี่น่าจะมีแผนไปจีนในอีกไม่ช้านี้ใช่มั้ยครับ? คุณลุงอยากไปคุยกับผู้นำระดับสูงของจีนเกี่ยวกับเรื่องการคืนประเทศของฮ่องกงไม่ใช่หรอครับ? หรือบางทีคุณลุงอาจจะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศจีนและเอามาช่วยการลงทุนของบริษัทในประเทศจีนเพื่อทำเงินมากขึ้นก็ได้นะครับ?” เฝิงหยู่ถามเขากลับมา


 


ปัจจุบันนี้ การลงทุนของซุปเปอร์แมนหลี่ส่วนใหญ่อยู่ในฮ่องกง รองลงมาก็คือจีน การลงทุนในประเทศแคนาดาอยู่ในอันดับที่สามเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศจีน ธุรกิจของเขาก็จะได้รับผลกระทบด้วย


 


“ทำไมลุงถึงต้องเป็นกังวลกับเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะ?”


 


“เพราะว่าคุณลุงได้กำหนดมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาของจีนและเชื่อว่าจีนจะพัฒนาอย่างรวดเร็วในอีก 20 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ การลงทุนหลักของคุณลุงก็น่าจะอยู่ในประเทศจีนใช่มั้ยครับ?”


 


หลี่เจ๋อไครู้ว่าพ่อของเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาของจีน แต่เฝิงหยู่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? นอกจากนี้ สิ่งที่เฝิงหยู่พูดถูกต้องแม่นยำเหมือนกับสิ่งที่พ่อของเขาคิดเป๊ะ ทั้งสองรู้สึกว่าเศรษฐกิจของจีนจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในอีก 20 ปีข้างหน้า!


 


ซุปเปอร์แมนหลี่มองเฝิงหยู่และอ้าปากค้าง “หลานสามารถทำนายเรื่องนี้ได้ แค่จุดนี้จุดเดียว ลูกชายของลุงทั้งสองคนก็เทียบกับหลานไม่ติดเลย”


EG บทที่ 617 หลี่เจ๋อไคผู้อยากรู้อยากเห็น


 


หลี่เจ๋อจูและหลี่เจ๋อไครู้สึกละอายเมื่อพวกเขาได้ยินความคิดเห็นของพ่อแบบนี้ พวกเขาได้รับการศึกษาที่เหมาะสม แต่ทั้งคู่ก็ยังเทียบกับเฝิงหยู่ไม่ได้


 


เฝิงหยู่นิ่งเงียบเมื่อเขาได้รับคำชมจากซุปเปอร์แมนหลี่ เขาชื่นชมซุปเปอร์แมนหลี่มาตั้งแต่เมื่อชาติที่แล้ว ในชาติที่แล้วของเขา ธุรกิจของซุปเปอร์แมนหลี่ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขามีอายุมากขึ้น ถ้าเฝิงหยู่สามารถเรียนรู้จากซุปเปอร์แมนหลี่ได้ เขาจะสามารถขยายธุรกิจของเขาต่อไปได้


 


“ลุงตั้งใจจะไปประเทศจีนเมื่อเร็วๆ นี้ คุณเติ้งชวนให้ลุงไปที่นั่น ในเมื่อซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวใกล้จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ งั้นลุงจะไปร่วมงานพิธีเปิดตอนที่ลุงอยู่ที่นั่นด้วยละกัน”


 


พ่อตอบตกลงงั้นหรอ? หลี่เจ๋อไครู้สึกประหลาดใจมาก ทำไมพ่อของเขาถึงยอมรับคำขอของเฝิงหยู่? แต่คำพูดต่อมาของพ่อเขาก็ทำให้เขาเข้าใจการตัดสินใจของพ่อ


 


“คุณเติ้งได้พูดถึงหลานให้ลุงฟัง เขาบอกว่าหลานเป็นเด็กที่มีความสามารถมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลย คุณเติ้งมีวิสัยทัศน์ที่ดีในการมองคนที่มีความสามารถ หลานทำให้คุณเติ้งชมหลานได้ แสดงว่าหลานต้องมีอะไรที่พิเศษ ลุงได้ยินมาว่ามีผู้ถือหุ้นรายที่สามในไมโครซอฟท์ด้วย คนๆ นั้นคือหลานใช่หรือเปล่า?”


 


เฝิงหยู่ยิ้มและพยักหน้า “ใช่ครับ ผมทำเงินได้นิดหน่อยจากตลาดการเงินในอดีต และผมลงทุนผลตอบแทนทั้งหมดในตลาดสหรัฐเพื่อซื้อหุ้นไมโครซอฟท์ ผมค่อนข้างโชคดีที่ราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ปรับตัวสูงขึ้น เงินลงทุนของผมเลยเพิ่มขึ้นหลายเท่าครับ”


 


“หลานและเจ๋อไคเข้ากันได้ดี ตอนนี้เขามีเพื่อนไม่เยอะ แต่ถ้ามีเพื่อนอย่างหลานและฟู่กวางเจิ้ง แค่นี้ก็พอแล้ว แม้ว่าเจ๋อไคจะยังไม่โตเต็มวัย แต่เขาจะไม่มีวันโกงเพื่อนของเขาแน่นอน ถ้าหลานต้องการความช่วยเหลือ หลานไปหาเขาได้ทุกเมื่อ”


 


“คุณลุงหลี่ก็พูดเกินไป พี่ไคกับผมเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่งั้น ผมไม่มัดมือชกให้พี่เขามาร่วมลงทุนด้วยกันหรอก” เฝิงหยู่จะไม่พูดว่าที่เขาชวนหลี่เจ๋อไคเข้ามาร่วมลงทุนด้วยก็เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของตระกูลหลี่ต่างหาก


 


“เจ๋อจูมีบุคลิกที่แน่วแน่มากกว่า เขาเก่งในเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท แต่ไม่เก่งในเรื่องการขยายธุรกิจ เขาเพิ่งเข้าร่วมบริษัทไม่นาน แต่ผู้ถือหุ้นและผู้จัดการต่างยอมรับเขา อย่างไรก็ตาม เจ๋อไคก็ใจร้อนมากกว่า แม้ว่าเขาจะมีความสามารถ แต่เขาก็มีความเย่อหยิ่งและทำสิ่งต่างๆ โดยที่ไม่คิดพิจารณาก่อน หลายคนบอกว่าลักษณะนิสัยของเขาคล้ายกับลุง แต่เขาก้าวร้าวมากกว่าลุงตอนที่ลุงยังเด็ก ในอนาคตเขาอาจสร้างปัญหาเดือดร้อนได้ ลุงหวังว่าหลานเฝิงจะคอยช่วยเขาเมื่อถึงเวลานั้น”


 


เฝิงหยู่รู้สึกขนลุกไปถึงสันหลัง ทำไมเขารู้สึกเหมือนซุปเปอร์แมนหลี่มอบความไว้วางใจฝากฝังให้เฝิงหยู่ดูแลลูกๆ ของเขาล่ะ? นี่เป็นคำสั่งเสียก่อนตายของเขาหรอ? แต่เมื่อชาติที่แล้วของเขา ซุปเปอร์แมนหลี่มีสุขภาพดีมากและยังสามารถเล่นกอล์ฟได้ตลอดเวลาด้วย


 


เฝิงหยู่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยได้แต่นิ่งเงียบ ความเงียบเป็นคำตอบที่ดีที่สุด


 


“เด็กๆ ไม่มีอะไรจะพูดกับชายแก่คนนี้แล้วใช่มั้ย? งั้นพวกเธอออกไปสนุกสนานกันเถอะ ลุงจะอ่านหนังสือสักพัก ไม่นานก็เข้านอนแล้ว” ซุปเปอร์แมนหลี่กล่าว


 


ซุปเปอร์แมนหลี่ประเมินเฝิงหยู่เอาไว้สูงมาก และลูกชายทั้งสองของเขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ พวกเขาตกใจที่รู้ว่าเฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามของไมโครซอฟท์! นั่นคือไมโครซอฟท์เชียวนะ หนึ่งใน บริษัทชั้นนำในศตวรรษที่ 20 มูลค่าของบริษัทนี้มีค่ามากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ!


 


เฝิงหยู่ถือหุ้นจำนวนเท่าไหร่กันและมูลค่ารวมของเขาคือเท่าไหร่?


 


“พี่อยากไปดื่มกับเรามั้ย?” หลี่เจ๋อไคถาม


 


“ไม่ไปดีกว่า พี่สะใภ้ของนายไม่ชอบให้พี่ดื่ม นายสองคนไปเถอะ เอ๊ะ แล้วฮุยฮุยไปไหนล่ะ? ทำไมนายไม่พาเธอกลับมาด้วย?”


 


หลี่เจ๋อไคเงียบไปครู่หนึ่ง “อย่าพูดถึงเธอ เราเลิกกันแล้ว”


 


ให้ตายสิ คุณชายน้อยหลี่เลิกกับเสิ่นฮุยฮุยแล้วหรอ? ไม่เร็วเกินไปใช่ไหม? เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ ผู้หญิงที่ถูกลือว่าอยู่กับหลี่เจ๋อไคน่าจะปรากฏตัวในอีกสองปีข้างหน้า ช่วงสองสามปีนี้เขาควรจะคบอยู่กับเสิ่นฮุยฮุยสิ


 


หลี่เจ๋อไคพาเฝิงหยู่ไปที่บาร์มีระดับแห่งหนึ่ง ซึ่งรับเฉพาะสมาชิกเท่านั้น แม้ว่าสถานที่นี้จะแพงมาก แต่ก็เงียบสงบและไม่มีกลุ่มคนที่ส่งเสียงดังโวยวาย


 


เฝิงหยู่ชอบบาร์แห่งนี้ มันดีกว่าบาร์ที่ฟู่กวางเหว่ยพาไปเยอะ บาร์นี้เป็นเหมือนสถานที่ระดับสูงในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ บางทีสถานที่พวกนั้นในชาติที่แล้วของเขาอาจเลียนแบบมาจากคลับส่วนตัวแบบนี้ในฮ่องกงก็ได้


 


เฝิงหยู่และหลี่เจ๋อไคนั่งที่มุมหนึ่ง และหลี่เจ๋อไคก็จุดซิการ์ เฝิงหยู่ถามเขา “ทำไมพี่ไคถึงเลิกกับแฟนล่ะครับ? บอกผมหน่อยสิ”


 


ชีวิตรักของหลี่เจ๋อไคนั้นน่าตื่นเต้นเหมือนในละครช่องทีวีบี เฝิงหยู่อยากรู้ว่านักธุรกิจร่ำรวยและมีอิทธิพลมากพวกนี้เหมือนกับคนปกติทั่วไปหรือเปล่า


 


หลี่เจ๋อไคยิ้มอย่างเหนื่อยล้า “ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ผมยุ่งอยู่กับงานและไม่มีเวลาให้เธอ เธอก็ไม่เชื่อใจผม ดังนั้นเราก็เลยเลิกกัน”


 


ยุ่งกับงานหรอ? ส่วนใหญ่แยกจากอยู่หรอ? ให้ตายสิ เนี่ยนะเหตุผล? ถ้าผมไม่ได้ขอให้เขาลงทุนในซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว เขาก็จะไม่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในประเทศจีน ผมทำให้ทั้งคู่เลิกกันงั้นหรอ?


 


ผมไม่ควรถูกตำหนิว่าเป็นต้นเหตุของการเลิกราของพวกเขา เหตุผลหลักน่าจะเป็นเพราะเธอไม่เชื่อใจคุณมากกว่า นั่นเป็นความผิดของคุณ ดูอย่างผมสิ ผมอยู่ฮ่องกงตั้งนานและลีน่าไม่เห็นจะเคยว่าอะไรเลย


 


ผมควรพูดอะไรเพื่อปลอบใจเขาดี? แสดงความเสียใจหรอ? สู้ๆ เดินหน้าต่อไปหรอ?


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ หลี่เจ๋อไคก็เดินหน้าต่อไป และในที่สุดเขาก็ไม่ได้ปักหลักกับใคร หลี่เจ๋อไคน่าจะมองหาใครสักคนที่น่ารัก มีคุณธรรม และสามารถดูแลครอบครัวของเขาได้ เธอต้องสนับสนุนงานของเขาและไม่คอยทำตัวติดกับเขาเหมือนหมากฝรั่ง


 


ผู้หญิงประเภทนี้……น่าจะอยู่นอกโลก!


 


แต่หน้าตาของหลี่เจ๋อไคก็อยู่ในระดับทั่วไป เขาไม่ถือว่าน่าเกลียดและดูมั่นใจอยู่เสมอ เขาเป็นลูกชายคนเล็กของซุปเปอร์แมนหลี่และก็รวยมาก น่าจะมีผู้หญิงจำนวนมากมาถวายตัวให้เขา


 


เฝิงหยู่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า “พี่ไค พี่คิดจะมีแฟนอยู่ในทุกวงการเลยหรอ?”


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ แฟนของหลี่เจ๋อไคมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก นอกเหนือจากชาวเอเชีย เขายังมีแฟนเป็นฝรั่งผิวขาวและลูกครึ่งด้วย เฝิงหยู่สงสัยว่าหลี่เจ๋อไคพยายามที่จะสะสมคอลเลกชั่นผู้หญิงจากทั่วทุกมุมโลกหรือไง!


 


หลี่เจ๋อไคมองค้อน “นายคิดว่าพี่เหมือนกวางเจิ้งหรือไง? รายนั้นเขาเปลี่ยนแฟนทุกเดือน พี่จริงจังกับความสัมพันธ์ทุกครั้งนะ”


 


ดวงตาของเฝิงหยู่เบิกโต “พี่บอกว่ากวางเจิ้งเปลี่ยนแฟนทุกเดือนหรอ? พี่พูดจริงหรอ?”


 


ให้ตายสิ! ฟู่กวางเจิ้งเป็นเสือผู้หญิง!


 


“หลายคนในบาร์นี้รู้จักฟู่กวางเจิ้งกันหมด ไม่เชื่อไปถามดูได้เลย และดูสิว่าพี่พูดจริงหรือเปล่า ถ้าเขาไม่ได้ไปใช้เวลาส่วนใหญ่ในประเทศจีน ป่านนี้เขาน่าจะเป็นคนไร้ค่าอันดับหนึ่งของฮ่องกงไปแล้ว!”


 


“จริงหรอ? พี่รู้ข่าวซุบซิบเกี่ยวกับคนรุ่นที่สองบ้างมั้ย? เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ ผมอยากรู้” การฟังเรื่องนินทาเกี่ยวกับคนอื่นเป็นงานอดิเรกของเฝิงหยู่


 


ด้วยการเปลี่ยนเรื่องของเฝิงหยู่ ทำให้หลี่เจ๋อไคเลยลืมเรื่องการเลิกราของเขากับแฟนไป และเฝิงหยู่สังเกตเห็นว่าหลี่เจ๋อไคมีแววที่จะเป็นปาปาราซซี่


 


หลี่เจ๋อไครู้เรื่องซุบซิบมากมาย เขาได้ยินข่าวซุบซิบพวกนี้จากที่ไหน? ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่มีเพื่อน เพราะเขาอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป!


 


โชคดีที่เฝิงหยู่รู้จักหลี่เจ๋อไค ไม่งั้น เขาอาจซุบซิบเรื่องของเฝิงหยู่กับคนอื่นก็ได้


 


เฝิงหยู่ยังคงอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องซุบซิบของคนรุ่นที่สองที่ร่ำรวยคนอื่นๆ เมื่อหลี่เจ๋อไคยืนขึ้นและคว้าแก้วไวน์ของเขา“ น้องเฝิง ถ้านายไม่ว่าง นายกลับไปก่อนได้เลยนะ นายไม่ต้องรอพี่ก็ได้” เขาพูดจบแล้วเดินไปหาหญิงสาวสวยคนหนึ่งทันที


 


เฝิงหยู่ส่ายหัว หลี่เจ๋อไคบอกว่าฟู่กวางเจิ้งเป็นเสือผู้หญิง และตอนนี้เขากำลังแสดงธาตุแท้ของเขาออกมาให้เห็นงั้นหรอ?


EG บทที่ 618 ซุปเปอร์วีซีดี


 


“ผู้จัดการเฝิงครับ ข่าวดี! ข่าวดี!”


 


เฝิงหยู่ดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูของเขา เขาจะตะโกนทำซากอะไร?


 


“เกิดอะไรขึ้น? ตาเฒ่าเจียง ทำไมคุณตื่นเต้นจัง?” เฝิงหยู่ถาม เขาก็อยากรู้เหมือนกัน เจียงว่านเหมิ่งค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ในการวิจัยของเขาหรอ?


 


“เราพัฒนา MPEG-II สำเร็จแล้วครับ!” เจียงว่านเหมิ่งตะโกนอย่างตื่นเต้น


 


“คุณว่าไงนะ?” เฝิงหยู่ตกตะลึง


 


“เราได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการเข้ารหัสตามความต้องการของคุณ เสียงสามารถเข้าถึง 4 ช่องสัญญาณเสียงได้ชัดเจนและคมชัด คุณภาพของวิดีโอก็ดีขึ้นเช่นกัน ความละเอียดสูงที่สุดในโลก สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่มีภาพโมเสกปรากฏในวิดีโอแล้วครับ!”


 


ภาพโมเสกเป็นข้อผิดพลาดของคุณภาพของภาพวิดีโอ สีสันของส่วนต่างๆ ของวิดีโอถูกนำมาผสมรวมกัน เลยดูเหมือนเป็นช่องสี่เหลี่ยมเบลอๆ ที่ไม่ชัด


 


ภาพโมเสกเป็นหนึ่งในปัญหาเร่งด่วนที่ต้องเผชิในการพัฒนาวีซีดี คุณภาพของภาพวีซีดีนั้นคมชัดกว่าวิดีโอเทป แต่แผ่นดิสก์ก็เสียหายได้ง่าย เมื่อมีรอยขีดข่วน วิดีโอและเสียงจะล่าช้าและภาพโมเสกจะปรากฏขึ้น ผู้ใช้งานจะรู้สึกแย่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้


 


โรงภาพยนตร์ขนาดเล็กและเลานจ์วิดีโอในประเทศจีนมีผลตอบรับต่อเรื่องนี้ หลังจากเล่นวีซีดีแผ่นเดิมซ้ำหลายครั้ง ภาพโมเสกจะปรากฏขึ้น ยิ่งเล่นแผ่นวีซีดีหลายครั้งมากเท่าไหร่ ภาพโมเสกก็จะยิ่งปรากฏในวิดีโอมากเท่านั้น


 


บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ได้แนะนำวิธีซ่อมแซมวีซีดี โดยการใช้น้ำยาทำความสะอาดชนิดหนึ่งที่สามารถทำความสะอาดแผ่นวีซีดีได้ และทำให้เครื่องเล่นสามารถอ่านข้อมูลได้ดีขึ้น ต่อมา แบรนด์เฟิงหยู่ได้เปิดตัวน้ำยาทำความสะอาดชนิดใหม่ที่ผลิตจากตัวทำละลายอัลคาไลน์และวัสดุขัดเงาซึ่งสามารถใช้ขัดแผ่นวีซีดีได้


 


การขัดจะทำให้รอยขีดข่วนจางลงและเครื่องเล่นสามารถอ่านข้อมูลได้ดีขึ้น แต่หลังจากที่ขัดแล้ว แผ่นวีซีดี จะเสียหายได้ง่ายขึ้น วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาเพียงชั่วคราวเท่านั้น


 


ถ้าภาพโมเสกไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้ พวกเขาจะต้องลดความเป็นไปได้ของการเกิดภาพโมเสก เฝิงหยู่นึกถึงซุปเปอร์วีซีดีในชาติที่แล้วของเขา เทคโนโลยีนี้ปรากฏขึ้นในยุคระหว่างวีซีดีและดีวีดี เทคโนโลยีนี้ทำให้วีซีดีเป็นที่นิยมมากขึ้นและทำให้วิดีโอเทปหายไปจากตลาด


 


วีซีดีที่เก่าที่สุดใช้เทคโนโลยี MPEG-1 และคุณภาพของภาพยังไม่ชัดมาก เสียงยังไม่มีช่องให้เลือกด้วย เทคโนโลยีรุ่นต่อมามี 4 ช่องให้เลือก ผู้ชมมีตัวเลือกเพิ่มเติมมากขึ้นสำหรับเสียงภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังมีระบบเสียงดูโอสำหรับสองภาษาและเพิ่มตลาดสำหรับวีซีดีด้วย


 


นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่นี้จะเพิ่มฟังก์ชั่นของเครื่องเล่นวีซีดี แผ่นวีซีดีจะมีตัวเลือกให้เล่นเพลงเท่านั้น ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับคาราโอเกะ


 


ซุปเปอร์วีซีดีนี้จะคุกคามตำแหน่งของเลเซอร์ดิสก์ ไม่เพียงแต่เทคโนโลยีนี้จะทำให้วิดีโอเทปหายไปจากตลาด แต่ยังทำให้เลเซอร์ดิสก์ถดถอยลงด้วย


 


เฝิงหยู่ได้ขอให้บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และไอว่าทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ร่วมกัน แต่เขาไม่คาดหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นนี้


 


เฝิงหยู่จำได้ว่าในชาติที่แล้วของเขา โซนี่เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ ต่อมา โซนี่ได้แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับฟิลิปส์ และกำหนดมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมนี้


 


เครื่องเล่นที่ถูกผลิตขึ้นไม่ได้เรียกว่าซุปเปอร์วีซีดี แต่เรียกว่าดีวีดี นั่นหมายความว่าซุปเปอร์วีซีดีและดีวีดีใช้เครื่องเล่นแบบเดียวกัน แต่ดีวีดีนั้นเก็บข้อมูลได้มากกว่าซุปเปอร์วีซีดี


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ หลายคนพบว่าเครื่องเล่นบางอย่างสามารถเล่นวีซีดีได้ และบางเครื่องก็เล่นไม่ได้ นั่นเป็นเพราะบางแผ่นใช้เครื่องเล่นซุปเปอร์วีซีดี และเครื่องเล่นพวกนี้สามารถอ่านแผ่นดีวีดีได้


 


นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกอย่างของเทคโนโลยีนี้ ซึ่งก็คือพื้นที่เก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นของแผ่นดิสก์ แผ่นซุปเปอร์วีซีดีสามารถเก็บภาพยนตร์ทั้งเรื่องได้ ไม่จำเป็นต้องแบ่งภาพยนตร์ออกเป็น 2 แผ่นอีกต่อไป การทำเช่นนี้จะช่วยลดปัญหาในการเปลี่ยนแผ่นดิสก์ระหว่างดูภาพยนตร์กลางเรื่อง


 


แผ่นซุปเปอร์วีซีดีสองแผ่นสามารถบันทึกคอนเสิร์ตได้หรือหนึ่งแผ่นสามารถเก็บมิวสิควิดีโอได้มากกว่า 20 เพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้บริโภคและพวกเขายินดีที่จะซื้อแผ่นวีซีดีเพลงมากขึ้น


 


เฝิงหยู่ต้องเผชิญกับโซนี่โดยไม่ได้ตั้งใจอีกครั้ง ครั้งแรก วอล์คแมนของไอว่าเอาชนะโซนี่ได้ และทำให้กำไรจากยอดขายวอล์คแมนของพวกเขาลดลง จากนั้น ไอว่าเปิดตัวเครื่องเล่นซีดี ซึ่งแย่งส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องเล่นเพลงของโซนี่


 


นอกจากนี้ ยังทำให้นินเทนโดต้องทะเลาะกับโซนี่ด้วย สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจวิดีโอเกมของโซนี่ถดถอยลง เพื่อให้ยอดขายของพวกเขากลับคืนมา โซนี่ต้องระดมทุนเพื่อจัดตั้งแผนกวิดีโอเกมขึ้นมาพัฒนาเครื่องเกมที่ใช้แผ่นซีดี นี่คือการต่อสู้กลับต่อการผูกขาดของอุตสาหกรรมเกมของนินเทนโด


 


เฝิงหยู่จำได้ว่าในช่วงสิ้นปีนี้ โซนี่จะเปิดตัวเกมเพลย์สเตชั่นรุ่นแรก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโซนี่ถัดจากวอล์คแมน โดยมีบันทึกสถิติยอดขาย 100 ล้านเครื่อง!


 


ต่อมา PSP, PS2, PS3 และ PS4 ก็ประสบความสำเร็จทั้งหมด ทุกรุ่นล้วนมียอดขายสูง


 


ในชาติที่แล้ว ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีที่สุดของโซนี่ในแง่ของการค้นพบและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ แต่ในชาตินี้ ปีนี้จะกลายเป็นโศกนาฏกรรมของโซนี่ โซนี่ไม่ได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีดีวีดีอีกต่อไป


 


เฝิงหยู่ได้บอกให้เจียงว่านเหมิ่งไปติดต่อฟู่กวางเจิ้งทันทีเพื่อขอจดสิทธิบัตร พวกเขาต้องประกาศมาตรฐานของเครื่องเล่นและทำให้เป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรม!


 


มีคนกล่าวว่าบริษัทชั้นนำจะกำหนดมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมและ บริษัทอันดับสองจะขายแบรนด์ บริษัท อันดับที่สามจะขายผลิตภัณฑ์ และอันดับที่สี่จะขายทรัพยากร การกำหนดมาตรฐานและมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมคือสิ่งที่บริษัทส่วนใหญ่ตั้งเป้าเอาไว้


 


เทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรสามารถป้องกันไม่ให้บริษัทอื่นใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนเองได้เท่านั้น ซึ่งจะไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นค้นพบและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยีนั้น โซนี่สามารถวิเคราะห์และแยกแยะเทคโนโลยีของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ได้ แล้วค่อยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมา


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ หลายบริษัทสู้กันเพื่อมาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นเวลาหลายปี ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน และทุกคนก็อยากให้เทคโนโลยีของตนเองเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรม บริษัทพวกนี้รวมถึงโตชิบา ไพโอเนียร์ และอื่นๆ ด้วย


 


ในท้ายที่สุด บริษัททั้งหมดตระหนักว่ามันจะจบไม่สวยหากพวกเขายังสู้กันต่อไป ถ้าบริษัทที่มีอิทธิพลสองแห่งสู้กันเอง บริษัทอื่นจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกบริษัทหยุดต่อสู้กัน


 


แต่หลังจากนั้นไม่นาน บริษัทก็เริ่มแข่งขันกันเพื่อเครื่องเล่นดีวีดีและเปิดตัวเทคโนโลยีการเข้ารหัสดีวีดีจำนวนมาก


 


ในชาตินี้ เทคโนโลยีของบริษัทยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์พวกนี้ล้าสมัยไปแล้ว บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ได้เปิดตัววีซีดีก่อน บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์มีข้อได้เปรียบด้านการวิจัยและพัฒนา นอกจากนี้ ธุรกิจของ บริษัทอื่นก็มีความหลากหลาย พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวเหมือนแบรนด์เฟิงหยู่ ตัวอย่างเช่น โซนี่กำลังพัฒนาเพลย์สเตชั่น ในขณะเดียวกันโตชิบาและ บริษัทอื่นๆ กำลังวิจัยกล้องดิจิตอลและคอมพิวเตอร์ พวกเขาไม่ได้มุ่งเน้นและทุ่มเทความพยายามทั้งหมดให้แก่ผลิตภัณฑ์ประเภทเดียว


 


บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์นั้นต่างออกไป เฝิงหยู่ไม่ต้องการให้แบรนด์เฟิงหยู่เข้าสู่อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ เขาถือหุ้นของเลอโนโวอยู่ ตลาดกล้องดิจิตอลจะเป็นตลาดที่ใหญ่มากในอนาคต แต่ในปัจจุบัน ความละเอียดของภาพยังไม่ดีพอที่จะมาแทนที่กล้องฟิล์มได้ กล้องดิจิตอลจะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคหลังจากที่มีความละเอียดของภาพเกิน 1 ล้านขึ้นไปเท่านั้น


 


เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในตอนท้ายของศตวรรษนี้ ในเวลานั้น บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์สามารถแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับบริษัทอื่นๆ เพื่อให้ได้รับในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้


 


2 สัปดาห์ต่อมา บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ได้จัดงานแถลงข่าวในกรุงปักกิ่งเพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีแผ่นดิสก์มัลติมีเดียที่สามารถเก็บข้อมูลได้มาก พวกเขายังบอกกับสื่อมวลชนว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี MPEG-II แล้ว และซุปเปอร์วีซีดีรุ่นแรกจะเปิดตัวสู่ตลาดในปลายปีนี้!


EG บทที่ 619 ฟิลิปส์ร้องขอความร่วมมือ


 


งานแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จเนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์หลายแห่งไม่ได้มาร่วมงานด้วย คนที่มาเข้าร่วมเป็นตัวแทนของพวกนั้นในประเทศจีน บริษัทส่วนใหญ่ไม่คิดว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์จะเปิดตัวสินค้าดีๆ แม้ว่าพวกเขาจะเคยเปิดตัววีซีดีมาก่อนก็ตาม


 


แต่เมื่อบริษัทต่างๆ ทราบว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์พัฒนาเทคโนโลยี MPEG-II สำเร็จแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ตกตะลึง! พวกเขาทำการวิจัยเทคโนโลยีนี้หลังจากที่ได้เห็นวีซีดี พวกเขาต้องการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อเอาชนะเฟิงหยู่วีซีดี และไอว่าวีซีดีให้ได้ แต่ก่อนที่งานวิจัยของพวกเขาจะเสร็จสมบูรณ์ บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่นี้แล้ว!


 


มันเป็นไปได้ยังไง? บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์แทบเทียบอะไรไม่ได้เลยกับพวกบริษัทยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ พวกเขาพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างรวดเร็วได้อย่างไรกัน?


 


บริษัทเปรียบเทียบเทคโนโลยี MPEG-II ของแบรนด์เฟิงหยู่กับการวิจัยของพวกเขา ทั้งคู่มีความคล้ายคลึงกัน แต่ก่อนที่พวกเขาจะสามารถทำการวิจัยได้เสร็จ แบรนด์เฟิงหยู่ก็ได้กำหนดมาตรฐานของอุตสาหกรรมแล้ว!


 


หลังจากงานแถลงข่าวครั้งนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดก็ดำเนินการตอบสนองทันที โซนี่จัดประชุมทันทีเพื่อประกาศว่าพวกเขาก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้เช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้เปิดเผยข่าวต่อสาธารณชน


 


เฮะทาโร นาคาจิมะ จัดงานแถลงข่าวทันที เขาบอกว่าโซนี่แค่รู้วิธีเลียนแบบไอว่าเท่านั้น โซนี่คอยติดตามไอว่ามาตลอด และไม่เคยเอาชนะได้เลย! โซนี่เลียนแบบวอล์คแมน เครื่องเล่นซีดีของไอว่า หลังจากที่ไอว่าเปิดตัววีซีดี โซนี่ก็ยังเลียนแบบพวกเขา!


 


ผู้บริหารระดับสูงของโซนี่โกรธมาก!


 


เลียนแบบอะไรกัน? เราก็กำลังทำการวิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆ ของเราเองเหมือนกัน เรากำลังค้นคว้าเทคโนโลยี MPEG ใหม่ด้วย การวิจัยของเราดันไปซ้ำกัน แต่ไอว่าจะมาพูดอ้างว่าเราเลียนแบบพวกเขาไม่ได้ เราจะพัฒนาเทคโนโลยีนี้โดยการทำเลียนแบบภายในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ได้ยังไง?


 


แถมเราไม่ได้เลียนแบบวอล์คแมน และเครื่องเล่นซีดีของคุณด้วย เฮะทาโร นาคาจิมะพูดจาไร้ยางอายมากเกินไปแล้ว!


 


บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ประกาศทันทีว่าพวกเขาจดทะเบียนเทคโนโลยี MPEG-II โซนี่ไม่ควรพยายามเลียนแบบเทคโนโลยีของพวกเขา เพราะจะผิดกฎหมายลิขสิทธิ์!


 


มีข่าวลือว่าประธานของโซนี่ โนริโอะ โอกะ ด่าหัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่สำนักงานของเขาในวันนั้น เขาโกรธมากจนทุบแจกันโบราณแตกเป็นเสี่ยงๆ


 


โนริโอะ โอกะ สั่งให้แผนกวิจัยและพัฒนาของโซนี่ทำการวิจัยในสิ่งที่ตรงข้ามกับเทคโนโลยีบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ แบรนด์เฟิงหยู่ใช้โครงสร้างด้านเดียวและสองชั้นสำหรับเทคโนโลยี พวกเขาจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม!


 


แต่เมื่อโซนี่กำลังจะเริ่มการวิจัย โตชิบาก็ประกาศว่าพวกเขาจะเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ซึ่งเป็นแบบสองชั้นและสองด้าน พวกเขานำหน้าโซนี่ไปแล้ว!


 


เทคโนโลยีโครงสร้างสองชั้นเป็นเทคโนโลยีล่าสุด โซนี่ต้องพัฒนาเทคโนโลยีโครงสร้างสามชั้นหรือเปล่า? แล้วมันจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้? แผ่นดิสก์สำหรับเก็บวิดีโอภาพและเสียงเป็นเวลา 5 ชั่วโมง? วัตถุประสงค์ของแผ่นดิสก์นี้เพื่อจัดเก็บเพลงและวิดีโอ จะเอาพื้นที่จัดเก็บไปทำไมเยอะแยะ? สิ้นเปลืองเปล่าๆ!


 


แต่โซนี่คิดถึงการร่วมมือกับโตชิบาทันที พวกเขาอยากใช้เทคโนโลยีแผ่นดิสก์สองชั้นและสองด้านนี้เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม สิ่งนี้จะสามารถตอบโต้เทคโนโลยีแผ่นดิสก์สองชั้นแบบด้านเดียวของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ได้


 


โซนี่และโตชิบาเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคชั้นนำของโลก แบรนด์เฟิงหยู่และไอว่าไม่สามารถแข่งขันกับพวกเขาในแง่ของสินทรัพย์ได้ ไอว่าและแบรนด์เฟิงหยู่ทำกิจการได้ดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดขายของไอว่าสูงถึง 100 พันล้านเยนและผลกำไรของพวกเขาก็มากกว่า 10 พันล้านเยน แต่เมื่อแปลงเป็นดอลลาร์สหรัฐ ผลกำไรจะไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกเขาจะไปแข่งขันกับโซนี่และโตชิบาได้ยังไง?


 


หากโซนี่และโตชิบาร่วมมือกันเพื่อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม พวกเขาจะสามารถป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรมได้!


 


ดังนั้น โนริโอะ โอกะ จึงไปที่สำนักงานใหญ่ของโตชิบาเพื่อพบปะกับประธานของโตชิบา ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเขาจ่ายเงินไปเท่าไหร่ แต่โตชิบาตกลงยอมที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีของพวกเขากับโซนี่


 


“ผู้จัดการเฝิงครับ มาตรฐานเทคโนโลยีของเราอาจถูกแทนที่โดยโตชิบาและโซนี่ พวกเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งมาก ทำให้พวกเขาสามารถกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีของพวกเขาได้ง่ายมากกว่าเรา” เจียงว่านเหมิ่งโทรหาเฝิงหยู่เพื่อขอความช่วยเหลือ


 


นี่คือความจริง บริษัททั้งสองนี้ได้กำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมมากมายก่อนหน้านี้ และบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่ได้มีอิทธิพลเท่าพวกเขา ไม่มีทางที่จะแข่งขันกับพวกเขาได้


 


เมื่อทั้งสองบริษัทได้กำหนดมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมนี้ พวกเขาจะกำหนดทิศทางของการวิจัยเทคโนโลยีในอนาคต ซึ่งจะไม่ดีต่อบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และไอว่า


 


เพราะสองบริษัทนี้จะได้ผลกำไรส่วนใหญ่ไปเมื่อเข้าสู่ยุคดีวีดี นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฝิงหยู่ต้องการ!


 


ทางออกเดียวคือการร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค บริษัทหลายแห่งเข้าหา บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์เพื่อขอร่วมงานด้วย หนึ่งในนั้นก็คือไพโอเนียร์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดสำหรับเลเซอร์ดิสก์ พวกเขาไปหา เฮะทาโร นาคาจิมะ และแสดงความประสงค์อยากจะร่วมงานกับไอว่าและบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ พวกเขาต้องการหยุดไม่ให้โซนี่และโตชิบาเข้ามากำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม


 


ไพโอเนียร์เป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการไปร่วมงานกับพวกเขา แต่ไพโอเนียร์โลภมากเกินไป พวกเขาไม่เพียงแต่อยากได้รับการอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยี MPEG-II เท่านั้น แต่ยังอยากให้แบ่งปันเทคโนโลยีวีซีดีทั้งหมดด้วย ในทางกลับกัน พวกเขาก็จะแบ่งปันเทคโนโลยีเลเซอร์ดิสก์ให้กับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และไอว่า


 


เฝิงหยู่รีบบอก เฮะทาโร นาคาจิมะ ให้ปฏิเสธทันที ตลกละ? เทคโนโลยีแอลดีจะล้าสมัยในอีกไม่ช้า ปัจจุบันไพโอเนียร์ไม่ใช่บริษัทเดียวที่มีเทคโนโลยีแอลดีนี้ พวกเขาจะเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้แลกเปลี่ยนกับเราได้ยังไง? แถมยังอยากได้รับอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยี MPEG-II แบบฟรีๆ ด้วยงั้นหรอ?


หากไม่ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากไพโอเนียร์ บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และไอว่าก็จะเสียเปรียบต่อโซนี่และโตชิบา พวกเขาจะไม่สามารถกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมได้


 


แต่ในเวลานั้น บริษัทอิเล็กทรอนิคส์ยักษ์ใหญ่ก็ติดต่อมาหาบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งบริษัทนี้ก็คือฟิลิปส์


 


สินค้าที่สร้างความประทับใจของฟิลิปส์ให้แก่ผู้บริโภคจำนวนมากก็คือเครื่องโกนหนวด แต่ฟิลิปส์เริ่มขายหลอดไฟก่อน! ต่อมาก็ความก้าวหน้าอย่างมากในเทคโนโลยีวิทยุ พวกเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทแรกที่เปิดตัวเครื่องอัดเสียงแบบตลับเทป


 


แน่นอนว่าหลอดเอ็กซเรย์ของฟิลิปส์เป็นสินค้าที่ทำให้พวกเขาโด่งดัง โดยนำไปใช้กับอุปกรณ์การแพทย์ และฟิลิปส์ก็เป็นหนึ่งในคู่แข่งหลักของซีเมนส์ในอุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ด้วย


 


ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของฟิลิปส์คือเครื่องโกนหนวด ก่อนสิ้นไตรมาสที่สองของปี 1994 ฟิลิปส์มียอดขายเครื่องโกนหนวดทั่วโลกมากกว่า 250 ล้านเครื่อง ซึ่งนำหน้าแบรนด์อื่นๆ ไปมาก


 


หลายคนไม่ทราบด้วยซ้ำว่าฟิลิปส์เป็นผู้คิดค้นระบบเลเซอร์ดิสก์และระบบสื่อสารด้วยแสง คนรักดนตรีหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อค่ายเพลงโพลี่แกรม ซึ่งถูกตั้งขึ้นโดยฟิลิปส์เช่นกัน


 


แผ่นซีดีดิจิตอลถูกคิดค้นโดยฟิลิปส์ ฟิลิปส์ยังเก่งเรื่องทรานซิสเตอร์และวงจรรวมและชิปด้วย ด้วยเหตุนี้ โทรทัศน์ของพวกเขาจึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วโลก


 


ไม่กี่ปีที่ผ่านมาฟิลิปส์มีการปรับโครงสร้างบริษัท ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวในการเติบโตที่ดีขึ้น


 


เมื่อฟิลิปส์เห็นบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์เปิดตัววีซีดี พวกเขาก็เริ่มทำการวิจัยในประเด็นนี้ แต่น่าเศร้าที่พวกเขาก็เป็นเหมือนโซนี่และบริษัทอื่นๆ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพวกเขาทำการวิจัยหลายสาขาในเวลาเดียวกัน ซึ่งทำให้ความคืบหน้าเป็นไปอย่างช้า ไม่สามารถเเทียบกับความเร็วของไอว่าและแบรนด์เฟิงหยู่ได้เลย


 


ตอนนี้บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี MPEG-II และจะเปิดตัวซุปเปอร์วีซีดีเร็วๆ นี้ ฟิลิปส์ยังมีเทคโนโลยีที่ดีเมื่อพูดถึงเทคโนโลยีการบีบอัด พวกเขาคิดว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าได้ร่วมมือกับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์เพื่อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม เมื่อร่วมมือกันแล้ว พวกเขาจะสามารถเอาชนะโตชิบาและโซนี่ได้!


 


ดังนั้นรองประธานของฟิลิปส์จึงเดินทางมาประเทศจีน


EG บทที่ 620 ความประหลาดใจของโทมัส


 


เรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนและเจียงว่านเหมิ่งก็ไม่สามารถตัดสินใจได้เอง เขาโทรหาเฝิงหยู่ทันทีเพื่อขอให้เขากลับมา


 


เมื่อเฝิงหยู่รู้ว่าฟิลิปส์ต้องการที่จะร่วมมือด้วย เขาก็รู้สึกประหลาดใจและตกใจ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวโตชิบาและโซนี่ ถ้าพวกเขาร่วมมือกับฟิลิปส์ พวกเขาอาจจะสามารถกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมได้เร็วกว่าโตชิบาและโซนี่!


 


เฝิงหยู่บินกลับประเทศจีนทันทีและไปรอรองประธานโทมัสของฟิลิปส์ที่สำนักงานใหญ่ของไอว่าอิเล็กทรอนิกส์


 


โทมัสมาถึงประเทศจีนและเห็นอาคารต่างๆ มันแตกต่างจากฮอลแลนด์อย่างมากและนี่ก็ยังเป็นเมืองหลวงของจีน แสดงว่าเศรษฐกิจของจีนยังไม่ดีมากนัก


 


แต่ประเทศโลกที่สามแห่งนี้สามารถพัฒนาเทคโนโลยี MPEG และ VCD รุ่นแรกและรุ่นที่สองได้ ก็ถือว่าน่าประทับใจอยู่ ชาวจีนมีความคิดสร้างสรรค์มาก


 


โทมัสมั่นใจในความร่วมมือนี้ เขาเชื่อว่าเขาไม่จำเป็นต้องเสนอเงื่อนไขที่ดีใดๆ และอีกฝ่ายจะต้องยอมรับความร่วมมือนี้ ประการแรกเศรษฐกิจจีนยังไม่ดี บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่ ถ้าเขาเสนอเงินให้บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ พวกเขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน แม้ว่าเงินจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์จะยังต้องยอมอันเนื่องมาจากโตชิบาและโซนี่ การเจรจาน่าจะราบรื่นสำหรับเขา


 


คนจีนชอบกิจการร่วมค้า ฟิลิปส์ได้จัดตั้งโรงงานร่วมทุนหลายแห่งในประเทศจีน บางทีฟิลิปส์อาจมีโอกาสเข้าซื้อบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ผ่านความร่วมมือครั้งนี้


 


โทมัสมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อเขามาถึงเมืองเหอเฟย ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ และเป็นเมืองชนบทที่ยากจนมาก


 


โทมัสเห็นป้ายที่เขียนฟิลิปส์ – โทมัสเมื่อเขาก้าวออกจากสนามบิน น่าจะเป็นพนักงานของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ที่มารับเขา โทมัสเดินไปด้วยความภาคภูมิใจ


 


เอ๊ะ? รถที่ บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ใช้นั้นดีกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มาก แม้ว่านี่จะไม่ใช่รถยุโรปที่หรูหรา  แต่ก็มีการออกแบบภายนอกที่ดีและการตกแต่งภายในก็กว้างขวางและสะดวกสบาย มันสะดวกสบายกว่าเมอร์ซิเดส เบ็นซ์ที่บริษัทมอบให้เขาเป็นรถประจำตำแหน่งเสียอีก


 


รถคันนี้น่าจะราคาแพงอยู่ นี่เป็นรถยนต์ของญี่ปุ่นหรืออเมริกา? แต่น่าจะเป็นรถของญี่ปุ่น


 


“คุณโทมัสถามว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์มาอยู่ที่นี่แล้วหรือยัง?” เมื่อพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทาง ล่ามก็ถามเจียงว่านเหมิ่ง


 


“เขามาที่นี่แล้วและกำลังรออยู่ข้างในครับ” เจียงว่านเหมิ่งตอบเป็นภาษาอังกฤษ เขาพูดภาษาอังกฤษได้อย่างยอดเยี่ยม และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถูกส่งไปต่างประเทศเพื่อการติดต่อสื่อสารกับบริษัทของเขา


 


เจียงว่านเหมิ่งดูออกว่าโทมัสไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยเพราะผู้จัดการเฝิงและตัวเขาไม่ได้รับโทมัสที่สนามบิน พวกเขาส่งเจ้าหน้าที่สองคนไปรับเขาเท่านั้น พอมาถึงที่สำนักงานใหญ่ เฝิงหยู่ก็ไม่ลงไปต้อนรับเขา โทมัสรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความนับถือจากคนจีน


 


เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในอาคารโทมัสก็ตกใจ ด้านนอกของอาคารนี้ดูเหมือนปกติ แต่การตกแต่งภายในได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นอย่างดี


 


เนินเขาแบบประดิษฐ์ น้ำพุ ธารน้ำไหลและปลาทอง ทั้งหมดนี้ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติ นี่ไม่ใช่สิ่งที่โทมัสคาดหวังไว้ เขาคิดว่าสำนักงานใหญ่ของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์น่าจะมีสภาพเสื่อมโทรม แม้ว่ามันจะไม่ได้โทรมขนาดนั้น แต่ก็น่าจะเป็นแนวโบราณตกยุคหน่อยๆ ไหนทุกคนบอกว่าคนจีนเป็นพวกล้าสมัยไม่ใช่หรอ? ทำไมบริษัทนี้ถึงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครล่ะ? เขารู้สึกว่าอารมณ์ของเขาดีขึ้นเมื่อเขาเห็นการตกแต่งล็อบบี้แบบนี้


 


เฝิงหยู่ยืนอยู่บนบันไดวนและเห็นโทมัสกำลังประหลาดใจ เขารู้สึกภูมิใจ อาคาร โรงงาน และสำนักงานแห่งใหม่ของผมมีการออกแบบสไตล์สวนแบบนี้ทั้งหมด ฮ่า! คุณประหลาดใจใช่มั้ยล่ะ?


 


“คุณโทมัสครับ นี่คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์า เฝิงหยู่ ผู้จัดการเฝิงครับ นี่คือตัวแทนจากฟิลิปส์ รองประธานบริษัทฟิลิปส์ คุณโทมัสครับ”


 


“คุณโทมัสครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเป็นตัวแทนของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์เพื่อมาต้อนรับคุณครับ” เฝิงหยู่พูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอเมริกัน โทมัสรู้สึกประหลาดใจที่เห็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์เป็นชายหนุ่มวัยรุ่น เขาสืบทอดธุรกิจนี้จากครอบครัวมาหรอ? เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีด้วย เขามาจากสหรัฐอเมริกาหรือเปล่า? ให้ตายสิ แบบนี้ท่าจะไม่ดีละ


 


“ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันครับ คุณเฝิง ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาที่นี่”


 


ทั้งคู่พูดคุยชื่นชมกันไปมาและเดินเข้าไปในอาคาร ตาของโทมัสเบิกโต นี่มันอะไรกัน? มีชิงช้าในสำนักงานด้วยหรอ? คนพวกนั้นกำลังทำอะไร? ดื่มน้ำชา อ่านหนังสือ และบางคนยังดูหนังได้ด้วยหรอ?!


 


“คุณเฝิงครับ ที่นี่คือสำนักงานของคุณหรือเปล่า?” โทมัสถาม


 


“ใช่แล้วครับ คุณคงไม่คิดว่าสำนักงานของเราดูแป็นมิตรกับเพื่อนมนุษย์มากใช่มั้ยครับ? นี่คือพื้นที่สำหรับพนักงานเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ มีห้องน้ำและพื้นที่พักผ่อน นอกจากนี้ ยังมีโรงอาหารเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย อีกด้านหนึ่งก็มีพื้นที่ออกกำลังกาย หากคุณสนใจ ไว้เราค่อยมาเล่นปิงปองกันสักเกมก็ได้นะครับ” เฝิงหยู่ยิ้มและอธิบาย


 


บริเวณพักผ่อน ออกกำลังกาย โรงอาหาร ห้องน้ำ พื้นที่พักผ่อนงั้นหรอ? นี่คือที่ทำงานจริงๆ หรอ?


 


สมองของคนๆ นี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? แบบนี้จะเป็นสำนักงานได้ยังไง? ทุกคนที่นี่ไม่ทำงาน พนักงานที่นี่ได้รับเงินเดือนเพื่อมาผ่อนคลายและใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานงั้นหรอ?


 


สำหรับโทมัส บริษัทนี้ไม่มีระเบียบวินัยเอาซะเลย แต่คนพวกนี้กลับเป็นคนที่พัฒนาเทคโนโลยี MPEG-II ขึ้นมาได้!


 


“คุณโทมัสครับ คุณกำลังคิดว่าทำไมไม่มีใครทำงานและพนักงานทุกคนก็เอาแต่พักผ่อนใช่มั้ยครับ? บริษัท ของเราจ่ายเงินให้พวกเขาสร้างผลงานขึ้นมา ยิ่งทำงานให้สำเร็จได้ ก็ยิ่งเงินเดือนสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากพนักงานไม่สามารถปฏิบัติงานได้ เงินเดือนของพวกเขาจะต่ำมากและอาจถูกไล่ออกได้ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสั่งสมเวลา ส่วนใหญ่ต้องการแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ การปล่อยให้พวกเขาผ่อนคลายจะช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น หลายคนทำงานมากกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน  บางคนทำงานมากกว่า 16 ชั่วโมง นี่คือสวัสดิการที่พวกเขาสมควรได้รับ บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ของเราปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวครับ”


 


เมื่อก่อนตอนที่เฝิงหยู่แนะนำเรื่องนี้ ฟู่กวางเจิ้งและเจียงว่านเหมิ่งคิดว่าเฝิงหยู่กำลังพูดเล่น แต่เฝิงหยู่ยืนยันว่า บริษัทต้องดำเนินการในลักษณะนี้ หลังจากที่ไล่บางคนที่อู้งานออกไป ประสิทธิภาพของพนักงานที่เหลือก็เพิ่มขึ้น พนักงานมีความรู้สึกเป็นเจ้าของบริษัท


 


บริษัทอื่นๆ พยายามที่จะแย่งพนักงานของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ด้วยการเสนอเงินเดือนที่สูงกว่า แต่ไม่มีพนักงานคนไหนลาออกจากบริษัทไปเลย ผู้บังคับบัญชาที่นี่ปฏิบัติต่อพวกเขาดีมาก และงานของพวกเขาก็สบายๆ ถ้าพวกเขาทำงานหนักขึ้น ก็อาจได้เงินเดือนสูงขึ้น นอกจากนี้ พนักงานยังสังเกตเห็นว่าสุขภาพของพวกเขาดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ


 


หลังจากผ่านสถานที่ส่วนนี้ไปแล้ว พวกเขาก็เข้าไปในห้องประชุม โทมัสยังรู้สึกงุนงงกับบริษัทนี้อยู่ ทำไม บริษัทนี้ถึงแตกต่างจากบริษัทอื่นอย่างมาก? เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทซอฟต์แวร์บางแห่งในสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินการในลักษณะนี้


 


รูปแบบการดำเนินการเช่นนี้หาได้ยากในยุโรป โทมัสไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นสิ่งนี้ในประเทศจีน แถมยังไม่ใช่เมืองใหญ่ในประเทศจีนอีกต่างหาก บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์แห่งนี้แตกต่างมาก และชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!


 


ห้องประชุมถูกทาสีด้วยสีที่ผ่อนคลายต่อสายตา การตกแต่งปรับปรุงใหม่และรูปแบบของห้องก็ดูผ่อนคลาย การพุดคุยเจรจาในห้องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการพูดคุยกับเพื่อน โทมัสไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ แต่เขาต้องยอมรับว่าเขาชอบบรรยากาศแบบนี้


 


“คุณโทมัสครับ ลองดื่มชานี้สิครับ บางทีคุณอาจจะชอบก็ได้” เฝิงหยู่บอกให้คนนำชาเขียวของเล้อฮ่าฮามาเสิร์ฟหนึ่งขวด


 


“รสชาตินี้พิเศษมาก ปกติผมไม่ชอบดื่มชา แต่ผมชอบชานี้ ประเทศจีนเป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ผมโชคดีมากที่ได้มาอยู่ที่นี่!” โทมัสพูด


EG บทที่ 621 ร่วมกันกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม (1/2)


 


“ฟิลิปส์จะร่วมมือกับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และไอว่าเพื่อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับดีวีดี และเราจะเปลี่ยนแปลงโลก!” เฝิงหยู่กล่าว


 


“ในเมื่อคุณเฝิงรู้วัตถุประสงค์ของการมาที่นี่ของผมแล้ว เรามาคุยเรื่องเงื่อนไขของความร่วมมือของเรากันเลยดีมั้ยครับ?” โทมัสถามอย่างกระตือรือร้น


 


“ได้สิครับ ฟิลิปส์ต้องการอะไรครับ? คุณสามารถพูดความคิดของคุณได้เต็มที่เลย หืมม…..เราก็มีเงื่อนไขด้วยเช่นกัน” เฝิงหยู่ต้องการฟังสิ่งที่ฟิลิปส์ต้องการจากเขาก่อนที่จะบอกเงื่อนไขของเขาให้โทมัสฟัง


 


“เราสนใจเทคโนโลยี MPEG มากครับ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีรุ่นแรกหรือรุ่นที่สองก็ตาม นี่คือสิ่งที่เราต้องการ เรามีเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรัเลเซอร์ดิสก์และซีดี เราเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีการบีบอัดที่วีซีดีของคุณใช้อยู่และเราเป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้วย”


 


“เรากำลังใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีที่คุณจดสิทธิบัตร และไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย” เจียงว่านเหมิ่งพูดแทรก


 


“คุณเข้าใจผมผิดแล้วครับ ผมไม่ได้บอกว่าคุณละเมิดสิทธิบัตรของเรา เทคโนโลยีแผ่นซีดีมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เทคโนโลยีนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกือบทุกเดือน แต่ในฐานะผู้คิดค้น เรามีเทคโนโลยีที่ดีที่สุด หากเราร่วมมือกัน เราจะทำให้แผ่นซีดีเข้ามาแทนที่เทปตลับแบบดั้งเดิมได้แน่นอน นี่เป็นสถานการณ์ที่เราทั้งคู่จะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย” โทมัสอธิบาย


 


“ปัจจุบัน วีซีดีของเราครองส่วนแบ่งการตลาด 20% ของตลาดวิดีโอและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศจีน วีซีดีของเราครอบครองมากกว่า 60% ของตลาดวิดีโอเทป ในสหรัฐอเมริกาเราเป็นเจ้าของส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 30% แม้ว่าเราจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทของคุณ แต่เรามั่นใจว่าแผ่นซีดีจะเข้ามาแทนที่ตลับเทปภายใน 3 ถึง 5 ปีนี้อย่างแน่นอน”


 


เห็นว่าพวกเราโง่หรอ? ถ้าได้รับความช่วยเหลือของคุณ กระบวนการก็จะเร็วขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แถมเรายังต้องแบ่งผลกำไรของเราให้คุณอีก ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณ เราก็ยังประสบความสำเร็จได้ และเรายังได้รับผลกำไรทั้งหมดคนเดียวด้วย สำหรับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งสองวิธีได้ผลดีเหมือนกัน แต่สำหรับโทมัส บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์กำลังเดินไปในทางที่ผิด


 


ถ้าวีซีดีเพิ่งถูกคิดค้นขึ้นมา สิ่งที่โทมัสพูดนั้นไม่ผิด แต่หลังจากนั้นไม่นาน วีซีดีก็ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค และนี่คือเวลาที่จะเก็บเกี่ยวผลกำไร ไม่มีความแตกต่างระหว่างการรับผลประโยชน์เมื่อสองปีก่อนกับการรับผลประโยชน์ในอีกสองปีต่อมา


 


“หากการดำเนินการนี้สำเร็จก่อนหน้านี้หนึ่งวัน คุณจะได้รับผลกำไรก่อนหนึ่งวัน คุณไม่เห็นด้วยหรอครับว่าการครองตลาดนั้นเป็นเรื่องสำคัญกว่า?” โทมัสถาม


 


“เราใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการคิดค้นเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่เริ่มต้น และใช้เวลาสองปีในการเปิดตัวเทคโนโลยีให้คนรู้จักทั่วโลก ตอนนี้เราครองตลาดแล้วครับ” เฝิงหยู่ตอบอย่างใจเย็น


 


โทมัสไม่ได้เถียงกลับและพูดต่อ “โอเค งั้นผมจะพูดเรื่องอื่นล่ะกัน คุณคิดค้นแผ่นดีวีดีขึ้นมาก็เพื่อขายผลิตภัณฑ์นี้และเครื่องเล่นใช่มั้ยครับ? จากนั้น เทคโนโลยีสำหรับเครื่องเล่นก็จะสำคัญมาก ผมเชื่อว่าพวกคุณได้เริ่มต้นการพัฒนาสำหรับเรื่องนี้แล้ว แต่ คุณมั่นใจหรือเปล่าว่าคุณจะพัฒนาเทคโนโลยีการเข้ารหัสได้เร็วกว่าโซนี่และโตชิบา?”


 


เทคโนโลยีการเข้ารหัสเป็นสิ่งที่เฝิงหยู่ต้องการ ถ้าเครื่องเล่นสามารถอ่านได้อย่างเดียวและไม่สามารถเข้ารหัสแผ่นดิสก์ได้ การใช้งานของแผ่นดิสก์จะถูกจำกัด หากคอมพิวเตอร์พีซีติดตั้งไดรฟ์ออพติคอลสำหรับเขียนแผ่น แผ่นซีดีก็สามารถแทนที่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ได้ กำไรจากสิ่งนี้จะเป็นจำนวนมหาศาล!


 


ถ้าเลอโนโวสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในคอมพิวเตอร์ การพัฒนาของ เลอโนโวก็จะเร็วขึ้นมาก บางทีอาจจะกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีชั้นนำของโลกก็ได้!


 


ในทางกลับกัน บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และไอว่าก็ต้องการเทคโนโลยีนี้เช่นกัน ไม่งั้น พวกเขาจะสามารถเข้ารหัสแผ่นวีซีดีได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หรือดีวีดีที่พวกเขาผลิตจะไม่สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องเล่นของบริษัทอื่นๆ ได้ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเปิดตัวเครื่องเล่นดีวีดี


 


สุดท้ายแล้วดีวีดีจะเข้ามาแทนที่วีซีดีอย่างแน่นอน หากมาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นเหมือนวีซีดี ซึ่งถูกกำหนดโดยบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ สถานะของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศจะสูงขึ้น ผลกำไรจะเพิ่มขึ้นมาก


 


“คุณจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าความเร็วในการพัฒนาจะเร็วกว่าโตชิบาและโซนี่หากเราร่วมมือกับคุณ?  นอกจากนี้ ไพโอเนียร์, ฮิวเลตต์-แพคการ์ด, และบริษัทอื่นๆ ก็ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้เช่นกัน” เฝิงหยู่ถาม


 


“เพราะว่าบริษัทของเราคือฟิลิปส์! เราเป็นคนแรกที่คิดค้นเทคโนโลยีการเข้ารหัส เรามีพื้นฐานที่ดีที่สุด!” โทมัสตอบอย่างภาคภูมิใจ


 


“โอเคครับ แม้ว่าพวกคุณจะเก่งมากสุดในเทคโนโลยีนี้ แต่ทำไมเราถึงพัฒนาเทคโนโลยี MPEG ได้เร็วกว่าคุณล่ะ? เรายังสามารถร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ และผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม” เฝิงหยู่ตอบ


 


ให้ตายสิ คุณพูดราวกับว่าฟิลิปส์เป็นบริษัทที่ดีที่สุดในโลกงั้นแหละ ถ้าฟิลิปส์นั้นเก่งขนาดนั้นจริง ทำไมคุณไม่คิดค้นวีซีดีเองทั้งหมดล่ะ? คุณก็แค่โลภมากและอยากได้ส่วนแบ่งตอนนี้ด้วยก็เท่านั้นเอง


 


“ผู้จัดการเฟิงครับ ให้เราวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดให้ฟังก่อนนะครับ หลังจากที่คุณได้ประกาศเทคโนโลยีล่าสุดของคุณแล้ว โตชิบาและโซนี่ก็ได้เปิดตัวมาตรฐานอีกชุดสำหรับอุตสาหกรรมทันที ไพโอเนียร์ก็เริ่มพิจารณาเทคโนโลยีนี้ ฮิวเลตต์-แพคการ์ดยังประกาศด้วยว่าพวกเขาจะทำการวิจัยเทคโนโลยีนี้ นั่นหมายความว่าบริษัทอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคระดับโลก 4 รายกำลังเข้าสู่ตลาด ซึ่งยังไม่รวมถึงเรา ผมอยากรู้ว่าในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์อยู่ในจุดไหนหรอครับ? บริษัทของคุณยืนอยู่ในตำแหน่งอะไร?”


 


นี่เป็นคำถามที่ตบหน้าเฝิงหยู่ชัดๆ! ถ้าเราอยู่ในตำแหน่งแรก เรายังต้องร่วมมือกับผู้อื่นด้วยหรอ?


 


“เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมทั้งหมด ตำแหน่งของเราอาจไม่สูงมากนัก แต่เมื่อพูดถึงเครื่องเล่นวิดีโอ เทคโนโลยีของเราเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก แค่พิจารณาวีซีดีอย่างเดียว นี่คือผลิตภัณฑ์ที่จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค เราจะเปิดตัวซุปเปอร์วีซีดีเร็วๆ นี้ และเราจะเอาชนะเครื่องเล่นวิดีโอเทปแบบตลับรุ่นเก่าได้อย่างแน่นอน เมื่อเราเปิดตัวเครื่องเล่นดีวีดี เราจะกลายเป็นหนึ่งใน บริษัทอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคชั้นนำครับ”


 


“เวลาครับ คุณเฝิง ผมอยากจะบอกคุณว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบริษัทอื่นเปิดตัวดีวีดีตอนที่คุณเปิดตัวซุปเปอร์วีซีดี? แผ่นดิสก์ของคุณสามารถเก็บวิดีโอคุณภาพสูงได้ 100 นาที จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบริษัท อื่นเปิดตัวแผ่นดิสก์ที่สามารถเก็บวิดีโอได้ 200 นาที? แผ่นดิสก์ไม่ได้มีไว้ใช้จัดเก็บภาพยนตร์อย่างเดียวเท่านั้นนะครับ ยังมีอีกตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้บริโภค นั่นก็คือละครทีวี แผ่นดิสก์ของคุณสามารถจัดเก็บละครได้ 2 ถึง 3 ตอน แต่ของคนอื่นสามารถจัดเก็บได้สูงถึง 10 ตอน มันจะแตกต่างกันมาก”


 


“อย่าลืมว่าเรายังคงเป็นหุ้นส่วนกับไอว่าอยู่นะครับ”


 


“ไอว่าเป็นบริษัทที่ดี แต่ความแข็งแกร่งของไอว่นั้นมีเฉพาะในอุตสาหกรรมวอลค์แมนเท่านั้น เทคโนโลยีซีดีของพวกเขานั้นไม่ได้ดีไปกว่าโซนี่และบริษัทอื่นๆ อีกมากมายเลย ไอว่าใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงในฐานะเครื่องเล่นเพลงที่ดีเท่านั้น เมื่อพูดถึงวิดีโอ ไอว่ายังคงเป็นนักธุรกิจรายใหม่ ยังไม่เป็นที่รู้จักสำหรับเครื่องเล่นวิดีโอ และเทคโนโลยีของพวกเขาก็ไม่โดดเด่น ไม่สามารถเปรียบเทียบกับฟิลิปส์ของเราได้!”


 


ให้ตายสิ เขาดูถูกไอว่าขนาดนี้ได้ยังไง?! หากเฮะทาโร นาคาจิมะ รู้เรื่องนี้ เขาคงเอาดาบซามูไรของเขามาดวลกับคุณแน่นอน! ถ้าเขาแพ้ เขาอาจจะเอาดาบแทงท้องตัวเองเลยก็ได้


 


เฝิงหยู่หยุดขมวดคิ้ว “คุณโทมัสครับ ยิ่งคุณพูดมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าคุณยิ่งต้องการร่วมมือกับเรามากขึ้นเท่านั้น งั้นบอกเงื่อนไขของคุณให้ผมฟังหน่อยสิครับ”


EG บทที่ 622 ร่วมกันกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม (1/2)


 


นี่เหมือนการต่อรองราคาที่ตลาดนัดเลย คุณเอาแต่พูดว่าสิ่งนี้ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สุดท้ายคุณยังไปที่นั่น นี่เป็นกลยุทธ์สำหรับการเจรจาต่อรอง และคือสิ่งที่โทมัสกำลังทำอยู่


 


โทมัสยิ้ม “งั้นผมจะไม่พูดเยอะแล้วนะครับ ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ เราได้พูดคุยกันในการประชุมของเรา ฟิลิปส์และบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์จะร่วมกันทำการวิจัยและพัฒนาดีวีดีที่สามารถเขียนได้ เราจะพัฒนาอุปกรณ์ขนาดเล็กเพื่อบันทึกข้อมูลลงในแผ่นดีวีดี และกำหนดมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมดีวีดี”


 


นี่คือสิ่งที่เฝิงหยู่คาดไว้ ฟิลิปส์เป็นหุ้นส่วนที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ


 


“งั้นเรามาคุยรายละเอียดกันดีกว่าครับ”


 


“บริษัทของคุณประสบความสำเร็จในประเทศจีน แต่เมื่อเทียบกับเราแล้วคุณก็ยังห่างไกล ห้องปฏิบัติการวิจัยของเราใหญ่กว่าบริษัทของคุณหลายเท่า เรามีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญมากกว่าคุณ ดังนั้นผมขอแนะนำให้เรารับผิดชอบด้านการวิจัยและพัฒนา บริษัทคุณให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีนี้อย่างมาก ดังนั้นเมื่อเรากำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมแล้ว เราก็ควรตั้งชื่อเป็นมาตรฐานดีวีดีของฟิลิปส์ – เฟิงหยู่”


 


ไปตายซะเถอะ คุณเห็นผมเป็นคนโง่งั้นหรอ? มาตรฐานดีวีดีของฟิลิปส์ – เฟิงอาจฟังดูเหมือนเป็นความร่วมมือ แต่ดูแค่ชื่อ คนก็จะรู้ว่าเราแค่ช่วยฟิลิปส์ในฐานะผู้ติดตามเท่านั้น เราคือคนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี MPEG-II นะ!


 


ก็เหมือนกับทฤษฎีหยาง-มิลส์ ชื่อของหยางฉินหนิงอยู่ด้านหน้าตามด้วยชื่อของโรเบิร์ต มิลส์ ในเวลานั้น แม้ว่าโรเบิร์ต มิลส์จะเป็นที่รู้จักมากกว่า แต่จากชื่อของทฤษฎี ใครดูก็รู้แล้วว่าใครมีส่วนร่วมในทฤษฎีมากกว่ากัน ใครก็ตามที่มีส่วนร่วมมากกว่ามักจะมีชื่อนำหน้า


 


“คุณโทมัส ผมคิดว่าคุณเข้าใจไปเรื่องหนึ่งนะครับ เราเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี MPEG-II นี้ขึ้นมา เรายังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรสำหรับเทคโนโลยีรุ่นแรกด้วย เทคโนโลยีนี้เป็นแกนหลักของดีวีดี ใช่ครับ บริษัทของคุณอาจมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยมากกว่าเรา แต่พวกเขาเก่งกว่าเราในสาขานี้หรอครับ? คุณมุ่งเน้นวิจัยเพียงเทคโนโลยีเดียวได้หรือเปล่า? พวกเราแตกต่างกันครับ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้และเราวิจัยเทคโนโลยี MPEG เท่านั้น ผมกล้าที่จะกล่าวอ้างว่าไม่มีบริษัทอื่นที่ดีไปกว่าเราเมื่อพูดถึงสาขานี้ นอกจากนี้ การวิจัยเกี่ยวกับดีวีดีที่สามารถเขียนได้ เราก็ล้ำหน้ากว่าบริษัทอื่นๆ ไปแล้ว พวกคุณทุกคนน่าจะเป็นคนที่ช่วยเหลือเรามากกว่า ไม่ใช่กลับกันแบบนี้!”


 


ให้ตายสิ ให้มันรู้ซะบ้างว่าคุณอยู่ในฐานะอะไร!


 


“คุณเฝิงครับ อย่าลืมว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมที่เรากำหนดไว้นั้นจะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคง่ายกว่า บริษัทของคุณ บริษัทของคุณกำหนดมาตรฐานสำหรับวีซีดีหรือเปล่า? พวกคุณทำตลาดวีซีดีได้ดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คุณมีโอกาสที่จะกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับวีซีดี หากเราเป็นผู้พัฒนาวีซีดีนี้ เครื่องเล่นวิดีโอเทปในปัจจุบันป่านนี้ตกยุคไปแล้ว” โทมัสหยิบชาเขียวขึ้นมาจิบ


 


ตอนแรกฟิลิปส์ไม่ได้กำหนดข้อกำหนดสูงมากสำหรับการเจรจาครั้งนี้ แต่เมื่อโทมัสมาถึงประเทศจีน เขาตัดสินใจที่จะกำหนดมาตรฐานที่สูงขึ้น แต่หลังจากดูวัฒนธรรมของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์แล้ว เขาก็เลือกที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดเดิมของบริษัท เขาไม่สามารถโลภมากเกินไปได้


 


แผนเริ่มต้นของโทมัสคือให้ฟิลิปส์กำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันดำเนินการวิจัยและพัฒนาและแบ่งปันเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากเขาสามารถถือหุ้นในบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ได้ ก็คงจะดีกว่านี้ หลังจากพูดคุยกับเฝิงหยู่ เขาตัดสินใจที่จะยอมและทำตามคำแนะนำของบริษัทเฝิงหยู่ ชื่อของทั้งสองบริษัทจะถูกนำไปใช้ในมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่ชื่อของฟิลิปส์จะต้องอยู่ด้านหน้า


 


เฝิงหยู่ไม่พอใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ คุณอยากใส่ชื่อบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ไว้ข้างหลังฟิลิปส์หรอ? คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า? คุณคิดว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ ใหญ่ไม่เท่าฟิลิปส์หรอ?


 


“คุณโทมัสครับ คุณกำลังคิดว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ไม่ใหญ่พอที่จะกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมได้ใช่มั้ยครับ?”


 


แม้ว่าโทมัสจะรู้สึกแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ตอบเฝิงหยู่กลับไป การแสดงออกทางสีหน้าของเขาแสดงให้เห็นหมดแล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


 


“หากบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ของเราสามารถกำหนดและใช้มาตรฐานอุตสาหกรรมของเราเองได้ ทำไมเราต้องมาร่วมมือกับฟิลิปส์ด้วยล่ะครับ? คุณโทมัสก็น่าจะรู้ว่าเทคโนโลยี MPEG-II นี้พัฒนาโดยเราและไอว่าร่วมกัน ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่ายังไงถ้าไอว่าเลือกที่จะทำงานกับโซนี่ของญี่ปุ่นแทน? คุณไม่คิดว่ามันจะง่ายมากกว่าหรอที่จะกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมหากไอว่าร่วมมือกับโซนี่? อย่าลืมว่าเมื่อก่อนไอว่าเคยร่วมงานกับโซนี่มาแล้วหลายปีนะครับ”


 


“เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ต้องขาดทุนไปมากเท่าไหร่ถ้าคุณขอให้ไอว่าเป็นผู้กำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม เป็นไปไม่ได้ที่ไอว่าจะร่วมงานกับโซนี่ ไอว่าแย่งตลาดวอล์คแมนไปจากโซนี่ และส่วนแบ่งการตลาดวอล์คแมนของไอว่าก็เกือบถึง 70% ในปัจจุบัน โซนี่เหลือเพียงส่วนแบ่งตลาดที่น้อยกว่า 20% และไอว่าก็เริ่มแย่งส่วนแบ่งตลาดเครื่องเล่นซีดีจากโซนี่ คู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของไอว่าคือโซนี่ แล้วทำไมไอว่าถึงต้องเลือกที่จะร่วมงานกับโซนี่ด้วยล่ะครับ?” โทมัสยิ้มและถามเฝิงหยู่กลับ


 


ก่อนโทมัสมาที่ประเทศจีนเขาทำการบ้านมาก่อน ข้อมูลนี้ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด เขารู้เรื่องพวกนี้เมื่อเขาสืบถามไปทั่ว


 


โอ้ คุณทำการบ้านมาก่อนด้วยหรอเนี่ย? แต่ยิ่งคุณรู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งง่ายมากขึ้นสำหรับผมที่จะตบตาคุณ


 


“คุณพูดถูกครับ และด้วยเหตุนี้แหละ หากไอว่าเข้าหาโซนี่เพื่อขอความร่วมมือและเสนอให้ร่วมมือกันเพื่อควบคุมตลาดวอล์คแมนและเครื่องเล่นซีดี คุณคิดว่าโซนี่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้หรือเปล่าครับ?!”


 


ใบหน้าของโทมัสเปลี่ยนไป อันที่จริงแล้ว ไอว่ายินดีที่จะมอบส่วนแบ่งการตลาดวอล์คแมนและเครื่องเล่นซีดีบางส่วนให้กับโซนี่ โซนี่จะต้องทำงานร่วมกับพวกเขาอย่างแน่นอน แต่โทมัสไม่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ โซนี่และไอว่าจะทำงานร่วมกันในชาตินี้!


 


เฮะทาโร นาคาจิมะได้ดูถูกประธานรักษาการของโซนี่ โนริโอะ โอกะ ต่อหน้าสื่อก่อนหน้านี้ โนริโอะ โอกะจะไม่มีทางตกลงร่วมมือกับไอว่า หากมีโอกาส เขาก็อยากก้าวขึ้นไปเหยียบไอว่าให้มิดจมดินด้วยซ้ำ! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไอว่าเข้ามาขัดขวางแผนการของเขา ป่านนี้เขาได้เป็นประธานของโซนี่ไปแล้ว!


 


“คุณเฝิงครับ ไอว่าก็คือไอว่า ไม่ใช่บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ ถ้าไอว่าต้องกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม  บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์จะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง? ผมรู้ว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ร่วมมือกับไอว่า และแบ่งปันเทคโนโลยีมากมาย แต่คุณยินดีที่จะช่วยให้แบรนด์อื่นเติบโตหรอครับ?” โทมัสตัดสินใจใช้การสร้างแบรนด์มาโน้มน้าวเฝิงหยู่


 


“โอ้ ผมลืมบอกคุณว่าผมไม่ใช่แค่ผู้ก่อตั้งบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์นะครับ แต่ผมยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของไอว่าด้วย สำหรับผม ทั้งสองบริษัทนี้เหมือนกัน จริงๆ แล้วผมเป็นเจ้าของหุ้นในไอว่ามากกว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์เสียอีก คุณคงไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีแบรนด์ย่อยที่เป็นภาษาจีนอยู่ใต้ชื่อไอว่าใช่มั้ยครับ?” เฝิงหยู่ยิ้มและตอบ


 


อะไรนะ? เฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของไอว่าหรอ?!


 


นั่นหมายความว่าทั้งสองบริษัทนี้ก็เหมือนกันสำหรับเฝิงหยู่ ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสองบริษัทนี้ร่วมมือกันในหลายโครงการ และไอว่าก็สามารถเปิดตลาดในจีนได้


 


ให้ตายสิ แบบนี้ฟิลิปส์จะไม่มีทางได้เปรียบในการเจรจาครั้งนี้เลย


 


“แล้วคุณต้องการร่วมมือยังไง?”


 


“ง่ายๆ เลยครับ บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์จะทำการวิจัยและพัฒนา และฟิลิปส์จะคอยสนับสนุนช่วยเหลือเรา เราจะกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมร่วมกันและจะเรียกว่ามาตรฐานดีวีดีของเฟิฝหยู่-ฟิลิปส์ น่าจะมีบริษัทอื่นที่ทำงานร่วมกับฟิลิปส์อยู่ ก็ให้พวกเขารับรู้มาตรฐานนี้ด้วย เราจะเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยี ดีวีดีที่สามารถเขียนได้ และฟิลิปส์จะได้รับอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีนี้ได้ตลอดชีพ ในขณะเดียวกัน เราจะอนุญาตให้ฟิลิปส์ใช้เทคโนโลยี MPEG และวีซีดีของเราได้ฟรีๆ ด้วย เราจะแบ่งปันตลาดกับพวกคุณทุกคน”


 


สิทธิบัตรเป็นของอีกฝ่าย แต่ฟิลิปส์จะได้รับสิทธิในการใช้สิทธิบัตร ข้อตกลงนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อฟิลิปส์ แต่ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย ฟิลิปส์จะถูกคัดออกจากเกมนี้ทันที พวกเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว


 


“คุณเฝิงครับ ผมต้องคุยกับสำนักงานใหญ่ของผมก่อนที่ผมจะสามารถให้คำตอบคุณได้” สีหน้าที่ภาคภูมิใจของโทมัสหายไปนานแล้ว ตอนนี้เฝิงหยู่กำลังได้เปรียบ


 


เฝิงหยู่ยื่นมือออกไป “ได้สิครับ ผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณ หากคุณโทมัสไม่ว่าอะไร คืนนี้พักที่โรงแรมเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์สิครับ”


EG บทที่ 623 ห้องตัวอย่างที่น่าทึ่ง


 


เฝิงหยู่หันไปหาเจียงว่านเหมิ่งและพูดว่า “พาเขาไปที่ห้องตัวอย่างของเรา”


 


เจียงว่านเหมิ่งพยักหน้า เขารอคอยที่จะดูว่าชาวดัตช์ที่ภูมิใจในตัวเองคนนี้จะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเขาได้เห็นห้องตัวอย่าง


 


เฝิงหยู่เป็นคนแนะนำเรื่องห้องตัวอย่างนี้เอง เฝิงหยู่ต้องการสถานที่แห่งหนึ่งเอาไว้จัดแสดงและทดสอบเครื่องใช้ภายในบ้านในยุคอนาคต เครื่องใช้ภายในบ้านเกือบทุกเครื่องใช้ในห้องตัวอย่างนี้ “คิดค้น” โดยเฝิงหยู่ หลายชิ้นดูเรียบง่ายแต่สามารถใช้งานได้จริงและเป็นประโยชน์มาก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่ด้วย


 


ที่ประตูมีระบบล็อกแบบอิเล็กทรอนิกส์ เจียงว่านเหมิ่งพิมพ์รหัส 9527 และมีเสียงปี๊บเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าประตูถูกปลดล็อกแล้ว เฝิงหยู่เป็นคนตั้งรหัสผ่านนี้เอง และเขาชอบหมายเลขนี้


 


ระบบล็อกแบบอิเล็กทรอนิกส์ถูกคิดค้นมานานแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายเนื่องจากมีข้อเสียหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น ปุ่มกดตอบสนองไม่ไวพอ และไม่สามารถปลดล็อคได้อย่างง่ายดาย ไมโครชิปก็ถูกถอดรหัสได้ง่ายเช่นกัน แต่ที่บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ ล็อกส่วนใหญ่เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์


 


โทมัสเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเขาเห็นล็อกแบบอิเล็กทรอนิกส์ มันก็แค่ล็อคแบบอิเล็กทรอนิกส์ มีอะไรให้ต้องประหลาดใจหรอ? ที่ฟิลิปส์ก็มีของแบบนี้ คนพวกนี้จากบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิคส์อาศัยอยู่ในภูเขากันหรือไง!


 


แต่เมื่อโทมัสเห็นโลโก้แบรนด์เฟิงหยู่ที่ล็อกของประตู เขาแปลกใจเล็กน้อย ระบบล็อกอิเล็กทรอนิกส์นี้ถูกคิดค้นโดยแบรนด์เฟิงหยู่เองหรอ? ฟิลิป์ก็สามารถพัฒนาล็อกแบบนี้ได้เหมือนกัน


 


“นี่คือสิ่งที่ทีมงานของเราคิดค้นในเวลาว่างของพวกเขาครับ” เจียงว่านเหมิ่งกล่าวขณะที่เปิดประตู เขาแนะนำคุณสมบัติต่างๆ ภายในห้องตัวอย่างให้โทมัสฟัง “นี่คือห้องที่ดีที่สุดของเรา ซึ่งเราจัดให้เหมือนอพาร์ตเมนต์และใช้แนวความคิดแบบอนาคตตามที่ผู้จัดการเฝิงแนะนำ ไม่เพียง ผู้จัดการเฝิงไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นนะครับ เขายังเป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่ด้วย ผมแน่ใจว่าคุณต้องเคยได้ยินพัดลมไร้ใบพัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของแบรนด์เฟิงหยู่”


โทมัสมีสีหน้าประหลาดใจ ทั้งบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่เป็นของเฝิงหยู่คนเดียวเลยหรอ? คุณเฝิงมีธุรกิจมากมาย ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้รัฐบาลมากดดันให้เขายอมแล้วล่ะ


 


ว่าแต่แนวคิดแบบอนาคตหมายถึงอะไรกัน?


 


เจียงว่านเหมิ่งหยิบรีโมตคอนโทรลใกล้ประตูและชี้ไปที่หน้าต่าง ปี๊บ ผ้าม่านค่อยๆ เปิดออก จากนั้นเขาชี้รีโมตไปที่ทีวี แล้วทีวีก็เปิดขึ้น เขากดปุ่มอีกอันแล้วเปิดเครื่องเล่นวีซีดี ทีวีกำลังเล่นวิดีโอของเอลวิส เพรสลีย์


 


“รีโมทคอนโทรลนี้ใช้สำหรับควบคุมทุกอย่างในห้องนี้ แค่คุณชี้ไปที่เครื่องใช้ในบ้าน คุณก็สามารถควบคุมมันได้แล้ว” เจียงว่านเหมิ่งอธิบาย


 


แต่เจียงว่านเหมิ่งสังเกตว่าโทมัสไม่ได้ฟัง ดวงตาของเขาจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี


 


นี่คือทีวีจอแบนที่ใช้จอแสดงผลพลาสม่า แม้ว่าจะไม่แบนเท่าทีวีจอแบนในอนาคต แต่ความหนาก็เพียงแค่ 10 ซม. เท่านั้น ซึ่งบางกว่าทีวีที่ใช้หลอดรังสีแคโทด (CRT) แบบเดิมมาก


 


“คุณก็รู้จักเทคโนโลยีนี้ด้วยหรอ?” ชาวญี่ปุ่นเป็นคนที่เก่งในเทคโนโลยีพลาสมาทีวี บริษัทต่างๆ เช่น พานาโซนิค เอ็นอีซี และฟูจิซึ กำลังค้นคว้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้อยู่เช่นกัน บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นเจ้าของเทคโนโลยีนี้เหมือนกันหรอ?


 


ฟิลิปส์ก็กำลังทำการวิจัยเทคโนโลยีนี้อยู่และพยายามที่จะเปิดตัวทีวีประเภทนี้ แต่กลับไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคเนื่องจากราคาสูงมากและคุณภาพของภาพก็ใกล้เคียงกับทีวีทั่วไป แต่ฟิลิปส์รู้สึกว่าทีวีพลาสม่าพวกนี้จะได้รับความนิยมในอนาคต


 


“เรายังบอกไม่ได้หรอกครับว่าเราเก่งในเทคโนโลยีนี้ ตอนนี้เรากำลังวิจัยโทรทัศน์จอภาพผลึกเหลว (ทีวีแอลซีดี) เรากำลังตัดสินใจว่าจะมุ่งเน้นไปที่พลาสมาหรือแอลซีดีดีกว่าครับ” เจียงว่านเหมิ่งถูจมูกและตอบว


 


เจียงว่านเหมิ่งกำลังโกหก บริษัทเฟิงหยู่อิเล็คทรอนิคส์ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีพวกนี้ พวกเขาทำได้แค่วิศวกรรมย้อนกลับจากผลิตภัณฑ์ของคนอื่นเท่านั้น และยังคงศึกษาอยู่ ซึ่งยังถือว่าเป็นผู้เริ่มต้นในสาขานี้เท่านั้น


 


โทมัสตกตะลึงมาก บริษัทเฟิงหยู่อิเล็คทรอนิคส์กำลังค้นคว้าจอแอลซีดีหรอ? นี่คือสิ่งที่ฟิลิปส์กำลังมุ่งเน้นอยู่ แต่ความละเอียดของจอแอลซีดีนั้นไม่สูงเท่ากับทีวีพลาสม่า อย่างไรก็ตาม มันมีราคาถูกกว่า น้ำหนักเบากว่า และบางกว่าทีวีพลาสม่า!


 


ทำไมทิศทางการวิจัยของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็คทรอนิคส์จึงคล้ายกับพวกเขาเลยล่ะ?


 


คำตอบนั้นง่ายมาก ก็เพราะว่าเฝิงหยู่รู้เกี่ยวกับอนาคตของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ทีวีพลาสม่านั้นเป็นที่นิยมมากในตอนแรก แต่เมื่อความละเอียดของภาพจากทีวีแอลซีดีเพิ่มขึ้นและต้นทุนลดลง ทีวีพลาสม่าก็ล้าสมัย


 


นี่คือเหตุผลที่เฝิงหยู่ปฏิเสธที่จะเสียเวลาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับทีวีพลาสม่า ตอนที่เจียงว่านเหมิ่งและทีมของเขาบอกกับเฝิงหยู่ว่าพวกเขาอยากศึกษาเทคโนโลยีพลาสม่า เฝิงหยู่บอกว่าพวกเขาต้องพิจารณาทีวีแอลซีดีแทน  เพราะเขารู้ว่าก่อนที่ทีวีพลาสม่าจะถูกใช้อย่างแพร่หลาย มันจะถูกแทนที่ด้วยทีวีแอลซีดี


 


นอกจากนี้ จอแอลซีดียังเหมาะสำหรับใช้กับจอภาพคอมพิวเตอร์มากกว่า และการเติบโตของเทคโนโลยีนี้ก็รวดเร็วเช่นกัน โดยสามารถเข้ามาแทนที่ทีวีพลาสม่าและทีวีที่ใช้หลอดรังสีแคโทดได้ภายในไม่กี่ปี!


 


เจียงว่านเหมิ่งเปิดเครื่องฟอกอากาศที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง เทคโนโลยีนี้คิดค้นโดยย่าตู แต่เมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับย่าตู เทคโนโลยีนี้ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย


 


เครื่องฟอกอากาศนี้ยังมีฟังก์ชั่นการบำบัดด้วยกลิ่นอีกด้วย เพียงไม่นานทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ


 


“เครื่องฟอกอากาศนี้มีฟังก์ชั่นบำบัดอากาด้วยน้ำมันหอมระเหยและทำความชื้นรวมอยู่ด้วย อากาศที่นี่แห้งมากครับ และคุณจะรู้สึกดีขึ้นถ้าอากาศมีความชื้น” เจียงว่านเหมิ่งอธิบาย


 


“มีคอมพิวเตอร์อยู่ที่นี่ด้วยนะครับ คุณสามารถส่งอีเมลไปยังบริษัทของคุณได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ฟรีด้วยโอ้ คอมพิวเตอร์เครื่องนี้มีออปติคัลไดรฟ์นะครับ ตรงนี้มีแผ่นเกมบาง่วนด้วย ถ้าคุณเบื่อ คุณก็สามารถเล่นเกมคอมพิวเตอร์หรือดูหนังได้ นอกจากจอภาพที่เล็กกว่า คุณภาพก็ยังดีเท่ากับเครื่องเล่นวีซีดี และถ้าใช้หูฟังพวกนี้ เสียงจะดียิ่งกว่าการดูจากทีวีอีกครับ”


 


คอมพิวเตอร์ที่มีไดรฟ์ออปติคัลหรอ? เป็นความคิดที่ดีมากอะไรเช่นนี้! หากมีการเปิดตัวออกสู่ตลาด สิ่งนี้จะแทนที่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน แผ่นซีดีจะสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าแผ่นฟลอปปี้ดิสก์!


 


“บริษัทของคุณผลิตคอมพิวเตอร์เครื่องนี้หรอครับ? แต่โลโก้ไม่ใช่แบรนด์เฟิงหยู่นิหน่า”


 


“เป็นของเลอโนโว่ครับ แบรนด์คอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดของจีน ผู้จัดการเฝิงเป็นเจ้าของหุ้นบางส่วนในบริษัทนี้ครับ”


 


โทมัสมีสีหน้าไม่เชื่อ เฝิงหยู่ก็มีหุ้นในบริษัทนี้ด้วยหรอ? เฝิงหยู่มีธุรกิจกี่ธุรกิจกันแน่? ดูเหมือนว่าเขาจะชอบทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านงั้นหรอ?


 


“โอ้ เดี๋ยวผมพาไปชมห้องน้ำครับ”


 


โทมัสตกตะลึง ในห้องน้ำยังมีอะไรให้โชว์อีกหรอ? คุณคิดว่าผมไม่เคยใช้ห้องน้ำมาก่อนหรือไง? อย่าบอกผมนะว่าห้องน้ำของคุณเป็นแบบอัตโนมัติทั้งหมด?


 


“เครื่องทำน้ำอุ่นจะปรับอุณหภูมิน้ำโดยอัตโนมัติครับ คุณสามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่คุณต้องการได้ตรงนี้ และมีหน้าจอแอลซีดีด้วย เครื่องหมาย + หมายถึงการเพิ่มอุณหภูมิและเครื่องหมาย – คือการลดอุณหภูมิ อุณหภูมิสูงสุดที่คุณสามารถตั้งค่าได้คือ 72 องศาเซลเซียส”


 


“ผมว่าผมคงไม่จำเป็นต้องแนะนำเครื่องเป่าผมนะครับ ตรงนี้คือเครื่องเป่ามือ ซึ่งมีระบบเซ็นเซอร์อินฟราเรดในตัว ลมร้อนจะถูกเป่าออกมาเพื่อทำให้มือของคุณแห้ง ซึ่งจะช่วยป้องกันมือของคุณจากเชื้อโรคเวลาที่คุณสัมผัสกับผ้าเช็ดมือหรือกระดาษทิชชู่ หากคุณสนใจ คุณสามารถลองสัมผัสได้ด้วยตัวเองเลยครับ”


 


เทคโนโลยีเครื่องเป่ามือมาจากเทคโนโลยีพัดลมไร้ใบพัด เครื่องมีขนาดเล็กและสามารถแขวนบนผนังได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่จดทะเบียนสิทธิบัตรสำหรับเทคโนโลยีนี้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรนี้ในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ทำได้แค่เพียงมองดูเฝิงหยู่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมดไป


 


“นี่คือเครื่องดูดฝุ่นระบบหุ่นยนต์ครับ ซึ่งมีเซ็นเซอร์อินฟราเรดในตัว หลังจากที่คุณเปิดเครื่องแล้ววางลงบนพื้น เครื่องจะดูดฝุ่นที่พื้นเองโดยอัตโนมัติ ดูสิครับ เมื่อเครื่องเดินไปชนกำแพง มันจะเปลี่ยนทิศทางเอง ถ้าคุณเปิดเครื่องก่อนออกไปทำงาน พื้นของคุณจะสะอาดเมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน”


 


“นี่คือห้องครัวครับ และนี่คือไมโครเวฟคลื่นแสง ซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีระหว่างไมโครเวฟและคลื่นแสง โดยจะทำให้อาหารของคุณร้อนเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น นี่คือผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์เฟิงหยู่จะเปิดตัวในปีนี้ ส่วนตรงนี้คือเตาแม่เหล็กไฟฟ้าครับ คุณน่าจะเคยใช้มาก่อน”


 


เมื่อเจียงว่านเหมิ่งหันกลับมามองโทมัส เขาก็เห็นโทมัสยังคงตกตะลึงอยู่


 


โทมัสตกตะลึงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทั้งหมดที่อยู่ในห้องตัวอย่างนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าพวกนี้เป็นของสำหรับครัวเรือนทั่วไปหรอ? บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิคส์ลมและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากขนาดนี้แล้วหรอ?


EG บทที่ 624 ความร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบ


 


โทมัสตกตะลึงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทั้งหมดในห้องตัวอย่างนี้อย่างมาก เจียงว่านเหมิ่งพยายามกลั้นหัวเราะ อุปกรณ์พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นตัวอย่างทั้งนั้น


 


ตัวอย่างเช่น รีโมทคนโทรลอเนกประสงค์ แม้ว่ามันจะสามารถควบคุมทีวี เครื่องเล่นวีซีดี และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายได้ แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของสัญญาณ หากคุณไม่ระวัง คุณอาจจะเผลอไปปิดวีซีดีในขณะที่เปิดทีวีได้ ตัวควบคุมนั้นยังถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไร้ประโยชน์อยู่


 


นอกจากนี้ สำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนั้น ต้นทุนการผลิตสูงมากและแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก เซ็นเซอร์อินฟราเรดนั้นไวไม่เพียงพอและยังไม่มีตัวตั้งเวลาในหุ่นยนต์ ซึ่งเปลืองไฟมาก


 


เครื่องทำน้ำอุ่นนั้นผลิตง่าย แต่ตัวควบคุมความร้อนภายในเครื่องทำความร้อนก็มีราคาแพงมาก จอแอลซีดีที่ใช้แสดงอุณหภูมิเป็นเพียงต้นแบบตัวอย่างเท่านั้น


 


ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์อินฟราเรด สวิตช์ควบคุมเสียง กาต้มน้ำไฟฟ้าอัตโนมัติ เครื่องปรับอากาศที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ ฯลฯ ทำให้โทมัสตกตะลึงมาก


 


นี่คือพลังของบริษัทเฟิงหยู่หรอ? มันล้ำหน้ามากเกินไปแล้ว พวกเขาไปเอาแนวคิดพวกนี้มาจากไหนกัน? สิ่งของพวกนี้ถูกคิดค้นโดยพนักงานที่นั่งดื่มชาและเล่นปิงปองในชั่วโมงทำงานพวกนั้นนะหรอ?


 


“คุณโทมัสฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ก่อนได้นะครับ เดี๋ยวเราจะไปทานอาหารเย็นกัน ผมพาคุณไปชิมอาหารท้องถิ่นของเราแถวๆ นี้ครับ”


 


“อ่ะ? โอ้ โอเค ไปกันเถอะครับ” ขณะที่โทมัสกำลังเดินออกจากห้อง เขาก็หันหลังกลับไปดูอุปกรณ์ต่างๆ อีกรอบ ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากนำผลิตภัณฑ์พวกนั้นกลับมาทดลองดู


 


โทมัสถึงขนาดอยากรื้อชิ้นส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกนั้นทั้งหมดตอนนี้เลย เขารู้ว่าเขาจะมีแรงบันดาลใจมากมายจากอุปกรณ์พวกนั้น แต่ในเมื่อเจียงว่านเหมิ่งกล้าโชว์ผลิตภัณฑ์พวกนี้ให้กับเขาดู นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องยื่นขอสิทธิบัตรแล้วแน่ๆ และไม่กลัวที่จะให้เขารู้ทฤษฎีและเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกนั้น


 


เครื่องใช้ไฟฟ้าพวกนี้ทำให้เขาตกใจอย่างมาก นี่คือจุดแข็งของบริษัทเฟิงหยู่หรอ? ฟิลิปส์ควรร่วมมือกับ บริษัทแบบนี้อย่างเต็มรูปแบบ และไม่ต่อรองกับพวกเขาในเทคโนโลยีอีกแล้ว


 


“คุณเจียงครับ ผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ” โทมัสกล่าว


 


“คุณจะโทรกลับไปฮอลแลนด์หรือเปล่าครับ? มากับผมสิครับ คุณสามารถโทรทางไกลในห้องทำงานของผมได้”


 


เจียงว่านเหมิ่งพาโทมัสไปาที่ห้องทำงานของเขาและออกจากห้องไป ทิ้งให้โทมัสอยู่คนเดียวในห้องทำงานโดยที่ปิดประตูไว้


 


โทมัสกำลังจะโทรศัพท์เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามีเอกสารจำนวนมากวางอยู่บนโต๊ะของ เจียงว่านเหมิ่ง แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันผิดจรรยาบรรณและกฎหมายที่จะแอบดูเอกสารของคนอื่น แต่เขาก็อดไม่ได้


 


ภาษาจีน ภาษาจีน ภาษาจีน เอกสารส่วนใหญ่เป็นภาษาจีนทั้งหมดและโทมัสไม่อ่านไม่ออก ในที่สุดเขาก็พบเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษ เขาเปิดขึ้นแล้วก็ตกใจ


 


นี่คือรายงานเกี่ยวกับความร่วมมือกับเดลล์ เดลล์ต้องการร่วมมือกับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่เพื่อเข้าสู่ตลาดจีน พวกเขาอยากจัดตั้งสำนักงานใหญ่สำหรับเอเชียในประเทศจีน และขยายการดำเนินงานไปยังส่วนต่างๆ ของเอเชีย


 


นอกจากนี้ เดลล์ยังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ด้วย หากบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่ร่วมมือกับเดลล์ ฟิลิปส์ต้องหลุดออกจากเกมนี้แน่ๆ


 


ดังนั้น นอกเหนือจากโซนี่ บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ยังมีหุ้นส่วนอื่นให้เลือกอีก!


 


โทมัสโทรหาสำนักงานใหญ่ของเขาทันทีและรายงานสิ่งที่เขาพบและเห็นต่อประธานของฟิลิปส์ เขาร้องขอให้บริษัทมอบคำตอบให้เขาโดยเร็วที่สุด ความคิดเห็นของเขาคือควรร่วมมือกับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ แค่ความคิดสร้างสรรค์ของบริษัทนี้เพียงอย่างเดียวก็คุ้มค่าที่ฟิลิปส์จะร่วมมือกับพวกเขาด้วยแล้ว!


 


ผู้บริหารระดับสูงของฟิลิปส์กังวลมากหลังจากที่พวกเขาได้ยินรายงานของโทมัส พวกเขาส่งโทมัสไปยังประเทศจีนเพราะพวกเขารู้ว่าโทมัสมีความสามารถและสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง โทมัสยังเป็นเจ้าของหุ้นของฟิลิปส์ด้วยและเขาไม่มีทางหักหลังบริษัทแน่นอน เมื่อก่อนโทมัสเป็นตัวแทนของฟิลิปส์ในการเจรจาหลายครั้งและไม่เคยทำผิดพลาดเลสักครั้ง


 


ตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงของฟิลิปส์เชื่อมั่นในการตัดสินใจของโทมัสและต้องการที่จะร่วมมือกับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์อย่างจริงใจหลังจากทราบว่าบริษัทนี้มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน


 


ฟิลิปส์รู้ว่าเทคโนโลยีขั้นสูงหรือผลิตภัณฑ์ขั้นสูงนั้นสามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้มากแค่ไหน บริษัทเฟิงหยู่แห่งนี้สามารถประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีขั้นสูงได้มากมาย อนาคตของบริษัทนี้ไร้ขีดจำกัด หากฟิลิปส์สามารถร่วมมือกับบริษัทที่มีศักยภาพเช่นนี้ได้ในตอนนี้ พวกเขาจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานกับบริษัทนี้ และจะสามารถแบ่งปันเทคโนโลยีพวกนั้นได้ด้วย พวกเขาจะนำหน้าคู่แข่งของตัวเองไปอีกมาก!


 


ในช่วงอาหารเย็น เฝิงหยู่ใช้กลวิธีของเขาเพื่อทำให้แขกเมา เขาจะยกแก้วขึ้นทุกๆ สองสามนาที พวกเขาดื่มเหล้าขาว แต่เฝิงหยู่ใช้ข้ออ้างว่ากำลังกินยารักษาอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการดื่ม เขาดื่มน้ำผลไม้แทน!


 


การดื่มฉลองด้วยน้ำผลไม้หนึ่งแก้วทำให้เจียงว่านเหมิ่งรู้สึกอับอายมากที่จะทนดูได้ แต่เมื่อเขาเห็นว่าเฝิงหยู่ยังคงดื่มฉลองต่อกับโทมัสอย่างต่อเนื่องด้วยน้ำผลไม้ และโทมัสก็ใกล้จะหมดสติแล้ว เขาก็ร่วมวงด้วยเพื่อทำให้โทมัสดื่มมากขึ้น


 


เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านพวกนั้นยังคงมีข้อบกพร่องมากมาย หากโทมัสอยู่ในช่วงสร่างเมา เขาจะสังเกตเห็นปัญหาในผลิตภัณฑ์พวกนั้นและความประหลาดใจที่เขามีต่อสินค้าพวกนั้นก็จะหายไป เอกสารภาษาอังกฤษเกี่ยวกับความร่วมมือกับเดลล์นั้นก็เป็นของปลอมด้วย


 


ทั้งหมดนี้เป็นกับดักสำหรับโทมัส ถ้าโธมัสไม่ได้แอบดูเอกสารบนโต๊ะ เขาจะไม่ตกหลุมพราง แต่เมื่อเขาแอบดูแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องตกหลุมพรางนี้


 


ถ้ามีคนอ่านเอกสารอย่างละเอียด เขาจะรู้ว่ามันเป็นของปลอม แต่โทมัสไม่มีเวลาอ่านอย่างละเอียดขนาดนั้น เขาไม่กล้าอ่านเอกสารของคนอื่นอย่างเปิดเผยในห้องทำงานของคนอื่นด้วย หากเขาถูกจับได้ เขาจะสร้างปัญหาให้กับฟิลิปส์และอาจถูกไล่ออกได้


 


เฝิงหยู่กล่าวว่ากับดักนี้ไม่สามารถหลอกสุภาพบุรุษได้ มันใช้ได้เฉพาะกับคนที่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น


 


บ่ายวันนั้น ผู้บริหารระดับสูงของฟิลิปส์จัดการประชุม พวกเขาต้องการติดต่อโทมัสอีกครั้งเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับแบรนด์เฟิงหยู่ ในการคุยทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ โทมัสได้ขอให้พวกเขาตัดสินใจโดยเร็วที่สุด


 


แต่พนักงานของฟิลิปส์ในประเทศจีนบอกกับผู้บริหารระดับสูงของฟิลิปส์ว่าโทมัสเมาและเข้านอนไปแล้ว!


 


เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงว่านเหมิ่งปลุกโทมัสให้ตื่นขึ้นมารับประทานอาหารเช้า โทมัสมีอาการเมาค้าง เขายังจำแทบไม่ได้เลยว่าเมื่อวานเขากลับมาที่ห้องตัวอย่างนี้ได้ยังไง


 


โทมัสสาบานว่าเขาจะไม่ดื่มกับคนจีนอีกเลย! ชาวจีนพวกนี้คอแข็งมาก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเขาก็หมดสติไป คนจีนเป็นคนที่คิดค้นเหล้าขาวขึ้นมาและมันก็อยู่ในสายเลือดของพวกเขาเพื่อที่จะได้กินเหล้าได้อึดมากขึ้น!


 


“คุณโทมัสครับ เมื่อวานนี้ตอนช่วงอาหารเย็นคุณพูดว่าคุณจะตัดสินใจและให้คำตอบเราได้ในเช้านี้ ผมสงสัยว่าการตัดสินใจของบริษัทของคุณเป็นยังไงบ้างครับ?” เฝิงหยู่ถาม


 


“คุณเฝิงครับ ผมขอโทรศัพท์หน่อยได้มั้ยครับ?”


 


“ได้สิครับ”


 


หลังอาหารเช้า โทมัสโทรไปที่สำนักงานใหญ่ของเขา และเขาก็ถูกดุเรื่องที่เมาเมื่อวานนี้ ฝ่ายบริหารถามโทมัสเกี่ยวกับรายละเอียดบางอย่างและเขาก็อธิบายให้ฟัง โทมัสยังคงยืนยันที่จะร่วมมือกับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่อย่างเต็มรูปแบบ ฟิลิปส์ต้องร่วมงานกันทั้งในด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน


 


นอกจากนี้ โทมัสยังกล่าวอีกว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์เป็นบริษัทที่ทรงพลังมาก และพวกเขาไม่สามารถใช้รัฐบาลมากดดันพวกนี้ให้ยอมทำตามความต้องการของพวกเขาได้


 


ฟิลิปส์ตัดสินใจแล้ว พวกเขาเห็นด้วยกับมุมมองของโทมัสและจะร่วมมือกับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่อย่างเต็มรูปแบบ  รายละเอียดของความร่วมมือนี้จะยังคงต้องมีการหารือหลังจากการเจรจาของโทมัสอีกรอบ


 


หลังจากออกจากห้องทำงานของเจียงว่านเหมิ่ง โทมัสพูดกับเฝิงหยู่ “คุณเฝิงครับ คณะกรรมการบริษัทเราได้ตัดสินใจที่จะร่วมมือกับบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่อย่างเต็มรูปแบบครับ!”


 


“ร่วมงานอย่างเต็มรูปแบบหรอครับ? เราจะร่วมมือกันยังไงครับ? คุณช่วยเจาะจงรายละเอียดให้มากขึ้นหน่อยได้มั้ยครับ?” เฝิงหยู่ตอบอย่างใจเย็น แต่ในใจของเขานั้นกำลังลิงโลดด้วยความดีใจ


EG บทที่ 625 ความร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบ (ต่อ)


 


การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเป็นเพราะว่าโทมัสรู้สึกประทับใจกับ “จุดแข็ง” ของแบรนด์เฟิงหยู่และประสบความสำเร็จอย่างมาก


 


ในแง่ของการสร้างแบรนด์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ฟิลิปส์แข็งแกร่งกว่าบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่


 


แต่เฝิงหยู่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนมาก หากฟิลิปส์ต้องทำงานร่วมกับแบรนด์เฟิงหยู่ พวกเขาจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ วีซีดี, ซุปเปอร์ วีซีดี, ดีวีดี และออปติคัลไดรฟ์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น หุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่น เตาไมโครเวฟคลื่นแสง และอื่นๆ จะนำผลกำไรจำนวนมากมาสู่ฟิลิปส์


 


เนื่องด้วยกำไรพวกนี้ ทำให้โทมัสและฟิลิปส์จึงตอบตกลงเงื่อนไขของเฝิงหยู่ พวกเขาจะร่วมมืออย่างเต็มที่และจะกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วยกัน พวกเขาจะทำให้วีซีดีและดีวีดีเป็นที่นิยมร่วมกันและจะเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรุ่นใหม่ที่เหลือทั้งหมดด้วย


 


บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบรนด์เฟิงหยู่จะช่วยให้ฟิลิปส์สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีของพวกเขาได้ ฟิลิปส์จะแบ่งปันเทคโนโลยีดิสก์ออฟติคัล เทคโนโลยีทีวี เทคโนโลยีจอแอลซีดี และเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยแสงกับแบรนด์เฟิงหยู่ เทคโนโลยีจะถูกใช้ร่วมกันระหว่างทั้งสองบริษัทโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ


 


บริษัทจะยังคงรักษาสิทธิบัตรของพวกเขาไว้ แต่อีกฝ่ายจะใช้งานได้ฟรี สิทธิบัตรใหม่ทั้งหมดที่พัฒนาจากเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจะยังคงเป็นของบริษัท


 


เฝิงหยู่พิจารณาอย่างจริงจังก่อนที่จะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีวีซีดีกับฟิลิปส์ เขาคิดหาเหตุผลว่าทำไมการพัฒนาวีซีดีจึงไม่เร็วเท่ากับชาติที่แล้ว มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นเป็นเพราะมีแค่สองบริษัทในตลาดเท่านั้นที่ผลิตเครื่องเล่นวีซีดีและเขาก็เป็นเจ้าของทั้งสองบริษัทนี้


 


เฝิงหยู่ไม่สามารถแข่งขันกับหลายบริษัทที่ทำงานร่วมกันในการเปิดตัวเครื่องเล่นวีซีดีเมื่อชาติที่แล้วของเขาได้ การทำตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายของเขาไม่เพียงพอที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่นิยม เมื่อชาติที่แล้วของเขา บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีเทคโนโลยีวีซีดี พวกเขาเป็นคนที่ค้นพบว่าเทคโนโลยีนี้ยังไม่ได้จดสิทธิบัตรและพวกเขาก็รีบยื่นขอจดสิทธิบัตรก่อนเลย


 


นี่คือเหตุผลที่ในอนาคตบริษัทวีซีดีของจีนยังคงต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรให้กับบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้น บริษัทญี่ปุ่นใช้ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้ไปพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีขึ้นและกลายเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม


 


ในชาตินี้ สิทธิบัตรนี้เป็นของเฝิงหยู่ บริษัทญี่ปุ่นจะไม่แบ่งผลกำไรนี้ให้ แต่วีซีดีนั้นไม่ได้เติบโตเร็วเท่ากับเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ แต่ประวัติศาสตร์ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม บริษัททั้งหมดพยายามพัฒนาเครื่องเล่นดีวีดีเพื่อมาทดแทนวีซีดี


 


ดีวีดีจะเข้ามาแทนที่วีซีดีเมื่อถึงเวลา เทคโนโลยีและประสบการณ์จากผู้ใช้งานจะดีขึ้นกว่าวีซีดี บริษัทต่างๆดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ยังไงบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ก็ยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยีดีวีดีล่าสุดได้ก่อนพวกนั้น


 


ก็เหมือนกับอุตสาหกรรมเกม นินเทนโดทิ้งโซนี่ไป และโซนี่ใช้เวลา 2 ปีในการพัฒนาเครื่องเกมเพลย์สเตชั่น ในท้ายที่สุด โซนี่ก็ครองส่วนแบ่งการตลาดและผลกำไรส่วนใหญ่!


 


ไอว่าเอาชนะโซนี่ได้ในอุตสาหกรรมวอลค์แมน แต่นั่นเป็นเพราะการมุ่งเน้นของโซนี่ในขณะนั้นคือ โคลัมเบียพิคเจอร์ โคลัมเบียพิคเจอร์คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดในยุค 1990 ซึ่งยังคงเป็นการลงทุนในต่างประเทศ ไม่มีอะไรผิดพลาดกับการลงทุนครั้งนี้


 


เมื่อโคลัมเบียพิคเจอร์เริ่มสร้างรายได้ โซนี่จะมีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการต่อสู้กับไอว่า แต่เฝิงหยู่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อถึงเวลาโคลัมเบียพิคเจอร์ทำกำไรได้ ตอนนั้นวอล์คแมนเกือบจะตกยุคแล้ว หากโซนี่อยากกลับเข้าสู่ตลาดวอลค์แมนอีกครั้งในตอนนั้น พวกเขาก็สามารถทำได้


 


แต่ตอนนี้โซนี่และโตชิบาได้ร่วมมือกันและต้องการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม พวกเขารู้ดีว่าดีวีดีนั้นดีกว่าวีซีดี และในที่สุดก็จะเข้ามาแทนที่เครื่องเล่นวิดีโอเทปแบบดั้งเดิม นี่คือสิ่งที่โซนี่ต้องการสำหรับโคลัมเบียพิคเจอร์ ด้วยเทคโนโลยีนี้ พวกเขาจะสามารถขายภาพยนตร์ของพวกเขาในรูปแบบดีวีดีได้


 


โคลัมเบียพิคเจอร์เป็นเจ้าของสิทธิ์ในภาพยนตร์จำนวนมาก หากโซนี่สามารถเปิดตัวเครื่องเล่นดีวีดีที่ดีและภาพยนตร์พวกนั้นในรูปแบบดีวีดีได้ ผลกำไรของโคลัมเบียพิคเจอร์จะเพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะชุบชีวิตบริษัทผู้ผลิตแห่งนี้ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่


 


ดังนั้น โซนี่จะเพิ่มเงินลงทุนในการวิจัยและพัฒนาดีวีดีอย่างแน่นอน เฝิงหยู่รู้ว่าถ้าเขาไปสู้ประจันหน้ากับโซนี่ สุดท้ายเขาอาจจะชนะก็ได้ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเพิ่มเงินลงทุนในไอว่าและบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ แต่มันก็ไม่คุ้มค่าที่จะทำเช่นนี้


 


มีข้อได้เปรียบมากมายจากความร่วมมือกับฟิลิปส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงื่อนไขเฉพาะข้อหนึ่งในสัญญา ทั้งสองบริษัทจะช่วยผลิตสินค้าให้อีกฝ่าย


 


ไอว่ามีโรงงานเพียงแห่งเดียวในลอนดอนและเป็นการผลิตวอลค์แมน โรงงานนั้นต้องผลิตตามคำสั่งซื้อจากยุโรปตะวันตกทั้งหมด และโรงงานไม่มีพื้นที่สำหรับผลิตเครื่องเล่นวีซีดี เครื่องเล่นวีซีดียี่ห้อไอว่าและเฟิงหยู่ถูกผลิตขึ้นในประเทศจีนทั้งหมด ต้นทุนเลยสูงมากเนื่องจากการขนส่งสินค้าไปยังตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา


 


ผู้ผลิตเครื่องเล่นวิดีโอเทปพวกนั้นลดราคาขายปลีกลงเพื่อแข่งขันกับเครื่องเล่นวีซีดี ผู้ผลิตเครื่องเล่นวิดีโอเทปทั้งหมดร่วมมือกันเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องเล่นวีซีดีได้รับความนิยมในประเทศตะวันตก


 


เฝิงหยู่ต้องยอมรับว่าบริษัทพวกนั้นมีอิทธิพลและสามารถหยุดเครื่องเล่นวีซีดีไม่ให้ได้รับความที่นิยมในต่างประเทศได้ แม้ว่าจะยังคงมีกำไรอยู่ แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ต่างจากการผูกขาดตลาด


 


เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ ตลาดวีซีดีทำได้ดีมาก ผู้ผลิตขายเครื่องเล่นวีซีดีได้จำนวนมหาศาลทุกปี แต่ตอนนี้หลังจากที่เฝิงหยู่ได้ผูกขาดตลาดวีซีดี ยอดขายของเครื่องเล่นยังคงอยู่ในระดับต่ำและ เฝิงหยู่ก็รู้สึกกังวล


 


แต่ตอนนี้เมื่อฟิลิปส์เข้ามามีบทบาท ยอดขายของเครื่องเล่นวีซีดีจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนเนื่องจากช่องทางการจัดจำหน่ายในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โทมัสก็มีความคิดเช่นเดียวกับเฝิงหยู่ เขาต้องการที่จะเปิดตัว ซุปเปอร์วีซีดีทันที เขาไม่อยากเปิดตัวเครื่องเล่นวีซีดีแบบเก่า ด้วยวิธีนี้ จะช่วยขยายช่องว่างระหว่างวีซีดีและวิดีโอเทปแบบดั้งเดิมได้ ซึ่งจะง่ายกว่าถ้าพวกเขาออกสินค้านี้ทั้งหมดออกจากตลาด!


 


เฝิงหยู่อนุญาตให้ฟิลิปส์ใช้เทคโนโลยีของเขาเท่านั้น เมื่อเฝิงหยู่มีเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า การอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีวีซีดีของเขาก็สามารถมอบให้กับบริษัทต่างๆได้มากขึ้น และจะกลายเป็นความพยายามร่วมกันในการเปิดตลาดวีซีดี แต่กำไรส่วนที่ใหญ่ที่สุดยังคงต้องเป็นของบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์


 


ผลตอบแทนจากการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมอาจไม่สามารถเห็นผลได้ในเร็วๆ นี้ แต่ผลกำไรจากการผลิตซุปเปอร์วีซีดีนั้นเกิดขึ้นทันที โทมัสยังยอมรับคำขอจากเฝิงหยู่สำหรับการผลิตสินค้าให้แก่บริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะลดต้นทุนสำหรับเครื่องเล่นวีซีดีแบรนด์เฟิงหยู่และไอว่า แถมยังลดระยะเวลาในการเปิดตัวรุ่นใหม่และเปิดตลาดด้วย


 


ในประเทศจีน จุดสนใจหลักของเฝิงหยู่ยังคงเป็นเครื่องเล่นวีซีดีแบรนด์เฟิงหยู่และเครื่องเล่นวีซีดีไอว่า (Aiwa) สำหรับต่างประเทศ เฝิงหยู่จะใช้เครื่องเล่นวีซีดีแบรนด์ไอว่า (AIWA) และเครื่องเล่นวีซีดีแบรนด์เฟิงหยู่ แบรนด์ไอว่าถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังประเทศจีนและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


 


(ไอว่า (Aiwa) = Ai Hua ตัวอักษรจีนสำหรับแบรนด์ไอว่า เฝิงหยู่ได้จัดตั้งแบรนด์ย่อยสำหรับไอว่า (Aiwa) ซึ่งเป็นตัวอักษรจีนเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังตลาดจีน ไอว่า (AIWA) เป็นแบรนด์ต่างประเทศและเขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ)


 


ฟิลิปส์จะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงนี้ด้วย พวกเขาจะได้รับผลกำไรจากเครื่องเล่นซุปเปอร์วีซีดี และเครื่องเล่นดีวีดีในอนาคต นอกจากนี้ จะมีกำไรจากเครื่องใช้ภายในบ้านที่เป็นนวัตกรรมอื่นๆ ด้วย


 


ด้วยผลกำไรที่มากขึ้น ฟิลิปส์จะสามารถเพิ่มทุนกรวิจัยและพัฒนาของพวกเขาสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ พวกเขาจะสามารถเอาชนะซีเมนส์ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรทางการแพทย์ได้!


 


หลังจากรู้ว่าเฝิงหยู่มีบริษัทผลิตวิทยุติดตามตัวภายใต้แบรนด์ไอว่าด้วย ฟิลิปส์ก็รู้สึกว่าพวกเขาสามารถร่วมมือกันในแง่ของอุปกรณ์โทรคมนาคมและพัฒนาโทรศัพท์มือถือได้ ฟิลิปส์ยังรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือจะเข้ามาแทนที่วิทยุติดตามตัวในอนาคต


 


ฟิลิปส์คิดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปีสำหรับโทรศัพท์มือถือที่จะเข้ามาแทนที่วิทยุติดตามตัว แต่เฝิงหยู่รู้สึกว่าวิทยุติดตามตัวจะกลายเป็นอุตสาหกรรมขาลงภายใน 3 ปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า วิทยุติดตามตัวจะถูกแทนที่ด้วยโทรศัพท์มือถือ!


 


โทมัสรู้สึกว่าเฝิงหยู่นั้นพูดเวอร์เกินไป เขายังพนันกับเฝิงหยู่ว่าหากความต้องการของวิทยุติดตามตัวเริ่มลดลงภายใน 3 ปีและโทรศัพท์มือถือเข้ามาแทนที่เปลี่ยนวิทยุติดตามตัวได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า เขาจะยอมรับเงื่อนไขหนึ่งข้อที่กำหนดโดยเฝิงหยู่!


 


หลังจากลงนามในข้อตกลงแล้ว โทมัสก็กลับไปฮอลแลนด์ทันที พวกเขาไม่มีเวลาแล้วเนื่องจากการแข่งขันเพื่อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมดีวีดีนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม